Beyond The Sky And The Earth: ยิ่งกว่าผืนฟ้าและแผ่นดินbysake Spe1 P19 29/11/13
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Beyond The Sky And The Earth: ยิ่งกว่าผืนฟ้าและแผ่นดินbysake Spe1 P19 29/11/13  (อ่าน 446675 ครั้ง)

ออฟไลน์ takuya

  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้าม มิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอ ให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่ นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อ ความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
*****************************************************************************************
เรื่องใหม่ของพี่  sake  ค่า ได้รับอนุญาตให้มาลงที่นี่เเล้ว อ่านกันให้สนุกนะคะ


ตอนที่ 1

   
   กรุงเทพมหานคร

   ห้องสูทชั้นบนของโรมแรมระดับห้าดาว ขณะนี้คือที่พำนักของเชื้อพระวงศ์สำคัญยิ่งของราชอาณาจักรปัญจคีรี ระบบความปลอดภัยถูกกวดขันมากขึ้นแต่ไม่ถึงขั้นต้องตรวจค้นทุกผู้คนเข้าออก ด้วยผู้พำนักมิได้มาด้วยข้อราชการอย่างเป็นทางการระหว่างรัฐต่อรัฐ

   “ฝ่าบาท เครื่องเสวยพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

   บุรุษในชุดสูทสากลสีเข้มพยักหน้ารับรู้เพียงนิด จากนั้นค่อยละสายตาจากแฟ้มเอกสาร ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงที่มากกว่าคนทั่วไปๆยังห้องรับประทานอาหาร

   หนังสือพิมพ์หัวนอกถูกจัดเตรียมวางไว้บนโต๊ะอาหารเช่นปกติ ทว่าผู้นั่งหัวโต๊ะไม่คิดจะหยิบขึ้นมาอ่าน หากชำเลืองไปทางที่ตั้งของโทรทัศน์จอกว้าง

   “เปิดโทรทัศน์”

   “พ่ะย่ะค่ะ” ราชองครักษ์ประจำพระองค์เจ้านรพยัคฆาภูบดินทร์ พระอนุชาต่างมารดาของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรปัญจคีรีรีบทำตาม

นัมทัคเปิดช่องรายการข่าวภาคภาษาอังกฤษให้พระองค์ทอดเนตร แล้วจึงนำรีโมทคอลโทรลไปวางใกล้ๆ จากนั้นถวายคำนับขอพระราชทานพระอนุญาตทรุดตัวนั่งเบื้องขวาเช่นทุกวัน

องค์นรพยัคฆ์เสวยพลางชำเลืองดูภาพเคลื่อนไหวในหน้าจอโทรทัศน์เป็นระยะ จวบจนรายการข่าวจบก็ต่อด้วยข่าวบันเทิงของประเทศที่ทรงพำนักอยู่

ข่าวคาวดาราผ่านไปเรื่อยๆจากปากผู้ประกาศข่าวสาวที่จีบปากจีบคอพูดฉะฉาน องครักษ์นัมทัคอดที่จะชำเลืองมองบุรุษซึ่งนั่งหัวโต๊ะไม่ได้

ปกติพระองค์ไม่เคยทอดพระเนตรข่าวบันเทิงพวกนี้ ทรงดุเสียด้วยซ้ำว่าเกินพอดีทั้งนักข่าวและดารา

ข่าวดาราสาวหน้าตาจิ้มลิ้มแต่ทรงโตให้สัมภาษณ์ถึงแฟนหนุ่มคนปัจจุบันอย่างร่าเริง และออกจะภาคภูมิใจอยู่ไม่น้อย ภาพข่าวจึงตัดไปที่งานคอนเสิร์ตแห่งหนึ่งและซูมหน้าชายหนุ่มที่คาดว่าจะเป็นแฟนของเธอให้เห็นชัดๆ ก่อนจะตัดภาพกลับมาที่ผู้ประกาศข่าวสาวอีกครั้ง

มีแฟนเก่ง ฉลาด แสนดีแบบนี้ก็อย่าปล่อยให้หลุดมือเชียวนะคะคุณน้อง เดี๋ยวจะหาว่าพี่ไม่เตือน

เสียงผู้ประกาศข่าวสาวเอ่ยเตือนหวังดี แต่ดูคล้ายไก่แก่แม่ปลาช้อนไม่มีผิด จากนั้นจึงยกมือไหว้บอกลาผู้ชม

นัมทัคเหลือบมองวงพักตร์ขมวดมุ่น เจ้าตัวรีบก้มหน้ากลืนอาหารเงียบๆ

“ถ้าบ้านเมืองเราปล่อยให้สื่อเสรีแบบนี้ เจ้าชอบไหมนัมทัค?” สุรเสียงถามเรียบ แต่คนฟังรู้ว่าจะตอบเล่นๆไม่ได้

“ชอบและก็ไม่ชอบพ่ะย่ะค่ะ”

ปรายเนตรมองคนตอบก่อนยกมุมโอษฐ์ขึ้น

“สรุปว่าชอบหรือไม่ชอบกันล่ะ?”

 “ชอบที่สื่อนั้นมีประโยชน์ เข้าถึงประชาชนได้ง่าย แต่คำว่าเสรีใช่ว่าไม่มีขอบเขต ต้องวางรากฐานและสร้างจิตสำนึกผู้ใช้สื่อเสียก่อนจะเปิดเสรี มิฉะนั้นวัฒนธรรมอันดีงามของเราจะถูกกลืนกินจนคนรุ่นใหม่เห็นเป็นเรื่องล้าสมัย และต้องล้มล้างเสีย”

“แต่ก็ชอบมิใช่หรือ?”

“อะ...เออ...ฝ่าบาท” นัมทัค องครักษ์คนสนิททอดเสียงยาวโอดครวญ “จะให้กระหม่อมดูแต่ข่าวทั้งวันก็แย่เหมือนกันนะพ่ะย่ะค่ะ”

มุมโอษฐ์ยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนยกถ้วยชาขึ้นจิบรอเวลากลับบ้านเกิดเมืองนอนในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า


   เกือบพลบค่ำ รถยนต์สีขาวแต่งลายซิ่งติดฟิล์มดำแล่นปราดเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์หลังงามด้วยความคุ้นเคย  ชายหนุ่มรูปร่างโปร่งเพรียวใส่แว่นกันแดดตามสมัยนิยมก้าวออกจากรถด้วยท่าทางมาดมั่น ใบหน้าคล้ายยิ้มละมุนตลอดเวลา ทำให้เจ้าตัวดูอารมณ์แจ่มใสเป็นนิจ เดินหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังจนแม่บ้านมาพบร้องทักเสียงดัง

   “หอบอะไรมาตั้งมากมายล่ะคะคุณต่าย มาป้าช่วย”

   “ของขวัญที่แฟนๆคลื่นวิทยุเขาส่งมาให้วันเกิดครับป้าหยด”

   ชายหนุ่มตัวไม่โตตอบพร้อมเอี้ยวหลบไม่ให้แม่บ้านเชื้อสายจีนช่วยถือ ก่อนรีบเดินไปยังห้องนั่งเล่นแล้ววางข้าวของบนพื้นพรมหนานุ่ม ส่วนตัวเองเอนตัวนอนบนเก้าอี้ยาวทำท่าเหนื่อยเสียเต็มประดา หากใบหน้าเกลื่อนรอยยิ้ม

   “วันเกิดคุณต่ายผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วนี่คะ”

   “ครับป้า ของพวกนี้ผมให้ทางสถานีเขาช่วยเก็บไว้ให้ก่อน เพิ่งมีโอกาสขนกลับก็วันนี้ล่ะครับ” ก็ถ้าไม่เอากลับวันนี้ เจ้าหน้าที่เขาจะเอาไปทิ้งแล้ว

   ป้าหยดทรุดตัวนั่ง หยิบของที่อยู่ในถุงพลาสติกใบใหญ่ออกมาพลิกพิจารณา

   “มีแต่ตุ๊กตา ผ้าเช็ดหน้า ขวดโหลดาวกระดาษ นกกระดาษทั้งนั้นเลยนะคะ” ผู้สูงวัยเขม่นมองชายหนุ่มรุ่นลูกยิ้มละไม

   “ก็ของที่กินได้ก็กินกับเพื่อนๆดีเจที่สถานีไปหมดแล้วนี่จ๊ะป้าหยดคนสวย เหลือแต่ที่กินไม่ได้ก็เลยต้องเอากลับบ้าน ต่ายว่าต่ายจะเอาไปบริจาคให้เด็กๆที่เขาไม่มี”

   “ของสาวๆทั้งนั้นเลยนะคะเนี่ย ถ้าเขามารู้เข้าคงเสียใจกันน่าดู”

ป้าหยดส่งสายตาค้อนให้คุณชายคนเล็กของบ้านวงโต กับความเนื้อหอมที่นับวันจะทวีคูณ

   “โธ่ป้าหยด” ชายหนุ่มหัวเราะเห็นแนวฟันขาวสะอาด “ถ้าเป็นผู้ชายป้าค่อยมากลุ้มใจดีกว่า”

   “จะผู้ชายผู้หญิงก็เหมือนกันล่ะค่ะ เดี๋ยวนี้ไว้ใจใครไม่ได้หรอก ยิ่งคุณต่ายกำลังดังแบบนี้ยิ่งมีพวกไม่หวังดีเข้ามาเยอะนะคะ ระวังตัวไว้เถอะค่ะ ถึงเป็นผู้หญิงก็อย่าไว้ใจเชียว นางนกต่อเยอะแยะไปค่ะ”

   ป้าหยดมองชายหนุ่มที่ตนเองถนอมกล่อมเกลี้ยงมากับมือ ในสายตายังคงเห็นอีกฝ่ายเป็นหนุ่มน้อยตลอดกาล เพียงสวมใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ก็ไม่สามารถกลบราศีความเป็นผู้ลากมากดีได้หมด ด้วยสะท้อนออกมาในทุกอิริยาบถของชายหนุ่มจากสายตระกูลผู้ดีเก่า และตอนนี้บิดาของชายหนุ่มดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อดีตเอกอัครราชทูตเก่า ตำแหน่งนี้จึงสมเหตุสมผลกับทุกฝ่ายซึ่งอยู่ในขั้วเดียวกัน

   “คร๊าบป้า”

   ชายหนุ่มขานรับเสียงพร่ำสอนของแม่บ้านซึ่งเลี้ยงกันมาแต่เล็กแต่น้อยอย่างเกียจคร้าน พลางซบหน้ากับหมอนอิง สูดลมหายใจยืดยาว วันนี้รู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน

   ตั้งแต่เรียนจบปริญญาโทมาจากอังกฤษปีที่แล้ว เขาได้บอกกับบิดาว่าอยากจะไปเที่ยวรอบโลกซักรอบแล้วค่อยทำงาน ทว่าก่อนจะได้ทำดังใจฝันก็จับพลัดจับผลูได้ถ่ายโฆษณาแป้งหอมเย็นยี่ห้อดังในท้องตลาดยี่ห้อหนึ่งจนเกิดติดตาผู้บริโภค คราวนี้เลยต้องพับโครงการเที่ยวรอบโลกไว้ก่อน เพราะมีงานวิ่งเข้าใส่แบบไม่ทันตั้งตัว และเขาคิดว่ามันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่หาไม่ได้ง่ายๆ จึงรับงานติดพันเรื่อยมาถึงปัจจุบัน ยกเว้นงานถ่ายหนังถ่ายละครที่ต้องปฏิเสธลูกเดียว เพราะมันกินเวลาส่วนตัวเยอะ จึงเลือกรับงานตามที่พอใจ  เลยมีเสียงค่อนแคะว่าเป็นคุณชายจอมเรื่องมากอยู่เนืองๆ

   “ไปอาบน้ำสิคะ นอนแบบนี้ไม่สบายตัวหรอกค่า”

   กระต่ายน้อยของป้าหยดเดินหมดแรงขึ้นไปยังห้องพัก จัดการอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็ทิ้งตัวเองลงบนที่นอนนุ่มหอมสะอาด หลับตาลงอย่างเมื่อยล้า

   แม้งานที่ทำอยู่ตอนนี้จะสนุกและรายได้ดี หากเขายังรู้สึก มันไม่ใช่สิ่งเติมเต็มให้ชีวิตเขาสมบูรณ์ ชีวิตที่เขาสามารถเลือกได้ เพราะฐานะทางครอบครัวที่ทำให้เขาไม่มีวันอดไปจนตาย เป็นที่อิจฉาของคนค่อนประเทศ  จนเกิดกระแสไฮโซแย่งงานดารานักร้องเป็นว่าเล่น ทั้งที่เมื่อก่อนอาชีพเต้นกินรำกินพวกผู้ดีเขาไม่ทำกัน  หากเขาก็ใช้โอกาสที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดแสวงหาจุดหมายในชีวิต ใครหรือคนค่อนประเทศจะมองและคิดกันไปอย่างไร เขาไม่เก็บมาบั่นทอนกำลังใจตัวเอง เพราะกำพืดมันเลือกกันไม่ได้

   “คุณต่ายคะ ลงไปทานข้าวเย็นเถอะค่ะ”

   ชายหนุ่มลืมตาพลันเมื่อได้ยินเสียงแม่บ้านเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามาบอกเสียงนุ่ม

   “พ่อกลับมาแล้วเหรอป้า”

   “กลับมาแล้วค่ะ คุณช้างก็มาด้วยนะคะ”

   “พี่ช้างมาเหรอ งั้นไอ้ตัวแสบสองคนก็มาด้วยสิ”

   ชายหนุ่มนึกไปถึงหลานชายทั้งสองคน อายุไล่เลี่ยกัน อยู่ชั้นปอห้าปอหกเห็นจะได้ และเลยวัยที่เขาจะหลอกได้แล้ว เลยไม่ค่อยสนุกเวลาแกล้ง เพราะเด็กๆมันรู้ทันเสียทุกทีไป เด็กเดี๋ยวนี้โตไวรู้มากกันจะตาย

   “ดูพูดเข้า” ป้าหยดค้อน “มากันหมดบ้านล่ะค่ะ”

   กระต่ายเดินลงไปหาพี่ชายซึ่งพาภรรยาและลูกชายทั้งสองมาทานข้าวที่บ้านบิดามารดาเป็นนิจ เมื่อลงมาถึงก็เห็นเจ้าหลานชายทั้งสองวิ่งไล่ไปมาให้ผู้เป็นย่าอ่อนอกอ่อนใจ ไล่ต้อนไปนั่งเก้าอี้รอทานอาหารอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อย

   “ไงเรา พักนี้กลับบ้านเร็วนะ”

   คุณอดิศัย  วทนะเจริญ ประมุขของบ้านทักบุตรชายคนเล็กที่เดินหน้าขาวผ่องมานั่งทานข้าวด้วย เพราะนับแต่รับงานวงการบันเทิง บุตรชายคนเล็กก็กลับบ้านไม่เป็นเวล่ำเวลา

   “ก็เหลือแต่งานดีเจที่คลื่นวิทยุนี่ครับ เลยว่าง”

   “อ้าว! ทำไมล่ะ เบื่อซะแล้วรึ” ผู้เป็นพี่เอ่ยทักร่วมวงสนทนา “ยังดังอยู่เลยนา”

   “โธ่พี่ก็รู้ ต่ายไม่ได้อยากดังซะหน่อย”

   “อย่าๆเอ็ง เห็นมีข่าวกับสาวๆไปทั่ว”

พี่ชายปรามาสน้องชายอย่างสนิทชิดเชื้อ ไม่คิดถนอมคำพูดคำจาเหมือนเวลาพูดคุยกับมารดาหรือน้องสาว ที่ใครๆได้ฟังก็ต้องอมยิ้มอดชื่นชมไม่ได้  คุณแม่คะ น้องกวางคะ ไม่ต่างกับผู้เป็นบิดาเลยทีเดียว

   ก็บ้านนี้เขายกย่องให้เกียรติเพศหญิงกันทุกลมหายใจ

   ส่วนไอ้ผู้ชายอย่างเราๆไม่ต้องถนอมกันมาก ก็เลยดิบๆเถื่อนๆวะโว้ยกันมาแต่เล็ก จนคุณหญิงประไพผู้เป็นแม่หน่ายจะตักเตือน

   “นักข่าวก็เขียนขายข่าวไปเรื่อย แค่คุยด้วยไม่ถึงสามคำ เขียนซะว่าต่ายชวนเขาไปเที่ยว เลยไปถึงเปิดห้องนอนด้วยกัน ว่าไปนั่น”

   “แต่น่าปลื้มใช่หยอกนา แต่ละคนที่เป็นข่าวกับแกนี่สวยๆทั้งนั้น” ปราโมทย์ทำหน้าเคลิ้มจนน้ำหนึ่งผู้เป็นภรรยาเขม่นใส่ “โธ่ๆ พี่พูดเล่นน่า”

   น้องชายแอบขำกับท่าทางเกรงอกเกรงใจเมียของพี่ชาย แม้จะมีหน้าที่การงานเป็นนักการทูตอนาคตไกลเจริญรอยตามบิดา หากเบื้องหลังก็ต้องยอมสยบให้แก่ศรีภรรยาเพื่อนคู่คิดคนนี้ที่พี่ชายทั้งรักทั้งหวงมาแต่สมัยจีบกันใหม่ๆ

   “งานที่ทำก็สนุกนะพี่ช้าง แต่ต่ายว่าต่ายไม่ได้รักมัน ไม่รู้สิ คือให้ต่ายทำต่อไปก็ได้นะ แต่มันไม่มีความหมายกับชีวิตยังไงก็ไม่รู้พี่ช้าง”

   “แล้วงานร้องเพลงล่ะ เห็นอัลบั้มรวมศิลปินที่ไปร้องมาเพลงหนึ่งดังเปรี้ยงปร้างเลยนี่นา คนเขาร้องเพลงนั้นได้ทั่วบ้านทั่วเมือง”

   คนเป็นพี่ลองหยั่งเชิง ด้วยไอ้น้องคนนี้นอกจากจะพูดเก่งแล้วยังร้องเพลงเก่งมาตั้งแต่เด็ก  ตอนเห็นน้องไปออกคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้ม ยังคิดว่าไอ้เด็กคนนี้มีแววเป็นนักร้องดัง ทั้งเต้นทั้งร้องดูเข้าที ไม่มีเคอะเขิน

   “มันเป็นธุรกิจจนไม่สนุกสิพี่”

   ปราโมทย์ส่ายหน้ากับคำตอบของน้องชาย “มันก็เป็นธุรกิจตั้งแต่แรกแล้วนี่”

   “ถ้าแบบนั้นก็หันมามองงานตามที่ร่ำเรียนมาดีไหมล่ะ?” คุณอดิศัยตักกับข้าวใส่จานพลางเหลือบมองใบหน้าบุตรชาย ซึ่งเรียนมาทางด้านอักษรศาสตร์ ด้วยเจ้าตัวมีนิสัยอยากรู้อยากเห็น ช่างซักช่างถาม อยู่นิ่งๆไม่เป็นมาแต่เด็ก จึงฉายแววนักภาษาศาสตร์มาแต่นั้น น่าเสียดายหากบุตรชายที่พูดได้ถึงสี่ห้าภาษา ทั้งไทย ลาว อังกฤษ จีน ฝรั่งเศส จะมาทำงานที่ใช้ความรู้ที่อุตส่าห์ร่ำเรียนมาน้อยนิด  แต่จะพูดไปก็ขำที่เจ้าตัวแสบพูดได้หลายภาษา นอกเหนือจากที่ครอบครัวส่งเสริมหาครูอาจารย์มาสอนให้แล้ว อีกส่วนก็เป็นเพราะเหตุบังเอิญ เพราะลูกชายคนเล็กคนนี้เปลี่ยนพี่เลี้ยงเป็นว่าเล่น ทั้งคนไทยอีสาน คนลาว คนจีน เลยได้ภาษาติดตัวมาแบบไม่ตั้งใจ

   “ก็ยังไม่รู้จะไปลงด้านไหนน่ะพ่อ” ลูกชายหัวเราะฝืดๆที่ไม่รู้ตัวเองอยากทำอะไร

   “ไปสอบบรรจุที่กระทรวงเหมือนพี่แกไหมล่ะ?”

   “โฮ้พ่อ จะให้เป็นทูตกันทั้งบ้านเลยเหรอ ไม่เอาอะ”

   “บะ!ไอ้นี่ ไอ้นั่นก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่เอา แล้วแกจะเอาอะไร”

   “ยังคิดไม่ออกพ่อ”

   “ตอบง่ายนะลูกฉัน นี่ถ้าพ่อมันไม่มีสมบัติเก่าให้ใช้ แกได้ไปแก้ผ้าถ่ายนู๊ดกันบ้างหรอก”

   “อย่าท้านะพ่อ มีคนติดต่อมาด้วย”

   “ถ้าแกไม่อาย ก็เอาเลย” คนเป็นพ่อยุส่งเข้าให้ ทำให้ลูกชายทำปากยื่น

   “ลูกพ่อใช่จะขี้เหร่ซะหน่อย มีคนอยากดูเยอะแยะ นี่ๆ มีซิกแพคเหมือนกันนา”

   “เฮอะ ไอ้ช้าง แกดูน้องแกหลงตัวเองนะ”

   คุณอดิศัยหันไปบุ้ยใบ้กับบุตรชายคนโต หากในความจริงแล้ว หน้าตาลูกชายคนเล็กคนนี้กระเดียดไปทางยายที่มีเชื้อสายจีนอยู่ไม่น้อย ใบหน้าผิวพรรณจึงขาวเป็นหยวกกล้วย รูปร่างโปร่งไม่หนาล่ำอย่างพี่ชายคนโต ถ้ามองตามกระแสนิยมแล้วไอ้ลูกคนนี้มันหล่อแบบดาราเกาหลี หรือนักร้องญี่ปุ่น ที่คนเป็นพ่อชอบค่อนแคะบ่อยๆ

   ผู้ชายอะไรทำหน้าทำตายังกะผู้หญิง

   และตอนนี้ลูกตัวเองก็ไม่ต่างจากที่ว่าซักเท่าไร

   “งั้นก็ไปช่วยงานบริษัททัวร์ของพี่กวางเราสิ คงชอบล่ะ มีคนไปให้ใช้”

   “ก็ว่างั้นล่ะพี่ช้าง ได้เที่ยวรอบโลกฟรีด้วย”

ชายหนุ่มนึกถึงพี่สาวคนรองที่ตอนนี้คงอยู่ประเทศไหนซักประเทศบนโลก ด้วยนิสัยใจคอกล้าได้กล้าเสีย ทะมัดทะแมงไม่ต่างกับผู้ชาย และยังชอบผจญภัยเป็นชีวิตจิตใจ เจ้าตัวจึงเปิดบริษัททัวร์กับเพื่อนตั้งแต่เรียนจบ โดยมีบิดาเป็นผู้สนับสนุนด้วยดี หรืออาจไม่ค่อยดีแต่จำต้องดี ด้วยเป็นผู้หญิงยิงเรือ คนเป็นพ่อย่อมกังวล หากพี่สาวก็ไม่ได้เอาเงินทุนที่บิดาให้ไว้ไปละลายน้ำ เพราะกิจการเจริญรุ่งเรืองโตวันโตคืน ให้พี่สาวยิ้มแก้มปริที่ได้ทำงานที่อยากทำพร้อมกับรับทรัพย์เป็นกอบเป็นกำ

เดือนก่อนยังลากเขาไปเป็นพรีเซ็นเตอร์บริษัท เอารูปไปลงโบว์ชัวร์ ไม่ได้ตังซักกะบาทเดียว

“น้าต่ายๆ” เสียงหลานคนเล็กเรียกมาจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “เดี๋ยวพี่โจ้เขาจะให้น้าต่ายเซ็นชื่อให้ด้วยล่ะ”

คำบอกเล่าของหลานทำให้ชายหนุ่มเลิกคิ้วฉงน

“อะไร เราก็บ้าดารากับเขาด้วยรึ นี่น้านะเว้ย”

“โจ้เปล่าซะหน่อย  เพื่อนที่โรงเรียนฝากมาขอต่างหาก” เด็กชายโจ้หลบตาวูบวาบ แล้วจึงหันไปค้อนน้องชาย พูดมาก  ทว่าอีกฝ่ายกลับทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้เสียนี่

“พี่โจ้เขาไปโม้ว่ารู้จักน้าต่าย เพื่อนเลยให้เอาลายเซ็นไปยืนยัน”

“แล้วเพื่อนโจ้จะรู้หรือว่าเป็นลายเซ็นน้า” น้าชายถามกลับทำให้เด็กน้อยทำหน้าปั้นยาก “งั้นวันจันทร์เดี๋ยวน้าไปรับที่โรงเรียน เอาตัวเป็นๆไปให้ดูเลย ดีกว่าลายเซ็นอีก”

เจ้าหลานคนโตยิ้มหน้าบาน ทำให้ชายหนุ่มลอบถอนหายใจ เดี๋ยวนี้มันเป็นแบบนี้ไปกันหมดแล้วหรือ

สื่อมีอำนาจชักจูงจนน่ากลัว

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2013 18:18:47 โดย takuya »

ออฟไลน์ takuya

  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
หลังรับประทานอาหารเสร็จ น้ำหนึ่งจึงพาลูกชายทั้งสองขึ้นไปชั้นบน ปล่อยให้พ่อสามีกับบรรดาลูกชายคุยกันไปตามประสาพ่อลูก

รายการโทรทัศน์ช่องหนึ่งกำลังนำเสนอข่าวกึ่งสารคดีวิถีชีวิตในประเทศภูฏาน จุดหมายในฝันของใครหลายๆคน ทว่ากลับมีน้อยคนที่ได้ไปเยือน เพราะนโยบายของทางการที่ทำให้การไปเยือนประเทศภูฏานมีค่าใช่จ่ายสูงลิบ หากนโยบายดังกล่าวก็ทำให้สามารถคัดกรองนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี และสามารถรักษาขนมธรรมเนียมประเพณีตลอดจนถึงธรรมชาติให้รอดพ้นจากกระแสวัฒนธรรมโลกาภิวัตน์ ตึกสูงระฟ้า รถลาคับคั่ง ราวกับหยุดเวลาไว้ที่หลายร้อยปีก่อน อันเป็นเสน่ห์ของประเทศนี้

“เห็นแล้วก็อยากไปอีกเนอะ” บุตรชายคนเล็กเอ่ยขึ้นมาลอยๆ

“ปีนี้เห็นจะยากไอ้ต่าย พี่กับพ่อยุ่งจะตาย”

“ผมไปคนเดียวก็ได้นี่ มีกะตัง” ต่ายตบกระเป๋าเสื้อแรงๆพลางยักคิ้วให้พี่ชาย

เมื่อหลายปีก่อน ก่อนที่บิดาจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้พาครอบครัวไปท่องเที่ยวพักผ่อนที่ประเทศภูฏาน เขายังประทับใจกับผู้คนและวิวทิวทัศน์รอบตัวจนวันนี้  เหมือนเวลาหยุดอยู่กับที่ ที่นั่น ไม่วิ่งตามกระแสโลก ไม่เร่งร้อน ไร้กังวล จนสามารถมองเห็นตัวเอง เห็นใจตัวเองในภาวะความนิ่งสงบรอบตัว

“ถ้าติดใจก็ไปเถอะ แต่ประเทศอื่นที่ลูกยังไม่เคยไปยังมีนะ ไม่ลองไปศึกษาดูล่ะ แถบนั้นมีอีกหลายประเทศเชียวที่วัฒนธรรมของเขายังคงสวยงามน่าประทับใจ” คุณอดิศัยแนะนำ

“ครับ ที่ราชอาณาจักรปัญจคีรีก็น่าสนใจอยู่” กระต่ายพยักหน้ารับ

“แกสนใจที่นั่นเหรอไอ้ต่าย ชะช้า ไม่เลวๆ ประเทศเราเพิ่งได้จัดตั้งสถานกงสุลใหญ่กิติมศักดิ์ประจำปัญจคีรีเมื่อสองสามปีก่อนนี่เอง ย้อนยุคซะยิ่งกว่าภูฏานอีก” พี่ช้างยิ้มล้อ “มีนักธุรกิจไทยเริ่มเข้าไปลงทุนที่นั่นแล้ว และแกจะได้เป็นนักท่องเที่ยวไทยกลุ่มแรกๆเลยเชียวล่ะ ตั้งแต่เขาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวมา”

“ไม่ดีเหรอพี่ ได้ไปดูอะไรเดิมๆที่เขาไม่จับนั่นผสมนี่ตามใจนักท่องเที่ยวน่ะ แต่เขาเพิ่งเปิดประเทศแล้วจะปลอดภัยไหมพ่อ เห็นว่ายังมีการสู้รบกันประปราย?” ท้ายประโยคหันไปถามบิดา

“ปลอดภัยสิ ถ้าเราไปในที่ๆทางการเขากำหนดไว้ ไม่ได้ไปอยู่ในแนวปะทะของกลุ่มติดอาวุธก็หายห่วง”

“เขายังรบอะไรกันอีกล่ะพ่อ?”

“ประเทศนี้เขาประกอบด้วยแคว้นใหญ่ๆห้าแคว้นด้วยกัน และแคว้นทั้งห้าก็ต่อสู้เรียกร้องเอกราชจากชาติมหาอำนาจทางตะวันตกจนได้รับเอกราชมาเมื่อยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมานี่เอง หากต่อมาไม่นาน แคว้นชมพูนุชทางตอนใต้กลับเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย มีการลอบปลงพระชนม์เจ้าฟ้าผู้ปกครองแคว้น จนต้องส่งทหารส่วนกลางไปปราบปรามประชาชนกลุ่มติดอาวุธที่ลุกขึ้นขอแบ่งแยกดินแดนชมพูนุชออกจากปัญจคีรี เหตุเพราะ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ วัฒนธรรมแตกต่างกัน รัฐปฏิบัติกับพวกเขาดังชนชั้นสองของประเทศ เกิดความไม่เป็นธรรม ก็สุดแท้เขาจะยกขึ้นมาอ้าง ทำให้เกิดเหตุความวุ่นวายอยู่เรื่อยๆจนถึงตอนนี้”

“แล้วรัฐทำแบบนั้นจริงๆหรือเปล่าพ่อ?”

“มันเป็นเรื่องภายใน  ข่าวที่ออกมาก็มีทั้งเรื่องจริงและเรื่องที่สร้างขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เราต้องพิจารณาให้ดี การรวมประเทศให้เป็นหนึ่งเดียวก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะพอใจนะต่าย”

“ซับซ้อนจังพ่อ”

“ไม่เลยเจ้าต่าย ลองมองดูที่ผลประโยชน์จะตกอยู่กับใครสิ แล้วเราจะรู้ว่ามันไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย ”

“เฮ้อ...ตอนเจ้าฟ้าจับมือกันเรียกร้องเอกราช เคยได้ถามประชาชนของตัวเองรึเปล่าว่าพวกเขาต้องการเป็นคนประเทศเดียวกันอะพ่อ?”

“บ๊ะ!ไอ้ลูกคนนี้นี่” ด็อกเตอร์อดิศัยนึกหมั่นไส้ในคำถามกวนๆของบุตรชาย “คนยืนอยู่บนที่สูงกับคนยืนบนพื้นราบ ทัศนะวิสัยในการมองมันต่างกันนะเจ้าต่าย ถ้าไม่รวมตัวกันแล้วจะมีพลังอะไรไปต่อรองกับชาติมหาอำนาจ  การเรียกร้องเอกราชมันไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆ ต้องรวมพลังความคิด พลังมหาชน และหลั่งเลือดกันมาไม่รู้เท่าไร หากเมื่อบรรลุเป้าหมายกลับลืมไปแล้วว่าต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะมีวันนี้”

“เพราะอะไรล่ะพ่อ ผลประโยชน์ของใครที่ต้องการแยกดินแดน?”

“พ่อไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าแคว้นชมพูนุชเป็นแคว้นเดียวที่มีชายฝั่งทะเล และชายฝั่งที่ว่ายังยาวไม่ถึงสามสิบไมล์”

คนเป็นพ่ออมยิ้มเสยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

“พ่อกั๊กนี่  ก็ถ้าประเทศไหนไม่มีทางออกทะเลเศรษฐกิจก็จะเจริญยาก แล้วถ้าพวกกลุ่มติดอาวุธยึดแคว้นนี่ได้ก็เท่ากับปิดประตูบ้านปัญจคีรี ส่วนตัวเองก็เก็บเงินค่าผ่านทางสบาย จะขึ้นเท่าไรก็ได้ด้วย ไม่ต่างกับลูกไก่ในกำมือ เผลอๆอาจอยากได้แคว้นข้างๆตามมาอีกต่างหาก”

“เออ สมเป็นลูกทูตก็วันนี้ล่ะ” พี่ช้างเย้าพลางผลักศีรษะน้องชายไม่ต่างกับเด็กเล็ก

“พี่ช้างอย่า ผมยุ่งหมด ว่าแต่...แต่ละแคว้นก็มีเจ้าฟ้า แล้วไม่แย่งกันเป็นกษัตริย์เหรอพ่อ”

“เขาให้เจ้าฟ้าลงมติกันว่าจะยกองค์ใดขึ้นกษัตริย์ แต่ก็เป็นที่รู้กันภายในว่าเจ้าฟ้าแคว้นตารกาจะได้ขึ้นครองราชย์ เพราะอำนาจทางการทหารแข็งแกร่ง หากแต่พื้นฐานแคว้นทั้งห้าเขามีสายสัมพันธ์โยงใย เพราะต่างก็เป็นเมืองพี่เมืองน้องกันทั้งนั้น จากสายเลือด การส่งลูกสาวลูกชายแต่งงานระหว่างแคว้นอยู่เนื่องๆ”

“โฮ้...ผลประโยชน์ตั้งมากมาย พี่น้องก็ฆ่ากันได้ แต่นี่ตกลงกันง่ายดีจัง”

คุณอดิศัยยกยิ้มมองใบหน้าบุตรชายคนเล็กอย่างเอ็นดู “ตื้นลึกหนาบางก็ไม่รู้หรอก แต่ก็มีข่าวลือว่าที่ตกลงกันง่ายเพราะแคว้นตารกาส่งกองกำลังทหารไปล้อมวังไว้ตอนที่ลงมติ หึๆ”

“ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของประเทศนี้เขาค่อนข้างแข็งกร้าวเด็ดขาดมาก” พี่ช้างเสริม

“อัยยะ! นี่มันมัดมือชกแล้วมั้งพ่อ”

“ไม่รู้ ก็บอกว่าเป็นข่าวลือไงเจ้าต่าย”

“น่าเสียดายนะพ่อ กว่าจะได้รับเอกราชมาก็เสียเลือดเสียเนื้อ ถูกพวกชาติตะวันตกตักตวงทรัพยากรไปแล้วไม่รู้เท่าไร คนในชาติยังมารบกันเองอีก น่าเศร้าใจนะพ่อ”

“อำนาจและผลประโยชน์มหาศาลทำให้คนลืมลูก ลืมไปว่าอีกไม่กี่ปีเราก็ตายโดยเอาอะไรติดตัวไปไม่ได้ซักอย่างเดียว”

“ที่นั่นเขายังปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อยู่เลยนะ พระบรมมหาราชวังอยู่บนผาบนเขาสูงยังกับในนิทานแน่ะ” พี่ช้างเอ่ยสมทบ ทำให้คนเป็นน้องฝันตาม

คงสนุกใช่น้อยเชียวล่ะ แถมยังกลับมาโม้ให้พี่กวางฟังได้อีก ว่าไปเหยียบแผ่นดินนี้มาก่อนคุณเธอ ที่ไปมาแล้วเกือบค่อนโลก

เจ้าตัวคิดไม่ต่างจากหลานชายสักเท่าไร

“ถ้าแกจะไปต้องไปขอวีซ่าเข้าประเทศแต่เนิ่นๆล่ะ ขอไม่ง่ายนักหรอก ที่นั่นแกไม่มีทางแบกเป้เดินดุมๆเข้าไปในบ้านเขาโดยไม่มีไกด์ที่ได้รับอนุญาตเด็ดขาด”

“เส้นพี่ไม่ใหญ่พอเหรอ งั้นเส้นพ่อก็ได้”

“ชะช้าไอ้นี่ ที่เขาจะไม่ให้แกเข้าประเทศก็เพราะถ้าให้แกเข้าไป สาวๆบ้านเขาเมืองเขาคงไม่เป็นอันกินอันนอน และหนุ่มๆก็คงอยากกระทืบแก ข้อหาเหม็นขี้หน้าน่าหมั่นไส้”

“ว่าไปนั่นพี่ เห็นแบบนี้ผมก็เลือกนา”

“อย่าดูถูกทีวีไทยนะเว้ย ประเทศแถบนี้เขาดูกันทั้งนั้นล่ะ”

“โห...พี่ ผมดังไปถึงปัญจคีรีเลยเหรอ ดี จะได้เอาหน้าเป็นใบเบิกทาง!”


จากที่แค่คุยกันเล่นๆในครอบครัว ใครจะคิดว่ากระต่ายหนุ่มเมืองกรุงจะต้องระเห็จไปท่องเที่ยวราชอาณาจักรปัญจคีรีในเวลาอันใกล้ เหตุเพราะข่าวฉาว จนผู้เป็นบิดาถึงกับขมวดคิ้วไม่พอใจ วางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะทานข้าวตอนเช้า ถอนหายใจหนักหน่วง

“ต่าย จะข่าวฉาวข่าวคาวอะไรพ่อไม่คิดก้าวก่ายงานแกนะ แต่ข่าวแกทำผู้หญิงท้องนี่มันมากไปนะ”

ชายหนุ่มซึ่งรู้คร่าวๆมาก่อนแล้ว หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านรายละเอียด แล้วถอนหายใจตามบิดา

“โธ่พ่อ ไม่ใช่ต่ายคนเดียวซะหน่อยที่ตกเป็นจำเลย ยังมีดาราอีกตั้งหลายคนที่ข่าวเขียนถึง”

“แล้วแกทำเขาท้องจริงรึเปล่าฮึ ทำไมมันถึงเขียนข่าวเหมือนมุ่งไปที่แกมากกว่าใครเพื่อน” คุณอดิศัยปวดเศียรเวียนเกล้ากับข่าวคาวของบุตรชายคนเล็กอย่างยิ่ง

“เปล่านะพ่อ!” นพรัตน์ปฏิเสธเสียงแข็ง “แค่สนิทกันอยู่พักหนึ่งตอนทำงานด้วยกัน น้องเขาอัธยาศัยดีเลยคุยกันถูกคอน่ะพ่อ ไม่เคยได้ล่วงเกินเขาเลย นี่ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ไม่คุยด้วยซะก็ดีหรอก”

“แต่ข่าวว่าแกเคยขึ้นคอนโดเขา?”

“ขึ้นนะขึ้นพ่อ แต่คอนโดนั่นไม่ได้มีเขาอยู่คนเดียวเสียเมื่อไร เพื่อนผมก็อยู่ที่นั่น”

“แล้วจะเปิดแถลงแก้ข่าวรึเปล่า?”

“คงไม่ล่ะพ่อ นักข่าวเขาเดากันไปเขียนกันไป เดี๋ยวฝ่ายผู้หญิงเขาก็ออกมาตอบเองล่ะว่าท้องกับใคร”

“ผู้หญิงเขาไม่ได้คิดจะรวบหัวรวบหางแกหรอกนะ”

“มารวบอะไรล่ะพ่อ แค่แตะมือยังไม่เคยได้แตะ แล้วเดี๋ยวนี่จับตรวจดีเอ็นเอก็รู้ว่าใครเป็นพ่อ มาโมเมให้ตัวเองขายหน้าประชาชีเปล่าๆ”

“แล้วข่าวมันดังอยู่แบบนี้แกจะไม่ทำอะไรเลยรึเจ้าต่าย?”

นพรัตน์ถอนหายใจยาว “ผมคงต้องเงียบไปซักพักดีกว่า ยิ่งพูดยิ่งมากความ คุ้ยแคะจะให้เป็นพ่อเด็กให้ได้ ผมก็ไม่ไหวเหมือนกัน”

“แกจะออกจากวงการ...งานดีเจล่ะ?” คุณเป็นพ่อถามด้วยน้ำเสียงระคนยินดีนิดๆ

“เดี๋ยวหลังเลิกงานวันนี้จะเข้าไปคุยกับบอสดู ว่าจะหาคนมาแทนได้เมื่อไรก็เมื่อนั้นล่ะพ่อ”

คุณอดิศัยพยักหน้ารับ ด้วยลึกๆในใจก็อยากให้ลูกหาสิ่งที่ตัวเองอยากทำให้เจอ มากกว่าจมลึกในวงการมายาที่เจ้าตัวบอก ทำได้แต่ไม่รัก!

หลังจากพูดคุยกับบิดาได้ไม่ถึงอาทิตย์ นพรัตน์ก็บินลัดฟ้าข้ามน้ำข้ามทะเลไปเหยียบราชอาณาจักรปัญจคีรีเป็นครั้งแรก  ที่ซึ่งจะทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล

*******************

TBC

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
เรื่องใหม่ ติดตามจ้า  :m18: น่าสนุกดีค่ะ พระเอกดูเท่ห์จังเลย น้องต่าย ก็ท่าทางเป็นคนฉลาด กล้าคิด กล้าทำ ไม่ค่อยแคร์อะไรดี กำลังจะได้เจอกันแล้วสิน้า รอตอนต่อไปนะจ้ะ  :L2: :3123:

ออฟไลน์ Monochrome

  • โคอาล่า มาร์ช *O*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
อยากอ่านอีกจัง *V*

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:  เรื่องนี้จะดราม่าเคล้าน้ำตาอีกมั๊ยเนี่ย อยากอ่านต่อจัง  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
กรี๊ดดดดดด พี่สาเก มาเเล้วววว
สนุกมากๆๆๆๆ อยากอ่านต่อเเล้ว มาลงไวๅนะคะ
ขอบคุณคนโพสด้วยจ้า

bozang

  • บุคคลทั่วไป
ตั้งหน้าตั้งตารอตอนต่อไป ฮือ จากแฟนคลับพี่สาเกค่ะ

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
ว้าวววว!
มารอติดตามค่าาาา

eXcelencia

  • บุคคลทั่วไป
 :L2: :L2: หอบผ้าหอบผ่อนมาเฝ้าเรื่องใหม่

ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
มาตามเรื่องใหม่ด้วยคนคะ

 :mew1: :mew1: :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jinjin283

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 934
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
รอตอนใหม่

zerea

  • บุคคลทั่วไป
มาเป็นกำลังใจและรอตอนต่อไปนะก๊าบบ

ออฟไลน์ takuya

  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
ตอนที่ 2

2


สนามบินแห่งชาติเบื้องล่างทำเอาผู้มองนึกเปรียบเทียบกับสนามบินภูเก็ต ที่มองยังไงสนามบินภูเก็ตก็ยังใหญ่กว่า  เขาบินตรงออกจากไทยด้วยเครื่องบินขนาดเล็กมาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ผ่านสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่ามาถึงราชอาณาจักรปัญจคีรีใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงเศษ

เมืองหลวงตารกา ตั้งอยู่ทางตอนบนของประเทศ อากาศจึงค่อนข้างเย็นตลอดทั้งปี เนื่องจากใกล้เทือกเขาหิมาลัย เครื่องบินบินผ่านหุบเขา แล้วค่อยๆตีวงล่อนลงสู่รันเวย์ความยาวไม่มากนัก

   ชายหนุ่มผ่านด้านตรวจคนเข้าเมืองง่ายดาย เหตุเพราะเมื่อจ่ายเงินค่าแพคเกจทัวร์ของที่นี่ นั่นเท่ากับได้ผ่านการตรวจสอบจากทางการเรียบร้อยแล้วนั่นเอง ประเทศนี้เน้นนักท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ แต่ใครจะมาลำพังก็ได้ ทางการจะจัดไกด์ส่วนตัวประกบทุกวันจนกว่าจะกลับ และเป็นธรรมดาที่ค่าธรรมเนียมต้องแพงหูฉี่ เขาเดินออกมาพบไกด์ยืนรอรับนักท่องเที่ยวกันเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีการตะโกนถามหาลูกค้าให้หนวกหู แผ่นป้ายภาษาไทย ยินดีต้อนรับพร้อมชื่อของเขา ทำให้ร่างสูงเดินเข้าไปหาพร้อมแนะนำตัวกับอีกฝ่ายที่ไขว้มือขวาทับมือซ้ายไว้ที่เอว แล้วค้อมกายให้อย่างสุภาพ

ใบหน้าผู้มารับประดับรอยยิ้มเป็นมิตร ก่อนจะหลบตาวูบวาบ คำเอ่ยต้อนรับคล้ายมีอาการสะดุดนิดๆ

“ยินดีต้อนรับสู่ปัญจคีรี ผมชื่อ เขิ่ง รับหน้าที่ขับรถและไกด์ให้คุณตลอดการท่องเที่ยวครับ” ภาษาอังกฤษสำเนียงขึ้นจมูก ฟังดูนุ่มนิ่มหนุงหนิง หากน่าฟัง

ไกด์เขิ่งที่รับหน้าที่ขับรถด้วยพาชายหนุ่มไปขึ้นรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อสัญชาติญี่ปุ่นคันใหม่เอี่ยม ผิดแผกกับบรรยากาศรอบกาย ทำให้รู้สึกตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทางพิกล หากนี่เป็นสิ่งที่เขาแลกมาด้วยราคาแพงลิบ ด้วยเหตุบ้านเขาเมืองเขา ไม่รู้จัก จึงต้องเลือกบริการที่ปลอดภัยที่สุดไว้ก่อน งกไปแล้วตายกลางทางก็อดเที่ยวกันพอดี 

ทว่าเมื่อรถวนออกมาหน้าสนามบิน ผ่านบริเวณจุดจอดรถรับจ้าง กลับมีเพียงรถยนต์จอดรอรับผู้โดยสารไม่กี่คัน ถนนแทบจะร้างด้วยรถสี่ล้อ เพราะมีแต่ลาแต่ม้าวิ่งกันให้ขวักไขว่ และรถจักรยานบนท้องถนนลาดยางมะตอยบางๆ

“คุณเป็นแขกที่มาท่องเที่ยวบ้านเรานานที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอเลยครับ ส่วนมากจะมากันห้าวันสิบวันเท่านั้น”

ไกด์เขิ่งชวนคุย แกมสงสัยในระยะเวลามาท่องเที่ยวของเขา ที่ระบุไว้ถึงหนึ่งเดือนเต็ม ไกด์ทุกคนจะรู้ดีว่า ยิ่งนานยิ่งต้องจ่ายเงินเยอะ  และร่างโปร่งก็จ่ายไปเยอะจริงๆเสียด้วย เพราะประเทศนี้เขาคิดค่าเหยียบแผ่นดินเป็นรายวัน นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องกำหนดแผนการท่องเที่ยวไว้ล่วงหน้ากับบริษัททัวร์ และชำระเงินเต็มจำนวนก่อนเดินทาง

“ผมมาพักผ่อนน่ะครับ อยากเที่ยวแบบสบายๆไม่รีบ ไกด์เขิ่งมีที่ไหนน่าสนใจนอกเหนือจากที่บอกในโปรแกรมก็ว่ามาได้เลยนะ ว่าแต่ถนนที่นี่โล่งจัง ต่างจากบ้านผมลิบ”

ไกด์เขิ่งเหลือบมองใบหน้าขาวเนียนไม่ต่างจากหญิงสาวของชายหนุ่มต่างถิ่น ทรงผมทันสมัยเปี๊ยบ เซาะทรงรากไทรระต้นคอและกัดสีน้ำตาลอ่อน เสื้อผ้าที่สวมใส่แม้เป็นเสื้อยืดกางเกงยีนส์เหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป หากพออยู่บนตัวอีกฝ่ายกับส่งให้เจ้าตัวดูโดดเด่น ดึงดูดสายตาผู้คนตั้งแต่เห็นครั้งแรก ถึงรูปร่างจะโปร่งเพรียวกว่าผู้ชายทั่วไป หากเข้ากับใบหน้าอย่างเหมาะเจาะ

เหมือนกำลังมองดาราไม่ผิดเพี้ยน คนเป็นไกด์จึงรู้สึกประหม่าอยู่ลึกๆ

“อ๋อ หลวงเขาสนับสนุนให้ใช้รถสาธารณะ เพื่อจำกัดการเกิดมลพิษ การนำเข้ารถยนต์จึงต้องเสียภาษีแพง แล้วที่นี่ห้ามใช้จักรยานยนต์โดยเด็ดขาดครับ”

“ทำไมล่ะครับ ยังไงก็เร็วว่าขี่ม้าหรือปั่นจักรยาน ราคาถูกกว่าด้วย” นพรัตน์บุ้ยใบ้ไปยังภาพข้างทางที่มีคนกำลังปั่นจักรยานอยู่พอดี

“เมื่อก่อนเคยอนุญาต แต่เพราะเกิดอุบัติเหตุมาก หลวงเลยยกเลิกหมดครับ” คนอธิบายเผลอสบตากับลูกทัวร์ จนมองเห็นใบหน้าอีกฝ่ายเต็มตา ให้รีบหันกลับไปมองถนน ยิ้มเขินกับตัวเอง จนอีกฝ่ายรู้สึกได้

“มีอะไรรึเปล่าครับ?”

“อะไรหรือครับ?” ไกด์เขิ่นเหลือบมอง

“ก็เห็นไกด์เขิ่นมองผมแปลกๆ” คนถูกมองพูดตรง ทำให้ไกด์นำทางผงะไปเล็กน้อย ก่อนอ้อมแอ้มตอบ

“ขอโทษที่เสียมารยาทครับ แต่คุณเหมือนดารา ผมเลยอดตื่นเต้นไม่ได้”

คำตอบของอีกฝ่ายทำเอานพรัตน์กลั้นหัวเราะ จากนั้นจึงส่ายหน้าปฏิเสธ

ก็เขาไม่ใช่ดาราจริงๆนี่ แค่เคยทำงานในวงการบันเทิงมาบ้างเท่านั้นเอง

รถยนต์ขับพาเขาผ่านอาคารบ้านเรือนสองข้างทาง ไม่แออัดเบียดเสียดเช่นกรุงเทพ และส่วนใหญ่สูงไม่เกินสองชั้น ทำให้ทัศนวิสัยบนท้องฟ้าโล่งสบายตา เห็นเทือกเขาสูงลิบๆ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงอาคารก่ออิฐฉาบปูนสองชั้น สไตล์ตะวันตกยุคล่าอาณานิคม มรดกตกทอดจากการเป็นเมืองขึ้น ปัจจุบันปรับปรุงเป็นโรมแรมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 

ชายหนุ่มเงยหน้าพิจารณาโรมแรมที่จะต้องพักไปอีกเป็นอาทิตย์  ถึงจะบอกว่าเป็นโรมแรมหรูของปัญจคีรี แต่สภาพมันเหมือนกับโรมแรมชั้นสามที่เมืองไทย หากราคาเท่ากับโรมแรมห้าดาว  สรุปแล้วที่นี่เขาจัดอันดับเหมือนสากลโลกรึเปล่าหว่า

นพรัตน์จัดการนัดให้ไกด์เขิ่งมารับไปเที่ยวชมเมืองตอนสิบโมงเช้า เพราะวันนี้เขาไม่คิดจะไปที่ไหนอีก จากนั้นจึงเดินเข้าไปพบเจ้าหน้าที่โรมแรมเป็นผู้หญิงวัยกลางคน สวมเสื้อคอกลมป้ายข้างแขนยาวสีครีม นุ่งซิ่นกรอมเท้า บนอกเสื้อมีป้ายแสดงชื่อและตำแหน่งด้วยภาษาถิ่นกับภาษาอังกฤษกำกับ เส้นผมถูกรวบเป็นมวยไว้ด้านข้าง ติดดอกไม้สดกลิ่นหอมกำจาย ไขว้มือไว้ที่เอวพร้อมค้อมกายทักทายเขาพองาม ก่อนเอ่ยต้อนรับเป็นภาษาอังกฤษ สำเนียงอ่อนหวานเนิบนาบ

“ยินดีต้อนรับสู่ราชอาณาจักรปัญจคีรีค่ะ ขอทราบชื่อที่ท่านได้จองห้องพักไว้ด้วยค่ะ”

“นพรัตน์  วทนะเจริญครับ”

เจ้าหน้าที่ต้อนรับหันกลับไปเปิดรายชื่อแล้วจึงยื่นเอกสารให้เซ็นเข้าพัก

“ต้องการอะไรเพิ่มเติมกดเบอร์ศูนย์แจ้งเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลานะคะ ห้องพักอยู่ชั้นสองทางซ้ายมือค่ะ”

คนมาใหม่สะพายเป้ใบเล็ก เดินตามเจ้าหน้าที่ชายสวมเสื้อขาวคอกลมป้ายข้าง กับกางเกงทรงเป้ายาว คล้ายนุ่งโจงกระเบน หิ้วกระเป๋าเดินทางพาไปยังห้องพัก เขาส่งทิปให้เจ้าหน้าที่ซึ่งมีท่าทางลังเลที่จะรับ แต่สุดท้ายก็รับไปแล้วจึงถอยกลับออกไปอย่างสุภาพ

ชายหนุ่มเดินสำรวจรอบๆห้องพัก ก่อนรูดผ้าม่านสีอ่อนมองผ่านกระจกเห็นเทือกเขาสูงลิบๆ ตัดกับขอบฟ้าสีคราม งดงาม

ถนนด้านล่างมีแม่ค้าหาบกระบุงบรรจุของกินของใช้มาขายเป็นระยะ บางคนเทินกระด้งขายขนมทอดไว้บนศีรษะ โดยไม่หล่นซักชิ้นเดียว เขามองเห็นรถม้า คนขี่ม้า คนปั่นจักรยาน แต่ไม่ยักเห็นคนขับรถยนต์ เป็นนานสองนานถึงจะเห็นผ่านมาซักคัน แถมบางคันสภาพยังเก่าจนจำไม่ได้ว่ามันเป็นรถปีไหน

นี่เขาเดินถอยหลังมากี่ร้อยปีกัน

คิดแล้วให้นึกอยากอีเมล์โม้บอกเพื่อนที่อยู่ทั้งเมืองไทยเมืองนอก ให้รับรู้ว่าเขาหลุดมาอยู่เมืองโบราณให้เข้าแล้ว เจ้าพวกนั้นคงนึกภาพไม่ออกกันเลยทีเดียว

รอยยิ้มติดบนริมฝีปากบางสีสดอย่างพอใจก่อนหันกลับไปจัดการธุระส่วนตัวแล้วจึงทิ้งตัวลงนอนเพราะอ่อนเพลียจากการเดินทางด้วยเครื่องบินขนาดเล็ก ที่นั่งแคบๆ โดยเขาไม่มีสิทธิเลือก ก็จากกรุงเทพไปราชอาณาจักรปัญจคีรี มีเพียงสายการบินเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือสายการบินตาราแอร์ของประเทศ สัปดาห์ละสองเที่ยวอีกต่างหาก

ชายหนุ่มหลับลงอย่างรวดเร็ว พลางคิดว่าจะสามดาวหรือห้าดาวก็หลับสบายได้เหมือนกัน  ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ย่ำค่ำ และท้องเริ่มส่งเสียงจ๊อกๆ เจ้าตัวจึงรีบล้างหน้าล้างตาลงไปชั้นล่าง มีเจ้าหน้าที่คนใหม่มาประจำเคาเตอร์แทนเจ้าหน้าที่หญิงเมื่อกลางวัน  แจ้งให้เขาทราบว่าห้องอาหารของโรงแรมเปิดให้บริการถึงเวลาสี่ทุ่ม  หากเป็นร้านรวงทั่วไป สามทุ่มก็ปิดร้านเข้านอนกันหมดแล้ว

กระต่ายกรุงเทพพยักหน้ารับ จากนั้นเดินออกมาหาของกินพื้นเมืองด้านนอกโรมแรม ทว่าภาพพ่อค้าแม่ขายที่เมื่อกลางวันเดินกันให้ขวักไขว่ละลานตา ตอนนี้แทบไม่เหลือ

เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ดังมาแต่ไกล เรียกความสนใจให้ชายหนุ่มหันมอง  รถเมล์ยุคก่อนสงครามโลก พื้นยังปูด้วยไม้กระดานแล่นโคลงเคลงมาตามถนน ก่อนจอดลงหน้าโรงแรมที่เขาพัก จากนั้นก็เห็นนักท่องเที่ยวหัวทองสามสี่คนและคนพื้นถิ่นอีกสองคนตามลงมา สำเนียงเสียงภาษาอังกฤษทำให้จับใจความได้ว่า ไอ้รถเก่าเก็บคันนี้คือพาหนะวิ่งรับส่งผู้โดยสารระหว่างแคว้น  เห็นแล้วกลัวใจมันจะดับกลางทางเหลือเกิน

ที่นี่ดูเขาจะพยายามใช้ของที่มีอยู่เดิมให้คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม

เถอะน่า อีกไม่กี่ปีประเทศนี้ก็จะเกินดุลการค้า เพราะมีแต่รายรับไม่มีรายจ่ายให้สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน 

ชายหนุ่มเล็งอาคารเก่าแก่ ผนังก่ออิฐมุงหลังคาด้วยกระเบื้องดินเผาแผ่นเล็กหนาหนัก แสงไฟนีออนส่องสว่างมองเห็นป้ายร้านภาษาอังกฤษ ระบุว่าสถานที่ที่เขาจะเข้าไปคือร้านอาหาร

เสียงตอนรับเป็นภาษาถิ่นสำเนียงหนุงหนิงน่าฟัง แม้จะออกจากปากผู้ชายวัยห้าสิบปีก็ยังน่าฟัง นพรัตน์เอ่ยทักทายเป็นภาษาอังกฤษทำให้คนฟังตอบกลับเป็นภาษาเดียวกันแบบไม่คล่องปากนัก ชายหนุ่มเดินเข้าไปนั่งจากนั้นรับรายการอาหารมาเปิดดู ปากก็แจ้งว่าอยากมาทานอาหารพื้นเมือง ช่วยแนะนำหน่อย  ชายสูงวัยที่มองแล้วน่าจะเป็นเจ้าของร้าน เพราะมองไปทางไหนก็ไม่เห็นมีบริกรอื่น นอกจากคนตรงหน้า ยิ้มเห็นฟันทองอยู่ในปาก พร้อมกับแนะนำอาหารให้เขาเลือกสามสี่อย่าง

กระต่ายต่างเมืองเลือกอาหารมาสามอย่าง อย่างแรกหน้าตาคล้ายพาสต้า อย่างที่สองเป็นข้าวบาร์เลย์บดกับเนยก้อนหนึ่ง สุดท้ายเป็นของหวาน โยเกิร์ตราดด้วยน้ำผึ้งป่า เขาเขียนไว้ยังงี้จริงๆ

ชายหนุ่มจัดการฟาดทุกอย่างหมดเกลี้ยง แม้กลิ่นของอาหารจะแปร่งแปลกจมูกพอสมควร แต่คนอย่างเขา ตั๊กแตน รถด่วน แมงกุ๊ดจี่ ยังกินมาแล้ว แค่นี้ไม่ครณา  อีกอย่างคือเสียดาย  แพงมาก!

ประเทศนี้เขากะรีดกระเป๋านักท่องเที่ยวจนแห้งฝ่อกลับบ้านทุกรายซะล่ะมั้ง

ออกจากร้านอาหารมาก็มืดสนิท ทุกอย่างเงียบจนน่าแปลกใจ ร้านร่วงเริ่มปิด ผู้คนก็หายไปจากถนน มีเพียงแสงสว่างสีนวลจากโคมไฟแขวนหน้าอาคารบ้านเรือนส่องสว่างเรียงรายเป็นทิวแถวสุดลูกตา 

น่าแปลกใจที่เกือบทุกบ้านทำเหมือนกันหมด

ร่างโปร่งขนลุกซู่ ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะหัวใจกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศสุขสงบ จนยากจะคิดว่านี่คือเมืองหลวงของประเทศ ช่างต่างกับเมืองหลวงที่เขาจากมาดังพลิกฝ่ามือ

แสงไฟสว่างจ้าสาดส่องกระทบหลังร่างสูงโปร่งเป็นเงาพาดยาว ส่งผลให้กระต่ายชะงัก ก่อนถอยหลังหลบริมทาง เพราะรู้สึกถึงความเร็วของรถยนต์ที่กำลังจะขับผ่าน

 แม้ในแสงสลัว แต่รถยนต์ที่เขาเห็นนั่นมันแลนด์โรเวอร์รุ่นใหม่เอี่ยมอ่อง ตามมาด้วยเมอร์เซเดส เบนซ์ และเลกซัส อาร์เอ็กซ์ อีกสองคัน ขับเร็วยังกับจรวดจนฝุ่นตลบอบอวล

เศรษฐีแถวไหนเนี่ย ช่วยบริจาคเงินซื้อรถเมล์ซักคันสองคันหน่อยเตอะ ล้อจะหลุดไม่หลุดแหล่  นพรัตน์พึมพำเบา ก่อนเดินกลับไปยังที่พัก เตรียมพร้อมสำหรับวันรุ่งขึ้น

บ้านเมืองจะสงบยังไงก็ยังมีคนใจร้อนอยู่ดี


เช้าวันรุ่งขึ้น กระต่ายจากกรุงเทพตื่นแต่เช้าเพื่อออกมาสูดอากาศเย็นพอให้ใส่เสื้อแขนยาวได้สบาย  นพรัตน์เตรียมตัวออกไปข้างนอกหากสะดุดใจกับแหวนทองวงเกลี้ยงที่นิ้วตัวเอง จึงรูดออกแล้วนำไปซุกในกระเป๋าเสื้อผ้า จากนั้นค่อยออกไปสำรวจเส้นทางระยะใกล้ๆโรมแรม เขาเดินตามหญิงสูงวัยหิ้วตะกร้าไปเรื่อยๆจนถึงถนนเส้นหนึ่งที่คึกคักด้วยผู้คนจับจ่ายซื้อของ เดาได้ไม่ยากว่าที่เห็นคือตลาด ซึ่งไม่ได้ทันสมัยอะไรเลย ของขายวางแบกับพื้น พ่อค้าแม่ค้าเทินไหเทินหม้อร้องเรียกลูกค้าไปตามทาง ผักผลไม้อวดความสดความน่ากินอยู่ในกระบุง ชะลอม

ชายหนุ่มหยุดที่แม่ค้าหน้าหวานซึ่งส่งยิ้มมาให้ก่อนแล้ว จากนั้นจึงส่งภาษาใบ้ขอซื้อขนมในถาด แม่ค้าพยักหน้า หยิบแป้งกลมๆขึ้นมาตีให้แบนแล้วทอดบนเตาเล็กๆพอเหลืองกรอบ จึงตักใส่ใบไม้ใบโตที่กลัดเป็นกระทง จากนั้นจึงราดด้วยน้ำผึ้งและงาขาว พร้อมส่งให้ กระต่ายยื่นธนบัตรให้แม่ค้าเลือก ธนบัตรราคาต่ำสุดถูกเลือกออกไปและเขายังได้เงินทอนเป็นเหรียญเล็กๆสองเหรียญกลับมา ร่างสูงส่งยิ้มหวานให้แม่ค้าหน้าเรื่อๆก่อนผละไปชมสินค้าพื้นเมืองเจ้าต่อไป

ที่น่าแปลกใจอีกอย่างคือ ที่นี่ใช้ถุงพลาสติกน้อยมาก

ออฟไลน์ takuya

  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
ในเมืองใหญ่สามารถใช้เงินดอลล่าร์ซื้อสินค้าได้เลย แต่หากเป็นชานเมืองต้องแลกเงินไว้ให้พอใช้จ่าย เพราะจะไม่มีบ้านไหนร้านไหนรับบัตรเครดิตแน่นอน ก็ตั้งแต่มา เขาเจอธนาคารอยู่สองที่  ที่แรกที่สนามบิน และที่ที่สองคือตรงข้ามโรงแรม
 
การละเลียดกินแป้งนิ่มเนื้อหยาบ หากหอมไปด้วยน้ำผึ้งและงาจนหมดชิ้นทำให้ฝืดคอจึงสอดส่ายสายตาหาน้ำดื่ม ทว่าชั่วแวบหนึ่งที่รู้สึกเหมือนถูกจับจ้อง ร่างกายเกร็งเครียดโดยสัญชาตญาณก่อนจะคลายลงเมื่อไม่เห็นความผิดปกติ 

การมายืนอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้าต่างภาษาทำให้เขาต้องระแวง

ร่างสูงกลับไปสนใจพ่อค้าขายน้ำที่เทินกาน้ำชาไว้บนศีรษะ รอบเอวมีพวงแก้วอลูมิเนียมห้อยพะรุงพะรัง พร้อมกับถังน้ำเล็กๆในมือ

น้ำชาราคาแสนถูกพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตรของพ่อค้าผิวครามแดดฟันหลอ ทำให้หลงเสน่ห์ผู้คนที่นี่เอาง่ายๆ พ่อค้าคนดังกล่าวสวมเสื้อแขนสามส่วนทอหยาบมีกั๊กทับ ใส่กางเกงเป้ายาววางถังน้ำกับพื้นแล้วหยิบแก้วออกจากพวง รินน้ำชาสีเข้มควันฉุยส่งให้ กระต่ายต่างเมืองรับมาจิบก่อนทำหน้าขื่น  เฝื่อนมาก!  หากก็จิบล้างคออีกอึกสองอึกจึงส่งแก้วคืน

คล้อยหลังเขาหันกลับไปมอง พ่อค้าเทน้ำชาทิ้งแล้วจุ่มแก้วในถังน้ำ ส่ายทีสองทีก็นำแก้วมาห้อยไว้ดังเดิม

นพรัตน์อมยิ้มกับตัวเองก่อนก้มหน้าก้มตาเดินกลับไปเตรียมตัวรอไกด์นำเที่ยวที่ได้นัดแนะกันไว้ แต่ก่อนหน้านั้นเขาเข้าไปติดต่อสอบถามถึงบริการอินเตอร์เน็ต  น่าแปลกใจอีกแล้ว  คือมันมี แต่ต้องลงทะเบียนการเข้าใช้อย่างเข้มงวดจากเครื่องพีซีตั้งโต๊ะใกล้ๆเคาเตอร์ส่วนหน้าอยู่สองสามเครื่อง  เขาจึงส่งเมล์หาพี่ชายและน้องสาวเสียคุ้มราคาที่จ่ายไป 

บ้านนี้เมืองนี้ถ้าเป็นสิ่งที่เรียกว่าเทคโนโลยี เครื่องจักรกลสมัยใหม่ มันคือสิ่งแปลกปลอมที่เข้าถึงยาก เพราะมันแพงหูดับตับไหม้ ชาวบ้านตาดำๆที่ขายน้ำชาถูกแสนถูกจะมีโอกาสได้ใช้รึเปล่า

และพวกเขามีความจำเป็นต้องใช้รึเปล่า?

พนักงานหญิงคนที่เจอครั้งแรกบอกกับเขาว่า ทางการจะส่งข้อมูลของนักท่องเที่ยวทุกคนให้กับโรงแรมก่อนจะเข้าพัก ไกด์ทุกคนต้องมีใบอนุญาตจากทางการ โรมแรมทุกที่ทุกเดือนจะมีคนของทางการเข้ามาตรวจสอบอย่างเข้มงวด และผลจากการเป็นเมืองขึ้นมาก่อน ทำให้ผู้คนเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศพูดภาษาอังกฤษได้

เขานั่งรอไกด์จนเลยเวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมง จึงเดินเข้าไปถามพนักงานที่มีสีหน้าไม่สบายใจ ก่อนขอโทษขอโพยแล้วยกโทรศัพท์โทรติดตามให้ ก็ได้ความว่า ไกด์เขิ่นเกิดอุบัติเหตุ จักรยานหกคะเมนตีลังกา ต้องรออีกประมาณครึ่งชั่วโมง เขากลับไปนั่งคอยที่เดิม แต่หากเพียงไม่นานก็มีชายคนหนึ่งท่าทางสุภาพ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าดิบป้ายข้าง กางเกงเป้ายาวเหมือนผู้คนท้องถิ่นทั่วไปใส่กัน ปรากฏกายขึ้นตรงหน้า และแนะนำตัวเองว่าเป็นไกด์มาแทนไกด์เขิ่งที่บาดเจ็บจนต้องหยุดงานชั่วคราว

ไม่เห็นพนักงานบอกว่าจะมีการเปลี่ยนไกด์

ผู้มาแทนชื่อ อ่อง  พร้อมยื่นบัตรแสดงการอนุญาตประกอบอาชีพไกด์ให้ดูเป็นหลักฐานยืนยันที่มาที่ไป ทำให้ชายหนุ่มคลายกังวล

“สวัสดีครับ ไกด์เขิ่งเป็นอะไรมากไหมครับ?” นพรัตน์ทักทายด้วยรอยยิ้ม หากประหลาดใจอยู่ลึกๆ

“ไม่เป็นไรครับ เป็นเรื่องธรรมดาของที่นี่  เพราะถนนไม่ค่อยเรียบ พ้นตัวเมือง หรือถนนสายหลักระหว่างแคว้นก็เป็นถนนลูกรัง หรือไม่ก็ทางเกวียนหมดล่ะครับ”

“ขนาดนั้นเลยหรือครับ?”

“เดี๋ยวคุณก็จะได้เห็นความทุรกันดารของประเทศนี้เองล่ะครับ”

นพรัตน์สะดุดกับประโยคที่ได้ฟัง หากก็ฟังผ่านไป เพราะเห็นสภาพบ้านเมืองที่ผ่านมาก็ไม่แปลกใจกับคำพูดดังกล่าว ที่ราวกับจะกล่าวหาผู้ปกครองบ้านนี้เมืองนี้ทำอะไรกันอยู่!

“แต่เมื่อครู่ทางโทรศัพท์บอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงถึงจะมาถึง แล้วทำไมมาเร็วได้ล่ะครับ?” นพรัตน์คว้าเป้สะพายหลัง

“เราเดินไปคุยไปไหมครับ?” ไกด์อ่องมองซ้ายมองขวาคล้ายจับสังเกตรอบตัว ก่อนพยักหน้าให้ร่างสูงเดินตามออกไป “พอดีผมอยู่ใกล้ๆนี่เอง รถยนต์ที่ใช้ต้องเปลี่ยนคันนะครับ เพราะไกด์แต่ละคนต้องรับผิดชอบรถที่หลวงมอบหมายมาอีกที เปลี่ยนไกด์รถก็เปลี่ยนครับ”

คนพูดยิ้ม เขาจึงพยักหน้ารับและก้าวตามไปยังรถยนต์ที่จอดแอบอยู่ข้างถนนเลยโรมแรมไปพอสมควร ทั้งที่บริเวณหน้าโรงแรมก็มีที่ว่างให้จอด

รถยนต์ที่เห็นสภาพเก่ากว่าคันเมื่อวานโข เขามองหน้าไกด์อ่อง และอีกฝ่ายคงเดาสีหน้าเขาออกจึงได้เอ่ยปากหลังเข้าไปนั่งเรียบร้อย

“รถยนต์ที่ใช้รับนักท่องเที่ยวก็มีเก่าใหม่สลับกันไปครับ  ถ้าไม่ใช่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินก็หาซื้อรถยนต์ใช้ยาก ภาษีนำเข้าหลายเท่าตัว ประชาชนได้แต่รอใช้รถปลดระวางของทางการ หรือไม่ก็รถของเศรษฐีเหลือจะใช้ นำมาซ่อม ใช้แล้วใช้อีก ต้องทำใจครับ มาประเทศนี้ อำนาจการปกครองอยู่ในคนเพียงหยิบมือ เขาสบายแล้วไม่มามองความลำบากของชาวบ้านอย่างเราๆหรอกครับ”

ร่างสูงโปร่งพยักหน้ารับไม่คิดร่วมวงวิจารณ์บ้านเมืองคนอื่น  แต่ความบริสุทธิ์งดงามที่เขาเห็น มันแลกมาด้วยการตัดโอกาสของเพื่อนมนุษย์ประเทศนี้รึเปล่า เขาไม่แน่ใจเสียแล้ว

“นั่นไงครับ” ไกด์อ่องพยักพเยิดหน้าให้มองรถยนต์แฮมเมอร์สีดำคันใหม่เอี่ยมกำลังสวนเข้ามาใกล้ ภายในเห็นเงาคนสวมหมวกสีดำแต่งชุดลายพราง “ชาวบ้านไม่มีจะกิน แต่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่เอี่ยมทุกปี งบประมาณของที่นี่ส่วนใหญ่ลงไปที่งบทางการทหารหมด” คนพูดส่งเสียงขึ้นจมูก “คุณรู้ไหมครับ ร้อยทั้งร้อยคนของทางการรับสินบน ยิ่งเป็นดอลล่ายิ่งง่ายครับ”

“มีกันทุกประเทศล่ะครับ สินบน”

“แต่ไม่ทุกหย่อมหญ้าเหมือนประเทศนี้หรอกครับ”

“คุณเกลียดคนของรัฐ?” นพรัตน์หยั่งเชิง

“เปล่าเลยครับ แค่คิดว่ามันไม่ยุติธรรม” ผู้เป็นไกด์คงเห็นสีหน้าไม่สบายใจของอีกฝ่ายจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยฉับพลัน “เดี๋ยวผมจะพาคุณไปชมผาเหยียบเมฆ ที่นั่นคุณจะเห็นเมืองหลวงทั้งหมด”

“อ้าว! ผมคิดว่าคุณจะต้องแนะนำให้ไปชมเทวสถานประจำเมืองหลวงเสียอีก”

“อ๋อ ไปเวลานี้คนเยอะครับ ต้องไปเช้าๆ ถึงจะสวย วันนี้เราไปชมผาเหยียบเมฆก่อนดีกว่า  อากาศดีแบบนี้ คงเห็นไปถึงพระบรมมหาราชวังนิศามณีของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน”

“เอางั้นก็ได้ครับ ว่าแต่ไกลมากไหมครับ?”

“นั่งพอเมื่อยล่ะครับ ว่าแต่คุณต้องแลกเงินไว้จำนวนหนึ่งด้วยนะครับ แถวนั้นไม่รับดอลล่า”

นพรัตน์พยักหน้า “แล้วคุณไกด์พอจะรู้จักตลาดมืดที่รับแลกเปลี่ยนเงินรึเปล่าครับ?”

“คุณจะแลกที่นั้นหรือ น่าจะบอกก่อน ผมจะได้แวะ เราเลยมาแล้วล่ะ”

“ไม่หรอกครับ ผมถามดู”

“ขอโทษที่ถามละลาบละล้วงนะครับ คุณมีเชื้อสายราชวงศ์รึเปล่า?”

“ทำไมหรือครับ?”

“เออ...เห็นคุณใส่ต่างหู”
 
ไกด์อ่องพยักพเยิดหน้าไปทางต่างหูเพชรข้างซ้ายข้างเดียว เม็ดไม่ใหญ่ทว่าน้ำใสสะท้อนจับตา 

เม็ดนี้เม็ดเดียวก็เป็นแสนอยู่

 “ไม่หรอกครับ ผมเป็นประชาชนคนธรรมดา นี่ของเก๊ด้วย ที่ประเทศผมจะผู้ชายผู้หญิงถ้าอยากใส่ก็หามาใส่ได้”

“แต่ที่นี่ ผู้ชายที่ใส่เครื่องประดับบนศีรษะต้องเป็นคนมีเชื้อมีสายเท่านั้นครับ”

“ความรู้ใหม่เลยนะครับ”

กระต่ายหนุ่มยิ้มให้โดยลืมสังเกตกิริยาอีกฝ่ายที่เริ่มลอกแลก

ทิวทัศน์สองข้างทางเป็นสีเขียวปนน้ำตาลแดง ย่างสู่ฤดูหนาว  จากที่ราบของเมืองหลวงสู่ถนนเรียบเขาเตี้ยๆ พื้นถนนเริ่มขรุขระลุ่มๆดอนๆ เขย่าไส้คนในรถให้รวมเป็นกองเดียว บ้านเรือนเริ่มห่างระยะมากขึ้น ชาวบ้านที่สวนกันก็เริ่มห่างตา และในที่สุดสองข้างทางก็เหลือเพียงต้นไม้แน่นขนัด

กำลังเพลินกับบรรยากาศรอบตัวก็ต้องเสียววูบ เมื่อรถยนต์ถูกหักพวกมาลัยเลี้ยวกะทันหัน

“เฮ้ย! เป็นอะไร?” ร่างสูงยึดเบาะไว้มั่น หางตาเหลือบมองด้านหลังก็เห็นกลุ่มคนเสื้อพรางตั้งด่านกลางถนนคล้ายกำลังตรวจหาอะไร สายตาสับสนตวัดมองคนขับ “ขับหนีทำไมไกด์อ่อง?”

อีกฝ่ายเหลือบมองชั่วแวบก่อนยิ้มเย็น แปลก

“ไม่ได้หนีครับ แค่หลบพวกทหารเท่านั้น”

“หลบทำไมกันล่ะ เราไม่ได้ทำผิดอะไรเลย”

“ครับ เราไม่ได้ทำผิด แต่ในสายตาทหารเราอาจผิดซักข้อสองข้อ ผมเลยต้องเลี่ยง ไม่อยากให้คุณเสียเงินให้พวกมัน ไม่คุ้มหรอก เสียเวลา”

“รีดไถกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ ผมไม่เคยได้ข่าวเลย”

“ข่าวที่พวกคุณได้รับรู้ มันถูกรัฐกลั้นกรองไว้หมดแล้ว ใครบ้างจะออกข่าวประณามตัวเอง แล้วคุณรู้ไหมครับว่าแคว้นชมพูนุชทางใต้ของประเทศเกิดระเบิดแทบทุกวัน แต่ไม่เคยเป็นข่าว เมื่อวานนี้ก็เพิ่งมีการยิงกันตายไปสามศพ คุณรู้รึเปล่า?”

นพรัตน์ส่ายหน้า “ไม่ทราบเลยครับ แล้วทำไมถึงต้องยิงกันล่ะครับ?”

“เห็นไหม ไอ้พวกนี้มันปิดข่าวหมด มันกลัวจะไม่มีนักธุรกิจต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศ จะไม่มีเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่พวกมันไม่กลัว ไม่สงสารที่มีคนตายเพราะประท้วงการปกครองอย่างไม่ยุติธรรมของมัน มันปิดหูปิดตาไม่ยอมให้พวกเราได้ลืมตาอ้าปาก เจริญเหมือนประเทศอื่นๆ พวกมันไม่ยอมให้ใครแสดงความคิดเห็นที่ต่างไปจากพวกมันหรอกครับ คนพวกนี้เห็นแก่ตัว ไม่เห็นหัวประชาชนยากจนหรอกครับ”

นพรัตน์พยักหน้ารับรู้ ความรุนแรงที่สะท้อนออกมาจากคำพูดของอีกฝ่ายทำให้เริ่มไม่แน่ใจในการมาท่องเที่ยวครั้งนี้ เขาถึงว่า เรื่องการบ้านการเมืองอย่าเอามาคุยในวงเหล้า ได้ตายไม่รู้เรื่อง นี่ขนาดไม่ใช่วงเหล้านะ ชายหนุ่มคิดก่อนจะเลี่ยงไปคุยเรื่องอื่นแทนเรื่องการเมืองการปกครองเครียดๆ ให้หมดสนุก

“ถ้าไปผาเหยียบเมฆไม่ได้ ผมว่าเราไปเที่ยวรอบๆเมืองก็ได้ วันนี้คงเหลือเวลาให้ดูอะไรไม่มากแล้ว” ชายหนุ่มพลิกดูนาฬิกาที่เข็มสั้นชี้เลขสิบสาม

“ไม่เป็นไรครับ ถึงไปผาเหยียบเมฆไม่ได้ แต่ไม่ไกลจากนี่ เราไปชมหมู่บ้านอนุรักษ์ได้ครับ เป็นหมู่บ้านเก่าแก่อายุหลายร้อยปี ผู้หญิงที่นั่นมีฝีมือทอผ้าได้สวยสดงดงามมากครับ”

“ก็ได้ แต่จะกลับทันค่ำหรือครับ ถนนเรียบเขาสูงแบบนี้ท่าทางอันตรายน่าดู”

ชายหนุ่มมองอีกฝ่ายพยักหน้าทว่าดวงตาขึงเครียด จึงบอกกับตัวเองว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งสมาธิขับรถไม่ให้ไถลลงข้างทาง

“ข้างหน้าเป็นร้านขายของ ผมจะจอดให้ทำธุระส่วนตัวก่อนเข้าไปในหมู่บ้านอนุรักษ์นะครับ”

ไกด์อ่องหันมาบอก และเป็นที่เห็นพร้องของชายหนุ่ม

รถยนต์จอดเรียบไหล่ทาง ใกล้เพิงขายของพื้นเมือง ไกด์อ่องเดินนำไปยังร้านขายอาหาร พร้อมสั่งของกินมาให้ ก่อนขออนุญาตไปทำธุระ

นพรัตน์หันมองรอบตัวดังคนต่างบ้านต่างเมืองมาเที่ยว เพิงที่ขายของนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบเพียงเล็กน้อยของไหล่ถนนที่ด้านล่างเป็นหุบเหวลึก ชายหนุ่มส่งภาษามือพร้อมภาษาอังกฤษถามหาห้องน้ำจากคนมาเสิร์ฟอาหาร ก่อนเดินไปตามทาง เมื่อกลับออกมาก็ยังไม่เห็นไกด์อ่อง เขาจึงทานอาหารคอยไปเรื่อย จนกระทั่งอีกฝ่ายปรากฏกายขึ้น สีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นเขามองอยู่ 

“ไปต่อกันเถอะครับ”

“อ้าว! ไกด์อ่องไม่ทานอะไรก่อนหรือ?” นพรัตน์มองอาหารบนโต๊ะ นึกประหลาดใจในท่าที

“เกรงว่าจะไปถึงช้านะครับ เราเสียเวลาหลบทหารพวกนั้น”

“ไม่เป็นไรครับ ทานซะก่อนเถอะ”

ไกด์อ่องเห็นขัดไม่ได้จึงตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารตรงหน้า แล้วจึงนำพาชายหนุ่มต่างเมืองไปยังจุดหมาย

“ทำไมที่นี่ชาวบ้านเขาถึงปลูกบ้านอยู่บนเขากันล่ะครับ” นพรัตน์ถามไกด์เมื่อสังเกตเห็นบ้านเรือนบางส่วนอยู่ตามไหล่เขา ทั้งๆที่มีพื้นที่ราบใกล้ๆ แม้จะไม่มากมายนักก็ตาม

“เพราะพื้นที่ทางตอนบนของประเทศเป็นเทือกเขาสูง มีพื้นที่ราบน้อย เราจึงต้องสงวนพื้นที่ราบไว้ปลูกผักปลูกข้าวครับ ชาวบ้านจึงขึ้นๆลงๆเขากันทุกวันล่ะครับ”

“งั้นคนที่นี่ก็น่องโตกันทุกคนสิครับ”
 
นพรัตน์หัวเราะอารมณ์ดี ก่อนจะหยุดกลางคันเมื่อสังเกตเห็นจุดอะไรบางอย่างกลางถนน และเมื่อรถยนต์แล่นเข้าใกล้ก็พบทหารกลุ่มหนึ่งยืนกลางถนน โบกให้พวกเขาจอดรถ และคราวนี้ไกด์อ่องไม่ได้หลบเลี่ยงเช่นที่ผ่านมา

“เราไม่หลบพวกเขาอีกหรือ?”

“หลบไม่ทันครับ ถนนไม่มีทางแยกให้หลบเหมือนที่ผ่านมา”

ไกด์อ่องพูดตะกุกตะกัก หลบหูหลบตาพิกล จนชายหนุ่มคิดว่าอีกฝ่ายคงเกรงว่าเขาจะต่อว่า

ทหารในชุดพรางเคาะกระจกให้ไกด์อ่องลงไปคุย พวกเขาหันมองนักท่องเที่ยวในรถเป็นระยะ ก่อนที่จะทันได้ตั้งตัว ทหารคนหนึ่งเปิดประตูรถดึงชายหนุ่มออกมาอย่างไม่ปราณีปราศรัย

“What! เกิดอะไรขึ้นไกด์อ่อง” ชายหนุ่มพยายามเอี้ยวตัวมองไกด์อ่องที่ยืนตัวลีบหน้าทหาร “พวกเขาต้องการอะไร ถามเขาสิ พวกเขาอยากได้อะไร!”

ไม่ทันให้ชายหนุ่มได้ตะโกนถามอะไรได้อีกก็ถูกผ้าสากโปะจมูก ไร้สีไร้กลิ่น แต่ทำให้คนโดนหมดสติในฉับพลัน ทุกอย่างจมดิ่งในความมืดมิด ไม่รับรู้ว่าร่างตัวเองถูกลากไปยัดใส่รถตู้ และมุ่งหน้าสู่ทิศใต้ของประเทศ

สู่นครแห่งความขัดแย้ง      



................................

เจอกันอาทิตย์หน้าค่า  :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เรื่องใหม่ของคุณ Sake
หายไปนาน เพราะไปเตรียมเขียนเรื่องอลังการขนาดนี้นี่เอง

ออฟไลน์ Monochrome

  • โคอาล่า มาร์ช *O*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เห้ย โดนพวกไหนจับไปนั่น

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
อั๊ยสนุกๆเอาอีกนะค๊าาาาา  :z2: :z2:

ออฟไลน์ Aoya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 906
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-3
ไม่เคยอ่านเรื่องแบบนี้เลย แต่ขอบอกว่ามันสนุกมากกกกก  :m4:
รอค่า มาต่อไวๆ นะ

Violet Rose

  • บุคคลทั่วไป
สนุกสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ต้องขอบคุณคุณ sake จริงๆ ที่แต่งนิยายดีๆ มาให้ได้อ่านกัน
ชอบแนวการเขียน การใช้ภาษาของคุณมากเลย เขียนได้ดีจริงๆ
แต่มาต่อเร็วๆ หน่อยนะคะ ตอนนี้ติดเรื่องนี้แล้ว อิอิ  :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ saintangel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
ถูกจับไปไหนล่ะนั่น ไกด์คนใหม่นี่น่าสงสัยจิงๆ

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
ดันจับคนที่อาจทำให้มีปัญหาระหว่างประเทศไปด้วยนะนั้น

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
สนุกมาก อ่านง่าย ไหลลื่นดี
รอน้องกระต่ายในตอนต่อไป

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2

แอร๊ยยยยยย ตื่นเต้นตกใจ ดีใจมากเมื่อเห็นชื่อคุณ sake
มีเรื่องสนุกๆมาให้อ่านแล้วสิเรา  :hao7: :hao7:
อ่านแรกๆก็สนุกมากๆแล้วคะ
อยากอ่านต่อมากๆๆ อยากรู้ว่าน้องต่ายจะเป็นยังไงต่อ
ไกด์อ่องนี่มันมาสวมรอยใช่ป่าวหว่า???
รออ่านอย่างใจจดใจจ่อ วันนี้จะมาไหมน้า ><

Angel.JS~

  • บุคคลทั่วไป
รออ่านอย่างใจจดใจจ่อเลยค่า
ชอบๆๆ ชอบแนวนี้
 :-[

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
สนุกมากค่ะ แค่สองตอนแรกก็ตื่นเต้นแล้ว

ออฟไลน์ treerat002

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
น่าอ่านมากเลยค่ะ  :hao6:

แนวนี้ไม่ค่อยมีให้อ่านนะเนี่ย ชอบมากเลย  :hao7:

รอคอยอ่านตอนต่อไปค่า~  :katai3:

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
ลุ้นอะ โดนใครจับไปอะเนี้ย

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เนื้อเรื่องชวนน่าติดตามมากๆๆ น่าตื่นเต้น แถมคนแต่งบรรยายสถานที่ซะน่าตามไปเที่ยวด้วยคนเลย  :m24:

ปล. ตกลงว่า หลานแสบ 2 คนลูกพี่ชายหรือพี่สาวค่ะ เห็นเรียกว่า น้าต่าย

แล้ว กระต่าย มีพี่สาวหรือน้องสาวค่ะ เห็นบอกว่าจะส่งเมล์ไปหาพี่ชายกับน้องสาว หรือว่า มีทั้งพี่ชาย พี่สาว และน้องสาว

ออฟไลน์ Aoya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 906
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-3
มาต่อเถอะค่า รออยู่น้า  :katai4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด