ตอนที่ 11 มาเเล้วจ้าาาาาาา
11
ร่างสูงใหญ่ในชุดดำทะมึนไปทั้งเนื้อทั้งตัวแฝงกายอยู่ในความมืดพร้อมเหล่าทหารหาญอาวุธครบมือเตรียมพร้อมเมื่อเห็นเป้าหมาย การรอคอยอย่างอดทนกำลังจะสัมฤทธิ์ผลแล้ว เมื่อรถขับเคลื่อนสี่ล้อคันเป้าหมายกับขบวนติดตามค่อยเคลื่อนไปยังเส้นทางเล็กแคบ ผ่านต้นไม้หนาทึบเข้าไปยังช่องเขาลึกแหล่งซ่องสุมของกลุ่มติดอาวุธ ห่างไกลจากผู้คน มองผ่านๆเหมือนไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ ทว่ารอบๆบริเวณกว้างใหญ่นี้กลับมีกลุ่มคนซุ่มสังเกตการณ์ผลัดเปลี่ยนกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
ไฟท้ายสีส้มค่อยเลือนหายไปจากสายตา สัญญาณให้เคลื่อนที่ปรากฏขึ้นอย่างระมัดระวัง และส่งต่อกันเป็นทอดยาวขนาดโอบล้อมภูเขาทั้งลูก การแทรกซึมเป็นไปอย่างเงียบเชียบ ชีวิตหลายชีวิตต้องดับดิ้นไม่ต่างจากใบไม้ร่วง และเมื่อสัญญาณการติดต่อจากยามไปยังส่วนกลางขาดหายเป็นเวลานาน ผู้คนภายในจึงได้รู้ว่าตัวเองกำลังถูกปิดล้อม การพยายามตีฝ่าเพื่อหลบหนีจึงเริ่มขึ้นอย่างดุเดือด
เสียงกระสุนปืนและอาวุธหนักปะทุดังก้องไปทั่วหุบเขา ทว่าภายในอุระขององค์นรพยัคฆ์กลับเงียบงัน ก่อนพาตัวเองไปให้ถึงเป้าหมายข้างหน้า ท่ามกลางห่ากระสุนของฝ่ายตรงข้าม
ความยากลำบากในคราวนี้จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดได้มากน้อยเพียงใด แต่ในหทัยนึกหวัง หวังว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ถึงแม้คำขอนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกก็ตามที
เคอแสนขมวดคิ้วขณะเฝ้ามองร่างโปร่งอยู่ห่างๆ อีกฝ่ายถือกล้องถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย เห็นอะไรน่าสนใจก็ถ่ายเก็บเอาไว้ ไม่ว่าจะซอกมุมตึกหรือใบไม้แห้งๆ เจ้าตัวดูนิ่งเฉยไม่มีอาการดีใจหรือเสียใจกับสิ่งรอบข้าง ทำตัวเป็นปกติ กินข้าวครบสามมื้อ หากในท่าทีเสมือนสงบนิ่งนี้กลับทำให้เขารู้สึกอยู่ไม่ติดที่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเขาถึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายพร้อมจะวิ่งออกไปนอกตำหนักได้ทุกเมื่อ
การข่าวของเจ้านรพยัคฆ์เงียบหายไป แม้ตัวเขาเองก็ใช่จะอยู่เป็นสุข หากทุกอย่างต้องเป็นไปตามรับสั่งโดยเคร่งครัด
ท่านมหาดเล็กได้แต่ถอนใจ เดินเข้าไปหาร่างโปร่ง
“จะเที่ยงแล้ว กลับไปรับประทานมื้อเที่ยงเถอะครับ”
“เดี๋ยวก่อนก็ได้”
เคอแสนส่งเสียงหึในลำคอ “ถ้าพระองค์ท่านอยู่ตรงนี้ คงรับสั่งว่า ห้ามเดี๋ยว ห้ามผลัดแล้วล่ะครับ”
นพรัตน์ละสายตาจากใบไม้แห้งๆบนพื้นมองคนพูดหน้านิ่ง
“ก็อยากถ่ายเก็บไว้ดูเยอะๆ มะรืนฉันจะได้กลับบ้านแล้ว”
“กลับไปแล้วก็กลับมาได้อีกนี่ครับ”
คำพูดของเคอแสนทำให้นพรัตน์ชะงัก ก่อนกลืนก้อนแข็งๆบางอย่างลงคอยากเย็น
ถึงตอนนั้นฉันอาจไม่อยากมาเห็นแผ่นดินที่ไม่มีเงาคนๆนั้นอีกเลยก็ได้
“ไปทานข้าวก่อนเถอะครับ”
เคอแสนสำทับ กระต่ายจึงเดินตามไปทานมื้อเที่ยง ทว่าเจ้าตัวไม่ได้กลับออกมาถ่ายรูปต่อ
ชายหนุ่มเช็ดหน้าเช็ดตาจากนั้นทิ้งตัวบนที่นอนนุ่ม หลับตาลงก่อนถอนหายใจยาว ในอกเบาโหวง ความกลัดกลุ้มที่เกิดจากการหายตัวไปของร่างสูงใหญ่ทำให้สมองเขาปั่นป่วนมากกว่าที่ตัวเองจะคาดคิด
ความรู้สึกรังคัดรังแคคนตัวใหญ่ที่อยู่ในชนชั้นปกครองมลายหายไปเมื่อได้เห็นภาระอันหนักอึ้งกับตาตัวเอง ประเทศเมื่อมีประชาชนก็ต้องมีผู้นำ ทว่าผู้นำนั้นจะนำพาประเทศไปในทิศทางใด ประเทศจะเจริญหรือด้อยพัฒนาไม่ได้อยู่ที่การปกครองด้วยระบอบใด หากเป็นเพราะคนต่างหาก การจะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญย่อมมีหลายหนทาง และหนทางที่ถูกเลือกย่อมไม่ถูกใจคนทุกคน
การอยู่เหนือคนจำต้องแบกภาระนี้ไว้บนบ่า และผ่านกระแสแรงเสียดทานให้ได้ จำต้องใช้แรงกายแรงใจอย่างยิ่ง
ใจที่รักและต้องการปกป้องแผ่นดินให้มีสืบไปถึงลูกหลานอย่างบริสุทธิ์ จะเป็นเกาะกำบังให้พระองค์ปลอดภัยจากสิ่งทั้งปวง
เขาเชื่ออย่างนั้น
แต่ก่อนจากไปเขาก็ยังอยากเห็นอีกฝ่ายมายืนส่งมากกว่าปลอบใจตัวเองอยู่อย่างนี้
ร่างโปร่งหลับไปทั้งที่ยังขมวดคิ้ว ทำให้ผู้ก้าวเข้ามาอย่างเงียบกริบขมวดพระขนงตาม
วรองค์สูงใหญ่ประทับบนเตียงหมิ่นเหม่ ทอดพระเนตรใบหน้าขาวผ่องเห็นเลือดฝาดบนพวงแก้ม หัตถ์กร้านเปรอะเปื้อนลูบลงแผ่วเบาอย่างอดไม่ได้
ตั้งแต่เมื่อไรกันที่พระองค์เปิดประตูหัวใจให้คนตรงหน้าเข้ามานั่งเล่นอยู่ใจกลาง ทั้งที่ประตูหัวใจดวงนี้ทั้งหนาทั้งหนัก ยากนักที่จะเปิดให้ใครเข้ามาสำรวจตรวจตรา
“เขาป่วยหรือเปล่า?” เจ้านรพยัคฆ์ตรัสถามเคอแสนแผ่วเบา
“ไม่ได้ป่วยพ่ะย่ะค่ะ แต่อาจเพราะพักผ่อนไม่พอเลยทำให้อ่อนเพลีย”
“ทำไม?”
“ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ ตั้งแต่พระองค์เสด็จไปเขาก็มีอาการนอนหลับไม่สนิทมาตลอด”
“กังวลว่าฉันไม่อยู่แล้วจะไม่ได้กลับบ้านรึเปล่า?”
เคอแสนเลือกไม่ตอบก่อนเหลือบมองนัมทัคยืนเบื้องหลังไม่ห่าง เขาเองก็ไม่อาจพูดในสิ่งที่ใจคิดได้ทุกเรื่องหรอก
หน่วยข่าวแจ้งการเสด็จกลับมาล่วงหน้าไม่ถึงสองชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้ทุกคนโล่งใจไปตามๆกัน และตามมาด้วยข่าวดีที่ว่า กองกำลังทหารสามารถยึดฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏพร้อมจับกุมตัวท่านเดชาได้คาหนังคาเขา แต่ข่าวร้ายคือไม่สามารถจับตัวผู้ให้การสนับสนุนรายใหญ่ได้ อาจเป็นโชคของมันในวันนี้ แต่วันข้างหน้าไม่ใช่ เพราะพวกเขาจะตามถอนรากถอนโค่นพวกมันให้หมด ส่วนพวกที่หนีตายกระเส็นกระสายไปในงานนี้จะมีหน่วยงานรับช่วงต่อ ตัวท่านเดชาเองก็จะถูกส่งต่อไปให้หน่วยเงาพยัคฆ์สอบปากคำเพื่อขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ และหน่วยนี้ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
การดำเนินการตามแผนในครั้งนี้เป็นไปด้วยความระมัดระวัง รอบคอบ และยากลำบาก การรอคอย อดทน ข่มกลั้น แทบทำให้ผู้อยู่ในภารกิจสติหลุดได้ง่ายๆ หากแต่เมื่อพระองค์มาถึง สิ่งแรกที่ถามหาคือร่างโปร่งที่นอนหลับไม่รู้ถึงการกลับมาของเจ้าชาย ทำเอามหาดเล็กทั้งสองคนรับรู้ถึงพระทัยแท้จริงของเจ้าชีวิตตัวเองเป็นครั้งแรก
เพราะยามได้เห็นหน้าคนนอนหลับ อวลอากาศเคร่งเครียดน่าสะพึงรอบวรกายสูงใหญ่กลับเลือนหายไปง่ายดาย
พระองค์มิได้ทรงเป็นห่วงแผลบนพระพาหาที่ถูกยิงแม้จะแค่ถากๆแต่ยังไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี เพียงปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาเท่านั้น นัมทัคคันยุบยิบในใจ นึกอยากให้แขกบนเตียงรีบตื่นขึ้นมารับรู้แล้วบอกให้เจ้าชีวิตของเขาไปทำแผลและพักผ่อน หลังจากต้องฝ่าดงกระสุน นอนกลางดินกินกลางทราย อดหลับอดนอนมาหลายคืน
คำขอแรงกล้าของนัมทัคส่งผลทันตาเห็นเมื่อนพรัตน์ขยับศีรษะ
ภาพตรงหน้าคือพระพักตร์คร้ามแดดกระดำกระด่างพร้อมกลิ่นสาบหมักหมม ทว่าภาพนี้คือสิ่งที่ร่างโปร่งรอคอย
เหนือความคาดหมาย พระเนตรคมดุเบิกกว้างเมื่ออ้อมแขนอุ่นยกขึ้นโอบรัดพระศอแน่น รอยยิ้มหลุดออกจากริมฝีปากสีสด
“ดีใจที่พระองค์กลับมา”
ศีรษะทุยซุกลงซอกคอเหม็นอับของอีกฝ่าย หัวใจแทบกระดอนออกมาจากตัวเมื่อร่างสูงปรากฏแก่สายตา
องครักษ์ทั้งสองตกอยู่ในอาการตะลึง ไม่คาดคิดว่าแขกสำคัญจะดึงวรองค์สูงศักดิ์ลงมากอด นัมทัคละล้าละลังในการเข้าไปเตือน ด้วยเจ้านรพยัคฆ์ไม่มีท่าทีจะดึงพระองค์ออกมาจากวงแขนขาวนั้น
“รออยู่หรือ?”
พระสุรเสียงราวกระซิบอิงแอบแนบใบหน้านวล พระหฤทัยอิ่มเอิบราวกับลำธารแห้งผากได้รับน้ำฝนชุ่มฉ่ำ พระหัตถ์สากดึงฝ่ามือเล็กกว่าลงมาแนบพระปราง แย้มโอษฐ์ให้คนนอนราวกำลังปลุกปลอบขวัญ
“กลัวจะไม่ได้กลับเมืองไทยรึ?”
กระต่ายส่ายหน้าทันควัน ก่อนกวาดสายตาไปตามวรองค์สูงใหญ่ ราวกับให้แน่ใจ
“กระหม่อมเป็นห่วง สมเด็จท่านตรัสว่าถ้าพระองค์ยังไม่กลับมาภายในสามวันจะส่งกระหม่อมกลับเมืองไทย”
“ก็ต้องตามนั้น แต่วันนี้ฉันกลับมาแล้ว สิ่งที่ตรัสนั้นย่อมไม่มีผล” พระองค์หยุดไปชั่วขณะ “เสียใจหรือเปล่า?”
“ไม่เลย มะ..ไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ตอบไปแล้วถึงได้รู้สึกร้อนวูบบนใบหน้า ก่อนหลบสายพระเนตรวุ่นวาย ดึงตัวเองขึ้นจากที่นอนที่ทำให้รู้สึกเขินมากไปกว่าเดิม สายตาหลบจากวรองค์สูงไปปะทะกับสายตาขององครักษ์ทั้งสองให้ผงะ ความไม่ถูกไม่ควรเข้าทิ่มแทงในช่องอก รีบเบี่ยงตัวเองออกห่าง
“แพทย์พร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ” นัมทัคสาวเท้าเข้ามาทูลเตือนเสียงเบา
นพรัตน์ตาโตรีบหันกลับไปสำรวจองค์นรพยัคฆ์อีกครั้ง
“โดนอะไรมา!?”
“ไม่เป็นอะไรมาก แวะมาดูเธอแล้วก็จะไป”
“กระหม่อมไปด้วย”
เจ้าเสือน้อยของสมเด็จพระราชาธิบดีแย้มโอษฐ์อ่อนโยนให้คนเก็บอาการห่วงใยไม่มิด
“พักเสีย เคอแสนบอกว่าหลายคืนที่ผ่านมาเธอพักผ่อนน้อย แล้วเจอกันตอนมื้อเย็น”
พระองค์ลุกขึ้นแล้วเสด็จออกไปรวดเร็วเช่นทุกครั้งที่เสร็จไปเร็วมาเร็วจนผู้ติดตามสับขาเปลี่ยนแทบไม่ทัน เหลือแต่เคอแสนซึ่งยังทำหน้าที่คอยดูแลแขกคนสำคัญไม่ห่าง และจนแล้วจนรอดนพรัตน์ยังไม่ได้ยินเสียงตักเตือนถึงความไม่บังควรของตนเองจากปากท่านมหาดเล็กผู้ใกล้ชิดองค์นรพยัคฆ์
เคอแสนผู้ไม่คิดก้าวล่วงเรื่องส่วนพระองค์ ยังคงทำหน้าที่ของตนโดยเคร่งครัด แม้จะอยากเตือนแขกผู้นี้อยู่ครามครัน หากแต่สิ่งที่เห็นคือความประสงค์ของเจ้าชายนรพยัคฆาภูบดินทร์ทั้งสิ้น
องครักษ์มองคนไม่รู้ตัวว่าได้กลายเป็นดวงแก้วสำคัญของเจ้าชีวิตเขาไปแล้วนั่งมองประตูก่อนลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา พลางถอนหายใจอีกครั้ง
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแล้วล่ะนัมทัคเพื่อนยาก