...ด้วยพันธะบรรณาการ พันธะ 17(จบ)...อัพ 22/07 (หน้า 20 ค่ะ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ด้วยพันธะบรรณาการ พันธะ 17(จบ)...อัพ 22/07 (หน้า 20 ค่ะ)  (อ่าน 279129 ครั้ง)

ออฟไลน์ Fate

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
องค์เตชเกือบไปแล้วนะเพคะ ดีที่ไหวตัวทัน ไม่งั้นคดีพลิกแน่ๆ ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
เกือบได้เป็นสะใภ้แล้วนะองค์เตช 55555

ออฟไลน์ KMprince

  • kyumin QingYu
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 281
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
องค์สนเหมาะเป็นชายาแต่เพียงประการเดียวนะเพคะ
การันตีโดยอิฉันเองเจ้าค่ะ 55
เรื่องสนุก และฮามากๆ

ออฟไลน์ moredee

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-8
 :L2:สนุกค่ะอ่านจนทันแล้ว
จะรอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ narunarutoboyz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 595
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
กี๊สสสสสสส เข้ามาอ่านอย่างทันท่วงที
ขำมาตั้งเเต่ "หอยบรรณาการ" "คนเลี้ยงหอย" "หอยป่วย" "หอยตด" "ห่วงหอย" และอีกนานาจะหอย น่ารักดีค่ะเรื่องนี้
ชอบสำนวนการเขียนของคุณบัวจังเลย อ่านเเล้วไม่สะดุดดีค่ะทั้งๆที่มีเเต่คำราชาศัพท์ล้วนๆ
เเต่มีสะดุดอยู่คำนึงตรง พันธะที่ 7 ค่ะ ตอนที่องค์สนเจ็บตัวเพราะตกต้นไม้
"รอยขีดข่วนตามวรองค์เท่านั้น" ต้องเป็น "รอยขีดข่วนตาม(พระวรกาย,วรกาย)เท่านั้น" ค่ะ

อิอิ เกือบไปแล้วเนอะ เกือบไปเป็นเมียเค้าเเล้วนะองค์เตช  :haun5:
ว่าเเต่ว่าคู่ของสมิต&ชีวิน เมื่อไหร่จะหวานซักทีน๊าาาาาาาาาา
เอาเป็นว่าขอรอตอนหน้าที่จากคนที่จะได้สนมเพิ่มกลับต้องไปเป็นชายาให้เค้าแทน  :laugh3:
ติดตามตอนต่อไปและขอเป็นกำลังใจอย่างสุดซึ้งค่ะ
 :กอด1: :L2:

ปล.ช่วงนี้เสมือนอากาศวิปริตแปรปรวนทันใด อย่าลืมรักษาสุขภาพนะคะ  :bye2:

ออฟไลน์ Dezzerr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
อยากอ่านตอนต่อไปจะแย่แล้ววววว
สนุกมากๆ เลยค่ะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ Punnika

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เกือบไปแล้วนะคะท่านเตชเกือบได้เป็นหนึ่งในสนมขององค์สนแล้ว
รอตอนต่อไปนะคะ ความรักของคนเลี้ยงหอยกับเจ้าชาย :mew1:

นารีรัตน์

  • บุคคลทั่วไป
 :m20: o22 :a5:
 :katai4:ไรท์มาอัพไวไวน้ารออ่านอยู่ค่า

ออฟไลน์ bobby_bear

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-5
รอนานจนหอยจะตดอีกรอบแล้วววววว

ออฟไลน์ Lily teddy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-2
อิอิ เสด็จพ่อขององค์เตชนี่ทุ่มสุดตัวจริง ๆ บอกว่าให้ทุกอย่างที่อนันตราชให้ได้ เพื่อเป็นของหมั้นองค์สนซะด้วย
ท่าทางจะไม่ใช่น้อยนะเนี่ย แต่ถ้าองค์สนรู้คงอาละวาดน่าดู ดีไม่ดีอาจถึงขั้นปีนหนีออกหน้าต่างไปอีกก็ได้ 555
แค่ตอนนี้ก็ดูองค์สนจะโกรธองค์เตชมากอะ ถึงขั้นลงไม้ลงมือ ก็แหมองค์สนที่มั่นใจในความเป็นชายมีสนมเป็นร้อยขนาดนั้น
อยู่ดี ๆ จะให้ยอมรับตำแหน่งเมียขององค์เตชง่าย ๆ ได้ไง ท่าทางการเจรจาครั้งนี้จะยืดเยื้อแน่นอน
แต่ถ้าองค์สนยังไม่ยอมจริง ๆ สงสัยองค์เตชคงต้องฉุดองค์สน เหมือนที่แนะนำสมิตซะละมั่ง 555
จะได้รับผิดชอบองค์สนไปจนตายตามกฎบ้านกฎเมืองของอนันตราชไง เป็นกำลังใจให้องค์เตชจัดการองค์สนได้สำเร็จไว ๆ จ้า
แล้วคู่สมิตกะชีวินนี่ก็ช่างไม่ยอมกันจริง ๆ สมิตจะจับชีวินไหวไหมเนี่ย น่าเป็นห่วงสมิตนะ
รอติดตามและเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนเหมือนเดิมจ้า  :pig4:  :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






anchi

  • บุคคลทั่วไป
รอต่อไป   :katai3: :katai2-1: :katai5:

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
รอนานจนหอยจะตดอีกรอบแล้วววววว

อ่านเมนท์นี้ของคุณbobby_bearแล้วขำก๊ากกก >_<

ออฟไลน์ pandorads

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
เพิ่งเข้ามาอ่านและตอนนี้อยากอ่านต่อแล้วค่า >.<

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
พันธะ 9



   ขบวนเสด็จของราชินีวารีวาทแห่งสมุทรามาถึงอนันตราชด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ ในวันรับเสด็จนั้น กษัตริย์วิภูและองค์ชายเจษฎาประทับคอยอยู่ที่หน้าตำหนักหลวงราวกับทำองค์เป็นเจ้าบ้านที่ดี ทว่าแท้จริงในใจ กษัตริย์วิภูทรงรู้ดีว่าการพบปะครั้งนี้ ทางฝ่ายองค์เองต้องการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในการเจรจา ดังนั้น ‘เกียรติ’ ที่ควรจะให้กับอาคันตุกะจึงต้องมากเป็นพิเศษ



   “ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท” ราชินีวารีวาททรงก้าวลงจากขบวนม้าที่ทรงประทับมาตั้งแต่ท่าเรือจนกระทั่งมาถึงวังหลวง ก่อนจะยอบกายลงต่ำ แม้ทรงจะมีฐานะเป็นถึง ‘มารดา’ แห่งสมุทรา แต่อีกฝ่ายก็เป็นกษัตริย์ผู้แสนยิ่งใหญ่ของอนันตราช



   เมื่อราชินีวารีวาทถวายความเคารพ ธิดาผู้ติดตามมาด้วยก็ยอบกายลงต่ำถวายความเคารพกษัตริย์วิภูเช่นกัน



   “นี่อรุณาเพคะ ธิดาองค์โตของหม่อมฉัน” ราชินีวารีวาทตรัสแนะนำ กษัตริย์วิภูทรงเพียงแค่พยักพักตร์เล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้ หากแต่สายเนตรคมปลาบตวัดไปจับจ้องพักตร์งามล้ำขององค์หญิงรัชทายาทแห่งสมุทรา



   …งดงาม…แต่ก็แค่เปลือก หากเบื้องลึกของจิตใจหวังฟาดฟันพี่น้องก็ไม่ต่างอะไรกับอสูรร้าย…



   “เชิญข้างในเถอะ ยามนี้ทั้งองค์เตช โอรสของเรา และองค์ชายสนธยารออยู่ที่ห้องรับรองแล้ว” กษัตริย์วิภูทรงผายหัตถ์เล็กน้อยไปทางด้านหลังเป็นการเชื้อเชิญอาคันตุกะ ราชินีวารีวาทยอบกายลงอีกครั้งก่อนจะเสด็จไปตามพื้นพรมสีน้ำเงินครามปูลาดไปตามทาง กษัตริย์วิภูทรงเสด็จเคียงข้างเพื่อถามไถ่ทุกข์สุขในระหว่างการเดินทาง ในขณะที่องค์ชายเจษฎาก็เสด็จเคียงกับองค์หญิงอรุณาเช่นกัน



   “เพิ่งเคยมาอนันตราชเป็นครั้งแรกหรือ” องค์ชายหนุ่มรัชทายาทลำดับที่หนึ่งแห่งอนันตราชเริ่มบทสนทนา องค์หญิงอรุณาเพียงแย้มยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบ



   “เพคะ เป็นเมืองที่เจริญอย่างที่ร่ำลือนะเพคะ บ้านช่องงดงาม ผู้คนล้วนยิ้มแย้มแจ่มใส”



   “คงเพราะอนันตราชไม่มีปัญหาใดๆกระมัง ไม่ว่าจะด้านเศรษฐกิจ สังคม หรือแม้แต่ราชสำนัก” ท้ายประโยคนั้น ดวงเนตรขององค์ชายหนุ่มเหลือบจ้องพักตร์งามขององค์หญิงอรุณาราวกับจะบอกความนัยว่าอนันตราชไม่มีปัญหาอื่นใด แต่สมุทราต่างหาก ที่กำลังจะสร้างปัญหาจนบานปลายมาถึงที่นี่



   องค์หญิงแห่งสมุทรานิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะเสยิ้มสรวลที่มุมโอษฐ์



   “จริงหรือเพคะ บางทีที่เห็นว่าปัญหาไม่มี อาจจะเป็นเพราะมันซ่อนอยู่ที่ใดที่หนึ่งก็ได้”



   “ถ้ามันซ่อนอยู่จริง เราจะลากไส้ลากหางมันออกมาเอง จะกลัวก็แต่ว่าต้นตอปัญหามันไปอยู่ที่อาณาจักรอื่นนี่สิ” องค์ชายหนุ่มตรัสเสียงเรียบ หากแต่กลั้วหัวเราะสำทับแล้วตรัสเสริม “…แต่ก็ไม่น่าจะมีเรื่องพรรค์นั้นหรอก ใครๆก็รู้ว่าอนันตราชเป็นอาณาจักรใหญ่ หากมันผู้ใดกล้าสร้างปัญหาให้อนันตราช ไม่ว่าตัวมันจะอยู่ที่ใดบนพื้นแผนดินนี้ หรือจะดำลงใต้ทะเลไปมุดหัวอยู่กับปะการัง อนันตราชก็จะไม่ปล่อยให้มันสุขสบายแน่นอน”



   ราวกับประกาศกร้าว ทว่าองค์หญิงอรุณาเพียงแค่ค้อมศีรษะราวกับจะรับรู้ หากแต่กำลังนึกเย้ยหยันอีกฝ่าย เมื่อสนธยากลับไปที่สมุทราพร้อมสะใภ้จากอนันตราช เมื่อนั้นเรื่องราวใดๆก็จะไม่มีถึงหูของกษัตริย์วิภูและคนที่อนันตราชอีก จะไม่มีปัญหาอื่นใดในอนันตราช แต่ในทางตรงกันข้าม ที่สมุทรา…ทั้งสนธยาและสะใภ้ผู้นั้นจะต้องหายสาบสูญไป…หายไปชั่วกาลปวสาร!!!...



…………………………………….



   ภายในห้องรับรองของตำหนักหลวงนั้น ราวกับคนสองคนที่นั่งเคียงกันถูกแบ่งแยกกันให้อยู่คนละโลก อันที่จริงแล้วทั้งองค์ชายเตชินทร์และองค์ชายสนธยาไม่พบหน้าไม่พูดคุยกันมาหลายวันแล้ว นับตั้งแต่ที่เกิดเรื่องทะเลาะกันในครั้งก่อน จนเป็นเหตุให้องค์ชายเตชินทร์ทรงทราบความจริงทั้งหมดของการเสด็จของราชินีวารีวาท



   …หากแต่…องค์ชายสนธยายังไม่รู้ ว่าเรื่องสะใภ้และเขยนั้นกลับตาลปัตรจากที่ตอนแรกที่ตกลงเอาไว้!...เจ้าตัวจึงยังนั่งเฉย และเชิดพักตร์อย่างถือดี เพราะคิดเอาว่าอย่างไรเสียเมื่อเสกสมรสไปแล้ว จะทิ้งๆขว้างๆ ‘ชายา’ นามว่าเตชินทร์ก็ไม่เห็นจะเป็นไร! เมียเป็นสมบัติของผัว ทันทีที่ผ่านพ้นพิธีสมรส ทรงจะทิ้งขว้างเมียอย่างเตชินทร์ให้ดู!!!...



   บานประตูห้องรับรองถูกเปิดออก เพียงเท่านั้น ทั้งองค์ชายเตชินทร์และองค์ชายสนธยาก็ลุกขึ้นถวายบังคมผู้เข้ามาใหม่โดยพร้อมเพรียง



   “เสด็จแม่” องค์ชายสนธยาครวญด้วยความคิดถึงเมื่อทอดเนตรพระพักตร์ของมารดา ก่อนจะถลาเข้าไปน้อมกายต่ำถวายความเคารพอีกครั้งด้วยความรัก



   “องค์สน…” แม้จะดีใจไม่แพ้โอรส แต่ด้วยเพราะเป็นใหญ่เหนือบัลลังก์สมุทรามาครึ่งค่อนชีวิต ราชินีวารีวาทจึงค่อนข้างสงบเสงี่ยมทั้งท่าทีและวาจา พระองค์เพียงแค่แตะหัตถ์แผ่วเบาลงบนไหล่ของโอรส



   “เสด็จแม่ ทรงสบายดีใช่ไหมพระเจ้าค่ะ”



   “สบายดี เจ้าเองก็เช่นกันใช่ไหม” แม้จะอยู่กันคนละแผ่นดิน แต่เรื่องราวของโอรสก็ยังผ่านหูผ่านตาพระองค์เสมอ เดิมทีราชินีวารีวาทเคยคิดว่าอาจจะไม่ได้พบหน้าโอรสอีกแล้ว



   “พระเจ้าค่ะ” พวกเขาสองแม่ลูกพูดคุยกันอีกครู่หนึ่ง สนธยาก็หันไปทักทายน้องสาวอย่างอรุณาด้วยวาจาสั้นๆ ก่อนจะแยกย้ายกันนั่ง โดยเก้าอี้บุนวมตัวยาวเป็นที่ประทับของกษัตริย์วิภูและราชินีวารีวาท ทางขวามือของกษัตริย์แห่งอนันตราชคือเก้าอี้บุนวมเดี่ยวสองตัวสำหรับองค์ชายเจษฎาและองค์ชายเตชินทร์ ในขณะที่ทางซ้ายมือของราชินีแห่งสมุทราคือเก้าอี้บุนวมเดี่ยวขององค์หญิงอรุณาและองค์ชายสนธยา



   “เอาล่ะ ในเมื่อมากันพร้อมแล้ว อีกทั้งหมายกำหนดการของราชินีวารีวาทก็จะประทับที่อนันตราชเพียงไม่กี่วันเท่านั้น เราก็จะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ที่สุดด้วยการตกลงเรื่องงานมงคลเสียเลยแล้วกัน”



 ในฐานะที่เป็นเจ้าบ้านเจ้าเมือง กษัตริย์วิภูจึงเป็นผู้ตรัสนำ ราชินีวารีวาทกำลังจะตรัสเสนอเรื่องของหมั้นหมายที่เตรียมมาสำหรับสู่ขอองค์ชายเตชินทร์ไปเป็นสะใภ้ให้แก่สมุทรา ทว่า ผู้เป็นเจ้าเมืองอนันตราชกลับตรัสแทรกเสียก่อน



   “…แต่ก่อนอื่น เรามีเรื่องต้องชี้แจงสักหน่อย” กษัตริย์หนุ่มเหลือบเนตรไปสบสายเนตรของโอรสทั้งสอง แม้จะดูเป็นการกระทำที่เสียผู้ใหญ่ไปบ้าง



   “…ตามที่แจ้งไปตอนแรก เรื่องที่ทางสมุทราต้องรับผิดชอบอนันตราชนั้น เราเพิ่งมารู้เรื่องรู้ราวอันแท้จริงทั้งหมดในภายหลัง โอรสของท่านไม่ได้กระทำการใดที่เป็นความเสื่อมเสียให้ท่านต้องรับผิดชอบเลยแม้แต่น้อย ราชินีวารีวาท” ฝ่ายสมุทราถึงกับนิ่งชะงักไปกับคำตรัสของกษัตริย์วิภู หากแต่ในความเงียบนิ่งนั้น ต่างคนต่างมีสีหน้าแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง



   ราชินีวารีวาททรงขมวดพระขนงอย่างงุนงง ส่วนองค์หญิงอรุณามีสีพักตร์ตกตะลึงพรึงเพริดเพราะหากสมุทราไม่ต้องรับผิดชอบอนันตราชแล้ว งานมงคลก็คงต้องล้มเลิก และนั่นหมายความว่าสนธยาอาจจะไม่ต้องกลับไปสมุทราเพื่อให้พระองค์ลงมือได้ง่ายๆอีก ส่วน…องค์ชายสนธยาผู้ไม่ได้อยากเสกสมรสแต่ประการใดถึงกับเนตรเบิกโต และร้องถามด้วยความยินดี



   “จริงหรือพระเจ้าค่ะ! กระหม่อมไม่ต้องรับผิดชอบองค์ชายเตชินทร์แล้วใช่ไหม?!”



   “ใช่ ไม่ต้องรับผิดชอบองค์เตชแล้ว…” สนธยาเกือบจะลุกขึ้นร้องให้ลั่นด้วยความดีใจเสียแล้ว ทว่าประโยคถัดมาของกษัตริย์วิภูกลับทำเอาคนกำลังจะดีใจถึงกับชะงักกึก



   “…แต่องค์เตชจะเป็นคนรับผิดชอบท่านเอง องค์ชายสนธยา”



   “หมายความว่าอย่างไรเพคะ” ราชินีวารีวาทตรัสถามอย่างไม่เข้าพระทัยนัก กษัตริย์วิภูจึงทรงหันมาทางผู้ที่ประทับร่วมบนเก้าอี้บุนวมตัวยาวด้วยกัน



   “ก็หมายความว่าอนันตราชจะรับองค์ชายสนธยามาเป็นสะใภ้น่ะสิ เราต้องขอโทษด้วยที่ไม่ตรวจสอบเรื่องทุกอย่างให้กระจ่างเสียก่อน แต่บัดนี้เราสอบถามกับองค์เตชแล้ว องค์เตชยืนยันว่าในวันที่…เอ่อ…มีการผิดผีนั้น เป็นฝ่ายองค์เตชที่บังคับองค์ชายสนธยา” คราวนี้ทั้งสายเนตรของราชินีวารีวาทและกษัตริย์วิภูต่างเพ่งไปยังองค์ชายสนธยาเป็นจุดเดียว



   “เรื่องจริงเป็นเช่นไรกันแน่ องค์สน” นอกจากสาสน์ทูลจากชีวินแล้ว เมื่อพระองค์ทรงส่งสาสน์มาสอบถามกับโอรส องค์ชายสนธยาก็ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าตนเป็นฝ่ายไป ‘ระราน’ องค์ชายเตชินทร์ก่อน ราชินีวารีวาทจึงได้ส่งสาสน์มาติดต่อขอขมาลาโทษกับกษัตริย์วิภู ซ้ำยังจัดขบวนมาถึงอนันตราชเพื่อหมั้นหมายสู่ขอตามแบบแผนประเพณี



   “เอ่อ…ก็…” พอถูกจับจ้องจากหลายฝ่าย องค์ชายหนุ่มแห่งสมุทราก็เกิดอาการตะกุกตกักพูดไม่ออกขึ้นมาทันที



   “องค์ชายสนธยาคงหลงลืมพระเจ้าค่ะ เพราะวันนั้นเป็นวันหลังจากที่องค์ชายสนธยาทรงเพิ่งตกต้นไม้มาหมาดๆ ความทรงจำคงยังไม่อยู่กับร่องกับรอยนัก เรื่องที่เกิดขึ้นจึงทรงจำผิดว่าเป็นตนเองที่กระทำการผิดผี ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว เป็นกระหม่อมเอง กระหม่อมต้องขอพระราชทานอภัยพระเจ้าค่ะ” เมื่อองค์ชายสนธยาไม่อาจตอบคำถามใดๆได้ องค์ชายเตชินทร์จึงเป็นฝ่ายเสนอตัวเสียเอง



   ราชินีวารีวาทสดับฟังอย่างเงียบๆ ก่อนจะเหลือบเนตรไปทางโอรสอีกครั้ง คราวนี้องค์ชายสนธยาหลบสายเนตรของพระองค์ราวกับเป็นการตอบคำถามว่าเรื่องทั้งหมดกลับตาลปัตรจริง



   “และเพราะเหตุนั้น ทางอนันตราชจะเป็นฝ่ายรับองค์ชายสนธยามาเป็นสะใภ้แทน แต่ท่านไม่ต้องเป็นห่วง อนันตราชจะไม่ทำให้สมุทราต้องขายหน้าแต่ประการใด” กษัตริย์วิภูสำทับด้วยสุรเสียงมั่นคง



   “แต่เสด็จพี่สนธยาเป็นโอรสองค์โตของสมุทรานะเพคะเสด็จแม่ ต่อให้อย่างไรเสียก็ขายขี้หน้าอยู่ดีที่ต้องไปเป็นสะใภ้ใคร!” เมื่อเห็นว่าเรื่องราวดูจะไม่ไปในทิศทางที่ต้องการ องค์หญิงอรุณาจึงต้องแทรกขึ้นกลางคัน สนธยาเหลือบมองน้องสาว ตัวเขาเองก็อยากผสมโรงเห็นด้วยกับอรุณาหรอก หากแต่รู้ดีว่าเหตุผลของเขาและอรุณานั้นแตกต่างกัน ตัวเขาอยากเป็นฝ่ายรับองค์ชายเตชินทร์มาเป็นชายา ดีกว่าที่ตัวเองต้องไปเป็นชายาใคร แต่อรุณานี่สิ…นางไม่เคยคิดดีกับเขามาแต่ไหนแต่ไร แต่ครั้งนี้กลับคิดถึงศักดิ์ศรีของเขาอย่างนั้นหรือ   



   …ดูจะไม่ใช่อรุณาที่เขารู้จักเอาเสียเลย…



   “อนันตราชไม่มีเกียรติพอจะรับองค์ชายจากสมุทรามาเป็นสะใภ้แห่งราชสำนักอย่างนั้นหรือ องค์หญิง” องค์ชายเจษฎาตรัสถาม



   “หม่อมฉันมิได้หมายความเช่นนั้นเพคะ แต่เสด็จพี่ของหม่อมฉันเป็นโอรสองค์โต เป็นแม่ทัพกองเรือที่เชี่ยวชาญ แต่วันหนึ่งกลับต้องทิ้งศักดิ์ศรีของทหารหาญแห่งสมุทราเพื่อมาเป็นชายาในองค์ชายเตชินทร์แห่งอนันตราช…หม่อมฉันคิดว่ามันไม่งาม”



   “การเป็นชายาของเราไม่ได้หมายความว่าเป็นชายาในตำหนักหรอก องค์หญิง แต่ชายาของเราคือคนที่เคียงข้างเรา เราเป็นเจ้ากรมวัง มีหน้าที่ภาระมากมาย และเราอยากได้ชายาที่กล้าแกร่งและมีความรู้ความสามารถ จริงอยู่ว่าเสด็จพี่ของท่านต้องทิ้งศักดิ์ศรีของทหารหาญเพื่อมาเสกสมรสกับเรา แต่สิ่งที่เสด็จพี่ของท่านจะได้มาแทนที่คือศักดิ์ศรีในฐานะบุรุษที่ยืนเคียงข้างองค์ชายแห่งอนันตราชอย่างเรา” ฟังดูดีทีเดียว หรืออย่างน้อยๆก็เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ราชินีวารีวาทว่าเมื่อองค์ชายสนธยาถอดยศจากองค์ชายแห่งสมุทราแล้ว แม้จะตัวเปล่าไม่มียศถาใดๆนำหน้าอีก แต่ก็จะได้เป็นถึงชายาในรัชทายาทแห่งอนันตราช แม้รัชทายาทผู้นั้นจะไม่ใช่รัชทายาทลำดับที่ 1 ก็ตามที



   เมื่อเห็นสีพักตร์ของผู้เป็นมารดาเริ่มผ่อนคลาย ดูท่าจะยอมรับข้อตกลงนี้ องค์หญิงอรุณาจึงต้องหันมาทางผู้เป็นเชษฐาซึ่งร้อยวันพันปี ไม่เคยคิดอยากจะมองหน้าผู้เป็นพี่เลยแม้แต่น้อย หากแต่ครั้งนี้…พระองค์ต้องยื้อทุกวิถีทางให้สนธยาออกจากอนันตราช และทันทีที่ก้าวพ้นอาณาเขตของอนันตราช เมื่อนั้นวิญญาณของสนธยาต้องหลุดลอยออกจากร่าง!!



   “เสด็จพี่ การเป็นชายาไม่ใช่เรื่องง่ายนะเพคะ วันนี้พระองค์อาจได้เป็นชายาใหญ่ หากแต่วันหนึ่งที่สนมคนอื่นขององค์ชายเตชินทร์มีโอรสธิดาเล่า ท่านมีให้เขาไม่ได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับหุ่นกระบอกที่เอาไว้ตั้งอวดในตำหนักหรอก”



   สนธยามองผู้เป็นขนิษฐา ก่อนจะเหลือบไปมองเตชินทร์อย่างไม่รู้ว่าจะวางใจทางใดดี ฝั่งอรุณานั้นไม่ได้คิดดีประสงค์ดีกับตนอยู่แล้ว แต่ฝ่ายเตชินทร์เล่า…วาจากับการกระทำของเตชินทร์บอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายหวังดีต่อตนเสมอ ทว่า…จะไม่ประสงค์ดีก็ตรงที่จะให้ไปเป็นชายานี่ล่ะ!!



   “องค์สน ว่าอย่างไร” ราชินีวารีวาทตรัสถามผู้เป็นโอรส เพราะครั้งนี้เรื่องราวตาลปัตรเสียจนพระองค์ควรจะถามความสมัครใจของสนธยาเสียก่อนจะตัดสินใจสิ่งใดลงไป



   …ไปเป็นชายา ก็เท่ากับถอดยศองค์ชายแห่งสมุทราออก และจะไม่มีวันได้รับยศเดิมคืนอีกแล้ว…



   “เอ่อ…กระหม่อม…เอ่อ…”



   “องค์ชายสนธยา เราอยากบอกให้ท่านรู้ว่าทางอนันตราชยินดีที่จะรับท่านเข้ามาในราชสำนัก เพียงแค่ท่านตัดสินใจเท่านั้น เพราะโอรสของเรามีความรู้สึกลึกซึ้งต่อท่านเพียงใดท่านก็น่าจะรู้ดี แต่หากท่านไม่ต้องการการรับผิดชอบนี้ ก็อย่าได้กังวลใจ อนันตราชจะยังเป็นมิตรของสมุทราต่อไป” กษัตริย์วิภูตรัสสำทับเมื่อเห็นองค์ชายแห่งสมุทราเงียบงันไร้คำตอบ



   สนธยาเหลือบมองเตชินทร์อีกครั้ง ความรู้สึกลึกซึ้งที่เตชินทร์มีไม่ใช่ดูไม่ออก หากแต่บางครั้งเขาก็ทำลืมเลือนไม่สนใจ แต่ถ้าต้องเลือกระหว่างน้องสาวผู้คลานตามกันมาซึ่งไม่เคยปรารถนาดี กับชายผู้ไม่เคยรู้จักสนิทสนมแต่คอยเคียงข้างไม่ห่าง…



   …เขาก็ควรเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ชีวิตจริงไหม…



   “เสด็จแม่” องค์ชายสนธยาหันไปทางผู้เป็นมารดา



   “หากลูกมิได้ถือยศองค์ชายแห่งสมุทราแล้ว แต่โปรดอย่าทรงลืมว่าลูกยังคงเป็นลูกของท่านเสมอ” ประโยคเรียบง่ายนั้นราวกับแจ้งจำนงการตัดสินใจขององค์ชายสนธยาที่ทำเอาอรุณาถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ในขณะที่กษัตริย์วิภู องค์ชายเจษฎาและองค์ชายเตชินทร์ต่างมีท่าทีผ่อนคลายลง



   “องค์เจษ ไปตามท่านราชเลขาฯวิกรมมาพบที เราจะให้เขาหาฤกษ์และกำหนดวันรับขวัญสะใภ้คนใหม่แห่งอนันตราช”



   …………………………..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2013 20:04:49 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
   ภายหลังการเจรจาที่สิ้นสุดในเวลาอันรวดเร็วนั้น ข่าวการรับองค์ชายจากสมุทรามาเป็นสะใภ้แก่ราชสำนักอนันตราชก็ดังไปทั่วทั้งวังหลวง และผู้ที่รีบมาเข้าเฝ้าองค์ชายสนธยาซึ่งเพิ่งกลับมาถึงตำหนักอิฐก็คือชีวิน



   “องค์ชาย! เกิดอะไรขึ้นพระเจ้าค่ะ ทำไม…” ชีวินก้าวพรวดเข้ามาในห้องบรรทมส่วนพระองค์ขององค์ชายสนธยาได้แล้วก็ตั้งคำถามอย่างสงสัยกับองค์ชายหนุ่มที่กำลังเปลี่ยนฉลองพระองค์เป็นชุดใหม่เพื่อเตรียมไปร่วมมื้อเย็นที่ตำหนักหลวงในค่ำวันนี้



   “จะเกิดอะไรล่ะ ก็ความแตกน่ะสิ” ทรงว่าอย่างนั้น ก่อนจะขยับฉลองพระองค์ให้เข้าที่แล้วจึงหันมาทอดเนตรชีวินที่มีสีหน้าเข้าใจ



   “ความแตก?”



   “ก็เรื่องที่จริงๆแล้วเราเป็นฝ่ายถูกเจ้าองค์ชายบ้าหอยนั่นจูบ ไม่ใช่เป็นเราที่ไปจูบเขาก่อนไงล่ะ”



   “อะไรนะพระเจ้าค่ะ! นี่พระองค์…เป็นฝ่ายถูกจูบหรอกหรือ?!!” เรื่องนี้แม้แต่ชีวินก็ไม่รู้ เพราะตอนนั้น องค์ชายสนธยาตรัสว่าพลาดพลั้งจูบองค์ชายเตชินทร์ ชีวินจึงเข้าใจไปว่าเป็นฝ่ายองค์ชายเหนือหัวของตนที่เผลอใจเอง หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้ว…คนปล่อยให้ความเผลอใจครอบงำก่อนคือองค์ชายเตชินทร์!
   

“เจ้าเลิกย้ำสักทีได้ไหมชีวิน! แค่นี้เราก็ไม่อยากจะจำอยู่แล้ว!”



   “แต่พระองค์ก็เลือกแล้วไม่ใช่หรือพระเจ้าค่ะ” ชีวินทวนถาม กระแสข่าวเรื่องงานเสกสมรสระหว่างองค์ชายรัชทายาทลำดับที่สองและองค์ชายสนธยาดังไปทั่วทั้งวังหลวงในเวลาอันรวดเร็วราวกับไฟไหม้ฟาง ยามนี้กรมวังแห่งอนันตราชคงทำงานกันฉุกละหุกเพราะต้องหาทั้งฤกษ์ยามทั้งเตรียมงาน ไหนจะของหมั้นหมายอีก



   “เราจำเป็นต้องเลือก เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับผิดชอบ ถ้าเราไม่แต่งเข้าอนันตราช เราก็ต้องกลับสมุทราและให้องค์เตชแต่งเข้าสมุทราแทน แล้ว…เจ้าก็รู้ ถ้าเราก้าวพ้นอนันตราชแค่นิดเดียว อรุณาคง…ไม่ปล่อยเราเอาไว้ ไหนจะองค์เตชอีก เราจะให้คนอื่นไปตายกับเราได้อย่างไรกัน สู้แต่งเข้าอนันตราชเสียก็สิ้นเรื่อง แล้วก็เลี้ยงหอยไปวันๆ อย่างน้อยก็ไม่มีใครต้องตาย”



   “องค์ชายเตชินทร์คงจะทรงปล่อยให้พระองค์เลี้ยงหอยไปวันๆหรอกพระเจ้าค่ะ กระหม่อมเคยทูลแล้วว่าองค์ชายเตชินทร์ทรงไม่ได้คิดกับพระองค์ธรรมดา” ชีวินทูลเตือนสติ ทำเอาองค์ชายสนธยานิ่งไปเล็กน้อย แต่ก็ยังพระทัยแข็งตรัสกลับไป



   “ใครไม่ยอมไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าเราจะเลี้ยงหอยอย่างเดียว เราไม่รับหน้าที่อื่น”



   “แต่เสกสมรสไปเป็นชายานะพระเจ้าค่ะ”



   “เสกสมรสเสร็จ ทุกอย่างก็จบ เราจะเลี้ยงแต่หอยเท่านั้น!” ชีวินถอนหายใจอย่างอ่อนใจ ก่อนจะตัดสินใจทูลเตือนสติ



   “องค์ชาย ทรงทราบไหมว่าทำไมองค์ชายเตชินทร์จึงรับพระองค์เข้ามาอยู่ที่ตำหนักอิฐตั้งแต่แรก”



   “ก็เขาอยากได้หอย” อันที่จริงแล้ว องค์ชายสนธยาเองก็นึกตะขิดตะขวงเช่นกันว่าเหตุใด เจ้าของตำหนักจึงรับหอยไร้ค่านั่นเป็นของกำนัล ทว่า…อะไรบางอย่างทำให้พระองค์ไม่กล้าค้นหาความจริง ของสาเหตุทั้งหมดที่ทำให้พระองค์ต้องมาอยู่ที่ตำหนักนี้…



   …สาเหตุทั้งหมดที่แน่นอนว่า ‘หอย’ เป็นเพียงแค่ ‘นกต่อ’ เท่านั้น



   “องค์ชาย ทอดเนตรให้รอบด้านเถอะพระเจ้าค่ะ ไม่มีองค์ชายเมืองใดหรอกที่จะรับองค์ชายเมืองอื่นที่กำลังมีภยันตรายเข้ามาอยู่ในตำหนักตัวเอง หากองค์ชายเตชินทร์ทรงอยากได้หอยจริง มีหรืออนันตราชจะหาเองไม่ได้ สิ่งที่องค์ชายเตชินทร์ทรงต้องการจริงๆก็คือพระองค์ ส่วนเรื่องหอย…มันก็แค่สาสน์ที่ราชินีวารีวาททรงใช้เพื่อพาพระองค์ออกจากสมุทราเข้ามายังอนันตราช หอยตัวนั้นคือข้ออ้างที่ทำให้พระองค์ประทับอยู่ที่นี่…และบัดนี้ การเสกสมรสจะทำให้พระองค์ต้องประทับที่นี่ตลอดไป”



   “หมายความว่าเสด็จแม่รู้เห็นเป็นใจกับองค์เตชแต่ต้นสินะ” ชีวินเงียบ ในขณะที่องค์ชายสนธยาทอดเนตรองครักษ์ที่ติดตามดูแลพระองค์มาแต่เยาว์



   “และเจ้าเองก็รู้เช่นเห็นชาติเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน” ชีวินเพียงค้อมกายต่ำ หากแต่ไม่ทูลอะไร องค์ชายสนธยานึกขุ่นเคืองเล็กน้อย หากแต่ก็เข้าใจดีว่าชีวินจำเป็นต้องทำตามโองการราชินีวารีวาท



   “เสด็จแม่กับองค์เตชมีการตกลงกันแล้วล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนที่เราจะมาที่นี่ โดยอ้างเรื่องของบรรณาการ และให้องค์เตชรับหอยเป็นของกำนัลเสีย เพื่อที่เราจะได้อยู่ที่นี่ต่อไปโดยที่ไม่ต้องกลับสมุทรา อย่างนั้นใช่ไหม”



   “เรื่องนี้กระหม่อมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์พระเจ้าค่ะ”



   “แล้วเจ้าอยู่ในเหตุการณ์ใดบ้างล่ะ ไหนว่ามาซิ” ชีวินเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะยอมทูลตอบ



   “หลังจากพระองค์ประทับอยู่ในตำหนักอิฐแล้ว ราชินีวารีวาททรงมีสาสน์ถึงกระหม่อม รับสั่งให้กระหม่อมขอร้องกษัตริย์วิภูให้ช่วยดูแลปกป้องพระองค์จากภัยต่างๆที่กำลังมาถึงอนันตราช กษัตริย์วิภูทรงรับปากว่าจะให้พระองค์อยู่ที่อนันตราชไปตลอด แต่กระหม่อม…รู้ดีว่าพระองค์อยากเสด็จกลับสมุทรา กระหม่อมพยายามหาทาง ทั้งปลดพันธนาการเรื่องหอย ที่มันป่วยก็เพราะกระหม่อมวางยามัน เพราะคิดว่าถ้ามันตาย พระองค์จะได้เสด็จกลับ ส่วนที่สมุทรา กระหม่อมก็พยายามติดต่อกับนายทหารคนอื่นๆ แต่…ที่นั่นมีภัยร้ายใหญ่หลวงเหลือเกิน กระทั่งครอบครัวของท่านชลเทพที่ขึ้นมาเป็นแม่ทัพกองเรือก็ถูกหมายหัว หากพระองค์กลับไป ก็คงสิ้นชีพตั้งแต่ยังไม่ถึงเกาะ” ชีวินเว้นวรรคเล็กน้อย อันที่จริง เรื่องเสกสมรสขององค์ชายสนธยาและองค์ชายเตชินทร์ดูเหมือนจะเริ่มต้นจากเขา



“…แต่พอพระองค์มีรับสั่งกับกระหม่อมเรื่อง…เอ่อ…เรื่องจูบกับองค์ชายเตชินทร์  การที่พระองค์จะได้เสด็จกลับไปที่สมุทราเริ่มมีเค้าความเป็นไปได้ หนำซ้ำการที่พระองค์ต้องรับผิดชอบการผิดผีด้วยการเสกสมรสกับองค์ชายเตชินทร์ก็จะทำให้พระองค์เสด็จกลับสมุทราพร้อมด้วยนายทหารฝีมือดีที่อนันตราชต้องส่งตามไปคุ้มครององค์ชายเตชินทร์ กระหม่อมจึงรีบทูลเรื่องนี้แก่ราชินีวารีวาทพระเจ้าค่ะ” องค์ชายสนธยาสดับแล้วได้แต่นวดเศียรตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อน



…ดูเหมือนใครๆก็อยากจะปกป้องเขาเสียจริง เรื่องราวเลยพันพัวกันยุ่งเหยิง ทั้งเสด็จแม่ ทั้งชีวิน พัวพันไปจนถึงเจ้าหอยยักษ์ของบรรณาการ ไหนจะราชสำนักอนันตราชอีก…และนี่ถึงขั้นจะปกป้องเขาด้วยการให้เสกสมรสกับองค์ชายต่างแดน…ศักดิ์ศรีไม่ต้องคิดถึง คนรอบข้างเขาต้องการแค่เขาปลอดภัยมีลมหายใจในวันต่อๆไปเท่านั้นเอง!!...



“ไม่ได้ห่วงใยหน้าตาชื่อเสียงเกียรติยศเราเลยสักนิดสินะ” องค์ชายสนธยาตรัสเสียงเบาอย่างเอือมระอา และเพียงเท่านั้น ชีวินก็ถึงกับต้องทรุดกายลงคุกเข่าก้มศีรษะต่ำ



“กระหม่อมขอเป็นฝ่ายรับผิดแต่เพียงผู้เดียวพระเจ้าค่ะ เรื่องเสกสมรสนั้นเริ่มต้นจากกระหม่อม หากพระองค์ไม่พอพระทัย ก็ทรงลงโทษกระหม่อมเถอะพระเจ้าค่ะ”



“ลงโทษให้เจ้าแต่งกับองค์เตชแทนเราแล้วกัน” องค์ชายหนุ่มตรัสอย่างขอไปที และแน่นอนว่าชีวินร้องตอบเสียงแข็งขัน



“เรื่องนั้นเห็นทีจะไม่ได้พระเจ้าค่ะ ไม่ว่าอย่างไร งานเสกสมรสก็ต้องถูกจัดขึ้นเพื่อพระองค์และองค์ชายเตชินทร์พระเจ้าค่ะ”



“คิดเอาไว้แล้วเชียว” ชีวินเงยหน้ามองผู้เป็นนายที่มีสีพักตร์เหมือนจะปลงตก องครักษ์หนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะมองพักตร์ขององค์ชายสนธยาด้วยความห่วงหาอาทร



“องค์สน กระหม่อมทำทุกอย่างเพราะเป็นห่วงพระองค์” องค์ชายสนธยายิ้มบางเบาที่มุมโอษฐ์ก่อนจะเอื้อมหัตถ์ไปลูบศีรษะขององครักษ์หนุ่มที่สูงกว่าพระองค์เล็กน้อย



…ชีวินเหมือนสุนัขตัวใหญ่ๆที่จงรักภักดีต่อผู้เป็นนาย นับตั้งแต่องค์ชายสนธยาเจออีกฝ่ายกลายเป็นเด็กเร่ร่อนอยู่ในตลาดของเกาะสมุทรา และรับมาเลี้ยงในตำหนัก ชีวินก็ตามติดเขาทุกฝีก้าว จากเด็กชายไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่มีแม้กระทั่งชื่อ ถามอะไรก็ไม่ตอบ เคยเดินตามพระองค์ต้อยๆในวันเยาว์ มาบัดนี้ เด็กชายผู้นั้นเติบโตเป็นองครักษ์หนุ่มนามว่าชีวินที่ยังคงตามติดพระองค์ทุกฝีก้าวเช่นเคย แม้จะทำให้ชีวิตของพระองค์หันเหเข้าสู่การเสกสมรสกับองค์ชายต่างถิ่น แต่พระองค์ไม่เคยนึกโกรธเคืองชีวินเลยแม้แต่น้อย…



“เรารู้ ชีวิน เรารู้ว่าเจ้าห่วงเราเพียงใด” ชีวินเพียงก้มหน้าต่ำให้อีกฝ่ายลูบศีรษะของตนอยู่เช่นนั้น



“…แต่คราวหลังไม่ต้องห่วงเราจนทำให้เราต้องเสกสมรสกับใครอีกแล้วนะ” องค์ชายสนธยาหยอกอย่างอ่อนพระทัย หากแต่ชีวินกลับตอบกลับอย่างแข็งขัน



“พระองค์จะได้เสกสมรสแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นพระเจ้าค่ะ กระหม่อมรับรอง” เพราะชีวินรู้ว่าองค์ชายเตชินทร์จะไม่มีวันยอมให้องค์ชายสนธยาได้เสกสมรสกับใครอื่นอีกเลย!!



……………………………..

   



   ราชินีวารีวาทมีหมายกำหนดการที่จะประทับอยู่ที่อนันตราชเพียง 5 วันเท่านั้น โดยตลอดทั้ง 5 วันจะประทับที่ตำหนักรับรองของวังหลวงพร้อมด้วยองค์หญิงอรุณา ซึ่งบัดนี้องค์หญิงโฉมงามแห่งสมุทรากำลังเสด็จไปมาอยู่ในตำหนักรับรองด้วยความร้อนรุ่มเต็มทรวง



   …บัดนี้ เสด็จแม่ทิ้งรัฐกิจแห่งสมุทราให้อยู่ในความรับผิดชอบของท่านนายพลชลเทพแม่ทัพกองเรือ และองค์ชายทิวา ผู้เป็นน้องชายของพระองค์ ในขณะที่หอกข้างแคร่อย่างองค์ชายสนธยาก็กำลังจะถอดยศจากองค์ชายแห่งสมุทรากลายเป็นชายาในองค์ชายรัชทายาทลำดับที่ 2 แห่งอนันตราช!! แล้วพระองค์เล่า?!! พระองค์ที่ควรจะได้สืบสันตติวงศ์บนบัลลังก์สมุทรากลับทำได้เพียงเดินไปเดินมาอยู่เช่นนี้ ด้วยไม่อาจเอื้อมสิ่งใดได้!



   …หวังให้สนธยาตายก็ไม่ตาย หวังให้บัลลังก์ตกถึงมือก็ไม่ตกลงมาเสียที! นี่มันอะไรกัน!!...



   “เป็นอะไรหรือ อรุณา ไยจึงเดินไปเดินมาเช่นนั้น มาอยู่ต่างถิ่นเมืองนอน เหตุใดจึงไม่สำรวมกิริยาเอาเสียเลย” เสียงของผู้เป็นมารดาทำเอาร่างอรชรนิ่งไปในทันที ก่อนที่จะหันมามองราชินีวารีวาทที่ประทับอยู่ที่หัวบันได



   “หม่อมฉัน…หม่อมฉันแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเพคะ”



   “หวังว่าเรื่องเรื่อยเปื่อยของเจ้าคงไม่ใช่เรื่องของสนธยาใช่ไหม” อาการนิ่งงันของผู้เป็นธิดาทำเอาราชินีวารีวาทต้องถอนปัสสาสะอย่างอ่อนพระทัย ก่อนจะเสด็จเข้ามาใกล้ธิดาองค์โตของพระองค์



   “อรุณา รู้ไหมทำไมแม่ถึงพาเจ้ามาที่นี่ด้วย”



   “ไม่ทราบเพคะ”



   “แม่อยากให้เจ้ามาเจอพี่ชายของเจ้า” องค์หญิงอรุณานิ่งขึงไปในทันทีที่ผู้เป็นมารดาตรัส



   …จะให้มาพบหน้าค่าตา ‘พี่ชาย’ ที่พระองค์เกลียดเข้าไส้อย่างนั้นหรือ?!!...



   ดูเหมือนราชินีวารีวาทจะทรงจับสังเกตธิดาได้เพียงชั่วอึดใจ พระองค์ทรงทราบดีว่าอรุณาไม่ได้รักใคร่พี่ชายอย่างที่น้องคนอื่นเป็น ซ้ำร้ายกว่านั้น คือนางคิดการใหญ่ถึงขนาดจะดับชีวิตผู้เป็นพี่เสียด้วย การจะฉุดจิตใจอันดำมืดของธิดาองค์ดตให้หลุดพ้นความแค้นอาฆาตเหล่านั้นก็ดูจะเป็นการสูญเวลาเปล่า หากแต่…อย่างน้อยขอแค่พระองค์ได้ลองทรงกระทำดูบ้าง ก็น่าจะทำให้พระองค์ยังคงยืนหยัดอยู่บนฐานะของการเป็น ‘แม่’ สำหรับลูกๆทั้ง 5 ของราชวงศ์สมุทรา



   “สนธยาเป็นโอรสองค์โต ตั้งแต่ยังเล็กก็เก่งกาจเฉลียวฉลาดและใฝ่รู้ ถึงจะซุกซนไปหน่อยก็เถอะ” พระองค์เริ่มตรัสกับธิดาที่สีพักตร์นั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจกับบทสนทนาที่ผู้เป็นมารดาเล่า



   “…หากสนธยาไปเกิดในราชวงศ์อื่น ตำแหน่งรัชทายาทลำดับที่ 1 จะต้องตกเป็นของเขาแน่ ราชบัลลังก์คงแทบจะลอยลงมาเกยเท้าเขา แต่…เขาคงเลือกเกิดผิดที่ไปเสียหน่อยถึงได้มาเกิดในราชวงศ์ของแม่…ที่ผู้หญิงเท่านั้นจะได้ครองบัลลังก์” ท้ายประโยคนั้น สายเนตรของราชินีวารีวาททรงเหลือบมาทางผู้เป็นธิดา บัดนี้องค์หญิงอรุณาไม่เข้าพระทัยว่าผู้เป็นมารดาต้องการบอกเล่าสิ่งใด



   “พอสนธยาเติบใหญ่ เขาต่อเรือเก่ง รักทะเล ส่วนฝีมือดาบฝีมือธนูก็ใช่ย่อย เขาเป็นนายทหารที่ดี แต่รู้อะไรไหม…เขามีข้อแม้กับแม่ 1 อย่าง” องค์หญิงอรุณาขมวดขนง เรื่องที่สนธยามีข้อแม้กับราชินีวารีวาทนั้น พระองค์ไม่ทรงทราบมาก่อน สิ่งที่ทรงทราบ…คือสนธยาได้เป็นแม่ทัพกองเรือตั้งแต่อายุเพียง 16 ชันษา และสี่ปีหลังจากนั้นก็เป็นกระทั่งเจ้ากรมกองเรือเสียด้วยซ้ำ! ข้ามหน้าข้ามตาสิ้นดี! นี่น่ะหรือ? คนที่เสด็จแม่ตรัสว่าเขาเกิดผิดที่! หากผิดที่จริง! ก็ต้องไปเกิดเป็นลูกหลานพวกชาวบ้านท้ายเกาะที่วันๆแค่สาวอวนปลาลากอวนกุ้งก็หมดวันสิ! จะมาเกิดเป็นหอกข้างบัลลังก์ให้พระองค์ไม่ได้ตำแหน่งราชินีไปทำไม!!!



   “…องค์สนขอไม่เรียนทั้งดาบทั้งธนูอีกต่อไป แม้ท่านอาจารย์ที่แม่จะให้มาสอนเขาคือท่านนายพลชั้นผู้ใหญ่ที่เก่งกาจที่สุดในกองทัพก็ตามที เจ้ารู้ไหมว่าทำไม…”



   “คงเพราะเขาขี้เกียจกระมัง” อรุณาทูลตอบอย่างไม่อินังขังขอบ สำหรับพระองค์ที่ใฝ่เรียนด้วยการศึกษาจากตำราในห้องสมุดของตำหนักหลวงนั้น ความรู้ความสามารถไม่เท่ากับสนธยาที่มักจะกระเตงไปกับเรือชาวบ้านเรือนายทหารทุกวัน สำหรับพระองค์แล้ว สนธยาคือ ‘จอมขี้เกียจ’ ที่ไม่คู่ควรกับราชบัลลังก์สมุทรา!



   “ก็อาจจะจริง” ราชินีวารีวาททรงเห็นด้วยก่อนจะสรวลน้อยๆ “…แต่แม่รู้ว่าเขามีเหตุผลอีกข้อในใจ” พระองค์ตรัสต่อท้ายก่อนจะทรงจับจ้องพักตร์องค์หญิงอรุณาราวกับจะบอกเป็นนัยว่าคนที่เป็นต้นเหตุให้สนธยาไม่ยอมเรียนทั้งดาบและธนูคือองค์หญิงอรุณาผู้มีศักดิ์เป็นขนิษฐา



   “เหตุผลอะไรเพคะ” เมื่อถูกจับจ้องมากเข้า องค์หญิงอรุณาก็เริ่มพาลด้วยน้ำเสียง



   “เหตุผลของเขาคือเจ้า…เขารู้ว่าตามกฎมณเฑียรบาล เจ้าจะต้องได้ครองราชย์ แต่การครองราชย์ของเจ้าจะมีปัญหาถ้าหากเขาเก่งเกินไป มีความรู้มากเกินไป และถูกสนับสนุนมากเกินไป เจ้าก็รู้อรุณา สนธยาออกเรือไปกับพวกทหารตั้งแต่อายุยังไม่เต็มสิบ เขารู้จักนายทหารแทบทุกคนในกองทัพ ยิ่งในทัพเรือ เขาสนิทสนมแม้กระทั่งกับทหารกางใบเรือเสียด้วยซ้ำ เขามองออก ว่าหากเขาเก่งกว่านี้ คนในทัพเรือจะต้องสนับสนุนเขาให้ขึ้นครองราชย์แทนเจ้า ตัวแม่แม้จะเป็นราชินี แต่ไม่ได้ความว่ามีสิทธิ์เด็ดขาดทั้งปวง หากพวกทหารทั้งหลายจริงจังกับการเสนอชื่อสนธยา กฎมณเฑียรบาลที่มีอยู่ก็กลายเป็นกระดาษแผ่นเดียวที่ฉีกขาดได้ทุกเมื่อ”



   …หมายความว่าที่สนธยา ‘ขี้เกียจ’ เป็นเพราะต้องการหลีกทางและลดแรงปะทะที่จะเกิดขึ้นกับพระองค์อย่างนั้นหรือ…องค์หญิงอรุณาทรงเม้มโอษฐ์แน่นอย่างอัดอั้น ความแค้น ความรังเกียจ ความเกลียดชังที่บ่มเพาะในพระทัยมาตั้งแต่ยังเล็กนั้นแม้จะสั่นไหวอย่างน่าประหลาด แต่เพราะมันตกผลึกมานานจนจับตัวเป็นก้อนแข็งๆในดวงพระทัย แค่เพียงไม่กี่ประโยคของผู้เป็นพระมารดาจึงไม่อาจทำลายความรู้สึกเหล่านั้นได้



   …ไม่ว่าอย่างไร สนธยาก็คือมารขวางบัลลังก์ของพระองค์อยู่ดี!!...



   ราชินีวารีวาททรงจับจ้องพักตร์ของธิดา ทว่าสุดท้ายก็ต้องสิ้นหวังเมื่อพักตร์งามยังคงแข็งขืนราวกับไม่รับฟังความจริงข้อใดจากพระองค์ทั้งสิ้น…ทรงกระทำเมื่อสายไป ทรงทำให้อรุณารับรู้ช้าไปว่าพี่ชายของนางไม่ได้ตั้งใจเป็นหอกข้างแคร่อย่างเช่นทุกวันนี้…



   “สนธยาไม่เคยคิดจะแย่งใคร เขามีชีวิตในโลกของเขา ในมุมของเขา เขาพยายามแล้วที่จะไม่กล้ำกรายไปในโลกของเจ้า แต่เป็นเจ้าเองที่พยายามดึงเขาเข้าไปในวังวนความเกลียดชัง อรุณา…เจ้าคิดในดีเถอะ มีองค์ชายอาณาจักรไหนที่ยินยอมนำบรรณาการเป็นหอยตัวเดียวมาถวายอนันตราช เขามาทั้งๆที่เขารู้ว่าอาจจะจบชีวิตที่นี่ แต่เขาก็ยังมา ทางหนีทีไล่ของเขาเยอะแยะ เจ้าก็เห็นว่าพี่เจ้ากระโดกกระเดกอย่างกับอะไรดี แต่เขาก็รับผิดชอบหน้าที่จนเวลาสุดท้าย แล้วดูสิ…จากเคยเป็นองค์ชาย กลายเป็นต้องมาเป็นคนเลี้ยงหอยให้อนันตราช แล้วประเดี๋ยวก็จะกลายไปเป็นชายาในองค์ชายเตชินทร์ เจ้าดูชีวิตของพี่เจ้าเป็นตัวอย่างเถอะ ชีวิตคนเราไม่แน่นอน วันนี้เป็นอย่างนี้ พรุ่งนี้เป็นอีกอย่าง วันนี้เจ้าเป็นองค์หญิง วันหน้าเจ้าอาจจะเป็นราชินี แต่วันต่อไปเจ้าอาจถูกฆ่าตายบนบัลลังก์ก็ได้ เพราะฉะนั้น…ทำวันนี้ของเจ้าให้มีคนรัก ทำวันนี้ของเจ้าให้เป็นวันที่ดีของเจ้าและวันที่ดีของคนรอบข้าง อะไรที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็ปล่อยมันออกจากมือเจ้าบ้าง อยู่ให้มีคนรัก ไปให้มีคนคิดถึง ไม่ใช่อยู่อย่างเห็นแก่ตัว และไปอย่างที่มีแต่คนสาปแช่ง”



   สุดท้าย พระองค์ก็ตรัสได้เท่านี้ ราชินีวารีวาททรงไม่รู้ว่าโอวาทของพระองค์จะช่วยเยียวยาจิตใจของผู้เป็นธิดาได้สักเท่าไร แต่อย่างน้อยก็ยังได้ทำในสิ่งที่พระองค์ทรงไม่เคยได้ทำมาเลย นับตั้งแต่ให้กำเนิดบุตรธิดาทั้ง 5 คน



   …สำหรับอาณาจักรอื่น พระองค์คือราชินีมากเล่ห์และมารยา แต่สำหรับบุตรธิดาทั้ง 5 พระองค์กลับไม่สามารถใช้มารยาเหล่านั้นทำให้ทุกคนรักกันได้...ช่างน่าสมเพชเสียจริง



   “แม่จะแวะไปหาสนธยา เจ้าจะไปกับแม่ไหม”



   “หม่อมฉันอยากพักผ่อนเพคะ” องค์หญิงอรุณาทูลเสียงเรียบ หากแต่พักตร์ก้มต่ำไม่สบสายเนตรของผู้เป็นมารดา



   “ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจ เดินทางมาไกล เจ้าคงเหนื่อย ถ้าอย่างไรก็เจอกันอีกทีตอนมื้อค่ำเลยแล้วกัน” องค์หญิงอรุณาถวายบังคมลาเมื่อพระมารดาเสด็จออกจากตำหนักรับรองไปยังตำหนัก หากแต่เมื่อลับร่างของราชินีวาทแล้ว พระองค์ก็หมุนองค์เดินกลับเข้าตำหนักรับรองแล้วทรงเรียกหาคุณท้าวสุภาผู้รับใช้ทันที!





………………….





   “แหม้! ออกนอกหน้าไปไหม น้องพี่” องค์ชายเจษฎาผู้เป็นเชษฐาตรัสหยอกล้อเมื่อเสด็จเข้ามาในห้องเสวยในตำหนักหลวง ซึ่งในเย็นวันนี้จะถูกจัดเป็นห้องเสวยของสองราชสำนักอย่างสมุทราผู้เป็นอาคันตุกะและอนัตราชผู้เป็นเจ้าเมือง ซึ่งงานนี้จะปล่อยให้ห้องเครื่องของตำหนักจัดการแต่เพียงผู้เดียวไม่ได้ เนื่องจากเจ้ากรมวังอย่างองค์ชายเตชินทร์ไม่ทรงยินยอมจะอยู่เฉยๆ จึงเสด็จมาดูแลการเตรียมห้องด้วยพระองค์เอง



   “อย่างนี้เห็นทีราชินีวารีวาทคงทรงปลื้มพระทัย ว่าที่ลูกเขยถึงกับลงมาดูแลแม้กระทั่งการจัดห้องเสวยด้วยตัวเองเช่นนี้ แล้วนี่…องค์ชายสนธยาเล่า? นึกว่าจะช่วยกันกะหนุงกะหนิงเสียอีก”



   “เขากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เสด็จพี่”



   “คงจะรูปงามน่าดูชม เสื้อผ้าอาภรณ์ของเขา เจ้าเตรียมไว้ให้หรือยังล่ะ” คราวนี้คนเป็นน้องมีสีหน้ากรุ้มกริ่มก่อนตอบ



“ข้าเตรียมให้เขาตั้งแต่แรก ตั้งแต่ก่อนเขาจะมา เตรียมทุกอย่างตั้งแต่เสื้อผ้าไปจนถึงห้องหับที่เขาอยู่ เตียงที่เขานอน อาหารที่เขาทาน ข้าเตรียมไว้ล่วงหน้าตั้งนานสองนาน”



“แสดงว่าถูกใจเขามานานแล้ว?” องค์ชายเจษฎาทรงตั้งคำถาม และคำตอบที่ได้ก็มีเพียงรอยยิ้มกริ่มของอนุชา ซึ่งคาดเดาได้ในคำตอบว่าผู้เป็นน้องของพระองค์ผูกใจเอาไว้กับองค์ชายต่างแดนมานานนม



   “เจ้าถูกใจเขาเพราะเขางามใช่หรือไม่”



   “ไม่ใช่หรอก…” พอคิดถึงการพบกันครั้งแรกแล้ว องค์ชายเตชินทร์ก็นึกครึ้มในอุระทุกครั้งไป จึงได้อมยิ้มกรุ้มกริ่มเสียจนผู้เป็นพี่นึกหมั่นไส้นัก



   “ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเขาเก่ง”



   “เก่งหรือ? ขนาดปีนต้นไม้ยังตก ตอนแรกข้าคิดว่าข้าหลงเขาเพียงแค่อยากได้มาครอบครอง แต่ท่านเชื่อไหม วันที่ข้ารู้ว่าเขาตกต้นไม้ วันที่เขาไม่แยแสหอยตัวนั้นและตั้งท่าอยากจะกลับสมุทราเต็มแก่มันทำให้ข้ารู้ว่าข้าไม่ใช่แค่หลง แต่ข้าต้องการเขา อยากให้เขามาอยู่ข้างๆ ไม่ต้องพูดสิ่งใดก็ได้ จะนั่งหน้างิ้วหน้างอก็ได้ แต่ขอเพียงแค่ให้ข้าได้อยู่ใกล้ๆ ได้ทำอะไรให้เขาบ้าง แม้จะไม่อาจทำให้เขายิ้มได้อย่างที่คนอื่นทำ แต่ขอแค่เขาไม่เจ็บป่วย แค่เขาปลอดภัย ข้าก็พอใจแล้ว” คนฟังได้แต่มองหน้าน้องชาย ปกติแล้วองค์ชายเตชินทร์ไม่เคยเล่าเรื่องความรักความใคร่และความรู้สึกในหัวใจให้เขารับรู้มาก่อน แม้จะเป็นคนอ่อนโยนกับคนรอบข้าง แต่องค์ชายหนุ่มผู้เป็นรัชทายาทลำดับที่ 2 แห่งอนันตราชก็มักจะวางตัวอยู่เหินห่างกับความรักเสมอ



   ทว่า…ครั้งนี้…ครั้งนี้คนที่วางตัวเหินห่างกับความรัก ไม่สนใจแม้จะมีสตรีงามแห่งวังหลวงมาทอดสะพานอ้อยอิ่งให้ กลับออกปากเองว่าอยากได้ความสนใจจากองค์ชายอาณาจักใกล้เคียง ณ วันนี้ยังหลงขนาดหนักถึงเพียงนี้ หากวันที่ได้องค์ชายจากสมุทรามาเคียงกายมาถึงจริง พระองค์คงไม่ได้เห็นพักตร์น้องชายนอกตำหนักอิฐกระมังนี่!...



   “แล้วไปเจอกันที่ใด”



   “ที่สมุทรา ข้าหลงทาง ส่วนเขาก็แอบหนีออกจากวังมาเที่ยวพอดี เราบังเอิญเจอกัน เขาช่วยพาข้าไปส่งที่บ้านพัก และวันต่อมาก็อาสามาเป็นคนพาเที่ยว เขาพาข้าเที่ยวหลายวันเชียว แต่…เขาก็จำข้าไม่ได้”



   “จำไม่ได้? เจ้าเคยถามเขาแล้วหรือ?” อันที่จริง พวกอนันตราชและสมุทรานั้นไม่ได้หน้าตาเหมือนกันเลยสักนิด การที่คนของสมุทราเคยช่วยเหลือคนของอนันตราชถึงขั้นพาเที่ยวหลายวัน จะไม่มีความทรงจำติดอยู่ในหัวบ้างเลยหรือว่าคนที่ตัวเองพาเที่ยวนั้นมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร แล้วคนอย่างองค์ชายเตชินทร์แห่งอนันตราชก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ที่จะไม่น่าจดจำเสียหน่อย



   “ปีต่อมาข้ากลับไปอีกครั้ง ข้าพบเขา แต่…เขาไม่มีวี่แววว่าจะจำข้าได้เลย ซ้ำยังกำลังช่วยเหลือนักท่องเที่ยวคนอื่นพาเที่ยวเหมือนที่เคยทำกับข้า ข้าคิดว่าเพราะแบบนี้ เขาก็เลยลืมข้าง่ายดายเหลือเกิน” องค์ชายเจษฎาได้ฟังดังนั้นก็ได้แต่นึกสงสารน้องชายต่างมารดา เพราะดูเหมือนองค์ชายสนธยาแห่งสมุทราจะมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เสียจนไม่มีความรู้สึกเป็นพิเศษอันใดกับน้องชายของพระองค์เลย



   …แล้วจะทำเช่นไรดีทีนี้ หากเสกสมรสแล้ว เตชินทร์ยังคงวางตัวอยู่ในมุมอับ องค์ชายสนธยาจะทรงสนใจใยดีได้อย่างไรกัน…



   “องค์เตช แล้วเจ้าวางแผนเอาไว้บ้างรึยังว่าหลังเสกสมรสแล้ว จะทำการใดให้องค์ชายสนธยาหันมาสนใจเจ้า” คราวนี้องค์ชายเตชินทร์ได้แต่เงียบ ด้วยเพราะสิ่งที่พระองค์ดำริอยู่ตลอดเวลานับตั้งแต่องค์ชายสนธยาทรงตกต้นไม้เสียจนเจ็บเนื้อเจ็บตัวนั้น คือการที่พระองค์จะทำสิ่งใดให้อีกฝ่ายไม่เจ็บตัวและอยู่สบายอีกบ้าง ไม่ได้คาดหวังถึงความสนใจจากอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย



   “เงียบเช่นนี้แสดงว่าไม่ได้คิดล่ะสิ เจ้านี่หนา…อย่างนี้มีหวังได้อยู่ในซอกหลืบเขาไปจนตาย” พอถูกผู้เป็นพี่บ่นเช่นนี้ องค์ชายเตชินทร์ก็เริ่มตระหนักได้ว่าอาจจะไม่ได้รับการสนใจจริง หากยังเอาแต่คอยดูอย่างระมัดระวังเช่นนี้



   “เจ้าต้องลงมืออย่างจริงจังได้แล้ว จะได้เขามาเป็นชายาเลี้ยงหอยไปวันๆในตำหนัก หรืออยากได้เขามาเป็นชายาร่วมเตียงด้วย ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่ที่มือของเจ้าเท่านั้น” องค์ชายผู้น้องหันมองผู้ให้คำแนะนำด้วยสายเนตรที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง



   “แล้ว…แล้วข้าต้องเริ่มอย่างไรดี”

   

   “ก็เริ่มเสียแต่เย็นนี้ เจ้าต้องท่องเอาไว้ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป องค์ชายสนธยาจะเป็นว่าที่คู่หมายของเจ้า คู่หมายขององค์ชายก็คือสมบัติขององค์ชาย ข้ารู้ว่ามันไม่ง่ายแต่เจ้าต้องทำให้ชายากลายเป็นลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด ส่วนองค์หญิงอรุณา เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยเจ้าอีกแรง” สองพี่น้องแห่งราชสำนักสมุทราวางแผนหารือราวกับสมัยเด็กๆที่วางแผนกันเล่น

   

   …งานนี้ต้องเปลี่ยนคนที่จะมาเป็นชายาซึ่งดูท่าแล้วจะทำแค่ภารกิจเลี้ยงหอยไปวันๆ ให้กลายเป็นชายาเคียงบ่าเคียงไหล่ให้จงได้! เพราะเดิมพันนี้…องค์ชายรัชทายาทแห่งอนันตราชทรงวางหัวใจตัวเองเป็นเดิมพัน!!!





ติดตามตอนต่อไป



สองสัปดาห์ก็พิมพ์ไม่ทัน T^T ขอโทษมากๆนะคะ

พอพิมพ์อันนี้ได้นิดหน่อย ก็คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ แล้วพอไปพิมพ์อันอื่นก็ลืมพิมพ์อันนี้ต่อ =.=

กว่าจะเข็นออกมาได้ แทบตายจริงๆค่ะ T^T

เพราะงั้น…ภายในอาทิตย์หน้า จะเอาต้นเหตุที่ทำให้พิมพ์เรื่องนี้ไม่ทันมาลงแล้วกันนะคะ

ขอบคุณคนอาน คนเม้นท์ คนรคิดถึง และทุกกำลังใจนะคะ ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2013 20:04:19 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
โอ้
วางแผนกันเสีบดิบดีนะสองพี่น้อง 555
เราจะมารอดูผลของการวางแผนนี่ว่าจะออกมาเป็นยังไง
ขอบคุณคุณบัวที่แต่งมาลงด้วยนะคะ

@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
จะแต่งงานกันแล้วเว้ย  ฮิฮิ  อรุณานี่ก็ไม่รู้จะชั่วอะไรนักหนาเนอะ  นางคงเป็นบัวเหล่าสุดท้ายแล้วมั๊ง  บัวใต้ตมนะ  ไม่ยอมรับฟังอะไรเลย  ฟังหูซ้ายออกหูขวา อคติเหลือเกินนะ ชอบองค์ราชินีกับประโยคที่บอกว่าเจ้าเล่ห์กันคนอื่นแต่กับลูกตัวเองใช้ไม่ได้  สงสารนางเนอะ  อ้อพี่บัวคัฟ  คำว่า'เสกสมรส'ในเรื่องนี่  ใช้ให้มันเพราะๆเฉยๆใช่มั๊ย  รอตอนต่อไปนะคัฟพีบัว ขอบคุณคัฟ^^

ออฟไลน์ Kaame

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
องค์เตชชช ทำให้องค์สนหลงไปเลย คึคึ
องค์เตชน่ารักเกิน  :-[ :-[

ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
คิดถึงองค์สนกับเตชมากในที่สุดก็มา   :กอด1:

ขอให้แผนสำเร็จทีเถอะ สงสารองค์เตช องค์เตช สู้ๆ  :hao5:

รอตอนต่อไปค่ะ  :L2: :กอด1: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
สู้ๆนะองค์เตช

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sine_saki

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
โอ้ รอเรื่องนี้อยู่เลยจ้า
เมื่อไหร่องค์ชายทั้งสองจะอิ๊อ๊ะปาจิงโกะกันเสียทีนะ
รวบรัดตัดตอนเลยองค์เต

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
องค์เตชกับองค์เจษนี่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ^^
อรุณาก็คงเกินกว่าจะเยียวยากับความอิจฉาที่มีต่อพี่ชาย เฮ้อ!

ตั้งหน้าตั้งตารอสาเหตุที่ทำให้คุณบัวพิมพ์เรื่องนี้ช้าค่า  :กอด1:

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
ทำให้ได้นะ องค์เตช

 o18 o18

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
สองศรีพี่น้อง เข้าขากันดีเชียว วางแผนเป็นฉากๆ
แล้วอย่างงี้องค์สนจะหนีไปไหนรอดหละเนี่ย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ชายาที่ตั้งท่าจะเลี้ยงหอยไปวันๆ ฮ่าอะ 555555

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
 :impress2:คุ้มค่าที่รอคอย

ออฟไลน์ jinjin283

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 934
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
>< คิดถึงองค์สนพอดีเลยคะ ฮ่าๆ
งานนี้ท่าทางองเตชจะเตรียมบุกแล้วอะ  สองพี่น้องช่วยกันวางแผนขนาดนี้
องค์สนเสร็จแน่ๆเลย

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
องค์เตชต้องหางานใหม่ให้ชายาทำนอกจากเลี้ยงหอยไปวัน ๆ
ไม่งั้นไม่ได้จุ๋งจิ๋งดุ๋งดิ๋งแน่ หรือจะหาข้ออ้างไปฮันนีมูนไกล ๆ

ส่วนหญิงอรุณาจิตใจชั่วร้ายเกินเยียวยา

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
สารภาพตามตรงว่า...ยังเม้นท์ไม่ออก
มีหลายช่วงที่น้ำตาซึม...จากท่านแม่และองค์เตช
เป็นความรู้สึกรักของทั้งคู่ที่มีต่อคนเดียวกัน...องค์สน

เดี๋ยวอ่านเก็บอีกทีแล้วจะมาบอกต่อ... ^^

ออฟไลน์ followme

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-2
เด๋วนี้ไม่ได้ตามนิยายของคุณ DeZair เลยค่ะ
เด๋วไปอ่านตอนแรกก่อนนะ เดวมาเม้น

------

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด