หมายเหตุ :: เนื้อหาไม่เหมือนเดิมกับ 60% แรกนะคะ พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย แนะนำว่าให้อ่านพาร์ทนี้ใหม่ตั้งแต่ต้น ตอนที่ 23 หลุด“พี่ช่วยนะครับ” เขาพูดเสียงพร่าพร้อมยิ้มน้อยๆ ผมขมวดคิ้ว ขยับมือออกจากการจับกุมนั้นแล้วก้มหน้าหลบ นัยน์ตาคู่นั้นมีประกายไหววูบแปลกๆ แต่ผมกลับต้องหน้าร้อนกว่าเดิมเมื่อสายตามันหยุดอยู่ที่ลอนคลื่นของกล้ามเนื้อหน้าท้องที่สะท้อนขึ้นลงตามระดับการหายใจเข้าออก กายท่อนล่างถูกพันด้วยผ้าขนหนูสีขาวที่ขมวดเป็นปมอย่างลวกๆ
“ช่วยอะไร” ผมขยับขาที่นั่งชันเข่าเข้ามาชิดกันกว่าเดิม รู้สึกอายหากเขามองเห็นมัน
“หึๆ” เสียงทุ้มหัวเราะแผ่วเบาก่อนผมจะเบิกตาโพลงเมื่อรู้สึกว่าร่างลอยขึ้นสูง!
พี่แซมช้อนตัวผมขึ้นในวงแขนก่อนจะวางลงบนโต๊ะเขียนหนังสือตัวใหญ่ ทันทีที่ตั้งหลักได้ ผมผวาจะหนี ทว่าแขนแกร่งสองข้างกลับท้าวลงบนโต๊ะกักผมไว้ในอนาเขตของตัวเอง ผมยกมือขึ้นดันหน้าเขาเมื่อใบหน้าคมคายโน้มต่ำเข้ามาใกล้ เขาหัวเราะในลำคอ หยุดชะงักจ้องผมในระยะประชิด
ผมกวาดตามองหาทางหนีทีไล่ เมื่อเริ่มรู้สึกถึงอันตราย เหลือบตาไปยังเตียงก็เห็นพี่ริวนอนหันหลังไม่ไหวติง มีผ้าห่มผืนหนาคลุมตั้งแต่ช่วงเอวลงไป เผยให้เห็นแผ่นหลังนวลเนียนที่มีรอยจ้ำสีแดงประปราย
ใครจะคิดว่าเวลาเพียงเสี้ยวนาทีที่ผมหันไปสนใจอย่างอื่น จะทำให้ผมตกเป็นรอง เมื่อมือหนาจับขาผมสองข้างยกขึ้นวางบนโต๊ะแล้วแยกออก ผมตาเบิกโพลง พยายามจะหุบขาเข้าหากันแต่ไม่เป็นผลเมื่อเขาดึงรั้งไว้ด้วยแรงที่มากกว่า
“อย่าดื้อน่า พี่จะช่วยเราไงครับ”
เสียงแหบพร่าพูดขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่หมายจะโน้มลงมากลางหว่างขา! มันทำให้ผมเสียววูบ แท่งเนื้อที่อยู่หว่างกลางยิ่งปวดหนึบเข้าไปใหญ่!
“ไม่เอา ไม่ให้ช่วย” ผมรีบพูด ยกก้นกระเถิบถอย มือที่ดันหน้าเขาไว้ยิ่งออกแรงมากกว่าเดิม นัยน์ตาคมละขึ้นมองสบตาผม ก่อนจะยอมปล่อยมือออกข้างหนึ่ง
การที่เขายอมผละจากง่ายๆ สร้างความแปลกใจให้ผมไม่น้อย แต่ความแปลกใจเกิดขึ้นได้ไม่นานเมื่อมือหนาอีกข้างที่วางบนต้นขาทำท่าจะเลื้อยขึ้นสูง ทำให้ผมรีบหุบขาเข้าหากันก่อนจะหนีบมือข้างนั้นไม่ให้ขยับได้!
เขาเจ้าเล่ห์ ไว้ใจไม่ได้!
“ทรมานไม่ใช่เหรอ? พี่จะช่วยไงครับ ไม่เจ็บหรอก”
“ไม่เอา ถ้าทำอะไรเรา เราจะฟ้องพี่ริว!”
เปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเสียใหม่เพื่อเว้นระยะห่าง ไม่เรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเหมือนเคยพร้อมกับยกพี่ริวเข้าขู่เผื่อเขาจะกลัว
..และดูเหมือนจะได้ผล
ผมนึกยิ้มในใจที่เห็นเขานิ่งไป แถมเขายังค่อยๆถอยห่างไปทีละนิด ท่าทางอย่างนั้นนั้นทำให้ผมตายใจละสองมือออกจากใบหน้าคม ก่อนจะใช้มันยันโต๊ะดันตัวกระเถิบหนี ทว่าชั่วขณะที่ผมไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าคมกลับโฉบเข้าใกล้ ลมหายใจร้อนรินรดแผ่นอกก่อนปลายลิ้นจะดูดดึงตุ่มไตผ่านเสื้อตัวบาง พลางใช้ฟันขบกัดจนผมสะท้าน สั่นไปทั้งตัว!
“อ๊ะ.. อึ่ก” ผมรีบกัดปากอย่างแรงเมื่อได้ยินเสียงร้องของตัวเอง เล็บจิกลงบนโต๊ะก่อนจะเปลี่ยนเป็นยกสองมือขึ้นกำกลุ่มผมหนาแล้วดึงออก แต่เขากลับขืนแรงไว้ ฟันคมยิ่งขบกัดหน้าอกผมแรงกว่าเดิม!!
ผมขยับขาจะเตะหน้าท้องแกร่ง ทว่าเขากลับรู้ทัน! เมื่อสองขาคลายแรงที่หนีบมือหนา เขาที่คอยท่าอยู่แล้ว ใช้จังหวะนั้นเคลื่อนมือขึ้นสูงแล้วบีบขย้ำตรงส่วนอ่อนไหว
“อ๊า!!” ลำตัวกระตุกอย่างแรงเมื่อความรู้สึกไม่คุ้นเคยปะทุขึ้นมา มือที่ดึงผมเขาเริ่มอ่อนแรงเหลือไว้เพียงการกำระบายอารมณ์ มือหนาข้างที่ว่างสอดเข้าใต้เสื้อก่อนจะขยี้ตุ่มไตอีกข้างพร้อมกับปากที่ทำหน้าที่ของมันไม่ได้หยุด ทั้งดูดดึง ขบกัด!
ตัวผมสั่นระริกแอ่นหน้าอกตอบรับทั้งมือและปากเขาโดยไม่รู้ตัว ยิ่งนาทีที่เขาเลิกเสื้อขึ้นสูงกองเหนืออกเหมือนอย่างที่ผมเคยเห็นเขาทำกับพี่ริวยิ่งทำให้ผมสะท้าน! ขนอ่อนลุกชันไปทั้งตัว ร่างทั้งร่างสั่นไหวเมื่อริมฝีปากเย็นชืดกดแนบลงมาบนผิวเนื้อตรงๆ พร้อมกับมือสองข้างของเขาที่ลดต่ำเร่งปลดกางเกงผม ดึงมันออกทางปลายเท้าพร้อมกางเกงชั้นใน
ท่อนล่างเย็นวาบเมื่อไม่มีสิ่งขวางกั้น นัยน์ตาสีดำโลมเลียจ้องส่วนชูชัน ผมหน้าร้อนจนแทบไหม้ ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัวด้วยน้ำใสรื้นขอบตาด้วยความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน!
“อ๊ะ.. ออก ฮึก.. ออกไป!!”
ผมผวา ทั้งผลักทั้งดิ้นเมื่อเขาดันผมจนหลังแนบลงกับพื้นโต๊ะแข็งกระด้างโดยที่ร่างสูงแทรกตัวเข้ามาตรงกลางหว่างขาของผมที่แยกกว้าง!
เผลอกลั้นหายใจโดยอัตโนมัติเมื่อหน้าท้องแกร่งเสียดสีกับส่วนอ่อนไหว มือกำกลุ่มผมหนาแน่นก่อนทั้งตัวจะกระตุกเกร็งเมื่อเขารัวปลายลิ้นเลียยอดอกสลับขบกัดจนเสียวกระสันต์ปานจะขาดใจ!
“ไม่.. ไม่เอา อื๊อ! ย..หยุด!” ผมหอบหายใจถี่ ละล่ำละลักพูดไม่เป็นคำ มือจิกเรือนผมยาวพยายามกระชากออก ฉับพลันดวงตาโบกโพลงด้วยความตระหนกเมื่อมือหยาบบีบเคล้นแก้มก้นก่อนจะลากสูงไล้นิ้วเขี่ยสะกิดตรงปากทางเข้า ผมยิ่งดิ้นหนักขึ้นต่อต้านเขาอย่างถึงที่สุด
“ฮึก!” น้ำตาไหลเป็นสายเมื่อเขากัดยอดอกจนเจ็บแปลบ!
“อย่าดื้อ..” เขาผละหน้าออกจากแผ่นอก นัยน์ตาลุ่มลึกสีดำสนิทมองสบตาผมอย่างราบเรียบ ก่อนลิ้นสีสดจะเลียวนขอบปากตัวเองแล้วแสยะยิ้มมุมปาก ปลายนิ้วเรียวค่อยๆขยับเขี่ยรอยจีบก่อนจะชำแรกเข้าไปผายใน!
ร่างทั้งร่างกระตุกเกร็งต่อต้านสิ่งแปลกปลอม มือผละจากกลุ่มผมสีดำเลื่อนจับแขนแกร่งแล้วจิกไว้แน่น!
“ไม่เอา.. กลัวแล้ว ฮึก.. อย่าทำ.. อ๊ะ!”
ปากอ้าค้าง สิ่งที่กำลังจะพ่นพูดถูกกลืนลงคอเมื่อนิ้วข้างนั้นดันเข้าไปจนสุด!
“ดี.. ทำหน้าแบบนั้น ดี... อา.. คิดไม่ผิดจริงๆ” น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบข้างหูก่อนจะแลบลิ้นเลียติ่งหูแล้วขบเม้ม นิ้วที่ค้างอยู่ภายในหมุนควานเป็นวงกลมก่อนจะกระชากออกแล้วจ่อสิ่งที่ใหญ่กว่าตรงปากทางเข้า! ผมเบิกตาโพลงกระเถิบตัวหนีสุดความสามารถ แต่กลับทำไม่ได้เมื่อมีมือหนาจับเอวผมรั้งไว้!
“ไม่เอา!!! ปล่อย!!!! ฮึก! พี่ริว... พี่ริว!!” ผมเกร็งไปทั้งตัว หวีดร้องสุดเสียงเมื่อสิ่งนั้นพยายามดันเข้ามาในตัว ทั้งมือและเท้าทุบตีเตะต่อยเขาไม่หยุด ทำทุกวิถีทางให้ตัวเองรอด!
เพล้ง!!!
ราวกับเวลารอบตัวหยุดชะงักหลังจากเสียงปริศนาดังขึ้น พี่แซมผละออกจากผมก่อนจะนิ่งค้างอยู่กับที่ นัยน์ตาฉายประกายกร้าว พลันหยดเลือดสีสดจะค่อยๆไหลจากศีรษะลงอาบใบหน้า มือหนายกขึ้นปาดของเหลวแดงฉานแล้วมองมันนิ่ง
ผมอาศัยจังหวะนั้นรีบลุกขึ้นจากโต๊ะ หยิบกางเกงมาสวมลวกๆ วิ่งหลบไปยืนมองห่างๆทั้งกอดตัวเองไว้แน่น
จากตรงนี้ผมมองเห็นพี่ริวยืนอยู่ด้านหลังพี่แซม ในมือถือแจกันกระเบื้องที่แตกเป็นเสี่ยง ตรงรอยแตกมีคราบเลือดเปรอะเปื้อน นัยน์ตาว่างเปล่าคู่นั้นมองมาที่ผมด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งเจ็บปวดระคนโล่งอก ทั้งตัวที่มีเพียงผ้าขนหนูพันกายท่อนล่างผูกเป็นปมไม่ให้มันหลุดร่วงลงพื้น ก่อนเขาจะหันกลับไปมองพี่แซมอีกครั้ง พลางกระชับแจกันในมือแน่นยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปใกล้แล้วฟาดมันลงบนโหนกแก้มอีกคนอย่างแรง!
ทว่าเคราะห์ยังดีที่พี่แซมไหวตัวหลบทัน จึงไม่โดนฟาดไปเต็มๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็โดนปลายแหลมตรงรอยแตกเฉี่ยวหน้าจนเลือดซิบ
ร่างสูงยกมือเช็ดคราบเลือดช้าๆ สีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรยามที่มองคราบเลือดบนปลายนิ้ว ใช่.. หน้าเขานิ่ง แต่นัยน์ตากลับดุดันราวฆาตกร!
บรรยากาศมาคุจนผมแทบหายใจไม่ออก หนาวเยือกไปทั้งสันหลังเมื่อเห็นท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือของคนทั้งสองที่ต่างก็ไม่มีใครยอมใคร แขนสองข้างยิ่งกอดตัวเองแน่นขึ้นพลางเม้มปากเข้าหากัน ผมไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้
“มึงทำมันทำไม!!!”
ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อความเงียบถูกทำลายลงด้วยเสียงตวาดลั่นของพี่ริว มือที่กำแจกันไว้เกร็งแน่นจนเส้นเลือดปูดนูน แววตาแค้นเคืองอย่างถึงที่สุด เขาหายใจเข้าออกแรงๆราวระงับอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่าน
“มึงรับปากกูแล้ว! แต่มึงก็ยังทำ!!.. มึงทำมันทำไม!!!”
เพล้ง!!
สิ้นเสียงพี่ริวก็ปาแจกันกระเบื้องใส่พี่แซมทันที ทว่ามันกลับลอยลิ่วปะทะกำแพงด้านหลัง คนขว้างขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอย่างเจ็บใจก่อนตัดสินใจกระโจนเข้าใส่ ถีบหน้าท้องเป็นลอนจนพี่แซมเสียหลักล้มหงายหลัง!
พี่ริวหายใจหอบ ตามไปคล่อมทับแล้วรัวหมัดต่อยใบหน้าคมคายไม่ยั้ง! พี่แซมขบฟันแน่นจนขึ้นเป็นสันนูน ยกมือป้องหัวไว้ไม่ให้กระทบกระเทือนบาดแผล
พี่ริวดูน่ากลัวเหมือนคนกำลังคลั่ง เขาหายใจแรงกว่าเดิม ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมาย สองมือพุ่งตรงไปกระชากเรือนผมสีเข้มแล้วกำไว้ก่อนจะยกหัวอีกคนลอยเหนือพื้นแล้วเขวี้ยงกระแทกพื้นดังปั้ก!
“ไอ้สัส!!” พี่แซมสบถหยาบ ใบหน้าถมึงทึง นัยน์ตาลุกโชนด้วยเปลวไฟ มือหนาจับข้อมือขาวบิดแรงอย่างไร้ความปราณี ก่อนมืออีกข้างจะยกสูงพุ่งบีบลำคอคนที่คล่อมตนอยู่แล้วพลิกร่างบางกดลงพื้น ตามไปคล่อมทับทันที โดยทิ้งน้ำหนักลงบนมือข้างที่กุมลำคอขาวอยู่เต็มกำลัง
พี่ริวไอโขลก ดิ้นทุรนทุราย ทั้งปากและจมูกสูดลมหายใจฟืดฟาดเสียงดัง พยายามตักตวงออกซิเจนเข้าปอดให้มากที่สุด มือสองข้างทั้งจิกและข่วนมือหนาไม่หยุด หวังจะให้ตัวเองรอดจากเงื้อมมือมัจจุราช แต่คนด้านบนกลับยังมีสีหน้าราบเรียบ มองดูเหยื่อในกำมือแล้วเหยียดยิ้มสมใจ
ผมที่มองภาพนั้นรู้สึกแน่นไปทั้งอก ตัวสั่นงั่นงกอย่างห้ามไม่อยู่ ความกลัวเข้าเกาะกุมจนแทบจะก้าวขาไม่ออก! ผมไม่ได้ถูกกระทำ แต่.. ผมกลับรู้สึกเหมือนผมกำลังถูกบีบคอไม่ต่างจากที่พี่ริวโดน! อึดอัด.. ทรมาน!!
น้ำร้อนไหลจากดวงตาลงอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่ พยายามบังคับขาสั่นๆให้เดินตรงไปข้างหน้า โดยที่สายตาก็กวาดมองหาสิ่งที่พอจะเป็นอาวุธได้ ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออก สมองสั่งการแค่ให้ช่วยพี่ริว... ผมต้องช่วย!
พลันสายตาหันไปเห็นไม้เบสบอลที่วางพิงกำแพงตั้งฉากกับพื้นอยู่ ผมไม่รอช้ารีบเข้าไปคว้ามันไว้ทันที มือสั่นๆสองข้างกอบกุมด้ามไม้กระชับแน่นแล้วพุ่งเข้าหาคนผมยาวแล้วฟาดลงบนแผ่นหลังกว้างเต็มแรง!
วินาทีนั้นราวกับความกลัวปลิวหายไป สิ่งที่ต้องทำคือช่วยพี่ริว ผมรู้แค่นั้น..
ผมสะอื้นจนตัวโยนเมื่อได้ยินเสียงร้องโอดครวญของเขา ยิ่งเขาร้องผมก็ยิ่งหลับหูหลับตาตีไม่ยั้ง! ลำตัวหนากระตุกเฮือกด้วยความเจ็บทุกครั้งที่ไม้หนาหนักฟาดลงไป มือหนาคลายออกจากลำคอขาว ก่อนใบหน้าคมคายจะหันมาจ้องผมเขม็ง ผมสะดุ้งสุดตัวแล้วเหวี่ยงไม้ฟาดอัดใส่ไหล่หนาทันทีด้วยความกลัว! ..กลัวว่าเขาจะมาเอาคืน! กลัว..
“อึ่ก.. โอ๊ยย!” ร่างหนาทรุดฮวบ ล้มทับตัวพี่ริวเต็มๆ เขานอนนิ่งไม่ไหวติง ในขณะที่พี่ริวรีบกอบโกยลมหายใจเข้าปอดอย่างตะกรุมตะกราม
ทุกอย่างรอบตัวกลับสู่สภาวะปกติอีกครั้ง ผมหอบหายใจตัวโยน ปล่อยไม้เบสบอลลงพื้น แล้วทรุดกายลงนั่งอย่างหมดแรง ทั้งตัวสั่นไหวมองภาพร่างหนาที่หายใจแผ่ว เรือนผมดำยาวทิ้งตัวลงปรกหน้า
เวลาผ่านไปสักครู่ใหญ่ๆ พี่ริวเหมือนจะเริ่มปรับตัวได้ เขาผลักร่างหนาออกไปให้พ้นตัวก่อนจะตะกายลุกขึ้น เขยิบมาหาผม
“...ไม่เป็นไร”
เขาปลอบผมเสียงพร่า ลำคอขาวแดงเถือกเต็มไปด้วยรอยนิ้วมือ สภาพพี่ริวย่ำแย่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยิ้มให้ผม
น้ำตาผมไหลลงมาอีกครั้ง สายตาที่มองคอพี่ริวเริ่มพร่ามัว แต่ก็ยังมองเห็นลางๆ อยากจะถามว่าเจ็บมากมั้ย แต่ลำคอมันตีบตันจนหาเส้นเสียงไม่เจอ ผมยกมือลูบไปตามรอยช้ำแผ่วเบา ทว่าทันทีที่นิ้วแตะลงไป พี่ริวก็สะดุ้งเฮือก นัยน์ตาฉายแววตระหนกพลันผงะถอยห่างจากมือผม ผมเองก็ตกใจรีบหดมือกลับแล้วบีบกันแน่น
“พี่ไม่เป็นอะไร ไม่ต้องห่วง” เขายิ้มให้ผมอีกครั้ง แล้วหันกลับไปมองร่างที่ยังนอนนิ่งไม่ไหวติง เลือดสีแดงสดไหลจากศีรษะย้อยลงมาจนถึงหน้าผากและข้างแก้ม
ผมกลืนน้ำลายหนืดๆลงคอ รู้สึกผิดที่ทำร้ายคนๆหนึ่งไปโดยขาดสติ
“หนี..”
เป็นคำเพียงพยางค์สั้นๆที่พี่ริวพูดขึ้น ก่อนจะรู้สึกได้ถึงฝ่ามือเย็นเฉียบที่เลื่อนมากุมมือผมไว้พลางลุกขึ้นยืน แล้วกระตุกมือผมหมายจะให้ลุกตาม
ผมลังเลไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
“แล้วเขา..”
ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยค ความเจ็บแปลบตรงข้อมือก็พุ่งปราดเล่นงานทันทีเมื่อพี่ริวเผลอบีบข้อมือผมแน่น
“ปล่อยให้มันตายอยู่ตรงนี้”
น้ำเสียงเย็นชาและนัยน์ตาดุดันอย่างที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นจากคนๆนี้ พี่ริวดูไม่ใช่คนที่มีจิตใจเลวร้ายและเย็นชา ตรงกันข้าม เขากลับดูอบอุ่นน่าเข้าหา ดูเป็นคนใจดีที่พร้อมจะช่วยเหลือคนได้ทุกเวลา ผมเชื่อ ว่าพี่ริวต้องเป็นคนที่ร่าเริงมากแน่ๆ แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร นัยน์ตาคู่นั้นถึงได้ว่างเปล่าและเศร้าโศกได้ขนาดนั้น แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกข้างในยังไง ผมก็ยังสัมผัสได้
เวลาที่ผมรู้สึกไม่ดี แค่เตอร์กอดผม ก็ทำให้ผมยิ้มได้ ความเศร้าหรือเรื่องที่ไม่สบายใจต่างๆก็พลันมลายหายไป เพราะงั้น ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอพี่ริว ผมถึงได้รู้สึกอยากกอดเขา อยากให้ใบหน้านี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ใช่ใบหน้าแบบในตอนนี้
พี่ริวก้มมองสภาพตัวเองอีกครั้งแล้วทอดถอนใจ ก่อนจะปล่อยมือผมแล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ถูกถอดทิ้งไว้บนพื้นมาใส่อย่างไม่รีบร้อน หลังจากที่จัดการตัวเองเรียบร้อยเขาก็เดินมาจับมือผมไว้อีกครั้ง แต่สายตาคู่นั้นกลับมองเลยไปด้านหลัง หยุดยังคนที่นอนหายใจรวยริน
ความรู้สึกผิดเกาะกุมจิตใจเมื่อเห็นสภาพพี่แซมชัดๆ เขาจะตายหรือเปล่า..
ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมแค่อยากจะช่วยพี่ริว.. ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายใคร
ผมบอกตัวเองซ้ำๆในใจ พยายามปัดความรู้สึกผิดออกจากหัว ผมแค่ช่วยพี่ริว.. แค่ช่วยพี่ริว
แรงกระตุกที่มือทำให้ผมลุกขึ้นยืน ก่อนจะลากขาอันหนักอึ้งราวถูกโซ่ตรวนหลายกิโลถ่วงเอาไว้เดินตามหลังอีกคน จวบจนถึงประตูหน้าห้อง ..เพียงแค่เห็นประตูทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าธรรมดา ก็ราวกับยันต์ชั้นดีที่ปัดเป่าความรู้สึกไม่ดีออกไปจากใจ ผมรู้สึกอุ่นวาบในใจ จนเก็บรอยยิ้มไว้ไม่อยู่ เพียงแค่นึกว่า ถ้าเปิดประตูบานนี้ ผมก็จะได้กลับบ้าน..
คนข้างตัวผมก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกัน มือคู่นั้นถึงได้เย็นเฉียบขนาดนี้
พี่ริวยื่นมืออีกข้างที่ไม่ได้จับมือผมไว้ไปเปิดประตู เขาบิดมันออกได้อย่างง่ายดายเหมือนมันไม่ได้ถูกล็อกไว้ ครั้นพอจะดันให้เปิดออกมันกลับไม่เปิดอย่างที่คิด! พี่ริวขมวดคิ้วเป็นปมกลางหน้าผากก่อนจะลองบิดประตูอีกครั้งพร้อมทั้งออกแรงดันไปด้วย แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเคย
บานประตูหนาหนักไม่ได้เขยื้อนเลยสักนิด!
มือขาวปล่อยจากมือผมก่อนจะใช้ตัวกระแทกประตูเต็มแรง โดยที่มือก็บิดลูกบิดจนเป็นระวิง
ยิ่งทำก็ยิ่งตอกย้ำให้รู้ถึงสภาพที่ไม่อาจดิ้นหนี ไม่ว่าจะทำยังไง มันก็เปิดไม่ได้!
“โธ่เว้ย!!” พี่ริวสบถดังลั่น ยกมือขยี้หัวอย่างอารมณ์เสียก่อนจะเตะประตูตรงหน้าแรงๆระบายอารมณ์
เขาปล่อยให้ผมยืนอยู่ตรงนั้น ก่อนจะเดินไปรอบห้องราวหาอะไรสักอย่างด้วยท่าทางร้อนรน ริมฝีปากขยับพร่ำพูดอะไรสักอย่างฟังไม่ได้ศัพท์ ใบหน้านั้นกลับมาเคร่งเครียดอีกครั้งอย่างคนไร้ทางออก
ผมเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าแผ่นหลังที่มองตามอยู่ตลอดเดินไปยังห้องครัว ผมรีบเดินตามไป ก็เห็นพี่ริวก้มๆเงยๆอยู่ตรงเคาท์เตอร์ทำอาหาร ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นว่าเขาถืออะไรในมือ..
มีด!
เขาไม่แม้แต่จะหันมามองผม กลับรีบเดินสวบๆตรงไปยังห้องๆเดิมที่ออกมา ผมรีบเดินตามไปด้วยสังหรณ์ใจแปลกๆ
“พี่ริว!” ผมร้องเรียกพร้อมทั้งรีบวิ่งไปจับแขนขาวรั้งไว้ ทำให้พี่ริวชะงักขาแล้วหันมามอง สีหน้านั้นราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกอะไรจนผมหวั่นใจ
“พี่จะทำอะไร” ผมบีบแขนเขาแรงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะผละจาก
เขาเงียบไปนาน ก่อนสีหน้านั้นจะคลายความตึงเครียดลงแล้วบิดแขนออกจากมือผม
“เคยได้ยินมั้ย ตีงูต้องตีให้ตาย” เขาพูดเนิบนาบ นัยน์ตาว่างเปล่า แต่ผมขนลุกซู่ด้วยนึกรู้ว่าอีกคนคิดจะทำอะไร “ถ้าเราไม่ฆ่ามัน มันจะฆ่าเรา เข้าใจมั้ย” ริมฝีปากบางยิ้มนิดๆ แล้วยกมือลูบผมของผมแผ่วเบา
ผมส่ายหน้าไม่เข้าใจ คิ้วขมวดเป็นปมกลางหน้าผาก
“ไม่ฆ่าได้มั้ย” ผมถามเสียงแผ่ว พี่ริวหลบสายตามองไปทางอื่น มือยิ่งกระชับด้ามมีดแน่นกว่าเดิม
เขาไม่ตอบอะไรแต่กลับหมุนกายเดินหายลับเข้าไปในห้อง ทำให้ผมต้องเร่งฝีเท้าตามไปติดๆ
หลังจากที่พี่ริวได้ยินเสียงฝีเท้าของผม เขาหันกลับมามองด้วยใบหน้าซีดเผือด ทั้งตัวสั่นเทา มือที่จับมีดไว้ก็เกร็งแน่น
เกิดอะไรขึ้น?
“หายไป.. มันหายไป!”
เขาหายใจเข้าออกรุนแรง ผมเองก็ตกใจ รีบถลันไปมองยังจุดที่เมื่อครู่ยังเห็นพี่แซมนอนหายใจพังพาบอยู่
ใช่.. เมื่อครู่เขายังอยู่ แต่ตอนนี้ไม่..
เขาหายไป!
ผมกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างลำบาก เหงื่อเย็นๆไหลซึมตามไรผม หัวใจกระหน่ำรัวไม่หยุด
ที่ตรงนั้นว่างเปล่า ทิ้งไว้เพียงคราบเลือดเป็นหย่อม ไม่มีแม้แต่รอยทางเลือดที่ทิ้งไว้ให้ตามไปหาต้นตอ แต่ผมแน่ใจว่าพี่แซมจะต้องอยู่ในห้องนี้ เพราะมันมีทางออกเพียงทางเดียว
เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหนีออกจากห้อง..
พี่ริวกระชับมีดในมือแน่นขึ้น แขนตั้งฉากระนาบกับพื้นแล้วชี้มีดกราดทั่วห้องอย่างระแวดระวังพร้อมทั้งเดินสำรวจไปทั่ว
ผมกอดตัวเองแน่น ก้าวขาเดินตามหลังพี่ริวอย่างกล้าๆกลัวๆ พี่ริวหยุดยืนห่างจากตู้เสื้อผ้าประมาณหนึ่งเมตร เขาหันมามองผม แล้วยกอีกมือขึ้นกลางอากาศเป็นเชิงบอกให้ผมอยู่กับที่ไม่ต้องตามมา ผมเบ้หน้าน้ำตาคลอ หัวใจลุ้นระทึกจนแทบจะทนไม่ไหว
มองตามแผ่นหลังอีกคนที่ขยับเข้าใกล้ตู้เสื้อผ้าก่อนจะเปิดมันออกอย่างระมัดระวังโดยที่อีกมือก็จ่อมีดพร้อมแทงทุกเมื่อ
ปัง!!
ผมสะดุ้งเฮือก หัวใจกระหน่ำรัวกว่าเดิมกับเสียงประตูตู้เสื้อผ้าที่พี่ริวเปิดออก ...มันว่างเปล่า พี่ริวหายใจเข้าออกช้าๆก่อนจะเปิดอีกบานพลันง้างมีดหมายจะแทง! ทว่าสิ่งที่พบไม่ต่างจากประตูครึ่งแรก…
ไม่มีพี่แซมในนั้น
!!!!!
พี่ริวยิ่งลนลานมากกว่าเดิม เหงื่อกาฬผุดพรายเต็มหน้าผาก เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผากก่อนจะตรงไปยังเตียงแล้วก้มดูใต้เตียงโล่งๆ แต่ก็ไม่พบ
ผมจิกเล็บลงฝ่ามือแรงๆ ใจเต้นระทึกทุกขณะพลางกวาดสายตาไปทั่วห้องก่อนจะหยุดชะงักตรงผ้าม่านที่ส่วนหนึ่งนูนเด่นมากกว่าส่วนอื่น ผมหน้าซีดเผือดด้วยนึกกลัวว่าสิ่งที่คิดจะเป็นจริง
พี่ริวหันมามองผมอีกครั้ง สีหน้ายุ่งเหยิง ดูเหมือนเขาจะเอะใจตรงจุดเดียวกับผม มีดในมือกระชับให้มั่นพร้อมกับสองขาที่ก้าวเดินตรงไปยังเป้าหมาย
เป็นอีกครั้งที่ผมถูกสั่งห้ามไม่ให้ตามไป..
สายตาของพี่ริวเวลาที่มองมา แม้มันจะว่างเปล่า แต่ผมกลับสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงที่ซ่อนอยู่ในนั้น
พี่ริวเดินเข้าไปใกล้ผ้าม่านตรงที่นูนออกมา มีดปลายแหลมล้อแสงไฟถูกชี้ออกไปในท่าเตรียมพร้อม ทว่าเหตุการณ์ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้น!! มันเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน! เมื่อสิ่งที่ซ่อนอยู่หลังผ้าม่านพุ่งเข้ากระแทกช่วงท้องพี่ริวเต็มแรง ทำให้ร่างบางล้มฟุบลงกับพื้น! มีดที่ถืออยู่หลุดออกจากมือตกลงบนพื้นข้างๆตัว!!
เป็นอย่างที่คิด ไม่ผิดแน่! พี่แซมอยู่หลังม่าน!!!
จังหวะที่พี่ริวพยายามยันตัวลุกขึ้นนั้น ชายร่างสูงผมหยักศกที่ยาวถึงกลางหลังก็เดินออกมาจากหลังผ้าม่านช้าๆ พร้อมด้วยเชือกเส้นเล็กที่เป็นสายสำหรับสาวเปิด-ปิดผ้าม่านในมือ
เขาย่างสามขุมเดินเข้ามาหาอีกคนที่หน้าเผือดสี พยายามเอื้อมมืดสุดแขนจะหยิบอาวุธหนึ่งเดียวให้กลับมาในครอบครอง แต่ไม่.. ไม่สำเร็จ!!
ผมเบิกตากว้าง ใจตกไปที่ตาตุ่มเมื่อเท้าเปลือยสีซีดเหยียบข้อมือบางอย่างแรงก่อนจะบดขยี้ลงกับพื้น!
“โอ๊ยยย!!!” พี่ริวโอดครวญ มือข้างนั้นพยายามขยับจะให้หลุดจากใต้ฝ่าเท้า แต่ไม่สำเร็จ พี่ริวจึงใช้มืออีกข้างเอี้ยวไปจะหยิบมีดที่อีกนิดเดียวก็จะถึงอยู่แล้ว อีกเพียงแค่ฝ่ามือเดียว!
เพี๊ยะ!!!
พี่แซมฟาดหลังมือใส่ใบหน้าขาวเต็มแรงก่อนจะกำเส้นผมแล้วกระชากจนหน้าหงาย
“กล้ามากนะ ที่คิดแข็งข้อกับคนอย่างกู”
เสียงทุ้มกระซิบลอดไรฟัน ริมฝีปากแสยะยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับมือที่จิกหนังหัวแรงกว่าเดิม พี่ริวหายใจเข้าออกถี่รัว เขาไม่ดิ้น ไม่ต่อต้าน เพราะรู้ว่าต่อให้ดิ้นรนยังไงก็ไม่มีวันหนีพ้น ท่าทางนิ่งเฉยแบบนั้นดูเหมือนจะทำให้พี่แซมตบะแตก มือหนาเหวี่ยงร่างพี่ริวลงบนพื้นก่อนจะตามไปคล่อมทับ สองมือดึงเชือกให้ตึงก่อนจะใช้มันรัดคอคนใต้ร่างแล้วค่อยๆดึงจนตอนนี้มันแนบติดกับลำคอขาว แล้วค่อยๆกินเนื้อไปทีละนิด
ผมตาเบิกโพลง เมื่อเห็นว่าพี่ริวหายใจติดขัด สมองเริ่มรวนคิดอะไรไม่ออก น้ำตาไหลพรากอย่างห้ามไม่อยู่ ทว่าขณะที่กำลังจะวิ่งเข้าไปช่วย เสียงทุ้มกลับตะโกนแทรกพร้อมทั้งนัยน์ตาดุจัดที่ตวัดมามอง
“อย่าเข้ามา! ไม่งั้นกูจะฆ่ามันให้ตาย!!”
เพียงคำขู่แค่นั้นก็ทำให้ขาทั้งสองหยุดชะงักอยู่กับที่ ราวก้าวไม่ออกคล้ายถูกตะปูตอกยึดไว้กับพื้น!
“ย..อย่าฆ่าพี่ริว!!!” ผมได้แต่ร้องบอกเสียงสั่น หัวคิดอะไรไม่ออก กลัวว่าพี่แซมจะทำจริงๆหากผมเข้าไป
ผมไม่รู้ ทางเลือกมีน้อยเกินไป
หากขัดขืน.. นั่นหมายถึงความตาย! แต่ผมก็ไม่รู้ ว่าถ้าผมทำตาม เขาจะรับปากอย่างที่ลั่นวาจาไว้หรือเปล่า..
ไม่รู้...
“อึ่ก!! หนี.. หนีไป!”
พี่ริวเค้นเสียงพูดอย่างยากลำบาก ลำตัวบิดพลิ้วดิ้นรนอย่างทรมาน นัยน์ตาเริ่มแดงก่ำเนื่องจากเลือดคั่งหันมามองผม อีกทั้งใบหน้านั้นขาวซีดราวกระดาษ
ผมส่ายหน้าทั้งน้ำตาเต็มสองข้างแก้ม ไม่ไป.. จะไม่ไปไหนทั้งนั้น!
“ห่วงจริงๆนะเด็กคนนี้น่ะ”
ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงทุ้มแทรกขึ้น มือหนาค่อยๆคลายเชือกที่รัดรอบคอขาวออกก่อนจะโยนมันทิ้ง แต่กายสูงใหญ่ยังไม่ผละไปไหน ยังคงคล่อมทับร่างบาง ผมที่เห็นอย่างนั้นก็เข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง
รอดแล้ว.. รอดแล้วใช่มั้ย
ผมจับจ้องภาพตรงหน้าไม่ละสายตา กลัวว่าพี่แซมจะหยิบเชือกหรือมีดขึ้นมาอีก.. แต่เปล่า เขากลับใช้ปลายนิ้วลูบรอยเชือกเล็กๆตรงลำคอขาวแผ่วเบาก่อนแสยะยิ้มแล้วกดหน้าลงต่ำ แลบลิ้นเลียรอยรัดสีแดงคั่งเลือด พี่ริวหลับตาแน่นพยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่ไม่สำเร็จ
พี่แซมหัวเราะแผ่วในลำคอก่อนจะผละหน้าออกแล้วมองใบหน้าเผือดสีของร่างข้างใต้ พลางยกมือขึ้นไล้ข้างแก้มแล้วพูดขึ้น
“คุณเชื่อมั้ย ตั้งแต่มีคุณเข้ามาในชีวิต ..ผมไม่เคยเบื่อเลย” พี่แซมยิ้มนิดๆ ก่อนจะพูดต่อ “ผมชอบสีหน้าของคุณในตอนนี้นะ แต่ผมอยากเห็นมากกว่านี้...” เขาหยุดพูดชั่วครู่ ปลายนิ้วลูบริมฝีปากบางแผ่วเบา ก่อนจะเหลือบสายตามองมาที่ผม ซึ่งผมก็ก้มหน้าเสตามองไปทางอื่นแทบจะทันที เผลอจิกเล็บลงบนหัวเข่าอย่างแรงด้วยบรรยากาศกดดันที่แผ่ขยายไปรอบบริเวณ
“สาเหตุที่คุณฆ่าตัวตาย ผมรู้แล้วนะว่ามันมาจากอะไร.. และผมจะเป็นคนรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีกครั้ง”
ทันทีที่พูดจบ ดวงตาเรียวก็เบิกกว้างด้วยความตระหนก น้ำใสไร้สีหยดลงจากหางตาอย่างไม่อาจต้านทานพลันผินหน้ามองมาที่ผมด้วยนัยน์ตาหวาดหวั่น
_________________________________________________
TALK ::
เย้ ...และแล้วก็เต็มร้อย 55 ส่วนพาร์ทหน้านั้น ...มันกำลังจะมา จะไม่ให้รอนานเหมือนครั้งที่แล้วแล้วนะ
โอ๋ๆ ขอโทษนะคะที่ปล่อยให้รอนาน ไม่โกรธนะๆ
ใครอยากรู้จักน้องริวมากขึ้นก็ตามไปอ่านกันได้ที่นี่เลย
REVENGE ->
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38217.0นำเสนอฟุดๆ
ขอบคุณเม้นท์ทุกเม้นท์ และทุกกำลังใจ ทุกการรอคอย และทุกการทวงมากๆเลยน้า ดีใจอ่ะ มีคนทวงด้วย
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ
นี่ค่ะ FANPAGE ---> NNEW ffy ไปถูกใจแล้วแวะเข้าไปพูดคุยกันนะ
PS. คิดถึงๆๆๆๆๆๆ PS. รักนักอ่าน ชุ้บๆ