พิมพ์หน้านี้ - #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: NNEW33 ที่ 17-05-2013 14:19:01

หัวข้อ: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 17-05-2013 14:19:01
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
============================================================
เปิดเรื่อง 17/5/56



บทนำ



...ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย หากถูกข่มขืน ก็ไม่มีอะไรเสียหาย ไม่ท้อง ไม่มีปัญหาตามมาทีหลังเหมือนผู้หญิง

ใช่ครับ ไม่มีอะไรเสีย มีแต่ความนับถือ ความไว้เนื้อเชื่อใจที่ถูกทำลายลง

ผมไม่อาจหายใจร่วมกับมันได้อีก

ของที่เสียไปแล้ว ทำยังไงก็ไม่มีวันเหมือนเดิม

และเมื่อเสียไปแล้ว ถ้าจะเสียอีกครั้งจะเป็นไรไป  จริงมั้ยล่ะครับ?

 


ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่ผมยืนอยู่ตรงนี้  จากฟ้าที่เคยเป็นสีส้มๆตอนนี้กลายเป็นสีดำสนิทแล้วครับ  ท้องฟ้าในเมืองแทบจะมองไม่เห็นดาวเลยสักดวง เห็นแต่ดาวบนดิน ระยิบระยับเต็มท้องถนนไปหมด  ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อจะดูเวลา  อืม.. จะห้าทุ่มแล้ว ..ไม่มีสายโทรเข้าสักสาย  ผมยิ้มบางๆก่อนจะกดปิดเครื่องแล้วเก็บมันไว้ที่เดิม

ผมเคยชอบที่จะเดินเล่นริมฟุตบาทในตอนกลางคืน มันไม่ร้อน และรู้สึกผ่อนคลาย

สิ่งที่ผมเคยชอบทำ ตอนนี้ผมกลับไม่รู้สึกอย่างนั้น .. ตอนนี้มันโดดเดี่ยวชอบกล

มองดูผู้คนที่เดินผ่านหน้าผมคนแล้วคนเล่า ผมกำลังตั้งคำถามในใจว่าผู้คนเหล่านี้ จะรู้สึกเหงาเหมือนที่ผมกำลังรู้สึกหรือเปล่า? ว้าเหว่ทั้งๆที่มีคนอยู่รอบตัว

แม้จะดึกแค่ไหนแต่เสียงรถที่วิ่งสวนไปมาก็ยังเด่นชัดในโสตประสาท จมูกผมเริ่มจะชินกับกลิ่นท่อไอเสีย

ผมรู้สึกเมื่อยขา แต่ตรงนี้ไม่มีที่สำหรับนั่ง ถึงจะมี  ผมก็ไม่คิดนั่ง เพราะถ้านั่งแล้ว คนคงมองเห็นไม่ชัด

ลมเย็นๆพัดมาปะทะร่าง ผมที่เริ่มยาวปลิวมาปิดตาทำให้ผมมองภาพตรงหน้าไม่ชัด และผมไม่คิดจะปัดมันออก  ผมยิ้มให้กับโชคชะตา หลุบตาลงมองกระดาษที่ห้อยคอไว้

บนกระดาษสีขาวที่มีข้อความเขียนไว้ว่า “FREE SEX”

หึ คงมีหลายคนอยากจะถามผม ทำไมถึงคิดทำเรื่องบ้าๆแบบนี้.. ก็แค่อยากทำ นั่นล่ะคือคำตอบ

ผู้คนที่เดินผ่านผมพอเห็นข้อความนี้ต่างก็พากันมองเหมือนเห็นตัวประหลาด คนเหล่านั้นต่างเดินเลี่ยงผมไปอีกทาง ถ้าทำได้ พวกเขาคงไม่อยากแม้จะเฉียดกายเข้ามาใกล้ผมนัก  สาววัยทำงานคนหนึ่งเธอมองหน้าผมที มองป้ายที่ห้อยคอผมที เธอทำสีหน้าประหลาดก่อนจะหันไปเรียกเพื่อนตัวเองให้มองแล้วกระซิบกระซาบกันแล้วเดินจากไป.. ผมก้มหน้าลงต่ำ สายตามองปลายเท้าตัวเองก่อนจะแค่นยิ้มน้อยๆ

เชื่อเถอะครับ คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดอยากจะลากผมให้ไปกับพวกมัน ทำไมผมถึงคิดอย่างนั้นน่ะเหรอ? หึ  ดูอย่างผู้ชายคนนั้นสิ มองผมหัวจรดเท้า มองข้อความที่ผมเขียนแล้วยิ้มแปลกๆ แล้วที่สำคัญ มองตูดกูทำเหี้ยไร? แต่ก็อีกนั่นล่ะ แม้ความคิดมันจะเลวขนาดไหน มันก็คงไม่กล้าที่จะทำ มันคงแคร์สายตาคนรอบข้าง เพราะที่ที่ผมยืนอยู่คือฟุตบาทหน้าห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง

หืม?

ผมเลิกคิ้วมองรถที่ตบไฟเลี้ยวแล้วขับตรงมาที่ที่ผมยืนอยู่

ฟึ่บ!

ผมยกมือขึ้นมาบังตาโดยอัตโนมัติเมื่อเจ้าของรถแม่งตบไฟสูงสาดใส่หน้าผม แสงมันสว่างจ้า  มึนหัวครับ ตาพร่า สมองขาวโล่งเลย ผมยืนหลับตานิ่งให้สายตาปรับสภาพให้ทัน ดวงตาใต้เปลือกตาแลเห็นสีดำสีแดงสับเปลี่ยนไปมาชวนให้มึนหัว

ผมลดมือลงเมื่อแสงจ้าหายไป เงยหน้ามองรถที่มาจอดตรงหน้าผมพร้อมกับที่กระจกติดฟิล์มดำค่อยๆเลื่อนลง  แทนที่ผมจะสนใจมองเข้าไปในตัวรถว่าเขาเป็นใคร ผมกลับกวาดตามองไปรอบๆแทน

หึ  เป็นอย่างที่คิดครับ มีสายตาหลายคู่จ้องมองตรงมาที่ผมและรถปริศนาอย่างอยากรู้อยากเห็น ถ้าทำได้ พวกเขาคงจะมาชะโงกดูหน้าเจ้าของรถคันดังกล่าวแล้วล่ะครับ

“คุณครับ”

หืม.. ผมขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมองยังต้นเสียงที่ดังมาจากในรถนั่น ผมไม่คิดจะโน้มหน้าลงไปเพื่อที่จะได้เห็นหน้าเค้า แต่กลับเป็นเค้าที่ย้ายตัวยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างแล้วกวาดสายตามองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

ผมมองสบกับแว่นกันแดดสีชา  บ้าหรือเปล่า? มืดขนาดนี้ยังใส่แว่น

“ไม่เมื่อยหรือไง?” ผมยังยืนเฉย ขมวดคิ้วมองเขาคล้ายคนไม่เข้าใจในภาษา ปกติมันต้องเป็นชวนผมให้ขึ้นรถไปกับเขาไม่ใช่หรือไง?

ผมนิ่ง เขาก็นิ่ง ไม่ได้ตื้อผมเหมือนคนอื่นๆ

ผมไหวไหล่เล็กน้อย เปิดประตูรถก่อนทิ้งตัวลงนั่งหน้าข้างคนขับ คล้ายกับหูผมจะแว่วได้ยินเสียงหัวเราะจากอีกฝ่าย ผมเผลอจิกเล็บลงกับที่จับประตูเมื่อผมรู้สึกได้ว่า แก้มข้างขวาถูกสัมผัสจากอะไรบางอย่าง  อะไรบางอย่างที่นิ่มและหยุ่น

ริมฝีปาก? ผมถูกจูบแก้ม..

“หึๆ” อีกครั้งกับเสียงหัวเราะนั่น..

ผมลอบถอนหายใจก่อนจะปิดประตูรถเบาๆ สายตามองตรงไปข้างหน้าไม่คิดจะหันมองเจ้าของรถคนนี้

เขายังไม่ออกรถไปไหน ทำเพียงแค่เร่งเครื่องยนต์จนมันดังกระหึ่มไปรอบบริเวณ  ผู้คนต่างหันมามอง ไม่กี่อึดใจรถคันงามถูกกระชากตัวออกก่อนจะเบรกกะทันหัน! หน้าผากผมกระแทกกับคอลโซลหน้ารถดังปั่ก! เจ็บครับ เมื่อยกมือลูบตรงที่ถูกกระแทก ผมรู้สึกได้ว่าหัวมันโน

“หึๆ”

เส้นแม่งกระตุกหรือไง หัวเราะเหี้ยไรนักหนา ผมตวัดสายตาหันไปจ้องอีกฝ่ายเขม็ง ไม่รู้ผมคิดผิดหรือถูกที่ขึ้นรถมากับมัน

ไม่มีคำขอโทษออกจากปากอีกฝ่าย มันทำเพียงถอดแว่นกันแดดออกก่อนจะเหน็บไว้กับคอเสื้อ มันมองผมแล้วยิ้มให้

ผมไม่ชอบสายตานั่น มันเหมือนกับคนที่ถือไผ่เหนือกว่า

“ลืมแนะนำตัว พี่ชื่อจิมนะครับ” ทันทีที่พูดจบเจ้าของร่างสูงก็โฉบตัวเข้าใกล้ผมอย่างรวดเร็ว จมูกมันห่างจากแก้มผมไม่กี่เซนต์

ผมนั่งนิ่ง ..นาทีนั้น ผมรู้สึกสะดุดลมหายใจตัวเอง

คลิ๊ก

เสียงโลหะที่ถูกดันจนเข้าล็อก  มันคาดเบลล์ให้ผมเสร็จแล้วแต่มันยังไม่ผละตัวจากไป

ผมรู้สึกอึดอัดกับสายตาคู่นั้น ผมมองออกไปนอกกระจกรถ ขมวดคิ้วทันทีเมื่อรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นบริเวณแก้ม

“ขาดเข็มขัดไว้ จะได้ไม่เจ็บตัว”

ชัดเลยครับ.. รอบนี้ชัดเลย

ปลายนิ้วผมจิกลงกับกางเกงของตัวเองเมื่อข้างแก้มสัมผัสได้ถึงเรียวลิ้นที่ไล้เลียพร้อมดุนแก้มผมเบาๆ

เหี้ย..

อยากยกมือเช็ดครับ แต่ผมรู้สึกเหมือนกับมือมันหนักจนยกไม่ขึ้น

รู้สึกหายใจได้คล่องปอดยิ่งขึ้นเมื่ออีกฝ่ายถอยร่นตัวกลับไปประจำตำแหน่ง พร้อมกับรถที่ออกตัววิ่งไปข้างหน้า

ผมว่า.. ผมพลาดแล้วล่ะ ที่ขึ้นรถมากับมัน!




_________________________________________


สวัสดีค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยที่ได้ลงเล้าเป็ด ตื่นเต้นมากกกก 5555
อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงแนะนำกันได้เต็มที่เลยนะคะ
ฝากตัวด้วยค่ะะ : ))
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---บทนำ [17/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: viper7123 ที่ 17-05-2013 15:35:30
 น่าตื่นเต้นครับ....

ทำไมเจ้าตัวถึงอยากแขวนป้ายแบบนั้น ประชดใครอ่ะป่าว :hao4:

อยากรู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

มาต่อเร็วๆณ๊คัฟฟฟฟฟ......คนเขียน


รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :really2:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---บทนำ [17/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Yuthaiz2 ที่ 17-05-2013 18:39:54
ตามมาจากเด็กดีและแฟนเพจค่ะ ^____^
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---บทนำ [17/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 17-05-2013 21:55:37
ลุ้นๆๆๆพี่จิมคิดไรมากกว่าฟรีเซ็กปะคะ........
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่1 จิต [17/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 17-05-2013 23:38:51
ตอนที่ 1 จิต   

 รถคันงามจอดลงที่จอดวีไอพีของคอนโดหรูใจกลางเมือง ตั้งแต่ที่ขึ้นรถมากับมัน ผมกับมันยังไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยจนตอนนี้  ผมรู้แค่มันชื่อจิม ส่วนผมชื่อต้า ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ม.6 ครับ ช่วงนี้ชีวิตล่องลอย หลังจากที่สอบตรงผ่านและมีที่เรียนต่อแล้ว ผมก็ชิว

หลายครั้งที่ผมกลับบ้านดึกๆ หรือไม่กลับเลย แต่ทุกครั้งก็จะโทรบอกที่บ้านก่อนเสมอ พ่อกับแม่จะได้ไม่เป็นห่วง ผิดกันก็แต่ครั้งนี้ที่ผมไม่ได้บอกใครไว้ก่อน แต่พ่อกับแม่คงรู้แล้วล่ะว่าคืนนี้ผมคงไม่กลับบ้าน คงมีคนบอกพวกเขาแล้ว เหอะ

ทันทีที่รถดับ เจ้าของรถเปิดประตูลงแล้วเดินไปโดยไม่รอผม  ผมรีบลงจากรถแล้วเดินตามหลังร่างสูงทันที มันหยุดตรงหน้าลิฟต์ จิมมันไม่ได้หันมามองผมอย่างที่ผมนึกหวั่น  หากแต่เป็นผมที่ลอบมองแผ่นหลังมัน  ใส่ชุดสูทท่าทางดูภูมิฐาน แผ่นหลังกว้าง หากจะเทียบความสูง ผมสูงแค่ไหล่มันเอง ผมไม่ได้เตี้ยไปนะ ผมยังสูงได้อีกเยอะครับ ไม่แน่ว่าพอผมอายุเท่าคนตรงหน้า ผมอาจสูงกว่ามัน

ติ๊ง

ประตูลิฟต์เปิดออก มันเดินนำเข้าไปและผมเดินตาม มีเพียงเราสองคนเท่านั้น

เงียบครับ ทั้งผมและมัน  เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจ ตอนนี้ลักษณะท่าทางของมันตอนนี้แตกต่างกับที่ผมเจอมันเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้ามาก  จิมคนนั้นดูเจ้าเล่ห์จนไม่น่าไว้ใจ แต่จิมตรงหน้าผมนี้ มันดูมีมาด เหมือนนักธุรกิจ เงียบขรึม แทบจะเป็นคนละคนกันเลย  เอาเถอะครับ มันจะเป็นยังไงก็เรื่องของมัน ก็แค่คนที่ผ่านมาเจอกัน  มีเซ็กซ์กัน แล้วพรุ่งนี้ก็บอกลากัน

ผมมองชั้นที่มันกด 33 เหี้ยแม่ง.. จะสูงไปไหน  ผมไม่ชอบอยู่ชั้นสูงๆ ถึงแม้ว่าวิวมันจะดีกว่าชั้นล่างๆก็เถอะ เต็มที่สำหรับผม ผมขอแค่ชั้น3  คิดดูนะครับ หากวันหนึ่งไฟดับ ลิฟต์ใช้ไม่ได้ คุณจะทำยังไง? เดินขึ้นห้องเหรอ? ตายเถอะครับ 33เลยนะ ยอดมนุษย์ไปแล้ว

ตอนนี้ถึงชั้น 20 แล้วครับ ผมเหลือบมองคนที่ยืนเยื้องข้างหน้าผม มันเอาแต่มองโทรศัพท์ กดนู่นกดนี่ ผมไล่สายตาสำรวจโครงหน้าด้านข้างของมัน อืมม จมูกโด่ง ผมดำสนิท ตาก็สีดำ ริมฝีปากหนา

“มองอะไร?” มันถามทั้งๆที่ไม่เงยหน้าจากโทรศัพท์เครื่องนั้น ผมยักไหล่ก่อนจะเสตามองไปอีกทางเสียดื้อๆ สองมือล้วงลงกระเป๋ากางเกง ไม่สนที่จะตอบคำถามอีกฝ่าย

“ถามไม่ได้ยินเหรอไง?” ผมขมวดคิ้วกับแรงผลักที่ไหล่ ตวัดสายตามองไปเคืองๆ  เรื่องอะไรมาผลักไหล่ผม  หาเรื่องหรือไง?  กูได้ยินแต่กูไม่อยากคุยกับมึง!!

มันเดินเข้าประชิดตัวผมอย่างเร็วจนผมผงะถอยหลังหนีโดยอัตโนมัติ ผมขมวดคิ้วแน่น รู้สึกไม่ชอบกับการลุกไล่แบบนี้ ผมดันแผ่นอกมันไว้กะจะผลักออกไปไกลๆ แต่ดูท่าจะช้ากว่าอีกฝ่าย เพราะมันตวัดมือเกี่ยวเอวผมพร้อมกับออกแรงดึงจนส่วนล่างแนบชิดติดกัน

 “เฮ้ย!” ผมร้องอุทาน ตาเบิกกว้าง ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แม้จะเตรียมใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่กี่นาทีต่อจากนี้ไว้แล้ว แต่แบบนี้.. ผมว่ามันเร็วไปนะ! กูยังไม่ได้ตั้งตัวนะเฮ้ย!!

ติ๊ง

เสียงลิฟต์ดังขึ้นบอกว่ามาถึงชั้นที่ต้องการแล้ว ผมค่อยรู้สึกหายใจทั่วท้อง ก่อนที่มันจะผละจากไป ทันได้เห็นรอยยิ้มมุมปาก ดูเจ้าเล่ห์ชอบกล

ให้ตายเถอะ ผมไม่ชอบรอยยิ้มของมัน เสียงหัวเราะ และท่าทางของมันเลย

ผมเดินตามหลังร่างสูง ก่อนจะหยุดอยู่หน้าห้องๆหนึ่ง ทันทีที่ประตูห้องพักเปิดออก ร่างผมถูกโยนเข้าไปในนั้น ถูกโยนเหมือนหมูเหมือนหมา ผมหันขวับไปมองหน้ามันบอกให้มันรู้ว่าผมไม่พอใจที่ถูกทำแบบนี้  มันเพียงแค่ยิ้ม ร่างสูงคลายเน็คไทให้หลวม พับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นในขณะที่ค่อยๆเดินเข้ามาหาผมช้าๆ ตามันจ้องหน้าผมไม่วางตา

ผมที่ถูกไล่ต้อน เดินถอยหลังไปเรื่อยๆจนไม่สามารถถอยไปไหนได้อีกเมื่อน่องชนกับโซฟากลางห้อง

“หึ” มันหัวเราะคล้ายขบขัน มือหนาลูบผมของผมเบาๆ ในวินาทีที่ผมตายใจมันกลับกระชากเส้นผมของผมเต็มแรงจนหน้าหงาย

“โอ้ยย!” ผมยกมือขึ้นจับมือมัน พยายามแกะมือมันให้ปล่อยผม

“คืนนี้บริการพี่ดีๆนะครับ” มันก้มหน้าไล้ลิ้นเลียข้างแก้ม ผมขนลุกซู่ทั่วร่าง กวาดสายตามองไปทั่วห้อง พยายามมองหาสิ่งของที่พอจะเป็นอาวุธได้

“มองหาอะไร?” มือที่กำเส้นผมไว้ยิ่งกระชากแรงกว่าเดิมจนใบหน้าของผมเชิดหงายจนรู้สึกปวดขอ  หนังศีรษะเจ็บตึงไปหมด ผมปล่อยตัวตามแรงดึงของมัน หากยังดื้อดึงฝืนแรงผมของผมคงหลุดหมดหัว

“.....”  ผมยังคงนิ่งเงียบไม่ตอบคำถาม จ้องตามันนิ่งๆ งอขาก่อนจะถีบหน้าท้องมันเต็มแรง

และได้ผล ไอ้จิมถูกถีบจนเสียหลักล้มลงพื้น แต่ผมคงลืมไป ทำร้ายมันก็เหมือนทำร้ายตัวเอง  ผมหน้าเบ้ด้วยความเจ็บ หัวถูกกระชากให้ล้มตามไปจนร่างคล่อมทับร่างสูง

ไอ้จิมพลิกตัวขึ้นคล่อมตัวผม มือมันปล่อยจากเส้นผมก่อนใช้สองมือบีบลำคอผมสุดแรง สีหน้าดูเกรี้ยวกราดจนผมเสียวสันหลัง  ผมยกมือจับข้อมือหนาจิกเล็บไว้พยายามกระตุกข่วนให้มันปล่อยมือจากลำคอ

“เหี้ย ปล่อย.. อึ่ก ปล่อยกู!!” หางตาปริ่มไปด้วยน้ำใสๆ ผมดิ้นรนสุดแรง เริ่มหายใจไม่ออก  แรงที่มันบีบไม่ได้ลดน้อยลง มีแต่เพิ่มมากขึ้นทุกทีๆ

“กล้าทำร้ายกูเหรอ? กล้าเหรอ” ไอ้จิมละมือข้างหนึ่งจากลำคอที่ตอนนี้คงจะเป็นรอยนิ้วมือแดงปื้น มันหยิบมีดพับที่แขวนห้อยไว้กับกุญแจรถที่มันพกติดตัวตลอดขึ้นมา เป็นมีดพับอันเล็กๆ แต่ความคมของมันคงไม่ด้อยประสิทธิภาพไปกว่ามีดทั่วไป

มือหนากดปุ่มปลดล็อกโลหะในมือ ใบมีดดีดผึงสะท้อนแสงไฟ ผมตาเหลือก เล็บจิกข้อมือหนาแรงกว่าเดิม  พยายามตะกายตัวหนีจากเงื้อมมือมัจจุราช ผมยอมรับอย่างไม่อายเลย  ผมกลัวมัน..  ไอ้จิมปล่อยมือจากลำคอผมก่อนจะลูบเบาๆเมื่อเห็นว่าผิวขาวๆเต็มไปด้วยรอยนิ้วมือของตัวมันเอง

“กลัวเหรอ?” มันขยับมีดไล้บนแก้มผมเบามือ ผมเหล่ตามองตามมีดอย่างนึกหวั่น เหงื่อซึมออกมาตามไรผม ผิวโลหะเย็นเยียบของมีดทำให้ผมอดสั่นไม่ได้

“ถามไม่ตอบ ปากมีไว้ทำไม!” ดูเหมือนความอดทนของมันจะหมดลง มือหนาบีบคางผมเต็มแรงจนเจ็บร้าวไปหมด

“หรือจะเก็บเสียงไว้ครางให้พี่ฟังอย่างเดียวล่ะครับ?” เสียงทุ้มพูดเนิบๆแสยะยิ้มมุมปาก โทนเสียงของมันแตกต่างจากเมื่อกี้ลิบลับ อารมณ์มันเปลี่ยนเร็วเกินไป..  มันก้มหน้าลงต่ำ ปากหนากดลงบนปากผมเม้มและดูดเบาๆ ก่อนจะเงยหน้ามองดวงตาที่สั่นระริกของผม

ไอ้จิมมันดูหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง หน้าตาถมึงทึงเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง  มันจรดคมมีดลงบนลำคอ เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกหายใจไม่ออก ไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าหากขยับเพียงนิด คมมีดจะฝังลงมาในร่าง

ไอ้จิมใช้มีดกรีดเสื้อยืดผม พลางแหวกเสื้อให้พ้นตัว โชว์ผิวขาวๆให้เห็นได้ชัดเจน คิ้วเข้มเลิกขึ้น ดวงตาคมคู่นั้นไล่สายตามองตั้งแต่ลำคอ ไหปลาร้า หน้าอกก่อน เหยียดยิ้มหยันอย่างดูถูกในทันที

“หึ ไม่เบานี่ รอยเต็มตัวขนาดนี้” มันจ้องนิ่งตรงหัวนมที่แดงช้ำ มีทั้งรอยดูด รอยกัดมากมาย  ผมหลับตาแน่นกับคำพูดนั้น ไม่กล้ามองสบตามัน แค่สายตาที่มันมองมาเมื่อกี้ทำเอาผมรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่

“ข้างบนยังขนาดนี้ แล้วข้างล่างล่ะจะขนาดไหน” มันพูดพร้อมกับใช้นิ้วมือเขี่ยยอดอกแดงช้ำไปมา ผมกัดฟันแน่นยกมือจับมือข้างนั้นไว้ดึงให้ออกห่าง

“ทำไม? ให้ฟรีๆไม่ใช่หรือไง? หรือเกิดเปลี่ยนใจอยากได้เงิน?”

“พอ ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมจะกลับบ้าน” แม้การกลับบ้านจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมนึกถึงในตอนนี้  แต่สัญชาตญาณในตัวมันร้องบอกว่า ผมไม่ควรอยู่ใกล้คนๆนี้มากไปกว่านี้อีกแล้ว!

“เหรอ? เอางั้นเหรอ? ได้สิ” มันยักไหล่ลุกขึ้นยืนโยนมีดในมือทิ้งไปไกลๆ ใจผมเต้นรัว ไม่คิดว่ามันจะยอมง่ายดายขนาดนี้ สองมือรวบเสื้อที่ถูกกรีดจนขาด จับๆให้มันเข้ามาชิดกันเหมือนเดิม  ผมลุกขึ้นก้มหน้าก้มตาเร่งเท้าเดินไปที่ประตู  กลัวมันเปลี่ยนใจ

รู้สึกว่ามือมันสั่น ยามที่จับลูกบิด เมื่อประตูเปิดออก ผมไม่รอช้าที่จะเดินออกไป ทว่าผมกลับชนเข้ากับอะไรบางอย่าง และเป็นสิ่งนั้นที่ผลักผมอย่างแรงจนล้มก้นกระแทกพื้น

“จะรีบไปไหนล่ะครับ”

ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียงที่ยืนค้ำหัวอยู่หน้าประตูห้อง  ผู้ชายตัวสูงหัวสกินเฮด มีรอยสักตั้งแต่ข้อมือลากยาวไปถึงข้อศอก ใส่เสื้อกล้ามสีดำกับยีนส์ขาดๆสีซีด มันเดินมาหยุดตรงหน้าผม ก่อนจะนั่งยองๆ ใช้มือลูบแก้มผมแผ่วเบา

“เจ็บหรือเปล่า? ไม่น่ารีบร้อนขนาดนั้นเลย” มันลูบหัวผม เสียงฝีเท้าที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง เป็นไอ้จิม ริมฝีปากของมันปรากฏรอยยิ้ม ดวงตามันพราวระยับ

“มาช้าจังวะเหี้ยเซม” คนชื่อเซมมันยักไหล่  หันมายิ้มตาหยีให้ผม  รอยยิ้มมันสองคนไม่น่าไว้ใจพอกัน

“มัวแต่เตรียมของอยู่ว่ะ” มันเดาะลิ้นอย่างกวนตีน ตาไอ้เซมเวลามองผมดูเจ้าเล่ห์แฝงไปด้วยนัยยะไม่ต่างอะไรจากเพื่อนมัน

ผมพยายามลุกขึ้นยืน กัดฟันแน่น นิ่วหน้าด้วยความเจ็บตรงเบื้องล่าง เมื่อกี้ล้มก้นกระแทกพื้นจังๆ กระเทือนแผลเก่าที่ไอ้ระยำมันทำเอาไว้ ถึงจะเจ็บ แต่ผมก็ต้องพาตัวเองออกไปจากที่นี่ให้ได้ สัญชาติญาณผมมันร้องเตือนดังลั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“พี่ช่วยดีกว่านะครับ” ไอ้จิมที่อยู่ด้านหลังพูดพร้อมกับอุ้มผมพาดบ่า ก่อนจะเดินดุ่มตรงไปยังห้องนอน

“ปล่อยกู.. ไหนมึงบอกให้กูออกไปได้แล้วไง  ปล่อย!!!” ผมดิ้นรนตีขาเตะหน้าท้อง สองมือต่อยหลังมันสุดแรง

“เมื่อกี้น่ะปล่อย แต่มึงไม่ไป” ไอ้เหี้ย ใครว่ากูไม่ไป กูไปได้มั้ยล่ะสัส!! ร่างผมถูกโยนลงเตียงอย่างแรง ผมตะกายตัวขึ้นนั่ง พุ่งตัวไปทางซ้ายของเตียงคว้าโคมไฟมาถือไว้  ขนาดกำลังดีเหมาะมือ

“วางลงซะ” ดวงตาแข็งกร้าวจ้องตรงมาที่ผม ผมหันไปมองไอ้เซมที่มันเพิ่งเดินเข้ามา หน้าตามันดูไม่ทุกข์ร้อนอะไร ยังคงยิ้มระรื่นเหมือนเดิม

“ถ้ามึงเข้ามาใกล้กูอีกนิด หัวแตกแน่สัส!” ผมไม่ได้ขู่ ผมทำจริงแน่ ไอ้จิมเดินเข้ามาใกล้เหมือนไม่กลัวต่อคำพูดผม มือผมกระชับโคมไฟแน่นขึ้นพร้อมฟาดเต็มที่

“จุ๊ๆ อย่าใจร้อนสิครับ” ไอ้เซมที่เข้าประชิดตัวผมตอนไหนไม่รู้พูดกระซิบข้างหู  มันฟาดสันมือลงข้อมือผมอย่างแรงจนโคมไฟหลุดจากมือ

“ไอ้เหี้ย!” ผมคว้ามือมันไว้ก่อนจะกัดจนหน้าสั่น รับรูได้ถึงกลิ่นคาวเลือดที่คลุ้งอยู่ในปาก

“โอ้ยย! ไอ้เด็กเวร!!!” ไอ้เซมจิกหัวผม กระชากให้ออกห่างจากข้อมือมันแล้วเหวี่ยงผมลงกับเตียงก่อนจะตบหน้าอย่างแรงจนหน้าหัน

มึงเป็นใครมาตบหน้ากู ขนาดพ่อแม่กูยังไม่เคยตบกูเลยนะ!!!!

น้ำร้อนๆมันรื้นที่ขอบตา วินาทีนี้ผมคิดถึงครอบครัวขึ้นมาจับใจ คิดถึงแม้กระทั่งไอ้พี่เลว  ไม่อยากยอมรับ แต่ถ้าปาฏิหาริย์มีจริง ผมอยากให้มันมาช่วยผมตอนนี้

ผมถีบมันเต็มแรงตรงหน้าท้อง เหมือนมันไม่รู้สึกเจ็บมันแค่เซเล็กน้อยกับแรงถีบของผม ในจังหวะที่ผมกำลังจะต่อยหน้ามันข้อมือผมก็ถูกคว้าไว้โดยไอ้จิมที่มันเข้ามาทางด้านหลัง

แกร๊กก

ข้อมือข้างหนึ่งถูกล็อกด้วยกุญแจข้อมือตรึงไว้กับหัวเตียง  กระตุกยังไงก็ไม่หลุด  ผมหน้าซีด หนทางการหนีแทบเป็นไปไม่ได้ ผมมองไอ้จิมที่มันหยิบกระเป๋าใบหนึ่งขึ้นมา มันเปิดซิปก่อนจะเทของด้านในลงบนเตียง

“ไม่เลวนี่หว่า” มันหันไปยักคิ้ว ยิ้มกว้างกับไอ้เซม

เหงื่อเย็นๆ ไหลซึมออกมาตามหลังผมเต็มไปหมด มือเหนียวชื้นไปด้วยเหงื่อเมื่อผมเห็นของบนเตียงนั้นเต็มๆตา ดิลโด้หลายขนาด ตั้งแต่เล็กไปจนใหญ่ แส้ โซ่ ปลอกคอ เทียน ไวเบเตอร์ ไข่สั่น!!!!!!!

“พวกมึงมันโรคจิต!!!” ผมยิ่งกระตุกมือแรงขึ้นหวังจะหลุดไปจากพันธะนาการบ้าๆนี่ แต่ยิ่งทำก็ยิ่งเจ็บ มันไม่มีทีท่าจะหลุดง่ายๆ กุญแจนี่ของจริง!

“โรคจิตแล้วไง? มึงอย่าลืมสิ ว่ามึงเองที่ขึ้นรถมากับกู กูไม่ได้บังคับมึงเลยนะครับ หึๆ” มือหนาของไอ้จิมตบลงที่แก้มผมจนได้ยินเสียงแปะๆดังชัดเจน  ไอ้เซมขึ้นมาบนเตียง ดึงขาข้างหนึ่งผมไปก่อนจะใช้โซ่ล่ามที่ข้อเท้ากับมุมเสาปลายเตียงอีกด้าน ผมขยับขาจะดึงขากลับ แต่มันจับขาผมไว้แน่น เสียงโซ่ดังเสียดสีจนน่ารำคาญ

“อย่าดื้อเลยน่า เด็กใจแตกหนีออกจากบ้านมันต้องได้รับโทษ” ไอ้เซมพูดพร้อมกับใช้มือลูบขาผม มันก้มหน้าลงใช้ลิ้นเลียปลายเท้าลากยาวมาถึงต้นขา  ผมขนลุกซู่ด้วยความขยะแขยง ยิ่งมันสัมผัส ผมยิ่งคลื่นไส้! ผมใช้ตีนอีกข้างยันหน้าจนมันหน้าหงาย!!

ผมเหยียดยิ้มเมื่อได้ถีบหน้ามันเต็มๆ สะใจครับ

เพี้ยะ!!

ไอ้จิมตบหน้าผมอีกข้างอย่างแรงจนฟันกระทบกับแก้มเลือดกระจายในปาก มันคงโกรธที่ผมทำอย่างนั้นกับเพื่อนมัน  ผมมองมันอย่างอาฆาต ผมโดนตบหน้าสองครั้งแล้วนะ!  ผมดุนลิ้นกวาดเลือดในปาก ใช้มืออีกข้างวางบนบ่าไอ้จิมโน้มหน้ามันเข้ามาใกล้ๆ ไอ้จิมเลิกคิ้วนิดๆแต่ก็ยอมโน้มตัวลงตามแรงดึง

ถุยย!

คิดเหรอว่าผมจะยอมถูกมันทำฝ่ายเดียว ผมถุยน้ำลายใส่หน้ามันจังๆ ก่อนจะกระชากมันเข้ามาใกล้ๆแล้วกัดหูมันแรงๆ

ไอ้จิมกัดฟัดจนดังกรอดๆ เส้นเลือดที่ข้างขมับปูดนูน ก่อนจะต่อยท้องผมเต็มแรง ความเจ็บและจุกแล่นปรี่จนต้องงอตัวเข้าหากัน

“หาเรื่องใส่ตัวดีนักนะมึง” มือหนาของไอ้จิมยกขึ้นลูบหูตัวเอง สายตาที่มันมองมาที่ผมดูกราดเกรี้ยว ไอ้เซมผลักผมให้นอนราบไปกับเตียง เสียงโซ่ที่ดังตามการเคลื่อนไหวของผม ยิ่งตอกย้ำให้ผมรู้ถึงสภาพที่ไม่มีทางหนี

ถ้ารู้ว่าชีวิตแม่งจะบัดซบขนาดนี้ ผมคงไม่ทำเรื่องบ้าๆอย่างนั้น! 

“อยู่เฉยๆ อย่าขยับ!!” เสียงเข้มดุขึ้นเมื่อผมดิ้นไม่หยุด ไอ้เซมใช้มีดตัดกางเกงผมขาดก่อนจะตัดกางเกงใน มันยิ้มหื่นเลียปากล่างอย่างกระหาย ผมยกขาจะถีบหน้ามันแต่มันดันใช้มือจับไว้ได้ทัน

“ท่าสวย  อย่าใจร้อนสิครับ” มือข้างหนึ่งมันจับขาผมยกขึ้นสูง สายตามันมองสำรวจไปทั่ว มืออีกข้างของมันเริ่มสอดเข้ามาใต้เสื้อ ผมรีบใช้มือที่เหลือตะครุบจับมือไอ้เซมไว้ ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าไอ้จิมหายไป! กวาดตามองหามันเห็นมันกำลังเดินมาพอดี  มันนั่งลงปลายเตียง ยักคิ้วให้ผมเมื่อเห็นว่าผมกำลังมองมันอยู่

“จับไว้ดีๆนะเหี้ยเซม” ไอ้จิมมันยิ้มเล็กน้อย ชูของในมือให้ผมดู

ผมหน้าซีด สะบัดขาถีบไอ้เหี้ยเซม เล็บจิกแขนมันเต็มแรง ผมไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดไม่รู้ว่าไอ้ที่มันถืออยู่น่ะคืออะไร

ดิลโด้!!!!

“ไอ้เหี้ย ปล่อยกู กูจะกลับบ้าน ..ปล่อยกู!!” ผมยิ่งดิ้นหนักขึ้นเมื่อไอ้จิมขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ มือมันจับขาผมไว้แน่นช่วยกันกับไอ้เซม  ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างจ่ออยู่ที่ช่องทางด้านหลัง!!

 

_____________________________________________________


ดีใจมากมายมีเม้นท์ด้วย  :hao5:
นึกว่าจะแป้กไม่มีคนอ่านซะแล้ว 55555

เรื่องนี้ค่อนข้างดราม่านะคะ แล้วก็มีกฏการอ่านอยู่ข้อเดียว อย่าเพิ่งมองหาว่าใครคือพระเอกของเรื่องนี้ ขอให้อ่านไปเรื่อยๆค่ะ : )

ขอบคุณมากค่ะะะะ มีอะไรสามารถแนะนำได้เลยน้า อยากปรับปรุงข้อผิดพลาดค่ะ  พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

PS. Yuthaiz2  :กอด1: กอดๆ ตามมาด้วย
       
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่1 จิต [17/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 18-05-2013 18:52:19
ตอนที่2 ทรมาน


 “ดิ้นอีกสิ ดิ้นแรงๆ กูชอบ หึๆ” ไอ้จิมมันพูดพร้อมแสยะยิ้ม มือหนากระชับดิลโด้พลันกดส่วนหัวเข้ามาในช่องทางด้านหลัง

ผมสะดุ้งเฮือก ปล่อยมือจากแขนไอ้เซม ยื่นไปตรงหว่างขาตัวเองจับของเล่นนั่นยื้อไว้ไม่ให้มันกดเข้ามาได้อีก  ไอ้จิมแสยะยิ้ม มันโฉบหน้ากัดมือผมเต็มแรง

“โอ้ย! ไอ้เหี้ย” ผมสะบัดมือด้วยความเจ็บจนมือฟาดหัวมันโดยไม่ตั้งใจ ไอ้จิมถลึงตามองด้วยความกราดเกรี้ยว มันขย้ำก้นผมคล้ายเป็นการเอาคืน ไอ้เหี้ย!!!

ร่างผมชะงักกึกเมื่อไอ้เหี้ยจิมดันท่อนเนื้อปลอมเข้ามาจนสุดอย่างไร้ความปราณี ขาผมสั่นระริก ความเจ็บแล่นปราดคล้ายกับร่างกายกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง! แผลเก่าที่ยังไม่หายดีเมื่อถูกรุกรานอีกครั้งความเจ็บปวดยิ่งทวีคูณ! ผมหันหน้าหนีไปอีกทางไม่อยากมองการกระทำของพวกมันทั้งสอง น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้ ผมกัดปากแรงๆกลั้นเสียงร้อง ไม่อยากให้พวกมันรู้ถึงความเจ็บปวดที่ผมได้รับ

“เป็นไงล่ะ ดื้อดีนัก” เสียงทุ้มของไอ้เซมดังชิดริมหู ลิ้นร้อนดูดเลียใบหูผมพร้อมกับสอดมือเข้ามาใต้เสื้อ ปลายนิ้วบีบขยี้ยอดอกผมอย่างรุนแรง ขาผมที่ถูกจับไว้ปล่อยเป็นอิสระ ยังไม่ทันที่ผมจะได้ขยับขา ไอ้จิมกลับฉวยคว้าขาผมไว้พร้อมกับแบะอ้าออกกว้าง หน้าผมร้อนฉ่าเหมือนถูกไฟเผา รู้สึกอายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน รู้สึกเหมือนศักดิ์ศรีถูกเหยียบ!!

“อึ่ก... อย่า... พอ แล้ว” ผมยกมือขึ้นจิกหัวไอ้เซมกระชากแรงๆ นอกจากมันจะไม่มาตามแรงดึงแล้ว มันยังกัดซอกคอผมพร้อมกับใช้เล็บครูดหัวนมก่อนจิกไว้อย่างกับจะดึงมันให้หลุดจากฐาน

เคร้ง!! 

“เจ็บ...”  เผลอกระชากมือข้างที่ถูกคล้องกุญแจไว้อย่างลืมตัว แขนข้างนั้นสั่นระริก มันชาจนแทบจะไร้ความรู้สึก ในหูผมได้ยินเพียงเสียงหัวเราะของไอ้เซม มันจับแก้มผมไว้บังคับให้หันไปมองสบตา นัยน์ตามันฉายประกายหื่น ไฟราคะกำลังลุกโชติช่วงในนั้น ปากหนาบดจูบที่ปากผมอย่างตะกรุมตะกราม  ผมเปิดปากยอมให้มันสอดลิ้นเข้ามาโดยง่าย

 “โอ้ย!! ไอ้เด็กเวร!!!!”

เพี้ยะ!!

ไอ้เซมตบหน้าผมฉาดใหญ่ เมื่อผมกัดลิ้นมันทันทีที่มันสอดลิ้นเข้ามา ถ้ากัดแรงกว่านี้ รับรองว่าลิ้นมันขาดคาปากผมแน่! ถึงแม้จะเจ็บหน้าที่โดนตบ แต่ผมรู้สึกสะใจมากกว่า ผมเหยียดยิ้มมองไอ้เซมที่มันทำหน้าอย่างอยากจะฆ่าผมให้ตาย!!  ผมหน้าซีด  ไอ้เซมมันไม่ได้แค่คิด มันทำจริงเพราะมันคว้ามีดบนเตียงขึ้นมา!

เฮือก!!!

ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อไอ้จิมดึงดิลโด้ออกกะทันหัน มันปลดกางเกงมือชักว่าวสาวแก่นกายรัวเร็วจนมันแข็งโด่ชี้หน้าผม ไอ้เหี้ยนั่นแสยะยิ้มย่อตัวลงพร้อมกับช้อนมือเข้าใต้สะโพกผมแล้วยกขึ้น กดแก่นกายสวนเข้าไป

“อย่า... ไม่เอา!! ปล่อยกู..!!”

“ซี๊ดดดด อาาา.... แน่นชิบหาย!”

“อ๊า.. ปล่อยกู!!! ฮึก...”

มันไม่รอให้ผมปรับตัวขยับเอวกระแทกเข้าออกรุนแรงถี่ยิบ น้ำตาผมไหลอย่างยากที่จะกลั้นไว้ได้ ตัวผมสั่นสะเทือนตามจังหวะการกระแทก ผมหลับตาแน่นไม่อยากมองเห็นภาพตรงหน้า ทว่าเมื่อหลับตาประสาทสัมผัสที่เหลือกลับทำหน้าที่ได้ดีขึ้น ทั้งประสาทหูที่แว่วได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยัน เสียงครางแหบพร่าของไอ้เหี้ยที่กำลังกลัดมัน

จมูกได้กลิ่นเลือดคาวคลุ้งจนรู้สึกสะอิดสะเอียน ผมปรือตาขึ้นมองแต่มันมองไม่ชัด  ภาพตรงหน้าพร่ามัวเหลือเกินเมื่อน้ำตายังไหลไม่หยุด เห็นเพียงสีแดงฉานบนตัวผมและความรู้สึกเย็นๆเหมือนโลหะมาแนบแก้ม มันเหนียวเหนอะเหมือนเปรอะด้วยน้ำอะไรบางอย่าง ถ้าจะให้ผมเดา สิ่งที่แนบแก้มผมคงคือมีดในมือไอ้เซม กับเลือดของผม

“อ๊าาาา ห...หยุด ...........พอ... ปะ.. ปล่อย ฮึก กู  ไอ้...เหี้ย!!!” สิ้นคำผมไอ้เซมคว้าท่อนดิลโด้ที่เบิกช่องทางผมก่อนหน้ายัดเข้าปากผมแม่งกระแทกแรงจนส่วนปลายกระทุ้งเข้าคอหอย  ผมตาเหลือก หายใจติดขัด หูแว่วได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสาแก่ใจ หน้าไอ้เซมลอยอยู่ตรงหน้า มันตวัดลิ้นเลียนิ้วที่เปื้อนเลือดให้ผมดู ก่อนจะก้มหน้าลงเลียบาดแผลที่มันเพิ่งกรีดไว้ตรงยอดอก เสียงมันซู้ดปากเหมือนจะสูบเลือดผมให้หมดตัว ตัวผมแอ่นตามริมฝีปากมัน มันใช้มีดกรีดหัวนมอีกข้าง ร่างผมดิ้นพล่าน เหมือนหัวนมกำลังจะหลุดจากฐาน ฉับพลันลิ้นร้อนของมันดูดดุนยอดอกตวัดเลียเลือดแดงฉานอย่างกระหายหิว

“อื้ออ  อึก...อืออออ” ผมสะอึกสะอื้น ไร้เสียงที่ออกมาในเมื่อปากมันถูกอัดแน่นจนไม่สามารถขยับได้ ท่อนเนื้อในปากไม่สามารถคายออกหรือดึงออกได้ ในเมื่อมือผมข้างที่ไร้พันธะนาการถูกไอ้เซมกดไว้กับเตียง  ไอ้เซมเหลือบตาขึ้นมองผมมันโยนมีดลงบนเตียง มือหนาข้างนั้นจับดิลโด้กระแทกเข้าออกในปากผม ทั้งเร็วและลึก  ผมหายใจไม่ทัน รู้สึกคลื่นไส้จนอยากอาเจียน!!

“อึ่ก!.. อ่าาาา” ผมเบิกตากว้างบิดตัวหนีแต่ไม่สามารถทำได้เมื่อเอวถูกยึดไว้โดยไอ้จิม ช่องทางถูกกระแทกถี่ยิบคล้ายกับมันใกล้ถึงปลายทาง ผมพยายามจะหุบขาเข้าหากันแต่การกระทำนั้นกลับทำให้หน้าไอ้จิมดูมีความสุขมากกว่าเดิม

“ซี๊ดดดดดดด  อาาาา............” น้ำร้อนๆถูกฉีดเข้ามาในตัวผม ร่างมันชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ มันกระตุกหงึดอีกสองสามทีก่อนจะถอนกายออก ผมรู้สึกถึงน้ำที่มันไหลออกจากปากทาง ไอ้จิมแสยะยิ้ม กดจูบต้นขาด้านในผมพร้อมดูดทำรอยทิ้งไว้

“เดี๋ยวกูเอาน้ำในตัวมึงออกให้นะครับ เด็กดี” มือไอ้เหี้ยจิมบีบขย้ำแก้มก้นผม พร้อมแสยะยิ้มเลียปากอย่างโรคจิต  ไม่ต้องรอให้ผมตอบคำถามมันหยิบมีดขึ้นมาก่อนจะหันด้ามมีดกดสอดเข้าไปในช่องทางเดิม

“อ๊าาาาา!!!....” เมื่อไอ้เซมกระชากดิลโด้ออกจากปาก ผมตัวเกร็งหวีดร้องลั่น ช่องทางที่เคยคิดว่ามันชาจนไม่รู้สึกอะไรแล้ว กลับปวดแสบปวดร้อนเมื่อไอ้จิมหมุนคว้านด้ามมีดเข้าออก   เหมือนช่องทางมันจะฉีกขาดออกจากกันให้ได้! ความเหลี่ยมของรูปทรง และปุ่มเล็กๆหลายอันมันเสียดสีภายในจนแสบสะท้าน

“ฮึก.. ได้โปรด... ปล่อย กู....อ๊า” น้ำตาไหลพรากผมสะอื้นจนตัวสั่น ฆ่าผมให้ตายไปเลยดีกว่าทรมานผมอย่างนี้! มือผมกำผ้าปูที่นอนระบายความเจ็บปวดจนเส้นเลือดโป่งนูนขึ้นตามลำแขน

“เฮ้ย! ไอ้จิมมึงทำเหี้ยไร!! ออกไปเลยสัส ตากูแล้ว!!”

“....ม  ..ไม่!! อย่า...ฮึก..”

ไอ้จิมเงยหน้าขึ้นมองพลันกระชากด้ามมีดออกจากช่องทางพลางหัวเราะปล่อยให้ไอ้เซมเข้าไปอยู่ตรงที่ที่มันอยู่เมื่อสักครู่  ผมมองพวกมันสองคนสลับไปมา ส่ายหน้ากับหมอนน้ำตาไหลริน

“ปากร้องว่าอย่า แต่มึงกลับขมิบเชิญชวนกูอย่างนี้น่ะเหรอ” ไอ้เซมพูดพร้อมกับใช้นิ้วเขี่ยลงตรงปากทางเข้า มันปลดซิบกางเกงควักแก่นกายที่แข็งโด่ออกมาก่อนจะจ่อแนบกับทางบอบช้ำ

ผมดิ้นแรงขึ้นอย่างแค้นเคืองกับคำพูดของมัน แต่ผลที่ได้รับคือหน้าชาทั้งแทบเมื่อไอ้จิมฟาดด้ามมีดตบหน้าผม! มือหนาบีบแก้มผมจนปากอ้าออกก่อนที่มันจะกดแก่นกายเข้าปากผม  กลิ่นคาวคลุ้งทำให้ผมแทบสำรอก ผมปล่อยให้มันกดเข้าปากโดยไม่ขัดขืน สายตาจ้องมันอย่างอาฆาต

“อย่าได้คิดกัดกู! ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน” ไอ้จิมใช้ด้ามมีดเปื้อนคาบคาวตบหน้าผมเบาๆอีกครั้ง มันยิ้มอย่างเป็นต่อ ผมหลับตาลงทั้งน้ำตา ความทรมานที่ไม่จบไม่สิ้น ทำให้นึกอยากตายไปซะให้รู้แล้วรู้รอด!

“อื้ออออออออ!!!!!!!” ร่างผมเกร็งเขม็ง ลำตัวดิ้นหนีสุดแรงเมื่อช่องทางด้านหลังรู้สึกได้ถึงสิ่งที่สอดเข้ามา มันใหญ่เกินกว่าปกติ.. ไม่ใช่! ไม่ใช่หนึ่งอัน แต่เป็นถึงสอง!

ร่างผมกระตุก! เพราะแรงดิ้นทำให้มีดบาดแก้ม ผมรู้สึกเจ็บไปหมดทั้งตัว กลิ่นคาวเลือดคลุ้งอยู่ใกล้จมูก ไอ้สารเลวสองคนมันยังไม่หยุดการกระทำใดๆ มีแต่ยิ่งโหมแรงกระแทกมากกว่าเดิม เปลือกตาผมเริ่มหนักอึ้ง สติสัมปชัญญะเริ่มลางเลือน ทั้งเจ็บปวด ..ทรมาน.. ผมไม่รู้ว่าพวกมันสองคนจะหยุดเมื่อไหร่

หยุดทรมานผมสักที ได้โปรด….

ก่อนที่สติจะดับวูบ.. ผมได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสาแก่ใจดังก้องในหู


____________________________________

TALK: ถ้ายังมีคนอ่านอยู่ก็จะยังอัพต่ออ  :hao5:
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าน้าาา
ถ้าเห็นข้อผิดพลาดตรงไหนติได้เลยเน้อออ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่2 ทรมาน [18/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 18-05-2013 21:48:41
น่ากลัว ง่า  :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่2 ทรมาน [18/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: full69 ที่ 18-05-2013 22:06:02
รออ่านมาต่อน้า

โหดร้ายจังสงสารเลยอ่า   :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่2 ทรมาน [18/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 18-05-2013 22:10:35
หูยยยยยน่ากลัวมาก Y_Y
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่2 ทรมาน [18/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 18-05-2013 22:11:08
ทำไมต้องออกมาฟรีเซ็กส์ด้วยอ่ะคะ  o22 o22

แล้วทำไมต้องเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ด้วย  :fire:

ใครเจอแบบนี้เข้าไป ตายดีกว่า :m15: :m15: :m15:

โหดทั้งคู่เลย สามพีได้ทรมานมาก เอสเอ็มสุดๆ สงสารมากอ่ะ :z3: :z3:

 :monkeysad:

แล้วเรื่องนี้จะมีพระเอกมั๊ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่2 ทรมาน [18/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: oumpatta ที่ 18-05-2013 22:41:49
ไม่ชอบเลยอ่าาา โหดร้ายเกินไป
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่2 ทรมาน [18/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 19-05-2013 00:04:26
ช็อคคคค โหดแท้ 5555555
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่2 ทรมาน [18/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: buff89 ที่ 19-05-2013 00:49:33
ซวยแล้วค่ะน้องนายเอก เจอพวกซาดิสม์ไม่พอยังเล่นของอีกต่างหาก
เจอเบิ้ลคอก์คเข้าไปอีก คางเหลืองแน่ๆ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่2 ทรมาน [18/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 19-05-2013 01:02:28
 :pighaun: :pighaun:
โหดดีจัง เราชอบบบบบบบบบบบ
คนเขียนสู้ๆค่าาาาา :L2:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่2 ทรมาน [18/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 19-05-2013 12:41:39
ตอนที่ 3 ละครหนึ่งฉาก


สวนหน้าบ้านที่เต็มไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับที่พ่อทำเพื่อเอาใจแม่ ท่านทั้งสองมักจะใช้เวลาในวันหยุด คลุกคลีอยู่ที่นี่ ช่วยกันรดน้ำพรวนดิน และรอมันผลิดอกบานสะพรั่ง เวลาที่มีลม มันจะพัดพากลิ่นหอมๆลอยเข้ามาในบ้าน  บ้านผมต้นไม้ค่อนข้างเยอะ มีต้นไม้ใหญ่ๆต้นหนึ่ง พ่อทำชิงช้าโดยขึงไว้กับกิ่งไม้ไว้ให้ผมกับเตอร์นั่ง พ่อบอกให้แบ่งกันเล่น แต่เอาเข้าจริง ส่วนใหญ่ผมเป็นคนนั่ง และเตอร์เป็นคนไกว

ครอบครัวผมมีพ่อ แม่และพี่ชาย  ด้วยความที่ห่างกันเพียงสามปี ทำให้ผมกับพี่ชายสนิทกันมาก พี่ผมชื่อวิคเตอร์

“เตอร์ โตขึ้นเตอร์อยากเป็นอะไร?” ผมหันหน้าไปถามวิคเตอร์พี่ชายผม ผมชอบเรียกมันว่าเตอร์ คนอื่นๆชอบเรียกมันว่าวิค  เตอร์ในตอนนั้นอายุสิบสองขวบ เราสองคนกำลังดูรายการโปรดด้วยกันที่ห้องนั่งเล่น

“อยากเป็นนักบิน” พี่ชายผมมันหันมาตอบพร้อมรอยยิ้ม หน้าตามันดูมีความสุขเวลาที่มันพูดถึงสิ่งที่อยากเป็น  ผมขมวดคิ้ว.. นักบินเหรอ?

“ไม่เอา ต้าไม่ให้เตอร์เป็น!!!”

“หืม ทำไมล่ะครับ  นักบินได้เงินเยอะนะ พอมีเงิน เตอร์ก็พาต้าไปเที่ยวได้ ซื้อของที่ต้าชอบ จะซื้อให้หมดเลย”

“ไม่เอา! ไม่ให้เป็น!!!”

“ต้าพูดไม่รู้เรื่องนะ! พอแล้ว ไม่คุยกับต้าแล้ว!!!” ผมรู้ครับว่าเตอร์โกรธผม แต่ผมผิดเหรอ ที่ผมไม่อยากให้เตอร์เป็นนักบิน ถึงผมจะยังเด็ก แต่ผมก็รู้ว่าคนที่เป็นนักบินเค้าไม่ค่อยได้กลับบ้าน  ผมไม่อยากให้เตอร์อยู่ไกลจากผม  ได้เงินเยอะก็จริง แต่ถ้ามันทำให้อยู่ไกลกันอย่างนั้น.. ผมไม่เอาหรอก!!

ภาพความทรงจำในวัยเด็กไหลเข้ามาในหัวยามที่ผมไร้สติ  ก่อนภาพจะถูกตัดไปในวันวานที่ผมเด็กกว่านั้น..

พ่อกับแม่มักจะสอนผมกับเตอร์เสมอว่า  เราพี่น้องมีกันอยู่สองคน ให้รักกันมากๆ  คนเป็นพี่ต้องดูแลน้อง คนเป็นน้องก็ต้องดูแลพี่ รักพี่ให้มากๆ

แม่มักจะเล่าให้ผมฟังเสมอว่า ตอนที่เตอร์เด็กๆเตอร์ร้องจะเอาน้อง อยากมีน้อง พอแม่ตั้งท้อง ทุกวันเตอร์จะแวะมาคุย มาลูบท้องเพื่อทักทายเจ้าตัวเล็กเป็นประจำ พอน้องคลอดเตอร์ก็ชอบมานอนเฝ้าอยู่ข้างๆเปล ไม่ยอมไปเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน  พอเตอร์อายุสิบขวบ ผมในขณะนั้นก็อายุเจ็ดขวบ

เราไปโรงเรียนพร้อมกัน กลับบ้านพร้อมกัน ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ตอนนั้นผมติดพี่ชายมาก

ขณะนั้นผมเรียนอยู่ชั้นป.1 ผมไม่อยากไปโรงเรียน เพราะไปแล้วผมมักถูกแกล้งเป็นประจำ ผมไม่ใช่เด็กรักของครู เวลาผมฟ้องว่าถูกไอ้อ้วนหัวโจกของห้องแกล้ง ครูมักไม่เชื่อ และเข้าข้างมันเสมอ

เตอร์เป็นคนเดียวที่เชื่อสิ่งที่ผมพูด เวลาผมถูกเพื่อนแกล้งมันก็จะไปเอาคืนให้จนมีแผลเต็มตัวไปหมด  พอกลับมาบ้านมันถูกแม่ตีซ้ำโทษฐานไปรังแกเด็กที่เล็กกว่า  มันไม่โทษผมที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้มันถูกแม่ตี  ในทางกลับกันมันจะยิ้มและปลอบผมเสมอ  ผมเสียใจที่ทำให้มันต้องเจ็บตัว  ผมมีพี่ชายอยู่คนเดียว และผมก็รักมันมาก

นั่นเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุด

ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

ผมรู้สึกว่าริมฝีปากกำลังคลี่ยิ้ม  ถ้านี่คือฝัน.. ผมไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกเลย




:: JIM Part ::

แสงอาทิตย์ที่สาดเข้ามาในห้องทำให้ผมจำต้องลืมตาขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน ยกมือขึ้นปิดตาไว้ หัวยังมึนๆ หลับตานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก็อดไม่ได้ต้องแลบลิ้นเลียริมฝีปากอีกสักครั้ง รสชาติมันยังตราตรึง เพราะเห็นร่องรอยบนตัวเด็กนั่นที่เต็มไปด้วยรอยจูบ รอยกัด แถมช่องทางยับเยินขนาดนั้นทำให้เผลอตัว คิดว่ามันช่ำชองเลยเล่นหนักไปหน่อย นานแล้วที่ไม่ได้เต็มที่ขนาดนั้น หึๆ

 “ไอ้เหี้ย! ตื่นได้แล้วสัส ยิ้มโรคจิตแต่เช้าเลยนะมึง” ลามปามแล้วไอ้ห่านี่  ไอ้เซมใช้ตีนเขี่ยตัว ปลุกผมอยู่ข้างเตียง

“เสือก” ชูกำปั้นให้แม่งก่อนจะเด้งนิ้วกลางกระแทกตามัน ยักคิ้วส่งท้ายก่อนจะหันมองบนเตียงอีกครั้ง  สภาพแม่งเหมือนสมรภูมิ! เมื่อคืนหลังจากที่ไอ้เด็กนั่นสลบไป พวกผมแตกกันอีกคนละน้ำสองน้ำก็พากันนอนสลบเหมือดบนเตียงนี่  หมดแรงจริงๆครับ  ตัวเบาเลย เพราะงั้นเช้านี้ผมเลยอารมณ์ดีเป็นพิเศษ  หึๆ

“เอาไงกับไอ้เด็กนั่นวะ” ไอ้เซมมองไปที่เด็กนั่นที่มีผ้าห่มคลุมกาย หน้าตาอิดโรยซีดขาวราวกับไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยง คราบเลือดแห้งกรังติดอยู่บนแก้ม นั่นแค่ส่วนน้อย ลองได้เลิกผ้าห่มออกจากตัวมันสิ  ร่างกายชวนมองที่เต็มไปด้วยบาดแผล  มันเย้ายวนเกินไป ผมกลัวอดใจไม่ไหวต้องไปละเลงอีกสักรอยสองรอย ปล่อยให้มันนอนอย่างนั้นน่ะดีแล้ว เด็กเหี้ยอะไร แค่เห็นหน้ามันและท่าทางของมันก็อยากทำลายให้ย่อยยับ เอาให้มันหมอบลงแทบเท้า  กูพูดด้วยเสือกไม่พูด หยิ่งนักเหรอไง?

“ปล่อยมันไว้งี้แหละ เดี๋ยวก็ตื่น” ผมดีดตัวลุกขึ้นจากเตียง หยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ  ปล่อยเหี้ยเซมใช้สมองอันน้อยนิดขบคิดหาทางจัดการกับเด็กนั่นต่อไป

ผมถอดบ๊อกเซอร์โยนใส่ตะกร้าผ้าในห้องน้ำก่อนจะมายืนใต้ฝักบัว เปิดน้ำระดับแรงสุด หลับตาพลางเงยหน้าขึ้นรับน้ำที่ตกกระทบผิว ตอนเช้าๆอย่างนี้ น้ำเย็นสัสๆ ผมชอบครับ เวลาน้ำมันสาดลงหัวทำให้สมองโล่ง  เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืนทำให้อดยิ้มไม่ได้  มือข้างหนึ่งเลื่อนต่ำจับกระชับท่อนที่มันแข็งโด่ขึ้นมาก่อนจะสาวมือเข้าออกรัวแรง  กัดฟันกลั้นเสียงครางไว้ในลำคอ  เผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากเมื่อหัวกระหวัดคิดไปถึงเลือดแดงฉานที่ไหลปรี่ออกมายามที่มีดกดลงไปบนเนื้อขาวๆ

“ซี๊ดด... อ  อา......” มือยิ่งชักเข้าออกเร็วยิ่งขึ้น เมื่อใกล้ถึงจุดสุดยอด  หูแว่วคล้ายได้ยินเสียงร้องครวญครางวอนขอให้หยุดกระแทกกระทั้น! เสียงหวานหูที่สั่นน้อยๆมันยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบในตัวผมให้ลุกโชน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ปากอ้อนวอนขอให้หยุด แต่ตูดมันกลับตอดรัดดูดกลืนแก่นกายผมแน่นจนเสียวไปหมดทั้งลำ

“อ... อืมมมมมมม” น้ำขาวขุ่นพุ่งกระฉูดออกจากรูเล็กๆตรงส่วนปลาย ผมกระตุกอีกสองสามครั้งก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปาก

ล้างคาบคาวออกจากมือ ปากฮัมเพลงเบาๆ บอกแล้ว.. วันนี้ผมอารมณ์ดี หึๆ

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมออกจากห้องน้ำมาก็เห็นไอ้เหี้ยเซมยังนั่งจ้องไอ้เด็กนั่นที่หลับอยู่บนเตียงเหมือนเดิม ท่าทางมันจะมีปัญหามากนะนั่น จ้องแม่งไม่เลิก อยากต่ออีกรอบไงวะ หึ

“วันนี้กูมีนัด” เหล่ตามองไอ้เซมก่อนจะหยิบเสื้อยืดสบายๆมาสวม

“กับน้องดิว?” เหี้ยเซมยอมละสายตาจากเด็กนั่นหันมาเลิกคิ้วถามผม

“เออ ตอนสิบเอ็ดโมง” เหลือบมองนาฬิกา อีกสิบนาทีจะถึงเวลานัดครับ คติผม ถ้ากูนัด มึงห้ามสาย แต่ถ้ามึงนัด กูสายอย่าเสือก

“เอ๊า เหี้ย! แล้วไอ้เด็กนี่ล่ะวะ”

“ถ้ามึงห่วงมันนักมึงก็อุ้มมันกลับคอนโดมึงสิสัส” ชักอารมณ์เสีย แม่งจะอะไรนักหนาวะกับไอ้แค่เด็กคนเดียว!

“เหอะ ไม่ล่ะ มันมากับมึง ก็อยู่ห้องมึง ตายห้องมึงไปสิวะ” พูดจบมันลุกขึ้นทันที เดินไปหยิบกุญแจรถ โยนขึ้นฟ้าก่อนรับไว้อย่างแม่นยำ  โชว์พาวไงเหี้ยนี่

“ปากเหรอสัส ตายเหี้ยไร โดนไปแค่นั้น” ผมปรายตามองคนบนเตียง แสยะยิ้มมุมปาก  ก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมเหี้ยเซม

.

.

.

            ผมถอดรองเท้า ปิดประตูปึงปัง คลำมือไปตามกำแพงเพื่อหาสวิตซ์ไฟ ทันทีที่กดสวิตซ์ห้องผมก็สว่างทันที ตอนออกไปห้องเป็นยังไง ตอนกลับมาสภาพห้องก็เป็นอย่างนั้น  รกเหมือนเดิม 

ผมมองตรงไปยังนาฬิกาดิจิตอลมันบอกเวลา 11:00 PM  หลังจากไปส่งน้องดิวที่ห้องเสร็จผมก็วนรถขับกลับคอนโด

ดิวถือเป็นคนที่ผมใช้เวลาเล่นด้วยนานที่สุด  ยังไม่ได้กินครับเด็กคนนี้  มันงานยุ่ง ผมเองก็งานยุ่ง เสียดายจังหวะไม่ตรงกันสักที  วันนี้ผมว่าง มันก็ว่าง แต่ผมดันอิ่ม  เอาเถอะ เล่นด้วยนานอีกนิดก็คงจะไม่เป็นไร รอให้เหยื่อตายใจแล้วค่อยตะครุบทีเดียว!

ผมเดินเข้าครัวหยิบเบียร์ในตู้เย็นมากระป๋องหนึ่ง  เดินกลับไปยังห้องนั่งเล่น โยนกุญแจทิ้งบนโซฟาก่อนจะเปิดทีวีอัพเดทข่าวสารบ้านเมือง

ตุ้บ!!

มือที่กำลังจะกระดกเบียร์เข้าปากชะงักกึก เลิกคิ้วกับเสียงประหลาดๆที่เพิ่งได้ยินเมื่อกี้   มันดังมาจากในห้องนอน  เหี้ยอะไรวะ  คนเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ

ผมวางเบียร์ในมือกระแทกโต๊ะดังปัง! ใจนึกไปถึงไอ้เด็กนั่นขึ้นมาทันที  ห้าทุ่มแล้วนะห่า มึงยังไม่กลับบ้านกลับช่องอีกเหรอวะ!! ห้องกูไม่ใช่โรงแรมที่นึกจะอยู่ก็อยู่ได้นะเว้ย สัสนี่!!

ผมก้าวยาวๆตรงไปยังห้องนอนอย่างอารมณ์เสีย มือกระชากลูกบิดเปิดออกอย่างแรง จริงอย่างที่คิดครับ! ไอ้เด็กนั่นมันยังอยู่! คล้ายจะตกเตียง เสื้อผ้าไม่ใส่ กะจะยั่วกูหรือไง

“ฮึก...” มันหันหน้ามาเห็นผม เบะปากคล้ายจะร้องไห้

อะไร  อะไรของมัน?

“ฮึก... ฮึก....”  ฟืดดดดดดดด! มันสูดน้ำมูกแรงๆ ยกแขนขึ้นปาดน้ำมูก พยายามกลั้นสะอื้น ค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นแต่กลับล้มลงไปอีกครั้ง  คราวนี้ได้เรื่องครับ ได้เรื่องจริงๆ!!

“แง๊!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!   ฮือออออออออออออออออ  พ่อออออ  แม่!! เตอร์!!!!! ฮือออออออออออออออออออออ  เจ็บ!!!!!!!!! ฮึก  ฮืออออออออออ!!”

ผมยกมืออุดหู คิ้วกระตุกปึดเหมือนเส้นอารมณ์ที่กำลังจะขาดผึง!!  เป็นเหี้ยไรของแม่ง ทีเมื่อวานโดนหนักขนาดนั้นแม่งยังไม่ร้องขนาดนี้ ตอนนี้เป็นเหี้ยไร จะเรียกคะแนนความสงสารเหรอสัส!!

ผมเดินเร็วแทบจะกลายเป็นวิ่งเข้าไปหามัน ยกมือขึ้นเตรียมจะตบปากไอ้เด็กเวรนี่โทษฐานที่ทำผมอารมณ์เสีย

“ฮึก..!” มันหยุดสะอื้น ตาโตๆช้อนมองผมก่อนจะเบิกกว้างขึ้นไปอีกเมื่อมันเห็นผมง้างมือจะตบมัน นัยน์ตามันสั่นระริก ตัวมันก็สั่น ก่อนจะ....  “ฮึก! ฮืออออ อย่า... อย่า  ต้า... กลัว...   ฮึก..  เจ็บ   พ่อ! แม่!!!  อยู่ไหน!!  กลัว  ฮืออออออ!”

มือผมสั่น ชะงักค้างกลางอากาศก่อนจะค่อยๆลดลงข้างลำตัว ผมกำหมัด สันกรามขบแน่นจนรู้สึกได้ถึงเส้นเลือดข้างขมับแม่งเต้นระริก!  มองไอ้เด็กนี่ มันนั่งกอดตัวคุดคู้ ก้มหน้าซุกเข่าร้องไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจ

“โว้ย!!! ไอ้เหี้ย! มึงเงียบเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!” ผมตวาดเสียงดังลั่น  เสียงร้องไห้ผมชอบ แต่ไม่ใช่แบบนี้! แบบนี้ฟังแล้วแม่งน่ารำคาญ!

“ฮึก... ฮืออ  เตอร์!! เตอร์อยู่ไหน... ช่วยต้าด้วย ฮึก.... ฮืออออออ  เตอร์....” มันยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก เสียงคร่ำครวญเรียกหาไอ้เตอร์ห่าเหวไรนั่นทำให้ผมยิ่งหงุดหงิด

“หุบปาก!! กูบอกให้มึงหุบปากไงสัส!!!!!” มือผมข้างหนึ่งบีบเข้าที่แก้มมันเต็มแรงอย่างยั้งตัวเองไม่อยู่

ได้ผลครับ! ไอ้เด็กต้ามันชะงัก หยุดร้องไห้ทันที ตาโตนั่นจ้องหน้าผมค้าง นัยน์ตานั่นฉายประกายตระหนก ตกใจ ตื่นกลัว ผวา  น้ำตาไหลรินลงมาไม่ขาดสาย

“ถ้ากูได้ยินเสียงร้องไห้มึงอีกครั้ง จะหาว่ากูร้ายไม่ได้นะสัส!” ผมพูดเสียงเรียบ หงุดหงิดจนถึงขีดสุด มือผมบีบแก้มมันแรงขึ้นก่อนจะเหวี่ยงมันลงพื้น

ไอ้เด็กนั่นค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่ง  กัดปากตัวเองกลั้นสะอื้นจนริมฝีปากแดงฉานไปด้วยเลือด  มันกดหน้าลงซบแขนที่กอดขาตัวเองแน่น  สูดน้ำมูกฟืดฟาดที่ฟังแล้วเสียดหู ตัวสั่นระริกกอดตัวเองแน่นกว่าเดิม ปากมันรำพึงรำพันเสียงแผ่วที่ผมจับใจความได้แค่



พ่อ.....

แม่...   

เตอร์...   

ช่วยต้า ด้วย  ฮึก.....  อยู่ไหน....

ต้ากลัว...  อย่าทิ้งต้า.....

เจ็บ...... ต้าเจ็บ...  ช่วยต้าด้วย.....ฮึก...

 

ผมถอนหายใจแรงๆ กับละครหนึ่งฉากของไอ้เด็กตรงหน้า

“มึงเล่นเหี้ยอะไรกูไม่รู้  แต่ถ้ามึงหายดีแล้ว กลับบ้านมึงไปซะ!”

เส้นเลือดข้างขมับผมเต้นตุบๆ มองไอ้เด็กนั่นที่นั่งกอดเข่าตัวเองไม่ขยับไปไหนอีกครั้งก่อนจะโยนผ้าห่มบนเตียงใส่ร่างมันแล้วเดินออกจากห้อง

 

__________________________________


ไล่กอดนักอ่านทุกคนนนนนน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณมากค่ะ ฮึดๆ
เรื่องนี้มีพระเอก(ล่ะมั้ง) แต่ยังไม่อยากให้มองหาว่าใครคือพระเอก 5555
ที่น้องออกมาฟรีเซ็กน้องมีเหตุผลค่ะ (เหตุผลอะไร๊!?)  :hao7:
พบกันใหม่ตอนหน้านะ 
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 3 ละครหนึ่งฉาก [19/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 19-05-2013 14:27:14
สงสารต้าาาา อีนางจิม ต้องโดน  :beat: :z6: :z10:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 3 ละครหนึ่งฉาก [19/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 19-05-2013 19:34:23
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ทำไมใจร้ายอย่างนี้  ขอตบทีเหอะ  :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 3 ละครหนึ่งฉาก [19/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 19-05-2013 22:37:34
แหม๋ ๆ มีแต่คนอยากตบจิมเซน
แต่เราชอบนะถ้าได้เป็นพระเอกนะ :m25:
คนโรคจิตก็อย่างนี้แหล่ะค่ะ55555
คนเขียนสู้ๆค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 3 ละครหนึ่งฉาก [19/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: buff89 ที่ 19-05-2013 23:52:34
ขอแอบเชียร์เตอร์ต้า ชอบแนวอินเคสอะ ยิ่งน้องต้าเป็นบราค่อนนี่..โอ้ววว ฟิน
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 3 ละครหนึ่งฉาก [19/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: full69 ที่ 20-05-2013 01:39:03
โหนี่ถ้าจะจิตและดิบขนาดนี้สงสารต้าอ่า ร้องไห้ใหญ่เลย
เราไม่รู้ว่าต้าออกมาฟรีเซ็กเพราะอะไรแต่เราว่าทั้งคู่ทำเกินไป น้องต้าของฉัน
แต่ชอบนะจิตๆดี 55
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 3 ละครหนึ่งฉาก [19/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 20-05-2013 14:57:07
ตอนที่ 4 เงาในกระจก


ผมค่อยๆดึงผ้าห่มที่ผู้ชายคนนั้นโยนใส่ผมเมื่อครู่ออกจากตัว น้ำร้อนๆยังคงไหลไม่หยุดจากตาสองข้าง  ไหล่ผมสั่นเพราะแรงสะอื้นอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ถึงอย่างนั้น.. ผมกัดปากตัวเองแน่นกลั้นเสียงร้องอย่างสุดความสามารถ  ผมไม่กล้าร้องไห้เสียงดัง ผมกลัวเค้าจะได้ยิน..

“ฮึก...” ผมเจ็บไปหมดทั้งตัว ...แม่จ๋า แม่อยู่ไหน ทำไมทิ้งให้ต้าอยู่คนเดียว ผมมองไปรอบห้อง ถึงแม้ว่าตาผมมันจะพร่ามัวจนแทบมองอะไรไม่เห็น แต่ผมก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ห้องผม ผมอยู่ที่ไหน..  ผมก้มหน้าลงมองลำตัวเปลือยเปล่าของตัวเอง  เจ็บ.. เลือดไหล  ปลายนิ้วผมสั่นเมื่อผมใช้มันลูบบนยอดอก  เหมือนเนื้อมันจะหลุดออกจากกัน อึ่ก... มีรอยแดงๆเต็มไปหมดทั้งตัว ผมจะทำยังไงดี?

“ฮืออ...ฮึก!” ไม่ได้.. จะให้แม่เห็นตัวผมไม่ได้ ถ้าแม่เห็น ผมจะต้องถูกแม่ตีซ้ำ  เตอร์ก็จะถูกแม่ทำโทษที่ไม่ดูแลผมให้ดี

ทำยังไงดี.. ผมควรทำยังไง

ทำไมตามตัวผมถึงมีแต่บาดแผลอย่างนี้? ผมจำอะไรไม่ได้เลย  ปวดหัว ปวดตัว เจ็บไปหมด ตัวผมเหนียว..มันเลอะคราบอะไรก็ไม่รู้ เยอะมาก ลองเอามือแตะดูมันไม่ใช่เลือด มันมีสีขาวขุ่นๆ ผมยกมือขึ้นดม กลิ่นมันแปลกๆ.. เหม็นคาว  ผมเช็ดมือกับผ้าห่ม พยายามจะดันตัวลุกขึ้นยืน ทว่าขามันสั่นไร้แรงจนล้มพับกับพื้นดังตุ้บ!

“ฮึก..” ผมรีบกัดปากตัวเองแรงกว่าเดิม หน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บแปลบจากช่วงล่าง เจ็บ.. เจ็บมาก ผมค่อยๆนั่งชันขากับพื้นทั้งสองข้าง ค่อยๆแยกขาออกก้มหน้าลงมองต้นเหตุของความเจ็บ เลือดมันไหลออกมาจากก้นผม  ผมโดนอะไรมา? ผมไม่เคยเป็นแบบนี้

ผมใช้นิ้วลองจับๆดู ฮึก... เจ็บ มันมีเลือดกับน้ำอะไรไม่รู้ขาวขุ่นไหลออกมา ผมควรทำยังไงดี

พ่อกับแม่ไปไหน ทำไมเตอร์ไม่มาช่วยผมเหมือนทุกครั้ง

ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร  ฮึก...

ผมกลัว..

ผมขยับตัวถอยไปจนแผ่นหลังแนบติดกำแพง มันเย็นเฉียบจนผมสะดุ้ง แขนสองข้างกอดตัวเองแน่น  แวบหนึ่งคำพูดของแม่ที่เคยบอกกับผมลอยเข้ามาในหัว ผมจำมันได้ดีขึ้นใจ เพราะแม่มักจะย้ำกับผมเสมอ

“น้องต้า ถ้ามีคนแปลกหน้าเอาอะไรมาให้กิน อย่าไปกินนะคะ รู้มั้ย?”

“ทำไมล่ะครับ” ผมถามแม่กลับทันทีด้วยความไม่เข้าใจ

“ถ้าหนูกิน หนูจะไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่อีก”

“ฮึก... ม.. ไม่เอา จะอยู่กับพ่อกับแม่ กับเตอร์ด้วย”

“โอ๋ ลูก  ไม่ร้องนะคะ”  แม่กอดผมไว้ ผมได้ยินเสียงหัวเราะของแม่ดังอยู่เหนือหัว แม่ขำอะไร? มืออุ่นๆของแม่ลูบหัวผม “เพราะงั้นหนูห้ามไปไหนกับคนแปลกหน้า ห้ามกินของที่คนแปลกหน้าให้นะลูก เค้าจะจับตัวหนูไป ตัดแขน ตัดขา ไม่ได้เจอพ่อกับแม่อีกเลย”

“ครับ ต้าจะไม่กิน ต้าอยากอยู่กับแม่” ผมกอดแม่แน่นๆ

ผมไม่ได้ถูกตัดแขนตัดขา เมื่อวานผมไม่ได้ไปไหนกับคนแปลกหน้า หลังจากเลิกเรียนผมก็กลับบ้าน ออกมาเล่นที่สนามเด็กเล่นเหมือนทุกๆวัน แล้วหลังจากนั้น... หลังจากนั้น...

ผมยกมือขึ้นกุมหัว ปวดหัว.. จำไม่ได้ ยิ่งคิดยิ่งปวด  ทำไมห้องนี้มันหนาวแบบนี้ แล้วเสื้อผ้าผมไปไหน ฮึก...ต้าอยากกลับบ้าน อยากกลับไปกอดแม่  คิดถึงพ่อกับแม่กับเตอร์

“ฮืออ..” ผมยิ่งขดตัวแน่นขึ้นจนแทบจะกลืนไปกับกำแพง ผนังห้องเย็นเฉียบ แต่จิตใจผมไม่ได้เย็นตามอุณหภูมิรอบตัว  ถ้าผมไปขอให้เค้าพาผมไปส่ง เค้าจะยอมมั้ย?  ถ้าผมได้กลับบ้าน.. ผมจะไม่คุยกับเตอร์ ผมจะเกลียดเตอร์!! เตอร์ทิ้งผม ไม่มาช่วยผม เตอร์ปล่อยให้ผมเจ็บ!!

“อึ่ก!..” ผมชะงักเมื่อสายตาประสานกับดวงตาคู่หนึ่งที่จ้องนิ่งมาที่ผม ผมยิ่งกอดตัวเองแน่นกว่าเดิม เขากำลังเดินเข้ามา.. ใกล้เข้ามาแล้ว.. ผมก้มหน้าลงไม่กล้าสบตา เล็บจิกขาตัวเองอย่างแรง ความกลัวที่ไม่รู้สาเหตุเกาะกินจิตใจ แอร์ที่ว่าหนาวแล้ว เมื่อเค้าเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ผมกลับหนาวยิ่งกว่า

“กูบอกให้มึงกลับบ้านมึงได้แล้วไง ทำไมยังไม่กลับอีกล่ะครับ” น้ำเสียงเรียบเรื่อยพูดขึ้นพร้อมกับที่ร่างสูงนั่งยองๆลงตรงหน้า ริมฝีปากหนาขยับยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม มันไม่ใช่ยิ้มแบบที่ผมเคยได้รับจากคนรอบข้าง ยิ้มของเขาทำให้ผมรู้สึกไม่ดี

ผมกดหน้าตัวเองลงกับแขนพยายามไม่สบดวงตาคู่นั้น ตัวผมสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

“ฮึก!...” มือหนาจิกหัวผมพลันกระชากจนหน้าหงาย มืออีกข้างของเขาบีบคางผมบังคับให้ผมสบตาคมๆคู่นั้นให้ได้

“กลับบ้านมึงไปซะ!!” เสียงเข้มตวาดลั่นพร้อมกับเหวี่ยงหัวผมกระแทกกำแพงห้องอย่างแรง!  ก้อนสะอื้นขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ ผมยกมือสองข้างขึ้นปิดตากดขยี้มันแรงๆไม่ให้น้ำตาไหล

“อย่ามาสำออย! กูไม่ชอบ!!” มันกระชากมือผมออกจากตาแล้วบีบไว้อย่างแรงจนผมรู้สึกเจ็บไปหมด  ผม..ฮึก.. ผมทำอะไรผิด  ท...ทำไม ต้อง ฮึก.. ทำแบบนี้กับผม

“..จะ  ฟ้องเตอร์!” พูดไปแล้ว... ผมกัดปากตัวเองแน่นทันทีที่พูดจบ ตาเขาดุยิ่งกว่าเดิม มือที่บีบข้อมือผมอยู่ยิ่งบีบแรงขึ้น!

“มึง  พูดว่าอะไรนะ” ริมฝีปากหนาแสยะยิ้ม มือแกร่งอีกข้างของเขาลูบลำคอผมแผ่วเบา ผมเหลือบตามองตามมือข้างนั้น ผมไม่กล้าขยับตัว  ตาผมมองเห็นแค่แขนของเขา มือผมกำแน่น  อยากต่อต้าน.. แต่ผมรู้ว่าเด็กอย่างผมไม่อาจต่อกรกับเขาได้

“กูถาม.. ไม่ได้ยินหรือไง!!!?” เขาปล่อยมือผมให้เป็นอิสระ มือหนาข้างนั้นที่เมื่อครู่สัมผัสคอผมเบาๆ ตอนนี้มันกลับบีบคอผมแรงขึ้น.. แรงขึ้น!

“..ป ปล่อย..” สัญชาติญาณเอาตัวรอดร้องดังลั่นบอกให้ผมดิ้นรนต่อสู้! ผมจิกเล็บลงบนหลังมือเขาทั้งสองข้าง ทั้งจิกทั้งข่วน! ผมดิ้นสุดแรง ขาสองข้างกระทืบพื้นพยายามตะกายตัวให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือเขา ความเจ็บแล่นปราดไปทั่วร่างจากส่วนล่างที่ร้าวระบม เจ็บ.. ผมเจ็บไปหมดทั้งตัว  ฮึก... ผมหายใจไม่ออก มือที่จิกทึ้งมือเขาเกร็งเขม็งจนนิ้วผมมันชา หัวใจใต้อกข้างซ้ายที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนมันกระหน่ำรัวจนผมเจ็บอก ทว่าตอนนี้มันกลับเต้นช้าลง.. ช้าลง

ในวินาทีที่ผมคิดว่า ผมคงตายแน่ๆ ต้องตายแน่ๆ อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนเห็นแสงสว่าง แรงรัดที่คอค่อยๆหายไป ผมสูดหายใจเข้าปอดอย่างตะกรุมตะกราม

“แค่ก แค่กๆ” เพราะรีบหายใจมากเกินไป ทำให้สำลักอากาศ ผมไอจนตัวสั่น ผมยกมือขึ้นลูบลำคอ เจ็บ ระบมข้างในไปหมด ผมค่อยๆเงยหน้ามองเขา อึ่ก.. เขากำลังจ้องมาที่ผม  เกือบไม่ทัน! ผมเกือบหลบสายตาเขาไม่ทัน!!

ผมอยากกลับบ้าน ไม่อยากอยู่ที่นี่ อยากกลับไปหาพ่อกับแม่กับเตอร์ คิดเพียงแค่นี้ น้ำตาใสๆก็หยดลงพื้น

“ฮึก..!!” หน้าผมถูกบีบบังคับให้สบตาคมๆคู่นั้นอีกแล้ว มือเขาบีบสันกรามผมแน่น

“มึงจะร้องไห้ทำไมนัก? ไม่เหนื่อยมั่งเหรอไง” มุมปากของเขาแสยะยิ้ม เพียงแวบเดียวที่ผมเห็นนัยน์ตาของเขาทอประกายชิงชัง ก่อนมันจะกลับมาราบเรียบเหมือนเดิม

“....” ผมกัดปากแน่น ไม่มีคำตอบให้เขา  ยิ่งผมเงียบ มือข้างนั้นยิ่งบีบคางผมแรงกว่าเดิม

“ต...ต้า  ต้า อยากกลับ..บ บ้าน..”

มือเขาปล่อยจากคางผม เขายืนขึ้นเต็มความสูง ผมรีบกระถดกายเบียดกำแพงมากกว่าเดิมแม้มันจะไม่มีที่ให้ผมเขยิบไปมากกว่านี้แล้วก็ตาม  ผมค่อยๆเงยหน้ามองเขาอย่างหวาดกลัว เขา..กำลังมองมาที่ผม

“ลุก” เสียงราบเรียบพูดมองมาที่ผมนิ่งๆ เขาต้องการให้ผมลุกขึ้นเหรอ?

“ลุก!” เสียงเขากดต่ำยิ่งกว่าเดิม  พร้อมกับมือใหญ่ๆที่ยื่นออกมาเหมือนจะช่วยฉุดผมขึ้น  ผมขมวดคิ้วมองมือนั้น ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา มองมือข้างนั้นของเขาอีกครั้งก่อนจะค่อยๆยื่นมือไปให้เขา แต่ดูท่าจะไม่ทันใจ เขาเลยคว้าจับมือผมไปพร้อมกับกระชากตัวผมขึ้นจากพื้น

“อ้ะ” ผมนิ่วหน้ากับแรงฉุดที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ผมกำลังเจ็บนะ ไม่นุ่มนวลเหมือนแม่เลย เวลาแม่บอกให้ผมลุก แม่จะเข้ามาอุ้มผม ไม่ใช่ฉุดๆผมแบบนี้ เขาใจร้าย!

“อย่ามามองกูแบบนั้น” เขาปล่อยมือจากผมทันทีหลังพูดจบ ดวงตาดุๆจ้องตาผมเขม็ง   อะไร? ผมมองเขาแบบไหน  เขาหาเรื่องทะเลาะกับผมอีกแล้ว!!

“ไปอาบน้ำ” อาบน้ำเหรอ? ม...ไม่เอา! ผมไม่ชอบอาบน้ำ!!  ผมก้าวถอยหลังหนีทันที คิ้วเข้มๆของเขาเลิกขึ้นสูง

“เป็นเหี้ยอะไรอีกครับ กูบอกว่าไปอาบน้ำไง” เขาเอื้อมหยิบผ้าเช็ดตัวก่อนจะโยนใส่ผม ผมรีบรับไว้ก่อนมันจะตกลงพื้น  ส่งให้ดีๆไม่ได้หรือไง? พ่อแม่ไม่สั่งสอน นิสัยไม่ดี!

“อยากกลับบ้าน” ผมยังยืนนิ่งไม่ทำตามที่เขาบอก จนกว่าเขาจะรับปากผมว่าจะพาผมไปส่งบ้าน ผมจะไปอาบ!

“ไปอาบน้ำ” เขาเองก็ยืนยันคำเดิม จะให้ผมไปอาบน้ำให้ได้  เขาน่ะดื้อ!!

“ไม่อาบ!” ผมทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น ...โอ๊ย!! เผลอทิ้งตัวนั่งแรงไปหน่อย เจ็บอ่ะ ผมเจ็บตูด!! ผมไปโดนอะไรมา ทำไมมันเจ็บแบบนี้อ่ะ ผมเบะปาก น้ำใสๆรื้นที่ขอบตา

“เป็นเหี้ยอะไรอีก  หยุดเลยนะสัส อย่าร้อง!” ผมสะดุ้งกับเสียงตวาดของเขา วันนี้เขาขึ้นเสียงใส่ผมกี่ครั้งแล้ว!?

“ฮึก...” ผมจะร้องก็เพราะเสียงตวาดของเขานั่นแหละ พ่อกับแม่กับเตอร์ยังไม่ขึ้นเสียงใส่ผมแบบนี้เลยนะ! ยกเว้นที่เวลาผมจะดื้อเกินไป พ่อถึงจะไปหักกิ่งมะยมมารูดๆใบมันออก แล้วตีก้นผม

“กูบอกว่าอย่าร้อง!!”

“ฮึก.. ฮึก!” คอยดู... ถ้าเขาตวาดใส่ผมอีกครั้งเดียว ผมจะแหกปากร้องให้ลั่นห้องเลย!!

“เฮ้อออ โอเคๆ กูยอมแพ้ หยุดซะ อย่าร้อง” เขาเดินมาหยุดตรงหน้าผมก่อนจะนั่งยองๆ แล้วพูดด้วยเสียงเหนื่อยหน่าย

“ไปอาบน้ำได้แล้ว” เขาไม่ขึ้นเสียงใส่ผมแล้ว แต่ผมก็ยังนั่งนิ่ง

“จะกลับบ้าน” ผมกอดอก เงยหน้ามาจ้องตาเขา

เขากวาดสายตามองผม มองไปทั่วทั้งตัว ผมเองก็ก้มลงมองสำรวจตัวเองตามสายตาเขา  ผมเบะปาก น้ำตาขึ้นมาคลอที่เบ้าตาทำท่าจะไหลอีกแล้วครับ พอมันไม่เห็นแผล ไม่ไปแตะ ไม่ไปโดนมัน ก็เหมือนจะลืมความเจ็บบนตัวไปได้ชั่วขณะ แต่พอเห็นแผลบนตัว.. ฮึก  มันเจ็บจี๊ดๆ เจ็บไปหมดทั้งตัวเลย

“ไม่กลัวพ่อกับแม่รู้หรือไง ว่าไปโดนอะไรมา?” เสียงทุ้มๆที่ดังอยู่ใกล้ๆทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง ชะงักกลืนน้ำตาเข้าตาเกือบไม่ทัน

จริงด้วย! จะให้แม่เห็นไม่ได้ ถ้าแม่เห็น... แม่ต้องรีบไปเด็ดใบมะยมมาจะตีผมแน่ๆเลย ถ้าไม่ใช่ใบมะยม... ผมอาจจะโดนไม้แขวนเสื้อ!

“รอแผลหายก่อนค่อยกลับ”

“อยากกลับบ้าน”

“....”

“ต้าจะกลับบ้าน”

“....”

“กลับบ้าน!!!”  ผมตะโกนใส่หน้าเขาเสียงดัง

“ถ้าพูดไม่รู้เรื่องเดี๋ยวกูจับตัดแขนตัดขาให้หมด!!” ผมสะอึก.. มองเขาตาค้าง

“ไปอาบน้ำ” รอบนี้ผมไม่ต้องรอให้เขาพูดซ้ำรอบที่สอง ผมลุกขึ้นถือผ้าเช็ดตัวในมือเดินไปห้องน้ำแทบจะทัน  แต่มันเดินไม่ถนัด.. มันเจ็บไปหมด ถ้าอยู่ที่บ้านผมคงร้องไห้อ้อนให้พ่อกับแม่อุ้มผมไปแล้ว แต่นี่ไม่ใช่บ้าน ผมทำไม่ได้ ผมเปิดประตูห้องน้ำก่อนจะเดินเข้าไปโดยไม่ปิดประตู ปกติเวลาอาบน้ำที่บ้าน แม่บอกว่า ห้ามปิดประตู ต้องเปิดเอาไว้เพื่อที่จะได้อยู่ในสายตาของแม่ตลอดเวลา ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ผมเปิดมันเอาไว้

ผมเดินเข้าไปในตู้กระจกขุ่นๆ เหมือนที่บ้านผมเลย ที่บ้านผมก็มีแบบนี้  ‘ไอ้นั่น’บ้านผมก็มี  ผมค่อยๆเปิดไอ้นั่นจนน้ำมันไหลออกมา  อื้มม.. น้ำอุ่น ผมไม่ชอบอาบน้ำเย็น มันหนาวครับ  นี่ถ้าผมกลับบ้านแล้วไปเล่าให้แม่ฟังว่า ผมอาบน้ำเองโดยไม่มีคนช่วย แม่ผมต้องชมแน่ๆเลย  ริมฝีปากผมคลี่ยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงแม่  ก่อนน้ำตาจะรื้นที่ขอบตา ..คิดถึง  อยากกอด  อยากกลับบ้าน

“ฮึก...” คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ คิดถึงเตอร์  ผมเอามือรองน้ำก่อนจะล้างหน้า ถูแรงๆจนรู้สึกเจ็บนิดๆ  ผมยืนอยู่ใต้ไอ้นั่นให้น้ำมันผ่านร่างผมสักพักก่อนจะปิดน้ำแล้วเดินออกจากตู้กระจกนี่

“อ๊ะ!” สายตาผมหันไปประทะกับกระจกพอดี ผมชะงักค้าง ขาที่กำลังจะก้าวเดินหยุดอยู่กับที่  ผมมองเงาในกระจกนิ่งอึ้ง

อ...อะไร

ผมยกมือซ้ายขึ้น เงาในกระจกก็ทำตาม  ผมเลื่อนมือขวามาจับแก้ม ในกระจกก็ทำตาม  ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ผมเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้ากระจก ก่อนจะวางมือทาบบนกระจกตรงบริเวณแก้ม

แม่บอกว่า ถ้าส่องกระจก มันจะสะท้อนภาพตัวเอง ภาพที่ผมส่องมาตั้งแต่เด็กจนถึงเมื่อวานก่อนไปโรงเรียน  มัน.. ไม่ใช่แบบนี้  แล้วภาพในกระจกที่กำลังสะท้อน ทำท่าทุกอย่างเหมือนผม

มัน.. ใช่ผมแน่เหรอ?

 

 

_______________________________________________________

TALK :: มาแล้ววววว ดีใจมากเลยที่มีคนชอบ
พี่จิมกับพี่เซมอ่วมมาก มีแต่คนตบตี 555 คนเขียนปลื้มม ทำน้องต้าไว้เยอะ! มันต้องโด๊นนน  :z6:
ขอบคุณเม้นท์และกำลังใจมากค่ะ มีอะไรแนะนำจัดมาได้เต็มที่เลยนะ  :hao5:
ไว้พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ ชุ้บๆ
 
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 4 เงาในกระจก [20/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: My_yunho ที่ 20-05-2013 15:52:12
สงสารต้าจัง
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 4 เงาในกระจก [20/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 20-05-2013 16:41:03
อยากร้องไห้อะ
อยากแล้วสงสารต้าที่่สุดเลย  :dont2:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 4 เงาในกระจก [20/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 20-05-2013 17:19:23
ช็อกจนความจำเสื่อซะงั้น
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 4 เงาในกระจก [20/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: august_may ที่ 20-05-2013 20:43:27
แย่แล้ว ต้าช็อคจนความจำสับสนไปเลยซินะ อย่างนี้จิมจะรับผิดชอบมั้ยเนี่ย หรือว่าจะเก็บไว้แกล้งอีก สงสารต้าจังเลย
ไม่รู้ว่าก่อนเจอจิมไปโดนใครทำอะไรมา
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 4 เงาในกระจก [20/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 20-05-2013 21:23:26
ตอนที่5 พี่หมอ

:: SAME Part ::

เสียงริงโทนคุ้นหูที่ผมจำได้ว่ามันดังมาจากมือถือของผมกรีดร้องลั่นปลุกผมให้ตื่นจากฝันหวานๆ ผมขมวดคิ้ว ตายังคงปิดสนิทอย่างเกียจคร้าน  ใช้มือควานหาโทรศัพท์บนเตียง ใครแม่งโทรมาวะ ที่บ้านไม่มีนาฬิกาหรือไงวะแม่ง

“สัส”   คำทักสุดเพราะถูกพ่นออกจากปากทันทีที่หาโทรศัพท์เจอ เสียงปลายสายเพียงหัวเราะขึ้นจมูกตอบกลับมา เพียงเท่านี้ผมก็รู้แล้วว่าใครแม่งโทรมา แบบนี้มีมันคนเดียว ไอ้จิม!  ผมลืมตามองเพดาน ก่อนจะอ้าปากหาว  ยกมือขยี้หัวอย่างหงุดหงิด

“โทรมามีเหี้ยไร”

“กูให้เวลามึง 10 นาที”

“กูจะนอน”

“5 นาที”

“สัส!”

“หึ” แล้วแม่งก็ตัดสายไป เป็นไงล่ะเพื่อนกู เจ๋งมั้ย? โทรมามีไรไม่บอก ผมถอนหายใจ ดีดตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะกดปุ่มโทรศัพท์อีกครั้งเพื่อดูเวลา  เจริญเถอะ!  เที่ยงคืนแล้วนะ วันนี้กูจะเป็นเด็กอนามัยดันมีมารมาขัดขวาง

ผมลุกขึ้นหยิบกางเกงขายาวมาสวมทับบ็อกเซอร์กันอุจาดตาก่อนจะยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง ส่วนเสื้อไม่ต้องเปลี่ยนแม่งละ ใส่เน่าๆขาดๆเก่าๆไปอย่างนี้ล่ะ ไม่เปลือง  ผมคว้ากุญแจรถก่อนเดินออกจากห้องโดยไม่ลืมปิดไฟ และล็อกห้อง

ผมเซมครับ หัวเกรียน สักแขน เจาะหูข้างซ้ายสี่รู ขวาสองรู ในอนาคตมีแพลนจะเจาะคิ้วเพิ่ม ความฝันผมเลยครับไอ้เจาะคิ้วเนี่ย แต่ผมดันโดนแม่โบกหัวสกัดดาวรุ่งซะก่อน แม่ท่านว่า ถ้าผมเจาะคิ้วจะตัดออกจากกองมรดก เซ็งครับ  แม่ไม่เข้าใจวัยรุ่นอย่างผม

เห็นผมมาดอย่างนี้ บุคลิกอย่างนี้ ผมเป็นหมอนะครับ หึๆ ถึงแม้มาดจะไม่ให้ก็ตามเถอะ แต่คิดเหรอว่าผมสน? เคยมีคนมาถามครับ ว่าผมทำงานอะไร พอบอกว่าเป็นหมอ แม่งทำหน้าไม่เชื่อ มองผมหัวจรดตีน แสกนกูไปทั้งตัว  ไม่เข้าใจครับ คนเป็นหมอต้องหน้าติ๋มๆ ใส่แว่นหนาๆเท่านั้นเหรอวะ ไม่จำเป็นมั้ง แค่รักษาคนให้หายจากโรคก็พอ

ผมปิดประตูรถดังปัง สตาร์ทรถ ขับตรงไปยังคอนโดไอ้เหี้ยจิม  ผมเอื้อมมือไปเปิดเพลงร็อก เร่งเสียงให้ดังกระหึ่ม ลำโพงดีครับเพิ่งไปทำใหม่เมื่อสามสี่วันก่อน เสียตังค์ไปเยอะ แต่เพื่อความชอบผมยอมทุ่มหมด

ผมนิสัยเสีย ใจป๋า ยอมทุ่มหมดเพื่อสิ่งที่ชอบ  โดยเฉพาะถ้าผมอยากได้อะไร ผมต้องได้ ถ้าผมไม่ได้ คนอื่นก็อย่าหวัง  เหอๆ  ใครจะว่าผมเห็นแก่ตัวก็ว่าไป คิดว่าผมแคร์?

ใช้เวลาไม่นานก็ถึงคอนโดเหี้ยจิม จอดรถในที่จอดประจำก่อนจะเดินเข้าไปโดยมีสายตาและรอยยิ้มของพนักงานคอยต้อนรับ ผมเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของที่นี่  มาบ่อยนี่ครับ ไอ้เหี้ยจิมแม่งปัญหาเยอะ ขาดความอบอุ่นไงมันน่ะ เพื่อนที่แสนดีอย่างผมเลยต้องมาเยี่ยมเยียนมันบ่อยๆ

ผมหยิบกุญแจสำรองที่มันเคยให้ก่อนจะไขเข้าไปโดยไม่คิดกดกริ่งหรือเคาะประตูบอกกล่าวเจ้าบ้านก่อน  มารยาทดีครับผมรู้ตัว  เมื่อเข้ามาในห้องทุกอย่าง..เงียบครับ เงียบเหมือนไม่มีคนอยู่ แล้วแม่งให้กูมาทำไม?

ผมเดินตรงไปยังประตูห้องนอนที่เปิดแง้มอยู่  เลิกคิ้วกับภาพที่เห็น  เด็กนั่นยังอยู่สีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อเช้า ดูเหมือนมันสองคนจะมีปัญหากัน ผมหยุดยืนมองภาพตรงหน้าต่อ อยากเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

ไอ้จิมกระชากแขนเด็กนั่นดึงเข้าหาตัว  มือของมันปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เด็กนั่นสวมอยู่จนหมดแผง  เสื้อนั่นก็คงจะเสื้อของไอ้จิม เพราะขนาดเสื้อค่อนข้างใหญ่เมื่อมันอยู่บนตัวของเด็กนั่น  ปากช้ำๆของมันเบะออกคล้ายจะร้องไห้  ผม.. ชอบสีหน้าของมันตอนนี้จัง

หืม?

ผมเลิกคิ้วกับสิ่งที่ไม่คาดคิด  การกระทำของไอ้จิมอยู่เหนือการคาดเดาของผม ผมคิดว่ามันจะต่อรอบสอง สาม สี่กับไอ้เด็กนั่น  แต่สิ่งที่เห็น.. ถ้าผมมองไม่ผิด มันกำลังกลัดกระดุมเสื้อกลับเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง

ผมว่า.. มัน แปลกๆนะ

ไอ้เหี้ยจิม เพื่อนกูเนี่ยนะ!?

ผมเก็บซ่อนความสงสัยเอาไว้ภายใน มองสบนัยน์ตาโตของไอ้เด็กนั่นซึ่งมันหันมาเห็นผมพอดี ผมยกยิ้มพลางเดินเข้าไปหาพวกมันสองคน

ไอ้จิมหันมามองผมโดยไม่พูดอะไรก่อนจะหันกลับไปมองคนตรงหน้ามันอีกครั้ง ไอ้เด็กนั่นก็มองผมด้วยสายตาสงสัยว่าผมเป็นใคร ผมเองก็มองมันงงๆ อะไรของมัน ทำเหมือนไม่เคยเจอกันไปได้ ทั้งๆที่กูเพิ่งจะห่างกับมึงไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง ลืมกูแล้วเหรอวะ จัดอีกสักดอกงามๆดีมั้ย? มันจะได้จำกูแม่นๆ

ลืมกูแบบนี้กูรู้สึกเหมือนถูกเหยียบหน้าเลยว่ะ ปกติคนที่เคยนอนด้วยกันไม่เคยเมินกูเลยนะเว้ย มีแต่มาขอต่อรอบสองสามสี่ตลอด แต่ไอ้เด็กนี่ แม่งลืมกูได้ไงวะ!

“ดูแลมันด้วย” ไอ้จิมพูดพร้อมทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง แม่งจะทิ้งให้ผมอยู่กับไอ้เด็กเตี้ยๆตามลำพัง

“มึงเป็นหมอ จรรยาบรรณของแพทย์น่ะมีมั้ยสัส” ยังไม่ทันที่ผมจะอ้าปากปฏิเสธ แม่งก็พูดดักคอขึ้นมาอย่างรู้ทัน  นั่น.. มันเดินออกไปแล้วครับ  ผมส่ายหัวเซ็งๆ หันมามองไอ้ตัวปัญหาที่เป็นสาเหตุทำให้ผมไม่ได้นอนอย่างเต็มอิ่ม

 “จำกูไม่ได้?” ผมถามสิ่งที่มันข้องใจออกไปเป็นการเปิดบทสนทนา  แต่แค่ผมพูดกับมัน แม่งดันถอยหลังหนีผมหนึ่งก้าว  เห็นกูเป็นตัวไรวะ กูยังไม่ได้ทำอะไรมึงเลยนะเว้ย  ผมเองก็ไม่ยอม ก้าวขาเดินหน้าหนึ่งก้าวไล่ต้อนแม่ง

มันส่ายหัวปฏิเสธ ผมหรี่ตามองมัน

“มาใกล้ๆ” มันหยุดยืนนิ่งอย่างคนใช้ความคิดว่าควรจะถอยห่างหรือจะเข้าใกล้ดี และแล้วมันก็เลือกที่จะเดินมาใกล้ผมตามที่บอก  อย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย

“กู เซม จำไว้ซะ อย่าลืมกูอีก” คราวนี้มันขมวดคิ้วจนคิ้วมันแทบจะชนกันเลยครับ มีการเอียงคอหน่อยๆด้วยนั่น

“พี่รู้จักผมเหรอ?”  อ้าว ไอ้นี่ ถามแบบนี้จะให้กูตอบยังไงวะ

“ลืมกูจริงๆดิ?”  มันพยักหน้า ก่อนจะส่ายหน้า เอาไงกันแน่วะนั่น กวนตีนละ

“ผมไม่รู้จักพี่  แม่ผมสอนไว้ว่าไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้า” ผมว่ามัน.. แปลกๆนะ

ผมมองคนตรงหน้าอีกครั้งเก็บซ่อนความสงสัยเอาไว้ ก่อนจะกวาดสายตามองไปตามตัวมัน

“เจ็บตรงไหน?”

“พี่ชายเป็นหมอเหรอครับ?”

“อืม” พอได้รับคำยืนยันว่าผมเป็นหมอนัยน์ตาที่เคยฉายแววหวาดระแวงก็ค่อยๆกลับมาเป็นปกติ

“ผมเจ็บไปหมดทั้งตัวเลย” มันพูดพร้อมกับหน้าที่เบะออกอย่างแสดงให้เห็นว่ามันเจ็บจริงๆ แขนเล็กๆนั่นยื่นออกมาโชว์รอยแดงให้ดูก่อนจะแหงนหน้าขึ้น ใช้มือข้างหนึ่งจิ้มตรงคอ

“ตรงนี้ผมก็เจ็บ ฮึก...คนนั้น.. เขาบีบคอผม” มันมองหน้าผม พูดพร้อมสะอื้นฮักเรียกความสนใจ ลับหลังไอ้จิมไอ้เด็กนี่ก็กลายเป็นเด็กขี้ฟ้อง  แล้วมันดันฟ้องใครไม่ฟ้อง ดันมาฟ้องผมซึ่งเป็นเพื่อนไอ้จิม  หรือว่ามันจะจำผมไม่ได้จริงๆ ?

“แล้วคนนั้นทำอะไรอีก?” ผมว่าอาการไอ้เด็กนี่แปลกๆ เหมือนกับมันเป็นคนละคนกับไอ้เด็กเมื่อคืนที่มีเซ็กซ์กับพวกผม

มันนิ่งไปสักพัก คงกำลังนึก ก่อนจะส่ายหน้าในที่สุด

“ผมอยากกลับบ้าน พี่ชายพาผมกลับบ้านได้มั้ย?” มือเล็กๆเกาะแขนผม สายตาอ้อนวอน น้ำตาคลอเบ้าอย่างน่าสงสาร  แต่มันใช้ไม่ได้สำหรับผม ผมยักไหล่ ดึงมือมันออกก่อนจะเดินไปที่มุมห้องด้านหนึ่งซึ่งมีตู้ยาติดผนังอยู่

ตู้ยานี่ผมเป็นคนทำเองครับ ห้องเหี้ยจิมแม่งไม่มีอะไรเลย ยาสามัญประจำบ้านแม่งก็ไม่มี ผมเป็นหมอนะครับ เลยจัดการทำให้แม่งซะเลย  ผมคุ้ยๆยาในตู้ก่อนจะหยิบหลอดยาทาแก้ฟกช้ำ แก้อาการอักเสบขึ้นมาแล้วเดินกลับไปหามัน

มันมองยาในมือผมก่อนจะยื่นแขนให้แต่โดยดี

ทำตัวว่าง่ายก็เป็นนี่

ผมใช้ปลายนิ้วหมุนเปิดฝา ก่อนจะบีบตัวยาลงบนปลายนิ้วอีกข้างแล้วทาแขนช้ำๆของมันอย่างเบามือ เมื่อทาเสร็จ ผมมองหน้ามันแล้วกดไหล่เล็กให้นั่งลงบนเตียง มันก็ยอมนั่งง่ายๆครับ ไม่เถียง ไม่ต่อต้าน  ก็ดีครับ เงียบหูดี

“เจ็บตรงไหนอีก”  ทันทีที่ถามจบ ปากแดงๆของมันก็เบ้ออกทันควัน

“นม” ผมแทบสำลักน้ำลายกับคำตอบตรงไปตรงมา แต่ยังดีครับที่เก๊กทัน ไม่งั้นล่ะ หมดกันครับ ภาพพจน์ที่สั่งสมมาของผม  หลังจากที่ตั้งตัวได้ผมก็พยักหน้ารับรู้บอกให้มันเปิดเสื้อขึ้น  ผมนั่งยองๆลงตรงหน้ามัน  มองหน้าอกแดงช้ำเต็มไปด้วยรอยดูด รอยกัด รอยมีด  อืมมม.. บาดแผลมันเยอะ กระจายไปทั่วผิวขาวๆจนกูเริ่มเครียด

แม้ว่าแผลพวกนั้นส่วนหนึ่งก็เกิดจากฝีมือผมด้วยอารมณ์คึกคะนองและหื่นกระหายก็เถอะ แต่พอตอนนี้ผมแม่งรู้สึกแปลกๆ วิญญาณแพทย์เข้าสิงครับ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีแม่งวิ่งชนเข้ากระแทกร่างอย่างจัง

ผมบีบยาออกมาเยอะพอสมควรก่อนจะป้ายลงไปตามรอยแผลแล้ววนนิ้วทาอย่างเบามือ อย่างน้อย ณ ตอนนี้ไอ้เด็กนี่ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนไข้ของผมล่ะนะ ผมก็ควรที่จะดูแลคนไข้ของผมให้ดี

มันสะดุ้งเฮือกเมื่อผมทายาตรงหัวนมมัน มันยกมือขึ้นจะจับมือผมแล้วดึงให้ออกห่าง แต่ผมก็ฝืนไว้ ใช้ตาดุๆมองมันจนมันยอมปล่อยข้อมือผม หน้ามันแดงก่ำ ฟันกัดริมฝีปากข่มความแสบไว้สุดแรง

ผมเร่งมือทายาให้มัน กลัวแม่งจะขาดใจตายซะก่อน นั่งเกร็งซะจนลืมหายใจเลยมั้งน่ะ

“เสร็จแล้ว” มันสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ มือข้างที่จับเสื้อเลิกขึ้นกำชายเสื้อแน่นจนแขนสั่นระริก

“เจ็บตรงไหนอีก?” ผมรู้ครับว่ามันยังไม่หมด เล่นไปเยอะครับรู้ตัว  ตอนทำเหมือนหน้ามืดครับ จำอะไรไม่ได้หรอกว่าทำอะไรกับใครเอาไว้หนักเบาแค่ไหน แต่พอตอนตื่นขึ้นมาแล้วเห็นแม่งนอนซมหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว แล้วพอเลิกผ้าห่มออกเห็นรอยแผลเต็มตัวแม่งผมเพิ่งรู้ตัวว่า เล่นมันหนักจริงๆ

ยังเด็กอยู่แท้ๆ ไม่น่าตามเหี้ยจิมมาเลย

ผมคบกับเหี้ยจิมมานานแล้ว ผมกับมันเข้ากันได้เพราะสันดานเลยครับ สันดานแม่งเหมือนกัน ผมเป็นหมอ ส่วนมันเป็นนักธุรกิจ  ผมกับมันเป็นพวกคร่ำเคร่งกับการทำงาน จริงจังกับงานจนบางทีแม่งเครียดเกินไปเลยต้องหาทางระบายออก  ของสะสมของผมกับมันก็เหมือนกันครับ ไม่งั้นคงคบกันลำบาก  ของสะสมของผม..หึๆ ก็ไอ้อันที่ใช้เล่นกับไอ้เด็กนี่ไง  สนุกดีนะผมว่า เวลาเดินทางไปไหน เห็นมันวางขายก็อดไม่ได้ต้องซื้อมาเก็บ

“ว่าไงครับ เจ็บตรงไหน?” ผมทวนถามมันอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามันเงียบไปนาน

มันกระทืบเท้าลงพื้น ก่อนจะนิ่วหน้า

“ก้น” แม่งตอบกระแทกเสียง กูโคตรเกลียดเลยเวลาคนมาพูดกระแทกเสียงใส่กูเนี่ย เดี๋ยวกูจับเหวี่ยงหัวโขกกำแพงเลย

“นอนคว่ำ” มันเลิกคิ้วมองหน้าผมคล้ายไม่เข้าใจคำสั่ง

ผมถอนหายใจ ลุกขึ้นยืน ขี้เกียจพูดซ้ำพูดซากครับ ผมผลักไอ้เด็กนี่ให้นอนราบกับเตียงก่อนจะพลิกตัวมันนอนคว่ำแล้วใช้มือจับเอวมันยกสูงขึ้นจากที่นอน

ไอ้เด็กนั่นใช้มือยึดเตียงไว้แต่ไม่วายหันหน้ามาดูผมอย่างสงสัย  ผมกระชับเอวมันไว้เมื่อมันทำท่าจะคลานหนี บีบแรงๆให้มันรู้ว่าผมเอาจริง ใช้นิ้วมืออีกข้างเกี่ยวชายเสื้อมันให้ไปกองอยู่เหนือสะโพก มองตูดขาวๆของมัน จริงอย่างที่คิดครับ แม่งไม่ได้ใส่กางเกงหรือกางเกงในเลย

ผมสูดลมหายใจเข้าออกแรงๆ ระงับหื่น  เดี๋ยวหน้ามืดหื่นแตกจับแม่งกดไม่รู้ตัวอีกรอบ

“พี่เซม.. ต้า  ต้าไม่ฉีดยานะ” มันบอกเสียงสั่น นัยน์ตาคลอไปด้วยน้ำใส

โหเหี้ย! ตบะกูแตกขึ้นมาใครจะรับผิดชอบวะ กูอยากฉีดยาให้เด็กมันสักเข็มจริงๆ

“อยู่นิ่งๆ ถ้ามึงขยับกูจับฉีดแน่” ตัวมันเกร็งเลยครับ แค่ขู่นิดขู่หน่อย มันนิ่งเลยครับ ผมเลยปล่อยมือที่จับยึดเอวมันไว้ ก่อนจะใช้มือข้างนั้นแหวกเนื้อขาวๆออกจากกัน  ปากทางบวมแดง ดูเหมือนจะฉีกขาดครับ

ผมใช้ปลายนิ้วสะกิดรอยจีบเบาๆ ซึ่งมัน...ขมิบตอบ ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ในหัวพยายามจินตภาพว่าสิ่งตรงหน้าเป็นเพียงภาพขาวดำซึ่งเป็นสรีระร่างกายมนุษย์ เหมือนในหนังสือที่อ่านๆมา ไม่ใช่เนื้อหนังที่จับต้องได้ และไม่ใช่ช่องทางที่เมื่อคืนได้มุดๆเข้าไปในนั้นมาแล้ว

“อื้อ!! เจ็บ!!!” มันร้องเสียงดังทันทีที่ผมลองกดนิ้วย้ำๆตรงปากทางเข้า

“อย่าเกร็ง” ผมบอกเสียงเข้มเมื่อไอ้เด็กนั่นมันเกร็งจนทำให้ผมดันนิ้วที่ป้ายยาเข้าไปไม่ได้ ทันทีที่สอดนิ้วสำเร็จ มันสะดุ้งสุดตัว ผมเหลือบมองมันเพียงครู่ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับช่องทางเดิม

หืม?  ผมวนนิ้วกวาดเข้าไปข้างใน ชุ่มหนืดเลยครับ อย่าบอกนะว่าแม่งยังไม่ได้ทำความสะอาด! ไอ้เด็กนี่ ซื่อบื้อเกินจะทน  ไม่ติดเชื้อคงบุญโข

ผมดึงนิ้วออกทันที ตัวมันสั่นเทิ้ม นิ้วผมเต็มไปด้วยคราบขาวขุ่นคั่ก!  วิญญาณคนรักความสะอาดเข้าสิงครับ ผมพลิกตัวไอ้เด็กนั่นก่อนจะจัดการช้อนตัวมันแนบอกตรงดิ่งไปยังห้องน้ำ

ผมจัดการวางให้มันยืนกับพื้น โดยจัดให้มันยืนหันหน้าเข้าเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าก่อนจะดึงสะโพกมนเข้าหาตัว จนอยู่ในท่ายืนโก่งโค้ง มือหนึ่งผมหยิบสายฉีด อีกมือแหวกเนินเนื้อให้ออกจากกัน  ผมค่อยๆสอดนิ้วเข้าไปพร้อมทั้งฉีดน้ำสวนเข้าไปด้วย ควานนิ้วเป็นวงกลมชักเข้าออกทำความสะอาด

ผมเงยหน้ามองไอ้เด็กนั่น  เพราะมันหันหน้าเข้ากระจกเลยทำให้เห็นสีหน้าได้ชัดเจน น้ำตาแม่งไหลเป็นทาง

“ฮึก! ฮืออออ  ต้าเจ็บ!!!” มันสะบัดขา เตะไปมาต่อต้านทันที

“หยุด!! ยืนนิ่งๆ ไม่งั้นกูฉีดยาสิบเข็มเลยนะสัส” ผมตะคอกเสียงดัง ได้ผลครับ ท่าทางมันจะกลัวเข็มจริง มันหยุดดิ้นยืนน้ำตาไหลพรากๆ

ผมควานนิ้วล้วงทำความสะอาดจนแน่ใจว่าคราบกามคงหมดลงแล้วจึงหยิบผ้าขนหนูบนชั้นวางมาซับน้ำให้มันก่อนจะอุ้มแม่งออกมานอนบนเตียงเหมือนเดิม

ผมจับขามันอ้าออก บีบยาลงนิ้วก่อนจะสอดเข้าไปในทางเดิม ผมค่อยๆวนนิ้วทายารอบผนังนุ่มจนทั่ว ไอ้คนเจ็บมันนอนสะอื้นจนตัวสั่น ยกแขนปิดตาแน่น

“เสร็จแล้ว” ผมลุกออกจากเตียงหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างมันก่อนจะเดินเอายาไปเก็บที่เดิม หันมามองไอ้เด็กนี่อีกทีมันกำลังมองมาที่ผมตาแป๋วด้วยตาแดงช้ำ

“จะเอาอะไร?” ใจดีกับมันหน่อยครับ ทำเขาไว้เยอะ มันส่ายหน้าแต่ก็ยังจ้องผมไม่เลิก ก่อนที่ผมจะหันหลังเดินออกจากห้องก็ได้ยินเสียงของมันพูดตามหลังมาเบาๆ

“ขอบคุณครับพี่หมอ” ผมชะงักมือที่กำลังจะจับลูกบิดประตู  ยิ้มขำกับตัวเองกับคำที่มันใช้เรียก มันเป็นคนแรกเลยครับที่เรียกผมว่าพี่หมอ หรือเห็นว่าผมเป็นหมอ คนอื่นๆแม่งเห็นผมเป็นนักเลง  สัสมาก ผมเปิดประตูเดินออกจากห้องแล้วปิดประตูให้มันนอนที่นี่คนเดียว

ผมกวาดสายตามองไปรอบห้องนั่งเล่นเพื่อหาไอ้เหี้ยจิม ไม่มีครับ ไม่รู้แม่งหายหัวไปไหน ผมเลยเดินไปยังห้องนอนเล็กที่อยู่ตรงข้ามกับห้องนอนใหญ่  นั่นครับ ไอ้เหี้ยจิมแม่งนอนหลับสบาย ปล่อยให้กูรับเคราะห์คนเดียว

_________________________________________

TALK:: พี่หมอน่ารักเนอะ -...-
ขอบคุณสำหรับเม้นท์ค่ะ น้องต้าจะเป็นยังไงต่ออย่าลืมติดตามน้า
คืนนี้ฝันดีราตรีสวัสดิ์ค่ะ ชุ้บๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 5 พี่หมอ [20/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 20-05-2013 22:55:58
แวะมาบวก1 ให้กำลังใจ ทำไมให้ความรู้สึกว่าเรื่องนี้มันสามพีชัดๆเลย พระเอกสองคน กินกันไม่ลงสุดๆ

ชอบเรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 5 พี่หมอ [20/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 20-05-2013 23:00:11
เจ็บแทนนนนน ฮืออออออออ
ใจร้ายยังไงก็ไม่ยอม ไม่ยกโทษให้  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 5 พี่หมอ [20/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 20-05-2013 23:23:19
เหมือนคนล่ะคนกับตอนที่แล้วมา
ตอนนี้พี่หมอน่ารัก :katai5:
คนเขียนสู้ๆจ้า
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 5 พี่หมอ [20/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 20-05-2013 23:27:51
อย่ารังแกต้าร์อีกน่ะะ ไม่นั้นโดน  :beat: :z6:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 5 พี่หมอ [20/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: buff89 ที่ 21-05-2013 00:32:50
เห็นมั้ยคะคุณหมอ กรรมใดใครก่อ..
แต่เซมเวอร์ชั่นคุณหมอก็น่ารักไปอีกแบบนะ อบอุ่นแบบเถื่อนๆ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 5 พี่หมอ [20/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: viper7123 ที่ 21-05-2013 13:00:56
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

ชอบๆๆๆ

 :pig4:

มาต่อเร็วๆนะคับ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 5 พี่หมอ [20/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 21-05-2013 13:16:16
พระเอกอาจจะเป็นคนที่เลวที่สุดในเรื่องก็ได้นะ แต่เชียร์คุณหมออออออ
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 5 พี่หมอ [20/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 21-05-2013 14:08:11
กลายเป็นเด็กไปซะแล้วว น้องต้าน่าสงสาร แอบอยากรุ้จักพี่เตอร์
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 5 พี่หมอ [20/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 21-05-2013 14:54:55
ต้าแปลกๆยังไงไม่รู้แฮะ
ไหนๆก็มีตัวละครเป็นพี่หมอ(รูปลักษณ์)เถื่อน
ลองตรวจสอบต้าสิ
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 5 พี่หมอ [20/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: august_may ที่ 21-05-2013 18:19:48
อร๊ายยยยย ตอนนี้พี่หมอเอาใจไปเลยค่ะ แหมๆพอพี่ไม่หื่นโรคจิตแบบคืนที่ทำน้องพี่ก็ดูเป็นคนดีจริงๆเลยนะคะ
แล้วชีวิตต้าเอาไงต่อดีอ่ะ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 5 พี่หมอ [20/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 21-05-2013 18:43:23
ตอนที่ 6 : 1 2 3 ... จุด หนึ่ง


ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ผมนอนตัวงอมือกุมท้อง ดิ้นพล่านไปทั่ว ขาถีบๆผ้าห่มจนมันตกเตียง

ผมลุกขึ้นนั่ง สองมือหยิบหมอนใบโตขึ้นมากัดๆ ก่อนจะโยนมันลงพื้น!

เสียงท้องร้องดังโครกครากบอกระดับความหิว  ผมหิว!!!  หิว หิว หิว!! เมื่อคืนยังไม่ได้กินอะไรเลย  หิวจนไส้จะขาดแล้ว

ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนมันจะถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงๆของเพื่อนพี่หมอที่ยืนพิงกรอบประตูมองมาที่ผม  เขากวาดตามองสภาพห้องที่เละด้วยฝีมือผม ผมหน้าเจื่อนรีบหดขาที่ยืดยาวไปกับเตียงนั่งขัดสมาธินิ่งๆ นั่งก้มหน้าไม่สบตา

“เป็นบ้าอะไรแต่เช้า” เสียงทุ้มๆดังขึ้นพร้อมกับที่เขาเดินเข้ามาในห้อง

“ผมหิว” ผมตอบเสียงอ่อย เอื้อมมือไปจับตรงชายผ้าห่มที่วางอยู่บนเตียงจะตกเหล่ไม่ตกเหล่ ผมดึงผ้าห่มมันกลับขึ้นมาบนเตียง ก่อนจะขยุ้มๆแล้ววางสุมๆไว้ตรงกลางเหมือนที่แม่ทำทุกเช้าหลังจากตื่นนอน

ผมเหลือบมองหมอนที่ตอนนี้มันตกอยู่ตรงเท้าเขาพอดี เขาก้มลงเก็บก่อนจะโยนใส่ผม ผมดึงหมอนที่พุ่งมาปะทะหน้าผมออก มองเขาด้วยความไม่พอใจ

“ทำสายตาให้มันดีๆ” เขาพูดดุ มองหน้าผมนิ่งๆ

“นิสัยไม่ดี จะฟ้องพี่หมอ!” ผมจ้องตาเขาตอบอย่างไม่เกรงกลัว เรื่องอะไรผมจะกลัวเขา อย่าลืมสิ ผมมีพี่หมอเป็นพวก พี่หมอต้องเข้าข้างผมอยู่แล้ว

“หึ”

เขาหัวเราะเยาะผม!

“พี่หมอ!!” ผมเรียกพี่หมอที่กำลังจะเดินผ่านหน้าห้องผมพอดี ผมรีบลงจากเตียงแล้วพุ่งไปหาพวกทันที

“หืม?” พี่หมอเลิกคิ้วมองผมงงๆ ผมไปยืนอยู่ด้านหลังเขา สองมือจับแขนเขาก่อนจะมองไปยังคนตัวสูงที่กำลังเดินออกจากห้องผมด้วยสายตาเหนือกว่า

เขาน่ะไม่มีพวก แต่ผมมีพวกแล้ว  ผมชนะ!

“อย่าไปสนใจมันเลย ไปทำอะไรให้กูกินเลยเร็วๆ” เขาเดินเข้ามาเอาแขนคล้องคอพี่หมอก่อนจะลากให้เข้าครัวไปด้วยกันโดยทิ้งผมไว้ด้านหลัง เขาหันมามองผมก่อนจะแสยะยิ้มอย่างบอกให้รู้ว่าผมน่ะ.. แพ้!!

เขาแย่งพี่หมอของผมไป!!

ผมกระทืบเท้าแรงๆก่อนจะเดินปึงปังตามพวกเขาไปที่ห้องครัว

.

.

พอผมเดินเข้ามาในครัวก็เห็นพี่หมอกำลังหยิบของอะไรไม่รู้เยอะแยะออกจากตู้เย็น พี่เขาทำคนเดียวครับ ส่วนคนใจร้ายนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะกินข้าวสบายใจเฉิบ ผมเลื่อนเก้าอี้ออกก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามเขา เขาเหลือบมองผมนิดนึงก่อนจะเบนสายตาไปอ่านหนังสือพิมพ์เหมือนเดิม

พ่อผมก็ชอบอ่านหนังสือพิมพ์ตอนเช้าพร้อมจิบกาแฟไปด้วยก่อนไปทำงาน ส่วนแม่ก็จะทำอาหารอยู่ในครัวเหมือนพี่หมอเลยครับ

 “จิม วันนี้มึงกลับกี่โมง” พี่หมอถามโดยไม่เงยหน้าจากเตา ผมหันไปมองเขา... เขาชื่อจิมสินะ

“ถามทำไม” ผมขมวดคิ้วมองพี่จิม พี่หมอถามดีๆ เขาก็ยึกยือไม่ตอบ

“ไอ้สัส”

ผมหัวเราะขำเสียงไม่เบานัก พี่จิมหันมามองนิดหนึ่งแต่ผมเมินไม่สนใจ ผมหยิบขนมปังบนโต๊ะที่อยู่ในกระจาดกลางโต๊ะขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเขาไม่ว่าอะไร ผมจึงกัดมันเต็มปาก หิวนี่ครับ ไม่รู้พี่หมอจะทำอาหารเสร็จเมื่อไหร่

“ห้าโมงมั้ง” พี่จิมตอบเรียบๆ พี่หมอตักอาหารในกระทะแบ่งใส่จานสามจานก่อนจะถือมาเสิร์ฟที่โต๊ะรอบเดียว

ข้าวผัด ข้าวผัด ข้าวผัด!

หอมฉุย น้ำลายสอเลยครับ หิวอ่ะ หิวมาก! ผมสูดกลิ่นหอมๆเข้าเต็มปอดก่อนจะหันไปฉีกยิ้มให้พี่หมอ ผมทิ้งขนมปังในมือลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะคว้าช้อนกับส้อมมาถือไว้คนละมือ

ปั้ง!!!

เคร้ง!!

ผมสะดุ้งตกใจกับเสียงทุบโต๊ะที่ดังมาจากฝั่งตรงข้าม ส้อมที่ถือในมือซ้ายตกลงกระทบจาน  ตาพี่จิมดุมาก  ดุจนผมไม่กล้าสบตา

“ทำอะไร!” ผมสะดุ้งกับเสียงตวาดของเขา เผลอปล่อยช้อนที่ถืออยู่ที่มือขวาจนมันกระทบกับจานเสียงดัง  บรรยากาศรอบตัวเงียบกริบจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศดังชัดเจน  ผมหดมือลงมาบีบกันใต้โต๊ะ ขาที่กำลังแกว่งไกวข้างใต้หยุดนิ่ง

“กูถามว่าทำอะไร!” พี่จิมตะคอกเสียงดังกว่าเดิม ผมเบะปากออกก้มหน้ามองมือตัวเอง น้ำร้อนๆรื้นที่ขอบตา

“เป็นเหี้ยไรวะไอ้จิม” พี่หมอที่นั่งฝั่งเดียวกับผมปรามเพื่อนเขาเสียงเรียบ

ไม่มีเสียงตอบกลับจากพี่จิม ผมเงยหน้าขึ้นมองอย่างกล้าๆกลัวๆ สายตาพี่จิมมองตรงไปที่ขนมปังที่ผมทิ้งบนโต๊ะเมื่อครู่ พี่หมอที่นั่งข้างๆผมถอนหายใจก่อนจะหันมามองผม

“คราวหลังอย่ากินทิ้งขว้างอีกเข้าใจมั้ยครับ?” ผมรีบพยักหน้า เอื้อมมือไปหยิบขนมปังชิ้นนั้นมากำลังจะส่งเข้าปาก แต่พี่หมอกลับแย่งมันไป ผมหันไปมองไม่เข้าใจ

“อันนี้เลอะแล้ว ครั้งนี้ไม่เป็นไร ครั้งหน้าห้ามทำแบบนี้อีกเข้าใจมั้ย?”

“ครับ”

“ดีมาก กินข้าวได้แล้ว” สองมือค่อยๆเคลื่อนไปจับช้อนกับส้อมไว้เหมือนแรกเริ่ม ผมเหลือบสายตามองไปยังฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง เห็นเขาไม่ได้พูดว่าอะไร ผมก็ค่อยๆตักข้าวกิน

ผมเลื่อนหน้าไปใกล้ๆจาน มือกำช้อนกับส้อมแน่น บังคับ ตักข้าวให้มันตรงปาก  อื้มมมม.. อร่อย!  อร่อยเหมือนแม่ทำเลย

ผมจ้วงตักข้าวอีกคำ ก่อนจะวางส้อมแล้วหยิบน้ำมากำลังจะยกดื่ม แต่ถูกพี่หมอแย่งแก้วน้ำไปอีกแล้ว!  ผมขมวดคิ้วหันไปมองไม่พอใจ  ผมหิวน้ำ!! จะกินน้ำ!

“เคี้ยวข้าวให้หมดก่อน” ผมหยุดเคี้ยว อมข้าวไว้ในปาก

“จะกินน้ำ!” ผมพูดทั้งๆที่ข้าวยังเต็มปาก มือวางช้อนเอี้ยวตัวจะไปแย่งแก้วน้ำในมือหนา

“เคี้ยวให้หมดก่อน” ผมจะไม่คุยกับพี่หมอแล้ว พี่หมอขัดใจผม ไม่เข้าข้างผม!

ผมกอดอกหันหน้าไปอีกทาง ไม่ยอมเคี้ยวข้าวในปาก 

“จะกินดีๆ หรือจะให้กูจับยัด” เสียงนิ่งๆดังมาจากฝั่งตรงข้าม ผมหันไปมองนิดๆ เขาหยุดกินแล้ว กำลังมองมาที่ผมเขม็ง

ผมใจเสียไปกว่าครึ่ง แต่ยังฝืนทำเก่งต่อต้านพวกเขาอยู่

เสียงเลื่อนเก้าอี้ดังขึ้นพร้อมกับที่พี่จิมกำลังจะลุกเดินมาหาผม ผมเบิกตาโต มองเขาก่อนจะรีบเคี้ยวข้าวในปาก เมื่อผมกลืนข้าวลงคอ พี่หมอก็วางแก้วน้ำลงที่เดิม แต่พี่จิมกลับเดินเข้าห้องไป  ผมมองตามแผ่นหลังกว้างๆ ก่อนจะหันมามองพี่หมอ

พี่หมอเพียงแค่ยิ้มพลางพยักพเยิดให้ผมกินอาหารตรงหน้าต่อ ผมยิ้มตอบ  มือหยิบช้อนกับส้อมมาถือๆกำๆไว้อีกครั้ง  ผมตักเนื้อหมูใส่ปาก แล้วเขี่ยผักออกไปไกลๆพลางเหลือบมองพี่หมอ ก็เห็นพี่ไม่ว่าอะไร ผมก็ยิ้มแก้มปริ เขี่ยสารพัดผักเลือกกินแต่เนื้อหมูของโปรด

พี่หมอใจดี  ใจดีกว่าแม่ผมอีก  ถ้าอยู่ที่บ้านแล้วผมไม่กินผัก แม่จะดุผม แล้ววันต่อมาเมนูอาหารของผมจากที่มีข้าว มีหมู กุ้ง ปลา.. ก็จะมีแต่ผัก! มีแต่สีเขียวๆเต็มจานไปหมด! ผมประท้วงไม่กินข้าวเลยทั้งวัน แม่ใจร้าย!

แม่ใจร้าย แต่พี่หมอใจดี  ผมเริ่มชอบพี่หมอแล้วครับ!

พี่หมอใจดี พี่หมอไม่บีบคอผม พี่หมอไม่ทำร้ายผม ที่สำคัญ พี่หมอทำกับข้าวอร่อย!

“มองหน้าพี่ทำไม?”  พี่หมอถามขึ้นผมถึงได้สติกลับคืนมา  ยิ้มและส่ายหน้าตอบกลับไปก่อนจะลงมือกินข้าวตรงหน้าต่อ

ปัง!

เสียงปิดประตูทำให้มือที่กำลังจะส่งข้าวเข้าปากชะงัก ผมหันไปมองตามเสียง พี่จิมกำลังจะออกไปข้างนอก เขาเดินไปใส่รองเท้าโดยไม่หันมามองผมกับพี่หมอเลยสักวินาที เมื่อใส่เสร็จเขาก็ออกจากห้องไปเลย

เขาโกรธผมหรือเปล่า?

“ต้า กินระวังๆหน่อย โตแล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆ” ผมหันมาตามเสียงเข้ม พี่หมอกำลังใช้กระดาษทิชชู่กวาดเศษอาหารที่ตกจากช้อนที่ผมกำลังถืออยู่ 

“ขอโทษครับ”

“รีบกินข้าวเร็วๆ จะได้ไปทำอย่างอื่น” มือหนาทิ้งทิชชู่ลงถังขยะที่วางอยู่ใต้โต๊ะ  ผมพยักหน้าก่อนจะรีบลงมือทานอาหารให้หมดเร็วๆ

อยากเล่นแล้ว อยากเล่น!

ทันทีที่ผมอิ่ม ผมก็รีบดันตัวเองออกจากเก้าอี้ กำลังจะลุกขึ้นแต่กลับถูกมือหนาคว้าเอาไว้

“จะไปไหน ไปล้างจานก่อน”  ผมขมวดคิ้ว มองจานที่พี่หมอกวาดเศษอาหารมารวมกันไว้บนจานใบเดียว ก่อนจะวางจานซ้อนๆ ลงตรงหน้าผม

ล้างจานเหรอ?

“เอ้า ไปทำสิ พี่ทำให้กินแล้ว เราต้องเป็นคนล้าง เข้าใจมั้ย?”

“ครับ” ผมพยักหน้าตอบรับก่อนจะถือจานที่วางซ้อนกันแล้วเดินไปที่ซิงค์ในครัว เรื่องล้างๆผมเคยครับ เคยช่วยแม่ล้างผัก และเคยเห็นแม่ล้างจาน ไม่น่ายากเท่าไหร่ ท่าทางจะสนุกดี  เห็นแม่ทำทุกวันเลย

ผมแอบยิ้มเมื่อมีอะไรให้เล่น  วางจานในอ่างล้างก่อนจะเปิดน้ำตามแบบที่เคยเห็น

อ้อ! นั่นไง เจอแล้ว

ผมหยิบขวดที่วางอยู่ใกล้ๆก่อนจะเปิดฝาแล้วบีบมันลงบนจาน  บีบ บีบ บีบบบบ บีบเยอะๆ แล้วใช้ฟองน้ำถูๆขัดๆ

โอ้โหหหห ฟองฟ่อดเลย!!

ผมยิ้มกว้าง  ผมว่าแล้วว่ามันต้องสนุก ถ้าไม่สนุกแม่คงไม่เล่นทุกวันหรอก แถมยังขี้หวงไม่ให้ผมเล่นอีก!! ผมถือจานด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างก็ถือฟองน้ำ แล้วถูๆจาน

ยิ่งถูฟองก็ยิ่งเยอะ!

อ้าว... น้ำล้างฟองจนแทบจะไม่เหลือ

ผมขมวดคิ้ว ปิดก๊อกน้ำ ก่อนจะหยิบขวดๆเดิมมาบีบให้น้ำสีเหลืองในขวดออกมาให้เยอะกว่านี้

เหลืองอ๋อยเต็มจานเลย! บีบอีกๆ ฟองจะได้เยอะๆ จะได้สะอาดๆ

แฟ่บบบบ!

อ้าว.. ผมเขย่าขวดในมือพร้อมกับบีบไปด้วย แต่ไอ้สีเหลืองๆมันไม่ออกมาแล้ว  ผมวางมันลงที่เดิมก่อนจะหยิบฟองน้ำขึ้นมาใหม่

ผมยืนล้างจาน ถูจานเงียบๆ ไม่เรียกพี่หมอหรอกครับ เดี๋ยวแย่งผมเล่น! ทีแม่ยังไม่ให้ผมเล่นเลย!

“หือ..” ผมโยนฟองน้ำทิ้ง ยกมือที่เต็มไปด้วยฟองขึ้นดู คันอ่ะ.. คัน แสบ! ผมเกามือเกาแขนหวังจะให้มันหายคัน! แต่ยิ่งเกายิ่งคัน  ตอนนี้มือกับแขนของผมมันแสบไปหมด เป็นริ้วสีแดงยาวๆที่เกิดจากลอยเล็บครูด

“เสร็จหรือยัง?” เสียงทุ้มที่ฟังดูมาจากไกลๆดังขึ้น ผมสะดุ้งรีบเก็บมือตัวเอง ก่อนจะหันไปมองทางต้นเสียง

“ย...ยังครับ” หันกลับมามองดูอ่างล้างจานอีกที..  อึ่ก! ฟองฟ่อดเต็มอ่างเลย!! ทำไงดีๆ

ผมลนลานกลัวโดนดุ รีบเปิดก๊อกน้ำจะไล่ฟองให้มันหมดๆไป  เฮ้ยๆๆ  น้ำล้น.... ผมมองซ้ายมองขวาจะหาผ้ามาซับน้ำ แต่...

“ทำอะไรอยู่ชักช้า กับไอ้แค่ล้างจานสามใบ” ผมหันควับไปมอง! คราวนี้ไม่ได้มาแค่เสียง พี่หมอกำลังเดินมาทางนี้! ผมย้ายตัวเองมายืนบังซิงค์ทันที

ต้องโดนดุแน่ๆ  ซ่อนมือไว้ด้านหลังพร้อมกับเกามันไม่หยุด

พี่หมอเดินมาถึงแล้ว เขายืนพิงเคาท์เตอร์จ้องผมด้วยสายตาจับผิด ดวงตาเรียวกดมองต่ำ พลันคิ้วเข้มขมวดเป็นปมแน่นเมื่อเห็นน้ำที่เจิ่งนองพื้น

“ต้า!!” ผมสะดุ้ง ไม่ได้เตรียมตัวตั้งรับกับเสียงเอ็ดดังๆแบบนี้ ผมก้มหน้าลงต่ำ ถอยหลังหนึ่งก้าวจนสะโพกชนกับซิงค์ล้างจาน เสื้อด้านหลังเปียกน้ำจนชื้นแฉะ

“ถอยออกมา”

ไม่.. ผมจะไม่ขยับออกจากตรงนี้เด็ดขาด!

ผมก้มหน้านิ่งหลบสายตาคู่นั้น  แม่ชอบบ่นผมบ่อยๆว่าผมน่ะบทจะว่าง่ายก็ว่าง่าย แต่บทจะดื้อก็ดื้อเงียบ

“ต้า” เสียงเข้มกดให้ต่ำลงกว่าเดิม

พี่หมอที่ใจดีตอนนี้ไม่มีแล้ว น่ากลัวพอๆกับพี่จิมเลย  เขาก้าวสวบๆตรงมาก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งผลักไหล่ผมอย่างแรงจนเซออกไปข้างๆ

“มึงทำอะไรของมึง! ล้างจานแค่นี้มึงล้างไม่เป็นหรือไงวะ!” เขาดูหัวเสียมาก มือหนารีบปิดน้ำก่อนจะหันมาตวาดใส่ผม

“...” ผมสะดุ้ง หน้าที่ก้มต่ำอยู่แล้วยิ่งก้มต่ำเข้าไปอีกจนตอนนี้คางผมชิดติดอก

“มึงไปเลย ออกไปไกลๆเลย” พี่หมอพูดพร้อมกับชี้นิ้วไล่ผม ผมกัดปากตัวเองแรงๆก่อนจะรีบเดินออกจากห้องครัวให้เร็วที่สุด  ผมตรงเข้าห้องที่ผมนอนเมื่อคืน ทิ้งตัวนั่งชันเข่าลงบนเตียงแล้วกอดขาตัวเองแน่นๆ

ผมอยากกลับบ้าน..

ไม่อยากอยู่แล้วที่แบบนี้  มีแต่คนใจร้าย

อยากกลับตอนนี้! ไม่ต้องรอให้แผลหายแล้วก็ได้ ผมยอมถูกแม่ตีซ้ำ  ..จะกลับบ้าน

ความรู้สึกคันยิบๆที่หลังมือทำให้ความคิดทุกอย่างหยุดชะงัก ผมคลายกอดมองดูมือตัวเองที่ตอนนี้หลังมือแดงเถือกแถมยังมีจุดเม็ดๆขึ้นกระจายไปทั่ว 

เสียงเปิดประตูดังขึ้นไม่ได้เรียกความสนใจผมให้หันไปมอง กลับกันผมยังนั่งนิ่งเพียงแต่ซ่อนมือสองข้างไว้ด้านหลังป้องกันสายตาจากคนที่กำลังเดินเข้ามา

อะไร จะมาดุอะไรผมอีก

 

_________________________________


TALK ::  เหมือนพี่หมอจะคะแนนนำพี่จิมไปแล้วววว  คึคึ
เห็นมีคนอยากรู้จักเตอร์ด้วย เดี๋ยวจะพามาแนะนำนะคะ -...-
หากมีอะไรจะแนะนำก็แนะนำกันเข้ามาได้เลยนะคะ คนเขียนพร้อมรับฟังงง
ชุ้บๆ ไว้เจอกันใหม่ค่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 6 : 1 2 3 ... จุด หนึ่ง [21/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 21-05-2013 19:29:11
ใจดีได้แป๊ปเดียวจริง พี่หมอออ  :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 6 : 1 2 3 ... จุด หนึ่ง [21/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 21-05-2013 20:45:03
พวกนี้ไม่สงสัยหรอ ว่สต้าเป็นอะไร นิสัยพิลึก
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 6 : 1 2 3 ... จุด หนึ่ง [21/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 21-05-2013 21:41:35
แงสงสารต้าร์  :hao5: :hao5:
ฮือ เมื่อไหร่ต้าร์จะหนีออกไปได้เนี่ย นี่มันนรกชัดๆ  :sad4:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 6 : 1 2 3 ... จุด หนึ่ง [21/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 21-05-2013 23:41:22
ต้าน่ารักอ้าาาาา :really2:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 6 : 1 2 3 ... จุด หนึ่ง [21/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: buff89 ที่ 22-05-2013 00:30:41
ตอนนี้ต้ากลายเป็นเด็กห้าขวบไปแล้ว
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 6 : 1 2 3 ... จุด หนึ่ง [21/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: august_may ที่ 22-05-2013 09:52:19
โธ่ พี่หมอดุน้องต้าซะแล้ว อย่างนี้น้องต้าก็แย่ซิ
ไม่มีใครเป็นพวกเลย ส่วนพี่จิมก็นะเดี๋ยวร้ายเดี๋ยวกวนตีน หึหึหึ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 6 : 1 2 3 ... จุด หนึ่ง [21/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 22-05-2013 11:06:53
ต้าเค้าเจ็บอยู่ อยาพึ่งทำต้านะ ไม่งั้นเด๊่ยวยกพวก  :z6:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 6 : 1 2 3 ... จุด สอง [22/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 22-05-2013 15:12:03
ตอนที่ 6 : 1 2 3 ... จุด สอง

“ยื่นมือออกมา” เสียงทุ้มบังคับสั่ง ผมหันไปมองหน้าเขา

ผมขอถอนคำพูด ผมไม่ชอบพี่หมอแล้ว! ชอบสั่ง ชอบดุ!

“ต้า! ยื่นมือออกมา” ผมจ้องเขาเขม็งจนรู้สึกปวดกระบอกตาไปหมด

“ทำไมมึงดื้ออย่างนี้วะ!” หน้าพี่หมอตอนนี้คล้ายยักษ์ขมูขี  ยักษ์ตนนั้นเดินเข้าใกล้ผมก่อนจะคว้าสองมือผมไปเพ่งดู ผมจะดึงมือออกก็ดึงไม่ได้ แรงเด็กกับแรงยักษ์มันต่างกัน!

“ไปล้างมือให้สะอาด”  ผมมองหน้าเขาก่อนจะกระชากมือกลับ นั่งชันขาซุกมือไว้ตรงหน้าท้องให้ขาเป็นเกราะกำบังอีกชั้นหนึ่ง  ผมไม่ยอมลุกแน่ๆ

“มึงจะทำอะไรที่กูสั่งง่ายๆสักครั้งมันจะตายมั้ย!? หรือต้องให้กูลงไม้ลงมือกับมึงห๊ะ!!” หน้าพี่หมอโกรธจัดอย่างที่ผมไม่เคยเห็น! เล็บผมจิกมือตัวเองแน่นมองพี่หมออย่างไม่เชื่อสายตา  ถ้าเป็นพี่จิมผมคงจะไม่แปลกใจ เพราะขนาดบีบคอผมเขายังทำมาแล้ว แต่กลับพี่หมอ คนที่ใจดี... กำลังตวาดผม.. มือหนาข้างที่เคยทายาให้ผมอย่างแผ่วเบา ตอนนี้กำลังเงื้อขึ้นสูง!

“ฮึก!” ผมหลุดสะอื้นด้วยความตกใจ กระถดตัวหนีไปด้านข้างแทบจะตกเตียง มองเขาอย่างหวาดๆ

พี่หมอชะงัก มือหนายกค้างไว้ก่อนจะลดลงข้างลำตัว เขาสูดหายใจเข้าปอดลึกๆราวระงับอารมณ์ ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในห้องน้ำ เพียงครู่เดียวก็ออกมาพร้อมกะละมังใส่น้ำใบเล็กในมือ เขาเดินขึ้นมานั่งบนเตียงข้างๆผม

ขาผมข้างหนึ่งก้าวลงจากเตียงพร้อมจะหนีโดยอัตโนมัติ แต่มือหนาที่เมื่อครู่ยังเงื้อจะตบผมกลับจับแขนผมรั้งไว้  พี่หมอฝืนแรงก่อนจะดึงมือผมให้จุ่มลงในน้ำสะอาด  ผมจะชักมือกลับแต่ทำไม่ได้

ผมยื้อมือกับพี่หมออยู่นาน ก่อนจะหยุดต่อต้านเมื่อรู้สึกได้ถึงปลายนิ้วเรียวที่กำลังลูบไล้ล้างคราบน้ำยาในน้ำให้ผมอย่างเบามือ

พี่หมอที่ผมชอบ กลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว

“เป็นไง ยิ้มได้แล้วหรือไง”  ผมฉีกยิ้มแทนคำตอบ

“คัน” ผมกำลังจะเกาหลังมือที่ตอนนี้ยังคันอยู่ แม้จะไม่เท่าตอนแรกๆก็เถอะ

“อย่า เดี๋ยวเป็นแผล” พี่หมอรั้งมือผมไว้ไม่ให้เกาอย่างที่อยากทำ

“คัน!” ผมเสียงดังใส่อย่างเอาแต่ใจ มือก็รั้นจะไปเกาให้ได้

“อย่าดื้อ! เดี๋ยวก็หายนะครับ” เสียงพี่หมอทอดนุ่ม  ผมชอบเสียงแบบนี้แหละ ไม่ดุ ไม่เอ็ด ไม่ตวาด

“อื้ม” ผมพยักหน้า ยอมไม่เกาตามที่พี่หมอบอก เขาล้างมือผมไปเรื่อยๆจนมันเริ่มจะหายคัน ผมจึงยกมือขึ้นจากน้ำ มือเหี่ยวเลย ผมคว้ามือพี่หมอมาก่อนจะแบมือใหญ่ๆให้หงายขึ้น  มือพี่หมอก็เหี่ยว เหี่ยวเหมือนตาแก่ๆ

ผมปล่อยมือพี่หมอ เพ่งมองมือตัวอีกครั้งอย่างเพิ่งนึกอะไรออก

“พี่หมอ ต้าไม่สบาย”

“หืม? ยังไงครับ” พี่หมอถามมือก็ย้ายกะละมังใบเล็กไปวางไว้ตรงโต๊ะหัวเตียงก่อนจะหันมามองผมทั่วตัวอย่างตรวจตรา

“ไม่รู้” ผมขมวดคิ้วแน่นก่อนจะพูดต่อ “เมื่อวานกับวันนี้กับวันก่อน  วันนี้ต้าสูง สูงมากๆ สูงเท่าแม่”  ผมพูดพร้อมกับยกมือขึ้นประกอบ บอกระดับความสูงที่มันแตกต่างกัน

“หืม? สูง??” พี่หมอขมวดคิ้วมองตามมือผมก่อนจะมองหน้าผมด้วยความมึนงง “เป็นเด็กก็ต้องสูงขึ้นเป็นธรรมดา ผู้ชายจะหยุดสูงเมื่อตอนอายุยี่สิบ จากที่ดูตอนนี้ ต้าจะสูงขึ้นก็ไม่แปลกหรอก”

“ตา จมูก หน้า คิ้ว ปาก มือ ขา แขน อื้ออ!! ไม่เหมือนเดิม” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปตรงหน้าพี่หมอให้พี่หมอดูชัดๆ

“ยังไงครับ ที่ว่าไม่เหมือนเดิมน่ะ” มือหนาจับมือผมไว้ บีบคลึงทั่วฝ่ามือ

“ไม่เหมือนเดิมก็คือไม่เหมือนเดิมไง” ผมขมวดคิ้ว ชักมือออกจากมือหนา รู้สึกขัดใจที่พี่หมอไม่เข้าใจ!

“เมื่อวาน กับวันนี้เท่าที่พี่เห็น ต้าก็ยังเหมือนเดิมนะ  อย่าคิดมากเลย นอนพักผ่อนเถอะ” พี่หมอตัดบท กดไหล่ผมให้ลงกับเตียงก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเอากะละมังไปเก็บที่เดิมแล้วเดินออกจากห้องทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว

ผมขมวดคิ้วมองตามประตูที่ค่อยๆถูกปิดลง ก่อนจะยกมือขึ้นชูกลางอากาศ นอนมองมือตัวเอง ลองกำมือแล้วแบ ทำอย่างนี้ซ้ำๆ

“เหมือนเดิม?”

ไม่.. มันไม่เหมือนเดิม

มือผม..ใหญ่ขึ้น

ตอนนี้ ผมสูงกว่าเตอร์!

เมื่อวาน.. ผมยังสูงไม่ถึงเอวแม่เลย แต่ตอนนี้ผมว่าผมสูงเท่าแม่แล้ว หรือว่ามันจะเป็นเพราะนมที่แม่ให้ผมกินทุกเช้าและก่อนนอน?

แม่เคยบอกว่า ถ้าอยากสูงต้องกินนมเยอะๆ  ผมเลยกินมันทุกวัน

ผมว่า ต้องใช่แน่ๆ ผมสูงขึ้น  ตอนนี้ผมสูงกว่าเตอร์!

เตอร์ชอบหาว่าผมเตี้ย แต่ตอนนี้ผมต้องสูงกว่าเตอร์แน่ๆ ผมอยากพูดว่าใส่เตอร์ว่าเตอร์น่ะ “เตี้ย!” มั่ง!  ฮ่าๆ

ผมหัวเราะจนตกเตียง เจ็บครับแต่ขี้เกียจลุกเลยนอนแผ่อยู่บนพื้นในท่าเดิม มองเพดานสีขาวที่เหมือนที่บ้านผม บ้านผมก็เพดานสีขาว  ไล่สายตาลงมองกำแพง นี่ก็สีขาว เหมือนที่บ้านผมอีกแล้ว เพียงแต่..ถ้าจะให้เหมือนที่บ้านผมน่ะมันต้อง...

ผมยันตัวลุกขึ้นยืน กวาดสายตามองไปทั่วหาสิ่งที่ต้องการ ก่อนจะเจอมันวางอยู่บนโต๊ะ ผมรีบไปหยิบมันมา เปิดปลอกปากกาแล้วพาตัวเองกลับไปยังมุมกำแพงมุมหนึ่ง นั่งขลุกตัวจรดปากกาลงบนกำแพงอย่างเมามัน

สิ่งที่กำแพงบ้านผมมี แล้วที่นี่ไม่มี คือศิลปะชิ้นโบแดงฝีมือผม! ปิก้าจู!!

แม่ชมผมบ่อยๆครับว่าผมวาดรูปเก่ง  เก่งกว่าเตอร์อีก! นี่ล่ะสิ่งที่ผมภูมิใจ!! พอทำเสร็จแล้วผมจะไปอวดพี่หมอ!

ผมลากเส้นตรงบ้างเฉียงบ้างก่อนจะวาดรูปปิก้าจูลงไป  สวยครับ สวยมาก เสียดายไม่มีสีเหลือง ก็ปิก้าจูน่ะสีเหลือง แต่ไม่เป็นไร ระบายสีดำแทนไปก่อนก็ได้ สวยเหมือนกัน

ผมยิ้มกว้างเมื่อปิก้าจูตัวที่หนึ่งเสร็จ  ก่อนจะละเลงปิก้าจูตัวที่สองทันที  ...ตาซ้ายของตัวนี้เล็กกว่าตาขวา  ผมจรดปากกาเติมตาข้างซ้ายให้ใหญ่ขึ้น!

ผมใช้เวลาขลุกตัวอยู่กับศิลปะบนกำแพงนานจนร้องผมร้องโครกครากอีกครั้ง  หิว แต่ก็ยังก้มหน้าก้มตาวาดตา ปิก้าจูเสร็จแล้ว ต่อไปก็วาดบ้าน  บ้านที่ผมอยากกลับ  ผมวาดเตอร์ วาดแม่ วาดพ่อด้วย

“ต้าครับ” เสียงเรียกดังมาจากข้างหลัง แต่ผมก็ยังก้มหน้าก้มตาระบายสีต่อไม่สนใจ

อย่าเพิ่งใจร้อนสิพี่หมอ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะเอาให้ดูเอง

“ต้า” เสียงมันเริ่มจะแข็งขึ้น  ผมรีบตวัดมือระบายลงไปเร็วกว่าเดิม  นั่นไง! เพราะพี่หมอเลย! ทำให้ผมระบายมันออกนอกเส้น!!!

ผมหน้าบึ้ง เงยหน้าขึ้นจากกำแพง ขว้างปากกาในมือลงพื้นอย่างหงุดหงิดก่อนจะหันไปมองพี่หมอ

 “ทำอะไร?” พี่หมอถามเสียงเรียบพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ๆ ผมแอบยิ้มในใจที่ดูเหมือนพี่หมอจะให้ความสนใจกับสิ่งที่ผมทำ ผมเขยิบตัวหลบฉากให้พี่หมอเห็นศิลปะบนผนังชัดๆ

พี่หมอก้มมองตาม ผมเห็นพี่หมอมองสิ่งที่ผมวาดตาค้าง! สวยล่ะสิ  ผมยิ้มกว้างรอรับคำชม

“มึงทำเหี้ยไรของมึงเนี่ย!!” ผมสะดุ้งสุดตัวกับเสียงตะคอกที่ไม่คาดคิดว่าจะได้รับ  เงยหน้ามองคนตัวสูงที่หยัดยืนกดสายตามองผมอย่างคาดโทษ

“มึงมันชอบหาเรื่องใส่ตัว”

“...” ผมรีบกัดปากตัวเอง ก้มหน้าลงเสตามองงานศิลปะ

ผมไม่รู้ผมผิดอะไร

ดุผมทำไม..

“หยุด! อย่าร้อง!!” พี่หมอย่อตัวลงนั่งยองๆอยู่ตรงหน้า นิ้วเรียวชี้หน้าผมสายตาดุเมื่อเห็นว่าผมตั้งท่าจะร้อง

“ฮึก... ฮือออออออ!!” ผมมองนิ้วที่ชี้หน้าผมก่อนจะมองหน้าพี่หมอ แล้วแหกปากร้องไห้สุดเสียง!

อยากตวาดผมก่อนทำไม!

ทีพ่อกับแม่ยังไม่ว่าผมสักคำที่ผมวาดรูปลงกำแพง!

ผมร้องไห้เสียงดัง มีแต่เสียง น้ำตาไม่มี  ไม่รู้แหละ ผมจะร้อง!

พี่หมอไม่ปลอบผม ซ้ำร้ายมือหนาๆยังผลักหัวผมอีกต่างหาก! หัวผมกระแทกกำแพงทำให้ผมมึนงงไปสิบวินาที เสียงร้องไห้ชะงักอยู่ในลำคอ มองพี่หมออึ้งๆ มือผมกำแน่นอย่างอยากจะเอาคืน

“พอๆ เลิกร้องได้แล้ว แล้วอย่ามาทำท่าอวดเก่งใส่กู” เขาผลักหัวผมอีกที  หัวผมกระแทกกำแพงอีกแล้ว! ผมเบะปากเตรียมจะแหกปากร้องไห้อีกครั้ง

“หยุด!! อย่าร้อง!!!” พี่หมอชี้หน้าผม ดวงตาเขาดุ ผมชะงักไม่อยากเห็นพี่หมอในโหมดนี้

“มึงมันชอบหาเรื่อง เล่นอะไรเป็นเด็กๆ มึงโตแล้วนะไอ้ต้า ไม่รู้หรือไงว่าไอ้จิมมันหวงของมันมาก  ไอ้ลายบนกำแพงนี่มึงไปเคลียร์กับมันเองแล้วกัน กูไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น”

“ไม่เอา” ผมหน้าซีด ส่ายหน้าไปมา  ลืม.. ผมลืมไปว่านี่ห้องพี่จิม ไม่เอา ไม่คุยกับพี่จิม ไม่อยากถูกบีบคอ.. ผมกลัว

“ไม่เอาก็ต้องเอา ทำอะไรไม่รู้จักคิด! อยู่กับมึงกูเริ่มจะเหนื่อยแล้วนะ  มึงโตแล้วนะเว้ย มีสมองหัดคิดซะบ้าง อะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ”

ผมมองหน้าพี่หมอค้าง..

 “ไอ้ต้า กูถามจริงๆ มึงอายุเท่าไหร่แล้ว ทำตัวอย่างกับเด็กสองขวบ  เล่นเหี้ยไรของมึง  ทั้งเรื่องล้างจาน แล้วยังมาวาดรูปบนกำแพงอีก”

น้ำเสียงพี่หมอฟังดูรำคาญ เขามองผมด้วยสายตาที่ผมเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันจะสื่อความหมายอะไร

ผมขมวดคิ้ว..

หัวผมกำลังเบลอ พี่หมอพูดเร็วจนผมฟังไม่ทัน ได้ยินและเข้าใจแค่คำว่า อายุเท่าไหร่

ผมก้มหน้าไม่สบตา  ยกมือขึ้นสองข้างก่อนจะนับนิ้วตัวเองตามแบบที่พ่อสอน

“หนึ่ง” ผมออกเสียงพร้อมกับหดนิ้วมือลงไปหนึ่งนิ้ว

“อะไร?” พี่หมอขมวดคิ้ว ทำหน้าจะดุผม

“สอง” ผมหดนิ้วมือลงอีกนิ้ว

“สาม.. สี่.. ห้า”

“ห้าขวบ!  ต้าอายุห้าขวบ”  ผมพูดโพล่งตอบคำถามที่ผมคิดว่าพี่หมอถามผม

ทุกอย่างรอบตัวเงียบกริบ  พี่หมอไม่เอ็ด ไม่ดุผม ไม่พูดอะไรเลย  ผมหุบยิ้มลืมตามองพี่หมอ

พี่หมอมองมาที่ผมด้วยใบหน้าเคร่งเครียด



______________________________________

TALK :: เงิบบ งานนี้มีเงิบ 55555
มีคนเดาถูกเป๊ะๆด้วย -...-
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ ชุ้บๆ ขอบคุณทุกกำลังใจมากๆค่ะ
หากมึนๆ งงๆ ไม่เข้าใจตรงไหนถามได้นะจ๊ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 6 : 1 2 3 ... จุด สอง [22/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 22-05-2013 15:32:38
ไอ้พี่หมอออ จะทำยังไงหล่ะทีเนี่ยยย  :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 6 : 1 2 3 ... จุด สอง [22/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 22-05-2013 15:49:59
เป็นไงล่ะอิหมอ น้องกลายเป็นเด็ก 5 ขวบเพราะพวกมึง ตายแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 6 : 1 2 3 ... จุด สอง [22/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 22-05-2013 16:23:57
แล้วกัน
ถ้าต้าอายุห้าขวบจริง
ผู้ใหญ่สองคนโดนข้อหาพรากผู้เยาว์แน่
แต่ไม่รุ้ว่านมที่แม่ให้ต้ากินมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า
หรือที่ต้าบอกว่าตัวเองอายุห้าขวบ เพราะสมองถูกกระทบกระเทือน

พี่หมอตรวจด่วน
คนอ่านสงสัย
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 6 : 1 2 3 ... จุด สอง [22/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 22-05-2013 18:22:21
อายุ 5ขวบ O.O ความจำเสื่อมม!!!
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 6 : 1 2 3 ... จุด สอง [22/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: august_may ที่ 22-05-2013 19:44:28
ไงคะพี่หมออึ้งไปเลยล่ะซิ น้องต้าห้าขวบนะคะ รุนแรงจังเลย
แล้วทีนี้จะทำยังไงกันต่อล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 6 : 1 2 3 ... จุด สอง [22/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 22-05-2013 20:13:19
เวรกรรม เอาเด็กมาเลี้ยงซะได้ :-[ :-[

ปล. แอบชอบจิมอ่ะ เมะในฝันเลย (ถ้าไม่นับความ SM) คิดถึงจัง :mew1:

ตอนนี้มีแต่พี่หมออ่ะ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 6 : 1 2 3 ... จุด สอง [22/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 22-05-2013 20:46:17
ห้าขวบ..
 :a5:

โดนลักพาตัว???โดนมอม??โดนยา??ความจำเสื่อม??
ม๊ายยยยยยยยยยยยยยยย
 :ling1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 6 : 1 2 3 ... จุด สอง [22/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: e-ga-g ที่ 22-05-2013 21:43:21
น้องต้าาาาา ห้าขวบเลยหรอลูก :katai4: :katai4:
โอ้ยน่าสงสารง่ะ  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 6 : 1 2 3 ... จุด สอง [22/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 23-05-2013 23:41:59
ตอนที่ 7 ไม่ให้จีบ


“ต้า มานั่งนี่” เสียงเรียบๆของพี่หมอพูดพร้อมกับมือหนาที่ตบลงบนเตียงนุ่มข้างๆที่ร่างสูงนั่งอยู่ ผมยอมลุกขึ้นไปนั่งดีๆ โดยไม่ต่อต้าน

“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ผมเอียงคอพลางมองเข้าไปในดวงตาพี่หมอ ตานิ่ง หน้าก็นิ่ง  นิ่งเสียจนผมไม่รู้ว่าพี่เขากำลังคิดอะไร ผมขยับตัวยุกยิก เลิกสนใจพี่หมอ

“ไม่คุย ต้าหิว” มือก็ลูบท้องไปด้วยบอกให้พี่หมอรู้ว่าผมหิวจริงๆ

“คุยก่อนครับ แป๊บเดียว”

“ไม่! ต้าหิว! หิว หิว หิว!!”  ผมเบะปาก ท้องร้องดังโครกคราก

ได้ยินเสียงพี่หมอถอนหายใจเฮือกใหญ่เลยครับ ผมนึกว่าพี่หมอจะไปทำอะไรให้ผมกิน แต่ก็ไม่ใช่พี่หมอยังนั่งนิ่งเหมือนเดิม

“หิว...” ผมบอกเสียงอ่อย มองพี่หมอตาปริบๆ ตอนนี้ผมไม่กลัวพี่หมอแล้วครับ พี่เขาใจดีเหมือนเดิมแล้ว

“เฮ้ออ หิวนักก็ตามมา ให้ไวด้วย” ร่างสูงพูดพร้อมกับลุกขึ้นเดินดุ่มไปยังห้องครัวทันที  ผมมองตาม ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะรีบตามไป

“อยากกินอะไร?” พี่เขาถามโดยไม่หันมามองผม มัวแต่มองของในตู้เย็น มือก็หยิบๆจับๆ สารพัดอย่างในนั้น

“พิดซ่า เคเอฟซี ‘ติม ไก่ทอด เฟ้นฟายยย” ผมร่ายยาว ยิ่งพูดยิ่งอยากกิน น้ำลายสอเลย ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำลายที่ไหลออกจากมุมปากโดยไม่รู้ตัว มองแผ่นหลังกว้างๆอย่างมีหวัง

นี่ถ้าพี่หมอตามใจผม ยอมให้ผมกินทั้งหมดที่ผมพูดไป ผมจะรักพี่หมอมากๆเลย

ปั้งงง!!

เสียงตู้เย็นถูกปิดดังปัง พี่หมอหันมามองผมด้วยใบหน้าถมึงทึงเหมือนยักษ์! ยักษ์ตัวโตเหมือนที่วัด...วัดอะไรสักอย่างที่พ่อเคยพาไป ที่นั่นจะมียักษ์สองตัวถือกระบอง หน้าเหี้ยมๆยืนเฝ้าอยู่ เหมือนพี่หมอตอนนี้เปี๊ยบ! ผมกลืนน้ำลายดังเอื้อก กลัวพี่หมอกลายร่าง

“เรื่องมากดีนัก แดกไข่เจียวไปแล้วกันมึง” ผมเบ้หน้ากับเมนูไข่

พูดจบพี่หมอก็หันไปหยิบกระทะมาตั้งไฟ ตอกไข่ใส่ถ้วย ผมมองพี่หมอ หน้าที่เคยเบ้ค่อยๆยิ้มออก

 “พี่หมอ!”

“อะไร” ผมรีบไถลตัวเข้าไปยืนข้างๆ มองถ้วยที่ใส่ไข่เอาไว้ตาเป็นประกาย

“ต้าอยากตี”

เสียงทุ้มไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่มือหนาเลื่อนถ้วยนั้นมาไว้ตรงหน้าผมแทน ผมยิ้มกว้างรีบกำซ้อมแล้วตีๆ ตีไข่ในนั้นจนไข่แดงแตกกระจายรวมกับไข่ขาว

ฮี่ๆ สนุก

“เบาหน่อยๆ อย่าตีแรงแบบนั้น เดี๋ยวห..... ไอ้ต้า!!!” พี่หมอชะงักถ้อยคำที่กำลังพูดแล้วเรียกชื่อผมเสียงดังทันทีที่ผมทำไข่ในถ้วยกระฉอกหกเลอะข้างนอก ซ้ำร้ายถ้วยที่วางบนเคาท์เตอร์อย่างหมิ่นเหม่ยังตกลงพื้นแตกกระจาย!

“ค..ครับ” ผมกำซ้อมในมือก้มหน้างุดไม่กล้าสบตา

“มึงออกไปเลย ออกไปไกลๆก่อนที่จะโดนตี” ผมเดินไหล่ตกหางลู่หูลู่ออกจากห้องครัวเดินไปนั่งรอที่โต๊ะกินข้าวที่เดิมกับที่ผมนั่งกินข้าวมื้อเช้า

ผมไม่ได้ตั้งใจนะ ผมแค่อยากช่วย ผมเคยช่วยแม่ตีไข่ด้วย แม่ยังชมเลยว่าผมเก่ง  ก็ผมอยากได้คำชมจากพี่หมอนี่ ใครจะไปคิดว่าจะโดนดุแทน

โครกกก!!

ผมแนบแก้มลงกับแขนสองข้างที่ยกขึ้นมาวางบนโต๊ะ ผมหิวอ่ะ หิวมากๆ!

ผมกวาดสายตามองไปรอบห้อง ก่อนจะสะดุดกับขนมปังในกระจาดที่วางอยู่กลางโต๊ะ มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบพลันชะงักกลางอากาศ แล้วค่อยๆหดมือกลับมาวางที่เดิม นอนซบแขนมองขนมปังตาละห้อย

ไม่กล้ากิน กลัวพี่จิมดุ!

จมูกเริ่มได้กลิ่นหอมๆลอยมา กินไข่เจียว มันยิ่งยั่วความหิวมากกว่าเดิม  อ๋อย.. แสบท้องไปหมดแล้ว

ผมอ้าปากกัดแขนตัวเอง กัดเบาๆ ไม่กัดแรง เดี๋ยวผมเจ็บ ก็ปากมันว่าง ขนมปังก็กินไม่ได้ ข้าวก็ยังไม่เสร็จ  งั่มมม

“เล่นอะไรเป็นเด็ก  กินๆเข้าไปซะ” ผมเงยหน้าขึ้นจากแขน ยกมือขึ้นลูบหัวเมื่อถูกมือหนาเขกเสียเต็มแรง กำลังจะส่งเสียงร้องโอ้ย แต่ต้องกลืนเสียงลงในลำคอเมื่อกลิ่นหอมๆมันเบนความสนใจไปยังอาหารที่ถูกยกมาวางตรงหน้าแทน

ไข่เจียวสีเหลืองฟูเต็มจานวางโปะบนข้าวจนมองไม่เห็นสีขาวๆของข้าวเลย เห็นแต่สีเหลืองๆฟูๆ  น่ากิน.. พี่หมอทำอะไรก็น่าอร่อยไปหมด!

ผมกำช้อนในมือก่อนจะตักไข่ขึ้นมาเป่าๆ แล้วยัดใส่ปากคำโต

“หย่อยย” ยิ้มตาหยีส่งไปให้พี่หมอที่หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

“เคี้ยวให้หมดก่อนค่อยพูด” เสียงเข้มสั่งสำทับ ผมก้มหน้าก้มตากินไม่สนใจเสียงบ่นของคนแก่

พี่หมอดูเด็กกว่าแม่ผมเยอะ แต่ขี้บ่นยิ่งกว่าแม่ผมอีก ใช้ไม่ได้ๆ

“ต้ามาที่นี่ได้ไงครับ” ผมเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว มองพี่หมองงๆ ที่อยู่ๆก็ถามคำถามอะไรก็ไม่รู้ ผมเคี้ยวข้าวไปเรื่อยๆไม่ได้ตอบ ก็พี่หมอบอกว่าเคี้ยวให้หมดก่อนค่อยพูด ผมยังเคี้ยวไม่หมด งั้นก็พูดไม่ได้ ผมเข้าใจถูกใช่มั้ยครับ? ฮ่ะๆ

“พี่ชื่ออะไรครับ?” ผมขมวดคิ้ว  คำถามแรกยังไม่ได้ตอบ คำถามที่สองมาอีกแล้ว

“พี่หมอ” ผมรีบกลืนข้าวแล้วตอบทันที กลัวคำถามที่สามจะตามมาติดๆ

ผมฉีกยิ้มรอรับคำชมที่ตอบถูก พี่หมอชะงักไปนิดก่อนจะหน้าบึ้งเป็นยักษ์ตัวเขียว

“พี่หมอบ้านป้ามึงดิ กูชื่ออะไร?” เสียงทุ้มห้วนจัด นิ้วเคาะโต๊ะเป็นจังหวะหนักๆ ผมวางช้อนในมือแล้วมองหน้าพี่หมออีกครั้ง

นึกครับ ต้องใช้เวลานึก ชื่อพี่หมอ... เรียกแต่พี่หมอๆจนมันเคยชิน

“พี่....เซม” ผมตอบเสียงเบาด้วยความไม่มั่นใจ

“ดีมาก ครอบครัวต้ามีกี่คนครับ?” ผมยิ้มกว้างกับคำชมพลางยกนิ้วขึ้นมานับจำนวนคนในครอบครัว

“หนึ่ง.. สอง.. สาม.. สี่...  สี่คนครับ! มีพ่อ มีแม่ มีเตอร์...  เตอร์เป็นพี่ชายต้า ต้าเป็นน้องพี่วิคเตอร์ แต่ต้าไม่เรียกเตอร์ว่าวิค เพราะมีแต่คนเรียกเตอร์ว่าวิค ต้ามีพี่ชายคนเดียว รักมากด้วย พี่หมอถามทำไมครับ?”

ผมเอียงคอมองพี่หมอสายตาขุ่น ผมเริ่มไม่ชอบพี่หมอแล้วนะ

“ทำไมมองพี่แบบนั้น” คิ้วเข้มเลิกสูงมองหน้าผมด้วยความฉงน

“พี่หมอจะจีบเตอร์ใช่มั้ย!? ไม่เอา ต้าไม่ให้หรอกนะ!!” ผมกอดอกตัวเองแน่น มองพี่หมอเขม็ง

“แล้วถ้าพี่จะจีบล่ะ” ผมไม่ชอบรอยยิ้มพี่หมอตอนนี้เลย

“ไม่ให้! ตอนนี้เตอร์เป็นแฟนกับน้องพัดแล้ว พี่หมอห้ามจีบเตอร์ แค่น้องพัดคนเดียวเตอร์ก็ไม่เล่นกับต้าแล้ว ถ้าพี่หมอจีบเตอร์อีกคน เดี๋ยวต้าเป็นหมาหัวเน่า.. ฮึก! ไม่เอา.. ไม่ให้!!  ฮือออออ” ผมยกมือขึ้นขยี้ตาแรงๆ อีกมือยื่นไปตรงหน้าพร้อมกับชูนิ้วโป้งให้พี่หมอ

“โป้งแล้ว ฮึก ไม่คุยด้วยแล้ว!” ผมเบะปากร้องไห้สะอื้นจนตัวสั่น แอบมองพี่หมอลอดหว่างนิ้วเห็นมือหนายกขึ้นเกาหัวแกรกๆ สีหน้าเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก

“เว้ยย หยุดร้องๆ” ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะเดินมายืนข้างๆผม มือหนาละล้าละลังคล้ายจะลูบหัวลูบหลังผมแต่ก็ไม่ได้ทำ

“ฮึก.. โป้งแล้ว!!” ผมหันตัวไปหาพี่หมอก่อนใช้เท้าเตะหน้าแข้งพี่หมอแรงๆ

“เฮ้ย! กูเจ็บนะ”

“ฮึก!” ผมสะดุ้งเมื่อมือหนายกเงื้อขึ้น  ผมมองตามมือที่ยกสูงด้วยตาสั่นๆ

“ฮืออออออออออออออ!!” ผมระเบิดร้องไห้เสียงดัง พี่หมอจะตีผม จะตีผม!!

ไม่เล่นกับพี่หมอ ไม่ชอบพี่หมอแล้ว!!!

“โว้ย!!!” พี่หมอขยี้หัวตัวเองก่อนจะเดินลงส้นอย่างหัวเสียตรงไปที่ประตู มือหนายื่นออกไปเพื่อบิดลูกบิด ผมชะงักเสียงร้องไปชั่วครู่ก่อนจะเบ้ปากหนักขึ้นแล้วร้องไห้เสียงดังกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าพี่หมอกำลังจะทิ้งผม

“ฮือออออ!!!”

พี่หมอใจร้าย!

ผมไม่อยากอยู่คนเดียว!

ไม่ทันแล้ว.. ไม่ทันแล้ว พี่หมอเปิดประตูแล้ว เขากำลังจะไปแล้ว!

ผมรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ น้ำหูน้ำตาหยุดไหลทันที และวินาทีที่ผมกำลังจะถลาตัวเข้าไปจับแขนพี่หมอรั้งไม่ให้พี่เขาไปนั้น..

“เฮ้ย! ไอ้เหี้ยจิม มึงมาพอดีเลย ไอ้สัส มึงไปโอ๋มันเลย กูไม่เอาแล้ว”

อ อะไร...

ผมเบรกขาตัวเองกะทันหันเมื่อหูได้ยินชื่อแสลงใจ

พี่จิมมา!!

จากที่เคยจะวิ่งไปที่หน้าประตู ขาผมเปลี่ยนทิศทางรีบวิ่งกลับเข้าครัว ผมนั่งขด ซ่อนตัวในซอกแคบๆระหว่างตู้เย็นกับเคาท์เตอร์ล้างจาน กัดปากตัวเองแน่น

ผมเผลอยกมือขึ้นลูบคอ มันไม่เจ็บแล้ว แต่ผม.. ยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้  ตอนที่มือใหญ่ๆของเขาบีบคอผม..

ไม่เอา.. ไม่เอาพี่จิม

“โอ๋เหี้ยไรของมึง แล้วนี่จะไปไหน?” เสียงทุ้มราบเรียบที่ผมจำได้ว่านั่นเป็นเสียงพี่จิมดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ผมยิ่งเขยิบตัวแนบกำแพงมากกว่าเดิม

“โอ๋เมียมึงไง  ไหนๆมึงก็มาแล้ว กูกลับบ้านกูเลยแล้วกัน” ผมอยากออกไปห้ามพี่หมอ ไม่อยากให้พี่เขากลับ อย่างน้อยถ้าพี่หมออยู่ พี่หมอคงช่วยผมได้

“ไม่ต้องเลย อยู่กับกูก่อน แล้วมันไปไหน?” เสียงพี่จิมเหมือนจะไกลออกไป ผมกอดขาตัวเองแน่นกว่าเดิมที่พี่จิมถามถึงผม

ถ้าผมหูไม่ฝาด ผมได้ยินเหมือนเสียงเปิดประตู  ผมเบิกตาโต พี่จิมกำลังจะเข้าห้อง!

ต้องเห็น ..ต้องเห็นแน่ๆ!!

“อ้าว เมื่อกี้มันยังนั่งกินข้าวอยู่เลย หายไปไหนวะ” ผมอยากออกไปหาพี่หมอ แต่ไม่อยากเจอพี่จิม

ผมเริ่มจะไม่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ทุกอย่างเงียบมาก เงียบจนน่ากลัว

ปั้งง!!

“ไอ้ต้า!!!!!” ผมสะดุ้งเฮือกทันทีที่เสียงเข้มของพี่จิมตะโกนชื่อผมลั่นห้องพร้อมกับเสียงประตูที่ถูกกระชากเปิดจนบานประตูกระแทกกำแพงอย่างแรง!

หัวใจผมเต้นรัว เหงื่อซึมออกมาตามไรผม

“ไอ้ต้า! มึงอยู่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้!!” ผมยิ่งขดตัวในซอกแคบๆมากกว่าเดิม แม้ไม่ได้เห็นสีหน้าของเขาแต่ผมก็รู้ว่าเขาต้องโกรธผมมากแน่ๆ

“ไอ้ต้า มึงออกมาเดี๋ยวนี้!” ผมได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ คล้ายจะเดินตรงมาที่ที่ผมซ่อนอยู่ ผมลอกแล่ก มองซ้ายทีขวาทีอย่างหวาดระแวง  ใจผมเต้นกระหน่ำ เผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว

“ไอ้สัสจิม อยู่กันแค่นี้มึงจะเสียงดังหาอะไร หนวกหูเว้ย  แล้วทำไมมึงกลับเร็ววะ ไหนว่าวันนี้จะกลับตอนห้าโมง” เสียงพี่หมอ ผมจำได้

ถึงผมจะมองไม่เห็นพี่จิม แต่ผมกลับรู้สึกถึงสายตาทิ่มแทงที่อยากจะฆ่าผมให้ตาย  ผมรู้สึกหนาวเยือกไปตามไขสันหลัง

“เอ้า กูถามไม่เสือกตอบ”

“มึงเป็นเหี้ยไร ร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยอยากรู้เรื่องส่วนตัวกู หรือมึงกำลังจะปกป้องมัน?”

“เปล่า กูมีเรื่องจะบอกมึง เกี่ยวกับเด็กนั่น”

“อะไร?”

ผมไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆที่เดินตรงมานี้แล้ว ผมวางมือลงตรงหน้าอกด้านซ้าย หัวใจผมยังเต้นรัวอยู่เลย

“กูขอมึงอย่างเดียว อย่าทำอะไรมัน”

พี่หมอ.. กำลังช่วยผม

“ติดใจมันหรือไงถึงได้กางปีกปกป้องมันขนาดนั้น วันนี้ตอนที่กูไม่อยู่เอากับมันไปกี่รอบแล้วล่ะ หึ”

ผมค่อยๆชะโงกหน้าออกไปดู  เห็นแผ่นหลังพี่หมอและหน้าพี่จิมครึ่งหน้า

 “ไอ้สัส คิดเหี้ยไร กูกำลังสงสัยว่าไอ้ต้ามัน..”

Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

เสียงเพลงที่ไม่คุ้นหูดังขึ้น พี่หมอหยิบมือถือขึ้นมา เขากดตัดสายก่อนจะยัดมันลงกางเกงเหมือนเดิม

Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

เพลงๆเดิมดังขึ้นอีกครั้ง พี่หมอทำหน้าเซ็ง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะกดตัดสายพี่จิมก็พูดขัดเสียงห้วน

“รับซะ เดี๋ยวแม่งก็โทรมาอีก รำคาญ”

เฮือก! ผมเบิกตาโตรีบหดหัวกลับเข้าซอกตามเดิม เมื่อกี้... เมื่อกี้... พี่จิมหันมาพอดี เขาเห็นผม! เขารู้แล้วว่าผมอยู่ตรงนี้!!

“มึงหาเรื่องให้กูอีกแล้วนะไอ้แซม อยู่เฉยๆไม่เป็นมั่งเหรอวะ  เออๆๆ เดี๋ยวกูรีบไป สัส! หุบปาก อย่าพูดมาก!” เสียงพี่หมอที่กำลังคุยโทรศัพท์ ผมได้ยินชัดเจนทุกคำ

หมายความว่าไง??

พี่หมอ กำลังจะกลับเหรอ!?

ผมยิ่งลนลานหนักกว่าเก่า มือไม้เย็นเชียบ..

ไม่เอา! ไม่ให้พี่หมอกลับ...

ผมออกจากที่ซ่อนตัวแล้ววิ่งไปหาพี่หมอ สองมือจับแขนพี่หมอแล้วกอดไว้แน่น

“ไม่ให้ไป!” ผมพูดพร้อมกับบีบแขนหนา

“พี่มีธุระ” มือที่กำลังลูบหัวผมไม่ได้ทำให้ผมอุ่นใจขึ้นเลย ผมสะดุ้งเมื่อเผลอหันไปสบตากับพี่จิม ตาเขาดุกว่าที่เคย ผมขยับตัวไปหลบอยู่หลังพี่หมอ ใช้เป็นเกราะกำบังผมจากสายตาคมๆคู่นั้น

“มึงจะไปก็รีบไป” ผมผวาจับแขนพี่หมอแน่นกว่าเดิม ไม่เอา.. ไม่ให้ไป!

“อย่าทำอะไรมัน” เสียงพี่หมอราบเรียบติดเย็นชา

“หึ” พี่จิมตอบรับเพียงแค่นั้น มือหนาโฉบมาคว้ามือผมก่อนกระชากเข้าหาตัว ผมนิ่วหน้า  เจ็บแขน..

“ไอ้เหี้ย เบาๆหน่อย มึงไม่เห็นเหรอไงว่าน้องมันเจ็บ” ผมมองพี่หมอน้ำตาคลอ พยายามแกะมือพี่จิมออก ยิ่งผมดิ้นเขาก็ยิ่งบีบแขนผมแรงขึ้น

“เหอะ! ได้กันท่าไหนล่ะ ถึงได้หลงมันขนาดนั้น!” เสียงห้วนดุ ผมนิ่วหน้าเมื่อเล็บเขาจิกลงเนื้อผม ผมกัดปากตัวเองแน่นก่อนจะกัดต้นแขนแกร่งสุดแรง!

“ไอ้สัส!!” เสียงทุ้มตวาดลั่น มือหนากระชากหัวผมก่อนจะเหวี่ยงลงพื้น! คางผมกระแทกพื้นอย่างแรงจนฟันกระทบกัน ผมเจ็บจนปากสั่นรู้สึกได้ถึงรสปร่าของเลือดที่อยู่ในปาก ผมรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกเร็วๆ

ยังไม่ทันที่ผมจะดันตัวลุกขึ้น มือหนาก็กระชากหัวผมอย่างแรงจนหน้าเชิดหงาย เล็บเขาจิกครูดกับหนังหัวจนผมแสบไปหมด ฮึก!..

“ไอ้เหี้ยจิม! ปล่อยมันเดี๋ยวนี้!” พี่หมอเข้ามาจับมือพี่จิมกระชากออก หัวผมกระตุกตามแรงดึง! ยิ่งพี่หมอดึงพี่จิมออก ความเจ็บบนหนังหัวยิ่งมากกว่าเดิม!

“ฮึก... ฮืออ ปล่อย... ฮือออ  เจ็บ!!! ฮืออออ!”  ไม่ไหวแล้ว! ผมระเบิดเสียงร้อง มือข้างหนึ่งจิกบนหลังมือหนาพยายามดึงมือเขาให้หลุด  มืออีกข้างกำแน่นก่อนจะทุบแรงๆตรงขาเขาอย่างบ้าคลั่ง  เจ็บ.. เจ็บ! ผมเจ็บ!!!

ทำไมต้องโกรธผมขนาดนี้!  ฮึก.. ใจร้าย!!! ผม.. ม.. ไม่เคยถูกทำแบบนี้มาก่อน ไม่เคยถูกกระชากหัว ไม่เคยเจ็บขนาดนี้.. ผม อยากกลับบ้าน!!

“ไอ้จิม กูขอ ปล่อยมัน”

พี่จิมยิ่งจิกหัวผมแรงกว่าเดิมแล้วยกตัวผมขึ้นจากพื้นทันทีที่พี่หมอพูดจบราวจะบอกให้รู้ว่าเขาไม่มีวันทำตาม! ผมฝืนกายขึ้นยืนตามแรงดึง รอยยิ้มของพี่จิมทำให้ผมหนาวไปทั้งร่าง

ผมเบิกตากว้างเมื่อเหลือบเห็นมือหนาอีกข้างยกเงื้อสูงจะตบหน้าผม!!  รู้ว่าต้องหลบ.. แต่.. ผมกลัว.. กลัวจนไม่กล้าขยับตัว!!

“ไอ้จิม!!! หยุด!!!” เสียงของพี่หมอดังเล็ดเข้ามาในโสตประสาท ตัวผมถูกผลักไปข้างหลัง โดยมีพี่หมอเข้าแทรกยืนบังผมเต็มตัวแล้วสวนหมัดเข้าหน้าพี่จิมเต็มแรง!

ผมเบิกตาค้างมองการกระทำนั้น หน้าพี่จิมสะบัดหันตามแรงกระแทก มือหนายกขึ้นเช็ดเลือดบนมุมปากก่อนจะแสยะยิ้มแล้วตวัดสายตามองมาที่ผมอย่างขุ่นเคือง มือผมกำชายเสื้อพี่หมอแน่นโดยอัตโนมัติแล้วเลื่อนตัวไปยืนหลบอยู่ด้านหลังเขาโดยยึดแผ่นหลังกว้างเป็นเกราะกำบัง

 “หายบ้าหรือยัง!? น้องมันไม่ได้ตั้งใจ มันไม่รู้ มึงเข้าใจบ้างสิวะ!!” พี่หมอตวาดเสียงดัง แล้วเลื่อนมือมากุมมือผมที่จับชายเสื้อเขาไว้

ความอบอุ่นแล่นวาบไปทั่วร่าง น้ำร้อนๆรื้นที่ขอบตาก่อนจะไหลลงมาอย่างดีใจ ..ดีใจที่มีคนกำลังปกป้องผม  ผมไม่ได้อยู่คนเดียว

“เหอะ! เรื่องของกู มึงจะไปไหนก็รีบไป อย่าเสือก!”

ไม่เอา.. ไม่ให้ไป!  มือผมจิกลงบนมืออุ่นข้างนั้นอย่างแรง

Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

ริงโทนเพลงเดิมของโทรศัพท์เครื่องเดิมดังขึ้น พี่หมอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะกดรับสาย

“เออ เดี๋ยวกูรีบไป”

ไม่ให้ไป!!!!!!

ตัวผมสั่นทันที สองมือตะครุบแขนเขาไว้ พี่หมอหันมามอง ผมส่ายหน้าทั้งน้ำตา  ผมเห็นนัยน์ตาพี่หมอไหววูบ

เขากำลังจะใจอ่อนไม่ไปแล้วใช่มั้ย!?

“ไปกับกู”  ผมรีบพยักหน้ารัวทันทีแม้ว่านั่นจะไม่ใช่คำถาม



_______________________________________
 
TALK :: พี่จิมกลับมามีบทบาทซะที 555
หายค้าง หายสงสัยกันบ้างมั้ย? ฮา
คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีน้าาา พบกันใหม่ในตอนหน้าค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 7 ไม่ให้จีบ [23/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 24-05-2013 00:17:39
จิมโหดโคตรรรรรรร
พระเอกในอุดมคติเลย :hao7:
คนเขียนสู้ๆจ้า
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 7 ไม่ให้จีบ [23/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 24-05-2013 01:22:44
 เชียร์พี่หมอออออ ( ยกป้ายไฟ)

พี่จิมโหดร้ายเกินนนน สงสารต้า
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 8 ของเล่น [24/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 24-05-2013 14:09:21
ตอนที่ 8 ของเล่น


SAME Part

สายตาและสมาธิผมจดจ่ออยู่ที่ถนนเบื้องหน้า เพราะช่วงนี้ไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วน เลยไม่ค่อยมีรถวิ่งสวนไปมาเท่าไหร่ ทำให้ซิ่งได้เต็มที่ เท้าเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็ว ตัวเอี้ยวไปเพิ่มความดังของเครื่องเสียงเมื่อเพลงเล่นมาถึงเพลงโปรด

ผมส่องกระจกมองหลังพลางเหยียดยิ้มมุมปากเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาสดๆร้อนๆ

สนุกดีครับ ได้แหย่ไอ้จิม

เป็นเพื่อนคบกันมานานย่อมรู้สันดาน รู้จักกับมันตั้งแต่ผมอายุ 18 จนตอนนี้ 27 แล้วครับ   เวลาเปลี่ยนไปแต่แม่งก็ยังเหมือนเดิม โตแต่ตัว นิสัยเด็กสัส!

แม่งเป็นเด็กขี้หวง หวงทุกอย่าง ไม่ว่าจะสิ่งของหรือคน

ตอนแรกที่ไอ้จิมเดินเข้าห้องนอน ผมรู้อยู่แล้วว่ามันต้องโกรธ แล้วมันก็โกรธจริงๆ โกรธอย่างกับหมาบ้า!!

ห้องที่มันอยู่ปัจจุบันถึงมันจะพาเด็กมานอนไม่เลือกหน้า แต่พอน้ำแตกก็แยกทาง  ถึงคนนั้นจะอาการสาหัสแม่งก็ไล่อย่างกับหมูกับหมา ไม่มีใครได้นอนห้องนั้นตอนที่มันตื่นหรอก เว้นก็แต่ไอ้เด็กต้าที่ผมเคยสงสัยว่าไอ้จิมคงนึกพิศวาสอะไรมันเข้า แต่ดูจากสิ่งที่มันทำกับไอ้เด็กนั่นแล้ว

ไอ้ต้าก็ไม่ต่างอะไรจากคนอื่น!

ไอ้จิมก็แค่เห่อของเล่นใหม่

ยอมรับครับว่าผมสนุก  นานแล้วที่ไม่ได้เห็นมันเป็นแบบนี้  พอเห็นทีเลยลืมตัวแหย่มันนานไปหน่อย ยิ่งผมทำท่าปกป้องไอ้ต้า ไอ้จิมยิ่งกลายสภาพเป็นหมาบ้าโดยสมบูรณ์แบบ หึ

การได้แหย่ได้แกล้งไอ้เหี้ยจิมถือเป็นความบันเทิงขั้นสุดยอดของผม เล่นกับอารมณ์มันนั่นล่ะ หรรษาสุดๆ ถึงแม้จะมีบางคนต้องเจ็บตัวไปบ้าง แต่ก็นับว่าคุ้ม

ผมเหลือบมองไปที่นั่งข้างคนขับที่ตอนนี้ว่างเปล่า ไม่มีไอ้เด็กนั่นนั่งมาด้วย เดิมทีผมตั้งใจจะพาไอ้ต้ามากับผม เพราะการอยู่กับไอ้จิมในสภาวะนั้นค่อนข้างอันตราย 

แต่ผมคงลืมไปว่าจะให้มันเห็นไอ้ต้าไม่ได้  มันแพ้ของน่ารัก ซึ่งไอ้ต้าก็คงเป็นหนึ่งในนั้น  แทนที่จะช่วยให้มันรอดจากเงื้อมือไอ้จิมจะยิ่งกลายเป็นการเร่งเวลาส่งมันไปเยือนนรกเร็วกว่าเดิม!

ผมถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องที่ไอ้ต้ามันบอกว่ามันอายุเจ็ดขวบ ผมเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง  คนเราจะพูดอะไรก็พูดได้ รอดูพฤติกรรมมันไปเรื่อยๆดีกว่าครับ  ผมยังไม่อยากปักใจเชื่อมาก เพราะนั่นอาจเป็นแค่การเอาตัวรอดอีกหนึ่งวิธีของมัน ในทางการแพทย์ เคสนี้ผมยังไม่เคยเจอมาก่อน

ป่านนี้ไอ้ต้าคงตายคาตีนไอ้เหี้ยจิมไปแล้วมั้ง

ผมก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่ตายเร็ว

ขาดมันไป ความสนุกในชีวิตผมคงลดน้อยลง

.......

...

ผมหักพวงมาลัยรถเลี้ยวเข้าจอดหน้าสถานีตำรวจ ไม่ผิดหรอก ธุระที่ว่าคือมาสน. เพื่อปล่อยเหี้ยออกจากกรง!

หงุดหงิดครับ แม่งขยันสร้างเรื่องให้ผมต้องคอยตามล้างตามเช็ดแทบทุกวัน สน.เหมือนบ้านหลังที่สองของผมไปแล้ว มาบ่อยจนกูแทบจะรู้จักคนทั้งกอง!

กูเป็นหมอนะเว้ย!! เข้าสถานีตำรวจบ่อยๆภาพพจน์กูเสียหายหมด! อารมณ์นี้กูอยากพ่นไฟใส่หน้าแม่งจริงๆ

ผมเดินเข้าสน.  อืม... เสียงทักกูดังเซ็งเซ่!  คิดดู กูซี้กับที่นี่ขนาดไหน!?

“มารับน้องชายอีกล่ะสิ” ร้อยเวรที่นั่งตรงโต๊ะทำงานทักขึ้นเหมือนมีญาณทิพย์ รู้ด้วยเว้ย ว่ากูมาทำไม!

จะว่าไป ไม่รู้สิแปลก เพราะผมมาที่นี่ทีไร เหตุผลเดียวคือมาปล่อยเหี้ย!

มาหลายครั้งจนผมคุยกับร้อยเวรที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนแปลกหน้า แต่ ณ ตอนนี้เหมือนเป็นเพื่อนกูไปแล้ว! คุยเล่นกับแกจนรู้ว่าแกชื่อเพิ่ม เป็นคนฉะ! บ้านเกิดอยู่ฉะเชิงเทราแล้วโดนย้ายมาประจำที่กรุงเทพฯ มีเมียหลวงหนึ่งคน แอบซ่อนนางเล็กๆอีกสองคน  เห็นหน้าซื่อๆ ไม่ใช่เล่นครับ ปัจจุบันมีลูกสี่!  เจ๋งมั้ยล่ะ!?

ไม่ใช่ร้อยเวรนะที่เจ๋ง กูนี่ล่ะเจ๋งมั้ย!? รู้เรื่องเค้าไปทั่ว!!

 “มันอยู่ไหนครับ? วันนี้กะจะให้มันค้างที่นี่สักคืนสองคืน เผื่อจะดัดสันดานมันได้บ้าง” ผมยิ้มตาปิด มือล้วงลงกระเป๋ากางเกง ร้อยเวรเพิ่มหัวเราะชอบใจจนพุงกระเพื่อมก่อนจะเดินนำผมเข้าไปในเขตที่คุมขัง ตารางเหล็กสนิมเกรอะกรังเรียงกันเป็นตับ กลิ่นอายที่ผมคุ้นเคย

ในห้องขังห้องแรกสุด มีมันคนเดียวที่นั่งอยู่หน้ากรงเหมือนอุรังอุตังที่รอคนมาป้อนอาหาร

ผมยาวๆที่มันอุตส่าห์ไว้ตั้งแต่หลังเรียนจบจนตอนนี้มันยาวถึงกลางหลัง ผมบางส่วนลงมาปิดหน้าอย่างกระเซอะกระเซิง บอกให้แม่งตัดแม่งก็ไม่ยอม แล้วชอบมาบ่นร้อนๆ ผมกำลังรอมันเผลอ ถ้าเผลอเมื่อไหร่กูเอาแบตตาเลี่ยนไถหัวแม่งเมื่อนั้น!!

ผมยืนมองไอ้แซมที่นั่งซึมกระทือพลางยื่นตีนเตะกรงตรงหน้ามัน กลิ่นรองเท้ากูเป็นไงวะ หอมมั้ยเหี้ยแซม ฮ่าๆ

“ช้าสัส! มายืนทำห่าไร รีบไปทำเรื่องแล้วพากูออกไปเดี๋ยวนี้” ใบหน้าพิมพ์เดียวกับผมเงยขึ้นจ้องผมเขม็ง ผมยักไหล่แสยะยิ้มมุมปาก

“พูดกับคนเป็นพี่อย่างนี้? หวังไปเถอะ! กูจะติดสินบนให้มึงนอนชมวิวอยู่ในนี้สักสี่ห้าคืน” ผมทิ้งตัวนั่งลงตรงหน้าไอ้แซม ยักคิ้วกวนตีนส่งให้มันรู้สึกคันยิบๆที่ฝ่าเท้า ดูจากสีหน้ามันก็รู้แล้วว่าอยากถีบผมเต็มแก่ แต่ทำไม่ได้ เพราะติดอยู่ในกรง ฮ่าๆ สะใจกูชิบ!

“ไอ้เหี้ย กูน้องมึงนะ อย่าเลว!”

“สัส น้องเหี้ยไรทำให้กูเดือดร้อนตลอด”

“ไอ้เซม!!!” แม่งกล้าขึ้นเสียงกับกู! บอกให้เค้าขังลืมเลยดีมั้ยวะ!?

“ครั้งหน้าจะไม่ทำอีก รับปากกับกู!”

“เออ” รับคำอย่างขอไปที เชื่อเถอะ เดี๋ยวครั้งหน้าก็ทำอีก มันเป็นสันดานของไอ้แซมไปแล้ว ชอบผิดผัวผิดเมียชาวบ้านจนมีเรื่องกันประจำ เจ้าทุกข์จับแม่งเข้าตารางเป็นว่าเล่น

หนักไปกว่านั้น ไอ้เหี้ยนี่เห็นเด็กน่ารักไม่ได้ ถ้าน่ารักแล้วไม่ถูกใจมันก็แล้วไป แต่ถ้าถูกใจมัน... หึๆ นรกของไอ้เด็กนั่นเลยล่ะ

เพราะอย่างนี้ ผมถึงไม่อยากเสี่ยงพาไอ้ต้ามาเจอไอ้แซม สงสารมันครับ

ผมกลุ้มว่ะ มีแฝดกับเขาคนหนึ่ง พี่มันก็โคตรจะดีแสนดี ทำไมแฝดน้องผมมันไม่ดีให้ได้สักเสี้ยวของพี่มันมั่ง!

“ไอ้เซม!!! มึงไปทำเรื่องพากูออกไปเดี๋ยวนี้!!!” ไอ้แซมแม่งเขย่ากรงเหมือนคิงคองอาละวาดเลยว่ะ ก๊ากกก กูขอเวลาขำแป๊บ

“ไอ้เหี้ย!! ขำห่าไร ไปเลยเร็วๆ!”

“พูดกับพี่ให้มันเพราะๆหน่อยสิครับน้องชาย”

สนุกครับ การดูไอ้แซมกระวนกระวายก็ถือเป็นความบันเทิงของผมรองจากไอ้เหี้ยจิม

“...” มันเงียบครับ จ้องผมอย่างจะแดกไปทั้งตัว

“มึงไม่พูด งั้นก็นอนในนี้ไปแล้วกัน กูไปละ”

“เฮ้ย! พี่เซมช่วยผมออกไปที” เสียงราบเรียบกับหน้านิ่งๆทำให้ผมยิ้มขำ

ที่มันยอมพูดเพราะมันไม่ชอบคุก แต่เสือกขยันหาเรื่องพาตัวเองเข้าคุกประจำ และมันรู้ว่าผมไปจริงแน่ถ้ามันไม่พูด เพราะงั้นมันเลยยอม  น่ารักมั้ยล่ะน้องผม หึๆ

 .............

.......

...

หลังจากที่ทำเรื่องพาตัวเหี้ยออกจากกรงเสร็จ ก็ใช้ให้มันเป็นสารถีโดยผมเป็นคุณชายนั่งกระดิกตีนอยู่บนเบาะข้างคนขับ

“มึงจะไปไหน?” ผมถามขึ้นเมื่อเห็นว่าทางที่มันขับไม่ใช่ทางกลับบ้าน

“ร้าน” ไอ้แซมตอบมาคำเดียวแล้วตั้งหน้าตั้งตาเหยียบคันเร่งจนรถทะยานพุ่งไปอย่างเร็ว

“ไปทำเหี้ยไร ร้านยังไม่เปิด”

ร้านที่ว่าเป็นธุรกิจของครอบครัว จะว่าของครอบครัวก็คงไม่ใช่สักทีเดียว ต้องบอกว่าเป็นร้านของไอ้แซม เรียนจบมาแม่งไม่ได้ใช้วิชาความรู้ที่เรียนมาให้เกิดประโยชน์ มันจบวิศวะ   เหตุผลที่มันเรียนไม่ใช่เพราะอยากเรียน แต่เรียนเพื่อจะไปหาลูกค้า! น้องกูเอง เจ๋งมั้ย?

หลังจากเรียนจบมันตั้งตัวโดยเปิดผับ เป็นร้านเหล้าเล็กๆแต่โคตรได้รับความนิยมจากทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยด้วยกันเอง ทีเด็ดของร้านมันที่ทำให้แขกติดใจกันถ้วนหน้าคงเป็นของเล่นในนั้น

“ได้ของมาใหม่ว่ะเฮีย จะพาไปดู รับรองว่ามึงต้องชอบ” สรรพนามเหี้ยไรของมัน ตกลงจะนับถือกูมั้ยวะ เรียกเฮียแต่ก็ใช้คำว่ามึง =_=

“ได้มาจากไหนล่ะ?”

ของใหม่ที่ว่า.. ผมก็ชักอยากจะเห็น เผลอๆอาจมีอะไรสนุกๆให้ทำ

“เก็บได้แถวนี้  คราวนี้น้องเฮียทำความดีนะเว้ย มันกำลังจะโดดน้ำฆ่าตัวตาย ผมไปเห็นเข้า เลยไปช่วยมันไว้ หึๆ”

“แน่ใจว่าช่วย?”

“ทำไมถามงั้นวะ ผมเป็นน้องเฮียนะ” แม่งทำเสียงเล็กเสียงน้อยคล้ายน้อยใจ แต่ปากเสือกแสยะยิ้ม

เพราะมึงเป็นน้องกูไง กูเลยรู้สันดานมึง!

 .............

.......

...

รถจอดหลังร้านในที่จอดส่วนตัวก่อนผมกับไอ้แซมจะเดินเข้าประตูลับที่นำไปยังลิฟต์พิเศษ เป็นตัวเดียวที่มีไปถึงชั้น5 เพราะลิฟต์ตัวอื่นๆมันสูงสุดที่ชั้น4

ร้านของไอ้แซมเป็นร้านเล็กๆ พื้นที่ตั้งมันเล็กครับแต่แม่งสูง ชั้นหนึ่งเป็นร้านเหล้าซึ่งผมก็พาเพื่อนมาเลี้ยงบ่อยๆ

ชั้นสองและสามรวมแหล่งพนัน คาสิโนครบสูตร!  สองชั้นนี้เม็ดเงินสะพัดมากครับแต่ก็ยังไม่สามารถทำลายสถิติยอดเงินที่ชั้นห้าทำไว้! ของเล่นชั้นห้าเพียงชิ้นเดียว เมื่อขายออกไปทำเงินได้มากกว่าชั้นหนึ่งถึงสี่รวมกันตั้งสองสัปดาห์!

ชั้นสี่ สูงขึ้นมาอีกหน่อย ระดับก็อัพเลเวล ชั้นนี้มีไว้สำหรับคนที่อยากลอง แหล่งมัวสุมยอดฮิตของวัยรุ่นทั้งไทยและเทศ

ส่วนชั้นสุดท้าย.. มีไว้เฉพาะคนพิเศษจริงๆ

ไอ้แซมกดลิฟต์ชั้นห้า ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง ประตูค่อยๆเปิดแยกออกจากกัน สิ่งแรกที่เห็นคือสีขาวบริสุทธิ์ 

ชั้นนี้มีลิฟต์หนึ่งตัวเห็นสะดุดตาครับ เพราะมันมีสีดำสนิทตัดกับสีขาวของทางเดินและผนัง ลิฟต์ตัวนี้ไม่มีชั้นหนึ่งถึงสี่  มันจะพาไปชั้นหกและเจ็ดซึ่งเป็นห้องพักของไอ้แซมและผม  บางครั้งไอ้จิมก็มาพักและร่วมสนุกไปกับพวกเราสองพี่น้องด้วย หึๆ

เสียงรองเท้าของผมกับไอ้แซมดังกระทบพื้นเป็นจังหวะก้องไปทั้งชั้น  ยิ่งจำนวนก้าวมากเท่าไหร่เสียงร้องโหยหวนก็ค่อยๆดังระงมให้ได้ยินชัดขึ้นเท่านั้น  ผมแสยะยิ้มไม่ต่างจากไอ้แซม

ทางเดินทอดยาวไปข้างหน้า ยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่ สีผนังและสีพื้นก็ค่อยๆเปลี่ยนไป จากสีขาวเป็นสีเทา และกลายเป็นสีดำเมื่อมาถึงสุดทางเดิน!

ที่กำแพงสุดทางเดินมีประตูอยู่สองฝั่ง ประตูสีดำสนิทแทบจะมองไม่เห็นถ้าไม่มีที่จับสีเงินก็คงดูไม่ออกว่านั่นคือประตู

“จะเลือกเปิดบานไหนล่ะครับพี่ชาย ซ้ายหรือขวา?” ถามพร้อมใช้ปลายนิ้วม้วนผมที่ยาวพาดไหล่มาด้านหน้าเล่นพลางเหยียดยิ้ม

ผมยืนนิ่งฟังเสียงร้องระงมที่ดังลอดมาจากด้านขวา ร้องโหยหวนอ้อนวอนขอชีวิต เสียงนั่นเร้าจังหวะหัวใจผมให้เต้นโครมเลือดลมฉีดซ่านไปทั้งร่าง! ทว่าประตูทางด้านซ้ายกลับเงียบกริบ ไม่มีเสียงอะไรดังเล็ดออกมา

ผมเลือก..

“ซ้าย”

“หึๆ เชิญครับ” ไอ้แซมเปิดประตูแล้วผายมือ นัยน์ตาทอประกายวาววาบคงชอบใจที่ผมเลือกประตูที่ตรงกับใจมัน

ผมเดินเข้าไปในห้อง สีต่างจากข้างนอกคนละขั้ว ผมหลับตาชั่วครู่เพื่อปรับสายตาให้คุ้นชินกับสีใหม่ ด้านนอกสีดำข้างในสีขาว  เหี้ยเถอะ ตากูปรับไม่ทัน!

ผมค่อยๆลืมตาขึ้น เพียงแค่ลืมตา สายตาก็สะดุดอยู่ที่ร่างขาวนวลเปลือยเปล่ายืนเด่นอยู่กลางห้องที่ดูท่าจะยังไม่ได้สติ ผมยาวระต้นคอสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้าซวนซบลงตรงต้นแขนข้างหนึ่งที่ข้อมือทั้งสองข้างถูกพันธนาการจากโซ่ที่ห้อยมาจากด้านบน ส่วนเรียวขาคู่นั้นแยกออกจากกันถูกโซ่ตรวนรัดตรึงที่ข้อเท้า

เนื้อตัวสะอาดไร้มลทินบอกให้รู้ว่าของเล่นชิ้นนี้ยังไม่ได้ถูกเล่น!

หึๆ ชักสนุกขึ้นมาแล้วสิ

 

_____________________________________

TALK :: เปิดตัวแฝดน้องของพี่หมอออ -..-
อย่าสับสนชื่อนะ เซม กับ แซม 5555

ขอบคุณเม้นท์ค่ะ ไว้พบกันใหม่ตอนหน้าน้า  :hao5:

 
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 8 ของเล่น [24/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 24-05-2013 14:25:50
จิมใจร้าย  :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 8 ของเล่น [24/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 24-05-2013 14:40:11
ใครเป็นของเล่นชิ้นใหม่เนี่ยยย  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 8 ของเล่น [24/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 24-05-2013 16:07:09
ถ้าเซมสนของใหม่
แล้วต้าล่ะ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 8 ของเล่น [24/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 24-05-2013 16:12:02
ใครเป็นพระเอกนายเอกเนี่ย  :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 8 ของเล่น [24/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 24-05-2013 18:03:32
ความจริงตอนแรกอ่านแล้วเห็น 3p กะเลิกอ่าน แต่เป็นอะไรไม่รู้เผลอนิดเดียว o.o
 8 ตอนแล้วนี่หว่า ตอนนี้อยากอ่านตอนต่อไปอ่าา  :ling1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 8 ของเล่น [24/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Eternal luv ที่ 24-05-2013 18:38:39
หรือว่าจะเป็นเตอร์ o22
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 8 ของเล่น [24/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 24-05-2013 20:08:23
ใจร้ายทั้งเรื่อง ตัวละครใหม่คือใคร คงไม่ใช่เตอร์นะ ไม่งั้นอาภัพทั้งบ้านโหดน้าย
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 8 ของเล่น [24/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 24-05-2013 22:42:22
ไอ้แฝดโหด แต่ชอบหว่ะ พี่น้องแบบนี้


ขอให้พระเอกเป็นจิมทีเถอะ โดนมากมาย
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 8 ของเล่น [24/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: heroza ที่ 24-05-2013 23:14:38
เดี๋ยวดิๆ ไอ้พี่หมอเหมือนจะสนเด็กใหม่มากเลยนะ(คงไม่ใช่เตอร์นะ เดี๋ยวเรื่องเละ)

สนเด็กใหม่แล้วต้าอ่ะ................ น้องต้า อึด+ทน แล้วก็น่ารักด้วย  จิตๆแบบพวกแกต้องต้าดิ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

เรื่องนี้กี่p      :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 8 ของเล่น [24/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 25-05-2013 00:47:39
อะย้ะ!!!!
ความSM ครั้งใหม่กำลังรอเราอยู่ :hao7:
คนเขียนสู้ๆจ้า
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 8 ของเล่น [24/5/56] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 25-05-2013 01:05:12
ตอนที่ 9 พิษไข้


TA Part

ความเย็นจับขั้วหัวใจทำให้ผมต้องห่อตัวเข้าหากัน แขนที่เป็นอิสระเพียงข้างเดียวกอดรอบขาที่ตั้งฉากกับพื้นของอ่างอาบน้ำไว้แน่นหวังจะให้คลายหนาว แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ช่วยให้กายอุ่นขึ้นเลยเมื่อทั้งตัวเปียกซ่ก ครึ่งท่อนล่างถูกแช่อยู่ในน้ำแบบนี้

ผมหนาว.. หนาวจนปวดกระดูก

นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่อยู่ในสภาพนี้ จะหนีก็หนีไม่ได้ในเมื่อแขนข้างหนึ่งถูกพันธนาการด้วยกุญแจมือที่ปลายอีกด้านล็อกเข้ากับราวเหล็กแขวนผ้าเหนือหัว ปลายนิ้วเย็นเฉียบเหมือนไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยง

ผมแหงนหน้ามองมือข้างที่ต้องยกค้างไว้ตลอดเวลา รอยแดงช้ำบริเวณข้อมือที่เกิดจากความพยายามของคนโง่!

ดึงดันที่จะทำทั้งๆที่รู้ว่ากระชากไปมันก็ไม่หลุด!!

จากเมื่อยกลายเป็นปวด.. จากเจ็บกลายเป็นชา..

ผมลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ มันหนักอึ้งจนแทบจะลืมไม่ขึ้น

พี่หมอ.. พี่หมอใจร้าย!!  ไหนบอกจะพาต้าไป! แล้วทำไมทิ้งต้าไว้ที่นี่!!!

คิดตัดพ้อในใจพลันเผลอตัวกระตุกมืออย่างแรง!

เสียงดังเคร้งกังวานจนแสบหูมาพร้อมกับความเจ็บแปลบที่ข้อมือ!  ลำแขนสั่นระริก ฟันกรามขบกัดกล้ำกลืนความเจ็บ ก้อนเนื้อใต้อกซ้ายกลับมาสงบอีกครั้งพร้อมกับหยาดน้ำที่ปรี่ล้นเต็มหน่วยตา

ต้าอยากกลับบ้าน.. คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ คิดถึงเตอร์

ผมยกมืออีกข้างขึ้น ปลายนิ้วจ่ออยู่ที่ปากก่อนใช้ฟันกัดเล็บตัวเองดังแกรกๆในความเงียบงัน ถ้าอยู่ที่บ้านแล้วผมกัดเล็บ แม่จะตีมือ ผมไม่อยากถูกแม่ตี ผมเลยไม่กัด

แต่ตอนนี้ไม่มีแม่.. ผมอยากถูกแม่ตี

“ฮึก” ผมกัดนิ้วกลั้นสะอื้นจนตัวสั่น กลืนก้อนแข็งๆที่ขึ้นมาจุกอยู่ในลำคอ  ก่อนยกมือขึ้นลูบหัว มันไม่เจ็บแล้ว.. แรงกระชากเมื่อตอนนั้น ความเจ็บหายไปหมดแล้ว แต่ผม..ยังจดจำความรู้สึกตอนนั้นได้

ผมได้แต่ถามตัวเองในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าผมทำผิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ เขาถึงโกรธผมมากขนาดนี้

ถ้าผมขอโทษ เขาจะหายโกรธผมมั้ย?

ถ้าผมอ้อนวอน เขาจะให้ผมกลับบ้านหรือเปล่า?

ผมกัดปากตัวเอง สายตามองเหม่อไปยังบานประตูที่ปิดสนิท

เหมือนล่องลอย... เหมือนความฝัน...

ผมคลี่ยิ้มบางๆมุมปาก หัวพิงผนังค่อยๆเอนซบแขนที่ถูกล่ามเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน  สมองหวนคิดไปถึงวันวาน..

แค่คิดก็พานให้ความอุ่นซ่านปกคลุมจิตใจ

ที่บ้าน ..แม้ผมจะแค่สามขวบแต่ผมก็มีห้องนอนเป็นของตัวเอง ตอนแรกผมร้องไห้งอแงไม่อยากนอนคนเดียว อยากนอนกับพ่อกับแม่ แต่แม่ก็หาเหตุผลมาทัดทานผมเสมอ

แม่บอกว่า ผมโตแล้วควรหัดนอนคนเดียว แต่บางคืนแม่ก็แอบหนีพ่อมานอนกับผม แม่จะกอดผมไว้  มัน..อุ่นที่สุดเลย อ้อมกอดของแม่  มือนุ่มๆจะคอยลูบผม ลูบหลัง กล่อมผมให้นอนฝันดี

คิดถึงจัง..

ความอบอุ่นนั้น...

.......

คิดถึง....

ริมฝีปากคลี่ยิ้มกว้างมากกว่าเดิม สายตามองเหม่อคล้ายไม่มีจุดสิ้นสุด น้ำใสๆไหลออกจากดวงตา ก่อนผมจะค่อยๆหลับตาลงดื่มด่ำกับความสุขที่สร้างขึ้นในจินตนาการ

 

JIM Part

ผมจิม!!  หายใจอยู่บนโลกนี้มายี่สิบกว่าปี มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นมากมาย และนี่..คงเป็นอีกเรื่องที่ผมไม่คิดว่าคนอย่างผมต้องมาทำเหี้ยอะไรแบบนี้!

ผมอุ้มคนในวงแขนพลางกระชับแน่นขึ้นกันมันร่วงตกลงพื้น หยุดอยู่หน้าประตู ยืนทรงตัวแล้วยกตีนข้างหนึ่งเกี่ยวบานประตู เขี่ยมันให้เปิดกว้างกว่าเดิมก่อนจะเดินพามันเข้าสู่ตัวห้องนอนแล้ววางมันลงบนเตียง

ผมทิ้งตัวนั่งลงข้างคนที่กำลังนอนหลับตาพริ้ม มองสำรวจมันด้วยสายตาราบเรียบ  ใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ  เม็ดเหงื่อผุดพรายเต็มหน้าผาก ริมฝีปากแห้งแตกเป็นขุย และเสื้อเชิ้ตแนบเนื้อ เปียกซ่ก

ผมยกมือขยี้หัวแรงๆ ไม่อยากนึกหากไอ้เหี้ยเซมเปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นกูในสภาพที่กำลังถอดเสื้อให้ไอ้เด็กนี่แม่งจะทำหน้ายังไง  คงไม่หัวเราะกูจนฟันหลุดหรอกนะ เหอะ!

ผมโยนเสื้อลงบนพื้น เดินไปหยิบเชิ้ตตัวใหม่จับไอ้ต้าพลิกซ้ายขวาเพื่อสะดวกในการใส่ แล้วค่อยกลัดกระดุมให้ทีละเม็ด  เหอะ! คนอย่างกู.. คนอย่างกูเนี่ยนะ!?

 ผมถอยตัวออกห่างจากมัน มองมันและมองเสื้อที่ใส่ให้เองกับมือด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ  คนอย่างไอ้จิม! เหอะ!

ผมนั่งมองมันอย่างนั้นโดยไม่เขยื้อนกายไปไหน  ไล่สายตาสำรวจไปทั่วร่าง เหมือนซากศพ นั่นคือข้อสันนิษฐานแรกหลังจากที่ผมเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปพบมัน  หากไม่มีการเคลื่อนไหวขึ้นลงบริเวณหน้าอก ผมคงนึกว่ามันตายแล้ว!

ผมยื่นนิ้วชี้ไปอังบริเวณใต้จมูก ลมหายใจแผ่วเบาร้อนจัดถูกพ่นออกมา ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นไปวางทาบบนหน้าผากเนียนแล้วแทบชักมือกลับไม่ทัน!

ผมเหยียดยิ้มมุมปาก มองร่างบนเตียงด้วยความสมเพช

อ่อนแอสิ้นดี!

คิ้วผมเลิกขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อใบหน้าอ่อนเยาว์ขยับพลิกซ้ายทีขวาที สีหน้าทรมานคิ้วเรียวขมวดชนกันแน่นคล้ายอึดอัด

เหมือนขามันจะลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปยังห้องน้ำโดยที่สมองยังไม่ทันได้สั่งการ ผมหยิบกะละมังใบเล็ก เปิดน้ำใส่ครึ่งหนึ่งแล้วหยิบผ้าขนหนูเดินนำออกมาวางบนโต๊ะหัวเตียง

จุ่มผ้าลงในนั้น บิดน้ำพอหมาดแล้วถือมันหมายจะวางบนหน้าผากเนียน  ทว่ายังไม่ทันที่จะผ้าจะถึงที่หมาย ผมผงะเล็กน้อยมือข้างนั้นชะงักค้างกลางอากาศ

ผมขมวดคิ้วก่อนจะวางผ้าผืนนั้นลงบนหน้าผากไอ้เด็กนั่น  ลดสายตาลงเผลอมองริมฝีปากอิ่มที่เผยยิ้มมุมปาก คล้ายมันจะสบายที่ได้รับความเย็น

ผมกำมือแน่นก่อนหันหน้าหนีแล้วลุกขึ้นยืน เดินออกจากห้อง

ไม่ใช่ว่าอยากทำ ไม่ใช่ว่าเต็มใจ แค่ทุกอย่างเป็นไปเองด้วยความเคยชิน

 


TA Part

ห.. หายใจไม่ออก! อึ่ก.. ช่วย  ช่วยด้วย!!

ผมยื่นมือไขว่คว้าหาที่จับกลางอากาศ!  ไม่ไหว.. ไม่ไหวแล้ว พ่อ แม่ ช่วยผมด้วย!!

เฮือก!!

ผมรีบสูดอากาศเข้าปอดอย่างตะกรุมตะกรามเมื่อมือหนากระชากหัวผมขึ้นจากน้ำ!  ผมดิ้นสุดแรง มือเอื้อมไปจับมือเขาจิกอย่างแรงหวังให้เขาปล่อยผมให้เป็นอิสระ!

แต่ยิ่งผมต่อต้าน ยิ่งผมร้องให้ช่วย เขายิ่งกระทำรุนแรง!!

อึ่กก!!

มือหนาจิกหัวผมให้แน่นขึ้นก่อนจะกดลงน้ำอีกครั้ง! ผมปล่อยมือจากเขาแล้วจับขอบอ่างไว้ เล็บจิกบนพื้นผิวเรียบจะดันตัวเองขึ้น แต่.. ผมต้านแรงเขาไม่ไหว เฮือก!! ผมดิ้นพล่าน! มือตีกราด จิกขอบอ่างแรงกว่าเดิมเมื่อลมหายใจหมด! มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติของการเอาชีวิตรอด!  ผมเผลอหายใจทางจมูก สูดน้ำเข้ามาจนรู้สึกแสบทั่วโพรงจมูก แสบลำคอไปหมด!! ผมเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ! แขนขาดิ้นรนหนักขึ้น อ้าปากจะร้องขอความเมตตาทว่าน้ำกลับทะลักเข้ามา  อึ่ก! .. ผ... ผมยังไม่อยากตาย!! ..ช...ช่วยด้วย!!!

เฮือกก!

ในวินาทีที่ความตายคืบคลานใกล้เข้ามา เขากลับกระชากหัวผมขึ้นมาอีกครั้ง! ผมสำลักน้ำไอตัวโยนจนเจ็บร้าวทั่วกระบังลม!!

มือหนาตบแก้มผมซ้ำหลายๆทีก่อนจะเหวี่ยงผมลงพื้น! ผมหายใจหอบนอนซมอยู่ที่ตรงนั้นโดยไม่สามารถลุกขึ้นได้..

สิ่งเดียวที่รู้คือ...

ผม.. ผม ยังไม่ตาย.. ยัง...

ร่างผมถูกยกลอยขึ้นจากพื้นก่อนจะถูกโยนลงน้ำเสียงดังตู้ม! ผมหน้าเบ้ด้วยความเจ็บ  ฝืนลืมตาขึ้นมอง แต่เปลือกตาหนักอึ้ง..

ผมสะบัดมือออกสุดแรงเมื่อรู้สึกได้ถึงวัตถุเย็นเฉียบที่ถูกใส่เข้ามาในข้อมือ แต่มือหนากลับคว้าจับไว้ได้ทันแล้วยกมือผมขึ้นเหนือหัว

คลิ๊ก!

ผมขมวดคิ้วแน่นพยายามดึงมือกลับมา แต่มันทำไม่ได้!

ผมรู้สึกวูบในช่องท้องเหมือนตกจากที่สูง! แสงสีขาวสว่างจ้าวาบเข้ามาจนผมต้องหยีตา บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมื่อกี้ลิบลับ ตอนนี้มัน..เบาสบาย

เสียงหัวเราะร่าเริงของเด็กชาย เป็นเสียงที่ผมคุ้นเคย.. เสียงของพี่ผม

เตอร์วิ่งเข้ามาในบ้านพร้อมกับในมือที่ถือโมเดลรถข้างหนึ่งและเครื่องบินอีกข้างหนึ่ง  เตอร์ยื่นรถให้ผม ผมเบะปากมองเครื่องบินลำสวย

“จะเอาอันนั้น!” ผมบอกอย่างเอาแต่ใจ เครื่องบินสวยกว่า ผมจะเอาเครื่องบิน!

“เอาอันนี้ไปสิ อันนี้ของเตอร์” พี่ผมกอดเครื่องบินลำนั้นไว้แนบอก คะยั้นคะยอยื่นรถเต่ามาตรงหน้าผม ผมกอดอกหันหน้าหนี ทำปากยื่นอย่างบอกให้รู้ว่าผมงอนแล้ว!

ไม่รู้แหละ.. ผมจะไม่คุยกับเตอร์!

จะเอาเครื่องบิน!!

ทุกอย่างรอบตัวเงียบ.. เตอร์ไม่ง้อผมเหมือนทุกที! มือที่กอดอกไว้กำแน่น ปากเริ่มเบะออก น้ำตาคลอที่หน่วยตาใกล้จะไหลเต็มที

ผมยกมือขยี้ตาแรงๆ เมื่อน้ำตาไหลออกมา เมื่อเอามือออกผมมองเห็นสีขาวๆของส่วนหัวเครื่องบิน  มันจ่ออยู่ตรงหน้าผม ห่างไปเพียงแค่คืบ

“อ่ะ เล่นด้วยกัน”

มือที่กอดอกอยู่ค่อยๆคลายออก ผมหันไปมองเตอร์แล้วฉีกยิ้มกว้างก่อนจะรีบพยักหน้าแรงๆ กลัวเตอร์เปลี่ยนใจ

ผมจะยอมเล่นเครื่องบินกับเตอร์ก็ได้

แต่เรื่องที่เตอร์อยากเป็นนักบินน่ะ ผมไม่ให้เป็นหรอกนะ!!!

.................................

..................

ผมกระสับกระส่าย สติที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นกับความร้อนที่เหมือนจะแผดเผาไปทั้งร่าง! ผมพลิกตัวไปทางซ้ายก่อนจะเสียววูบไปทั่วท้องน้อยเหมือนดิ่งจากที่สูง!! หัวใจเต้นรัวด้วยความตระหนก  ผมพยายามฝืนลืมตาขึ้น แต่กลับทำได้เพียงกรอกตาไปมา  ลืมไม่ขึ้น..มันหนักเกินไป

อยากจะยกมือขึ้นกุมหัวแต่ไม่สามารถทำได้ รู้สึกเหมือนถูกอะไรบางอยากยึดจับไว้

ร้อน.. ทรมาน  ฮึก.. แม่อยู่ไหน

ดวงตาที่ปิดสนิทชื้นแฉะด้วยน้ำใส ผมสูดจมูกแรงๆก่อนจะยื่นมือไขว่คว้าหาที่ยึด

ว่างเปล่า เคว้งคว้าง..

อืมมม... ส สบายจัง

รู้สึกได้ว่ามุมปากตัวเองกำลังคลี่ยิ้ม แขนผมถูกยกขึ้น  เย็นจัง.. ผมชอบ ผมปล่อยให้ความเย็นไล้สูงขึ้นมาเรื่อยๆจากปลายนิ้วถึงต้นแขน  เย็นที่แขนอีกข้างแล้ว

ผมหันหน้าแหงนคอให้ความเย็นเข้ามาตรงนี้ด้วย

ไม่ร้อนแล้ว  แต่หิวน้ำ... อยากกินน้ำ..

เพียงแค่คิดก็รู้สึกชุ่มคอขึ้นมาทันที ผมขมวดคิ้วขัดใจเมื่อความชุ่มฉ่ำหายไป! ผมยังไม่หายคอแห้งเลย

ผมสะบัดหน้าหนีทันทีเมื่อมีเม็ดอะไรบางอย่างจ่ออยู่ที่ปาก ลองเอาลิ้นแตะๆแล้วมันขมปี๋เลย!! ความเจ็บร้าวที่ปลายคางทำให้ผมต้องอ้าปากออก

มันเข้ามาแล้ว.. ไอ้เม็ดขมๆนั่น!

ผมจะคายออก แต่คายไม่ได้เมื่อถูกปิดปากแน่น ทำให้ผมต้องกลืนเม็ดขมๆนั่นอย่างจำยอม

เหมือนขอบแก้วจรดริมฝีปาก ผมรีบดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่หวังให้ดับความขม

.. ขมลิ้น ขมปาก!

หัวผมถูกวางบนหมอนนุ่มๆอีกครั้ง ขยับหน้าซุกไซร้หามุมเหมาะๆ รู้สึกตัวเบาๆจนทำให้ยิ้มมุมปากน้อยๆ

ความเย็นกำลังลูบไล้ไปทั่วทั้งตัวผม  อื้มมม...สบายจัง

 

______________________________

TALK:: อัพต่อๆ ไม่อยากให้รอนาน  :impress2:
ใครที่จะถามหาฉากต่อไปของพาร์ทของเล่นนั้น เราบอกเลยว่าจบแค่นั้น 55555 ไม่มีต่อใน A boy (แต่อาจจะมีต่อในเรื่องของน้องแซม (เรียกซะน่ารักเลยอ่ะ น้องแซมมม 555)
ใน A boy พาร์ทของเล่น เราต้องการเปิดตัว แซม (แฝดน้องพี่หมอ และบอกให้รู้ถึงนิสัยของแฝด รวมทั้งพฤติกรรมต่างๆ)
ส่วนคนที่ถูกขึงกลางห้องนั้นจะใช่เตอร์เหมือนที่สันนิษฐานไว้หรือเปล่านั้น บอกได้เลยว่า....... ไม่รู้ไม่ชี้ รออ่านต่อๆๆๆ 555555555555555

รักคนอ่าน แค่มีคนอ่านก็ปลื้มแล้วอ่ะ  :hao5:
ไว้เจอกันพาร์ทหน้าเด้อค่าาาาาาา ชุ้บๆ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 9 พิษไข้ [25/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 25-05-2013 06:47:32
^
^
^
จิ้มคนเขียน ฮุฮุ

........................

น้องต้าไม่สบายแล้วอ่าา
คนที่ดูแลนี่ใช่จิมหรือเปล่า (ยังไม่ไว้ใจ)
หวังว่าพี่หมอคงมาทัน อย่ามัวแต่หลงของเล่นใหม่ล่ะ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 9 พิษไข้ [25/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: e-ga-g ที่ 25-05-2013 08:08:12
อีตาพี่จิม :3125: :3125:
ทำน้องต้าของชั้นไปไข้หรอยะ :m31:
แกตายยยยยย :fire:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 9 พิษไข้ [25/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: heroza ที่ 25-05-2013 16:11:09
มาเร็วมาก.....

เป็นไข้หรอ หายไวๆนะ มีอีตาพี่จิมพยาบาลให้ :katai3: :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 9 พิษไข้ [25/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 25-05-2013 17:08:11
ไม่รุ้จะเชียร์ใครดีมีแต่โหดๆ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 9 พิษไข้ [25/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 25-05-2013 19:25:06
มาต่ออีกนะ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 9 พิษไข้ [25/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 25-05-2013 20:22:03
สงสารต้า อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  :ling1:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 9 พิษไข้ [25/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 25-05-2013 20:46:46
ตอนนี้เจอคนชื่อจิมแล้วจะรู้สึกว่าอยากด่ามาก 55555555555555
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 9 พิษไข้ [25/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 25-05-2013 23:32:44
จิมหวั่นไหว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 9 พิษไข้ [25/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 25-05-2013 23:36:06
อ๊ากกก โรคคคคจิตตตต  :katai1: #ชอบ :hao7:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 9 พิษไข้ [25/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 25-05-2013 23:39:55
ตอนที่ 10 หนี

JIM Part

ปัง ๆๆๆ!!!

“ฮือออออออ! พี่หมอ!” เสียงคร่ำครวญกับมือเล็กที่ทุบประตูรัวหลังจากที่ไอ้เซมทิ้งมันไว้กับผมดังต่อเนื่องไม่หยุด มืออีกข้างของไอ้เด็กนั่นหมุนลูกบิดประตูเป็นระวิง ทว่าเปิดเท่าไหร่ก็เปิดไม่ออก ดูท่าไอ้เซมจะยังไม่ไป มันยังยืนอยู่หน้าประตูและจับลูกบิดไว้ไม่ให้ไอ้เด็กนี่เปิดออกได้!

“ฮึก!! พี่หมอ ต้าไปด้วย!! ฮือออออ ไม่เอา.. ไม่อยู่!!!” ผมกำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนตามลำแขน

“พี่หมอ!! อึ่ก.. ฮือ!!!” ไอ้ต้ายังร้องไห้เสียงดัง มันหันมามองผมที่ยืนมองด้านหลัง นัยน์ตาแดงก่ำหวาดกลัวอย่างปิดไม่มิด น้ำตาไหลอาบแก้ม

ผมรู้สึกวูบเมื่อเห็นสภาพมันชัดๆ ขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสันนูน หัวใจเต้นรัวเมื่อภาพที่ผมไม่อยากเห็นมันผุดขึ้นมาอีกครั้ง.. ทั้งที่ลืมไปแล้ว!

“จิม.. อย่า ฮึก... อย่า ...ได้โปรด ฮือออ ม...ไม่  กลัวแล้ว” ภาพหญิงสาวที่กระถดตัวถอยหลังหนี สองมือประนมยกขึ้นไหว้ ปากอิ่มพร่ำพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก

ผมสะบัดหัวแรงๆเรียกสติกลับคืนมา ภาพเบลอสองภาพซ้อนทับกัน ภาพไอ้เด็กนั่นยกมือประนมไหว้น้ำตาไหลอาบแก้ม ผมขมวดคิ้ว หัวใจกระหน่ำรัวจนเจ็บร้าวไปทั้งอก

ผมก้าวยาว มือจับกระชากต้นแขนมันทั้งสองข้างบีบแรงๆ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อจะดูให้ชัดๆว่าคนตรงหน้าคือใคร! ใบหน้าของมันตระหนกสุดขีด! ร่างเล็กดิ้นแรงจนสะบัดหลุดจากมือผม ทันทีที่เป็นอิสระ มันรีบกระเสือกกระสนคลานหนี!

ยิ่งเห็นการกระทำนั้น ยิ่งทำให้สติขาดผึง!! ผมโจนเข้าตะครุบข้อเท้าเรียวพลันดึงเข้าหาตัว!  ไอ้เด็กนั่น... ไม่... ไม่ใช่! เธอหันกลับมามองผมด้วยใบหน้าอาบน้ำตา เสียงหวานหวีดร้องสุดเสียงเมื่อมือผมกระชากเส้นผมเธอ ยิ่งผมยาวยิ่งจับถนัด หึ!

มันสมแล้วกับสิ่งที่เธอทำ! มัน สมแล้ว!

ไม่อยากได้ยินเสียงร้องนั่น! มือผมจิกผมนุ่มก่อนจะกดลงน้ำสุดแรง ร่างบอบบางดิ้นพล่าน หัวส่ายสะบัดหวังให้หลุดพ้น ผมยิ่งกระชับมือแน่นขึ้นพลันกระชากผมนุ่มขึ้นจากน้ำ!

“แค่กๆ จิม.. ด..ได้โปรด...อึ่ก”

 



Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงโทรศัพท์กรีดร้องปลุกผมให้ตื่นขึ้น! ผุดลุกขึ้นนั่งบนโซฟาหนังราคาแพงที่เมื่อคืนผมใช้มันเป็นที่นอนชั่วคราว หายใจหอบถี่พลางยกมือสั่นๆขึ้นเช็ดเหงื่อที่ไหลท่วมใบหน้า คิ้วขมวดชนกันแน่น

ทั้งที่ตั้งใจแค่จะพักสายตา แต่ก็เผลอหลับไปจนได้

Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

โทรศัพท์หวีดร้องขึ้นอีกครั้ง ผมหันไปมองมันก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเครื่องสื่อสารหน้าจอระบบสัมผัสขึ้นมา  คิ้วคลายออกเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนโทรเข้า

“ครับ” นิ้วสไลด์หน้าจอเพื่อรับสายก่อนจะกรอกเสียงลงไป

“เมื่อเช้าทางบริษัท ST โทรมาเลื่อนการประชุมเป็นเวลาสิบโมงนะคะ" เสียงของผู้ช่วยเลขาดังมาตามสาย ผมเหลือบสายตามองนาฬิกา เพิ่งแปดโมง

“อืม มีอะไรอีกมั้ย?”

“เอ่อ.. ไม่มีแล้วค่ะ สวัสดีค่ะ” ผมกดตัดสายลดโทรศัพท์ลงก่อนจะวางลงที่เดิม

ในหัวนึกย้อนไปถึงความฝันเมื่อครู่ ผมยกมือขึ้นลูบหน้าแรงๆเรียกสติก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย ผมชะงักหยุดยืนอยู่หน้ากระจกที่สะท้อนให้เห็นเงาตัวเอง ใบหน้าเผือดสี ขอบตาดำคล้ำอย่างไม่ต้องบอกก็รู้ว่านอนน้อย

ผมถอนหายใจแรงๆก่อนจะถอดเสื้อผ้าแล้วเดินไปยืนใต้ฝักบัว เปิดน้ำระดับแรงสุด

ความเย็นของน้ำและความแรงที่สาดเข้าร่างทำให้เจ็บจนชา มันตอกย้ำให้ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน

 


TA Part

ผมยกมือขึ้นกุมหัว ขาถีบผ้าห่มที่รัดพันตัวให้ออกไปไกลๆ อึดอัด ร้อน ไม่ชอบ หัวยังปวดหนึบๆ แต่รู้สึกสบายตัวมากกว่าเมื่อคืน

ผมลืมตามองเพดานก่อนจะกระพริบตาถี่ๆปรับการมองเห็นให้หายจากความพร่ามัว ตัวยังนอนนิ่งอยู่ที่เดิม เมื่อไม่มีผ้าห่มมาคลุมก็รู้สึกสบายจนไม่อยากลุก

“ถ้าตื่นแล้วก็ลุกซะ” ผมหันขวับไปมองตามต้นเสียงที่ดังมาจากประตูหน้าห้อง เขาบอกให้ลุกแต่ผมยังนอนนิ่งอยู่ท่าเดิม ไม่ใช่จะขัดคำสั่ง แต่แค่ตัวมันแข็งจนขยับไม่ได้!

พี่จิมสืบเท้าเดินเข้ามาใกล้ หัวใจผมเต้นระทึกตามจังหวะการก้าวเดินของเขา! ความกลัวเกาะกุมจิตใจ!

ภาพทุกภาพย้อนกลับเข้าตีแสกหน้าจนผมจุกอก! ผม..จำได้ทุกอย่าง! มือใหญ่ๆที่บีบคอผม กระชากหัวผม!  ผมถูกกดน้ำ.. ทั้งอึดอัด ทั้งทรมาน! 

ผมเบิกตาโตมองมือหนาที่ยกขึ้นแล้วเลื่อนเข้ามาใกล้ใบหน้าผม! ตัวมันสั่นโดยไม่สามารถควบคุมได้!

อยากจะวิ่งหนี แต่เหมือนร่างกายมันถูกสตาร์ฟ! น้ำร้อนๆรื้นที่ขอบตา เผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัวเมื่อมือหนาวางทาบบนหน้าผาก

“ไม่มีไข้แล้วนี่” เสียงทุ้มราบเรียบพูดขึ้นขณะที่มือหนาผละออกช้าๆ ไม่เจ็บ.. เขาไม่ได้ทำร้ายผม

“กูจะไปทำงาน”

พี่จิมพูดพร้อมกับผมที่ค่อยๆยันตัวลุกขึ้น เขยิบถอยห่างไปอยู่อีกฟากของเตียง แม้เช้านี้เขาจะไม่ได้ทำอะไรผม แต่การได้อยู่ไกลเขามันทำให้ผมอุ่นใจ ดวงตาคมมองตามการกระทำผมตลอดเวลา  ผมเผลอสบนัยน์ตาคู่นั้น มันนิ่งเรียบไม่ดุกร้าว

“อย่าออกไปเดินเพ่นพ่าน อย่าคิดหนีกู ถ้ากูกลับมากูต้องเห็นมึงอยู่ในห้อง  ถ้าหิวก็หากินเอา จะโทรสั่งหรือจะเวฟก็แล้วแต่มึง” น้ำเสียงเขาอ่อนลงมาก ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

พี่จิมไม่รอให้ผมพูดอะไรตอบกลับ ร่างสูงหมุนตัวเดินออกจากห้อง ผมมองตามแผ่นหลังกว้างที่ค่อยๆเดินไปจนลับสายตา ผมเพิ่งสังเกตว่าเขาอยู่ในชุดเหมือนที่พ่อใส่ไปทำงาน

ผมยังนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น  ทั้งห้องเงียบจนได้ยินเสียงแอร์คอนดิชั่นที่ครางหึ่งดังชัดเจน เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู ไหล่ที่เกร็งเขม็งค่อยๆคลายลง ผมรู้สึกหายใจได้คล่องขึ้นเมื่อไม่มีเขา ผมก้าวขาลงจากเตียงเดินออกไปนอกห้อง หยุดมองบานประตูที่พี่หมอเดินออกไปเมื่อวาน

พี่จิมไปแล้วใช่มั้ย? ออกไปแล้ว..

ในหัวย้อนคิดไปถึงคำพูดของพี่จิมเมื่อครู่

อย่าคิดหนี!

หนี คำๆนี้ผมไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน

หนีคือการที่ผมจะไม่ได้อยู่กับพี่จิมหรือเปล่า?

หนีจะทำให้ผมได้กลับบ้านใช่มั้ย?

หนีเหรอ?

ผมเดินไปใกล้ประตูบานนั้นเหมือนมีแรงดึงดูด ยกมือขึ้นจับลูกบิดแล้วเปิดมันออกก่อนจะเดินออกนอกห้องทั้งที่เท้าเปลือยเปล่า

เหงื่อเย็นๆไหลซึมทั่วฝ่ามือ หัวใจเต้นรัวเหมือนเด็กกำลังทำความผิดแล้วกลัวถูกจับได้   ค่อยๆปิดประตูลงอย่างเบามือ หันมองซ้ายทีขวาที ทางเดินว่างเปล่าและเงียบวังเวง เงียบเหมือนไม่มีคนอยู่  ผมเบะปากไม่รู้จะไปทางไหน อยู่ๆความกลัวก็แล่นพล่านจนยกขาเดินไม่ไหว

ปัง!

เสียงปิดประตูดังลั่นทำให้ผมสะดุ้งสุดตัว มือกำชายเสื้อที่ยาวปิดต้นขาไว้แน่น ค่อยๆหันไปมอง

ผู้ชายตัวโต ตัวใหญ่กว่าพี่จิม ใส่เสื้อกล้ามสีดำสักลายพร้อยไปทั้งตัว เขาหันมามองผม ทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้! ผมตกใจรีบหันหลังกลับ มือผมบิดลูกบิดอย่างแรง

ไม่เอา ไม่หนีแล้ว ผมจะกลับเข้าห้อง!

ผมหันไปมองเขา โดยที่มือก็กระชากเปิดประตูไม่หยุดแต่ไม่ว่าจะทำยังไงมันก็เปิดไม่ออก!

 “น้อง” ผมสะดุ้ง เบะปากน้ำตาคลอ ผมไม่กล้าหันไปมอง แม้จะเห็นหน้าเขาแค่แป๊บเดียว แต่ก็จำได้ว่าหน้าเขาดุยิ่งกว่าพี่จิม!

ผมกัดปากตัวเองแรงๆเหลียวหันไปมอง  เบิกตาโตเมื่อแขนน่ากลัวกำลังยื่นเข้ามาจะจับไหล่ผม! ผมรีบวิ่งออกจากตรงนั้น! วิ่งไปบนทางเดินที่ทอดยาวโดยไม่เหลียวหันกลับไปมองด้านหลัง

เหนื่อย.. แฮ่ก! ไม่ไหว.. ผมเริ่มวิ่งช้าลง หายใจหอบหนัก หลังพิงผนังยันตัวไม่ให้ล้ม ...เขาไม่ได้ตามมา

อยู่ๆก็รู้สึกว่าพื้นที่ยืนอยู่มันโงนเงนจนผมแทบเซล้ม  ร้อนวูบวาบข้างในแต่เหงื่อกลับไหลโทรมกาย ผมหายใจหอบถี่ น้ำร้อนคลอหน่วยตาเมื่อแว่วได้ยินเสียงพี่จิมกระซิบอยู่ข้างหู

ถ้ากูกลับมากูต้องเห็นมึงอยู่ในห้อง!

ผมเบะปาก หันกลับไปมองทางด้านหลัง ทางเดินทอดยาว มีประตูเรียงกันเป็นแถบ ผม... จำไม่ได้ ว่าห้องไหน มันเหมือนกันไปหมด

ติ๊ง

ผมหันไปมองตามเสียงประหลาด เห็นประตูเหล็กที่อยู่เยื้องออกไปค่อยๆเปิดแยกออกจากกัน ผู้หญิงผมสั้นท่าทางใจดีชะโงกหน้าออกมา ดวงตาหลังกรอบแว่นหยุดมองหน้าผม เธอส่งยิ้มใจดีมาให้

“ไปมั้ยจ๊ะ?”

ไปไหน.. ผมไม่รู้ แต่ผมพยักหน้าตอบเธอแล้วเดินเข้าไปในกล่องสี่เหลี่ยม ยืนข้างๆเธอ   ประตูเลื่อนปิดเข้าหากันช้าๆ ผมหันไปมองด้านข้าง มันเป็นกระจก คิ้วผมขมวดชนกัน มองเงาสะท้อนพลางเดินเข้าไปใกล้ๆ

ไม่ว่าผมจะยิ้มตาหยี แลบลิ้น ทำจมูกย่น ยกมือขึ้น เงาในนั้นก็ทำตามหมด ผมยืนจ้องมันอยู่อย่างนั้นด้วยความแปลกใจ

ติ๊ง

เสียงประหลาดดังขึ้น  ประตูเปิดแยกออกจากกัน ผู้หญิงคนนั้นหันมามองผมอีกครั้งแล้วยิ้มให้ ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยฝืนยิ้มส่งกลับ เมื่อเห็นเธอเดินออกไป ผมจึงเดินตาม

ผมนิ่วหน้ากับความเย็นใต้ฝ่าเท้า มองซ้ายมองขวา รู้สึกไม่มั่นใจเมื่อมีสายตาหลายคู่กำลังจ้องมองมา เขามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ไง ลงมาเร็วกว่าที่คิดเอาไว้นี่” ผมสะดุ้งสุดตัวกับเสียงคุ้นหู  ผมหันไปทางซ้ายเห็นร่างสูงยืนนิ่งใบหน้าราบเรียบทว่าดวงตาดุจัด!

“กลับขึ้นห้องไปซะ”

เมื่อกี้ผมตั้งใจจะกลับเข้าห้อง แต่พอมาเจอพี่จิม ผมกลับส่ายหน้ารัวพร้อมกับขาที่ก้าวถอยหนีเมื่อร่างสูงเดินมาข้างหน้า

“ขึ้นห้อง” เสียงทุ้มกดต่ำ ผมส่ายหน้าเบะปาก ทุกอย่างเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ ผมหันหลังกลับ สองขาวิ่งอย่างรวดเร็วออกไปตรงประตูที่พนักงานเปิดค้างไว้

เหลียวหันกลับไปมองก็เห็นคนตัวโตวิ่งตามมาอย่างไม่ลดละ!

แบบนี้.. เขาเรียกว่าวิ่งไล่จับใช่มั้ย? แต่ผมไม่ได้เล่นกับพี่จิม! ทำไมต้องวิ่งไล่ผมด้วย!!?

 “หยุด!!” ยิ่งเขาบอกหยุด ผมยิ่งวิ่งเร็วกว่าเดิม

“อย่ามาไล่สิ!” ไม่สนุกเลย วิ่งไล่จับกับพี่จิม ทำไมต้องไล่ผมด้วย! ไม่เห็นสนุกเหมือนเล่นกับเตอร์เลย!

เหนื่อย ผมเหนื่อย..! แต่ขามันวิ่งเองโดยหยุดไม่ได้ ..ก็หน้าพี่จิมน่ากลัว! ถ้าหยุด ผมต้องถูกบีบคอ ถูกกระชากหัวแน่ๆ!

“ไอ้ต้า หยุด!!” ม.. ไม่ แฮ่ก ไม่หยุด..

พื้นร้อนจี๋เลย ร้อนอ่ะ ร้อนเท้า! ผมวิ่งเลี้ยวไปทางขวาตรงหัวมุมตึก ต้องหาที่ซ่อน! ผมรู้แค่นั้น

ผมวิ่งเข้าไปซ่อนตัวในซอกแคบๆระหว่างตึก ทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง ยกมือขึ้นลูบอก หายใจทางปากด้วยความเหนื่อยอ่อน ทั้งแขนทั้งขาสั่นไปหมด เท้าผมเจ็บระบมจากการวิ่งเท้าเปล่าบนพื้นปูนและกรวดดินกระด้าง

มือผมจับกำแพงค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนช้าๆ ก่อนจะเดินถอยหลังเข้าไปลึกกว่านั้น ตาก็มองทางเข้าอย่างหวาดระแวง กลัวพี่จิมมาเจอ

เฮือก!

ผมหยุดนิ่งตัวแข็งค้างเมื่อรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่กอดรัดเอวผม พร้อมกับสัมผัสร้อนที่พ่นใส่ลำคอ

“สนุกกันหน่อยมั้ย?” เสียงต่ำแหบพร่าพร้อมกับแรงรัดรอบเอวที่เพิ่มขึ้น รู้สึกชื้นแฉะ  ขนลุกซู่กับแรงขบเม้มที่ติ่งหู

!!!!!!!!!

มือหยาบกระด้างเลิกเสื้อผมขึ้นพร้อมกับสอดเข้ามาภายใน ตัวผมสั่นอย่างคุมไม่อยู่ น้ำตาไหลอาบแก้ม

ผมกลัว.. กลัวยิ่งกว่าถูกพี่จิมบีบคอ!!

“ฮึก! พี่จ...” มือกร้านยกขึ้นมาปิดปากผมทันทีที่ผมจะร้องเรียกพี่จิมที่วิ่งผ่านหน้าผมไป!

ผมพยายามจะดิ้นให้หลุด แต่มันเหนื่อยจนแทบจะไม่มีแรงสะบัด ฮึก... มือเขาบีบแก้มผมแรงจนเจ็บไปหมด ผมเบิกตาโตเมื่อเห็นร่างสูงคุ้นตายืนอยู่ตรงปากทางเข้า

พี่จิม เห็นผม!

ความรู้สึกอุ่นวาบอาบหัวใจ ผมไม่เคยรู้สึกดีใจที่ได้เจอพี่จิมมากขนาดนี้มาก่อน!  ทว่าพี่จิมกลับยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่เข้ามาช่วยผม ถ้าผมมองไม่ผิด ผมเห็นร่างสูงแสยะยิ้มนัยน์ตากร้าว!

มือของคนด้านหลังเลื่อนขึ้นสูงลูบหน้าท้องก่อนจะหยุดคลึงบริเวณหน้าอก ตัวผมยิ่งแข็งค้าง กลัวจนทำอะไรไม่ถูก!

“ฮึก...” ตาผมพร่ามัวแทบจะมองอะไรไม่เห็น

ไม่เอา... ช่วยผมด้วย!



______________________________________

TALK :: ถูกจิ้มด้วยย 555555
อยากเชียร์ใครก็เชียร์เลยยย ตั้งใจให้เป็นอย่างนี้ ชอบให้นักอ่านลุ้น (ผลัวะ! โดนสหบาทา) 555
อ่านแต่ละเม้นท์แล้วฮาอ่ะ  :m20:

ขอบคุณมากค่ะะ ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าน้าาา  :hao3:
ฝันดีค่ะ
 
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 10 หนี [25/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 25-05-2013 23:53:19
ใครมาจับบอ่ะะะ  o22 o22
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 10 หนี [25/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 25-05-2013 23:56:46
ทำไมชีวิตช่างดราม่า  :katai1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 10 หนี [25/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: heroza ที่ 26-05-2013 00:21:36
ไอ้พี่จิมนี่มันโรกจิตจริงๆ  o18 o18 o18 o18

ใครจับอ่ะน้องต้า..................  :hao6:

ปล.อยากอ่านตอนอีพี่หมอกลับมาจัง หรือ หลงเด็กใหม่ไม่กลับมาแล้ว :m16:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 10 หนี [25/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 26-05-2013 08:14:02
 :katai1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 10 หนี [25/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Damon ที่ 26-05-2013 08:48:24
อ่านแล้วเสียวสยึมดึ๋ย (?) 555คนทีวจับไว้คืออิเจ้าของรอยสัก อิพี่หมอชัวร์ (มั่นมาก)
เลือกไม่ถูกนองสองได้ไหมคะ? พลีส~ /โดนคนแต่ง :z6: แอ่ก!
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 10 หนี [25/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 26-05-2013 10:11:55
ใครหว่ามาจับน้องต้าไว้  :m26:
น่าสงสารจริงๆน้องต้าเรา
ผู้เขียน จบหลังๆให้น้องต้าเอาคืนพี่จิมบ้างนะ  :z6:
(ใครเป็นพระเองอะ เหอๆ)
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 10 หนี [25/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 26-05-2013 10:30:26
อั๊ยยะ
ใครจับน้องต้าไว้
ทำไมไอ้พี่จิมถึงไม่ยอมมาช่วย

ปล.เค้าอยากให้พี่จิมเป็นพระเอกค่ะคนเขียน
ปล2.อยากเจอเตอร์พี่ชายของต้า
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 10 หนี [25/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 26-05-2013 17:11:40
ตอนที่ 11 บทลงโทษ


“ซี๊ดด.. อ่า...!” เสียงแหบพร่าครางต่ำในลำคอพร้อมกับลิ้นที่ดูดดึงติ่งหู ผมรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่มันทิ่มอยู่ตรงสะโพกขยับเสียดสีไปมาจนผมขนลุกซู่!

ไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น รู้แต่ว่ามันอันตราย! มือที่ปิดปากผมอยู่คลายออก ผมอาศัยจังหวะนั้นกัดเข้าเต็มมือหยาบ! สะบัดตัวออกจากวงแขนแกร่ง  คนด้านหลังคำรามในลำคอก่อนจะจับตัวผมให้หันไปเผชิญหน้า  หมัดหนักฮุคต่อยท้องผมจนจุกแล้วเหวี่ยงผมลงพื้น!

ผมพลิกตัวคลานเข่า กระเสือกกระสนดันตัวเองไปยังจุดหมายเดียวกับที่ร่างสูงยืนอยู่ตรงปากทาง

ทำไมไม่ช่วยผม  ฮึก...

“อึ่ก!” หัวผมถูกกระชากโดยแรงพร้อมกับรู้สึกหนักอึ้งที่แผ่นหลังจนไม่สามารถค้ำยันตัวเองได้ด้วยสองแขน  ลำตัวนอนแผ่คว่ำบนพื้นปูนแข็ง มือแกร่งดำคล้ำจิกหัวผมจนหน้าเชิดหงาย

“จะหนีไปไหนล่ะ ยังไม่ทันได้รู้จักกันเลย”

“ฮึก.. ช่วยด้วย! พี่.. ฮึก พี่จิม” ผมพยายามส่งเสียงร้องไปให้ถึงร่างสูง เหลือบตามองเห็นเพียงนัยน์ตาเรียบเฉยและรอยยิ้มเย็นๆ

“ไปกับกู!” ร่างกำยำลุกขึ้นพร้อมกับกระชากตัวผมขึ้นยืน มือหยาบข้างหนึ่งเอื้อมมาปิดปากกันผมส่งเสียงร้อง อีกข้างล็อกเอวผมไว้พร้อมกับลากให้เดินลึกเข้าไปในซอย

ผมจับมือที่ปิดปากผมแน่นพร้อมทั้งจิกเล็บ ดิ้นรนให้ปล่อยตัว ไม่ไป! ผมไม่ไป!! ผมจะกลับบ้าน!! ฮึก..

ไม่ว่าจะดิ้นแรงเท่าไหร่ก็ดูเหมือนไร้ค่า ร่างกำยำดูไม่สะทกสะท้าน  ตัวผมถูกกระแทกเหวี่ยงลงพื้นเมื่อถึงท้ายซอย  แขนผมไถลไปกับพื้นปูนจนแสบไปหมด ยกขึ้นดูเห็นเลือดไหลซิบ ผมเบะปากมองแขนตัวเองพลางยกมือกุมท้องที่ยังจุกไม่หาย

 “ร้องไห้ดีใจที่จะได้ผัวเหรอวะ!!” พูดพร้อมกับหัวเราะลั่นอย่างสะใจ! มือหยาบกำลังปลดกางเกงตัวเองลง นัยน์ตาหื่นกระหายชัดเจน ขายาวเดินมาดมั่นเข้ามาใกล้ มือแกร่งบีบแก้มผมเต็มแรงบังคับหน้าให้ตั้งอยู่เฉยๆก่อนจะเอาส่วนแข็งขึงถูไถไปตามแก้ม

ผมสะบัดหน้าหนี หวีดร้องสุดเสียงตื่นตกใจกับกลิ่นเหม็นคาวและสัมผัสเหนียวหนืด!

“ช่วยด้วย!! ฮืออ” ผมตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ หันหน้าไปมองตามทิศทางเดิมเห็นพี่จิมยังยืนมองอยู่! ผมเบะปาก พยายามกระถดตัวหนีคนตรงหน้า!

หัวผมถูกกระชากจนเจ็บตึงไปทั้งหนังศีรษะ แท่งอุ่นร้อนถูกจ่ออยู่ที่ริมฝีปาก ผมกัดปากแน่นพยายามเบือนหน้าหนี แต่ยิ่งขัดขืน มือที่กำหัวผมไว้ยิ่งกระชับจับแน่น!!

 “อ้าปาก!!” มือดำคล้ำบีบแก้มผมบังคับให้เปิดออก ผมสะบัดหน้าน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความกลัวสุดขีด  สองมือทุบตีต้นขาชายตรงหน้าไม่ยั้ง!

กลัว.. กลัวแล้ว

พี่จิม! ช่วยด้วย..

เมื่อเห็นว่ายังไงๆผมก็ไม่อ้าปาก ร่างกำยำจึงเริ่มดันสะโพกเข้าออกจนส่วนแข็งขืนแฉลบแทงแก้ม ปาก ลำคอผมให้มั่วไปหมด!

“ซี๊ดดดด” เสียงครางพร้อมกับจังหวะที่เริ่มเร็วขึ้น มือที่จับหัวผมกระชับแน่น สะโพกซอยถี่ คราบเหม็นคาวลอยคลุ้งจนผมแทบอ้วก ตัวผมสั่นเทิ้มกับสัมผัสขยะแขยง คราบกามมันเลื่อมบนใบหน้า!

“ฮึก.. ฮืออ” ผมปิดตาแน่นไม่อยากเห็นภาพตรงหน้า ส่ายหน้าหนีทั้งน้ำตา  อยากกลับบ้าน!! ไม่เอา!! ฮือออออออ โกรธพี่จิม!!! ทำไมไม่ช่วยต้า!!!!  ฮืออออ!!!

“อ่า... ซี๊ดดด จะ. ..จะแตกแล้ว! ..อ้าปาก  อ้าปากเร็วเข้า!!”  มือหยาบบีบปากผมแรงขึ้นกว่าเดิมจนผมขืนแรงต่อไม่ไหว ปากผมอ้าตามแรงบีบ

“พอได้แล้วมั้ง”

ผมลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู ทันทีที่รับรู้ว่าร่างผมเป็นอิสระ ผมคุดคู้กอดเข่าสองข้าง กดหน้าลงถูคราบคาวกับแขนตัวเองก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาพร่ามัวมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก ทั้งดีใจ โกรธ ..น้อยใจ

ภาพพี่จิมกระชากคอเสื้อด้านหลังของร่างกำยำด้วยสีหน้าราบเรียบ

“มึงเสือกไรด้วย!! เรื่องของผัวเมีย!!!” ร่างกลัดมันตะคอกดุดันที่มีคนมาขัดจังหวะ มือคล้ำกำหมัดแน่นก่อนจะต่อยสวนเข้าซีกหน้าด้านซ้ายของร่างสูง พี่จิมเอี้ยวตัวหลบทัน จับข้อมือมันหมุนไพล่หลังก่อนจะหักขึ้นเหนือหัวในท่าผิดธรรมชาติ! หูแว่วได้ยินเสียงดังกร๊อบของกระดูก!! ผมเผลอยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองโดยไม่รู้ตัว ร่างกำยำส่งเสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บ! หน้าแข้งคร้ามแดดที่เต็มไปด้วยขนรุงรังทรุดฮวบลงพื้นทันทีที่พี่จิมปล่อยมือ!

“เมียที่มึงหมายถึงน่ะ คนของกู! ถ้ากูยังไม่อนุญาต ใครก็ไม่มีสิทธิในตัวมัน!” ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจกับสิ่งที่ได้ยิน ร่างสูงหยิบธนบัตรหลายใบออกมาจากเสื้อ กรีดนับจำนวนเงินแล้วเดินไปนั่งยองๆลงตรงหน้าคนที่ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด

“ถือเป็นค่าตอบแทนจากกู รับแล้วไสหัวไปซะ!” ริมฝีปากแสยะยิ้ม มือหนาฟาดเงินลงบนหน้าหยาบเบามือ แล้วเขวี้ยงใส่หน้าก่อนจะหยัดยืนขึ้นเต็มความสูง

ร่างดำคล้ำเมื่อเห็นเงินจำนวนมากเกลื่อนพื้นรีบกระเสือกตนเข้าหา แขนข้างเดียวที่ใช้การได้หยิบเงินอย่างละโมบโดยไม่สนสิ่งใดอีก

ผมสะดุ้งเฮือกกับสายตาคมที่ตวัดมองมา  ผมยิ่งกระถดตัวแนบผนังมากกว่าเดิม พี่จิมกวาดมองผมไปทั่วทั้งตัวแล้วนั่งยองๆลงตรงหน้า  ปลายนิ้วเรียวไล้แก้มผมราวจะเช็ดคราบคาวออกให้

“นี่คือโทษของมึงที่คิดหนีคนอย่างกู” เสียงเข้มพูดช้าๆชัดๆราวจะเน้นย้ำทุกคำ ดวงตาผมค่อยๆเบิกโตหลังจากที่เข้าใจความหมายของคำพูดนั้น

 “อึ่ก!” ผมขมวดคิ้วพยายามเบือนหน้าหนีเมื่อมือหนาบีบกรามผมดึงรั้งให้เข้าไปชิด เจ็บ..

“อย่าคิดหนีกูอีก” น้ำเสียงดุดันพอๆกับนัยน์ตา มือหนาปล่อยกรามผมอย่างแรงแล้วหยัดยืนขึ้นเต็มความสูง

“กลับขึ้นห้อง!” พี่จิมกดสายตาลงมองผมแล้วพูดสั่งเสียงห้วน

ผมยกมือขึ้นลูบกรามตัวเองด้วยความเจ็บก่อนจะเงยหน้ามองเขาตาแข็ง!

“..ไม่!! ผมไม่กลับ!!”

“ไอ้ต้า!”

อดสะดุ้งไม่ได้เมื่อพี่จิมเสียงดังใส่ น้ำตาคลอหน่วยทั้งๆที่มันเพิ่งจะเหือดแห้งไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ผมไม่ชอบให้ใครมาเรียกชื่อผมด้วยเสียงตะคอกแบบนี้! พ่อกับแม่กับเตอร์ยังไม่เคยเรียกผมแบบตะคอกๆเลย!!

“พี่ใจร้าย! ผมไม่ไปกับพี่!!! จะกลับบ้าน!!  จะกลับบ้าน!!!” ทันทีที่ผมพูดจบ นัยน์ตาคมยิ่งลุกโชนมากกว่าเดิม!

 “ลุกขึ้น” เสียงเข้มกดต่ำอย่างระงับอารมณ์

“ผมจะกลับบ้าน!!!!!!” ผมตะโกนเสียงดังไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ผมจะไม่ไปไหนกับเขา ผมจะกลับบ้าน กลับบ้านได้ยินมั้ย!!!?

ผมยกมือสองข้างขึ้นกอดอกแล้วหันหน้าไปอีกทาง บอกให้เขารู้ว่ายังไงๆผมก็ไม่มีวันยอม!

ที่ตะโกนใส่เขาไม่ใช่ว่าผมไม่กลัวพี่จิมแล้ว.. ผมเคยกลัวพี่จิมยังไง.. ตอนนี้ผมก็กลัวอย่างนั้น แต่ดูเหมือนผมจะกลัวเขาน้อยลง  อย่างน้อยพี่จิมก็ช่วยผมไว้ ไม่รู้ ผมบอกไม่ถูก.. ผมกล้าเถียง แต่ผมก็กลัวเขาอยู่ดี ถ้าให้เลือก.. ผมไม่อยากอยู่กับเขา ผมอยากกลับบ้าน!!!

 “มึงดื้อเองนะ!” พี่จิมกระชากแขนผมดึงให้ยืนขึ้น ผมตวัดสายตามองเคืองๆ ฝืนตัวทิ้งน้ำหนักยึดพื้นไม่ไปตามแรงดึง! มือหนายิ่งกระชับแขนผม บีบแรงจนเจ็บ ขายาวๆออกเดินโดนไม่สนว่าผมจะนั่งหรือยืน!! ขาผมครูดไปกับพื้น ทว่าพี่จิมยังลากต่อโดยไม่สนเสียงร้องของผม!

ขาผมเริ่มแสบนิดๆ มันครูดกับหินกับปูนจนถลอกเลือดออกซิบ! ทันทีที่เขาลากผมผ่านเสา ผมไม่รอช้ารีบคว้าเสาเหล็กแล้วเกาะไว้แน่น! ตัวผมกระตุกตามแรงกระชากเมื่อพี่จิมลากผมไม่ไปเหมือนเคย! ผมเก็บขาแล้วเกี่ยวเสาไว้  ผมจะต่อต้านให้ถึงที่สุด!! ยังไงก็ไม่ไป ไม่ไปกับคนใจร้ายแบบเขา!!

 “ฮืออออ!!!!! หยุดนะ!!!  ปล่อย!!!!! ต้าเจ็บ!!!” ผมหวีดร้องสุดเรื่องเมื่อเขายังดึงดันดึงแขนผมไม่หยุดจนผมเจ็บแขนไปหมด เหมือนแขนมันจะหลุด!! เขาใจร้าย!!!

 พี่จิมยอมปล่อยแขนผมให้เป็นอิสระ ร่างสูงยืนนิ่งมองผมตาดุจัด

“ลุกขึ้น”

ผมไม่ตอบ ผมไม่มองสบตา เบะปากก้มหน้าเช็ดน้ำตากับไหล่ตัวเองแรงๆ สองมือกอดเสาแน่นยิ่งกว่าเดิม!

“ไม่ลุก!!” ผมไม่กล้ามองตาเขา ใช่ว่าผมไม่กล้าเถียง!

“มึงจะไม่ยอมไปดีๆใช่มั้ย!!?” ผมกัดปากตัวเอง มือสองข้างกระชับรัดรอบต้นเสาแน่นแทนคำตอบ! ยังไงผมก็ไม่ไป!!

“ปล่อย!! ปล่อยต้านะ!! ปล่อยเดี๋ยวนี้!!!!!  ฮึก!!!!” ผมร้องลั่นเมื่อพี่จิมเข้ามาทางด้านหลัง มือหนาสองข้างช้อนใต้รักแร้แล้วยกตัวผมขึ้นพร้อมกับเย่อตัวผมอย่างแรงให้หลุดจากเสา!

พี่จิมกระชากตัวผมอย่างแรงพลันแขนแกร่งช้อนอุ้มผมโดยหลังผมแนบชิดกับแผ่นอกของร่างสูง

“ถ้ามึงดิ้นอีกนิดเดียวกูจับเขวี้ยงใส่กำแพงแน่สัส! ถ้าคิดว่ากูพูดเล่นก็ลองดู!!” ผมเบะปาก ชะงักทันที พลิกตัวหันกลับไปกอดเขาทั้งตัวโดยเอาขาล็อกเอวหนา มือกอดคอร่างสูงไว้แน่น ผมไม่อยากเจ็บแล้ว! พอแล้ว ไม่เอาแล้ว!!

“ทำเหี้ยไร!” พี่จิมปล่อยมือจากตัวผม ผมยิ่งตะกายกอดเขา ขาที่ล็อกเอวหนาไว้ยิ่งล็อกแน่นขึ้นด้วยความกลัวตก!

“ไม่เอา ห้ามเขวี้ยง!!”

“มึงลงไปจากตัวกูเดี๋ยวนี้!” มือหนาพยายามดึงตัวผม จะเขวี้ยงผมใส่กำแพงเหรอ!! ผมกัดไหล่หนาผ่านเสื้อนอกสีดำแรงๆจนหน้าสั่น! มือล็อกลำคอร่างสูงแรงกว่าเดิม!

“หยุด!!” ผมคลายแรงกัดลงแต่ยังไม่ยอมปล่อยเสียทีเดียว มือหนาจับหัวผมก่อนจะกระชากออกจนหน้าผมผงะหงาย! ผมสบตาเขาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ มือที่ล็อกอยู่หลังคอเขาจิกเต็มแรง ผมสู้นะ!  ฮึก.. พี่จิมทำผมเจ็บ ผมจะทำพี่จิมเจ็บบ้าง!!

“ฮึก.. เจ็บ” น้ำตาผมค่อยๆไหลอาบแก้ม มือหนาที่จิกหัวผมอยู่ค่อยคลายลง

“ลงไป”

ผมส่ายหน้าทั้งน้ำตา เขาคลายแรงที่หัวผม ผมก็ไม่จิกหลังคอเขาแล้วเปลี่ยนมาล็อกไว้กันร่วงเหมือนเดิม ยังไงๆ ผมก็ไม่ลง!! ไม่เอา ไม่อยากเดินแล้ว!!

Rrrrrrrrrrrrrrrrrr

พี่จิมถอนหายใจแรงๆ มือหนาปล่อยมือจากหัวผมก่อนจะล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับสาย ผมละมือข้างหนึ่งขึ้นเช็ดน้ำตาก่อนจะรัดรอบคอเขาเหมือนเดิมกันร่วง

“จิรัฎฐ์ครับ.. ครับ ทราบครับ ผมจะรีบไป” มือหนาเก็บโทรศัพท์ลงที่เดิม ดวงตาคมดุจ้องหน้าผมนิ่ง

“ถ้ามึงไม่อาย จะอยู่แบบนี้ก็ตามใจ” เสียงทุ้มพูดดังอยู่ข้างหูก่อนจะเริ่มออกเดิน ผมวางคางเกยไหล่หนา ขากระชับล็อกเอวเขาให้แน่นขึ้น  อายทำไม? ทำไมต้องอาย ผมยังให้พ่ออุ้มบ่อยๆ ผมชอบให้เตอร์อุ้มด้วย ไม่ต้องเดินเอง ผมชอบ

ผมคลี่ยิ้มมุมปากน้อยๆเมื่อผมชนะ! เอียงหน้าพิงลาดไหล่แกร่งก่อนจะหลับตาลงช้าๆ เพลินกับจังหวะการก้าวเดิน ก่อนจะรู้สึกเปลือกตาหนักอึ้งจนแทบจะลืมไม่ขึ้น เพลียและปวดเมื่อยไปทั้งตัว อยากจะนอนเฉยๆ

...เหมือนผมจะลืมอะไรบางอย่าง  อ... อะ ไร...นะ

ZZzzzz

.................

.........

...

ผมขยับตัวหนีพร้อมกับยกมือขึ้นปัดอะไรบางอย่างที่มายุกยิกอยู่ตรงแก้ม รำคาญ คนจะนอน ผมขมวดคิ้วเมื่อสิ่งนั้นยังคงไม่ละความพยายามยังตามมายุ่มยามไปตามแก้ม และเส้นผม

ผมพลิกตัวนอนคว่ำกดหน้าลงหมอนนุ่ม ปิดหน้าตัวเองจากสิ่งรบกวน คล้ายหูแว่วได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากที่ไกลๆ แต่ผมเลิกใส่ใจกับมัน

ความนุ่ม และอากาศเย็นสบายพาให้ผมหลับสนิทอีกครั้งได้อย่างง่ายดาย

_______________________________________________

 

TALK:: และแล้วก็ช่วยเนอะ -...-
ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ แลทุกคนเอ็นดูพี่จิมจัง 5555555555555
เจอกันใหม่พาร์ทหน้าน้าาา ใครที่ถามหาพี่หมอ.. เดี๋ยวพี่หมอมาในพาร์ทหน้า   :hao3:
PS. หากเห็นข้อบกพร่อง อะไรไม่ดียังไงแนะนำกันได้เลยเน้อออ ชุ้บๆ  :katai5:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 11 บทลงโทษ [26/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 26-05-2013 17:24:23

น้องต้าหลับเหรอลูกหลับบนเอวพี่จิมนี่นะ  เอิ่ม สุดยอดมากเลย

ว้าวตอนหน้าพี่หมอจะมาและอยากเจอๆๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 11 บทลงโทษ [26/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 26-05-2013 18:11:01
พี่หมอเมื่อไหร่จะมาาา  :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 11 บทลงโทษ [26/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 26-05-2013 18:49:45
เหมือนลูกลิงเกาะพ่อลิงเลยอะ  :m20:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 11 บทลงโทษ [26/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: e-ga-g ที่ 26-05-2013 19:41:05
ลูกต้ากับพ่อจิน แล้วก็แม่เซน ครอบครัวสุขสันต์ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 11 บทลงโทษ [26/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 26-05-2013 20:27:50
เสียงหัวเราะที่ว่านี่คงจะเป็นเสียงของเซนใช่ไหมหว่า
ตอนนี้ต้าน่ารัก ส่วนพี่จิมก็น่ารักขึ้นมานิดๆ (ย้ำ! แค่นิดๆ)
เรื่องนี้เดาทางไม่ค่อยถูกเลยค่ะคนเขียน
ชอบมากเลย
รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 11 บทลงโทษ [26/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: YAYANORITZ ที่ 26-05-2013 21:07:02
ทำไมจิมปล่อยให้หนูน้อยไปโดนพวกระยำทำอย่างน้านนน ตบบบบบ!!!!!!!  :beat:
น้องหนูน่ารักจังง  :impress2:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 11 บทลงโทษ [26/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 26-05-2013 21:55:11
น้องต้าอย่าดื้อกับพี่จิมอีกนะเด๋วจะเจ็บตัวเปล่าๆ พี่เป็นห่วงหนู  :hao5:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 11 บทลงโทษ [26/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 26-05-2013 22:53:47
อ้าวหมดแล้วกำลังเพลิน
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 11 บทลงโทษ [26/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 26-05-2013 23:36:09
โอยย เมื่อไรต้าจะได้กลับบ้านน้อออวว์
:3
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 11 บทลงโทษ [26/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 26-05-2013 23:55:40
เกิดอะไรขึ้น!!  :hao3:   ใตรมาทำอะไรน้อง จบค้างคา มาต่อออ :ling1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 11 บทลงโทษ [26/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 27-05-2013 00:18:44
ต้าน่ารักโฮกกกกก
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 11 บทลงโทษ [26/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 27-05-2013 00:20:23
เมื่อไหร่จะหยุดทำร้ายต้าซักที  :z3:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 11 บทลงโทษ [26/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 27-05-2013 01:11:25
น่าติดตามมาก
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 11 บทลงโทษ [26/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: viper7123 ที่ 27-05-2013 16:29:41
จะรอต่อไป......ยังอ่านไม่ทันขอแว่บไปต่อ อิอิ

 o13 o13 o13 o13 o13

สู้ๆค้าฟฟฟฟฟฟฟฟคนเขียน
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 11 บทลงโทษ [26/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: koronekojung ที่ 27-05-2013 18:46:00
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
ติดเรื่องนี้สุดๆเลยค่ะ 
ให้กำลังใจน๊ะค๊ะ

จะรออ่านค่ะๆ ~

      สงสารต้ามากเลยอ่าาา   พี่จินทำไมไม่ช่วยต้าแต่แรกเล่า ชิชะ แอบเคืองพี่จินมากมายย
แอบอวยพี่หมอค่ะ หุหุ  พี่หมอหายไปหนายย ??

 
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 11 บทลงโทษ [26/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: makilu ที่ 27-05-2013 20:40:30
น้องต้าเลิกดื้อได้แล้ว
อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกหายใจไม่ออก สงสัยจะอินไป :z3:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 11 บทลงโทษ [26/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 27-05-2013 20:57:47
นี่ถ้ามันไม่ช่วย ฉันจะเปลี่ยนไปเชียร์ไอ้พี่หมอแทน :katai1: :katai1:


อย่างน้อยจิมมันก็ช่วยละวะ แต่อะไร โมเม้นต์หวานๆตอนท้ายตอนนี่อะไร คึคึ  :really2: :really2:


มาผิดเรื่องป่าวค่ะ ฮ่าๆๆ เรื่องนี้มันเอสเอ็มมะใช่เร๊อะ มาพอเป็นกระไสยได้น่ารักมากเลยอ่ะ :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 11 บทลงโทษ [26/5/56] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 27-05-2013 22:17:48
ตอนที่ 12  กลับบ้าน

ผมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานสีขาวคุ้นตา วาดมือสัมผัสผ้าปูเตียง ก่อนคิ้วจะค่อยๆขมวดชนกันหลังจากสมองประมวลผลบอกถึงสถานที่ที่ผมกำลังอยู่ตอนนี้

ห้องพี่จิม

ผมรีบผุดกายลุกขึ้นนั่งพลันกวาดสายตามองไปรอบห้อง  ผมกลับมาอยู่ที่เดิม ที่ที่ผมคิดจะหนี!

ไม่เอาอ่ะ!  ผมอยากกลับบ้าน! จะกลับบ้าน!!

ผมเบะปากเมื่อนึกไปถึงผู้ชายน่ากลัวที่เจอในซอยคนนั้น  ความคิดที่จะหนีเป็นอันถูกยกเลิก ถ้าหนีแล้วไปเจอแบบนั้นอีก.. ผมยอมอยู่ที่นี่ ไม่หนีแล้ว... ยังไม่กลับบ้านตอนนี้ก็ได้

ผมลงจากเตียงจะเดินออกจากห้อง แค่แง้มประตูออกเพียงนิด กลิ่นหอมฉุยก็ลอยมาเตะปลายจมูกเข้าอย่างจัง  หอมมาก.. น้ำลายสอเลย ผมหลับตาพริ้มในหัววาดภาพถึงหน้าตาของอาหารเรียบร้อย ผมทำจมูกฟุดฟิดพลางเดินตัวลอยตามกลิ่นหอมๆไปราวถูกสะกดจิต

ยิ่งเดิน กลิ่นมันยิ่งชัดขึ้น ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปากก่อนค่อยๆลืมตามอง

สิ่งแรกที่เห็นคือแผ่นหลังกว้างของผู้ชายหัวโล้นยืนอยู่ในครัว  ลอยสักคุ้นตาลากยาวตั้งแต่ข้อมือจนถึงข้อศอก มือหนาข้างนั้นกำลังงุ่นง่วนขยับไหวอยู่เหนือหม้อบนเตาแก๊ส ผมหยุดยืนอยู่กับที่  ริมฝีปากคลี่ยิ้มกว้าง เหตุเพราะจำได้ว่าเขาคนนั้นคือใคร 

“พี่หมอ...”

มือหนาชะงักค้างกลางอากาศ ร่างสูงหันมาพร้อมรอยยิ้มที่ผมไม่ได้เห็นมานานหนึ่งวันปรากฏอยู่บนใบหน้านั้น

“ไง เพิ่งตื่นล่ะสิ ท่าทางจะเดินตามกลิ่นมาใช่มั้ย?” เสียงทุ้มพูดกลั้วหัวเราะอย่างรู้ทัน ผมพยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ

“หิว” ผมเบะปาก ยื่นมือไปจับแขนแกร่งกระตุกเบาๆเรียกความสนใจทันทีที่พี่หมอผละสายตาจากผมหันไปมองสิ่งที่กำลังทำค้างเอาไว้

“รู้แล้วครับว่าหิว นอนยาวตั้งแต่เช้าจนบ่ายอย่างนี้คงยังไม่ได้กินอะไรล่ะสิ”

ผมพยักหน้ายิ้มน้อยๆฟังเสียงทุ้มอย่างเพลิดเพลิน ใจดี พูดเพราะ รู้สึกอุ่นวาบไปทั้งใจ

“พี่หมอมานานยัง?” ถามพร้อมชะโงกหน้ามองสิ่งที่กำลังเดือดปุดในหม้อ ต้มจืดวุ้นเส้น

“สักพักใหญ่ๆแล้ว มาตั้งแต่ตอนที่ไอ้จิมโทรตาม   อืม.. เสร็จพอดี” ผมปล่อยมือจากแขนหนาแล้วถอยออกไปยืนพิงหลังกับเคาท์เตอร์กระเบื้องที่มีจานผัดผักวางอยู่ อดเบ้ปากไม่ได้กับเมนูผัก ไม่ใช่ว่าผมไม่กินนะ.. แต่แค่เลือกกิน  เลือกกินเนื้อหมูส่วนผักให้เตอร์ ฮี่ๆ

พี่หมอปิดแก๊สก่อนจะเอื้อมมือหยิบชามแล้วตักต้มจืดวุ้นเส้นใส่ลงในนั้น

ร่างสูงชะงักขาที่กำลังจะเดินไปยังโต๊ะกินข้าว   หันมามองผมที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

“ตามมาสิ  อ้อ.. ถือจานผัดผักมาด้วย” ผมพยักหน้า  สองมือยกจานใหญ่ๆเดินตามหลังไปอย่างว่าง่าย ไม่อยากดื้อ เดี๋ยวพี่หมอหนีผมอีก  ไม่เอาแล้ว ไม่อยากถูกทิ้งให้อยู่กับพี่จิมตามลำพัง!

ผมนั่งลงที่เดิมที่เคยนั่งตรงโต๊ะทานข้าว พี่หมอเองก็นั่งที่เดิมเหมือนกัน มือหนาเลื่อนชามต้มจืดวุ้นเส้นมาตรงหน้าผมที่มีจานข้าวสวยร้อนๆควันขาวลอยกรุ่น

ตาผมเป็นประกาย ลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่  ท้องผมร้องจ๊อกๆอย่างน่าไม่อาย  มันดังซะจนพี่หมอหัวเราะเสียงดัง

“ถ้าหิวก็กินซะสิ มัวแต่มองอย่างนั้นแล้วเมื่อไหร่จะอิ่ม”

ผมหันไปยิ้มตาหยีรับคำพูดนั้น สองมือกระชับช้อนกับส้อมแน่น ทว่าในจังหวะที่กำลังจะจ้วงตักกับข้าว  มือหนากลับเข้าจับข้อมือผมดึงห้ามไว้ ผมรีบหันขวับไปมองทันที!

“ห้ามทำไม? หิว ต้าจะกินน” ผมแหวเสียงสูงพร้อมกับบิดข้อมือออกจากการจับกุม  ผมไม่กลัวพี่หมอหรอก  พี่หมอใจดี ผมไม่กลัว! ถ้าพี่หมอขัดขวางการกินอีกครั้ง ผมจะกระโดดกัดหู!!

“แปรงฟันหรือยัง?” ผมนิ่งค้างทันทีที่เสียงทุ้มถามจบ

เงียบครับ.. ไม่ตอบ

แอบได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆด้วย

“ไปแปรงฟันก่อน เดี๋ยวค่อยมากิน”

เคร้ง!

ผมวางช้อนกับส้อมในมือลงจนมันกระทบกับจานกระเบื้องเสียงดัง

“ไปแปรงฟัน” เสียงทุ้มยังตามมาหลอกหลอน ผมนั่งหลังพิงเก้าอี้ฝังรากลงเบาะ ยึดไว้แน่นๆพลางยกมือสองข้างขึ้นกอดอกก่อนจะสะบัดหน้าไปอีกทาง

“ไม่กินแล้ว!!” ไม่เอา ไม่อยากแปรงฟัน แล้วผมก็จะไม่กินข้าวด้วย!!

โครกครากก

หน้าผมร้อนจัดทันทีเมื่อท้องไม่รักดีดันมาส่งเสียงร้องเอาตอนนี้ มันทำให้ความศักสิทธิ์ในคำพูดผมลดน้อยลงอ่ะ!!

“ต้า อย่าดื้อ ไปแปรงฟัน!” มือหนาผลักไหล่ผมแรงๆจะให้ผมลุกขึ้น ตัวผมเซตามแรงผลักแต่ก็ฝืนตัวขยับกลับมาอยู่จุดเดิม ยังไงผมก็ไม่ลุก!

จากที่ตอนแรกกะจะดื้อหน่อยๆ  แต่ตอนนี้ผมจะต่อต้านอย่างจริงจังแล้วด้วย อยากบังคับผมเองทำไมล่ะ!!

ผมเงียบ พี่หมอก็เงียบ เงียบอยู่นานจนเป็นผมเองที่เริ่มทนไม่ไหวกับบรรยากาศกดดันแปลกๆนี่ ผมจึงตัดสินใจหันกลับไปมอง เห็นพี่หมอมองมาด้วยใบหน้าถมึงทึง ผมเบะปากค่อยๆคลายมือที่กอดอก

“แปรงให้หน่อย”

คิ้วพี่หมอขมวดชนกัน ผมมองสบตาสีเข้มไม่หลบไปไหน  ถ้าไม่แปรงให้ ผมก็ไม่แปรง!!

“เออ ลุกขึ้น!”

ยิ้มสิครับ เมื่อได้อะไรสมดั่งใจก็ยิ้มมม แต่ต้องลอบยิ้มไม่ให้พี่หมอเห็นนะ

ผมลุกขึ้นเดินตามหลังร่างสูงเข้าไปในห้องน้ำ แต่แค่เห็นอ่างอาบน้ำ เท้าผมพลันชะงักหยุดอยู่หน้าประตูไม่กล้าเข้าไปจนพี่หมอต้องหันกลับมาเรียก

“เข้ามาสิวะ มึงจะเรื่องมากไปถึงไหน”

ผมมองพี่หมอสลับกับอ่างไปมา  ไม่เอา.. ไม่เข้า  มือเกาะกรอบประตูแน่นพร้อมกับส่ายหัวไปมายืนยันความตั้งใจของตัวเอง

“จะ.. จะแปรงตรงนี้!” ผมพูดอย่างดื้อดึงเอาแต่ใจ ยังไงๆผมก็ไม่เข้า

“เข้ามา!” พี่หมอขึ้นเสียงดังจนผมสะดุ้ง สั่นหัวหนักๆก่อนจะลำล่ำละลักพูด

“..ม..ไม่เข้า” ผมเบะปากกับสายตาดุจัด “เมื่อวาน.. ตอนพี่หมอไป พี่จิม... พี่จิมแกล้งต้า! ทำต้าเจ็บ” น้ำร้อนรื้นปริ่มขอบตา มือผมสองข้างยึดกรอบประตูแน่นกว่าเดิมราวหาที่พึ่งพิง

“หืม? แกล้งอะไรครับ” พี่หมอขยับตัวหันมามองหน้าผมเต็มๆตา น้ำเสียงที่ถามก็ฟังดูอ่อนลง

“เมื่อวาน พี่จิมดันหัว.. กดหน้าต้าลงในอ่าง ต้าหายใจไม่ออก กระชากผมจนเจ็บไปหมด  แล้วก็บอกว่าจะเขวี้ยงต้าใส่กำแพง!”

ถ้าผมมองไม่ผิด แวบหนึ่งผมเห็นรอยยิ้มบางๆบนริมฝีปากหยัก แต่พอกระพริบตาลืมมองอีกที.. ก็ไม่เห็นแล้ว ผมว่าผมคงตาฝาดไปเอง

พี่หมอก้าวยาวมาตรงหน้าผมพร้อมกับแปรงสีฟันที่บีบยาแล้วในมือ

“มาครับ แปรงฟันก่อนนะ” เสียงทุ้มพูดอย่างใจดี แตกต่างจากเมื่อกี้ที่ขึ้นเสียงดุจนผมนึกกลัว

ผมถอยหน้าหนีเมื่อมือหนายื่นแปรงมาใกล้ 

ก่อนแปรงฟัน มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยน!

“พี่หมอเอาคืนพี่จิมให้หน่อย พี่จิมใจร้าย!”

รอยยิ้มบนใบหน้าคมดูจะชะงักไปเพียงนิดก่อนจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมอีกครั้ง

“หืม? เอาคืน?? ตอนนี้ต้าก็ปลอดภัยดีนี่ครับ ช่างมันเถอะ เรื่องมันแล้วไปแล้ว” มือหนายกลูบหัวผมพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ผมโยกหัวหลบสัมผัสนั้น

“พี่หมอใจร้าย เข้าข้างพี่จิม!!” สองมือยกขึ้นกอดอก ปากเชิดรั้นขึ้นอย่างเคยชินเวลาที่มีคนมาขัดใจ

“โอเคๆ เดี๋ยวพี่ไปเอาคืนให้นะ” พี่หมอขยี้หัวผมแรงๆจนมันยุ่งไปหมด ผมคลี่ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำตอบถูกใจ!

“สัญญาแล้วนะ”

“อืมม สัญญาครับ จะแปรงฟันได้หรือยัง?”

ผมพยักหน้าก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้แล้วอ้าปากอย่างว่าง่าย พี่หมอสอดแปรงเข้ามาข้างในก่อนจะแปรงฟันให้อย่างเบามือโดยที่มือหนาอีกข้างยกขึ้นวางทาบบนแก้มผมพลางจับพลิกซ้ายทีขวาทีตามแต่เขาถนัด

พี่หมอหยุดชะงักมือที่กำลังแปรงพร้อมกับส่งสายตาดุๆมาให้เมื่อผมเล่นพิเรนทร์ ทำปากอ้าๆหุบๆ จนมันเกิดเสียงประหลาด ฮ่าๆ สนุก

“ไปบ้วนปาก”

ผมมองตามนิ้วพี่หมอที่ชี้เข้าไปในห้องน้ำตรงส่วนอ่างล้างหน้า

ไม่เข้า ยังไงๆก็ไม่เข้า!

ผมหันหลังเดินตรงไปยังห้องครัว เปิดก๊อกน้ำตรงซิงค์ล้างจานแล้วใช้มือรองน้ำเพื่อบ้วนปาก ไม่สนอ่ะ ไม่เข้าห้องน้ำผมก็ล้างปากได้!

ผมยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดปากที่เลอะไปด้วยน้ำก่อนจะเดินดุ่มกลับไปยังโต๊ะกินข้าวที่พี่หมอนั่งรออยู่ก่อนแล้ว  ผมทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างกัน

“กินได้แล้วครับ กินเยอะๆ กินให้หมด” ผมพยักหน้าแรงๆพลางเอื้อมมือจับช้อนกลางที่ใส่ในชามต้มจืดแล้ววิดน้ำใส่จาน ผมชอบกินแฉะๆ อร่อยดี สองมือจับช้อนและส้อมกำไว้ก่อนจะเริ่มตักข้าวเข้าปากคำโตด้วยความหิว

“งื้มมม หย่อย!” พี่หมอทำอะไรก็อร่อยไปหมด

“กินดีๆ ค่อยๆเคี้ยว ไม่ต้องรีบ” หันไปยิ้มตาหยี ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าตรงหน้าพี่หมอไม่มีจานข้าวเหมือนกันกับผม

 “หืม?” เขาลดสายตามองตามตำแหน่งที่ผมมองอยู่ แล้วส่งยิ้มละมุนมาให้

“พี่ยังไม่หิวน่ะ เรากินไปเถอะ” พี่หมอพูดพร้อมกับตักเต้าหูสีเหลืองๆมาใส่ในจาน ผมยิ้มแก้มตุ่ยขอบคุณก่อนจะตักเต้าหูไข่ใส่ปากโดยไม่ตัดแบ่ง มองเมินผัดผักฝีมือพี่หมอ

ผมไม่ใช่ว่าไม่กินผักนะ แต่แค่เลือกกิน

.................

........

หลังจากที่มื้ออาหารที่แสนอร่อยจบลง แน่นอนว่าพี่หมอไม่ให้ผมล้างจานอีก ผมเลยได้แต่ยืนมองเก้ๆกังๆอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้น ไม่รู้จะพาตัวเองไปอยู่ตรงไหนดี 

“ทำไมไม่ไปนั่งดีๆ ยืนเกะกะขวางทางอะไรตรงนี้?” เสียงทุ้มพูดพร้อมกับมือหนาที่เช็ดเข้ากับผ้าขนหนูผืนเล็ก

ผมส่ายหน้าไม่ตอบอะไร ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าก่อนจะถือวิสาสะคว้ามือผมไปจับเดินจูงพาไปนั่งในห้องนั่งเล่น

ผมนั่งลงบนโซฟาข้างๆเขา ขยับตัวยุกยิกอย่างคนไม่มีอะไรทำ  ในหัวคิดเรื่องเรื่อยเปื่อยในขณะที่สองตากวาดมองไปรอบห้อง ผมหยุดสายตานิ่งอยู่ที่หน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่มีผ้าม่านโปร่งแสงปิดอยู่

“พี่หมอ... ต้า อยากกลับบ้าน”  ผมชะงัก.. ฟันขบกัดริมฝีปากที่เผลอบอกความต้องการของตัวเองออกไป ผมแค่คิด.. ไม่ได้ตั้งใจบอก

“เมื่อกี้.. ต้าพูดว่าอะไรนะ”

“...ต้าอยากกลับบ้าน”

“....”

“ไปส่งต้าที่บ้านนะ..”

สีหน้าพี่หมอดูลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ผมอยากกลับบ้าน

................

.........

....

ผมนั่งขยับตัวยุกยิกอยู่ไม่สุกหลังจากที่หย่อนตัวนั่งบนเบาะนุ่มๆของรถยนต์คันหรู  รู้สึกดีใจจนเก็บรอยยิ้มไว้ไม่อยู่  จะได้กลับบ้านแล้ว.. ผมจะได้กลับบ้านแล้ว!

เสียงประตูรถปิดดังปังมาพร้อมกับพี่หมอที่ขึ้นมานั่งประจำตำแหน่งหลังพวงมาลัย ผมหันไปยิ้มตาหยี  ทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจจนก้อนเนื้อใต้อกซ้ายเต้นรัว  พี่หมอไม่พูดอะไร เขาสตาร์ทรถและขับเคลื่อนยานยนตร์ออกจากที่จอดมุ่งสู่ถนนเบื้องหน้าที่มีรถวิ่งสวนไปมา

“บ้านอยู่ไหน?” เสียงทุ้มถามขึ้น ผมอ้าปากจะตอบแต่กลับชะงักกึก เหมือนคำตอบมันติดอยู่ที่ริมฝีปาก ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา

ไม่.. ไม่รู้...

ผมขมวดคิ้วแน่นก่อนจะหันหน้ามองออกไปนอกกระจก วิวข้างทางมีแต่ตึกสูงๆมากมาย

ไม่คุ้นตา..

ผมไม่รู้ว่าบ้านอยู่ไหน

ผม.. ไม่เคยไปไหนมาไหนเองคนเดียว ทุกที่ที่ไปผมจะมีเตอร์ไปเป็นเพื่อน เตอร์จะไปส่งและจะรอรับ

ผมก้มหน้าลง เบะปากก่อนจะตอบพี่หมอเสียงอ่อย

“ต้าไม่รู้”

รถชะลอความเร็วพร้อมกับใบหน้าคมที่หันมามอง  คิ้วเข้มเลิกสูงก่อนจะบ่ายหน้ากลับไปยังถนนเบื้องหน้าตามเดิม ผมลอบหันไปมอง เห็นสีหน้าด้านข้างของพี่หมอราวคนที่ติดอยู่ในภวังค์ความคิด

“งั้นลองขับไปเรื่อยๆ ถ้าคุ้นตรงไหนค่อยบอกพี่” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างใจดี ผมรีบพยักหน้า

“เดี๋ยวแวะปั๊มแป๊บนึง?” นิ้วเรียวตบไฟเลี้ยวพารถแล่นเข้าไปในปั๊มและจอดลงตรงหน้าร้านสะดวกซื้อ

เครื่องยนต์ดับลง ผมเคลื่อนตัวลงจากรถแล้วเดินตามหลังพี่หมอ  มือหนาวางบนหัวผมแล้วขยี้เบาๆ

ผมรู้สึกคุ้นเคยกับการกระทำแบบนี้ เหมือนเคยถูกทำเมื่อนานมาแล้ว  รู้แค่ว่ามันอบอุ่น.. อุ่นมากๆ

“อยากกินไรก็หยิบมา เดี๋ยวพี่จ่ายให้ ไม่ต้องเกรงใจ” พี่หมอขยี้หัวผมอีกทีแล้วเดินแยกตัวไปอีกทาง  ผมยิ้มนิดๆก่อนจะเดินตรงไปยังมุมขนมกรุบกรอบ ของเล่น และลูกอม!

ผมนั่งยองๆ เลือกลูกอมรสโปรดด้วยความเพลิดเพลิน ยิ่งไม่มีคนคอยขัด คอยห้าม ผมก็หยิบอย่างเดียว  เผลออีกทีสองมือผมก็เต็มไปด้วยลูกอมหลากยี่ห้อแล้ว  ปกติถ้าผมซื้อมันเยอะๆจะโดนแม่กับเตอร์บ่นประจำ สุดท้ายก็ได้แค่อันสองอัน แต่ตอนนี้ไม่มีคนบ่น ฮี่ๆ หยิบแหลกๆ

ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับความสุขเล็กๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเมื่อได้ของที่ต้องการครบแล้ว ขณะที่กำลังจะเดินไปหาพี่หมอ ผมที่เดินก้มหน้าก้มตาจึงไม่เห็นว่ามีคนยืนขวางอยู่ข้างหน้า

“...ขอโทษครับ” ผมก้มหน้างุด งึมงำขอโทษเมื่อเดินชนเขา  รีบเบี่ยงตัวเดินหนีแต่ทำไม่ได้ เมื่อแขนผมถูกจับโดยมือหนาของผู้ชายคนนั้น

ผมขมวดคิ้วสะบัดแขนออก แต่ทำยังไงก็ไม่หลุด  ยังไม่ทันที่ผมจะเงยหน้าขึ้นมอง  ตัวผมถูกกระชากเข้ากอดอย่างแรง ลูกอมที่ถืออยู่ในมือร่วงตกพื้นกระจัดกระจาย วงแขนแกร่งค่อยๆรัดแน่นรอบตัวจนผมแทบขยับไม่ได้  ปากที่กำลังจะอ้าร้องขอความช่วยเหลือต้องหยุดชะงักลงเมื่อมือหนาลูบผมบริเวณท้ายทายแล้วกดหัวผมให้ซุกเข้ากับหน้าอกกว้าง

ร่างกายผมหยุดดิ้น หยุดต่อต้านเมื่อรู้สึกได้ว่าคนที่กำลังกอดผมตัวสั่นเทา  แขนผมเหมือนไร้การควบคุม.. มันยกขึ้นกอดตอบผู้ชายคนนั้นช้าๆ ใบหน้าของเขาซุกซบลงตรงลาดไหล่ ที่เดียวกับที่ผมรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นของน้ำตา

“ต้า...พี่ขอโทษ.. กลับบ้านเรานะ”

 



________________________________________

TALK:: มาแล้วๆๆๆ อ่านความคิดเห็นของนักอ่านแล้วดีใจ  :-[
ใครที่คิดถึงพี่หมอ พี่หมอก็มาแล้วเนอะ
ส่วนใครอยากให้น้องกลับบ้าน น้องก็กลับแล้ว(?)
นี่เราสนองนีดนักอ่านหมดเลยนะ (เหรออออ) 55555
ค้างป่ะ???? กร๊ากกกกกกก  :laugh:
เจอกันพาร์ทหน้านะคะ
ขอบคุณทุกกำลังใจมากๆค่ะ เลิฟๆๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 12 กลับบ้าน [27/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 27-05-2013 22:24:19
ใครอ่ะเต้อร์หรอ  มาแล้วหรอออ  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 12 กลับบ้าน [27/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: heroza ที่ 27-05-2013 22:55:16
กรี๊ด....................... ต้าเจอพี่แล้ว  จะเป็นยังไงต่อไปเนี่ย :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 12 กลับบ้าน [27/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 27-05-2013 23:06:21
เตอร์ใช่มั้ยยยยยยยย  :heaven
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 12 กลับบ้าน [27/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 27-05-2013 23:13:50
ใครอะ เตอร์หรอ


เบนก็เตอร์ทุกตอนเลยย เห็นใครไม่รู้จักก็เตอร์หมด

55555
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 12 กลับบ้าน [27/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 27-05-2013 23:29:42
เมื่อไรพรุ่งนี้จะมาถึง
อยากอ่านแล้ว :ling1:
คนเขียนสู้ๆจ้ะ
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 12 กลับบ้าน [27/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 27-05-2013 23:34:07
เตอร์มาแล้ววววววววววว ว ว ว ว ว~
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 12 กลับบ้าน [27/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 27-05-2013 23:35:28
ลุ้นมาก
รอติดต่อต่อๆ
 :o12:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 12 กลับบ้าน [27/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 27-05-2013 23:42:24
ใครมาช่วยต้าร์ ปริศนาเยอะจังเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 12 กลับบ้าน [27/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 28-05-2013 06:04:03
ใครอ่ะ
ใช่เตอร์หรือเปล่า
รอลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 12 กลับบ้าน [27/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: VICcy ที่ 28-05-2013 07:30:30
ค้างอ่าาาาาาาาา รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 12 กลับบ้าน [27/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 28-05-2013 10:42:03
เตอร์ใช่ไหมมม
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 12 กลับบ้าน [27/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 28-05-2013 11:52:44
เตอร์ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 12 กลับบ้าน [27/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 28-05-2013 14:43:40
ใครกันน่ะ เตอร์ป่ะ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 12 กลับบ้าน [27/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 28-05-2013 15:20:59
ใครหว่าาา? รีบมาเฉลยยยย  :katai4:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 12 กลับบ้าน [27/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 28-05-2013 15:29:29
ตอนที่ 13  ไออุ่น


กลับบ้าน...

กำลังหลอกผมอยู่ใช่มั้ย!?

ผมส่ายหัวทันที มือที่กอดเขาไว้คลายออกและผลักอกแกร่งอย่างแรง

ร่างสูงเซถอยหลังตามแรงผลัก ใบหน้าคมคายเผือดสี ผมเผลอก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว ทว่าสายตากลับถอนออกจากใบหน้านั้นไม่ได้ ใบหน้าที่ยังคงมีร่องรอยเจือจางของหยาดน้ำตา

ผมไม่เคยพบเขามาก่อน.. ผมมั่นใจ

นี่คือครั้งแรกที่ผมเจอเขา แต่ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยมากขนาดนี้

ร่างสูงลดระดับสายตามองสบกับผม นัยน์ตาคู่นั้นหม่นเศร้าจนผมสะท้านในใจ

ทำไมมองผมแบบนั้น..

“พี่ขอโทษ..” เขาพูดด้วยเสียงติดจะสั่นเล็กน้อย ช่วงขายาวเดินมาข้างหน้าโดยที่สายตามองหน้าผมตลอดเวลา

“พี่ไม่ขอให้ต้ายกโทษให้ แต่..อย่าหนีไปไหนอีก ..พี่ขอร้อง”

ผม.. ไม่ เคยรู้จัก..  ทันทีที่คิดมาถึงตรงนี้ หัวใจผมกลับเต้นรัวจนเจ็บร้าวราวประท้วงความคิดนั้น

ยิ่งเขาเดินเข้าใกล้เท่าไหร่ สมองผมก็ยิ่งสั่งให้ถอยหนีมากเท่านั้น ผมควรจะหนี.. ต้องหนีแต่ทำไม ขาผมมันไม่ขยับ!!

“อย่า...” ผมตระหนก พูดเสียงแผ่วทันทีที่มือหนายื่นมาข้างหน้าเหมือนจะคว้าผมเข้าไปกอด

“ไม่ให้จับ!!” ผมตะคอกเสียงดัง ก่อนจะชะงักเมื่อได้สติ ผมเลิ่กลั่กหันมองรอบตัวพลางกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรง เมื่อมีสายตาหลายคู่พุ่งตรงมา ผมรู้สึกประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก  เดินก้าวถอยหลังหวังจะให้หลุดพ้นจากสายตาเหล่านั้น ถอยไปเรื่อยๆจนหลังผมชนกับราวเหล็กที่แขวนขนมด้านหลังนั่นล่ะผมถึงได้หยุด

“อย่าจับนะ.. ไม่ให้จับ  ห้ามแตะตัวต้า..” ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร.. ไม่รู้  ผมพูดพึมพำเสียงเบากับตัวเองพลางมองสบตาเขา 

ใบหน้าคมคายเผือดสี  เขาชักมือกลับแล้วซ่อนสองมือไว้ด้านหลัง

“พี่ จะไม่แตะต้องตัวต้าอีก..พี่ ขอโทษ” ดวงตาหม่นเศร้าหลุบต่ำ

เกิดความเงียบระหว่างผมกับเขาก่อนใบหน้าคุ้นเคยจะเงยมองสบตาผมอีกครั้งด้วยสายตาหนักแน่นกว่าเดิมราวคนที่ตัดสินใจอะไรบางอย่างได้

“ถ้าต้ายอมกลับบ้าน พี่จะไม่มาให้ต้าเห็นหน้าอีก  พี่รู้ว่าพี่ผิด.. พี่  ข ขอโทษ”

ในตอนท้ายของประโยคเสียงทุ้มติดสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ นัยน์ตาล้อแสงไฟสั่นระริกด้วยน้ำใสที่คลอหน่วยตา

ผมขมวดคิ้วแน่นทันทีที่เขาพูดจบ อยู่ๆก็รู้สึกสับสน ผมยกมือขึ้นวางทาบลงบนหน้าอกข้างซ้ายโดยไม่รู้ตัวเมื่อมันรู้สึกเจ็บยอกแปลกๆ

ผมหันซ้ายหันขวาหาทางออกให้ตัวเอง ตอนนี้ผมอึดอัด..เหมือนที่ที่ยืนอยู่ ไม่มีอากาศให้หายใจ

ผมรีบหันขวับเมื่อเห็นวัตถุไหววูบทางหางตา  พี่หมอ! เขามองผม ..อยู่ตรงนั้น

ทันทีที่เห็นใบหน้าของคนที่รู้จักก็ราวกับหายใจได้คล่องปอดมากยิ่งขึ้น ขณะที่ผมกำลังจะวิ่งไปหาพี่หมอ เสียงคุ้นหูที่ดังมาจากทางด้านหลังกลับตรึงผมให้ยืนอยู่กับที่ราวถูกโซ่ตรวนล่ามข้อเท้า!

เสียงพูดที่มาพร้อมกับเสียงรองเท้าที่ดังกระทบพื้นเป็นจังหวะกำลังเดินเข้ามาใกล้ทุกขณะ

 “วิคเตอร์มาทำอะไรตรงนี้  ไปกันได้แล้ว” 

ดวงตาผมเบิกกว้างทันทีที่ได้ยินชื่อพี่ชาย วิคเตอร์

 “จะซื้ออะร.... ต้า!”

ข้อความประโยคแรกยังพูดไม่จบประโยคดีถูกแทนที่ด้วยชื่อผม  ผมหันขวับไปมองเจ้าของเสียงคุ้นหูที่ดังมาจากข้างตัว

ใช่.. ใช่จริงๆ ฮึก...  ผมเบะปาก น้ำร้อนตีตื้นรื้นขอบตา มือเย็นเฉียบและสั่นจนควบคุมไม่ได้

ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆผมยังเหมือนเดิม รูปร่างเล็ก ผิวขาว  ผมยาวประบ่า ริมฝีปากแย้มยิ้มกว้าง และนัยน์ตาใจดีที่มองมาทางผมอย่างตระหนกระคนดีใจ แม้ว่าใบหน้านี้จะมีริ้วรอยเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่ทำให้ความงามลดน้อยลง

“ฮึก..ม.. แม่”  ผมโถมตัวเข้ากอดแม่เต็มแรง น้ำตาไหลรินลงมาไม่ขาดสาย ผมยิ้มกว้างพลางแนบแก้มกับอกอุ่นหอมกรุ่น กลิ่นที่ผมคุ้นเคย.. คิดถึง.. ฮึก...ค คิดถึง..

ผมยิ่งกระชับกอดแน่นขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงอ้อมแขนเล็กๆที่กอดตอบ  ความสุขเต็มตื้นทะลักทะลายจนผมตั้งรับไม่ทัน  อบอุ่นจนกลั้นเสียงสะอื้นไม่ไหว..

“ฮึก...ฮืออออ แม่...ต้าคิดถึงแม่! ฮืออออ ย.. อย่า ฮึก อย่าทิ้งต้า  พาต้ากลับบ้าน.. ฮืออ ต้า ย..อยากกลับ บ้าน”

ผมไม่สนแล้วว่าจะมีกี่สายตากำลังมองมา ไม่สนอะไรทั้งนั้น ฮึก..

“ต้าลูกแม่.. หายไปไหนมา แม่ให้พี่เราตามหาเราทุกที่เลยรู้มั้ย  อยู่กับแม่.. อย่าหายไปไหนอีกนะครับ” มือเรียวค่อยๆดันตัวผมออกห่าง ดวงตาของแม่มีน้ำใสๆไหลพลั่งพรูไม่ต่างจากผม ไหล่บอบบางที่ผมชอบเอนซบสั่นเทา แม่คลี่ยิ้มพลางยกปลายนิ้วลูบแก้มผมอย่างอ่อนโยน

ผมยิ้มกว้าง ยกมือขึ้นจับมือบอบบางของแม่แล้วแนบแก้มกับฝ่ามือนั้น

“กลับบ้านเรากันนะลูก”

ไม่ต้องให้แม่พูดซ้ำ ผมก็พยักหน้าขึ้นลงถี่ๆแทบจะทันที

..............................

..................

......

ผมกระชับจับมือนุ่มๆของแม่ไว้แน่นในขณะที่เดินเคียงข้างกันออกจากร้านสะดวกซื้อ แม่ไม่ยอมปล่อยมือผมแม้แต่วินาที ผมเองก็ไม่อยากปล่อยมือแม่แล้ว  ผมจับมือแม่แน่นๆ แต่ไม่แน่นจนทำให้รู้สึกเจ็บ  อยู่ใกล้แม่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมปลอดภัย.. ไม่มีอันตรายใดใดเข้ามาทำร้ายผมได้อีก

ผมลอบหันไปมองด้านหลังก็เห็นผู้ชายคนนั้นยังคงเดินตามทุกฝีก้าว แต่เห็นแม่ไม่ว่าอะไร บางทีอาจจะเป็นใครสักคนที่แม่รู้จัก

เราสามคน ผม แม่และเขาคนนั้นเดินมาถึงรถยนต์ไม่คุ้นตา ผมขมวดคิ้วหันไปมองแม่  ผมจำไม่ได้ว่าแม่ซื้อรถใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่ แม่ยิ้มก่อนจะเปิดประตูด้านหลังให้ผม

ผมกำลังจะก้าวขาขึ้นรถ ทว่าในหัวกลับร้องเตือนถึงเรื่องสำคัญที่ผมลืมไป

พี่หมอ.. ผมลืมพี่หมอซะสนิท!

“แม่ครับ.. เดี๋ยวต้ามา รอต้าแป๊บนึงนะครับ”

ผมรีบวิ่งเต็มกำลังย้อนกลับไปทางเดิม ประตูอัตโนมัติเลื่อนเปิดเมื่อผมเข้ามาใกล้ ผมวิ่งผ่านเข้าไปก่อนจะชะลอความเร็ว เดินชะเง้อมองหาร่างสูงที่เป็นคนพาผมมา

อยู่ไหน? เมื่อกี้ยังเห็นยืนอยู่ตรงนี้อยู่เลย

ผมหันซ้ายหันขวา หมุนตัวกวาดสายตามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

“หาอะไร?” ผมหันกลับไปยังทิศทางที่เสียงลอยมา ผู้ชายแปลกหน้าเจ้าของใบหน้าคมคาย  ที่ยืนห่างจากผมไปไม่กี่เมตรถามขึ้นด้วยสีหน้าราบเรียบติดฉงน

ผมไม่ตอบคำถาม หันหลังจะเดินตามหาพี่หมอต่อทว่ากลับถูกมือหนาคว้าแขนไว้ ผมสะดุ้งเฮือก ขาชะงักงันก่อนจะสะบัดแขนอย่างแรง

ผมหน้าเสียเมื่อเห็นใบหน้าคมคายหน้าซีดเผือด  เขายกมือที่ถูกผมสะบัดทิ้งแล้วเกาหัวแก้เก้อก่อนริมฝีปากจะฝืนยิ้มออกมา

ผม ไม่ได้ตั้งใจ..  ทุกอย่างเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ

...ข ขอโทษ...

นั่นคือคำที่ผมอยากเปล่งเสียงออกมาให้เขาได้รับรู้ ทว่าสิ่งที่ผมทำกลับคือยกมืออีกข้างลูบต้นแขนที่เพิ่งถูกเขาจับเมื่อครู่พลางก้มหน้าหลุบมองพื้นอย่างทำตัวไม่ถูก

“แม่ให้มาตาม” เขาเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะหันหลังทำท่าจะเดินแต่ก็ไม่ เขากำลังรอผม

“อ อื้อ” ผมตอบรับเสียงสั้นในลำคอก่อนจะเริ่มออกเดิน แต่ก็ไม่วายเหลียวมองข้างหลังเพื่อมองหาพี่หมอเป็นครั้งสุดท้าย ทว่าก็ยังไร้วี่แววเหมือนเดิม

...ความน้อยใจตีตื้นจุกอก  พี่หมอตั้งใจจะทิ้งผมตั้งแต่ทีแรกแล้วใช่มั้ย? เรื่องที่จะพาผมมาส่งบ้านนั่นก็โกหก.. ตั้งใจจะทิ้งผมใช่มั้ย...

 

แม่นั่งรอผมอยู่ที่เบาะด้านหน้า รอยยิ้มโล่งอกถูกส่งมาให้ ผมยิ้มตอบก่อนจะเดินไปนั่งเบาะด้านหลังคนขับ

รถค่อยๆเคลื่อนตัวจากที่จอด ผมบีบมือตัวเองอย่างแรงก่อนจะตัดสินใจกลับตัวคุกเข่าลงเบาะและมองฝ่ากระจกหลังรถเพื่อมองหาคนใจร้ายที่ตั้งใจจะทิ้งผม

ผมเบิกตาโตเมื่อเห็นพี่หมอหยุดยืนอยู่กลางถนน เขากำลังมองมา ผมกับเขามองสบตากัน  ใบหน้านั้นราบเรียบติดเฉยชาไม่มีรอยยิ้มที่ผมเห็นเป็นประจำ  มีแต่รอยยิ้มแสยะที่ทำให้ผมรู้สึกหนาวไปทั่วไขสันหลัง!

...เหมือนไม่ใช่พี่หมอที่ผมรู้จัก

“ต้า มองอะไรลูก”  ผมเอี้ยวตัวหันกลับไปมองแม่ที่เลิกคิ้วถามผมเสียงนุ่ม

“เปล่าครับ” ผมลอบหันกลับไปมองกระจกหลังอีกครั้ง ทว่าภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นภาพรถมากมายที่วิ่งตามหลัง  เห็นดังนั้นผมจึงค่อยๆลดตัวลงแล้วกลับตัวหันมานั่งตามปกติ

คิ้วผมขมวดมุ่น รู้สึกไม่สบายใจกับรอยยิ้มแปลกๆของพี่หมอที่เห็นเมื่อครู่  ทำไม.. ถึงยิ้มแบบนั้น  ยิ้มที่ไม่ใช่ยิ้ม

ผมเงยหน้าสายตาเหลือบมองกระจกมองหลังพลันสบตากับเขาคนนั้นที่กำลังมองผมอยู่พอดี ทันทีที่สบตากันเขารีบเสตากลับไปจ้องถนน ทำทีเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ผมขมวดคิ้ว ยังไม่ละสายตาจากกระจก ลอบสังเกตใบหน้าคมคายที่มีเหงื่อซึมตามไรผม  คำถามมากมายเกิดขึ้นในใจ  ทำไมผมถึงได้รู้สึกคุ้นเคย ทั้งๆที่ไม่เคยพบเจอกับเขามาก่อน

ร่างสูงหลังพวงมาลัยขยับตัวไปมาอย่างอึดอัด ก่อนเสียงเพลงไม่คุ้นหูจะดังคลอมากับเสียงเครื่องยนต์ที่ทำงานเงียบๆ ผมผละสายตาหันไปมองยังต้นตอ เห็นนิ้วเรียวของเขาเลื่อนกดปุ่มนู่นนี่

ผมคลี่ยิ้มบางๆให้กับเพลงสบายๆ ไม่รู้หรอกว่าเพลงชื่ออะไร รู้แต่ว่าเพราะ

เสียงหวานๆของแม่ร้องคลอตาม ดูท่าแม่จะชอบเพลงนี้มาก ผมยิ้มกว้างกว่าเดิม รู้สึกมีความสุข อบอุ่นหัวใจจนลืมทุกความทุกข์ที่เคยเจอมา ลืมไปหมดว่าใครเคยทำให้ผมเจ็บมากมายแค่ไหน  ตอนนี้รู้เพียงอย่างเดียวคือในอีกไม่กี่นาที ผมจะถึงบ้านแล้ว..

ผมหันหน้ามองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง ขยับนิ้วไปตามท่วงทำนองด้วยความเพลิดเพลิน ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่กำลังมองมา ผมหันเหความสนใจกลับไปมองสบตากับเขาอีกครั้ง

ครั้งนี้.. เขาหลบสายตาผมไม่ทัน ผมลองยิ้มให้เขาครั้งหนึ่ง เตอร์มักจะสอนผมเสมอว่าผูกมิตรไว้ดีกว่าสร้างศัตรู ตอนนี้ผมก็พยายามจะผูกมิตรกับเขา  ทว่านัยน์ตาคมคู่นั้นกลับดูตื่นตระหนก ไม่มีรอยยิ้มส่งกลับมา 

ตัวผมไหวรู้สึกเหมือนรถกระตุกไปวูบหนึ่งจนแม่เอ็ดตะโรเสียงดัง  เมื่อคนขับเหยียบเบรกกะทันหันจนรถชะงัก ดีที่รถคันหลังทิ้งช่วงห่างไปพอตัว ไม่อย่างนั้นคงได้เกิดอุบัติเหตุกลางสี่แยก

เสียงแม่ยังคงบ่นไม่หยุด แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจ เขามองสบตาผมผ่านกระจกมองหลังอีกครั้ง  ริมฝีปากหยักค่อยคลี่ยิ้มส่งกลับมาให้ ก่อนจะบังคับรถให้วิ่งไปบนท้องถนนอีกครั้งโดยไม่ติดขัด

ทำไมพอเห็นรอยยิ้มนั้น.. หัวใจผมถึงได้เต้นรัวขนาดนี้!?

ผมยกมือขึ้นลูบแก้มที่รู้สึกมันร้อนผิดปกติก่อนจะหลุบตาลงต่ำ รู้สึกเก้อๆไม่กล้าสบตาเขาเสียดื้อๆ ผมกระเถิบย้ายตัวเองไปนั่งอีกฟากหนึ่ง เอนตัวพิงประตูรถพลางหันหน้ามองนอกหน้าต่าง ขนาดตอนนี้ผมไม่ได้มองตาเขาแล้ว.. ไม่เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนนั้น ทำไมหัวใจผมยังเต้นรัวอยู่..

ผมเลิกคิ้วนิดๆเมื่อเพลงเก่าจบลงและทำนองคุ้นหูของเพลงใหม่เริ่มขึ้น เพลงนี้ผมรู้จัก หยาดเพชร ผมจำได้ว่าพ่อชอบเปิดที่บ้านบ่อยๆ จนผมจำได้แม่น  ผมอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงแม่ร้องคลอเบาๆ นี่ถ้าพ่ออยู่ด้วยคงช่วยกันประสานเสียงแน่ๆ

อยู่ๆก็รู้สึกเต็มตื้นในอก ผมกระพริบตาถี่ๆไล่น้ำตาที่พานจะไหล ไม่ใช่ไหลเพราะเศร้าหรือเจ็บปวด หากแต่เป็นเพราะความดีใจและอบอุ่น

..............................

..................

......

รถชะลอตัวก่อนจะหยุดลงที่โรงจอดรถของบ้านที่ผมโตมาตั้งแต่เล็ก ผมรีบไถลตัวลงจากรถแล้วพุ่งตัวเข้าบ้านด้วยรอยยิ้มกว้างขวาง

จะหาเตอร์!

ผมถอดรองเท้าหน้าบ้านแล้ววิ่งเข้าไปข้างในทั้งที่เท้าเปลือยเปล่า ไม่อยากเสียเวลาเปลี่ยนไปใส่สลิปเปอร์ ผมอยากเจอเตอร์เร็วๆ

ผมวิ่งตึงตังขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของเตอร์ที่หน้าประตูมีป้ายชื่อทำจากไม้เขียนด้วยอักษรสีฟ้าว่า ‘VICTOR แขวนอยู่  ห้องผมก็มีนะแผ่นไม้แบบนี้ พ่อเป็นคนทำให้ ประตูหน้าห้องผมจะเขียนว่า ‘TA ด้วยอักษรสีเหลือง และมีลูกเป็ดตัวเล็กๆสองตัวอยู่ตรงมุมขอบไม้ ผมกับเตอร์ช่วยกันวาดล่ะ

ผมบิดลูกบิดประตูห้องเตอร์ เมื่อเห็นว่ามันไม่ล็อก ผมก็รีบเปิดเข้าไปโดยไม่เคาะให้เสียเวลา ไม่ใช่ว่าผมไม่มีมารยาทนะ ผมแค่อยากเจอเตอร์เร็วๆ

ก่อนหน้านี้ที่ผมเคยโกรธเตอร์ที่ไม่ไปช่วยผม  ตอนนี้ความโกรธนั้นมันหายไปหมดแล้ว รู้แต่ว่าผมอยากเจอเตอร์ อยากกอดเตอร์  ผมคิดถึงเตอร์!

ผมยิ้มกว้าง รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอ ในหัวคาดเดาสีหน้าเตอร์ไปต่างๆนานา เตอร์ต้องดีใจที่จะได้เจอผมแน่ๆ ขนาดผมยังดีใจเลย เนอะ!

แม้ความจริงแล้วผมจะไม่ได้กลับบ้านเพียงไม่กี่วัน  แต่เวลาไม่กี่วันนั้นผมกลับรู้สึกว่ามันนานมาก  ผมมีเรื่องจะคุยกับเตอร์ จะฟ้องเตอร์เยอะแยะเลย! ผมกับเตอร์ตัวติดกันแทบตลอดเวลา ไม่รู้อ่ะ ใครจะมองผมว่ายังไงก็ช่าง จะหาว่าผมติดพี่เป็นเด็กไม่รู้จักโต ผมก็ไม่สนใจ!  ก็ผมมีพี่ชายคนเดียว เตอร์เป็นทั้งเพื่อนเล่น เป็นทั้งพี่ เป็นคนที่ผมพูดคุยด้วยได้ทุกเรื่อง แล้วเตอร์ก็ไม่เคยโกรธผมด้วย

ผม.. แทบจะไม่มีเพื่อนเลย เพื่อนที่โรงเรียนนิสัยไม่ดี! ชอบแกล้ง!! ผมไม่รู้ว่าเตอร์พูดจริงหรือพูดเล่นเรื่องที่อยากเป็นนักบิน แต่ผม.. ไม่อยากให้เตอร์เป็นจริงๆนะ อยากอยู่กับเตอร์ อยากเล่นกับเตอร์อย่างนี้ไปนานๆ

“เตอร์!!” ผมตะโกนร้องเรียกเสียงดังก่อนจะถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องโดยเปิดประตูทิ้งไว้

ห้องเตอร์ก็ยังเหมือนเดิม ผมเบะปากมองสิ่งที่แขวนอยู่กลางห้องที่มันสะดุดตาผมตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามา โมเดลเครื่องบินสีแดงแจ๋  ไม่รู้แหละ ถึงแม้ว่าไอ้เครื่องบินลำนั้นผมจะเลือกให้เองกับมือ แต่ถ้าเตอร์ยังยืนยันอยากเป็นนักบินผมก็จะไม่ชอบมัน!!

ผมเบือนหน้าหนีจากสิ่งนั้นแล้วกวาดตามองไปรอบห้องก่อนรอยยิ้มบนริมฝีปากจะค่อยๆเลือนหายไปด้วยความผิดหวัง

ผมคิดว่าจะเจอเตอร์ในห้อง แต่ก็ไม่.. ไม่มีเตอร์

ห้องนอนว่างเปล่า ห้องน้ำก็ไม่มี.. ผมขมวดคิ้วก่อนจะรีบวิ่งลงบันได  แม่เพิ่งจะเดินเข้าบ้าน สองมือถือของพะรุงพะรัง

“แม่ครับ เตอร์อยู่ไหน?” ผมถามพร้อมกับเข้าไปช่วยแม่ถือของแล้วเดินจะเอาไปเก็บไว้ในครัว แต่ก็เดินไปไม่ได้เมื่อมือเรียวอบอุ่นของแม่จับต้นแขนผมไว้ ทำให้ผมชะงักก่อนจะหันไปมอง

“อะไรคือเตอร์อยู่ไหน?”

ผมขมวดคิ้ว หัวพยายามทำความเข้าใจกับคำพูดของแม่ พลางมือก็กระชับถุงพลาสติกหนักๆให้มั่นเมื่อมันทำท่าจะหลุดจากมือ

“เตอร์ไม่ได้อยู่ในห้อง ต้าเพิ่งขึ้นไปดูมาเมื่อกี้ แม่รู้มั้ยว่าเตอร์ไปไหน ตามเตอร์กลับมาได้มั้ย? ต้าอยากเจอเตอร์” ผมพูดรัวพร้อมรอยยิ้ม

แม่จ้องหน้าผมเขม็ง ใบหน้านั้นเริ่มหงิกงอ ไม่มีรอยยิ้มใจดีที่ผมเพิ่งได้รับเมื่อไม่กี่นาทีก่อน  ผมไม่รู้ว่าแม่เป็นอะไร  โกรธอะไร  ทำไมถึงได้มองผมด้วยสายตาแบบนั้น.. คิ้วผมขมวดชนกันทันทีเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงบีบตรงต้นแขน

“แม่.. ต ต้าเจ็บ” ผมค่อยๆก้มหน้าลงมอง นิ่วหน้าบอกเสียงสั่นแต่ก็พยายามฝืนยิ้มส่งให้

“หมายความว่ายังไง!? แกทะเลาะอะไรกับพี่เขา!!!” เสียงหวานตวาดลั่น ผมเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ

ตุ้บ!

ข้าวของทุกอย่างร่วงจากมือผม เมื่อสองมือของแม่โหมเข้าจับต้นแขนผมก่อนจะเขย่าอย่างแรงจนตัวผมสั่นคลอน เล็บที่แม่ไว้ยาวและมักจะดูแลอย่างดีจิกเข้าเนื้อจนเจ็บ  เรียวเล็บขูดเนื้อผมทุกครั้งที่เขย่าตัวผม จนลำแขนแสบและเต็มไปด้วยรอยเล็บรอยถลอกจนเลือดซิบ!

“ม..แม่ เปล่า.. ต้า ต้าไม่ได้ทะเลาะกับเตอร์นะ”

“อย่าโกหก!! ถ้าไม่ได้ทะเลาะแล้วแกจะถามหาพี่แกทำไม!!!” เสียงหวานตะคอกดุดันโดยไม่มีทีท่าจะอ่อนลง

“ฮึก.. ปะ..เปล่า ต้า คิดถึงเตอร์  ย..อยากเจอเตอร์” ผมส่ายหน้าทั้งน้ำตา  พยายามอธิบายแล้วเบี่ยงตัวให้หลุดพ้นจากความเจ็บระบม

“ฉันไม่เชื่อ!!” เสียงหวานตวาดลั่นพร้อมกับผลักร่างผมจนล้มฟุบลงกับพื้นกระเบื้องเย็นเยียบ

ผมค่อยๆใช้มือดันตัวเองขึ้นจากพื้นช้าๆก่อนจะเงยหน้ามองแม่ด้วยนัยน์ตาหวาดระแวง  ผมถอยหลังกรูดเมื่อแม่ย่างสามขุมเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาที่เอื้ออารีเสมอ ตอนนี้วาวโรจน์กรุ่นโกรธจนผมกลัว

 “ไปไหนมา!!! สามวันที่ผ่านมาแกหายหัวไปไหนมา!! ฉันไม่เชื่อที่พี่แกบอกหรอกว่าทำรายงานบ้านเพื่อน  บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าไปทำอะไรมา!!! ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้ไปเจอแก แกก็คงไม่คิดจะกลับบ้านใช่มั้ยห๊ะ!!!”

“ป...เปล่า ฮึก... ต้า...ต้า ฮึก ม ไม่ได้...”

“เถียงเหรอ!! แกกล้าเถียงฉันเหรอ!!!”

เพี๊ยะ!!

ผมเบิกกว้างก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นจับแก้มข้างที่เพิ่งโดนตบช้าๆด้วยมือสั่นเทา

มือเรียวที่เคยทะนุถนอมผม เคยลูบหัวกล่อมผมให้นอนหลับฝันดีตอนนี้ตบหน้าผมฉาดใหญ่จนแก้มซีกซ้ายชาไปทั้งแทบ

“ฮึก... ตี...ตีต้าทำไม... ฮือออ!!! ต้า อึ่ก.. ผ ผิดอะไร!! ตีทำไม!!”

น้ำตาผมไหลลงมาเป็นสายด้วยความน้อยใจ เงยหน้ามองแม่ที่กุมมือข้างนั้นของตัวเองอย่างตัดพ้อ

เสียงวิ่งกุกกักดังมาจากหน้าบ้าน ก่อนร่างสูงจะเข้ามายืนขวางกลางตรงหน้าผม

“แม่! ทำอะไรน้อง!!”

 


__________________________________________________

TALK :: มาแล้ววววววววววว
เห็นนักอ่านค้างแล้วคนแต่งฮาาาาาาาาาาาาาาาา  :laugh:
เรื่องนี้รายละเอียดเยอะนิดหน่อย ส่วนใหญ่จะมาเป็นจุดเล็กๆ น้อยๆ สังเกตุดีๆนะ 55555
กระซิบ   ตอนหน้ามีเฮ!  :katai3:
ขอบคุณกำลังใจค่ะ อ่านเม้นท์ไปก็ยิ้มไป  ตลก 55555555555555 :m20:

PS. หากอยากติ ติมาได้เลยน้า พร้อมปรับปรุงเสมอออ
PS. ดีใจอ้ะะะ ที่มีคนชอบบบบบบบบบบบ  กอดๆๆๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 13 ไออุ่น [28/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 28-05-2013 15:47:50
แม่โหดร้ายอ่ะ
เรื่องมันเป็นยังไงล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 13 ไออุ่น [28/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 28-05-2013 16:01:18
ทำไมแม่ถึงใจร้ายขนาดนี้อ่ะ
แล้วตกลงเรื่องราวมันเป็นยังไงมายังไง เกิดอะไรขึ้น
คนอ่านขอเดา เตอร์ใช่พระเอกไหมคะคนเขียนนนนน

ปล.แล้วพี่หมออ่ะ เกิดอะไรขึ้น
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 13 ไออุ่น [28/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: polartotty ที่ 28-05-2013 16:06:33
โอ้วววว เรื่องนี้มันช่างซับซ้อนจิงๆ ค้างงงงอีกแระ มาต่อเร็วๆนะคะ อยากเฮแระ 555
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 13 ไออุ่น [28/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: viper7123 ที่ 28-05-2013 16:31:32
ใครคือพระเอก  เตอร์รึว่า..........................

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 13 ไออุ่น [28/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 28-05-2013 17:01:43
ตอนแรกที่อ่านตอนนี้คิดไปเองว่า เตอร์ขืนใจต้า ต้าก็เลยประชดตัวเองเลยออกไปทำตัวแบบนั้น

แต่พอมาเห็นอาการแม่แล้วยิ่ง งง เข้าไปใหญ่ ทำไมต้องโกธรขนาดนั้นด้วยยย

ตกลงมันเป็นยังไงกันแน่
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 13 ไออุ่น [28/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 28-05-2013 20:39:27
ทำไมเราแอบรู้สึกว่า ต้าโดนเตอร์ จุด จุด จุด จนเป็นรอยเต็มตัว

แล้วสติหลุดเพราะรับที่เตอร์ทำกับต้าไม่ได้ มันเลยประชดชีวิต

ด้วยการฟรีเซ็กส์ แล้วพอเจอเรื่องเลวร้ายซ้ำๆสมองเลยกลับเป็นเด็ก

ซึ่งเป็นช่วงที่มีความสุขกับเตอร์ เหมือนเจอเรื่องที่

กระทบกระเทือนจิตใจมาหนักจนรับไม่ไหว เลยเป็นแบบนี้

เดาล้วนๆ และสงสารต้ามากเลย ถ้าเป็นอย่างที่เดา แอบอยากให้

เตอร์เป็นพระเอก ดูจะอ่อนโยนสุดแล้วอ่ะ ถ้าเทียบกับพี่หมอหรือจิม

แต่นักเขียนอาจจะชอบแบบดาร์คๆ ไม่น่าใช่พี่เตอร์แน่เลย

สงสารต้าสุดๆเลย ทำไมต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย แถมโดนแม่ตบอีก
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 13 ไออุ่น [28/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: heroza ที่ 28-05-2013 20:48:46
แม่น่ากลัวอ่ะ  อ่านแล้วน้ำตามันคลอๆ

อย่าบอกนะว่าเป็นความรักเศร้าๆของ พี่น้อง  :mew2:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 13 ไออุ่น [28/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 28-05-2013 20:55:50
= = ต้าตกลงกี่ขวดฟร้าา แล้วที่บ้านมีปัญหาอารายยยยย

คนข่มขืนต้าตอนแรกอ่า พี่เตอร์ป่าววว  :katai1:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 13 ไออุ่น [28/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: makilu ที่ 28-05-2013 21:11:12
 :z3:มันเกิดเรื่องไรกันแน่เนี่ย!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 13 ไออุ่น [28/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: august_may ที่ 28-05-2013 21:22:49
เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตต้ากันแน่เนี่ย ก่อนที่จะออกมาเจอพี่จิม แต่กลับบ้านมาแบบนี้พี่จิมไม่โมโหแย่เหรอ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 13 ไออุ่น [28/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 28-05-2013 22:36:50
ใจร้ายจัง
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 13 ไออุ่น [28/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 28-05-2013 23:39:08
น้ำตาใกล้ไหลล่ะ
แต่โดนตัดฉึบ จะเอาๆๆๆอะจะอ่านต่อ
คนเขียนใจร้ายย :ling3:

สู้ๆจ้ะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 13 ไออุ่น [28/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 28-05-2013 23:51:18
ไรวะ งง 5555555

ติดตามๆๆ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 13 ไออุ่น [28/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 28-05-2013 23:56:18
สงสารต้าร์ มีแต่คนใจร้ายกับต้าร์  :sad4: :impress3:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 13 ไออุ่น [28/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 29-05-2013 09:15:25
โหย ส่งสารต้าเป็นที่สุดเลย ทำไมไม่มีใครเข้าใจต้าบ้างนะ  :hao5:
แม่ก็ไปตีต้าทำไมอะ ไม่เข้า ตอนนี้เริ่มปะติปะต่อไม่ถูกแล้ว  :katai4:
ผู้เขียนมาต่อที (วกไปโน้น)  :laugh:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 13 ไออุ่น [28/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 29-05-2013 12:10:30
พี่หมอยิ้มแบบนั้นหมายความว่าไงเนี่ย
แล้วแม่ตบต้าทำไมอ่ะ T^T

แต่ลองเดา อืม ที่ต้าโดนใครบ้างคนทำต่อร่างกายไปนั่น
ฝีมือเตอร์หรือเปล่า -o-?
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 13 ไออุ่น [28/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 29-05-2013 15:12:04
โอ้วว.ว.ว.ว.. ปัญหาสารพัดจริงๆ แม่ตบน้องได้ไง เตะเสยกลับไปเลย(บ้านนี้สนับใครทำอะไรเรามาต้องตอกกลับ 2 เท่า  :fire: ฮ่าฮ่าๆๆๆๆ หัวเราะได้ตัวร้ายฉิบเลยเรา)
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 13 ไออุ่น [28/5/56] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 29-05-2013 17:58:07
ตอนที่ 14 ปกป้อง

“แม่! ทำอะไรน้อง!!”

เสียงห้าวเข้มตะเบ็งลั่น ผมแหงนมองแผ่นหลังกว้างก่อนจะขมวดคิ้วชนกัน

พี่ชายคนนั้น

 “ไม่... แม่ ..แม่ไม่รู้.. แม่...ฮึก... แม่ขอโทษ” แม่สะดุ้งสุดตัวหน้าตาตื่นคล้ายคนที่ได้สติ แม่มองมาที่ผมพลางกุมมือข้างนั้นของตัวเองแน่นด้วยนัยน์ตาแดงก่ำก่อนน้ำใสจะค่อยๆไหลอาบแก้มช้าๆ

ร่างสูงที่ยืนคั่นกลางระหว่างผมกับแม่หันกลับมาช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้น  แขนแกร่งโอบไหล่ผมไว้ราวจะปกป้อง นัยน์ตาแม่สั่นคลอนเวลามองหน้าผม มือเรียวที่ทำร้ายผมเมื่อครู่ยื่นมาข้างหน้าหมายจะดึงผมเข้าไปกอดประโลมแต่เป็นผมเองที่ผงะถอยหนีโดยไม่รู้ตัว

“ต้า... แม่ขอโทษ  แม่...แม่รักลูกนะ”

ผมหลบอยู่ด้านหลังร่างสูง มือกำชายเสื้อของเขาไว้แน่น

ถ้าแม่รักต้า แม่จะตีต้าทำไม

ผมกัดปากแน่นด้วยความน้อยใจ  มือที่จับเสื้อร่างสูงไว้ยิ่งกำแน่นมากกว่าเดิมเมื่อเขาขยับตัว

ไม่เอา! จะไปไหน ไม่ให้ไป!

 “แม่ขอโทษ.. แม่ไม่ได้ตั้งใจ  ยกโทษให้แม่นะ” แม่พูดพร้อมกับค่อยๆเดินเข้ามาใกล้   ผมเงียบไม่ตอบอะไร ได้แต่ส่ายหัวกับแผ่นหลังกว้างๆของเขา

“วิคเตอร์ ปล่อยน้องมาหาแม่สิลูก”

ผมเงยหน้ามองสบตาคนตรงหน้าซึ่งก็หันมามองหน้าผมพอดี ผมขมวดคิ้วกับชื่อที่แม่ใช้เรียก.. วิคเตอร์?

ที่ร้านสะดวกซื้อ แม่ก็เรียกชื่อนี้  หรือว่า... ยังไม่ทันที่ผมจะคิดอะไรต่อก็รู้สึกได้ถึงมือเย็นเฉียบที่จับแขนผม!  ผมหันไปมอง ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจกับน้ำหนักมือที่กระชับแน่นพลันกระชากร่างผมให้เข้าไปหาตัว!

“ปล่อย! ปล่อยต้า.. ต้าเจ็บ!!” ผมร้องลั่น สะบัดมือแม่ออกอย่างแรงแต่ก็ไม่หลุด 

“ต้า มาหาแม่ แม่ไม่ได้ตั้งใจ มาลูก  มาให้แม่กอดที” เล็บยาวๆข่วนลงบนแขนผมจนขึ้นรอยแดงเป็นทางยาวชัดเจน ผมเบะปากสั่นหัวน้ำตาไหลอาบแก้ม ไม่เอา.. ไม่ไป แม่ใจร้าย

“แม่!!” ร่างสูงตวาดเสียงดัง มือหนาจับยึดมือแม่บิดออกจากแขนผมก่อนจะดึงตัวผมเข้าไปกอด เขากอดผมไว้ทั้งตัว  ใช้ตัวเองเป็นโล่กำบังผมจากแม่

“วิคเตอร์!! หลีกไป!! แกจะมาขวางแม่กับน้องทำไม!!” เสียงหวานตะคอกลั่น  มือเรียวจับลำตัวหนาแล้วกระชากออกแรงๆเหวี่ยงให้พ้นทาง แต่มันก็ทำให้ร่างสูงเซเสียหลักเล็กน้อย 

มือผมกำชายเสื้อเขาแน่น เป็นอีกครั้งที่ผมนิ่งงันกับชื่อๆนี้

ได้ยินเสียงเขาขบกรามแน่นสะกดกลั้นความเจ็บ เขาไม่หนีและไม่ตอบโต้  ยืนปกป้องผมจนตัวเองเจ็บแทน

ตอนนี้ผมไม่เจ็บ ผมไม่ถูกแม่ตี ตัวผมไม่เจ็บ... แต่ทำไมใจผมมันปวดทุกครั้งเมื่อได้ยินเสียงตุ้บๆของกำปั้นที่ทุบลงบนแผ่นหลังกว้าง!

ผมกลั้นสะอื้นจนตัวสั่น พี่ชายคนนี้เหมือนเตอร์เลย.. เตอร์ก็เคยปกป้องผมแบบนี้  ผมกดหน้าซุกอกแกร่ง มือยิ่งกำเสื้อเขาแน่นจนยับยู่ยี่  ยิ่งมือหนายกขึ้นลูบหัวผมเพื่อปลอบประโลม ผมยิ่งกลั้นเสียงร้องไว้ไม่ได้

“ฮึก! หยุดนะ!!! อย่า...อึ่ก แม่อย่าตีเตอร์นะ!!!”

ผมยกสองแขนกอดรวบตัวเตอร์แน่นๆ จังหวะนั้นเองที่มือเรียวฟาดเพี้ยะลงมาโดนมือผมจังๆ

“ฮือ... แม่ แม่อย่าตีเตอร์นะ  ม ฮึก.. ไม่ให้ตี เตอร์เจ็บ” ผมเบะปาก ดันตัวเตอร์ออกไปแล้วยืนขวางแม่ ปกป้องเตอร์เหมือนที่เตอร์ปกป้องผม

ผมหลับตาปี๋ก้มหน้า ยกมือขึ้นปิดหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อมือแม่ง้างสูงหมายจะตบหน้าผมอีกครั้ง!!

“แม่!!!!”  ผมสะดุ้งกับเสียงเข้มที่คำรามลั่นก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมา เห็นมือหนากำมือแม่ฝืนแรงไม่ให้ฟาดลงมา

“แม่ พอเถอะครับ ได้สติซักที ผมรู้ว่าแม่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้” มือเรียวที่ต่อต้านค่อยๆอ่อนแรงลง  นัยน์ตาแข็งกร้าวคู่นั้นก็ค่อยๆแปรเปลี่ยน  เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน  gเตอร์ปล่อยมือแม่เป็นอิสระ  มือเรียวตกลงข้างลำตัวอย่างหมดแรงก่อนจะไล่สายตามองวิคเตอร์และผมด้วยสายตาสำนึกผิด

“...” ริมฝีปากอิ่มเคลือบลิปสติกสีอ่อนขยับพึมพำไปมาไม่มีเสียงเล็ดลอดให้ได้ยินก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งที่โซฟาหน้าทีวี

ร่างสูงมองตามแล้วถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันกลับมาหาผมพลางใช้ปลายนิ้วลูบแก้มเช็ดคราบน้ำตาให้อย่างเบามือ

“ต้าขึ้นห้องไปนอนพักก่อนนะครับ ไม่ต้องกลัวนะ รู้ใช่มั้ยว่าแม่ไม่ตั้งใจ”

ผมพยักหน้าขึ้นลงแต่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่

เขาเลิกคิ้วขึ้นสูง มือหนาลูบหัวผมก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่ม

“มีอะไรจะถามพี่หืม?”

“เตอร์ ใช่มั้ย” ผมมองหน้าเขาไม่ละสายตา  อยากได้คำยืนยันว่าคนตรงหน้าผมคือเตอร์จริงๆ

มือที่กำลังลูบหัวผมชะงักเพียงนิดแล้วลูบต่อ

“...อืม”

ขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากยิงคำถามถัดไป เขาก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน

“ขึ้นไปรอบนห้อง เดี๋ยวพี่ตามไป ไม่ดื้อนะครับ” เขาละมือออกจากหัวผมแต่รอยยิ้มยังไม่หายไปจากใบหน้านั้น

ผมพยักหน้ารับ หมุนตัวเดินขึ้นบันได แต่ก็ยังไม่วายเหลียวหันกลับไปมอง เห็นพี่ชายเดินไปที่หน้าทีวี ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามแม่ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

ผมขมวดคิ้วมือที่จับราวบันไดกระชับแน่นแล้วตัดใจเดินขึ้นไปข้างบน  ผมยืนลังเลหยุดอยู่ตรงกลางระหว่างห้องทั้งสองที่มีแผ่นไม้แขวนอยู่หน้าประตู ลักษณะของมันเหมือนกัน แตกต่างเพียงสีและตัวอักษร

ผมเลือกเปิดประตูห้องเตอร์  เดินเข้าไปข้างในแล้วปิดประตูอย่างเบามือ  ผมเดินตรงไปทิ้งตัวนอนคุดคู้ลงบนเตียง หน้าซุกหมอนที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆที่ผมคุ้นเคยแล้วคว้าตุ๊กตาเป็ดตัวโตของผมที่ทิ้งไว้ห้องเตอร์ขึ้นมากอด

ผมค่อยๆดึงตุ๊กตาตัวนั้นออกก่อนจะเพ่งมองมัน ทำไมมันเก่าขนาดนี้ ผมเบ้ปาก มือบีบปากเป็ดสีเหลืองก่อนจะค่อยๆยื่นหน้าไปดมขนสีขาวแล้วยิ้มออกมาเมื่อได้กลิ่นหอมๆ

ผมกระชับกอดตุ๊กตาขนนุ่มแน่นๆ เป็ดตัวนี้ เตอร์เก็บตังค์ค่าขนมซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดตอนผมอายุเก้าขวบ  วันเกิดผมเพิ่งผ่านมาไม่นานมานี้เอง มันต้องใหม่สิ.. เพราะล่าสุดที่ผมกอดมัน มันยังใหม่เอี่ยมอยู่เลย แต่ทำไมตอนนี้เก่าขนาดนี้

หรือว่าโดนเตอร์รังแก! หืมๆๆ  เจ้าเป็ดต้องไปแกล้งอะไรเตอร์แน่ๆ เลยโดนเตอร์เอาคืน!  ผมบีบปากเป็ดแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยวก่อนจะยิ้มออกมา ผมชอบมันมากๆ นอนกอดทุกวันจนมันดำแล้วดำอีก และพอมันดำเตอร์ก็จะซักให้

ความจริงมันมีลูกเป็ดด้วยนะ ตัวนั้นเตอร์ก็ซื้อให้ เอ๊ะ.. ไม่ใช่เตอร์ซื้อให้  แต่เป็นผมเองที่ร้องจะเอาของเตอร์  เตอร์ใจดี ยกลูกเป็ดตัวเล็กๆ ขนสีขาวปุกปุย ปากเหลืองๆให้  แต่มันกอดไม่ถนัด แต่ขนมันนุ่ม ผมชอบเอาหน้าไปไถบนตัวมัน นิ่มมากๆ น้องเป็ดตัวเล็กอยู่ในห้องผม

คิดถึง อยากเอามากอด แต่ไม่อยากเดิน  เมื่อยด้วย เหนื่อยด้วย

ผมขมวดคิ้วเมื่อนึกไปถึงพี่ชายคนนั้นที่บอกว่าตัวเองเป็นเตอร์  นั่นใช่เตอร์จริงๆเหรอ? ทำไมเตอร์ตัวใหญ่ ผมเบะปากก่อนจะกัดปีกเป็ดสีขาวแรงๆ

ถ้านั่นใช่เตอร์

ก็ไม่ใช่ผมคนเดียวที่ตัวโตขึ้นน่ะสิ!  เตอร์เองก็โตขึ้น  ต้องเป็นเพราะดื่มนมทุกวันแน่ๆเลย  แถมเตอร์ยังดื่มนมมากกว่าผมอีก! กินของตัวเองไม่พอยังมาแย่งผมกิน! นิสัยไม่ดี!!!

ผมกัดปีกเป็ดแรงกว่าเดิมด้วยความเจ็บใจ!!

นึกว่าจะสูงกว่าเตอร์แล้วเชียว! ตอนนี้เตอร์สูงกว่าผมอีก!!

ผมนอนพลิกตัวซ้ายทีขวาทีกอดฟัดเป็ดตัวโตในอ้อมแขน แล้วค่อยๆหลับตาลง คลี่ยิ้มบางๆบนริมฝีปาก มือก็ลูบขนนิ่มๆของตุ๊กตาไปมาก่อนจะเคลิ้มหลับด้วยความอ่อนเพลีย

 

:: VICTOR Part ::

“แม่ครับ ผมไม่รู้ว่าแม่โกรธ หรือไม่พอใจอะไร แต่ผมไม่เห็นด้วยกับการที่แม่ตีน้อง ผมอยากให้แม่ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้มากกว่านี้  ต้าไม่ใช่เด็กดื้อ พูดกันด้วยเหตุผลน้องก็ฟัง อย่าใช้อารมณ์กับน้องเลยครับ”  ผมพยายามพูดอย่างใจเย็น  ขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสันนูนเมื่อนึกถึงเสียงร้องไห้ของน้องที่มันติดหู  ผม.. ไม่อยากเห็นน้องต้องร้องไห้อีก

มันเป็นเหมือนฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนผม เสียงร้องคร่ำครวญ อ้อนวอนขอให้หยุด แต่ผม... มือที่วางอยู่บนตักกำแน่นจนเล็บจิกลงบนหลังมือด้วยความปวดใจกับการกระทำขาดสติของตัวเอง

“แม่รู้  ต่อไปแม่จะพยายาม” แม่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “เรากับน้องมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า?  ต้าไม่เคยเป็นแบบนี้  น้องทำเหมือนไม่รู้จักเรา  ทะเลาะอะไรกันวิคเตอร์”

มือผมพลันเย็นเฉียบขึ้นมาทันทีที่แม่พูดจบ เหงื่อเย็นๆไหลซึมตามหน้าผากก่อนจะก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าสู้หน้า 

ท่าทางของน้องทำเหมือนเมื่อสามวันก่อนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ยิ่งน้องเป็นแบบนั้น ผมยิ่งรู้สึกผิด มันยิ่งตอกย้ำการกระทำชั่วช้าที่ผมทำลงไป!

“สามวันที่ผ่านมา รู้ใช่มั้ยว่าต้าไปไหน น้องไม่ได้ไปทำรายงานบ้านเพื่อนใช่มั้ย?”

คิ้วผมยิ่งขมวดแน่นขึ้น ถูกของแม่ ต้าไม่ได้ไปทำรายงานบ้านเพื่อน แม้โรงเรียนจะยังไม่ปิดเทอม แต่ไม่ปิดก็เหมือนปิด มันว่างซะยิ่งกว่าว่าง ชีวิตเด็กม.6 ที่มีที่เรียนต่อแล้ว ไม่ต้องขวนขวายดิ้นรน ทุกวันที่ต้าไปเรียนแค่ไปเจอเพื่อน

แต่เรื่องน้องไปไหนนั้น ผมไม่รู้...

“ต้าไปทำรายงานบ้านเพื่อนจริงๆ” ผมเงยหน้าตอบโดยที่ไม่หลบสายตา เขาว่ากันว่าหากยิ่งหลบสายตาจะยิ่งเป็นพิรุธให้จับผิดได้ง่ายขึ้น  ใช่ครับ.. ผมกำลังพูดปด

ไม่ใช่เพื่อน้อง แต่ เพื่อตัวผมเอง...

“อย่าโกหก” แม่หรี่ตาลงจับผิด น้ำเสียงท่านก็กดต่ำลงเช่นเดียวกัน

“แม่จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่แม่ ผมขอตัวขึ้นไปดูน้องก่อน” พูดจบก็ลุกขึ้นเลี่ยงการตอบคำถามโดยการเดินหนีขึ้นชั้นสองทันที

มือผมเย็นเฉียบ ผมรู้ดีแก่ใจว่าสาเหตุที่น้องหนีออกจากบ้านเป็นเพราะอะไร ผมเลียริมฝีปากที่แห้งผากก่อนจะค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ รู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัว

พูดโกหกกับพูดความจริง อย่างไหนจะอึดอัดน้อยกว่ากัน

คำถามของแม่.. จะให้ผมตอบยังไงว่าที่น้องหนีออกจากบ้าน สาเหตุเป็นเพราะผม..

ผมที่เป็นพี่ชาย.. ที่ข่มขืนน้องชายตัวเอง!

 

 

____________________________________________

 

TALK :: เฮเปล่า?  มีหลายคนเดาถูก เย้ๆๆๆ   :katai2-1:
เราดีใจ ที่มีคนอ่านแล้วเดาถูก 55555 นักอ่านเดาถูก รู้ทันยังดีกว่าอ่านแล้วงง ไม่รู้เรื่อง (เอ๊ะ.. หรือมีใครไม่รู้เรื่องตรงไหนมั้ย? ถามได้นะ ถ้าตอบได้จะตอบ 5555)
ส่วนเรื่องพระเอก ... ไหนๆก็ลุ้นกันมาตั้ง 14 พาร์ทแล้ว.. ลุ้นต่ออีกหน่อยนะว่าจะเป็นใคร 555555555
อย่าเพิ่งเหนื่อยนะอ่านเรื่องนี้  :กอด1:
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นค่ะ อ่านไปก็ยิ้มไป  :-[
เจอกันใหม่พาร์ทหน้าค่ะ
รักนักอ่าน.

ปล. ก่อนจะบ๊ายบาย มีคำถามอะไรเอ่ยมาทายค่ะ ตอนนี้ น้องต้าอายุเท่าไหร่?
ใบ้ให้ ไม่ใช่ 18 และไม่ใช่ 5 ขวบค่ะ
อีกคำถาม น้องอายุนั้นตั้งแต่พาร์ทที่เท่าไหร่? และอะไรเป็นคีย์เวิร์ด

ใบ้ให้อีกหน่อย คีเวิร์ดมี สอง พยางค์

คาดว่านักอ่านคงไม่สะกิดใจกันว่าต้าไม่ใช่ 5 ขวบแล้ว เราเลยต้องมาตั้งคำถามสะกิดต่อม 55555555
ปล. ถ้าทายอายุถูก พาร์ทถูก และบอกคีเวิร์ดถูก จะอัพรวดเดียวสองตอน 
ทายให้ถูกน้า เล่นกับเค้าหน่อยๆ  :hao5:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 14 ปกป้อง [29/5/56] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: kuro ที่ 29-05-2013 18:24:42
ลองทายค่ะ
ต้าอายุ 7 ขวบ สมองตอนนี้
พาร์ทที่เปลี่ยนตอนที่ 3
คีย์ เป็นเด็ก (เพราะต้าบอกอยากกลับไปเป็นเด็ก)
ไม่รู้ถูกหรือเปล่านะคะ
แต่ถ้าถูกก็ดีใจอะ
แบบว่าสนุกมากชอบต้ามาก
อยากให้พี่จิมเป็นพระเอก
แต่เป็นพี่เซมก็ได้
แต่ไม่เอาเตอร์ถึงจะดีสุดแต่ตอนแรกคนที่ทำร้ายต้าคนแรกคือเตอร์
แต่ถ้าเป็นเตอร์จริงๆก็คงต้องแล้วแต่คนเขียนค่ะ
สนุกมาก
ขอบคุณที่แต่งนิยายเรื่องนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 14 ปกป้อง [29/5/56] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: AB^Ton^ ที่ 29-05-2013 18:29:56

เห้อออ  เครียดแทนเลย
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 14 ปกป้อง [29/5/56] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 29-05-2013 18:47:22
ต้าตอนนี้สมองมีความทรงจำตอนอายุ 10 ขวบหรือเปล่าค่ะ เพราะมีสะดุดตรงที่ว่าเป็ดปากเหลืองที่เตอร์ซื้อให้ตอนวันเกิด 9 ขวบ แล้วยังบอกว่าสภาพใหม่อีก
อันนี้เค้าก็ไม่แน่ใจนะคะคนเขียน เค้าเดาแหลกเลย ฮุฮุ

ปล.ตอนนี้ติดเรื่อง A BOY งอมแงมเลยค่ะ
ปล2.คนเขียนมาอัพทุกวันอย่างนี้เค้ารักที่สุดเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 14 ปกป้อง [29/5/56] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 29-05-2013 18:49:12
เฮ้อออ บ้านนี้ไม่มีใครปกติเลยใช่ม๊ายยย  :ling1:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 14 ปกป้อง [29/5/56] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 29-05-2013 19:02:15
-3-
อีเตอร์ แก สันดาน!
สงสารต้าวุ้ยยยยยยย

= ="
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 14 ปกป้อง [29/5/56] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 29-05-2013 19:08:49
ให้พี่แซมคู่กับต้าร์ เตอร์คู่จิมม อิอิ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 14 ปกป้อง [29/5/56] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 29-05-2013 19:13:38
อยากให้พี่จิมเป็นพระเอกอะโหดดี
เค้าชอบ555555555555
เราชอบแนวนี้จัง :hao7:

คนเขียนสู้ๆค่ะ :bye2:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 14 ปกป้อง [29/5/56] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 29-05-2013 19:37:08
เตอร์ทำไมทำกับต้าร์แบบนี้
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 14 ปกป้อง [29/5/56] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 29-05-2013 21:31:20
พาแม่ไปโรงบาลเห้อ.... สภาวะอารมรณ์คาดว่าใกล้จะเป็นโรคสภาวะจิตไม่ปกติแล้วนะนั่น
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 14 ปกป้อง [29/5/56] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: YAYANORITZ ที่ 29-05-2013 22:00:12
คุณแม่ออกแนวโรคจิตนะคะ  o22
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 14 ปกป้อง [29/5/56] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 30-05-2013 12:36:03
อะเร๊ะ เดาถูกด้วย ฝีมือเตอร์ทำน้องไว้จนเกิดเรื่อง
น้องมันเลยกลายเป้นที่ระบายอารมณ์พวกนั้นทั้งสามคนน่ะ
จิม เซม และคนที่โผล่มาลักเล็ขโมยน้อยตอนต้าหนีอีก

พระเอก จะใครขอดีกับต้าเถอะ
สงสารต้าอ่ะ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 14 ปกป้อง [29/5/56] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 30-05-2013 23:41:59
ตอนที่ 15 ความทรงจำ

ผมขยับตัวยุกยิกไปมาบนเตียงก่อนจะส่ายหน้าหนีสัมผัสนุ่มนิ่มที่ประทับกลางหน้าผาก อดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อรู้สึกเพลิดเพลินกับสัมผัสคุ้นเคยที่เหมือนใครสักคนกำลังลูบหัวอยู่

“ตื่นได้แล้วคนเก่ง” ผมกัดริมฝีปากกลั้นยิ้มเมื่อได้ยินเสียงหวานที่ผมคุ้นเคยดีว่าใครกำลังพูดดังอยู่ข้างหู

ความจริงผมตื่นแล้ว ตื่นตั้งแต่มีคนมาลูบหัวแล้ว แต่ยังไม่อยากลืมตา

ขอนอนต่ออีกหน่อยนะ..

“อย่าดื้อสิครับ แม่รู้นะว่าตื่นแล้ว” เสียงใจดียังคงพูดอยู่ใกล้ๆ ปลายจมูกของแม่กดลงบนแก้มแล้วหอมเสียฟอดใหญ่ ผมยิ้มแก้มตุ่ยก่อนจะยอมลืมตาตื่นขึ้นมาดีๆ

สิ่งแรกที่เห็นคือรอยยิ้มอบอุ่น อุ่นยิ่งกว่าแสงอาทิตย์ยามเช้าอีก

“ลุกไปแปรงฟันเร็ว พ่อรอกินข้าวอยู่” มือเรียวจับแขนผมพยายามฉุดขึ้นจากเตียง  ผมอิดออดไม่ยอมลุกขึ้น ไม่เอา ยังไม่อยากลุกเลย อยากอ้อนแม่ต่อ 

“จริงๆเลยนะเรา” แม่ขยี้หัวผมแรงๆ ก่อนจะทิ้งตัวนอนข้างๆแล้วดึงผมเข้าไปกอด ซึ่งผมก็โอนอ่อนกอดตอบ พลางซุกหน้าลงกับอกอุ่นหอมกรุ่นที่ผมชื่นชอบ

“น้องต้าโกรธแม่มั้ยคะ ที่แม่..ที่แม่ตีหนูเมื่อวาน”

มือที่ลูบหัวผมชะงักไปนิดเมื่อย้อนคิดไปถึงการกระทำของตัวเองที่พลั้งเผลอรุนแรงแล้วลูบหลังผมอย่างปลอบโยน

“ไม่โกรธครับ” ผมส่ายหน้ากับอกนุ่มแล้วกอดแน่นกว่าเดิม

“แม่ขอโทษนะคะ เจ็บมั้ยลูก” มือเรียวดันตัวผมออกก่อนปลายนิ้วจะลูบแก้มผมข้างที่มีรอยฝ่ามือประทับเบาๆ นัยน์ตาที่มองมาเศร้าสร้อยและสำนึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป

ผมส่ายหัวแรงๆ เพื่อยืนยันกับแม่ว่าผมไม่เจ็บจริงๆ

ผมคลี่ยิ้มกว้างแล้วโผกอดอีกครั้ง แค่แม่กลับมาเป็นแม่ที่ใจดีเหมือนเดิมก็พอแล้ว  ความจริงแก้มข้างนั้น.. มันก็เจ็บนิดหน่อย แต่ผมไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ

ปกติแม่ผมใจดีนะ ใจดีมากๆด้วย อ้อมกอดก็อบอุ่นสุดๆ เหตุการณ์เมื่อวานก็แค่... แม่ก็แค่โมโหต้าเท่านั้นเอง... แม่จะตีต้าเวลาต้าดื้อ เมื่อวานต้าอาจจะดื้อเลยทำให้แม่ไม่พอใจ  ไม่อยากให้แม่เป็นแบบนั้น เพราะงั้น.. ต่อไปนี้ ต้าจะไม่ดื้อ

ต้าเคยถูกแม่ตี แม่เคยโกรธต้า แต่ไม่เคยโกรธมากๆเหมือนเมื่อวาน แต่พอตอนเช้าแม่ก็หาย จะทายาแล้วกอดต้าแบบนี้

ผมกระชับกอดแน่นๆ ทดแทนอ้อมกอดเมื่อวานที่ยังกอดแม่ไม่เต็มอิ่ม

“ถ้าตื่นแล้วก็ลุกไปแปรงฟันเร็ว คุณพ่อบ่นใหญ่เลยว่าอยากเจอ”

ผมผละตัวออกก่อนจะพยักหน้าถี่ๆ แล้วยิ้มตาหยี อยากเจอพ่อเหมือนกัน ถ้าเจอ ต้าจะกอด จะหอมแก้มพ่อแรงๆเลย!

ผมขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง แม่เองก็ลุกขึ้นแล้วพับผ้าห่มเก็บที่นอนให้อย่างเรียบร้อย ผมลิงโลดวิ่งเข้าห้องน้ำ บีบยาสีฟันลงบนแปรงนุ่มๆก่อนจะบ้วนน้ำเข้าปากหนึ่งทีแล้วลงมือแปรงฟัน มองตัวเองในกระจกที่ปากเต็มไปด้วยฟองสีขาวๆแล้วขำคิก

มือที่กำลังแปรงฟันอยู่พลันชะงักก่อนจะขยับมือเร็วขึ้น รีบๆถูฟันให้เสร็จแล้วล้างหน้าก่อนจะวิ่งออกจากห้องน้ำทั้งที่หน้าเปียกโชก

“แม่! แม่ครับบ” ผมรีบวิ่งไปดักหน้าแม่ที่กำลังจะเดินออกจากห้อง

“ทำไมไม่เช็ดหน้าให้เรียบร้อยก่อน” มือเรียวเขกหัวผมก่อนจะเดินไปหยิบผ้าผืนเล็กที่พับไว้อย่างเป็นระเบียบ คลี่ผ้าแล้วนำมาเช็ดหน้าผมซึ่งเดินตามหลัง เหมือนลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ดต้อยๆ

ผมหลับตายืนนิ่งๆให้แม่เช็ดหน้า ก่อนจะยิ้มตาหยีเข้าไปกอดแม่หลังจากที่เช็ดเสร็จแล้ว

“วันนี้ต้าไม่ไปโรงเรียนได้มั้ย?” ผมค่อยๆบอกสิ่งที่ต้องการ

ผมรู้สึกได้ว่าคนที่อยู่ในอ้อมกอดผมนิ่งชะงักไป 

เห็นแม่นิ่งไม่ต่อว่าอะไร ผมก็ยิ้มสิ อ้อนต่อทันทีเผื่อฟลุ๊กได้หยุดเรียน

“นะครับ ต้าไม่อยากไปเลย การบ้านที่ครูสั่งก็ยังไม่ได้ทำ ต้าไม่อยากโดนคาบไม้บรรทัดหน้าห้องเรียน เดี๋ยวโดนเพื่อนล้อ” ผมเบ้ปากก่อนจะกระชับกอดแน่นขึ้น หัวถูต้นแขนเมื่อแม่ยืนเฉยไม่หือไม่อือกับคำขอของผม

“ต้าสัญญา วันจันทร์ต้าจะไปโรงเรียน ไม่ดื้อ ไม่ตื่นสาย” ผมดึงตัวออกออกจากอกอุ่นแต่ยังไม่ปล่อยมือจากเอวแม่  ผมยิ้มค้างเมื่อเห็นแม่จ้องหน้าผมนิ่ง คิ้วขมวดเป็นปม

“นะครับ ต้าขอหยุดเรียนวันนึงนะ” ผมยังอ้อนต่อ ไม่รู้แหละ ยังไงวันนี้ผมก็จะหยุดเรียน วันนี้วันศุกร์ พรุ่งนี้วันเสาร์แล้วก็อาทิตย์ ฮี่ๆ หยุดเรียนวันเดียวได้หยุดอีกตั้งสองวัน!

แม่นิ่งเงียบไปนานก่อนจะค่อยๆคลี่ยิ้ม พยักหน้าตอบรับในที่สุด ผมกระโดดโลดเต้นดีใจแล้วหอมแก้มแม่แรงๆสองฟอด!

ได้หยุดเรียนแล้ว!!!!

ผมรีบวิ่งตึงตังออกจากห้องลงบันไดไปชั้นล่าง ตรงไปยังห้องครัวก่อนจะเบรกตัวเองกะทันหันเมื่อเห็นพ่อกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ผมยิ้มให้กับความคิดที่ผุดเข้ามาในหัวแล้วค่อยๆย่องเข้าไป หยุดยืนอยู่หลังเก้าอี้ สองมือยกขึ้นปิดตาพ่อ ใจเต้นตึกๆด้วยความระทึก

“ไอ้ตัวแสบ!” เหมือนพ่อจะรู้ทัน!

พ่อวางหนังสือพิมพ์ทันที มือใหญ่ดึงมือผมออกจากตาก่อนจะหันหลังมาแล้วเขกหน้าผากผมแรงๆ ผมหน้ามุ่ยขยับตัวออกห่าง ยกมือขึ้นลูบหน้าผากป้อยๆ

 “หายไปไหนมา!” เสียงเข้มๆมาพร้อมกับใบหน้าขึงขังทำให้ผมกลืนน้ำลายหนืดๆลงคอดังเอื้อก ก่อนจะหัวเราะแหะๆ

“ไปไหนมาไหนทำไมไม่บอก เรานี่มันยิ่งโตยิ่งดื้อ!”

ผมเบะปาก คันปากอยากเถียง แต่เงียบไว้ดีกว่า เตอร์สอนว่า เวลาพ่อแม่บ่นอย่าไปเถียง นิ่งได้ให้นิ่ง  ผมเลี่ยงไปดึงเก้าอี้อีกตัวลากให้เข้าไปชิดกับพ่อแล้วนั่งลง

 “ตอบพ่อ หายไปไหนมา” พ่อมองผมด้วยใบหน้าจริงจังปราศจากรอยยิ้ม

ผมยิ้มตาหยีก่อนจะกอดเอวพ่ออย่างประจบ

“คิดถึงพ่อที่สุดเลย!”

เบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น ไม่อยากบอกความจริง.. ผมไม่อยากถูกพ่อกับแม่ตีซ้ำ  ไม่อยากเจ็บแล้ว  ไม่อยากพูดถึง ผมดีใจที่ได้กลับบ้าน มีความสุขสุดๆ

พ่อยังนิ่งเฉย แต่ผมก็กอดไม่ปล่อย สักพักใหญ่ๆก็ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอดังอยู่เหนือหัว ผมยิ้มกว้างพลางหลับตารับสัมผัสจากมือหนาที่ขยี้หัวผมอย่างเอ็นดู

“วิคเตอร์ นั่นจะไปไหน ข้าวปลาไม่กิน” พ่อพูดขึ้น มือที่ลูบหัวผมอยู่ก็ชะงักวางค้างไว้เฉยๆ

ผมผละตัวออกจากอกแกร่งหันไปมองด้านหลัง เห็นเตอร์ยืนอยู่หน้าประตูบ้าน

บ้านผมเป็นบ้านหลังเล็กๆ เข้ามาในบ้านก็จะเห็นครัวก่อนเลย ถัดไปก็ห้องรับแขก

ผมมองเตอร์ แต่เตอร์กลับหลบตาผมทำเป็นไม่สนใจ เอาแต่ก้มมองพื้นหาเศษเหรียญ

“จะไปบ้านเพื่อนครับ”

ผมเบะปาก มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกไป ผมหันไปมองพ่ออย่างร้อนใจ ไม่อยากให้เตอร์ไป! พ่อยิ้มให้ก่อนจะพยักหน้า

ผมรีบวิ่งไปดักหน้าเตอร์ ใช้เท้าเตะรองเท้าที่มือหนากำลังจะหยิบมาสวม เตะไปไกลๆ

ยังไงก็ไม่ให้ไป!

หรือว่าเตอร์จะทำอย่างที่พูดว่าถ้าผมกลับบ้าน เตอร์ไม่อยู่ให้เห็นหน้า!

เตอร์ยืนค้างในท่าก้มต่ำ ก่อนจะยืดตัวเต็มความสูงแล้วกดสายตามองหน้าผม   ผมชะงักกับสายตาของเตอร์

ทำไมดูหงุดหงิดขนาดนั้น... เตอร์ไม่เคยมองผมแบบนี้นะ

“...จะไปบ้านเพื่อน ..ทำไมต้องเอากระเป๋าไปด้วย!”

เตอร์มองผม คิ้วเข้มขมวดเป็นปม แล้วชักสีหน้ารำคาญ

ผมกัดปากแน่น เริ่มน้อยใจแล้วนะ!

“จะไปค้างสามวัน” เตอร์พูดโดยไม่สบตาผม ร่างสูงก้มลงหยิบรองเท้ามาใส่อีกครั้ง ผมก้มมองตาม ทำไงดี ไม่อยากให้ไป  ผมเพิ่งกลับบ้านเองนะ อยากอยู่กับเตอร์ อยากเล่นด้วย

“ไม่ให้ไป” ผมพูดพร้อมกับวิ่งไปยืนซ้อนหลังร่างสูงแล้วกอดกระเป๋าเป้ที่เตอร์สะพายไว้ กอดแน่นๆ!

เตอร์เซหน้าเกือบทิ่มพื้นก่อนจะตั้งหลักแล้วปลดเป้ออกจากไหล่ให้ผมได้กอดสมใจ ผมขมวดคิ้วมือกระชับของในอ้อมแขนแน่นอย่างหวงแหน  ไม่ให้หรอกนะ! ตัวเองถอดออกมาเอง ไม่คืนให้หรอก ถ้าเตอร์ไม่มีกระเป๋าก็ไปค้างบ้านเพื่อนไม่ได้

“อยากได้ก็เอาไป!” กระแทกเสียงห้วนจนผมหน้าเสีย เตอร์หันหลังทำท่าจะเดินออกไป ผมรีบทิ้งเป้แล้วรีบคว้ามือหนาจับไว้

“ไม่ให้ไป” ผมเบะปาก มือยิ่งกระชับแน่นขึ้น แต่เตอร์ก็ไม่หันมามอง ไม่พูดอะไรสักคำ

“อย่าไปนะ... วันนี้เล่นกับต้านะ จะเล่นเครื่องบินก็ได้ อะไรก็ได้ ตามใจเตอร์เลย”

ผมกระตุกมือหนา แต่ก็ไร้ปฏิกิริยาตอบกลับ

ทำไมไม่พูดอะไรสักคำล่ะ.. เงียบทำไม

น้ำใสคลอหน่วยตาทันทีหลังจากที่ได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างรำคาญนักหนา ผมผวาสองมือกุมมือเตอร์แน่นเมื่อมือหนาอีกข้างพยายามจะแกะมือผมออก

“ฮึก...” ผมกัดปากกลั้นสะอื้น น้ำตามันไหลออกมาง่ายๆเมื่อเตอร์ทำท่าไม่สนใจกัน

เหมือนคนตัวสูงจะนิ่งงันไปทันทีที่ได้ยิน มือหนาข้างนั้นผละออกปล่อยให้ผมจับมือเขาไว้อย่างเดิม

“สองพี่น้องยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น มากินข้าวได้แล้ว กับข้าวเย็นหมด” เสียงแม่ที่ดังมาข้างหลังทำให้ผมปล่อยมือข้างหนึ่งก่อนจะยกขึ้นเช็ดน้ำตา แต่มืออีกข้างไม่ปล่อยมือเตอร์หรอกนะ เดี๋ยวเตอร์หนี!

ผมหันหลังจะเดินกลับเข้าครัวและลากเตอร์มาด้วย แต่เหมือนคนตัวโตกว่าจะไม่เต็มใจมา  ปล่อยให้ผมออกแรงลากๆ แต่ตัวเองยืนนิ่งเฉย! มันเหนื่อยนะ!!

ผมหยุดลากแล้วหันไปมอง ถลึงตาจ้องเตอร์ ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่หลบสายตาเหมือนตอนแรก

นี่ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่เตอร์จะยอมเล่นกับผมแล้วไม่ไปบ้านเพื่อนแล้วใช่มั้ย?

“กินข้าวกัน” ผมเอ่ยชวน สูดน้ำมูกฟืดใหญ่ก่อนจะยิ้มกว้าง

ผมลองกระตุกมือหนาอีกครั้ง คราวนี้เตอร์ไม่นิ่งแล้วอ่ะ มือหนากระตุกกลับ จะดึงมือออก ผมขมวดคิ้ว ไม่ปล่อยหรอกนะ ปล่อยก็หนีสิ!

อีกแล้ว ทำหน้ารำคาญอีกแล้ว!

ผมเบะปาก จ้องตาเตอร์ก่อนจะตะโกนลั่นบ้าน

“แม่! เตอร์ดื้อ!! บอกว่าจะไม่กินข้าว!!!!!”

“วิคเตอร์!!!” หลังจากตะโกนไปก็ได้รับผลตอบรับกลับมาดีเกินคาด แม่ตอบรับกลับมาเสียงเขียวเลย!

เตอร์ถลึงตาใส่ผม แต่ผมก็ยิ้มกว้าง ยอมปล่อยมือเตอร์ง่ายๆแล้วเดินเข้าไปนั่งที่ประจำบนเก้าอี้รอกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างสบายใจเฉิบ

 

ผมลูบพุงที่ป่องน้อยๆหลังจากกินอาหารเสร็จแล้วเดินมาทิ้งตัวนอนแผ่บนโซฟา ยึดครองพื้นที่ไม่เผื่อแผ่ใคร

“แม่ กระเป๋าเตอร์อยู่ไหน”

ผมยกมือขึ้นปิดปากซ่อนรอยยิ้มหลังจากได้ยินเสียงเตอร์โวยลั่นร้องหากระเป๋า

“กระเป๋าอะไร” เสียงแม่พูดตอบพร้อมกับมีเสียงจานกระทบกันดังโคล้งเคล้ง สงสัยกำลังล้างจานอยู่มั้ง

“กระเป๋าเป้ แม่เห็นมั้ย ข้างในมีเสื้อผ้า เตอร์จะไปค้างบ้านเพื่อน”

ถามแม่ไป แม่ก็ไม่รู้หรอกว่ากระเป๋าอยู่ไหน

ก็ผมเป็นคนเอาไปซ่อนเอง! ฮ่าๆๆๆ

“อะไร จะไปค้างบ้านเพื่อน น้องเพิ่งกลับมา อยู่ติดบ้านมั่งสิไอ้ลูกคนนี้”

หลังจากแม่พูดจบผมก็ไม่ได้ยินเสียงเตอร์ตอบกลับเลย ผมค่อยๆเอามือออกจากหน้า  คุกเข่าลงบนโซฟาหนังชะโงกตัวมองก็เห็นเตอร์กำลังจะขึ้นห้อง  ผมขมวดคิ้ว หนีผมอีกแล้ว! ทำไมไม่มาเล่นด้วยกันเล่า กำลังรออยู่นะ!

ผมลุกออกจากโซฟา เดินตามเตอร์ขึ้นบันได เมื่อขึ้นมาชั้นบนก็เห็นร่างสูงยืนพิงกำแพงเหมือนจะรออยู่ ผมกำลังจะยิ้มและชวนไปเล่น ทว่า..

“ตามมาทำไม”

หุบยิ้มแทบไม่ทัน! ไอ้พี่เตอร์นิสัยไม่ดี!! ชักจะงอนนานไปแล้วนะ! โกรธอะไรเล่า!! ปกติไม่เป็นแบบนี้นี่! ไม่พูดไม่จา ไม่มองหน้า ทำหน้ารำคาญใส่อีก!! นิสัยไม่ดี!!!

“ไม่ได้ตามซะหน่อย จะขึ้นมาเอาการบ้าน!” ผมตอบแล้วหมุนตัวจะเข้าห้อง แต่เสียงของเตอร์ก็ทำให้ขาชะงักอยู่กับที่

“การบ้านอะไร โกหก ตามก็บอกว่าตามสิ”

“ไม่ได้โกหก ไม่ได้ตามก็ไม่ได้ตามสิ จะงอนก็งอนไปเลย! เตอร์นิสัยไม่ดี ไม่เล่นด้วยแล้ว! แล้วอย่ามาง้อนะ!!”

ปังง!!

ผมปิดประตูเสียงดังปังก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ นึกโมโหเตอร์ในใจ นิสัยไม่ดี!! ตัวเองเป็นคนสอนให้เป็นคนมีเหตุผล แต่ตัวเองกลับไม่มีเหตุผลซะเอง!! พี่ภาษาอะไร!!

ผมเดินกระแทกส้นตรงไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ ขมวดคิ้วมองโต๊ะของตัวเองก็ให้แปลกใจ ทำไมไม่เหมือนเดิม หรือว่าแม่มาจัดให้?

ผมเลิกใส่ใจกับสิ่งที่เปลี่ยนไปแล้วรื้อหาการบ้านต่อ แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ!

ผมวิ่งตึงตังออกจากห้องลงไปชั้นหนึ่งก่อนจะ...

“แม่! การบ้านต้าอยู่ไหน แม่เห็นมั้ย”

“สองพี่น้องนี่มันอะไรกันนักหนา  การบ้านอะไรหืม” แม่พูดบ่นพร้อมกับเดินออกมา มือเรียวก็เช็ดผ้าผืนเล็กไปด้วย

“การบ้านไง การบ้านของแม่อร ต้องส่งวันจันทร์ ต้ายังไม่ได้ทำเลย”

แม่อรเป็นครูที่โรงเรียน สอนวิชาคณิตศาสตร์ ใจดี ตัวอวบๆ ผิวขาวๆ ดูอบอุ่นน่ากอดมาก

“มีการบ้านด้วยเหรอ จะจบแล้วไม่ใช่หรือไง แล้วแม่อรนี่ใคร?” คิ้วแม่ขมวดเป็นปม มองผมด้วยความมึนงง แต่ผมสิ งงกว่า แม่กับแม่อรคุยกันบ่อยจะตาย ทำเป็นลืม

“แม่อรที่สอนคณิตฯต้าไง แม่ไม่ได้คุยกับแม่อรไม่กี่วันลืมแล้วเหรอ เดี๋ยวต้าจะเอาไปบอกแม่อร”

คิ้วแม่ยิ่งขมวดชนกันแน่นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะคลายออก

“แม่เพิ่งล้างจานเสร็จพอดี ไหนเรามานั่งคุยกันหน่อยดีกว่ามั้ย” แม่ยิ้มใจดีก่อนจะจูงมือผมพาไปนั่งบนโซฟาหน้าทีวี

ผมนั่งลงข้างๆแล้วล้มตัวนอนหนุนตักนุ่ม ซึ่งแม่ก็ลูบหัวผมโดยอัตโนมัติ ผมเงยหน้ามองแม่จากมุมต่ำแล้วยิ้ม

“ไหนแม่อร แม่อรอะไรหืม”

“แม่อรแม่ของน้องพัดแฟนเตอร์ไง” ผมเบะปากเมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เตอร์ไม่เล่นกับผมเพราะอยากเล่นกับน้องพัดมากกว่าใช่มั้ย!?

นิสัยไม่ดี! เดี่ยวจะไปบอกให้น้องพัดเลิกคบเตอร์เลย

“แฟนเตอร์อะไรคะ แม่งงไปหมดแล้ว ตอนนี้เตอร์โสดนี่ น้องพัดนี่ใครอีกล่ะหืม” ผมกระเด้งตัวผุดขึ้นนั่งขัดสมาธิแล้วหันตัวเองเข้าหาแม่

“แม่ตกข่าว! น้องพัดที่น่ารักๆ แก้มป่องๆลูกแม่อร ที่เตอร์ตามจีบแล้วก็ขี้ตู่บอกคนอื่นว่าน้องพัดเป็นแฟนเตอร์  ต้ารู้เพราะว่าน้องพัดมาเล่าให้ฟัง แม่อย่าบอกเตอร์นะว่ารู้มาจากต้า เดี๋ยวเตอร์โกรธ”

แม่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรต่อ ทว่าใบหน้ากลับขมึงเครียด

“แม่ซื้อดินสอให้ต้าใหม่ได้มั้ย ไอ้อ้วนยืมไปแล้วไม่ยอมคืน พอต้าไปขอคืนมันก็ยึดไปเลย” ผมเบะปากฟ้องแม่

แม่ยิ้มแล้วลูบหัวผม

“เดี๋ยวแม่พาไปซื้อใหม่นะ  อืม.. ว่าแต่ปีนี้น้องต้ากี่ขวบแล้วครับ”

“เก้าขวบ แม่ให้กระเป๋าเป็นของขวัญต้า ต้าจำได้”

 

_____________________________________________

TALK:: เย้ มีคนเล่นตอบคำถามด้วย พลาดไปจึ๋งนึง
ตอนนี้น้องต้าอายุเก้าขวบค่ะ ส่วนเก้าขวบเมื่อไหร่..  สักพักใหญ่ๆ (ตรงจุดนี้ยังไม่อยากเฉลย กำลังรอลุ้นว่าบางทีอาจจะมีนักอ่านค้นพบจุดที่ว่า) 555555  :hao7:
วันนี้อัพช้าหน่อย งานเข้า (จะนอนกันหรือยังน้า  :hao5:)
เจอกันใหม่พาร์ทหน้าค่ะ
รักคนอ่าน.  :กอด1:
ขอบคุณทุกกำลังใจมากค่ะ  :heaven
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 15 ความทรงจำ [30/5/56] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Violet Rose ที่ 31-05-2013 00:03:07
โอ๊ยๆๆๆ รู้ความจริงซะทีนะ แล้วจะทำยังไงหล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 15 ความทรงจำ [30/5/56] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 31-05-2013 01:17:48
หง่ะะะะ รู้ซะที -0-

:pig4:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 15 ความทรงจำ [30/5/56] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 31-05-2013 06:14:12
อั๊ยยะ! คุณแม่รู้แล้วจะเป็นยังไงต่อไป
ว่าแต่เตอร์เป็นอะไร เมื่อคืนยังดีๆ อยู่เลย
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 15 ความทรงจำ [30/5/56] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 31-05-2013 07:27:05
 :ling3: :ling3: :ling3:
คนเขียนสู้ๆจ้า o13
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 15 ความทรงจำ [30/5/56] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 31-05-2013 12:34:43
พาต้าไปหาหมอด่วน!!!!! 
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 15 ความทรงจำ [30/5/56] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 31-05-2013 16:38:29
รู้อย่างนี้คงช็อกไปทั้งบ้าน  :sad3:  o22

++++++++++++++++++++++++++++++++++

แต่เอ๊ะผู้เขียนคะ มีเรื่องสงสัยคะ
ก็ตอนนั้นตอนที่ต้า อยู่กับเซน แล้วเซนถ้าอายุของต้า
ต้าเขาบอกว่า 5 ขวบละ แต่ไหงพอกลับบ้านมาบอก 9 ขวบ ละ
แอบมึนนิดๆ มาไขกระจ่างทีค่า
(อย่าว่าเขานะถ้าเขาแอบจำผิดไปบ้าง หรือถามมั่วๆ)

รักผู้เขียน จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 15 ความทรงจำ [30/5/56] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 31-05-2013 19:22:00
ตอนที่ 16 สอน


“กำลังเล่นอะไรอยู่หืม” แม่พูดพลางมือเรียวตบแก้มผมเบาๆเหมือนจะเตือนสติ

ผมมองแม่แล้วขมวดคิ้วมึนงง ผมไม่ได้เล่น ผมพูดจริงๆ

“ไม่เอาแล้วนะ เลิกพูดจาทำนองนี้ได้แล้ว เรื่องวัยเด็กก็ส่วนวัยเด็ก พูดถึงได้แต่อย่าคิดเป็นจริงเป็นจัง ต้าโตแล้วนะลูก” แม่ลูบหัวผม ริมฝีปากเปื้อนรอยยิ้ม แต่สีหน้ากลับดูอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

“แต่แม่..”

“หยุด! ถ้าต้าจะพูดถึงแต่เรื่องที่โรงเรียน เพื่อนวัยเด็ก หรือแม่อรล่ะก็ พอเลย” แม่พูดปรามด้วยน้ำเสียงจริงจัง มือที่ลูบหัวผมเมื่อครู่ละออกก่อนจะวางประสานบนหน้าตัก

ผมมองแม่อย่างไม่เข้าใจ  ทำไมถึงพูดเรื่องที่โรงเรียนไม่ได้ ทั้งๆที่ปกติหลังเลิกเรียนกลับมาบ้านผมก็จะเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้พ่อ ให้แม่ ให้เตอร์ฟังตลอด  ไม่เห็นมีใครว่าอะไรเลย

“ทำไมต้าพูดไม่ได้”

“พูดได้ เรื่องวัยเด็กจะหยิบยกมาพูดเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น แต่สิ่งที่ต้าเป็น แม่ว่ามันเกินไป”

ฟังแม่แล้วก็ไม่เข้าใจอยู่ดี อะไรคือเกินไป

ผมแค่จะทำการบ้าน แต่หาสมุดการบ้านไม่เจอเลยถามแม่ แล้วก็พูดถึงแม่อร กับน้องพัดแฟนเตอร์แค่นี้เอง มันเกินไปเหรอ? หรือว่า..

เตอร์เคยบอกว่า การพูดถึงคนอื่นตอนที่เขาไม่อยู่เป็นสิ่งไม่ดี เรียกว่านินทา

เพราะอย่างนี้หรือเปล่า แม่เลยบอกว่าเกินไป

ผมมองแม่แล้วคลี่ยิ้มก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงเข้าใจด้วยเพิ่งหาเหตุผลให้ตัวเองได้

“งั้นต้าจะไม่พูดอีก”

“แม่ไม่ได้ห้ามเราไม่ให้พูด  ต้าจะพูดจะเล่าเมื่อไหร่ก็ได้ แต่อย่าทำแบบนั้นอีก เราโตแล้วต้องอยู่กับปัจจุบัน ต้าไม่ต้องเรียกร้องความสนใจจากพ่อแม่ด้วยการทำตัวเป็นเด็กแบบนี้ก็ได้ ยังไงพ่อกับแม่ก็รักเราอยู่แล้ว รู้มั้ย?”

ถึงจะรู้สึกมึนๆ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่ผมก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเลิกคิ้ว นั่งนิ่งพลางนึกทวนคำพูดของแม่เมื่อครู่แล้วส่ายหน้าไปมา

“ต้าไม่ได้เรียกร้องความสนใจ ต้าแค่หาสมุดการบ้านไม่เจอเฉยๆ ต้าอยากทำเอาไว้ก่อน แล้วก็ตั้งใจจะเอามาให้พ่อส..”

“ต้า!”

ผมยังพูดไม่ทันจบประโยค เสียงหวานของแม่ก็ตวาดแว้ดขึ้นมาเสียก่อนจนผมสะดุ้ง

ผม.. ทำอะไรผิด

เมื่อกี้.. ไม่ได้นินทาน้องพัดนะ

“ทำไมกลายเป็นเด็กที่พูดไม่รู้เรื่อง! ยิ่งโตยิ่งดื้อ! ตอนเล็กๆแม่พูดอะไรเรายังฟัง แต่ทำไมโตขึ้นมากลายเป็นแบบนี้! เมื่อกี้แม่บอกว่ายังไง ไม่ให้เล่นแบบนี้ใช่มั้ย!”

“ต้าไม่ได้เล่นนะ ต้าหาไม่เจอจริงๆ”

“ต้า! หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว!!” มือเรียวบีบแขนผมอย่างแรงจนผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ มองแม่ด้วยสายตาตัดพ้อ

แต่ก่อนที่อะไรจะเลวร้ายไปมากกว่านี้ เสียงทุ้มของพ่อก็ดังขึ้นจากหน้าบ้านทำให้แม่รีบปล่อยแขนผม แต่ไม่วายเหลือบมองผมด้วยสายตาดุจัด

“สองแม่ลูกคุยอะไรกันอยู่ หน้าเครียดเชียว” พ่อพูดพร้อมกับเดินมานั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณ” แม่ตอบพร้อมรอยยิ้ม พ่อพยักหน้าน้อยๆก่อนจะหันมามองผม

“ต้า วันก่อนลุงวิทย์โทรมา ลูกจำน้องน้ำมนต์ได้มั้ย” ผมหยุดคิดเพียงนิดก่อนจะพยักหน้า 

ภาพเด็กหญิงตัวเล็กเกล้าแกละสองข้างลอยเข้ามาในหัว น้องน่ารักและน้องก็ซนมากด้วย!

“เออ นั่นแหละ น้องกำลังจะขึ้นม.4  แล้วอยากเรียนที่เดียวกับลูก เช็คให้พ่อหน่อยสิว่าเขาเปิดรับสมัครวันไหน  อีกเรื่อง ลุงวิทย์จ้างต้าให้ไปสอนน้องมนต์เตรียมสอบเข้าด้วย ว่างมั้ยล่ะ?”

“หือ” ผมเลิกคิ้วขึ้น ได้แต่ครางรับในลำคอเสียงสูง ตั้งรับไม่ทันกับข้อความเมื่อครู่

น้องมนต์? ม.สี่? โรงเรียน? สอน... สอบเข้า เหรอ?

“ตลกแล้วพ่อ จะให้ต้าไปสอนพี่ม.สี่ได้ไง ลุงวิทย์มีลูกคนเดียวไม่ใช่เหรอ  ถ้าน้องน้ำมนต์ลูกลุงวิทย์  น้องเพิ่งอยู่ป.หนึ่งเองนี่”

ทันทีที่พูดจบก็เป็นอีกครั้งที่แม่ตวัดสายตาจ้องผมเขม็ง

เมื่อกี้ผมพูดอะไรผิดหรือเปล่า...

“วะ ไอ้นี่! ถ้าไม่อยากสอนก็บอกกันดีๆ ไม่ต้องมาอ้างนู่นอ้างนี่ แต่แกไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ไม่มีเรียนไม่ใช่หรือไง ไปสอนพิเศษน้องซะ เดี๋ยวหลานข้าไม่มีที่เรียน พรุ่งนี้สายๆน้องจะมาบ้านเรา เตรียมบทเรียนไว้ด้วยล่ะ”

ผมตาโตทันทีที่ได้ยินว่าน้องมนต์จะมาที่บ้านพรุ่งนี้

“ไม่เอา ไม่ให้น้องมา!” ผมพูดออกไปทันทีโดยที่สมองยังไม่ทันได้คิด

“วะ ไอ้นี่พูดไม่รู้เรื่อง!” พ่อตบเข่าฉาดใหญ่ ดูเหมือนจะเริ่มหงุดหงิด

“ยังไงแกก็ต้องสอน พ่อรับปากลุงวิทย์ไปแล้ว”

พูดจบพ่อก็ไม่รอให้ผมทักท้วงหรือโต้แย้งใดๆ  รีบเดินเบี่ยงออกจากบ้านทันที

“แม่...” ในเมื่อตัวพ่อหายไป ก็ต้องหันมาอ้อนตัวแม่ แต่แม่ก็ทำเป็นไม่สนใจผม

“คุณ มาช่วยผมดูต้นไม้หน่อย” เหมือนพ่อจะรู้ทันว่าผมต้องอ้อนแม่ให้ไปช่วยพูดกับพ่อแน่ๆ ถึงได้เดินกลับเข้ามากวักมือเรียกแม่ออกไป

แม่มองผมแล้วยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเดินไปหาพ่อ ทั้งสองคนพากันเข้าไปในสวนหลังบ้าน  ที่นั่นมีลานนั่งเล่นและพื้นที่สำหรับปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ร่มรื่นและสวยงามมาก ผมกับเตอร์ชอบไปเล่น

ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงจะตามพ่อกับแม่เข้าสวนไปด้วยแล้ว แต่ตอนนี้.. ไม่เอา ไม่ไปหรอก

ยิ่งคิดว่าน้องน้ำมนต์จะมาบ้านพรุ่งนี้ก็ยิ่งหนักใจจนคิ้วขมวดชนกัน

ไม่อยากให้น้องน้ำมนต์มา!

 

 

ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้ผมที่ตื่นอยู่แล้วผละสายตาจากเพดานสีขาวหันไปมองประตู แต่ก็ไมได้ส่งเสียงขานรับอะไรออกไป

“น้องน้ำมนต์รออยู่ข้างล่าง ถ้าตื่นแล้วก็ออกมา” เสียงเข้มราบเรียบดังลอดเข้ามา เสียงของเตอร์

ผมเบะปาก นิ่งเงียบพลางเงี่ยหูฟังว่าเตอร์จะพูดอะไรอีก แต่ก็ไม่ได้เสียงอะไรนอกจากเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆไกลออกไป

ผมขมวดคิ้วพลันเด้งตัวลุกขึ้นก่อนจะวิ่งถลาเข้าหาประตูแล้วเปิดผลัวะ มองซ้ายมองขวาหาเตอร์ แต่ก็ไม่มี

น้องน้ำมนต์มา...

เตอร์ก็ลงไปแล้ว...

ไม่ได้การละ!!!

ปัง!

ผมปิดประตูห้องเสียงดังแล้วคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำ อาบน้ำและแต่งตัวอย่างรวดเร็ว!

ทันทีที่เสร็จผมก็วิ่งตึงตังลงมาชั้นล่าง ก่อนจะเบรกเอี๊ยดที่ตีนบันไดเมื่อเห็นด้านหลังของคนสองคนที่ไหล่ชนไหล่ หัวของทั้งคู่ก็แทบจะชนกัน ซ้ำร้ายยังได้ยินเสียงหัวร่อต่อกระซิกดังมาเป็นระลอกอีก

ผมมองภาพนั้นแล้วเผลอกัดปากอย่างแรง  มือสองข้างกำแน่นข้างลำตัว

หวง!

ผมเดินไปหยุดอยู่ข้างโซฟาฝั่งที่เตอร์นั่งก่อนจะจับแขนหนาแล้วออกแรงดึงเบาๆเรียกให้เตอร์หันมา

“หิว” กระตุกแขนจะดึงเตอร์ให้ลุกขึ้น แต่เตอร์เพียงแค่หันมามองแป๊บเดียวแล้วตั้งท่าจะหันกลับไปคุยกับน้องน้ำมนต์ต่อ

“อ่า.. พี่ต้า เพิ่งตื่นเหรอคะ” เสียงใสถามขึ้น ผมพยักหน้าตอบโดยที่สายตายังจ้องผมของเตอร์ไม่ละไปไหน

“น้ำมนต์กินอะไรมาหรือยังครับ”

น้ำมนต์เบนสายตากลับไปมองเตอร์แล้วยิ้มให้ในความหวังดี

“กินแล้วค่ะ คุณป๊าปลุกแต่เช้า วันนี้ป๊าทำโจ๊กเห็ดให้กิน น้ำมนต์กินไปตั้งสองชาม อิ่มแปล้เลย” มือขาวลูบท้องตัวเองประกอบการพูด

ได้ยินเสียงเตอร์หัวเราะเบาๆ ทำให้ผมเผลอบีบแขนหนาโดยไม่รู้ตัว

เตอร์หันกลับมา มองหน้าผมที มองมือที่จับแขนหนาที แต่ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ดึงดันไม่ปล่อยแขนเตอร์

“หิว” ย้ำถึงความต้องการอีกครั้ง แต่เตอร์ก็เอาแต่จ้องหน้าผม

ปกติแค่ผมบอกว่าหิว เตอร์ก็จะไปหาอะไรมาให้กินโดยที่ผมไม่ต้องพูดซ้ำ แต่ทำไมคราวนี้...

“หิวก็ไปบอกแม่ มาบอกพี่ทำไม”

ผมกัดปากตัวเองแน่นหลังจากที่ได้ยินเตอร์พูดจบ มือปล่อยแขนเตอร์ทันทีแล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอีกตัว

สองมือกอดอกตัวเองแน่น เม้มริมฝีปากมองไปทางอื่นที่ไม่มีเตอร์ในสายตา!

ไม่กงไม่กินมันแล้ว!!

“เอ่อ พี่ต้าคะ..” ผมหันไปตามเสียงเรียก เห็นน้องน้ำมนต์ยิ้มเหยๆ เหมือนรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าไม่ถูก

ผมเลิกคิ้วถาม ไม่หือไม่อือไม่ขานรับใดๆทั้งนั้น ไม่มีอารมณ์

“มนต์อยากให้พี่ต้าทวนพาราโบลา สมการกับอสมการ เอ่อ.. ทวนทั้งหมดเลย ได้มั้ยคะ” น้องยิ้ม แต่ผมไม่ยิ้มตาม มือขาวเลื่อนหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะมากองตรงหน้าผม

ผมมองหน้าปกหนังสือก่อนขมวดคิ้วมุ่น หัวนึกย้อนถึงชื่อที่น้องน้ำมนต์พูดเมื่อกี้.. ชื่ออะไรนะ

บาเซโลน่า หรือว่า โบโลน่า???

ผมเงยหน้ามองน้องน้ำมนต์กำลังจะถามให้แน่ใจกับชื่อแปลกๆนั่นอีกครั้ง  ทว่าหางตาก็เหลือบเห็นเตอร์ที่กำลังลุกขึ้นเดินออกไปเงียบๆ  ผมมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยความน้อยใจ

 “พี่ต้า พี่ต้าคะ”

เสียงเรียกชื่อมาพร้อมกับแรงเขย่าที่ไหล่ทำให้ผมหันไปมองสบนัยน์ตาคู่โตอย่างคนเพิ่งได้สติ

นี่ผมมองตามหลังเตอร์จนไม่รู้ว่าน้ำมนต์ย้ายมานั่งข้างผมตั้งแต่เมื่อไหร่เลยเหรอ

“อะไร  เรียกทำไม”

ผมขมวดคิ้วมองใบหน้าหวานก่อนจะชะงัก  เผลอมองหน้าน้องนิ่งนาน

...น้องน้ำมนต์ทำไมหน้าตาเปลี่ยนไป ดูโตขึ้น แต่ก็ยังมีเค้าโครงเดิม

ดูไม่เหมือนน้องน้ำมนต์ แต่ก็เหมือน..

น้องน้ำมนต์ที่ผมรู้จักและเคยเห็น เป็นเด็กสาวร่างเล็ก ลูกสาวเพียงคนเดียวของลุงวิทย์ซึ่งเป็นพี่ชายพ่อ  น้องชอบมาเล่นบ้านผมเพราะเหงา ไม่มีเพื่อนเล่น แล้วก็บอกกับผมว่าอยากมีพี่ชาย ผมเลยให้ยืมเตอร์ไปเล่นวันหนึ่ง ทั้งๆที่บอกไปแล้วว่าให้แค่วันเดียวแต่ทำไมวันต่อมายังจะร้องหาเตอร์อีก!! แล้วหลังจากนั้นเวลามาที่บ้าน น้องน้ำมนต์ก็ชอบแย่งเตอร์ไปเล่นคนเดียว เพราะอย่างนี้ไง ถึงไม่อยากให้น้องมา : (

แต่เมื่อไม่นานมานี้ที่เจอน้องน้ำมนต์ น้องยังตัวเล็กอยู่เลย ทำไมตอนนี้...ดูตัวโตขึ้น

อย่างนี้ก็ไม่ใช่แค่ผมกับเตอร์ที่สูงขึ้นดิ น้องน้ำมนต์ก็สูงขึ้นด้วย สงสัยลุงวิทย์คงบังคับให้กินนมทุกวันทั้งเช้าและก่อนนอนเหมือนผมกับเตอร์แน่ๆ ถึงได้โตเร็วขนาดนี้ กินนมแต่เด็กดีนะ ช่วยทำให้สูงงง

“พี่ต้าคะ เริ่มกันเลยดีมั้ย”

หือ.. ผมผละสายตาจากใบหน้าหวานเรียกสติตัวเองกลับมา น้องน่ารักขึ้นมาก แต่ถึงจะน่ารักขนาดไหน ก็ไม่ให้เล่นกับเตอร์หรอกนะ

ผมไม่เข้าใจ ทำไมน้องน้ำมนต์ต้องมาให้ผมสอนด้วย  ตอนผมเรียนป.หนึ่งผมไม่เห็นต้องให้ใครสอนเลย  จริงๆนะ ผมไม่ได้ให้ใครสอน มีแต่พ่อแหละที่มาสอนผมเอง

ลุงวิทย์อาจจะไม่ว่างสอนน้อง เลยให้ผมสอนแทน งืมๆ แต่ถ้าสอนเสร็จแล้ว.. น้องน้ำมนต์จะกลับบ้านเลยมั้ย คงไม่อยู่เล่นต่อหรอกนะ..

“มนต์ไม่เข้าใจตรงนี้เลยค่ะ ทำไมเฉลยออกมาถึงได้แบบนี้ มนต์ลองคิดเท่าไหร่ๆก็ไม่ได้สักที  พี่ต้าช่วยดูให้มนต์หน่อยได้มั้ยคะ”

เสียงหวานลอยเข้าหู มือขาวเอื้อมหยิบสมุดยัดใส่มือผม ก่อนจะหยิบหนังสือเปิดหน้าที่พับไว้ แล้วยัดใส่มือผมอีกเล่ม

ผมก้มมองกระดาษที่มีตัวเลขมากมาย มีตารางมีเส้นอะไรก็ไม่รู้ยึกยือๆ มีตัวภาษาอังกฤษเอ็กๆวายๆด้วย .... อะไรอ่ะ

“พี่ต้าคะ ข้อนี้หาค่ายังไง” น้ำมนต์พูดพร้อมกับใช้นิ้วจิ้มๆไปบนหน้าหนังสือแล้วยัดดินสอใส่มือผม

ผมหันไปมองด้วยสีหน้ามึนงง

“น้องน้ำมนต์ ตอนพี่เรียนป.หนึ่ง พี่ไม่เห็นเคยเจออะไรแบบนี้เลย ในหนังสือมันมีแต่เอ็กๆ วายๆ จะบวกลบกันได้เหรอ หรือว่าโจทย์มันผิด ต้องแก้มั้ย?”

“หืม อะไรนะคะ”

ผมละสายตาจากหน้ากระดาษก่อนหันไปมองสบนัยน์ตาคู่โตตรงๆ ใบหน้าหวานเปี่ยมไปด้วยความสงสัย

ผมทำหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะยกหนังสือขึ้นแล้วไปวางลงบนตักของน้อง

“ก็เนี่ย ข้อนี้มีแต่อะไรก็ไม่รู้ เส้นโค้งๆ แล้วก็เอ็กๆวายๆ มันจะบวกจะลบกันได้ไงเล่า ก็หนังสือมันผิด น้ำมนต์เลยทำไม่ได้ แล้วก็ได้คำตอบไม่เหมือนเฉลยไง” ผมจิ้มตรงข้อเดิมก่อนจะยืดตัวกอดอกด้วยท่าทางเหนือกว่า

ในห้องเรียนผมมั่นใจนะ เวลาครูสอนผมก็ตั้งใจเรียน ทำการบ้านเองด้วย! ผมจำได้ว่าครูไม่เคยสอนเอ็กบวกวายเลย สอนแต่ 2+2 =4 ,4+8=12 อย่าว่าแต่บวกลบเลขเลย สูตรคูณผมก็ท่องได้นะ! เตอร์ให้ท่องทุกวันเลย ตอนนี้ท่องได้ถึงแม่สิบสองแล้วเถอะ! 12x12=144 เป็นไงล่ะ ผมเก่งมั้ย?

น้องน้ำมนต์มองหน้าผม มือที่จับหนังสือบนตักเพื่อไม่ให้มันหล่นคลายออก ทำให้หนังสือไร้แรงจับตกลงสู่พื้น

“พี่  พี่ต้า...” น้ำมนต์ครางเสียงแผ่วในลำคอ นัยน์ตาหวานซึ้งทอประกายตระหนก

ผมเลิกคิ้วมองด้วยความมึนงง

“ทำไม ไม่เชื่อพี่เหรอ จริงๆนะ ตั้งแต่เรียนมา ป.หนึ่งถึงป.สาม พี่ไม่เคยเจอเอ็กบวกวายเลย ไม่เชื่อน้องมนต์ลองถามเตอร์... ไม่ๆ น้องมนต์ลองถามพ่อพี่สิ พ่อพี่เก่งนะ ตรวจการบ้านให้ แล้วก็ถูกหมดเลยด้วย คุณครูชมพี่ใหญ่เลย!”  ผมคลี่ยิ้มกว้างอย่างอวดๆ

เมื่อกี้เกือบไปแล้ว เกือบให้น้องไปถามเตอร์แล้ว ให้ถามเตอร์ไม่ได้หรอก เดี๋ยวน้องก็ชวนเตอร์เล่น แล้วเตอร์ก็จะเล่นกับน้อง แล้วน้องก็จะยึดเตอร์ไว้คนเดียว! ให้ถามพ่อแหละดีที่สุด

“พักเบรกกินขนมก่อนนะครับน้องมนต์” เสียงคุ้นหูที่ผมไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใครพูดดังขึ้นพร้อมกับจานขนมและน้ำส้มที่ถูกลำเลียงวางลงบนโต๊ะ ตามด้วยแก้วนมที่วางลงตรงหน้าผม

ผมเงยหน้าขึ้นมองเด็กเสิร์ฟ แต่เตอร์ก็ไม่ได้มองตอบ มือหนายื่นจานข้าวกระเพราไม่ใส่พริกมาวางลงข้างๆแก้วนม ก่อนจะย้ายตัวไปฝั่งตรงข้ามกับผมและน้ำมนต์แล้ววางถาดลงบนโต๊ะ

ผมยังมองเตอร์ไม่ละสายตา เตอร์ขมวดคิ้วชนกันนิดๆ มองผมด้วยสายตาเรียบเฉย ผมทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วยิ้มตาหยีให้

“กินเข้าไปสิ หิวไม่ใช่หรือไง” เตอร์กระชากเสียงเหมือนหงุดหงิด แต่ผมกลับยิ้มกว้างมากกว่าเดิมก่อนจะจับช้อนแล้วตักข้าวเข้าปาก

ฝีมือเตอร์! เตอร์ทำให้แหละ ผมจำรสมือเตอร์ได้!!

ใจดีเนอะ พี่ชายใครก็ไม่รู้

ผมตักข้าวเข้าปากคำแล้วคำเล่า กินไปยิ้มไป ดีใจที่เตอร์ยังใส่ใจ ไม่เมินเหมือนอย่างที่นึกกลัว

ผมตักข้าวกินโดยไม่สนใจสิ่งใด รู้แค่เตอร์ตั้งใจทำให้กิน ถึงจะยังไม่พูดกับผมเหมือนปกติ แต่ก็กลับมาใจดีเหมือนเดิมแล้ว เพราะงั้นต้องกินให้หมด คนทำจะได้ดีใจ

ผมก้มหน้าก้มตากินโดยไม่รับรู้ว่าพื้นโซฟาข้างตัวตอนนี้ว่างเปล่า ไร้ร่างสาวน้อยที่เคยนั่งอยู่

“ติวเป็นไงบ้าง เข้าใจขึ้นมั้ย”

ผมเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว ทันทีที่ได้ยินเสียงเตอร์ ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าน้ำมนต์ย้ายไปนั่งข้างเตอร์

ไปตั้งแต่ตอนไหน!? ทำไมไม่เห็นรู้สึก

อย่าเพิ่งเล่นกันสิ ไม่ให้เล่นด้วยกันนะ!

ผมรีบเคี้ยวข้าว ผมมองเตอร์ที มองน้องน้ำมนต์ที แต่หน้าน้องน้ำมนต์ดูเครียดๆยังไงก็ไม่รู้ คง.. ไม่ชวนเตอร์เล่นหรอกมั้ง

ผมสบตาเตอร์อีกครั้ง แต่ตาเตอร์ดุ  บังคับทางสายตาให้ผมกินข้าวให้หมด ผมเลยต้องจำยอมนั่งเฉยๆตักข้าวเข้าปากต่อ แต่หูและตาก็คอยฟังและเหลือบมองเตอร์กับน้องน้ำมนต์แทบจะตลอดเวลา

ไม่ให้หนีไปเล่นด้วยกันหรอกนะ!

“มนต์ว่าพี่ต้าแปลกไป ไม่เหมือนพี่ต้าที่มนต์รู้จักเลยค่ะ”

ผมมองไข่ดาวที่เตอร์ทอดไข่แดงมาไม่สุก ก่อนจะใช้ส้อมเจาะสีส้มๆ จนแตกเยิ้มลงข้าว

“แปลกไปยังไง?”

ผมใช้ช้อนเขี่ยๆไข่ไปมาก่อนจะวางช้อนกับส้อมลงแล้วหยิบนมขึ้นมาดื่ม มองสบตาเตอร์ที่กำลังมองอยู่  ก็อิ่มแล้ว ไม่อยากกินแล้ว ผมเลื่อนจานไปข้างหน้านิดหนึ่งให้เตอร์เห็นว่าผมอิ่มจริงๆ ก่อนจะดื่มนมในแก้วช้าๆ

“พี่ต้าสอนมนต์ไม่ได้ ทั้งๆที่พี่ต้าเก่งคณิตออกขนาดนั้น จะว่าพี่ต้าแกล้งไม่อยากสอนมนต์ก็ไม่น่าใช่  มนต์ดูรู้ว่าพี่ต้าไม่ได้แกล้ง  พี่ต้าไม่ได้สอนคณิตม.สามให้มนต์ แต่สอนของป.หนึ่งให้มนต์แทน บอกว่าโจทย์ในหนังสือผิดด้วย”

ผมดื่มนมไป พลางมองทั้งสองคนที่คุยกันงุ้งงิ้งอย่างมึนๆ เตอร์หันมามองผม คิ้วเข้มเลิกสูง ก่อนจะหยิบหนังสือเล่มเดิมที่น้องมนต์ให้ผมดูเมื่อกี้ พลิกเปิดหน้าแล้วเลื่อนมาวางบนโต๊ะตรงหน้าผมแทนที่จานข้าวผัดกระเพรา

“ไหนต้าลองแก้โจทย์ข้อนี้ให้พี่ดูหน่อยได้มั้ย ถ้าทำถูก เดี๋ยวพี่มีรางวัลให้” พูดพร้อมรอยยิ้มและของรางวัลยวนใจ

ผมกระดกแก้วนมขึ้นดื่มเป็นอึกสุดท้ายก่อนจะวางลง เหลือบตามองเนื้อหาหน้านั้นแล้วผลักหนังสือไปไกลๆ

“หนังสือมันผิด จะให้ต้าทำยังไงล่ะ คิดไม่ได้หรอก เอ็กกับวายบวกกันได้ไงเล่า”

เตอร์โตกว่า เรียนมาเยอะกว่าทำไมของง่ายๆแบบนี้ถึงไม่เข้าใจ ยังจะตื๊อให้ทำอยู่ได้

เตอร์นิ่งไปนิดเหมือนกำลังคิด

“โอเค หนังสือมันผิด งั้นเอาใหม่ เดี๋ยวพี่ตั้งโจทย์ให้ ถ้าต้าตอบถูกพี่จะตามใจต้าทุกอย่าง”

“ทุกอย่างแน่นะ!”

“ครับ ทุกอย่าง” เตอร์ยิ้มอ่อน แล้วคว้าสมุดของน้องมนต์มา หยิบดินสอแล้วเขียนยึกๆลงบนกระดาษ

เตอร์ชะงักมือที่กำลังเขียนแล้วเงยหน้าถามผม

“ท่องสูตรคูณเป็นนะ”

“เป็นดิ ก็เตอร์ให้ท่องทุกวัน ตอนนี้กำลังหัดท่องแม่สิบสามอยู่ด้วย” ผมคลี่ยิ้มกว้างดุนลิ้นดันกระพุ้งแก้มเล่น

เตอร์กระตุกยิ้มมุมปากแล้วก้มหน้าก้มตาเขียนโจทย์ต่อ ผมเหลือบตามองน้องน้ำมนต์ซึ่งน้องก็มองผมอยู่แล้ว ผมไม่เข้าใจกับสายตาน้องจึงเบนหันไปมองกระดาษที่เตอร์กำลังเขียนอีกครั้งก่อนจะตาโต

“พอแล้ว! เยอะไปแล้วนะเตอร์!!” ผมรีบแย่งสมุดกับดินสอจากมือหนา มองดูโจทย์บนนั้นแล้วยิ้มกว้าง

แบบนี้สิถึงเรียกว่าโจทย์ถูก

“หกบวกสามเท่ากับเก้า อืม... สี่หนึ่งสี่ สี่สองแปด สี่สามสิบสอง  .. เก้าลบสี่เท่ากับห้า  เก้าคูณห้าเท่ากับสี่สิบห้า..”

ผมค่อยๆเขียนคำตอบลงไปโดยที่ปากก็งึมงำๆไปด้วย

“ทำครึ่งเดียวได้มั้ย?” ผมเงยหน้าขึ้นมาเพื่อขอความเห็นใจ แต่ก็ต้องผงะเมื่อมีสายตาสองคู่กำลังจ้องผมตาไม่กระพริบ!

จ..จ้องอะไรกัน

“ไม่ได้ครับ ทำให้หมด”

ผมเบะปาก หน้าเตอร์ยิ้ม แต่ทำไมเสียงไม่เห็นยิ้มด้วยเลย

ผมนึกถึงของตอบแทนที่จะได้รับก็พอจะทำให้มีกำลังใจทำต่อจนถึงข้อสุดท้าย

“แปดคูณสิบสอง.... อืม.. แปดสิบแปดสิบ แปดสิบเอ็ดแปดสิบแปด แปดสิบสอง...เก้าสิบหก!”

ผมบรรจงเขียนเลขเก้ากับเลขหกลงไปหลังจากที่นึกออก ก่อนจะวางดินสอลงแล้วดันๆสมุดไปตรงหน้าเตอร์

เตอร์รับไปก่อนจะก้มหน้าก้มตาตรวจ

ถูกแน่ๆ ถูกชัวร์ๆ มั่นใจสุดๆ!!

“ต้าครับ เก้าคูณเก้าเท่ากับเท่าไหร่” เตอร์เงยหน้ามองผมดวงตาเรียบเฉย

 “แปดสิบเอ็ดไง” ตอบทันทีโดยไม่ต้องนึก เพราะผมท่องแม่เก้าไม่ค่อยได้ เลยย้ำบ่อย ทำให้จำแม่น

“แล้วเขียนอะไรมา” เตอร์ส่งสมุดเล่มเดิมกลับมาให้ ผมมองคำตอบแล้วตาโต

ผิดอ่ะ! เขียนผิด ผมเขียนเจ็ดสิบเอ็ด!

“ไม่เอาอ่ะ ต้องถูกหมดสิ” ผมเบะปาก ไม่ยอม

“น้องมนต์ ไปตามแม่มาที น่าจะอยู่ในสวนหลังบ้าน ไปถูกใช่มั้ย?”

เตอร์หันไปคุยกับน้องมนต์ ไม่สนใจผมอีกแล้ว เห็นน้องมนต์พยักหน้ารับ เตอร์ก็ยิ้มให้  ทำไมไม่ยิ้มให้ผมมั่งเล่า! ใจร้าย

น้องมนต์มองผมอีกครั้งแล้วยิ้ม ก่อนจะเดินออกไปยังสวนหลังบ้าน

“ถูกหมดสิ จะผิดได้ไง เมื่อกี้ต้าตอบถูก”

ผมไม่รู้ว่าเตอร์จะให้น้องมนต์ไปเรียกแม่ทำไม แต่ที่รู้ๆ ผมต้องถูกหมดสิ!!

“ผิดก็คือผิด”

“ไม่!! ต้องถูกสิ ถูกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

“ผิด!”

“ถูก!!”

ต้องถูกดิ ผิดไม่ได้ ถ้าผิด ข้อเสนอที่ตกลงกันไว้ก็โมฆะสิ! ไม่ยอมนะ!!

 


________________________________________________________


 
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 16 สอน [31/5/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 31-05-2013 19:24:03
TALK :: อะแฮ่ม วันนี้จะทอล์คอย่างมีสาระ 555 ประเด็นจากตอนแรกตั้งใจจะไม่บอกนักอ่านว่าน้องต้ากลายเป็น 9 ขวบได้อย่างไร แต่พอมาคิดๆดู ไม่บอกคงจะไม่ไหว แล้วคงจะไม่มีใครเห็นจุดที่แอบใส่ไว้แน่ๆ 5555555
ตอนแรกนั้นน้องต้า 5 ขวบค่ะ แต่กลายเป็น 9 ขวบตั้งแต่ตอนที่9 ชื่อตอน “พิษไข้”
แล้วมัน 9 ขวบยังไง คงมีคนกำลังตั้งคำถามในใจ 55555
ต้องย้อนกลับไปดูตั้งแต่ตอนที่ 3 “ละครหนึ่งฉาก”
ตอนที่เราเขียนถึงความทรงจำวัยเด็กของน้อง

ครอบครัวผมมีพ่อ แม่และพี่ชาย  ด้วยความที่ห่างกันเพียงสามปี ทำให้ผมกับพี่ชายสนิทกันมาก
“เตอร์ โตขึ้นเตอร์อยากเป็นอะไร” เตอร์ในตอนนั้นอายุสิบสองขวบ
“อยากเป็นนักบิน”


เตอร์ 12 ต้ากับเตอร์ห่างกัน 3 ปี ก็เท่ากับต้า 9 ขวบ
ตอนที่น้องเก้าขวบยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด เพราะเตอร์เริ่มมีความฝัน อยากเป็นนักบิน ต้ากลัวการที่จะได้อยู่ห่างพี่ชาย
วัยที่เด็กกว่านั้นที่น้องนึกย้อนไปถึงคือ 7 ขวบ ตอนนั้นมีแต่ความสุข พี่ชายที่คอยปกป้องน้องชาย นี่คือช่วงเวลาที่น้องหยุดตัวเองไว้
แล้วมาดูกัน ว่าทำไมตอนพิษไข้น้องกลายเป็นเด็กเก้าขวบ 5555
นักอ่านบางคนพอรู้แล้วอาจจะอยากถีบคนเขียนคนนี้ ที่มัน.. คิดอะไรของมัน ฮา!!!!

จำได้ว่าพาร์ทนี้ น้องถูกพี่จิมกดน้ำ แล้วเป็นไข้เลยเพ้อ

ผมจะยอมเล่นเครื่องบินกับเตอร์ก็ได้
แต่เรื่องที่เตอร์อยากเป็นนักบินน่ะ ผมไม่ให้เป็นหรอกนะ!!!


อันนี้เป็นเหตุการณ์ตอนหนึ่งที่น้องเพ้อในความฝัน แค่เนี้ยะแหละ 555555555555 ถ้าอยู่ในวัยน้อง5ขวบ ตอนนั้นยังไม่เคยมีการพูดถึงว่าเตอร์อยากเป็นอะไร แต่พอตอน 9 ขวบ ต้าถามเตอร์ว่าอยากเป็นอะไร
ข้อความในพาร์ทนี้  “เรื่องที่เตอร์อยากเป็นนักบินน่ะ ผมไม่ให้เป็นหรอกนะ!!!” ถ้าเป็นตอน5 ขวบคงไม่มีในหัวน้อง เพราะงั้น น้อง 9 ขวบตั้งแต่พาร์ทนี้ค่ะ
คีย์เวิร์ดคือ นักบิน

5555555555555555555555555555555555555555555 เราอาจจะคิดลึกซึ้ง(?)เกินไป

ที่ให้เห็นความเปลี่ยนแปลงด้านอายุ เพราะอยากให้เห็นว่า อายุน้องไม่ได้หยุดที่ 5 ขวบตลอดไปนะ

ตัวแปรที่ทำให้จากน้อง 5 ขวบกลายเป็น 9 นั่นคือ น้องถูกพี่จิมกระทำรุนแรง กดหัวลงน้ำ (ใช้วิธี หนามยอกเอาหนามบ่ง น้องความจำหายเพราะได้รับความรุนแรงมากเกินไป ก็เลยย้อนศรกลับทางเดิมซะเลย ฮา)

ส่วนพาร์ทที่ 10 “หนี” น้องกลัว อยากหนีก็จริง แต่พอได้ก้าวออกไปในโลกภายนอก กลับเจอคนที่ดุร้ายมากกว่า อย่างน้อยพี่จิมในความคิดน้อง (5-9 ขวบ) ก็ไม่เคยล่วงละเมิดทางเพศ ฮา  พอพี่จิมช่วย น้องเลยรู้สึกปลอดภัย และไม่กลัวมากเหมือนเดิม แต่ก็ยังกลัวอยู่ดี

ซับซ้อนเนอะ =_=;  (ส่วนผู้ชายที่มาทำละมิดีมิร้ายน้องนั่นก็แค่คนชั่วๆคนหนึ่ง ที่หาได้ง่ายนักในสังคม ฮา)
โอยยย ความคิดเราอิรุงตุงนังไปมั้ยเนี่ย =[]=!!!!

ติชมได้นะคะ เป็นแค่มุมมองแคบๆของคนคนหนึ่ง ความคิดอาจยังไม่เปิดกว้างมาก ยังไงก็แนะนำกันได้ค่ะ
ขอบคุณเม้นท์เช่นเคยค่ะ ดีใจทุกครั้งที่เห็นคนคลิกเข้ามาอ่านเรื่อยๆ
รักคนอ่าน.
เจอกันพาร์ทหน้าค่ะ
งงตรงไหน สงสัยอะไร ถามได้ค่ะ ถ้าตอบได้และไม่เฉลยเรื่องเกินไปจะตอบ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 16 สอน [31/5/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 31-05-2013 19:58:19
มาเป็นกำลังใจให้น้องต้า  :mew1:
ทำไมมีแต่คนใจร้ายกับต้าจังเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 16 สอน [31/5/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Violet Rose ที่ 31-05-2013 20:09:46
พ่อแม่เนี่ยไม่ไหวอ่ะ เป็นขนาดนี้ยังไม่รู้สึกผิดปกติอีก
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 16 สอน [31/5/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: perrfungirl ที่ 31-05-2013 20:29:44
ทำไมไม่มีใครเชื่อน้องเลยอ่ะ  :m16:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 16 สอน [31/5/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: koronekojung ที่ 31-05-2013 20:37:31
 :o12: :o12:
สงสารต้าอ่าา 
ทำไมทุกคนไม่รู้ว่าต้าแปลกไป  ทำไม ทำไม!!

พี่หมอยิ้มแล้วหายไปเลย  อยากรู้พี่หมอยิ้มอ่ะไร รู้อยู่แล้วหรอว่าที่บ้านต้าเป็นแบบนี้ ?? 
(เรานี่ทำไมเก็ตยากแบบนี้ 555 )

ชอบเรื่องนี้สุดๆค่ะ อ่านแล้วติด~

 :mew3: :mew3: :mew3:

หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 16 สอน [31/5/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: viper7123 ที่ 31-05-2013 20:41:18
เศร้าเลยยยยยยยยยยยยยย

 :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 16 สอน [31/5/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 31-05-2013 20:55:21
ลึกซึ้งจริงๆน่ะแหล่ะ

รอตอนต่อไปจ้า
คนเขียนสู้ๆ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 16 สอน [31/5/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 31-05-2013 22:22:40
ไม่มีใครเชื่อต้า แต่ดูท่าเตอร์จะเริ่มเชื่อแล้วนะ
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่าเตอร์แปลกๆ แทนที่จะทำความดีชดเชยกับสิ่งที่ทำกับน้องไว้ แต่เตอร์กลับตรงกันข้าม ทั้งใจร้าย ไม่สนใจ ดุ ว่าราวกับโกรธน้องยังไงยังงั้น
บอกได้คำเดียวว่างงกับเตอร์
และบอกได้อีกคำกับคนเขียนว่า ค้างงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 16 สอน [31/5/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 31-05-2013 22:40:35
ยังเคืองที่พี่จิมปล่อยให้ต้าโดนผู้ชายนั่นมาทำมิดีมิร้าย

เฮ้อ แล้วเตอร์จะดูน้องออกมั้ยเนี่ย
แต่เตอร์เองก็ดูแปลกไปนะ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 16 สอน [31/5/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 31-05-2013 23:54:40
ทำไมเหมือนใครๆก็ไม่สนใจต้าร์เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 16 สอน [31/5/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: august_may ที่ 01-06-2013 00:07:27
อ่านไปก็ได้แต่คิดว่าเมื่อไหร่ครอบครัวของต้าจะรู้สึกตัวซักทีว่าต้าผิดปกติ
คุณแม่เองก็ดูไม่ปกติเท่าไหร่นะ ทำร้ายต้าตลอดเลย ป่วยเป็นประเภทอารมณ์รุนแรงรึเปล่าเนี่ย
อ่านจนจบตอยก็ได้แต่หวังว่ารอบนี้ไปตามคุณแม่มาแล้วแม่จะเชื่อ พาต้าไปตรวจอย่างจริงจังนะ
แล้วถ้าไปตรวจจริงๆที่โรงพยาบาลจะได้เจอพี่หมอมั้ยเนี่ย เริ่มคิดถึงพี่หมอพี่จิมแล้ว ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 16 สอน [31/5/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 01-06-2013 08:50:26
 :katai1:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 16 สอน [31/5/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 01-06-2013 14:36:21
คนอื่นจะไม่เชื่อก็ไม่แปลก เรื่องแบบนี้เข้าใจยากจะได้ตาย ลองพาน้องไปหาหมอไหมม
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 16 สอน [31/5/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 01-06-2013 18:44:19
ตอนที่ 17 โรงพยาบาล


VICTOR Part

ผมสตาร์ทรถออกจากโรงจอดรถของบ้านทันทีหลังจากแม่ขึ้นมานั่งประจำที่ข้างคนขับเรียบร้อย

“ไปโรงพยาบาลทำไม ใครเป็นอะไร” แม่ถามขึ้นขณะที่กำลังคาดเซฟติเบลล์ 

“แม่ว่าน้องแปลกไปมั้ย” ผมพูดโดยที่ไม่ได้มองหน้าคู่สนทนา ทว่าสายตากลับมองกระจกมองหลังที่สะท้อนภาพเจ้าตัวยุ่งที่นั่งเบาะด้านหลังเพียงคนเดียว น้องน้ำมนต์ไม่ได้มาด้วย ป่านนี้พ่อคงไปส่งบ้านแล้ว

ผมลอบมองต้าเงียบๆ ดวงตากลมทอดมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างโดยที่ริมฝีปากก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

อยากจะถามว่ายิ้มทำไม มีอะไรให้น่ายิ้มขนาดนั้น แต่คงไม่ถาม เพราะพอจะคาดเดาถึงสาเหตุของรอยยิ้มนั้นได้อยู่ คงไม่พ้นเรื่องเมื่อครู่ ที่ผมกับน้องเถียงกันแทบตาย เรื่อง ผิดๆ ถูกๆ ของโจทย์เลขที่ผมตั้งขึ้น

ทันทีที่ผมบอกว่าจะพาไปโรงพยาบาล น้องก็ร้องงอแงจะไม่ไปท่าเดียว แต่สุดท้ายก็ยอมมาจนได้ แลกกับการที่ผมจะต้องยอมทำทุกอย่างตามที่น้องบอก

 “แปลกไปเหรอ” เสียงแม่ทวนถามทำให้ผมละสายตาจากต้าแล้วหันไปมองพื้นถนนเบื้องหน้าก่อนจะเอ่ยตอบ

“ครับ เตอร์ว่าน้องแปลกไป ตั้งใจจะพาไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจดูอาการให้แน่ชัด”

แม่ไม่พูดอะไรต่อ สายตามองตรงไปข้างหน้า คงกำลังไตร่ตรอง ย้อนคิดถึงพฤติกรรมประหลาดๆของน้องที่ผ่านมา

ผมเชื่อว่าแม่ก็คงรู้สึกได้ว่าน้องไม่เหมือนเดิม เรื่องอย่างนี้มันเข้าใจยาก ขนาดผมยังไม่อยากเชื่อว่าน้องอาจความจำเสื่อมเหมือนที่พระเอกนางเอกในละครหลังข่าวชอบเป็นกัน

มันดูเหลือเชื่อเกินไป ผมไม่เคยคิดฝันว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดกับคนใกล้ตัว แต่นั่นก็เป็นสมมติฐานที่ผมสร้างขึ้น

น้องแปลกไป ทั้งๆที่หลังเกิดเหตุการณ์นั้น น้องโกรธผมเป็นฟืนเป็นไฟ แม้แต่หน้าผมน้องยังไม่มอง

ผมรู้ว่าต้าเป็นคนใจแข็ง ผมไม่คิดว่าน้องจะยกโทษและหายโกรธผมง่ายๆ  แต่พอเจอน้องที่ปั๊ม ทุกอย่างกลับผิดคาด!

ไม่เพียงแต่พฤติกรรม ทว่าสายตาน้องก็แปลกไป ไม่มีความโกรธเคืองในนั้น น้องไม่ใช่คนเก็บอารมณ์เก่ง ถ้านี่คือการแสร้งทำเป็นลืม เพื่อที่ผมกับน้องจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมคิดว่าเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้เท่ากับศูนย์

ต้าที่ผมรู้จัก ไม่ใช่แบบนี้

เกลียดคือเกลียด รักคือรัก

ผมจำได้ว่า สายตาที่น้องใช้มองผมครั้งนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดอย่างไม่ปิดบัง ทว่าตอนนี้.. สายตาน้องกลับกลายเป็นเหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็นมาตลอด รัก ไว้ใจ หวง..

ทั้งที่ตั้งใจว่าหากน้องยอมกลับบ้าน ผมจะไม่ให้น้องเห็นหน้าอีกอย่างที่ลั่นวาจาไว้ แต่เอาเข้าจริง.. พอน้องเป็นแบบนี้ ผมกลับ.. ไม่อยากหนี

เรื่องทุกอย่าง ผิดที่ผม ทั้งที่น้องรักและเชื่อใจผมมากกว่าใคร แต่ผมกลับทำลายความไว้ใจนั้นเพียงเวลาไม่กี่ชั่วโมง!

พี่ชายอย่างผม สารเลวสิ้นดี!

ผมขบฟันแน่นจนขึ้นเป็นสันนูน มือกำพวงมาลัยรถข่มความรู้สึกชิงชังตัวเองที่ทำเรื่องเลวๆลงไป เกลียดตัวเองที่ขี้ขลาด ทำผิดแล้วไม่กล้ายอมรับผิดอย่างที่ควรเป็น

ผมพรูลมหายใจออกทางปากระบายความอัดอั้นที่ก่อตัวขึ้นในใจ ก่อนจะตบไฟเลี้ยวหักพวงมาลัยเข้าไปในโรงพยาบาลชื่อดัง  วนรถหาที่จอดภายใต้อาคารศูนย์สมองและระบบประสาท 

หลังจากที่จอดรถเสร็จ ผม แม่และน้องก็พากันเดินเข้าไปในตัวอาคารที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน

ผมไปทำบัตรผู้ป่วยใหม่ ลงชื่อแทนน้อง และกรอกรายละเอียดเกี่ยวกับอาการของน้องคร่าวๆ ก่อนจะยื่นให้เจ้าหน้าที่สาวซึ่งเธอรับไปอ่านแล้วผายมือให้ไปนั่งรอบนเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้ให้ข้างในสุดทางเดิน

ต้านั่งลงตรงกลางระหว่างผมกับแม่ น้องกวาดสายตาไปรอบบริเวณอย่างตื่นตาตื่นใจก่อนจะหยุดมองเด็กชายวัยประมาณแปดถึงเก้าขวบที่นั่งฝั่งตรงข้าม น้องมากับผู้หญิงสองคนซึ่งน่าจะเป็นแม่และคุณยาย ในมือของเด็กชายคนนั้นมีโมเดลกันดั้มถืออยู่ ต้าจ้องมองตาไม่กระพริบ  ผมเห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ยกมือขยี้หัวทุยอย่างหมั่นเขี้ยว

“อยากได้เหรอไง?” ศีรษะใต้ฝ่ามือขยับส่ายปฏิเสธ แต่สายตาก็ยังไม่ละจากเป้าหมายเดิม

ดูก็รู้ว่าอยากได้

“ทำตัวเป็นเด็กดีสิ เดี๋ยวพี่ซื้อให้”

ทันทีทันใดเลยครับ น้องหันมาสบตาผมนัยน์ตาพราวระยับ ริมฝีปากระบายยิ้มกว้างก่อนจะหน้ามุ่ย  คิ้วเรียวขมวดชนกันน้อยๆ

“แบบไหนที่เรียกว่าเด็กดี?”

ผมเลิกคิ้วกับคำถามนั้น  อืมม... แบบไหนเหรอ?

“ดื้อให้น้อยลง อย่าห่วงเล่น เชื่อฟังคำพูดผู้ใหญ่ แค่นี้ ทำได้มั้ย?”

ต้ายิ้มกว้างก่อนจะพยักหน้าถี่ๆ เห็นรอยยิ้มสดใสก็พาลให้ผมยิ้มตาม

ปากผมยิ้มทว่าก้อนเนื้อใต้อกซ้ายกลับปวดหนึบราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกำลังบีบแรงๆ

“ขอเชิญคุณเตมินที่ห้องตรวจหมายเลขหนึ่งค่ะ”

“ลุกเร็ว เขาประกาศเรียกแล้ว” แม่พูดพร้อมกับจับมือต้าแล้วฉุดให้ลุกขึ้น น้องคลี่ยิ้มกุมมือแม่พากันเดินไปโดยมีผมเดินตามหลังด้วยใจลุ้นระทึก

ผมปิดประตูห้องตรวจเบามือแล้วยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเก้าอี้ที่น้องนั่งอยู่ โดยมีแม่นั่งที่เก้าอี้ข้างๆอีกตัว

“สวัสดีครับ คุณเตมินใช่คนนี้หรือเปล่า” คุณหมอร่างเล็กที่ใบหน้าติดจะหวานถามด้วยน้ำเสียงใจดีโดยที่ดวงตาหลังกรอบแว่นมองหน้าน้องอย่างพินิจ

“ใช่ค่ะ” แม่ตอบแทนน้องที่ไม่ได้สนใจสิ่งใด นอกจากหันมองรอบห้องแล้วค่อยๆกวาดสายตามองอุปกรณ์บนโต๊ะของหมออย่างสนอกสนใจ

น้องจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งเวลาที่มาหาหมอ พอกลับบ้านก็จะบ่นว่าอยากเป็นหมอทุกครั้งไป เหตุผลก็ไม่ใช่อะไรอื่น อยากใส่หูฟังแบบที่หมอใส่

หมอร่างเล็กหยิบกระดาษที่วางบนโต๊ะขึ้นมาพลางกวาดสายตาอ่านก่อนจะวางลงที่เดิมแล้วถามขึ้น

“หมออยากทราบว่าคนไข้เคยได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองบ้างมั้ยครับ”

“ไม่เคยค่ะ” แม่ตอบออกไปทันที

หมอหนุ่มพยักหน้ารับแล้วหันไปมองน้องอีกครั้ง รอยยิ้มใจดีปรากฏบนริมฝีปาก  แม้ไม่เห็นหน้าน้อง ผมก็รู้ว่าต้าต้องกำลังยิ้มตอบอยู่อย่างแน่นอน

“ชื่อน้องต้าใช่มั้ย”

ต้าพยักหน้าขึ้นลงถี่ๆ หมอหน้าหวานลุกขึ้นเดินไปหยิบเก้าอี้ว่างอีกตัวในห้องแล้วเข็นมาไว้ใกล้ๆตัวที่ตนนั่ง

“น้องต้ามานั่งนี่เร็ว พี่หมอมีเรื่องอยากคุยด้วย” พูดพร้อมกับตบเบาะเบาๆ แต่ต้าส่ายหน้าอิดออดไม่ยอมไป

“พี่ชายเรายืนนานแล้ว ท่าทางจะเมื่อยนะ” เสียงห้าวพูดเปรยๆ ต้าหันขวับมามองผม คิ้วเรียวเลิกสูงก่อนเสียงใสจะถามขึ้น

“เตอร์เมื่อยเหรอ?”

ผมเหลือบตามองหมอหน้าหวานนิดๆ เขายิ้มให้ ผมมองน้องอีกครั้งแล้วพยักหน้า

ต้าหน้ามุ่ย ยอมย้ายตัวเองไปนั่งข้างๆหมอแต่โดยดี ผมจำต้องนั่งลงบนเก้าอี้ว่างข้างๆแม่ เมื่อเห็นน้องมองมาตาไม่กระพริบเป็นเชิงบังคับ

“พี่หมอชื่อดิวนะครับ ตอนนี้น้องต้าอายุเท่าไหร่แล้ว ไหนบอกพี่ดิวสิ”

“เก้าขวบครับ”

ทันทีที่น้องพูดจบ ใบหน้าที่สวมแว่นทรงเหลี่ยมก็เหมือนเดิม ไม่มีริ้วรอยของความแปลกใจปรากฏให้เห็น

หมอดิวเอื้อมหยิบกระจกด้านหลังแล้วยื่นให้ต้า

“เคยสงสัยมั้ย ทำไมหน้าตาตัวเองถึงได้เปลี่ยนไปจากเดิม”

ต้ายกกระจกขึ้นมองเพียงครู่ก่อนจะวางลงแล้วตอบเต็มเสียง

“ก็ต้ากินนมทุกวัน จะโตขึ้นก็ไม่เห็นแปลก พ่อกับแม่บอกว่า ถ้าอยากสูงเร็วๆ ก็ต้องกินนมเยอะๆ”

หลังจากที่ฟังคำตอบจบ  บรรยากาศในห้องเงียบกริบ ทว่าหมอดิวกลับหัวเราะเสียงดังก่อนจะยกมือขาวขึ้นขยี้หัวทุยของน้องอย่างนึกเอ็นดู

“น้องต้าเคยมีอาการปวดหัวมั้ย” เสียงหัวเราะหายไปแต่รอยยิ้มยังไม่จางไปจากใบหน้า

ต้าขมวดคิ้วนิ่งคิดนิดนึงก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่นะ ต้าไม่เคยปวดหัว”

หมอหน้าหวานยื่นช็อกโกแลตให้ ต้าชะงักหันมามองผม คงไม่กล้ารับของจากคนแปลกหน้า ผมพยักหน้ายิ้มๆ น้องเลยยกมือไหว้แล้วรับช็อกโกแลตมาก่อนจะแกะกินด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ของชอบเขาล่ะ ช็อกโกแลต

 “ทางคุณแม่ และพี่ชายจะขัดข้องหรือเปล่าครับ หากหมอจะขอตรวจน้องโดยละเอียด”

“ต้าเป็นอะไรคะ” เสียงแม่ติดจะสั่นเล็กน้อย คิ้วขมวดเป็นปมกลางหน้าผากอย่างกลัดกลุ้ม

“หากน้องไม่ได้รับการตรวจร่างกายโดยละเอียด หมอคงสรุปอะไรไม่ได้มาก ได้แต่วินิฉัยว่าอาการของน้องหากไม่ได้เกิดจากการกระทบกระเทือนทางสมองอย่างที่คุณแม่บอกมา  น้องอาจจะได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง ทำให้ร่างกายเกิดภาวะช็อค ส่งผลให้สมองปิดกั้นเรื่องเลวร้ายที่เจ้าตัวไม่อยากจำ และหลงเหลือแต่ความทรงจำดีดี   ในกรณีของน้องต้า ความทรงจำดีดีคงเป็นเรื่องราวในช่วงวัยเด็ก”

กระทบกระเทือนทางจิตใจ  เหรอ..

ผมกัดฟันแน่นหลุบสายตามองโต๊ะไม่กล้าสบกับดวงตาหลังกรอบแว่นที่กำลังจ้องอย่างจับผิด

ที่น้องเป็นอย่างนี้ สาเหตุมาจากผม จริงๆสินะ

น้องจำเรื่องหลังจากเก้าขวบไม่ได้.. จำไม่ได้แม้กระทั่งว่าพี่ชายคนนี้เคยทำเรื่องเลวระยำไว้ขนาดไหน..

จำไม่ได้  ใช่ไหม...?

หัวใจที่เคยเหือดแห้งเพราะความรู้สึกผิด กลับค่อยๆพองฟูและเต้นเป็นจังหวะอีกครั้ง

หากผมบอกว่า ผมดีใจ ที่น้องจำอะไรไม่ได้ ผมคงจะดูเลวมาก

แต่.. ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าผมดีใจจริงๆ

ดีใจที่ต่อไปนี้ ผมกับน้อง จะยังเหมือนเดิม ไม่มีเรื่องบาดหมางระหว่างเราสองคน

...และคงไม่ผิดนัก หากผมจะเก็บเรื่องนั้น ไว้เป็นความลับ... ตลอดไป

“ถ้าเป็นอย่างที่คุณหมอว่าจริง ต้ามีโอกาสหายมั้ยคะ” น้ำเสียงแม่ฟังดูร้อนรน ใจผมกระตุกวาบรู้สึกลุ้นกับคำตอบ

“คนไข้เคสนี้ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลก โอกาสหาย 50-50 ครับ หมอต้องรู้ก่อนว่าที่คนไข้เป็นแบบนี้สาเหตุเกิดจากอะไร จะได้รักษาให้ถูกจุด โดยปกติแล้วมนุษย์เราจะลบความทรงจำอันเจ็บปวดโดยการเก็บกดไว้ในจิตไร้สำนึก ก่อให้เกิดกลไกที่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันตัวเองที่เรียกว่า "Ego Defense Mechanism" ขึ้นมา อาการของน้องต้าเป็นการลืมเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจที่ก่อให้เกิดความวิตกกังวล  การรักษาต้องใช้เวลา ซึ่งหมอคงตอบไม่ได้ว่าจะใช้เวลามากน้อยแค่ไหนถึงจะหาย ทั้งนี้ทั้งนั้นการรักษาจะไม่สำเร็จหากคนไข้ไม่ให้ความร่วมมือ”

“ป้องกันตัวเองเหรอคะ?” แม่ทวนถาม สีหน้ายังคลางแคลง

“หากคุณแม่ไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าที่น้องต้าเป็นแบบนี้ เกิดจากอาการป่วยจริงหรือแค่แสร้งทำ มีเพียงวิธีเดียวคือสังเกตพฤติกรรม หากคนเราโกหก จะต้องเผยพิรุธในวันใดวันหนึ่ง ของแบบนี้ผมว่าคงดูกันไม่ยาก” หมอดิวอธิบายอย่างในเย็นพลางยิ้มบางที่มุมปาก

แม่นิ่งคิดสักครู่ใหญ่ สีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด

 “คุณหมอคะ ช่วยรักษาลูกชายแม่ที จะใช้เงินเท่าไหร่ยังไงแม่ไม่มีปัญหา ทำยังไงก็ได้ ทำให้ลูกของแม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมทีเถอะค่ะ”

มือผมเย็นเฉียบ รู้สึกหนาวไปทั้งร่างทันทีที่ได้ยินว่าแม่ต้องการจะรักษาน้อง

ไม่อยากให้หาย นั่นคือความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในใจ

หมอหน้าหวานผละสายตาจากแม่แล้วหันไปตามแรงดึงน้อยๆที่กระตุกเสื้อแขนยาว

“ว่าไงครับน้องต้า”

“รักษาอะไร ต้าเหรอที่ต้องรักษา ไม่รักษาได้มั้ย ไม่อยากถูกฉีดยา” ริมฝีปากอิ่มเบะออก นัยน์ตาล้อแสงไฟปริ่มไปด้วยหยาดน้ำใสอย่างน่าสงสาร

หมอยิ้มน้อยๆก่อนจะยกมือขึ้นลูบผมนุ่มเบาๆแล้วเอ่ยปลอบประโลม

“หมอไม่ได้จะฉีดยา ไม่เจ็บหรอกนะ แค่นอนเฉยๆ แป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว”

“ไม่เจ็บจริงเหรอ” เหมือนยังไม่แน่ใจจึงทวนถามอีกครั้ง

“ไม่เจ็บจริงๆครับ พี่หมอรับประกัน”

ถึงจะอย่างนั้น ต้าก็ยังเบะปาก มือปล่อยจากเสื้อแขนยาวแล้วหันมามองผมด้วยนัยน์ตาอ้อนๆ

“เตอร์ กลับบ้านกัน อยากกลับบ้าน”

ผมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปจับแขนน้องดึงอย่างเบามือ

“งั้นเรื่องรักษาเอาไว้ก่อนนะครับ ยังไงตอนนี้น้องเองก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไร รอให้น้องพร้อมก่อนแล้วค่อยพามาใหม่ก็คงยังไม่สาย ใช่มั้ยครับคุณหมอ” ผมยิ้มพลางดึงต้าเข้าประชิดตัวให้ห่างจากหมอหน้าหวาน

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ดวงตาหลังกรอบแว่นที่มองผมเหมือนซ่อนเร้นประกายอะไรบางอย่าง

เหมือนรู้..

บางที ผมอาจคิดมากไปเอง

“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ แล้วแต่ทางคนไข้จะสะดวก”

“ไม่ค่ะ! วันนี้เลย” แม่สวนขึ้นกลางครัน มือเล็กของน้องบีบแขนผมแน่นก่อนจะหลบไปซ่อนอยู่ด้านหลัง

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณแม่ รอให้น้องพร้อมก่อนก็ได้ ระหว่างนี้ให้น้องใช้ชีวิตปกติ แต่หมอขอเพียงอย่างเดียว อย่าข่มเหงหรือให้น้องได้รับการกระทบกระเทือนไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจเป็นอันขาด”

หมอดิวพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนดันแว่นขึ้น

“แม่ ไปกันเถอะครับ” ผมเร่งแม่ อยู่ๆก็รู้สึกร้อนราวถูกเปลวเทียนจี้ คำพูดของหมอก็เป็นแค่การแนะนำธรรมดา แต่มันกลับแทงใจดำผมเข้าเต็มๆ

เวลาผ่านไป แม่ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้น

“แม่ครับ เดี๋ยวเตอร์กับน้องไปรอที่รถนะ” ผมพูดพร้อมกับดึงแขนน้องให้ออกจากห้องนี้

... ไม่อยากอยู่ในห้องนี้แล้ว

กลัวสายตารู้ทัน..

กลัวความลับที่ซ่อนเร้นจะถูกล่วงรู้..

ผม... ยังไม่พร้อม

“เตอร์ ต้าจะไม่โดนฉีดยาแล้วใช่มั้ย”

ผมพยักหน้าให้ ลอบกลืนน้ำลายหนืดๆลงคอ ยิ่งมองใบหน้าใสซื่อนี้ ก็ราวกับยิ่งตอกย้ำให้รู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก

“ต้าไม่เชื่อหรอกที่หมอบอกว่าไม่เจ็บ หมอโกหกหมด ครั้งที่แล้วที่ไม่สบาย หมอก็บอกจะไม่ฉีดยาๆ แล้วก็ฉีดตลอด” เสียงเจื้อยแจ้วพูดไปเรื่อย ผมกระชับจับมือน้องให้แน่นขึ้น แล้วออกเดินช้าๆ

“เตอร์ ต้าอยากกินช็อกโกแลตแบบนั้นอีก ที่หมอน่ารักให้ อร่อย”

ผมหันไปมองก็เห็นใบหน้ายิ้มตาหยี อดไม่ได้จนต้องยกมือยีผมอย่างหมั่นเขี้ยว

“อืม เดี๋ยวพาไปซื้อนะ”

แค่รับปากจะพาไป น้องก็ยิ้มกว้างมากกว่าเดิม

ผมเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เจ็บแปลบเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น อยู่ๆก็รู้สึกอยากหนีไปให้ไกลๆ หนีจากน้อง หนีจากความรู้สึกผิดที่จุกอก

แต่ถึงจะรู้สึกผิด ผมก็ยังอยากให้น้องจำอะไรไม่ได้อย่างนี้.. ผมคงเลวมากใช่มั้ย?

ห้วงความคิดสะดุดลงเมื่อรู้สึกได้ว่ามือข้างที่เคยจับมือกับน้องตอนนี้ว่างเปล่า หันมองไปข้างตัวก็ไม่เห็นน้อง

หัวใจผมหล่นวูบพลันหันซ้ายหันขวามองหา ก่อนสายตาจะเห็นแผ่นหลังไวไวของต้าที่ผมจำได้กำลังเดินตามหลังผู้ชายร่างใหญ่

ผมรีบวิ่งตามไป มือจับไหล่น้องไว้แล้วดึงให้หันมา ต้ามองหน้าผมด้วยใบหน้าตื่นๆ

“จะไปไหน?”

“ป เปล่า  กลับบ้านกัน” ปากน้องพูด แต่ขาไม่ขยับ ใบหน้าเหลียวหันไปด้านหลังอีกครั้ง

ผมมองตามสายตาน้องที่จับจ้องผู้ชายร่างสูง ผู้ซึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนถึงข้อศอก

ลำแขนกำยำข้างซ้ายมีรอยสักกราฟฟิกสีดำตวัดเลื้อยตั้งแต่ข้อศอกลงมาจนถึงข้อมือตัดกับผิวสีซีด เหมือนสีเสื้อที่ตัดกับผนังของโรงพยาบาลสีขาวจนดูโดดเด่นและดึงดูดสายตาได้อย่างน่าประหลาด

ผมมองตามแผ่นหลังกว้างไปจนร่างนั้นหายลับเข้าไปในห้องที่ผมกับน้องเพิ่งเดินออกมา

 

 

________________________________________________


TALK::  พาร์ทนี้ ครอบครัวน้องก็เชื่อหมดแล้วเนอะ
ไม่เชื่อตั้งแต่แรกนั้น เรามองว่า เรื่องแบบนี้มันเชื่อยาก แม่เองก็สงสัยนะที่ลูกเป็นแบบนั้น แต่ก็แค่สงสัย และคิดว่าลูกแกล้งทำมากกว่า
พาร์ทนี้ได้พาพี่เตอร์ออกมาโชว์ตัวด้วย  :-[

ขอบคุณทุกกำลังใจเช่นเคยค่ะ ชุ้บๆ 
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 17 โรงพยาบาล [1/6/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 01-06-2013 19:08:43
ถ้าต้าบอกว่าผู้ชายมีรอยสักคือใครคนอึ้ง
อ๋อ สามีอีกคนของต้าครับ
(คงไม่ตอบแบบนี้หรอก^^)
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 17 โรงพยาบาล [1/6/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 01-06-2013 19:24:49
รู้สักที แม่ นี่ก็ไม่สังเกตลูกเลย  :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 17 โรงพยาบาล [1/6/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 01-06-2013 20:08:14
ครอบครัวนี้มันยังไงกันเน้อ.....ต้อรอนักเขียนเปิดเผยสิเนี่ย
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 17 โรงพยาบาล [1/6/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: viper7123 ที่ 01-06-2013 20:59:55
คงต้องรอคนเขียน เฉลยยยอ่ะ

  o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 17 โรงพยาบาล [1/6/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 01-06-2013 21:34:11
จิมมมมมมมมมมอยู่หนายยยยยยยยยยยยยย :ling1:
มาเร็วๆเดี่ยวต้าหาสามีใหม่หรอก :ling2:
คนเขียนสู้ๆจ้า :mew1:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 17 โรงพยาบาล [1/6/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: august_may ที่ 01-06-2013 22:21:34
ในที่สุดก็มาโรงพยาบาลแล้ว และก่อนจบตอนพี่หมอของน้องต้าแอบออกมาแว๊บๆเรียกเรตติ้งอีก ฮ่าๆๆๆ
คิดถึงพี่หมอกับพี่จิมออกมาไวไว
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 17 โรงพยาบาล [1/6/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 01-06-2013 23:16:35
อะไร แม่ ก็ว่าจะรู้นะว่าน้องต้าเป็นอะไร ไม่ใส่ใจลูกเลย  :fire:

เอ๊ะ น้องต้าเป็นอะไร เจอใครอ่า 

==========================================

ขอบคุณผู้เขียนนะคะ ที่มาไขกระจ่างนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 17 โรงพยาบาล [1/6/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: YAYANORITZ ที่ 01-06-2013 23:53:12
คุณหมอเก่งจังง
ระวังถูกพี่ชายต้าดักปล้ำนะคะ
ข้อหาส่อรู้  :z1:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 17 โรงพยาบาล [1/6/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 02-06-2013 00:33:28
เตอร์ร้ายกาจอ่าาา
-3-

:pig4:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 17 โรงพยาบาล [1/6/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 02-06-2013 08:42:30
ต้าจะหายมั้ยเนี่ย
เตอร์เลวว่ะ  :z6:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 17 โรงพยาบาล [1/6/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Satang_P ที่ 02-06-2013 09:31:34
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 17 โรงพยาบาล [1/6/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 02-06-2013 10:58:28
หน่วงใจ จริง  :เฮ้อ: :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 17 โรงพยาบาล [1/6/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: koronekojung ที่ 02-06-2013 15:45:08
พี่หมอใช่มั้ย !!!! 

ต้าจะเดินไปหารึปล่าว *0*

ลุ้นๆๆ อยากอ่านต่อแล้ว !!~ :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 17 โรงพยาบาล [1/6/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 02-06-2013 15:57:44
หันซ้าย แลขวา
...
อั๊ยๆ เค้าฟินเรื่องนี้ 2 คู่แล้ว
ระหว่างหนูต้ากับพี่จิม และ เตอร์กับพี่หมอ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด! แค่คิดก็เตลิดไปไกลแล้ววววว//วิ่งหลบทรีน ฮุฮุ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 17 โรงพยาบาล [1/6/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 02-06-2013 18:37:35
เหอะ มีปัญหากันทั้งเรื่องเลย อยากรู้จริงๆใครที่โดดน้ำตายอ่ะ
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 17 โรงพยาบาล [1/6/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 02-06-2013 20:15:49
อ่า...

สงสารต้าจังเลย แล้วเมื่อไหร่เฮียจิมจะออกโรงอีกล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 17 โรงพยาบาล [1/6/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: boomboomzaza ที่ 02-06-2013 21:25:14
อ่า!!!!!! น่าสงสาร TT^TT
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 17 โรงพยาบาล [1/6/56] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 02-06-2013 21:29:18
ตอนที่ 18 หน้ากาก


SAME Part

ทฤษฎีโลกกลมเคยเรียนมาตั้งแต่เด็ก แต่เพิ่งประจักษ์กับตัวว่าโลกมันกลมจริงๆก็วันนี้ ทั้งที่คิดว่าคงไม่เจอกันอีกแน่ๆ แต่ก็ยังเจอ

ผมเหยียดยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงสีหน้าตื่นตระหนกเมื่อครู่ยามที่เดินสวนกัน แม้จะเป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาที แต่นั่นก็มากพอที่ทำให้ผมเก็บรายละเอียดของมันได้เกือบครบถ้วน

“อ้าว.. สวัสดีครับพี่เซม” เสียงทักคุ้นหูดังมาจากร่างเล็กที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานประจำ

ผมปิดประตูเบามือพลันแสร้งตีหน้าแย้มยิ้มทักทายแทนการพูด ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อสังเกตว่าในห้องนี้ไม่ได้มีแค่ผมกับดิวเพียงลำพัง

ผมก้มหัวให้หญิงวัยกลางคนที่ดูท่าจะเป็นคนไข้ของดิวแล้วยิ้มเผื่อแผ่ให้อย่างมีไมตรีจิต

“คุณแม่ครับ นี่หมอเซม เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง เก่งอย่างหาตัวจับยากเลยล่ะครับ” ดิวลุกขึ้นยืนแล้วแนะนำผมให้กับหญิงคนนั้นรู้จัก เธอลุกขึ้น มองผมด้วยสายตาที่ปิดความชื่นชมไว้ไม่มิด

 “หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป แม่ฝากลูกชายแม่ด้วยนะคะหมอเซม”

ผมเลิกคิ้ว หันหน้าไปทางดิวหวังจะได้รับคำอธิบายเพิ่มเติม แต่ฝ่ายนั้นกลับส่งยิ้มให้เฉยๆ

 “ได้ครับ คุณแม่ไม่ต้องห่วง” ถึงจะไม่รู้เจตจำนงที่แน่ชัดของหญิงคนนี้ แต่ผมก็ตกปากรับคำออกไป การทำให้คนไข้หรือญาติคนไข้สบายใจก็ถือเป็นหน้าที่หนึ่งของหมอเช่นกัน

Trrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

เสียงริงโทนไม่คุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับมือเรียวของหญิงหนึ่งเดียวในห้องรีบกระวีกระวาดหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าถือที่คล้องแขนอยู่

“ฮัลโหล โทรมาทำไม หืม.. อะไรนะ ที่รถนะ แม่กำลังจะออกไปแล้ว ครับๆ”

ใช้เวลาไม่ถึงนาทีเธอก็คุยธุระเสร็จ มือเรียวยังคงถือโทรศัพท์ไว้ก่อนจะยิ้มขอโทษขอโพยผมกับดิวอีกครั้งก่อนจะขอตัวกลับก่อน

ผมสาวเท้าเปิดประตูให้เธอ ได้ยินเสียงเธอกล่าวขอบคุณเบาๆ ผมผงกหัวแล้วยิ้มให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปิดประตูแล้วเคลื่อนกายไปนั่งบนเก้าอี้ที่เธอนั่งเมื่อครู่

“มีเรื่องอะไรกัน”

ถามพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้นุ่มๆ เหยียดตัวในท่าสบายอย่างเป็นกันเอง เห็นดิวส่ายหน้าระอาเอือมกับพฤติกรรมของผมที่ดูต่างจากเมื่อครู่คนละขั้ว

ผมยักคิ้วอย่างไม่ยี่หระ คนเรา ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา

ประโยชน์ของหน้ากากคืออำพราง บางคนเรียนรู้ที่จะใช้มัน ทว่าบางคนตั้งแง่เดียดฉันท์ ค่อนแคะพวกสวมหน้ากากว่าไร้ความจริงใจ  ผมเรียนรู้ที่จะใช้มันมาตั้งแต่เด็ก แต่ผมก็รู้ตัวว่ายังทำได้ไม่ดีพอ ผมมักจะศูนย์เสียความเป็นตัวเองในทุกๆเรื่องที่มีมันเข้ามาเกี่ยว

“เรื่องอะไรน่ะเหรอ พี่ดูเองเถอะ” มันทิ้งตัวนั่งก่อนจะเลื่อนแฟ้มคนไข้มาตรงหน้าผม แล้วก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรยุกยิกบนกระดาษอีกแผ่น

ผมยกขาข้างหนึ่งพาดทับอีกข้าง รองเท้าหนังสีดำที่ใส่มาสะท้อนล้อแสงไฟ เงาดี สวย ผมเป็นคนพิถีพิถันเรื่องรองเท้า สารรูปเหนือตีนจะดูเกรอะกรังแค่ไหนผมไม่แคร์ แต่ตีนกูต้องดูดีตลอดเวลา

คนเรานี่ก็แปลก ชอบเหยียดคนอื่นต่ำกว่าตน เพียงเพราะตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก ที่อาจแต่งตัวซอมซ่อ มองหัวจรดตีน เป็นนิสัยเสียๆที่น่าเอาตีนฟาดปาก

ผมนั่งกระดิกเท้าก่อนจะหยิบแฟ้มคนไข้ขึ้นมา เปิดพลิกอ่านรายระเอียดคร่าวๆ ก่อนจะขมวดคิ้วแล้ววางแฟ้มไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม

“คนไข้คนนี้ ชื่อเล่นชื่อต้าหรือเปล่า?”

“หืม” ร่างเล็กครางเสียงสูงในลำคอ มือที่กำลังขยับไหวชะงักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผม

“พี่รู้จักน้องต้าเหรอ?”

“อืม” แสยะยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินคำที่ดิวใช้เรียกขานเด็กนั่น น้องต้า ฟังดูน่ารักน่าชังจังนะ

“ผมว่าน้องเขาน่ารักดี แต่ไม่รู้เกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงได้กลายเป็นแบบนี้ พี่ชายน้องเขาที่มาด้วยก็ดูแปลกๆ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า ท่าทางเขาเหมือนไม่อยากให้น้องชายตัวเองหาย”

ผมเอนหลังพิงเบาะฟังเสียงใสพร่ำไปเรื่อย ค่อยๆใช้สายตากวาดมองใบหน้าหวานที่แลคร่ำเคร่งกับคนไข้เคสนี้เกินเหตุแล้วก็อดขำไม่ได้

“ขำอะไรล่ะพี่ ผมจริงจังนะ อยากรักษาน้องให้หาย แต่อีกใจก็ไม่อยากให้น้องเขาหาย ถ้าจำได้ขึ้นมาก็คงจะน่าสงสารไม่น้อย”

ดิวก็อย่างนี้ล่ะครับ นิสัยตรงไปตรงมา ด้วยความที่เป็นรุ่นน้องคนสนิท ทำให้ผมรู้ว่าดิวเป็นคนยังไง ถึงได้ไว้ใจชักจูงให้รู้จักกับมัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็เหมือนจะดี

ไม่ว่าผลที่ได้จะเป็นในทิศทางไหน จะบวกหรือลบ ขอแค่ให้ยังอยู่ในสายตาผมก็พอแล้ว

“แล้วทางคนไข้ว่ายังไงล่ะ รักษาหรือเมินเฉย”

คำถามของผมก็เป็นคำถามธรรมดา แต่หน้าคนที่จะต้องตอบนี่คิ้วขมวดเป็นปม สีหน้าไม่สบายใจซะแล้ว

“ก็อย่างที่บอก พี่ชายไม่ยอมให้รักษา บอกว่ารอให้น้องพร้อมกว่านี้ก่อน แต่ตัวคุณแม่อยากให้รักษาเดี๋ยวนี้เลย ผมก็ไม่เห็นโทษอะไร ก็เลยปล่อยไป รอให้เขาพร้อมค่อยรักษาก็ยังไม่สาย” เจ้าตัวถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะพูดต่อ

“พี่ก็รู้ อาการอย่างนี้ ถึงไม่ได้รับการบำบัด ยังไงซะ เปอร์เซ็นต์ความทรงจำที่หายไปก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะกลับคืนมา แค่อยู่เฉยๆ และรอเวลา”

“อืมมม” ผมลากเสียงยาวในลำคอครุ่นคิดพลางดุนลิ้นดันกระพุ้งแก้มเล่น

“พี่เซม...” เสียงเรียกผะแผ่ว นัยน์ตาหลุบต่ำมองปลายนิ้วตัวเองที่มีปากกาด้ามเรียวเคลื่อนไหวไปมา

“หืม”

“พี่จิมเป็นยังไงบ้าง”

ผมลอบยิ้มเพียงนิดแล้วตีหน้านิ่งเรียบดังเดิม

“พี่เองก็ไม่ได้ติดต่อมันมาสองสามวันแล้ว อยากรู้ก็ไปหาสิ”

ถ้าเป็นดิว ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว เพราะยังไงซะ มันก็ไม่มีทางหวั่นไหว

“ไม่ไปหรอก เดี๋ยวโดนไล่กลับมา พี่จิมดุ” ใบหน้าหวานมุ่ยลง ก่อนจะถอนหายใจพรืดใหญ่ ผมทิ้งขาลงวางบนพื้นก่อนจะเอื้อมตัวไปข้างหน้า บีบจมูกอีกคนแล้วส่ายไปมาอย่างเอ็นดู หึ

“มันเจ็บนะพี่เซม!!” คนตัวเล็กตวาดแหว มือขาวยกขึ้นจับมือผมจะดึงออก ใบหน้าหวานๆนั่นก็บึ้งหนักยิ่งกว่าเดิม ปากเบะ คิ้วขมวดจนยิ่งดูน่าแกล้งเข้าไปใหญ่

“พอๆๆๆ พอแล้ว ไม่เล่นแล้ว! ปล่อยผมนะ!!” มันตวัดตาขึ้นจ้องผมอย่างดุๆ และยิ่งทอประกายเขียวยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากผม

ผมขมวดคิ้วกลืนเสียงหัวเราะลงคอฉับพลันเมื่อปลายนิ้วเรียวจิกลงบนหลังมือผม   ถึงแม้จะไม่มีเล็บ แต่มันก็สร้างความเจ็บให้ผมได้ไม่น้อย

ผมกัดฟันข่มอารมณ์ ดึงมือกลับแล้วถอยกายทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง ก่อนจะยกมือข้างที่โดนข่วนขึ้นดู เห็นรอยแดงเป็นทางยาวชัดเจน ผมใช้ปลายนิ้วไล้แผ่วเบา

ดีแล้วที่ถอยออกมาทัน  หากปล่อยให้มันทำผมเจ็บมากกว่านี้  ผมกลัวจะอดใจไม่ไหว จนเผลอพลั้งมือทำให้ผนังห้องสีขาวสะอาดตาเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบแดงฉาน หึ!

“เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง” เสียงใสบ่นอุบ มือขาวก็ลูบจมูกตัวเองป้อยๆ

“อะ...อ้าว จะไปแล้วเหรอพี่” ละมือออกจากจมูกพลันกระวีกระวาดลุกขึ้นทันทีที่เห็นผมลุกขึ้นยืนจะเดินออกจากห้อง

“อืม มีธุระน่ะ”

ผมปิดประตูห้องเบามือก่อนจะเดินออกจากโรงพยาบาล แล้วล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขที่จำได้ขึ้นใจ

ธุระที่ว่าก็แค่ยกมาอ้าง

ไม่รู้จะนั่งต่อไปทำไม ในเมื่อสิ่งที่อยากรู้ก็ได้รู้หมดแล้ว

ผมกดปุ่มโทรออกแล้วยกมันขึ้นแนบหู ฟังเสียงสัญญาณรอสายอย่างใจเย็น

ตรู๊ด.. ตรู๊ดด ...ต

เสียงน่ารำคาญขาดหายไป ความเงียบเข้ามาแทนที่

กวนตีนกูอีกไง รับแล้วเสือกไม่พูด

ผมหัวเราะหึเสียงดังจงใจให้ปลายสายได้ยิน แค่นึกถึงสีหน้ามันก็ทำให้ผมยิ้มได้แล้ว

ผมยังคงสาวเท้าเดินต่อไปยังที่จอดรถที่อยู่ไม่ไกล ใช้เวลาไม่นานก็ถึง ผมหยุดยืนอยู่ข้างรถสีดำคันเก่ง มืออีกข้างควานหากุญแจในกระเป๋ากางเกง

“ไง นึกว่าจะไม่รับสายกูซะแล้ว”

“...”

“ให้ทาย วันนี้กูเจอใคร”

“...”

หึ เงียบได้เงียบไป

“กูเจอไอ้ต้า”

“ที่ไหน”

เผลอกำโทรศัพท์แน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัวเมื่อเสียงปลายสายตอบกลับมาแทบจะทันที มือที่กำลังเสียบกุญแจชะงักเพียงนิดก่อนจะไขต่อ

“อยากรู้ขนาดนั้นเลย?” เย้าแหย่กวนอารมณ์มันอีกหน่อย ก็อย่างที่บอก การได้เล่นกับอารมณ์ของมันถือเป็นความบันเทิงของผม

“กวนตีน”

ตรู๊ด.. ตรู๊ดด

“หึ” ผมแสยะยิ้มเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายวางสายไปแล้ว

เสียงที่ไม่ได้ยินมานานสองวันนับแต่ที่ผมปล่อยไอ้เด็กนั่นไป

ตอนแรกก็แค่เอะใจที่มันโทรให้ผมไปเฝ้าไข้

ถึงไม่ได้เห็นหน้า ได้ยินแต่เสียงที่พูดผ่านโทรศัพท์ ผมก็รับรู้ได้ว่าอะไรบางอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว

 

ผมเป็นคนฉุดมันขึ้นจากนรก  นับตั้งแต่วันนั้น มันเป็นของผม

ต่อให้มันแดดิ้นอยู่แทบเท้า ผมก็ไม่มีวันยอมให้มันหลุดจากบ่วงนี้ไปได้

ไม่มีวัน...

 

______________________________________

 

TALK:: เรื่องนี้มัน...”อาร์ต” มาก! ถ้าสื่อออกมาได้ไม่ดีต้องขออภัยด้วยนะคะ
อ่านเม้นท์แล้วยิ้มแก้มปริ
เห็นมีคนถามถึงพี่จิม ...พาร์ทนี้พี่จิมก็มีบทนะ 5555555555555555555555
พาร์ทนี้ถ้าอ่านดีๆ จะได้รู้อะไรบางอย่าง

เห็นมีคนถามถึงคนที่กระโดดน้ำ ที่โผล่มาในพาร์ท "ของเล่น"
ตอนนี้กำลังเขียนเรื่องของพี่แซมกับเด็กคนนั้นค่ะ ชื่อเรื่อง REVENGE รอก่อนนะะะะ  :-[

พบกันใหม่ตอนหน้าน้าาาาาาา  :bye2:
PS. พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้ว  :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 18 หน้ากาก [2/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 02-06-2013 21:34:20
^
^
^
อั๊ยยะ
จะจิ้มทันไหม

........................

อ่านตอนนี้แล้วพี่จิมดูลึกลับ ร้ายลึก เจ้าเล่ห์ยังไงไม่รู้
สุดท้ายเรื่องราวจะจบยังไงยังคงเป็นปริศนารอวันคนเขียนไขข้อข้องใจ
จะรออ่านตอนต่อไปค่าาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 18 หน้ากาก [2/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: heroza ที่ 02-06-2013 22:24:47
เรื่องนี้ สับสน ได้อีก..........................  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 18 หน้ากาก [2/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: august_may ที่ 02-06-2013 23:04:03
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกเหมือนพี่หมอกับพี่จิมมีซัมติงอะไรบางอย่าง ฮ่าๆๆ เอ๊ะ ยังไง
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 18 หน้ากาก [2/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 02-06-2013 23:36:17
พี่แซมโรคจิตสุด
เป็นหมอสมองเลยชอบเล่นกับสมองคนเหรอ

คนเขียนสู้ๆจ้า
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 18 หน้ากาก [2/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: VICcy ที่ 03-06-2013 18:54:13
ปริศนาเยอะจังเรื่องนี้:-(:-(
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 18 หน้ากาก [2/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: koronekojung ที่ 03-06-2013 21:50:37
หงะ  แอบงง พี่หมอมีซัมติงไรป่ะเนี่ย ??
อยากอ่านต่อแล้วๆ
เป็นกำลังใจให้ค่ะๆ

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 18 หน้ากาก [2/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: viper7123 ที่ 03-06-2013 21:55:36
ดูลึกลับได่อีกอ่ะ..........................



เหมือนมีอะไรแอบแฝง คึคึ


 o13
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 18 หน้ากาก [2/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 03-06-2013 22:15:07
คิดว่า พี่จิมจะไม่โผล่มาซะและ

เรื่องนี้พี่ เซม ดูจิตสุดนะ 5555555
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 18 หน้ากาก [2/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 04-06-2013 10:49:36
 :ling2:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 18 หน้ากาก [2/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 04-06-2013 20:08:03
เปิดเทอมแล้วคนเขียนก็หายไปหนึ่งวัน
แอบแว๊บมาจี้เอวคนเขียนให้มาต่อ
เค้าค้างอย่างแรง T^T
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 18 หน้ากาก [2/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 04-06-2013 20:53:27
จะเป็นไงต่อละทีนี้
จะตามน้องต้ากลับว่างั้น (น้องไม่ยอมไปหรอก)  o3
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 18 หน้ากาก [2/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Kanyanat ที่ 04-06-2013 22:29:57
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai1: :katai1:
ลุ้นๆๆๆ อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 18 หน้ากาก [2/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 05-06-2013 10:33:04
ใครคือพระเอก!!!  :really2:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 18 หน้ากาก [2/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 05-06-2013 11:32:29
ความสัมพันธ์ุมะรุมมะตุ้มดีแท้..
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 19 ง๊องแง๊ง [5/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 05-06-2013 20:13:27
ตอนที่ 19 ง๊องแง๊ง

ผมนั่งเอนหลังพิงเบาะ พลางทอดสายตามองวิวข้างถนนที่รถวิ่งผ่าน คิ้วขมวดเป็นปมกลางหน้าผากอย่างคิดไม่ตก

ผมยังความจำดีอยู่นะ นั่น พี่หมอแน่ๆ ผมมั่นใจ

แล้วผมก็มั่นใจด้วยว่าพี่หมอเห็นผม ยังมองสบตากันอยู่เลย แต่ทำไมไม่หยุดเดิน ทำไมไม่ทักผมล่ะ

ริมฝีปากเบะออกน้อยๆ ด้วยความน้อยใจก่อนจะเบิกตากว้างพลันยื่นหน้าจนติดกระจก หมุนกายปีนขึ้นเบาะ มองห้างสรรพสินค้าผ่านกระจกหลังที่ค่อยๆไกลออกไปก่อนจะหันกลับมาแล้วแทรกตัวเข้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างเบาะตอนหน้าทั้งสองของรถ

“เตอร์ ช็อกโกแลตล่ะ” ผมทวงถาม เพิ่งผ่านห้างไปเมื่อกี้ เตอร์รับปากแล้วว่าจะพาไปซื้อ แล้วทำไมไม่จอด

“ห๊ะ...อ่อ..” หลังออกจากโรงพยาบาลเตอร์ก็ดูลอยๆ เหมือนคนสติไม่อยู่กับตัว

ใบหน้าคมคายหันมามองแวบหนึ่ง ก่อนจะตบไฟเลี้ยวบังคับรถเบี่ยงไปเลนส์ขวาจะยูเทิร์น

“ช็อกโกแลตอะไรกัน นี่จะไปไหนตาเตอร์ กลับบ้านได้แล้ว วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน นี่ก็ใกล้เย็นแล้ว แม่จะกลับไปเตรียมอาหาร” แม่พูดขัดขึ้น เตอร์ชะลอความเร็ว แล้วตัดสินใจหักพวงมาลัยเบี่ยงไปทางซ้ายเข้าเลนส์เดิมแล้วมุ่งตรงไปข้างหน้า ทางกลับบ้าน

ผมหน้าหงอยถอยกลับไปนั่งซุกเบาะด้านหลังพลางเอนตัวพิงประตูรถ ทอดสายตามองวิวนอกกระจกด้วยความน้อยใจ

“น้องต้า กลับบ้านกันก่อนนะ เดี๋ยวตอนเย็นค่อยให้เตอร์พาออกมาซื้อ” แม่เอี้ยวตัวหันมาพูด ผมเงยหน้ามองก็เห็นรอยยิ้มใจดี

แม่พูดมาขนาดนี้ ใครล่ะจะกล้าขัด ก็ได้แต่ตอบรับออกไป

“คร้าบ”

 

ใช้เวลาไม่นานก็ถึงบ้าน แม่เปิดประตูแล้วตรงเข้าไปข้างใน คงจะไปทำกับข้าวสำหรับมื้อเย็น

ผมรีบลงจากรถแล้วฉวยเปิดประตูฝั่งคนขับที่เตอร์ยังนั่งเฉย คนตัวสูงหันมาเลิกคิ้วใส่ ผมก็แจกยิ้มกว้างพลางฉุดมือหนาแล้วลากให้ไปยังสวนหลังบ้านด้วยกัน

“เดี๋ยวๆ ยังไม่ไปตอนนี้ ตอนเย็นค่อยไป”

“แต่ต้าจะไปตอนนี้ จะไปเล่นกับหมูปิ้ง วันก่อนๆหมูปิ้งออกลูก เร็วๆ จะพาไปดู” ผมยังดึงดันลากต่อ แต่.. ทำไมไม่ขยับเล่า!!

“ตอนเย็นนะ พี่เหนื่อย” พูดพร้อมกับหันหลังจะเดินเข้าบ้าน สะบัดมือผมทิ้งด้วย!!

ผมกัดฟันกรอด รีบวิ่งไปดักหน้า

“ไหนบอกจะตามใจไง!”

ใครกันที่บอกว่าถ้ายอมไปโรงพยาบาลจะยอมทำตามทุกอย่างที่ขอ นี่แค่ข้อแรกก็ขัดใจกันแล้ว!!

โกหก!!!

“เอาไว้ตอนเย็นนะ” มือหนาขยี้หัวผมแรงๆก่อนจูงมือผมจะพาเดินเข้าบ้านไปด้วยกัน แต่ผมกลับสะบัดมือหนาทิ้ง

“ไม่เอา จะไปตอนนี้ อยากไป” ผมยกมือสองข้างขึ้นกอดอก ยืนยันความตั้งใจเดิม

“ต้าอย่าดื้อ” เสียงทุ้มกดต่ำ คิ้วเข้มขมวดเป็นปมกลางหน้าผาก

“จะไป”

“เหนื่อย”

สิ้นเสียง เตอร์ก็หมุนตัวเดินหนีผมเข้าบ้านไปทันที ผมเลิ่กลั่กไม่คิดว่าเตอร์จะใช้ไม้นี้รีบวิ่งไปดักหน้าแล้วกางแขนออกกั้นไม่ให้ร่างสูงเดินต่อได้

“จะไปหาหมูปิ้ง”

“ต้าก็ไปสิ”

“แต่เตอร์รับปากแล้วว่าจะทำตามทุกอย่างที่ต้าขอ แล้วขัดใจทำไม ก็ไหนรับปากแล้วไง!!” ผมเบะปากเถียงคอเป็นเอ็น

“ต้า พูดให้รู้เรื่อง!”

“ดุ!!!” ผมลดมือลงแนบลำตัวแล้วกำแน่น มองเตอร์ด้วยสายตาตัดพ้อ

“เตอร์ไม่ได้ดุ” เตอร์พูดเสียงเรียบพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้

“เตอร์ดุ! ว่าต้าว่าพูดไม่รู้เรื่อง” ผมเบะปากเถียงอย่างไม่ยอมแพ้

ผมพูดไม่รู้เรื่องตรงไหน เตอร์นั่นล่ะพูดไม่รู้เรื่อง ก็เตอร์รับปากเองจะทำตามทุกอย่างที่ขอ แล้วทำไมๆๆๆ แค่ไปหาหมูปิ้งเอง

มือสองข้างยิ่งกำแน่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจของร่างสูง ดวงตาเรียวคู่นั้นผละจากผมแล้วเบือนหันไปทางอื่น

นี่เมินผมเหรอ.. เตอร์เมินต้าเหรอ!?

ผมกัดปากตัวเองแน่น เตอร์เงียบไม่พูดอะไรต่อ ผมเองก็เงียบ

บรรยากาศรอบด้านเงียบจนได้ยินเสียงลมหวีดหวิว ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ยิ่งใจไม่ดีมากเท่านั้น

ไม่เอา.. ไม่ให้เมินนะ

รู้เลยว่ามือตัวเองสั่นตอนที่ยื่นออกไปกำชายเสื้อเตอร์ กำไว้แน่นกันไม่ให้เตอร์เดินหนี

ผมขยับไปใกล้เตอร์อีกนิด เตอร์ก็ยังไม่หันมา ผมเลยเปลี่ยนจากกำชายเสื้อไปจับแขนหนาแล้วกระตุกเบาๆ แต่ใบหน้าคมคายก็ไม่ก้มมามองกันเลย

ตอนแรกก็แค่อยากเอาชนะ อยากให้เตอร์ยอมลงให้

แต่ตอนนี้.. เริ่มน้อยใจแล้วนะ

ต้าผิดอะไร ก็แค่อยากไปดูหมูปิ้ง

ถ้าเตอร์ไม่ยอมลง ต้า..จะยอมเองก็ได้

ยกนี้ให้เตอร์ชนะก็ได้

“เตอร์” ผมเรียกเสียงเบาแล้วเงยมองคนที่สูงกว่า แต่ดวงตาคู่นั้นก็ยังเบือนมองไปทางอื่นอย่างไม่ไยดี

ผมหันไปมองรอบตัวอยากรู้ว่าเตอร์มองอะไร แต่มองๆไปก็ไม่เห็นจะมีอะไร มีแต่ท้องฟ้า บ้าน ดิน แล้วก็ต้นไม้

ผมเบะปากบีบแขนเตอร์แรงกว่าการจับปกติเพื่อเรียกร้องความสนใจ

อยู่กับผมต้องมองผมสิ มองอะไรต้นไม้ใบหญ้า ก็รู้ว่ามองสีเขียวๆแล้วสบายตา แต่มองผมแล้วสบายใจกว่าแน่ๆ

ผมปล่อยมือจากแขนหนาแล้วใช้สองมือประคองใบหน้าคมคายบังคับให้มองตรงแล้วกดต่ำให้สายตาคู่นั้นประสานกับผม

ผมคลี่ยิ้มกล้าๆกลัวๆ ก่อนจะยิ้มด้วยความมั่นใจมากขึ้นเมื่อนัยน์ตาของอีกคนไม่ทอประกายกร้าวแล้ว

“ไปดูหมูปิ้งกันนะ” พูบจบก็ยิ้มหวานๆให้อีกรอบแถมท้ายด้วยการบีบแก้มเตอร์เล่นก่อนจะจับใบหน้าคมคายพยักขึ้นลง

“เย้ๆ ตกลงแล้วนะ ป่ะ ไปดูหมูปิ้งกัน” พูดเองเออเองเสร็จ ผมก็โลดเต้นแล้วจับมือหนาออกแรงลากให้เดินไปด้วยกันทันที

ผมยอมพูดกับเตอร์ก่อน แต่เรื่องที่จะไปดูหมูปิ้งไม่ยอมหรอกนะ ยังไงๆก็จะไป

ผมออกแรงลาก ลากคนตัวโต ..เหนื่อยอ่ะ! ทำไมไม่ขยับอีกเล่า!!!

“พี่เหนื่อย ขอนอนงีบนึงแล้วตอนเย็นจะเล่นด้วย ตกลงมั้ยครับ” เตอร์ขืนกายแล้วดึงมือผมให้หยุดเดินพลางจับไหล่ผมหมุนให้หันมาเผชิญหน้ากัน มือหนาลูบหัวผมเบาๆเหมือนจะเกลี้ยกล่อมให้คล้อยตาม

ผมเบะปากดึงมือเตอร์ออกจากหัวแล้วจับไว้

“ไม่เอา จะเล่นตอนนี้ จะไปดูหมูปิ้ง” ผมกระตุกแขนแกร่งเบาๆ ให้เตอร์ใจอ่อน

“แต่พี่เหนื่อย” คิ้วเตอร์ยิ่งขมวดเป็นปม สีหน้าเริ่มส่อแววรำคาญ

“อยากไป” ผมพูดเสียงอ่อย บีบแขนหนาแรงขึ้นกว่าการจับปกติ

คราวนี้เตอร์เงียบไม่พูดอะไรเอาแต่มองหน้าผมนิ่งๆ

ทำไมไม่ตามใจเหมือนทุกที.. ปกติแค่ผมบอกอยากได้อะไรเตอร์ก็หามาให้แล้ว แล้วทำไมตอนนี้.. ทำไมตอนนี้ถึงขัดใจกัน

รู้สึกขอบตาร้อนผ่าวด้วยหยาดน้ำใสที่คลอหน่วย

ผมเข้าใจนะว่าเตอร์เหนื่อย แต่ผมก็แค่อยากถูกตามใจ

ผมกัดริมฝีปากแน่นเมื่อเตอร์ใช้ปลายนิ้วลูบแก้มผมเบาๆ

“ไม่เอา อย่าร้องนะ อยากไปดูหมูปิ้งใช่มั้ย?” ผมก้มหน้านิ่งไม่มองใบหน้าคมคายที่ระบายยิ้มอ่อนโยน

“ไปก็ไปครับ” เตอร์ยีหัวผมอีกทีแล้วจูงมือพาเดินไปหลังบ้าน แต่เป็นผมเองที่ไม่เดินตามและดึงมือหนารั้งไว้

“อ้าว ทำไมล่ะ ไม่อยากไปแล้วเหรอหืม” เตอร์หยุดเดินแล้วหันมามอง ผมส่ายหน้าไปมา

“เตอร์เหนื่อย” สิ้นเสียงผมเสียงหัวเราะทุ้มต่ำก็ดังขึ้นแทบจะทันที

“ขำอะไร”  ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าเตอร์หัวเราะอะไร

“เปล่าๆ ตอนนี้ไม่เหนื่อยแล้ว ยังอยากไปอยู่มั้ยล่ะเรา” มือหนาโยกหัวผมไปมาด้วยใบหน้ายิ้มๆ

“ไม่อยากไปแล้ว” พูดพร้อมกับกางแขนออก เตอร์มองท่าทางผมแล้วเลิกคิ้วสงสัย

“เตอร์หันหลังแล้วนั่งลง จะขี่หลัง” ผมออกคำสั่งซึ่งเตอร์ก็ยอมทำตามง่ายๆ

ผมยิ้มออกนิดๆที่เห็นว่าเตอร์ตามใจ จึงโถมตัวเกาะหลังเตอร์โดยใช้สองมือพาดกอดลำคอแกร่งแล้วจับกันไว้หลวมๆ เตอร์เองก็เอื้อมมือมาด้านหลังแล้วรองก้นผมไว้ก่อนจะลุกขึ้นช้าๆ

“พอใจหรือยัง” เตอร์หันหน้ามาถาม ผมยิ้มกว้างจนตาหยีแล้วกระชับกอดเตอร์แน่นพร้อมพยักหน้าประกอบ

“ออกเดินเลยยย” ว่าพร้อมกับกระตุกขาที่ล็อกเอวหนาไว้ให้เตอร์ออกเดิน

“จะไปไหนล่ะครับนายน้อย”

“ขึ้นห้องๆ เตอร์เหนื่อยไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวต้ากล่อมนะ” สิ้นเสียงผมเตอร์ก็หัวเราะอีกระลอกก่อนจะกระชับผมที่อยู่บนหลังให้แน่นขึ้นกันร่วงแล้วเดินเข้าบ้าน

แม่ที่กำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่ในครัวหันมาเห็นพอดีก็ส่ายหัวเบาๆ

“นั่นจะไปไหนกัน” แม่ถามโดยที่มือหนึ่งถือตะหลิวอยู่

“เตอร์ง่วง จะพาเตอร์ไปนอน” ผมยิ้มตาหยีแล้วกระชับเตอร์แน่นขึ้น

“นอนอะไรป่านนี้ มาช่วยแม่เตรียมกับข้าวก่อนเลยทั้งสองคน กินข้าวเย็นเสร็จแล้วค่อยไปนอน” พูดจบแม่ก็หันไปผัดของในกระทะต่อ เตอร์หันมามองหน้าผม ผมเบะปากแต่ก็ยอมลงจากหลังเตอร์แล้ววิ่งเข้าครัวไปเป็นลูกมือแม่

ก็สนุกไปอีกแบบ

 .

ผมนอนตีพุงอยู่ในห้องเตอร์หลังจากอาบน้ำเสร็จ นอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวพลางคว้าเจ้าเป็ดตัวขาวปากเหลืองมากอดฟัด อาหารมื้อเย็นวันนี้ที่เพิ่งจบลง  ทำให้ผม.. มีความสุขมากๆเลย

ทุกคนในบ้านกินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อก็เล่าเรื่องดอกไม้ให้ฟัง ตอนนี้พ่อกำลังจะเพาะพันธ์กล้วยไม้ ดูพ่อสนุกมากเลย ผมถามถึงหมูปิ้งว่าเป็นยังไงบ้าง พ่อก็บอกตอนนี้กำลังท้อง มันทำให้ผมแปลกใจมาก

หมูปิ้งนี่อึดและถึกมากๆเลยนะ ผมจำได้ว่าวันก่อนๆๆๆเพิ่งจะออกลูกเอง ตอนนี้ท้องอีกแล้ว มันไม่เจ็บเหรอ?

ผมอ้าปากงับปากเป็ดเบาๆแล้วจ้องตากับเป็ด หัวใจพองฟูด้วยความสุข

คืนนี้จะนอนกับเตอร์ ไม่รู้ทำไมเมื่อวานก็เจอหน้ากัน วันนี้ก็เจอหน้าตั้งแต่เช้า แต่ก็ยังอยากกอด  คิดถึง คิดถึงมากๆๆๆๆ  คืนนี้จะนอนกอดเตอร์ให้หนำใจเลย!!

เสียงน้ำในห้องน้ำหยุดลง สงสัยเตอร์จะอาบเสร็จแล้ว

ผมใช้เท้าเขี่ยผ้าห่มปลายเตียงแล้วใช้มือคลี่ออกก่อนจะเอามาคลุมกาย ขยับตัวนอนตะแคงแล้วจ้องคนที่กำลังเดินออกจากห้องน้ำในสภาพเปลือยท่อนบน หยดน้ำพร่างพราวเกาะตามลำตัว แขน และขาที่โผล่เลยผ้าขนหนูที่พันรอบเอว

เตอร์หันมาสบตาผม คิ้วเข้มเลิกสูงด้วยความสงสัยก่อนจะเปิดตู้หยิบเสื้อกล้ามกับกางเกงขายาวมาสวม

“ทำไมไม่นอนห้องตัวเอง” พูดพร้อมกับเดินมาทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง มือหนายื้อยุดจะดึงเป็ดออก แต่ผมกอดไว้แน่น!

“จะนอนห้องนี้” ผมขมวดคิ้วอยากจะตีมือหนาให้เลิกดึงเป็ดสักที 

“นอนทำไม ไปนอนห้องตัวเองสิ”

นี่ไล่เหรอ!?

ใจร้ายมาก

ผมขบเคี้ยวเขี้ยวฟันยื่นหน้าจะกัดข้อมือหนาแต่เหมือนเตอร์รู้ทันใช้มืออีกข้างดันหน้าผมให้ออกไปห่างๆ

“ปล่อยนะ!!”

มือผมก็ยังกอดเป็ดแน่นพลางสะบัดหัวไปมาจะให้หลุดพ้นจากการกระทำนี้ ผมงอตัวแล้วใช้ขาถีบๆคนตัวโตกว่าอย่างไม่ยอมแพ้

“กลับห้องไปเลย จะนอนคนเดียว”

เมื่อวานผมก็นอนคนเดียวแล้วนะ! วันนี้ยังไงๆก็ไม่ยอมเด็ดขาด

“ไม่เอา!!” ผมปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมกับพยายามดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง

แล้วก็สำเร็จ ผมนั่งจ้องเตอร์ตาเขียว

“เตอร์ติดสัญญากับต้าอยู่ ต้าจะนอนห้องนี้ จะนอนกับเตอร์ทุกวัน! ห้ามปฏิเสธด้วย”

ผมกอดเป็ดแน่น พูดรัวเร็วกลัวเตอร์พูดแทรก

เตอร์ยักไหล่ก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วดึงผ้าห่มไปห่มคนเดียว ผมขมวดคิ้วเบ้หน้า ทิ้งตัวลงนอนข้างๆแล้วกลิ้งตัวไปใกล้เตอร์

“ห่มด้วย”

มือผมกอดตุ๊กตา ขาผมก่ายไปบนตัวเตอร์ แต่ปากผมกัดอยู่บนไหล่แกร่ง

เตอร์หัวเราะหึในลำคอก่อนจะดันหน้าผมออกแล้วจับขาผมวางลงกับเตียงพลางคลี่ผ้าห่มคลุมกายเราสองคน

“ไม่เล่นแล้ว นอนได้แล้วครับ เป็นเด็กอย่านอนดึก”

ผมยังจ้องหน้าเตอร์ ยังไม่อยากนอน

เตอร์ส่ายหัวไปมา มือหนาดึงตัวผมไปกอดพลางลูบหัวเบาๆ

ผมกอดเป็ด เตอร์กอดผม เป็ดกอดเตอร์ ผมหลับตาลงช้าๆอมยิ้มมุมปาก

“ฝันดีครับ”

ทันทีที่สิ้นเสียงทุ้ม ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสนุ่มนวลที่ประทับกลางหน้าผาก ผมกอดน้องเป็ดแน่นกว่าเดิมแล้วคลี่ยิ้มอย่างเป็นสุข

คืนนี้ผมว่าผมคงนอนหลับฝันดีแน่ๆ

 

 

______________________________________________________

 

TALK :: มาแล้ววววววววววววว คิดถึงกันม้ายยยย  :hao5:
ดีใจจจ มีนักอ่านมาทวงด้วย  :-[
เปิดเทอมมาสามวันก็... คาดเดาอนาคตได้เลยว่าจะมีสภาพยังไง 5555555
ช่วงนี้ฝนตก อย่าลืมพกร่ม แล้วก็ดูแลสุขภาพกันด้วยน้า ห่วงๆ
เจอกันใหม่พาร์ทหน้าจ้า  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 19 ง๊องแง๊ง [5/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 05-06-2013 20:37:21
ต้าดื้อมากๆ เตอร์โกรธเข้าจะตีซ้ำให้้  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 19 ง๊องแง๊ง [5/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: heroza ที่ 05-06-2013 20:53:34
ต้ากับเตอร์ น่ารักมากกกกกกก การกระทำของน้องต้าทีีทำกับพี่เตอร์นี่ช่วนใจเต้นแรงจริงๆ  :hao7: :hao7:

แต่อารมณ์น่ารักๆหวานๆ จะอยู่อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ :ling3:

ปล.คนแต่งก็ดูแลสุขภาพด้วยเช่นกันนะ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 19 ง๊องแง๊ง [5/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 05-06-2013 21:26:33
ต้าเอาแต่ใจสุดๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 19 ง๊องแง๊ง [5/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 05-06-2013 21:27:21
ต้าเอาแต่ใจสุดๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 19 ง๊องแง๊ง [5/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 05-06-2013 22:58:31
หลังจากต้าหลับ คงไม่ใช่สัมผัสนุ่มนวลที่ประทับกลางหน้าผากเท่านั้น
แต่เลยมายังริมฝีปากนุ่มนิ่มด้วยอ่ะดิ ใช่ป่ะ

แต่ต้าดื้อจริงๆ -o-
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 19 ง๊องแง๊ง [5/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: viper7123 ที่ 06-06-2013 15:38:45
เอาแต่ใจ แต่ก็น่ารัก............. :mew1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 19 ง๊องแง๊ง [5/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 06-06-2013 16:28:21
ต้าเอาแต่ใจ
แต่เตอร์ก็ใช้อารมณ์มากไป
เฮ่อ! สรุป พี่จิมอยู่ไหนอ่าาาาาา (เกี่ยวไหมนั่น?)
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 19 ง๊องแง๊ง [5/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Minerva ที่ 06-06-2013 17:00:50
ต๊ายยยยยย
 ดูเตอร์ยังไม่ชินกับต้าเวอรืชั่นนี้สะนะ
ตามอารมณ์ไม่ทัน จากที่ระแวงๆ นิ่งๆ กลายเป็นอ้อนขนาดนี้ น่ารั๊คอ่ะ//ทำเสียงแบบโก๋ตี๋
ระวังเหอะต้าจะโดนอีกที   :haun4:
หมอเมินต้าอ่ะ งอน!!
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 19 ง๊องแง๊ง [5/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Damon ที่ 06-06-2013 18:27:23
 :laugh: ทำไมอิชั้นรู้สึกเหมือนเตอร์ได้แล้วไม่แคร์วะ? ต้าก็เออเร่อนะ เล่นเอาเวียนหัว 55

รอค่ะ แต่งมันมาก แต่ไมเอาจิมนะ มันจิตมาก
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 19 ง๊องแง๊ง [5/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 06-06-2013 18:37:18
ต้าดื้อมากกกก อยากตีสักเพี้ย พูดไม่รู้เรื่อง
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 19 ง๊องแง๊ง [5/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 06-06-2013 20:25:21
มาทำโมเอะมาก เดี๋ยวเตอร์ก็จับกด(อีกรอบ)หรอก
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 19 ง๊องแง๊ง [5/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 07-06-2013 01:38:03
หมอเซมเพื่อนรัก รักเพื่อนอ๊ะป่าวววววว  :hao6:  รสนิยมนี่มาโซนะยะ  :hao7:



น้องต้าาาาาาาาา  มาสู่อ้อมอกอ้อมใจ๋แม่ยกทั้งหลายนะลูกนะ   :กอด1: :L2: :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 19 ง๊องแง๊ง [5/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 07-06-2013 15:47:40
ถ้าความจำกลับมาจะกลายเป็นยังไงนะ
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 19 ง๊องแง๊ง [5/6/56] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 07-06-2013 19:44:05
พี่หมอนี่ กุมความลับทุกคนหมดเลยนะ ว่าแต่ดิวเนี่ย มีปมอะไรกับพี่หมอป่ะ แบบว่าเค้าสะดุด ไอ้คำว่า

"ถ้าเป็นดิว ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว เพราะยังไงซะ มันก็ไม่มีทางหวั่นไหว"

มันในที่นี้ คือ ดิว ?? เพราะถ้าเป็นจิม เค้าไม่สงสัยว่า ทำไมมันไม่หวั่นไหว

แต่ถ้าเป็นดิว ...  อิพี่หมอแกต้อง ซัมอะไะกับดิวมากกว่า รุ่นน้องคนสนิทแน่ๆ


แต่ยังไงเค้าก็รอคนแต่งนะ แบบว่า ถึงเนื้อเรื่องมันจะรันทดโหดร้าย S มันจะจูงมือมาพร้อม M เค้าก็รับได้เค้าไหว เค้าชอบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 20 ง๊องแง๊ง [8/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 08-06-2013 13:29:09
ตอนที่ 20 อาบน้ำ

นับตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลนี่ก็ผ่านมาสองวันแล้ว รู้สึกว่าชีวิตวนไปวนมาเวียนเป็นวัฎจักร ตื่นเช้ามาอาบน้ำแปรงฟัน กินข้าว เล่นกับเตอร์ เผลอแป๊บเดียวฟ้าก็มืดได้เวลาอาบน้ำอีกรอบ แล้วก็นอน

ก่อนนอนจะทะเลาะกับเตอร์ทุกวัน ก็เตอร์ชอบไล่ผมให้กลับไปนอนห้องตัวเอง แต่คนไม่ไปซะอย่าง อยากไล่ก็ไล่ไป ไม่สนหรอก

เหตุการณ์เป็นอย่างนี้ซ้ำๆ แต่ที่บ่นไม่ใช่ว่าผมไม่มีความสุขนะ มีความสุขสุดๆเลย  ถึงจะเบื่อไปบ้าง แต่ก็อยากให้เป็นอย่างนี้ทุกวัน ก่อนนอนเจอเตอร์ ตื่นเช้ามาก็เจอเตอร์เจอเป็ด ได้กินอาหารฝีมือพ่อกับแม่

พ่อผมก็ทำอาหารเก่งไม่แพ้แม่นะ อร่อยมากๆ เมื่อวานได้เข้าไปเล่นในสวนกับพ่อด้วย

วันนี้ผมก็ตามพ่อเข้าสวนอีก ไปตั้งแต่เช้าโดยไม่ลืมลากเตอร์กับแม่มาด้วย

ผมหยิบแซนวิสในกล่องที่แม่เตรียมมากัดกร้วม นั่งมองแม่กับพ่อกับเตอร์คุยกัน 

ทั้งสามคุยกันแต่เรื่องที่ผมไม่เข้าใจ ได้แต่มองคนนั้นทีคนนี้ที ปากก็แทะขนมปังไปด้วย  เมื่อไม่มีใครสนใจ ผมจึงแยกตัวออกมาแล้วตรงไปที่ชิงช้าที่พ่อทำให้

เล่นคนเดียวก็ได้

ทว่ายังเดินไม่ถึงดี สายตาก็สะดุดเข้ากับก้อนกลมๆที่นอนแผ่บนพื้นหญ้าเสียก่อน

รอยยิ้มจุดขึ้นที่มุมปาก ผมรีบรุดหน้าไปหามันแล้วนั่งยองๆมองใกล้ๆ 

มันเป็นหมาสีขาว หูสีน้ำตาล พุงพลุ้ยๆ

มันพลิกตัวนอนหมอบจ้องหน้าผมกลับพลางสะบัดหางไปมา ผมยื่นมือไปแตะหัวเล็กๆ มันก็แหงนหน้ามองตามแล้วกลิ้งตัวนอนหงายใช้ขาหน้าตะปบมือผม

ผมหัวเราะเบาๆรู้สึกจั๊กจี้มือข้างที่ถูกเลีย เสียงฝีเท้าหนักๆที่เดินมาข้างหลังทำให้ผมหันไปมอง

“นี่หมาใคร เลี้ยงได้มั้ย? มันน่ารัก”

เตอร์นั่งลงข้างๆผมแล้วยื่นมือไปลูบพุงพลุ้ยๆของหมาอ้วนกลม

“ลูกหมูปิ้ง”

คำตอบนั้นทำให้ผมหันไปมองหน้าเตอร์อย่างสงสัย

“ทำไมโตเร็ว”

ก็หมูปิ้งเพิ่งคลอดลูกวันก่อนๆๆเอง ทำไมวันนี้โตแล้ว หรือว่าเดี๋ยวนี้หมามีพัฒนาการก้าวกระโดด? 

“เมื่อไหร่เราจะเข้าใจอะไรสักทีหืม” มือหนาอีกข้างที่ไม่ได้จับหมายกขึ้นดีดหน้าผากผมดังเปรี้ยะ!

ผมยกมือลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ กำลังจะเอาคืน แต่ก็ต้องชะงักกับคำถามไม่มีปี่มีขลุ่ยที่คนตัวโตยิงมาเสียก่อน

“ตอนนี้พี่อายุเท่าไหร่?”

ผมใช้เวลานึกแป๊บนึงก่อนจะตอบ

“12 ..ใช่มั้ย”

เตอร์ยิ้มก่อนจะส่ายหน้า

“ตอนนี้พี่ 21 ครับ”

ผมเบ้ปากคิ้วขมวดชนกัน ทิ้งตัวนั่งขัดสมาธิบนพื้นหญ้าอย่างไม่กลัวเลอะ มือก็ลูบหัวหมาที่หลับตาพริ้ม ท่าทางจะเคลิ้ม

“ส่วนต้าก็ 18”

“9 ขวบ ไม่ใช่ 18”

เตอร์ถอนหายใจทันทีที่ผมเถียงกลับ  ใบหน้าคมคายดูกระอักกระอ่วน ทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง

 “ความจริงแล้วต้าอายุ 18 อยู่ม.6 ...ไม่ใช่ 9 ขวบอย่างที่คิด ต้ากำลังไม่สบาย” เตอร์หยุดพูดเพียงครู่ สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดต่อ “...พี่ขอโทษที่ทำให้ต้าเป็นอย่างนี้  ...แต่อีกไม่นาน เดี๋ยวน้องของพี่ก็หาย”

ท้ายประโยคเสียงทุ้มแผ่วเบา เตอร์หลุบตาต่ำไม่สบตาผม

ไม่ชอบเลยที่เตอร์เป็นแบบนี้

ผมยื่นสองมือประคองแก้มกร้านแล้วจับให้หันมามองหน้า

“ขอโทษทำไม เตอร์ไม่ได้ทำอะไรต้าสักหน่อย อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ”

เมื่อผมพูดจบ สีหน้าเตอร์กลับดูแย่ยิ่งกว่าเดิม

ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?

“โอ๋ๆ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ก็เตอร์บอกเองว่าไม่นานเดี๋ยวก็หาย  ต้าจะยอมให้หมอน่ารักฉีดยาก็ได้ จะได้หายเร็วๆ” ผมเบ้หน้า แค่คิดว่าจะถูกฉีดยาก็เจ็บจี๊ดๆแล้ว ถึงหมอน่ารักจะเคยบอกว่าไม่ต้องฉีด แค่นอนเฉยๆให้หมอรักษา แต่ผมไม่เชื่อหรอก หมอชอบโกหก

แต่ถ้าฉีดยาแล้วทำให้หายเร็ว ..ถ้าหายแล้วเตอร์ไม่ทำหน้าแบบเมื่อกี้อีก ผมยอมเจ็บก็ได้

ผมคลี่ยิ้มกว้างเมื่อเห็นรอยยิ้มเล็กๆที่ริมฝีปากหยักลึก

ผมชอบยิ้มแบบนี้ของเตอร์มากกว่าที่เตอร์ทำหน้าจะร้องไห้แบบเมื่อกี้

เอ๊ะ..

อะไรเล่า!?

ผมขมวดคิ้วจิ๊ปากอย่างขัดใจก่อนจะละมือออกจากแก้มเตอร์แล้วหันมามองไอ้ตัวที่กำลังแทะรองเท้าผมอยู่

มือที่กำลังจะยื่นไปบี้หูสีน้ำตาลของมันชะงักค้างเมื่อความคิดดีๆผุดเข้ามาในหัว

“เตอร์”

“หืม”

“อาบน้ำกัน”

เตอร์ตีสีหน้ายุ่งยาก  แต่ผมไม่รอให้คนตัวโตปฏิเสธ รีบออกคำสั่งทันที

“เตอร์ไปหยิบแชมพูมา เดี๋ยวต้าจะอุ้มพุงพลุ้ยไปเอง”

รู้สึกขัดใจที่เห็นเตอร์ยังนั่งเฉย

“เร็วๆสิ” เร่งไปอีกหน่อยเผื่อจะมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง คนตัวโตส่ายหัวไปมา คงจะเหนื่อยใจที่ผมหางานให้ทำ แต่ทำไงได้ ก็อยากอาบน้ำให้พุงพลุ้ย ดูสิ ตัวมอมแมมหมดแล้ว

ผมรู้ว่ามันก็คงรำคาญตัวไม่น้อยที่ขนขาวๆมีแต่คราบดิน คราบโคลน ขนาดผมแค่มอง ผมยังรำคาญเลย!

อยากกอดอยากฟัดนี่ อยากรู้ว่าหมาตัวเป็นๆจะนิ่มเท่าน้องเป็ดหรือเปล่า

ผมเบ้ปากก่อนจะยืนขึ้นแล้วฉุดมือหนาให้ลุกขึ้นตาม ผมออกแรงเย่อจนตัวโน้มไปด้านหลังโดยที่เท้ายังจิกพื้นแน่น เตอร์รีบดึงแขนผมไว้ด้วยกลัวผมจะล้มก้นจ้ำเบ้าก่อนจะยอมยืนขึ้นแต่โดยดี

“หาเรื่องซนได้ตลอด” มือหนาเขกหัวผมแรงๆหนึ่งทีก่อนจะเดินไปเตรียมอุปกรณ์

ผมยิ้มอย่างสมใจ แล้วนั่งยองๆจ้องตากับหมาตัวกลมที่มันก็นั่งมองผมแล้วแลบลิ้นแผล่บๆ

“อาบน้ำกันนะ” ยื่นนิ้วไปแตะจมูกมัน ซึ่งพุงพลุ้ยก็เงยหน้าขึ้นพยายามจะงับนิ้ว ผมรีบชักมือกลับ

ผมจะเรียกมันว่าพุงพลุ้ย ก็พุงมันใหญ่ พลุ้ยๆ เรียกอย่างนี้น่ารักดี

“อุ้มนะ” ผมบอกมัน ซึ่งเจ้าหมาตัวขาวหูน้ำตาลเอียงคอน้อยๆ ผมจะคิดว่านั่นคือคำตอบรับจากมันก็แล้วกัน

“อุ้มแล้วนะ ห้ามกัดด้วย!” ชี้นิ้วสั่งมันอีกครั้ง ซึ่งมันก็ยืนสองขาแล้วหมุนวนรอบตัว ผมหัวเราะอย่างถูกใจก่อนจะฉวยอุ้มลูกหมาขึ้นมา

หนักอ่ะ.. หนักพุงแน่เลย!

ผมอุ้มมันให้ไกลตัวเล็กน้อย ไม่ใช่ว่ารังเกียจนะ แค่ไม่ชอบ รอให้อาบน้ำตัวหอมฟุ้งก่อนเถอะ! จะกอดจะฟัดให้หนำใจเลย!! ตอนนี้ตัวมันเลอะ มีแต่คราบดิน ขนขาวๆก็ไม่น่าจับสักเท่าไหร่ แข็งกระด้างไปหมด  ไม่น่ารักเลย!

“โฮ่งง!”

หมาตัวกลมตะกายจะลงจากแขนผมเมื่อเดินผ่านโต๊ะที่พ่อกับแม่นั่งคุยกันอยู่  ผมรีบกระชับกอดมันแน่น ไม่กลัวเสื้อเลอะแล้ว ยังไงๆก็ไม่ปล่อยให้มันลงหรอก

ผมนิ่วหน้าเมื่อเริ่มรู้สึกเจ็บทั่วลำแขนเมื่อพุงพลุ้ยดิ้นไม่หยุด ตัวเล็กแค่นี้ทำไมแรงมันเยอะจัง!!

“อย่าดิ้นสิ!” เผลอพูดเสียงดังใส่อย่างอดไม่อยู่

สิ้นเสียงผม ก้อนกลมๆในอ้อมแขนก็ชะงักทันที มันก้มหน้าก้มตาเลียมือผมอย่างประจบ ผมยังหน้าบึ้งไม่หาย นี่ถ้าไม่เห็นว่าน่ารักจะตะกุยคืนให้เจ็บเลย!

“ไอ้แสบ นั่นจะทำอะไรน่ะ” เสียงพ่อดังขึ้น ทำให้ผมหันไปมอง นัยน์ตาหลังกรอบแว่นมองผมที มองพุงพลุ้ยที

ผมค่อยๆคลายคิ้วที่ขมวดเป็นปมกลางหน้าผากแล้วเดินไปหาพ่อกับแม่

“ต้ากับเตอร์จะอาบน้ำให้พลุ้ย ตัวมันเลอะ มันบอกว่าอยากอาบน้ำ ไม่สบายตัว” ผมพูดจ้อยๆ ทว่าตาก็มองไส้กรอกชิ้นพอดีคำที่วางบนโต๊ะ

ได้ยินเสียงแม่หัวเราะเบาๆแล้วก็มีไส้กรอกมาจ่อปาก

ผมอ้าปากงับไส้กรอกแล้วยิ้มตาหยีให้แม่แทนคำขอบคุณ

“โฮ่ง!”

พุงพลุ้ยเห่าเสียงดัง หันมามองผมที มองไส้กรอกทีตาละห้อย ลิ้นเล็กๆตวัดเลียรอบปากตัวเอง

“แม่ พลุ้ยหิว ป้อยพลุ้ยด้วยสิครับ” ผมพยักเพยิดไปยังไส้กรอกอันนั้น แม่ส่ายหัวไปมาก่อนจะใช้ส้อมจิ้มแล้วใช้มือหยิบออก บิเป็นสองส่วนแล้วป้อนพลุ้ยถึงปาก

มันแลดีใจรีบรับเข้าปากทันที

เห็นหมากินท่าทางเอร็ดอร่อยผมก็มีความสุข

นั่งไปนานๆก็ชักจะเมื่อย ขี้เกียจลุกแล้วแฮะ ผมลูบหัวพุงพลุ้ยไปพลางก็มองมันกินไปพลาง

น่ารักอ่ะ กินไม่หยุดเลย

ถ้าผมขอพ่อกับแม่ให้พลุ้ยไปนอนกับผมด้วย พ่อกับแม่จะว่าอะไรมั้ยนะ  ถ้าได้นอนกับพลุ้ย ผมจะไม่ไปนอนกับเตอร์อีกเลย จะปล่อยให้นอนคนเดียว เตอร์จะได้รู้ว่าการไม่มีผมนอนเป็นเพื่อนจะรู้สึกยังไง! ชอบไล่ผมดีนัก

“ห้ามเอาหมาเข้าบ้านเด็ดขาด เข้าใจมั้ย”

ง่ะ.. มือที่กำลังลูบหัวนิ่มๆอยู่ชะงักทันทีที่เสียงพ่อดังไล่ความคิดผมมาติดๆ  พ่อรู้ได้ไงว่าผมคิดจะทำอะไร

กำลังอ้าปากจะโต้ แต่ก็มีเสียงตะโกนขัดขึ้นเสียก่อน

“ต้า!”

ผมหันไปมองหน้ามุ่ย เห็นเตอร์ยืนเท้าเอวมองผมด้วยหน้าที่มุ่ยกว่าหลายเท่า ทำให้ผมยิ้มเหยๆ นึกขึ้นได้ทันทีว่าลืมอะไร นั่งเพลินไปหน่อย

“โฮ่งๆ” พุงพลุ้ยเห่าประท้วง มันรีบงับไส้กรอกจากมือแม่แล้วเคี้ยวกร้วมๆโชว์เตอร์  ผมหัวเราะที่เห็นเตอร์หน้าบูดเป็นตูดเป็ด! มือหนาข้างหนึ่งถือสายยาง จับไว้ให้น้ำตกลงสู่กะละมังใบใหญ่ มือหนาอีกข้างถือแชมพู ท่าทางเตรียมพร้อมมากอะ ฮ่าๆ

“เดี๋ยวต้ามานะ เหลือไส้กรอกไว้ให้ต้าด้วย”

พ่อหัวเราะเบาๆก่อนจะแกล้งจิ้มใส่กรอกเอาใส่ปากแล้วเคี้ยวยั่ว

“ห้ามหมดด้วยยยยย!!” ผมคาดโทษพ่อก่อนจะรีบลุกขึ้นโดยที่มือก็อุ้มก้อนกลมๆไปหาเตอร์

“วางมันลงในกะละมังสิ” เตอร์เร่งยิกๆ ผมก็ค่อยๆวางพุงพลุ้ยลงอย่างเก้ๆกังๆ

ทันทีที่ตัวมันอยู่ในน้ำก็สั่นงั่นงก ผมเบ้หน้านั่งยองๆใกล้ๆมัน มือก็จับมันไว้แล้วคอยลูบปลอบประโลม ได้ยินเสียงครางหงิงๆในลำคอด้วย ผมเงยหน้ามองเตอร์ก็เห็นเตอร์ตีหน้าเรียบเฉย

“มันหนาวมั้ย?”

ผมยิ่งเบ้ปากหนักกว่าเดิมเมื่อไม่มีคำตอบกลับมา เตอร์ยักไหล่ด้วยท่าทางกวนโอ๊ยก่อนจะฉีดน้ำลงบนตัวพุงพลุ้ยเต็มๆ

“โฮ่งๆๆๆๆ” มันเห่าเสียงดังไม่หยุด ตัวสั่นยิ่งกว่าเดิม

“เตอร์! มันหนาว!”

ผมทำท่าจะอุ้มพุงพลุ้ยออกจากกะละมัง แต่เตอร์กลับทำตาดุใส่จนไม่กล้าอุ้ม

“ก็รีบๆอาบสิ มันจะได้ไม่หนาว มัวแต่ชักช้าเดี๋ยวมันได้หนาวตายกันพอดี”

ผมสะอึก..

หนาวตาย...

ตายเลยเหรอ!?

แค่อาบน้ำนี่ถึงกับตายเลยเหรอ!!

น้ำตาเริ่มคลอหน่วย ไม่น่าให้พุงพลุ้ยอาบน้ำเลย! แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อผมก็รู้สึกถึงความเปียกซ่กไปทั้งตัวเมื่อพุงพลุ้ยสะบัดน้ำกระเด็นเลอะหน้าผมเต็มๆ!!

ผมกัดฟันกรอดก่อนจะยกมือปาดน้ำออกจากหน้า หูได้ยินเสียงเตอร์หัวเราะเยาะอยู่เหนือหัว!

ผมตวัดสายตาส่งค้อนวงโตฟาดหน้าเตอร์ก่อนจะชี้นิ้วใส่หน้าพุงพลุ้ย เอื้อมหยิบแชมพูแล้วละเลงลงบนตัวมันทันที!

ไม่ต้องมาร้องหงิงๆเลย!! ตัวสั่นทำไม!! ไม่สน ไม่สงสารแล้ว!!

ผมขยี้ฟองลงบนขนขาวๆจนฟองฟ่อดเอาคืนที่มันทำผมเปียก! เหมือนพุงพลุ้ยก็ไม่ยอม  มันดิ้นพล่านสะบัดตัวจะหนีออกจากอ่าง

ผมตกใจรีบคว้าตัวมันกอดไว้แน่นก่อนจะยัดมันลงอ่างแล้วกดหลังมันไว้ ผมเงยมมองคนที่ถือสายยางคอยฉีดน้ำใส่หมาอย่างเคืองๆ

“ช่วยกันสิ!”

เตอร์ยิ้มกว้างแล้วส่ายหน้า

เจ็บใจอะ!

ทำไมผมต้องเปียกต้องเลอะอยู่คนเดียว!!!

“อย่าดิ้น!!!” ผมหันไปตะคอกพุงพลุ้ยเสียงดังเมื่อมันขยับตัวยุกยิกไม่อยู่สุข จะตะกายออกจากอ่างให้ได้!

ทันทีที่สิ้นเสียง หมาตัวกลมก็หยุดนิ่ง ยอมนั่งในอ่างดีๆ ไม่หือไม่อืออีก

เตอร์เห็นอย่างนั้นก็หัวเราะอีกระรอกใหญ่

ขำอะไรเล่า!?

ผมวักน้ำในอ่างที่มีพุงพลุ้ยนั่งอยู่สาดใส่เตอร์เต็มๆ ร่างสูงหยุดยืนแข็งค้างเหมือนรูปสลักก่อนจะใช้นิ้วขวางกลางรูของสายยางแล้วฉีดน้ำใส่ผมเต็มๆ!

“อ้ากกกก เตอร์!! หยุด!!!!” ผมหวีดร้องลั่นหันหลังให้ ไอ้พี่เตอร์นิสัยไม่ดีชอบแกล้ง!!

ผมได้แต่ดิ้น หน้ากดชิดหัวเข่า เบี่ยงหน้าหนีวิถีน้ำ ไม่ให้น้ำเข้าหู อยากจะลุกหนีก็ทำไม่ได้ มือต้องคอยจับไอ้ตัวอ้วน ไม่จับเดี๋ยวมันได้กระโจนออกมาแน่ๆ! ไอ้หมาตัวอ้วนก็รู้ดีเหลือเกิน ดิ้นไม่หยุดเลย!

“โฮ่งๆๆๆ” พุงพลุ้ยเห่าเสียงดัง พลันกระโดดไปมา

“ฮ่าๆๆๆ” เตอร์ก็หัวเราะดังลั่น ฉีดน้ำใส่หลังผมไม่หยุด

ไม่หยุดใช่มั้ย... ไม่หยุด...!!

“พ่ออออ!! เตอร์แกล้ง!!!!!!!!!!”  ผมงัดไม้ตายตะโกนร้องหาตัวช่วยพลางหันไปทางฝั่งที่พ่อกับแม่นั่งอยู่!

พ่อหันมาตามเสียงเรียก  ก่อนจะ...

“วิคเตอร์!!!” น้ำเสียงมีอำนาจ แม้จะพูดจากที่ไม่ใกล้นักแต่ก็ทำให้อดยำเกรงไม่ได้

ผมลอบยิ้มกับตัวเองแล้วหันไปทำท่าขึงขังกับเตอร์ ที่พอสิ้นเสียงพ่อมือหนาข้างนั้นก็ลดสายยางลงแทบไม่ทัน

สะใจ!! พ่อเข้าข้างผม!

เตอร์ทำปากบ่นขมุบขมิบแล้วหันไปฉีดน้ำใส่พุงพลุ้ยที่ครางหงิงเมื่อโดนน้ำเข้าไปอีกระลอก

แบบนี้เขาเรียกว่าแพ้แล้วพาลใช่มั้ย? ทำอะไรผมไม่ได้ก็ไปลงที่หมา!

“ไม่เห็นเหรอไงว่ามันหนาว รีบๆอาบเข้าสิ อย่ามัวแต่เล่น”

ผมอ้าปากค้างเงยหน้ามองเตอร์อย่างอับจนคำพูด

ใครกันที่มัวแต่เล่น ไม่ลงมาช่วยกันเลย!

“ก็ลงมาช่วยกันสิ!”

เตอร์ยักไหล่ ผมได้แต่ขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน รู้สึกอยากกระทืบเท้าใหญ่ๆนั่นเสียหลายที เตอร์กวนอะ!

“ไอ้พี่เตอร์!!” ผมแหวลั่นเมื่อคนตัวโตยังยืนเฉย ยิ่งเห็นรอยยิ้มบนริมฝีปากก็ยิ่งเจ็บใจ!

“จะฟ้องพ่อ!!!” ผมเบะปาก งัดไม้ตายมาใช้อีกรอบ

“ดุจริง กินช็อกโกแลตบ่อยใช่มั้ย ถึงได้ดุขนาดนี้” เตอร์เดินไปปิดน้ำก่อนมือหนาสองข้างจะละเลงหัวผมจนยุ่งไปหมด!

มันว่าผมเป็นหมา!! ไอ้พี่นิสัยไม่ดี!

ผมละมือข้างหนึ่งจากพุงพลุ้ยแล้วเอื้อมจับมือหนาที่วางบนหัวผม กระชากลงมาอ้าปากจะกัด! แต่มือหนาของเตอร์อีกข้างก็ดันหน้าผมจนหงาย

“หยุดเลย มัวแต่เล่น หมาหนาวหมดแล้ว ไม่สงสารมันหรือไง” เตอร์พูดพลางใช้มือที่ดันหน้าผมบีบแก้มผมแรงๆแล้วยิ้มยียวน

ผมฮึดฮัดมองคนที่นั่งลงฝั่งตรงกันข้ามแล้วขยี้ขนหมาอย่างอารมณ์ดีด้วยความเจ็บใจ

“โอ๋ๆ เจ็บใช่มั้ย ต้ามันหนูขยี้แรงใช่มั้ย” เตอร์มันจับหมาให้หันหน้าเข้าหาตัวเองแล้วพูดกับหมางุ้งงิ้งอยู่สองคน

ผมเบะปาก เตอร์ใส่ร้ายผมให้หมาฟัง!

“ตัวเองนั่นล่ะ ทำหมาแรง นิสัยไม่ดี เนอะ” ผมก็ไม่ยอม ย้ายตัวเองไปอยู่ตรงหน้าหมาแล้วพยักพเยิดกันสองคนแล้วเขี่ยเตอร์ออกไปไกลๆ

“หึๆ” เสียงทุ้มหัวเราะต่ำในลำคอ ผมหันไปมองขวับ คนตัวโตก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้มองไปทางอื่นเสียอย่างนั้น

ผมเบะปากก้มหน้าก้มตาขยี้ขนขาวๆ ตัวอ้วนก็ครางหงิงในลำคอไม่หยุด แต่มันไม่ดิ้นแล้ว ยืนเฉยปล่อยให้อาบน้ำแต่โดยดี

“พอๆ แค่นี้ก็สะอาดแล้ว” เสียงทุ้มขัดขึ้นก่อนจะเปิดน้ำแล้วล้างฟองด้วยน้ำสะอาด

ผมยื่นมือไปล้างน้ำแล้วถอยออกมามองดูท่าทีแข็งขันของเตอร์ห่างๆ

“แป๊บนึงนะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” ผมพูดปลอบเมื่อเห็นหมาหน้าเศร้า(?) เสียงครางหงิงยิ่งดังมากกว่าเดิม

เตอร์ยกหมาขึ้นด้วยท่าทางทะมัดทะแมงแล้วปิดน้ำก่อนจะห่อตัวมันด้วยผ้าขนหนูผืนโต ผมรีบเข้าไปใกล้แล้วยื่นมือจะขออุ้ม

“ไม่ให้ ตัวเราเปียก ไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวไม่สบาย อาบเสร็จแล้วจะให้เล่น ตกลงมั้ยครับ?”

ผมหงอย ได้แต่ลูบหัวพุงพลุ้ยเบาๆ ลิ้นเล็กสีชมพูเลียมือผมกลับ

อยากเล่น...

“ห้ามดื้อ”

“อื้ม ไม่ดื้อ แต่เตอร์ต้องพาพุงพลุ้ยไปบ้านด้วยนะ เอามันไปเป่าตัวด้วย พอต้าอาบน้ำเสร็จจะได้เล่นกับมันเลย”  ผมพูดยาวยืด ซึ่งเตอร์ก็ตอบรับอย่างว่าง่าย

ผมยิ้ม ดึงชายเสื้อเตอร์แล้วลากให้กลับบ้านด้วยกัน

“อ้าว จะกลับกันแล้วเหรอ?” พ่อทักขึ้นตอนที่ผมเดินผ่าน ผมจึงเดินไปหาแล้วจิ้มไส้กรอกกินโดยแบ่งให้พลุ้ยกินด้วย

“น้องตัวเปียก เตอร์จะให้อาบน้ำ กลัวไม่สบาย” เป็นเตอร์ที่ตอบแทน พ่อก็พยักหน้าเออออทำท่าลุกขึ้นตาม

“นี่ก็เย็นแล้ว กลับกัน่ให้หมดนี่ล่ะ” พ่อพูดพร้อมกับจัดเก็บข้าวของ ผมรีบยึดจานไส้กรอกมาถือครองแล้วป้อนตัวเองบ้าง หมาบ้างอย่างอร่อย

เราสี่คน เตอร์ ผม พ่อกับแม่พากันเดินกลับบ้าน พร้อมหมาอีกหนึ่งตัว

แรกๆผมก็กินไส้กรอกด้วย แต่ไปๆมาๆมันเริ่มเหลือน้อย ไอ้อ้วนพุงกลมก็ประท้วง ส่งเสียงเห่าตอนที่ผมกำลังจะส่งไส้กรอกเข้าปากตัวเอง ไม่ให้ผมกินซะงั้น เตอร์หัวเราะร่วน ผมเลยต้องเปลี่ยนมาป้อนมันคนโดยปริยาย

พ่อกับแม่ที่เดินตามหลังก็คุยกันกระหนุงกระหนิงถึงเมนูอาหารเย็น

ผมคลี่ยิ้มกว้าง หัวใจพองฟูด้วยบรรยากาศอบอุ่นที่รายล้อมรอบตัว

.

.

ใช้เวลาอาบน้ำไม่นาน เพราะว่าอยากเล่นกับพุงพลุ้ยเร็วๆ ผมจึงรีบอาบแล้ววิ่งออกมา สลัดผ้าขนหนูลงตะกร้าหน้าห้องน้ำพลันวิ่งหาเสื้อผ้าชุดใหม่

เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ก็รีบวิ่งตึงตังลงมาข้างล่างอย่างรวดเร็ว

ทว่าขาที่กำลังจะลงบันไดกลับชะงักค้างเมื่อหูได้ยินเสียงพูดคุยที่ดังมาจากห้องนั่งเล่น

นั่นใครกำลังพูด

เสียงไม่คุ้นหู

ไม่ใช่เสียงพ่อ แม่ เตอร์…

ผมขมวดคิ้วก่อนจะก้าวลงมา ทว่าเมื่อลงมาถึงตีนบันไดผมกลับชะงักอยู่ตรงนั้น

ที่ห้องนั่งเล่น ไม่ได้มีแค่พ่อ แม่ เตอร์ แต่มีชายแปลกหน้าอีกคน...

ไม่ใช่แปลกหน้า คุ้นหน้าแต่ไม่คุ้นเคย

ผมลอบมองเขาเงียบๆอยู่ตรงนั้นก่อนจะสะอึกเผลอผงะถอยหลังเมื่อเขาหันมาประสานสายตากับผม!

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่ากับนัยน์ตาคู่นั้น.. อยู่ๆก็รู้สึกขนลุกวาบไปทั้งตัวเมื่อเขากระตุกยิ้มมุมปาก

เขาเอาแต่จ้องผม!  จ้องจนผมประหม่าและรู้สึกเกร็งจนก้าวขาไม่ออก

เตอร์ที่นั่งหันหลังให้ผมคงจะสังเกตเห็นว่าแขกผู้มาเยือนมองนิ่งที่เดียวเป็นนานสองนานจึงหันหลังมา  ผมผละสายตาจากเขาและสบตากับเตอร์

สีหน้าเตอร์ ดูไม่ดีเลย..

ทำไม เกิดอะไรขึ้น..

 



_________________________________________________________

TALK:: ขอบคุณเม้นท์ค่าาาา
บางคนระแวงตัวละคร ฮา เด็กๆในเรื่องไม่ได้น่าระแวงขนาดนั้นหรอก (เหรอออ)
มีคนถามหาพี่จิม แต่ก็มีคนที่ไล่มัน กร้ากกกกกกกกก ฮา

พาร์ทนี้ได้กลิ่นอะไรแปลกๆมั้ย?? คึคึ (มาหย่อนระเบิดลูกเล็กๆ)
ไว้เจอกันใหม่พาร์ทหน้าค่าาา เปิดเทอมแล้วอาจจะลงช้าหน่อยนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 20 อาบน้ำ [8/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 08-06-2013 15:11:21
^
^
^
จิ้มก่อนอ่าน

........................

คนที่ต้าเห็นใช่จิมคนที่ข่มมขืนต้าหรือเปล่าหว่า
เพราะจำได้ลางๆ ว่าต้าเคยเปรียบเทียบพี่จิมกับจิมอีกคน

ปล.ฮุฮุ เดาแหลกเลยเรา
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 20 อาบน้ำ [8/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 08-06-2013 16:08:03
กินมาม่าตอนท้ายยย  :katai1:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 20 อาบน้ำ [8/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 08-06-2013 17:02:38
ไม่ระแวงตัวละคร แต่หวั่นใจ (ต่างกันตรงไหน)
แล้วใครล่ะนั่น คนที่มาน่ะ
จิม?
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 20 อาบน้ำ [8/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: raviiib❁ ที่ 08-06-2013 17:09:46
มาม่ายาวสินะค่ะ กินจนอืดค่าาาา!!

บอกตรงๆเปิดเรื่องมาถึงกับเงิบ สงสารน้องT0T
มันเริ่มทะแม่งตรงพี่เซมแกหงุดหงิดเวลาพี่จิมห่วงน้อง
สะดุดตรงที่พี่แกบอกว่าผมเป็นคนฉุดมันขึ้นมาจากนรก มันเป็นของผม อะไรสักอย่าง
อย่าบอกนะค่ะว่าเมะจะกดเมะด้วยกันเอง=_=
#เฮ้ยหรือพี่แกหมายถึงน้อง!?!?!?

มาถึงตอนปัจจุบัน เริ่มเกลียดนังเตอร์ขึ้นมาเรื่อยๆ...
แกมันเลวววววว กรี้ดดดดดดดดดดดดด :fire:
และแล้วระเบิดลูกใหม่ก็มา เดาว่า เป็นคนที่ยุให้นังเตอร์ข่มขืนน้องค่ะ
เดามั่วมากจ้ะแกร์555555555555

รอตอนหน้านะค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่า :กอด1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 20 อาบน้ำ [8/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Damon ที่ 08-06-2013 18:00:06
บอกได้คำเดียวว่า ตื้บ ค่ะ 555
ไม่ใช่จิม? แซม? มั่วและ
เกลียดจิม หมั่นไส้เตอร์ ทำไมอ่านไปบางทีรู้สึกว่า เตอร์ไม่สำนึกเลยวะ? มันแกล้งน้องซะ
อิพี่จิมก็เดินเข้ามาสู่ขอต้าเถอะบอกไปเลยว่า 'ผมข่มขืนน้องเองครับ และความจำน้องสับสนก็เพราะผม' ให้เตอร์มันเงิบไปเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 20 อาบน้ำ [8/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: august_may ที่ 08-06-2013 21:58:29
ต้นตอนบรรยากาศครอบครัวสุขสันต์มาก แต่ทำไมพอจบตอนมันหักมุมเหมือนได้กลิ่นมาม่า? เฮ้ยย ดราม่า

ปล.ยังคงคิดถึงพี่จิมกับพี่เซมอยู่เสมอ ถึงร้ายก็รักนะคะ
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 20 อาบน้ำ [8/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 08-06-2013 22:38:22
ไอ้ พี่ จิม แน่ แน่
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 20 อาบน้ำ [8/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 09-06-2013 15:24:45
ได้กลิ่นมาม่ารสต้มยำกุ้งน้ำข้นอ่ะ 55  :hao7: :hao7:  :hao6:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 20 อาบน้ำ [8/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: makilu ที่ 09-06-2013 19:44:18
 :z3:เห็นแววอิ่มมาม่าอีกแล้ววววววววววว//โหยหวน
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 20 อาบน้ำ [8/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 09-06-2013 22:27:44
ใครอ่ะ  :ruready :m28:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 20 อาบน้ำ [8/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 10-06-2013 10:45:27
 :katai1: ใครกัน
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 20 อาบน้ำ [8/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 10-06-2013 11:31:05
ใครงะ พี่จิมหรอ เอาแล้วไงละน
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 20 อาบน้ำ [8/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: koronekojung ที่ 10-06-2013 19:46:17
 :katai5: :katai5:
อยากอ่านต่อ  คนคนนั้นคือผุ้ใด ~ 

ต่อเร็วๆน๊ะค๊ะ
เป็นกำลังใจให้น้อ~
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 20 อาบน้ำ [8/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 10-06-2013 19:52:58
เดินเข้ามาเงียบๆ ค่อยๆ ปูเสื่อ ตบปุๆ ให้เสื่อเข้าที่เข้าทาง นั่งลงบนเสื่อ เอามาม่ามาซด *** มาม่าหมด ยกมือหาว มองดูรอบๆ ไม่เห็นใครก่อนจะเอนตัวนอนหลับคาเสื่อ
มาปูเสื่อรอคนเขียนจนหลับแล้วคนเขียนก็ยังไม่มา T^T คิดถึงลูกต้า
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 20 อาบน้ำ [8/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 11-06-2013 19:52:11
ตอนที่ 21 ข้อเสนอ


แม่กับพ่อที่นั่งบนโซฟาอีกตัวซึ่งหันข้างให้ผมค่อยๆหันมามอง แม่คลี่ยิ้มบางๆแล้วเอ่ยเรียก

“ต้า มานี่สิลูก”

ผมคลายคิ้วที่ขมวดเป็นปมแล้วเดินไปหาแม่อย่างว่าง่าย ใบหน้าก้มต่ำมองพื้นตลอดทุกย่างก้าว รู้สึกประหม่าจนทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวลาเดินต้องกวัดแกว่งมืออย่างไรถึงจะเป็นธรรมชาติมากที่สุด  เรื่องง่ายๆเพียงแค่นี้ผมกลับลืม.. ลืมไปหมดเมื่อสายตาคู่นั้นของเขาจับจ้องผมตาไม่กระพริบ

ผมค่อยๆทรุดตัวนั่งข้างเตอร์บนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับเขาแล้วกระเถิบเข้าไปเสียชิดราวหาที่กำบัง สองมือประสานวางบนหน้าตักอย่างประหม่า เหงื่อเย็นๆเริ่มไหลซึมออกมาตามขมับ

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ..แม้ผมจะก้มหน้าตลอดเวลา แต่ผมกลับยังรู้สึกได้ถึงสายตาคู่นั้น

อะไรกัน.. ทำไมบรรยากาศมันตึงเครียดขนาดนี้

“เมื่อกี้ที่เราคุยค้างไว้ คุณหมอหมายความว่ายังไงคะ” เป็นแม่ที่ถามขึ้นทำลายความเงียบ

หมอ?

ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นอย่างขลาดกลัว เมื่อเห็นว่านัยน์ตาคู่นั้นไม่ได้จับจ้องมาที่ผมก็ให้รู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก

หูผมคอยเงี่ยฟังบทสนทนา ทว่าสายตากลับลอบมองเขาเงียบๆ

ใบหน้าเขาคุ้นตาผมมาก เหมือน... เหมือนพี่หมอ เพียงแต่เขาผมยาวกว่า ผมสีดำสนิทถูกรวบไปด้านหลัง เผยให้เห็นโครงหน้าที่เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน

ใบหน้านั้นดูเคร่งเครียดระคนจริงจังยามที่หันไปคุยกับแม่ แตกต่างจากที่ผมเห็นเขาแวบแรกตอนที่กำลังลงบันได

ตอนนั้น หน้าตาเขาดูแฝงเลศนัยน์อะไรบางอย่าง ไม่น่าไว้ใจ

ถึงหน้าตาเขาจะเหมือนกับพี่หมอราวกับเป็นคนๆเดียวกัน แต่ความรู้สึกที่ได้อยู่ใกล้ชิดกลับต่างกันคนละขั้ว

คนๆนี้.. ไม่ใช่พี่หมอ

ยังไม่ทันที่ผมจะได้พินิจคนตรงหน้าไปมากกว่านี้ เสียงทุ้มก็ดึงความสนใจผมให้กลับมารับฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด

“ผมได้ลองกลับไปค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าเคยมีคนไข้ที่มีอาการเหมือนน้องต้า เราสามารถใช้คนไข้รายนี้เป็นกรณีศึกษาได้ครับ ถึงแม้ว่าความจำของน้องจะลับมาเป็นปกติได้เอง แต่หากทางครอบครัวอยากให้ความจำน้องกลับมาเร็วขึ้น ผมมีความเห็นว่า น้องควรได้รับการรักษาอย่างใกล้ชิด”

เขาพูดเนิบนาบอย่างใจเย็นพลางยิ้มละมุนตบท้าย

ผมจ้องมองรอยยิ้มนั้นพลางมุ่นคิ้วชนกัน ความจริงที่ผมเพิ่งได้ค้นพบอีกอย่าง รอยยิ้มเขาก็เหมือนพี่หมอ ทุกอย่างเหมือนพี่หมอหมด ยกเว้นทรงผมและกลิ่นอาย..

ผมผงะเบิกตาโตเมื่อเขาหันมามองผม!

!!!

ผมรีบเสตามองไปทางอื่น แสร้งให้ความสนใจกับกระถางต้นไม้ที่วางอยู่บนขอบหน้าต่าง เผลอบีบมือตัวเองแรงขึ้นเมื่อคล้ายหูแว่วได้ยินเสียงหัวเราะต่ำในลำคอที่ดังมาจากฝั่งตรงข้าม!

“หมายความว่าลูกชายผมต้องไปอยู่โรงพยาบาลเหรอครับ”

โรงพยาบาล!?

ใจผมเต้นรัวกับคำสี่พยางค์นั่น  ไม่อยากอยู่...

ผมที่กำลังจะปฏิเสธรีบกลืนเสียงตัวเองแทบไม่ทันเมื่อเขาพูดตัดหน้า

“ไม่ครับ ไม่ต้องอยู่โรงพยาบาล  ที่ผมมาวันนี้ ผมมาเพื่อขอความเห็นจากคุณพ่อคุณแม่ว่า จะสะดวกหรือเปล่าครับ หากน้องจะไปอยู่กับผมที่คอนโด” เขาหยุดพูดไปครู่ ก่อนจะพูดต่อ “อย่างที่ผมได้บอกไป หากอยากให้น้องความจำกลับมาเร็วๆ น้องต้องได้รับการรักษาอย่างใกล้ชิด ผมอยากบันทึกพฤติกรรมของน้องตลอดเวลาเพื่อความแน่ใจ”

“มันไม่ใช่เรื่องเลย ทำไมต้าต้องไปอยู่กับคุณที่นั่น” เตอร์พูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดไม่ต่างกัน สีหน้าจริงจังอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

“คุณไม่อยากให้น้องคุณหายเร็วๆเหรอครับ?”

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าน้ำเสียงของคู่สนทนาฟังดูห้วนคล้ายจับผิดในที  สีหน้ายิ้มแย้มนั่นก็ดูไร้ความจริงใจ

ผมกัดปากแรงๆอย่างอยากเรียกสติตัวเอง นึกไม่ชอบใจตัวเอง.. ผมกำลังมีความคิดอคติกับผู้ชายคนนี้ 

เตอร์สอนผมตั้งแต่เด็กว่า ไม่ควรตั้งแง่ และอย่าตัดสินคนเพียงแค่เจอกันครั้งแรก

เตอร์นิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรทว่ามองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว

“คุณพ่อกับคุณแม่ล่ะครับ เห็นด้วยหรือเปล่า?” เขาหันไปถามพ่อกับแม่

พ่อหันมามองแม่ก่อนจะหยุดสายตาลงที่ผม

ไม่อยากไป.. อยากอยู่บ้าน

ผมส่ายหน้าให้พ่อ

“ใช้เวลานานเท่าไหร่”

ผมกัดปากตัวเองแรงกว่าเดิมจนเริ่มเจ็บช้ำทันทีที่แม่ถามจบ

...มันมีแนวโน้มว่า ผม..จะไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ต่อ

“ผมยังบอกไม่ได้ครับ” เขายิ้มตาปิด

ทำไม แค่เห็นรอยยิ้มเขา ผมถึงได้รู้สึกไม่สบายใจขนาดนี้

ไม่อยากไป...

ไม่ไปได้มั้ย...

เตอร์.. ช่วยด้วย

ผมได้แต่ร่ำร้องในใจ มองหาที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียว เอื้อมมือไปจับแขนเตอร์แล้วบีบแน่น  พลันใจชื้นขึ้นเมื่อรู้สึกอบอุ่นที่หลังมือ เตอร์เองก็กำลังกุมมือผมไว้พลางบีบเบาๆ

“ทางหมอก็บอกเองว่า โอกาสที่ความจำของน้องจะกลับมามีโอกาสเป็นไปได้สูง เพราะงั้น.. ผมไม่เห็นความจำเป็นที่น้องต้องได้รับการรักษา”

ตลอดเวลาที่พูด เตอร์ยิ่งกระชับมือผมแน่น

บางครั้ง.. ก็แน่นจนผมเจ็บ แต่ผมก็ไม่ได้พูดออกไป

“คุณ กำลังกลัวอะไรอยู่หรือเปล่า?” เขาพูดพร้อมกับมองหน้าเตอร์ตรงๆ ผมรู้สึกได้ว่าตัวเตอร์เกร็งเครียด มือที่เคยอบอุ่นเริ่มมีเหงื่อไหลซึม

เตอร์นิ่ง คิ้วขมวดเป็นปม ขบสันกรามแน่น

...บรรยากาศในห้องเงียบกริบจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศดังชัดเจน

“เตอร์” ผมใช้มืออีกข้างเขย่าแขนหนา

ทำไมเงียบไป อย่าเพิ่งยอมแพ้เขาสิ

เตอร์สบตาผมเพียงครู่ก่อนจะเบือนไปทางอื่น

เตอร์เป็นอะไร...

ผมจับมือเตอร์แน่นยิ่งกว่าเดิม

“คุณพ่อกับคุณแม่ ว่ายังไงครับ”

เขาเลิกให้ความสนใจต่อปฏิกิริยาของเตอร์ หันไปเค้นขอคำตอบที่ต้องการ

สีหน้าพ่อตึงเครียดก่อนจะยกมือนวดคลึงข้างขมับ มือหนาวางลงบนหน้าขาแม่ก่อนจะตบเบาๆ

“ผมให้คุณตัดสินใจ ผมเชื่อว่าคุณจะต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูก” พ่อยิ้มให้แม่ เหลือบตามองผมอีกครั้งแล้วตัดสินใจลุกออกจากวงสนทนา

หมายความว่ายังไง..

.

.

หมายความว่ายังไง..!!?

ผมมองตามหลังพ่ออย่างตัดพ้อ กัดฟันแน่นอย่างน้อยใจ

“คุณพ่อยกหน้าที่ตัดสินใจให้คุณแม่แล้ว คุณแม่จะว่ายังไงครับ”

เขาไล่เบี้ยเอาคำตอบจากแม่โดยไม่ให้แม่ได้มีเวลาตั้งตัว

“แม่ครับ ถามน้องดีกว่ามั้ย ว่าอยากไปหรือเปล่า?”

“ต้าไม่ไป! จะอยู่บ้าน!!” ผมพูดสวนทันควัน

“ต้า!”

ผมบีบแขนเตอร์แน่นเมื่อแม่ปรามผมเสียงแข็ง ราวจะบอกให้ผมรู้ถึงการกระทำอันไม่สมควรที่จะแสดงความเอาแต่ใจต่อหน้าแขก

“ต้าไม่อยากไป..” แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังพูดเสียงเบาอย่างดื้อเพ่ง

“หมอเซมคะ ตกลงค่ะ แม่จะให้ต้าไปอยู่กับคุณ”

สิ้นเสียงแม่ราวกับมีฟ้าผ่ากลางแสกหน้า!

ขอบตาผมเริ่มร้อนผ่าว

“ขอบคุณมากครับ ผมจะดูแลน้องอย่างด...”  เขากล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้มในสีหน้า ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะพูดจบประโยคดี เตอร์กลับทะลุกลางป้องสวนทันควัน!

“แต่แม่! เมื่อกี้น้องบอกเองว่าไม่อยากไป แม่เองก็ได้ยินแล้ว! แล้วทำไมถึงยังบังคับน้องอย่างนี้!!”

ผมบีบแขนเตอร์แน่นเมื่อสัมผัสได้ว่าคนข้างตัวกำลังอารมณ์ผิดปกติ

“วิคเตอร์! แม่ตัดสินใจไปแล้ว”

“แม่ครับ...”

“ทำไม? ไม่อยากให้น้องหายเร็วๆหรือไง”

ผมบีบแขนเตอร์แน่นกว่าเดิม ก้มหน้างุดไม่เงยมองใคร ตายิ่งพร่ามัวจนแทบมองอะไรไม่เห็น รู้สึกว่าหูอื้ออึงจนแทบจะฟังอะไรไม่รู้เรื่อง

“ไม่ใช่ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่น้องไม่อยากไป ทำไมแม่ต้องบังคับ”

“ฉันไม่ได้บังคับ ฉันเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับน้อง”

ผมไม่รู้ว่าแม่มีสีหน้าอย่างไรขณะที่พูด แต่น้ำเสียงแม่ฟังดูเย็นชาจนผมสะท้านในใจ

แม่เลือกสิ่งที่ดีให้ผม..

ทำไมไม่ฟังผมเลยว่าผมอยากรับมั้ย..

น้ำใสไร้สีหยดเผาะลงบนหน้าขาอย่างต้านไม่อยู่

น้อยใจ.. นี่คือความรู้สึกที่จุกอกจนร้อนไปหมด

“ถ้าแกอยากให้น้องหายเร็วๆ อย่าเถียงฉันอีก!”

เสียงแม่ไร้เยื่อใย เหมือนในคืนนั้นที่แม่ตีผม...

“แม่ครับ...”

“วิคเตอร์ หยุดพูด! แม่จะไม่เปลี่ยนใจ” แม่นิ่งเงียบไปครู่ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูนุ่มกว่าเมื่อครู่ “วิคเตอร์ ไปเก็บของให้น้อง”

ผมเงยหน้ามองแม่ทั้งใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา

“ไม่เอา ฮึก.. ไม่ไป!”

“วิคเตอร์ ไปเก็บของ”

แม่ใจร้าย..!

ผมรีบดึงชายเสื้อเตอร์ไว้เมื่อเห็นว่าคนตัวสูงทำท่าจะลุกขึ้น

“ต้า ปล่อยเสื้อพี่” แม่ว่าพลางย้ายตัวเองมานั่งข้างผมแล้วดึงมือผมให้ปล่อยจากชายเสื้อเตอร์

ผมกัดปากแน่นเมื่อแม่บีบมือผมแรงกว่าการจับปกติ

เจ็บ...

ผมปล่อยมือจากชายเสื้อเตอร์ มือหนาลูบหัวผมเบาๆก่อนจะผละขึ้นไปชั้นสอง ผมผุดลุกขึ้นจากโซฟาจะตามเตอร์ไปด้วย แต่กลับโดนมือเรียวบีบต้นแขนแล้วดึงรั้งให้หยุดอยู่กับที่

“ต้า นั่งลง!” 

แรงบีบที่แขนกับเสียงดุของแม่ทำให้ผมจำต้องทิ้งตัวลงนั่งที่เดิมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

“ขอโทษด้วยนะคะ ที่หมอเซมต้องมาเห็นอะไรน่าอายอย่างนี้”

ผมขมวดคิ้วหันไปมองแม่ที่พูดน้ำเสียงอ่อนลง ก่อนจะหันไปทางเขาคนนั้น ก็เห็นว่ากำลังมองผมอยู่ รอยยิ้มบนริมฝีปากยิ่งกระจ่างชัดมากกว่าเดิม ราวเขากำลังสนุก

“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ”

“แต่แม่มีอะไรอยากจะขอคุณหมอข้อนึงได้มั้ยคะ”

ผมยกขาสองข้างขึ้นชันเข่าบนโซฟาก่อนสองแขนจะโอบกอดไว้แล้วกดหน้าซุกเข่า

ไม่อยากมอง ไม่อยากเห็นอะไรแล้ว

“ครับ ได้ครับ”

“แม่ขอให้ต้าไปอยู่กับหมอสองวัน แล้วกลับมาอยู่บ้านหนึ่งวัน สลับไปมาสองที่อย่างนี้จนกว่าน้องจะหาย ได้มั้ยคะ?”

ผมใจเต้นรัวที่รู้ว่าจะไม่ต้องห่างบ้านไปนาน

แค่สองวัน...

“ถ้าหมอไม่เห็นด้วย แม่คงต้องขอผิดคำพูดเมื่อก...”

“ครับ ผมตกลง”

สิ้นเสียงทุ้มผมก็เงยหน้าขึ้นจากเข่า แม่ยิ้มให้พร้อมกับลูบหัวผมไปมา ผมเบือนไปยังอีกคนในห้อง เขาเองก็ส่งยิ้มให้ผมเหมือนกัน

แต่ยิ้มของเขา กลับทำให้ลำคอผมแห้งผาก

.

.

หลังจากมื้ออาหารเย็นที่แม่เสนอให้รับประทานร่วมกันที่บ้านจบลง เขาก็พาผมขึ้นรถแล้วมุ่งสู่คอนโดของเขาทันที

ในรถเงียบกริบได้ยินเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ทำงานนิ่งๆ ผมกระชับกอดกระเป๋าเป้ใบย่อมที่ภายในมีเสื้อผ้าที่เตอร์จัดไว้ให้อย่างหวงแหน

ท้องฟ้ามืดลงทุกขณะ ตอนนี้..มันมืดสนิท บนถนนเห็นเพียงแสงสีแดงสีสมของไฟท้ายรถคันข้างหน้า

ผมเหลือบสายตามองไปยังคนที่นั่งหลังพวงมาลัย เขาดูอารมณ์ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ปลายนิ้วเรียวเคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะสอดคล้องไปกับเสียงฮัมเพลงที่ดังเล็ดจากริมฝีปาก

ทั้งๆที่มืดแล้ว ทั้งๆที่ผมบอกว่าพรุ่งนี้ค่อยไป

แต่เขาก็ประท้วงออกมาทันที ราวกับไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้

ท่าทีร้อนรนของเขาทำให้ผมนึกสงสัยในใจ

เขายกเหตุผลเดิมขึ้นอ้างเกี่ยวกับอาการของผม แค่อยากให้หายเร็ว เวลาเพียงสามถึงสี่ชั่วโมงก็มีค่า เพียงเท่านั้น แม่ก็อวยพรแล้วเดินมาส่งผมถึงรถ

ทั้งๆที่คำพูดของเขาหวังดีต่อผม แต่ทำไมผมกลับไม่รู้สึกถึงความหวังดีนั้นเลย..

ยิ่งอยู่ตามลำพังในที่แคบๆอย่างนี้ ผมยิ่งหวาดวิตก

“ถึงแล้ว ลงมาสิครับเด็กน้อย”

ผมสะดุ้งหลุดออกจากห้วงความคิดเมื่อเสียงทุ้มดังใกล้ชิดริมหู 

ผมเลิ่กลั่กหันไปมองที่นั่งข้างตัวที่ตอนนี้ว่างเปล่าก่อนจะหันไปมองเขาอีกครั้ง ร่างสูงเปิดประตูรถค้างไว้ผละตัวออกแล้วยืนมองผมพลางยิ้มน้อยๆ

ลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่?

มือหนาถือวิสาสะดึงกระเป๋าจากมือผมไปถือ แล้วใช้มืออีกข้างจูงมือผมลงจากรถ

ผมพยายามปลดมือออก ทว่าเขากลับกระชับมือแน่นยิ่งกว่าเดิม ผมเดินตามหลังเขาโดยที่คิ้วขมวดมุ่น มองมือที่เขาจับมือผมไว้แน่นก็รู้สึกแปลกๆ ตะขิดตะขวงในใจ ไม่ชอบ..

ผมพยายามดึงมือตัวเองออกอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้เขาหันหน้ามาพลางยิ้มบางๆ

“อย่าดื้อ” พูดเพียงเท่านั้นก่อนจะก้าวเดินต่อ

ผมเดินตามหลังเขาเข้าไปในลิฟต์ มองตามมือหนาที่เลื่อนไปกดปุ่มหมายเลข 5

ใช้เวลาไม่นาน กล่องสี่เหลี่ยมก็เคลื่อนตัวมาถึงชั้นที่ต้องการ

ประตูเหล็กเลื่อนออกจากกันพร้อมกับแรงจูงที่ดึงให้ผมเดินออกมา ผมเลิกคิ้วสงสัยเมื่อเขาเดินไปกดลิฟต์สีดำสนิทตัดกับผนังสีขาวสว่าง

ผมนึกว่าเรามาถึงแล้ว

เมื่อเข้ามาด้านใน ผมหันมองรอบตัวด้วยใจที่เต้นตุ้บๆ ผนังลิฟต์ดำมืดไปทั้งสี่ด้าน เหมือนหลุมดำที่ดูดกลืนทุกอย่าง

มันค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นสูงไปยังชั้นหมายเลขเจ็ด

ระยะทางเพียงแค่สองชั้น.. แต่มันกลับทำให้ผมหายใจแทบไม่ออก

ติ๊ง!

ประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้ง แต่ผมขืนแรงดึงไว้ทำให้ร่างสูงหันมามอง เขาเลิกคิ้วเพียงนิดแทนคำถาม

“..อีกสองวัน ...คุณจะพาผมกลับบ้านใช่ไหม?”

เขาไม่ตอบอะไร ทำเพียงหัวเราะในลำคอ มือหนาออกแรงดึงผมอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นว่าผมต่อต้าน เขาจึงปล่อยมือแล้วเดินตรงไปหยุดอยู่หน้าประตูห้อง

“มาเถอะ ถึงแล้ว”

ผมส่ายหน้าปฏิเสธ อยากได้รับคำยืนยันว่าเมื่อครบสองวัน เขาจะไปส่งผม

รอยยิ้มยังปรากฏบนริมฝีปาก มือหนายกขึ้นกดกริ่งโดยที่สายตามองผมไม่ละไปไหน

“สัญญากับผม”

สิ้นเสียงผมประตูบานนั้นก็เปิดออก เผยให้เห็นผู้ชายใบหน้าติดจะหวาน ผิวขาวจัดที่กำลังเดินออกมา

สัญญาที่ผมกำลังจะทวงขอเพื่อให้เขายืนยันกลับถูกลืมไปสนิท เมื่อผมได้เห็นนัยน์ตาว่างเปล่าระคนโศกสลดคู่นั้น ทำให้ผมก้าวขาออกจากลิฟต์โดยไม่รู้ตัว

เขาผินหน้ามามองผม คิ้วเรียวย่นเข้าหากันเล็กน้อย นัยนต์ตาคู่นั้นฉายประกายสับสนอย่างปิดไม่มิด

วินาทีที่ผมกับเขาสบตากัน ประตูลิฟต์ด้านหลังก็ปิดตัวลงช้าๆ

 

ประตูลิฟต์ที่ปิดลง ราวกับสื่อความนัยว่า หากผมเลือกเดินหน้า หนทางที่จะย้อนกลับไป  ..ความเป็นไปได้เท่ากับศูนย์

ผมยังไม่ละสายตาจากดวงตาคู่นั้น จากความสับสนกลับกลายเป็นว่างเปล่าอีกครั้ง




ทำไมผมรู้สึกอยากกอดเขา




แม้ใบหน้านั้นจะเรียบเฉยไม่เผยสิ่งใด แต่ทำไมนัยน์ตาคู่นั้นคล้ายกำลังร้องไห้

.................

......

 

___________________________________________

 

TALK :: เฮ เดาผิดกันหมดเลยย ไม่ใช่พี่จิม 555
ดีใจอ่ะ มีคนมาปูเสื่อรอด้วย กินขนมไปพลางๆระหว่างรออัพนะคะ
เนื้อเรื่องต่อจากนี้มันคงไม่ดราม่า(มากหรอก) เป็นห่วงคนอ่าน ไม่อยากให้ท้องอืดด  :laugh:
ต่อไปน่ารักๆทั้งนั้น (เชื่อมั้ย??) 555555555

ฝากน้องใหม่ค่ะ REVENGE >>>  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38217.msg2405379#msg2405379

รีเว้นเป็นเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องกับ A BOY เหตุการณ์ก็เนื่องๆกัน 55
ฝากด้วยนะคะะะะะ
ขอบคุณทุกกำลังใจมากๆเลยยยยยย  ชุ้บๆ <3
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 21 ข้อเสนอ [11/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 11-06-2013 20:07:43
หมอเซมเหรอ -o-?
คนหน้าหวานนั่น ใช่ที่คนน้องหิ้วกลับมาล่ามโซ่อะไรนั่นป่ะ
หวา งี้ต้าก็กลับบ้านไม่ได้อ่ะดิ
ดันเจอคนมีชะตากรรมเดียวกัน
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 21 ข้อเสนอ [11/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 11-06-2013 20:19:27
 :a5: :jul3:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 21 ข้อเสนอ [11/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 11-06-2013 20:43:41
รอตอนต่อไป  :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 21 ข้อเสนอ [11/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 11-06-2013 22:02:22
หมอเซมหรือแซมน้องชายฝาแฝดของหมอกัน
แล้วก็ยังผู้ชายนัยตาโศกที่ต้าอยากกอดนั่นอีก
เดี๋ยวขอคนอ่านนับแป๊ปค่ะคนเขียน
พระเอกเรื่องนี้แทบจะเดาไม่ได้เลยว่าเป็นใคร พี่จิม หมอเซม แซม เตอร์ ผู้ชายนัยตาโศก (ที่ยังไม่รู้จักชื่อ)
โอ้! เยอะจนแทบจะเดาไม่ได้ เดายากนัก เอา 6P แบบ SM ไปเลยค่ะ จะได้ง่ายๆ (ยัยนี่โหด!)
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 21 ข้อเสนอ [11/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 11-06-2013 22:33:58
ติดตามๆ

-3-
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 21 ข้อเสนอ [11/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 12-06-2013 02:20:45
คนที่อ้างว่าเป็นหมอน้องชายเซมสินะ แล้วแซมมีอะไรกับเตอร์กันแน่นะ แล้วจิมกับเซมก็แปลก ๆ โดยเฉพาะเซจิมก็เหมือนจะสนใจต้าร์เป็นพิเศษหรือเปล่านะนั่น แต่เซมทำเป็นใจดีที่จริงน่าจะร้ายน่าดู แ่ม่ต้าร์ก็แปลก ๆ นะนั่น
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 21 ข้อเสนอ [11/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 12-06-2013 02:23:17
อือ
อ่านจยจบรวดเดียว
กดดันจิตใจดีเหะ
เรื่องนี้
สงสาร และก็สมเพชกับการกระทำสิ้นคิดของต้าในตอนแรกด้วยอะ
ถ้าไม่ทำแบบนั้นคงไม่เจอแบบนี้
ไงก็ต้องรับผลของการกระทำตัวเองไห้ได้อะนะ
แล้วที่เตอร์ทำแบบนั้นกับต้า เพระาอะไรละ
รักหรอ หรือว่า ยังไง
อยากรุ้เหตุผล
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 21 ข้อเสนอ [11/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 12-06-2013 10:24:39
 :katai1:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 21 ข้อเสนอ [11/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 12-06-2013 11:07:54
ถ้าเรื่องนี้ ไม่มาม่า มันจะใช่เรื่องนี้หรอ งั้น คนที่โดนจับมา ที่พี่หมอเห็นคราวนั้น คือต้าหรอคะ

แอบอยากให้เป็นเตอร์โดนจับมามากกว่า พี่จิมอยู่ไหน พี่จิมๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 21 ข้อเสนอ [11/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 12-06-2013 22:49:02
เข้ามาติดตามน้องต้าร์ด้วยคนค่ะ

 :L2:    :L2:    :L2:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 21 ข้อเสนอ [11/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 13-06-2013 17:59:28
ตกลงเรื่องนี้มีคนดีแค่พ่อต้ากับต้าใช่ใหมเนี่ย   :katai1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 21 ข้อเสนอ [11/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: koronekojung ที่ 13-06-2013 19:25:08

น้องต้าจะโดนอะไรมั้ยอ่ะ
สงสารต้า!!!
แล้วไอ้หมอคนนั้นคือหมอเซมจริงหรอ ?  (เวอร์หน้ากากใช่มั้ย?) :hao7:
แล้วจะพาน้องต้าไปไหน~ 
เด้กที่นัยตาเศร้าคนนั้นคือคนที่แซมเอามาใช่ป่ะ ?
โอ๊ยยย สับสน~  อยากอ่านต่อๆๆ

มาต่อเร้วๆเถอะค่ะ  จะทำไม่ไหวแล้ว~  :katai1:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 21 ข้อเสนอ [11/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 14-06-2013 20:02:23
หมอแซม มาได้ไงเนี้ย

พ่อแม่บ้านนี้ก็ตลกเนอะปล่อยลูกไปง่ายๆซะงั้นอะ เชื่อถือได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าพาไปโรงบาลก็ว่าไปอย่างนี้พาไปคอนโด ถึงเป็นหมอก็เถอะ แต่นี่มันไม่มากไปหน่อยหรออ
แล้วแซม พาต้ามาทำไม หรือว่าพี่หมอบอกก
แล้วผู้ชายอีคนในห้อง คือคนที่เคยโดนล่ามไว้ในห้องใช่ไหมค่ะ

(คนที่มาคือคนน้องใช่ไหมค่ะ ตกลง เซม หรือ แซม )
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 21 ข้อเสนอ [11/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: viper7123 ที่ 14-06-2013 22:06:22
ตกลงยังไงอ่ะ ต่อด่วน.....................................ค้าบบบบบ


พาลูกเค้ามาไม.......................... :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 21 ข้อเสนอ [11/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 14-06-2013 22:12:00
 :katai1: :katai1: :ling1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 21 ข้อเสนอ [11/6/56] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 15-06-2013 13:48:15
ตอนที่ 22 รู้สึก


ผมยิ้มให้เขาเล็กน้อยอย่างกล้าๆกลัวๆ เขาไม่ยิ้มตอบ แต่นัยน์ตาคู่นั้นกลับไหววูบคล้ายระรอกคลื่นด้วยหยาดน้ำใสที่รื้นมาคลอหน่วย

ผม ลืมหมดทุกอย่างรอบตัว ลืมแม้กระทั่งว่า ณ ตอนนี้ ที่นี่ไม่ได้มีแค่ผมกับเขาเพียงสองคน ยังมีหมอผมยาวสีดำสนิทถึงกลางหลังที่กำลังจับจ้องทุกการกระทำของผมและเขา อยู่ด้วยอีกคน

สมองสั่งการให้ขาเดินเข้าไปใกล้เขาแล้วหยุดอยู่ตรงหน้า

“พี่ชาย พี่ชายชื่ออะไร ผมชื่อต้า”

ผมเริ่มแนะนำตัวก่อน แอบหวังลึกๆว่าเขาจะเปิดใจตอบคำถาม  ผมอยากเห็นรอยยิ้มของเขา ถ้าเขายิ้ม มันต้องเป็นยิ้มที่สวยแน่ๆ

“ริว”

เป็นคำพยางค์เดียวที่หลุดลอดจากริมฝีปาก แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับผม แค่เขายอมพูดด้วย ผมก็ดีใจแล้ว

ผม ยิ้มกว้างมากกว่าเดิม ทว่าทันทีที่มือผมสัมผัสโดนแขนเขาอย่างถือวิสาสะด้วยอยากใกล้ชิด พี่ริวกลับเบิกตากว้าง เกร็งไปทั้งตัว นัยน์ตาคู่นั้นดูตื่นตระหนกพลันบิดแขนออกจากมือผมก่อนจะถอยหลังหนีเข้าห้อง

ผม เองก็ตกใจกับปฏิกิริยาไม่คาดคิด ละล้าละลังอยากจะเดินเข้าไปหา แต่ก็ไม่กล้า ท่าทางพี่ริวดูตื่นกลัว เขายกมืออีกข้างขึ้นลูบแขนตรงที่ผมเคยจับ แล้วมองมาที่ผมอย่างสับสน

“หึๆ” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำที่ดังมาจากด้านข้างทำให้ผมหันไปมองขวับ รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาทันที

“อย่ามาหัวเราะอย่างนี้นะ”

ถึง เขาจะเป็นหมอ ผมก็ไม่ยกโทษให้หรอก หัวเราะอะไร มีอะไรน่าหัวเราะ อีกอย่าง เสียงหัวเราะแบบนั้นมันให้ความรู้สึกไม่ดี มันทำให้รู้สึกเหมือนถูกไล่ต้อน

“เรียกพี่ว่าพี่แซมบ้างสิ”

ผมขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นปัดมือหนาที่ยื่นมาเชยคางผมแล้วถอยหนี ยิ่งมองรอยยิ้มมุมปากนั่นก็ยิ่งอยากจะหนีไปให้ไกลๆ

“หนี”

เปล่านะ.. นั่นไม่ใช่เสียงผม

“หนี”

ครั้งนี้เสียงนั้นดังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ผมหันไปมองทางต้นเสียงเห็นพี่ริวจ้องมองมา ตัวเขาสั่นระริกอย่างน่าสงสาร

พี่ริวเป็นอะไร...

ผม จะเดินเข้าไปหา แต่พี่เขากลับหน้าซีดเผือดแล้วส่ายหน้าไปมา ริมฝีปากพึมพำเสียงเบาซึ่งผมไม่ได้ยิน แต่พอจะอ่านปากออก เขาเอาแต่พึมพำว่า ‘หนี’

ผมที่กำลังจะหันหลังกลับไปยังประตูกลับถูกผลักเต็มแรงจนเสียหลักล้มไปข้างหน้า!

“เฮ้ย!” ร้องอุทานเมื่อเสียการทรงตัว มือสองข้างตีวนกลางอากาศราวกับมันจะช่วยให้ผมทรงตัวอยู่ได้

แต่เปล่าเลย มันไม่ช่วยอะไร!

ปัง!

เสียงประตูห้องที่ปิดดังปังเกิดขึ้นพร้อมกับผมที่เสียหลักล้มลงทับพี่ริวอย่างแรง! ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก พี่ริวกดหัวผมให้แนบกับแผ่นอก เขายอมเป็นเบาะรองให้ผมล้มทับ โดยที่ตัวเองล้มกระแทกพื้นอย่างจัง!

“โอ๊ย!”

ผม ตะลีตะลานรีบยันตัวลุกขึ้นหลังจากได้ยินเสียงร้องของคนด้านล่าง ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวเหยเก มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบสะโพกตัวเอง ในขณะที่อีกข้างก็ลูบหัวที่กระแทกพื้นเมื่อครู่

“ต้า ขอโทษ.. ต้าไม่ได้ตั้งใจ พี่ริว.. พี่ริวเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ...ลุกไหวมั้ย ต้าขอโทษ” ผมเบะปาก รู้สึกผิดที่ทำให้เขาต้องมาเจ็บแทน ผมพยายามจะดึงพี่ริวให้ลุกขึ้นนั่ง แต่คนเจ็บกลับยกมือห้าม ทำให้ผมได้แต่นั่งมองห่างๆ

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมรู้สึกดีกับพี่ริวมากกว่าเดิม ถ้าพี่ริวไม่รับผมไว้ เขาก็คงไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้

“มันไม่เป็นอะไรหรอก จริงมั้ยครับ” เสียงทุ้มดังมาก่อนตัวจะนั่งยองๆตรงข้ามผมแล้วช้อนอุ้มคนเจ็บขึ้นมาไว้ในวงแขน

คนถูกอุ้มเบือนหน้าหนี หันมาทางผมแล้วมองด้วยสายตาที่ผมอ่านไม่ออก

เพราะ ว่ามัวแต่ตีความจากสายตาคู่นั้น กว่าจะดึงสติตัวเองกลับมาได้ก็ช้าไป เนื่องจากหมอผมยาวอุ้มพี่ริวเดินสวบๆตรงไปยังประตูห้องๆหนึ่งเสียแล้ว! ผมรีบผุดลุกขึ้นพลันวิ่งไปดักหน้า กางแขนกั้นไม่ให้เขาไปต่อได้  คิ้วเข้มเลิกสูงมองการกระทำผม

“ขวางทำไมครับ”

“จะพาพี่ริวไปไหน ไม่ให้ไป ปล่อยพี่ริวเดี๋ยวนี้!!” ผมพูดพลางก้าวถอยหลังเมื่อเขาเดินมาข้างหน้า

“ทำ แผลไง คนเจ็บต้องทำแผล” เขายิ้มบางมุมปากซ่อนเลศนัยน์ ผมนิ่งคิดไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะมองพี่ริวที่หน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ เลยตีความเอาเองว่าพี่เขาคงเจ็บมากๆ

ผมมองพี่แซมอีกทีอย่างช่างใจ เขาเป็นหมอ คงเชื่อมือได้

คิดได้เท่านั้นผมก็ลดแขนลงแล้วหลีกทางให้ร่างหนาเดินเข้าห้องนอน แต่ไม่วายเดินตามหลังเขาไปด้วย

ผม ยืนเคว้งกลางห้อง ไม่กล้าเดินไปใกล้ได้แต่ยืนมองห่างๆพลางกวาดสายตาไปทั่วห้องที่ตกแต่งด้วย โทนสีขาวแดง ก่อนจะสะดุดตาเข้ากับเก้าอี้ที่โต๊ะเขียนหนังสือจึงเดินไปนั่งโดยใช้ขาคล่อ มเก้าอี้และหันหน้าเข้าพนักพิงโดยที่มือก็กอดมันเอาไว้พลางใช้ขาดันพื้น หมุนๆเก้าอี้ให้หันไปยังทิศทางที่เห็นเขาสองคนได้ชัดๆ

มัน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พี่แซมวางพี่ริวลงบนเตียงก่อนจะทิ้งตัวนั่งซ้อน หลังโดยแยกขากว้างแล้วดึงให้คนที่ตัวเล็กกว่าเข้ามาใกล้ พี่ริวมีท่าทีขัดขืนจะขยับออกแต่ทำไม่ได้ด้วยมือหนารั้งเอวไว้แล้วกดให้บั้น ท้ายบดกับสะโพกตัวเองแนบแน่น

ผมขมวดคิ้วรู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่เห็น

ทำแผลไม่ใช่เหรอ...

คำถามผุดขึ้นในใจพลางกวาดตามองไปบนเตียงสีขาวเพื่อหากล่องปฐมพยาบาล แต่ก็ไม่เจอ...

“อึ่ก!”

ผม ผละสายตากลับไปยังทิศทางที่เสียงแว่วมา เห็นพี่ริวหลับตาแน่นกัดฟันคล้ายกล้ำกลืนอะไรสักอย่าง พลันร่างกระตุกเกร็งห่อไหล่ถอยร่นตัวหนีสัมผัสจนแผ่นหลังชนกับแผ่นอกคนที่ นั่งซ้อนหลัง

พี่ริวเป็นอะไร...

ผม ชะงักสายตาอยู่ตรงอกเสื้อของคนตัวขาวที่มันนูนผิดปกติ  มือที่กอดพนักเก้าอี้ไว้ยิ่งกระชับแน่นขึ้น เมื่อสังเกตเห็นแขนแกร่งสีซีดผลุบหายเข้าไปใต้เสื้อยืดที่พี่ริวใส่อยู่

ลำ ตัวบางบิดไปมาอย่างทรมาน มือที่อยู่ใต้เสื้อก็ขยับไปมาไม่อยู่สุข  ใบหน้าคมคายที่มีผมตกปรกหน้ากดต่ำจนริมฝีปากแนบชิดติดลำคอขาวก่อนจะแลบลิ้น ลิ้มชิมผิวกาย  ผมมองภาพนั้นแล้วให้รู้สึกร้อนวูบวาบ ก่อนจะหันหน้ามองไปทางอื่นแทบไม่ทันเมื่อมืออีกข้างของพี่แซมจับขาพี่ริวอ้า ออกพลางบีบขย้ำเป้ากางเกงอย่างมันมือ!

หน้าผมร้อนผ่าว เท้าจิกพื้นกระเบื้องอย่างแรง มือสองข้างก็กำแน่นที่พนักเก้าอี้ อยู่ๆผมก็รู้สึก.. เสียว

เสียววูบไปทั่วช่องท้อง บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันเป็นความรู้สึกอย่างไหน

จิต ใต้สำนึกบอกว่าการที่มองภาพตรงหน้าของคนสองคนบนเตียงไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่...ด้วยความอยากรู้อยากเห็นทำให้ผมเบนสายตาเหลือบมองอีกครั้ง ก่อนจะหน้าร้อนกว่าเดิม ตะลึงลาน ดวงตาเบิกโพลง คิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ..

มือ หนาเลิกเสื้อตัวบางของคนด้านหน้าขึ้นสูงจนเผยให้เห็นหน้าท้องและแผ่นอก ชัดเจน  เขารั้งชายเสื้อจ่อริมฝีปากบาง บีบแก้มเป็นเชิงบังคับให้คนตัวเล็กกว่าอ้าปากและคาบเสื้อไว้ พี่ริวมองไปทางอื่นไม่หันมามองผม สองข้างแก้มแดงก่ำพาลให้ผมหน้าแดงตาม

ผมไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรกับเหตุการณ์ตรงหน้า ไม่รู้... ลุกออกไปดีกว่ามั้ย...

เร็วเท่าความคิด ผมรีบดีดตัวลุกขึ้นยืน กำลังจะเดินออกจากห้องทว่าพี่ริวกลับสั่งห้ามไว้เสียก่อน

“อย่าลุก!  อื้อ... น.. อึ่ก... นั่งลง”

ทันที ที่พูดจบใบหน้านั้นยิ่งแดงก่ำมากกว่าเดิม แดงจนลามไปทั้งตัว ตั้งแผ่นอกยันหน้าท้อง พี่ริวจิกเล็บลงกลางฝ่ามือ กัดเสื้อแน่นจนกรามขึ้นเป็นสันนูน

ผม ค่อยๆทิ้งตัวนั่งลงที่เดิมอีกครั้ง เห็นพี่แซมกดริมฝีปากจูบลำคอขาวที่คนถูกกระทำหันหน้าหนีไปทางอื่น ร่างสูงอ้าปากกัดซอกคอขาวเป็นเชิงหยอกล้อก่อนจะดุนลิ้นดูดเนื้อขาวๆจนเป็น รอยจ้ำแดงก่ำโดยที่สายตาเขาจับจ้องมองผมตลอดเวลา มือหนาสองข้างก็ทำหน้าที่ของมันไม่ขาดตกบกพร่อง เขาใช้ปลายนิ้วขยี้ตุ่มไตข้างซ้าย พลางใช้อีกมือนวดเฟ้นโคนขาก่อนจะเลื้อยมือผลุบหายเข้าไปทางขากางเกงยางยืด ตัวบาง

ที่ ที่ผมนั่ง มันอยู่ห่างจากเตียงประมาณสองเมตรได้.. ตัวเขาอยู่ตรงนั้น แต่สายตาเขากลับเอาแต่จ้องมองผม มองไล่ไปทั้งตัวจนผมทำอะไรไม่ถูก

ตัวพี่ริวสั่นระริกพลันฟันขาวกัดริมฝีปากตัวเองจนขาวซีดเมื่อมือที่อยู่ใต้กางเกงขยับไหว

ผม เผลอจิกเล็บลงกับต้นขาตัวเองอย่างแรงก่อนจะก้มหน้าวูบหลบสายตาคู่นั้น คล้ายหูแว่วได้ยินเสียงทุ้มหัวเราะแผ่วเบาในลำคอ ใจผมเต้นรัวเลือดสูบฉีดจนเห่อร้อนไปหมดทั้งตัว! ผมไม่รู้ผมเป็นอะไร.. อยู่ๆก็ปวดหนึบที่กลางลำตัว

...ทรมาน

ทั้งๆ ที่อยู่ห่างเขาตั้งไกล ทั้งๆที่เขาสัมผัสพี่ริว แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนโดนโลมเลียด้วยสายตาคู่นั้น อุปทานไปเองว่าเขากำลังทำกับผมเหมือนที่กำลังทำกับพี่ริว...

ผมหายใจหอบ ขนลุกชันไปทั้งตัวก่อนจะกดหน้าลงกับแขนที่วางบนพนักเก้าอี้ ไม่เงยหน้ามองภาพตรงหน้าอีก

อยากจะลุกออกจากห้อง แต่ขากลับก้าวไม่ออก อยู่ๆก็หมดแรงเอาดื้อๆ

ยิ่งเวลาผ่านไป ในห้องที่เคยมีแต่เสียงของแอร์คอนดิชั่นกลับมีอีกเสียงที่ดังแทรกอากาศ ...เสียงหอบหายใจ

“ซี๊ดดดด”

ผมเม้มปากแน่นกับเสียงสูดปากที่ได้ยิน เท้าที่เคยจิกพื้นลอยขึ้นเหนือพื้นก่อนสองขาจะหนีบเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว

ผม รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงกลางลำตัว มันขยายใหญ่ขึ้น เริ่มปวดตุบๆ พลางก้มหน้ามองเป้ากางเกงตัวเองที่มันนูนเด่นก่อนจะเบะปาก ทำไงดี...

มันเป็นอะไรก็ไม่รู้...

“แน่นชิบ อา... ซี๊ดดด”

ผม ยิ่งซุกหน้ากับแขนตัวเองแน่นกว่าเดิม ใบหน้าเห่อร้อนจัดพลางน้ำตารื้นหน่วยตา สองขาหนีบเข้าหากันแน่นมากขึ้น ผมผละมือข้างหนึ่งออกจากพนักเก้าอี้ก่อนจะลูบบนเป้ากางเกงที่เปียกแฉะด้วย ความอยากรู้

ทันทีที่แตะ ผมสะดุ้งเฮือกรีบชักมือออกแทบไม่ทันเมื่อความรู้สึกมันปะทะขึ้นมาเพียงแค่สัมผัส!

“อา...” เสียงหอบหายใจที่มาพร้อมกับเสียงครางต่ำในลำคอยิ่งทำให้ผมวูบวาบมากขึ้น เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังเป็นจังหวะก้องสะท้อนในห้องสี่เหลี่ยม

ผมได้แต่กดหน้านั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่กล้าขยับตัว ไม่กล้าเงยหน้า ไม่กล้า...

“ฮึก... ย..อย่า” ทันทีได้ยินเสียงร้องห้ามเจือสะอื้นของพี่ริวทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองโดย อัตโนมัติ ก่อนจะรีบหันหน้าหนีแทบไม่ทันเมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าสองร่างบนเตียง

แม้จะเป็นเวลาลาเพียงวินาทีแต่ภาพนั้นกลับติดตา ภาพของพี่ริวที่นั่งคล่อมกายหนาแล้วขยับขึ้นลงด้วยสองมือแกร่งที่กุมจังหวะ

 พี่แซมนั่งพิงหัวเตียง ใบหน้าชื้นด้วยเหงื่อ ภาพที่ริมฝีปากนั้นแสยะยิ้มคล้ายขบขันยามที่สบตาผมมันติดอยู่ในหัว

...เขามองมาที่ผมตลอดเวลา

แม้แต่ตอนนี้ที่ผมไม่ได้หันไปมองเขา ผมก็ยังคงรู้สึกถึงสายตานั้น

เสียง เนื้อกระทบเนื้อยิ่งดังมากขึ้นกว่าเดิม คราวนี้มีเสียงเตียงที่ลั่นเอี๊ยดเป็นจังหวะ ผมยิ่งรู้สึกอึดอัดมากกว่าเดิม พยายามสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะยกขาขึ้นนั่งชันแล้วกดหน้าลงกับเข่าตัวเอง ลำตัวบิดไปมาอย่างสุดจะทน

ยิ่งเสียงหอบหายใจของเขาดังมากเท่าไหร่ ความรู้สึกผมก็ยิ่งพุ่งพล่านจนต้องกัดปากระงับตัวเอง

“ฮึก” ผมกลื้นก้อนสะอื้นก่อนหยาดน้ำใสจะไหลจากดวงตาเมื่อมันปวดตุบๆไม่หายสักที กลางลำตัวก็ยิ่งแข็งมากกว่าเดิม

ความรู้สึกแบบนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นกับผมมาก่อน

มันเป็นอะไร.. ทำไมไม่เหมือนเดิม

อยู่ๆ เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังมาตลอดหลายนาทีก็หยุดลง เหลือเพียงแต่เสียงหอบหายใจของคนสองคน พลันหูได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆที่กำลังเดินมาตรงที่ที่ผมนั่งอยู่ ก่อนจะสะดุ้งเฮือกสุดตัวเมื่อมือเย็นๆแตะลงที่แขน

            ...พี่แซม



________________________________________________

TALK:: มาแล้วววววว คิดถึงกันมั้ยยยย
สองสามวันที่ผ่านมาไม่ได้เปิดคอมเลย งานสุม ทำให้หายหน้าหายตาไปบ้าง  :กอด1:
คนที่เปิดประตูเป็นคนเดียวกับที่เคยโดนขึงกลางห้อง
สามารถพบกับพี่ริวเต็มๆได้ที่ REVENGE => http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38217.0

มีแฟนเพจด้วยนะเอออ เผื่อใครอยากแอด NNEW ffy
ความจริงนิยายเรื่องนี้ลงไว้ในเด็กดีด้วยค่ะ ตอนนี้ในเล้ากับในเด็กดีก็ทันกันแล้ว หมดสต๊อก ต่อไปนี้.. คงอัพประมาณ 5 วันต่อครั้ง จะพยายามไม่เกิน 1 อาทิตย์นะคะ  :กอด1: :กอด1:


แซมไม่ได้มีอะไรกับเตอร์ ทั้งสองไม่เคยรู้จักกัน แต่เตอร์เป็นคนที่มีชะนักติดหลัง เจอคนมองด้วยสายตารู้ทันกับ พูดไล่ต้อนแบบนี้มันก็คงต้องรู้สึกเสียวๆกลัวความลับถูกเปิดกันบ้าง

เหตุผลที่แม่ต้ายอมปล่อยให้น้องไปแซมง่ายๆคงเป็นเพราะ แม่ต้าเคยเจอกับหมอเซมมาก่อน ที่โรงพยาบาล ก็หวังอยากให้ลูกหาย

แซมไม่ได้เป็นหมอนะ แต่แฝดพี่เป็น นั่นคือ เซม

ชื่อตัวละครมันใกล้กันไปเนอะ อย่าเพิ่งสับสนเน้อ  :กอด1:
บางทีเราแต่งๆไปก็แอบมึนบ้าง อะไรนักไม่รู้ 555555555555555555555 เยอะอ่ะเยอะ
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 22 รู้สึก [15/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 15-06-2013 14:41:16
ริวคือคนที่อยู่ในห้องเมื่อตอนที่เซมเจอใช่ป่ะ แล้วพี่เซมไปไหน รู้มั้ยเนี่ย ว่าอิพี่แซมมันล่อลวงอะไรน้อง แล้ว แซมมันเป็นหมอ จริงอ่ะ
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 22 รู้สึก [15/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 15-06-2013 16:18:53
เขาเดินมาแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นน่ะ
ไม่ใช่ว่าจะอะไรๆ กับต้านะ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 22 รู้สึก [15/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: full69 ที่ 15-06-2013 18:05:21
อ่า  เดินมาทำไมหว่า

โอยยย  เลือดแทบหมดตัวแทนน้องต้า
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 22 รู้สึก [15/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 15-06-2013 18:43:46
แซมคิดจะทำอะไรต้าร์ แล้วริวล่ะ แซมคิดจะเล่น ๆ กับริวหรือจริงจังนะนั่น ริวบอกให้ต้าร์หนีไปใช่หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 22 รู้สึก [15/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Minerva ที่ 15-06-2013 18:51:04
แอบสวมรอยเป็นคุณหมอนี่น่า!
เตอร์เจอฉากเด็ดตาค้างทีเดียว  :hao6:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 22 รู้สึก [15/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: koronekojung ที่ 15-06-2013 19:57:28
อ๊ากกกกกก  อยากอ่านตอนต่อไป !!! :hao5: :hao5:
สรุปนั่นคือพี่แซมใช่ป่ะ  ตอนแรกคิดว่าหมอเซมจริงๆ 5555
แล้วทำไมพี่แซมบังคับให้ต้านั่งหละ > <
ตอนต่อไปจะเกิดไรขึ้น~
อยากอ่านแล้วๆๆ มาต่อด่วนค๊าาาาาา  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 22 รู้สึก [15/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 15-06-2013 20:55:52
 นี่คือวิธีการรักษาที่(น้องต้า)เสียวมากอ่ะคะ   :z1: :z1: :haun4: หุหุ
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 22 รู้สึก [15/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 15-06-2013 21:02:10
โห อะไรจะเกิดอะไรกับน้องต้าบ้างเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 22 รู้สึก [15/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 16-06-2013 17:48:29
กรี๊ดดดดดดด!
น้องต้าของแม่โดนล้อลวง
พี่หมออยู่ไหน พี่จิมอยู่ไหน
เอาคู่นี้ไปเก็บในเรื่องของตัวเองด่วน!
มาทำให้ต้าของแม่ไขว้เข
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [16/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 16-06-2013 18:04:40
เราขออนุญาติลบเนื้อหานะ เนื่องจากว่า 100% เต็มของตอนที่ 22 มันเปลี่ยนไปจากเดิม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [16/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 16-06-2013 18:27:24
สงสารริววว   :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [16/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 17-06-2013 04:11:18
แซมใจร้ายนะนั่น แซททำอะไรริว แล้วแซมรับปากอะไรริวเอาไว้ ริวถึงพูดว่าผิดคำพูด ริวรู้สึกยังไงกับต้าร์นะ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [16/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 17-06-2013 06:52:18
มีแต่คนโรคจิตและคนน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [16/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 17-06-2013 09:52:52
สงสารริว สงสารต้า
ตัวละครที่เหลือหายไปหนหมด
ไม่คิดจะมาช่วยลูกๆ ฉันเลยสักคน
แล้วหมอเซมตอนนี้เป้นยังไงเนี่ย ทำไมถึงปล่อยให้น้องชายตัวเองทำอย่างนี้
 :angry2:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [16/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 17-06-2013 12:01:08
งะน้าสงสารน้องต้าอ่า
พี่จิม พี่เซม อยู่มาช่วยต้าบ้างสิ  :mew6:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [16/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 17-06-2013 16:25:00
รักคนเขียนเหมือนกัน จุ๊บๆ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [16/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 17-06-2013 16:45:46
 :hao5:
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [16/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 20-06-2013 17:56:07
ริวเป็นใคร เป็นอะไร ทำไมถึงดูแปลกๆ
หัวข้อ: Re: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [16/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 20-06-2013 21:25:58
สงสารรร!!
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [16/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: YAYANORITZ ที่ 23-06-2013 12:19:07
เอ๊ะ! เรื่องนี้มันเชื่อมโยงกับ ริว ในเรื่อง REVENGE ใช่ไหมอ่า
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [16/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 23-06-2013 22:10:11
เอ๊ะ! เรื่องนี้มันเชื่อมโยงกับ ริว ในเรื่อง REVENGE ใช่ไหมอ่า

ใช่เลยยยยย ริวในนี้ กับริวใน revenge คนเดียวกัน -...-
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [16/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: koronekojung ที่ 24-06-2013 21:01:52
ต่อด่วยเลยค๊าาาา~
ฉากแบบนี้อย่าให้นานๆๆ
อิชั้นจะคลุ้มคลั่งแล้วค๊าาา//โดนเตะ

รักคนเขียนมากมาย จุ๊บๆ10ที :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [16/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 24-06-2013 22:08:40
เดินถือที่นอนพร้อมตะกร้าเข้ามาในกระทู้ // หันมองซ้ายขวาก่อนจะปูที่นอน
นั่งลงแล้วเปิดตะกร้าหาของกินที่เตรียมไว้ พอกินเสร็จก็หันมองซ้ายขวาอีกรอบ ก่อนจะเดินรอบๆ กระทู้เพื่อย่อย
สุดท้ายก็นั่งปุลงที่ที่นอนและล้มตัวลงนอนรอ

"คนเขียนรู้ไหม เค้ารอคนเขียนในกระทู้ทุกวันเลย"

อิอิ เอาฮาอย่าซีเรียส
มารอคนเขียนค่าาาาาา
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [16/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: IRIS ที่ 25-06-2013 04:02:00
เรื่องนี้ไม่มีคนปกติเลยใช่มั้ยพ่อแม่ก็แปลกยอมไปได้ไง ถึงจะบอกว่ารู้จักหมอเซม แต่ก็ไม่ได้สนิทกันขนาดจะฝากลูกไปอยู่คอนโดเค้าได้แบบนี้ มันผิดปกติวิสัยของคนเป็นพ่อแม่มากเกินไป

ส่วนเมะเรื่องนี้มีแต่เดรัจฉานทั้งนั้น สารเลวเกินคนจริงๆ ยิ่งเอี้ยแซมยิ่งแล้วใหญ่รู้ว่าน้องเป็นแบบนี้ยังมีหน้าไปล่อลวงมาทำระยำได้อีก

ไม่เชียร์ใครสักคนได้มั้ย สันดานเกินรับไหวทุกตัวเลย :เฮ้อ: อ่านแล้วอินมากจริงๆ ร้องให้ตามเลยอ่ะ :sad11:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [16/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 25-06-2013 23:09:52
กรี้ดดดดดกร้าดดดด :haun4:
คนเขียนสู้ๆจ้ะ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [16/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: koronekojung ที่ 29-06-2013 19:42:07
ผู้แต่งไปไหนเอ่ยยย !!!!!!!
รอชั้น รอ เธออยู่ แต่ไม่รู้เธออยู่ หลใด ~


จะตายแล้วค๊าาา มาต่อด่วนนนนน :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [16/6/56] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 07-07-2013 19:14:39
หมายเหตุ :: เนื้อหาไม่เหมือนเดิมกับ 60% แรกนะคะ พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย แนะนำว่าให้อ่านพาร์ทนี้ใหม่ตั้งแต่ต้น

ตอนที่ 23 หลุด

“พี่ช่วยนะครับ” เขาพูดเสียงพร่าพร้อมยิ้มน้อยๆ ผมขมวดคิ้ว ขยับมือออกจากการจับกุมนั้นแล้วก้มหน้าหลบ นัยน์ตาคู่นั้นมีประกายไหววูบแปลกๆ  แต่ผมกลับต้องหน้าร้อนกว่าเดิมเมื่อสายตามันหยุดอยู่ที่ลอนคลื่นของกล้ามเนื้อหน้าท้องที่สะท้อนขึ้นลงตามระดับการหายใจเข้าออก กายท่อนล่างถูกพันด้วยผ้าขนหนูสีขาวที่ขมวดเป็นปมอย่างลวกๆ

“ช่วยอะไร” ผมขยับขาที่นั่งชันเข่าเข้ามาชิดกันกว่าเดิม รู้สึกอายหากเขามองเห็นมัน

“หึๆ” เสียงทุ้มหัวเราะแผ่วเบาก่อนผมจะเบิกตาโพลงเมื่อรู้สึกว่าร่างลอยขึ้นสูง!

พี่แซมช้อนตัวผมขึ้นในวงแขนก่อนจะวางลงบนโต๊ะเขียนหนังสือตัวใหญ่ ทันทีที่ตั้งหลักได้ ผมผวาจะหนี ทว่าแขนแกร่งสองข้างกลับท้าวลงบนโต๊ะกักผมไว้ในอนาเขตของตัวเอง ผมยกมือขึ้นดันหน้าเขาเมื่อใบหน้าคมคายโน้มต่ำเข้ามาใกล้ เขาหัวเราะในลำคอ หยุดชะงักจ้องผมในระยะประชิด

ผมกวาดตามองหาทางหนีทีไล่ เมื่อเริ่มรู้สึกถึงอันตราย เหลือบตาไปยังเตียงก็เห็นพี่ริวนอนหันหลังไม่ไหวติง มีผ้าห่มผืนหนาคลุมตั้งแต่ช่วงเอวลงไป เผยให้เห็นแผ่นหลังนวลเนียนที่มีรอยจ้ำสีแดงประปราย

ใครจะคิดว่าเวลาเพียงเสี้ยวนาทีที่ผมหันไปสนใจอย่างอื่น จะทำให้ผมตกเป็นรอง เมื่อมือหนาจับขาผมสองข้างยกขึ้นวางบนโต๊ะแล้วแยกออก  ผมตาเบิกโพลง พยายามจะหุบขาเข้าหากันแต่ไม่เป็นผลเมื่อเขาดึงรั้งไว้ด้วยแรงที่มากกว่า

“อย่าดื้อน่า พี่จะช่วยเราไงครับ”

เสียงแหบพร่าพูดขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่หมายจะโน้มลงมากลางหว่างขา! มันทำให้ผมเสียววูบ แท่งเนื้อที่อยู่หว่างกลางยิ่งปวดหนึบเข้าไปใหญ่!

“ไม่เอา ไม่ให้ช่วย” ผมรีบพูด ยกก้นกระเถิบถอย มือที่ดันหน้าเขาไว้ยิ่งออกแรงมากกว่าเดิม  นัยน์ตาคมละขึ้นมองสบตาผม ก่อนจะยอมปล่อยมือออกข้างหนึ่ง

การที่เขายอมผละจากง่ายๆ สร้างความแปลกใจให้ผมไม่น้อย แต่ความแปลกใจเกิดขึ้นได้ไม่นานเมื่อมือหนาอีกข้างที่วางบนต้นขาทำท่าจะเลื้อยขึ้นสูง ทำให้ผมรีบหุบขาเข้าหากันก่อนจะหนีบมือข้างนั้นไม่ให้ขยับได้!

เขาเจ้าเล่ห์  ไว้ใจไม่ได้!

“ทรมานไม่ใช่เหรอ? พี่จะช่วยไงครับ ไม่เจ็บหรอก”

“ไม่เอา ถ้าทำอะไรเรา เราจะฟ้องพี่ริว!”

เปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเสียใหม่เพื่อเว้นระยะห่าง ไม่เรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเหมือนเคยพร้อมกับยกพี่ริวเข้าขู่เผื่อเขาจะกลัว

..และดูเหมือนจะได้ผล

ผมนึกยิ้มในใจที่เห็นเขานิ่งไป แถมเขายังค่อยๆถอยห่างไปทีละนิด ท่าทางอย่างนั้นนั้นทำให้ผมตายใจละสองมือออกจากใบหน้าคม ก่อนจะใช้มันยันโต๊ะดันตัวกระเถิบหนี  ทว่าชั่วขณะที่ผมไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าคมกลับโฉบเข้าใกล้ ลมหายใจร้อนรินรดแผ่นอกก่อนปลายลิ้นจะดูดดึงตุ่มไตผ่านเสื้อตัวบาง พลางใช้ฟันขบกัดจนผมสะท้าน สั่นไปทั้งตัว!

“อ๊ะ.. อึ่ก” ผมรีบกัดปากอย่างแรงเมื่อได้ยินเสียงร้องของตัวเอง เล็บจิกลงบนโต๊ะก่อนจะเปลี่ยนเป็นยกสองมือขึ้นกำกลุ่มผมหนาแล้วดึงออก แต่เขากลับขืนแรงไว้ ฟันคมยิ่งขบกัดหน้าอกผมแรงกว่าเดิม!!

ผมขยับขาจะเตะหน้าท้องแกร่ง ทว่าเขากลับรู้ทัน! เมื่อสองขาคลายแรงที่หนีบมือหนา เขาที่คอยท่าอยู่แล้ว ใช้จังหวะนั้นเคลื่อนมือขึ้นสูงแล้วบีบขย้ำตรงส่วนอ่อนไหว

“อ๊า!!” ลำตัวกระตุกอย่างแรงเมื่อความรู้สึกไม่คุ้นเคยปะทุขึ้นมา มือที่ดึงผมเขาเริ่มอ่อนแรงเหลือไว้เพียงการกำระบายอารมณ์ มือหนาข้างที่ว่างสอดเข้าใต้เสื้อก่อนจะขยี้ตุ่มไตอีกข้างพร้อมกับปากที่ทำหน้าที่ของมันไม่ได้หยุด ทั้งดูดดึง ขบกัด!

ตัวผมสั่นระริกแอ่นหน้าอกตอบรับทั้งมือและปากเขาโดยไม่รู้ตัว ยิ่งนาทีที่เขาเลิกเสื้อขึ้นสูงกองเหนืออกเหมือนอย่างที่ผมเคยเห็นเขาทำกับพี่ริวยิ่งทำให้ผมสะท้าน! ขนอ่อนลุกชันไปทั้งตัว ร่างทั้งร่างสั่นไหวเมื่อริมฝีปากเย็นชืดกดแนบลงมาบนผิวเนื้อตรงๆ พร้อมกับมือสองข้างของเขาที่ลดต่ำเร่งปลดกางเกงผม ดึงมันออกทางปลายเท้าพร้อมกางเกงชั้นใน

ท่อนล่างเย็นวาบเมื่อไม่มีสิ่งขวางกั้น นัยน์ตาสีดำโลมเลียจ้องส่วนชูชัน ผมหน้าร้อนจนแทบไหม้ ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัวด้วยน้ำใสรื้นขอบตาด้วยความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน!

“อ๊ะ.. ออก ฮึก.. ออกไป!!”

ผมผวา ทั้งผลักทั้งดิ้นเมื่อเขาดันผมจนหลังแนบลงกับพื้นโต๊ะแข็งกระด้างโดยที่ร่างสูงแทรกตัวเข้ามาตรงกลางหว่างขาของผมที่แยกกว้าง!

เผลอกลั้นหายใจโดยอัตโนมัติเมื่อหน้าท้องแกร่งเสียดสีกับส่วนอ่อนไหว มือกำกลุ่มผมหนาแน่นก่อนทั้งตัวจะกระตุกเกร็งเมื่อเขารัวปลายลิ้นเลียยอดอกสลับขบกัดจนเสียวกระสันต์ปานจะขาดใจ!

“ไม่.. ไม่เอา อื๊อ! ย..หยุด!” ผมหอบหายใจถี่ ละล่ำละลักพูดไม่เป็นคำ มือจิกเรือนผมยาวพยายามกระชากออก ฉับพลันดวงตาโบกโพลงด้วยความตระหนกเมื่อมือหยาบบีบเคล้นแก้มก้นก่อนจะลากสูงไล้นิ้วเขี่ยสะกิดตรงปากทางเข้า ผมยิ่งดิ้นหนักขึ้นต่อต้านเขาอย่างถึงที่สุด

“ฮึก!” น้ำตาไหลเป็นสายเมื่อเขากัดยอดอกจนเจ็บแปลบ!

“อย่าดื้อ..” เขาผละหน้าออกจากแผ่นอก นัยน์ตาลุ่มลึกสีดำสนิทมองสบตาผมอย่างราบเรียบ ก่อนลิ้นสีสดจะเลียวนขอบปากตัวเองแล้วแสยะยิ้มมุมปาก ปลายนิ้วเรียวค่อยๆขยับเขี่ยรอยจีบก่อนจะชำแรกเข้าไปผายใน!

ร่างทั้งร่างกระตุกเกร็งต่อต้านสิ่งแปลกปลอม มือผละจากกลุ่มผมสีดำเลื่อนจับแขนแกร่งแล้วจิกไว้แน่น!

“ไม่เอา.. กลัวแล้ว ฮึก.. อย่าทำ.. อ๊ะ!”

ปากอ้าค้าง สิ่งที่กำลังจะพ่นพูดถูกกลืนลงคอเมื่อนิ้วข้างนั้นดันเข้าไปจนสุด!

“ดี.. ทำหน้าแบบนั้น ดี... อา.. คิดไม่ผิดจริงๆ” น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบข้างหูก่อนจะแลบลิ้นเลียติ่งหูแล้วขบเม้ม  นิ้วที่ค้างอยู่ภายในหมุนควานเป็นวงกลมก่อนจะกระชากออกแล้วจ่อสิ่งที่ใหญ่กว่าตรงปากทางเข้า! ผมเบิกตาโพลงกระเถิบตัวหนีสุดความสามารถ แต่กลับทำไม่ได้เมื่อมีมือหนาจับเอวผมรั้งไว้!

“ไม่เอา!!! ปล่อย!!!! ฮึก! พี่ริว... พี่ริว!!” ผมเกร็งไปทั้งตัว หวีดร้องสุดเสียงเมื่อสิ่งนั้นพยายามดันเข้ามาในตัว ทั้งมือและเท้าทุบตีเตะต่อยเขาไม่หยุด ทำทุกวิถีทางให้ตัวเองรอด!

เพล้ง!!!

ราวกับเวลารอบตัวหยุดชะงักหลังจากเสียงปริศนาดังขึ้น พี่แซมผละออกจากผมก่อนจะนิ่งค้างอยู่กับที่ นัยน์ตาฉายประกายกร้าว พลันหยดเลือดสีสดจะค่อยๆไหลจากศีรษะลงอาบใบหน้า มือหนายกขึ้นปาดของเหลวแดงฉานแล้วมองมันนิ่ง

ผมอาศัยจังหวะนั้นรีบลุกขึ้นจากโต๊ะ หยิบกางเกงมาสวมลวกๆ วิ่งหลบไปยืนมองห่างๆทั้งกอดตัวเองไว้แน่น

จากตรงนี้ผมมองเห็นพี่ริวยืนอยู่ด้านหลังพี่แซม ในมือถือแจกันกระเบื้องที่แตกเป็นเสี่ยง ตรงรอยแตกมีคราบเลือดเปรอะเปื้อน นัยน์ตาว่างเปล่าคู่นั้นมองมาที่ผมด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งเจ็บปวดระคนโล่งอก ทั้งตัวที่มีเพียงผ้าขนหนูพันกายท่อนล่างผูกเป็นปมไม่ให้มันหลุดร่วงลงพื้น ก่อนเขาจะหันกลับไปมองพี่แซมอีกครั้ง พลางกระชับแจกันในมือแน่นยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปใกล้แล้วฟาดมันลงบนโหนกแก้มอีกคนอย่างแรง!

ทว่าเคราะห์ยังดีที่พี่แซมไหวตัวหลบทัน จึงไม่โดนฟาดไปเต็มๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็โดนปลายแหลมตรงรอยแตกเฉี่ยวหน้าจนเลือดซิบ

ร่างสูงยกมือเช็ดคราบเลือดช้าๆ สีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรยามที่มองคราบเลือดบนปลายนิ้ว ใช่.. หน้าเขานิ่ง แต่นัยน์ตากลับดุดันราวฆาตกร!

บรรยากาศมาคุจนผมแทบหายใจไม่ออก หนาวเยือกไปทั้งสันหลังเมื่อเห็นท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือของคนทั้งสองที่ต่างก็ไม่มีใครยอมใคร แขนสองข้างยิ่งกอดตัวเองแน่นขึ้นพลางเม้มปากเข้าหากัน ผมไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้

“มึงทำมันทำไม!!!”

ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อความเงียบถูกทำลายลงด้วยเสียงตวาดลั่นของพี่ริว มือที่กำแจกันไว้เกร็งแน่นจนเส้นเลือดปูดนูน แววตาแค้นเคืองอย่างถึงที่สุด เขาหายใจเข้าออกแรงๆราวระงับอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่าน

“มึงรับปากกูแล้ว! แต่มึงก็ยังทำ!!.. มึงทำมันทำไม!!!”

เพล้ง!!

สิ้นเสียงพี่ริวก็ปาแจกันกระเบื้องใส่พี่แซมทันที ทว่ามันกลับลอยลิ่วปะทะกำแพงด้านหลัง  คนขว้างขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอย่างเจ็บใจก่อนตัดสินใจกระโจนเข้าใส่ ถีบหน้าท้องเป็นลอนจนพี่แซมเสียหลักล้มหงายหลัง!

พี่ริวหายใจหอบ ตามไปคล่อมทับแล้วรัวหมัดต่อยใบหน้าคมคายไม่ยั้ง! พี่แซมขบฟันแน่นจนขึ้นเป็นสันนูน  ยกมือป้องหัวไว้ไม่ให้กระทบกระเทือนบาดแผล

พี่ริวดูน่ากลัวเหมือนคนกำลังคลั่ง เขาหายใจแรงกว่าเดิม ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมาย สองมือพุ่งตรงไปกระชากเรือนผมสีเข้มแล้วกำไว้ก่อนจะยกหัวอีกคนลอยเหนือพื้นแล้วเขวี้ยงกระแทกพื้นดังปั้ก!

“ไอ้สัส!!” พี่แซมสบถหยาบ ใบหน้าถมึงทึง นัยน์ตาลุกโชนด้วยเปลวไฟ มือหนาจับข้อมือขาวบิดแรงอย่างไร้ความปราณี ก่อนมืออีกข้างจะยกสูงพุ่งบีบลำคอคนที่คล่อมตนอยู่แล้วพลิกร่างบางกดลงพื้น ตามไปคล่อมทับทันที โดยทิ้งน้ำหนักลงบนมือข้างที่กุมลำคอขาวอยู่เต็มกำลัง

พี่ริวไอโขลก ดิ้นทุรนทุราย ทั้งปากและจมูกสูดลมหายใจฟืดฟาดเสียงดัง พยายามตักตวงออกซิเจนเข้าปอดให้มากที่สุด มือสองข้างทั้งจิกและข่วนมือหนาไม่หยุด หวังจะให้ตัวเองรอดจากเงื้อมมือมัจจุราช แต่คนด้านบนกลับยังมีสีหน้าราบเรียบ มองดูเหยื่อในกำมือแล้วเหยียดยิ้มสมใจ

ผมที่มองภาพนั้นรู้สึกแน่นไปทั้งอก ตัวสั่นงั่นงกอย่างห้ามไม่อยู่ ความกลัวเข้าเกาะกุมจนแทบจะก้าวขาไม่ออก! ผมไม่ได้ถูกกระทำ แต่.. ผมกลับรู้สึกเหมือนผมกำลังถูกบีบคอไม่ต่างจากที่พี่ริวโดน! อึดอัด.. ทรมาน!!

น้ำร้อนไหลจากดวงตาลงอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่ พยายามบังคับขาสั่นๆให้เดินตรงไปข้างหน้า โดยที่สายตาก็กวาดมองหาสิ่งที่พอจะเป็นอาวุธได้  ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออก สมองสั่งการแค่ให้ช่วยพี่ริว... ผมต้องช่วย!

พลันสายตาหันไปเห็นไม้เบสบอลที่วางพิงกำแพงตั้งฉากกับพื้นอยู่  ผมไม่รอช้ารีบเข้าไปคว้ามันไว้ทันที มือสั่นๆสองข้างกอบกุมด้ามไม้กระชับแน่นแล้วพุ่งเข้าหาคนผมยาวแล้วฟาดลงบนแผ่นหลังกว้างเต็มแรง!

วินาทีนั้นราวกับความกลัวปลิวหายไป สิ่งที่ต้องทำคือช่วยพี่ริว ผมรู้แค่นั้น..

ผมสะอื้นจนตัวโยนเมื่อได้ยินเสียงร้องโอดครวญของเขา ยิ่งเขาร้องผมก็ยิ่งหลับหูหลับตาตีไม่ยั้ง! ลำตัวหนากระตุกเฮือกด้วยความเจ็บทุกครั้งที่ไม้หนาหนักฟาดลงไป  มือหนาคลายออกจากลำคอขาว ก่อนใบหน้าคมคายจะหันมาจ้องผมเขม็ง ผมสะดุ้งสุดตัวแล้วเหวี่ยงไม้ฟาดอัดใส่ไหล่หนาทันทีด้วยความกลัว! ..กลัวว่าเขาจะมาเอาคืน! กลัว..

“อึ่ก.. โอ๊ยย!” ร่างหนาทรุดฮวบ ล้มทับตัวพี่ริวเต็มๆ เขานอนนิ่งไม่ไหวติง ในขณะที่พี่ริวรีบกอบโกยลมหายใจเข้าปอดอย่างตะกรุมตะกราม

ทุกอย่างรอบตัวกลับสู่สภาวะปกติอีกครั้ง ผมหอบหายใจตัวโยน ปล่อยไม้เบสบอลลงพื้น แล้วทรุดกายลงนั่งอย่างหมดแรง ทั้งตัวสั่นไหวมองภาพร่างหนาที่หายใจแผ่ว เรือนผมดำยาวทิ้งตัวลงปรกหน้า

เวลาผ่านไปสักครู่ใหญ่ๆ พี่ริวเหมือนจะเริ่มปรับตัวได้ เขาผลักร่างหนาออกไปให้พ้นตัวก่อนจะตะกายลุกขึ้น เขยิบมาหาผม

“...ไม่เป็นไร”

เขาปลอบผมเสียงพร่า ลำคอขาวแดงเถือกเต็มไปด้วยรอยนิ้วมือ สภาพพี่ริวย่ำแย่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยิ้มให้ผม

น้ำตาผมไหลลงมาอีกครั้ง สายตาที่มองคอพี่ริวเริ่มพร่ามัว แต่ก็ยังมองเห็นลางๆ อยากจะถามว่าเจ็บมากมั้ย แต่ลำคอมันตีบตันจนหาเส้นเสียงไม่เจอ ผมยกมือลูบไปตามรอยช้ำแผ่วเบา ทว่าทันทีที่นิ้วแตะลงไป พี่ริวก็สะดุ้งเฮือก นัยน์ตาฉายแววตระหนกพลันผงะถอยห่างจากมือผม ผมเองก็ตกใจรีบหดมือกลับแล้วบีบกันแน่น

“พี่ไม่เป็นอะไร ไม่ต้องห่วง” เขายิ้มให้ผมอีกครั้ง แล้วหันกลับไปมองร่างที่ยังนอนนิ่งไม่ไหวติง เลือดสีแดงสดไหลจากศีรษะย้อยลงมาจนถึงหน้าผากและข้างแก้ม

ผมกลืนน้ำลายหนืดๆลงคอ รู้สึกผิดที่ทำร้ายคนๆหนึ่งไปโดยขาดสติ

 “หนี..”

เป็นคำเพียงพยางค์สั้นๆที่พี่ริวพูดขึ้น ก่อนจะรู้สึกได้ถึงฝ่ามือเย็นเฉียบที่เลื่อนมากุมมือผมไว้พลางลุกขึ้นยืน แล้วกระตุกมือผมหมายจะให้ลุกตาม

ผมลังเลไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

“แล้วเขา..”

ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยค ความเจ็บแปลบตรงข้อมือก็พุ่งปราดเล่นงานทันทีเมื่อพี่ริวเผลอบีบข้อมือผมแน่น

“ปล่อยให้มันตายอยู่ตรงนี้”

น้ำเสียงเย็นชาและนัยน์ตาดุดันอย่างที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นจากคนๆนี้ พี่ริวดูไม่ใช่คนที่มีจิตใจเลวร้ายและเย็นชา ตรงกันข้าม เขากลับดูอบอุ่นน่าเข้าหา ดูเป็นคนใจดีที่พร้อมจะช่วยเหลือคนได้ทุกเวลา ผมเชื่อ ว่าพี่ริวต้องเป็นคนที่ร่าเริงมากแน่ๆ แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร นัยน์ตาคู่นั้นถึงได้ว่างเปล่าและเศร้าโศกได้ขนาดนั้น แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกข้างในยังไง ผมก็ยังสัมผัสได้ 

เวลาที่ผมรู้สึกไม่ดี แค่เตอร์กอดผม ก็ทำให้ผมยิ้มได้ ความเศร้าหรือเรื่องที่ไม่สบายใจต่างๆก็พลันมลายหายไป เพราะงั้น ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอพี่ริว ผมถึงได้รู้สึกอยากกอดเขา อยากให้ใบหน้านี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ใช่ใบหน้าแบบในตอนนี้

พี่ริวก้มมองสภาพตัวเองอีกครั้งแล้วทอดถอนใจ ก่อนจะปล่อยมือผมแล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ถูกถอดทิ้งไว้บนพื้นมาใส่อย่างไม่รีบร้อน หลังจากที่จัดการตัวเองเรียบร้อยเขาก็เดินมาจับมือผมไว้อีกครั้ง แต่สายตาคู่นั้นกลับมองเลยไปด้านหลัง หยุดยังคนที่นอนหายใจรวยริน

ความรู้สึกผิดเกาะกุมจิตใจเมื่อเห็นสภาพพี่แซมชัดๆ เขาจะตายหรือเปล่า..

ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมแค่อยากจะช่วยพี่ริว.. ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายใคร

ผมบอกตัวเองซ้ำๆในใจ พยายามปัดความรู้สึกผิดออกจากหัว ผมแค่ช่วยพี่ริว.. แค่ช่วยพี่ริว

แรงกระตุกที่มือทำให้ผมลุกขึ้นยืน ก่อนจะลากขาอันหนักอึ้งราวถูกโซ่ตรวนหลายกิโลถ่วงเอาไว้เดินตามหลังอีกคน จวบจนถึงประตูหน้าห้อง ..เพียงแค่เห็นประตูทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าธรรมดา ก็ราวกับยันต์ชั้นดีที่ปัดเป่าความรู้สึกไม่ดีออกไปจากใจ ผมรู้สึกอุ่นวาบในใจ จนเก็บรอยยิ้มไว้ไม่อยู่ เพียงแค่นึกว่า ถ้าเปิดประตูบานนี้ ผมก็จะได้กลับบ้าน..

คนข้างตัวผมก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกัน มือคู่นั้นถึงได้เย็นเฉียบขนาดนี้

พี่ริวยื่นมืออีกข้างที่ไม่ได้จับมือผมไว้ไปเปิดประตู เขาบิดมันออกได้อย่างง่ายดายเหมือนมันไม่ได้ถูกล็อกไว้ ครั้นพอจะดันให้เปิดออกมันกลับไม่เปิดอย่างที่คิด! พี่ริวขมวดคิ้วเป็นปมกลางหน้าผากก่อนจะลองบิดประตูอีกครั้งพร้อมทั้งออกแรงดันไปด้วย แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเคย

บานประตูหนาหนักไม่ได้เขยื้อนเลยสักนิด!

มือขาวปล่อยจากมือผมก่อนจะใช้ตัวกระแทกประตูเต็มแรง โดยที่มือก็บิดลูกบิดจนเป็นระวิง

ยิ่งทำก็ยิ่งตอกย้ำให้รู้ถึงสภาพที่ไม่อาจดิ้นหนี ไม่ว่าจะทำยังไง มันก็เปิดไม่ได้!

“โธ่เว้ย!!” พี่ริวสบถดังลั่น ยกมือขยี้หัวอย่างอารมณ์เสียก่อนจะเตะประตูตรงหน้าแรงๆระบายอารมณ์

เขาปล่อยให้ผมยืนอยู่ตรงนั้น ก่อนจะเดินไปรอบห้องราวหาอะไรสักอย่างด้วยท่าทางร้อนรน ริมฝีปากขยับพร่ำพูดอะไรสักอย่างฟังไม่ได้ศัพท์ ใบหน้านั้นกลับมาเคร่งเครียดอีกครั้งอย่างคนไร้ทางออก

ผมเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าแผ่นหลังที่มองตามอยู่ตลอดเดินไปยังห้องครัว ผมรีบเดินตามไป ก็เห็นพี่ริวก้มๆเงยๆอยู่ตรงเคาท์เตอร์ทำอาหาร ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นว่าเขาถืออะไรในมือ..

มีด!

เขาไม่แม้แต่จะหันมามองผม กลับรีบเดินสวบๆตรงไปยังห้องๆเดิมที่ออกมา ผมรีบเดินตามไปด้วยสังหรณ์ใจแปลกๆ

“พี่ริว!” ผมร้องเรียกพร้อมทั้งรีบวิ่งไปจับแขนขาวรั้งไว้ ทำให้พี่ริวชะงักขาแล้วหันมามอง สีหน้านั้นราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกอะไรจนผมหวั่นใจ

“พี่จะทำอะไร” ผมบีบแขนเขาแรงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะผละจาก

เขาเงียบไปนาน ก่อนสีหน้านั้นจะคลายความตึงเครียดลงแล้วบิดแขนออกจากมือผม

“เคยได้ยินมั้ย ตีงูต้องตีให้ตาย” เขาพูดเนิบนาบ นัยน์ตาว่างเปล่า แต่ผมขนลุกซู่ด้วยนึกรู้ว่าอีกคนคิดจะทำอะไร “ถ้าเราไม่ฆ่ามัน มันจะฆ่าเรา เข้าใจมั้ย” ริมฝีปากบางยิ้มนิดๆ แล้วยกมือลูบผมของผมแผ่วเบา

ผมส่ายหน้าไม่เข้าใจ คิ้วขมวดเป็นปมกลางหน้าผาก

“ไม่ฆ่าได้มั้ย” ผมถามเสียงแผ่ว พี่ริวหลบสายตามองไปทางอื่น มือยิ่งกระชับด้ามมีดแน่นกว่าเดิม

เขาไม่ตอบอะไรแต่กลับหมุนกายเดินหายลับเข้าไปในห้อง ทำให้ผมต้องเร่งฝีเท้าตามไปติดๆ

หลังจากที่พี่ริวได้ยินเสียงฝีเท้าของผม เขาหันกลับมามองด้วยใบหน้าซีดเผือด ทั้งตัวสั่นเทา มือที่จับมีดไว้ก็เกร็งแน่น

เกิดอะไรขึ้น?

“หายไป.. มันหายไป!”

เขาหายใจเข้าออกรุนแรง ผมเองก็ตกใจ รีบถลันไปมองยังจุดที่เมื่อครู่ยังเห็นพี่แซมนอนหายใจพังพาบอยู่

ใช่.. เมื่อครู่เขายังอยู่ แต่ตอนนี้ไม่..

เขาหายไป!

ผมกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างลำบาก เหงื่อเย็นๆไหลซึมตามไรผม หัวใจกระหน่ำรัวไม่หยุด

ที่ตรงนั้นว่างเปล่า ทิ้งไว้เพียงคราบเลือดเป็นหย่อม ไม่มีแม้แต่รอยทางเลือดที่ทิ้งไว้ให้ตามไปหาต้นตอ แต่ผมแน่ใจว่าพี่แซมจะต้องอยู่ในห้องนี้ เพราะมันมีทางออกเพียงทางเดียว

เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหนีออกจากห้อง..

พี่ริวกระชับมีดในมือแน่นขึ้น แขนตั้งฉากระนาบกับพื้นแล้วชี้มีดกราดทั่วห้องอย่างระแวดระวังพร้อมทั้งเดินสำรวจไปทั่ว

ผมกอดตัวเองแน่น ก้าวขาเดินตามหลังพี่ริวอย่างกล้าๆกลัวๆ พี่ริวหยุดยืนห่างจากตู้เสื้อผ้าประมาณหนึ่งเมตร เขาหันมามองผม แล้วยกอีกมือขึ้นกลางอากาศเป็นเชิงบอกให้ผมอยู่กับที่ไม่ต้องตามมา ผมเบ้หน้าน้ำตาคลอ หัวใจลุ้นระทึกจนแทบจะทนไม่ไหว

มองตามแผ่นหลังอีกคนที่ขยับเข้าใกล้ตู้เสื้อผ้าก่อนจะเปิดมันออกอย่างระมัดระวังโดยที่อีกมือก็จ่อมีดพร้อมแทงทุกเมื่อ

ปัง!!

ผมสะดุ้งเฮือก หัวใจกระหน่ำรัวกว่าเดิมกับเสียงประตูตู้เสื้อผ้าที่พี่ริวเปิดออก ...มันว่างเปล่า  พี่ริวหายใจเข้าออกช้าๆก่อนจะเปิดอีกบานพลันง้างมีดหมายจะแทง! ทว่าสิ่งที่พบไม่ต่างจากประตูครึ่งแรก…

ไม่มีพี่แซมในนั้น

!!!!!

พี่ริวยิ่งลนลานมากกว่าเดิม เหงื่อกาฬผุดพรายเต็มหน้าผาก เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผากก่อนจะตรงไปยังเตียงแล้วก้มดูใต้เตียงโล่งๆ แต่ก็ไม่พบ

ผมจิกเล็บลงฝ่ามือแรงๆ ใจเต้นระทึกทุกขณะพลางกวาดสายตาไปทั่วห้องก่อนจะหยุดชะงักตรงผ้าม่านที่ส่วนหนึ่งนูนเด่นมากกว่าส่วนอื่น ผมหน้าซีดเผือดด้วยนึกกลัวว่าสิ่งที่คิดจะเป็นจริง

พี่ริวหันมามองผมอีกครั้ง สีหน้ายุ่งเหยิง ดูเหมือนเขาจะเอะใจตรงจุดเดียวกับผม มีดในมือกระชับให้มั่นพร้อมกับสองขาที่ก้าวเดินตรงไปยังเป้าหมาย

เป็นอีกครั้งที่ผมถูกสั่งห้ามไม่ให้ตามไป..

สายตาของพี่ริวเวลาที่มองมา แม้มันจะว่างเปล่า แต่ผมกลับสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงที่ซ่อนอยู่ในนั้น

พี่ริวเดินเข้าไปใกล้ผ้าม่านตรงที่นูนออกมา มีดปลายแหลมล้อแสงไฟถูกชี้ออกไปในท่าเตรียมพร้อม ทว่าเหตุการณ์ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้น!! มันเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน! เมื่อสิ่งที่ซ่อนอยู่หลังผ้าม่านพุ่งเข้ากระแทกช่วงท้องพี่ริวเต็มแรง ทำให้ร่างบางล้มฟุบลงกับพื้น! มีดที่ถืออยู่หลุดออกจากมือตกลงบนพื้นข้างๆตัว!!

เป็นอย่างที่คิด ไม่ผิดแน่! พี่แซมอยู่หลังม่าน!!!

จังหวะที่พี่ริวพยายามยันตัวลุกขึ้นนั้น ชายร่างสูงผมหยักศกที่ยาวถึงกลางหลังก็เดินออกมาจากหลังผ้าม่านช้าๆ พร้อมด้วยเชือกเส้นเล็กที่เป็นสายสำหรับสาวเปิด-ปิดผ้าม่านในมือ

เขาย่างสามขุมเดินเข้ามาหาอีกคนที่หน้าเผือดสี พยายามเอื้อมมืดสุดแขนจะหยิบอาวุธหนึ่งเดียวให้กลับมาในครอบครอง  แต่ไม่.. ไม่สำเร็จ!!

ผมเบิกตากว้าง ใจตกไปที่ตาตุ่มเมื่อเท้าเปลือยสีซีดเหยียบข้อมือบางอย่างแรงก่อนจะบดขยี้ลงกับพื้น!

“โอ๊ยยย!!!” พี่ริวโอดครวญ มือข้างนั้นพยายามขยับจะให้หลุดจากใต้ฝ่าเท้า แต่ไม่สำเร็จ  พี่ริวจึงใช้มืออีกข้างเอี้ยวไปจะหยิบมีดที่อีกนิดเดียวก็จะถึงอยู่แล้ว อีกเพียงแค่ฝ่ามือเดียว!

เพี๊ยะ!!!

พี่แซมฟาดหลังมือใส่ใบหน้าขาวเต็มแรงก่อนจะกำเส้นผมแล้วกระชากจนหน้าหงาย

“กล้ามากนะ ที่คิดแข็งข้อกับคนอย่างกู”

เสียงทุ้มกระซิบลอดไรฟัน ริมฝีปากแสยะยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับมือที่จิกหนังหัวแรงกว่าเดิม พี่ริวหายใจเข้าออกถี่รัว เขาไม่ดิ้น ไม่ต่อต้าน เพราะรู้ว่าต่อให้ดิ้นรนยังไงก็ไม่มีวันหนีพ้น ท่าทางนิ่งเฉยแบบนั้นดูเหมือนจะทำให้พี่แซมตบะแตก มือหนาเหวี่ยงร่างพี่ริวลงบนพื้นก่อนจะตามไปคล่อมทับ สองมือดึงเชือกให้ตึงก่อนจะใช้มันรัดคอคนใต้ร่างแล้วค่อยๆดึงจนตอนนี้มันแนบติดกับลำคอขาว แล้วค่อยๆกินเนื้อไปทีละนิด

ผมตาเบิกโพลง เมื่อเห็นว่าพี่ริวหายใจติดขัด สมองเริ่มรวนคิดอะไรไม่ออก น้ำตาไหลพรากอย่างห้ามไม่อยู่  ทว่าขณะที่กำลังจะวิ่งเข้าไปช่วย เสียงทุ้มกลับตะโกนแทรกพร้อมทั้งนัยน์ตาดุจัดที่ตวัดมามอง

“อย่าเข้ามา! ไม่งั้นกูจะฆ่ามันให้ตาย!!”

เพียงคำขู่แค่นั้นก็ทำให้ขาทั้งสองหยุดชะงักอยู่กับที่ ราวก้าวไม่ออกคล้ายถูกตะปูตอกยึดไว้กับพื้น!

“ย..อย่าฆ่าพี่ริว!!!” ผมได้แต่ร้องบอกเสียงสั่น หัวคิดอะไรไม่ออก กลัวว่าพี่แซมจะทำจริงๆหากผมเข้าไป

ผมไม่รู้ ทางเลือกมีน้อยเกินไป

หากขัดขืน.. นั่นหมายถึงความตาย! แต่ผมก็ไม่รู้ ว่าถ้าผมทำตาม เขาจะรับปากอย่างที่ลั่นวาจาไว้หรือเปล่า..

ไม่รู้...

“อึ่ก!! หนี.. หนีไป!”

พี่ริวเค้นเสียงพูดอย่างยากลำบาก ลำตัวบิดพลิ้วดิ้นรนอย่างทรมาน นัยน์ตาเริ่มแดงก่ำเนื่องจากเลือดคั่งหันมามองผม อีกทั้งใบหน้านั้นขาวซีดราวกระดาษ

ผมส่ายหน้าทั้งน้ำตาเต็มสองข้างแก้ม ไม่ไป.. จะไม่ไปไหนทั้งนั้น!

“ห่วงจริงๆนะเด็กคนนี้น่ะ”

ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงทุ้มแทรกขึ้น มือหนาค่อยๆคลายเชือกที่รัดรอบคอขาวออกก่อนจะโยนมันทิ้ง แต่กายสูงใหญ่ยังไม่ผละไปไหน ยังคงคล่อมทับร่างบาง ผมที่เห็นอย่างนั้นก็เข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง

รอดแล้ว.. รอดแล้วใช่มั้ย

ผมจับจ้องภาพตรงหน้าไม่ละสายตา กลัวว่าพี่แซมจะหยิบเชือกหรือมีดขึ้นมาอีก.. แต่เปล่า เขากลับใช้ปลายนิ้วลูบรอยเชือกเล็กๆตรงลำคอขาวแผ่วเบาก่อนแสยะยิ้มแล้วกดหน้าลงต่ำ แลบลิ้นเลียรอยรัดสีแดงคั่งเลือด พี่ริวหลับตาแน่นพยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่ไม่สำเร็จ

พี่แซมหัวเราะแผ่วในลำคอก่อนจะผละหน้าออกแล้วมองใบหน้าเผือดสีของร่างข้างใต้ พลางยกมือขึ้นไล้ข้างแก้มแล้วพูดขึ้น

“คุณเชื่อมั้ย ตั้งแต่มีคุณเข้ามาในชีวิต ..ผมไม่เคยเบื่อเลย” พี่แซมยิ้มนิดๆ ก่อนจะพูดต่อ “ผมชอบสีหน้าของคุณในตอนนี้นะ แต่ผมอยากเห็นมากกว่านี้...” เขาหยุดพูดชั่วครู่ ปลายนิ้วลูบริมฝีปากบางแผ่วเบา ก่อนจะเหลือบสายตามองมาที่ผม ซึ่งผมก็ก้มหน้าเสตามองไปทางอื่นแทบจะทันที เผลอจิกเล็บลงบนหัวเข่าอย่างแรงด้วยบรรยากาศกดดันที่แผ่ขยายไปรอบบริเวณ

“สาเหตุที่คุณฆ่าตัวตาย ผมรู้แล้วนะว่ามันมาจากอะไร.. และผมจะเป็นคนรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีกครั้ง”

ทันทีที่พูดจบ ดวงตาเรียวก็เบิกกว้างด้วยความตระหนก น้ำใสไร้สีหยดลงจากหางตาอย่างไม่อาจต้านทานพลันผินหน้ามองมาที่ผมด้วยนัยน์ตาหวาดหวั่น




_________________________________________________

TALK ::  :really2: เย้ ...และแล้วก็เต็มร้อย 55 ส่วนพาร์ทหน้านั้น ...มันกำลังจะมา จะไม่ให้รอนานเหมือนครั้งที่แล้วแล้วนะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
โอ๋ๆ ขอโทษนะคะที่ปล่อยให้รอนาน ไม่โกรธนะๆ  :mew2:
ใครอยากรู้จักน้องริวมากขึ้นก็ตามไปอ่านกันได้ที่นี่เลย
REVENGE -> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38217.0
นำเสนอฟุดๆ
ขอบคุณเม้นท์ทุกเม้นท์ และทุกกำลังใจ ทุกการรอคอย และทุกการทวงมากๆเลยน้า ดีใจอ่ะ มีคนทวงด้วย  :hao5:
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ
นี่ค่ะ FANPAGE ---> NNEW ffy ไปถูกใจแล้วแวะเข้าไปพูดคุยกันนะ  :กอด1:
PS. คิดถึงๆๆๆๆๆๆ PS. รักนักอ่าน ชุ้บๆ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [7/7/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 07-07-2013 19:31:37
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด!
อะไร! ยังไง! กรี๊ดดดดดดดดดดดด! (ใครเหยียบหางหล่อน)
แซมจะทำอะไรริว!
อดีตของริวเป็นยังไง
ทำไมต้าและริวถึงผูกพันกัน
สุดท้าย...หมอเซมหายไปไหนนนนนนนน!
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [7/7/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 07-07-2013 20:30:30
ตอนนี่พี่ริวแบบเท่ มากพยายามช่วยต้า
ส่วนอีแซมมันน่าโดนหนักกว่านี่น่ะ  :z6: :beat:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [7/7/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: kissu111 ที่ 07-07-2013 20:47:19
พี่แซมนี่จะเด่นไปแล้วนะ  ชอบทีนิวแต่งจัง รอตอนต่อไปนะคะ :hao6:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [7/7/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 08-07-2013 02:03:31
แซมรู้แล้วแบบนี้ จะเป็นยังไง ถ้าแซมทำแบบนั้นกับต้าร์จริง ๆ ริวจะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [7/7/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 11-07-2013 20:16:42
คืองงหมดแล้ว แซมไปรับต้าได้ไง แล้วตอนไปรับมีอะไรบ่งบอกว่าเป็นหมอบ้าง สงสารต้าน่าจะบ้าไปเลย แมร่งสงสัยมีแต่คนโรคจิต
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [7/7/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 12-07-2013 01:42:28
อะไรมันจะมืดมนขนาดนี้

น่ากลัวมากอ่ะ จะเป็นนิยายผีไปแล้วอะป่าว

ตกใจตอนที่ริวจะไปฆ่าแซมให้ตาย คิดว่าแซมจะตายจริงละนะนี่

 :ling3:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [7/7/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 20-07-2013 09:39:45
เกิดอะไรขึ้นต่อไปและเนี่ย  o22
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [7/7/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: koronekojung ที่ 20-07-2013 22:32:17
 :hao5: :hao5: :hao5:

อ๊ายยย คือไม่ไหวจะเคลียร์มากค่ะ
ต่อด่วนเลยค่ะ

อะไร งงมากมายย  นั่งขูดฝาบ้านแล้วค่ะ > <

เป็นกำลังใจให้ ค่ะ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [7/7/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 21-07-2013 02:09:53
ยิ่งอ่านยิ่งเครียด
 ขอ ต้าเตอร์ เซมจิม นะคะ่ ตอนจบ -..-
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 23 หลุด [7/7/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 21-07-2013 12:31:03
เค้ารักความรุนแรง

อย่าหาว่าโรคจิตเลยนะ. แต่ชอบอ่ะ :katai1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 พลิกผัน 50% [22/7/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 22-07-2013 11:29:49
อนุญาติลบนะคะ  :o12:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 พลิกผัน 50% [22/7/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 22-07-2013 11:52:26
อ่านแล้วกดดันแทน
งานนี้ไม่รอดแน่
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 พลิกผัน 50% [22/7/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ZakeiHarha ที่ 23-07-2013 09:50:23
 :a5:
คนแต่งสู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 พลิกผัน 50% [22/7/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: koronekojung ที่ 23-07-2013 21:39:47
 :katai5: :katai5:
คลานไปหาคนเขียน 55555

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

สนุกเว่อร์
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 พลิกผัน 50% [22/7/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 28-07-2013 11:13:14
โอยยยลุ้น
คนเขียนสู้ๆ :L2:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 พลิกผัน 50% [22/7/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 28-07-2013 11:14:04
โอยยยยลุ้น
คนเขียนสู้ๆ :L2:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 พลิกผัน 50% [22/7/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: koronekojung ที่ 07-08-2013 19:15:10
คนแต่งหายไปไหนเอ่ยยย
รออยู่น๊ะค๊ะ
 TT^TT
 :ling1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 พลิกผัน 50% [22/7/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 17-08-2013 23:52:41
ตอนที่ 24 เสี่ยง 80%

พี่ริวพยายามจะลุกขึ้นนั้ง ทว่ากลับถูกมือหนากดไหล่ให้ล้มลงนอนกับพื้นอย่างสิ้นท่าตามเดิม

“อย่าทำอะไรเด็กคนนั้น” ริมฝีปากของคนใต้ร่างพร่ำพูด เลิกดิ้นรนให้ตนเป็นอิสระ สองมือเปลี่ยนมาจับแขนหนาแล้วกำไว้แน่น “ผมจะยอมคุณทุกอย่าง แต่ได้โปรด.. ปล่อยเด็กคนนั้น”

พี่แซมนิ่งเงียบไปนานนับนาที ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธแล้วเหยียดยิ้มมุมปาก

“ข้อเสนอไม่น่าสนใจพอ อย่าลืมสิ.. ว่าตอนนี้ชีวิตคุณเป็นของใคร ผมมีสิทธิจะทำอะไรกับคุณก็ได้” เสียงทุ้มพูดเนิบนาบพลางตบแก้มขาวซีดเบาๆ เขาหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ ก่อนจะไล้นิ้วเล่นบริเวณข้างแก้มแล้วเลื่อนต่ำวนเวียนแถวลำคอ นัยน์ตาคมมองคนใต้ร่างด้วยสายตาเป็นประกาย พลันกางฝ่ามือออกแล้วกำรอบลำคอขาวไว้หลวมๆด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ชีวิตคุณ เป็นของผม ...ถ้าผมจะฆ่าคุณให้ตายซะตอนนี้... ผมก็ทำได้” น้ำเสียงเยียบเย็นที่ทำให้คนฟังเบิกตากว้าง ก่อนตัวจะกระตุกดิ้นทุรนทุรายทันทีเมื่อมือหนาออกแรงบีบลำคออย่างแรงจนเส้นเลือดปูดนูนตามลำแขน พี่ริวเหลือกตามองมาที่ผมด้วยสายตาดึงดันไม่ยอมแพ้ เขาดิ้นหนักขึ้น พยายามดึงมืออีกคนให้ปล่อยออก แต่ไม่เป็นผล จึงตวัดเล็บจิกข่วนหลังมือหนาก่อให้เกิดรอยแดงเป็นทางยาวบนผิวสีซีด

“หึๆ” พี่แซมหัวเราะในลำคอ นัยน์ตาเต้นไหวด้วยความสนุก ยิ่งเห็นคนใต้ร่างมีสีหน้าทรมานมากเท่าไหร่ ริมฝีปากก็ยิ่งหยักยิ้มมากขึ้นเท่านั้น..

“แต่น่าเสียดาย.. ผมยังให้คุณตายตอนนี้ไม่ได้” เขาพูดพร้อมกับค่อยๆผ่อนแรงที่บีบรัดลำคอก่อนจะปล่อยออกในที่สุด ใบหน้าเผือดสีของพี่ริวค่อยๆกลับมามีสีเลือดอีกครั้ง แผ่นอกสะท้อนขึ้นลงรุนแรงด้วยอาการหอบ เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเอ่ยพูดความต้องการของตัวเองด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“อย่า ทำอะไรเด็กคนนั้น”

คำวอนขอได้รับเสียงหัวเราะหึขึ้นจมูกอย่างดูแคลนตอบกลับมา

ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อประสานสายตาเข้ากับพี่แซมที่หันมาทางนี้พอดี ก่อนจะรีบหลุบตาต่ำไม่กล้ามองสบ ทุกอย่างรอบตัวกลับมาเงียบอีกครั้ง เงียบจนผิดปกติ.. พลันแว่วได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาที่กำลังมุ่งตรงมาทางนี้ ..ไม่กี่วินาทีต่อจากนั้น เงาสูงใหญ่ก็ทาบทับตัวผมจนมิด ในครรลองสายตาเห็นปลายเท้าเปลือยเปล่าของร่างหนาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้า

เร็ว...

การเคลื่อนไหวของเขาทั้งรวดเร็วและเงียบราวสัตว์ป่า!

ผมผวาผุดกายจะพุ่งหนีให้รอดพ้นวิถีมือที่เอื้อมมาจะจับตัวผม ทว่าการเคลื่อนไหวของผมกลับช้าเกินไป เมื่อมือหนาโฉบเข้าจับต้นแขนของผละและบีบรัดอย่างแรง ผมนิ่วหน้าพยายามบิดแขนออก แต่ยิ่งดิ้น มือที่ราวกับคีมเหล็กข้างนั้นรัดแน่นขึ้นจนเริ่มชา เขารั้งร่างผมเข้าใกล้จนแผ่นหลังแนบติดแผ่นอกของเขา ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดตรงกกหู ก่อนเขาจะจับผมหันไปเผชิญหน้ากับพี่ริวที่กำลังใช้สองแขนดันกายลุกขึ้นนั่ง พี่ริวเหลือบมองผมชั่วขณะ แล้วมองเลยไปยังคนด้านหลังด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยโทสะ

ทว่า..ความโกรธที่แสดงออกมาทางแววตาคู่นั้นก็ปิดบังความกลัวไว้ไม่มิด

พี่ริวกำลังกลัวเขา ผมจับกระแสความรู้สึกนั้นได้ เพราะผมเองก็กำลังรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน

บรรยากาศรอบด้านตึงเครียด และยิ่งกดดันมากขึ้นเมื่อไม่มีใครคิดจะพูดอะไรออกมา มือหนาคลายแรงบีบตรงต้นแขนของผม แต่ก็ยังไม่ปล่อยให้เป็นอิสระ

Trrrrrrr

ริงโทนไม่คุ้นหูทำลายความเงียบให้พังครืน พี่แซมชะงัก กวาดสายตามองหาโทรศัพท์ ทว่าเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่พี่แซมเบนความสนใจไปยังสิ่งอื่น เป็นการเปิดโอกาสให้คนที่จ้องรอเผยยิ้ม พี่ริวพุ่งเข้าคว้าแขนผมแล้วกระชากเข้าหาตัวแล้วดันผมให้ไปหลบอยู่ด้านหลังเขาทันที!

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเสียจนผมไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็รู้สึกยินดี เมื่อได้มายืนใกล้กันขนาดนี้ ทำให้ผมรู้ว่าพี่ริวสูงกว่าผมเพียงเล็กน้อย แต่ส่วนสูงนั้นก็ยังดูห่างไกลจากอีกคนที่ยืนจ้องมองมาที่เราด้วยนัยน์ตาดุดัน!

“ริว!” เสียงทุ้มกดต่ำสั่นประสาทคนฟัง ทว่าเจ้าของชื่อคล้ายไม่สะทกสะท้าน พี่ริวเอื้อมมือมาดึงมือผมไปจับไว้แน่น ผมเองก็กระชับมือนั้นกลับอย่างไม่ยอมปล่อยง่ายๆ เมื่อคนที่ทำหน้าที่เสมือนเกราะป้องกันถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อตั้งหลัก ผมที่อยู่ด้านหลังก็ถอยด้วยหนึ่งก้าว

ผมยกมือชื้นเหงื่ออีกข้างกำชายเสื้อพี่ริวแน่น หัวใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ มีแต่ความกลัว และกลัว..

“ผมจะไม่ให้คุณทำอะไรเด็กคนนี้” พี่ริวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

พี่แซมยิ้มหยัน นัยน์ตานั้นยิ่งเรืองแสงมากกว่าเดิม เขาขบฟันสะกดกลั้นอารมณ์จนกรามขึ้นเป็นสันนูน พลางจ้องหน้าพี่ริวไม่วางตาราวอสรพิษที่จ้องจะฉกเหยื่อยามมันเผลอ ผมหนาวเยือกไปทั้งสันหลังก่อนจะเขยิบกายไปหลบอยู่หลังพี่ริวมากกว่าพร้อมทั้งก้มหน้าต่ำ

ตั้งแต่ที่ผมได้พบกับพี่จิม พี่หมอ พี่ริว และพี่แซม ก็ราวกับโลกทั้งใบของผมมันบิดเบี้ยวไม่เหลือเค้าเดิม

อยากกลับบ้าน..

ผมอยากกลับบ้าน!

ริมฝีปากเบะออก น้ำร้อนเอ่อคลอจนกระบอกตาร้อนผ่าว ...อยากกลับบ้าน

มือที่จับชายเสื้อคนตรงหน้าไว้ยิ่งดึงรั้งมากกว่าเดิมด้วยอารมณ์ที่ตีตื้นขึ้นมา พี่ริวเองก็เหมือนจะรู้สึกได้ได้ เขาเหลียวหลังมามองเพียงนิดก่อนจะหันกลับไปมองหน้าพี่แซมอีกครั้ง

Trrrrrrrr

ไม่รู้ว่าโชคเข้าข้างหรือไร เสียงโทรศัพท์เมื่อครู่นี้ถึงได้กรีดร้องขึ้นอีกครั้ง

และก็เป็นเสียงนั้นอีกเช่นกันที่ดึงความสนใจจากพี่แซมได้อีกครั้ง คิ้วเข้มขมวดเป็นปมกลางหน้าผาก เขาหันไปมองหา ทำท่าลังเลคล้ายจะเดินไปรับ

ความลังเล ทำให้คนเสียโอกาสมานักต่อนัก

แต่ความลังเลของเขา กำลังสร้างโอกาสให้กับผมสองคน... พี่ริวกระชับมือผมแน่นอีกครั้งและอาศัยช่วงเวลาที่พี่แซมละล้าละลัง ฉุดแขนผม วิ่งตรงไปยังประตูห้องทันที!

หัวสมองยังไม่ทันประมวลผล แรงฉุดมากมายจากคนตรงหน้าก็ทำให้ผมต้องสับฝีเท้าวิ่งตามแผ่นหลังบางโดยไม่เหลียวหลังหันกลับไปมองคนผมยาวอีกเลย มือที่จับประสานกันกระชับแน่นขึ้น จุดหมายคือประตูหน้าห้อง!

ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ ไม่รู้ว่าพี่ริวลืมไปแล้วหรือไงว่า ประตูบานนั้นมันเปิดไม่ด...

!!!

 

ผลัวะ!

 

เปิดได้!!!

 

ประตูไม่ได้ล็อก!!


 

แม้จะแปลกใจ แต่ผมก็ไม่เสียเวลาคิดว่าเพราะอะไร ทำไมประตูที่ตอนแรกเปิดไม่ได้ ตอนนี้ถึงสามารถเปิดได้อย่างง่ายดาย รู้เพียงแต่.. นั่นคือทางรอดเพียงหนึ่งเดียวที่จะเมินเฉยไม่ได้!

เมื่อก้าวออกมาพ้นห้องที่เสมือนกรงขังพี่ริวก็ค่อยๆผ่อนฝีเท้าลง จนมาหยุดตรงหน้าลิฟต์ มือขาวติดจะสั่นนิดๆยื่นไปกดปุ่มอย่างไม่ลังเล ทั้งผมและพี่ริวหายใจหอบไม่ต่างกัน มือที่จับกันของพวกเราเย็นเฉียบ หัวใจของผมหนักอึ้งเต็มไปด้วยความกังวล  ..ผมกลัวว่าพี่แซมจะตามมา พี่ริวเองก็คงกลัวเหมือนกัน เพราะเขาคอยหันไปมองด้านหลังอยู่บ่อยๆ

แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีวี่แววของพี่แซมเลยสักนิด

ติ๊ง!

ผมกับพี่ริวหันไปมองยังต้นตอเกิดเสียงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เสียงนั้นราวกับเสียงสวรรค์ที่จุดความหวังอันริบรี่ให้ลุกโชนอีกครั้ง เราหันมามองหน้ากันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

หลังจากที่ประตูลิฟต์เลื่อนออกจากกัน พี่ริวไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปภายในโดยไม่ลืมจูงผมเข้าไปด้วย วินาทีที่ประตูลิฟต์ค่อยๆปิดเข้าหากัน หัวใจผมเต้นกระหน่ำ สายตาจ้องนิ่งอยู่ตรงระยะห่างระหว่างประตูที่ค่อยๆหดเข้าหากันไม่วางตาผมเผลอกลั้นหายใจด้วยความลุ้นระทึก จวบจนเมื่อบานเหล็กปิดสนิท พลันในอกก็เบาโหวง ก่อนจะค่อยๆพรูลมหายใจออกมาทางริมฝีปากอย่างโล่งอก

พี่แซมไม่ได้ตามมา... จะได้กลับบ้านแล้วใช่มั้ย...? ภาพใบหน้าของเตอร์ของแม่ของพ่อที่ลอยเข้ามาในหัวเทกระแสอบอุ่นให้อาบไปทั่วหัวใจ ผมเก็บกลั้นความดีใจไว้ไม่ไหว เผลอกระชับมือนุ่มแน่นกว่าเดิมอย่างลืมตัว

กล่องสี่เหลี่ยมเคลื่อนตัวลงช้าๆ ..และไม่นาน มันก็ถึงที่หมาย

ติ๊ง!

ประตูลิฟต์ค่อยๆเลื่อนออกจากกันช้าๆ แต่พี่ริวยังไม่เดินออกไป

“พี่ริว” ผมเรียกเสียงแผ่ว นิ่วหน้าด้วยความเจ็บมือเมื่ออีกคนบีบมือผมแน่น ทั้งตัวของเขาเริ่มเกร็งและสั่นอย่างไร้สาเหตุ

ไม่มีใครกดปุ่มให้ประตูลิฟต์เปิดโดยไม่ปิด ...ใช่ ไม่มีใครกด แต่ประตูลิฟต์นั้นก็ยังคงเปิดค้างไว้อย่างนั้น โดยที่มันไม่มีทีท่าว่าจะปิดเข้าหากัน ..ราวกับมันกำลังรอให้คนด้านในก้าวขาออกไปอย่างไรอย่างนั้น ผมหันไปมองคนข้างกายอีกครั้ง ใบหน้าของเขาซีดเผือด ดวงตามองตรงไปข้างหน้าแล้วกรอกไปมาดูหลุกหลิก สับสน และว้าวุ่น

แม้ในใจของผมจะรู้สึกหนักอึ้งด้วยสังหรณ์แปลกๆที่ไม่สามารถบรรยายได้ แต่ผมเลือกที่จะกระชับจับมือเรียว แล้วเดินนำออกจากลิฟต์อย่างไม่ลังเล

ผมจำได้ว่า ตอนที่พี่แซมพาผมมาถึงชั้นนี้ที่กำแพงและทางเดินเป็นสีขาวจะต้องขึ้นลิฟต์อีกตัวหนึ่งเพื่อไปยังห้องของเขา ผมคิดว่าการที่จะลงไปข้างล่างได้ คงจะเหมือนตอนขามา ลิฟต์อีกตัวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม คือทางออก..

ผมก้าวขาออกจากลิฟต์แล้ว แต่พี่ริวยังยืนเฉย ผมจึงกระตุกมือเขาอีกครั้ง ใบหน้าเผือดสีก้มต่ำมองมือที่จับกันไว้ ก่อนจะเงยหน้ามองสบตา ผมไม่รู้ว่าพี่ริวกำลังกลัวอะไรถึงได้ไม่ยอมเดินต่อ มันขัดกับท่าทางมุ่งมั่นตอนที่ลากผมออกจากห้องนั้นลิบลับ

ผมค่อยๆคลี่ยิ้มส่งกำลังใจให้ เตอร์สอนผมเสมอ หากมีใครสักคนที่ทำดีกับเรา เราจะต้องดีกลับและไม่ทิ้งเขา.. 

แม้จะเพิ่งรู้จักกันเพียงวันเดียว แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่พี่ริวมอบให้

ทางออกอยู่ที่ลิฟต์ตัวนั้น แค่ลงไป ก็จะได้กลับบ้าน ไปหาพ่อ หาแม่ หาเตอร์ ..จะพาพี่ริวไปด้วย เตอร์จะดีกับพี่ริว ผมเชื่ออย่างนั้น

ไม่มีคำพูดใดๆระหว่างเรา มีเพียงรอยยิ้มที่ส่งถึงกัน

นาทีต่อมา พี่ริวก็ตัดสินใจเดินออกจากลิฟต์ แต่ใบหน้าเรียวยังไม่คลายกังวล ยังคงหันมองซ้ายมองขวาตลอดเวลา ซึ่งผมไม่ได้ใส่ใจกับท่าทางเหล่านั้น เพราะชั้นนี้ไม่มีคน ผมไม่เห็นว่ามันจะมีอันตรายใดที่จะคืบคลานมาได้ ผมเดินนำไปหยุดตรงหน้าลิฟต์อีกตัวที่กลืนไปกับผนังสีขาว ก่อนจะกดปุ่มและยืนรออยู่ตรงนั้นด้วยใจจดจ่อ

 

1 นาทีผ่านไป ลิฟต์ยังไม่มีทีท่าจะขึ้นมา

 

2 นาทีผ่านไป.. ทุกอย่างยังเหมือนเดิม

 

3 นาที...

 

ผมหันไปมองพี่ริวที่ยืนเยื้องไปด้านหลัง ใบหน้าที่ขาวอยู่แล้ว ยิ่งขาวซีดกว่าเดิม.. ผมขมวดคิ้วใจไม่สู้ดี หันกลับมามองลิฟต์เจ้าปัญหาแล้วตัดสินใจกดปุ่มบนแผงควบคุมอีกครั้ง

ทว่า... เครื่องจักรกลกล่องสี่เหลี่ยมนี้ก็ยังคงนิ่งเฉย ราวกับมันใช้งานไม่ได้

ผมเบะปาก น้ำร้อนรื้นขอบตา แล้วกระหน่ำกดปุ่มนั้นอีกครั้ง! อีกครั้ง! และอีกครั้ง!!

ไม่ว่าจะกดมากเท่าไหร่ แรงแค่ไหน.. ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม

มือของคนข้างกายบีบมือผมด้วยอารมณ์ที่อัดแน่นภายในจนมือเริ่มเจ็บร้าว กายบางสั่นเทิ้ม พลันหันมองไปรอบกายด้วยใบหน้าตื่นๆ

ความกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมค่อยๆผ่อนลมหายใจก่อนจะรัวกดปุ่มนั้น ทั้งเร็วและแรง จนบนทางเดินทอดยาวแห่งนี้มีแต่เสียงติ๊ดๆ ดังก้องไปทั่วบริเวณ ทว่ามือที่กำลังกระหน่ำกดปุ่มกลับต้องชะงักกึกเมื่อโสตประสาทแว่วได้ยินเสียงแปลกปลอมอีกเสียงหนึ่งที่แทรกเข้ามา หากฟังไม่ผิด นั่นคือเสียงรองเท้าที่ดังกระทบพื้น.. และมัน กำลังตรงมาทางนี้

ผมหันขวับไปมองทันที!!

...ไม่ผิด มีคนกำลังเดินมา!

พี่ริวก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ มือเรียวเย็นเฉียบด้วยอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ผมมองชายแปลกหน้าสองคนที่กำลังเดินตรงมา ใบหน้าของพวกเขานิ่งเรียบถมึงทึงราวยมทูต มือหนาที่มีเส้นเลือดปูดนูนจนเห็นเป็นเส้นเขียวๆยุบยับทั่วลำแขนขยับไปด้านหลังก่อนจะล้วงหยิบของที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา มันคือผ้าขาวสะอาดผืนเล็ก

พี่ริวที่เห็นสิ่งนั้นเบิกตากว้างและหายใจแรงขึ้น ก่อนมือเรียวจะสะบัดมือที่จับกันอย่างเร็วราวต้องของร้อนจนเล็บข่วนแขนผมเป็นแนวยาว เขาพุ่งตัวไปยังลิฟต์ รัวกำปั้นทุบปุ่มเล็กๆอย่างแรงโดยไม่คำนึงถึงความเจ็บ!

ผมที่เห็นอย่างนั้นก็ใจเสียไปกว่าครึ่ง เข่าอ่อนไร้แรงแทบจะทรุดลงพื้น พยายามกวาดตามองหาทางหนี แต่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มืดมนจนอยากร้องไห้ ข้างขวาไปลิฟต์ที่ถ้าตัดสินใจเดินเข้าไปก็ต้องเจอพี่แซม และทางซ้ายลิฟต์ที่เป็นทางออกเพียงหนึ่งเดียวก็ใช้การไม่ได้ มองไปด้านหน้าเลยผ่านร่างใหญ่สองร่างที่กำลังเดินเข้ามา เห็นเพียงแต่ทางเดินทอดยาวที่ตรงสุดทาง เป็นสีดำสนิททั้งพื้นและกำแพง

ไม่มีทางหนี!

ไม่มี!

!!!!

ผมกรีดร้องเสียงดังเมื่อร่างใหญ่หนึ่งในนั้นพุ่งจู่โจมเข้ามา กระแทกร่างผมจนเสียหลัก หลังและศีรษะกระแทกผนังอย่างแรง พลันผ้าสีขาวสะอาดที่เขาถือไว้จะโปะลงมาบนจมูกกับปากผมแล้วกดไว้แน่นจนสะบัดหน้าหนีไม่ได้! ด้วยอารามตกใจทำให้ผมสูดลมหายใจทั้งทางปากและจมูกเข้าไปเต็มปอด กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนกึกจนผมมึนหัว ผมพยายามต่อต้านทั้งดิ้นทั้งเตะ ทว่าอาการเหนื่อยหอบมาเยือนเร็วกว่าปกติ ไม่รู้ว่าเพราะผมดิ้นมากไป หรือเพราะผ้าผืนที่กำลังปิดจมูกผมอยู่กันแน่

สมองสั่งการว่าอย่าสูดลมหายใจเข้าไปอีก แต่มันเป็นไปไม่ได้.. ผมต้องการอากาศหายใจ! เหมือนร่างใหญ่จะรู้ เขาคลายมือที่โปะผ้าลง แต่ยังไม่ละออกห่าง ผมที่ทนไม่ไหวทำให้สูดลมหายใจเข้าไปเต็มที่อย่างตระกุมตระกราม พลันร่างใหญ่ค่อยๆก้าวถอยหลัง ปล่อยผมเป็นอิสระ ทว่าผมกลับค่อยๆทรุดลงพื้น ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับมือ หูที่เคยได้ยินเสียงการต่อสู้เริ่มฟังไม่ชัด ผมฝืนลืมตาทั้งที่เปลือกตามันหนักอึ้งจนแทบจะลืมไม่ขึ้น วินาทีถัดมา จากที่เคยเห็นพื้นสีขาวเป็นภาพมัวๆ กลับเห็นเพียงสีดำสนิทพร้อมกับสติที่ดับวูบไปจนไม่รู้สึกตัวอีก...

 

 

ภาพที่ประเดประดังเข้ามาไม่หยุดทำให้รู้สึกทั้งมึนและปวดไปหมด เหมือนศีรษะกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ผมร้องไห้ แม่ตีผม.. เจ็บ เตอร์เข้ามาบังไว้ แม่ไม่รักผม ผมมีแต่เตอร์ อึ่ก.. ฮึก

ผมหลับตาแน่นสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่กำลังไหลจากดวงตา อยากจะยกมือขึ้นทุบหัวแรงๆเผื่อมันจะทุเลาอาการปวดนี้ได้ แต่ราวกับมือถูกตรึง ขยับไม่ได้เลยสักนิด! ภาพสีขาวที่แทรกเข้ามาทำให้แสบตาจนต้องหยีมอง ในสายตาเห็นพี่ริวกำลังต่อสู้ กรีดร้องทั้งน้ำตานองหน้า ฉากหลังคือลิฟต์สีดำที่ตัดกับผนังและพื้นสีขาว จากนั้น.. ผมไม่เห็นอะไรอีก พลันเสียงอื้ออึงที่ดังมาจากรอบด้านดึงให้ผมกลับมามีสติอีกครั้ง อาการปวดหัวยังไม่หายไป และเสียงอื้ออึงที่ได้ยินนั้นก็ราวกับทวีความดังเมื่อผมรู้สึกตัวมากขึ้น มันดังจนผมต้องยกมือปิดหู

เพียงแค่ผมขยับเสียงรอบด้านนั้นก็เงียบไปอึดใจ! เงียบจนราวกับว่าเมื่อครู่นี้ไม่เคยเกิดเสียงใดๆมาก่อน

ความแปลกใจก่อตัวขึ้นในใจ แยกแยะไม่ออกว่าผมกำลังอยู่ในโลกของความฝันหรือความจริง ผมค่อยๆสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่นไม้เก่าๆ ผมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ และกระพริบตาถี่เมื่อเห็นภาพตรงหน้าไม่ชัด เห็นเพียงเงาลางๆเป็นแท่งสีดำที่ตั้งระยะห่างกันอยู่ตรงหน้า

เมื่อสายตามองเห็นชัดขึ้น ผมก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตระหนก ก่อนจะผุดลุกขึ้นแล้วหันมองรอบตัวอย่างหวาดหวั่น

กรง

ผมถูกขังอยู่ในกรง!

เสียงอื้ออึงเมื่อครู่ที่เงียบไปแล้วกลับมาดังขึ้นอีกครั้ง ผมหันขวับไปมอง ก่อนจะตัวชาวาบเมื่อพบว่ามีสายตาหลายสิบคู่กำลังจ้องมองมา! ความกลัวพุ่งจู่โจมจนสั่นไปทั้งตัว ผมใช้มือดันพื้นกระเถิบตัวถอยหนี และหยุดชะงักเมื่อแผ่นหลังสัมผัสซี่เหล็กหนาและเย็นที่ตอกย้ำสภาพจนมุม

ผมยกสองขาขึ้นชันกับพื้นและกอดไว้แน่นด้วยสองแขน บดบังร่างกายตัวเองให้รอดพ้นจากสายตาหลายสิบคู่ที่เต็มไปด้วยความกระหายอยาก และตัณหา สายตาเหล่านั้นราวกับมองทะลุเสื้อผ้าครบชิ้นที่ผมสวมอยู่ ผมเลื่อนสายตามองคนที่จับจองเก้าอี้ด้านหน้าที่อยู่ต่ำกว่าพื้นไม้ที่ผมนั่งเล็กน้อย ทุกคนในนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชาย มีทั้งคนสูงวัยและคนหนุ่มคละกันไป พลันสายตาสะดุดเข้ากับใบหน้าของผู้ชายเจ้าเนื้อ ใบหน้าส่อเคล้าความใจดี

เมื่อเห็นว่าผมมองอยู่ เขาก็ส่งยิ้มมาให้ ผมหลุบตาลงมองตามมือที่วางอยู่บนตักของเขาเมื่อเห็นว่ามันเคลื่อนไหว ลากต่ำลงไปตะปบยังเป้ากางเกง! ผมเบิกตากว้างเมื่อมืออวบรูดซิปกางเกงตัวเองลงแล้วควักเอาแก่นกายแข็งโด่ขึ้นมาแล้วสาวมือขึ้นลงต่อหน้าต่อตา!

ผมจิกเล็บลงกับขาตัวเอง หลบตาวูบมองไปที่อื่น ก่อนหัวใจจะเต้นรัวด้วยความดีใจเมื่อพบคนที่อยู่ในห้วงคำนึง

..พี่ริว

แต่การนั่งของพี่ริวดูแปลกๆ เหมือนคนไม่ได้สติ ผมเลื่อนสายตามองไปยังเก้าอี้ข้างตัวพี่ริว พลันหนาวเยือกไปทั้งร่างเมื่อสายตาประสานเข้ากับพี่แซมที่แสยะยิ้มส่งมาให้

ห้วงความคิดถูกขัดจังหวะเมื่อเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นผ่านไมโครโฟน ผมเบือนหน้าหันไปมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนหลังแท่นบัลลังก์อยู่ข้างเวที

“สวัสดีครับ วันนี้ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ทุกท่านตอบรับคำเชิญ มากันอย่างเนืองแน่นขนาดนี้” เขามองคนที่นั่งด้านล่างพร้อมรอยยิ้ม และพูดต่อ “อย่างที่ได้แจ้งไปแล้วว่าค่ำคืนนี้จะพิเศษยิ่งกว่าคืนไหนๆ เพราะว่าวันนี้นายใหญ่ได้นำสินค้าชิ้นพิเศษมามอบความบันเทิงให้กับผู้ชนะในค่ำคืนนี้ด้วยตัวเอง” สิ้นเสียง ทุกสายตาด้านล่างก็มองมาที่ผมอย่างพร้อมเพรียง ก่อนเสียงพูดคุยจะดังโขมงขึ้นอีกครั้ง

ตุ้บๆ

พิธีกรเคาะค้อนลงกับแท่นบัลลังก์เพื่อเรียกความสนใจจากแขกเหรื่อ ทำให้ภายในที่รโหฐานแห่งนี้กลับมาสงบเงียบอีกครั้ง

“ผู้ชนะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น การประมูลจะเริ่มขึ้นหลังจากจบการแสดงในอีกหนึ่งชั่วโมงให้หลัง” เขาเงียบไปชั่วครู่ เผยยิ้มมีเลศนัยแล้วพูดต่อโดยเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นเพื่อเพิ่มความตื่นเต้น “เวลาที่ทุกท่านรอคอยได้มาถึงแล้ว! ขอเชิญทุกท่านรับชมการแสดงที่นายใหญ่จัดเตรียมเอาไว้ได้เลยครับ!”

เกิดเสียงเฮขึ้นระลอกใหญ่หลังจากที่พิธีกรบนเวทีพูดจบและหลบฉากลงจากเวทีไป ผมมองตามแผ่นหลังของเขาที่หายลับไปในเงามืดอย่างตื่นตกใจ ก่อนจะหันวูบกลับไปยังที่พึ่งหนึ่งเดียว ...พี่ริวยังคงไม่ได้สติ

ไม่ได้ตั้งใจจะหันไปมอง แต่สายตามันเบนไปเอง.. เพราะที่นั่งของเขากับพี่ริวมันใกล้กัน ผมขมวดคิ้วกับสายตาไหววูบ ก่อนมันจะผละจากผม มองไปยังข้างเวทีแล้วจ้องนิ่งอยู่อย่างนั้นพลางเหยียดริมฝีปากยิ้มบางๆ

ผมหันไปมองตาม พลันเสียงฮือฮาที่ดังก้องจะเงียบลงชั่วอึดใจเมื่อข้างเวทีปรากฏชายร่างหนาผู้มีใบหน้าดุดันที่กำลังเดินเข้ามายังกลางเวทีแห่งนี้ช้าๆ ทุกย่างก้าวของเขาดูหนักแน่น น่าเกรงขามและไม่น่าไว้ใจ จนผมไม่กล้าถอนสายตา มองไปทางอื่น ด้วยกลัวว่า หากละสายตาเพียงเสี้ยวนาที ร่างนั้นจะโจนเข้าขย้ำจนไม่อาจยืนขึ้นได้อีก!

ฝีเท้าหนักหยุดยืนห่างจากกรงไปเพียงคืบ ไม่รุกล้ำเข้ามามากกว่านี้ ราวกำลังรอคำสั่งจากผู้เป็นนาย

ผมกระชับกอดตัวเองแน่นขึ้น ลำคอแห้งผาก พลางเหงื่อเย็นไหลไปทั่วร่างจนชื้นและครั่นเนื้อครั่นตัว ความกลัวที่มากกว่าความกลัวเกาะกุมไปทั่วร่างและจิตใจจนต้องเขยิบกายถอยหนีเบียดร่างเข้ากับซี่เหล็กเย็นๆ อย่างอับจนหนทาง

ไม่มีทางออก.. เป็นความจริงที่ผมตระหนักดี

ตอนนี้ผมพอจะเข้าใจ “การแสดง” ที่พิธีกรคนนั้นพูดถึงแล้ว..

 
ที่แห่งนี้ ราวโรงละคร

...คนด้านล่างคือผู้ชม

ส่วนผม... คือคนแสดง

 

ต้องทำยังไงถึงจะหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ ต้องทำยังไง..

ผมเบะปากเมื่อคลื่นอารมณ์ตีตื้นพาลให้กระบอกตาร้อนผ่าว น้ำใสไร้สีทำท่าจะไหลออกจากเบ้าตาอยู่รอมแต่ แต่ผมพยายามกลั้น ไม่ให้มันไหลลงมาอย่างสุดความสามารถ

เตอร์เคยสอนไว้ เป็นลูกผู้ชายอย่าร้องไห้บ่อย ยิ่งต่อหน้าคนที่ทำให้รู้สึกกลัวยิ่งห้ามร้องไห้ เพราะการแสดงความอ่อนแอจะทำให้เขาได้ใจและเหยียบย่ำความเป็นมนุษย์ของเรามากขึ้น

ในความเงียบ ผมได้ยินเสียงดีดนิ้วราวเป็นสัญญาณอนุญาตจากใครบางคนเบื้องล่าง ..เสียงนั้นทำให้ใบหน้าดุดันเผยรอยยิ้ม เขาสืบเท้าเข้าใกล้ประตูเหล็กแล้วเปิดออกอย่างง่ายดาย ก่อนจะล็อกประตูขังตัวเองเอาไว้กับผมข้างในนี้

เสียงเฮด้านล่างยิ่งปลุกความกลัวของผมให้แตกฮือ! พอๆกับที่มันปลุกสัญชาติญาณดิบของอีกคนในนี้ให้ฉีดพล่าน

ผมสอดส่ายสายตามองไปข้างล่างเผื่อจะเจอคนใจดีที่พร้อมจะหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้..

แต่.. ไม่มี ผมพบเพียงรอยยิ้มและแววตากระหายอยาก สิ่งเหล่านั้นทำให้ผมหนาวสั่นไปทั้งร่าง!

เฮือก!!

ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อข้อเท้าถูกกระชากอย่างเร็วและแรงโดยไม่ทันตั้งตัว เขาออกแรงลากจนร่างผมเสียหลักไถลไปกับพื้นเย็นๆ ผมผวาพลิกกายคว่ำแล้วรีบคว้าซี่เหล็กเย็นเยียบจับไว้แน่นต้านแรงลาก พร้อมทั้งใช้ขาอีกข้างถีบมือหนาอย่างแรง ทว่าเขากลับไม่สะทกสะท้าน ยังดึงดันลากและกระชับข้อเท้าผมแน่นกว่าเดิมราวกับไม่รู้สึกอะไรต่อแรงถีบ

ลิ้นสีสดแลบเลียริมฝีปาก พลันโจนร่างคล่อมทับผมไว้ทั้งตัว ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อบั้นท้ายสัมผัสได้ถึงความร้อนโป่งนูนใต้ร่มผ้า

น้ำตาที่เคยเก็บกลั้นไว้แทบไหลออกมาอยู่รอมร่อ ภาพตรงหน้าพล่ามัวมองไม่ชัดเหมือนเคย

"ฮึก!" หลุดสะอื้นออกมาทันทีที่รู้สึกถึงสัมผัสชื้นแฉะของเรียวลิ้นที่ลากเลียใบหูสลับขบกัดก่อนจะลากต่ำ วนเวียนบริเวณต้นคอด้านหลัง ได้ยินเสียงทุ้มต่ำหัวเราะราวชอบใจก่อนมือใหญ่จะจับไหล่ผมดึงให้ตัวแอ่นไปด้านหลัง พลันมือหยาบเข้ากอบกุมหน้าอกพร้อมทั้งปลายนิ้วที่บีบขยี้ตุ่มไตอย่างแรงไร้ความปราณี!

"ฮึก!! ...ฮือออ" ผมร้องไห้ออกมาสุดเสียง มือปล่อยออกจากกรงเหล็กแล้วจับมือเขาดึงออก ทั้งจิกและข่วนเมื่อมันไม่หลุดง่ายๆอย่างที่คิด ซ้ำร้ายสัมผัสที่บั้นท้ายยังบดเบียดอย่างแรงผ่านเนื้อผ้าที่ขวางกั้นจนผม.. รู้สึกแปลกๆ

เป็นความรู้สึกเดียวกันกับที่พี่แซมเคยทำ!

"อย่า! ไม่เอา ฮึก!" ผมผลักไสสัมผัสนั้น ตะกายตัวจะคลานหนีทว่าน้ำหนักจากคนด้านบนที่ทาบทับไว้กลับมากเกินกว่าจะดิ้นหลุดได้!

มือหยาบรั้งเอวผมขึ้น พร้อมทั้งอีกมือที่ว่างวนเวียนอยู่ตรงขอบกางเกง ก่อนจะดึงทีเดียวลงมาอยู่ตรงโคนขา! ความเย็นสัมโอบล้อมผิวเนื้อและสัมผัสหยาบกร้านที่ลูบไล้หนั่นเนื้อทำให้ผมดิ้นแรงกว่าเดิม!

"เตอร์ ช.. ฮึ่ก ช่วยด้วย" ใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตา ชื่อพี่ชายเพียงคนเดียวหลุดจากริมฝีปาก ผมอยากให้เตอร์มาช่วย จะกลับบ้าน.. อึ่ก ..ก กลับบ้าน!





___________________________________________

TALK :: เจ้าข้าเอ๊ยยย มาแล้วค่าาา ต้องรออารมณ์ล้วนๆสำหรับเรื่องนี้ แต่งไปห้าหกเจ็ดรอบ ลบทิ้งหมด T_T  ขอบคุณที่ยังรอกันนะคะ มากอดทีๆ
ตอนแรกกะจะอัพ 100% เพื่อเป็นการขอโทษที่หายหน้าหายตาไปนาน แต่เอาเข้าจริง.. ไม่ไหวค่ะ มันลน 555
80% ก่อนเนอะ เพราะถ้ารออีก 20% กลัวจะเป็นการผิดสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะอัพวันนี้ 5555555
คิดถึงมากๆเลยยยย
เข้าไปพูดคุยกันได้นะที่แฟนเพจ NNEW ffy มีข้อสงสัยอะไรถามได้เลยยยย ชุ้บ <3
แล้วเจอกันจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 เสี่ยง 80% [17/8/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 18-08-2013 03:03:32
 :jul3:   ชอบมากที่สุด แรงได้อีกนะครับ
             เข้ามากดดูทุกวัน คนแต่งอย่าหายนาน นะครับ
             อีกเรื่อง เมื่อไรจะมาแต่งเพิ่มซักทีครับ อยากอ่านมากครับ :jul1:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 เสี่ยง 80% [17/8/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 18-08-2013 03:36:22
สงสารต้า  :sad4:
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 เสี่ยง 80% [17/8/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: paojijank ที่ 18-08-2013 10:46:38
ตาร์น่าสงสารอ่ะ จะรอดไหมเนี่ย พระเอกเรื่องนี้ก็หวังอะไรไม่ได้เลย ฮือออ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 เสี่ยง 80% [17/8/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: kai_kaka ที่ 18-08-2013 19:56:17
 :hao5: :hao5:สงสารน้องต่ากับพี่ริว
หัวข้อ: Re: |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 เสี่ยง 80% [17/8/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 18-08-2013 20:01:23
ถ้านี่คือชีวิตจริง คงเจ็บปวดมาก เจ็บปวดสุดๆที่ชีวิตบัดซบขนาดนี้

รู้สึกเลยว่า โลกใบนี้มันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดไว้ :katai1: :katai1:

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 เสี่ยง 80% [17/8/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: koronekojung ที่ 18-08-2013 20:13:42
กรี๊ดดกร๊าดดด มาซักที >,.< รอมานานแสนนานค่ะ o13
ต่อด่วนไม่ไหวแล้ววว

สงสารต้าอย่างบอกไม่ถุก ใครก็ได้ช่วยด้วยยย!!!   :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 เสี่ยง 80% [17/8/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 18-08-2013 21:21:54
แซมใจร้ายมากเลย จะมีใครช่วยต้าร์ได้ไหมเนี่ย แล้วริวเป็นอะไร
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 สับสน 100% [17/8/56] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 19-08-2013 11:53:29
ตอนที่ 24 สับสน 100%


Jim part

ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศไม่สามรถดับความร้อนรุ่มที่กำลังระอุอยู่ภายในได้...

เหงื่อไหลโทรมกายผสานไปกับเสียงครางกระเส่าของร่างข้างใต้ ทำให้ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ผมสูดปากก่อนจะหยัดลำตัวตั้งตรง สองมือกอบกุมแก้มก้นขาวแล้วแบะออกจากกันจนเผยให้เห็นปากร่องที่คาบท่อนเนื้อไว้ ภาพที่ปากทางขมิบตอดรัดเร้าอารมณ์จนปลุกความดิบเถื่อนภายในให้ตื่นขึ้น ผมยกสะโพกมนขึ้นสูง ก่อนจะเย้าร่างข้างใต้โดยกระแทกแก่นกายเข้าสุดออกสุดด้วยจังหวะหนักหน่วงแล้วเปลี่ยนเป็นขยับเข้าออกเนิบนาบ

"อ.. อ๊ะ พี่ จิม.. แรง.. หน่อยสิ .." ปากอิ่มร้องครางพลางเอี้ยวตัวหันมามองด้วยดวงตาที่มีน้ำใสเอ่อคลอ พลางอ้าขาออกกว้างให้การสอดแทรกเข้ามาลึกยิ่งขึ้น

ผมเลือกที่จะเมินเฉยต่อคำขอนั้น ขยับยิ้มมุมปาก ค่อยๆขยับกายเข้าออกเชื่องช้า มือบีบขย้ำแก้มก้นรุนแรงจนหนั่นเสื้อสีขาวกลายเป็นรอยนิ้วมือจ้ำสีแดง

“อื้ออ..พี่จิม!” เสียงหวานตวาดแหวเมื่อไม่ได้รับการสนองตอบตามแบบที่ต้องการ ดิวละมือข้างหนึ่งออกจากผ้าปูเตียงที่จับไว้เป็นหลักยึด ก่อนจะเอี้ยวมาดันหน้าขาของผมไว้ไม่ให้ขยับต่อ พลันร่างของคุณหมอหน้าหวานก็ถอยห่างออกจากผมจนแก่นกายหลุดออกจากช่องทางอุ่นร้อน

มือเรียวฉุดแขนผมเข้าหาตัวแล้วผลักให้นอนลงก่อนเจ้าตัวจะตามมาคล่อมทับ มือนุ่มติดสั่นเล็กๆวางลงบนหน้าท้องผมโดยที่ผมนอนมองนิ่งๆโดยไม่ช่วยเหลืออะไร

ฟันขาวกัดปากตัวเอง แล้วมองหน้าผมอย่างประหม่า ดิวสูดหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะเลื่อนตัวเองขึ้นสูงจนช่องทางจ่อตรงกับแก่นกายที่มันตั้งเด่นหราอย่างรอคอย

กายบางค่อยๆกดลงพร้อมกับความอุ่นร้อนที่ค่อยๆกลืนกินผมทีละนิด ผมนิ้วหน้าพลันเกร็งท้องเล็กน้อยกับความตอดรัดที่บีบไปทั่วลำกาย

“อื้ออ!” ใบหน้าขาวบิดเบี้ยวด้วยความเสียวซ่าน ดิวกัดปากตัวเองจนกลายเป็นสีซีด ก่อนจะหลับตาปี๋แล้วกลั้นใจกดกายลงมาทีเดียวมิดด้าม!

“ซี๊ดดด” ผมสูดปากหน้าเหยเก ก่อนจะหมุนวนแก่นกายเสียดสีผนังอุ่นร้อน

ดิวเชิดหน้าริมฝีปากครางแผ่ว เมื่อปรับตัวได้ก็เริ่มโยกกายช้าๆและเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้น แรงขึ้น จนในห้องนี้มีแต่เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังชัดเจน

จวบจนเมื่อคลื่นอารมณ์ใกล้ถึงจุดสิ้นสุด ผมพลิกร่างบางกดให้นอนราบไปกับเตียง ยกขาขาวขึ้นพาดบ่าแล้วสอดแท่งร้อนพลันโหมกระแทกกายรัวเร็วตามอารมณ์ที่พุ่งสูง

“อ๊า.. ซี๊ดดดดด .. อื้มมม  อะ.อย่างนั้.. อ๊าาาา .. กะ.. ใกล้ แล้ว!” ดิวผวามือเรียวยื่นมาคว้าขอผมโน้มลงต่ำจนหน้าผมชิดติดลาดไหล่เนียน ผมครางต่ำในลำคอก่อนจะอ้าปากกัดไหล่มนอย่างแรงจนเลือดซิบพลันตวัดลิ้นดูดดุนรสเลือด

“อ๊ะ พี่จิม!” คนใต้ร่างร้องเสียงหลงแล้วกดหัวผมให้แนบชิดมากยิ่งขึ้น สะโพกมนแอ่นรับทุกสัมผัสพร้อมทั้งตอดรัดถี่ยิบ ผมเกร็งไปทั้งร่างเร่งกระแทกเข้าออกหนักหน่วงกดย้ำๆที่จุดกระสัน กัดฟันแน่นครางหนักในลำคอ ก่อนจะฉีดน้ำขาวขุ่นเข้าไปในตัวอีกคนรุนแรง

“อ๊าาาา!” ร่างบางกระตุกเกร็งอย่างแรงก่อนจะพ่นน้ำรักออกมาจนรับรู้ได้ถึงความเปียกแฉะบริเวณหน้าท้อง เสียงหายใจเหนื่อยอ่อนดังอยู่ข้างหู ผมผละปากออกจากไหล่บาง ขยับตัวเล็กน้อยให้อีกคนรู้ว่าผมกำลังอึดอัดกับอ้อมกอดนี้

ดิวรีบปล่อยมือออกจากคอผม ริมฝีปากพร่ำพูดคำขอโทษไม่หยุด

ผมละกายออกห่างทำท่าจะลุกขึ้น ทว่าอีกคนบนเตียงกลับคว้าแขนผมไว้ ใบหน้าหวานซึ้งเต็มไปด้วยร่องรอยความสับสนและไม่แน่ใจ

“พี่จิม... พี่มีความสุขหรือเปล่า” ผมเลิกคิ้วกับคำถามนั้นด้วยไม่เข้าใจเจตนาของอีกฝ่าย

“ครั้งแรกของผม.. ผมให้พี่นะ พี่.. มีความสุขใช่มั้ย” มือที่จับแขนผมไว้เริ่มสั่นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผมเงียบไม่พูดอะไรสักที ดิวหน้าเสียทันทีที่ผมค่อยๆบิดแขนออกแล้วมองผมด้วยสายตาตัดพ้อ

“ไปอาบน้ำเถอะ ใกล้เวลาเข้าเวรแล้ว เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ผมพูดเสียงเรียบก่อนจะคว้าผ้าขนหนูปลายเตียงมาพันรอบเอวแล้วหยัดกายขึ้นยืน เอื้อมหยิบกล่องบุหรี่บนโต๊ะหัวเตียงก่อนจะเดินออกไปที่ระเบียงโดยไม่ลืมเลื่อนประตูกระจกปิดไว้

เดินออกไปทั้งที่ไม่แม้แต่จะชายตาหันกลับไปมองร่างบางที่นั่งอยู่บนเตียง ว่าตอนนี้จะกำลังรู้สึกเช่นไร เพราะคนๆนั้นไม่ได้มีความสำคัญต่อชีวิตของผมมากพอที่จะต้องให้ความสนใจมากขนาดนั้น

ดิวเป็นเพียงอีกคนที่ผ่านเข้ามาและมีสัมพันธ์ทางกายด้วยกัน เซ็กส์หรือการระบายความใคร่เป็นเรื่องธรรมดาที่ผมชาชิน แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะยอมรับมันได้หรือเปล่า หากรับไม่ได้ ท้ายที่สุดก็คงต้องบอกลากัน

ผมหยุดยืนอยู่ตรงเหล็กกั้น ลมเย็นๆที่พัดผ่านทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้น ผมเปิดตลับพลางหยิบมวนบุหรี่ออกมาแล้วนำมาคาบไว้ที่ปาก พลางหยิบไฟแช็กขึ้นจุดโดยมีอีกมือคอยป้องลมไว้ จวบจนที่ปลายมวนเกิดจุดสีแดงเล็กๆนั่นล่ะ ถึงได้วางไฟแช็กลงที่เดิม

สายตามองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีดำที่มีจุดแต้มเป็นดวงดาวเล็กๆกระจัดกระจาย ก่อนจะอัดควันเข้าปอดเพียงครู่ แล้วค่อยๆปล่อยออกมาทางจมูกช้าๆ ผมมองตามกลุ่มควันสีเทาไร้รูปร่างที่ลอยในอากาศก่อนมันจะจางหายไปในวินาทีต่อมา

อาจเป็นเพราะความเงียบและบรรยากาศพาไปจึงทำให้ผมย้อนคิดไปถึงสาเหตุที่ทำให้ผมกลายมาเป็นผมอย่างทุกวันนี้ หึ ผมเหยียดยิ้มมุมปาก ก่อนจะอัดสารนิโคลตินเข้าสู่ร่างกายระรอกแล้วระรอกเล่า

บางเรื่อง ถ้าลืมไปซะได้ ก็คงจะดี

เสียงประตูบานเลื่อนถูกเปิดออกดังมาจากด้านหลังแผ่วเบา ดิวที่อยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิมกับตอนขามาเข้ามายืนอยู่ข้างกายผมอย่างเงียบๆ ผมหันหน้าไปมองพลางบี้ขยี้มวนบุหรี่ลงกับกำแผงจนเกิดรอยไหม้เป็นจุดเล็กๆแล้ววางทิ้ง’เศษขยะ’ทิ้งไว้ตรงนั้น

“ห้ามออกไปเอง เดี๋ยวพี่ไปส่ง” พูดจบผมก็หมุนกายหันหลังให้กับอีกคนทันที ทว่าอ้อมกอดด้านหลังที่รั้งไว้ทำให้ไม่สามารถเดินต่อไปได้

“พี่จิม ผมรักพี่นะ ..เป็นผมไม่ได้เหรอ พี่รัก.. ฮึก พี่รักผมไม่ได้จริงๆน่ะเหรอ” น้ำเสียงอ้อนวอนติดจะสั่นเล็กน้อยมาพร้อมกับแรงกอดที่กระชับแน่นขึ้น

มือที่กำลังจะแกะแขนอีกคนให้ปล่อยจากเอวชะงักค้างก่อนจะทิ้งลงข้างตัวเมื่อสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าของตัวเอง

ผมยืนนิ่งๆ ให้ความเงียบเป็นคำตอบของคำถามนั้น

ราวกับเวลารอบด้านหยุดนิ่ง ดิวค่อยๆคลายกอดออกช้าๆ ก่อนผมจะรู้สึกได้ถึงริมฝีปากนิ่มที่กดจูบบนลาดไหล่ด้านหลัง เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นเพียงแผ่นหลังบางที่สั่นเทาและเสียงสะอื้นที่ดังแผ่วในลำคอ

ผมเลือกที่จะหันหลังกลับและเดินเข้าห้อง ตรงไปยังห้องน้ำเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปส่งอีกคนตามที่ได้รับปากไว้

 

หน้าปัดนาฬิกาดิจิตอลบอกเวลา 1:30 AM บรรยากาศในรถเงียบสงัดจนได้ยินแต่เสียงเครื่องยนต์ที่ครางหึ่ง ผมผละสายตาจากถนนมองไปยังคนที่นั่งบนเบาะข้างคนขับ ซึ่งอีกฝ่ายหันหน้ามองออกนอกหน้าต่างตลอดทางตั้งแต่ขึ้นรถมา ผมถอนหายใจอย่างอดรู้สึกเบื่อหน่ายไม่ได้ ก่อนจะหันหน้ากลับมาสนใจถนนอีกครั้ง หักพวงมาลัยเลี้ยวรถแล้วจอดตรงหน้าโรงพยาบาลเมื่อถึงที่หมาย

 คนที่นั่งด้านข้างขยับตัวหันมามองผมแล้วยกมือไหว้

“ขอบคุณครับที่มาส่ง” ผมยิ้มให้บางๆรับคำขอบคุณ ก่อนจะเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีอึกอักไม่ยอมลงจากรถเสียที

“พี่จิม รีบกลับหรือเปล่าครับ” ผมนิ่งคิดก่อนจะส่ายหน้า ซึ่งอีกฝ่ายที่เห็นอย่างนั้น ใบหน้าเศร้าหมองที่มีมาตลอดทางก็เริ่มดีขึ้น “ถ้าพี่ไม่รีบกลับ เข้าไปข้างในกับผมแป๊บนึงได้มั้ย”

“หืม”

“คือ ผมซื้อของไว้ให้ แต่ไม่ได้หยิบติดมือมาด้วย ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินปะ..”

“อืม ไปสิ” ผมตัดบทเมื่อสังเกตเหตุว่าดวงตากลมนั้นเริ่มส่อแววตัดพ้อและแดงก่ำ

รอยยิ้มจุดขึ้นบนริมฝีปากอิ่ม เมื่อผมสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้งแล้วนำรถไปจอดตรงที่สำหรับจอด เพื่อไม่ให้ขวางทางคนอื่น หลังจากวนรถหาที่จอดได้ ผมและดิวก็เดินเข้าโรงพยาบาลไปด้วยกัน เมื่อเดินผ่านเคาท์เตอร์ นางพยาบาลก็ยกมือไหว้คนข้างกายผม บอกให้รู้ว่าภายในที่แห่งนี้ ดิวเป็นที่นับหน้าถือตาไม่น้อย

โรงพยาบาลยามวิกาลเช่นนี้เงียบจนแทบร้าง ไม่มีคนไข้เดินเพ่นพ่าน มีเพียงเจ้าหน้าที่ไม่กี่คนที่เฝ้าเวรเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนไข้ตลอด 24 ชั่วโมง

ผมหยุดเดินเมื่อพบว่าคนที่ควรจะอยู่ข้างกายนั้นหายไป หันไปมองด้านหลังก็พบว่าดิวกำลังมองไปที่ที่หนึ่งนิ่งนาน จนผมอดมองตามไม่ได้ พลันคิ้วขมวดชนกันโดยอัตโนมัติเมื่อจำได้ว่าเจ้าของแผ่นหลังที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่นั้นคือใคร

มันมักจะโดดเด่นกว่าคนอื่นเสมอ

...เซม

"พี่จิม" เสียงเรียกของดิวดึงความสนใจของผมให้กลับมาอีกครั้ง มือขาวเอื้อมมาแตะแขนผมอย่างลืมตัว และเมื่อนึกขึ้นได้ก็รีบหดมือกลับแล้วซุกมือข้างนั้นลงกระเป๋ากางเกง ดิวหน้าเสียก่อนจะพูดสิ่งที่ตั้งใจไว้จนจบ "ผมรู้ว่าพี่กับพี่เซมมีปัญหากันอยู่ พี่จิมไม่ลองไปคุยปรับความเข้าใจกับพี่เซมหน่อยเหรอครับ"

ความจริงแล้ว ผมกับไอ้เซมไม่ได้มีปัญหากันอย่างที่ดิวเข้าใจ เพียงแต่ผมกับมันไม่ได้ติดต่อกันอีก นับจากวันนั้น..

ใจผมสะดุดเมื่อนึกถึงสาเหตุ คิ้วขมวดชนกันโดยไม่รู้ตัว

"พี่กับพี่เซมเป็นเพื่อนกันมานาน... คงน่าเสียดาย ถ้ามิตรภาพจะจบลงง่ายๆ" ผมมองรอยยิ้มที่ไม่มีนัยยะใดๆแอบแฝง "พี่รอผมอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวผมเข้าไปหยิบของแป๊บเดียว"

พูดจบเจ้าตัวก็ไม่รอฟังคำตอบรับจากผม รีบก้าวเท้าเดินจากไปทันที ผมผละสายตาจากแผ่นหลังเล็กๆ หันไปมองอีกคนที่ยังคงคุยโทรศัพท์อยู่ที่เดิม

 

มิตรภาพเหรอ..?

 

เพื่อน..?

 

เหอะ!

 

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งที่ตั้งใจจะหันหลังกลับ แต่ขาสองข้างดันก้าวไปข้างหน้า ตรงไปยังทิศทางที่มันยืนอยู่ และเข้าไปใกล้เสียจนได้ยินบทสนทนาของมันกับปลายสายที่คุยโต้ตอบกัน

" ห้องกูไม่ใช่ที่สาธารณะที่มึงคิดจะเข้าก็เข้า คิดจะออกก็ออกได้นะเว้ย... พอเลย มึงนี่มันเหลือเกินจริงๆ ทำอย่างนี้ไม่กลัวพ่อแม่มันรู้เข้าหรือไง?”

ขาที่กำลังจะถอยกลับชะงักอยู่กับที่เมื่อได้ยินคำพูดต่อมาของมัน

“ถ้าน้องต้าที่มึงพูดถึง คือไอ้เด็กตัวเล็กๆ ขาวๆ ไม่ประสาน่ะก็ใช่ หึๆ ข้อมูลที่เขียนในนั้นไม่ผิดหรอก.. 9 ขวบ แปลกล่ะสิ ...เดี๋ยว! ไอ้แซม มึงคิดจะทำอะไร?”

 

แซม?

 

ต้า?

 

คิ้วผมขมวดเป็นปมกลางหน้าผากพลางหันหลังมาจ้องแผ่นหลังในชุดกราวด์สีขาวนิ่งงัน

“น่าสนใจนี่ ..เปล่า กูไม่ได้จะห้าม ดีซะอีกที่กูไม่ต้องเหนื่อยเอง มึงอยากจะทำอะไรก็ทำไป ส่วนเรื่องที่มึงขอ กูจะช่วย"

คำพูดผ่านโทรศัพท์ของสองพี่น้องนั้นค่อยๆเบาลงจนผมไม่ได้ยินอะไรอีก

.

.

กว่าจะรู้ตัวอีกที ผมก็ขึ้นมาอยู่บนรถเสียแล้ว ทว่ามือที่กำลังจะสตาร์ทรถกลับชะงักค้างกลางอากาศด้วยเพราะหาเหตุผลมารองรับการกระทำของตัวเองในครั้งนี้ไม่ได้

ความสับสนตีรวนความรู้สึกจนผมคิดอะไรไม่ออก..

 

 

 

__________________________________________________________

 

TALK :: เย้ๆ จบแล้วๆ (จบตอนนะ ไม่ใช่จบเรื่อง 55555 เรื่องนี้ยังอีกยาวไกล)

พาร์ทหน้าจะเป็นยังไง ตามลุ้นตามอ่านกันด้วยนะคะ

ใครที่รอน้องริว รออีกนิดนะคะ กำลังรออารณ์มาสถิตร่าง 55555555

ส่วนใครที่ยังไม่เคยอ่านRevenge แนะนำว่า อ่านเถอะค่ะ เผื่อจะเข้าใจ A boy มากขึ้น

ตอนแรกกะจะอัพตั้งแต่เมื่อคืน แต่เกิดเหตุสุดวิสัยทำให้มาอัพไม่ได้ T_T

เจอกันใหม่ค่า รักคนอ่าน <3

 

 
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 สับสน 100% [19/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: kissu111 ที่ 19-08-2013 12:20:51
 :a5: เรื่องนี้... ริวกะต้าร์ รันทดจริงๆ อยากจับอิพี่แซมเชือดเบาๆ แต่ลุ้นเรื่องของพี่จิมมากว่า  :katai1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 สับสน 100% [19/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 19-08-2013 13:17:06
 :monkeysad:  แล้วต้าร์ ละครับ โดนยังงัยบ้าง
                     มาบรรยายเร็ว  อยากทราบครับ  :katai1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 สับสน 100% [19/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 19-08-2013 13:23:05
บีบคั้นอารมณ์จริงๆ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 สับสน 100% [19/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 19-08-2013 15:32:20
เซมกับแซมเป็นพี่น้องที่ร้ายกาจพอกันเลยนะนั่น เซมคิดอะไรอยู่
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 สับสน 100% [19/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 19-08-2013 16:19:31
ตามทันละโอ้ยดราม่ามากๆๆ



ทำไมน้องน่าสงสารแบบนี้ใครกันที่จะช่วยฉุดน้องออกไปจากสถานที่นี้ได้กันละ




รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 สับสน 100% [19/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 19-08-2013 18:16:48
สองคนนั้นคิดจะทำอะไรกันนน  :ling3:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 สับสน 100% [19/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: summerkiss ที่ 19-08-2013 21:19:28
 :sad4: ช่างทำร้ายจิตใจเหลือเกิด (มันหน่วงๆ จุกๆในอก)  :hao5:
 :: ก็แปลกดี รู้ว่าแนวนี้มันหน่วง มันจุก มันเจ็บ แต่ก็ชอบอ่าน  :sad4:

Ps. สงสารต้ามาก  :hao5:
รอติดตามตอนต่อไป  :mew2:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 สับสน 100% [19/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: koronekojung ที่ 19-08-2013 21:39:29
พี่จิมไปช่วยต้าเร็วว !!! :hao7:

แงๆๆ  มาต่อเร็วๆนะ ติดเรื่องนี้งอมแงม

อย่าหายนานน๊ะค๊ะ คิดถึงต้า T^T

 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 24 สับสน 100% [19/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 21-08-2013 00:09:18
โอย  ..... พึ่งเข้ามาอ่านค่ะ   อ่านจนลืมเวลานอนเลย

จะบอกว่ายังไงอ่ะ แค่แต่ได้ดีมากอ่ะ  ไม่รู้ึสึกติดขัดเลย  ตอนช่วงแรกๆ ที่น้องโดนทรมาน ยังรู้สึกกลัวจริงๆ
รู้สึกถึง  นิสัยโรคจิตของตัวละครชัดเจนมากค่ะ ชอบอ่ะ 

ขอบคุณมากๆ ค่ะสำหรับเรื่องดีๆ รอติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 25-08-2013 18:36:34
ตอนที่ 25 ประมูล 50%


01:15 AM


คนจำพวกหนึ่ง...

เห็นความทรมานของคนอื่นเป็นเพียงความบันเทิง

และมีคนจำนวนไม่น้อย...

ที่คิดว่าทุกอย่างในโลกนี้สามารถซื้อได้ด้วยเงิน

 

เสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ไม่ว่าจะตะโกนออกมาเท่าไหร่ ก็ส่งไปไม่ถึงคนอื่นที่อยู่ในโรงละครแห่งนี้... กลับกันเสียงเฮและเสียงเชียร์จากผู้ชมด้านล่างยิ่งทวีความดังขึ้น ตอกย้ำให้รู้ชัดถึงความดำมืดในจิตใจของมนุษย์

“ฮึก! อย่า..” ผมขยับบั้นท้ายหนีสัมผัสชื้นแฉะที่ดุนลิ้นเลียแก้มก้น ทั้งตัวสั่นระริกด้วยความขยะแขยง มือสั่นเทาสองข้างเอื้อมไปด้านหลังหมายจะดึงกางเกงที่หลุดกองตรงโคนขาขึ้นมาไว้เหมือนเดิม ทว่ามือข้างนั้นกลับชะงักค้างกลางอากาศก่อนจะจิกครูดไปกับพื้นไม้อย่างแรงเมื่อมือหนาข้างหนึ่งสอดเข้ามาใต้เสื้อแล้วบีบขยี้ตุ่มไตอย่างหนักหน่วง พลันมืออีกข้างที่ว่างแหวกหนั่นเหนือให้แยกออกจากกันก่อนลิ้นร้อนจะฉกวูบตวัดเลียตรงปากทาง

ผมก้มหน้าต่ำจนแก้มแนบติดกับพื้นเย็นๆ กัดฟันแน่น ร่างเกร็งสั่นไปทั้งร่าง เรี่ยวแรงเหือดหายจนลำตัวช่วงบนฟุบลงไปกับพื้น ทว่าช่วงเอวกลับลอยเด่นท้าสายตาคนมองด้วยมือหนาที่ประคองอยู่ ผมส่งเสียงร้องห้ามไม่ขาดปาก แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ลิ้นร้อนละเลงรัวจนได้ยินเสียงน้ำลายเจ๊าะแจ๊ะแสลงหู!

ผมสูดหายใจดมกลิ่นไม้เข้าปอดครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนสัมผัสชื้นแฉะตรงบั้นท้ายจะหายไปพร้อมกับรู้สึกได้ถึงลำตัวที่ถูกพลิกให้นอนหงายและแว่วได้ยินเสียงคลิ๊กเหนือหัว ผมลืมตาแหงนมองไปด้านบน พลันหน้าเผือดสีก่อนจะกระตุกแขนอย่างแรง

เคร้ง!

เสียงนี้เป็นเสียงที่ตอกย้ำให้รู้ถึงสภาพไร้ทางหนี มือทั้งสองถูกพันธนาการด้วยกุญแจข้อมือ โซ่ที่เป็นตัวเชื่อมตัวล็อกข้อมือทั้งสองคล้องติดกับกับซี่เหล็กของกรง

!!!

“...อย่า!” ผมสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะยกขาตั้งชันกับพื้นแล้วหนีบเข้าหากันทันทีที่นิ้วหยาบเขี่ยตรงรอยจีบด้านหลังอย่างสนุกมือ คนนัยน์ตาดุหัวเราะพราวในลำคออย่างพอใจ ละนิ้วจากปากทาง ก่อนมือหยาบจะวางบนผิวเนื้อเปลือยเปล่า สัมผัสโคนขาและลากสูงขึ้นเรื่อยๆจนพาเอาเสื้อที่ปิดลำตัวร่นขึ้นจนชายเสื้อกองอยู่เหนืออก เผยให้เห็นผิวเนื้อเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์

มือหยาบวางบนแผ่นอกก่อนจะใช้นิ้วคีบตุ่มไต้แล้วลดหน้าลงต่ำกดริมฝีปากครอบครองพลันตวัดลิ้นดูดเลียจนเกิดเสียงดังน่าอาย! ผมดิ้นสุดแรงราวถูกน้ำร้อนราด มือที่ถูกตรึงเหนือหัวกระตุกไปมาหวังจะให้หลุดจากพันธนาการจนข้อมือเจ็บร้าวขึ้นรอยช้ำ

“เป็นบุญของกูจริงๆ ได้มาเชยชมสิ้นค้าไร้ตำหนิอย่างนี้” เสียงแหบพร่าพูดบอกด้วยนัยน์ตากระหายอยาก พลันร่างหนาเคลื่อนกายเปลี่ยนอิริยาบถกลับหัวกลับหางจนหน้าขาของเขาคล่อมอยู่ตรงหน้าผม ผมเบิกตามองแก่นกายแข็งขืนที่ชี้หน้าอย่างตื่นกลัว

เพียงแค่เห็นก็ทำให้สะอิดสะเอียนจนต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เขากดท่อนเนื้อแข็งโด่ที่มีเส้นเอ็นปูดนูนไปทั้งลำแนบติดแก้มก่อนจะขยับเอวแล้วถูไถไปมา ผมขนลุกซู่ หลับตาปี๋แล้วเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความกลัว พลันเสียงรอบข้างที่ดังมาตลอดเงียบไปอึดใจก่อนเสียงห้าวของบุรุษเพศจะดังแทรกผ่านบรรยากาศเข้ามา

“เด็กคนนี้ผมให้ 1,000,000!”

สิ้นคำพูดก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นจนกู่ไม่กลับ ต่อจากนั้นก็มีอีกหลายเสียงที่แย่งกันบอกจำนวนเงินทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาประมูลทำให้บรรยากาศในนี้ยิ่งดุเดือดมากขึ้น ผมเบิกตากว้าง หนาวเหน็บไปทั้งกายและใจ

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าท่อนเนื้อที่จ่อแก้มผมอยู่ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นช้าๆ! ร่างหนาหยัดกายขึ้นสูงแล้วจับหน้าผมให้เบือนกลับมา มือหนาที่ราวกับคีมเหล็กข้างหนึ่งบีบแก้มผมอย่างแรงบังคับให้อ้าปากออก ผมไม่ยอม เม้มริมฝีปากแน่นขึ้นจนปากบนและล่างเจ็บระบมคล้ายกับเนื้อจะหลุดออกจากกัน

ยิ่งเห็นผมขัดขืน มือข้างนั้นก็ยิ่งบีบแรงขึ้นจนกรามร้าวแทบแหลกคาปาก ครั้นเมื่อริมฝีปากเผยอออกเพียงนิด คนตรงหน้าก็ไม่รอช้าจ่อส่วนปลายที่เงาเป็นมันชำแรกเข้าริมฝีปากผมทันที!

“อื้อ!!!” กลิ่นคาวฉุนกึกคลุ้งในปากจนสะอิดสะเอียน ผมครางอื้ออึงในลำคอส่ายหน้าหนีเป็นพัลวัน

เสียงเชียร์ที่เงียบหายไปกลับมาดังกึกก้องอีกครั้ง จนปลุกอารมณ์เถื่อนของอีกคนให้ลุกฮือ มือข้างนั้นยังบีบปากผมไว้ไม่คลาย เมื่อสบโอกาสเขาไม่รอช้าที่จะกดท่อนเนื้อแข็งขืนเข้ามาในปากผมมากขึ้น น้ำเมือกใสๆไหลลงคอทำให้อยากสำรอกซะเดี๋ยวนั้น มือหนาบีบแก้มผมแรงขึ้นก่อนจะขยับเอวสวนแก่นกายเข้ามาอย่างต่อเนื่องจนส่วนหัวแทบจะผลุบลงคอ! ผมตาเหลือกแทบสำรอกอยู่รอมร่อ

เขากดท่อนเนื้อแช่ค้างไว้ในปากก่อนจะเอนกายต่ำลงจนผมสัมผัสได้ถึงลมร้อนที่หายใจรินรดหน้าท้อง พลันมือหยาบปล่อยจากแก้มผมแล้วจับขาของผมที่ชันพื้นบังคับให้แยกออกจากกัน ผมผวากระตุกมือหมายจะทุบตีคนด้านบน ทว่าแขนกลับสั่นพร่าเมื่อความเจ็บแล่นปราดจากแรงกระชากอย่างรุนแรง ผมหอบหายใจ พยายามเบือนหน้าหนีจากสิ่งที่ค้างคาในปากและหุบขาเข้าหากัน แต่แรงของเขามีมากเกินไป.. อีกทั้งสะโพกหนาเริ่มหมุนควงแก่นกายที่คับแน่นปากอย่างเชื่องช้าพลางครางต่ำในลำคอ ก่อนจะดึงมันออกแล้วอัดสวนเข้ามาลึกกว่าเดิมจนมิดโคน ผมตาเหลือกเกร็งสั่นไปทั้งร่าง หูแว่วได้ยินเสียงหัวเราะหึอย่างสาแก่ใจ ก่อนมือหยาบจะดันขาผมให้อ้าออกจากกันมากขึ้นแล้วยกสะโพกของผมขึ้นสูง แหวกหนั่นเนื้อจนเผยให้เห็นปากทางสีเรื่อที่ปิดสนิท

พลันเสียงอื้ออึงที่มีมาตลอดเงียบกริบไปอึดใจก่อนจะตามมาด้วยเสียงที่แย่งกันบอกราคา!

“2,000,000!”

“2,500,000”

“5,000,000!! จ่ายสด! ยกเลิกการแสดงแล้วส่งเด็กคนนั้นมา!!!”

ทว่าเสียงเหล่านั้นไม่อาจหยุดยั้งการกระทำของเขาได้ เขาหัวเราะเสียงต่ำในลำคอก่อนจะขยับเอวซอยท่อนเอ็นเข้าออกริมฝีปากผมครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมทั้งปลายนิ้วหยาบที่ค่อยๆเคลื่อนต่ำเขี่ยรอบปากทางปิดสนิทก่อนจะโฉบหน้าลงตวัดลิ้นรอบรอยจีบและดูดเลียด้วยความกระหายจนผมขนลุกซู่บิดไปทั้งร่าง

“อื้อ!! อ่า!!!!” ผมร้องประท้วงในลำคอ เพราะท่อนเนื้อที่คาปากทำให้ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาเป็นคำพูดได้ มือที่ถูกพันธนาการไว้จิกลงบนหลังมืออย่างแรงเพื่อระบายความรู้สึกที่ล้นปรี่ เสียงลิ้นและเสียงสูดน้ำลายทำให้หน้าผมร้อนฉ่า หัวใจเต้นรัวจนยอกไปทั้งอก น้ำตาไหลลงหยดแล้วหยดเล่าด้วยความเจ็บช้ำ ก่อนจะสะดุ้งเฮือกสุดตัวเมื่อนิ้วหยาบที่ป้วนเปี้ยนตรงปากทางในตอนแรกจะค่อยๆชำแรกเข้ามาภายในโดยไม่ทันตั้งตัว!

ช่องทางขมิบต่อต้านสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาโดยอัตโนมัติ ความเจ็บแล่นไปทั้งร่างราวกับมีเข็มนับพันเล่มวิ่งผ่านอากาศปักไปทั้งตัวและหัวใจ! ทว่าในเสี้ยววินาทีต่อมา ความเจ็บและความอึดอัดที่กำลังเผชิญก็มลายหายไปอย่างรวดเร็ว! ผมเปิดเปลือกตาขึ้นมองภาพตรงหน้าอย่างตระหนก ในสายตาเห็นร่างของชายนัยน์ตาดุถูกขนาบซ้ายขวาด้วยชายร่างใหญ่ในชุดสูทสองคน เขาร้องโวยวายสะบัดตัวอย่างแรงจะให้หลุดจากการจับกุม ทว่ากลับดิ้นไม่หลุดก่อนจะถูกลากให้ออกจากกรงไป

“ปล่อย!! ปล่อยกู!!!” เขาดิ้นฮึดฮัดสบถหยาบด่าลั่นก่อนที่ร่างนั้นจะลับหายไปในความมืด

ประตูกรงที่เปิดทิ้งไว้ เป็นโอกาสหนีที่ผมทำได้แค่มอง..

เสียงเชียร์จากคนดูในคราแรก แปรเปลี่ยนเป็นเสียงก่นด่าและทวีความรุนแรงขึ้นตามระดับความไม่พอใจ ผมขมวดคิ้วมองความโกลาหลเบื้องล่างด้วยความมึนงงก่อนจะหุบขาเข้าหากันแล้วค่อยๆยันตัวขึ้นนั่ง

ตุ้บๆ!

ชายที่ยืนอยู่หลังแท่นบัลลังก์เคาะค้อนเสียงดังเพื่อดึงความสนใจของคนด้านล่างให้กลับมายังตน อึดใจต่อมาเสียงก่นด่าค่อยๆจางหายไปในอากาศและที่แห่งนี้ก็กลับมาเงียบกริบอีกครั้ง ผมไล่สายตามองบรรดาคนที่นั่งบนเก้าอี้ทีละคน แม้ใบหน้าของพวกเขาเหล่านั้นจะนิ่งเรียบแต่ก็ซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ไม่มิด สถานการณ์มาคุยิ่งขึ้นจนพิธีกรหน้าเจื่อน ก่อนจะกระแอมไอ แล้วโค้งต่ำจนศีรษะและลำตัวช่วงบนขนานไปกับพื้น เพียงครู่หนึ่งก็หยัดตัวขึ้นแล้วเปล่งเสียงพูดผ่านไมค์โครโฟน

“ผมต้องขอโทษทุกท่านจริงๆครับกับความผิดพลาดที่คนของเราล่วงเกินสินค้าเกินกว่าที่ได้ตกลงกันไว้ แต่ถึงอย่างนั้น ผมกล้ารับประกันความสดใหม่ของสิ้นค้าชิ้นนี้ที่ไร้เดียงสาราวกับเด็ก 9 ขวบได้เลยครับ รับรอง ทุกท่านจะไม่ผิดหวัง!”

แม้จะรอดจากเหตุการณ์เมื่อกี้มาได้อย่างหวุดหวิดแต่ผมก็ยังไม่รู้สึกปลอดภัย ผมก้มหน้าหลบสายตาหลายคู่ของคนด้านล่างที่กำลังจ้องมองมา

ชายทื่ยืนบนเวทีหลังแท่นบัลลังก์ก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือก่อนจะพูดประโยคที่ทุกคนรอคอย

“เพื่อเป็นการขอโทษ การประมูลจะถูกเลื่อนเวลาให้เร็วกว่าตอนแรกที่ได้กำหนด ราคาประมูลเริ่มต้นที่ 7,000,000 บาทครับ!”

สิ้นเสียง บรรยากาศในนี้ก็ราวกับลุกเป็นไฟ สายตาของพวกเขาเหล่านั้นมองมาที่ผมอย่างหมายมาด เสี้ยวนาทีต่อมา ในโรงละครแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยสรรพเสียงที่ตะโกนบอกราคาไม่หยุด!

“8,000,000 บาท!”

“8,500,000

“10,000,000 บาท!!”

“12,000,000!”

ผมกวาดสายตามองไปรอบด้านด้วยความตื่นตะลึง ขาที่ตั้งชั้นกับพื้นยิ่งเบียดกันแน่นขึ้นด้วยความหนาวเหน็บที่โจมตีไปทั้งตัว

“20,000,000!!!”

ขาดคำทั้งโรงละครนี้ก็เงียบกริบไปชั่วครู่ พลันเกิดเสียงฮือฮาไปทั้งห้อง หลายสายตามองหาว่าเจ้าของเงินยี่สิบล้านนั้นคือใคร

พิธีกรที่ยืนหลังแท่นบัลลังก์แสยะยิ้มพอใจ

“มีผู้เสนอราคา 20,000,000 บาทนะครับ” เขากวาดสายตาไปทั่วทุกที่นั่งแล้วพูดต่อ “มีท่านใดจะเสนอราคามากกว่านี้มั้ยครับ”

ทุกคนเงียบกริบไม่มีใครกล้าเสนอเงินมากไปกว่านี้

“20,000,000 ครั้งที่1..” เสียงทุ้มกดต่ำ เริ่มนับถอยหลัง ในโรงละครเริ่มเกิดเสียงซุบซิบระลอกใหญ่ ทว่าก่อนที่พิธีกรจะนับเป็นครั้งที่ 2 ก็มีเสียงห้าวเข้มที่ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“50,000,000!”

เกิดเสียงฮือฮาดังยิ่งกว่าครั้งแรก และโดยที่ทุกคนไม่ต้องมองหาว่าคนกระเป๋าหนักคนนั้นคือใคร ที่นั่งบริเวณตอนกลางก็ปรากฏร่างชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืนแสดงตัวช้าๆ

“50,000,000 บาทแล้วครับ ท่านอื่นจะเสนอราคาที่มากกว่านี้หรือเปล่าครับ!? มีหรือเปล่าครับ!? ถ้าไม่มีท่านใดเสนอราคามากกว่านี้ จะตกลงที่ราคา 50,000,000 บาทนะครับ!” สิ้นเสียงมือหนาก็ตวัดค้อนทุบลงบนแท่นบัลลังก์เพื่อยุติการประมูลในครั้งนี้

ผู้ชนะในการประมูลปรายตามองผมก่อนจะยิ้มมุมปากช้าๆ เป็นยิ้มที่อบอุ่น.. แต่ทำไม สายตาคู่นั้นถึงดูอันตราย ..อันตรายจนผมไม่กล้ามองสบตาด้วย

“เพื่อเป็นการไถ่โทษจากเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ นายใหญ่จึงส่งของมาอีกชิ้นเพื่อเป็นการขอโทษท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน” พลันสายตาของคนดูในโรงละครแห่งนี้ก็หันเหความสนใจไปทีข้างเวที ที่ปรากฏร่างขาวจัดที่ผมจำได้ดีว่าใครกำลังถูกชายชุดดำคนหนึ่งคุมตัวมาเดินมายังกลางเวที

พี่ริว..

“ท่านใดที่มีความประสงค์อยากจะเล่นกับของเล่นชิ้นนี้ เชิญขึ้นมาบนเวทีได้เลยครับ! ผมขออาสาสมัคร 5 คนครับ!”

เกิดเสียงฮือฮาดังไปทั่ว ทุกคนต่างมองหน้ากันและยังไม่มีใครกล้าลุกขึ้นยืน พลันชายชุดดำอีกคนที่เดินขึ้นมาบนเวทีตรงรี่เข้ามาหาผม เขาจัดการไขกุญแจข้อมือทั้งสองข้างออกให้และถอยไปยืนคอยคุมเชิงห่างจากผมประมาณสามฟุต

ทันทีที่เป็นอิสระ ผมก็รีบกวาดสายตามองไปรอบด้านอย่างหวาดระแวง เอื้อมมือสั่นเทาที่เจ็บช้ำจากการกระตุกดึงกางเกงให้ขึ้นมาปิดบังช่วงล่างไว้อย่างเดิม

ผมหันไปมองพี่ริวที่หันมาทางนี้พอดี นัยน์ตาคู่นั้นเบิกกว้างกวาดมองผมทั้งตัวด้วยความตกใจ

พี่ริวดิ้นอย่างแรง กางมืออีกข้างที่ว่างตวัดจิกข่วนใบหน้าของคนที่คุมตนอยู่จนร่างนั้นเผลอคลายแรงจับและยกมือกุมหน้าด้วยความเจ็บแสบ พี่ริวไม่รอช้าวิ่งตรงมาที่ผมทันที ผมหันรีหันขวาง มองร่างใหญ่ที่คุมเชิงอยู่อย่างหวาดๆ แต่ก็ตัดสินใจวิ่งออกจากกรงไปหาพี่ริวเช่นกัน จวบจนเมื่อมือของเราจับกัน เสียงห้าวที่ดังมาจากด้านล่างก็ตะโกนสั่งด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจ!

“จับตัวมันไว้! อย่าให้มันพาเด็กคนนั้นหนีไปได้เด็ดขาด!”

นั่นเป็นเสียงที่ผมจำได้ไม่ลืม

พี่แซม...

สิ้นคำพูด นาทีต่อมาบนเวทีแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยร่างของชายฉกรรจ์ในสูทสีดำตีวงล้อมรอบเราสองคน ปิดทางหนีไว้ทุกทาง!

ไม่รอดแน่ๆ.. ต้อง ...ต้องไม่รอดแน่ๆ!

นั่นคือสิ่งที่ผมคิดในใจ ผมบีบมือที่จับกับพี่ริวแน่นกว่าเดิม หันไปมองคนข้างกายที่หน้าซีดเผือด ก่อนเขาจะกระชากแขนผมให้ออกวิ่งหวังจะฝ่าวงล้อมออกไป ทว่าหนึ่งในชายชุดดำกลับพุ่งเข้ามาและกระแทกพี่ริวอย่างแรงจนมือของเราหลุดออกจากกัน ร่างพี่ริวล้มกระเด็นกองกับพื้นอย่างแรงจนลุกไม่ขึ้น

หัวใจผมเต้นรัว ความกลัวทำให้ขาอ่อนเปลี้ย.. ผมยืนละล้าละลัง ไม่กล้าสู้ และไม่อยากถอย.. ความรู้สึกตีตื้นขึ้นมาจนน้ำตาบดบังม่านตาจนมองภาพตรงหน้าไม่ชัดเหมือนเคย

เตอร์.. อยู่ไหน อึ่ก! ทำไมไม่มาช่วย!!!! เตอร์!!!

ผมกำมือแน่น ในหัวมีแต่ภาพพี่ชายเพียงคนเดียว ที่ทุกครั้งที่เกิดอะไรขึ้นกับผม เตอร์จะเป็นคนแรกที่วิ่งเข้ามาช่วยเสมอ ทำไมตอนนี้ไม่มา!!

ยังไม่ทันที่ผมจะขยับไปไหน ร่างที่พุ่งมาด้วยความเร็วเข้าชาร์จตัวผมจนขาลอยสูงเหนือพื้น เขาอุ้มผมพาดบ่าจนหัวห้อยต่ำ เลือดตกหัวจนผิวหน้าเห่อร้อนไปหมด ผมทั้งดิ้นทั้งทุบตีหลังกว้างอย่างแรงจะให้ร่วงจากบ่าแกร่ง ทว่ามือเขากลับเหนียวเกินกว่าจะหลุดจากตัวผมง่ายๆ

ชายในชุดดำไม่รอช้ารีบสืบเท้าลงจากเวทีทันที ผมใจหายวาบเมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปบนเวทีเห็นพี่ริวที่ค่อยๆไกลออกไป! พี่ริวยันตัวขึ้นจากพื้น และพุ่งตรงมาจะฝ่าวงล้อมมาหาผมให้ได้ ทว่าร่างขาวจัดกลับถูกจับกดลงบนพื้น ด้วยชายร่างใหญ่ถึงสามคน! ใบหน้าเผือดสีนั้นมองตรงมาด้วยน้ำตานองหน้า นัยน์ตาร้าวรานอย่างที่ผมไม่เคยเห็น

“ปล่อยเด็กคนนั้น!! ฮึก! ปล่อย... แพร”

ผมทุบสองมือลงกับแผ่นหลังกว้างสุดแรงเมื่อเขาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น พลันหูได้ยินเสียงกรีดร้องที่มาจากเบื้องหลังตรงที่จากมา! ..พี่ริว!

เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกที ผมก็มองไม่เห็นพี่ริวในสายตาเสียแล้ว! หัวใจปวดหนึบไปทั้งดวง ตาบวมเป่งที่ไม่คิดว่าจะสามารถผลิตน้ำตาได้อีกกลับค่อยๆกลั่นน้ำตาออกมาช้าๆ

ฮึก.. พี่ริว! จะหาพี่ริว...

เสียงกรีดร้องนั้นยังดังก้องในหูปานกับเจ้าของเสียงนั้นจะขาดใจตาย ไม่ว่าผมจะดิ้นหรือทุบตีเขาแรงแค่ไหน ร่างที่แกร่งดั่งหินผาก็ไม่สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด เขายังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อย

ความหวังครั้งใหม่ที่จุดขึ้นในใจค่อยๆมอดดับไปช้าๆ ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกนอกจากเสียงรองเท้าที่ดังกระทบพื้นและเสียงสะอื้นไห้ของตัวเอง

โชคดีไม่ได้มาเยือนเราบ่อยๆ นั่นเป็นสิ่งที่เตอร์เคยพูด..

 

เท้าของผมเหยียบลงบนพื้นอีกครั้งหลังจากที่เขาปล่อยผมลงจากบ่า

ความจริงที่ผมได้เรียนรู้คือ การที่เขาปล่อยผมให้ยืน ใช่ว่าผมจะสามารถหนีได้ เพราะแน่ใจว่าผมไม่สามารถหนีได้ เขาจึงกล้าปล่อย ดังนั้นผมจะไม่ไปไหน จะไม่เดิน จะไม่ทำอะไรทั้งนั้น ..นั่นคือสิ่งที่ผมตั้งใจ ทว่าความตั้งใจกลับพังทลายลง เมื่อมีอ้อมแขนแกร่งที่เข้ามารับร่างผมไว้ได้ทันท่วงทีก่อนที่ผมจะล้มฟุบไปกับพื้น

ผมยกมือขึ้นดันหน้าอกเขาไว้ แล้วมองเขาด้วยสายตาที่ข่มความกลัวไว้ไม่มิด

คนที่เข้ามารับผมไว้เป็นคนเดียวกับผู้ชายคนนั้นที่ยอมจ่าย 50 ล้านบาท มือหนายื่นมาเชยคางผมก่อนจะลูบแผ่วเบา พลันเสียงทุ้มหัวเราะต่ำในลำคออย่างพึงใจก่อนจะกดจมูกสูดดมกลิ่นกายบริเวณซอกคอแล้วกระชับร่างผมให้แนบอกยิ่งขึ้น

“คุ้มจริงๆ! หึๆ..” เขาละหน้าออกพลางคลี่ยิ้มใจดีก่อนจะใช้มืออีกข้างเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าออกให้อย่างเบามือ

“ไม่ต้องกลัวนะ ไปอยู่กับฉัน ฉันจะเลี้ยงเธออย่างดี”



__________________________________

TALK:: เอามาเสิร์ฟก่อน 50 เปอร์
เห็นคนอ่านชอบเราก็ปลื้มปริ่ม 555 แต่คาดว่าคงมีหลายคนที่อยากฆ่าพี่จิม ทั้งๆที่ตอนที่แล้วก็ทำท่าเหมือนจะมาช่วย แล้วพาร์ทนี้มันหายหัวไปไหน!!? 55555555
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์มากๆค่ะ อ่านไปก็ยิ้มไป
พบกันใหม่อีก 50%ที่เหลือนะคะ  :กอด1:

ฝากเรื่องน้องริวค่ะ REVENGE -- http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38217.60
สามารถเข้าไปคุยกันได้ที่เพจน้าาาาา NNEW ffy
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 25-08-2013 18:45:10
 :monkeysad:  เข้ามาเปิดดูทุกวัน เมื่อไรจะลง
                     วันนี้เห็นลง รีบมาpostก่อน
                     มือเย็นเจี๊ยบ ที่จะได้อ่าน   :ling1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 25-08-2013 19:08:51
โอ้ยอะไรเนี่ย


ทำไมไม่มีใครมาช่วยน้อง



สงสารรออ่านต่าอครับ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 25-08-2013 19:22:33
นี่มันเวรกรรมอะไรเนี่ยยยย ตายไปเลยดีกว่าไหมมม  :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 25-08-2013 21:18:22
ใครพาน้องต้าไปอ่ะ โอ๊ย อ่านแล้วเครียด บีบหัวใจมาก :katai1: :katai1:  :katai1: (แต่ชอบค่ะ)  :laugh:

คนอะไรโดนทารุณได้ขนาดนั้น o13 :hao5:

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ ครานี้น้องริวจะรอดมั๊ยเนี่ย   :m15: :m15: ราวกลับว่า

นิยายทั้งสองเรื่องไม่มีพระเอก :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 25-08-2013 21:19:55
สงสารต้าร์ สงสารริว แซมใจร้ายมาก ๆ เลย ต้าร์ยังพอมีลุ้นว่าอาจจะมีคนมาช่วย แต่ริวเีนี่ยสิ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 25-08-2013 21:37:58
ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกใครอ้าาาาา
นะที่นี้สงสารริวสุด :katai1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 25-08-2013 22:33:11
น่าสงสารๆๆ :katai1: :katai1: :katai1:

จะมีใครมาช่วยต้ากับริวไหมอ่ะ :o12:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 26-08-2013 00:15:37
จบเรื่องต้าได้ป่วยจิตแน่
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 26-08-2013 08:48:25
ตายไปจะดีกว่า :mew2:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: BExBOY ที่ 26-08-2013 09:18:13
เอิ๊ม ดราม่าสุดๆ
มันมีพระเอกรึเปล่าเนี่ยสงสัยจริงๆ เล่นเลวระยำทั้งเรื่อง :katai1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: august_may ที่ 26-08-2013 09:29:05
เอ่ออ สงสารต้าสงสารริว  และรู้สึกเกลียดแซมมาก
ส่วนพี่จิมมี่ ถ้าอีกครึ่งหลังพี่ยังไม่ออกมาช่วยต้าเนี่ย จะตัดใจไม่เชียร์พี่แล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: viewfifi ที่ 28-08-2013 22:46:00
สงสารริว  :o12:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: clock_nuchchee ที่ 28-08-2013 23:45:45
 :mew6: ริวจะโดนอะไรไหมอ่ะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 30-08-2013 23:06:52
 :really2:  รอจนมือชา หมดแล้ววว
                 50%ที่เหลือ  ขอแบบสุดๆซาดิสม์
                        อ่านแล้ว  จะได้ผ่อนคลาย ฮิฮิ.... :katai3:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: viper7123 ที่ 31-08-2013 16:10:12


มันช่างบีบคั้นหัวใจ......... :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 02-09-2013 22:50:45
ตัวละครเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ ยังมองไม่ออกว่าใครคือพระเอก รอต่อไป......
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 03-09-2013 19:42:35
อ๊ากกก เก๊าทนมิไหวแล้ววววววว
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 03-09-2013 23:41:54
บร๊ะเจ้า ดราม่าได้อีก จิตได้อีก และ เศร้าได้อีก
มันดาร์กเกินไปแล้วนะคะ
คุณจะเชื่อไหม ตอนนั่งอ่านเรื่องนี้ เราใช้เวลานานมาก เปิดๆปิดๆ
ใจนึงก็ว่สโหดไป รับไม่ได้ อ่านต่อไม่ไหว
อีกใจก็อยากรู้ เรื่องราวจะจบลงอย่างไร
มันบีบหีวใจและพาลให้เครียดและจิตตกได้อย่างไม่น่าเชื่อ
โอยยย ใช้ดลังงานเยอะมากจริงๆนะคะ ในการอ่านเรื่องนี้ !!
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: maykiz ที่ 04-09-2013 00:11:43
อ่านแล้วปวดหัว เครียดๆ ลุ้นๆ อ๊ากๆๆๆ แต่ก็จะมาอ่านอีก
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: koronekojung ที่ 28-09-2013 20:15:32
หายไปไหนเอ่ยยยย.  รอนานแล้วน้าาา.   :ling1::ling1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: viper7123 ที่ 28-09-2013 20:22:53
 :m22:

สู้ๆคับ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 50% [25/8/56] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 04-10-2013 22:40:01
JIM Part

02:00 AM

มีหลายครั้งที่คนเราหาเหตุผลให้กับการกระทำบางอย่างไม่ได้ ตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม และเพราะอะไร ผมถึงได้มาอยู่ที่นี่

ประตูลิฟต์ค่อยๆแยกออกจากกันเมื่อถึงชั้น 5 ผมเดินตรงไปตามทางเดินที่ทอดยาวไปเบื้องหน้า ทั้งสีของกำแพงและพื้นกระเบื้องค่อยๆเปลี่ยนไปเมื่อเดินไปลึกขึ้น

ความเงียบที่ปกคลุมรอบด้านทำให้ผมอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ ..มันเงียบเกินไป แปลกกว่าทุกครั้งที่จะต้องมีเสียงโอดครวญดังลอดมาจากด้านหลังประตูฝั่งขวา

หรือว่าจะมาผิดชั้น?

คิ้วขมวดชนกันโดยไม่รู้ตัว แม้จะคิดว่าบางทีผมอาจจะมาผิดชั้น ทว่าขาทั้งสองกลับไม่ยอมหันกลับไปยังลิฟต์เพื่อขึ้นไปชั้น 6หรือ7 ที่เป็นเสมือนห้องพักของพวกมันสองคน แต่กลับเดินหน้าต่อคล้ายกับถูกแรงที่มองไม่เห็นจับจูง จวบจนเมื่อบานประตูฝั่งขวาที่สุดทางเดินเปิดออก ผมก็ต้องแปลกใจอีกครั้งกับสภาพเละเทะที่ราวกับสถานที่นี้คือสมรภูมิรบ

หรือว่าผมจะมาผิดชั้นจริงๆ?

ผมที่กำลังหมุนตัวหันหลังกลับกลับต้องชะงักอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงสูดปากและเสียงสบถหยาบคุ้นหูดังมาจากด้านใน รีบก้าวยาวตรงเข้าไปหาต้นตออย่างรวดเร็ว และเมื่อถึงจุดหมาย ปฏิกิริยาทุกอย่างเป็นไปเองอย่างที่ผมก็ไม่คาดคิดเมื่อมือกระชากคอเสื้อของมันแล้วดึงรั้งให้ร่างนั้นลุกขึ้นยืน

ไอ้แซมไอโขลกใบหน้าที่มีแต่รอยฟกช้ำบิดเบี้ยว ปากที่แตกยับยังด่าทอไม่หยุดก่อนมือที่เต็มไปด้วยเลือดจะยกขึ้นแล้วผลักผมออกสุดแรง

แรงผลักไม่ได้มากจนทำให้เซ แต่ผมเลือกที่จะปล่อยมันเอง ร่างนั้นหายใจหอบลืมตามองผมด้วยสภาพที่ดูไม่ได้ ใบหน้าแตกยับ ตรงหางคิ้วมีเลือดออกและไหลเป็นทางยาว เส้นผมที่มันหวงนักหนา ตอนนี้ก็กระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรง อีกทั้งแขนและลำตัวมีรอยกรีดของสิ่งมีคมจนเกิดบาดแผลคมกริบและเลือดที่ไหลออกจากปากแผลช้าๆ ประเมินจากสายตา ไม่ใช่แผลลึก แค่ถากๆเท่านั้น ผมไม่รู้ว่ามันถูกใครเล่นงาน แต่ผมไม่เคยเห็นมันหมดสภาพขนาดนี้มาก่อน มันสูดหายใจเข้าลึกๆขณะที่ยืนพิงเก้าอี้โดยใช้มือยันค้ำไว้ไม่ให้ล้มฟุบลงพื้น

“มันอยู่ไหน”

ไม่รู้ว่ามันจะเข้าใจหรือเปล่าว่าผมกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่ริมฝีปากที่มีเลือดไหลซึมกลับกระตุกยิ้ม นัยน์ตาพราวระยับไม่ตอบคำถาม

“ไอ้แซม ต้าอยู่ไหน” ไม่รู้ว่าทำไมต้องคาดคั้นเอาคำตอบจากมันขนาดนั้น ห่วงเหรอ? ผมบอกตัวเองได้ทันทีว่าไม่ใช่ แต่เพราะอะไรนั้น ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน

“ทำไม? ห่วงมันหรือไง”

เปล่า

ผมไม่ได้ ห่วง

มันมองผมด้วยสายตาที่แฝงเลศนัยน์บางอย่างก่อนจะใช้ปลายนิ้วจับมุมปากแล้วนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

“อยู่ไหน” ผมถามซ้ำด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นไปด้วยความสับสน

“หึ” มันแสยะยิ้มเพียงนิดก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปลึกกว่าเดิม สีหน้าที่ดีขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดต่อ “เด็กคนนั้นถูกประมูลไปเมื่อ 30 นาทีก่อน เสียใจด้วย พี่มาช้าไป”

“ใคร?”

“จะรู้ไปทำไม? ยังไงซะพี่ก็ไปช่วยมันไม่ทัน”

“ใครเป็นคนประมูล” ผมไม่สนใจคำพูดของมันและถามย้ำเข้าไปอีก

“ยังไงมันก็ไม่รอด”

“ใคร!”

มันหน้าตึงไปทันทีที่ผมขึ้นเสียงใส่ ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

“พ่อเลี้ยงกิตติพศ เป็นไง! รู้แล้วก็รีบไปช่วยซะสิ ก่อนไอ้เด็กนั่นจะยับเยินและเสียสติกลายเป็นคนบ้า เพราะถูกรุมโทรมจากบรรดาลูกน้องของมัน หึ!” มันหัวเราะเยาะเมื่อเห็นผมนิ่งค้างไปทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น ไอ้แซมหันหลังก่อนจะเดินหายเข้าไปยังหลังเวทีทิ้งให้ผมยืนอยู่คนเดียวตรงนี้

พ่อเลี้ยงกิตติพศเป็นมหาเศรษฐีที่คนในสังคมรู้จัก แผ่อำนาจครอบคลุมวงการธุรกิจ ที่สำคัญ เป็นเสือผู้หญิง ได้ทั้งหญิงและชาย ทำอะไรไม่เคยแคร์สื่อ จะควงใครจะเลี้ยงใคร ทุกคนวงในจะรับรู้กันหมด ที่ที่เขาจะพาไอ้ต้าไป ผมรู้

รู้แต่ทำอะไรไม่ได้

ผมกับเขากระดูกคนละเบอร์

ผมหันหลังก้าวยาวๆออกจากที่ตรงนี้ด้วยความรู้สึกร้อนใจแปลกๆ มือล้วงลงกระเป๋ากางเกงควานหาโทรศัพท์ แม้ไม่อยากขอความช่วยเหลือ แต่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่านาทีนี้ผมมีเขาเป็นที่พึ่งเพียงคนเดียว การจะบุกไปช่วยเลยนั้นเป็นการกระทำที่โง่ เพราะนั่นไม่เพียงแต่ผมจะเอาชีวิตไปทิ้งอย่างไร้ค่า มันอาจส่งผลถึงธุรกิจของครอบครัว ซึ่งผมไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น

ผมมองเบอร์โทรที่ปรากฏบนหน้าจอก่อนจะกดต่อสายด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง นานมากแล้ว ที่ผมไม่เคยร้องขอความช่วยเหลือจากเขา

รอสายไม่นาน เสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยอำนาจก็เปล่งพูดออกมา

“รีบพูดธุระของแกมา ฉันไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น”

ผมกำมือแน่นกับคำพูดหมางเมิน แต่ความเจ็บกลางฝ่ามือเทียบไม่ได้กับแรงบีบรัดก้อนเนื้อใต้อกซ้ายที่ทั้งเจ็บและจุกจนแทบหายใจไม่ออก ผมสูดลมหายใจระงับอารมณ์ก่อนจะพูดออกไป

“ผมมีเรื่องให้คุณช่วย”

“...”

อีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่ต่อบทสนทนา แต่ผมรู้ ว่าเขากำลังรอฟัง และเพราะผมรู้จักเขาดีทำให้ผมรู้ว่าหากจะขอให้เขาช่วยเหลืออะไรสักอย่าง จะต้องมีข้อแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อพอตัว เพราะเขามันหัวธุรกิจ ไม่เคยที่จะทำอะไรแล้วไม่หวังผลตอบแทน

“เรื่องนั้นที่คุณขอ ผมตกลง”

“พูดธุระของแกมา”

ไม่ผิดจากที่คิด หึ

ผมเหยียดยิ้มเล็กน้อยด้วยความสมเพชตัวเองที่เกิดมาเป็นลูกของคนๆนี้ ..แต่ในความสมเพชนั้น ผมยอมรับว่าผมรู้สึกเบาใจ เพราะเกินกว่า40% ผมมั่นใจว่าเด็กคนนั้นจะปลอดภัย

 

รถบนท้องถนนเริ่มบางตาไม่เหมือนตอนเย็นหรือช่วงหัวค่ำที่การจราจรค่อนข้างติดขัด ทำให้ผมสามารถเร่งความเร็วได้ตามที่ต้องการ รถวิ่งทะยานไปบนถนน ตรงไปยังบ้านพักของพ่อเลี้ยงกิตติพศโดยไร้ความลังเล

นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมมาบ้านหลังนี้ ครั้งแรกนั้นมาด้วยความจำใจ เพราะเขาต้องการให้ผมเป็นที่รู้จักกับคนที่เต็มไปด้วยทั้งอำนาจและเงินทอง แต่ครั้งนี้ที่ผมมาเหตุผลกลับต่างออกไป

ผมชะลอความเร็วเมื่อมองเห็นประตูเหล็กดัดที่เป็นตัวบอกอานาเขตของบ้านตั้งสูงตระหง่านอยู่เบื้องหน้า และราวกับรับรู้ถึงการมาของผม ประตูเหล็กดัดบานนั้นถึงได้ค่อยๆแยกเปิดออกจากกัน มันคงจะถูกควบคุมการเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า รอบๆนั้นไม่มีคนเลยแม้แต่คนเดียวแต่ผมรับรู้ได้ว่า ผมกำลังถูกจ้องมองจากที่ไหนสักแห่ง

ผมเลือกที่จะขับรถเข้าไปในบริเวณบ้าน ความมืดปกคลุมไปทั่ว ดีหน่อยที่สองข้างทางมีโคมไฟคอยให้แสงสว่างทำให้แลเห็นต้นไม้น้อยใหญ่ปลูกประปราย บอกให้รู้ว่าเจ้าของบ้านนี้คงจะชื่นชอบธรรมชาติไม่น้อย แม้จะขับรถเข้ามาได้สักพักหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงตัวบ้านจริงๆเสียที ถึงผมจะเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง แต่นั่นก็นานมากแล้ว ทำให้การมาเยือนคฤหาสน์นี้รู้สึกเหมือนการมาเยือนครั้งแรก

ทางเข้าขนาดสองเลนค่อยๆใหญ่ขึ้นและปรากฏพื้นที่ว่างทรงวงกลม ตรงจุดกึ่งกลางมีน้ำพุหินอ่อนแกะสลักด้วยเทพธิดาตัวน้อยและหงส์ขาวที่ลอยเหนือน้ำ ใจกลางอ่างมีน้ำพุพวยพุ่งขึ้นน้ำ ทางด้านซ้ายปรากฏเป็นตัวบ้านหลังใหญ่ ใหญ่เกินกว่าจะเรียกว่าบ้านได้

ทันทีที่เครื่องยนต์ดับลง ยังไม่ทันได้ลงจากรถ ประตูฝั่งคนขับก็ถูกเปิดออกโดยชายฉกรรจ์ร่างกำยำในชุดสูทสีดำ ใบหน้าของเขานิ่งเรียบ ก่อนจะค้อมหัวลงต่ำเล็กน้อยแล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว ผมลงจากรถแล้วปิดประตูก่อนจะเดินตามหลังเขาเข้าไปด้านในโดยไม่มีบทสนทนาแม้แต่ประโยคเดียว

ในโถงห้องรับแขก บนโซฟาหนังเนื้อดีปรากฏร่างชายวัยกลางคนที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ผมก็ยังจำใบหน้านั้นได้ดี ใบหน้าที่ดูใจดี แต่นัยน์ตากลับเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมกลโกง เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองผม มือหนาก็วางแก้วบรั่นดีลงบนโต๊ะกระโจกใสสีดำก่อนจะผายมือเป็นเชิงให้ผมนั่งลงฝั่งตรงข้าม

ข้างกายของพ่อเลี้ยงกิตติพศมีร่างของคนที่ผมตามหาอยู่ ใบหน้าอ่อนวัยซีดเผือด นัยน์ตากลมโตแดงก่ำราวคนใกล้จะร้องไห้ออกมาเต็มแก่ เมื่อมือหนาของชายวัยกลางคนลดลงไปดึงเอวบางให้ขยับเข้ามาชิด ไอ้เด็กต้าตัวสั่นเทาจะขืนกายออกห่างท่าเดียว ทว่าเพียงแค่พ่อเลี้ยงจุ๊ปากเป็นเชิงสั่งให้นิ่ง ร่างเล็กๆก็ชะงักงัน ไม่มีท่าทางขัดขืนให้เห็นอีก

ดูมันกลัวมาก

ผมเองก็ไม่รู้ว่าก่อนที่ผมจะมาถึง มันโดนอะไรไป

ผมละสายตาจากดวงตาคู่นั้นเมื่อมันสบตาผมอย่างขอความช่วยเหลือ พลางน้ำใสไหลออกจากตาไม่หยุด ฟันขาวเป็นระเบียบกัดปากตัวเองจนช้ำอย่างน่าสงสาร

ผิวกายนอกร่มผ้าไม่มีรอยฟกช้ำหรือรอยขีดข่วนให้เห็นสักรอย

“เธอน่ะ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังเหมือนเดิมเลยนะ จิรัฏฐ์”

ผมขมวดคิ้วชนกันเล็กน้อยด้วยเพราะไม่ค่อยชอบใจกับน้ำเสียงที่เน้นเรียกชื่อผมในตอนท้าย

“ตอนเด็กวิ่งตามพ่อมายังไง ตอนโตเวลาเกิดปัญหาก็ยังให้พ่อแม่จัดการให้อยู่ดี เด็กจริงๆเลยนะ” เขายิ้มเล็กน้อยขณะพ่นคำพูด ผมหน้าชาไปทันทีเมื่อโดนสบประมาทอย่างนี้

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ผมที่กำลังจะหยัดกายขึ้นยืนต้องชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำหัวเราะแผ่วเบา ก่อนจะพูดห้าม

“อย่าเพิ่งไปสิ เพิ่งจะมาถึงไม่ใช่เหรอ”

ริมฝีปากเขายิ้ม ทว่านัยน์ตากลับแข็งกร้าวเป็นการบังคับทางอ้อมให้นั่งลงที่เดิม ผมกัดฟันแน่นก่อนจะยอมนั่งลงที่เดิมแต่โดยดี ทว่าทันทีที่เขาผละมือออกจากเอวบาง ไอ้ต้าก็รีบสะบัดตัวให้หลุดแล้วรีบวิ่งมาหาผม มือเย็นติดจะสั่นเทาจับแขนผมแล้วฉุดกระฉากให้ลุกขึ้นทันที

ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยมองใบหน้านั้นอย่างฉงน มันจับแขนผมแน่นไม่ปล่อย ใบหน้าบิดเบี้ยวอีกทั้งน้ำตาไหลอาบสองข้างแก้มไม่หยุด

“กลับบ้าน ฮึก.. จิม กลับบ้าน” คิ้วผมกระตุกเล็กน้อยเมื่อไอ้เด็กตรงหน้างอแงฉุดกระชากผมท่าเดียว ทั้งยังเรียกชื่อผมห้วนๆไม่มีคำนำหน้าบ่งบอกสถานะเลยสักนิด

ตืด..

ผมหันไปมองหาต้นเสียงแปลกปลอมนั้นทันที ก่อนจะพบกับสีหน้าราบเรียบของเขาที่มองร่างเล็กข้างๆผมไม่วางตา ดุดันจนน่ากลัว เลื่อนสายตาไปอีกหน่อยผมก็พบต้นตอที่เกิดเสียงในมือหนา

วัตถุสีดำมีด้ามจำพอดีมือ เล็กราวไฟฉายมือ นิ้วหัวแม่มือของเขากดปุ่มเล็กๆอีกครั้ง พลันกระแสไฟแล่นผ่านจนมองเห็นชัดเจน ผมขมวดคิ้วแน่นก่อนจะรับรู้ว่าแรงกระชากที่แขนหายไป เหลือเพียงมือเย็นเฉียบที่จับแขนผมแน่นไม่ปล่อย ใบหน้านั้นซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม

ตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่า ทำไมไอ้เด็กนี่ถึงได้กลัวคนตรงหน้านักหนา

ผมดึงมือเล็กที่จับแขนผมออกแล้วเปลี่ยนเป็นจับมือของมันแทนก่อนจะลุกขึ้นยืนขวางกลางดันให้มันไปหลบอยู่ด้านหลัง

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงได้ออกอาการปกป้องมันขนาดนี้

แต่ผม ไม่ได้รู้สึกรำคาญเมื่อมือเล็กๆของมันกำชายเสื้อของผมไว้อยู่เหมือนอย่างตอนนี้

“นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมเกรงว่าหากผมยังอยู่ต่อจะเป็นการรบกวนเวลาพักผ่อนของพ่อเลี้ยง ยังไงผมคงต้องลากลับก่อน ขอบคุณอีกครั้งครับ สำหรับความเมตตาในครั้งนี้”

ผมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะยกมือพนมหว่างอกพลางก้มหัวลงเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นเพียงรอยยิ้มที่ฉาบใบหน้าชายวัยกลางคนก่อนเขาจะพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับคำ ผมก้มหัวอีกครั้งแล้วก้าวยาวๆออกห่างจากบุคคลอันตรายตรงหน้าทันทีโดยไม่ลืมกุมกระชับมือเล็กของคนด้านหลังให้เดินตามมาด้วยกัน

ผมไม่รู้ว่าเขาไปพูดเกลี้ยกล่อมยังไงให้พ่อเลี้ยงยอมวางมือง่ายขนาดนี้ แต่ไม่ว่าเขาจะทำมันด้วยวิธีไหนก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป เพราะตอนนี้ คนที่เดินตามหลังผมมาปลอดภัยดีแล้ว

หน้าที่ของผมต่อไปนี้ก็แค่รักษาคำพูดที่ได้รับปากกับเขาไว้เท่านั้น..

“เจ็บ” ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยกับวลีสั้นๆที่ดังมาจากคนข้างกาย ก่อนจะก้มลงมองสบตากับคนที่สูงเพียงไหล่ ใบหน้านั้นงอง้ำติดจะดื้อรั้นเหมือนครั้งที่เคยเห็น แรงกระตุกที่มือเรียกสายตาผมให้มองต่ำลงไปยังมือที่จับประสานกัน พลันคลายแรงมือที่จับไว้แล้วปล่อยมือนั้นให้เป็นอิสระทันที

ไม่รู้ว่าเผลอบีบมืออีกคนแรงขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่

ผมมองมือขาวที่สะบัดไปมากลางอากาศ ก่อนมันจะบีบมือตัวเองด้วยใบหน้าบูดบึ้ง มองผมด้วยดวงตาขวางๆ

ทั้งๆที่ระยะเวลาที่เดินออกมาจากโถงรับแขกก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ทำไมไอ้เด็กตรงหน้าถึงได้ปรับอารมณ์เร็วขนาดนี้ ตาแดงๆ กับน้ำตาที่เปรอะแก้มเมื่อกี้มันหายไปไหนหมด?

ผมส่ายหัวไปมาก่อนจะหันหลังแล้วสาวเท้าเดินโดยไม่รอมันไปที่รถทันที ทันทีที่เปิดประตูและพาตัวเองเข้าไปประจำที่นั่งบนเบาะคนขับ ยังไม่ทันได้ปิดประตู เสียงเปิดประตูจากที่นั่งฝั่งข้างคนขับก็ดังขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ผมนั่งนิ่งเสมือนไม่ได้ยินอะไร แล้วปิดประตูสตาร์ทรถก่อนจะขับออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้

ออกรถมาไม่ทันไร คนข้างๆที่นั่งเงียบมาตลอดก็เริ่มขยับตัวยุกยิกหันมองหน้าผมสลับกับมองออกไปนอกกระจกรถไม่หยุดจนผมเริ่มรำคาญจนต้องตบไฟเลี้ยวแล้วจอดรถอยู่ข้างทาง

“กลับบ้าน ไปส่งต้าที่บ้าน”

ผมเลิกคิ้วให้กับคำที่ดูเหมือนเป็นคำสั่ง แต่เมื่อฟังดีๆแล้วไม่ใช่คำสั่ง เพราะพอประกอบกับใบหน้าคนพูดแล้วก็ชวนให้อ่อนใจจนอยากจะทำตาม

“บอกทางมา”

เวลาตีสามเป็นเวลาที่ดึกมากเกินไปจนเกินกว่าจะมานั่งเถียงไร้สาระ รีบพามันไปส่งบ้านเรื่องจะได้จบๆไปคงจะดีกว่า

เด็กข้างๆนั่งเงียบ หน้านิ่วคิ้วขมวดทำท่านึกก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ไม่รู้ พาไปส่งบ้าน จะกลับบ้าน”

ท่าทางที่เริ่มงอแงของมันก็ทำให้ผมเริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง

“บอกทางสิ”

“ไม่รู้ จำไม่ได้! ไม่เคยมา จะกลับบ้าน! จะหาพ่อ ฮึก.. หาแม่ หาเตอร์!”

ผมเริ่มจะปวดหัวและเริ่มจะรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าต่อไม่ถูกเมื่อมันเบะปากและเริ่มส่งเสียงสะอึกสะอื้นออกมา

“กลับบ้าน!! มีแต่คน ฮึก.. จ ใจร้าย”

ผมมองน้ำใสๆที่หยดแหมะจากดวงตาแดงช้ำ มือขาวยกขึ้นขยี้ตาตัวเองแรงๆ พลันเปล่งเสียงร้องไห้ดังมากกว่าเดิม

“เงียบซะ”

ผมไม่ได้มีความอดทนมากขนาดนั..

“ฮึก! ฮือ!! กลับ จะกลับ!”

คิ้วเริ่มกระตุกปึดอย่างอารมณ์ไม่สู้ดี ก่อนจะชะงักแล้วไล่สายตาพินิจพฤติกรรมงอแงของไอ้เด็กข้างตัวอีกครั้งอย่างประเมิน

ไม่รู้ว่าสิ่งที่ได้ยินมาจะเป็นความจริงหรือไม่จริง เรื่องที่เด็กนี่อายุ 9 ขวบ แต่อาการงอแงของมันก็ทำให้ผมเริ่มจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินมา

ว่ากันว่า ตรรกะไม่สามารถใช้ได้ผลกับเด็กเล็ก คงมีหนทางเดียวที่พอจะนึกออก

ผมยกมือขยี้หัวตัวเองแรงๆก่อนจะเอื้อมมือหยิบโอเล่ย์ที่ซื้อติดไว้แล้วส่งให้ไอ้งอแงข้างๆ

“ลูกอม กินแล้วเงียบซะ”

“ฮึก!” มันสะอื้นฮัก ยกมือเช็ดน้ำตาป้อยๆ มองลูกอมในมือผมสลับกับมองหน้าผมอีกที

เหมือนจะได้ผล...

หรือเปล่า...?

ผมขมวดคิ้วเข้าหากันอีกครั้งเมื่อริมฝีปากอิ่มสีแดงของมันเริ่มเบะออกเล็กน้อย นัยน์ตาก็เริ่มผลิตน้ำตาที่ไม่มีทีท่าว่าจะหมดมาอีกระรอก

กูว่ากูเริ่มปวดหัวจริงๆแล้วว่ะ!

ไม่เคยคิดว่าการรับมือกับเด็กคนหนึ่งมันจะยากยิ่งกว่าสร้างกำไลให้บริษัทที่เริ่มต้นจากศูนย์เสียอีก!

“จะเอาอะไร?”

หากหลอกล่อไม่ได้ผล ก็คงต้องปรับเปลี่ยนมาถามตรงๆ

“กลับบ้าน!! ต้าอยากกลับบ้าน ง่วงนอนด้วย ฮึก.. มีแต่คนใจร้าย!! เจ็บ ฮือ... เจ็บไปทั้งตัว!!”

ถ้ารู้ว่าถามแล้วเป็นแบบนี้ กูคงไม่ถามมันตั้งแต่แรก โรคไมเกรนที่เคยหายไป ตอนนี้ดูเหมือนจะเริ่มกำเริบขึ้นมาอีกครั้งเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

“หยุด! อย่าร้องไห้!”

มันชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะ..

“ฮือออ!! ฮืออออ”

ตะเบ็งเสียงร้องไห้สู้..

โอเค กูยอม

“จะกลับบ้านใช่มั้ย?”

อีกฝ่ายกลืนก้อนสะอื้นและเช็ดน้ำตาที่เปื้อนสองข้างแก้มแล้วพยักหน้าหงึก ไม่มีอาการดื้อเพ่งเมื่อมันรับรู้ว่าผมกำลังจะพูดสิ่งที่มันต้องการ

“หยุดร้องไห้ อย่างอแง แล้วหลับไปซะ รอให้เช้าก่อนแล้วจะพากลับบ้าน ตกลงมั้ย”

ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทำความเข้าใจกับคำพูดเหล่านี้ได้หรือเปล่า มันนิ่งเงียบไปเหมือนกำลังประมวลผลก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงแต่โดยดี ไม่มีทีท่าว่าจะร้องไห้อีก ผมจึงสตาร์ทรถอีกครั้งแล้วมุ่งสู่คอนโด

ผมขับรถกลับด้วยความเร็วปกติ 90 กม./ชม. เมื่อสังเกตว่าบนรถเงียบผิดปกติไม่ได้ยินแม้แต่เสียงขยับตัวก็ทำให้ผมหันไปมองยังเบาะข้างคนขับแวบหนึ่ง เห็นอีกคนคอพับคออ่อนนอนพิงหน้าต่างรถหลับสนิทอย่างหมดฤทธิ์ ใบหน้ายามหลับดูไม่มีพิษมีภัยและเดียงสาเกินกว่าจะกล้าทำเรื่องบ้าบิ่นที่ทำให้ตัวเองตกต่ำได้อย่างที่ชวนคนแปลกหน้ามามีเซ็กส์ด้วย

อยู่ๆในหัวผมก็เต็มไปด้วยคำถามและความรู้สึกมากมายที่ประดังประเดเข้ามา

ทำไมมันถึงทำเรื่องแบบนั้น?

ตอนนี้.. มันกลายเป็นเด็กเก้าขวบจริงๆน่ะเหรอ?

และ.. เพราะผมหรือเปล่า ที่ทำให้มันกลายเป็นอย่างนี้?

 

 
_____________________________________

TALK:: มาต่อแล้วนะคะ มาต่อพร้อมกับบอกว่า ปิดเทอมแล้ววว คงจะทำให้มีเวลาอัพบ่อยขึ้น
ต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะที่หายไปนานร่วมเดือน  :m15: แต่ก็ขอบคุณจริงๆที่มีคนมาทวงและคิดถึงอยู่เนืองๆ (มีใช่มั้ย? 55)  :กอด1: กลับมาอัพพร้อมกับเอาพี่จิมมาฝาก ฮาาา
ใครที่อ่านมาถึงปัจจุบันต้องขอบคุณจริงๆ ที่ยังไหว (ซึ้งเลยอ่ะ)  :กอด1:

สำหรับครึ่งหลังนี้ ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างที่คิดๆกันไว้หรือเปล่า ถ้าเป็นก็ดีไป แต่ถ้าไม่เป็นเราก็ต้องขอโทษด้วยอีกครั้ง  :o12:
วันนี้ขอโทษเยอะแฮะ 55555

อยากจะบอกว่า คิดถึงที่สุดเลยยยยยยยยย อยากแวะมาหามาพูดคุยแต่ก็มิกล้า 55555555555 หายหน้าไปนานเกินอ่ะ ขอบคุณนะคะที่ยังรอเค้าอยู่ จุ้บ
เรื่องจะเป็นทิศทางไหนต่อ อย่าลืมตามลุ้นตามเชียร์น้าาาาาาาา  :กอด1:
ขอบคุณจริงๆค่ะ
รักนักอ่าน.
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 100% [4/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 04-10-2013 23:08:21
ต้าร์ผ่านพ้นไปได้ แล้วริวเป็นยังไงบ้างนะนั่น
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 100% [4/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: pornumpai-ka ที่ 05-10-2013 00:31:03
กว่าจะมารอจนเหงือกแห้งเลยอ่ะ  แค่ก็จะรอต่อไป  อิอิ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 100% [4/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 05-10-2013 01:53:37
อย่างน้อยต้าร์ก็หลุดจากไอ้แก่มาได้
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 100% [4/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: viewfifi ที่ 05-10-2013 18:59:37
เย่เย่ มาต่อแล้วดีใจจจ  :katai2-1:

อ่านแล้วมันหน่วงใจจัง สงสารต้า  :o12:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 100% [4/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: iamaoko ที่ 06-10-2013 17:37:30
อัพเร็วนะๆเค้ารออ่านตอนต่อไปอยู่นะ
ป.ล.อยากเห็นพี่เตอร์เวอร์ชั่นโหดจัง :o8:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 100% [4/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: ไป๋ไป๋ ที่ 06-10-2013 23:02:39
ง่ะ สงสารทั้งต้าและก้อริว


ทำไมมันหน่วงขนาดนี้เนี่ย

 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 100% [4/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 07-10-2013 20:49:04
สงสารต้าร์มาก พี่เซมทำไมยอมให้แซมทำแบบนี้ (แต่ก้ชอบพี่เซม =.,=) ลึกลับ ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน แล้วแบบนี้พ่อแม่ต้าไม่สงสัยเลยหรอ โอ๊ยย ยิ่งอ่านยิ่งอิน ชอบมากๆๆๆ รีบมาต่อนะคะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 100% [4/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: koronekojung ที่ 07-10-2013 23:32:05
กรี๊ดดด   มาแล้วๆๆ ดีใจจังค่ะ 
มาต่อเร็วๆนะ  แล้วเราจะมาทวงเรื่อยๆ (กำ)
555555555

 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 100% [4/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: arovera ที่ 08-10-2013 14:29:12
 :z13: :z13: :z13: จิ้มเข้าจิ้มเข้า ไรเตอร์หนูมาจิ้ม
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 100% [4/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 08-10-2013 20:25:04
รอลุ้นต่อ
เรื่องนี้จิตกันทั้งเรื่องจริงๆ
ตอนแรกไม่ชอบจิม แต่พอเห็นมุมอ่อนโยน เออ ก็โอนะ 555
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 100% [4/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 09-10-2013 22:03:47
ตอนที่ 26 ฟ้าหลังฝน

แดดอุ่นๆที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาทำให้แขนที่อยู่นอกผ้าห่มแสบร้อนจนต้องหดแขนหนีลงใต้ผ้าห่ม ขยับหน้าซุกลงหมอนนุ่มๆอีกครั้งด้วยเพลิดเพลินในความนุ่มนิ่มของนุ่นที่อัดแน่นในหมอนสี่เหลี่ยม ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่โอบล้อมผิวกายทำให้รู้สึกกำลังดี ไม่ร้อนและไม่เย็นจนเกินไป ริมฝีปากขยับยิ้มเล็กน้อย บรรยากาศอย่างนี้ ไม่อยากตื่นเลย

ดวงตาใต้เปลือกตากรอกไปมา ถึงไม่อยากตื่น แต่กลไกของร่างกายเริ่มทำงานเองเมื่อได้รับการพักผ่อนชั่วขณะหนึ่ง ฟันเฟืองของความคิดเริ่มขยับทีละน้อย ค่อยๆประมวลเหตุการณ์ที่ผ่านไปเมื่อวานอีกครั้งอย่างเชื่องช้า

เตอร์ บอกว่าผมป่วย แม่ให้ผมมากับผู้ชายผมยาวเพื่อรักษา ..พี่ริว พวกเราหนี แต่ลิฟต์ไม่เปิด ถูกจับตัว.. ถูกขังในกรง ...ผมถูกซื้อ พี่ริว..

คิ้วขมวดชนกัน ปากเริ่มเบะออกเมื่อคิดถึงพี่ริว ภาพสุดท้ายที่เห็นก่อนจะถูกอุ้มพาดบ่าออกมา พี่ริวถูกรุม คนใจร้ายพวกนั้นจะทำร้ายพี่ริว! เผลอกัดปากตัวเองแรงขึ้นสองมือกอดตัวเองใต้ผ้าห่มอย่างหาที่พึ่ง พลันรู้สึกเจ็บแปลบเมื่อฝ่ามือป่ายไปโดนตรงรอยแผลที่ถูกเครื่องดำๆในมือของผู้ชายคนนั้นจี้!

พี่จิม อยู่ไหน!?

ผมผุดกายลุกขึ้นนั่งทันควัน กวาดสายตามองไปรอบห้องเพื่อมองหาคนที่ช่วยผมไว้ แต่ในห้องสี่เหลี่ยมนี้ผมไม่เห็นพี่จิมแม้แต่เงา ความกลัวเริ่มเข้าเกาะกุมหัวใจอีกครั้งอย่างไม่รู้จบ ผมลุกขึ้นยืนบนพื้นก่อนจะเดินออกจากห้องด้วยหัวใจสั่นๆ

อยากกลับบ้าน อยากรู้สึกปลอดภัยอีกครั้ง..

อยากกอดพ่อ กอดแม่ กอดเตอร์..

ถ้าได้กลับบ้าน จะไม่ออกไปไหนอีกเลย ต่อให้ต้องโดนตี ก็จะไม่ไปไหน

ผมยกมือขยี้ตาแรงๆ ไล่หยาดน้ำใสที่รื้นคลอหน่วยตา หยุดยืนอยู่หน้าห้องแล้วกวาดสายตาไปรอบห้องรับแขก พลันเหมือนมีน้ำหยดลงกลางใจ หล่อเลี้ยงให้หัวใจชุ่มชื้นปัดเป่าความหวาดหวั่นจนสามารถคลี่ยิ้มได้อีกครั้ง

...เขานอนเหยียดตัวบนโซฟายาว

อยู่ๆก็รู้สึกโล่งใจ

ผมสืบเท้าเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะทิ้งกายนั่งยองๆอยู่ข้างโซฟาแล้วมองใบหน้ายามหลับของพี่จิมเงียบๆ

อยากกลับบ้าน..

เมื่อวานพี่จิมรับปาก ว่าถ้าเช้าจะพาไปส่ง ตอนนี้ก็เช้าแล้ว แต่พี่จิมยังไม่ตื่น ถ้าปลุก เขาจะอารมณ์เสียแล้วใจร้ายกับผมอีกหรือเปล่า

เมื่อวานพี่จิมใจดี มาช่วยผม ไม่กระชากผมของผม แต่พี่จิมพูดเสียงดังแล้วก็ทำตาดุ

ถ้าปลุกตอนนี้ จะโดนดุมั้ย?

“นั่งมองหน้าคนอื่นอย่างนี้ รู้มั้ยว่ามันเสียมารยาท”

ผมสะดุ้งเฮือกผงะถอยหลังอย่างเร็วจนเสียหลักล้มก้นจ้ำเบ้าเมื่ออยู่ๆเสียงทุ้มก็ดังขึ้นในความเงียบ พลันเปลือกตาสีน้ำนมลืมขึ้น ตวัดนัยน์ตาคมกริบจ้องหน้าผมนิ่งๆ

ผมค่อยๆเบนสายตาไปทางอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการสบตากับเขาตรงๆ

ความเงียบที่โรยตัวทำให้ผมรู้สึกประหม่า หัวใจเริ่มเต้นกระหน่ำด้วยความกลัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ ค่อยๆใช้มือดันพื้นลุกขึ้นตั้งหลัก พลันแขนที่กำลังออกแรงก็ชะงักนิ่งเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่ดังมาจากคนที่นั่งบนโซฟา

“ปวดหัวชิบหาย” เขาสบถเสียงขุ่น ก่อนจะบีบคลึงขมับสองข้างไปมาหวังคลายอาการปวด

ผมลอบมองเขาก่อนจะต้องหลบตาวูบเมื่ออยู่ๆดวงตาคมก็เงยสบตา สีหน้าพี่จิมดูไม่ค่อยดี ใบหน้าซีดจัด เหมือนเตอร์ตอนป่วยเลย

ถ้าพี่จิมป่วย ..แล้วบ้านล่ะ!

“จะกลับบ้าน!” ไม่ใช่แค่ความคิดที่ดังในหัว ปากก็พูดโพล่งออกมาอย่างยั้งไม่อยู่

เมื่อพูดจบ ตาคมๆก็มองนิ่ง แต่รอบนี้ผมทำใจกล้าไม่หลบสายตาไปมองทางอื่นแม้จะนึกกลัวเขาอยู่ไม่น้อยก็ ตาม พี่จิมอะดุ แต่.. คงไม่ใจร้ายเหมือนคนพวกนั้น

ถ้าพี่จิมใจร้าย คอยดู.. ผมจะร้องไห้เสียงดังให้คนอื่นได้ยินให้หมดเลย!!

“..จ ... จะกลับบ้าน!” ตะโกนบอกความต้องการอีกครั้งเมื่ออีกคนยังนิ่งเฉย

ผมเคยกลัวพี่จิมมาก เพราะเขาใจร้าย ทำให้ผมเจ็บ ตอนนี้.. ผมก็ยังกลัวพี่จิม แต่แค่ไม่มากเท่าตอนแรกพบ เพราะการที่พี่จิมมาช่วยผมเมื่อวาน ก็ทำให้รู้ว่าพี่จิมก็ใจดี

มือกำกางเกงตัวเองแน่นก่อนจะค่อยๆหยัดกายขึ้นยืนค้ำหัวเขา ให้ตัวเองอยู่เหนือกว่า

“จะกลับบ้าน จะกลับบ้าน ได้ยินมั้ย! พาไปส่งบ้านเดี๋ยวนี้นะ!! จะกลับบ้าน!!!”

ไม่รู้ว่าผมไปเอาความกล้ามหาศาลขนาดนั้นมาจากไหนถึงได้กล้าตะโกนใส่หน้าเขาอย่างนี้

เมื่ออีกฝ่ายยังนั่งนิ่งเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของผม มือที่กำกางเกงอยู่ก็ยิ่งกำแน่นขึ้น

“อย่ามาเงียบนะ! จะกลับบ้าน เช้าแล้ว! พาไปส่งบ้านสิ อึ่ก.. ก็สัญญากันแล้วถ..ถ้าเช้าจะพาไปส่ง ฮึก.. จะกลับบ้าน” ผมกัดปากแน่นทั้งเสียงและลำตัวสั่นเทิ้มพลันกดหน้าลงต่ำจนคางแทบชิดอกก่อนน้ำร้อนจะไหลออกจากตาช้าๆ

ผมผงะเงยหน้าขึ้นก่อนจะก้าวถอยหลังวืดเมื่ออีกฝ่ายขยับตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ผมยกมือซ้ายขึ้นเช็ดน้ำตาทั้งสองข้าง เริ่มหันซ้ายหันขวามองหาทางหนีทีไล่หากอีกคนจะเข้าจู่โจมเข้ามาทำร้าย

ทว่าสิ่งที่คาดไว้กลับผิดถนัด พี่จิมไม่ได้จะทำร้ายผม เขาเพียงแต่หมุนกายเดินหันหลังกลับเข้าไปยังห้องนอนที่ผมเพิ่งเดินออกมา โดยทิ้งผมไว้เพียงลำพังในห้องรับแขก

ขาที่กำลังจะวิ่งตามไปชะงักกึกอยู่กับที่ด้วยความลังเล ไม่กล้าเข้าไปรั้งไปห้ามหรือไปเซ้าซี้ กลัวเขาโกรธแล้วตีผม แต่ผมอยากกลับบ้าน จะได้กลับมั้ย

ขณะที่กำลังตัดสินใจ พี่จิมที่หายเข้าไปในห้องก็เดินกลับออกมาพร้อมกับกุญแจรถในมือ ผมเริ่มยิ้มออก เพราะนั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า เขากำลังจะไปส่งผม

ดวงตาคมปรายมองผมแวบหนึ่งก่อนจะเดินนำโดยไม่รอไปยังประตูห้อง และไม่ต้องรอให้เขาเอ่ยปากพูดหรือสั่ง ผมก็รีบเดินตามแผ่นหลังกว้างไปอย่างไม่รอช้า ริมฝีปากแย้มยิ้มอย่างเป็นสุขที่ได้รู้ว่ากำลังจะได้กลับบ้านแล้ว จะกลับไปกอดพ่อ กอดแม่ กอดเตอร์ จะกอดแน่นๆ จะไม่ไปไหนอีกแล้ว

“บ้านอยู่ไหน” เขาถามขึ้นขณะที่มือหนาหมุนลูกบิดแล้วผลักประตูออกกว้างก่อนจะก้าวขาออกไป ผมที่ยังเดินไม่พ้นขอบประตูชะงักกึก เงยหน้ามองแผ่นหลังกว้างพลันรอยยิ้มบนหน้าค่อยจางลง

เมื่อไม่ได้รับคำตอบ เขาก็หันมามองผมตรงๆแล้วถามคำถามเดิมอีกครั้ง

“บ้านอยู่ไหน”

แต่คำตอบที่ผมให้เขา ก็ยังคงเป็นความเงียบเหมือนเดิม

“จะกลับหรือเปล่า บ้านน่ะ! ถ้าจะกลับก็บอกมา”

ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาเริ่มเสียงดัง

“ม.. ไม่รู้”

พี่จิมถอนหายใจ กรอกตามองเพดานก่อนจะพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่กรรโชกเหมือนเมื่อครู่

“อย่าเพิ่งมากวน ถ้าอยากกลับบ้านเร็วๆก็บอกทางมา”

“ก็ไม่รู้จริงๆ จะให้บอกอะไรเล่า! จะกลับบ้าน!! กลับบ้าน!!” ผมเบะปากตะโกนเสียงดัง ครั้นพอเห็นคิ้วเข้มของเขาขมวดเป็นปมกลางหน้าผาก อีกทั้งฟันขบกันแน่นจนขึ้นเป็นสันนูน มือหนาคู่นั้นก็กำแน่นข้างลำตัวจนเส้นเลือดปูดไปตามลำแขนก็ทำให้ผมขวัญหนีจะถอยหลังกรูดไปหลบอยู่หลังประตู

!!

ทว่ายังไม่ทันที่ผมจะขยับ มือหนาก็คว้าข้อมือผมแล้วกำแน่นก่อนจะออกแรงลากให้เดินตามไป

"ถ้าไม่รู้ก็ไปหาตำรวจ ให้เขาพามึงกลับบ้าน"

ผมเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำว่าตำรวจ พยายามสะบัดข้อมือให้หลุดจากการจับกุมแล้วยิ่งดิ้นมากกว่าเดิม!

ร่างหนาชะงักแล้วหันมามองด้วยสีหน้าที่ทั้งหงุดหงิดและรำคาญ

"ไม่ไป! ไม่หาตำรวจ จะกลับบ้าน!! พี่จิมก็ไปส่งสิ"

"ก็มึงไม่รู้ทางกลับ ไปหาตำรวจนั่นล่ะถูกแล้ว"

ผมส่ายหน้ารัว รีบขืนตัวไว้ โดยใช้มืออีกข้างคว้าประตูห้องแล้วเกาะไว้แน่น

"ปล่อย! ไม่ไป!!" ผมจิกเท้าลงพื้นขืนตัวเต็มที่ แขนที่ถูกเขาดึงเริ่มปวดจนเหมือนข้อต่อที่ยึดแขนให้ติดกับหัวไหล่จะหลุดออกจากกัน

ก่อนที่ทุกอย่างจะแย่ไปกว่านี้ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นราวกับระฆังช่วยชีวิต พี่จิมปล่อยมือออกจากแขนผมแต่ไม่วายมองด้วยสายตาดุดัน ผมรีบหดแขนแล้วย้ายตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องที่เพิ่งจะเดินออกมาทันที รีบวิ่งปรูดไปที่โซฟาหวังจะใช้ความยาวของมันเป็นสิ่งกั้นกลางระหว่างผมกับเขา

พี่จิมเดินตามเข้ามาขณะที่มือก็ล้วงหยิบโทรศัพท์เครื่องหรู ปลายนิ้วสไลด์หน้าจอกดรับสาย แล้วนำมาแนบหู พูดรับสายเสียงแข็ง

"มีอะไร วันนี้ผมบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าผมจะไม่เข้า" เขาพูดเสียงเรียบนัยน์ตาดุเต็มเปี่ยมด้วยอำนาจ

"ถ้าเรื่องแค่นี้ พวกคุณยังจัดการกันเองไม่ได้ ผมจะจ้างคุณมาทำไม!"

ผมสะดุ้งกับเสียงตะคอก

"พอ! ไม่ต้องพูด! อีก 40 นาทีผมจะไปถึง เตรียมเอกสารทุกอย่างให้พร้อม"

เขาพูดตัดบทเพียงเท่านั้นก่อนจะกดตัดสายแล้วหมุนกายเดินเข้าห้องนอนโดยไม่สนใจผมอีก เวลาผ่านไปไม่ถึง 5นาที เขาก็เดินออกมาด้วยสูทชุดใหม่ดูภูมิฐาน เหมือนชุดที่พ่อใส่ก่อนออกไปทำงานทุกเช้า

เขามองผมขณะที่ปลายนิ้วขยับจัดเน็คไทที่คอก่อนจะติดกระดุมแขนในลำดับต่อมา

"ฉันให้เวลานาย5 นาที ไปอาบน้ำซะ" ผมขมวดคิ้ว เหมือนหัวสมองยังไม่ประมวลผลกับคำสั่งนั้น

"ยืนนิ่งอยู่ทำไม จะไปหาตำรวจหรือจะไปอาบน้ำ"

ผมเบะปากกับสองตัวเลือกที่ไม่ใช่ตัวเลือก

"ไม่หาตำรวจ ต้าจะกลับบ้าน!" ผมยืนกรานมองตาเขาอย่างไม่ยอมแพ้ ..ทว่าผมก็แพ้ราบคาบในวินาทีถัดมาเมื่อเขาตีหน้ายักษ์ แล้วพูดเน้นๆ ช้าๆ ย้ำคำสั่งเดิมชัดทุกถ้อยคำ

"ไป อาบ น้ำ"

แล้วใครล่ะจะกล้าขัด?

ยกนี้ ยอมอ่อนให้ก่อนก็ได้!

ผมรีบวิ่งเข้าห้องนอนแล้วตรงเข้าห้องน้ำ ปิดประตูเสียงดัง แล้วรีบถอดเสื้อผ้าไปยืนใต้ฝักบัวทันที

น้ำที่ตกกระทบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาก อีกทั้งกลิ่นหอมของสบู่ๆอ่อน กับฟองนุ่มๆที่แปะบนผิวกายก็ทำให้เพลิดเพลินกับการอาบน้ำจนหลงลืมเวลาที่เขา กำหนดมาเสียสิ้น จวบจนได้ยินเสียงเคาะประตูดังปังใหญ่นั่นล่ะ ก็ทำให้ผมได้สติ ดึงตัวเองออกจากภวังค์แล้วรีบเปิดน้ำล้างคราบฟองสีขาวออกจากตัวอย่างรวดเร็ว

ปัง ปัง ปัง!!

เขายังทุบประตูเร่งไม่หยุด ผมหน้าตื่นลนลานหนักกว่าเดิม รีบปิดน้ำทั้งที่ผิวกายบางส่วนยังล้างคราบลื่นๆออกไม่หมด

ผ้าขนหนูอะ ผ้าขนหนู

ปังๆๆๆๆ

"เสร็จหรือยัง จะ 10 นาทีแล้ว ถ้ามึงไม่ออกมากุจะพังประตูเข้าไปเดี๋ยวนี้ล่ะ!"

ไม่มี ไม่มีผ้าขนหนู!

ผมวิ่งย่ำเท้าอยู่กับที่อย่างลนลานทำอะไรไม่ถูก

พี่จิมโหด! เตอร์ยังไม่เร่งเวลาผมอาบน้ำเลย

ปังๆๆๆๆ!!!!

เสียงทุบประตูดังขึ้นมากกว่าเดิม ผมหันขวับ เบิกตากว้างเมื่อสังเกตเห็นประตูบานหนาขยับกึกๆ! เขากำลังจะพังประตูเข้ามาจริงๆ!!

ผมหันซ้ายหันขวา ขยับขาก้าวถอยไปด้านหลังโดยอัตโนมัติ

"ไอ้ต้า! เปิด!!"

"พี่จิมก็เลิกเขย่าสิ! จะพังแล้วไม่เห็นเหรอไง!" ตะโกนตอบกลับ ก่อนจะรีบฉวยเอาเสื้อตัวเดิมมาสวมลวกๆ

ผลัวะ!

ทว่ายังไม่ทันได้คว้ากางเกงมาถือ ประตูตรงหน้าที่เป็นตัวกั้นระหว่างห้องน้ำกับห้องนอนก็ถูกเปิดออกอย่างแรง!

ผมชะงักค้าง มองร่างสูงที่ยืนขวางประตูตาโต เผลอสบตากับนัยน์ตาคมแวบหนึ่งเห็นมันเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนเขาจะรีบปรับสีหน้าให้กลับมาราบเรียบเหมือนเดิม

"ทำไมไม่เปิดประตู"

ผมกำกางเกงที่ปิดหว่างขาตัวเองแน่น ไม่พูดอะไรตอบ

"เป็นเหี้ยไรวะ ถามไม่ตอบ"

"ก็แล้วดุทำไมเล่า! พ่อกับเตอร์ยังไม่ดุเลย พี่จิมมาดุมาว่าต้าทำไม!! จะกลับบ้าน!!"

"มึงมันพูดไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวกูจะพาไปหาตำรวจ"

ผมเบะปาก

"ไม่ไป!!!"

"หยุด! หยุดโวยวายเดี๋ยวนี้!!" เขาชี้หน้าผม ตวาดเสียงดังจนผมนึกกลัว รีบเงียบตามเขาสั่ง กัดปากตัวเองแรงๆอย่างเจ็บใจเมื่อรู้ว่าสู้ไม่ได้

"กูไม่ได้มีเวลาว่างมากพอมาเถียงกับมึง หยุดดื้อ แล้วเดี๋ยวจะพากลับบ้าน"

"เป็นผู้ใหญ่ห้ามพูดโกหก" เมื่อได้ยินว่าจะพากลับบ้านผมก็รีบพูดดักคอเขาทันที

"เออ มึงเป็นเด็กก็ห้ามดื้อ ต้องทำตามที่กูพูด เข้าใจมั้ย"

ผมเม้มปากแน่น รู้สึกคิดหนัก

"อื้อ ตกลง วันนี้จะไม่ดื้อ แต่ต้องพากลับบ้านนะ"

สิ้นคำพูดพี่จิมก็พยักหน้าด้วยท่าทางเบื่อหน่ายก่อนจะตัดรำคาญด้วยการคว้าข้อมือผมจะลากออกจากห้องน้ำ

ทว่าเขาสีหน้าเขากลับยุ่งเหยิงแล้วกวาดมองผมไปทั่วทั้งตัว

"มึงอาบน้ำยังไงของมึง สบู่ยังติดตัวอยู่เนี่ย" เขาปล่อยแขนผมแล้วหันไปล้างคราบลื่นๆที่อ่างล้างหน้า

"ก็ใครเล่าที่เร่ง"

"พอ! หยุดเถียง กูให้เวลาอีก 1 นาที มึงรีบล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดซะ" สั่งเสร็จก็ไม่รอช้า หมุนกายเดินออกไปทันที คล้อยหลังเขาผมก็ถลันตัวไปที่ประตู หมายจะปิดมันทว่าคนข้างนอกกลับดันเข้ามาจนไม่สามารถปิดได้

"นี่ผ้าเช็ดตัว กับเสื้อผ้า แต่งตัวเองเป็นใช่มั้ย"

กับแค่แต่งตัว ทำเองเป็นหรอก เตอร์ปล่อยให้แต่งตัวเองตั้งแต่ผมอยู่ป.1 เรื่องแค่นี้ทำไมจะทำไม่เป็น

"เป็น"

"เป็นก็ดี เร็วๆล่ะ กูรีบ"

เขาเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูให้อย่างเรียบร้อย ผมถอดเสื้อที่เพิ่งสวมเมื่อกี้ แล้วเดินไปยืนใต้ฝักบัวเพื่อล้างตัว อีกรอบ ใช้เวลาไม่นาน ผิวกายที่เคยลื่นจากคราบสบู่ก็สากฟืดๆ สะอาดหมดจด หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้แห้งก่อนจะใส่เสื้อผ้าชุดใหม่

ที่น่าแปลกคือ เสื้อกับกางเกงพอดีตัวผมอย่างน่าประหลาด ไม่ใช่เสื้อผ้าของพี่จิมแน่ๆ เพราะพี่จิมตัวใหญ่ ใหญ่พอๆกับเตอร์ตอนนี้เลย

ด้วยกลัวว่าเขาจะพังประตูเข้ามาอีก ผมก็รีบพาตัวเองออกจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

ในห้องนอนไร้วี่แววคนตัวสูง ผมจึงเดินออกไปยังห้องรับแขกก็พบว่าเขากำลังรออยู่

เมื่อหันมาเห็นผม ร่างหนาก็เดินนำออกจากห้องไปโดยไม่พูดไม่จา

 

ขึ้นมาอยู่บนรถได้ บรรยากาศไม่ได้อึดอัดจนหายใจไม่ออก เพราะยังมีเสียงเพลงที่ฟังสบายๆขัดกับบุคลิกของเจ้าของรถเปิดคลอเบาๆ

โครก...

ผมขยับตัวไปมา ใบหน้าร้อนจัดพลันยกมือขึ้นกุมท้อง รีบหันหน้าไปทางขวา ก่อนจะลอบถอนหายใจเมื่อพบว่าเขายังจดจ่อกับท้องถนนตรงหน้าอย่างมีสมาธิ

หวังว่าเสียงท้องร้องเมื่อกี้คงไม่ดังพอที่เขาจะได้ยิน

เหลือบสายตามองนาฬิกาดิจิทัลบนคอนโซลหน้ารถก็ไม่นึกแปลกใจว่าทำไมผมถึงได้หิวจนแสบท้องขนาดนี้

เกือบจะบ่ายโมงครึ่งแล้ว หลังจากกินอาหารที่บ้านก่อนออกมา ก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องผมอีกเลย

 

เสียงเพลงดับลงพร้อมกับรถที่จอดสนิทบนลานจอด พี่จิมเปิดประตูแล้วพาตัวเองลงไป เป็นผลให้ผมต้องรีบทำตาม หลังจากที่ล็อกรถเสร็จ ร่างหนาก็ก้าวยาวๆเดินเข้าไปในตัวอาคารโดยไม่แม้แต่จะเรียกหรือรอผม

ผมเบ้ปากนึกจะต่อต้านไม่เดินตามเขา แต่พอหันมองซ้ายขวาหน้าหลัง พลันขนแขนก็พากันลุกพรึ่บพรั่บ ถึงแม้ตอนนี้แดดจะยังจัดจ้าอยู่ก็ตาม แต่บรรยากาศตรงลานจอดรถมันก็ชวนวังเวงไม่น้อย

"พี่จิม! รอด้วยสิ อย่าทิ้งต้า!" ตะโกนบอกโดยที่ขายืนนิ่งไม่วิ่งตามไป ถ้าพี่จิมไม่หยุดรอจะยืนร้องไห้โชว์เรียกให้คนมามุงดู เอาให้อายไปเลย!

ปากที่เบะออกเตรียมเปล่งเสียงก็ต้องชะงัก เมื่อสิ่งที่คาดไว้ผิดถนัด

ผมคิดว่าพี่จิมจะไม่หยุดเดิน แต่ไม่ใช่ เขาหันกลับมาและหยุดรอผม

"มาสิ" เรียกพลางสอดมือลงกระเป๋ากางเกง ทั้งนัยน์ตาและสีหน้าไม่ได้ฉายประกายหงุดหงิดเหมือนตอนจะลากผมไปหาตำรวจ

เห็นแบบนี้ ผมก็ดื้อไม่ออก จึงเดินไปหาเขาอย่างว่าง่าย

"โตแล้ว อย่าร้องไห้ ไม่อายคนหรือไง"

ไม่ใช่น้ำเสียงต่อว่า

ผมทำปากยื่นก่อนจะเสตามองไปทางอื่น พลันรู้สึกอุ่นที่มือและรับรู้ได้ถึงแรงดึงที่คนตรงหน้าจับจูงให้เดินตามไป

อากาศข้างนอกที่ต่างจากภายในอาคารลิบลับ ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้ความรู้สึกอยากดื้อลดฮวบหลงเหลือแต่ความรู้สึกหิวที่กลั่นออกมาเป็นเสียง..

โครก....

ผมหน้าแดงซ่านเมื่อรับรู้ได้ว่าคนข้างๆคงจะได้ยินเสียงน่าอาย เพราะมือหนาที่จับมือผมไว้ชะงักนิดนึง ครั้นเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่ามุมปากหยักกำลังขยับยิ้มบางๆ

เขากำลังขำ

ผมก้มหน้ามองพื้น มืออีกข้างกุมท้องไว้ อย่างจะบอกมันว่า หยุดร้องได้แล้ว

ติ๊ง!

เสียงลิฟต์ดังขึ้นทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง ผมไม่รู้ตัวเลยว่าเดินเข้าลิฟต์และลิฟต์เลื่อนขึ้นมาถึงที่หมายตั้งแต่เมื่อ ไหร่ แต่จนตอนนี้ มือหนาข้างนั้นก็ยังไม่ปล่อยจากแขนผมเสียที

เสียงที่คุยกันดังจ้อกแจ้กเงียบลงทันทีที่เขาย่างกายเข้าไปภายในเขตทำงาน บรรยากาศรอบด้านเงียบกริบ ทุกคนต่างหลบหน้าหลบตาอ่านเอกสารบนโต๊ะอย่างขะมักเขม้น ผมเหลียวหันกลับไปมองก่อนจะต้องรีบหลุบตาลงพื้นแทบไม่ทันเมื่อพบว่า ด้านหลังมีสายตาหลายคู่กำลังมองมาที่ผมอย่างสงสัย ผมเม้มปากแน่น รู้สึกประหม่าจนเหงื่อซึมออกจากมือ

เวลาที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้าผมมักจะประหม่าทุกครั้ง เหมือนกับตอนที่ต้องแสดงละครบนเวทีในงานวันพ่อที่ผ่านมา ผมก็ตื่นเต้นจนลืมบทไปหมดเลย แล้วก็เผลอแสดงท่าทางอะไรออกไปก็ไม่รู้ จนคนดูด้านล่างพากันหัวเราะครืน เพราะอย่างนี้ ผมถึงไม่ชอบอยู่ท่ามกลางคนไม่คุ้นเคย

ประตูสีขาวที่ค่อยๆปิดลง สร้างความเป็นส่วนตัวทำให้ผมกลับมาหายใจคล่องปอดอีกครั้ง

เขาปล่อยข้อมือผมแล้วเดินไปทรุดกายนั่งบนเก้าอี้หนังสีดำ ก่อนจะเปิดแฟ้มเอกสาร พลิกหน้ากระดาษ กวาดสายตาอ่านรายละเอียดคร่าวๆ โดยปล่อยผมให้ยืนเคว้งอยู่กว้างห้อง ผมมองไปรอบๆก่อนจะมองเลยจุดที่เขานั่งไปยังผนังกระจกที่เผยให้เห็นทิวทัศน์ใจกลางกรุง หากเป็นตอนกลางคืน วิวบนนี้คงจะสวยมาก แต่นี่ตอนกลางวัน มองแล้วแสบตา ผมผละสายตาออกจากตรงนั้น แล้วมองโซฟาหนาหนุ่มน่านั่ง

จะนั่งได้หรือเปล่า...?

ผมขมวดคิ้ว มองพี่จิมที่กำลังจดจ่อกับแฟ้มงานเล่มหนาสลับกับโซฟาเป็นระยะ ไม่กล้าพาตัวเองเข้าไปนั่ง กลัวโดนดุ

เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง คนที่พาผมมาด้วยก็เงยหน้าขึ้นจากแฟ้ม ก่อนจะกดโทรศัพท์บนโต๊ะต่อสายออกไปด้านนอก

"คุณเรณุกาครับ เข้ามาพบผมข้างในด้วย"

เขาปรายตามองผมเพียงครู่ก่อนจะลดสายตากลับไปให้ความสนใจกับตัวอักษรบนกระดาษสีขาวต่อ

ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านนอก ผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับเขาก้าวเข้ามาด้านในแล้วหยุดยืนตรงหน้าโดยมีโต๊ะทำงานคั่นกลาง

"เรียกเรเข้ามาพบมีอะไรหรือเปล่าคะคุณจิม"

ทันทีที่เสียงหวานเอ่ยจบ เขาก็ผละสายตาจากแฟ้มขึ้นมองเธอ

"คุณยุ่งหรือเปล่า"

"ไม่ค่ะ มีอะไรให้เรช่วย บอกได้เลยค่ะ"

"ผมจะมีประชุมในอีกห้านาที ระหว่างที่ผมกำลังประชุม ผมอยากให้คุณช่วยดูแลเด็กคนนั้น"

หญิงสาวที่ชื่อเรณุกาเหลียวมามองผมตามสายตาคมที่จ้องมา

"อ้อ ไม่มีปัญหาค่ะ แล้วเรื่องงานมีอะไรให้เรช่วยมั้ยคะ"

"ขอบคุณครับ ไม่มีอะไรแล้ว ผมฝากเด็กคนนั้นด้วย"

พูดจบมือหนาก็ปิดแฟ้มเอกสารแล้วหยัดกายขึ้นยืนเต็มความสูง จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ดูเป็นระเบียบมากกว่าเดิมก่อนจะสาวเท้าเดินออกจากห้อง ผมเบะปากเมื่อรู้ตัวว่าถูกเขาทิ้ง ขาที่กำลังจะตามเขาไปก็ต้องชะงักเมื่อมือนิ่มๆคว้าแขนผมไว้

 "เดี๋ยวคุณจิมก็มา เรียกพี่ว่าเรก็ได้นะ แล้วน้องชื่ออะไรคะ" พี่ผู้หญิงถามพร้อมรอยยิ้ม

"ชื่อต้าครับ" เขายิ้มมา ผมก็ยิ้มตอบ

เหนือสิ่งอื่นใด ท้องไม่รักดีที่สงบไปแล้วชั่วขณะหนึ่งก็เล่นงานผมอีกครั้ง

โครกกก

ผมก้มหน้า สองมือกุมท้องหน้าร้อนวาบเมื่อได้ยินเสียงเธอหัวเราะอย่างขบขัน

“ท่าทางคงจะหิวมาก งั้นเดี๋ยวพี่พาไปกินอะไรอร่อยๆเอามั้ย”

ผมเงยหน้าขึ้นมองเธออย่างช่างใจ

“กลัวพี่เหรอ”

ผมส่ายหน้าไปมา พี่สาวคนนี้ไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิดเมื่อเทียบกับพี่จิม พี่เซม เธอดูใจดีและอ่อนโยนกว่าเยอะ สองคนนั้นน่ะ เทียบไม่ติดเลย

“ป่ะ งั้นออกไปข้างนอกกัน ป่านนี้พวกที่อยู่ข้างนอกคงอยากจะรู้จักน้องต้ากันแย่แล้ว” เธอพูดพร้อมดึงแขนผมให้เดินออกไปด้านนอกด้วยกัน

จริงอย่างที่พี่เรบอก ด้านนอกมีบรรดาพี่สาวมองมาที่ผมเป็นตาเดียว สายตาทุกคู่ปิดความอยากรู้อยากเห็นไม่มิด  แต่ละคนเผยยิ้มกรุ่มกริ่มที่ผมไม่เข้าใจความนัยกันทั้งนั้น

ผมหลบสายตาวูบ แล้วเขยิบไปยืนอยู่ด้านหลังพี่เร ก้มหน้าหลบสายตา พี่เรลูบหลังมือผมเบาๆก่อนจะพูดเอ็ดเพื่อนอย่างไม่จริงจังเท่าไหร่

“มามองอะไรน้องกัน พอเลยๆ น้องอายหมดแล้วเห็นมั้ย”

ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆดังมาจากกลุ่มคนด้านหน้า ก่อนเสียงหนึ่งจะตะโกนถามขึ้น ซึ่งคาดว่าคงจะเป็นคำถามที่อยู่ในใจของใครหลายคน


 
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 25 ประมูล 100% [4/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 09-10-2013 22:04:06

“ใครเหรอพี่เร”

“น้องเขาชื่อต้า คุณจิมฝากให้ดูแลระหว่างที่กำลังประชุมน่ะ”

ผมลองชะโงกหน้าออกไปมอง ก็เห็นใครหลายคนในนั้นยิ้ม.. ล้อเลียน

“ไอ้ต้น แกไปซื้อข้าวให้น้องต้าหน่อย น้องเขาหิวจะแย่แล้ว”

“เงินอ่ะพี่” เสียงห้าวทุ้มของผู้ชายร่างยักษ์ในชุดเสื้อเชิ้ตดังมาก่อนตัวจะปรากฏให้เห็น เขามีผิวสีเข้ม ติดจะอ้วนเล็กน้อย แต่ใบหน้านั้นดูเป็นคนอารมณ์ดี

“ออกไปก่อน เข้าใจ๊”

“โห่! ทุกทีเลยอ่ะเจ๊” เขาบ่นอย่างอารมณ์เสีย ก่อนผมจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเขาหันมามอง “รอพี่แป๊บนึงนะจ๊ะน้องต้า เดี๋ยวพี่ต้นสุดหล่อไปซื้อข้าวให้” เขาพูดพร้อมยิ้มกว้าง ผมรีบหลบวืดไปอยู่ด้านหลังพี่เร อีกมือจับชายเสื้อไว้แน่น

พี่ต้นเมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบรับจากผมก็บ่นงุ้งงิ้ง เรียกเสียงหัวเราะจากบรรดาผู้หญิงในนี้ได้อีกมากโข

“รีบไปเลยไป น้องเขากลัวแกหมดแล้ว!” พี่ผู้หญิงติดจะห้าวๆไล่พร้อมกับโบกไม้โบกมือชิ่วๆประกอบ

พี่ต้นเดินจากไปพร้อมกับเสียงบ่นโอดครวญฟังดูตลกมากกว่าน่าสงสาร

“ฮะ” ผมเลิกคิ้วเมื่อพี่เรขยับออกห่างจากผมแล้วปล่อยมือที่จับกันไว้อยู่ เธอดันผมให้เข้าไปนั่งบนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานที่อยู่ใกล้หน้าห้องพี่จิมมากที่สุด

ทันทีที่ผมนั่งลง พี่สาว 5 คนก็กรูกันเข้ามาล้อมรอบโต๊ะไว้ ผมผงะหงายด้วยความตกใจ ไล่มองหน้าแต่ละคนด้วยสายตาปิดความหวาดหวั่นไม่มิด

พวกเธอหัวเราะเบาๆ ก่อนหนึ่งในนั้นที่อยู่ด้านซ้ายมือของผมจะโพล่งคำถามออกมา

“น้องต้าเป็นอะไรกับคุณจิมเหรอ”

ยังไม่ทันได้คิดคำตอบของคำถามแรก คำถามที่สองก็ตามมาติดๆ

“ทำไมมากับคุณจิมได้ล่ะ”

“เป็นน้องชาย หรือว่าเป็น...”

“คิกๆ ยัยเอ! ทำไมพูดอย่างนั้น”

“ว่าไงๆ น้องต้ากับคุณจิมเป็นอะไรกัน” พี่สาวผมสั้นคนเดียวกับที่ยิงคำถามแรกถามซ้ำอีกครั้ง

“แต่ฉันว่าไม่น่าใช่พี่น้อง เท่าที่รู้มาคุณจิมเป็นน้องคนสุดท้อง พี่น้องก็มีแค่คุณกานต์คนเดียวนี่” หญิงสาวอีกคนพูดอย่างรู้ดี พวกเธอที่เหลือก็พยักหน้าเออออเห็นด้วย

“น้องต้าอายุเท่าไหร่เหรอคะ หน้าตายังดูเด็กอยู่เลย”

“ว้ายย ไม่คิดเลยนะว่าคุณจิมจะชอบเด็กๆแบบนี้!”

“น้องต้าน่ารักจัง แก้มก็นุ่มด้วย”

ผมเบนหน้าหนีปลายนิ้วที่กำลังจิ้มแก้มผมเล่น ทว่าพอผมหันหน้าหนีเธอก็จับแก้มผมหมับแล้วลองบีบ ผมเบะปาก ไม่ชอบในสัมผัส

“ฉันชอบปากน้องเค้าจังเลยย ดูสิ แดงระเรื่อไม่ต้องทาลิปเลยอะ”

ผมยิ่งเบ้ปากหนักกว่าเดิม ก่อนจะ...

“ฮึก!! ฮือออ!!!!  พ.. พี่จิม!!!”

ระเบิดร้องไห้แล้วร้องเรียกหาพี่จิมดังลั่น ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเรียกชื่อพี่จิม แต่พี่จิมพาผมมา แล้วตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน!

สองมือยกขึ้นปิดตา ส่งเสียงร้องไห้ไม่หยุด พลันจมูกที่เริ่มหายใจติดขัดเพราะน้ำมูกก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำหอม ก่อนจะรับรู้ได้ถึงสัมผัสแผ่วๆที่กำลังลูบผมของผมอย่างปลอบโยน

“พวกแกออกไปห่างๆน้องต้าเลย!” เสียงพี่เรแทรกเข้ามา พลันสาวๆ5 คนที่ล้อมผมไว้ก็สลายตัวออกไปยืนห่างๆ แต่ก็ไม่วายแอบมองมาด้วยใบหน้าหงอยๆ

“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับคนเก่ง ไม่ต้องกลัวนะ พี่ๆเค้าไม่ได้จะทำอะไรน้องต้านะ เค้าแค่อยากรู้จัก”

“ฮึก.. ไม่เอา ไม่อยากรู้ อึ่ก.. จัก น น่ากลัว ฮืออ!” ผมยังไม่หยุดร้องไห้ ไล่สายตามองหน้าพี่ๆเมื่อกี้อีกทีก่อนจะเบือนหน้าหันไปหาพี่เร พี่เรยิ้มอ่อนแล้วลูบหัวของผมก่อนจะดันให้ซบกับหน้าท้องแบนราบ ลูบปลอบประโลมไม่หยุด

“เหมือนเด็กเลย โอ๋ๆ หยุดร้องนะคะ” ผมผละมือออกจากตาแล้วกอดหมับที่เอวพี่เรแน่นๆ

“ชะอ้าวว เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมบรรยากาศแปลกๆ สุดหล่อหายไปแป๊บเดียวเอง” เสียงฝีเท้าและเสียงห้าวดังมา ก่อนถุงเซเว่นจะวางโปะลงบนโต๊ะตรงหน้า

“นี่ครับน้องต้า ข้าวแล้วก็ขนมอีกเยอะแยะเลย อ้าว.. ทำไมร้องไห้แบบนั้น เกิดอะไรขึ้นเจ๊” พี่ต้นพูดยืดยาว แล้วมองหน้าผมด้วยใบหน้างงงวย แต่พี่เรกลับโบกมือไล่แล้วเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น

“ขอบใจมากนะหมูต้น เดี๋ยวเอาเงินให้ กลับไปทำงานไป”

ผมหันกลับไปซุกหน้าลงกับท้องนิ่มๆของพี่เรต่อ ไม่สนใจใครทั้งนั้น พี่ต้นเมื่อไม่ได้คำตอบก็ล่าถอยไป

“ไหนดูสิ มันซื้ออะไรมาบ้าง” เธอพูดพร้อมกับใช้มืออีกข้างแหวกๆถุงพลาสติกออกคุ้ยดูของด้านใน ผมที่ได้ยินเสียงแหวกถุงก็เริ่มหูกระดิก น้ำตาไหลกลับเข้ากระบอกตา ความตื่นตกใจหายไปหมดสิ้น ยิ่งพอได้กลิ่นหอมๆของข้าวผัดก็ต้องลอบกลืนน้ำลาย มุดหน้าลงซบหน้าท้องพี่เรแน่นกว่าเดิมจนเธอหัวเราะเสียงดัง

“อยากกินมั้ย” ผมขยับตัวปล่อยมือออกจากเอวพี่เรแล้วยกมือขยี้ตา หันไปมองของกินยวนใจที่วางบนโต๊ะอีกครั้ง ยังลังเลที่จะพยักหน้า

“กินได้ พี่ซื้อมาให้ ไม่ต้องเกรงใจนะ” มือเรียวขยี้หัวผมก่อนจะเริ่มจัดแจงเอาข้าวผัดในกล่องสี่เหลี่ยมออกมาแล้วเปิดฝา เห็นควันสีขาวลอยขึ้นในอากาศ กลิ่นหอมๆที่เตะจมูกชวนให้น้ำลายสอ

“กินได้จริงนะ” ผมเอ่ยถามเสียงเบา พี่เรพยักหน้ายิ้มๆแล้วจัดแจงส่งช้อนพลาสติกให้ถึงมือ

ผมยกมือไหว้แล้วรับช้อนมาก่อนจะค่อยๆตักข้าวเข้าปาก

ริมฝีปากคลี่ยิ้มหลังจากลิ้มรสคำแรก พลางขยับมือตักข้าวคำที่สองเข้าปากอย่างต่อเนื่อง ลิ้นคลุกเคล้าซึมซับรสชาติในขณะที่ฟันก็ทำการบดเคี้ยวอาหารให้แหลกละเอียดก่อนจะกลืนลงคอ

พี่เรที่ยืนอยู่ข้างๆหยิบน้ำชาไปเปิดฝาออกให้ แกะหลอดจิ้มใส่ลงไปแล้วเลื่อนมาวางข้างๆกัน ผมเงยหน้าส่งยิ้มตาหยี รีบกลืนเข้าในปากลงคอแล้วดูดน้ำอึกใหญ่

“อร่อยย”

“อร่อยก็กินเยอะๆนะ กินให้หมดเลย”

ผมพยักหน้ารับคำพูดแล้วตักข้าวเข้าปากอีกคำใหญ่ เพราะก้มหน้าก้มตากินไม่ได้สนใจรอบข้าง พอเงยหน้าขึ้นมามองอีกทีก็พบว่าพี่สาว 5 คนรวมทั้งพี่ต้นก็มายืนล้อมรอบโต๊ะเสียแล้ว แต่ละคนจ้องผมไม่วางตา มือที่กำลังจะส่งข้าวเข้าปากเป็นอันต้องชะงัก ริมฝีปากเริ่มเบะออกอีกครั้ง

“อ้ะ! น้องต้า อย่าร้องไห้นะๆ พวกพี่ๆไม่ได้ตั้งใจทำให้หนูกลัว พวกพี่แค่อยากเล่นกับหนูเฉยๆ”

ผมกระพริบตามองพี่เขาอย่างประเมิน ไล่สายตามองหน้าทีละคน ซึ่งก็หน้าจ๋อยกันเป็นแถบ ผมวางช้อนลงแล้วขยับไปคุ้ยหาขนมในถุง หยิบเยลลี่หมีกับคอนเน่ แล้วก็เลย์ถาดๆ ส่งให้พวกพี่ๆ

“กินกัน แม่บอกว่า ถ้าจะเล่นต้องกินให้เสร็จก่อน”

เห็นพี่ผู้หญิงผมสั้นท่าทางห้าวๆอมยิ้มขำ แต่ก็เริ่มแกะคอนเน่หยิบใส่ปากชิ้นนึงแล้วส่งต่อให้เพื่อน

“น้องต้าก็กินสิคะ จะได้เล่นกันเร็วๆ”

พยักหน้ารับคำพูดของพี่เรด้วยรอยยิ้มกว้าง เริ่มลงมือจ้วงตักอาหารอีกครั้งอย่างไม่ลังเล

....

มองรอยยิ้มของพี่ๆรอบกายที่ส่งมาให้ผม ไม่มีอะไรเคลือบแฝงหรือดูน่ากลัว

ทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจและรู้สึกดีจนลืมเรื่องร้ายๆไปจนหมด

ฟ้าหลังฝนที่เตอร์พูดบ่อยๆ เป็นอย่างไร ตอนนี้ผมเริ่มจะเข้าใจขึ้นมานิดนึงแล้ว

ตอนฝนตก ลมแรง ฟ้าร้อง ทุกอย่างดูน่ากลัว

แต่พอฝนหยุด ท้องฟ้าก็แจ่มใส..

เมื่อสูดดมกลิ่นดินกลิ่นหญ้าก็ทำให้รู้สึกสดชื่นจนไม่สามารถเก็บกลั้นรอยยิ้มไว้ได้

 

 

___________________________________________

TALK :: บรรยากาศในเรื่องเริ่มดีละ..

มาต่อให้ทีเดียวครบร้อยเปอร์ รักและคิดถึงมากมาย  ไว้เจอกันพาร์ทหน้านะคะ จุ้บบบ

PS. มีคนถามหาพี่ริวกันหลายคนเลย สำหรับพี่ริวนั้น ต้องไปติดตามในรีเว้นต่อ 55555 (ซึ่งปจบ.กำลังซื้อที่บิ้วอารมณ์มาปั๊มอารมณ์ให้เกิดไวไว) 55555

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย รักษาสุขภาพกันด้วยน้า
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 26 ฟ้าหลังฝน 100% [9/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 09-10-2013 23:18:28
ทางนี้เริ่มมีแดดส่องสดใส
เฮ้อ ค่อยยังชั่ว
จิมดูเริ่มปรับตัวดีขึ้นละ

แล้วริวละคะ
ไปต่อริวให้หนูที............... :ling1:
อยากอ่านมาก ป่านนี้เป็นไงน้อ :mew4:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 26 ฟ้าหลังฝน 100% [9/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: viper7123 ที่ 09-10-2013 23:36:57
 o13 o13 o13 o13 o13


ฟ้าหลังฝน

ย่อมสดใสเสมอ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 26 ฟ้าหลังฝน 100% [9/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 10-10-2013 00:13:10
ต้าน่ารักอะ :really2:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 26 ฟ้าหลังฝน 100% [9/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: monsterkim ที่ 10-10-2013 02:43:28
เกิดเป็นต้านี่น่าสงสารนะ เจอแต่อะไรที่โหดร้ายทั้งนั้นเลยอะ ถึงแม้หลังๆพี่จิมจะเริ่มดีขึ้นแล้วก็เถอะนะ >_<
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 26 ฟ้าหลังฝน 100% [9/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: pornumpai-ka ที่ 10-10-2013 03:32:59
แหม น่ารักจัง. ชอบอ่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 26 ฟ้าหลังฝน 100% [9/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 10-10-2013 04:23:28
ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสแต่มันจะนานเท่าไรกันเชียว
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 26 ฟ้าหลังฝน 100% [9/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 10-10-2013 13:59:19
ดีใจที่น้องต้าได้เจอคนดีๆบ้าง  :hao7:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 27 ปิ้งย่าง 100% [12/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 12-10-2013 19:37:32
ตอนที่ 27 ปิ้งย่าง

JIM Part

"มีใครจะเสนอความเห็นนอกเหนือจากนี้มั้ยครับ" ผมเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเอกสารหลังจากอ่านรายละเอียดบนกระดาษสีขาวครบถ้วน กวาดสายตามองไปยังองค์ประชุมซึ่งดูท่าทางจะเห็นด้วยและไม่คัดค้านอะไร ผมจึงยุติการประชุมที่กินเวลายืดเยื้อกว่าที่คิดไว้เพียงเท่านี้ ตอนแรกคิดว่าปัญหาทุกอย่างจะเรียบร้อยภายใน 3 ชม. แต่พอเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้งก็พบว่าตอนนี้ เป็นเวลาเกือบทุ่มเสียแล้ว

ผมปิดแฟ้มเอกสารก่อนจะพูดขึ้น

“ผมขอจบการประชุมแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านที่มาเข้าร่วมการประชุมในวันนี้มากครับ"

ทันทีที่พูดจบสีหน้าของแต่ละคนก็ดูชุ่มชื่นขึ้น ผิดจากตอนแรกที่อ่อนแรงดูเหนื่อยล้า ผมส่งแฟ้มเอกสารให้เลขาที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

“รบกวนคุณช่วยสรุปรายงานการประชุมส่งผมภายในวันพรุ่งนี้ด้วยนะครับ”

“ได้ค่ะ” เธอยิ้มแล้วรับแฟ้มไป

ผมพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้น เดินออกจากห้องประชุม ตรงไปยังห้องทำงานของตัวเอง เพราะเวลาเลิกงานคือ 5 โมง จึงไม่แปลกใจที่ตอนนี้บริเวณโดยรอบจะเงียบสงัดไร้พนักงานอย่างเช่นปกติ

ผลักประตูเข้าไปด้านในก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยร้องทักเบาๆ

"อ้าว คุณจิม เสร็จแล้วเหรอคะ"

ผมพยักหน้าแทนการตอบ เหลือบสายตามองไปยังร่างที่นอนหลับสนิทบนโซฟาตัวยาวใกล้กับโซฟาเดี่ยวที่เลขาคนสนิทที่นั่งอยู่ เหมือนหญิงสาวหนึ่งเดียวในห้องจะสังเกตเห็นว่าผมกำลังมองเด็กคนนั้น

"อ้อ เล่นจนหมดแรงน่ะค่ะ" ผมผละสายตาหันไปมองคนพูด เลิกคิ้วเป็นการขอคำอธิบายเพิ่มเติม

"แปลกนะคะ แกเหมือนเด็กเลย จะว่าแอ๊บก็ไม่ใช่ ท่าทางดูไม่เสแสร้งราวกับเป็นเด็กเล็กจริงๆ แถมยังซนมากด้วย ดูสิคะ" ริมฝีปากยิ้มบางๆขณะพูด ก่อนจะชี้ชวนให้ดูหลักฐานความซนที่ปรากฏบนหัวเข่า

"เป็นแผลขนาดนี้ เรถามว่าเจ็บมั้ย น้องต้าก็บอกว่าเจ็บ แต่ไม่ร้องไห้สักแอะ นี่ก็คงจะเหนื่อยถึงได้ผล็อยหลับไป"

เธอทอดมองไปที่เด็กคนนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู

"เหรอ.."

"พวกยัยอิงชอบน้องกันทั้งนั้น เล่นซนกันทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่เลย นี่พวกนั้นก็เพิ่งพากันกลับไปได้เดี๋ยวเดียวเองค่ะ"

ผมมองร่างที่นอนหลับตาพริ้ม ก่อนจะหันมาถามเธอ

"แล้วคุณจะกลับยังไง ให้ผมไปส่งมั้ย"

"ไม่ค่ะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวแฟนเรมารับ... นั่นไง พูดถึงปุ๊บ ก็โทรมาปั๊บ" ริมฝีปากที่เคลือบสีลิปสติกคลี่ยิ้มเป็นสุขกับเสียงริงโทนที่ตั้งไว้เฉพาะคนพิเศษก่อนจะเปิดกระเป๋าแล้วหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมารับสาย

"ว่าไงคุณ ถึงแล้วเหรอ คุณจิมก็เพิ่งประชุมเสร็จพอดี อ๋อค่ะ ได้ๆ รอแป๊บนะ"

บทสนทนาจบลงด้วยเวลาอันรวดเร็ว เธอเก็บมือถือลงกระเป๋าเหมือนเดิมก่อนจะยืนขึ้น

"แฟนเรมารอรับที่หน้าบริษัทแล้ว งั้นเรขอตัวกลับก่อนนะคะ"

"ครับ ขอบคุณมากครับสำหรับวันนี้"

เธอยิ้มรับก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้อง

ประตูค่อยๆปิดลงอีกครั้ง ในห้องนี้จึงเหลือเพียงแค่พวกผมสองคน ผมถอดเสื้อสูทแล้วพาดไปบนพนักโซฟาเดี่ยวที่ตอนนี้ไม่มีคนจับจอง ทิ้งกายลงนั่งก่อนจะขยับปลายนิ้วคลายปมเน็คไทให้หลวม แล้วปลดกระดุมข้อมือ พับแขนเสื้อขึ้นจนอยู่ระดับข้อศอก

ความอ่อนเพลียที่เก็บกดไว้เป็นเวลานานขณะที่อยู่ในห้องประชุมค่อยๆแผ่กระจายไปทั่วร่าง หากเปรียบร่างกายเป็นโทรศัพท์ที่ดึงพลังงานจากแบตเตอรี่มาใช้ ตอนนี้แบตฯในตัวผมคงกำลังเป็นสีแดง

เมื่อได้นั่งบนโซฟานุ่มๆ ก็พาลทำให้ไม่อยากลุกขึ้นเสียดื้อๆ ผมปรายตามองไปยังร่างที่ยังคงหลับสนิท ก่อนจะเลื่อนสายตาไปหยุดที่บริเวณหัวเข่าที่มีรอยแผลถลอกเลือดซิบ

แผลนั้นคงจะสร้างความเจ็บให้เจ้าตัวไม่น้อย ทว่าก็น่าแปลกที่ถึงแม้จะหลับ แต่ริมฝีปากคู่นั้นกลับคลี่ยิ้มบางๆอย่างเป็นสุข

 

ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีอะไรบางอย่างมาลูบๆคลำๆบริเวณหน้าผากและข้างแก้มนั่นล่ะถึงได้ลืมตื่นตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นคือ ดวงตาใสแจ๋ว ..ใสจริงๆครับ ใสจนเหมือนลูกแก้ว

"ทำอะไร" เอ่ยถามออกไปโดยไม่ได้ขยับหน้าหนีมือเล็กๆที่แปะแก้มอยู่

"พี่จิมไม่สบายเหรอ" มันถามแล้วแปะๆมือลูบใบหน้าผมจนมั่วไปหมด

ถ้าเป็นคนอื่น ผมคงไม่อยู่เฉยอย่างนี้

บางทีผมอาจแค่เหนื่อย และขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับมัน ถึงได้ยอมนั่งเป็นหุ่นปล่อยให้มันลูบคลำหน้าได้ตามอำเภอใจ

"พี่จิมหน้าร้อน" มันว่าแล้วผละตัวไปนั่งขัดสมาธิบนโซฟายาว มองผมไม่ละสายตา

"อืม" ผมทำเพียงตอบรับเสียงเบาในลำคอ

"พี่จิมหิวมั้ย"

"..." ไม่พูดตอบอะไรแต่มองหน้ามันนิ่งๆแทน เพิ่งจะสังเกตหน้ามันชัดๆก็ตอนนี้

"ทำไมคิดนาน? ต้าหิว พาไปกินอะไรอร่อยๆหน่อยได้มั้ย แม่บอกว่า คนป่วยต้องกินเยอะๆ จะได้หายไวไว กินข้าว กินยาแล้วก็นอน" มองดูปากเล็กๆที่ขยับพร่ำพูดไม่หยุดอย่างรู้สึก...เพลินตา

ไม่รู้ว่านั่งหายใจทิ้งอย่างเปล่าประโยชน์อย่างนี้ไปกี่นาที เมื่อมองดูหน้ามันดีๆอีกครั้ง ก็พบว่าสีหน้าของคนที่ผมกำลังมองเริ่มงอง้ำมากขึ้น ริมฝีปากคู่นั้นหยุดพูดไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หากแต่ตอนนี้มันกำลังเชิดขึ้นเล็กน้อยตามระดับอารมณ์ของเจ้าตัว

"หิว" เสียงเริ่มห้วน สองมือกอดอกบอกความเอาแต่ใจ

ท่าทางทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่เสแสร้งแกล้งทำเหมือนที่เคยเจอ

หากมันกลายเป็นเด็ก 9 ขวบจริง คงเป็นเด็กที่เอาแต่ใจน่าดู

"หิว!"

ไม่ทันไร ทั้งคำพูดและสีหน้าของมันก็ยืนยันสิ่งที่ผมคิดได้ดี แววตาดื้อรั้นคู่นั้นบอกว่า หากเจ้าตัวต้องการอะไร จะต้องได้ดั่งใจ

ผมส่ายหัวเอือมระอา ก่อนจะลุกขึ้นยืน

"หิวก็ลุกขึ้น จะได้รีบกินรีบกลับ" ออกเดินนำหน้า โดยไม่หันไปมองก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเดินตามหลัง

จากที่เดินนำอยู่ดีๆ คนที่ตัวเล็กกว่าก็รีบซอยเท้าถี่จนตีขึ้นมาเดินข้างกัน ผมปรายตามองเล็กน้อยแต่มันไม่ได้มองตอบ มัวแต่หันกลับไปมองด้านหลังเป็นระยะๆ

บรรยากาศโพล้เพล้ อีกทั้งบนอาคารชั้นนี้นอกจากผมกับมันก็ไม่มีใครอื่นอีก ไม่ต้องถามก็รู้ว่าในหัวทุยๆนั่นกำลังคิดถึงเรื่องอะไร ยิ่งเมื่อเดินมาถึงหน้าลิฟต์ ใบหน้าอีกฝ่ายก็ดูตื่นตกใจมากกว่าเดิม

ติ๊ง

ประตูลิฟต์ค่อยๆแยกออกจากกัน ไอ้คนข้างๆผมก็หลบวืดไปอยู่ด้านหลังของผมทันที ครั้นพอจะเดินเข้าลิฟต์ ก็เดินไม่ได้ เพราะคนด้านหลังดันกำชายเสื้อแล้วดึงไว้แน่น

"จะไปไหน" เสียงมันสั่นเล็กน้อย

"หิวไม่ใช่เหรอไง" มันพยักหน้าขึ้นลง ผมก็ตั้งท่าจะเดินต่อ แต่มือเล็กๆข้างนั้นก็ไม่ยอมปล่อย กลับกันมันยิ่งออกแรงยื้อไว้สุดกำลัง

"เป็นอะไรของมึง"

ที่ถามนั่น ก็ถามไปอย่างนั้น รู้ครับ ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรและกำลังรู้สึกอย่างไหนอยู่

"ไม่เข้าได้มั้ย" พูดออกมาเบาๆด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

ผมลอบยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะแสร้งตีหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนกายหันไปมองมัน

"ถ้าไม่เข้าลิฟต์แล้วจะลงไปยังไง เดินลงบันไดหรือไง"

มันนิ่งไปอึดใจ ทำท่าคิดหนัก ก่อนจะส่ายหัววืด

"ลิฟต์ก็ไม่เอา บันไดก็ไม่เอา แล้วมึงจะลงยังไง" พอจี้มากๆเข้า ปากอิ่มสีเรื่อก็เริ่มเบะออก หัวทุยส่ายไปมา มือก็กำเสื้อผมแน่นอย่างดื้อรั้น "ไปลิฟต์เนี่ยแหละ อย่าเรื่องมาก" พูดตัดสินใจแทนมันแล้วก้าวขาเดินเข้าไปในกล่องสี่เหลี่ยมโดยไม่สนว่าอีกคนจะตามมาหรือไม่

"จิม" ผมกดปุ่มค้างไว้ไม่ให้ประตูมันปิดลง มองอีกคนที่ยังยืนอยู่ด้านนอก หน้าเบะ ตาดื้อ

"ถ้านับถึงสามแล้วไม่เข้ามาจะไม่รอแล้วนะ"

มันทำตาโต เม้มปากแน่น ยืนกรานจะไม่เข้าท่าเดียว ผมถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเริ่มนับ

"หนึ่ง..."

ยังนิ่ง ไม่มีทีท่าจะขยับ

"สอง.."

ขาเริ่มกระตุกแต่ยังยืนนิ่งแบบเดิม คงคิดว่าผมไม่กล้าทิ้งมัน

"สาม"

นับเลขสุดท้ายตามที่ลั่นวาจาไว้พร้อมกับปล่อยนิ้วออกจากปุ่ม ยังผลให้ประตูลิฟต์ค่อยๆเลื่อนเข้าหากันช้าๆ

"จิม!! อึ่ก.. ฮือ!!!" เสียงร้องไห้งอแงดังขึ้นพร้อมกับร่างเด็กผู้ชายที่สูงเพียงไหล่ พุ่งตัวเข้ามา มือเล็กทุบประตูรัวอย่างกล้าๆกลัวๆ ใบหน้าขาวซีด

ผมส่ายหัวอย่างเอือมระอาก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือกดปุ่ม ยังผลให้ลิฟต์ค่อยๆเปิดออกอีกครั้ง ทำให้เห็นใบหน้าของอีกคนที่อยู่ด้านนอกชัดเจน ใบหน้าขาวบิดเบี้ยวงอง้ำ น้ำใสๆที่ไหลออกจากตานั่นก็ราวสั่งได้ เพราะเสียงร้องงอแงเมื่อกี้ไม่ใช่แค่เสียง แต่บนแก้มขาวยังเปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำใส

"เข้ามา"

มันมองผมด้วยสายตาตัดพ้อยืนนิ่งไม่ขยับ ก็รู้ทั้งรู้ว่าผมกล้าทิ้งมัน เหตุการณ์เมื่อกี้ก็เป็นตัวบอกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว แต่มันก็ยังดื้อยืนอยู่ที่เดิม

การประชุมที่ว่าเหนื่อยแล้ว ยังไม่สร้างความเหนื่อยให้ผมได้เท่ากับการอยู่กับไอ้เด็กนี่เพียง 30 นาที

ผมถอนหายใจเสียงดังเจตนาให้มันได้ยิน ใบหน้าขาวเจื่อนไปเล็กน้อย สายตาคู่นั้นก็ฉายแววตัดพ้อมากกว่าเดิม ริมฝีปากคว่ำลง น้ำใสก็เริ่มรื้นคลอหน่วยตา ถ้าผมยังไม่ทำอะไรสักอย่าง คาดว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าไอ้เด็กนี่จะต้องแผลงฤทธิ์ใส่ผมแน่ๆ

ผมตัดสินใจก้าวออกไปจับมือมันแล้วดึงให้เข้ามาในลิฟต์ด้วยกัน มันขัดขืนเล็กน้อยแต่ก็ยอมเดินเข้ามาแต่โดยดี

ประตูลิฟต์ค่อยๆเลื่อนปิดเข้าหากัน ก่อนจะค่อยๆเคลื่อนตัวลงสู่ชั้นลานจอดรถอันเป็นจุดสิ้นสุด ในนี้มีเพียงความเงียบและเสียงสูดจมูกเบาๆ มันจับมือผมแน่นไม่ปล่อย

"อยากกินอะไร" มันเงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาที่เคยแดงก่ำแปลเปลี่ยนเป็นประกายไหววูบพึงใจ

"พิซซ่าได้มั้ย" ตอบทันทีแบบไม่ลังเล

"อืม" คำตอบรับเพียงสั้น แต่ก็ทำให้มันคลี่ยิ้มได้อีกครั้ง

เป็นเวลาเดียวกับที่ลิฟต์เคลื่อนตัวถึงที่หมาย ประตูค่อยๆเปิดออก คนข้างกายก็ก้าวยาวๆเดินนำหน้าแล้วเป็นฝ่ายจูงมือผมแทน พอถึงรถนั่นล่ะ มือเล็กๆก็คลายออกแล้ววิ่งไปยังเบาะข้างคนขับ ดูกระตือรือร้นเสียจนน่าขัน ผมปลดล็อกแล้วพาตัวเองเข้าประจำที่ เมื่อทุกอย่างพร้อมก็ออกเดินทางสู่ห้างที่ใกล้ที่สุด

"จิม จะพามาอีกมั้ย" อยู่ๆมันก็ถามขึ้น ทั้งน้ำเสียงและแววตาดูตั้งความหวังไว้ไม่น้อย แต่สรรพนามนั่นคืออะไร? ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ตอนแรกก็คิดว่าฟังผิด แต่พอครั้งนี้.. แบบนี้มันเรียกลามปามหรือเปล่า?

"อะไร"

"จะหาพี่เร พี่ต้นแล้วก็พี่สาวอีก 5คน พวกพี่ๆใจดี อยากมาอีก จิมจะพามามั้ย"

ฟังไม่ผิดจริงๆ ผมไม่ควรจะถือสาหาความกับเด็กใช่หรือเปล่า?

"ตกลงพามานะ"

"อืม" ตอบแบบตัดรำคาญ แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่สนใจ เมื่อได้คำตอบที่ต้องการ มันก็นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนผมเผลอยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว

หืม..

ยิ้ม?

คิ้วขมวดเป็นปมกลางหน้าผาก ก่อนจะละมือหนึ่งออกจากพวงมาลัยรถแล้วจับปากตัวเอง.. รู้สึกได้ว่า ริมฝีปากกำลังยิ้มจริงๆ ผมละมือออกรีบตีหน้านิ่ง รวบรวมสมาธิอยู่ที่การขับรถโดยไม่วอกแวกไปยังสิ่งอื่น

โดยเฉพาะเบาะด้านหน้าข้างคนขับ..

 

TA Part

พี่จิมพาผมมาที่ห้างสรรพสินค้า คนพลุกพล่านเต็มไปหมด พอเดินมาถึงร้านพิซซ่า เห็นคนต่อคิวกันเยอะมาก ไม่มีโต๊ะว่างเลย ผมหันไปมองคนตัวสูงกลัวเขาเปลี่ยนใจไม่กิน

ก็ผมอยากกิน

โครกกกก..

ท้องร้องเป็นสิ่งยืนยันว่าผมทั้งหิวและอยากกินจริงๆ คนตัวสูงหันมามองด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงความรู้สึก แต่นัยน์ตาคู่นั้นกลับพราวระยับ

"MK มั้ย" เขาเสนอทางเลือกที่อาจได้กินเร็วกว่านี้ ผมกัดปากตัวเอง เริ่มคิดหนัก ในหัวจินตนาการถึงเนื้อเป็ดนุ่มๆหวานๆ หมูเด้งเนื้อนิ่ม ซดน้ำซุปที่ส่งควันหอมกรุ่น แล้วก็พาลให้น้ำลายสอ

"แล้วพิซซ่า.." แต่ผมก็ยังอยากกัดแป้งนุ่มๆ กินเฟร้นฟรายกินไก่ทอดอยู่นะ

"โทรสั่งได้" หูกระดิกกับทางเลือกใหม่ที่คนใจดีเสนอ ผมเริ่มยิ้มออกก่อนจะเปลี่ยนทิศเดินตามกลิ่นหอมๆตรงไปหาร้านที่มีตัวอักษรภาษาอังกฤษสองตัวใหญ่ๆแปะอยู่ โดยมีพี่จิมเดินตามหลังมา ทว่าก่อนที่จะถึง สองขาก็ต้องสะดุดกึกเมื่อเดินผ่านคุณจระเข้ตัวเขียวที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าร้าน

มองหน้าคุณจระเข้แล้วเหมือนได้ยินเสียงเชิญชวน สองขาปัดป่ายเดินเลี้ยวเข้าร้านไปโดยไม่ได้หันไปถามความเห็นคนด้านหลัง หันไปมองอีกทีก็เห็นว่าเขากำลังเดินตามมาโดยไม่ได้ว่าอะไร

"สวัสดีค่ะ มากี่ท่านคะ" พนักงานสาวเดินปรี่เข้ามาถามทันที ผมหันไปมองพี่จิม โยนให้เขาตอบคำถามแล้วกวาดสายตาไปรอบๆร้านแทน คนที่มานั่งกินส่วนใหญ่จะมาเป็นครอบครัว ผมหยุดสายตาที่โต๊ะๆหนึ่งนานกว่าปกติ พวกเขามากันสามคน พ่อแม่ลูก บนโต๊ะมีโมเดลรถสีแดงวางอยู่ มือเล็กๆป้อมๆของผู้เป็นลูกกระชับรถแล้วไสให้วิ่งไปบนโต๊ะ

อยากได้.. นั่นคือความรู้สึกที่เข้าจู่โจม

"2 ครับ" ได้ยินเสียงทุ้มตอบกลับเพียงผ่านๆ สายตายังมองที่รถคันนั้นไม่วางตา

"งั้นเชิญทางด้านนี้เลยค่ะ"

"ผมขอนั่งโต๊ะนั้นแทนได้มั้ยครับ"

ผมผละสายตาออกจากโต๊ะเด็กคนนั้นเมื่อรับรู้ได้ถึงมือหนาที่จับต้นแขน ผมเงยหน้ามองเขา แต่เขาไม่ได้มองตอบ มือหนาอีกข้างชี้ไปที่โต๊ะที่อยู่ด้านใน ซึ่งค่อนข้างเป็นส่วนตัว

"อ๋อ ได้ค่ะ" เธอผายมือเป็นการเชื้อเชิญพร้อมกับยิ้ม ผมถูกมือหนาลากให้เดินตามไป เหลียวหลังหันไปมองโต๊ะที่ดึงความสนใจอีกครั้ง มองของเล่นในมือเด็กผู้ชายคนนั้นตาละห้อย ..อยากได้

เหมือนคนตัวสูงจะจับสังเกตได้ เขามองตามด้วยความสงสัยก่อนจะถามขึ้น

“มองอะไร”

ผมส่ายหัวแล้วเบือนหน้ากลับไปยังโต๊ะที่เลือก ก่อนจะนั่งลงแล้วขยับเข้าไปจนชิดกระจก พี่จิมเองก็นั่งฝั่งตรงข้าม

เมนูถูกวางลงตรงหน้าก่อนพี่พนักงานจะเดินหายไป ผมมองเมนูทีมองหน้าพี่จิมที เขาไม่สนใจจะเปิดเมนูเลยแม้แต่น้อย ทำให้ผมพลอยไม่กล้าเปิดไปด้วย

"อยากกินอะไรก็สั่งเอา"

ครู่หนึ่งพี่พนักงานผู้ชายก็มาจัดการเตาย่างและพี่ผู้หญิงคนเดิมก็เดินมารับออเดอร์

"ขออนุญาตรับเมนูค่ะ"

พี่จิมไม่ปริปากอะไร แต่พยักหน้าให้ผมเป็นคนสั่ง ผมเม้มปากแน่ เปิดเมนูก่อนจะจิ้มไปที่ปูอัด

"เอาอันนี้.. อันนี้ แล้วก็อันนี้" ถัดจากปูอัดก็จิ้มไปที่เห็ดเส้นยาวๆ เวลาเคี้ยวจะกรึบๆกรุบๆ แล้วก็จิ้มไปที่ลูกชิ้นสี่เหลี่ยมสีเหลืองๆ พลิกไปหน้าเนื้อ มองเมินผักสีเขียวๆ มองหมูเด้งด้วยตาวาวๆก่อนจะจิ้มนิ้วลงไป กวาดสายตามองเมนูอีกครั้งก่อนจะปิดลงแล้วหันไปมองพี่พนักงานแล้วส่งยิ้มแฉ่ง

“พอแล้ว”

“อ่า..” เธอมองหน้าผมก่อนจะมองหน้าพี่จิมที่นั่งนิ่งๆ มุมปากหยักกระตุกยิ้มบางก่อนจะเปิดเมนูดูบ้าง

“เอาเซ็ทนี้ครับ ส่วนน้ำขอแป๊บซี่รีฟิว”

“ได้ค่ะ รบกวนรอสักครู่นะคะ” เธอโค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะหันเดินออกไป

เวลาผ่านไปสักพัก น้ำก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ผมรับแก้วมาวางฝั่งซ้ายมือแล้วยื่นหน้าไปดูแป็บซี่อึกใหญ่

"อ้าาาา!!" จี๊ดหัวบาดคอไปหมดเลย! แต่รสชาติหวานๆกับความซ่าของมันทำให้รู้สึกสดชื่นจนต้องเลื่อนจานที่วางตรงหน้าออกไปไกลๆแล้วลากแก้วมาวางแทนที่ อ้าปากงับหลอดแล้วดูดน้ำอัดลมเข้าไปอีกอึกใหญ่

“ชื่นจายยยย” ร้องบอกผลลัพธ์ให้กับอีกคนที่ไม่ยอมดูดเอาแต่นั่งมองหน้าผมเฉยๆ

อะไร มองอะไร? ของตัวเองก็มี จะแย่งเหรอไง

ผมเบ้หน้าสองมือกุมแก้วแล้วเลื่อนเข้าหาตัวเองจนแก้วแทบตกขอบโต๊ะ นี่ถ้ากอดแก้วได้ผมกอดไปแล้ว คิ้วหนาเลิกขึ้นสูงมองตามการกระทำของผมก่อนจะหยักยิ้มมุมปากเมื่อเขาเข้าใจ

“ยิ้มอะไร ดูดของตัวเองไปสิ” ตีหน้ายุ่งพลันใช้มือกำหลอดไว้แน่นกลัวอีกคนจะแย่งแป๊บซี่ไปดูด

“ปัญญาอ่อน”

ผมเบิกตากว้างให้กับน้ำเสียงต่อว่าราบเรียบ อ้าปากพะงาบๆด้วยคิดหาคำย้อนกลับไม่ออก

ทว่าก่อนที่สงครามน้ำลายจะเริ่มขึ้น อาหารที่สั่งไปก็ทยอยนำมาวางบนโต๊ะ เตาก็ร้อนพอดี ผมลอบกลืนน้ำลายหนึ่งอึก ก่อนจะแทงตะเกียบลงกับโต๊ะแล้วดึงพลาสติกลงเผยให้เห็นตะเกียบไม้ด้านใน อีกมือเลื่อนจานหมูไปตรงหน้าพี่จิม แทนคำพูดว่าให้เขาเป็นคนจัดการ

“กูทำ กูกิน ตกลงตามนี้”

ผมอ้าปากค้างกับคำพูดนั้น ครั้นพอจะคว้าจานเนื้อหมูมาที่ฝั่งตัวเองก็ช้าไปเสียแล้ว เพราะอีกคนยกมันขึ้นแล้วนำไปวางตรงอานาเขตตัวเอง

“จิมขี้โกง!”

เขายักไหล่อย่างไม่แคร์กับคำต่อว่า เริ่มใช้ตะเกียบคีบเนื้อหมูแล้ววางบนเตาร้อนๆ ผมมองเนื้อสีแดงๆบนเตาตาละห้อย เบะปากแล้วรีบฉวยเอาของที่ผมเป็นคนสั่งมาไว้ฝั่งตัวเอง

“ไม่ให้กินหรอก!”

ได้ยินอีกฝ่ายหลุดหัวเราะแผ่วเบา แต่ผมไม่สน ลุกขึ้นยืนและเริ่มเททุกสิ่งลงไปตรงส่วนสำหรับต้มยกเว้นหมูเด้ง แล้วใช้ช้อนโกยทุกอย่างมากองไว้ตรงครึ่งของตัวเอง ไม่ให้มีส่วนไหนเกินเขตไปยังดินแดนอีกคน ต่อมาก็ถึงคิวของหมูเด้งเจ้าปัญหา ปกติเวลาจะกินทีไร จะมีเตอร์คอยทำให้ ตอนต้ม เตอร์ไม่ใส่ไปทั้งหมด ผมหยิบช้อนขึ้นมาแล้วก็ตักหมูใส่ลงไปเป็นช้อนๆเหมือนที่เคยเห็นเตอร์ทำ ทำไปเรื่อยๆจนหมด

เมื่อเสร็จก็นั่งลงรอเวลากิน แต่.. เนื้อหมูที่วางบนเตามันเปลี่ยนสีแล้วอะ ส่งกลิ่นหอมน่ากินด้วย

เอื้อก..

ผมกัดปากกลืนน้ำลายลงคอทันทีที่อีกคนคีบหมูแล้วจิ้มน้ำจิ้มก่อนจะนำใส่ปากตนเอง เขาค่อยๆเคี้ยวขณะที่มองหน้าผม นัยน์ตาที่เคยราบเรียบตอนนี้กลับพราวระยับ คล้ายกำลังยั่วยุ

คิดว่าได้ผลมั้ย?

บอกเลยว่า.. ได้!

มือจับตะเกียบเตรียมพร้อมรบ เล็งเป้าหมายเตรียมจะคีบเนื้อหมูที่นอนแผ่บนเตา ทว่า..

“จุ๊ๆ!” มือชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงจุ๊ๆดังมาจากฝั่งตรงข้าม

ผมเบะปากก่อนจะต่อว่าเขาเสียงดัง

“จิมขี้งก!”

เสียงทุ้มหัวเราะร่วน ยกแก้วแป๊บซี่ดูดอึกใหญ่ ผมวางตะเกียบหน้าบึ้ง สองมือกอดอกก่อนจะเบือนหน้าหันไปทางอื่น เม้มปากแน่นกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงหมูดังฉ่า เมื่อมันถูกบรรจงย่างบนเตาเหล็ก

เหลือบมองทางหางตาก็เห็นว่าตอนนี้บนเตาไม่มีพื้นที่เหลือแล้ว

ไม่กินก็ดะ...

ความคิดชะงักลงเมื่อเห็นว่ามือหนาที่กำลังคีบเนื้อหมูขึ้นจากเตา ค่อยๆวางเนื้อสีน้ำตาลกลิ่นหอมฉุยลงบนจานของผม ผมเหล่ตามองแล้วเหลือบมองเขาอีกครั้ง เห็นนัยน์ตาคู่นั้นยิ้มพราย

“กินเข้าไปซะ”

เบะปาก มองเมินไปอีกทาง

“จะกินหรือไม่กิน ถ้าไม่กินจะได้เก็บเงิน” เสียงเริ่มดุอีกแล้ว

แล้วเป็นไง?

ทำไงได้ล่ะ นอกจาก..

“กิน!”

รีบหันมาคีบเนื้อหมูบนจานจุ่มซอสแล้วเอาเข้าปาก เคี้ยวกร้วมๆอย่างสาสมใจ

อาหย่อยย~

…….

 

หนังท้องตึง หนังตาหย่อน เป็นสภาพความจริงขณะนี้ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง

มือหนึ่งลูบพุงกางๆที่ภายในอัดแน่นไปด้วยหมูย่าง ทันทีที่ถึงห้อง สองขาก็เดินตรงเข้าห้องนอน ทว่ากลับชะงักอยู่กับทีเมื่อความคิดหนึ่งแวบเข้ามา

“ไม่อาบน้ำได้มั้ย” เอ่ยถามด้วยความลังเล มือลูบพุงป้อยๆ ดึกๆอย่างนี้ไม่อยากอาบน้ำ อยากจะล้มตัวลงนอนไปเลย

“ตามใจมึง” ก็คำตอบนี้ล่ะที่กำลังรอฟัง ยิ้มแฉ่งให้เขาแล้วหันหลังเดินเข้าห้องต่อ แต่ก็ชะงักอีกครั้งเมื่ออีกหนึ่งความคิดพุ่งเข้าโจมตี คราวนี้ผมหันไปมองร่างสูงที่เดินตามมาติดๆทั้งตัว

"พี่จิม คืนนี้นอนไหน”

“จะนอนไหน ก็ในห้องนี้น่ะสิ”

เหลียวหันไปมองเตียงอีกครั้งด้วยท่าทางคิดหนัก

“ต้าต้องนอนข้างล่างหรือเปล่า" มือยังลูบพุงน้อยๆ ขณะที่อ้าปากหาวหวอด ง่วงก็ง่วงแต่ก็อดถามไม่ได้

"ก็นอนบนเตียงนี่ล่ะ" ผมตีหน้ายุ่งให้กับคำตอบของอีกฝ่าย

"ไม่ได้ๆ ตอนดูละคร พระเอกยังลงไปนอนข้างล่างเลย โตขึ้นต้าอยากเป็นพระเอกบ้าง" พูดเสียงหนักแน่น แต่อีกคนชะงักค้าง ผมยิ้มกว้างเต็มเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น ก่อนจะเดินตรงไปแล้วก้าวขาขึ้นเตียง เอื้อมมือหยิบหมอนกับผ้าห่มมาถือไว้เต็มสองแขน ทว่าความนิ่มของหมอนกับเตียงที่เข่าสัมผัสก็ชวนให้อยากทิ้งกายลงนอนสักพัก..

คิดยังไม่ทันจบดี ก็คล้ายกับถูกแรงโน้มถ่วงดึงดูดจนร่างกายทุกส่วนแนบสนิทกับตั่งเตียง

"อื้มมม" ผมอมยิ้ม บี้หน้าลงบนหมอนแล้วกระชับกอดผ้าห่มแน่นขึ้น นุ่มอะ สบายด้วย..

เปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง ผมค่อยๆลองหลับตาลง ของีบสีกพักแล้วจะตื่นไปทำหน้าที่พระเอก หวังว่าพี่จิมคงไม่ว่าอะไร

เวลาผ่านไป ผมก็ได้ยินเหมือนเสียงน้ำไหล ก่อนจะรับรู้ได้ถึงแรงยุบยวบของเตียงอีกข้าง จมูกฟุดฟิดได้กลิ่นเย็นสบาย ผมชอบกลิ่นนั้น พลิกตัวหันไปยังกลิ่นหอมๆกระเถิบเข้าไปใกล้จนสามารถสูดดมกลิ่นเย็นๆนั้นได้ถนัดถนี่ ริมฝีปากอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อแก้มแนบติดกับความเย็นของกล้ามเนื้อแข็งๆนั้น

ไม่นานหลังจากนั้น ห้วงสติผมก็ดำดิ่งสู่ความมืดในโลกแห่งความฝัน

 

JIM Part

เช้าวันใหม่เริ่มต้นอย่างไม่ปกติสุข…

ผมตื่นขึ้นเพื่อจะเตรียมตัวไปทำงานอย่างทุกๆวัน เพียงแต่เช้านี้ไม่เหมือนเช้าวันอื่นๆที่ผ่านมา

การที่ตื่นเช้ามาแล้วเจอหน้าใครอีกคนบนเตียงเป็นภาพที่ไม่ชินตาสำหรับผม แม้จะเคยนอนกับใครมาหลายคนทั้งหญิงและชาย แต่ถ้าเป็นที่ห้องนี้ บนเตียงนี้ และในเช้าอย่างวันนี้ ..โดยปกติแล้วจะไม่มีอีกคนนอนอยู่ข้างๆ

ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน ก็ควรจะจบภายในคืนนั้น แล้วความสัมพันธ์แบบนี้ล่ะ?

มันเองก็จัดอยู่ในประเภทชั่วข้ามคืนเหมือนคนที่ผ่านๆมา

...

ผมสำรวจใบหน้ายามหลับของมันก่อนจะตัดใจลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังให้กับร่างบนเตียง คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ เตรียมความพร้อมสำหรับการทำงานในเช้าวันใหม่

ชีวิตผมเดินเป็นวงกลมตามแบบวิถีชีวิตของพนักงานบริษัท ในแต่ละวัน ไม่มีอะไรแปลกใหม่

ออกมาจากห้องน้ำก็พบว่ามันยังไม่ตื่น และผมไม่คิดจะปลุก ปล่อยให้มันนอนอย่างนั้นไปจนกว่าจะตื่นเอง และถ้าทำได้ ผมไม่อยากให้มันตื่นขึ้นมาเลย

ทว่าดูเหมือนสิ่งที่ผมอยากให้เป็นจะพังพินาศลงภายในเวลาอันรวดเร็ว เพราะร่างที่หลับใหลบนเตียงค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมานั่งทั้งที่ดวงตายังปิดสนิท ผมรีบแต่งตัวหมายจะรีบออกจากห้องนี้ให้เร็วที่สุดก่อนที่มันจะมีสติครบถ้วนเหมือนยามปกติ

หากมันมีสติ นั่นหมายถึง เวลาเป็นส่วนตัวของผมจะถูกคุกคาม

มันเป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็กๆ

เล็กทั้งตัวและเล็กทั้งนิสัย

แต่เด็กตัวเล็กๆคนนี้...

“จิมมม” เสียงเรียกยานคางขณะที่ตาโตๆก็เริ่มเปิดปรือ มือเล็กยกขึ้นขยี้ตาตัวเองทั้งซ้ายและขวาก่อนจะอ้าปากหาวคำโต เวลาผ่านไปครู่หนึ่งอีกฝ่ายก็เริ่มมองสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนจะเบิกตาโต

“จะไปไหน” มันกระโดดผลุงขึ้นยืนบนเตียง ดูเหมือนจะหายง่วงฉับพลัน

“ทำงาน”

“ไปด้วย!!!” สวนกลับมาอย่างรวดเร็วและกระตือรือร้น รอยยิ้มเต็มสีหน้า

นี่ไง สัญญาณอันตรายของเรื่องวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับผมไปทั้งวัน

“...” ผมนิ่งเงียบไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่หันมาแต่งตัวหน้ากระจกต่อ จากเงาสะท้อนเห็นมันกระโดดลงเตียงแล้ววิ่งมาหาผม มือขาวดึงแขนผมข้างหนึ่งที่กำลังจัดเนคไทแล้วดึงแกว่งไปมา

“ไปด้วย!”

“ไม่”

 เมื่อได้รับคำตอบที่ไม่เป็นที่ถูกใจ ใบหน้านั้นก็มุ่ยลง ก่อนจะเริ่มปฏิบัติการเซ้าซี้น่ารำคาญอีกครั้ง

“ไปด้วย ไปด้วย ไปด้วย ไปด้วย ไปด้วย ไปด้วย ไปด้วย ไปด้วย ไปด้วย ไปด้วย ไปด้วย ไปด้วย ไปด...”

“หยุด!”

มันเงียบกริบทันควัน แต่ก็ไม่วายส่งเสียงมาอีก “ไปด้วยนะ”

นับวันดูเหมือนความกลัวที่มันเคยมีต่อผมจะเริ่มหดหายเข้าไปทุกที จากที่กลัวจนไม่กล้ามองหน้า ก็เริ่มมองหน้าและเริ่มเถียง จนตอนนี้ไม่ว่าจะตะคอกหรือทำสีหน้าหงุดหงิดใส่ มันก็เหมือนกับไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด

“ไปอาบน้ำ”

“เย้!” มันร้องดีใจยกใหญ่ก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไป



รอยยิ้มและแววตาที่ใสซื่อไม่ปรุงแต่งความรู้สึกใดๆ ..เป็นอันตรายต่อผม

ทางเดียวที่จะปกป้องตัวเองคือการพามันกลับบ้านให้เร็วที่สุด

 


 

_________________________________________

TALK:: มาแล้วคร้าบบ เรื่องมันเริ่มจะป่วงขึ้นทุกที 555 เราขมกันมานานก็มาลองอะไรหวานๆ(?)กันบ้าง เนอะ

สำหรับใครที่กำลังรอรีเว้นหรือซิน(มีมั้ย? 555) ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้อัพเลย

พอมาถึงจุดนี้ อารมณ์ของเรื่องทั้งสามก็ฉีกกันไปคนละแนวเลย แม้แต่ซินที่ว่าอารมณ์ใกล้เคียงกับอะบอยในตอนนี้ ยังไม่สามารถ 555 (อยากจะแต่งซินให้ออกมาละมุนที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้ายังไม่ใช่ช่วงอารมณ์นั้นเลยยังไม่อยากแตะต้องมาก)

ขอโทษด้วยน้า

อย่าเพิ่งเอียนพี่จิมกันนะ 5555555555555

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ และทุกๆกำลังใจมากค่ะ

เจอกันตอนที่ 28 น้า จุ้บ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 27 ปิ้งย่าง 100% [12/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: pornumpai-ka ที่ 12-10-2013 20:04:30
 o13
น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 27 ปิ้งย่าง 100% [12/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 12-10-2013 22:35:26
บอกที
เรื่องที่อ่านอยู่ตอนนี้มันเรื่องเดียวกันกับตอนแรกๆ
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก  :z3:
ความโหด โฉดเลว ของตาจิมหายไปแล้ว
เปิดเรื่องซะเลือดสาด(เลือดกำเดา)
ตอนนี้ดันมีประกายวิ้งๆ งุงิๆ ซะงั้น
แต่อ่านแบบนี้ไปเรื่อยๆก็ดีนะคะ
ไม่บีบจิตดี
แต่!!!
คนอ่านอยากเสียเลือดค่ะ  :jul1:
ต้าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมมั้ย
ดูตาจิมนี่จะแพ้เด็ก
ถ้าต้ากลับมากลัวมันตารปัดไปอีก
แต่!!!
ไม่ขอเรียกร้องอะไรหรอกคะ
แต่ไปตามที่คนแต่งอยากเถอะ
ขอแค่
อัพไวๆเป็นพอ!!
มีคนรออ่านอยู่
 :katai4:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 27 ปิ้งย่าง 100% [12/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 13-10-2013 00:05:44
นี่จิมคนเดียวกันกับตแนอรกรึปล่าววว ทำไมคนละชั่วแบบนี้ แบบนี้ก้น่ารักกก
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 27 ปิ้งย่าง 100% [12/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 13-10-2013 00:32:54
ตอนต่อๆไปขอแบบนี้ทั้งเรื่องเลยได้ไหม
แบบตอนแรกๆนี่บีบคั้นหัวใจเกิน
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 27 ปิ้งย่าง 100% [12/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: ZakeiHarha ที่ 13-10-2013 14:41:54
อัพต่อน้าาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 27 ปิ้งย่าง 100% [12/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: mm03 ที่ 13-10-2013 19:51:18
อ๊ากกกกกกกกก
สนุกมากกกกกกกกกก
ดาร์คก็ดาร์คซะ
พอบทจะละมุนก็ทำให้ยิ้มตามได้


ชอบๆๆค่ะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 27 ปิ้งย่าง 100% [12/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 13-10-2013 20:05:08
พี่จิมน่ารักว่ะ ต้าเริ่มเชื่อใจจิมแบบเตอร์แล้วใช่มั้ย กลัวจิงๆเดี๋ยวมีคนมาทำร้ายน้องอีก
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 27 ปิ้งย่าง 100% [12/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: kuro ที่ 13-10-2013 21:09:53
สุดยอดอ่ะ ต้าน่ารักจิมก็หวาน
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 27 ปิ้งย่าง 100% [12/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 13-10-2013 21:19:40
ชอบมากกกกกก น่ารักกจังคู่นี้
ตอนแรกๆจิมดูโหดมาก ชอบต้าละซิ ชอบต้าละซิ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 27 ปิ้งย่าง 100% [12/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: salaseen ที่ 13-10-2013 21:24:38
น่ารักกกกกกกกกอะะะะ
น้องต้าของป้าาาา o18 :o8:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 27 ปิ้งย่าง 100% [12/10/56] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: waxman ที่ 14-10-2013 04:03:17
น้องต้าน่ารักมากก อยากให้จิมจัดสักดอกจริงๆ  :hao6:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 30% [14/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 14-10-2013 12:55:43
ตอนที่ 28 สืบ 30%

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นและถูกผลักเข้ามาจากด้านนอกทำให้ผมละสายตาจากแฟ้มเอกสารขึ้นมองคนที่กำลังเดินเข้ามา

 "คุณจิมเรียกผมมาพบ มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ"

ผมวางมือจากงานที่ทำ เอนหลังพิงพนักโซฟามองคนตรงหน้าอย่างครุ่นคิด

"เชิญนั่งก่อนครับ"

ผายมือไปยังเก้าอี้ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะสำหรับแขก หลังจากที่นายอนุชิตนั่งลงเรียบร้อยผมก็เริ่มเข้าเรื่องอย่างไม่อ้อมค้อม

"คุณรู้จักเด็กที่ชื่อต้าใช่มั้ย"

อีกฝ่ายเลิกคิ้วสูงก่อนจะตอบรับ

"ครับ ใช่น้องคนนั้นที่นั่งเล่นอยู่ด้านนอกกับพวกคุณเรหรือเปล่าครับ"

ผมพยักหน้าเป็นการตอบรับ

"ผมต้องการให้คุณค้นหาที่อยู่ของเด็กคนนั้นแล้วนำมันมาให้ผม คุณทำได้หรือเปล่า"

อีกฝ่ายหน้าเหวอเล็กน้อย ด้วยคงไม่คาดคิดว่าจากหน้าที่การงานของตนจะต้องมารับทำงานอย่างนี้

"เอ่อ.. น้องชื่อจริงว่าอะไรครับ"

ผมขมวดคิ้ว

"คุณก็สืบสิครับ ผมให้เวลาคุณ 3 วัน เอาล่ะ หมดธุระของคุณแล้ว ผมจะทำงานต่อ" ผมตัดบทโดยการก้มหน้าลงจัดการกองเอกสารบนโต๊ะต่อ

"...ครับ" อีกฝ่ายตีสีหน้ายุ่งยากแต่ก็ยอมรับงานใหม่แต่โดยดี ร่างสูงค่อยๆลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ

การสืบหาประวัติหรือที่อยู่ของคนๆหนึ่งไม่ใช่เรื่องยาก ถึงจะมีแค่รูปร่างหน้าตาเป็นข้อมูลเพียงอย่างเดียวก็ตาม...

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ได้ยินเพียงเสียงนาฬิกาที่เดินติ๊กๆ

ผมนั่งอ่านเอกสารอันแล้วอันเล่า แต่ก็ยังไม่หมดเสียที ปกติงานในส่วนของผมก็มากพออยู่แล้ว ตอนนี้งานที่ผมต้องรับผิดชอบกลายเป็นคูณสอง ยิ่งมากกว่าเดิมเข้าไปอีก เรียกได้ว่า ทำงานจนไม่มีเวลากระดิกตัวไปไหน เพราะว่างานในส่วนของพี่กานต์ถูกโอนมาให้ผมเป็นคนรับผิดชอบ ตอนนี้มันต้องบินไปเจรจาธุรกิจที่สิงค์โปร กว่าจะกลับก็คงประมาณอีกสองวัน

สองวันนี้คงเปรียบเสมือนนรกสำหรับผม เรื่องงานน่ะไม่เท่าไหร่ แต่อีกเรื่องสิ ค่อนข้างสาหัส

ประตูถูกเปิดเข้ามาอีกครั้ง โดยไม่มีการเคาะบอกกล่าวล่วงหน้า ผมเงยหน้าขึ้น กำลังจะอ้าปากเอ่ยต่อว่าคนที่เข้ามาโดยพละการ แต่ก็ต้องหุบฉับเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนทำ

มันแง้มประตูออกน้อยๆ ยื่นหน้าที่มีรอยยิ้มเห็นทั้งฟันบนและล่างเข้ามา มือสองข้างจับที่เปิดไว้ เมื่อเห็นว่าผมไม่ได้ต่อว่า มันก็ค่อยๆย้ายตัวเองเข้ามาในห้องทีละนิด จนมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า อีกฝั่งของโต๊ะทำงาน

ผมรอให้มันพูดธุระ แต่จนแล้วจนรอดมันก็ไม่พูดอะไร หรือจะแค่เข้ามากวนเฉยๆ?

คิดดังนั้นผมก็ผละความสนใจจากมัน ลดสายตาลงหันเหความสนใจที่ไปเอกสารในมือแทน แต่ใช่ว่าผมจะปิดการรับรู้ภายนอกไปเสียทั้งหมด เพราะการที่มีมันอยู่ใกล้ๆ ทำให้ผมไม่มีสมาธิมากพอจะทำความเข้าใจกับอ่านตัวอักษรที่ติดกันเป็นพืด และตัวเลขมากมายที่หมายถึงผลกำไร หรือขาดทุน

จากหางตาผมเห็นมันยืนหมุนซ้ายหมุนขวาราวกับทำตัวไม่ถูก ก่อนมือขาวจะยื่นมาด้านหน้าแล้วเคาะลงที่โต๊ะทำงานของผมสองก๊อก

“...จิมมม” มันลากเสียงยาว ละมือข้างที่เคาะโต๊ะค้างกลางอากาศ

ผมรู้ดีว่าการเงยหน้าขึ้นมาถามและคุยกับมันตรงๆ เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการเข้าใจจุดประสงค์ของมัน แต่ไม่รู้ทำไม ผมถึงยังทำนิ่งเฉยอยู่อย่างนี้ บางทีอาจเป็นเพราะ ผมอยากเห็นปฏิกิริยาของมัน ว่าจะทำยังไงต่อไปมากกว่า

และก็ไม่ปล่อยให้ผมรอนาน มันวางมือลงกับโต๊ะ แล้วเอื้อมมืออีกข้างมาจับแฟ้มเอกสารหมายจะดึงไป ติดที่ว่าผมยังจับพลาสติกแข็งไว้แน่น เลยทำให้มันไม่สามารถเอาไปได้

ผมตวัดสายตามองมันอย่างดุๆ

แต่ถึงจะตีหน้านิ่งหรือทำตาดุแค่ไหน มันก็ไม่ได้มีท่าทางกลัวเลย กลับกัน มันเริ่มเรียนรู้วิธีตอบโต้.. ริมฝีปากสีเรื่อเริ่มเบะออก มือก็ยังรั้นจับแฟ้มไว้ไม่ปล่อย

“จิมม” มันเรียกชื่อผมอีกครั้งโดยไม่มีคำนำหน้าเหมือนเดิม

ถึงจะบอกตัวเองว่าไม่ควรถือสาหาความกับเด็ก แต่การเรียกแบบนี้สำหรับผมมันไม่ชินจริงๆ นอกจากเพื่อนหรือคนในครอบครัวแล้ว ปกติก็ไม่มีใครเรียกชื่อของผมห้วนๆแบบนี้ อาจเป็นเพราะตำแหน่งหน้าที่การงานที่อยู่เหนือคนอื่น จึงทำให้ชื่อของผมมีคำว่า “คุณ” นำหน้าเสมอ แม้แต่คนอื่นที่ไม่ได้ร่วมงานด้วยกัน แต่หากมีอายุน้อยกว่าเพียง 1 ปี หรืออ่อนเดือนกว่า ก็จะมีคำว่า “พี่” นำหน้าเสมอ

ยิ่งกับไอ้เด็กคนนี้ที่อ่อนกว่าทั้งวุฒิภาวะและวัยวุฒิ แล้วยิ่งมารู้ว่าความจริงแล้วมันเป็นเด็ก 9 ขวบในคราบของเด็กม.ปลาย แต่กลับเรียกชื่อห้วนๆ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ

“พี่จิม” ผมพูดเสียงเรียบ แก้คำเรียกให้มันเสียใหม่

มันไม่เพียงแต่ไม่ทำตาม ปากเล็กๆกลับสวนมาทันควัน

“จิม”

“พี่จิม”

“จิม!”

“...”

“จิมมม” ผมขมวดคิ้วเริ่มรู้สึกว่าถูกเด็กกวนประสาท มันนิ่งไปสักพักก่อนจะเรียกชื่อผมไม่หยุด

“จิม จิม จิม จิม จิม จิม จิม จิม จิม จิม” เหมือนมันกำลังสนุก เพราะริมฝีปากอิ่มขยับยิ้มบางๆ นัยน์ตาใสๆคู่นั้นก็ระยิบระยับเป็นประกาย

“ดื้อ”

คำพยางค์เดียวที่จำกัดความเป็นมัน และแน่นอน ไอ้เด็กดื้อตรงหน้าก็ไม่วายเถียงกลับ

“ไม่ดื้อ” ปากยื่นปากยาว ผละตัวยืนตรงๆแล้วกอดอกแน่นด้วยท่าทางอยากจะเหนือกว่า

“จิมมมมมม”

ลองจินตนาการภาพคนอื่นที่มาเรียกชื่อผมอย่างนี้แล้วรู้สึกคันไม้คันมืออยากจะตั๊นหน้ามันสักสองสามที แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองอีก ทำไมพอไอ้เด็กนี่เรียกแล้ว กลับรู้สึก ..เอ็นดู

ผมนิ่วหน้ารีบปัดความคิดประหลาดออกจากหัว กระแอมไอเป็นการใหญ่ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อมุ่งไปยังธุระของมัน

“เข้ามาทำไม?” ถามพลางขยับตัวเล็กน้อยปรับเปลี่ยนท่านั่งให้สบายขึ้น มันร้องอ้อในลำคอเบาๆ ก่อนจะหัวเราะแล้วเกาหัวแก้เก้อที่ตัวเองหลงลืมธุระสำคัญไป

“พี่เรให้มาถามว่า จิมจะออกไปกินข้าวข้างนอกเอง หรือจะฝากพี่เรซื้อ”

ผมกวาดสายตามองงานบนโต๊ะอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจ

“ฝากซื้อ”

โดยปกติแล้ว เวลาพักกลางวัน หากงานล้นมืออย่างเช่นวันนี้ ก็จะได้คุณเรคอยซื้อข้าวซื้อน้ำขึ้นมาให้

“จิมอยากกินไร”

“มึงจะซื้ออะไรก็ซื้อมาเถอะ”

มันทำหน้ามุ่ย เบะปาก ก่อนจะต่อว่าผม

“เขาอุตส่าห์พูดเพราะๆด้วย แต่ตัวเองดันพูดไม่เพราะ ไม่คุยด้วยแล้ว จิมนิสัยไม่ดี ไปหาพี่เรดีกว่า” พูดจบก็รีบวิ่งออกจากห้องไปทันที ผมมองประตูที่ค่อยๆปิดสนิทลงช้าๆ ห้องกลับมาเป็นปกติสุขไร้ความวุ่นวายอีกครั้ง

หากเปรียบช่วงชีวิตที่สงบสุขในช่วงเวลาเกือบ 5 ปีที่ผ่านมา เป็นเหมือนตะกอนที่ถ่วงอยู่ก้นแก้ว... ตอนนี้น้ำแก้วนั้นคงจะขุ่นคั่กเพราะตะกอนได้ถูกกวนขึ้นจนปั่นป่วนไปหมด

แม้ว่าบรรยากาศในห้องนี้จะกลับมาเงียบสงบแล้วก็ตาม แต่ผมรู้ดี ในความเงียบสงบกำลังมีบางสิ่งเริ่มเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย

หวังเพียงอย่างเดียว.. เวลา 3 วันต่อจากนี้ คงจะมากพอที่จะไม่ทำให้น้ำในแก้วขุ่นมากกว่าเดิม

 

.............

 
TALK :: รอบนี้ขออัพกระปิบกระปอยมาแบบเป็นเปอร์เซ็นต์เนอะ 55
เปอร์เซ็นถัดไป ใครที่รอพี่เตอร์ พี่เตอร์มาด้วยล่ะ -....- อดใจรออีกนิดเนอะะะะ
ขอบคุณทุกคำคอมเม้นท์มากๆค่ะ
ดีใจแทนพี่จิม ฮาาา (ปกติโดนด่าตล๊อดดด) 5555
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 30% [14/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: pornumpai-ka ที่ 14-10-2013 13:04:56
 :z2:
รอออออ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 30% [14/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: kissu111 ที่ 14-10-2013 13:05:54
 :oo1: รอต้าร์โดนจิ้มอยู่นะคะนิว  :katai3:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 30% [14/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 14-10-2013 13:34:59
ชักไม่อยากเจอพี่เตอร์ กำลังหลงจิมมมมมมของน้องต้าร์อยู่เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 30% [14/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: tsukishi ที่ 14-10-2013 14:08:28
บอกได้คำเดียวว่า "จิมซึน"
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 30% [14/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: koronekojung ที่ 14-10-2013 14:47:42
มาต่อทันใจมากค๊าาา >,.<
พี่จิมน่ารักอ่ะ
ต้าก็น่ารัก น่ารักมากเดี๋ยวพี่จิมทนไม่ได้นา~
มาต่อเร็วๆนะค๊ะ
รักคนแต่จุ๊บๆ
 :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 30% [14/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 14-10-2013 19:41:49
เขาชอบแบบนี้ๆๆๆ   :katai2-1:
แบบเก่าอย่าเพิ่งกลับมาน้าา
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 30% [14/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 14-10-2013 21:47:51
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่า
มันคนละเรื่องกันแล้ว

หวานไป ชิวไป
มันคือการพักยกก่อนมาม่าชามโตจะมาเสริฟสินะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 30% [14/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 14-10-2013 22:50:04
จิมเริ่มหลงต้าร์แล้วนะนั่น
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 30% [14/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 15-10-2013 00:32:51
สนุกค่ะ สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


ยังไงก็รอตอนต่อไปนะคะ 
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 30% [14/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: ไป๋ไป๋ ที่ 15-10-2013 00:41:36
น่ารักทั้งคู่เรย

รอติดตามต่อไป

 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 30% [14/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 15-10-2013 11:22:13
อ่านแล้วติดเลยอ่ะ จะรอติดตามตอนต่อไปนะคะ   :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 30% [14/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 15-10-2013 12:18:26
แล้วทำไมโผล่มาแค่นี้ล่ะคนเขี๊ยนนนนนนนน
เออ... ตามอ่านมาตั้งแต่เช้า
ทำเอาเราแบบ...ชาๆบอกไม่ถึง
เหมือนโดนทุบด้วยค้อนปอนด์เลย =[]=!!
แซมแม่งโคตรชั่วอ่ะ เกลียดมาก...เกลียดทุกครั้งที่มันปรากฎตัว
ส่วนจิม...เราว่านายทำตัวดีขึ้นนะ
ส่วนเซม...เรารักเธอว์ ><

ปล.ตอนที่คนเขียนเฉลยเรื่องอายุของต้าอ่ะ เราแบบ....




คนเขียนเป็นคนแต่งโคนันใช่มั้ยคะ?





มันดู...ต้องคิดแบบเยอะๆอ่ะ สมองกลวงๆอย่างเรานี่แบบ..จับไม่ติด 555555555555
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 30% [14/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 15-10-2013 13:21:41
ตอนที่ 28 สืบ 100%

VICTOR Part

“ไอ้วิค!”

“...”

“ไอ้วิคเตอร์!!”

“หะ..”

“เหม่ออะไรวะ”

ห้วงความคิดสะดุดลง ก่อนจะหันไปมองหน้าคนถามที่นั่งข้างๆกัน และเพราะคำถามนั้นของมันทำให้บทสนทาในกลุ่มเพื่อนหยุดลงกะทันหัน ทุกสายตาจับจ้องตรงมา ผมเลิกคิ้วก่อนจะโวยวายกลบเกลื่อน

“มองไรกูวะ เอ้า หยุดคุยกันทำไม คุยต่อดิ”

ไม่ทันแล้วครับ สถานการณ์วิกฤตยากต่อการกู้คืน พวกมันสามสี่ตัวพุ่งประเด็นมาที่ผม และยิงคำถามมาจนผมแทบพรุน

“ฮั่นแน่! ไอ้วิค มัวแต่นั่งคิดถึงสาวที่ไหนแต่หัววันวะ”

“ใครวะ พามาให้เพื่อนรู้จักหน่อยสิคร้าบบ อย่าเก็บไว้กิน เอ้ย.. อย่าเก็บไว้เชยชมคนเดียวดิวะ”

“พวกกูเพื่อนมึงนะเว้ย”

“หุบปากไปเลยพวกมึง” ยกมือชี้หน้าพวกมันทีละตัว แต่ไอ้พวกนี้หนังหน้า ไม่รู้สึกรู้สาอะไรหรอก

“พี่วิคเตอร์ฉุนเว้ย ฮ่าๆๆๆ”

“ไอ้เป๊บ มึงจะไปแซวเพื่อนทำไม ดูดิ ชูหางหน้าตั้งพร้อมจะกัดมึงแล้วน่ะ”

“มึงน่ะตัวดีไอ้โค้ก หุบปากไปเลย” พูดพลางมือก็ม้วนสมุดที่วางบนโต๊ะเป็นแท่งเรียวก่อนจะฟาดกระหม่อมมันด้วยความรักและปราณี

“ผัวเมียตีกันตลอดอ่ะพวกมึง”

“ผัวเมียพ่อง!” คุณชายโค้กหันไปด่าไอ้หมาเป๊บทันควัน ก่อนไอ้พุฒิผู้รักสงบจะเอ่ยทะลุขึ้นกลางป้องเสียงเรียบ แต่ดึงความสนใจจากพวกผมได้ชะงักนัก

“อีก 5 นาทีได้เวลาเรียนว่ะ วิชานี้สาย 5 นาทีถือว่าขาด กูไปล่ะ” มันพูดจบก็ไม่รอช้ารีบลุกก่อนใครเพื่อน พวกผมมองหน้ากันก่อนจะรีบลุกขึ้นตาม เหลือบมองนาฬิกาก็จริงอย่างที่ไอ้พุฒิมันว่า ตึกเรียนกับคอฟฟี่ช้อปแม่งไกลกันคนละโยชน์ โกยได้ก็โกยล่ะครับ

ความรู้สึกหนักอึ้งที่ติดค้างมาตลอดสามวันนับตั้งแต่ที่น้องออกจากบ้านปลิวหายไปทันทีเมื่ออยู่กับไอ้พวกนี้ ไม่มีเวลาไปคิดถึงเรื่องอื่นมากหรอกครับ เพราะต้องคอยด่าคอยปรามพวกมันไม่ให้คิดอกุศลซะมากกว่า

ยิ่งเรียน ยิ่งยากคำนี้ก็ได้ยินและเข้าใจมาตั้งแต่สมัยอยู่ม.ปลาย เรียนอะไรเยอะแยะโดยเฉพาะคณิตศาสตร์ ในชีวิตประจำวันสแควรูทอะไรนั่นก็ไม่เห็นได้ใช้ ใช้อย่างมากก็บวก ลบ คูณ หาร ยิ่งพอเข้ามหา’ลัย สองปีแรกก็ชิลๆดี แต่ปีสามนี่มันอะไร? การเรียนก้าวกระโดดจนตั้งตัวไม่ทัน คะแนนเข้าห้องที่ถึงแม้จะน้อยนิด แต่สำหรับชีวิตในปีนี้ เป็นคะแนนน้อยนิดที่จะไม่มีทางให้มันหดลงแน่ๆ

....

“เฮ้ย! เช็คชื่อยังวะ” เมื่อเข้ามาในห้องได้ก็พบว่าอาจารย์เข้ามานั่งประจำที่โต๊ะเสียแล้ว ไอ้โค้กสะกิดถามเพื่อนข้างหน้า เมื่อสาวเจ้าส่ายหน้าบอกว่ายัง พวกผมก็พากันถอนหายใจเฮือกอย่างพร้อมเพรียง

ได้ยินกิตติศัพท์ของวิชานี้มาเยอะว่าแจก F เป็นว่าเล่น ไม่ได้อยากทำตัวเป็นเด็กเรียน ที่เข้าเรียนเป๊ะๆ แต่สถานการณ์มันบังคับให้ต้องเป็นไปอย่างนั้น

หลังจากเช็คชื่อเสร็จ การสอนก็เริ่มขึ้น แต่เมื่อมองไปยังคนอื่นๆในห้อง ก็ใช่ว่าพวกมันจะตั้งใจเรียนอะไรมากมาย ไอ้คนข้างๆผมก็เหมือนกัน เริ่มขยับตัวยุกยิกหันไปหาไอ้พวกข้างหลังแล้ว

“เรื่องค่ายเอาไงวะ ปีนี้พวกมึงจะไปกันป่ะ”

“ถามหมาๆว่ะเชี่ยโค้ก มึงประธานค่ายไม่ใช่ไง ถ้าไม่ไปพวกกูคงโดนมึงกวนตลอดเช้าบ่ายสิวะ”

เมื่อคนถามได้รับคำตอบที่ค่อนข้างเป็นที่พอใจก็ยิ้มหน้าบาน วางข้อศอกลงกับพนักเก้าอี้แล้วพลิกตัวหันไปคุยด้วยท่วงท่าที่ถนัดมากขึ้น อีกมือที่ถือปากกาไว้ขยับหมุนเล่น

“เออ ทำดีมาก กูว่าจะไปพิษณุโลกว่ะ เริ่มทำโครงการละ งานนี้พวกมึงคงเหนื่อยกันหน่อย”

“จิ๊บๆว่ะ” ไอ้เป๊บพูดบอก ตบท้ายด้วยการขยิบตาส่งยิ้มยียวน

ป๊อก!

ปากกาที่ถืออยู่ในมือไอ้โค้กถูกฟาดลงเบาๆที่กลางกระหม่อมมัน ไอ้เป๊บทำหน้าทำตาเอาเรื่อง จะไม่ยอมท่าเดียว ทว่า..

“พวกคุณจะคุยกันอีกนานมั้ยคะ ถ้าไม่อยากเรียนก็เชิญออกไปจากห้องจะได้ไม่รบกวนการเรียนของคนที่เค้าตั้งใจเรียน”

ไม่ได้ระบุว่าพวกคุณที่ว่าหมายถึงใคร แต่สายตาของคนที่ถือปากกาไวท์บอร์ดกลับจ้องมาที่พวกผม ทำให้คนอื่นๆในห้องพลอยหันมองตาม

“ซวยแล้วไงกู” ไอ้โค้กทำปากขมุบขมิบพูดเสียงเบา ก้มหน้าลงหลบสายตา มือหยิบปากกาจับในท่าเตรียมเขียน ทำมือขยุกขยิกคล้ายจะกลับมาตั้งใจเรียนอีกครั้ง

อาจารย์หน้าห้องหันกลับไปสอนต่อ สักพักก็มีกระดาษขนาดเท่าฝ่ามือเลื่อนมาตรงหน้า

ผมอ่านข้อความบนนั้นแล้วหันไปมองคนข้างๆเล็กน้อย เขียนคำตอบที่อยู่ในใจลงไป ก่อนจะเลื่อนกลับไปหามันอีกครั้ง

มันอ่านข้อความนั้นแล้วยิ้ม พลางพูดเสียงเบา

“ขอบใจว่ะ”

......

เคยมีช่วงเวลาที่ยากลำบากจนอยากจะหยุดเวลาไว้หรือเปล่า?

ตอนนี้หากทำได้ ผมอยากจะหยุดเวลาเอาไว้เพียงแค่ในห้องเรียน ไม่ใช่ว่าอยากเรียนต่อ เพียงแต่ผมไม่อยากให้ถึงเวลากลับบ้าน

ความรู้สึกหนักอึ้งที่หายไปขณะหนึ่งเข้ามามีอิทธิต่อจิตใจอีกครั้งอย่างควบคุมไม่ได้ ยิ่งเข็มสั้นใกล้ชี้เลขสี่ และเข็มยาวใกล้ชี้เลขสิบสองเมื่อไหร่ ความกังวลก็ยิ่งเด่นชัดจนคนรอบข้างยังสังเกตเห็น

“มึงเป็นไรวะวิค ไม่สบายเปล่าวะ กูว่าหน้ามึงซีดๆตั้งแต่ตอนพักแล้วนะ” ไอ้โค้กที่เป็นเพื่อนเรียนนั่งข้างกันเอ่ยถาม แม้มันจะกวนตีน แต่มันก็เป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง มักจะคอยสังเกตเพื่อนแต่ละคนตลอด

“เปล่า กูไม่ได้เป็นอะไร” เอ่ยตอบปฏิเสธไปด้วยลำคอแห้งผาก บางครั้ง เรื่องบางเรื่องก็อยากเกินกว่าจะเล่าให้คนอื่นฟังได้

“ต้องขอโทษด้วยนะคะ วันนี้ครูมีธุระจะปล่อยก่อนเวลา”

คำพูดนั้นถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในประเทศเลยก็ว่าได้ ปกติแล้วอาจารย์คนนี้ไม่เคยปล่อยนักศึกษาก่อนเวลาเลยแม้แต่นาทีเดียว มีแต่สอนเกินเวลา เพราะงั้นผลตอบรับของคำพูดนั้นจึงเกิดเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีไปทั้งห้อง ใช่ครับ.. ทั้งห้อง ยกเว้นเพียงแค่ผม

“เงียบ!” เหมือนคำประกาศศิต ยังผลให้ทั้งห้องเงียบกริบในทันที ดวงตาดุๆแก่ความรู้ปรายมองใบหน้าของนักเรียนในปกครอบทีละคน ก่อนจะเริ่มพูด “พวกเธอก็โตๆกันแล้ว เก็บๆอาการกันหน่อยไม่เป็นหรือไง หรือว่าดีใจที่สัปดาห์หน้าฉันจะควิซพวกเธอสามบท และแน่นอน คะแนนควิซของคาบหน้า ไม่หารรวมกับครั้งอื่นๆ เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย” ริมฝีปากแสยะยิ้มอย่างสมใจ เมื่อได้ยินเสียงโอดครวญจากเหล่านักศึกษาดังขรม

เพราะนั่นถือเป็นการฆ่านักศึกษาทางอ้อม โหดร้ายเสียยิ่งกว่าหยิบไม้เรียวมาฟาดก้นเหมือนตอนเด็กๆอีก

ทว่ายิ่งได้ยินเสียงโอดครวญ อาจารย์ประจำวิชานี้ก็ยิ่งยิ้มมากกว่าเดิม เธอเก็บของแล้วเดินเฉิดฉายออกจากห้องอย่างไม่แคร์สิ่งใด

ไอ้โค้กเป็นคนแรกที่หันหลังไปหาบรรดาเพื่อนฝูงที่นั่งอยู่ด้านหลังพวกผม

“แม่ง เจ๊แกโคตรโหด ตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสามความโหดไม่เบาลงเลย มีแต่เหี้ยมกับเหี้ยมขึ้นทุกวัน”

ผลัวะ!

คุณชายพุฒิคนดีประจำกลุ่มถึงกับทนไม่ไหวฟาดฝ่ามือลงกลางกระบาลน้อยๆของไอ้โค้กเสียเต็มแรงจนมันหน้าทิ่มลงกับโต๊ะ

“นินทาครูบาอาจารย์มันบาปกรรมนะครับ” พูดพลางปัดมือไปมาแล้วยิ้มมุมปาก

ไอ้โค้กเงยหน้าขึ้น ยกมือลูบหัวที่เพิ่งถูกฟาด ปากอ้าเตรียมจะก่อสงครามน้ำลายขนาดย่อมๆ ทว่าผมกลับรีบลุกขึ้นยืนหลังจากเก็บของเสร็จทำให้สองฝ่ายที่กำลังจะโรมรันต้องหยุดชะงักกลางครัน

“วันนี้กูมีธุระ กลับก่อนนะเว้ย” อาศัยช่วงเวลาชุลมุนในการพาตัวเองออกจากห้องอย่างรวดเร็ว เพราะรู้นิสัยเพื่อนของตัวเองดี พวกมันไม่มีทางปล่อยให้ผมกลับได้ง่ายๆแน่ๆ หากยังไม่รู้ว่า ธุระที่ผมหมายถึงคืออะไร

 

ทางเดินที่ปกติมักจะทอดยาว วันนี้กลับรู้สึกว่ามันคล้ายจะหดสั้นกว่าปกติ

เดินไม่กี่นาทีก็มาถึงรถเก๋งสีดำเป็นมันที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถ

ยิ่งอยากให้เวลาเดินช้าลงเท่าไหร่ ก็ราวกับเข็มนาฬิกายิ่งเร่งเวลาเดินเร็วขึ้นเท่านั้น

 

วันนี้ทุกอย่างดูเป็นใจไปเสียทั้งหมด ตั้งแต่คาบเรียนที่เลิกเร็วกว่าปกติ อีกทั้งการจราจรบนท้องถนนก็ไม่ติดขัดเลยสักนิด เหมือนกับทุกอย่างเป็นใจให้ผมกลับถึงบ้านได้อย่างรวดเร็ว

ดับเครื่องยนต์ลงทันทีที่รถเคลื่อนเข้าจอดในโรงจอดรถ รู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัวโดยเฉพาะขาที่เหมือนโดนถ่วงด้วยหินก้อนใหญ่ทำให้ยากต่อการขยับกายลงออกไปยืนด้านนอก

ผมทอดสายตามองเข้าไปในบ้าน ..ทุกอย่างดูปกติ

ผมเป็นเพียงผู้ชายขี้ขลาด

เป็นผู้ชายที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง

เป็นผู้ชายที่เก่งแต่วิ่งหนีปัญหา

วันนี้เป็นวันครบกำหนดที่น้องจะกลับบ้าน ไม่ใช่ว่าไม่อยากเจอ ไม่ใช่ว่าไม่รักน้อง ..ผมเพียงแต่กลัวผลลัพธ์ของการรักษา

ถ้าเกิดว่ามันได้ผล

ถ้าน้องหายล่ะ..?

คิ้วขมวดเป็นปมแน่นกลางหน้าผาก หนักอึ้งไปทั้งใจ..

ผมค่อยๆผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ ก่อนจะลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในบ้านด้วยย่างก้าวที่ไม่มั่นคง

“กลับมาแล้วเหรอตาเตอร์” เสียงร้องทักของผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุดดังออกมาจากห้องครัว ผมหันไปมองเห็นเพียงแผ่นหลังของแม่ที่ตรงเอวมีเชือกของผ้ากันเปื้อนผูกเป็นโบว์ไว้ง่ายๆ

“ครับ กลับมาแล้ว” พูดตอบพลางกวาดสายตาไปทั่วบ้านเพื่อมองหาร่างเล็กๆของน้องชาย

“หิวมั้ย” แม่วางมือจากกระทะแล้วหันมาถาม ผมส่ายหน้าปฏิเสธแล้วหันหน้าไปมองหาต่อ

“หาอะไรน่ะ?”

“น้อง..” เค้นเสียงตอบแผ่วเบา กลืนน้ำลายหนืดลงคอหนึ่งอึกก่อนจะถามด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม “น้องล่ะครับ น้องอยู่ไหน”

“อ้อ ยังไม่กลับ บางทีอาจจะกลับพรุ่งนี้”

ยังไม่กลับ?

ผมพรูลมหายใจออกทางปากด้วยความโล่งอก ก่อนจะชะงักเล็กน้อย กระแสความเป็นห่วงแล่นริ้วไปทั้งใจ

“แต่ที่คุยกันไว้คือสองวันกลับไม่ใช่เหรอครับ”

“มันก็ใช่ แต่การรักษาอาจจะยืดเยื้อไง พอๆ น้องน่ะปลอดภัยน่า อยู่ในความดูแลของหมอ ไม่ต้องห่วงหรอก” แม่โบกมือไปมากลางอากาศ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด “ไปๆ ไปอาบน้ำจะได้ลงมากินข้าว”

ผมตอบรับแล้วเดินขึ้นห้องเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

การที่ได้รู้ว่าน้องยังไม่กลับบ้าน ทำให้ผมรู้สึกโล่งอก

วางใจที่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม

...ไม่มีคำครหา ไม่มีสายตาผิดหวัง ไม่มีคราบน้ำตาของพ่อและแม่ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม

วันนี้ผมยังคงได้รับความรักจากพ่อและแม่เหมือนที่เป็นมาตั้งแต่เด็ก

ผมเป็นผู้ชายเห็นแก่ตัวและขี้ขลาด

ผมเป็นพี่ชายที่ไม่ได้เรื่อง

...ผม ควรทำอย่างไรดี

 

.....

 

TA Part

“จิมมมม” ผมเรียกชื่อนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้ รู้แต่เพียงหลายครั้งเสียจนอีกฝ่ายคงจะเริ่มชิน ถึงได้ไม่ทำหน้ายักษ์ใส่เหมือนตอนแรกๆ

“อืม” เขาตอบรับเบาๆด้วยเพราะรู้ว่าหากนิ่งเงียบไม่ตอบรับสักคำแล้ว ผมจะเรียกชื่อเขาไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะยอมพูด

ผมขยับตัวนั่งหันข้าง หลังพิงกับประตูรถ มองใบหน้าด้านข้างของเขาที่สายตาคมคู่นั้นกำลังเพ่งอยู่ที่ถนนตรงหน้า พี่จิมกำลังตั้งใจขับรถ

“อยากกลับบ้าน” ผมพูดออกมาเบาๆ เรียกสายตาของอีกคนให้หันมามองได้ขณะหนึ่ง

ถึงการไปทำงานกับจิมจะสนุก ได้เล่นกับพี่เร พี่ต้นแล้วก็บรรดาพี่สาวทั้ง 5 คน แต่ก็ไม่เหมือนกับตอนที่ได้อยู่บ้าน

อยากกลับไปกอดพ่อ กอดแม่ แล้วก็เล่นกับเตอร์

“อึ่ก.. จิมม อยากกลับบ้าน ฮึก..” พยายามกลั้นน้ำตา ไม่ให้ร้องไห้ออกมา แต่พอคิดถึงพ่อกับแม่กับเตอร์ น้ำตาที่เก็บกดไว้ก็ไหลออกมาได้ง่ายๆ พี่จิมหันมามองหน้าผม นัยน์ตาคู่นั้นชะงักไปวูบหนึ่งก่อนจะเบือนหน้าไปยังถนนตรงหน้าเหมือนเดิม

“อย่าร้องไห้” น้ำเสียงที่ใช้พูดไม่ใช่โทนเสียงดุ

“จิมพาไปส่ง ฮึก.. ย อยากกลับบ้าน ฮึก ฮืออ..” ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ แต่ยิ่งเช็ดน้ำตาก็ยิ่งไหล

“อีก 3 วัน” เขาพูดออกมาเรียบๆ โดยไม่หันหน้ามามองผมเลยแม้แต่น้อย “อีก 3 วันจะพาไปส่ง หยุดร้องไห้ได้แล้ว” ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่กระแสเสียงนั้นอ่อนลง

อ่อนลงจนเกือบจะอ่อนโยน

ผมเบะปากหยุดร้องไห้แล้วป่ายหน้าเช็ดน้ำตากับแขนเสื้อ

“อย่า อึ่ก.. อย่าโกหกนะ”

“อืม” เขาทำเพียงตอบรับในลำคอเบาๆ ผมขยับตัวกลับมานั่งดีๆเหมือนเดิม ริมฝีปากเริ่มยิ้มได้อีกครั้งพลางยกมือขึ้นมาแล้วนับนิ้วของตัวเอง

วันนี้วันพุธ

หนึ่ง...พฤหัสบดี

สอง... วันศุกร์

สาม... วันเสาร์

วันเสาร์จะได้กลับบ้านแล้ว คิดถึงที่นอนนุ่มๆกับน้องเป็ดในห้องเตอร์ที่สุด อยากกลับไปกอด จะกอดแน่นๆ เอาหน้าซุก แล้วก็นอนทับให้แบนเลย

.....

มื้อเย็นวันนี้จบลงที่ร้านข้าวใกล้ที่พัก ผมกินข้าวผัดกุ้ง จิมกินข้าวผัดปู กลับมาถึงห้องก็โดนไล่ให้ไปอาบน้ำ ชุดนอนวันนี้หลวมโคร่ง เพราะเป็นเสื้อของจิม ไหล่ตก มองดูเงาสะท้อนที่กระจกก็ดูตลกดี แต่เนื้อผ้านิ่มและใส่สบาย หลังจากประแป้งที่หน้าเสร็จ ผมก็อาศัยช่วงเวลาที่จิมเข้าไปอาบน้ำกระโดดขึ้นเตียงแล้วยึดรีโมทมาครอง

นิ้วกดลงบนปุ่มรีโมท ลองสุ่มเลขช่องการ์ตูนเลขเดียวกับที่เคยดูที่บ้าน พลันรอยยิ้มปรากฏบนหน้าเมื่อโทรทัศน์ที่ห้องจิมใช้เลขเดียวกันกับที่บ้าน ผมลากผ้าห่มผืนหนาขึ้นคลุมกายก่อนจะล้มตัวลงนอนโดยวางรีโมทไว้บนพุง ดวงตาจับจ้องจอสี่เหลี่ยมที่ปรากฏภาพลูกแมวตัวลายสีเทาขาว

เผลอยิ้มตามกับการกระทำของมัน แล้วรู้สึกหมั่นเขี้ยวจนต้องคว้าหมอนของจิมมากอดไว้แน่น อ้าปากงับหมอนแล้วมุดหน้าลงไป

พลันเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกทำให้ผมรีบหันไปมอง จิมอาบน้ำเสร็จแล้ว

“จิมมมมม”

เขาเหลือบสายตาหันมามองแวบหนึ่ง แล้วก็เบือนกลับไปในเสี้ยววินาที ผมมุ่ยหน้า ตะกายตัวลุกขึ้นยืนแล้วกระโดดผลุงลงไปบนพื้นก่อนจะใส่เกียร์วิ่งไปหาร่างสูงแล้วคว้าข้อมือหนา ออกแรงลากจนขายาวๆนั่นยอมเดินตามมา

“อะไร” เขาถามขึ้นเมื่อหยุดยืนอยู่หน้าทีวี

“จิมว่าจี้น่ารักมั้ย”

“ไม่” เขาตอบกลับโดยไม่หยุดคิดแม้แต่น้อย

ผมนิ่งไปนิด ในหัวเร่งหาวิธีการปรับเปลี่ยนยุทธวิธีใหม่

“จิมนั่ง” ออกแรงลากคนตัวสูงกว่าให้เข้าไปใกล้เตียงแล้วผลักกายหนาให้นั่งลง

“อย่าเพิ่งลุกสิ!” ดุเสียงดังเมื่อเขาทำท่าจะลุกขึ้นยืน รีบออกแรงกดไหล่หนาไว้ ผิวจิมเย็น คงเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ หยดน้ำยังเกาะพราวบนอกอยู่เลย

“อะไรของมึง”

“จิมดู จี้น่ารักมั้ย” ผมชี้ไปที่ทีวีอีกครั้ง บนหน้าจอสี่เหลี่ยมปรากฏภาพลูกแมวตัวเล็กๆที่ยืนด้วยขาหลังสองข้าง อีกสองขาหน้ายกขึ้นแปะประตูมุ้งลวดก่อนจะกางกรงเล็บเกาะกับช่องลวดเล็กๆ แล้วออกแรงดันจะเปิดประตู

ผมยิ้มขำเมื่อมันเปิดประตูออกไม่ได้ เพราะประตูบานนั้นถูกไม้ดามเอาไว้ ทำให้จี้เซล้มไป

“น่ารักมั้ยย” หันไปถามคนที่นั่งบนเตียง รอยยิ้มบนหน้าค่อยๆจางลง กลายเป็นบูดบึ้งเมื่อจิมเบือนหันไปมองอย่างอื่น

“จิม!”

“อะไรของมึงนักหนา พอๆ กูจะไปแต่งตัว”

“ไม่ให้ไป” ผมย้ายตัวเองไปขวางหน้า แล้วใช้สองมือกดไหล่หนาทั้งสองข้าง ออกแรงกดจนร่างหนายอมทิ้งกายลงนั่งอีกครั้ง เขาเงยหน้าขึ้นมามอง ส่วนผมก็ก้มหน้ามองสบนัยน์ตาติดจะดุนั่นตรงๆไม่หลบไปไหน

“จิมว่าจี้น่ารักมั้ย”

“...” เขาไม่ตอบอะไร มีเพียงคิ้วเข้มที่คล้ายจะขมวดชนกันเล็กน้อยตรงกลางหน้าผาก

“จิม!” ผมเรียกชื่อเขา จึ๊ปากอย่างขัดใจเมื่อใบหน้าคมคายเบือนหันไปทางอื่นอีกแล้ว

ทำไม? จี้น่ารักจะตาย

ละสองมือออกจากไหล่แกร่งแล้วยกขึ้นประคองแก้มสาก จับบังคับให้หันมามองกันตรงๆ

“อยากได้”

“...อะไร” เขานิ่งเงียบไปสักครู่ก่อนจะถามออกมา

“จิมซื้อให้หน่อยได้มั้ย” ผมพูดแล้วยิ้มหวานตามแบบที่เคยชิน ตอนที่อยากได้อะไร พออ้อนพ่อกับแม่กับเตอร์แบบนี้  พ่อกับแม่กับเตอร์ก็ตามใจตลอด

“...”

ทำไมจิมเงียบ หรือว่าไม่ได้ผล?

ผมกัดริมฝีปากอย่างคิดหนัก ก่อนจะงัดไม้ตายไม้สุดท้ายขึ้นมา!

สองมือที่ประคองแก้มสากไว้กระชับให้มั่นขึ้น แล้วค่อยๆโน้มใบหน้าลงต่ำ สายตามองนิ่งที่ผิวเนื้อที่มือไม่ได้ปกปิด ก่อนจะกดจมูกและปากลงไปเต็มๆ

ฟอดด~

สูดจมูกหอมแก้มร่างสูงเสียฟอดใหญ่ก่อนจะค่อยๆละหน้าออกห่างแล้วมองสบกับนัยน์ตาที่ดูเหมือนจะเบิกตากว้างเล็กน้อยนั้นนิ่งๆ

“พรุ่งนี้พาต้าไปซื้อจี้นะ”

“...”

“จิมมม” ผมเรียกชื่อเขาอีกครั้งเมื่อจิมเอาแต่นิ่งเงียบ

คิ้วเข้มยิ่งขมวดเป็นปมแน่นกว่าเดิม เขามีท่าทีอึกอักเล็กน้อยก่อนจะหลุบตามองมือผมที่ยังแปะแก้มเขาอยู่ทั้งสองข้าง พลางมือหนายกขึ้นแล้วค่อยๆจับมือผมออกจากแก้ม

ทำไม? จะซื้อให้แล้วเหรอ?

ทว่าร่างหนากลับใช้ช่วงเวลาที่ผมดีใจ ลุกพรวดขึ้นแล้วรีบก้าวยาวๆเดินออกห่างทันที ผมเบิกตากว้าง ปากอ้าค้างเล็กน้อยด้วยคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะชิ่งหนีกันซึ่งๆหน้า

“จิม!!” ตะโกนลั่นห้องเตรียมใส่เกียร์จะวิ่งเข้าไปหาอีกฝ่าย ทว่าคนรู้ทันกลับหมุนกายกลับมาแล้วยกมือชี้หน้า!

“หยุด! ถ้าอยากได้ตุ๊กตาแมวอะไรนั่นห้ามเข้าใกล้กู”

หะ..

ขาที่กำลังจะก้าวเข้าไปใกล้พี่จิมชะงักค้างลอยเหนือพื้น กระพริบตามองปริบๆ ไม่เข้าใจกับสีหน้ายุ่งเหยิงนั้น

แต่.. เขารับปากว่าจะซื้อจี้ให้ผมแล้วใช่มั้ย?

“จิมมมม” ร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความดีใจ ขยับขาจะวิ่งเข้าไปหา ทว่าร่างสูงกลับก้าวถอยหลังแล้วชี้หน้าผมก่อนจะปรามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแข็งกว่าเดิม

“หยุด!!”

หะ...

ผมนิ่งค้างอยู่กับที่อีกครั้ง

หยุดทำไมอะ.. แค่จะถามว่า จะซื้อให้จริงๆใช่หรือเปล่า

อ อ้าว.. จิมเดินหนีผมทำไม!!?

ปัง!

ประตูห้องถูกปิดดังโครมใหญ่ไล่เลี่ยกันกับที่ร่างสูงเดินออกจากห้องไป ผมมองตามด้วยความรู้สึกงงงวย ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา เมื่อปฏิบัติการณ์สำเร็จ

จี้~

 

 

_____________________________________________

TALK :: อ่านเม้นท์ไปก็ขำไป เชื่อมั้ย ว่าเนี่ย มันฟ้าหลังฝนจริงๆ ไม่มีอะไรแล้ว (มั้ง)
แต่จะว่าไปก็จริงอย่างที่นักอ่านบางท่านว่า มันคนละเรื่องกันจริงๆ 5555
พี่จิมเริ่มหลงน้อง แล้วนักอ่านล่ะ เริ่มหลงน้องกับพี่จิมกันหรือยังงงงง
เจอพี่จิมโหมดนี้ ทำเอาแต่งแทบไม่ได้ ขำพี่มัน 55 แลดูจะแพ้ทางน้องไปซะทุกทาง
ขอบคุณความคิดเห็นน่ารักๆที่มีให้มากๆเลยนะคะ อ่านไปยิ้มไปเลย
เพื่อเป็นการตอบแทน จะรีบไปปั่นตอนที่ 29 มาให้ได้อ่านกันเร็วๆเนอะ
แล้วเจอกันใหม่ค่ะ จุ้บบบบบ
รักนักอ่าน

 
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 100% [15/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: pornumpai-ka ที่ 15-10-2013 13:40:40
 :z1:

โอ้ววว  น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 100% [15/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoke ที่ 15-10-2013 14:29:20
 :hao7:

 จิม  ต้า น่ารัก
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 100% [15/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 15-10-2013 15:52:58
สงสารจิม  :z1: เป็นคนดีก็เป็น แสดงว่าคืนแรกนี่

 ด้านมืดของแกใช้มั๊ย ทำกับน้องต้าได้ซาดิสขนาดนั้นอ่ะ :jul1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 100% [15/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: ไป๋ไป๋ ที่ 15-10-2013 16:12:06
อร๊ายยย....จิมน่ารักอ่ะ

แพ้ทางน้องต้าซะด้วย หุหุ

 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 100% [15/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 15-10-2013 18:04:36
 :mew1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 100% [15/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: anuruk97 ที่ 15-10-2013 18:10:06
ฟ้าหลังฝนจริงๆๆด้วย   :mew1:    ทำไมน่ารักอย่างนี้  ทั้งจิมและต้า  น่ารักฟุดฟุด
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 100% [15/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 15-10-2013 18:30:47
เด็กมันรุกหนักเว้ยเห้ย!!
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 100% [15/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 15-10-2013 19:19:27
กลัวอดใจไม่ไหวล่ะสิ จิมมมมม
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 100% [15/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 15-10-2013 19:27:44
5555555555.
จิม รีบหนีไปทำอะไรอ่ะ หุหุๆ
ทนความน่ารักของน้องไม่ได้ละสิ
 :o8:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 100% [15/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 15-10-2013 23:44:38
จิมแพ้ลูกอ้อนต้าสินะนั่น
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 100% [15/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: waxman ที่ 16-10-2013 04:13:45
 :hao7: น้ิองต้า อ้อนพี่จิมซะ กลัวอดใจไม่ไหวเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 100% [15/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 16-10-2013 10:49:40
น่ารักเกินไปแย้วววว :ling1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 100% [15/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: koronekojung ที่ 16-10-2013 17:54:19
กรี๊ดดดดดด ตอนนี้เอาใจไปเลยค่ะ
รักต้า รักพี่จิม รักคนแต่งด้วย !!!!!

มาเร็วทันใจอีกแล้ว  รีบมาต่อนะค๊ะ
ฟ้าหลังฝนบ่อยๆนะ 55555
 o13 o13

จุ๊บๆ

หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 100% [15/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: kakaris ที่ 16-10-2013 20:50:49
จิมมมมม น้องน่ารักเนอะ  :-[
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 100% [15/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: tsukishi ที่ 16-10-2013 22:43:26
น่าร้ากกกก :ling1:
อ้อนแบบนี้เอาไปสิบจี้เลยค้าาา

(อีกสามวันพี่จิมจะ"ทน"ไหวเร้ออ 5555)
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 28 สืบ 100% [15/10/56] P.13
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 17-10-2013 18:18:19
ตอนที่ 29 อยากได้

JIM Part

วันนี้เป็นวันที่สามที่ผมมาทำงานโดยมีเด็กม.ปลายที่โตแต่ตัวติดมาด้วย มาถึงก็เหมือนเดิม อยู่ข้างนอกกับพวกคุณเร ผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวยุ่งอย่างมันจะทำให้การทำงานของคุณเรกับคนอื่นๆด้านนอกพลอยลำบากไปด้วยหรือเปล่า แต่จากคำบอกเล่า การที่มันไปขลุกตัวอยู่ด้วยก็ไม่ทำให้งานติดขัดตรงไหน พวกเธอกลับรู้สึกดีเสียด้วยซ้ำ เมื่อใครทำงานเสร็จหรือว่างงานก็จะผลัดเปลี่ยนไปเล่นกับมัน ถือเป็นการคลายเครียดได้ดี

ก็เปรมมันสิครับ มีคนใจดีไปเล่นด้วยตั้งหลายคน

มันเปรม แต่ผมนี่สิตรม

วางมือจากเอกสาร พลางใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้คลึงสันจมูกก่อนจะเปลี่ยนไปบีบนวดบริเวณสะบัก แล้วหมุนคอไปมาไล่อาการเมื่อยขบ

เมื่อเช้าตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองนอนอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ทำให้สับสนเล็กน้อยว่า จริงๆ แล้วห้องนี้เป็นของใครกันแน่ ทำไมต้องเป็นผมที่มานอนบนโซฟาแข็งๆอย่างนี้ จนพาลให้ปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด

แต่พอนึกถึงสาเหตุที่ทำให้ต้องย้ายนิวาสสถาน ก็ทำให้หมดข้อโต้เถียงใดใดกับตัวเองอีก

โอเค ผมยอม

อยู่ใกล้กับเด็กนั่น มันอันตรายเกินไป...

.....

แน่นอนว่าเวลาเลิกงานเป็นช่วงเวลาที่ใครหลายคนกำลังเฝ้ารอ หรือแม้แต่...

แอ๊ด..

ประตูบานหนาถูกเปิดออกจากด้านนอก และเพราะถูกเปิดโดยไม่มีการเคาะขออนุญาตก่อน ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าคนทำเป็นใคร

และก็เดาไม่ผิดเมื่อเจ้าของฝีมือก้าวฉับๆตรงมาหาผมอย่างหมายมาด

ดูท่ามันจะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมและชินกับสิ่งรอบตัวได้ดีเกินคาด โดยเฉพาะกับพนักงานด้านนอก ตอนนี้ไอ้ต้าก็รู้จักเขาไปทั่ว และสนิทยิ่งกว่าผมที่ทำงานกับพวกนั้นมานานเกือบ 4 ปีเสียอีก ไหนจะยังสีหน้าและท่าทางตอนเดินมาหาผม ไม่ได้ดูกล้าๆกลัวๆเหมือนกับตอนแรก

เดินมาถึงก็ไม่หยุดยืนอยู่อีกฝากของโต๊ะอย่างที่เคย มันกลับมายืนอยู่ข้างๆแล้วถือวิสาสะดึงงานออกจากมือผม ก่อนจะคว้าแขนไปจับ แล้วออกแรงดึงจนผมต้องยอมลุกขึ้นยืน

“งานยังไม่เสร็จ” พูดเสียงเรียบพร้อมทั้งก้มหน้าลงมองอีกฝ่ายที่เงยหน้ามองกันอย่างดื้อรั้น

“แต่งานเลิกแล้ว” เถียงออกมาอย่างไม่รับฟังเหตุผลอะไร อีกทั้งมือเล็กสองข้างนั้นก็บีบแขนผมแน่น

“ขอทำงานก่อน ตกลงมั้ย” พยายามพูดต่อรองอย่างใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้

“แต่จิมรับปากแล้วว่าจะพาไปซื้อ”

“ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่พาไป”

มันนิ่งไปเหมือนกำลังคิดตามคำพูดของผม

“พูดแล้วห้ามคืนคำ”

“อืม”

ทันทีที่ได้คำตอบอย่างที่หวัง มันก็ปล่อยมือออกจากแขนของผม แล้วย้ายตัวเองไปนั่งรอบนโซฟาที่จัดไว้มุมห้องเป็นมุมสำหรับดื่มน้ำชา ปกติแล้วผมก็แทบไม่มีโอกาสได้ใช้สักเท่าไหร่ มีไว้เพื่อรับรองแขกที่มาหาเสียมากกว่า

ผมหันกลับไปตั้งสมาธิกับกองเอกสารบนโต๊ะอีกครั้ง ทว่าอ่านไปได้เพียงสามบรรทัดก็ต้องสะดุดกึกเมื่อรู้สึกได้ว่าตนเองกำลังตกเป็นเป้าสายตา ลอบถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองตรงไปยังมุมห้อง สิ่งมีชีวิตที่นั่งอยู่บนโซฟาเหมือนจะรอจังหวะเวลานี้ก็รีบส่งยิ้มจนตาหยีมาให้ ผมมุ่นคิ้วเล็กน้อยทำเป็นไม่สนใจแล้วก้มลงมองเอกสารในมืออีกครั้ง

มันนั่งรอเงียบๆ ไม่ได้ส่งเสียงรบกวนอะไรก็จริงอยู่ แต่การที่มันนั่งมองผมตลอดเวลาอย่างนี้ ก็ทำให้ผมไม่มีสมาธิจดจ่อกับงานที่กำลังทำ สุดท้ายแล้วผมก็ต้องยอมแพ้มัน วางแฟ้มลงบนโต๊ะ จัดการปิดคอมพิวเตอร์แล้วหยัดกายขึ้นยืน ไม่ลืมคว้าเสื้อสูทที่พาดบนพนักเก้าอี้ติดมือมาด้วย เมื่อมันเห็นผมยืนขึ้น มันก็รีบเด้งกายลุกยืนตาม

“จิม ทำงานเสร็จแล้วเหรอ” ถามพร้อมกับยิ้มหน้าซื่อตาใส นัยน์ตาคู่นั้นเป็นประกายปกปิดความดีใจไว้ไม่มิด

“อืม”

ตอบ ‘อืม’ ไปแม้ว่าความจริงแล้วจะไม่ใช่อย่างนั้น

“ป่ะ ไปกัน” มันรีบปรี่เข้ามาคว้ามือผมก่อนจะจูงออกมาจากห้องทันที ด้านนอกยังมีพวกคุณเรทำงานกันอยู่ ทุกคนด้านนอกต่างมองผมกับมันยิ้มๆ

“จะไปกันแล้วเหรอคะน้องต้า” เป็นคุณอิงที่เอ่ยถาม

“ครับ พี่จิมบอกจะซื้อจี้ให้”

ผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่ารอยยิ้มบนริมฝีปากของแต่ละคนคล้ายจะกว้างมากกว่าเดิม

“เที่ยวกันให้สนุกๆนะคะ”

“คร้าบผม” ไอ้นี่ก็ยิ้มตอบรับหน้าระรื่น ก่อนจะหันมาเร่งผมเป็นการใหญ่ “ป่ะเร็วจิม เดี๋ยวจี้หมด”

ทำไงได้ล่ะครับ?

ขัดได้เสียที่ไหน

.....

เมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้า คนข้างกายก็ดูเหมือนจะอารมณ์ดีกว่าปกติ

“จิม!” มันร้องเรียกแล้วกระตุกแขนเสื้อผม อีกมือชี้ไปด้านหน้าที่มีงานอีเว้น มีบูธสัตว์เลี้ยงจัดเรียงราย มิน่า ตั้งแต่เดินเข้ามาเห็นบางคนจูงหมาพันธ์เล็ก พันธ์ใหญ่มาอวดกันให้เต็มไปหมด

ดูเหมือนจะเริ่มเห็นเค้าลางของความวุ่นวายขึ้นมารำไร

มันดูตื่นตาตื่นใจไปหมด มือเล็กสอดเข้ามาจับมือผมไว้แล้วออกแรงดึงพาตรงไปยังบูธแรกที่อยู่ใกล้ประตูที่สุด มันปล่อยมือออกจากผมทันทีก่อนจะถลาไปยืนเกาะรั้วเตี้ยๆแล้วมองบรรดาแพะสีขาว พลางจ้องมองคนที่กำลังให้นมแพะไม่วางตา

“จิมมม” มาแล้วครับ กับเสียงเรียกนี้

ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมอยากจะเปลี่ยนชื่อให้รู้แล้วรู้รอดเหมือนครั้งนี้

“อะไร” มันหันมาหาทั้งตัว สองมือจับแขนผมไว้แล้วมองด้วยสายตา.. อ้อนๆ

“อยากป้อนนมแพะ ป้อนได้มั้ย” มันอ้อนทั้งสีหน้าและแววตา มือยังเกาะแขนผมไม่ปล่อย ผมรีบเสตามองไปยังแพะหลายสิบตัวที่อยู่ภายในรั้วเล็กๆ

เพียงแค่มันมอง ผมก็รู้สึกเหมือนถูกโจมตีอย่างจัง เดิมทีคิดจะปฏิเสธ แต่หัวกลับไพล่ไปคิดถึงวิธีการอ้อนของมันเมื่อคืนแล้วรีบเปลี่ยนแทบไม่ทัน

“นะจิมนะ” มือเล็กเขย่าแขนผมเบาๆ กลิ่นแชมพูหอมๆกลิ่นเดียวกับที่ผมใช้ ลอยมาเตะจมูกเมื่อหัวทุยๆขยับเข้ามาชิดมากกว่าเดิม

ผมนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ว่าก้อนเนื้อใต้อกซ้าย คล้ายจะเต้นผิดจังหวะ..

รีบหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วควักเงินยื่นส่งให้คนตรงหน้าหวังจะให้มัน ผละตัวออกห่างจากผมโดยเร็ว

เมื่อตามใจเข้าหน่อย มันก็ยิ้มกว้างจนตาหยี ยกมือไหว้แล้วรับเงินจากมือผมไปซื้อนมที่บรรจุขวดตรงที่จำหน่าย

ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่คิดว่ามันจะไหว้ ..ถึงมันจะเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ แต่เชื่อมั้ย ว่าแค่มันไหว้แค่นี้ ก็ทำให้ผมมองว่ามัน น่ารักขึ้นอีกเยอะ

.....

หลังจากเสร็จจากการให้นมแพะ เรื่องวุ่นๆคงจะหมดไปใช่มั้ยครับ แต่ความจริงแล้ว ไม่เลย

ผมมองไอ้ตัวดีที่แซะๆ แทรกตัวเข้าไปหาลูกมาในกรง แล้วเอานิ้วแหย่ๆเข้าไปเพื่อสัมผัสขนนิ่มๆ เจ้าหมาก็ใช่ย่อย เดินเบียดมาใกล้กรงให้มันสัมผัสได้ถนัดขึ้น

“จิมมม” อีกแล้วครับ กับเสียงเรียกชื่อผมแบบนี้ มันเรียกชื่อผมได้ทั้งวัน แต่ก็น่าแปลก ที่ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันน่ารำคาญ

“ห้ามซื้อนะ” ผมชิงบอกก่อนที่มันจะร้อง ‘อยากได้’

หน้าใสๆมุ่ยลงเล็กน้อย ก่อนจะยอมพยักหน้ารับแบบจำใจ แล้วกลับมายืนอยู่ข้างผม แต่ก็ไม่วายมองหมาในกรงด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์

จบจากหมา ..สิ่งถัดมาก็สร้างความปวดหัวให้ผมไม่แพ้กัน เพราะตอนนี้ไอ้ตัวแสบวิ่งปรี่เข้าไปเกาะกรงลูกแมวแล้ว!

จับไม่ได้ ห้ามไม่ทันเลยครับรอบนี้

“จิม อยากได้!”

ผมแทบจะหันหน้าหนีไม่ทัน ครั้นพอจะเดินหนี คนที่สูงเพียงไหล่ก็มายืนขวางหน้า ทำปากยื่นปากยาวมองผมด้วยสายตาต่อว่า ที่ไม่หยุดรอมัน

“จิม ตัวนั้นเหมือนจี้เลย ถ้าจิมซื้ออันนี้ให้ ตุ๊กตาจี้ไม่เอาแล้วก็ได้” พูดจบก็ชี้ไปที่ลูกแมวที่อยู่ในกรง ความสูงของที่ตั้งระดับสายตา ลักษณะของมันก็ไม่เหมือนแมวที่มันให้ดูในทีวีเมื่อวานเท่าไหร่ เพียงแต่ตัวสีเทา และมีขนสีดำเป็นลาดพาดบนตัว ใบหน้าเล็กๆสีขาวมองมาที่พวกผมตาแป๋ว

ผมหันกลับมามองคนตรงหน้าอย่างประเมินก่อนจะปฏิเสธ

“ไม่ได้ กลับไปเอาตุ๊กตานั่นล่ะดีแล้ว”

หน้ามันมุ่ยลงทันควัน ริมฝีปากเบะออกคล้ายจะงอแงอีกระรอก

“อยากได้!”

“เลี้ยงมันได้หรือไง?”

“...ได้สิ แค่ให้น้ำให้อาหารแค่นั้นเอง ไม่เห็นจะยากเลย” มันก็ยังยืนยันว่าอยากจะได้ลูกแมวอีก

“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก”

“แต่ก็ไม่ยาก” โต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้

ผมมองคนตรงหน้าอย่างช่างใจ เท่าที่ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน ทำให้รู้เลยว่ามันค่อนข้างดื้อ และดื้อมาก

ไม่รู้ว่าการใช้เหตุผลเข้าคุยจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน แต่ลองดูสักตั้งก็ยังดีกว่าไปห้ามมันทั้งๆที่ไม่อธิบายอะไร

“รอโตกว่านี้ก่อนแล้วจะซื้อให้” ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆเป็นการปรามเมื่อมันขยับปากจะเถียง “ตอนนี้มึงยังเด็กเกินไป เลี้ยงแมวไม่เหมือนเล่นขายของ”

“ต้าก็ไม่ได้คิดว่ามันเหมือน” ขยับปากขมุบขมิบเถียงออกมาเบาๆ สายตาที่มองมายังคงดื้อรั้นและยังไม่ลดความอยากได้ลงเลยสักนิด

“ลองคิดบ้างมั้ยว่าถ้าวันไหนต้องออกไปข้างนอก แมวมันจะอยู่ยังไง”

อีกฝ่ายนิ่งคิดตามที่ผมบอก ก่อนจะตอบออกมา

“ก็เอาไปด้วย”

“ถ้าเกิดว่าที่นั้นห้ามไม่ให้เอาสัตว์เลี้ยงเข้าล่ะ” คราวนี้หน้ามุ่ย คิดหนักกว่าเดิม

“ต้าก็ไม่ไป”

“ถ้าเกิดว่ามันไม่สบายล่ะ”

“ก็พาไปหาหมอไง พี่จิมถามอะไรเนี่ย นะๆ ไม่เอาตุ๊กตาจี้แล้ว จะเอาแมวตัวนี้”

“ถ้าเกิดว่าเลี้ยงแล้วมันตายล่ะหืม”

ริมฝีปากสีเรื่อเบะออก หันไปมองแมวตาละห้อย

“ไม่ตายหรอก ต้าจะเลี้ยงดีๆ” เถียงออกมาเสียงเบาๆ แม้นัยน์ตาคู่นั้นจะกำลังสั่นไหวก็ตาม

“ถ้าคิดว่าเลี้ยงได้ ก็ลองดู แต่บอกไว้ก่อนนะว่ากูไม่ช่วยเลี้ยง” พูดจบก็เดินเข้าไปใกล้กรงแมวเตรียมจะซื้อให้มัน ทว่าเดินได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกกระตุกชายเสื้อจากข้างหลังรั้งไว้

ผมหันไปมอง ต้าจับชายเสื้อผมแน่น กัดปากอย่างใช้ความคิดก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ไม่เอาแล้ว ไปซื้อตุ๊กตากัน”

ผมยิ้มมุมปาก อย่างน้อยมันก็ยังฟังสิ่งที่ผมพูด ไม่ได้ดื้อไปซะทุกเรื่อง

“เก่งมาก”

เมื่อได้รับคำชม สีหน้านั้นก็แลดูสดใสขึ้น อีกทั้งรอยยิ้มก็กว้างมากกว่าเดิม จนผมอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปขยี้กลุ่มผมสีเข้มอย่างเบามือ มันยิ่งยิ้มตาหยีไม่ได้จับมือผมออกแต่อย่างไร แต่เป็นผมเองที่ชะงักค้างก่อนจะค่อยๆลดมือลงแล้วรีบเดินไปยังบันไดเลื่อนทันที

“จิม! ไม่รออีกแล้วนะ!!”

ไม่หันไปมองแม้จะได้ยินเสียงโวยวายดังแว่วๆอยู่ด้านหลังก็ตาม

สัมผัสจากเส้นผมนิ่มที่จับเมื่อครู่ ยังรู้สึกอยู่ที่มือ หรือแม้แต่กลิ่นแชมพูที่ได้กลิ่น ก็ยังรู้สึกเหมือนกับว่ามันยังติดที่ปลายจมูก

ไหนจะรอยยิ้ม.. แม้ไม่ได้หันไปมอง แต่ผมก็จำรอยยิ้มของมันได้ดี

หน้านิ่วเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ว่า น้ำในแก้ว เริ่มจะขุ่นมากกว่าเดิม ปั่นป่วนจนหัวใจเต้นรัว

....

 

SAME Part

Trrrrrrrr

โทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่กำลังกินอาหาร เห็นหน้าจอปรากฏเป็นเบอร์แปลก ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะวางมือจากช้อนและส้อมพลางยกน้ำขึ้นดื่ม มองคนที่ร่วมโต๊ะด้วยที่นั่งฝั่งตรงข้ามก่อนจะยกมือถือชูขึ้นให้ดูเป็นการบอกว่าขอตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อน

ดิวพยักหน้าเล็กน้อย ผมจึงลุกขึ้นและเดินออกมาหน้าร้าน ก่อนจะกดรับสาย

“สวัสดีครับ” กรอกเสียงทักทายลงไปและนิ่งรอฟังคำพูดตอบกลับ

“สวัสดีค่ะ นั่นใช่หมอเซมหรือเปล่าคะ”

หืม? เลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตอบรับ

“ครับ ใช่ครับ นั่นใครครับ”

ที่ถาม เพราะปกติผมไม่ได้ให้เบอร์โทรกับใคร หากเป็นคนไข้ ส่วนใหญ่จะมีแต่เบอร์ของที่โรงพยาบาล

“แม่ของต้าไงคะ”

ริมฝีปากเหยียดยิ้มเล็กน้อย พลางสอดมือลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะตอบรับออกไป

“อ้อ คุณแม่ของน้องนี่เอง ว่าไงครับ”

“ตอนนี้การรักษาไปถึงไหนแล้วคะ วันนี้ก็ได้กำหนดที่เราตกลงกันไว้แล้ว ทำไมยังไม่พาต้ากลับบ้านล่ะคะ”

“การรักษาเป็นไปด้วยดีครับ อาการของคนไข้เหมือนจะดีขึ้น เริ่มจำเรื่องราวได้บ้างแล้ว แต่ที่ยังไม่พากลับนั้น ผมเองก็กำลังจะโทรไปบอกกับคุณแม่อยู่พอดี ผมอยากยืดเวลาให้คนไข้อยู่ใกล้ชิดผมมากขึ้น เพราะจะได้ทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มว่าความทรงจำของคนไข้กลับมาโดยสมบูรณ์เร็วๆนี้”

“จริงเหรอคะ ดีจังเลยค่ะ คุณหมอพอจะทราบมั้ยคะ ว่าต้องใช้เวลาอีกประมาณกี่วัน”

“ผมยังบอกไม่ได้ครับ แต่ผมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบเป็นระยะ คุณแม่จะได้วางใจ”

“ขอบคุณมากค่ะ”

“ยินดีครับ”

ผมดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหูเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณพลางแสยะยิ้มมุมปาก แล้วเก็บโทรศัพท์ลงที่เดิม

ไม่รู้ป่านนี้ไอ้เด็กนั่นจะเป็นยังไงบ้าง หวังเพียงอย่างเดียวว่าน้องชายสุดรักจะไม่ทำอะไรรุนแรงกับมันจนเกินไป

เหลียวหันกลับไปมองด้านหลังก็เห็นว่าดวงตากลมโตอันเป็นเครื่องประดับบนดวงหน้าหวานกำลังมองมา ผมยิ้มให้บางๆก่อนจะปรับอารมณ์แล้วเดินกลับเข้าไปในร้าน

“อิ่มแล้วเหรอไงเรา” ถามขณะที่นั่งลงที่เดิม เห็นอีกฝ่ายรวบช้อนและส้วมรวมกันเรียบร้อย

“ครับ อิ่มแล้ว พี่ล่ะ กินต่อได้นะ เดี๋ยวผมนั่งรอ”

ผมเหลือบมองข้าวเล็กน้อย ก่อนจะหยิบน้ำมาดื่ม วางแก้วลงแล้วส่ายหน้าเบาๆ

“ไม่ล่ะ พี่เองก็อิ่มพอดี” ผมมองใบหน้าหวานของเพื่อนร่วมงานที่เป็นทั้งรุ่นน้องสมัยเรียนที่กำลังยิ้มน้อยๆ ปากยิ้มแต่ตาหม่นเศร้า มีเสน่ห์ชวนมอง แต่ไม่ตราตรึง ก่อนจะถามขึ้นเป็นการเปิดบทสนทนา "เป็นไง อาหารร้านนี้ใช้ได้มั้ย"

"ผมว่าอร่อยทีเดียว"

"ถ้าอย่างนั้น วันหลังพี่จะพามากินใหม่"

"งั้นคราวหน้าให้ผมเลี้ยงพี่นะ"

"ตามใจ" ผมตอบไปยิ้มๆ ก่อนจะถามเรื่องที่ค้างคาใจมาตลอดเวลา เพียงแค่รอสบเวลาที่จะถาม

"กับไอ้จิมไปถึงไหนแล้ว"

ดิวชะงักไปเล็กน้อย แสร้งกลบเกลื่อนโดยการยกน้ำขึ้นดื่ม ดวงตาหวานซึ้งหลุบต่ำไม่มองสบตา

"ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร" ผมพูดตัดบท สร้างภาพลักษณ์เป็นคนดีอย่างที่อีกคนนึกเชื่อ เหลือบมองหน้าปัดนาฬิกาที่บอกเวลา 6 โมงนิดๆ ก่อนจะยกหยิบบิลบนโต๊ะมาถือไว้

"ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะเข้าเวรกันสายซะเปล่าๆ"

ดิวพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้น

หลังจากจ่ายเงินเสร็จ ผมกับดิวก็พากันลงบันไดเลื่อนไปยังชั้นล่าง ตลอดทางเดินไม่มีบทสนทนาใดๆ แต่ความเงียบเพียงแค่นี้ก็เป็นคำตอบที่เพียงพอแล้วสำหรับผม

เรื่องทุกอย่างไม่ได้ผิดไปจากที่คิดสักเท่าไหร่ ผลลัพธ์ครั้งนี้ก็เหมือนกับที่ผ่านมา

..มันยังเป็นคนเดิมที่จมอยู่กับอดีต และอ่อนแอเกินกว่าจะก้าวผ่านเส้นนั้นมาได้

เพราะมันเป็นอย่างนี้ ผมจึงรู้สึกวางใจและมั่นใจว่าจะไม่มีใครทำให้มันหลุดพ้นจากพันธนาการของอดีต

ผมไม่ได้หวังจะครอบครองมัน เพียงแค่หวังจะเห็นมันเป็นอย่างนี้..  ทุรนทุรายจากพิษบาดแผล จนปิดกั้นตัวเอง..

....

ผมหันไปมองข้างกาย พลันเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเจอแต่ความว่างเปล่า มองกลับไปด้านหลังถึงได้เห็นว่า ดิวยืนนิ่งไม่ไหวติง สายตามองไปยังจุดๆหนึ่งไม่ละสายตา ทำให้ผมต้องหันไปมองตาม

พลันเลือดในกายเย็นเฉียบเมื่อเห็นมันยืนอยู่ตรงนั้นกับคนที่ผมต้องการจะกำจัดมันออกจากเกมส์หมากกระดานนี้

แววตานั้น เปลี่ยนไป...

จากที่เคยคิดว่าเด็กคนนั้นเข้ามามีอิทธิพลกับมัน ตอนนี้ผมแน่ใจแล้ว นั่นไม่ใช่เพียงแค่สิ่งที่ผมคิด

ท่าทางหยอกล้อของมันสองคนดูมีความสุข... ไอ้จิมยกมือขยี้หัวคนที่สูงเพียงไหล่ โดยที่ฝ่ายถูกกระทำก็ยิ้มรับจนตาปิด

เกิดอะไรขึ้น?

ไหนไอ้แซม..

"พี่เซมครับ เราไปกันเถอะ" พูดจบมันก็เดินนำไปทันที ผมหันไปมองสองคนนั้นอีกครั้งก่อนจะหมุนกายเดินตามหลังของรุ่นน้อง ดิวชะลอฝีเท้าเดินช้าลงเพื่อให้ผมตีขึ้นมาทัน

"พี่เซมครับ"

"หืม" เก็บความรู้สึกส่วนตัวไว้ให้อยู่ลึกภายในใจ แสร้งตีสีหน้าพลางมองอีกคนที่มองสบตาด้วยนัยน์ตาเจ็บปวด

"เพราะอย่างนี้ใช่มั้ยครับ พี่จิมถึงได้ปฏิเสธผม" ดิวฝืนยิ้มก่อนจะก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วพูดต่อ "แต่วันนี้ พี่เขาดูมีความสุขดีนะครับ ..ผมไม่เคยเห็นแววตาแบบนั้นของพี่จิมมาก่อน"

ใช่.. ทั้งสายตาและรอยยิ้มแบบนั้น ครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นมัน.. นานมากแล้ว

"เด็กคนนั้นโชคดีจัง" ดิวเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากคลี่ยิ้มอย่างบริสุทธิ์ "มันคงจะถึงเวลาที่ผมควรจะต้องตัดใจจริงๆแล้วสินะ" นัยน์ตานั้นยังคงดูเจ็บปวดทุกครั้งที่เอื้อนเอ่ย ทว่าก็ดูหนักแน่นเสียจนผมไม่คิดจะห้ามอะไร

 

ทันทีที่ถึงโรงพยาบาลผมก็แยกกับดิวทันที ก่อนจะมุ่งตรงไปยังห้องส่วนตัวของตัวเองขณะที่มือก็ล้วงกระเป๋ากางเกงควานหาโทรศัพท์มือถือ หยิบมันออกมาแล้วกดหมายเลขโทรศัพท์ที่เพิ่งสืบเจอเมื่อไม่นานมานี้ และไม่คิดว่าจะได้ใช่มันเร็วๆนี้

รอเพียงไม่นาน ก็ได้ยินเสียงตอบกลับมา

“สวัสดีค่ะ”

"สวัสดีครับ นั่นปรางหรือเปล่า”

“ปรางค่ะ ไม่ทราบว่านั่นใครคะ”

“พี่ เซมนะ จำได้มั้ย"

ทันทีที่บอกชื่อไป ปลายสายก็นิ่งเงียบไปนาน นานจนผมต้องดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหูเพื่อดูว่าสายหลุดหรือเปล่า ...เธอยังไม่วาง

“โทรมาทำไม” เสียงนั้นฟังดูแข็งขึ้นจนเกือบก้าวร้าว

“หึ อย่าทำเสียงแบบนั้นสิน้องปราง”

“ถ้าไม่มีธุระอะไรงั้นแค่นี้นะ”

“อย่าเพิ่งสิครับ ตอนนี้ปรางยุ่งอยู่หรือเปล่า”

“...”

“พี่มีธุระอยากจะคุยด้วย”

“ปรางไม่มีอะไรจะคุยกับพี่ แค่นี้ก...”

“แล้วถ้าเป็นเรื่องของไอ้จิล่ะ”

“...” จากตอนแรกที่อีกฝ่ายทำท่าจะวางสาย แต่เมื่อพูดชื่อของคนสำคัญ เธอก็ดูนิ่งไป

“ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องอะไร ก็ออกมาเจอกันหน่อย”

“ที่ไหนคะ”

ผมแสยะยิ้มให้กับน้ำเสียงของปลายสายที่ดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที ผิดจากตอนแรกจนน่าสะอิดสะเอียน

ผู้หญิงคนนี้ยังเหมือนเดิม

เมื่อนัดเวลากับสถานที่เรียบร้อย ผมก็กดตัดสาย มองหน้าจอแล้วยิ้มบางๆ

.....

มันไม่มีทางหลุดพ้นจากบ่วงพันธนาการนี้ หากมันเจอกุญแจที่จะสามารถปลดปล่อยมันแล้ว

ผมก็จะรื้อฟื้นฝันร้ายที่เป็นดั่งพันธนาการให้ขมวดรัดมันแน่นยิ่งขึ้น...

แน่นจนมันไม่มีอากาศหายใจ!

แน่นจนมันดิ้นทุรนทุรายอย่างน่าสมเพช!!

 

หึๆ

นั่นคือความสุขที่ผมเฝ้ามองมาตลอด 5 ปี

ผม ไม่มีวันยอมให้ความสุขนั้น หายไปเพียงเพราะเด็กผู้ชายเพียงคนเดียว

 

 

______________________________________________

TALK :: มาแล้วกับตอนที่ 29 อาจจะสั้นกว่าตอนอื่นๆเล็กน้อย ก็ไม่เป็นไรเนอะ
เป็นยังไงกันบ้าง หายคิดถึงพี่หมอเซมหรือเปล่า? 555
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์น่ารักๆอีกเช่นเคย (ก็เพิ่งจะเคยได้รับคอมเม้นท์น่ารักๆแบบนี้นี่ล่ะ 555 อ่านแล้วมันก็ฟินนนน)
ขอบคุณจริงๆค่ะ จุ้บบ
PS. ใครที่กลัวมาม่า เชื่อว่าพาร์ทต่อไปคงไม่หนักมาก เพราะกว่านักอ่านจะอ่านมาจนถึงตอนปัจจุบันนี้ เราเชื่อว่าทุกคนค่อนข้างมีภูมิต้านทานแล้ว 55555 ต่อไปก็คงจะชิลๆ (?)
PS. บ้าา เราล้อเล่น ไม่มีอะไรหรอก ทำใจให้สบายแล้วนอนตีพุงรอตอนที่ 30 ได้เลยยย
ไว้เจอกันค่ะ รักนักอ่าน.
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 29 อยากได้ 100% [17/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 17-10-2013 19:51:06
เซมโคตรจิตตตตตตต!!!

จิมต้ามุ้งมิ้งชะมัดดด ขอแบบนี้นานๆเลยได้ไหมม 55555
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 29 อยากได้ 100% [17/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: pornumpai-ka ที่ 17-10-2013 20:17:29
 :impress2:


รอออออ  ตอนต่อไป มาเร็วๆๆน่ะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 29 อยากได้ 100% [17/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 17-10-2013 22:43:35
เซมกับจิมไม่ได้เป็นเพื่อนกันเหรอ หรือว่าจิมไปทำอะไรให้เซมแค้นมาก่อน แต่ว่าการใช้ต้าให้การแก้แค้นเนี่ยไม่น่าเชื่อว่าคนเป็นหมอเค้าทำกัน โรคจิตกันทั้งพี่ทั้งน้องเลย
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 29 อยากได้ 100% [17/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 17-10-2013 23:00:07
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:จะเกิดอะไรขึ้นอีกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 29 อยากได้ 100% [17/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ไป๋ไป๋ ที่ 17-10-2013 23:59:14
 :katai1:อ๊ากกกกกกก!!!  อะไรกันเนี่ย

เริ่มไม่ชอบอิตาหมอเซมแล้ว :ling1:

หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 29 อยากได้ 100% [17/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 18-10-2013 00:00:53
หมา เอ๊ย! กมอเซมมีอะไรอ๊ะเปล่า  ดูจิตดีนะ....  แต่เรื่องนี้มันจิตตั้งแต่ต้นแล้วนี่หว่า...  อ่านตอนนี้แล้วแทบจะลืมฟีลแรกๆที่อ่านบทแรกๆเลย  เหมือนอ่านคนละเรื่อง ฮาาาาาา
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 29 อยากได้ 100% [17/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 18-10-2013 00:51:38
เซมท่าทางจะร้ายสุดนะนั่น
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 29 อยากได้ 100% [17/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 18-10-2013 01:02:16
น่ารักดีจัง
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 29 อยากได้ 100% [17/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoke ที่ 18-10-2013 01:32:10
 :katai2-1: :katai2-1:

 ฉันมานั่งรอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 29 อยากได้ 100% [17/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 18-10-2013 05:52:40
มารผจญจริงๆ
ถึงจะมีภูมิต้านทานแล้วใช่ว่าอยากจะเจอมาม่าบ่อยๆน้า
จิมต้าน่ารักๆๆๆ >.<
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 29 อยากได้ 100% [17/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: kakaris ที่ 18-10-2013 12:44:26
 :a5:ไรอ้า
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 29 อยากได้ 100% [17/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: koronekojung ที่ 18-10-2013 18:34:17
กำ  หมอเซมแลดูจิตสุดๆ  จะเป็นตัวร้ายของเรื่องเลยปล่าวเนี่ย  :mew4:
ช่วงแรก น่ารักค่ะ ชอบๆๆ  แต่แอบอยากให้ต้าหันมาเจอหมอเซมอ่ะ  5555555

มาแต่งต่อไวไว(รสหมูสับ)เลยนะค๊ะ >,.<
 ชอบต้า กับพี่จิน กร๊าดดดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 29 อยากได้ 100% [17/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 19-10-2013 03:57:01
เซมไปแค้นอะไรจิมมาเนี่ยะ

ตามอ่านทันแล้ว พล็อตสนุกดีค่ะ ชอบมากกก
ติดตามนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 29 อยากได้ 100% [17/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 20-10-2013 00:22:52
เซมแค้นอะไรจิมเนี่ย
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 29 อยากได้ 100% [17/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 20-10-2013 01:10:57
มันแบบว่า....  บาดมากอ่ะ

เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 29 อยากได้ 100% [17/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: tsukishi ที่ 20-10-2013 23:33:40
พี่หมอออออออ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 29 อยากได้ 100% [17/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: viewfifi ที่ 21-10-2013 02:13:13
ทำไมเซมทำแบบนี้ง่าาาาาา  :sad4:

ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นนนนนนนนน  :katai1: :katai1: :katai1:

ไม่อยากเห็นต้าเสียใจจริงๆ :z3:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 29 อยากได้ 100% [17/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: lalaballxx ที่ 22-10-2013 16:46:17
เซมดูเป็นคนที่รักเพื่อนเเต่เหมือนรักยังไงไม่รู้  :hao7: :hao7:

มีลับลมคมในอะไรเยอะเเยะ  :z3: :z3:

คนที่เจ็บไม่ใช่ใครเลยนอกจากน้องต้าาาา  :katai4: :katai4: :katai4:

ถ้าเซมทำอะไรจิม จิมก็เจ็บปวด เจ็บปวดปุ๊ป น้องต้าได้ผลกระทบเฉยยย โฮรรรรรรรร ลากเลือด :katai1: :katai1: :katai1:

รอนะคะะะะ มาต่อนะคะ อาฮรืออออออออออออ :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 30 ขอบคุณ 100% [23/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 23-10-2013 21:58:11
ตอนที่ 30 ขอบคุณ

JIM Part

“จิมมม รอด้วย!”

เสียงเรียกดังมาจากด้านหลังพร้อมกับเสียงรองเท้าที่กระทบพื้นดังกระชั้นขึ้นเมื่อเจ้าของมันสับขาวิ่ง พยายามจะตามผมให้ทัน ผมหยุดรออยู่หน้าประตู หมุนกายหันไปมองคนด้านหลังที่กำลังเดินจ้ำมาด้วยใบหน้างอง้ำ แก้มสองข้างแดงเรื่อเพราะอุณหภูมิที่ขึ้นสูงภายในอันเป็นผลพวงมาจากการออกกำลังกายยามเช้าเช่นนี้

เปล่าครับ เราไม่ได้มาวิ่งออกกำลังกายตามสวนสาธารณะ แค่มันกำลังวิ่งตามผมเข้าบริษัท

ปกติเวลาเข้างานคือแปดโมง แต่นี่จะเก้าโมงแล้ว และที่สำคัญ เช้านี้ผมมีนัดด่วนตอนสิบโมง เมื่อคืนคุณเรโทรมาบอกว่า ลูกค้ารายใหญ่ขอเลื่อนนัด จากอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าเป็นเช้าวันนี้ เพราะทำธุรกิจกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ ทำให้ยากที่จะปฏิเสธ แต่ยังนับว่าโชคดี ที่เอกสารส่วนใหญ่ ได้จัดการกันไปตั้งแต่เนิ่นๆ เลยไม่ฉุกละหุกมาก

วุ่นวายเรื่องงานไม่พอ ยังต้องมาปวดหัวแต่เช้ากับไอ้เด็กตรงหน้า เป็นเพราะเมื่อคืนมันเห่อของใหม่ นั่งเล่น นั่งลูบไม่ยอมนอน ผมอุตส่าห์ปลีกตัวออกห่าง แสร้งหยิบหนังสือมาอ่านทำเป็นไม่สนใจ ทว่าอ่านไปได้เพียงห้าบรรทัด มันก็กวนชวนเล่นท่าเดียว แล้วผลเป็นไง ตื่นสาย งอแงแต่เช้า!

“ทำไมไม่รอ!” ปากต่อว่า สายตาตัดพ้อ ยื่นมือมากำชายเสื้อผมไว้แน่น ริมฝีปากเริ่มเบะออก ก่อนน้ำใสจะเอ่อคอลหน่วยตา

“แล้วเมื่อคืนดื้อทำไม”

“ไม่ได้ดื้อ!” เถียงกลับทันควัน

ผมส่ายหัวไปมา ก่อนจะลดสายตาลงมองมือขาว แล้วมองหน้ามันนิ่งๆ อย่างบอกเป็นนัยน์ว่าให้ปล่อยมือออกจากเสื้อได้แล้ว ทว่ามันกลับหลบตามองพื้น ยิ่งกำเสื้อผมแน่นกว่าเดิม

“ต้า” ผมเรียกชื่อมันด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์

“...” คนตรงหน้าสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่นกว่าเดิม ใบหน้าก้มต่ำจนคางแทบชิดติดอก

เพราะอาการเงียบไปของมัน ไม่ต่อปากต่อคำเหมือนทุกที ทำให้ผมชักเอะใจ ค่อยๆใช้มือดันคางมันขึ้นจนสามารถมองสบกับดวงตาคู่นั้นได้ และเมื่อได้เห็นชัดๆก็ทำให้ผมชะงักไปครู่หนึ่ง

แม้ว่าจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันไม่นาน แต่เวลาเพียงแค่นี้ก็ทำให้ผมรู้แล้วว่า เด็กอย่างมัน คิดอะไร รู้สึกอย่างไหน ก็จะแสดงออกทางสีหน้าและแววตาโดยชัดเจน ..บางทีก็ชัดเสียจนผมไม่ต้องตีความใดๆ เหมือนอย่างตอนนี้ ที่สายตาคู่นั้นกำลังฟ้องว่า นายมันกำลังน้อยใจ

ยังไม่ทันคิดหาวิธีการรับมือกับสถานการณ์และอารมณ์ของคนตรงหน้า หยาดน้ำใสที่ผมไม่อยากเห็นก็ค่อยๆรินไหลลงมาเสียแล้ว

ไม่มีเสียงร้องไห้งอแงให้อับอายคนรอบข้าง เหมือนกับเจ้าตัวเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะร้องไห้ เพราะมันกลั้นสะอื้นจนตัวสั่น ฟันที่เรียงตัวเป็นระเบียบกัดริมฝีปากล่างอย่างแรงจนมันกลายเป็นสีขาว

อาจเป็นเพราะมันร้องไห้ หรือเป็นเพราะสายตาคู่นั้นที่มองผมอย่างตัดพ้อไม่ละไปไหน ..หรืออาจเป็นเพราะมัน ที่ทำให้ผมเริ่มรู้สึกวางตัวไม่ถูก

เสียใจ น้อยใจอะไรขนาดนั้นหืม

กว่าจะรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่หน้าบริษัท ก็ตอนที่นิ้วหัวแม่มือแตะลงบนแก้มใส แล้วค่อยๆเกลี่ยเช็ดน้ำตาบนแก้มให้อย่างเบามือนั่นล่ะ

“อย่าเพิ่งร้องไห้ ถ้าอยากงอแงค่อยไปงอแงที่ห้อง เข้าใจมั้ยครับ”

ผมยิ้มบางๆ เมื่อมันพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ริมฝีปากเริ่มคลี่ยิ้มแม้ขนตาจะยังชื้นแฉะอยู่นิดๆ ผมมองรอยยิ้มนั้นนิ่งนาน จวบจนเมื่อมันทำหน้านิ่ว ขมวดคิ้วชนกันนั่นล่ะ ผมก็หลุบตาต่ำ ครั้นเห็นมือตัวเองยังจับแก้มมันอยู่ก็รีบผละออก แล้วสอดมือลงกระเป๋ากางเกง หักห้ามใจตัวเองไม่ให้ยกมือไปสัมผัสกับแก้มนุ่มๆนั้นอีกเป็นหนที่สอง

ลอบถอนหายใจให้กับการกระทำไม่คาดคิดของตัวเอง นับวันผมชักจะควบคุมแขนขาไม่ได้เข้าไปทุกที รีบหมุนกายหันหลังให้กับมันแล้วสาวเท้าก้าวเดินเข้าไปในตัวอาคาร ด้วยกลัวว่า หากผมยังยืนมองหน้ามันนานกว่านี้อีกสักนาที มือที่เริ่มควบคุมไม่ได้จะยื่นไปดึงร่างนั้นเข้ามาใกล้ๆ ...ถอนหายใจอีกเฮือกให้กับความคิดของตัวเอง ที่นับวันก็ชักจะเกินเลยระยะปลอดภัยที่ได้กำหนดไว้ตั้งแต่แรก ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงดึงจากด้านหลัง เหลือบหันไปมองก็เห็นมันยื่นมือมาเกาะชายเสื้อ แล้วเดินตามไม่ห่าง

ไม่ได้โกรธเคือง หรือไม่พอใจ ติดจะขำเสียมากกว่า ผมลองเร่งระดับการเดินให้เร็วขึ้น มันก็เดินเร็วตาม พอผมผ่อนฝีเท้า มันที่ยังปรับระดับไม่ได้ก็เดินชนหลังผมเข้าเต็มๆ

ขณะที่กำลังจะหมุนกายหันไปหามัน แรงปะทะจากด้านหลังก็ทำให้ผมเซเล็กน้อย ก่อนจะได้ยินเสียงของหล่นลงโครมใหญ่

“โอ๊ย!” เสียงหวานอุทานทำให้ผมรีบหันขวับไปมอง ก่อนจะพบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้นตรงหน้าตนเองเสียแล้ว

“ขอโทษครับ มา ผมช่วย” ผมทรุดตัวลงหมายจะช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้น มือหนึ่งจับแขนเธอไว้อย่างหวังดี อีกมือเก็บกวาดข้าวของที่หล่นกระจายบนพื้นให้

“ไม่ค่ะ ไม่เป็นไร”

ทว่าเสียงที่ได้ยินทำให้มือที่กำลังจะหยิบกระเป๋าใบเล็กชะงักค้างก่อนจะรีบหันไปมองคนพูดอย่างรวดเร็ว แต่เพราะทรงผมที่ม้วนเป็นลอนของเธอบดบังใบหน้าทำให้ผมมองเห็นใบหน้านั้นไม่ชัด

บางทีอาจหูฝาด

ผมรีบปัดความคิดที่แวบเข้ามาในหัว หยิบกระเป๋าใบเล็กที่ตกอยู่บนพื้นก่อนจะส่งต่อให้ไอ้ต้ารับไปถือไว้

“ไม่เป็นไรครับ ผมช่วย” ว่าพลางพยุงหญิงสาวให้ลุกขึ้นยืนช้าๆ

ได้ยินเธอพูดพึมพำว่าขอบคุณเบาๆอยู่ข้างหู เมื่อยืนทรงตัวได้ เธอก็ขืนตัวออกจากอ้อมแขนผม แล้วก้าวถอยหลังห่างไปประมาณสองก้าว

...เธอถอยห่างไปแล้ว แต่ผมกลับนิ่งค้างอยู่ที่เดิม คล้ายถูกแช่แข็ง ร่างกายขยับไม่ได้ หัวใจเจ็บแปลบเหมือนถูกลิ่มน้ำแข็งปักอยู่กลางใจ

คำขอบคุณ ที่ถึงแม้จะเบา แต่มันเป็นสิ่งยืนยัน ว่าเสียงที่ผมได้ยินเมื่อครู่ ผมไม่ได้หูฝาดหรือคิดไปเอง

ปราง..

ชื่อนี้สะท้อนก้องในใจ หลังจากได้เห็นหน้าเธอชัดๆ ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มองเธอที่สบตากันซึ่งๆหน้าและส่งยิ้มมาให้ราวกับเมื่อครั้งก่อนไม่มีเรื่องบาดหมางกัน

“ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะจิม”

เจรจาธุรกิจมาก็มาก ต่อรองผลประโยชน์กับคนใหญ่คนโตมาก็ไม่น้อย กับแค่การจะพูดต่อบทสนทนากับผู้หญิงคนนี้ ที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรต่อชีวิตของผม กลับเป็นเรื่องยาก หัวสมองไม่ประมวลผลในการตอบโต้ และคิดหาคำพูดใดใด

 ไม่รู้ว่าผมกับเธอมองหน้ากันนานเท่าไหร่ คนด้านหลังถึงได้กระตุกชายเสื้อเรียก ดึงผมออกจากภวังค์ ผมหันไปมองมันเล็กน้อย ..และไม่รู้ว่าผมกำลังแสดงสีหน้าอย่างไหนอยู่ คนที่สูงเพียงไหล่ถึงได้ตีหน้ายุ่งก่อนจะเปลี่ยนจากจับชายเสื้อมาจับแขน ของที่มันถืออยู่ถูกยื่นกลับไปหาเธอ ปรางรับมันไว้แล้วยิ้มขอบคุณ แต่ไอ้ตัวดีไม่ยิ้มตอบกลับเม้มปากแน่น เปลี่ยนมาจับแขนผมด้วยมือทั้งสองข้างแล้วออกแรงดึงจะให้เดินไปยังลิฟต์กับมัน

ผมหันไปมองเธออีกครั้ง เห็นเธอชักสีหน้าถลึงตามองไอ้ตัวยุ่งด้านหลังผมจนมันไม่กล้าสบตาด้วย แต่พอเธอรู้ตัวว่าผมมองอยู่ สีหน้านั้นก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นยิ้มเหมือนเดิม

ผมขมวดคิ้ว ก่อนจะหมุนกายหันหลัง ดึงมือบางออกจากเสื้อแล้วใช้มือของตัวเองกุมมือมันไว้แทน ดันไหล่ให้อีกคนเดินนำหน้าโดยมีผมเดินประกบหลัง ผมเลือกที่จะเดินจากมาโดยไม่แม้แต่จะหันไปลาเธอแม้แต่คำเดียว

“เราจะต้องได้พบกันอีกค่ะจิม”

จังหวะการเดินชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงนั้นไล่หลังมา

ไม่หรอกครับ

ไม่มีการเจอกันอีกเป็นครั้งที่สองกับผู้หญิงคนนี้

การเจอกันครั้งนี้ เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ...

 

....

นาฬิกาตั้งโต๊ะบอกเวลา 9:40 น. เหลือเวลาอีกเพียง 20 นาทีก็จะถึงเวลานัดสำคัญ ต่างกันเพียง วันนี้ไอ้ต้าเข้ามาอยู่ในห้องทำงานของผมด้วย

มันไม่ดื้อไม่ซนและไม่กวนเวลาทำงาน แต่กว่าจะหาวิธีหลอกล่อได้ก็แทบแย่เหมือนกัน ตอนแรกที่ถึงห้อง บรรยากาศก็เงียบสงบดีอยู่หรอก แต่พอเวลาผ่านไปเพียงห้าถึงสิบนาที ตัวจุ้นอย่างมันก็เริ่มออกฤทธิ์ ร้องจะชวนเล่นท่าเดียว สุดท้ายเลยต้องตัดปัญหาโดยการโยนโทรศัพท์มือถือไปเป็นของกำนัลให้มันแทน ตอนนี้มันก็ขลุกตัวนั่งเล่นเกมส์อย่างเมามัน แม้จะไม่ให้เปิดเสียง แต่มันก็ดูสนุกและลุ้นจนโอเว่อร์ จนบางครั้งก็จะส่งเสียงร้องไชโยหรือส่งเสียงแสดงอาการเสียใจจนผมต้องเงยหน้าจากแฟ้มเอกสารขึ้นมองมัน

“อ้ากก! ตายแล้วๆ!! ...โฮ้ยยย!!”

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน…

สมาธิของผมถูกรบกวนจากเสียงคร่ำครวญ เหมือนมันจะรู้ตัวว่ากำลังถูกมอง ถึงได้เสหน้าหันมาสบตาก่อนจะส่งยิ้มประจบประแจง

“จิม โทรศัพท์จิมต้องเสียแน่เลย เล่นทีไรคะแนนน้อยตลอด!” มันส่งเสียงบ่นงุ้งงิ้งด้วยใบหน้างอง้ำ ก่อนจะก้มหน้าลงเตรียมจมจ่อกับโลกในจอสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเท่าฝ่ามืออีกครั้ง นัยน์ตาเรืองรองทอประกายเอาเรื่องไม่ยอมแพ้ ก่อนนิ้วโป้งสองข้างจะกระหน่ำกดหน้าจอไม่หยุด

ผมเลิกสนใจเอกสารบนโต๊ะไปนานแล้ว เพราะมัวแต่มองคนที่ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมส์ไม่รู้เบื่อ เมื่อได้นั่งสังเกต ก็ทำให้รู้ว่ามันเองก็มีมุมมุ่งมั่นเหมือนกัน เล่นเกมส์ไม่เลิก ไม่ชนะไม่เลิก รั้นจริงๆ เผลออมยิ้มออกมาก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ แล้วนั่งมองมันอย่างเพลินตา

เป็นเด็กนี่ก็ดีนะครับ ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย

ใบหน้านั้นแสดงอารมณ์ได้หลากหลายจนนึกขัน อย่างตอนนี้ก็ทำหน้าดีใจ แต่พอเวลาผ่านไปเดี๋ยวเดียวก็ทำหน้ามู่ คิ้วขมวด กัดปากจนแดงช้ำไปหมด

มันรู้สึกอย่างไรก็แสดงออกอย่างนั้น ไม่ว่าจะสีหน้าหรือแววตา ..เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกถึงความบริสุทธิ์ด้านการแสดงออกของมนุษย์

ในโลกของผม ไม่มีคนประเภทนี้ มีแต่คนที่สวมหน้ากากเข้าหากัน รอยยิ้มธุรกิจ หรือมิตรภาพจอมปลอม แม้แต่คนที่ผมเคยไว้ใจมากจนมอบใจให้ไป ยังเชื่อใจไม่ได้...

รูปลักษณ์ภายนอกของเธอยังเหมือนเดิม และน่าแปลก เมื่อมาพบกันโดยบังเอิญอีกครั้งในวันนี้ ความโกรธที่สะสมมาเป็นเวลานานจนเผลอเอาความรู้สึกนั้นไปลงกับคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วย และใช้มันเป็นสิ่งระบายอารมณ์ เผลอกระทำรุนแรงจนอาจจะไปสร้างปมในใจให้กับมันโดยไม่เจตนา

ผมมองร่างที่นั่งบนโซฟานิ่งๆ ดวงตาใสซื่อคู่นั้นยังไม่ละจากหน้าจอสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ปลายนิ้วขยับสัมผัสหน้าจอไม่ห่าง

ไม่รู้ว่าไฟแค้นที่ค่อยๆมอดดับลงเป็นเพราะมันหรือเปล่า

มันเป็นคนเดียวที่ผมอยากขอโทษและขอบคุณ

“จิม มองต้าทำไม ไม่ทำงานเหรอ?” มันเงยหน้าขึ้นถาม ละสายตาจากหน้าจอ สงสัยคงจะเกมส์โอเว่อร์เหมือนครั้งก่อนๆ

“เสร็จหมดแล้ว กำลังรอลูกค้า มึงออกไปเล่นด้านนอกไป อีกสักพักห้องนี้จะไม่ว่างให้มึงมานั่งเล่น”

ปากยื่นปากยาวทำท่าอิดออดเหมือนไม่อยากลุก ไอ้ตัวดีล้มตัวลงนอนเหยียดแข้งเหยียดขาบนโซฟา วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเล็กตรงหน้าแล้วพลิกกายเข้าด้านในพร้อมทั้งยกขาก่ายพนักโซฟา

ผมส่ายหัวเอือมๆ ลุกขึ้นเดินตรงไปหามัน ทิ้งกายนั่งยองๆลงกับพื้น จับอีกคนให้พลิกหันมาคุยกันให้รู้เรื่อง

“วันนี้ห้ามดื้อ”

ยื้อยุดกันอยู่ครู่ใหญ่มันก็ยอมหันกลับมาง่ายๆ นัยน์ตาคู่นั้นฉายประกายซุกซน รีบต่อรองหาผลประโยชน์ใส่ตัว

“ไม่ดื้อแล้วจะได้ไร”

“อยากได้อะไรล่ะ” ถามย้อนกลับไปให้อีกฝ่ายเป็นคนเลือกเอง

มันมองหน้าผมอย่างคิดหนัก ดูเหมือนจะจริงจังกับของรางวัลมากจนเกินเหตุ

“คิดไม่ออก”

“คิดไม่ออกก็ไม่เป็นไร ไว้คิดออกเมื่อไหร่ค่อยบอก ตกลงมั้ย”

เมื่อได้ทางเลือกใหม่ มันก็คลี่ยิ้มกว้างแล้วพยักหน้าแรงๆ ก่อนจะชูสองมือขึ้นกลางอากาศไม่พูดไม่จา ผมมองมือของมัน เลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นการถาม

“อึ้บ!” มันส่งเสียงร้องเพียงเท่านั้นพร้อมทั้งสะบัดมือสองข้างไปมา

จะให้ผมดึงมันขึ้น?

เอาวะ เล่นกับเด็กมันหน่อย

ยิ้มอ่อนใจก่อนจะหยัดกายขึ้นยืน สองมือยื่นไปจับประสานกับมือเล็ก มันยิ้มถูกใจพลางทำตัวอ่อนปล่อยให้ผมดึงมันขึ้น เมื่อลุกขึ้นนั่งได้สำเร็จก็ยังทำตัวอ่อนไม่เลิก ทำท่าจะล้มลงฟุบกับโซฟาอีกครั้ง เดือดร้อนผมที่ต้องเข้าประคองเป็นการใหญ่

“จิมม อุ้ม!” เสียงนั้นดังอยู่ข้างหู ผมหันหน้าไปมองเล็กน้อย และกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มันใช้แขนสองข้างของมัน คว้าคอผมแล้วกอดไว้แน่น

“อุ้ม” ร้องบอกพร้อมกับขยับกายยุกยิก ขาสองข้างก็พยายามเกี่ยวรัดรอบขาของผม ผมที่โดนแรงดึงก็ทำท่าจะเสียหลัก ยังดีที่ใช้มือยันพนักโซฟาไว้ได้ทัน ไม่งั้นมีหวังได้ล้มทับตัวมันแน่ๆ

“ต้า!” เอ็ดเสียงเข้มกับการกระทำเอาแต่ใจ มันชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะผละหน้าออกห่างมองสบตาผมด้วยสายตาหงอยๆ แม้มันจะผละออกห่างแล้ว แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าระยะแค่นี้มัน.. ใกล้เกินไป อาจเป็นเพราะมือของมันยังคล้องรอบคอผมอยู่หรือเปล่า เลยทำให้ระยะหดสั้นขนาดนี้

“จิมอุ้ม” ปากอิ่มสีเรื่อนั่นก็ยังพูดคำเอาแต่ใจไม่หยุด ผมเบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยเพราะไม่อยากมองมันมากไปกว่านี้ ทว่าวินาทีต่อมา สัมผัสนิ่มๆที่แก้มก็ทำให้หัวใจเต้นรัวอย่างไม่อาจห้ามได้

“อุ้ม” ผมหันควับไปมองมันทันที และก็ต้องชะงักค้างมากกว่าเดิมเมื่อพบว่าใบหน้าของผมกับมันห่างกันเพียงแค่คืบ

สัมผัสที่ข้างแก้มเมื่อครู่ เป็นสัมผัสเดียวกันกับคืนนั้นที่มันอ้อนผม..

ผมพยายามหักห้ามใจไม่ให้โน้มหน้าลงไปใกล้ชิดมากกว่านี้ แต่เหมือนกับมีแรงดึงดูดทำให้ระยะห่างระหว่างใบหน้าของผมกับมันหดสั้นลงทุกขณะ หัวใจภายใต้อกซ้ายก็ยิ่งเต้นกระหน่ำมากกว่าเดิมจนผมกลัวว่าเด็กตรงหน้าที่ทำให้มันปั่นป่วนจะได้ยินมันเข้า

พลันปลายจมูกค่อยๆจรดลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลา แล้วลากไล้ลงต่ำไปตามสันจมูก ขยับเสียดสีผะแผ่ว ได้กลิ่นหอมอ่อนๆอันเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของมันก็ยิ่งทำให้หัวใจเต้นรัวมากขึ้น ผมมองอีกฝ่ายที่หลุบตาต่ำ สองแก้มแดงปรั่ง แล้วยิ้มเอ็นดู สัมผัสได้ถึงมือเล็กสองข้างของมันที่กำคอเสื้อด้านหลังของผมเกร็งแน่น

ผมเลื่อนมือข้างหนึ่งจับปลายคางมน ช้อนใบหน้าอีกคนเชยขึ้นสูงจนอยู่ในระดับที่พอเหมาะ ค่อยๆเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ สายตาจ้องมองที่กลีบปากสีแดงนิ่งงันราวถูกมนต์สะกดจนไม่อาจละสายตาได้

ทว่ายังไม่ทันที่ริมฝีปากจะแตะกัน เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดึงสติของผมกลับมา ทำให้ทั้งผมและมันต่างก็ผละจากกันทันที! ผมหันไปมองไอ้ต้า ใบหน้านั้นยังแดงก่ำจนลามไปถึงใบหู มันยกสองมือขึ้นปิดแก้มก้มหน้าหลบตาผมเป็นพัลวัน ยกยิ้มมุมปากลำพองใจกับปฏิกิริยานั้น ก่อนประตูห้องจะถูกแง้มออกเล็กน้อยและคุณเรก็ชะโงกหน้าเขามา

“เอ่อ…ขอโทษค่ะ ตอนนี้คุณปรางทิพย์รอพบอยู่หน้าห้องแล้วค่ะ”

ชื่อที่ได้ยินทำให้ใจผมกระตุกอย่างแรง หัวใจเริ่มเต้นรัวอีกครั้ง เพียงแต่ความรู้สึกครั้งนี้ต่างจากเมื่อครู่มากนัก

ไอ้ต้าเบิกตากว้าง ผุดกายลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจนแทบเสียหลักล้ม

“พี่เร รอผมด้วย!” มันร้องเรียกแล้วรีบกระโจนไปยังประตู ก่อนจะพาตัวเองออกไปจากห้องโดยไม่หันมามองผมอีก

ปรางทิพย์..

ประเทศนี้มีคนชื่อนี้หลายคน คงไม่ใช่คนๆนั้น

ทว่าถึงจะคิดอย่างนั้น แต่ในใจกลับไม่สงบ เพราะวันนี้มีเรื่องที่บังเอิญเกินไป

ผมหันไปมองประตูที่ค่อยๆเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับการปรากฏตัวของหญิงสาวร่างสมส่วน เจ้าของใบหน้าสวยหวานคนเดียวกับที่เดินชนผมเมื่อเช้า

ปราง..

“สวัสดีค่ะจิม แล้วเราก็เจอกันอีกครั้งจริงๆด้วย” เธอพูดขึ้นก่อนจะปิดประตูแล้วเดินเข้ามาใกล้ หยุดยืนอยู่ตรงหน้า “อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิคะ ปรางเป็นตัวแทนมาเจรจาธุรกิจกับคุณ ตอนนี้ปรางก็คือลูกค้าคนหนึ่งของคุณนะคะ” พูดพลางไล้มือไปตามสันกรามของผมแผ่วเบา

“คุณคิดถึงปรางบ้างหรือเปล่า ตลอดเวลาที่เราไม่ได้เจอกัน ปรางคิดถึงคุณนะคะ ปรางยังรักคุณตลอดเวลา” นัยน์ตาที่ทอดมองมาคล้ายมีน้ำใสเอ่อคลอ พาลทำให้หัวใจของผมกระตุกก่อนจะขบสันกรามแน่นมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายใน

“จิม.. เราสองคนมาเริ่มต้นกันใหม่ไม่ได้เหรอคะ”

“...”

“ที่ผ่านมา ปรางขอโทษ ต่อจากนี้ปรางจะไม่...”

“หยุดเถอะ ถ้าคุณจะคุยเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานก็กลับไปซะ” ผมรวบจับข้อมือบางก่อนจะดึงออกแล้วถอยหลังเว้นระยะห่าง พลางมองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ใบหน้าสวยหวานเริ่มบิดเบี้ยว น้ำตาเม็ดใสยิ่งคลอหน่วยตามากกว่าเดิม คล้ายจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

“จิมคะ..”

“เรื่องมันจบไปแล้ว ปล่อยให้มันจบไปเถอะครับ คุณเองก็เดินไปตามทางของคุณแบบที่ทำมาตั้งแต่แรกก็พอแล้ว แต่ผมขออย่างเดียว อย่ามายุ่งวุ่นวายกับผมและครอบครัวของผมอีก เรื่องที่ผ่านมา ผมจะไม่ถือโทษโกรธคุณ ไม่ว่าผมกับคุณจะเคยเป็นอะไรกัน จะเคยอยู่ในสถานะไหนมาก่อน ..ต่อไปนี้ ถ้าคุณเจอผมอีก โปรดทำเป็นไม่รู้จักผมด้วย”

ทันทีที่พูดจบ สีหน้าของคนตรงหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“จิมคะ คุณไม่รักปรางแล้วเหรอ”

“แล้วคุณล่ะ เคยรักผมบ้างหรือเปล่า?”

นัยน์ตาหวานเบิกกว้างเล็กน้อย ฟันเรียงตัวสวยกัดริมฝีปากของตัวเองแรงๆ

“กลับไปเถอะครับ”

น่าแปลกที่ผมสามารถพูดถ้อยคำเหล่านี้ออกมาได้โดยไม่รู้สึกอะไร ..หรือรู้สึกไม่มากเท่าที่เคยคิดไว้

“คุณมีคนใหม่ใช่มั้ย”

ผมเลิกคิ้วสูงมองคนตรงหน้าเป็นเชิงถาม

“ใช่เด็กคนนั้นหรือเปล่า คนที่อยู่กับคุณเมื่อเช้า”

ต้า?

“นั่นมันผู้ชายนะจิม! คุณจะแต่งงานกับผู้ชายด้วยกันได้ยังไง!?”

“แต่งงานกับผู้ชาย ยังดีกว่าแต่งงานกับผู้หญิงอย่างคุณ!”

ปรางทิพย์ชะงักค้างเมื่อผมเสียงดังใส่ ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะเค้นเสียงพูดออกมา

“ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ออกไปซะ ก่อนที่ผมจะเผลอทำอะไรรุนแรงกับคุณอีก”

“จิม...” เธอครางเรียกผม แล้วมองมาด้วยสายตาตัดพ้อก่อนน้ำใสจะไหลออกจากตาช้าๆ เธอค่อยๆเดินเข้ามาหาผม แล้วแตะแขนผมแผ่วเบา “ปรางรักคุณนะ”

“หยุดพูดคำว่ารักของคุณซักที!” ผมปราดเข้าไปบีบแขนอีกคนแน่น นัยน์ตากร้าวด้วยแรงอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมา ก่อนจะเค้นเสียงพูดรอดไรฟันอย่างคนใกล้หมดความอดทน “ถ้าคุณรักผม.. คุณจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นปรางทิพย์”

“จิมคะ ฮึก.. เจ็บ.. ปล่อย.. ปรางขอโทษ ฮึก.. จิม” เธอใช้มืออีกข้างพยายามจะดึงมือผมออก น้ำตาไหลลงเปรอะเปื้อนแก้ม นัยน์ตาดูเจ็บปวดและคล้ายกับจะรู้สึกผิดอย่างที่ปากว่าจริงๆ ทำให้ผมค่อยๆคลายแรงบีบและปล่อยเธอเป็นอิสระในที่สุด

“จิม ปรางรักคุณนะ.. ปรางรักคุณ ฮึก.. ปรางขอโทษกับสิ่งที่ผ่านมา ปรางสำนึกผิดแล้วจริงๆ ...ร เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้งนะคะ”

ผมนิ่งค้างกับแรงกอดรัดที่โผเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่ใจอยากจะผลักเธอออก แต่มือกลับแข็งค้าง ไม่กล้าผลักออกเสียอย่างนั้น เธอผละหน้าออกห่างจากแผ่นอกของผม ช้อนใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาขึ้นมองสบตา ก่อนจะยิ้มบางๆบนริมฝีปาก แล้วค่อยๆยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนริมฝีปากอิ่มประทับที่ข้างแก้มของผมนิ่งนาน

อยู่ๆตัวผมก็ถูกกระชากออกอย่างแรงจากข้างหลัง ก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อพื้นที่ระหว่างผมกับปรางถูกคั่นกลางด้วยไอ้เด็กที่สูงเพียงไหล่

"ออกไป! เข้ามาแทรกทำไม! ฉันจะคุยกับจิม!" เธอพูดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ มือเรียวผลักไหล่ไอ้ต้า จนมันเซไปด้านข้าง ทำให้ผมรีบคว้าแขนมันไว้กันไม่ให้ล้มกระแทกพื้นแล้วออกแรงดึงหมายจะให้มันออกไปห่างๆ ทว่ามันกลับขืนตัวไว้ แล้วเบี่ยงตัวให้หลุดออกจากมือของผม

"ห้ามรังแกจิมนะ!" มันพูดเสียงดังด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง มือเล็กสองข้างกำแน่นข้างลำตัว ผมมองคนที่คั่นกลางไว้อย่างไม่อยากเชื่อสายตา

มันกำลังปกป้องผมอยู่เหรอ...

"รังแกอะไร ฉันเนี่ยนะรังแกจิม เหอะ เด็กอย่างนายจะไปเข้าใจอะไร หลีกไปซะ ฉันยังคุยกับจิมไม่รู้เรื่อง”

“ไม่หลีก! ผมไม่ให้คุณรังแกจิมหรอก!” พูดตอกกลับอย่างดื้อรั้น สองมือกางออกขนานกับพื้น ราวจะสร้างอาณาเขตที่มองไม่เห็นด้วยตา บังผมไว้ด้านหลัง

“ฉันน่ะเป็นผู้หญิงที่จิมจะแต่งงานด้วย รู้ไว้ซะ!"

"โกหก!"

ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย เมื่อมันพูดออกมาเต็มเสียง แสดงอาการไม่เชื่อเธออย่างชัดเจน

"จิมคะ เด็กคนนี้ใครกัน ไม่มีมารยาทเอาซะเลย นึกจะเข้ามาก็เข้ามา ไม่เคาะประตูบอกล่วงหน้า ไร้มารยาท!"

ท้ายประโยค ดวงตาที่กรีดอายไลน์เนอร์ตวัดมองคนตัวเล็กตรงหน้าผมอย่างจงใจ ก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปาก ไอ้ต้ากำมือแน่น ลำตัวสั่นเทิ้ม

"นิสัยไม่ดี คนมีมารยาทเค้าไม่เที่ยวว่าใครว่าไร้มารยาทหรอก! จิมไม่แต่งงานกับผู้ใหญ่นิสัยไม่ดีอย่างคุณหรอก!"

น่าแปลกที่ท่าทางของมันดูจริงจังและเอาเรื่องมากกว่าตอนที่เถียงกับผม ก่อนคนเก่งตรงหน้าผมจะสะดุ้งสุดตัว ผงะถอยหลังจนแผ่นหลังปะทะกับหน้าอกผมเต็มๆ เมื่อผู้หญิงหนึ่งเดียวในห้องง้างมือขึ้นสูงเหนือหัวหมายจะตบหน้ามัน! เสียงหวดอากาศดังมาให้ได้ยินก่อนผมจะรีบยื่นมือไปจับข้อมือบางต้านแรงฟาดแล้วกำไว้แน่น!

"คุณกำลังจะทำอะไร!?"

ผมกำมือเธอแน่นยิ่งขึ้นก่อนจะใช้อีกมือดันคนเสียขวัญให้ไปหลบอยู่ด้านหลัง

"ออกไปซะปรางทิพย์!" เหวี่ยงมือบางให้ออกไปไกลๆจนร่างนั้นซวนเซแทบล้ม เธอตวัดสายตามองผมด้วยนัยน์ตาแค้นเคือง

"จิม! คุณปกป้องมัน!”

“ใช่ ผมปกป้อง”

“คุณมันโง่! คุณมันวิปริต! น่าขยะแขยง! ถ้ารู้ว่าการคบกับคุณแล้วทำให้ฉันเสียเวลาขนาดนี้ ฉันไม่คบกับคุณให้เสียเวลาหรอก!"

ระหว่างผมกับเธอมันจบไปแล้วจริงๆ แต่ถ้อยคำนั้นก็ยังเป็นเสมือนมีดที่กรีดกลางใจของผมให้เจ็บช้ำอยู่ดี

ผมรู้อยู่แล้ว ว่าที่เธอคบกับผม เป็นเพราะผลประโยชน์บางอย่าง…

"ผู้ใหญ่นิสัยไม่ดี!"

ผมชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคนด้านหลังพูดโพล่งทะลุกลางป้องเสียงดัง

“หุบปากเดี๋ยวนี้ไอ้เด็กบ้า!! แกกล้าดียังไงมาว่าฉัน!!” ใบหน้านั้นบิดเบี้ยวด้วยแรงโทสะที่อัดแน่น กายบางสั่นเทิ้มอย่างที่ผมนึกกลัวว่าเธอจะพลั้งมือกระทำรุนแรงกับเด็กคนนี้

"คุณมันวิปริตจิม! ฉันไม่เคยคิดเลย ว่าผู้ชายที่ฉันเคยคบด้วย ตอนนี้จะตาต่ำมารักเพศเดียวกัน รู้ไปถึงไหนอายถึงนั่น!"

"หยุดพูดซะทีปรางทิพย์!! ออกไปซะก่อนที่ผมจะเรียกรปภ.มาลากตัวคุณออกไป!!”

"กรี๊ดด! จิม!!!"

ผมมองเธอด้วยความสมเพชเมื่อเห็นเธอกระทืบเท้าเร่าๆกับพื้นราวกับคนเสียสติ ใบหน้าที่เคยสวยตอนนี้กลับน่าเกลียดจนไม่อยากมอง

ไม่น่าเชื่อ ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนเดียวกับที่ผมเคยคิดจะแต่งงานด้วย

เธอตวัดสายตามามองผมกับต้าอีกครั้งก่อนจะกระฟัดกระเฟียดเดินออกจากห้องไป ก่อนร่างนั้นจะหายลับไปหลังประตู ไม่รู้ว่าหูแว่วไปเองหรือเปล่า ถึงได้ยินชื่อของบุคคลที่สามดังออกมาจากริมฝีปากคู่นั้น

"ไอ้เซมนะไอ้เซม!!"

....

ประตูห้องถูกปิดลงอีกครั้งอย่างช้าๆ

"...ป เขาไปแล้วใช่มั้ยพี่จิม" คนด้านหลังกระตุกชายเสื้อผม เรียกให้หันไปมอง

“อืม ไปแล้ว” ผมมองประตูบานนั้นอีกครั้ง ก่อนจะเบือนหน้าหันกลับมาทางเดิมเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่และเสียงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ

ไอ้คนที่ทำตัวเก่งเมื่อครู่ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง รอบนี้ยาวน่าดู เหมือนคนโล่งอก

"น่ากลัวมากๆเลย ต้าคิดว่าต้าจะถูกตี คนอะไร ทำไมดวงตาน่ากลัว"

ผมหัวเราะเบาๆกับท่าทางและคำพูดของมัน

"แต่เมื่อกี้ไม่เห็นกลัว"

"ใครบอก! กลัวสิ กลัวมากด้วย" มันพูดพลางเบะปาก ใบหน้าแลขยาด

"แล้วเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพี่ไม่เห็น"

"ก็จิมกำลังถูกผู้หญิงคนนั้นกินแก้ม จะไปเห็นได้ยังไง"

ผมหลุดขำออกมาเบาๆ กินแก้มเหรอ?

"ก็ตอนต้าออกไปแล้ว เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาเป็นคนเดียวกับที่ทำให้พี่จิมร้องไห้เมื่อเช้า เลยคิดว่าเขาจะมารังแกอะไรจิมอีก"

เมื่อเช้า?

เปล่า ผมไม่ได้ร้อง

"ทำไมจิมทำหน้างั้น จิมกลัวเหรอ?"

มัยเขยิบเข้ามาใกล้ผมอีกนิด ก่อนจะยกสองแขนมาโอบกอดผมไว้ทั้งตัว แนบใบหน้าลงกับแผ่นอกของผม

"โอ๋ๆ ไม่มีใครมาแกล้งจิมได้แล้วนะ เดี๋ยวต้าจะปกป้องจิมเอง" พูดเสียงอู้อี้ ทั้งยังลูบแผ่นหลังของผมไปมาราวกับปลอบโยน

ผมยืนนิ่งปล่อยให้มันกอดผมไว้อย่างนั้น ไม่ได้รู้สึกขุ่นเคืองที่ถูกเด็กอายุน้อยกว่ามาพูดจาทำนองนี้ใส่ กลับกัน ผมกลับรู้สึกดี จนเก็บรอยยิ้มไว้ไม่อยู่จนต้องระบายออกมา

บางที.. ที่ผมกำลังรู้สึกดีอยู่ตอนนี้ อาจเป็นเพราะ มันเป็นคนพูดคำพูดเหล่านั้น และเพราะเป็นมันที่กำลังกอดผมอยู่..

"ขอบคุณนะ"

เป็นคำสั้นๆที่ตั้งใจพูดให้คนตัวเล็กฟัง และผมก็รับรู้ได้ว่ามันได้ยินคำพูดของผมแล้ว เพราะรู้สึกได้ถึงใบหน้าที่แนบชิดหน้าอกของผมขยับพยักขึ้นลงเบาๆ

ผมยิ้มบาง ก่อนจะยกมือลูบศีรษะของมันแผ่วเบา

 

 

 

_________________________________________________

TALK :: ผิดคาดมั้ยกับพาร์ทนี้? 5555
ขอโทษน้า ที่หายไปหลายวัน
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ และทุกๆกำลังใจมากๆเลยนะคะ มันทำให้เราฮึดๆๆๆ
ไว้เจอกันใหม่พาร์ทหน้านะ : )
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 30 ขอบคุณ 100% [23/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 23-10-2013 22:18:51
สับสน ซับซ้อน
คนแต่งคะ
เอาอี่นั่งนี่ไปถ่วงอ่าวไทยเดียวนี้  :angry2:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 30 ขอบคุณ 100% [23/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: pornumpai-ka ที่ 23-10-2013 22:24:38
 :z1:
กรี๊ดดดด  น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 30 ขอบคุณ 100% [23/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoke ที่ 23-10-2013 22:54:28
 o13

จิม
จิม
น้องต้าค่ะ พีรักน้องค่ะ ฟินนน! :z2:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 30 ขอบคุณ 100% [23/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 23-10-2013 22:57:29
ระหว่างจิมกับต้า คือน่ารักขึ้นทุกที ๆ
แอร๊ยยย~~~

แล้วจิมจะติดใจกับคำพูดหลุดรอดของปราง
ที่พูดถึงเซมรึเปล่า >.<

รอติดตามนะคะ~^^
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 30 ขอบคุณ 100% [23/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 23-10-2013 23:11:49
ฉากนี้จิมน่าักดีนะค่ะ ไม่ค่อยเหมือนกับจิมช่วงแรกๆเลย ท่าทางต้าจะค่อยๆกระเทาะเปลือกจิมออกละมั้ง
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 30 ขอบคุณ 100% [23/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: lalaballxx ที่ 23-10-2013 23:13:16
อ๊ากกกกกกกกกกก น้องต้าน่ารักที่สุดดดดด อร้ายยยยยย ปกป้องพี่จิมเหรออออ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

เเล้วปรางทิพย์นี่อะไร ออกไป๊ !!!!!   :fire: :fire:

จิมตอนนี้ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นจิมคนที่ข่มขืนต้า  ดูเป็นคนดีจัง 555555555





หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 30 ขอบคุณ 100% [23/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: kuro ที่ 23-10-2013 23:17:28
เห็นด้วยค่ะ เอาไปเก็บที
จิมน่ารักมาก ต้าสู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 30 ขอบคุณ 100% [23/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: sincere13 ที่ 24-10-2013 02:23:10
น้องต้าาา นางคือสิ่งมีชีวิตที่คิดจะน่ารักไปไหนนน  :o8:  :o8:
พี่จิมก็เกือยเสียตัวให้ปีศาจไปแล้วนะค้ะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 30 ขอบคุณ 100% [23/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: viewfifi ที่ 24-10-2013 02:28:12
น่ารักขึ้นทุกวันนะคู่นี้  :hao7:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 30 ขอบคุณ 100% [23/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: argon ที่ 24-10-2013 04:51:29
คือ.... ฟินกว่าฉาก NC อีกอ่ะขอบอก  :haun4: ....  กรี๊ดดดด   :ling1:


ต้าน่ารัก ...  ต้าก็กินแก้มจิน ไม่ใช่เหรอ ???   :mew3: 
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 30 ขอบคุณ 100% [23/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 24-10-2013 06:26:49
ไอ้เซม ไอ้มารผจญ
จิมต้าน่ารักเนอะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 30 ขอบคุณ 100% [23/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 24-10-2013 06:30:09
เป็นตอนที่น่ารักมาก

ทำไมเซมทำกับเพื่อนแบบนี้อ่ะ เพื่อนสนิทกันจริงๆหรอ?
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 30 ขอบคุณ 100% [23/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 24-10-2013 07:08:42
น้องต้าน่ารักจัง ปกป้องพี่จิมด้วย  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 30 ขอบคุณ 100% [23/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: salaseen ที่ 24-10-2013 10:11:07
น่ารักกกกกกกกกกกอ้าาาาาาาาาา  :-[ :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 30 ขอบคุณ 100% [23/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 24-10-2013 10:57:15
น่ารักเฟอร์ :-[
คนเขียนสู้ๆจ้า
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 30 ขอบคุณ 100% [23/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: koronekojung ที่ 24-10-2013 10:59:18
กรี๊ดดดดดด  ฟินๆๆๆๆ  ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงที่ต้ามีความสุขนะ > <
มาต่อเร็วๆนะค๊ะ
จุ๊บๆ
รักคนแต่ง
 :mew3:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 30 ขอบคุณ 100% [23/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: minere_mi ที่ 24-10-2013 13:25:55
จิมคนนี้ไม่เหมือนจิมที่รู้จักตอนแรกๆเลย....
ตอนนี้น่ารักมาก!!!บอกเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 30 ขอบคุณ 100% [23/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 24-10-2013 16:13:43
ไม่ใช่ว่าพี่เซมชอบพี่จิมหรอกนะ บอกตรงๆว่าเดาไงก็ไม่ถูก
เหมือนจะดีแต่ก็ไม่ดี เหมือนช่วยเหลือแต่ก็ดูหวังผลอะไรบางอย่าง
ไม่เข้าใจจริงๆว่าต้องการอะไร ส่วนน้องต้าน่ารักเหมือนเคยนะคับผม
เริ่มชอบจิมขึ้นมาเยอะเลย ดูอ่อนโยนเหมือนไม่ใช่คนเดียวกับตอนแรกๆ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 30 ขอบคุณ 100% [23/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: zaszaq ที่ 24-10-2013 19:14:32
น้องต้าน่ารักกกก  :กอด1:

หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 30 ขอบคุณ 100% [23/10/56] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: lalaballxx ที่ 24-10-2013 20:31:48
อ่านตอนเเรกๆนึกว่าจิมจะร้ายกว่าเซม

เเต่พอมาอ่านตอนหลังๆนี่เซมดูร้ายกว่าเยอะ มีเล่ห์เหลี่ยม มีหลบมีหลีกอย่างมีชั้นเชิง

เซมเป็นผู้ชายที่น่ากลัวจริงๆเเม้ตอนเเรกๆเราจะเรียกพี่หมอๆก็เถอะนะ

เพราะช่วยน้องต้าไว้นิดหน่อย เเต่ตอนนี้อยากเรียกไอ้เหี้ยเซม 555555   :mew5: :mew5:

มีการเอาคนในอดีตของจิมมาทำร้าย ดีนะเนี่ยที่ได้น้องต้าปกป้องจิมมม  :katai2-1: :katai2-1:

หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31..... 20% [24/10/56] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 24-10-2013 22:03:51
ตอนที่ 31 .... 20%

รุ่งอรุณมาเยือนอีกครั้ง ปลุกทุกสรรพชีวิตให้ตื่นจากการหลับใหล ทั้งนกน้อยบนกิ่งไม้ หรือแม้แต่ผมเอง

ดวงตาค่อยๆเปิดปรือตื่นจากนิทรารมย์เมื่อได้ยินเสียงขับขานของนกน้อยที่ดังเล็ดเข้ามา สายตามองนิ่งที่ผ้าม่านผืนยาวที่ปิดประตูกระจกใสตรงระเบียง กระพริบตาถี่ๆปรับสายตาให้คุ้นชิน ก่อนจะมุ่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัวราวกับถูกอะไรบางอย่างโอบกอด ค่อยๆเลื่อนสายตาลงมองลำตัวตนเอง เห็นลำแขนแกร่งวางพาดตรงช่วงเอว

เมื่อคืนจำได้ว่า ผมนอนกอดจี้อยู่ดีๆ นอนห่างจากจิมตั้งเยอะ แล้วไหงเช้านี้ถึงได้เป็นอย่างนี้

 “จิมมม” เอ่ยเรียกชื่อคนด้านหลังอย่างอยากจะบอกให้รู้ว่าเขากอดผมแน่นเกินไปแล้ว แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีแต่ความเงียบ ผมยู่ปากลงเล็กน้อยก่อนจะขยับกายหันไปมองคนด้านหลังอย่างยากลำบาก

เมื่อพลิกกายหันมาได้สำเร็จก็ต้องชะงักไปเล็กน้อยเมื่อพบว่าใบหน้าของผมกับจิมห่างกันเพียงหนึ่งฝ่ามือคั่นกลาง จิมยังหลับสนิท อีกทั้งแขนหนาก็ยิ่งกระชับกอดผมแน่นกว่าเดิม

จิมงอแงอะ!

“จิมมม” ผมยกมือข้างหนึ่งจับไหล่เขาแล้วเขย่าเบาๆ หวังจะปลุกให้ตื่น เพื่อที่ผมจะได้เป็นอิสระ แต่ไม่ว่าจะปลุกยังไง คนหลับลึกตรงหน้าก็ไม่สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย

“จิมม! อึดอัด” มือข้างเดิมที่เขย่าปลุกเขาเปลี่ยนมาวางทาบฝ่ามือแนบลงกับแก้มสากแล้วตบแปะๆเบาๆ คราวนี้คิ้วเข้มของเขาขมวดชนกันเล็กน้อย แต่นัยน์ตาคมๆก็ยังไม่ลืมขึ้น

“จิม ปล่อยย อึดอัด!”

เริ่มหงุดหงิดแล้วนะ ทำไมไม่ปล่อยสักที!

ผมชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงจุ๊ปากที่ดังออกมาจากริมฝีปากหยัก ก่อนมันจะขยับเล็กน้อยแล้วเปล่งเสียงออกมา

“จะนอน” น้ำเสียงแหบพร่าพูดออกมาเบาๆ มือหนาข้างหนึ่งปล่อยจากตัวผมให้หายใจหายคอได้สะดวกขึ้น ก่อนจะวางทาบฝ่ามือลงบนหลังมือของผมแล้วกุมไว้ ความร้อนจากฝ่ามือของจิม ดูเหมือนจะมีมากเกินไป เพราะไม่ใช่แค่ทำให้มือของผมอุ่นขึ้น แต่ยังพาลทำให้หน้าของผมรู้สึกอุ่นแปลกๆ

“อื้อ! จิม!!! ตื่น!!!”

จะดึงมือออกก็ดึงไม่ได้ จิมไม่ได้บีบมือของผมแรงจนรู้สึกเจ็บ แต่มันเหนียวหนึบสุดๆ

ปกติจิมตื่นเช้าจะตาย เป็นคนปลุกผมตลอดเลย แต่ทำไมวันนี้ตื่นยาก!

“จิมมมมม!!” ผมยื่นหน้าไปใกล้ๆ แล้วพูดกรอกหูอีกคน สิ้นคำพูด นัยน์ตาคมกริบก็เปิดพรึ่บมองหน้าผมในระยะประชิด นัยน์ตาของเขาติดจะดุเล็กน้อย แต่.. ตื่นแล้วใช่มั้ย?

“ตื่นแล้วก็ลุกสิ หิว”

“พูดมาก ถ้าไม่หยุดพูดจะกินแก้มให้แหว่งเลย”

ผมชะงักค้างไปกับคำพูดนั้น มือข้างหนึ่งยกขึ้นจับแก้มตัวเองแล้วผงะถอยหนีอีกคนจนหัวแทบตกหมอน ทว่าอีกข้างยังถูกมือหนากุมไว้ให้วางแนบบนแก้มสาก ได้ยินเสียงจิมหัวเราะเบาๆ นัยน์ตาทอประกายขบขัน ก่อนเขาจะรวบเอวผมไว้แล้วดึงเข้าหาตัว แล้วกดหัวของผมให้อิงแนบกับแผ่นอก

“ห้ามกินแก้มนะ” พูดเสียงอู้อี้ มือยังปิดแก้มตนเองอย่างหวาดๆ

“อืมม” รู้สึกหนักๆหัวเหมือนจิมเกยคางวางอยู่บนหัวของผม

กอดของจิมครั้งนี้ไม่ได้อึดอัด แต่อบอุ่น

“นอนซะ วันนี้วันเสาร์ ตื่นสายได้ ไม่ต้องไปทำงาน” เสียงทุ้มดังอยู่เหนือหัว ก่อนจะรับรู้ได้ถึงฝ่ามือหนาที่ลูบไล้เส้นผมของผมไปมา

“อืมม” ผมละมือออกจากแก้มของตัวเอง แล้ววางแหมะลงบนอกแกร่งก่อนจะค่อยๆหลับตาลงอย่างว่าง่าย

ได้ยินเสียงหัวใจจิมเต้นตึกตักๆอยู่ข้างหู เพลินดี ทว่าหลับตาไปได้เพียงครู่เดียวก็ต้องลืมตาตื่นเมื่อนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้

“จิมมม” ร้องเรียกชื่อเขาแล้วแหงนหน้าขึ้นมองอีกคนจากมุมต่ำ จิมหลับตาสนิท แต่ก็ขานรับคำเรียกจากผม

“อืมม”

“จี้อะ จี้อยู่ไหน จะกอดจี้” สิ้นคำพูด เขาก็ลืมตาขึ้น กดสายตามองกันแล้วตัดปัญหาโดยการคว้าข้อมือของผมให้ไปวางพาดลำตัวเขา

“กอดกูไป”

ผมขืนมือจะดึงออก ทว่าเขาเผด็จการจับมือผมไว้แน่น

“อย่าดื้อ หลับตา”

เมื่อเขากดเสียงต่ำ และมองมาด้วยนัยน์ตาดุๆ ผมก็ไม่กล้าขัดขืน รีบหลับตาปี๋ทันที ได้ยินเสียงทุ้มหัวเราะอีกแล้ว

“ดีมาก เด็กดี”

รับรู้ได้เองแม้จะไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง ผมรู้สึกได้ว่าจิมจะต้องยิ้มอยู่แน่ๆ หลังจากรวบรวมความกล้าเสร็จก็ค่อยๆหรี่ตาขึ้นมอง ก่อนจะรีบหลับตาแทบไม่ทันเมื่อพบว่าจิมกำลังจ้องหน้าผมอยู่จริงๆ แต่ไม่ได้น่ากลัวเพราะริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มละมุน

“นอนซะไอ้ดื้อ”

อยากจะเถียงว่าไม่ได้ดื้อ แต่ฝ่ามือหนาที่ลูบศีรษะอย่างต่อเนื่องก็เป็นตัวรั้งเอาไว้ ทว่าก่อนที่สติจะดำดิ่งสู่ห้วงฝัน ผมก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสแผ่วเบาที่ประทับกลางหน้าผากพร้อมเสียงทุ้มที่กระซิบบอกข้างหู

“ฝันดีครับ”

 

 

______________________________________

TALK :: ไม่ใช่อะไร อ่านเม้นท์แล้วคึก เลยพาน้องต้ากับพี่จิมมาบอกฝันดีกับทุกคน 555
ถึงจะน้อยไปหน่อย แต่สองคนนี้ร้องบอกว่า ยังไงๆ ก็จะมาบอกฝันดีให้ได้ ไม่งั้นไม่นอน(?)

PS. แฟนเพจ NNEW ffy เข้าไปพูดคุยกันได้นะคะ
PS. ความสัมพันธ์ระหว่างพี่หมอกับพี่จิม เขาเป็นเพื่อนกันจริงๆ ส่วนจะมากจะน้อย หรือจะไปทิศทางไหน พาร์ทที่แล้วน่าจะเป็นคำตอบได้ดี ฮา หรือถ้าอยากรู้ ชัดๆ แน่ๆ ก็มาลุ้นกันต่อ -..-
*ขอบคุณทุกเม้นท์มากๆนะคะ อ่านไปก็ยิ้มไป ไว้เจอกันใหม่กับส่วนที่เหลือนะ : )
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31..... 20% [24/10/56] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 24-10-2013 22:37:03
>.<
โอ้ยยยย ละลายยย
พี่จิมว๊อยยย น่ารักอย่างนี้จนจบเรื่องเลยได้ป่ะะ ?? 55555.

:pig4:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31..... 20% [24/10/56] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: salaseen ที่ 24-10-2013 22:47:22
อ่านตอนนี้แล้วยิ้มอะ น่ารักอะ
"จิมงอแงอะ!" ชอบบบบ5555555
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31..... 20% [24/10/56] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: pornumpai-ka ที่ 24-10-2013 22:50:57
 :o8:

ชอบบบบ  อ่ะ ฝันดีแน่เลย
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31..... 20% [24/10/56] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 24-10-2013 23:18:04
น่ารักอ่ะ  กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


ตั้งแต่พาร์ทที่แล้ว   คิิคิคิ  จะละลาย
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31..... 20% [24/10/56] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: koronekojung ที่ 24-10-2013 23:27:54
พาทนี้ของตายอย่างสงบค่ะ !!! 
อยากโดนนางกอดมั้ง //คงต้องแย่งน้องต้า เอร้ยยย~
ขอแบบนี้นานๆนะ  =,.= กำลังเคลิ้ม 

ช่วงนี้คนแต่งมาต่อเร็วนะค๊ะ กำลังคึกสิท่า~
ดีแล้วค่ะ มาต่อเร็วๆเลยน้ออ~
จุ๊บๆ :really2:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31..... 20% [24/10/56] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 25-10-2013 00:09:45
ฝันดีเหมือนกันนะคะนักเขียน โอ๊ยยยพี่จิมแกจะน่ารักเกินไปแล้วนะ ฉันเขินอ่ะ

น้องต้าก็อีก น่ารักจริงๆเลย จิมมมมมมมมม (เลียนแบบน้องต้า)
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31..... 20% [24/10/56] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: minere_mi ที่ 25-10-2013 00:45:40
ฝันดีคนเขียน ฝันดีพี่จิม ฝันดีน้องต้า :t3:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31..... 20% [24/10/56] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 25-10-2013 00:46:45
กร๊ีดดดดดดดดดดดด ฟินนนนนน  :ling1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31..... 20% [24/10/56] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: ไป๋ไป๋ ที่ 25-10-2013 00:53:31
จิม จิม จิม

ทำไมน่ารักอย่างนี้

 :o8:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31..... 20% [24/10/56] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: kuro ที่ 25-10-2013 01:11:11
 :hao6: :mew2: :mew3: :mew3 :mew6::

น่ารักมากๆๆ
ฝันดีจ้า จิม&ต้า
ฝันดีนะคะคนเขียน
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31..... 20% [24/10/56] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 25-10-2013 03:09:55
กรี๊ดดดดดด น่ารักกกก :katai1: :hao6:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31..... 20% [24/10/56] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 25-10-2013 10:48:53
เพิ่งเข้ามาอ่านรวดเดียว
อยากจะบอกว่าอ่านตอนแรกแล้วกะจะไม่อ่านต่อเพราะท่าทางจะปวดใจ
แต่ก็ยังอ่านเพราะอยากรู้ต่อจนถึงตอนนี้
เชียร์จิมขาดใจ ไม่ชอบเซมแลยอะ!!
คนเขียนแต่งสนุกมากๆ เลิกอ่านไม่ได้เลย
ติดตามน้า><
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31..... 20% [24/10/56] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: NewT@N ที่ 25-10-2013 10:53:59
นี่เป็น เม้นแรกของผมนะ (บอกเพื่อ?)
คือ เข้ามาอ่านเรื่องนี้ เพราะ DRAMA SM ( :haun4: จิต?)
....
อ่าน อ่าน อ่าน จนถึงตอนนี้ ,,, นึกในใจ "มันคือเรื่องเดียวกันป่าววะ"
ตอนแรกๆ โคตรจิต  :z1: แต่ตอนหลัง "น่าร๊าาาก" มาก!!! :m3:
...
อิหมอ มันเป็นไรกะ พี่จิมละ? ,,, อิหมอเซม เกลียดมัน!!!
...
สู้ๆ นะคับ คนเขียน ,,,, :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31..... 20% [24/10/56] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 25-10-2013 11:49:48
โมเมนต์สีชมพูมากก
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31..... 20% [24/10/56] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: lalaballxx ที่ 25-10-2013 19:24:49
ชอบคำว่า"กินเเก้ม" อ่ะค่ะ น่าร๊ากกกกกกกก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31..... 20% [24/10/56] P.15
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 25-10-2013 23:12:17
น่ารัก
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 26-10-2013 22:00:35
ตอนที่ 31 ความรู้สึกนี้... 100%


JIM Part

Trrrrrrrrrrrr

เสียงริงโทนคุ้นหูและเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือที่ดังอยู่ไม่ไกล ทำให้ผมต้องลืมตาตื่นขึ้นอย่างเกียจคร้าน สายตายังมัวๆ ปรับสภาพไม่ได้ ผละมือข้างหนึ่งไปควานหาโทรศัพท์มือถือที่จำได้ว่าวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่อีกมือหนึ่งยังถูกอีกคนหนุนนอนต่างหมอน

หยิบโทรศัพท์มาเพ่งดูหน้าจอ เมื่อเห็นว่าใครโทรมาก็ไม่รอช้ารีบกดรับแล้วนำมาแนบหู

“กานต์” กรอกเสียงพูดไปยังปลายสาย ดวงตาค่อยๆปิดลงช้าๆอีกครั้ง

“อยู่ห้องหรือเปล่า”

“อืมม” มือยังคงจับโทรศัพท์แนบหูอยู่ ขณะที่เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆกลิ่นหอมอ่อนๆที่ดอมดมมาทั้งคืนจนกระทั่งอรุณรุ่งมาเยือน กลิ่นหอมอ่อนๆที่ไม่ปรุงแต่งด้วยน้ำหอม เป็นกลิ่นเฉพาะตัว

“อีกสิบนาทีจะไปถึง”

เสียงสัญญาณดังตรู๊ดๆบอกว่าคนปลายสายได้วางไปแล้ว

มุ่นคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปวางมันลงทีเดิม ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดสุดท้ายที่ได้ยินเมื่อครู่ วาดแขนกอดกระชับเนื้อตัวนุ่มนิ่มของคนตัวเล็กที่นอนหลับอุตุพลางคลี่ยิ้มบางๆ ไล้ปลายจมูกสัมผัสหน้าผากเกลี้ยงเกลาก่อนจะวางคางเกยกลุ่มผมสีเข้มแล้วค่อยๆหลับลงอีกครั้ง

 

....

เสียงดังกุกกักปลุกผมให้ตื่นจากฝันดี ก่อนจะตาสว่างขึ้นมาทันตาเมื่อพบว่าคนข้างกายที่กอดเอาไว้ทั้งคืน ตอนนี้ไม่อยู่เสียแล้ว รีบผุดตัวลุกขึ้น สองขาก้าวออกจากห้อง เดินไปยังทิศทางที่ได้ยินแว่วมาด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง ก่อนจะชะงักอยู่หน้าห้องมองคนสองคนที่กำลังนั่งเล่นเจ็นก้าอยู่ด้วยสีหน้ามุ่งมั่น คนที่มุ่งมั่นน่ะ ดูเหมือนจะมีแค่ไอ้ดื้อ ส่วนอีกคนน่ะเหรอ เล่นด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ได้กลัวว่าท่อนไม้ที่ต่อตัวสูงขึ้นๆเรื่อยๆจะล้มลงมาเลยสักนิด

เจ็นก้าบล็อกเป็นเกมส์ที่ทำจากไม้ ลักษณะเป็นท่อนสี่เหลี่ยมผืนผ้า วิธีเล่นก็ดึงไม้ออกจากด้านล่างขึ้นไปต่อด้านบนให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้

“จะล้มแล้ว จะล้มแล้วๆๆๆๆ”

หลุดขำเล็กน้อยเมื่อตัวจุ้นร้องโหวกเหวกนั่งไม่ติดพื้น สองมือละล้าละลังจะประคองไม้ที่โอนเอนไปมา ก่อนจะถอนหายใจออกมาฟู่ใหญ่เมื่อมันไม่ได้ล้มอย่างที่คิด มันค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งอีกครั้งก่อนจะหันหน้ามาทางที่ผมยืนอยู่พอดี

“จิม ตื่นแล้วเหรอ มานี่ๆ มาเล่นกัน”

ก้าวเท้าเดินไปหาคนที่กวักมือเรียกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นข้างๆมัน

“พี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ถามอีกคนที่กำลังเล็งเลือกท่อนไม้อยู่ กานต์ละสายตามองหน้าผมแวบหนึ่งก่อนจะขยับมือค่อยๆดันไม้ท่อนตรงกลางออกช้าๆ

“นานพอเห็นท่าหลับของมึงก็แล้วกัน”

ยังไม่ทันได้ต่อบทสนทนาไปมากกว่านี้ คนข้างๆผมก็โวยวายเสียงดัง เมื่อกานต์วางท่อนไม้ลงด้านบนโดยที่ไม่ทำให้ส่วนด้านล่างไหวโยกแม้สักนิด

“พี่กานต์ขี้โกงใช่มั้ย” สองมือกอดอก หน้านิ่วคิ้วขมวดมองอีกฝ่ายที่เล่นผ่านฉลุย

“แล้วเราเห็นว่าพี่โกงมั้ยล่ะ” กานต์พูดกลับยิ้มๆ ผมมองคนสองคนตรงหน้าแล้วให้รู้สึกแปลกๆ

ระหว่างที่ผมหลับ ทำให้คนสองคนที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนสนิทกันได้ขนาดนี้เลยเหรอ?

กับไอ้ดื้อน่ะไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ เพราะขนาดพวกคุณเรมันยังตีซี้ได้ง่ายๆ แต่กับกานต์ ปกติมันยอมเสียเวลามานั่งเล่นอะไรแบบนี้เสียที่ไหน แล้วไหนจะสีหน้าและรอยยิ้มนั่นอีก

เพราะเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมา ทำให้รู้ได้เลยว่ากานต์เอ็นดูไอ้ต้าไม่น้อย

ไอ้ตัวดีขยับซ้ายขยับขวา เล็งหาท่อนไม้ ก่อนจะค่อยๆใช้นิ้วชี้จิ้มไม้ส่วนด้านนอก ค่อยๆเคาะ ก่อนจะเบ้ปากแล้วรีบชักมือกลับเมื่อตึกโอนเอน

“จิมมม”

มันหันมาหาผมแล้วย้ายตัวเองกลับมานั่งข้างๆเหมือนเดิม ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงถาม

“เล่นให้หน่อย”

พูดบอกพร้อมกับสองมือที่วางแหมะบนแขนของผมแล้วยิ้มประจบ ไม่นึกแปลกใจที่กานต์จะเอ็นดูมัน ก็ท่าทางของมันน่าเอ็นดูน้อยเสียเมื่อไหร่

ผมถอนหายใจอย่างอ่อนใจ อ่อนใจกับตัวเองที่นับวันก็เริ่มจะต้านทานมันไม่ไหว ครั้งนี้ก็เหมือนกับที่ผ่านมา ที่อยากจะทำอะไรๆตามใจมันไปเสียทั้งหมด ทว่าก่อนที่จะตกปากรับคำง่ายๆ ก็ดันคิดอะไรดีๆขึ้นมาได้เสียก่อน ผมขยับยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

“ถ้าเล่นให้จะได้อะไรเป็นรางวัล”

มันทำหน้ายุ่ง ก่อนจะพูดคำตอบที่ทำให้ผมแทบสำลัก

“เดี๋ยวคืนนี้ให้กอด”

ทว่ายังไม่ทันที่ผมจะตอบตกลงหรือปฏิเสธ เสียงของผู้เล่นอีกคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน

“ใครกันแน่ที่ขี้โกงหืม” กานต์พูดนิ่งๆด้วยสีหน้ายิ้มๆ แต่นั่นก็ทำให้ไอ้ดื้อที่เกาะแขนผมชะงักไปนิดแล้วหันไปมองหน้ากานต์พลางกัดริมฝีปากแน่น

“เล่นเองก็ได้!” พูดบอกเสียงดังด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ ก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้น ใช้นิ้วดันแท่งไม้อันใหม่แล้วค่อยๆเลื่อนออก ท่าทางของมันดูเกร็งและลุ้นมาก

เมื่อดึงออกมาได้สำเร็จ มันก็ถอนหายใจเฮือก มือกำไม้ท่อนเล็กไว้แน่น ก่อนจะเปลี่ยนท่าทางเป็นยืนคุกเข่า บังคับมือไม่ให้สั่นแล้วค่อยๆวางไม้ท่อนที่ถูกเลือกลงบนส่วนยอด

ทว่า....

ครืน!

พังครืนไม่เป็นท่า!

ไอ้ต้าอ้าปากค้าง แล้วหันมาหาผมด้วยสีหน้าตระหนก อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปขยี้เส้นผมนุ่มๆนั่นเป็นการปลอบใจ มันยิ้มเล็กน้อยไม่หลีกหนีสัมผัส ก่อนจะถอยร่นตัวเองมานั่งข้างๆกัน

“ไม่เล่นแล้ว” ร้องบอกแล้วทำท่าจะลุกขึ้นเดินหนี ทว่ากานต์กลับจับข้อมือของมันไว้แล้วระบายยิ้มบนริมฝีปาก

“สัญญาล่ะ ลืมไปแล้วเหรอไงเรา คนแพ้ต้องทำยังไงครับ”

สิ้นคำไอ้ต้าก็ยิ่งหน้ายุ่งกว่าเดิม แต่ผมสิ ทั้งสงสัยทั้งงงได้แต่พวกมันสองคนไปมา

“ไม่ลืมหรอก”

มันพูดพลางเลื่อนตัวไปด้านหน้าแล้วนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น กานต์เบนสายตามองสบตาผม ก่อนจะยักคิ้วด้วยท่าทางกวนๆ แล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มไอ้ตัวดีดังฟอดใหญ่!

ผมมองภาพตรงหน้า พลันรู้สึกเย็นวาบไปทั้งศีรษะราวกับถูกสาดด้วยน้ำเย็นๆเข้าเต็มเปา!

นี่พวกมันเล่นอะไรกัน!?

กานต์ค่อยๆผละหน้าออกห่าง แล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยีผมไอ้ต้าเหมือนกับที่ผมทำเมื่อครู่ไม่ผิดเพี้ยน

“ป่ะ ไปกินข้าวกัน” เอ่ยชวนพร้อมถือวิสาสะคว้าข้อมือไอ้ต้าไปจับแล้วดึงให้ลุกขึ้นเดินตามกันออกไป ทิ้งให้ผมมองตามแผ่นหลังของพวกมันสองคนไปด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

วันนี้ไอ้พี่กานต์เป็นอะไร??

 

เมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาหาร ผมก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วมองตำแหน่งที่นั่ง เก้าอี้ด้านขวาสองตัวถูกจับจองจากไอ้ต้ากับกานต์ พูดคุยกันกระหนุงกระหนิงเหมือนรู้จักกันมาสักปีสองปีไม่ใช่วันนี้วันแรก มองตำแหน่งจานที่วางบนโต๊ะด้านซ้าย มีวางอยู่ใบเดียว นั่นจะเป็นที่ของใครอื่นไม่ได้นอกจากผม

เดินไปทิ้งกายนั่งลงบนเก้าอี้ มองอาหารสี่อย่างในจานที่ถูกจัดเรียง เป็นของโปรดของผมทั้งนั้น

“ก่อนจะมานี่พี่แวะเข้าบ้านก่อน แม่นมทำมาฝาก ส่วนแม่ก็ฝากมาบอกให้มึงกลับไปบ้านบ้าง” กานต์พูดพลางใช้ช้อนตักหมูทอดแล้วนำไปใส่จานคนข้างๆ ไอ้ต้าหันไปยิ้มตาหยีก่อนจะก้มหน้าก้มตาหั่นหูแล้วเอาใส่ปาก กินอย่างเอร็ดอร่อย

มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกๆ ก่อนจะเริ่มตักผัดบล็อกโคลี่มาใส่จานแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเรื่องอื่น

“งานที่สิงคโปร์เป็นไงบ้าง”

กานต์ที่กำลังจะตักผัดวุ้นเส้นชะงักไปนิด เหลือบตามองผมด้วยสายตารู้ทันว่าทำไมอยู่ๆถึงเฉไฉไปพูดเรื่องอื่น ก่อนจะใช้ส้อมพันวุ้นเส้นไปพลางตอบคำถามไปพลาง ไม่เซ้าซี้เข้าประเด็นเดิม

“ก็ดี มิสเตอร์ลีเห็นดีเห็นงามด้วย เห็นว่าจะบินมาเซ็นต์สัญญาประมาณเดือนหน้า”

“เหรอ” ตอบรับเพียงสั้นๆก่อนจะแสร้งตักข้าวเข้าปาก เมื่อกานต์แลดูวุ่นวายกับไอ้ดื้อจนเกินเหตุ

น้ำในแก้วหมดก็ปล่อยให้มันรินเองสิ จะรินให้มันทำไม ทีกับผมนี่ไม่เคย

“โตแล้วยังจะกินเลอะเทอะอีก” กานต์พูดบ่นไม่จริงจัง ก่อนจะใช้กระดาษทิชชู่เช็ดมุมปากให้มันอย่างเบามือ ซึ่งไอ้ตัวดีก็หันหน้าให้เช็ดง่ายๆ

มันไปสนิทกันตอนไหนวะ! ผมหลับไปแค่แป๊บเดียวทำให้สองคนนี้สนิทกันมากขนาดนี้เลยเหรอ!?

“ไอ้จิม ทำไมมองพี่อย่างนั้น” ปากถามคล้ายสงสัย ทว่านัยน์ตากลับระยิบระยับส่องประกายแปลกๆ

“เปล่า” ตอบห้วนๆแล้วตักต้มยำแบ่งใส่ถ้วยมากินให้เหมาะกับอารมณ์เผ็ดร้อนในตอนนี้

ได้ยินเสียงมันหัวเราะเบาๆ ซึ่งผมไม่คิดใส่ใจ ก่อนจะมีหมูทอดชิ้นหนึ่งวางแหมะบนข้าวสวยร้อนๆในจานของผม

“อะ ให้”

ก็น่าแปลก แค่หมูทอดชิ้นเดียวกับรอยยิ้มตาหยีของไอ้ดื้อก็ทำให้ผมรู้สึกเย็นลงได้อย่างน่าประหลาด

“หึๆ”

เหลือบสายตามองไปยังต้นเสียง ที่มองผมอย่างมีเลศนัยน์ ก่อนจะยักคิ้วให้ดูกวนบาทาอย่างที่นานๆครั้งจะเห็นสักที แล้วก้มลงกินอาหารต่อ

 

จบจากอาหารเช้าก็ปาไปเกือบบ่ายโมง

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้สำหรับวันนี้คือ ไม่ควรปล่อยให้ไอ้ต้ากับกานต์อยู่กันเพียงลำพัง!

เมื่อเช้าก็ทีหนึ่ง ใช้เวลาที่ผมหลับไปตีสนิทกัน ส่วนตอนนี้ ดูมันสองคนจะสนิทกันมากเกินไปหรือเปล่า?

เผลอขบฟันแน่นเมื่อเห็นไอ้ต้ากำลังนั่งตักไอ้พี่กานต์ดูสารคดีสัตว์โลกอยู่ด้วยกัน โดยที่ไอ้ต้าจะคอยหันมาถามนู่นถามนี่เป็นบางครั้ง

อาการร้อนๆในอกอย่างนี้คืออะไร?

“อะแฮ่ม!” ผมกระแอมกระไอเสียงดังเพื่อจะเรียกความสนใจของคนสองคนให้หันมามอง “ไอ้ต้า ไปอาบน้ำ” บอกด้วยน้ำเสียงห้วนๆแล้วเดินไปดึงมันจะให้ลุกจากตักกานต์ ทว่าคนที่เป็นดั่งเบาะรองนั่งกลับใช้สองมือรวบเอวมันไว้กดให้นั่งลงเหมือนเดิม

ไม่ใช่เพียงไอ้พี่กานต์ที่ไม่ปล่อยน้อง ไอ้ต้าเองก็อิดออดไม่ยอมลุก

“จะดูหมา ยังไม่อาบ เดี๋ยวค่อยอาบทีเดียว เนอะพี่กานต์” พูดเสร็จก็หันไปเนอะแนะกับเบาะนั่งส่วนตัวเพื่อหาพวก ซึ่งก็ดูเหมือนมันจะถามถูกคน เพราะกานต์พยักหน้ายิ้มๆ ยกมือยีผมไอ้ต้ายกใหญ่

ผมมุ่นคิ้วมองภาพตรงหน้า ก่อนจะเอะใจขึ้นมา มองกานต์แล้วนิ่งคิด ผมลืมไปว่าไอ้พี่กานต์มีโรคประจำตัว มันมีภูมิต้านทานต่ำกับคนมีลักยิ้ม จะทำอะไรไม่ถูกหากได้อยู่ใกล้กันในระยะสามเมตร ซึ่งข้อนี้ ไอ้ต้าไม่มี แต่ มันมีอีกโรคประจำตัวที่ร้ายแรงไม่แพ้กัน โรคภูมิแพ้สิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก! ซึ่งอาการของโรคนี้จะตรงกันข้ามกับภูมิต้านทานต่ำลิบลับ เพราะมันจะวิ่งเข้าจู่โจม เกาะหนึบไม่ปล่อย!!

ซึ่ง.. ไอ้ต้าโดนจังๆ

“จะรีบอาบไปทำไม ไหนดูสิ ตัวเหม็นหรือยัง” ว่าพลางโฉบหน้าเข้าหอมแก้มไอ้ต้าอีกฟอดใหญ่ ซึ่งคนถูกหอมไม่เพียงไม่ผลักออก กลับหัวเราะชอบอกชอบใจยกใหญ่

!!!

เฮ้ย มันจะมากไปหรือเปล่าวะ!!

“พอๆ กานต์มึงกลับไปเลย” กระชากไอ้เตี้ยออกจากตักไอ้พี่กานต์จนมันกระเด็นปะทะหน้าอกผม มือข้างหนึ่งรีบกอดเอวมันไว้แล้วหนีบเข้ากับตัว

“เฮ้ย เดี๋ยวนี้ขึ้นมึงขึ้นกูนะไอ้จิม”

“ทำไม ทีพี่ยังพูดได้เลย”

“กูเป็นพี่มึงไง มึงเป็นน้องอย่าเถียง” มันชี้หน้าผม นัยน์ตาพราวเหมือนกับมันกำลังสนุก ก่อนจะผละสายตาจากผมแล้วมองไอ้เตี้ย “น้องต้า มาหาพี่กานต์มา พี่กานต์มีของฝากมาให้ด้วย”

ไอ้เตี้ยข้างๆผมพอได้ยินคำว่าของฝากหูก็กระดิกดิ๊กๆ รีบถลาไปหาไอ้พี่กานต์ทันที เร็วจนผมคว้าไม่ทัน

“ไหนนน” ไอ้เตี้ยชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆ หมายจะดูของที่อยู่ในถุงที่กานต์ถือไว้

ถ้าถามว่าท่าทางเหล่านั้นน่ารักมั้ย ผมก็คงจะตอบว่า ‘น่ารัก’ แต่ขัดหูขัดตา

“ชอบขนมมั้ย” ถามขณะที่ล้วงมือลงไปในถุง ผมเดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาที่เยื้องกับสองคนนั้นมาหน่อย มองไอ้เตี้ยที่ตาเป็นประกายวิบวับเมื่อพูดถึงขนม

“ชอบครับ!”

“อะ พี่ให้ทั้งถุงเลย” พูดพลางหยิบยื่นถุงที่วางบนตักให้มัน ไอ้ต้ารับไปแล้วยิ้มกว้างอย่างดีใจ ก่อนจะก้มหน้าคุ้ยของในถุงด้วยความตื่นเต้น ทว่านาทีต่อมา มันก็ชะงักคล้ายกับนึกอะไรขึ้นได้ ผละมือออกจากถุงแล้วยกมือไหว้กานต์ เรียกความเอ็นดูจากมันได้อีกมากโข

“น่ารักจริงๆเลยยย” ผมขมวดคิ้วมองไอ้พี่กานต์ที่ถือดีบีบแก้มไอ้เตี้ยไปมา ไอ้เตี้ยขยับหน้าจะหนีแต่กานต์ก็ตามไปบีบอย่างไม่ลดละ

พวกมันสองคนเห็นหัวผมมั่งมั้ยวะ

ปั่ก!

เตะขาโต๊ะไปที เรียกให้สองคนนั้นหันมามอง รอยยิ้มบนริมฝีปากของกานต์เปลี่ยนเป็นแลดูเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหยิบอีกถุงหนึ่งส่งให้ผม

“อะไร” ถามเสียงห้วนอย่างไม่ตั้งใจ

“เปิดดูเอาสิ”

รับมาถือไว้ แง้มปากถุงดูเล็กน้อยพอเป็นพิธี ก่อนจะวางไว้บนโซฟาข้างตัว แล้วหันไปมองสองคนนั้นต่อ

“มาครับ พี่แกะให้”

ไอ้ต้ายื่นช็อกโกแลตให้กานต์อย่างว่าง่าย ดวงตากลมๆใสแจ๋วมองตามมือกานต์ที่ค่อยๆแกะไม่ละไปไหน เมื่อเปลือกพลาสติกที่ห่อหุ้มได้หลุดออกก็เผยช็อกโกแลตสี่เหลี่ยม เนื้อสีน้ำตาลชวนน้ำลายสอล่อตาล่อใจ ไอ้ต้ายื่นมือไปหมายจะเอากลับมา ทว่ากานต์กลับชักมือกลับ ทำให้ไอ้ต้าหน้ามุ่ยลง

“อยากได้ต้องทำไงก่อน” ลูกล่อลูกชนที่ผมมองแล้วได้แต่ขมวดคิ้ว เริ่มรู้สึกเหม่งๆ

“ขอบคุณครับ” ยกมือไหว้สวยๆ ทว่าพอไหว้เสร็จกลับไม่ได้รับช็อกโกแลตได้รับเพียงแค่รอยยิ้ม

จะเล่นอะไรอีกวะไอ้พี่กานต์

“หอมแก้มก่อน”

สิ้นคำ คิ้วผมก็กระตุกทันควัน และยิ่งกระตุกหนักขึ้นเมื่อไอ้ตัวดีทำท่าจะถลาไปหอมแก้มจริงๆ

“พอเลย หยุดๆ!” ลุกขึ้นไปดึงคอเสื้อไอ้เตี้ยให้ถอยห่างออกมา มองไอ้พี่กานต์หน้าเคร่ง “งานส่วนของพี่ที่บริษัทผมยังเคลียร์ให้ไม่หมด พี่กลับไปทำงานดีกว่ามั้ยครับ”

“หึๆ ท่าทางจะเป็นเอามากว่ะ”

“เป็นเอามากอะไร” มองคนตรงหน้าแล้วขมวดคิ้ว กานต์ยื่นช็อกโกแลตให้ไอ้ต้าที่ยื่นมือมารับแล้วค่อยๆกัดกินหน้าระรื่น

“เปล๊า” พูดตอบเสียงสูงอย่างมีพิรุธ ก่อนกานต์จะลุกขึ้นยืนยังผลให้ไอ้ต้าลุกตาม

“พี่กานต์จะกลับแล้วเหรอ”

มันเอื้อมมือไปจับข้อมือกานต์ทันทีหลังจากที่อีกฝ่ายพยักหน้าเบาๆ

“เดี๋ยววันหลังพี่มาเล่นด้วยใหม่ ตกลงมั้ย” ว่าพลางยกมือลูบกลุ่มผมนุ่มไปมา เห็นไอ้ต้าพยักหน้ารับหงึกหงักแต่มือก็ยังไม่ปล่อย ยังคงเกาะหนึบ

นี่มันเพิ่งเจอกันวันนี้วันแรกจริงๆใช่มั้ย? ทำไมไอ้เด็กนี่ถึงได้ติดไอ้พี่กานต์ขนาดนี้

เคยได้ยินมาเหมือนกันว่า เด็กถ้าลองได้ปักใจชอบใครแล้ว มักจะติดหนึบ ไอ้ต้าก็คงจะเข้าข่ายกรณีนั้นเหมือนกันใช่หรือเปล่า?

มันดูติดกานต์ขนาดนี้ แล้วมัน ...เริ่มติดผมบ้างหรือยัง?

“เด็กดีอย่างอแง ถ้างอแง วันหลังพี่ไม่มาหาแล้วนะ” เริ่มหาวิธีหลอกล่อ และดูเหมือนจะได้ผล เพราะไอ้ต้ายอมปล่อยมือแต่โดยดี “พี่จะไปแล้ว ไหนมาหอมที”

ผมล็อกคอไอ้เตี้ยไว้จนแผ่นหลังบางปะทะกับหน้าอกของผมก่อนที่มันจะยื่นหน้าไปให้กานต์หอมจริงๆ

“หอมกูมั้ยพี่กานต์” วางคางเกยบนเรือนผมสีเข้มมองพี่ชายที่ใบหน้าติดจะหวานแล้วแสยะยิ้มมุมปาก

ผลัวะ!

กานต์มือหนักตบหัวผมเสียงดังจนเห็นดาวลอยวิ้งๆอยู่รอบหัว

นี่ถ้าไม่ใช่พี่ชายผมสวนไปแล้วจริงๆ แต่เพราะมันเป็นพี่ชายจึงทำได้แค่ยกมือลูบหัวแล้วสะบัดหัวไปมาไล่ความมึน

จะด่ามันก็ไม่ได้ ลองด่าได้เจอตบปากแน่ๆ ขนาดแค่พูดมึงกูใส่หน่อยยังทำตาขวางขนาดนั้น

“จิม ตามพี่มา” ว่าพลางหมุนกายหันหลังเดินตรงไปยังประตู ก้มลงใส่รองเท้าหยุดรอผมอยู่หน้าห้อง ผมก้มหน้าลงมองสบตาไอ้เตี้ยที่แหงนหน้ามองกันแล้วทำหน้าขยาดในฝ่ามือพิฆาตของพี่กานต์ อยู่ๆก็รู้สึกหมั่นเขี้ยวมัน แต่ไม่รู้จะลงไม้ลงมือกับมันยังไง เลยโน้มตัวลงกัดช็อกโกแลตที่มันถืออยู่จนแทบหมดแท่ง แล้วรีบปลีกตัวเดินไปหากานต์

“จิม!!”

อยู่ๆก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาแปลกๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความหวานจากช็อกโกแลตในปาก หรือเพราะเสียงโวยด้านหลังกันแน่

“ว่าไงพี่” ถามขณะที่ฟันบดช็อกโกแลตให้ละเอียดแล้วค่อยๆกลืนลงคอ

กานต์ใส่รองเท้าเสร็จแล้ว นัยน์ตาคู่สวยมองผ่านเข้าไปในห้องยังคนที่นั่งอยู่บนโซฟาคนเดียวก่อนจะพูดขึ้น

“ถ้าคิดจะมีความรักครั้งใหม่ หรือคิดจะจริงจังกับใครสักคน..” มันหยุดพูดครู่หนึ่งแล้วหันมาสบตาผมด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าเป็นเด็กคนนี้ พี่ไม่ขัดข้องนะ”

แม้ว่าใจจะยังคัดค้านกับเรื่องที่กานต์กำลังพูด รักครั้งใหม่เหรอ? กับเด็กคนนี้? เวลาเพียงแค่นี้ ผมคิดว่ายังเร็วไปที่จะทำให้ผมเริ่มรักใครสักคน

..คิดอย่างนั้น แต่ก็หาเหตุผลมาอธิบายให้กับความโล่งใจเมื่อได้รับการยอมรับไม่ได้

“พี่ว่าน้องน่ารักดี นายเองก็คงจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่างในตัวน้องที่ไม่เหมือนกับคนก่อนๆ” พี่มันพูดไปเรื่อยพลางระบายยิ้มบนริมฝีปาก

“แต่พี่ติดใจสงสัยอยู่เรื่องเดียว ทำไมน้องถึงได้กลายเป็นอย่างนี้?”

“อย่างนี้??”

“9 ขวบ” สีหน้ามันเคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิม วลีเพียงสั้นๆทำให้ผมชะงักไปเมื่อย้อนคิดถึงสาเหตุ ที่ผมเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด “เกิดอะไรขึ้นจิม”

ผมเบนหน้าหันไปมองคนในห้องนั่งเล่นอีกครั้ง รู้สึกตื้อในอกจนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดให้อีกคนฟังได้

“กับพี่ นายสามารถพูดได้ทุกเรื่องนายก็รู้”

ผมหันกลับมามองกานต์อีกครั้ง พลันในอกยิ่งรู้สึกหนักอึ้งมากกว่าเดิมเมื่อสัมผัสได้ถึงฝ่ามือเรียวที่ขยับลูบผมของผมไปมา

“อืม ผมรู้” พูดตอบออกไปได้เพียงเท่านั้น

กานต์คลี่ยิ้มบางๆ เป็นรอยยิ้มที่ผมคุ้นเคย

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวทุกอย่างมันจะดีขึ้นเอง แต่พี่ขออย่างเดียว ..มีสตินะจิม” นัยน์ตาคู่นั้นดูจริงจังเมื่อเอ่ยคำพูดสุดท้าย

ผมชะงักไปนิดก่อนจะพยักหน้ารับ

กานต์ผละมือออกห่างก่อนจะปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม

“พี่ไปละ อยู่กันดีๆล่ะ”

ผมเดินออกไปส่งกานต์ และมองส่งไปจนแผ่นหลังนั้นหายลับไปจากสายตาแล้วค่อยๆปิดประตูลง

เมื่อหันกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งก็พบกับนัยน์ตาใสๆที่มองมา มือมันยังมีช็อกโกแลตอยู่หนึ่งแท่ง ไม่ใช่อันเก่า แต่เป็นอันใหม่ ผมมองมันก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่นแล้วเดินไปนั่งโซฟาห่างจากมันเล็กน้อย หยิบรีโมทมาถือครองก่อนจะกดเลื่อนจากช่องสารคดีเป็นช่องหนัง

สายตามองจอสี่เหลี่ยมตรงหน้า ไม่ได้หันไปมองคนข้างๆที่ผมรู้สึกว่ามันกำลังมองผมอยู่

ไม่ได้ตั้งใจจะเมิน เพียงแต่อยากรู้..

กับกานต์ที่มันเพิ่งเจอวันนี้เป็นวันแรก ยังติดขนาดนั้น แล้วกับผม ที่อยู่กับมันมาเกือบอาทิตย์ มันจะติดผมบ้างหรือเปล่า

ถ้าผมเมินไม่คุย ไม่สนใจมัน มันจะง้อ หรือจะหาวิธีคุยกับผมอย่างไรบ้าง

ก็แค่อยากรู้..

ไม่ได้หวังไปมากกว่านั้น

ทว่าความหวังเริ่มริบหรี่ เมื่อทุกอย่างยังนิ่งสนิท ทุกสรรพสิ่งรอบตัวไม่มีการเคลื่อนไหว หูได้ยินเพียงเสียงทีวีที่พระนางต่อบทกันไปมา สายตาของผมมองที่หน้าจอก็จริงอยู่ หากแต่หัวสมองไม่ได้รับรู้เรื่องราวด้วยเลย

สักครู่ใหญ่ผ่านไปก็รู้สึกได้ว่ามีแท่งสีน้ำตาลกวัดแกว่งไปมาตรงหน้า เมื่อจ้องมองดีๆก็เห็นว่าไอ้ต้าแกว่งช็อกโกแลตไปมา

อะไร?

ผมดูเห็นแก่กินขนาดนั้น?

ปัดมืออีกคนให้ออกไปจากสายตาแล้วตั้งสมาธิจดจ่อกับหนังตรงหน้าต่อ ทว่าก็ถูกรบกวนจากคนด้านข้างอีกครั้ง

ต้าวางช็อกโกแลตในมือลงบนโต๊ะ ก่อนจะใช้สองมือจับแขนซ้ายของผมแล้วเขย่าไปมา

“จิมมม” ลากเสียงยาวเรียกชื่อผมแบบที่มันเรียกประจำ เป็นครั้งก่อนๆผมคงจะหันไปมองแล้วตอบกลับไปแล้ว หากแต่ครั้งนี้ เมินครับ

“จิมเป็นอะไร” ถามพร้อมกับขยับเข้ามาใกล้กันอีกนิด

“...”

“จิมน้อยใจเหรอ”

“....” คิ้วกระตุกเล็กน้อยกับถ้อยคำกล่าวหา

“พี่กานต์บอกว่าจิมขี้น้อยใจ จิมน้อยใจต้าเหรอ”

ถามจบมือเล็กสองข้างก็เข้าประคองแก้มผมแล้วจับให้เบนหันไปหามัน ต้านั่งคุกเข่าบนโซฟา เพื่อให้ส่วนสูงของตัวเองเทียบเท่ากันกับผม

“น้อยใจเหรอจิม”

“เปล่า” หลุดปากพูดตอบไปทั้งที่ตั้งใจแล้วว่าจะเมิน ปราการที่ตั้งขึ้นมาพังทลายลงไม่เป็นท่า เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาอ้อนๆที่กำลังงอนง้อกัน

“จริงอย่างที่พี่กานต์บอกจริงๆด้วย จิมจะต้องตอบว่าเปล่า” ใบหน้านั้นมุ่ยหนักกว่าเดิม ก่อนมือเล็กสองข้างจะประคองแก้มของผมให้กระชับขึ้น

“กานต์บอกอะไรอีก”

“กานต์บอกว่า ถ้าจิมน้อยใจ ทำอย่างนี้แล้วจะหาย”

ยังไม่ทันจะถามว่าอย่างนี้ที่หมายถึงน่ะคืออะไร ก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสนุ่มๆชื้นๆที่ประทับบนแก้มเสียแล้ว สายตามองเห็นเพียงเส้นผมสีเข้มเท่านั้น

มันค่อยๆผละหน้าออกห่างแล้วมองสบตาผมอีกครั้ง

“หายมั้ย?”

“...”

“ยังอีกเหรอ” เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่าที่จะรอคำตอบจากผม ผมเบิกตากว้างมากกว่าเดิมเมื่อรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้าจุ้บลงที่แก้มอีกข้าง

...

และคราวนี้มันไม่ผละหน้าออกมาถามกันให้เสียเวลา เพราะริมฝีปากแดงๆนั้นเลื่อนไปจุ้บหน้าผากของผมเบาๆ ก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาที่ปลายจมูก และจบลงที่ริมฝีปาก..

“จุ้บ”

...คล้ายกับได้ยินเสียงหัวใจเต้นตึกตักเป็นจังหวะที่ผิดแปลกไป

ใบหน้านั้นละห่างไปแล้ว ทว่าสัมผัสนุ่มนิ่มยังติดค้างที่ริมฝีปากไม่จางหาย

“จิม หายโกรธต้านะ” ถามย้ำๆซ้ำๆ ก่อนจะตามมาด้วยสัมผัสแผ่วเบาที่ปากอีกครั้ง คราวนี้เนิ่นนาน นานจนหัวใจของผมพองโต ค่อยๆขยับริมฝีปากจูบตอบอีกคนแผ่วเบา ก่อนจะเป็นฝ่ายผละใบหน้าออกห่างเอง

ปลายนิ้วหัวแม่มือค่อยๆไล้ไปบนผิวแก้มที่ขึ้นสีเรื่ออย่างเบามือ

“หายแล้วครับ”

สิ้นคำพูด ริมฝีปากที่เพิ่งได้สัมผัสเมื่อกี้ก็ระบายยิ้มกว้างด้วยความดีใจ

“สัญญากับกู.. ว่าจะไม่ทำอย่างนี้กับคนอื่น”

“อื้ม สัญญา”

นิ้วก้อยที่กระหวัดเกี่ยวกันเป็นสิ่งยืนยันคำสัญญานี้

ผลลัพธ์ของบททดสอบนี้.. ผมจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเด็กคนนี้ก็ติดผมไม่น้อยไปกว่ากานต์ แต่จะมากกว่ามั้ยผมไม่แน่ใจ

แต่สิ่งที่ผมแน่ใจคือ ...หัวใจของผมกำลังเต้นผิดจังหวะเพราะมัน

....

 

_________________________________

TALK:: กิ้ววววววว เบื่อกันหรือยังกับพาร์ทหวานๆ? 5555
พาร์ทนี้มีพี่กานต์จาก SIN ด้วยยยย (แอบโปรโมทพี่กานต์ 55 เดี๋ยวจะกลับไปอัพต่อ ฮา)
PS. ยืนยัน นอนยันอีกครั้งว่านี่คือเรื่องเดียวกันกับตอนแรกๆของเรื่องจริงๆ 555
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นน่ารักๆเช่นเคยค่ะ อ่านแล้วอิ่มเอมมม
ไว้พบกันใหม่ตอนที่ 32 นะคะ
PS. อากาศเริ่มหนาวแล้ว!! -…- ดูแลสุขภาพกันด้วยนะ
เริ่มเปิดเทอมกันใช่แล้วมั้ย? ฮ่าๆ ตั้งใจเรียนนะ เราเองก็ใกล้แล้วเหมือนกัน T___T
ฝันนี้ฝันดีงับ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: kuro ที่ 26-10-2013 22:59:53
หึงแน่ๆจิมเริ่มหึง น่ารักอ่ะ
ต้าง้อแบบนี้จิมรักแน่ๆ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: argon ที่ 26-10-2013 23:32:42
 :haun4: :katai5: :katai5: :katai5:

จิมมมมมมม  น่ารักมาก ... แต่ต้าน่ารักกว่า  :hao7:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 26-10-2013 23:55:20
พี่กานต์กับน้องต้าน่ารัก
จิมหึงอ่ะดิ 555
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoke ที่ 27-10-2013 00:11:22
 :hao7: :hao7:

 น่ารัก !
 :ling1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: NewT@N ที่ 27-10-2013 00:20:53
 :hao5: จิม ขี้ หึง อ่ะ
....
 :impress2: หลงรักต้า มากมาย
...
คนเขียน สู้ๆ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 27-10-2013 00:53:44
จิมหึงน้องต้าควันออกหู 555

จะหวานกันขึ้นทุกที ๆ ด้วย >/////<
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: viper7123 ที่ 27-10-2013 01:11:46
กดบวกครับ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 27-10-2013 01:23:46
เวลาจิมหึง ไม่โหดเท่าที่คิดไว้ตอนแรกแห่ะ
แอบสารภาพเลยคอนแรกอ่านหน้าแรกแล้วปิดเลย ไม่คิดอ่านต่อ เราสงสารต้า TT วันี้ทำใจๆคลิกเข้ามาอ่านต่อ เออ ติดซะอย่างนั้น อิอิ สู้ๆนะคะนักเขียน - - V
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 27-10-2013 01:57:15
กร๊ีดดดด ฟินน หวานมากกกกกก
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: minere_mi ที่ 27-10-2013 02:49:47
จิมต้าน่ารักขึ้นทุกทีๆ :-[
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 27-10-2013 03:15:35
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ ตอนแรกแทบจะปิด
ประมาณว่าพวกเมิงทำอะไรกับต้า ใจร้ายกันมากๆ
พอมาถึงตอนนี้ อิพี่จิมมันเริ่มรักต้าแล้ว หึงต้ากับพี่กานด้วย
อยากให้พี่จิมรักต้าอย่างนี้ไปนานๆ ต้าเวอร์ชั่น9ขวบ
น่ารัก ขี้อ้อน ที่สุด

รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: zaszaq ที่ 27-10-2013 09:28:02
 :hao7: ท่าจะหวานนะจิม จูบรสช๊อกโกแลต     :o8: :impress2:

 :กอด1: :กอด1:



เรื่องนี้แม่เหมือนไม่ค่อยรักต้าเลย หรือต้าเป็นลูกคนละแม่กับเตอร์ละนี้  :mew2:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 27-10-2013 09:33:43
น่ารักอ่ะ อยากรู้ว่าถ้าต้าหายเป็นปกติจิมจะทำยังไง

คงดราม่าน่าดู TT  :hao5:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 27-10-2013 10:16:19
น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกเวอร์ :ling3:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: tsukishi ที่ 27-10-2013 12:27:11
มาม่านู๋อยู่ไหน  อ่านผิดเรื่องแน่ๆ  ฮาา
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: ไป๋ไป๋ ที่ 27-10-2013 14:36:52
ต้าง้อจิมได้น่ารักเว่อร์อ่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 27-10-2013 14:39:33
จิมต้าร์น่ารัก
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 27-10-2013 17:13:46
ดิ้นๆๆๆ สะใจจิมเบาๆ 55555
แต่น่ารักเนอะะะ ไม่รู้ว่าพอต้าหายแล้วจะเป็นยังไง #ไม่นะะะ

:pig4:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 27-10-2013 18:36:41
พี่กานต์สอนต้าดีมากค่ะ  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: lalaballxx ที่ 28-10-2013 15:57:35
เเงงง คนเขียนหรอกให้เราตายใจป่ะเนี่ย ตอนนี้น่ารักงุ้งงิ้ง ตอนหน้าดราม่ากระจายยยย  :katai4: :katai4: :katai4:
ฮืออออออออออออออ เเต่น่ารักจริงๆค่ะ จิมกับน้องต้าาา
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: viewfifi ที่ 28-10-2013 18:51:15
คู่นี้น่ารักมุ้งมิ้งง่ะะะะะะะะะะ  :katai2-1:

อยากให้เปนแบบนี้นานๆ กลัวดราม่า 5555555555555
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 28-10-2013 19:11:01
พี่จิมเปลี่ยนไปมากโข

ถ้ากลับไปอ่านตอนแรกๆใหม่

คือแบบว่า ไอ้พี่จิมกูอยากเตะมึงมากๆๆๆๆ

แต่พอมาตอนนี้มันมุ้งมิ้งกรุบกริบบอกไม่ถูกว่ะ

 :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 28-10-2013 22:15:56
อร๊ายยย น่ารักอ๊าาาา น้องต้าจะน่ารักเกินไปแล้วน๊าาาาา (ต่อมหื่นกำเริบ :haun4:)

นี่ถ้าจำได้ขึ้นมาจะเป็นยังไงต่อไปล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: †คุณเขียด ที่ 30-10-2013 21:02:47
เรื่องนี้โคตรมันส์เลยอ่า!!!

เพิ่งได้อ่านค่ะ โอย บั่บ  :angry2: :o12: :-[ :a5:
คือแรกๆสงสารน้องต้ามากๆเลยค่ะ
ร้องไห้เลย แบบมันบีบหัวใจ :o12:

แต่เราเชียร์พี่จิมตลอดเลยนะคะ (และก็จะเชียร์ต่อไป)
ขอให้ทุกๆอย่างมันดีแบบนี้ไปเรื่อย

ปล.ถึงเชียร์พี่จิม แต่อิชั้นก็ยังไม่ให้อภัยในสิ่งที่ทำกับน้องต้านะคะ

ปล.2 รอตอนต่อไปด้วยความหวัง :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Viper_Wa ที่ 31-10-2013 17:21:58
จิ้มๆค๊าฟ เดี๋ยวกลับมาอ่านต่อ  :hao7:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: lalaballxx ที่ 01-11-2013 10:52:04
เเงงงงง อยากอ่านต่อจังเลยค่ะ เรามาทวงฟิคกับคนเขียนได้ไหมคะะ กรี๊ดดดดด ดิ้นนนนๆๆๆๆ :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 01-11-2013 16:42:54
ตามอ่านมาถึงตรงนี้ก็เขินบิดเป็นเกลียว รู้สึกคิดไม่ผิดจริงๆที่เข้ามาอ่าน(จริงๆเข้ามาเพราะ DramaSM คีย์เวิร์ดนี้โดยเฉพาะ)
ตอนแรกก็รู้สึกชอบหมอเซม แต่หลังๆก็เริ่มไม่ไว้จริง หรือว่าหมอเซมมันโรคจิต หลงรักจิมกันแน่ :katai1:
แต่อ่านถึงตอนนี้ก็แบบ..เขิน...หวานอย่างนี้นานๆนะ :-[
กลัวว่าน้องต้าจะเลือกพี่ชายมากกว่าจิม(หรือยังไงดี..)
เริ่มคิดไม่ออกว่าถ้าต้าความจำกลับมา แล้วจะยังเป็นแบบนี้อยู่หรือเปล่า จะเกลียดจิมหรือเปล่าถ้าจำได้แล้วขึ้นมา เฮ้อ เครียด  :hao7: :hao7: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 31 ---100% [26/10/56] P.16
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 02-11-2013 20:39:11
มาต่ออีกมาต่ออีก อยากอ่านอีก ฟนมากค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 32 กังวล 100% [2/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 02-11-2013 23:55:12
ตอนที่ 32 กังวล

JIM Part

บ่ายวันอาทิตย์เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการพักผ่อน เช่นว่า ดูหนังเรื่องโปรด นอนฟังเพลงสบายๆ อ่านหนังสือคลายเครียด เป็นต้น

แต่สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่...

“จิมม แรงๆอีกนิดได้ไหม”

ผมมุ่นคิ้วเล็กน้อย เลื่อนสายตามองใบหน้าของคนตัวเล็กที่ช่วงตัวนอนเอกเขนกอยู่ในอ่างอาบน้ำ ใบหน้าแหงนเงยมองกัน ก่อนจะหลุบตาลงมองเส้นผมสีเข้มที่ตอนนี้ถูกฟองสีขาวของแชมพูปกคลุมไปทั้งศีรษะแล้วออกแรงขยี้ให้แรงขึ้นตามคำขอ

“อืมมม สบายยย”

แค่ฟังน้ำเสียงก็พอจะรู้แล้วเจ้าตัวกำลังสบายมากแค่ไหน ไม่ต้องเมื่อยแขนเมื่อยมือขยี้เอง นอนเฉยๆก็มีคนมาบริการถึงที่

บอกตามตรง เคยแต่สระผมให้ตัวเอง ไม่เคยสระผมให้ใครมาก่อนในชีวิต ไม่ว่าจะพ่อ แม่ หรือแม้แต่กานต์ก็ตาม

“จิมมม ตรงกลางหน่อยๆ” คำสั่งมาเรื่อยๆตามที่เจ้าตัวต้องการ

ผมแกล้งหยุดมือเสียดื้อๆ ไม่ทำตามคำสั่งเอาแต่ใจ และไม่ต้องเสียเวลารอนาน ไอ้คนที่นอนสบายก็เปิดเปลือกตาเงยหน้าขึ้นมองกัน ขยับหน้าปรับองศาให้ถนัดถนี่  ก่อนจะเบะริมฝีปากออกน้อยๆ แล้วส่งไม้ตายด้วยการส่งหมัดน็อก ออดอ้อนกันทางสายตา

...เห็นอย่างนี้แล้วปฏิเสธได้เหรอครับ? ก็ได้แต่เลื่อนมือไปขยี้ผมตรงจุดที่มันบอก

ทันทีที่ตามใจ ดวงตาคู่นั้นก็หลับพริ้มลงอีกครั้งก่อนจะส่งเสียงครางเบาๆในลำคออย่างมีความสุข อีกทั้งริมฝีปากก็อมยิ้มน้อยๆ

..เพราะใบหน้าอย่างนี้ไง ผมถึงขัดมันไม่ได้ทุกที ยิ่งเจอลูกอ้อนของมัน ไม่ว่าจะทางสายตาหรือทางการกระทำ ผมก็แพ้ราบคราบ

ส่ายหน้าหน่ายใจให้กับตัวเองที่หมดปัญญารับมือกับเด็กตัวแค่นี้ ผละมือออกจากกลุ่มผมสีเข้มแล้วเลื่อนไปคว้าฝักบัว เปิดน้ำแล้วค่อยๆล้างฟองแชมพูออกจากผมของมันอย่างระวัง

“หลับตาซะ” พูดดุเมื่อนัยน์ตากลมโตปรือขึ้นมอง มันก็เชื่อฟัง ทำตัวว่าง่ายหลับตาไปเหมือนเดิม

“เอียงหัวหน่อย”

มันยกหัวขึ้นตามคำสั่ง ณ ตอนนี้บอกอะไรก็เชื่อฟังหมดล่ะครับ ไม่มีดื้อให้เห็นหรอก

อยู่กับไอ้เด็กนี่ ไม่เบื่อเลยจริงๆ หาเรื่องวุ่นวายให้ผมได้ทั้งวัน ตั้งแต่เรื่องนอน ยันเรื่องกิน อาบน้ำแต่งตัวก็ต้องให้คอยบอก แต่ก็น่าแปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกรำคาญหรือเบื่อมันเลย อาจจะมีบางครั้งที่เหนื่อยหรือรำคาญบ้าง ก็ตรงที่มันพูดจาไม่รู้เรื่อง

เมื่อคราบฟองสีขาวหมดไปจากเส้นผมสีเข้ม ผมก็เอื้อมมือไปปิดก๊อกน้ำแล้วเก็บฝักบัวเข้าที่ คว้าผ้าขนหนูผืนเล็ก วางโปะลงบนใบหน้าอีกคนที่กำลังมองผมตาแป๋ว

“เสร็จแล้ว” ว่าพลางยันกายลุกขึ้น หมุนตัวจะเดินออกจากห้องน้ำ ทว่ามันกลับจับมือผมรั้งไว้ หันกลับไปมองก็พบกับร่างที่สูงเพียงไหล่ที่ตอนนี้ลุกขึ้นยืนเก้ๆกังๆ ยกขาก้าวออกจากอ่างแล้วลงมายืนอยู่บนพื้นตรงหน้า

"จิมมม เช็ดผม" พูดพลางยื่นผ้าในมือออกมาสุดแขน

"เช็ดเอง"

สิ้นคำ ใบหน้าคนฟังก็บู้ลงทันควัน แต่ผมไม่หยุดยืนให้เสียเวลามากไปกว่านี้ รีบสับขาเดินออกไปทันที ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งตามมาด้านหลัง ก่อนไอ้ตัวดีจะวิ่งตัดหน้าแล้วกางสองแขนขวางกั้นไม่ให้ผมเดินต่อ

ผมมองคนตรงหน้าที่สภาพไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำ หยดน้ำจากเส้นผมหยดแหมะใส่เสื้อจนเริ่มชุ่ม ทำให้บริเวณไหล่แนบไปกับเนื้อตัว ก่อนเจ้าตัวจะยิ้มหวานแล้วยื่นผ้ามาตรงหน้าผมอีกครั้งแล้วพูดประโยคเอาแต่ใจ

"จิมเช็ดให้หน่อย"

ผมยังนิ่ง ไม่รับผ้ามาถือไว้

“จิมมม” เรียกชื่อด้วยเสียงลากยาว

น้ำเสียงแบบนี้...

วิธีการเรียกแบบนี้...

สายตาแบบนี้...

ลางร้ายครับ ลางร้ายชัดๆ!

เหตุการณ์ต่อจากนี้จะมีผลร้ายแรงต่อหัวใจของผมอย่างมากถ้าหากว่าไม่ทำตาม

...

“ไปนั่ง”

ฉวยหยิบผ้าในมือมัน ขณะที่อีกฝ่ายยิ้มกว้างดีใจรีบวิ่งไปนั่งปลายเตียงอย่างเริงร่า

ส่ายหัวอ่อนใจให้กับตัวเอง เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ามันที่นั่งนิ่งๆ ริมฝีปากยังคงมีรอยยิ้มประดับ คลี่ผ้าในมือแล้ววางลงไปบนเส้นผมชุ่มน้ำก่อนจะเช็ดให้อย่างเบามือ

เช็ดไปได้สักพักก็ต้องชะงัก เมื่อมันพูดชมกันขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“จิมใจดีจัง”

“...” ขยับมือเช็ดผมให้มันต่อก่อนจะผงะไปอีกครั้ง เมื่ออยู่ดีๆมันก็แหงนหน้าขึ้นมามองสบตา นัยน์ตาคู่นั้นเอาเรื่องน่าดู ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย หวั่นใจว่าไอ้ดื้อจะแผลงฤทธิ์อะไรอีก

มันตะกายตัวขึ้นยืนบนเตียง แล้วยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่ตอนนี้มันสูงกว่าผมที่ยืนบนพื้น ใบหน้าของผมอยู่ระดับเดียวกับแผ่นอกบาง

“จิม” เรียกชื่อด้วยน้ำเสียงและวิธีการเรียกที่ผมเริ่มจะเคยชิน พร้อมกับสองมือนุ่มที่ประคองหน้าผมให้แหงนเงยมองหน้ามัน

เป็นครั้งที่เท่าไหร่ผมก็ไม่ได้นับกับการที่มันประคองแก้มผมอย่างถือวิสาสะอย่างนี้ เป็นคนอื่นอาจได้เลือดกบปาก หรืออย่างน้อยๆผมอาจเบือนหน้าหนี แต่กับมัน ความคิดพวกนั้นไม่อยู่ในหัวเลยสักนิด ..สัมผัสจากมือนุ่มๆ และสายตาคู่นั้นทำเอาผมไม่อยากผินหน้ามองไปทางไหน

“จิมห้ามใจดีกับคนอื่นนะ”

อีกครั้งกับคำพูดเอาแต่ใจ แต่เป็นคำพูดเอาแต่ใจที่พาลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ แววตาหวงแหนอย่างไม่ปิดบัง และเมื่อเวลาผ่านไป ผมยังคงนิ่งไม่หือไม่อือกับคำพูดนั้น เจ้าตัวก็เริ่มกัดปากด้วยความไม่แน่ใจ มือที่กุมสองแก้มก็ยิ่งจับกระชับมากกว่าเดิม

“ใจดีกับต้าคนเดียวนะ”

“..อืม”

อาจเพราะแววตา น้ำเสียงหรือท่าทางที่ทำให้ผมตกปากรับคำง่ายๆ แต่นั่นก็ทำให้ไอ้เด็กตรงหน้าดีใจยกใหญ่ กระโดดโลดเต้นบนเตียงสปริงจนตัวลอย

ผมได้แต่มองมัน และรู้ได้เองว่าคำตอบรับเมื่อกี้ที่ผมบอกมันไป ...ผมรู้ว่ามันจะเป็นไปตามนั้น เพราะผมคงไม่สามารถใจดีกับคนอื่นโดยไม่ฝืนความรู้สึกแบบนี้ได้อีก

Trrrrrrrrrr

หลุดออกจากภวังค์ พลันผละสายตาออกจากร่างที่กระโดดไปมาบนเตียง เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังแทรกเข้ามา ผมรีบเดินไปหยิบมัน  ก่อนจะมองชื่อบนหน้าจอที่ปรากฏว่า ‘อนุชิต’

ปลายนิ้วสไลด์รับสายก่อนจะนำมาแนบหู

“ว่าไงครับ”

ผมนิ่งเพื่อรออีกฝ่ายพูด แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พูดสักที มัวแต่อ้ำๆอึ้งๆ หากเป็นปกติผมคงตัดสาย ไม่รอฟังธุระของเขาแล้ว หากแต่ตอนนี้ มีสิ่งอื่นดึงความสนใจของผมให้หันเหไป ช่วยบรรเทาความใจร้อนไปได้พอสมควร

 “ว่าไงครับ” ทวนถามอีกครั้งอย่างใจเย็น เหลือบสายตามองคนบนเตียงที่หยุดกระโดดแล้วลงนั่งขัดสมาธิ ด้วยอาการหอบหายใจหน่อยๆ

“เอ่อ.. คุณจิม คือ ผมขอโทษ ที่ทำงานที่คุณมอบหมายล่าช้า ขอโทษครับ!”

ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยยังนึกไม่ออกว่าผมไปมอบหมายงานให้คุณอนุชิตเมื่อไร

“เรื่องที่คุณให้ผมสืบประวัติของน้องต้า ผมได้มาแล้วนะครับ ได้ทั้งชื่อจริง ที่อยู่บ้าน รวมถึงประวัติส่วนตัวต่างๆ” อีกฝ่ายพูดรัวเร็วจนผมแทบฟังไม่ทัน

“...” คิ้วที่ขมวดชนกันยิ่งขมวดเป็นปมแน่นกว่าเดิม เหลือบสายตามองไอ้ต้าที่ก็กำลังมองผมด้วยสายตาสงสัยไม่ต่างกัน

“...ผ ผมขอโทษครับ! แต่การที่มีเพียงรูปอย่างเดียวทำให้การสืบประวัติค่อนข้างยาก คือ...”

“ขอบคุณคุณมาก แค่นี้นะ” พูดตัดบทเมื่ออีกฝ่ายกำลังจะอธิบายเหตุผลเพิ่มเติมก่อนจะตัดสาย ลดโทรศัพท์ลงถือข้างลำตัว

“จิม ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”

หน้าอย่างไหน?

ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังแสดงสีหน้าอย่างไรให้เด็กคนนี้เห็นอยู่ เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงแล้วยกมือลูบหน้าหวังจะปัดความรู้สึกไม่ดีที่ตื้อในอกออก

“จิมม”

น้ำเสียงมันดูหงอยลง และเมื่อมองสบตา.. ผมจะคิดเข้าข้างตัวเองได้หรือเปล่า ว่ามันกำลังห่วงผมอยู่

“ไม่ได้เป็นอะไร..” ตอบให้มันสบายใจ ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยด้วยเพราะกำลังชั่งใจว่าจะบอกมันดีไหมว่าจะได้กลับบ้านแล้ว ...

“จริงๆนะ”

ผมพยักหน้าย้ำ ยืนยันว่าผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ

“รีบเช็ดผมให้แห้ง แล้วออกไปด้านนอก จะเปิดการ์ตูนให้ดู”

“เย้!!” ร้องไชโยดีใจยกใหญ่ที่วันนี้ผมยอมตามใจมันง่ายๆ มันร้องอยากดูการ์ตูนตลอดเวลา และผมก็จะขัดมันทุกครั้งด้วยรสนิยมไม่ตรงกัน

เรื่องกลับบ้าน ..ท้ายที่สุดผมก็เลือกที่จะไม่บอกมัน

วันนี้ มันอยากทำอะไร ผมจะไม่ขัด..

 คิดเพียงแค่ หากอยู่ด้วยกันอย่างนี้ไปนานๆ ก็คงจะดี..

….

เพราะว่าที่ห้องไม่ค่อยมีการ์ตูน ส่วนใหญ่จะเป็นแผ่นหนังเสียมากกว่า ผมเป็นคนชอบดูหนัง ดูได้ทุกแนว ตั้งแต่หนังตลก ยันหนังไซไฟ แต่กับการ์ตูน ไม่กินเส้นกัน ต่างจากตัวจุ้นที่ร้องจะดูแต่การ์ตูนท่าเดียว จะรอดูทางช่องที่เขามีให้ก็ไม่สาแก่ใจมัน เพราะบางเรื่องก็ไม่เคยดู เลยไม่รู้เรื่อง

สุดท้ายเลยหาทางออกโดยการพามันลงไปเช่าที่ร้านใต้ตึก ที่ผมเองก็สมัครสมาชิกไว้เหมือนกัน แต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสใช้บริการสักเท่าไร

กำลังกวาดสายตาดูแผ่นหนังอยู่ตรงมุมแอ็คชั่น ไอ้จุ้นก็เรียกมาแต่ไกล

“จิมม”

ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นผู้ชายไว้หนวดไว้เคราหน้าเคาท์เตอร์มองตามมันแล้วยิ้มกริ่ม รีบสับขาเดินไปหามันทันที ยืนบังร่างนั้นให้หายไปจากสายตายิ้มๆคู่นั้น

“เรียกทำไม ถ้าเหตุผลฟังไม่ขึ้นล่ะน่าดู” ขู่เอาไว้ก่อน แต่ถึงจะขู่ยังไง ตอนนี้ก็คงไม่ได้ผลกับไอ้คนตรงหน้าซะแล้ว

ในมือของมันมีแผ่นซีดีสองเรื่อง หน้าตาคิดหนักเหมือนตัดสินใจไม่ได้

“เอาเรื่องไหนดี” ไม่ผิดจากที่คิดเท่าไร

ผมปลายตามองหน้าปกที่ห่อหุ้ม ถึงบางอ้อเพราะเป็นการ์ตูนยอดนิยมที่คนรู้จักกันดี โคนันกับโดเรม่อน ค่อนข้างแตกต่างกันคนละแนว

“ก็เอาไปสองเรื่อง”

เพราะรู้ว่าอย่างมัน หากจะให้เลือกเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ผมคงได้เถียงกับมันอีกยาว

“ได้เหรอ”

หลุดยิ้มมุมปากกับนัยน์ตาเป็นประกายและรอยยิ้มหวานๆ

“อืม”

“แล้วนี่ล่ะ”

ได้ยินเสียงกรีดนิ้วบนสันกล่องซีดีทำให้ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วเลื่อนสายตาหันไปมองตามยังทิศทางที่ได้ยิน บนสันเขียนเอาไว้ว่า Prince of tennis

หืม?

“จะดู?”

พยักหน้ารับทันทีทันใด

สำหรับการ์ตูนเรื่องนี้ ไม่ล่ะครับ ผมกำลังเอียน เพราะเพิ่งดูกับกานต์ไปเมื่อเดือนก่อน

“ที่ห้องกานต์มีแผ่น เดี๋ยววันหลังเอามาให้”

ปฏิกิริยาไม่ต่างจากตอนที่มันเห็นช็อกโกแลตวันที่กานต์เอามาฝาก หูกระดิก หางกวัดแกว่งไปมาอย่างเริงร่า ถลามาเกาะแขนของผมแล้วช้อนสายตาขึ้นมองอย่างมีหวัง

“เป็นผู้ใหญ่ห้ามโกหก”

“ถ้าเด็กไม่ดื้อ”

“ไม่ดื้อๆ สัญญา!” สองนิ้วยกขึ้นทาบคิ้วตะเบ๊ะท่าราวลูกเสือฝึกหัด พร้อมยิ้มหน้าแป้น

“หึ”

อยู่ด้วยกันไปนานๆ ก็เริ่มจะจับทางมันออก

“เอาเรื่องอื่นอีกไหม?”

รีบหันซ้ายหันขวาหาเหยื่อรายต่อไป เวลาดูมันเลือกซีดีก็เหมือนกับเวลาที่รอผู้หญิงช้อปปิ้งเลือกเสื้อผ้า เป็นการรอคอยไม่ต่างกัน ..หากจะมองหาจุดต่าง ก็คงจะต่างกันตรงที่ เวลามองมัน ไม่ว่ามันจะยืน หรือนั่ง ก็รู้สึกเพลิน และไม่อยากเร่งให้เวลาหมดไปเร็วๆ

....

เสร็จจากอาหารเย็นที่โทรสั่งรูมเซอร์วิส ผมกับต้าก็มานอนขลุกกันอยู่ที่เดิม หน้าทีวี

การ์ตูนเรื่องแล้วเรื่องเล่าจนแผ่นที่ลงไปเช่ามาเป็นตั้งค่อยๆหมดไป พอผมจะหลับ ก็ต้องถูกกวนถูกปลุกตลอด ต้ามันก็ฉลาด หาวิธีทำให้ผมยอมดูกับมันดีๆได้ โดยการหันมาตั้งคำถามใส่ผมเป็นพักๆ พอเคลิ้มจะหลับๆเข้าหน่อยก็มาอีกแล้ว

เหมือนอย่างตอนนี้...

“จิม ทำไมโคนันไปที่ไหนถึงได้มีแต่คนตาย” มันขยับกายที่นอนหงายดูทีวีหันมาถามผมที่นั่งพิงโซฟาอยู่ ผมปรายตามองหน้าจอสี่เหลี่ยมอีกครั้ง เห็นโคนันกำลังไขคดีปริศนาในบ้านแห่งหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองคนขี้สงสัย

“ไม่รู้”

มันมุ่ยหน้าลงนิดหน่อยแต่ก็ไม่เซ้าซี้ถามต่อ หันหน้ากลับไปนอนดูการ์ตูนอย่างลุ้นระทึกจนหน้าผากย่น เพราะจุดประสงค์ของมัน ไม่ใช่ถามเพื่อเอาคำตอบ นั่นคือผลพลอยได้ แต่เหตุผลหลักๆคือ ห้ามไม่ให้ผมหลับก่อนมัน

ร้ายไหมล่ะ?

....

นาฬิกาตีบอกเวลาสามทุ่ม โคนันจบไปนานแล้ว ตอนนี้บนหน้าจอกำลังมีหมีพูว์แอนด์เดอะแก๊งโลดแล่นอยู่

ตาแฉะเพราะดูทีวีเป็นอย่างไร ผมก็เพิ่งจะประสบปัญหานั้นก็วันนี้เอง ปกติเคยแต่ตาแฉะ ตาแห้งเพราะกองเอกสารที่กองพะเนินบนโต๊ะ ไม่ค่อยได้มีเวลาดูทีวีอย่างใครเขา นอกจากถูกบังคับจากบุคคลที่ปฏิเสธได้ยาก

จะว่าไป ลองให้ต้ากับกานต์มานั่งดูการ์ตูนด้วยกัน ผมคงถูกกันออกจากวงสนทนา เพราะกานต์มันเป็นประเภทได้หมด ง่ายๆสบายๆ หนังมันก็ดูได้ แต่การ์ตูนมันก็ติด ยิ่งถ้าไอ้เตี้ยรู้ว่าพี่กานต์ของมันคอการ์ตูนเดียวกัน คงได้ร้องหาทั้งวัน

อย่าหวังเลยครับ ว่าผมจะเปิดโอกาสให้สองคนนี้อยู่ใกล้กันอีก

ขยับพลิกกายหันมองคนข้างๆ ที่รู้สึกว่านิ่งเงียบผิดปกติ ก่อนความรู้สึกหนักแขนจะตามมา หันไปมองก็พบว่าคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีชวนผมดูนั่นดูนี่และจะคอยถามคำถามเรื่อยๆ ตอนนี้หลับปุ๋ยไปแล้ว

ยิ้มบางๆมุมปาก ก่อนจะนอนตะแคงหันเข้าหาอีกคนทั้งตัวแล้วพับแขนนอนหนุนหัวแทนหมอน จัดระเบียบร่างกายให้สบายขึ้น

เสียงทีวียังดังผ่านเข้าโสตประสาทอย่างต่อเนื่อง หากแต่ผมไม่ได้ละสายตาออกจากใบหน้าขาว ค่อยๆใช้ปลายนิ้วเกี่ยวปอยผมที่ปรกใบหน้าออกให้อย่างเบามือ และเผลอมองใบหน้ายามหลับนั้นเนิ่นนาน

อยู่ๆคำพูดของกานต์ก็ลอยเข้ามาในหัว

รักครั้งใหม่ กับสาเหตุที่ทำให้มันกลายเป็นเด็ก 9 ขวบ

....

เวลาเพียงแค่นี้ ผมก็ยังคงคิดว่ามันเร็วเกินไปกับรักครั้งใหม่ ผมไม่สามารถเอาอะไรมาชี้วัดได้ว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้จะยืนยาวหรือเปล่า เพราะขนาดคนที่คบหาดูใจกันมาหลายปีจนคิดจะแต่งงานด้วย สุดท้ายยังหักหลังกันได้อย่างเลือดเย็น

...และถ้ามันหายจากอาการป่วยนี้

ถ้าทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม ตอนที่มันปกติ

รอยยิ้มที่เคยมีให้ผม จะยังเหมือนเดิมหรือเปล่า?

สายตา..

เสียงเรียกชื่อ.. จะเหมือนเดิมไหม?

ถ้ามันจำได้ ถึงเรื่องเลวร้ายที่ผมทำกับมัน  มัน.. จะจากผมไปหรือเปล่า?

เผลอกลั้นลมหายใจเมื่อคิดมาถึงตรงนี้

“อ.. อื้ม”

อาจเพราะมือของผมสัมผัสผิวหน้าของมันแรงเกินไป ถึงทำให้แพขนตาขยับไหว ก่อนที่เปลือกตาสีนมจะค่อยๆเปิดปรือขึ้นช้าๆ นัยน์ตากลมโตยังดูง่วงงุน มันเงยขึ้นมองสบตา เปล่งเสียงถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

“จิม เป็นอะไร”

“ตรงนี้นอนไม่สบาย ลุกไปนอนที่เตียงดีกว่า” พูดบอกด้วยความหวังดีแต่อีกคนยังนิ่งเฉย และไม่มีทีท่าว่าจะลุก กลับเบียดตัวเข้าชิดจนใบหน้าขาวเกยบนแผ่นอกของผม แล้วเปล่งเสียงอู้อี้เป็นพยางค์สั้นๆ

“อุ้ม”

...ไม่อยากขัดใจ

ว่ากันว่า ถ้าตามใจเด็กมากๆ เด็กจะติด

ผมอยากให้มันติดผม

ติดจนไม่อยากจากผมไปไหน

ยกมือขยี้เส้นผมนุ่มอย่างเบามือก่อนจะค่อยๆยันกายลุกขึ้นแล้วช้อนอุ้มอีกคนแนบอก กระชับวงแขนให้มั่นแล้วค่อยๆก้าวเดินอย่างมั่นคงจะตรงไปยังห้องนอน ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ตัวจุ้นในวงแขนก็ดูจะไม่ให้ความร่วมมือสักเท่าไร เพราะมันขยับตัวยุกยิกไปมาจนผมแทบจะเสียหลัก จากที่อุ้มในท่านอนหงายให้มันนอนสบายๆ มันกลับขยับพลิกตัวมากอดผมไว้ทั้งตัว

แขนเรียวสองข้างกอดรอบคอ ขณะที่สองขารัดแน่นที่ข้างเอวแล้วซุกซบใบหน้าที่ลาดไหล่

ได้แต่ส่ายหัวไปมา ไม่คิดขัดขืนหรือต่อว่าอีกฝ่าย กลับใช้มือรองบั้นท้ายของมันกันไม่ให้ลื่นตกแล้วก้าวเดินอย่างมั่นคงตรงไปยังห้องนอน มือหนึ่งที่ประคองแผ่นหลังบางไว้ผละออกเพื่อเปิดประตู

ผมกลัวว่า ท้ายที่สุด เด็กจะไม่ติดผม แต่เป็นผมที่จะติดเด็กเพียงฝ่ายเดียว

เมื่อประตูบานหนาเปิดกว้างออกผมก็เข้าไปข้างใน และค่อยๆวางลูกลิงลงบนเตียง แทนที่มันจะปล่อยมือปล่อยขาจากผมเพื่อไปลงนอนอย่างสบายๆ กลับดึงรั้งให้ผมลงนอนไปด้วยกัน

“หนัก” คนง่วงบ่นอุบ

ผมใช้มือยันเตียงไว้ ไม่ทิ้งน้ำหนักลงไปบนร่างอีกฝ่ายมากเกินควร พลางผละมองใบหน้าขาวที่มุ่ยลง

ใบหน้าของผมกับมันห่างกันเพียงไม่กี่เซนต์ อีกทั้งช่วงตัวก็แทบจะแนบชิด.. ท่วงท่าชวนคิดลึก ทว่าเมื่อมองใบหน้าและแววตาของอีกฝ่าย ก็ทำให้ผมต้องหยุดความคิดลงเพียงเท่านั้น เพราะรู้ว่ามันไม่ได้คิดอะไรเกินเลยมากไปกว่านี้ บริสุทธิ์จนผมไม่อยากทำลาย

“หนักก็ปล่อยสิ”

ผมบอกให้ปล่อยแต่สองแขนของมันกลับทำตรงกันข้าม ออกกแรงกอดคอผมแน่นมากกว่าเดิม แล้วขยับตัวต่ำลงจนใบหน้าอิงแอบแนบชิดแผ่นอก ขยับส่ายไปมาเป็นการปฏิเสธอย่างดื้อรั้น

สัมผัสใกล้ชิดเพียงเสื้อผ้าคั่นกลางก่อปฏิกิริยาให้หัวใจของผมเต้นผิดจังหวะอีกครั้ง

...ผม คงจะอาการหนักอย่างที่กานต์ว่าจริงๆ

เมื่อเห็นว่ายังไงๆมันก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย หนำซ้ำมันคงจะสามารถหลับไปทั้งๆอย่างนี้ได้ ผมจึงค่อยๆเบี่ยงตัวข้ามไปนอนที่เตียงอีกฝั่ง เมื่อลำตัวสัมผัสกับพื้นเตียงได้ ไอ้คนที่ยอมคลายกอดออกนิดหน่อยก็ตามเข้ามาติดๆ

ตั้งแต่วันที่มันกอดปลอบผมในห้องทำงานวันนั้น มันก็กลายเป็นเด็กติดสัมผัส

และเด็กนิสัยเสียคนนี้ ยังทำให้ผมติดกลิ่นกายหอมๆ และอ้อมกอดเล็กๆของมันจนถอนตัวไม่ขึ้น

“หลับหรือยัง” เอ่ยถามแผ่วเบาในความมืด ไม่มีเสียงตอบรับมีเพียงใบหน้าที่ขยับส่ายไปมาตรงแผ่นอก ผมยกมือขึ้นลูบศีรษะของมันแผ่วเบาโดยอัตโนมัติเหมือนที่เคยทำ

“ตอนนี้มึงอายุเท่าไหร่”

“เก้าขวบ” มันยอมตอบออกมาง่ายๆ คงจะกำลังเคลิ้มเมื่อมีคนลูบผมให้

“อืม...” เป็นคำตอบรับเพียงสั้นๆที่ผมมีให้มัน

อยากรู้เพียงเท่านี้

“นอนซะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า” สัมผัสที่แผ่นอกขยับพยักขึ้นลงอย่างว่าง่ายทำให้ผมลอบยิ้มบางๆ

เวลาที่มันเชื่อฟัง มันน่ารักนะครับ



ไม่สิ เวลาที่มันดื้อ ก็น่ารัก

 

...น่ารักจนผมถอนตัวไม่ขึ้น

 

จนอยากจะหยุดเวลาเอาไว้เพียงเท่านี้


....
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 32 กังวล 100% [2/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 02-11-2013 23:55:38
SAME Part

ตรู๊ดด...

ตรู๊ดด....

 

ตึง!

หมดแล้วกับความอดทนสำหรับการโทรหาใครคนหนึ่ง ไม่ว่าจะโทรกี่ครั้งๆ ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม ปลายตามองโทรศัพท์ที่ถูกเขวี้ยงลงบนพื้น ก่อนจะหลับตานิ่ง นิ้วมือบีบคลึงสันจมูก ก่อนจะเอนหลังพิงพนักโซฟาช้าๆ

หลังจากมีเมสเสจด่าทอจากปรางทิพย์ส่งมาเมื่อวันก่อน ผมก็ติดต่อเธอไม่ได้อีก

ผลลัพธ์ของเกมส์ครั้งนี้เป็นอย่างไร เดาได้ไม่ยาก

...รสชาติของการสูญเสียเพิ่งจะเคยรู้สึกก็ตอนนี้  ของเล่นที่เคยมีอยู่ในมือ ผมกำลังจะเสียมันไป

ผมลืมตาขึ้นในความมืดเมื่อแว่วได้ยินเสียงรองเท้าสลิปเปอร์ดังลากพื้นอยู่ไกลๆ ก่อนไฟในห้องจะสว่างวาบ ทำให้ตาพร่าด้วยเพราะสายตาคุ้นชินกับความมืดมาเป็นเวลานาน คิ้วขมวดชนกันก่อนจะหันมองไปยังต้นเสียง เมื่อพบว่าใครคือเจ้าของเสียงเดินลากเท้า ผมก็ขยับกายลุกขึ้นนั่งจัดระเบียบร่างกายให้อยู่ให้สภาพที่พอดูได้ ไม่ใช่เอกเขนกอย่างเมื่อครู่

“สวัสดีครับพ่อ” เอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ มองอีกฝ่ายอย่างสงสัย

เมื่อกลับมาที่บ้านหลังนี้ การที่ไม่พบเขาอยู่ในบ้านถือว่าเป็นเรื่องปกติ

เขาเมินเฉยต่อคำทักทาย สีหน้าไม่ยินดียินร้าย และเริ่มเปิดประโยคสนทนาโดยการถามหาไอ้แซม

“รู้มั้ยว่าน้องแกหายหัวไปไหน”

ร้อยวันพันปีไม่มีการถามถึงหรอกครับ ไม่ว่าจะกับผมหรือน้อง เขาเพียงโอนเงินเข้าบัญชีในแต่ละเดือน อันเป็นหน้าที่ของบิดา เสร็จแล้วก็จบกัน แค่เงินในบัญชีแหว่ง เขาก็รับรู้ได้เองว่าลูกยังอยู่ดี ไม่ได้ตายจากไปไหน

“มันก็คงยุ่งๆกับงานที่ร้าน” ตอบปัดๆ ไม่ได้เจาะจงรายละเอียดมากไปกว่านั้น

“หึ ยุ่งเหรอ” น้ำเสียงเหยียดหยันอย่างสัมผัสได้เด่นชัด “น้องชายแกดีแต่สร้างเรื่องยุ่งๆให้ฉันน่ะสิ นี่แกก็คงไม่ได้ดูข่าวสารบ้านเมืองเลยใช่ไหม ถึงไม่รู้ว่าตอนนี้มันกำลังเกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้น”

ดูก็รู้ว่าเขากำลังโกรธจัดอย่างที่นานๆครั้งจะเห็น

“อะไรครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

“ตำรวจเข้ายึดร้าน และกำลังประกาศล่าหัวน้องแกอยู่” เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะขึ้นจมูกอย่างดูแคลน “หึ เป็นไง!? พวกมึงมันก็ดีแต่สร้างเรื่องให้กูไปวันๆ”

ล่าหัว?

“เกิดอะไรขึ้นกับน้อง” นั่งไม่ติดโซฟาจนต้องลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับพ่อ ริมฝีปากหนาของเขาเหยียดยิ้มแสยะ

“น้องมึงทำเรื่องสารเลวอะไรไว้บ้างล่ะ”

เพียงพริบตาเดียว ร่างของบุพการีก็ก้าวเข้าประชิด มือหนาที่เคยเลี้ยงผมมากำคอเสื้อแล้วกระชากเข้าหาตัว ก่อนจะกระซิบเสียงรอดไรฟัน

“กูเคยบอกมึงว่ายังไงหะไอ้เซม ให้มึงดูแลและเตือนๆน้องมันบ้างใช่ไหม” มือที่กำคอเสื้อของผมกำแน่นขึ้นจนเส้นเลือดปูดไปตามลำแขน

“แต่ดูสิ่งที่มึงทำกับกู!!!”

เพี้ยะ!!!

เสียงหวดอากาศ ก่อนฝ่ามือจะปะทะข้างแก้มด้วยความเร็วและแรง พลันความเจ็บแล่นปราดจนแก้มชาไปเป็นแถบ ผมกัดฟันข่มอารมณ์ก่อนจะใช้ปลายนิ้วปาดเลือดสีสด

“ถ้าเลือกตั้งสมัยหน้ากูไม่ได้ตำแหน่ง พวกมึงสองคนไม่ต้องมาเรียกกูว่าพ่อ!!”

ผมหันหน้ากลับมามองผู้ชายตรงหน้าที่โทสะกำลังลุกโชติช่วงในดวงตาของเขา

“คนอย่างคุณมันเห็นแก่ตัว!”

“มึงว่ายังไงนะ”

เขาสืบเท้าเดินเข้ามาใกล้ นัยน์ตาฉายประกายน่ากลัว หากแต่ผมไม่คิดถอยหลังหนีแม้แต่ก้าวเดียว กลับจ้องตอบนัยน์ตาคู่นั้นอย่างไม่หวั่นเกรง

ตั้งแต่พ่อเริ่มเล่นการเมืองก็ทำให้ทุกอย่างค่อยๆเปลี่ยนไป อำนาจ ชื่อเสียง และเงินทองดูดกลืนตัวตนของผู้ชายคนนี้จนไม่เหลือความเป็นมนุษย์

“กูถามว่าเมื่อกี้มึงพูดว่าอะไร” เขากดเสียงต่ำในลำคอพลันมือหนากำรอบลำคอของผมแล้วแสยะยิ้มมุมปาก

..อีกหนึ่งหน้ากากจอมปลอมที่เขาบดบังความโกรธไว้ภายใต้ใบหน้าเย็นชา

“ทุกวันนี้กูทำทุกอย่างก็เพื่อพวกมึงสองคน...” กระซิบพูดรอดไรฟันราวกำลังอดทนอดกลั้นต่อแรงอารมณ์ที่กระพือ มือข้างนั้นที่กำรอบคอไม่ได้ออกแรงบีบ เพียงแค่กำไว้ให้ผมรู้สึกเหมือนตกอยู่ใต้อำนาจเขา “แล้วดูสิ่งที่มึงกับน้องของมึงตอบแทนกูสิ! กูให้มึงดูแลน้องไอ้เซม ทำไมมึงไม่ดู!! ชื่อเสียงที่กูสร้างมา น้องมึงทำลายป่นปี้ไปหมด!!!”

ผมเริ่มหายใจติดขัดขึ้นเมื่อมือของเขาข้างนั้นเริ่มบีบรัดลำคอของผมแรงมากขึ้น ผมกำมือแน่นข้างลำตัวไม่คิดจะต่อต้านหรือช่วยตัวเองให้หลุดออกจากสถานการณ์นี้

ผมรู้ดีว่าร่างกายของผมกำลังขาดอ๊อกสิเจน ถ้าเป็นอย่างนี้อีกเพียงนาทีเดียว ผมจะตาย.. ผมรู้

เขาทำให้ผมเกิดมา หากเขาคิดจะฆ่าผมให้ตายด้วยน้ำมือของเขา ผมก็ยอม

ทว่า..!

พลั่ก!

เขาปล่อยมือออกจากลำคอของผมแล้วเหวี่ยงผมสุดแรงจนผมเสียหลักทรุดล้มลงบนพื้น ผมนอนนิ่งไม่ไหวติงโกยอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุดโดยอัตโนมัติ

เป็นอีกครั้งที่เขาไม่ฆ่าผมให้ตาย..

แว่วหูได้ยินเสียงรองเท้าสลิปเปอร์เดินลากพื้นก่อนจะมาหยุดอยู่ข้างหู

ผมรู้ดีว่า การกระทำครั้งนี้ของเขา จุดมุ่งหมาย ไม่ใช่จะฆ่าผมให้ตาย เขาเพียง ‘สั่งสอน’

ผมหายใจหอบจนตัวโยน ก่อนจะรับรู้ได้ถึงสัมผัสจากมือหยาบที่กำลังลูบเส้นผมของผมไปมาในจังหวะสม่ำเสมอ

“อย่าทำให้พ่อผิดหวัง” เป็นคำพูดสั้นๆที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก

ผมเปิดเปลือกตาขึ้นมองคนที่เลี้ยงผมมาซึ่งนั่งยองๆตรงหน้าอย่างหมดแรง

“หยุดทำงานที่โรงพยาบาลที่แกทำสักสองสามเดือน... หันไปทำประโยชน์ให้สังคมเห็น สร้างภาพลักษณ์ดีๆกลบเรื่องเน่าเฟะที่น้องแกทำ แค่นี้..ทำให้ฉันได้ไหม” สัมผัสที่ศีรษะยังคงลูบไปมาไม่ห่างหาย

“ผมทำได้ แต่..” ตอบรับกลับไปด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธ เพียงแต่ผมมีข้อแม้.. “คุณต้องช่วยน้อง”

“หึ ได้” เขายกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะพูดตบท้าย “อย่าทำให้พ่อผิดหวัง”

สิ้นคำพูดมือข้างนั้นก็ผละห่างจากผมของผมก่อนจะหยัดกายขึ้นยืน แล้วหมุนกายเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองทิ้งให้ผมนอนอยู่ที่เดิมตามลำพัง

อย่าทำให้พ่อผิดหวัง ในความหมายของเขา คือ พ่อต้องได้รับเลือกตั้งสมัยหน้า

สิ่งที่ผู้ชายคนนี้ต้องการ มีเพียงเท่านี้

ผมกับน้องก็เป็นแค่เบี้ยที่เขากำหนดมาว่าจะต้องเดินไปทิศทางไหน

กี่สิบปีกับชีวิตแบบนี้ ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยรับรู้ เธอจากไปนาน.. นานจนใบหน้าของเธอเริ่มลางเลือนในความทรงจำ

ผมจำได้เพียง ..บ่วงเชือก ปลายเท้าของเธอที่ลอยคว้างกลางอากาศ สีหน้าทุรนทุราย ..และร่างกายที่กระตุกราวคนขาดอากาศหายใจ

เธอทนอยู่กับผู้ชายอย่างพ่อไม่ไหว

เธอทิ้งผมกับน้องให้จมอยู่กับขุมนรกบนดิน!

การฆ่าตัวตายไม่เคยอยู่ในสาระบบความคิดของผม เพราะมันน่าสมเพชเกินไป หึ

ผมค่อยๆยันกายลุกขึ้นนั่งช้าๆ รอยยิ้มเย้ยหยันค่อยๆจางหายไป เปลี่ยนเป็นสีหน้านิ่งเรียบดังเดิม

สายตามองฝ่าออกไปยังกระจกใสที่เผยให้เห็นสีดำสนิทของท้องฟ้ายามราตรี มองตรงไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ในใจนึกห่วงเพียงคนเดียว

เกิดอะไรขึ้นกับมึง แซม..

 

 

 

_______________________________________

TALK :: อัพเสร็จก็เลยเวลานอนเสียแล้ว ฮ่าๆ ช่วงนี้รักตัวเอง ต้องนอนไวๆ จะได้หายเปื่อยT^T
ภาษาอาจจะแปร่งๆ มึนๆไปบ้างก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ แต่งตอนป่วย มึนๆ 555 แบ่งเป้นสองโพส ไม่รู้ทอล์คยาวหรือเนื้อหาเยอะ  :katai2-1:
มีเรื่องจะมาแจ้งเนอะ ใกล้เปิดเทอมแล้ว คงไม่มีเวลาแต่ง และลงได้บ่อยๆเหมือนกับตอนปิดเทอม เราเป็นประเภท แต่งได้เท่าไหร่ก็ลงเท่านั้น ไม่มีสต็อก ปิดเทอมก็แต่งไปลงไป 7-8 ตอนได้ ฟิตไงฟิต 555 ส่วนเปิดเทอมก็มาคอยดูกัน ว่าจะโผล่สักกี่ตอน 555
แต่ยังไงก็ไม่ทิ้งนะคะ แค่อาจจะช้าบ้าง
ขอบคุณนะคะ สำหรับความเห็นและกำลังใจที่มอบให้ ที่เข้าใจกันด้วย ดีใจนะที่มีคนทวง 555 แต่ทวงมากๆเก๊าก็หนาวสั่น ฮา
แต่งแล้วคนชอบ ก็ดีใจจจจจจจ
เรื่องจะเป็นยังไงต่อ ก็ตามลุ้นกันนะฮับ
แอบเห็นนักอ่านบางคนแว้บไปอ่านอีกสองเรื่องด้วย ดีใจมากฮร่ะ ยิ้มแก้มปริเลยย Revenge & Sin <<(ถือเป็นการโปรโมทไปในตัว) 5555
โปรโมทมันเข้าไปปป จะอัพเมื่อใดก็ไม่รู้ (จะโดนรุมมั้ยพูดอย่างนี้ 555) เอาน่า เราไม่ทิ้งกันเนอะ ทุลักทุเลไปบ้างก็ต้องไปต่อให้จบ ฮึบๆ!
คืนนี้มาแบบ หวานๆปนหน่วง(หรือเปล่า??) 5555
ฝันดีนะคะ ขอบคุณน้า รักนะ จุ้บ
รักษาสุขภาพด้วย อย่าป่วย ไม่ดีเลย (ร่ำไห้แป้บ) 555
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 32 กังวล 100% [2/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 03-11-2013 00:04:55
ริวเป็นอะไรไหมเนี่ย แซมคงไม่ได้ทำอะไรริวหรอกนะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 32 กังวล 100% [2/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: pornumpai-ka ที่ 03-11-2013 00:27:28
เกิดอะไรขึ้น  ค้างงงง!!!!!!
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 32 กังวล 100% [2/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: kuro ที่ 03-11-2013 01:33:58
น่ารักจัง
เซมเป็นแบบนี้เพราะพ่อ แต่ก็รักน้อง
ให้ความรู้สึกเหมือนเรนจิกับโรจิเลย
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 32 กังวล 100% [2/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 03-11-2013 01:41:12
ค้างงงงงงงงงงงง จิมอย่าเศร้าไปเลยน้าาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 32 กังวล 100% [2/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: minere_mi ที่ 03-11-2013 09:26:32
พี่จิมน่ารัก อ่อนโยนขึ้นทุกวันๆ...
แต่ไอ่สองแฝดนั่น!!!!ฮึ๋ยยยย!!!!
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 32 กังวล 100% [2/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 03-11-2013 09:39:02
หายไวไว น้าาาา

เด๋วงี้น้องต้าก็จะได้กลับบ้านแล้วหรอ?

ยิ่งอ่านยิ่งเข้าใจชื่อเรื่องจริงๆเลย A BOY น้องต้าเป็นแบบนั้นจริงๆ

ถ้าต้ากลับบ้านต้ากับพี่จิมจะเป็นยังไงนะ แล้วถ้าต้าจำเรื่องทั้งหมดได้

โหดร้ายเกินไปมั๊ยอ่ะ? แต่เราก็รอลุ้น จุ๊บๆคนเขียนนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 32 กังวล 100% [2/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 03-11-2013 16:23:13
so cuteee
ชอบมาก ทำไมจิมใจดีขนาดนี้
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 32 กังวล 100% [2/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 03-11-2013 20:05:55
จิมใจดีจัง  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 32 กังวล 100% [2/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: zaszaq ที่ 03-11-2013 20:38:03
จิมใจดี เพราะต้าอ้อนได้น่ารัก  :impress2:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 32 กังวล 100% [2/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: †คุณเขียด ที่ 04-11-2013 01:26:07
น้องต้าน่ารักจังเลยค่ะ

ละลาย :-[

กลัวน้องจำได้จังเลยอ่ะ

 :o12:

รอนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 32 กังวล 100% [2/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 04-11-2013 12:23:47
น้องต้าเค้ามีลูกล่อลูกชนกับพี่จิมตลอด อิอิ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 32 กังวล 100% [2/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: Viper_Wa ที่ 05-11-2013 09:41:16
สาธุ!! อย่าให้น้องต้าจำได้เลย :call:

กำลังฟินกับคู่นี้อยู่  :hao6:

จิมก็นิสัยดีขึ้นจากหน้าตีนเป็นหลังมือเลยอ่า  :hao7:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 08-11-2013 17:57:57
ตอนที่ 33 40%

JIM Part

เป็นเช้าอีกวันที่ผมตื่นก่อนมัน..

ว่ากันว่า คนตื่นเช้ามักได้เปรียบ

ผมไล่สายตามองสำรวจเครื่องหน้าของคนหลับข้างกายอย่างละเอียด ..ละเอียดจนแม้แต่ไม่ได้มองหน้าผมก็จำได้ขึ้นใจ

วินาทีนี้ ผมสามารถยอมรับกับตัวเองได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า ผมเคยชินกับการที่ตื่นมาแล้วเห็นมันนอนอยู่ข้างๆ

เป็น ’ความเคยชิน’ ที่ผมอยากจะผลักไสออกไปให้ห่างจากตัวมากที่สุด แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธความต้องการของตัวเองได้

ผมชื่นชอบในกลิ่นหอมอ่อนๆของเรือนผมนี้

ผมต้องการที่จะกอดร่างนุ่มๆไว้แนบอกตลอดทั้งคืน

มันเป็นความเคยชินที่ส่วนลึกในใจบอกว่า ไม่อยากให้หายไป

...เปลือกตาสีน้ำนมยังคงปิดสนิท เหลือเวลาเตรียมตัวสำหรับการเริ่มต้นทำงานในเช้าแรกของสัปดาห์อีกประมาณยี่สิบนาที แน่นอนว่ายี่สิบนาทีนี้ ผมไม่คิดจะปลุกมัน

ถ้าเป็นเมื่อหลายวันก่อน เหตุผลที่ผมไม่ปลุกมันคงเป็นเพราะ ผมต้องการความสงบ การที่สายตาเหลือบไปเห็นมัน ไม่ว่ามันจะเคลื่อนไหวหรือนั่งอยู่เฉยๆ ก็ดูขวางหูขวางตาและสร้างความรำคาญให้กับผมอย่างมาก แต่พอมาวันนี้ เหตุผลที่ผมไม่อยากปลุกมัน ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ผมเพียงอยากจะยืดเวลาในการมองใบหน้านี้ออกไปนานๆ

ทว่า สิ่งที่ตั้งใจไว้กลับล้มเหลว เมื่อขนตาเป็นแพที่บรรจบกันขยับไหวเบาๆ ก่อนเปลือกตาสีนวลจะค่อยๆเปิดปรือขึ้นอย่างเชื่องช้า

แสงอาทิตย์ที่ว่าอบอุ่น ยังเทียบไม่ได้เมื่อริมฝีปากอิ่มสีเรื่อค่อยๆคลี่ยิ้มส่งมาให้ ผมมองรอยยิ้มนั้น ขณะที่ในหัวเริ่มจินตนาการคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อวันก่อน

ความนุ่มของกลีบปากที่เคยสัมผัส แม้จะไม่ล้ำลึกแต่มันกลับตราตรึงในความรู้สึก.. อยากจะจูบประทับแล้วบดขยี้ริมฝีปากคู่นั้นตามใจปรารถนา

“จิมม กอดหน่อย”

หัวของผมเริ่มแปรปรวน จินตนาการกับความเป็นจริงตีกันให้วุ่นไปหมด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้ คนที่นอนข้างๆมันพูดจริงๆหรือผมแค่หูฝาดไปเอง หากคำพูดนั้นออกมาจากริมฝีปากคู่นั้นจริง ก็อยากจะถามว่ากอดของมันมีความหมายแบบไหน เป็นกอดเพียงผิวเผิน หรือมากกว่านั้น.. ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยถาม ร่างของคนที่เพิ่งตื่นก็โผเข้าชิดจนใบหน้าซุกซบลงตรงแผ่นอก พร้อมกับแขนเรียวที่พาดลำตัวของผมแล้วกอดไว้แน่น

กอดของมัน ต่างจากสิ่งที่ผมกำลังคิด..

ผมยกมือขึ้นตระกองกอดตอบมันช้าๆ ก่อนจะกดริมฝีปากจูบซับเรือนผมหอมกรุ่นด้วยความรู้สึกพุ่งพล่าน พลางวางคางเกยบนศีรษะแล้วลอบถอนหายใจแผ่วเบา รีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง

“เมื่อคืนฝันดีไหม”

เริ่มต้นคำถามราวเด็กอนุบาล

จำได้ว่า ผมไม่เคยถามใครแบบนี้มาก่อน หากเป็นคนอื่นโดนผมถามแบบนี้ คงต้องถามผมกลับทันทีว่า ผมไม่สบายหรือเปล่า แต่ไม่ใช่กับเด็กน้อยในอ้อมกอด มันกระตือรือร้น แหงนหน้าจะเงยสบตา นัยน์ตาคู่นั้นพราวระยับ บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวเต็มใจที่จะบอกเล่าประสบการณ์ฝันให้ฟัง

“ดีที่สุดเลย!” ยิ้มตาหยี ก่อนริมฝีปากอิ่มจะเริ่มขยับเจื้อยแจ้วเรียงร้อยถ้อยความ “เมื่อคืนฝันว่า จิมซื้อหมาให้ ตัวสีขาว ขนฟูๆ ตัวนุ่มๆ น่ารักมากเลย แล้วก็กินเก่งสุดๆ ให้อะไรก็กินหมดเลย จิมจะซื้อให้ใช่ไหม?”

ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ เริ่มไม่แน่ใจว่านั่นเป็นการเล่าความฝันของมัน หรือเป็นการอ้อนให้ซื้อลูกหมากันแน่

“รอให้โตกว่านี้ก่อน”

“ถ้าโตกว่านี้จะซื้อให้เหรอ”

“ถ้าตอนนั้นมึงยังอยากได้ ก็จะซื้อให้”

“จริงๆนะ”

ยิ้มขำกับดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะตอบรับสั้นๆในลำคอ เมื่อได้คำตอบถูกใจ มันก็ยิ้มกว้างจนผมอดไม่ได้ที่จะไล้ปลายนิ้วสัมผัสแก้มนุ่มนิ่มไปมา แล้วไล่ถามถึงเรื่องที่ยังค้างคาใจต่อ

“จำเรื่องก่อนหน้านี้ได้หรือเปล่า?”

มันขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วนิ่งคิด มันเงียบไปนานจนทำให้มือของผมที่กำลังไล้แก้มนุ่มชะงักกึก หัวใจพลันกระตุกนึกกลัวว่ามันจะจำได้..

“จำได้!”

รู้เลยว่าหัวใจของตัวเองหยุดเต้นไปหนึ่งจังหวะ เผลอกลั้นลมหายใจ รอฟังคำตอบด้วยใจลุ้นระทึก

“เมื่อคืนเราดูโดเรม่อน โคนัน หมีพูว์ แล้วก็เงือกน้อย” พูดตอบด้วยรอยยิ้มซื่อๆ จนทำให้ผมต้องผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแปลกๆ

“ก่อนหน้านั้นล่ะ” ไล่เบี้ยถามต่ออย่างไม่ลดละ

“ก่อนหน้านั้นเหรอ...” มันขมวดคิ้วเป็นปมกลางหน้าผาก ริมฝีปากอิ่มสีเรื่อขยับขมุบขมิบไปมาก่อนจะเอ่ยตอบ

“จิมกินราดหน้าตอนเย็น แต่ไม่ได้กินกุ้ง” ว่าพลางหัวเราะชอบอกชอบใจ เพราะกุ้งในราดหน้าของผมถูกมันแย่งกินไปเสียหมดในมื้อเย็นเมื่อวาน

“ก่อนหน้านี้ล่ะ ตอนที่มึงกับกูเจอกันครั้งแรก จำได้หรือเปล่า” เป็นคำถามที่ผมรู้สึกกลัวกับคำตอบ

คราวนี้มันนิ่งไปนาน ใบหน้าบิดเบี้ยว ตวัดสายตามองผมอย่าง..โกรธๆ?

แขนเรียวที่พาดลำตัวผมถูกดึงกลับไป ก่อนมันจะยันกายนั่งขัดสมาธิพร้อมกับสองมือที่กอดอกแน่น ดวงตากลมโตหรี่ลงเล็กน้อยแล้วมองผมด้วยสายตาที่แปลกไป ผมเริ่มร้อนรนจนต้องทวนถามอีกครั้ง

“ว่าไง?”

“จิมใจร้าย!” พูดโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงค่อนข้างดัง

ความเครียดเริ่มก่อตัวเมื่อนัยน์ตากลมโตของอีกฝ่ายวาวระยับไปด้วยหยาดน้ำที่เอ่อคลอ ผมขมวดคิ้วแน่นพลันยันกายลุกขึ้น ละล้าละลังอยากจะปลอบประโลมแต่ปากกลับหนักจนพูดอะไรไม่ออก ในหัวมีเพียงคำสามพยางค์วนไปวนมา

..มันจำได้?

“จิมบีบคอ!”

บีบคอ?

ไม่.. นั่นไม่ใช่ครั้งแรก

หมายความว่า.. มันยังจำไม่ได้

เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว และเมื่อผมยิ้ม น้ำตาเม็ดใสก็ร่วงผล็อยเปรอะแก้มนวล ฟันขาวเป็นระเบียบกัดริมฝีปากล่างอย่างแรงพลางมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำตัดพ้อต่อว่า

ที่ผมยิ้ม ไม่ใช่เพราะสะใจที่เคยทำมันเจ็บ

ความรู้สึกตอนนี้กับตอนนั้นมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ผมเพียงแค่ดีใจ ..ที่มันจำเรื่องก่อนหน้านั้นไม่ได้

“ตอนนี้ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า” เอ่ยถามแล้วเลื่อนสายตามองลำคอที่ครั้งหนึ่งเคยบีบมันด้วยสองมือของตัวเอง

มันส่ายหน้าจนผมยุ่ง ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อผมไล้ปลายนิ้วแตะสัมผัสบนลำคอขาว เมื่อเห็นว่าผมไม่ได้จะบีบคอเหมือนที่เคยทำเมื่อครั้งในอดีต คนตรงหน้าก็ผ่อนคลาย ไม่นั่งตัวเกร็งอย่างทีแรก

“โกรธหรือเปล่า”

มันมองผมด้วยความงุนงง ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ ผมคลี่ยิ้มบางๆ ผละมือเลื่อนขึ้นสูง ลูบศีรษะของมันอย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่ผู้ชายอย่างผมจะทำได้

“พี่ขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมา ต่อไปนี้ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรรุนแรงอีก ยกโทษให้พี่นะครับ”

ไม่เคยคิดว่าเสียงตัวเองจะอ่อนโยนได้ขนาดนี้ เห็นมันนิ่งค้างไปผมเองก็ชักอายๆ ละมือออกจากผมสีเข้ม แล้วลูบหน้าตัวเองแรงๆก่อนจะวางมันลงตรงหน้าตัก ตีสีหน้าเรียบเฉยมองอีกฝ่ายนิ่งๆแทน

“อื้ม สัญญานะจิม อย่าใจร้ายกับต้าอีก ใจดีได้อย่างเดียวพอ แล้วก็ ห้ามใจดีกับคนอื่นด้วย!” พูดยืดยาวด้วยสีหน้ายุ่งเหยิงจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม ก่อนนิ้วก้อยเล็กๆจะกวัดแกว่งไปมาตรงหน้า

อยู่กับมันเหมือนผมได้ลดอายุตัวเองลงไปสิบกว่าปี ความจริง อายุขนาดผม คงไม่มีใครเขามาเกี่ยวก้อยสัญญาเด็กๆแบบนี้กันแล้ว

“จิมมม” มันเรียกชื่อด้วยการลากเสียงยาวเมื่อเห็นว่าผมยังนั่งเฉย นิ้วเล็กๆกระดิกไปมาเป็นการเร่ง ผมลอบถอนหายใจ ก่อนจะยอมยื่นนิ้วไปเกี่ยวก้อยกับมัน

เห็นรอยยิ้มกว้างบนริมฝีปากสีเรื่อก็พาลให้ยิ้มตาม

ถ้าทุกเช้า ตื่นขึ้นมาแล้วเป็นอย่างนี้ก็คงดี ต่อให้ต้องทำตัวเป็นเด็ก ลดอายุตามมันแล้วถูกคนอื่นล้อเลียนผมก็ยอม

“จิมม อาบน้ำกัน!”

“...” หัวใจเพิ่งจะเต้นด้วยจังหวะปกติได้ไม่ถึงนาที กลับต้องมาเต้นรัวด้วยประโยคสั้นๆของมันอีกแล้ว

ตายครับ.. คิดว่าคนเราจะมีความอดทนได้มากแค่ไหน?

“ถอดเสื้อสิ” ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ทว่าจังหวะการเต้นของหัวใจกลับตรงกันข้าม

มันยิ้มกว้างดีใจ ดวงตาเต้นระริกก่อนจะกุลีกุจอรีบถอดเสื้อออกทางหัวอย่างรวดเร็ว

ชายเสื้อที่เลิกสูงเผยให้เห็นผิวขาวๆบริเวณหน้าท้องและช่วงเอว.. คนมองอย่างผมเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไม่ต่างกับเฒ่าหัวงูที่จ้องจะกินเด็กหนุ่มๆ แค่พูดยุ ไม่คิดว่าเด็กอย่างมันจะทำตาม แล้วผู้ใหญ่อย่างผมต้องทำอย่างไร..?

ไม่ไหวครับ..

รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเมื่อเสื้อตัวนั้นเลิกสูงมากกว่าเดิมจนเกือบจะเห็นจุดแต้มสีสดกลางแผ่นอก

ผมหยัดกายลุกขึ้นจากเตียง สองมือประสานกุมกลางลำตัวที่ตั้งตรงเคารพธงชาติแล้วรีบเดินเร็วออกจากห้องจนอีกคนบนเตียงไม่ทันตั้งตัว

เสียงประตูเปิดผลัวะตามหลังมาติดๆ ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากด้านหลังก็ทำให้ผมเปลี่ยนจากเดินเร็วเป็นวิ่งโดยอัตโนมัติโดยไม่คิดจะหันกลับไปมอง

ปัง!

ปิดประตูห้องรับรองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องนอนพร้อมลงกลอนเสร็จสรรพ ได้ยินเสียงทุบประตูรัวๆอยู่หน้าห้องพร้อมกับเสียงโวยวาย

“จิม!! ออกมานะ จิม!! ไหนบอกจะอาบน้ำด้วยกันไง! จิมมม ถอดเสื้อเสร็จแล้ว ออกมาสิ! จิม!!”

...ลอบกลืนน้ำลายอีกหนึ่งอึกเมื่อภาพผิวกายขาวๆยังฝังแน่นในความทรงจำ พาลให้ปวดหนึบไปทั้งลำกายจนอยากจะเปิดประตูแล้วกระชากเจ้าของเสียงร้องโวยวายข้างนอกให้เข้ามาช่วยกันปลอบประโลมลูกรัก!

!!

เป็นครั้งแรกที่วิ่งหนีอาหารอันโอชะ ทั้งที่ใจจริงอยากจะกระโจนเข้าใส่

รู้ไปถึงไหน อายไปถึงนั่น!

 

___________________________

TALK :: 40% นี้พอจะทำให้หายคิดถึงกันได้บ้างมั้ย? 5555
ใครค้างกับพี่แซมจากพาร์ทที่แล้ว รอติดตามต่อใน Revenge นะคะ หมดแล้ว จะไม่เจอพี่แซมใน A boy แล้ว (ดีใจมั้ย?) 555
40% นี้น้องต้าแกล้งพี่จิม 5555
ขอบคุณทุกความเห็นน่ารักๆค่ะ จุ้บบบ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: kuro ที่ 08-11-2013 18:20:27
5555จิมหนี
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoke ที่ 08-11-2013 18:48:10
 :m25:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 08-11-2013 19:26:24
จิม อ่อนหัดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่  :haun5:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: atcharayee ที่ 08-11-2013 19:48:45
ชอบอ่ะ น่ารักเวอร์
สงสาร ถ้าต้าจำเรื่องราวได้หมดจะทำอย่างไง  :mew2:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: ไป๋ไป๋ ที่ 08-11-2013 20:15:47
to...จิม

มีเมียเด็กต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย อะจึ้ย!!!

ไม่ใช่แล้ว จิมกับต้าแค่เป็นพี่น้องท้องติด เอ้ย!! จิมเป็นพี่เลี้ยงเด็กเฉยๆ ไม่มีอะไรในก่อไผ่ ใช่ไหมจิม :z2:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 08-11-2013 20:38:42
จิมต้องใช้ความอดทนสูงเลยนะนั่น  >.<
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 08-11-2013 21:26:50
 :laugh: :laugh: :laugh:สงสารจิมเนอะ จะกินก็กินไม่ได้ เด็กเกิ๊นนนน
 :เฮ้อ: ถ้าน้องต้าจำขึ้นมาได้จริงๆจะเป็นไงนะ คำว่าให้อภัยเราว่ามันไม่มีอยู่ในหัวเลยอ่ะ

ดีใจที่คนคนนั้นจะไม่ได้เห็นใน A BOY แล้ว 555555 บอกตามตรง กลัวจริงๆ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 08-11-2013 21:58:34
น้องต้ายั่วพี่จิมแบบไม่รู้ตัว
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 08-11-2013 21:59:11
อดทนไปพร้อมๆกับจิมเหมือนกันค่ะ  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 09-11-2013 00:28:41
ให้มันหวานใสแบบนี้ตลอดไปได้มั้ยยยยยยย ฮืออคือมันน่ารักมาก คู่นี กัดหมอนนอนฝัน น้าาาาคนเขียน (ชื่อเรื่องก็บอกอยู่ว่าดราม่า แต่เราไม่อยากยอมรั้บบบบบบ)
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: tsukishi ที่ 09-11-2013 16:58:05
แน่จริง อย่าหนีนะจ๊ะ 555 :katai5:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: zaszaq ที่ 09-11-2013 18:13:51
 :hao7: :hao7: :hao7: จิมโดนยั่ว   ให้ต้าถอดแต่วิ่งหนีเอง  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 09-11-2013 20:00:33
5555 น่าสงสารจิม  :laugh:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 09-11-2013 23:33:57
อ่า  ...  ่ขอเวิ่นหน่อย

อยากบอกว่าช่วงนี้ติดเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ต้องมาคอยส่องทุกวัน  ถ้าอัพ..... ต้องกระโจนเข้าจิ้มเป็นอันดับแรก


อยากบอกว่าแต่ดีมากค่ะ  ธรรมชาติดีจริงๆ  หลงรักเด็กน้อยตัวโต   .....  ที่มีพี่โตกว่าคอยเอาใจ


อิอิ...  แอบสงสารพี่จิมนะ  แต่พี่จิมก็น่ารักมาก ที่วิ่งหนีออกมา  และดีใจมากๆ ค่ะ ที่ไอ้แซม มันจะไม่โผล่มาแล้ว

เป็นความสัมพันธ์ที่ลงตัวมากๆ  แต่ก็อดหวั่นใจกับอนาคตไม่ได้   

รู้แหล่ะว่ายังไงมันก็ต้องมาถึง  ....   แต่ไม่รู้ว่าถึงตอนนั้นเรื่องราวมันจะดำเนินไปยังไง  ไม่ค่อยได้เม้นค่ะ
ขออภัย  เน็ตกะลั่วมาก  คลิกๆ หลุด  อ่านได้จบนี่ต้องรอมันโหลด  8รอบได้  หลุดๆ เข้าๆ อยู่อย่างนั้น

ขอบคุณนะคะ  ยังไงก็ยังคงรอตอนต่อไปอยู่ดี  อิอิ  ไม่ได้อยากเร่งเลยนะ  แค่เค้าอยากอ่าน  คริคริ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 12-11-2013 16:15:18
รักจิมตอนนี้มากอ่ะ ไม่อยากให้ต้ารู้ความจริงทั้งหลายแหล่เลย มันเจ็บปวดเกินไป :ling3:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 13-11-2013 01:24:12
จิมมมม โฮฮฮฮ จิมน่ารักก ต้าน่ารักกกก
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: viper7123 ที่ 13-11-2013 23:59:34
ถึงกับหนี

 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
เริ่มหัวข้อโดย: NO.666 ที่ 14-11-2013 03:46:35
หากวันนึงน้องจำจิมได้ แล้วน้องจะยังรักจิมอย่างนี้มั้ยนะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 16-11-2013 18:35:19
ตอนที่ 33 สวนทาง 100%

ผลพวงจากการที่ผมหนีเด็ก ทำให้เด็กยิ่งตัวติดผมมากกว่าเดิม

ผมขยับตัวเล็กน้อย สายตายังคงไม่ละจากเอกสารในมือตรงหน้า รู้ครับว่าตอนนี้กำลังมีดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องมองผมทุกอิริยาบถ

โดยปกติแล้ว หากถึงเวลาทำงาน ไอ้ต้าจะออกไปนั่งเล่นกับพวกด้านนอก จนกว่าจะถึงเวลาเลิกงานหรือเวลาพักกลางวันนั่นล่ะ ถึงจะยอมเดินเข้ามาหาผมในห้อง แต่วันนี้มันมาแปลก ทำตัวติดผมตั้งแต่อาบน้ำเสร็จ

เหมือนมันรู้ว่าผมพยายามออกห่างมัน มันถึงได้เข้าใกล้มากกว่าเดิม ดูได้จากตอนเช้าที่เพิ่งมาถึงบริษัท ปกติแล้วหลังจากลงรถ ผมจะเป็นฝ่ายกุมมือมัน ทว่าวันนี้มันกลับเข้ามาจับมือผมไว้เอง บอกเลยครับ ว่า ‘หนักใจ’

ไม่ได้ลำบากใจที่มันเข้าใกล้ แต่... ผมว่า สภาพจิตใจผมยังไม่ค่อยปกติ

กลิ่นกายหอมกรุ่นอยู่ใกล้จมูกมากเกินไป อีกทั้งเนื้อตัวนุ่มนิ่มก็ขยันเบียดกันเหลือเกิน..

ผมเหลือบตาขึ้นจากเอกสารเล็กน้อยเมื่อเห็นวัตถุไหววูบที่หางตาจากฝั่งตรงข้าม

เคยเห็นมั้ยล่ะครับ วิธีเรียกร้องความสนใจของเด็ก

และยิ่งเป็นเด็กที่ได้รับความสนใจจากคนรอบข้างมากๆ พอไม่ได้รับความสนใจขึ้นมา มันก็จะมีสภาพไม่ต่างจากคนที่นั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามผมตอนนี้

มันเปลี่ยนมานั่งตัวตรง ก่อนจะฉีกยิ้มยิงฟันเมื่อพบว่าผมมองอยู่ รีบหดไม้หดมือลงใต้โต๊ะทำเหมือนกับว่าเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมมุ่นคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเลิกสนใจ ใช้งานเป็นข้ออ้างในการสร้างระยะห่าง

รวนครับ ยิ่งอยู่ใกล้มัน เครื่องยิ่งรวน

ปั่ก!

อีกครั้งกับเสียงปริศนา ทว่าครั้งนี้ต้นเหตุของการเกิดเสียงไม่ได้มาจากบนโต๊ะที่สามารถมองเห็นได้ หากแต่มาจากใต้โต๊ะที่สั่นไหวเบาๆตามแรงกระแทก

ปั่ก ปั่ก!!

เมื่อไม่ได้รับความสนใจ มันก็เรียกความสนใจหนักขึ้นเป็นสองเท่า เริ่มรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่ปรับระดับเป็นรุนแรงขึ้นของไอ้เด็กตรงหน้า ไม่ได้เงยหน้าไปมอง แต่สัมผัสได้จากความรู้สึก

ผมยังคงนิ่ง และแน่นอนว่าเครื่องผมยิ่งรวนมากกว่าเดิม เพราะผมไม่ได้ขุ่นเคืองจากการกระทำเอาแต่ใจนี้ ทุกอย่างตรงข้ามไปหมด เหมือนหัวสมองของผมกลับด้าน ไม่ได้รำคาญ ไม่ได้โกรธเคือง แต่กลับเริ่มสนุกในการเห็นมันเป็นอย่างนี้ ยิ่งมันเรียกร้องความสนใจ ผมก็ยิ่งอยากเย้าแหย่

“จิมมม” เสียงเรียกชื่อจากน้ำเสียงที่คุ้นเคยทำลายบรรยากาศเงียบๆที่ผมสร้างไว้ตั้งแต่เข้าห้องมา ไม่รู้ว่าตอนนี้มันกำลังแสดงสีหน้าอย่างไรอยู่ บางทีอาจจะกำลังตาขวาง? อมลมจนแก้มป่อง? หรือจะตีหน้ายุ่งเหยิงกันแน่

 “จิม” เสียงเรียกชื่อครั้งนี้ห้วนกว่าครั้งแรก ดูเหมือนว่ามันจะเริ่มหมดความอดทนกับการเรียกความสนใจที่ไม่ได้รับการสนองตอบ

แว่วหูได้ยินเสียงเสียดสีของเสื้อผ้าและเสียงกุกกักบอกให้รู้ถึงการเคลื่อนไหว

หืม?

มุ่นคิ้วชนกันก่อนจะตวัดสายตามองต้นเหตุที่ฉกแฟ้มเอกสารไปจากมือผม นิ่งค้างเล็กน้อยเมื่อพบว่า ไอ้ตัวป่วนที่เคยนั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่มีโต๊ะคั่นกลาง ตอนนี้กลับปีนขึ้นมาบนโต๊ะ นั่งทับกระดาษเอสี่ไว้ด้วยนัยน์ตาเป็นประกายวาววาบ แฟ้มเอกสารที่แย่งผมไปยังคงอยู่ในมือเรียว

“ขึ้นมานั่งบนโต๊ะได้ยังไง ลงไปนั่งที่เดิมเดี๋ยวนี้” ดุเสียงเข้ม มองอีกคนที่นั่งนิ่งไม่ขยับราวกับไม่ได้ยินคำพูดของผม ก่อนมันจะซ่อนแฟ้มไว้ด้านหลัง

“ไม่ลง!”

ได้ยินเสียงหล่นตุ้บของวัตถุที่คาดว่าน่าจะเป็นแฟ้มเจ้าปัญหาอันนั้น มันหันไปมองเล็กน้อยด้วยหน้าเผือดสี คงกลัวว่าผมจะดุ ก่อนจะหันกลับมาแสร้งยกมือกอดอก กลบเกลื่อนความผิดด้วยการแสดงท่าดื้อดึง

“ต้า” ทันทีที่เรียกชื่อมันด้วยด้วยน้ำเสียงดุๆ เจ้าของชื่อก็สะดุ้งเฮือก

“อย่ามาดุนะ!” พูดเสียงดังขณะที่นัยน์ตาสั่นไหว

“ลงจากโต๊ะเดี๋ยวนี้”

“ไม่ลง!” ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นเป็นเส้นตรง

ผมเริ่มปวดหัวจี๊ด ไม่รู้ว่าควรจะรับมือกับเด็กดื้อตรงหน้าอย่างไรดี ยิ่งอยากอยู่ไกลๆ ก็ดูเหมือนระยะห่างที่พยายามสร้างจะหดสั้นเข้าทุกที ผมรู้สภาพตัวเองดี เด็กคนนี้เริ่มมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของผม ยิ่งเข้าใกล้มัน ยิ่งใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่ความรู้สึกของผมก็พุ่งพรวดอย่างรวดเร็ว

ความรู้สึกนี้ เป็นอันตรายต่อตัวผมเอง..  มันค่อนข้างยากในการบังคับตัวเอง อย่างตอนนี้ที่นัยน์ตาคู่นั้นเริ่มเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำใส ผมก็อยากปลอบประโลม

ความเงียบที่ผมสร้างขึ้นเพื่อยับยั้งและรักษาระยะห่างไม่เข้าไปใกล้มันเกินควรดูเหมือนจะทำให้อีกคนเข้าใจผิด บางทีมันอาจคิดว่าผมกำลังโกรธที่มันดื้อ น้ำใสถึงได้ค่อยๆไหลเปรอะแก้มนวล

“ร้องทำไม” เอ่ยถามเพราะอยากรู้สาเหตุของรอยน้ำตาว่าตรงกับที่ผมคิดไว้หรือเปล่า

มันกัดปากแน่นก้มหน้าไม่ตอบคำถาม ไหล่เล็กสั่นสะท้านตามแรงสะอื้น

“ลงจากโต๊ะซะ”

มันเงยหน้าขึ้นมองสบตา ริมฝีปากเม้มแน่นกว่าเดิม ถึงแม้อายุของผมจะเลยช่วงวัยเด็กมานานแล้ว และไม่ค่อยได้คลุกคลีกับเด็กมากนัก แต่ก็ยังพอจดจำความรู้สึกตอนยังเป็นเด็กได้ลางๆ

เด็กอยากเป็นที่หนึ่ง เด็กอยากสำคัญ เด็กอยากถูกตามใจ และไม่ชอบการถูกดุ

“ต้า” เรียกชื่อมันสั้นๆเป็นการกดดันอีกฝ่ายกลายๆ มันยกมือขึ้นขยี้ตา แต่น้ำใสก็ยังไหลไม่หยุด ผมยังคงนิ่ง ไม่มีการเอ่ยปลอบ จวบจนร่างนั้นค่อยๆย้ายตัวเองลงมายืนบนพื้นด้วยเท้าเปลือยเปล่า กระดาษเอสี่บนโต๊ะยับไม่เรียบเหมือนเดิม อีกทั้งของบางอย่างที่เคยตั้งดีๆก็กระจัดกระจายล้มระเนระนาดรกไปหมด

มันยืนก้มหน้าอยู่ข้างๆเก้าอี้ที่ผมนั่ง ก่อนผมจะหมุนเก้าอี้หันไปหามัน

“ร้องไห้ทำไม” ถามย้ำอีกครั้งด้วยคำถามเดิม

“ดุทำไม” ตอบด้วยน้ำเสียงสั่นๆ นัยน์ตาคู่นั้นบอกว่าเจ้าตัวกำลังน้อยใจ

บางทีผมอาจจะโรคจิต เมื่อได้ยินคำตอบ หัวใจก็พาลลิงโลด มองนัยน์ตาแดงก่ำและปลายจมูกแดงเรื่อ ก็ให้รู้สึกหมั่นเขี้ยวจนอยากจะจับมันมาฟัดเสียเดี๋ยวนั้น

ความรู้สึกของผมตอนนี้ ก็เหมือนกับแม่เหล็กต่างขั้ว ยิ่งอยากอยู่ห่างจากมันมากเท่าไหร่ ความรู้สึกที่อยากจะเข้าใกล้ก็ยิ่งชัดเจนมากเท่านั้น ..บวกกับลบ เป็นขั้วที่แตกต่าง แต่หากลองนำแม่เหล็กสองขั้วนี้มาวางใกล้กัน  มันกลับดึงดูดซึ่งกันและกันจนยากจะแยกออก

ผมกับมันก็แตกต่าง.. ผมอายุ 27 ขณะที่มันเป็นเด็กอายุไม่น่าเกิน 18 ไม่สิ ตอนนี้มันเป็นเด็กที่มีอายุเพียง 9 ขวบ.. ทุกอย่างยิ่งไปกันใหญ่ ..ทางด้านนิสัยใจคอ ผมกับมันก็แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด มันงอแงก็ที่หนึ่ง ดื้อก็ไม่เป็นรองใคร แถมยังเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ทำไมกำแพงที่ผมอุตส่าห์สร้างถึงได้พังลงง่ายๆอย่างนี้

ยิ่งมองหาเหตุผลมารองรับความรู้สึกและการกระทำหลายๆอย่างที่ผมยอมตามใจมัน ผมก็ไม่ได้รับคำตอบใดใด ..รู้เพียงแต่ หากมัวแต่หาเหตุผล ผมคงอัดอั้น จึงได้แต่ทำตามความรู้สึกของตัวเองโดยไร้ซึ่งเหตุผล

เหมือนอย่างตอนนี้.. ยิ่งมองใบหน้างอง้ำน้อยอกน้อยใจของมัน ความรู้สึกอยากกอดก็แล่นพล่านจนระงับแทบไม่อยู่

“มานั่งนี่มา” เรียกอีกฝ่ายพร้อมกับมือที่ตบหน้าขาของตัวเอง มันมองด้วยความสงสัยเล็กน้อยก่อนจะยอมเดินมานั่งแต่โดยดี ..ร่างเล็กนั่งคล่อมตักของผมโดยหันหน้าเข้าหากัน แขนเรียวสองข้างยกขึ้นกอดรอบคอของผมก่อนจะขยับหน้าเข้าซุกซอกคอโดยอัตโนมัติ

คลายยิ้มบนริมฝีปากกับท่าทางออดอ้อน มือหนึ่งโอบประคองแผ่นหลังบาง อีกมือยกขึ้นลูบเส้นผมนุ่มลื่นเป็นจังหวะช้าๆ

“ดุทำไม” เสียงอู้อี้ดังอยู่ใกล้ใบหู สองแขนกอดรอบคอผมแน่นมากกว่าเดิม

“ดื้อทำไม” ย้อยถามกลับขณะที่กดใบหน้า แนบริมฝีปากจูบซับลาดไหล่เล็ก

ไม่ได้เจตนาจะล่วงล้ำมันมากไปกว่านี้ เพียงแค่ห้ามความต้องการที่อยากจะสัมผัสร่างบนตักไม่ได้

“ไม่ได้ดื้อ” ตอบกลับมาด้วยเสียงขุ่นๆ พลันรู้สึกเจ็บบริเวณไหล่เมื่ออีกคนขบกัดลงมา

กัดซะบ้างดีมั้ย?

“มึงดื้อ”

มันกัดแรงมากกว่าเดิมจนผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ก่อนร่างบนตักจะผละออกเพื่อมองสบตา

“ไม่ได้ดื้อ! ก็ไม่สนใจกันทำไม!”

...ผู้ใหญ่อย่างผมกำลังจะใจแตกเพราะเด็กอย่างมัน

“อย่าพูดแบบนี้กับใคร” ผมพูดในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับบทสนทนาข้างต้น พลางไล่สายตาลงต่ำมองลำตัวช่วงล่างของมันที่กำลังนั่งทับหน้าขาของผม ก่อนจะมองหน้ามันอย่างจริงจัง

“และห้ามไปนั่งตักใครแบบนี้เด็ดขาด เข้าใจที่พูดไหม?”

ริมฝีปากอิ่มยู่ลงทันควัน คิ้วขมวดชนกัน และไม่ตอบรับคำพูดของผม ทำให้ผู้ใหญ่อย่างผมเริ่มร้อนรน

ไม่มีเหตุผลในการเอ่ยห้ามมันในครั้งนี้ เพียงแค่ลองจินตนาการถึงภาพที่มันเที่ยวไปนักตักใครต่อใคร ในใจก็เริ่มร้อนราวกับถูกไฟสุม

“เข้าใจหรือเปล่า” ถามย้ำอีกครั้ง ซึ่งรอบนี้มันพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ

“กับเตอร์ก็ห้ามนั่งเหรอ?” มันเอ่ยถามด้วยสีหน้าติดจะยุ่งเหยิง และลำบากใจ

‘เตอร์?’ ชื่อนี้คุ้นหูเหมือนเคยได้ยินมันพูดถึงมาก่อน

กำลังจะไล่เบี้ยถาม ทว่าเสียงเคาะประตูกลับดังขัดขึ้น ก่อนประตูบานหนาจะค่อยๆเปิดออกกว้าง

“เอ่อ.. ขอโทษครับ” สีหน้ากระอักกระอ่วนของคุณอนุชิตคนเปิดประตู ก่อนเขาจะก้มหน้าต่ำ ทำท่าหันหลังจะเดินจากไปทั้งที่ยังไม่ได้พูดธุระของตัวเอง

“เดี๋ยวครับ คุณไม่ต้องออกไปไหน” ออกแรงดันคนบนตักให้ออกห่างเล็กน้อยซึ่งมันก็ยอมลุกอย่างว่าง่าย แต่ไม่ได้เดินไปไกล ยังคงยืนอยู่ข้างๆผม

คุณอนุชิตหมุนกายกลับมา มองหน้าของผมกับมันสลับไปมา พลันกระแอมไอแล้วย่างสามขุมมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะอีกฝั่ง

“ผมเอาข้อมูลที่คุณต้องการมาให้ครับ” เขาเหลือบมองคนที่ยืนข้างกายผมอีกครั้ง ก่อนจะวางแฟ้มลงบนโต๊ะ “ต้องขอโทษอีกครั้งจริงๆครับ ที่ผมทำงานช้า”

เหลือบตามองหน้าแฟ้มเอกสารที่ไม่ได้ระบุข้อความใดๆจ่าหน้าก่อนจะพยักหน้ารับ

“คุณออกไปทำงานต่อเถอะ ขอบคุณคุณมากสำหรับข้อมูล”

เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะหมุนกายเดินออกจากห้องโดยไม่ลืมปิดประตูให้ ผมมองเอกสารฉบับนั้นโดยไม่คิดจะเปิดดูเนื้อหาภายใน ..อย่างน้อยก็ต่อหน้ามัน

แรงกระตุกแขนเสื้อจากด้านข้างทำให้ผมหันไปมอง

“จิม เมื่อไหร่จะได้กลับบ้าน”

ถึงแม้ผมจะแสร้งทำเป็นลืมถึงสัญญาที่ครั้งหนึ่งเคยรับปากมันไว้ว่าจะพาไปส่งบ้าน แต่มัน ไม่เคยลืม..

“มึงนึกออกหรือยังล่ะ ว่าบ้านอยู่ที่ไหน”

กลั้นใจถามออกไป พลางเอื้อมหยิบแฟ้มเอกสารอันอื่นมาวางทับแฟ้มที่คุณอนุชิตเพิ่งให้มา ปกปิดแฟ้มนั้นให้รอดพ้นจากสายตาของอีกคนในห้อง

“จิมรับปากแล้วว่าจะไปส่ง”

ครับ ผมรับปาก.. และครั้งนึงผมเคยคิดจะพามันกลับบ้านจริงๆ ไม่ได้สักแต่ว่าพูด ...แต่ พอมาวันนี้ วันที่ผมสามารถพามันไปส่งบ้านได้ ...ผมกลับไม่อยากปล่อยมันไป 

“จะกลับบ้าน จิม ..อยากกลับบ้าน พาต้าไปส่งบ้านนะ” เสียงสั่นๆของมันทำให้ผมปวดหนึบที่อกด้านซ้าย

ทั้งที่เลยเวลาที่เคยรับปากมันไว้มาสองวันแล้ว..

ทั้งที่มันไม่มีวี่แววว่าจะร้องกลับบ้าน แล้วทำไมอยู่ๆ ถึง..

“จิม ..ฮึก อยากกลับบ้าน” เสียงสะอื้นหลุดรอดจากปากอิ่มพลันมือบางบีบแขนของผมอย่างแรง ผมหมุนเก้าอี้หันหน้าไปเผชิญกับมัน ลอบกลืนน้ำลายหนืดคอก่อนจะโป้ปดคำโตด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง

“กูไม่มีที่อยู่บ้านของมึง ..เลยไปส่งไม่ได้ เข้าใจมั้ย”

นึกละอายใจกับพฤติกรรมของตัวเอง

ผมกำลังโกหก..

ขบฟันแน่น พลางจับข้อมือขาวของคนที่น้ำตานองหน้าแล้วดึงให้มันทรุดนั่งลงที่หน้าขาของตัวเอง

“อย่าร้องไห้” พูดพลางใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาที่เปรอะแก้มนวลอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นเป็นเส้นตรง ..แต่ไม่ว่าผมจะเช็ดน้ำตาให้มันเท่าไหร่ นัยน์ตาแดงก่ำก็ไม่หยุดผลิตน้ำใสๆเสียที

“อยู่กับกู มึงมีความสุขหรือเปล่า”

แทบจะกลั้นใจสำหรับการรอคำตอบ แต่พอเห็นมันพยักหน้าเบาๆก็พาลให้ชุ่มชื่นหัวใจ

“อยู่กับกูต่อไปได้มั้ย”

...

เกิดความเงียบสำหรับคำถามนี้ ใบหน้าอ่อนเยาว์ดูลำบากใจและสับสน ริมฝีปากอิ่มคู่นั้นเม้มแน่น นัยน์ตาฉ่ำน้ำมองหน้าผมก่อนจะเปล่งเสียงพูดออกมาเบาๆคล้ายคนไม่มั่นใจ

“อยากกลับบ้าน.. จิมโกรธต้ามั้ย” มือเล็กกำแขนเสื้อของผมแน่นขึ้นจนเนื้อผ้ารัดตึงไปกับลำแขน

ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ มีคำถามค้างคาในใจที่ไม่กล้าถามมัน

ถ้ามึงรู้ว่ากูกำลังโกหก ..มึงล่ะ จะโกรธกูหรือเปล่า

"เตอร์คนที่มึงพูดถึงเมื่อกี้คือใคร" เปลี่ยนหัวข้อในการสนทนา วกกลับเข้าเรื่องที่ยังคุยกันค้างอยู่

มันนิ่งไปนิด ก่อนนัยน์ตาคู่นั้นจะแปรเปลี่ยนจากประกายหม่นเศร้าเป็นคล้ายกำลังยิ้มได้

"เตอร์เป็นพี่ชายต้า ชื่อวิคเตอร์" ริมฝีปากปากอิ่มขยับยิ้มน้อยๆ

พี่ชาย?

หวังจะเปลี่ยนประเด็นให้ออกห่างจากเรื่องที่เกี่ยวกับบ้านของมัน เพื่อที่มันจะได้ไม่คิดถึงและไม่อยากกลับบ้าน

แต่เรื่องที่ผมกำลังถามมัน กลับยิ่งเป็นเรื่องใกล้ตัว

นั่น จะยิ่งทำให้มันอยากกลับบ้านมากกว่าเดิมหรือเปล่า

"เตอร์ตอนนี้ตัวใหญ่เกือบเท่าจิมเลย" ใบหน้าอ่อนเยาว์มุ่ยลงเล็กน้อย ทว่านัยน์ตากลับทอประกายเป็นสุข

อยู่ๆก็รู้สึกหวงแหนสายตาแบบนั้น ถึงแม้คนชื่อวิคเตอร์จะเป็นคนในครอบครัว เป็นพี่ชายของมัน แต่ผมไม่อยากให้มันพูดถึงใครอื่นด้วยสายตาแบบนี้

มือเล็กสองข้างจับมือข้างหนึ่งของผมขึ้นมาก่อนจะบีบคลึงเล่น ริมฝีปากอิ่มยังเจื้อยแจ้วไม่หยุด

"ต้ามีเตอร์คนเดียว เตอร์เป็นพี่ชายที่ดีมากๆๆๆๆนะ เวลาต้าไปโรงเรียนถูกเพื่อนแกล้ง เตอร์ก็ไปเอาคืนให้จนไม่มีใครกล้าแกล้งอีก"

ผมขมวดคิ้ว มืออีกข้างที่ไม่ได้ถูกร่างเล็กยึดไปจับโอบกระชับรอบเอวบางให้แน่นยิ่งกว่าเดิม พลางเลื่อนหน้าเข้าใกล้แล้ววางคางเกยไหล่มน

กลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างบนตักทำให้ผมอุ่นใจ ทว่าน้ำเสียงมีความสุขของมันตอนที่พูดถึงพี่ชายทำให้ผมร้อนลุ่ม

ผมเองก็มีพี่ชายคนเดียว ตอนเป็นเด็ก ผมเองก็ติดมัน แต่ไอ้คนบนตักของผมแลจะติดมากกว่า

มือเล็กที่คลึงมือผมเล่นเปลี่ยนเป็นวางฝ่ามือทาบลงไป

"มือจิมใหญ่จัง" พูดพลางขยับกายยุกยิกพลิกตัวหันมาแล้วชูมือให้ดู ผมมองมือเล็กที่วางทาบก่อนจะกุมมือบางข้างนั้นไว้

มือของมันต่างหากที่เล็กเกินไป ..ข้อมือนี้ก็เล็ก ดูบอบบางจนไม่น่าเชื่อว่าครั้งหนึ่งผมจะเคยกระทำรุนแรงกับมันได้ลงคอ

“ขอโทษ”

ยังไม่คลายมือที่กุมกันไว้ ขณะที่ค่อยๆเลื่อนสายตาเพื่อมองสบกับดวงตาที่ฉายประกายงุนงง

...คนอย่างผม ไม่เคยอยากได้รับการอภัยให้จากใครมาก่อน ไม่เคยสนใจความรู้สึกของใคร หากความสัมพันธ์จะขาดกันก็ไม่เคยแคร์ แต่กับคนตัวเล็กคนนี้..

หากทุกอยากกลับเป็นเหมือนเดิม..

ผมอยากได้รับโอกาสจากมัน อยากได้รับการให้อภัยจากมัน

“จิมขอโทษทำไม”

เป็นคำตอบที่ตอบยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพูดถึงเรื่องที่เคยทำผิด

ใบหน้าขาวมุ่ยลง มันดึงมือกลับ ก่อนจะขยับกายเพื่อหันมาเผชิญหน้ากัน ..หัวใจผมกระตุกเมื่อมันนั่งคล่อมตัก แล้วจับมือผมสองข้างให้ไปกอดรอบเอวมัน

“จิมยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เตอร์เคยสอนว่า ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษ”

สิ้นเสียง ก็เผลอรั้งเอวบางเข้ามาใกล้ตัวยิ่งกว่าเดิม รู้สึกจุกจนพูดไม่ออก

"ถ้าต้ากลับบ้านแล้ว จะได้เจอจิมอีกมั้ย" มันวางมือทาบลงเหนือหน้าอกของผม แววตาสับสนไม่น้อย

"ไม่รู้"

“ทำไมไม่รู้” สีหน้าบึ้งตึงบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวไม่ค่อยพอใจกับคำตอบ

“ถ้ามึงอยากเจอ กูจะไปหา แต่ถ้ามึงไม่อยากเจอ...”

“อยากเจอ!” พูดโพล่งเสียงดังคล้ายไม่ได้คิด ผมนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนมือเล็กจะยกขึ้นประคองสองข้างแก้ม “อยากเจอ จิมต้องไปหาต้าบ่อยๆนะ”

“อยู่กับกู”

“...”

“อยู่กับกูได้หรือเปล่า อยู่กับกูตลอดไป”

คำตอบ เป็นสิ่งที่ผมรู้อยู่แก่ใจแต่ก็ยังดึงดันถาม ริมฝีปากอิ่มกัดปากตัวเองนิ่ง ไม่มีการพยักหน้า จวบจนเมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่งมันถึงได้ยอมเปล่งเสียงออกมา

"คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ คิดถึงเตอร์..."

"แต่ถ้ามึงกลับไป.. กูเองก็จะคิดถึงมึง"

มาถึงตรงนี้ผมคงยอมรับกับตัวเองได้อย่างเต็มปากเต็มคำแล้วว่า 'ผมตกหลุมรักเด็กคนนี้เข้าเต็มเปา'

สีหน้าคนฟังหม่นหมอง มือเหนืออกกำเสื้อผมแน่นจนผมแน่ใจว่าถ้าหากมันปล่อย เสื้อตรงนั้นคงจะยับแน่ๆ

“ถ้าต้าได้กลับบ้าน จะโทรหาจิมบ่อยๆ จะขอพ่อกับแม่มาหาจิม” ฟันขาวกัดปากล่างแน่น ขมวดคิ้วชนกันจนเป็นรอยตรงกลาง

“มึงอยากกลับบ้านมากเลยเหรอ”

เป็นคำถามโง่เขลาที่ได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าแรงๆ

ไม่รู้ว่าจะรั้งไว้ยังไง

...เหลือบสายตามองไปยังทิศทางแฟ้มเอกสารที่มีข้อมูลที่ผมไม่อยากรับรู้อยู่ในนั้น ขณะที่กำลังชั่งใจ เสียงใสก็เอ่ยขึ้น

“ถ้าต้าจำทางกลับบ้านได้ จิมต้องไปส่งนะ”

จำได้เหรอ..?

คงไม่ใช่แค่ทางกลับบ้าน...

น้ำลายหนืดคอจนไม่สามารถเปล่งเสียงเป็นคำพูดใดใดได้ ทำได้เพียงตอบรับสั้นๆในลำคอ

 

 

 

__________________________________________

TALK:: มาแล้ววววว พรุ่งนี้วันลอยกระทง รีบชิงตัดหน้าลงก่อน เผื่อคนไปลอยกระทงแล้วไม่ได้แวะเข้ามาอ่าน 5555
ขอให้สนุกสนานนะจ๊ะ ลอยเผื่อเด็กๆด้วย อยากให้เด็กๆได้ไปลอยเหมือนกัน แต่แบบ.. ดูจากสถานการณ์ วัน เดือนในเรื่องแล้ว ไม่สามารถพาไปได้ 5555
เจอกันใหม่กับตอนที่ 34 ค่ะ
มีหลายคอมเม้นท์เลยที่ไม่อยากให้น้องจำได้ เดี๋ยวเรามาลุ้นกัน จุ้บ
ขอบคุณทุกกำลังใจมากค่า ถ้ามาต่อได้ จะรีบต่อเร็วๆ แต่พออยู่หอ มันไม่เหมือนอยู่บ้าน แต่งไม่ค่อยได้ T_T
PS. REVENGE กับ SIN นอนเล่นในไหไป 2 เดือนแล้ว ..คือ ถ้า 3 เดือนแล้วไม่ได้แต่ง เด็กๆจะถูกย้ายไปในหัวข้อไม่มาต่อให้จบใช่มั้ยอะ T^T
 :sad4: :o12: :sad4: :o12: :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: pornumpai-ka ที่ 16-11-2013 19:05:48
 :impress2: :impress2: :impress2:

น่ารักอ่ะ  ชอบจัง
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoke ที่ 16-11-2013 19:19:22
 :hao7:

เป็นป้านะ จะความจำเสื่อมตลอดชีวิต
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: ไป๋ไป๋ ที่ 16-11-2013 19:46:04
ต้าน่ารัก จิมก็น่ารัก รักกันนานๆนะ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: argon ที่ 16-11-2013 20:03:32
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:

ต้าจะน่ารักไปไหน    :ling1: :ling1: :ling1: 

รักต้าที่สุดดดดด :mew1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: minere_mi ที่ 16-11-2013 20:09:04
ไม่อยากให้น้องกลับไปหาเตอร์เลย :monkeysad:
ถึงจำได้ก็อย่าเกลียดจิมน๊าาา
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: Unaaa ที่ 16-11-2013 21:50:23
รักจิม ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: atcharayee ที่ 16-11-2013 22:37:30
ความจำเสื่อมอะดีแล้ว  :ling2:
ถ้าจำได้ มันเศร้าแน่  :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 16-11-2013 22:50:51
จิมไปไหนไม่รอดแล้ว
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 16-11-2013 23:12:10
คือกลัวจะจำได้แล้วลืมเรื่องตอนเป็นเด็กแบบหวานๆกันกับจิม แต่ถ้าจำได้แล้วไม่ลืมเรื่องจิม ก็ต้องดูกันอีกที
แอบคิดว่าตอนนี้น่าจะจำได้แล้วหรือเปล่า55555 แต่กลัวจริงๆนะ แง่งงงง
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 17-11-2013 00:02:40
โ อยยยยลุ้น เรื่องนี้เดาทิศทางเรื่องไม่ออกเลย คือตรงอดีตความเป็นมาระหว่างต้าเตอนี่พอเข้าใจนะ แต่กับจิมนี่สิๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: NO.666 ที่ 17-11-2013 02:16:45
สงสารต้าจนน้ำตาไหลเลย ถ้าต้าจำทุกอย่างได้ ต้าคงจะเจ็บปวดมากแน่ๆ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: salaseen ที่ 17-11-2013 08:35:49
น้องต้าร์น่ารักกกกกกง้าาา อย่าทิ้งพี่จิมเลยต้าร์จ๋า555555
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 17-11-2013 09:22:06
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

หน่วงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

คว้ามีดมาปาดคอตัวเอง...

 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: Viper_Wa ที่ 17-11-2013 09:48:21
จิมน่ารักขึ้นเยอะเรย  :o8:

เริ่มไม่อยากให้ต้าจำอะไรได้เลยแหะ  :serius2:

แต่อีกใจก็อยากให้จำได้ อยากเหนดราม่า หน่วงจิต  :hao7:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 17-11-2013 10:15:31
ชอบที่คนแต่งพูดคุยกับคนอ่านแบบนี้มากๆ รู้สึกใกล้ชิด

น้องต้า อยากกลับบ้าน แล้วพี่จิมหล่ะ? พี่จิมติดน้องแล้วนะ

เราว่าถ้าน้องรู้ความจริง มันคงจะพีคสุดๆในเรื่อง สะเทือนใจคนอ่าน

ตอนแรกเริ่มว่ามันดาร์ค มันสะเทือนแล้ว ตอนต้ารู้ความจริง คงจะชาหัวใจน่าดู

แอบอยากให้จิมต้าเค๊ารักกันใก้มากพอที่น้องจะเจ็บน้อยกว่านี้อีกหน่อย

ถ้ารักไม่มากพอ น้องต้าคงโดนทำร้ายอย่างแสนสาหัส

ปล.อีกสองเรื่องก็มาอัพมั่งนะคะ ฮิฮิ ไม่อยากให้โดนย้ายห้องเน๊าะ

เอามาจากไหมั่งไรมั่ง ให้หายคิดถึงก็ยังดี
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: viper7123 ที่ 17-11-2013 10:45:41
 o13

น่ารักไปนะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 17-11-2013 11:29:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 17-11-2013 23:26:02
ไม่อยากให้ต้าร์จำได้ กลัวต้าร์เกลียดจิม  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: †คุณเขียด ที่ 18-11-2013 02:19:58
ใจหนึ่งก็ไม่อยากให้ต้าจำได้นะคะ

แต่อีกใจถ้ามองในแง่เวลาที่น้องเสียไป มันก็เยอะเอาการเลยเนอะ

ดังนั้นสนับสนุนให้น้องจำได้ แต่อย่าลืมช่วงหวานกับจิมนะ

แต่ถ้าน้องจำได้ แม่งดราม่าแน่เลย

อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :sad2:

สิ้นชีพไปอย่างสงบ

รอนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 18-11-2013 02:54:03
ยอมรับแล้วสินะจิมว่ารักน้องต้าน่ะ >.<
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 19-11-2013 01:52:09
จิมมมมมม เชียร์จิมมมมม ว่าแต่แซม(หรือเซมนะ คนพี่)ไปไหนนน อยากเจอบ้าง
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 20-11-2013 20:46:15
ชอบบีรยากาศแบบตอนนี้ไม่อยากให้ต้าจำได้เลยย
เห้อ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 22-11-2013 00:44:53
หนูต้าเอ้ยยยยย :katai1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 สวนทาง 100% [16/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 25-11-2013 00:04:27
ตอนที่ 34 {60%}


หากโยนกรวดลงแม่น้ำ...ผลลัพธ์ที่ได้คือจะเกิดระรอกคลื่นกระจายเป็นวงกว้าง

หากอยากจำได้ ก็ต้องนึกทบทวน ..และยิ่งมีความรู้สึกปรารถนาเป็นตัวเร่ง

คงจะทำให้ผลลัพธ์นั้นสมบูรณ์เร็วยิ่งขึ้น...



 

TA Part

 

:: ถ้าจำทางกลับบ้านได้ จิมจะพาไปส่ง.. ::

 

หลังจากกลับมาถึงห้อง ถ้อยคำเหล่านี้ก็วนเวียนอยู่ในหัวจนสลัดไม่ออก

เสียงน้ำที่ตกกระทบพื้นดังเล็ดลอดมาจากหลังบานประตู วันนี้จิมอาบน้ำก่อน เพราะว่าผมงอแงไม่ยอมอาบ ก็เปิดโทรทัศน์มาเจอจี้พอดี อยากดูจี้มากกว่า จิมเลยตามใจยอมเข้าไปอาบก่อน แต่ผมกลับดูการ์ตูนเรื่องโปรดไม่รู้เรื่อง คงเป็นเพราะจี้ไม่สนุกเหมือนเคย

บุ้ยปากแล้วทิ้งตัวนอนเกลือกกลิ้งบนเตียงกว้าง ไม่ได้หันไปสนใจหน้าจอสี่เหลี่ยมอีก แต่ก็ไม่ได้กดปิดสวิตช์ ปล่อยให้เสียงทีวีดังคลอเพื่อให้ห้องไม่เงียบ

อยู่กับจิม ถ้าถามว่าสนุกไหม ผมตอบได้เลยว่าสนุก แล้วก็มีความสุขด้วย แต่ผมอยากกลับบ้าน อยากกอดพ่อกับแม่กับเตอร์

ยกมือทุบข้างขมับเมื่อความคิดไหลวนไปวนมาจนเริ่มรำคาญ หัวสมองผมไม่ว่างเลย เป็นเด็กใครว่าคิดมากไม่เป็น ไม่จริงอะ! ผมเถียงขาดใจเลย

คว้าจี้ที่นอนแอ้งแม้งบนเตียงเข้ามากอด มือจับหางแมวขย้ำเบาๆ ก่อนจะย้ายหัวที่นอนบนหมอนนุ่มๆไปวางบนลำตัวของจี้แทน ค่อยๆหลับตาลง อยากจะกดสวิตช์ปิดโหมดความคิด ทว่าทันทีที่หลับตา ภาพบ้านหลังเล็กที่ผมวิ่งเล่นมาตั้งแต่จำความได้ก็แวบเข้ามาเป็นฉากๆ หูแว่วคล้ายได้ยินเสียงหัวเราะของพ่อกับแม่กับเตอร์ และจมูกได้กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ที่พ่อชอบปลูก

...คิดถึง

ยังจำภาพตอนที่ไปโรงเรียนวันแรกได้ดี ผมไม่อยากไป แต่ก็โดนทั้งพ่อแม่และเตอร์เกลี้ยกล่อม อีกอย่างเพราะเตอร์สัญญาว่าจะไปนั่งเรียนด้วย ทำให้ผมยอมไป เตอร์พูดจริงทำจริง นั่งอยู่ในห้องเรียนกับผมทั้งวันเลย พอถึงเวลานอนกลางวัน เตอร์ก็นอนด้วยโดยไม่หนีหายไปไหน ทำให้วันต่อๆมาผมไม่งอแงกับการที่จะต้องตื่นเช้าไปเรียนอีก

ทุกวันพ่อจะเป็นคนไปส่งเพราะต้องออกไปทำงานอยู่แล้ว ส่วนแม่อยู่บ้านคอยทำอาหาร ตอนเย็นหลังเลิกเรียน กลับมาบ้านก็จะได้กลิ่นหอมกรุ่นลอยมาจากห้องครัว แล้วก็จะเห็นภาพด้านหลังของแม่ที่สวมผ้ากันเปื้อนจนชินตา

วันต่อๆมาของการไปโรงเรียนพ่อบอกจะให้ผมกับเตอร์ไปกันเองโดยที่พ่อจะไม่ไปส่งแล้ว นั่นทำให้ผมงอแงอีกครั้ง ก็อยากให้พ่อไปส่ง เช้าวันรุ่งขึ้นพ่อก็ใจอ่อน และไปส่งทุกวันเลย ตอนเย็นพ่อก็ไปรับ

ระยะทางระหว่างบ้านกับโรงเรียนไม่ไกลเท่าไรนัก ผมจำได้ว่าขากลับก่อนจะถึงบ้านจะต้องผ่านสวนสาธารณะเสมอ จุดเด่นๆก็จำได้แค่นั้น นอกนั้นวิวนอกหน้าต่างก็เหมือนๆกันไปหมด เบะริมฝีปากออกเล็กน้อยเมื่อพยายามนึกเส้นทางกลับบ้าน แต่ไม่ว่าจะนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก เพราะไม่เคยใส่ใจจำ ต่อให้ไปกลับบ้านกับโรงเรียนเป็นร้อยๆครั้ง ถ้าถูกทิ้งให้กลับเองลำพัง ผมก็กลับไม่ได้ ที่ผ่านมาเวลาไปไหนมาไหนจะมีพ่อกับแม่ไปส่งเสมอ หรือถ้าพ่อกับแม่ไม่ไป ก็จะซ้อนท้ายจักรยานเตอร์เป็นประจำ เลยไม่ต้องกลัวว่าจะหลงทาง

พลันกลิ่นเย็นๆสดชื่นลอยปะทะเข้าจมูก ทำให้ผมลืมตาขึ้นมองช้าๆ เห็นจิมนั่งอยู่ปลายเตียง มือหนากำลังเกลี่ยเส้นผมของผมให้อย่างเบามือ หยดน้ำยังเกาะพราวบนแผ่นอกเปลือย ร่างทั้งร่างของเขามีเพียงผ้าขนหนูที่ขมวดเป็นปมปิดบังท่อนล่าง

ปลายนิ้วของจิมเย็น และส่วนอื่นๆของร่างกายก็คงจะเย็นเหมือนกัน จิมในตอนนี้น่ากอดที่สุด

ไม่เพียงแค่คิด ผมยังยกหัวขึ้นจากตัวจี้ย้ายไปนอนหนุนตักแข็งแรงแทน หัวชนกับพุงของจิม แต่เพราะมันแข็งๆ ผมเลยผงะหน้าออก เห็นหน้าท้องของเขาเกร็งนูนเป็นลูกๆ ก่อนจะลองใช้นิ้วกดเบาๆ พลันมุ่นคิ้วเล็กน้อยแล้วยกหัวขึ้นก่อนจะเลิกเสื้อของตัวเองที่ใส่อยู่จนเผยให้เห็นหน้าท้อง แล้ววางมือแปะ ลองกดดูบ้าง

“ทำอะไร” เสียงทุ้มดังเหนือหัว ผมเบนสายตาขึ้นมองสบแล้วทิ้งหัวลงหนุนตักเขาเหมือนเดิม ถือวิสาสะคว้ามือหนามาวางบนหน้าท้องของตัวเองแล้วออกแรงกดเล็กน้อย

“ไม่เห็นแข็งเหมือนจิม” ปากยื่นเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ว่ามือหนาข้างนั้นเกร็งขืนจะดึงออกห่างทั้งที่เพิ่งแตะพุงของผมได้เพียงเฉียดๆ เขามีท่าทีอึกอักอย่างเห็นได้ชัด

“..ปล่อยก่อนเร็ว กูจะไปแต่งตัว"

ผมปล่อยมือหนาตามที่เขาสั่ง แต่ก็เปลี่ยนไปใช้สองแขนกอดหมับรอบเอวสอบแน่นๆแทน ไม่ยอมให้เขาลุกหนีผมง่ายๆเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

“ไม่ปล่อย” กดหน้าแนบกับหน้าท้องเย็นๆ ตัวจิมหลังอาบน้ำหอมสดชื่นที่สุด ไม่ปล่อยหรอก

“ต้า!” เสียงเข้มกดต่ำดุผม แต่ผมเลือกที่จะหลับตาไม่มองหน้าดุๆ แค่หลับตาก็ไม่ต้องเจอกับสายตาต่อว่า แค่ไม่เห็น จิมก็ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้ว

จิมเงียบ ไม่พูดอะไรต่อจากนั้น ได้ยินแต่เสียงจี้ร้องเหมียวๆมาจากทีวี อีกทั้งมือหนาก็เลิกผลักไสผมแล้วด้วย ผมขยับหน้าเล็กน้อยปรับมุมองศาแล้วจ่อจมูกแนบกับผิวกาย อมยิ้มให้กับกลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่ที่เป็นกลิ่นเดียวกับที่ผมใช้

ความรู้สึกเวลาที่นอนตักแม่กับนอนตักจิมไม่เหมือนกันเลย ตักแม่จะนุ่มๆ แต่ตักจิมจะแข็งๆ เวลานอนตักแม่ หน้าท้องของแม่จะยุบๆพองๆตามจังหวะการหายใจ แต่หน้าท้องจิมไม่เห็นยุบๆพองๆเลย

ผมมองผิวเนื้อที่อยู่ต่อหน้า ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้มากกว่าเดิม แต่หน้าท้องนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดใด มุ่นคิ้วเล็กน้อยก่อนจะขยับเป็นนอนหงายแล้วมองหน้าจิมจากมุมต่ำ ก็ทำให้รู้ว่าเขามองผมอยู่ก่อนแล้ว

ฉีกยิ้มกว้างเป็นยันต์กันจิมดุให้ไปอีกที แต่เขาไม่ยักยิ้มตาม สีหน้ายังยุ่งเหยิงไม่เปลี่ยน

“ลุกขึ้นนั่งดีๆ กูจะไปแต่งตัว”

รู้สึกขัดใจกับคำพูดที่เป็นเชิงไล่กลายๆ ก่อนจะพลิกกายนอนหันหน้าเข้ากับหน้าท้องแกร่ง สองมือยิ่งโอบกระชับรอบเอวสอบ ไม่ส่งเสียงพูดแต่ใช้การกระทำเป็นคำตอบให้กับเขา

ก็บอกว่าไม่ลุก ไม่ลุก

ผมเมินเฉยต่อแรงเขย่าที่ไหล่ กดใบหน้าลงซุกกับผิวเนื้อตรงหน้าแล้วหลับตาลง

กะว่าจะนอนเล่นเฉยๆ แต่อากาศเย็นสบายกับกลิ่นกายหอมอ่อนๆ บวกกับความเย็นจากผิวเนื้อที่กำลังสัมผัส ก็ทำให้ความง่วงที่ไม่เข้าใครออกใครพุ่งจู่โจมเสียแล้ว

เปลือกตาเริ่มหนักอึ้งจนแทบจะลืมไม่ขึ้น แรงเขย่าที่ไหล่หายไป  แปรเปลี่ยนเป็นสัมผัสเพลินๆที่ศีรษะแทน ไม่มีเสียงร้องเพลงกล่อมหรือเสียงเล่านิทานก่อนนอนที่แม่มักจะเล่าให้ฟังเป็นประจำ แต่ผมก็รู้ว่า นี่คงเป็นอีกคืนที่ผมจะหลับฝันดี

 

....

JIM Part

ท้องฟ้าสีดำสนิท ไร้ซึ่งจุดแต้มสีขาวของดาวดวงน้อย พระจันทร์เสี้ยวลอยคว้างบนนภาอย่างโดดเดี่ยว แสงของมันไม่สุกสว่างเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา

ราวเหล็กเย็นๆที่สัมผัสได้จากลำแขนที่วางท้าวลงไปและลมเย็นๆในตอนกลางคืนไม่สามารถดับความร้อนที่พัดกระพืออยู่ในใจได้ ดึกดื่นค่อนคืนที่ทุกชีวิตกำลังหลับใหล แต่ผมกลับนอนไม่หลับ สายตามองควันสีเทาไร้รูปร่างที่ลอยคว้างในอากาศก่อนจะจางหายไปในวินาทีถัดมา กลิ่นฉุนของมันเป็นสิ่งที่ผมคุ้นเคย

ครั้งหนึ่ง ช่วงชีวิตของผมเคยผ่านพ้นเหตุการณ์ร้ายๆมาได้เพราะมัน ..การสูบบุหรี่ไม่ใช่สิ่งดี นี่เป็นเรื่องที่ผมเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก แต่ผมก็ไม่สามารถปฏิเสธมันได้ในบางเวลา ..เหมือนกับครั้งนี้

บุหรี่มวนแรกหมดไป มวนที่สองก็ตามมาติดๆ ผมคาบมันไว้ที่ริมฝีปาก ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นป้องลม ขณะที่อีกมือจุดไฟแช็กที่ปลายมวน ทันทีที่เห็นจุดเล็กๆสีแดงสว่างวาบในความสลัวผมก็วางไฟแช็กลงที่ริมระเบียง ก่อนจะใช้มือข้างนั้นคีบก้านเรียวแล้วแล้วอัดควันเข้าปอด กลั้นลมหายใจไว้ครู่หนึ่งก่อนจะดึงมันออกห่างจากริมฝีปากแล้วค่อยๆพ่นควันออกมาช้าๆ

ราวกับตัวเบาสบายและหัวสมองว่างเปล่า ตะกอนความคิดที่วิ่งวนในหัวได้ถูกพัดออกไปเป็นกลุ่มควันสีเทาที่พวยพุ่งกลางอากาศ มันไร้รูปร่างและลอยเคว้งอย่างอิสระ ผมผละมือออกจากรั้วเหล็กหมายจะยื่นไปสัมผัสกลุ่มควันนั้น ทว่าทันทีที่เอื้อมมือไป ควันสีเทาก็หายวับไปกับตา

ใบหน้าของคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงวกกลับเข้ามาในภวังค์ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ทันทีที่นึกถึงใบหน้าของมันก็ทำให้ผมตัดใจจี้ปลายบุหรี่ลงกับท่อนเหล็กเพื่อดับไฟก่อนจะวางมันไว้ที่ริมระเบียง หันหลังให้กับมันแล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งที่เก้าอี้ไม้ตัวยาวที่วางตั้งอยู่ เหยียดขานั่งสบายๆด้วยความรู้สึกที่ฟุ้งกระจาย

ไม่นานมานี้ มันเห็นผมกำลังสูบบุหรี่โดยบังเอิญ ยังจดจำสีหน้าและคำพูดของมันได้ดี ก็แค่คำขู่ของเด็กที่ว่า..

“ถ้าจิมสูบบุหรี่อีก จะไม่คุยด้วย”

อืม แค่นั้น คำขู่ของเด็กคนหนึ่ง

ก็เป็นแค่คำพูดของเด็กเอาแต่ใจ ที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของผม 

ผมนั่งอยู่ตรงนี้นิ่งๆสักพัก รอให้กลิ่นที่ติดกายจางลง ก่อนจะหยัดกายขึ้นยืนแล้วกลับเข้าห้อง มองฝ่าความมืดไปยังตั่งเตียงที่มีร่างกลมๆนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่ม อยากจะล้มกายลงนอนข้างๆเสียเดี๋ยวนั้น ทว่าขากลับเดินไปยังทิศตรงกันข้าม มุ่งไปยังห้องน้ำ

จัดการบ้วนปากกลบกลิ่นเหม็น เพียงเพราะอีกคนไม่ชอบ ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำแล้วตรงไปยังตั่งเตียง ทิ้งกายลงนั่งแล้วสอดตัวเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน

...ความเคยชินที่ไม่อยากให้หายไป...

เนื้อตัวนุ่มนิ่มกับกลิ่นกายหอมๆที่ไม่ว่าจะสูดดมเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ ตรงข้าม ยิ่งสัมผัส ยิ่งสูดดมก็มีแต่ยิ่งเสพติดจนไม่อาจถอนตัว จรดปลายจมูกลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาแล้วค่อยๆแนบริมฝีปากลงไป กดคลึงอยู่นานนับนาทีก่อนจะผละออก

ไม่รู้ว่ามันกำลังฝันอะไร ริมฝีปากถึงได้ระบายยิ้มอย่างนั้น

ร่างของคนหลับคล้ายจะรู้ตัว เพราะมันขยับกายเข้าใกล้เพื่อให้ผมกอดได้ถนัดมากขึ้น

ผมไม่สามารถอธิบายความรู้สึกตอนนี้ได้ ..มันกำลังนอนอยู่ข้างผม เนื้อตัวนี้ผมแตะต้องได้ แต่ผมกลับรู้สึกได้ว่าภาพนี้ราวกับฝัน คล้ายกับทุกสิ่งกำลังจะหายไป

นั่น ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ

..ผมปรารถนาให้ความทรงจำทุกอย่างที่มันลืมไปแล้ว

เป็นเพียงอดีตที่มันจำไม่ได้ ตลอดไป

 

.....

ไม่ใช่เสียงนาฬิกาที่ปลุกผมในเช้าวันรุ่งขึ้น แต่เป็นสัมผัสยุ่มย่ามที่จับยุ่บยั่บไปตามใบหน้าและลำตัว ผมมุ่นคิ้วเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆหรี่ตาขึ้นมอง เห็นเป็นเพียงเงาลางๆที่ปรากฏเค้าโคลงใบหน้า

ถอนหายใจก่อนจะรวบจับมือซุกซนสองข้างไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวแล้วหลับตาลงอีกครั้ง

“จิมมม” เสียงเรียกชื่อมาพร้อมกับแรงกระตุกจากข้อมือที่ผมยึดไว้ ตัดรำคาญโดยการกระชากร่างนั้นเข้ามากอดแนบอก ปล่อยมือของมันให้เป็นอิสระแล้วกอดรัดพันธนาการมันไว้ทั้งตัว

“จิม!”

หึ กระตุกยิ้มมุมปากทั้งที่ยังไม่ลืมตากับน้ำเสียงขุ่นๆที่ได้ยิน วางคางเกยบนกลุ่มผมนุ่มแล้วลากเสียงยาวในลำคอเป็นการตอบรับคำเรียกนั้น เพราะหากเลือกจะนอนอยู่เฉยๆก็กลัวจะเป็นการกวนอารมณ์เด็กน้อยให้เหวี่ยงแต่เช้า

“ไม่ไปทำงานเหรอ”

จับทางไม่ยาก แค่ให้ความสนใจกับมัน อารมณ์มัวๆของเด็กในอ้อมกอดที่ตั้งเค้าเมื่อกี้ก็ถูกพัดออกไปอย่างง่ายดาย

“ไป” เลือกที่จะตอบสั้นๆ แล้วกดหัวมันลงกับแผ่นอก ซึ่งอีกฝ่ายก็ออกแรงดิ้น ขืนเต็มที่

อาการดิ้นรนของมันไม่ต่างจากลูกแมวตัวเล็กที่พยายามตะกายตัวออกจากอ้อมกอด คิดจะเล่นกับแมวก็ต้องรู้จังหวะจะโคน

ผมคลายกอดในนาทีถัดมาก่อนที่จะโดนข่วน ลืมตามองอีกฝ่ายที่ผละตัวออกห่างแล้วตั้งท่าขู่ฟ่อด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง

“ไม่ต้องมายิ้มเลย ขี้แกล้ง!” สองแขนเล็กกอดอก ปากยื่นปากยาวต่อว่า

“มานี่มา” กวักมือเรียกคนขี้ใจน้อยให้เข้ามาใกล้ๆ สายตาคู่นั้นบอกว่าเจ้าตัวกำลังลังเล แต่มันก็ลดทิฐิ คลายมือออกจากอกแล้วคลานดุ๊กดิ๊กเข้ามาใกล้ผมอย่างว่าง่าย ผมก็ไม่ทำให้ความเชื่อใจของมันเสียเปล่า จัดการปลอบขวัญโดยการลูบศีรษะแบบที่มันชอบให้อย่างเต็มใจ

แรกๆก็ไม่รู้ว่ามันชอบให้ลูบผม แต่พอนานๆไป ก็สังเกตได้จากสีหน้าเคลิ้มๆ กับสีหน้าอมยิ้มของมันนั่นล่ะ เลยเดาได้ไม่ยาก

จริงอยู่ที่มันงอแงก็ที่หนึ่ง ดื้อก็ไม่เป็นรองใคร แถมยังเอาแต่ใจ แต่มุมน่ารักๆของมันก็มีไม่น้อย ดูอย่างตอนนี้ กลายเป็นแมวเชื่องๆ ขี้อ้อนและน่ากอด

ทว่ามือของผมที่กำลังลูบผมของมันกลับต้องชะงักทันควันเมื่อเสียงใสดังขึ้นในความเงียบ

“เมื่อคืนฝันดี ฝันว่าได้กลับบ้าน ได้กอดพ่อกอดแม่กอดเตอร์ด้วย”

“อืม”

“ถ้าได้กลับบ้านเร็วๆเหมือนในฝันก็ดีเนอะจิม คิดถึงพ่อกับแม่กับเตอร์ที่สุด”

น้ำเสียงบอกอารมณ์ได้หลากหลาย แม้ไม่ได้มองหน้า แค่ฟังเสียงก็ทำให้รู้ว่าคนพูดกำลังอยู่สภาวะอารมณ์ไหน อย่างมันในตอนนี้ ...กำลังมีความสุข

“บ้านต้ามีชิงช้าด้วยนะ ปกติต้าจะเป็นคนนั่ง แต่ถ้าเกิดว่าจิมไปบ้านต้า ต้าจะให้สิทธิพิเศษ ให้จิมนั่ง แล้วเดี๋ยวต้าไกวให้” เสียงใสพูดเจื้อยแจ้วพลางหัวเราะออกมาในบางครั้ง

มันกำลังมีความสุข

แต่ความสุขของมัน มาไม่ถึงผม

 

....

วันนี้เวลาผ่านไปเร็วจนแทบไม่ได้ตั้งตัว คล้ายกับเพิ่งได้นั่งทำงานแค่ไม่กี่ชั่วโมง ทั้งที่ความจริงผ่านไปแปดชั่วโมงแล้ว

เวลาผ่านไปเร็ว เร็วเกินไป

ทันทีที่ถึงห้องและเอาของไปเก็บ เจ้าคนที่ทำตัวมีลับลมคมในตั้งแต่อยู่ที่บริษัทก็เริ่มยิ้มกริ่ม เดินตามหลังผมต้อยๆขณะที่สองมือซ่อนไว้ด้านหลัง ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามซึ่งอีกฝ่ายก็ยู่หน้าลงเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามาใกล้แล้วยื่นม้วนกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาข้างหน้า

ผมรับมันมาก่อนจะโบกไปมากลางอากาศแล้วเอ่ยถาม

“นี่อะไร?”

“เปิดดูสิๆ” คะยั้นคะยอด้วยนัยน์ตาวิบวับเป็นประกาย ผมดึงยางที่รัดอยู่ตรงกลางออกก่อนจะคลี่กระดาษม้วนนั้น และสิ่งที่เห็นก็ทำให้ผมถึงกับนิ่งไป

“สวยมั้ย” กลุ่มผมสีเข้มยื่นเข้ามาใกล้ๆจนแทบจะซบกับไหล่ของผม

“อืม”

สายตายังคงจ้องภาพที่ถูกวาดด้วยดินสอและลงสีด้วยสีไม้ไม่ละไปไหน

“นี่บ้านต้า อันนี้เป็นชิงช้าที่พ่อทำให้ นี่ต้า นี่เตอร์ นี่ก็พ่อกับแม่ แล้วก็มีพุงพลุ้ยด้วย” นิ้วเล็กๆชี้ไปมาบนกระดาษแผ่นนั้นตามที่ปากขยับเล่า

ความรู้สึกภายในมันตื้อจนผมพูดไม่ออก วันทั้งวันที่มันไปขลุกตัวอยู่ด้านนอกกับพวกคุณเร เพราะแอบไปวาดรูปนี้มาเหรอ?

“จิม ดูหมาตัวนี้ ตัวจริงๆของมันอ้วนมากๆเลยนะ พุงใหญ่สุดๆเลย ต้ากับเตอร์เคยช่วยกันอาบน้ำให้ด้วยล่ะ ดิ้นใหญ่เลยจนต้าเปียกไปทั้งตัว” ใบหน้านั้นแสดงสีหน้าและอารมณ์ที่หลากหลาย ผมเองก็อยากจะร่วมยิ้มไปกับมันด้วย แต่ริมฝีปากมันหนัก หนักพอๆกับความรู้สึกที่ราวกับถูกถ่วงด้วยหินก้อนโตจนจมลงไปในทะเลเวิ้งว้าง น้ำทะลักเข้าปากและจมูกจนผมแสบร้าวไปทั้งภายใน

เมื่อวานผมยังคิดว่ายังพอมีทางจะเยียวยาให้มันเปลี่ยนใจอยากอยู่กับผม

ทว่าวันนี้ สิ่งที่เคยคิดว่าพอมีทาง กลับดำมืดและมองไม่เห็นอะไร

 

หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 {60}% [25/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 25-11-2013 00:05:23
....

ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามกิจวัตรเหมือนทุกวันที่เคยใช้เวลาร่วมกัน เสร็จจากอาหารเย็นก็ต่อด้วยการ์ตูนเรื่องโปรดที่มันร้องดู

นั่งมองมันกินเค้กนมสดที่ซื้อจากร้านเค้กใกล้คอนโดอย่างเอร็ดอร่อย ..เพราะมันร้องอยากกิน ผมเลยตามใจ ข้างจานเค้กมีการ์ตูนวางกองตั้งใหญ่ เพราะมันร้องอยากดูทั้งที่วันพรุ่งนี้ไม่ใช่วันหยุด แต่ผมก็ยังตามใจ

ผมสามารถตามใจมันได้ทุกเรื่อง.. ถ้าหากนั่นจะทำให้เด็กคนนี้ติดผม มือของผมที่พยายามจับมันไว้เริ่มอ่อนแรงลงทุกขณะ

ครีมเค้กสีขาวเนื้อเนียนถูกตักแล้วยื่นมาจ่อปากของผม เคยบอกหรือยังว่าผมไม่ชอบของหวาน กินได้ แต่ไม่ชอบ และยิ่งเป็นเวลากลางคืน ผมจะไม่กิน แต่เพราะมันเป็นคนป้อน ผมจึงอ้าปากรับเค้กช้อนนั้นเข้าปากโดยไม่พูดอะไร

“อร่อยมั้ย” ถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ แล้วตักเค้กเข้าปากอีกคำโต ผมพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนจะกลืนเค้กเนื้อละมุนลงคออย่างยากลำบาก ขนแขนพากันลุกพรึ่บจนต้องยกน้ำขึ้นดื่มเพื่อดับความเลี่ยน

เบี่ยงกายลุกขึ้นยืน คว้าการ์ตูนเรื่องหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาแล้วเดินไปเปิดเพื่อหลีกเลี่ยงการกินเค้กคำต่อไป หันหลังกลับมาอีกทีก็พบว่าคนที่นั่งขัดสมาธิบนโซฟาเริ่มเหยียดตัวตรง มือเล็กลูบหน้าท้องไปมา สีหน้ายิ้มแป้น

“อิ่มแล้วก็ไปแปรงฟัน แล้วค่อยมานอนดูการ์ตูน”

“ที่นี่นะ”

“อืม”

“นอนดูแล้วหลับไปเลยได้มั้ย”

“อืม เดี๋ยวกูอุ้มมึงไปนอนเอง”

เมื่อได้รับคำตอบที่ต้องการ มันก็ผุดตัวขึ้นยืนแล้ววิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำไปแปรงฟันอย่างไม่รีรอ ผมหยิบจานเค้กที่ตอนนี้ว่างเปล่าเดินไปวางในซิงค์ แช่จานเอาไว้อย่างนั้นรอล้างทีเดียวก่อนจะเดินเข้าห้องนอน หยิบหมอนและผ้าห่มสำรอง ขนมันมาปูแผ่หน้าทีวีในห้องนั่งเล่น

ความจริงแล้วในห้องนอนก็มีทีวี ขนาดจอก็ไม่ต่างกับข้างนอกมากนัก แต่ทุกครั้งเวลาที่ดูหนังแผ่น มันก็มักจะร้องดูที่ห้องนั่งเล่นเสมอ ดูก็ไม่เคยจบ เดือดร้อนผมต้องเป็นคนอุ้มเข้าไปนอนในห้องตลอด

ปูผ้าเสร็จก็พอดีกันกับที่อีกคนแปรงฟันเสร็จพอดี มันเดินเข้ามาหาและล้มตัวนอนกลิ้งบนผ้านวมผืนหนาบนพื้น ใบหน้าขาวมีหยดน้ำเกาะพราวไปหมด

“ทำไมไม่เช็ดหน้าให้เรียบร้อย”

“จิมบ่น”

“เออ กูบ่นมึง”

ใบหน้าคนฟังงอง้ำก่อนไอ้ตัวดีจะลุกขึ้นนั่งแล้วเคลื่อนกายเข้าใกล้ก่อนจะโฉบหน้าลงต่ำลงบริเวณท้องของผมแล้วซุกหน้าลงมา ถูไถไปมาสี่ห้าครั้งก่อนจะผละออกแล้วยิ้มยิงฟัน

“เช็ดแล้ว” พูดจบเจ้าตัวก็ล้มนอนกลิ้งอีกครั้ง ผมยังคงนั่งนิ่ง จะเรียกว่าช็อกค้างก็ไม่ผิดนัก

“เดี๋ยวเถอะ ไอ้ดื้อ!!”

เสียงดังไปก็เท่านั้น เพราะไอ้เด็กนั่นไม่สะทกสะท้าน เช็ดเสร็จก็ทิ้งความชื้นให้ติดตัวผม ขณะที่ตัวเองกลิ้งออกไปซะห่าง

ผมตีหน้าขรึมก่อนจะคว้าข้อเท้าเรียวแล้วกระชากเข้าหาตัว มันร้องลั่นจะชักเท้ากลับแต่ผมขืนไว้ ใบหน้าของคนที่นอนราบดูตกตะลึง พยายามตะกายตัวหนี แต่ไม่พ้นเสียหรอก

ผมพุ่งตัวเข้าหา คล่อมทับร่างนั้นให้อยู่ใต้ร่างตนเอง รวบจับข้อมือเล็กทั้งสองด้วยมือเพียงข้างเดียว และใช้ขาข้างหนึ่งกดทับขาของมันไม่ให้ดิ้นหนี นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกตะลึง

“จิม.. จะทำอะไร!”

“หึๆ” กระตุกยิ้มมุมปากอย่างที่คนมองเสียวสันหลังวาบ แม้ว่าการ์ตูนจะมาแล้ว แต่ใครล่ะจะสน ผมพุ่งตัวขยับปลายนิ้วจักจี้เอวคนใต้ร่างอย่างรวดเร็ว

“ฮะ! จ จิม ฮ่าๆๆ อ้ากกก ปล่อย ฮ่า!! จิม! ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” มันดิ้นพล่านพยายามปกป้องตัวเอง หัวเราะสุดเสียงบิดเอวหวังจะให้พ้นจากนิ้วมือของผม ส่งเสียงพูดตะกุกตะกักไม่เป็นคำ “อ้ากก จิม!! ฮ่า ฮึก  ปล่อย!! ไม่ ไม่เอาแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” มันเริ่มหายใจหอบทั้งยันกายลุกขึ้นนั่ง แต่ไม่เป็นผล เสียหลักล้มลงไปเหมือนเดิม น้ำตาเม็ดโตไหลออกจากหางตา ริมฝีปากยิ้มกว้างส่งเสียงหัวเราะและกรีดร้องไม่หยุด

“จะดื้ออีกมั้ย ฮะ” ถามทั้งรอยยิ้ม กระหน่ำจี้ไม่พักเบรก

“ม.. ไม่ ไม่ดื้อ ฮ่า ปล่อย ฮ่าๆๆๆๆ พ พอแล้ว!”

มือเล็กบีบแขนผมอย่างแรง พยายามดึงออก ดวงหน้าใสแดงก่ำ ดูน่ารักน่าฟัดในคราเดียวกัน ผมตัดสินใจละมือออกห่างด้วยกลัวว่าอีกคนจะขาดใจ เมื่อเป็นอิสระมันไม่รอช้ารีบกระเถิบกายออกห่างจากผมราวๆสองเมตร ร่างเล็กนอนราบไปกับพื้น แผ่นอกสะท้อนขึ้นลงตามระดับการสูดลมหายใจเข้าออก มือขาวข้างหนึ่งยกขึ้นปาดน้ำตา อีกข้างพยายามดึงเสื้อที่เลิกสูงให้ปิดหน้าท้องขาวเหมือนเดิม

ผิวขาวๆนั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเห็น แต่ก็ใช่ว่าเห็นหลายๆครั้งแล้วจะชินชา รีบเบือนสายตาออกจากเนื้อขาวๆแล้วมองใบหน้าที่ยังเปื้อนยิ้ม เอื้อมหยิบหมอนที่กระเด็นไปอยู่ตรงปลายเท้ามาวางตรงหัวนอน ก่อนจะตบหมอนปุๆเรียกคนตัวเล็กให้กลับเข้าที่

มันส่ายหัววืดก่อนจะหลุดขำออกมาอีกระรอก อาการนี้คงจะเรียกว่าขำค้าง มันพลิกตัวนอนตะแคง สองมือกอดเอวไว้แล้วมองผมด้วยสายตาไม่ไว้ใจ

สภาพของมันตอนนี้บอกตรงๆว่าโคตรน่าฟัด!

ผู้ใหญ่มีคดีติดตัวอย่างผมทำไงได้ล่ะครับ ก็ต้องสงบจิตสงบใจ สวมบทพระอิฐพระปูนไม่รู้สึกอะไรกับภาพตรงหน้า

“ดื้อนะมึง ไหนเมื่อกี้บอกว่าจะไม่ดื้อแล้วไง” เอื้อมตัวฉวยคว้าข้อเท้าขาวๆของมันมากำไว้ ก่อนจะออกแรงกระตุกเบาๆ ซึ่งอีกคนก็ผวาจะชักขากลับแล้วมองผมหน้าตื่น

“จิมขี้แกล้ง!! ห้ามจี้แล้วนะ!” มองกันด้วยตาโตๆ ริมฝีปากเบะลงเล็กน้อย ก่อนร่างเล็กจะยันตัวขึ้นนั่งแล้วมองขาของตัวเองที่ถูกผมจับไว้ด้วยไม่รู้จะต่อต้านอย่างไร

“ไม่ให้แกล้งก็มานอนตรงนี้”

“ไม่เอาหรอก” มันยืดตัวขึ้น นั่งหลังตรง สองแขนกอดอกด้วยท่าทางน่าขำ ท่าทางขึงขังนั้นไม่ได้ทำให้มันดูน่ากลัวขึ้นหรือทำให้รู้สึกว่าเป็นต่อผมเลยแม้แต่น้อย

หึๆ เด็กจริงๆ

ไม่ต่อปากต่อคำแต่ค่อยๆใช้อีกมือที่ว่างจี้ฝ่าเท้าของอีกคนแทน

“ฮ่าๆๆ ! จิม!!! ย.. หยุด!! อ้ากก ฮ่ะ ฮ่าๆๆๆๆ” ขาข้างที่ผมจับอยู่เกร็งแข็ง พลันร่างเล็กที่หัวเราะจนน้ำตาเล็ดอีกรอบก็พุ่งตัวเข้ามาอย่างไม่คิดจนผมเสียหลักล้มตึงนอนราบไปกับพื้น ขาของมันเป็นอิสระแต่ลำตัวกลับถูกผมพันธนาการไว้ด้วยสองแขนโดยอัตโนมัติ กดศีรษะเล็กๆนั้นแนบอกด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บ ร่างบนกายถ่ายน้ำหนักลงมาที่ผมเต็มที่ เสียงหัวเราะใสๆยังดังคลอจากปากอิ่ม ผมมองไม่เห็นใบหน้าของมัน เห็นแต่กลุ่มผมสีเข้มที่อิงซบบริเวณเหนืออก รับรู้ได้ถึงแผ่นอกที่กระเพื่อมขึ้นลงตามการหอบหายใจ

เวลาผ่านไปนานนับนาที แต่ร่างเล็กบนตัวผมก็ยังไม่ผละห่าง ยังคงนอนซบอยู่อย่างนั้น ซ้ำร้ายมันยังขยับกายยุกยิกจนขึ้นมาคล่อมทับผมไว้ทั้งตัว หัวใจผมเริ่มเต้นรัวเมื่อได้สบกับนัยน์ตาคู่นั้น มันยิ้มซื่อก่อนจะกดศีรษะนอนซบลงมาตรงหน้าอกด้านซ้ายของผม

“หัวใจจิมเต้นแรงจัง” ได้ยินเสียงอู้อี้ก่อนอีกคนบนตัวจะขยับหน้าแนบหูให้ชิดกับอกด้านซ้ายมากกว่าเดิม

“อืมม” ทำได้เพียงส่งเสียงตอบรับไปเท่านั้น แม้จะไม่อยากให้มันได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นรัว แต่ผมก็ไม่คิดผลักไสร่างเล็ก ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ชอบสัมผัสที่ร่างของผมและมันแทบจะนาบสนิทไปทุกสัดส่วนอย่างนี้

รู้สึกเสียฟอร์มเล็กน้อยที่ตัวเองเป็นฝ่ายตื่นเต้นจนก้อนเนื้อใต้อกซ้ายแทบจะกระโดดออกมาด้านนอก ปกติ อาการอย่างนี้มันต้องไม่เกิดกับคนอย่างผมสิ

เวลาผ่านไป คนด้านบนก็ไม่มีทีท่าจะออกห่าง ทุกครั้งที่มันขยับตัวยุกยิก ผมเป็นอันต้องนอนเกร็งจนตะคริวแทบกินไปทั้งตัว

..ครับ ผมกำลังพยายามไม่คิดอะไรมากเกินเลยไปกว่านี้

"ไม่ดูการ์ตูนแล้วรึไง" เอ่ยถามด้วยใจจดจ่อกับคำถาม นึกภาวนาให้มันตอบรับ แล้วยอมลุกออกจากตัวไปนอนดูดีๆ ทว่าคำตอบกลับตรงกันข้ามเพราะมันส่ายหัวดุกดิกซ้ำร้ายมือเล็กยังป่ายเปะควานหามือของผมแล้วดึงให้ไปวางบนเอวของมัน

"จิมกอดดด" ลากเสียงยาวขณะที่จับมืออีกข้างของผมให้ไปวางบนตัวมัน

ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกอดตามที่อีกฝ่ายต้องการ พลางผละมือข้างหนึ่ง เคลื่อนสูงลูบไล้เส้นผมนุ่มๆ เสียงครางฮือดังมาจากร่างบนตัว โทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้ไม่สามารถดึงความสนใจทั้งของผมและมันให้หันไปมองได้

"หลับรึยัง" ถามเสียงเบา พร้อมทั้งบังคับลมหายใจเข้าออกให้ไม่แรงจนเกินไป กลัวจะทำให้มันนอนไม่สบาย

เมื่อเวลาผ่านไปผมก็เริ่มปรับตัวให้คุ้นชินกับน้ำหนักตัวและสัมผัสแนบชิดนี้ได้

"อื้มมม" มันส่งเสียงตอบ แค่ฟังจากเสียงก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าความง่วงคงเริ่มครอบงำมันแล้ว

เป็นเด็กเลี้ยงง่ายมันก็ดีอยู่หรอก ถึงเวลากินก็กิน ถึงเวลานอนก็นอน ไม่ต้องให้พูดให้บ่น แต่ติดนิดเดียว ที่่ี่เด็กเลี้ยงง่ายคนนี้มันนอนไม่เลือกที่

"ถ้าง่วงแล้วก็ลุกไปนอนที่เตียงดีๆ"

พูดพลางดันไหล่บาง ทว่ามันกลับส่งเสียงฮึดฮัดไม่ชอบใจแล้วยิ่งเบียดกายจนแทบจะสิงร่างผมได้อยู่แล้ว

โอเค กูยอม

"งั้นกูปิดการ์ตูนแล้วนะ"

คนง่วงลากเสียงตอบ ไม่ยินดียินร้าย ผมลอบถอนหายใจอีกเฮือกก่อนจะยืดแขนไปหยิบรีโมทที่อยู่ไม่ไกลแล้วกดปุ่มสีแดง พลันหน้าจอสี่เหลี่ยมก็กลายเป็นสีดำสนิทพร้อมกับความเงียบที่เข้าครอบคลุมภายในห้องนี้

หัวใจภายใต้อกซ้ายเริ่มเต้นเป็นจังหวะปกติ ผมวางรีโมทลงบนผ้านวมที่ใช้ปูนอน ก่อนจะยกมือขึ้นแล้วลูบผมสีเข้มที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆแผ่วเบา ไม่มีเสียงอะไรจากร่างบนตัวอีก มันเริ่มหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ นั่นทำให้ผมรู้ว่ามันกำลังดำดิ่งสู่ห้วงนิทรา

เวลาผ่านไปสักพัก มือที่ขยับไหวบนศีรษะคนตัวเล็กก็ผละออก ค่อยๆดันให้มันลงไปนอนข้างกายแทน ตัวของมันไม่ได้หนักจนผมรับไม่ไหว ผมเพียงแค่อยากมองใบหน้ามนยามหลับพริ้ม

กี่ครั้งกี่หนที่ผมมักจะลอบมองใบหน้านี้ ทั้งในยามที่เจ้าของใบหน้านี้รู้สึกตัวหรือไม่รู้สึกตัวก็ตาม

ดวงตาคู่นั้นกำลังหลับพริ้ม ริมฝีปากอมยิ้มน้อยๆ คล้ายกำลังเป็นสุข อยากรู้ว่ามันกำลังฝันอะไร น่าแปลก ที่ตอนนี้มันก็กำลังนอนอยู่ข้างๆผม แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนร่างตรงหน้าจะจางหายไปทุกนาที อยากจะดึงมาสวมกอด แต่ก็กลัวว่าหากเผลอเอื้อมมือไปสัมผัส ร่างนั้นจะหายวับไปกับตา

คิ้วขมวดมุ่น นึกไม่ชอบใจกับความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ตอนนี้

ผมยังคงนอนมองหน้ามันอยู่อย่างนั้นโดยที่ความง่วงแวะเข้ามาทักทายเป็นระยะ มีบ้างที่เผลอหลับไป แต่ไม่นานก็สะดุ้งตื่น ภาพแรกที่เห็นคือใบหน้าหลับพริ้มที่คุ้นเคย เป็นอย่างนี้อยู่สามสี่ครั้ง ..ผมหลับไม่ลง กลัวว่าตื่นขึ้นมาแล้วมันจะหายไป

ยอมรับอย่างลูกผู้ชาย ..ผมกำลังกลัว

จวบจนเมื่อผละสายตามองหน้าปัดนาฬิกาที่แขวนบนผนังฝั่งเดียวกับที่มีโทรศัพท์ตั้งอยู่ ก็ทำให้รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบตีสี่เข้าไปแล้ว หยัดกายลุกขึ้นนั่งก่อนจะสะบัดหัวไล่ความมึน ร่างกายรู้สึกล้าที่ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ หันไปมองคนที่ยังหลับสนิทก่อนจะตัดสินใจช้อนร่างนั้นขึ้นมาในวงแขนแล้วพาเดินเข้าไปในห้องนอน

ชะงักขาเล็กน้อยเมื่อร่างในวงแขนขยับกายเบียดใบหน้าแนบชิดกับแผ่นอก คิ้วเรียวขมวดเป็นปมกลางหน้าผาก อีกทั้งใบหน้าบิดเบี้ยวคล้ายกำลังทรมาน หัวใจของผมกระตุกวาบเมื่อเห็นหยาดน้ำใสค่อยๆไหลรินลงจากหางตาของมัน

รีบสับขาเดินเข้าห้องก่อนจะวางร่างน้อยบนเตียง ลำตัวเล็กสั่นสะท้านก่อนจะขดกายเข้าหากัน พลันเสียงสะอื้นหลุดรอดจากปากอิ่ม

“ฮึก.. ย อย่า”

ฟันขาวกัดปากล่างอย่างแรง มือเล็กสองข้างกำจิกเนื้อบริเวณฝ่ามือจนแขนเรียวเกร็งเขม็ง ผมรีบรุดไปจับมือนั้นแล้วแกะให้มันคลายมือออก กลับกลายเป็นมันบีบมือของผมแน่น ..แน่นจนเจ็บ

“ต้า ..ต้า” ลองเรียกปลุก แต่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะตื่นจากฝันร้าย ไม่รู้จะทำยังไงเลยก้าวขึ้นเตียงก่อนจะดึงร่างนั้นเข้ามากอดแล้วลูบหลังปลอบประโลม

“ไม่ร้องนะครับ เงียบซะๆ” พูดพลางกดริมฝีปากแนบกับหน้าผากเกลี้ยงเกลา ใบหน้าขาวที่เปื้อนน้ำตาเบียดเข้าซุกกับหน้าอกของผม มือข้างหนึ่งของมันกำสาบเสื้อผมแน่น ขณะที่เสียงสะอื้นดังออกมาเป็นระยะ ผมก็รู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่หน้าอกข้างซ้าย

เนื้อตัวสั่นเทาและแรงสะอื้นของคนในอ้อมกอดบีบหัวใจของผมจนปวดหนึบ

เพียรพูดกระซิบปลอบประโลมไปเรื่อยๆ อยู่นานหลายนาที จนเสียงสะอื้นนั้นค่อยๆหายไป แต่ผมก็ไม่ปล่อยร่างนั้นให้เป็นอิสระ เพียงแค่คลายวงแขนลงเพื่อให้ร่างน้อยได้หลับอย่างสบายตัว

ผมสามารถมองเด็กร้องไห้ได้โดยไม่คิดจะยื่นมือเข้าไปปลอบประโลม

ผมสามารถทนกับน้ำตาของผู้หญิงได้โดยไม่รู้สึกอะไร

ผมสามารถทนเห็นเด็กผู้ชายคนนี้ร้องไห้ได้ ..ถึงแม้เสียงสะอื้นและรอยน้ำตาของมันจะสร้างความปวดใจให้กับผมไม่น้อย

ผมสามารถทนได้.. เพียงแต่ หากมันร้องไห้เมื่อไร ผมขอเป็นคนที่จะได้กอดปลอบมัน เหมือนอย่างตอนนี้

 

 

_______________________________________

TALK :: มาดึกไปหน่อยยยย จะนอนกันหรือยังน้อ
คือแบบ พาร์ทนี้ยาวมากกกกกกกกกก 60% นี้ คือ 100 เปอร์ในตอนปกติ แต่งเพลินไปหน่อย (ไม่รู้ว่าพาร์ทนี้จะจบสักกี่หน้า 555)
มีคนถามหาพี่หมอเซมด้วยอะ (ดีใจจ) จะได้เจออีกไหมไม่รู้ รอลุ้นนะคะ จุ้บ
จะพยายามรีบแต่งไม่ให้น้องซินกับน้องรีเว้นท์ต้องถูกย้ายห้อง T_T
อาทิตย์หน้าเราสอบล่ะ เลยยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าจะมาต่อได้หรือเปล่า ยังไม่ได้อ่านหนังสือเลย อาทิตย์นี้ต้องฟิต เสียตังค์ไปเยอะ ฮืออออ
ทุกคนก็สู้ๆนะคะ ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงานกันนะ จุ้บ เด็กๆเอาใจช่วย
PS. เหมือนอากาศจะเริ่มหนาว มาหนาวให้ดีใจเล่นแค่วันสองวัน หลังจากนั้นก็... อืม (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ 555) ดูแลสุขภาพกันด้วยล่ะ อากาศเปลี่ยนแปลงเหลือเกิน เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวฝน
ความรู้สึกเหมือนตอนเป็นเด็กกลับมาอีกครั้ง เมื่อรู้สึกว่า พรุ่งนี้ไม่อยากไปเรียน T^T โงยยย (วันนี้บ่นเยอะเนอะ แต่ไม่อยากไปเรียนนนน TT___TT)
*ใครจะบ่นอะไรก็บ่นได้นะคะ อยากอ่าน 555555555555
ไว้เจอกันใหม่ค่า
คืนนี้ฝันดีจ้า : )
คิดถึงเสมอ.  :กอด1:

 
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 {60}% [25/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 25-11-2013 00:14:52
โอ้ยยย จิมเอ้ยย คนอ่านก็ทรมารเหลือเกิน
เพราะคนแต่งแสนใจร้ายยยยยย
ไม่ยอมให้คนอ่านได้อ่านหวานๆ
แบบไม่ค้างคาใจ
แถมยังมาไม่สม่ำเสมออีก  :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 {60}% [25/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: pornumpai-ka ที่ 25-11-2013 00:27:54



 :ling1: :ling1: :ling1:


บอกตง  มันค้างมากกกกกก  จิมน่ารักขึ้นทุกวันอ่ะ  ชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 {60}% [25/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: †คุณเขียด ที่ 25-11-2013 01:57:10
ต้าใกล้จำไดแล้วแน่เลยยยยยยยย :hao5:(ชิงเตรียมทิชชู่ไว้ก่อน)

จิมน่ารักขึ้นทุกวันจริงๆ แต่แบบมันจะหวานมันก็หวานไม่สุดว่ะ

คนอ่านระแวง ไม่รู้ถ้าต้าจำได้จะเป็นไง :sad2:


เห็นเรื่องนี้อัพ ตอนแรกนึกว่าตาฝาด

รอนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 {60}% [25/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: tsukishi ที่ 25-11-2013 03:07:56
โอวว มาแลัวๆ
สังหรว่าตอนใหม่จิมา มาจริงๆด้วย
สำหรับพาร์ทหน้างานนี้มีลุ้น
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 {60}% [25/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 25-11-2013 10:48:38
เค๊าลางเริ่มมาละ น้องต้าเริ่มจำได้พี่จิมมมมม
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 {60}% [25/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 25-11-2013 11:35:17
จิมต้าน่ารัก
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 {60}% [25/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 25-11-2013 13:59:45
มีต่ออีก40%สินะ *-*
โหย อ่านแล้วปวดใจ กลัวไม่อยากให้ต้าร์กลับบ้านเหมือนกัน
ยิ่งตอนอ่านแล้วต้าร์ดูจะมีความสุขที่จะได้กลับบ้านแบบ..ใจแป้วอะ เพราะไม่รู้จิมจะผ่านอุปสรรคเข้าไปได้ไหม
แล้วน้องต้าร์ฝันถึงตอนแรกหรือเปล่า อย่างนี้ตื่นมาจะจำได้ไหมเนี่ย โอ๊ยย อยากอ่านต่ิอ
ส่วนคู่ของน้องแซม(หรือเซม?55) ก็อยากอ่านต่อเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 {60}% [25/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 25-11-2013 18:26:49
ต้าร์จะจำได้แล้วหรอ ขอเวลาทำใจแป๊บ  :hao5: :hao5: :hao5:


มาต่อไวๆนะคะคนเขียน อยู่แบบนี้มันค้างค่ะ  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 {60}% [25/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: NO.666 ที่ 25-11-2013 21:13:25
ตอนหน้าต้าร์จะจำได้รึเปล่าเนี่ยว่าจิมเคยทำอะไรไว้บ้าง :ling3:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 {60}% [25/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 25-11-2013 21:16:03
ชอบบเรื่องนี้ น่ารักมากเลย
น้องต้าจะจำได้แล้วว  :ling3:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 {60}% [25/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 26-11-2013 02:13:39
แต่งเก่งขึ้นทุกทีๆ เรารักคำบรรยายในตอนนี้มาก อ่านแล้วขนลุกเลย เก่งมากคะนักเขียน
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 {60}% [25/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: Viper_Wa ที่ 26-11-2013 19:20:59
 :katai1: :katai1: :katai1:
เริ่มบีบอารมณ์เข้าไปทุกทีล่ะ เริ่มสงสารจิมแล้วง่า :sad4:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 {60}% [25/11/56] P.18
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 26-11-2013 20:57:28
สงสารจิม  :ling1:  :o12:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 06-12-2013 23:18:33
ตอนที่ 34 ขอร้อง 100%

TA Part

แสงสีขาวสว่างจ้าสาดส่องเข้ามาจนแสบตา ผมยกมือป้อง หลับตาปี๋ก้มหน้าลงก่อนจะรับรู้ถึงลมที่ตีปะทะหน้าพร้อมกับความรู้สึกวูบๆบริเวณช่องท้อง ดวงตาเบิกโพลงขึ้นอีกครั้งก่อนจะพบว่าสายลมที่ตีปะทะหน้าเมื่อครู่เกิดขึ้นขณะที่ชิงช้าทะยานสู่ท้องฟ้า ได้ยินเสียงกรีดร้องของตัวเองสลับกับเสียงหัวเราะทั้งของผมและของเตอร์ดังประสานกัน

"เตอร์ สูงอีกๆ"

ร้องบอกพลางเหลียวมองเตอร์ที่ยืนด้านอยู่ด้านหลัง ออกแรงไกวมากกว่าเดิมเมื่อชิงช้าทิ้งตัวลงสู่ผืนดินจนรอบนี้ชิงช้าลอยลิ่ว สูงจนมองเห็นสวนหย่อมของบ้านถัดไปที่มีกำแพงกั้นกลาง นั่นทำให้ผมยิ่งกำเชือกแน่นด้วยกลัวตก

ความจริงรอบนี้เป็นตาของเตอร์ แต่เตอร์ก็สละให้ผมเล่นต่อ พี่ชายใครก็ไม่รู้ น่าร๊ากน่ารัก

....

"ข้อนี้ผิด" บอกพร้อมกับใช้ดินสอวงกลมข้อที่ผิดไว้ ก่อนจะขีดเส้นเน้นย้ำๆ ให้ผมมองเห็นจุดผิด

"ข้อนี้ใช้ is ไม่ได้ ต้องใช้ was เพราะอะไร ลองดูดีๆอีกครั้ง"

ปกติเตอร์เป็นคนใจเย็น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ตอนนี้จะกำลังสอนการบ้านให้ผมอยู่ แม้ว่าผมจะตอบผิดตลอด แต่เตอร์ก็ยังใจเย็น

ผมกวาดสายตามองบนกระดาษสมุดการบ้าน คิ้วขมวดมุ่น เงยหน้ามองเตอร์ด้วยสายตาคำถาม

"ข้อนี้ มีเวลาเป็นตัวบอก ตรงนี้" เตอร์พูดพร้อมกับขีดเส้นใต้ที่คำว่า yesterday "มันเป็นอดีตใช่ไหม?"

ผมพยักหน้าหงึกหงัก

"ทีนี้รู้แล้วหรือยัง ทำไมใช้ was"

พยักหน้าแรงๆเป็นการยืนยันอีกครั้ง

"ดีมาก งั้นลองตรวจทานข้อต่อๆไปเองก่อน ถ้าแน่ใจแล้วพี่จะตรวจให้อีกที"

"โอเคครับ"

อยู่ประเทศไทยทำไมต้องเรียนภาษาอังกฤษด้วย ยังไงก็ไม่ได้ใช้ซะหน่อย ตอนป.1 ป.2 ยังง่ายกว่านี้ตั้งเยอะ!!!

....

 

ผมดีใจที่มีเตอร์เป็นพี่ชาย เตอร์เป็นพี่ชายที่ดีที่สุดในโลก ผมสามารถคุยกับเตอร์ได้ทุกๆเรื่อง ในบางเรื่องที่ผมไม่สามารถคุยกับแม่ได้ ก็จะมีเตอร์คอยอยู่ข้างๆและรับฟังปัญหาของผมด้วยท่าทางที่ไม่แสดงความรำคาญใจ

ผมติดเตอร์มาก ผมมีเตอร์คนเดียว

หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป.. แม่ก็เหมือนจะรักผมน้อยลง ผมไม่ได้ตั้งใจให้ทุกอย่างเป็นอย่างนั้น ผมเสียใจ ผมไม่ได้ตั้งใจ.. แม่ไม่ฟังผม ผมรู้ว่าแม่ห่วงพ่อ แต่ผมเองก็ห่วงพ่อมากเหมือนกัน

โลกของผมนับจากวันนั้น.. มีเตอร์เพียงคนเดียว

แทบจะทุกวันที่เตอร์มารับผมถึงห้องเรียน ผมดีใจมากๆที่เราจะได้กลับบ้านพร้อมกัน

แต่วันนี้ ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม เตอร์ไม่ได้มาคนเดียว..

วันนี้ครูปล่อยช้า เพราะยังสอนบทเรียนของอาทิตย์นี้ไม่จบ แต่ผมฟังสิ่งที่ครูพูดหน้าห้องไม่รู้เรื่องเลย

ผู้หญิงคนนั้นที่นั่งข้างเตอร์คือใคร ทำไมถึงได้คุยกันด้วยท่าทีสนิทสนม และที่สำคัญ ปกติ เตอร์จะมองเข้ามาในห้อง ไม่ได้ถึงกับจ้อง แต่ก็จะมองมาที่ผมเป็นระยะๆ แต่วันนี้ สายตาคู่นั้นของเตอร์กลับเอาแต่มองหน้าผู้หญิงคนนั้นตลอดเวลา

ทำไม ผมถึงรู้สึกแปลกๆ

ผมไม่ชอบเธอทั้งที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน

มือที่ถือปากกาไว้กำแน่น พลางก้มหน้าไม่สบตาใครแม้แต่เพื่อนที่นั่งข้างๆ

ผมกำลังรู้สึกไม่ดี ไม่ดีเอามากๆ

และวันนั้นเอง เป็นวันที่เตอร์บอกกับผมว่า ต่อไปนี้ จะไม่สามารถมารับผมที่ห้องได้เหมือนที่ผ่านมาแล้ว

ผมถามเตอร์ว่า ทำไม

เตอร์ตอบกลับมา เพราะว่าพี่พลอยเป็นผู้หญิง กลับบ้านคนเดียวอันตราย เตอร์ที่เป็นผู้ชาย ควรต้องไปส่ง

เตอร์ถามว่าผมเข้าใจที่เตอร์พูดหรือเปล่า

..ผมอยากรู้ ว่าถ้าผมบอกว่า ผมไม่เข้าใจ เตอร์จะมารับผมที่ห้องเรียนเหมือนเดิมไหม

แต่ผมรู้ว่าเตอร์อยากได้คำตอบแบบไหน ผมจึงตอบไปแบบนั้น

....

ภาพหลายภาพหมุนเวียนเข้ามาในหัวพร้อมกับความรู้สึกปวดร้าวที่รุมเร้าจนศีรษะแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ใบหน้าของคนหลายคนที่คุ้นเคยและแปลกหน้าผุดเข้ามาไม่หยุด ทุกคนใจร้ายกับผม.. ใจร้ายมาก

“ฮึก..” ผมเบี่ยงหน้าหนีสัมผัสตรงหางตาที่กำลังปาดเช็ดหยาดน้ำให้อย่างแผ่วเบา ก่อนสัมผัสนั้นจะหายไปแล้วรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนที่กำลังลูบไล้เส้นผมของผม ได้ยินเสียงทุ้มคุ้นหูกระซิบปลอบประโลม ก่อนที่ร่างจะถูกดึงเข้าหาความอบอุ่น และผมชอบความรู้สึกที่ราวกับกำลังถูกโอบกอดจึงไม่ได้ปฏิเสธมัน

....

เสียงนกร้องเป็นเสียงแรกที่ดังเข้ามาในโสตประสาท ความเย็นโอบล้อมผิวกายจนต้องควานหาผ้าห่มมาคลุมทับเพื่อเพิ่มความอบอุ่น คิ้วขมวดเป็นปมกลางหน้าผาก ขมับเต้นตุบๆ รู้สึกทรมาน ราวกับข้อมูลมากมายกำลังถูกยัดเข้ามาจนหัวแทบระเบิด!

"อื้อ..!" ครางเครือในลำคอ กัดฟันแน่นกล้ำกลืนความเจ็บ พลิกตัวไถลหน้าไปกับหมอนพลางยกมือบีบขมับหวังจะไล่อาการปวดนี้ให้หายไป

เวลาผ่านไปสักครู่ใหญ่ อาการปวดก็ค่อยๆบรรเทาลง ผมผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นคือ จี้..

ยังจำได้ดีว่าผมได้ตุ๊กตาตัวนี้มาได้อย่างไร

หากเป็นเมื่อวาน ผมคงไม่ลังเลที่จะคว้ามันมากอด ทว่าตอนนี้ผมกลับนอนมองมันนิ่งๆ

บรรยากาศในห้องเงียบจนได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาที่กำลังเดินบอกเวลา ..ในห้องนี้มีผมเพียงคนเดียว

ค่อยๆหยัดกายลุกขึ้นนั่ง กวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะก้มมองมือและร่างกายของตัวเองในลำดับถัดมา หยัดตัวขึ้นยืนแทบจะทันที พลันโลกไหวเอนจนต้องยืนนิ่งๆให้พื้นมั่นคงแล้วค่อยๆก้าวเดินไปหยุดยืนหน้ากระจก

มองสำรวจเงาสะท้อนผ่านกระจกเงาอีกครั้งพลางยกมือลูบหน้า แขน ลำตัวของตัวเอง

..เหมือนเดิมแล้ว

ผละสายตาออกจากร่างกายก่อนจะหันมองรอบห้อง สายตาก็พลันสะดุดเข้ากับโพสอิทสีสดที่แปะอยู่บนโต๊ะหัวเตียง

ข้อความบนกระดาษแผ่นนั้นทำให้ผมอดรู้สึกแปลกๆไม่ได้

 

'เห็นมึงไม่สบาย กูเลยไม่ปลุก

กูสั่งข้าวไว้ให้แล้ว อยู่ในครัว

ถ้าตื่นแล้วก็รีบไปกินซะจะได้กินยา

PS. บ่ายๆจะรีบกลับ'

Jim.

 

บ่ายๆ?

รีบหันไปมองนาฬิกา มันบอกเวลา 11 โมง ผมก้มมองสภาพตัวเองเมื่อรู้สึกว่ากายท่อนล่างโล่งแปลกๆ ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเดินรอบห้องเพื่อหากางเกงที่ขายาวกว่านี้

เมื่อเจอก็ไม่ลังเลที่จะหยิบมาสวม ถึงแม้ว่าจะหลวมสักหน่อยแต่ก็ยังดีกว่ากางเกงตัวเมื่อครู่ที่ชายเสื้อแทบจะปิดมิด ทำให้ดูเหมือนกับท่อนล่างผมไม่ได้สวมอะไร สำรวจความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้งก่อนจะผลุนผลันออกจากห้องอย่างไม่ลังเล

ทว่าเดินไปถึงเพียงหน้าประตูเสียงไขกุญแจกุกกักก็ดังขึ้นในความเงียบ ผมเพ่งสายตามองลูกบิดก่อนประตูบานหนาจะเปิดออกเผยให้เห็นบุคคลที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุดในเวลานี้

ไม่ทัน..

เขา กลับก่อนเวลา

“ลุกขึ้นมาทำไม? หายดีแล้วรึไง” เขาเลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ กลไกการทำงานของอวัยวะในร่างกายหยุดกึก รวมถึงขาด้วย ทั้งที่ใจอยากจะถอยห่าง ทว่ามันกลับหนักจนผมขยับตัวไม่ได้.. มือของเขาข้างหนึ่งที่ไม่ได้ถือถุงพลาสติกที่คาดว่าน่าจะเป็นอาหารยกขึ้นก่อนจะวางแปะลงตรงหน้าผากของผม

ผมเบิกตากว้าง ผงะกับสัมผัสนั้น ยกมือขึ้นปัดแขนหนาอย่างแรงจนได้ยินเสียงเพี๊ยะเด่นชัดในโสตประสาท ความรู้สึกไม่ปลอดภัยคุกคามจนหัวใจเต้นรัว

เขาขมวดคิ้วมองผมตอบด้วยสายตาที่ต่างไปจากเมื่อครู่ มือหนาที่ชะงักค้างกลางอากาศลดลงข้างลำตัวก่อนจะพูดเปลี่ยนเรื่องด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“มากินข้าวซะ จะได้กินยา”

ผมมองแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินห่างออกไปตรงไปยังห้องครัว ผมรีบฉวยจังหวะนี้ก้าวยาวๆตรงไปยังประตูห้อง ..ทางหนีเพียงทางเดียว

หัวใจยิ่งเต้นระทึกมากกว่าเดิมเมื่อมือสัมผัสเข้ากับลูกบิดประตูเย็นเยียบ แต่แล้วมันกลับถูกกระแทกปิดอย่างแรงทันทีที่มันเปิดออกจากมือหนาของร่างสูงที่มายืนซ้อนหลังผมอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

ปั้ง!!

เสียงของมันดังกึกก้องเสียดแทงความรู้สึก ราวเป็นการตอกย้ำว่าผมไม่สามารหนีเขาได้

“จะไปไหน” เสียงทุ้มราบเรียบดังอยู่ด้านหลัง มือหนาที่วางบนประตูกำแน่น ผมกัดปากพลันหมุนลูกบิดและออกแรงเย่อเปิดประตู ทว่ามันกลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย

“หันมาคุยกันดีๆ” เขาพูดพลางจับไหล่ของผมให้หันมาเผชิญหน้า ผมสะบัดตัวให้หลุดพ้นจากสัมผัสนั้น แม้นั่นจะเป็นเพียงการแตะ แม้จะมีเสื้อผ้าคั่นกลาง.. แต่มันน่าขยะแขยงเกินไป

อาการปวดหัวที่เมื่อครู่ทุเลาลงกลับมาเล่นงานผมอีกครั้ง ..ภาพเหตุการณ์ร้ายๆที่ครั้งหนึ่งเคยหลงลืมไปวิ่งวนตอกย้ำความรู้สึกของผมให้ย่ำแย่จนแทบสำรอก!

“เกิดอะไรขึ้นกับมึง” เสียงทุ้มเบาราวกระซิบ ผมไม่หลบสายตาที่มองมาตรงๆ

“..มึง จำได้” เสียงนั้นเบาราวกับเสียงลมหวีดหวิว นัยน์ตาคมที่กำลังมองสบกับผมคู่นั้นอ่อนแสงลง ไม่มีเค้าความดุเหมือนเมื่อครู่ หากแต่มันคล้ายกับกำลังกรีดร้องอย่างเจ็บปวด

“มึงจำได้” เขาพูดทวนถ้อยคำเดิมซ้ำๆราวกับไม่เชื่อ

“ใช่ กูจำได้” ย้ำให้เขารู้ถึงความเป็นจริง รู้สึกสะใจกับนัยน์ตาตระหนกคู่นั้นที่กำลังมองมา “กูจำได้หมดแล้วว่ามึงกับไอ้เซมทำอะไรกับกูเอาไว้” พูดพลางเหยียดยิ้มมุมปากด้วยความสมเพชตัวเองที่ครั้งหนึ่งไม่ต่างจากของเล่นของพวกมันสองคน “ที่ผ่านมา กูอโหสิให้ ไม่ว่าจะเคยเกิดอะไรขึ้นระหว่างกูกับพวกมึง ..ลืมมันซะ กูเองก็จะลืมเหมือนกัน”

คำว่าลืมที่ผมบอกเขา ผมหมายความตามนั้น นับจากวันนี้ ผมจะลืม ลืมทุกความเจ็บปวด รวมถึงความทรงจำดีๆตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา

..สิ่งพวกนั้นไม่มีค่าพอที่จะจดจำ

ก็เป็นแค่อดีต เป็นแค่อดีตที่หากลืมมันได้ก็คงจะดี

“..กูรู้ว่ากูทำผิดกับมึง กูทำร้ายมึง ..มึงจะลืมเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมาก็ได้ ..แต่กูขอโอกาสอีกครั้ง เรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม กูสัญญา ว่าต่อจากนี้ กูจะไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้นอีก”

..ผมขบฟันแน่น เจ็บยอกในอก สำหรับเขาทุกอย่างดูง่ายไปหมด!

“โอกาสเหรอ? เริ่มต้นใหม่เหรอ?” ริมฝีปากบิดเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะสาวเท้าเข้าประชิดร่างที่สูงกว่า ยกมือขึ้นจับเนคไทสีเข้มแล้วพันมันรอบมือ ก่อนจะกำแน่นแล้วออกแรงกระชากจนใบหน้าคมคายโน้มต่ำ

“เริ่มต้นกันใหม่งั้นเหรอ.. หึ เห็นแก่ตัว... มึงมันเห็นแก่ตัว!!!” สิ้นคำมือข้างนั้นก็ผลักหน้าอกแกร่งออกไปสุดแรงจนร่างหนาเซถอยหลัง ผมเม้มริมฝีปากจนเจ็บระบมก่อนจะระบายลมหายใจยาวๆกับอารมณ์เดือดดาล ความเกลียดชังกำลังโหมกระหน่ำในใจของผม “จะไม่มีการเริ่มต้นใหม่ ไม่มีคำว่าโอกาส.. กูกับมึงไม่ได้รู้จักกันมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก็แค่คนแปลกหน้าที่บังเอิญมาเจอกัน มีเซ็กซ์กัน มันก็เท่านั้น” ลอบกลืนน้ำลายหนืดๆลงคออย่างอยากลำบาก ก่อนจะกลั้นใจพูดต่อให้จบ “ต่อจากนี้ อย่ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของกูอีกก็พอ ถ้าเจอหน้ากันก็ขอให้ทำเหมือนไม่รู้จัก ไม่ต้องมาทักมาพูดคุย กูขอเพียงแค่นี้ หวังว่ามึงจะทำให้ได้ ลาก่อน”

สิ้นคำก็หมุนกายหันหลัง มือจับลูกบิดกำมันแน่นจนแขนสั่น ก่อนจะตัดสินใจหมุนมันแล้วเปิดประตูออก

ปั้ง!!

เป็นอีกครั้งที่ร่างด้านหลังผลักประตูที่เปิดอ้าแล้วเหวี่ยงปิดอย่างแรง! ผมหันขวับมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว

พลันความเจ็บพุ่งเข้าจู่โจมต้นแขนทั้งสองข้าง เมื่อเขาบีบแขนผมแล้วผลักกระแทกเข้ากับประตูจนแผ่นหลังครูดผิวขรุขระของบานประตูหนาจนเจ็บไปหมด

“พูดอีกที” เสียงทุ้มกระซิบรอดไรฟัน ความเจ็บที่สองแขนเพิ่มเป็นทวีคูณ ผมกัดฟันอดกลั้นต่อความเจ็บปวดทั้งมวล

ในเมื่อเขากล้าย้อนถาม ผมเองก็กล้ายืนยันความต้องการของตัวเองเหมือนกัน

“ต่อไปนี้อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก กูเกลียดมึง มึงทำอะไรไว้ กูไม่เคยลืม!!” ผมตะเบ็งเสียงจนแสบคอไปหมด พลันเสียงปึ้งดังเข้าโสตประสาท เป็นเสียงที่เกิดขึ้นพร้อมกับความรู้สึกชาหนึบที่แล่นวาบทั่วศีรษะด้านหลัง ..เขาจับร่างผมกระแทกประตูอย่างแรงจนศีรษะโขกกับเนื้อไม้!

“มึงพูดว่าอะไร” ดวงตาคู่นั้นไหววูบชั่วครู่ก่อนจะกลับมาราบเรียบเหมือนเดิมอีกครั้ง จนผมคิดว่านัยน์ตาไหววูบเมื่อครู่ที่ผมเห็น บางทีอาจจะตาฝาดไปเอง

“....” ผมขบฟันแน่น นิ่งเงียบไม่โต้ตอบ เริ่มขัดขืนโดยการยกมือขึ้นผลักอกหนาแต่ร่างตรงหน้ากลับไม่เขยื้อนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งผมต่อต้านเขาก็ยิ่งเขย่าร่างผมแรงขึ้นจนหัวสั่นคลอน!

“ไอ้สัส! กูถามว่ามึงพูดว่าอะไร!!?” เสียงทุ้มคำรามลั่นก่อนจะเหวี่ยงผมกระแทกบานประตูอีกครั้ง ผมยกมือขึ้นลูบคลำตรงจุดที่เจ็บก่อนจะกำหมัดแน่นแล้วรัวทุบต่อยอกกว้างไม่นับ! ระบายความเจ็บปวดที่ผมได้รับจากเขาให้เขารู้สึกบ้าง! เชื้อเพลิงในตัวยิ่งโหมกระหน่ำมากกว่าเดิมเมื่อเขายกมือปัดป้อง

มันเป็นใคร มีสิทธิอะไรมาทำร้ายผม!? ผมเจ็บ เขาก็ต้องเจ็บ!

“กูเกลียดมึง! เกลียดมึง!!” พูดย้ำพร้อมกับสวนหมัดกระแทกแก้มกร้านสุดแรง! ผมหอบหายใจ มือกำแน่นจนเล็บจิกฝ่ามือ ลำตัวสั่นเทิ้มด้วยความเกลียดชัง! เขายกมือขึ้นลูบสันกรามก่อนจะตวัดสายตามองหน้าผมด้วยนัยน์ตากร้าว

แววตานั้น เหมือนกับตอนนั้นไม่ผิดเพี้ยน.. ความหนาวแล่นพล่านไปตามไขสันหลัง ผมรีบหมุนกายกลับก่อนจะพุ่งเข้าหาประตูที่เปรียบเสมือนแสงสว่าง

“ไม่ ..กูไม่ให้มึงไป!”

สิ้นเสียงมัจจุราช ผมก็รู้สึกเจ็บที่ต้นแขนเมื่อมือที่ราวกับคีมเหล็กรั้งไว้ก่อนจะกระชากผมเหวี่ยงลงพื้นแล้วตามมาคล่อมทับทันที

“บอกกู ว่าจะไม่ไปจากกู” นัยน์ตาสีดำราวรัตติกาลคู่นั้นว่างเปล่า ขาแกร่งทับท่อนล่างของผมไว้จนขยับไม่ได้

“ปล่อย!!” เส้นอารมณ์ของผมขาดผึง ตวาดเสียงดังก่อนจะทุบอกแกร่งอย่างแรงเมื่อเขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ มือหนาเย็นชืดลูบไล้ลำคอของผมแผ่วเบา ความกลัวแผ่กระจายไปทั่วร่าง

“พูดสิ ว่าจะไม่ไปจากกู.. พูด!” เสียงทุ้มคำรามลั่นเมื่อเห็นว่าผมเอาแต่นิ่ง พลันมือหนาสองข้างบีบลำคอของผมสุดแรง!

แรงบีบที่คอทำให้การหายใจเป็นไปอย่างยากลำบาก ผมยกมือสองข้างขึ้นจิกมือหนา ขณะที่ดิ้นสุดแรงตะกายตัวจะหนีแต่เพราะขนาดลำตัวและเรี่ยวแรงที่ต่างกันมาก ทำให้ผมไม่สามารถดิ้นหนีได้

“อึ่ก..! ป ปล่อย!”

“พูด!”

เขายิ่งออกแรงบีบมากกว่าเดิม ผมอ้าปากพยายามกอบโกยอากาศเข้าปอดให้มากที่สุด ลำคอเริ่มเจ็บร้าวจนกระดูกแทบจะหักคามือคนด้านบน ..มือข้างหนึ่งยังคงจิกทึ้งมือหนาต่อต้านไม่หยุด ขณะที่อีกข้างผละออกแล้วจิกครูดพื้น ป่ายเปะควานหาอะไรสักอย่างที่อาจช่วยผมได้ ..แต่ไม่มี

แรงบีบรัดเพิ่มมากขึ้น แต่ความเจ็บรอบลำคอที่กำลังเผชิญมันเทียบไม่ได้กับแรงบีบที่หัวใจจากมือที่มองไม่เห็น..

หัวใจของผมกำลังกรีดร้องอย่างหนัก อย่างที่ผมเองก็ไม่สามารถหาเหตุผลได้ว่าเพราะอะไร ..ทำไมผมถึงเสียใจที่เขากำลังทำร้ายผมอย่างนี้..

อากาศที่ใช้หายใจเริ่มไม่มี.. ทรมาน ร่างของผมเกร็งเครียด ..วินาทีแห่งความตายเฉียดเข้ามาใกล้แค่ปลายจมูก สติของผมเริ่มพร่าเลือนไปทุกขณะ...

“อย่าไปจากกู” เสียงนั้นเบาราวเสียงกระซิบ พลันมือที่รัดรอบลำคอค่อยๆคลายแรงปล่อยผมให้เป็นอิสระ ผมรีบสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างตระกุมตระกามขณะที่ยกมือสั่นเทาสองข้างขึ้นลูบลำคอก่อนจะไอโขลกจนเจ็บร้าวไปทั่วกระบังลม

พลันเลือดในกายเย็นเฉียบเมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสหยุ่นนิ่มแนบประทับกลางหน้าผาก ผมเบิกตากว้างมองใบหน้าคมคายที่อยู่ใกล้ระยะประชิด ผมสีเข้มตกระใบหน้าของผม ..ริมฝีปากหยักไม่หยุดเพียงแค่นั้น มันไล่ลงต่ำสัมผัสข้างแก้มของผม ทว่าก่อนที่มันจะแนบสนิทที่ริมฝีปากผมก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่นเสียก่อน ยังผลให้มือหนาเลื่อนขึ้นบีบสันกรามบังคับให้ผมหันมามองตรงๆ

“อย่าไปจากกู..” เสียงทุ้มลอดจากริมฝีปากหยักก่อนมันจะกดแนบลงมาที่ริมฝีปากของผม ผมเบิกตากว้างอย่างตื่นกลัว พยายามบ่ายหน้าหนีทว่าไม่สำเร็จ นึกรู้ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร

ความเจ็บปวดกำลังถาโถมเข้าใส่จนก้อนเนื้อเท่ากำปั้นบิดเบี้ยวไร้รูปทรงเมื่อมือที่มองไม่เห็นออกแรงบีบมากขึ้นจนใจทั้งดวงแทบแตกสลาย! ผมใช้สองมือทุบแผ่นหลังกว้างหวังจะให้เขาคลายจูบ ทว่าร่างด้านบนกลับไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย

“อึ่ก!..” ผมเบิกตากว้าง ชาวาบไปทั้งตัวเมื่อริมฝีปากถูกบีบออกก่อนปลายลิ้นร้อนจะชำแรกเข้ามา ผมกำทึ้งเส้นผมหนาจนปวดข้อนิ้ว ก่อนจะกระชากหวังให้ใบหน้านั้นยอมละออกไปโดยง่าย

..ได้ผล เขาปล่อยผมเป็นอิสระ

ลมหายใจร้อนรินรดผิวหน้าก่อนร่างหนาจะรวบจับมือประทุษร้ายสองข้างของผมแล้วตรึงไว้เหนือหัว ก่อนจะเคลื่อนหน้าเข้าใกล้แล้วจูบซับมุมปาก กระซิบเสียงแผ่วทั้งที่ปากไม่ผละห่าง

“ได้โปรด ..อย่าไปจากกู”

ริมฝีปากหยักบดคลึงริมฝีปากของผมอีกครั้ง หากแต่ผมปิดปากแน่นไม่ยอมให้เขาล่วงล้ำเข้ามามากกว่านี้

“อื้อ!!!” ครางอื้ออึงในลำคอส่ายหน้าหนีเป็นพัลวันเมื่อใบหน้าคมคายลดต่ำไซร้จมูกโด่งฝังกับลำคอของผม ริมฝีปากร้อนทำให้ผมขนลุกชัน

ความกลัว.. ความขยะแขยง ..ความผิดหวังถาโถมเข้าใส่จนผมตั้งรับไม่ทัน!

“อย่า..” น้ำร้อนรื้นขอบตาจนภาพในจักษุเริ่มพร่ามัว ลำคอเจ็บร้าวทุกครั้งที่เอื้อนเอ่ย นั่นคือผลจากการกระทำไม่ยั้งคิดของเขา

เขาเปลี่ยนมารวบจับมือสองข้างของผมด้วยมือเพียงข้างเดียว อีกข้างที่เหลือไล่ต่ำก่อนจะสอดเข้าใต้เสื้อ ผมแกร่งหน้าท้องทันทีที่ฝ่ามือร้อนสัมผัสลงมา..

“อย่า...” ผมกัดปากอย่างแรงจนสัมผัสได้ถึงรสเค็มปร่าของเลือด กลั้นสะอื้นจนตัวสั่น หัวใจกำลังร่ำร้องอย่างหนัก

“อยู่กับกู..” เขาพูดเสียงพร่า

ผมผวา เกร็งเขม็งไปทั้งร่างเมื่อขาแกร่งแทรกเข้ามากลางหว่างขาของผม ภาพเหตุการณ์ร้ายๆที่เคยถูกย่ำยีผุดเข้ามาในหัวไม่หยุด ทั้งพี่ชายที่ครั้งหนึ่งเคยเคารพและรักหมดหัวใจ รวมถึงเขาและเพื่อนของเขา... ความกลัวแผ่ไปทั่วร่างจนพาลให้ร่างกายนี้สั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้

“ฮึก.. อย่า! อย่า อึ่ก... มะ ไม่เอา อย่า! ได้โปรด ปล่อยผม ปล่อยผมไป!!” น้ำตาไหลออกจากหางตา มือที่ถูกพันธนาการไว้จิกลงกับฝ่ามืออย่างแรงจนปวดแปลบ ก่อนจะกรีดร้องหนักขึ้นเมื่อเขาไม่สนใจคำอ้อนวอนของผม กางเกงค่อยๆถูกปลดลงและดึงรั้งลงกองใต้สะโพก

“ไม่!! อย่า!! ฮึกก.!!” ผมยกหัวขึ้นจากพื้น พยายามหุบขาเข้าหากันไม่ให้เขาดึงกางเกงออกไปได้โดยง่าย พยายามกระเสือกกระสนตัวหนีแต่ก็ทำไม่ได้เพราะมือยังถูกตรึงไว้กับพื้น

“จิม!! อย่า ฮึก.. ฮืออ จิม..” ผมสะอื้นจนตัวสั่นน้ำตาไหลอาบแก้ม ก่อนที่ร่างที่อยู่ด้านบนจะหยุดทุกการกระทำ เขาผละหน้าขึ้นจากซอกคอมองสบตา นัยน์ตาคมไหววูบราวกับคนเพิ่งได้สติ

ริมฝีปากหยักอุ่นชื้นสัมผัสบดคลึงที่หน้าผากของผมเนิ่นนานพลางคลายมือที่พันธนาการผมไว้เหนือหัว เขาค่อยๆละหน้าออกห่าง นิ้วหัวแม่มือปาดเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ ผมมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ

“อย่าร้องไห้ ..กูขอโทษ” เขาค่อยๆลุกขึ้นจากร่างผมช้าๆแล้วค่อยๆประคองผมให้ลุกขึ้นนั่งตาม ทว่าผมกลับขืนตัวแล้วถอยหนีห่างจากเขา ปฏิเสธความหวังดีจอมปลอม ลำตัวยังสั่นเทิ้ม น้ำตายังไม่หยุดไหลออกจากสองตา ผมดึงเสื้อให้ปิดหน้าท้องเหมือนเดิมก่อนจะรวบจับกางเกงที่เลื่อนไปอยู่ใต้สะโพกให้ขึ้นมาอยู่ที่เดิมแล้วรูดซิปด้วยมืออันสั่นเทา

“ต้า..”

ผมก้มหน้าเลี่ยงการมองสบตา

คำขอโทษ ..ใครๆก็พูดได้

คำขอโทษเป็นเพียงลมปากที่ไม่ควรหลงเชื่อ

ใช่ ..ใครๆก็พูดได้

“..ม ไม่เป็นไร” พูดทั้งที่ปากสั่นมือสั่น.. ค่อยๆยันตัวเองขึ้นจากพื้น ขาแทบไร้เรี่ยวแรงในการพยุงตัว ..ความผิดหวังถาโถมจนผมแทบทรุดกองกับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า เขาหยัดกายลุกขึ้นยืนตามผม ก่อนจะเดินมาดักหน้า ขวางทางไม่ให้ผมเดินไปยังประตู

“กูขอโทษ.. มึงจะทำกูคืนก็ได้ จะทุบจะตีก็ได้..” ใบหน้าคมคายเผือดสี ขายาวก้าวเข้าใกล้ก่อนจะถือวิสาสะจับมือของผมแล้วชักนำให้ทุบตีหน้าอกของตนเอง แต่เป็นผมเองที่ขืนมือไว้ก่อนจะดึงมือออกอย่างไร้เรี่ยวแรง

“ได้โปรด ปล่อยผมไป..”

“กูขอโอกาสอีกครั้งได้ไหม กูสัญญา ว่าเรื่องแบบเมื่อกี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”

ผมเม้มปากแน่น ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่มีโอกาสสำหรับคุณอีกแล้ว.. ไม่มี เมื่อกี้คุณก็พูดอย่างนี้ ว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นอีก จะไม่ทำร้ายผมอีก แต่คุณก็ยังทำ.. แล้วจะให้ผมเชื่อคำพูดของคุณได้ยังไง”

“ไม่ ไม่แล้ว จะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว ...มึงจะเกลียดกูก็ได้ ..แต่อย่าไปจากกู ..มึงจะให้กูทำอะไร กูยอมทุกอย่าง แต่อย่าจากกูไปทั้งๆอย่างนี้ อย่าจากกูไปด้วยความรู้สึกแบบนี้ เพราะกูรู้ว่าถ้ากูปล่อยมึงไปตอนนี้ ..กูจะไม่ได้เจอมึงอีก”

ผมเบนสายตามองไปทางอื่นเมื่อสังเกตเห็นว่านัยน์ตาคมแดงก่ำและมีน้ำใสคลอหน่วยตา

“มึง ยังไม่ต้องยกโทษให้กูตอนนี้ก็ได้ กูรอได้”

ผมปิดหูปิดตาไม่รับฟัง..

“ปล่อย” พูดเสียงแข็งเมื่อมือหนายื่นมาจับแขนผมไว้ สร้างปราการปกป้องตัวเองเมื่อกำแพงของความเกลียดชังเริ่มสั่นคลอน

“ต้า พี่ขอร้อง..”

หัวใจกระตุกแกว่งอย่างห้ามไม่อยู่

“...ปล่อย ปล่อยผมไป” ผมส่ายหน้าพูดซ้ำๆ พลันขาขยับก้าวถอยหลังทันทีที่เขาเดินไล่ต้อนหมายจะเข้าใกล้

ไม่ว่าที่ผ่านมาเขาจะทำดีกับผมมากเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถลบล้างความผิดที่เขาเคยทำกับผมไว้ได้

ภาพตรงหน้าพร่ามัวยิ่งกว่าเดิมเมื่อดวงตากำลังกลั่นน้ำร้อนให้ไหลตกกระทบแก้ม มือสองข้างขยี้ตาแรงๆหวังจะไล่หยาดน้ำใสให้หมดไป แต่ขยี้จนเจ็บตามันก็ไม่ยอมหยุดไหลซักที พลันจมูกได้กลิ่นกายและสัมผัสคุ้นเคยที่โอบกอดผมไว้ทั้งตัว มือหนาของเขาลูบศีรษะของผมไปมาราวปลอบประโลม

“พี่ขอโทษ..”

ได้ยินเสียงทุ้มพูดอยู่ใกล้ๆพลันรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่ลาดไหล่ คล้ายกับอ้อมกอดนี้กำลังสั่นเล็กน้อย

ผมยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ขืนกายหนีจากวงแขนอบอุ่นที่เคยชิน จวบจนเมื่อเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ร่างหนาก็ค่อยๆดันผมออก

ผมเงยหน้ามองเขานิ่งไม่ไหวติง วินาทีนั้นราวกับมีเข็มแท่งเล็กๆปักลงกลางใจเมื่อสังเกตเห็นนัยน์ตาคมสองข้างแดงก่ำมากกว่าเดิม

“ถ้ายกโทษให้..” ผมหยุดพูดเพียงครู่ลอบกลืนน้ำลายหนืดคอก่อนจะกลั้นใจพูดให้จบ

“ถ้ายกโทษให้.. พี่จะปล่อยผมไปได้ไหม” ผมเม้มริมฝีปากแน่นหลุบตาลงมองพื้นเมื่อน้ำตาที่เพิ่งหยุดไหลทำท่าจะไหลออกมาอีกครั้ง

“ผมขอร้อง ปล่อยผมไป ฮึก.. ได้โปรด ปล่อยผม” ผมไม่ได้มองว่าเขากำลังแสดงสีหน้าอย่างไร กลัวว่าหากเผลอมองเพียงครั้งเดียวสิ่งที่ตั้งใจไว้จะพังทลายลงไม่เป็นท่า

“ต้า กูยอมมึงทุกอย่าง กูยอมหมดแล้วจริงๆ อย่าไปจากกู” มือหนาจับมือผมไปกุมไว้ก่อนจะบีบกระชับ ผมไม่ดึงมือออกค่อยๆสั่นหัวทั้งที่ก้มหน้านิ่ง น้ำตาตกกระทบพื้นหยดแล้วหยดเล่า

 

ผมไม่สามารถเชื่อใจใครได้อีก

เขาเคยทำร้ายผม แม้ว่าจะเป็นผมเองที่ยอมเดินมากับเขา แต่เขา..เขาทำร้ายผมอย่างเลือดเย็น ผมไม่สามารถมั่นใจได้ว่า เหตุการณ์แบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก.. เพราะกับคนที่โตมาด้วยกัน ยังทำลายความเชื่อใจของผมไม่เหลือชิ้นดี

หัวใจของผมแหลกสลายจนยากจะประสาน...

 

….

 

 

____________________________________

TALK :: ไม่รู้ว่าพาร์ทนี้มันจะปุบปับไปหรือเปล่า ยังไงก็คอมเม้นท์ติชมกันได้นะคะ จะได้นำไปปรับปรุง
ก่อนหน้าที่จะมาพิมพ์ทอล์คในหัวตีกันให้วุ่นวายไปหมด แต่พอมาพิมพ์จริง ลืมค่ะ 5555
อากาศหนาวเนอะ ดูแลสุขภาพกันด้วย เดี๋ยวไม่สบาย ใส่เสื้อหนาๆ นอนห่มผ้าอุ่นๆ (พูดแล้วก็ฟิน อยากจะซุกตัวลงใต้ผ้าห่ม 5555)
มาช้าไปหน่อย หัวปั่นกับพาร์ทนี้มาก T^T
คืนนี้ฝันดีค่า
PS. ขอบคุณกำลังใจมากๆเลยยยยย เห็นหน้าคนอ่านเก่าๆยังแวะเวียนมาก็ปลื้มปริ่ม สำหรับคนใหม่ก็ยินดีต้อนรับนะคะ ^______^
ไว้เจอกันใหม่พาร์ทหน้านะคะ จุ้บบบ   :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 06-12-2013 23:33:30
โอ้ กินขนมหวานอยู่ดีๆ คนแต่งก็ยกมาม่ามาเสริฟแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
ไม่ค่อยได้กลิ่น ไปแอบต้มมาตอนไหนนะ  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: pornumpai-ka ที่ 06-12-2013 23:34:37




 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:




ง่าาาาา  คู่นี้จะรักกันยังไงอ่ะ



หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 06-12-2013 23:37:37
โหยย จำได้แล้ว
แย่จริง เศร้าอะ ต้าร์อย่าไปเลยนะ สงสารจิมงะ
ฮืวววว  :o12:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 06-12-2013 23:48:01
โอ้ยยยย สงสารน้องต้า สงสารพี่จิม สงสารทั้งสองคนเลย คนนึงรั้ง คนนึงหนี ฮือออออ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 07-12-2013 00:12:51
โอ้วฮื้้ออออ

ว่าแล้วววว
สงสารจิมก็สงสาร

แต่ถ้าเราเป็นต้า ให้เราอยู่ด้วยก็คงไม่ไหวนะฮะะ 5555
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: tsukishi ที่ 07-12-2013 02:16:53
น้องต้าบอก ไม่เอาบีบคอ จะเอาจูบปลอบ
 //โดนตรบ  :laugh:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: †คุณเขียด ที่ 07-12-2013 05:28:00
ไม่ปุบปับหรอกคร่า o16

แต่ออกแนวหักดิบแหกโค้ง :freeze:

สงสารจิม แต่ก็เข้าใจต้า :sad2:

จิมต้องพิสูจน์ตัวเองเยอะๆนะคะ เพราะทำกับน้องต้าไว้เยอะจริงๆ :m29:

ยังไงก็ยังรอต่อไป :กอด1:

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ :m1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 07-12-2013 05:56:34
ไม่มีสัญญาณเตือนมาม่ามาก่อน
ไม่ทันตั้งรับเลยเรา
สงสารพี่จิมมมม
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 07-12-2013 08:10:31
ต้าร์รักเตเร์แบบไหนกันนะ จอร้องละอย่ารักแบบนั้นเลยฮือออออ
ตอนนี้เจ็บปวดที่สุดดดดดด กรี้ดใส่คนเขียนได้มั้ย อิอิ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: kuro ที่ 07-12-2013 08:38:44
หลังขนมหวานก็เสิร์ฟมาม่ามาซะตั้งรับไม่ทัน
ยังไงก็อยากได้จิมเป็นพระเอก
เตอร์ห่างไกลคำว่าสามีต้าเยอะ
มาคิดดูตั้งแต่ต้นถ้าเตอร์ไม่ทำร้ายต้าก็ไม่เจอเรื่องเลวร้าย
แต่ต้องขอบคุณเตอร์ที่ทำให้ต้าได้เจอกับจิม
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 07-12-2013 08:43:42
สงสารจิมจัง แต่ก็สงสารต้า :sad4:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: NO.666 ที่ 07-12-2013 15:41:15
ถ้าเมื่อเช้าไม่แอบกลับไปอ่านตอนต้นๆ ก็คงจะยกโทษให้จิมไปแล้ว
แต่สิ่งที่จิมทำไว้มันโหดร้ายเกินกว่าคนธรรมดาทั่วไปจะทนรับได้จริงๆ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 07-12-2013 16:05:13
สงสารจิม แต่น้องต้า ไม่น่าเลย ความจริงช่างปวดใจ

วันนี้ความจริงไม่น่าเกิดเลย แต่ไม่วันนี้ ก็คงสักวัน

โถ่พี่จิม :sad4: :o12: :hao5:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 07-12-2013 21:49:11
อ๊า่กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

โดนน้ำร้อนลวกปาก? ฮือออจะมาม่าทั้งทีไม่บอกไม่กล่าวเลย เร็วมากเลย
อ่านแล้วหน่วง ทั้งๆที่คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้

ไอ้พี่จิมสุดท้ายก็ยังทำร้ายต้าจนได้ เกลียดว่ะ
ความหวานที่ผ่านมามันหายไปหมดเลย :fire: :m16: :m31:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: argon ที่ 07-12-2013 21:53:18
 :sad4: :sad4:  น้องต้า  อย่าทำร้าย พี่จิม สิ (ต้า : ได้ข่าวว่าพี่จิม แม่ง บีบคอ ต้านะ !!!)  พี่จิมเค้ากลับตัวไม่ทันแล้วลูก ...

  เพราะ พี่จิม ตก หลุม รัก นู๋ จังๆๆ เลย   :o8: :-[ :-[

   " อย่า - ไป - จาก - จิม !!! "

สะกดจิต ต้า :really2:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 07-12-2013 21:55:26
ต้า่ร์จำไ้ด้แล้ว จิมจะทำยังไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 07-12-2013 22:34:11
อืออออออออออออออออออออออออ

มันเศร้าเกินกว่า....  จะบรรยายอ่ะ 
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 08-12-2013 09:14:18
อ๊ากกกก เศร้าใจ ต้ายกโทษให้พี่จิมด้วยยยย

น่าสงสารต้ากับจิมอ่่ะ

 อดีตก็ปล่อยให้เป็นอดีตนั่นก็คงจะถูก แต่ปัจจุบันก็ขอให้เดินหน้าต่อไป อย่าอยู่กับมัน

จนปล่อยให้มันย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราเอง จนในที่สุด 'อดีต' ก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของ 'ปัจจุบัน'และ

'อนาคต'
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 08-12-2013 22:12:44
สงสารจิมอ่ะ ฮือออออออ  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 08-12-2013 22:24:36
ในที่สุดวันที่จิมกลัวก็มาถึงจนได้ มาแบบไม่ทันตั้งตัว  :a5:

จิมจะทำไงต่อไป สงสารทั้งสองคนเลย อย่าเพิ่งมีอะไรเกิดขึ้นมาอีกเลย

ยังไม่พร้อม ไม่อยากให้จิมกับต้าน่าสงสารไปมากกว่านี้แล้ว

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Rein_Force ที่ 08-12-2013 23:51:37
อยากให้ดีกัน  :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 09-12-2013 00:53:33
เพิ่งเข้ามาอ่าน โหยเราพลาดได้ยังไงเนี่ย T T'
พลาดมาเป็นปี จริงๆ ก็เห็นเรื่องนี้นะคะ
แต่อ่านจากชื่อเรื่องนึกว่าแนวโชตะค่อน แบบโคตรพ่อโคตรแม่โชตะเลยข้าม
แต่นี่มัน ฮือออออ
ชอบอ่ะ
ชอบพี่จิม

แต่จากที่อ่านมาแอบสับสนพี่เซมมากเล็กน้อยถึงปานกลาง
พี่เซมชอบดิวหรือคะ? หรือพี่เซมชอบจิม?
หรือเราเข้าใจผิดไปเอง
ส่วนน้องต้าตอนเด็กนี่ดื้อมาก แต่น่ารักดี
พี่จิมสู้ๆ นะ น้องเริ่มหวั่นไหวนิดๆ แล้ว
ดูแลน้องให้ดีๆ นะคะ

เอาใจช่วยนะคนแต่ง
อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 09-12-2013 01:24:51
ฮืออออออ ต้าจำได้แล้ว ดราม่ามากกกก สงสารจิมอ่ะะะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: aimjungna ที่ 09-12-2013 11:02:00
อยากให้น้องต้าจำได้ไวไวจัง
เป็นกำลังใจให้นะคะสู้ ๆ *0*
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: atcharayee ที่ 09-12-2013 18:47:05
ต้าจำได้แล้ว ต้าจำได้แล้ว ต้าจำได้แล้ว มันเศร้าเกิน สงสารจิมอ่า  :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 14-12-2013 12:52:33
น้องต้าจำได้แร้ววว >.<
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 14-12-2013 16:02:23
เชดโด้ จบค้างสุดๆเลยค่า
มาต่อเร็วๆน้า
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: freesia ที่ 16-12-2013 00:57:25
เศร้าไปแล้ว
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 16-12-2013 11:56:04
คิดถึงงงงเรื่องนี้ฮืออออ รอฉันรอเธออยู่ ~
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: minimonmon ที่ 20-12-2013 08:27:53
สงสารทั้งคู่ ไม่อยากให้ต้าไปจากพี่จิมอ่ะ

แต่ความรู้สึกต้ามันก็ต้องใช้เวลา จิมก็ต้องเข้าใจน้องด้วยนะ

ตอนนี้ก็ต้องให้จิมพิสูจน์ตัวเองให้น้องเห็น

เอาใจช่วยคู่รัก(ในอนาคต)ล่วงหน้า

สุดท้ายขอเป็นกำลังใจใหคนเขียนจ้า
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 20-12-2013 09:57:38
สงสารทั้งคู่เลย
น้องต้าจำตอนที่กลายเป็นเด็ก 9 ขวบ ไม่ได้เลยหรอ น่าสงสารจิมมาก
รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Chi~Tao ♥ ที่ 26-12-2013 19:42:10
อ่านจบแล้วเกิดภาวะสูญญากาศ  คิดอะไรไม่ออก สงสารจิม. สงสารต้า  แต่ก็โทษใครไม่ได้
ผิดกันทั้งคู่อ่ะ   แต่ถ้าต้ากับจิมไม่ได้ทำแบบนั้นแต่แรก ทั้งคู่ก้ไม่เจอกันอีก
โอ๊ยยยยยยยยย. มันอธิบายไม่ถูกอ่ะ   น้ำตาจิไหล
 :katai1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Viper_Wa ที่ 27-12-2013 11:39:28
ความรู้สึกเหมือนได้ตังค์มาหลายล้าน :katai2-1:แล้วมารู้ทีหลังว่าเป็นแบงค์ปลอมทั้งดุ้นเลย :serius2:

สงสารอ่าาาาาา :hao5:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 27-12-2013 19:39:16
ThankS
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 28-12-2013 09:35:10
รอออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ จ้า
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: kamenashi ที่ 28-12-2013 16:53:29
อ่านตอนแรกแรกเนี่ย ..เจ็บมากค่ะ..ไม่อยากอ่านต่อเลย  มันเป็น SM ที่แรงที่สุดที่เคยอ่านมาเลย
..แต่ไม่รู้ว่าทำไม ..ไม่หยุดอ่าน..ตอนนี้..เข้ามารอทุกวัน..อยากอ่าน..แต่ยังก็ยังเจ็บในใจแปลกๆทุกครั้งที่อ่าน
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: atcharayee ที่ 29-12-2013 19:37:32
ช่วยด้วย คนเขียนหาย  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 31-12-2013 00:29:58
พี่จิมขอร้องน้องต้าร์  คนอ่านก็ขอร้องคนเขียน อัพพลีสสส
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| --ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.
เริ่มหัวข้อโดย: zaszaq ที่ 31-12-2013 14:37:11
 :call: :call: :call: :call: :call:

อัฟหน่อยนะๆๆๆๆๆ  :mew2:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon1030 ที่ 01-01-2014 13:34:03
ไล่อ่านมาตั้งแต่เมื่อคืน สนุกจนหยุดอ่านไม่ได้จริงๆ
ตอนล่าสุดก็ลุ้นว่าต้าจะใจอ่อนไหม แงๆๆ หวังว่าคนแต่งจะไม่ใจร้ายกับพี่จิมนะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 01-01-2014 14:29:52
โอ้ยยย อ่านเรื่องนี้แล้วหน่วงๆ

สงสารทั้งต้าทั้งจิมเลยอะ :monkeysad:

คนแต่งอย่าใจร้ายกับจิมน้ะ ขอให้ต้าใจอ่อนๆ :mew2:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 34 ขอร้อง {100}% [6/12/56] P.19
เริ่มหัวข้อโดย: NO.666 ที่ 02-01-2014 02:34:21
กลับมาอ่านอีกรอบ ^^
ยังรออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {70}% [2/01/57] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 02-01-2014 23:50:12
ตอนที่ 35 เมิน 70%


เคยเป็นไหมครับ ทั้งที่ตัดสินใจแล้ว แต่ก็ยังลังเลกับทางเลือกนั้น

ผมไม่รู้ว่าผมต้องการอย่างนี้จริงๆหรือเปล่า.. ทำไมทุกย่างก้าวที่เดินถึงได้เชื่องช้า ..ทั้งที่ความจริงผมอยากจะเร่งเดินเร็วๆ ทว่าสองขากลับหนักอึ้งด้วยความรู้สึกหน่วงๆที่ถ่วงอยู่ที่ปลายเท้า ..หูคอยเงี่ยฟังเสียงแปลกปลอมนอกเหนือจากเสียงรองเท้าของตัวเองที่ดังกระทบพื้น จวบจนเมื่อเดินมาหยุดอยู่หน้าลิฟต์ ผมก็ไม่ได้ยินเสียงแปลกปลอมอื่นใด

แม้แต่เสียงเปิดประตู..

ผมยกมือกดปุ่มลูกศรก่อนจะลดลงข้างลำตัว ในอกโหวงรู้สึกกระวนกระวายคล้ายกับทำของสำคัญหลุดมือ

..ของสำคัญ

มือสองข้างที่อยู่ข้างลำตัวเผลอกำเข้าหากัน ไม่ให้มือว่างจนเผลอยื่นมันออกไปไขว่คว้าสิ่งที่หายไป..

ติ๊ง!

เสียงนั้นดึงผมให้กลับเข้าสู่โลกของความเป็นจริง พลันประตูเหล็กบานหนาค่อยๆเลื่อนออกจากกัน

ในกล่องสี่เหลี่ยมนั้นไม่ได้ว่างเปล่าอย่างที่ผมอยากให้เป็น ผมหลุบสายตาลงต่ำหลีกเลี่ยงการมองสบตากับคนที่ยืนอยู่ในนั้นก่อนแล้ว สองเท้าเดินเข้าไปด้านในแล้วย้ายตัวเองไปยืนอยู่หลังปุ่มควบคุม

ประตูลิฟต์เคลื่อนปิดเข้าหากัน ก่อนมันจะค่อยๆพาผมไปสู่ชั้นล่าง

ผมไม่ชอบที่แคบๆอย่างนี้ ..มันทำให้ผมรู้สึกจนตรอก

“น้องครับ”

ริมฝีปากเม้มแน่นเป็นเส้นตรง ขยับกายเบียดผนังมากกว่าเดิมจนแขนสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกของมัน

“น้องครับ” เสียงนั้นดังในระยะที่ใกล้กว่าเดิม..

หากเป็นไปได้ ผมอยากจะหายตัวไปจากที่นี่เสียเดี๋ยวนี้ พลันร่างทั้งร่างสะดุ้งสุดตัวเมื่อสัมผัสแปลกปลอมจากมือของชายแปลกหน้ายื่นมาจับไหล่ของผม! ปฏิกิริยาของร่างกายเป็นไปโดยอัตโนมัติ ดวงตาเบิกกว้างพลันเบี่ยงกายหันเผชิญหน้ากับเขา ก้าวถอยหนีจนแผ่นหลังปะทะกับแผงควบคุม

“เอ่อ.. พี่ขอโทษ ไม่เป็นไรนะ?” นัยน์ตาคมของชายแปลกหน้าเต็มไปด้วยคำถาม ก่อนเขาจะชูมือขึ้นเหนือหัวแสดงความบริสุทธิ์ใจพลางก้าวถอยหลังไปยังอีกฝั่งหนึ่ง

“ไม่เป็นไร ..ผมไม่เป็นอะไร” พึมพำเสียงเบาในลำคอ พร้อมทั้งหมุนกายหันหลังให้เขา เพิ่งถึงชั้น 18…

ผมอยากออกไปจากที่นี่เร็วๆ ..ไม่อยากอยู่ใกล้กับคนแปลกหน้าในกล่องสี่เหลี่ยมแคบๆอย่างนี้ ..อึดอัด

ผมกัดปากตัวเองแน่นจนเริ่มเจ็บขณะที่มือก็กำแน่นจนเล็บจิกฝ่ามือ พลันมือยิ่งกำแน่นมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงขยับตัวและเสียงเสียดสีของเนื้อผ้า ผมแทบกลั้นหายใจเมื่อสัมผัสได้ถึงเงาตะคุ่มและไออุ่นจากร่างกายของมนุษย์

“พี่ไม่รู้หรอกนะว่านายไปเจออะไรมา” เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อพร้อมกันกับที่ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสจากเขาที่เฉี่ยวแขนผม.. ถึงสัมผัสนั้นจะผะแผ่วแต่ผมกลับผวา ขนลุกชันไปทั้งตัว.. นาทีนั้น ผมกลั้นหายใจและกัดริมฝีปากของตัวเองแน่นจนห้อเลือด

“รับเสื้อนี่ไว้ ..อย่างน้อยมันก็ปกป้องนายจากสายตาของคนภายนอกได้”

สิ้นคำผมก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่คลุมไหล่ ก่อนจะอุ่นไปทั้งคอเมื่อเขาใช้แขนเสื้อข้างหนึ่งพาดลำคอให้ ยังไม่ทันที่สมองจะประมวลผลว่าผมควรจะคืนเสื้อหรือควรขอบคุณ เสียงติ๊งของลิฟต์ก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างนั้นที่ก้าวเดินออกจากลิฟต์ไปโดยไร้ซึ่งคำลา

เมื่อประตูเหล็กบานหนาปิดบรรจบลงอีกครั้งในนี้ก็เหลือผมเพียงคนเดียว คล้ายกับมีอากาศให้หายใจมากกว่าเดิม ผมเริ่มผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายผ่อนคลายลงต่างจากเมื่อครู่ที่เกร็งเครียด ผมขยับกายหันหน้าเข้าหาผนังลิฟต์ที่เป็นกระจก ค่อยๆดึงแขนเสื้อที่พาดลำคอออก ไม่นึกแปลกใจที่รอยแดงช้ำจะเด่นชัดขนาดนี้

ผมใช้ปลายนิ้วสัมผัสมันเพียงผะแผ่ว สัมผัสภายนอกไม่เจ็บเท่ากับในใจ ..มันเจ็บแปลบทุกครั้งที่นึกถึงที่มาของรอยนี้

..เขา เปรียบเหมือนสัตว์ป่า

สัตว์ป่าที่ไม่ว่าจะอยู่ในป่าหรืออยู่ในเมือง.. มันก็ไม่ทิ้งสัญชาติญาณของตัวเอง  แม้ว่าเราจะให้อาหารมันทุกวัน มันก็ไม่มีวันเชื่อง จ้องแต่จะหาทางลอบทำร้ายเราทุกนาที

หากผมจะต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง ..แบบนั้น ผมจะมีความสุขจริงๆน่ะเหรอ?

ความเชื่อใจของผมที่มีต่อเขา มันติดลบไปตั้งแต่ที่เขาทำลายคำพูดของตัวเอง..

สายตาผละออกจากปื้นแดงของรอยนิ้วที่สะท้อนในกระจก มองเสื้อคลุมแขนยาวสีดำของใครบางคน ..น้ำใจเพียงเล็กน้อยที่ผมได้รับทำให้มุมปากเผยยิ้มบางๆ ตัดสินใจจับปลายแขนเสื้อที่เพิ่งดึงมันออกกลับมาพาดรอบลำคอของตัวเองอีกครั้ง ความอบอุ่นจากเสื้อสีเข้มไม่เพียงทำให้อุ่นกาย ยังผลให้หัวใจอุ่นซ่านขึ้นมาเล็กน้อย

มนุษย์ทุกคนไม่ได้เลวร้ายเหมือนกันหมด คนดีๆยังมีอีกมาก ผมเพียงแค่ได้รับผลกรรมของการกระทำไม่ยั้งคิด ..ผมได้แต่บอกตัวเองอย่างนั้น บังคับหัวใจของตัวเองไม่ให้ปิดตาย

กล่องสี่เหลี่ยมหยุดนิ่งเมื่อถึงที่หมาย ผมเดินผ่านประตูที่เลื่อนออกจากกันด้วยใจแน่วแน่ ไม่คิดหันกลับมองด้านหลังและไม่ลังเลอีกเป็นครั้งที่สอง

เท้าผ่อนความเร็วลงและกลายเป็นชะงักอยู่กับที่เมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างสมส่วนของผู้ชายคนหนึ่งที่ผมจำมันได้ดี

เบียร์..

ผมไม่อยากให้มันเห็นผมในสภาพนี้.. มือที่วางอยู่ข้างลำตัวกำชายเสื้อแน่น ใบหน้าไร้เลือดหล่อเลี้ยงพลันรีบหันหลังเดินย้อนกลับไปยังทิศทางที่เพิ่งเดินจากมา ทว่าทุกสิ่งกลับไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจ ..ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อต้นแขนถูกรั้งไว้ก่อนมือปริศนาจะจับร่างผมหมุนไปเผชิญหน้า

“ไอ้ต้า มึงจริงๆด้วย” น้ำเสียงยินดีของอีกฝ่ายทำให้ผมลอบกลืนน้ำลายลงคอ ดวงตาหลุบต่ำก้าวถอยหลังตั้งหลักหนึ่งก้าวพร้อมทั้งใช้อีกมือแกะฝ่ามือของมันออกจนเป็นอิสระ เพราะความหวาดระแวงทำให้ผมยกมือขึ้นคลำบริเวณคอตัวเอง สำรวจว่าเสื้อสีดำที่คลุมทับลำคอไม่ได้เลื่อนหลุดไปไหน

“อ อืม.. ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” พูดจบก็ให้อยากกัดลิ้นที่คิดบทสนทนาตอบโต้ได้เพียงแค่นั้น

"หืม มึงดูแปลกๆนะไอ้ต้า" มันครางเสียงสูงในลำคอ และด้วยคำพูดของมันที่ว่าผมดูแปลกๆไป ทำให้ผมอดรู้สึกร้อนๆหนาวๆไม่ได้

ผมควรทำตัวอย่างไรให้ไม่ดูแปลกไป ท่าทางตอนปกติผมเป็นยังไง ...

พลันความคิดสะดุดกึกเมื่อสัมผัสจากปลายนิ้วเย็นชืดแตะที่ปลายคางพร้อมทั้งออกแรงดันหน้าผมให้เงยมองสบตา

"เป็นอะไร ใครทำอะไรมึง"

ผมเบิกตากว้างก่อนจะผงะถอยหนี

มันรู้!?

"ต้า ใครทำอะไรมึง บอกกูมา" ท่าทีคุกคามของฝ่ายตรงข้ามทำให้ผมอยากจะเดินหนีเสียเดี๋ยวนั้น

เบียร์เป็นเพื่อนคนแรกนอกเหนือจากเขาคนนั้น

..ผมไม่อยากโกหกมัน แต่ผมก็ไม่พร้อมจะเล่าอะไรให้มันฟัง

ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนจะเบือนหน้ามองไปทางอื่น หลีกเลี่ยงการมองสบตา

ได้ยินเสียงถอนหายใจดังมาจากคนตรงหน้า และผมรับรู้ได้เองว่าท่าทีของมันดูอ่อนลง

"มาทำอะไรที่นี่"

การคาดคั้นเอาคำตอบให้ได้นั่นไม่ใช่นิสัยของมัน เพราะงั้นมันจึงเป็นบุคคลอันดับแรกๆเสมอที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจ

"มึงล่ะ" เลือกที่จะไม่ตอบแต่คำถามกลับ รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากเมื่อไม่โดนไล่ต้อน

"กะจะมาหาลูกพี่ลูกน้อง มันพักอยู่ที่นี่ แต่ช่างมันเถอะ มึงล่ะจะไปไหน ให้กูไปส่งมั้ย"

ส่ายหน้าปฏิเสธแต่อีกฝ่ายก็ทำหน้าดุใส่ หัวคิ้วมุ่นชนกันเล็กน้อยกับคำพูดเอาแต่ใจของมัน กำลังจะบ่ายเบี่ยงไม่ตอบ แต่เพราะเป็นเพื่อนกันมานาน รู้จักกันมานานมันจึงรู้ทันไม่ยอมให้ผมเฉออกนอกเรื่อง

"จะไปไหน บอกมา"

อาจเพราะสายตาดุๆ หรือเพราะตอนนี้ผมไม่เหลือใครแล้วก็ไม่รู้ ผมจึงเลือกตอบมันไปง่ายๆ

"กลับบ้าน"

"เดี๋ยวกูไปส่ง" พูดพร้อมทั้งโถมตัวเข้าประชิด แขนหนักคล้องคอผมดึงเข้าไปใกล้ก่อนจะเริ่มออกเดิน ผมเดินตามมันโดยไม่ขัดขืน ป่วยการที่จะต่อรองหรือขัดขืน ยิ่งผมต่อต้านมันก็ยิ่งสนุก

"มึงแม่งหายเงียบไปเลย โรงเรียนก็ไม่ไป ถือว่าสอบติดแล้วไงวะ พวกไอ้แบงค์ด่ามึงฉิบหาย โทรไปไม่รับ ปิดเครื่องตลอด โทรไปที่บ้านแม่มึงก็บอกไม่อยู่ นี่กะจะตัดขาดพวกกูแล้วไง?"

คำบ่นยืดยาวของมันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกไม่ดี กลับกัน ผมค่อยๆคลายยิ้มมุมปากช้าๆ

"ตอนนี้กูก็อยู่ตรงนี้แล้ว มึงยังจะเอาอะไรอีก"

สิ้นคำผมก็รู้สึกมึนหัวทันทีเมื่อมันขยี้หัวผมแรงๆพร้อมทั้งกดหัวผมลงต่ำ!

"ไอ้เชี่ยเบียร์!!" ตวาดแหวอย่างเหลืออด ทว่าอีกคนกลับหัวเราะดังลั่นเดินปลีกตัวหนีวิถีเท้าของผมอย่างรู้ทัน

"เอ้า! ตามมาเร็วๆอย่าให้ช้าครับน้องต้า วิ่งดิวิ่ง" คำพูดกลั้วหัวเราะมาพร้อมกับสีหน้ากวนตีน

อยากจะกระทืบเท้าเร่าๆอยู่ตรงนี้ เจ็บใจกับสายตาล้อเลียน ถึงแม้มันจะไม่พูดออกมา แต่ดวงตาคู่นั้นก็กำลังล้อผมว่าไอ้เตี้ย ไอ้ขาสั้น ขาสั้น!

"อย่าทำหน้าบึ้งอย่างนั้นสิ เร็วๆ มาๆพี่เบียร์หยุดรอ"

"ไอ้เชี่ยเบียร์ ถ้ามึงยังเล่นไม่เลิกกูจะ..."

"จะอะไรหะเตี้ย"

"ไอ้เบียร์!!"

สิ้นคำอีกฝ่ายก็หัวเราะเสียงดังอย่างไม่อายสายตาคนมอง ผมขบเคี้ยวเขี้ยวฟันมองมันอย่างเจ็บแค้น

"จะกลับบ้าน!"

"เสียงดังทำไมเนี่ยมึงนี่" มันแสร้งบ่นด้วยท่าทางระอาเอือมพร้อมทั้งกวาดสายตามองไปรอบบริเวณทำให้ผมมองตาม ก็พบว่า ตอนนี้ทั้งผมและมันกำลังเป็นที่สนใจของสายตาของคนที่พักที่นี่รวมถึงพนักงานที่ล็อบบี้ด้วย

เขม่นมองมันอย่างเอาเรื่อง แต่อีกคนกลับยักไหล่ไม่แคร์ ผมถอนหายใจเดินนำมันออกจากคอนโดแห่งนี้

ทว่าเพียงแค่ก้าวพ้นประตูทางเข้าได้เพียงก้าวเดียวก็ถูกคว้าคอเสื้อจากคนด้านหลัง ผมหันไปมองด้วยสีหน้าบึ้งตึง อารมณ์หงุดหงิดเริ่มปะทุเมื่อมันยังเล่นไม่เลิก

"รู้หรือไงว่ารถกูอยู่ไหน"

ผมนิ่ง สมองปิดสวิตช์ กลืนคำด่าลงคอ

"หึ รออยู่ตรงนี้ ห้ามไปไหน เข้าใจมั้ย"

"เออ" ตอบเสียงห้วน ขัดใจกับการกำชับของมันที่ทำราวกับผมเป็นเด็กสามขวบ พูดจบมันก็เดินห่างออกไปโดยที่ผมมองตามแผ่นหลังนั้น ก่อนจะผละสายตากลับมามองทิวทัศน์ตรงหน้าพลางมือยกขึ้นกระชับเสื้อคลุมสีดำให้ดีกว่าเดิม

อีกไม่กี่นาทีก็จะได้กลับบ้านแล้ว

..ถ้ากลับไปแล้วเจอมัน ผมควรทำหน้าอย่างไร

ถ้ามันไม่อยู่บ้านคงจะดี..

ยืนรอไม่นานก็มีรถสีบลอนด์ทองมาจอดตรงหน้า เพราะจำได้ว่าเป็นรถใครผมจึงเดินขึ้นไปโดยดี

ความจริงแล้วรถคันนี้ไม่ใช่ของไอ้เบียร์มันหรอกครับ แต่ไอ้ห่านี่นิสัยเสียจิ๊กรถพ่อมันมาใช้เรื่อย ขับมาทีก็จะมีตุ๊กตาหน้ารถเป็นน้องดาวโรงเรียนนั่งให้ให้คนอิจฉาเล่น โครตวางท่าอะ ถ้ามันไม่มีผมเป็นเพื่อนคงจะไม่มีใครมาคบกับมันนั่นล่ะครับ เล่นทำตัวเด่นซะขนาดนั้น

"นินทาเชี่ยไรกูในใจ" มันเอ่ยถามขณะที่ม้าเหล็กออกตัวราวกับมียานหยั่งรู้

"เปล๊า"

"ทำเป็นปฏิเสธ คนอย่างมึงคิดอะไรก็ออกทางสีหน้าหมด ปิดกูไม่มิดหรอกสัส"

"หึๆ" หัวเราะแบบมีเลศนัยแทนการโต้ตอบ พูดมากไปจะเข้าตาจน สู้นิ่งๆไว้ดีกว่า

ผมเบนหน้ามองออกนอกหน้าต่าง สายตาโฟกัสที่กระจกข้าง ..ตัวรถเคลื่อนออกห่างจากตึกสูงระฟ้ามากขึ้นทุกที ..และห่างเรื่อยๆจนผมไม่สามารถมองเห็นมันได้

เสียงเพลงสมัยนิยมแทรกเข้ามาในโสตประสาท ผมค่อยๆเอนหลังพิงเบาะหนังช้าๆ ก่อนจะเอียงหัวไปหาคนที่นั่งหลังพวกมาลัยเมื่อเสียงทุ้มพูดขึ้นทำลายบรรยากาศ

"มึงรู้รึยังว่านิกซ์มันจะมาไทย"

"หืม เมื่อไหร่"

"อาทิตย์หน้ามั้ง มึงจะไปรับมันปะวะ"

"ถ้ามึงไป กูก็ไป"

คำตอบรับเป็นเพียงเสียงหัวเราะขึ้นจมูกและรอยยิ้มมุมปาก

นิกซ์เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่มาเรียนที่ไทยเมื่อปีที่แล้ว ไอ้เบียร์คือโฮสแฟมิลี่ของมัน มีเหรอที่มันจะไม่ไป

แต่ก่อนผมเป็นโรคกลัวคนต่างชาติมากนะ แค่เห็นก็ขอบาย เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง แต่เพราะนิกซ์ทำให้ความกลัวนั้นค่อยๆหายไป ไอ้เบียร์ป๊อบในหมู่สาวๆยังไง นิกซ์มันก็ได้รับความนิยมไม่ต่างกัน มันเป็นที่รักของเพื่อนร่วมชั้นและรุ่นน้อง อาจเพราะหนึ่งมันหน้าตาดี สองมันเป็นลิงเผือก สาวๆเลยกรี๊ดมันใหญ่ ผมนี่คะแนนตกฮวบฮาบตั้งแต่มีมันเข้ากลุ่ม

แรกๆผมไม่ชอบขี้หน้ามันเลย คนอะไรกวนตีนฉิบหาย แต่พอมันจะกลับประเทศเท่านั้นล่ะ เศร้าครับ เวลาหนึ่งปีจะว่าเร็วก็เร็ว แต่มันนานพอที่จะสร้างความรู้สึกดีๆ ได้โดยเฉพาะมิตรภาพ

ช่วงสองสามเดือนแรกก็มีเมลล์คุยกัน สไกด์คุยกัน แต่พักหลังมาก็ค่อยๆหายไป แต่ละคนก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง ผมเองก็ยุ่งๆเรื่องเตรียมสอบจนไม่ได้แตะคอมไปช่วงหนึ่ง

“ถ้ามันมาจะมาอยู่กี่วันวะ” ที่ถามก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ จะได้จัดทริปเที่ยวถูก

“ตลอดไปมั้ง”

“พูดเป็นเล่น” คิ้วขมวดชนกันมองคนพูดที่ไม่ละสายตาออกจากถนนเบื้องหน้า

“ก็พูดเล่นน่ะสิ กูจะไปรู้มันมั้ยล่ะ”

“กวนตีน”

“หึ”

ผมโคตรเกลียดเลยเสียงหัวเราะแบบนี้ สะบัดหน้าหันไปอีกทางมองออกไปนอกหน้าต่างผ่านเส้นทางคุ้นตาก็พาลให้ใจเต้นระทึก และไม่นานเครื่องยนต์ก็ดับลงที่หน้าบ้านที่ผมอยู่มาตั้งแต่จำความได้ ..ถึงบ้านแล้วแต่ผมก็ยังไม่ลง จนเบียร์หันมามองพลางเลิกคิ้วสูง

“ถึงแล้ว” มันพูดในสิ่งที่ผมรู้อยู่แล้ว แต่ผมก็ยังนั่งนิ่ง

“มึงมีปัญหากับที่บ้านเหรอวะ”

“เปล่า!” โพล่งตอบก่อนจะนิ่งเมื่อรู้สึกได้ว่าอาการสวนตอบไปแบบนั้นอาจเป็นพิรุธได้ ผมปลดเบลล์ออกพลุนพลันเปิดประตูรถแล้วพาตัวเองลงไปยืนบนพื้นลาดยาง

ปัง!

ปิดท้ายด้วยการปิดประตูรถเสียงดังโดยไม่ตั้งใจ และแทบจะทันทีที่ไอ้เบียร์ลดกระจกฝั่งที่ผมยืนอยู่ลง สีหน้ามันยุ่งยาก ผมรีบขอโทษขอโพย

“โทษทีว่ะ มันหลุดมือ”

“เออๆ นี่ถ้าไม่เห็นว่ามึงเป็นเพื่อนกูนะ มึงโดนกูเตะตูดแล้ว” ยกกำปั้นขึ้นให้อยู่ในระดับสายตาของคนในรถก่อนนิ้วที่อยู่ตรงกลางจะดีดเด้งขึ้นมากระแทกใส่ตามัน

“แหม่ะ เดี๋ยวนี้ทำเก่ง” มันหัวเราะขึ้นจมูกก่อนจะไล่ผม “เข้าบ้านได้แล้วไป กูจะกลับละ”

“เออ ขอบใจว่ะ”

สิ้นคำมันก็ออกรถวิ่งฉิวผ่านผมไป จวบจนเมื่อเสียงเครื่องยนต์ค่อยๆเบาลงจนไม่ได้ยิน ผมก็ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ สายตามองบ้านหลังเล็กตรงหน้าด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง

ขาที่กำลังจะก้าวเป็นอันต้องชะงักเมื่อหูแว่วได้ยินเสียงกุกกักคล้ายเสียงเปิดประตู ก่อนประตูบานหนาจะถูกเปิดออกจากคนด้านใน เป็นมันที่เดินออกมา...

เมื่อมันหันมาเห็นผม มันเองก็ชะงักไปครู่ก่อนจะเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เป็นผมที่ยืนนิ่ง ร่างทั้งร่างชาวาบราวกับถูกสาดด้วยน้ำเย็นๆ รู้สึกจุกในอกจนมือสั่นเทา

“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“...” ความเงียบคือคำตอบของคำถามนั้น วิคเตอร์เปิดประตูรั้วดันออกกว้าง เบี่ยงกายหลบเหลือพื้นที่ให้ผมเดินเข้าบ้าน

“เป็นอะไร? เข้ามาในบ้านสิ พ่อกับแม่รออยู่”

ผมจ้องตากับอีกฝ่ายนิ่งๆ มองรอยยิ้มของเขาด้วยความรู้สึกมัวๆที่เกิดในใจ

ทำไมถึงได้ยิ้มระรื่นราวกับไม่เคยมีเรื่องหมางใจกัน ทำไมถึงยังทำเฉยอยู่.. ลืมไปแล้วเหรอ?

เสียงรองเท้าดังลากพื้นเป็นเสียงที่เกิดขึ้นพร้อมกับที่ภาพร่างสูงมีขนาดใหญ่ขึ้นในการมองเห็น ..มันกำลังเดินเข้ามาใกล้

มือขยับยกหนีทันทีเมื่อเห็นว่ามือหนาข้างหนึ่งยื่นมาหมายจะจับแขน

“เมื่อไหร่จะเลิกทำท่าทางแบบนี้สักที” ผมพูดเสียงเรียบสายตาไม่ได้มองสบกับเขาตรงๆ แต่มองไหล่แกร่งแทน

“...”

ผมไม่รู้ว่าวิคเตอร์กำลังรู้สึกแบบไหน กำลังมองผมยังไง ..เพราะผมเลือกที่จะหนีในการปะทะกับเขาตรงๆ

“พี่ทำได้ยังไง ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น.. หลอกทุกคนไปวันๆ หลอกแม้แต่ตัวเอง”

 “...”

“เรื่องทุกอย่าง ผมจำมันได้หมดแล้ว จำได้หมดแล้วว่าพี่เห็นผมเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่น” ผมกำมือแน่นม่านตาเบิกกว้างมากกว่าเดิม สกัดกั้นไม่ให้น้ำร้อนไหลออกจากหน่วยตา “พี่ไม่ใช่พี่ชายที่ดีอย่างที่ผมเคยคิดไว้ ..ผมเองก็ไม่ใช่น้องชายที่ดีพอจะยกโทษให้ง่ายๆ”

“พี่ขอโทษ..”

ผมเหยียดยิ้มหยัน เพียงวันเดียวผมก็ได้รับคำขอโทษจากผู้ชายถึงสองคน

ผมมองเมินใบหน้าซีดเผือดและนัยน์ตาหม่นเศร้า ก่อนจะเดินผ่านเขาเข้าไปในบ้าน คล้อยหลังร่างพี่ชายก็ราวกับกำแพงพังทลายลง หยาดน้ำรินไหลออกจากหัวตา ผมรีบใช้นิ้วกดและปาดเช็ดมันออกอย่างรวดเร็วพลางกระพริบตาถี่ ขับไล่หยดน้ำให้ไหลกลับลงไปที่เดิม

เพียงแค่เข้ามาในบ้าน กลิ่นหอมกรุ่นก็ลอยมาเตะจมูก ผมปั้นหน้าฝืนยิ้มเดินอ้อมไปกอดพ่อที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่เก้าอี้หัวโต๊ะทานอาหาร

“พ่อ ต้ากลับมาแล้ว..” ปลายเสียงสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ สองแขนกระชับโอบรอบคอพ่อแน่นก่อนจะฝังจมูกหอมแก้มกร้านฟอดใหญ่ให้หายคิดถึง มือหนาของพ่อที่กำลังจะเปิดพลิกหน้าหนังสือพิมพ์ชะงักก่อนจะรวบเก็บวางบนโต๊ะ จับมือผมออกดึงให้เดินมาอยู่ด้านหน้าก่อนจะจ้องมองผม

“ว่ายังไงไอ้ลูกหมา จะกลับมาทำไมไม่โทรบอกจะได้ไปรับ แล้วนี่กลับมายังไงหืม” มือหยาบกร้านจับผมไปทั่วทั้งตัวด้วยอารามดีใจ แววตายินดีที่ปิดไม่มิดทำให้ผมตื้นตัน

“เบียร์มาส่ง เพิ่งกลับไปเมื่อกี้” พูดบอกก่อนจะโน้มตัวไปกอดพ่อที่นั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง ได้ยินเสียงทุ้มหัวเราะแผ่วเบา

ต่อให้พ่อบ่นว่ารำคาญ บ่นว่าร้อนผมก็ไม่ปล่อยพ่อหรอก

“แล้วเป็นยังไง หายดีแล้วเหรอไง”

“อื้มม หายดีแล้ว ต้าคิดถึงพ่อที่สุดเลยย” พูดจบก็หอมแก้มพ่อแรงๆอีกครั้ง พลันได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำและเสียงฝีเท้าเดินย่ำมาทางนี้

“อ้าว กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

น้ำเสียงคุ้นหูของผู้หญิงหนึ่งเดียวในบ้านดังขึ้นทำให้ผมจำต้องผละออกจากพ่อแล้วหันไปยกมือไหว้แม่

“เมื่อกี้ครับ เบียร์มาส่ง”

แม่พยักหน้ารับแกนๆก่อนจะเดินไปหยุดหน้าเตาแก๊ส เปิดฝาหมอทำให้กลิ่นหอมของอาหารชัดเจนยิ่งขึ้น ก่อนจะคนไปมาแล้วปิดฝาอีกครั้ง ผมมองแผ่นหลังบอบบางอย่างอดน้อยใจไม่ได้

การที่ผมไม่อยู่บ้านนานๆไม่ทำให้แม่คิดถึงผมบ้างเลยเหรอ

ห้วงความคิดสะดุดลงเมื่อเสียงเลื่อนเก้าอี้ดังขึ้นและผมถูกจับจูงให้นั่งลง ผมมองพ่อที่ทิ้งตัวนั่งลงที่เดิมก่อนจะปั้นหน้ายิ้มแป้น โยนเรื่องน้อยเนื้อต่ำใจนั้นทิ้งไป ทว่าหัวใจก็เจ็บแปลบทุกครั้งเมื่อมองดวงตาหลังกรอบแว่นคู่นั้นของพ่อ

...สาเหตุที่ทำให้แม่รักผมน้อยลง

ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นอย่างนี้

“คิดมากอะไรอยู่หืม” น้ำเสียงอบอุ่นของพ่อที่เอ่ยถามอย่างเอื้ออารีทำให้ผมอุ่นซ่านไปทั้งหัวใจ ผมผละสายตาออกมามองพ่อก่อนจะส่ายหน้าไปมา แต่การโกหกปิดบังสิ่งที่คิดกับคนที่เลี้ยงผมมาตั้งแต่เล็กเป็นไปได้ยาก ..พ่อรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร

“ถ้าเป็นเรื่องนั้น ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องคิดมาก พ่อไม่เป็นไร พ่อกับแม่ไม่เคยโกรธลูก”

แล้วทำไมแม่ถึง...

ผมกัดปากล่างหลุบตาต่ำกลัวพ่อจะล่วงรู้ความคิด ทว่าสัมผัสอบอุ่นจากฝ่ามือนุ่มๆที่กำลังลูบไล้เส้นผมของผมก็ทำให้ผมผงะ พลันเงยหน้ามองคนที่กำลังลูบผมอย่างตกใจ

“เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วไปแล้ว เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ แม่ขอโทษที่ทำไม่ดีกับลูกและอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย ..ยกโทษให้แม่นะครับ”

ผมพยักหน้าขึ้นลงอย่างหมดเงื่อนไขใดๆ เพราะนี่คือสิ่งที่ผมโหยหามาตลอด การให้อภัยจากแม่

ผมขยับกายหันไปหาแม่ก่อนจะโผเข้ากอด สองแขนโอบรัดรอบเอวพร้อมกับซุกหน้าลงกับหน้าท้องนิ่มๆ

ไออุ่นของแม่..

เสียงเปิดประตูหน้าบ้านทำให้รอยยิ้มบนหน้าของผมชะงักค้าง

“มากินข้าวเร็วตาเตอร์”

“ผมว่าจะไปกินที่ม.” น้ำเสียงอึกอักมาพร้อมกับประโยคบอกเล่าที่คิดจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า

“ข้าวบ้านตัวเองก็มีจะไปกินที่อื่นทำไม น้องก็เพิ่งกลับมาบ้านวันแรก อยู่กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันนี่แหละ” แม่พูดเอ็ด ก่อนจะดันผมออกจากไออุ่น ไม่วายยีหัวผมอีกครั้งจนยุ่งก่อนจะเดินเข้าครัวไปยกสำรับอาหาร

“ขึ้นไปเตรียมตัวก่อนไป อีกสักพักลงมากินข้าว”

“คร้าบ”

ผมมองใบหน้าคมคายของพี่ชายร่วมสายเลือดนิ่งๆ แต่เขากลับไม่มองสบตาผม เลี่ยงขึ้นห้องชั้นสองไป

การจะตัดคนๆหนึ่งออกจากชีวิต ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้

เขาก็เป็นแค่คนร่วมสายเลือด

เป็นแค่พี่ชาย

เป็นแค่คนที่ผมรัก

...ผมไม่ได้หวังว่าความสัมพันธ์ต่อจากนี้ของผมกับเขาจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เพราะต่อให้เขาขอโทษผมสักกี่ร้อยครั้ง ผมก็แน่ใจว่าคำขอโทษของเขาไม่สามารถลบล้างตราบาปในใจผมไปได้

ในสายตาของพ่อและแม่ ผมกับเขายังเป็นพี่น้องกันอยู่ ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป และผมมั่นใจว่า เขาคงไม่ปริปากบอกคนในบ้านถึงการกระทำชั่วช้าแน่นอน

ทุกคนมองว่าเรายังเป็นพี่น้อง แต่จริงๆแล้ว.. มันไม่ใช่

ผมกับเขา จบกันไปแล้ว ...สายสัมพันธ์มันขาดสะบั้นตั้งแต่ผมร้องขอให้มันหยุดจนคอแทบแตก!

..การถูกมองข้ามราวกับอากาศธาตุมันเจ็บปวดนะครับ แต่นั่นมันเทียบไม่ได้เมื่อเราถูกเป็นตัวแทนของใครบางคน...

เทียบไม่ได้เลยสักนิด..

ความรัก ความไว้ใจ ..ไม่มีแล้ว

ระยะเวลาที่มันดูแลผมมาตั้งแต่เด็กก่อเกิดเป็นความรักและความเชื่อใจ ..สิ่งเหล่านั้นถูกทำลายลงในเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่ตัณหาครอบงำ..

และผมไม่รู้ว่า ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ ความรักที่ผมมีต่อมันหรือสักกะพีกเดียวจะกลับมาได้

...บางที อาจไม่มีวันนั้น

ผม ไม่ใช่คนดีมากพอที่จะอภัยให้ใครด้วยหัวใจบริสุทธิ์

ไม่ว่าจะกับจิม คนแปลกหน้าที่เลวทราม

หรือพี่ชายร่วมสายเลือดที่เลวระยำ..

 

________________________________________

TALK :: มาแล้ววววววววว รอกันนานมั้ยยยยย ต้องขอโทษและขอบคุณมากๆเลย T^T
ดีใจที่มีคนมาทวงเรื่อยๆ คิดถึงน้องต้ากันอะเด๊ เราก็คิดถึงนักอ่านทุกคนเหมือนกันน้า (หยอดไปอีกหนึ่งดอก 555)
อีก 30%ที่เหลือจะตามมาในไม่ช้านี้ ไม่ช้าจริงๆ เชื่อสิ T_T
แม้ว่าจะเลยวันมาแล้ว แต่ก็อยากบอกว่า Happy New Year นะคะ ปุ้งๆ มีความสุขมากๆ สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา ใครที่กำลังเรียนก็ขอให้เกรดออกมาสวยสมดังใจ ใครที่ทำงานแล้วก็ขอให้การทำงานราบรื่น เจ้านายใจดีเพิ่มโบนัสให้ 555 เหนือสิ่งอื่นใด ขอให้คนอ่านทุกคนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัย เพี้ยงๆ
คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
อีกสามสิบเปอร์จะรีบเข็นมาลง
เพราะแรงของความคิดถึงและแรงเชียร์แรงกดดันของทุกคนเลย ทำให้แต่งมาได้ มันเป็นความกดดันที่แสนหวานค่ะ 5555555555

คืนนี้หลับฝันดีน้า : )
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {70}% [2/01/57] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: minere_mi ที่ 03-01-2014 00:13:19
กรี๊ดดดน้องต้าาา นึกว่าตาฝาด
Happy new yearเช่นกันจ้าคุณคนเขียน (ชอบอิตรงเสียงมีปุ้งๆประกอบด้วย5555)
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {70}% [2/01/57] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: †คุณเขียด ที่ 03-01-2014 00:14:43
ตอนแรกนึกว่าตาฝาด
เข้าใจต้านะคะ :hao5:
แต่พี่จิมจะทำทุกอย่างเพื่อให้น้องให้อภัยใช่ไหมคะ
พี่จิมอย่าปล่อยต้าไปนะคะ แม่ยกร้าวร้าน :o12:
ส่วนน้องต้า หนูอาจจะไม่ลืมก็ไม่เป็นไรนะคะ
แต่หนูอย่าปิดตัวเองนะ อย่าจมกับอดีตที่แก้ไขอะไรไม่ได้ :กอด1:

 :L2: แด่คนเขียน

จาก เขียดศรีฯ แม่ยกพี่จิม
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {70}% [2/01/57] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: argon ที่ 03-01-2014 00:15:55
กรี๊ดดดด  น้องต้ามาแบ้วววว  ดีใจฟุดๆ   :hao5:

คิดถึงต้ามาก  ...  แต่โดน น้องต้า "เมิน" กรี๊ดดด   :ling1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {70}% [2/01/57] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon1030 ที่ 03-01-2014 00:26:11
น้องต้าต้องเข้มแข็ง อย่าใจอ่อนง่ายๆนะ โดยเฉพาะกับเตอร์!!!
ทำร้ายร่างกายกันไม่พอ ยังจะทำร้ายจิตใจน้องต้าได้ลงคอ จริงๆแล้วเตอร์เเย่กว่าพี่จิมอีกอ่ะ

ป.ล.สวัสดีปีใหม่ค่า~~
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {70}% [2/01/57] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 03-01-2014 05:15:41
สงสารจิม สงสารต้า สมน้ำหน้าเตอร์  :mew5:

อยากรู้ว่าต้าทำอะไรให้แม่โกรธ  :katai1:

สว้สดีปีใหม่ค่าาา  :hao7:  :mew1:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {70}% [2/01/57] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 03-01-2014 09:36:13
สงสารน้องต้าอะ อยากให้กลับมามีชีวิตปกติจัง มาต่อไวๆนะคะ รออยู่ แล้วก็ HNY เช่นกันค่า
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {70}% [2/01/57] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 03-01-2014 10:54:45
โฮวววววววว :sad4:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {70}% [2/01/57] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 03-01-2014 17:15:58
ขอพี่จิม จงกลับมาพยายามหาทางง้อน้องที ได้โปรด

อยากเห็นน้องต้าเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆแบบนี้จัง

ดีใจที่นิยายที่เรารักในที่สุดก็ได้อ่าน

สวัสดีปีใหม่เหมือนกันนะคะ

รักน้องต้ารักพี่จิม

เตอร์ ขี้ขลาดหว่ะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {70}% [2/01/57] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 03-01-2014 20:24:28
คิดถึงงงงงง  :impress3:

หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {70}% [2/01/57] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 03-01-2014 23:51:41
ู้รู้สึกว่าน้องต้าร์จะเป็นคนแค้นฝังหุ่น แบบคงไม่ยอมให้ง่ายๆ คิดถึงนิสัยตอนเด็กๆที่ยังบริสุทธิ์จริงๆ
บางทีก็สงสารเตอร์ ต้องให้พี่ชายตายก่อนหรือเปล่า ต้าร์ถึงจะยอมให้ แง่งง(แบบว่าบางทีก็เชียร์พี่ชายนะ55)
ส่วนจิม...ต้องขอมอบเพลงนี้ให้ "ต้องทำยังไงเธอถึงจะยอมหายโกรธ ต้องทำยังไงเธอถึงจะยกโทษให้ฉันนนนนน" แงงงงง(จริงๆเพลงนี้ได้ทั้งพี่ทั้งจิมเลยทีเดียว เพราะน้องต้าร์ใจแข็ง
ส่วนชายผู้ใจดีในลิฟท์นั้น..แค่ตัวประกอบหรือจะมีบทบาทอะไรหรือเปล่านะ.....
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {70}% [2/01/57] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 04-01-2014 11:56:57
คิดถึงพี่จิม แงๆๆๆ T___T
น้องต้า อย่าใจแข็งนานนักน๊าา~
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {70}% [2/01/57] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 04-01-2014 15:31:53
จิม จิม จิม

คิดถึงตอนต้าเรียกจิมอ่าาา .. :hao5:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {70}% [2/01/57] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: kamenashi ที่ 04-01-2014 19:39:47
เอาน้องต้า..ของจิมคืนมา :katai1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {70}% [2/01/57] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 05-01-2014 03:21:16
อ๊ายย คิดถึง
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {70}% [2/01/57] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 05-01-2014 11:31:21
คิดถึงพี่จิมมมมม มาง้อต้าเร็วๆน้ะ ง้อดีๆด้วยหล้ะะ :katai4:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {70}% [2/01/57] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 05-01-2014 23:40:48
ตอนแรกเหมือนจะไปในทางที่ีดี   พอต้าจำได้ ความรู้สึกดีๆ ก็จบไป 

ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะดำเนินต่อไปยังไงจริงๆ  ยังไงก้รอค่ะ 

เง้ออออออออออออออ เศร้า
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {70}% [2/01/57] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 09-01-2014 13:47:50
ลุ้นมากกก จะเปนยังไงต่อ

สรุป พระเอกคือผู้ชายในลิฟท์ ผ่าง!!
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {70}% [2/01/57] P.20
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 10-01-2014 17:16:53

ตอนแรกเกือบอ่านต่อไม่ไหวค่ะ มันดาร์กมาก  :m15:
เกือบเลิกอ่าน แต่อีกวันมาอ่านต่อเพราะอยากรู้ว่าน้องต้าจะเป็นไง
จนอ่านทัน ปรากฎว่า สนุกมากกกกกกกกกกกกก น้องต้าน่ารักที่สุด
ขอบคุณ คุณ NNEW33 ค่า   :pig4:
รอน้องต้าจะทำไงต่อไป  :katai1:
 
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 12-01-2014 17:49:38
ตอนที่ 35เมิน 100%

…………………

เสร็จสิ้นกับการร่วมโต๊ะที่แสนอึดอัด หากถามถึงรสชาติของอาหารว่าอร่อยไหม ผมตอบได้เต็มปากว่าอร่อย อาหารฝีมือแม่ยังอร่อยเสมอ แต่ที่กินไม่หมด ไม่ใช่เพราะอิ่ม แต่เป็นเพราะมื้อนี้มีเขานั่งร่วมโต๊ะด้วย นั่นทำให้ความอยากอาหารลดน้อยลง

และเมื่อเขาออกจากบ้านไปเพราะจวนจะได้เวลาสอบ ผมถึงได้หยุดดึงความสนใจของพ่อและแม่โดยการผูกขาดบทสนทนา ..เจตนาให้อีกคนไม่มีส่วนร่วมและเป็นส่วนเกินของพื้นที่นี้

เมื่อเสียงท่อไอเสียดังห่างออกไป ผมก็ผุดตัวลุกขึ้นจากโซฟา แม่หันมามองผมพร้อมทั้งเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม

"ต้าขอขึ้นไปนอนพักด้านบนนะครับ" บอกพร้อมกับคลี่ยิ้มเล็กน้อย พ่อพยักหน้าให้ขณะที่แม่ถามขึ้นอย่างหวังดี

"เอาของหวานไหม เดี๋ยวแม่เอาขึ้นไปให้"

ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ยกมือลูบท้องประกอบ

"ต้าอิ่มจนกินอะไรไม่ลงแล้ว เอาไว้ตอนเย็นนะครับ"

แม่มองมาด้วยสายตาไม่เชื่อ แต่ก็ไม่เซ้าซี้ต่อ พยักหน้าให้ผมขึ้นห้องได้

เมื่อก้าวขาพ้นบันไดขั้นสุดท้าย ผมก็ชะงัก ยืนมองประตูไม้สองบ้านที่หันหน้าเข้าหากัน หากเป็นเมื่อก่อน ผมคงไม่ลังเลที่จะเข้าห้องนั้นแล้ววิ่งกระโจนขึ้นไปนอนบนเตียงนิ่มๆ ทว่าตอนนี้.. ผมเบือนหน้าหนีก่อนจะเดินไปหมุนลูกบิดของประตูอีกบานแล้วเปิดดันเข้าไปด้านใน

หลังจากที่กวาดสายตาไปรอบห้อง รอยยิ้มบนริมฝีปากก็ค่อยๆเผยออกมา ถึงแม้ผมจะไม่อยู่บ้าน แต่ผมไม่ได้ถูกลืม ..ตำแหน่งการวางของข้าวของทุกชิ้น บอกให้รู้ว่ามันไม่ได้ถูกโยกย้ายลงกล่อง ..ความสะอาดสะอ้านก็บอกให้ผมรับรู้ว่าห้องนี้ได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ

ประตูห้องถูกปิดลงอย่างเบามือ สายลมที่พัดผ่านเข้ามาจากทางหน้าต่างทำให้บรรยากาศภายในไม่อบอ้าว และผมรู้สึกหายใจได้คล่องขึ้นเมื่อได้กลับมาอยู่ในที่ของตัวเอง ค่อยๆทิ้งกายลงนั่งบนตั่งเตียงที่มีผ้าห่มปกคลุม ไล้มือลูบผ้าผืนหนาไปมาพลางคลี่ยิ้มบนริมฝีปาก

ห้องของผม.. เตียงของผม บ้านของผม

ผมได้กลับบ้านแล้วจริงๆ

...กายที่นั่งหยัดเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าค่อยๆเอนลงจนนอนแผ่ลงบนตั่งเตียงที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆโดยปลายเท้ายังแตะอยู่บนพื้น

ดวงตามองเพดานนิ่งๆ เพดานที่มีสติ๊กเกอร์รูปเดือนและดาวเรืองแสงแปะอยู่ ..ผมกับเขาช่วยกันแปะเมื่อไม่นานมานี้

ราวกับเสียงร้องโหวกเหวกของผมและเขาดังคลอในโสตประสาท ..เขาเป็นคนปีนป่ายขึ้นไปแปะ ขณะที่ผมเป็นคนบงการคอยจับเก้าอี้ไม่ให้เขาล้มหัวฟาดพื้น ผมจะร้องโวยวายทุกครั้งที่เขาทำท่าจะแปะ และจะปรับเปลี่ยนตำแหน่งจนกว่าจะพอใจ ส่วนเขาคงทนไม่ไหวถึงกับบ่นปอดแปดให้กับความเรื่องมากของผม

ริมฝีปากยิ้มกว้างและหลุดหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัวก่อนมันจะหายไปอย่างรวดเร็วในนาทีถัดมา ..ผมมองเพดานนั้นนิ่งๆ ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีเสียงหัวเราะ..

หัวใจของผมกำลังร่ำร้องด้วยความเจ็บ ...อยู่ๆอากาศภายในห้องนี้ก็คล้ายกับจะหายวับไปกับตาเมื่อผมเริ่มหายใจติดขัด

ใบหน้ามัวเมาในกามารมณ์และเสียงร้องครวญครางอย่างสุขสมของเขายามที่กายท่อนล่างขยับกายเข้าออกครั้งแล้วครั้งเล่ายังติดตรึงในความทรงจำ ราวกับเหตุการณ์ยังสดใหม่.. ภาพมันยังชัดเจน!

ผมรู้สึกอุ่นจนร้อนที่ดวงตา ..ขาสองข้างยกขึ้นมาอยู่บนพื้นราบของตั่งเตียงนุ่ม ก่อนจะเปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคงคุดคู้ สองมือกอดรอบตัวเองไว้แน่นเมื่อความหนาวพุ่งจู่โจมเข้ามาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

หากความทรงจำเป็นเหมือนสวิตช์เปิดปิดที่สามารถควบคุมได้คงจะดี

ทั้งๆที่ผมอยากลืม แต่ผมกลับไม่สามารถสั่งตัวเองได้

 

...........

เวลาหมุนเวียนผ่านไปจนย่างเข้าสู่วันที่สามที่ผมกลับมาอยู่บ้าน การใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหลังนี้ยังคงดำเนินไปอย่างปกติสุข หรืออย่างน้อยผมก็รู้สึกอย่างนั้น

วันนี้เขาก็ออกจากบ้านไปแต่เช้า ผมไม่เคยเห็นหน้าเขาอีกนับจากวันแรกที่ได้กลับบ้าน

แบบนี้น่ะ ดีแล้ว.. ผมบอกตัวเองอย่างนั้น

Trrrrrrrrr

เสียงโทรศัพท์ดังแทรกเข้ามาขณะที่ผมกำลังกินข้าวกับพ่อและแม่ แม่ทำท่าจะลุกขึ้นไปรับ แต่ผมขัดไว้ก่อน

"แม่กินต่อเถอะ เดี๋ยวต้ารับเอง" พูดพลางผละตัวลุกจากเก้าอี้ที่มีเบาะรองนั่งนิ่มๆแล้วตรงไปรับโทรศัพท์

"ฮัลโหล"

"กูเองๆ"

เลิกคิ้วเล็กน้อยกับคำสองพยางค์ ก่อนจะถึงบางอ้อในนาทีถัดมา

"เบียร์?" ทวนถามเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้จำผิดคน

"เออ กูจะโทรมาบอกมึงเรื่องไฟท์บิน วันพฤหัสตอน 6โมงเย็นนะเว้ย เตรียมตัวไว้เดี๋ยวกูขับรถไปรับ"

"เออ ได้ๆ เห้ย วันนี้วันไรวะ”

“หยุดนานจนลืมวันหมดแล้วไงวะ วันนี้วันจันทร์เว้ย”

คงจะอย่างที่มันว่า ผมลืมหมดแล้ววันเวลา แต่เรื่องบางเรื่องที่อยากลืมกลับไม่..

“พ่อแม่มึงไปปะวะ" กรอกเสียงถามปลายสายเพื่อที่ผมจะได้ตั้งรับทัน

"ไม่ว่ะ พอรู้ว่ามึงจะไปด้วย เค้าก็ให้กูไปรับมันกับมึงเอง”

“เฮ้ย งั้นกูไม่ไปก็ได้นะเว้ย” ผมรีบพูดไปอย่างใจเสีย พวกท่านไม่พอใจที่ผมไปด้วยหรือเปล่า?

“มึงจะปล่อยให้กูไปคนเดียวรึไงวะ” ปลายสายโวยวายลั่นก่อนจะรีบพูด “ไม่ใช่อย่างที่มึงคิด พ่อแม่กูเค้าจะเตรียมจัดงานเลี้ยงต้อนรับไอ้นิกซ์ที่บ้าน โครตเห่ออะ นี่ขนาดมันยังไม่มายังขนาดนี้ ถ้ามันมาถึงกูคงได้กลายเป็นหมาหัวเน่า"

ผมหัวเราะสะใจ

"สม ทุกวันนี้มึงก็หมาหัวเน่าอยู่แล้วไม่ใช่?"

"มึงแม่งไม่เคยคิดจะเข้าข้างกูบ้าง" ผมหัวเราะให้กับเสียงเล็กเสียงน้อยของมัน นึกภาพแล้วก็ฮา ผู้ชายตัวโตๆเสือกบีบเสียงซะเล็ก คิดว่าทำแล้วดูดีก็ทำไป ฮ่าๆๆ

"ถ้ามึงไม่อยากเป็นหมาหัวเน่ามึงก็ไม่ต้องไปรับมัน จบ"

"พูดดี น่าคิดๆ" กูพูดเล่นเห็นดีเห็นงามตามซะงั้น

“งั้นมึงไม่ต้องไป เดี๋ยวกูไปรับไอ้นิกซ์กับน้องบีมเอง” ผมยิ้มกริ่มเมื่อนึกถึงสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม

“เฮ้ย! ไม่ได้ๆ ห้ามๆ” เสียงร้องโวยวายดังสวนมาทันที

“ไอ้ขี้หวง”

“น้องกูนี่หว่า หน้าอย่างมึงอะอย่าได้หวังมีแฟนเป็นผู้หญิงเลย หึๆ” คำพูดประโยคนั้นทำให้ผมชะงักกึก ภาพของผู้ชายคนหนึ่งลอยเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจ มือกำกระบอกโทรศัพท์แน่นรีบไล่ภาพไร้สาระนั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว

"กวนตีน มีธุระแค่นี้?"

“เออ กะจะโทรมาบอกแค่นี้ อ้อ! โทรศัพท์มึงอะ หัดชาร์ตแบตซะบ้าง โทรไปไม่เคยติด”

“กูทำหายว่ะ”

ครับ มันหายไปตั้งแต่ตอนนั้น ..วันแรกที่ผมได้เจอกับเขา

“น่าเสียดาย มาๆ เดี๋ยวป๋าซื้อให้ใหม่”

“สัส แค่นี้นะ”

สิ้นคำผมก็กดตัดสายทันทีโดยไม่รอฟังเสียงตอบรับจากปลายสาย ผมวางกระบอกโทรศัพท์ลงบนแป้นวางเหมือนเดิม ก่อนจะยกมือลูบหน้าแรงๆ ไล่ความคิดฟุ้งซ่าน

“ต้า ใครโทรมา” เสียงห้าวทุ้มของพ่อดังมาจากโต๊ะกินข้าว ผมหันไปมองรีบปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้มขณะที่เดินกลับไปนั่งประจำที่พร้อมเอ่ยตอบคำถาม

“เบียร์ครับ มันโทรมานัดเรื่องเวลา”

“เพิ่งกลับบ้าน จะพากันไปเที่ยวไหนอีกล่ะ”

เสียงเครียดหน้านิ่วคิ้วขมวดมาเลยครับ ผมตักปลาสามรสไปวางบนจานของแม่อย่างเอาใจ

“ไม่ได้ไปเที่ยวซะหน่อย พ่อกับแม่ยังจำนิกซ์ได้ไหม?”

“ไอ้ฝรั่งตาน้ำข้าวน่ะเหรอ” เป็นพ่อที่พูดขึ้นอย่างจำได้ดี ผมพยักหน้ารับก่อนจะพูดต่อ

“นิกซ์จะมาไทยพฤหัสนี้ ผมกับเบียร์เลยตั้งใจจะไปรับมัน พ่อกับแม่ไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ” จะว่าเป็นการขออนุญาตหรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ เพราะต่อให้พ่อกับแม่ไม่ให้ไป ผมก็จะไปอยู่ดี ก็รับปากกันไว้แล้ว

“ไปกันยังไง”

“เบียร์ขับรถไปครับ”

“มีผู้ใหญ่ไปไหม”

ผมยิ้มเล็กน้อยให้กับคำถามราวกับซักฟอกนั้น

“พ่อกับแม่เบียร์จะรออยู่ที่บ้าน เห็นว่าเตรียมจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับนิกซ์มัน”

“เราล่ะ จะอยู่งานเลี้ยงกับพวกเขาไหม?”

“ก็ถ้าแม่ไม่ว่าอะไร ผมก็กะว่าจะอยู่ ได้ไหมครับ” อ้อนไปอีกทีจนแม่ยิ้มใจอ่อน

“แล้วแต่ ตามใจเราแล้วกัน โตๆกันแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงถ้าถึงสนามบินต้องโทรบอกแม่นะ”

ไม่ว่าผมจะยังเป็นเด็กจนพุงพลุ้ยเลียก้นถึงหรือตอนนี้ที่ผมโตจนพุงพลุ้ยเลียไม่ถึงแล้ว แม่ก็ยังเป็นแม่คนเดิม บางคนอาจจะมองว่าแม่จุกจิกและขี้ห่วงเกินไป จริงครับ ข้อนั้นผมไม่เถียง แม่ผมจุกจิกจริงๆ ก่อนหน้านี้คำถามซอกแซกแบบนี้สร้างความรำคาญให้กับผมไม่น้อย ตอนนั้นไม่ว่าแม่จะพูดอะไรมาผมก็เถียงคำไม่ตกฟาก ผมเคยไม่พอใจกับการที่แม่บ่นผม ทำเหมือนผมเป็นเด็ก แต่ตอนนี้ ตอนที่เหตุการณ์ร้ายๆได้ผ่านพ้นไป สิ่งเหล่านั้นสอนผมได้ดี ..ผมยังจำได้ว่าผมอยากกลับบ้านมากแค่ไหน ผมคิดถึงพ่อคิดถึงแม่มากเพียงใด ตอนนี้ผมได้กลับบ้านแล้ว.. ผมไม่ต้องการอะไรอีก ต่อให้โดนจุกจิกหรือโดนบ่นยังไงผมก็ยอม

เพราะนี่คือ ความสุขที่ผมโหยหา

“ครับ ต้าจะโทรบอกเป็นระยะๆ”

รับปากไปแม้ว่าจะเหลือเวลาอีกหลายวันกว่าจะเดินทาง ผมเหลือบสายตามองไปทางหัวโต๊ะเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆดังเล็ดลอดมา รอยยิ้มมุมปากของพ่อเป็นสิ่งยืนยันได้ดีว่าเมื่อกี้ผมไม่ได้หูแว่วไปเอง

พ่อกำลังขำ ขำกับความขี้กังวลของแม่

เพราะพ่อเป็นคนไม่คิดมากอะไร ซึ่งตรงข้ามกับแม่ที่คิดแล้วคิดอีก

ผมไม่แปลกใจเลยที่พวกท่านสองคนจะอยู่ด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะท่านทั้งสองไม่ใช่ประเภทแข็งกับแข็งมาเจอกัน

พ่อกับแม่ผมใช่ว่าจะไม่เคยทะเลาะกันนะ เคยครับ แต่พวกท่านจะทะเลาะกันแค่เรื่องๆเดียวโดยที่ไม่ขุดเรื่องเก่าขึ้นมาเป็นประเด็น และเมื่อคนหนึ่งแข็ง อีกคนจะอ่อนลงเพื่อไม่ให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย

หลักพื้นฐานในการยืดความสัมพันธ์พวกนี้ผมรู้และเข้าใจดี หลักสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่พ่อมักจะย้ำกับผมคือ เมื่อเราทะเลาะกับใครก็แล้วแต่ อย่าปล่อยให้ทิฐิอยู่เหนือเหตุผล และให้นึกถึงความดีของคนๆนั้นให้มากๆ ...สิ่งเหล่านี้ผมเข้าใจดี และผมยึดปฏิบัติมาโดยตลอด เพียงแต่เมื่อผมจะนำมันมาใช้กับเหตุการณ์ครั้งนี้ ...มันกลับเป็นแค่ทฤษฏี

เป็นทฤษฏีที่ไม่สามารถนำมาใช้ได้จริง

....

เสร็จจากมื้ออาหาร แม่กำลังล้างจานอยู่ในครัว ส่วนพ่อออกไปโรงปลูกดอกไม้ด้านนอก สำหรับพ่อแล้ว ดอกไม้คือชีวิต พ่อรักมันมาก ผมเคยเปรียบตัวเองกับดอกไม้ และคำตอบที่ได้รับก็ทำให้ผมไม่หยิบคำถามนี้ขึ้นมาถามพ่ออีก ผมสู้ดอกไม้ไม่ได้

ผมรู้ว่าพ่อแค่แหย่ผมเล่น แต่ผมก็น้อยใจเป็นจริงเป็นจังจนผมไม่คุยกับพ่อไปพักใหญ่ พ่ออยากให้ผมรักดอกไม้เหมือนที่พ่อรัก ..แต่ไม่รู้ว่าตอนนั้นผมเด็กมากเกินไปหรือเปล่า จึงเกิดความรู้สึกต่อต้าน ถ้าพ่อรักดอกไม้มาก ผมจะเกลียดมัน

แต่พ่อก็ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะให้ผมหันมาชอบดอกไม้ พ่อไม่ได้เปลี่ยนความคิดของผมโดยป้อนข้อมูลหรือยัดเยียดดอกไม้กลิ่นเหม็นนั้นมาให้ผมชอบ และพ่อก็ไม่ได้ออกห่างจากดอกไม้มาใช้เวลาเล่นกับผมอย่างที่ควรเป็น กลับกัน พ่อใช้เวลาอยู่กับมันมากกว่าเดิม! ผมทนไม่ไหว สุดท้ายก็มาร้องไห้งอแงใส่เขา ..เมื่อเขาปลอบ ความน้อยเนื้อต่ำใจก็ค่อยๆลดลง

จนวันหนึ่งพ่อเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับดอกไม้หนึ่งดอกในมือ พ่อยื่นมันให้ผมพร้อมกับเรียกมันว่า ‘เตมิน’

ผมมารู้ภายหลังว่า ช่วงเวลาที่พ่อขลุกอยู่กับดอกไม้จนไม่มีเวลามาเล่นกับผม พ่อได้เพาะและปรับแต่งพันธุกรรมจนเกิดออกไม้ดอกใหม่ ..ดอกไม้ของผม

นั่น.. ทำให้ผมเริ่มรักในสิ่งที่พ่อรัก

ผมมองเตมินที่ปักอยู่ในแจกันจัดช่อสวยงามซึ่งวางอยู่บนตู้โชว์ข้างทีวี ...เตมินไม่ได้อยู่ในแจกันเพียงลำพัง ยังมีดอกไม้ของเขาก็ปักรวมอยู่ด้วย

นั่นคือความตั้งใจ ..ดอกไม้สองดอกในแจกันสำหรับผมขณะนี้ เป็นสิ่งที่ทิ่มแทงความรู้สึก ..มันย้ำให้ผมรู้ว่า ไม่ว่ายังไงดอกไม้สองดอกนี้ไม่มีวันแยกออกจากกันได้ เพราะหากแยกออกจากกันคนที่ปลูกมันมากับมือ และคนจัดช่อคงจะเสียใจไม่น้อย..

ผมขมวดคิ้วเบือนสายตาออกจากมันแล้วหยุดนิ่งที่หน้าจอสี่เหลี่ยมของทีวี ก่อนมือจะหยิบรีโมทที่วางอยู่บนพุงของตัวเองแล้วกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อย พลันชะงักกึกเมื่อหน้าจอสี่เหลี่ยมปรากฏภาพการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่มีลูกแมวตัวเล็กเป็นตัวเอกของเรื่อง.. ผมมองมันนิ่งๆเพียงครู่ก่อนจะรีบกดเปลี่ยนช่อง

กิ๊งก่อง..

ผมวางรีโมทลงบนโต๊ะพร้อมๆกับที่เด้งกายลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนโซฟาโดยอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงกดกริ่ง สายตามองฝ่าออกไปนอกหน้าต่างที่ทะลุให้เห็นประตูรั้ว

กิ๊งก่อง..

เสียงกดกริ่งดังขึ้นอีกครั้ง ผมยังคงนิ่งไม่ลุกไปเปิดเหมือนทุกที

“ต้า ไปเปิดประตูให้แม่หน่อย มือแม่เลอะ” เสียงของแม่ดังออกมาจากในครัว

“ไม่เห็นมีใครเลยแม่ สงสัยเด็กมันกดเล่น”

...ผม กำลังโกหกคำโต

และวินาทีที่ฝ่ายนั้นมองฝ่าเข้ามาในบ้าน ..ทั้งๆที่อยู่ไกลกันขนาดนี้ ทั้งที่มีกิ่งไม้บดบัง แต่ก็คล้ายกับผมและเขาได้สบตากัน..

สมองชาวาบคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ! พลันร่างทั้งร่างทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาอย่างแรงจนเจ็บปลาบไปทั่วแผ่นหลัง แต่ความเจ็บนั้นไม่สามารถดึงผมให้หลุดจากหลุมอากาศนี้ได้ ..สายตามองนิ่งที่ฝ้าเพดานขณะที่มือขวายกขึ้นวางบนอกซ้ายที่กำลังเต้นรัว..

.

เวลาผ่านไปสักครู่ใหญ่... ไม่มีเสียงกดกริ่งอีก แต่ผมก็ไม่กล้าลุกขึ้นนั่งบนโซฟา

จังหวะการเต้นของหัวใจเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ เสียงทีวียังดังคลอให้ได้ยิน ..โสตประสาทของผมนิ่งมาก.. นิ่งจนผมได้ยินเสียงน้ำที่ตกกระทบซิงค์ล้างจานและได้ยินเสียงคว่ำจานในลำดับถัดมา

ผมแทบกลั้นลมหายใจเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่กำลังวิ่งจากไป

...

ความรู้สึกเจ็บแปลบในอกที่ไม่ทราบสาเหตุกำลังจู่โจมผม

อาการอย่างนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับผม และพักนี้มันมักจะเจ็บบ่อย บ่อยจนผมคิดว่า หากมีเวลา ผมคงต้องไปหาหมอ เผื่อว่าเขาจะรักษาผมได้...

 

...................................

ตกช่วงหัวค่ำหลังจากที่ตะวันลาลับขอบฟ้าและเสร็จสิ้นจากมื้ออาหารเย็น ผมกับพ่อและแม่ต่างก็แยกย้ายเข้าห้องของตัวเอง แน่นอนว่ามื้อนี้ไม่มีเขาร่วมโต๊ะด้วย มันเป็นอย่างนี้มาตลอด แต่ก็ไม่มีใครถามถึง มีเพียงแม่ที่บ่นออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าที่นั่งตรงข้ามผมว่างเปล่า

มีเพียงอาหารมื้อเดียวเท่านั้นที่กินกันพร้อมหน้าพร้อมตาสี่คน

ก็ดีครับ..

เวลากลางคืนผมชอบนอนเปิดแอร์แล้วซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหนาหนักที่โอบล้มไปทั่วทั้งตัว มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น คืนนี้ก็เช่นกัน ทั้งที่อากาศไม่ร้อนมาก แต่ผมก็เลือกเปิดแอร์มากกว่าพัดลม มันเป็นความเคยชินที่ติดเป็นนิสัยการนอน

ขณะที่ยื่นมือลอดผ่านกรงเหล็กเพื่อจะดึงหน้าต่างปิดเพื่อเปิดแอร์ พลันมือก็ชะงักค้างกลางอากาศ เมื่อสายตามองออกไปด้านนอกแล้วพบกับรถคุ้นตาที่จอดอยู่บริเวณถนนหน้าบ้าน

คุ้นตามาก..

และไม่ต้องใช้สมองขบคิดนานไปกว่านั้นว่าผมเคยเห็นรถคนนั้นที่ไหนมาก่อน เจ้าของรถก็เปิดประตูออกมา

ร่างนั้นหยัดกายยืนเต็มความสูงบนพื้นลาดยาง นัยน์ตามองฝ่าเข้ามาภายในบ้าน จวบจนเมื่อใบหน้าคมคายได้รูปเงยขึ้นมาด้านบน ผมก็รีบชักมือกลับ ล้มเลิกความตั้งใจที่จะปิดหน้าต่างแล้วกระชากผ้าม่านบดบังกรอบสี่เหลี่ยม ปิดกั้นการมองเห็นทันที..

สองขารีบเดินผละออกจากตรงนั้นตรงไปที่เตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนอน ..ผมไม่ได้หลับ เพียงแต่นอนนิ่งๆเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้มากไปกว่านั้น แม้แต่จะเปิดแอร์อย่างที่เคยชินผมยังเมินเฉย ..กลัวว่าพัดลมระบายอากาศจะส่งเสียงดังเกินไป ..ทำให้ตอนนี้ในห้องนั้นเงียบมาก

หัวใจของผมกำลังจดจ่อ.. พลันผมยกหัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูที่ห้องฝั่งตรงข้าม เขากลับมาแล้ว

เมื่อวานเขาก็กลับมาเวลาประมาณนี้ หลังอาหารเย็น วันนี้ก็เช่นกัน การกระทำของเขา ผมเรียกมันว่า การหลบหน้า

แต่ถ้าเขาไม่หลบหน้า ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาได้อย่างไร

บางที.. การที่เหตุการณ์มันเป็นไปอย่างนี้ คงจะดีแล้ว

ผมนอนคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย โดยที่หัวสมองไม่ได้หยุดทำงานเลยแม้แต่นาทีเดียว เมื่อมองนาฬิกาอีกทีก็พบว่าจวนเจียนจะห้าทุ่มแล้ว

เป็นเวลาที่ค่อนข้างดึกแต่ผมก็ยังไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เลย...

ผมหยัดกายลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟันเตรียมเข้านอน เมื่อเสร็จก็ซับหน้ากับผ้าขนหนูก่อนจะแขวนมันไว้ที่เดิม พลางผินหน้ามองไปยังหน้าต่างที่ผ้าม่านผืนบางไหวเล็กน้อยด้วยแรงลมจากด้านนอก ทั้งที่อยากเดินไปเปิดม่านแล้วมองลงไปตรงจุดนั้น แต่ผมกลับทำเพียงแค่มอง

ริมฝีปากเม้มแน่นเข้าหากันก่อนจะผละสายตาออกจากมันแล้วเดินไปกดสวิตช์ไฟ เมื่อห้องทั้งห้องตกอยู่ในความมืด ผมก็ย่างเท้าตรงไปขึ้นเตียงด้วยความเคยชิน ทิ้งกายนอนซุกอยู่ภายใต้ผ้าห่มพร้อมทั้งสองแขนกอดหมอนข้างแน่น

ทั้งที่ควรจะหลับตาลงนอนเหมือนทุกที แต่ดวงตายังลืมตื่นในความมืด ..ผมไม่ชอบการลืมตาในความมืด มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัด ยังดีที่ห้องนี้ไม่ได้มืดสนิท ยังมีแสงจันทร์สาดส่องเข้ามาบ้าง

ผมได้ยินเพียงเสียงเข็มนาฬิกาที่เดินวนรอบแล้วรอบเล่า และเสียงนั้นเองที่ราวกับเป็นตัวขับกล่อมให้เปลือกตาค่อยๆหนักอึ้ง ..ทั้งที่ยังไม่อยากนอนแต่ความง่วงก็คืบคลานเข้ามามีอิทธิพลเหนือสติ ผมหาวจนน้ำตาไหลออกจากหางตาก่อนจะค่อยๆปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆ

วินาทีที่สติเริ่มหลุดลอยสู่ห้วงฝัน ผมได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของม้าเหล็กค่อยๆวิ่งทะยานจากไป...

 

________________________________________

TALK :: มาแล้วววววววว แต่งๆเกลาๆ ชอบพาร์ทนี้อะ 555
วันนี้จะมาหย่อนระเบิด ไม่รู้ว่าอานุภาพของระเบิดลูกนี้จะมากหรือน้อย พร้อมยัง??? เอาล่ะนะ 55555


ไม่เกินสามตอนถัดจากนี้ A boy

จะเดินทางมาถึงจุดสุดท้ายแล้วนะ นั่นหมายถึง ตอนจบ



มาร่วมลุ้นกันน้า ^____^

PS. มีหลายครั้งมากๆ ไม่สิ ทุกครั้งเลยที่อยากพูดคุยกับคนอ่าน อยากบอกว่าขอบคุณนะ : )

minere_mi :: ไม่ได้ตาฝาดนะ ถ้าเห็นอัพให้ขยี้ตาหนึ่งรอบ ถ้าวันที่เปลี่ยนนั่นตาไม่ฝาด 5555
†คุณเขียด :: พี่จิมจะทำทุกอย่างมั้ย ผู้ชายคนนี้ สภาพมาง้อน้อง.. ยากจะคาดเดา 555 ต้องรอดูกันต่อไปปป
argon :: ถึงน้องต้าจะเมินแต่ไม่เมินคนอ่านนะ -..-
Chiffon1030 :: น้องได้กำลังใจดีอย่างนี้ รับรองเข้มแข็งได้อีกเยอะเลย
Mbbyza :: ประเด็นเรื่องแม่นี่.. เขาอยากบอกนะ แต่ยังไม่ถึงเวลา 555
kimjuy_o :: มาแล้วน้าาา ตรงจุดนี้ ไม่รู้จะเรียกว่าชีวิตปกติได้หรือยัง ฮา
Lovecartoon1996 :: โอ๋ๆ ไม่ร้องๆ
naruxiah :: พี่จิมจะมามั้ยๆ ดีใจเหมือนกันที่รักนิยายเรื่องนี้ ขอบคุณน้าอยู่ด้วยกันมาตลอดเลย ^___^
jamlovenami :: คิดถึงเหมือนกันค่ะ จุ้บบบ
Lonelyนู๋โรนลี่ :: รีนี้สะกิดใจจจ ย้อนกลับไปอ่านตอนน้องเด็กๆ ชักเริ่มอยากให้น้องกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเหมือนกัน 555555
iammz :: คิดถึงพี่จิม เดี๋ยวพาพี่จิมมาหา จุ้บบ
mellowshroom :: คิดถึงเหมือนกันนนนน จิมมม TT^TT
kamenashi :: 5555 ฮาอะ คิดถึงน้องต้าเรียก จิมมมมใช่มั้ยยยย
drasil :: คิดถึงใครรรรรรรรร
pare_140 :: รอดูพี่จิมง้อ มันจะง้อมั้ย? ฮา
Tassanee :: โอ๋ๆ ไม่เศร้าน้าๆ ความจริงXX มันก็ไม่หมดไปสักทีเดียวหรอกนะ อีกไม่กี่ตอนก็รู้แล้วว่าจะไปทิศทางไหน อยู่ด้วยกันนะ จุ้บ
diduek :: ผ่าง! แต่งมาถึงตรงนี้ชักไม่แน่ใจพระเอก กร้ากกก (หาที่หลบ!)
shoky_9 :: ขอบคุณเหมือนกันค่ะที่อ่านมาจนถึงตอนปัจจุบัน เก่งมากๆเลย เป็นเราไม่รู้จะอ่านไหวมั้ย (อ้าว 555) <3
 
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: atcharayee ที่ 12-01-2014 18:18:13
เศร้า เห้ย จะเป็นอย่างไงต่อไป :m15:

จิมมมมม หายไปเลย
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: kuro ที่ 12-01-2014 18:49:50
จิมใช่ไหมที่สบตาต้า หรือเราคิดไปเอง
จิมสู้ๆนะยังไงเราก็เชียร์ให้นายเป็นพระเอก
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 12-01-2014 22:23:49
ฮรึก~ จะจบแล้วเหรอคะ T^T
พี่จิมจะง้อยังไงนี่~

ขอบคุณนะคะ รอตอนต่อไปค่ะ~^^
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon1030 ที่ 12-01-2014 22:58:16
ตอนสบตากับพี่จิมที่มารอหน้าบ้านนีลุ้นแทนน้องต้ามาก  กลัวพี่จิมจะปืนเข้าห้องอ่ะ 5555555555
ถ้ามีแฟนแบบพ่อน้องต้านี่รักตายเลย  เพาะต้นไม้ประจำตัวให้~
ไม่อยากให้จบเลยค่ะ ขอตอนพิเศษแบบหวานๆเลยได้ไหมอ่ะ ><'
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 12-01-2014 23:41:53
จะจบแล้วหรอ ไม่น้าาาา แล้วคนหน้าบ้านน่ะใครรรรรรรรร พี่จิมใช่มั้ยยย
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 13-01-2014 01:09:55
จะจบแล้วหรอคะ  :hao5: :hao5: :hao5:


พี่จิม พี่จิมใช่ป่าวที่มารออยู่หน้าบ้านอ่ะ พี่จิมมมมมมมมมมมมม  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: argon ที่ 13-01-2014 01:23:00
คืนนี้ ในเรื่องน้องต้าหลับแล้ว....  แต่ป้าหน้าคอมตาสว่าง   :a5:

เพราะ น้องตาร์  กรี๊ดดดด :a5:  หนูจะจบแล้วเหรอลูก  o22 o22 o22 :serius2: :serius2:

เรื่องนี้ ห้ามอ่านก่อนไปทำงานเด็ดขาด!!!!   :angry2:

เพราะคุณอยากจะน้ำตาไหลโดยไม่ทราบสาเหตุ :sad4:  รึอยากจะหัวเราะหรือยิ้มให้ o18 หญ้าปลอมที่อยู่ในห้องทำงานได้โดนเจ้านายไม่ทราบสาเตุอีกเช่นกัน  บ้างที่โบนัสเดือนนี้อาจจะเป็นโปรแกรมตรวจสุขภาพจิตจากเจ้านายก็ได้  :katai1: กรี๊ดดดด  ไม่อยากคิดว่า  อีกสามตอน  เจ้านายขะส่งฉันไปหลังคาแดงไม๊  :katai4: :katai4: แต่คืนนี้.... เด๋วไปบอกเฮียจิมปีนบ้าน  ลักหลับน้องตาร์ ดีกว่า   :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 13-01-2014 02:01:09
ใครกันนะนั่น
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 13-01-2014 02:19:19
จิมแน่เลยยยยยยยยย สงสารจิม TT
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 13-01-2014 10:50:58
รถหน้าบ้าน ใครอ่ะ? เตอร์ หรือ พี่จิมของเค๊า

น้องต้ารักใครคะ พี่จิมใช่มั๊ยๆๆๆๆๆ ใช่มั๊ย?

เหนือสิ่งอื่นใด รักคนแต่งเรื่องนี้ อ่าน ทอล์คแล้วซึ้งอ่ะ

คริคริ ถ้ามันจะจบ มันจะเป็นนิยายในดวงใจอีกเรื่องที่เรารู้สึกรักมากเลย

อ่านมาแบบ นิยายเรื่องนี้ มีกี่รสชาติวะ? (ถามตัวเอง) สนุก หน่วง

รักนะคะ ทั้งคนแต่ง ต้า จิม
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Inamning ที่ 13-01-2014 12:25:50
เค้าสงใจช่วยจิมล่ะกัน 55555555555555555
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 13-01-2014 12:58:54
พี่จิมน้องไม่เปิดประตูให้คราวหลังปีนเลย
ใกล้จบแล้วใจหายอ่ะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 13-01-2014 16:32:04
ชอบเรื่องนี้ น่ารักที่สวดดด
พี่จิมกลับมาง้อไวๆ หรือจะจับไปเคลีย ก็เอาไปเลยพี่
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 14-01-2014 20:06:42
จิมสู้ๆ จิมสู้ตาย จิมไว้ลายขี่ควายชนตู้  :hao7: คนที่มาหาคือจิมใช่มั้ยยยยย
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 15-01-2014 00:01:32


เฮ้อ นึกตอนจบไม่ออกเลย

แต่อยากให้ต้ากลับไปน่ารัก ขี้อ้อนอีกอ่า

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: atcharayee ที่ 15-01-2014 00:38:32
จิมมมมม  :katai5:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: killti ที่ 16-01-2014 12:30:57
ลุ้นตลอด. 

รถที่มาจอดหน้าบ้านอ่ะ พี่จิม ใช่ไหม??

แล้วเรื่องนี้มันจะจบยังไงเนี่ย  ดราม่าที่สุดด.  :katai4:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: kamenashi ที่ 16-01-2014 13:00:39
หวังว่าจะจบแบบไม่มีอะไรติดค้างอยู่ในใจนะคะ    :เฮ้อ:  อึดอัดมาทั้งเรื่องแล้ว...มาต่อเร็วๆนะคะ :bye2:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 16-01-2014 15:07:34
 :sad4:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: kuankao ที่ 18-01-2014 12:46:26
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: hongzaa ที่ 18-01-2014 13:31:59
ชอบมากกกกกกกกกก มันดาร์คมาก หน่วงมากกก โอ้ยยย
แต่มันดลับน่ารักมากกกกกกกได้ในเรื่องเดียวกัน ชอบมากๆๆๆอะ
รอพี่จิมมาง้อน้องน๊าาาา
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 19-01-2014 15:53:36
เชียร์จิม ๆๆ  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 23-01-2014 21:29:32
จิมมาใช่ไหมมม
แงงงง เห็นพี่เตอร์หลบหน้าแล้วก้อยากให้พี่เขามีคู่และปลอบใจพี่เขาที่ทำผิดพลาดไปจริงๆ
แต่ใจก็อยากให้ดราม่าถึงที่สุด คือพี่เตอร์หายตัวไป หรือตาย อะไรประมาณนี้//โดนนักเขียนฆ่าปาดคอ 5555+
แล้วมันจะจบอย่างไร เข้าทางพ่อกับแม่หรือเปล่า?? หรือตัวเองจะยอมใจอ่อน หืมม การไปรับเพื่อนที่กลับมาครั้งนี้จะมีผลหรือไม่?
อยากอ่านต่อแล้วววว
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 23-01-2014 23:03:19
พี่จิมมาง้อน้องต้าด้วยล่ะ...

ช่วงหลังๆ มานี่พี่จิมน่ารักมากกกกกกก

(ในที่สุดก็อ่านทัน...เย้ๆๆๆๆๆ)
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 24-01-2014 14:43:04
สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตมันก็เป็นแค่สิ่งที่แก้ไขอะไรไม่ได้นะต้า

เราต้องอยู่กับปัจจุบันนะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 35 เมิน {100}% [12/01/57] P.21
เริ่มหัวข้อโดย: kuankao ที่ 24-01-2014 23:22:50
อยากอ่านต่อแล้วววววววว :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 25-01-2014 16:20:26
ตอนที่ 36 รอ...

เช้าวันอังคาร ผมตื่นขึ้นมาเพราะสัมผัสแปลกปลอมที่กำลังลูบไล้เส้นผม เป็นสัมผัสคุ้นเคยที่ผมอยากหลีกหนี...

ดวงตาเปิดปรือมองภาพเบื้องหน้า แม้จะยังพร่าเลือนอยู่บ้าง แต่ก็ชัดเจนพอที่ทำให้ผมรู้ว่าคนที่นั่งข้างๆอยู่บนเตียงคือใคร ผมรู้ว่าเขาคือใคร แต่ผมก็ยังคงนอนเฉย หลับตาลงทำเหมือนอีกฝ่ายไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้ จนสัมผัสแผ่วเบาที่หัวนั้นล่าหายไป

"พี่ขอโทษ" เสียงทุ้มดังผ่านอากาศมากระทบโสตประสาท

"พี่ทนอยู่กับความรู้สึกแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว"

ผมรับฟังพลางเม้มริมฝีปากแน่นเป็นเส้นตรงขณะที่ดวงตายังปิดสนิท ‘ไม่ไหวแล้วยังไง..’ มีเพียงเสียงในหัวที่ร้องถาม และนาทีต่อมาผมก็ได้รับคำตอบของคำถามนั้น

"พี่จะบอกความจริงกับพ่อแม่ ...พี่ขอโทษ"

สิ้นคำ ผมก็ลืมตาแล้วประสานสายตากับเขา

บอกความจริงเหรอ..?

ผมมองใบหน้าคมคายอย่างพินิจ แต่ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร หลังจากที่ปล่อยให้ความเงียบโรยตัวอยู่นานผมก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

"ทำไม"

ใช่ ทำไม ทั้งๆที่เขาก็หนีมาตลอด แล้วทำไมอยู่ๆถึง..

"พี่ขอโทษ พี่ทำผิดพี่รู้ตัว เรื่องคืนนั้น.. พี่ไม่ได้ตั้งใจ"

คำว่าไม่ได้ตั้งใจของเขาราวกับคมมีดที่ค่อยๆเฉือนหัวใจของผมทีละน้อยจนเลือดสาดกระเซ็น ..ไม่ได้ตั้งใจ

“พี่รู้ว่าพี่สร้างบาดแผลให้ต้า แต่พี่เองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน พี่อยากให้ต้ารู้ว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ พี่จะไม่ทำ.. พี่ผิดเอง ทุกวันนี้พี่เหมือนกับตกนรกทั้งเป็น พี่ทำให้น้องของตัวเองต้องเจ็บปวด ทุกครั้งที่พี่เห็นหน้าเราพี่ก็รู้สึกผิดจนแทบหายใจไม่ออก ยิ่งเราทำเฉย ความผิดนั้นก็ยิ่งรัดคอพี่แน่นมากขึ้นทุกที ..ถ้าบอกความจริงกับพ่อแม่ไป แล้วพวกท่านลงโทษพี่ เกลียดพี่ บางทีมันอาจจะดีกว่านี้”

ผมแค่นยิ้ม เขาคิดจะปลดปล่อยตัวเองจากพันธนาการโดยการบอกความจริงเหรอ..?

"อย่าบอกใคร.." ผมพูดเสียงเบา เขาไม่ได้ทำเพื่อผมแต่เขาทำเพื่อตัวเอง "ผมกับพี่ไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เราจะเป็นพี่น้องกันแค่ต่อหน้าพ่อและแม่.. แค่เท่านั้นที่เราเป็น นอกเหนือจากนั้น เราคือคนแปลกหน้า" ผมหยุดพูดไป ก่อนจะพูดต่อด้วยเส้นอารมณ์ที่นิ่งกว่าเดิม

"ถ้าพี่ไม่อยากทำร้ายผมมากไปกว่านี้ ได้โปรดอย่าบอกพ่อกับแม่เรื่องที่พี่ทำร้ายผม"

เพราะถ้าพ่อกับแม่ยกโทษให้เขา ...เขาจะหลุดพ้นจากพันธนาการนี้ แล้วความเจ็บปวดที่ผมได้รับล่ะ?

ความลับนี้จะต้องติดตัวเขา มันจะต้องอยู่กับเขา จะต้องไม่มีใครได้รู้

เขาจะต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิด

 

...ผมขอโทษที่เห็นแก่ตัว

 

...

ประตูห้องถูกปิดลงพร้อมกับร่างของเขาที่เดินออกไป ทั้งที่คิดว่าสมควรแล้วที่เขาจะได้รับโทษนี้ จมอยู่กับความรู้สึกผิดที่ทำแบบนั้นกับผม แต่ทำไม ในใจของผมยังคงเจ็บอยู่

“ฮึก” ผมกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะยกแขนขึ้นวางทับดวงตา

ผมไม่อยากเห็นเตอร์ทำหน้าเศร้าแบบนั้น ความรู้สึกของผมที่มีต่อเตอร์มันไม่เหมือนเดิม แต่ผมพูดได้ไม่เต็มปากว่าผมเกลียด.. เตอร์เป็นพี่ชายเพียงคนเดียวของผมต่อให้เขาทำเรื่องแบบนั้นกับผม ผมก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าผมเกลียดเขา

ผมโกรธ

ผมน้อยใจ อึ่ก..

ผมเสียใจ

ผมเจ็บ..

...

ถ้าหากว่าผมให้อภัยเตอร์ เหมือนที่แม่ให้อภัยผม สิ่งที่เรียกว่าความสุขจะกลับมาไหม

“อึ่ก.. ฮึก” ผมอ้าปากออกเล็กน้อยเมื่อเริ่มรู้สึกว่าการหายใจทางจมูกเป็นสิ่งลำบาก ปลายนิ้วขยี้ปาดเช็ดน้ำตาก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียง

พอคิดว่าจะให้อภัย พอคิดว่าจะได้เห็นรอยยิ้ม ก็ราวกับความสุขค่อยๆแทรกซึมเข้ามา

ผมคิดถูกแล้วใช่ไหม

เรื่องที่ผิดพลาดไปแล้ว ผมไม่ต้องการให้เตอร์บอกใคร ผมอยากให้พ่อกับแม่มองผมกับเตอร์ด้วยสายตาเหมือนเดิม ความลับไม่สามารถปิดไว้ได้ตลอดก็จริง แต่วันนี้.. ผมขอเก็บมันไว้เป็นความลับต่ออีกหน่อย ..เพราะผมไม่รู้ว่าถ้าพ่อกับแม่รู้ความจริง ผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นอย่างไร

..แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่ดี

ผมจ้ำตรงไปยังห้องน้ำ รีบล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำ ผลัดเปลี่ยนชุดใหม่ อยากจะรีบลงไปคุยกับเตอร์เร็วๆ

ไม่นานผมก็จัดการธุระของตัวเองเสร็จ รีบวิ่งตึงตังลงมาชั้นล่างตรงไปยังห้องครัว เพราะคิดว่าไม่ว่ายังไงเตอร์ก็คงกำลังนั่งกินข้าวอยู่แน่ๆ ทว่าเมื่อไปถึงกลับไม่ใช่ โต๊ะกินข้าวว่างเปล่า.. ไม่มีเตอร์

“แม่ เตอร์ล่ะ” แม่ที่กำลังตักโจ๊กใส่ชามชะงักไปเล็กน้อยก่อนหันมามอง

“ออกไปก่อนหน้าเราแป๊บเดียว เห็นว่าจะรีบไปอ่านทวน สอบวันสุดท้ายแล้วนี่”

“แม่รู้ไหมเตอร์จะกลับกี่โมง”

“วันนี้ก็คงจะไม่กลับบ้านหรอก เห็นหอบข้าวหอบของพะรุงพะรัง อีกสามอาทิตย์นู่นล่ะถึงจะกลับ เห็นพี่ชายเราบอกจะไปพรีค่ายกับพวกเจ้าโค้ก เราลองโทรไปถามให้แน่ใจอีกครั้งสิ”

สามอาทิตย์?

ค่าย?

ใจผมเริ่มร้อนรน..

ทำไมผมไม่รู้เรื่อง

สามอาทิตย์..

ไม่ทัน..

ริมฝีปากเม้มแน่นเป็นเส้นตรงเมื่อทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้

“แม่ ต้าขอไปหาเตอร์นะ”

แม่วางมือจากทัพพีแล้วหันมาหาผมเต็มตัว

“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า? ทะเลาะกันใช่ไหม?”

ผมอึกอัก เบนสายตาหนีไปทางอื่น

“ที่แม่ไม่ถามไม่ได้แปลว่าแม่มองไม่เห็นหรือไม่สนใจ แต่เห็นว่าเป็นเรื่องของเด็กๆแม่เลยไม่อยากยุ่ง”

ผมยืนฟังแม่เงียบๆ ก่อนแม่จะเดินเข้ามาใกล้ มือนุ่มจับแขนผมไว้ขณะที่อีกมือลูบผมของผมแผ่วเบา

“โกรธพี่เขามากเหรอ แม่ไม่เคยเห็นน้องต้าเป็นอย่างนี้”

ผมกัดริมฝีปาก พยักหน้ายอมรับง่ายๆ

“อภัยให้พี่เขานะลูก ต้ากับเตอร์มีกันอยู่สองคนพี่น้อง มาโกรธกันอย่างนี้พ่อกับแม่ไม่สบายใจเลย ถ้าวันหนึ่งพ่อกับแม่ไม่อยู่ อย่างน้อยลูกของแม่สองคนก็ไม่ได้อยู่กันตามลำพัง”

ผมเบ้หน้าคิ้วขมวด

“ไม่อยู่ จะไปไหน” ผมรู้ความนัยของคำว่าไม่อยู่ดี แต่ก็แสร้งไม่รู้ ดึงดันถามเอาคำตอบอื่นที่ไม่ใช่อย่างที่ผมคิด

“พ่อกับแม่ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง บางทีอาจจะเป็นพรุ่งนี้มะรืนนี้ก็ได้ใครจะรู้” แม่พูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะไม่คิดอะไรมาก แต่กับคนฟังอย่างผม ผมไม่ชอบเลยที่แม่พูดอย่างนี้

“ถ้าตอนนี้ต้ายังไม่แน่ใจว่าจะยกโทษให้จริงๆรึเปล่าก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องฝืนความรู้สึกตัวเอง รออีกสักยี่สิบวันจนกว่าพี่เขาจะกลับมาก็ยังไม่สาย บางทีถ้าถึงตอนนั้น คำว่าให้อภัยมันอาจจะพูดออกมาได้ง่ายๆก็ได้”

ผมนิ่ง คิดตามสิ่งที่แม่พูด หากถามว่าผมอยากให้อภัยเตอร์มั้ย ..อยาก

ถามต่อไปอีกว่า ลึกๆแล้วผมหายโกรธเตอร์หรือยัง ..มันไม่ถึงกับโกรธ แต่ผมเสียใจ ..และทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนั้น รอยแผลที่ดูคล้ายจะสมานก็กลับกลายเป็นแผลสดอีกครั้ง อีกครั้ง..

จนถึงตอนนี้ หากผมบอกเตอร์ไปว่าผมให้อภัยเตอร์แล้ว ผมก็ไม่มั่นใจว่าผมจะยิ้มให้เตอร์ได้เหมือนเดิมหรือเปล่า

แต่ผมเชื่อว่า เวลาจะเยียวยาผมได้

“แม่ ยี่สิบวัน.. ต้าจะรอ” ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางๆ พลันในอกก็รู้สึกเบาขึ้น.. ทว่าผมหายใจได้คล่องปอดได้ไม่ทันถึงนาที ความหน่วงก็ฉุดรั้งให้ผมดำดิ่งด้วยคำถามถัดมาของแม่

“เล่าให้แม่ฟังได้ไหม ว่าทำไมเราถึงจำอะไรไม่ได้”

รับรู้ได้ว่ามือของตัวเองแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบ เมื่อหัวข้อสนทนาวกกลับเข้ามาในเรื่องที่ผมไม่อยากพูดถึงมากที่สุด

“ต้า ...ต้าไม่อยากพูดถึงมัน แม่ไม่โกรธต้านะ” ผมถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ ท้ายประโยคติดอ้อนเล็กน้อยก่อนตรงเข้ากอดแม่แล้วเอียงแก้มแนบอกอุ่น

แม่นิ่งไปนาน ก่อนผมจะรับรู้ถึงสัมผัสจากมือนุ่มที่ขยี้หัวของผมไปมา

“อาหารใกล้เสร็จแล้ว ไปตามพ่อเรามาป่ะ คงจะอยู่ที่เดิม”

“ครับ” รับคำแล้วสาวเท้าเดินผ่านกรอบประตูออกไปนอกบ้าน เลี้ยวไปยังสวนหลังบ้านทันที

ดีแล้วที่แม่ไม่ไล่เบี้ยถามเอาคำตอบ เพราะถ้าเกิดแม่ไล่ถามจริงๆ ผมเองก็ไม่รู้จะบ่ายเบี่ยงอย่างไร

โฮ่ง!!

เสียงเห่าทักทายดังมาก่อนที่ตัวจะพุ่งเข้ามาเคล้าแข้งเคล้าขา ผมหยุดเดินด้วยกลัวว่าจะไปเหยียบหางหมาอ้วนที่วิ่งล้อมหน้าล้อมหลัง หางสีขาวของมันกวัดแกว่งไปมาพลางส่งเสียงร้องอยู่ในลำคอบอกให้รู้ว่ามันดีใจกับการปรากฏตัวของผมมากแค่ไหน

“ว่ายังไง คิดถึงล่ะสิ” พูดพลางย่อตัวลงเล็กน้อย ยื่นมือไปลูบหัวเล็กๆนั่น ไม่กล้านั่งลงกลัวมันกระโจนใส่ ตอนนี้พุงพลุ้ยตัวเลอะมาก ดำไปหมด แต่ลำพังแค่ผมคนเดียวคงอาบน้ำให้มันไม่ไหว

“รู้ไหมว่าพ่ออยู่ไหน” ปลายนิ้วเคาะหัวมันเบาๆ ถามเหมือนคุยกับมันรู้เรื่อง ซึ่งบางทีอาจจะรู้เรื่องก็ได้เพราะพุงพลุ้ยเห่าโฮ่งคล้ายตอบคำถาม

ผมหัวเราะเบาๆเมื่อมันนั่งลงกับพื้นแหงนหน้ามองผมไม่ได้ริกรี้เหมือนตอนแรก

“ไปหาพ่อกัน” เอ่ยชวนพร้อมกับเริ่มออกเดิน ซึ่งมันก็รู้ดี ลุกขึ้นยืนก่อนสะบัดก้นแล้วเดินตามหลังผมต้อยๆ บ้างก็เร่งฝีเท้าวิ่งนำผมแล้วหยุดรอ เห็นแล้วก็หมั่นเขี้ยวอยากจะจับขึ้นมาอุ้มแนบอก แต่ติดที่ตัวมันมอมแมมไปหมด ขืนถ้าจับอุ้มได้โดนแม่บ่นหูชาแน่

เดินไม่นานผมก็เห็นแผ่นหลังของพ่อที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่กับกระถางดอกชวนชม ผมไม่รอช้ารีบตรงเข้าไปหาโดยมีพุงพลุ้ยวิ่งนำลิ่วๆ

“พ่อ ตื่นมาทำอะไรแต่เช้า” ถามพร้อมกับทิ้งกายนั่งยองๆอยู่ข้างๆ พ่อหันมามองพร้อมรอยยิ้มก่อนจะถอดแว่นออกแล้วใช้แขนเสื้อปาดเช็ดเม็ดเหงื่อตรงหน้าผากและดวงตา ก่อนจะสวมแว่นอีกครั้งแล้วเอ่ยตอบ

“มีออร์เดอร์มาแต่เช้า พ่อเลยรีบมาจัดการ อยากจะให้มันเสร็จเร็วๆ”

ผมมองไม้ดอกสีชมพูแล้วพยักหน้าหงึกหงัก พ่อไม่ได้แค่ชอบเพาะดอกไม้ไปวันๆ แต่พ่อยังส่งออกชวนชมด้วย บางต้นก็ทำมูลค่าได้มากอย่างที่ผมก็ไม่คาดคิด

“แม่ให้ต้ามาเรียกพ่อไปกินข้าว ถ้าไม่รีบไปเดี๋ยวโดนโกรธนะ ถ้ากินข้าวเสร็จแล้วเดี๋ยวต้าช่วยทำ”

“จะดีเหรอออ” พ่อลากเสียงยาว มองผมด้วยสายตาเคลือบแคลงว่าผมจะช่วยหรือจะมาป่วนกันแน่

ผมตีหน้ายุ่งก่อนจะฉวยกรรไกรตัดแต่งกิ่งออกจากมือของพ่อแล้ววางไว้ในกระถาง พยุงตัวเองขึ้นยืนแล้วดึงแขนพ่อให้ลุกตาม

“เดี๋ยวต้าช่วยยย ไปกินข้าวกัน ต้าหิวแล้ว”

ผมออกแรงดึงไม่หยุด แต่ไม่ได้ดึงแรงมากจนสร้างความเจ็บให้กับพ่อ พ่อที่ตอนแรกไม่มีวี่แววว่าจะลุกก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอามืออีกข้างวางบนเข่าแล้วยันตัวลุกขึ้น ผมยิ้มแป้นเมื่อได้ดั่งใจ

“เดี๋ยวพ่อล้างมือก่อน เราไปเทอาหารให้เจ้าอ้วนสิ”

สิ้นคำพ่อก็เดินตรงไปยังก๊อกน้ำ ส่วนผมก็หันรีหันขวางหาถุงอาหาร เมื่อเห็นก็รีบตรงไปหยิบแล้วนำมาเทใส่จานสามจานในปริมานเท่าๆกัน แต่ก็แอบเอนเอียงเทให้พุงพลุ้ยมากกว่าใครเพื่อน พุงพลุ้ยเมื่อได้ยินเสียงอาหารเม็ดกระทบจานก็รีบวิ่งหูกระดิกตรงมาทันที มันก้มหน้าก้มตากิน ฟันบดเคี้ยวเม็ดอาหารดังกรุบๆ

ผมยืนมองมันกินอย่างเพลินๆจนพ่อกลับมายืนอยู่ข้างๆ

“ไปหรือยัง ของตัวเองน่ะไม่ใช่อันนี้ อันนี้ของเจ้าอ้วนมัน” พูดเสร็จพ่อก็เดินจากไป ทิ้งให้ผมมองถุงอาหารในมือด้วยหน้าเหวอๆ

ผมไม่ใช่หมานะ!

รีบมัดปากถุงแล้ววางไว้ทีเดิมก่อนจะวิ่งตามพ่อไป

บรรยากาศอุ่นๆกลับมาอีกครั้งเมื่อได้อยู่ในสถานที่คุ้นเคย ได้ทำอะไรเหมือนเดิมอย่างที่เคยทำ

ถ้าตอนนี้เขาอยู่ด้วยคงจะดี

 
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 25-01-2014 16:21:21
....

หลังจากรับประทานอาหารมื้อเช้าเสร็จ ผมกับพ่อและแม่ก็ตรงเข้าไปลุยงานในสวนหลังบ้านกันต่อ ความจริงแล้วหน้าที่หลักเป็นของผมกับพ่อเสียมากกว่า ส่วนแม่เป็นเสมือนกำลังเสริมด้านกำลังใจ มีบริการของกินทั้งคาวหวานรวมถึงผลไม้ไม่ได้ขาด ไม่รู้ว่ากำลังทำงานหรือกำลังมาพักผ่อนหย่อนใจกันแน่

งานก็ไม่ได้หนักมากหรอกครับ แค่คัดเลือกต้นไม้ที่สมบูรณ์ตัดแต่งกิ่งอีกเล็กน้อยเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่ต้นมันก็อยู่ในกระถางพร้อมส่งอยู่แล้ว ส่วนเรื่องแบกขนนั้นก็ไม่ใช่หน้าที่ของผมกับพ่อ เป็นหน้าที่ของคนงานที่จะมาขนในตอนเย็นอีกที

ยังดีที่ออร์เดอร์ล็อตนี้ไม่เยอะมาก เพียง 20 ต้น ผมกับพ่อเลยทำไปเรื่อยๆไม่รีบร้อน แต่นั่งนานๆก็เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเหมือนกันนะครับ ขนาดผมอายุยังไม่ถึงยี่สิบยังปวดเมื่อยขนาดนี้ แล้วพ่อที่ปาไปสี่สิบกว่าล่ะ

“พ่อ พักก่อนได้นะ เดี๋ยวต้าทำต่อเอง”

มือหนาของพ่อที่กำลังจะตัดใบเสียออกชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะไล่ผม

“เหลืออีกไม่กี่ต้นเอง ค่อยพักทีเดียว เราน่ะไปพักไป”

“พ่อไม่พัก ต้าก็ไม่พัก” บอกอย่างดื้อดึงแล้วย้ายตัวเองไปหาชวนชมกระถางถัดไป

พ่อน่ะก็อย่างนี้ทุกที เดี๋ยวจะให้แม่ดุซะให้เข็ดจะได้ไม่ดื้อ

“พ่ออ มาพักก่อนเร็ว แม่ปลอกแอปเปิ้ลไว้ให้แล้ว” คิดปุ้บเสียงหวานๆก็ลอยมาทันที ผมเหลียวมองไปด้านหลังเห็นพ่อชะงักมือก่อนจะวางกรรไกรตัดกิ่งแล้วลุกขึ้นง่ายๆ

เหวอสิครับ ผมพูดพ่อไม่เห็นฟังเลย ทีแม่พูดแค่ประโยคเดียวพ่อก็ทำตามง่ายๆ เดี๋ยวผมจะน้อยใจให้ดู

“เราด้วยต้า มาพักก่อน”

จากที่จะน้อยใจๆ ก็น้อยใจไม่ออก รีบวางมือ หยัดกายขึ้นยืนปัดก้นสองสามทีแล้วเดินลากแตะไปหาแม่ในที่ร่ม

พอได้ทิ้งตัวนั่งพิงเก้าอี้เท่านั้นล่ะ สวรรค์บนดินเลยครับ นั่งตากแดดร้อนๆมานาน แม้จะมีหมวกคลุมหัวแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ครั้นเมื่อได้นั่งพักใต้ร่มไม้อย่างนี้ก็รู้สึกผ่อนคลายจนไม่อยากกระดิกตัวไปเจอแดดร้อนๆอีก ก็อย่างว่าล่ะครับ ผมมันสบายจนเคย นั่งๆนอนๆดูทีวี ถึงเวลากินก็กิน ถึงเวลานอนก็นอน พอได้ลงมือลงแรงนิดหน่อย ทั้งๆที่ยังเด็กอยู่แต่พละกำลังก็ดูท่าจะห่างจากพ่อที่อายุเยอะไปมากโข

“เป็นไง แค่นี้เหนื่อยแล้วรึไง” พ่อเย้าขณะเลื่อนแก้วน้ำที่มีไอเกาะรอบนอกมาตรงหน้าผม ผมยู่หน้าเถียงไม่ออกได้แต่ยกน้ำดื่มแทน ก็มันเหนื่อยจริงๆ

“ไม่ต้องไปช่วยพ่อแล้ว ขึ้นบ้านไปเลย เดี๋ยวพ่อทำต่อเอง”

ผมกระดกน้ำอีกอึกใหญ่ก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะ ตีหน้ายุ่งมองพ่อ

“ไม่เอา แค่นี้เอง พักแป๊บเดียวต้าก็หายเหนื่อยแล้ว”

พ่อดื้อยังไง ผมอะ ดื้อกว่าพ่อหลายเท่าตัว ไม่ยอมให้พ่อเหนื่อยคนเดียวหรอก

“เอ้า กินซะ สองพ่อลูก จะได้มีแรงไปทำงานต่อ” แม่ว่าพลางเลื่อนจานผลไม้มาตรงกลางโต๊ะแล้วหยิบส้มมาปลอกเปลือกต่อ “บ่ายโมงกว่าแล้วพ่อจะกินข้าวเลยไหม”

พ่อส่ายหน้าปฏิเสธก่อนหยิบหมวกมาพัดคลายร้อนให้ตัวเอง

“แม่ไปกินเถอะ เดี๋ยวพ่อกะว่าจะทำต่อให้เสร็จแล้วค่อยกินทีเดียว”

คำตอบของพ่อทำเอาแม่ขมวดคิ้ว พ่อบทจะใจดีก็ใจดี แต่บทจะรั้นก็รั้นสุดๆเหมือนอย่างตอนนี้ที่ต่อให้แม่โน้มน้าวให้พ่อไปกินข้าวสักเท่าไหร่ ถ้างานไม่เสร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ พ่อก็ไม่กินหรอก

ว่าแล้วพ่อก็ลุกขึ้นยืนทั้งๆที่เพิ่งนั่งได้ไม่นาน ยังผลให้ผมต้องลุกตาม ทว่าคราวนี้แม่ก็ไม่นั่งอยู่เฉยๆ ลุกขึ้นยืนด้วยอีกคน เดินตามพ่อไปติดๆ

“แม่จะตามพ่อมาทำไม” พ่อหันมาถาม คิ้วขมวดเป็นปม ขาของผมชะงักเมื่อเห็นท่าเริ่มจะไม่ดี

“แม่จะช่วยพ่อไง งานจะได้เสร็จเร็วๆ สามคนก็ยังดีกว่าสองคนใช่ไหมน้องต้า” แม่หันมาถามหาพวก ผมหน้าเหวอแต่ก็พยักหน้าหงึกหงัก

“ไม่ๆ แม่ไปนั่งรอ เดี๋ยวพ่อทำกับลูกเอง”

“พ่ออย่าดื้อ” แม่ไม่ต่อร้อต่อเถียงเดินผ่านพ่อเข้าไปในสวนแล้วนั่งจุ้มปุ้กตรงหน้ากระถางต้นไม้ จัดการดูความเรียบร้อยอย่างชำนาญ พ่อมองหน้าผมอย่างคาดโทษด้วยท่าทางไม่จริงจังเท่าไหร่นักก่อนจะเดินไปหาแม่แล้วถอดหมวกที่สวมอยู่วางแหมะบนศีรษะของแม่แล้วนั่งยองๆไม่ห่างกัน

ผมมองภาพตรงหน้าแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม แต่สงสัยว่าผมจะซึมซับความหวานตรงหน้ามากไปหน่อยจนเสียงทุ้มของพ่อดังประท้วงเข้ามา

“จะยืนยิ้มอีกนานไหม รีบๆมาช่วยพ่อกับแม่เร็วๆเลย”

“คร้าบบบ”

ทำงานไป ยิ้มไปนี่ก็มีความสุขดีนะครับ

 

.....

ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นชวนชมนับยี่สิบกระถางก็อยู่ในสภาพพร้อมส่ง เหลือแค่รอเวลาให้คนงานมายกขึ้นรถแล้วนำไปส่งให้ลูกค้าเท่านั้น

แม้งานจะไม่ได้หนักมาก แต่พระอาทิตย์ที่ส่องแสงจ้าบนท้องฟ้าก็ทำให้เหงื่อกาฬไหลอาบแผ่นหลังจนเสื้อชุ่มโชก แม่บ่นผมกับพ่อยกใหญ่แล้วไล่ให้ไปอาบน้ำ ส่วนตัวเองก็ตรงเข้าครัวทำอาหารจานเดียวง่ายๆอย่างผัดซีอิ๊ว

พอเข้ามาในห้องตัวเองได้ ขามันก็พาเดินไปยังหน้าต่าง ผมจัดการรวบผ้าม่านเข้าหากัน่โดยผูกเชือกเป็นปมหลวมๆ ก่อนสายตามองลงไปด้านล่างตรงจุดเดียวกับเมื่อวานที่เห็นใครคนนั้นกดกริ่งอยู่หน้าประตูรั้ว

ทว่าวันนี้ไม่มี..

ผมเลียริมฝีปากล่างก่อนจะหันหลังไปหยิบผ้าขนหนูแล้วตรงเข้าห้องน้ำ

สายน้ำที่ไหลออกจากฝักบัวในตอนบ่ายอย่างนี้ อุณหภูมิกำลังพอดี ความเย็นของน้ำทำให้ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นเล็กน้อย

กายรู้สึกสดชื่นดีแล้ว ทว่าจิตใจกลับยังคงหนักหน่วงแปลกๆ

ไม่ใช่เรื่องเตอร์.. ผมรู้ตัวเอง

ผมเดินเข้าไปใกล้สายน้ำมากขึ้นก่อนจะก้มหัวลงปล่อยให้น้ำตกกระทบศีรษะ เผื่อว่ามันจะช่วยคลายความรู้สึกหน่วงๆนี้ได้

ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรออะไร และผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้

...

แป้งเด็กในกระป๋องถูกเทใส่ฝ่ามือข้างหนึ่งก่อนจะวางลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วค่อยๆประแป้งไปตามใบหน้าและลำคอจนหอมฟุ้ง

ผมของผมยังชื้นอยู่เล็กน้อยเพราะไม่ได้เป่าพัดลมจนแห้งก็รีบลงมาข้างล่างเสียก่อน พลันขาที่กำลังวิ่งก็ต้องชะงักไป เมื่อได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากชั้นล่าง

เสียงดังไม่ต่างกับคนกำลังทะเลาะกัน

ผมขมวดคิ้วเร่งฝีเท้าแทบกลายเป็นวิ่ง ทว่าเมื่อลงมาถึงตีนบันไดผมก็มองภาพวุ่นวายตรงหน้าอย่างตกตะลึง

"ต้า!!" เสียงดังขึ้นพร้อมกับสายตาที่มองเห็นวัตถุไหววูบที่พุ่งจู่โจมเข้ามาพร้อมกับที่ผมรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว พลันเสียงเอ็ดตะโรเมื่อครู่จะเงียบกริบในพริบตา

"ต้าาาา คิดถึงจังเลยยยย" ไอ้น้ำเพื่อนในกลุ่มที่จัดว่าเตี้ยจัดพูดพร้อมทั้งออกแรงกอดผมแน่นมากกว่าเดิม ผมยิ้มกว้างวาดแขนกอดตอบมัน ผมรู้สึกดีเสมอเมื่ออยู่ใกล้มัน ไม่ใช่อะไร เพราะเมื่อผมอยู่ใกล้มัน มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมสูงงงงนะ

ไอ้นี่อะขี้อ้อน ผมไม่ได้คิดไปเองนะ แต่มันชอบอ้อนผมมากกว่าคนอื่นในกลุ่มและผมก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญด้วย

“พวกมึงสองตัวจะเล่นเลสกันอีกนานป้ะ” ไอ้แบงค์พูดขึ้นก่อนจะตรงรี่เข้ามาดึงคอเสื้อน้ำแล้วหิ้วปีกให้ออกห่างจากผม โดยที่ไอ้น้ำก็หันไปตะแง้วข่วนไอ้แบงค์ยกใหญ่

“อะไรของมึงเนี่ยน้ำ!” ไอ้แบงค์โวย ยกไม้ยกมือปกป้องตัวเองเป็นพัลวันก่อนจะรวบจับข้อมือของคนตัวเล็กไว้

“มึงนั่นแหละ อะไร! กูจะหาต้า!” มันตวาดแหวอย่างไม่ได้ดูกำลังตัวเองเลยว่าจะมีอะไรไปสู้คนที่สูงกว่าตัวเองขนาดนั้นได้

“เมื่อกี้ก็กอดกันไปแล้วไง มึงจะเอาอะไรอีก” สีหน้าไอ้แบงค์เริ่มจะหงุดหงิด แต่ก่อนที่ไอ้สองคนนั้นจะเถียงกันใหญ่โตเสียงไอ้เบียร์ก็แทรกเข้ามาก่อน

“เงียบๆไปเลยไอ้สองผัวเมีย”

เพี้ยะ!

ไอ้เบียร์โดนฟาดปีกไหล่เต็มๆจากฝ่ามือเล็ก ที่ตอนนี้ใบหน้าคนฟาดแดงก่ำยิ่งกว่าตำลึงสุก ผมหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นว่ามันอาย ก่อนจะรีบกระแอมไอแล้วหุบยิ้มฉับพลันเมื่อไอ้ตัวเล็กฟาดค้อนส่งมาให้วงโต

“พวกมึงแม่งเสียงดัง พ่อกับแม่กูอยู่ไหน” ถามขณะที่ลงบันไดมาอยู่บนพื้นแล้วมองผ่านเข้าไปในครัว แต่ก็ไม่เห็นใครสักคน

“เข้าไปในสวนมั้ง เขาปล่อยให้พวกกูอยู่กับมึง ส่วนผัดซีอิ๊วอยู่ในกระทะให้ตักกินเอา” ไอ้นุเพื่อนอีกคนในกลุ่มพูดขึ้น ผมพยักหน้ารับยกมือลูบท้องเล็กน้อย

“พวกมึงกินข้าวกันมายัง?”

ส่ายหน้ากันโดยพร้อมเพรียง

ผมเดินตรงเข้าไปในครัว มองผัดซีอิ๊วในกระทะที่เกือบล้นอึ้งๆ สงสัยพวกมันคงมาตอนที่แม่กำลังทำพอดี ท่านเลยทำเผื่อไว้

“กินด้วยกันดิ”

“จะดีเหรอวะ” ไอ้เบียร์มันพูดคล้ายจะเกรงใจ แต่ตางี้เป็นประกาย ผมอยากจะข่วนหน้ามันจริงๆ ปากเนี่ยถาม แต่มืออะหยิบจานเตรียมพร้อมแล้ว

“ทีหลังก็ถามตอนกินเสร็จแล้วก็ได้” ผมพูดเปรยๆก่อนจะรับจานมาแล้วตักผัดซีอิ๊วให้มันจนพูนจานแล้วส่งกลับคืนให้ไอ้เบียร์ แล้วก็หันไปรับจานจากไอ้นุ ตามด้วยไอ้แบงค์ น้ำ และตัวผมเอง

หมดกระทะครับ จากล้นๆนี่เกลี้ยงเลย ฮ่าๆ

ผมหันหลังเดินไปนั่งที่โต๊ะก็เห็นว่าพวกมันเริ่มกินนำไปบางส่วนแล้ว สงสัยคงจะหิวจริง

“เอาเครื่องปรุงไหม”

“ไม่เอา อร่อยแล้ว” น้ำเงยหน้าขึ้นมาพูดแล้วยิ้มตาหยี น่ารักตลอดอะมัน

แกร๊ง!

ผมปรายตาหันไปมองยังทิศทางที่เสียงส้อมเคาะกับจานดังแทรกเข้ามา เป็นไอ้แบงค์ครับ แต่ตอนนี้มันกำลังลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่ ไอ้ห่านี่ก็ขี้หวงจัง เดี๋ยวกูแย่งน้ำมากอดไม่ปล่อยเลย

“ไม่กินไงวะ? มึงไม่กินงั้นกูขอ” เสียงพูดกลั้วหัวเราะดังขึ้นใกล้ๆตัว ผมรีบก้มหน้ามองจานตัวเองก็เห็นว่ามีมือดีกำลังใช้ส้อมจิ้มกุ้งในจานของผมไป!!

มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติที่ยื่นมือไปจับไว้อย่างรวดเร็ว

“ของกู!”

กุ้งอะ ของโปรดผมเลยนะ แล้วในจานก็ไม่ได้มีกุ้งเยอะขนาดนั้นด้วย

“ฮ่าๆๆๆ กูจะกิน” ไอ้เบียร์ว่าพลางสับส้อมไปที่มืออีกข้างแล้วเอากุ้งเข้าปาก มันยื่นหน้ายิ้มๆมาใกล้ผม ไม่รู้ว่าผมกำลังแสดงสีหน้าอย่างไหนอยู่ แต่คิดว่าหน้าคงต้องกำลังงอแน่ๆ เพราะไอ้เบียร์ยิ่งยิ้มกว้างมากกว่าเดิม

ไอ้ห่านี่นิสัยเสีย ชอบขัดใจ!

“มึงกลับบ้านไปเลยไปปปป” เอ่ยไล่แล้วยกจานหนีให้ห่างจากมัน ซึ่งไอ้เบียร์นอกจากจะไม่ออกจากบ้านไปอย่างที่ผมไล่แล้วกลับหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจอีก ไม่เพียงแค่มันที่หัวเราะขำ ไอ้นุที่นั่งกินเงียบๆก็ร่วมผสมโรงด้วย

“นิสัย!”

....

มื้ออาหารที่แสนวุ่นวายจบลง แต่มื้อของหวานที่วุ่นวายพอกันยังไม่สิ้นสุด

"ไอ้เชี่ยนุ อันนั้นกูจอง" ไอ้เบียร์ส่งเสียงโหวกเหวกพร้อมทั้งเอื้อมมื้อไปแย่งเลย์มาจากมือนุ นุมันก็ไม่ไร ยักไหล่ตามประสาพวกชอบความสงบสุข ก่อนจะตักบัวลอยกิน

"ต้า น้ำจะเลือกม.เดียวกับต้าแหละ" น้ำมันพูดขึ้นเรียกความสนใจของทุกคนให้พุ่งตรงไป

"แน่ใจว่าที่เลือกม.เดียวกับต้าเพราะต้าเรียน ไม่ใช่เพราะว่าใครบางคนหรอกนะ"

สิ้นคำพูดของผมก็เกิดเสียงโห่หิ้วขึ้นระรอกหนึ่ง พาลให้แก้มนวลซับสีเลือดโวยวายกลบเกลื่อน ในขณะที่อีกคนที่นั่งข้างๆกันทำเพียงยักยิ้มมุมปากเท่านั้น

ก็นั่นล่ะครับ ไอ้แบงค์มันตั้งใจจะแอดม.นี้เป็นอันดับ 1-2 อยู่แล้ว แต่อย่างมัน ผมว่ามันติดสบายๆ

ในกลุ่มมีแค่ผมกับนุเท่านั้นที่มีที่เรียนต่อแล้ว และเป็นม.เดียวกัน ต่างกันเพียงคณะเท่านั้น

ที่เขาว่ากันว่า เลือกที่แอดอย่าเลือกตามเพื่อน อันนั้นก็แล้วแต่บุคคล แต่หากถามผม ถ้าเป็นไปได้ผมเองก็อยากเรียนที่เดียวกับเพื่อนม.ปลายเหมือนกัน ในความคิดผมเรียนที่ไหนก็ขึ้นชื่อว่าเรียน แม้ว่ามหา’ลัยนั้นจะดังหรือไม่ดัง แต่เขาก็ให้ความรู้เราได้ไม่ต่างกัน เพราะงั้นจะเลือกตามเพื่อนผมว่าก็ไม่ใช่สาระสำคัญ สำคัญที่การเลือกคณะ เลือกที่ตัวเองชอบ ตัวเองอยากเรียน ไม่ใช่ตามเพื่อน แม้จะไม่ได้เรียนด้วยกัน แต่มีเพื่อนไว้อุ่นใจว่าอย่างน้อยเราก็ได้เรียนที่เดียวกันก็พอ

"แล้วมึงอะเบียร์ เลือกที่ไหน"

"ถามหมาๆ"

ถ้าหลังแหวนได้ผมหลังแหวนมันไปแล้ว คนถามดีๆกวนตีนกลับอีก

"เป็นไร ทำหน้างั้น ถ้าไม่เลือกที่เดียวกับมึงจะให้กูไปเรียนไหนล่ะวะ"

เพราะคำตอบนั้น ทำให้ผมยิ้มออก รู้สึกอุ่นใจเมื่ออีกคนสำคัญจะได้ไปเรียนอยู่ใกล้ๆกัน

มหา’ลัยที่ผมเลือกก็ไม่ใช่ที่ไหนหรอกครับ ที่เดียวกับที่เตอร์เรียนนั่นล่ะ ยังดีที่ผลประกาศออกมาก่อนเกิดเรื่องวุ่นวาย ถ้าเรื่องบ้าๆพวกนั้นดันเกิดก่อน ผมคงไม่มีโอกาสได้เรียนที่นี่

...

ตกเย็นพวกตัวดีทั้งหลายแหล่ก็พากันยกขบวนกลับไป ยังผลให้บ้านของผมรู้จักคำว่าความสงบสุขอีกครั้ง

พ่อกับแม่ยังไม่กลับเข้าบ้าน ผมก็ไม่อยากออกไปตาม ปล่อยพวกท่านมีเวลากระหนุงกระหนิงกันไป

ผมยกจานที่วางซ้อนกันเป็นตั้งไว้ในอุ้งมือแล้วนำไปวางในซิงค์ หยิบสก็อตไบท์แล้วบีบน้ำยาล้างจานเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มล้างจานทีละใบเพื่อลดภาระให้แม่

ผมดีใจนะที่วันนี้พวกมันยกโขยงมาหา ความจริงที่พวกมันมาก็ไม่ได้มีธุระอะไร หลักๆเลยคือแค่มาเจอมาเห็นหน้ากัน

เท่านั้นก็พอแล้วล่ะครับ

ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางๆ นึกถึงเสียงโหวกเหวกเมื่อครู่นี้แล้วก็มีความสุข อยากกลับไปใช้เวลาร่วมกับพวกมันอีกเหมือนเมื่อก่อน

แม้ว่าผมจะมีที่เรียนแล้ว แต่ผมก็ยังอดลุ้นอดตื่นเต้นไม่ได้ ลุ้นครับ ว่าจะได้เรียนที่เดียวกับพวกมันไหม ..ผมขอให้เราได้เรียนที่เดียวกัน

...
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 25-01-2014 16:21:54


หลังจากที่ล้างจานและคว่ำจานเสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินไปยังส่วนห้องนั่งเล่น เอนหลังพิงเบาะ หยิบรีโมทเลื่อนกดหาช่องที่ต้องการ หัวคิ้วเลิกสูง เมื่อพบว่าช่องการ์ตูนที่เคยดูอยู่ตลอดตอนนี้มันหายไป คล้ายกับไม่มีสัญญาณ และผมก็ไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนไปอยู่ช่องที่เท่าไหร่ เจอแบบนี้มันเซ็งครับ

พลันหูแว่วคล้ายได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของพาหนะสี่ล้อที่วิ่งขับผ่านหน้าบ้าน ปฏิกิริยาของร่างกายเป็นไปอย่างรวดเร็ว ผมชะเง้อคอมองออกไปนอกหน้าต่าง มองไปยังถนน แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง

ผิดหวังเหรอ...?

"คิดอะไรอยู่ล่ะเรา"

เสียงทุ้มของพ่อดังขึ้น ผมสะดุ้งเล็กน้อยไม่รู้ว่าพ่อเข้าบ้านมาเมื่อไหร่ พ่อนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกัน ผมหันไปมองแล้วส่ายหน้าไปมา

"เพื่อนเรากลับไปหมดแล้วเหรอ"

"อื้อ ครับ กลับไปได้สักพักใหญ่แล้ว ลำบากพ่อกับแม่เลย ไม่เห็นต้องออกไปข้างนอกเลย"

"ลำบากอะไรกัน ปล่อยให้อยู่กันตามประสาเด็กๆไม่ชอบรึไง"

"ก็ชอบ.." อ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียง

"ก็เพราะอย่างนั้นไง พ่อกับแม่เลยปล่อยให้เราอยู่กันตามประสาเด็กๆ"

ผมยิ้ม ก่อนจะชะงัก เผลอมองดวงตาข้างซ้ายหลังกรอบแว่นของพ่อนิ่งงัน

"พ่อยังเจ็บอยู่ไหม"

"ตานี่น่ะเหรอ" พ่อทวนถามพลางถอดแว่นสายตาออก ผมรับมาวางบนโต๊ะให้ มองพ่อที่ยกมือลูบตาช้าๆ

"ไม่เจ็บหรอก พ่อหายเจ็บนานแล้ว แล้วเมื่อไหร่ลูกของพ่อจะหายเจ็บล่ะ"

...

"ต้าขอโทษ"

พ่อยิ้ม ยิ้มให้ผม ยิ้มที่ไม่มีความโกรธ ยิ้มที่เข้าใจ

พ่ออภัยให้ผม แต่เป็นผมเองที่ยังไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้

 

...

วงเวียนชีวิตของผมเริ่มวนมาเป็นเหมือนเดิมเหมือนที่เคยเป็น หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จและแยกกับพอแม่แล้ว ขณะที่กำลังจะเข้าห้องตัวเอง ผมก็หยุดชะงักตรงกลางระหว่างประตูสองห้อง ..ผมมองไปที่ประตูห้องของเตอร์ ที่ตอนนี้เจ้าของห้องมันไม่อยู่ ผมอยากจะเข้าไปและนอนในนั้นเหมือนที่เคยทำ ทว่าลึกๆแล้วผมยังกลัว..

หากรอวันที่เตอร์กลับมา บางทีผมอาจจะกล้าเข้าไปในห้องนั้นด้วยกันกับเตอร์พร้อมกับความรู้สึกที่สามารถอภัยให้อย่างที่ตั้งใจไว้

สายตาเบนกลับมาที่ห้องตัวเอง เปิดประตูและเดินเข้าไปด้านใน ผมยืนเคว้งอยู่กลางห้อง ในหัวขาวโพลนไม่รู้ว่าควรต้องทำอะไรต่อจากนี้

แปลกดี ผมเติบโตมาที่บ้านหลังนี้ ผมอยู่มาเกือบยี่สิบปี ผมเคยชินกับมัน แต่พอมาวันนี้ ผมไม่ชินและรู้สึกว่าการอยู่คนเดียวมันเหงา ..อาจเพราะไม่มีเตอร์ ผมคิดว่านั่นคือเหตุผล

ผมเดินไปใกล้หน้าต่างเพื่อจะปิดมัน ค่อยๆยื่นแขนออกไปนอกเหล็กดัดแล้วจับที่จับพลันออกแรงดึงปิดให้สนิทเพื่อจะเปิดแอร์

หลังจากกดปุ่มบนรีโมทคอนโทรล เสียงเครื่องปรับอากาศก็ครางหึ่งก่อนความเย็นจะโอบล้อมห้องนี้ และแทนที่ผมจะเดินไปนอนบนเตียงอย่างทุกคืน ผมกลับนั่งลงที่เก้าอี้ตรงโต๊ะเขียนหนังสือ นั่งทั้งๆที่ไม่มีอะไรทำ ไม่มีสิ่งที่ต้องเขียนต้องอ่าน เพียงแค่นั่งเฉยๆ

สายตามองผ่านกระจกใส จุดโฟกัสอยู่ที่ถนนหน้าบ้าน ..คืนนี้ก็เหมือนกับเมื่อวาน ต่างกันเพียงคืนนี้ที่พื้นลาดยางไม่มีรถคันนั้น..

จากสี่ทุ่มเปลี่ยนเป็นห้าทุ่ม.. ความรู้สึกโดดเดี่ยวและความหน่วงในใจยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกที พลันเสียงโทรศัพท์บ้านที่ต่อสายพ่วงมาที่ห้องผมจะดังขึ้นมา

Trrrrrrrrrrr

โทรศัพท์บ้านจะมีแค่ด้านล่างและห้องผมกับเตอร์เท่านั้น ในห้องของพ่อกับแม่จะไม่มี เพื่อที่ท่านจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

ผมผละตัวลุกขึ้นแล้วยกกระบอกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู

"ฮัลโหล" กรอกเสียงทักทายและเงียบรอฟัง ทว่าสิ่งที่ได้ยินกลับมีเพียงความเงียบ

"..."

"สวัสดีครับ" ผมพูดทักทายอีกรอบ กะว่าถ้ารอบนี้ปลายสายไม่พูดธุระมาผมคงวางจริงๆ

"..."

"ถ้าคุณไม่พูดผมวางแล้วนะครับ" คิ้วชนเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจ

"ทำไมยังไม่นอน"

หัวใจกระตุกวูบกับเสียงที่ได้ยิน

"วันนี้ยุ่งทั้งวัน เลยไม่มีเวลาไปหา" เสียงนั้นยังคงดังเข้าหูมาเรื่อยๆด้วยจังหวะการพูดเนิบช้า

ใจผมสั่งให้วางโทรศัพท์ลง ..และนับเป็นครั้งแรกที่มือและหัวใจทำงานประสานกันได้ดี

ปั้ง!

โทรศัพท์ถูกกระแทกวางลงดังโครมใหญ่ แต่ผมไม่ได้ใส่ใจเมื่อสายตายังคงไม่ละออกจากโทรศัพท์นั้น หัวใจยิ่งเต้นรัวมากกว่าเดิมเมื่อเสียงกรีดร้องของเครื่องมือสื่อสารดังขึ้นอีกครั้งแทบจะทันทีหลังจากวางสาย

ไม่ต้องยกหูขึ้นรับก็รู้ว่าใครเป็นคนโทรมา

ผม กำลังไม่เข้าใจตัวเอง

...ทั้งที่วันนี้ผมรอมาทั้งวัน แต่พอตอนนี้.. ผมกำลังจะหนี

เสียงร้องของโทรศัพท์เงียบหายไปพร้อมกับใจของผมที่คล้ายกับหยุดเต้นไปชั่วครู่ ..ไม่นานมันก็ดังขึ้นอีกครั้งนำพาให้หัวใจของผมกลับมาเต้นในจังหวะเดิม

แต่เป็นผมเองที่เลือกที่จะถอดสายโทรศัพท์ออกจากตัวเครื่อง พลันความเงียบก็เข้าปกคลุมห้องทั้งห้องอีกครั้ง

ห้องเงียบก็จริงอยู่แต่เสียงกรีดร้องของโทรศัพท์ยังคงดังก้องอยู่ในหัว ผมค่อยๆปล่อยสายโทรศัพท์ออกจากมือปล่อยให้ร่วงหล่นลงไปบนพื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก สองขาก้าวเดินขึ้นเตียงด้วยตัวลอยๆ ก่อนจะพลิกกายนอนตะแคงข้างหันหลังให้กับโทรศัพท์แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวจนถึงริมฝีปาก

 

 

___________________________________________
TALK :: พาร์ทนี้มาแบบ น้ำๆ เนื้อเข้าพระเข้านางไม่ค่อยมี 55555 อยากให้เห็นว่าตอนนี้น้องต้าเริ่มกลับไปใช้ชีวิตแบบปกติที่เคยเป็น น้องมีเพื่อน มีครอบครัว มีสังคมในแบบของตัวเอง อื้ม... ส่วนคนที่สบตาปิ๊งๆกับน้องในตอนที่แล้วนั้น ไม่ใช่ใครอื่น เป็นคนเดียวกับที่ทุกคนคิดไว้นั้นแหละค่ะ 55555555
มันเป็นวิธีการง้อของเฮียแก (ปล่อยเฮียแกไปปปปป ทุกวันนี้ก็ยังนึกสภาพเฮียแกมาง้อน้องไม่ออก) 5555
มีคนเชียร์ให้เตอร์มีคู่ ตามโปรแกรมแล้ว เตอร์มีคู่นะ (จะใช่คู่เตอร์ต้าหรือเปล่าน้า (ผลัวะ)) 555 ใครที่แอบหวังอยู่ ไม่ใช่เตอร์ต้าหรอก (กำๆ ฝันสลาย ฮ่าๆ)
* อยากตอบคอมเม้นท์ แต่งานล้นมือมากเลย T_T อาทิตย์หน้าเสมือนสัปดาห์นรกเลยค่ะ ฮือออ ถึงรอบนี้จะไม่ได้ตอบ แต่ก็อ่านทุกเม้นท์ เม้นท์ละหลายๆรอบเลย ขอบคุณมากๆนะคะ จุ้บบบบ
** ตอนจบของเรื่องนี้จะเป็นยังไงก็ขอให้ลุ้นขอให้อ่านกันต่อไปป อีกอึดใจเดียว ฮึบ!! จะพยายามไม่ให้จบแบบค้างคา 5555
*** ช่วงนี้อากาศหนาวอีกแล้ว ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ
**** ใครที่คิดถึงพี่จิม อาจจะไม่ได้มีมุมมองพี่จิมมาให้ได้อ่านกันแล้ว เพราะตั้งใจจะให้เป็นมุมมองน้องอย่างเดียว แต่ก็ไม่แน่ รอจังหวะเหมาะๆจะพาพี่จิมมาหา จุ้บบ
***** รักนะคะ. เจอกันใหม่ตอนหน้าน้าา
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: pornumpai-ka ที่ 25-01-2014 16:34:08


 :katai5: :katai5: :katai5:


มานอนริตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 25-01-2014 17:00:16
เตอร์อาจจะคู่กับเพื่อนของเตอร์ตอนนั้นก็ได้ งานนี้พี่เตอร์อาจเป็นเคะบ้าง 55555+
(หาคนมาคอยปลอยใจให้จิตใจที่ปลอบบางของเตอร์เข้มแข็งก็ต้องเมะสิ สินะสินะ)

น้องต้าร์เริ่มคิดได้ ให้อภัยเตอะ แต่ว่านะ กลัวจังว่า20วันนี้เตอร์อาจจะได้สามีกลับมาด้วย//โดนนักเขียนตรบ อิอิ
ส่วนตาจิม เราเชื่อว่าน้องต้าร์จะต้องให้อภัยแน่นอน ทำไมไม่รีบเข้าถึงคุณพ่อคุณแม่นะ อุอิ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 25-01-2014 18:34:18
มาแล้วอ่ะ มาแล้ว มาเต็มร้อยด้วย กรีดร้องด้วยความดีใจ อร๊ายยยย
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: kuro ที่ 25-01-2014 20:18:09
คิดถึงจิมจัง
ถ้าเป็นไปได้ จบแล้วขอตอนพิเศษมุมมองของจิมนะคะ
จิมสู้ๆนะ ง้อให้ได้
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 25-01-2014 21:06:19
หน่วงหัวใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: strawberryboys ที่ 25-01-2014 21:34:42
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 25-01-2014 22:00:22
สายสัมพันธ์พี่้น้องมันตัดกันไม่ขาดหรอก
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 25-01-2014 23:06:08
น้องต้าก็แอบคิดถึงพี่จิมอยู่นะนั่น กิ๊วๆๆๆ >.<
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: mammam ที่ 25-01-2014 23:15:36
เวลาเท่านั้นจะช่วยทุกอย่าง
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 25-01-2014 23:36:23
ตอนนี้พี่จิมออกแต่เสียง 55555 ง้อน้องให้สำเร็จเร็วๆ น้าจิม เอาใจช่วยยยยยยยยย

รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 26-01-2014 01:05:01
มาต่อแล้วว กร๊ีดด ขอให้แฮปปี้เอ็นดิ้งเถอะนะะ คืนดีกับเตอร์กับพี่จิมนะต้าาาา
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 26-01-2014 01:14:07
จิมมมม มีปัญญาง้อน้องแค่นี้ช้ะะ โอ้ยหงุดหงิดแทนน้องงง
คนเขียนสู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: kuankao ที่ 07-02-2014 23:08:56
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 08-02-2014 13:08:50
คิดถึงจิมมมมมมม
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: atcharayee ที่ 08-02-2014 13:27:58
เมื่อไหร่จะมา รอนานแล้วนะ คิดถึง
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 15-02-2014 22:24:15
ThankS
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: nomo9 ที่ 16-02-2014 18:48:27
อร๊ายยยย พี่จิมมาง้อน้องเด๋วนี้เลย
ส่วนน้องต้าค่ะ พี่ว่าการที่ให้อภัยคนที่เราไว้ใจได้มากที่สุดอย่างเตอร์ได้ ก็ควรที่จะให้อภัยความผิดอื่นเหมือนกันน้า ^^
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 19-02-2014 21:32:59
ขอโทษที่ให้รอนานน้าา  :hao5:
อัพตอนต่อไปภายในอาทิตย์นี้แน่ค่า 

:katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: hongzaa ที่ 19-02-2014 22:18:20
รอน๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: atcharayee ที่ 20-02-2014 01:19:35
เมื่อไหร่จะมา
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 36 รอ... {100}% [25/01/57] P.22
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 21-02-2014 00:21:04
 คิดถึงพี่จิมกับน้องต้า
มาต่อน๊าาา จะรอๆ

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 {60%} [22/02/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 22-02-2014 17:11:40
ตอนที่ 37 ....60%


ท่ามกลางความมืดในห้วงราตรีกาลที่ทุกสรรพชีวิตกำลังลอยล่องในห้วงแห่งฝัน ผมรับรู้ได้ว่าร่างกายของตัวเองกำลังลอยคว้างอยู่กลางอากาศ รอบด้านเป็นสีดำสนิท มันดำมืดจนผมมองไม่เห็นแม้แต่มือของตัวเอง

!!

และไม่กี่วินาทีถัดมา คล้ายกับร่างทั้งร่างถูกกระชากตกจากที่สูงก่อนผมจะสะดุ้งตื่น!

ผมยกมือขึ้นวางทาบหน้าอกข้างซ้ายแล้วกุมมันไว้ ใต้ฝ่ามือสัมผัสได้ถึงก้อนเนื้อที่กำลังเต้นรัว ดวงตาเบิกโพลงกรอกมองซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง ครั้นเมื่อพบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอน ไม่ได้อยู่ในที่แปลกตาอย่างที่นึกหวั่น อาการตระหนกก็ค่อยๆลดลงพร้อมกับจังหวะการเต้นของหัวใจจะค่อยๆเข้าสู่สภาวะปกติ

เมื่อคืนกว่าผมจะข่มตาหลับได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย

ครับ มันไม่ง่ายเลย

 

‘ทำไมยังไม่นอน’

 

..เพราะเสียงนี้ แค่หลับตามันก็ตามมาหลอกหลอน ดังวนซ้ำไปมาก้องในหู จนสุดท้ายมันก็ปลุกผมให้ตื่นขึ้นมากลางดึก

ผมขยับกายเปลี่ยนเป็นนอนหงาย เบนสายตามองไปยังหน้าต่าง ท้องฟ้ายังมืดสนิทไร้วี่แววของแสงแรกยามตะวันดวงโตโผล่พ้นม่านฟ้า ผมหันหน้ากลับมายังโต๊ะหัวเตียง ยื่นมือไปกดนาฬิกาดิจิตอลเพื่อให้ไฟที่หน้าปัดสว่างเพื่อจะได้ดูเวลา ผมถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งเมื่อเห็นตัวเลขภายในกรอบสี่เหลี่ยมชัดๆ

03:40 AM.

ผมรู้ดีว่า ครั้งนี้ต่อให้ฝืนข่มตาหลับยังไงผมก็คงไม่หลับแน่ๆ

มือผละออกจากหน้าอกตัวเองแล้วลูบหน้าที่เย็นชืดจากไอเย็นของแอร์คอนดิชั่นก่อนพลิกตัวนอนตะแคงมองโทรศัพท์ ต้นเหตุที่ทำให้ตาค้างอยู่อย่างนี้

ผมมองมันเนิ่นนาน

ไม่รู้ว่าตั้งแต่ที่ถอดสายโทรศัพท์ออก เขาจะยังโทรเข้ามาอยู่หรือเปล่า แต่ผมคิดว่าคนอย่างเขาไม่มีความพยายามมากขนาดที่จะตั้งหน้าตั้งตาโทรทั้งที่รู้ว่าต่อให้โทรสักกี่สิบรอบก็ไม่มีวันติดแน่ๆ

...ทว่าคิดเพียงแค่นั้น มือก็เผลอกำผ้าห่มผืนหนาแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

.

.

เผลอเพียงครู่เดียวเสียงนกน้อยก็ดังมาให้ได้ยินแว่วๆพร้อมกับแสงแรกของอรุณที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างส่งผลให้ภายในห้องค่อยๆสว่างขึ้นทีละน้อย ผมหลับตาลงและปิดเปลือกตาค้างไว้อย่างนั้นก่อนจะลืมขึ้นอีกครั้งด้วยความอ่อนล้า

คล้ายกับเส้นเลือดบริเวณขมับเต้นตุบๆ จนผมต้องใช้นิ้วมือนวดคลึงอยู่พักใหญ่ ร่างกายอ่อนเพลียเมื่อมันไม่ได้รับการพักผ่อนมากพออย่างที่ควรเป็น คลับคล้ายคลับคลาเหมือนได้นอนเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น

หน้าปัดนาฬิกาตีบอกเวลา 06:00 AM. ..ยังเหลือเวลานอนอีกเล็กน้อย

น่าแปลกที่เมื่อตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า จิตใจของผมก็รู้สึกสงบขึ้น ไม่เหมือนกับเวลาที่ดวงจันทร์ลอยเด่นบนนภา

ผมปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง ก่อนจะผล็อยหลับไปในเวลาอันรวดเร็ว

.

.

ก๊อกๆ

โสตประสาทเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงรบกวน ลูกตาขยับไหวทั้งที่เปลือกตายังคงปิดสนิท

“ต้าลูก”

ก๊อกๆๆ

“..อืมม” ผมพยายามตอบรับเสียงเรียกนั้น ทว่ามันก็ฟังดูเบาเกินกว่าที่คนที่อยู่หน้าห้องจะได้ยินได้

“ต้า ตื่นหรือยังลูก”

เป็นเสียงของแม่ ผมจำได้ดี ผมฝืนลืมตาตื่นขึ้นมา ถอนหายใจเฮือกใหญ่ข่มความเพลียแล้วยันกายลุกขึ้นจากเตียงเดินไปหมุนลูกบิด ใช้มือเกาะขอบประตูค้ำร่างไว้ไม่ให้ฮวบลงพื้น

“ตื่นแล้วครับ” พูดตอบด้วยเสียงที่คิดว่าเป็นปกติ แต่มันกลับยานคางโดยไม่ตั้งใจ ผมยิ้มรับเมื่อมือนุ่มของแม่ยื่นมาลูบแก้มแผ่วเบาก่อนผมจะยกมือขึ้นวางทาบหลังมือนุ่มแล้วกุมแนบแก้มไว้

“เมื่อคืนนอนดึกล่ะสิท่า ยังเช้าอยู่ ไปนอนต่อสิเรา”

ผมส่ายหน้าไปมา แล้วถามกลับ

“แม่มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ตอนแรกแม่ว่าจะมาชวนเราไปจ่ายตลาด แต่สภาพอย่างนี้ไม่น่าจะไปไหว” เสียงนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนมือข้างนั้นจะตบแก้มผมเบาๆ ผมยู่หน้าแล้วเบนหลบ

“ต้าไปด้วย”

“ตาเนี่ยแทบจะลืมไม่ขึ้นอยู่แล้ว ไปนอนต่อไป พรุ่งนี้ค่อยไปเป็นเพื่อนแม่ก็ได้”

“แม่ไปคนเดียวได้เหรอ”

แม่ยิ้มอ่อนใจ มือนุ่มขยี้ผมของผมไปมาก่อนจะไล่ให้ผมกลับไปนอนต่ออีกครั้ง

ผมมองตามแผ่นหลังบางของแม่ที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ มองไปจนลับสายตาแล้วกลับเข้าไปในห้อง ก่อนทิ้งกายลงนอนบนตั่งเตียง ทั้งแขนและขาก่ายรัดหมอนข้าง หลับตาลงเตรียมเดินทางสู่ดินแดนความฝันอีกครั้ง

 

JIM Part

“ดูสิ สายโด่งขนาดนี้แล้ว เจ้าลูกคนนี้ก็ยังไม่ตื่นสักที”

เสียงบ่นรำพึงดังมาจากคนข้างตัวทำให้มือของผมที่กำลังล้างผักชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อหัวข้อสนทนาวกเข้ามาเกี่ยวข้องกับใครคนนั้น

“พ่อคะ ไปดูลูกให้แม่ที”

เธอเอี้ยวตัวหันไปหาชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่โต๊ะรับประทานอาหาร นัยน์ตาหลังกรอบแว่นของผู้เป็นสามีละจากหน้ากระดาษ ทว่าก่อนมือหนาจะทันได้รวบพับหนังสือพิมพ์เข้าหากันผมก็รีบพูดโพล่งออกไปก่อน

“ให้ผมไปปลุกให้เอาไหมครับ”

หญิงวัยกลางคนที่กำลังง่วนกับการหั่นผักผินหน้ามามองผม เพราะเธอมองมานิ่งๆเลยทำให้ผมอดรู้สึกประหม่าไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังมองกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ

ความเงียบคืบคลานผ่านเข้ามา มันเป็นเวลาไม่ถึงนาที แต่สำหรับผมแล้วช่วงเวลาที่รอคอยคำอนุญาตจากเธอมันนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์ และแล้วคำตอบที่ผมรอคอยก็มาถึง..

“งั้นต้องพึ่งพ่อจิมแล้วล่ะ ส่วนผักแช่ไว้อย่างนั้น เดี๋ยวแม่ล้างต่อเอง” เธอพูดพลางเผยยิ้มละมุน ผมยิ้มตอบก่อนจะผละมือจากผักสีเขียวแล้วเช็ดมือกับผ้าที่เธอยื่นส่งให้ แล้วเดินไปยังบันไดที่มือเรียวชี้บอกทาง

ถ้าไม่ได้คุณอนุชิตผมคงไม่มีโอกาสได้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ การที่ผมได้ช่วยเธอไว้จากการที่เธอโดนล้วงกระเป๋าสตางค์นั้นไม่ใช่เหตุบังเอิญ เรียกว่านั่นเป็นหนึ่งในสถานการณ์ที่ผมสร้างขึ้น

เพราะไม่รู้ว่าจะหาวิธีเข้าใกล้มันยังไง เมื่อคุณอนุชิตเสนอทางเลือกนี้มา ผมจึงไม่ลังเลที่จะคว้าไว้ ก็นับว่าไม่เสียแรงเปล่าที่สู้อุตส่าห์ให้คุณอนุชิตตามสะกดรอยคอยดูพฤติกรรมของหญิงวัยกลางคนทุกเช้าเย็น และหากไม่ลงมือวันนี้ โอกาสที่ผมจะได้เข้าใกล้มันคงไม่มีอีกต่อไป

ต้องวันนี้เท่านั้น

ผมชะงักฝีเท้าเมื่อขึ้นมาถึงชั้นสองของบ้าน สายตามองประตูห้องสองห้อง ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าบานประตูที่มีป้ายไม้แขวนชื่อของคนที่ผมอยากเจอ ไม่รอช้าที่จะเอื้อมมือไปจับลูกบิดแล้วหมุนเปิด ..ในอกวูบพลันเต้นรัวเมื่อพบว่าประตูบานนี้ไม่ได้ลงกลอนอย่างที่นึกหวั่น

ผมค่อยๆหมุนลูกบิดและดันประตูเปิดเข้าไปอย่างเงียบเชียบที่สุด ไอเย็นของอากาศในห้องโฉบเข้าปะทะหน้า สายตามองกวาดเข้าไปเพื่อมองหาเป้าหมาย และเมื่อเจอผมก็หยุดสายตาไว้ที่ตรงนั้น ..บนตั่งเตียงที่มีร่างของเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังนอนหลับพริ้ม

คล้ายกับถูกแรงดึงดูด ..ผมเดินเข้าไปหาร่างนั้นโดยไม่ลืมปิดประตูขณะที่สายตาจ้องมองนิ่งไม่ผละไปไหน ทุกย่างก้าวแผ่วเบาราวกับกำลังเดินบนพื้นไม้ กลัวว่าเสียงฝีเท้าจะดังเกินไปจนปลุกร่างนั้นให้ผวาตื่น

ผมทิ้งกายนั่งลงยองๆอยู่บนพื้นข้างเตียง สายตามองใบหน้านวลที่กำลังหลับใหลนิ่งๆ อยากจะยื่นมือเข้าไปสัมผัส แต่ก็กลัวว่าหากแตะต้องเพียงนิดเดียว ร่างตรงหน้าจะหายวับไปกับตา

อดคิดไม่ได้ว่าหากนัยน์ตาคู่นั้นลืมตื่นขึ้นมาเห็นกัน มันจะทอประกายแบบไหน

อาจเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างที่ผมนึกหวั่น

ผมนั่งมองมันอย่างนั้น ไม่คิดปลุกมันอย่างที่ได้รับปากกับสองสามีภรรยาข้างล่าง ..อยากจะยืดเวลาที่ได้อยู่ใกล้มันแม้เพียงนาที ..ไม่ได้แตะ ขอเพียงแค่ได้มองก็ยังดี

ผมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าริมฝีปากอิ่มของคนที่กำลังดำดิ่งในห้วงฝันเผยยิ้มละไม ไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังฝันอะไร แต่เพราะรอยยิ้มนั้นทำให้ผมล้วงมือลงกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ปลายนิ้วสัมผัสหน้าจอกดเข้าแอพกล้องถ่ายรูป ผมมองหน้าจอที่ตอนนี้โฟกัสภาพคนตรงหน้าแล้วกดถ่ายภาพของมันไปเสียหลายภาพ

สายตามองภาพนิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์พลางใช้นิ้วหัวแม่มือลูบไล้โคลงหน้าเรียวผ่านจอทัชสกีนด้วยความถวิลหา ทั้งที่มันอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมมือ แต่ผมกลับไม่มีความกล้ามากพอที่จะสัมผัสมัน

“อ อื้อ..”

เสียงครางเครือที่ดังลอดจากลำคอเพรียวดึงสายตาผมให้ละจากหน้าจอ ก่อนจะรีบเก็บโทรศัพท์ลงที่เดิม ด้วยกลัวว่าหากเปลือกตาสีน้ำนมเปิดปรือขึ้นมาแล้วเห็นว่าผมฉวยโอกาสตอนที่มันหลับแอบถ่ายรูปไว้ จะทำให้อีกคนโกรธเคืองถึงขั้นลบรูปทิ้ง

แพขนตาสีดำสนิทที่เรียงตัวหนาค่อยๆขยับไหวเล็กน้อยก่อนจะเปิดปรืออย่างเชื่องช้า หัวใจผมเริ่มเต้นผิดจังหวะด้วยความลุ้นระทึก

ไม่ช้านาน นัยน์ตาคู่นั้นก็ลืมตื่น มือขาวยกขึ้นขยี้ตาอย่างงัวเงีย ผมมองภาพนั้นโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามุมปากตัวเองกำลังขยับเป็นรอยยิ้มบางๆ ดูท่าว่าอีกคนจะไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่คนเดียว

“ตื่นสายแล้วยังขี้เซาอีกนะ” กว่าจะรู้ตัวก็เผลอพูดเย้ามันไปแล้ว ยังผลให้คนบนเตียงหยุดนิ่งทุกอิริยาบถก่อนใบหน้านวลจะตวัดหันมามองกัน นัยน์ตาคู่นั้นปราศจากความง่วงงุน มันค่อยๆเบิกกว้างขึ้นทีละน้อยและนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น

“...”

ปากอิ่มขยับพะงาบ ไร้เสียงที่เล็ดลอดออกมาคล้ายกับเจ้าตัวกำลังอึ้งและทำอะไรไม่ถูก ผมย้ายนิวาสถานตัวเองจากที่นั่งยองๆที่พื้น เคลื่อนไปทิ้งกายนั่งบนเตียงเดียวกับมันยังผลให้คนที่นอนแผ่เด้งกายลุกขึ้นนั่งแล้วกระถดตัวถอยหลังหนีเป็นพัลวัน

ผมไม่รุกไล่ตาม ทำเพียงมองเฉยๆ ในอกอดรู้สึกแปลบไม่ได้เมื่อเห็นการถอยหนีอย่างนั้น

“เข้ามาได้ยังไง”

มันเอ่ยถามด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง นัยน์ตากลมล่อกแล่กกวาดมองไปรอบห้อง ก่อนไถลตัวลงจากเตียงก้าวลงไปยืนบนพื้น มองผมด้วยสายตาไม่ไว้ใจ

ผมไม่สนใจที่จะตอบคำถามนั้น เคลื่อนตัวลงไปยืนบนพื้นไม้ปาเก้เต็มความสูง และเพียงแค่ผมหยัดยืน ร่างของอีกคนในห้องก็ดูจะเกร็งเครียด หน้านิ่วคิ้วขมวดและยิ่งก้าวถอยหลังหนีห่างออกไปทั้งที่ผมไม่ได้ขยับกายเดินเข้าใกล้เลยแม้แต่ก้าวเดียว

“คุณเข้ามาในบ้านผมได้ยังไง”

มันถามย้ำคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้

“ถ้าอยากรู้ขนาดนั้นก็เข้ามาใกล้ๆพี่สิ” เลือกที่จะไม่พูดคำหยาบใส่มันเหมือนที่เคย และไม่เพียงมันจะเข้ามาใกล้ตามที่ผมบอก ขาเรียวกลับยิ่งถอยหลังมากกว่าเดิมจนบั้นท้ายชนกับโต๊ะเขียนหนังสือ ใบหน้ามนเหลียวหันกลับไปมองด้านหลังเล็กน้อย มือขาวจับยึดโต๊ะออกแรงบีบจนผมสังเกตได้ว่าแขนเรียวกำลังเกร็งจนสั่น นัยน์ตากลมตวัดหันกลับมามองผมคล้ายกับสัตว์ตัวน้อยที่กำลังจ้องสัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่าด้วยความระวังภัย

“ทำไมล่ะ? ไม่อยากรู้แล้วรึไง” ถามพลางเข้าใกล้อีกฝ่ายอย่างช้าๆ ยิ่งเห็นฟันขาวที่เรียงตัวกันเป็นระเบียบขบกัดปากอิ่มจนห้อขาว ความอยากแกล้งก็พุ่งพล่านจนยากระงับ ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรกระตุกหนวดแมวเพื่อไม่ให้แมวตัวน้อยยิ่งหงุดหงิดและพาลโกรธไปมากกว่านี้ แต่มันก็สะกดกลั้นอารมณ์ยากเต็มทน

ผมเดินไล่ต้อนอีกฝ่ายที่ได้แต่กรอกตามองอย่างไร้ทางหนีจวบจนยืนเผชิญหน้าห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว

“อย่าหนี” คำสองพยางค์หลุดออกจากปากพร้อมกับมือที่โฉบไปคว้าจับแขนเรียวไว้เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะพุ่งตัวไปให้พ้นจากอาณาเขตที่ผมเอื้อมถึง ผมรั้งร่างนั้นเข้าหาตัวจนตอนนี้ระยะหดสั้น ใบหน้านวลแทบจะชิดติดอกผม

“ปล่อย” มันร้องพร้อมทั้งบิดแขนข้างที่ถูกผมจับ อีกมือยกขึ้นดันหน้าอกผมแล้วเบี่ยงตัวถอยหลัง ทิ้งระยะห่างมากกว่าเดิม

หากมันอยากออกห่าง ผมเองก็ไม่รั้งหรือดึงดันฝืนไว้ เพียงแต่มือที่จับแขนมัน ผมไม่คิดปล่อย

“จะคุยกับพี่ดีดีไม่ได้หรือไง”

“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”

“แต่พี่มี”

“ไม่คุย!”

“ต้า” พูดดุเมื่ออีกคนไม่มีทีท่าจะรับฟังกัน ไม่เพียงแต่มันไม่กลัว มันกลับแสดงท่าทีต่อต้านมากขึ้นโดยการพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากการจับกุม

“ต้า!”

ผมขึ้นเสียง เผลอบีบต้นแขนอย่างแรงจนมันนิ่วหน้า เมื่อรู้ตัวว่าเผลอกระทำรุนแรงมือข้างนั้นจึงผ่อนปรนลง

.

.

TA Part

“สามนาที”

ที่หยิบยื่นโอกาสให้เขาไม่ใช่เพราะกลัวเสียงตวาด เพียงแค่ส่วนลึกในใจอยากรู้ว่าเขามาเพื่ออยากจะพูดอยากจะบอกอะไรกับผมกันแน่

“ผมให้เวลาคุณสามนาที พูดธุระของคุณมา หลังจากนั้นออกไปจากบ้านผม ...และออกไปจากชีวิตของผมซะ”

พูดเพิ่มเติมเมื่อเห็นว่าคิ้วเข้มของเขาเลิกสูงเป็นเชิงถาม ทันทีที่พูดจบ เขาก็ปล่อยแขนผมเป็นอิสระก่อนมือข้างนั้นจะตกอยู่ข้างลำตัวหนา ผมลอบกลืนน้ำลายหนืดคอเมื่อผิวเนื้อที่เคยอุ่นร้อนจากอุณหภูมิของฝ่ามือหนาถูกแทนที่ด้วยอากาศเย็นเยือกที่ลอยวนรอบตัว

ผมลูบต้นแขนแผ่วเบา เรียกความอบอุ่นให้กลับมา..

“พี่ขอโทษ..”

ผมชะงักพลางลดมือลงข้างลำตัว พร้อมรับฟังทุกสิ่งที่เขาจะพูดต่อจากนี้

“พี่รู้ว่าต่อให้พูดคำว่าขอโทษมากสักกี่สิบกี่ร้อยครั้ง ต้าก็คงจะไม่ยกโทษให้ แต่ถึงอย่างนั้นพี่ก็ยังอยากจะพูด ..พี่ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา..”

ใบหน้าราบเรียบของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มบางๆบนริมฝีปาก ผมมองมันอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าเขากำลังยิ้มอะไร แต่สงสัยได้ไม่นานเสียงทุ้มก็ค่อยๆเอื้อนเอ่ย

“..เรื่องนึงที่ต้าคงไม่รู้ แม้แต่ตัวพี่เองก็ยังไม่อยากจะเชื่อมัน ... เรื่องความรักเป็นเรื่องที่ไกลตัวมากสำหรับพี่ พี่ไม่คิดว่าจะได้สัมผัสกับความรู้สึกนั้นอีก จนถึงตอนนี้พี่ก็ยังไม่อยากเชื่อว่าความรู้สึกนั้นกำลังเกิดขึ้นอีกครั้งกับเด็กผู้ชายอย่างนาย ..จริงอยู่ที่ระยะเวลาไม่ถึงอาทิตย์ไม่น่าจะพอที่ทำให้เกิดความรักได้ แต่มันมากพอที่ทำให้เกิดความรู้สึกดีๆ ตอนนี้คำจำกัดความของความรู้สึกนี้คืออะไรพี่เองก็ยังไม่แน่ใจ อาจตกหลุมรัก รัก ชอบ หรือว่าถูกใจก็ล้วนแล้วแต่เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเด็กอย่างนายคนเดียว และมันก็เพิ่มขึ้นทุกวัน จนพี่ไม่รู้ว่าควรจัดการกับมันยังไง..”

ราวกับถูกกระแทกด้วยลูกตุ้มยักษ์ใหญ่จนพาลให้ร่างกายนี้แทบเซซวน ถ้อยคำที่เขากำลังพูดวิ่งวนในหัว และมันกระชากหัวใจของผมให้เต้นผิดจังหวะเข้าไปทุกวินาที..

“ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าพี่จะยอมรับตัวเองได้ คนอายุ 27 ที่อีกไม่กี่ปีก็จะย่างเข้าเลข3 กับเด็กผู้ชายที่ตอนนั้นอายุเพียง 9 ขวบ มันทำให้พี่รู้สึกเหมือนพรากผู้เยาว์ไม่มีผิด” เสียงทุ้มหัวเราะแผ่วในลำคอ ก่อนพูดต่อ “การยอมรับตัวเองมันไม่ง่ายจริงๆ และตอนนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพี่ที่จะต้องมาพูดสิ่งที่คิดต่อหน้านาย ทั้งที่ที่ผ่านมาพี่ไม่จำเป็นต้องพูดพี่ก็ได้รับความรักมากมาย ต่างกับตอนนี้ที่ถึงพูดไป พี่ก็รู้ตัวดีว่าคงไม่ได้รับความรู้สึกนั้นตอบกลับมา”

หัวใจที่เต้นผิดจังหวะก่อนหน้านี้ค่อยๆผ่อนอัตราการเต้นให้ช้าลงๆ

“พี่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ทุกอย่างถึงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม เหมือนก่อนหน้านี้”

รับรู้ได้ว่าหัวคิ้วของตัวเองขมวดชนกันเมื่อความเจ็บแปลบแล่นวาบไปทั้งใจราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นกอบกุมก้อนเนื้อแล้วบีบไว้แน่น

ความสับสนเริ่มก่อตัวไม่ต่างกับท้องฟ้าที่เริ่มปั่นป่วนก่อนฝนตก..

ผมตอนนี้ กับผมในตอนนั้น แบบไหนคือคนที่เขากำลังพูดถึง

“จี้ที่อยู่ที่คอนโดอยากได้คืนไหม?”

เป็นประโยคคำถามที่ผมไม่มีคำตอบให้ เพราะในหัวยังครุ่นคิดกับคำถามที่ตัวเองยังคาใจ

“อยากได้ตัวใหม่ไหม? จะตัวใหญ่กว่าเดิม หรืออยากได้อีกสักกี่สิบตัวพี่ก็จะซื้อให้”

นิ้วทั้งสิบเริ่มกำเข้าหากัน ปลายเล็บกดลงบนฝ่ามือตัวเองขณะฟังสิ่งที่เขาพูดเรื่อยๆ

“หรืออยากได้อย่างอื่น? พี่จะหามาให้ ไม่ว่าจะแพงเท่าไหร่หรือเป็นของหายากแค่ไหนก็ตาม ขอแค่บอกมา พี่จะซื้อให้ทุกอย่าง”

 “เพื่ออะไร” ถามแล้วมองคนตรงหน้านิ่งๆ เงินทองหรือสิ่งของที่เขาหวังจะประเคนให้มันไร้ความหมายสำหรับผม ผมไม่ได้ต้องการสิ่งของพวกนั้น

“เผื่อว่าพี่จะได้นายกลับคืนมาล่ะมั้ง”

ได้ยินเสียงหัวเราะดังลอดจากปากหยัก หากแต่นัยน์ตาคู่นั้นไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลย ผมเหลือบมองนาฬิกาก่อนจะเบนสายตามาที่เขาเหมือนเดิม

“หมดรึยังธุระของคุณ”

เมื่อเห็นเขาชะงัก ผมก็ไม่รีรอพูดต่อทันที

“ถ้าคุณพูดจบแล้วก็โปรดรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผมด้วย” ผมพูดพลางจ้องลึกเข้าไปในแววตาคู่นั้น ก่อนจะพูดต่อโดยเน้นชัดทุกถ้อยคำ

“ออกไปจากห้องผมซะ”

ผมยังคงยืนนิ่ง รอให้เขาเป็นฝ่ายเดินจากไป แต่จนแล้วจนรอดร่างนั้นก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม

ริมฝีปากเหยียดยิ้มหยัน พลันหมุนกายหันหลังให้กับเขาและเลือกเป็นฝ่ายที่เดินออกจากห้องนี้แทน



ทุกย่างก้าวหนักอึ้งราวกับข้อเท้าถูกถ่วงด้วยหินก้อนใหญ่

รอยยิ้มบนริมฝีปากค่อยๆหายไปเมื่อรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งไร้ความหมาย ยิ้มทำไม.. ในเมื่อตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกอยากยิ้มแม้แต่น้อย พลันเมื่อขาก้าวพ้นออกจากห้องก็คล้ายกับความเข้มแข็งทั้งมวลได้มลายหายไป ผมทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าอยู่หน้าห้อง.. ก้าวเดินต่อไปไม่ไหว

ผมไม่ได้ทำอะไรผิด

ผมไม่ได้เลือกอะไรผิด

..ผมแค่เลือกทางเดิมแบบที่ผมเลือกมาตั้งแต่แรก

ผมไม่ได้ตัดสินใจผิดพลาด…

และผมจะไม่เสียใจภายหลัง...

ผมได้แต่บอกตัวเองซ้ำไปมา

ผมไม่อยากให้เขาเห็นว่าผมอ่อนแอ แต่ขาของผมก็ไม่มีแรงมากพอจะพาผมให้เดินไปไกลกว่านี้ ..ถ้าเขาเดินออกมา เขาก็จะมองเห็นผมได้โดยง่าย และเมื่อถึงเวลานั้น.. ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าจะมีแรงเดินหนีหรือปฏิเสธเขาได้อย่างไร

ผมกดใบหน้าลงซบต้นแขนเมื่อสัมผัสได้ว่าขอบตาร้อนผ่าวและน้ำร้อนสีใสค่อยๆกลั่นตัวไหลออกมาช้าๆ

..ผมไม่รู้ว่าผมกำลังเป็นอะไร ผมตอบไม่ได้

แค่รู้สึกว่า หลังจากวันนี้ไป ผมจะไม่ได้พบเขาอีก

ผมไม่เข้าใจตัวเอง ..ทั้งที่ผลักไสมาตลอด ทำไม ลึกๆในใจถึงไม่อยากให้เขาหายไป

.

.

เวลาเดินไปเรื่อย จากวินาที เป็นนาที..

จากหนึ่งนาที เป็นสอง สาม.. และหลายนาทีจนผมเริ่มเดาไม่ถูก แต่มันคงนาน เพราะขาของผมตอนนี้เริ่มชา และอีกไม่นานเหน็บคงจะกินจนลามไปทั้งขา ผมเงยหน้าจากแขนตัวเอง ใช้ปลายนิ้วปาดเช็ดน้ำตาก่อนจะค่อยๆหยัดกายขึ้นยืน เหลียวมองประตูบานนั้นอีกครั้งก่อนริมฝีปากจะบิดยิ้มไร้ความหมาย สองขาก้าวเดินลงไปชั้นล่างที่มีพ่อและแม่รออยู่

ผมอาจเหนื่อย

ผมอาจหมดแรง

ผมอาจใจอ่อน

..แต่พักเพียงไม่นานพละกำลังของผมก็จะกลับมา นั่นทำให้ผมสามารถเดินต่อไปในเส้นทางเดิมที่เลือกไว้ได้อีกครั้ง

ไม่เป็นไร เพียงแค่คนๆหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

ไม่เป็นไร..

 

 

JIM Part

ผมมองถนนเบื้องหน้าและปล่อยให้รถวิ่งไปเรื่อยๆโดยไม่คิดจะเหยียบคันเร่งเพื่อเพิ่มความเร็ว สายตาเหลือบมองกระจกมองหลังก่อนผละมามองพื้นลาดยางตรงหน้า

มันตัวเล็กเพียงแค่ไหล่ของผม แต่ใจกลับแข็งจนผมไม่รู้ว่าจะหาวิธีไหนมาทำให้มันใจอ่อนลงได้

คนอย่างผมไม่เคยง้อใคร ไม่เคยคิดหาวิธีอยากจะคืนดีกับใครมาก่อน.. ผมไม่เคยต้องไล่ตามใคร ไม่เคยต้องวิ่งเต้นไปตามเกมส์ที่ลวงขึ้นเพื่อให้ได้เข้าใกล้ใคร และไม่เคยต้องเป็นฝ่ายรอคอยอย่างนี้ ไม่เคยแม้แต่นั่งกดหมายเลขโทรศัพท์เดิมๆซ้ำๆเกือบค่อนคืนทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าต่อให้โทรยังไงก็ไม่มีวันโทรติด

มัน เป็นเพียงคนเดียว

นับเป็นครั้งแรกที่ถูกเวลากดดัน.. เวลาที่ผมมีอยู่ตอนนี้มันสั้นเกินไป

สั้นเกินกว่าจะทำให้อีกคนใจอ่อนได้


ยานยนต์สี่ล้อค่อยๆเคลื่อนห่างจากบ้านหลังนั้นไปเรื่อยๆ ยิ่งไกลมากเท่าไหร่ มือที่จับพวงมาลัยรถก็ยิ่งกำแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว ความเจ็บปวดที่ผมเตรียมใจรับไว้ดูเหมือนจะมากกว่าที่คิด

ข้ออ้างที่หยิบยกมาใช้เพื่อจะได้ไม่ต้องร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเป็นสิ่งที่ฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย มีงานต้องเคลียร์เหรอ? ไม่มีหรอกครับ ผมทำเสร็จตั้งแต่เมื่อคืน ทุกอย่างต้องทำให้เสร็จเพื่อที่วันนี้ผมจะได้มีเวลาว่างมาหามัน..

ทั้งที่อยากจะนั่งกินข้าวกับมันตามที่พ่อและแม่ของมันเอ่ยชวน แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ในฐานะอะไร ซ้ำร้าย หากผมดึงดันที่จะร่วมโต๊ะด้วย อาจทำให้มันกินข้าวไม่ลง ยิ่งวันนี้ได้มาเจอมาเห็นมันก็ทำให้ผมรู้ว่ามันผอมลงไปมาก ต่างจากเมื่ออาทิตย์ก่อนโดยสิ้นเชิง

แก้มที่เคยยุ้ยจนเรียกว่าป่อง ตอนนี้กลับตอบเห็นเป็นโครงหน้าชัดเจน

Trrrrrrr

ห้วงความคิดสะดุดลงเมื่อเสียงริงโทนโทรศัพท์ดังขัดขึ้น ผมล้วงหยิบมันขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง เมื่อเห็นชื่อคนโทรเข้า ปลายนิ้วก็สไลด์กดรับอย่างไม่ลังเล

“อยู่ไหน” ปลายสายถามขึ้น ก่อนที่ผมจะทันได้ส่งเสียงทักทาย

“กำลังกลับคอนโด”

“เป็นไงบ้าง”

“แย่มากเลยกานต์ น้องของพี่ถูกเมิน”

คิ้วย่นชนกันเมื่อแว่วได้ยินเสียงหัวเราะจากปลายสาย

“ขำอะไร” ถามเสียงขุ่นก็ทำให้อีกฝ่ายรีบปฏิเสธพัลวัน

“...” ผมเงียบใส่ และได้ยินเสียงกานต์กระแอมในลำคอก่อนพูดเปลี่ยนเรื่อง

“พรุ่งนี้พร้อมรึยัง เช็คของดูดีๆอย่าลืมอะไร”

“ถ้าผมลืมพี่ก็บินเอาไปให้ดิ แค่นี้คงไม่ลำบากพี่หรอก ใช่ไหม”

“หึ” ได้ยินแค่เสียงหัวเราะขึ้นจมูกที่ตอบกลับมา ผมขยับยิ้มมุมปากก่อนจะตบไฟเลี้ยว หักพวงมาลัยบังคับให้รถเลี้ยวไปตามมุมโค้งของถนน

“แล้วได้บอกน้องมันรึยัง”

“ยัง”

หัวคิ้วย่นเข้าหากันเล็กน้อย ความหน่วงในใจเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

“แล้วทำไมไม่บอก”

“...”

ไม่ใช่ว่าผมลืมบอกมัน ไม่ใช่หรอกครับ เพราะการที่ผมดั้นด้นมาหามันในวันนี้ก็เพื่อจะมาบอกเรื่องนี้โดยเฉพาะ แต่เมื่อได้มายืนอยู่ต่อหน้า สิ่งที่จะพูดจะบอกกลับถูกกลืนลงคอ หัวสมองว่างเปล่าและคิดอะไรไม่ออก อีกทั้งหากบอกไป.. ผมกลัวที่จะเห็นใบหน้าราบเรียบที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรของมัน

เวลาสามปีจะว่านานก็นาน จะว่าเร็วก็เร็ว

แต่สามปีต่อจากนี้ของผมคงไม่ต่างกับนรกบนดิน


ผมคุยโทรศัพท์กับกานต์ต่ออีกสักพัก แรกๆก็เป็นการคุยตอบโต้กันสองฝ่าย ไปๆมาๆกลับเป็นกานต์ที่พูดอยู่ฝ่ายเดียวจนผมหูชาไปข้าง เกือบไม่มีสมาธิขับรถ

ตรู๊ด ตรู๊ด...

สัญญาณโทรศัพท์ที่ดังเข้าโสตประสาทเป็นการบอกว่าอีกฝ่ายได้วางสายไปแล้ว แต่ดูเหมือนสติสตังของผมจะยังไม่เข้ารูปเข้ารอย ในหัวมีแต่เสียงของกานต์รีเพลย์ซ้ำไปมา

 

‘มึงโง่หรือว่าโง่วะ บทจะดื้อก็ดื้อด้านยิ่งกว่าลา บทจะเชื่องก็เชื่องฉิบหาย

กับแค่น้องไล่กลับมามึงก็ยอมง่ายๆหรือไง ตื๊อๆหน่อยไอ้จิม

บทสรุปจะเป็นยังไงกูไม่รู้ น้องจะยอมยกโทษคืนดีให้มึงไหมกูก็ไม่กล้ารับประกัน

แต่การจากกันโดยไม่บอกลาน่ะมันน่าเศร้านะ

ตอนทำเลวน่ะทำได้ พอจะทำดีเสือกคิดมาก เกิดเป็นน้องกูได้ไงวะ

กล้าๆหน่อย กับเด็กผู้ชายคนเดียวมึงจะกลัวอะไร?’

 


 

 

______________________

TALK :: มาแล้วววววววว รอกันนานไหม (ยังกล้าถาม) 5555
ช่วงนี้เป็นฤดูงานทับถมค่ะ หมดฤดูนี้ก็จะเข้าฤดูสอบ เย่ สู้ๆนะคะ ขอให้สอบได้ มั่วถูก 55555
เฮ้อ! นึกถึงตอนน้องต้าเป็นเด็กจริงๆ!! รู้สึกช่วงนั้นเป็นช่วงที่แต่งง่ายและไหลปรื๊ดมาก
ฉากหน่วงๆ ดราม่าๆ นี่มันยากจริงๆ รู้สึกหมดพลังงาน แต่งๆแก้ๆปรับๆพาร์ทนี้มาจนจำได้หมด จนคำผิดไม่มีแล้วมั้งน่ะ 555
ส่วนที่เหลือจะตามมาในเร็ววันค่ะ หากเรารู้สึกว่ามันโอเคแล้ว 555 (ตอนนี้มันยังไม่โออออ T^T)
ขอบคุณทุกการติดตาม ทุกการรอคอยมากน้า จ้วบบบ รักเลยยยยยย
ไว้เจอกันใหม่ค่ะ : )
PS. พาร์ทนี้ยืดไปไหม แอบรู้สึกว่าน้ำเยอะ แต่อย่างน้อยคงเห็นความชัดเจนในตัวพี่จิมกับน้องต้าขึ้นมาติ๊ดนึง  :hao5:
 
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 {60%} [22/02/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 22-02-2014 19:03:56
ใช่ กล้าๆหน่อยจิม
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 {60%} [22/02/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: zizits ที่ 22-02-2014 19:08:20
ตอนแรกเกลียดอิจิมมากๆนะ แต่ตอนนี้แม่งโคตรสงสารเลยอะ! ฮือออ ทั้งๆที่ตอนแรกชอบหมอเซมมากๆ ตอนนี้หายเข้ากลีบเมฆ น้องต้าใจอ่อนเร็ววๆจิ :hao5:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 {60%} [22/02/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 23-02-2014 01:07:36
สนุกมากกก โอยยยไม่ไหวแล่ววววว
ใจอ่อนเถอะพลีสสสสส คนอ่านหน่วงกัวใจไปหมดแล้วฮิอๆ
นักเขียนสู้ๆนะคะ ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีทั้งสองฤดูกาล 555
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 {60%} [22/02/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: fahhee_zeze ที่ 23-02-2014 03:02:28
 o22  :a5: มาทีก็หน่วงเลยเชียว....อ่านเรื่องนี้มากเกินไปสินะเรา....//พึมพำ
เพราะอ่านเรื่องนี้และอินมากเกินไปทำให้ เวลาอ่านเรื่องของคนอื่นเชียร์อยากให้นิยายเรื่องนั้นๆ หน่วงตามเรื่องนี้จริงๆ.... เพลียใจ 555555 มาต่ออีกไวๆนะจ๊ะ!! :pig4:  :hao7:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 {60%} [22/02/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 23-02-2014 20:54:30
ไม่ยืดเลย พี่จิมจะไปแล้วหรอ บอกน้องเถอะ น้องจะรู้สึกไม่รู้สึกให้น้องตัดสินใจเองเถอะนะ

แต่บอกน้องเถอะ โหดร้ายอ่ะ ถึงน้องจะเกลียด น้องก็อาจจะอยากรับรู้นะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 {60%} [22/02/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 23-02-2014 20:55:22
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ได้แต่ไม่กล้าที่จะลงมือทำ
แต่คนที่มองอยู่ข้างนอกเนี่ย เขาคิดได้ แต่ลงมือทำไม่ได้ เอ๊ะ!
แล้วมาต่ออีกนะคะ กำลังลุ้นเลย

ปล.กล้าๆหน่อยสิพี่จิม
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 {60%} [22/02/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: atcharayee ที่ 23-02-2014 22:08:14
ก่อนอื่น คงต้องขอบคุณนักเขียนนะค่ะ ที่เขียนเรื่องสนุกๆๆให้อ่าน สู้ๆๆต่อไปนะค่ะ  :a2: ใกล้จะจบแล้ว รู้สึกใจหาย   :m15:

เข้าเรื่องนิยายกันดีกว่า  o8
คือไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจบแบบไหนนะค่ะ  :mew2:  แต่ก็ไม่อยากให้เศร้า อยากให้จิมง้อน้องให้สำเร็จ  อยากให้ต้าใจอ่อน ให้โอกาสจิมสักครั้ง รู้ว่าเรื่องมันเลวร้ายเกินกว่าที่จะให้อภัย แต่ จิมก็รู้สึกผิดแล้ว  :mew2: แล้วอีกอย่างคือ จิมต้องไปต่างประเทศ ตั้งสามปีเลย มันนานนะ กว่าจะกลับมาก็ไม่รู้อะไรจะเปลี่ยนไปบ้าง อยากให้ต้ารู้ใจตัวเองเร็วๆ

รู้ว่ารักจิมหนะ   :m23:  ฮ่าๆๆๆๆๆ

จบแบบ Happy End เถอะ  :m5: ple.
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 {60%} [22/02/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 23-02-2014 23:17:28
อย่าดราม่าน้าาาาา ขอแฮปปี้เอ็นเถอะะะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 {60%} [22/02/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 24-02-2014 00:42:37
หน่วงอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 {60%} [22/02/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 24-02-2014 09:17:17
พี่จิมมมมมมมมม

 :katai1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 {60%} [22/02/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 25-02-2014 04:48:22
เตอร์เลวมากสุดอ่ะ ยังไม่เห็นว่ามันจะทำอะไรให้ได้พอจะอภัยให้เลย
เหมือนทำเพื่อตัวเองอย่างที่ต้าบอกเลย ถ้าเรื่องนี้ตอนจบแล้วต้าอภัยให้เนี่ย
เราว่ามันไม่สาสมนะ ต้องทำให้เห็นไปเลยว่ามันต้องจมกับความผิดไปจนตาย
จริงๆอยากเห็นกรรมที่เตอร์ได้รับอย่างเป็นรูปธรรมจับต้องได้ใช่เพียงรู้สึกผิด
ถ้าตอนจบเราขอแบบไม่แฮปปี้อ่ะ ไม่อยากให้ต้ายกโทษให้ทั้งจิมและเตอร์
แบบแหวกกระแสดี อิๆๆๆ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 {60%} [22/02/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 26-02-2014 14:15:17
อร๊ายยย ค้าง  :hao5:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 {60%} [22/02/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: Cockroach ที่ 04-03-2014 23:13:22
ในที่สุดก็ตามอ่านจนทัน ฮือออ ค้างๆ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 {60%} [22/02/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 08-03-2014 22:35:15
โอยยย
อยากอ่านต่อ
ซึมเลยอะ..
บอกสิ เชื่อว่าต้ายกโทษให้อยู่แล้ว(มั้ง)
แต่พี่ชายต้าละ(ลืมชื่อกระทันหัน ฟฟ) จะเป้นอย่างไร ได้คู่ใหม่ไหม อิอิ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 คำขอ {100%} [17/03/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 17-03-2014 15:22:49
100%



TA Part

“ไปรู้จักมักจี่กันได้ยังไงล่ะหืม กับพ่อหนุ่มคนนั้นน่ะ” เสียงของพ่อถามขึ้นขณะที่เราสามคนพ่อแม่ลูกกำลังร่วมรับประทานอาหารมื้อสาย มือที่กำลังเขี่ยข้าวในจานชะงักไปครู่หนึ่ง ผมเหลือบตามองพ่อก่อนจะหลุบมองเม็ดขาวที่เรียงตัวสวยในจาน

“เขาบอกกับพ่อแม่ว่ายังไงอะ”

“เห็นว่าเป็นเพื่อนหมอเซม” เป็นแม่ที่ตอบคำถาม

“อื้ม ก็ตามนั้นล่ะครับ” ตอบปัดพลางตักข้าวเข้าปากแล้วพูดเปลี่ยนเรื่อง “ถั่วลันเตาผัดกุ้งอร่อยอะแม่ กุ้งสด ต้าชอบ ไว้แม่ทำให้ต้ากินอีกนะ” บอกพลางยิ้มประจบ ปากเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ พลันยิ่งยิ้มตาหยีมากกว่าเดิมเมื่อเห็นแม่ส่งสายตาดุๆมาให้

บ้านผมไม่เคร่งมารยาทการกินมากหรอก ก็แค่ควรต้องทำตามกฎพื้นฐานที่ว่า เวลากินห้ามพูด ครั้งนี้ที่พูดขณะที่อาหารเต็มปากก็ใช่ว่าลืมตัว การกระทำบางอย่างเมื่อทำติดต่อกันเป็นเวลานานมันก็จะกลายเป็นความเคยชิน และทำออกมาได้เองโดยไม่ฝืนทนอะไร เพียงแต่ครั้งนี้ ผมต้องการเลี่ยง ไม่พูดเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเขา

“แม่ได้โทรหาเตอร์บ้างไหม” เบี่ยงประเด็นพุ่งไปหาพี่ชายที่ตอนนี้ไปค่ายซะไกลถึงพิษณุโลก และดูเหมือนการหยิบยกเตอร์ขึ้นมาเป็นหัวข้อหลักของบทสนทนาดูจะได้ผลดีทีเดียว เพราะแม่หันมาให้ความสนใจและลืมเรื่องเก่าที่ยังคุยไม่จบเสียสนิท

“พี่ชายเราเพิ่งโทรมาเมื่อกี้นี้เอง เห็นว่าสบายดี ติดจะสนุกซะด้วยซ้ำรายนั้นน่ะ” ท้ายเสียงของแม่สะบัดเล็กน้อยออกอาการงอนลูกคนโตที่สนุกจนลืมตัวเอง ผมหัวเราะเบาๆ แต่ก็ต้องรีบกลืนเสียงหัวเราะลงคอแทบไม่ทันเมื่อเจอคมค้อนคมๆของแม่พุ่งหลาวแสกกลางหน้า

“จะกินข้าวอิ่มทุกมื้อไหมก็ไม่รู้ รายนั้นยิ่งกินยากๆอยู่” แม่บ่นออกมาอีก ฟังดูก็รู้ว่าท่านกำลังห่วง พี่ชายของผมคนนี้กินยากครับ ถ้าชอบก็จะกิน ไม่ชอบก็ไม่กินเลย

“เตอร์เลือกไม่ได้หรอก ไม่กินก็อดตาย”

พูดจบก็รีบก้มหน้างุดตักข้าวเข้าปากท่ามกลางเสียงหัวเราะร่วนของพ่อเมื่อแม่ฟาดค้อนส่งมาให้อีกคำรบ

ผมเปล่าพูดอะไรผิดสักหน่อย ไปค่ายลำบากจะตาย ถ้ามัวแต่เลือกกินก็หิวตายนั่นล่ะ เผลอๆเตอร์กลับมาจะเป็นคนไม่เลือกกินด้วยซ้ำ

 “แล้วเรื่องเรียนต่อน่ะ ตกลงว่าเราจะเข้ามหา’ลัยเดียวกับพี่เขาใช่ไหม” พ่อถามขึ้นหลังจากที่หยุดหัวเราะแล้ว ผมนิ่งคิดไปครู่ก่อนพยักหน้ารับ

“อื้อ เรียนที่เดียวกับเตอร์ก็ดีนะพ่อ อีกอย่างต้าก็ได้คณะที่อยากเรียนแล้วด้วย ไอ้นุมันก็ติดที่นี่ เหลือก็แต่ไอ้เบียร์ น้ำ แล้วก็ไอ้แบงค์ ถ้าได้เรียนด้วยกันอีกก็คงจะดี” ผมระบายสิ่งที่คิดพลันในอกก็หน่วงๆกลัวว่าจะต้องแยกกับเพื่อน และดูเหมือนพ่อจะรู้ทัน

“อย่าไปคาดหวังมาก เผื่อใจไว้บ้างก็ดี เรายังต้องพบเจอกับคนใหม่ๆอีกมาก” พ่อพูดพลางตักปลากะพงทอดมาวางบนข้าวสวย ผมยิ้มกว้างพลางใช้ช้อนกับส้อมตักข้าวกับปลาพอดีคำเตรียมไว้ในช้อน

“ต้าเองก็ไม่ได้ยึดติดกับเพื่อนเก่าขนาดนั้น แค่คิดว่า ถ้าได้เรียนที่เดียวกันคงจะดี ชีวิตในมหา’ลัยคงจะสนุกขึ้น” สิ้นคำก็ตักข้าวเข้าปากคำโต

“ตกลงจะไปเรียนหรือไปเล่นหืม” แม่พูดพลางตักผัดผักให้พ่อ หวานกันตลอดล่ะครับคู่นี้ ไม่แน่ผมอาจจะได้น้องในเร็ววัน ฮา

“ก็ไปเรียนบ้างเล่นบ้าง เอ้อ พ่อ แม่ ตกลงเย็นพรุ่งนี้ต้าอยู่งานเลี้ยงต้อนรับนิกซ์มันนะ”

“งั้นพ่อกับแม่ก็ได้มีเวลาอยู่กันสองต่อสองตามลำพังสิ” แม่พูดยิ้มๆก่อนจะหันไปหาพ่อ “พ่อคะ พรุ่งนี้เราทำกุ้งแช่น้ำปลา ผัดกระเพราะไข่เยี่ยวม้า กับต้มยำน้ำข้นกันไหม”

ผมหน้าหงิก ก็เมนูที่แม่จะทำของชอบผมทั้งนั้นเลย

“ทำไมต้องทำพรุ่งนี้ด้วย” ผมบ่นหน้ายุ่ง

“แล้วทำไมทำพรุ่งนี้ไม่ได้ล่ะหืม” พ่อก็เป็นไปอีกคน นัยน์ตาพราวระยับราวกับกำลังสนุกที่ได้แหย่ผม

“ก็ต้าอยากกิน” ปากยื่นออกมาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว เห็นแม่ยิ้มขำก่อนจะตักข้าวเข้าปากเรื่อยๆ เห็นอย่างนั้นก็ทำให้ผมรู้แล้วว่าท่านแค่หยอกเล่น รอยยิ้มบนริมฝีปากของผมค่อยๆระบายออกมาและกว้างขึ้นจนหลุดเป็นเสียงหัวเราะ

ไม่รู้ว่าขำอะไร คงจะขำตัวเองที่ทำอะไรเป็นเด็กไม่รู้จักโต

แต่ก็แค่กับพ่อแม่เท่านั้นล่ะที่ผมอยากจะเป็นเด็กไปเรื่อยๆ

.

.

.

พระอาทิตย์คล้อยต่ำลาลับขอบฟ้าไปนานแล้ว เสียงจิ้งหรีดเรไรดังอยู่หลังบ้านเป็นเสียงที่ผมคุ้นเคย

ผมปิดประตูรถเมื่อลงมายืนบนพื้นเรียบร้อยก่อนจะร้องบอกให้พ่อเปิดท้ายรถเพื่อจะได้หอบหิ้วบรรดาถุงพลาสติกนำไปเก็บไว้ในบ้าน

“แม่ เปิดประตูบ้านให้ต้าหน่อย” ร้องบอกขณะที่สองมือรวบถุงมาถือไว้แล้วเดินมาหยุดหน้าประตู รอให้แม่เดินมาเปิดให้

“เอ้า ถือไหวมั้ยน่ะ วางลงๆ เดี๋ยวแม่ช่วยถือ”

“ไม่หนักหรอกน่า แต่ถ้าแม่ยังพูดแล้วไม่ไขประตูอะ มันจะหนักกว่านี้” ผมพูดขำๆ กระชับถุงในมือ แม่ส่ายหัวไปมาก่อนรีบไขปลดล็อก

เมื่อประตูบ้านถูกดันออกกว้าง ผมก็ไม่รอช้า อาศัยความเคยชินคลำทางเดินเข้าไปข้างในท่ามกลางความมืด เมื่อวางถุงพลาสติกลงบนโต๊ะกินข้าวก็พอดีกับที่ไฟในบ้านเปิดพรึ่บ หันไปมองก็เห็นแม่ที่ยืนอยู่ตรงบริเวณสวิตไฟ มือค่อยๆลดลงอยู่ข้างลำตัว เมื่อบ้านสว่างก็ทำให้การก้าวเดินเป็นไปโดยง่าย ไม่ต้องกลัวว่าจะชนอะไรบ้าง ผมเดินสวนแม่ตรงไปยังโรงจอดรถ เพื่อไปหยิบถุงที่เหลือเข้ามาเก็บ แต่ก็พบว่าทุกใบที่เหลืออยู่ในมือของพ่อที่กำลังเดินมาทางนี้

“ออกมาทำไมอีกหืม จะไปเที่ยวไหน”

“ต้าลืมไปว่านัดเพื่อนไว้ งั้นต้าไปแล้วนะ” เล่นมาก็เล่นกลับ และผมเกือบจะได้ออกไปจริงๆซะแล้วหากพ่อไม่ดึงคอเสื้อทางด้านหลังของผมไว้

“จะหนีเที่ยวกันต่อหน้าต่อตาเลยเหรอไงหืม”

ผมได้แต่หัวเราะแหะๆ หมุนกายกลับมาแล้วฉวยรวบถุงในมือพ่อทั้งหมดมาถือไว้เองแล้วเดินฉิวเข้าบ้านไปวางถุงไว้กับกองแรกบนโต๊ะ

วันนี้ฤกษ์ดี ของในตู้เย็นหมดเกือบหมด พวกซอสปรุงรสก็หมดเหมือนกันแม่เลยชวนไปห้างฯ แล้วก็เลยเลยไปกินอาหารเย็นกันนอกบ้าน อร่อยดีครับ นานๆออกไปกินกันที เพราะปกติไม่แม่ก็พ่อมักจะทำอาหารกินกันเองประจำ คราวนี้ก็อิ่มทั้งท้อง อิ่มทั้งบรรยากาศกันไปถ้วนหน้า

เสียดายที่เตอร์ไม่อยู่ด้วย

 “มีอะไรให้ต้าช่วยไหม” เอ่ยถามหวังจะช่วยเมื่อเห็นแม่กำลังเอาของออกจากถุง ถุงพลาสติกหลายสิบใบแม่ก็ไม่ทิ้งให้เสียเปล่า จัดการพับจนเหลือใบเล็กนิดเดียวเพื่อเก็บเอาไว้ใช้ครั้งต่อไป

แม่เงยหน้าขึ้นมาขณะที่มือก็จับนู่นจับนี่ไม่หยุด

“ไปอาบน้ำนอนไป ดึกแล้ว”

อดเหลือบมองนาฬิกาไม่ได้จริงๆ ดึกของแม่นี่เพิ่งจะ 3 ทุ่ม บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจผู้ใหญ่เท่าไหร่ อย่างตอนนี้ที่ผมเสนอตัวจะช่วยแม่ก็ดันไม่ให้ช่วย แต่พอผมอยู่เฉยๆไม่ทำอะไร แม่ก็บ่นผมอีกว่าวันๆไม่ทำอะไรเอาแต่นั่งๆนอนๆ

ใครว่าเด็กเข้าใจยาก ผู้ใหญ่นั่นล่ะ เข้าใจยากกว่าเยอะ

“งั้นต้าขึ้นห้องแล้วนะ” พูดขึ้นอีกครั้งป้องกันการโดนบ่นหากผมจะลอยโฉบขึ้นห้องก่อน

แม่ไม่พูดว่าอะไร แต่กลับโบกมือไล่ผมแล้วเรียกพ่อให้มาช่วยแทนซะงั้น

“พ่อ มาช่วยแม่จัดของเข้าตู้เย็นที”

“จ้าๆ ไปเดี๋ยวนี้ล่ะจ้า”

ได้ยินเสียงตอบรับหวานหยดผมก็รีบหันหลังอมยิ้มเต็มสีหน้าเดินขึ้นห้องแทบไม่ทัน ท่าทางผมจะได้เป็นพี่ชายคนในเร็ววันแน่ๆ ขยันหวานกันตลอดเวลาขนาดนี้

 

เข้าห้องมาได้ก็คว้าผ้าขนหนูตรงเข้าห้องน้ำ จัดการปิดประตูกันอุจาดตา แขวนผ้าขนหนูก่อนเปลื้องผ้าตัวเองทั้งบนและล่างอย่างรวดเร็วแล้วพาตัวเองไปยืนอยู่ใต้ฝักบัว ทันทีที่น้ำกระทบร่างกายผมก็สะดุ้งเฮือกก้าวถอยหลังหมุนปิดก็อกทันควัน

ยังไม่เข้าหน้าหนาวก็จริงอยู่ แต่น้ำก็เย็นไม่ใช่ย่อย ผมเปิดเครื่องทำน้ำอุ่น หมุนปรับอุณหภูมิให้มันอุ่นนิดๆ ก่อนจะเปิดน้ำอีกครั้งแล้วใช้มือรองน้ำเพื่อวัดอุณหภูมิ เมื่อพอใจก็กลับเข้ามายืนใต้ฝักบัวต่อ ริมฝีปากอมยิ้มบางๆกับสายน้ำที่รินรดตัว

เคยไหมครับ ร่างกายกับสมองทำงานไม่ประสานกัน ทั้งที่ยื่นมือออกไปหมายจะกดสบู่เหลวแต่ดันกดแชมพูมาแทน ผมมองมันเล็กน้อยแล้วละเลงแชมพูลงบนศีรษะ ขยี้ให้เกิดฟองอย่างไม่คิดอะไรมาก ไหนๆก็กดแล้ว สระผมซะเลยสิ้นเรื่องสิ้นราว

สระเสร็จ ก็เปิดน้ำล้างฟอง ยืนหลับตามือขยี้ผมจนสะอาด ล้างเนื้อล้างตัวอีกเล็กน้อยก็เป็นอันเสร็จพิธี ปิดน้ำอีกครั้งก่อนจะดึงผ้าขนหนูมาซับน้ำตามตัวไม่ให้มันหยดติ๋ง พันผ้าไว้รอบเอวก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อนอนย้วยๆกับกางเกงขาสั้นมาใส่ เมื่อเสร็จก็กลับมาทิ้งกายนั่งบนเตียงพลางยื่นมือข้างหนึ่งกดปุ่มพัดลมเพื่อเป่าผมให้แห้ง

อากาศในห้องที่เย็นอยู่แล้วจากแอร์คอนดิชั่นก็เย็นมากขึ้นไปอีกเมื่อมีพัดลมจ่ออยู่ตรงหน้า ต่อให้ชอบอากาศเย็นขนาดไหน ผมก็คงไม่สามารถทนต่อความหนาวขนาดนี้ได้ แม่งหนาวจนหน้าชา

ผมเอี้ยวตัวไปด้านหลัง ดึงผ้าห่มมาคลุมร่างจนมิดก่อนจะก้มหัวลงเป่าผมพลางหันซ้ายหันขวาเล็กน้อย ปรับมุมองศาให้ลมโดนผมอย่างทั่วถึงเพื่อที่มันจะได้แห้งเร็วๆ

ความอุ่น นุ่มและกลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่มจากผ้านวมที่คลุมตัวอยู่ทำให้ผมอยากจะเอนกายลงนอนเกลือกกลิ้งแล้วซุกตัวอยู่ข้างใต้เร็วๆ และไม่นานหลังจากนั้นผมของผมก็เริ่มแห้งแต่ยังชื้นอยู่นิดหน่อย ผมเอื้อมตัวกดเลขศูนย์บนฐานพัดลมแล้วดีดตัวเด้งไปด้านหลัง ทิ้งกายนอนโดยมีผ้าห่มห่มทับถึงหน้าอกโดยที่ในมือมีโทรศัพท์เครื่องใหม่ถืออยู่ ไหนๆมีโอกาสไปห้างแล้วก็เลยอ้อนพ่อกับแม่ให้ซื้อเครื่องใหม่ให้ซะเลย ชีวิตที่ไม่มีโทรศัพท์ถ้าถามว่าดีไหม มันก็เงียบสงบดีนะครับ แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกว่างๆและขาดการติดต่อกับเพื่อนๆไปบ้าง

หลังจากที่โหลดแอพพลิเคชั่นลงเครื่องเสร็จ ไอ้เบียร์ก็ทักแชทเฟสผมมาก่อนเพื่อน เร็วฉิบหาย

Beer : ทำไรอยู่วะไม่หลับไม่นอน

            เห้ย แล้วนี่ได้โทรศัพท์ใหม่แล้วเหรอวะ มันขึ้นว่ามึงออนโฟน

TA :     เออ เพิ่งได้ใหม่วันนี้

            เพราะมึงทักกูมาไงเลยทำให้กูไม่ได้นอน

Beer :  โทษกูซะงั้น งั้นกูไม่คุยกับมึงละ

 

ผมอ่านข้อความนั้นแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรไป ซ้ำยังกดปุ่มโฮมให้มันกลับเข้าสู่หน้าจอหลักด้วยซ้ำ

 

Beer :  ....

 

หึ ผมกระตุกยิ้มเมื่อเสียงเตือนข้อความดังขึ้น กดเปิดเข้าไปอ่านแต่ก็ไม่ได้ตอบเหมือนเดิม

 

Beer : โห่ยยย ไรวะ

TA :     อะไรของมึงอีก กูจะนอน

มึงไม่หยุดพิมพ์มันก็เด้งอยู่อย่างนี้ แล้วเมื่อไหร่กูจะได้นอนหะ

Beer : มึงก็ไม่ต้องนอน 555

TA :     กวนตีนละ -_-

            พรุ่งนี้ไอ้นิกซ์จะมาถึงกี่โมง?

Beer :  กี่โมงวะ กูลืม =__=

            กูเปลี่ยนใจไม่ไปละ ให้แม่งมาเอง

TA :     กวนตีน -___-

Beer :  55555 ไอ้หมานิกซ์มันไม่หลงหรอก มันรู้ทางบ้านกู

 

ไอ้ห่านี่ก็ตลกจริง จริงอยู่ที่ไอ้นิกซ์มันรู้ทาง แต่นั่นมันเมื่อสามปีก่อนไม่ใช่เหรอวะ?

กึกๆ ก่อก.. กึก!

ผมหันขวับมองไปยังระเบียงที่มีม่านยาวปิดถึงพื้นทันทีที่ได้ยินเสียงแปลกปลอมดังขึ้นในความเงียบ ...ผมมองในทิศทางเดิมนิ่งๆแต่แล้วเสียงที่ได้ยินกลับเงียบหายไป ใจผมเริ่มแกว่ง.. หันกลับมามองหน้าจอโทรศัพท์ พลันเสียงดังกึกๆก็ดังขึ้นอีกครั้ง! หัวคิ้วของผมเริ่มขมวดชนกัน ใจเริ่มเต้นตุบๆ

มือที่ถือโทรศัพท์ไว้ชะงักค้าง มันสั่นอยู่ในมือและเสียงเตือนข้อความเข้าก็ยังคงดังต่อเนื่อง ผมรีบพุ่งความสนใจไปที่วัตถุสี่เหลี่ยมเพื่อจะได้ไม่สนใจสิ่งรอบตัว

กึก กึก!

เสียงกุกกักจากด้านนอกระเบียงยังคงดังไม่หยุด ผมเม้มปากแน่น เปิดหน้าสนทนาก่อนจะพิมพ์รัวผิดๆถูกๆส่งไปโดยไม่ได้อ่านข้อความก่อนหน้านี้ที่ไอ้เบียร์พิมพ์ส่งมา

TA :     ไอ้เบีย ...เชี่ย เสียงเหี้ยไมไม่รู้ ดังอยู๋นอกระเบียงหห้องกู

 

ข้อความขึ้นว่าถูกอ่านแล้วแต่ไม่มีการตอบกลับ

 

TA :     ไอ้เบียยยย!!!

 

ผมเบะปากพิมพ์เรียกมัน

 

Beer :  ปอดเหรอวะ มึงก็ออกไปดูดิ

TA :     ไม่!

Beer :  ปอดว่ะน้องต้า 555

TA :     เออ กูปอด

Beer : ไป ออกไปดูเร็ว ไม่มีอะไรหรอกเชื่อกูดิ ถ้ามึงไม่ออกไปมึงก็จะกลัวอยู่อย่างนี้

 

เอาไงดีวะ?

ผมอ่านข้อความนั้นชั่งใจกับตัวเอง ตัดสินใจลุกขึ้นยืนแล้วพิมพ์บอกอีกคนในโทรศัพท์

 

TA :     มึงอย่าเพิ่งนอนนะเว้ย อยู่เป็นเพื่อนกูก่อน

Beer :  เออ

 

ผมกำโทรศัพท์ในมือราวกับมันเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียว มุ่งหน้าไปยังประตูกระจกแล้วแหวกม่าน ก่อนจะปลดล็อกแล้วเลื่อนเปิด

!!!

ผมนิ่งค้างอยู่กับที่ มือกำโทรศัพท์แน่นกว่าเดิม!

..ในความมืดสลัวผมเห็นเสี้ยวหน้าของคนที่ผมเพิ่งพบเมื่อตอนกลางวันวันนี้โผล่ขึ้นมาจากราวระเบียงห้อง!

“เฮ้ย!!” เสียงร้องอุทานดังลอดจากริมฝีปากพร้อมกับใจที่กระตุกวาบเมื่อร่างใหญ่ที่กำลังปีนระเบียงหายวูบไปจากสายตา!! ผมรีบพุ่งกายเข้าไปใกล้ มือหนึ่งเกาะราวระเบียง อีกมือโฉบต่ำเอื้อมลงไปด้านล่างโดยไม่รู้ตัว มันเป็นปฏิกิริยาของร่างกายที่อยู่เหนือการไตร่ตรอง! ก่อนริมฝีปากจะลอบพรูลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกหลังจากที่คว้าแขนหนาไว้ได้ทัน

วินาทีที่ผมกับเขาสบตากัน ความลังเลผุดเข้ามาในหัวสมอง หากแต่ปฏิกิริยาของร่างกายกลับไม่เป็นอย่างนั้น มือสองข้างจับแขนหนาไว้แน่น แล้วดึงเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มี

เมื่อเห็นว่าเขาสามารถทรงตัวเองได้ หัวใจก็ค่อยๆผ่อนอัตราการเต้นให้ช้าลง ก่อนผละจากร่างหนาโดยการก้าวถอยหลังรักษาระยะห่างพลางมองขายาวตวัดข้ามราวระเบียงลงมาเหยียบบนพื้นด้านใน ที่เดียวกับที่ผมยืนอยู่

สองมือของผมที่ปล่อยแขนหนามาสักพักหนึ่งแล้ว แต่น่าแปลกที่ใจกลางฝ่ามือยังคงรับรู้ได้ถึงเนื้อตัวของอีกฝ่าย.. มันทำให้ผมรู้สึกเก้อๆ และรู้สึกว่ามือสองข้างนี้ช่างเกะกะ ผมจึงซ่อนมันให้พ้นจากนัยน์ตาคมที่สะท้อนแสงจันทร์โดยจับประสานมันไว้ที่ด้านหลัง

ความเงียบคืบคลานเข้ามามีอิทธิพล ผมลอบกลืนน้ำลาย ในหัวเต็มไปด้วยความคิดที่กระจัดกระจายเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือถามอะไรก่อนดี

เขามาทำไมดึกๆดื่นๆ?

แล้ว..ปีนห้องผมทำไม?

เพื่ออะไร?

ทว่าความคิดที่ว้าวุ่นก็ต้องมลายหายไปเมื่อเสียงทุ้มดังขึ้น

“อย่าเพิ่งไล่พี่กลับไป”

โทนเสียงที่ใช้พูดไม่ได้แข็งและไม่ได้ราบเรียบ ใบหน้าคมคายก็ไม่ได้เคร่งเครียดอย่างที่เห็นเป็นนิจ นัยน์ตาคู่นั้นก็อ่อนแสงลงจนอ่อนโยน...

อาจเพราะสายตาคู่นั้นที่กำลังมองมา ..สายตาที่เจือแววหวานและเป็นประกายราวกำลังดีใจ มันทำให้ผมรีบหาเหตุผลมาค้ำจุนการกระทำที่ผมทำไปเองเมื่อครู่อย่างรวดเร็ว

ที่ผมเอื้อมไปจับแขนเขาไว้ มันไม่ใช่เพราะผมห่วงเขา.. ผมไม่ได้เป็นห่วงเขาแม้แต่เศษเสี้ยวของความรู้สึก

ผมเพียงกลัวเขาตกลงไป.. ถ้าเขาตกลงไป ผมก็จะเดือดร้อนต้องพาเขาส่งโรงพยาบาล และเรื่องจะยิ่งวุ่นวาย..หากพ่อกับแม่รู้ว่าเขาบุกมาบ้านดึกๆดื่นๆด้วยวิธีไม่ปกติ

ไม่มีคนปกติคนไหน เที่ยวปีนบ้านคนอื่นอย่างนี้ ยิ่งคนอย่างเขาที่ผมพอรู้จัก.. ยิ่งไม่ปกติ คนอย่างเขาน่ะเหรอจะปีนบ้านผม..

นอกจากความสับสน ไม่เข้าใจแล้วหนึ่งในความรู้สึกที่เด่นชัดและผมไม่อยากยอมรับมันคือ ผมกำลังดีใจ..

มือที่จับกันด้านหลังเผลอบิดเนื้อตัวเองแรงๆ เผื่อว่าผมฝันไปจะได้ตื่นขึ้นมา ทว่าความเจ็บที่แล่นปราดเป็นสิ่งยืนยันได้ดีว่านี่ไม่ใช่ภาพฝัน

“คุณปีนขึ้นมาทำไม”

“ถ้าพี่บอกว่าอยากเห็นหน้านายก่อนนอนล่ะ”

“...”

ไม่รู้ว่าผมแสดงสีหน้าแบบไหนออกไป ร่างตรงหน้าถึงได้กระตุกยิ้มมุมปากอย่างนั้น

“ถ้าพี่ไม่ปีนขึ้นมา พี่จะได้เจอนาย ได้พูดคุยกับนายอย่างนี้ไหม?”

“...”

“ถ้าพี่กดกริ่งนายจะยอมเปิดประตูให้พี่ไหม?”

“...”

“นั่นล่ะ คือคำตอบว่าทำไมพี่ถึงปีนเข้ามา”

มือที่จับประสานไว้ข้างหลังเผลอบีบกันแน่น ผมเสตามองไปทางอื่นครู่หนึ่งก่อนจะเบนกลับมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง

“คุณมีอะไรจะพูดก็รีบพูดมาเร็วๆ ผมง่วงแล้ว จะนอน”

เป็นการบอกปัด เร่งให้เขาพูดธุระมาเร็วๆ ไม่ใช่ว่าง่วงอย่างที่ปากบอก ประสาททุกส่วนในร่างกายมันตื่นจนลืมง่วงตั้งแต่ได้ยินเสียงดังกึกๆนั่นแล้ว

และเขาเริ่มต้นถามคำถามอย่างที่ผมไม่เข้าใจ

“ระยะเวลาสามปีนายคิดว่านานไหม?”

“...”

“ถ้าพรุ่งนี้นายไม่เห็นหน้าพี่ นายจะรู้สึกยังไง?”

“...”

“ถ้าวันต่อๆไป พี่ไม่มารบกวนนาย นายจะรู้สึกยังไง?”

“ต้องการจะพูดอะไรกันแน่?” ผมพูดแทรก ไม่ชอบการที่เขาพูดจาอ้อมค้อมอย่างนี้

“พรุ่งนี้พี่ต้องบินไปอเมริกา ไม่รู้ว่าต้องไปอยู่นานเท่าไหร่ อาจจะสองปีหรือสามปี”

ทันทีที่สิ้นเสียงทุ้มก็ราวกับหัวใจของผมได้ปลิดปลิวไปกับสายลมที่พัดเส้นผมให้ปลิวปรกหน้า เผลอจิกเล็บลงกับหลังมืออย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ

บอกทำไม..

มาบอกผมทำไม..

“พรุ่งนี้ห้าโมงเย็น พี่จะรออยู่ที่..”

“หยุด ผมไม่อยากรับรู้” คิ้วขมวดชนกัน เอ่ยแทรกกลางครัน

..ผมไม่อยากรู้ ถ้าไม่รู้ก็จะไม่รู้สึกอะไร ถ้าไม่รู้ว่าเขารออยู่ที่ไหน ก็จะไม่เจอกัน.. จะไม่เกิดความรู้สึกกระวนกระวายที่ต้องเจอให้ได้.. ความคิดนี้อาจฟังดูตื้นเขิน แต่ผมคิดได้เท่านี้จริงๆ

“...”

ผมมองสบกับนัยน์ตาคมตรงๆ

“แค่นี้ใช่ไหม ธุระของคุณ”

“...”

เมื่อเขานิ่งเงียบผมก็ไม่รีรอปล่อยให้เขาได้มีโอกาสพูดต่อ

“กลับไปซะ”

“พี่ไม่กลับจนกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง”

“...” เป็นผมที่โยนความเงียบคั่นกลางระหว่างผมกับเขา

“พี่ไม่มีเวลาแล้ว ต้าเข้าใจพี่ไหม เวลาของพี่มันมีแค่คืนนี้ อย่าเพิ่งไล่พี่กลับเลย พี่ขอร้อง” ราวกับเห็นนัยน์ตาคู่นั้นทอประกายเจ็บปวด ผมก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวเมื่อร่างหนาเดินเข้าใกล้..

“พี่ต้องทำยังไงนายถึงจะหายโกรธ ..พี่ไม่เคยง้อใคร ไม่เคยต้องลงทุนทำอะไรแบบนี้ บอกพี่สิ ถ้าทำได้พี่จะทำ”

“ผมจะยกโทษให้ถ้าคุณยอมกลับไปตอนนี้” ริมฝีปากบิดยิ้มบางๆ มองเขาด้วยสายตาท้าทายในที

“ยกเว้นเรื่องนี้ที่พี่ทำไม่ได้”

“เหอะ ไหนว่าจะทำตามที่ผมต้องการไง คุณมันก็ดีแต่พูด” ผมมองเขาที่ยืนกำมือจนเส้นเลือดปูนนูนตามลำแขนด้วยสายตานิ่งๆ ราวกับเขากำลังไม่พอใจที่โดนผมสบประมาท

“เรื่องง่ายๆแค่นี้ที่คุณสามารถทำได้คุณยังทำให้ผมไม่ได้.. ก่อนหน้านี้ที่คุณเคยรับปากว่าจะไม่ทำร้ายผมอีก สุดท้ายแล้วเป็นยังไง หึ! มันทำให้ผมรู้ว่า คำพูดที่หลุดออกมาจากปากคุณ มันเชื่อถืออะไรไม่ได้เลย”

“มันคนละเรื่องกัน”

“มันเรื่องเดียวกัน!”

“ต้ามีเหตุผลหน่อย”

“คุณนั่นล่ะที่ไม่มีเหตุผล!”

สองมือผลักอกหนาออกอย่างแรงเมื่อเขาก้าวเข้ามาใกล้เกินระยะที่ผมกำหนด

“สิ่งที่ผมต้องการคือให้คุณกลับไปซะ แต่สิ่งที่คุณต้องการคือได้ยินว่าผมร้องขอไม่ให้คุณกลับไป ใช่มั้ย!?”

“ถ้าผมพูดว่า อย่ากลับ ไม่ให้กลับ คุณก็จะไม่ไป อย่างนั้นใช่หรือเปล่า?” เมื่อไม่มีเสียงสวนตอบกลับ มันก็ทำให้ผมแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ ดวงตากรอกขึ้นมองฟ้าก่อนจะมองใบหน้าคมคายตรงๆ “คุณไม่เคยฟังใคร เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ต้องการให้คนอื่นทำตามอย่างที่คุณต้องการ”

“แล้วยังไง! การที่กูอยากอยู่กับมึงมันผิดมากนักเหรอ!”

“มันผิดเหรอไงที่กูไม่อยากจากมึง!”

ผมกำมือจนเล็บจิกกลางฝ่ามือ ริมฝีปากเม้มแน่นเป็นเส้นตรง

“ต้า กูถามจริงๆ มึงอยากให้กูหายไปจากชีวิตของมึงใช่ไหม.. ในใจลึกๆของมึง เคยมีความรู้สึกดีดีต่อกูบ้างไหม”

“...”

กว่าจะรู้ตัวอีกที ผมก็มองภาพตรงหน้าไม่รู้เรื่องแล้ว.. มันใกล้จนมองไม่เห็นอะไร เห็นแต่ลาดไหล่แกร่ง ครั้นจะผงะออกห่างก็ทำไม่ได้เมื่อมือหนาวางทาบลงบั้นเอวแล้วรั้งตัวให้เข้าใกล้จนใบหน้าแทบชิดติดแผ่นอกหนา

...ผมยืนตัวแข็งทื่อ หัวสมองขาวโพลน ไม่รู้ว่าควรต่อต้าน หรือจะยืนนิ่งๆอย่างนี้ดี ..อยากจะยกมือดันอีกคนให้ออกห่าง หากแต่หัวใจที่เต้นรัวในอกก็ทำให้มือสองข้างไม่มีแรงแม้แต่จะยกขึ้น ..ผมไม่ได้อึดอัดในอ้อมกอดนี้.. กลับกัน มันกลับทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น คุ้นเคย และโหยหา..

“ว่าไงครับ บอกพี่ได้ไหม..”

“...”

ความเงียบคือคำตอบที่ผมให้เขา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปจนล่วงเป็นนาทีๆ ผมก็ยังคงเงียบ

คล้ายกับหาเส้นเสียงไม่เจอ คล้ายกับลืมวิธีการเปล่งเสียงพูด ..

ปากมันหนักจนถ่วงใจ ไม่อยากยอมรับความจริง

ไม่อยากให้ไปแล้วยังไง...?

รู้สึกดีแล้วยังไง?

สุดท้ายก็ต้องจากกันอยู่ดี

“ทำไมถึงใจแข็งขนาดนี้หืม” นัยน์ตาคู่คมกำลังตัดพ้อกลายๆ ผมเอียงหน้าหนีเมื่อปลายนิ้วเรียวของเขายกขึ้นไล้แก้มผมแผ่วเบา ..ปฏิกิริยาของผมทำให้เขาลดมือลง ร่างหนาลอบถอนหายใจก่อนจะพร่างพรูคำพูดออกมา

“อย่าเงียบแบบนี้ได้ไหม ..จะมีทางไหนบ้างที่ทำให้พี่กับต้ากลับไปเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ที่เคยเป็น ไม่ต้องอยู่ด้วยกันก็ได้ เพียงแค่นายมองพี่ด้วยสายตาแบบเดิม ยิ้มและหัวเราะให้พี่บ้าง.. คุยกับพี่ด้วยถ้อยคำแบบเดิม เรียกพี่ว่าจิมเหมือนที่นายเคยเรียก..”

“บอกพี่สิ ว่าพี่ต้องทำยังไง..”

หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 คำขอ {100%} [17/03/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 17-03-2014 15:23:06
ผมกัดปากตัวเองแน่นจนรู้สึกเจ็บ การฝืนทนมันทรมาน

ผมตอบตัวเองไม่ได้ ว่าผมรู้สึกกับเขาแบบไหน ชอบเขาหรือเปล่า ไม่รู้ ผมตอบไม่ได้

และผมไม่รู้ ว่าผมคนไหนคือคนที่เขาอยากอยู่ด้วย.. ก่อนหน้านี้ หรือว่าผมคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขา

ผมสับสน ผม..

ผมไม่รู้ตัวแม้กระทั่งตอนที่มือยื่นออกไปกำชายเสื้อคนตรงหน้าไว้แน่น

ผมกำลังชั่งใจกับตัวเอง

ถ้าเขาทำตามที่ผมขอได้ ผมจะลองให้โอกาสเขาอีกครั้ง เพราะผมเองก็ไม่ชอบความรู้สึกที่กำลังรุมเร้าอยู่ตอนนี้ มันทรมานและแสบร้อนในอกไปหมด

ผมมองสบตากับเขาตรงๆ ก่อนจะเปล่งเสียงพูดออกมา

“ถ้าผมบอกว่าอย่าไป..”

...

มือที่กำชายเสื้อเขาไว้ยิ่งกำแน่นมากกว่าเดิมเมื่อสิ่งที่เรียกว่าความเงียบเข้าแทรกกลาง

ความเงียบที่ไร้รูปร่าง เป็นเพียงนามธรรมแต่ส่งผลต่อความรู้สึกของผมมากมายนัก มันทำให้ผมรู้สึกว่า เขาที่ยืนห่างกับผมเพียงไม่กี่เซนต์ ค่อยๆห่างออกไปจนผมเอื้อมไม่ถึง

..เงียบทำไม

ไม่ได้ยินหรือทำไม่ได้...

ผมกำลังเจ็บ.. เจ็บหนักจนสายตาเริ่มพล่ามัว

ผมไม่ชอบความกดดัน ไม่ชอบการรอคอย ไม่ชอบ..

...

...เนิ่นนานทีเดียวกว่าเขาจะตอบกลับมา

“..พี่ขอโทษ”

สิ้นเสียงทุ้ม มือที่กำชายเสื้อของเขาไว้ก็พลันหมดแรง กลั้นใจดันร่างตรงหน้าออกห่าง ซึ่งเขาก็ยอมผละออกแต่โดยดี

“ไม่เป็นไร.. ไม่เป็นไร.. หมดธุระของคุณแล้วใช่ไหม”

มือที่เมื่อครู่ผลักไสเข้าออกห่างกำลังหนาวเหน็บราวถูกเกร็ดน้ำแข็งเกาะและกัดเซาะจนเจ็บแปลบ

“พี่เลือกไม่ได้ พี่ผิดคำพูดไม่ได้ ต้าเข้าใจพี่ สามปี..รอได้ไหม สามปี”

“ผมกับคุณเราเป็นอะไรกัน รอทำไม รอเพื่ออะไร”

ผมไม่รู้ว่าทำไมต้องรอ

สามปี นานเกินไป..

“ถ้างั้นไปกับพี่ ไปด้วยกัน ..พี่ไปทำงาน นายไปเรียน”

“พูดอะไรง่ายๆ” ผมเหยียดยิ้มพร้อมทั้งเดินถอยหลังทิ้งระยะให้ห่างจากเขามากกว่าเดิม “ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น คำพูดง่ายๆแค่นี้หวังว่าคุณจะฟังเข้าใจ”

“เรื่องที่ผ่านมา ผมจะไม่ถือสาหาความอีก ถ้าการให้อภัยคือสิ่งที่คุณต้องการ ผมยกโทษให้”

“พรุ่งนี้ ขอให้คุณเดินทางปลอดภัย”

ผมมองหน้าจิมนิ่งๆ ก่อนจะยิ้มให้ ยิ้มที่ไม่แอบแฝงความรู้สึกใดใด ยิ้มอย่างที่เขาอยากได้

ยิ้มทั้งที่หัวใจของผมกำลังร้าวราน..

ริมฝีปากหยักของเขาขยับ ท่าทางอ้ำอึ้งเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง หากแต่ยังไม่ทันได้เปล่งเสียง เสียงโทรศัพท์แปลกๆก็ดังขัดขึ้น ไม่กี่วินาทีถัดมาผมก็นึกออกว่านั่นคงเป็นเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ผมแน่ๆ เพราะเพิ่งซื้อใหม่ เลยยังไม่ได้ปรับแต่งลูกเล่นใดใด ผมหันซ้ายหันขวา เมื่อมองเห็นแสงสว่างวาบของหน้าจอก็ไม่รอช้ารีบเดินไปแล้วก้มเก็บมือถือที่ตกอยู่บนพื้นตรงราวระเบียง

มันคงจะตกตอนที่ผมเอื้อมคว้าแขนเขาไว้

เบอร์ที่ปรากฏเป็นเบอร์แปลก แต่เมื่อมองดีๆ ผมก็จำได้ว่านี่เบอร์ใคร

“รับสักที! เป็นไง เจออะไรไหมวะ”

เป็นเบียร์ที่โทรมา ผมรู้สึกขอบคุณมันที่โทรมาได้จังหวะพอดี ผมกำมือถือแน่นก่อนจะกรอกเสียงพูดตอบกลับ

“ไม่มีอะไร”

“เออ ดีละ แล้วทำไมไม่ตอบเฟสกู”

“ก็ไม่ได้หยิบมาอ่าน จะให้ตอบยังไง” พูดพลางหัวเราะราวกำลังมีความสุข

“กูอุตส่าห์เป็นห่วง รู้งี้กูไม่ห่วงมึงหรอก”

“อะไร นี่กำลังงอนเหรอ”

พูดพลางหมุนกายหันกลับเข้าหาประตูห้อง ก่อนจะเลิกคิ้วให้กับอีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเมื่อเห็นเขามองไม่วางตา

“สัส กูไม่ได้งอน”

“งอนก็ยอมรับมา จะได้ง้อถูก” พูดพลางผละสายตาจากเขาแล้วยิ้มกับโทรศัพท์ หัวใจเต้นตึกตัก มืออีกข้างที่ยังจับราวระเบียงไว้กำแน่น

“มึงเนี่ยนะจะง้อกู” อีกฝ่ายทำน้ำเสียงไม่เชื่อ แน่ล่ะ ปกติผมเคยง้อมันที่ไหน ผมน่ะถูกเสมอ

“อื้ม แต่ไม่ง้อวันนี้นะ พรุ่งนี้เจอกันค่อยง้อต่อหน้า”

“หะ อะไรนะ?”

“เบียร์จะนอนรึยัง” ผมเปลี่ยนประเด็นไม่รอให้มันยิงคำถามใดใด

“มึงเป็นเชี่ยไรเนี่ย”

“เบียร์อย่าเพิ่งนอนนะ คืนนี้คุยโทรศัพท์เป็นเพื่อนจนกว่าต้าจะหลับได้ไหม”

ผมเหลือบมองเขาอีกครั้ง เห็นร่างหนาขบฟันแน่นจนกรามขึ้นเป็นสันนูน นัยน์ตาคมเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ..ความเจ็บปวดที่เผื่อแผ่มาถึงผม

ผมผละมือออกจากราวระเบียงเย็นชืด เดินผ่านหน้าเขาแล้วเปิดประตูบานเลื่อนก่อนจะเดินเข้าห้อง โดยไม่ลืมล็อกประตูจากด้านใน ทิ้งให้ร่างหนายืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง

เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง หลบพ้นจากนัยน์ตาคมคู่นั้น ผมก็พูดบอกกับปลายสาย..

“เบียร์ แค่นี้นะ พรุ่งนี้เจอกัน”

พูดจบก็ไม่รอให้มันตอบกลับ ผมกดวางสายก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะแล้วทิ้งกายลงนั่งบนเตียงอย่างหมดแรง

สายตามองม่านยาวที่ปิดกั้นการมองเห็นนิ่งๆ

หัวใจกระวนกระวาย ไม่เป็นสุข

ได้แต่ถามตัวเอง ..แบบนี้ดีแล้วใช่ไหม

...

เสียงแอร์คอนดิชั่นที่ปกติไม่เคยนึกหนวกหูหรือคิดว่ามันเสียงดัง หากแต่วันนี้เสียงนั้นกลับดังเกินไป ผมกดปิดการทำงานและปิดไฟในห้องปล่อยให้ทั้งห้องจมอยู่กับความมืดและความเงียบ..

เงียบเพื่อที่จะได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวนอกประตูกระจก

แบบนี้ดีแล้วใช่ไหม..

ผมเฝ้าถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

ผมรอไม่ได้..

การรอคอยที่มองไม่เห็นจุดหมาย มันทรมานเกินไป

เพียงแต่ถ้าเขาบอกว่าเขาจะไม่ไป ..ถ้าคำตอบมันเป็นแบบนั้น ผมคงจะปล่อยให้เขาไปโดยที่ผมจะรออยู่ตรงนี้ ไม่รู้ว่ารอทำไม รู้เพียงแต่จะรอ..

นั่นไม่ใช่คำขอที่ต้องการให้เขาทำจริงๆ

มันเป็นเพียงคำขอเพื่อหยั่งเชิงและวัดความสำคัญของตัวเองเท่านั้น

เจ็บสิ้นดีกับคำตอบที่ได้รับ

ผมค่อยๆเอนกายนอนลงบนตั่งเตียง สายตายังคงไม่ละออกจากจุดๆเดิม

 

มองไม่เห็น แต่รับรู้ว่าเขายังยืนอยู่ตรงนั้น

 

ปล่อยให้มันเป็นไปแบบนี้น่ะ ดีแล้ว...

 



 
__________________________________________________

TALK :: มาเต็มๆแล้วกับพาร์ท 37 กว่าจะครบ รอกันเกือบเดือนทีเดียว ขอโทษในความล่าช้าค่า T_T
เป็นอีกพาร์ทที่แต่งๆ ลบๆ แก้ๆ แถมยังเจอไฟล์หาย ผึ้งต่อยนิ้วอีก ขุ่นพระ สุดยอดเลย แจ๊กพ็อตสุดๆ

* ตอนนี้อาจไม่ใช่ตอนที่แต่งได้ดีที่สุด แต่อยากให้มันดี ตอนที่แต่งก็คิดว่าดีแล้ว พอมาย้อนอ่านอีกรอบและอีกรอบ ก็รู้สึกแปลกๆ อยากให้คนอ่านช่วยตัดสิน และชี้แนะหน่อยค่ะ ถ้าเห็นว่าควรเพิ่มอะไรตรงไหนรบกวนช่วยบอกด้วยนะคะ TT___TT
เอาล่ะ พาร์ทหน้าจะเป็นยังไงต่อ อย่าลืมติดตามกันน้า จุ้บบ

** ช่วงนี้พยายามโลกสวย อยากจะร้อง โดนไวรัสฟาดข้อมูลในแฟลตไดซ์  ตอนแรกก็คิดว่าคงมีสำรองในคอม มันมีจริง แต่แค่เศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น ได้แต่ปลอบใจตัวเอง มันหายไปก็ช่างมัน แต่งใหม่เผื่อจะได้มุมมองใหม่ๆ(?) TT___TT

*** ปิดเทอมแล้ว เราคงจะได้ป๊ะหน้ากันบ่อยขึ้น ทั้งกับอะบอยเอง หรือรีเว้น หรือซิน เย้ คงจะลุยแต่งได้เต็มตัวอีกครั้งหลังจากกลับค่าย วันที่ 22 นี้จะไปค่ายแหละตัววว -…- ครั้งแรกเลยกับค่ายสร้างแบบนี้ ตื่นเต้น 555

สุดท้าย ขอโทษที่ให้รอนาน และขอบคุณที่ยังรอคอยกันอยู่นะคะ

รักนักอ่าน.

พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ : )
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 คำขอ {100%} [17/03/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 17-03-2014 16:18:52
รอมานานในที่สุดก็คลอดออกมาจนจบ เย่ๆ
ตอนอ่านก็อยากให้มันจบแบบตอนนี้ละ แต่พอได้จบแบบนี้ๆจริงๆ รู้สึกโหวงๆ
แล้วพี่เตอร์ แน่ใจว่ามีความสุขจริง... หวังว่าพี่แกจะเจอคู่ใหม่(ขอให้เจอเมะนะ ให้เตอร์เคะ//พี่น้องบ้านนี้เคะไรงี้555+)
แล้วสามปี...จะทำยังไงต่อไปละเนี่ย เฮ้อ อ่านแล้วหน่วงใจแรงๆ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 คำขอ {100%} [17/03/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: yut1402 ที่ 17-03-2014 17:26:04
มาต่อเร็วๆ นะ คนอ่านใจจะขาด  :katai5:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 คำขอ {100%} [17/03/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 17-03-2014 18:17:43
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 คำขอ {100%} [17/03/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 18-03-2014 01:19:39
อ้ากกกกก หน่วงไปอี้กกกก
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 คำขอ {100%} [17/03/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 18-03-2014 11:00:07
สงสารทั้งคู่เลย T^T
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 คำขอ {100%} [17/03/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 18-03-2014 13:10:10
ทำไมมันบีบคั้นหัวใจอย่างนี้ล่ะเจ้าคะ :hao5:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 คำขอ {100%} [17/03/57]
เริ่มหัวข้อโดย: zaszaq ที่ 18-03-2014 13:35:54
 :mew6:  :mew6:  :mew6:  :mew6:  :mew6:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 คำขอ {100%} [17/03/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 18-03-2014 13:48:11
เฮ้ยยยยยย น้องต้า การรอมันอาจจะเจ็บปวดนะ แต่ถ้าเรารัก เราจะรอเค๊าแบบที่เราไม่รู้ตัว

ไม่มีใครมาสั่งให้รอด้วย ถึงน้องต้าบอกว่าไม่รอ เชื่อเถอะ น้องต้าก็แอบรอแถมทรมานโคตรด้วย

ตอนหน้า พี่จิมจะไปเมกาแล้วหรอคะ น้องต้าไปต่อเมกาเถอะ จะได้ไม่ต้องรอไง

หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 คำขอ {100%} [17/03/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 18-03-2014 14:29:55
เปิดใจอีกนิดสิน้องต้าา
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 คำขอ {100%} [17/03/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: monoboruok ที่ 19-03-2014 03:10:26
พึ่งอ่านจบ แบบรวดเดียว

อยากบอกว่า น้ำตาไหลไปหลายรอบมาก.


ต้าก็สงสาร.  ,  จิมก็สงสาร.  มันหน่วงไปหมด

อ่านเรื่องนี้แล้วเห็นภาพชัดเจนมากกกก

. พอต้าตอนซีนเด็กก็แบบ. น่ารักได้อี๊กกกกกกก. พอซีนทารุณกรรมก็แบบ รันท๊ดดดดรันทดดด

สรุป ชอบเรื่องนี้มากกกกกกก.  รอตอนจบ นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 คำขอ {100%} [17/03/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 19-03-2014 12:41:12
 :hao5: โอยย อีทาสเศร้าแทน
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 37 คำขอ {100%} [17/03/57] P.23
เริ่มหัวข้อโดย: minduen ที่ 20-03-2014 02:40:44
เป็นเรื่องแรกที่โพส55 โหวตให้พี่จิม (น้องต้าอย่าน้อยใจ ยังไงก็รักหนูนะ)

อ่านไปตอนแรกแล้วเลิกอ่าน อุส่าห์หาแนวนี้ตั้งนาน :angry2:
แต่แล้วก็กลับมาอ่านอีก

ชอบมากกกกกกก ชอบภาษาแบบนี้ นึกภาพตามได้ง่ายมาก ปกติเจอภาษาสวยๆแต่ไม่ค่อยนึกภาพ55
บางประโยคโดนมาก ผู้ชายที่ไม่มีหัวใจ ไอ้ประเภทนี้ ถ้าได้รักใครสักคนจะให้เค้าหมดหัวใจ ตัวเองถึงไม่มีหัวใจ ฮ่าา สะใจจริงๆ กับประโยคนี้ :laugh:
“..เรื่องนึงที่ต้าคงไม่รู้ แม้แต่ตัวพี่เองก็ยังไม่อยากจะเชื่อมัน ... เรื่องความรักเป็นเรื่องที่ไกลตัวมากสำหรับพี่ พี่ไม่คิดว่าจะได้สัมผัสกับความรู้สึกนั้นอีก จนถึงตอนนี้พี่ก็ยังไม่อยากเชื่อว่าความรู้สึกนั้นกำลังเกิดขึ้นอีกครั้งกับเด็กผู้ชายอย่างนาย ..จริงอยู่ที่ระยะเวลาไม่ถึงอาทิตย์ไม่น่าจะพอที่ทำให้เกิดความรักได้ แต่มันมากพอที่ทำให้เกิดความรู้สึกดีๆ ตอนนี้คำจำกัดความของความรู้สึกนี้คืออะไรพี่เองก็ยังไม่แน่ใจ อาจตกหลุมรัก รัก ชอบ หรือว่าถูกใจก็ล้วนแล้วแต่เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเด็กอย่างนายคนเดียว และมันก็เพิ่มขึ้นทุกวัน จนพี่ไม่รู้ว่าควรจัดการกับมันยังไง..”

รู้เลยว่าคนเขียนกลั่นกรองมาดี

ขอโพสแบบจัดเตร็มนานๆที5555

ใจจริงชอบจิมตั้งแต่ตอนแรกแล้ว ถึงจะเห้..อย่างนั้น เร้าใจดี55 :hao3:

กลับมาอ่านรวดเดียวประมาณตอนที่6-30กว่าๆ ตอนนี้ตามทันแย้ว
 
ในที่สุดน้องก็จำได้ อยากให้น้องจำได้อยู่แล้วแต่อยากอ่านหวานๆด้วย(เอ๊ะยังไง?) น้องใจแข็ง(จนน่าจับกด)มาก ไอ้เราก็เข้าใจโดนหนักขนาดนั้น ตอนน้องอ่อยเพื่อน ถึงจะหลอก(ให้จิมหึง)แต่น่ารักมากกกกก โอ๊ยยยย อยากให้คนที่ถูกอ้อนเป็นจิมม :z3:

อยากให้ยาวกว่านี้ หยิ่งกว่านี้ ง้อเข้าไป ฟินเข้าไป แล้วค่อยอภัยให้ ไม่อยากให้จบเลย ขอตอนพิเศษเยอะๆๆๆๆน้าาคร้าบ :impress2:

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านแล้วเราชอบคิดตอนต่อไป สงสารจิม คิดว่าอยากให้ตอนเตอร์ไปค่ายแล้วจมน้ำตาย น้องสำนึกได้ก็ให้อภัยจิมก่อนที่จะสายไป เสียจิมไปอีกคน
พอมาถึงตอนจิมขับรถ เห็นเหม่อๆ เหมือนไม่ดูทางก็อยากให้จิมชนสิบล้อ ร่วมมือกับหมอเซมหลอกว่าสมองเสื่อม แล้วน้องมาดูแล555

สุดท้ายนี้ เกรงคนเขียนจะไขว้เขว จากตอนแรกบอกว่าน้องมีคู่ เย้ o13 ขอจิมมมน้า :-[ มีบางคนอยากได้แบบไม่มี งั้นทำ2เวอร์ชั่นเลย ฮ่าา แล้วแต่คนเขียนจะกรุณา ไม่ว่าจะจบแบบไหนเราก็จะอ่านต่อ ขอบคุณมากค่ะที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆแบบนี้ รักนิยายแต่รักคนเขียนมากกว่า โดนผึ้งต่อยหายยังหว่า หายๆ เพี้ยงงง <3

หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 38 {70%} [23/03/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 23-03-2014 20:30:55
ตอนที่ 38 ....70%



เช้าวันนี้ผมตื่นมาด้วยสภาพยับเยิน...

ลอบถอนหายใจเมื่อเห็นสภาพตัวเองในกระจก น่าเกลียดระคนน่าสมเพช หัวฟู ตาบวมปูดอย่างที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ผมยกมือคลึงหัวตาที่ปวดหนึบ ก่อนจะเดินลากเท้าตรงไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแปรงฟันเผื่อว่าอะไรๆมันจะดีขึ้น

สายน้ำช่วยทำให้ผมสดชื่นได้เสมอ แม้กระทั่งเวลานี้

หลังจากที่ผลัดเปลี่ยนชุดใหม่แล้ว ผมก็เดินออกมายังระเบียงห้องนอน ลอบยิ้มบางๆเมื่อมันว่างเปล่าปราศจากร่างของอีกคน

เมื่อคืนที่เขามาหาผม ผมจะคิดเสียว่านั่นคือความฝัน

จมอยู่กับภวังค์ไม่นาน เสียงโหวกเหวกด้านล่างก็ดึงความสนใจของผมจนอดมองลงไปไม่ได้

โฮ่ง โฮ่ง!!

เสียงเห่าของเจ้าหมาหวงบ้านดังขึ้นทันทีที่เสียงเครื่องยนต์ของพาหนะสี่ล้อจอดเทียบหน้าประตู เมื่อเพ่งมองดีๆก็ทำให้รู้ว่านั่นไม่ใช่รถที่จอดผิดบ้านหรือรถของคนแปลกหน้าแต่อย่างใด

ผมเดินกลับเข้าไปในห้องนอน พลางเหลือบมองหน้าปัดนาฬิกาติดผนัง มุ่นหัวคิ้วนึกสงสัยว่ามันมาทำอะไรที่บ้านผมแต่เช้า ไหนตอนแรกว่าจะมารับเย็นๆ

“อ้าว ลงมาพอดีเลย ไปดูให้แม่หน่อยสิว่าใครมา”

ร้องรับคำแล้วรีบรุดหน้าเดินออกไปหวังจะเป็นฮีโร่เข้าช่วยเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย แต่คงไม่ทันเพราะเมื่อเปิดประตูบ้านออกไปก็พบว่าไอ้เบียร์กำลังถูกพุงพลุ้ยปู้ยี้ปู้ยำจนกางเกงเปื้อนเศษดินเต็มไปหมด

“เฮ้ย!! หยุดๆ พุงพลุ้ย หยุดเดี๋ยวนี้!! วันนี้พี่ต้องหล่อที่สุดเว้ยย หยุดดด!” ไอ้เบียร์กระโดดเหยงส่งเสียงโวยวายดังลั่น

ผมหลุดหัวเราะให้กับสภาพของมัน ตลกจนน่าขัน ยิ่งกระโดดแบบนั้นพุงพลุ้ยมันคงจะหยุดหรอก หางกระดิกดิ๊กๆไม่หยุดแล้วน่ะ มันคงคิดว่าไอ้เบียร์กำลังเล่นกับมัน

“เห้ย! ไอ้ต้า มึงมาเอาหมาของมึงไปเก็บเลย” เสียงห้าวร้องทักเมื่อหันมาเห็นผม

ผมเบิกตา เมื่อเห็นไอ้เบียร์ทำท่าจะพุ่งเข้ามาหา ทว่าเดินได้เพียงไม่กี่ก้าวพุงพลุ้ยก็ไม่ยอม งับขากางเกงมันเต็มเหนี่ยวจนมันก้าวขาเดินไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว

“ฮ่าๆๆๆ น่าสงสารว่ะ สงสัยหมาคงคิดถึงมึง”

เป็นภาพที่น่าถ่ายคลิปเก็บไว้ยิ่งนัก ไอ้เบียร์สะบัดขาข้างนั้นไม่หยุดหวังให้หมาปล่อย แต่พุ่งพลุ้ยไม่ยอม มันคงนึกว่าไอ้เบียร์เล่นด้วยอีกนั่นล่ะ กัดแน่นไม่ปล่อยเลย ครั้นเมื่อเบียร์ขยับจะเดินก็จะมีไอ้หมาอ้วนติดสอยห้อยตามมาด้วย พุงกลมๆลากบนพื้นดินจนฝุ่นฟุ้ง

“อย่ามัวแต่หัวเราะดิวะ มาเอาหมามึงออกไปเลย”

ผมยกมือกุมกระบังลม หัวเราะจนปวดท้องไปหมด ยิ่งมองหน้าแหยงๆของมันก็ยิ่งขำ

“เสียใจด้วย กูไม่ใช่คนใจร้ายขนาดจะขัดขวางความสุขของหมาได้หรอกนะ” พูดกลั้วหัวเราะพลางมองพวงหางสีขาวที่สะบัดไปมาอย่างครึ้มใจ

ตอนที่มันมาบ้านผมคราวก่อน ไม่รู้ไปทำเสน่ห์อะไรใส่พุงพลุ้ย มาคราวนี้มันถึงได้ติดไอ้เบียร์แจ สงสัยแม่งคงแอบดีดน้ำมันพรายใส่ แม้แต่หมาก็ยังไม่เว้นอะมัน เลวขนาดไหน ฮ่าๆ

“อย่าให้กูหลุดไปได้นะ จะซัดทั้งคนทั้งหมาให้น่วมเลย!” มันขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอย่างเจ็บแค้น มันอะแค้น แต่ผมอะโคตรสะใจ!

หึ คิดจะแก้แค้นเหรอ

“พุงพลุ้ย อย่าหยุดนะลูก ไม่งั้นอดกินข้าวเย็นแน่!” ผมกระตุกยิ้มท่ามกลางสีหน้าตื่นตะลึงของไอ้เบียร์

โฮ่ง!!

แค่เสี้ยวนาทีที่พุงพลุ้ยละปากเห่าตอบรับ ไอ้เบียร์ก็อาศัยจังหวะนั้นสะบัดขาจนหลุดแล้วโจนตัวจะวิ่งมาที่ผม ทว่ามันก็ช้ากว่าสัญชาติญาณของสัตว์ โดยเฉพาะหมาอ้วนที่เห็นของกินเป็นที่หนึ่งอย่างพุงพลุ้ย!

เจ้าตัวสีขาวลายน้ำตาลหมอบลำตัวช่วงบนลงต่ำจนเกือบติดดิน ขณะที่ลำตัวช่วงล่างโก่งสูงพร้อมทั้งกวัดแกว่งหางไปมาอย่างเริงร่า ดวงตากลมแป๋วจ้องไอ้เบียร์ไม่วางตา พลันสี่ขาตะกุยพื้นถีบตัวเองพุ่งทะยานเข้าใส่ไอ้เบียร์อย่างจัง! แรงอัดจากหมาอ้วนทำให้คนที่ไม่ได้ตั้งหลักถึงกับล้มหน้าคะมำ!

ผมอ้าปากค้างไม่คิดว่าหมาอ้วนจะเห็นแก่กินขนาดนี้

แต่ตะลึงได้ไม่นานก็ต้องหัวเราะงอหงายเมื่อไอ้เบียร์เงยหน้าขึ้นมา หน้าของมันแดงก่ำไม่รู้ว่าโกรธหรืออะไร ทว่ายังไม่ทันได้เดินเข้าไปใกล้เพื่อช่วยพยุงมันขึ้น ความเจ็บแปลบก็แล่นกลางศีรษะพร้อมกับเสียงป๊อกเหมือนอะไรสักอย่างเคาะลงมาที่หัวของผมจนผมต้องนิ่วหน้ายกมือกุมหัวแทบไม่ทัน

“แกล้งอะไรเพื่อนหะ”

ไม่ต้องมองหาสาเหตุของความเจ็บ พ่อก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ในมือมีทัพพีคดข้าวถืออยู่ ผมเบ้ปากกำลังจะอ้าปากเถียงแต่ก็โดนพ่อเอาอาวุธ(?)ชี้หน้าคาดโทษ

ผมเหลือบตามองไอ้เบียร์เห็นมันยิ้มเผล่มีชัย

พ่อหันหน้ากลับไปยังจุดเกิดเหตุ มือง้างทัพพีขึ้นสูงก่อนจะพูดขู่พุงพลุ้ย

“ลงมาจากตัวพี่เขาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นจะฟาดให้ตัวลายเลย!”

มันเป็นภาพที่น่าขำ พ่อถือทัพพีขู่หมา แต่ทั้งผมและพุงพลุ้ยคงขำไม่ออก เพราะรู้ว่าถึงแม้พ่อจะใจดี แต่พ่อฟาดแน่ๆถ้าพลุ้ยไม่ลงจากตัวไอ้เบียร์

“นับหนึ่ง...”

เมื่อพ่อเริ่มนับด้วยน้ำเสียงกดต่ำ พุงพลุ้ยก็ครางหงิงอย่างน่าสงสาร สี่เท้าเดินย่ำบนหลังไอ้เบียร์ไปมาดูกระวนกระวาย

“นับสอง...”

หูสีน้ำตาลแนบลู่ไปกับหัวกลมๆ ไม่ได้ตั้งร่าเริงเหมือนเดิม ตากลมๆนั่นก็ดูหงอยจนน่าสงสาร ผมเบะปากมองพลุ้ยสลับกับพ่อ พ่อฟาดแน่ๆ ..ในหัวเร่งคิดหาทางช่วยหมาอ้วน พลันเปล่งเสียงร้องเรียกมันก่อนพ่อจะนับสาม

“พุงพลุ้ย มานี่เร็ว”

สิ้นเสียงพุงพลุ้ยก็รีบกระโดดลงมายืนบนพื้นแล้ววิ่งทะยานมาหาผมอย่างว่องไว

ผมส่ายหัวเอือมๆ นั่งยองๆลูบหัวของมันไปมา ที่มันวิ่งมาหาไม่ใช่ว่ามันเชื่อฟังผม  และที่มันไม่ลงจากหลังเบียร์ตั้งแต่แรกไม่ใช่ว่ามันไม่กลัวพ่อ มันกลัวครับ ไม่งั้นไม่ครางหงิงขนาดนั้นหรอก แต่ที่ไม่ลงเพราะมันกลัวจะอดข้าวเย็นที่ขัดคำสั่งผมต่างหาก

โคตรเห็นแก่กินเลย หมาใครวะ -_-

 

เข้าบ้านมาได้ผมก็โดนแม่สวดยับที่ไปแกล้งเบียร์มันอย่างนั้น จากตอนแรกที่ไอ้เบียร์ก็เหมือนลูกคนที่สามของบ้านอยู่แล้ว ตอนนี้มันเลยกลายเป็นลูกรักของพ่อกับแม่ไปเลย

น้องเบียร์อย่างนั้น น้องเบียร์อย่างนี้ ฟังแล้วโคตรหมั่นไส้อะ

ผมเหลียวหันไปมองไอ้คนที่เดินขึ้นบันไดตามอยู่ด้านหลังอย่างปิดความหมั่นไส้ไว้ไม่มิด ยิ่งเห็นมันส่งยิ้มยียวนมาให้ แทบจะถีบมันตกบันได คนอะไรหน้าโคตรกวนตีน

เมื่อขึ้นมาถึงชั้นสองผมก็หยุดยืนอยู่ระหว่างกลางของห้องทั้งสองก่อนชี้ไปที่ประตูห้องเตอร์

“มึงเข้าไปเอาเสื้อผ้าในห้องนั้นเองแล้วกัน”

มันเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม คงสงสัยว่าทำไมผมไม่เข้าไปเอาให้

“ทำไม กูขี้เกียจ เข้าไปเอาเองเดะ เร็วๆ กูจะรออยู่ตรงนี้” พูดพลางเตะขามันไปพลางโทษฐานที่หน้าแม่งกวน

ไอ้เบียร์ก้มมองขาผมที่กำลังประทุษร้ายมันอยู่ก่อนจะเงยหน้ามองยิ้มกวนๆแล้วยักไหล่ไม่แคร์ นัยน์ตาคู่นั้นราวกับจะบอกผมว่า มีปัญญาทำได้แค่นี้เหรอไง? นั่นยิ่งทำให้ผมปวดประสาทมากกว่าเดิม

ยังไม่ทันได้ก่นด่าก็ราวกับมันรู้ตัวดี จึงรีบเดินปลีกเข้าห้องเตอร์ไป

ปกติถ้ามันมาค้างบ้านผม ผมก็จะเข้าไปเอาเสื้อผ้าในห้องเตอร์มาให้มันเสมอ หรือไม่ก็เข้าไปด้วยกัน แต่ตอนนี้ ผมยังไม่พร้อมเข้าห้องนั้น...

รอไม่นานมันก็กลับออกมาพร้อมกับกางเกงยีนส์และเสื้อยืดสีดำลายกราฟฟิคของเตอร์ กำลังจะร้องบอกว่าให้เอาไปเก็บ ตัวนี้เตอร์หวง แต่ก็รีบกลืนคำพูดตัวเองลงคอ ..ช่างมันเถอะ

“ได้เสื้อผ้าแล้วก็รีบไปอาบน้ำ จะได้ลงไปกินข้าว” พูดพลางเปิดประตูเข้าห้องตัวเองแล้วเดินไปทิ้งกายนอนพิงหัวเตียง หยิบรีโมทมาเปิดทีวีกะจะนอนดูการ์ตูนฆ่าเวลารอมัน

“กูใช้ผ้าเช็ดตัวมึงนะ”

“เออ” บอกขณะที่สายตาไม่ได้ละออกจากหน้าจอสี่เหลี่ยม เลื่อนหาช่องการ์ตูนด้วยความเคยชิน

แรกเริ่มไอ้เบียร์มันก็จะกลับไปอาบน้ำบ้านมันนั่นล่ะ แต่แม่ของผมก็ขัดมันไว้ก่อน แสดงความรับผิดชอบไม่ให้มันต้องลำบากเทียวไปเทียวมา ครั้นจะให้ผมไปพร้อมมันเลย ก็นะ แม่ทำกับข้าวจัดเต็มขนาดนั้นก็คงไม่อยากให้ไป จะให้มันกินก่อนแล้วค่อยไปด้วยกัน ตัวก็เลอะจนขี้โคลนเรียกพี่ มันก็คงไม่กล้าร่วมโต๊ะด้วย สุดท้ายแม่เลยเสนอทางเลือกให้มันขึ้นมาอาบน้ำก่อน แล้วค่อยออกไปพร้อมกัน

เมื่อมีบัญชามาขนาดนี้แล้วใครล่ะจะกล้าขัด แม้แต่ประมุขของบ้านยังไม่กล้าหือ ใครหน้าไหนล่ะ จะกล้า

.

.

ระหว่างที่รับประทานอาหารทุกคนแลดูมีความสุข ทั้งเสียงคุยเสียงหัวเราะสรวลเสเฮฮากันถ้วนหน้า ยกเว้นผม -_-

ความรู้สึกของผมตอนนี้ไม่ต่างกับเด็กที่ถูกแย่งความสำคัญ ยิ่งพ่อกับแม่ให้ความสนใจไอ้เบียร์มากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งหงุดหงิดมากเท่านั้น

อะไรคือการพะเน้าพะนอแต่กับมัน ผลัดกันตักกับข้าวให้มันจนพูนจานหมดแล้ว ไม่เห็นตักให้ผมมั่งเลย!

“แม่ ต้าอยากกินไก่ทอด” ร้องบอกแล้วนั่งรอให้แม่ตักให้ แต่สิ่งที่แม่ทำคือเงยหน้าจากจานข้าวพลางมองไก่ทีมองหน้าผมที

“ตักไม่ถึงเหรอ?” ถามด้วยหน้าสงสัยที่ทำเอาพ่อถึงกับยิ้มกริ่ม

“ไม่ถึง” ตอบหน้ามุ่ย มองไก่ไม่ยอมยื่นแขนไปตัก ถ้าจะตักอะ ถึงอยู่แล้ว เพราะโต๊ะกินข้าวบ้านผมมันก็ไม่ได้ใหญ่โตมโหฬารขนาดนั้น เอื้อมถึงทุกจานนั่นแหละ ก็แค่อยากให้แม่ตักให้

“อะ”

อะ ของแม่ยิ่งทำให้ผมหน้าง้ำมากกว่าเดิม แต่กับไอ้คนที่นั่งข้างผมนี่ถึงกับหัวเราะหึๆในลำคอ ผมหน้าม้านหันไปฟาดค้อนใส่มันสักห้าหกที ก่อนจะมองจานไก่ที่แม่ยื่นประเคนถึงที่แต่ไม่ยอมตักให้ ทั้งๆที่ตักให้ง่ายกว่ายกจานทั้งใบอย่างนี้ตั้งเยอะ!

บอกตรงๆว่า โคตรขัดใจ!

สุดท้าย ทำไงได้ล่ะครับ ก็ใช้ส้อมจิ้มไก่แล้วกัดกินระบายความเจ็บใจน่ะสิ!

ตบตีกับน่องไก่ได้ไม่นานก็ต้องตาวาวเมื่อเห็นกระดาษทิชชู่สีขาวกวัดแกว่งอยู่ตรงหน้า หันไปมองต้นทางก็เห็นว่าพ่อส่งมันมาให้ เห็นอย่างนั้นก็ทำให้ความขุ่นข้องหมองใจเมื่อครู่ลดฮวบๆจนแทบไม่เหลือ ผมรับกระดาษเนื้อนุ่มมาถือไว้ก่อนจะเช็ดปากตัวเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“อ้าว แล้วนั่นเช็ดปากตัวเองทำไม พ่อตั้งใจจะให้เจ้าเบียร์มัน เฮ้อ เรานี่นะเจ้าต้า!”

มือผมชะงักค้าง หันไปมองหน้าพ่อที่ทำหน้าเอือมผมเสียเต็มประดาอึ้งๆ ก้มมองทิชชู่ในมืออีกที ก่อนจะหน้างอเป็นจวักอย่างที่ตัวเองก็รู้สึกได้ ผมปาทิชชู่ใช้แล้วให้ไอ้เบียร์พร้อมทั้งพาลพาเลเตะขาเก้าอี้มันเสียงดังปั้ก!

“กลับบ้านมึงไปเลย!”

“น้องต้า ทำไมไล่เพื่อนอย่างนั้น! // น้องต้า ทำไมพูดไม่เพราะ!!”

ผมอ้าปากค้างกับสองเสียงของชายหญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อกับแม่ของผมดังขึ้นพร้อมกัน..

ไอ้เชี่ยเบียร์!!

.

.

กว่าจะได้ออกจากบ้านก็เป็นเวลาบ่ายแก่ๆ หลังกินข้าวรอบสองแล้วนั่นล่ะ ตอนแรกผมพาลจะไม่กินข้าวจริงๆด้วย ถ้าพ่อกับแม่ยังไม่เลิกพะเน้าพะนอลูกชายคนใหม่ แต่ยังดีที่ท่านทั้งสองหันมาให้ความสนใจผมที่เป็นลูกชายแท้ๆบ้าง ไม่งั้นล่ะ พ่อจะอาละวาดให้ครัวพังเลย

ก็ได้แต่คิด ได้แต่จินตนาการนั่นล่ะครับ ขืนได้ลงมือทำจริง นายหญิงของบ้านได้เพ่นกบาลผมแน่

เสียงเพลงที่ดังคลอจากเครื่องเสียงของรถยนต์ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมานิดๆ แต่อารมณ์สุนทรีย์ก็ต้องถูกทำลายลงเมื่อเสียงควายออกลูกดังประสานไปกับนักร้องสาวแสนสวยสุดเซ็กซ์

"มึงขับรถเงียบๆไม่เป็นไงวะ" สุดจะทนเลยต้องออกปากขอร้อง(?)ให้มันขับรถเงียบๆ

"ทำไม ฟังแล้วใจสั่นเพราะกูร้องเพราะล่ะสิ"

ดูไว้นะครับ อย่างนี้เค้าเรียกว่าหลงตัวเอง

"เปล่า กูรำคาญ"

"เบื่อพวกปากไม่ตรงกับใจ"

มันยักไหล่ไม่ยี่หระด้วยท่าทางที่ผมเห็นแล้วชวนให้ส้นเท้ากระตุกยิกๆ นึกอยากถีบคนขึ้นมารำไร

“ตกลงจะบอกได้รึยัง ทำไมมาบ้านกูแต่เช้า มีไรรึเปล่าวะ” ทางเดียวที่ทำได้คือเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เบื่อไอ้เบียร์ที่ชอบแถน้ำขุ่นๆ

“จะมีอะไรล่ะ พ่อกูใช้ให้มาซื้อเครื่องดื่มสำหรับปาร์ตี้เลี้ยงต้อนรับไอ้นิกซ์ไง แม่งกลับมาทีก็ทำคนเค้าวุ่นวายไปหมด”

“แล้วมึงซื้อยัง”

“ยัง มารับมึงไปซื้อด้วยกันนี่ไง”

“เอ้า เค้าใช้มึงไม่ได้ใช้กู”

“แต่มึงเพื่อนกู”

เกี่ยวไรกันวะ ไอ้ห่านี่ชอบมั่ว

“อย่าทำหน้างอง้ำอย่างนั้นสิวะ ยิ้มก่อนเร็ว เดี๋ยวพี่เบียร์เลี้ยงไอติม”

เปล่าครับ ผมไม่ได้เห็นแก่ของกิน

“รีบๆขับเดะ เร็วได้เท่าไหร่ก็เหยียบๆไปเลย”

ไม่ได้เห็นแก่ของกินครับ แค่รักษาผลประโยชน์ของตัวเอง เรื่องปากท้องไม่เข้าใครออกใคร ตอนบ่ายกินของคาวแล้วยังไม่ได้กินของหวานเลย

.

.

ห้างสรรพสินค้าในวันธรรมดาตอนบ่ายแก่ๆอย่างนี้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไหร่ ดีครับ ผมชอบ ไม่แออัด ไม่ต้องแย่งอากาศหายใจกับใคร

“ตกลงเมื่อคืนเป็นไรวะ อยู่ๆก็พูดจาแปลกๆ แล้วก็ตัดสายกูเฉย”

ผมที่กำลังเลียไอติมโคนในมือชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะใช้ฟันกัดครีมขาวๆแล้วอมไว้ รสหวานที่แผ่ซ่านในปากไม่ได้ช่วยให้สมองคิดหาเหตุและผลเพื่อตอบมันได้เร็วขึ้นเลย ในหัวตื้อไปหมด ไม่รู้ว่าควรตอบยังไง นอกจาก

“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”

“แน่นะ?”

ผมชะงักขาที่เดินตามหลังมันเมื่ออยู่ดีๆไอ้คนที่เดินนำหน้าก็หมุนกายหันมาเผชิญหน้ากัน อีกทั้งนัยน์ตาคมยังหรี่ลงเล็กน้อยราวกำลังจับผิด ผมอึกอัก

โกหกใครไม่รู้สึกผิดเท่ากับโกหกคนในครอบครัวและคนตรงหน้าคนนี้

เพราะมันสำคัญ ผมจึงไม่อยากโกหกมัน..

“พ่อมึงใช้ให้มาซื้อไร? ซื้อเหล้าซื้อเบียร์ได้เปล่าวะ” ถามพลางยิ้มเผล่ รุดหน้าไปหยุดตรงแผนกเครื่องดื่มแล้วหยิบขวดทรงสวยที่บรรจุน้ำสีอำพันมาถือไว้ ..สุ่มหยิบมามั่วๆที่ตาเห็นว่าสวย ไม่ได้สนใจยี่ห้อและไม่ทันได้ดูราคา หยิบมามั่วๆเพื่อที่จะได้ไม่ต้องตอบคำถามของมัน และเพราะคบหากันมานาน ทำให้มันรู้ว่าผมไม่อยากพูดมันจึงไม่เซ้าซี้ผมต่อ เพราะต่อให้เซ้าซี้หรือตื๊อยังไง ถ้าผมไม่อยากบอก ไม่อยากพูดมันก็จะไม่ได้คำตอบ หากยังดึงดันรั้นจะอยากรู้ให้ได้ สุดท้ายจะผิดใจกันเปล่าๆ

“ถ้ามึงจะกินก็หยิบมา”

มันพูดเพียงแค่นั้นให้สิทธิ์ขาดในการเลือกตกอยู่ในมือผม เห็นผมอย่างนี้ผมก็ดื่มนะครับ ผมวางขวดทรงสวยลงที่ชั้นเดิม ก่อนจะเดินดุ่มไปยกเบียร์โหลหนึ่งมาใส่รถเข็น เบียร์นี่ล่ะครับ ดีแล้ว ดูเบาๆ ใสๆ ยังไงก็กินบ้านมัน ยังเกรงใจพ่อแม่มันอยู่ เอาไว้ไกลหูไกลตาค่อยจัดหนัก

ไอ้เบียร์มันหันมามองก็หยักยิ้มมุมปากคล้ายรู้ทัน ก่อนจะชูนิ้วชี้หนึ่งนิ้วเป็นอันรู้กันว่าน้องเบียร์ขอสอง

ก็ไม่ไร จัดให้ตามคำขอ

หลังจากมัวเมาหลงในโซนน้ำเมาหลายนาที พวกผมก็พากันเดินไปยังโซนน้ำผลไม้บ้าง ดูเป็นคนใส่ใจสุขภาพขึ้นมาทันที น้ำพวกนี้ก็กะจะซื้อไปให้สาวๆเขากินนั่นล่ะ พวกแม่ไอ้เบียร์ น้องบีมน้องสาวมันหรือแม้แต่ไอ้น้ำที่โดนคุมเข้มห้ามแตะของมึนเมา

หลังจากที่ซื้อของครบตามที่ได้รับมอบหมาย พวกผมก็นำของไปเก็บใส่ท้ายรถก่อนจะพากันกลับเข้าห้างอีกรอบเดินเตร็ดเตร่ฆ่าเวลา ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายสอง เหลืออีกสี่ชั่วโมงกว่าจะได้เวลา

“ดูหนังกัน”

เมื่อมันเอ่ยชวนผมก็ไม่รีรอปล่อยให้คำชวนนั้นเป็นหมัน ก็อย่างว่า คนมันว่างๆไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ไปนอนงีบในโรงหนังสักชม.สองชม.คงไม่เป็นไร

ขณะที่ยืนดูโปรแกรมหนังกันอยู่ หูไม่รักดีก็ดันได้ยินเรื่องส่วนตัวของคนข้างๆเข้าไปเต็มสองรูหู จากตอนแรกก็ไม่ได้สนใจฟัง พอสนใจเท่านั้นล่ะ สนใจเลย ฮา

“พี่บอกพลอยแล้วไงคะ งานก็ส่วนงาน พลอยก็ส่วนพลอย จะให้พี่เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งพี่เลือกไม่ได้หรอก”

“นี่พี่ธันย์เห็นงานดีกว่าพลอยใช่ไหม!”

“ทำไมพลอยไม่เข้าใจพี่”

ให้เลือกคนรักกับงานเหรอ ถ้าเป็นผม ผมคงเลือกไม่ได้เหมือนกัน..

คิดมาถึงตรงนี้ในอกพลันเจ็บยอกเบาๆ ...ผมเองก็เคยยื่นข้อเสนอนี้ให้ใครคนนั้นเลือกเหมือนกัน

“แล้วพี่เคยเข้าใจพลอยบ้างหรือเปล่า กว่าเราจะมีเวลาอยู่ด้วยกันมันไม่ง่ายเลยนะคะ พลอยบอกแล้วว่าให้ปิดมือถือๆ แล้วทำไมไม่ปิด”

“พลอย มีเหตุผลหน่อยสิ”

“ก็นี่แหละเหตุผลของพลอย พลอยอยากอยู่กับพี่ อยากใช้เวลาร่วมกันกับพี่ แต่ทำไมพี่ชอบเห็นงานมาก่อนเสมอ ยังไม่ทันได้ซื้อตั๋วหนัง พอเพื่อนพี่โทรมาพี่ก็จะทิ้งพลอยใช่ไหม!”

อดไม่ได้จริงๆที่จะไม่หันไปมอง แค่เหลือบมองไปด้านหลังเยื้องไปทางซ้ายก็มาเต็มทั้งภาพและเสียง มือบางของผู้หญิงแต่งตัวเปรี้ยวที่ถือกระเป๋าใบย่อมฟาดไปเต็มๆที่แผ่นอกของผู้ชายร่างสูงที่หันหน้ามาทางผม ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยมองใบหน้าของผู้ชายคนนั้นอย่างครุ่นคิด

คลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน

ผู้ชายคนนั้นเหลือบมองไปรอบบริเวณ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนมือหนาจะรวบจับข้อมือบางของแฟนสาวไว้แล้วออกแรงลากให้เดินไปด้วยกัน โดยที่สาวเจ้าก็ขัดขืนไม่ยอมท่าเดียว

“พลอย มาทะเลาะกันตรงนี้ไม่อายชาวบ้านชาวช่องเขามั่งเหรอไง”

“พลอยไม่อาย!”

เห็นสีหน้าของผู้ชายคนนั้นดูเคร่งเครียดก่อนเขาจะหมุนกายหันหลังให้หญิงสาวแล้วเริ่มออกเดิน

“พี่ธันย์! พี่ธันย์จะทิ้งพลอยไว้อย่างนี้เหรอ!!” เธอตะโกนไล่หลังไม่ก้าวตามไป แต่ลำตัวของเธอเริ่มสั่นเทิ้ม

“เฮ้ย มองอะไรเรื่องชาวบ้านเค้า” มือใหญ่ของไอ้เบียร์วางลงบนหัวผมแล้วจับหมุน จนผมหันกลับมามองที่แผ่นโปรแกรมหนังตรงหน้าอีกครั้ง ผมสะบัดหัวหนีแล้วมองมันอย่างขัดใจ

“จะดูมั้ยหนังน่ะ”

“ดู!” ปากตอบแต่ตานี่เหลียวหันกลับไปมองคู่รักพ่อแง่แม่งอนอีกครั้งอย่างห้ามใจไม่ไหว ทว่าผมกลับเห็นแต่ความดำมืดเมื่อไอ้เบียร์ยกมือขึ้นปิดตาผม!

ผมจับมือมันออกแล้วหันไปมองมันเต็มๆตา

“มึงนี่ชอบขัดกูจริงๆ”

“แล้วมึงจะอยากรู้เรื่องชาวบ้านเค้าทำไม ไปๆ ไปซื้อตั๋วกับกู”

ไม่รู้จะฝืนแรงหมียังไงไหว เลยต้องปล่อยให้มันลากไป

เพราะไม่ได้ตกลงเรื่องหนังกันก่อนว่าจะดูเรื่องอะไร สุดท้ายก็ไปตบตีกันต่อหน้าพนักงานคนสวยจนเธอทำหน้าไม่ถูก สุดท้ายใครล่ะชนะ ถ้าไม่ใช่ผม

เออ ก็ไม่ใช่ผมน่ะสิ ไอ้ห่าเบียร์แม่งเผด็จการ มันบอกว่ามันเป็นคนเลี้ยงหนังต้องมีสิทธิ์เลือก แล้วดูหนังที่มันเลือก -_-

พี่ชาย แม่งหนังเกย์ชัด

กูเริ่มกลัวมึงขึ้นมาตะงิดๆแล้วว่ะเบียร์

.

.

ดูหนังจบก็ไม่ทำให้รู้สึกว่าเสียดายเงินแต่อย่างใด ถือว่าเป็นหนังดีอีกเรื่องหนึ่งทีเดียว ตอนแรกก็มีความรู้สึกกระดากๆ ที่ต้องเข้าโรงไปกับมัน ผู้ชายสองคนเดินเข้าโรงหนังด้วยกันแล้วดูหนังแบบนี้ ..อืม เรียกสายตาของผู้หญิงได้ดีนักแล แต่ละคนที่มองมาก็ไม่ได้มองแบบชอบหรือปิ๊งปั๊ง แลจะมองแบบ.. หลงใหล เขินอาย!!?

ตลอดเวลาที่ดูหนัง ผมแทบจะดูไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่ว่าหนังดูยากหรือซับซ้อนอะไรมากมาย แต่เป็นเพราะว่ามีสายตาหลายคู่แวะเวียนมาที่เก้าอี้พวกผมสองคนแทบจะตลอดเวลา

อึดอัดครับกับการเป็นเป้านิ่งให้คนเขาจ้องมอง

แค่คิดว่าภายใต้หัวสวยๆพวกนั้นคิดอะไรอยู่ ก็พาลให้ผมขนลุกขนพองไปตามๆกัน

ถึงผมจะหวั่นไหว ถึงผมจะสับสนกับเพศเดียวกัน หรือถึงแม้ผมจะเคยเกิดความรู้สึกเกินเลยกับคนที่ไม่ควรให้มันเกิดขึ้นแต่ก็ใช่ว่าผมจะมีรสนิยมทางนี้

“เป็นไรวะ ทำหน้าอมขี้ตั้งแต่ออกจากโรงละ”

ดูมันเปรียบ -_-

ผมเตะน่องมันไปทีอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะเดินนำลิ่วเมื่อเหลือบมองนาฬิกาที่หน้าจอมือถือก็เห็นว่าเวลาปาไปสี่โมงครึ่งแล้ว

“นั่น แล้วมึงจะรีบไปตามควายที่ไหน”

แม่งปากดีตลอด

“มึงลืมไปแล้วเหรอไง ว่าต้องไปรับไอ้นิกซ์มัน” หันไปตอบทั้งยังไม่หยุดเดิน เบียร์เลิกคิ้วหน้าตาคล้ายกับเพิ่งนึกขึ้นได้ มันมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะนิ่วหน้า

“เหลือเวลาอีกตั้งชม.ครึ่ง ทันถมเถ”

“แหม่ะ คุณชาย ไม่เผื่อเวลารถติดเหรอไง”

“เออว่ะ”

คิดได้ดังนั้นทั้งผมทั้งมันต่างก็จ้ำอ้าวเดินจนขาขวิดลงมาลานจอดรถแทบไม่ทัน ขึ้นรถได้ไอ้เบียร์ก็ใส่เกียร์เหยียบแหลก แซงได้เป็นแซง ซิ่งได้เป็นซิ่ง

ปากก็บอกว่าไม่อยากไปรับๆ ปล่อยให้มันกลับเอง พอจวนตัวนี่รีบกว่าใครเพื่อน

.

.

เมื่อมาถึงสนามบิน กว่าจะหาที่จอดรถได้เข็มสั้นบนหน้าปัดนาฬิกาก็ชี้เลขหก เข็มยาวชี้เลขเก้าเสียแล้ว บอกได้คำเดียวว่าสายโคตรๆ

เรื่องที่ไอ้เบียร์กลัวไม่ได้กลัวที่ให้นิกซ์รอนาน แต่มันกลัวหม่อมแม่มันมากกว่า ลองให้ไอ้นิกซ์หาทางกลับบ้านเองได้ ถ้าไอ้เบียร์ย่างเท้าเข้าบ้านเมื่อไหร่ หูมันคงชาเมื่อนั้น

ไม่ได้ชาเพราะโดนบ่นอย่างเดียวนะ แต่จะชาเพราะโดนบิดโดนดึงด้วย

แม่ไอ้เบียร์ลือชื่อว่าโหดนักโหดหนา ไม่ใช่แค่เสียงลือเสียงเล่าอ้าง แต่ตัวผมก็เคยประจักษ์กับตัวเองมาแล้ว

โครตโหดอะ

ขนาดผมไม่ใช่ลูกแท้ๆยังเคยโดนตบ เหตุเพราะ ด้วยวัยคะนอง ม.สามวัยละอ่อนผมกับไอ้เบียร์เคยริลองสูบบุหรี่ แต่โดนท่านจับได้เลยโดนตบปากกันคนละทีสองที ขยาดเลยครับ

เรื่องนี้แม้แต่พ่อแม่ผมก็ไม่เคยรู้ ไม่เคยบอกหรอก ถ้าบอกกลัวว่าจะไม่ใช่แค่โดนตบปาก

ผมวิ่งเหยาะๆตามแผ่นหลังกว้างของเบียร์ สวนกับผู้คนมากมาย ทว่าเมื่อถึงจุดนัดหมายกลับไม่เจอนิกซ์ฝรั่งตาน้ำข้าวยืนรออยู่เลย

ผมกับเบียร์มองหน้ากันด้วยสีหน้าว้าวุ่น

"เอาไงดีวะ"

มันส่ายหน้าจนปัญญา ทว่าขณะที่กำลังหันรีหันขวางไม่รู้จะทำอย่างไรดี ตัวผมกลับถูกรวบกอดจากด้านหลังก่อนจะถูกยกขึ้นจนเท้าลอยเหนือพื้น!

"เฮ้ย!!!"


_________________________________
TALK :: มาแล้วค่ะ กับตอนที่ 38
ช่วงนี้กำลังอกหัก(?) ค่ายอาสาที่ตั้งใจจะไปดันไม่ได้ไป อยู่ๆดันมาเป็นไข้ซะได้ อดค่ะอด อกหักอดใจ จนนอนไม่หลับ ตื่นมาเป็นหนักกว่าเดิมเลย ลุกไม่ขึ้นไปสองวัน T_T
วันนี้ยังอาการร่อแร่ ยังดีที่หลังจากแต่งตอนที่ 37 จบไปคร่าวนั้นนึกคึกแต่งตอน 38 ต่อ ไม่งั้นล่ะ อดยาวๆ ฮ่าๆ
ไม่่รู้จะบ่นทำไม แต่อยากบ่น TT^TT

กลับเข้าเรื่องนิยายกัน ... ใครอุ้มน้องต้า จะเป็นเพื่อนนิกซ์หรือว่าพี่จิม 555 ไม่รู้ ไม่บอก รออ่านกันน้าาาา

อีกเรื่องนึงค่ะ อยากถามนักอ่านที่รักว่า หากเขารวมเล่มน้องต้าจะมีใครอยากได้น้องไปนอนกอดที่บ้านบ้างไหม? ลองซาวเสียงดูค่ะ ถ้ามีคนสนใจจะทำ แต่ถ้าไม่แล้ว คงจะปล่อยให้น้องได้โลดแล่นในหน้าเว็บเท่านั้น

* อุอิ ได้อ่านเม้นท์ย๊าวยาว ตอนแรกคิดว่าเปิดหน้าผิดเป็นตอนที่ตัวเองโพสไว้ 555 อ่านเม้นท์แล้วยอมรับว่าแอบไขว้เขวไปบ้าง ฮา
** ขอบคุณเม้นท์ทุกเม้นท์ กำลังใจทุกกำลังใจที่มอบให้มากๆเลย รักนะ จุ้บบบ
*** ไว้เจอกันอีก 30% ที่เหลือนะคะ ^_____^

รักนักอ่าน : )
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 38 {70%} [23/03/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 23-03-2014 21:29:08
อ๊าา ตอนแรกก็เดาเป็นนิกซ์แต่พอมาพี่จิมด้วยก็เริ่มเขวแล้วสิ
งานนี้ใครจะอุ้มม ว่าแต่เบียร์กับนิกซ์มีซัมติงวรองกันหรือเปล่า (ถ้าจริง สมการจะยังไงนะ)
คิดถึงพี่เตอร์!! เบียร์เอากางเกงไปใส่อย่างนั้น หวงแย่เลย//เราเข้าใจความรู้สึกหวงของนะ
แอบรู้สึกไม่ค่อยชอบนิสัยน้องต้าที่ชอบเอาแต่ใจมากไปหน่อย แกล้งเพื่อนเบียร์เกินไปหรือเปล่า
แล้วฉากกินข้าว รู้สึกว่าเอาแต่ใจเกินไปอะ แต่ ณ จุดนี้ถ้าทำกับพี่จิมหนูไม่ว่า //ขำ
ขอให้นักเขียนหายป่วยไวๆนะ จะได้กลับมาเขียนต่อได้เร็วๆ
ส่วนเรื่องรวมเล่ม อยากซื้อนะ แต่ว่าช่วงนี้งานสัปดาห์หนังสือ คงหมดตัวไปหลายพันและต้องพักฟื้นหลายเดือนเลยทีเดียว
;a; ปล. ถ้ารวมเล่มจริง จะมีตอนพิเศษแถมไหมอะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 38 {70%} [23/03/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 23-03-2014 23:31:54
เฮ้ย! ใครมาอุ้มน้องต้าเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 38 {70%} [23/03/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 24-03-2014 15:53:59
ดูหนังเรื่องพี่ชายกับผู้ชายสองต่อสองนี่ ใครเห็นก็ต้องคิดล่ะจ่ะน้องต้าร์....
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 38 {70%} [23/03/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: kakaris ที่ 24-03-2014 16:24:11
ฮุ่ย... ใครอ่า
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 38 {70%} [23/03/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 24-03-2014 18:11:09
ต้าาาาาา มีเหตุผลหน่อยดิ่ ฮือออ ไม่บอกก็รู้ว่านี้แม่ยกใคร 5555
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 38 {70%} [23/03/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 24-03-2014 22:18:37
เราเดาว่านิกซ์ ถ้าเป็นพี่จิมคงไม่เข้ามากอดแล้วอุ้มอย่างนี้หรอกมั้งงง55
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 38 {70%} [23/03/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Viper_Wa ที่ 25-03-2014 09:20:39
เฮ้ย!!!......ค้างอ่า  :hao7:

ต้าโดนใครอุ้มอ่า  :hao5:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 38 {70%} [23/03/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 25-03-2014 17:03:33
ใครเอ่ย~ อิอิ ลุ้นค่าา >.<
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 38 {70%} [23/03/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 25-03-2014 17:47:26
พี่จิม?

มโนชนะเลิศค่าาาา

ขอให้เป็นพี่จิม และขอให้น้องต้าเคลียร์ๆ กันเหอะนะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 38 {70%} [23/03/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 25-03-2014 22:07:06
โฮกกก!! ตามอ่านแบบไม่ต้องหลับต้องนอน แบบหน่วงแล้วหน่วงอีก

พอยิ้มได้ก้อกลับมาหน่วงอีก โอ่วแม่เจ้า!!

รีบมาต่อน้าา
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 38 {70%} [23/03/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: tiktok ที่ 27-03-2014 19:40:57
สนุกมาก อยากให้รวมเล่มนะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 38 {70%} [23/03/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 14-04-2014 22:08:07
งื้อออออ อีก 30% อยู่หนายยยยย น้องต้าพี่จิมมมม

 :z3:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 38 Count on me{100%} [18/4/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 18-04-2014 02:07:36
ผมกับเบียร์มองหน้ากันด้วยสีหน้าว้าวุ่น

"เอาไงดีวะ"

มันส่ายหน้าจนปัญญา ทว่าขณะที่กำลังหันรีหันขวางไม่รู้จะทำอย่างไรดี ตัวผมกลับถูกรวบกอดจากด้านหลังก่อนจะถูกยกขึ้นจนเท้าลอยเหนือพื้น!

"เฮ้ย!!!"

อารามตกใจทำให้รีบตะครุบจับมือคนแปลกหน้าที่อยู่บริเวณหน้าท้องของผมอย่างรวดเร็ว ทว่ายังไม่ทันได้ดิ้นรนให้หลุดพ้นจากสภาพนี้ น้ำเสียงคุ้นหูกับสำเนียงแปร่งภาษาที่ดังอยู่ข้างหูก็ทำให้ชะงักกึก

“ขอบคุณที่มารับ”

และนั่น ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าคนที่กำลังฉวยโอกาส(?)กับผมตอนนี้อยู่เป็นใคร!

“ไอ้นิกซ์ มึงไปอุ้มมันไว้ทำไม ปล่อยมันลงเดี๋ยวนี้”

ไม่ทันได้เปิดปากด่า ไอ้เบียร์ก็พูดเสียงดังหน้ายุ่ง ครั้นจะเข้ามาช่วยผม ไอ้ฝรั่งตัวโตที่ดูเหมือนจะตัวโตกว่าเมื่อสามปีก่อนก็อุ้มผมขยับโยกหนีไอ้เบียร์อย่างสนุก

มันน่ะสนุก แต่ผมอะมึนหัว เดี๋ยวพ่ออ้วกใส่หน้าแม่งเลยนี่!

“I miss you”

เป็นอีกครั้งที่ผมนิ่งค้าง มือที่ซ้อนจับมือฝรั่งตัวโตเผลอบีบแน่น และยิ่งบีบแน่นเข้าไปอีกเมื่อสัมผัสแผ่วเบาประทับลงข้างแก้มด้านซ้าย!

ผมเบิกตาโพลง ขนแขนสมัครสมานพากันลุกพรึ่บ! โสตประสาททุกส่วนในร่างกายพากันหยุดทำงานเสียดื้อๆ....

“พอๆ มึงดูหน้าเพื่อนมึงดิ๊ ซีดยังกะไก่ต้มแล้วน่ะ”

เสียงไอ้เบียร์ลอยเข้าหูแล้วลอยผ่านไป ก่อนผมจะรู้สึกโคลงเคลง ภาพที่มองเห็นก็ไหวโยก หลังจากนั้นเท้าของผมก็สัมผัสกับพื้นมั่นคงไม่ลอยคว้างเหมือนเมื่อครู่

“อย่าซีเรียส มันแค่การทักทาย” เจ้าตัวว่างั้นก่อนใบหน้าโซนตะวันตกจะโฉบเข้ามาใกล้พร้อมรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม ผมผงะถอยหลัง ..ยิ่งถอยคนตรงหน้าก็ยิ่งยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนต้องใช้สองมือดันหน้ามันออกไปจนสุดแขนทว่าไอ้ฝรั่งถึกไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย

“คิด-ถึง-นะ-ครับ”

มันพูดช้าๆ ชัดๆทีละพยางค์ด้วยสำเนียงแปร่งหู ...ทำไมผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกม้อ!?

“ขอหอมอีกทีนะ”

เฮ้ย!!

คล้ายกับหาเส้นเสียงไม่เจอ คล้ายกับลืมวิธีเปล่งเสียง และเหมือนจะหลงลืมอาการห้ามปราม! ผมยืนนิ่งมองมันตาค้าง ทว่าก่อนที่ปลายจมูกโด่งจะฝังลงแก้มผมในเสี้ยววินาที ร่างผมก็ถูกกระชากอย่างแรงพร้อมกับใบหน้าของมนุษย์ช่างม้อจะถูกยันออกไปไกลๆ

“ชักจะเยอะไปละ ไอ้ฝรั่งขี้นก”

ไอ้เบียร์ชี้หน้าคาดโทษไอ้ฝรั่งที่กำลังจึ๊ปากสบถหยาบด้วยภาษาบ้านเกิด ไอ้เบียร์ดึงผมเข้าไปใกล้ แขนหนักพาดมาที่ลำคอ ทิ้งน้ำหนักพิงตัวผมจนเกือบเซ

ไอ้ห่า สบายไปละ

“มึงก็อีกตัว ไปห่างๆกูเลย!”

ออกแรงยันไอ้มนุษย์รักสบายออกไปห่างๆ ก่อนจะยกมือลูบหน้าตัวเอง ตามด้วยการขยี้หัวแรงๆอย่างหงุดหงิดใจ ผมมองพวกมันสองคนสลับกันไปมาก่อนหยุดสายตาอยู่ที่เจ้าของเส้นผมสีอ่อน นี่แค่เจอหน้ามันไม่ถึงสิบนาทีผมยังเหนื่อยขนาดนี้ ทั้งเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ ไม่รู้จะจัดการกับไอ้ฝรั่งตัวโตนี่ยังไง

ยิ่งเห็นริมฝีปากบางๆเผยยิ้มกว้างมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งหนักใจมากเท่านั้นจนต้องถอนหายใจออกมาดังๆ

เห็นผมนิ่งเข้าหน่อยคนที่สัญชาติแปลกแยกหนึ่งเดียวก็ตีเนียนสืบเท้าเข้ามาใกล้ก่อนเอนหัวลงมาหมายจะซบไหล่ ผมเหล่ตามองมันพลันขยับหนีในวินาทีที่มันเอนตัวลงมาสุดๆ ส่งผลให้ร่างใหญ่เกือบหน้าคะมำ

“ใจร้าย...”

เชี่ยเถอะ ใครไปสอนให้มันพูด ให้มันทำหน้าทำตาอย่างนี้ ไอ้เบะปากคว่ำท่าทางงอแงที่ขัดกับภาพลักษณ์ภายนอกเนี่ย

“หยุด! ถ้ามึงโวยวายกูจะทิ้งมึงไว้ที่นี่” ผมชี้หน้ามันแล้วทำตาดุ!

“...”

ได้ผลชะงัดนักล่ะ เมื่อปากเบะๆที่กำลังจะงอแงปิดฉับทันควัน

ผมบอกไปหรือยัง ถึงแม้ไอ้นิกซ์มันจะพูดภาษาไทยไม่คล่องแต่ถ้าการฟังมันเข้าใจหมดนั่นล่ะ ใครนินทามัน นิกซ์รู้ นิกซ์เห็น นิกซ์เข้าใจ ดูอย่างตอนนี้ดิ ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมจนผมอยากจะหัวเราะออกมาดังๆกับสีหน้าของมัน

โคตรไม่เข้ากับหน้าตา ท่าทางเล้ย หึๆ

ผมรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น กลัวจะหลุดฟอร์มที่อุตส่าห์เก๊กไว้ ก่อนจะหลุบตามองบรรดาสัมภาระของมันก็ให้แปลกใจ ..มีเยอะกว่าที่คิด ทั้งกระเป๋าล้อลาก กระเป๋าถือใบโต ไหนจะเป้ที่มันสะพายหลังอีก ทำอย่างกับจะย้ายมาอยู่ถาวรอย่างนั้นล่ะ

“คราวนี้มึงจะอยู่ไทยกี่เดือนวะ” ไอ้เบียร์เป็นคนถามคำถามที่ผมเองก็นึกสงสัย

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าพอหันไปสบตากับมัน นัยน์ตาสีอ่อนคู่นั้นก็คล้ายกำลังสื่อความนัยอะไรบางอย่าง

มันไม่ตอบคำถามแต่กลับยักไหล่แล้วหยักยิ้มมุมปากอย่างที่คนมองมองแล้วรู้สึกว่าโคตรกวนตีน เห็นไอ้เบียร์เริ่มจะแง่งๆ ตั้งท่าจะกระโจนใส่ไอ้นิกซ์ ผมก็เลยรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม พูดแทรกทันที

“จะไปกันได้หรือยัง เดี๋ยวจะเย็นไปมากกว่านี้ ป่านนี้พ่อกับแม่มึงรอนานแล้ว”

เมื่อผมเปิดประเด็น ไอ้เบียร์ก็ชะงัก ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

“Let’s go!”

คนกระตือรือร้นสุดเห็นจะเป็นไอ้ฝรั่งตัวสูงที่ใส่เสื้ออวดเนื้อหนังมังสา เสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงลายพรางระดับเข่า ผมสีอ่อนถูกเสยไปด้านหลังลวกๆ นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายสดใส รอยยิ้มกว้างๆนั่นก็ส่งมาได้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

“ไปก็ไปสิเว้ย มัวแต่ยิ้มให้กันแล้วมันจะถึงบ้านมั้ย”

ไอ้เบียร์แม่งโวยแล้วหันหลังเดินลิ่วๆไม่รอใคร ซึ่งผิดธรรมชาติของมันที่ค่อนข้างเป็นคนใจเย็น ผมก็ได้แต่ทอดถอนใจมองตามหลังเพื่อนหน่ายๆ สงสัยมันยังผูกใจเจ็บไม่หาย

เบียร์กับนิกซ์จะว่าไม่ถูกกันก็ไม่เชิง เบียร์เป็นโฮสฯนิกซ์ก็จริงอยู่ และด้วยนิสัยใจคอของพวกมันก็ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีหมดทุกเรื่อง แต่เพราะผู้หญิงเป็นเหตุแท้ๆเลยทำให้มันแง่งๆกันมาตั้งแต่ตอนนั้น สืบเนื่องมาจากแฟนสาวของไอ้เบียร์ที่อยู่ๆก็ดันไปหลงเสน่ห์ไอ้นิกซ์เข้า และไม่ใช่แค่เธอคนเดียว บรรดาผู้หญิงที่เข้ามาวอแวกับมัน ไม่ว่ามันจะเมินหรือไม่สนใจยังไงพวกเธอก็ไม่เคยย่อท้อ แต่พอไอ้นิกซ์ก้าวเข้ามาพวกเธอก็เบนเข็มไปหลงของนอกกันหมด คงเพราะเหตุนี้ล่ะมั้งที่ทำให้สองคนนี้กัดกันมาตั้งแต่ตอนนั้น โคตรไร้สาระอะ

หืม?

ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อรู้สึกร้อนๆที่มือ ..ก้มลงมองก็เห็นว่ามือของผมถูกไอ้คนข้างๆกำลังกุมอยู่

“จับทำไม”

ไม่คิดสะบัดออก เพราะแค่จับมือไม่ใช่เรื่องเสียหาย อีกอย่างผมก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดี แค่รู้สึกแปลกๆ และมีเสียงแย้งในหัวดังแว่วๆว่า ปล่อยให้มันจับมือต่อไปอย่างนี้ดีแล้วเหรอ?

“กลัวหลง”

เกือบจะพลั้งปากด่ากับข้ออ้างปัญญาอ่อน แต่ก็หุบปากฉับเมื่อเห็นแววตาอ้อนๆ(?)คู่นั้น ผมส่ายหัวเล็กน้อยอย่างเอือมระอา พลางก้าวขาตามแรงจับจูงของคนที่เดินล้ำหน้าหนึ่งก้าว ทว่ายิ่งสับฝีเท้าเดินจ้ำมากเท่าไหร่ผมก็เผลอบีบมืออีกคนแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

!!

..ผมนิ่วหน้า หยุดเดินกะทันหันเมื่ออยู่ๆก็รู้สึกเจ็บยอกบริเวณหน้าอกจนต้องยกมืออีกข้างขึ้นวางทาบแล้วกำเสื้อไว้ สายตากวาดมองซ้ายมองขวาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้

อยู่ๆก็เจ็บ ..เจ็บจนขอบตาร้อนผ่าว

..อยู่ไหน

“Are you alright?”

ผมเงยหน้ามองเจ้าของประโยคคำถามนั้นท่าทีเลิ่กลั่ก เมื่อเห็นแววตาเป็นห่วงทอดมองมาจึงส่ายหน้าบอกมันว่าไม่ได้เป็นอะไร ริมฝีปากเม้มแน่นเป็นเส้นตรงก่อนจะดันแผ่นหลังกว้างให้เดินนำต่อเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ดูเหมือนคนข้างหน้าจะไม่ให้ความร่วมมือ มันหมุนกายหันมามองผมตรงๆ สีหน้าที่ส่อแววขี้เล่นแทบจะตลอดเวลา ตอนนี้กลับดูเคร่งเครียด

“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้.. ได้ไหม”

“Okay”

คำตอบตกลงของมันทำให้ผมคลายใจ ผมละสายตาออกจากคนตรงหน้าแล้วมองรอบกายอย่างค้นหา

“Have you ever listened to this song?”

คำถามนั้นผ่านเข้ามาในหูและผ่านเลยไปโดยไม่สามารถดึงความสนใจจากผมได้ ทว่าไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นก็เป็นผมเองที่เบนสายตาหันมามองคนที่จับมือผมไม่ปล่อย มันกำลังยิ้มและเริ่มร้องเพลงออกมาโดยไม่อายสายตาคนรอบข้าง

“If you ever find yourself stuck in the middle of the sea

I'll sail the world to find you

If you ever find yourself lost in the dark and you can't see

I'll be the light to guide you

ถ้าเธอรู้สึกเหมือนติดอยู่กลางทะเล
ฉันจะข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อหาเธอ
ถ้าเธอหลงอยู่ในความมืด และมองหนทางไม่เห็น
ฉันจะเป็นแสงสว่างนำทางเธอเอง

 

Find out what we're made of

When we are called to help our friends in need

ลองค้นหาดูว่าเพราะอะไรพวกเราถึงมาอยู่ร่วมกันได้
ยามที่เพื่อนต้องการเราและเรียกให้เราไปช่วย

 

You can count on me like one, two, three

I'll be there and I know when I'm need

I can count on you like four, three, two

And you'll be there

'Cause that's what friends are supposed to do

, oh yeah, ooh, ooh”

เธอไว้ใจฉันได้เลย แค่นับ 1 2 3
ฉันก็จะไปอยู่ตรงนั้น เมื่อเธอต้องการ
และฉันก็ไว้ใจเธอได้ แค่นับ 4 3 2
เธอก็จะมาหาอยู่ตรงนี้ เพราะนั่นคือสิ่งที่เพื่อนควรจะทำ

 

“ร้องอะไร ฟังไม่รู้เรื่อง”

ผมพูดทันทีที่เสียงทุ้มกังวานร้องจบท่อน นิกซ์มันทำหน้าเซ็งโลกก่อนจะถอนหายใจเฮือกแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเฉย

ก็น่าแปลกดี หลังจากที่ฟังเพลงที่มันตั้งใจร้องให้ ใจของผมก็ค่อยๆสงบลง แม้จะไม่สามารถเรียกว่าปกติดีนัก แต่ก็ยังดีกว่าตอนแรกที่ร้อนรน ข้างในมันมีแต่คำว่าต้องหาเขาให้พบอัดแน่นเต็มไปหมด

ตอนนี้มันเบาบางลง ..จนผมสามารถบังคับสายตาตัวเองไม่ให้หันไปมองหาแผ่นหลังคุ้นตาได้

 

_______________________________________

TALK :: ตัดจบตอนกันดื้อๆอย่างนี้เลย 555
ตอนพีคหนักๆของเรื่องแต่งยากนะ ยากมากกก ทั้งอารงอารมณ์มาเต็ม กับตอนนี้ จิ๊บๆมากเลย ไม่มีอะไร แต่รู้สึกว่ายากกว่า =___=
สู้ต่อไป เย่

http://www.repeatmyvids.com/watch?v=Yc6T9iY9SOU&kmdom=youtube
แปะเพลง Count on me - Bruno Mars ที่นิกซ์ร้องให้ต้าฟัง เพลงน่ารักกกกก ชอบบ
วันนี้ย่องมาดึก ต้องนอนกันหมดแล้วแน่ๆเลยยย แต่รู้สึกว่าอยากลงเวลานี้ 55 อากาศกำลังเย็นสบาย (เกี่ยวไหม? -..-)
 
เรื่องรวมเล่มนะคะ ที่มีคนถามมาเกี่ยวกับตอนพิเศษ อิอิ เท่าที่คิดไว้... บอกเลยว่าไม่มี ไม่รู้จะเพิ่มตอนพิเศษยังไง
แต่ถ้าได้ทำจริง จะเขียน “เรื่องพิเศษ” ชื่อว่า “A boy วัยละอ่อน” เป็นเรื่องราวตอนน้องต้ายังเด็ก (เด็กมากกกกก) เหตุการณ์จะลากตั้งแต่น้องยังเตาะแตะๆจนมาถึงจุดเกิดเรื่อง

แปลกเนอะ ตอนห้าทุ่มก็ยังง่วงอยู่ พอเลยตีหนึ่งมาเท่านั้นล่ะ ตาสว่างอย่างกับนกฮูก ทุกวันนี้โดนแม่หาว่ารับจ๊อบพิเศษเป็นยามเหรอ 555

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าน้า จุ้บๆ
รักนักอ่าน.
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 38 Count on me{100%} [18/4/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 18-04-2014 09:10:05
คิดถึงจิมมมมม
ฝรั่งขี้นกแต๊ะอั๋งน้องต้าร์นะ ฮึ่มมม
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 38 Count on me{100%} [18/4/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 18-04-2014 09:29:21
คิดถึงจิมมมมมมมมมม จิมไปไหนนนนนนนนน   :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 38 Count on me{100%} [18/4/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 18-04-2014 09:40:34
ขอบคุณค่าา รอตอนต่อไปน๊าา

 :mew1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 38 Count on me{100%} [18/4/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 18-04-2014 12:04:26
คิดถึงจิมมม
ตอนแรกที่คิดว่าจะเบียร์นิกซ์ คงจะนิกซ์เบียร์ใช่ไหมนักเขียนนนน
(อย่างน้อยตอนพิเศษก็แบบคู่รอง..//หรือว่าเรื่องนี้ไม่มีกันนะ)
ก็อยากได้นะ แล้วราคาจะเท่าไหร่หรอ แบบว่าเงินเดือนหมดแล้วต้องรอเปิดเทอมT_T;;
♥♥
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 38 Count on me{100%} [18/4/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: kakaris ที่ 18-04-2014 18:17:22
จะไม่หาจริงๆหรอ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 38 Count on me{100%} [18/4/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 18-04-2014 22:22:01
แง่งงงงง นิกซ์อย่ามายุ่งกับน้องต้าของพี่จิมนะะะะ แม่ยกจิมดุนะะ 5555
ขอบคุณาำหรับนิยายดีๆนะะ คนเขียนอย่าท้อนะ สู้ๆ จุ้บบ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 38 Count on me{100%} [18/4/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 19-04-2014 04:10:55
ปวดร้าววว
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 39 {50%} [22/4/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 22-04-2014 18:40:06
ตอนที่ 39 50%


อึดอัด...

 

ปวดหัว...

 

ผมยกสองมือขึ้นกุมศีรษะ กำทึ้งผมตัวเองหวังให้อาการปวดที่รุมเร้าทุเลาลง ทว่ามันไม่ช่วยให้ดีขึ้นเลยสักนิด ในทางตรงกันข้ามมันยิ่งไปกระตุ้นให้เส้นเลือดข้างขมับให้เต้นตุบมากกว่าเดิม

"อืออ!"

เสียงครางต่ำดังอยู่ในลำคอระบายความทรมานก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ภาพแรกที่เห็นคือเพดานสีขาวที่มีลวดลายคดเคี้ยวเรียงต่อกัน แต่ภาพนั้นก็พร่ามัวเต็มที หลังจากที่ผมหลับตาลงอีกครั้งแล้วกระพริบตาถี่เพื่อปรับสภาพสายตาจึงทำให้การมองเห็นของผมดีขึ้น ..ผมมองไปรอบๆ ไล่จากเพดาน ผนังห้อง เฟอร์นิเจอร์ครบชิ้นที่วางอยู่มุมต่างๆ ทั้งตู้เสื้อผ้า ทีวี โต๊ะเขียนหนังสือ ชั้นวางของ.. สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมตระหนักว่า ผมกำลังอยู่ในห้องที่ไม่ใช่ของตัวเอง!

ทว่าก่อนที่ผมจะทันได้ผุดลุกขึ้น เสียงของการเคลื่อนไหวและเตียงที่ยวบยาบก็ทำให้ผมหันขวับไปมอง ..ผมเพ่งมองใบหน้าด้านข้างที่ปรากฏให้เห็น ดวงตาหลับพริ้ม สันจมูกโด่งและริมฝีปากที่ปิดสนิท.. แม้จะเห็นหน้าเพียงด้านเดียว แต่มันก็ทำให้เลือดในกายที่เย็นเฉียบค่อยๆปรับอุณหภูมิจนกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

เพราะนั่นไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่เป็นไอ้เบียร์ และคาดว่าห้องนี้ก็คงจะเป็นห้องของมัน

ผมกวาดสายตามองรอบห้องอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป แม้ว่าพักหลังจะไม่ได้มานอนค้างที่นี่บ่อยนัก แต่ถ้ามองดีๆ ห้องนี้ก็แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไป คงเพราะตกใจจึงทำให้ผมจำรายละเอียดของห้องไม่ได้

ผมใช้ปลายนิ้วนวดคลึงศีรษะตัวเองไปมาพร้อมทั้งพยายามนึกภาพเหตุการณ์เมื่อคืนให้ออก แต่ดูท่าจะคว้าน้ำเหลว..

เฮ้ย!!

พลันร่างทั้งร่างสะดุ้งเฮือก หลงลืมอาการปวดหัวไปชั่วขณะเมื่ออยู่ๆก็ถูกรวบกอดจากด้านหลัง ผมกดสายตาลงมองบริเวณช่วงเอวของตัวเองก็เห็นลำแขนสีซีดซึ่งไม่ใช่สีผิวโทนขาวเหลืองอย่างคนเอเชียกำลังกอดรัดตัวผมแน่นจนแทบขยับไม่ได้

ผมขมวดคิ้วฉับ พยายามแกะแขนที่มีเส้นเลือดนูนเล็กน้อยออกจากตัว แต่มันไม่ง่ายเลยสักนิด แขนสองข้างนั้นไม่ต่างจากงูเหลือมที่รัดพันเหยื่อ.. ผมพรูลมหายใจออกทางปากอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าเผชิญกับมัน

ไม่ผิดจากที่คิดเมื่อคนตรงหน้าผมคือไอ้นิกซ์ มันกำลังหลับสบาย ดูได้จากแผ่นอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ นัยน์ตาลึกแบบคนต่างชาติก็ปิดปรือ อีกทั้งมุมปากหยักก็ขยับยิ้มบางๆราวเจ้าตัวกำลังฝันหวาน

หลับสบายเชียวนะมึง ยิ่งมองมันก็ยิ่งหมั่นไส้จนพาลอยากจะถีบให้ตกเตียง

ผมวางมือลงบนท่อนแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างน่าอิจฉาก่อนเขย่าปลุกมัน ..และเพิ่มแรงมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเห็นว่าร่างนั้นยังนิ่งเฉย ซ้ำร้ายมันยังกอดรัดตัวผมแน่นมากกว่าเดิมจนหน้าของผมกดแนบกับแผ่นอกเปลือยเปล่า

ผมเองก็เพิ่งจะสังเกตเดี๋ยวนี้เองว่าไม่ใช่แค่มันคนเดียวที่นอนเป็นชีเปลือย.. ผมกับไอ้เบียร์ก็ล้วนแล้วแต่ไร้เสื้อปกปิดกายท่อนบนด้วยกันทั้งสิ้น หากถามว่าตกใจหรือแปลกใจมั้ยที่ตื่นมาเห็นสภาพตัวเองเป็นเช่นนี้ ..ไม่เลยครับ มันกลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว เพราะนี่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรก แต่เป็นทุกครั้งที่แอลกอฮอลล์เข้าสู่ร่างกายจนเมาได้ที่ เพราะนิสัยเวลาเมาที่แก้ไม่หาย... เมาแล้วอ้วก นอกจากจะทรมานตัวเองแล้ว ยังนำพาความเดือดร้อนมาให้คนอื่นอีก สงสารก็แต่พวกมันต้องคอยหิ้วปีกและดมกลิ่นอ้วกของผมทุกครั้ง

แต่รู้สึกว่าพอตื่นขึ้นมาครั้งนี้ สภาพของผมจะดูดีกว่าทุกครั้ง เหมือนเนื้อตัวถูกเช็ดทำความสะอาดจนไม่มีคราบเปรอะเปื้อนติดผิวหนัง ซึ่งต่างจากทุกครั้งที่พอตื่นขึ้นมามักจะพบว่าตัวเองนอนกอดโถส้วมอยู่ในห้องน้ำ หรือไม่ก็ถูกถอดเสื้อแต่เนื้อตัวยังหลงเหลือคราบเหนอะหนะเหม็นหึ่ง

"ไอ้นิกซ์" ผมลองเรียกมันอีกครั้งแล้วเขย่าๆทุบๆตีๆไม่หยุดมือ ทว่าอีกฝ่ายกลับครางฮือในลำคออย่างรำคาญที่มีคนมาปลุกเวลานอน ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อสองมือถูกพันธนาการโดยไอ้คนที่กำลังหลับลึก

"ไอ้เบียร์!!"

เมื่อการปลุกฝรั่งขี้นกล้มเหลว ผมจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปปลุกอีกคนที่อยู่ด้านหลังแทน โดยการงอเข่าแล้วถีบเพื่อนสนิท ปลุกมันอย่างถนอมสุดๆ

ตุ้บ!

เสียงของวัตถุหล่นกระทบพื้นดังมาให้ได้ยิน ครั้นเมื่อลองวาดเท้าไปด้านหลังก็พบเพียงความว่างเปล่า

..ไอ้ห่าเบียร์กลิ้งตกเตียงไปแล้ว ลำพังแรงถีบของผมคงไม่มากพอจะทำให้มันลงไปนอนเล่นบนพื้นได้แน่ๆ นอกเสียจากว่ามันจะเป็นฝ่ายกลิ้งตกลงไปเอง!

โครตขัดใจอะ

ในวินาทีที่จิตใจกำลังคลุ้มคลั่ง ผมก็รับรู้ได้ถึงสัมผัสแผ่วเบาที่ลูบไล้ศีรษะผมไปมา มันอ่อนโยนจนปลอบประโลมจิตใจของผมให้กลับมาสงบอีกครั้ง

ผมดันตัวเองออกจากอ้อมกอดนั้น ซึ่งครั้งนี้ผมผละออกได้โดยง่าย สายตามองใบหน้าไอ้นิกซ์อย่างแปลกใจที่เห็นว่าอีกฝ่ายยังคงหลับสนิท ตอนแรกผมก็นึกว่ามันตื่นแล้ว

ผมแกะตัวเองออกจากพันธนาการนั้นก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ค่อยๆเอี้ยวตัวหันไปมองมันอีกที พลันเสียงกระซิบที่ติดอยู่ในห้วงความทรงจําก็ลอยเข้ามา..

 

"No matter how long time passes, my feelings for you will never change."

 

ผมสะบัดหัวไล่อาการมึนงงที่ยังตกค้างออกไป ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นจากเตียง เมื่อทั้งตัวไร้ผ้าห่มปกคลุม ความเย็นยะเยือกจากเครื่องปรับอากาศก็กระทบโดนผิวเนื้อจังๆจนทำให้ขนลุกพรึ่บ ผมลูบแขนตัวเองพลางมองเสื้อเปื้อนอ้วกของพวกผมสามคนที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น มันเปรอะเสียจนนำมาใส่อีกไม่ได้ ขนาดยืนอยู่ห่างขนาดนี้ยังได้กลิ่นโชยมาไกล ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

ผมเดินเลี่ยงไปเปิดตู้เสื้อผ้าของไอ้เบียร์แล้วหยิบเสื้อยืดของผมที่แขวนอยู่บนราวมาใส่ก่อนจะรื้อหากางเกงขาสั้นเท่าเข่าที่จำได้ว่าเคยนำมาทิ้งไว้ที่นี่ตัวสองตัว.. หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ครั้นจะหันไปหยิบกางเกงตัวเมื่อวานขึ้นมาสวมแทนก็คงจะไม่ดี เนื่องจากว่ามันก็มีสภาพไม่ต่างจากเสื้อเท่าไหร่นัก

ผมหันหน้าเข้าหาตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มยิ้มออกเมื่อเห็นผ้าสีเหลืองอ๋อยผมก็ดึงออกมาทันที ..กางเกงเลไอ้เบียร์มัน ถึงสีจะสดไปหน่อย แต่ผมก็มั่นใจว่าตัวนี้ผมใส่ได้แน่ๆ จัดการสวมมันทับบ็อกเซอร์แล้วผูกปมแน่นหนา เมื่อเสร็จก็ทำตัวเป็นคนดี คีบหยิบเสื้อผ้าเน่าๆนำไปใส่ตะกร้าก่อนจะเดินออกจากห้องโดยไม่เหลียวมองด้านหลังอีก

เมื่อบานประตูห้องนอนถูกปิดลงด้วยมือของผมเอง เสียงทุ้มๆที่ติดหูก็ยังคงตามหลอกหลอน วนซ้ำไปมาจนผมแทบบ้า

ผมจำไม่ได้ว่านั่นเป็นสิ่งที่ผมได้ยินจริงๆก่อนสติจะหลุดลอยหรือเป็นเสียงลวงๆที่ไม่ได้เกิดขึ้นกันแน่

..ทว่าลึกๆในใจแล้ว เกินกว่า 70% ผมมั่นใจว่า นั่นไม่ใช่เสียงกระซิบจากห้วงแห่งฝัน

ทุกย่างก้าวที่เหยียบย่างลงพื้นล้วนหนักอึ้ง เมื่อบนบ่าของผมกำลังแบกรับความรู้สึกของผู้ชายคนหนึ่งอยู่

...

 

กว่าจะถึงบ้านก็เล่นเอาเหงื่อกาฬไหลอาบร่าง ไม่รู้นึกคึกอะไรขึ้นมาที่ดันนั่งรถเมล์ลงหน้าปากทางและเดินเท้ามาจนถึงบ้าน จะว่าอยู่ในช่วงถังแตกหรือก็ไม่ใช่ ทั้งที่ขึ้นแท็กซี่ นั่งครู่เดียวก็ถึงแท้ๆ มันเป็นการกระทำที่บ้าบอสิ้นดี กว่าจะถึงบ้านเล่นเอาเกือบหน้ามืด ล้มฟาดพื้นไปเสียหลายรอบ เดินท่ามกลางแดดร้อนจัดของเวลาเที่ยงตรงนี่ไม่ใช่เรื่องตลก คิดจะเปลี่ยนใจนั่งมอเตอร์ไซด์เข้าบ้านก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะวินมอเตอร์ไซด์มันมีเฉพาะหน้าปากซอยเท่านั้น

"กลับมาแล้วครับบบ" ร้องบอกเสียงเนือยก่อนจะยกมือกุมหัวเมื่อหน้ามืดกะทันหัน

"เป็นอะไรไปน่ะเรา แล้วกลับมายังไงหืม กินข้าวกินปลามาหรือยัง"

น้ำเสียงหวานๆแสนคุ้นหูรัวถามมาก่อนผมจะรู้สึกได้ถึงฝ่ามือนุ่มๆที่เข้ามาลูบหน้าลูบตาแล้ววางทาบบนหน้าผากของผมเพื่อตรวจสอบว่าผมสบายดีหรือเปล่า

ผมเบ้ปากบ่ายหน้าหนีก่อนจะตรงเข้ากอดแล้วแนบแก้มซบทรวงอกอุ่น

"ต้ายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า แม่ทอดไข่เจียวให้ต้ากินหน่อยนะ" ปากว่าหน้าก็ถูไถอย่างออดอ้อน ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากลำคอเรียวผมก็ยิ่งได้ใจ กอดแม่แน่นกว่าเดิม

"ไปนั่งรอที่โต๊ะก่อนไป"

ผมยอมผละตัวออกมาง่ายๆแล้วตรงรี่ไปยังตู้เย็น หยิบไข่ส่งให้แม่หนึ่งฟองก่อนจะคว้านมแกลอนออกมาเทใส่แก้วแล้วเก็บใส่ตู้เย็นที่เดิม

"ใส่หัวหอมด้วยนะแม่"

ร้องบอกแล้วพาตัวเองไปนั่งรอที่โต๊ะ กระดกนมในแก้วรวดเดียวหมดก่อนจะล้มฟุบลงบนไม้เนื้อแข็งขณะที่สายตาเฝ้ามองแผ่นหลังบอบบางของผู้หญิงที่ผมรักสุดหัวใจไม่วางตา

"ยังไม่ได้ตอบคำถามแม่เลย กลับมายังไงหืม ตาเบียร์มาส่งเหรอ แล้วทำไมไม่พาเพื่อนเข้าบ้าน"

ถามเองตอบเองจนผมนึกขำ

"เปล่า ป่านนี้ไอ้เบียร์ยังนอนหลับตูดโก่งอยู่เลย ต้าเดินเข้าบ้านมาเอง"

สิ้นคำแม่ก็เหลียวมามอง.. ด้วยสายตาตำหนิ

"ทำไมไม่นั่งรถมา"

"ก็มันแพงงงง"

"พูดอย่างกับทุกทีออกเองอย่างนั้นล่ะ" ว่าจบท่านแม่ก็สะบัดบ๊อบหันไปเทไข่ใส่กระทะจนเกิดเสียงดังฉ่า

ผมยิ้มขำๆให้กับคำพูดกัดๆของแม่ ก็จริงอย่างที่ท่านว่า ทุกครั้ง หากผมนั่งแท็กซี่กลับบ้านผมก็ให้เก็บเงินที่ปลายทางเสมอ ไม่ต้องเสียเงินเองแม้แต่แดงเดียว

"แล้วตานิกซ์เป็นยังไงบ้างล่ะ เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนบ้างไหม" แม่ถามก่อนจะปิดเตาแก๊ส เดินไปหยิบจานแล้วคดข้าวสองทัพพี

"ก็เหมือนๆเดิมนั่นล่ะ"

"คราวหลังก็ชวนเพื่อนมาบ้านสิ แม่จะทำอาหารเลี้ยง" ว่าพลางตักไข่โปะข้าวก่อนจะนำมาวางบนโต๊ะตรงหน้าผม

ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งดีๆ สองมือหยิบช้อนกับส้อมคนละมือก่อนจะเริ่มตักข้าว

"ถึงไม่ชวนเดี๋ยววันสองวันนี้มันก็มาเองนั่นแหละ"

เพี๊ยะ!

ผมมุ่ยหน้ามือเผลอปล่อยส้อมจนมันกระทบจานเสียงดังเคร้งเมื่อมือเรียวของแม่ฟาดมาบนท่อนแขนของผมไม่เบานัก

"ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะหืม เรานั่นล่ะ ต้องเป็นฝ่ายเชิญมา เพื่อนจะได้รู้สึกดี"

...มันจะยิ่งเหิมเกริมล่ะสิไม่ว่า

"คร้าบๆ" ตอบรับเอาตัวรอดแล้วนำข้าวที่ตักรอไว้อยู่แล้วเข้าปากคำโต

สาบานเลยครับ ที่ร้องกินข้าวนี่ท้องผมไม่ได้หิวเลยสักนิด แค่คิดว่าถ้ามาถึงบ้านแล้วร้องกินอาหารฝีมือแม่ท่านคงจะดีใจ

และตอนนี้ก็อิ่มจนแน่นท้องไปหมดเมื่อผมยัดข้าวเข้าไปจนเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่เม็ดเดียว

อิ่มหนำกับมื้ออาหารผมก็ขอตัวขึ้นมาบนห้อง ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัวกลางห้องโดยไม่อายผีสางเทวดานางฟ้าก่อนจะเข้าห้องน้ำโดยไม่ลืมหยิบผ้าขนหนูติดมือมาด้วย ผมยืนมองฝักบัวกับอ่างอาบน้ำสลับไปมาอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจนอนแช่น้ำ

เดินไปเปิดน้ำลงอ่างด้วยความแรงสูงสุดก่อนจะเลือกน้ำมันหอมระเหยกลิ่นอ่อนๆหยดลงไปแล้วหมุนกายเดินกลับมาแขวนผ้าขนหนูกับราวสแตนเลสแล้วเดินไปหยุดอยู่ใต้ฝักบัว เปิดน้ำล้างตัวพลางหลับตา เงยหน้ารับสายน้ำที่รินรด

เหตุการณ์เมื่อวาน หลังจากไปรับนิกซ์ที่สนามบินที่กลับมาพร้อมกับการจากไปของคนๆหนึ่ง.. เมื่อถึงบ้านไอ้เบียร์ พ่อและแม่ก็เตรียมงานเลี้ยงขนาดย่อมไว้ที่ลานกว้างหน้าบ้าน บรรดาแขกเหรื่อก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากคนในครอบครัวไอ้เบียร์ พ่อ แม่ น้องบีม ก็ยังมีพวกไอ้แบงค์ นุ น้ำด้วย ส่วนอาหารส่วนใหญ่จะเป็นอาหารอีสานอย่างพวกส้มตำ ลาบ น้ำตก ซุปหน่อไม้ ต้มยำ ข้าวเหนียว คอหมูย่าง ไส้ย่าง บาร์บีคิวอย่างที่เจ้าของงานชอบนักชอบหนา

บรรยากาศของปาร์ตี้มีแต่เสียงพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวและเสียงหัวเราะบ้างบางครั้ง ทุกคนมีแต่รอยยิ้มประดับหน้าทำให้คนที่มาเยือนไทยอีกครั้งยิ้มหน้าบานด้วยความสุข

เมื่อตกดึกจนย่างเข้าสู่เช้าวันใหม่ของอีกวัน ทั้งพ่อ แม่และน้องบีมต่างก็พากันขึ้นไปนอน เหลือเพียงพวกผมหกคน  เข้าอีหรอบนี้ก็ตรงกับสำนวนไทยที่ว่า แมวไม่อยู่หนูร่าเริง ..ของมึนเมาที่สู้อุตส่าห์ซื้อมาก็เป็นได้แจกจ่ายกันอย่างทั่วถึง

ส่วนปริมาณ จำไม่ได้หรอกครับว่าดื่มไปมากแค่ไหน

มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่านอนอยู่บนเตียงที่ถูกขนาบด้วยไอ้นิกซ์กับไอ้เบียร์ไปแล้ว

ลอบถอนหายใจหนักๆก่อนจะหมุนปิดน้ำ ใช้ปลายนิ้วสางผมแล้วก้าวเดินออกมาตรงพื้นส่วนที่ยังแห้งอยู่

ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเดินผ่านกระจกแล้วเห็นร่องรอยอะไรบางอย่าง หัวคิ้วขมวดเป็นปม เผลอยกมือลูบรอยปริศนาเหนือหน้าอกเบาๆก่อนจะเดินไปใกล้กระจกมากกว่าเดิม สายตาจับจ้องนิ่งที่รอยจุดสีแดงหนึ่งจุดไม่ละไปไหน

รอยจุดที่ผมรู้ดีว่าเป็นรอยอะไร ไม่ใช่ยุ่งกัดและไม่ใช่แมลงกัดต่อย..

เงาในกระจกสะท้อนให้เห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของผม..

ผมกวาดตามองผิวเนื้อส่วนอื่นของร่างกายว่ามีรอยแบบเดียวกันนี้อีกหรือเปล่า ทั้งหันข้าง หันหลัง ..หาจนทั่ว

ไม่มี..

มีแค่บริเวณเหนืออกเท่านั้น

..แม้จะพบเพียงรอยเดียวแต่ก็ไม่ได้คลายความกังวลที่สุมในอกให้เบาบางลงเลยสักนิด

ผมดึงสายตาของตัวเองออกจากจุดนั้น เดินผ่านกระจกแล้วก้าวขาลงในอ่าง ยืนจนมั่นคงแล้วก้าวขาอีกข้างตามลงไปก้อนจะทรุดตัวนอนแช่อย่างหมดแรง ผมนั่งนิ่งๆรอจนระดับน้ำท่วมหน้าอกแล้วหมุนก๊อกปิด เอนศีรษะนอนซบขอบอ่างพลางหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย

แม้ไฟในห้องน้ำจะสว่างโร่จนเห็นบรรดาของใช้ทุกชิ้นที่วางอย่างเป็นระเบียบแต่แสงไฟที่มากขนาดนั้นกลับไม่สามารถส่องสว่างมาถึงจิตใจของผมให้มองเห็นวิธีการรับมือกับปัญหาเหล่านี้

ทั้งความรู้สึกว้าวุ่นที่เกินจะควบคุมจนต้องหันไปพึ่งของมึนเมา อีกทั้งเรื่องที่กำลังจะโถมเข้าใส่..

ผมไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร..

...


 

___________________________________

TALK : มาแล้วววววว แอบชอบตอนนี้ 5555 ชอบตานิกซ์ รู้สึกว่าเรื่องดำเนินมาจนถึงตอนนี้ไม่เหมือนเรื่องที่ใกล้จะจบแล้วเลยยย ฮาแป้ป
เดี๋ยวนี้เป็นโรคค่ะ กว่าจะนอนหลับได้ช่างยากเย็น พอสงบๆ ดับไฟจะนอนเท่านั้นล่ะ หัวพลุ่งพล่านมาก คิดโน่นคิดนี่จนสุดท้ายทนไม่ไหวและกลัวจะลืมเลยต้องหยิบมือถือมากดๆบันทึกๆทั้งๆที่ไฟมืดตื้อ กลัวว่าสายตาจะสั้นเข้าสักวัน ฮา
*หวังว่าเราจะพบกันอีกในเร็ววัน อิอิ
PS. ราคาหนังสือยังไม่รู้เลยค่ะ ยังไม่ได้ลองถามโรงพิมพ์เลยยย ยังไม่มั่นใจด้วยว่าจะมี  1 หรือ 2 เล่ม แต่ถ้าทำจริงคงเรื่องใหญ่ 555 คงได้ปรับแก้กันยกใหญ่ เพราะเราเองก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

อีก 50%จะเป็นยังไงน้อออ แม่ยกพี่จิมรอหน่อยน้า (ตุ้บตั้บ โดนนักอ่านสหบาทาข่มขู่ว่าอย่าหลอกให้ดีใจเก้อ) 5555555555

จะนิกซ์เบียร์ เบียร์นิกซ์ไหมไม่รู้ ต้องรอลุ้น 5555

ไว้เจอกันใหม่ค่า จุ้บๆ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 39 {50%} [22/4/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 23-04-2014 00:19:35
กะ..ใกล้จบแล้วเหรอค้ะ -0- ยังไม่เห็นความคืบหน้าเลยยยยพี่จิมมมม รีบดำเนินการด่วน โห่ย อยากอ่านต่ออีกเยอะๆ 55555//โดนนักเขียนตี
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
ปล.ขอเป็นอีกหนึ่งเสียง รวมเล่ม ๆ ๆ ๆ 555
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 39 {50%} [22/4/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: kakaris ที่ 24-04-2014 00:22:13
ตามมาแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 39 {50%} [22/4/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 25-04-2014 02:24:21
100%

...

 

แว่วได้ยินเสียงตึงๆในความสะลึมสะลือและเสียงเรียกชื่อที่ดังมาจากที่แสนไกล ..เสียงนั้นยังคงดังต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จวบจนเริ่มได้ยินถนัดขึ้นเมื่อสติสัมปชัญญะกลับคืนครบถ้วน

ผมสะดุ้งเฮือก ผุดลุกขึ้นนั่งตัวตรงยังผลให้น้ำที่โอบล้อมกายกระพือไหวจนกระฉอกออกนอกอ่าง

"ต้า! ได้ยินแม่ไหม"

ตึงๆๆ

เสียงของแม่ดังสลับกับเสียงเคาะประตูตึงๆไม่หยุดหย่อน

"ต้า!! ต้า ถ้าไม่เปิดออกมา แม่จะให้พ่อเราพังประตูเข้าไปเดี๋ยวนี้แล้วนะ!"

ผมไม่รู้ว่าแม่เคาะประตูมานานเท่าไหร่แล้ว แต่มันคงจะนานมากพอจนท่านร้อนใจจนอดทนรอต่อไปไม่ไหว

ผมทะลึ่งพรวดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เพราะอารามรีบร้อนจึงทำให้ทั้งร่างซวนเซเสียการทรงตัวจนเกือบล้มหัวฟาดพื้น ผมตั้งสติใหม่อีกครั้งด้วยการนับหนึ่งถึงสามในใจ ข่มความลนลานแล้วจึงค่อยๆก้าวออกจากอ่างอย่างระมัดระวัง คว้าผ้าขนหนูมาพันกายก่อนจะสาวเท้าเดินตรงไปที่ประตูอย่างเร่งรีบ

เมื่อประตูเปิดออกก็เผยให้เห็นสีหน้าร้อนใจและนัยน์ตาที่ทอประกายห่วงใย ก่อนนัยน์ตาคู่นั้นของแม่จะแปรเปลี่ยนเป็นบันดาลโทสะ

"เป็นอะไร แม่เรียกตั้งนานไม่ได้ยินหรือไง บอกกี่ครั้งกี่หนแล้ว ถ้ากำลังยุ่งหรือติดทำอะไรให้ขานรับ ไม่ใช่เงียบอย่างนี้"

"ต้าขอโทษ ต้าไม่ได้ยิน.. ต้าเผลอหลับระหว่างอาบน้ำ" พูดบอกพร้อมก้าวประชิด สวมกอดแม่หลวมๆหวังให้ท่านใจเย็นลง

"ถ้ารู้ตัวว่าจะหลับทำไมไม่ขึ้นจากอ่างก่อน ถ้าไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไงฮึ"

ท้ายเสียงสะบัดแต่มือนุ่มๆกลับจับคลำเนื้อตัวผมไม่ขาด ปากก็บ่นพึมพำว่าผมตัวเย็นไปหมดแล้ว

"ต้าไม่รู้ตัวจริงๆ อยู่ๆมันก็เผลอหลับไปเอง" พอหลุดปากเถียง ความเจ็บแปลบก็แล่นปราดมาที่ลำแขนเมื่อแม่ฟาดเพี๊ยะลงมาพร้อมกับดันตัวผมออกแล้วมองผมอีกครั้ง

"ดูสิ หัวเหอก็เปียกมะลอกมะแล่ก! ไป..เข้าไปแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่สบายเข้าจริงๆ"

แม่พูดพลางดันผมเข้าไปในห้องก่อนจะจัดแจงหาเสื้อผ้าให้ใส่ นี่ถ้าไม่อายผมจะนอนแผ่หลาบนเตียงรอให้แม่มาทาแป้งแล้วใส่เสื้อผ้าให้เลย

"รีบแต่งตัวแล้วตามแม่ลงไปข้างล่างเร็วๆล่ะ เพื่อนเรามารอนานแล้ว"

หืม?

"ใครอะแม่"

"ตานิกซ์ไง ไปๆ รีบๆแต่งซะ ปล่อยให้เขารอนานมันไม่ดี"

ผิดจากที่พูดที่ไหน ไอ้นิกซ์อะ ไม่ต้องไปเชิญมันมาบ้านหรอก นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงมันก็พาตัวเองมาเรียบร้อย

สิ้นคำแม่ก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไปทันที ผมเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่แม่วางไว้บนเตียงขึ้นมาก่อนจะจัดการสวมลงบนร่างกาย

อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมายาวๆ

จะปล่อยให้กูนอนหลับสบายๆสักวันนึงไม่ได้หรือไง มึงจะรีบมาทำไมวะนิกซ์

....

"ไหนนิกซ์ล่ะแม่ หรือว่ามันกลับไปแล้ว" ผมถามขณะที่กำลังเดินลงบันได สายตาก็สอดส่องไปรอบบริเวณหาไอ้ฝรั่งตัวสูงโย่ง

"นู้น เห็นเดินตามพ่อเราต้อยๆตั้งแต่มาถึง คงจะอยู่ที่สวนหลังบ้านนั่นล่ะ"

ผมโครงหัวเล็กน้อย เตรียมมุ่งหน้าตรงไปยังสวนหลังบ้าน ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวขาก็ถูกขัดด้วยน้ำเสียงหวานๆพร้อมกับถาดอาหารที่ยื่นมาตรงหน้า

"ไหนๆก็กำลังจะเข้าไปอยู่แล้ว แม่วานเอาของพวกนี้เข้าไปด้วยไป"

ผมรับมาถือไว้ก่อนเอ่ยถาม

"แล้วแม่ไม่เข้าไปด้วยกันเหรอ"

"ไม่ล่ะ แดดดีอย่างนี้แม่ว่าจะซักผ้าเสียหน่อย"

"ต้าช่วยมั้ย"

เห็นผมอย่างนี้ งานบ้านผมก็พอทำเป็นนะเออ นอกจากทำอาหารแล้ว จะซักผ้า ถูบ้าน ล้างจาน รดน้ำต้นไม้ หรือรีดผ้าผมทำได้หมดนั่นล่ะ ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองนี่ครับที่มีคนคอยทำให้ตลอดเวลา ครอบครัวก็มีกันอยู่แค่นี้ สี่คนพ่อแม่ลูกลูก ถ้าไม่ช่วยกันทำแล้วมัวแต่ยึดติดว่างานบ้านคือหน้าที่ของผู้หญิงแล้วล่ะก็.. บ้านผมที่มีชายสามหญิงหนึ่ง ไม่แคล้วภาระหนักได้ตกอยู่ที่แม่คนเดียวแน่

"จะช่วยทำหรือช่วยยุ่งฮึ ให้เราช่วยกว่าจะเสร็จแดดหมดพอดี ไปได้แล้วไป มัวแต่โอ้เอ้อยู่อย่างนี้ เดี๋ยวผ้าเพ่อไม่ต้องซักกันพอดี"

แม่บ่นตามประสาก่อนจะหมุนกายหันหลังให้ผมดื้อๆเป็นการยุติบทสนทนา

ผมกระชับถาดสแตนเลสในมือให้มั่นก่อนจะสืบเท้าเดินไปยังที่หมาย

แดดตอนบ่ายสามนี่ช่างร้อนแรงจนพาลให้ผิวเนื้อนอกร่มผ้าเช่นแขนและขาพากันแสบร้อนไปหมด ผมเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นอีกนิด ก่อนชะลอความเร็วให้ช้าลงเมื่อหูแว่วได้ยินเสียงคุ้นหู

"ผมเองก็ช่วยแด๊ดและมัมปลูกต้นไม้บ่อยๆ เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่ได้มาเห็นสวนที่น่าทึ่งขนาดนี้"

เจ้าของคำพูดยาวเหยียดนี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากไอ้คนที่ผมคิดว่ามันพูดไทยกระท่อนกระแท่นไม่ต่างจากเมื่อสามปีก่อน บางครั้งก็มักจะพูดไทยคำอังกฤษคำอย่างพวกไร้ทักษะในการใช้ศัพท์ภาษาไทย

แต่ไอ้การพูดคล่อง ไม่สะดุดหูคนฟัง ไหนจะความสามารถกระดกลิ้นพูด ร.เรือ ได้ไม่ผิดเพี้ยนนี่คืออะไร?

ผมกระชับถาดในมือแน่นขึ้นกว่าเดิม

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ผมไม่สามารถคิดเป็นอื่นได้นอกจาก.. ผมถูกหลอก

"พูดไทยเก่งดีนะ"

เป็นคำพูดแรกที่ผมเปิดปากพูดก่อนจะวางถาดลงบนโต๊ะแล้วหันไปจ้องใบหน้าโซนตะวันตกที่หน้าเผือดสีนิ่งๆ

"S...Surprise!"

หึ เซอร์ไพรซ์มาก!

ผมมองหน้ามันด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึกใดใดก่อนจะเมินหน้าหนี หันไปมองพ่อที่มีเครื่องหมายเควชั่นมาร์กลอยเต็มหน้า และผมเลือกที่จะไม่ขยายความหรืออธิบายอะไรเพิ่มเติมทั้งนั้น

"แม่ให้เอาของทานเล่นมาให้ พ่อจะทานเลยมั้ย"

"พ่อยังไม่หิวเลย นิกซ์ล่ะลูก หิวรึยัง"

เจ้าของชื่อเหลือบมองผมเล็กน้อย มันหัวเราะแห้งๆก่อนส่ายหน้าไปมา

“เอ้า เป็นอะไรไปน่ะเรา เมื่อกี้ยังดีๆพูดเป็นต่อยหอย ทำไมตอนนี้หน้าซีดอย่างนั้นล่ะฮึ” พ่อปักเสียมลงกับพื้นพลางมองมันด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย คงจะเอ็นดูมันไม่น้อย

ไอ้นิกซ์หน้าเลิ่กลั่กส่ายหน้ารัวๆพูดกระท่อนกระท่อนคล้ายลิ้นพัน

“ป.. เปล่าครั่บ ผมไม่ ได้ ป..เป็นอะ ไร”

หึ ผมเหยียดยิ้มมุมปากและดูเหมือนเจ้าตัวเองก็จะทันหันมาเห็นพอดี หน้าถึงได้ซีดมากกว่าเดิมไม่ต่างอะไรกับไก่ต้ม

ผมโครตไม่ชอบเลยไอ้การโกหกหลอกลวง แต่พอจะโกรธมันจริงจังก็โกรธไม่ลง เห็นหน้าหงอยๆซีดๆอย่างนั้นก็พาลให้ใจอ่อน อีกอย่างมันก็ไม่ได้ทำผิดร้ายแรงอะไร แค่อำเล่นสนุกๆ แต่ที่ผมยังเฉยไม่ยินดียินร้ายกับมันก็แค่ต้องการเอาคืนเล็กๆน้อยๆเท่านั้น

“เอ้า ทำไมพูดติดๆขัดๆอย่างนั้น หรือว่าตรงนี้มันร้อนไปเลยหายใจไม่สะดวก”

คำพูดเป็นห่วงของพ่อที่ฟังดูคล้ายกับต้อนให้ฝรั่งตัวโตยิ่งจนมุมโดยที่ท่านไม่รู้ตัวเลยสักนิด พ่อวางมือจากงานที่ทำแล้วเดินมาหามัน จับแขนขาวก่อนฉุดรั้งให้ลุกขึ้น ประคองมันให้มานั่งตรงโต๊ะที่ผมนั่งอยู่โดยที่มันเองก็ยากจะปฏิเสธ

“ต้า ไปหาพัดมาพัดให้เพื่อนสิ ดูซิ คงจะเป็นลมแดด”

สิ้นคำผมก็ทำท่าจะลุกขึ้นไปจริงๆ หากไม่ติดที่เสียงละล่ำละลักห้ามของไอ้คนต้นเรื่อง

“ไม่ต้องครั่บ ผม..ไม่ เป็นอะ ไร ผ..ผมสะบาย ดี”

หึ อยากจะขำออกมาดังๆ เมื่อได้ยินคำพูดติดๆขัดๆอย่างนั้นซึ่งต่างกับตอนแรกที่ผมได้ยินลิบลับ เกิดกลัวอะไรขึ้นมา?

“แน่ใจนะ ต้าเพื่อนเรามีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่า” พ่อยังไม่คลายกังวล

“พ่อลองถามมันเองสิ ต้าจะไปรู้ได้ไง”

“ว่ายังไงล่ะตานิกซ์ มีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่า”

มันเหลือบมองผมครั้งหนึ่งก่อนจะหันไปตอบพ่อด้วยสำเนียงภาษาแบบเดียวกับที่ผมแอบได้ยิน

“ไม่มีครับ”

“ไม่มีก็ดี งั้นก็นั่งพักตรงนี้ไปก่อน นั่งคุยกับเจ้าต้านั่นล่ะ เดี๋ยวพ่อไปทำงานต่อก่อน” พูดจบพ่อก็เดินลิ่วๆไปหยิบเสียมแล้วเดินลึกเข้าไปในแปรงชวนชม

“I can explain..”

“พูดไทยได้ก็พูดไทยสิ กลัวอะไร”

“กลัวต้าดุ”

หึ ผมหลุดยิ้มให้กับสีหน้าหงิมๆและน้ำเสียงหงอยๆของมันจนได้ เมื่อมันเงยหน้ามาเห็นเท่านั้นล่ะ สีหน้าเจี๋ยมเจี้ยมนี่หายไปพริบตา

“แล้วไอ้เบียร์ไม่มาด้วยเหรอ”

“ป่านนี้ยังไม่ตื่นเลยมั้ง ไม่อยากรอ” ไอ้ฝรั่งเริงร่าว่าก่อนจะใช้ส้อมจิ้มชมพูกิน

“แล้วมึงจะรีบมาทำไม”

“I just wanna see you” มันพูดพร้อมรอยยิ้มหวานหยด ชัดเจนไปไหมมึง

“ทำไมไม่คิดบ้างล่ะว่ากูไม่อยากเจอมึง”

ตอบกลับไปอย่างนั้นก็ทำให้ไอ้ฝรั่งตัวโตหน้าหดเหลือสองนิ้ว

“กลับบ้านไปนอนต่อไป พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”

“มาได้เหรอ”

“เออ”

“จริงๆนะ”

“เออ!”

“งั้นกลับแล้วนะ”

“...”

“จะไปจริงๆแล้วนะ”

“...”

ผมตีหน้าเฉยมองมันด้วยสีหน้าเหม็นเบื่อ ซึ่งก็เบื่อจริงจนขี้เกียจต่อกรส่งผลให้มันลุกขึ้นช้าๆก่อนจะเดินสโลวๆจากไปจนลับสายตา

ก็ถือว่าการเจอหน้ามันหลังจากเกิดเรื่องตะขิดตะขวงใจผ่านไปด้วยดีกว่าที่คิด อย่างน้อยผมก็ไม่อึดอัด อาจเป็นเพราะมันเองก็มีทีท่าปกติ ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่แล้วมา ซึ่งผมคิดว่าดี เพราะหากมันยกประเด็นนั้นมาพูด ผมเองก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเหมือนกัน

ขอบคุณแอลกอฮอลล์ ขอบคุณที่ทำให้เมามายจนไม่มีสติรับรู้อะไร

เพราะเอาจริงๆ ผมไม่อยากเสียเพื่อนแบบมัน

 

....

ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ที่นิกซ์มาอยู่ไทย ทุกวันของผมมีความสุขดี อยู่บ้านบ้าง ไปเล่นบ้านไอ้เบียร์บ้าง ออกไปพบปะเพื่อนฝูงนอกบ้านบ้าง ซึ่งทุกๆที่ที่ผมอยู่มักจะมีไอ้ฝรั่งขี้นกโผล่หน้ามาร่วมแจมด้วยเสมอ

วันนี้เป็นวันพระครับ ต้องอยู่ติดบ้านเพื่อไหว้พระให้จิตใจผ่องใสปราศจากเรื่องมัวหมองและเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง ตอนนี้ผมกำลังช่วยแม่จัดดอกไม้อยู่ครับ

กิ๊งก่องง

เสียงกดออดหน้าบ้านดังขึ้นพาให้มือผมที่กำลังจะเสียบดอกกล้วยไม้ลงแจกันชะงักกึก

"ต้า ออกไปดูซิว่าใครมาแต่เช้า"

"คร้าบบ" ขานรับก่อนจะวางของในมือลงบนโต๊ะแล้วหยัดกายขึ้นยืนก่อนเดินออกไปหน้าบ้าน

ใบหน้าด้านข้างของคนที่ยืนอยู่นอกประตูรั้วดูคุ้นตาแต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หรือเคยเห็นที่ไหน..

ผมปลดล็อกรั้วพาตัวเองออกมาอยู่หน้าบ้านพลางมองแขกที่มาแต่เช้าก่อนเอ่ยถามย้ำให้แน่ใจว่าเขามาถูกบ้านหรือเปล่า เพราะเสียงของผมจึงทำให้เขาคนนั้นเบือนหน้าหันมา..

"...พี่กานต์?" ครั้นเมื่อได้เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ชื่อนี้ก็หลุดออกจากปากโดยที่สมองยังไม่ทันได้สั่งการ

"ดีใจนะที่ต้ายังจำพี่ได้"

กระแสความสับสนกำลังวิ่งวนในหัวของผม ผมมองเขาอย่างไม่รู้ว่าควรเว้นระยะห่างหรือพูดคุยกับเขาแค่ไหนดี  ..เพราะเขาเป็นพี่ชายของคนๆนั้น

"เหมือนเดิมเถอะนะ"

ราวกับอ่านความคิดของผมออกเขาถึงได้พูดออกมาอย่างนั้น แต่นั่นก็สร้างความสบายใจแก่ผมจนต้องระบายยิ้มน้อยๆ มองเขาอย่างเป็นมิตร เพราะไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่จะตัดสัมพันธ์กับคนตรงหน้านี้

"พี่กานต์มาหาผมหรือเปล่า" ผมถามอย่างไม่แน่ใจ

"มาหาเรานั่นล่ะ" พี่กานต์คลี่ยิ้มสบายๆชวนให้คนมองรู้สึกผ่อนคลาย

การที่เขามาหาถึงบ้านอย่างนี้เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อน เกือบจะลืมไปแล้วว่าผมเคยรู้จักคนๆนี้

"เอ่อ ...มีอะไรหรือเปล่าครับ"

"มี เรื่องใหญ่มากด้วย"

"..."

และก่อนที่ผมจะทันได้ถามอะไร เขาก็เป็นฝ่ายชิงพูดขึ้นมาก่อน

"ถ้าพี่ขออะไรต้าอย่างนึง เราจะทำให้พี่ได้ไหม"

"...ต้องดูก่อนว่าสิ่งที่พี่ขอมันคืออะไร ถ้าผมทำให้ได้ก็ตกลงครับ" ผมพยายามตอบกลางๆไม่ตัดรอนน้ำใจอีกฝ่าย

"ดี เพราะพี่เชื่อว่าต้าทำให้พี่ได้แน่ๆ"

ทำไมผมเริ่มรู้สึกแหยงๆกับรอยยิ้มของเขาก็ไม่รู้ ขนอ่อนที่ท้ายทอยพากันลุกพรึ่บ

บ็อก..

ผมเบนสายตามองไปยังต้นเสียงโดยอัตโนมัติ ทำไมตอนแรกไม่สังเกตเห็นนะ

"ของพี่กานต์เหรอ"

"เปล่า สงสัยมันคงอยากหาเจ้าของเต็มแก่แล้วมั้ง" พี่กานต์พูดพลางเดินไปอุ้มหมาตัวเล็กสีขาวสะอาดตาขึ้นแนบอกก่อนจะเดินกลับมายังที่ที่ผมยืนอยู่

"หืม" ผมเผลอก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติเมื่อเขายื่นเจ้าตูบมาใกล้ เมื่อผมถอยหลังพี่กานต์ก็ไล่ต้อนจนผมหมดทางหนี แผ่นหลังสัมผัสได้ถึงรั้วเหล็กเย็นชืด

"รับไปสิ"

เจ้าตูบขนปุยถูกยื่นมาตรงหน้าจนหน้าเล็กๆของมันแทบจะชนกับหน้าผมจนผมต้องรีบยกมือกันไว้เพราะอีกแค่เซนต์เดียวลิ้นเล็กๆนั่นต้องเลียหน้าผมแน่ๆ

"ถ้าไม่รับพี่จะโยนมันลงพื้นเดี๋ยวนี้ล่ะ"

เฮ้ย!

เมื่อผมนิ่งพี่กานต์ก็พิสูจน์คำพูดโดยทำท่าจะโยนมันลงพื้นจริงๆ ผมรีบยื่นมือไปรับเจ้าตูบมาอุ้มไว้แทบไม่ทัน

"ก็แค่นั้น พี่ไปก่อนนะ ต้องรีบไปทำงานต่อ สายมากแล้ว"

มือนุ่มๆของพี่กานต์ลูบหัวผมไปมา แต่ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับผมก็เรียกเขาไว้ก่อน

"เดี๋ยวครับ ..แล้วหมานี่.."

"ทำไม? ไม่ชอบเหรอ"

"บ้านผมมีหมาแล้ว"

"ถ้าอย่างนั้นก็ดีสิ เราก็รับเลี้ยงไว้อีกสักตัวจะเป็นไรไป"

"แล้วพี่เอามาให้ผมทำไม"

"ใครบอกว่าพี่เป็นคนให้"

"ก็.."

"จิมมันฝากให้พี่เอามาให้เรา"

"ถ้าอย่างนั้น..."

"มันยังบอกอีกว่า ให้แล้วไม่รับคืน ถ้าต้าไม่เอาก็ปล่อยมันไว้ข้างถนน ไม่ก็เอาไปขายต่อก็ได้แล้วแต่เรา” พูดจบเขาก็มองประเมินผมครู่หนึ่ง นัยน์ตาคู่สวยหรี่ลงเล็กน้อยอย่างรู้เท่าทันความคิดก่อนสำทับ “ถ้าจะคืนให้พี่เห็นทีต้องปฏิเสธ เพราะพี่เองก็ไม่มีเวลาเลี้ยงเหมือนกัน ลำพังแค่ทำงานก็เต็มกลืนแล้ว"

“แต่ผมรับไว้ไม่ได้จริงๆ” พูดพร้อมกับปล่อยสัตว์สี่ขาวางลงบนพื้นลาดยาง พี่กานต์ยักไหล่ไม่ไยดีทั้งยังเปิดประตูรถก่อนเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย ปิดประตูรถฉับไม่สนใจผมอีก พลันเสียงเครื่องยนต์ทำงาน เขาก็ลดกระจกลงแล้วหันมามองผม

“ถ้าไม่อยากเลี้ยงก็ปล่อยมันไป อย่าคิดอะไรมาก ยังไงซะสัตว์ก็คือสัตว์ ไม่ได้มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนอย่างกับคนเราอยู่แล้ว พี่ไปนะ”

พูดจบรถคันงามก็วิ่งฉิวจากไปจนฝุ่นฟุ้งในอากาศ

ความรู้สึกของผมตอนนี้.. ไม่รู้จะอธิบายยังไงเลยครับ ผมก้มลงมองตัวปัญหาที่นั่งแต้บนพื้นพร้อมกับเงยมองผมตาแป๋ว



ช่างมันแล้วกัน! จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ช่างมัน!

ตัดสินใจเสร็จก็หมุนตัวกลับโดยไม่เหลียวมองมันอีกเป็นครั้งที่สอง มือดันประตูรั้วเปิดกว้างก่อนแทรกตัวเข้าไปในอาณาเขตบ้าน ก้าวฉับๆอย่างไร้ความลังเล

...เสียงกระดิ่งที่ดังกรุ๊งกริ๊งและเสียงครางหงิงที่ดังอยู่ด้านหลังก็ทำปฏิกิริยากับร่างกายของผมจนไม่สามารถขวบคุมได้ ..อยู่ๆขามันก็แข็งจนไม่สามารถก้าวเดินต่อได้

ผมกัดฟัน สองมือกำแน่นข้างลำตัวก่อนจะบังคับตัวเองให้เดินต่อ

...ทว่าเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็เป็นอันต้องชะงักอีกจนได้ เมื่อเสียงร้องหงิงอย่างน่าสงสารยังคงดังไม่หยุด อีกทั้งเสียงประตูรั้วที่ดังกึกๆราวกับมันกำลังพยายามใช้ตัวดันเข้ามาทำให้ผมใจอ่อนยวบ

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปมองสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเบื้องหลังพลางยกมือขยี้หัวแรงๆอย่างขัดใจตัวเอง

ขาไม่รักดีมันดันเดินกลับไปทางเก่า มือไม่รักดีก็ดันเปิดประตูรั้วค้างไว้ ส่วนปากไม่รักดีก็ดันร้องเรียกเจ้าหมาสีขาวให้เข้ามาให้บ้านเสียอย่างนั้น

“เข้ามาสิ”

สิ้นคำมันก็เดินส่ายก้นดุ๊กดิ๊กวิ่งเข้ามาในบ้านทันทีอย่างลิงโลด ผมลอบถอนหายใจอีกครั้งพลางมองพื้นลาดยางยังทิศทางที่รถคันงามเพิ่งวิ่งจากไป

อยู่ๆสำนวนไทยก็ลอยเข้ามาในหัว

ตัดบัวต้องตัดให้ขาด

ยิ่งถอนรากถอนโคนได้เลยยิ่งดี!

 

_____________________________

TALK: ครบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วค่า ลงดึกไปหน่อย(ไม่หน่อยมั้ง) 555

ไว้เจอกันใหม่พาร์ทหน้าค่า ขอบคุณทุกกำลังใจมากมายค่ะ เยิฟฟฟ

คืนนี้ฝันดีราตรีสวัสดิ์ : )
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 39 {100%} [25/4/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 25-04-2014 03:28:29
ของแทนใจสินะ มันต้องผ่านไปด้วยดี
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 39 {100%} [25/4/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 25-04-2014 10:43:28
พี่จิมฉลาดนะ ตัวไม่อยู่ เอาของแทนใจให้ระลึกถึงอยู่ด้วย

ตัดไม่ขาด ก็ ไม่ต้องตัดสิจ๊ะน้องต้า เด่วพี่จิมก็กลับมาแล้ว
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 39 {100%} [25/4/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 25-04-2014 15:20:02
แบบว่าา
เอามาผูกมัดสินะสินะสินะ
เรายังข้องใจไม่หาย นิกซ์ทำรอยนั้นไว้หรอ ?
แล้วอย่างนี้ โหยยย อดจิ้นนิกซ์เบียเลย (ฝรั่งสูงกว่าโตกว่าขอจิ้นเมะ555//ตรรกะไม่ชอบเมะเตี้ย)
จะรอนะจ้าาาา อิอิ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 39 {100%} [25/4/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: kakaris ที่ 25-04-2014 17:12:38
จะรอการกลับมาของพี่จิมน้า
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 39 {100%} [25/4/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: tiktok ที่ 25-04-2014 17:36:18
แล้วจะยังไงต่อนี่
ต้าจะใจอ่อนรึยัง
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 39 {100%} [25/4/57] P.24
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 26-04-2014 00:39:24
แหมๆๆๆพี่จิมก้อออออ 555
น่ารักๆๆ ขอบคุณนักเขียนค่า
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 02-05-2014 17:23:44
ตอนที่ 40 ...


วันเวลาผันเปลี่ยนจนล่วงมาหนึ่งอาทิตย์นับจากที่บ้านผมมีสมาชิกใหม่เพิ่มมาอีกตัว ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมามันไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผมและพ่อแม่เท่าไหร่ หากจะพูดถึงอาหารการกิน เนื่องจากเป็นหมาที่มีขนาดตัวเล็กมากมันจึงกินไม่จุ แค่หยิบมือเดียวก็อิ่ม แล้วเผลอๆกินไม่หมดเสียด้วยซ้ำ ส่วนระดับความซุกซนของมัน.. พุงพลุ้ยซนกว่าเยอะ ไอ้ตัวนี้ติดจะขี้อ้อนมากกว่า ...ขี้อ้อนมากถึงมากที่สุด ตอนนี้ดูเหมือนมันจะกลายเป็นลูกรักของแม่ไปแล้วจริงๆ แม้ว่าการพามันเข้าบ้านในวันแรกจะไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่นักก็ตาม..

วันนั้นทั้งพ่อและแม่ต่างก็ยืนกรานจะให้ผมเอาไปคืนให้ได้ เถียงกันไปเถียงกันมาสุดท้ายก็ต้องทำตามที่ท่านบอก

เพราะไม่รู้ว่าบ้านพี่กานต์อยู่ไหน ผมเลยไปหาพี่กานต์ที่ที่ทำงานแทน ทว่าเมื่อไปถึงพนักงานกลับบอกว่าพี่กานต์ไม่อยู่ บินไปดูงานที่สิงคโปร์กว่าจะกลับก็เดือนหน้า สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้จึงต้องพาเจ้าตูบสีสะอาดกลับบ้านมาด้วย แต่ถึงอย่างนั้น พ่อกับแม่ก็ยังคงไม่เปลี่ยนความคิด หากครบกำหนดที่พี่กานต์กลับมาเมื่อไหร่ ผมต้องเอาไปคืนเมื่อนั้น

ทว่าล่วงมาหนึ่งอาทิตย์ ดูจากทีท่าของพ่อและแม่แล้ว สงสัยหมาตัวนี้คงได้อยู่บ้านหลังนี้ไปอีกนาน ทั้งหลงทั้งรักมันกันขนาดนั้นนี่นะ แต่ผมกลับรู้สึกเฉยๆกับมัน ไม่ได้รักได้ชอบมากมาย ติดจะเมินเฉยเสียด้วยซ้ำ เหตุผลน่ะเหรอ.. ไม่ใช่เพราะว่ามันไม่น่ารักหรอก

“อ้าว พ่อกับแม่กำลังจะไปไหนน่ะครับ”

ผมที่กำลังเดินลงมาข้างล่างหลังจากอาบน้ำเสร็จถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าพวกท่านแต่งตัวเต็มยศเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก

“พอดีพ่อกับแม่จะออกไปทำธุระนิดหน่อย อยากกินอะไรไหม จะซื้อมาฝาก” พ่อพูดขณะที่หยิบรองเท้าออกจากตู้

ผมส่ายหน้า ...ดูเหมือนเค้ารางเรื่องยุ่งๆจะปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้วสิ

“วันนี้ต้าก็จะออกไปข้างนอกเหมือนกัน นัดกับพวกไอ้แบงค์ไว้”

“นัดกันไปไหนล่ะ ถ้าไม่สำคัญ ก็เลื่อนวันไปก่อน สักพรุ่งนี้ค่อยนัดกันใหม่”

ผมจับเจ้าหมาที่ขยับยุกยิกแนบอกไปมาให้อยู่เฉยๆ ก่อนจะบอกแม่

“เลื่อนนัดไม่ได้ วันนี้ผลแอดฯออก ว่าจะไปลุ้นกันที่บ้านไอ้เบียร์ อีกอย่าง ต้านัดกับพวกมันไว้นานแล้ว”

ถ้าโทรไปเลื่อนนัดแน่นอนว่าไอ้พวกนั้นต้องไม่โอเค ผมเองก็ไม่โอเคเหมือนกัน ไม่ใช่แค่น้ำ แบงค์ เบียร์จะลุ้นกับผลสอบแค่สามคนหรอก ทั้งผมกับไอ้นุที่ต่างก็มีที่เรียนแล้วก็ลุ้นไม่แพ้กัน เรื่องของเรื่องคืออยากเรียนด้วยกันต่อ

“แล้วจะทำยังไงดีล่ะทีนี้ พ่อกับแม่ก็เลื่อนนัดไม่ได้ด้วยสิ” พ่อพูดพลางเหลือบมองเจ้าตูบตัวขาวจั๊วที่ผมอุ้มอยู่

“ถ้างั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน เดี๋ยวเราก็ออกไปพร้อมพ่อกับแม่เลย เดี๋ยวให้พ่อแวะไปส่ง แล้ว ถ้าจะกลับก็รออยู่ที่บ้านเจ้าเบียร์นั่นล่ะ กลับเมื่อไหร่ก็โทรมาเดี๋ยวไปรับ”

ทำไมวันนี้แม่ใจดีเป็นพิเศษ? ปกติเวลาจะออกไปไหนน่ะเหรอ มากสุดคือส่งหน้าปากซอยแล้วให้ผมต่อรถไปเอง หรือถ้าเตอร์อยู่ก็จะให้เตอร์ไปส่ง

“ส่วนลูกแม่เราก็พามันไปด้วย ปล่อยให้อยู่บ้านไม่ได้เด็ดขาด”

ลูกแม่ที่แม่ว่าไม่ได้หมายถึงผม แต่มันคือชื่อของสมาชิกใหม่ของบ้านต่างหาก เพราะตั้งแต่ที่มันมาอยู่ แม่ก็ให้ผมตั้งชื่อ แต่ผมก็ทำเฉยไม่ตั้งไม่ยุ่ง ไม่อะไรทั้งนั้น คนมันไม่ได้อยากเลี้ยงนี่ครับ แม่ก็เลยเรียกลูกแม่อย่างนั้นลูกแม่อย่างนี้ สุดท้ายเลยเป็นคำติดปาก กลายเป็นเจ้าหมานี่หันมาทุกครั้งที่ได้ยินคำว่าลูกแม่

“ต้าไม่เอาไปด้วยหรอก ใครจะไปดูไหว พ่อกับแม่เอาไปเองสิ” ว่าพลางยื่นสิ่งมือชีวิตขนาดเล็กเท่าฝ่ามือไปให้พวกท่าน แต่ก็โดนแม่ถลึงตาใส่แล้วพูดรัวเร็วจนฟังแทบไม่ทัน

“พ่อกับแม่ไปทำธุระ จะเอาเวลาที่ไหนไปดูแล เลือกเอา จะเอาลูกแม่ไปด้วยหรือจะอยู่เฝ้าบ้าน!”

 

“ตลอด อย่างนี้ตลอด เอาไปด้วยก็ได้”

แม่เผยยิ้มสมใจ

“ส่งลูกแม่มา ส่วนเราก็ไปเตรียมอาหารเม็ดให้เรียบร้อย แล้วตามมาขึ้นรถ”

ผมจำต้องทำตามที่แม่บอกอย่างขัดไม่ได้ ยิ่งเห็นแม่ที่รับเจ้าหมาสีขาวไปอุ้มอย่างประคบประหงมก็เก็บความหมั่นไส้ไว้ไม่อยู่

หากใคร่ครวญดีๆแล้วโยนสิ่งที่เรียกว่าทิฐิทิ้งไป ท่าทางเอาใจใส่ของแม่ที่มีต่อหมาตัวนั้นไม่ได้มากไปเลย เพราะตัวมันเล็กกระจิ๋วหลิวจนน่าทะนุถนอมจริงๆนั่นล่ะ ขนาดแค่ผมอุ้มเฉยๆยังกลัวเลยว่าจะเผลอจับมันแรงไปจนอาจจะทำให้มันตายคามือ และยิ่งปล่อยให้มันอยู่บ้านลำพัง ..แน่นอนว่าปล่อยออกไปนอกบ้านไม่ได้เด็ดขาด แม้จะมั่นใจว่าพุงพลุ้ยจะไม่กัดลูกแม่ แต่หมาอ้วนนั่นต้องเล่นแรงๆแน่ ซึ่งลูกแม่บอบบางเกินไป.. หรือถ้าจะทิ้งให้มันอยู่ในบ้านลำพังก็ไม่ได้อีกนั่นล่ะ เกิดมันเดินๆอยู่แล้วล้ม หรือเผลอตกบันไดมาก็ซวยอีก

ไม่รู้ว่าคนให้คิดอะไรอยู่ถึงได้ให้หมาไซส์ T-cup มาอย่างนี้

ทั้งที่พยายามจะไม่สนใจ ..ทว่าทั้งทางปฏิบัติและความนึกคิดก็ตาลปัตรไปเสียหมด อดคิดอดเป็นห่วงและอดมองตามลูกแม่ให้อยู่ในสายตาตลอดไม่ได้

อยากจะทึ้งผมตัวเองแรงๆจริงๆ!

 

....

“เฮ้ย! โคตรน่ารักเลย”

“หมาใครอะ”

“หมาชื่อไรวะ”

“ขอได้ปะ”

“เหมือนต้าเลย”

“เมื่อไหร่พวกมึงจะเงียบๆกันสักทีวะ!” ผมโวยขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่

หลังจากที่พ่อกับแม่ส่งผมที่หน้าบ้านไอ้เบียร์เสร็จ พวกท่านก็ขับรถไปทำธุระกันทันที เมื่อผมเดินเข้ามาในบ้าน ตอนแรกก็นึกว่าพวกมันยังไม่มากัน เงียบเหมือนไม่มีคนอยู่ พอเดินมาชั้นสองเท่านั้นล่ะถึงทำให้รู้ว่าคิดผิดถนัด เสียงเอ็ดตะโรดังมาให้ได้ยินตั้งแต่ก้าวพ้นบันไดมา พอเปิดประตูและก้าวเท้าเข้ามา ความหายนะก็มาเยือน.. เมื่อพวกมันหันมาเห็นผมต่างก็หยุดชะงักกับสิ่งที่กำลังทำแล้วเฮโลเข้าใกล้ โฉบอุ้มหมาตัวเล็กไปวางบนเตียงแล้วรุมล้อมนั่งปิดทางจนหมาสีขาวได้แต่นั่งจ๋องอยู่กลางวง ปล่อยให้พวกมันเขี่ยเนื้อตัวอย่างขัดขืนไม่ได้

“ทำไมพูดไม่เพราะเหมือนหน้าตา”

“หุบปากไปเลยไอ้นิกซ์” ผมชี้หน้าคาดโทษ อยู่ๆอารมณ์หงุดหงิดก็พุ่งปรี๊ดจนปรอทแทบแตก สายตามองนิ่งที่ลูกหมาตัวเล็กสีขาวที่ตกอยู่กลางวงล้อมเงื้อมือมารทั้งห้าตน

“ว่าไงวะ ตกลงหมาน้อยตัวนี้ชื่ออะไร” สิ้นเสียงไอ้เบียร์ไอ้นุก็แทรกต่อทันทีโดยที่ผมไม่ทันได้อ้าปากตอบคำถาม

“มึงซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ไม่เห็นบอกกูมั่งเลย”

“อยากอุ้มมั่งอะ น้ำอุ้มหน่อยๆ”

“อยากเลี้ยงเหรอ ซื้อให้เอาเปล่า” ไอ้แบงค์รีบพูดเอาใจ ซึ่งไอ้คนที่ตั้งท่าจะกระโจนเข้าใส่หมาตัวเล็กก็รีบเบนเข็มเปลี่ยนเป้าหมายไปหามันอย่างง่ายดาย

“จริงนะ?”

“อืม แต่มีข้อแลกเปลี่ยน”

“งั้นไม่อยากได้ละ” หน้าไอ้น้ำเหม็นบูด พองลมจนแก้มป่อง ถ้าเป็นทุกทีผมคงมองว่าท่าทางอย่างนั้นโคตรน่ารักน่าฟัดเลย แต่ตอนนี้อะไรๆก็ดูจะขวางหูขวางตาไปหมด

“ไอ้เชี่ยแบงค์ มึงงอนเมียมึงก็อย่ามาดึงหางหมาอย่างนี้ดิวะ!” ไอ้เบียร์ว่าเสียงดังไม่สนบุคคลที่3ที่ถูกพาดพิงในประโยคเลยว่าตอนนี้กำลังมีสีหน้าอย่างไร

“เชี่ยเบียร์ปากหมา!”

“อ้าวๆ พูดงี้ก็สวยสิไอ้น้ำ”

“เดี๊ยะๆ จะทำอะไรเมียกู”

“ใครเมียมึงห๊ะ!?” ไอ้น้ำหน้าดำหน้าแดงหันไปโวยลั่นใส่ไอ้คนหน้ามึนข้างๆตัวก่อนจะแจกขนมตุ้บตั้บไปจนอีกฝ่ายปัดป้องไม่ทัน

“เฮ้ย ไอ้นิกซ์ มึงอุ้มหมาดิ๊”

ไอ้นิกซ์ทำตามที่ไอ้นุสั่งอย่างว่าง่าย มือใหญ่ๆของมันช้อนอุ้มหมาตัวเล็กสีขาวไว้ในมือก่อนจะเหลือบมองผมแล้วยิ้มแหะๆ

คิ้วขวาผมกระตุกปึดเมื่อหางตาเหลือบเห็นไอ้นุเดินเข้ามาใกล้ไอ้นิกซ์พร้อมกับแก้วกระเบื้องในมือ

“ค่อยๆใส่มาเลยเว้ย ใส่มาๆ กูอยากรู้จริงๆว่ามันจะลงไปอยู่ในแก้วได้จริงหรือเปล่า สงสัยมานานละ”

“ขอต้าก่อนดีมั้ยวะ” ไอ้นิกซ์ไม่ทำตาม สีหน้าเริ่มขยาด

“มันไม่หวงหรอก กับเพื่อนกับฝูง อีกอย่างแค่เอาหมาใส่แก้วเอง ไม่ได้เอาไปต้มยำทำแกงที่ไหนสักหน่อย ใส่มาเลยๆ” มันบอกแล้วยื่นแก้วเข้าไปใกล้มากกว่าเดิม

“ไอ้นิกซ์ ชักช้าว่ะ ใส่ลงไปดิวะ กูรอถ่ายรูปลงเฟสอยู่เนี่ย” ไอ้เบียร์ไม่พูดเปล่า ในมือของมันยังถือโทรศัพท์ไว้คอยท่าเตรียมพร้อมอยู่แล้ว

อีกทั้งไอ้แบงค์กับน้ำก็ดูเหมือนจะเซ็นสัญญาสงบศึกกันชั่วคราว หันมามองด้วยความสนใจ

ผมมองความกระตือรือร้นของพวกมันแล้วพาให้รู้สึกคันยิบๆในหัวใจอย่างแปลกประหลาด

“ใส่ได้พอดีเลย!” น้ำร้องเสียงดัง ยื่นมือไปลูบหัวเล็กๆที่โผล่พ้นขอบแก้วออกมาอย่างตื่นเต้น

“หลีกๆ กูถ่ายรูปหน่อยๆ” ไอ้เบียร์ว่าพลางดันไอ้น้ำให้หลบฉากออกไป ก่อนจะยกมือถือจ่อตรงหน้าหมาตัวเล็กแล้วกดปุ่มถ่ายรัวๆ เมื่อได้ภาพสมดังใจมันก็ลดมือถือลง แล้วเงยหน้าจากจอทัชสกรีนพลางเอ่ยถาม “ตกลงไอ้หมาตัวนี้ชื่อไรวะ”

“เออ มันชื่อไรวะไอ้ต้า”

มุมปากกระตุกเล็กน้อยรู้สึกลำบากใจที่จะต้องบอกชื่อหมาตัวนี้กับพวกมัน

“ไหนๆ เอามา กูถือมั่ง” ไอ้นุว่าพลางแย่งแก้วจากมือไอ้นิกซ์จนแก้วกระเบื้องโครงเครงส่งผลให้สิ่งมีชีวิตตัวเล็กที่อยู่ในนั้นส่งเสียงร้องครางหงิงๆด้วยความหวาดกลัว

ปึด!

ราวกับเส้นอารมณ์ขาดสะบั้น ผมตรงรี่เข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าไอ้นุก่อนจะใช้เวลาเสี้ยวนาทีคว้าแก้วกระเบื้องมาถือไว้เอง

“พอ กูไม่ให้เล่นแล้ว!”

“เฮ้ย มึงหวงเหรอวะ”

“เปล่า”

“ถ้าเปล่าก็เอามา กูขออุ้มแป๊บเดียวเอง”

“ไม่ให้!”

“แม่งหวงว่ะ”

“ก็มันของกู”

“แบ่งกันดิวะ มาๆ เดี๋ยวกูเลี้ยงหนม”

“สัส ไปไกลๆกูเลย!” ผมชี้หน้าไอ้นุที่ทำท่าจะพุ่งเข้ามาหาพร้อมยกตีนขู่ แน่นอนว่าหากมันพุ่งเข้ามาจริงไม่ใช่แค่ขู่แน่ ทว่าก่อนสงครามจะเริ่มขึ้น เสียงแตรช่วยชีวิตก็ดังขึ้นขัดห้ามทัพเสียก่อน

กริ๊งงง!

ทุกคนเลิกคิ้วงงงันกับเสียงปริศนา มีเพียงน้ำคนเดียวที่พุ่งตัวไปคว้ามือถือที่วางบนโต๊ะเขียนหนังสือมา ก่อนจะกำมันไว้แน่นแล้วหันมาบอกพวกผมว่า

“เฮ้ย พวกมึง ..ได้เวลาประกาศผลแล้วว่ะ”

แค่คำพูดประโยคเดียวก็ทำเอาทั้งห้องกลับมาอยู่ในความสงบได้อีกครั้ง พวกผมมองหน้ากัน ..ไม่มีใครเอ่ยถึงความรู้สึกของตัวเอง แต่ก็รู้กันดีว่าพวกเราทุกคนตื่นเต้นแค่ไหน

ไอ้เบียร์ที่เป็นเจ้าของบ้านลุกขึ้นนำก่อนจะไปนั่งหน้าโน๊ตบุ๊คที่เปิดเครื่องและต่อเน็ตพร้อมไว้อยู่แล้ว มันกดเข้าหน้าเว็บก่อนจะหันมาหาพวกผมที่ล้อมมันเป็นกระจุก

“กูจะเข้าแล้วนะเว้ย”

“เออ!” พวกผมประสานเสียงให้กับคำถามที่ไม่รู้เรื่องของมัน ตื่นเต้นจะตายห่ายังจะถามอีก

“เริ่มจากใครก่อน”

ที่ถามอย่างนี้เพราะพวกมันเลือกมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่คนละคณะเลยต้องไล่ดูทีละคน

“กูๆ” ไอ้คนพูดนี่หน้าซีดปากสั่น มือจับแขนไอ้คนสูงกว่าข้างตัวแน่น

“น้ำ มึงสาขาไรนะ”

“ออกแบบ” เจ้าตัวพูดรัวเร็วจนลิ้นแทบพันกัน

ทุกสายตาจับจ้องลูกศรบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ละสายตา หลังจากที่เลือกสาขาเสร็จ ไอ้เบียร์ก็นำเม้าท์ไปชี้ที่ปุ่มค้นหา

“กดสักทีสิวะ!” ไอ้นุอดรนทนรอไม่ไหวจัดการโบกหัวไอ้เบียร์ดังเพี๊ยะ! นี่ผมก็กะอยู่ถ้าไม่มีใครโบกแม่งผมนี่ละจะโบกงามๆสักสองสามที ห่า ลุ้นจะตายแล้ว

“เออๆ กดแล้วๆ รุนแรงจริง” มันบ่นกระปอดกระแปดก่อนเสียงคลิกเม้าท์จะดังจนได้ยินชัดเจน.. มันค่อยๆเลื่อนสกอบาร์ลงช้าๆเพื่อที่พวกผมจะได้ไล่หารายชื่อของเพื่อนตัวเล็กไม่ขาดตก

“เฮ้ย!!! เจอแล้วเว้ย!!! นั่นชื่อกูๆ!” ไอ้น้ำร้องลั่นเสียงดังอย่างดีใจ เมื่อเจอชื่อตัวเองแปะหราหลังหมายเลขอันดับ ที่19! อยู่รองสุดท้าย ใจหายใจคว่ำหมด!

“เออ ดีใจด้วยว่ะ”

แทบจะถอนหายใจโล่งอกไปตามๆกัน

“ต่อไป มึง ไอ้แบงค์”

“วิศวฯไฟฟ้า” มันตอบเสียงเรียบ

ดูเหมือนว่าพอผ่านการลุ้นไปรอบนึงแล้ว รอบนี้ความตื่นเต้นจะคลายลง พวกผมช่วยกันหารายชื่อที่ปรากฏทั้ง 20 อันดับ วนดูรอบแรกก็แล้ว กลับไปตรวจเช็คคณะสาขาก็แล้ว.. ย้อนกลับมาหารายชื่อใหม่อีกครั้ง หรือจะกด ctrl+F แล้วพิมพ์ชื่อมันก็แล้ว..

“ดูของมึงต่อดิวะไอ้เบียร์” ไอ้แบงค์พูดขัดด้วยน้ำเสียงเรียบๆเมื่อไอ้เบียร์ย้อนกลับมาหารายชื่อของมันเป็นรอบที่ห้า

“...”

“เป็นเชี่ยไรกัน เงียบกันทำไมวะ กูไม่เป็นไรเว้ย กูโอเค” มันพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะก้มหน้าลงมองคนข้างๆที่บีบแขนหนาแน่น “ขี้แยว่ะเตี้ย ไม่ได้เรียนด้วยกันไม่เห็นเป็นไรเลย ยังไงกูก็แวะมาหามึงได้สบายๆ”

“...” ไอ้น้ำยังคงเงียบก่อนจะต่อยแขนหนาจนได้ยินเสียงดังปั้ก! “กูบอกแล้วว่าให้อ่านหนังสือๆ ไม่ใช่ถือว่าตัวเองเก่งเลยปล่อยผ่าน ไอ้สัส! ทิ้งกูทำไม!!” ท้ายเสียงมันสั่นจนพวกผมพากันเงียบกริบ

“ไร้สาระน่าเตี้ย มึงกำลังทำให้คนอื่นๆเครียดกันหมดแล้วเห็นไหม” มันทอดเสียงนุ่มก่อนมือหนาจะยกขยี้ผมคนข้างตัวอย่างเอ็นดู

น้ำเหลือบมองพวกผม ปากเล็กเบะออก นัยน์ตาคู่สวยคลอไปด้วยหยาดน้ำใสที่ทำท่าจะหยดแหมะลงทุกนาที

“ผลของมึงเป็นไงวะไอ้เบียร์” ผมถามขึ้นเมื่อเห็นว่าไอ้เบียร์มันกดดูผลของตัวเองเรียบร้อย

“มึงคงได้เห็นหน้ากูไปอีกสี่ปีว่ะเพื่อน” มันพูดพลางกดปิดหน้าจอแล้วหันมาหยักยิ้มมุมปากอย่างกวนๆตามสไตล์

“ยินดีด้วยว่ะ” ไอ้แบงค์พูดอย่างจริงใจ

“เออ ขอบใจ” คนฟังยิ้มรับ ก่อนจะทอดถอนหายใจ

แม้ไม่มีใครพูดอะไร แต่พวกผมก็รับรู้กันได้ ..ทั้งดีใจ ทั้งรู้สึกแย่ ทำไมไม่ได้เรียนที่เดียวกันหมดทุกคนวะ

“แล้วมึงจะเอาไงต่อ?”

ผมเชื่อว่าทุกคนกำลังตั้งคำถามนี้อยู่ในใจ เพียงแต่ไอ้นุเป็นคนพูดมันออกมา

“ก็ไม่เอาไง ก็ทำตามข้อตกลงที่ให้กับที่บ้านไว้” มันยักไหล่คล้ายไม่ยี่หระก่อนพูดต่อ “ไม่ได้เรียนต่อที่นี่กูก็กะจะไปเรียนบริหาร ม.เอกชนแทนว่ะ”

“สุดยอดเลย จากวิศวะเปลี่ยนเป็นบริหาร” ไอ้นิกซ์อ้าปากหวอ ไม่ใช่มันคนเดียวหรอกที่แดกจุดจนอิ่ม พวกผมก็ล้วนอิ่มหนำด้วยเหมือนกัน

“ยังไงก็แวะมาหาพวกกูบ่อยๆนะเว้ย”

ไอ้เบียร์เมื่อเห็นเพื่อนไม่คิดอะไรมากก็เริ่มออกลายกวนตีนตามประสา

“เออ ยังไงก็อย่าขาดการติดต่อนะเว้ย” ไอ้นุรีบ

“พวกมึงนี่ประสาท พอๆ เลิกพูดเรื่องนี้” เจ้าตัวโบกมือไหวๆก่อนจะเบนเข็มออกไปเรื่องอื่นแทน แต่ดูท่าคงไม่สำเร็จ

“ดีเหมือนกันที่มึงไปเรียนที่อื่น กูจะได้เหล่สาวเหล่หนุ่มได้สะดวก เด็กวิดวะก็ไม่เลว” ไอ้น้ำยิ้มกริ่มต่างจากไอ้คนที่น้ำตาซึมเมื่อกี้อย่างกับคนละคน เดือดร้อนไอ้แบงค์ที่เริ่มตีหน้ายักษ์จัดการล็อกคอไอ้เตี้ยด้วยลำแขนหนาๆ

“กล้าเหรอ”

“ยิ่งกว่ากล้า!”

“ให้โอกาสพูดอีกที”

“กูจะหากิ๊ก!!” ไอ้น้ำแผดเสียงลั่นแล้วกระทืบเท้าไอ้แบงค์ปังใหญ่ก่อนจะเดินลิ่วๆหนีไป เรียกเสียงหัวเราะฮาครืนจากพวกผมได้เป็นอย่างดี

“หัวเราะเชี่ยไรกันวะ! ไอ้เตี้ย โว้ย! มึงห้ามหากิ๊กนะเว้ย!!” มันโวยลั่นก่อนจะเดินกะเผลกๆตามหลังคนตัวเล็กไปอย่างทุลักทุเลทิ้งให้พวกผมมองตามกันอย่างขำๆ

 

..............

เป็นเวลายามเย็นที่ตะวันคล้อยแสงค่อยๆลาลับขอบฟ้า พวกไอ้แบงค์ น้ำ นุพากันกลับบ้านไปหมดแล้ว ส่วนไอ้เบียร์กำลังตีดอทอย่างไม่สนใจโลกภายนอก ด้วยความเบื่อผมเลยปลีกตัวออกมานั่งรอพ่อกับแม่ที่ม้านั่งหน้าบ้านแทน สายตาจ้องมองตามการเคลื่อนไหวของหมาตัวเล็กที่ยืนอยู่บนโต๊ะวงกลมไม่คลาด

ขาเล็กๆนั่นเดินไปทางซ้ายที ย้อนกลับมาทางขวาก่อนจะล้มนั่งแปะแล้วนอนหมอบอย่างเกียจคร้าน ผมเผลอยิ้มขำก่อนจะใช้ปลายนิ้วชี้เขี่ยจมูกสีชมพูเล่นเบาๆ

“หิวหรือยังลูกแม่”

หลุดเสียงพูดไปมือก็พาลชะงักค้างกลางอากาศ เผลอกัดปากตัวเอง รู้สึกกระดากปากกับถ้อยคำเมื่อกี้ชอบกล

“ได้ยินแว่วๆ อะไรลูกแม่ๆนะ” เสียงทุ้มต่ำสำเนียงแปร่งเล็กน้อยดังขึ้นมาจากด้านหลัง ผมยกมือลูบหูของตัวเองก่อนจะหันไปมอง

“เปล่า หูฝาดแล้วมึงน่ะ”

นิกซ์หัวเราะก่อนจะเดินมานั่งข้างๆกัน

“ทำไมมานั่งคนเดียว”

“รอพ่อกับแม่มารับ”

“อืมม” มันครางรับลากเสียงยาวในลำคอ พลันสีหน้าที่ล้อเล่นเมื่อครู่จะแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึมอย่างที่นานทีผมจะเห็น

“เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าดูเคร่งเครียด”

“เปล่าๆ แค่กำลังคิดอะไรเพลินๆ”

“ถ้าคิดอะไรเพลินๆก็ดีแล้ว แต่ถ้าเครียดเรื่องอะไรก็เล่าให้ฟังได้นะ” ผมบอกพลางวางฝ่ามือลงบนขนนุ่มนิ่มของสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กที่นอนหลับตาพริ้มบนโต๊ะ

ริมฝีปากหยักของคนข้างๆเผยยิ้มละมุนก่อนเจ้าตัวจะพูดเรื่องที่โคตรขัดกับบรรยากาศสบายๆ

“มึงพอจะจำอะไรได้บ้างไหม ในวันที่เลี้ยงตอนรับกู แล้วมึงเมา”

ผมขยับตัวอย่างอึดอัด

“จำได้ว่าปวดหัว” ผมไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่มันยกเรื่องวันนั้นขึ้นมาพูดเพื่ออะไร แต่ผมจะมึนซะอย่างใครจะทำไม

“กูมีเรื่องจะสารภาพผิด”

ผมลอบกลืนน้ำลายหนืดๆลงคอ ก่อนจะผละมือที่กำลังไล้ขนนุ่มๆสีขาวแล้ววางบนพื้นโต๊ะหินอ่อนเย็นเยียบ

“..อะไร”

“ถ้าบอกว่าคืนนั้นกูลักหลับมึง มึงจะว่ายังไง”

ผมกัดปากตัวเองโดยไม่รู้ตัว

“รอยคิสมาร์กตรงนี้ สังเกตเห็นไหม” มันพูดพลางกดปลายนิ้วลงตรงเหนือแผ่นอกของผมเบาๆ

ขณะที่พูดสีหน้าของมันยังคงดูสบายๆ ตรงข้ามกับผมที่เริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆ

จะรื้อฟื้นขึ้นมาทำไม ทำไมไม่ปล่อยให้มันเลยผ่านไป?

“เงียบแบบนี้แปลว่าเห็นแล้วสินะ”

“...”

“รู้หรือเปล่าว่ากูเป็นคนทำ”

“...”

ความเงียบของผมทำให้มันหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนมือหนาจะชักกลับแล้ววางบนโต๊ะตรงหน้า แผ่นหลังกว้างหยัดขึ้นนั่งตัวตรงอีกหน่อย

ดวงตะวันคล้อยต่ำลงเรื่อยๆจนฟ้ากว้างที่เคยเป็นสีฟ้าใสกลับถูกแซมด้วยริ้วสีส้มอมม่วง ฉากหลังของผืนฟ้าขับร่างตรงหน้าให้เด่นชัดมากกว่าเดิม

“มันคงไม่เร็วเกินไปที่กูจะบอกคำรัก”

“...”

“ความจริง มันออกจะช้าไปซะด้วยซ้ำ” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังเล็ดออกมา ก่อนมันจะพูดต่อ “สามปีที่แล้วกูรักมึงยังไง ตอนนี้กูก็ยังรักมึงอย่างนั้น กูเคยลองตัดใจแล้วนะ แต่มันไม่ง่ายเลยว่ะ กูหยุดรักมึงไม่ได้จริงๆ”

“...” ความกลัวกำลังคืบคลานเกาะกินผมไปทั้งร่างจนมือทั้งสองข้างเย็นเฉียบ

“มึงคงไม่รู้ ว่ากูดีใจแค่ไหนที่แด๊ดกับมัมยอมให้กูมาไทยอีกครั้ง.."

คิ้วที่ขมวดชนกันอยู่แล้วยิ่งผูกปมแน่นเข้าไปอีกเมื่อมือหนาที่มีเหงื่อซึมด้วยความประหม่ายื่นมาจับกุม

“กูรักมึง รักมาตลอด ..ยิ่งกลับมาเจอมึงอีกครั้ง กูก็แน่ใจมากกว่าเดิมว่ากูรักมึง”

แทบจะหยุดหายใจกับถ้อยคำนั้น..

มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยอยากได้ยิน ไม่ว่าจะสามปีก่อน หรือแม้แต่ตอนนี้ก็ตาม

สิ่งเดียวที่ผมคาดหวังจากมันคือ ..ผมหวังว่าความรู้สึกของมันจะแปรเปลี่ยนตามกาลเวลา หรือหากท้ายที่สุดความรู้สึกนั้นไม่เปลี่ยนไป ก็อยากจะหวังให้มันเก็บคำนั้นไว้

“เป็นแฟนกันนะต้า”

ราวกับฟ้าผ่ากลางแสกหน้า มันคือสิ่งที่ผมไม่อยากให้ออกจากปากคนตรงหน้ามากที่สุด มากกว่าคำว่ารัก..

มือทั้งสองข้างชาดิกจนไม่อาจรับรู้ได้ถึงแรงบีบที่มือที่อีกคนเพียรส่งมา หากไม่มองมือนั้นของมันที่กอบกุมมือผมอยู่ ผมคงไม่รู้ว่ามันกำลังจับมือผมแน่น

“...”

“ถ้ามึงตอบตกลง กูจะย้ายมาอยู่ไทยกับมึง ..ส่วนเรื่องแด๊ดกับมัมมึงไม่ต้องเป็นห่วง ท่านทั้งสองเข้าใจดีและไม่ได้ว่าอะไร”

ผมรู้สึกจุกแน่นในอกจนพูดไม่ออก ยิ่งมองลึกเข้าไปในแววตาคู่นั้น ผมยิ่งเห็นแต่ความจริงจัง ไร้ซึ่งการล้อเล่น…

เนิ่นนานทีเดียวกว่าผมจะหาเส้นเสียงเจอและตอบกลับไปได้

"กูขอโทษ.." ผมพูดแผ่วเบาราวเสียงของใบไม้ที่ปลิดออกจากกิ่งไม้

ถึงเสียงของผมจะเบาแค่ไหน แต่ผมรู้ดีว่ามันเองได้ยินชัดเต็มสองหู ..รู้ได้จากนัยน์ตาร้าวรานและแรงกอบกุมมือของผมที่กระชับแน่นจนปวดแปลบ

"ทำไม.."

"..."

"มีคนที่รักอยู่แล้วเหรอ"

"..เปล่า ไม่มี"

"แล้วทำไม.."

"ขอโทษ"

"ไม่ได้จริงๆสินะ"

"...ขอโทษ ...เป็นเพื่อนกันนะ"

เมื่อเห็นว่ามันส่ายหน้าไปมาผมยิ่งเจ็บมากกว่าเดิม

..ผมกำลังจะเสียเพื่อน

มันค่อยๆปล่อยมือผมให้เป็นอิสระอย่างช้าๆขณะที่ริมฝีปากระบายยิ้มออกมา ผมมองแผ่นหลังกว้างที่เดินห่างออกไปทุกขณะ ภาพนั้นชวนให้ขอบตาผมร้อนผ่าว ..ทั้งๆที่ผมไม่ได้เป็นฝ่ายถูกปฏิเสธ แต่ทำไมถึงได้เจ็บไปทั้งใจขนาดนี้…

ทว่าสัมผัสเปียกชื้นที่มาพร้อมความนิ่มและความจั๊กจี้ที่แล่นปราดจากปลายนิ้วก็ดึงผมให้หลุดจากภวังค์

เมื่อทำให้ผมหันไปมองได้ ปากเล็กๆก็หยุดเรียกร้องความสนใจ เจ้าตัวสีขาวนั่งลงบนพื้นพลางมองผมด้วยดวงตาใสแจ๋วปานลูกแก้ว

ผมมองตอบดวงตาใสซื่อคู่นั้น พลันความหนักอึ้งในจิตใจก็ค่อยๆเบาบางลง.. ผมมองปลายนิ้วของตัวเองที่ไล้เรื่อยลูบหัวเล็กๆที่มีคนสีขาวปกคลุมขณะปล่อยความคิดให้ล่องลอย

 

ทำไมถึงเป็นมันไม่ได้ ..นี่คือสิ่งที่วนเวียนอยู่ในใจของผม

ไม่ใช่ว่าผมปิดใจ ไม่เปิดรับใคร

ไม่ใช่ว่าเพราะผมไม่พร้อมจะมีใครเข้ามาในตอนนี้

และไม่ใช่เพราะว่ามันไม่ดี

...บางทีอาจเป็นเพราะมันคือเพื่อน

 

ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่ปีกว่าเพื่อนคนเดิมของผมจะกลับมา

 

มันใช้เวลาสามปีที่รักผม

...แล้วเวลาสามปีต่อจากนี้จะทำให้มันหยุดความรักนั้นได้ไหม?

 

สามปีเป็นเวลาที่ไม่น้อยเลย..

แต่ไม่ว่าอย่างไรผมก็จะรอ...

สามปีต่อจากนี้...

 

ผมอุ้มหมาตัวเล็กสีขาวขึ้นแนบอกแล้วหยัดกายลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์คุ้นหูจอดรออยู่หน้าบ้านไอ้เบียร์ มือที่โอบอุ้มสิ่งมีชีวิตเล็กๆนี้ไว้กระชับให้มั่นยิ่งกว่าเดิมพลางก้าวยาวๆให้ถึงรถโดยเร็วเพื่อที่พวกท่านจะได้ไม่รอนาน

ผมไม่รู้ว่าระยะทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรต่อ

แต่ผมก็มีทางเดินของตัวเอง

ไม่ว่าในอนาคตผมจะต้องพบเจอกับอะไรก็ตาม ผมเชื่อว่าผมจะผ่านมันไปได้ เพราะมันคงไม่มีความทุกข์ไหนจะสาหัสมากไปกว่าที่เคยพบเจออีกแล้ว

“สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับแม่” ผมพูดขึ้น ยกมือไหว้ปรกๆหลังจากที่พาตัวเองเข้ามานั่งในรถบนเบาะตอนหลังเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะปิดประตูแล้วปล่อยหมาตัวเล็กให้นั่งบนเบาะข้างๆกัน คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อพบว่าบรรยากาศภายในห้องโดยสารนี้แปลกว่าทุกที

“แม่ เป็นอะไรหรือเปล่า”

เมื่อท่านหันมา คิ้วของผมก็ยิ่งชนกันมากว่าเดิมเมื่อได้เห็นหน้าแม่ชัดๆ นัยน์ตาคู่สวยแดงก่ำปริ่มไปด้วยหยาดน้ำใส

“พ่อ แม่เป็นอะไร”

ผมขยับตัวเล็กน้อยหันไปทางพ่อ ..สีหน้าของพ่อก็ไม่สู้ดีเท่าไหร่

เกิดอะไรขึ้น?

ไม่มีใครพูดอะไรออกมา มันเต็มไปด้วยความเงียบงันก่อนพ่อจะถอนหายใจหนักๆแล้วเริ่มต้นพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“เมื่อตอนบ่ายๆเจ้าโค้กโทรมาบอกพ่อว่า..” ท่านเงียบไปอึดใจก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือแม่ที่วางบนหน้าตักแล้วบีบแน่น

“รถยนต์ที่พี่เราขับไปกับเพื่อนเกิดเสียหลักในการทรงตัวจนพุ่งลงข้างทางพลิกคว่ำ ..คนอื่นๆนอกจากพี่เราเพิ่งได้สติเมื่อสองสามวันก่อน” พ่อถอนหายใจหนักๆใบหน้าซีดเซียวตรมทุกข์ มือหนาของท่านบีบกระชับมือแม่แน่นกว่าเดิมราวแบ่งปันกำลังใจก่อนจะพูดต่อ “ไม่รู้เวรกรรมอะไรของมัน ทั้งๆที่คนอื่นปลอดภัยดี แต่เจ้าเตอร์ยังนอนไม่ได้สติอยู่ที่โรงพยาบาล”

เตอร์..

คล้ายกับหัวใจหยุดเต้นไปหนึ่งจังหวะ ก่อนมันจะค่อยๆบีบรัดจนปวดแปลบไปทั้งดวง

ผมไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ควรทำตัวอย่างไร ควรจะพูดให้กำลังใจ ควรจะปลอบแม่ หรือควรทำอย่างไรดี

เพราะผมเองก็ทำอะไรไม่ถูก..

ความเงียบโรยตัวจนหูได้ยินแต่เสียงเครื่องยนต์ของรถ และเสียงลมหายใจ ...ผมมองอะไรอื่นไม่เห็น เห็นแต่ใบหน้าเศร้าสร้อยของพ่อกับแม่

...ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะไปหาเตอร์เสียเดี๋ยวนี้

และผมเพิ่งจะเคยรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กจิ๋วมากก็ตอนนี้เอง ทั้งๆที่มีสองมือ สองเท้า มีมันสมองแต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย

 

...สิ่งที่เรียกว่าความสุข รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร วินาทีนี้ผมลืมไปหมดแล้ว

บางทีมันอาจจะไม่ต่างจากฟองสบู่ ที่ปรากฏมาวูบเดียวแล้วก็หายไป..

 

อย่าเป็นอะไรไปนะ.. อย่าทิ้งกันนะ

ถ้าปลอดภัย ผมสัญญา ..ผมจะไม่โกรธ ไม่เกลียดพี่ จะให้อภัยกับทุกๆสิ่งด้วยใจจริง

เพราะฉะนั้น.. อย่าเป็นอะไรไปนะ...

ได้โปรด..

 

 

 



 

 

 

THE END

 

 
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 02-05-2014 17:24:24

TALK : จบเรื่องเหมือนไม่จบ แต่เราไม่ได้อำเล่น A boy จบแล้วค่ะ จบแล้วจริงๆ 555

เป็นตอนจบที่ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก ยกเว้นเรื่องเตอร์ในตอนท้าย 555 อยู่ๆก็ผุดเข้ามา (สงสัยเตอร์อยากมีส่วนร่วม ฮา) เป็นตอนจบกับจุดเริ่มต้นของเรื่องใหม่(? )ที่ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ มันเป็นภาพลางเลือนจนไม่รู้จะเริ่มยังไงดี อยากแต่งแต่เริ่มไม่ถูก 5555

สำหรับความสัมพันธ์ของพระเอกนายเอกเรื่องนี้ .. ณ ตอนนี้ .. ณ เวลานี้ มันเดินมาได้แค่นี้จริงๆสำหรับเรา ไปต่อมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว : )

ชีวิตของน้องยังมีทางเดินทอดยาวให้ต้องเดินต่อไป ผ่านเรื่องร้ายๆมาก็ยังมีเพื่อน มีครอบครัว ชีวิตน้องไม่ได้เจอแต่เรื่องแย่ๆ ไม่ได้มีแค่เรื่องปัญหาหัวใจ เรื่องเรียน และทางเดินสำหรับอนาคตก็ยังคงมี เชื่อว่าหลังจากนี้น้องจะเข้มแข็งขึ้น (เริ่มเพ้อ) 555

อาจจะดูเหมือนเรื่องยืดๆ ไม่ได้ดำเนินความสัมพันธ์ของพระเอกนายเอกสักที เพราะตั้งใจให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก เราปูทางเรื่องเพื่อน กับครอบครัวน้องอย่างจริงจังมาตั้งแต่ตอนที่ 35 จนถึงตอนนี้

การจะผ่านเรื่องเลวร้ายมา นอกจากตัวเองต้องให้กำลังใจตัวเองแล้ว กำลังใจจากคนรอบข้างก็สำคัญ และตรงจุดนี้ น้องต้าต้องมี 555

จุดประสงค์หลักของเรื่องนี้ เราแค่อยากรู้ว่า หากคนๆหนึ่งเจอเรื่องร้ายแรงที่ถูกคนที่รักทำร้ายจนไม่เหลืออะไร และหากประชดชีวิตขึ้นมาโดยไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมาทีหลังว่าทำแล้วจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะต้องเจอกับอะไร ..มันตอบโจทย์เราหมดแล้ว ถือว่าบรรลุเป้าหมาย : )

ส่วนทำไมน้องต้องเป็นเด็ก ..เป็นความชอบส่วนตัว ฮา คิดเล่นๆ หากน้องยังคงสภาพแบบเดิม เป็นคนปกติหลังจากผ่านเรื่องร้ายๆ เรื่องคงวุ่นวายมากกว่านี้ อย่าเลย.. เดี๋ยวฮาร์ดคอร์ไป 5555

เรารู้นะว่ายังเหลือปมอีกหลายปมที่ยังไม่ได้แก้ และยังค้างคาในใจนักอ่านไม่มากก็น้อย เอาไว้ค่อยว่ากันใหม่ค่ะ (เฮ้ย!???) อิอิ

ส่วนปมพี่จิมไว้เจอกันใน SIN เนอะ (อย่าคาดหวังว่าพี่มันจะโผล่มาบ่อยๆ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของพี่มัน 55)

A boy จะเรียกว่าเป็นการยำเละก็ไม่เชิง แต่เป็นนิยายเรื่องแรกที่แต่งมาจนจบ และเพราะเป็นเรื่องแรกมันเลยฟุ้งไปหมด ทุกอย่างประเดประดัง คือ.. อยากแต่งอย่างนั้น อยากได้อันนี้ ใส่อันนี้ลงไปด้วยดีกว่า ชอบ มันเลยกลายเป็นเยอะ... เพลียมากกับนิยายเรื่องนี้ เวิ่นเหลือเกินนน 55555

 

สุดท้ายแล้ว ขอบคุณมากๆนะคะที่ติดตามมาจนจบ เรารู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดีอะไรมากมาย ยังมีจุดบกพร่องหลายๆอย่าง ทั้งพล็อต ภาษา การดำเนินเรื่อง แต่อยากให้รู้ว่าเราพยายามเต็มที่แล้วจริงๆ

 

PS. ส่วนเรื่องรวมเล่ม ถ้าใครยังอยากได้อยู่ กระซิบบอกกันนิดนึงง ฮาา บอกตามตรงว่าแอบหวั่นใจ 

ถ้ายังมีคนต้องการเราก็จะรวบรวมพลังแล้วจัดการแต่ง A boy ตอนพิเศษต่อ (ตอนแรกก็คิดว่าเรื่องนี้คงจบแบบไม่สามารถแต่งตอนพิเศษได้อีก แต่อยู่ๆ ก็ดันปึง! แวบเข้ามาในหัวอีกจนได้ 555)

 

ขอบคุณมากๆค่ะที่คอยอยู่ข้างๆ คอยให้กำลังใจกันเสมอมา

ไว้เจอกันใหม่นะคะ

รัก.

NNEW

 
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: เปลว แว๊บแว๊บ ที่ 02-05-2014 17:57:32
เฮ้ยยยยยย คนแต่งเหมือนไม่จบอ่ะ ค้างยังไงก็ไม่รู้ อ้ากกกกกกกกกกกกกก :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 02-05-2014 18:27:11
จบแบบนี้ ฆ่ากันเลยทีกว่า
ไอเราก็อ่านอยู่ตอนบรรยากาศในรถเปลี่ยนไปก็แอบคิดว่า ไอ้ตาพี่จิมกลับมาแล้วเซอร์ไพรส์
ที่ไหนได้ !!!
เซอร์ไพรส์สุดๆเลยค่ะนักเขียน//ปาดน้ำตา
ทำไมคำประชดของเราถึงต้องเอามาเขียนด้วยยย แงงงงง
รอดนะเตอร์ ขอร้อง พรีสสสส
ปล.ถ้านักเขียนจะมีตอนพิเศษจริงๆ ขอแบบไม่จบแบบหนังฝรั่งนะ หรือแบบอย่างน้อยก็ขอให้มันเข้าใจอะไรกันมากกว่านี้หน่อย
นี่แบบค้างคามากกก  เหมือนจะรู้ว่าสมหวังก็แค่คู่ แบงค์น้ำ นุน่าจะไปมีคู่ในม.เอกชน ส่วน นิกซ์เบียร์น่าจะได้คู่กันหลังจากต้าหักอกเรียบร้อย แล้วก็คู่ต้าเองก็คงจะลงเอย แต่เตอร์ ไม่เอานะไม่ให้ตาย T_T (เอ๊ะ จะว่าไปก็เหมือนมันจะจบสมบูรณ์นี่นา>>ให้จิ้นเองชัดๆ!!//โดนเสย)
จบแบบนี้เหมือนแบบจะมี A BOY ภาค2 อะ ถถถถ
ปล2. ถ้าทำออกมาไม่เกิน300(ไม่รวมค่าจัดส่ง) ก็จะอุดหนุนนะจ้าาา (ตอนนี้แกลบของจริง)
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 02-05-2014 18:32:46
ไม่ได้สติ ก็ยังมีโอกาสรอดใช่ม่ะะะะ

ไม่ได้อ่านสะนาน เรื่องหน้าให้เตอร์เป็นนายเอกบางสิ อิอิ
 :pig4: thank จ้าาา
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 02-05-2014 22:11:54
ทำไมเราสะใจปนสมน้ำหน้าเตอร์อ่ะ ดูจิตไปมั๊ย อิๆๆ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 03-05-2014 00:42:30
จบแบบนี้แทบกระอักเลือดตายกันเลยทีเดียว
เตอร์จะเป็นไรมากป่ะเนี่ย
แต่เข้าใจสภาพน้องนะว่ายังไม่พร้อมกับการมีรักอ่ะ
รอตอนพิเศษค่าาา
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 03-05-2014 01:01:03
อ้ากกกกกก ฟหกด่าสว45$;*9753#&(((//@378 ฮือออออออ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: kakaris ที่ 03-05-2014 01:50:17
จบแล้วอ้า ทำภาค2ด่วนเลย

ขอภาค2น้า
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 03-05-2014 03:30:02
นอคกลางอากาศ ^^!!
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: ๛゙★βra_11!☆゙ ที่ 03-05-2014 09:07:46
โห จบแบบนี้ ทำร้ายย สลบ//
bad end หลายเรื่องเลยอ้ะ  :mew2:

รอตอนพิเศษ ภาษ2หรืออะไรก็ได้ เศร้าา+ค้าง

ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้ให้อ่านกันนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 03-05-2014 14:16:30
จบกัน แบบนี้นี่นะ??? แบบหนังสือที่เคยอ่านเลย จบแบบให้คิดต่อเอง

แต่เราต้องคิดเยอะอ่ะ เพราะ ต้ากะพี่จิมเป็นยังไงต่อไป? ไม่มีทางแล้วหรือยังมี?

เตอร์ตาย? ในส่วนของน้องต้า เราได้บทเรียนต่างๆมากมายจากน้องต้ามา โดยเฉพาะ ทอร์คสุดท้ายของคนเขียน

เป็นนิยาย เรื่องแรกเลยนะคะ ที่เราติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ ติดตามแบบตามติด ถ้าเรื่องนี้อัพ ฉันต้องรีบกดอ่าน

แบบเราว่ามันพีคๆมาตลอด มาแผ่วๆเอาตอนใกล้จบแต่เราก็ติดตามอ่ะ

พูดได้เต็มปากว่ารักเรื่องนี้เลย ขอใช้สิทธิ์คนรักเรื่องนี้ถามว่า "มันจบจริงๆแน่แท้แล้วใช้มั๊ย?"


 :katai1: :katai1: แต่เหนือสิ่งอื่นใด ขอบคุณสำหรับ ทั้งหมดของเรื่องนี้เลยนะคะ o13  :pig4:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 03-05-2014 23:33:45
ชอบนะสำหรับตอนจบของเรื่องนี้ เป็นการจบที่แปลกและแตกต่างจากนิยายเรื่องอื่นๆ ในเล้า

เรื่องราวไม่มีวันจบ ต้องดำเนินต่อไป เมื่อยังมีชีวิตอยู่

อยากอ่านเรื่องต่อไป แต่อยากให้เป็นเรื่องราวต่อจากเรื่องนี้

ขอบคุณคนแต่งครับ สำหรับนิยายเรื่อง ||||||||| A BOY ||||||||||

ตามอ่านมาตลอด ตามติดแบบมาราธอน อ่านกันข้ามปี

รอติดตามผลงานเรื่องต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 03-05-2014 23:52:55
จบแล้ว T.T
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 04-05-2014 14:36:17
the end


ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง


ไม่นะคเ้ายังค้าอยู่เลย

หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 04-05-2014 18:36:22
เอิ่ม....//สะดุดลมกลางอากาศ = =

เป็นอะไรที่ค้างคาและ......เสียสมดุลแบบสุดๆ

ค่อนข้างชอบในเรื่องลักษณะนิสัยของตัวละครแต่ละตัวนะคะ

จริงๆตอนจบเนี่ย มันเหมือนจะให้กลับไปจิ้นเอง หรือถ้าไรต์มีต่อภาคสองก็คงจะดี ฮาา

 :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: คุณหนูไฉไล ที่ 05-05-2014 09:17:01
จบแบบเบรคหัวทิ่มเลย 555+

เอาจริงนะ เป็นเราไม่ให้อภัยจิมหรอก แต่อีก 3 ปีข้างหน้าก็ไม่รู้อีกแหละ ใจอ่อนรับหมามาเลี้ยงแทนแล้วนี่ ของแทนใจมีชีวิตด้วย มันคงค่อย ๆ ขัดเกลาความโกรธจนหาย ไม่ได้ให้อภัยนะ แต่หายโกรธไง

จบแบบนี้ก็เท่ห์ดี ชีวิตคนจริง ๆ ไม่ได้ราบเรียบหรอกเนอะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: nonamekeaw ที่ 05-05-2014 22:06:39
 :katai1: :katai1:  ค้างได้โล้ไปเลย  จบเเบบนี้เหมือนไม่จบ เรื่องอีกมากมายที่อยากรู้ว่าเป็นยังไงต่อไป

อยากให้ไรเตอร์มาเเก้ปมที่ตอนนี้ยังค้างคาอยู่ เเต่ถ้าไรเตอร์ต่อภาค2  จะดีใจจนน้ำตาท่วมจอ :katai2-1:

เเละขอขอบคุณมากๆที่เเต่งนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา  อ่านเเล้วมีความสุขมาก ชอบน้องต้ากับพี่จิมที่สุดเย้ยยยยย ~~
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 06-05-2014 03:19:53
จบได้ปวดใจน่าดู
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 06-05-2014 14:35:30
จบแล้ว อ๊ากกกกกก  :ling1: อยากรู้อีกเรื่องอีก 3 ปีข้างหน้าเป็นไงต่อ
ถ้ามีรวมเล่ม ขอตอนพิเศษหวานๆ ของจิมกับต้า เยอะๆเลยนะคะ
อยากอ่านตอนที่เค้าหวานกันค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: YaMMy204 ที่ 07-05-2014 06:57:01
ห้ะ????????????????


จบแล้ว....พยายามเปิดลงมาเรื่อยๆเผื่อเจอคำว่าล้อเล่น
แต่ไมัมี. อ้ากกกกกกกกกกก!!!!! เราตั้งใจอ่านจนจบทีเดียวตอนนี้7โมง กะลังจบพร้อมกับสิ่งที่รอคือ คนเขียนได้ทำร้ายจิตใจเรา แบบนี้....  เศร้าาาTT
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 07-05-2014 12:00:49
ขอบคุณค่ะ ไม่คิดว่าจะจบแบบนี้ หักมุมมาก อ่านตอนจบปุ้บ อึ้งเลย ไม่คิดว่าจะจบแบบนี้ ยังไงถ้ามีภาคต่อก็จะตามอ่านนะค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 07-05-2014 19:55:43
จบแล้ว :sad4: สำหรับเราถ้าถามว่าจบมั้ย? มันก็จบนะ
อาจจะไม่ใช่ตอนจบที่แฮปปี้แต่สำหรับเรื่องนี้มันดีที่สุดแล้ว
ชอบตอนที่ต้าความจำเป็นเด็กแล้วอยู่กับจิมนั่นล่ะโมเม้นท์น่ารักที่สุดเลย  :o8:
เรื่องเตอร์ตอนแรกก็โกรธนะ แต่พออ่านต้าเป็นเด็กแล้วเรียกหาแต่พี่ชาย
ไม่รู้สิมัน  :o12: ตัดมาตอนจบเลย55555 ที่เตอร์รถคว่ำขอเข้าข้างตัวเองว่าเตอร์ไม่ตายก็แล้วกัน
ส่วนจิมมกับต้าเราจะมโนว่าจิมกลับมาเมื่อไหร่สองคนนี้คงจะได้เริ่มต้นใหม่กันนะ  :haun5:

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ค่ะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: benji ที่ 08-05-2014 01:24:43
the  end !!!!! เงิบเลยจ้า

เริ่มเรื่องแบบปวดใจ  จบลงแบบปวดตับ

อ่าาาาา บอกตามตรงว่าไม่ชอบเลยนิยาย bad end,sad end  มีหลายเรื่องที่อ่านไปสัก 3-4 ตอน แล้วแอบข้ามไปส่องตอนจบ

แต่เรื่องนี้ไม่ได้ทำอย่างนั้น เพราะมัวสนุกกับปมของตัวละคร สุดท้ายเลยขาขวิด

แนวเราคือ พระเอกมันจะปู้ยี่ปู้ยำ นายเอกยังไง หรือมันทั้งคู่จะเหลวแหลก drama ชนาดไหน สุดท้ายแล้ว มันก็ต้องจบสวย!

>>>>>อย่างไรก็ตาม ขอบคุณคนเขียนมากมาย สำหนับ เรื่องราวที่ได้ร้องเรียงออกมา สนุกมาก ภาษา การดำเนินเรื่องดีมาก

ทุกอย่างดีหมด ยกเว้น จอนจบ 55555
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: Cady ที่ 08-05-2014 18:33:44
สนุกมากค่ะ ดำเนินเรื่องได้ดีมากๆ แต่เงิบตอนจบ :katai1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: alkuhcyjyu ที่ 09-05-2014 02:14:52
 o22 เอางี้เลยหรอ งืออออ คนแต่งใจร้ายอ่ะ
จบอย่างงี้แอบทรมารนะตัวเธอ
ได้โปรดขอภาค 2 ไม่ก็พเศษอีกซักนิด
ให้มันกระจ่างอีกซักนิดเถ๊อะ สงสารคนอ่านเด็กตาดำๆคนนี้ที
 :sad4:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 14-05-2014 04:08:40
Sad ฝัดๆๆๆ TT^TT
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ตอนที่ 40... The End [2/5/57] P.25
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 19-05-2014 15:57:28
แง๊ๆๆๆๆๆๆ

 :ling1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| แจ้งข่าว [21/5/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 21-05-2014 12:00:18
แจ้งข่าวสำรับคนที่อยากได้น้องในรูปแบบเล่ม ว่าเปิดให้จองแล้วนะคะ รายละเอียดด้านล่างเลยค่ะ  :katai3:

เปิดจองตั้งแต่วันนี้ 21 พฤษภาคม ถึง 23 กรกฎาคม 2557


รายละเอียดหนังสือ
หนังสือ ขนาด A5 จำนวน 2 เล่ม
หน้าปก พิมพ์ 4 สี เคลือบด้าน เนื้อใน กระดาษถนอมสายตา

จำนวนหน้า เล่ม 1 ประมาณ 480-500 หน้า / เล่ม 2 ประมาณ 200-250 หน้า
เล่ม 1 คือเนื้อหาที่ลงในเว็บทั้งหมด เล่ม 2 คือเนื้อหาที่ไม่ได้ลงในเว็บ
เนื้อหาเล่ม 2 ประกอบไปด้วย เรื่องพิเศษ “A boy วัยละอ่อน 0.5” เป็นเหตุการณ์ตั้งแต่น้องต้ายังเตาะแตะๆ และ “A boy 1.5”

ของแถม ที่คั่นหนังสือ 2 อัน และที่คั่นผีเสือพับได้ 1 อัน

ราคาหนังสือ 2 เล่ม = 660 บาท
ค่าส่งลงทะเบียน 40 บาท
รวมเป็น 700 บาท/ ชุด

**หนังสือไม่ขายแยกนะคะ**

เนื้อหา A boy ตั้งแต่ Intro – ตอนที่ 40 อาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง เช่น ภาษา อาจมีการเพิ่มบท ตัดทอนเนื้อหา หรือรวบตอนเข้าด้วยกันตามที่เราคิดว่าสมควร(?)แต่โดยรวมคือเหมือนเดิมค่ะ จะปรับให้มันสมูทขึ้นเฉยๆ แต่ภาษาในตอนแรกๆกับตอนหลังๆก็อาจจะยังแตกต่างกันอยู่ (รับรู้ได้ว่าระหว่างที่เขียนเรื่องนี้ตัวเองมีพัฒนาการขึ้น ฮา แม้จะไม่ได้มากอะไร แต่ก็ยังสังเกตเห็นได้ในด้านภาษา (หรือคิดไปเองคนเดียว) 5555)

สำหรับเราการแก้งานมันค่อนข้างยาก เขียนใหม่เลยง่ายกว่า (แต่ให้เขียนใหม่คงไม่ไหว ไม่อยากเขียน ไม่อยากรีไรท์ยกใหญ่ขนาดนั้น เอาไว้เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นถึงพัฒนาการในผลงานชิ้นอื่นต่อๆไปดีกว่า (นี่คือข้ออ้างของความขี้เกียจสินะ 555)

นักอ่านคนใดที่อยากได้น้องเป็นรูปเล่มให้ส่งเมลล์มาจองได้ที่ nnew.ccอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com โดยระบุหัวข้อว่า “จอง A boy”

1) ชื่อผู้จอง (จะชื่อจริงหรือนามแฝงก็ได้ค่ะ)
2) จำนวนชุด

หลังจากนั้นเราจะส่งเมลล์ตอบกลับพร้อมแจ้งรายละเอียดการโอนเงินภายใน 2 วัน หากไม่ได้รับการตอบกลับรบกวนส่งเมลล์มาอีกครั้งนะคะ : )

***หากใครไม่สะดวกสั่งจองทางเมลล์สามารถสั่งได้ทาง Fanpang : NNEW ffy โดย Inbox มาจองได้เลยจ้า ระบุ..

1) ชื่อผู้จอง (จะชื่อจริงหรือนามแฝงก็ได้ค่ะ)
2) จำนวนชุด

**** ใครที่ไม่ซื้อไม่เป็นไรเน้อออ หลังจากหนังสือส่งถึงมือนักอ่านทุกท่านแล้ว เราจะมาอัพ A boy 0.5 ให้อ่านในเว็บ

PS. ขอบคุณมากๆนะคะ รู้สึกอบอุ่นมากๆที่เข้าเล้ามาทุกครั้ง อ่านความคิดเห็นที่นักอ่านมีต่อตอนจบแล้ว อ่านไปก็ขำไป ..คือ ขอบคุณมากๆจริงๆ ที่รู้สึกว่าเรื่องนี้สนุก ชอบเรื่องนี้ บางครั้งเราก็รู้สึกยังมันยังดีไม่พอนะ แต่พออ่านเม้นท์แล้วก็ รู้สึกดีที่ทำให้คนอ่านสนุกได้ ขอบคุณมากๆนะคะ ทุกๆกำลังใจเลย ไม่รู้จะพูดยังไง 5555 มีแต่คำขอบคุณอัดแน่นในความรู้สึก แวะเข้าเล้ามากี่ครั้งๆ ใบหน้าก็จะมีรอยยิ้มเสมอ
ไว้พบกันใหม่นะคะ
มีนักอ่าน มีเรา จุ๊บ

รัก.
NNEW
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| แจ้งข่าว [21/5/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 21-05-2014 16:47:49
สะดุดที่เรื่องของเตอร์...จะมีแยกเขียนต่างหากใช่ไหมจ้า?
ไม่ได้รวมในหนังสือสินะ.....เห็นราคาแล้วแบบ....จองไปก่อน ค่อยโอนใกล้ๆเดดไลน์จะได้ไหม คือ...เพิ่งเปิดเทอมวันแรก
ยังเก็บได้ไม่พอT_T
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| แจ้งข่าว [21/5/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 22-05-2014 02:37:59
 :mew1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| แจ้งข่าว [21/5/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: jambool ที่ 31-05-2014 20:25:07
ชอบน้องต้าตอน 9 ขวบมากกกกกกก มุ้งมิ้งสุดๆๆ
เฮียเวอร์ชั่น เก็บกดอยากพรากผู้เยาว์น่ารักสุดๆๆ
3 ปี ต้าน่าจะหายโกรธเฮียแล้วหละ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| แจ้งข่าว [21/5/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 02-07-2014 10:29:27
ThankS
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| แจ้งข่าว [21/5/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: NNEW33 ที่ 18-07-2014 10:42:24

SPACIAL

WHEN I WAS YOUNG 1

 

เด็กเล็กๆเปรียบเสมือนเหมือนผ้าขาวบริสุทธิ์ สะอาดทั้งกาย สะอาดทั้งใจ

ระบบความคิดไม่สลับซับซ้อนเหมือนผู้ใหญ่

คิดอะไรก็พูดอย่างนั้น รู้สึกอย่างไรก็จะแสดงออกอย่างนั้น

 

เด็กก็เหมือนกับเมล็ดพันธ์พืช..

เมื่อโผล่พ้นจากดินที่ห่อหุ้มร่างกายก็ต้องเผชิญต่อสิ่งเร้ารอบตัว

หากอยู่ในที่สมบูรณ์ พืชต้นนั้นก็จะเติบโต ออกดอก ออกผลตามฤดูกาล

หากสิ่งเร้ารอบด้านเป็นลบ ไม่ช้านาน ดอก ผล ที่ผลิมาก็จะฟ้องในตัวมันเอง



. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
 


แสงอาทิตย์ในตอนเช้าสาดส่องทั่วทุกผืนดิน ปลุกทุกชีวิตบนโลกให้ตื่นจากการหลับใหล รวมถึงสิ่งมีชีวิตเล็กๆภายใต้ผ้าห่มผืนหนานี้ด้วย...

เด็กชายวัยกระเตาะอายุ 3 ขวบเศษ นอนคุดคู้ หดแขนหดขากอดหมอนข้าง ดวงตากระพริบปริบอยู่ใต้ผ้าห่ม ใบหน้าบูดเบี้ยวใกล้จะร้องไห้อยู่รอมร่อ ใครว่าเป็นเด็กไม่มีเรื่องให้เครียด วิคเตอร์เถียงสุดใจ เด็กอย่างเขานี่ล่ะที่เครียดจนอยากจะนอนก่ายหน้าผากให้เห็นชัดๆเลยว่าตอนนี้กำลังเครียดแค่ไหน

คำว่าโรงเรียนเคยได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน จากคำบอกเล่าของพี่ข้างบ้านทำให้วิคเตอร์รู้สึกขยาดกับคำว่าโรงเรียนมากถึงมากที่สุด! แค่ได้ยินชื่อก็ทำให้เบ้หน้าเอาง่ายๆ จากที่เคยอยู่บ้านทั้งวันทั้งคืน ก็ต้องออกไปอยู่ในที่ไม่คุ้นเคย

เด็กชายให้คำมั่นกับตัวเองว่า ยังไงๆก็จะไม่ยอมลุกออกจากที่นอนนุ่มๆแน่ๆ ไม่ไปหรอก โรงเรียนน่ะ! ใบหน้ากลมพยักขึ้นลงกับตัวเองอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะก่อนจะรีบกดหน้าลงกับหมอนข้างแน่นกว่าเดิมจนแทบไม่มีอากาศหายใจ หน้าอกข้างซ้ายภายใต้เสื้อนอนเต้นกระหน่ำ เมื่อแว่วได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังแผ่วๆอยู่หน้าห้อง เมื่อเสียงเปิดประตูเปิดดังขึ้นก็ทำให้ร่างน้อยบนเตียงที่เมื่อครู่ยังลืมตาแป๋วรีบหลับตาปี๋ทันควัน!

เสียงหวานๆของแม่ที่เด็กชายจำได้ขึ้นใจ และเขามักยินดีเสมอยามที่แม่เรียกหา ทว่าเวลานี้.. เขาไม่อยากได้ยินมันเลย

“วิคเตอร์ ตื่นได้แล้วนะลูก สายมากแล้ว” หญิงวัยกลางคนพูดขณะสืบเท้าเข้ามาใกล้ เธอทรุดลงนั่งบนเตียง ทอดสายตามองผ้าห่มตรงส่วนที่นูนเด่นแล้วคลี่ยิ้มบางๆ มือเรียวดึงผ้าออกเผยให้เห็นร่างม้วนต้วนเป็นลูกกลมๆ ก่อนจะแตะแขนป้อมแล้วเขย่าเรียกเบาๆ ซึ่งคนถูกปลุกก็ได้แต่นอนนิ่ง แสร้งหลับได้อย่างแนบเนียน

บรรยากาศในห้องเริ่มเงียบ... แม่ไม่พูด ไม่ปลุก แต่จับแขนเขาไว้นิ่งๆ นั่นทำให้เด็กชายเริ่มกลัวว่าแม่จะจับได้ว่าเขาไม่ได้หลับ เด็กน้อยออกอุบาย ริมฝีปากเล็กๆจึงอ้าออกแล้วส่งเสียงกรนออกมา ให้รู้กันไปเลยว่ากำลังหลับจริงๆ

“คร่อก...ฟี้....ZZzzz”

เพียงเท่านั้น ผู้เป็นแม่ก็หลุดขำอย่างเอ็นดูพลางโคลงหัวเล็กน้อย

ขำทำไม?

หรือว่าแม่ไม่เชื่อ..?

“ฟี้.... คร่อก... ฟี้.... งืมม แจ๊บๆ” เมื่อเห็นแม่ขำ เด็กชายก็เริ่มวิตกจึงแสร้งกรนดังกว่าเดิม

“อือหืออ ท่าทางจะหลับลึกนะลูกคนนี้” มือเรียวเลื่อนไปลูบผมนิ่มแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆดึงตัวเด็กชายให้ลุกขึ้นนั่งแล้วโอบอุ้มไว้ทั้งตัว

“ปกติไม่เคยงอแงอย่างนี้เลยนะ ทำไมวันนี้ถึงได้เป็นแบบนี้ล่ะครับ” เอ่ยถามเสียงนุ่มก่อนจะจัดท่าทางให้ลูกน้อยนอนบนตักตนพลางใช้อีกมือลูบไล้ใบหน้ากลมแป้นอย่างแสนรัก

เมื่อเจอสัมผัสคุ้นเคยก็ทำให้วิคเตอร์ลืมตัวเผลอยิ้มออกมา ทว่าเมื่อคิดได้ก็รีบหุบยิ้มฉับแล้วพลิกกายเบียดหน้าเข้าหาไออุ่นตรงช่วงหน้าท้องนิ่มๆของแม่ทันที

นัยน์ตาที่ทอประกายอ่อนโยนมองร่างเล็กบนตักก็เห็นท่าทางที่คงจะไม่ยอมตื่นง่ายๆแน่ ฝ่ามือนุ่มเลยเคลื่อนลงมาวางตรงเอวของร่างป้อม

“จะตื่นดีๆไหม” เด็กน้อยเริ่มเอะใจกับน้ำเสียงที่เปลี่ยนโทนไปจากเดิม อีกทั้งมือที่วางบนเอวของตนก็ไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ แม้จะเริ่มใจไม่ดี แต่กระนั้นก็ยังดื้อเพ่งแกล้งหลับต่อ

“ไม่ตื่นใช่ไหม..” ผู้เป็นแม่พูดพร้อมกับกดนิ้วลงบนเอวลูกรัก ซึ่งก็ได้ผล ร่างป้อมสะดุ้งเฮือก ก่อนจะแน่นิ่งไปเหมือนเดิมพร้อมทั้งกดหน้าซุกพุงนิ่มๆแน่นขึ้น

แม่ขี้โกง! ทำไมทำอย่างนี้!?

เริ่มต่อว่ามารดาในใจ ก่อนจะทำตัวเกร็งด้วยนึกรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้

หญิงวัยกลางคนหัวเราะแผ่วเบาก่อนจะวางร่างป้อมลงนอนบนเตียง แล้วกระหน่ำจี้เอวเล็กๆทันที

“ฮะ... ฮ่าๆๆๆๆ กร๊ากก ม... แม่!! ฮ่ะๆๆ ฮ่าาา!” เด็กน้อยดิ้นพล่านไปทั่วเตียงทั้งยังหัวเราะเสียงดังจนน้ำหูน้ำตาไหลพราก มือป้อมๆยกขึ้นจะจับมือแม่ออกทั้งพลิกกายขยับหลบเป็นพัลวัน แต่ด้วยขนาดร่างกายที่ต่างกัน ไม่ว่าจะพยายามหลบยังไงก็หลบไม่พ้น!

“ฮ่าๆ.. ย..หยุด! อ๊ากกก” เด็กชายร้องลั่นเมื่อโดนมือเรียวดึงตัวไว้แล้วเลิกชายเสื้อขึ้นสูง นัยน์ตาคู่ใสฉายแววตระหนก เพราะท่าทางเตรียมพร้อมของแม่ ทำให้รู้ว่า..แม่คิดจะทำอะไร!

“จะยอมตื่นดีๆไหม” เอ่ยถามอีกครั้งให้ลูกชายคิดใหม่ ทว่าผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ วิคเตอร์หลับตาปี๋ให้ดูเหมือนว่าตนยังไม่ตื่นจริงๆ ผู้เป็นแม่เมื่อเห็นดังนั้นก็ก้มหน้าลงแล้วเป่าพุงนิ่มๆอย่างแรง เด็กชายหัวเราะลั่นพลันกระเถิบตัวหนี แล้วดึงเสื้อปิดพุงเด้งตัวลุกจากที่นอนตาสว่างเป็นปลิดทิ้ง

“ฮ่าๆๆๆ อย่า.. ไม่ ไม่เอาแล้ว” ร้องบอกอย่างตระหนกเมื่อเห็นแม่ทำท่าย่างสามขุมเข้ามาใกล้ ตาล่อกแล่กกวาดมองไปรอบห้องอย่างหาทางหนีทีไล่  ริมฝีปากเดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวเบ้ทำให้แม่ที่กำลังมองอยากจะจับลูกชายมาฟัดให้หายหมั่นเขี้ยว วิคเตอร์ดึงเสื้อให้ปิดพุงกลมๆไว้อย่างหวงแหน ใบหน้างองุ้มเตรียมจะร้องจ้าจริงๆถ้าแม่ยังเข้ามาใกล้

“โอ๋ๆ ไม่เล่นแล้วครับๆ มาหาแม่มา” แขนเรียวอ้าออกกว้างรอให้เด็กชายเข้ามากอด ซึ่งวิคเตอร์มีท่าทางลังเลเล็กน้อย ก่อนเด็กชายจะโถมกอดแม่ทั้งตัว ใบหน้ากลมแป้นแนบซุกลาดไหล่ รู้สึกเพลิดเพลินจนอยากจะหลับขึ้นมาอีกรอบกับสัมผัสที่ลูบแผ่นหลังไปมา

“ป่ะ ไปอาบน้ำแล้วไปโรงเรียนกันนะ พ่อรออยู่ข้างล่างแล้ว” ใบหน้ากลมแป้นงองุ้มขึ้นมาทันที แขนป้อมยิ่งกอดคอมารดาแน่นขึ้น ก่อนเสียงสะอื้นจะหลุดจากริมฝีปาก

โรงเรียน โรงเรียนอีกแล้ว

ไม่ไปได้ไหม

ปากเบ้ เสียงมา แต่ไร้น้ำตา อาการเรียกร้องความสนใจของเด็ก

ริมฝีปากเล็กกำลังจะอ้าออกเตรียมร้องจ้าเพื่อขอความเห็นใจ แต่หญิงวัยกลางคนก็เข้าประชิดตัวเสียก่อน พร้อมทั้งอุ้มร่างน้อยขึ้นในวงแขน กดจมูกฝังแก้มนุ่มแล้วสูดลมหายใจเข้าไปแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว

“วิคเตอร์อยากให้พ่อกับแม่รักหนูไหม” ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แขนเรียวกระชับร่างลูกน้อยแนบอกมากยิ่งขึ้นพร้อมทั้งมองสบตาใสๆที่ไหววูบ ก่อนหัวกลมๆจะพยักหน้าขึ้นลงถี่ๆพลางเม้มปากแน่น อีกทั้งน้ำใสๆยังรื้นขอบตาทำท่าจะหยดแหมะเสียให้ได้ จนผู้เป็นแม่ต้องยื่นหน้าไปหอมแก้มยุ้ยๆอีกสักทีเพื่อปลอบใจ

“ถ้าน้องเตอร์อยากให้พ่อกับแม่รัก หนูต้องไปโรงเรียน” ทันทีที่ยื่นข้อต่อรองเสร็จ ริมฝีปากเล็กๆก็เบะออกควัน อยากให้พ่อกับแม่รัก แต่ไม่อยากไปโรงเรียน เพราะไปโรงเรียนจะทำให้ไม่ได้อยู่บ้าน ไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่

วิคเตอร์ยกแขนป้อมๆสองข้างขึ้นกอดผู้เป็นแม่แล้วเอนหัวซบไหล่อย่างประจบ คนถูกอ้อนหัวเราะขำขันกับท่าทีนั้นแล้วลูบผมนิ่มแผ่วเบา

“ว่าไง จะไปไหม ถ้าไม่ไป.. พ่อกับแม่ ไม่รักจริงๆนะ”

สิ่งที่เด็กกลัวที่สุดคือการที่พ่อแม่ไม่รัก เพราะงั้นไม่ต้องรอให้เสียงหวานๆต้องย้ำอีกเป็นรอบที่สอง วิคเตอร์ก็ดันหน้าตัวเองเงยขึ้นมองสบตาแล้วพยักหน้าขึ้นลงถี่ๆพร้อมทั้งพูดประกอบ

“ไป ไป ไปแล้ว ไป รักนะ” ทวงถามหาคำว่ารัก เพราะอยากมั่นใจว่าแม่จะรักตัวเอง ทว่าคนเป็นแม่กลับนิ่งเงียบ แกล้งทำเป็นมองไปทางอื่นเสียอย่างนั้น ปากเล็กๆจึงเริ่มยื่นพร้อมทั้งลำตัวก็เริ่มดิ้นทว่าสองแขนกลับรัดรอบลำคอมารดาไม่ปล่อย

“รักนะ รักนะ” ย้ำอีกครั้งพร้อมทั้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ก่อนจะหอมแก้มนุ่มๆของแม่ แล้วผละมามองหน้า ดวงตาใสๆเริ่มรื้นด้วยน้ำตา จนคนเป็นแม่ที่เดิมทีตั้งใจจะแกล้งให้มากกว่านี้กลับใจอ่อนยวบ แกล้งต่อไม่ลง เธอพยักหน้าขึ้นลงแล้วหอมแก้มลูกชายเสียฟอดใหญ่

“รักสิครับ ลูกชายแม่ทั้งคน”

แค่คำพูดแค่นั้นก็สามารถสร้างรอยยิ้มกว้างขวางให้ปรากฏบนริมฝีปากของเด็กชายได้แล้ว

 

. . . .

 

การไปโรงเรียนวันแรกไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เคยได้ยินมา มันค่อนข้างดีด้วยซ้ำ วิคเตอร์มีเพื่อนที่โรงเรียนเยอะแยะเลย ใครๆต่างก็เรียกหาวิคเตอร์ ที่สำคัญวิคเตอร์ได้รับคะแนนโหวตอย่างท่วมท้นจนได้เป็นหัวหน้าห้องด้วยนะ

เมื่อกลับมาบ้าน เด็กชายก็เล่าประสบการณ์การไปโรงเรียนวันแรกให้พ่อกับแม่ฟังอย่างตื่นเต้น วันแรกของการไปโรงเรียนนั้นสำคัญมาก เพราะมันจะเป็นตัวบอกว่าลูกรักจะงอแงไม่ไปในวันต่อๆมา หรือจะไปดีๆโดยไม่ต้องให้พูดซ้ำๆ จากวันนี้ที่ได้ฟังสิ่งที่ลูกตัวน้อยเล่า ก็ทำให้ทั้งพ่อและแม่วางใจจนยิ้มไม่หุบกันเลยทีเดียว

แม้จะล่วงเข้าสู่สัปดาห์ที่สามแล้ว วิคเตอร์ก็ไม่มีอาการงอแงให้เห็น แต่อย่างไรเสีย เด็กก็คือเด็ก วิคเตอร์เฝ้ารอวันศุกร์เสมอ วันศุกร์แสนสุข นอนดึกได้ แล้วยังได้ดูการ์ตูนเรื่องโปรดอีก เพราะวันเสาร์ไม่ต้องไปโรงเรียน

และแน่นอนว่าวันนี้คือวันศุกร์ที่รอคอยมานาน

นาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามโมง เป็นเวลาเดียวกับที่รถโรงเรียนวิ่งมาจอดเทียบประตูรั้วหน้าบ้าน  ทันทีที่ประตูรถเปิดออกเด็กชายก็รีบวิ่งลงจากรถโดยไม่ลืมหันกลับไปสวัสดีคุณครูและโบกมือบ๊ายบายเพื่อน

วิคเตอร์มองตามรถที่วิ่งไกลออกไปทั้งยังโบกไม้โบกมือไม่หยุด จุดโฟกัสของสายตาคือเด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มที่เปรียบเสมือนฮีโร่ของตนที่เกาะเบาะหลังรถ โบกมือยิ้มเต็มสีหน้า

น้องพัดอะ ฮีโร่ตัวจริงเลยนะ วิคเตอร์ยังจำวันแรกของการไปโรงเรียนได้ พ่อมาส่งที่โรงเรียน แต่พอรถจอดเขาก็นึกว่าพ่อจะเข้าไปนั่งเรียนด้วย แต่พ่อกลับทิ้งให้เขาอยู่โรงเรียนคนเดียว! วิคเตอร์ร้องไห้งอแงหน้าประตู รู้สึกใจหายถ้าจะต้องอยู่ในที่แปลกๆเพียงลำพัง

ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ จะกลับบ้าน!!

และวิคเตอร์คงจะได้กลับบ้านสมใจ ถ้าหากไม่มีน้องพัด เด็กหญิงตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มเข้ามาจูงมือและมาโอ๋ไว้ วินาทีนั้นเด็กชายงงตึ้บ กอดทำไม โอ๋ทำไม น้องพัดเป็นผู้หญิง พ่อจ๋าสอนว่าผู้ชายต้องปกป้องผู้หญิง ไม่ใช่ผู้หญิงมาปกป้องผู้ชาย

คิดได้อย่างนั้นมือป้อมก็รีบเช็ดหน้าเช็ดตา ปาดน้ำตาจนหมดจด เมื่อสติมา วิคเตอร์ก็หน้าแดงแปร๊ด ความอายพุ่งจู่โจมจนไม่กล้ามองหน้าน้องพัด แต่น้องพัดกลับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ ก่อนจะจูงมือเขาเข้าโรงเรียนไปด้วยกัน

น้องพัดน่ะ ฮีโร่เลย ไม่กลัว ไม่ร้องไห้ เก่งที่ซู้ดด

เด็กชายคิดพลางหัวเราะกับตัวเอง รถโรงเรียนวิ่งไปไกลจนลับสายตาไปแล้ว มือป้อมข้างหนึ่งล้วงลงกระเป๋ากางเกงนักเรียน กำลูกแก้วสามลูกที่เล่นชนะเพื่อนมา ตั้งใจจะเอามาอวดแม่จ๋า แล้วพอพ่อกลับจากทำงานค่อยอวดพ่ออีกที

ดีดลูกแก้วลงหลุมวิคเตอร์เพิ่งเคยได้เล่นเป็นครั้งแรกก็วันนี้ แถวบ้านไม่มีเพื่อนเล่น ไม่สนุก ได้แต่นอนดูทีวี แต่เขาก็ชอบ ไปโรงเรียนมีอะไรใหม่ๆให้เล่นเสมอ ต๊อดเพื่อนตัวโตมักจะเป็นหัวโจกเอาของเล่นใหม่ๆมาเล่นเสมอ วันนี้ต๊อดมีลูกแก้วมาเล่น วิคเตอร์ก็ได้แต่ดู เพราะไม่มีลูกแก้ว แต่ต๊อดให้มาหนึ่งลูก ต๊อดใจดี เกมส์นี้เล่นไม่ยาก แค่ดีดๆลูกแก้วให้ลงหลุมที่ขุดไว้ แล้วก็ดีดลูกแก้วของคนอื่นๆ วิคเตอร์ดีดโดนหมดเลย เลยได้ลูกแก้วสวยๆพวกนี้มา

เด็กชายกำลูกแก้วในมือแน่นแล้ววิ่งรี่เข้าบ้าน ทั้งอยากอวด ทั้งคิดถึงแม่สุดใจ!

“แม่จ๋า! แม่!” ปากร้องเรียก สองขาก็วิ่งไปทั่ว เมื่อได้กลิ่นหอมๆที่ลอยมาปะทะจมูกก็ทำให้ขาสั้นๆวิ่งตรงไปยังห้องครัวโดยไม่ลังเล แล้วก็ไม่ผิดจากที่คิด เมื่อเห็นแผ่นหลังของแม่พิมยืนอยู่หน้าเตาไฟ เมื่อได้ยินเสียงวิ่งตึงตัง พิมพาก็หันมามองแล้วคลี่ยิ้มอ่อนโยน

“ค่อยๆวิ่งสิลูก เดี๋ยวลื่นล้มหัวแตกขึ้นมาจะทำยังไง” เธอเอ่ยดุไม่จริงจังนัก แต่วิคเตอร์ไม่สนใจ รีบปลดกระเป๋าออกจากหลังวางไว้บนโต๊ะแล้ววิ่งโร่ไปหาแม่ ก่อนแบมืออวดของเล่นใหม่

“อะไรน่ะ”

“ลูกแก้วว เล่นชนะ” บอกพร้อมทั้งยิ้มแป้น

“เก่งมากเลยลูกรัก” เธอว่าพลางขยี้ผมสีเข้มอย่างนึกเอ็นดู “ว่าแต่คนเก่งของแม่หิวหรือยังเอ่ย”

“หิวแล้ววว วิคเตอร์อยากกินเฟร้นฟรายฝีมือแม่”

ประจบเข้าไปอีกหน่อย แล้วอย่างนี้จะไม่ให้แม่รักแม่หลงได้ยังไง

พิมพาหัวเราะก่อนจะบอกให้ลูกไปล้างไม้ล้างมือแล้วมานั่งรอที่โต๊ะรับประทานอาหาร

วิคเตอร์คือสิ่งเติมเต็มที่มาทำให้ให้ครอบครัวของชายหญิงคู่นี้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น สามปีที่มีลูกตัวน้อยมา ทำให้โลกของเธอมีแต่ความสุข วิคเตอร์เองก็มีความสุขที่ได้อยู่กับพ่อกับแม่ แต่ใครล่ะจะรู้ ว่าวันหนึ่ง ความสุขที่เด็กชายหวงแหนจะถูกแบ่งครึ่ง ทุกๆอย่างจะถูกหารสอง..

ถึงวันนั้น เด็กคนหนึ่งที่ได้รับความรักอย่างท่วมท้นคนเดียวมาตลอดจะเป็นอย่างไรนะ

 






TBC.
ยู๊ฮูวววววววววววววววว คิดถึงที่สุดเลยยยยยยย  :katai3:
พาน้องต้ากับพี่เตอร์ตอนเด็กมาฝากกกก น่ารักป่ะล่าา 5555
พี่เตอร์ตอนเด็กก็น่ารักมุ้งมิ้งไม่หยอกนะ(?)
ไว้พบกับเปอร์เซ็นต์ที่เหลือเร็วๆนี้น้าาา จ๊วบบ
รักเหมือนเดิมม  :กอด1: :กอด1:
NNEW.
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: jambool ที่ 20-07-2014 19:24:43
 :กอด1:  คิดถึงจังค่ะ

หรือเตอร์จะคิดว่าน้องเกิดมาเพื่อแยงความรักของแม่
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 21-07-2014 22:33:09
น่ารักที่สุด <3
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 24-07-2014 20:49:51
คิดถึงเรื่องนี้มากกกกก ๆ เลยย

พี่เตอร์ตอนเด็กๆนี่ก็น่ารักมุ้งมิ้งดีนะ
คิดถึงน้องต้า รอที่เหลือน๊าาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: akkharadech ที่ 28-02-2015 11:15:08
ค้างๆๆๆๆกลับมาเคลียรก่อนจบแบบนี้ไม่ได้นะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: army_ed ที่ 08-04-2015 06:18:17
จบแบบค้างคาในใจ :katai1: :katai1: :hao5: :hao5: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 30-07-2015 12:09:39
คนเขียนลืมมาต่อส่วนที่เหลือหรือเปล่าน่าาาา  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 30-07-2015 12:54:35
เตอร์น่ารักเฟ่อร์ :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: tepzakiku ที่ 02-08-2015 19:01:42
กลับมาต่อเรื่องนี้ให้จบนะคะ ชอบมากๆๆๆเรื่องนี้ :a5:

รักจิม คิดถึงคนอ่านนะคะ :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Flowerrice13 ที่ 03-08-2015 20:51:31
จบแย่มาก เรารักจิมอะ รักจิมมมมมม
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 03-08-2015 23:21:05
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 23-11-2015 20:50:56
ผูกเรื่องอีลุงตุงนังไปหมด จบไม่เคลียร์อะไรสักอย่าง แล้วตัวละครที่สร้างมาบางตัวก็หายไปดื้อๆ บอกตรงๆ เพลียยยยยยยย

 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: kanomjeeb ที่ 02-12-2015 01:37:14
ไม่ใช่แค่จบไม่เคลียร์เรื่องติม แต่สำหรับเราไม่เคลีนร์สักเรื่องเลย

เซม แซม ริว หายไปดื้อๆ แก๊งเพื่อนที่จู่ๆก็โผล่มาเต็มไปหมด กลายเป็นว่าเราจับจุดเรื่องนี้ไม่ได้เลย เ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 25-06-2017 12:13:44
 :mew1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 26-06-2017 22:09:06
จบปิ้ง แสงหิ่งห้อย ริบหรี่ มีใครสมหวังในความรักบ้างหว่า
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Napa ที่ 28-06-2017 09:27:18
จบแล้วหรอ   :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 15-07-2017 14:25:48
อ้าวเฮ้ย~ไม่เหมือนที่คุยกันใว้นี่นา
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 10-06-2018 17:18:30
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ  เนื้อเรื่องเป็นอะไรที่อ่านแล้วใจจะขาด อ่านไปต้องหยุดพักไปเป็นระยะ ใจไม่แข็งพอ ชอบนิยายเรื่องนี้นะคะ แต่แอบขัดใจตอนจบนิสสนึง
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: เงาเดือน ที่ 10-11-2018 07:51:31
คุณหลอกดาว  :ling1:
หัวข้อ: Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์สาววาย ที่ 01-01-2019 14:23:06
รอเสมอ....