ตอนที่ 25 ประมูล 50%
01:15 AM
คนจำพวกหนึ่ง...
เห็นความทรมานของคนอื่นเป็นเพียงความบันเทิง
และมีคนจำนวนไม่น้อย...
ที่คิดว่าทุกอย่างในโลกนี้สามารถซื้อได้ด้วยเงิน
เสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ไม่ว่าจะตะโกนออกมาเท่าไหร่ ก็ส่งไปไม่ถึงคนอื่นที่อยู่ในโรงละครแห่งนี้... กลับกันเสียงเฮและเสียงเชียร์จากผู้ชมด้านล่างยิ่งทวีความดังขึ้น ตอกย้ำให้รู้ชัดถึงความดำมืดในจิตใจของมนุษย์
“ฮึก! อย่า..” ผมขยับบั้นท้ายหนีสัมผัสชื้นแฉะที่ดุนลิ้นเลียแก้มก้น ทั้งตัวสั่นระริกด้วยความขยะแขยง มือสั่นเทาสองข้างเอื้อมไปด้านหลังหมายจะดึงกางเกงที่หลุดกองตรงโคนขาขึ้นมาไว้เหมือนเดิม ทว่ามือข้างนั้นกลับชะงักค้างกลางอากาศก่อนจะจิกครูดไปกับพื้นไม้อย่างแรงเมื่อมือหนาข้างหนึ่งสอดเข้ามาใต้เสื้อแล้วบีบขยี้ตุ่มไตอย่างหนักหน่วง พลันมืออีกข้างที่ว่างแหวกหนั่นเหนือให้แยกออกจากกันก่อนลิ้นร้อนจะฉกวูบตวัดเลียตรงปากทาง
ผมก้มหน้าต่ำจนแก้มแนบติดกับพื้นเย็นๆ กัดฟันแน่น ร่างเกร็งสั่นไปทั้งร่าง เรี่ยวแรงเหือดหายจนลำตัวช่วงบนฟุบลงไปกับพื้น ทว่าช่วงเอวกลับลอยเด่นท้าสายตาคนมองด้วยมือหนาที่ประคองอยู่ ผมส่งเสียงร้องห้ามไม่ขาดปาก แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ลิ้นร้อนละเลงรัวจนได้ยินเสียงน้ำลายเจ๊าะแจ๊ะแสลงหู!
ผมสูดหายใจดมกลิ่นไม้เข้าปอดครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนสัมผัสชื้นแฉะตรงบั้นท้ายจะหายไปพร้อมกับรู้สึกได้ถึงลำตัวที่ถูกพลิกให้นอนหงายและแว่วได้ยินเสียงคลิ๊กเหนือหัว ผมลืมตาแหงนมองไปด้านบน พลันหน้าเผือดสีก่อนจะกระตุกแขนอย่างแรง
เคร้ง!
เสียงนี้เป็นเสียงที่ตอกย้ำให้รู้ถึงสภาพไร้ทางหนี มือทั้งสองถูกพันธนาการด้วยกุญแจข้อมือ โซ่ที่เป็นตัวเชื่อมตัวล็อกข้อมือทั้งสองคล้องติดกับกับซี่เหล็กของกรง
!!!
“...อย่า!” ผมสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะยกขาตั้งชันกับพื้นแล้วหนีบเข้าหากันทันทีที่นิ้วหยาบเขี่ยตรงรอยจีบด้านหลังอย่างสนุกมือ คนนัยน์ตาดุหัวเราะพราวในลำคออย่างพอใจ ละนิ้วจากปากทาง ก่อนมือหยาบจะวางบนผิวเนื้อเปลือยเปล่า สัมผัสโคนขาและลากสูงขึ้นเรื่อยๆจนพาเอาเสื้อที่ปิดลำตัวร่นขึ้นจนชายเสื้อกองอยู่เหนืออก เผยให้เห็นผิวเนื้อเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์
มือหยาบวางบนแผ่นอกก่อนจะใช้นิ้วคีบตุ่มไต้แล้วลดหน้าลงต่ำกดริมฝีปากครอบครองพลันตวัดลิ้นดูดเลียจนเกิดเสียงดังน่าอาย! ผมดิ้นสุดแรงราวถูกน้ำร้อนราด มือที่ถูกตรึงเหนือหัวกระตุกไปมาหวังจะให้หลุดจากพันธนาการจนข้อมือเจ็บร้าวขึ้นรอยช้ำ
“เป็นบุญของกูจริงๆ ได้มาเชยชมสิ้นค้าไร้ตำหนิอย่างนี้” เสียงแหบพร่าพูดบอกด้วยนัยน์ตากระหายอยาก พลันร่างหนาเคลื่อนกายเปลี่ยนอิริยาบถกลับหัวกลับหางจนหน้าขาของเขาคล่อมอยู่ตรงหน้าผม ผมเบิกตามองแก่นกายแข็งขืนที่ชี้หน้าอย่างตื่นกลัว
เพียงแค่เห็นก็ทำให้สะอิดสะเอียนจนต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เขากดท่อนเนื้อแข็งโด่ที่มีเส้นเอ็นปูดนูนไปทั้งลำแนบติดแก้มก่อนจะขยับเอวแล้วถูไถไปมา ผมขนลุกซู่ หลับตาปี๋แล้วเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความกลัว พลันเสียงรอบข้างที่ดังมาตลอดเงียบไปอึดใจก่อนเสียงห้าวของบุรุษเพศจะดังแทรกผ่านบรรยากาศเข้ามา
“เด็กคนนี้ผมให้ 1,000,000!”
สิ้นคำพูดก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นจนกู่ไม่กลับ ต่อจากนั้นก็มีอีกหลายเสียงที่แย่งกันบอกจำนวนเงินทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาประมูลทำให้บรรยากาศในนี้ยิ่งดุเดือดมากขึ้น ผมเบิกตากว้าง หนาวเหน็บไปทั้งกายและใจ
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าท่อนเนื้อที่จ่อแก้มผมอยู่ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นช้าๆ! ร่างหนาหยัดกายขึ้นสูงแล้วจับหน้าผมให้เบือนกลับมา มือหนาที่ราวกับคีมเหล็กข้างหนึ่งบีบแก้มผมอย่างแรงบังคับให้อ้าปากออก ผมไม่ยอม เม้มริมฝีปากแน่นขึ้นจนปากบนและล่างเจ็บระบมคล้ายกับเนื้อจะหลุดออกจากกัน
ยิ่งเห็นผมขัดขืน มือข้างนั้นก็ยิ่งบีบแรงขึ้นจนกรามร้าวแทบแหลกคาปาก ครั้นเมื่อริมฝีปากเผยอออกเพียงนิด คนตรงหน้าก็ไม่รอช้าจ่อส่วนปลายที่เงาเป็นมันชำแรกเข้าริมฝีปากผมทันที!
“อื้อ!!!” กลิ่นคาวฉุนกึกคลุ้งในปากจนสะอิดสะเอียน ผมครางอื้ออึงในลำคอส่ายหน้าหนีเป็นพัลวัน
เสียงเชียร์ที่เงียบหายไปกลับมาดังกึกก้องอีกครั้ง จนปลุกอารมณ์เถื่อนของอีกคนให้ลุกฮือ มือข้างนั้นยังบีบปากผมไว้ไม่คลาย เมื่อสบโอกาสเขาไม่รอช้าที่จะกดท่อนเนื้อแข็งขืนเข้ามาในปากผมมากขึ้น น้ำเมือกใสๆไหลลงคอทำให้อยากสำรอกซะเดี๋ยวนั้น มือหนาบีบแก้มผมแรงขึ้นก่อนจะขยับเอวสวนแก่นกายเข้ามาอย่างต่อเนื่องจนส่วนหัวแทบจะผลุบลงคอ! ผมตาเหลือกแทบสำรอกอยู่รอมร่อ
เขากดท่อนเนื้อแช่ค้างไว้ในปากก่อนจะเอนกายต่ำลงจนผมสัมผัสได้ถึงลมร้อนที่หายใจรินรดหน้าท้อง พลันมือหยาบปล่อยจากแก้มผมแล้วจับขาของผมที่ชันพื้นบังคับให้แยกออกจากกัน ผมผวากระตุกมือหมายจะทุบตีคนด้านบน ทว่าแขนกลับสั่นพร่าเมื่อความเจ็บแล่นปราดจากแรงกระชากอย่างรุนแรง ผมหอบหายใจ พยายามเบือนหน้าหนีจากสิ่งที่ค้างคาในปากและหุบขาเข้าหากัน แต่แรงของเขามีมากเกินไป.. อีกทั้งสะโพกหนาเริ่มหมุนควงแก่นกายที่คับแน่นปากอย่างเชื่องช้าพลางครางต่ำในลำคอ ก่อนจะดึงมันออกแล้วอัดสวนเข้ามาลึกกว่าเดิมจนมิดโคน ผมตาเหลือกเกร็งสั่นไปทั้งร่าง หูแว่วได้ยินเสียงหัวเราะหึอย่างสาแก่ใจ ก่อนมือหยาบจะดันขาผมให้อ้าออกจากกันมากขึ้นแล้วยกสะโพกของผมขึ้นสูง แหวกหนั่นเนื้อจนเผยให้เห็นปากทางสีเรื่อที่ปิดสนิท
พลันเสียงอื้ออึงที่มีมาตลอดเงียบกริบไปอึดใจก่อนจะตามมาด้วยเสียงที่แย่งกันบอกราคา!
“2,000,000!”
“2,500,000”
“5,000,000!! จ่ายสด! ยกเลิกการแสดงแล้วส่งเด็กคนนั้นมา!!!”
ทว่าเสียงเหล่านั้นไม่อาจหยุดยั้งการกระทำของเขาได้ เขาหัวเราะเสียงต่ำในลำคอก่อนจะขยับเอวซอยท่อนเอ็นเข้าออกริมฝีปากผมครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมทั้งปลายนิ้วหยาบที่ค่อยๆเคลื่อนต่ำเขี่ยรอบปากทางปิดสนิทก่อนจะโฉบหน้าลงตวัดลิ้นรอบรอยจีบและดูดเลียด้วยความกระหายจนผมขนลุกซู่บิดไปทั้งร่าง
“อื้อ!! อ่า!!!!” ผมร้องประท้วงในลำคอ เพราะท่อนเนื้อที่คาปากทำให้ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาเป็นคำพูดได้ มือที่ถูกพันธนาการไว้จิกลงบนหลังมืออย่างแรงเพื่อระบายความรู้สึกที่ล้นปรี่ เสียงลิ้นและเสียงสูดน้ำลายทำให้หน้าผมร้อนฉ่า หัวใจเต้นรัวจนยอกไปทั้งอก น้ำตาไหลลงหยดแล้วหยดเล่าด้วยความเจ็บช้ำ ก่อนจะสะดุ้งเฮือกสุดตัวเมื่อนิ้วหยาบที่ป้วนเปี้ยนตรงปากทางในตอนแรกจะค่อยๆชำแรกเข้ามาภายในโดยไม่ทันตั้งตัว!
ช่องทางขมิบต่อต้านสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาโดยอัตโนมัติ ความเจ็บแล่นไปทั้งร่างราวกับมีเข็มนับพันเล่มวิ่งผ่านอากาศปักไปทั้งตัวและหัวใจ! ทว่าในเสี้ยววินาทีต่อมา ความเจ็บและความอึดอัดที่กำลังเผชิญก็มลายหายไปอย่างรวดเร็ว! ผมเปิดเปลือกตาขึ้นมองภาพตรงหน้าอย่างตระหนก ในสายตาเห็นร่างของชายนัยน์ตาดุถูกขนาบซ้ายขวาด้วยชายร่างใหญ่ในชุดสูทสองคน เขาร้องโวยวายสะบัดตัวอย่างแรงจะให้หลุดจากการจับกุม ทว่ากลับดิ้นไม่หลุดก่อนจะถูกลากให้ออกจากกรงไป
“ปล่อย!! ปล่อยกู!!!” เขาดิ้นฮึดฮัดสบถหยาบด่าลั่นก่อนที่ร่างนั้นจะลับหายไปในความมืด
ประตูกรงที่เปิดทิ้งไว้ เป็นโอกาสหนีที่ผมทำได้แค่มอง..
เสียงเชียร์จากคนดูในคราแรก แปรเปลี่ยนเป็นเสียงก่นด่าและทวีความรุนแรงขึ้นตามระดับความไม่พอใจ ผมขมวดคิ้วมองความโกลาหลเบื้องล่างด้วยความมึนงงก่อนจะหุบขาเข้าหากันแล้วค่อยๆยันตัวขึ้นนั่ง
ตุ้บๆ!
ชายที่ยืนอยู่หลังแท่นบัลลังก์เคาะค้อนเสียงดังเพื่อดึงความสนใจของคนด้านล่างให้กลับมายังตน อึดใจต่อมาเสียงก่นด่าค่อยๆจางหายไปในอากาศและที่แห่งนี้ก็กลับมาเงียบกริบอีกครั้ง ผมไล่สายตามองบรรดาคนที่นั่งบนเก้าอี้ทีละคน แม้ใบหน้าของพวกเขาเหล่านั้นจะนิ่งเรียบแต่ก็ซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ไม่มิด สถานการณ์มาคุยิ่งขึ้นจนพิธีกรหน้าเจื่อน ก่อนจะกระแอมไอ แล้วโค้งต่ำจนศีรษะและลำตัวช่วงบนขนานไปกับพื้น เพียงครู่หนึ่งก็หยัดตัวขึ้นแล้วเปล่งเสียงพูดผ่านไมค์โครโฟน
“ผมต้องขอโทษทุกท่านจริงๆครับกับความผิดพลาดที่คนของเราล่วงเกินสินค้าเกินกว่าที่ได้ตกลงกันไว้ แต่ถึงอย่างนั้น ผมกล้ารับประกันความสดใหม่ของสิ้นค้าชิ้นนี้ที่ไร้เดียงสาราวกับเด็ก 9 ขวบได้เลยครับ รับรอง ทุกท่านจะไม่ผิดหวัง!”
แม้จะรอดจากเหตุการณ์เมื่อกี้มาได้อย่างหวุดหวิดแต่ผมก็ยังไม่รู้สึกปลอดภัย ผมก้มหน้าหลบสายตาหลายคู่ของคนด้านล่างที่กำลังจ้องมองมา
ชายทื่ยืนบนเวทีหลังแท่นบัลลังก์ก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือก่อนจะพูดประโยคที่ทุกคนรอคอย
“เพื่อเป็นการขอโทษ การประมูลจะถูกเลื่อนเวลาให้เร็วกว่าตอนแรกที่ได้กำหนด ราคาประมูลเริ่มต้นที่ 7,000,000 บาทครับ!”
สิ้นเสียง บรรยากาศในนี้ก็ราวกับลุกเป็นไฟ สายตาของพวกเขาเหล่านั้นมองมาที่ผมอย่างหมายมาด เสี้ยวนาทีต่อมา ในโรงละครแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยสรรพเสียงที่ตะโกนบอกราคาไม่หยุด!
“8,000,000 บาท!”
“8,500,000
“10,000,000 บาท!!”
“12,000,000!”
ผมกวาดสายตามองไปรอบด้านด้วยความตื่นตะลึง ขาที่ตั้งชั้นกับพื้นยิ่งเบียดกันแน่นขึ้นด้วยความหนาวเหน็บที่โจมตีไปทั้งตัว
“20,000,000!!!”
ขาดคำทั้งโรงละครนี้ก็เงียบกริบไปชั่วครู่ พลันเกิดเสียงฮือฮาไปทั้งห้อง หลายสายตามองหาว่าเจ้าของเงินยี่สิบล้านนั้นคือใคร
พิธีกรที่ยืนหลังแท่นบัลลังก์แสยะยิ้มพอใจ
“มีผู้เสนอราคา 20,000,000 บาทนะครับ” เขากวาดสายตาไปทั่วทุกที่นั่งแล้วพูดต่อ “มีท่านใดจะเสนอราคามากกว่านี้มั้ยครับ”
ทุกคนเงียบกริบไม่มีใครกล้าเสนอเงินมากไปกว่านี้
“20,000,000 ครั้งที่1..” เสียงทุ้มกดต่ำ เริ่มนับถอยหลัง ในโรงละครเริ่มเกิดเสียงซุบซิบระลอกใหญ่ ทว่าก่อนที่พิธีกรจะนับเป็นครั้งที่ 2 ก็มีเสียงห้าวเข้มที่ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“50,000,000!”
เกิดเสียงฮือฮาดังยิ่งกว่าครั้งแรก และโดยที่ทุกคนไม่ต้องมองหาว่าคนกระเป๋าหนักคนนั้นคือใคร ที่นั่งบริเวณตอนกลางก็ปรากฏร่างชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืนแสดงตัวช้าๆ
“50,000,000 บาทแล้วครับ ท่านอื่นจะเสนอราคาที่มากกว่านี้หรือเปล่าครับ!? มีหรือเปล่าครับ!? ถ้าไม่มีท่านใดเสนอราคามากกว่านี้ จะตกลงที่ราคา 50,000,000 บาทนะครับ!” สิ้นเสียงมือหนาก็ตวัดค้อนทุบลงบนแท่นบัลลังก์เพื่อยุติการประมูลในครั้งนี้
ผู้ชนะในการประมูลปรายตามองผมก่อนจะยิ้มมุมปากช้าๆ เป็นยิ้มที่อบอุ่น.. แต่ทำไม สายตาคู่นั้นถึงดูอันตราย ..อันตรายจนผมไม่กล้ามองสบตาด้วย
“เพื่อเป็นการไถ่โทษจากเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ นายใหญ่จึงส่งของมาอีกชิ้นเพื่อเป็นการขอโทษท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน” พลันสายตาของคนดูในโรงละครแห่งนี้ก็หันเหความสนใจไปทีข้างเวที ที่ปรากฏร่างขาวจัดที่ผมจำได้ดีว่าใครกำลังถูกชายชุดดำคนหนึ่งคุมตัวมาเดินมายังกลางเวที
พี่ริว..
“ท่านใดที่มีความประสงค์อยากจะเล่นกับของเล่นชิ้นนี้ เชิญขึ้นมาบนเวทีได้เลยครับ! ผมขออาสาสมัคร 5 คนครับ!”
เกิดเสียงฮือฮาดังไปทั่ว ทุกคนต่างมองหน้ากันและยังไม่มีใครกล้าลุกขึ้นยืน พลันชายชุดดำอีกคนที่เดินขึ้นมาบนเวทีตรงรี่เข้ามาหาผม เขาจัดการไขกุญแจข้อมือทั้งสองข้างออกให้และถอยไปยืนคอยคุมเชิงห่างจากผมประมาณสามฟุต
ทันทีที่เป็นอิสระ ผมก็รีบกวาดสายตามองไปรอบด้านอย่างหวาดระแวง เอื้อมมือสั่นเทาที่เจ็บช้ำจากการกระตุกดึงกางเกงให้ขึ้นมาปิดบังช่วงล่างไว้อย่างเดิม
ผมหันไปมองพี่ริวที่หันมาทางนี้พอดี นัยน์ตาคู่นั้นเบิกกว้างกวาดมองผมทั้งตัวด้วยความตกใจ
พี่ริวดิ้นอย่างแรง กางมืออีกข้างที่ว่างตวัดจิกข่วนใบหน้าของคนที่คุมตนอยู่จนร่างนั้นเผลอคลายแรงจับและยกมือกุมหน้าด้วยความเจ็บแสบ พี่ริวไม่รอช้าวิ่งตรงมาที่ผมทันที ผมหันรีหันขวาง มองร่างใหญ่ที่คุมเชิงอยู่อย่างหวาดๆ แต่ก็ตัดสินใจวิ่งออกจากกรงไปหาพี่ริวเช่นกัน จวบจนเมื่อมือของเราจับกัน เสียงห้าวที่ดังมาจากด้านล่างก็ตะโกนสั่งด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจ!
“จับตัวมันไว้! อย่าให้มันพาเด็กคนนั้นหนีไปได้เด็ดขาด!”
นั่นเป็นเสียงที่ผมจำได้ไม่ลืม
พี่แซม...
สิ้นคำพูด นาทีต่อมาบนเวทีแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยร่างของชายฉกรรจ์ในสูทสีดำตีวงล้อมรอบเราสองคน ปิดทางหนีไว้ทุกทาง!
ไม่รอดแน่ๆ.. ต้อง ...ต้องไม่รอดแน่ๆ!
นั่นคือสิ่งที่ผมคิดในใจ ผมบีบมือที่จับกับพี่ริวแน่นกว่าเดิม หันไปมองคนข้างกายที่หน้าซีดเผือด ก่อนเขาจะกระชากแขนผมให้ออกวิ่งหวังจะฝ่าวงล้อมออกไป ทว่าหนึ่งในชายชุดดำกลับพุ่งเข้ามาและกระแทกพี่ริวอย่างแรงจนมือของเราหลุดออกจากกัน ร่างพี่ริวล้มกระเด็นกองกับพื้นอย่างแรงจนลุกไม่ขึ้น
หัวใจผมเต้นรัว ความกลัวทำให้ขาอ่อนเปลี้ย.. ผมยืนละล้าละลัง ไม่กล้าสู้ และไม่อยากถอย.. ความรู้สึกตีตื้นขึ้นมาจนน้ำตาบดบังม่านตาจนมองภาพตรงหน้าไม่ชัดเหมือนเคย
เตอร์.. อยู่ไหน อึ่ก! ทำไมไม่มาช่วย!!!! เตอร์!!!
ผมกำมือแน่น ในหัวมีแต่ภาพพี่ชายเพียงคนเดียว ที่ทุกครั้งที่เกิดอะไรขึ้นกับผม เตอร์จะเป็นคนแรกที่วิ่งเข้ามาช่วยเสมอ ทำไมตอนนี้ไม่มา!!
ยังไม่ทันที่ผมจะขยับไปไหน ร่างที่พุ่งมาด้วยความเร็วเข้าชาร์จตัวผมจนขาลอยสูงเหนือพื้น เขาอุ้มผมพาดบ่าจนหัวห้อยต่ำ เลือดตกหัวจนผิวหน้าเห่อร้อนไปหมด ผมทั้งดิ้นทั้งทุบตีหลังกว้างอย่างแรงจะให้ร่วงจากบ่าแกร่ง ทว่ามือเขากลับเหนียวเกินกว่าจะหลุดจากตัวผมง่ายๆ
ชายในชุดดำไม่รอช้ารีบสืบเท้าลงจากเวทีทันที ผมใจหายวาบเมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปบนเวทีเห็นพี่ริวที่ค่อยๆไกลออกไป! พี่ริวยันตัวขึ้นจากพื้น และพุ่งตรงมาจะฝ่าวงล้อมมาหาผมให้ได้ ทว่าร่างขาวจัดกลับถูกจับกดลงบนพื้น ด้วยชายร่างใหญ่ถึงสามคน! ใบหน้าเผือดสีนั้นมองตรงมาด้วยน้ำตานองหน้า นัยน์ตาร้าวรานอย่างที่ผมไม่เคยเห็น
“ปล่อยเด็กคนนั้น!! ฮึก! ปล่อย... แพร”
ผมทุบสองมือลงกับแผ่นหลังกว้างสุดแรงเมื่อเขาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น พลันหูได้ยินเสียงกรีดร้องที่มาจากเบื้องหลังตรงที่จากมา! ..พี่ริว!
เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกที ผมก็มองไม่เห็นพี่ริวในสายตาเสียแล้ว! หัวใจปวดหนึบไปทั้งดวง ตาบวมเป่งที่ไม่คิดว่าจะสามารถผลิตน้ำตาได้อีกกลับค่อยๆกลั่นน้ำตาออกมาช้าๆ
ฮึก.. พี่ริว! จะหาพี่ริว...
เสียงกรีดร้องนั้นยังดังก้องในหูปานกับเจ้าของเสียงนั้นจะขาดใจตาย ไม่ว่าผมจะดิ้นหรือทุบตีเขาแรงแค่ไหน ร่างที่แกร่งดั่งหินผาก็ไม่สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด เขายังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อย
ความหวังครั้งใหม่ที่จุดขึ้นในใจค่อยๆมอดดับไปช้าๆ ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกนอกจากเสียงรองเท้าที่ดังกระทบพื้นและเสียงสะอื้นไห้ของตัวเอง
โชคดีไม่ได้มาเยือนเราบ่อยๆ นั่นเป็นสิ่งที่เตอร์เคยพูด..
เท้าของผมเหยียบลงบนพื้นอีกครั้งหลังจากที่เขาปล่อยผมลงจากบ่า
ความจริงที่ผมได้เรียนรู้คือ การที่เขาปล่อยผมให้ยืน ใช่ว่าผมจะสามารถหนีได้ เพราะแน่ใจว่าผมไม่สามารถหนีได้ เขาจึงกล้าปล่อย ดังนั้นผมจะไม่ไปไหน จะไม่เดิน จะไม่ทำอะไรทั้งนั้น ..นั่นคือสิ่งที่ผมตั้งใจ ทว่าความตั้งใจกลับพังทลายลง เมื่อมีอ้อมแขนแกร่งที่เข้ามารับร่างผมไว้ได้ทันท่วงทีก่อนที่ผมจะล้มฟุบไปกับพื้น
ผมยกมือขึ้นดันหน้าอกเขาไว้ แล้วมองเขาด้วยสายตาที่ข่มความกลัวไว้ไม่มิด
คนที่เข้ามารับผมไว้เป็นคนเดียวกับผู้ชายคนนั้นที่ยอมจ่าย 50 ล้านบาท มือหนายื่นมาเชยคางผมก่อนจะลูบแผ่วเบา พลันเสียงทุ้มหัวเราะต่ำในลำคออย่างพึงใจก่อนจะกดจมูกสูดดมกลิ่นกายบริเวณซอกคอแล้วกระชับร่างผมให้แนบอกยิ่งขึ้น
“คุ้มจริงๆ! หึๆ..” เขาละหน้าออกพลางคลี่ยิ้มใจดีก่อนจะใช้มืออีกข้างเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าออกให้อย่างเบามือ
“ไม่ต้องกลัวนะ ไปอยู่กับฉัน ฉันจะเลี้ยงเธออย่างดี”
__________________________________
TALK:: เอามาเสิร์ฟก่อน 50 เปอร์
เห็นคนอ่านชอบเราก็ปลื้มปริ่ม 555 แต่คาดว่าคงมีหลายคนที่อยากฆ่าพี่จิม ทั้งๆที่ตอนที่แล้วก็ทำท่าเหมือนจะมาช่วย แล้วพาร์ทนี้มันหายหัวไปไหน!!? 55555555
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์มากๆค่ะ อ่านไปก็ยิ้มไป
พบกันใหม่อีก 50%ที่เหลือนะคะ
ฝากเรื่องน้องริวค่ะ REVENGE --
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38217.60สามารถเข้าไปคุยกันได้ที่เพจน้าาาาา NNEW ffy