#Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ชอบใครที่สุดใน A BOY

น้องต้า
79 (41.6%)
วิคเตอร์
21 (11.1%)
พี่จิม
64 (33.7%)
หมอเซม
22 (11.6%)
แซมแฝดน้องพี่หมอ
4 (2.1%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 163

ผู้เขียน หัวข้อ: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26  (อ่าน 248218 ครั้ง)

ออฟไลน์ Lovecartoon1996

  • ชอบกินมาม่า
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
    • -
น่ารักเกินไปแย้วววว :ling1:

koronekojung

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดดดด ตอนนี้เอาใจไปเลยค่ะ
รักต้า รักพี่จิม รักคนแต่งด้วย !!!!!

มาเร็วทันใจอีกแล้ว  รีบมาต่อนะค๊ะ
ฟ้าหลังฝนบ่อยๆนะ 55555
 o13 o13

จุ๊บๆ


ออฟไลน์ kakaris

  • หากชีวิตเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เราสามารถให้ผู้เป็นที่รักยิ่งนั้นได้ แล้วเราจะไม่มอบให้เ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
จิมมมมม น้องน่ารักเนอะ  :-[

ออฟไลน์ tsukishi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น่าร้ากกกก :ling1:
อ้อนแบบนี้เอาไปสิบจี้เลยค้าาา

(อีกสามวันพี่จิมจะ"ทน"ไหวเร้ออ 5555)

ออฟไลน์ NNEW33

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ตอนที่ 29 อยากได้

JIM Part

วันนี้เป็นวันที่สามที่ผมมาทำงานโดยมีเด็กม.ปลายที่โตแต่ตัวติดมาด้วย มาถึงก็เหมือนเดิม อยู่ข้างนอกกับพวกคุณเร ผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวยุ่งอย่างมันจะทำให้การทำงานของคุณเรกับคนอื่นๆด้านนอกพลอยลำบากไปด้วยหรือเปล่า แต่จากคำบอกเล่า การที่มันไปขลุกตัวอยู่ด้วยก็ไม่ทำให้งานติดขัดตรงไหน พวกเธอกลับรู้สึกดีเสียด้วยซ้ำ เมื่อใครทำงานเสร็จหรือว่างงานก็จะผลัดเปลี่ยนไปเล่นกับมัน ถือเป็นการคลายเครียดได้ดี

ก็เปรมมันสิครับ มีคนใจดีไปเล่นด้วยตั้งหลายคน

มันเปรม แต่ผมนี่สิตรม

วางมือจากเอกสาร พลางใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้คลึงสันจมูกก่อนจะเปลี่ยนไปบีบนวดบริเวณสะบัก แล้วหมุนคอไปมาไล่อาการเมื่อยขบ

เมื่อเช้าตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองนอนอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ทำให้สับสนเล็กน้อยว่า จริงๆ แล้วห้องนี้เป็นของใครกันแน่ ทำไมต้องเป็นผมที่มานอนบนโซฟาแข็งๆอย่างนี้ จนพาลให้ปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด

แต่พอนึกถึงสาเหตุที่ทำให้ต้องย้ายนิวาสสถาน ก็ทำให้หมดข้อโต้เถียงใดใดกับตัวเองอีก

โอเค ผมยอม

อยู่ใกล้กับเด็กนั่น มันอันตรายเกินไป...

.....

แน่นอนว่าเวลาเลิกงานเป็นช่วงเวลาที่ใครหลายคนกำลังเฝ้ารอ หรือแม้แต่...

แอ๊ด..

ประตูบานหนาถูกเปิดออกจากด้านนอก และเพราะถูกเปิดโดยไม่มีการเคาะขออนุญาตก่อน ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าคนทำเป็นใคร

และก็เดาไม่ผิดเมื่อเจ้าของฝีมือก้าวฉับๆตรงมาหาผมอย่างหมายมาด

ดูท่ามันจะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมและชินกับสิ่งรอบตัวได้ดีเกินคาด โดยเฉพาะกับพนักงานด้านนอก ตอนนี้ไอ้ต้าก็รู้จักเขาไปทั่ว และสนิทยิ่งกว่าผมที่ทำงานกับพวกนั้นมานานเกือบ 4 ปีเสียอีก ไหนจะยังสีหน้าและท่าทางตอนเดินมาหาผม ไม่ได้ดูกล้าๆกลัวๆเหมือนกับตอนแรก

เดินมาถึงก็ไม่หยุดยืนอยู่อีกฝากของโต๊ะอย่างที่เคย มันกลับมายืนอยู่ข้างๆแล้วถือวิสาสะดึงงานออกจากมือผม ก่อนจะคว้าแขนไปจับ แล้วออกแรงดึงจนผมต้องยอมลุกขึ้นยืน

“งานยังไม่เสร็จ” พูดเสียงเรียบพร้อมทั้งก้มหน้าลงมองอีกฝ่ายที่เงยหน้ามองกันอย่างดื้อรั้น

“แต่งานเลิกแล้ว” เถียงออกมาอย่างไม่รับฟังเหตุผลอะไร อีกทั้งมือเล็กสองข้างนั้นก็บีบแขนผมแน่น

“ขอทำงานก่อน ตกลงมั้ย” พยายามพูดต่อรองอย่างใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้

“แต่จิมรับปากแล้วว่าจะพาไปซื้อ”

“ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่พาไป”

มันนิ่งไปเหมือนกำลังคิดตามคำพูดของผม

“พูดแล้วห้ามคืนคำ”

“อืม”

ทันทีที่ได้คำตอบอย่างที่หวัง มันก็ปล่อยมือออกจากแขนของผม แล้วย้ายตัวเองไปนั่งรอบนโซฟาที่จัดไว้มุมห้องเป็นมุมสำหรับดื่มน้ำชา ปกติแล้วผมก็แทบไม่มีโอกาสได้ใช้สักเท่าไหร่ มีไว้เพื่อรับรองแขกที่มาหาเสียมากกว่า

ผมหันกลับไปตั้งสมาธิกับกองเอกสารบนโต๊ะอีกครั้ง ทว่าอ่านไปได้เพียงสามบรรทัดก็ต้องสะดุดกึกเมื่อรู้สึกได้ว่าตนเองกำลังตกเป็นเป้าสายตา ลอบถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองตรงไปยังมุมห้อง สิ่งมีชีวิตที่นั่งอยู่บนโซฟาเหมือนจะรอจังหวะเวลานี้ก็รีบส่งยิ้มจนตาหยีมาให้ ผมมุ่นคิ้วเล็กน้อยทำเป็นไม่สนใจแล้วก้มลงมองเอกสารในมืออีกครั้ง

มันนั่งรอเงียบๆ ไม่ได้ส่งเสียงรบกวนอะไรก็จริงอยู่ แต่การที่มันนั่งมองผมตลอดเวลาอย่างนี้ ก็ทำให้ผมไม่มีสมาธิจดจ่อกับงานที่กำลังทำ สุดท้ายแล้วผมก็ต้องยอมแพ้มัน วางแฟ้มลงบนโต๊ะ จัดการปิดคอมพิวเตอร์แล้วหยัดกายขึ้นยืน ไม่ลืมคว้าเสื้อสูทที่พาดบนพนักเก้าอี้ติดมือมาด้วย เมื่อมันเห็นผมยืนขึ้น มันก็รีบเด้งกายลุกยืนตาม

“จิม ทำงานเสร็จแล้วเหรอ” ถามพร้อมกับยิ้มหน้าซื่อตาใส นัยน์ตาคู่นั้นเป็นประกายปกปิดความดีใจไว้ไม่มิด

“อืม”

ตอบ ‘อืม’ ไปแม้ว่าความจริงแล้วจะไม่ใช่อย่างนั้น

“ป่ะ ไปกัน” มันรีบปรี่เข้ามาคว้ามือผมก่อนจะจูงออกมาจากห้องทันที ด้านนอกยังมีพวกคุณเรทำงานกันอยู่ ทุกคนด้านนอกต่างมองผมกับมันยิ้มๆ

“จะไปกันแล้วเหรอคะน้องต้า” เป็นคุณอิงที่เอ่ยถาม

“ครับ พี่จิมบอกจะซื้อจี้ให้”

ผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่ารอยยิ้มบนริมฝีปากของแต่ละคนคล้ายจะกว้างมากกว่าเดิม

“เที่ยวกันให้สนุกๆนะคะ”

“คร้าบผม” ไอ้นี่ก็ยิ้มตอบรับหน้าระรื่น ก่อนจะหันมาเร่งผมเป็นการใหญ่ “ป่ะเร็วจิม เดี๋ยวจี้หมด”

ทำไงได้ล่ะครับ?

ขัดได้เสียที่ไหน

.....

เมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้า คนข้างกายก็ดูเหมือนจะอารมณ์ดีกว่าปกติ

“จิม!” มันร้องเรียกแล้วกระตุกแขนเสื้อผม อีกมือชี้ไปด้านหน้าที่มีงานอีเว้น มีบูธสัตว์เลี้ยงจัดเรียงราย มิน่า ตั้งแต่เดินเข้ามาเห็นบางคนจูงหมาพันธ์เล็ก พันธ์ใหญ่มาอวดกันให้เต็มไปหมด

ดูเหมือนจะเริ่มเห็นเค้าลางของความวุ่นวายขึ้นมารำไร

มันดูตื่นตาตื่นใจไปหมด มือเล็กสอดเข้ามาจับมือผมไว้แล้วออกแรงดึงพาตรงไปยังบูธแรกที่อยู่ใกล้ประตูที่สุด มันปล่อยมือออกจากผมทันทีก่อนจะถลาไปยืนเกาะรั้วเตี้ยๆแล้วมองบรรดาแพะสีขาว พลางจ้องมองคนที่กำลังให้นมแพะไม่วางตา

“จิมมม” มาแล้วครับ กับเสียงเรียกนี้

ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมอยากจะเปลี่ยนชื่อให้รู้แล้วรู้รอดเหมือนครั้งนี้

“อะไร” มันหันมาหาทั้งตัว สองมือจับแขนผมไว้แล้วมองด้วยสายตา.. อ้อนๆ

“อยากป้อนนมแพะ ป้อนได้มั้ย” มันอ้อนทั้งสีหน้าและแววตา มือยังเกาะแขนผมไม่ปล่อย ผมรีบเสตามองไปยังแพะหลายสิบตัวที่อยู่ภายในรั้วเล็กๆ

เพียงแค่มันมอง ผมก็รู้สึกเหมือนถูกโจมตีอย่างจัง เดิมทีคิดจะปฏิเสธ แต่หัวกลับไพล่ไปคิดถึงวิธีการอ้อนของมันเมื่อคืนแล้วรีบเปลี่ยนแทบไม่ทัน

“นะจิมนะ” มือเล็กเขย่าแขนผมเบาๆ กลิ่นแชมพูหอมๆกลิ่นเดียวกับที่ผมใช้ ลอยมาเตะจมูกเมื่อหัวทุยๆขยับเข้ามาชิดมากกว่าเดิม

ผมนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ว่าก้อนเนื้อใต้อกซ้าย คล้ายจะเต้นผิดจังหวะ..

รีบหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วควักเงินยื่นส่งให้คนตรงหน้าหวังจะให้มัน ผละตัวออกห่างจากผมโดยเร็ว

เมื่อตามใจเข้าหน่อย มันก็ยิ้มกว้างจนตาหยี ยกมือไหว้แล้วรับเงินจากมือผมไปซื้อนมที่บรรจุขวดตรงที่จำหน่าย

ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่คิดว่ามันจะไหว้ ..ถึงมันจะเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ แต่เชื่อมั้ย ว่าแค่มันไหว้แค่นี้ ก็ทำให้ผมมองว่ามัน น่ารักขึ้นอีกเยอะ

.....

หลังจากเสร็จจากการให้นมแพะ เรื่องวุ่นๆคงจะหมดไปใช่มั้ยครับ แต่ความจริงแล้ว ไม่เลย

ผมมองไอ้ตัวดีที่แซะๆ แทรกตัวเข้าไปหาลูกมาในกรง แล้วเอานิ้วแหย่ๆเข้าไปเพื่อสัมผัสขนนิ่มๆ เจ้าหมาก็ใช่ย่อย เดินเบียดมาใกล้กรงให้มันสัมผัสได้ถนัดขึ้น

“จิมมม” อีกแล้วครับ กับเสียงเรียกชื่อผมแบบนี้ มันเรียกชื่อผมได้ทั้งวัน แต่ก็น่าแปลก ที่ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันน่ารำคาญ

“ห้ามซื้อนะ” ผมชิงบอกก่อนที่มันจะร้อง ‘อยากได้’

หน้าใสๆมุ่ยลงเล็กน้อย ก่อนจะยอมพยักหน้ารับแบบจำใจ แล้วกลับมายืนอยู่ข้างผม แต่ก็ไม่วายมองหมาในกรงด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์

จบจากหมา ..สิ่งถัดมาก็สร้างความปวดหัวให้ผมไม่แพ้กัน เพราะตอนนี้ไอ้ตัวแสบวิ่งปรี่เข้าไปเกาะกรงลูกแมวแล้ว!

จับไม่ได้ ห้ามไม่ทันเลยครับรอบนี้

“จิม อยากได้!”

ผมแทบจะหันหน้าหนีไม่ทัน ครั้นพอจะเดินหนี คนที่สูงเพียงไหล่ก็มายืนขวางหน้า ทำปากยื่นปากยาวมองผมด้วยสายตาต่อว่า ที่ไม่หยุดรอมัน

“จิม ตัวนั้นเหมือนจี้เลย ถ้าจิมซื้ออันนี้ให้ ตุ๊กตาจี้ไม่เอาแล้วก็ได้” พูดจบก็ชี้ไปที่ลูกแมวที่อยู่ในกรง ความสูงของที่ตั้งระดับสายตา ลักษณะของมันก็ไม่เหมือนแมวที่มันให้ดูในทีวีเมื่อวานเท่าไหร่ เพียงแต่ตัวสีเทา และมีขนสีดำเป็นลาดพาดบนตัว ใบหน้าเล็กๆสีขาวมองมาที่พวกผมตาแป๋ว

ผมหันกลับมามองคนตรงหน้าอย่างประเมินก่อนจะปฏิเสธ

“ไม่ได้ กลับไปเอาตุ๊กตานั่นล่ะดีแล้ว”

หน้ามันมุ่ยลงทันควัน ริมฝีปากเบะออกคล้ายจะงอแงอีกระรอก

“อยากได้!”

“เลี้ยงมันได้หรือไง?”

“...ได้สิ แค่ให้น้ำให้อาหารแค่นั้นเอง ไม่เห็นจะยากเลย” มันก็ยังยืนยันว่าอยากจะได้ลูกแมวอีก

“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก”

“แต่ก็ไม่ยาก” โต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้

ผมมองคนตรงหน้าอย่างช่างใจ เท่าที่ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน ทำให้รู้เลยว่ามันค่อนข้างดื้อ และดื้อมาก

ไม่รู้ว่าการใช้เหตุผลเข้าคุยจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน แต่ลองดูสักตั้งก็ยังดีกว่าไปห้ามมันทั้งๆที่ไม่อธิบายอะไร

“รอโตกว่านี้ก่อนแล้วจะซื้อให้” ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆเป็นการปรามเมื่อมันขยับปากจะเถียง “ตอนนี้มึงยังเด็กเกินไป เลี้ยงแมวไม่เหมือนเล่นขายของ”

“ต้าก็ไม่ได้คิดว่ามันเหมือน” ขยับปากขมุบขมิบเถียงออกมาเบาๆ สายตาที่มองมายังคงดื้อรั้นและยังไม่ลดความอยากได้ลงเลยสักนิด

“ลองคิดบ้างมั้ยว่าถ้าวันไหนต้องออกไปข้างนอก แมวมันจะอยู่ยังไง”

อีกฝ่ายนิ่งคิดตามที่ผมบอก ก่อนจะตอบออกมา

“ก็เอาไปด้วย”

“ถ้าเกิดว่าที่นั้นห้ามไม่ให้เอาสัตว์เลี้ยงเข้าล่ะ” คราวนี้หน้ามุ่ย คิดหนักกว่าเดิม

“ต้าก็ไม่ไป”

“ถ้าเกิดว่ามันไม่สบายล่ะ”

“ก็พาไปหาหมอไง พี่จิมถามอะไรเนี่ย นะๆ ไม่เอาตุ๊กตาจี้แล้ว จะเอาแมวตัวนี้”

“ถ้าเกิดว่าเลี้ยงแล้วมันตายล่ะหืม”

ริมฝีปากสีเรื่อเบะออก หันไปมองแมวตาละห้อย

“ไม่ตายหรอก ต้าจะเลี้ยงดีๆ” เถียงออกมาเสียงเบาๆ แม้นัยน์ตาคู่นั้นจะกำลังสั่นไหวก็ตาม

“ถ้าคิดว่าเลี้ยงได้ ก็ลองดู แต่บอกไว้ก่อนนะว่ากูไม่ช่วยเลี้ยง” พูดจบก็เดินเข้าไปใกล้กรงแมวเตรียมจะซื้อให้มัน ทว่าเดินได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกกระตุกชายเสื้อจากข้างหลังรั้งไว้

ผมหันไปมอง ต้าจับชายเสื้อผมแน่น กัดปากอย่างใช้ความคิดก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ไม่เอาแล้ว ไปซื้อตุ๊กตากัน”

ผมยิ้มมุมปาก อย่างน้อยมันก็ยังฟังสิ่งที่ผมพูด ไม่ได้ดื้อไปซะทุกเรื่อง

“เก่งมาก”

เมื่อได้รับคำชม สีหน้านั้นก็แลดูสดใสขึ้น อีกทั้งรอยยิ้มก็กว้างมากกว่าเดิม จนผมอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปขยี้กลุ่มผมสีเข้มอย่างเบามือ มันยิ่งยิ้มตาหยีไม่ได้จับมือผมออกแต่อย่างไร แต่เป็นผมเองที่ชะงักค้างก่อนจะค่อยๆลดมือลงแล้วรีบเดินไปยังบันไดเลื่อนทันที

“จิม! ไม่รออีกแล้วนะ!!”

ไม่หันไปมองแม้จะได้ยินเสียงโวยวายดังแว่วๆอยู่ด้านหลังก็ตาม

สัมผัสจากเส้นผมนิ่มที่จับเมื่อครู่ ยังรู้สึกอยู่ที่มือ หรือแม้แต่กลิ่นแชมพูที่ได้กลิ่น ก็ยังรู้สึกเหมือนกับว่ามันยังติดที่ปลายจมูก

ไหนจะรอยยิ้ม.. แม้ไม่ได้หันไปมอง แต่ผมก็จำรอยยิ้มของมันได้ดี

หน้านิ่วเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ว่า น้ำในแก้ว เริ่มจะขุ่นมากกว่าเดิม ปั่นป่วนจนหัวใจเต้นรัว

....

 

SAME Part

Trrrrrrrr

โทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่กำลังกินอาหาร เห็นหน้าจอปรากฏเป็นเบอร์แปลก ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะวางมือจากช้อนและส้อมพลางยกน้ำขึ้นดื่ม มองคนที่ร่วมโต๊ะด้วยที่นั่งฝั่งตรงข้ามก่อนจะยกมือถือชูขึ้นให้ดูเป็นการบอกว่าขอตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อน

ดิวพยักหน้าเล็กน้อย ผมจึงลุกขึ้นและเดินออกมาหน้าร้าน ก่อนจะกดรับสาย

“สวัสดีครับ” กรอกเสียงทักทายลงไปและนิ่งรอฟังคำพูดตอบกลับ

“สวัสดีค่ะ นั่นใช่หมอเซมหรือเปล่าคะ”

หืม? เลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตอบรับ

“ครับ ใช่ครับ นั่นใครครับ”

ที่ถาม เพราะปกติผมไม่ได้ให้เบอร์โทรกับใคร หากเป็นคนไข้ ส่วนใหญ่จะมีแต่เบอร์ของที่โรงพยาบาล

“แม่ของต้าไงคะ”

ริมฝีปากเหยียดยิ้มเล็กน้อย พลางสอดมือลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะตอบรับออกไป

“อ้อ คุณแม่ของน้องนี่เอง ว่าไงครับ”

“ตอนนี้การรักษาไปถึงไหนแล้วคะ วันนี้ก็ได้กำหนดที่เราตกลงกันไว้แล้ว ทำไมยังไม่พาต้ากลับบ้านล่ะคะ”

“การรักษาเป็นไปด้วยดีครับ อาการของคนไข้เหมือนจะดีขึ้น เริ่มจำเรื่องราวได้บ้างแล้ว แต่ที่ยังไม่พากลับนั้น ผมเองก็กำลังจะโทรไปบอกกับคุณแม่อยู่พอดี ผมอยากยืดเวลาให้คนไข้อยู่ใกล้ชิดผมมากขึ้น เพราะจะได้ทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มว่าความทรงจำของคนไข้กลับมาโดยสมบูรณ์เร็วๆนี้”

“จริงเหรอคะ ดีจังเลยค่ะ คุณหมอพอจะทราบมั้ยคะ ว่าต้องใช้เวลาอีกประมาณกี่วัน”

“ผมยังบอกไม่ได้ครับ แต่ผมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบเป็นระยะ คุณแม่จะได้วางใจ”

“ขอบคุณมากค่ะ”

“ยินดีครับ”

ผมดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหูเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณพลางแสยะยิ้มมุมปาก แล้วเก็บโทรศัพท์ลงที่เดิม

ไม่รู้ป่านนี้ไอ้เด็กนั่นจะเป็นยังไงบ้าง หวังเพียงอย่างเดียวว่าน้องชายสุดรักจะไม่ทำอะไรรุนแรงกับมันจนเกินไป

เหลียวหันกลับไปมองด้านหลังก็เห็นว่าดวงตากลมโตอันเป็นเครื่องประดับบนดวงหน้าหวานกำลังมองมา ผมยิ้มให้บางๆก่อนจะปรับอารมณ์แล้วเดินกลับเข้าไปในร้าน

“อิ่มแล้วเหรอไงเรา” ถามขณะที่นั่งลงที่เดิม เห็นอีกฝ่ายรวบช้อนและส้วมรวมกันเรียบร้อย

“ครับ อิ่มแล้ว พี่ล่ะ กินต่อได้นะ เดี๋ยวผมนั่งรอ”

ผมเหลือบมองข้าวเล็กน้อย ก่อนจะหยิบน้ำมาดื่ม วางแก้วลงแล้วส่ายหน้าเบาๆ

“ไม่ล่ะ พี่เองก็อิ่มพอดี” ผมมองใบหน้าหวานของเพื่อนร่วมงานที่เป็นทั้งรุ่นน้องสมัยเรียนที่กำลังยิ้มน้อยๆ ปากยิ้มแต่ตาหม่นเศร้า มีเสน่ห์ชวนมอง แต่ไม่ตราตรึง ก่อนจะถามขึ้นเป็นการเปิดบทสนทนา "เป็นไง อาหารร้านนี้ใช้ได้มั้ย"

"ผมว่าอร่อยทีเดียว"

"ถ้าอย่างนั้น วันหลังพี่จะพามากินใหม่"

"งั้นคราวหน้าให้ผมเลี้ยงพี่นะ"

"ตามใจ" ผมตอบไปยิ้มๆ ก่อนจะถามเรื่องที่ค้างคาใจมาตลอดเวลา เพียงแค่รอสบเวลาที่จะถาม

"กับไอ้จิมไปถึงไหนแล้ว"

ดิวชะงักไปเล็กน้อย แสร้งกลบเกลื่อนโดยการยกน้ำขึ้นดื่ม ดวงตาหวานซึ้งหลุบต่ำไม่มองสบตา

"ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร" ผมพูดตัดบท สร้างภาพลักษณ์เป็นคนดีอย่างที่อีกคนนึกเชื่อ เหลือบมองหน้าปัดนาฬิกาที่บอกเวลา 6 โมงนิดๆ ก่อนจะยกหยิบบิลบนโต๊ะมาถือไว้

"ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะเข้าเวรกันสายซะเปล่าๆ"

ดิวพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้น

หลังจากจ่ายเงินเสร็จ ผมกับดิวก็พากันลงบันไดเลื่อนไปยังชั้นล่าง ตลอดทางเดินไม่มีบทสนทนาใดๆ แต่ความเงียบเพียงแค่นี้ก็เป็นคำตอบที่เพียงพอแล้วสำหรับผม

เรื่องทุกอย่างไม่ได้ผิดไปจากที่คิดสักเท่าไหร่ ผลลัพธ์ครั้งนี้ก็เหมือนกับที่ผ่านมา

..มันยังเป็นคนเดิมที่จมอยู่กับอดีต และอ่อนแอเกินกว่าจะก้าวผ่านเส้นนั้นมาได้

เพราะมันเป็นอย่างนี้ ผมจึงรู้สึกวางใจและมั่นใจว่าจะไม่มีใครทำให้มันหลุดพ้นจากพันธนาการของอดีต

ผมไม่ได้หวังจะครอบครองมัน เพียงแค่หวังจะเห็นมันเป็นอย่างนี้..  ทุรนทุรายจากพิษบาดแผล จนปิดกั้นตัวเอง..

....

ผมหันไปมองข้างกาย พลันเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเจอแต่ความว่างเปล่า มองกลับไปด้านหลังถึงได้เห็นว่า ดิวยืนนิ่งไม่ไหวติง สายตามองไปยังจุดๆหนึ่งไม่ละสายตา ทำให้ผมต้องหันไปมองตาม

พลันเลือดในกายเย็นเฉียบเมื่อเห็นมันยืนอยู่ตรงนั้นกับคนที่ผมต้องการจะกำจัดมันออกจากเกมส์หมากกระดานนี้

แววตานั้น เปลี่ยนไป...

จากที่เคยคิดว่าเด็กคนนั้นเข้ามามีอิทธิพลกับมัน ตอนนี้ผมแน่ใจแล้ว นั่นไม่ใช่เพียงแค่สิ่งที่ผมคิด

ท่าทางหยอกล้อของมันสองคนดูมีความสุข... ไอ้จิมยกมือขยี้หัวคนที่สูงเพียงไหล่ โดยที่ฝ่ายถูกกระทำก็ยิ้มรับจนตาปิด

เกิดอะไรขึ้น?

ไหนไอ้แซม..

"พี่เซมครับ เราไปกันเถอะ" พูดจบมันก็เดินนำไปทันที ผมหันไปมองสองคนนั้นอีกครั้งก่อนจะหมุนกายเดินตามหลังของรุ่นน้อง ดิวชะลอฝีเท้าเดินช้าลงเพื่อให้ผมตีขึ้นมาทัน

"พี่เซมครับ"

"หืม" เก็บความรู้สึกส่วนตัวไว้ให้อยู่ลึกภายในใจ แสร้งตีสีหน้าพลางมองอีกคนที่มองสบตาด้วยนัยน์ตาเจ็บปวด

"เพราะอย่างนี้ใช่มั้ยครับ พี่จิมถึงได้ปฏิเสธผม" ดิวฝืนยิ้มก่อนจะก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วพูดต่อ "แต่วันนี้ พี่เขาดูมีความสุขดีนะครับ ..ผมไม่เคยเห็นแววตาแบบนั้นของพี่จิมมาก่อน"

ใช่.. ทั้งสายตาและรอยยิ้มแบบนั้น ครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นมัน.. นานมากแล้ว

"เด็กคนนั้นโชคดีจัง" ดิวเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากคลี่ยิ้มอย่างบริสุทธิ์ "มันคงจะถึงเวลาที่ผมควรจะต้องตัดใจจริงๆแล้วสินะ" นัยน์ตานั้นยังคงดูเจ็บปวดทุกครั้งที่เอื้อนเอ่ย ทว่าก็ดูหนักแน่นเสียจนผมไม่คิดจะห้ามอะไร

 

ทันทีที่ถึงโรงพยาบาลผมก็แยกกับดิวทันที ก่อนจะมุ่งตรงไปยังห้องส่วนตัวของตัวเองขณะที่มือก็ล้วงกระเป๋ากางเกงควานหาโทรศัพท์มือถือ หยิบมันออกมาแล้วกดหมายเลขโทรศัพท์ที่เพิ่งสืบเจอเมื่อไม่นานมานี้ และไม่คิดว่าจะได้ใช่มันเร็วๆนี้

รอเพียงไม่นาน ก็ได้ยินเสียงตอบกลับมา

“สวัสดีค่ะ”

"สวัสดีครับ นั่นปรางหรือเปล่า”

“ปรางค่ะ ไม่ทราบว่านั่นใครคะ”

“พี่ เซมนะ จำได้มั้ย"

ทันทีที่บอกชื่อไป ปลายสายก็นิ่งเงียบไปนาน นานจนผมต้องดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหูเพื่อดูว่าสายหลุดหรือเปล่า ...เธอยังไม่วาง

“โทรมาทำไม” เสียงนั้นฟังดูแข็งขึ้นจนเกือบก้าวร้าว

“หึ อย่าทำเสียงแบบนั้นสิน้องปราง”

“ถ้าไม่มีธุระอะไรงั้นแค่นี้นะ”

“อย่าเพิ่งสิครับ ตอนนี้ปรางยุ่งอยู่หรือเปล่า”

“...”

“พี่มีธุระอยากจะคุยด้วย”

“ปรางไม่มีอะไรจะคุยกับพี่ แค่นี้ก...”

“แล้วถ้าเป็นเรื่องของไอ้จิล่ะ”

“...” จากตอนแรกที่อีกฝ่ายทำท่าจะวางสาย แต่เมื่อพูดชื่อของคนสำคัญ เธอก็ดูนิ่งไป

“ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องอะไร ก็ออกมาเจอกันหน่อย”

“ที่ไหนคะ”

ผมแสยะยิ้มให้กับน้ำเสียงของปลายสายที่ดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที ผิดจากตอนแรกจนน่าสะอิดสะเอียน

ผู้หญิงคนนี้ยังเหมือนเดิม

เมื่อนัดเวลากับสถานที่เรียบร้อย ผมก็กดตัดสาย มองหน้าจอแล้วยิ้มบางๆ

.....

มันไม่มีทางหลุดพ้นจากบ่วงพันธนาการนี้ หากมันเจอกุญแจที่จะสามารถปลดปล่อยมันแล้ว

ผมก็จะรื้อฟื้นฝันร้ายที่เป็นดั่งพันธนาการให้ขมวดรัดมันแน่นยิ่งขึ้น...

แน่นจนมันไม่มีอากาศหายใจ!

แน่นจนมันดิ้นทุรนทุรายอย่างน่าสมเพช!!

 

หึๆ

นั่นคือความสุขที่ผมเฝ้ามองมาตลอด 5 ปี

ผม ไม่มีวันยอมให้ความสุขนั้น หายไปเพียงเพราะเด็กผู้ชายเพียงคนเดียว

 

 

______________________________________________

TALK :: มาแล้วกับตอนที่ 29 อาจจะสั้นกว่าตอนอื่นๆเล็กน้อย ก็ไม่เป็นไรเนอะ
เป็นยังไงกันบ้าง หายคิดถึงพี่หมอเซมหรือเปล่า? 555
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์น่ารักๆอีกเช่นเคย (ก็เพิ่งจะเคยได้รับคอมเม้นท์น่ารักๆแบบนี้นี่ล่ะ 555 อ่านแล้วมันก็ฟินนนน)
ขอบคุณจริงๆค่ะ จุ้บบ
PS. ใครที่กลัวมาม่า เชื่อว่าพาร์ทต่อไปคงไม่หนักมาก เพราะกว่านักอ่านจะอ่านมาจนถึงตอนปัจจุบันนี้ เราเชื่อว่าทุกคนค่อนข้างมีภูมิต้านทานแล้ว 55555 ต่อไปก็คงจะชิลๆ (?)
PS. บ้าา เราล้อเล่น ไม่มีอะไรหรอก ทำใจให้สบายแล้วนอนตีพุงรอตอนที่ 30 ได้เลยยย
ไว้เจอกันค่ะ รักนักอ่าน.

ออฟไลน์ Mookkun

  • mgAmuptUF
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 638
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • confidential adult chat rooms
เซมโคตรจิตตตตตตต!!!

จิมต้ามุ้งมิ้งชะมัดดด ขอแบบนี้นานๆเลยได้ไหมม 55555

ออฟไลน์ pornumpai-ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
 :impress2:


รอออออ  ตอนต่อไป มาเร็วๆๆน่ะ

ออฟไลน์ ตัวเลข

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เซมกับจิมไม่ได้เป็นเพื่อนกันเหรอ หรือว่าจิมไปทำอะไรให้เซมแค้นมาก่อน แต่ว่าการใช้ต้าให้การแก้แค้นเนี่ยไม่น่าเชื่อว่าคนเป็นหมอเค้าทำกัน โรคจิตกันทั้งพี่ทั้งน้องเลย

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:จะเกิดอะไรขึ้นอีกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ ไป๋ไป๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
 :katai1:อ๊ากกกกกกก!!!  อะไรกันเนี่ย

เริ่มไม่ชอบอิตาหมอเซมแล้ว :ling1:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
หมา เอ๊ย! กมอเซมมีอะไรอ๊ะเปล่า  ดูจิตดีนะ....  แต่เรื่องนี้มันจิตตั้งแต่ต้นแล้วนี่หว่า...  อ่านตอนนี้แล้วแทบจะลืมฟีลแรกๆที่อ่านบทแรกๆเลย  เหมือนอ่านคนละเรื่อง ฮาาาาาา

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
เซมท่าทางจะร้ายสุดนะนั่น

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักดีจัง

ออฟไลน์ cakecoke

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
 :katai2-1: :katai2-1:

 ฉันมานั่งรอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
มารผจญจริงๆ
ถึงจะมีภูมิต้านทานแล้วใช่ว่าอยากจะเจอมาม่าบ่อยๆน้า
จิมต้าน่ารักๆๆๆ >.<

ออฟไลน์ kakaris

  • หากชีวิตเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เราสามารถให้ผู้เป็นที่รักยิ่งนั้นได้ แล้วเราจะไม่มอบให้เ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
 :a5:ไรอ้า

koronekojung

  • บุคคลทั่วไป
กำ  หมอเซมแลดูจิตสุดๆ  จะเป็นตัวร้ายของเรื่องเลยปล่าวเนี่ย  :mew4:
ช่วงแรก น่ารักค่ะ ชอบๆๆ  แต่แอบอยากให้ต้าหันมาเจอหมอเซมอ่ะ  5555555

มาแต่งต่อไวไว(รสหมูสับ)เลยนะค๊ะ >,.<
 ชอบต้า กับพี่จิน กร๊าดดดๆๆๆ

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
เซมไปแค้นอะไรจิมมาเนี่ยะ

ตามอ่านทันแล้ว พล็อตสนุกดีค่ะ ชอบมากกก
ติดตามนะคะ ^^

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
เซมแค้นอะไรจิมเนี่ย

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
มันแบบว่า....  บาดมากอ่ะ

เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tsukishi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่หมอออออออ

ออฟไลน์ viewfifi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทำไมเซมทำแบบนี้ง่าาาาาา  :sad4:

ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นนนนนนนนน  :katai1: :katai1: :katai1:

ไม่อยากเห็นต้าเสียใจจริงๆ :z3:

lalaballxx

  • บุคคลทั่วไป
เซมดูเป็นคนที่รักเพื่อนเเต่เหมือนรักยังไงไม่รู้  :hao7: :hao7:

มีลับลมคมในอะไรเยอะเเยะ  :z3: :z3:

คนที่เจ็บไม่ใช่ใครเลยนอกจากน้องต้าาาา  :katai4: :katai4: :katai4:

ถ้าเซมทำอะไรจิม จิมก็เจ็บปวด เจ็บปวดปุ๊ป น้องต้าได้ผลกระทบเฉยยย โฮรรรรรรรร ลากเลือด :katai1: :katai1: :katai1:

รอนะคะะะะ มาต่อนะคะ อาฮรืออออออออออออ :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ NNEW33

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ตอนที่ 30 ขอบคุณ

JIM Part

“จิมมม รอด้วย!”

เสียงเรียกดังมาจากด้านหลังพร้อมกับเสียงรองเท้าที่กระทบพื้นดังกระชั้นขึ้นเมื่อเจ้าของมันสับขาวิ่ง พยายามจะตามผมให้ทัน ผมหยุดรออยู่หน้าประตู หมุนกายหันไปมองคนด้านหลังที่กำลังเดินจ้ำมาด้วยใบหน้างอง้ำ แก้มสองข้างแดงเรื่อเพราะอุณหภูมิที่ขึ้นสูงภายในอันเป็นผลพวงมาจากการออกกำลังกายยามเช้าเช่นนี้

เปล่าครับ เราไม่ได้มาวิ่งออกกำลังกายตามสวนสาธารณะ แค่มันกำลังวิ่งตามผมเข้าบริษัท

ปกติเวลาเข้างานคือแปดโมง แต่นี่จะเก้าโมงแล้ว และที่สำคัญ เช้านี้ผมมีนัดด่วนตอนสิบโมง เมื่อคืนคุณเรโทรมาบอกว่า ลูกค้ารายใหญ่ขอเลื่อนนัด จากอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าเป็นเช้าวันนี้ เพราะทำธุรกิจกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ ทำให้ยากที่จะปฏิเสธ แต่ยังนับว่าโชคดี ที่เอกสารส่วนใหญ่ ได้จัดการกันไปตั้งแต่เนิ่นๆ เลยไม่ฉุกละหุกมาก

วุ่นวายเรื่องงานไม่พอ ยังต้องมาปวดหัวแต่เช้ากับไอ้เด็กตรงหน้า เป็นเพราะเมื่อคืนมันเห่อของใหม่ นั่งเล่น นั่งลูบไม่ยอมนอน ผมอุตส่าห์ปลีกตัวออกห่าง แสร้งหยิบหนังสือมาอ่านทำเป็นไม่สนใจ ทว่าอ่านไปได้เพียงห้าบรรทัด มันก็กวนชวนเล่นท่าเดียว แล้วผลเป็นไง ตื่นสาย งอแงแต่เช้า!

“ทำไมไม่รอ!” ปากต่อว่า สายตาตัดพ้อ ยื่นมือมากำชายเสื้อผมไว้แน่น ริมฝีปากเริ่มเบะออก ก่อนน้ำใสจะเอ่อคอลหน่วยตา

“แล้วเมื่อคืนดื้อทำไม”

“ไม่ได้ดื้อ!” เถียงกลับทันควัน

ผมส่ายหัวไปมา ก่อนจะลดสายตาลงมองมือขาว แล้วมองหน้ามันนิ่งๆ อย่างบอกเป็นนัยน์ว่าให้ปล่อยมือออกจากเสื้อได้แล้ว ทว่ามันกลับหลบตามองพื้น ยิ่งกำเสื้อผมแน่นกว่าเดิม

“ต้า” ผมเรียกชื่อมันด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์

“...” คนตรงหน้าสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่นกว่าเดิม ใบหน้าก้มต่ำจนคางแทบชิดติดอก

เพราะอาการเงียบไปของมัน ไม่ต่อปากต่อคำเหมือนทุกที ทำให้ผมชักเอะใจ ค่อยๆใช้มือดันคางมันขึ้นจนสามารถมองสบกับดวงตาคู่นั้นได้ และเมื่อได้เห็นชัดๆก็ทำให้ผมชะงักไปครู่หนึ่ง

แม้ว่าจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันไม่นาน แต่เวลาเพียงแค่นี้ก็ทำให้ผมรู้แล้วว่า เด็กอย่างมัน คิดอะไร รู้สึกอย่างไหน ก็จะแสดงออกทางสีหน้าและแววตาโดยชัดเจน ..บางทีก็ชัดเสียจนผมไม่ต้องตีความใดๆ เหมือนอย่างตอนนี้ ที่สายตาคู่นั้นกำลังฟ้องว่า นายมันกำลังน้อยใจ

ยังไม่ทันคิดหาวิธีการรับมือกับสถานการณ์และอารมณ์ของคนตรงหน้า หยาดน้ำใสที่ผมไม่อยากเห็นก็ค่อยๆรินไหลลงมาเสียแล้ว

ไม่มีเสียงร้องไห้งอแงให้อับอายคนรอบข้าง เหมือนกับเจ้าตัวเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะร้องไห้ เพราะมันกลั้นสะอื้นจนตัวสั่น ฟันที่เรียงตัวเป็นระเบียบกัดริมฝีปากล่างอย่างแรงจนมันกลายเป็นสีขาว

อาจเป็นเพราะมันร้องไห้ หรือเป็นเพราะสายตาคู่นั้นที่มองผมอย่างตัดพ้อไม่ละไปไหน ..หรืออาจเป็นเพราะมัน ที่ทำให้ผมเริ่มรู้สึกวางตัวไม่ถูก

เสียใจ น้อยใจอะไรขนาดนั้นหืม

กว่าจะรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่หน้าบริษัท ก็ตอนที่นิ้วหัวแม่มือแตะลงบนแก้มใส แล้วค่อยๆเกลี่ยเช็ดน้ำตาบนแก้มให้อย่างเบามือนั่นล่ะ

“อย่าเพิ่งร้องไห้ ถ้าอยากงอแงค่อยไปงอแงที่ห้อง เข้าใจมั้ยครับ”

ผมยิ้มบางๆ เมื่อมันพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ริมฝีปากเริ่มคลี่ยิ้มแม้ขนตาจะยังชื้นแฉะอยู่นิดๆ ผมมองรอยยิ้มนั้นนิ่งนาน จวบจนเมื่อมันทำหน้านิ่ว ขมวดคิ้วชนกันนั่นล่ะ ผมก็หลุบตาต่ำ ครั้นเห็นมือตัวเองยังจับแก้มมันอยู่ก็รีบผละออก แล้วสอดมือลงกระเป๋ากางเกง หักห้ามใจตัวเองไม่ให้ยกมือไปสัมผัสกับแก้มนุ่มๆนั้นอีกเป็นหนที่สอง

ลอบถอนหายใจให้กับการกระทำไม่คาดคิดของตัวเอง นับวันผมชักจะควบคุมแขนขาไม่ได้เข้าไปทุกที รีบหมุนกายหันหลังให้กับมันแล้วสาวเท้าก้าวเดินเข้าไปในตัวอาคาร ด้วยกลัวว่า หากผมยังยืนมองหน้ามันนานกว่านี้อีกสักนาที มือที่เริ่มควบคุมไม่ได้จะยื่นไปดึงร่างนั้นเข้ามาใกล้ๆ ...ถอนหายใจอีกเฮือกให้กับความคิดของตัวเอง ที่นับวันก็ชักจะเกินเลยระยะปลอดภัยที่ได้กำหนดไว้ตั้งแต่แรก ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงดึงจากด้านหลัง เหลือบหันไปมองก็เห็นมันยื่นมือมาเกาะชายเสื้อ แล้วเดินตามไม่ห่าง

ไม่ได้โกรธเคือง หรือไม่พอใจ ติดจะขำเสียมากกว่า ผมลองเร่งระดับการเดินให้เร็วขึ้น มันก็เดินเร็วตาม พอผมผ่อนฝีเท้า มันที่ยังปรับระดับไม่ได้ก็เดินชนหลังผมเข้าเต็มๆ

ขณะที่กำลังจะหมุนกายหันไปหามัน แรงปะทะจากด้านหลังก็ทำให้ผมเซเล็กน้อย ก่อนจะได้ยินเสียงของหล่นลงโครมใหญ่

“โอ๊ย!” เสียงหวานอุทานทำให้ผมรีบหันขวับไปมอง ก่อนจะพบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้นตรงหน้าตนเองเสียแล้ว

“ขอโทษครับ มา ผมช่วย” ผมทรุดตัวลงหมายจะช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้น มือหนึ่งจับแขนเธอไว้อย่างหวังดี อีกมือเก็บกวาดข้าวของที่หล่นกระจายบนพื้นให้

“ไม่ค่ะ ไม่เป็นไร”

ทว่าเสียงที่ได้ยินทำให้มือที่กำลังจะหยิบกระเป๋าใบเล็กชะงักค้างก่อนจะรีบหันไปมองคนพูดอย่างรวดเร็ว แต่เพราะทรงผมที่ม้วนเป็นลอนของเธอบดบังใบหน้าทำให้ผมมองเห็นใบหน้านั้นไม่ชัด

บางทีอาจหูฝาด

ผมรีบปัดความคิดที่แวบเข้ามาในหัว หยิบกระเป๋าใบเล็กที่ตกอยู่บนพื้นก่อนจะส่งต่อให้ไอ้ต้ารับไปถือไว้

“ไม่เป็นไรครับ ผมช่วย” ว่าพลางพยุงหญิงสาวให้ลุกขึ้นยืนช้าๆ

ได้ยินเธอพูดพึมพำว่าขอบคุณเบาๆอยู่ข้างหู เมื่อยืนทรงตัวได้ เธอก็ขืนตัวออกจากอ้อมแขนผม แล้วก้าวถอยหลังห่างไปประมาณสองก้าว

...เธอถอยห่างไปแล้ว แต่ผมกลับนิ่งค้างอยู่ที่เดิม คล้ายถูกแช่แข็ง ร่างกายขยับไม่ได้ หัวใจเจ็บแปลบเหมือนถูกลิ่มน้ำแข็งปักอยู่กลางใจ

คำขอบคุณ ที่ถึงแม้จะเบา แต่มันเป็นสิ่งยืนยัน ว่าเสียงที่ผมได้ยินเมื่อครู่ ผมไม่ได้หูฝาดหรือคิดไปเอง

ปราง..

ชื่อนี้สะท้อนก้องในใจ หลังจากได้เห็นหน้าเธอชัดๆ ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มองเธอที่สบตากันซึ่งๆหน้าและส่งยิ้มมาให้ราวกับเมื่อครั้งก่อนไม่มีเรื่องบาดหมางกัน

“ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะจิม”

เจรจาธุรกิจมาก็มาก ต่อรองผลประโยชน์กับคนใหญ่คนโตมาก็ไม่น้อย กับแค่การจะพูดต่อบทสนทนากับผู้หญิงคนนี้ ที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรต่อชีวิตของผม กลับเป็นเรื่องยาก หัวสมองไม่ประมวลผลในการตอบโต้ และคิดหาคำพูดใดใด

 ไม่รู้ว่าผมกับเธอมองหน้ากันนานเท่าไหร่ คนด้านหลังถึงได้กระตุกชายเสื้อเรียก ดึงผมออกจากภวังค์ ผมหันไปมองมันเล็กน้อย ..และไม่รู้ว่าผมกำลังแสดงสีหน้าอย่างไหนอยู่ คนที่สูงเพียงไหล่ถึงได้ตีหน้ายุ่งก่อนจะเปลี่ยนจากจับชายเสื้อมาจับแขน ของที่มันถืออยู่ถูกยื่นกลับไปหาเธอ ปรางรับมันไว้แล้วยิ้มขอบคุณ แต่ไอ้ตัวดีไม่ยิ้มตอบกลับเม้มปากแน่น เปลี่ยนมาจับแขนผมด้วยมือทั้งสองข้างแล้วออกแรงดึงจะให้เดินไปยังลิฟต์กับมัน

ผมหันไปมองเธออีกครั้ง เห็นเธอชักสีหน้าถลึงตามองไอ้ตัวยุ่งด้านหลังผมจนมันไม่กล้าสบตาด้วย แต่พอเธอรู้ตัวว่าผมมองอยู่ สีหน้านั้นก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นยิ้มเหมือนเดิม

ผมขมวดคิ้ว ก่อนจะหมุนกายหันหลัง ดึงมือบางออกจากเสื้อแล้วใช้มือของตัวเองกุมมือมันไว้แทน ดันไหล่ให้อีกคนเดินนำหน้าโดยมีผมเดินประกบหลัง ผมเลือกที่จะเดินจากมาโดยไม่แม้แต่จะหันไปลาเธอแม้แต่คำเดียว

“เราจะต้องได้พบกันอีกค่ะจิม”

จังหวะการเดินชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงนั้นไล่หลังมา

ไม่หรอกครับ

ไม่มีการเจอกันอีกเป็นครั้งที่สองกับผู้หญิงคนนี้

การเจอกันครั้งนี้ เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ...

 

....

นาฬิกาตั้งโต๊ะบอกเวลา 9:40 น. เหลือเวลาอีกเพียง 20 นาทีก็จะถึงเวลานัดสำคัญ ต่างกันเพียง วันนี้ไอ้ต้าเข้ามาอยู่ในห้องทำงานของผมด้วย

มันไม่ดื้อไม่ซนและไม่กวนเวลาทำงาน แต่กว่าจะหาวิธีหลอกล่อได้ก็แทบแย่เหมือนกัน ตอนแรกที่ถึงห้อง บรรยากาศก็เงียบสงบดีอยู่หรอก แต่พอเวลาผ่านไปเพียงห้าถึงสิบนาที ตัวจุ้นอย่างมันก็เริ่มออกฤทธิ์ ร้องจะชวนเล่นท่าเดียว สุดท้ายเลยต้องตัดปัญหาโดยการโยนโทรศัพท์มือถือไปเป็นของกำนัลให้มันแทน ตอนนี้มันก็ขลุกตัวนั่งเล่นเกมส์อย่างเมามัน แม้จะไม่ให้เปิดเสียง แต่มันก็ดูสนุกและลุ้นจนโอเว่อร์ จนบางครั้งก็จะส่งเสียงร้องไชโยหรือส่งเสียงแสดงอาการเสียใจจนผมต้องเงยหน้าจากแฟ้มเอกสารขึ้นมองมัน

“อ้ากก! ตายแล้วๆ!! ...โฮ้ยยย!!”

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน…

สมาธิของผมถูกรบกวนจากเสียงคร่ำครวญ เหมือนมันจะรู้ตัวว่ากำลังถูกมอง ถึงได้เสหน้าหันมาสบตาก่อนจะส่งยิ้มประจบประแจง

“จิม โทรศัพท์จิมต้องเสียแน่เลย เล่นทีไรคะแนนน้อยตลอด!” มันส่งเสียงบ่นงุ้งงิ้งด้วยใบหน้างอง้ำ ก่อนจะก้มหน้าลงเตรียมจมจ่อกับโลกในจอสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเท่าฝ่ามืออีกครั้ง นัยน์ตาเรืองรองทอประกายเอาเรื่องไม่ยอมแพ้ ก่อนนิ้วโป้งสองข้างจะกระหน่ำกดหน้าจอไม่หยุด

ผมเลิกสนใจเอกสารบนโต๊ะไปนานแล้ว เพราะมัวแต่มองคนที่ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมส์ไม่รู้เบื่อ เมื่อได้นั่งสังเกต ก็ทำให้รู้ว่ามันเองก็มีมุมมุ่งมั่นเหมือนกัน เล่นเกมส์ไม่เลิก ไม่ชนะไม่เลิก รั้นจริงๆ เผลออมยิ้มออกมาก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ แล้วนั่งมองมันอย่างเพลินตา

เป็นเด็กนี่ก็ดีนะครับ ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย

ใบหน้านั้นแสดงอารมณ์ได้หลากหลายจนนึกขัน อย่างตอนนี้ก็ทำหน้าดีใจ แต่พอเวลาผ่านไปเดี๋ยวเดียวก็ทำหน้ามู่ คิ้วขมวด กัดปากจนแดงช้ำไปหมด

มันรู้สึกอย่างไรก็แสดงออกอย่างนั้น ไม่ว่าจะสีหน้าหรือแววตา ..เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกถึงความบริสุทธิ์ด้านการแสดงออกของมนุษย์

ในโลกของผม ไม่มีคนประเภทนี้ มีแต่คนที่สวมหน้ากากเข้าหากัน รอยยิ้มธุรกิจ หรือมิตรภาพจอมปลอม แม้แต่คนที่ผมเคยไว้ใจมากจนมอบใจให้ไป ยังเชื่อใจไม่ได้...

รูปลักษณ์ภายนอกของเธอยังเหมือนเดิม และน่าแปลก เมื่อมาพบกันโดยบังเอิญอีกครั้งในวันนี้ ความโกรธที่สะสมมาเป็นเวลานานจนเผลอเอาความรู้สึกนั้นไปลงกับคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วย และใช้มันเป็นสิ่งระบายอารมณ์ เผลอกระทำรุนแรงจนอาจจะไปสร้างปมในใจให้กับมันโดยไม่เจตนา

ผมมองร่างที่นั่งบนโซฟานิ่งๆ ดวงตาใสซื่อคู่นั้นยังไม่ละจากหน้าจอสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ปลายนิ้วขยับสัมผัสหน้าจอไม่ห่าง

ไม่รู้ว่าไฟแค้นที่ค่อยๆมอดดับลงเป็นเพราะมันหรือเปล่า

มันเป็นคนเดียวที่ผมอยากขอโทษและขอบคุณ

“จิม มองต้าทำไม ไม่ทำงานเหรอ?” มันเงยหน้าขึ้นถาม ละสายตาจากหน้าจอ สงสัยคงจะเกมส์โอเว่อร์เหมือนครั้งก่อนๆ

“เสร็จหมดแล้ว กำลังรอลูกค้า มึงออกไปเล่นด้านนอกไป อีกสักพักห้องนี้จะไม่ว่างให้มึงมานั่งเล่น”

ปากยื่นปากยาวทำท่าอิดออดเหมือนไม่อยากลุก ไอ้ตัวดีล้มตัวลงนอนเหยียดแข้งเหยียดขาบนโซฟา วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเล็กตรงหน้าแล้วพลิกกายเข้าด้านในพร้อมทั้งยกขาก่ายพนักโซฟา

ผมส่ายหัวเอือมๆ ลุกขึ้นเดินตรงไปหามัน ทิ้งกายนั่งยองๆลงกับพื้น จับอีกคนให้พลิกหันมาคุยกันให้รู้เรื่อง

“วันนี้ห้ามดื้อ”

ยื้อยุดกันอยู่ครู่ใหญ่มันก็ยอมหันกลับมาง่ายๆ นัยน์ตาคู่นั้นฉายประกายซุกซน รีบต่อรองหาผลประโยชน์ใส่ตัว

“ไม่ดื้อแล้วจะได้ไร”

“อยากได้อะไรล่ะ” ถามย้อนกลับไปให้อีกฝ่ายเป็นคนเลือกเอง

มันมองหน้าผมอย่างคิดหนัก ดูเหมือนจะจริงจังกับของรางวัลมากจนเกินเหตุ

“คิดไม่ออก”

“คิดไม่ออกก็ไม่เป็นไร ไว้คิดออกเมื่อไหร่ค่อยบอก ตกลงมั้ย”

เมื่อได้ทางเลือกใหม่ มันก็คลี่ยิ้มกว้างแล้วพยักหน้าแรงๆ ก่อนจะชูสองมือขึ้นกลางอากาศไม่พูดไม่จา ผมมองมือของมัน เลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นการถาม

“อึ้บ!” มันส่งเสียงร้องเพียงเท่านั้นพร้อมทั้งสะบัดมือสองข้างไปมา

จะให้ผมดึงมันขึ้น?

เอาวะ เล่นกับเด็กมันหน่อย

ยิ้มอ่อนใจก่อนจะหยัดกายขึ้นยืน สองมือยื่นไปจับประสานกับมือเล็ก มันยิ้มถูกใจพลางทำตัวอ่อนปล่อยให้ผมดึงมันขึ้น เมื่อลุกขึ้นนั่งได้สำเร็จก็ยังทำตัวอ่อนไม่เลิก ทำท่าจะล้มลงฟุบกับโซฟาอีกครั้ง เดือดร้อนผมที่ต้องเข้าประคองเป็นการใหญ่

“จิมม อุ้ม!” เสียงนั้นดังอยู่ข้างหู ผมหันหน้าไปมองเล็กน้อย และกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มันใช้แขนสองข้างของมัน คว้าคอผมแล้วกอดไว้แน่น

“อุ้ม” ร้องบอกพร้อมกับขยับกายยุกยิก ขาสองข้างก็พยายามเกี่ยวรัดรอบขาของผม ผมที่โดนแรงดึงก็ทำท่าจะเสียหลัก ยังดีที่ใช้มือยันพนักโซฟาไว้ได้ทัน ไม่งั้นมีหวังได้ล้มทับตัวมันแน่ๆ

“ต้า!” เอ็ดเสียงเข้มกับการกระทำเอาแต่ใจ มันชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะผละหน้าออกห่างมองสบตาผมด้วยสายตาหงอยๆ แม้มันจะผละออกห่างแล้ว แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าระยะแค่นี้มัน.. ใกล้เกินไป อาจเป็นเพราะมือของมันยังคล้องรอบคอผมอยู่หรือเปล่า เลยทำให้ระยะหดสั้นขนาดนี้

“จิมอุ้ม” ปากอิ่มสีเรื่อนั่นก็ยังพูดคำเอาแต่ใจไม่หยุด ผมเบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยเพราะไม่อยากมองมันมากไปกว่านี้ ทว่าวินาทีต่อมา สัมผัสนิ่มๆที่แก้มก็ทำให้หัวใจเต้นรัวอย่างไม่อาจห้ามได้

“อุ้ม” ผมหันควับไปมองมันทันที และก็ต้องชะงักค้างมากกว่าเดิมเมื่อพบว่าใบหน้าของผมกับมันห่างกันเพียงแค่คืบ

สัมผัสที่ข้างแก้มเมื่อครู่ เป็นสัมผัสเดียวกันกับคืนนั้นที่มันอ้อนผม..

ผมพยายามหักห้ามใจไม่ให้โน้มหน้าลงไปใกล้ชิดมากกว่านี้ แต่เหมือนกับมีแรงดึงดูดทำให้ระยะห่างระหว่างใบหน้าของผมกับมันหดสั้นลงทุกขณะ หัวใจภายใต้อกซ้ายก็ยิ่งเต้นกระหน่ำมากกว่าเดิมจนผมกลัวว่าเด็กตรงหน้าที่ทำให้มันปั่นป่วนจะได้ยินมันเข้า

พลันปลายจมูกค่อยๆจรดลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลา แล้วลากไล้ลงต่ำไปตามสันจมูก ขยับเสียดสีผะแผ่ว ได้กลิ่นหอมอ่อนๆอันเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของมันก็ยิ่งทำให้หัวใจเต้นรัวมากขึ้น ผมมองอีกฝ่ายที่หลุบตาต่ำ สองแก้มแดงปรั่ง แล้วยิ้มเอ็นดู สัมผัสได้ถึงมือเล็กสองข้างของมันที่กำคอเสื้อด้านหลังของผมเกร็งแน่น

ผมเลื่อนมือข้างหนึ่งจับปลายคางมน ช้อนใบหน้าอีกคนเชยขึ้นสูงจนอยู่ในระดับที่พอเหมาะ ค่อยๆเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ สายตาจ้องมองที่กลีบปากสีแดงนิ่งงันราวถูกมนต์สะกดจนไม่อาจละสายตาได้

ทว่ายังไม่ทันที่ริมฝีปากจะแตะกัน เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดึงสติของผมกลับมา ทำให้ทั้งผมและมันต่างก็ผละจากกันทันที! ผมหันไปมองไอ้ต้า ใบหน้านั้นยังแดงก่ำจนลามไปถึงใบหู มันยกสองมือขึ้นปิดแก้มก้มหน้าหลบตาผมเป็นพัลวัน ยกยิ้มมุมปากลำพองใจกับปฏิกิริยานั้น ก่อนประตูห้องจะถูกแง้มออกเล็กน้อยและคุณเรก็ชะโงกหน้าเขามา

“เอ่อ…ขอโทษค่ะ ตอนนี้คุณปรางทิพย์รอพบอยู่หน้าห้องแล้วค่ะ”

ชื่อที่ได้ยินทำให้ใจผมกระตุกอย่างแรง หัวใจเริ่มเต้นรัวอีกครั้ง เพียงแต่ความรู้สึกครั้งนี้ต่างจากเมื่อครู่มากนัก

ไอ้ต้าเบิกตากว้าง ผุดกายลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจนแทบเสียหลักล้ม

“พี่เร รอผมด้วย!” มันร้องเรียกแล้วรีบกระโจนไปยังประตู ก่อนจะพาตัวเองออกไปจากห้องโดยไม่หันมามองผมอีก

ปรางทิพย์..

ประเทศนี้มีคนชื่อนี้หลายคน คงไม่ใช่คนๆนั้น

ทว่าถึงจะคิดอย่างนั้น แต่ในใจกลับไม่สงบ เพราะวันนี้มีเรื่องที่บังเอิญเกินไป

ผมหันไปมองประตูที่ค่อยๆเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับการปรากฏตัวของหญิงสาวร่างสมส่วน เจ้าของใบหน้าสวยหวานคนเดียวกับที่เดินชนผมเมื่อเช้า

ปราง..

“สวัสดีค่ะจิม แล้วเราก็เจอกันอีกครั้งจริงๆด้วย” เธอพูดขึ้นก่อนจะปิดประตูแล้วเดินเข้ามาใกล้ หยุดยืนอยู่ตรงหน้า “อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิคะ ปรางเป็นตัวแทนมาเจรจาธุรกิจกับคุณ ตอนนี้ปรางก็คือลูกค้าคนหนึ่งของคุณนะคะ” พูดพลางไล้มือไปตามสันกรามของผมแผ่วเบา

“คุณคิดถึงปรางบ้างหรือเปล่า ตลอดเวลาที่เราไม่ได้เจอกัน ปรางคิดถึงคุณนะคะ ปรางยังรักคุณตลอดเวลา” นัยน์ตาที่ทอดมองมาคล้ายมีน้ำใสเอ่อคลอ พาลทำให้หัวใจของผมกระตุกก่อนจะขบสันกรามแน่นมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายใน

“จิม.. เราสองคนมาเริ่มต้นกันใหม่ไม่ได้เหรอคะ”

“...”

“ที่ผ่านมา ปรางขอโทษ ต่อจากนี้ปรางจะไม่...”

“หยุดเถอะ ถ้าคุณจะคุยเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานก็กลับไปซะ” ผมรวบจับข้อมือบางก่อนจะดึงออกแล้วถอยหลังเว้นระยะห่าง พลางมองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ใบหน้าสวยหวานเริ่มบิดเบี้ยว น้ำตาเม็ดใสยิ่งคลอหน่วยตามากกว่าเดิม คล้ายจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

“จิมคะ..”

“เรื่องมันจบไปแล้ว ปล่อยให้มันจบไปเถอะครับ คุณเองก็เดินไปตามทางของคุณแบบที่ทำมาตั้งแต่แรกก็พอแล้ว แต่ผมขออย่างเดียว อย่ามายุ่งวุ่นวายกับผมและครอบครัวของผมอีก เรื่องที่ผ่านมา ผมจะไม่ถือโทษโกรธคุณ ไม่ว่าผมกับคุณจะเคยเป็นอะไรกัน จะเคยอยู่ในสถานะไหนมาก่อน ..ต่อไปนี้ ถ้าคุณเจอผมอีก โปรดทำเป็นไม่รู้จักผมด้วย”

ทันทีที่พูดจบ สีหน้าของคนตรงหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“จิมคะ คุณไม่รักปรางแล้วเหรอ”

“แล้วคุณล่ะ เคยรักผมบ้างหรือเปล่า?”

นัยน์ตาหวานเบิกกว้างเล็กน้อย ฟันเรียงตัวสวยกัดริมฝีปากของตัวเองแรงๆ

“กลับไปเถอะครับ”

น่าแปลกที่ผมสามารถพูดถ้อยคำเหล่านี้ออกมาได้โดยไม่รู้สึกอะไร ..หรือรู้สึกไม่มากเท่าที่เคยคิดไว้

“คุณมีคนใหม่ใช่มั้ย”

ผมเลิกคิ้วสูงมองคนตรงหน้าเป็นเชิงถาม

“ใช่เด็กคนนั้นหรือเปล่า คนที่อยู่กับคุณเมื่อเช้า”

ต้า?

“นั่นมันผู้ชายนะจิม! คุณจะแต่งงานกับผู้ชายด้วยกันได้ยังไง!?”

“แต่งงานกับผู้ชาย ยังดีกว่าแต่งงานกับผู้หญิงอย่างคุณ!”

ปรางทิพย์ชะงักค้างเมื่อผมเสียงดังใส่ ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะเค้นเสียงพูดออกมา

“ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ออกไปซะ ก่อนที่ผมจะเผลอทำอะไรรุนแรงกับคุณอีก”

“จิม...” เธอครางเรียกผม แล้วมองมาด้วยสายตาตัดพ้อก่อนน้ำใสจะไหลออกจากตาช้าๆ เธอค่อยๆเดินเข้ามาหาผม แล้วแตะแขนผมแผ่วเบา “ปรางรักคุณนะ”

“หยุดพูดคำว่ารักของคุณซักที!” ผมปราดเข้าไปบีบแขนอีกคนแน่น นัยน์ตากร้าวด้วยแรงอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมา ก่อนจะเค้นเสียงพูดรอดไรฟันอย่างคนใกล้หมดความอดทน “ถ้าคุณรักผม.. คุณจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นปรางทิพย์”

“จิมคะ ฮึก.. เจ็บ.. ปล่อย.. ปรางขอโทษ ฮึก.. จิม” เธอใช้มืออีกข้างพยายามจะดึงมือผมออก น้ำตาไหลลงเปรอะเปื้อนแก้ม นัยน์ตาดูเจ็บปวดและคล้ายกับจะรู้สึกผิดอย่างที่ปากว่าจริงๆ ทำให้ผมค่อยๆคลายแรงบีบและปล่อยเธอเป็นอิสระในที่สุด

“จิม ปรางรักคุณนะ.. ปรางรักคุณ ฮึก.. ปรางขอโทษกับสิ่งที่ผ่านมา ปรางสำนึกผิดแล้วจริงๆ ...ร เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้งนะคะ”

ผมนิ่งค้างกับแรงกอดรัดที่โผเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่ใจอยากจะผลักเธอออก แต่มือกลับแข็งค้าง ไม่กล้าผลักออกเสียอย่างนั้น เธอผละหน้าออกห่างจากแผ่นอกของผม ช้อนใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาขึ้นมองสบตา ก่อนจะยิ้มบางๆบนริมฝีปาก แล้วค่อยๆยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนริมฝีปากอิ่มประทับที่ข้างแก้มของผมนิ่งนาน

อยู่ๆตัวผมก็ถูกกระชากออกอย่างแรงจากข้างหลัง ก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อพื้นที่ระหว่างผมกับปรางถูกคั่นกลางด้วยไอ้เด็กที่สูงเพียงไหล่

"ออกไป! เข้ามาแทรกทำไม! ฉันจะคุยกับจิม!" เธอพูดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ มือเรียวผลักไหล่ไอ้ต้า จนมันเซไปด้านข้าง ทำให้ผมรีบคว้าแขนมันไว้กันไม่ให้ล้มกระแทกพื้นแล้วออกแรงดึงหมายจะให้มันออกไปห่างๆ ทว่ามันกลับขืนตัวไว้ แล้วเบี่ยงตัวให้หลุดออกจากมือของผม

"ห้ามรังแกจิมนะ!" มันพูดเสียงดังด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง มือเล็กสองข้างกำแน่นข้างลำตัว ผมมองคนที่คั่นกลางไว้อย่างไม่อยากเชื่อสายตา

มันกำลังปกป้องผมอยู่เหรอ...

"รังแกอะไร ฉันเนี่ยนะรังแกจิม เหอะ เด็กอย่างนายจะไปเข้าใจอะไร หลีกไปซะ ฉันยังคุยกับจิมไม่รู้เรื่อง”

“ไม่หลีก! ผมไม่ให้คุณรังแกจิมหรอก!” พูดตอกกลับอย่างดื้อรั้น สองมือกางออกขนานกับพื้น ราวจะสร้างอาณาเขตที่มองไม่เห็นด้วยตา บังผมไว้ด้านหลัง

“ฉันน่ะเป็นผู้หญิงที่จิมจะแต่งงานด้วย รู้ไว้ซะ!"

"โกหก!"

ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย เมื่อมันพูดออกมาเต็มเสียง แสดงอาการไม่เชื่อเธออย่างชัดเจน

"จิมคะ เด็กคนนี้ใครกัน ไม่มีมารยาทเอาซะเลย นึกจะเข้ามาก็เข้ามา ไม่เคาะประตูบอกล่วงหน้า ไร้มารยาท!"

ท้ายประโยค ดวงตาที่กรีดอายไลน์เนอร์ตวัดมองคนตัวเล็กตรงหน้าผมอย่างจงใจ ก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปาก ไอ้ต้ากำมือแน่น ลำตัวสั่นเทิ้ม

"นิสัยไม่ดี คนมีมารยาทเค้าไม่เที่ยวว่าใครว่าไร้มารยาทหรอก! จิมไม่แต่งงานกับผู้ใหญ่นิสัยไม่ดีอย่างคุณหรอก!"

น่าแปลกที่ท่าทางของมันดูจริงจังและเอาเรื่องมากกว่าตอนที่เถียงกับผม ก่อนคนเก่งตรงหน้าผมจะสะดุ้งสุดตัว ผงะถอยหลังจนแผ่นหลังปะทะกับหน้าอกผมเต็มๆ เมื่อผู้หญิงหนึ่งเดียวในห้องง้างมือขึ้นสูงเหนือหัวหมายจะตบหน้ามัน! เสียงหวดอากาศดังมาให้ได้ยินก่อนผมจะรีบยื่นมือไปจับข้อมือบางต้านแรงฟาดแล้วกำไว้แน่น!

"คุณกำลังจะทำอะไร!?"

ผมกำมือเธอแน่นยิ่งขึ้นก่อนจะใช้อีกมือดันคนเสียขวัญให้ไปหลบอยู่ด้านหลัง

"ออกไปซะปรางทิพย์!" เหวี่ยงมือบางให้ออกไปไกลๆจนร่างนั้นซวนเซแทบล้ม เธอตวัดสายตามองผมด้วยนัยน์ตาแค้นเคือง

"จิม! คุณปกป้องมัน!”

“ใช่ ผมปกป้อง”

“คุณมันโง่! คุณมันวิปริต! น่าขยะแขยง! ถ้ารู้ว่าการคบกับคุณแล้วทำให้ฉันเสียเวลาขนาดนี้ ฉันไม่คบกับคุณให้เสียเวลาหรอก!"

ระหว่างผมกับเธอมันจบไปแล้วจริงๆ แต่ถ้อยคำนั้นก็ยังเป็นเสมือนมีดที่กรีดกลางใจของผมให้เจ็บช้ำอยู่ดี

ผมรู้อยู่แล้ว ว่าที่เธอคบกับผม เป็นเพราะผลประโยชน์บางอย่าง…

"ผู้ใหญ่นิสัยไม่ดี!"

ผมชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคนด้านหลังพูดโพล่งทะลุกลางป้องเสียงดัง

“หุบปากเดี๋ยวนี้ไอ้เด็กบ้า!! แกกล้าดียังไงมาว่าฉัน!!” ใบหน้านั้นบิดเบี้ยวด้วยแรงโทสะที่อัดแน่น กายบางสั่นเทิ้มอย่างที่ผมนึกกลัวว่าเธอจะพลั้งมือกระทำรุนแรงกับเด็กคนนี้

"คุณมันวิปริตจิม! ฉันไม่เคยคิดเลย ว่าผู้ชายที่ฉันเคยคบด้วย ตอนนี้จะตาต่ำมารักเพศเดียวกัน รู้ไปถึงไหนอายถึงนั่น!"

"หยุดพูดซะทีปรางทิพย์!! ออกไปซะก่อนที่ผมจะเรียกรปภ.มาลากตัวคุณออกไป!!”

"กรี๊ดด! จิม!!!"

ผมมองเธอด้วยความสมเพชเมื่อเห็นเธอกระทืบเท้าเร่าๆกับพื้นราวกับคนเสียสติ ใบหน้าที่เคยสวยตอนนี้กลับน่าเกลียดจนไม่อยากมอง

ไม่น่าเชื่อ ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนเดียวกับที่ผมเคยคิดจะแต่งงานด้วย

เธอตวัดสายตามามองผมกับต้าอีกครั้งก่อนจะกระฟัดกระเฟียดเดินออกจากห้องไป ก่อนร่างนั้นจะหายลับไปหลังประตู ไม่รู้ว่าหูแว่วไปเองหรือเปล่า ถึงได้ยินชื่อของบุคคลที่สามดังออกมาจากริมฝีปากคู่นั้น

"ไอ้เซมนะไอ้เซม!!"

....

ประตูห้องถูกปิดลงอีกครั้งอย่างช้าๆ

"...ป เขาไปแล้วใช่มั้ยพี่จิม" คนด้านหลังกระตุกชายเสื้อผม เรียกให้หันไปมอง

“อืม ไปแล้ว” ผมมองประตูบานนั้นอีกครั้ง ก่อนจะเบือนหน้าหันกลับมาทางเดิมเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่และเสียงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ

ไอ้คนที่ทำตัวเก่งเมื่อครู่ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง รอบนี้ยาวน่าดู เหมือนคนโล่งอก

"น่ากลัวมากๆเลย ต้าคิดว่าต้าจะถูกตี คนอะไร ทำไมดวงตาน่ากลัว"

ผมหัวเราะเบาๆกับท่าทางและคำพูดของมัน

"แต่เมื่อกี้ไม่เห็นกลัว"

"ใครบอก! กลัวสิ กลัวมากด้วย" มันพูดพลางเบะปาก ใบหน้าแลขยาด

"แล้วเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพี่ไม่เห็น"

"ก็จิมกำลังถูกผู้หญิงคนนั้นกินแก้ม จะไปเห็นได้ยังไง"

ผมหลุดขำออกมาเบาๆ กินแก้มเหรอ?

"ก็ตอนต้าออกไปแล้ว เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาเป็นคนเดียวกับที่ทำให้พี่จิมร้องไห้เมื่อเช้า เลยคิดว่าเขาจะมารังแกอะไรจิมอีก"

เมื่อเช้า?

เปล่า ผมไม่ได้ร้อง

"ทำไมจิมทำหน้างั้น จิมกลัวเหรอ?"

มัยเขยิบเข้ามาใกล้ผมอีกนิด ก่อนจะยกสองแขนมาโอบกอดผมไว้ทั้งตัว แนบใบหน้าลงกับแผ่นอกของผม

"โอ๋ๆ ไม่มีใครมาแกล้งจิมได้แล้วนะ เดี๋ยวต้าจะปกป้องจิมเอง" พูดเสียงอู้อี้ ทั้งยังลูบแผ่นหลังของผมไปมาราวกับปลอบโยน

ผมยืนนิ่งปล่อยให้มันกอดผมไว้อย่างนั้น ไม่ได้รู้สึกขุ่นเคืองที่ถูกเด็กอายุน้อยกว่ามาพูดจาทำนองนี้ใส่ กลับกัน ผมกลับรู้สึกดี จนเก็บรอยยิ้มไว้ไม่อยู่จนต้องระบายออกมา

บางที.. ที่ผมกำลังรู้สึกดีอยู่ตอนนี้ อาจเป็นเพราะ มันเป็นคนพูดคำพูดเหล่านั้น และเพราะเป็นมันที่กำลังกอดผมอยู่..

"ขอบคุณนะ"

เป็นคำสั้นๆที่ตั้งใจพูดให้คนตัวเล็กฟัง และผมก็รับรู้ได้ว่ามันได้ยินคำพูดของผมแล้ว เพราะรู้สึกได้ถึงใบหน้าที่แนบชิดหน้าอกของผมขยับพยักขึ้นลงเบาๆ

ผมยิ้มบาง ก่อนจะยกมือลูบศีรษะของมันแผ่วเบา

 

 

 

_________________________________________________

TALK :: ผิดคาดมั้ยกับพาร์ทนี้? 5555
ขอโทษน้า ที่หายไปหลายวัน
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ และทุกๆกำลังใจมากๆเลยนะคะ มันทำให้เราฮึดๆๆๆ
ไว้เจอกันใหม่พาร์ทหน้านะ : )

ออฟไลน์ pannixz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 373
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
สับสน ซับซ้อน
คนแต่งคะ
เอาอี่นั่งนี่ไปถ่วงอ่าวไทยเดียวนี้  :angry2:

ออฟไลน์ pornumpai-ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
 :z1:
กรี๊ดดดด  น่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ cakecoke

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
 o13

จิม
จิม
น้องต้าค่ะ พีรักน้องค่ะ ฟินนน! :z2:

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
ระหว่างจิมกับต้า คือน่ารักขึ้นทุกที ๆ
แอร๊ยยย~~~

แล้วจิมจะติดใจกับคำพูดหลุดรอดของปราง
ที่พูดถึงเซมรึเปล่า >.<

รอติดตามนะคะ~^^

ออฟไลน์ ตัวเลข

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ฉากนี้จิมน่าักดีนะค่ะ ไม่ค่อยเหมือนกับจิมช่วงแรกๆเลย ท่าทางต้าจะค่อยๆกระเทาะเปลือกจิมออกละมั้ง

lalaballxx

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกกกกกกกกกก น้องต้าน่ารักที่สุดดดดด อร้ายยยยยย ปกป้องพี่จิมเหรออออ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

เเล้วปรางทิพย์นี่อะไร ออกไป๊ !!!!!   :fire: :fire:

จิมตอนนี้ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นจิมคนที่ข่มขืนต้า  ดูเป็นคนดีจัง 555555555






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด