#Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ชอบใครที่สุดใน A BOY

น้องต้า
79 (41.6%)
วิคเตอร์
21 (11.1%)
พี่จิม
64 (33.7%)
หมอเซม
22 (11.6%)
แซมแฝดน้องพี่หมอ
4 (2.1%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 163

ผู้เขียน หัวข้อ: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| Special ==When I was young [18/7/57] P.26  (อ่าน 248136 ครั้ง)

ออฟไลน์ diduek

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
    • http://diduek-san.exteen.com/
Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
«ตอบ #510 เมื่อ13-11-2013 01:24:12 »

จิมมมม โฮฮฮฮ จิมน่ารักก ต้าน่ารักกกก

viper7123

  • บุคคลทั่วไป
Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
«ตอบ #511 เมื่อ13-11-2013 23:59:34 »

ถึงกับหนี

 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

NO.666

  • บุคคลทั่วไป
Re: #Drama,SM |||||||||| A BOY |||||||||| ---ตอนที่ 33 40% [8/11/56] P.17
«ตอบ #512 เมื่อ14-11-2013 03:46:35 »

หากวันนึงน้องจำจิมได้ แล้วน้องจะยังรักจิมอย่างนี้มั้ยนะ

ออฟไลน์ NNEW33

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ตอนที่ 33 สวนทาง 100%

ผลพวงจากการที่ผมหนีเด็ก ทำให้เด็กยิ่งตัวติดผมมากกว่าเดิม

ผมขยับตัวเล็กน้อย สายตายังคงไม่ละจากเอกสารในมือตรงหน้า รู้ครับว่าตอนนี้กำลังมีดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องมองผมทุกอิริยาบถ

โดยปกติแล้ว หากถึงเวลาทำงาน ไอ้ต้าจะออกไปนั่งเล่นกับพวกด้านนอก จนกว่าจะถึงเวลาเลิกงานหรือเวลาพักกลางวันนั่นล่ะ ถึงจะยอมเดินเข้ามาหาผมในห้อง แต่วันนี้มันมาแปลก ทำตัวติดผมตั้งแต่อาบน้ำเสร็จ

เหมือนมันรู้ว่าผมพยายามออกห่างมัน มันถึงได้เข้าใกล้มากกว่าเดิม ดูได้จากตอนเช้าที่เพิ่งมาถึงบริษัท ปกติแล้วหลังจากลงรถ ผมจะเป็นฝ่ายกุมมือมัน ทว่าวันนี้มันกลับเข้ามาจับมือผมไว้เอง บอกเลยครับ ว่า ‘หนักใจ’

ไม่ได้ลำบากใจที่มันเข้าใกล้ แต่... ผมว่า สภาพจิตใจผมยังไม่ค่อยปกติ

กลิ่นกายหอมกรุ่นอยู่ใกล้จมูกมากเกินไป อีกทั้งเนื้อตัวนุ่มนิ่มก็ขยันเบียดกันเหลือเกิน..

ผมเหลือบตาขึ้นจากเอกสารเล็กน้อยเมื่อเห็นวัตถุไหววูบที่หางตาจากฝั่งตรงข้าม

เคยเห็นมั้ยล่ะครับ วิธีเรียกร้องความสนใจของเด็ก

และยิ่งเป็นเด็กที่ได้รับความสนใจจากคนรอบข้างมากๆ พอไม่ได้รับความสนใจขึ้นมา มันก็จะมีสภาพไม่ต่างจากคนที่นั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามผมตอนนี้

มันเปลี่ยนมานั่งตัวตรง ก่อนจะฉีกยิ้มยิงฟันเมื่อพบว่าผมมองอยู่ รีบหดไม้หดมือลงใต้โต๊ะทำเหมือนกับว่าเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมมุ่นคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเลิกสนใจ ใช้งานเป็นข้ออ้างในการสร้างระยะห่าง

รวนครับ ยิ่งอยู่ใกล้มัน เครื่องยิ่งรวน

ปั่ก!

อีกครั้งกับเสียงปริศนา ทว่าครั้งนี้ต้นเหตุของการเกิดเสียงไม่ได้มาจากบนโต๊ะที่สามารถมองเห็นได้ หากแต่มาจากใต้โต๊ะที่สั่นไหวเบาๆตามแรงกระแทก

ปั่ก ปั่ก!!

เมื่อไม่ได้รับความสนใจ มันก็เรียกความสนใจหนักขึ้นเป็นสองเท่า เริ่มรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่ปรับระดับเป็นรุนแรงขึ้นของไอ้เด็กตรงหน้า ไม่ได้เงยหน้าไปมอง แต่สัมผัสได้จากความรู้สึก

ผมยังคงนิ่ง และแน่นอนว่าเครื่องผมยิ่งรวนมากกว่าเดิม เพราะผมไม่ได้ขุ่นเคืองจากการกระทำเอาแต่ใจนี้ ทุกอย่างตรงข้ามไปหมด เหมือนหัวสมองของผมกลับด้าน ไม่ได้รำคาญ ไม่ได้โกรธเคือง แต่กลับเริ่มสนุกในการเห็นมันเป็นอย่างนี้ ยิ่งมันเรียกร้องความสนใจ ผมก็ยิ่งอยากเย้าแหย่

“จิมมม” เสียงเรียกชื่อจากน้ำเสียงที่คุ้นเคยทำลายบรรยากาศเงียบๆที่ผมสร้างไว้ตั้งแต่เข้าห้องมา ไม่รู้ว่าตอนนี้มันกำลังแสดงสีหน้าอย่างไรอยู่ บางทีอาจจะกำลังตาขวาง? อมลมจนแก้มป่อง? หรือจะตีหน้ายุ่งเหยิงกันแน่

 “จิม” เสียงเรียกชื่อครั้งนี้ห้วนกว่าครั้งแรก ดูเหมือนว่ามันจะเริ่มหมดความอดทนกับการเรียกความสนใจที่ไม่ได้รับการสนองตอบ

แว่วหูได้ยินเสียงเสียดสีของเสื้อผ้าและเสียงกุกกักบอกให้รู้ถึงการเคลื่อนไหว

หืม?

มุ่นคิ้วชนกันก่อนจะตวัดสายตามองต้นเหตุที่ฉกแฟ้มเอกสารไปจากมือผม นิ่งค้างเล็กน้อยเมื่อพบว่า ไอ้ตัวป่วนที่เคยนั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่มีโต๊ะคั่นกลาง ตอนนี้กลับปีนขึ้นมาบนโต๊ะ นั่งทับกระดาษเอสี่ไว้ด้วยนัยน์ตาเป็นประกายวาววาบ แฟ้มเอกสารที่แย่งผมไปยังคงอยู่ในมือเรียว

“ขึ้นมานั่งบนโต๊ะได้ยังไง ลงไปนั่งที่เดิมเดี๋ยวนี้” ดุเสียงเข้ม มองอีกคนที่นั่งนิ่งไม่ขยับราวกับไม่ได้ยินคำพูดของผม ก่อนมันจะซ่อนแฟ้มไว้ด้านหลัง

“ไม่ลง!”

ได้ยินเสียงหล่นตุ้บของวัตถุที่คาดว่าน่าจะเป็นแฟ้มเจ้าปัญหาอันนั้น มันหันไปมองเล็กน้อยด้วยหน้าเผือดสี คงกลัวว่าผมจะดุ ก่อนจะหันกลับมาแสร้งยกมือกอดอก กลบเกลื่อนความผิดด้วยการแสดงท่าดื้อดึง

“ต้า” ทันทีที่เรียกชื่อมันด้วยด้วยน้ำเสียงดุๆ เจ้าของชื่อก็สะดุ้งเฮือก

“อย่ามาดุนะ!” พูดเสียงดังขณะที่นัยน์ตาสั่นไหว

“ลงจากโต๊ะเดี๋ยวนี้”

“ไม่ลง!” ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นเป็นเส้นตรง

ผมเริ่มปวดหัวจี๊ด ไม่รู้ว่าควรจะรับมือกับเด็กดื้อตรงหน้าอย่างไรดี ยิ่งอยากอยู่ไกลๆ ก็ดูเหมือนระยะห่างที่พยายามสร้างจะหดสั้นเข้าทุกที ผมรู้สภาพตัวเองดี เด็กคนนี้เริ่มมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของผม ยิ่งเข้าใกล้มัน ยิ่งใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่ความรู้สึกของผมก็พุ่งพรวดอย่างรวดเร็ว

ความรู้สึกนี้ เป็นอันตรายต่อตัวผมเอง..  มันค่อนข้างยากในการบังคับตัวเอง อย่างตอนนี้ที่นัยน์ตาคู่นั้นเริ่มเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำใส ผมก็อยากปลอบประโลม

ความเงียบที่ผมสร้างขึ้นเพื่อยับยั้งและรักษาระยะห่างไม่เข้าไปใกล้มันเกินควรดูเหมือนจะทำให้อีกคนเข้าใจผิด บางทีมันอาจคิดว่าผมกำลังโกรธที่มันดื้อ น้ำใสถึงได้ค่อยๆไหลเปรอะแก้มนวล

“ร้องทำไม” เอ่ยถามเพราะอยากรู้สาเหตุของรอยน้ำตาว่าตรงกับที่ผมคิดไว้หรือเปล่า

มันกัดปากแน่นก้มหน้าไม่ตอบคำถาม ไหล่เล็กสั่นสะท้านตามแรงสะอื้น

“ลงจากโต๊ะซะ”

มันเงยหน้าขึ้นมองสบตา ริมฝีปากเม้มแน่นกว่าเดิม ถึงแม้อายุของผมจะเลยช่วงวัยเด็กมานานแล้ว และไม่ค่อยได้คลุกคลีกับเด็กมากนัก แต่ก็ยังพอจดจำความรู้สึกตอนยังเป็นเด็กได้ลางๆ

เด็กอยากเป็นที่หนึ่ง เด็กอยากสำคัญ เด็กอยากถูกตามใจ และไม่ชอบการถูกดุ

“ต้า” เรียกชื่อมันสั้นๆเป็นการกดดันอีกฝ่ายกลายๆ มันยกมือขึ้นขยี้ตา แต่น้ำใสก็ยังไหลไม่หยุด ผมยังคงนิ่ง ไม่มีการเอ่ยปลอบ จวบจนร่างนั้นค่อยๆย้ายตัวเองลงมายืนบนพื้นด้วยเท้าเปลือยเปล่า กระดาษเอสี่บนโต๊ะยับไม่เรียบเหมือนเดิม อีกทั้งของบางอย่างที่เคยตั้งดีๆก็กระจัดกระจายล้มระเนระนาดรกไปหมด

มันยืนก้มหน้าอยู่ข้างๆเก้าอี้ที่ผมนั่ง ก่อนผมจะหมุนเก้าอี้หันไปหามัน

“ร้องไห้ทำไม” ถามย้ำอีกครั้งด้วยคำถามเดิม

“ดุทำไม” ตอบด้วยน้ำเสียงสั่นๆ นัยน์ตาคู่นั้นบอกว่าเจ้าตัวกำลังน้อยใจ

บางทีผมอาจจะโรคจิต เมื่อได้ยินคำตอบ หัวใจก็พาลลิงโลด มองนัยน์ตาแดงก่ำและปลายจมูกแดงเรื่อ ก็ให้รู้สึกหมั่นเขี้ยวจนอยากจะจับมันมาฟัดเสียเดี๋ยวนั้น

ความรู้สึกของผมตอนนี้ ก็เหมือนกับแม่เหล็กต่างขั้ว ยิ่งอยากอยู่ห่างจากมันมากเท่าไหร่ ความรู้สึกที่อยากจะเข้าใกล้ก็ยิ่งชัดเจนมากเท่านั้น ..บวกกับลบ เป็นขั้วที่แตกต่าง แต่หากลองนำแม่เหล็กสองขั้วนี้มาวางใกล้กัน  มันกลับดึงดูดซึ่งกันและกันจนยากจะแยกออก

ผมกับมันก็แตกต่าง.. ผมอายุ 27 ขณะที่มันเป็นเด็กอายุไม่น่าเกิน 18 ไม่สิ ตอนนี้มันเป็นเด็กที่มีอายุเพียง 9 ขวบ.. ทุกอย่างยิ่งไปกันใหญ่ ..ทางด้านนิสัยใจคอ ผมกับมันก็แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด มันงอแงก็ที่หนึ่ง ดื้อก็ไม่เป็นรองใคร แถมยังเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ทำไมกำแพงที่ผมอุตส่าห์สร้างถึงได้พังลงง่ายๆอย่างนี้

ยิ่งมองหาเหตุผลมารองรับความรู้สึกและการกระทำหลายๆอย่างที่ผมยอมตามใจมัน ผมก็ไม่ได้รับคำตอบใดใด ..รู้เพียงแต่ หากมัวแต่หาเหตุผล ผมคงอัดอั้น จึงได้แต่ทำตามความรู้สึกของตัวเองโดยไร้ซึ่งเหตุผล

เหมือนอย่างตอนนี้.. ยิ่งมองใบหน้างอง้ำน้อยอกน้อยใจของมัน ความรู้สึกอยากกอดก็แล่นพล่านจนระงับแทบไม่อยู่

“มานั่งนี่มา” เรียกอีกฝ่ายพร้อมกับมือที่ตบหน้าขาของตัวเอง มันมองด้วยความสงสัยเล็กน้อยก่อนจะยอมเดินมานั่งแต่โดยดี ..ร่างเล็กนั่งคล่อมตักของผมโดยหันหน้าเข้าหากัน แขนเรียวสองข้างยกขึ้นกอดรอบคอของผมก่อนจะขยับหน้าเข้าซุกซอกคอโดยอัตโนมัติ

คลายยิ้มบนริมฝีปากกับท่าทางออดอ้อน มือหนึ่งโอบประคองแผ่นหลังบาง อีกมือยกขึ้นลูบเส้นผมนุ่มลื่นเป็นจังหวะช้าๆ

“ดุทำไม” เสียงอู้อี้ดังอยู่ใกล้ใบหู สองแขนกอดรอบคอผมแน่นมากกว่าเดิม

“ดื้อทำไม” ย้อยถามกลับขณะที่กดใบหน้า แนบริมฝีปากจูบซับลาดไหล่เล็ก

ไม่ได้เจตนาจะล่วงล้ำมันมากไปกว่านี้ เพียงแค่ห้ามความต้องการที่อยากจะสัมผัสร่างบนตักไม่ได้

“ไม่ได้ดื้อ” ตอบกลับมาด้วยเสียงขุ่นๆ พลันรู้สึกเจ็บบริเวณไหล่เมื่ออีกคนขบกัดลงมา

กัดซะบ้างดีมั้ย?

“มึงดื้อ”

มันกัดแรงมากกว่าเดิมจนผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ก่อนร่างบนตักจะผละออกเพื่อมองสบตา

“ไม่ได้ดื้อ! ก็ไม่สนใจกันทำไม!”

...ผู้ใหญ่อย่างผมกำลังจะใจแตกเพราะเด็กอย่างมัน

“อย่าพูดแบบนี้กับใคร” ผมพูดในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับบทสนทนาข้างต้น พลางไล่สายตาลงต่ำมองลำตัวช่วงล่างของมันที่กำลังนั่งทับหน้าขาของผม ก่อนจะมองหน้ามันอย่างจริงจัง

“และห้ามไปนั่งตักใครแบบนี้เด็ดขาด เข้าใจที่พูดไหม?”

ริมฝีปากอิ่มยู่ลงทันควัน คิ้วขมวดชนกัน และไม่ตอบรับคำพูดของผม ทำให้ผู้ใหญ่อย่างผมเริ่มร้อนรน

ไม่มีเหตุผลในการเอ่ยห้ามมันในครั้งนี้ เพียงแค่ลองจินตนาการถึงภาพที่มันเที่ยวไปนักตักใครต่อใคร ในใจก็เริ่มร้อนราวกับถูกไฟสุม

“เข้าใจหรือเปล่า” ถามย้ำอีกครั้ง ซึ่งรอบนี้มันพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ

“กับเตอร์ก็ห้ามนั่งเหรอ?” มันเอ่ยถามด้วยสีหน้าติดจะยุ่งเหยิง และลำบากใจ

‘เตอร์?’ ชื่อนี้คุ้นหูเหมือนเคยได้ยินมันพูดถึงมาก่อน

กำลังจะไล่เบี้ยถาม ทว่าเสียงเคาะประตูกลับดังขัดขึ้น ก่อนประตูบานหนาจะค่อยๆเปิดออกกว้าง

“เอ่อ.. ขอโทษครับ” สีหน้ากระอักกระอ่วนของคุณอนุชิตคนเปิดประตู ก่อนเขาจะก้มหน้าต่ำ ทำท่าหันหลังจะเดินจากไปทั้งที่ยังไม่ได้พูดธุระของตัวเอง

“เดี๋ยวครับ คุณไม่ต้องออกไปไหน” ออกแรงดันคนบนตักให้ออกห่างเล็กน้อยซึ่งมันก็ยอมลุกอย่างว่าง่าย แต่ไม่ได้เดินไปไกล ยังคงยืนอยู่ข้างๆผม

คุณอนุชิตหมุนกายกลับมา มองหน้าของผมกับมันสลับไปมา พลันกระแอมไอแล้วย่างสามขุมมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะอีกฝั่ง

“ผมเอาข้อมูลที่คุณต้องการมาให้ครับ” เขาเหลือบมองคนที่ยืนข้างกายผมอีกครั้ง ก่อนจะวางแฟ้มลงบนโต๊ะ “ต้องขอโทษอีกครั้งจริงๆครับ ที่ผมทำงานช้า”

เหลือบตามองหน้าแฟ้มเอกสารที่ไม่ได้ระบุข้อความใดๆจ่าหน้าก่อนจะพยักหน้ารับ

“คุณออกไปทำงานต่อเถอะ ขอบคุณคุณมากสำหรับข้อมูล”

เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะหมุนกายเดินออกจากห้องโดยไม่ลืมปิดประตูให้ ผมมองเอกสารฉบับนั้นโดยไม่คิดจะเปิดดูเนื้อหาภายใน ..อย่างน้อยก็ต่อหน้ามัน

แรงกระตุกแขนเสื้อจากด้านข้างทำให้ผมหันไปมอง

“จิม เมื่อไหร่จะได้กลับบ้าน”

ถึงแม้ผมจะแสร้งทำเป็นลืมถึงสัญญาที่ครั้งหนึ่งเคยรับปากมันไว้ว่าจะพาไปส่งบ้าน แต่มัน ไม่เคยลืม..

“มึงนึกออกหรือยังล่ะ ว่าบ้านอยู่ที่ไหน”

กลั้นใจถามออกไป พลางเอื้อมหยิบแฟ้มเอกสารอันอื่นมาวางทับแฟ้มที่คุณอนุชิตเพิ่งให้มา ปกปิดแฟ้มนั้นให้รอดพ้นจากสายตาของอีกคนในห้อง

“จิมรับปากแล้วว่าจะไปส่ง”

ครับ ผมรับปาก.. และครั้งนึงผมเคยคิดจะพามันกลับบ้านจริงๆ ไม่ได้สักแต่ว่าพูด ...แต่ พอมาวันนี้ วันที่ผมสามารถพามันไปส่งบ้านได้ ...ผมกลับไม่อยากปล่อยมันไป 

“จะกลับบ้าน จิม ..อยากกลับบ้าน พาต้าไปส่งบ้านนะ” เสียงสั่นๆของมันทำให้ผมปวดหนึบที่อกด้านซ้าย

ทั้งที่เลยเวลาที่เคยรับปากมันไว้มาสองวันแล้ว..

ทั้งที่มันไม่มีวี่แววว่าจะร้องกลับบ้าน แล้วทำไมอยู่ๆ ถึง..

“จิม ..ฮึก อยากกลับบ้าน” เสียงสะอื้นหลุดรอดจากปากอิ่มพลันมือบางบีบแขนของผมอย่างแรง ผมหมุนเก้าอี้หันหน้าไปเผชิญกับมัน ลอบกลืนน้ำลายหนืดคอก่อนจะโป้ปดคำโตด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง

“กูไม่มีที่อยู่บ้านของมึง ..เลยไปส่งไม่ได้ เข้าใจมั้ย”

นึกละอายใจกับพฤติกรรมของตัวเอง

ผมกำลังโกหก..

ขบฟันแน่น พลางจับข้อมือขาวของคนที่น้ำตานองหน้าแล้วดึงให้มันทรุดนั่งลงที่หน้าขาของตัวเอง

“อย่าร้องไห้” พูดพลางใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาที่เปรอะแก้มนวลอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นเป็นเส้นตรง ..แต่ไม่ว่าผมจะเช็ดน้ำตาให้มันเท่าไหร่ นัยน์ตาแดงก่ำก็ไม่หยุดผลิตน้ำใสๆเสียที

“อยู่กับกู มึงมีความสุขหรือเปล่า”

แทบจะกลั้นใจสำหรับการรอคำตอบ แต่พอเห็นมันพยักหน้าเบาๆก็พาลให้ชุ่มชื่นหัวใจ

“อยู่กับกูต่อไปได้มั้ย”

...

เกิดความเงียบสำหรับคำถามนี้ ใบหน้าอ่อนเยาว์ดูลำบากใจและสับสน ริมฝีปากอิ่มคู่นั้นเม้มแน่น นัยน์ตาฉ่ำน้ำมองหน้าผมก่อนจะเปล่งเสียงพูดออกมาเบาๆคล้ายคนไม่มั่นใจ

“อยากกลับบ้าน.. จิมโกรธต้ามั้ย” มือเล็กกำแขนเสื้อของผมแน่นขึ้นจนเนื้อผ้ารัดตึงไปกับลำแขน

ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ มีคำถามค้างคาในใจที่ไม่กล้าถามมัน

ถ้ามึงรู้ว่ากูกำลังโกหก ..มึงล่ะ จะโกรธกูหรือเปล่า

"เตอร์คนที่มึงพูดถึงเมื่อกี้คือใคร" เปลี่ยนหัวข้อในการสนทนา วกกลับเข้าเรื่องที่ยังคุยกันค้างอยู่

มันนิ่งไปนิด ก่อนนัยน์ตาคู่นั้นจะแปรเปลี่ยนจากประกายหม่นเศร้าเป็นคล้ายกำลังยิ้มได้

"เตอร์เป็นพี่ชายต้า ชื่อวิคเตอร์" ริมฝีปากปากอิ่มขยับยิ้มน้อยๆ

พี่ชาย?

หวังจะเปลี่ยนประเด็นให้ออกห่างจากเรื่องที่เกี่ยวกับบ้านของมัน เพื่อที่มันจะได้ไม่คิดถึงและไม่อยากกลับบ้าน

แต่เรื่องที่ผมกำลังถามมัน กลับยิ่งเป็นเรื่องใกล้ตัว

นั่น จะยิ่งทำให้มันอยากกลับบ้านมากกว่าเดิมหรือเปล่า

"เตอร์ตอนนี้ตัวใหญ่เกือบเท่าจิมเลย" ใบหน้าอ่อนเยาว์มุ่ยลงเล็กน้อย ทว่านัยน์ตากลับทอประกายเป็นสุข

อยู่ๆก็รู้สึกหวงแหนสายตาแบบนั้น ถึงแม้คนชื่อวิคเตอร์จะเป็นคนในครอบครัว เป็นพี่ชายของมัน แต่ผมไม่อยากให้มันพูดถึงใครอื่นด้วยสายตาแบบนี้

มือเล็กสองข้างจับมือข้างหนึ่งของผมขึ้นมาก่อนจะบีบคลึงเล่น ริมฝีปากอิ่มยังเจื้อยแจ้วไม่หยุด

"ต้ามีเตอร์คนเดียว เตอร์เป็นพี่ชายที่ดีมากๆๆๆๆนะ เวลาต้าไปโรงเรียนถูกเพื่อนแกล้ง เตอร์ก็ไปเอาคืนให้จนไม่มีใครกล้าแกล้งอีก"

ผมขมวดคิ้ว มืออีกข้างที่ไม่ได้ถูกร่างเล็กยึดไปจับโอบกระชับรอบเอวบางให้แน่นยิ่งกว่าเดิม พลางเลื่อนหน้าเข้าใกล้แล้ววางคางเกยไหล่มน

กลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างบนตักทำให้ผมอุ่นใจ ทว่าน้ำเสียงมีความสุขของมันตอนที่พูดถึงพี่ชายทำให้ผมร้อนลุ่ม

ผมเองก็มีพี่ชายคนเดียว ตอนเป็นเด็ก ผมเองก็ติดมัน แต่ไอ้คนบนตักของผมแลจะติดมากกว่า

มือเล็กที่คลึงมือผมเล่นเปลี่ยนเป็นวางฝ่ามือทาบลงไป

"มือจิมใหญ่จัง" พูดพลางขยับกายยุกยิกพลิกตัวหันมาแล้วชูมือให้ดู ผมมองมือเล็กที่วางทาบก่อนจะกุมมือบางข้างนั้นไว้

มือของมันต่างหากที่เล็กเกินไป ..ข้อมือนี้ก็เล็ก ดูบอบบางจนไม่น่าเชื่อว่าครั้งหนึ่งผมจะเคยกระทำรุนแรงกับมันได้ลงคอ

“ขอโทษ”

ยังไม่คลายมือที่กุมกันไว้ ขณะที่ค่อยๆเลื่อนสายตาเพื่อมองสบกับดวงตาที่ฉายประกายงุนงง

...คนอย่างผม ไม่เคยอยากได้รับการอภัยให้จากใครมาก่อน ไม่เคยสนใจความรู้สึกของใคร หากความสัมพันธ์จะขาดกันก็ไม่เคยแคร์ แต่กับคนตัวเล็กคนนี้..

หากทุกอยากกลับเป็นเหมือนเดิม..

ผมอยากได้รับโอกาสจากมัน อยากได้รับการให้อภัยจากมัน

“จิมขอโทษทำไม”

เป็นคำตอบที่ตอบยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพูดถึงเรื่องที่เคยทำผิด

ใบหน้าขาวมุ่ยลง มันดึงมือกลับ ก่อนจะขยับกายเพื่อหันมาเผชิญหน้ากัน ..หัวใจผมกระตุกเมื่อมันนั่งคล่อมตัก แล้วจับมือผมสองข้างให้ไปกอดรอบเอวมัน

“จิมยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เตอร์เคยสอนว่า ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษ”

สิ้นเสียง ก็เผลอรั้งเอวบางเข้ามาใกล้ตัวยิ่งกว่าเดิม รู้สึกจุกจนพูดไม่ออก

"ถ้าต้ากลับบ้านแล้ว จะได้เจอจิมอีกมั้ย" มันวางมือทาบลงเหนือหน้าอกของผม แววตาสับสนไม่น้อย

"ไม่รู้"

“ทำไมไม่รู้” สีหน้าบึ้งตึงบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวไม่ค่อยพอใจกับคำตอบ

“ถ้ามึงอยากเจอ กูจะไปหา แต่ถ้ามึงไม่อยากเจอ...”

“อยากเจอ!” พูดโพล่งเสียงดังคล้ายไม่ได้คิด ผมนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนมือเล็กจะยกขึ้นประคองสองข้างแก้ม “อยากเจอ จิมต้องไปหาต้าบ่อยๆนะ”

“อยู่กับกู”

“...”

“อยู่กับกูได้หรือเปล่า อยู่กับกูตลอดไป”

คำตอบ เป็นสิ่งที่ผมรู้อยู่แก่ใจแต่ก็ยังดึงดันถาม ริมฝีปากอิ่มกัดปากตัวเองนิ่ง ไม่มีการพยักหน้า จวบจนเมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่งมันถึงได้ยอมเปล่งเสียงออกมา

"คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ คิดถึงเตอร์..."

"แต่ถ้ามึงกลับไป.. กูเองก็จะคิดถึงมึง"

มาถึงตรงนี้ผมคงยอมรับกับตัวเองได้อย่างเต็มปากเต็มคำแล้วว่า 'ผมตกหลุมรักเด็กคนนี้เข้าเต็มเปา'

สีหน้าคนฟังหม่นหมอง มือเหนืออกกำเสื้อผมแน่นจนผมแน่ใจว่าถ้าหากมันปล่อย เสื้อตรงนั้นคงจะยับแน่ๆ

“ถ้าต้าได้กลับบ้าน จะโทรหาจิมบ่อยๆ จะขอพ่อกับแม่มาหาจิม” ฟันขาวกัดปากล่างแน่น ขมวดคิ้วชนกันจนเป็นรอยตรงกลาง

“มึงอยากกลับบ้านมากเลยเหรอ”

เป็นคำถามโง่เขลาที่ได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าแรงๆ

ไม่รู้ว่าจะรั้งไว้ยังไง

...เหลือบสายตามองไปยังทิศทางแฟ้มเอกสารที่มีข้อมูลที่ผมไม่อยากรับรู้อยู่ในนั้น ขณะที่กำลังชั่งใจ เสียงใสก็เอ่ยขึ้น

“ถ้าต้าจำทางกลับบ้านได้ จิมต้องไปส่งนะ”

จำได้เหรอ..?

คงไม่ใช่แค่ทางกลับบ้าน...

น้ำลายหนืดคอจนไม่สามารถเปล่งเสียงเป็นคำพูดใดใดได้ ทำได้เพียงตอบรับสั้นๆในลำคอ

 

 

 

__________________________________________

TALK:: มาแล้ววววว พรุ่งนี้วันลอยกระทง รีบชิงตัดหน้าลงก่อน เผื่อคนไปลอยกระทงแล้วไม่ได้แวะเข้ามาอ่าน 5555
ขอให้สนุกสนานนะจ๊ะ ลอยเผื่อเด็กๆด้วย อยากให้เด็กๆได้ไปลอยเหมือนกัน แต่แบบ.. ดูจากสถานการณ์ วัน เดือนในเรื่องแล้ว ไม่สามารถพาไปได้ 5555
เจอกันใหม่กับตอนที่ 34 ค่ะ
มีหลายคอมเม้นท์เลยที่ไม่อยากให้น้องจำได้ เดี๋ยวเรามาลุ้นกัน จุ้บ
ขอบคุณทุกกำลังใจมากค่า ถ้ามาต่อได้ จะรีบต่อเร็วๆ แต่พออยู่หอ มันไม่เหมือนอยู่บ้าน แต่งไม่ค่อยได้ T_T
PS. REVENGE กับ SIN นอนเล่นในไหไป 2 เดือนแล้ว ..คือ ถ้า 3 เดือนแล้วไม่ได้แต่ง เด็กๆจะถูกย้ายไปในหัวข้อไม่มาต่อให้จบใช่มั้ยอะ T^T
 :sad4: :o12: :sad4: :o12: :sad4: :o12:

ออฟไลน์ pornumpai-ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
 :impress2: :impress2: :impress2:

น่ารักอ่ะ  ชอบจัง

ออฟไลน์ cakecoke

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
 :hao7:

เป็นป้านะ จะความจำเสื่อมตลอดชีวิต

ออฟไลน์ ไป๋ไป๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ต้าน่ารัก จิมก็น่ารัก รักกันนานๆนะ :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ argon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:

ต้าจะน่ารักไปไหน    :ling1: :ling1: :ling1: 

รักต้าที่สุดดดดด :mew1:

ออฟไลน์ minere_mi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
ไม่อยากให้น้องกลับไปหาเตอร์เลย :monkeysad:
ถึงจำได้ก็อย่าเกลียดจิมน๊าาา

ออฟไลน์ Unaaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
รักจิม ฮิฮิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






atcharayee

  • บุคคลทั่วไป
ความจำเสื่อมอะดีแล้ว  :ling2:
ถ้าจำได้ มันเศร้าแน่  :ling3: :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
จิมไปไหนไม่รอดแล้ว

ออฟไลน์ Lonelyนู๋โรนลี่

  • ฉุด กระชาก ลากถู พาเข้า.....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
คือกลัวจะจำได้แล้วลืมเรื่องตอนเป็นเด็กแบบหวานๆกันกับจิม แต่ถ้าจำได้แล้วไม่ลืมเรื่องจิม ก็ต้องดูกันอีกที
แอบคิดว่าตอนนี้น่าจะจำได้แล้วหรือเปล่า55555 แต่กลัวจริงๆนะ แง่งงงง

ออฟไลน์ mro

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
โ อยยยยลุ้น เรื่องนี้เดาทิศทางเรื่องไม่ออกเลย คือตรงอดีตความเป็นมาระหว่างต้าเตอนี่พอเข้าใจนะ แต่กับจิมนี่สิๆๆๆๆๆ

NO.666

  • บุคคลทั่วไป
สงสารต้าจนน้ำตาไหลเลย ถ้าต้าจำทุกอย่างได้ ต้าคงจะเจ็บปวดมากแน่ๆ

ออฟไลน์ salaseen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น้องต้าร์น่ารักกกกกกง้าาา อย่าทิ้งพี่จิมเลยต้าร์จ๋า555555

ออฟไลน์ tong_pub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-5
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

หน่วงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

คว้ามีดมาปาดคอตัวเอง...

 :z3: :z3: :z3:

Viper_Wa

  • บุคคลทั่วไป
จิมน่ารักขึ้นเยอะเรย  :o8:

เริ่มไม่อยากให้ต้าจำอะไรได้เลยแหะ  :serius2:

แต่อีกใจก็อยากให้จำได้ อยากเหนดราม่า หน่วงจิต  :hao7:

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ชอบที่คนแต่งพูดคุยกับคนอ่านแบบนี้มากๆ รู้สึกใกล้ชิด

น้องต้า อยากกลับบ้าน แล้วพี่จิมหล่ะ? พี่จิมติดน้องแล้วนะ

เราว่าถ้าน้องรู้ความจริง มันคงจะพีคสุดๆในเรื่อง สะเทือนใจคนอ่าน

ตอนแรกเริ่มว่ามันดาร์ค มันสะเทือนแล้ว ตอนต้ารู้ความจริง คงจะชาหัวใจน่าดู

แอบอยากให้จิมต้าเค๊ารักกันใก้มากพอที่น้องจะเจ็บน้อยกว่านี้อีกหน่อย

ถ้ารักไม่มากพอ น้องต้าคงโดนทำร้ายอย่างแสนสาหัส

ปล.อีกสองเรื่องก็มาอัพมั่งนะคะ ฮิฮิ ไม่อยากให้โดนย้ายห้องเน๊าะ

เอามาจากไหมั่งไรมั่ง ให้หายคิดถึงก็ยังดี

viper7123

  • บุคคลทั่วไป
 o13

น่ารักไปนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ pipoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • https://twitter.com/dokpeepo

ออฟไลน์ SiLent_GRean

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ไม่อยากให้ต้าร์จำได้ กลัวต้าร์เกลียดจิม  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ †คุณเขียด

  • ♣ เป็นคนดีแล้วค่ะ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +376/-1
ใจหนึ่งก็ไม่อยากให้ต้าจำได้นะคะ

แต่อีกใจถ้ามองในแง่เวลาที่น้องเสียไป มันก็เยอะเอาการเลยเนอะ

ดังนั้นสนับสนุนให้น้องจำได้ แต่อย่าลืมช่วงหวานกับจิมนะ

แต่ถ้าน้องจำได้ แม่งดราม่าแน่เลย

อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :sad2:

สิ้นชีพไปอย่างสงบ

รอนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
ยอมรับแล้วสินะจิมว่ารักน้องต้าน่ะ >.<

ออฟไลน์ diduek

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
    • http://diduek-san.exteen.com/
จิมมมมมม เชียร์จิมมมมม ว่าแต่แซม(หรือเซมนะ คนพี่)ไปไหนนน อยากเจอบ้าง

ออฟไลน์ Cc-kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ชอบบีรยากาศแบบตอนนี้ไม่อยากให้ต้าจำได้เลยย
เห้อ

ออฟไลน์ oilzii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
หนูต้าเอ้ยยยยย :katai1:

ออฟไลน์ NNEW33

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ตอนที่ 34 {60%}


หากโยนกรวดลงแม่น้ำ...ผลลัพธ์ที่ได้คือจะเกิดระรอกคลื่นกระจายเป็นวงกว้าง

หากอยากจำได้ ก็ต้องนึกทบทวน ..และยิ่งมีความรู้สึกปรารถนาเป็นตัวเร่ง

คงจะทำให้ผลลัพธ์นั้นสมบูรณ์เร็วยิ่งขึ้น...



 

TA Part

 

:: ถ้าจำทางกลับบ้านได้ จิมจะพาไปส่ง.. ::

 

หลังจากกลับมาถึงห้อง ถ้อยคำเหล่านี้ก็วนเวียนอยู่ในหัวจนสลัดไม่ออก

เสียงน้ำที่ตกกระทบพื้นดังเล็ดลอดมาจากหลังบานประตู วันนี้จิมอาบน้ำก่อน เพราะว่าผมงอแงไม่ยอมอาบ ก็เปิดโทรทัศน์มาเจอจี้พอดี อยากดูจี้มากกว่า จิมเลยตามใจยอมเข้าไปอาบก่อน แต่ผมกลับดูการ์ตูนเรื่องโปรดไม่รู้เรื่อง คงเป็นเพราะจี้ไม่สนุกเหมือนเคย

บุ้ยปากแล้วทิ้งตัวนอนเกลือกกลิ้งบนเตียงกว้าง ไม่ได้หันไปสนใจหน้าจอสี่เหลี่ยมอีก แต่ก็ไม่ได้กดปิดสวิตช์ ปล่อยให้เสียงทีวีดังคลอเพื่อให้ห้องไม่เงียบ

อยู่กับจิม ถ้าถามว่าสนุกไหม ผมตอบได้เลยว่าสนุก แล้วก็มีความสุขด้วย แต่ผมอยากกลับบ้าน อยากกอดพ่อกับแม่กับเตอร์

ยกมือทุบข้างขมับเมื่อความคิดไหลวนไปวนมาจนเริ่มรำคาญ หัวสมองผมไม่ว่างเลย เป็นเด็กใครว่าคิดมากไม่เป็น ไม่จริงอะ! ผมเถียงขาดใจเลย

คว้าจี้ที่นอนแอ้งแม้งบนเตียงเข้ามากอด มือจับหางแมวขย้ำเบาๆ ก่อนจะย้ายหัวที่นอนบนหมอนนุ่มๆไปวางบนลำตัวของจี้แทน ค่อยๆหลับตาลง อยากจะกดสวิตช์ปิดโหมดความคิด ทว่าทันทีที่หลับตา ภาพบ้านหลังเล็กที่ผมวิ่งเล่นมาตั้งแต่จำความได้ก็แวบเข้ามาเป็นฉากๆ หูแว่วคล้ายได้ยินเสียงหัวเราะของพ่อกับแม่กับเตอร์ และจมูกได้กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ที่พ่อชอบปลูก

...คิดถึง

ยังจำภาพตอนที่ไปโรงเรียนวันแรกได้ดี ผมไม่อยากไป แต่ก็โดนทั้งพ่อแม่และเตอร์เกลี้ยกล่อม อีกอย่างเพราะเตอร์สัญญาว่าจะไปนั่งเรียนด้วย ทำให้ผมยอมไป เตอร์พูดจริงทำจริง นั่งอยู่ในห้องเรียนกับผมทั้งวันเลย พอถึงเวลานอนกลางวัน เตอร์ก็นอนด้วยโดยไม่หนีหายไปไหน ทำให้วันต่อๆมาผมไม่งอแงกับการที่จะต้องตื่นเช้าไปเรียนอีก

ทุกวันพ่อจะเป็นคนไปส่งเพราะต้องออกไปทำงานอยู่แล้ว ส่วนแม่อยู่บ้านคอยทำอาหาร ตอนเย็นหลังเลิกเรียน กลับมาบ้านก็จะได้กลิ่นหอมกรุ่นลอยมาจากห้องครัว แล้วก็จะเห็นภาพด้านหลังของแม่ที่สวมผ้ากันเปื้อนจนชินตา

วันต่อๆมาของการไปโรงเรียนพ่อบอกจะให้ผมกับเตอร์ไปกันเองโดยที่พ่อจะไม่ไปส่งแล้ว นั่นทำให้ผมงอแงอีกครั้ง ก็อยากให้พ่อไปส่ง เช้าวันรุ่งขึ้นพ่อก็ใจอ่อน และไปส่งทุกวันเลย ตอนเย็นพ่อก็ไปรับ

ระยะทางระหว่างบ้านกับโรงเรียนไม่ไกลเท่าไรนัก ผมจำได้ว่าขากลับก่อนจะถึงบ้านจะต้องผ่านสวนสาธารณะเสมอ จุดเด่นๆก็จำได้แค่นั้น นอกนั้นวิวนอกหน้าต่างก็เหมือนๆกันไปหมด เบะริมฝีปากออกเล็กน้อยเมื่อพยายามนึกเส้นทางกลับบ้าน แต่ไม่ว่าจะนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก เพราะไม่เคยใส่ใจจำ ต่อให้ไปกลับบ้านกับโรงเรียนเป็นร้อยๆครั้ง ถ้าถูกทิ้งให้กลับเองลำพัง ผมก็กลับไม่ได้ ที่ผ่านมาเวลาไปไหนมาไหนจะมีพ่อกับแม่ไปส่งเสมอ หรือถ้าพ่อกับแม่ไม่ไป ก็จะซ้อนท้ายจักรยานเตอร์เป็นประจำ เลยไม่ต้องกลัวว่าจะหลงทาง

พลันกลิ่นเย็นๆสดชื่นลอยปะทะเข้าจมูก ทำให้ผมลืมตาขึ้นมองช้าๆ เห็นจิมนั่งอยู่ปลายเตียง มือหนากำลังเกลี่ยเส้นผมของผมให้อย่างเบามือ หยดน้ำยังเกาะพราวบนแผ่นอกเปลือย ร่างทั้งร่างของเขามีเพียงผ้าขนหนูที่ขมวดเป็นปมปิดบังท่อนล่าง

ปลายนิ้วของจิมเย็น และส่วนอื่นๆของร่างกายก็คงจะเย็นเหมือนกัน จิมในตอนนี้น่ากอดที่สุด

ไม่เพียงแค่คิด ผมยังยกหัวขึ้นจากตัวจี้ย้ายไปนอนหนุนตักแข็งแรงแทน หัวชนกับพุงของจิม แต่เพราะมันแข็งๆ ผมเลยผงะหน้าออก เห็นหน้าท้องของเขาเกร็งนูนเป็นลูกๆ ก่อนจะลองใช้นิ้วกดเบาๆ พลันมุ่นคิ้วเล็กน้อยแล้วยกหัวขึ้นก่อนจะเลิกเสื้อของตัวเองที่ใส่อยู่จนเผยให้เห็นหน้าท้อง แล้ววางมือแปะ ลองกดดูบ้าง

“ทำอะไร” เสียงทุ้มดังเหนือหัว ผมเบนสายตาขึ้นมองสบแล้วทิ้งหัวลงหนุนตักเขาเหมือนเดิม ถือวิสาสะคว้ามือหนามาวางบนหน้าท้องของตัวเองแล้วออกแรงกดเล็กน้อย

“ไม่เห็นแข็งเหมือนจิม” ปากยื่นเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ว่ามือหนาข้างนั้นเกร็งขืนจะดึงออกห่างทั้งที่เพิ่งแตะพุงของผมได้เพียงเฉียดๆ เขามีท่าทีอึกอักอย่างเห็นได้ชัด

“..ปล่อยก่อนเร็ว กูจะไปแต่งตัว"

ผมปล่อยมือหนาตามที่เขาสั่ง แต่ก็เปลี่ยนไปใช้สองแขนกอดหมับรอบเอวสอบแน่นๆแทน ไม่ยอมให้เขาลุกหนีผมง่ายๆเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

“ไม่ปล่อย” กดหน้าแนบกับหน้าท้องเย็นๆ ตัวจิมหลังอาบน้ำหอมสดชื่นที่สุด ไม่ปล่อยหรอก

“ต้า!” เสียงเข้มกดต่ำดุผม แต่ผมเลือกที่จะหลับตาไม่มองหน้าดุๆ แค่หลับตาก็ไม่ต้องเจอกับสายตาต่อว่า แค่ไม่เห็น จิมก็ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้ว

จิมเงียบ ไม่พูดอะไรต่อจากนั้น ได้ยินแต่เสียงจี้ร้องเหมียวๆมาจากทีวี อีกทั้งมือหนาก็เลิกผลักไสผมแล้วด้วย ผมขยับหน้าเล็กน้อยปรับมุมองศาแล้วจ่อจมูกแนบกับผิวกาย อมยิ้มให้กับกลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่ที่เป็นกลิ่นเดียวกับที่ผมใช้

ความรู้สึกเวลาที่นอนตักแม่กับนอนตักจิมไม่เหมือนกันเลย ตักแม่จะนุ่มๆ แต่ตักจิมจะแข็งๆ เวลานอนตักแม่ หน้าท้องของแม่จะยุบๆพองๆตามจังหวะการหายใจ แต่หน้าท้องจิมไม่เห็นยุบๆพองๆเลย

ผมมองผิวเนื้อที่อยู่ต่อหน้า ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้มากกว่าเดิม แต่หน้าท้องนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดใด มุ่นคิ้วเล็กน้อยก่อนจะขยับเป็นนอนหงายแล้วมองหน้าจิมจากมุมต่ำ ก็ทำให้รู้ว่าเขามองผมอยู่ก่อนแล้ว

ฉีกยิ้มกว้างเป็นยันต์กันจิมดุให้ไปอีกที แต่เขาไม่ยักยิ้มตาม สีหน้ายังยุ่งเหยิงไม่เปลี่ยน

“ลุกขึ้นนั่งดีๆ กูจะไปแต่งตัว”

รู้สึกขัดใจกับคำพูดที่เป็นเชิงไล่กลายๆ ก่อนจะพลิกกายนอนหันหน้าเข้ากับหน้าท้องแกร่ง สองมือยิ่งโอบกระชับรอบเอวสอบ ไม่ส่งเสียงพูดแต่ใช้การกระทำเป็นคำตอบให้กับเขา

ก็บอกว่าไม่ลุก ไม่ลุก

ผมเมินเฉยต่อแรงเขย่าที่ไหล่ กดใบหน้าลงซุกกับผิวเนื้อตรงหน้าแล้วหลับตาลง

กะว่าจะนอนเล่นเฉยๆ แต่อากาศเย็นสบายกับกลิ่นกายหอมอ่อนๆ บวกกับความเย็นจากผิวเนื้อที่กำลังสัมผัส ก็ทำให้ความง่วงที่ไม่เข้าใครออกใครพุ่งจู่โจมเสียแล้ว

เปลือกตาเริ่มหนักอึ้งจนแทบจะลืมไม่ขึ้น แรงเขย่าที่ไหล่หายไป  แปรเปลี่ยนเป็นสัมผัสเพลินๆที่ศีรษะแทน ไม่มีเสียงร้องเพลงกล่อมหรือเสียงเล่านิทานก่อนนอนที่แม่มักจะเล่าให้ฟังเป็นประจำ แต่ผมก็รู้ว่า นี่คงเป็นอีกคืนที่ผมจะหลับฝันดี

 

....

JIM Part

ท้องฟ้าสีดำสนิท ไร้ซึ่งจุดแต้มสีขาวของดาวดวงน้อย พระจันทร์เสี้ยวลอยคว้างบนนภาอย่างโดดเดี่ยว แสงของมันไม่สุกสว่างเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา

ราวเหล็กเย็นๆที่สัมผัสได้จากลำแขนที่วางท้าวลงไปและลมเย็นๆในตอนกลางคืนไม่สามารถดับความร้อนที่พัดกระพืออยู่ในใจได้ ดึกดื่นค่อนคืนที่ทุกชีวิตกำลังหลับใหล แต่ผมกลับนอนไม่หลับ สายตามองควันสีเทาไร้รูปร่างที่ลอยคว้างในอากาศก่อนจะจางหายไปในวินาทีถัดมา กลิ่นฉุนของมันเป็นสิ่งที่ผมคุ้นเคย

ครั้งหนึ่ง ช่วงชีวิตของผมเคยผ่านพ้นเหตุการณ์ร้ายๆมาได้เพราะมัน ..การสูบบุหรี่ไม่ใช่สิ่งดี นี่เป็นเรื่องที่ผมเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก แต่ผมก็ไม่สามารถปฏิเสธมันได้ในบางเวลา ..เหมือนกับครั้งนี้

บุหรี่มวนแรกหมดไป มวนที่สองก็ตามมาติดๆ ผมคาบมันไว้ที่ริมฝีปาก ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นป้องลม ขณะที่อีกมือจุดไฟแช็กที่ปลายมวน ทันทีที่เห็นจุดเล็กๆสีแดงสว่างวาบในความสลัวผมก็วางไฟแช็กลงที่ริมระเบียง ก่อนจะใช้มือข้างนั้นคีบก้านเรียวแล้วแล้วอัดควันเข้าปอด กลั้นลมหายใจไว้ครู่หนึ่งก่อนจะดึงมันออกห่างจากริมฝีปากแล้วค่อยๆพ่นควันออกมาช้าๆ

ราวกับตัวเบาสบายและหัวสมองว่างเปล่า ตะกอนความคิดที่วิ่งวนในหัวได้ถูกพัดออกไปเป็นกลุ่มควันสีเทาที่พวยพุ่งกลางอากาศ มันไร้รูปร่างและลอยเคว้งอย่างอิสระ ผมผละมือออกจากรั้วเหล็กหมายจะยื่นไปสัมผัสกลุ่มควันนั้น ทว่าทันทีที่เอื้อมมือไป ควันสีเทาก็หายวับไปกับตา

ใบหน้าของคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงวกกลับเข้ามาในภวังค์ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ทันทีที่นึกถึงใบหน้าของมันก็ทำให้ผมตัดใจจี้ปลายบุหรี่ลงกับท่อนเหล็กเพื่อดับไฟก่อนจะวางมันไว้ที่ริมระเบียง หันหลังให้กับมันแล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งที่เก้าอี้ไม้ตัวยาวที่วางตั้งอยู่ เหยียดขานั่งสบายๆด้วยความรู้สึกที่ฟุ้งกระจาย

ไม่นานมานี้ มันเห็นผมกำลังสูบบุหรี่โดยบังเอิญ ยังจดจำสีหน้าและคำพูดของมันได้ดี ก็แค่คำขู่ของเด็กที่ว่า..

“ถ้าจิมสูบบุหรี่อีก จะไม่คุยด้วย”

อืม แค่นั้น คำขู่ของเด็กคนหนึ่ง

ก็เป็นแค่คำพูดของเด็กเอาแต่ใจ ที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของผม 

ผมนั่งอยู่ตรงนี้นิ่งๆสักพัก รอให้กลิ่นที่ติดกายจางลง ก่อนจะหยัดกายขึ้นยืนแล้วกลับเข้าห้อง มองฝ่าความมืดไปยังตั่งเตียงที่มีร่างกลมๆนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่ม อยากจะล้มกายลงนอนข้างๆเสียเดี๋ยวนั้น ทว่าขากลับเดินไปยังทิศตรงกันข้าม มุ่งไปยังห้องน้ำ

จัดการบ้วนปากกลบกลิ่นเหม็น เพียงเพราะอีกคนไม่ชอบ ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำแล้วตรงไปยังตั่งเตียง ทิ้งกายลงนั่งแล้วสอดตัวเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน

...ความเคยชินที่ไม่อยากให้หายไป...

เนื้อตัวนุ่มนิ่มกับกลิ่นกายหอมๆที่ไม่ว่าจะสูดดมเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ ตรงข้าม ยิ่งสัมผัส ยิ่งสูดดมก็มีแต่ยิ่งเสพติดจนไม่อาจถอนตัว จรดปลายจมูกลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาแล้วค่อยๆแนบริมฝีปากลงไป กดคลึงอยู่นานนับนาทีก่อนจะผละออก

ไม่รู้ว่ามันกำลังฝันอะไร ริมฝีปากถึงได้ระบายยิ้มอย่างนั้น

ร่างของคนหลับคล้ายจะรู้ตัว เพราะมันขยับกายเข้าใกล้เพื่อให้ผมกอดได้ถนัดมากขึ้น

ผมไม่สามารถอธิบายความรู้สึกตอนนี้ได้ ..มันกำลังนอนอยู่ข้างผม เนื้อตัวนี้ผมแตะต้องได้ แต่ผมกลับรู้สึกได้ว่าภาพนี้ราวกับฝัน คล้ายกับทุกสิ่งกำลังจะหายไป

นั่น ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ

..ผมปรารถนาให้ความทรงจำทุกอย่างที่มันลืมไปแล้ว

เป็นเพียงอดีตที่มันจำไม่ได้ ตลอดไป

 

.....

ไม่ใช่เสียงนาฬิกาที่ปลุกผมในเช้าวันรุ่งขึ้น แต่เป็นสัมผัสยุ่มย่ามที่จับยุ่บยั่บไปตามใบหน้าและลำตัว ผมมุ่นคิ้วเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆหรี่ตาขึ้นมอง เห็นเป็นเพียงเงาลางๆที่ปรากฏเค้าโคลงใบหน้า

ถอนหายใจก่อนจะรวบจับมือซุกซนสองข้างไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวแล้วหลับตาลงอีกครั้ง

“จิมมม” เสียงเรียกชื่อมาพร้อมกับแรงกระตุกจากข้อมือที่ผมยึดไว้ ตัดรำคาญโดยการกระชากร่างนั้นเข้ามากอดแนบอก ปล่อยมือของมันให้เป็นอิสระแล้วกอดรัดพันธนาการมันไว้ทั้งตัว

“จิม!”

หึ กระตุกยิ้มมุมปากทั้งที่ยังไม่ลืมตากับน้ำเสียงขุ่นๆที่ได้ยิน วางคางเกยบนกลุ่มผมนุ่มแล้วลากเสียงยาวในลำคอเป็นการตอบรับคำเรียกนั้น เพราะหากเลือกจะนอนอยู่เฉยๆก็กลัวจะเป็นการกวนอารมณ์เด็กน้อยให้เหวี่ยงแต่เช้า

“ไม่ไปทำงานเหรอ”

จับทางไม่ยาก แค่ให้ความสนใจกับมัน อารมณ์มัวๆของเด็กในอ้อมกอดที่ตั้งเค้าเมื่อกี้ก็ถูกพัดออกไปอย่างง่ายดาย

“ไป” เลือกที่จะตอบสั้นๆ แล้วกดหัวมันลงกับแผ่นอก ซึ่งอีกฝ่ายก็ออกแรงดิ้น ขืนเต็มที่

อาการดิ้นรนของมันไม่ต่างจากลูกแมวตัวเล็กที่พยายามตะกายตัวออกจากอ้อมกอด คิดจะเล่นกับแมวก็ต้องรู้จังหวะจะโคน

ผมคลายกอดในนาทีถัดมาก่อนที่จะโดนข่วน ลืมตามองอีกฝ่ายที่ผละตัวออกห่างแล้วตั้งท่าขู่ฟ่อด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง

“ไม่ต้องมายิ้มเลย ขี้แกล้ง!” สองแขนเล็กกอดอก ปากยื่นปากยาวต่อว่า

“มานี่มา” กวักมือเรียกคนขี้ใจน้อยให้เข้ามาใกล้ๆ สายตาคู่นั้นบอกว่าเจ้าตัวกำลังลังเล แต่มันก็ลดทิฐิ คลายมือออกจากอกแล้วคลานดุ๊กดิ๊กเข้ามาใกล้ผมอย่างว่าง่าย ผมก็ไม่ทำให้ความเชื่อใจของมันเสียเปล่า จัดการปลอบขวัญโดยการลูบศีรษะแบบที่มันชอบให้อย่างเต็มใจ

แรกๆก็ไม่รู้ว่ามันชอบให้ลูบผม แต่พอนานๆไป ก็สังเกตได้จากสีหน้าเคลิ้มๆ กับสีหน้าอมยิ้มของมันนั่นล่ะ เลยเดาได้ไม่ยาก

จริงอยู่ที่มันงอแงก็ที่หนึ่ง ดื้อก็ไม่เป็นรองใคร แถมยังเอาแต่ใจ แต่มุมน่ารักๆของมันก็มีไม่น้อย ดูอย่างตอนนี้ กลายเป็นแมวเชื่องๆ ขี้อ้อนและน่ากอด

ทว่ามือของผมที่กำลังลูบผมของมันกลับต้องชะงักทันควันเมื่อเสียงใสดังขึ้นในความเงียบ

“เมื่อคืนฝันดี ฝันว่าได้กลับบ้าน ได้กอดพ่อกอดแม่กอดเตอร์ด้วย”

“อืม”

“ถ้าได้กลับบ้านเร็วๆเหมือนในฝันก็ดีเนอะจิม คิดถึงพ่อกับแม่กับเตอร์ที่สุด”

น้ำเสียงบอกอารมณ์ได้หลากหลาย แม้ไม่ได้มองหน้า แค่ฟังเสียงก็ทำให้รู้ว่าคนพูดกำลังอยู่สภาวะอารมณ์ไหน อย่างมันในตอนนี้ ...กำลังมีความสุข

“บ้านต้ามีชิงช้าด้วยนะ ปกติต้าจะเป็นคนนั่ง แต่ถ้าเกิดว่าจิมไปบ้านต้า ต้าจะให้สิทธิพิเศษ ให้จิมนั่ง แล้วเดี๋ยวต้าไกวให้” เสียงใสพูดเจื้อยแจ้วพลางหัวเราะออกมาในบางครั้ง

มันกำลังมีความสุข

แต่ความสุขของมัน มาไม่ถึงผม

 

....

วันนี้เวลาผ่านไปเร็วจนแทบไม่ได้ตั้งตัว คล้ายกับเพิ่งได้นั่งทำงานแค่ไม่กี่ชั่วโมง ทั้งที่ความจริงผ่านไปแปดชั่วโมงแล้ว

เวลาผ่านไปเร็ว เร็วเกินไป

ทันทีที่ถึงห้องและเอาของไปเก็บ เจ้าคนที่ทำตัวมีลับลมคมในตั้งแต่อยู่ที่บริษัทก็เริ่มยิ้มกริ่ม เดินตามหลังผมต้อยๆขณะที่สองมือซ่อนไว้ด้านหลัง ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามซึ่งอีกฝ่ายก็ยู่หน้าลงเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามาใกล้แล้วยื่นม้วนกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาข้างหน้า

ผมรับมันมาก่อนจะโบกไปมากลางอากาศแล้วเอ่ยถาม

“นี่อะไร?”

“เปิดดูสิๆ” คะยั้นคะยอด้วยนัยน์ตาวิบวับเป็นประกาย ผมดึงยางที่รัดอยู่ตรงกลางออกก่อนจะคลี่กระดาษม้วนนั้น และสิ่งที่เห็นก็ทำให้ผมถึงกับนิ่งไป

“สวยมั้ย” กลุ่มผมสีเข้มยื่นเข้ามาใกล้ๆจนแทบจะซบกับไหล่ของผม

“อืม”

สายตายังคงจ้องภาพที่ถูกวาดด้วยดินสอและลงสีด้วยสีไม้ไม่ละไปไหน

“นี่บ้านต้า อันนี้เป็นชิงช้าที่พ่อทำให้ นี่ต้า นี่เตอร์ นี่ก็พ่อกับแม่ แล้วก็มีพุงพลุ้ยด้วย” นิ้วเล็กๆชี้ไปมาบนกระดาษแผ่นนั้นตามที่ปากขยับเล่า

ความรู้สึกภายในมันตื้อจนผมพูดไม่ออก วันทั้งวันที่มันไปขลุกตัวอยู่ด้านนอกกับพวกคุณเร เพราะแอบไปวาดรูปนี้มาเหรอ?

“จิม ดูหมาตัวนี้ ตัวจริงๆของมันอ้วนมากๆเลยนะ พุงใหญ่สุดๆเลย ต้ากับเตอร์เคยช่วยกันอาบน้ำให้ด้วยล่ะ ดิ้นใหญ่เลยจนต้าเปียกไปทั้งตัว” ใบหน้านั้นแสดงสีหน้าและอารมณ์ที่หลากหลาย ผมเองก็อยากจะร่วมยิ้มไปกับมันด้วย แต่ริมฝีปากมันหนัก หนักพอๆกับความรู้สึกที่ราวกับถูกถ่วงด้วยหินก้อนโตจนจมลงไปในทะเลเวิ้งว้าง น้ำทะลักเข้าปากและจมูกจนผมแสบร้าวไปทั้งภายใน

เมื่อวานผมยังคิดว่ายังพอมีทางจะเยียวยาให้มันเปลี่ยนใจอยากอยู่กับผม

ทว่าวันนี้ สิ่งที่เคยคิดว่าพอมีทาง กลับดำมืดและมองไม่เห็นอะไร

 


ออฟไลน์ NNEW33

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
....

ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามกิจวัตรเหมือนทุกวันที่เคยใช้เวลาร่วมกัน เสร็จจากอาหารเย็นก็ต่อด้วยการ์ตูนเรื่องโปรดที่มันร้องดู

นั่งมองมันกินเค้กนมสดที่ซื้อจากร้านเค้กใกล้คอนโดอย่างเอร็ดอร่อย ..เพราะมันร้องอยากกิน ผมเลยตามใจ ข้างจานเค้กมีการ์ตูนวางกองตั้งใหญ่ เพราะมันร้องอยากดูทั้งที่วันพรุ่งนี้ไม่ใช่วันหยุด แต่ผมก็ยังตามใจ

ผมสามารถตามใจมันได้ทุกเรื่อง.. ถ้าหากนั่นจะทำให้เด็กคนนี้ติดผม มือของผมที่พยายามจับมันไว้เริ่มอ่อนแรงลงทุกขณะ

ครีมเค้กสีขาวเนื้อเนียนถูกตักแล้วยื่นมาจ่อปากของผม เคยบอกหรือยังว่าผมไม่ชอบของหวาน กินได้ แต่ไม่ชอบ และยิ่งเป็นเวลากลางคืน ผมจะไม่กิน แต่เพราะมันเป็นคนป้อน ผมจึงอ้าปากรับเค้กช้อนนั้นเข้าปากโดยไม่พูดอะไร

“อร่อยมั้ย” ถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ แล้วตักเค้กเข้าปากอีกคำโต ผมพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนจะกลืนเค้กเนื้อละมุนลงคออย่างยากลำบาก ขนแขนพากันลุกพรึ่บจนต้องยกน้ำขึ้นดื่มเพื่อดับความเลี่ยน

เบี่ยงกายลุกขึ้นยืน คว้าการ์ตูนเรื่องหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาแล้วเดินไปเปิดเพื่อหลีกเลี่ยงการกินเค้กคำต่อไป หันหลังกลับมาอีกทีก็พบว่าคนที่นั่งขัดสมาธิบนโซฟาเริ่มเหยียดตัวตรง มือเล็กลูบหน้าท้องไปมา สีหน้ายิ้มแป้น

“อิ่มแล้วก็ไปแปรงฟัน แล้วค่อยมานอนดูการ์ตูน”

“ที่นี่นะ”

“อืม”

“นอนดูแล้วหลับไปเลยได้มั้ย”

“อืม เดี๋ยวกูอุ้มมึงไปนอนเอง”

เมื่อได้รับคำตอบที่ต้องการ มันก็ผุดตัวขึ้นยืนแล้ววิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำไปแปรงฟันอย่างไม่รีรอ ผมหยิบจานเค้กที่ตอนนี้ว่างเปล่าเดินไปวางในซิงค์ แช่จานเอาไว้อย่างนั้นรอล้างทีเดียวก่อนจะเดินเข้าห้องนอน หยิบหมอนและผ้าห่มสำรอง ขนมันมาปูแผ่หน้าทีวีในห้องนั่งเล่น

ความจริงแล้วในห้องนอนก็มีทีวี ขนาดจอก็ไม่ต่างกับข้างนอกมากนัก แต่ทุกครั้งเวลาที่ดูหนังแผ่น มันก็มักจะร้องดูที่ห้องนั่งเล่นเสมอ ดูก็ไม่เคยจบ เดือดร้อนผมต้องเป็นคนอุ้มเข้าไปนอนในห้องตลอด

ปูผ้าเสร็จก็พอดีกันกับที่อีกคนแปรงฟันเสร็จพอดี มันเดินเข้ามาหาและล้มตัวนอนกลิ้งบนผ้านวมผืนหนาบนพื้น ใบหน้าขาวมีหยดน้ำเกาะพราวไปหมด

“ทำไมไม่เช็ดหน้าให้เรียบร้อย”

“จิมบ่น”

“เออ กูบ่นมึง”

ใบหน้าคนฟังงอง้ำก่อนไอ้ตัวดีจะลุกขึ้นนั่งแล้วเคลื่อนกายเข้าใกล้ก่อนจะโฉบหน้าลงต่ำลงบริเวณท้องของผมแล้วซุกหน้าลงมา ถูไถไปมาสี่ห้าครั้งก่อนจะผละออกแล้วยิ้มยิงฟัน

“เช็ดแล้ว” พูดจบเจ้าตัวก็ล้มนอนกลิ้งอีกครั้ง ผมยังคงนั่งนิ่ง จะเรียกว่าช็อกค้างก็ไม่ผิดนัก

“เดี๋ยวเถอะ ไอ้ดื้อ!!”

เสียงดังไปก็เท่านั้น เพราะไอ้เด็กนั่นไม่สะทกสะท้าน เช็ดเสร็จก็ทิ้งความชื้นให้ติดตัวผม ขณะที่ตัวเองกลิ้งออกไปซะห่าง

ผมตีหน้าขรึมก่อนจะคว้าข้อเท้าเรียวแล้วกระชากเข้าหาตัว มันร้องลั่นจะชักเท้ากลับแต่ผมขืนไว้ ใบหน้าของคนที่นอนราบดูตกตะลึง พยายามตะกายตัวหนี แต่ไม่พ้นเสียหรอก

ผมพุ่งตัวเข้าหา คล่อมทับร่างนั้นให้อยู่ใต้ร่างตนเอง รวบจับข้อมือเล็กทั้งสองด้วยมือเพียงข้างเดียว และใช้ขาข้างหนึ่งกดทับขาของมันไม่ให้ดิ้นหนี นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกตะลึง

“จิม.. จะทำอะไร!”

“หึๆ” กระตุกยิ้มมุมปากอย่างที่คนมองเสียวสันหลังวาบ แม้ว่าการ์ตูนจะมาแล้ว แต่ใครล่ะจะสน ผมพุ่งตัวขยับปลายนิ้วจักจี้เอวคนใต้ร่างอย่างรวดเร็ว

“ฮะ! จ จิม ฮ่าๆๆ อ้ากกก ปล่อย ฮ่า!! จิม! ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” มันดิ้นพล่านพยายามปกป้องตัวเอง หัวเราะสุดเสียงบิดเอวหวังจะให้พ้นจากนิ้วมือของผม ส่งเสียงพูดตะกุกตะกักไม่เป็นคำ “อ้ากก จิม!! ฮ่า ฮึก  ปล่อย!! ไม่ ไม่เอาแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” มันเริ่มหายใจหอบทั้งยันกายลุกขึ้นนั่ง แต่ไม่เป็นผล เสียหลักล้มลงไปเหมือนเดิม น้ำตาเม็ดโตไหลออกจากหางตา ริมฝีปากยิ้มกว้างส่งเสียงหัวเราะและกรีดร้องไม่หยุด

“จะดื้ออีกมั้ย ฮะ” ถามทั้งรอยยิ้ม กระหน่ำจี้ไม่พักเบรก

“ม.. ไม่ ไม่ดื้อ ฮ่า ปล่อย ฮ่าๆๆๆๆ พ พอแล้ว!”

มือเล็กบีบแขนผมอย่างแรง พยายามดึงออก ดวงหน้าใสแดงก่ำ ดูน่ารักน่าฟัดในคราเดียวกัน ผมตัดสินใจละมือออกห่างด้วยกลัวว่าอีกคนจะขาดใจ เมื่อเป็นอิสระมันไม่รอช้ารีบกระเถิบกายออกห่างจากผมราวๆสองเมตร ร่างเล็กนอนราบไปกับพื้น แผ่นอกสะท้อนขึ้นลงตามระดับการสูดลมหายใจเข้าออก มือขาวข้างหนึ่งยกขึ้นปาดน้ำตา อีกข้างพยายามดึงเสื้อที่เลิกสูงให้ปิดหน้าท้องขาวเหมือนเดิม

ผิวขาวๆนั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเห็น แต่ก็ใช่ว่าเห็นหลายๆครั้งแล้วจะชินชา รีบเบือนสายตาออกจากเนื้อขาวๆแล้วมองใบหน้าที่ยังเปื้อนยิ้ม เอื้อมหยิบหมอนที่กระเด็นไปอยู่ตรงปลายเท้ามาวางตรงหัวนอน ก่อนจะตบหมอนปุๆเรียกคนตัวเล็กให้กลับเข้าที่

มันส่ายหัววืดก่อนจะหลุดขำออกมาอีกระรอก อาการนี้คงจะเรียกว่าขำค้าง มันพลิกตัวนอนตะแคง สองมือกอดเอวไว้แล้วมองผมด้วยสายตาไม่ไว้ใจ

สภาพของมันตอนนี้บอกตรงๆว่าโคตรน่าฟัด!

ผู้ใหญ่มีคดีติดตัวอย่างผมทำไงได้ล่ะครับ ก็ต้องสงบจิตสงบใจ สวมบทพระอิฐพระปูนไม่รู้สึกอะไรกับภาพตรงหน้า

“ดื้อนะมึง ไหนเมื่อกี้บอกว่าจะไม่ดื้อแล้วไง” เอื้อมตัวฉวยคว้าข้อเท้าขาวๆของมันมากำไว้ ก่อนจะออกแรงกระตุกเบาๆ ซึ่งอีกคนก็ผวาจะชักขากลับแล้วมองผมหน้าตื่น

“จิมขี้แกล้ง!! ห้ามจี้แล้วนะ!” มองกันด้วยตาโตๆ ริมฝีปากเบะลงเล็กน้อย ก่อนร่างเล็กจะยันตัวขึ้นนั่งแล้วมองขาของตัวเองที่ถูกผมจับไว้ด้วยไม่รู้จะต่อต้านอย่างไร

“ไม่ให้แกล้งก็มานอนตรงนี้”

“ไม่เอาหรอก” มันยืดตัวขึ้น นั่งหลังตรง สองแขนกอดอกด้วยท่าทางน่าขำ ท่าทางขึงขังนั้นไม่ได้ทำให้มันดูน่ากลัวขึ้นหรือทำให้รู้สึกว่าเป็นต่อผมเลยแม้แต่น้อย

หึๆ เด็กจริงๆ

ไม่ต่อปากต่อคำแต่ค่อยๆใช้อีกมือที่ว่างจี้ฝ่าเท้าของอีกคนแทน

“ฮ่าๆๆ ! จิม!!! ย.. หยุด!! อ้ากก ฮ่ะ ฮ่าๆๆๆๆ” ขาข้างที่ผมจับอยู่เกร็งแข็ง พลันร่างเล็กที่หัวเราะจนน้ำตาเล็ดอีกรอบก็พุ่งตัวเข้ามาอย่างไม่คิดจนผมเสียหลักล้มตึงนอนราบไปกับพื้น ขาของมันเป็นอิสระแต่ลำตัวกลับถูกผมพันธนาการไว้ด้วยสองแขนโดยอัตโนมัติ กดศีรษะเล็กๆนั้นแนบอกด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บ ร่างบนกายถ่ายน้ำหนักลงมาที่ผมเต็มที่ เสียงหัวเราะใสๆยังดังคลอจากปากอิ่ม ผมมองไม่เห็นใบหน้าของมัน เห็นแต่กลุ่มผมสีเข้มที่อิงซบบริเวณเหนืออก รับรู้ได้ถึงแผ่นอกที่กระเพื่อมขึ้นลงตามการหอบหายใจ

เวลาผ่านไปนานนับนาที แต่ร่างเล็กบนตัวผมก็ยังไม่ผละห่าง ยังคงนอนซบอยู่อย่างนั้น ซ้ำร้ายมันยังขยับกายยุกยิกจนขึ้นมาคล่อมทับผมไว้ทั้งตัว หัวใจผมเริ่มเต้นรัวเมื่อได้สบกับนัยน์ตาคู่นั้น มันยิ้มซื่อก่อนจะกดศีรษะนอนซบลงมาตรงหน้าอกด้านซ้ายของผม

“หัวใจจิมเต้นแรงจัง” ได้ยินเสียงอู้อี้ก่อนอีกคนบนตัวจะขยับหน้าแนบหูให้ชิดกับอกด้านซ้ายมากกว่าเดิม

“อืมม” ทำได้เพียงส่งเสียงตอบรับไปเท่านั้น แม้จะไม่อยากให้มันได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นรัว แต่ผมก็ไม่คิดผลักไสร่างเล็ก ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ชอบสัมผัสที่ร่างของผมและมันแทบจะนาบสนิทไปทุกสัดส่วนอย่างนี้

รู้สึกเสียฟอร์มเล็กน้อยที่ตัวเองเป็นฝ่ายตื่นเต้นจนก้อนเนื้อใต้อกซ้ายแทบจะกระโดดออกมาด้านนอก ปกติ อาการอย่างนี้มันต้องไม่เกิดกับคนอย่างผมสิ

เวลาผ่านไป คนด้านบนก็ไม่มีทีท่าจะออกห่าง ทุกครั้งที่มันขยับตัวยุกยิก ผมเป็นอันต้องนอนเกร็งจนตะคริวแทบกินไปทั้งตัว

..ครับ ผมกำลังพยายามไม่คิดอะไรมากเกินเลยไปกว่านี้

"ไม่ดูการ์ตูนแล้วรึไง" เอ่ยถามด้วยใจจดจ่อกับคำถาม นึกภาวนาให้มันตอบรับ แล้วยอมลุกออกจากตัวไปนอนดูดีๆ ทว่าคำตอบกลับตรงกันข้ามเพราะมันส่ายหัวดุกดิกซ้ำร้ายมือเล็กยังป่ายเปะควานหามือของผมแล้วดึงให้ไปวางบนเอวของมัน

"จิมกอดดด" ลากเสียงยาวขณะที่จับมืออีกข้างของผมให้ไปวางบนตัวมัน

ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกอดตามที่อีกฝ่ายต้องการ พลางผละมือข้างหนึ่ง เคลื่อนสูงลูบไล้เส้นผมนุ่มๆ เสียงครางฮือดังมาจากร่างบนตัว โทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้ไม่สามารถดึงความสนใจทั้งของผมและมันให้หันไปมองได้

"หลับรึยัง" ถามเสียงเบา พร้อมทั้งบังคับลมหายใจเข้าออกให้ไม่แรงจนเกินไป กลัวจะทำให้มันนอนไม่สบาย

เมื่อเวลาผ่านไปผมก็เริ่มปรับตัวให้คุ้นชินกับน้ำหนักตัวและสัมผัสแนบชิดนี้ได้

"อื้มมม" มันส่งเสียงตอบ แค่ฟังจากเสียงก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าความง่วงคงเริ่มครอบงำมันแล้ว

เป็นเด็กเลี้ยงง่ายมันก็ดีอยู่หรอก ถึงเวลากินก็กิน ถึงเวลานอนก็นอน ไม่ต้องให้พูดให้บ่น แต่ติดนิดเดียว ที่่ี่เด็กเลี้ยงง่ายคนนี้มันนอนไม่เลือกที่

"ถ้าง่วงแล้วก็ลุกไปนอนที่เตียงดีๆ"

พูดพลางดันไหล่บาง ทว่ามันกลับส่งเสียงฮึดฮัดไม่ชอบใจแล้วยิ่งเบียดกายจนแทบจะสิงร่างผมได้อยู่แล้ว

โอเค กูยอม

"งั้นกูปิดการ์ตูนแล้วนะ"

คนง่วงลากเสียงตอบ ไม่ยินดียินร้าย ผมลอบถอนหายใจอีกเฮือกก่อนจะยืดแขนไปหยิบรีโมทที่อยู่ไม่ไกลแล้วกดปุ่มสีแดง พลันหน้าจอสี่เหลี่ยมก็กลายเป็นสีดำสนิทพร้อมกับความเงียบที่เข้าครอบคลุมภายในห้องนี้

หัวใจภายใต้อกซ้ายเริ่มเต้นเป็นจังหวะปกติ ผมวางรีโมทลงบนผ้านวมที่ใช้ปูนอน ก่อนจะยกมือขึ้นแล้วลูบผมสีเข้มที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆแผ่วเบา ไม่มีเสียงอะไรจากร่างบนตัวอีก มันเริ่มหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ นั่นทำให้ผมรู้ว่ามันกำลังดำดิ่งสู่ห้วงนิทรา

เวลาผ่านไปสักพัก มือที่ขยับไหวบนศีรษะคนตัวเล็กก็ผละออก ค่อยๆดันให้มันลงไปนอนข้างกายแทน ตัวของมันไม่ได้หนักจนผมรับไม่ไหว ผมเพียงแค่อยากมองใบหน้ามนยามหลับพริ้ม

กี่ครั้งกี่หนที่ผมมักจะลอบมองใบหน้านี้ ทั้งในยามที่เจ้าของใบหน้านี้รู้สึกตัวหรือไม่รู้สึกตัวก็ตาม

ดวงตาคู่นั้นกำลังหลับพริ้ม ริมฝีปากอมยิ้มน้อยๆ คล้ายกำลังเป็นสุข อยากรู้ว่ามันกำลังฝันอะไร น่าแปลก ที่ตอนนี้มันก็กำลังนอนอยู่ข้างๆผม แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนร่างตรงหน้าจะจางหายไปทุกนาที อยากจะดึงมาสวมกอด แต่ก็กลัวว่าหากเผลอเอื้อมมือไปสัมผัส ร่างนั้นจะหายวับไปกับตา

คิ้วขมวดมุ่น นึกไม่ชอบใจกับความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ตอนนี้

ผมยังคงนอนมองหน้ามันอยู่อย่างนั้นโดยที่ความง่วงแวะเข้ามาทักทายเป็นระยะ มีบ้างที่เผลอหลับไป แต่ไม่นานก็สะดุ้งตื่น ภาพแรกที่เห็นคือใบหน้าหลับพริ้มที่คุ้นเคย เป็นอย่างนี้อยู่สามสี่ครั้ง ..ผมหลับไม่ลง กลัวว่าตื่นขึ้นมาแล้วมันจะหายไป

ยอมรับอย่างลูกผู้ชาย ..ผมกำลังกลัว

จวบจนเมื่อผละสายตามองหน้าปัดนาฬิกาที่แขวนบนผนังฝั่งเดียวกับที่มีโทรศัพท์ตั้งอยู่ ก็ทำให้รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบตีสี่เข้าไปแล้ว หยัดกายลุกขึ้นนั่งก่อนจะสะบัดหัวไล่ความมึน ร่างกายรู้สึกล้าที่ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ หันไปมองคนที่ยังหลับสนิทก่อนจะตัดสินใจช้อนร่างนั้นขึ้นมาในวงแขนแล้วพาเดินเข้าไปในห้องนอน

ชะงักขาเล็กน้อยเมื่อร่างในวงแขนขยับกายเบียดใบหน้าแนบชิดกับแผ่นอก คิ้วเรียวขมวดเป็นปมกลางหน้าผาก อีกทั้งใบหน้าบิดเบี้ยวคล้ายกำลังทรมาน หัวใจของผมกระตุกวาบเมื่อเห็นหยาดน้ำใสค่อยๆไหลรินลงจากหางตาของมัน

รีบสับขาเดินเข้าห้องก่อนจะวางร่างน้อยบนเตียง ลำตัวเล็กสั่นสะท้านก่อนจะขดกายเข้าหากัน พลันเสียงสะอื้นหลุดรอดจากปากอิ่ม

“ฮึก.. ย อย่า”

ฟันขาวกัดปากล่างอย่างแรง มือเล็กสองข้างกำจิกเนื้อบริเวณฝ่ามือจนแขนเรียวเกร็งเขม็ง ผมรีบรุดไปจับมือนั้นแล้วแกะให้มันคลายมือออก กลับกลายเป็นมันบีบมือของผมแน่น ..แน่นจนเจ็บ

“ต้า ..ต้า” ลองเรียกปลุก แต่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะตื่นจากฝันร้าย ไม่รู้จะทำยังไงเลยก้าวขึ้นเตียงก่อนจะดึงร่างนั้นเข้ามากอดแล้วลูบหลังปลอบประโลม

“ไม่ร้องนะครับ เงียบซะๆ” พูดพลางกดริมฝีปากแนบกับหน้าผากเกลี้ยงเกลา ใบหน้าขาวที่เปื้อนน้ำตาเบียดเข้าซุกกับหน้าอกของผม มือข้างหนึ่งของมันกำสาบเสื้อผมแน่น ขณะที่เสียงสะอื้นดังออกมาเป็นระยะ ผมก็รู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่หน้าอกข้างซ้าย

เนื้อตัวสั่นเทาและแรงสะอื้นของคนในอ้อมกอดบีบหัวใจของผมจนปวดหนึบ

เพียรพูดกระซิบปลอบประโลมไปเรื่อยๆ อยู่นานหลายนาที จนเสียงสะอื้นนั้นค่อยๆหายไป แต่ผมก็ไม่ปล่อยร่างนั้นให้เป็นอิสระ เพียงแค่คลายวงแขนลงเพื่อให้ร่างน้อยได้หลับอย่างสบายตัว

ผมสามารถมองเด็กร้องไห้ได้โดยไม่คิดจะยื่นมือเข้าไปปลอบประโลม

ผมสามารถทนกับน้ำตาของผู้หญิงได้โดยไม่รู้สึกอะไร

ผมสามารถทนเห็นเด็กผู้ชายคนนี้ร้องไห้ได้ ..ถึงแม้เสียงสะอื้นและรอยน้ำตาของมันจะสร้างความปวดใจให้กับผมไม่น้อย

ผมสามารถทนได้.. เพียงแต่ หากมันร้องไห้เมื่อไร ผมขอเป็นคนที่จะได้กอดปลอบมัน เหมือนอย่างตอนนี้

 

 

_______________________________________

TALK :: มาดึกไปหน่อยยยย จะนอนกันหรือยังน้อ
คือแบบ พาร์ทนี้ยาวมากกกกกกกกกก 60% นี้ คือ 100 เปอร์ในตอนปกติ แต่งเพลินไปหน่อย (ไม่รู้ว่าพาร์ทนี้จะจบสักกี่หน้า 555)
มีคนถามหาพี่หมอเซมด้วยอะ (ดีใจจ) จะได้เจออีกไหมไม่รู้ รอลุ้นนะคะ จุ้บ
จะพยายามรีบแต่งไม่ให้น้องซินกับน้องรีเว้นท์ต้องถูกย้ายห้อง T_T
อาทิตย์หน้าเราสอบล่ะ เลยยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าจะมาต่อได้หรือเปล่า ยังไม่ได้อ่านหนังสือเลย อาทิตย์นี้ต้องฟิต เสียตังค์ไปเยอะ ฮืออออ
ทุกคนก็สู้ๆนะคะ ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงานกันนะ จุ้บ เด็กๆเอาใจช่วย
PS. เหมือนอากาศจะเริ่มหนาว มาหนาวให้ดีใจเล่นแค่วันสองวัน หลังจากนั้นก็... อืม (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ 555) ดูแลสุขภาพกันด้วยล่ะ อากาศเปลี่ยนแปลงเหลือเกิน เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวฝน
ความรู้สึกเหมือนตอนเป็นเด็กกลับมาอีกครั้ง เมื่อรู้สึกว่า พรุ่งนี้ไม่อยากไปเรียน T^T โงยยย (วันนี้บ่นเยอะเนอะ แต่ไม่อยากไปเรียนนนน TT___TT)
*ใครจะบ่นอะไรก็บ่นได้นะคะ อยากอ่าน 555555555555
ไว้เจอกันใหม่ค่า
คืนนี้ฝันดีจ้า : )
คิดถึงเสมอ.  :กอด1:

 

ออฟไลน์ pannixz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 373
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
โอ้ยยย จิมเอ้ยย คนอ่านก็ทรมารเหลือเกิน
เพราะคนแต่งแสนใจร้ายยยยยย
ไม่ยอมให้คนอ่านได้อ่านหวานๆ
แบบไม่ค้างคาใจ
แถมยังมาไม่สม่ำเสมออีก  :sad2: :sad2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด