Hour#12 Reunion
"เสร็จธุระแล้วกลับมาเร็วๆนะ" นี้คือคำสุดท้ายที่ผมพูดกับวาตอนที่เฮียเอกไปส่งวาที่หน้าบ้าน ประตูบานใหญ่ของบ้านวา ดูวิจิตรสวยงามแต่มันเป็นความสวยงามที่เย็นชาเหลือเกิน ดูสูงส่งจนเอื้อมไม่ถึง
นี้คือที่ๆเรียกว่า 'บ้าน' ของวา
ไม่อยากจะส่งวาให้เดินเข้าไปหลังประตูบานใหญ่นั้น
ไม่อยากจะให้วาอยู่ในบ้านที่ไม่มีใครเห็นค่าของวา
ไม่อยากให้วา กลายเป็นคนที่สวมหน้ากากปั้นหน้ายิ้ม และแบกภาระหน้าที่ไว้บนบ่า
วายิ้มให้ผมบางๆ ดวงตาสีดำคมดุเปิดเผยความหนักใจกับผมอย่างไม่ปิดบัง ร่องรอยความเครียดบนใบหน้าของวาทำให้ผมขมวดคิ้วตามไปด้วย อุ้งมือใหญ่แตะเบาๆบนหัวผมก่อนจะหันไปไหว้ลาเฮียเอกแล้วเดินเข้าบ้านหลังนั้นไป
เป็นห่วง แต่ทำอะไรไม่ได้
กังวล แต่ไม่รู้จะทำยังไง
ได้แต่ภาวนา ขอให้วาได้ชีวิตของตัวเองกลับคืนมา
"เอ เอ...ไอ้เชรี้ยน้องเอ!!" เสียงตะโกนดังลั่นอยู่ข้างหูมาพร้อมกับสัมผัสหนักๆที่หลังเรียกให้ผมดึงสติตัวเองกลับมาสู่ปัจจุบันหลังจากเผลอหลุดลอยไปอยู่ในเหตุการณ์เมื่อตอนเช้า สายตาที่จ้องมือถือตัวเองด้วยหวังว่าใครอีกคนจะโทรมาหาหันกลับไปมองเปรี้ยว เพื่อนตัวดีที่นั่งชักสีหน้าอยู่ข้างๆกัน
"เป็นอะไรของมึง นั่งใจลอยไปไหน" เปรี้ยวส่ายหน้าแบบเซ็งๆกับอาการของผมก่อนจะยกวอดก้าเข้าปากไปสองอึกใหญ่
"โทษทีวะ เป็นห่วงวาหนิดหน่อย"
"มันโตแล้วมึง เรียนจบแล้วจะห่วงอะไรมากวะ อีกอย่างตอนนี้ที่บ้านวาก็ไม่มีสิทธิจะมาบ่งการวาแล้วป่ะ โตๆกันแล้วนะเว้ย" แก้วพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของกล้าน้องชายฝาแฝดก่อนจะยิ้มปลอบใจมาให้ผมด้วยรู้นิสัยผมดีและรู้เรื่องของวาพอควร
"ถ้าคนบ้านนั้นจะคิดได้แบบที่พวกมึงคิดก็ดีนะสิ" ผมเปรยออกมาเบาๆ
"ปัญหาของบ้านวามันเป็นปัญหาที่เกินตัวมึงนะน้องเอ ไม่ว่ามึงจะเป็นห่วงวาแค่ไหน แต่มึงก็เป็นแค่เพื่อน เป็นคนนอกในสายตาของพ่อแม่วาอยู่ดี" เหมือนโดนตบหัวอย่างแรงกับคำพูดของเหนือ แต่มันก็ชี้ให้ผมเห็นถึงความจริงที่ว่าปัญหาของวา มันเกินกำลังผมจริงๆ
และผมก็เป็นแค่คนนอก
ปัญหาครอบครัว ชื่อมันก็บอกว่าเป็นเรื่องของคนในครอบครัว
"พอก่อน หยุดเลย กูยังไม่อยากกินมาม่าที่มึงต้มตอนนี้ วันนี้มา Hang out เข้าใจป่ะ ทิ้งเรื่องนั้นไว้ก่อนนานๆเจอกันทีมาอัพเดทชีวิตกันสิว่าอะไรยังไงกันบ้างแล้ว"
"เรื่องชาวบ้านน่ะ สอดรู้สอดเห็นเหมือนเดิมเลยนะเปรี้ยว"
"ไอ้หมากล้าเดี๋ยวกูชกให้ เขาเรียกว่าเป็นห่วงอยากรู้ความเป็นไปตามประสาเพื่อนที่ดีเว้ย" เปรี้ยวแก้ตัวก่อนจะหันหน้ามาเกาะขอบเก้าอี้ผมทำสายตาวิบๆแบบอยากรู้ชีวิตผมเต็มที่
"อย่ามามองกูแบบนี้เปรี้ยว ขนลุกสัดอะ"
"น้องเอ...ชีวิตมึงเป็นชีวิตที่กูอยากอัพเดทมากพอๆกับการรอคอยมังงะวายเล่มใหม่ออกเลยนะ ช่วงนี้สายกุยิ่งรายงานอยู่ว่ามึงกับวาสร้างบรรยากาศสีชมพูอมม่วงกันบ่อยๆ อะไรยังไงคะ" ดูมันเปรียบเทียบครับและไหนจะคำถามล่อเป้าอีก เหลือตาไปเห็นแก้วที่เหมือนจะนั่งเงียบๆ แต่สายตาวิบวับและรอยยิ้มแปลกๆนั้นทำเอาขนแขนผมลุกซู่
ผมยกวอดก้าขึ้นดื่มกับคำถามที่จะออกมาจากปากเพื่อนตัวดี ถามแต่ละอย่างเชิญกูไปออกรายงานช่องเก้าคืนวันอาทิตย์เลยมั้ยวะครับ
"ชีวิตไอ้เอ มันเป็นTalk of the town เว้ย เก็บไว้ถามตอนสุดท้ายดีกว่า จะได้มีเวลาซ้ำเติ่มมันนานๆ" ซ้ำเติ่มคำนี้สาบานว่ารักกูจริง
"เออว่ะ ดีมากคุณเหนือ งั้นเริ่มที่มึงก่อนเลย นอกจากแพลนที่จะเกาะพ่อกินแล้วยังมีแพลนจะทำอะไรอีก" เปรี้ยวหันไปถามเหนือที่นั่งอยู่ข้างผม ผมมองเหนือที่ตอนนี้เปลี่ยนไปมากหลังจากตอนที่เจอกันล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว
ตอนนี้เหนือกลายเป็นหนุ่มหล่อตาโตผิวขาวที่เชื่อว่าสาวๆหลายคนใฝ่ฝันอยากจะได้มาเดินควง บวกกับส่วนสูงและหุ่นที่ไม่แพ้นายแบบตามนิตยสาร ไหนจะมีดีกรีลูกผู้มีอิทธิพลของจังหวัด ยิ่งทำให้เหนือกลายเป็นชายในฝันของผู้หญิงเลยทีเดียว
"ก็ไม่ยังไง กะว่าจะเที่ยวเล่นซักประเทศให้หายเหนื่อยก่อนแล้วค่อยเข้าไปทำงาน บอกตรงๆว่ะ ว่ายังไม่พร้อมจะทำงานเลย"
"จะไปเที่ยวที่ไหนครับคุณเหนือ อย่าลืมของฝากนะครับผม"
"ทำไมกูต้องเอามาฝากมึงวะกล้า คบกันมานานมึงก็รู้ว่าไม่เคยซื้อฝาก รับแต่ฝากซื้อ"
"ฮาๆ เหนือนี้นิสัยเหมือนเดิมเลยเนอะ ขี้เหนียวเหมือนเดิม"
"ไม่รู้อะไรซะแล้วแก้ว เพราะไอ้เหนือมันเป็นแบบนี้ไง มันถึงได้รวย ขี้งกแบบนี้ระวังหาเมียไม่ได้นะมึง" เหนือกอดอกขึ้นเมื่อได้ยินประโยคแรกที่ผมชมมันแต่พอได้ยินประโยคสุดท้ายพ่อควรวยก็เอาลอคคอผมเอาไว้ใต้แขนแล้วขยี้หัวไปมาเหมือนเอาคืน
"แมร่งเป็นอะไรกับหัวกูมากมั้ยวะ ชอบยุ่งกันจริงทั้งคนหนึ่งก็ชอบขยี้ อีกคนก็ชอบดีดหน้าผาก โว๊ะ ที่กูโง่เพราะพวกมึงเอาแต่ทำร้ายหัวกูแน่ๆเลย" ดันตัวเองออกจากวงแขนเหนือแล้วเอามือลูบให้ผมเข้าทรง ตัวมึงก็ไม่ใช่เล็กรัดกูมาได้
"มึงโง่ด้วยตัวของมึงเอ้ยมั้ยเอ แล้วอีเกรด3.2 ของมึงแถวบ้านกูไม่เรียกโง่นะครับ" กล้าพูดออกมาด้วยเสียงเอือมๆ
"แล้วยังไง แพลนว่าจะไปเที่ยวไหนวะเหนือ กูฝากเอาฝรั่งหล่อๆ ล่ำๆ ซิกแพคกระจายมาฝากกูคนดิ่ กูเปลี่ยว" เปรี้ยวถอนหายใจเอามือทาบอกเป็นท่าประกอบความเปลี่ยวในจิตใจ
"ถ้ามึงยังทำนิสัยแบบนี้อยู่ต่อไป ผู้ชายที่ไหนเขาจะเอามึงวะเปรี้ยว"
"ทำไมมึงต้องพูดทำร้ายจิตใจสาวน้อยตาใสเช่นกูเยี่ยงนี้ค่ะเอ มึงมีวาเป็นผู้ชายของตัวเองแล้วนิ่ เปรี้ยวก็แค่อยากมีผู้ชายเป็นของตัวเองบ้าง กาซิกๆ" ภาพผู้หญิงหน้าคมสวย ผมสั้นประบ่า กัดปากกอดขวดวอดก้า ช่างเป็นภาพของสาวน้อยตาใสจริงๆ เพื่อนผม
แล้ววามันมาเป็นผู้ชายของผมตอนไหนวะครับ
"เนี้ยไง เพราะนิสัยแบบนี้ไงมึงถึงไม่มีใครเอา เสียดาย ความจริงมึงเป็นคนสวยนะเปรี้ยวแต่แบบมึงมีความสามารถในการทำให้ผู้ชายมองมึงเป็นเพื่อนที่สามารถชวนไปเตะบอลมากกว่าจูงมือเดินวะ"
"ไม่คะกล้า ผู้ชายไม่ต้องเอากู เดี๋ยวกูเอาเขาเองก็ได้ จะชวนกูไปเตะบอลก็ได้แต่พอทำประตูได้ ช่วยถอดเสื้อแล้ววิ่งไปกอดเพื่อนร่วมทีมกูจะฟินมาก"
"อย่าลืมชวนแก้วไปด้วยนะเปรี้ยว แก้วอยากฟินด้วย"
"โฮ๊ะๆ แน่นอนเพื่อนสาว และพวกมึงจำไว้ความฝันสูงสุดของกูคือได้รุกเคะหน้าสวยเว้ย และพี่เฟิร์สคือคนนั้น" กำมือขึ้นแล้วเงยหน้ามองไปบนเพดานอย่างมั่นหมาย ตอนนี้ผู้ชายทุกคนได้แต่นั่งก้มหน้าไว้อาลัยให้ตัวเอง
เลิกเป็นเพื่อนมันตอนนี้ทันมั้ยวะ
"งั้นจงฝันต่อไปนะเพื่อนนะ อย่าจองเวรพี่กูเลย ขอร้อง"
"ฮาๆๆ...ออกนอกทะเลมาเยอะแล้ว ตกลงมึงจะไปเที่ยวไหนครับคุณเหนือ"
"กูว่าจะไปเที่ยวเยอรมันวะ เล็งมานานแล้วเขาว่าสาวๆที่นั้นเด็ด ต้องไปลอง หึหึ"
"ออกตัวแรงเว้ยเฮ้ย ระวังจะได้หนุ่มเยอรมันกลับมา เพราะเฮตาเลียกล่าวไว้ หนุ่มเยอรมันแซ๊บเวอร์" อะไรคือเฮตาเลียวะ เขาคือนักปราชญ์หรือไง ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัยแต่ก็ไม่อยากอ้าปากเอยถามออกไปเพราะกลัวคำตอบจะไม่พ้นเรื่องวายๆ
"จริงนะเหนือ เยอรมันคุงเท่ห์มาก"
"เฮตาเลียอะไร เยอรมันคุงอะไร ชวนกูเข้ารังสีม่วงอีกละ พอๆแล้วแก้วกับกล้าอะ"
"แหม เหนือละก็ รังสีม่วงอะไร....แก้วก็ส่งใบสมัครงานอยู่เยอะเหมือนกันนะ ตำแหน่ง AEก็รับสมัครเยอะ แต่ส่วนใหญ่ที่ทำงานอยู่กรุงเทพทั้งนั้นเลย ก็เลยยังลังเลอยู่ว่าจะเอาไง อยากอยู่บ้านมากกว่า อยู่หอมาตั้งสี่ปี"
"ส่วนกูก็ตอนนี้ได้งานแล้ว เป็นนักข่าวของหนังสือพิมพ์วะ สายการเมือง จบรัฐศาตร์มาได้ทำงานสายนี้กูโคตรปลื้ม"
"แล้วมึงอะเปรี้ยว" เหนือหันไปถามเปรี้ยวที่ตอนนี้เริ่มชงวอดก้าแก้วที่เจ็ดแล้ว
"ก็ไม่ยังไง วันจันทร์ไปสัมภาษณ์งานที่ออฟฟิตพี่เฟิร์ส ถ้าเจ้านายเขาโอเค กูก็ทำงานออกแบบศิลป์ที่นั้น"
"พวกมึงนี้ดูๆไปก็มีอนาคตเนอะ" ผมเปรยๆออกมาหลังจากฟังเพื่อนทุกคนพูดถึงแพลนชีวิตของตัวเอง และอนาคตที่เริ่มเปลี่ยนแปลงทีละนิดตามเวลา
"พูดแบบนี้เหมือนพวกกูดูเป็นพวกไม่มีอนาคตอะน้องเอ แต่เอาดีๆกูยังไม่อยากทำงานเลยวะ" เปรี้ยวหันมาแหวใส่จนผมต้องยกมือไหว้ขอขมามันไปสองที พาเอาเพื่อนคนอื่นหัวเราะกับสภาพผมกับเปรี้ยวไม่ได้
"ทำไมวะ กูนี้อยากเรียบจบชิบหาย ไม่อยากนั่งเรียนนั่งอ่านหนังสือสอบแล้วเนี้ย" คนหลักสูตร 5ปีแบบผมประท้วงออกมา เห็นเพื่อนๆเรียนจบจองชุดขลุยแล้วทำให้รู้สึกอิจฉาขึ้นมาไม่ได้
"ไม่รู้ดิ่ พอทำงานแล้วเหมือนภาระหน้าที่มันเยอะขึ้นวะ แบบอย่างตอนเรียนอย่างมากก็ติดเอฟลงเรียนใหม่ แต่นี้ทำงานสุดๆแล้วก็คือโดนไล่ออก เป็นคนตกงาน ไหนจะต้องเจอการแข่งขันในที่ทำงานอีก คิดแล้วก็เหนื่อย"
"ก็จริงนะ เอยังเรียนอยู่ก็ดีแล้ว แก้วว่าชีวิตวัยเรียนเป็นช่วงที่มีความสุขที่สุดแล้ว"
"แล้วเป็นยังไงบ้างน้องเอ กูเห็นนะว่าวันที่มึงโพสอะไรนะ ใจเต้นอะไรของมึง โพสมึงเด้งหน้าแรกในเฟซกูตลอด แฟนคลับมึงกับวาร้อนแรงใช่ได้" เอาแล้วไง และแล้วเหนือก็เปิดประเด็นนี้ก็มา เป็นประเด็นหลักในวงสนทนาของเพื่อนผมทุกคนหรือไงกัน
"เออใช่เอ แก้วกรี้ดมากเลย เมสเสจเฟซบุคไปเอก็ไม่อ่าน จะโทรไปถามก็ลืม ตกลงอะไรยังจ๊ะ"
"ไม่ใช่ว่าวาสารภาพรักมึงหรอกนะเอ ถ้าเป็นเช่นนั้นกูจะได้ล้มวัวล้มควายฉลอง"
"ไม่มีอะไรทั้งนั้นอะ แล้วทำไมวามันจะต้องสารภาพรักก็ด้วยวะ...เพื่อนกัน" ผมเฉไฉบ่ายเบี่ยงคำถามของเปรี้ยว เพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าคำว่าเพื่อนของผมกับวา มันเริ่มแปลกขึ้นทุกทีๆ
"เพื่อนกันบ้านมึง กูเป็นเพื่อนมึงก็ยังไม่แทคแคร์มึงดีเท่าวาเลย" กล้าชี้จุดที่ทุกคนเห็นด้วยกันมาตลอด
"มึงว่างั้นหรอวะ"
"อย่ามาซึนน้องเอ ก็เออซิวะ เห็นๆกันอยู่เต็มตา พวกกูยังคุยกันเลยว่าไปอยู่หอที่กรุงเทพด้วยกันสองคน มันต้องได้กันซักวัน แล้วทำไมปล่อยให้เวลาผ่านมาตั้งสี่ปีโดยที่ยังไม่เสร็จกันวะ"
"เชรี้ยเปรี้ยว เสร็จเหี้ยไรของมึง"
"แต่กูถามจริงๆดิ่เอ วามันดีกับมึงขนาดนี้มึงไม่รู้สึกอะไรหน่อยหรอวะ" เหนือถามออกมา เป็นคำถามที่ผมเองก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เช่นกัน
"ก็ไม่รู้ว่ะ ว่ากูรู้สึกยังไง จะว่ารู้สึกดีมันก็ไม่เชิงเพราะกูเคยชินกับการเอาใจใส่ของวามาโดยตลอด พวกมึงก็รู้ว่าวามันดูแลกูแบบนี้มาตั้งนานแล้ว"
"เพราะสนิทกันมาเกินไปสินะ เลยไม่ได้ทันสังเกต"
"หมายความว่าไงวะกล้า" สังเกตหมายถึงอะไร มีอะไรที่เกี่ยวกับวาที่ผมมองข้ามไปงั้นหรอ
"อย่ามาทำหน้าเป็นหมางงเอ คือถ้าถามกูในสายตาคนนอก มึงสองคนเหมือนเป็นความผูกพันที่มากกว่าเพื่อน มากกว่าพี่น้อง มากกว่าแฟน อะไรประมาณนี้อะ"
"เหมือนจะเข้าใจ....แต่ไม่เข้าใจวะ" ผมไม่ได้แกล้งโง่นะครับ นี้ไม่เข้าใจจริงๆ ถึงผมกับวาจะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ผมก็ไม่เห็นว่าความสัมพันธ์ของผมกับวาจะแตกต่างไปจากพี่เฟิร์ส หรือ เฮียเอกตรงไหน
"คนอย่างมึงถ้าให้พวกกูบอกไปมึงก็คิดไม่ออกหรอกวะ ต้องให้มึงสังเกตเห็นและเข้าใจด้วยตัวของมึงเอง....แต่ช่วยเร็วๆหน่อยนะ กูลุ้นของกูมาตั้งแต่ ม.ปลาย ได้กันซักทีจะได้ไม่เป็นภาระของสิ่งแวดล้อม" เปรี้ยวพูดด้วยน้ำเสียงแกมข่มขู่ ผมส่ายหัวน้อยๆเพราะเริ่มมึนๆด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลที่ดีกรีหนักขึ้นตามเวลาที่ดึกขึ้น
พวกเรานั่งคุยกันเรื่องสัพเพเหระ มีสาระไร้สาระบ้างแต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องสนุกๆ ฮาๆที่พวกเราทำกันในช่วงมัธยมเสียมากกว่า ทั้งการวิ่งรอบโรงเรียนหนีการโดนไถ่หัวเกรียนจากครูห้องปกครอง หรือเรื่องที่มีผู้หญิงมาตบกันหน้าเสาธงเพื่อแย่งสิทธิเป็นแฟนเหนือ เรื่องรักแรกของเปรี้ยวที่สุดท้ายเขาเป็นเกย์ เรื่องกล้าที่ไปท้าชกกับรุ่นพี่ต่างโรงเรียนที่มาจีบแก้ว และสารพัดเรื่องการลอกข้อสอบในห้องเรียน การส่งโพยที่เชื่อว่าใครหลายๆคนเคยทำกันมาก่อนตอนเป็นเด็ก
เวลาผ่านไปนานพอควรผมเพิ่งจะสังเกตว่ามือถือของผมกระพริบไฟสีเขียวเตือนว่ามีการติดต่อมาที่มือถือของผม ใจก็คิดไปแล้วว่าจะใช่เจ้าของดวงตาคมดุที่ชอบไล่ผมไปอาบน้ำหรือเปล่า สไลด์รหัสหน้าจอตัวเองก็เจอข้อความที่ทำให้ผมยิ้มกว้างและหลุดขำออกมาไม่ได้
'อย่าดื่มเยอะนะ ถึงบ้านแล้วบอกด้วย'
"หึ ถ้าไม่มองชื่อคนส่งจะคิดว่าม๊าส่งมานะเนี้ย" ปากผมบ่นเหมือนล้อเลียนกับความขี้บ่นขี้เป็นห่วงของวา แต่ในใจกับรู้สึกดีกับการเอาใจใส่ของวา
"ยิ้มอะไรวะเอ แหนะ ใครส่งอะไรมา วาละซิหน้าแบบนี้" ผมยักคิ้วให้กล้าเป็นการตอบคำถามก่อนจะรีบพิมพ์ไลน์กลับไปคนขี้บ่นอย่างอารมณ์ดี
'ไม่เยอะ แค่พอเมา นอนได้แล้วบี1 เดี๋ยวบี2กลับ'
"หมั้นใส้วะ แล้วมีหน้ามาบอกว่าเพื่อนกัน ยิ้มจนปากจะฉีกไปถึงหูละ" เหนือชะโงกหน้ามาดูข้อความที่ผมคุยกับวาแล้วส่ายหน้าพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความหมั้นใส้เต็มที่
"อีกละ...ชงกูกับวากันเข้าไปนะพวกมึงอะ"
"ก็กูชงกันขนาดนี้มึงยังแค่ใจเต้นแรงกับวา สงสัยต้องรอให้วารวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวแล้วมั้ย สถานนะมึงถึงชัดเจน"
"สถานะชัดเจน...แล้วความรู้สึกละวะ" ผมถามเปรี้ยวไป เพราะมันพูดเหมือนสภาพของผมกับวาในตอนนี้มีเพียงสถานะเท่านั้นที่ยังไม่ชัดเจน
"ห่า มึงนี้โง่จริงๆ กูจะบอกให้เอาบุญในฐานะที่กูจิ้นคู่มึงมานานมาก ชนิดที่เรียกว่านานจนลูกกูถึงวัยบวชได้เลย"
"มึงมีพ่อของลูกแล้วหรอเปรี้ยว"
"อย่ามากวนตีนกูครับกล้า แก้วหุบปากน้องมึงด้วย" ตอนนี้ทั้งโต๊ะมั่นใจแล้วครับว่าเปรี้ยวเมาแล้วจริงๆ
"ต่อถึงไหนนะ เออใช่....ความรู้สึกของมึงกับวามันชัดเจนกันมานานแล้วเว้ย แค่พวกมึงไม่เคยจะสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างคำว่าเพื่อนของมึงกับเพื่อนของคนอื่น ดังนั้นในตอนนี้เหลือแค่มึงเลิกโง่ทำใส แล้วเอาอีความรู้สึกสุดแสนจะชัดเจนของพวกมึงเนี้ยมาทำให้สถานะมันชัดเจนโดนการเป็นแฟนกันซะ!!"
"เป็นแฟนกับวา จะบ้าหรอมึง กูไม่ได้รักวาแบบนั้น...ซะหน่อย" เถียงเปรี้ยวออกไปทั้งที่ในใจตัวเองยังไม่มั่นใจเลยด้วยซ้ำ
"พูดแล้วคิดตามกูนะเอ โง่ๆอย่างมึงนี้นะ...ถ้ามึงไม่รักวา ตอนนั้นที่วาชอบพี่เฟิร์ส มึงคงไม่เดินตาบวมเป็นผีหัวเถิกมาหาพวกกูหรอก ถ้ามึงไม่ชอบวามึงคงไม่หลบหน้าวาและทำตัวเปลี่ยนไปหรอก ถ้าจะโลกสวยบอกว่าตอนนั้นก็แค่หวงเพื่อน งั้นทำไมมึงจะต้องใจเต้นแรงกับวาด้วย ทำไมมึงต้องคอยมองหาแต่วา คิดถึง เป็นห่วง และคอยอ้อนวาขนาดนี้ ยอมรับเหอะวะเอ ว่าที่มึงทำกับวามันมากกว่าเพื่อนมานานแล้ว" เปรี้ยวใส่ผมไม่ยั่ง พูดไปก็เอานิ้วเรียวยาวของมันจิ้มหน้าผากผมซ้ำๆเหมือนจะให้มันฝั่งลงไปในสมอง ให้ผมยอมรับความจริงซักที
หันหน้าไปมองเพื่อนคนอื่นๆในกลุ่ม ก็เห็นว่าทุกคนมองมาที่ผมด้วยสีหน้าที่เห็นด้วยกับที่เปรี้ยวพูดทุกอย่าง แก้วยิ้มออกมาให้ผมน้อยๆก่อนจะพูดประโยคสุดท้ายที่ทำให้เริ่มเข้าใจความรู้สึกของตัวเองขึ้นมาอีกขั้น
"แก้วไม่อยากให้การจิ้นของเปรี้ยวกับแก้ว หรือของใครหลายๆคน มาทำให้เอคิดว่า เอจะต้องรักวาตามที่คิดอื่นคิดหรอกนะ...แต่แก้วอยากให้เอถามตัวเองดูดีๆ ว่าระยะเวลาหลายปีที่อยู่กับวา มันไม่ได้ทำให้เอรู้สึกสักหนิดเลยหรอว่า วารักเอ"
To be con
:: Blue Talk ::
สวัสดียามค่ำค่า เอาตอนใหม่มาให้ได้อ่านกัน ในตอนนี้เป็นฟีลบรรยากาศของเพื่อนมัธยมคุยกันมากมาย ตามความคิดเราเพื่อนมัธยมเป็นเพื่อนที่เราสนิทใจ สบายใจ และรู้ถึงความเป็นเรา และความเปลี่ยนไปของตัวเรามากที่สุด ดังนั้นอะไรหลายๆอย่างที่เป็นนิสัยเรา ความเคยชินของเรา เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเรา เพื่อนมัธยมจะเป็นเพื่อนที่มองเห็น และสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุด เลยโยงให้ว่าสิ่งที่เพื่อนๆเห็นมาโดยตลอด ถึงเวลาที่น้องเอควรจะรู้ในสิ่งที่เพื่อนๆลุ้นกันมานานซักที
ในตอนนี้วาออกมาแค่ข้อความ อย่าเพิ่งงอแงคิดถึงพ่อพระเอกคนนี้นะคะ ในตอนนี้สัญญาว่าจะเอาวากลับคืนสู่อ้อมอกอ้อมใจแม่ยกวาโยทั้งหลาย
พีเอส เห็นว่าตอนที่แล้วมีคนอ่านใหม่ๆเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนหลาย ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ บลูค่ะ ขอฝากเอวาไว้ในอ้อมใจด้วยคะ :mew3:เอ็นดูหนูเอเยอะๆ รักวามากๆ นะคะ