หนีเที่ยว
ร่างของคนสองคนยืนลับๆล่อๆ อยู่ข้างกำแพงจวน ก่อนที่คนร่างอวบกว่าจะเอือมมือไปแหวกพุ่มไม้ออกเผยให้เห็นประตูบานเล็กที่ซ่อนอยู่
“ทำไมถึงมีประตูอยู่ในที่แบบนี้ล่ะ” ร่างเพรียวเอ่ยถามอย่างแปลกใจเพราะตอนนี้เขากำลังอยู่ในส่วนของที่ที่เรียก “เรือนเล็ก” แต่ที่ตรงนี้กลับไม่ได้มีบรรยากาศอย่างที่เขาคิดเลยสักนิด เขาคิดว่า ที่ที่ผู้หญิงอยู่รวมกันเยอะๆจะมีบรรยากาศที่ “ครึกครื้น”มากกว่านี้ซะอีก แต่บรรยากาศที่นี่มันออกจะแปลกๆอยู่บ้าง ไหนจะกระแสแห่งความเศร้า ที่เขาสัมผัสได้นั่นอีก ไม่น่าเชื่อว่าในจวนอ๋อง จะมีสถานที่ที่ชวนหดหู่เช่นนี้อยู่ด้วย
“เอาน่าอย่าถามมาก ไว้ข้าจะบอกเจ้าหลังจากที่เราออกไปได้แล้ว” ร่างอวบบอกพลางผลักประตูบานนั้นเบาๆ ก่อนจะเดินนำออกไป
“มาทางนี้ เร็วเข้า” ร่างอวบกระซิบก่อนจะพาเพื่อน ลัดเลาะไปตามแนวกำแพงอย่างชำนาญ เพื่อหลบหลีกทหารยาม
“เฮ้อ รอดแล้ว” ซิ่วหมิ่นบอกอย่างดีใจเมื่อพาร่างเพรียวของเพื่อนรักออกมาพ้นเขตจวนอ๋อง
“นี่เจ้าทำยังไง ถึงพาข้าออกมาได้โดยที่ไม่ถูกใครสงสัย” ร่างเพรียวถามอย่างแปลกใจเพราะตั้งแต่เช้าเขาก็ยังไม่เจอสองสาวใช้เลย ซ้ำเฉินที่ก่อนหน้านี้เคยตามติดซิ่วหมิ่นจนเหมือนเงาตามตัวก็หายไปด้วย
“ฮ่าๆๆ เรื่องนั้นคงเพราะความฉลาดของข้า ข้าสั่งให้สองสาวใช้นั่นออกไปซื้อของบอกว่าเจ้าอยากได้ พอพวกนางได้ยินก็รีบกุลีกุจอออกจากจวนแทบไม่ทัน ส่วนไอ้เจ้าองครักษ์งี่เง่านั้น ข้าสั่งให้ไปช่วยงานอาฝูในครัว ห้ามมาให้ข้าเห็นหน้า ”
“แล้วพวกเขาก็เชื่อเจ้า” ร่างเพรียวเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
“ก็ใช่นะสิ คนอย่างข้าน่าเชื่อถือออก มิใช่หรือ” จื่อเทามองคนตรงหน้าที่ยิ้มจนแก้มจะแตกอย่างเหนื่อยใจ เขาว่าเรื่องนี้มันออกจะแปลกๆอยู่สักหน่อย หากสองสาวใช้จะเชื่อคำโกหกของซิ่วหมิ่นนั้นไม่แปลกเพราะพวกนางคงไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของอีกฝ่ายแน่ แต่กับเฉินนั้นไม่ใช่ เขารู้จักองครักษ์ของตัวเองดี
“เจ้าอย่าคิดมากน่า วันนี้เรามาเที่ยวนะ ต้องเที่ยวให้เต็มที่เพราะไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนเราจะได้มาอีก” ซิ่วหมิ่นบอกอย่างร่าเริง การหนีออกมาเที่ยวตลาดคือสิ่งที่ร่างอวบโปรดปรานมากที่สุด แม้ว่าจะเสี่ยงแต่มันก็คุ้มมิใช่หรือ
“นี่ๆ เจ้าอ้วน ข้าถามเจ้าอย่างหนึ่งได้หรือไม่”
“ถามมาสิ”
“ไอ้ที่ที่เราไปวันนี้ มันคือส่วนไหนของเรือนเล็กเหรอ ทำไมบรรยากาศมันถึงชวนหดหู่ขนาดนั้นเล่า” ร่างเพรียวเอ่ยถาม
“อ้อ ที่นั่น เขาเรียกว่า “สวนวิเวก” เป็นทีที่ใช้ลงโทษพวกนางในหรือสนมของอ๋องที่ทำผิดน่ะ ถ้าจะมีบรรยากาศแบบนั้นก็ไม่เห็นแปลกหรอก” ซิ่วหมิ่นบอกอย่างไม่ใส่ใจ
“แล้วตอนนี้ที่นั่น ยังมีคนอยู่ไหม” จื่อเทาถามด้วยความอยากรู้ ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไม
“มีสิ ก่อนหน้าที่เจ้าจะมา พี่ใหญ่สั่งขังสนมจี เพราะนางแอบเอายาพิษใส่ในเหล้าหวังให้พี่ใหญ่ดื่ม”
“แล้วทำไม พี่เจ้าถึงรู้ตัวล่ะ”
“เจ้าอย่าดูถูกพี่ชายข้าสิ อู๋อ๋องไม่ใช่คนโง่ ถ้าพี่ข้าไม่ทันคนจะสามารถครอบครองแคว้นที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้หรือไง เจ้าแพนด้า”
“นั่นสินะ ว่าแต่วันหลังเจ้าพาข้าไปสวนวิเวกได้ไหม” จื่อเทาเอ่ยถามเพื่อนรัก เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงอยากไปที่นั่นนัก แต่มันคล้ายกับมีบางอย่าง ที่รบกวนจิตใจของเขา ยามมองเข้าไปในเรือนที่แทบจะร้างผู้คนหลังนั้น
“ได้สิ ข้าถนัดอยู่แล้วเรื่องแบบนี้” ร่างอวบบอกเพื่อน ก่อนจะตบอกอย่างภูมิใจ เรื่องหนีเที่ยว ไม่มีใครเกินท่านชายซิ่วหมิ่นคนนี้แน่
ตลาดแค้วนอู๋ยังคงเป็นตลาดที่แสนคึกคักและคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาจากทุกสารทิศ จื่อเทากำลังตาลุกวาวกับข้าวของเครื่องใช้แปลกๆที่บางอย่างเขาเองก็แทบไม่เคยเห็น
“นี่ๆ แพนด้า ข้าให้เจ้า” ร่างอวบยิ้มกว้างก่อนจะยื่นพุทราเชื่อมให้เพื่อนที่อยู่ข้างๆ
จื่อเทารับมาไว้ในมือก่อนจะจ้องพุทราที่อยู่ในมือ จนอีกคนต้องมองอย่างสงสัย
ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน เหตุใดเขาจึงรู้สึกคุ้นเคยกับภาพเช่นนี้เล่า
“เจ้าอยากกินนี่หรือเด็กน้อย” น้ำเสียงทุ้มดังเข้ามาในหัวก่อนที่ร่างเพรียวจะจ้องพุทราเชื่อมในมืออีกครั้ง
“จื่อเทา เจ้าเป็นอะไร”
“ซิ่วหมิ่น ข้า เคยกิน ข้าเคยกินเจ้านี่”
“เป็นใครก็ต้องเคยกินพุทราเชื่อมทั้งนั้น เจ้านี่ก็แปลกคน” ซิ่วหมิ่นบอก ของพื้นๆเช่นนี้ ใครจะไม่เคยกินกันเล่า หรือ เจ้าแพนด้ายังไม่หายไข้หรือ ถึงได้ดูท่าทางแปลกนัก
“ไม่ใช่ ข้า ข้าเคยมาที่นี่ เคยมาที่แคว้นอู๋!!” ร่างเพรียวบอกเสียงไม่เบานัก
“หืม เจ้าเคยมาหรือ”
“ข้าไม่แน่ใจนัก แต่ข้าคุ้นเคยกับที่นี่ มาก ซิ่วหมิ่นเจ้าไปด้านนั้นเป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่” จื่อเทาบอกก่อนจะลากแขนของเพื่อนรักให้วิ่งไปด้วยกัน
ภาพตลาดในวันนี้ยังคงเหมือนเดิม ต่างกันตรงที่วันนี้ไม่ได้มีขบวนม้าเหมือนวันนั้น จื่อเทามองภาพนั้นก่อนจะยิ้มทั้งน้ำตา เพราะปัญหามากมายที่รุมเร้า เพราะเอาความคิดทั้งหมดทุ่มไปกับการทำสงครามและการแก้แค้น ทำให้ลืมเลือนช่วงเวลาในวัยเด็กไปจนเกือบจะหมดสิ้น ลืมแม้กระทั่งว่าเคยมาเที่ยวเล่นในดินแดนที่ชื่อว่า “แคว้นศัตรู” ลืมความอ่อนโยนที่เคยได้รับจากคนผู้หนึ่ง
พี่หลง ท่านยังสบายดีอยู่หรือ ท่านจะคิดถึง ลูกท้อ บ้างหรือไม่ “พี่หลงท่านจะดีใจหรือไม่ หากรู้ว่าลูกท้ออยู่ที่นี่แล้ว” ร่างเพรียวพึมพำ
“เจ้าพูดถึงใครหรือจื่อเทา”
“คนใจดีน่ะ” จื่อเทาบอกด้วยรอยยิ้ม
“คนใจดี??”
“ใช่ คนใจดีที่เคยช่วยข้าไว้ ซ้ำเขายังซื้อพุทราเชื่อมให้ข้าด้วยนะ”
“แล้วเจ้าจำหน้าตาของคนผู้นั้นได้ไหม ข้าจะช่วยเจ้าหา” ร่างอวบถาม
“จำได้ลางๆ น่ะ เพราะตอนนั้นมัวแต่ดีใจ ที่มีคนพาเที่ยว รู้แค่ว่าพี่หลงของข้า ชอบแต่งกายด้วยชุดสีดำ แต่น้ำเสียงและแววตานั้นอ่อนโยนมากๆ”
“เหอะเจ้านี่สมองเท่าไก่หรือยังไงนะ แค่นี้ก็จำไม่ได้ ถ้าเช่นนั้น ข้าจะเป็น คนใจดี ของเจ้าเอง เพราะข้า ก็ซื้อพุทราเชื่อมให้เจ้าเช่นกัน เด็กดี มากับคนใจดีดีกว่า” ซิ่วหมิ่นบอกอย่างร่าเริง
“เจ้าเป็น ซาลาเปาอ้วน ต่างหาก”
“ฮวาง จื่อ เทา ถ้าเจ้าว่าข้าอ้วนอีกคำเดียวข้าจะหนีกลับจวนแล้วปล่อยให้เจ้าหลงทาง!!”

คำขู่ที่แสนน่ากลัวทำให้ร่างเพรียวหัวเราะร่วน
“ซิ่วหมิ่น” จื่อเทาที่กำลังหัวเราะคนร่างอวบอยู่กลับเรียกอีกคนด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะรับรู้ถึงความผิดปกติที่อยู่รอบๆตัว เขาแน่ใจว่ามีใครสักคนหรืออาจจะหลายคนกำลัง “ติดตาม” พวกเขามาตั้งแต่ออกจากจวนแล้ว ซิ่วหมิ่นอาจไม่รู้เพราะ คงไม่ได้ใส่ใจ แต่เขารับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของ “อะไร” บางอย่างได้ ที่ไม่บอกร่างอวบเพราะคิดว่าเป็นคนของจวนอ๋อง แต่ตอนนี้สัญชาตญาณในตัวจื่อเทากำลังบอกว่า เขาคิดผิด คนพวกนั้นไม่น่าจะเป็นคนของจวนอ๋อง แต่มันเป็นพวกไหนกัน!!!
“เฉิน” จื่อเทาเอ่ยขึ้นลอยๆด้วยเสียงที่ไม่เบานัก จื่อเทารู้จักเฉินดีพอๆกับที่เฉินรู้จักจื่อเทา ร่างเพรียวรู้ว่าองครักษ์ที่ถูกฝึกมาอย่างดีจะไม่หลงเชื่อคำพูดของซิ่วหมิ่นและปล่อยให้พวกเขาออกมาตามลำพังอย่างแน่นอน
“ข้าน้อย ไม่สามารถหลบพระชายาได้เลยนะขอรับ” องครักษ์หน้านิ่งพลิ้วกายลงมาจากกำแพงของบ้านหลังหนึ่งก่อนจะคำนับผู้เป็นนาย
“เจ้า เจ้ามาได้ยังไง!!!” ร่างอวบแหวลั่น เมื่อเห็นว่าคนรักยืนอยู่ตรงหน้า
“เฉินตามเรามาตั้งแต่ที่เราออกจากจวนแล้ว เจ้าไม่รู้หรือซิ่วหมิ่น”
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ข้าไม่ได้เก่งกาจเหมือนพวกเจ้านิ” ร่างอวบบอกด้วยเสียงห้วนก่อนจะจ้ององครักษ์แคว้นเยว่อย่างเอาเรื่อง
“เจ้าอย่าไปโทษเฉินเลย ที่ตามมาก็เพราะว่าเขาเป็นห่วงเรา ” ร่างเพรียวอธิบายก่อนจะปรายตามององค์รักษ์ของตนที่ยังไม่แสดงท่าทีใดใด แล้วไปเถอะ เขามีเรื่องที่ต้องสะสางมากกว่า ง้องอนคนรักแทนองค์รักษ์
“ข้าว่าวันนี้ ดูท่าเราจะมี “แขก” เราไปหาที่เงียบๆ “คุยกัน”ดีกว่า ” ประโยคที่แฝงความหมายนั้นถูกเอ่ยออกมาก่อนที่ร่างเพรียวจะลากเพื่อนรักให้ออกห่างจากตลาดมากที่สุด
“ในเมื่อมาแล้วใยต้องหลบซ่อนเป็นเต่าหดหัว!!” ร่างเพรียวตะโกนเมื่อทั้งสามหยุดอยู่ที่ริมแม่น้ำ
“เจ้าแพนด้า พวกเจ้าพูดเรื่องอะไรกัน”
“เฉิน คุ้มกันซิ่วหมิ่น” ร่างเพรียวไม่ตอบแต่สั่งองค์รักษ์ของตนเองแทน
“จื่อเทา!!”
“ถึงจวนแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง แต่ตอนนี้เจ้าต้องเงียบๆก่อน เดี๋ยวแขกของเราจะตกใจ” จื่อเทาแสยะยิ้ม ซิ่วหมิ่นทำได้เพียงจับมือของคนรักเอาไว้ แน่น ไม่รู้เพราะกลัว แขก ที่กำลังจะมา หรือว่า กลัวร่างเพรียวตรงหน้า กันแน่
พรึบ!! ชายชุดดำนับสิบเข้าล้อมทั้งสามคนไว้ทุกด้าน แต่ร่างเพรียกลับทำเพียงแสยะยิ้มก่อนจะยกกระบี่คู่กายขึ้น แววตาคมที่สะท้อนความโกรธนั้นทำให้ซิ่วหมิ่นนึกกลัว เขาไม่คุ้นเคยกับจื่อเทาที่เป็นแบบนี้เอาเสียเลย
“คาราวะพระชายา” หนึ่งในชายชุดดำเอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องมีพิธีรีตอง จะสู้ก็เข้ามา!!” ร่างเพรียวตะคอก
“สมแล้วที่เป็น ชายาของอู๋อ๋อง ท่าช่างกล้าหาญจนน่ายกย่อง”
“อย่าพูดมาก ข้ามีเรื่องให้ทำอีกเยอะ ไม่อยากเสียเวลาเล่นกับพวกเจ้า!!” ร่างเพรียวตวาดลั่นก่อนจะตวัดกระบี่เข้าใส่ชายชุดดำทันที
เคว้ง!!
เสียงกระบี่ปะทะกันดังสนั่น จื่อเทามองชายชุดดำตรงหน้าอย่างครุ่นคิด คนๆนี้ฝีมือไม่ธรรมดาคงไม่ใช่โจรกระจอก
“หึ ท่านมีฝีมือกว่าที่ข้าคิดนะพระชายา” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น
“ข้าไม่อยากเสียเวลากับ สุนัขรับใช้อย่างพวกเจ้า” ร่างเพรียวบอกพลางตวัดกระบี่ใส่คนตรงหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน แต่จื่อเทารู้ดี
ว่าเขาสู้คนตรงหน้าไม่ได้ เพราะวรยุทธของชายชุดดำที่ดูเหมือนจะเก่งกว่า ไหนจะต้องคอยมอง เฉินกับซิ่วหมิ่น ที่ดูเหมือนจะพลาดพลั้งนั่นอีก
“เฉิน พาซิ่วหมิ่นกลับจวน เดี๋ยวนี้”
“พระชายา แต่ว่าท่าน”
“ข้าสั่งให้กลับเดี๋ยวนี้” ร่างเพรียวตะคอก
“ขอรับ” เฉินซัดอาวุธลับใส่ชายชุดดำก่อนจะใช้วิชาตัวเบาพาซิ่วหมิ่นหนีไป
“หึ พระชายา ท่านช่างมีน้ำใจ ห่วงน้องสามีเสียจริงนะ แบบนี้เห็นที อู๋อ๋อง คงต้องตบรางวัลให้ท่านเป็นการฝังร่างที่สุสานของตระกูลอู๋ สินะ ฮ่าๆๆ"
“ถ้าคิดว่าเจ้าจะฆ่า ข้าได้ก็เอาสิ” ร่างเพรียวแสยะยิ้ม ก่อนจะตวัดดาบเข้าสู่อีกครั้ง
เคว้ง!!
กระบี่เนื้อดีหลุดจากมือร่างเพรียวก่อนที่ชายชุดดำจะแสยะยิ้ม พลางตวัดกระบี่หมายจะบั่นคอคนตรงหน้าตามคำสั่ง
ฉึก!! คมกระบี่บาดเข้าเนื้อเป็นทางยาว แต่ไม่ใช่ร่างเพรียวที่ได้รับบาดเจ็บ!!
“อูอ๋อง เจ้า” จื่อเทาเบิกตาโพลงเมื่อเห็นว่าคนที่รับกระบี่แทนตนเป็นใคร ทำไมอู๋องต้อง รับกระบี่แทนเขา ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย
“ข้ามาทันเวลาสินะ” ร่างสูงบอกเสียงแผ่ว ก่อนจะทรุดลงกับพื้น
“อู๋อ๋อง เจ้าเป็นอะไร อย่าเป็นอะไรนะ” จื่อเทาโผเข้ากอดร่างสูงไว้แน่น ทำไมถึงเจ็บ แบบนี้นะ เจ็บทั้งๆที่ร่างกายไม่ได้บาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เหตุใดหัวใจ…
“คุ้มกันท่านอ๋องพระชายา!!!” เสียงอี้ชิงดังขึ้น ก่อนที่ทหารแคว้นอู๋จะไล่ต้อนชายชุดดำจนถอยร่นไป
“อี้ชิง ตามหมอที อู๋อ๋อง เขา เขา” จื่อเทาบอกอย่างร้อนรน
“ท่านอ๋อง เพียงแค่สลบไปเท่านั้นขอรับพระชายาอย่าเพิ่งกังวลเลย” อี้ชิงที่พอจะมีวิชาแพทย์อยู่บ้างบอกอย่างใจเย็น ก่อนจะให้คนพาอู๋อ๋องกลับจวน
ภายในคฤหาสน์ หลังงามคนผู้หนึ่งกำลังจิบน้ำชาด้วยท่าทางอารมณ์ดียิ่ง
“หึ คราวนี้อู๋อ๋องถึงกลับ รับกระบี่แทนเชียวหรือ ชานเหลียน” ร่างเล็กของคนผู้นั้นเอ่ยถามกับชายชุดดำที่อยู่ข้างๆ
“ ขอรับท่าน ไป๋เซียน เห็นทีว่า เราจะหา “จุดอ่อน” ของศัตรูพบแล้ว” ร่างสูงนามว่า ชานเหลียน บอกกับผู้เป็นนาย
“ ดีมาก ฮ่าๆๆๆ อีกไม่นาน อีกไม่นาน ข้าจะแก้แค้สำเร็จ อู๋อ๋อง จะต้องตายอย่างทรมานที่สุด ให้สมกับที่มันทำกับครอบครัวข้า
” ร่างนั้นบอกอย่างหมายมาด ดวงตาวาวโรจน์ฉายแววเคียดแค้น มือบางบีบถ้วยชาในมือจนละเอียด ก่อนจะปล่อยเศษกระเบื้องร่วงลงบนพื้นอย่างไม่ใยดี
อู๋อ๋อง ต้องสูญเสียทุกอย่าง เหมือนที่เขาสูญเสีย โดยเฉพาะ “หัวใจ” หัวใจมังกร ดวงนั้นจะทำให้อู๋อ๋อง ตายอย่างทุกข์ทรมาน .................TBC...............

อ๋องน้อยจำได้แล้ว ถึงจะจำได้แค่ พุทราก็เถอะ ฮ่าๆๆ
เปิดตัว ตัวร้าย ตัวใหม่ ท่านไป๋เซียน และ ชานเหลียน
สองคนนี้ มาไม่หวังดีแน่นอนอ ครุๆๆๆ