● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 5 – Good Night, Sleep Tight
มันเป็นเพราะกิจกรรมกลุ่มในคืนหนึ่งเมื่อราวสองเดือนก่อนทีเดียวเชียว!
“ตายละ ครีม ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
วัสสานะพี่สาวคนโตหัวเราะลั่นบ้าน ขณะที่สิสิรผู้เป็นลูกคนกลางซึ่งปกติไม่ใช่พวกเปี่ยมอารมณ์ขันนักกำลังกลั้นยิ้มเต็มที่ ข้างกันนั้นคือเด็กหนุ่มผมทองตาตี่ แม้ระดับความมั่นใจในสีหน้าจะลดลงกว่าที่เคยเป็นอยู่นิดหน่อยก็ยังพยายามเก๊กหล่อด้วยผมทรงต้นมะพร้าวกับยางรัดผมรูปสตรอเบอร์รี่สีแดงอันใหญ่ หน้าผากเปิดเหม่งโชว์แบบที่ป๊าเขามักชมว่าโหงวเฮ้งดี บนแก้มมีหนวดแมวข้างละสามขีดลากไว้ด้วยสีแดงสด ลิปสติกหลักฐานยังถูกคีบอยู่ระหว่างนิ้วมือเจ้ใหญ่ผู้กุมอำนาจสูงสุดในบ้าน
สิสิรกดดูรูปย้อนหลังจากกล้องคอมแพคในมือซึ่งเธอเพิ่งรัวชัตเตอร์ไปชุดหนึ่งเมื่อครู่ แล้วรอยยิ้มก็ฉีกกว้างขึ้นอีกนิด ก่อนจะยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพน้องชายคนเล็กเพิ่มหนึ่งแชะ
“ถ่ายพอยังเจ้ เอาลายเซ็นด้วยเลยไหม?” เด็กหนุ่มยักคิ้ว หยิบบิสกิตยัดปากหมาอ้วนที่นอนเอาคางพาดไว้กับตักเขา นั่งมองมันเคี้ยวหงับ ๆ อย่างเกียจคร้าน พยายามลืมเรื่องร่องรอยบนใบหน้าจากฝีมือพี่สาวสุดรักผลลัพธ์จากการเล่นไพ่แพ้ แต่เขาก็ไม่ได้เพลี่ยงพล้ำอยู่ฝ่ายเดียวหรอกน่า
พี่สาวทั้งสองก็ถูกละเลงลิปสติกเต็มหน้าเหมือนกันเหอะ! ฉลองอิ่มพุง เล่นไพ่อิ่มใจ สามคนพี่น้องมักหาวันที่ว่างร่วมกันทำอะไรประหลาดเช่นนี้เสมอเพื่อจัดอาหารมื้อใหญ่ กินเล่นกันอย่างไม่มีเทศกาลอะไรพิเศษ ในเมื่ออยู่กันสามคนก็ต้องรักกัน ป๊าเคยว่าเอาไว้อย่างนั้น และพวกเขาก็มีวิธีแสดงความรักประมาณนี้
“นี่อย่าเพิ่งเช็ดออกสิ”
“พอแล้ว เดี๋ยวหน้าเป็นสิวหมดหล่อพอดี”
“อีกรูปซิ ที่ระลึก”
ไม่ทันแล้ว เขาเอากระดาษทิชชู่ชุบน้ำปาดรอยลิปสติกรูปหนวดแมวบนหน้าออก หยิบมือถือขึ้นมาเปิดกล้องหน้าใช้แทนกระจกดูว่าลบหมดหรือยัง เห็นว่าเหลือเพียงแต่รอยแดงจาง ๆ ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เดี๋ยวค่อยไปล้างให้สะอาดอีกที
“เจ้ ขอยืมยางรัดผมแบบนี้อีกอันดิ” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นชี้รูปสตรอเบอร์รี่อันใหญ่บนศีรษะตัวเอง ซึ่งสิสิรก็หยิบให้แต่โดยดี ไม่ได้ถามไถ่ว่าจะเอาไปทำอะไร แต่พอเห็นแล้วว่าเขาเอามารัดขนบนโคนหูไอ้ดุ๊กดิ๊กไว้หลวม ๆ เจ้าหล่อนก็แหวใส่ทันที
“ไอ้คิม! เอายางรัดผมเจ้ไปใช้กับหมาเหรอยะ!”
“น่า ๆ แบ่งกันใช้ นี่เพิ่งจับมันอาบน้ำ ตัวหอมกว่าเจ้อีก”
“ปากมอม!”
“ถ่ายรูปให้หน่อย” เขาไม่สนใจเถียงต่อ โทรศัพท์มือถือในมือถูกยื่นมาให้สิสิรซึ่งกำลังมองมันด้วยสายตาว่างเปล่า
“กับหมาเนี่ยนะ”
วัสสานะพยักพเยิดเป็นเชิงบอกว่าปล่อยเจ้าของหมามันบ้าไปเถอะ“เฮ่อ...ปัญญาอ่อน”
เธอรับมือถือมา หันเลนส์กล้องไปทางเด็กหนุ่มในทรงผมประหลาดและสตรอเบอร์รี่สีแดงสดอันโตบนศีรษะแบบเดียวกันกับที่อยู่บนหูหมารัก ไอ้ดุ๊กดิ๊กอิดออดโก่งค่าตัวพอเป็นพิธีตอนที่ผู้เป็นนายพยายามดึงให้มันลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะระริกระรี้พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งทุกประการเมื่อได้บิสกิตไปอีกหนึ่งชิ้น สิ่งมีชีวิตผม(ขน)ทองสองคน(ตัว)เอาหน้าแนบกันแล้วฉีกยิ้มกว้าง สตรอเบอร์รี่สองลูกบนศีรษะแดงเด่นอยู่ในเฟรม
“เพื่อนที่โรงเรียนรู้ไหมเนี่ยว่าเป็นแบบนี้” เธอบ่นงึมงำแล้วก็..
แชะ!สิสิรก้มลงมองผลงานในมือ ก่อนที่วัสสานะจะยื่นหน้าเปื้อนลิปสติกเป็นลายแผลเย็บเต็มแก้มและหน้าผากมาดูด้วย พอเห็นภาพบนหน้าจอเข้าก็หัวเราะออกมาเสียลั่น “ฮ่า ๆ ๆ รูปนี้ใช้พิสูจน์รักแท้ได้เลยนะ!”
“พิสูจน์รักแท้อะไรเจ้ใหญ่” คิมหันต์เบะปาก เอานิ้วก้อยทำท่าแคะขี้มูกเกรียน ๆ “ระดับผมไม่ต้องพิสูจน์หรอก ถ้าได้ลองจีบขี้คร้านจะมีแต่สาวรักสาวหลง”
วัสสานะมองสภาพน้องชายแล้วถึงกับส่ายหน้าพลางส่งสายตาเวทนาทีเล่นทีจริง “เชื่อเจ้ จีบใครอยู่เอารูปนี้ไปให้ดู ถ้าเขาทนนายได้จงขอคนนั้นแต่งงานซะ”
“เลิฟมี เลิฟมายด็อก” เด็กหนุ่มยักไหล่ พูดอะไรซึ่งไม่ค่อยเกี่ยวกับบทสนทนานัก เอามือถือเก็บเข้ากระเป๋าแล้วลุกหนีไปล้างหน้า เห็นประตูห้องน้ำบ้านตัวเองทีไรก็ยังอดนึกประหลาดใจไม่ได้ว่าทำไมจึงต้องติดหูโลหะเอาไว้สำหรับคล้องแม่กุญแจด้านหน้าด้วย เอาไว้ขังใครในนั้นหรืออย่างไร เรื่องนั้นคงต้องถามอาของเขาซึ่งเคยอยู่บ้านหลังนี้มาก่อน
“เขาจะเลิฟหมา แต่เลิฟนายไม่ลงน่ะสิ!” หญิงสาวสวนกลับกลั้วหัวเราะขณะที่คิมหันต์โบกมือโบกไม้เป็นเชิงบอกว่าเขาสนเรื่องนั้นที่ไหนกัน แถมยังมีรับมุกกลับมาท่าทางสนุกสนานอีกต่างหาก
“ไว้เจอคนบอกชอบรูปนี้เมื่อไหร่จะรีบขอแต่งงานเลย”
“จ้ะ พ่อคนหล่อ!” เธอประชด แม้เขาจะมีส่วนที่หล่อจริงอยู่บ้างนิดหน่อย “แล้วเจ้จะรอดู”
หลังจากนั้นรูปถ่ายที่ว่าก็นอนสงบอยู่ในมือถือของเด็กหนุ่มมาเนิ่นนาน ไม่มีใครบอกว่าชอบรูปนั้นเพราะยังไม่มีใครได้เห็นแม้แต่ปิ่นหยกเพื่อนรัก(เขาไม่หวง..แต่มันไม่ดูแล้วยังด่ากลับมาอีกว่าเสียเวลา) เวลาผ่านไปจนเขาเกือบลืมรูปนั้ันไปแล้ว
จนกระทั่งไอ้หมาบ้าฉกมันออกไปจากเครื่องต่อหน้าต่อตานี่เอง...........................................................
..............................
.
.
.
.
“เลว มารยาทไม่มี สมบัติผู้ดีไม่ปรากฏ”
“อย่าบังทีวี”
“กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา น้ำตาเช็ดหัวเข่า” อืม...อันนี่ไม่เกี่ยว
“ว่างท่องสุภาษิตไทยก็ไปหาอะไรมาให้แขกกินไป”
ร่างโปร่งของเด็กหนุ่มกอดอกหันหน้าเขาหาคนพูด ยืนบังโทรทัศน์เต็มจอ “ผมไม่นับหมาบ้าเป็นแขก” ก่อนจะดึงรีโมทมาปิดโทรทัศน์ฉับ ไม่ได้ละสายตาจากอีกฝ่ายที่เลิกคิ้วขึ้นมาข้างหนึ่งขณะที่นั่งกางแข้งกางขาบนโซฟาตัวโปรดของเขาแม้แต่น้อย “และพี่กำลังแย่งที่ประจำผม”
ชายหนุ่มโคลงศีรษะพร้อมกับยักไหล่ เอามือตบหน้าขาตัวเองแปะ ๆ “อยากนั่งก็นั่งมา”
คิมหันต์กระตุกมุมปาก “ป๊าสอนไม่ให้นั่งทับหมา”
คำก็หมา...สองคำก็หมาบ้า...ไอ้เด็กคิมนี่คงกวนประสาทคนเป็นงานอดิเรก สามภพยกคางขึ้นเล็กน้อย ยกมือขึ้นกอดอกบ้างขณะรอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ
“และผมเห็นด้วยกับป๊านะ” เด็กหนุ่มว่า ปากยังเจื้อยแจ้วต่อทว่าถอยห่างออกไปพ้นระยะหมัดเล็กน้อย ใครจะรู้ว่าเขาอาจไม่โชคดีก้มหลบทันอย่างครั้งก่อน “เพราะถ้าพี่ร้องเอ๋งมันจะดูน่าสงสาร”
ครั้งนี้เขาไม่ได้โชคดีนัก สามภพแขนยาวกว่าที่คิด “เคยโดนหมาฟัดไหมล่ะ..?”
คิมหันต์โดนเหวี่ยงลงไปกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บน
’ที่นั่งประจำ’ ของตัวเองก่อนชายหนุ่มซึ่งกระชากเขาลงมาจะพูดประโยคนั้นจบเสียอีก ตกใจแทบแย่แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรก เขาควรทำตัวให้ชินและหาทางหนีทีไล่ เพราะจะให้หยุดก่อกวนคนที่เขาหมั่นไส้อย่างสุดซึ้งเช่นมนุษย์หมาบ้า ผู้กำลังเอาแขนสองข้างค้ำกับพนักพิงของโซฟาเพื่อกักเขาไว้ในพื้นที่จำกัดเพิ่มแรงกดดันนั้นช่างเป็นไปได้ยากจริง ๆ ใบหน้าคมคายเลื่อนลงมาใกล้ รอยยิ้มไม่สนใจโลกยังวาดอยู่บนริมฝีปากเช่นเคย และเสียงที่ใช้ก็สร้างความตึงเครียดในพื้นที่แคบ ๆ ระหว่างแขนทั้งสองข้างของเจ้าตัวได้ดีทีเดียว
“ตอนนั้นค่อยพูดใหม่ว่าใครกันแน่จะร้องเอ๋ง”
“.......”
ในระยะใกล้ขนาดนี้ สามภพรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เด็กนั่นไม่ได้หลบตาอย่างที่คาดตรงกันข้าม นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของเด็กหนุ่มซึ่งจ้องตรงกลับมาที่เขาไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความหวั่นไหว หรืออย่างน้อยถ้ามีมันก็ถูกซ่อนไว้อย่างดี และในส่วนนั้นสามภพยอมรับว่าเขาค่อนข้าง.....ถูกใจ
“ก็ลองดู” สีหน้าเย้ยหยันของคิมหันต์กลับมาอีกครั้ง ละลายความรู้สึกถูกใจเมื่อครู่ของเขาหายเกลี้ยงเปลี่ยนเป็นอยากตบหัวเด็กเกรียนแทน “ปล่อยดิ๊!” คำสั่งน่าเตะตามมาอีกหนึ่ง “ไม่งั้นก็ไม่ต้องกินข้าวเย็น”
คิมหันต์กระโจนแผล็วออกจากโซฟาวิ่งปรู๊ดหายเข้าไปทางห้องครัวทันทีที่เขายกแขนออกข้างหนึ่ง ไวเป็นลิง แต่อย่างว่า..ถ้าใครสักคนเกิดมาด้วยร่างกายซึ่งไม่เหมาะกับการต่อยตีนัก มันก็เป็นเรื่องฉลาดที่จะหัดเคลื่อนไหวให้ไวอย่าได้ตกเป็นเป้านิ่ง
“อยากกินเพ็ดดีกรีหรืออัลโปล่ะ!?” ได้ยินเสียงตะโกนกลับมาเมื่อมองไม่เห็นร่างเจ้าของเสียงแล้ว
ชายหนุ่มกลอกตา บางทีเขาน่าจะต่อยมันสลบตั้งแต่หน้าบ้าน .
.
.
.
.
คิมหันต์เดินวนอยู่ในครัว ชะเง้อมองออกไปยังโซฟาซึ่งถูกยึดไปแล้ว ท่าทางจะไล่สิ่งมีชีวิตแปลกปลอมออกจากบ้านไม่ได้จริง ๆ ยอมรับก็ได้ว่าเขาเองอาจเริ่มเล่นหนักมือไปหน่อยด้วยการปล่อยยางรถอีกฝ่ายแถมยังโทรเรียกตำรวจ แต่ก็อุตส่าห์ยอมเสียหน้าตั้งขนาดนั้นแล้วมันก็ควรจะกลับบ้านกลับช่องได้สักทีหรือเปล่า ไม่ใช่มาตามรังควาญกระดิกนิ้วเท้าในบ้านคนอื่นแล้วไล่เจ้าบ้านไปหาของกินมาเซ่น
เอาเถอะ ถึงเขี่ยออกไปไม่ได้ ก็น่าจะทำให้สงบได้...ใช่ไหม?
แทนที่จะไปรื้อตู้เย็นหรือตู้กับข้าว คิมหันต์หมุนตัว เดินตรงไปยังห้องเก็บของที่วัสสานะผู้เป็นพี่สาวมักเก็บยาส่วนหนึ่งจากร้านเอาไว้ในนั้น มีพี่สาวเป็นเภสัชกรก็ไม่เลวนักหรอก เด็กหนุ่มก้าวขาเข้าไป ผ่านลังกระดาษสีน้ำตาลและขวดยาพลาสติกมากมายที่ซ้อนกันเป็นระเบียบเรียบร้อยจนมาหยุดอยู่ตรงมุมห้อง เขย่งบนปลายเท้ามองหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ
มันควรจะอยู่แถว ๆ นี้คิมหันต์คลี่ยิ้มพึงใจเมื่อพบของที่ตามหา หยิบกระปุกยาขึ้นมาไว้ในมือ เขย่าเบา ๆ แล้วฟังเสียงเม็ดยากระทบแกรกกรากอยู่ข้างใน
‘Diazepam (2mg)’เด็กหนุ่มอ่านฉลากยาให้ละเอียดอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นตัวเดียวกับที่เขาต้องการ รู้สึกผิดนิดหน่อยที่ราวกับกำลังกำลังพยายามมอมยาคนอื่น แต่ความคิดนั้นก็หายไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะแว่วมาจากหน้าโทรทัศน์ซึ่งตรงนั้นควรเป็นที่ของเขา ไม่รู้ดูอะไรตลกนักหนา
ส่วนเรื่องนอกเหนือจากนี้ไม่มีอะไรมาก เขาต้องการแค่ไข่เจียว ข้าวสวยร้อน ๆ และน้ำส้มสักแก้ว
แล้วหลังจากนั้นก็หลับฝันดีไปซะนะไอ้พี่ภพเด็กหนุ่มบี้เม็ดยาจนแหลกเป็นผงละเอียด นอกจากหวังให้มันละลายได้ดีแล้วยังเลยไปถึงเหตุผลเรื่องถ้าโดนเจอค้างอยู่เป็นเม็ดเข้าเดี๋ยวจะงานงอก จ้องมองมันกลายเป็นเนื้อเดียวกับน้ำส้มซึ่งเทจากกล่อง ฮัมเพลงเปิดโดราเอม่อนขณะเอาช้อนลงไปแกว่งกระทบขอบแก้วเสียงก๊องแก๊งแทรกความเงียบของห้องครัว
แค่เม็ดเดียวไม่น่าเป็นอะไรมั้ง
เขาลอบมองแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มที่นั่งพิงโซฟา จากตรงนี้พอจ้องชัด ๆ จึงได้รู้สึกว่าแขกไม่ได้รับเชิญดูตัวใหญ่ทีเดียว ความคิดว่า
‘เม็ดเดียวไม่น่าเป็นอะไร’ เริ่มเปลี่ยนเป็น
‘เม็ดเดียวจะพอไหม?’ มือหยิบยาเม็ดที่สองขึ้นมาจ่ออยู่ตรงปากแก้วพร้อมกับสีหน้าครุ่นคิด ลังเลว่าควรใส่ลงไปอีกดีหรือเปล่า..เพื่อความปลอดภัย(ของเขา)คืนนี้ เม็ดเดียวแค่สองมิลลิกรัม เจ้ใหญ่เคยขยิบตากับเขาแล้วบอกว่า
‘ไม่เท่าไหร่’ เกิดแค่นี้ไม่พอแล้วไอ้พี่ภพคลั่งลุกขึ้นมาอาละวาดซ้อมเขาตายคาบ้านตัวเองระหว่างที่อยู่คนเดียวจะทำอย่างไร..เอาไงดีวะคิมหันต์??
เด็กหนุ่มค้างอยู่ท่านั้นเนิ่นนาน...จนกระทั่งมีเสียงกระตุ้นดังมาจากโซฟา
“ครีม เสร็จยัง หิว”
สติขาดผึง ความลังเลอันตรธานวูบ ขอบคุณที่ช่วยเร่งปฏิกิริยาใส่อีกสองเม็ดแม่งเลย!*เด็กดีไม่ควรเอาเป็นตัวอย่างนะจ๊ะ.
.
.
.
.
สามภพมองอาหารบนโต๊ะ ไข่เจียวสีเหลืองนวลดูฟูฟ่องน่ากิน ข้างกันนั้นมีข้าวสวยร้อนควันลอยฉุยอยู่เหนือจาน และน้ำส้มที่มีเกล็ดส้มลอยอยู่ในนั้นด้วยก็ดูจะช่วยให้เจริญอาหารดี
“มีแค่นี้หรือ?”
“จะเอาอะไรเยอะแยะ” คิมหันต์ผลักไสน้ำส้มแก้วหนึ่งไปทางชายหนุ่มอย่างเฉพาะเจาะจง จะเอามาแค่แก้วเดียวก็ดูน่าสงสัยเกินไปเขาเลยเทส่วนของตัวเองมาอีกแก้ว ซึ่งแน่นอนว่าแก้วเขาไม่ได้ใส่อะไรแปลกปลอมลงไป “ไม่คิดว่าจะมีใครมาเกาะกิน”
“นี่อะไร” สามภพเลิกคิ้ว
“น้ำส้ม โง่นี่” ตอบเสร็จก็ก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปาก
ชายหนุ่มพยายามอย่างยิ่งเพื่อจะไม่เผลอโบกไอ้เด็กกวนประสาทตรงหน้าหัวทิ่มลงจานข้าว เขารู้แล้วว่าเป็นน้ำส้ม ที่สงสัยคือท่าทางซึ่งเขาไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือเปล่าของอีกฝ่ายที่ดูจงใจส่งมันมาให้เขาต่างหาก
“แลกแก้วกัน”
"..." ช้อนค้างอยู่ที่ริมฝีปาก คิมหันต์เงยหน้าขึ้นมาส่งสายตา(ที่พยายามจะ)ว่างเปล่า บังคับตัวเองให้เอ่ยถามออกไปเสียงเรียบ “แลกทำไม”
“พี่อยากกินแก้วนั้น”
“ผมถุยน้ำลายลงไปแล้ว”
“งั้นแกกินแก้วนี้ให้พี่ดู” สามภพเลื่อนแก้วกลับไป และโดนดันกลับมาพร้อมสีหน้ารังเกียจ
“ไม่เอา” เด็กหนุ่มเบะปากทำท่าขนลุก “เดี๋ยวติดเชื้อบ้า”
“เดี๋ยวกูโบก”
“...”
“ถ้าบริสุทธิ์ใจก็กินสิ”
“.......”
ชายหนุ่มหรี่ตา จ้องมองอีกฝ่ายเขม็งราวกับจะใช้สายตาทิ่มแทงให้ทะลุ “หรือว่าใส่อะไรไว้?”
เด็กหนุ่มแสร้งส่ายหน้าหน่ายใจ ทำเหมือนไม่ใช่ตัวเองที่เพิ่งหย่อนยากล่อมประสาทซึ่งมีฤทธิ์ให้ง่วงหลับลงไปถึงสี่เม็ด “พี่ดูหนังมากเกินไปแล้ว”
“เอ้า..กิน”
คิมหันต์จ้องมองรอยยิ้มบนริมฝีปากชายหนุ่มอย่างขัดใจ แต่การลนลานปฏิเสธรังแต่จะยิ่งทำให้ดูมีพิรุธ เขาหยิบแก้วน้ำส้มตรงหน้าขึ้นมา ยักคิ้วเป็นเชิงว่าอีกฝ่ายคิดเพ้อเจ้อไปเองทั้งนั้นก่อนจะยกมันขึ้นจนขอบแก้วจรดริมฝีปาก กลืนน้ำลายทำท่าทางเหมือนกำลังจิบ ครู่หนึ่งก็วางมันกลับที่เดิม
สามภพยื่นหน้ามาดู “ไม่พร่องเลยวะ”
คิมหันต์ขมวดคิ้ว น่าจะรู้ว่าวิธีนี้ดูโง่เกินไป “กินแต่น้ำเดี๋ยวกินข้าวไม่ลงกันพอดี” เขาเถียง
“มานี่ พี่ป้อน”
เด็กหนุ่มปรายตาเหยียด ๆ แม้ส่วนสูงไม่เอื้อนัก “ปัญญาอ่อน โตเป็นควายใครเขาป้อนกัน”
“ปากดี” ถึงตอนนี้สามภพมั่นใจแล้วว่ามีอะไรสักอย่างในแก้วนั้นแน่นอน มุกนี้ใช่ว่าเขาไม่เคยเจอเพราะพวกผู้หญิงที่ผ่านมาบางทีก็ร้ายกว่าที่คิด และหากตั้งใจจะใช้วิธีนี้กับเขาคงต้องบอกว่าพลาดแล้ว “กินเข้าไป ก่อนพี่จะทำให้ปากนั่นใช้กินอะไรไม่ได้อีก”
คิมหันต์กำลังจะลุกหนีและเกือบทำได้สำเร็จ ซึ่งคำว่า
‘เกือบ’ มักไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นนอกจากเพิ่มความหงุดหงิดปนเสียดายเท่านั้น ก้มลงมองข้อมือตัวเองก็พบว่าโดนมือใหญ่ของอีกฝ่ายบีบไว้แน่นเป็นที่เรียบร้อย เขาจ้องหน้าชายหนุ่มตาแทบถลน สามภพเข้าใจบ้างไหมว่านี่บ้านเขานะเนี่ย!
ยังไม่ทันได้รวบรวมสติพูดอะไรออกไป แก้วน้ำส้มเจ้าปัญหาก็ถูกดันมาจ่ออยู่ที่ปากพร้อมคำสั่งน่าขนลุก
“ดื่มครับน้องครีม”เขาชิงรับแก้วไว้ในมือเพื่อเป็นการบอกอ้อม ๆ ว่าหยุดดันเข้ามาได้แล้ว และทันทีที่มือข้างนั้นของสามภพว่าง เจ้าของมือก็ย้ายมันมาล็อคแน่นราวกับมีคีมเหล็กบีบอยู่ที่ขากรรไกรล่างเขาทันที
“หมดแก้ว" ชายหนุ่มกระซิบเสียงทุ้ม ขยิบตาให้เขาหนึ่งครั้ง ส่งคลื่นความกดดันลึกลับบีบเค้นรอบตัวจนอึดอัดไปหมดพร้อมรอยยิ้มชวนเสียวสันหลังบนใบหน้าคมคาย สุ้มเสียงเย็นย้ำอีกครั้งเพื่อยืนยันกับเขาว่าจะไม่ยอมปล่อยให้มีโอกาสได้อิดออด
"เชียร์ส”"......"
คิมหันต์จ้องตาอีกฝ่าย ปฏิญาณอยู่ในใจว่าไม่จบแค่นี้แน่
ก่อนจะยกแก้วน้ำส้มผสมยากล่อมประสาทขึ้นกระดกรวดเดียวหมด “มีอะไรที่ไหน พี่แม่งทำเป็นสะดิ้งวิตกจริต” เด็กหนุ่มยักไหล่ สะบัดหน้าตัวเองหลุดจากมือแกร่งแล้ววางแก้วลงบนโต๊ะ ปริมาณยาที่เข้าร่างกายรวมทั้งสิ้นแปดมิลลิกรัมถ้วน
และเหลือเวลาก่อนยาจะเริ่มออกฤทธิ์ราวครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง.
.
.
.
ไม่มีเวลาชื่นชมความอร่อยของไข่เจียวฝีมือตัวเองที่นานครั้งจะทอดให้ฟูได้อย่างนี้สักที เด็กหนุ่มรีบยัดเอา ๆ พลางคงสติตั้งมั่น รอดูว่าจะเริ่มง่วงขึ้นมาเมื่อไร วิตกขึ้นมาเล็กน้อยกับความจริงที่ว่ายาซึ่งเพิ่งกลืนลงท้องไปนอกจากทำให้ง่วงแล้วยังอาจทำเขาเบลอจนคิดอะไรไม่ออกด้วย
สี่เม็ด...บ้าไปแล้ว ถ้าหลับแล้วไม่ฟื้นจะทำไงวะสามภพหันมองเด็กหนุ่มที่ตักข้าวเข้าปากด้วยท่าทางเหมือนแค้นเคืองกับพวกมันมานาน ไม่เห็นมีอาการเปลี่ยนแปลงอะไรจากปกติ เป็นไปได้ไหมว่าเขาแค่คิดมากไปเองอย่างที่อีกฝ่ายว่า ความจริงแล้วแก้วนั้นอาจไม่มีอะไร...หรือไม่ก็สิ่งที่ผสมเอาไว้ยังไม่ออกฤทธิ์ ซึ่งเดี๋ยวก็รู้
“พี่จะไปอาบน้ำ”
บางทีอาจหลังเขาอาบน้ำเสร็จ
“ทางโน้น” คิมหันต์พยักพเยิดเซ็ง ๆ เหมือนตาจะเริ่มปรืออยู่นิดหน่อยซึ่งได้แยกได้ค่อนข้างยากกับตาตี่ธรรมชาติ
ชายหนุ่มเดินตรงไปตามที่อีกฝ่ายบอก รื้อกระเป๋าใบเดิมซึ่งปกติเขาเอาติดรถไว้เสมอเผื่อทำงานบ้านเพื่อนบ้างไปค้างที่อื่นกะทันหันบ้าง ในนั้นมีผ้าขนหนู เสื้อผ้าสองชุด และของใช้จำเป็นอีกนิดหน่อย ถอดเสื้อถอดผ้ามันข้างนอกเหลือแค่ผ้าขนหูพันเอวไว้แล้วก็หายเข้าไปในห้องน้ำ
เด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าบ้านหันไปมองตามเมื่อได้ยินเสียงปิดประตู สังเกตเห็นอะไรบางอย่างบนประตูซึ่งสามภพเพิ่งหายเข้าไป และนั่นอาจเรียกได้ว่าเป็นทางรอดตลอดจนทางแก้เผ็ดสำหรับเขาในเวลาเดียวกัน
หูโลหะไว้สำหรับคล้องแม่กุญแจที่เขาเคยสงสัยเสมอว่าจะมีไปทำไมคิมหันต์หาวออกมาหนึ่งครั้งก่อนจะลุกขึ้นเดินและพยายามไม่เซ หยิบแม่กุญแจตัวใหญ่ขึ้นมาจากที่แขวน คงฝีเท้าเงียบเชียบขณะที่เดินไปหยุดอยู่หน้าประตู คล้องแม่กุญแจเอาไว้กับหูนั้นเบามือแล้วหัวเราะกับตัวเองออกมา ไม่คิดสงสัยอีกแล้วว่าทำไมต้องมีสิ่งนี้หน้าห้องน้ำ
บางทีมันอาจมีไว้ขังหมาบ้าเสียง
...ซ่าาาาาาา...จากด้านในเงียบลงไป เดาว่าอีกฝ่ายคงเริ่มรู้ตัว...ซึ่งช้าเกินการ
“หึ ๆ”
และไอ้
‘กริ๊ก’ ตอนเขาดึงลูกกุญแจออกก็ช่างไพเราะรื่นหูจริง ๆ
ไม่ถึงอึดใจ ลูกบิดประตูก็ถูกหมุนแล้วกระชากเปิดจากข้างใน...แน่นอนว่าทำได้ที่ไหนในเมื่อแม่กุญแจตัวใหญ่ยังคล้องอยู่ตรงนี้ ประตูกระแทกกับกรอบกึงกังอยู่สามสี่ครั้งก่อนชื่อเขาจะตามมาดังคาด
“คิม!”
...เงียบ...“คิม!!”คิมหันต์นั่งพิงประตู อยากส่งวาจาถากถางสักหน่อยแต่สมองมีเพียงความว่างเปล่าขาวโพลน ตาปรือลืมแทบไม่ขึ้น ศีรษะโงนเงนไปมาครู่เดียวกล้ามเนื้อที่พยุงต้นคอและแผ่นหลังไว้ก็คลายตัวลงช้า ๆ เมื่อเจ้าของร่างย่างเท้าเข้าสู่ดินแดนนิทราพร้อมกับความสะใจ และความคิดที่ว่าเขาจะได้ตื่นอีกทีเมื่อไหร่กัน?
“คิมหันต์!!!”เด็กหนุ่มไถลลงไปนอนหมดท่าอยู่บนพื้น กุญแจในมือร่วงลงมาส่งเสียงกระทบกับหินอ่อนเย็นเฉียบข้ามฝั่งไปถึงหูชายหนุ่มผู้ถูกขังอยู่ในห้องน้ำ ก่อนจะตามมาด้วยอะไรบางอย่างซึ่งสามภพไม่รู้สึกอยากได้ยินตอนนี้
“.....ฟรี้........”“..เชี่ยแล้ว”ชายหนุ่มเอาหูแนบประตู ได้ยินเสียงกรนเหมือนกะลาสีขี้เมาจากอีกฝั่ง และเขารู้แล้วว่าคิมหันต์ใส่อะไรลงไปในแก้วน้ำส้ม
“อย่าเพิ่งหลับนะเว้ย!!!!!!!”-หมดยกที่ 5-
===========================
เหนื่อยแทนอีคู่นี้ (ฮา) อยากหวานต้องทนนิดนะคะ

สองคนนี้ยังเจอกันอย่างเป็นทางการไม่ถึงวันเลยค่ะ(กัดกันยาวนานเหลือเกิน 555)
*Diazepam (ไดอะซีแพม) เป็นยาที่มีฤทธิ์กล่อมประสาท มีที่ใช้หลายอย่าง เช่นคลายกังวล นอนไม่หลับ คลายกล้ามเนื้อ เหนี่ยวนำการสลบ กันชัก ฯลฯขอบคุณทุกคอมเม้นต์ พบกันยกหน้า มีของแถมรีพลายถัดไปค่ะ ^^