● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 3 – เจ้าชายผมทองบนหอคอยชั้นสอง
รถแอร์เสีย...โอ้แม่เจ้า!
คิมหันต์หมดอารมณ์เจริญสัมพันธไมตรีหรือแม้แต่จะหาเรื่องยียวนกวนประสาทมนุษย์ที่นั่งหน้าถมึงทึงอยู่หลังพวงมาลัย สายตาสามภพเหมือนพร้อมพุ่งเข้าฟัดท้ายรถกระบะคันหน้าซึ่งจอดติดไฟแดงเดิมด้วยกันมาสองรอบแล้ว หากรอบที่สามนี้เจ้าตัวยังไม่สามารถพารถแอร์ดับหลุดออกจากสี่แยกนรกได้
สี่แยกนรก..ไม่ได้เป็นคำเปรียบเทียบเกินเลยจากความจริงแม้แต่น้อย
เด็กหนุ่มพยายามถือว่านี่เป็นการเตรียมความพร้อมเผื่อตายไปลงนรกอาจโดนจับเคี่ยวในกระทะทองแดงโทษฐานชีวิตนี้พ่นวาจามุสาไปก็ไม่น้อย แต่หลังจากตั้งอกตั้งใจปลุกระดมความคิดด้านบวกในช่วงระยะเวลาที่รถเคลื่อนตัวได้ราวสองฟุตกลางสี่แยกไฟแดงก่อนจะจอดสนิท ก็พบว่าแนวคิดโลกสวยเช่นนั้นไม่ใช่ทางดับทุกข์ที่เข้าท่านัก
“ร้อนบรรลัยเลย!” เขาบ่น และได้รับสายตาอย่างกับอยากเอาเขี้ยวเฉาะผู้ร่วมทางหัวแบะส่งกลับมา โด่เอ๊ย...กลัวฉิบหายแล้วเฮีย “เป็น'ไร เมนส์ขาดเหรอพี่ ตรวจตั้งครรภ์มั่งนะ”
สามภพเอื้อมมือมาลดระดับเสียงเพลงอัลเทอร์เนทีฟร็อคจังหวะสะเทือนไตในรถให้สงบลง เสียงดังมาก ๆ ผนวกกับอากาศร้อนและไอ้ตี๋หัวทองซึ่งบ่นลิ้นห้อยสลับกับปากหมาเป็นระยะอยู่บนที่นั่งข้างคนขับกำลังทำเขาประสาทเสีย ทว่าพอละมือออกจากปุ่มปรับระดับเสียง มือผู้โดยสารกิตติมศักดิ์ก็เคลื่อนมาปรับให้มันดังเหมือนเดิม
“ลินคินพาร์ค ผมชอบ”
“ไม่ได้ถาม” ชายหนุ่มขมวดคิ้วแทบผูกเป็นโบว์อยู่กลางหน้าผาก มือซ้ายเอื้อมไปปิดเพลงฉับแล้วควานหาแว่นกันแดดในช่องใส่ของซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขาขึ้นมาสวม ขณะที่อีกฝ่ายเหวอไปนิดหน่อยแต่ยังรักษามาดได้ไม่เลวนัก
“ผมใจบุญ รักเสียงเพลง หน้าตาดี ไม่ถามก็ตอบ ไม่ขอก็ให้ได้” คิมหันต์ยักคิ้วแล้วนั่งเอนตัวพิงเบาะ ยกหลังมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าผากพลางกระพือคอเสื้อพั่บ ๆ จะยื่นหน้าออกจากรถรับอากาศภายนอกก็กลัวเดี๋ยวแห้งกรอบเป็นกิมจิแดดเดียวเสียก่อนหมดหล่อกันพอดี “ความจริงพี่มีเรื่องอื่นที่อยากรู้ด้วยนี่?”
“แสนรู้”
เขาทำเมิน ๆ วลีสรรเสริญนั้นไป นิสัยสอดรู้สอดเห็นเริ่มทำงานขึ้นมาอีกแล้ว “พี่อันใช้มาใช่ปะ โดนสั่งว่าไงมั่งล่ะ หรือโดนแม่สาวงูพิษขู่อะไรมา”
“เสือก!”
“….”
คิมหันต์ทำหน้ายุ่ง เขาพล่ามไปตั้งยาวโดนด่าสวนกลับมาทีละคำ บ้าฉิบ หมดอารมณ์คุย “ไร้ประโยชน์” เขาบ่นน้ำเสียงเหม็นเบื่อเจือความหงุดหงิด คนแบบนี้ช่างยั่วไม่ขึ้น ชะเง้อข้างทางเห็นรถพ้นจากสี่แยกกระทะทองแดงมาได้แล้วควรแก่เวลาแยกย้ายเสียที เพราะเขาก็ไม่คิดบอกอะไรเรื่องเพื่อนรักตัวเองให้กับคนข้าง ๆ แถมอีกฝ่ายยังทำตัวเป็นท่อนซุงขับรถได้(และด่าออกมาเป็นคำ ๆ) ไม่มีท่าทีอยากรื้อค้นความลับอะไรให้น่าสนุกอย่างที่คิดสักนิด
“พี่เอารถไปซ่อมเหอะ ผมลงตรงแยกหน้านี่แหละ” เขาชี้ไปข้างทางเมื่อเห็นว่ามีที่ให้จอดได้ “เดี๋ยวผมหารถกลับเอง”
ท่อนซุงก็ยังเป็นท่อนซุง นอกจากขับรถกับพ่นคำทิ่มแทงออกมาทีละคำก็ดูเหมือนจะทำอย่างอื่นแม้กระทั่งหาที่จอดรถริมทางไม่เป็น
“เหวย..พี่!” คิมหันต์เริ่มเสียงดังขึ้นเมื่อรถพุ่งทะยานออกไปข้างหน้าพร้อมกับเข็มชี้มาตรวัดความเร็วซึ่งกระดิกสวนทางกับที่เขาต้องการให้เป็น “จอดดิ จะลงแล้ว!”
หูทวนลม...ลมร้อนเสียด้วย!
“นี่!”
“เรียกดี ๆ! รู้ชื่อแล้วไม่ใช่หรือ?”
ในที่สุดก็มาเป็นประโยคจนได้ แต่นั่นไม่น่าดีใจสักนิด อารมณ์ปรี๊ดทำเขาสวนด้วยรูปประโยคเดิมกลับไปทันควัน “จอดดี ๆ รู้ว่าเบรกอยู่ตรงไหนไม่ใช่หรื—
เฮ่ย!รถกระชากตัวแรงกว่าเก่าจนหลังลอยหวือไปติดเบาะ ร้อนทั้งจากอากาศและอารมณ์ ยกเว้นเสียงเย็นเยือกที่ส่งมาจากชายหนุ่มสารถีจำเป็น
"เรียกดี ๆ พี่ภพครับ และไม่ชอบเด็กกวนตีน โอเคนะครับ...” ราวกับมีรังสีอำมหิตที่มองไม่เห็นแผ่กระจายมาจิ้มจึ้ก ๆ อยู่บนผิวหนัง แต่นั่นยังไม่ชวนตกใจเท่าชื่อเล่นน่าอัปยศชัดถ้อยชัดคำซึ่งมีเพียงพี่สาวของเขาสองคนเรียกเวลาอยู่บ้าน
“....น้องครีม"เขาเผลอสะดุ้ง ร.เรือควบกล้ำชัดเจนชนิดครูภาษาไทยสมัยประถมมาได้ยินคงปลื้มปริ่มน้ำตาร่วง หลุดมาดไปหนึ่งวูบใหญ่เหมือนนักมวยเมาหมัด รู้ได้ไงวะ!? แม้แต่ปิ่นหยกเพื่อนรักก็ยังไม่เรียกแบบนี้แม้เจ้าตัวจะล่วงรู้ความลับนั้นอยู่เดิม (คงเห็นว่าเป็นการทำร้ายจิตใจเขามากเกินไป) เด็กหนุ่มเริ่มเดือดทว่ายังทำใจดีสู้เสือ เดอะโชว์มัสต์โกออน ตั้งตัวติดแล้วจึงส่งยิ้มเยาะมุมปากแล้วถามกลับไปเสียงเรียบ
"หมายถึงใคร!?"
"หมายถึงน้องครีมนั่นแหละ”
เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายหันมองเขาตรง ๆ ตั้งแต่ขึ้นรถ ทำหน้าอย่างนี้แล้วนัยน์ตาหลังกระจกสีชานั่นดุฉิบหาย สามภพส่งยิ้มแบบเดียวกันกลับมาทว่าคูณอารมณ์เย้ยหยันเป็นสองเท่า
“ชื่อครีมน่ารักดีนะ"
"ชื่อคิม!""อยู่บ้านพี่สาวเรียกครีมนี่?"
“.....” ถูกโจมตีกะทันหันเล็งตรงมาที่จุดอ่อนเช่นนี้ทำเด็กหนุ่มถึงกับเสียศูนย์ไปนิดหน่อย ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งคือสิสิรผู้เป็นพี่สาวและเป็นเพื่อนกับอันนา แม้เคยตกลงกันแล้วว่าจะไม่แพร่งพรายความลับนอกบ้านและเธอก็รักษาสัญญามาตลอด แต่ใครจะรู้ว่ามิตรภาพระหว่างเพื่อนสาวจะทำเธอขายน้องชายได้ลงคอหรือเปล่า
“กำลังสงสัยแล้วใช่ไหมว่ารู้ได้ยังไง?"
อยากตะโกนตอบว่า
‘ใช่โว้ย! เพราะงั้นคายออกมาเดี๋ยวนี้!’ ก็คงดูเสียหน้าไม่ใช่น้อย อะไรบางอย่างในน้ำเสียงนั้นทำให้คิมหันต์รู้สึกวิตกขึ้นมาเป็นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี บางทีมันอาจเป็นสิ่งที่เรียกว่า
'ลางสังหรณ์' "คิดว่าสังหรณ์ใจไม่ดีแล้วสินะ?"
เด็กหนุ่มใจหายวาบ อ่านใจได้หรือไงวะ ใจคอจะรู้ไปถึงขี้แมลงวันที่ไหล่ซ้ายเขาเลยไหมไอ้บ้านี่
"แล้วก็กำลังคิดว่าจะรู้ไปถึงตำแหน่งขี้แมลงวันบนไหล่ซ้ายเลยรึเปล่าเนี่ย...?"“....เชี่ย.....!” .
.
.
.
.
คิมหันต์ถูกนำตัวมาส่งถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ถ้าสวัสดิภาพหมายถึงอึ้งปนหงุดหงิดอยู่เล็ก ๆ และมีเม็ดเหงื่อชุ่มแผ่นหลังแต่ยังไม่โดนควักสมองไปทำวิจัย แม้สายตาจะเริ่มมองชายหนุ่มที่มาด้วยกันเป็นมนุษย์ต่างดาวเข้าไปทุกที หรือเขาโดนแทรกแซงฝังนาโนชิพอะไรสักอย่างเข้าหัวไปแล้วโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า
บ้าฉิบหาย..พล็อตหนังไซไฟผุดขึ้นเป็นฉาก ๆ
หลังจากคำสบถว่า
‘เชี่ย!’ เป็นการปิดท้ายแล้วก็ปราศจากบทสนทนาอื่นใดตามมาอีก สามภพขับรถตรงดิ่งมาถึงบ้านสองชั้นสีขาวอันเป็นที่ซุกหัวนอนของเขาชนิดไม่มีสับสนทางแยกทางเลี้ยวจนเชื่อได้เลยว่าต้องเคยมีครั้งก่อนหน้านี้มาแล้ว ..ว่าแต่เมื่อไร?
รถจอดสนิทหน้ารั้วบ้านแต่ยังไม่มีใครยอมก้าวขาลง คิมหันต์เหลือบตามองอีกฝ่ายซึ่งกำลังก้ม ๆ เงย ๆ หยิบอะไรสักอย่างในลิ้นชัก พยายามเพ่งกระแสจิตคิดคำก่นด่าซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว
ไอ้เวร ไอ้พี่ภพเฮงซวย ไอ้หน้าหมา ไอ้ปากเสีย วนลูปอีกครั้ง
ไอ้เวร ไอ้พี่ภพเฮงซวย ไอ้หน้าหมา ไอ้ปากเสีย เอาล่ะ! อีกครั้ง
ไอ้เวร ไอ้พี่ภพเฮงซวย ไอ้หน้าหมา ไอ้ปากเสีย... เอาเด้! ถ้าอ่านใจได้ก็ลองบอกมาซิว่าด่าอะไรไปบ้าง
“โวยอะไรด้วยสายตาอยู่ได้วะ น่ารำคาญ”
“พี่แม่งแย่!!!" คิมหันต์เผลอตะโกนลั่น "อ่านใจจริงเหรอวะ!”
“....”
สามภพเลิกคิ้ว ส่งสายตาเหยียดหยามปนเวทนาเหมือนกำลังเห็นคนสติไม่ดีพยายามทำตัวเป็นสไปเดอร์แมนเกาะประตูรถจากด้านในไปให้เด็กหนุ่มผมทองซึ่งท่าทางคงระแวงเขาน่าดู “เพ้อเจ้ออะไรครับไอ้ตี๋ อ่านใจพ่อง เด็กดาวน์ซินโดรมยังดูออก สายตาแกจะทิ่มพี่พรุนแล้ว” ชายหนุ่มว่าพลางส่ายหน้า คว้าบิสกิตในห่อพลาสติกได้แล้วก็เดินลงจากรถ ไอ้ดุ๊กดิ๊ก หมาขนทองปัญญาอ่อนเหมือนเจ้าของนั่นดูไปก็น่ารักดีเลยอยากแวะทักทายสักหน่อยเพราะเขาคงไม่มายุ่งกับบ้านไอ้เด็กเพี้ยนนี่อีกแล้ว
“ไง..ดุ๊กดิ๊ก” ชายหนุ่มส่งเสียงเรียกเป็นกันเอง...แต่เจ้าของดันวิ่งดุ๊ก ๆ ตามมาจากข้างหลังก่อนหมาจะมาเสียอีก
“ขย้ำมันเลยลูกพ่อ!”
สามภพกลอกตา ได้ยินคำสั่งจู่โจมดังมาจากด้านหลังประหนึ่งโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ของตัวเองเป็นสุนัขล่าเนื้อกระหายเลือด ไม่ได้ดูความจริงเลยว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตนี้เป็นแค่หมาอ้วนกระหายขนมปังกรอบเท่านั้นเอง
“น่ารักมาก”
เขาย่อตัวลงเกาหูสิ่งมีชีวิตที่เพิ่งทรยศเจ้าของซึ่งยืนหัวโด่อยู่ตรงหน้า ไอ้อ้วนขนทองฟาดขนมของเขาไปจนหมดแล้วยังเลียไม้เลียมือเสียสนิทสนมจนชายหนุ่มเริ่มไม่ค่อยเชื่อตัวเองเหมือนกันว่าเคยเจอมันแค่ครั้งเดียวก่อนหน้านี้ เห็นคนตรงหน้ายืนอ้าปากค้างเลยต่อท้ายอีกหน่อยให้เจ้าตัวสติแตกเล่น “เด็กดี...ไอ้ดุ๊กดิ๊กลูกพ่อ”
“หมาผม!”“ก็ว่า ท่าทางไม่เต็มเต็งเหมือนกัน”
แล้วเมื่อกี้ใครบอก
'ลูกพ่อ' กับหมาคนอื่นวะ! คิมหันต์ส่งสายตาอาฆาตให้ชายหนุ่มตรงหน้าซึ่งกำลังลูบหัวลูบหางหมารักพร้อมกับยักคิ้วใส่เขาอย่างน่าเตะให้คิ้วหลุด เลยไปจนถึงไอ้ดุ๊กดิ๊กที่เที่ยวทำตัวญาติดีกับคนอื่นไปทั่วขอเพียงมีบิสกิตของโปรดมาเซ่น เดี๋ยวจะจับเข้าคอร์สอดอาหารลดความอ้วนให้ผอมเพรียวเลยไอ้หมาเวร
ทิ้งเวลาให้ผู้เยาว์กว่าผูกใจเจ็บได้ไม่นานสามภพก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง นี่บ่ายเข้าไปแล้วเขาก็เริ่มหิวเหมือนกัน นึกได้ว่าหลังจากนมกล่องมื้อเช้าซึ่งคุ้ยได้จากในส่วนลึกลับซ่อนเร้นของตู้เย็นที่คอนโดก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องอีกเลย เมื่อครู่มองเห็นร้านอาหารน่านั่งอยู่ไม่ไกล ตัดสินใจหาอะไรใส่กระเพาะมากกว่าจะหิ้วท้องว่าง ๆ กลับไปพร้อมกับรถแอร์เสีย
“พี่ฝากรถหน่อย” น้ำเสียงระบุเจนว่าเป็นประโยคคำสั่ง ไม่ใช่ขอร้อง
“ฝากทำไม” อีกฝ่ายถามเสียงเขียว
“ฝากไว้รอออกดอกเป็นโฟล์คเต่าแล้วค่อยถอนมั้ง” ชายหนุ่มหัวเราะ
‘หึ’ กับมุกฝืดของตัวเองออกมาหนึ่งพยางค์ก่อนให้เหตุผลสั้น ๆ “จะไปหา'ไรกิน ขี้เกียจหาที่จอดใหม่”
คิมหันต์แยกเขี้ยว จ้องหน้าเขากลับมาตาไม่กะพริบ ท่าทางคงยังเคืองไม่หาย เด็กจริง ๆ
“กล้าฝาก?”
“กล้า...” ชายหนุ่มยิ้มเย็น ก้มหน้าลงมาในระยะประชิด และคิมหันต์นึกเกลียดส่วนสูง
’มาตรฐานชายไทย’ หนึ่งร้อยเจ็ดสิบสองเซนติเมตรของตัวเองขึ้นมาทันที ด้วยไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายโน้มตัวลงมาข่มพร้อมกับดึงคอเสื้อคู่สนทนาไว้ในมือได้อย่างที่สามภพกำลังทำ
“เพราะถ้ากลับมาเจอรอยขูดขีด...มีเรื่องแน่ไอ้ตี๋” พูดจบก็หันหลังเดินออกไป แผ่นหลังกว้างกับท่าเดินอาด ๆ ช่างน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด หยามโคตร ๆ ท่าทางจองหองสมชื่ออวดดีอย่าง
'สามภพ' สุดติ่ง เด็กหนุ่มกอดอกมองวีออสสีบรอนซ์ทองซึ่งจอดนิ่งอยู่ต่อหน้าจนกระทั่งเจ้าของหายลับไปจากสายตา ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นมาในหัวเหมือนฟองอากาศตอนน้ำเดือดปุด ๆ
ไม่ชอบรอยขูดขีดใช่ไหม!?.
.
.
.
.
“คิมหันต์!!”ตะโกนลั่นเชียว
“ไอ้คิม!!” แถมเรียกซะเพราะอีก
“รู้นะโว้ยว่าได้ยินน่ะ! โผล่หัวทอง ๆ ของแกออกมาเดี๋ยวนี้!”คิมหันต์หัวเราะหึ ๆ ประโยคเมื่อกี้อย่างกับในนิทานเรื่องราพันเซล มีไอ้พี่ภพเป็นมังกรคลั่งเฝ้าปราสาท...ส่วนเขาเป็นเจ้าชายนั่งหล่ออยู่บนหอคอยแล้วเดี๋ยวจะมีเจ้าหญิงรูปงามมาให้เลือก อะ..แต่มันคนละเรื่องนี่หว่า...ช่างเหอะ! เด็กหนุ่มยีหัวตัวเองจนยุ่งเหยิงทำเหมือนเพิ่งตื่นนอนก่อนจะโผล่หน้างัวเงียจากหน้าต่างชั้นสอง
“เห่าอะรายยยย!! คนจะนอนกลางวัน”
“เด็กเวร! ลงมาคุยให้รู้เรื่อง”
“คุย?” เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว ทำหน้าซื่อตาใส “ผมไม่รู้จักลุง”
“ไอ้ตี๋นรก! แล้วปกติมึงปล่อยยางรถคนไม่รู้จักเหรอวะ!” อูว...ขึ้นมึงกูแล้วทีนี้ ท่าทางจะเดือดจริง
“ปล่อยยางอะไร รถพี่จอดทิ้งไว้ข้างถนนแล้วหายไปเป็นชั่วโมงใครจะสนวะ”
สามภพกอดอก พยายามสงบจิตสงบใจอยู่หน้ารั้วบ้าน เขาไปนั่งกินข้าวแล้วบังเอิญเจอคนเพื่อนเก่าเลยคุยนานไปหน่อย ไม่คิดว่ากลับมาจะพบรถตัวเองอยู่ในสภาพยางยุบตัวลงสี่ล้อ จุกยางทั้งสี่วางไว้ข้างรถเรียบร้อยคล้ายจะท้าทายทำเอาแทบเดือด “พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าฝากหน่อย”
“แล้วผมได้รับฝากเมื่อไหร่กัน จะงอกออกมาเป็นโฟล์คเต่าอีกคันรึก็เปล่า” คิมหันต์ยักคิ้วหลิ่วตา แม้ไม่แน่ใจว่าจากระยะห่างขนาดนี้(และตาที่ตี่ขนาดนี้) อีกฝ่ายจะมองเห็นไหม “แถมรอยขูดขีดก็...” เขายิ้มมุมปาก พูดต่อใสซื่อแต่เสแสร้ง “ไม่เห็นมีสักรอย”
“คิมหันต์” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเย็นทว่าดังพอจะได้ยินไปถึงชั้นสอง “มึงลงมาเดี๋ยวนี้”
“พูดไม่เพราะเลยครับพี่ภพ”
“ก่อนกูจะบุกขึ้นไปเอง”
คิมหันต์หรี่ตาประเมินสถานการณ์ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเบอร์ที่บันทึกไว้เพื่อหาหมายเลขโทรศัพท์สถานีตำรวจในพื้นที่ มีคนเคยบอกเขาว่าโทรไป 191 หลายกรณีที่พบปัญหาเรื่องมาถึงที่เกิดเหตุช้าเกินไป และเขาไม่นึกอยากทดสอบว่าจริงหรือเปล่าตอนนี้ สู้ติดต่อสถานีตำรวจใกล้บ้านดีกว่า
สัญญาณรอสายดังอยู่ไม่กี่ครั้งก็มีคนรับ ขณะที่สามภพเริ่มเดินวนไปมาเป็นหมาป่าโดนขังกรง(เพียงแต่กรงนั้นเป็นรั้วบ้านเขาเองและเฮียหมาป่าที่ว่ายืนอยู่นอกกรงแต่พยายามจะเข้ามา) เด็กหนุ่มก็เริ่มบรรยายสถานการณ์ใส่โทรศัพท์
“มีผู้ชายท่าทางน่าสงสัยกำลังพยายามบุกรุกบ้านผมครับ”เขาคงไม่โดนข้อหาแจ้งความเท็จหรอกใช่ไหม...ในเมื่อที่พูดไปก็ความจริงทั้งนั้น“ใช่ครับ โวยวายอาละวาด” คิมหันต์หยุดพูดเพื่อส่งเสียงหายใจขาดห้วงให้ดังกว่าปกติเล็กน้อยเผื่ออีกฝ่ายจะได้ยินชัด ๆ และเข้าใจ(ผิด)ว่าเขากำลังอยู่ในสภาวะตื่นตระหนกขนาดไหน “แล้วตอนนี้ก็กำลังพยายามปีนรั้ว”
เด็กหนุ่มชะเง้อมองผู้ถูกกล่าวถึงว่ายังอยู่ที่เดิมหรือเปล่า แต่...เฮ่ย เมื่อกี้พูดมั่ว ทำท่าเกาะรั้วจริงด้วยว่ะ!
“แล้วก็...” เขาลดเสียงลงให้ฟังดูน่าระทึก ตะกุกตะกักอีกนิดหน่อยเพื่อความสมจริง “ผมเหมือนจะเห็นอาวุธ”
เด็กหนุ่มกวาดตาไปหน้าบ้าน ไม้ท่อนหนึ่งวางพิงกำแพงด้านนอกอยู่ เป็นไม้ที่เขามักเอามาถือเวลาพาไอ้ดุ๊กดิ๊กไปเดินเล่นเพราะเจอหมาเจ้าถิ่นหน้าโหดของบ้านอื่นประจำจึงต้องมีอะไรไว้ป้องกันตัวบ้าง ตอนนี้มันวางสงบนิ่งอยู่ตรงที่เดิมของมันคล้ายรอใครสักคนหยิบไปใช้งาน “เป็นไม้ท่อนใหญ่เลยครับ ยาวสักเมตรหนึ่งได้” คิมหันต์บรรยายไปก็ยักยิ้มมุมปากแต่ยังคงใส่สีตีไข่ด้วยน้ำเสียงวิตกจริตต่อเนื่อง “ถ้าโดนฟาดหัวทีเดียวผมสลบแน่”
สามภพหยุดโวยวายแล้ว ซึ่งเงียบอย่างนี้บรรยากาศกลับน่าสยองกว่าเดิม ย้ายร่างจากรั้วมาที่กำแพงตั้งท่าจะปีนเข้ามาจริง ๆ แต่เขาสนที่ไหน สายตาเหลือบมองท่อนไม้ที่ล้มลงมากลิ้งอยู่บนพื้นใกล้กับจุดที่ชายหนุ่มยืนจด ๆ จ้อง ๆ อยู่ก็ยิ่งชอบอกชอบใจ นอกจากเป็นไม้กันหมาในเวลาปกติแล้วยังเอามาใส่ร้ายคนได้อีก ประโยชน์เยอะจริง
"ครับ...ครับ ขอบคุณครับ"
เขาแจ้งที่อยู่ของบ้านตัวเองเสร็จสรรพแล้วก็วางสายรอเวลา แต่ระหว่างรอไปเจรจาถ่วงเวลาปนยั่วโมโหเล่นอีกหน่อยก็น่าสนุกดีไม่หยอกจึงตัดสินใจเยี่ยมหน้าออกไปจากหน้าต่างอีกครั้งเพื่อส่งอาการสงสัยใคร่รู้อย่างเสแสร้ง
“ทำบ้าอะไรวะพี่!”
“ลงมา คิมหันต์” แทนอาการเอะอะที่คาดว่าน่าจะได้รับ สามภพกลับเอ่ยเย็นเยียบออกมา ซึ่งนั่นทำเขาเสียวสันหลังวาบนิดหน่อย
“ทำไมผมต้องทำตามที่บอกด้วย เพี้ยนปะ กลับบ้านกลับช่องเหอะ”
“กลับกับเตี่ยแกดิ” ใช่ กลับกับเตี่ยมันสิ ไอ้เด็กนี่เล่นปล่อยยางรถเขาหมดทุกล้ออย่างนี้
“หืม? เตี่ยผมอยู่บ้านนอก” เด็กหนุ่มเถียงไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทำสามภพอยากส่งรองเท้าผ้าใบตัวเองลอยหวือไปทักทายหน้าตี๋ยียวนนั่นดูสักที “แต่แถวนี้มีอู่รถนะ อยากได้เบอร์โทรปะ พี่จะได้ซ่อมแอร์ไง...ผมโคตรเห็นใจ สงสารใจจะขาดรอน ๆ แล้ว”
“พี่จะนับหนึ่งถึงสาม”
คิมหันต์ยิ้มเยาะ “ผมนับเลขเป็น”
“หนึ่ง”
“เอาภาษาเกาหลีแทนได้ไหม?”
“สอง”
“พี่ว่างมากเลยนะเนี่ย”
“สาม!”
"โอ๊ะ"
เสียงไซเรนรถตำรวจดังขึ้นพอดิบพอดี-หมดยกที่ 3-
===========================
คนละหมัด~ กว่าจะรักกันมันจะถึงแก่ชีวิตไหมนี่ 5555
ที่จริงเกือบตัดใจว่าอัพวันนี้ไม่ทันแล้วค่ะ แต่เลขวันที่มันสวยจริง ๆ 12/12/12 อยากพิมพ์เลขนี้บนหัวข้อกระทู้เลยเข็นมาจนได้
ขอบคุณมาก ๆ ทุกคอมเม้นต์นะคะ *กอด*

พบกันตอนหน้า ของแถมรีพลายถัดไปน้าา ^^