● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 1 - เด็กหนุ่มผมทอง และหมาสีทองของเขา
หากเปรียบเทียบเรื่องนี้เป็นการแข่งขันชกมวย คนที่จัดการแข่งขันและสรรหาผู้ท้าชิงมายื่นให้ถึงปลายจมูก ก็คงเป็นว่าที่พี่สะใภ้คนงามของเขานั่นเอง
อันนา วิจิตรนิรันดร์เธอสวย เธอรวย เธอร้าย และเธอนิสัยประหลาด
อันนาเป็นหญิงสาวแผนสูง ลูกสาวคนโตของตระกูลเศรษฐีซึ่งออกมาใช้ชีวิตอยู่นอกบ้าน ไม่พึ่งบารมีบุพการีระหว่างเรียน ตามธรรมเนียมประหลาดของบ้านเธอที่ต้องการให้ลูก ๆ หัดยืนด้วยลำแข้งตัวเอง ซึ่งปกติแล้วเธอทำได้ดีทีเดียว แทบไม่เคยเรียกร้องขอความช่วยเหลือเรื่องใดจากคนอื่น จนกระทั่งเหตุการณ์ครั้งล่าสุดนี่เอง เขาตระหนักได้ว่าแม้แต่ผู้หญิงที่บางคนเรียกลับหลังว่างูพิษ ก็ดูเหมือนจะมีปัญหาชีวิตกับเขาเหมือนกัน
แต่แน่นอน หากเป็นอันนาแล้ว...ปัญหาของเธอย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดา
อันนากำลังพยายามเข้าไปแทรกแซงชีวิตรักน้องชายของเธอ
อาทิตย์ วิจิตรนิรันดร์ เด็กหนุ่มมัธยมปลายปีสุดท้าย น้องชายคนเดียวที่พี่สาวทั้งรักทั้งเอ็นดู (แต่วิธีแสดงความเอ็นดูค่อนข้างพิลึก) สองพี่น้องหน้าตาดีพอกัน บ้านนี้เหมือนจะเบ้าหน้าเลิศกันทั้งตระกูล แต่พ่วงมาด้วยนิสัยประหลาดไม่แพ้พี่สาว แถมตอนนี้ยังไปตกหลุมรักเพื่อนหนุ่มของตัวเองอีกต่างหาก
เข้าใจถูกแล้ว...อาทิตย์ตกหลุมรักเด็กผู้ชายด้วยกัน
โลกนี้ช่างผิดเพี้ยนไปหมด ผู้ชายหันมากินกันเอง อีกหน่อยมนุษยชาติคงสูญพันธุ์กันพอดี
แต่เรื่องราวความรักระหว่างเด็กหนุ่มอ่อนโลกพวกนั้นไม่เกี่ยวกับเขา สิ่งที่อันนาอยากให้เขาทำคือช่วยกันเด็กอีกคนหนึ่ง ซึ่งดูจะเป็นอุปสรรคต่อแผนการของเธอออกไปเท่านั้นเอง ง่ายดายออกจะตาย เธอฝากพี่ชายเขาตบท้ายด้วยถ้อยคำชวนเชื่อ
สามภพนั่งพิจารณารูปถ่ายในมือ เขาเพิ่งได้รูปนี้มาจากพี่ชายเมื่อวันก่อน ซึ่งเจ้าตัวก็คงเอามาจากอันนาอีกทีนั่นละ
ในภาพคือเด็กหนุ่มผมทอง ผิวขาวแบบคนเอเชีย ตาชั้นเดียว หางตาชี้ขึ้นนิดหน่อย คงมีเชื้อสายจีนปนอยู่มากพอดู หน้าตายียวนแบบไม่ต้องปรุงแต่ง แม้เป็นรูปถ่ายแบบเป็นทางการในชุดนักเรียน
เด็กนี่น่ะหรือ..ที่ทำว่าที่พี่สะใภ้เขาเดือดร้อนจนต้องมาขอให้ช่วย..ตลกแล้ว
เขาจับมันพลิกไปมา จนพยากรณ์อากาศที่เชื่อถือไม่ค่อยได้ทางโทรทัศน์จบลง จึงเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาไล่หาชื่อ 'พี่อันนา' แล้วกดโทรออก เสียงรอสายดังอยู่ไม่นานนักก็มีคนรับ
“ไงจ๊ะ คุณน้อง”
เธอตอบรับเหมือนเดาไว้อยู่แล้วว่าเขาต้องโทรหาแน่ ๆ
ไร้การพูดพร่ำทำเพลง ชายหนุ่มถามหาข้อมูลอย่างตรงประเด็น
“เรื่องเด็กนั่น..”
ข้อมูลที่ได้มาโดยสังเขป คือเด็กผู้ชายในรูปเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก เป็นพวกหูไวตาไว สอดรู้สอดเห็น รูปลักษณ์ตัวจริงตรงกับภาพในมือเขาคือตาตี่ ผิวขาว ผมย้อมทองทั้งหัว มีขี้แมลงวันที่ไหล่ซ้าย เลี้ยงสุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์อายุสองขวบครึ่งชื่อดุ๊กดิ๊กซึ่งโปรดปรานบิสกิตเป็นชีวิตจิตใจ พี่สาวมักแกล้งด้วยการเรียกชื่อว่า 'ครีม' แทนที่จะเป็นคิม อันนาย้ำลักษณะเด่นอันเป็นนิสัยติดตัว หากพูดในรูปของคำสุภาพคือกวนประสาทใช้ได้...แต่ถ้าตรงไปตรงมากว่านั้นหน่อยก็ ‘กวนตีนบรรลัย’
ปิดท้ายด้วยการขอยืนยันชื่อเสียงเรียงนามของคนที่เขาจะเข้าไปมีเอี่ยวด้วยหลังจากนี้สักรอบ
“ว่าแต่ขออีกที เด็กนั่นชื่อจริงว่าอะไรนะ”
“คิมหันต์”
“คิมหันต์?”
...คิมหันต์....ฤดูร้อน...
สามภพก้มลงมองรูปถ่ายในมืออีกครั้ง เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนขมับจากสภาพอากาศนรกแตกตอนบ่าย
เขาเกลียดฤดูร้อน
โดยเฉพาะฤดูร้อนที่ผมทอง อายุน้อยกว่า และกวนตีนเรื่องจุดประสงค์ของอันนา เขาน่าจะเอะใจตั้งแต่วันนั้นแล้ว หากนึกย้อนเหตุการณ์ไปสักหน่อย สามภพได้เจออันนาเมื่อไม่กี่วันก่อน เธอบอกบังเอิญต้องทำธุระแถวมหาวิทยาลัยเขาตอนใกล้เที่ยงเลยแวะมาหา แต่ชายหนุ่มคิดว่านั่นเป็นแค่ข้ออ้าง เขานี่แหละที่เป็นธุระของเธอวันนั้น แล้วก็จริงเสียด้วย
“พี่เพิ่งรู้ว่าน้องชายพี่มีแฟน”
นั่นเป็นสิ่งที่เธอบอกเขา ณ ร้านอาหารใกล้มหาวิทยาลัย
“อือ” สามภพส่งเสียงในลำคอ เพียงแค่ให้เธอรู้ว่าเขากำลังฟังอยู่ เพราะเธอมักไม่ชอบใจนักหากถูกเมิน และประเด็นคือการแสดงออกถึงความไม่ชอบใจของเธอต่างจากผู้หญิงทั่วไปอย่างน่ากลัว เริ่มคิดว่าหากพี่ชายเขาอยู่ที่นี่แล้วมาช่วยรับมือกับแฟนตัวเองสักหน่อยก็คงดี
“เป็นรูมเมทในหอพักเดียวกัน” หญิงสาวพูดต่อ ส่วนเขาเริ่มหันไปเอาเท้าเตะก้อนทิชชูใต้โต๊ะเล่นเนือย ๆ
“หอรวมหรือ?”
“เด็กคนนั้นเป็นผู้ชาย”
“หือ?”
“อาทิตย์เป็นเ— อืม...มีแฟนเป็นผู้ชาย”
สามภพหรี่ตา สังเกตว่าอันนาคงกำลังพยายามเลี่ยงคำว่า
‘อาทิตย์เป็นเกย์’“แล้วยังไง พี่อันไม่ถูกใจเรื่องน้องชายนิยมไม้ป่าเดียวกัน?”
“เปล่า” เธอยักไหล่ “ตอนแรกตกใจนิดหน่อย แต่ตอนนี้คิดว่าโอเค พี่ไม่ใช่พวกหัวโบราณ”
“ก็ฟังดูไม่มีอะไรน่าห่วง”
เธอนั่งเท้าคาง กดดูปฏิทินในมือถือว่าเดือนนี้มีเวลาว่างวันไหนบ้าง พลางบ่นพึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง “..แต่จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ต้องสกรีนก่อน”
“สกรีนหรือสตอล์ก?” เขายักคิ้วทันเกม ด้วยรู้นิสัยคู่สนทนาดี
สกรีนของเธออาจหมายถึงการตามติดชีวิตใครสักคนโดยเหยื่อไม่รู้ตัว หาข้อมูลในเชิงลึก และอาจถึงขั้นเข้าไปแทรกแซงชีวิตเด็กหนุ่มเคราะห์ร้ายที่ต้องสงสัยเป็นแฟนน้องชายคนนั้น ซึ่งจากสีหน้าหญิงสาวตอนนี้ สามภพคิดว่าเธอทำแน่นอน
“ตามใจพี่เถอะ ผมไม่รู้เรื่องด้วย” เขาตัดบท มองนาฬิกาข้อมือแล้วผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ อ้างเวลาเข้าเรียน “ต้องไปแล้ว”
อันนาไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ดูเหมือนเธอยังแหวกว่ายอยู่กับความคิดในหัวตัวเอง ซึ่งหากสมองเธอเป็นเครื่องจักร ตอนนี้ฟันเฟืองทุกชิ้นคงกำลังบดกันอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับส่งเสียงกระหึ่มภายใต้ท่าทีสงบนิ่งของหญิงสาว
จริงดังคาด...ไม่กี่วันต่อมาเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่ชาย ขณะกำลังนั่งกระดิกเท้าเบื่อโลกอยู่ที่คอนโดมิเนียม หน้ากองเอกสารงานกลุ่มซึ่งยังทำไม่เสร็จและมื้อเย็นจืดชืด
“ช่วยหน่อยน่าไอ้น้องรัก คราวนี้อันนาถึงกับขอเองให้ช่วย”
เรื่องมันเริ่มขึ้นแบบนั้น
สามภพคว้ากระเป๋าสตางค์และกุญแจรถ เดินตรงไปยังวีออสสีบรอนซ์ทองคันเก่าที่เอามาจากบ้าน แอร์ในรถทำท่าจะเสียหลายครั้งก็มัวแต่ผัดวันประกันพรุ่งจึงยังไม่ได้เอาไปให้อู่ดูสักที และวันนี้ท่าทางจะต้องเลื่อนออกไปอีก
ชายหนุ่มเหยียบคันเร่ง โคลงศีรษะไปมาตามจังหวะเพลงร็อคที่เปิดลั่นรถ รูปถ่ายจุดหมายปลายทางวางบนเบาะนั่งข้างคนขับ ในภาพคือบ้านสองชั้นสีขาวขนาดย่อม ในรั้วบ้านเห็นพุ่มไม้สีเขียวเป็นหย่อมและสนามหญ้าเล็ก ๆ ดูสบายตา หมาพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์..น่าจะเป็นไอ้ดุ๊กดิ๊ก (นึกถึงกี่ครั้งก็ยังคิดว่าเซ้นส์การตั้งชื่อสัตว์เลี้ยงของใครก็ตามที่มอบชื่อนี้ให้มันช่างโหลยโท่ยเข้าขั้นวิกฤติ) หมาในรูปกำลังเอาจมูกยื่นออกมาจากช่องว่างใต้ประตูรั้วอย่างงี่เง่า เห็นแล้วถึงกับถอนใจเหนื่อยหน่าย
ใช้เวลาขับรถวนหาอยู่ครู่ใหญ่ กว่าจะเจอบ้านซึ่งตรงกับในภาพทั้งที่อยู่และลักษณะตัวอาคาร สามภพขับเลยไปจอดไว้อีกซอย หยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวม แล้วคว้าบิสกิตถุงใหญ่ติดมือก่อนจะก้าวขาลงจากรถ
เขาตั้งใจจะมาสังเกตการณ์บ้านหลังที่ว่าสักหน่อย ชายหนุ่มเชื่ออยู่เสมอว่าการรู้ข้อมูลอะไรบางอย่างที่เหนือกว่าอีกฝ่ายและใช้ประโยชน์จากมันตั้งแต่แรกพบ จะทำให้เขาได้เปรียบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
หน้าบ้านหลังนั้นเงียบสงบ เขายืนรออย่างใจเย็นโดยไม่ได้ทำลายความสงบนั้น ครุ่นคิดถึงคติการใช้ชีวิตเดิมของตัวเอง
สามภพแบ่งคนที่เข้ามาในชีวิตเป็นสองประเภท...ถ้าไม่ใช่มิตรก็เป็นศัตรู ซึ่งเจ้าเด็กหัวทองหน้าตากวนประสาทที่ชื่อคิมหันต์ ก็ถูกเหมาเป็นศัตรูไปเรียบร้อยตั้งแต่ยังไม่ได้เจอตัวจริง
และหากจะมีศัตรูให้ต้องสู้รบแล้ว ..เขาก็ชอบที่จะเป็นผู้ชนะมากกว่า
คิมหันต์ วานิชตระการกูล เป็นน้องชายคนเล็กในบรรดาพี่น้องสามคนร่วมบ้าน และเป็นเพื่อนสนิทของคนที่อันนาได้รู้มาว่าเป็นแฟนหนุ่มของน้องชายเธอ
“ครีม ฝนครึ้ม ๆ เก็บผ้าแล้วหรือยัง”
“บอกว่าอย่าเรียกชื่อนั้นไง” เด็กหนุ่มบ่นกระปอดกระแปดกับพี่สาวคนโต “เรียกคิมดิ คิม ๆ ๆ ป๊าตั้งให้ออกจะเท่”
“ที่จริงนายก็ชื่อคีมนี่” อีกฝ่ายส่งเสียงพ่นลมรำคาญใจ “ใช่คิมที่ไหนกัน”
เขาแยกเขี้ยวเถียงต่อ “งั้นอย่างน้อยก็เรียกคีมให้มันถูก ๆ”
นั่นละชื่อเขา
คีม ที่หมายถึงเครื่องมือช่างรูปร่างคล้ายกรรไกร ไม่รู้ป๊าของเขาคิดอย่างไรจึงได้ตั้งชื่อเล่นให้ลูกชายคนเล็กออกมาประหลาดเช่นนี้ เขาเลยจัดการเปลี่ยนชื่อเล่นตัวเอง ด้วยการบอกเพื่อนทุกคนทันทีที่ย้ายโรงเรียนใหม่ว่าตัวเองชื่อ ‘คิม’ มาจากคิมหันต์ ฟังดูเกาหลีโดยธรรมชาติในพยางค์เดียว ลืมชื่อคีมไปได้เลย และยิ่งช่วยรีบ ๆ ลืมชื่อ ‘ครีม’ น่าอัปยศแบบที่พี่สาวสองคนของเขามักเรียกก็ยิ่งดี
ผมสีทองสว่าง (ที่ไปย้อมมา) ของเด็กหนุ่มยุ่งเหยิงเพราะวันนี้ไม่ได้เซ็ต แถมพอเดินผ่านพัดลมซึ่งเป่าเสียงวี้ ๆ ก็ยิ่งโดนพัดกระเจิงจนน่าตลก เขามีผิวขาวและตาชั้นเดียว ทั้งยังตี่หางตาชี้แบบที่เพื่อนรักมักแซว หากไม่ได้ไปย้อมผมทองด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวดจะให้ดูเหมือนหนุ่มเกาหลีที่เจ้าตัวชอบนักหนา ก็เรียกได้ว่าเป็นอาตี๋เต็มรูปแบบ
“ชื่อครีมไม่น่ารักตรงไหน”
“มันน่ารักไปไง โอย..ปวดหัว เมื่อไหร่เจ้จะกลับร้านยาเสียที”
เจ้าตัวบ่นหงุงหงิงพลางเดินไปเก็บผ้าที่ตากไว้ตามคำสั่ง ปากบ่นแต่มือทำยังถือว่าเป็นน้องชายผู้น่ารักใช้ได้ ถึงอย่างนั้นก็เรียกเสียงถอนหายใจจากผู้เป็นพี่หนึ่งเฮือกแล้วพูดออกมาคำเดียวว่า “ประสาท” ก่อนเธอจะก้มลงเขียนอะไรยุกยิกลงในสมุดรายรับรายจ่ายของร้านขายยาที่เธอเป็นเจ้าของ
เสื้อผ้าที่แขวนไว้กับราวข้างบ้านถูกจับยัด ๆ ลงตะกร้าด้วยความเรียบร้อยระดับติดลบ คิมหันต์แบกมันเดินดุ่ม ๆ ขึ้นบันไดสี่ห้าขั้นไปยังชานหน้าบ้าน เพื่อสู้รบกับด่านต่อไปที่มีบอสคือไอ้ดุ๊กดิ๊ก สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์นิสัยระริกระรี้อายุสองขวบครึ่ง ผู้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เขาล้มคว่ำ พันแข้งพันขาประหนึ่งเป็นแมวน้อยตัวจิ๋ว แต่ขอโทษ...จะดูถูกท่านคิมผู้นี้เกินไปแล้ว เขาเพียงแต่สะดุดเข่าทรุดนิดหน่อยตรงบันไดขั้นสุดท้ายเท่านั้นเอง โทษไอ้หมาเลวนั่น
เงยหน้าขึ้นมาก็สบตากับพี่สาวคนโตยืนซึ่งกอดอกมองอยู่พอดี เท่สุดติ่งไปเลย!
“ยังทำงานไม่เสร็จก็ไปเล่นกับหมาแล้ว..เด็กคนนี้นี่” หญิงสาวส่ายหน้า ก้มลงเก็บตะกร้าผ้าที่เขาทำล้มไว้แล้วเดินนำเข้าบ้าน “ถ้ายังเล่นกับไอ้ดุ๊กดิ๊กไม่เป็นเวล่ำเวลาอย่างนี้เจ้จะเอามันไปปล่อย”
คิมหันต์ส่งสายตาอาฆาตใส่สัตว์โลกที่คนให้ความเห็นว่าแสนรู้ที่สุดเผ่าพันธุ์หนึ่ง และมันจ้องกลับมาด้วยสีหน้าชั่วร้ายพลางแลบลิ้นแหะ ๆ คล้ายกับจะเยาะเย้ย (โอเค..เขาคิดไปเองว่ามันเยาะเย้ย ที่จริงมันแค่ทำหน้าโง่ ๆ ใส่เท่านั้นเอง) ก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีด้วยสี่ขาล่ำ ๆ จนเด็กหนุ่มหงายหลังหมดท่า สุดท้ายด้วยแรงรักแรงแค้น ทั้งคนทั้งหมาก็ฟัดกันนัวเนียอยู่หน้าบ้านจนเนื้อตัวมอมแมมนั่นเอง
“ร้ายนะไอ้หมาเบื๊อก” เด็กหนุ่มหัวเราะ กอดคอกับหมาใหญ่ขนทองสีเกือบเหมือนสีผมเขา หมาอ้วนคล้ายจะพยายามกอดตอบกลับมาด้วยการตะกุยจนเสื้อผ้าเลอะเทอะ ไป ๆ มา ๆ ก็โดนกระโจนใส่เต็มน้ำหนักหงายหลังลงไปอีกรอบ
คิมหันต์ก็แค่เด็กผู้ชายทั่วไป...หากใครมาเห็นเข้าตอนนี้คงคิดเช่นนั้น
แต่ถ้าธรรมดา อันนาคงไม่เดือดร้อน
ตอนอยู่โรงเรียน เขาคือ
‘คิมหันต์ เจ้าพ่อแห่งข้อมูลข่าวสาร’ ด้วยนิสัยหูไวตาไว ช่างสังเกต เพื่อนชม—ชมใช่ไหม? ว่าอย่างนั้น และบางทีก็มากเกินไป เรื่องในโรงเรียนหรือข้อมูลอะไรที่เขาอยากรู้ก็ต้องรู้ให้ได้
แม้อยู่บ้านจะดูเป็นเป็นทาสในเรือนเบี้ยของพี่สาว พ่วงด้วยตำแหน่งของเล่นหมาก็เถอะ!
หมารักยังตะกุยต่อไป ห่อบิสกิตที่เขากินค้างไว้แล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงกระเด็นออกมาหล่นอยู่ที่พื้น สุดท้ายก็เสร็จไอ้อ้วนในที่สุด ขนมปังกรอบจำพวกนี้เป็นของโปรดดุ๊กดิ๊กจอมตะกละเลยทีเดียว พอเสร็จสมอารมณ์หมายก็เดินสะบัดตูดทิ้งเจ้าของไปดื้อ ๆ เสียอย่างนั้น ปล่อยเขานั่งเหวอ ซาบซึ้งน้ำใจหมารักว่าเรื่องเนรคุณไม่มีตัวไหนเกิน
“ใครวะเอาหมาพรรค์นี้มาเลี้ยง”
อดไม่ได้จะตัดพ้อต่อว่าสักหน่อย นึกแล้วเจ็บใจที่ก็ตัวเองนั่นแหละเป็นคนร่ำร้องอยากเลี้ยงหมา แล้วยังเลือกไอ้ขนทองตัวนี้มาเองกับมือ แถมด้วยตั้งชื่อซึ่งหล่อที่สุดในจักรวาลให้อีกว่า
ดุ๊กดิ๊ก“กินเยอะ ๆ เลยไอ้อ้วน โตเต็มที่แล้วจะเอาไปทำลูกชิ้น!”
“ปัญญาอ่อน”
สามภพกลอกตา ไม่นึกว่าคนที่ทำอันนาเป็นเดือดเป็นร้อนจนต้องให้เขามาช่วยกันออกจากแผนการของเธอ จะเป็นแค่เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมซึ่งฟัดกับหมากลางสวนหน้าบ้านได้อย่างไร้สาระ (แถมฟัดแพ้หมาอีกต่างหาก) ที่เขาคิดไว้ในหัวน่าจะเป็นพวกท่าทางกร้านโลกกว่านี้ แววตาโฉดกว่านี้ ดูฉลาดแกมโกงกว่านี้ หรืออย่างน้อยถ้าไม่รุ่งจริง ๆ ให้มาดเป็นนักเลงหัวไม้ไปเลยก็ยังดี
แล้วไอ้ตี๋ตัวซีดหัวทองนี่อะไร? ถั่วงอกหรือ?
ชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่ใกล้รั้วบ้าน มองไปที่หน้าประตู เห็นว่าไม่มีคนแล้วจึงลองส่งเสียงเรียกเบา ๆ
“...ดุ๊กดิ๊ก...”
ยืนยันอีกทีว่าเซ้นส์การตั้งชื่อห่วยบรม
ก้อนขนสีทองขนาดใหญ่กระดิกหูแล้วหันมามอง แลบลิ้นแหะ ๆ ออกมาอย่างปัญญานิ่มไม่แพ้เจ้าของ หางเป็นพวงกระดิกแล้วฟาดกับพื้นตุบ...ตุบ...ก่อนจะลุกขึ้นเดินส่ายอาด ๆ ตรงมาทางเขาเมื่อเห็นว่ามีอะไรอยู่ในมือ
ชั่วระยะเวลาไม่กี่อึดใจ บิสกิตถุงใหญ่ในมือเขาก็หมดเกลี้ยง นี่มันหมาหรือหมูทองวะ!?
ร่างโปร่งผมทองเดินออกมาหน้าบ้านอีกครั้ง คราวนี้เคาะจานกระเบื้องเป็นจังหวะไปด้วยแล้วส่งเสียงร้อง “ดุ๊กดิ๊ก!” เรียกให้สิ่งมีชีวิตไวต่ออาหารเงยหน้าขึ้นอีกครั้งหลังจากเลียไม้เลียมือเขาอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะวิ่งดุ๊กดิ๊กสมชื่อกลับไปหาเจ้าของตัวจริง จะว่าไปชื่อนี้ก็เหมาะกับมันดีอยู่เหมือนกัน
“มาหม่ำข้าวม่ะลูกพ่อ!”
บรรยากาศชื่นมื่น พ่อหมาหัวทองตาตี่จู๋จี๋กับหมาขนทองตัวโต เพ้อเจ้อเกินทานทน
สามภพลุกขึ้นยืนแล้วเดินเลียบออกไปก่อนจะถูกเห็น รู้สึกวันนี้ของตัวเองช่างเสียเที่ยวเป็นบ้า เอาเวลาขับรถไปให้ช่างซ่อมแอร์ดูจะเข้าท่ากว่าเป็นไหน ๆ อันนาคงประเมินคิมหันต์สูงเกินไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชายหนุ่มอาจไม่รู้..
คือเขาเองก็ประเมินคิมหันต์ต่ำเกินไป-หมดยกที่ 1-
===========================
มาแล้วค่าาา ^o^
เกริ่มเยอะหน่อยนึงนะคะ อย่าเพิ่งรำคาญสำหรับคนที่รู้พื้นเพเดิมของคิมหันต์และผองเพื่อนอยู่แล้ว อันนี้เผื่อไว้สำหรับท่านที่ยังไม่ได้อ่าน สะดุดรัก หอพักอลเวงค่ะ ความสัมพันธ์มันนัวเนียเหลือเกิน แฮ่ ๆ

ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกท่านและทุกคอมเม้นต์ค่ะ *กอดดด*

แล้วพบกันตอนหน้านะคะ

ปล.แปะรูป(ที่อาจจะเห็นกันแล้ว)
วาดเล่นค่ะ หมาป่ากับจิ้งจอกขนทอง ๆ และตาตี่ ให้อิมเมจพี่ภพกับคิมหันต์ดี

(คิดไปเองทั้งนั้น...ฮา)