มาต่อแล้วค่ะ .... ตอนหน้าน่าจะ .....
อ่านตอนนี้ไปก่อนแล้วกัน
UNIT 22
“เห้อ~” ผมนั่งถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของบ่ายวันนี้หลับจากเหลือบมองนาฬิกาที่ยังเดินต๊อกแต๊กอย่างเชื่องช้า ราวกับว่ากำลัง
พยายามจะทำให้ผมขาดใจซะให้ได้ เป็นครั้งแรกที่การทำงานดูเป็นเรื่องน่าเบื่อ และการอยู่ที่นี่กลายเป็นเรื่องทรมานสำหรับผมไปเสียแล้ว
เมื่อสายตาจดจ้องงานที่วางตรงหน้า ไม่ทราบว่าอะไรมาดลจิต.....ถึงให้จ้องยังไงกลับไม่เห็นความศิวิไลของมันสักนิดแทบกวาดงานที่วางอยู่
โยนลงถังขยะเพราะว่ามันแลดูขัดหูขัดตาไปซะหมด ยิ่งไล่สายตาไกลออกไปอีกนิด ทำไมแจกันที่วางมุมนั้นถึงได้ดูดีอย่างเหลือเชื่อนะ
ทำไมอยู่ดีๆ ห้องทำงานของผมก็เหมือนถูกแบ่งเป็นสองโซน โซนนึงข้าวของถูกวางระเกะระกะ กองงานวางสุมท่วมหัวภาพแต่ละภาพ ช่างน่า
เอือมระอา ไม่ว่าจะหยิบมาดูสักกี่ครั้งก็อยากจะทิ้งมันไว้อย่างเดิม ชั้นหนังสือด้านข้างที่เต็มไปด้วยอัลบั้มและหนังสือต่างๆ ถูกวาง
อย่างเป็นระเบียบสีสันถูกจัดวางให้อยู่ในโทนเดียวกัน แต่ดันมีอยู่เล่มสันสีแดงจัด....วางแทรกอยู่ในหมู่หนังสือปกสีดำ ทำให้มันเด่นพอที่จะรู้สึกว่า
ทุกอย่างดูมักง่ายไปหมด โต๊ะเก้าอี้ ทุกอย่างดูเกะกะ ติดขัดมีปัญหาเหลือที่ ผมหล่ะอยากจะโล๊ะ ทำใหม่เสียให้หมด
ไม่เหมือนกับโซนนั้น......ตรงมุมอีกฟากฝั่งของห้อง ช่างดูสดใส สวยงามราวกับมีสวนดอกไม้มาปลูกล้อมรอบ โซฟาที่ถูกดันจนเลื่อน
จากตำแหน่งเดิมทะแยงไปมาไม่เข้าพวกก็ดูดีมีศิลปะ แจกันใบใหญ่ที่เหลือดอกไม้ปักเพียงดอกเดียวก็ยังหมุนดูได้องศา โต๊ะกระจกตรงหน้าโซฟา
ที่มีหนังสือวางซ้อนกันหลากสี ก็ดูดีมีไสตน์ไปอีกแบบ อืม..... ยิ่งมือเรียวขาวๆ เนียนๆ ที่กำลังจับดินสอ ขีดๆ เขียนๆ นั่นอีก ยิ่งดูดีเข้าใหญ่
ริมฝีปากแดงได้รูปสวยราวกับสวรรค์ได้ปั้นแต่ง .. เห้ย! ไม่ใช่แหล่ะ อืมแต่ดูๆ ไป.....ชักรู้สึกอยากไปนั่งฝั่งโน้นมั่งจัง เสียดายแต่.....
เจ้าของที่เค้าหวงไล่ตะเพิดผมห้ามเข้าใกล้ตั้งแต่บ่ายหลังจากไปกินข้าวด้วยกัน ผมแวะร้านเค็กเจ้าอร่อยตรงปากซอย.....หยิบชิ้นที่ไอ้ตัวเล็ก
แอบจ้องไม่วางตาม แต่พอถามว่าเอาอะไรมั้ย? ก็ดีแต่ส่ายหน้าปฏิเสธ ผมสั่งเค้กมาสองสามชิ้น เผื่อให้มดที่ชอบมากเป็นชีวิตจิตใจ
ขับออกจากร้านได้ไม่นาน ก็เห็นไอ้ตัวเล็กที่แอบจ้องเค้กชิ้นที่อยากทานจนแทบละลาย ผมได้แต่แอบอมยิ้ม ... หันไปบอกไอ้ตัวเล็ก
“อยากทานก็ทานสิครับ” สายตาก็จับจ้องไปที่ถนนต่อไป ไอ้ตัวเล็กหันมามองผมนิดนึง แล้วก็หันไปจ้องเค้กต่อ ....นี่มันมองมาราธอนเร๊อะ
“ปัตไม่หิวครับ” ไอ้ตัวเล็กว่า แต่ผมว่า.....อยากแต่ไม่กล้าทานรึเปล่า รึจะอายที่ให้เลือกแล้วไม่ยอมสั่ง ทำไงไอ้ตัวเล็กถึงจะยอมกินนะ
“แต่พี่หิวอ่ะ... ปัตป้อนพี่หน่อยนะ พี่ขับรถอยู่” ไอ้ตัวเล็กจัดแจงหยิบเค้กอย่างระมัดระวัง กำลังหยิบช้อนจากถุงพลาสติก ขอบช้อนที่เป็นเสี้ยน
เกี่ยวกับถุงพลาสติกล่วงไปนอนกับพื้นรถเป็นที่เรียบร้อย “เห้ย” ปัตร้องเบาๆ ดวงตาจ้องมองช้อนอย่างแสนเสียดาย
“กัดเลยแล้วกันนะฮะ ไม่มีช้อนแล้ว”
“อืม ไม่เป็นไรถ้าเลอะปัตก็ค่อยเช็ดให้พี่แล้วกัน ” รถจอดติดไฟแดงพอดี ปัตก็รีบยื่นเค้กมาให้ผมหม่ำ ผมเลือกกัดเค้กตรงปลายแหลมของรูป
สามเหลี่ยม แกล้งหลับตาพริ้มราวกับเอร็ดอร่อยหนักหนา ค่อยเคี้ยวแล้วกลืนลงคอ
“อร่อยมากอ่ะ ปัตลองชิมดูสิ ถ้าไม่ชอบไม่ต้องกินต่อก็ได้เดี๋ยวพี่รับผิดชอบต่อเอง” ผมพยักหน้าเร่งเร้าให้ไอ้ตัวเล็กรีบตัดสินใจ น้องลังเลนิดๆ
แต่สุดท้ายริมฝีปากแดงก็อ้ากว้างงับเบาๆ ลงบนเนื้อเค้ก ไอ้ตัวเล็กหลับตาพริ้มค่อยละเลียดเค้กในปากอย่างเอร็ดอร่อยราวกับจะร่องลอยไปใน
อากาศ
“อร่อยมากฮะ” ลิ้นเล็กแลบออกมาเลียรอบริมฝีปาก ๆ เพื่อเก็บกวาดเค้กที่ติดอยู่รอบๆ ผมมองลิ้นเล็กๆ นั่น จำได้ว่ามันหวานาขนาดไหน เผลอ...
กลืนน้ำลายอึกใหญ่ จนเจ้าของลิ้นหันมามอง
“อยากทานเค้กเหรอฮะ?” ปัตหันมาเลิกคิ้วถาม ผมยกยิ้ม ... แล้วพยักหน้า ไม่นานเค้กก็ถูกยื่นมาตรงหน้า ผมกัดลงเบาๆ เค้กน่ะไม่เท่าไหร่
แต่คนตรงหน้าเมื่อไหร่น๊าจะได้ทาน เคี้ยวเค้กต่อเรื่อยๆ แล้วกลืนลงคอ เห็นไอ้ตัวเล็กนั่งมองแล้วน่าสงสาร คงเกรงใจผมจนไม่กล้าทาน พึ่งรู้...
ว่าชอบเค้กขนาดนี้
“ปัตชอบเค้กมั้ย?” น้องพยักหน้าน้อยๆ
“ชอบก็ทานสิ พี่ทานบ่อยๆ เบื่อแล้ว” ไอ้ตัวเล็กมองผมอย่างชั่งใจ สุดท้ายก็ต่อกรต่อน้ำลายตัวเองไม่ไหว เลยอ้าปากหม่ำเค้กตรงหน้า
อย่างเอร็ดอร่อย คำแล้วคำเล่า... ใบหน้าเคลิ้มสุขนั่น อะไรจะมีความสุขขนาดนั้นนะ ..... ผมชักสงสัย รถจอดสนิทที่ลานจอดรถ
ในขณะที่.....พอดีกับคำสุดท้ายที่ปัตพึ่งจะเอาเข้าปากไป น้องค่อยเคี้ยวอย่างเชื่องช้าแล้วกลืนลงคอไป ผมไอ้แต่จับจ้องปฏิกิริยาเหล่านั้น
บรรญัติศัพท์ได้คำเดียวเลยว่า “น่ารัก” ไอ้ตัวดี...หันซ้ายหันขวาจะหาทิชชู่มาเช็ดมือที่เปื้อน แต่น่าเสียดายแผ่นสุดท้ายผมหยิบมาใช้
เช็ดปากเมื่อสักครู่นี้ ปัตดึงมือที่เปื้อนเค้กเตรียมจะยื่นเข้าปาก ผมรั้งมือเรียวของน้องไว้ ..... ไอ้ตัวดีหันมาเลิกคิ้วถามทางสายตา
“สกปรกเหรอฮะ?” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ
“อ้าว...แล้ว?” น้องพูดได้แค่นั้นก็เงียบไป เมื่อนิ้วเรียวกำลังถูกดูดดุนเบาๆ จากปากผม ไล้วนลิ้นไปทั่วนิ้วกำจัดของหวานที่ค้างอยู่จนสิ้นซาก
น่าแปลกที่ผมรู้สึกว่ามันหวาน........ ทั้งๆ ที่ตอนนี้มันไม่ได้มีขนมหวานเหลืออยู่ เหลือบหันไปมองเจ้าของนิ้วที่หน้าแดงซ่านเสตาหันไปทางอื่น
เรียบร้อยแล้ว ถึงค่อยดึงนิ้วเรียวออกจากปากช้าๆ จนหลุดออก ไอ้ตัวเล็กเสตาหันมามองผมช้าๆ ก่อนจะหลุบมองต่ำ มือจิกกันแน่....
อืม.... เป็นที่น่าพอใจ ผมหลุดยิ้มออกมา แต่สายตาเจ้ากรรมดันไพล่ไปเห็นเค้กที่ยังเปื้อนอยู่ริมฝีปากของอีกฝ่าย ชักอยากจะชิมเค้กดูอีกที
โน้มหน้าลงไป อีกฝ่ายกลั้นหายใจ .... ผมยกยิ้มอยากจะแกล้ง ค้างหน้าในระยะประชิดอยู่อย่างนั้น ตาสบตา ผมมองลึกลงไปในดวงตา
สีน้ำตาลอ่อน ตอนนี้ไหวระริกด้วยความหวั่นไหว มือจิกเบาๆ ที่ไหล่ผม ตวัดลิ้นลงเบาๆ รอบริมฝีปากของอีกฝ่าย
“อืออ~” อีกฝ่ายครางเบาๆ หลังจากลุ้นจนตัวเกร็ง เล็บจิกลงบนไหล่ ผมค่อยๆ ผละออกไม่ได้ทาบทับริมฝีปากลงบนปากอีกฝ่ายแต่อย่างใด
“อร่อยกว่าชิ้นเมื่อกี้อีก” กระซิบเสียงแผ่ว ไอ้ตัวเล็กหอบหายใจหนักๆ สองมือเร่งดันอกผมให้ออกห่าง เปิดประตูรถเดินจ้ำพรวดๆ หนีไป
ทั้งหมดนี่เลยเป็นที่มา....ของการถูกเนรเทศให้อยู่ในมุมที่ปราศจากความงดงามใดๆ หลังจากไอ้ตัวเล็กประกาศกร้าว ถ้ามายุ่งอีกจะไม่ทำอาหาร
เย็น
ผมเลยกลายเป็นไอ้หมางั่งที่ทำได้แค่นั่งจ้อง...ปากสีแดงสดอย่างหลงไหล กลืนน้ำลายอึกใหญ่ๆ อยู่หลายอึก จนอีกฝ่ายที่ถูกจ้องถึงกลับเงยหน้า
ขึ้นมามอง ส่งสายตาเย็นยะเยือกที่ทำเอาหื่นดับ หลับไม่ตื่น ทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่กับที่ เหลือบมองนาฬิกาอีกครั้ง
บอกเวลา.. 17.00 น. ผมรวบเอกสารกองโตที่วางอยู่บนโต๊ะให้กองสุมๆ เป็นกองเดียว ดูท่าการทำงานช่วงบ่ายไม่ค่อยได้อะไรสักเท่าไหร่
ก็เพราะใครหล่ะ.?...... มาทำให้ผมเพ้อแล้วก็ไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้ซะงั้น อารมณ์ขุ่นมัวยังไม่จางลง ผมเอื้อมมือหยิบกระเป๋า เดินตรงเข้าไป
ล่วงละเมิดเข้าสู่สถานที่ต้องห้าม หยุดยืนตรงหน้าเจ้าของปากแดงที่ผมแอบมองเมื่อครู่ ปัตละมือจากสมุดสเก็ตภาพเงยหน้ามองมาที่ผม
ทำหน้ายุ่งได้อีก ผมเบือนหน้าหนีแอบอมยิ้มกับท่าทางน่ารักๆ ในมุมที่คิดว่าคนข้างล่างมองไม่เห็น ก่อนจะหันกลับมาตามเดิม
“กลับบ้านได้แล้ว.....เลิกงานแล้วครับ” ผมบอกน้องด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน ไม่ได้แกล้งทำนะ แต่ไม่รู้ทำไม..เพราะหัวใจมันสั่งมา..มั้ง?
ไอ้ตัวเล็กทำหน้าเหวอไปหน่อย หันไปมองนาฬิกาที่แขนอยู่บนข้อมือเรียว รีบเก็บข้าวเก็บของลงกระเป๋าเป้ แล้วหยัดยืนเต็มความสูง
“ฮะ....... ว่าแต่วันนี้พี่พาร์ทอยากทานอะไรรึเปล่าครับ?” ผมหันไปมองตอบนิ่งคิดอยู่พักนึง ถ้าตอบว่า”น้องปัต”...เห็นทีว่าเย็นนี้คงจะต้อง
อดทั้งข้าว และอดกอดคนตรงหน้าเป็นแน่แท้ หันไปยิ้มให้น้องเพราะแลดูจะหาคำตอบอื่นไม่ได้
“อะไรก็ได้ครับ...ว่าแต่เราไม่เหนื่อยรึไง หืม? ทำงานมาทั้งวันแล้ว” ผมเอ่ยถามขณะที่มือก็ลูบเบาๆ ที่หัวทุยของอีกฝ่าย
ไอ้ตัวเล็กยิ้มแป้น ส่ายหน้าน้อยๆ เป็นคำตอบ ท่าทางจะลืมสงครามเมื่อครู่เสียสนิท
“ไม่หรอกฮะ ปกติอยู่ที่บ้านก็ทำอย่างนี้ทุกวันอยู่แล้ว งั้นวันนี้ทำไข่ยัดไส้กับแกงจืดได้มั้ยฮะ ปัตยังไม่ได้ไปซื้อของมาเพิ่มเลย”
“อืม... อะไรก็ได้ ปัตทำอะไรก็อร่อยทั้งนั้นแหล่ะ” พูดจบก็หันไปคว้ามือนิ่มๆ ของอีกฝ่ายมากุมไว้ แล้วเดินนำน้องมุ่งหน้าไปยังลานจอดรถ
ไอ้ตัวเล็กขัดขืนอยู่สักพัก คงเห็นว่าผมไม่ยอมปล่อย...... ถึงยอมให้ผมกุมมืออยู่แบบนั้น ผ่านหน้าห้องที่มีมดนั่งอยู่
“จะกลับแล้วเหรอคะบอส?” มดหันมายิ้มทักทาย ผมพยักหน้ารับ
“ครับจะกลับแล้ว เจอกันพรุ่งนี้นะครับมด”
“สวัสดีครับพี่มด เจอกันพรุ่งนี้นะครับ” ไอ้ตัวเล็กหันมาร่ำลายกมือไหว้พี่มดสุดสวย
“สวัสดีค่ะบอส เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะคะน้องปัต” หลังจากร่ำลาเป็นที่เรียบร้อย ผมก็หันมาโอบไหล่ไอ้ตัวเล็ก หลังจากน้องทำเนียน
ดึงมือออกตอนไหว้มด ออกแรงนิดๆ เพื่อให้เดินต่อไปยังลานจอดรถ
.
.
มาถึงห้องผมก็อ้อนน้องทันที ก็เพราะตอนนี้พยาธิในท้องแทบจะรวมตัวประท้วงด้วยความที่ทนอดอาหารไม่ไหว
“ปัตครับทำกับข้าวให้พี่ทานหน่อยนะ พี่หิววววว~” น้ำเสียงอ่อนละโหยรอยแรง ปัตหันมายิ้ม...มองผมขำๆ ว่าแต่เอ๋...ผมกลายเป็นตัวตลก
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ผมกับน้องวางกระเป๋าไว้ด้านข้างโซฟา ก่อนที่น้องจะเดินเข้าห้องไปเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดเบาสบายเข้ารูปนิดๆ
“รอแป๊บนะฮะ พี่พาร์ททานอะไรรองท้องก่อนเลยนะฮะ ปัตยังไม่ได้หุงข้าวเลยเดี๋ยวจะปวดท้องซะก่อน”
“คร๊าบบบบบบบบบ ที่รัก” ผมตอบ ขณะที่เดินไปอยู่ข้างหลังเจ้าตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สอดมือโอบกอดเอวจากด้านหลัง หอมแก้มน้องเบาๆ
ไอ้ตัวเล็กสะดุ้งจะหันมาโวย แต่ผมชิ่งหนีเดินต่อไปยังตู้เย็นหยิบน้ำเย็นมาดื่ม ไม่ลืมจะเทใส่แก้วเอาไปให้ไอ้ตัวเล็กอีกแก้ว
“ดื่มน้ำก่อน เดี๋ยวจะปวดท้องเอา” ผมย้อนคำที่ไอ้ตัวดีสั่งเมื่อครู่ น้องหันมามองผมยิ้ม ๆ แล้วรับแก้วน้ำไปดื่มอย่างรวดเร็ว
“มีอะไรให้พี่ช่วยมั้ย ?จะได้เสร็จเร็วๆ” ผมขยับไปยืนข้างๆน้อง ยกมือขึ้นมาในอากาศ ขยับปลายนิ้วคล่องแคล่วบอกให้ทราบว่าพร้อมแล้วที่จะช่วย
“แล้วพี่พาร์ททำอะไรเป็นบ้างฮะ?” ไอ้ตัวเล็กหันมาถาม ผมนิ่งคิดสาม...วินาที เร็วมากๆ ก่อนจะส่ายหน้าหวือ
“ไม่เป็นครับ” น้องยกยิ้มที่มุมปาก หันมามองผมขำๆ แน่ะ.....อีกแหล่ะทำไมชอบหัวเราะผมนะ หึหึ.....เดี๋ยวพี่เอาคืนนะครับน้องปัต
“งั้นก็อยู่เฉยๆ ครับ วันนี้หิวอ่ะ วันหลังพี่พาร์ทค่อยมาช่วยแล้วกันครับ เดี๋ยวปัตสอนให้” แล้วไอ้ตัวก็หันไปหั่นหอม มะเขือเทศ ผัก ....บลา...บลา...
ผมที่ทำหน้าเงือกง่อย เดินคอตก...เพราะเป็นคนไร้ประโยชน์ เดินตรงไปที่โซฟาสายตาก็พลันเหลือบไปเห็นหม้อหุงข้าว โอ้ก็อดดดดดดดดดดดด
ผมตะโกนลั่นในใจ ด้วยความปลื้มปิติ ใช่สินะ.....ผมน่ะเกิดมาเพื่อสิ่งนี้อยู่แล้ว ใช่ครับผมหุงข้าวเป็น .....สิ่งเดียวที่ทำได้ในครัว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
“ปัตครับพี่รู้แล้วจะช่วยเราได้ไง..... ” น้องเงยหน้ามองมาตามเสียงผมด้วยสีหน้าสงสัย ตะกี้พึ่งตอบว่าทำอะไรไม่เป็นอยู่แท้ๆ
“เดี๋ยวพี่จะหุงข้าวเอง รับรอง...หอมอร่อย เชื่อมือได้เลย” ผมหันไปสาธยายกับปัตอย่างภาคภูมิใจ ไอ้ตัวเล็กยิ้มกว้างในความกระตือรือล้นของผม
แต่...... น้องยิ้มดีใจในความกระตือรือล้นของผมจริงเหรอ?
“ฮ่าๆๆๆๆ คร๊าบบบ ๆ ยังไงปัตฝากด้วยนะครับ ช่วยหุงข้าวให้หอมอร่อยที่สุดให้ทีนะครับพี่พาร์ท” ไอ้ตัวเล็กว่า น่ารัก...จนน่าหมั่นไส้
ผมยื่นมือไปยีหัวไอ้ตัวเล็ก อย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปปฏิบัติภาระกิจระดับชาติ (เหรอได้ข่าวว่าแค่หุงข้าว
/// ว่าแต่คนแต่งหุงเป็นป่ะเนี่ย)
เวลาผ่านไปไม่นาน อาหารทุกอย่างก็วางอยู่ตรงหน้า พร้อมข้าวสวยร้อนๆ หอมกรุ่น และแน่นอนต้องอร่อยระดับชาติชนิดที่ใครได้กินต้องมาขอ
สูตร กลเม็ดเด็ดพราย หึหึ.. (จริงๆ นะครับ) ไม่ต้องรออะไรทั้งนั้นเราทั้งคู่ก็จ้วงอาหารตรงหน้าที่แสนอร่อยเข้าปากอย่างไม่หายใจหายคอ
กันเลยทีเดียว ทานเสร็จก็ไปจานชามไปล้างโดยไอ้ตัวเล็กเช่นเดิม ผมเดินเข้าไปซ้อนด้านหลังดันตัวให้ชิดติดกันแนบแน่นเพื่อไม่เปิดโอกกาศให้
อีกฝ่ายขยับหนี ก่อนจะสอดมือเข้าไปวางทาบทับมือของอีกฝ่ายที่กำลังขัดๆ ถูๆ ฟองน้ำบนจานกระเบื้องใบสวย ถือโอกาสเกยคางบนไหล่เล็กๆ
นั่น
“พี่ช่วยล้างนะครับ” ผมพูดเสียงแผ่วเบา ได้กลิ่นหอมแป้งเด็กจากแก้มนิ่มที่ตอนนี้ถูกจมูกผมถูไถไปเรียบร้อยแล้ว หอม....เหลือเกิน ไอ้ตัวเล็ก
หันหน้าหลบไปอีกด้านเผยให้เห็นใบที่ขึ้นสีแดงระเรื่อฉาบทั่วใบหน้าไปถึงใบหู แต่จมูกผมก็ช่าง....ไม่เคยลดละความพยายาม ตามติดไปทุกที
ยิ่งเห็นปากสีแดงสด ยิ่งอยากจะบดเบียด .....ดูดกลืนปากแดงๆ ให้บวมเป่ง
“พี่พาร์ทอย่าฮะ ปัตล้างจานอยู่” ไอ้ตัวดีหาข้ออ้างที่จะหลีกเลี่ยง
“ก็พี่ช่วยล้างอยู่นี่ไงหล่ะ” ผมเถียงข้าง ๆ คูๆ ซุกจมูกสูดดมซอกคอหอมๆ ของอีกฝ่าย น่ากลัว.....ว่าจะเริ่มหยุดไม่ไหว
“อ...เอ่อ..ปล่อยก่อนฮะ เดี๋ยวล้างจานไม่เสร็จกันพอดี ” น้องขยับตัวหนี แต่ผมกอดเอวไว้แน่น
“พี่ไม่กวนก็ได้ ...แต่ขอกอดแบบบี้นะ” ผมบอก ยื่นไปเปิดก๊อกน้ำล้างฟองน้ำยาล้างจานออก แล้วกอดไอ้ตัวเล็กไว้แน่น ปล่อยให้ไอ้ตัวเล็ก
ล้างจานต่อจนเสร็จ .................... อ๊ะเสร็จแล้ว ผมยิ้มกริ่มจูงมือน้องมานั่งที่โซฟาซึ่งไอ้ตัวดีก็ขัดขืนตลอดทาง ผมดันตัวน้องให้นั่งลง
หยิบรีโมทยัดใส่มือ ส่วนตัวเองก็ล้มตัวลงหนุนตักนิ่มๆ ของอีกฝ่าย เหมือนปัตจะเข้าใจ....น้องกดเปิดช่องกีฬา แล้วเราก็จ้องมองการแข่งขัน
ที่ดำเนินผ่านไปอย่างเชื่องช้า แต่สำหรับผมไอ้กีฬานั่นไม่ได้น่าสนใจเท่าคนที่ผมหนุนตัวอยู่ ...เลยสักนิดเดียว