~เวลาของเรา 1
"กลับมาสักทีนะ". ผมยื่นมือไปดึงอีกฝ่ายมากอดแน่นๆ รับขวัญอยู่ชั่วครู่ น้องเองก็กอดตอบเวลาหนึ่งปีมันช่างยาวนาน
ในที่สุดก็ผละตัวออกเพราะเห็นว่าสนามบินไม่ใช่สถานที่ที่จะแสดงความรักแบบเปิดเผยได้มากนักอย่างน้อยก็ตอนนี้
แล้วจะหันไปดึงกระเป๋าอีกฝ่ายมาถือเสียเอง เรายิ้มให้แก่กัน ในใจมันเต็มตื้นไปด้วยความสุข และความกังวลพอๆ กัน
ช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นมันล่วงเลยไปกับความวุ่นวายที่ถาโถม. จ้องมองลึกเช้าไปในตาของอีกฝ่าย
ต่างก็ฉายชัดถึงคำว่า “กลัว” ที่ซ่อนอยู่
มากมายเสียจนยากที่จะปกปิด ก็ได้แต่ทำใจยอมรับความจริงที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า
"อือ กลับมาแล้ว" ไอ้ตัวเล็กตอบ ผมกระชับกระเป๋าในมือ แล้วจูงมือน้องมุ่งหน้าตรงไปยังลานจอดรถ
ไม่มีคำพูดใด ทำได้แค่กุมมือกันแน่นๆ แล้วเดินไปตามทางที่ทอดยาว ทั้งที่ในใจมีคำพูดมากมาย
ผมเชื่อว่าแพนเองก็เป็นเช่นนั้น แต่มันตีรวนเสียจนไม่สามารถกลั่นเป็นประโยคออกมาได้...
ถึงต้องตกอยู่ในภวังที่เงียบงันแบบนั้น จนสอดตัวเข้าไปนั่งด้านในรถ เราค่อยๆ เคลื่อนตัวออก
ผมได้แต่จ้องมองดูท้องถนน ขณะที่ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ลอบถอนหายใจอยู่หลายครั้งก่อนจะเอ่ยคำถาม
ที่หวังจะทำลายความเงียบ และสานต่อความหวังอันเลือนลางครั้งสุดท้ายของตัวเอง
“บอกคุณลุงกับคณป้าหรือยัง?” เอ่ยถามเสียงเบาไม่ได้มองคนข้างๆ
“ยัง” น้องตอบกลับมาเสียงแผ่วเบา ต่างฝ่ายต่างเพ่งความสนใจให้กับสิ่งตรงหน้า
“จะบอกเมื่อไหร่ครับ” หันไปมองอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะมองท้องถนนที่มีรถราเป็นระยะ
“ภาคก็รู้ดีนี่ ว่าทำไมแพนถึงยังไม่บอก .... ขอแค่ช่วงนี้นะภาค ให้เวลาหนึ่งเดือนมันเป็นเวลาของเรา
ก่อนที่.....” อีกฝ่ายเงียบไป เหมือนกับผมที่เงียบจนบอกไม่ถูก .... แต่ก็ยังพยายามสนใจกับท้องถนนตรงหน้า
“ก่อนที่..... เราจะกลับไปเป็นลูกที่ดีของพ่อกับแม่” เสียงแหบพร่าของแพนทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายใกล้จะร้องไห้เต็มที
และผมก็เบนสายตาไปทางอื่นอย่างช่วยไม่ได้ เจ็บจนหัวใจมันร้าวไปหมด .... แต่ก็ต้องยอมรับกับการตัดสินใจ
ที่เราเลือกจะให้มันเป็นไป
“ครับ” ผมตอบรับอีกฝ่ายเรื่อยๆ น้ำเสียงแหบพร่าไม่ต่างกัน ได้แต่กลืนน้ำลายลงคออีกใหญ่ ราวกับมีก้อนสะอื้น
ก้อนใหญ่ๆ มาจุกอยู่ที่คอหอย
ผมจอดรถที่ลานจอดรถในคอนโด ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าด้านหลังน้องรถมาตามติดๆ กดรีโมทล็อครถ
แล้วเราก็เดินไปด้วยกัน กอบกุมมือกันแน่นตลอดเวลาที่เดินมาถึงห้อง ผมไขกุญแจเข้าไป
เปิดทางให้น้องเดินเข้าไปก่อน ส่วนตัวเองลากกระเป๋าเดินตามไปติด ไอ้ตัวเล็กตรงดิ่งเข้าไปในห้องนอน
ได้ยินเสียงกระโดดขึ้นเตียงโครมใหญ่คาดว่าน้องคงจะเหนื่อยจากการเดินทาง ผมวางกระเป๋าน้องไว้ที่ห้องนั่งเล่น
เดินไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแล้วเดินตามอีกฝ่ายเข้าห้องนอนไป ทิ้งตัวนั่งลงใกล้ๆ ลูบที่หัวกลมทุย
ที่กำลังซุกหน้าเข้าหาหมอนนุ่ม แพนยังคงหลับตาพริ้มไม่ได้ลืมตามามองที่ผมแต่อย่างใด
“ไม่หิวเหรอครับหืม” เอ่ยถามไปพลางลูบหัวไปพลาง น้องลืมตาขึ้นมามองเล็กน้อยส่ายหน้าเบาๆ
“.......”
“งั้นนอนนะครับคนดี” ผมบอกเสร็จก็จูบลงที่หน้าผากเนียนของอีกฝ่าย ยันตัวขึ้น เพื่อจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ในชุดสบายๆ เพื่อนอนกอดไอ้ตัวเล็ก มือของแพนก็รั้งชายเสื้อผมไว้แน่น น้องเรียกเสียงแผ่ว
“ภาค.” นัยตากลมจับจ้องที่ผม ผมหันไปมองตอบแล้วเลิกคิ้วเป็นคำถาม
“ครับ?”
“กอด” ไอ้ตัวเล็กยืนยันมือยังจับแน่นที่ชายเสื้อไม่ยอมปล่อย ... น่ารักจนผมต้องหลุดยิ้ม
“ครับ..หึ” ตอบรับแล้วก็ทิ้งตัวนั่งลงข้างเตียง ไล่ถอดเสื้อและกางเกงตัวเองทิ้งไป สายตาผมไม่ได้ละไปไหน
น้องเองก็มองทุกอากัปกิริยาที่ผมทำตาไม่กระพริบ แต่ที่น่าขำก็คืออีกฝ่ายมองผมด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ
หากแต่ไม่ยอมหลบตาไปไหน ริมฝีปากบางเม้มแน่น...จนเห็นฟันขาวและเขี้ยวเล็กๆ โผล่ออกมา
ผมทิ้งตัวลงนอนรั้งอีกฝ่ายมาอยู่ในอ้อมกอด ไอ้ตัวเล็กโผลเข้าหา ราวกับรอคอยอ้อมกอดอุ่นๆ ของผม
ผมกอดน้องไว้แน่น.มาก มากเสียจนผมว่าอีกฝ่ายก็คงจะรู้สึกอึดอัด หากแต่ก็ไม่อยากปล่อย....
เหมือนแพนเองก็เข้าใจ น้องไม่ได้ว่าอะไรแต่กลับกอดผมตอบแน่นๆ เช่นกัน ยิ่งเป็นอย่างนี้ยิ่งรู้สึกสะท้อนใจ
ถ้าถึงเวลาต้องปล่อยมือ..... ผมกับแพน.... จะทำเช่นไร
เรากอดกันเช่นนั้น..... จูบที่หน้าผากแผ่วเบา ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น ...นอกจากกระชับกอดให้แน่นขึ้น
แน่นขึ้น...
แน่นจน
อยากจะหลอมเราทั้งคู่ให้เป็นคนเดียวกัน......หากมันจะเป็นไปได้