พิมพ์หน้านี้ - >> กอด~ ตอนพิเศษ แมวเมา กับความลับ P.26 25/12/13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Tassanee ที่ 26-05-2012 21:18:44

หัวข้อ: >> กอด~ ตอนพิเศษ แมวเมา กับความลับ P.26 25/12/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 26-05-2012 21:18:44
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


___________________________________________________




สารบัญ
~ สนธิสัญญาแห่งการ "เลีย",เพื่อนใหม่ ~, เยี่ยมบ้าน~, กอดดดดดด~, กอดดดดดดดด(ต่อ) ~, บางอย่างที่ขาดหาย~,
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33355.msg2003728#msg2003728
ใครในความมืด~, หวง~, ดูหนัง~, ดูหนัง (ต่อ)~, ดูหนัง (ต่อ 2)~, ก้าวต่อไป~,
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33355.msg2013134#msg2013134
ทบทวน~, ทะเลกับความลับ~, (ต่อ), เดินทาง...., เพียงเรา, แถม++, รัก...ต้องการเวลา  80%,
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33355.msg2032499#msg2032499
รัก...ต้องการเวลา  100%, คำตอบของคำขอ, ปล่อยมือ, กลับมายืนที่เดิม,
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33355.msg2203362#msg2203362
เวลาที่เหลือ, จากลา, คิดถึง~, กลับมา   ,
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33355.msg2213680#msg2213680
ครั้งแรก, อ้อมกอด  (ต่อ), หึง,
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33355.msg2231887#msg2231887
ขอบคุณ, คำถาม, สอบ, ความหวังที่เหลืออยู่,
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33355.msg2258900#msg2258900
อ้อน, ป้อน, เสียวอ่า,
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33355.msg2275244#msg2275244
เที่ยว, ความลับของต้น, ขอถามหน่อย?  (นอกรอบ), คนขึ้สงสัย, คนขี้เหงา, เธออยู่ที่ไหน, ลงเรือ,
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33355.msg2282978#msg2282978
คนเหงากับคืนเหงา, หมาหวงก้าง, กระดูกชิ้นโต1
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33355.msg2303085#msg2303085
กระดูกชิ้นโต2,ตอนพิเศษ ม่ามาไม่ใช่สิ่งเดียวที่กินได้,
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33355.msg2307840#msg2307840
ตอน  เหตุเกิดบนบานาน่าโบ๊ท, ตอน  เหตุเกิดบนบานาน่าโบ๊ท  (Plus), ตอน ผีผลัก,
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33355.msg2314590#msg2314590
ตอน......   รักใช่ไหม?, ตอน  ... ,
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33355.msg2321615#msg2321615
ตอน  ....After  จุด  จุด  จุด, ตอน...   เปิดเผย กับปิดบัง
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33355.msg2332296#msg2332296
ตอน อย่ามอง....แค่ภายนอก
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33355.msg2341349#msg2341349
หัวข้อ: Re: กอด
เริ่มหัวข้อโดย: Tiamo_jamsai ที่ 26-05-2012 21:35:14
 :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: กอด
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 26-05-2012 22:30:29
มารอ  :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: กอด
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 26-05-2012 22:39:27
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: กอด
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 26-05-2012 23:10:39
 :pig2: :mc4:
หัวข้อ: Re: กอด~ สนธิสัญญาแห่งการ "เลีย" P.1 26/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 26-05-2012 23:55:58
ขอบคุณที่เข้ามารอนะคะ   :-[ :-[ :-[

กะมาจองเรื่องก่อน หุหุ


~ สนธิสัญญาแห่งการ "เลีย"


"โฮ่ง ๆ  โฮง ๆ"

" ...........เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดด   เอ็งงงงงงงงงงงงงงงง"

" โครมมมมมมมมมมมมมมม!!"

"ปอนนนนนนนนนนนนน   ฮือ ๆ ฮือๆๆๆๆๆๆๆ   แม่ฮะ ๆ  ปอนโดนรถชน"  ผมร้องไห้น้ำตาไหลพราก กระโดดลงจากโต๊ะม้าหินอ่อน

หน้าบ้านอย่างรวดเร็ว ตรงไปยังร่างของปอน  เลือดสีแดงสดไหลออกมาที่ปาก  ขาทรุดฮวบลงตรงหน้าร่างของปอน

ที่ตอนนี้ไม่ขยับเขยื้อนกายแต่อย่างใด  ผมได้แต่แผดเสียงจ้าจนตัวโยนไม่กล้าเอื้อมมือไปจับ 

ในใจยังนึกถึงคำที่เคยบอกแม่บอกว่าุ้ถ้าปอนเป็นแผล..............ห้ามจับเดี๋ยวปอนจะเจ็บมากกว่าเดิม   

ผมจึงทำได้แค่นั่งมองดูอยู่อย่างนั้น ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้มรู้สึกเจ็บปวดไปพร้อมกับปอนด้วย มองหาแม่ให้รอมาช่วย....

เจ้าของรถเก๋งคันเมื่อกี้ขับไปไกลแล้ว ผมสังเกตุเห็นตุ๊กตาอะไรบางอย่างที่ห้องต่ำลงมาจากรถ คิดว่าปอนคงวิ่งตามสิ่งนั้น

และคนขับคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชนปอน  เพราะปอนตัวเล็กมาก  ปอนเป็นสุนัขพันธ์ปอมเมอเรเนียน

"ฮือออออ  แม่ๆ  ปอน ๆ  ปอนลือดออกด้วย"   ผมระร่ำระรักบอกแม่  ตอนที่แม่วิ่งมาถึง  แม่ดึงผมไปกอด ก่อนจะยื่นมือ

อีกข้างไปตรงหน้าจมูกปอน  สีหน้าของแม่สลดลง  กดจูบบางเบาที่หัวผมที่ยังสะอึกสะอืิ้น 

"อย่าร้องนะครับคนเก่ง  ฟังแม่นะแพน ตอนนี้ปอนจะไม่อยู่กับเราแล้วนะจ๊ะ  แต่ปอนจะไปอยู่กับท่านผู้เฒ่าเต่าแล้วครับ"

ผมเอียงคอมองแม่ด้วยความสงสัย ก็ปอนยังนอนเลือดยู่ตรงนี้แล้วจะไปอยู่กับท่านผู้เฒ่าเต่าได้ยังไง

"แล้วจะไปได้ไงฮะ ฮึก ๆ  ก็ ...ก็  ปอนนอนอยู่ตรงนี้"  ผมชี้มืออวบอูมไปที่ปอน  แม่มองตามแล้วหันมายิ้มให้ผม ลูบหัว

เบาๆ  เป็นการปลอบใจ  ผมเบ้หน้ามองแม่....รอฟังคำตอบ  ค่อยๆ ซุกหน้าซบอกอบอุ่น สองแขนโอบกอดคอแม่แน่น

"ไปได้สิจ๊ะ  ....ไปด้วยกายทิพย์ไง  จำที่แม่เล่าได้มั้ยสิ่งมีชีวิตทุกอย่างเกิดมาเพื่อทำความดีบนโลกนี้  และเืมื่อถึงเวลา

ก็จะต้องสละร่างกาย เหลือแต่กายทิพย์ที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นลอยขึ้นบนฟ้าไปหาท่านผู้เฒ่าเต่าไงคะ  เพื่อไปรับ

รางวัลแห่งการทำความดี  และจะมีความสุขอยู่บนฟากฟ้า  ที่เราเห็นเป็นดวงดาวไงลูก และเมื่อถึงเวลาที่ต้องมาเกิดใหม่

ดาวที่ว่าก็จะทิ้งตัวลงมายังโลกมนุษย์แห่งนี้  เข้าสู้ท้ิองของม่ามี้  แล้วเกิดมาอย่างหนูไงลูก" แม่ยิ้มให้ผม 

"เหรอฮะ  ฮึกๆ  ปอนไม่ได้ตาย  แต่ว่าปอนจะไปเป็น....ฮึก ๆ ดาวใช่มั้ยฮะ" แม่เกลี่ยมือเช็คน้ำตาที่แก้มให้ผม

น้ำตาเริ่มหยุดไหล  แต่แรงสะอื้นยังเหลืออยู่

"ใช่จ๊ะคนเก่ง."  แม่ลูบหัวผมเบาๆ

"แล้วปอนไม่เจ็บเหรอฮะ  เลือดออกด้วย"  ผมมองแม่ตาแป๋ว

"ก็เจ็บนะ  แต่ว่าตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว  เราต้องช่วยกันส่งปอนไปสวรรค์นะ"

"ทำยังไงฮะ  ส่งปอนไปสวรรค์เหรอ?  แพนไม่มีตังค์ฮะซื้อตั๋วเครื่องบินให้ปอนไม่ได้" ผมก้มหน้างุด  นิ้วป้อมๆ เขี่ยกันไปมา

"หึหึ  ไม่ต้องซื้อตั๋วหรอกจ๊ะ แค่ทำพิธีให้ปอนลงสู่พื้นดิน  แพนกันภาค ไปช่วยกันเก็บดอกไม้มาโปรดที่หลุมนะคะ

เดี๋ยวแม่จะขุดหลุม  แล้วให้ปอนลงไปนอน"  แม่บอกยิ้มๆ  ผมหันไปมองภาคที่ยืนน้ำตาไหลพราก เกาะอยู่ในรั้วบ้านผม

พยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย 

"ภาคจะช่วยฮะ ...." ภาคค่อยๆ วิ่งออกมา ด้วยความจ้ำม้ำของภาคทำให้ความเร็วในการวิ่งช้ากว่าคนปกติ  พอมาถึง

ภาคกุมมือผมไว้แน่น   

"ถ้าแม่ฝังปอน  แล้วปอนจะไปสวรรค์ได้ไงฮะ?"  ผมถามด้วยความสงสัย

"ได้สิจ๊ะ  พอฝังปอน ปอนก็จะเจอพระแม่ธรณีท่านจะให้ตัวปอน แล้วปอนก็จะไปสวรรค์ได้ไงครับ"

"ให้ภาคช่วยนะ    ขอโทษ...ที่ภาคเปิดรั้ว" ภาคเอ่ยขึ้นเริ่มสะอึกสะอื้นเป็นการใหญ่ มือป้อมๆ อีกข้างยื่นขึ้นมาเช็ดน้ำตาเป็นพัลวัน

"ไม่เห็นเกี่ยวกับภาคเลย แม่บอกว่าปอนจะไปอยู่บนฟ้า" ผมหันไปตอบภาค 

"แต่...แต่เราเปิดรั้ว  ..ฮึก ๆ  นะ"  ภาคว่าสะอื้นแรงขึ้นไปอีก

"โอ๋ๆๆ  ภาคอย่าร้องไห้สิ  ปอนไม่ได้ตายซะหน่อย  ปอนไปอยู่บนสวรรค์กับท่านผู้เฒ่าเต่าเลยนะ  ว่างๆ ก็คงมาเยี่ยมเรา

เองแหล่ะ  ป่ะ ไปหาดอกไม้กัน .....จะได้ส่งปอนไปสวรรค์ไง"  ผมตีหัวภาคตุบ ๆ เป็นการปลอบใจเหมือนแม่ที่ทำกับผม

ผมหันมาหาแม่ยิ้มเป็นคำถามว่าแพนเก่งไหม  เหมือนแม่จะรู้  เห็นแม่ยิ้มตอบดึงเราสองคนไปกอดหอกแก้มฟอดดดดด

"เก่งมากค่ะคนดี  เก่งทั้งคู่เลยนะคะ  ภาคก็ไม่ต้องร้องแล้วลูก ป่ะไปหาดอกไม้แล้วตามแม่ไปที่ต้นแก้วหลังบ้านนะครับ"

"ฮะ" "ฮะ"  ผมกับภาคตอบพร้อมกัน  ก่อนจะรีบจูงมือกันไปที่สวนดอกไม้ที่ปลูกชิดกับรั้วภายในบ้านเพื่อเอามาโรยให้ปอน

 .

.

.

สักพัก พอไปถึงก็เห็นปอนนอนอยู่ในหลุมที่แม่ขุดไว้มีดินกลบทั้งตัว เหลือแต่บริเวณหัว  ปอนหลับตานิ่ง น้ำตาผมไหลอีกครั้ง

รู้สึกใจหายที่ปอนจะไปสวรรค์  ต่อไปนี้ผมคงไม่ได้เจอหน้าปอนอีก  ภาคยื่นมืออวบๆ ของตัวเองมาเช็คน้ำตาให้ผม

"แพนอย่าร้องนะ ภาคสัญญาจะอยู่กับแพนตลอดไป  ไม่ไปสวรรค์ก่อนแน่นอน" จับมือผมไว้แน่น

"อือออออออ  สัญญานะ"  ผมถามย้ำอีกครั้ง  ภาคพยักหน้าหงึกหงัก  ผมหยุดสะอื้น หันไปโปรยดอกไม้ให้ปอน

"ปอนโชคดีนะ  ขอบใจที่เป็นมาอยู่เป็นเพื่อนแพนตั้งนาน  ว่างๆ เมื่อไหร่ก็กลับมาเที่ยวบ้านบ้างนะ  แพนคิดถึง"

"ภาคสัญญา ภาคจะอยู่เป็นเพื่อนแพนตลอดเลย ปอนไม่ต้องห่วงนะ"  ภาคหันไปโปรยดอกไม้ต่อกับปอน 

แม่หันมายิ้มมองผมสองคน ก่อนจะลูบหัวเบาๆ

"ดีแล้วจ๊ะ"  แม่ว่า  ค่อย ๆ เกลี่ยดินที่เหลือปกคลุมร่างปอนอีกครั้ง  ผมกับภาค ก็ใช้มืออวบๆ ของตัวเองเกลี่ยดินที่เหลือ

ปกคลุมร่างปอน เราเอาดอกไม้ที่เหลือโปรยลงบนหลุมนั่นอีกครั้ง  ผมคิดว่าตอนนี้ปอนคงได้พบพระแม่ธรณี อย่างที่ม่ามี้ว่า

และอดคิดไม่ได้ว่า  ปอนจะตื่นเต้นแค่ไหนกันนะที่ต้องขึ้นไปถึงสวรรค์  สูงขนาดนั้น....ผมคงไปเยี่ยมไม่ไหว

.

.

.

ตกเย็นแม่ทำอาหารวางไว้เต็มโต๊ะ มีแต่ของที่ผมชอบ  แม่บอกว่าเป็นการเลี้ยงส่งที่ปอนไปสวรรค์  แม่บอกอีกว่าผมจะต้องไม่

ร้องไห้และเสียใจอีก เพราะนั่นจะทำให้ปอนเสียใจ และไม่มีความสุข  และอาจจะทำให้ท่านผู้เฒ่าเต่าลงโทษด้วยการให้ปอน

ไปเป็นดาวบ้านนอก  อยู่ในที่แสนไกล......ซึ่งผมจะมองไม่เห็น  ผมนั่งเขียอาหารไปมา  ไม่ร้องไห้แล้ว แต่ว่าทำไมกินไม่ลง

ปกติิตอนกินเข้าปอนจะมานั่งใกล้ๆ ขอผม ใช้เท่าเขี่ยเท้าผมไปมาขออาหาร  ผมก็จะแอบให้ปอนเสมอ แม้ว่าแม่จะดุบ่อย ๆ

ก็ตาม  แต่ผมเห็นปอนดีใจยิ้มตอบให้ผมตลอด  แต่วันนี้....ปอนไม่อยู่แล้ว  ทำไมมันเหงาจัง 

"แพนเป็นอะไรลูก  ทำไมไม่ทานข้าวครับ  คิดถึงปอนเหรอลูก" พ่อหันมาถามผม  เอามือลูบผมผมเบาๆ  ผมพยักหน้าตอบ

"แพนต้องทานข้าวรู้ไหม  เพราะช่วงแรก ๆที่ปอนขึ้นสวรรค์ ปอนจะทานข้าวเองไม่ได้  ดังนั้นแพนต้องทานข้าวเผื่อปอน

นะลูก   แล้วอย่าลืมอธิษฐานให้ปอนได้ทานข้าวด้วยกันนะครับ"  พ่อบอกผมยิ้มๆ  ผมหันมามองหน้าเหรอหรา

"จริงเหรอฮะ  งั้นแพนจะทานเยอะ ๆ เลยฮะ  ปอนจะได้อิ่มด้วย แล้วแพนต้องทานเพดดีกรีรึเปล่าฮะ  "  ผมชี้มืิอไปที่อาหารปอน

"ไม่ต้องครับ  แค่แพนทานให้อิ่มนะ  ปอนก็จะรู้สึกอิ่มไปด้วยโดยไม่ต้องทานอะไรเลย"  พ่อตอบหัวเราะร่วน  ผมยิ้มกว้าง

รีบจ้วงอาหารตรงหน้าทานอย่างเอร็ดอร่อย............. 

"ก็อกๆ   ...  "  เสียงเคาะประตูดังเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนเปิดออก  ผมเห็นภาค น้านพ และน้านี ยืนยิ้มแฉ่งมาให้

"อ้าวนึกว่าใคร  นพ กับ นี น่ะเอง  มาๆ มาทานข้าวด้วยกันก่อน  นี่อรเค้าทำกับข้าวไว้เยอะแยะเลย"  พ่อรีบลุกขึ้นเดินไปต้อนรับ

ปกติเราทั้งสองบ้านทานข้าวด้วยกันบ่อยๆ  บางทีก็มีจัดปาร์ตี้เล็กๆ ในวันหยุด  หรือไปตั้งแคมป์ตามที่ต่างๆ

"ไม่กวนหล่ะครับพี่จี  ทานข้างนอกเรียบร้อยแล้วครับ พอดีไอ้ป่วนของผมโยเยว่าจะอยู่เป็นเพื่อนกับแพนให้ได้น่ะครับ

เห็นบอกว่าสัญญาไว้ว่าจะอยู่เป็นเพื่อนแพนตลอดแทนปอนน่ะครับ  ห้ามยังไงก็ไม่ยอม  ฮ่ะๆๆๆ  อีกอย่างอาทิตย์หน้า

ผมกับนีต้องเดินทางไปต่างประเทศทั้งเดือนเลยครับ  ก็เลยก็ว่าจะมาฝากเจ้าภาคให้พี่จีดูให้ด้วยนะ่ครับ "  น้านพว่า

"ได้เลย ๆ  ฮ่าๆ  คนอื่นคนไกลที่ไหนกัน  เดี๋ยวพี่จะดูแลให้เอง...... ว่าแต่คราวนี้ต้องไปดูงานที่ไหนหล่ะ เป็นเืดือนๆ เชียว"

"ญี่ปุ่นครับ..... คราวนี้ต้องไปทั้งสองคนเลย อดเป็นห่วงเจ้าตัวเล็กไม่ได้  เฮ้ออออออ"  น้านพถอนหายใจยาวเหยียดด

....บลา.....บลา ๆๆๆ   แล้วผู้ใหญ่ก็คุยกันสนุกสนาน  แม่หันมาพยักเพยิดให้ผมกับภาคเอาของไปเก็บแล้ว  รีบอาบน้ำเข้านอน

ผมกับภาคช่วยกันลากกระเป๋าเสื้อผ้าอันหนักอื้งของภาค ลากขึ้นไปบนชั้นสองเพื่อไปวางในห้องผม ส่วนพวกหนังสือเห็นว่า

พ่อกับแม่ของภาคจะขนเข้ามาให้พรุ่งนี้   ผมกับภาคช่วยกันจัดของ แล้วก็ไปอาบน้ำด้วยกัน  ก่อนจะมานอนแอ้งแม้งกัน

บนเตียงผม  ไม่นานนักน้านีก็เข้ามาหอมแก้มภาคก่อนกลับ  ภายในห้องมืดสนิท เหลือแต่เพียงไฟบนหัวเตียง ........

แต่ผมยังลืมตามองผนังนิ่ง บอกได้คำเดียวว่า.....................เหงา   คิดถึงปอน

"ไมไม่นอนอ่ะ"  ภาคเอียงตัวหันมาถามผม

"เราิคิดถึงปอนอ่ะ  ปกติปอนมานอนด้วยแล้วก็เล่นกันก่อนนอนทุกวัน ค่อยนอน"  ผมหันไปบอก

"เหรอ แพนเล่นกับเราก็ได้น่ะ  เราจะเล่นกับแพนแทนปอนเอง จะเล่นกับแพนทุกๆ วันเลยหล่ะ" ภาคว่า 

เอามืออวบๆ ยื่นมากอดผม ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ขึ้นทุกที

"เล่นกับภาคไม่ได้หรอก  มันไม่เหมือนกัน  ปอนจะปีนขึ้นมาเลียทั่วตัวเราเลย"  ผมบอก

"เราก็เลียได้นะแพน จะเลียให้แพนทุกวันเลย"  ภาคหันมาทำหน้าขึงขัง  ดันตัวลุกขึ้นนั่ง

ผมหันไปมองหน้าภาค  ไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ 

"ตรงไหนอ่ะ"  ภาคหันมาถาม

"ไม่รู้  ปกติปอนอยากเลียตรงไหนก็เลียอ่ะ"

"อืม  เข้าใจแล้ว"  ภาคว่าทำหน้าพยักเพยิด  ก่อนจะก้มลงเลีย ที่แก้ม  ที่หน้าผาก ที่มือ  ที่ขา และหัว ฮ่าๆ ผมหัวเราะขำๆ

ปกติปอนไม่เลียหัว  ดิ้นดุ๊กดิ๊ก อยู่ใต้ภาค 

"ฮ่าๆ   พอแล้ว  ขอบใจนะ"  ผมหันไปยิ้มให้ภาคตาหยี  ภาคยิ้มกว้างตอบ   ประหนึ่งได้ทดแทนบุญคุณผม

"ไม่เป็นไร  ก็ภาคสัญญาแล้ว"  ภาคว่าล้มตัวลงนอน  มืออวบๆ ยื่นมากอดผม แล้วเราทั้งคู่ก็ดิ่งสู่นิทรา

.

.

.

.

ผมตื่นตอนเช้านั่งยิ้มหวาน  ภาคนอนหลับอยู่ข้างๆ  เมื่อคืนผมฝันถึงปอน  ..... ปอนบอกว่าเจอพระแม่ธรณีแล้ว  ท่านใจดีมาก

มอบตั๋วชั้นหนึ่งให้ปอน  ปอนจะไปขึ้นสวรรค์พรุ่งนี้  ปอนเลียผม ....  เหมือนทุกๆ ครั้งที่เราเล่นกัน  ปอนบอกว่าขอบใจ

ที่ผมทานเข้าแทนปอน  ตอนนี้ปอนมีกำลังเยอะมาก ๆ จะวิ่งเล่นให้ทั่วสวรรค์  เป็นครั้งแรกที่ผมกับปอนคุยกัน  ......  ปอนไม่เห่า

โฮ่งๆ เหมือนเช่นทุกที  ผมเล่าให้ปอนฟังว่าภาคสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนเล่นกับผมแทนปอน  ปอนยิ้มกว้างให้ผม บอกว่าดีใจ

ที่ผมจะไม่เหงา  ปอนบอกเป็นห่วงผมมากๆ เพราะผมเอาแต่เล่นกับปอน  ปอนกลัวผมเหงา  ตอนนี้ปอนกระโดดขึ้นมาบนตักผม

ซุกตัวกลมๆ นั่นมาที่อกผม  ปอนบอกว่า ให้ผมช่วยมีความสุขบนโลกนี้แทนปอนด้วยนะ  แล้วเมื่อถึงเวลา ...ปอนจะมาเยี่ยมใหม่

ผมกอดปอนแน่น.......   ปอนหันมายิ้มให้ผม  เป็นรอยยิ้มแบบหมาๆ ซึ่งผมก็เข้าใจดี  ปอนบอกต้องไปแล้ว 

เดี๋ยวเตรียมตัวไม่ทัน  ปอนหันมายิ้มให้ผมอีกครั้ง  .....  บอกว่าฝากขอบใจภาีคที่จะเป็นเพื่อนผมแทนปอน  ผมพยักหน้ารับ

ตะโกนบอกปอนเสียงดังว่า  ผมจะรอเจอปอนนะ  ปอนยิ้มให้ผม แล้วค่อยๆ จางหายไป

.

.

.

.


หัวข้อ: Re: กอด~ สนธิสัญญาแห่งการ "เลีย" P.1 26/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Zitraphat ที่ 27-05-2012 00:05:40

 เนียนนะหนูภาค.... :laugh3:
หัวข้อ: Re: กอด~ สนธิสัญญาแห่งการ "เลีย" P.1 26/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 27-05-2012 00:14:07
อืม อย่างงี้ก้อมีด้วยยย จะเปนไงต่อไป รอลุ้น อิ อิ :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Re: กอด~ สนธิสัญญาแห่งการ "เลีย" P.1 26/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 27-05-2012 00:15:01
ฉลองเรื่องใหม่ค้า :L2:
หัวข้อ: Re: Re: กอด~ สนธิสัญญาแห่งการ "เลีย" P.1 26/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 27-05-2012 00:25:42
เด็กน้อยกันมากเลย
หัวข้อ: Re: Re: กอด~ สนธิสัญญาแห่งการ "เลีย" P.1 26/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: andear ที่ 27-05-2012 02:07:29
เลียกันตั้งแต่เด็กเลยเรอะ
หัวข้อ: Re: กอด~ สนธิสัญญาแห่งการ "เลีย" P.1 26/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 27-05-2012 06:34:36
อะคึอะคึ


ภาคเนียนแต่เด็ก อิอิ ล้อเล่น


แค่น่ารักกจัง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: กอด~ สนธิสัญญาแห่งการ "เลีย" P.1 26/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: lazat.mchub ที่ 27-05-2012 07:29:23
ว๊ายย เลียกันแต่ละอ่อนเชียว เจ้ชอบค่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: กอด~ สนธิสัญญาแห่งการ "เลีย" P.1 26/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-05-2012 13:42:53
เฮือก! เลีย!!
หัวข้อ: Re: Re: กอด~ สนธิสัญญาแห่งการ "เลีย" P.1 26/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 27-05-2012 14:48:18
รอๆๆๆจ้า  อิอิ
หัวข้อ: Re: กอด~ สนธิสัญญาแห่งการ "เลีย" P.1 26/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tiamo_jamsai ที่ 27-05-2012 14:48:59
 :call: :call: รีบมาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: กอด~ เพื่อนใหม่ P.1 27/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 27-05-2012 15:28:05
เพื่อนใหม่ ~


แพนบอกรึยังฮะ  ว่าแพนกับภาคเรียนที่เดียวกัน  ภาคอายุมากกว่าแพน 1 ปี  ตอนนี้ภาคอยู่ ป.6 แล้ว ส่วนผมไม่บอกก็คงรู้

ป .5 ไง  (จะบอกเองก็ได้  กลัวไม่รู้อ่ะ) แต่ผมไม่เรียกพี่หรอกนะ  มันชินอ่ะ  ปกติแพนไปโรงเรียนพร้อมภาคทุกวัน

เพราะพ่อกับแม่ภาคท่านต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยมากๆ  ก็เป็นไกค์นี่ครับ  บางทีก็ไปเที่ยวเพื่อสำรวจพื้นที่ใหม่ๆ

ที่ใครก็ยังไม่เคยไปเที่ยว บางทีก็ไปออกกรุปทัวร์เอง  หรือบางครั้งก็หนีไปฮานีมูนซะงั้นบ่อยมากๆ เลยหล่่ะครับ  ฮ่าๆ

เลยกลายเป็นว่าภาคต้องมาอยู่บ้านผมแทบเป็นจะการถาวร    ครับทุกๆ วันยังเหมือนเดิม  เราอยู่ด้วยกันทั้งเช้า

กลางวัน เย็น  กลับบ้านด้วยกัน  ตกกลางคืนภาคมานอนด้วยกันกับผม  และก็ยังเล่นกับผมทุกคืนก่อนนอน 

จนกลายเป็นความเคยชินซะแล้ว นึกภาพไม่ออก ว่าถ้าผมไม่มีภาค  แล้วจะเป็นยังไงกันนะ   ....... 

แต่ที่แน่ๆ  อีกไม่นานภาคก็จะย้ายโรงเรียนไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมแล้ว ก็คงเหลือแต่ผมที่ต้องทานข้าวเที่ยงคนเีดียว 

ส่วนภาคไม่น่าเป็นไรเพราะมีเพื่อนเยอะอยู่แล้ว การที่ตัวติดกับภาคมากๆ เลยทำให้เพื่อนภาคก็กลายเป็นเพื่อนผมด้วย

แล้วต่อไปนี้ผมจะทำยังไงดี  เฮ้ออออออออออ  :เฮ้อ: ผมนั่งถอนหายใจเป็นรอบที่ 108 (เยอะไปมั้ย  - -') กำลังคิดว่าจะทำไงดี

"เพี๊ยะ......"  ก็มีฝ่ามือมรณะ ฟาดมาผมเลยต้องหันหลังไปมอง  :m28: (อยากบอกว่าเจ็บอ่ะ) แต่คนฟาดกลับยิ้มร่า  อ่ะนะ....

ผมมองหน้า ยกคิ้วเป็นคำถามโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาทั้งนั้น ไอ้คนที่ว่าก็ไม่ใช่ใครเพื่อนในห้องผมเอง

"ไงแพน  นั่งหน้ามุ่ยขนาดนี้ผู้ปกครองไม่อยู่เหรอ? ไปไหนซะหล่ะวันนี้ถึงปล่อยให้อยู่คนเดียว" มองค์ ถามผม

(ผู้ปกครองที่ว่าก็คือ ภาค นั่นแหล่ะครับ  เค้าเรียกอย่างนี้กันทั้งโรงเรียนเรื่องมันยาว เดี๋ยวเล่าในตอนพิเศษ)

"อืม ภาคไปสอบเข้า ม.ต้น ที่โรงเรียน XXX อ่ะ"  ผมหันไปตอบเซ็ง ๆ แต่ก็ดีมีเพื่อนคุยแก้เหงา ปกติไม่ค่อยคุยกับใครนานๆ

เพราะพอเที่ยงภาคก็จะมาลากผมไปกินข้าวเที่ยงด้วย  เพื่อนคนอื่นๆ ก็คงชิน เลยคุยกันบ้าง แต่ไม่ได้สนิทขนาดไปไหนมาไหนด้วย

"ถ้าพี่ภาคไปเรียนต่อ ม.ต้นแล้ว  นายจะไปกินข้าวกับใครหล่ะ?"  มองค์หันมาถามสีหน้าจริงจังดูท่าจะเป็นห่วงผม  ผมยิ้มตอบ

ส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ  จริง ๆ ก็ยังคิดไม่ออก ว่าจะทำยังไง ถึงได้มานั่งง่อยอยู่นี่

"ให้เราเป็นเพื่อนมั้ยหล่ะ?  เราเองก็ยังไม่ได้สนิทกับใคร ขนาดไปไหนมาไหนด้วยกันได้  นายเองก็คงเหมือนเรานะ ไม่ค่อย

มีเพื่อนเหมือนกันใช่ไหม?" มองค์ว่า หันมามองหน้าผมขอความเห็น จริงๆ ก็คงเป็นยังงั้น  ไม่ใช่มองค์เป็นคนไม่ดีนะฮะ

แต่เพราะว่ามองค์พึ่งย้ายมาตอนกลางเทอม  นี่ก็พึ่งสองเดือนเลยทำให้ยังไม่สนิทกับใคร  เพราะแทบทุกคนก็มีกลุ่มของตัวเอง

อยู่ก่อนหน้านั้น  อืมมม...    คิด ๆ ไปแล้วผมกับมองค์ก็น่าสงสาร  รู้เลยว่าทำไมมองค์ถึงเลือกเดินเข้ามาหาผม  ก็เพราะเรา

ก็คงจะเคยเหงา  .....  เหมือนๆ กัน  ผมยิ้มกว้าง  :impress: รู้สึกว่าอีก  1 ปีที่เหลือไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดอย่างน้อยผมก็จะมีเพื่อน

"งั้นเย็นนี้เราไปหาอะไรหน้าโรงเรียนกินกันดีกว่า  ฉลองการเป็นเพื่อนสนิทกันนะ"  มองค์ว่าฉีกยิ้มกว้างที่จะีดีใจที่มีเพื่อนสนิท

กับเขาสักที

"อืมมม   ได้สิ"   ผมหัวเราะขำ เออ ......  อยากบอกว่าดีใจเหมือนกัน  แล้วเสียงกริ่งก็ดังขึ้นทั้งผมทั้งมองค์เดินคุยกันเข้า

ห้องเรียน  แล้วนั่งประจำที่ซึ่งก็ใกล้ ๆ กันอยู่แล้ว  อาจารย์วิชาคณิตศาตร์เข้ามา ก็สอนอะไร บลา ๆๆๆๆๆๆ     

โอยยยยยยยยยยย  ง่วง   :t3:  ใครบอกให้เอาวิชาเลขมาสอนหลังเที่ยงนี่ บอกตรงไม่เข้าหัวเลย  ยิ่งอยู่ด้านหลังมันยิ่งเป็นอะไรที่


เอ่อ......  ครับ  แล้วไอ้หนังตาไม่รักดีก็ค่อยๆ ปิดลง   รู้สึกถึงมือใครสักคนลูบหัวผมเบา รู้สึกดีจนต้องอมยิ้ม แล้วก็หลับไป



ใกล้หมดคาบมองค์ปลุกผมให้ตื่นทำความเคารพอาจารย์ที่สอน  พอนอนเต็มอิ่มผมก็ลุกขึ้นมาตั้งใจเรียนเต็มที่


จนสุดท้ายได้ยินเสียงกริ่งบอกให้ทราบว่าการเรียนของวันนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว  ผมกับมองค์เก็บของลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว

เตรียมตัวไปฉลอง ขณะเก็บของอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเรียกชื่อผม พอหันไปมองก็เจอภาคยืนยิ้มกว้างรออยู่

"แพน ป่ะกลับบ้านกัน"  ภาคว่า  ผมยิ้มตอบ......  ตบไหล่มองค์ให้เดินตามมาด้วยกัน  เห็นภาคทำหน้างงแล้วมองหน้าผมกับ

มองค์สลับกันไปมา  มองค์ยิ้มกว้างไปให้แล้ว  แต่ดูภาคจะยังงงไม่หายเลยยังไม่ได้ยิ้มตอบ

"ภาค  นี่มองค์เพื่อนใหม่แพนเอง" ผมแนะนำยิ้มกว้างให้ทั้งภาคและมองค์

"สวัสดีครับพี่ภาค"  มองค์ว่า ก้มหัวนิด ๆ เป็นการให้เกียรติ  แล้วยิ้มกว้างอย่างเดิม

"อืม  หวัดดี  "  ภาคว่า  ไม่ได้มีท่าทีอะไรเป็นพิเศษ  แต่ก็ยังยิ้มตอบตามมารยาท

"แล้วกลัีบบ้านได้รึยังหล่ะเรา  ภาคหิวแล้วรีบกลับกันเถอะแพน"  ผมหันไปยิ้มตอบ  ส่ายๆ หน้าไปมาอย่างอารมณ์ดี

"วันนี้ภาคกลับก่อนนะ  แพนจะไปเลี้ยงฉลองกับมองค์ที่เราจะเป็นเพื่อนสนิทกันอ่ะ อ้อ !! แพนว่าตอนเที่ยง ภาคไม่ต้อง

มารับแพนไปกินข้าวแล้วหล่ะ  เดี๋ยวแพนไปกับมองค์ก็ได้ เพราะอีกหน่อยเดี๋ยวภาคไปเรียนต่อมัธยม เราจะได้ชินไง"

ผมบอกภาค   เห็นภาคทำหน้าบึ้งเล็กน้อย...... แต่ไม่ได้ว่าอะไร 

"แพนว่างั้นเหรอ?  ตามใจแพนแล้วกันนะ  เดี๋ยวภาคกลับหล่ะ"  ภาคว่าเดินหันหลังกลับทันที

"เดี๋ยวเจอกันที่บ้านนะภาค"  ผมตะโกนบอก ภาคที่เดินไปแล้ว  แปลกๆ นะ  ภาคอาจจะน้อยใจก็ได้ที่ผมเริ่มห่างออกมา

แต่มันจำเป็นนี่นา  ก็ภาคจะไม่อยู่แล้วผมก็ต้องปรับตัวสิ  ผมหันมาหามองค์ที่ยืนหันมามองหน้าผม ก่อนจะมองตามภาคไป

"เราว่าพี่ภาคเค้าโกรธเรารึเปล่าหว่า"  มองค์ว่า  ผมหันไปเลิกคิ้วมองคนข้างๆ

"ไม่หรอก  ...คงแค่เหงาเหมือนกันน่ะ  เพราะปกติอยู่ด้วยกันตลอด ป่ะอย่าคิดมากเลย  เดี๋ยวก็ิชินเองน่ะแหล่ะ "  ผมตอบ

แต่ก็รู้สึกกังวลไม่ได้  แต่ช่วยไม่ได้นี่นา

"ที่ไหนดีอ่ะ"  ผมถาม

"ร้านนมหน้าโรงเรียนนี่แหล่ะ"

"ป่ะ  ....ไปกันเถอะ"

แล้วเราสองคนก็ไปฉลองการเป็นเพื่อนสนิทกันครั้งแรก  ที่มีเพื่อนสนิทเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ภาค กับเพื่อนภาค แต่เป็นเพื่อนของผม

เราสองคนสั่งนมปั่น  นมชมพู  ขนมปังพริกเผา แซนวิชไส้กรอก  ฯลฯ  และอีกมากมาย เรียกว่ากินกันไส้แตกอ่ะครับ  จริง ๆ ก็

กินกันไป คุยกันไป  เพราะเป็นครั้งแรกที่เริ่มเิปิดใจมีเพื่อนเป็นคนอื่น เราคุยกันเรื่องทั่วไปมาก ๆ จริงๆ ก็ประวัติของแต่ละคน

เพราะเรากำลังจะเป็นเพื่อนกัน  มันสนุกมาก มีเรื่องราวมากมายที่ผมไม่เคยรู้ และได้รู้จากมองค์ ผมเองก็เล่าเรื่องผม ครอบครัว

และแน่นอนเรื่องภาคก็มีมาด้วย  หลังคุยกันอยู่หลายชั่วโมงเราทั้งคู่เลยตัดสินใจจะกลับกัน มองค์บอกว่าวันหลังจะขอมาเล่นบ้านผม


ซึ่งก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรอยู่แล้ว  แต่ต้องบอกแม่ก่อน ผมเลยชวนไปกินข้าวเย็นที่บ้านวันพรุ่งนี้ มองค์ตอบตกลงทันที

ก่อนที่เราจะแยกทางกันกลับบ้าน ผมเดินผ่านหน้าโรงเรียนอีกครั้งมันเป็นทางกลับบ้านพอดี  เหลือบไปเห็นภาคนั่งหน้ามุ่ยอยู่

ผมเลยตะโกนเรียก  แล้วโบกมือให้ภาคหันมามองพยักหน้ารับรู้ ค่อยเดินข้ามถนนมาหาผม  .... หน้าบึ้งได้อีกนะภาค

"ภาคมานั่งทำอะไรตรงนี้อ่ะ  ไหนบอกว่าหิวจะรีบกลับบ้านไง"  ผมหันไปถาม ภาคมองผมด้วยหางตา อาจจะงอนน่ะแหล่ะ

"พอดีเพื่อนนัด  ก็เลยมานั่งรอมันตรงนี้"  ภาคว่าขรึม ไม่ได้มีรอยยิ้มอย่างเคย  ผมรู้ว่าภาคโกรธผมแน่ๆ แต่ก็แน่ใจว่าจริงๆ คงนั่ง


รอผมน่ะแหล่ะ  ผมอมยิ้มน้อย ๆ หันไปมองหน้าคนหน้าบึ้งที่ไม่ยอมมองสบตาผม

"แล้วเจอไหม?"  ถามไปงั้นแหล่ะครับอยากจะกวนคนปากไม่ตรงกับใจ  ภาคหันมามองผมหน้าบึ้งยิ่งกว่าเดิมอีกก่อนจะหันไป

ฟึดฟัดใส่ลม ใส่อากาศ  แล้วตอบผมเสียงห้วน

"ไม่เจอ ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่มาแล้วมั้ง"  ภาคว่า  ผมหัวเราะเสียงขม  ภาคหันมามองหน้าหาเรื่อง

"ขำอะไรห๊ะแพน"  แน๊ะ ภาคหันมาหาเรื่องผมอีก  แต่ผมยิ้มร่าหันไปต่อปากต่อคำกับภาคต่อ

"แพนก็อุตส่าห์ดีใจ นึกว่ามารอแพนน่ะสิ"  ผมว่ายิ้มๆ

"หึ  ก็มารอน่ะสิ  แค่นี้ก็ไม่รู้รึไง.......อ๊ะ  นี่แพนแกล้งให้ภาคพูดเหรอ"  กว่าภาคจะรู้ตัวก็สารภาพความจริงมาจนหมด  แถมยังเนียน

ขยี้หัวผมแก้อายอีกต่างหาก  ฮ่าๆ  ผมหัวเราะร่วน  ส่วนภาคน่ะเหรอตอนนี้ก็ยิ้มอารมณ์ดีไปแล้วนะสิ

"นี่ภาค  แพนจะบอกอะไรให้นะ .... ถ้าอยากไปด้วยก็บอกสิทีหลังอ่ะ  จะไ้ด้ไปด้วยกัน คุยกันหลายๆ คนสนุกดีออก

ที่สำคัญหิวขนาดนั้นกินอะไรรึยังหล่ะ  เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะหรอกคร๊าบบบบ คุณคนเก่ง"  ผมย่นปากล้อเลียนภาค ภาคหัวเราะ

"อืม  คราวหน้าจะบอก ก็นึกว่าอยากไปกันแค่สองคนนี่นา เห็นบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทกันนิ" ภาคหันมาตอบแอบเหน็บเล็ก ๆ

ผมหัวเราะขำคนขี้งอน  ก้มลงหยิบแซนวิชที่แอบสั่งมาเผื่อใครบางคนในกระเป๋า เอามาแนบแก้มคนตรงหน้า

"อ่ะ  กินซะพ่อคนขี้งอนนนนนนนนน~"   ผมหัวเราะเสียงขม  แต่บางคนยังเก็กหน้า เหมือนไม่ดีใจ แต่รีบแกะแซนวิชที่ว่ากิน

อย่างรวดเร็ว  หายวับไปในพริบตา  เอ่อ~.......ท่าจะหิวมากจริงๆ น่ะนั่น  แอบรู้สึกผิดขึ้นมานิด ๆ หล่ะ
หัวข้อ: Re: Re: กอด~เพื่อนใหม่ P.1 27/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 27-05-2012 15:53:31
แอบงอนเล็กน้อย เพราะแพนจะมีเพื่อนสนิทคนใหม่แทนภาค อิอิ
หัวข้อ: Re: กอด~เยี่ยมบ้าน P.1 27/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 28-05-2012 00:08:30
เยี่ยมบ้าน~

"แม่ครับแพนกลับมาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ ~" ผมร้องบอกแม่เสียงดัง วิ่งตรงเข้าไปในครัว เพราะช่วงเวลานี้ปกติแม่ต้องทำอาหาร

อยู่นะสิ  ส่วนภาคส่ายหน้าขำๆเดินเข้าบ้านตัวเองที่อยู่ติดกันไปแล้ว  คงจะกลับมาใหม่ตอนมื้อเย็น ผมเดินตรงเข้าไปกอดแม่ข้างหลัง

หอมแก้มแม่ฟอดดดดดดดดดใหญ่ หัวเราะเป็นการใหญ่วางมือด้านหนึ่งที่เตรียมหั่นผักมาเคาะหัวซน ๆ ของผม

"รู้แล้วจ๊ะ  ตะโกนซะเสียงดังขนาดนั้นแม่ว่ารู้ไปยันท้ายซอยแล้วมั้ง"  ผมยิ้มตอบ ยังกอดแม่ไม่ยอมปล่อย และเหมือนแม่รู้ทัน

"จะอ้อนอะไรแม่อีกหล่ะ  หึ!! ไอ้ตัวดี" แม่ว่าแล้วหยุดมองมาที่ผม  ผมยิ้มกว้าง หัวเราะคิกๆ

"แม่อ่ะ  รู้ทันตลอด พอดีแำพนมีเพื่อนใหม่ฮะ ชื่อมองค์เป็นเพื่อนห้องเดียวกันน่ะแหล่ะแม่ พอดีมองค์อยากมาเล่นที่บ้าน

แพนเลยชวนมาทานเข้าเย็นพรุ่งนี้ด้วยอ่ะ  ได้เปล่าครับ?"  ผมเล่าเอาหัวถูไถไหล่แม่เป็นการใหญ่เรียกว่าออดอ้อนเต็มขั้น

"โห....เดี๋ยวนี้ก้าวหน้าน่ะ หาเพื่อนเองได้ด้วยแม่ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าภาคเรียนต่อ ม.ต้นแล้วเราจะทำไง ติดกันยังกะตังเม หึหึ"

"โฮ่ะ ๆๆๆ  เพราะสาเหตุนี้แหล่ะครับ แพนเลยรีบหาเพื่อนสนิทเป็นการด่วน  พอดีมองค์เค้าพึ่งย้ายเข้ามากลางเทอมอ่ะแม่

เลยยังไม่ค่อยสนิทกับใคร  เพื่อนๆ ในห้องอ่ะ เค้าก็มีคนที่สนิทกันเป็นกลุ่มอยู่แล้วครับ  ก็เลยเหลือผมกับมองค์นี่แหล่ะ

ว่าแต่ว่า  พรุ่งนี้ได้เปล่าฮะ?" 

"โอ๊ยยยยย  แม่ไม่ได้ขี้ตืดขนาดนั้นสักหน่อยได้อยู่แล้วจ้า แค่เลี้ยงข้าวเย็นจะมานอนด้วยแม่ยังไม่ว่าเลย อีกอย่างนะ แม่อ่ะ

อยากเห็นเพื่อนเราคนนี้ซะแล้วสิจะเป็นยังไงน๊อออ   ท่าทางคงไม่เพี้ยนที่มาคบกับเราใช่ม๊ะ?"  แม่หัวเราะผมอีก

"โห........แม่อ่ะ ว่าลูกตัวเองแบบนี้ได้ไงครับ  แพนไม่เพี้ยนซะหน่อยทั้งหล่อทั้งใจดีตะหาก  คึกคึก  ขอบคุณนะครับคุณคนสวย"

ผมบอกเขย่งตัวขึ้นหอมแก้มแม่อีกฟอดดดใหญ่  ก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  พออาบเสร็จลงมาจากชั้นสอง

ก็เห็นแม่กับภาคกำลังจัดมื้อเย็นกันอยู่  งั้นวันนี้ผมเป็นเวรล้างจานสินะก็ภาคช่วยแม่จัดสำรับแล้ว  .....  ผมนั่งรอสบายใจเฉิบ

ภาคก็ตักข้าวใส่จานให้แม่ ผม และตัวเอง  ส่วนพ่อไม่ต้องรอปกติเลิกงานกว่าจะถึงบ้าน ก็ 3-4 ทุ่มเข้าไปแล้วจะให้หิ้วท้องรอ

คงไม่ไหว  แม่ว่าอย่างนั้น ......  เราทั้งสามคนก็ทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อย  หึหึ  เหมือนกับยังไม่ได้กินอะไรมางั้นแหล่ะ

พอเสร็จสิ้นทั้งผมทั้งภาคช่วยกันก็เก็บสำรับส่วนแม่เห็นว่าจะมีไปงานเลี้ยงที่ไหนสักแห่ง เลยขึ้นไปเตรียมตัว  ผมยืนล้างจาน

โดยมีภาคเป็นผู้ช่วย  หุหุ  สบายดีฮะ ล้างแป๊บเดียวก็เสร็จ ผมกับภาคเลยไปนั่งดูทีวีกันต่อไม่นานมากเห็นแม่แต่งตัวสวยลงมา

"ป้าอรจะไปยังไงครับ?" ภาคเอ่ยถาม

"เดี๋ยวลุงจีจะมารับจ๊ะ อ้อคืนนี้คงกลับไม่ไหวไกลเหมือนกัน  พรุ่งนี้สายๆ พ่อกับแม่ถึงจะกลับเฝ้าบ้านดีๆ หล่ะเราสองคนน่ะ"

"ฮะ" "ครับ"  ผมกับภาคตอบพร้อมกัน ไม่นานก็ได้ยินเสียงรถพ่อมาจอดหน้าบ้าน แม่ลุกขึ้นเดินออกไป  ผมกับภาคเดินไปส่ง

"ไปนะเด็กๆ"  แม่ว่า หันมาโบกมือให้ผมกับภาค  พวกผมก็โบกมือตอบ  แล้วปิดประตูลงกรให้เรียบร้อยทั้งในทั้งนอกบ้าน

กลับมานั่งดูทีวีอีกครั้ง  เห็นภาคอ้าปากหาวทั้งที่ยังไม่ดึกเท่าไหร่  ผมเลยหันไปถาม

"ภาคง่วงเหรอ  แล้วทำข้อสอบได้มั้ยอ่ะ?" 

"อือง่วงอ่ะ  แต่เรื่องสอบไม่ต้องห่วงภาคผ่านอยู่แล้ว" ภาคว่ายักคิ้วอวดความมั่นใจ  ผมหัวเราะคิกๆ ก็ภาคอ่ะเด็กเกียรตินิยม

ไม่ผ่านก็ให้มันรู้ไป  ไม่ใช่สมองฝ่อแบบผมสักหน่อย  จริงๆ หัวผมก็แค่กลางๆ ไม่ได้เก่งกาจอะไรอย่างภาคหรอก

"รู้แล้วว่าเก่งอ่ะ  ไปนอนกันเลยรึเปล่า" 

"แล้วแพนง่วงแล้วเหรอ?"

"ทำไมอ่ะ  ถ้าแพนไม่ง่วงก็ไม่ไปนอนรึไง"

"ถ้าแพนไม่ไปนอนภาคก็นอนไม่หลับอยู่ดี  นั่งดูเป็นเพื่อนก็ได้"  ภาคว่าหน้างออีกแล้ว  ผมเอามือขยี้หัวภาคเล่น

"โอ๊ะ โอ๋  อย่างอนนะครับเด็กน้อย  ป่ะ.....ไปนอนกัน"  ผมว่าพลางลุกขึ้น  ยื่นมือไปฉุดภาคให้ลุกตาม ภาคยิ้มเล็กที่มุมปาก

แล้วยอมลุกขึ้นตามมาแต่โดยดี  ก่อนจะหันไปปิดทีวี  พัดลม และหลอดไฟทั่วทั้งห้อง  ตอนนี้ภาีคสูงกว่าผม

ซัก 15 ซม.ได้มั้ง  ผมก็ได้แต่หวังว่าสักวันผมจะตามภาคทัน ทั้งเรื่องเรียน และความสูง ส่วนเรื่องหน้าตาผมว่าสูสี  หึหึหึ

พอเข้าห้องได้ภาคก็แปลงกายเป็นปอนทันที เอาหัวมาไถจนผมล้มลงบนเตียง เห่า บ็อก ๆ เหมือนตอนปอนเล็ก  ปากก็

กัดตามเนื้อตัวผม แล้วดึงผ้าแกล้งๆ  แล้วเอาหัวมาถูไถตามตัว ผมหัวเราะร่วนผลักหัวภาคให้ออกห่างเพราะมันจักจี้

พอภาคเงยหน้ามามอง มือที่ดันก็เลยอยู่ตรงหน้าภาคพอดี  ภาคมองผมเซ็งๆ  เพราะห้ามใช้มือกับผม  ก็ภาคเป็นปอนนี่นา

ก็ต้องคลานเหมือนปอนด้วยสิ  ภาคเอาหน้าดันฝ่ามือผม ผมก็ดันมือไม่หยุดกลัวจะหัวเราะจนขาดใจซะก่อน  ภาคเลยใช้ไม้เด็ด

เลียฝ่ามือผม 

"เห้ย  ฮ่าๆ  จักจี้อ่ะ"  ผมหดมือหนีทันที  เป็นการเปิดโอกาสให้ภาคคลุกวงใน ภาคคล่อมอยู่บนตัวผม  ก้มลงมาเลียซอกคอ

จนผมหดหนี  มือก็ปัดๆ ให้ภาคออกจากตัวแต่ไม่ได้จริงจังนัก  ภาคเลื่อนมาเลียจุดอ่อนผมที่ใบหู  ผมหัวเราะจนปวดท้อง

ส่ายหน้าไปมาหลบลิ้นชื้นๆของภาค  ภาคเลียลงมาที่คิ้ว  เลียที่แก้ม ก่อนจะเลียผ่านปากผม  ปกติ....ภาคไม่เลียปาก

ผมจักจี้มาก  หัวเราะดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ใต้ตัวภาค  แต่เหมือนภาคจะอึ้งๆ นิ่งไปสักพัก  ก่อนจะกลับมาเลียปากผมอีกครั้ง  ผมดันภาค

ออก  แต่ภาคขืนตัวไว้หลับตานิ่ง  ลิ้นก็เลียอยู่ที่ริมฝีปากผม  จนผมนิ่ง  ค่อยๆ มีความรู้สึกแปลกๆ มาแทนที่  เหมือนหัวใจมัน


เต้นแรง ๆ  ทั้งผมทั้งภาค  ผมรู้สึกว่าภาคหายใจขาดห้วง กระตุก ๆ เหมือนกำลังอดกลั้น  ลิ้นที่ไล้เลีย อยู่ๆ ก็หยุดนิ่ง ภาคกด

ริมฝีปากทาบทับปากผม  มันหวิวบอกไม่ถูก  .... ไม่ได้รังเกียจ   ไม่ได้ขัดขืน แต่หมดแรงเอาดื้อ  เรานิ่งกันอยู่สักพัก

ภาคก็ค่อยๆ ถอนตัวออกใบหน้าแดงจัดจนผมงง  แล้วถอนหายใจยาวเหยียดดดดดดด

"สัญญากับภาคได้ไหม...ว่าจะไม่เล่นแบบนี้กับใคร"  ภาคว่าสีหน้าจริงจัง

"อืม ไม่เล่นแบบนี้กับใครอยู่แล้ว  ก็ปอนของแพนมีแต่ภาคคนเดียวที่เป็นได้"  ผมเห็นภาคยิ้มกว้าง แก้มแทบจะแตกเลยมั้ง

ขยี้หัวผมเบา ๆ

"จำำคำนี้ไว้หล่ะ  ป่ะนอนได้แล้วเดี๋ยวไปเรียนสายหรอก แพนอ่ะขี้เซาสุด"

"เอ๊า...  มาว่าแพนได้ไงเนี่ย  แพนก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว  ภาคนะแหล่ะไม่เก่ง ปลุกแพนไม่ตื่นซะที"

"ก็ใครจะไปรู้อ่ะ  ว่าเสือพิ้งแพนเตอร์จะขี้เซาได้ขนาดนี้"  ผมยู่หน้าใส่ภาค ก่อนจะสบัดหน้าหนีนอนหันหลังให้  ได้ยินเสียงหัวเราะ


ของภาค จากนั้นไฟในห้องก็มืดสนิท  ภาคขยับตัวมาใกล้ๆ โอบกอดผมไว้ทั้งตัว  ค่อยๆ รั้งผมให้หันไปหา

"กอดหน่อยเดี๋ยวนอนไม่หลับ"  ภาคว่า  แล้วก็หลับปุ๋ยไปไม่ช้าไม่นาน  ส่วนผมนอนไม่หลับ ก็กำลังคิดวนไปวนมาว่า

ความรู้สึกเมื่อกี้มันคืออะไรกันแน่  หลังจากคิดอยู่นานเป็นชั่วโมงก็เลยได้คำตอบว่าคงไม่มีอะไร มันอาจจะเป็นเพราะผมหัวเราะ

จนเหนื่อย  หัวใจเลยเต้นแรง  และก็หมดแรงเป็นธรรมดา  การที่ภาคเลียที่ปากก็คงเหมือนกับปอน  ปอนก็ชอบเลียปากบ่อยๆ

มันคงชอบแกล้งผม  เพราะผมชิ่งหลบเสมอ  ภาคก็คงเหมือนกัน  คงหมั่นเขี้ยวเลยแกล้งผมแบบนี้  เฮ้อ !! เลิกคิดแล้วนอนดีกว่า

ผมขยับตัวเข้าซุกอ้อมแขนภาค   รู้สึกอบอุ่นกลิ่นหอมจาง ๆ ที่เป็นกลิ่นของตัวภาคที่ปนมากลับเหงื่อ  ทำให้ผมค่อยๆ หลับไปในที่สุด 

.

.

.

ผมตื่นมาเช้าอีกวัน เพราะแรงสั่นสะเทือนที่เกิดกับร่างกายผม  เอ่อ.....ไม่ทราบแผ่นดินไหวรึเปล่า  ตัวทั้งตัวถึงได้โยกคอนขนาดนี้


พอลืมตามาได้ก็เห็นหน้าภาคอยู่ห่างแค่คืบ  ทำปากขมุบขมิบอะไรไม่ทราบ ผมกระพริบตาอยู่สองสามครั้ง แล้วพยายามหลับต่อ

ตัวทั้งตัวยังสั่นสะเทือนไม่หยุด  สักพักเท่านั้นแหล่ะ ผมก็ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด สีหน้าเหยเกของผม  ทำให้ภาคยิ้มละไมมาให้

"โอ๊ยยยย" ผมก็รู้สึกเจ็บร้าวววววไปหมด  หันไปมองภาคเคือง ๆ ทุบอกภาคไปมา  ได้ยินแต่เสียงหัวเราะ

"ตื่นได้แล้วไอ้ขี้เซา  หรือจะต้องให้เบิดกระโหลกอีกทีห๊า"  ผมเบ้หน้า  เมื่อกี้คงเขย่าตัวผมอยู่นานแต่ไม่ตื่น เลยลงมะเหงกซะเลย

"ชิส์   ตื่นก้อได้ภาคใจร้ายที่สุดในโลก "   ภาคหัวเราะ ค่อยดึงผมให้ลุกขึ้น ผมเอนตัวไปซบไหล่ภาคที่นั่งอยู่ข้างตัว หลับตาพริ้ม

พร้อมจะนอนอีกรอบ  ภาคหัวเราะ ขำ ๆ อย่างรู้ทัน

"ตื่นนะแพน  ไปอาบน้ำได้แล้ว  ไม่งั้นภาคไม่รอด้วย วันนี้ต้องไปทานข้าวที่โรงเรียนนะ ป้าอรไม่อยู่"  ภาคเล่ามาเป็นฉาก ผม

ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำอย่างมึนงง  ส่วนภาคนะเหรออาบน้ำแต่งตัวแล้วมารอผมทุกวันน่ะแหล่ะ  นั่งรออยู่บนเตียง

ขณะที่กำลังอาบน้ำ ก็นึกขึ้นได้ว่าลืมผ้าเช็ดตัว  เลยตะโกนบอกให้ภาคเอามาให้

"หยิบผ้าเช็คตัวให้หน่อยดิ  แพนลืมอ่ะ"  ผมว่าซักพัก เสียงประตูห้องน้ำก็เปิดออกขณะที่ผมฟอกสบู่อยู่ใต้ฝักบัว 

ผมหันไปสบตาภาค  ภาคหน้าแดงรีบหันหน้ามองผนัง  ซึ่งไม่รู้จะอายทำไมผมกับภาคอา่บน้ำด้วยกันตั้งแต่เด็กยันโต

 แถมตอนนี้ฟองก็คลุมปิดทั่วบริเวณสำคัญจนหมด  (ตรงนั้นที่เดียวน่ะแหล่ะ - -')


"แขวนไว้ตรงนั้นแหล่ะ ขอบใจนะ" ผมหันไปบอก  ภาคปิดประตูห้องน้ำ ออกไปอย่างรวดเร็ว ตะโกนบอกผมว่าจะรอข้างล่าง

ทิ้งให้ผมสงสัยว่าภาคเป็นไร ไม่สบายรึเปล่า แต่เวลานี้ ผมก็ทำได้แค่สปีดอาบน้ำแต่งตัว  เพื่อไปโรงเรียนไม่งั้นถูกทิ้งแน่นอน

15นาที ผมวิ่งหางจุกตูดมาถึงชั้นหนึ่ง  เห็นภาคนั่งรออยู่แล้วผมยิ้มกว้างส่งไปให้ ยักคิ้วอีกที  ภาคหัวเราะนิด ๆ ส่ายหน่อยๆ

"รอนานมั้ยภาค?"

"ก็แค่ ชั่วโมงเศษๆ "  ภาคว่าก้มมองนาฬิกา  แต่ผมยักไหล่  ......  ประมาณว่า ต่อให้นานกว่านี้ภาคก็รออยู่ดีน่ะแหล่ะ

ผมกับภาคเดินจนมาถึงโรงเรียนจัดการอาหารเช้าที่โรงอาหาร  ก่อนจะแยกกันไปเข้าเรียน  ผมหันไปบอกภาคอีกครั้ง

"ตอนเที่ยงไม่ต้องมารับนะ"  กลัวภาคลืม  ภาคหันมายิ้มแต่ไม่พูดอะไร

.

.

.

เสียงกริ่งดังบอกเวลาพักเที่ยง นักเรียนเก็บสมบัติอันได้แก่ ปากกา ดินสอ ยางลบ และทำสัญลักษณ์การบ้านของชั่วโมงนี้

ตามที่ท่านอาจารย์ และต้องส่งพรุ่งนี้ในตอนเช้าซะด้วย พอเก็บของเสร็จ มองค์ก็หันมาชวนผมไปทานข้าวเที่ยงกัน

ผมพยักหน้ารับ  พอจะเดินออกไปก็ต้องสะดุดกึก  ....  ก็เพราะภาคน่ะสิ ยืนยิ้มหน้าแป้นแล้นอยู่หน้าห้องทั้งที่เมื่อเช้าผมบอกแล้ว

"อ้าว  ...ภาคมาไมอ่ะ  เมื่อเช้าแพนบอกแล้วนี่"  ผมย้ำวัตถุประสงค์ให้ภาคฟังอีกครั้ง

"อืม แต่ภาคมารับแพนกับมองค์ไปทานข้าวด้วยกัน  ยังไงก็จะสนิทกับแพนแล้วก็สนิทกับภาค และก็เพื่อนของภาคด้วยสิ

รู้จักกันไว้เยอะ เวลามีปัญหาจะได้ช่วยกันได้ไงจริงมั้ย"  ภาคยิ้มร่า เดินเข้ามาจูงแขนผม อีกมือก็ดันหลังมองค์ให้เดินนำหน้า

"ป่ะ ๆ อย่างงอยู่เลยแพน ภาคหิวแล้ว"  อืม ผมพยักหน้าหงึกๆ  ทั้งผมทั้งมองค์ก็เดินตามไปด้วยอย่างงงๆ  พอไปถึง มองค์ก็

ถูกดึงไปนั่งตรงกลางโต๊ะ  เพราะเป็นสมาชิกใหม่ ทุกคนแนะนำตัวคร่าวๆ แล้วเริ่มทานอาหาร  เป็นอาหารเที่ยงที่สนุกมาก

ทุกคนถามประวัติมองค์ มองค์ก็เล่าได้อย่างออกรสออกชาติ  เล่นฮากันตลอดเวลา แต่ละคนใหนกลุ่มยิงมุขมาตลอด  ผมเห็นมองค์


ยิ้มไม่หุบก็รู้สึกสบายใจขึ้น ที่สำคัญภาคก็ยิ้มและคุยกับมองค์อย่างเป็นกันเองอีกตะหาก ........ ดีจัง  เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก

ถึวเวลาเข้าเรียนช่วงบ่าย  ....  แต่ละคน  ง่วง ๆ งง ๆ กันไปตามระเบียบหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน  หลับบ้างตื่นบ้าง สนุกสนาน

กันไป กับการเรียนการสอน  จนเีสียงกริ่งเตือน บอกหมดคาบเรียนสำหรับวันนี้  ผมเก็บของเข้ากระเป๋าเสร็จก็หันมาถามมองค์

"ยังจะไปกินข้าวอยู่ไหม?"

"อืม  แล้วถ้านอนด้วยได้เปล่าอ่ะ"

"ได้น่ะ  แม่ก็ไม่ว่าอะไร  แล้วมองค์จะไปนอนด้วยเหรอ"

"อืม  บอกที่บ้านไว้แล้วว่าจะไปนอนบ้านแพน  วันหลังแพนก็ไปกินข้าวแล้วก็นอนบ้านเรามั่งสิ"

"อืม  ไว้โอกาสเหมาะ ๆ ก่อนแล้วกัน ป่ะไปกันเถอะ"  ผมตบไหล่ะมองค์เบา ๆ  มองเห็นคนที่ยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าห้องรอเป็นที่เรียบร้อย

ไม่ต้องสงสัยนะครับว่ทำไมภาคถึง  มาหาผมเร็ว ก็ห้องเรียนภาคอยู่เหนือขึ้นไป 1 ชั้นเท่านั้น  ป.5 จะอยู่ชั้น2 ของตึก 4


ส่วน ป.6 ก็อยู่ไกลมากครับ ตึกเดียวกันนี่แหล่ะแต่ชั้น 3  ฉะนั้นภาคเลยโผ่มารับผมได้ไวตลอด แทบไ่ม่ต้องรอเลย

"ป่ะ กลับบ้านกันแพน"  ภาคว่า  ผมพยักหน้าตอบดันหลังมองค์ให้เดินไปข้างหน้า

"ภาควันนี้มองค์ไปทานข้าวเย็นด้วยนะ  แล็วก็คงนอนค้างที่บ้านด้วย" ผมบอกกับภาค

"อ้าว!!  เหรอ"  ภาคทำหน้าเอ๋อ  มองผม  เหมือนเป็นคำถามว่าภาคต้องกลับไปนอนบ้านเหรอ ผมได้แต่ยิ้ม  แต่....ไม่ตอบ

เราสามคนเดินมาสักพักก็ถึงบ้านผม  ภาคหน้าบึ้งนิดๆ ก่อนแยกตัวเข้าบ้านตัวเองตามเคย แต่มองค์เดินตามผมเข้าไปในครัว

"แม่คร๊าบบบบบ  แพนกลับมาแล้ว"  ผมกอดแม่จากด้านหลัง  แล้วหอมแก้มอย่างเคย

"จ้าๆ รู้แล้ว  แล้วไหนหล่ะเพื่อนเราอ่ะ"  แม่ถามหา ผมถอยหลังผายมืออย่างเป็นทางการ แม่ขำคิกๆ

"ขอแนะนำคุณหญิงอรอุมาให้รู้จัึกกับเพื่้อนของกระผม นายมองค์  คร๊าบบบบบบบ" 

"สวัสดีครับแม่อรอุมา"  มองค์ไหว้แม่เรียกซะเต็มยศ   แม่ขำพรืดดดดด ตัวงอ

"จ๊ะ ๆ สวัสดีจ๊ะ  เรียกแม่อรเฉยๆ ก็ได้ลูก  อย่าไปบ้าจี้ตามแพนนักเลย"

"โหแม่อ่ะ  งอนแหล่ะ"  ผมทำปากยื่นใส่แม่  โดนแม่บีบจมูกซะงั้น แถวมองค์ก็ยืนขำอยู่ด้านหลัง   

"อย่าพูดมากไอ้ตัวดี  ไปหาน้ำให้เพื่อนก่อนเลย  กับข้าวใกล้เสร็จแล้ว  อย่าลืมเรียกภาคมาด้วยหล่ะ"

"คร๊า่บบบบบบบบ  รับทราบ เดี๋ยวผมพามองค์ไปนั่งเล่นที่สวนหน้าบ้านนะครับ"

"จ้า  งั้นเดี๋ยวกับข้าวเสร็จแม่เรียกนะ" 

ผมนั่งคุยกันสักพัก...ภาคก็มาตามไปกินข้าว  ผมกับมองค์เดินตามดูภาคไม่ค่อยยิ้มเลย ผมเลยวิ่งไปดึงแขนภาคไว้

พยักเพยิดให้มองค์เข้าไปในบ้านก่อน 

"ภาคเป็นไรอ่ะ ไม่้เห็นยิ้มเลยตั้งแต่กลับมาแล้ว"

"เปล่า  วันนี้ให้ภาคไปนอนที่บ้านใช่ไหม?"  ภาคถามย้ำอีกครั้ง คราวที่แล้วถามด้วยสายตาไม่นับได้เปล่า

ผมหัวเราะ แหะๆ แทนคำตอบ จริงๆ ก็อยากนอนกับภาคเหมือนเดิมนะ  แต่วันนี้เพื่อนมานอนด้วย ภาคคงงอน

ภาคพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้ว่าอะไรเดินไปโต๊ะกินข้าวแต่โดยดี  พอทานเสร็จเก็บจานชามเรียบร้อย ภาคก็หันไปหาแม่

"ป้าอรครับ  ภาคไปนอนที่บ้านนะครับวันนี้" 

"จ้า  กลับเร็วจังไม่ดูทีวีที่นี่ก่อนเหรอภาค"  ภาคส่ายหน้าช้า ๆ

"พรุ่งนี้มีสอบอีกตัวครับ เดี๋ยวภาคต้องไปอ่านหนังสือเตรียมสอบ"  พูดจบก็เดินออกไปเลย ผมมองตามตาละห้อย 

ไม่อยากให้ภาคกลับไปเลย จะนอนหลับมั้ยเนี่ย  เฮ้อออออออ

สักพักแม่ก็ขึ้นนอน เหลือผมกับมองค์กันสองคนเราคุยกันเรื่อยเปื่อยสนุกดี  จนเริ่มง่วง ผมเลยพามองค์ไปนอนห้องผม

ส่วนตัวเองหยิบชุดนอน และเสื้อผ้านักเรียนสำหรับใส่พรุ่งนี้อีกชุด 

"แพนจะไปนอนไหนอ่ะ  ไม่นอนด้วยกันเหรอ"  มองค์เลิกคิ้วถาม

"อ๋อ  แพนจะไปนอนอีกห้อง  มองค์นอนตามสบายเถอะ  เตียงมันแคบนอนคนเดียวสบายกว่า ฝันดีนะ เจอกันพรุ่งนี้"

ผมว่าไปงั้นแหล่ะ  ฮ่าๆ ปกตินอนกับภาคทุกคืนก็สบายดี  และผมก็อยากนอนกับภาคนี่นา  เลยอ้างไปแบบนั้น

"เหรอ อืม ฝันดี เจอกันพรุ่งนี้นะ"  มองค์ยิ้มให้  ผมเดินออกจากห้อง  ปิดประตูให้มองค์  ส่วนตัวเองน่ะเหรอ  เหอๆๆๆ 

ไปหาคนขี้งอนนอนกอดดีกว่าคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: กอด~เยี่ยมบ้าน P.1 27/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 28-05-2012 07:08:18
อ่ะ ตกลงเรียนชั้นไหนคะ ประถมหรือ มัธยมกันคะ



ตอนแรกบอก ป 5 ป.6


ตอนหลังบอก ม.5 ม.6  o18 o18


มองค์เข้ามา คงสร้างปัญหาให้คู่นี้ไม่น้อย ก็ได้แต่หวังว่ามองค์จะดี


ปล.เข้ามาเปลี่ยนคำที่ใช้ ข้อสงสัยเราดูหาเรื่องคนเขียนเกิ๊นนน  o1 o1
หัวข้อ: Re: Re: กอด~เยี่ยมบ้าน P.1 27/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 28-05-2012 12:13:41
ขออภัยค่ะ  ป.5 กับ ป.6 ค่ะ  ค่อย ๆ โต
หัวข้อ: Re: กอด~กอดดดดดดดดดด P.1 28/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 29-05-2012 00:37:01
กอดดดดดด~



ผมเดินลงมาชั้นหนึ่งเปิดประตูออกนอกบ้านก่อนจะตรงไปยังประตูรั้วที่กั้นระหว่างบ้านผมกับบ้านภาค   แต่....ไม่เคยล็อค

มีใครหาเหตุผลของการกั้นรั้วได้มั้ยครับ  ..... หึหึ  เราสองบ้านต่างฝ่ายต่างเดินเข้าออกบ้านของกันตลอดเวลา  สำหรับผม

กับภาค ตอนนี้มันกลายเป็นเรามีบ้านกันคนละสองหลังไปแล้วหล่ะครับ  ผมเปิดประตูบ้านที่ทำทางเดินเชื่อมกับประตูรั้ว

แล้วตรงดิ่งขึ้นชั้นสองอย่างชำนาญ  ฮ่าๆ ก็บอกแล้วว่ามันเหมือนบ้านของเราทั้งสองหลังเลย  ไม่นานนักผมก็มาหยุดที่หน้าห้องภาค

ถึงภายในบ้านจะปิดไปแต่ก็มีไฟเปิดตามทางเดินอยู่้ สองสามดวง  ทำให้มองเห็นได้ชัดเจน  ผมเห็นแสงไฟลอดออกมาจากห้อง

แล้วก็ได้ยินเสียงกลิ้งไปมาบนเตียงของใครบางคน   ก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียดดดดดดดดดดดดด  หึหึ ๆ ผมยิ้มขำ นอนไม่หลับเหมือนกันสินะ

ผมรอสักพัก  ...แล้วตัดสินใจเคาะห้อง ดัง  ๆ หลายที

"เห้ย......โอ๊ยยยย"   เสียงของใครบางคนตกใจ จนหล่นตุ๊บลงจากเตียงเล่นเอาพื้นสะเทือนเลยทีเดียว  หึหึ  ผมแอบยิ้มขำ

อดหมั่นไส้คนขี้งอนไม่ได้  ไม่รู้เป็นอะไรพักนี้ภาคงอนผมบ่อยมาก แล้วภาคก็เดินมาเปิดประตูให้

"แกร๊ก .... แพนมีไรเปล่า"  ภาคเปิดแง้มประตูเล็กน้อย ยื่นหน้าออกมาถาม  ตัวทั้งตัวยังยืน้เบียดบังประตูอยู่อย่างนั้น

อีกมือจับประตูไว้แน่นเหมือนเตรียมจะปิด ผมแกล้งตีหน้านิ่ง  ทำเป็นไม่รับรู้  ไม่ได้ยินเสียงภาคตกเตียง  แล้วมองหน้าภาคตอบ


"เปล่านี่  ไม่มีอะไร งั้นแพนกลับหล่ะ"  พูดเสร็จผมก็หันหลัง เตรียมจะเดินกลับ ทั้งที่ปากบอกว่าไม่มีอะไร แต่ขอโทษในมืออ่ะ

หอบทั้งชุดนอน ทั้งชุดนักเรียน  เห็นแค่นี้ก็ไม่เห็นต้องถามอย่างอื่นแล้ว  แต่ว่าภาคถาม .....  คงอยากจะอ่านหนังสือสอบจริงๆ

ผมเลยกะเผ่นกลับไปนอนห้องกับมองค์เหมือนเดิม  หากไม่มีมือของใครอีกคนรั้งไว้ซะก่อน

"เดี๋ยว  หอบชุดนอนมาทำไม  ไหนว่าจะนอนกับมองค์อ่ะ"  ภาคหันมาซักผม

"ก็เปล่านี่ก็แค่อยากหอบอ่ะ ไม่เห็นเป็นไรเลย  งั้นเดี๋ยวแพนไปนอนเป็นเพื่อนมองค์ก่อนล่ะกัน"  ผมว่ากำลังจะเดินต่อ แต่ภาคก็

ยังรั้งแขนเสื้อผมไม่ยอมปล่อย  ผมหันไปมองหน้าสงสัย.....  (ก็อยากให้ไปนอนมากนักไม่ใช่รึไง  แล้วไมไม่ปล่อยเนี่ย~แอบเคืองเล็ก ๆ)

"เดี๋ยวแพน  ไม่ต้องไปหรอกนอนกับภาคนี่แหล่ะ  นอนไม่หลับเลยอ่ะนอนเป็นเพื่อนหน่อยสิ"  ภาคว่าอ้อน ๆ ดึงผมเข้าไปในห้อง

ผมจัดการเก็บชุดนักเรียนเข้าตู้เสื้อผ้า ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวของภาคที่ใช้แล้วเดินเข้าห้องน้ำ

"แพน  หยิบผืนใหม่สิ  อันนี้ภาคใช้แล้วนะ"  ภาคว่าเดินมาแย่งผ้าเช็ดตัวออกจากมือผม  แต่ผมยื้อไว้

"ไ่ม่เห็นเป็นไรเลย  แพนไม่ถือ ที่สำคัญภาคตัวหอมจะตายแพนชอบ"  ผมว่า  เห็นแต่ภาคแอบอมยิ้มนิด ๆ แต่ยังแกล้งพยายาม

ทำหน้าให้เฉยเข้าว่า  ฮ่าๆ อยากจะบอกภาคมากอ่ะครับว่า สีหน้าของภาคอ่ะ  .....  ไม่เคยเก็บอะไรได้อยู่แล้ว ผมแอบอมยิ้ม

แล้วเดินเข้าห้องน้ำ  ไม่นานผมก็อาบน้ำเสร็จเดินออกมาใส่ชุดนอน ด้วยตัวเปล่าเปลือยที่มีผ้าเช็คตัวของภาคเพียงชิ้นเดียวบดบัง

กำลังใส่เสื้อผ้าอยู่เพลินจะเสร็จอยู่แล้ว  ตาเจ้ากรรมดันไปเห็นภาคที่จ้องผมตาไม่กระพริบ  นิ่งงันไปชั่วอึดใจ  ค้างไปแล้วนั่น

ผมเดินเข้าไปหา  ขณะที่ใส่กางเกงนอนขาสั้นเป็นผ้าคอทต้อนแสนสบาย  แต่ในมือยังถือเสื้อไว้แน่น เดินตรงไปหาคนที่เหม่อลอย

"ภาค  ... ภาค ... เป็นไรเปล่าอ่ะ "  เห็นแววตาเหม่อลอยแล้วน่าเป็นห่วงครับ  ผมเขย่าตัวภาคเบา ๆ ภาคสะดุ้งน้อย ๆ ก่อนจะดึง

ผมไปกอด  ดันตัวผมลงบนเตียง  แล้วเอ่ยชวน

"วันนี้เล่นกันมั้ยแพน"  ภาคว่า  แต่ผมไม่อยากกวนภาค เพราะภาคต้องอ่านหนังสือสอบ อีก

"ไม่เอาอ่ะ  ภาครีบอ่านหนังสือเถอะ  จะได้รีบนอน"  ผมว่า ใส่เสื้อเสร็จก็ิทิ้งตัวลงนอน  ภาคก็ยอมไปอ่านหนังสือต่อ

ประมาณสักชั่วโมงได้ก็ปิดไฟตรงโต๊หนังสือ  แล้วทิ้งตัวลงนอนข้าง  ภาคสอดแขนเข้าใต้ตัวผมค่อยๆ ดันให้ผมหันหน้าไปหา

ก่อนจะค่อย ๆ โอบกอดผมแน่น  แต่ไม่ถึงกลับอึดอัด  จมูกคมซุกลงที่แก้มผม  สูดกลิ่นอยู่นาน  ก่อนลิ้นชิ้น จะแตะเบาที่ริมฝีปาก

แล้วทาบทับความไว้ แล้วค่อยล่ะออก 
หัวข้อ: Re: กอด~เยี่ยมบ้าน P.1 27/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: YaoTJi ที่ 29-05-2012 20:42:54
แอ๊ เด็กๆนี่ช่างงงง....น่ารักกันจริงๆเลย (แอบรู้สึกว่าตัวเองแก่)

ชอบมากๆเลยค่ะ น่าร้ากกกก  :L2:  :L2:
หัวข้อ: Re: Re: กอด~เยี่ยมบ้าน P.1 27/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: mutoo ที่ 29-05-2012 21:01:37
น่ารักจังวุ๊ย
ชอบจังเรยยย...
หัวข้อ: Re: กอด~ กอดดดดดดดด(ต่อ) P.1 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 30-05-2012 00:50:55
กอดดดดดดดด(ต่อ) ~


ภาคสอดแขนเข้าใต้ตัวผมค่อยๆ ดันให้ผมหันหน้าไปหา  ก่อนจะค่อย ๆ โอบกอดผมแน่น  แต่ไม่ถึงกลับอึดอัด 

จมูกคมซุกลงที่แก้มผม  สูดกลิ่นอยู่นาน  ก่อนลิ้นชิ้น จะแตะเบาที่ริมฝีปากแล้วทาบทับไว้ แล้วค่อยล่ะออก

ลมหายใจแผ่ว ๆ สูดดมอยู่ตามซอกคอผม  สัมผัสที่คุ้นเคย  แต่ทำไมนับวันมันยิ่งรู้สึกแปลกขึ้นเรื่อยๆ นะ

ภาควนกลับมาทาบทับริมฝีปากผมอีกครั้ง  คราวนี้ไม่ได้ทาบทับเฉยๆ  แต่ค่อยๆ แทรกลิ้นเข้ามาภายใน  ดูดดุนลิ้นผม

"อืออออออ"  ผมครางเสียงแผ่ว ไอ้ที่แกล้งหลับเมื่อตะกี้มันเริ่มทนไม่ไหว  หัวใจเต้นรัวราวกับตีกลอง  สองมือยกขึ้นมาดันคนตรงหน้า

จิกแน่นเหมือนๆ จะขาดใจ  ภาคสะดุ้งเฮือก.... หยุดชะงักทุกการกระทำ  ผมลืมตาขึ้นมาสบตากับภาค  ใบหน้าที่ดูตกใจ

เหมือนๆ ภาคเองก็ทำอะไรไม่ถูก  ผมพูดไม่ออกนอนหอบหายใจ โกยอากาศให้เต็มปอด  มีคำถามมากมาย""วิ่งวุ่นเต็มหัว

แต่ดูเหมือนมันจะตีรวนจนผมไม่สามารถเรียบเรียงมันออกมาได้  ภาคยังมาที่ผมนิ่งๆ  ก่อนจะเสตาหลุบต่ำราวกับคนกระทำผิด


"ขอโทษ  ...แพนอย่าโกรธนะ  ภาค.....เ่อ่อ......จะไม่ทำอีกแล้ว"  ภาคว่า  ตอนนี้ภาคไม่ยอมสบตาผมสักนิด  ผมเองก็บอกไม่ถูก

ถ้าจะถามว่าโกรธมั้ย  ....  คำตอบคงเป็นไม่   แต่ถ้าถามว่าชอบรึเปล่า......  คำตอบก็คง ไม่รู้  สิ่งที่ผมรู้ คือมันแปลก

ทุกอย่างมันแปลกมากขึ้นทุกที  ทุกครั้งที่ภาคสัมผัสผม  .....  เหมือนมีความรู้สึกบางอย่างก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

มันมากขึ้นทุกวัน  ....  จนผมกลัวว่าจะอึดอัด  เมื่อผมไม่รู้จะตอบภาคยังไง......  ก็เลยเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องแทน

"อืือ....นอนเถอะ  แพนง่วงแล้ว"   ผมพลิกตัวหันหลังให้ภาค  หัวใจที่เต้นรัวเมื่อสักครู่....ค่อยๆ เบาลงจนเป็นปกติ

ผมพยายามข่มตาให้หลับในความมืด  ไม่อยากให้สมองคิดอะไรวุ่นวายเกินจริง ..... มันอาจจะเป็นความผิดพลาดก็ได้

ไม่นานนักผมก็รู้สึกเตียงนอนที่ยวบลงเล็กน้อย  ภาคพลิกตัวหันหลังให้ผมเช่นกัน  ก่อนจะพลิกกลับมา  และพลิกกลับไปใหม่

อยู่นานหลายตลบ  จนทำให้ผมนอนไม่หลับ  สุดท้ายภาคก็พลิกตัวมาหาผมอีกครั้ง

"แพน.... เอ่อ....ภาคขอกอดได้ไหม?"  ผมได้ยินเสียงกระซิบบางเบา  อยู่ด้านหลัง  ผมไม่ได้ตอบ ยังคงนิ่งเฉย

ภาคยื่นมือมาแตะเบาๆ  ที่หัวไหล่ แค่พอให้ผมรู้สึกตัว...........   เสียงกระซิบดังขึ้นอีกครั้ง

"นะแพนนะ......  ให้ภาคกอดได้ไหม?  ไม่ทำอะไรแล้วสัญญาเลย นะนะ"  ภาคพูดอ้อน  ผมหันหน้าไปมองนิดนึง

"อืือ"  ก่อนจะตอบรับ แล้วหันกลับมาตามเดิม ถ้าไม่ยอมก็คงไม่ต้องนอนกันพอดี  ก็ใช่ว่าผมจะรังเกียจนะ

ปกติก็กอดกันทุกคืนอยู่แล้ว แค่วันนี้......มันรู้สึกแปลกกว่าที่เคย  ก็เท่านั้น  เท่านั้นจริงๆ

ภาคขยับตัวเข้ามาชิดด้านหลังผม สอดมือเข้าตรงช่องว่างระหว่างเอวกระชับกอดเบาๆ  แต่ลำตัวของเราแนบสนิทกัน 

จมูกของภาคยังซุกอยู่ตามเรือนผมของผม 

"ขอโทษนะแพน  .... อย่าโกรธภาคเลย"  น้ำเสียงของภาคเศร้ามาก  เศร้าจนน่าสงสาร  ผมรู้สึกถึงน้ำอุ่น ๆ ที่ไหลรดเรือนผม

ตัวเอง  ภาค.....ร้องไห้เหรอ?  ใจเสียเลยผม  การที่ผมนิ่งคงทำให้ภาคคิดมากเกินไป อยากบอกว่าไม่ได้โกรธ  อย่าเสียใจ

แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา  ผมพลิกตัวหันไปหาภาค 

"อย่าร้องนะ ....พอแล้ว  แพนไม่ได้โกรธภาคหรอก"  ผมบอก ค่อยๆ ไล้มือเช็คคราบน้ำตาคนตรงหน้า  คงใจเสียไปถึงไหน

เพราะผมกับภาคไม่เคยทะเลาะกัน  พอมีปัญหาเลยทำตัวไม่ถูก  ภาคเือื้อมมือมากุผมมือผมไว้แนบกับอกของตัวเอง

"ขอโทษ..... ขอโทษนะแพน  อย่าโกรธ...เ..ล..ย"  ภาคได้แต่เอ่ยขอโทษ  ทั้งเสียงมันจุกอยู่ตรงคอหอย  เหมือนคนพยายาม

กลั้นสะอื้น  ผมส่ายหน้าไปมา  มองภาคด้วยความเป็นห่วง  เรื่องแค่นี้เอง...... ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายซะหน่อย

"ไม่เป็นไร  " เมื่อไม่มีมือจะยื่นไปปลอบใจคนตรงหน้า  ผมเลยเลือกจะกดจูบแผ่วเบาที่แก้มที่เปื้อนรอยน้ำตา  ก่อนจะทาบทับ

ไปบนริมฝีปากหนาของอีกฝ่าย   ภาคหยุดนิ่งมองผมตาโต  .....  ทั้งที่อยู่ในความมืด แต่เป็นเพราะเรามองกันและกันเป็นเวลา

นาน สายตาจึงปรับโฟกัสได้แล้ว  ผมยิ้มขำกับภาพตรงหน้า 

"หายกันแล้วนะ  เลิกขอโทษซะที  แพนไม่ได้เลือดตกยางออกซะหน่อย"  ผมว่า ล้อเลียนคนตรงหน้าเล็กน้อย ที่นอยเกินเหตุ

ได้ผม   ภาคอมยิ้ม  ดึงผมไม่กอดแน่นมาก 

"อืออออ  หายใจไม่ออก"  ผมทุบอกคนตรงหน้าเบาๆ  ให้คลายแขน  ภาครีบทำตาม  หันมายิ้มให้ผม 

"อ๊ะ  โทษที ดีใจน่ะที่แพนไม่โกรธ"   ผมส่ายหัวเซ็ง ๆ ถ้าดีใจมากๆ ผมอาจขาดอากาศหายใจตายไปแล้วก็ได้

  "อืม  รีบๆ นอนเหอะ  เดี๋ยวก็ตื่นสายกันพอดี "  ผมยู่หน้าใส่ภาค  ภาคเอาแต่หัวเราะดึงผมไปกอดไว้เช่นเดิม

แล้วพวกเราก็ค่อยๆ หลับไป

 
หัวข้อ: Re: กอด~ กอดดดดดดดด(ต่อ) P.1 29/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 30-05-2012 10:17:56
ตามมาอ่าน

พล็อตเรื่องน่ารักจังค่ะ ขอติดตามด้วยคน ต้องสนุกแน่ๆ

คุณแม่ของน้องแพนสอนเด็กๆน่ารักดีจัง ทำให้การพลัดพรากจากความตายของปอนด์กลายเป็นเรื่องที่น่ารักแสนตื่นเต้นไปได้

แล้วเด็กๆเค้าก็เล่นกันแสนน่ารัก ภาคมีเลียแพนก่อนนอนเพื่อเล่นเป็นตัวแทนปอนด์ด้วย
โอ๊ยยยย....ตายๆๆๆๆ  เล่นอะไรกันคะเด็กๆ น่ารักไปนะ  :o8: :-[
ต่อๆมาเริ่มมากกว่าเลียแล้ว  :z3: :z3: :z3: คนอ่านใจจะขาด...

มาเป็นกำลังใจให้คุณทัศน์นะคะ  :L2: :L2: :L2:
บวกๆ   :กอด1: :กอด1:

หัวข้อ: Re: Re: กอด~เยี่ยมบ้าน P.1 27/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมหวาน ที่ 30-05-2012 11:39:10
ค่อย ๆ พัฒนากันไป
แพนน่ารักจริง ๆ ทิ้งเพื่อนมานอนกับภาค
ภาคเริ่มจะมีงอนและ คงรักแพนมากจริง ๆ
เรื่องความรู้สึกคงค่อยเรียนรู้กันไป :z2:
หัวข้อ: Re: กอด~ บางอย่างที่ขาดหาย P.1 31/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 01-06-2012 01:37:26
เหมือนจะหายไปจริง  ที่โพสเมื่อตะกี้  :เฮ้อ: :เฮ้อ:

บางอย่างที่ขาดหาย~


และแล้วก็ถึงเวลาที่ภาคต้องไปเรียน ม.ต้น  เหมือนจะผ่านไปไม่นาน  แต่ก็เหงาน่าดู  ปกติเจอกันแทบทั้งวันคิดถึงเมื่อไหร่ก็ไปหา

แต่ตอนนี้สิ  เจอกันแค่ตอนเย็นแค่นั้น  ผมกับภาคยังคงนอนด้วยกันทุกวัน  วันนี้นอนบ้านคนนั้น หรือว่าวันนั้นนอนบ้านคนนี้

แต่พอมาโรงเรียนทีไรก็อดเหงาไม่ได้ทุกที  มันเหมือน......บางอย่างที่ขาดหาย  เหมือนๆ กับนาฬิกาที่เราใส่ทุกวัน

ไม่ใช่ของจำเป็นมากสำหรับชีวิต คือถ้าไม่ใส่ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตกระทบกระเทือน เพราะเราก็ยังมีสิ่งอื่นที่ทดแทนได้ 

แต่ทุกครั้งเรากลับเลือกที่จะยกแขนขึ้นมา  เพื่อจะดูว่ามันกี่โมงแล้ว  พอนึกขึ้นได้ว่าลืมใส่มาก็เลยรู้สึกหงุดหงุดขึ้นมา

แล้วทำไมวันนั้นทั้งวันเราถึงเอาแต่ยกแขนเพื่อดูเวลา  ทั้งๆ ปกติตอนที่ไม่ลืมใส่ก็ไม่เห็นจะอยากรู้เวลาขนาดนั้นเสียหน่อย

นั่นอาจจะเป็นเพราะความรู้สึกคิดถึง   ของที่เป็นของเรา  ในเวลาที่มันอยู่ใกล้เราอาจจะไม่เคยเห็นค่า  แต่พอเวลาจะเสียมันไป

ถึงได้พึ่งรู้ว่ามันสำคัญขนาดไหน   เหมือนๆ ผมวันนี้ที่เหม่อลอย เดินชนนั่นชนนี่ไปบ้าง  เกือบจะโดนรถเฉี่ยวบ้าง ลื่นตกบันได้บ้าง

ลอบถอนหายใจโดยไม่รู้ตัวบ้าง  หรือแม้แต่บางครั้งกินๆ อยู่มือก็ถือช้อนค้างกลางอากาศซะอย่างนั้น  ถ้าจะ้เป็นเอามาก 

พอถึงเวลาเลิกเรียนทีไรถึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมถึงรีบบึ่งกลับบ้าน  นี่ก็สองเดือนแล้วที่ภาคขึ้น ม.ต้น  ภาคดูโตเป็นวัยรุ่นขึ้น

ความสูงพัฒนาไปเรื่อย ๆ ขณะที่ผม ก็ไม่ค่อยก้าวหน้าสักเท่าไหร่  ดูจากพ่อกับแม่แล้ว....จะให้สูงโย่งอย่างชาวบ้านชาวเมืองน่ะก็คงเป็นเรื่องยาก

เวลาของภาคที่มีให้่ผมก็ดูจะน้อยลงตามลำดับ ถ้าไม่นับเรื่องนอนด้วยกันก็คงแทบไม่ได้เจอหน้า ภาคเป็นคนชอบทำกิจกรรม

อาจจะเพราะภาคเป็นคนรับผิดชอบ  ยิ้มแย้ม  แถมยังหน้าตาดี  นอกจากจะรับจ็อบเป็นหัวหน้าห้อง นักกีฬาโรงเรียน  เป็นหรีด

เป็นเด็กถือป้าย (ป้ายขบวนของสี) เป็นสภานักเรียน โอ๊ยยยยย  อะไรเยอะแยะไปหมด  ภาคก็เลยยุ๊งงงงงงงงงง ยุ่ง!!!

กลับมาไม่ต้องพูดถึงมีแรงกลับมาถึงบ้านได้ก็บุญแล้ว  และกว่าจะมาถึงนู่นสองทุ่มเป็นอย่างต่ำ  ถ้าสงสัยว่าผมรีบกลับบ้านมาทำไม

ตอบได้เลยว่า........ไม่รู้  ก็บอกได้แค่อยากกลับในใจก็แอบหวังนิดๆ ว่าวันนี้ภาคคงจะกลับเร็วสักหน่อย .......แต่ก็เปล่า

ผมกลับมาถึงก็มองไปบ้านอีกหลัง  น้านพกับน้านีกลับมาจากต่างประเทศอาทิตย์ที่แล้ว  เห็นแอบบ่นภาคนิดหน่อยว่าทำกิจกรรม

อะไรก็ไม่รู้เยอะแยะเกินไปเห็นแล้วรู้สึกเหนื่อยแทน  แน่ะ.....แต่ผมแอบเห็นความภาคภูมิใจที่ซ่อนอยู่ในแววตานั่นด้วยแหล่ะ อิอิ

"กลับมาแล้วคร๊าบบบบบบบ"  ผมร้องบอก เดินตรงเข้าไปในครัว  ก็เห็นภาพเดิม ๆ จนชินตา  ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งยืนหันหลัง

มีเอี๊ยมเป็นผ้ากันเปื้อนผูกอยู่กำลังทำกับข้าวที่ดูแสนจะวุ่นวาย  ....  แต่กลับมีรอยยิ้มซุกซ่อนในแววตานั่นเสมอ  แม้ปากจะบ่นว่าเหนื่อย

แต่พอคนกินบอกว่าอร่อย  ผมก็เห็นแม่ยิ้มจนแก้มแทบปริ  หึหึ....ถ้าทำได้คงลอยขึ้นไปชนเพดานแล้ว  ผมโอบกอดด้านหลังแม่

เขย่งตัวขึ้นนิดเดียวก็หอมแก้มนิ่มๆ นั่นได้แล้ว  แม่หันมายิ้มละไมวางมือจากการหั่นผัก เอามือมาลูบหัวผมอย่างเอ็นดู

"กลับมาแล้วเหรอไอ้ตัวดี  เป็นไงจ๊ะวันนี้เหงาอีกหล่ะสิ"  แม่ถามยิ้ม ก่อนจะดึงผมไปหอมตอบ 

"ก็.....ดีขึ้นแล้วหล่ะฮะ  มองค์อยู่ทั้งคนถ้าผมมัวแต่เหงามองค์ก็น่าสงสารแย่สิฮะ  ว่าแต่...แม่ทำกับข้าวอะไรฮะ หอมจัง" 

ผมเผลอกลืนน้ำลายเอือกใหญ่เพราะกลิ่นแกงในหม้อหอมฉุยมาเตะจมูก  แม่ยื่นมือมาบีบจมูกที่ยื่นไปสูดดมแกงในหม้อ

แล้วส่ายมือไปมา  ผมได้แต่ร้องโอดโอยจนแม่หัวเราะร่า 

"นี่พ่อตัวดีบอกกี่ทีแล้วว่าอย่ายื่นหน้าไปใกล้หม้อขนาดนั้นเดี๋ยวน้ำแกงเดือนกระเด็นใส่ก็เสียโฉมหรอก "

"เพี๊ยะ"  "โอ๊ย.....คร๊าบแพนไม่ทำอีกแล้วคร๊าบ....แม่อ่ะใจร้ายแพนเจ็บนะเนี่ย"  ผมเลิกแขนเสื้อให้แม่ดูรอยแดง แม่มองแล้ว

ยื่นมือจะมาหยิกเพิ่มซะงั้น ผมเอี๊ยวตัวหลับแทบไม่ทัน พอหลบได้ก็หัวเราะแม่เป็นการใหญ่...ฝีมือตกน่ะแม่

"สำออย"   แม่ว่าแลบลิ้นใส่ผม  ผมได้แต่หัวเราะคิกคัก  ผมเดินเข้าไปโอบเอวแม่ด้านหลังเช่นเดิม ง้อๆ หน่อยเดี๋ยวน้อยใจ

"ว่าแต่วันนี้ทำอะไรให้แพนทานฮะ" ผมถามอ้อนๆ  เอาคางเกยไหล่แม่ข้างหนึ่ง แม่มองผมด้วยหางตาก่อนจะส่ายหน้าเล็กๆ

ในความขี้อ้อนของผม

"จะให้แม่ทำอะไรได้หล่ะก็ของโปรดน้องแพนไงครับ  วันนี้ทำแกงส้มชะอมไข่ ผัดผักรวมมิตร ยำวุ้นเส้นด้วยอีกอย่างนะ

แพนไปอาบน้ำสิลงมาจะได้ทานข้าวเลยดีมั้ย  วันนี้พ่อกลับเร็วด้วยจะได้ทานด้วยกัน นานๆทีพ่อเราเค้าจะกลับมาทัน

ทานข้าวเย็นด้วยกัน" แม่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี  เลยพลอยทำให้ผมอารมณ์ดีไปด้วยเรื่องความเหงา ความเศร้าต่างๆ หายเป็นปลิดทิ้ง

"แม่เหนื่อยมั้ยฮะ  ต้องดูแลทั้งพ่อและแพนด้วย  แถมทำงานบ้านทั้งหลัง ยังต้องไปจ่ายตลาดอีก มาทำกับข้าวอีก เหนื่อยมั้ยฮะ?"

แม่อมยิ้ม ลดไฟที่หม้อแกงส้มลงให้อ่อน หันมากอดผมทั้งตัวเลย

"เหนื่อยสิลูก  แต่ถึงเหนื่อยแค่ไหนแม่ก็ยินดีทำนะ  เพราะว่าเวลาเราได้ทำอะไรเพื่อคนที่เรารัก  แค่เค้ามีความสุข

รู้อะไรไหมว่าเราเองน่ะแหล่ะที่มีความสุขมากกว่าอีก  มองดูคนที่เรารักกำลังมีความสุขกับสิ่งที่เราตั้งใจทำให้

แล้วรู้ไหมทุกๆ วัน แม่เหมือนลอยอยู่กลางอากาศ อบอุ่นไปด้วยความรักที่โอบล้อมเราไงลูก ถ้ารู้ว่าแม่เหนื่อยแล้ว

ก็ช่วยอะไรแม่สักอย่างนะครับ  แม่ไม่ได้หวังให้เราดีเลิศเลอ ไม่ต้องเก่ง ไม่ต้องหล่อ  ไม่ต้องเพอร์เฟค  แต่สิ่งที่แม่หวัง

และอยากให้เราทำให้แม่  แค่เป็นคนดี ไม่ต้องมากมายอะไร แค่ไม่ทำให้ใครเดือนร้อนก็พอนะ  ทำได้มั้ย?"  แม่ก้มลงมา

สบตากับผม  มือทั้งสองข้างกำลังดึงแก้มผมให้ยืดย้วยไปมา  ผมยิ้มอย่างมีความสุข  พยักหน้าตอบ พอแม่ปล่อยมือ

"ครับสัญญาเลย  แพนจะทำให้แม่ครับ"  ซบอกนิ่มของแม่อีกที  แม่กดจูบที่หัวผมเบาๆ ก่อนจะทำท่าสูดจมูกฟุดฟิดๆ

อยู่รอบตัวผม  ผมเริ่มทำตามสูดจมูกดมกลิ่นตัวเอง  ได้แต่กลิ่นเหงื่อจางๆ ไม่ได้มากมายอะไร แม่อมยิ้ม ผมโดนแม่แกล้งอีกแล้ว

แม่จับผมหันหลัง ดันตัวผมออกจากห้องครัว

"ไปอาบน้ำเลยไป ชิ่วๆ  เหม็นกลิ่นหมาเน่า "  มือข้างหนึ่งแม่อุดจมูก ส่วนอีกข้างกำลังสะบัดไล่วผม  ผมได้แต่หัวเราะ หึหึ

"คร๊าบบบบบบบบบบ  ไปเดี๋ยวนี้เลยครับ"  ผมบอกแม่ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง

.

.

.

อาบน้ำเสร็จก็ทาแป้งเด็กทั่วทั้งตัวจะได้หอม  เวลาแม่กอด แม่ชอบคนหอม ๆ  ส่วนพ่อกับผม ปกติเราไม่ค่อยกอดกันนัก

ส่วนมากจะคุยกันมากกว่า  คนละอารมณ์กับแม่เลย ฮ่าๆ  แต่ผมชอบทั้งสองแบบน่ะแหล่ะ  รู้สึกมันทำให้ผมไม่เหงา แถมยังอบอุ่นอีกตะหาก

ผมลงมาถึงห้องทานข้าว อาหารถูกจัดเรียงบนโต๊ะเีรียบร้อยแล้ว  มีอาหารเพิ่มอีกอย่างเป็นน้ำพริกหนุ่ม  อุ๊ย...เห็นแล้วน้ำลายไหล

จะต้องบอกว่า น้ำพริกทุกประเภท.....เป็นของโปรดของบ้านผมเลยฮะ  ทั้งผักสด ผักลวก ที่เป็นเครื่องเคีัยง หือออออออ

โอยยยยยยยยยย  ไม่ไหว พยายาธิในลำไส้ทำงานทันทีเลยครับ  ได้ยินเสียงกุกกักที่ประตูบ้าน ผมเดินไปเปิดประตู

ก็เห็นพ่อถือของพะลุงพะลังเต็มไม้เต็มมือไปหมด  ประตูน่ะไม่ได้ล็อคหรอกครับ...แต่พ่อก็เปิดไม่ได้  เพราะมันต้องดึงออกไป

พ่อหอบของมาวางไว้บนชั้นวางของในห้องทานข้าว  ผมช่วยพ่อถือหลายอย่าง มองด้วยความสงสัย มองถุงนั้นทีถุงนี้ที

ยังไม่ทันถาม  พ่อก็เล่าให้ฟังว่าเพื่อนที่แผนกไปเที่ยวต่างประเทศกันยกก๊วน เหลือแต่พ่อที่ต้องทำงานแทน  กลับมาเลยมีของ

มาเซ่นไหว้เป็นการใหญ่  เพราะงานนี้ถ้าไม่มีคนเสียสละสแตนบายด์หล่ะก็  หึหึ......ยุบทริปนั้นทิ้งไปได้เลย  พ่ออมยิ้ม 

ของแต่หล่ะกล่องยังไม่ได้ถูกเปิด น่าจะเป็นของใช้  ผมเห็นถุงที่น่าจะเป็นของกินอยู่ สองสามอย่าง

แม่เดินเข้ามาที่โต๊ะทานข้าว สายตาเหลือบมองที่ข้างของเป็นการใหญ่ พ่อก็เล่าให้แม่ฟังอีกรอบ  จากนั้นเราทั้งสามคนพ่อแม่ลูก

แต่เอ๋.............เหมือนมันขาดอะไรไปสักอย่าง  คุณพอจะรู้ไหมครับ  ว่าใครบางคนเค้าหายไปไหน....  ถึงผมจะมีความสุขมาก

มายแค่ไหนกับครอบครัวผม  แต่อีกใจหนึ่งก็กำลังเศร้าอย่างบอกไม่ถูก  ถ้าเลือกได้ผมเองก็อยากให้คนที่หา่ยไป

โผ่มาใช้ชีวิตร่วมกับผมบ้าง  ไม่ใช่แค่กอดตอนนอนแค่นั้น  เฮ้อออออออออออออ............ เซ็งครับ  เชอะ  คุยกับพ่อกับแม่ดีกว่า

แบรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร๊....................  ถ้าใครเจอเค้าฝากแลบลิ้นแทนผมด้วย  อ้อ....แลบลิ้นอยู่ห่างๆ ก็พอนะครับ

อย่าถึงขั้นสอดเข้าไปในปากอีกฝ่ายหล่ะ   .....เดี๋ยวจะหาว่าแพนไม่เตือน  คึคึคึ


ผมจะทำไรหน่ะเหรอ..........................หึหึหึ (หัวเราะด้วยน้ำเสียงอันโหดเหี้ยม  ~ ที่สุดเท่าที่แพนจะทำได้)

กระตุกยิ้มที่มุมปากนิดๆ

.


.

.


.

.

.

บอกได้เลยว่า.......................ไม่รู้  เคี๊ยกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  (แล้วจะพูดทำไม = =')
หัวข้อ: Re: กอด~ บางอย่างที่ขาดหาย P.1 31/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 01-06-2012 02:25:47
รักแท้??? ไม่ได้แพ้ระยะทางสำหรับน้องแพนสินะ แต่ยังอีกตั้งปี จะไหวมั้ยเนี่ย :serius2: :serius2:
แพนเหงามากเลยสิเนี่ย นายภาคไปอยู่อีก รร...
แล้วภาคคิดยังไง  คิดเหมือนแพนรึเปล่า? ทำไมทำกิจกรรมเยอะขนาดนั้น น้องเหงานะรู้มั้ย
 :sad4::sad4::sad4::o12::o12::o12:

คนแต่งแอบย่องมาลงดึกๆ คนอ่านก็ย่องมาอ่านดึกกว่าค่ะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
บวกๆให้กำลังใจคนแต่ง :L2: :L2: :L2:
จริงๆตอนนี้มันไม่ได้สั้นนะ แต่รู้สึกเหมือนมันสั้นๆอ่ะค่ะ
(เพราัะคนอ่านอยากอ่านต่ออีกแล้ว 555+)




หัวข้อ: Re: กอด~ บางอย่างที่ขาดหาย P.1 31/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 01-06-2012 06:36:25
แอร๊ยยยย อิเด็กพวกนี้ ทำเอาปร้าใจสั่น เลือดจะพุ่งเล่นอะไรกันก็ไม่รู้  :-[ :-[



แต่คนเราก็ต้องมีชีวิตตเป็นของเรา พอโตกันอะไรๆมันก็เริ่มเปลี่ยน

แล้วใจเด็กจะทนรับมันได้เหรอ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: กอด~ บางอย่างที่ขาดหาย P.1 31/5/12
เริ่มหัวข้อโดย: zaabbo ที่ 01-06-2012 06:42:58
หลงรักเรื่องนี้เข้าซะแล้ว อิอิ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: กอด~ ใครในความมืด ~ P.2 -3/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 03-06-2012 01:36:56
ใครในความมืด~


หลังจากที่ทั้งผม พ่อ กับแม่ทานข้าวกันเสร็จ ผมมีหน้าที่ต้องเก็บจานไปล้างซึ่งอันนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผม

ขณะที่ล้างก็ดันไปนึกถึงภาีพใครบางคน  ที่มักจะมายื่นข้างๆช่วยล้างน้ำเปล่าต่อจากผม พ่อกับแม่ขนของฝากไปนั่งหน้าทีวี

ผมได้ยินเสียงหยอกเย้ากันอย่างสนุกสนาน เริ่มลงมือเปิดของฝากทีละกล่องๆ  ได้ยินเสียงลุ้นจนเหนื่อย...ชอบนักไอ้เรื่องทาย

ว่าของที่ได้เป็นอะไร  และสุดท้ายก็กรี๊ดลั่นอย่างดีใจที่ทายถูก หรือไม่ก็ถอนหายใจซะเซ็งเลยทีเดียว   ผมล้างจานเสร็จกำลัง

จะเดินเข้ามาห้องดูทีวี  พลันสายตาก็เหลือบเห็นทั้งพ่อทั้งแม่กำลังจ้องตากันหวานหยาดเยิ้ม แม่เขี่ยนิ้วบางเบาที่ริมฝีปากพ่อ

ผมเห็นพ่อกระตุกยิ้มที่มุมปาก  สบตาแม่ด้วยสายตาที่คงรู้กันแค่สองคน  ก่อนที่พ่อจะเอ่ยเสียงแผ่วเบาแต่ผมได้ยินชัดเจน

"มีไอ้ตัวเล็กอีกสักคนมั้ย   ..... แพนจะได้ไม่เหงา?"  แม่ทุบเบาๆ ที่อกพ่อ รอยยิ้มหวานปราำกฎขึ้นบนใบหน้าของแม่

เห็นแล้วก็มีความสุข ....  ผมไม่ได้เดินเข้าไปในห้องนั้นต่อ  เพียงแต่เลือกจะเดินกลับขึ้นห้องปล่อยให้พ่อกับแม่ได้ใช้

เวลาส่วนตัวกันบ้างโดยไม่ต้องมีผมเป็น กขค  หึหึหึ  ....แต่อาจจะมีน้องให้ผมสักคน  ผมเดินเข้าห้องตัวเอง ปิดไฟ แล้วทิ้งตัวลงนอนบนที่นอน

แทนที่จะไปบ้านภาคช่วงนี้ผมไปนอนบ้านภาคบ่อย เพราะภาคกลับดึกนั่นแหล่ะ ภาคเลยเกรงใจไม่อยากมากวนบ้านผมตอนดึกๆ 

แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจไม่ไปเห็นภาคกลับมาแต่ละทีแล้วเหนื่อยแทน  ผมไม่ได้เบื่อที่จะรอ....  เพียงแต่ภาคเหนื่อยมาทั้งวัน

แล้วยังจะคอยมาเล่นกับผมอีกผมเองก็โตแล้วด้วยปีหน้าก็คงขึ้นมัธยมเหมือนๆ กับภาค  จะทำตัวเป็นลูกแหง่กวนภาคอย่างเดียวไม่ได้

ไม่งั้นภาคจะไม่มีโอกาสได้พักผ่อนเลยทั้งวันสินะ  ผมถอนหายใจยาวเหยียดถึงจะคิดได้อย่างนั้น      แต่........ความรู้สึกที่แท้จริง

ก็เหงาอย่างบอกไม่ถูก  ไม่ใช่แค่..ไม่ได้เจอกันทั้งวัน  แต่อาจจะไม่ได้เจอกันเลยต่อจากนี้  .....  จริงๆ ก็แค่เวลาไม่ตรงกัน

ผมเข้าใจดี  และนี่คงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด         ควรจะอยู่ห่าง....ภาคเองก็คงอยากจะใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ

บางทีอาจจะเป็นเพราะมีผม  เพราะว่าภาคห่วงผมมากไปบางครั้งการตัดสินใจบางอย่างถึงได้ดูผิดพลาดไป 

ความจริงภาคได้โควต้าโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ แต่ก็ปฏิเสธทั้งๆ ที่มันเป็นโอกาสที่ดี

ถึงภาคจะบอกว่าไม่อยากอยู่ไกลบ้าน  แต่ผมว่าภาคโกหกให้ผมสบายใจ  จะไม่รู้ได้ไงหล่ะก็ภาคอ่ะทั้งปลื้มทั้งใฝ่ฝันจะเรียนที่นั่น

พอได้จริงๆ  กลับเลือกที่จะอยู่ที่นี่แทนซะงั้น ผมเองอยากใ้ห้ภาคได้ทำอะไรอย่างที่ตัวเองชอบ....

แต่..............ก็เหมือนเป็นเพราะผมเลยทำให้ภาคไม่ได้ทำอย่างนั้น  ทุกๆ อย่างคงเป็นเพราะผมสินะ  ต่อไปภาคอาจจะเกลียดผม

ที่ผมเป็นสาเหตุให้ภาคต้องตัดสินใจอย่า่งนี้ก็ได้  ฉะนั้นตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปก็จงอยู่ห่างๆ ภาคซะ  อย่ามัวแต่เป็นภาระต่อเลย

ผมมองเพดานในความมืด ไม่ได้มีคำพูดใด  รู้สึกเจ็บปวด.....อย่างบอกไม่ถูก ภาคเคยเป็นของผม แต่ตอนนี้ผมกำลังจะปล่อย

ภาคไป  ให้ภาคได้ดำเนินชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น  ผมไม่อยากทำให้ภาครู้สึกเหนื่อยมากไปกว่านี้ น้ำตาค่อยๆ ไหลอาบแก้มผม

ผมค่อยๆ เช็คน้ำตา ที่ทำให้สายตาพร่ามัว  ดึงหมอนข้างที่ไม่ได้ทำหน้าที่ของมันมานานเข้ามากอด  ถึงจะไม่อบอุ่นแต่ก็ไม่นาน

ผมก็คงชินไปเอง  ตอนนี้ทำได้แค่พยายามข่มตาให้หลับ  เพราะยังไงพรุ่งนี้ก็ยังต้องไปโรงเรียนอีก ผมกระชับกอดหมอนข้างให้แน่นขึ้นอีก

หลับตาแน่นแล้วนับแกะที่เริ่มกระโดดข้ามตัวผมไปทีละตัวสองตัว

"ลูกแกะตัวที่หนึ่ง.....

ลูกแกะตัวที่.....สอง

ลูกแกะตัวที่.....สาม

.

.

.

ลูกแกะตัวที่.....สามสิบห้า

ลูกแกะตัวที่.....สามสิบหก

.

.

.

ลูกแกะตัวที่.....เจ็....ด สิ....บ แป....ด

ลูกแกะตัวที่.....เจ็...ด...สิ...บ  เ..........    ฟี้้้้้ๆๆๆๆๆ"   

.

.

.

.

"อืออออ~"  ผมครางเบาๆ ด้วยความง่วงงุน รู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบา ที่กำลังลูบไล้ไปทั่วราวกับหยอกเย้า มันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

มือสากๆ กำลังสอดเข้ามาในเสื้อผมลูบไล้ไปทั่วหน้าอก ก่อนจะวาดวนตรงเม็ดสี รู้สึกเสียวจนต้องแอ่นตัวรับสัมผัสวาบหวาม

ขณะที่ปากอุ่นๆ ก็กำลังจูบพรมไปทั่วทั้งใบหน้า แล้วทาบทับที่ริมฝีปากสอดลิ้นชื้นแฉะแทรกเข้ามาในปากผม 

รู้สึกได้ถึงรสหวานจากลิ้นของอีกฝ่าย  ลิ้นสากนั้นค่อยๆ ไล่ต้อนลิ้นผมให้จนมุม ผมตั้งใจจะใช้ลิ้นดันลิ้นที่ว่าออกไป แต่กลับกลาย

เป็นว่าเผลอตอบสนองลิ้นหวานๆ นั่นอย่างเผลอไผล สองแขนเอื้อมไปโอบกอดร่างที่ว่า  รู้ว่าตัวเองหมดแรงที่จะขัดขืน เผลอไผล

ตามใจสัมผัสร้อนนั่นตลอด  ผมดิ้นขลุกขลิกมือจิกเสื้อคนข้างบนดึงขึ้นอย่างแรง  เมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะขาดใจตาย

อีกคนละปากอย่างว่าง่าย  ราวกับรู้ว่าผมหายใจไม่ทัน ผมรีบหายใจเอาอากาศเข้าปอด  หายใจหอบกระเส่าอยู่ภายใต้ร่างคนตรงหน้า

จากนั้นจมูกคมๆ ก็ก้มลงมาสูดดมซอกคอผม ซุกไซร้ดูดกลืนเบา  มันเสียวจนผมต้องเงยหน้าให้เค้าสัมผัสได้มากขึ้น

"อ่าาาาาา"  ผมครางเสียงอู้อี้เพราะง่วงมาก เปลือกตาอันหนักอึ้งปิดสนิท ไม่สามารถบังคับให้เปิดขึ้น  สองมือยังจิกแน่นที่ไหล่

ของคนที่ทำให้ผมสั่นสะท้านไปตัว  ริมฝีปากร้อน ๆ ละจากคอ ไปดูดกลืนยอดอกผม

"อืมมมมม....."  เสียงครางที่แสนแผ่วของผม แทบไม่ได้ยินเสียง มันดังอยู่ในลำคอเช่นนั้น  ร่างกายแอ่นอกตอบสนองคนตรงหน้า

ลิ้นเปี๊ยกชื้นไล้เลีย ดูดกลืน จนผมหายใจสะุดุด  มือข้างหนึ่งยังนวดเฟ้นหยอกเย้านมอีกข้างที่ยังว่าง  ส่วนอีกมือสอดเข้าในกางเกงผม 

"อ่าาาา......."  มือร้อนๆ นั่น ขยับขึ้นลงช้าๆ  นิ้วหัวแม่มือยังหยอกเย้าส่วนปลายของผม มันเสียวซ่าน จนต้องแอ่นสะโพกเข้าหา

สองขาชันขึ้น นิ้วเท้าจิกแน่นที่เตียงนอน  ความต้องการพุ่งสูงขึ้นอีก  ร่างกายผมต้องการให้ขยับเร็วกว่านี้....ได้โปรด

มือนั่นขยับเร็วขึ้น ๆ ตามลำดับ  เกือบจะถึงฝั่งฝันแต่อีกฝ่ายกลับหยุดลงกระทัน ผมบิดสะโพกไปมา ด้วยความปรารถนา 

เปลือกตาหนักอึ้งมากกว่าที่เคย  ทั้งที่อยากจะลืมแต่แทบแย่แต่พยายามลืมตาเท่าไหร่กลับไม่สามารถเปิดเปลือกตาอย่างที่ใจคิด

สองมือควานหามือของอีกฝ่ายให้มาปฏิบัติภาระกิจให้สำเร็จลุล่วง  ขณะที่กำลังไขว่คว้าอากาศ มือของอีกฝ่ายก็จับมือผม

ดึงไปจับท่อนลำของตัวเอง  ผมจะชักมือกลับแต่อีกฝ่ายจับไว้แน่น  แล้วค่อยๆ ขยับเลื่อนขึ้นลงเหมือนของผม 

"อ่าาาาา"  เสียงครางต่ำของใครคนนั้น อยู่ใกล้ราวกับกระซิบที่หู  มือของผมก็ทำหน้าที่ของมันขยับเร็วขึ้นเรื่อย ๆ รู้สึกอยากให้

คนตรงหน้าครางเพราะฝีมือผมบ้าง  ไม่นานใหญ่ร้อนๆ ก็จับมือผมให้หยุดการกระทำ  ค่อยๆ ดันท่อนลำของตัวเองมาแนบกับของผม

ก่อนจะดึงมือผมและของตัวเองมากุมรอบแก่นกลางของเราทั้งคู่  แล้วชักนำให้ขยับ ตามด้วยแก่นกลางของคนๆ นั้นที่ขยับสวน

กับมือที่ขยับขึ้นลง  ยอดของเราทั้งคู่เสียดสีกันทำผมเสียวสะท้าน ขยับแกนกลางของตัวเองตาม

"อื๊ออ........."  ผมครางเสียงหลง ดีที่ปากอีกฝ่ายลงมาประกบทัน  เหลือแต่เพียงเสียงครางในลำคอของเราทั้งคู่

ทุกอย่างผ่านไปเร็วมาก  ไม่นานเราทั้งคู่ก็กระตุกเกร็งก่อนจะปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นออกมา ใครคนนั้นละปากออก

ปล่อยให้ผมนอนหอบหายใจอยู่อย่างนั้น ก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสอันความอุ่นนิ่มและชื้นแฉะ กำลังครอบทั่วท่อนลำของผม

ผมรีบตะปบมือปิดปากตัวเอง ไม่ให้ส่งเสียงคราง .......  ใครคนนั้นดูดกลืนมันทั่วทั้งลำ  เม้มปากแน่น ๆ จนผมเสียวสะท้าน

ลูดขึ้นลงอยู่แบบนั้น สักพักผมก็พ่นของเหลวสีขาวขุ่นใส่ปากคนๆ นั้น อีกครั้ง  ดูเหมือนอีกฝ่ายพอใจ ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาใน

ลำคอ  ...... 

ก่อนลิ้นไล้ร้อนๆ จะลากไล้ไปทั่ว ของเหลวสีขุ่นที่ว่าทำผมเกร็งกระตุกอยู่หลายครั้ง  ชายคนนั้นดึงผมเข้าไปกอด

แปลก.......ที่ผมยินดีซุกตัวเข้าหาอกกว้างของชายคนนั้น เมื่อเขาวาดแขนโอบรอบตัวผม  ผมก็เร่งกอดตอบไม่รอช้า

ทำไมถึงรู้สึกอบอุ่น  ไม่ได้หวาดกลัว  แม้จะมองไม่เห็นว่าเป็นใคร  ชายคนนั้นจูบเบาๆ ที่หน้าผากผม  ผมซุกหน้าสูดดมกลิ่นหอม

จากตัวคนตรงหน้า อีกฝ่ายลูบหัวผมเบาๆ  ความเหนื่อยล้าจากภาระกิจเมื่อครู่ ......  ค่อยๆ ดึงผมสู่นิทรา

.

.

.

.

.

ผมสะดุ้งตื่นมาตอนเช้าเด้งตัวขึ้นโดยอัตโนมัติ เรื่องเมื่อคืนมันจริง....หรือแค่ฝันไปน่ะ  ผมพยายามลืมตาขึ้นแต่ก็ไม่สามารถทำได้

พยายามอยู่นานเลยตัดสินใจจะใช้มือช่วยดึงขนตาให้เปลือกตาเปิด  พอแตะมือคลำบนใบหน้า.........โอ้แม่เจ้า!!!!


.

.

.

เมื่อคืน......   เมื่อคืนนี้   ผม....  ผม   ใส่ที่ปิดตานอน   :a5:

ผมรีบแกะผ้าปิดตาออก มองไปยังพื้นที่ข้างๆ ตัว ไม่พบใครสักคน มีแต่หมอนข้างหนึ่งอันที่ผมกอดแน่นๆๆๆๆๆๆ

ส่วนที่นอนอีกด้านก็เรียบแปล้ ไม่ได้ปรากฎร่องรอยแห่งการนอนของใครสักคนแต่ประการใด  ผมรีบถอนหายใจ เพราะถ้าเรื่องนี้

มันเป็นเรื่องจริงก็แสดงว่าผมเป็นเกย์ไปแล้วนะสิ  โล่งอก .....  พอสำเนียกได้ว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ ทั้งๆ ที่เมื่อคืนคิดว่าเป็นวันศุกร์

ผมก็ิทิ้งตัวลงนอนต่อ  ว่าแต่.....เมื่อคืนภาค ก็ไม่ได้มาหาผมใช่ไหม?  ตารางงานของภาค  เสาร์-อาทิตย์ต้องไปซ้อมบาสอยู่แล้ว

ผมหลับตาลงรู้สึกเหนื่อยอ่อนอย่างบอกไม่ถูก เพราะไอ้ฝันประหลาด ๆ เมื่อคืนแท้ ๆ ทำผมนอนไม่พอเลย เฮ้อออออออออ

ไม่ช้าไม่นาน.....ผมก็หลับไปอย่างง่ายดาย

.
หัวข้อ: Re: กอด~ ใครในความมืด ~ P.2 -3/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 03-06-2012 06:38:24
 :z3: :z3:


ยังไงกันหล่ะนี่ ภาคย์เอ้ยยย ทิ้งน้องให้น้องเหงา แล้วมาลักหลับน้อง

เอาไงฟระ
หัวข้อ: Re: กอด~ ใครในความมืด ~ P.2 -3/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-06-2012 07:15:42
รอตอนต่อไปจ้า :call:
หัวข้อ: Re: Re: กอด~ ใครในความมืด ~ P.2 -3/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 03-06-2012 17:22:11
ภาคเข้ามาหาน้องใช่ป่าว
หัวข้อ: Re: กอด~ ใครในความมืด ~ P.2 -3/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tiamo_jamsai ที่ 03-06-2012 17:26:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Re: กอด~ ใครในความมืด ~ P.2 -3/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: dariganae ที่ 03-06-2012 18:04:36
หึหึหึหึหึหึหึหึหึหึ....

รอต่ออยู่จ้าาาาาา>____,<
หัวข้อ: Re: Re: กอด~ ใครในความมืด ~ P.2 -3/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 03-06-2012 22:21:19
ขอบคุณ ..... ท่านผู้อ่านนะคะ  ดีใจมากที่ติดตามกันมาขนาดนี้ ฮ่าๆ 

จริงๆ ก็อยากแต่งมาก แต่คาดว่าคืนนี้คงต้องทำงานทั้งคืน .....แม้จะเป็นวันหยุด  หุหุ

แลดูแล้วชีวิตมีสุขมากมาย  มหาศาล  .....  ยังไงจะหาเวลาว่างแต่งให้ได้ค่ะ  :) 

สู้ตายแน่นอน
หัวข้อ: Re: กอด~ ใครในความมืด ~ P.2 -3/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-06-2012 10:41:16
รอจ้าๆ :z2:
หัวข้อ: Re: กอด~ หวง~ P.2 -6/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 07-06-2012 01:28:30
หวง~



"อือออออออ"  ผมร้องเสียงยานคาง  รู้สึกถึงมือใครสักคนที่ไล้เบาๆ บนใบหน้า  ผมส่ายหน้าอย่างลำคาญ รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

สักพักมือที่ว่าก็ไล้เบาๆ เช่นเดิมบนแก้มอีกข้าง  เสียงหัวเราะชอบใจที่ผมครางอย่างลำคาญ ในที่สุดผมก็ลืมตาเพื่อมองหาต้นเหตุ

ภาีพลางๆ ของใครคนนั้นกำลังมองมาที่ผม  ผมกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับสายตาใ้ห้เข้าที่

"มองค์..........มาตอนไหนอ่า"  ผมเอ่ยถามเสียงแหบพร่า เพราะพึ่งตื่นผมพยายามเหลือบมองคนตรงหน้า แต่เปลือกตาที่หลักอื้ง

ก็ปิดลงอย่างช้าๆ รู้สึกง่วงเหลือเกิน ทั้งๆ ที่อยากคุยกับเพื่อนต่อ  แต่ไม่ไหวแหล่ะ ...นอนดีกว่า   

.

.

ผมหลับไปสักพัก รู้สึกถึงสัมผัสนุ่มๆ ที่กำลังชนแก้มผมเล่นอยู่อย่างนั้น  ผมพลิกตัวหนี มือของใครบางคนก็ขยี้หัวผมซะกระจาย

"ตื่นได้แล้วคนเก่ง" เสียงกระซิบข้างหู จนผมต้องหดคอหนี

"หืออ?"  ผมงึมงำเบาๆ พลางเลิกคิ้วเป็นคำถาม    ทั้งๆที่ก็ฟังชัดเจนทุกคำพูด หากสมองกลับไม่ยอมประมวลผล

"ตื่นได้แล้ว.....จำไม่ได้เหรอว่านัดมองค์ไว้"

"เออ.........อืมมมมม  นัดมองค์....  นัดมองค์ไว้สินะ  มองค์......   มองค์  เห้ยย"  ผมสะดุ้งโหยง ลุกพรวดพราดขึ้นทันที

"เพี๊ยะ  เพี๊ยะ" ตบหน้าตัวเองเบาๆ ไปสองที สมองก็วิ่งปรู๊ดดดดดดดดดดดดด  นัดมองค์ไว้ 11 โมง ผมตาโต มองนาฬิกาที่ฝนังห้องนอนตรงปลายเตียง

"อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก  บ่ายโมงแล้ว"   ผมร้องลั่น ตั้งท่าจะกระโดดลงเตียงเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัว แต่ก็มีมือดีมาคว้าไหล่ผมไว้ซะก่อน

"เดี๋ยว ๆ ฮ่าๆ ....ไม่ต้องรีบก็ได้มองค์รอได้ "  ผมหันขวับไปมอง มองค์ปล่อยมือออกแล้วหันไปนั่งขำท้องขดท้องแข็งแทน

"ตลกอ่ะ  แพนหน้าตอนพึ่งตื่นนี่ตลกดีอ่ะ  ฮ่าๆ  แถมดูโง่ๆ ดีด้วย ก๊ากกกกกกก"  ไปแล้วครับมองค์ นอนชักดิ้นชักงออยู่บนเตียงผม

น่าโมโหจริงๆ ผมหยิบหมอนจับกดบนหน้ามองค์ทันที  ฮ่าๆ ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ว่ะมองค์ ก๊ากกกกกกกกกก...

"เห้ย!! แอนอ่า..อ๊องออมแอ๊ววววววววววววววววว " (แพนอย่า....มองค์ยอมแล้วววววววววว)   มองค์พูดเป็นภาษาได้คำเดียว

ก็โดนหมอนทั้งใบปิดหน้าดิ้นกระแด่วๆ ผมขึ้นคร่อมตัวมองค์เพื่อไม่ให้มองค์ขัดขืนได้   

"ฮ่าๆ  สมน้ำหน้า หัวเราะแพนดีนัก  ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ว่ะมองค์ ฮ่าๆๆ"   ขณะที่ผมกำลังหัวเราะในฐานะที่กำลังเป็นต่อ

"เห้ย!!" ผมร้องลั่น  อยู่ดี ๆ มองค์ก็พลิกตัวอย่างรวดเร็ว แค่ครั้งเดียวผมก็ไปอยู่ใต้ตัวมองค์เป็นที่เรียบร้อย 

ผมอ้าปากค้าง ง่ะ.....ลืมตัวไปว่ามองค์ตัวโตกว่าผมตั้งเยอะ

"คึคึคึ..... เหรออออออ  ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้เหรอแพน"  มองค์หัวเราะเจ้าเล่ห์

"แล้วทีนี้จะทำยังไงดีหล่ะ คุณแพนคนเก่ง?  ผมคงต้องขอทำโทษคนเก่งหน่อยแล้วโทษฐานแกล้งเพื่อน หึหึ"  มองค์ว่าหัวเราะเบาๆ

ค่อยๆ ก้มหน้าลงมาเรื่อย ๆ ผมพยายามดิ้นหนี....  แต่ไม่เป็นผลใดๆ ทั้งนั้น  มองค์หัวเราะอีกก้มหน้าลงมาเรื่อยๆ ลงมาเรื่อยๆ

"มองค์ ไม่เอาอย่าเล่นแบบนี้แพนไม่ชอบ  ยะ...หยุดนะ ....."     ผมรีบพูดตะกุกตะกัก  ขณะที่มองค์ยังก้มลงมาเรื่อยๆ ใกล้มาก

ใกล้มาก จนจมูกของมองค์กำลังจะึถึงแก้มผม  ผมหลับตาปี๋.....ตัวเกร็งแน่น  แทบกลั้นหายใจ

.

.

.

.

.

"แกร๊ก...แกร๊ก...  ทำอะไรกัน!!"   ผมลืมตาขึ้น เห็นภาคกระชากคอเสื้อมองค์เรียบร้อยแล้ว ดูมองค์เองก็ตกใจเหมือนกันหน้าเหวอจัด

ผมนั่งมองตาปริบๆ อึ้งๆ งงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น

"กูถามว่ามึงทำอะไรแพน!!"  ภาคตะคอกเสียงดังดึงมองค์เข้าไปใกล้อีก  เท่านั้นแหล่ะครับสติผมก็กลับคืนสู่ร่าง มองค์ไม่ได้ตอบอะไร

แค่เสตามองไปทางอื่น   ผมรีบเข้าไปแยกทั้งคู่ออกจากกัน แต่กว่าจะแกะมือภาคออกได้ เสียงกัดฟันกรอดดดดดดด ๆ ทำผมขนลุกซู่

"ดะ..เดี๋ยวภาค  ภาคกำลังเข้าใจผิดน่ะ มองค์แค่แกล้งแพนเล่นแค่นั้นแหล่ะ มันไม่ได้คิิดจะทำจริงๆ หรอก จริงมั้ยมองค์?"

ผมรีบหันไปหาตัวช่วยเสริมทัพ แต่มองค์ดันนิ่งทำหน้าเซ็งจัดๆ ผมเลยใช้เท้าเขี่ยขามองค์ไปทีสองที  มองค์หันมามองหน้าวผม

"อือ"  ในที่สุดมองค์ก็ยอมปริปาก  หันมามองหน้าภาคนิดหน่อยแล้วหันหนีไปต่อ  ผมเห็นภาคกัดฟันกรอดๆๆ พยายามหายใจยาวๆ เพื่อผ่อนคลายอารมณ์

"ก็ดี  อย่าให้กูรู้ว่ามึงคิดจะทำจริง โดนตีนกูแน่... ออกไปได้แล้ว"  ภาคว่าเสียงหนัก ๆ มองค์จ้องหน้าภาคอย่างเอาเรื่อง

จนผมใจหายว๊าบบบบบบบบบบบ  โอย.........หายใจไม่ทั่วท้องเลยผม ในที่สุดมองค์ก็เดินออกไป 

"เรารอข้างล่างแล้วกัน"  มองค์ว่าก่อนจะเดินลงไป  ภาคเดินไปกระแทกประตูปิดเสียงดัง

"แกร๊ก"  .... เอ้า ล็อคทำไมเนี่ย ...ผมหันไปมองหน้าภาคงงๆ  เห็นสายตาดุ ๆ มองมาที่ผมเต็มๆ  โอ๊ยยยยย ซวยแล้ว

"มันทำอะไรแล้วรึยัง?"  ภาคเอ่ยถามเสียงเครียด แล้วดึงผมไปกอดแน่นๆ  ผมยืนนิ่งก็งงๆ กับคำถาม แล้วจะให้ทำอะไร?

"ขอโทษนะ....กลัวมั้ย?"  น้ำเสียงดูอ่อนโยนลงมาก  ผมส่ายหน้าเบาๆ สบตาคนตรงหน้า

"ไม่เป็นไร มองค์แค่แกล้งจริงๆ นะ ไม่มีอะไรหรอก ภาคอย่าคิดมากสิ"   ผมรู้สึกผิดที่ทำให้ภาคต้องเป็นห่วง  ภาคนั่งลงบนเตียงแล้วดึงผมไปนั่งตัก

คิ้วภาคขมวดเป็นปม  สายตาจับจ้องที่ผมมือไล้แก้มบางเบาๆ  ผมไล้มือสองข้างที่คิ้วภาค....  เหมือนไม่รู้ตัวมาก่อน 

พอผมแตะคิ้วก็คลายออก  ไำม่ชอบเลยเวลาภาคทำหน้ายุ่งๆ เหมือนภาคไม่มีความสุข ผมบอกภาคตั้งหลายทีแล้วเรื่องนี้

ผมชอบภาคที่ยิ้มและใจดีกับผมมากกว่า  อยู่ใกล้ๆ แล้วมีความสุข  แต่บางครั้งภาคก็เผลอทำคิ้วขมวดอยู่เสมอ

"ไม่ได้เครียดซะหน่อย.....ก็แค่เป็นห่วง  ทำไม หือออ...เดี๋ยวนี้ภาคเป็นห่วงไม่ได้เหรอครับ"  ภาคว่าอ้อนๆ ดวงตายิ้มๆ ส่งมาที่ผม

"หึหึ  ได้อยู่แล้วถ้าเป็นภาคอ่ะ  ลองไม่เป็นห่วงแพนดูดิ  แพนจระเข้ฟาดหางเลยชิส์"  ผมว่างอน  ๆ  เห็นแต่ภาคยิ้มไม่หุบ

"ครับๆ  กลัวแล้ว  ว่าแต่กระโดดถึงเหรอเราอ่ะ?"  ภาคว่าเลิกคิ้วถาม  ผมยู่หน้าใส่ภาค

"ทำไมจะไม่ถึง  กลัวไร เดี๋ยวแพนก็สูงถึง 180" ผมว่าเชิด ๆ

"มิล?"

"เซ็นต์โว้ย!!  ภาคอ่ะ นี่ๆๆๆๆๆ"  ผมว่ารัวกำปั้นทุบคนตรงหน้า  ภาคหัวเราะเิอิ๊กอ๊ากก  ดึงผมเข้าไปกอด

"คร๊าบบบบบบ  รู้แล้วๆ ฮ่าๆ แพน........." ภาคจ้องผมตาไม่กระพริบ ที่มุมปากกระตุกยิ้มเล็ก ๆ ทำให้ภาคดูหล่อขึ้นไปอีก

"หือ?"  ผมเลิกคิ้วเป็นคำถาม ทำไมรู้สึกใจมันสั่นๆ ก็ไม่รู้  หัวใจเต้นรัวขึ้นเรื่อยๆ  โอยยยยยยย...อยากเป็นลมครับ

"ขอจูบได้ไหม"   เสียงกระซิบแผ่วเบาข้างๆ หู  ริมฝีปากขบเบาๆ ทำผมขนลุกซู่ไปทั้งตัว สัมผัสลามหายใจร้อนๆ ละอยู่ทั่งลำคอ

ภาคหันมามองผมอีกครั้ง   สายตามองนิ่งมาที่ผม  รู้สึกเขินจนต้องหลบตา ก้มหน้ามองต่ำ  มือจิกกันแน่น เพราะทำตัวไม่ถูก

"ว่าไงครับ?"  ลิ้นร้อนของคนตรงหน้าค่อยๆ ลากผ่านใบหู จนผมต้องหดคอหนี รู้ตัวดีว่าเลือดคงสูบฉีดจนหน้าแดงฉาน

"มะ...ไม่รู้"  ผมตอบเสียงตะกุกตะกัก กลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ ตัวเกร็งทั้งตัว

"ถ้างั้นแปลว่าตกลงนะ"  คนตรงหน้าก้มลงมาทาบริมฝีปากร้อนบนปากผม บดเบีืยดเคล้าคลึง  ผมเผลอจิกไหล่ภาคจนแน่น

"อือออออ" ผมครางประท้วง  เมื่้ออีกคนแทรกลิ้นเข้ามา ไล่ชิมทั่วโพรงปาก เกาะเกี่ยวลิ้นผม ทั้งเร่าร้อน และแสนหวาน

ร่างทั้งร่างผมสั่นสะท้าน  เรี่ยวแรงหดหายสองมือโอบกอดคนตรงหน้า เกรงว่าถ้าไม่กอดไว้ คงจะเผลอปล่อยตัวเองให้ตกลงไปกับพื้น

ผมหลับตาพริ้มปล่อยให้ความรู้สึกพาเราเดินไป ภาคดันผมให้นอนลงกับพื้นเตียง น้ำหนักของคนสองคนที่ทาบทับลงมา

ทำให้ฟูกนุ่มๆ ยุบลงเพียงเล็กน้อย  เพราะอีกฝ่ายยังไม่ได้ทิ้งน้ำหนักมาเต็มที่ ผมปรือตามองดูคนตรงหน้า  สบตาคม ที่มองมายังผม

แล้วก็ต้องหลับตาลงอีกครั้งด้วยความอาย  ทำไมถึงได้พ่ายแพ้้ต่อสายตาคนตรงหน้า  มือแกร่งค่อยสอดเข้าใต้เสื้อผม  ลูบไล้ บีบเค้นจุดอ่อนไหว

"อ๊ะ"ผมครางหวาน สะดุ้งหน่อยๆ ภาพเมื่อคืนกลับมาทับซ้อน เสื้อผมถูกเลิกขึ้นจนเห็นอกขาวๆ  ภาคละจากปากผม เลื่อนไปดูดกลืนยอดอกสวย

"อืมมมม  ภาค" ผมครางกระเส่า มือจิกแน่นที่ไหล่ ภาคสอดนิ้วมาที่ปากผม  ผมดูดกลืนมันทันที  ไม่รู้ทำไม...รู้แต่ว่าอยากทำ

ค่อยๆ ปรือตามอง เห็นอีกคนยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก ผมหลับตาลงอีกครั้งไล้เลียนิ้วที่ว่าอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนเป็นหน้าที่

ภาคค่อยๆ จูบต่ำลงเรื่อย ๆ แล้วจูบลงที่กึ่งกลางบ็อกเซอร์ ผมสะดุ้งเฮือก พยายามแอ่นตัวหนี  แต่อีกฝ่ายกลับพยายามไล่ขบมันเล่น

"อ๊ะ อย่า...... อืออออออออ"  ภาคดันบ็อกเซอร์ให้ต่ำลง เผยให้เห็นน้องชายผมที่ตื่นขึ้นมาเต็มตัว ริมฝีปากร้อนครอบครองมันไว้

ค่อยๆ ขยับขึ้นลงอย่างเร็วเร็ว นิ้วแกร่งสอดเข้าปากผมเพิ่มจากหนึ่งเป็นสามขยับเข้าออกเร็วพอ ๆ กับปากของภาคที่ทำให้ผม

ลิ้นร้อนๆ หยอกเย้าส่วนบนสุด ผมแอ่นสะโพกเข้าหาขยับกระแทบเน้นๆ ร่างทั้งร่างเกร็งกระตุก ปลดปล่อยในปากภาค

"อื๊ออออออออออออออออออออ" เสียงครางสุดเสียงในลำคอ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนกับเตียงอย่างอ่อนแรง หายใจหอบกระเส่า

ราวกับไปวิ่งมา 2000 เมตร หน้าแดงซ่าน ทั้งอาย ทั้งมีความสุข นอนมองอีกคนที่กำลังไล้ลิ้นจนทั่วไอ้ตัวเล็กของผม ดูดกลืนน้ำสีขาวขุ่นจนหมดเกลี้ยง

ภาคค่อยๆ เงยหน้า หันมามองผมยิ้มๆ จนผมต้องเสตาไปมองทางอื่น แต่เหมือนอีกคนจะไม่ยอมดันตัวขึ้นมารั้งหน้าผมไปหา

กดจูบบางเบา แต่อบอุ่นเกินบรรยาย สายตาที่มองมาอย่างรักใคร่ ทำเอาผมหน้าร้อนผ่าวจนเกินจะห้าม  ภาคเกลียนิ้วไปมาบนแก้มผม

"ทำอย่างนี้กับภาคได้คนเดียวรู้ไหม  คนอื่นห้าม"  ผมพยักหน้าตอบ ซุกหน้าเข้าหาอกกว้างแก้เขิน  แต่....................

.

.

.

.

.

ที่เขินยิ่งกว่าคงจะเป็น....ไอ้แท่งที่ทิ่มผมอยู่กลางลำตัว  ผมดันตัวออกเงยหน้ามองภาค  อ้าปากค้างนิดหนึ่ง ก่อนจะหุบปากฉับอย่างรวดเร็ซ

 .... ก่อนจะินึกได้ว่าภาคก็คงต้องการเหมือน ๆ กัน  ร่างกายผมเกร็งแน่นอีกครั้ง เริ่มหายใจติดขัด ทำตัวไม่ถูก สุดท้ายก็รวบรวมความกล้าหลังจากนิ่งไปนาน

"เอ่อ...ให้แพนช่วยมั้ย" แอบปรายตาไปมองภาคที่ยิ้มจนแก้มแทบปริ  ส่วนผมก็ปล่อยให้หน้าตัวเองแดงซ่านอวดภาคต่อไป

"ทำเป็นเหรอ?"  ภาคหันมาถามยิ้มๆ

"มะ...ไม่เป็นอ่ะ"  ผมว่า ก้มหน้างุด  เฮ้อ......หมดประโยชน์อีกจนได้   ผมถอนหายใจแรง  ภาคยื่นมือมาขยี้หัวผมเบาๆ

"ไม่เป็นไรหรอก ภาคทนไ้ด้"

"แต่...แพนอยากช่วย เมื่อกี้ภาคทำให้แพนแล้วด้วย"  ผมว่าก้มหน้างุดยิ่งกว่าเก่า  อยากเอาหน้าไปไถคอนกรีต ทำไมถึงหน้าด้านได้ขนาดนี้

"แค่มือก็พอนะ"  ภาคว่า  ผมพยักหน้าตอบ ภาคกุมมือผมเบาๆ ค่อยๆ สอดมันเข้าในกางเกงของภาค แต่ผมสั่น...จนระงับไม่ได้

"กลัวรึเปล่าแพน  ไม่ต้องก็ได้นะ"  ภาคว่า แต่ผมจะทำยังงั้นได้ไงอ่ะ  ผมส่ายหน้าอีกครั้งเหมือนได้กำลังใจ มือสั่นน้อยลง ค่อยๆ จับลงของภาค

"อืออ~  แพน" ภาคครา่งเสียงต่ำอยุ่ละใบหูผม ทำผมขนลุกซู่ทั้งตัว  มือภาคค่อยจับมือผมขยับ  จากนั้นก็ปล่อยให้ผมทำมันต่อด้วยตัวเอง 

ผมขยับจังหวะให้เร็วขึ้น   เร็วขึ้น  ยิ่งได้ยินเสียงครา่งของอีกฝ่ายยิ่งได้ใจ  เหมือนๆ ผมกับภาคกำลังทำสิ่งนั้นด้วยกัน

.

.

.

"อ่าาาาาาา   แพนครับ  อืมมมมมมมม"  เสียงแหบพร่า  ....จนรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายคงจะถึงฝั่งฝันในไม่ช้า  ผมเร่งจังหวะเร็วขึ้นอีก

ภาคดึงผมไปจูบ กระตุกเกร็งสองสามครั้ง ก่อนจะดึงกางเกงในมาปิด ปลดปล่อยด้านในนั้น 

"อื๊ออออออออออออออออออ"  เสียงครางต่ำอยู่ในลำคอ  ก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนหอบเหมือนผมเมื่อสักครู่นี้  ผมละมือออก

แอบตกใจในความใหญ่โตนิด  ไซด์มันต่างจากของผมมากทีเดียว  จนต้องกลืนน้ำลายลงคอหนัก ๆ (แอบคิดอะไรรึเปล่าน้องแพน คิคิ)

มองมือตัวเองที่เปื้อนคราบน้ำรักของอีกฝ่าย  ภาคดึงผมไปกอด หอมแก้มผมแรงๆ  สายตาหวานเยิ้มส่งมาที่ผม 

"ลองชิมดูมั้ย?  อร่อยนะ"  ภาคว่ายิ้ม ๆ แต่ผมถึงกลับงง ชิม?  ชิมอะไรอ่ะ?

"ชิมอะไรอ่ะ"

"ก็นี่ไง"  ภาคแตะนิ้วมาบนคราบสีขาวขุ่นบนมือผม แล้วยื่นมันมาตรงหน้า ผมหน้าแดงซ่านอีกแล้ว  ยื่นลิ้นออกไปเลียนิ้วของภาค

ผมเห็นภาคยิ้มอีกแล้ว  เห็นแล้วก็ทำให้ผมยิ้มตาม

"ตรงนี้ด้วยสิ" ภาคว่าถลกกางเกงลงต่ำเผยให้เห็นแก่นกลางที่ใหญ่โตด้านล่าง  ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบอก จ้องหน้าภาคสลับกับด้านล่างไปมา

ส่งสายตาไปถามว่าต้องทำจริงๆ ใช่มั้ย  ภาคพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะทำหน้าทำตาทำปากยื่นชี้ไปตรงที่ว่า

ผมค่อยๆ โน้มตัวลง แตะลิ้นบนยอดบนสุด ภาคสะดุ้งได้ยินเสียงครางเบาๆ  แต่ผมก็เริ่มสนุก  ครอบปากชิมยอดทั้งยอด

"อ่าาาาาา.....พะ....แพน"  ภาคพูดตะกุกตะกัก ผมก็เลยทั้งเม้มทั้งดูด  ทำอีกคนดิ้นพราดๆ  ดันหัวผมออก ครางกระเส่าเป็นว่าเล่น

"พอ...พอแล้วครับ  เดี๋ยวภาคอดใจไม่ไหว"  ผมยิ้มแป้นละปากออก  โดนภาคดีดหน้าผากไปที

"นี่แหน่ะไอ้ตัวดี ......อย่าเก่งให้มากนักเดี๋ยวจะโดนดี ป่ะไปอาบน้ำได้แล้ว" 

"อือ"

"เดี๋ยว!! ลืมถามวันนี้มองค์มาทำไม?"

"อ๋อ  แพนจะไปดูหนังกับมองค์อ่ะ"  พอพูดจบเท่านั้นแหล่ะ  ภาคหน้ามุ่ยทันที 

"ภาคจะไปด้วยกันมั้นหล่ะ"  ผมเห็นอีกฝ่ายกลั้นยิ้มดีใจเล็ก ๆ แต่ยังเก๊กอยู่

"แล้วแพนอยากให้ไปมั้ยหล่ะ?"  ผมยิ้มขำนิด ๆ  ภาคก็ยังงี้ตลอด ฟอร์มอ่ะ  ....จะเยอะไปไหน

"อยากอยู่แล้วหล่ะ  แต่อย่าทะเลาะกันได้ไหม แพนไม่ชอบเลย"  ผมเห็นภาคยิ้มหน้าบาน ถ้ามีหางนะ คงกระดิกไม่หยุด

"คร๊าบบบบ สัญญาเลยครับ ป่ะๆ  รีบๆ อาบน้ำแต่งตัวเลย แพนอ่ะช้าตลอด"

"แน๊๊๊๊๊๊๊๊๊๊๊....มาว่าแพนได้ไง  ภาคน่ะแหล่ะชิส์" 

"พอเลยๆ  ....ไปอาบน้ำไปชิ่วๆ"  ภาคว่าดันหัวผมให้เข้าห้องน้ำพร้อมโยนผ้าเช็ดตัวให้ 

ผมได้แ่ต่ยิ้มขำ อารมณ์เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของภาค  ขี้งอน ขี้หวง  ขี้หึง(อันนี้ขอละไว้ก่อนแล้วกันครับยังไม่ค่อยแน่ใจ)

หมุนฝักบัวให้สาดเทลงมา  บีบครีมอาบน้ำหอมกลุ่นชะโลมบนใยขัด ที่ถูไปมาจนเกิดฟองฟู่ทั่วตัว

"ลันละลั่นลั้นล่า   ลั่นล้า  ลั้นลา  ...."
หัวข้อ: Re: กอด~ หวง~ P.2 -6/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 07-06-2012 06:36:42
 :haun4: :haun4:


เด็กพวกนี้หนิ ป้าคนอ่านเลือดหมดตัวลูก


แต่ภาคอ่ะ เหมือนอยากก็มา อย่าทิ้งน้องไว้คนเดียวบ่อยๆดิ
หัวข้อ: Re: กอด~ หวง~ P.2 -6/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 07-06-2012 08:00:00
 :-[กี้ดดดดดดดดดดดเป็นเด็กเป็นเล็กทำไรกันอะ :z1:


แต่ชอบ :m25: :กอด1: :กอด1:


รอตอนต่อไปจ้า :bye2: :bye2: o13
หัวข้อ: Re: กอด~ หวง~ P.2 -6/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 09-06-2012 03:54:21
ดูหนัง~



ผมไม่รู้ว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดหรือเปล่า?..........  การมาดูหนังพร้อมๆ กัน ทั้งๆ ที่พึ่งเกิดเรื่องอะไรต่อมิอะไรไม่ทราบ

ก่อนหน้านี้  ดูจะทำให้บรรยากาศมันแสนคลุกกลุ่น  ผสมแสนหวานชื่นไปในตัว  งงรึเปล่าครับ?  ผมเองก็งง มึนๆ งงๆ แบบเมื่อกี้ไม่มีผิด

ด้านขวาภาคกำลังยิ้มแป้นร่าเริงสุดขีด ตาจ้องมองที่จอหนังด้านหน้า อินซึ้งไปกับหนังรักโรแมนติก (ทั้งที่เราทั้งสามคนไม่มีใครอยากดู)

ที่นั่งระหว่างผมกับภาค ถูกยกที่เท้าแขนที่กั้นกลางระหว่างเราสองคนออก แล้วแทนที่ด้วยแขนที่ยื่นยาวมาโอบรอบเอวผม

กระชับมันเพื่อให้ตัวผมพิงกับไหล่ภาคได้ง่ายขึ้น  ตัวติดกันหนึบจนแทบจะหลอมเป็นคนๆ เดียว ใบหน้าปกคลุมไปด้วยรอยยิ้ม

อย่างมีความสุข ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมงผมยังเห็นภาคทำหน้าที่แทบจะฆ่าคนได้อยู่เลยแท้  ส่วนด้านซ้ายมองค์ที่นั่งหน้ามุ่ย

อย่างไม่เป็นสุข ไม่มีรอยยิ้มใดๆ โผ่มาอีกตั้งแต่รู้ว่าภาคจะมาด้วย ตลอดการเดินทาง ผมเห็นสายตาที่เชือดเฉือนกันเป็นระยะ

ประกายไฟแปลบปลาบ แลบเข้ามาให้ตกใจเล่น  ผมเอง.....ก็ไม่รู้จะทำไง  ได้แต่นั่งนิ่งๆ หันไปมองมองค์เป็นระยะ

เผลอสบตาวิญญาณอาฆาต ชะอุ้ย! เล่นเอาผมขวัญหนีดีฝ่อไปหลายที  เมื่อเห็นว่าใครอีกคนกำลังจ้องผมกับภาค

ตาแทบถลนออกมาจากเบ้า หนังเหนิงอะไรนั่นไม่ได้ดูกันทั้งคู่  ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี่ไม่กี่ชั่วโมงไอ้คนที่ว่ายังยิ้มร่าปลุกผม แถม

หยอกเย้าด้วยใบหน้าสุขโขสโมสร ซะอีก  แล้วนี่มันอะไร..... โลกมันกลับตะละปัดเลยทีเดียว งงวุ้ย

.

.

.

.

[ย้อนเวลาก่อนเข้าโรงหนัง]

ผม ภาค และมองค์ พอมาถึงหน้าโรงหนังบุ๊ป หันไปมองมองค์ที่นอกจากจะไม่ยิ้มแย้มแล้วยังเงียบมาตลอดการเดินทาง ผิดกับ

ภาคที่อารมณ์ดียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แขนนี่พาดมาโอบไหล่ผมตลอดทา่ง  แถมแซวมองค์ตลอดทางเรื่องผู้หญิงที่เข้ามาติดใจ

มองค์บ้างหล่ะ  ที่เคยเดินกับมองค์บ้างหล่ะที่บังเอิญไปเจอที่นั่น ที่นี่ ที่โน่น  และที่นู่น  ภาคก็ถามหาเหมือนเป็นคนรู้จัก ....

ผมเองก็รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้างตามประสา แต่ที่รู้จักบางส่วนก็คนที่ ชั้นปีเดียวกัน เห็นบางส่วนเป็นพี่ม.ต้น ก็มี

แต่ละคนสวยๆ ทั้งนั้น  ก็รู้แหล่ะว่ามองค์เสน่ห์มันแรงมากไปไหนแต่ละทีนี่ไม่ต้องถามหรอกสามตึม  รวมถึงภาคด้วยนะฮะ

ก็เล่นทั้งหล่อ ทั้งสูง ทั้งขาว หน้าตาคมคายกันทั้งคู่  อ้อเรียนเก่ง  แล้วยังเป็นนักกีฬาด้วยซะอีก  ผมนี่คบกับพวกนี้

มีหวังหมดสิทธิ์หลีหญิงคงได้แต่มองน้ำลายหกไปพลาง ๆ   แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจหรอกนะครับเพราะชินแล้ว ....หึหึ 

กับทั้งสองคนนั่นแหล่ะ  อย่าไปสนใจมากครับพวกหล่อเลือกได้อ่ะ  ผมหันไปถามมองค์เจ้าของไอเดียที่ชวนผมมาดูหนังวันนี้

"ดูเรื่องไรดีอ่ะ" 

"เราอยากดูหนังผีอ่ะ" ผมฟังแล้วซีดเลย  คืออย่าหาว่าผมป๊อดเลยนะครับ  จริงๆ แล้วกลัวผีขึ้นสมอง ได้แต่อึ้งเงียบ

"แพนไม่ชอบดูหนังผี" ภาคเอ่ยลอยๆ แต่ริมฝีปากยิ้มนิดๆ หันหน้าไปมอง โปรมหนังต่อ ผมสังเกตุเห็นมองค์หน้าเสียนิดๆ

"งั้นดูหนังต่อสู้แล้วกัน อีกชั่วโมงก็ฉายแล้ว แพนว่าไง" ภาคว่า  จริงๆ ผมกับภาคปกติดูหนังคอเดียวกันอยู่แล้ว แทบไม่ต้องถาม

ผมกำลังจะอ้าปากสนับสนุน แต่ก็ต้องหุบมันลงฉับ  ทันทีที่อีกคนเอ่ยปาก

"ผมไม่ชอบหนังต่อสู้" มองค์ว่าหันมายักคิ้วให้ภาคต่อ  เอ่อ....ไม่ทราบแต่ละคนจะเล่นสงครามไปถึงไหนกัน

"แล้วแพนว่าไงให้แพนตัดสินใจดีกว่า"  ในที่สุดมองค์ก็ยื่นภาระการตัดสินใจมอบให้ผม  ผมถอนหายใจยาวเหยียด  ปกติก็ดูแบบเดียว

แล้วทีนี้จะทำไงว่ะ  ภาคที่เอาแต่ยิ้มกริ่ม รู้ดีอยู่แล้วว่าผมชอบแนวไหน แต่ถ้าผมเลือกหนังเรื่องนั้น มองค์ก็คงอารมณ์เสียมากขึ้นไปอีก

ผมหันไปมองภาคที หันไปมองมองค์ที ในที่สุดก็ตัดสินใจ    และเพื่อ....ให้โลกสงบสุข  ผมยื่นมือชี้มั่ว ๆ ไปที่หนังหนึ่งในโปรแกม

ที่จะเข้าในไม่กี่นาทีข้าหน้า 

"จะดูเรื่องนี้แหล่ะ อยากดูมากๆ  ใครจะดูเรื่องอื่นก็ได้นะ แต่แพนจะดูเรื่องนี้แล้วหล่ะ " พอหันไปดูชื่อเรื่องเท่านั้นแหล่ะ  จ๊ากกกกก

หนังรักโรแมนติก  โอยยยยยยยย   เซ็งเป็ด............. คนที่ชอบต่อสู้มาดูรักโรแมนติก  ฮืออออออออออออออออ


หัวข้อ: Re: Re: กอด~ หวง~ P.2 -6/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 09-06-2012 12:23:14
เหอะๆ ศึกชิงนาย
หัวข้อ: Re: กอด~ หวง~ P.2 -6/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 09-06-2012 23:20:33
 :jul3:งานนี้คนกลางต้องทำใจอิอิ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: กอด~ หวง~ P.2 -6/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 09-06-2012 23:32:30
ชอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: Re: กอด~ หวง~ P.2 -6/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 11-06-2012 00:41:02
ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  อยู่ๆ ไอ้ที่พิมพ์ก็หายไปหมดเลยอ่ะ  รอไปก่อนนะคะ  ง่ะ  จำไม่ได้อ่ะ
หัวข้อ: Re: Re: กอด~ หวง~ P.2 -6/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 11-06-2012 00:55:36
อุ๊ยตาย เด็กน้อยก้าวไกลไปถึงขั้นนั้นกันแล้วเรอะ!
แอบตกใจ เพราะทางแพนเหมือนจะไม่ประสีประสาอยู่เลย แต่ที่ทำมันเกินไปโพ้นแล้ว
แถมมีศึกชิงนายอีก แพนจะจัดการยังไงเนี่ย
เพิ่งได้มาอ่าน เรื่องน่ารักจัง ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: กอด~ ดูหนัง (ต่อ)~ P.2 -12/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 12-06-2012 23:27:36
ดูหนัง (ต่อ)~


หลังจากอดทนดูหนังที่ชอบม๊วากกกกกกกกกกกกกกก  จนจบในที่สุด.....แม้จะเป็นหนังรักในบรรยากาศ วิญญาณอาฆาตจนจบ

และผมต้องเกร็งตัวตลอดการดูหนังนั้น ทำให้เหนื่อยแทบแย่ไหนจะต้องคอยจับมือของภาคที่พยายามเกาะแกะไม่ให้รัดแน่น

จนเกินไปอีก  เห้ออออออออออออ  และแล้วเราทั้งสามก็ออกมาในอาการที่ต่างกันสุดขั้ว  คนหนึ่งนั้นอินซึ้งริมฝีปากฉีกยิ้มกว้าง

"หนังซึ้งดีเน๊าะ ภาคว่าวันหลังเราหามาดูหนังรักอีกดีกว่า  แพนว่ามั้ย?"  ภาคหันมาถาม  ผมหันไปยิ้มเจื่อนๆตอบ

"หึหึ"  แต่ก็เลือกที่จะไม่ตอบคำถามใดๆ  แล้วหันกลับมาแอบถอนหายใจยาวๆ  อึดอัดซะไม่มี  ส่วนอีกคนก็หน้าบึ้ง  จ้องมองผม

กับภาคตาไม่กระพริบ  หลังจากสัญญาจะเป็นเพื่อนสนิทกัน  ผมกับมองค์ก็ตัวติดกันตลอดทั้งที่โรงเรียน หรือเวลาไปไหนมาไหน

เพราะภาคไม่ค่อยว่างจะเจอกันยังลำบากเลยวันนี้ถือเป็น Special Day ที่ผมได้อยู่กับภาคทั้งวัน  (แต่ไม่ค่อยแน่ใจว่าโชคดีจริงป่ะ)

ที่เห็นมองค์จ้องมองผมแทบตาถลนนี่ก็อย่าไปคิดว่ามองค์พิศวาสอะไรผมนะครับ  แค่มองค์มันเป็นลูกคนเดียว เลยขี้อิจฉา

ถ้าเพื่อนคนไหนไม่ให้ความสำคัญมันหล่ะก็งอนตลอดอ่ะ  ยิ่งกับเื่พื่อนสนิทที่สัญญากันเป็นตุเป็นตะอย่างผมด้วยหล่ะก็..หึหึ

มองค์ก็ยิ่งหวง ใครมาเข้าใกล้หรือมาดึงความสนใจผมไม่ได้เลยทีเดียว มองค์จะงอนเป็นวันๆ ผมต้องตามง้อบ่อยๆ  แต่.....

ก็ไม่เคยเป็นหนักเท่าวันนี้ ที่ดูสายตาจะเฉือดเฉือนกันไปถึงไหน  ....  นี่ถ้าเป็นคมมีด ผมว่าทั่วทั้งตัวผมคงมีเลือดโชกจนทั่วแน่ๆ

ว่าแล้วก็ถอนหายใจอีกรอบ  เห้อ~   ว่าแล้วมองค์ก็สะบัดหน้าหนีหันไปสนใจไอพอดของตัวเองเดินนำหน้าผมกับภาคไปซะงั้น 

ขณะที่เดินกันไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีใครพูดอะไรอีก มือปลาหมึกของภาคก็ยังคงโอบไหล่ผมอยู่

อ้อ....และก็มีภาคนี่แหล่ะฮ่ะ ที่ยังฮัมเพลงตลอดทางอย่างคนอารมณ์ดีสุด ๆ ประมาณว่าน่าจะกู่ไม่กลับแล้ว

พวกเราก็เดินมาถึงร้านอาหารแถว ๆ ห้างน่ะแหล่ะ  เป็นร้านประจำของผมกับภาคเลย ทุกๆ ครั้งที่มาดูหนังจะต้องมาทานที่นี่

ผมกับภาคหยุด กึก!! ทันที ภาคหันมามองหน้าผมอย่างรู้ใจ ยกคิ้วเป็นคำถามว่าหิวไหม ? ผมยิ้มกว้างทันที เอามือลูบท้องตัวเอง

ภาคถึงกลับหลุดขำ  ผมเอื้อมมือไปดึงมองค์ที่เดินนำหน้าไปสองก้าว กระตุกเบาๆ  มองค์หยุดหันมามองผมนิดหนึ่ง ด้วยสีหน้าสงสัย

"มองค์หิวมั้ย?"  ผมถาม  จริงๆ ก็แค่ถามเพราะคำตอบผมมีให้มองค์เรียบร้อยแล้ว  ผมว่ามองค์เองก็รู้ดี ฮ่าๆ   มองค์หันมาหาผมเต็มตัว

ส่ายหน้ายิ้มๆ ไม่ได้ตอบคำถามผม  แต่หากกลับถามผมกลับ  เอามือมาลูบพุงผมอย่างที่เคยทำประจำ

"แพนหิวเหรอ?"  หน้ามองค์มีความสุขขึ้นมานิดหนึ่ง  แต่ภาคถึงกับเบ้หน้าจ้องมือมองค์ใหญ่ก่อนหันไปมองทางอื่นเลย

"อืือ  หิวแล้ว ป่ะหาไรกินกัน  ร้านนี้อร่อยนะมองค์ลองกินดู แพนกินบ่อยๆ  อร่อยสุดยอดเลย ไม่อยากจะคุย" ผมอวดสรรพคุณ

เสร็จ ก็แกะมือภาคออก หันไปดึงแขนมองค์เดินเข้าร้านไปด้วยกัน  โดยมีภาคเดินตามมาสีหน้าดูไม่พอใจนิดหน่อยแต่ยังเก็บอาการอยู่

ผมดันมองค์นั่งลงตรงเก้าอี้ด้านในสุด แล้วกำลังจะหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ เอาใจนิดนึงเดียวจะงอนไปกันใหญ่  ผมก็ต้องหน้าเหวอ

ก็ภาคเล่นสอดมือเข้ามาใต้รักแร้รั้งตัวผมไม่ให้นั่งลง 

"ที่นั่งแพนอ่ะตรงนู๊น"  ภาคว่าค่อยๆ ดันตัวผมให้เดินไปฝั่งตรงข้าม ผมก็เดินไปงงๆ เห็นภาคทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ มองค์แทน

รอยยิ้มกว้างโชว์หราปรากฎแก่สายตา  ผมก็รู้ว่าภาคน่ะหวง...และเป็นห่วง  จริงๆ มันอาจจะเป็นความเคยชินที่เราอยู่ด้วยกันตลอด

เลยพลอยทำให้คิดไปว่าภาคเป็นของผม  และผมเองก็เป็นของภาค  ถ้าใครมาใกล้มันก็กลัวว่าอีกคนจะให้ความสนใจคนอื่นมากกว่า

กลัวว่าความสำคัญของตัวเองจะลดน้อยลงไป  แต่ผมว่ามันไม่น่าใช่.......ความรัก  ภาคเองก็คงไม่ไ้ด้รู้สึกแบบนั้น  แต่เรื่องระหว่างเรา

ทุกๆ อย่างมันแลดูเป็นความเคยชิน  ไม่ว่าเรื่องกอด จูบ  สัมผัส  นั่นก็เป็นเพราะเราเป็นอย่างนั้นมาตั้งนานแล้ว สำหรับผม

เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นมันจึงไม่ได้แปลกจนรับไม่ได้  ถึงจะตกใจอยู่หน่อยๆ ....  แต่ทุกอย่างคงไม่มีอะไรเกินกว่านี้

.

.

.
พอเรานั่งประจำที่กันปุ๊บ  เด็กเสิร์ฟก็เอาเมนูมานำเสนอตรงหน้า ผมกับภาคไม่จำเป็นต้องดูอยู่แล้ว เรียกว่าเมนูมันอยู่ในสมอง

ภาคยื่นเมนูส่งไปให้มองค์

"เอาไปดิ  พี่ไม่ต้องใช้ว่ะมองค์ มากินกับแพนบ่อยจำได้ขึ้นใจแล้ว" ภาคว่ายกยิ้มที่มุมปากหน่อย ๆ  สายตาดูเป็นประกายแปลบปลาบ ชอบกล

มองค์ที่รับเมนูมาหันไปมองภาคไม่วางตา ส่งสายตาเชือดเฉือนตอบกลับไปให้  กัดมุมปากนิดๆ แล้วก้มเปิดเมนูอย่างรวดเร็ว

ก่อนจะปิดฉับ  แล้วคืนเมนูให้เด็กเสิร์ฟ ผมแอบเห็นมองค์กระตุกยิ้มหน่อยๆ ส่งกลับไปให้ภาค  รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องอีกแล้ว

มันอะไรกันแน่เนี่ย   ผมรอดูว่าทั้งคู่จะทำเซอร์ไพร์อะไรผมอีก   .......
หัวข้อ: Re: กอด~ ดูหนัง (ต่อ)~ P.2 12/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Zitraphat ที่ 12-06-2012 23:40:59

 เด็กน้อยกันจริงๆ  :a3:
หัวข้อ: Re: กอด~ ดูหนัง (ต่อ)~ P.2 12/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-06-2012 09:44:08
รอตอนต่อไปนะจ๊ะ :z2: :3123:
หัวข้อ: Re: กอด~ ดูหนัง (ต่อ)~ P.2 12/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 14-06-2012 01:20:56
ดูหนัง (ต่อ 2)~
 
หลังจากเมนูที่ถูกปิดฉับ  พร้อมรอยยิ้มกระตุกที่มุมปากของมองค์ และสายตาที่ส่งไปหาภาคแล้วนั้น  เหมือนๆ ทุกฝ่ายจะพร้อมรบ

"ต้มยำกุ้งน้ำข้นครับ"  ภาคหันไปสั่ง
 
"ปลาช่อนลุยสวนด้วยครับ"  มองค์หันไปสั่งต่อ
 
"กุ้งทอดกระเทียมอีกที่ครับ"  ภาคหันมาเลิกคิ้วมองมองค์
 
 "ยำปลาดุกฟู 1 ครับ" มองค์กระตุกยิ้มที่มุมปากตอบ

ผมหันไปมองภาคที มองค์ที  เมนูที่ออกจากปากทั้งคู่ราวกับเล่นต่อเพลง หากคนไหนหยุดก่อนถือว่าแพ้
 
 "หอยลายผัดพริกเผา"  ภาค
 
 "แกงเขียวหวานไก่"  มองค์
 
"ปลาสามรส" ภาค
 
"ยำเห็ดเข็มทอง" มองค์
 
"แกงจืดวุ้นเส้น" ภาค
 
"ปลา...."  มองค์พูดค้างได้แค่นั้น ก็หันมามองผมที่พูดแทรกขึ้นก่อน  ที่อะไรๆ จะบานปลายกว่านี้

"พอแล้วครับพี่  ....ข้าวไม่ต้องครับ"  พนักงานพยักหน้ารับ  ถามว่าเอาน้ำอะไร  ผมก็ตอบทันทีว่าน้ำเปล่า  พนักงานทวนรายการ

อาหารอีกรอบ บอกให้รอสักครู่ แล้วเดินจากไป   ไม่มีใครพูดอะไรต่อจากนี้รวมถึงผมที่เลิกยิ้มไปแล้ว ความหิวก่อนหน้านี้รู้สึกจะชงักหน่อยๆ

ความเงียบค่อยๆ ครอบงำความรู้สึกผม  รอยยิ้มเมื่อสักครู่หดหายไปอย่างสิ้นเชิง ราวกับผมไม่รู้จักมันมาก่อน  ความอึดอัดเข้ามาแทนที่

ผมมองอาหารจานโปรดทั้งหลายที่ค่อยๆ ทะยอยมาเสิร์ฟ ผมทานเงียบ ๆ ไม่มองหน้าใคร เพราะรู้สึกไม่มีความสุขที่จะมอง

กับข้าวเกือบสิบจาน กับคนสามคน ถ้าทานหมดได้ก็คงต้องท้องแตกกันตรงนี้  แต่ผมก็ค่อยๆ ทานอย่างตั้งใจรู้สึกว่าความผิดทั้งหมด

คงจะเกิดขึ้นมาจากผม ผิดที่ให้ความสำคัญของคนสำคัญไม่เท่ากัน  ผิดที่ไม่รู้จะทำยังไงที่จะทำให้สองคนนี้ญาติดีกันได้ 

ผิดที่รู้ทั้งรู้อยู่แล้ว....ว่าทั้งคู่ไม่ถูกชะตากัน ก็ยังจะดึงให้สองคนนี้มาอยู่ด้วยกันอีก   คิดได้แค่นั้นก็ก้มหน้าก้มตากินต่อไปเงียบๆ

เผลอเม้มปากตัวเองแน่นตอนที่ปากว่าง ขณะที่มือยื่นไปตักแกง ผมไม่รู้ว่าสองคนนั่นทำหน้ายังไง รู้แต่ว่าตอนนี้ทั้งโต๊ะเงียบบบ

พอๆ กับป่าช้า ไร้ซึ่งบทสนทนาต่างๆ ขณะที่บรรยากาศรอบตัวเสียงดังสนั่นหวั่นไหว  แต่ทำไมที่โต๊ะผมถึงสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก

ที่บังเอิญมีผมเป็นคนหยิบยื่นให้  .....


.

.

.

ทานอาหารไปได้สักสองสามอย่าง  ท้องก็อิ่มตื้ออย่างช่วยไม่ได้ ผมพยายามที่จะรับผิดชอบให้ได้มากที่สุดแล้ว แต่มันก็เหมือน

มีอะไรบางอย่างมาจุกอยู่ตรงคอหอย พูดไม่ออกบอกไม่ถูก  ที่สำคัญทาน.....ไ่ม่ลงซะแล้ว

ผมเงยหน้ามองสองคนตรงหน้า  ที่นอกจากจะเงียบเหมือนกันแล้วยังทำหน้าหงอยเหมือนกันอีก   กับข้าวตรงหน้าไม่ได้พร่องลงเลยสักนิด

แต่ละคนยังคงเขี่ยอาหารตรงหน้าไปมา  จนผมระอากับท่าทางของทั้งคู่ 

"รีบกินเถอะครับ..วันนี้แพนเหนื่อยแล้ว อยากกลับบ้านแล้ว" ผมว่า เร่งกระตุ้นให้อีกฝ่าย ทานอาหารตรงหน้า

"ิกินให้หมดนะ  เสียดาย...... แม่แพนไม่ชอบคนกินทิ้งกินขว้าง  แม่ว่าชาวนาลำบากปลูกข้าวแต่คนกินไม่เคยเห็นค่า  ทำแบบนี้

ก็เหมือนดูถูกชาวนา"
หัวข้อ: Re: กอด~ ดูหนัง (ต่อ)~ P.2 12/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Zitraphat ที่ 14-06-2012 06:23:13
สะใจไหมเน้อ....จัดการให้หมดเน้อ...หุหุหุ :m29:
หัวข้อ: Re: กอด~ ดูหนัง (ต่อ)~ P.2 12/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 14-06-2012 06:54:01
เหอะๆๆๆ


เด็กยังไงก็คือเด็ก
หัวข้อ: Re: กอด~ ก้าวต่อไป~ P.2 15/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 16-06-2012 00:35:41
ก้าวต่อไป~


"ถึงกับข้าวพวกนี้จะไม่ใช่ข้าว  .....แต่เราทุกคนก็ต้องรู้คุณค่าด้วย แพนจัดการในส่วนของแพนแล้ว  ภาคกับมองค์ก็ต้องรับผิดชอบในส่วนของตัวเองด้วย"

ผมพูดจบก็หันไปสบตาทั้งคู่นิ่งๆ  ภาคเม้มปากนิด ๆ กลืนน้ำลายก้อนโตลงคอก่อนจะเหลือบสายตาสำรวจกับข้าวตรงหน้าที่ตัวเองต้องรับผิดชอบ

ส่วนมองค์อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ปิดปากลงในที่สุด หันไปมองภาคค้อน ๆ ด้วยความโกรธ แล้วถอนหายใจยาวเหยียด


จากนั้นทั้งคู่ีก็เริ่มจัดการอาหารตรงหน้าด้วยความรวดเร็ว  คงไม่ใช่เพราะหิวหรอกผมว่า แต่ในที่สุดมันก็หมดหล่ะน่า  น่าตาแต่ละคนนี่

ทำท่าผะอืดผะอม   เหมือนๆ อาหารที่ทานไปมันมาเกาะอยู่ที่คอหอยแล้วซะอย่างนั้น  มือลูบท้องกันป้อยๆ ท่าทางใกล้จะระเบิดเต็มทน

พอเช็คบิลเท่านั้นแหล่ะ  เกือบๆ พันเลยอ่ะ !!  ภาคกับมองค์ควักมาคนละพันเลยแหล่ะ  บอกจะรับผิดชอบกันสองคน  แต่ได้ยังไงอ่ะ

ผมก็กินนิ....ยังไงก็ต้องจ่ายเถียงกันไปกันมาอยู่นาน เฮ้ออออ  เหนื่อยจริงๆ แต่ผมยืนกรานอยู่อย่างนั้น สรุปก็จ่ายเท่าๆ กัน คนละ

สามร้อยกว่า  นั่งให้อาหารย่อยสักพัก  ผมบอกให้มองค์นั่งแท็กซี่กลับเลยไม่ต้องกลับไปส่งผมอีกจะได้ไม่เสียเวลา 

เห็นมองค์บ่นงุ้งงิ้งอยู่นานเหมือนกันกว่าจะยอมไปโดยดี  ผมกับภาคก็นั่งแท็กซี่กลับเหมือนกัน ทำไมไม่รู้ผมถึงเหนื่อยจนแทบขยับตัวไม่ไหว

เรียกแท็กซี่ได้ก็เข้าไปนั่งทันที แอร์เย็นๆ กับอาการหนังท้องตึงนี่ทรมานสิ้นดีนะคะ  มันง่วงจนแทบทนฝืนเปลือกตาไม่ไหว

เผลอหลับตาไปเมื่อไหร่ไม่รู้ ...... ได้ยินเสียงแว่ว  ๆ กับมือนุ่มๆ ที่ลูบหัวผมเล่นเบาๆ

"นอนครับนอน"  ได้ยินแค่นั้น สติผมก็โบกมือลา ......พาตัวเองไปยังโลกแห่งความฝัน 

.

.

.

.

.


"แพน ....แพน.....ตื่นได้แล้ว "  ผมงัวเงีย รับรู้ได้ถึงสัมผัสเปียกชื้นอันคุ้นเคย  มันโฉบผ่านริมฝีปากผมบางเบา  .... ทำไมนะ

ผมรู้ว่ามันทั้งเหงา......  และ็ก็...........คิดถึง   สัมผัสชื้นแฉะลากผ่านใบหน้าจนทั่ว  ผมรู้สึกถึงลิ้นบางเบาที่เฝ้าเลียที่ปากผม

"แพน....  ตื่นสิ  ......คิดถึงนะ"  ใครบางคนว่าเสียงเบาจนแทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ ผมค่อยๆ ดันเปลือกตาอันหนักอึ้งมองรอบกาย

สบตาเค้า.......   ผมกัดริมฝีปากแน่น  เอื้อมมือไปโอบกอดเค้าไว้ ดวงตาคลอหน่วยไปด้วยน้ำตา  หัวใจเต้นแรงจนแทบจะผิดจังหวะ

เพื่อนสีขา.............ที่ผมไม่เคยลืม  ผมกระพริบตาถี่ๆ  ดันน้ำตาให้กลับเข้าไป 

"ปอน........ฮึก ๆ  .......คิดถึงนะ"  ผมกอดปอนไว้แน่น  นานแค่ไหนนะที่ไม่ได้เจอกัน

"อืมม.....คิดถึงเหมือนกันไงเลยมาหา"  ปอนว่า เลียแก้มผมเล่น 

.............  8 ปีแล้ว ผมที่ยังนั่งมองท้องฟ้าทุกวันอธิษฐานขอให้ท่านผู้เฒ่าเต่าใจดี อนุญาตให้ผมได้พบกับปอนบ้าง  .....

และแล้วก็สมหวัง  ขอบคุณครับ  ผมจูบบนหัวปอนเบาๆ  เหมือนปอนยิ้มให้ผม

"แพนเป็นไง  เหงามั้ย?"   ปอนถาม  ริมฝีปากลูำกสุนัขตัวเล็กเอ่ยถาม  ผมลูบหัวปอนเบาๆ ปอนกระดิกหางอย่างชอบใจ

"แพนสบายดี  แต่คิดถึงปอนทุกวัน คิดถึงจริงๆ นะ ปอนเป็นครอบครัวของแพน แพนไม่เคยลืมนะ"  ผมบอก ดึงปอนเข้ามากอดอีก

น้ำตาแห่งความยินดีกลั้นไม่อยู่  ปอนยิ้ม .......  รอยยิ้มของน้องหมาตัวน้อย  น้องชายผม

"ขอบใจนะแพน  .... ขอบใจจริงๆ ปอนก็รักแพนน่ะ  รักที่สุดเลย แพนเป็นพี่ชายที่ดีที่สุดของปอน  จนวาระสุดท้าย"  ปอนน้ำตาไหล

ผมดึงปอนมากอดแน่นๆ..... มีความสุข   สำหรับผมกับปอน เราไม่เคยต้องการอะไรจากอีกฝ่าย มีแต่มอบความสุขให้แก่กัน

สิ่งที่เราหวังจากกัน  คงเป็นแค่.....หวังให้อีกฝ่ายมีความสุข  ก็คงเท่านั้น  ปอนค่อยๆ ดันตัวออก มามองหน้าผม

"ปอนไม่ได้มาเพราะคิดถึงอย่างเดียวหรอกนะ "  ปอนเลียแก้มผมเบาๆ เช็ดคราบน้ำตาให้  ผมยิ้มมองการกระทำของปอนนิ่งๆ

"ปอนอยากถามแพน  ไม่ต้องตอบปอนหรอกนะ  แค่ลองไปถามตัวเองดู    อยู่กับภาคแล้วแพนรู้สึกยังไง? มีความสุขมั้ย?

ภาคดูแลแพนดีรึเปล่า?  ถ้าวันหนึ่งภาคต้องเิดินจากไป หรือแพนเองเป็นคนเลือกที่จะจากมา จะทนไหวมั้ย อนาคตเรากำหนดไม่ได้นะแพน

ปอนอยากให้แพนลองคิดดู  ไม่อยากให้แพนเอาชีวิตไปผูกไว้กับภาค  หรือไม่อยากให้ภาคเอาชีวิตทั้งหมดของภาคมาทุ่มให้แพน

เพราะเมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกันจริงๆ จะเจ็บจนแพนเองทนไม่ไหว  หรือภาคเองนั่นแหล่ะ ที่จจะทนไม่ได้  ลองคิดดู ปอนแค่เตือน

ไม่อยากเห็นแพนเจ็บ  เพราะมันอยากที่แพนกับภาคจะเดินกันไปอย่างนี้ตลอดไป  " ปอนเลียแก้มผมปลอบใจ  ผมที่ได้แต่นิ่งงัน

ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ในหัวมันคิดวนไปวนมาเหมือนหาบทสรุปไม่ได้  แค่คิด........ก็เจ็บจนพูดอะไรไม่ไหว 

"แพนต้องเข้มแข็งนะ  ต่อไปนี้ต้องเจออะไรอีกเยอะ จำไว้ว่ายังมีปอนอยู่ "  ปอนขดตัวเข้าหาผม   ผมโอบกอดปอนแน่นขึ้น

"ต้องไปแล้วแพน   ....ปอนต้องไปแล้ว"  ปอนเงยมามองผม  ก่อนจะก้มลงเลียมือผมอย่างรักใคร่

"รักแพนนะ ดูแลตัวเองดี  ปอนไปก่อนนะ"  ปอนว่า  พลิกตัวหันหลังกำลังจะกระโดดออกจากตักผม  แต่ผมรั้งไว้.....

ปอนหันมามองช้าๆ  แววตาแสนเศร้านั่น  ..... ผมอยากให้ปอนอยู่ข้างๆ ผม จะได้ไม่เหงา ผมไล้มือลูบหัวปอนเบาๆ ส่งยิ้มไปให้

"ขอบใจนะ ....ปอน"  ปอนยิ้มตอบผม  พยักหน้าน้อย ๆ

"อืม"    ปอนว่าแค่นั้น  แล้วกระโดดลงจากตักผมทันทีวิ่งเหยาะ ๆ  ห่างออกไปเรื่อยๆ

"ปอน  ...แพนก็รักปอนเหมือนกัน"  ผมตะโกนตอบสุดเสียง  เห็นแต่หางปอนสะบัดไปมาเบาๆ  แล้วจางหายไป

หัวข้อ: Re: Re: กอด~ ก้าวต่อไป~ P.2 15/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 16-06-2012 00:59:50
เศร้า
หัวข้อ: Re: Re: กอด~ ก้าวต่อไป~ P.2 15/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 16-06-2012 01:20:20
ชอบวิธีของแพนที่ใช้หยุดสองหนุ่ม ไม่ต้องเสียงดัง ไม่ต้องเคลื่อนไหวมาก แต่อานุภาพรุนแรง
แค่กินเงียบๆ รับผิดชอบในส่วนที่เกิดจากความอยากเอาชนะของสองคนนั้น
แค่นี้ก็ทำให้รู้สึกผิดและหยุดทะเลาะกันได้ชะงัดเลยอ่ะ

ช่วงท้ายแอบเศร้า เราแอบน้ำตาซึมเลย (ช่วงนี้อารมณ์อ่อนไหวเป็นพิเศษด้วย)
ปอนมาเตือนแพนแบบนี้ หมายความว่ายังไงน้อ คือมันจะดราม่าในอนาคตอันใกล้นี้หรือเปล่า ก็แอบกังวล
แต่ถ้าเป็นแค่มาเตือนสติ เพื่อให้แพนได้มีความคิดเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกนิดนึงเฉยๆก็โอเคนะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: กอด~ ก้าวต่อไป~ P.2 15/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 16-06-2012 03:35:57
ตกลงภาคจะเอายังไงกะแพนแน่น้ออออ???? เหมือนรักแพนแต่ก็ทิ้งแพนให้อยู่คนเดียวบ่อยๆ อะไรของแกฟระ ภาค :angry2: :angry2:
พอจะมีัคนมาดูแลแพน ก็หวงกันท่าเค้าซะงั้น แพนเลยรู้สึกหวานๆ งงๆ และเศร้าๆกับสิ่งที่ภาคทำ
เรื่องระหว่างภาคกับแพนมีครบหมด ขาดอย่างเดียวคือความชัดเจน ฮึ่มๆๆๆ :m16: :m16:

 :o12: :o12: งื้อ... ปอนด์มาหาแพน สิ่งที่ปอนด์ถาม แววดราม่ามาแล้วรึเปล่า??

รอตอนต่อไปค่ะ
บวก1บวกเป็ด เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:


หัวข้อ: Re: กอด~ ก้าวต่อไป~ P.2 15/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 16-06-2012 08:04:59
 :o12: :o12:

หมายความว่า ต้องจากกันซินะ  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: กอด~ ทบทวน~ P.-3 21/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 21-06-2012 20:53:29
ทบทวน~

ผมกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับสายตาให้ชินกับความมืด ภาพความฝันแทนที่จะลางเลือนกับแจ่มชัดในความทรงจำของผม

น้องชายตัวน้อยสี่ขา “ปอน” .....เวลา....ไม่ได้ทำให้ความคิดถึงลดน้อยลงไปเลย ผมเคยคิดว่าจะลืม...เมื่อเวลามันผ่านไป

แต่มันกลับตรงกันข้าม ผมที่นับวันรอการกลับมาของปอน ....ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้  8 ปีแล้ว 

8ปี.....กับการนั่งมองดวงดาวบนท้องฟ้า ในใจคาดหวังว่าซักวันหนึ่ง น้องชายขนปุยของผมจะกลับมาเยี่ยมเยือนบ้าง

 และแล้วมันก็เป็นจริง อยากบอกว่าดีใจ....จนบรรยายความรู้สึกของตัวเองไม่ถูก รู้เพียงแต่ว่าอยากเหนี่ยวรั้งเจ้าขนปุยตรงหน้าไว้ให้นานที่สุด

มันเหมือนกับของสำคัญที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ต้องการมันอยู่เสมอ มองหาอยู่เสมอ  ของสำคัญที่ได้หายไปแสนนาน แต่แล้ววันนี้ก็มาปรากฎอยู่ตรงหน้า

เพียงแต่ว่าไม่นาน....ก็จางหายไปดังเดิม แม้ปอนจะทิ้งคำพูดให้ผมคิดไว้มากมาย  ..... ใช่ มันเป็นปัญหาที่ผมกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้

ผมพลิกตัวตะแคงไปอีกด้านก็เจอใครคนนั้นที่ปอนทิ้งคำถามไว้   ใบหน้าคมที่หลับสนิท จมูกโด่งรั้งได้รูป ยังคงทำหน้าที่ของมัน

หายใจบางเบาแต่สม่ำเสมอ  สองแขนแข็งแรงกระชับกอดผมแน่นขึ้นอีกจนใบหน้าเราสองคนชิดกัน  แค่ยืดหน้าเล็กน้อย

ริมฝีปากเราก็คงจะสัมผัสกัน แต่ผมไม่ได้ทำอย่างนั้น   ยังคงทำแค่มองคนตรงหน้าที่ยังหลับสนิทไม่รู้สึกตัวแล้วลอบถอนหายใจ

ผมตอบไม่ได้ว่าความรู้สึกระหว่างผมกับภาคมันคืออะไร รู้แต่ว่ามันอบอุ่น และผมไม่ได้รังเกียจกับทุกสัมผัส ทุกการกระทำ

บอกได้เต็มปากเต็มคำว่าชอบ..... ชอบสัมผัสของคนตรงหน้า  สายตา หรือแม้แต่ท่าทีที่แสดงว่าห่วงใย  แต่ผมไม่ได้หึงหวงภาค

ไม่ได้โกรธเกลียด หรือหงุดหงิดเวลามีคนเข้ามาใกล้ภาค  ถ้ามันทำให้ภาคมีรอยยิ้มผมก็มีความสุข ผมรู้ว่าภาคทุ่มเทให้ผมขนาดไหน

ทั้งใส่ใจดูแลผมตั้งแต่เด็กจนถึงทุกวันนี้ ผมว่าภาคเองคงคิดว่านี่คือ “หน้าที่” และ “ความรับผิดชอบ” ของตัวเองไปแล้ว

เลยเผลอที่จะหวงผมไม่ได้  ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ กลัวว่าใครจะเข้ามาทำร้าย  ทำให้ผมเสียใจ  แต่ที่ผมเสียใจอยู่ตอนนี้,,,

ไม่ได้เกี่ยวกับคนอื่นสักนิด   ผมเสียใจที่ทำให้ภาคเป็นแบบนี้ต่างหาก  เสียใจ....ที่ทำให้ภาคต้องคอยเป็นกังวล เป็นห่วงผม

เสียใจ....ที่ทำให้ภาคตัดโอกาสดีๆ ของตัวเองไปหลายต่อหลายครา  เพราะมีผมเป็นเหตุผลสำคัญ 

เสียใจ.....ที่ไม่ว่ายังไง  ภาค ที่พยายามเดินต่อไปข้างหน้าตามหาความฝันตัวเองขนาดไหน 

สุดท้าย....ก็จะมองกลับมาที่ผมทุกครั้ง และทุกครั้งภาคก็เลือกที่จะยอมแพ้....... ถ้าต้องเลือกระหว่างชัยชนะ  กับทิ้งผม

นั่นแหล่ะคือสิ่งตอกย้ำให้เห็นชัด  ว่าทำไมภาคถึงไม่ยอมเดินไปให้ไกลกว่านี้ ทั้งๆ ที่มีความสามารถ และเป็นทางที่ภาคฝันใฝ่

การที่ภาคมีผมอยู่ข้างๆ มันดีจริงรึเปล่า  สำหรับผมมันใช่  แต่.....สำหรับภาคหล่ะ ผมเป็นคนฉุดรั้งภาคไว้รึเปล่านะ

ผมไล้มือบางเบากับใบหน้าคมตรงหน้า  กัดปากตัวเองแน่นกลั้นเสียงสะอื้นปล่อยหยาดหยดน้ำตาแห่งความเสียใจให้ไหลริน

อยากขอโทษภาค  ที่ผมทำอะไรให้ดีกว่านี้ไม่ได้  และผมก็ไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้อีกต่อไปแล้ว 

เสียงน้องชายขนปุย ดังก้องสะท้อน ขึ้นมาอีกครั้ง
#
“ปอนอยากให้แพนลองคิดดู  ไม่อยากให้แพนเอาชีวิตไปผูกไว้กับภาค  หรือไม่อยากให้ภาคเอาชีวิตทั้งหมดของภาคมาทุ่มให้แพน

เพราะเมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกันจริงๆ จะเจ็บจนแพนเองทนไม่ไหว  หรือภาคเองนั่นแหล่ะ ที่จจะทนไม่ได้”
#

จริงอย่างที่ปอนบอก  ถึงเวลานั้นพวกเรายังจะทนไหวมั้ยนะ   

ผมซบหน้าลงกับอกภาค กอดภาคตอบแน่นๆ  มันเหมือนไม่รู้ว่าจะหาทางออกยังไงให้ดีกับเราทั้งสองฝ่าย  ผมอยากให้ภาคได้

เดินตามทางที่ภาคฝัน  อยากให้ภาคมีความสุข  อยากให้ภาคหยุดทุ่มเททุกอย่างมาที่ผม  แต่.....จะพูดยังไงให้ภาคเข้าใจดีหล่ะ

ยิ่งตอนนี้แล้วด้วย ภาคอาจจะคิดว่าผมให้ความสำคัญกับมองค์ต่างหาก ความหวังดีที่ว่าอาจจะกลายเป็นแค่ข้ออ้าง  ทำยังไงจะให้

ภาคเข้าใจโดยที่ไม่ต้องโกรธ ไม่ต้องเกลียดกัน  มันเหมือนจนปัญญาทุกทาง  แต่.....ก็ต้องทำ 

ผมปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆ  ขอแค่วันนี้ก็แล้วกันนะที่จะตามใจตัวเอง  ให้ภาคเป็นของผมอย่างเดิม   ต่อไปผมจะทำเพื่อภาค

บ้าง   แม้ว่าทางเลือกที่ว่าจะ เจ็บปวดสักแค่ไหน


.

.

.

.

.

คุณว่าภาคจะเข้าใจผมมั้ย  ถ้าผมเลือกที่จากออกมาเดินอีกเส้นทางหนึ่ง เพื่อผมที่จะยืนได้อย่างภาคภูมิใจ และเพื่อภาคเองที่จะก้าวต่อไปเพื่อตัวเอง.

.

.

.

.






























หัวข้อ: Re: กอด~ ทบทวน~ P.-3 21/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-06-2012 21:22:49
รอตอนต่อไปค่า :z2:
หัวข้อ: Re: กอด~ ทบทวน~ P.-3 21/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 21-06-2012 21:35:23
 :เฮ้อ:อ่านแล้วรู้ซึกว่าจะดาม่ายังไงไม่รู้อะ :กอด1: :กอด1:


อ่ยาเศ้รามากนะเดี๋ยวทำใจอ่านไม่ไหวอะ :3123: :3123:


รอตอนต่อไปจ้า :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: กอด~ ทบทวน~ P.-3 21/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 21-06-2012 22:12:16
ถ้าทำจริงๆคิดว่าภาคจะมีความสุขจริงๆไหม


เราจะเจ็บปวดคนเดียว หรือ "มันจะพากันเจ็บปวดทุกคน"
หัวข้อ: Re: กอด~ ทะเลกับความลับ~ P.-3 21/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 21-06-2012 23:15:03
ทะเลกับความลับ~
.
.

2 เดือนผ่านไป
.

.

“ภาค  ๆ  ตื่นเร็ว  ตื่นซี่ไอ้ขี้เซา ....ตุ๊บ!!”  ผมเขย่าภาคจนตัวโยกคอน แต่ภาคก็ยังนอนสงบนิ่งมิสั่นไหวไปตามแรงผม

 เล่นเอาผมเหนื่อยเปล่าโดยหาประโยชน์ไม่ได้   สุดท้ายไม่ไหวก็เลยฟาดด้วยหมอนแรงๆ ไปหลายที

“โอ๊ยยยยย  อืออออ~”  เสียงยานคางของภาคเป็นปฏิกิริยาตอบสนองขั้นแรก ก่อนจะค่อยเลิกเปลือกตาชำเรืองมาทางผมนิดๆ

แล้วปิดมันลงไปอีก  แล้วก็พยายามเปิดเปลือกตาตัวเองอีกครั้งคราวนี้กระพริบปริบ ๆ อยู่หลายทีก่อนจะหันมามองผม

“ไรครับแพน  ภาคง่วงตาจะปิดอยู่แล้ว  เมื่อคืนกว่าจะได้กลับก็ตีสองเข้าไปแล้ว  แข่งกีฬาทั้งวันเลยขอนอนหน่อยไม่ได้เหรอ”

ภาคว่ากระเง้ากระงอดอยากจะนอนต่อเต็มที่  เปลือกตาจะหลับแหล่มิหลับแหล่

“หึหึ ...ไม่ได้ ๆ ไปเที่ยวกันนะภาค นะนะนะ  ไปทะเลกันปิดเทอมทั้งทีอ่ะ นะนะ” ผมรั้งแขนภาคขึ้น  ภาคเลิกคิ้วมามองนิดนึง

“ทำไมไม่บอกก่อนหล่ะครับหืม  ว่าแต่ไปกับใครบ้าง”

“กับแพนไง สองคน นะนะ จองที่พักไว้แล้วด้วยขออนุญาติพ่อกับแม่ไว้แล้วด้วย นะนะ” ผมเอาหัวถูไถอกภาคเป็นการใหญ่
.
“คร๊าบบบบบ  ว่าแต่ที่ไหนหล่ะ  ฮาวววววววว”  ภาคดันตัวขึ้นนั่งในที่สุด อ้าปากหาว ก่อนจะยิ้มบางๆ ให้ผม ลูบหัวไปมาอย่างเอ็นดู

“เสม็ดนะๆ ใกล้เอง ป่ะๆ อาบไปกันได้แล้ว”ผมยิ้มปากกว้างตอบ ดันให้เร่งไปอาบน้ำ

“อื๊ออออ  เดี๋ยวภาคอาบน้ำก่อนนะ แล้วไปเก็บกระเป๋าด้วย”  ภาคว่า

“อาบน้ำเถอะ แพนเก็บกระเป๋าเตรียมให้แล้ว”

“โห.....จอมวางแผนน่ะเราเนี่ย ถ้าภาคไม่ว่างจะทำไง” ภาคยิ้มอย่างอารมณ์ดี ขยี้หัวผมเบาๆ

“คิคิ  จะพาภาคเบี้ยวนัด แล้วหนีไปเที่ยวกับแพนนะสิ  ฮ่าๆ  รู้หรอกน่าว่าว่างอ่ะ  ก็แพนถามภาคแล้วจำไม่ได้รึไง”

“คร๊าบๆ  รอแป๊บเดียวนะ ภาคจะรีบอาบน้ำเลย  ฮ่าๆ”  ภาคว่าวิ่งเข้าห้องน้ำไป  ผมทิ้งตัวลงบนเตียง......

กลิ่นของภาคแผ่วเบา ....แต่กลับอบอุ่นได้เสมอ   กดจูบเบาๆ ที่ผ้าห่มผืนนั้น ก่อนจะพับเก็บแล้วซ่อนไว้ในตู้เสื้อผ้า

ผมจัดที่นอนให้เรียบร้อย  แต่ก็ไม่วาย.....ทิ้งตัวลงไปเกลือกกลิ้งอีกครั้ง  มือสัมผัสลูบไล้ไปทั่ว  ความร้อนที่ยังกระจายตัวอยู่

เนื่องจากใครบางคนพึ่งลุกไปไม่นาน...... คิดถึงจัง  ผมหลับตาแล้วนึกถึงอ้อมกอดอบอุ่นเมื่อคืนนี้  ภาคกอดผมไว้แน่นเหมือนเช่น
ทุกๆ คืนที่ผ่านมา  ไม่มีวันไหนที่เราไม่นอนด้วยกัน  ไม่มีคืนไหนที่ภาคจะไม่กอดผม  ไม่มีวันไหนที่ภาคจะละ...สัมผัสนั่น

เผลอจิกมือแน่นที่เตียงนุ่ม  เจ็บแปลบขึ้นในอก   ไม่นานก็ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกมา  ผมหันไปดู  เห็นภาคยิ้มกว้าง

“เสร็จแล้วครับ รอภาคอีกแปล๊บขอหล่อหน่อย ” ผมอมยิ้มขำๆ นอนมองภาคแต่งตัว  เสริมหล่อตามปกติ

“ป่ะ  ...ไปกัน”    ภาคยื่นมือมาดึงมือผมที่ยื่นรอไว้อยู่ก่อนแล้ว  ออกแรงดึงเบาๆ ผมก็ลุกขึ้นยืนได้ทั้งตัว   

“ป่ะ”   ผมพยักหน้า  ภาคยักคิ้วกวนๆ ทีนึงยื่นมือมาโอบไหล่ผม ต่างคนต่างสะพายเป้คนละใบ เดินตามกันมาด้านล่างที่มีพ่อกับแม่

รอไปส่งผมกับภาคขึ้นรถ  จริงก็แค่ทางผ่านที่พ่อกับแม่จะไปช็อปปิ้งตะหาก ฮ่าๆ 

.

.
.

“ไปนะครับ” “ไปแล้วนะฮะ”  ผมกับภาค ยกมือไหว้พ่อกับแม่ผม หลังจากที่พ่อจอดรถที่สถานีรถปรับอากาศแห่งหนึ่ง

“อือ  เที่ยวกันดีๆ หล่ะ ระวังตัวด้วยนะ ไอ้ป่วน” พ่อว่า

“ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก ภาคด้วยนะครับ” แม่ว่า

“คร๊าบบบ” “ครับ”  ผมกับภาครับพร้อมกัน   โบกมือบ๊ายบาย พ่อกับแม่ ที่ตอนนี้เคลื่อนรถออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ภาคเดินไปต่อแถวที่ช่องขายตั๋วมีผู้โดยสารเยอะเลยทีเดียว แต่ละคนหอบกระเป๋ากันวุ่นวาย  มีเสียงพูดคุยกันสนุกสนาน

“ท่าเรือไปเสม็ดสองคนครับ”  ผมหันกลับไปมองอีกทีภาคก็ซื้อตั๋วเรียบร้อย  นั่งซดกาแฟสดซึ่งไม่รู้ไปซื้อตั้งแต่เมื่อไหร่

นั่งเฝ้าสัมภาระสองใบ แว่นตาสีชารับกับหน้าภาคมาก  ผมเห็นสาวๆ หลายคนสะกิดกันแล้วส่งซิกให้หันมามองภาค

โดยที่เจ้าตัวเองยังไม่รู้สึกตัวสักนิด ผมได้แต่อมยิ้ม...ไปที่ไหนก็ยังงี้ตลอด  ผมเดินไปเลือกชาขวดในตู้เย็นบริเวณใกล้

เคาเตอร์ขายตั๋ว จ่ายเงินแล้วเดินไปนั่งข้าง ๆ ภาค เห็นสาวๆ ยังมองภาคตาเป็นมัน  ผมสะกิดภาคเบาๆ ยื่นหน้าไปกระซิบ

“สาวมองตรึมเลยภาค” ผมว่า ยกคิ้วไปด้านสาวๆ ที่ว่า  หน้าตาน่ารักใช้ได้เลยครับ  ภาคเหล่ตามองนิดนึงแล้วหันกลับมาถามผม

“แล้วไง?  จะให้ไปจีบเหรอไม่เอาหรอกขี้เกียจ” ภาคว่าหัวเราะเบาๆ

“น่าเสียดาย”  ผมรำพึงรำพันเบาๆ

“หืม?  ชอบเหรอ?”  ภาคหันมาถามผมไม่จริงจังเท่าไหร่

“อืมม   แหะ ๆ  ก็น่ารักดี .....โอ๊ย”  ผมว่ายิ้มแก้มปริ  แต่แล้วก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อภาคเบิดกระโหลกผมเน้นๆ  อูย

“ไอ้เด็กแก่แดด....พอเลย  ห้ามมอง ห้ามคิด  ห้ามจีบ” ภาคว่า แล้วดึงหมวกผมลงปิดตา ผมดิ้นเบาๆ ดึงหมวกขึ้น ยู่หน้าใส่ภาค

“โหยยยย  โหดว่ะ...แพนจะไปจีบเค้าได้ไง  สองตาเค้าแลแพนที่ไหน มองแต่ภาคกันทุกคน”

“ฮ่าๆ  ก็ภาคหล่ออ่ะ”  ภาคว่า ยกมือขึ้นเสยผมที่ลมพัดมาละบริเวณหน้าพอดี   กลายเป็นท่าประกอบคำพูดได้เป็นอย่างดี

“คร๊าบๆ รู้แล้ว”  ผมหัวเราะจนปวดท้อง ขำคนหลงตัวเอง   


ไม่นานรถทัวร์ก็มาจอดตรงหน้า ผมกับภาคสะพายเป้ขึ้นรถ....  ภาคดันให้ผมเข้าไปนั่งชิดริมหน้าต่างเพื่อจะได้มองข้างทางได้สะดวก

นักท่องเที่ยวทั้งหลายแหล่ทะยอยกันขึ้นมาไม่ขาดสาย เหลือที่ว่างไม่กี่ที่รถก็เคลื่อนตัวออกไป  เสียงเพลงเปิดคลอเบาๆ กับแอร์

เย็นฉ่ำ ผมมองดูสองข้างทางได้สักพักเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้  รู้สึกตัวอีกทีก็มีมือภาคที่คอยลูบหัวผมอย่างเบามือ

สบายจนบอกไม่ถูก  ขยับตัวซุกไหล่ภาคอีกนิดก็ผลอยหลับต่อทันที
หัวข้อ: Re: กอด~ ทะเลกับความลับ~ P.-3 21/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 22-06-2012 00:01:45
ว๊ากกกกกกกก......จะดราม่ามั้ย แพนทำอะไรแปลกๆบนเตียงอ่ะ

ทะเลกับความลับ???  แพนคิดจะทำอะไรอ่าาาา????  อย่านะๆๆๆๆ

อยากให้คุยกะภาคให้เข้าใจ คิดอะไรไปเองคนเดียวบางทีมันก็อาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็ได้

ภาคอาจไม่มีความสุขกับหนทางที่แพนเลือกให้

เตรียมทิชชูไว้เผื่อ (หากดราม่าจริง จะได้มีใช้ หรือจะเอาไว้ซับเลือดดี ก็ไปเสม็ดกันอ่ะ  :pigha2:)

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ
บวกๆ  :L2: :L2: :L2:

ปล. แต่ไปเสม็ดนี่.......มันเสร็จทุกรายน๊าาา...แพน คึคึุ  :impress2: :impress2:  :haun4: :haun4:

หัวข้อ: Re: Re: กอด~ ทะเลกับความลับ~ P.-3 21/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 22-06-2012 00:47:20
จะไปอำลากันที่ทะเลหรอ
หัวข้อ: Re: กอด~ ทะเลกับความลับ~ P.-3 21/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 23-06-2012 00:05:19


(ต่อ)


เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่ได้จำ  ฮ่าๆ มาถึงเอาฮาไว้ก่อน  ผมที่กำลังหลับสบายถูกก่อกวนโดยชายทราบเพศ (ปกติในข่าวจะบอกว่าชายไม่ทราบเพศ)

อายุ 13 ย่าง 14 ปี ผิวขาว แต่ตอนนี้ค่อนไปทางคล้ำเนื่องจากเล่นกีฬา ส่วนสูงประมาณ 165 ซม. กำลังศึกษาระดับ ม. 1
   
ฮ่าๆ ถ้าจะรู้รูปพรรณสัณฐานคนร้ายขนาดนี้ก็ชี้ตัวไปเลยดีกว่าเน๊าะ ก็ภาคนะแหล่ะครับที่ผลักหัวผมจนหมุน 380 องศา 

(น่าจะคล้ายๆ ข่าว 380 องศา)  ไม่รู้จะฮาไปไหนหนักหนา มุขแป๊ก ๆ ทั้งน้านนนน  จนผมต้องฝืนปรือตาขึ้นมามองอย่างงุนงง

“หืออออ”  ผมกระพริบตาช้าๆ มองหน้าภาคอย่างสงสัย  เห็นภาคส่ายหน้าขำๆ ผลักหัวผมอีกทีจนหน้าหงาย แต่ผมพึ่งตื่นไง

เลยงงๆ อยู่ ไม่ได้โต้ตอบกลับอะไรภาคทั้งนั้น  ภาคเลยยิ่งขำใหญ่ ผมพึ่งสังเกตุว่ารถจอดนิ่งสนิท นักท่องเที่ยวบนรถดูบางตาจนผมสงสัย

และก็ได้คำตอบโดยที่ยังไม่ได้เอ่ยปากถาม  เพราะสมองมันยังไม่ประมวลผลใดๆ ทั้งสิ้น

“ถึงแล้ว ...ป่ะ ลงได้แล้วเดี๋ยวไม่ทันเที่ยวเรือเที่ยวถัดไปนะ  อีก 20 นาที”  ภาคว่าพร้อมดันตัวลุกขึ้น แล้วหันมาดึงมือผม ฉุดให้

ลุกขึ้นตาม  พอลงมาถึงด้านล่างภาคก็เอาโซ่ที่ปลายมีตัวล็อคสองด้านเอาไว้เกี่ยวกระเป๋าตังค์กับกางเกง หรือกุญแจเพื่อไม่ให้หาย

ด้านหนึ่งเกี่ยวที่กางเกงตัวเอง อีกด้านหนึ่งเกี่ยวที่กางเกงยีนส์ผม  ความยาวแค่ 1 ฟุต คิดเอาเองว่าจะกับภาคจะตัวติดกันแค่ไหน

มีใครเคยแกล้งเพื่อนตอนพึ่งตื่นมั้ยครับ  คือมันรู้แหล่ะว่าเราโดนแกล้ง  แต่สมองมันไม่ประมวลผลไง ทำให้เราทำได้แค่งงๆ ไม่รู้

จะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้ายังไง  ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายหัวเราะคิกคัก แล้วลากผมให้เดินไปอย่างเร่งรีบ ผมเลยรีบคว้าแขนภาคไว้

ให้เดินช้าลงหน่อย เพราะเดินไม่ทัน เลยกลายเป็นภาคกุมมือผมไว้อย่างนั้นไม่ปล่อยอีกเลย  เราเดินตรงไปยังท่าเรือ สอบถามราคา

ภาคหันมาถามว่าจองโรงแรมไว้ที่ไหน  พอผมบอกเสร็จ ภาคซื้อตั๋วเรือเฟอร์รี่ทั้งขาไปและกลับ ในคราเดียวมาให้ 

“หิวมั้ย  จะเที่ยงแล้ว เรือมาแล้วอ่ะ จะรอไปเที่ยวถัดไปรึเปล่าจะได้กินข้าวกันก่อน”  ภาคหันมาถาม ผมส่ายหน้าไปมา

“ไม่เอาอ่ะ ซื้ออะไรไปกินรองท้องก็ได้  นะๆ ไม่อยากรอเรืออีกตั้งชั่วโมงอ่ะ”  ผมหน้างอนิด ๆ จริงๆคือง่วงนอนมากกว่า  อยากรีบ

ขึ้นเรือจะได้รีบนอน  ฮ่า ๆ อันนี้ แพลนที่วางไว้

“ป่ะ งั้นไปร้านตรงนั้นกัน”  ภาคชี้ไปร้านขายของชำร้านหนึ่งใกล้บริเวณนั้น เลือกอาหารสำหรับรองท้องระหว่างการโดยสารเรือ

เราเลือกไม่กี่อย่างเสร็จก็จ่ายตังค์แล้วมานั่งรอเรือที่ไม่อีกกี่นาทีก็มาจอดตรงหน้า ผมกับภาคกระโดดขึ้นเรืออย่างคล่องแคล่ว

อาการง่วงค่อยๆ ทุเลาเบาบางไปแล้ว   ก่อนกระโดดมีเรื่องฮาๆ ครับ เพราะผมเกือบตกทะเล  จำกันได้รึเปล่าก่อนที่จะเดินมาท่าเรือ

ภาคทำอะไรผม?   ก็จะอะไรซะอีกหล่ะ ก็ไอ้โซ่ที่คุณชายเค้าตั้งใจแกล้งผมน่ะแหล่ะ ก็ลืมกันทั้งคู่ไง ดีที่ท่าเรือมันมีเสาต้นใหญ่อยู่

ดีที่ภาคเองก็ไม่ไว้ใจผมเท่าไหร่  เพราะเห็นว่าผมยังมีอาการง่วงเป็นอยู่ แต่ยังดื้อจะกระโดดขึ้นเรือไง  พอกระโดดปุ๊บ โซ่ที่ตรึงเราไว้

ก็กระชากผมที่กระโดดลอยไปข้างหน้าให้ถอยหลัง  ส่วนภาคเองก็ถูกแรงกระชากจากตัวผมที่กระโดดลอยไป ดึงไปข้างหน้า

แต่ภาคจับเสาเตรียมไว้แล้วไง มืออีกข้างที่ว่างก็รวบกอดเข้าที่เอวผมแล้วกระชากกลับเข้าฝั่งไว้ได้ทัน  ภาคกอดผมแน่นเป็นแม่ลิงกอดลูกลิงเลยทีเดียว

ผมก็อารามตกใจหน้าเหวอไปพักหนึ่ง  ก่อนจะพักยก  (อย่าบอกใครนะครับว่าผมแอบขาสั่น)  ยังไม่ยอมข้าม  ไปนั่งหมดแรง

รีบปลดโซ่เป็นการใหญ่ นั่งลงที่พื้น พร้อมยู่หน้าใส่ภาคทันที 

“โทษที ๆ  ฮ่าๆ  เกือบเห็นลูกแมวตกน้ำแล้วมั้ยหล่ะ”

“ชิส์  ตกก็ตกด้วยกันน่ะแหล่ะ  แต่ว่าที่เป็นแบบก็เพราะใครหล่ะ?”  ผมประชดเข้าให้  ภาคยิ้มค้าง ยกมือขึ้นสองแขนเป็นท่ายอมแพ้

ก่อนจะก้มให้ ทำท่าขออภัยแบบคนป่า

“ชาบู  ชาบู  ชาบู  ฮ่าๆ.....โอ๊ย”   ผมหมั่นไส้เลยฟาดแขนภาคแรงๆ ไปที เจ้าตัวยังหัวเราะร่วน แต่ก็ลูบแขนตัวเองป้อย ๆ เห็นแล้ว

ก็อดขำไม่ได้
หัวข้อ: Re: Re: กอด~ ทะเลกับความลับ~ P.-3 21/6/12
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 23-06-2012 00:20:06
มาสั้นๆ  :z2: :z2: :z2:

กอดกันเบาๆก่อนขึ้นเรือ   :impress2: :impress2:

หัวข้อ: Re: กอด~ เดินทาง~ P.-3 25/8/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 25-08-2012 03:01:37
ต้องขอกราบขออภัยงามๆ นะคะ  ลืมจริงๆ พอดีตอนแต่งเรื่องนี้ชีวิตบัดซบมาก  กดดันจนลืมไปเลยว่า
แต่งเรื่องนี้ค้างอยู่ เผลอไปแต่งเรื่องใหม่ โฮะๆ  ปกติไม่แต่งสองเรื่องพร้อมกันค่ะ
แต่ต่อไปจะพยายามอัพให้บ่อยๆ นะคะ ขออภัยจริงไม่ได้ตั้งใจจะละทิ้งแต่ประการใด
 :m15: :m15: :m15: :m15: :sad11:

ถือโอกาสแนะนำเรื่องใหม่ด้วยแล้วกันค่ะ  .....

รัก....ที่ขาดหาย
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33937.0




กอด~เดินทาง....




“ไปกันได้ยัง?”  ภาคถามดันตัวลุกขึ้น พร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้าผม 

“อืม”  ผมพยักหน้ารับ แล้วเอื้อมมือไปจับ  ภาคแค่ออกแรงดึงเบาๆ ผมก็ตัวลอยลุกขึ้นมาอย่างง่ายดาย     รอยยิ้ม......สดใสเหมือนดวงตะวัน 

ผม......จะจดจำไว้  คิดแล้วก็ยิ้มตอบ อยากหล่ออยากเท่ห์เหมือนภาคบ้างจัง  ไม่ว่าทำอะไร....ก็มีเสน่ห์ มีแต่คนให้ความสนใจ

 เชื่อผมสิ ตอนนี้สาวๆ กว่าครึ่งเรือกำลังมองคนหล่อที่กำลังช่วยดึงน้องตัวเล็กอย่างผมอย่างสนใจ

ไม่ใช่ว่าแค่ภาคดูใจดีหรอก.....แต่คงเป็นเพราะความหล่อมันกระแทกตา  ฮ่าๆ  ไม่ได้ยอหรอกฮะ เพราะมันเรื่องจริง  ภาคกุมมือผมไว้แน่น 

พอถึงเรือก็กระโดดข้ามไปก่อน  แล้วยื่นมือมารอดึงผมที่กำลังจะข้ามตามไป  ผมมองภาคแล้วอมยิ้ม....ยื่นมือไปจับ  แล้วกระโดดตามไป

ไม่ว่าที่ไหน......แค่มีภาคอยู่ด้วยก็อบอุ่น   จนบางครั้งก็กลัวที่ต้องเสียมันไป แต่ช่างมันเถอะ.....แค่ตอนนี้ผมอยากอยู่กับภาค อยากจดจำทุกๆอย่าง

และอยากให้ภาคจำรอยยิ้มของผมด้วยเช่นกัน  ความทรงจำ......ที่มีแค่ผมกับภาคเท่านั้นที่จะได้รับรู้  และร่วมสร้างมันไปด้วยกัน 

 “นั่งไหนดี? แพนอยากนั่งข้างบนหรือข้างล่างอ่ะ?”

“ข้างบนดีกว่า  อยากดูวิวอ่ะ  แต่ตอนนี้ง่วงสุดๆ เลยอ่ะภาค ....โอ๊ย”  ผมเอามือลูบหัวตัวเองป้อยๆ  โดนฝ่ามืออรหันต์ฟาดมาเบาๆ

“หมั่นไส้ว่ะ  นอนก็นอนมาตลอดทางแล้วยังจะมาง่วงอะไรอีกอ่ะแพน   ภาคนะเมื่อคืนก็นอนดึกแถมนั่งรถมาไม่ได้นอนเลยสักนิดเห๊อะ”

“อ้าวแล้วไมไม่นอนอ่ะ?” ผมถามขึ้นอย่างสงสัย เพราะระยะเวลาเดินทางก็หลายชั่วโมงอยู่แล้วภาคทำไมไม่นอนหล่ะเนี่ย

“ก็เพราะแพนน่ะแหล่ะ”

“อ้าว...แล้วแพนเกี่ยวไรด้วยเนี่ย?”

“ก็แพนน่ะแหล่ะนอนไงไม่รู้อ่ะ  หลับซะสนิทเลยซบไหล่ภาคแล้วจะกลิ้งลงพื้นหลายที ภาคเลยต้องกอดไว้ตลอดทางไม่กล้าหลับนะสิ”

“เหรอ...  แฮะๆ  .  ภาคใจดีเน๊าะ”  ผมยิ้มเขินๆ เกาหัวตัวเองแก้เขินซะเลยฮ่าๆ  ภาคหัวเราะชอบใจก่อนจะโน้มตัวมากระซิบข้างหู

“ใจดี....แล้วชอบป่ะหล่ะ?”  พูดเสร็จก็หันมายักคิ้วหลิ่วตาให้  ทำผมขำจนทนไม่ไหว ปกติภาคทำยังงี้ที่ไหนกันหล่ะ  ฮ่าๆ 

“วุ๊...ถามอะไรเนี่ย ฮ่าๆ ชอบล้อเล่นอยู่เรื่อย”  พูดจบผมก็ฉิ่งเดินหนีปีนบันไดขึ้นไปชั้นสองแทน  ....ไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ข้างล่าง

ผู้คนก็ดูหนาแน่นพอสมควร แต่ข้างบนผู้คนกลับดูโหลงเหลงพิกล  ผมเดินไปจับจองม้านั่งด้านหลังสุด ก็เห็นภาคที่เร่งตามมาอย่างกระชั้นชิด

กำลังจะนั่งลงกับกับอี้ไม้  ภาคก็ยื่นมือมาฉุดแขนผมไปซะก่อน  ผมเลยต้องหันไปมองด้วยความสงสัย ว่า....จะดึงแขนทำไมอ่ะ

“ไรอ่ะภาค?”  ผมเห็นภาคทำหน้ามุ่ย  ก็เริ่มงงแล้ว  ง่า......งอนเรื่องไรเนี่ย

“แพนยังไม่ตอบภาคเลย”  ผมกระพริบตาปริบๆ ด้วยความสงสัย  ว่าแต่ถามอะไรเมื่อไหร่กันเนี่ย

“ตอบอะไรอ่ะภาค?”  หันไปถาม  ขณะที่เราทั้งคู่นั่งลงบนเก้าอี้ไม้

“โห~  ปลาทองได้ใจมากอ่ะแพน ”  ภาคว่าแล้วยีหัวผมใหญ่เลย  โฮะๆๆ  ...ผมเลยเซไปด้วย เพราะเรือก็เริ่มออกจากท่าแล้ว

“ก็ที่ถามว่า......ใจดีแล้วชอบมั้ยหล่ะ?”    ภาคโน้มตัวมากระซิบอีกรอบ  ผมเลยยิ้มขำ

“โห~  คำตอบนี่จะเอาจริงอ่ะ ”   ผมถามยิ้มๆ  เห็นภาคพยักหน้าหงึกๆ

“อือ  ...ก็จริงดิ”   

“ไม่ชอบ”  ผมเห็นภาคยิ้มเจื่อนๆ  กลับมาให้ผม  มือที่กุมมือผมอยู่ข้างหนึ่งบีบมือผมแน่นจนเจ็บ  แต่ผมไม่ได้พูดอะไร 

“..........”   เงียบ  .... 

“อ๊ะ....ขอโทษ” ภาคหันมามองหน้าผม เหมือนจะรู้ตัวว่าบีบมือผมอยู่ ก็รีบปล่อยมือออก  ลอบกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ ก่อนจะพยายามยิ้มจืดจาง

มาให้ผมอีกที   แล้วหันหลัง..... แกล้งสนใจทะเลแทน   เห็นภาคแอบถอนหายใจอยู่หลายรอบแล้ว  ผมเลยยื่นมือไปจิ้มไหล่ภาคเบาๆ

“ภาค  ....ภาค  นี่ๆ หันมาหน่อย”

“หืออ.....มีไรเหรอ”  ภาคตอบผมเบาๆ  แต่ไม่ได้หันกลับมา

  “แพนยังพูดไม่จบ  หันมาหน่อยไม่งั้นไม่บอกน่ะ”   ผมทุบไหล่ภาคเบาๆ  ภาคเลยหันมา สายตาหลุบต่ำมองที่พื้น แอบเห็นตาภาคแดงๆ เหมือน

คนที่ร้องไห้  ฮ่าๆ  แต่จะให้ภาคร้องไห้เรื่องอะไรหล่ะ  .....ผมแค่แกล้งภาคนี่นา  ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยภาคเอ๊ย ...

“ครับว่าไง?”   ภาคเงยหน้าขึ้นมาถามแค่แป๊บเดียวสายตาก็มองลงที่พื้น  อาจจะเพื่อหาเศษเหรียญ ฮ่าๆ ผมล้อเล่นครับ แค่หลบสายตาผม

“จะบอกว่าไม่ได้ชอบ.........แต่”  ผมทิ้งไว้แค่นั้นก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้  แล้วกระซิบข้างหูแทน

“รักเลยตะหาก”   

“หืมมมมมมม?  จริงอ่ะ”  ภาคเงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างรวดเร็ว  ดวงตาทอประกายวับวาว จากที่ทำหน้าเศร้าสลดเมื่อสักครู่ 

แต่ตอนนี้...ไม่เหลือเค้าเดิมเลยสักนิด    เปลี่ยนโหมด...ไวยังกะลิง หูตั้ง ตาวาววับ หางกระดิก  เหมือนลูกหมาเวลาดีใจ จนผมอดขำ

กับท่าทางของภาคไม่ได้  .....มือทั้งสองข้างที่เขย่าตัวผมจนโยกคอนไปทั้งตัว  ผมหัวเราะหึๆ  มองภาพที่น่าจดจำอีกภาพหนึ่ง

“อ๊ะ  ...โทษที แพนเจ็บเปล่า?”  ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ  ภาคเลิกเขย่าตัวผมแต่ยังไม่ยอมปล่อย  หันมาจ้องตาผมเขม็ง

“ถ้าถามว่าจริงไหม?  ตอบได้เลยว่าถ้าเต็มร้อย ก็ได้ล้านเปอร์เซ็น อ่ะ .. ก็ภาคเป็นพี่ชายที่แพนรักที่สุดเลยอ่ะ”  ผมยิ้มกว้างตอบภาค

ขณะที่ภาคกำลังลูบผมผมไปมา  และก็หยุดชะงักเพียงเท่านั้น  หันมายิ้มอ่อนโยน  แม้จะไม่ได้เป็นประกายวาววับอย่างเมื่อครู่  แต่ก็ไม่ได้เศร้า

มากอย่างก่อนหน้านั้น  เชื่อสิ....ว่าผมก็อยากให้คำตอบมันเป็นมากกว่านั้น  ถ้าการที่ผมอยู่ข้างๆ ภาค  มันจะทำให้ภาคมีความสุขกว่านี้

“แค่พี่เองเหรอ.... ไม่เป็นไรหรอก  แค่แพนรักก็ดีตั้งเท่าไหร่แล้ว”  บทสนทนาจบเพียงเท่านั้น  ผมทิ้งตัวลงนอนบนเก้าอี้หลายตัวยืดขาเหยียดยาว

ส่วนหัวหนุนตักภาค เลื่อนหมวกลงมาปิดหน้า แล้วหลับตาลง. ภาคลูบหัวผมเบาๆ สบายจนเคลิ้มหลับไป

.

.

“ตุ๊บ.........โอ๊ยยยยยยย”   เผลอหลับไปได้แค่สิบนาที  ก็กลิ้งตกมานอนบนพื้นเป็นที่เรียบร้อย ภาคปรือตามามองน้อยๆ  ก่อนจะยื่นมือมาดึงผม

ไปนั่งข้าง ๆ   สีหน้าอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด  ลูบหัวผมเบา

“เป็นไงเจ็บตรงไหนมั้ยครับ”   ภาคเอ่ยถาม  ผมส่ายหน้าเบาๆ

“เจ็บก้นนิดหน่อย อ่ะ”  ผมทำท่าจะทิ้งตัวลงนอนต่อ ภาคก็รั้งไว้ไม่ให้นอนตามเดิม ลุกขึ้นจูงมือผมไปยังโซนหัวเรือ ที่มีห้องคล้ายห้องเครื่อง

ภาควางสัมภาระลง  พร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นเรือหันหลังพิงผนังห้องเครื่องที่ว่า  แล้วเอามือตบพื้นแปะ ๆ ตรงหว่างขา 

“หืมม?”  ผมจ้องมองภาคเป็นคำถาม

“นั่งตรงนี้  นั่งตรงนั้นเดี๋ยวหลับล้มกลิ้งหัวกระแทกพื้นอีก  มานั่งตรงนี้ พิงอกภาคนี่แหล่ะดีแล้วจะได้ไม่ล้ม   เร็วๆ อย่าเรื่องมานะแพน” ภาคว่า

พรางตบมือ แปะๆ ที่เดิม  เร่งให้ผมทำตามคำสั่ง  ผมหน้างอเล็กน้อย  แต่สุดท้ายก็ยอมทำตาม  ทิ้งตัวลงนั่งตรงหว่างขา  พิงหลังกับอกภาค

ภาคชันเข่าขึ้น  แล้วเอื้อมมือมาโอบกอดเข่าตัวเองคล้ายๆ ล้อมเป็นคอกกั้นสำหรับผม  ผมหันหน้าเข้าหาคอภาค ได้กลิ่นหอมๆ ลอยเอื่อยๆ

กลิ่นน้ำหอม.....อ่อนๆ   ที่ภาคชอบใช้มันเสมอ ไม่รู้แต่ตั้งเมื่อไหร่....รู้อีกทีมันก็กลายเป็นกลิ่นประจำตัวภาคซะแล้ว  และผมก็ชอบ  ชอบมากๆ

มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น  รู้สึกถึงความอ่อนโยน  และปลอดภัย  เพราะมีคนๆ นี้อยู่ใกล้  ค่อยๆ หลับตาลงไปแล้วจมดิ่งสู่นิทรา
หัวข้อ: Re: กอด~ เดินทาง~ P.-3 25/8/12
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 25-08-2012 06:32:40
ทำไม มันช่างหวานปนเศร้าจัง เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: Re: กอด~ เดินทาง~ P.-3 25/8/12
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 25-08-2012 08:44:02
รู้สึกเหมือนอีกนานกว่าแพนจะเข้าใจภาค




สงสารภาคขึ้นมาตะหงิดๆ
หัวข้อ: Re: กอด~ เดินทาง~ P.-3 25/8/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 25-08-2012 10:50:46
เรือที่โดยสารค่ะ

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: Re: กอด~ เดินทาง~ P.-3 25/8/12
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 25-08-2012 11:52:52
อืมมมมมมมมม รอคอยต่อไปนะน้องภาค
หัวข้อ: Re: Re: กอด~ เดินทาง~ P.-3 25/8/12
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 25-08-2012 12:35:06
เด็กเดี๋ยวนี้มันโตเร็วจริงๆป้าแก่ๆตามไม่ทัน อิอิ
น่ารักดีแท้เหลา  แต่จะดีถ้ามันไม่มาม่ามาก  มากเรียกน้ำตาป้าอ่ะนะ 555
หัวข้อ: Re: Re: กอด~ เดินทาง~ P.-3 25/8/12
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 26-08-2012 14:06:43
พายุใหญ่กำลังจะมาแน่ๆ
รู้สึกสงสารภาคไปล่วงหน้ายังไงไม่รู้
แพนคิดจะทำอะไรอยู่รึเปล่านะ ไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเลย

สองใจดูเหมือนว่าจะตรงกันมาตั้งนานแล้ว
แต่ต่างคนต่างก็คิดกันไปว่าอีกคนไม่ได้คิดแบบเดียวกัน
อยากให้เ้ข้าใจกันเร็วๆจัง

เค้าว่ากันว่า...ฟ้าหลังฝน สวยงามเสมอ
ถ้างั้น....พายุรีบพัดมา  แล้วก็พัดผ่านไปไวๆนะคะ

ขอบคุณคนแต่งมากค่ะ
ดีใจมากๆที่มาต่อเรื่องนี้แล้ว
คิดถึงแพนกับภาคมาก.......จริงๆ

ปล. ไปเสม็ดเสร็จทุกราย จริงๆนะ (คึคึ :z1: :z1: )

หัวข้อ: Re: กอด~เพียงเรา P.-3 17/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 17-09-2012 23:48:53
กอด~เพียงเรา

ในที่สุดผมกับภาคก็เดินทางมาถึงอ่าวหวาย  เกาะเสม็ดหาดทรายขาว ทะเลสวยสมคำร่ำลือ ช่วงนี้ไม่ใช่วันหยุดยาวทำให้นักท่องเที่ยว

ดูบางตา แต่ก็ไม่ได้เหงาถึงขนาดไร้ผู้คน  บรรยากาศอบอุ่นของทะเลบวกกับคนที่ยืนกุมมือข้างๆ กัน แค่นั้นคำว่าเหงาก็ปลิวหายไปไกล

จากความคิด   เราสะพายเป้คนละใบ พร้อมกับหนีบรองเท้าแตะเหมาะกับบรรยากาศของทะเล  ผมพันขากางเกงขึ้นสูงจนเลยเข่า

เพื่อไม่ให้มันเปียกน้ำตอนที่ลงจากเรือเพื่อขึ้นฝั่ง   ส่วนภาคดูสบายๆ กับกางเกงขาสามส่วน   มาถึงก็ติดต่อที่พักเพื่อเก็บสัมภาระ

ได้ห้องแถวริมทะเลราคาย่อมเยาอาจจะเพราะคนน้อย หาดตรงนี้เลยแทบจะเป็นหาดส่วนตัว  ผมเปลี่ยนกางเกงเป็นขาสั้นเสร็จ

ก็เดินออกจากห้องน้ำมาหาภาคที่ตอนนี้นอนหลับรอด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง และอดนอนมาหลายวันเพราะกีฬาสี ผมยืนมอง

อยู่อย่างนั้นเงียบๆ  สุดท้ายก็ค่อยย่องมานั่งลงข้างๆ เตียง สองแขนวางทาบลงบนที่นอนก่อนจะเกยคางมองดูอีกฝ่ายที่หลับสนิทซะจน

ไม่รู้เรื่องอะไร  ลมหายใจสม่ำเสมอค่อยผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะ ใบหน้าคม...ที่ไม่ว่าจะมองตอนไหน  ทั้งหลับทั้งตื่นก็ดูดีไปหมด 

ผมไล้มือเบาๆ บนแก้มเนียน อยู่เนิ่นนาน ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แตะจูบบางเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ กลัวว่าอีกคนจะตื่น   แล้วทิ้งตัว

กลับมานั่งมองข้างเตียงเช่นเดิม รอยยิ้มแต่งแต้มมุมปากเมื่อไหร่ไม่รู้  เท่าที่รู้ภาพตรงหน้านี้ อยากจะจำไว้จนวันตายเลย... ให้ตายสิ


ผมหยิบมือถือ ขึ้นมาถ่ายรูปภาคเก็บเอาไว้  ใน Folder ที่ซ่อนไว้ลึกที่สุด ไม่มีใครจะหาเจอได้ นั่งมองอยู่อย่างนั้น หัวใจกลับสั่นระริก

จนต้องยกมือขึ้นกอบกุมไว้แน่น เจ็บจนน่าใจหาย  ...... ได้แต่พยายามบอกความรู้สึกที่มันล้นเอ่อ....ให้คนหลับตาพริ้มได้ฟัง

“รักภาคนะ  รักที่สุดในชีวิตแพนแล้ว” ผมเอ่ยเสียงแผ่วราวกับกระซิบ   ความเจ็บค่อย ๆ แทรกเข้าไปใจหัวใจที่ซ่อนอยู่เบื้องลึก 

น้ำตาคลอหน่วยรอบขอบตา  อยากมีความสุข.....ไปนานๆ แบบนี้ กุมมือกันแบบนี้ นอนกอดกัน กินข้าวด้วยกัน เดินไปด้วยกัน อยู่ข้างๆ กัน


แต่มัน.....ทำได้แค่ในความคิดรึเปล่านะ   สูดหายใจเข้าลึกๆ ให้เต็มปอด ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาเสียใจ   

มันไม่ใช่เลย....ตอนนี้เป็นเวลาแห่งรอยยิ้ม....  ความสุข......   และความทรงจำที่ผมจะตักตวงไว้ได้  ณ โอกาสนี้   

ผมยื่นมือไปกอบกุมมือภาคไว้ เอนหัวราบขนานกับพื้นเตียง จ้องมองใบหน้าคมของภาค  หล่อขนาดนี้......ดีขนาดนี้...............

ถ้าผม....เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ภาคต้องสับสน  มัวติดอยู่กับผมคง.....น่าเสียดายแย่  บางครั้งความ “รัก”  มันต้องการเวลา

ผมไม่อยากให้ความเคยชิน....ที่เป็นอยู่ทำให้ภาคไขว้เขว  ถ้าเราจะรักกัน....  มันต้องไม่ใช่เพราะแค่คุ้นเคย

แต่มันต้องเป็นความรู้สึกที่แท้จริง  ถ้ามันใช่.....ต่อให้เรื่องครอบครัวของเรามันเป็นเรื่องใหญ่แค่ไหน

สัญญาเลย........  ผมพร้อมจะฝ่าฟันมันไป จะทำทุกๆ อย่างให้เรา.......ได้อยู่ด้วยกัน

.

.
.

เผลอหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ .....ลืมตาตื่นขึ้นมาก็อยู่ในอ้อมกอดของภาคแล้ว   หึหึ....เป็นภาระได้ยันนาทีสุดท้ายเลยแฮะ 

ผมซุกตัวเข้าหาอกกว้างของอีกฝ่าย  ภาคกอดตอบแน่น ๆ ผมเลยเงยหน้าขึ้นมอง นี่ภาคตื่นอยู่หรอกเหรอนึกว่าหลับซะอีก

“ตื่นเมื่อไหร่อ่ะ ทำไมไม่ปลุกแพน”  ผมหันไปถามเสียงงัวเงีย  ขยี้ตาเล็กน้อย เพื่อให้ภาพที่มองเห็นชัดเจนขึ้น  ภาคไม่ตอบ

หากเอาแต่ยิ้ม แล้วจ้องกลับมาที่ผม มือหนาๆ ของภาคลูบแก้มผมไปมาอย่างเพลิดเพลิน 

“แพน?”

“หืมม?”

“จูบหน่อยได้มั้ย?  อยากจูบอ่ะ”    ผมไม่ได้ตอบ กำลังจ้องเข้าไปในดวงตาคมสีดำขลับที่มองตอบกลับ มือหนาๆ ยังลูบไล้ไปมา

บนใบหน้าผม  หากแต่....ใบหน้าของภาค  กลับค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ใกล้....เข้ามาเรื่อยๆ  จนผมต้องหลับตาลง ....

 รู้สึกได้ถึงริมฝีปากของใครอีกคนกำลังทาบทับลงมาอย่าวแผ่วเบา แล้วละออก  ก่อนจะแตะจูบลงมาซ้ำๆ 

ลิ้นร้อนไล้เลีย..สอดแทรกมาตรงกลางระหว่างกลีบปากบนกับกลีบปากล่างของผม  ดูดกลืนความหวาน.........ข้างใน 

ไล่ต้อนลิ้นผมให้จนมุม จนผมต้องหันมาดูดดุนลิ้นอีกฝ่ายกลับเพื่อต่อต้าน แต่เหมือนเพิ่มความต้องการของอีกฝ่ายเสียเปล่าๆ 

เสียงดังจ๊วบจ๊าบ ...ในยามที่ปากผละออกจากกัน  ดังเป็นระยะ  ความรู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยคว้างอยู่ในอากาศ

ปราศจากเรี่ยวแรง  จนต้องใช้สองมือยึดคนข้างบนไว้แน่น  เหมือนจะถูกทำให้หลอมละลายอยู่ตรงนี้ .......แทบขาดใจ 

กว่าที่ภาคจะยอมละริมฝีปากออก  และปล่อยให้ผมได้มีโอกาสได้กอบโกยเอาลมหายใจเข้าปอด ทั้งที่อีกฝ่ายหอบแค่เล็กน้อยเท่านั้น 

รู้ว่าตัวเองหน้าแดงซ่านสักแค่ไหน  พักหลังๆ นี่ ยิ่งรู้ตัวว่าชอบภาคมากเท่าไหร่ร่างกายก็ยิ่งตอบสนองภาคมากขึ้นเท่านั้น อย่างไม่รู้ตัว

รู้แต่ว่า......ต้องการ  หากแต่.....ผมยอมให้มันเกิดไม่ได้  แม้ในใจจะเรียกร้องแทบขาดใจ ถ้าทำอย่างนั้น  ...เรื่องทุกอย่างจะยากขึ้น 


ไม่อยากทำให้ภาคสับสนไปมากกว่านี้แล้ว 

“พ...พอแล้ว”    ผมพูดเสียงตะกุกตะกัก  ทั้งที่ยังหายใจหอบถี่  เร่งสูดอากาศเข้าปอดอยู่อย่างนั้น

“ครับ ..ครับ   หึหึ”  ภาคว่าขำ ๆ  ดึงผมเข้าไปกอดแน่นๆ   ผมกอดตอบซุกหน้าเข้าหาอกกว้างมากขึ้น ป้องกันปากหวานๆ

ของใครบางคนจะซุกซนไม่หยุดหย่อน    โอบกอดกันอยู่อย่างนั้น   ไม่ต้องมีคำพูดใด.....  แค่ฟังเสียงหัวใจของกันและกัน

เท่านั้นก็อิ่มเอม......  เสียจนหัวใจพองคับอกแทบจะระเบิด  หัวใจเต้นรัวเป็นกลองชุด ว่าแล้วก็ลองเช็ดจังหวะหัวใจของอีกฝ่าย

ซึ่งก็พบว่าไม่ต่าง~    ภาคลูบเบาๆ ที่หัวผม   ก่อนจะก้มลงมาจูบ  พร้อมกับคำกระซิบเสียงแผ่วเบา  ที่ทำผมกระชับกอดให้แน่นขึ้นไปอีก


“รักแพนนะ”
.

.

.

“จ๊อกกกกกกกกกกกกกก”  แล้วท้องเจ้ากรรมก็ทำบรรยากาศหวานๆ เมื่อสักครู่พังไม่เป็นท่า .....ง่ะ   ได้ยินแต่เสียงหัวเราะดังระงม

ไม่อยากจะเงยหน้าเลย  ถ้าทำได้ ...... จะซุกหัวกับอกกว้างนี่แหล่ะ 

“ฮ่าๆๆๆๆ  หิวเหรอแพน?”  ภาคหันมาถามทั้งที่กำลังขำผม  จนตัวโยน  ชิส์......น่าหมั่นไส้สุดๆ  ผมยู่หน้าใส่ พร้อมๆ


กับอายจนหน้าแดงตามไปด้วย

“ก็ยังไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยอ่ะ ตั้งแต่เช้ามา แล้วนี่ก็จะห้าโมงเย็นแล้วด้วย”  ผมว่าน้ำเสียงงุ้งงิ้งไปตามเรื่องตามราว
“งั้นไปล้างหน้าไปหาอะไรกินกัน”   ภาคดันตัวลุกขึ้นนั่งตรงปลายเตียง ก่อนจะหันมายื่นมือมาให้ผม  ผมยื่นมือไปจับ  ภาคออกแรง

แค่นิดๆ เท่านั้นแหล่ะ ตัวผมก็ราวกับติดสปิงเด้งไปนั่งข้างๆ ภาคทันที  ผมเอาหัวชนที่ไหล่ภาคเบาๆ หลายที อย่างก่อกวน

ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเอาหัวถูไถแบบออดอ้อน   ภาคส่ายหน้าขำเบาๆ เอามือลูบที่หัว  แล้วกดจูบลงมากลางกระหม่อมผม


“ขี้อ้อนจริง  ป่ะๆ ไปล้างหน้าได้แล้ว”  ภาคลุกขึ้นยืนพร้อมกับดึงผมที่ยังนั่งอยู่ริมเตียงให้ลุกตาม  แต่ผมโยเย
“เง้อ.....ขี้เกียจอ่ะ”   ผมส่ายหัวไปมา   ภาคปล่อยมือแล้วหันหลังย่อตัวลงเล็กน้อย

“ขึ้นมาเร็ว  ไอ้ตัวขี้เกียจ ”   ผมยิ้มกว้างที่ได้แกล้งภาค  โอบแขนรอบไหล่ภาค  ส่วนมือทั้งสองข้างของภาคสอดเข้าที่ขาทั้งสองข้างของผม

ก่อนจะยกตัวขึ้น ผมรัดขาที่เอวภาคแน่น เพราะกลัวจะตก   ภาคแบกผมไปในห้องน้ำก่อนจะวางผมลงหน้าอ่างล้างหน้า ...

ซึ่งห่างจากเตียงประมาณ 5 เมตรได้ ไกลมากกกกกกกกก    พอขาถึงพื้นกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดน้ำก็ต้องชะงัก จนต้องหันมามองด้านหลัง


“ไม่ต้อง....เดี๋ยวภาคทำให้”  พูดจบ ภาคที่ยืนซ้อนหลังผมอยู่ก็เอื้อมมือไปเปิดก๊อกน้ำ  ผมเอนตัวลงเล็กน้อย  ภาคเอามือรองน้ำจนเต็มมือ

ลูบมาที่หน้าผม  พอเงยหน้า อีกฝ่ายก็บีบโฟมถูจนฟองเต็มมือ ป้ายลงบนหน้าผม นวดเบาๆ จนทั่วหน้า ก็เอื้อมมือไปเปิดก๊อกอีกครั้ง
เอามือรองน้ำ แล้วเอาน้ำสะอาดล้างหน้าให้ผมอยู่สองสามรอบจนหมดฟอง   จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่ถูกจัดวางไว้ในห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว

มาซับหน้าให้ผมเบาๆ  ผมได้แต่ยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากขณะที่อีกคนก็มีรอยยิ้มไม่ต่างกัน   พอทำเสร็จเท่านั้นแหล่ะอีกฝ่ายก็เรียกร้อง

“ทำให้ภาคมั่งสิ”

“โหยไม่ไหวหรอกภาคตัวโต แพนซ้อนด้านหลังก็ไม่ล้างหน้าให้ภาคไม่ถึงหรอก”

“ไม่เป็นไร  งั้นทำอย่างอื่นให้ภาคแทนแล้วกัน”   ผมเห็นแววตาซุกซนในตาภาค รู้สึกเหมือนคิ้วกระตุกเล็ก ๆ ฤกษ์ไม่ค่อยงามยามไม่ค่อยดีซะแล้ว

“ไรอ่ะ  ถ้ายากๆ แพนทำให้ไม่ได้หรอกนะ  ขอบอกไว้ก่อน”   ผมหันไปมองหน้าภาคอย่างไม่ไว้วางใจ  ดักทางไว้ก่อน เผื่อมีไรไม่ปลอดภัย

“หึหึ...ง่ายๆ เหอะแพน ไม่มีไรยากเชื่อภาคสิ”  พูดจบก็ยักคิ้วให้ผมแบบกวนๆ มาสองที แถมไอ้รอยยิ้มมุมปากนั่น หือออ~ ไม่น่าไว้ใจเลยเหอะ

ภาคล้างหน้าล้างตาเสร็จก็หยิบผ้าเช็คหน้าผืนเดิมไปเช็ด  แล้วหันมายิ้มแฉ่งให้ผม 

“เป็นไงหล่อมั้ย?”   

“อืม.....ก็นะ”  ผมยกยิ้มมุมปากนิด  เกือบกลั้นขำไม่ไหว  ก็ภาคยิ้มอย่างนี้ทีไรก็ตาหยีทุกที  ขนาดไม่ใช่ลูกหลานคนจีนซะหน่อย

“ก็หล่ออ่ะดิ  หึหึ”  ภาคว่ายกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ไม่วายกระดกคิ้วขึ้นเดียวเพื่อแสดงความมั่นใจอย่างสุดขีด

“อืมหล่อ.....แต่แบบแป๊ะยิ้มนะ ฮ่าๆ ๆๆ”  พูดเสร็จผมก็ซอยเท้าวิ่ง 4x100 หนีภาคไป ไม่ได้สักกี่ก้าว คนขายาวแขนยาวก็สาว

มือมาถึงตัว กระโดดจับทีเดียวก็ล้มกลิ้งไปบนเตียงกันทั้งคู่

“จะหนีไปไหนแพน ...มารับผิดชอบคำพูดตัวเองซะดีๆ  มองเลยๆ ว่าภาคเหมือนแป๊ะยิ้มตรงไหน  ดูดีๆ” 

“หึหึ ...ก็เหมือนตอนยิ้มตาหยีน่ะแหล่ะ ฮ่าๆ  ”

“ไม่เหมือนซะหน่อย...อย่ามาหลอก”  ภาคก้มลงมาไซร้คอเบาๆ ผมดิ้นหนี้เป็นพันวันแต่ไม่ได้ผล เพราะบ้าจี้เข้าไส้
“ฮ่าๆๆ  อย่า ๆ  ยอมแล้วๆ  อย่าแกล้งแพน  นะนะ”  ผมระร่ำระรักบอกหน้าดำหน้าแดง  ก็เมื่อกี้มันจักจี้นี่นา


“หึหึ  ดีมาก บอกมาก่อนว่าภาคหล่อ”  ภาคจ้องหน้าผมระยะประชิด หน้าเราห่างกันแค่คืบเท่านั้น 

“ก็......หล่อน่ะแหล่ะ หึหึ” 

“หัวเราะทำไม”

“หัวเราะก็ไม่ได้ วุ้ย” 

“งั้นโดนทำโทษ”

“อะไรๆ อย่ามาเนียนนะภาค”

“ไม่ทำโทษก็ได้  แต่เมื่อกี้แพนสัญญาแล้วจะชดเชยให้ภาค”

“แล้วจะให้ทำยังไงอ่ะ”   ภาคยกยิ้มไม่ตอบ  แต่กลับทิ้งตัวลงข้างๆ ผมแทน  ผมหันไปมองด้วยความสงสัย ก่อนจะหน้าแดงจัด





.

.

“ช่วยจูบภาคเหมือนกับเมื่อกี้ได้ไหม?   ก่อนจะไปเข้าห้องน้ำอ่ะ”  ภาคหันมามองผมด้วยรอยยิ้ม  ที่อบอุ่น  ......

“...............”  เงียบฉี่     ทำได้แต่หน้าขึ้นสี  ปกติก็มีแต่ภาคเท่านั้นแหล่ะที่เป็นคนเริ่ม


.

.

.

นี่จะให้ผมเป็นคนเริ่มเหรอ   ละ...แล้วต้องทำยังไงดีหล่ะ...     เขินจนแทบอยากจะละลายหายไปจากตรงนี้

.

.

.

“ถ้าลำบากใจ....ไม่เป็นไรก็ได้นะ”   ภาคดันตัวลุกขึ้นนั่ง  แต่ผมคว้ามือหนาๆ นั่นไว้  ไม่ปล่อยหรอก....อย่างน้อยก็ตอนนี้


.
.


“ท...ทำสิ.....ทำอยู่แล้ว..”
หัวข้อ: Re: กอด~เพียงเรา P.-3 17/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 18-09-2012 06:44:41
หน่วงดี
หัวข้อ: Re: กอด~เพียงเรา P.-3 17/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 18-09-2012 19:59:10
หึหึหึหึ
หัวข้อ: Re: กอด~เพียงเรา P.-3 17/9/12 @ แถม+++
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 19-09-2012 13:52:16
แถม++

ผมดันตัวคร่อมตัวภาคไว้  ค่อยๆ โน้มใบหน้าให้เข้าใกล้ไปอีก  ใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายยกยิ้มที่มุมปากนิดๆ ติดจะเจ้าเล่ห์อยู่สักหน่อย

ไม่รู้ตอนนี้ผมความจะสบตา หรือมองที่ปากกันแน่  รู้แต่ว่าตอนนี้หัวใจเต้นระทึก ....ดังกึกก้อง จนรู้สึกรำคาญตัวเอง

ใบหน้าฉาบสีแดงราวกับเป็นลูกตำลึงก็ไม่ปาน  ไม่รู้จะเอาหน้าไปซ่อนไว้ไหน  เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึกอายขนาดนี้ 

อาจจะเป็นเพราะทุกที....ทำได้แค่ตั้งรับไม่เคยลุกเองเลยจริงๆ สักครั้ง  พอต้องมาทำเองมันก็เขินอย่างบอกไม่ถูก

ยังไม่ทันที่ริมฝีปากจะได้แตะลงกับปากอีกฝ่าย  มือร้อนๆ ของภาีคก็ซุกซนล้วงเข้าใต้เสื้อ ลูบไล้บริเวณบั้นเอวเล่น

ราวกับกำลังเร่งเร้าให้ผมรีบปฏิบัติการตามที่ปากกล้าๆ ของตัวเอง รับปากไว้  บ้าเอ้ย.....มือสั่นไปหมด 

สุดท้ายก็ตัดสินใจ ก้มลงจุมพิศอีกฝ่าย แตะริมฝีปากลงเบาๆ  ภาคดูดดุนริมฝีปากผมเบาๆ ก่อนจะแทรกลิ้นเข้ามา

"อื๊ออออออออออ~~"  ทั้งที่คิดว่าจะทำให้อีกฝ่ายครางเสียงหวาน  แต่ทำกลับกลายเป็นผมเองนั่นแหล่ะ ที่ส่งเสียงแปลกๆ อยู่นี่

ร่างกายอ่อนระทวยได้อีก  เข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า ?   ปกติคนที่รุกต้องทำให้อีกฝ่ายอ่อนระทวยไม่ใช่เหรอวะ

แล้วทำไม?.........ทำไมกลายเป็นผมซะเอง  ทิ้งตัวหมดแรงบนร่างหนาๆ ของภาค ก่อนจะถูกพลิกกลับให้ไปอยู่ด้านล่าง

โดนรุกกลับซะงั้น  นี่มันอะไรกัน....  สมองมันเบลอไปหมด  ความรู้สึกที่เบาหวิวราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ แล้วทิ้งตัว

ลงสู่ที่ต่ำ จมดิ่งกับความเสียวซ่านที่อีกฝ่ายประเคนให้  บ้าเอ้ย.......  ควบคุมอะไรไม่ได้แล้ว  สมองผมไม่สั่งงาน

ร่างกายก็พาล เชื่อฟังแต่ความรู้สึกซะอย่างนั้น  สองแขนโอบรอบลำคอหนาของภาค แทนที่จะผลักไส  บ้ารึเปล่า?..

"อ๊าาาาา~" ผมเผลอครางเสียงสั่น  เมื่อมีมือดีล้วงลึกเข้าไปในกางเกงขาสั้น  ที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแกะกระดุม ปลดซิบตั้งแต่เมื่อไหร่

มือร้อนๆ ลูบไล้ตามแนวยาวของน้องชายผมผ่านผ้าผืนบาง ที่เป็นสิ่งเดียวที่ทำหน้าที่กลางกั้น แต่ว่ามันบางซะจน...

ผมรู้สึกว่าถูกมือหนาๆ ลูบไล้ตรงๆ กับของสงวน  มือจิกแน่นๆ บนไหล่กว้าง รนลานอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ อยากจะยุติเรื่องนี้

แต่ทำไมร่างกายตัวดีกลับตอบสนอง  เสียงกระซิบเสียงแหบพร่า ......ทำผมใจสั่นมากขึ้นไปอีก

"ชอบมั้ย?"  ผมไม่ได้ตอบ ทำได้เพียงกระจายสีบนใบหน้าให้แดงซ่านยิ่งกว่าเก่า  เม้มริมฝีปากแน่น  ได้ยินเสียงหัวเราะ

ชอบใจของอีกฝ่าย  ยิ่งทำให้อายหนักเข้าไปใหญ่

"หึหึ.....มากกว่าจูบได้มั้ย?" ภาคถามเสียงกระเส่า ผมชะงักกึก......... มือจิกภาคแน่น

.

.

.


"ม..ไม่ได้."  ผมตอบเสียงตะกุกตะกัก  มือทุบหลังอีกฝ่ายตาลีตาเหลือก เพื่อจะหนี 

"โอ๊ย....เจ็บ"  อีกฝ่ายหน้างอ  พอผมหยุดทุบ  ภาคกลับยกยิ้ม

"อืือ...ไม่ทำก็ไม่ทำ   เสียดายจัง น่ากินขนาดนี้" พูดจบ ผมก็ผลักภาคให้กลิ้งออกไปด้านข้าง

ก่อนที่ตัวเองจะกระโจนหนีออกไปรอด้านนอก ใบหน้าแดงซ่อนที่ปกปิดไม่ไหว

บ้าจริง....ยังไม่พ้นคืนแรกเลย  จะโดนซะแล้ว.... แล้วอีกสามคืนที่เหลืออ่ะ  .......

.
.
.

ง่ะ......น่ากลัว
หัวข้อ: Re: Re: กอด~เพียงเรา P.-3 17/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 19-09-2012 23:11:34
อื้อออออออออ สุขแบบเศร้าๆไงไม่รู้เนอะ
หัวข้อ: Re: กอด~เพียงเรา P.-3 17/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 21-09-2012 22:13:21
คิคิคิคิ เสร็จแน่!
หัวข้อ: Re: กอด~เพียงเรา P.-3 17/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 08-11-2012 11:32:43
 :m25:เกือบจะพลาดเรื่องนี้ซะแล้ว ดีน่ะเนี่ยที่คุณทัดมาลงลิ้งไว้ให้น่ะ ชอบจังเลยน่ะแนวนี้น่ะ ความรักความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนแต่รักในวัยนี้ก้อมักมีอายุเป็นอุปสรรค เพราะมันเป็นแนว coming of age นี่เน๊อะ หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลที่ทั้งสองต้องเดินผ่านและเรียนรู้ ยังไงเชื่อมือคุณทัดว่าจะไม่ทำให้เรากินมาม่าจนเบื่อน่ะ  :m15: ภาคดูโตเร็วมาก ๆ เลยเน๊อะ ส่วนน้องก้อมีความคิดความอ่านที่คาดไม่ถึงจริง ๆ เราชอบฉากแรกที่แม่สอนลูกมาก ๆ เลย เป็นไอเดียที่น่ารักมาก ๆ แล้วเรื่องของปอนก้อเป็นแฟนตาซีเล็ก ๆ ที่แสนน่ารักน่ะ ยังไงขอเอาใจช่วยความรักของหนุ่มน้อยทั้งสองน่ะ (ขอเรียกหนุ่มน้อยเพราะดูจะโตแล้วน่ะ)
ป.ล. งานนี้มีเชียร์ทำเป็นเล่มเช่นเดิม นาน ๆ จะเจอเรื่องตั้งแต่ในวัยเด็กสักที น่ารักอ่ะ :impress3:
หัวข้อ: Re: กอด~เพียงเรา P.-3 17/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 10-11-2012 23:53:37
Image  "N' Pan"

http://www.facebook.com/media/set/?set=a.106471092844223.11683.100004439980061&type=1
หัวข้อ: Re: กอด~เพียงเรา " Image N' PAN " P.-3 17/9/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 10-11-2012 23:55:00
Image N' Pan   Click Link  เลยค่ะ

http://www.facebook.com/media/set/?set=a.106471092844223.11683.100004439980061&type=1
หัวข้อ: Re: กอด~ ตอน.. รัก...ต้องการเวลา P.-3 16/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 16-11-2012 01:25:48
ขออภัยจริงๆ  เข้าสู่ภาวะ ทำงาน 8โมงเช้า ถึงเที่ยงคืนอีกแล้ว
เหนื่อยโฮกกกกกกกกกกก   แต่จะพยายามมาต่อค่ะ 
ส่วนใครที่เคยอ่านใน FB นะคะ  เนื้อหาเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย ฮ่าๆ



เรื่อง  กอด~


ตอน.. รัก...ต้องการเวลา  80%


“รอนานมั้ย?”  น้ำเสียงอบอุ่นๆ ที่กระซิบอยู่ข้างหู  ทำผมหดคอหนีหันไปก็เจอรอยยิ้มพิมพ์ใจรออยู่ก่อนแล้ว  หน้าที่แดง

แล้วแดงอีกของตัวเอง เลยไม่มีโอกาสได้มาเข้าโหมดปกติสักเท่าไหร่   ได้แต่หลุบตาลงต่ำส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ

“ป่ะงั้นไปกินข้าวกัน”  มือแข็งแรงของภาคกอบกุมมือผม เราสอดมือเข้าหากัน  คนอื่นคงคิดแค่พี่กับน้อง  แต่ผมตอนนี้

ร้อนๆ หนาวๆ กับรอยยิ้มหล่อๆ ของภาค  จนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี   อยู่ดีๆ ก็เขินแบบไม่มีเหตุผล   

ไม่รู้ว่าเป็นอะไรมากรึเปล่า  ปกติก็จูงมือ กอดคอ เกาะไหล่กันออกจะบ่อย...  ก็ไม่เคยจะตะขิดตะขวางใจมากเท่าวันนี้

หันไปมองทะเล ....ที่ตะวันทอแสงอ่อนๆ  ท้องฟ้าฉาบทอแสงสีส้มรำไร ปะปนอยู่กับสีครามที่ค่อยๆ หม่นลงตามเวลาเย็นย่ำ

รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก  ค่อย ๆ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามความรู้สึก  ลมทะเลพัดมาเป็นระยะ  พร้อมกับเกลียวคลื่น

ม้วนเล็กๆ ที่ซัดเข้าหาฝั่งระลอกแล้วระลอกเล่าจนแตกฟอง  จากนั้นก็สลายกลายเป็นแค่น้ำทะเลธรรมดา

และไหลลงสู่ท้องทะเลดังเดิม

.

.

ผมกับภาคเดินไปเรื่อยๆ ไม่ได้สบตากัน  หากแต่ความอบอุ่นจากมือใหญ่ที่กอบกุมกันไว้แน่นนั้น  ก็ทำผมอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก 

ได้แต่เดินตามทางที่อีกฝ่ายชักจูงไปเรื่อย  ๆ  จนมาถึงร้านริมทะเลร้านหนึ่งถึงได้หยุดฝากท้องและกระเพาะอาหาร

สั่งไปไม่กี่อย่าง..  เพราะเราเน้นผลาญ บุฟเฟ่กันมากกว่า แม้ทางร้านตั้งเงื่อนไขว่าต้องสั่งอาหารทะเลหนึ่งชุดถึงจะโซยบุฟเฟ่ได้

 กินกันจนอิ่มแต่ละคนตบท้องตัวเองเสียงดัง ปุ๊ๆ   เอนหลังพิงพนักเก้าอี้เต็มตัวนั่งพุงกลาง  เสียงหัวเราะเฮฮา

ดังออกมาเป็นระยะ  หลังจากขุดเรื่องนั้นเรื่องนี้มาเผากันจนสำราญ ก็เช็คบิล... แล้วเดินละเลียดไปตามริมหาด

ดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืน ลมทะเลพัดเย็น เสียงคลื่นที่ราวเสียงเพลงดังกังวานขับขาน  พระจันทร์เจิดจ้าเต็มดวง

ทอแสงนวลผ่องให้ท้องฟ้าไม่เหงา  พร้อมกับดวงดาวที่โอบล้อมดวงจันทร์  มือแข็งแรงของภาคยังคงเกาะกุมมือผมไว้แน่น

เช่นเดียวกับขามา เสียงสนทนาเจื้อยแจ้วเรื่อยเปื่อยระหว่างทางกลับ   กับทำให้มีความสุขได้มากกว่าที่คิด

ในบรรยากาศที่ถูกเพาะบ่ม  ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่าว่าตอนนี้... ทุกอย่างมันกำลังเหมือน “คู่รัก” มากขึ้นทุกที 

สีชมพูหวานลอยอบอวลอยู่รอบกาย จนไม่กล้าที่จะสบตากับอีกฝ่ายก้มหน้ามองพื้นไปเสียเฉยๆ  แม้จะลอบมองเป็นระยะ 


ใบหน้าที่พาให้ใจสั่นหวั่นไหวอยู่ทุกเวลานี้   นานแค่ไหนแล้วนะ?ที่ไม่ได้อยู่กันแค่สองคนแบบนี้  ....  ในที่ที่ไม่จำเป็น

ต้องแคร์สายตาใคร  หรือไม่มีใครมายืนข้างๆ เวลาเราไปไหนด้วยกันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก...   แต่ก็....ยังไม่กล้าพอ

ที่จะฝันไปไกลกว่านั้น   เพราะผมรู้ว่าปลายทางมันจบยังไง  .....  แค่ตอนนี้มีความสุข...วนเวียนจนเราสัมผัสได้ขนาดนี้ 

ผมก็ไม่จำเป็นต้องไปดิ้นรนหาสิ่งที่ทุกข์มาแต่งแต้มมันให้หมองมัว   เพลินซะจน....มองเมินเรื่องบางเรื่องที่ทำให้เรามาอยู่ ณ ที่นี้

เผลอคิดเข้าก็ถึงกับห่อไหล่ หดหู่อย่างบอกไม่ถูก  สายตาจ้องมองเห็นเพียงพื้นทราย  มือข้างที่เป็นอิสระอีกข้าง

ยกขึ้นกอดอกตัวเอง ความหนาวเหน็บเกาะกุมจิตใจ

“หนาวเหรอแพน?”   ภาคหันมาถาม   ปล่อยมือที่เกาะกุมกันออก  แล้ววาดแขนมากอดไหล่  ผมหันไปยิ้มส่ายหน้าช้าๆ

แต่ก็ยังปล่อยให้อีกฝ่ายโอบต่อไป  รอยยิ้มกินใจของอีกฝ่ายที่โปรยมาไม่หยุดหย่อน  ทำให้ความกังวนเมื่อสักครู่จางหายไป

เดินทอดน่องกันไปเรื่อยๆ จนถึงที่พัก   

“แกร๊ก.....  อาบน้ำก่อนมั้ย?”   ภาคหมุนลูกบิดเสร็จก็ก้มหน้ามาถามผม   

“อือ...อีกแป๊บ  แพนเหนื่อยอ่า  พาไปเดินอ้อมหาดซะตั้งไกล”   


“อ้าว  เห็นตอนเดินก็มีความสุขดีนี่นา ไม่ยักก็บ่น”  ภาคว่าส่ายหน้าขำๆ

“ก็...ตอนนั้นมันลืมนิ  มาเลยๆ  มานวดให้แพนเลย”   ผมกระโดดปุ๊ลงบนเตียง   คว่ำหน้าหนุนหมอน  กวักมือเรียกภาคหยอยๆ

“มียังงี้ด้วย...หึหึ”  อีกฝ่ายเอาแต่หัวเราะ ส่ายหน้าไปมา ราวกับว่าผมเป็นเด็กเอาแต่ใจ  แต่สุดท้ายก็ยอมทำให้แต่โดย  มือแข็ง
แรงของภาคนวดลงที่ขา  น้ำหนักกำลังดี  พึ่งกินอิ่ม  เดินเหนื่อย  มีคนมานวดให้แบบนี้  หนังตาผมก็พาลทรยศ 

หนักอึ้งขึ้นมาเสียเฉยๆ  สบายจนหลับไปในที่สุด 


.

.

.

.

“อือ.....” เสียงไอ้ตัวเล็กครางเบาๆ อยู่ใต้อ้อมกอดผม  คงเป็นเพราะความเหนื่อยล้าตลอดทั้งวัน  แค่บีบนวดเบาๆ


อีกฝ่ายถึงหลับตาพริ้มเพรา หลับไม่รู้เนื้อรู้ตัว ปล่อยให้ผมรุกรานร่างกายอีกฝ่ายได้ง่ายดาย  จริงๆ ก็แค่กอด จูบ เท่านั้น

ผมเองก็ยังไม่กล้าล่วงล้ำ ทำอะไรเกินเลยถึงขั้นทำให้อีกฝ่ายมาเป็นของผม   ยังไม่อยากถูกเกลียด แม้ความรู้สึกจริงๆ

ก็ต้องการอีกฝ่ายแทบแย่  อย่าหาว่าผมบ้ากามเลยครับ  ผู้ชายก็แบบนื้แต่ที่มากกว่าร่างกาย  เป็นเพราะผมห่วงอีกฝ่ายต่างหาก

แพนไม่เคยระวังตัว ที่สำคัญไม่เคยรู้ตัวหรอกว่ามีหมาป่าหลายตัวจ้องจะงาบลูกแกะตัวน้อย ดวงตาใสซื่อคนนี้อยู่  วันๆ ก็ได้แต่


ทำตาใสลอยไปลอยมาอยู่ทั้งวัน  ทำให้ผมอกจะแตกตายอยู่หลายครั้ง แต่เป็นเพราะผมสร้างสมกิตติศัพท์มาดี  คนทั้งโรงเรียน

เลยคิดว่าเราเป็นแฟนกัน  เลยไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามาย่อมย่ามกับไอ้ตัวเล็กมากนัก   แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน....

ผมไม่ได้อยู่ด้วยกันกับแพนตลอดเวลาเหมือนเมื่อก่อน ...  เลยไม่รู้ไอ้หมาป่าตัวไหนจะแอบงาบไปรึเปล่า  แค่คิด...ก็กังวลแทบ
แย่

ตอนนี้เลยต้องทำตัวให้ยุ่ง  ทำกิจกรรมเป็นบ้าเป็นหลัง เพียงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองก็เท่านั้น 


แต่ก็นะ...มันก็แค่ชั่วคราว   เผลอเมื่อไหร่ก็แอบคิดถึงคนในอ้อมกอดทันที  หรือผมจะเป็น แพนลิซึม กันน่ะ เสพติดจนยากจะเลิก

มีแต่อยากเสพ อยากสูด อยากดม  อยากกด (เกี่ยว?)  มากขึ้นทุกวัน  ยิ่งไอ้ตัวเล็กไม่ค่อยจะยอมตกลงปลงใจเท่าไหร่ 

ความหนักใจมันก็มากเท่านั้น   ผมรู้  ....  ว่าเรื่อง  “ความรัก”   บางครั้ง มันก็มักต้องการ “เวลาปรับตัว”   ผมกับแพน

ยิ่งเราใกล้ชิดกันมากเท่าไหร่  การเปลี่ยนสถานะเดิมไปยัง “สถานะ ใน ขั้นกว่า”  มันเลยดูจะยากอยู่สักหน่อย 

แต่ผมก็อยากเป็นเจ้าของ  หลังจากทำได้แค่เช็คตัวให้อีกฝ่ายเสร็จ ก็มานอนกอดกันเหมือนเช่นทุกวัน  ตัวแพนหอม


หอม....จนผมอดใจไม่ไหว  ต้องแอบจูบริมฝีปากแดงจัดของอีกฝ่าย    แค่มอง ...  แค่เห็นอีกฝ่ายยิ้มให้  แค่.แพนเข้ามาใกล้

ทำไมผมรู้สึกว่า  อีกฝ่ายเอาแต่ยั่วยวนผมอยู่ทุกเวลาทุกนาที  สัญชาตญาณดิบบอกว่า  การที่ผมล่วงเกินร่างกายอีกฝ่าย

มันไม่ใช่เรื่องผิด  หากแต่....เป็นความชอบธรรมต่างหาก   เป็นสิทธิ์ของผมมาตั้งแต่ตอนนั้น ...  ตอนที่เราใกล้กันตอนเล็กๆ

ตอนที่ผมสัญญากับตัวเองว่า.....จะดูแลแพน  และเป็นลูกหมาผู้ซื่อสัตย์ของแพนแทนปอนด์    เมื่อรู้ว่าเมื่อไหร่....

ที่แพนจะยกเลิกสัญญานั่น  แต่ผมเองคงยอมไม่ได้ที่จะยอมให้มันยุติเพียงเท่านั้น   ว่าแล้วก็กดจูบที่ริมฝีปากอีกฝ่ายเบาๆ

กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกนิด  ก่อนที่จะปล่อยดวงตาค่อยๆ ปิดลง

.

.


.

.

.

เวลาที่เดินผ่านไปไวเหลือเกิน  แล้วก็เดินมาถึงวันที่ผมไม่อยากให้ถึงวันสุดท้ายแล้วพรุ่งนี้ผมกับภาคจะกลับแล้ว 

แต่ก่อนหน้านั้นผมเอง...คงจะต้องบอกความจริงบางอย่าง ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ นอกจากจะเล่นน้ำทะเล ทานอาหารทะเล

ขี่ บานาน่าโบ๊ท ที่ต้องไปแจมกับนักท่องเที่ยวคนอื่น  ก็ยังมีเจสกี  แถมยังมีเดินเล่นชิวๆ ตามหาดทราย  ดูพระอาทิตย์ตกดิน


ดำน้ำดูประการัง ตกหมึก สารพัดกิจกรรมที่ทางเกาะจัดให้  เรียกว่าเล่นทุกอย่างที่ขวางหน้าเพราะได้ budget มาเยอะ

เลยต้องใช้เงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด  ปิดท้ายของวันด้วยการทานอาหารร้านใหม่ ที่อยู่ไม่ไกลจากที่พักนัก กินจนอิ่มหนำสำราญ

นั่งหย่อนพุงอยู่นานก็ได้เวลากลับซะที  เดินโต๋เต๋ เตะแข้งเตะขากันเล่น ตามหาดหาดทรายไปเรื่อยๆ

“อร่อยมั้ยอ่ะ?”   ภาคหันมาถาม  มือยังกอบกุมกันแน่น    ผมเลยพยักหน้าหงึกหงักเป็นคำตอบ แล้วหันไปถามอีกฝ่าย


“อืม  ภาคชอบอะไรอ่ะ?” อาหารมื้อนี้เด็ดๆ อยู่หลายอย่าง ภาคทำหน้าครุ่นคิด  ...อยู่สัก 3 วินาที แล้วหันมาตอบ

“แพน......”   ผมหันไปหา  ก็อยู่กันแค่นี้แล้วจะเรียกทำไมเสียงดัง  เลิกคิ้วสูงๆ ด้วยความสงสัย

“หืม?”   ภาคหยุดเดินเสียดื้อๆ มือที่กอบกุมกันอยู่นั้น  รั้งให้ผมหยุดเดินไปด้วย  ผมหันไปมองไม่เข้าใจ

“ชอบแพนอ่ะ”  อ่อ  .... ผมมองตาภาคนิ่งๆ  ได้แต่บอกตัวเองว่า...ทำตัวให้เฉยๆ เข้าไว้...


“อืม... ก็เคยบอกแล้วนี่”   ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติ   แล้วหันหลังเดินต่อ... กวักมือเรียกให้อีกฝ่ายเดินตามมาอีกที

ตอนนี้หัวใจมันเต้นตุบตับไม่เป็นส่ำ   รู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาเล็กน้อย อาศัยความมืดในเวลากลางคืนอำพรางใบหน้าที่ร้อนผ่าว

จนต้องเดินนำอีกฝ่ายมาด้านหน้า  ไม่กล้ามองกลับไปด้านหลัง

“ชอบจริงๆ นะ ไม่ใช่แบบที่แพนเข้าใจ  ภาค...”  ภาควิ่งมาดักตรงหน้า  ยืนขวางตรงหน้าไม่ยอมให้ผมเดินต่อไป

เสียงที่หยุดไป....  กำลังทำผมหยุดหายใจไปด้วย  ภาคกำลังจะก้าวข้ามคำว่า “เพื่อนสนิท” ของเรารึเปล่า?   


ผมบีบมือภาคแน่นๆ  จ้องตาอีกฝ่ายไม่วางตา ก่อนจะพูดแทรกขึ้นมาก่อนประโยคที่ภาคพูดมันจะจบประโยค

“ภาค...อย่าพึ่งพูดอะไรนะ  ถ้าไม่แน่ใจก็อย่าพึ่งพูด เรายังเด็ก...  เด็กมากจริงๆ”   ผมบอกภาคเสียงเบา  คล้ายๆ เสียง

ในลำคอมันถูกกลืนหายไปไหนก็ไม่รู้

“ภาคแน่ใจ”   ภาคหันมาตอบผม  แต่ยังไง....เด็กอย่างเราก็มีความหวั่นไหวในแววตา  อาจจะแค่ตอนนี้ที่ภาครู้สึกว่า

ยังต้องการผม  เพราะผมยังอยู่ข้างๆ ภาคเสมอ   เพราะภาคไม่ได้เปิดโอกาสจะมองใคร  ผมยิ้มให้กับภาค 

บางครั้งก็ยิ้มให้กับความโชคดี.....ที่ทำให้เราได้อยู่ใกล้ชิดกัน  ที่ทำให้เราเคยมีกันและกัน  หรือจะขอบคุณความโชคร้าย...

ที่ทำให้เราใกล้กันเกินไป ใกล้....จนแยกไม่ได้ระหว่าง.....  “รัก”  กับ  “คุ้นเคย”  ไม่รู้จริงๆ ....ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นี้

มันเป็นอย่างไหนกันแน่......    ได้แต่ยิ้มจืดจางตอบกลับอีกฝ่าย

“แล้วจะเอาอะไรมาพิสูจน์?”


“....”    ภาคนิ่งงันไม่มีคำตอบอะไรเอ่ยออกมา  ดวงตาคู่คมไหววูบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้มมองพื้นทราย

“ไม่รู้สิ.....  ภาครู้แต่ว่าแค่มีแพนก็พอแล้ว   มันพอแล้วจริงๆ นะ”  ภาคเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม  รอยยิ้มที่ฉาบริมฝีปากผมอยู่

จะว่าสุขหรือทุกข์กันดีหล่ะ?   รู้สึกโกรธตัวเล็กขึ้นมาเล็ก ๆ ว่าทำไมผมไม่เกิดมาเป็นผู้หญิงซะให้รู้แล้วรู้รอดไป  อย่างน้อย....

มันคงจะง่ายกว่าตอนนี้มาก   มันคงง่ายที่ผมจะรับรัก.....และให้เราเดินไปด้วยกัน  แต่เพราะเราเหมือนกัน  เพราะเราเป็นผู้ชาย

มันเลยทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้เลยว่า......ระหว่างเรา  มันเป็นความรักจริงๆ  หรือว่าแค่ ใกล้ชิดกัน





หัวข้อ: Re: กอด~ ตอน.. รัก...ต้องการเวลา P.-3 16/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 16-11-2012 07:40:11
 :z3: :z3: :z3: :z3:


สงสารน้องแพน สงสารภาค สงสารทั้งคู่


แต่ก็คิด ว่า เวลา อาจจะช่วยอะไรๆที่มันไม่ มั่นคง มั่นใจ ช่วยให้มันชัดเจนมากขึ้นก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: กอด~ ตอน.. รัก...ต้องการเวลา P.-3 16/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 16-11-2012 09:49:52
เวลาและความอดทนจะช่วยให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งคุณทัด น้องแพนกับน้องภาคน่ะจ้ะ  :mc4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.. รัก...ต้องการเวลา 100% P.-3 19/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 19-11-2012 00:42:52
เรื่อง  กอด~

ตอน.. รัก...ต้องการเวลา  100%



“ภาคจริงจังกับแพนจริงๆ เหรอ”  ผมหันไปถามย้ำกับอีกฝ่ายเพื่อความแน่ใจ  ภาคกุมมือผมไว้แน่น.....ดึงตัวผมเข้าไปกอด

“จริงสิ..จริงจังที่สุดเลย”   น้ำเสียงหนักแน่นนั่น.....  บางครั้งก็ทำให้ผมเจ็บปวด  ก็สิ่งที่กำลังจะบอกภาคต่อจากนี้

มันจะทำให้เราเจ็บ......    ยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ   ผมกอดภาคตอบแน่น.... ไม่รู้จะเอาน้ำตาไปซ่อนไว้ไหน นอกจากอกคนตรงหน้า

กลั้นใจดันตัวภาคออกมา มองตัวตาคมของคนตรงหน้า....  เหมือนปอนด์    ซื่อสัตย์  และจริงใจ จนผมต้องก้มหน้าลงต่ำ

พูดจากับพื้นทรายแทน  กลัวจะห้ามน้ำตาตัวเองไม่ไหว  ถ้าได้เห็นสายตาเจ็บปวด  ตัดพ้อ ต่อว่า ของคนตรงหน้า

“พิสูจน์ได้ไหมหล่ะ?”  สุดท้ายก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตาอยู่ดี  ความจริง.....ที่หนียังไงก็ไม่พ้น  รอยยิ้มของภาคปรากฎขึ้น

ทำหัวใจผมเต้นแรงอีกครั้งไม่ใช่เพราะมันปิติ  แต่เพราะ.....  ผมกำลังจะทำรอยยิ้มหายไปต่างหาก

“ยังไงครับ  แพนบอกมาเลย ขออย่างเดียวอย่าตัดโอกาสกัน  แค่แพนลองให้โอกาสภาค แค่นั้นก็พอ”  ผมมองนัยตาสุกใส

แวววาวเป็นประกายวิบวับเต็มไปด้วยความหวังของภาค   สูดลมหายใจเข้าปอดหนักๆ แล้วเอื้อนเอ่ยเหตุผลที่เราต้องมา

อยู่ที่นี่เพียงลำพังกันโดยไม่มีผู้ใหญ่ขัดขวางจน ณ เวลานี้ 

“ห่างกันสักพักเป็นไง ...  ลองดูว่าห่างกันแล้วภาคจะลืมแพนมั้ย?” สายตาที่มองมาที่ผมดูสับสนวุ่นวาย รอยยิ้มเมื่อครู่จางหาย

จนไม่เหลือร่องรอยความดีใจก่อนหน้า มือที่กอบกุมกันอยู่เมื่อครู่ล่วงผลอยลงไป เหลือเพียงความตื่นตะลึงทิ้งไว้ในสายตา

“แพนจะไปไหน...ไม่เห็นจำเป็นต้องห่างกันเลย”  เหมือนภาคจะพึ่งได้สติ มือที่กอบกุมกันอย่างอบอุ่นเมื่อครู่ถูกยกขึ้นมาบีบแน่น

ที่แขนทั้งสองข้างราวกับคีมเหล็กที่บีบแขนผมจนเจ็บ  พร้อมกับสายตาที่จ้องมองมาอย่างคาดคั้นค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่

ผมไม่ได้ร้องหรืออุทรณ์แต่ประการใด ยังยืนนิ่งเม้มปากตัวเองแน่นๆ  สูดอากาศให้เต็มปอดอีกครั้ง ก่อนจะผ่อนออกมาหนักๆ

เพื่อบรรเทาความตรึงเครียด  นัยตาแดงก่ำจนปวดกระบอกตา  หากแต่.....น้ำตายังไม่ได้ไหลออกมาเท่านั้นเอง

.

“.................”

.

“ทำไมแพน  ทำไมจะต้องห่างกัน หมายความว่าไง ภาคไม่เข้าใจ”  อีกฝ่ายเร่งเร้าราวกับนี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย  เมื่อเห็นผม

ยืนนิ่งไม่ตอบอะไรทั้งนั้น  ไม่ใช่ไม่อยากบอก....  แต่กลับรู้สึกปากหนักขึ้นมาเสียเฉยๆ  พูดอะไรไม่ออก ราวกับไม่เคยพูดมาก่อน

“แพนจะไปอเมริกา...แม่ติดต่อเรื่องให้เรียบร้อยแล้ว ป้าแพนอยู่ที่นั่น อีกสองอาทิตย์เดินทางแล้ว”   ผมพูดมันออกไปในที่สุด

“.............     ทำไมกัน?”   นั่นไงสายตาที่ตัดพ้อ  สายตาที่เจ็บปวดกำลังจ้องมาที่ผม  มือของภาคล่วงหล่นลง พร้อมกับขา


ที่ทรุดฮวบลงกับพื้น น้ำตาเจ้ากรรมดันไหล  .....  อดทนไม่ไหว เพราะผมกำลังทำภาคร้องไห้  ภาคปาดมือเช็ดหน้าแรง ๆ

ราวกับโกรธตัวเอง   ผมรีบทรุดตัวลง จับมือภาคไว้แน่น ก่อนจะเช็ดน้ำตาที่อาบแก้มอีกฝ่ายเบาๆ  ทนฝืนปล่อยให้สายตา

ที่ตัดพ้อต่อว่านั่น  จ้องมองมาอย่างเอาเรื่อง  เหมือนใจจะขาด  ...... ผมเองก็เจ็บไม่แตกต่าง  แต่มันไม่มีวิธีไหนที่ดีกว่านี้

ภาครั้งตัวผมไปกอดแน่น  ๆ   ซึ่งผมก็กอดตอบภาค ไร้ซึ่งเสียงพูดคุย   ปล่อยให้ความเงียบกลืนกินหัวใจเราทั้งคู่

.

.

“ทิ้งกันได้ลงคอ..... ภาคจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีแพน จะนอนกอดใคร จะหอมแก้มใคร จะจูบใคร แล้วความรู้สึกภาคหล่ะ?

แพนไม่แคร์เลยใช่มั้ย?  ถึงภาคจะเสียใจ...ก็ไม่เป็นไรเหรอ?”   ผมกอดภาคแน่นๆ อีกครั้ง จุกทั้งคำพูดและความรู้สึก

“แพนถึงได้บอกไงว่ามาพิสูจน์กัน  ถ้าภาครักแพนจริงๆ แค่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ภาคก็จะไม่ลืมแพนใช่ไหม?  แพนแค่อยากรู้

ความรู้สึกระหว่างเรา มันเป็นความรักจริงๆ เหรอภาค หรือว่าแค่ความผูกพันธ์  ภาคแน่ใจจริงๆเหรอ?”

“ภาคแน่ใจ  ก็บอกแล้วว่าภาคแน่ใจ”  เสียงภาคตะโกนตอบกลับมาดังซะจนเหมือนเสียงขู่ หากแต่มีความเจ็บปวดเจือปนไม่น้อย

 “งั้นก็พิสูจน์  แค่ 3 ปี รอได้ไหม?”   ภาคส่ายหน้าวุ่นวายดึงผมเข้าไปกอดแน่นๆ 

“ไม่เอา.....ไม่ให้ไป ทำไมต้องไปไกลขนาดนั้น  แล้วถ้าแพนเจอคนใหม่หล่ะ? ถ้าแพนรักคนอื่นหล่ะ?  ภาคจะทำยังไง?”

ผมลูบหัวภาคตอบเบาๆ 

“ภาค....ในทางกลับกัน  ถ้าภาคมีคนอื่นหล่ะ? แต่แพนเชื่อใจภาคนะ แพนถึงไม่กลัวที่เราจะห่างกัน มันอาจจะเหงา แต่...

เราก็ยังติดต่อกันได้นิ มีเครื่องมือสื่อสารตั้งมากมาย”

“มันไม่เหมือนกันหรอกแพน  ในเมื่อ....ไม่มีทางที่ภาคจะได้กอดแพน”

“.............”

“สัญญาได้ไหมว่าจะไม่มีคนอื่น”


“ไม่ได้หรอก....แต่สัญญาว่าจะบอกภาคทุกเรื่อง  ภาคเองก็เหมือนกัน....ถ้าเจอคนที่ดี..”  กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

“อย่าพูด......ไม่อยากฟัง”

“ช่วยลองคบดูได้มั้ย?.  เปิดโอกาสให้ตัวเองดู....   ถ้าคนๆ นั้นใช่ แสดงว่าเรื่องระหว่างเรามันเป็นแค่ความผูกพันธ์”

“หยุดเลย พอ...เลิกพูด  งั้นยิ่งไม่ให้ไปเลย......อย่าไปนะ   แพน...อยู่กับภาคที่นี่นะครับ”  ภาคพูดเสียงอู้อี้อยู่กับไหล่ผม

หยดน้ำตาเปียกชื้นของอีกฝ่ายกำลังไหลลงบนบ่าผม  ซึมซับความเสียใจของอีกฝ่าย   

“รักแพนจริงมั้ย?”

“อืม”

“อดทนนะ....สัญญายังไงก็จะกลับมา”


“อืม...ต้องกลับมานะ  อย่ามีใคร”

“เอาแต่ใจ”

“ก็ใครใช้ให้ขโมยหัวใจคนอื่นไปก่อน”

.

.

.


“คืนนี้.......ขอได้ไหม  เป็นค่ามัดจำและทำใจ” 

“.................”   >/////<    ทำไมขึ้นต้นด้วยเสียใจ.....แต่จบด้วยประโยคหน้าอายแบบนี้ได้น่ะ



“............”    :m21:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.. รัก...ต้องการเวลา 100% P.-3 19/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 19-11-2012 09:52:05
 :m20:ภาคสุดยอดน่ะ อย่าเสียโอกาสที่มีค่าไปน่ะ :m1: เราเข้าใจการกระทำของแพมน่ะ อย่าว่าแต่ภาคกลัวแพมมีคนอื่นเลย คนอ่านก้อกลัวเหมือนกันล่ะ :m15: แต่เพื่ออนาคตที่มั่นคงเราต้องพิสูจน์ตัวเองน่ะ
ป.ล.คุณทัดมาต่อเร็ว ๆ น่ะ ค้างอย่างแรง :m16: เรื่องนี้ดูโอเคเลยค่ะ นายแน่มาก o13
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.. รัก...ต้องการเวลา 100% P.-3 19/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 20-11-2012 18:20:46
กำลังเศร้าๆ ดันมาหื่นซะง้านภาคเนี่ย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.. คำตอบของคำขอ P.-4 22/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 22-11-2012 01:52:30
เรื่อง  กอด~.....คำตอบของคำขอ
 

ไม่มีคำตอบสำหรับคำขอ .... 
.
.
.
เราเดินจูงมือกันมาเงียบ  ๆ  มือข้างที่วางถือรองเท้าไว้ข้างตัว  เดินเหยียบย่ำทรายเนื้อละเอียดที่นุ่มซะจนรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

ผมก้มหน้าลงต่ำมองพื้นทรายที่เราทั้งคู่กำลังก้าวผ่าน รอยเท้าเล็กคู่ใหญ่คู่ดูจะกลมกลืนกันดีในความรู้สึก ค่อยก้าวๆ

ไม่ได้เร่งรีบอะไร  เมื่ออีกฝ่ายยังคงจ้องมองท้องฟ้าสีครามขณะที่มือแข็งแรงบีบมือผมแน่นๆ  พระจันทร์เต็มดวงสาดแสงนวลผ่อง

จนอีกฝ่ายเผลอเอ่ยชม

“พระจันทร์สวยเน๊าะว่ามั้ย?”  กลายเป็นประโยคแรกที่ทำลายความเงียบงัน  หลังจากคำขอคำนั้นได้พูดออกมา

ผมเงยหน้าขึ้นมองฟ้า  พยักหน้าน้อยๆ คล้อยตามอีกฝ่าย  ในเมื่อพระจันทร์ที่ทอแสงจนเจิดจ้าทั่วผืนฟ้าไร้ซึ่งเมฆหมอกใดๆ

ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องปฏิเสธ คำพูดที่ว่าแต่ประการใด

“อืม  สวยดี”   รับคำเสร็จก็ก้มหน้าลงต่ำ  ไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย จริงๆ เพราะไม่รู้จะทำให้ยังไงให้มันเป็นปกติได้เสียมากกว่า

“ไม่คิดจะมองหน้ากันเลยรึไง?   จะทิ้งกันไปอยู่แล้วแท้ๆ ”  น้ำเสียงตัดพ้ออยู่ในที  จนอดจะใจเสียตามไม่ได้ 

เงยหน้าขึ้นมองตามคำขอ  ก็เห็นแววตาคมของอีกฝ่ายจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว  แววตา...แห่งความเสียใจ  ผมบีบมือภาคแน่นๆ

“อย่าทำหน้าเศร้าอย่างนั้นสิ  .... ภาคไม่หล่อเลยรู้มั้ยเวลาทำตาเศร้าแบบนั้น” 

“ไม่เห็นเป็นไรนี่......”

.

.

.
“คนที่อยากให้มอง ...เค้าจะไม่อยู่ดูแล้ว  จะทิ้งภาคไปแล้ว”  ผมเม้มปากแน่น พาลน้ำตาจะไหล  อีกแล้วน้ำเสียงตัดพ้อ

ราวกับจะขาดใจ  หยุดเดินซะตรงนั้น โผ่เข้าไปกอดอีกฝ่ายแน่น  พอได้ที่ซุกหัว  น้ำตาที่ซ่อนก็เลยพาลไหล เก็บไม่อยู่

“ภาค....  อย่าพูดแบบนั้น  แพนจะกลับมานะสัญญา”  ภาคกอดตอบ กดจูบที่หัวปลอบใจอย่างที่เคย 

“เข้าห้องกันได้แล้วครับ  ถึงแล้ว”    ผมผละตัวออกไล่เช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม  ปล่อยให้อีกฝ่ายจูงมือขึ้นห้อง 

ภาคสอดกุญแจเข้าไป  ออกแรงบิดเล็กน้อยประตูก็เปิดออก  มือแข็งแรงดันผมให้เดินเข้ามาก่อน  ส่วนตัวเองก็วุ่นวาย

กับการปิดประตูห้อง  ได้ยินเสียง “คลิ๊ก” ดังขึ้นเป็นอันว่าล็อคห้องเรียบร้อย   ผมเดินเข้ามาได้ไม่กี่ก้าวก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

อาจจะเพราะยังไม่ได้เปิดไฟ ทำให้ทัศนะวิสัยไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เมื่อกี้เปิดประตูอยู่เลยพอให้เห็นทางสว่างชัด แต่พอ

บานประตูเปิดลง  ทุกอย่างก็มืดลง พร้อมๆ กับความเงียบงัน  อยู่ๆ ประโยคคำขอที่ว่าก็ลอยก้องเข้ามาในหูอย่าง

ไม่ทราบสาเหตุ เสียงพูดของภาคมันดังวนซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น

 “คืนนี้.......ขอได้ไหม  เป็นค่ามัดจำและทำใจ”
กำลังคิดอะไรเพลินๆ  อีกฝ่ายก็สอดแขนโอบกอดผมจากด้านหลัง  ผมสะดุ้งน้อยๆ  เพราะประโยคเมื่อครู่มันยังเด่นชัด

อยู่ในหัว  สองมือจับแขนภาคเอี๊ยวตัวกลับไปด้านหลังหวังจะดันอีกฝ่ายให้ออกห่าง อยากจะบอกว่าผมยังไม่พร้อม 

ยังไม่ทันได้พูดอะไร  ก็หันมาสบตาคู่คมที่มองมาอย่างเว้าวอน แค่เห็น..ก็แทบละลายในอ้อมแขน  ริมฝีปากจรดเข้าหากัน

ราวกับมีแรงดึงดูด จูบกันไม่รู้นานเท่าไหร่ อีกฝ่ายถึงล่ะออก เสียงนุ่มทุ้มของภาคกระซิบงึมงำได้ยินเพียงแผ่วๆ

“เป็นของภาคนะ”   

.

.

.

สายตาที่ค่อยๆ ปรับแสงในความมืด พร้อมกับหลังผมที่ค่อยๆ สัมผัสลงกับผิวเตียงนุ่ม มันยวบลงตามน้ำหนักตัวผม

ก่อนจะยวบลงอีกครั้ง เพราะน้ำหนักของใครอีกคน   ที่ทาบทับมาบนตัวผม ริมฝีปากร้อนๆ ของภาค ไล่จูบผมไปทั่วทั้งใบหน้า 

เสื้อผ้าค่อยๆ หลุดหายทีละชิ้น  ....... จนร่างกายเปล่าเปลือย   กับเสียงกระซิบแผ่วเบา

.

.
.

“รักแพนนะ”

.

.

“อ๊า~”   เผลอกรีดเสียงครางเบาๆ เมื่ออีกฝ่ายลงลิ้นที่ยอดอก  มือสอดเข้าไปในเรือนผมหนากดแน่น พร้อมแอ่นอกรับสัมผัส

ของอีกฝ่าย

.

.
.

“รักที่สุด”

.

.

“อืมม~”   เสียงคำที่หลุดไม่เป็นภาษา เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้อีกฝ่ายรับรู้ ว่าผมได้ยินทุกคำบอกกล่าวทั้งจากร่างกาย และคำพูด

.
.

“เป็นของภาคนะ”  เสียงกระซิบรันจวน ที่ร้อนเร่ายิ่งกว่าครั้งไหน อาจจะเพราะอารมณ์ที่ราวกับเปลวไฟแผดเผาของอีกฝ่าย 

หรือเป็นเพราะความต้องการที่ถาโถมของตัวเองกันแน่   ที่ทำให้คำพูดนี้ราวกับเสียงเซ็กส์โฟนที่โลมเลียจนผมอ่อนระทวย

กอดอีกฝ่ายแน่นขึ้น  .......เพราะเหมือนตัวเองเบาหวิวไร้น้ำหนัก  ล่วงหล่นจากที่สูง สูญเสียการเป็นตัวของตัวเอง

ปั่นป่วน....ราวกับถูกเหวี่ยงไปมา เสียวที่ท้องน้อย...ได้แต่ส่งเสียงครางเครือให้อีกฝ่ายรับรู้  และปล่อยให้คนตรงหน้า

ชักพาไปตามเส้นทางของมัน  ทั้งน่าตื่นกลัว  ชวนให้หวั่นไหว  ทั้งน่าค้นหา และอยากลิ้มลอง ทุกอย่างประเดประดังกันเข้ามา
นิ้วแข็งแรงค่อยๆ สอดเข้าไปในช่องด้านหลัง  ผมเกร็งตัวแน่นด้วยความเจ็บและจุก อย่างบอกไม่ถูกเร่งแขนของอีกฝ่าย

ให้เอาออก  กัดเม้มริมฝีปากตัวเองแน่น  หากแต่ความเจ็บกลับไม่จางหาย

“อึก....เจ็บ” 

“ใจเย็น หายใจเข้าลึกๆ  อย่าเกร็งนะ  ฮืบๆๆ หายใจยาวๆ อย่างนั้นๆ แหล่ะดีแล้วครับคนเก่ง  ”

.

.

.

“ของจริงแล้วนะแพน”    สัมผัสเคลิบเคลิ้มเมื่อครู่หายวับหลังจากได้ยินประโยคที่ว่า  สัมผัสนุ่มร้อนเสียดสีไปมาตรงช่องด้านหลัง

ร่างทั้งร่างกลับมาเกร็งเครียดเหมือนตอนเริ่มต้น  สองมือผลักเต็มแรงที่สะโพกของอีกฝ่ายที่พยายามจะกดมันลงมา 
.

.

.

.

http://www.youtube.com/watch?v=gd9uDyRHIhM

“วันที่เวียนเปลี่ยน วันที่เลยผ่าน รักคงมั่น
เราไม่เคยห่าง เคียงคู่ชิดใกล้ ทุกเวลา
ยอมทิ้งความฝัน ยอมทุกๆอย่าง ให้กันและกัน
เพียงได้เคียงข้าง เพียงได้ร่วมทาง โอ้รักนิรันดร์

ก่อนเคยคิดว่ารักต้องอยู่ด้วยกันตลอด
เติบโตจึงได้รู้ความจริง

หากเคียงชิดใกล้ แต่เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อฉัน
ประโยชน์ที่ใด หากรักทำร้ายตัวเอง
หากเดินแนบกาย มีพลั้งต้องล้มลงเจ็บ ด้วยกัน
ห่างเพียงนิดเดียว ให้รักเป็นสายลมผ่านระหว่างเรา
แบ่งที่ว่างตรงกลางไว้คอย เพื่อให้เธอได้ตามหาฝัน ของเธอ

เรียนรู้รักอย่าง รู้คุณค่า ฝันไม่ไกล
บินไปตามทาง หาดวงตะวัน ที่เธอต้องการ
ไม่มีฉุดรั้ง ไม่มีดึงดัน เราเข้าใจ
รักยังแสนหวาน รักยังไม่เปลี่ยน เคียงคู่กัน

ก่อนเคยคิดว่ารักต้องอยู่ด้วยกันตลอด
เติบโตจึงได้รู้ความจริง

หากเคียงชิดใกล้ แต่เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อฉัน
ประโยชน์ที่ใด หากรักทำร้ายตัวเอง
หากเดินแนบกาย มีพลั้งต้องล้มลงเจ็บ ด้วยกัน
ห่างเพียงนิดเดียว ให้รักเป็นสายลมผ่านระหว่างเรา
แบ่งที่ว่างตรงกลางไว้คอย เพื่อให้เธอได้ตามหาฝัน

วันเวลาที่เราห่างไกล ความเข้าใจจะทำให้เราใกล้กัน
กลับกลายเปลี่ยนเป็นพลัง โว...

หากเคียงชิดใกล้ แต่เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อฉัน
ประโยชน์ที่ใด หากรักทำร้ายตัวเอง
หากเดินแนบกาย มีพลั้งต้องล้มลงเจ็บ ด้วยกัน
ห่างเพียงนิดเดียว ให้รักเป็นสายลมผ่านระหว่างเรา

หากเคียงชิดใกล้ แต่เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อฉัน
ประโยชน์ที่ใด หากรักทำร้ายตัวเอง
หากเดินแนบกาย มีพลั้งต้องล้มลงเจ็บ ด้วยกัน
ห่างเพียงนิดเดียว ให้รักเป็นสายลมผ่านระหว่างเรา
แบ่งที่ว่างตรงกลางไว้คอย เพื่อให้เราได้ถึงดั่งฝัน ร่วมกัน”

“อ...อย่าภาค  แพนกลัว” เสียงริงโทนของมือถือผมสิ้นสุดลง.....พร้อมกับการกระทำทุกอย่าง  เหมือนเป็นเครื่องเตือนสติ

“แต่..”

“ไม่รักแพนแล้วเหรอ?”

“รัก”

“หยุดเถอะนะแพนกลัว”

“............ค   ครับ”

 ผมปล่อยให้เสียงโทรศัพท์มันดังขึ้นอีกรอบ ก่อนดึงผ้าห่มปกคลุมร่างกายที่เปล่าเปลือย ดี....ที่ตอนนี้ทุกอย่างยังมืดสนิท 

แม้สายตาจะปรับแสงแล้ว แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้กระจ่างชัดสักเท่าไหร่  ไฟบนหน้าจอมือถือสว่างวาบและดับลงไปอีกเป็นรอบที่
สอง 

ผมที่นอนหอบหายใจ พร้อมๆ กับภาคที่ยอมปล่อยแล้วทิ้งตัวลงไปนอนข้าง  ยกแขนขึ้นแล้ววางพาดหน้าตัวเองปิดบังหน้าตา

ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ภาครู้สึกยังไง....  ผิดหวังไหม?  ที่ลงเอยแบบนี้  ทุกอย่างดูนิ่งสนิทเกินกว่าจะประเมินสภานการณ์ได้

.

.

.

“ฮะแม่ ครับกลับพรุ่งนี้ครับ  อยู่กับภาคครับ  เมื่อกี้เผลอหลับ ครับทานแล้วครับไม่ต้องเป็นห่วงครัย  อ้อ...บอกแล้วฮะ

ก็ไม่ได้ว่าอะไร เสียใจครับ  ไม่ฮะ....ไม่เปลี่ยนใจ อืม....แพนตัดสินใจแล้วแม่  คร๊าบครับ....รักแม่นะฮะ เจอกันพรุ่งนี้ครับ

ครับ สวัสดีครับ”    ผมวางสายจากแม่ หอบผ้าห่มที่ตัวเองยึดมาพันตัวเมื่อครู่ลากไปที่ผ้าเช็ดตัว ก่อนจะดึงผ้าเช็ดตัวมา

ห่อหุ้มร่างกายแทนผ้าห่ม  แล้วเอาผ้าห่มที่ว่าไปห่มคลุมให้อีกฝ่ายบนเตียงที่ยังนอนนิ่ง  พาดแขนบนใบหน้าหล่อเหลา

ปิดซ่อนดวงตาที่จะแสดงอารมณ์อ่อนไหว  ผมไม่ได้เซ้าซี้เพื่อให้อีกฝ่ายมาคุยกัน ทำแค่เพียงเดินไปที่ห้องน้ำ 

ตอนนี้.....ขอเวลาคิดอะไรๆ สักหน่อย  เวลาที่ใช้อาบน้ำ  .....  อาจจะเป็นช่วงเวลาที่มากพอที่จะทำให้อารมณ์ที่เหลือ

มันผ่อนปรนลง  ผมแช่ตัวลงในอ่างซ่อนตัวเองจากความรู้สึกหลากหลาย  .... กำลังครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่

ได้แต่บอกตัวเองว่า.....ดีแล้ว  ถ้ามากกว่านี้.....แล้วต้องเลิกกัน  ผมคงขาดใจตาย  แค่ความสัมพันธ์ของเราแค่นี้

มันก็เกินกว่าจะติดใจ  ถ้าลึกซึ้งมากกว่านี้......คงเจ็บทั้งสองฝ่าย  ผมรู้ภาคไม่ได้เป็นเกย์หรอก...ไม่เลย ออกจะเกลียด

ซะด้วยซ้ำ  ผู้หญิงมากมายที่เข้า...หลายต่อหลายครั้งที่เกือบจะเปิดใจ แต่มันก็สะดุดหยุดลงแค่นั้น...เพียงเพราะภาค

“ให้ความสำคัญกับผมมากกว่าใคร”  ถ้าผมไม่อยู่....มันอาจจะเป็นเวลาที่ดีที่เปิดใจ กับการเปลี่ยนชีวิตใครบางคน

แต่ถ้าภาครักผมจริง...  ภาคต้องรอ  ...รอจนกว่าผมจะกลับมา


หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.. คำตอบคำขอ P.-4 22/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 22-11-2012 06:27:34
หน่วงเหลือเกิน.....

เข้าใจนะ แต่ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลยอ่ะ ช่วงเร่งเวลาตอนห่างกันเลยได้ไหมคะ? นึกไม่ออกเลยว่าจะจบไง~ เฮ้อออ~~

 :o12:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.. คำตอบคำขอ P.-4 22/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 22-11-2012 07:24:12
บางคนบอกรักไม่ต้องการเวลา

แต่บางคน รักก็ต้องการเวลา เพื่อที่จะทำให้รักมันแข็งแรง




ภาคถ้ารักจริง สาม ปีมันไม่ใช่ปัญหาหรอก
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.. คำตอบคำขอ P.-4 22/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 22-11-2012 09:31:16
ไม่ต้องกลัวนะคะ  จะเศร้ายังไง จบก็ Happy Ending อยู่ดี 
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.. คำตอบคำขอ P.-4 22/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: roitra ที่ 22-11-2012 11:13:56
ฮืออออออ  :o12: ชอบเรื่องนี้มากๆเลย
เราไปอยู่ที่ไหนมานะ  :m15:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ แนะนำเรื่องอื่น-ให้ไปอ่านกันเพลิน ๆ ค่ะ P.-4 22/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 22-11-2012 12:01:19
(เรื่องไม่สั้น)  ยอม...มึงคนเดียวว่ะ   // จบ     
เรื่องระหว่างเพื่อนกับเพื่อน เด็มมหาลัย
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31213.60


มากกว่าเพื่อน...ได้มั้ยวะ  //  จบ
เป็นภาคต่อของ (เรื่องไม่สั้น)  ยอม...มึงคนเดียวว่ะ แต่เป็นอีกคู่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31213.270


มรดกทาส  // จบ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32551.270


รัก....ที่ขาดหาย   ////  จบ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33937.510


หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.. คำตอบคำขอ P.-4 22/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 22-11-2012 13:52:38
ไม่ต้องกลัวนะคะ  จะเศร้ายังไง จบก็ Happy Ending อยู่ดี 
 :laugh: :laugh: :laugh:
คุณทัดให้คำมั่นแล้วน่ะจ้ะ  :กอด1: ช่วงนี้กำลังเป็นช่วงทางแยกของชีวิต เราเชื่อมั่นว่าถ้ากลับมาเจอกันอีกครั้งต้องรักกันมากกว่าเดิมแน่นอน พี่ภาคต้องหล่อเริ่ด ส่วนน้องแพนก้อต้องน่ารักสุด ๆ แน่นอนเลยล่ะ :z1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.. คำตอบคำขอ P.-4 22/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 22-11-2012 18:43:36
หง่า....สงสารเด็กสองคนนี้จัง
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.. ปล่อยมือ P.-4 23/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 23-11-2012 00:40:22
ตอน  ปล่อยมือ



“อ...อย่าภาค  แพนกลัว” เสียงริงโทนของมือถือผมสิ้นสุดลง.....พร้อมกับการกระทำทุกอย่าง  เหมือนเป็นเครื่องเตือนสติ


“แต่..”



“ไม่รักแพนแล้วเหรอ?”



“รัก”



“หยุดเถอะนะแพนกลัว”



“............ค   ครับ”



ผมหยุดทุกการกระทำที่ทำให้อีกฝ่ายหวาดกลัว ทิ้งตัวลงข้างๆ กันยกแขนขึ้นปิดบังดวงตาที่กำลังแสดงความรู้สึกเสียใจ และผิด
หวัง

หมดแล้วทุกอย่าง ....  แพนกำลังจะเดินจากผมไป   

สิ่งเดียว....ที่ผมพอจะยึดเหนี่ยวว่าแพนเป็นของผม 

สิ่งเดียว...ที่พอจะทำให้มั่นใจ

สิ่งเดียว....ที่คาดหวังไว้ว่า ไม่อาจจะมีใครได้ครอบครอง...นอกจากผม   คือ “แพน”  แต่น้องกลัว..เพราะผมอาจทำอะไรผิด
พลาดไป

ผมอาจเร่งรัดเกินไป...จนทำให้อีกฝ่ายกลัว  แต่ผม....มีทางเลือกอยู่อีกเหรอ?   ไม่มีเวลาแล้ว.....แพนกำลังจะไป

น้อง....กำลังจะทิ้งผมไป   อเมริกา.....ห่างกัน เกินครึ่งฟ้า   แล้วจะให้ผมเอาอะไรมามั่นใจ  เชื่อมั่นว่าคนตรงหน้าจะไม่มีใคร

แพนน่ารักขนาดนี้ ....  ไอ้พวกหัวแดงคงแย่งกันเกรียว  โดยที่ผมไม่อาจปกป้อง  น้องไว้ใจคนง่าย...ผมกลัวน้องพลาด

กลัวน้องจะเผลอใจ ให้ใครอีกคนที่อยู่ชิดใกล้กว่า   ผมยอมรับอยู่อย่าง.....คือผมไม่ได้ชอบผู้ชายคนไหน ถ้าไม่ใช่น้องก็ไม่มี
ทาง

“น้องเป็นของสำคัญสิ่งเดียว”  ที่ผมอยากจะถนอมรักษา อยากจะดูแลให้มีแต่ความสุข อบอวลไปด้วยรอยยิ้ม ไม่อยากให้ใคร
รังแก

ไม่อยากให้น้องเสียใจ  แต่ตอนนี้......แค่เอื้อมให้ถึงมันก็ดูจะ  “เกินเอื้อม”   แค่คิดก็เสียใจ...จนห้ามน้ำตาไม่ไหว

เหมือนๆ ใจมันจะแตกสลายอยู่ตรงนี้  ทำได้แค่ “ยอมปล่อยมือ”  ให้อีกฝ่ายเดินไปในทางที่น้องต้องการ

.

.

เสียงน้ำจากก็อกที่กำลังเปิดใส่อ่างดังเบาๆ ในห้องนอนยังมืดสนิท  ผมไม่อยากจะเปิดไฟตอนนี้ หัวใจที่เจ็บปวด ....

ผมรู้ดี....ว่ามันกำลังฉายชัดอยู่บนดวงตาผม   ไม่อยากให้น้องเห็น ...  ความเห็นแก่ตัวของผม  ...  ซุกหน้าลงกับหมอน

ทำได้แค่ปล่อยให้น้ำตามันไหลเอื่อยลงไป  ในเมื่อห้ามไม่ไหว...ผมก็ทำได้แค่ร้องไห้ แต่ไร้เสียง   บรรเทาหัวใจที่มันเจ็บจนฉีก
ขาด

เมื่อทำไม่ได้แม้แต่จะครอบครอง  ......  ผมคง.....ต้องทำใจเอาไว้สักครึ่งหนึ่ง  ไม่ได้จะโทษใคร....แค่เสียใจที่ผมเริ่มต้นช้าเอง

“ความรัก”   ที่หมายมั่นปั้นมือไว้ตรงหน้า....    ผมคงต้องยอม.....  ยอมปล่อยมือจริงๆ 

.

.

ประตูห้องน้ำเปิดออก ไอ้ตัวเล็กเดินออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวที่พันแค่ท่อนล่าง  ผมเอง....ก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะสบตากันตรง  ๆ

น้องก็ดูหลบเลี่ยงเช่นกัน หลุบตาลงต่ำ ทำได้แค่มองมาที่ผมแบบผ่าน ๆ ในห้องยังมืดเช่นเดิม มีเพียงแสงไฟจากห้องน้ำที่สาด
เข้ามา

ผมกลืนน้ำลายลงคอหนักๆ เดินไปหยิบผ้าเช็คตัวอีกผืนที่แขวนอยู่กับตู้เสื้อผ้า  เดินสวนกับน้องเพื่อเข้าไปอาบน้ำต่อ  อีกฝ่ายดู
เกร็งจัด

ผมตีหัวที่น้องเบาๆ สองดีอย่างเอ็นดู  แค่อยากให้ไอ้ตัวเล็กดูผ่อนคลายกว่านี้ ...... 

“ขอโทษนะแพน”   ผมทำได้แค่เอ่ยเสียงแผ่วเบา   น้องเงยหน้าขึ้นมามองผม  เลยฝืนยิ้มให้อีกฝ่ายไป

“ภาค....เอ่อแพน”  เสียงน้องสะดุดเลยแค่นั้นก็หลุบตาลงต่ำราวกับรู้สึกผิด  ไม่เลยไม่ใช่ความผิดของน้อง ...ในเมื่อมีแต่ผมที่คิด
เอาเอง

น้องไม่เคยบอกว่า “รักผม”  แบบคนรักเลยสักครั้ง  น่าจะเข้าใจ....วันที่เดินทางมา มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว  อาจจะแค่....อยากห่างคน
อย่างผม

ที่เอาแต่ะเกาะติดเป็นปลิง  จนน้องเองไม่มีเวลาเป็น “ส่วนตัว”

“ไม่เป็นไร...อย่าคิดมากนะ”  ผมยีหัวไอ้ตัวเล็กเบาๆ  แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป 

“แกร๊ก”   ผมล็อคลูกบิดประตูห้องน้ำลง  ปกติไม่เคยทำอย่างนี้.....แต่วันนี้  ผมเองก็อยากมีเวลาเป็น “เวลาส่วนตัว” บ้างเหมือน
กัน

ไม่ใช่รังเกียจใครอีกคน  แค่กลัว....อีกฝ่ายมาเห็นความจริง ว่าผม.....อ่อนแอแค่ไหน  เห็นแก่ตัวแค่ไหน

ทิ้งตัวลงในอ่างอาบน้ำ เปิดน้ำจากก็อกให้ค่อยๆ ไหลลงมาช้าๆ  เพียงเพื่อถ่วงเวลา ให้ออกไปข้างนอกช้าลง....ก็แค่นั้น

ผมหลับตาลง  ประโยคเดิมๆ วนกลับมาซ้ำให้เข้าใจ ...  กำลังพยายามทำความเข้าใจ......  ไม่อยากเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว

...
.................

“ไรอ่ะภาค?”




“แพนยังไม่ตอบภาคเลย”



“ตอบอะไรอ่ะภาค?” 



“โห~  ปลาทองได้ใจมากอ่ะแพน ”



“ก็ที่ถามว่า......ใจดีแล้วชอบมั้ยหล่ะ?”




“โห~  คำตอบนี่จะเอาจริงอ่ะ ”



“อือ  ...ก็จริงดิ”   



“ไม่ชอบ” 


“..........”   เงียบ  .... 



“อ๊ะ....ขอโทษ” ก็รีบปล่อยมือที่บีบแน่นออก



“ภาค  ....ภาค  นี่ๆ หันมาหน่อย”




“หืออ.....มีไรเหรอ” 



  “แพนยังพูดไม่จบ  หันมาหน่อยไม่งั้นไม่บอกน่ะ”




“ครับว่าไง?”   




“จะบอกว่าไม่ได้ชอบ.........แต่”



“รักเลยตะหาก”   




“หืมมมมมมม?  จริงอ่ะ”

“อ๊ะ  ...โทษที แพนเจ็บเปล่า?”



“ถ้าถามว่าจริงไหม?  ตอบได้เลยว่าถ้าเต็มร้อย ก็ได้ล้านเปอร์เซ็น อ่ะ .. ก็ภาคเป็นพี่ชายที่แพนรักที่สุดเลยอ่ะ” 

...

......

“สัญญาได้ไหมว่าจะไม่มีคนอื่น”






“ไม่ได้หรอก....แต่สัญญาว่าจะบอกภาคทุกเรื่อง  ภาคเองก็เหมือนกัน....ถ้าเจอคนที่ดี..”



“อย่าพูด......ไม่อยากฟัง”



“ช่วยลองคบดูได้มั้ย?.  เปิดโอกาสให้ตัวเองดู....   ถ้าคนๆ นั้นใช่ แสดงว่าเรื่องระหว่างเรามันเป็นแค่ความผูกพันธ์”

...

........

ทุกประโยคยังดังวนไปวนมาในหัวผม  นี่รึเปล่า?  ที่แพนต้องการจะบอก  ไม่กล้าพูดตรงเพราะกลัวผมจะเสียใจ  แต่ค่อยๆ ถอย
หนี

ค่อยๆ ห่างออกไป  สร้างช่องว่างระหว่างผมกับตัวเอง ให้มากขึ้น  เพื่อที่ว่า.....จะให้ผมทำใจได้เร็วขึ้นสินะ

น้ำตาไหลเลย.......  ห้ามไม่อยู่  เกลียดตัวเองที่อ่อนแอขนาดนี้   ดูทุกอย่างจะชัดเจนกว่าที่คิด  เสียใจ.....แต่ทำยังไงได้  ผมไม่

มีสิทธิ์

สุดท้ายก็ต้องยอมปล่อยให้อีกฝ่ายไปอยู่ดี 

.

.

.


ผมเดินเข้ามาในห้องนอน  ที่ยังมืดสนิทตามเดิม เพียงแต่ไฟที่หัวเตียงถูกเปิดไว้แค่ดวงเดียวเท่านั้น  เปลี่ยนเสื้อผ้า ค่อยๆ สอด
ตัวเข้าใต้ผ้าห่ม

ผืนเดียวกัน  ใกล้กันแค่เอื้อม......  หากแต่....ยิ่งยื่นมือไปคว้าน้องมากเท่าไหร่   ความห่างไกล.....ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น

ผมนอนมองอีกฝ่ายที่มีลมหายใจสม่ำเสมอ  หลับไปแล้ว.....  อาจจะเป็นแค่ช่วงเวลานี้  ที่ผมจะได้สัมผัสตัวของน้อง  โดยที่ไม่
ทำให้อีกฝ่าย


หวาดกลัว  ระแวง สงสัย  สอดแขนเข้าหาตัวอีกฝ่ายจากด้านหลังอย่างเบามือ  ไอ้ตัวเล็กขยับตัวนิดๆ ปรับให้อยู่ในท่าสบาย แล้ว
หลับไปตามเดิม

ขณะที่หัวใจผมกำลังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด  ไขว่คว้าสัมผัสที่อาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว  ผมจูบเบาๆ ที่หัวทุยเกรงว่าอีกฝ่าย
จะตื่น


สูดดมความหอมของกลิ่นกายอีกฝ่าย บ้าเอ้ย!!!  ผมเห็นแก่ตัวมากใช่ไหม  ถึงไม่อยากปล่อยคนตรงหน้าไปเลย

“ได้โปรดอย่าไป  แพนอย่าทิ้งภาคไปนะ~”  กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่  ทำได้แค่นี้อีกแล้ว....ผมรั้งได้แค่นี้  ได้แต่บอกตัวเองให้
เจียมตัว

อย่าทำให้น้องกลัว  แพนเลือกแล้ว...... ที่เหลือก็แค่ปล่อยมือ  “ที่เคยเกาะกุมกันและกันตลอดมา”    เท่านั้นเอง





หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.. ปล่อยมือ P.-4 23/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: roitra ที่ 23-11-2012 00:56:55
ว่าแล้วว่าวันนี้ต้องมา อิอิ กอดๆ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.. ปล่อยมือ P.-4 23/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 23-11-2012 06:59:47
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.. ปล่อยมือ P.-4 23/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: dariganae ที่ 23-11-2012 09:29:26
โอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ปวดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดค่ะTT-TT
มาม่าชามโตมาหลายตอน
ตอนหลังๆขอพิเศษเติมน้ำตาลเยอะๆนะคะ>..<
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.. ปล่อยมือ P.-4 23/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 23-11-2012 10:13:56
แพนต้องการห่างภาคจริงๆ ใช่ไหม
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.. ปล่อยมือ P.-4 23/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 23-11-2012 12:52:19
 :m15:เศร้าจังเลยสงสารภาคมาก ๆ แต่เราเข้าใจแพนน่ะว่าอยากเปิดโอกาสให้ภาคได้พบเจอคนอื่นหรือหนทางอื่นไม่อยากมาเป็นกรอบที่ทำให้ภาคไม่อาจก้าวเดินในหนทางที่แตกต่าง เพราะภาคน่าจะอนาคตไกลน่ะ แต่แพนก้อต้องอย่าลืมมองว่าบางครั้งอีกฝ่ายก้ออาจจะไม่ต้องการเช่นนั้นและบางทีมันอาจจะกลายเป็นหนามแหลมทิ่มแทงใจให้เขาเปลี่ยนไปอีกแบบก้อได้น่ะ เฮ้อ เรื่องอ่อนไหวจริง ๆ กับคำว่ารักนี่น่ะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.. ปล่อยมือ P.-4 23/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 23-11-2012 17:37:51
สามปีคงนานนนนนนนนนนนนนนนนน
สำหรับภาค
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.. ปล่อยมือ P.-4 23/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 23-11-2012 22:06:59
รับรองว่าตอนหวาน  .....  จะหวานจนน้ำตาลเรียกพี่อ่ะค่ะ  ฮ่าๆๆๆ
(จริงๆ แต่งได้รึเปล่าไม่รู้แต่จะพยายาม  คุคุคุ)
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมายืนที่เดิม (เกริ่น) P.-4 24/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 24-11-2012 01:11:41
ตอน   กลับมายืนที่เดิม


ตอนนี้ผมกับภาคกลับมาที่บ้านแล้วทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ผมวุ่นวายกับการเตรียมตัวนิดหน่อย จริงๆ ทุกอย่างได้จัดเตรียม

ไว้พร้อมแล้ว  รอแค่ผมย้ายตัวไปกับเอกสารทางราชการเท่านั้น  อาจจะต้องเรียนช้ากว่าชาวบ้านไปสักปีหนึ่งเพราะต้องไป

เรียนภาษาก่อน ค่อยเข้าเรียนต่อ ไฮสคูลที่นั่นได้ ทุกๆ อย่างยังดูเหมือนเดิม....โดยเฉพาะภาค  แม้รอยยิ้มของภาคจะดูเศร้าไป
บ้าง

แต่ก็ยังทักทาย กุมมือ  หรือแม้แต่ดูแลผมเหมือนเดิม  แต่อะไรที่ทำให้รู้สึกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป ...ความรู้สึกของผม

มันกำลังบอกเช่นนั้น  ใช่...เรื่องหนึ่งที่เด่นชัด  ภาคไม่ได้มานอนกับผมเช่นเคย สองวันที่ผ่านมาผมนอนคนเดียว ทั้งที่ครั้งหนึ่ง

เคยพยายามจะรอให้อีกฝ่ายกลับมาแล้วคุยกันให้รู้เรื่อง  แต่ผมก็เผลอหลับไปก่อน  ใช่...อีกเรื่องคือสัมผัส ภาคไม่ได้รังเกียจผม

หากแต่...ตั้งแต่กลับมาภาคไม่เคยเริ่มต้นก่อน  ไม่ว่าจะเป็นจับมือ (ถ้าไม่จำเป็นต้องข้ามถนน) กอด หรือแม้แต่.......จูบ

ทุกอย่าง....ค่อยๆ ลดไป ไม่ใช่สิ มันลดหดหายไปเลยต่างหาก   คืนนี้เป็นอีกคืนที่ผมนอนอยู่ในห้องเพียงลำพัง เฝ้ารอเฝ้าคอย

ให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาหา  มานอนกอดผมเช่นเดิมดังที่เคยเป็น  แต่ตอนนี้ผมกลับสัมผัสได้แค่หมอนข้างเย็น ๆ ไร้ซึ่งความอบอุ่น

ผมนอนมองพื้นที่ว่างข้างตัว   คิดถึง...คนที่เคยหนุนหมอนใบเดียวกัน  คนที่เคยกอดผมทุกๆ คืน  คนที่บอกว่า “รัก” ผม

ตอนนี้....ไปอยู่ที่ไหนซะหล่ะ  ตอนที่ผมต้องการเค้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด  อีกสามปีเชียวนะที่เราจะไม่ได้เจอกัน ....สามปีเชียว

ทำไม....ถึงไม่เร่งเก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่เหลือ  ทำไม...ต้องหลบหน้าผม  ภาค.....ใจร้ายจริงๆ   เม้มปากตัวเองแน่น ก้มหน้าซุก
หมอน

พยายามเข่มตาตัวเองให้หลับ  ยิ่งพยายามจะเข้มแข็งเท่าไหร่ ทำไม...น้ำตาเจ้ากรรมมันไม่เคยให้ความร่วมมือเลยนะ
.



หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมายืนที่เดิม (เกริ่น) P.-4 24/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 24-11-2012 07:51:51
แพนเอ้ยยย สงสารพี่เค้าบ้าง ให้พี่เค้าทำใจบ้างนะลูก  :m15:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมายืนที่เดิม (เกริ่น) P.-4 24/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: lazat.mchub ที่ 24-11-2012 08:51:44
มาสั้นๆแบบเจ็บปวด
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมายืนที่เดิม (เกริ่น) P.-4 24/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 24-11-2012 10:35:35
 :sad4: :sad4: :L3:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมายืนที่เดิม (เกริ่น) P.-4 24/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 24-11-2012 15:45:08
แต่งตอนต่อไปใกล้จบแล้วค่ะ  รอนะตัวเอง  เดี๋ยวเย็นๆ มาโพสค่ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมายืนที่เดิม (เกริ่น) P.-4 24/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 24-11-2012 16:56:01
หนูเลือกที่จะเดินไปจากพี่เค้าเองนะ หนูเป็นคนคิดแทนพี่เค้าเองและหนูก็ต้องยอมรับถ้าพี่เค้าจะขอทำใจซึ่งมันก็เป็นการทำร้ายหนูเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมายืนที่เดิม (100%) P.-4 24/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 24-11-2012 20:12:01
ตอน   กลับมายืนที่เดิม






ตอนนี้ผมกับภาคกลับมาที่บ้านแล้วทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ผมวุ่นวายกับการเตรียมตัวนิดหน่อย จริงๆ ทุกอย่างได้จัดเตรียม

ไว้พร้อมแล้ว  รอแค่ผมย้ายตัวไปกับเอกสารทางราชการเท่านั้น  อาจจะต้องเรียนช้ากว่าชาวบ้านไปสักปีหนึ่งเพราะต้องไป

เรียนภาษาก่อน ค่อยเข้าเรียนต่อ ไฮสคูลที่นั่นได้ ทุกๆ อย่างยังดูเหมือนเดิม....โดยเฉพาะภาค  แม้รอยยิ้มของภาคจะดูเศร้าไปบ้าง

แต่ก็ยังทักทาย กุมมือ  หรือแม้แต่ดูแลผมเหมือนเดิม  แต่อะไรที่ทำให้รู้สึกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป ...ความรู้สึกของผม

มันกำลังบอกเช่นนั้น  ใช่...เรื่องหนึ่งที่เด่นชัด  ภาคไม่ได้มานอนกับผมเช่นเคย สองวันที่ผ่านมาผมนอนคนเดียว ทั้งที่ครั้งหนึ่ง

เคยพยายามจะรอให้อีกฝ่ายกลับมาแล้วคุยกันให้รู้เรื่อง  แต่ผมก็เผลอหลับไปก่อน  ใช่...อีกเรื่องคือสัมผัส ภาคไม่ได้รังเกียจผม

หากแต่...ตั้งแต่กลับมาภาคไม่เคยเริ่มต้นก่อน  ไม่ว่าจะเป็นจับมือ (ถ้าไม่จำเป็นต้องข้ามถนน) กอด หรือแม้แต่.......จูบ

ทุกอย่าง....ค่อยๆ ลดไป ไม่ใช่สิ มันลดหดหายไปเลยต่างหาก   คืนนี้เป็นอีกคืนที่ผมนอนอยู่ในห้องเพียงลำพัง เฝ้ารอเฝ้าคอย

ให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาหา  มานอนกอดผมเช่นเดิมดังที่เคยเป็น  แต่ตอนนี้ผมกลับสัมผัสได้แค่หมอนข้างเย็น ๆ ไร้ซึ่งความอบอุ่น

ผมนอนมองพื้นที่ว่างข้างตัว   คิดถึง...คนที่เคยหนุนหมอนใบเดียวกัน  คนที่เคยกอดผมทุกๆ คืน  คนที่บอกว่า “รัก” ผม

ตอนนี้....ไปอยู่ที่ไหนซะหล่ะ  ตอนที่ผมต้องการเค้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด  อีกสามปีเชียวนะที่เราจะไม่ได้เจอกัน ....สามปีเชียว

ทำไม....ถึงไม่เร่งเก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่เหลือ  ทำไม...ต้องหลบหน้าผม  ภาค.....ใจร้ายจริงๆ   เม้มปากตัวเองแน่น ก้มหน้าซุก
หมอน

พยายามเข่มตาตัวเองให้หลับ  ยิ่งพยายามจะเข้มแข็งเท่าไหร่ ทำไม...น้ำตาเจ้ากรรมมันไม่เคยให้ความร่วมมือเลยนะ

.
.

.

ตีหนึ่งครึ่ง....เป็นคืนที่สามแล้วที่ผมเข้าบ้านหลังนี้มาในเวลานี้  ยิ่งหลบ ยิ่งซ่อนหัวใจตัวเองเท่าไหร่  ความถวิลหามันก็ยิ่งเพิ่ม

มากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ   เพราะคนที่ผมคิดถึงกำลังหลับสนิทอยู่ตรงหน้า  ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ริมฝีปากแดงจัดจนน่าจูบ

ผมประทับริมฝีปากลงเบาๆ กลัวอีกฝ่ายจะตื่น ชอบนักเปิดไฟหัวเตียงทิ้งไว้ รอ...ให้ผมเข้ามาปิด  เป็นแบบนี้มาเกือบสิบปีแล้ว

ลอบถอนหายใจหนักๆ  ทำตัวเอาแต่ใจมากขึ้นทุกวัน  จริงๆ ก็อยากจะมาหาคนตรงหน้าใจแทบขาด  แต่ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะ

รำคาญเสียมากกว่า  หลบหน้า.....คงเป็นวิธีที่ดีที่สุด  หยุดทุกอย่างที่จะเป็นการล่วงเกินอีกฝ่าย กลัวเหลือเกินว่า....

นอกจากน้องจะ  “ไม่รัก”  แล้ว ยังจะต้อง “โดนเกลียด”  เข้าอีก  ขืนเป็นแบบนั้นผมคงเสียใจตายแน่ๆ คงทรมานจนอยากหนี

ไปให้ไกล ๆ  ไอ้ตัวเล็กพลิกตัวตะแคงข้าง  ผมค่อยๆ สอดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม ปิดไฟหัวเตียงให้มืดลง ก่อนจะสอดมือโอบกอด

อีกฝ่ายจากด้านหลัง  แค่สัมผัส ...อีกฝ่ายก็ม้วนตัวมุดเข้าหาอกผมอัตโนมัติ  กอดตอบผมแน่น  รู้สึกถึงความชื้นนิดๆ

บริเวณใบหน้า  ผมไล้มือเช็ดเบาๆ  ก็พบว่าขนตายังเปียก  น้องร้องไห้เหรอ?  ผมกดจูบปลอบที่หัวทุยของอีกฝ่าย

ไอ้ตัวเล็กเลยมุดเข้าหาผมใหญ่กอดกันกลม  จนร่างกายแทบจะหลอมรวมกัน  กลิ่นหอมหวานเจือจางในจมูก

จนเผลอซุกไซร้ซอกคอขาวของอีกฝ่าย ดูดดุนแสดงความเป็นเจ้าของ   ก่อนจะทาบทับปากเรียวของอีกครั้ง 

แตะจูบเบาๆ อยู่หลายที สุดท้ายมันก็ไม่พอ  ..ต้องการมากขึ้นไปอีก  บดจูบเรียกร้องกับอีกฝ่าย สอดลิ้นไล่ชิมความหวาน 

ที่ดูลิ้นน้อย ๆ จะตอบกลับผมทันควัน  ริมฝีปาก....ดูดกลืนกันและกัน  ผมต้องการสัมผัสที่มากกว่า สอดมือเข้าใต้ชุดนอน

บางเบา ไล้นิ้วทั่วพื้นผิวเนียนนุ่มน่าเป็นเจ้าของ พอถึงยอดอกเม็ดงามที่แข็งเป็นไตรออยู่ก่อนแล้ว ความต้องการทั้งหลาย

ก็เกินจะห้ามไหว  ผมควบคุมตัวเองไม่อยู่  ถลกเสื้อนอนลายหมีพูให้เลิกสูง  ตามด้วยลากลิ้นไปไล้เลียริมฝีปากดูดดุน

ตามใจปรารถนา  ไอ้ตัวเล็กแอ่นอกหวานไร้ซึ่งการควบคุมใดๆ  ลากมือลงต่ำลูบไล้น้องชายของไอ้ตัวเล็ก จนขึ้นสันนูน

แล้วลวงเข้าไปในกางกางนอน แทรกผ่านชั้นในตัวบาง  ได้ยินเสียงครางของอีกฝ่าย  หวานจับใจ

“อ่า~   ภาค”   แต่....แทบหยุดหัวใจของผม   ได้แต่ชะงักกึก นิ่งงันไปชั่วครู่ ...จบแล้วความเลว ความเห็นแก่ตัวของผม

ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองไปยังเจ้าของเสียง   วันนี้คง.....ต้องถูกเกลียดจริงๆ ซะแล้ว  ดวงตาดำขลับหากแต่เป็นประกายแววใส

ในที่มืดกำลังจ้องมองมาที่ผม  เผลอกลืนน้ำลายหนัก ๆ  ชักมือออกอย่างเชื่องช้า  อีกฝ่ายมองหน้าผมนิ่งๆ ไม่ได้ตำหนิอะไร

หากแต่เป็นผมเอง  ....  ที่กลายเป็นหมาหางลู่ หูตก  เมื่อถูกเจ้าของมันจับได้ว่าทำผิด  ไม่รู้จะฝืนยิ้มเพื่อให้ได้อะไรขึ้นมา

ทำขนาดนี้แล้ว....  แถมไม่ใช่ครั้งแรกด้วย  ทำผิดถึงสองครั้ง(ใหญ่ๆ)  ที่พยายามจะล่วงเกินอีกฝ่าย ผมชันตัวลุกขึ้นนั่ง

หันหลังให้น้อง หย่อนขาลงข้างเตียง ก้มหน้านิ่งอยู่นาน  พยายามทำใจให้ยอมรับสิ่งที่จะเกิดต่อจากนี้

“ขอโทษนะแพนที่.......ที่รบกวนมาตลอด  ต่อไปนี้จะไม่มารบกวนแล้ว....”  เสียงแผ่วเบาที่ออกมาจากริมฝีปาก หากแต่....

กลับอัดแน่นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายเสียใจ ตัดพ้อ รู้สึกผิด หรือแม้แต่เจ็บปวด   ไม่กล้าร้องขอให้อีกฝ่ายให้อภัย

ในการกระทำทั้งหมดทั้งมวลของผม ที่น้องทนมาเป็น สิบๆปีนี่ก็แย่แล้ว ผมผิดเอง.....ที่ทำทุกอย่างเอาแต่ใจตัว

ชันตัวขึ้นเพื่อจะเดินจากไปแต่โดยดี  ก็รู้สึกถึงแรงกอดหนักๆ ของอีกฝ่าย  ที่โถมกอดผมแบบไม่ทันตั้งตัว จนเซเล็กน้อย


น้องซุกหน้ากับแผ่นหลัง   ส่ายหน้าไปมา น้ำตาเปียกชื้นอีกแล้ว...ไม่ชอบเลย ทำไมผมต้องเป็นคนทำให้น้องเสียใจ?

หรือน้องกำลังจะขอโทษ...ที่ทำให้ผมเจ็บปวดกัน  ผมกลืนน้ำลายลงคออีกอึกใหญ่ ทำใจรับผลที่จะเกิด

ก็แค่รอ.....ให้แพนพูดทุกอย่างออกมา   แล้วเราก็จบกัน.....โดยสมบูรณ์  จบ....ความสัมพันธ์ที่ผมสร้างมันขึ้นมาเองตลอด 10 ปี

“...........................”   ผมหลับตาลง พร้อมแล้วที่จะรับฟัง

.

.

.

.

.

“ใครบอกว่ารบกวนกัน  พูดตั้งแต่เมื่อไหร่ เคยบอกเหรอว่าไม่ต้องการภาค  เคยบอกเหรอว่ารำคาญ เคยบอกเหรอว่า

ไม่อยากอยู่ใกล้ๆ  คิดเองเออเองตลอด  เคยคิดบ้างมั้ยว่าคนที่ “รัก”ตัวเองจะเป็นยังไง  จะร้องไห้เสียใจยังไง ก็ไม่สนใจสินะ

 อยู่จะหายก็หายไปเฉยๆ  เวลาก็แทบไม่มีอยู่แล้ว ยังจะมีเวลามาเล่นซ่อนแอบกันอยู่ได้ คนบ้า ๆๆๆ ภาคบ้า!!”

“โอ๊ย!!....เจ็บ ....เมื่อกี้แพนว่าไงนะ  แพนรักภาคเหรอ?”    ผมหันมารวบแขนสองข้างของไอ้ตัวป่วนที่กระหน่ำทุบมา

ที่หลังผม แล้วรวบตัวน้องเข้ามากอดแน่นๆ  สบตาอีกฝ่าย ซึ่งแพนเองก็หันมาจ้องตาผมตอบ   หัวใจเริ่มเต้นรัว.....

เต็มไปด้วยความหวังอีกครั้ง  แต่.........สุดท้ายก็ต้องสะดุดเมื่อในหัวมันผุดคำตอบเดิมๆ ขึ้นมา 

“รักแบบพี่ชายรึเปล่า?   ถ้าแค่นั้น.........ก็พอเถอะนะแพน  อย่ามาหลอกให้รักอีกเลย”   ผมคลายอ้อมกอดออก
.

.

.


“ไม่ใช่........นะภาค.”
.


.

.
“...........”

.

.

.

“ไม่ได้รักแบบพี่ชาย  ไม่เคย.........รักแบบพี่ชายเลยตะหาก”  ดวงตากลมโตจ้องมาที่ผม มีน้ำตาคลอหน่วย

“จริงเหรอแพน?”  ผมกระซิบถาม ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ตัวเองกำลังตื่นหรือว่าฝันไป  น้องไม่ได้เอ่ยตอบ แต่กลับพยักหน้า

จนหัวทุยๆ ถูไถอยู่บนอกผมอยู่หลายที  ผมดึงน้องเข้ามากอดแน่นๆ กดจูบที่หัวทุยซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“คืนนี้อยู่กับแพนนะ  อย่าทิ้งแพนไปไหน”  ไอ้ตัวเล็กพูดเสียงอู้อี้อยู่กับอกผม

“ครับ  จะกอดแน่นๆ ทั้งคืนเลย ว่าแต่แพนเถอะ...อย่ารำคาญแล้วกัน” ผมกดจูบที่หัวน้องเบาๆ ความรู้สึกราวกับ

ได้หัวใจดวงใหม่ที่มันเต้นแรงกว่าเดิม  เลือดที่สูบฉีดแรงจนผมกลัวว่ามันจะพุ่งทะลุหลอดเลือดออกมา  หัวใจพองโต

จนเกรงว่า......จะเป็นโรคหัวใจโป่งพองรึเปล่า? (มีแต่ถุงลมโป่งพองน่ะ = =’ ที่เคยได้ยิน)   

ของสำคัญตรงหน้า.......ผมไม่ได้ฝันไป  ไม่ได้คิดไปเอง.....ที่รู้สึกอยู่ตลอดว่าเรา “ใจตรงกัน”    ก็เพราะ...... มันเป็นเรื่องจริง

“อื้อ...ไม่รำคาญหรอก กอดให้แน่นๆ หล่ะ  ถ้าปล่อยเมื่อไหร่จะทุบให้น่วมเลย”  ไอ้ตัวเล็กหันมามองค้อนผมตาเขียว

เล่นเอากลั้นขำแทบไม่อยู่  เหมือนลูกหมาตัวเล็กขู่ฟ่อๆ แต่ไม่มีพิษสง ผมอมยิ้มกริ่มอย่างมีความสุข ความทุกข์ทั้งหลาย

มลายหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ  ความกังวลทั้งหลาย... คล้ายๆ กับมันไม่เคยเกิด ..

“หึหึ  กลัวแล้วคร๊าบบบ   ....  ป่ะนอนได้แล้ว”  ผมคลายอ้อมกอดออก  ไอ้ตัวเล็กขยี้ตาเล็กน้อยก่อนจะคลานขึ้นเตียง

ม้วนตัวดึงผ้าห่มขึ้นก่อนจะมุดเข้าไปอยู่ปลายเตียงด้านขวา  ผมมองภาพเดิมๆ ด้วยรอยยิ้ม  กลับมาเป็นเหมือนเดิม..

ในแบบที่พิเศษกว่าเดิม  ผมเลิกผ้าห่มขึ้นสูงก่อนจะสอดตัวเข้าไปช้า ๆ ตากลมแป๋วจ้องมองมาที่ผมอย่างรอคอย

ผมยกยิ้ม  ..... พลิกตัวตะแคงหันหน้าเข้าไปหาอีกฝ่าย ไม่ได้ขยับตัวเข้าไปชิด หากแต่.....กำลังกางแขนทั้งสองข้าง

ให้อ้ากว้างออก  น้องที่ตอนนี้ยิ้มแก้มแทบปริกลิ้งหลุนๆ เข้ามา  ให้ผมโอบกอด ..... ผมกอดน้องจนแน่น  ในขณะที่

อีกฝ่ายก็กอดตอบผมแน่นเช่นกัน  สัมผัสถึงความอุ่นซ่าน ทั้งจากร่างกาย....   ไปถึงหัวใจ  ที่ตอนนี้กำลังเต้นเร็วรัว

เปี่ยมไปด้วยความสุข     

“ฝันดีนะครับ.....”  ผมกระซิบบนหัวทุยของอีกฝ่าย
.

.

.

.

.

“ที่รัก”

หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมายืนที่เดิม (100%) P.-4 24/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 24-11-2012 20:21:18
แพนบอกรักแล้วววว :-[ :impress3: :oo1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมายืนที่เดิม (100%) P.-4 24/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 24-11-2012 20:34:01
เอาหว่ะภาค อย่างน้อยก็ยังได้ยินคำว่ารักไว้เป็นกำลังใจ นะ  :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมายืนที่เดิม (100%) P.-4 24/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 24-11-2012 20:44:52
จากนี้ก็รอแค่น้องเรียนจบแล้วรีบกลับมาหาพี่ภาคเนาะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมายืนที่เดิม (100%) P.-4 24/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: lazat.mchub ที่ 24-11-2012 22:23:14
ทำไมน้องแพนหมดอารมณ์  :oo1: ง่ายจัง
ทั้ง 2 เลย 555555555
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมายืนที่เดิม (100%) P.-4 24/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 24-11-2012 23:45:12
ขอตอบๆๆๆๆ  โฮ่ะๆๆๆ


คือว่าเนื่องจากน้องยังเด็กมาก  ....  เลยไม่กล้าจะเขียนขนาดจะมีอะไรกันอ่ะคะ

เพราะ NC  ที่เขียนอยู่นี่ก็ดูเยอะเกินวัยมากอยู่แล้ว  ฮ่าๆ รอน้องโตนิ๊สสสสสสสส นึงนะคะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมายืนที่เดิม (100%) P.-4 24/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 26-11-2012 09:34:27
ในที่สุดแพนก้อบอกรักภาคตอบแล้ว ยังไงการพูดคือสิ่งที่ดีที่สุดน่ะจ้ะ เพราะถึงจะรักกันแค่ไหนก้อไม่อาจล่วงรู้ได้หรอกน่ะ ยังไงเป็นกำลังใจให้คู่รักทั้งสองให้ฝ่าฟันไปได้ตลอดสามปีน่ะจ้ะ และเป็นกำลังใจให้คุณทัดให้แต่งออกมาได้ลื่นไหลเรื่อย ๆ น่ะจ้ะ ส่วน nc จะรอโตจ้ะ :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..เวลาที่เหลืออยู่ (เกริ่น) P.-5 29/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 29-11-2012 00:24:43
ตอน ...  เวลาที่เหลือ




“อื๊อ~.....อ่ะ.....อ๊าาาาาาาา ...  ภ..ภาคพอก่อน”   ผมครางปนหอบ สองมือดันยิ๊กๆ ที่ไหล่กว้างเพื่อให้ริมฝีปาก

คนตัวใหญ่กว่าหลุดออก

“หวานจัง” ภาคกระซิบแผ่วเบา  ก่อนจะซุกจมูกคมเข้าที่ซอกคอผม ซุกไซร้ ไล้เล็ม จนมาถึงติ่งหู ลิ้นร้อนค่อยๆ สอด

เข้าไปในรู  จนผมต้องหดคอหนี มือที่ดันอยู่อ่อนยวบลงทันที  กลายเป็นจิกแน่น ลงเล็บหนักๆ เพื่อบรรเทาความเสียวแทน

มือแข็งแรงลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกผม ก่อนจะดันเสื้อนอนตัวบางเลิกขึ้นโชว์ ยอดอกที่แข็งชูชัน ไม่ไว้หน้าเจ้าของ

คนเอาแต่ใจเลยได้ที อ้าปากงับเบาๆ ก่อนจะลงลิ้นรัว  ทำผมแอ่นอกหวือ รับสัมผัสคนตรงหน้า  สองมือคว้าโอบกอด

ที่ลำคอของอีกฝ่ายแทบไม่ทัน 

“อื๊อออออ~  ย....อย่า  เดี๋ยวพ่อกับแม่ได้ยิน” ได้แต่ห้ามคนเอาแต่ใจจนเสียงหลง  ทั้งที่ร่างกายกับตอบสนอง

อีกฝ่ายเป็นอย่างดีไม่มีการขัดขืน  ภาคเงยหน้าขึ้นมายกยิ้ม....ทำตาเจ้าเล่ห์  นี่ผมพลาดอะไรไปรึเปล่า? 

“แสดงว่า....ถ้าพ่อกับแม่ไม่อยู่ก็ไม่เป็นไรงั้นสิ?”  เอ่ยถาม  แล้วยิ้มทั้งปากทั้งตา ดวงตาคมยังจ้องมาที่ผมนิ่งรอคำตอบ

เล่นเอาร้อนๆ หนาว ๆ  ไปไม่เป็นเลยทีเดียว

“ก็....”  ได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ  หาทางออกไม่เจอ 

“ก็อะไรหืม?”   อีกฝ่ายยกยิ้มหัวเราะชอบใจใหญ่ที่ดูจะไล่ต้อนผมจนจนมุมได้

“ก็ไม่รู้ไง โว๊ะ ภาคนี่ถามอะไรไม่รู้เรื่อง”  เมื่อจนแต้ม....เลยต้องแกล้งเหวี่ยงใส่   ทำตาดุใส่อีกฝ่าย  .... แต่เหมือนภาค

จะไม่กลัวสักนิด  เห็นแต่สนุกยิ้มจนแก้มแทบปริ

“ไม่รู้ก็ไม่เป็นไรนี่   มีเรื่องอื่นน่ารู้กว่าตั้งเยอะ”  ภาคว่า  เลื่อนมือมาดึงมือผมลงไปในทิศทางที่ต่ำกว่า

“........”   ได้แต่เก็บงำความสงสัย

.

.

.

.

“>/////<”   อ้าปากค้าง  กับสิ่งที่พองโตอยู่เต็มมือ

หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..เวลาที่เหลืออยู่ (เกริ่น) P.-5 29/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 29-11-2012 09:59:02
ค้างอย่างแรงจ้ะ ทำงี้ได้ไงคุณทัด รีบกลับมาด่วนเลยน่ะ :m16: รอติดตามอย่างใจจดจ่อเลยน่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..เวลาที่เหลืออยู่ (เกริ่น) P.-5 29/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: lazat.mchub ที่ 30-11-2012 00:25:52
งะ  :z3:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..เวลาที่เหลืออยู่ (100%) P.-5 30/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 30-11-2012 01:36:20
เห็นแก่.....คนที่ค้างมาจาตอนที่แล้ว  โฮะๆๆ เลยมาต่อ  ซีนอารมณ์  ให้ค่ะ   



ตอน ...  เวลาที่เหลือ



“อื๊อ~.....อ่ะ.....อ๊าาาาาาาา ...  ภ..ภาคพอก่อน”   ผมครางปนหอบ สองมือดันยิ๊กๆ ที่ไหล่กว้างเพื่อให้ริมฝีปาก

คนตัวใหญ่กว่าหลุดออก

“หวานจัง” ภาคกระซิบแผ่วเบา  ก่อนจะซุกจมูกคมเข้าที่ซอกคอผม ซุกไซร้ ไล้เล็ม จนมาถึงติ่งหู ลิ้นร้อนค่อยๆ สอด

เข้าไปในรู  จนผมต้องหดคอหนี มือที่ดันอยู่อ่อนยวบลงทันที  กลายเป็นจิกแน่น ลงเล็บหนักๆ เพื่อบรรเทาความเสียวแทน

มือแข็งแรงลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกผม ก่อนจะดันเสื้อนอนตัวบางเลิกขึ้นโชว์ ยอดอกที่แข็งชูชัน ไม่ไว้หน้าเจ้าของ

คนเอาแต่ใจเลยได้ที อ้าปากงับเบาๆ ก่อนจะลงลิ้นรัว  ทำผมแอ่นอกหวือ รับสัมผัสคนตรงหน้า  สองมือคว้าโอบกอด

ที่ลำคอของอีกฝ่ายแทบไม่ทัน 

“อื๊อออออ~  ย....อย่า  เดี๋ยวพ่อกับแม่ได้ยิน” ได้แต่ห้ามคนเอาแต่ใจจนเสียงหลง  ทั้งที่ร่างกายกับตอบสนอง

อีกฝ่ายเป็นอย่างดีไม่มีการขัดขืน  ภาคเงยหน้าขึ้นมายกยิ้ม....ทำตาเจ้าเล่ห์  นี่ผมพลาดอะไรไปรึเปล่า? 


“แสดงว่า....ถ้าพ่อกับแม่ไม่อยู่ก็ไม่เป็นไรงั้นสิ?”  เอ่ยถาม  แล้วยิ้มทั้งปากทั้งตา ดวงตาคมยังจ้องมาที่ผมนิ่งรอคำตอบ


เล่นเอาร้อนๆ หนาว ๆ  ไปไม่เป็นเลยทีเดียว


“ก็....”  ได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ  หาทางออกไม่เจอ 

“ก็อะไรหืม?”   อีกฝ่ายยกยิ้มหัวเราะชอบใจใหญ่ที่ดูจะไล่ต้อนผมจนจนมุมได้

“ก็ไม่รู้ไง โว๊ะ ภาคนี่ถามอะไรไม่รู้เรื่อง”  เมื่อจนแต้ม....เลยต้องแกล้งเหวี่ยงใส่   ทำตาดุใส่อีกฝ่าย  .... แต่เหมือนภาค

จะไม่กลัวสักนิด  เห็นแต่สนุกยิ้มจนแก้มแทบปริ

“ไม่รู้ก็ไม่เป็นไรนี่   มีเรื่องอื่นน่ารู้กว่าตั้งเยอะ”  ภาคว่า  เลื่อนมือมาดึงมือผมลงไปในทิศทางที่ต่ำกว่า

“........”   ได้แต่เก็บงำความสงสัย

.

.

.


.

“>/////<”   อ้าปากค้าง  กับสิ่งที่พองโตอยู่เต็มมือ







“ทีนี่รู้รึยังครับ? ดีจังนะวันนี้ไม่มีใครอยู่เลย กว่าจะกลับก็คงพรุ่งนี้เย็นๆ” ภาคยิ้มเจ้าเล่ห์  ก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มผมเบาๆ 

แล้วประทับจูบแสนหวาน ได้แต่จิกเล็บที่ไหล่อีกฝ่ายแน่นเพื่อเป็นหลักยึด   

.

.

.

“ช่วยหน่อยนะครับคนดี  ภาคไม่ไหวแล้ว ” เสียงกระซิบแหบพร่า คราคร่ำไปด้วยอารมณ์รัญจวนทำผมเริ่มร้อนไปตามอีกฝ่าย

หัวใจเต้นรัว กระแทกแรงซะจนคิดว่าจะทะลุมานอกอก  ค่อยๆ สอดมือเข้าไปในกางเกงด้วยการนำพาของคนเอาแต่ใจ

“อ่า~”   ภาคครางเสียงต่ำ  แค่ผมลูบไล้ตามท่อนลำผิวแผ่ว  ริมฝีปากหนาเม้มแน่น เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็น

ปกติได้แต่ครางเสียงหลง หลับตาพริ้มให้อีกฝ่ายบำรุงรัก  แต่ครั้งนี้มันต่าง....เพราะคนครางเสียงสั่นอยู่ตอนนี้

.............เป็นภาค...........ไม่ใช่ผม  .................

ยิ่งเห็นสีหน้าเสียวซ่านแทบขาดใจ ใบหน้าหล่อเหล่าเชิดขึ้นมองเพดาน สองมือจิกแน่นที่ผ้าห่มหนา ครางเสียงต่ำเป็นระยะ

ผมเลยเผลอ......ลูดมือขึ้นลงอย่างเร็ว  ภาคสูดปากหนักๆ อยู่หลายครั้ง  ใบหน้าแดงซ่านตามภาวะอารมณ์  ยิ่งทำให้ผม

รู้สึกเหนือกว่า  เป็นครั้งแรกที่ภาคจะอยู่ใต้อำนาจของผม.... อยากทำให้อีกฝ่ายดิ้นเร่าๆ สำลักความสุขมากกว่านี้อีก


ผมผลักภาคให้นอนลงด้านข้าง อีกฝ่ายก็ทิ้งตัวนอนแต่โดยดี เรี่ยวแรงที่มีดูจะลดน้อยถอยลง  มือของผมยังขยับไม่ได้หยุด

ก่อนจะค่อมตัวทาบทับอีกฝ่าย 
“แพน”  เสียงภาคเรียกแผ่วเบา สอดมือลูบไล้ตามลำตัวผม  ยกยิ้มที่มุมปากนิดๆ มีเสน่ห์เหลือร้าย  .....  แค่เวลาปกติ

ผมก็แทบละลายลงไปกับพื้นอยู่แล้ว  แต่ในเวลานี้...เวลาที่ภาคดูเซ็กซี่ทั้งสีหน้าและแววตา

ทำผมรุ่มร้อนจนแทบจะมอดไหม้ไป ณ บัดเดี๋ยวนั้น  ก้มลงไปจูบริมฝีปากหนาของอีกฝ่าย ดูดกลืนลิ้นของกันและกัน


สำลักความสุขแทบบ้า  ละมือออกจากท่อนลำ  .....  แม้อีกฝ่ายจะส่งขุนฆ้อนให้รู้ว่าหงุดหงิด ก็ไม่ทำให้ผมเปลี่ยนใจ

ภาคลากมือจะมาแทนที่มือผม  แต่ผมจับและกดมันไว้  อีกฝ่ายมองด้วยสายตาขุ่นเคือง  ผมยกยิ้ม...ยักคิ้วน้อยๆ ให้อีกฝ่าย
โน้มตัวลงไปด้านล่าง  เสียงร้องปรามเบาๆ ดังเล็ดลอดมาจากปากของอีกฝ่าย

“อย่า...สกปรก”  ทั้งที่ต้องการแทบแย่  แต่ก็ยังแคร์ผม   มองอีกฝ่ายยิ้มๆ ก่อนจะแตะลิ้นที่ปลายยอดฉ่ำเยิ้ม  แล้วครอบ

ปากคลุมท่อนเอ็นจนสุดความยาว  ภาคครางกระเส่าบิดเร่าด้วยความเสียวซ่าน

“อ๊ะ....อ่าาาาา~  แพน....แพนครับ ”   ผมก้มหน้าก้มตาทำรักให้อีกฝ่าย อมท่อนลำที่อวบอูมได้ที่  ลูดขึ้นลงเป็นจังหวะ

ไล้ลิ้นตามลำเพิ่มความเสียว  มือแข็งแรงของใครบางคนกำลังสอดเข้ามาในเรือนผม กดหัวผมให้อมท่อนอูมจนมิดลำ

ทำผมสำลักจนต้องคายออก อีกฝ่ายหันมามองด้วยแววตาตื่นนิด ๆ 


“ขอโทษนะแพน.”   ภาคดึงขึ้นไปจูบ ก่อนจะผละออกในที่สุด

“ภาคไม่อยากมีความสุขคนเดียว” 

“ไม่เป็นไร แพนอยากทำให้ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่แพนได้ทำให้ภาค”

“อื๊อ~  ขอบคุณนะ  แต่ภาคก็อยากให้เรามีความสุขไปด้วยกันนะ”

“ต...แต่แพนยังไม่พร้อมอ่ะ”   ภาคดึงผมไปกอด

“ไม่ต้องใส่ก็ได้นี่ ...”

“แล้วจะให้ทำยังไงหล่ะ?”

“แค่แพนสลับด้านกลับที่คล่อมภาคอยู่ก็พอ  หันสะโพกมาทางนี้สิ  นั่นแหล่ะ  แพนก็หันไปด้านล่างสิ ครับคนเก่ง

ที่นี่ช่วยภาคต่อนะครับ นะนะนะ”  ผมก้มหน้าลงไล้ลิ้นสัมผัสกับท่อนอวบ ก่อนจะอมมันทั้งลำ  ได้ยินเสียงคราง


.

.
.

.

“อือออ~”   ....  จากปากของ....................ตัวเอง..................  หันไปมองกลับหลังเห็นอีกฝ่ายกำลังดูดเม้ม บวบกลางลำตัว

ผม

อย่างเมามัน  ปลายลิ้นภาคแตะมันตรงยอด ผมเสียงจนต้องหดลำหนี   ภาคค่อยๆ ดูดกลืนของผม ก่อนจะลงมือดูดดุน

อย่างตะกละตะกลาม  ราวกับเป็นขนมหวานชั้นเอก  เล่นเอาผมแทบหมดแรง  ภาคดันให้นอนลง ตะแคงตัวเข้าหากัน

ต่างฝ่ายต่างละเลงลิ้น เลียของ  งัดกลเม็ดเด็ดพรายที่จะสรรหามาได้  ราวกับนี่คือการแข่งขันนานาชาติ  ถ้าจะต้องแพ้...

ก็อย่าให้เสียชื่อ   อย่าให้อีกฝ่ายมาตีหน้าว่า.......ไก่อ่อน แม้ประสบการณ์จะน้อย แต่ไม่ด้อย...ลีลา (หนังAV)


ตะโบมดูด ตามที่ตัวคิดว่าแซบ  จนได้ยินแต่เสียงครางระงมของแต่ละฝ่าย  ทั้งเพลิดเพลิน  และเร่าร้อน จนสุดท้าย ....

สุดจะต้าน สวรรค์แห่งหฤหรรษ์ที่อีกฝ่ายบรรจงมอบให้  พ่นน้ำรัก  ...สีขาวขุ่น   ส่งกลิ่น “รัก”  รัญจวนใจ  ในริมฝีปาก

ของกันและกัน     ค่อยๆ ดูดกลืน  สเน่หาที่ปรารถนามาแสนนาน  ดูดกลืนทุกหยาดหยด ...

ก่อนจะละริมฝีปาก  นอนกอดกันและกัน.......  ถึงไม่ได้  “ร่วมรัก”    ด้วยการสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว   

แต่ความสุขที่ถาโถมอยู่นี่    ก็ดีเพียงพอ....ดังที่ใจปรารถนา  ได้แต่ตะกองกอดกันและกัน......ให้มั่นคง


.

.

.

สำหรับพรุ่งนี้.......ที่ชีวิตต้องเดินต่อ   แม้จะน่ากลัว.....หรือน่าหวาดหวั่น  อย่างน้อย....หัวใจกับความรู้สึกที่ตรงกันอยู่นี่

ก็กำลังกลายเป็นเครื่องพันธนาการ  “ความรัก”  ระหว่างเราสองคน   ที่ผมเชื่อว่า.......วันข้างหน้าก็คง....

ไม่มีวัน......ที่มันจะ สูญสลายลงไปได้



หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..เวลาที่เหลืออยู่ (100%) P.-5 30/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 30-11-2012 03:18:37
ภาคและแพนน่ารักมากค่ะ เนื้อเรื่องเรื่องนี้น่ารักมากเลย สามปคคแปปเดียวเอง ภาครอได้อยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..เวลาที่เหลืออยู่ (100%) P.-5 30/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 30-11-2012 05:48:08
แพนคิดมาก ภาคก็คิดมากไม่ต่างกัน เพราะรักกันมากนี่นะ ดีแล้วที่คุยกัน
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..เวลาที่เหลืออยู่ (100%) P.-5 30/11/12
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 30-11-2012 13:57:47
น่ารักเสมอสำหรับเรื่องนี้ ยังไงเป็นกำลังใจให้ทั้งคนเขียน+ภาค+แพน น่ะจ้ะ สู้ ๆ จ้ะ
รอน่ะจ้ะ :mc4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..จากลา P.-5 1/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 01-12-2012 03:04:27
ตอน   จากลา



ในที่สุดเวลาของการจากลาก็มาถึง.......  ไม่ใช่ว่าอยากมายืนอยู่ตรงนี้ที่สนาบินสุวรรณภูมิ  แล้วรอส่งใครคนหนึ่งที่ให้จากไป

เจ็บ..............พอๆ กับ เอามีดมากรีดที่หัวใจ   สองครอบครัวมาพร้อมหน้า ลุงจีกับป้าอรจะบินไปพร้อมกับแพนด้วย 

เพราะต้องไปจัดการเรื่องเรียนต่อให้เรียบร้อย  พ่อกับแม่ผมก็กำลังยืนรอ... เหล่าผู้ใหญ่ยังคุยกันด้วยน้ำเสียงปกติ เพราะ

อีกไม่กี่วันลุงจีกับป้าอรก็กลับมาแล้ว  มีแต่ใครบางคนเท่านั้นที่ผมอยากรั้งให้อยู่แทบขาดใจ  แต่ก็ยังหาเหตุผลดีๆ ไม่ได้สักข้อ

เพื่อจะดึงน้องไว้ เรากุมมือกันแน่นตลอดทางจนถึงตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น   ต่างคนต่างเงียบมองหน้ากันรู้อยู่แก่ใจดีว่าต่างก็ยัง


ต้องการกันและกันในรูปแบบไหน  ไม่ได้มีหยดน้ำตา.....แต่ความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมอยู่นี่แทบจะล้นทะลัก  ความเสียใจ...

ความเจ็บปวดที่กำลังรุมเร้าอยู่นี่..........อย่าให้อะไรมาสะกิด  แค่เพียงนิด.......แค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น ความอดกลั้นที่มี

ก็คงไม่อาจทานทนไหว  อีกฝ่ายก็คงเหมือนกัน....นัยตาแดงก่ำของแพน มันบ่งบอกได้ดีถึงความเจ็บปวด  เสียใจไม่แพ้กัน

ไม่มีคำพูดใดออกจากปากของเราสองคน  คำพูดมันจุกอกพูดไม่ออก คงเหมือนๆ อาการน้ำท่วมปาก

ร่ำลากันอยู่นานสุดท้ายก็ต้องเช็คอิน  ผมกับครอบครัวยืนมองอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น พ่อกับแม่ยืนยิ้มโบกมือบ๊ายบาย

สำหรับฮันนีมูนรอบที่เท่าไหร่ไม่ทราบด้วยสีหน้าสดชื่น กึ่งๆ แซวที่รอบนี้ไปไกลถึงอเมริกา  ป้าอรกับลุงจีก็เหมือนกัน

ที่ยิ้มตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่สดใจไม่ต่างกัน   ไม่เหมือนผมกับแพนที่ยังต้องอดทนกับความรู้สึกเจ็บๆ นี่ จนแทบจะทนไม่ไหว

หันมาสบตากันเป็นระยะ ..... เพียงเพื่อจะจดจำใบหน้าของอีกฝ่ายให้ชัดเจนในความทรงจำ   ผมมองน้องค่อยๆ เดินจากไป


....นี่ผมฝันไปรึเปล่า เมื่อสองวันที่แล้วเรายัง “นอนกอดกัน”  อยู่บนเตียง  พึ่งจะบอกคำรัก พึ่งจะได้ทำตัวเป็นเจ้าของเจ้าของ

แม้แต่เมื่อวานนี้....เรายังถ่ายรูปด้วยกัน  กินไอศกรีมด้วยกัน  เล่นเครื่องเล่นมากมายในสวนสนุก   พึ่งถ่ายรูปสติกเกอร์ด้วยกัน

เลือกกรอบชมพู  ตรงกลางอกมีรูปหัวใจสีหวาน  กุมมือกันแน่นทั้งๆ ที่ในภาพนั้นไม่เห็นซะหน่อย  แต่....เราก็รู้กันอยู่สองคน

ทำอะไรด้วยกันตั้งมากมาย  ผมมองไปยังอีกฝ่ายที่อยู่ไกล แต่ยังพอมองเห็น....น้องก็หันมาเช่นกัน กำลังจะก้าวขึ้นบันไดเลื่อน

ขึ้นไปชั้นสองเพื่อเข้าสู่โซน immigration ไอ้ตัวเล็กชะงักเท้ากึก ไม่ยอมก้าวขึ้นซะงั้น ในขณะที่ป้าอรกับลุงจีก้าวขึ้นไปแล้ว

ทั้งคู่กวักมือเรียกแพน อีกฝ่ายส่ายหน้าไปมา หันมามองหน้าผมก่อนจะหันไปคุยอะไรกันสักอย่างที่ผมไม่ได้ยิน เห็นคุณลุง

คุณป้ามองหน้ากัน ก่อนจะก้มลงมาพยักหน้าอีกครั้ง  ไอ้ตัวเล็กก็วิ่งถลาออกมา.....มุ่งมาทางนี้   ที่ๆ ผมยืนอยู่

“ฮ่าๆ  ฮ่าๆ...  ว่าแล้วเชียว”  เสียงหัวเราะแว่วๆ ที่ดังอยู่ใกล้หู ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นเสียงพ่อ ที่กำลังขำอยู่กับแม่

.

.

ไม่อาจละสายตาได้ ร่างบางๆ ที่กำลังวิ่งสุดกำลังตรงมาหาผม  ผมกางแขนออกโดยอัตโนมัติแค่สามเมตรเท่านั้น เป็นรอคอย

แม้จะแค่เริ่มต้นกลับทรมานสิ้นดี หนึ่งนาที.......มันมีกี่ชั่วโมงกันนะ   ทำไมเวลาถึงได้ผิดเพี้ยน ทุกอย่างดูยาวนานจนแทบ

ทนไม่ไหว ราวกับหนึ่งนาทีมีหน่วยเวลาเป็นชั่วโมงกระนั้น   ภาพทุกอย่างดูเชื่องช้า  ไอ้ตัวเล็กวิ่งมาถึงตรงหน้าแล้ว

ด้วยอาการหอบเหนื่อยหากแต่ก็ไม่หยุดวิ่ง  ใบหน้าแดงจัด นัยตาแดงก่ำมีน้ำตาคลอหน่วย กระโดดเทคตัวลอยอยู่ในอากาศ

ผมอ้าแขนกว้างขึ้นไปอีก ยื่นมือไปข้างหน้าคว้าตัวอีกฝ่ายมาโอบกอดปลอบขวัญ  แรงเหวี่ยงจากการวิ่งแล้วกระโดด ทำให้ผม

ต้องหมุนตัวเป็นวงกลมเพื่อให้เราทั้งคู่ไม่ล้มคว่ำคะมำไป

“ภาค ฮือๆ ....”  ไอ้ตัวเล็กงอแงอยู่ในอ้อมกอดผม  ผมกอดน้องแน่นมาก  แพนก็เหมือนกอดกันแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก

“อือ...ตั้งใจเรียนนะ  รีบๆ กลับมาหล่ะ ภาครออยู่”  ผมว่าเสียงเครืออดที่จะน้ำตาไหลตามอีกฝ่ายไม่ได้  ความรู้สึกที่ถูกปิดซ่อน

ตอนนี้ไม่อาจจะเก็บงำต่อไปไหน  เลยต้องปล่อยให้น้ำตามันไหลไม่อายใครสักคน


“ฮึกๆ ...อือ จะตั้งใจเรียน ฮึกๆ จะรีบกลับ”  ไอ้ตัวเล็กที่สะอื้นไห้อยู่ในอ้อมกอดผม

“ภาครู้ว่าแพนทำได้”

“จะคิดถึงภาคทุกวันเลย ฮึก ๆ  คิดถึงแพนด้วยนะ  อย่าลืมกัน”

“อืม... ไม่ลืมหรอก  ทำยังไงก็ไม่ลืม  รีบๆ กลับมาหล่ะ......จะรอ”

“อือ...รอนะ”

“ครับ ....  อย่าลืมแล้วกัน”

“อือๆ ไม่ลืม   ....... ต้องไปแล้วนะ”  ไอ้ตัวเล็กดันตัวออกจากอกผม  มองหน้ากัน......  ผมเลยโน้มตัวไปกระซิบที่ใบหู




.

.

.

“รักนะครับ”  แค่พอให้ได้ยินกันแค่สองคน    แอบหอมแก้มอีกฝ่ายเนียนๆ   ไอ้ตัวเล็กยิ้มกว้าง...  ทั้งที่ใบหน้าฉาบไปด้วยน้ำตา

ผมไล้มือเช็ดที่แก้มน้องเบาๆ  ก็แค่อยากยื้อเวลาให้ยืดไปอีกสักนิด

“ตัวเองก็ร้องไห้เหมือนกัน”  แพนว่า  เช็ดหน้าให้ผมตอบ   กำลังจะหันหลังกลับไป ....  แต่ผมรั้งไว้  อีกสักคำที่ผมอยากฟัง

น้องหันมายิ้มเจ้าเล่ห์   เดินเข้ามากอดผมเบาๆ

.

.


.
.

“รักเหมือนกันนะครับ ”     ผมดีใจจนอยากร้องไห้  .....  ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่บอกรักกัน  แต่ความรู้สึกว่าตัวเองเป็น

เจ้าของหัวใจของอีกฝ่าย  จนหมดหัวใจเช่นกันก็พึ่งจะวันนี้  วันที่ต้องจาก...  ต้องเจ็บ  แต่...ทุกอย่างที่สงสัยใคร่รู้ ก็ปรากฎ

ชัดเจน ทั้งสีหน้า  ท่าทาง  แววตา ทุกๆ อย่าง น้องกำลังบอกผมว่ามีผม  “เป็นเจ้าของคนเดียว” 


“ครับ”   ตอบรับความรู้สึกด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี
.
.
.
ไอ้ตัวเล็กหันหลังกลับวิ่งกลับไปจุดเดิมที่จากมา คุณลุงกับคุณป้าดูจะส่ายหน้าอย่างระอา แต่ก็ดูจะแอบขำกันคิกคัก

ไอ้ตัวเล็กขึ้นบันได้เลื่อนจนถึงคุณลุงกับคุณป้าแล้ว  ทุกคนหันมาโบกมือลาอีกครั้ง   ผมและพ่อกับแม่โบกมือตอบ

.

.

ทุกๆ อย่างค่อยๆ กลืนหายไปกับฝูงชน  แม่เดินมายืนข้างโอบกอดไหล่ผมอย่างปลอบใจ  ผมหันไปยิ้มตอบเศร้าๆ  พ่อเอง

ก็เดินมายืนข้าง ตีหัวผมเบาๆ   มองผมยิ้ม ๆ  ไม่ได้มีคำพูดใด  .....  แค่นี้ก็เข้าใจดี

“ป่ะ   กลับกันได้แล้ว”  ผมถึงได้ตัดใจละสายตาจากที่ว่างเปล่าที่น้องเคยยืน เดินตามพ่อกับแม่ไปยังลานจอดรถ

คอยพร่ำบอกตัวเองในใจ  ในเมื่อน้องเองก็พยายามจะพัฒนาตัวเองให้ก้าวหน้า  เดิมตามฝันของตัวเอง  ผม...ก็ไม่ควร

จะละทิ้งความฝัน  จะพยายามๆ ไปพร้อมๆ กัน เพื่อที่วันหน้ากลับมา  เราจะได้ร่วมยินดีให้แก่ความสำเร็จของกันและกัน

ผมเองก็จะตั้งใจรอวันนั้นเช่นกัน





หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..จากลา P.-5 1/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 01-12-2012 05:21:38
นึกว่าแพนจะไม่ไปแล้วนะเนี่ย พ่อแม่ภาคกับแพนรู้หรือเปล่าเรื่องภาคแพนเนี่ย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..จากลา P.-5 1/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 01-12-2012 07:20:22
 :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..จากลา P.-5 1/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 01-12-2012 10:07:23
ลาจากกันได้อย่างสวยงาม  :mc4: ยังไงตอนหน้าคงได้กลับมาเจอกันอีกน่ะ :m15:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..จากลา P.-5 1/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 01-12-2012 11:53:03
เฮ้อ! แต่สมัยนี้เทคโนโลยีสื่อสารก้าวหน้าจะตาย
ยกเว้นแพนจะยุ่งมากจนไม่มีเวลาให้
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..จากลา P.-5 1/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 01-12-2012 18:07:34
เฮ้อ แล้วแพนก็ไปเรียนเมืองนอกจนได้ แต่ก็ยังมีฉากน่ารัก น่ารักให้เราได้ชื่นใจ รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..คิดถึง P.-5 12/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 12-12-2012 01:26:41
ต้องขออภัยนะคะ ที่หายไปนานงานเยอะจริงๆ  ทั้งงานบริษัท และงานส่วนตัว

หุหุหุ  .....  ไปต่างจังหวัดเสียหลายวัน  >>> แอบไปโอนบ้านหลังแรกในชีวิต (ใครอยากรู้เหรอ?)

โอนเสร็จ เอ๊ะ เราเป็นหนี้แล้วสินะ  (แม้จะไม่ใช่หนี้รักก็ตาม)   เพ้อเจ้อตลอด  มาอ่านกันต่อดีกว่าค่ะ




ตอน    คิดถึง~


“คิดถึง”

“อืม...  มากกว่าอีก”

“ไม่จริงอ่ะ  ภาคมากกว่า”

“ไม่จริง  ..  แพนมากกว่า”

“อยากกอด.”

“ยังงี้ตลอดแหล่ะ ฮ่าๆ”

“อยากกอดๆๆๆๆๆ”

“อยากจูบๆๆๆๆๆๆ”

“มาม่ะ ...จ๊วบบบบบบบ”

“ฮ่าๆ   เห็นคนบ้าจูบกล้องด้วย”

“ชิส์  อย่าๆ ทำตอบเลย”

“ได้ครับๆ  ที่รัก  จุ๊บๆ...  แค่นี้ก่อนนะต้องไปป้าช่วยที่ร้านแล้ว เมื่อกี้โรเบิร์ตมาตามแล้ว”

“แพน?”

“คร๊าบบบบ”

“อย่าเข้าใกล้มันมากนัก”

“คิดมากน่าภาค.... ไปนะ.”

“...........”

“ไปแล้วนะครับ...... ที่รัก”

“ครับ”    ภาพหน้าจอของแพนถูกปิดลง .....  เหลือเพียงผมที่นั่งหน้าหงิกอยู่หน้าจอ ผ่านไปแล้ว 2 ปี ไวยังกับโกหก ผมกับแพน

คุยกันทุกวันก็ได้แค่นี้แหล่ะไม่เกิน ครึ่งชั่วโมง หรืออย่างเก่งก็ชั่วโมงหนึ่ง ความรู้สึกผมยังคงเดิม.....หัวใจดวงเดิมที่...

ยังคิดถึงเหมือนเดิม  อยากกอด...  อยากจูบ.....  อยากสัมผัส  ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้  โดยเฉพาะไอ้โรเบิร์ตอะไรนั่น !!

ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ผมเห็นมันวนเวียนอยู่ข้างๆ แพนตลอด  สายตามันที่มองแพน  ไม่บอกก็รู้..... 

หึ!! ทำไมผมจะดูไม่ออก แม่ง.....ก็เพราะมันเป็นสายตาแบบเดียวกับผมที่มองแพน  สายตาที่ทั้งรัก ทั้งหวงแหน

อยากเป็นเจ้าของคนตรงหน้า แต่ดูเอาเถอะไอ้ตัวเล็กของผม ...  ก็พาซื่อ  ไม่เคยคิดว่าไอ้นี่จะมาชอบมาหลงตัวเอง 

ที่มันกอด ก็เพราะมันเป็นฝรั่งเลยแสดงออกมาแบบนี้ไม่ได้คิดอะไรจริงๆ  แพนเคยบอกว่ามันมีแฟนแล้ว

เป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม เคยเจออยู่สองสามหนตอนที่มันพามาที่ร้านป้า  เลยหันมาต่อว่าผมว่าอย่าคิดมาก .....

สำหรับน้องไอ้โรเบิร์ต  มันก็แค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้นเอง  แล้วสำหรับมันหล่ะ?  คิดกับน้องเหมือนกันรึเปล่า?

แพนต้องเรียนภาษาเพิ่มอยู่ครึ่งปี  ก่อนจะเข้าเรียนในโรงเรียนที่ติดต่อไว้ได้ ต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก

แม้ก่อนไปจะเรียนภาษาที่นี่ล่วงหน้าไปแล้ว แต่...พอถึงเวลาใช้จริงมันก็ยังไม่พอที่จะให้ไปนั่งเรียนคลาสเดียวกันกับคนอื่นได้

โชคดีที่ป้าของแพนเปิดร้านอาหารไปทำงานช่วยเสิร์ฟที่นั่นก็ได้ฝึกใช้ภาษาได้มากเลยทีเดียว  แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ..ไอ้โรเบิร์ต

ผมไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่.... ที่ไอ้โรเบิร์ตมันเข้ามาแทรกแทรงชีวิตแพน  รู้แค่ว่ามันเป็นหลานทางฝั่งสามีป้าของแพน 

พอเจอกัน ไอ้นั่นก็ตามเกาะแพนยังกะปลิง  ไหนบอกว่ามันมีแฟนว่ะ?   ไม่เฝ้าแฟนตัวเอง แต่ดันเสือกมาเฝ้าแฟนชาวบ้าน

ผมเคยเจอหน้ามันอยู่หลายครั้งเวลาคุยกับแพน  บอกได้คำเดียว.....ไอ้เหี้ยนี่มันหล่อสูง ขาวแบบ ฝรั่ง นัยตาสีฟ้าน้ำทะเล

เวลามันมองมาที่ผมผ่านกล้อง ผมเห็นมันกระตุกยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก  เชี่ยเอ๊ย...แม่งท้าทายกรุรึเปล่าว่ะ?  พอแพนหันไปมอง

มันก็เปลี่ยนทาที ยิ้มให้ผมซะเป็นมิตร แม่ง.....ไอ้คนตีสองหน้า  คิดว่ากุไม่รู้เหรอว่ามึงคอยจะงาบแฟนกุ?   

เชี่ยนี่....มึงอย่าได้มาไทยนะ  กุจะอัดแม่งไม่เลี้ยงเลย สุดท้าย.......ก็ได้แต่นั่งถอนหายใจยาวเหยียดโดยไม่ได้อะไร

นอกจากความกลุ้มใจไปวันๆ  ตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว  ขณะที่นั่นเป็นแค่เที่ยงวัน...  แล้วผมจะเอาอะไรไปต่อกรกับไอ้นั่น

คนที่คุยกันวันละชั่วโมง  กับเค้าที่อยู่ด้วยกันแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง  ขนาดรู้ใจกันแล้ว.... แต่ก็ทำได้แค่มองอยู่ตรงนี้

ผมทิ้งตัวลงบนเตียงนอน  ในคอนโดที่เงียบเหงา...อยากให้แพนอยู่ข้างๆ ตรงนี้  แต่อีกใจนึงก็นึกขอบคุณแพน

ที่กล้าพอ...จะทิ้งผมไป  ทำให้ผมมายืนตรงจุดนี้ได้  ผมบอกแล้วรึยังว่าตอนนี้ผมย้ายเข้ามาเรียนกรุงเทพฯ  ใช้ชีวิตลำพัง

ในคอนโด...ที่ไม่ได้หรูหราอะไร  แต่ว่า....ก็สะดวกสะบายพอสมควร  ผมกำลังไล่ตามฝันของตัวเอง ขณะที่แพนก็กำลัง

พิสูจน์ให้ผมเห็น...ว่าตัวเองก็ไม่ได้อ่อนแอ  ที่จะต้องรอให้ผมดูแลตลอดเวลา  น้องกำลังพยายามยืน และเข้มแข็งด้วยตัวเอง

พยายามให้ผมไม่กังวล   ทำให้ผมมั่นใจ....เพียงเพื่อ จะให้ผมกล้าที่จะก้าวออกมาตามหาฝันของตัวเอง

ผมเอื้อมมือไปปิดสวิซทุกอย่างในห้องทุกอย่างมืดไปในทันที   ค่อยๆ หลับตาลง .... ไว้ใจ..... สิ่งเดียวที่ผมจะทำได้

และพยายามสานฝันที่ตัวเองต้องการให้เร็วที่สุด  อีกแค่ปีครึ่ง....น้องก็จะกลับมา กลับมายืนข้างๆ กัน ถ้าผมไม่มั่นคง

คงเป็นหลักให้แพนไม่ได้  อีกแค่ปีครึ่ง......อีกแค่ปีครึ่งเท่านั้น  สมองคิดวกไปวนมา ตาผมก็ค่อยพร่าเรือนจนหลับไป

.

.

.


“ก็อกๆ ก็อกๆ ก็อกๆ”   

“ครืดดด  ครืดดดดด”  ผมค่อยๆ ขยับแขนควานหามือถือที่น่าจะอยู่แถวหัวเตียง ขณะที่ตายังปิดสนิท  พอเจอก็กดรับมั่วๆ

“คร๊าบบบบ”  ผมเอ่ยเสียงยานคาง  เพราะเมื่อคืนพึ่งปั่นการบ้านส่งอาจารย์จนถึงตีสาม ไม่ได้คุยกับแพนมาจะอาทิตย์แล้ว

นอกจากจะทำการบ้าน ยังต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ   แล้วยังแอดมิดชั่น  ลงติว บลาๆๆๆ อะไรบ้างก็ไม่ทราบ  เตรียมพร้อม

แต่วันนี้เป็นวันหยุดของผม ซึ่งผมอยากจะนอนใจแทบจะขาด แล้วใครมารบกวนตอนนี้ว่ะ?

“ปิดประตูให้หน่อย” น้ำเสียงที่ค่อนข้างจะแหบแห้งกรอกตอบมาในสาย คุ้นเคย...อย่างบอกไม่ถูก ผมปรือตามองดูเบอร์

ที่หน้าจอ ขึ้นโชว์เบอร์หรา  แต่ไม่ปรากฎชื่อผู้โทรแต่ประการใด  .....  แสดงว่า.........  ไม่รู้จักกันสินะ   

ผมเลิกคิ้วด้วยความสงสัย  (คิดว่าอีกฝ่ายคงจะเห็น)   เสียงคุ้นขนาดนั้น....แต่ทำไมไม่มีชื่อในเบอร์โทรผม  แม้จะแหบแห้ง

แต่กลับคุ้นเคย.....  คุ้นเสียจนเหมือนเสียงของใครบางคนที่ผมคิดถึงใจแทบขาด  เผลอหัวเราะเบาๆ ออกมา นึกขำตัวเอง

ที่เพ้อเจ้อจัดๆ  คิดถึง....จนเก็บเอามาเพ้อ  ถ้าได้กอดตอนนี้.....คงโชคดีเป็นบ้า  ซุกหน้าลงกับหมอนยิ้มค้าง  ตั้งหน้าตั้งตา

ฝันถึงคนที่คิดถึง  อยากจะกอด อยากจะจูบ อยากจะ......รัก  ทำซะให้เป็นของๆ ผม  อย่างน้อย....คงวางใจได้มากกว่าตอนนี้

ที่มีไอ้โรเบิร์ตลูกครึ่งตาสีน้ำทะเลนั่นมาคลอเคลียอยู่ข้างๆ  กลิ่นหอมๆ ของแพนยังเหมือนเดิมรึเปล่านะ? แววตาคู่นั้น

อยากจะให้จับจ้องมาที่ผมคนเดียวจริงๆ  ไม่ว่าเมื่อไหร่คนที่ผมเลือกจะมองกลับมีแค่แพน ....  เคยลองแล้วลองจะหันไปมอง

ผู้หญิงคนอื่น....มันก็ดี  แต่ไม่ใช่  คนที่ผมคิดถึง...  ทำไมมีแต่แพน  ไม่ใช่ไม่แปลกใจ  ไม่ใช่ไม่ตกใจที่ตัวเองดันมาหลง “รัก”

ผู้ชายด้วยกัน  แต่ทำยังไงได้  .....  ก็ในเมื่อใจมันเรียกร้องขนาดนี้   หยุดไม่ไหว....ห้ามก็ไม่อยู่ แค่คิดว่าน้องจะไปรักใคร

หัวใจก็แทบฉีกขาด  อยากจะฉีกไอ้ผู้ชายคนนั้นให้เป็นชิ้นๆ  ให้มันหายไปจากชีวิตแพน 

“ฮัลโหลฟังอยู่ไหม เปิดประตูให้ที  แค่กๆ”  เสียงเดิมดังมาอีกครั้ง  ถึงได้รู้ว่าตัวว่ามัวแต่คิดเรื่องน้องจนลืมสายที่คุยค้างไว้

“อืมๆ แป๊ป ”   ผมกรอกสายตอบไปแค่นั้นแล้วกดวาง ก่อนจะค่อยๆ ดันตัวขึ้นอย่างงัวเงีย หลับตาคลำทางเดินไปเปิดประตู

ด้วยความคุ้นชิน ชนิดที่ว่าหลับตาเดินยังเดินถูก   

“โป้ก..อู๊ยยยยย”  ผมยกมือขึ้นกุมหัว  ถึงจะชินยังไงก็ไม่ควรลืม......ว่ามีประตูห้องนอนอยู่สินะ   ตื่นเต็มตาเลยทีนี้

ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ไม่ลืมที่จะเปิดประตูห้องนอนเจ้าปัญหาแล้วเดินไปยังประตูห้อง ที่ตอนนี้ส่งเสียงดัง ก็อกๆ

อีกสองสามครั้ง

“แกร๊ก”  ผมหมุนลูกบิดก่อนจะเปิดประตูห้องให้อ้ากว้างออก  ก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อวัตถุตรงหน้าประตูพุ่งเข้าใส่

ผมที่ไม่ได้ตั้งตัวก่อนเซหงายหลัง.....วันนี้ซวยอะไรหนักหนา 

“ตุ๊บ”  เสียงหลังผมกระแทกพื้นเล่นเอาจุกจนร้องไม่ออก ดีที่มืออีกคนรองหัวผมไว้ไม่ให้กระแทกพื้น  ไม่งั้น...เจ้าชายนิทราแน่ๆ

ไอ้วัตถุที่เกาะแน่นบนตัวผมนี่มันคืออะไร  เสียงหัวใจที่เต้นรัวของอีกฝ่าย......ถี่รัวราวกับจะกระดอนมานอกอก 

ดัง.......เสียจนได้ยินเสียงของหัวใจอีกฝ่าย   หัวทุยๆ ที่ซบอยู่กับอก   สัมผัสชื้นแฉะ.....ที่กำลังเปียกทั่วแผงอกผม

ร่างบางเบาที่กำลังสั่นเทิ้มอยู่บนตัว

.


.



.



.


.

.


.



“คิดถึงจัง”

หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..คิดถึง P.-5 12/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 12-12-2012 01:45:19
ออกแนวค้างอ่ะ รู้นะว่าใคร แต่ก็ยังอยากแน่ใจว่าใช่เค้าคนนั้น เฮ้อ ดีใจที่ทั้งสองได้เจอกัน
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..คิดถึง P.-5 12/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 12-12-2012 03:38:55
แพนใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..คิดถึง P.-5 12/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 12-12-2012 06:44:59
แพนรึเปล่า  :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..คิดถึง P.-5 12/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 12-12-2012 11:02:37
 :z13: :z13: :z13:จิ้ม ๆ คุณทัด ทำแบบนี้ได้ไง :z3:ค้างอย่างแรง ขอให้เป็นแพนน่ะ :monkeysad: เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหกยังไม่ทันพ้นหน้าเลย :z1: แต่ดีแล้วจ้ะ เพราะ ไม่อยากให้ห่างหน้าเยอะน่ะ :o12: ยังไงขอให้มาเร็ว ๆ น่ะจ้ะ :impress3:ถึงเวลาที่ภาค+แพนจะหวานได้แล้วล่ะ :impress3:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..คิดถึง P.-5 12/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 12-12-2012 12:48:09
กลับมาแล้ววววววววว
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..คิดถึง P.-5 12/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 12-12-2012 14:15:13
ค้างมากอะ คิดว่าเป็นแพนนะที่มา

มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมา P.-5 13/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 13-12-2012 00:59:12
มาสั้นๆ  พอแก้กระสัย ....หายอยาก  ไม่อยากค้างคา ฮ่าๆ  ไปอ่านกันเร้ววววววววววววววว
จะได้รู้กันสักทีว่าใคร......มา





ตอน  กลับมา   



“คิดถึงจัง”  เสียงแหบแห้งที่กระซิบลงข้างใบหู  ทำผมใจเต้นถี่ไม่เป็นจังหวะ  เหลือบมองเรือนผมนุ่มสลวยบนหัวทุย

ที่กำลังละอยู่บริเวณไหล่ของตัวเอง  แรงสะอื้น กับสัมผัสเปียกชื้นที่คอยจะแผ่วงกว้างมากขึ้นทุกที  ผมหลับตาลง

กระชับกอดให้แน่นขึ้น  กดจูบเบาที่หัวทุย  .....  ได้กลิ่นหอมชื่นใจอย่างทุกที  ไม่กล้าลืมตา....กลัวว่านี่จะเป็นเพียงความฝัน

เพ้อเจ้อของตัวเองคนเดียว   กลั้นหายใจอยู่สักพัก แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ  ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง 

ยังสัมผัสถึงการมีตัวตนสิ่งมีชีวิตบนหน้าอกตัวเอง  สูดลมหายใจเข้าปอดหนักๆ อีกครั้ง รวบรวมควมกล้า สองมือจับแน่น

ที่ไหล่บาง ค่อยๆ ดันออกอย่างเบามือ เพียงเพราะกลัวคนตรงหน้าจะสึกหรอ 

.

.

ริมฝีปากแดงจัดจากการกัดริมฝีปากตัวเองจนบวมเจ่อ  นัยตาหวานเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา จมูกโด่งรั้นแดงร่าสูดน้ำมูกฟึดฟัด

ผิวขาวใสของใบหน้าเปียกชุ่มคราบน้ำตา  ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?

.

.

“แพน”   ผมเอ่ยเรียกเสียงแผ่ว น้ำเสียงกลืนหายลงคอ ราวกับมีก้อนอะไรมาจุกอก พูดไม่ออกบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าความรู้สึกมัน

เต็มตื้นจนไม่รู้จะเอ่ยคำไหน  ไล่เกลี่ยเช็ดน้ำตาบนแก้มนวล ขณะที่ดวงตาสำรวจทุกอณุบนใบหน้าไม่อาจละสายตาไปไหน

ไม่เจอตั้งสองปี.....  คนตรงหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด  ยังคงเป็นแพนที่น่ารัก....ของผม เสมอ  เมื่อสมองเริ่มประมวลผล

ไอ้หัวใจจอมบงการ ....   ก็เริ่มบริหารถ้อยคำ   แม้ไม่มีคำพูดดีดีที่กินใจ  แต่ความรู้สึกข้างใน.......ที่มันเอ่อจนล้นใจ

เลยกลั่นออกมาเป็นคำนี้......   

“คิดถึง.....ใจจะขาดรู้ไหม?”   ไอ้ตัวเล็กยิ้มกว้าง  ยิ้มทั้งๆ ที่ใบหน้ามีคราบน้ำตานั่นแหล่ะ  แตะจูบเบาๆ ที่หน้าผากเนียน

น้องหลับพริ้มรับสัมผัส  หยิบยื่นความคิดถึงส่งหากัน  ผมผลักน้องออกจากตัวผมไปนั่งข้างๆ อย่างรวดเร็ว 

ไอ้ตัวเล็กทำหน้าเหวอ...  รีบเดินออกไปนอกประตู  ...  รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายมองตามด้วยสีหน้างุนงง  แต่ก็ไม่ได้บอกอะไรไป

.

.
“ปัง!...  แกร๊ก”   เสียงกดล็อคลูกบิดประตูห้อง ผมปล่อยมือจากกระเป๋าเดิมทางใบโตอย่างไม่สนใจใยดี  ได้ตัวเล็กได้แต่

มองตาตาปริบ  เดินตรงเข้าไปหาช้อนแขนสอดเข้าใต้ตัวของอีกฝ่าย ที่ยังนั่งอยู่กับที่ไม่ได้ขยับไปไหน อุ้มขึ้นกระทันหัน

“เหวอออ”  ไอ้ตัวเล็กร้องเสียงหลง กอดคอผมไว้แน่นเพราะกลัวร่วง  ไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก ยังคงแสร้งตีหน้าขรึมไม่เลิก

“ภาค?” น้องร้องเรียกเสียงเบาๆ เพราะคงรู้สึกว่าผมโกรธ.....  อย่างว่า..ยังไงซะผมก็ยังไม่ได้สนใจจะตอบ

ได้แต่ตอบในใจไปว่า...   “คิดผิด”  สำหรับผมไม่เคยมีคำว่า......โกรธ กับแพน  ถ้าไม่ใช่เรื่องร้ายแรงจริง ๆ ไม่มีทางโกรธลง

แต่ที่เป็นอยู่ตอนนี้...ไม่ได้เป็นเพราะโกรธ   หากแต่.......เป็นเพราะอดมานานแสนนาน ....... เจอตัวจริงอยู่ตรงหน้า

ใครมันจะไปอดใจไหว  ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา เดินตรงเข้าสู่ห้องเป้าหมาย  ที่ประตูเปิดอ้ารอไว้อยู่ก่อนแล้ว

วางน้องลงบนเตียงนุ่ม   เหมือนจะเริ่มรู้ชะตาตัวเอง......  แต่จะรู้ช้าไปไหมแพน    ถึงรู้ตอนนี้ผมก็ไม่มีทางปล่อยอยู่แล้ว

“ภ...ภาคจะทำไ.....อื๊อออออ~”   






หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมา P.-5 13/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 13-12-2012 01:15:56
 :z3:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมา P.-5 13/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 13-12-2012 01:48:05
 :z3:

อะไรนี้ภาค แพนมาถึงก็จัดเลยหรอ ไม่ให้แพนพักบ้างหรอ

ระวังจะไม่มีแรงนะ 5555555
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมา P.-5 13/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 13-12-2012 01:57:15
แพนมาหาภาคแล้ว แล้วต้องไปเรียนอีกหรือเปล่า หรือว่ายังไงนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมา P.-5 13/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 13-12-2012 06:52:47
แพนนนมาแล้ววววววววววววววววววว   :z2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมา P.-5 13/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 13-12-2012 08:24:29
มาถึงก็จัดดดดเลยหรอออ :oo1: :oo1: :jul1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมา P.-5 13/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: yaoigirl ที่ 13-12-2012 08:31:41
ค้างงกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมา P.-5 13/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 13-12-2012 11:15:17
นึกว่าจะดีขึ้น เพราะรู้ว่าใครมา...... 

ที่เหลือ .....คิดต่อกันเองได้เน๊าะ   ...อิอิ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมา P.-5 13/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 13-12-2012 12:37:53
 :m31:ค้างอย่างแรงคุณทัดทำแบบนี้ได้ไง :fire:มาต่อเร็ว ๆ น่ะจ้ะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมา P.-5 13/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 14-12-2012 12:54:29
ดีนะที่ระหว่างภาคกับแพนไม่มีใครเข้าแทรกได้ ...แบบว่าโล่งอกอ่ะ  :เฮ้อ:

รอ..ฉากนั้นอ่ะคึๆ  :z1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..กลับมา P.-5 13/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 14-12-2012 23:29:49
น้องอาจจะยังเจ็ตแล็กอยู่ก็ได้นะ ให้นอนพักก่อนก็ได้
อย่าเพิ่งให้รีบออกำลัง
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ครั้งแรก P.-6 15/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 15-12-2012 12:56:45
ต้องขออภัยนะคะ  ...  อาจจะมาได้สั้นๆ แต่จะพยายามมาเรื่อยๆ  งานเยอะมวากกกกกกกกกกกก
แถมหนีเที่ยวเยอะด้วย  อิอิ  ไม่มีเวลาแต่ง  ยังไงก็รักคนอ่านเสมอน้า~



ตอน  ครั้งแรก


“ย...อย่า”  ได้แต่ปรามเสียงขาดห้วง...   จิตใจกระเจิดกระเจิงไปถึงไหนต่อไหน กับรสจูบแสนหวานที่อีกฝ่ายประเคนให้

ลมหายใจหอบเหนื่อย มือดันอกแข็งแรงให้ผละตัวออก แต่กลับไม่สะเทือนสักนิด ไม่แน่ใจว่าผม....ออกแรงไม่มากพอ 

หรือเป็นเพราะ...หัวใจตัวเองที่หวั่นไหวกันแน่  รวบรวมสติทุบอกอีกฝ่ายรัวๆ เพื่อให้ปล่อย เพราะมันหวิวไหวใจจะขาด
.

.

“รักนะครับ”  ภาคกระซิบคำหวานอยู่ข้างหู ผะแผ่วและเบาหวิว  หากแต่.....กลับก้องสะท้อนไปมาราวกับตะโกนอยู่ในหุบเขา

ทำผมแทบละลายอยู่ตรงนี้หัวใจอ่อนยวบยาบ....สิ้นฤทธิ์ไปเสียดื้อๆ ทั้งที่เมื่อครู่ยังยกกำปั้นทุบอกอีกฝ่ายได้อย่างขันแข็งอยู่
แท้ๆ

 แล้วตอนนี้หล่ะ?...ยังกะลูกแมวเชื่องๆ ก็ไม่ปาน  ...ไม่เหลือแม้แต่เรี่ยวแรงจะต่อต้าน คอยหลับตาพริ้มรอรับสัมผัส

จากคนตรงหน้า  ทำได้แค่จิกมือแน่นๆ   กับเสื้อกล้ามตัวบางจิ๋วของอีกฝ่ายจนสัมผัสได้ถึงมัดกล้ามเนื้อแข็งแรงแบบนักกีฬา

พลอยพาให้ใจเต้นแรงมากขึ้นไปอีก   ริมฝีปากร้อนของคนเจ้าเล่ห์งับเบาๆ บนใบหู  ก่อนไล้ลิ้นเลียแกมหยอกเอิน  แล้วสอดลิ้น

เข้าไปแยงในรูหู  ทำผมขนลุกซู่ทั้งตัว....   ได้แต่หดคอหนี มองเห็นทางรอดแค่เลือนลาง  ส่งเสียงครางเครือให้อีกฝ่ายพอได้ใจ

แต่ตัวเองกลับอายจะแทบมุดแผ่นดินหนี   กลั้นไว้แล้วนะ....  แต่ก็ทนไม่ไหว  พอจะกัดริมฝีปากตัวเองให้ไม่ให้ส่งเสียงน่าอาย

 ก็โดนใครบางคนแกล้งดูดกลืนริมฝีปาก สอดลิ้นร้อนๆ มาคอยรุกรานลิ้นผม จนเผลอยื่นลิ้นหวานๆ ให้อีกฝ่ายได้เชยชิม

โดนสำรวจไปทั่วทั้งโพรงปาก กระหวัดเกี่ยวลิ้นกันและกันจนแทบจะหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน ส่งเสียงดังจ๊วบจ๊าบ 

ให้ได้เขินอายกันเป็นว่าเล่น  ค่อยๆ สอดมือโอบรอบลำคอของอีกฝ่ายแน่น เพราะเหมือนกำลังถูกทำให้หล่นจากที่สูง

ไร้สิ่งยึดเหนี่ยว   จึงได้แต่เกาะเกี่ยวอีกฝ่ายไว้  เสียวซ่านไปทั่วทั้งตัวที่สัมผัสลากผ่าน ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปาก หรือนิ้วแข็งแรง

ราวกับสติพล่าเลือนมองไม่เห็นแล้วทุกสิ่ง   ทั้งร่างกายและจิตใจกำลังหวั่นไหวกับสัมผัสหรรษา ที่อีกฝ่ายนำพาบทรักมามอบให้

สุดท้ายก็ได้แต่อ่อนหวาน ไร้แรงต้านทานใดๆ รอ.....  รอให้อีกฝ่ายได้เลือกเชยชิม


หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ครั้งแรก P.-6 15/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Eternal luv ที่ 15-12-2012 15:44:29
 :z13: :z3:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ครั้งแรก P.-6 15/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 15-12-2012 15:48:27
 :a5: o22
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ครั้งแรก P.-6 15/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: yaoigirl ที่ 15-12-2012 15:59:48
 :z3: :z3: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ครั้งแรก P.-6 15/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 15-12-2012 17:01:47
ใจอ่อนทุกทีสินะแพน ยอมเหมือนเคย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ครั้งแรก P.-6 15/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 15-12-2012 19:45:24
เรียบร้อยโรงเรียนภาค
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ครั้งแรก P.-6 15/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 16-12-2012 03:39:29
ภาคไม่ค่อยเลยนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ครั้งแรก P.-6 15/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 16-12-2012 09:06:34
 :o8:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ครั้งแรก (ต่อ) เรียกเลือด P.-6 24/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 24-12-2012 00:59:34
 :m21: :m21: :m21:  เอ่อหายไปนาน  ไม่รู้มีใครลืมเราไปรึยัง

ไม่ค่อยว่างอย่างถึงที่สุด งานเยอะสาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 :try2: :try2: :try2:    ยากและยุ่ง  เห้อ ต้องขออภัยค่ะ 

ไม่รู้จะเป็นแบบนี้ไปนานแค่ไหน แต่เค้าก็จะพยายามนะคะ    :o12: :o12: :o12: :o12:




ตอน  อ้อมกอด  (ต่อ)


“ฮึกๆ  ภาค.....แพนเจ็บ”   ก้มลงจูบเบาๆ ที่หน้าผากของอีกฝ่าย

“เจ็บเหรอครับ  อดทนหน่อยนะคนดีเดี๋ยวก็หาย”  ซุกหน้าลงซอกคอหอมๆ ของอีกฝ่าย  ความรู้สึกที่อยากเอาแต่ใจมันเหนือกว่า

อยากจะทำให้คนตรงหน้ามาเป็นของผมโดยสมบูรณ์  ไม่อยากจะกลัวในยามที่เราห่างไกล  อย่างน้อยนี่ก็เป็นสิ่งยึดเหนี่ยว

เพียงอย่างเดียวที่ผมจะทำได้  ที่จะพอจะทำให้ผมมั่นใจว่าคนตรงหน้าเป็นของผมจริงๆ  ค่อยๆวาดมือก็นวดเฟ้นเม็ดสีทับทิม

ที่เต่งตึงแข็งขืนสู้มือไม่ขาด  จนผมอดลากลิ้นที่จะไม่ชิมความหวานไม่ได้  ทั้งไล้  ทั้งเลีย  จนอีกฝ่ายเริ่มส่งเสียงครางออกมา

เป็นระยะ ไม่ใช่แค่อยากเป็นเจ้าของ ......  แต่ก็ยังอยากให้คนตรงหน้าสุขสมพอๆ กัน

“อ๊ะ.......พ....แพนกลัว”   ไอ้ตัวเล็กจิกแน่นที่ไหล่ผม   ผมหยุดการเคลื่อนไหวด้านล่าง  ซุกตัวลงที่ซอกคอของอีกฝ่าย

เมื่อน้องยังยืนยันหนักแน่น  .... ว่าสัมผัสของผมมันไม่ได้ทำให้รู้สึกดีอย่างที่คิดไว้   มือสั่น...... แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 

ผมกำลังทำแพนเจ็บ  ความต้องการทั้งหลาย  สุดท้าย...มันไม่เคยอยู่เหนือ ความรู้สึกของคนตรงหน้าสักนิด

“ขอโทษครับ”  กระซิบเสียงแผ่วเบา  กอดน้องแน่นขึ้นไปอีก  เหมือนใจจะขาด  โกรธตัวเองที่ทำอะไรไปไม่คิด  เอาแต่ใจตัวเอง

เป็นที่ตั้ง  ไม่เคยคิดว่าน้อง  ....  จะต้องการดั่งที่ผมพยายามจะยัดเยียดอยู่นี่รึเปล่า

“ภาค....ก็กลัว”    พูดได้แค่นั้น  ก็ไม่กล้าจะสบตากับอีกฝ่าย  ความผิดมันลามทั่วใจ  ได้แต่หาที่พักพิงเป็นซอกคอหอมๆ ของ
น้อง

มือเล็กๆ นั่นลูบลงมาที่หัวผมอย่างปลอบโยน  ร่างกายที่ยังไม่ได้ถอนออกจากกัน  แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะลุกล้ำไปมากกว่านั้น

.

.

.

“ภาค........อย่าร้อง”  ผมเงยหน้าขึ้นมาอย่างแปลกใจ ....นี่ผมกำลังร้องไห้เหรอ?  น่าแปลกที่ไม่รู้ตัว  มือเล็กๆ นั่งไล่เช็ด

ความเปียกชื้นที่ไหลตามแก้มผมออกให้  ผมจ้องแพนกลับอย่างมึนงง 

“กลัวอะไร... ไหนบอกแพนมาซิ?”   น้องยิ้มเล็กๆ มาให้ราวกับกำลังเอ็นดูเด็กที่ทำตัวไม่ถูก  ได้แต่มองภาพนั้น ส่ายหน้าน้อยๆ

จะให้บอกได้ยังไง  ว่ากลัว  “แพนจะไม่รัก”   กลัว “ว่าแพนจะมีคนใหม่”   หรือแม้กระทั่งกลัว “ที่ทำให้แพนเจ็บอยู่อย่างนี้”

ถ้าอย่างนั้น......  ถ้าทำอย่างนั้นจะแปลว่าผมไม่ไว้ใจน้องรึเปล่า?   น้องจะยิ่งรู้สึกแย่กว่านี้อีกรึเปล่า?

“............”   ไร้ซึ่งการตอบคำถาม ค่อยๆ ดันตัวเองให้ชันขึ้นให้ออกห่าง  เมื่อเห็นแล้วว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ได้ทำให้คนตรงหน้า

ไม่มีความสุขสักเท่าไหร่ กำลังจะลุกออกให้ท่อนลำที่เข้าไปกว่าครึ่งออกมา  ก็ถูกแขนเรียวบางรั้งไว้พร้อมกับคำถาม

“ว่าไง....กลัวแพนไม่รักเหรอ?”  ได้ยินอย่างนั้นถึงกลับหน้าเหวอ  กลอกตาไปมาหลบตาน้องจนอลม่าน  ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ
ของอีกฝ่าย  ทำตอนนี้ผมถึงรู้สึกว่าน้องกำลังเป็นต่อ   แพน.....กำลังกำความรู้สึกทั้งหมดของผมไว้ในมือ  สายตา...

หวานหยาดเยิ้มที่มองมานั่น ดูเจ้าเล่ห์แสนกล  ราวกับผมเองที่เผลอต้องมนต์ที่ว่านั่น   ...  อยู่ในความรู้สึกอึดอัดเป็นที่สุด

ที่ถูกอีกฝ่ายจับได้  น้อง....จะว่าผมทำตัวเป็นเด็กๆ รึเปล่า  จะเบื่อหน่ายรึเปล่า?  เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่....ไอ้ความรู้สึกที่ว่า

มันก็ฉายชัดในแววตาผมเสมอ  ไม่อาจ......จะซ่อนเร้น  ความเป็นจริงข้อนี้ไปได้สักครั้ง

“อือ....ขอโทษครับ”  ก้มหน้ายอมรับหน้าด้านๆ  เมื่อไม่มีทางไหนดีไปกว่านี้   ถึงจะปฏิเสธ....แต่อีกฝ่ายก็รู้ว่าผมโกหกอยู่ดี

“คิคิ...น่ารัก” ไอ้ตัวเล็กหัวเราะเบาๆ ใบหน้าขาวเรียวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม  ชัดเจน....ถึงเวลาแล้วที่ผมต้องปล่อยน้องไปแล้วสินะ

เหมือนกับคราวทีแล้ว  ที่ต้องยอม    และยอม....แบบไม่มีเงื่อนไข  ทำยังไงก็ไม่โตสักที เอาแต่ใจ....กำลังจะผละตัวออก

“เดี๋ยว...จะหนีไปไหนอีก ” แขนเรียวคว้าแขนผมไว้อีกรอบ  ผมมองตอบน้องอย่างงงๆ ต้องการอะไรอีก นี่คือสิ่งที่น้องต้องการ

ไม่ใช่หรือ?  ต้องการให้ผมผละออก  อย่าเห็นแก่ตัวด้วยการยึดครองไว้แต่เพียงผู้เดียว
“..................”

“ถ้าเป็นภาค.....เจ็บแค่ไหนก็ไหว”  ไอ้ตัวดีพูดจบ ก็หันหน้าหนีด้วยความขวยเขิน   แต่ผมกับตกตะลึงกับสิ่งที่พึ่งได้ยิน

รอยยิ้มกว้างฉาบมาอยู่บนใบหน้า  ไม่รู้เผลอยิ้มตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าตัวเองเมื่อยแก้ม  สายตาแพรวพราวทำหน้าที่สำรวจ

พร้อมกับโลมเลียคนตรงหน้าทันที ริมฝีปากยังยิ้มกริ่ม  ในหัวนึกแต่เรื่องลามกที่อยากจะทำ หรือจะเรียกว่าแอบลอบทำ

มาตั้งหลายหน  ถึงจะไม่ถึงขนาดเข้าไปในตัวอีกฝ่าย แต่ทุกครั้งที่ได้สัมผัสก็เตลิดเปิดเปิงจนหลั่งทะลักหยาดน้ำคาวๆ

หลายต่อหลายครั้ง  ผมก้มตัวลงไปกระซิบข้างใบหู ของอีกฝ่ายที่เป็นฝ่ายหลบหน้าผมแทน  ดวงหน้าที่แดงก่ำราวกับ

มะเขือเทศสุก   หลุบตาลงต่ำราวกับจะเล่นซ่อนตาดำ กับผมซะงั้น  เสียงแผ่วเบาพร้อมลมหายใจผะแผ่วที่ละใบหู

“ทำได้จริงเหรอครับ?”     ไอ้ตัวเล็กหดคอหนี   พึ่งรู้ว่าเสียงตัวเองเซ็กซี่ก็คราวนี้ เพราะนอกจากจะเซ็กซี่แล้ว  มันยังถาโถม

เต็มไปด้วยแรงปรารถนา  ความรู้สึกที่อยากจะกลืนกินอีกฝ่ายเมื่อสักครู่กระพรือปีกขึ้นสูง เมื่อได้ยินเสียงอนุญาติจากเจ้าตัว

“อ..อือ~”   ไอ้ตัวเล็กครางแผ่ว  เริ่มได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ   แรงรัวราวกับกลองตีดัง

“ถ้าเริ่มคราวนี้ภาคจะไม่หยุดแล้วนะ”  ผมจ้องมองดวงตาใสของอีกฝ่าย  น้องพยักหน้ารับช้าๆ

.

.

.

ผมไล้มือที่แก้มมือของอีกฝ่าย ค่อยๆ ก้มหน้าลงไป ริมฝีปากสัมผัสกัน ราวกับมีแรงดึงดูด  ต่างฝ่ายต่างก็รออยู่ก่อนแล้ว

เนิ่นนาน...โหยหา  หากแต่....นุ่มนวลทุกสัมผัส ลิ้นค่อยๆ เกาะเกี่ยวกันจนแทบจะเป็นอันเดียว  ผมละปากออกอย่างเสียดาย
แต่ก็อยากเชยชิมถวิลหาส่วนอื่นๆ ของร่างกายน้อง ที่ทั้งหอมหวาน และราวกับยั่วยวนเรียกร้องสัมผัสจากผม 

“อ่า~” เสียงครางกระเส่า  ที่หลุดออกมาจากริมฝีปากเล็กๆ ของอีกฝ่าย ทำอารมณ์โหมกระพือขึ้นไปอีก  ซุกจมูกคม

สูดดมไปที่ซอกคอหอม   อดไม่ได้ที่จะดูดกลืนสร้างรอยสีกุหลาบ  แสดงความเป็นเจ้าของ  ฝ่ามืออีกฝ่ายยังเขี่ยเล่นกับ

ยอดอกสีชมพูที่ชูชันท้ามือ ยิ่งบดขยี้ยิ่งแข็งขืนราวกับตื่นมือก็ไม่ปาน  ค่อยๆ จูบละแนวไหปลาร้า  ก่อนจะไปล่าอาณานิคม

บนยอดอกสีหวานดูดกลืน  ไล้เลียจนอีกฝ่ายสั่นสะท้าน  แอ่นอกหวานให้ผมดูดกลืนได้เต็มที่  สอดมือเข้าใต้เอวบาง

มืออีกข้างรั้งลูดส่วนกลางที่แข็งขืนของอีกฝ่าย  ช้าบ้างเร็วบ้างแล้วแต่อารมณ์ ไอ้ตัวเล็กจิกแน่นที่แผ่นหลัง บ้างก็เสียวซ่าน
บ้างก็ขัดใจ   

“อื๊อออออออ~  อย่าแกล้ง”   ไอ้ตัวเล็กส่งเสียงแหว เวลาผมแกล้งไม่ขยับมือ ใบหน้าหวานหลับตาพริ้มเพรา หาแต่ไล้เลียริม
ฝีปาก

ตัวเองในบางที  หรือกัดเม้มริมฝีปากเป็นระยะ  นอกนั้นเห็นจะเป็นเสียงครางที่เล็ดลอดออกมาไม่ได้ขาดหาย

“รักนะครับ...ที่รัก”  ผมครางเสียงกระเส่า แค่ได้สัมผัสบดเบียดท่อนล่างเบาๆ ยามน้องเผลอไผล ไม่ให้อีกฝ่ายทันรู้ตัว

ทั้งมือ ทั้งปาก ปรนเปรอจนอีกฝ่ายเผลอหอบครางกระเส่า  ใบหน้าแดงซ่านราวกับมะเขือเทศสุก ขาสองขว้างกว้าง

รู้สึกถึงน้ำหล่อลื่นที่ค่อยๆ ไหลซึมจากผนังช่องหวาน แรงขยับเล็กๆ ของผม พยายามอดทนจนแทบทนไม่ไหว  ก็คนตรงหน้า

ช่างหอมหวานจนน่ากลืนกินขนาดนี้    กัดริมฝีปากตัวเองแน่น.....อยากกระทุ้งแรงรัก ให้อีกฝ่ายรับรู้เต็มแก่ ขืนค่อยๆ เขยือน

วันนี้ทั้งวันคงไม่ได้มันกันพอดี   เปิดตามองตามร่างกายอีกฝ่ายที่แดงก่ำ  ร่างกายพร้อมแล้วจะสุกสม แต่ก็อดบอกไม่ได้

“เป็นของพี่นะครับ....คนดี”   อีกฝ่ายตาปรือปราย  ส่งสัญญาณเล่าร้อน ผมกดท่อนลำที่เหลืออยู่กว่าครึ่งทีเดียวมิดด้าม

“อ๊าาาาาาา~  เจ็บ”  ไอ้ตัวเล็กผวาตัวขึ้นกอดผมทั้งตัว  น้ำใสๆ ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่  ไอ้ยินเสียงกระซิกๆ แผ่วๆ อยู่ข้างหู

ผมหยุดการเคลื่อนไหว  ทั้งสงสาร ทั้งต้องการ ได้แต่กดจูบที่หัวทุยของอีกฝ่าย กระซิบปลอบด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใย

“เจ็บเหรอครับคนดี?”

“อือ ....  ฮึกๆ  .. ทนไหว”  ผมกดจูบริมฝีปากหวานของอีกฝ่าย  ไล้มือทั่วทั้งตัว พร้อมลูดรั้งแกนกลางของอีกฝ่าย จนอีกฝ่าย

เชิดหน้าหรา  เสียงครางหอบกระเส่า ริมฝีปากห่อด้วยความเสียวซ่าน  ผมซุกซอกคอหอมก่อนจะค่อยๆ ดันอีกฝ่านให้เอนลง

ริมฝีปากดูดกลืนยอดอกสวย  เริ่มขยับด้านล่างเข้าออกช้าๆ 

“อ๊า....อึก...อึก อือออ”เลื่อนเข้าเลื่อนออกอยู่เป็นนาน จนชักทนไม่ไหวเผลอกระทุ้งแรงๆ


“อ๊าาาาาา~”  เผลอครางกระเส่า ด้วยความเสียวจากการตอดรัดภายในของน้องจนเกินทนไหว ไอ้ตัวเล็กขยับสะโพกเข้าหา

“อ๊า........ร...แรงอีก” กรีดเสียงเรียกร้องจากผม สองขาเรียวของแพนวาดโอบเกี่ยวรัดไว้แน่น  ยิ่งได้ใจ โหมกระหน่ำกระโจนจ้วง

เข้าใส่  ความแข็งแรง  ความเป็นชายมีเท่าไหร่ใส่ไม่ยั้ง  เห็นไอ้ตัวเองถูกกระแทกจนหัวกระดอนไปมา  กรีดเสียงซ่านเสียว
เรียกอารมณ์เปลี่ยวที่เก็บซ่อนไว้ข้างในไม่เคยได้ปลดปล่อยมาเป็นเวลานาน ให้ได้สมใจ ดึงท่อนลำแข็งแรงออกมาจะเกือบสุด

ก่อนจะกระแทกกลับไปใหม่ หนักๆ เน้นๆ  จากนั้นเน้นเร็วรัวเป็นปืนกล ยิงรัวอีกชุดใหญ่  แล้วเล่นสนุกหยอกเอินด้วยการ

ดึงสะโตก ลางเกมส์ให้เดินช้า ขัดใจเจ้าของช่องหวานที่ส่งเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในลำคอ  มือจิกสะโพกแน่นแสดงความไม่พึงใจ

ก่อนจะตีก้นผมดังเปี๊ยะเร้าอารมณ์ไปอีกแบบ  ม้าศึกเลยต้องควบแบบไม่มีเงื่อนไข  ทั้งๆ  ที่อยากเอง ...และอ้างความต้องการ

ของคนตรงหน้า กระแทกกระทั้น ให้สมกับที่อดอยากยากไร้มาหลายปีดีดัก  แรงดีไม่มีหยุด  เสียงครางกระเส่าที่เร้าใจ

ทั้งผมทั้งไอ้ตัวเล็ก  ไม่รู้ของใครเป็นของใครรู้แต่เมามันส์จนหยุดไม่อยู่ ทำเตียงลั่นดังเอี๊ยดอ๊าด แต่ถึงกระนั้นก็ไม่พอที่จะ

กลบเสียงเนื้อกับเนื้อกระแทกกัน เสียงน้ำดังเฉอะแฉะหยาบโลน  แต่เร่งปฏิกิริยาทางร่างกายให้เดินเครื่องเต็มที่

เสียดสีกันและกัน ราวกับเปลวเพลิงที่โหมกระพรือ
“อื๊ออออออออออ~  ม...ไม่ไหวแล้ว อ๊าาาาาาาา” 

“รักนะครับ โอววววววว ที่รักเยี่ยมสุดๆ  อ่าาาาา”   ได้แต่ครางเสียงต่ำ แต่แหบพร่า

“ร.....แรงอีกเร็ววววววว”

พับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาา/////อ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา”

.

.

จบเสียงครางกระเส่าจากเราทั้งคู่ ผมก็ทิ้งตัวหอบเหนื่อย  ลงข้างแพนด้านในของน้องยังตอดตุ๊บๆๆๆ จนผมไม่กล้าถอนลำ

(กลัวจะเข้าไปใหม่ลำบาก)  ดึงอีกฝ่ายมาบดจูบ   ยิ่งรัก ยิ่งหลงไหล  จนไม่อยากจะให้ห่างสายตาไปไหน  พอได้เป็นเจ้าของ

ก็ยิ่งหวงแหน  ยิ่งต้องการครอบครับมากขึ้นไปอีก  ความรัก ที่เคยคิดว่ามีอยู่เต็มใจ  ตอนนี้เรียกว่าล้นอกยังจะดีเสียกว่า

ค่อยๆ ดึงน้องเข้ามากอดแน่น

“รักแพนนะครับ...สุดที่รักของภาค”    ละจากจูบดูดดื่ม ก็หันมาแตะจูบเบาๆ ที่กลางหน้าผากมน

“อือ ....รักภาคที่สุดเหมือนกัน”  เห็นคนขี้อายก้มหน้างุดๆ  เมื่อกี้ยังออกคำสั่งให้ ผมกระหน่ำซัมเมอร์เซลอยู่เลย 

ตอนนี้กลายเป็นลูกแมวไร้ขน  คนอะไรแดงไปทั่วตัว ทั้งสีเลือดฝาดตามธรรมชาติ ทั้งรอยจูบ ที่ผมแสดงความเป็นเจ้าของ

ทั่งทั้งตัว  น่ารัก.....ที่สุด  ดึงน้องเข้ามากอด ท่ามกลางแอร์เย็นฉ่ำ .....ก่อนจะหลับตาไปด้วยความเหนื่อยอ่อนพร้อมๆ กัน




หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ครั้งแรก (ต่อ) เรียกเลือด P.-6 24/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 24-12-2012 01:20:56
ภาคเป็นคนคิดมากน่าดูเหมือนกันนะนั่น
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ครั้งแรก (ต่อ) เรียกเลือด P.-6 24/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 24-12-2012 02:19:51
 :pighaun: :pighaun:  น้องภาคเอาใจพี่ไปเลยคร๊าา
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ครั้งแรก (ต่อ) เรียกเลือด P.-6 24/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 24-12-2012 06:19:17
 :m25: :m25:

ในที่สุด  :oo1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ครั้งแรก (ต่อ) เรียกเลือด P.-6 24/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 24-12-2012 10:23:07
จัดเต็มแบบรุนแรงเลยนะคะภาค แล้วแบบนี้แพนจะเดินได้หรอเนี๊ย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ครั้งแรก (ต่อ) เรียกเลือด P.-6 24/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 24-12-2012 10:26:33
 :mc4: เย้ ๆ  ยินดีกับความคืบหน้าของความสัมพันธ์ในอีกระดับนึงน่ะจ้ะ  :z1: ชอบจังที่การจากลาระหว่างทั้งสองไม่นานมากจนทำให้คนอ่านหวั่นใจน่ะ หวังว่าต่อไปความหวานจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ น่ะจ้ะ เอ๊ะ งั้นหยั่งงี้ต้องล็อบบี้คุณทัดซะแล้วสิ :call:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ครั้งแรก (ต่อ) เรียกเลือด P.-6 24/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 24-12-2012 13:08:06
คุณพระคุณเจ้า จะเป็นลมตาย


 :pighaun: :pighaun: :pighaun:

 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ครั้งแรก (ต่อ) เรียกเลือด P.-6 24/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 24-12-2012 13:48:12
น้องแพน  หนูถึกเกินคาดมากลูก  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ครั้งแรก (ต่อ) เรียกเลือด P.-6 24/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 24-12-2012 13:55:17
 :m25:  :m25:  :m25:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ครั้งแรก (ต่อ) เรียกเลือด P.-6 24/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 27-12-2012 05:41:41
โอ้ ภาคจัดเต็มยังนิ อิอิ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ครั้งแรก (ต่อ) เรียกเลือด P.-6 24/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 27-12-2012 11:31:25
อ๊ากกก น้องแพนของเค้า ,,,
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ครั้งแรก (ต่อ) เรียกเลือด P.-6 24/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 27-12-2012 13:08:11
จัดเต็มสมกับที่รอคอยจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..หึง P.-6 6/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 06-01-2013 00:12:52
หลังจากหายไปสามชาติเศษ  อ่ะ!!!  นานขนาดนั้นเลยใช่ป่ะ  ฮ่าๆๆ  ไม่เอาน่าอย่างอนเค้าเลย
กลับบ้านปีใหม่ไม่ได้ฉลองอะไรสักกะติดส์เดียว  ทำงาน เพราะที่บ้าน (ป้า)  ขายของ
เลยรับจ็อบพิเศษเป็นจับกุ้ง (อ้าวจับกัง หรอกเหรอ อิอิ)  ทำงานตลอดเลยค่ะ  ไม่ได้เที่ยวและไม่ได้พัก
ทำงาน ๆๆๆๆๆๆ  อ่านเลยดีกว่าเวิ่นเยอะแล้ว





ตอน ...หึง


ผมจะบอกความรู้ของผมตอนนี้ยังไงดีนะ  ความรู้สึก......ที่หัวใจกำลังฟูฟ่องจนคับอกจนอยากจะตะโกนบอกใครสักคนดังๆ

เพียงเพราะกลัวว่าอกจะแตกไปเสียก่อน..หากไม่ได้ระบายความสุขมากมายที่ถาโถมอยู่นี้  จ้องมองคนตรงหน้า....

ร่างเล็กๆ ที่ผมทนุถนอมเฝ้ามองเฝ้าดูแลมาตั้งแต่หนไหน   ในที่สุดตอนนี้.... น้องก็เป็นของผมแล้ว  เป็นของผมทั้งตัวทั้งหัวใจ

ไอ้ตัวเล็กยังหลับตาพริ้มเพรา ทั้งที่....นี่ก็กินเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง จากเจ็ดโมงเช้าจนตอนนี้บ่ายสามแก่ๆ  แลดูคนตรงหน้า

ยังไม่มีกะใจจะตื่น  ผิวขาวเนียนเนื่องจากผิวดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วบวกกับไปอยู่ต่างประเทศมาซะเป็นปี  ไอ้ตัวเล็กของผม!!

ดูจะมีน้ำมีนวลขึ้น ตัวนิ่มขึ้น ปากแดงขึ้น  เจ้าเนื้อขึ้นนิดๆ ไม่ถึงกับอ้วน แต่น่าคั้นน่าบีบเสียมากกว่า  ผมยาวปะบ่าดูน่ารักขึ้น

อีกเป็นกอง ตัวสูงขึ้น จากเดิมแค่ไหล่ตอนนี้สูงถึงใต้คางผมแล้ว มีกล้ามเนื้อนิดๆ ตามแบบฉบับของเด็กผู้ชายทั่วไป 

แต่ผมกลับรู้สึกว่า....เนื้อน้องเนียนนุ่มทุกอณุที่ผมสัมผัส  โดยเฉพาะ........ส่วนนั้นที่บีบรัดผมแนบแน่นจนแทบหายใจไม่ออก

ถึงต้องชักเข้าชักออกเป็นว่าเล่น  หึหึ....คิดอะไรก็เผลอวกเข้าเรื่องทะลึ่งลามกอีกจนได้  ผมลูบหัวทุยเบาๆ  เส้นผมนุ่มสลวย

บางเบาที่ไม่เป็นทรงอยู่บนเตียงนอน  น้องคงเหนื่อย....อาจจะเพราะพึ่งเดินทางกลับ (จ๊ะ...เชื่อมากกกกกก~///คนแต่ง) 

เลยหลับสนิทจนไม่รู้สึกตัวกระทั่งตอนนี้  ได้แต่จ้องมองอย่างหลงไหล  ไม่รู้......ใครเคยเป็นแบบนี้รึเปล่า?

ผมถึงได้รู้สึกว่า....น้องช่างน่าทนุถนอม น่าโอบอุ้ม คุ้มภัย ไม่ให้ได้รับอันตราย หรือความเจ็บปวดเสียใจใดๆ จากโลกใบนี้

แต่ในขณะเดียวกันก็กลับรู้สึกหวงแหนจนแน่นอก ความรู้สึกหวาดกลัวจนเกินจะทานไหว กลัว...สิ่งที่ผมควบคุมไม่ได้

จะมาทำให้อีกฝ่ายแปดเปื้อน จะทำให้น้องมัวหมอง จนอยากจะทำลายให้แหลกสลายไปด้วยน้ำมือของตัวเองเสียยังดีกว่า 

หากจะให้น้องแปดเปื้อนจากน้ำมือคนอื่น  แค่คิดก็เจ็บแปลบอยู่กลางอก จนต้องจิกมือเบาๆ ลงที่หัวใจ

สุดท้ายก็สะบัดหัวสองสามครั้งเบาๆ ไล่ความคิดเหลวไหลออกไปจากหัว  เกลียดตัวเองที่มักกังวลอะไรเกินเหตุ....

 ถึงมันจะเป็นอย่างนี้กับเฉพาะเรื่องของ “แพน” ก็ตาม แต่ก็ทำให้ผมหวั่นใจได้ไม่น้อย เหลือบตามองอีกฝ่ายที่ยังหลับนิ่ง

กดจูบที่หน้าผากไอ้ตัวเล็กแผ่วเบา  น้องขยับตัวยุ๊กยิ๊ก กระพริบตาถี่ๆ  เปลือกตาบางๆ ค่อยๆ ถูกเปิดออก แววตาเซื่องซึม

ราวกับแมวง่วงของน้องจ้องมองมาที่ผม  อดขำไม่ได้.....กับแววตาที่ดูงงๆ  ยกมือเล็กขึ้นขยี้ตา แล้วกระพริบตาอีกรอบ

จ้องมองผมนิ่ง  แล้วปิดเปลือกตาไปชั่วครู่ประเดี๋ยว  ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นมาใหม่ทำผมหลุดขำออกมาทันที

“หึหึ”   ไอ้ตัวเล็กเอียงหน้าน้อย ๆ ทำหน้าเหมือนแมวงงต่อไป  เลยได้แต่คลียิ้มหล่อๆ ส่งไปเอาใจ

“ภาค”  น้องเรียกเสียงแผ่ว ยื่นมือคลำสะเปะสะปะที่ใบหน้าผม  ราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองกำลังเห็น

“ครับ”  ผมไล้มือปัดผมที่ละใบหน้าของอีกฝ่ายออก น้องกระพริบตาปริบๆ คิ้วเรียวขมวดมุ่น เหมือนกำลังครุ่นคิด


ทบทวนเหตุการณ์บางอย่างซึ่งผมไม่รู้ว่าคืออะไร  เลยเอาแต่จ้องมองแล้วส่งยิ้มบางๆไปให้  ปากเล็กๆ ของน้องอ้ากว้างขึ้น

เผยให้เห็นเขี้ยวเงางาม

“งัมๆๆๆๆๆ”    ฟันคมๆ กัดลงที่แขนผมอย่างหมั่นเขี้ยวไม่ได้แรงมากนัก แต่ก็ไม่เบาจนไม่รู้สึก  แค่พอเจ็บ ๆ คันๆ

“โอ๊ย.....  กัดภาคทำไมครับหืม?”  ผมร้องเสียงหลง  ออกแนวโอเวอร์แอคติ้ง  ทำสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าว เล่นเอาคนกัด

หุบเขี้ยวที่กำลังขย้ำแทบไม่ทัน  ฮ่าๆ ของอย่างนี้ก็ขอเรียกร้องความสนใจคืนบ้าง

“ขอโทษ...เจ็บเหรอ?” ไอ้ตัวเล็กหน้าตาตื่นลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะดึงแขนผมไปดู เห็นรอยกัดแดงๆ สี่ห้ารอย

“โอ๋ๆ  หายเจ็บนะครับคนเก่ง  ฟู่ววววว”  ไอ้ตัวเล็กทำปากพองลมก่อนจะเป่ามาแขนผม เพื่อปลอบใจ ...ทำเอากลั้นขำไม่อยู่

“ฮ่าๆๆๆ  ภาคไม่ใช่เด็กนะ  ทำแบบนั้นก็ไม่หายเจ็บหรอกครับ  หึหึหึ”   ขยี้หัวอีกฝ่ายเบาๆ ไอ้ตัวเล็กย่นจมูกใส่

“ไม่หายจริงๆ เหรอภาค?”  ไอ้ตัวเล็กถามเลิกคิ้วขึ้นสูงข้างเดียวแบบหาเรื่องสุด ๆ ได้แต่อมยิ้มเล็กๆ เพราะกลัวเด็กน้อยจะงอน

ดวงตากลมโตราวกับตาของลูกแมว กำลังขู่ฟ่อมาที่ผม  เป็นภาพที่ชวนมองจริงๆ  เลยรวบน้องเข้ามากอด แต่ไอ้ตัวดีก็ต่อต้าน

ด้วยการยื่นมือมาดันอกผมไว้แบบไม่จริงจังนัก สุดท้ายเลยรวบอีกฝ่ายให้มาอยู่ในอ้อมกอดได้แบบสบายๆ หอมแก้มขาวๆ

ฟอดใหญ่  โดยที่เจ้าของแก้มยังทำหน้าบึ้งอย่างเดิม  เลยกระซิบที่หูอีกฝ่ายเบาๆ พร้อมทั้งซุกไซร้ซอกคอหอมๆ ทันที

“อือ... หายครับหาย ไม่เจ็บเลย มีแต่หอมกับหอม”  ไอ้ตัวเล็กขนลุกเกรียวดันตัวผมออกเป็นการใหญ่

“ไม่เห็นเกี่ยวซะหน่อย   เฮ้ย!  ภาคเดี๋ยวก่อน! อือ~”  แต่ด้วยชั้นเชิงที่เหนือกว่า ผมปิดปากสีแดงสดนั่นสอดลิ้นชิม

ความหวาน  ที่ผ่านการการันตีจากตัวเองเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาแล้ว...ว่าหวานทั้งตัว  ก่อนจะละปากออก น้องตัวอ่อนยวบ

หอบหายใจมองมาที่ผม นัยตาหวานกำลังปรากฏอารมณ์บางอย่างที่ผมคาดการไว้แล้ว และหวังไว้ให้เป็นเช่นนั้น 

ลงลิ้นที่ใบหู แล้วสอดเข้าไปในรู  น้องหดคอหนี สงเสียงครางรัญจวนใจจนแทบไม่อยากจะหยุดแค่นั้น

“อึ๊...อืออออ~    พ..พอก่อน”  เสียงสั่นๆ ร้องขอผมให้หยุด  ค่อยๆ ละปากออก แต่จมูกยังซุกซอนซอกคอหอมไม่ห่าง

“บอกมาก่อนว่ากัดภาคทำไม”  ผมว่าเสียงเบา ไม่ได้เงยหน้ามองอีกฝ่าย ส่งมือนวดเฟ้นยอดอกสีสดแทน

“อ๊ะ...อึก... ก็...ก็...  ” ไอ้ตัวเล็กว่าเสียงสั่น  มือขยุ้มจิกผมผมแน่น  เงยหน้าเชิดสูง  ขบริมฝีปากตัวเองแน่นสีจนเกรงจะมีเลือด
ซึม

“ก็อะไรหืม?”    ผมละปากออกถามเสียงแผ่ว ยืดตัวเต็มความสูงก้มมองจดจ้องใบหน้าสวยที่มีสีแดงรามไปทั่วทั้งหน้าและลำคอ

ในระยะห่างกันแค่คืบ  ไอ้ตัวเล็กหลบตาผมวุ่นวาย เสียงเล็กส่งเสียงตอบกลับมาทั้งที่ไม่สบตากันสักนิด

“ก็.....”

“ก็อะไรหืม?”  ผมไล่เบี้ยเอากับคนตัวเล็ก ที่กำลังเล่นเกมส์ซ่อนนัยตา  จนต้องจับใบหน้าหวานไม่ให้หันหนีไปไหน

“ก็....ภาคทำแพนเจ็บนี่”  ไอ้ตัวเล็กว่า ก่อนจะก้มหน้างุดๆ  ซุกอกผมซ่อนความอายที่ไม่ว่าปิดเท่าไหร่ก็ทันแล้วหล่ะม้าง

“ขอโทษครับ  ฟอดดดดด~    ที่ทำไปก็เพราะภาครักแพนหรอกนะครับ  ไม่เคยคิดจะทำกับใครเลยจริงๆ นะคนดี”

ผมรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของริมฝีปากอีกฝ่ายที่กำลังซุกใบหน้าอยู่กับอกผม  ถ้าให้เดาน้องกำลังยิ้ม ถึงจะซ่อนแค่ไหน

ผมรู้ว่าเราต่างก็สามารถรับรู้ความรู้สึกได้เป็นอย่างดี  โดยเฉพาะตอนนี้......ตอนที่เราเป็นหนึ่งเดียวกัน

ความรู้สึกที่เรียกว่า  “รักและหวงแหน”  ดูจะแนบแน่นขึ้น ลึกซึ้งขึ้น  ทุกๆ อย่าง ชุ่มฉ่ำดื่มด่ำจนเต็มหัวใจ แทบจะล้นเอ่อ

“จริงนะ....ไม่เคยคิดจะทำกับใครจริงๆ นะ”  เสียงงุ้งงิ้งที่ดังขึ้นกับอก     ไอ้ตัวเล็กซุกตัวลงโอบกอดผมแน่นขึ้น ใบหน้า

แนบอยู่กับอกด้านซ้าย ฟังเสียงหัวใจของผม  ที่กำลังเต้นเพื่อใครคนนี้อยู่ตลอด   ผมกระชับกอดน้องกลับ

“ครับ  จะรักแพนคนเดียวเลยตลอดชีวิตนี้  ว่าแต่แพนเหอะ อย่าทิ้งภาคไปหลงรักคนอื่นก็แล้วกัน” 

“ชิส์ แพนไม่ได้หลายใจเหอะ มีแต่ภาคน่ะแหล่ะ” ไอ้ตัวเล็กว่ายู่ปากน่ารักน่าชัง เงยหน้ามาต่อล้อต่อเถียงกับผม


ผมบีบจมูกแพนด้วยความหมั่นเขี้ยว ส่ายมือไปมา  ไอ้ยินเสียงไอ้ตัวเล็กร้องโอดโอย

“ภาคทำไม?”

“ก็ภาคนะแหล่ะ ที่จะมัวไปไล่จีบสาวๆ จนลืมแพน”  ไอ้ตัวเล็กค้อนประหลับประเหลือก จนผมหัวเราะ อดหอมแก้มน่ารัก   ๆ

ไม่ได้ 

“ไม่มีหรอก จ้างสองพันยังไม่แล”

“แล้วถ้าจ้างสองหมื่นอ่ะ?”

“แค่สองหมื่นเองไม่สนอ่ะ”

“แล้วถ้า ห้าหมื่น หล่ะ?”

“อืม....ก็คิดดูก่อน”

“แล้วถ้า ห้าแสนหล่ะ?”

“อือ.... อย่างนี้ค่อยน่าสนใจหน่อย”

“อึ๋ย.....นี่แนะ ๆ  ภาคบ้า”  ไอ้ตัวเล็กทุบตุบๆ  ๆ ที่อกผม  หน้างอจัด  ผมได้แต่หัวเราะร่า  พึ่งจะเคยเห็นหึงก็คราวนี้

ทีเมื่อก่อนนะ  ไม่เคยสักครั้งที่จะเป็นแบบนี้   ค่อยชื่นใจหน่อย   

“ล้อเล่นครับคนเก่ง   ต่อให้หมื่นล้านภาคก็ไม่เอาหรอก  จะ “เอา” ก็แต่แพนนี่แหล่ะ  ฮ่าๆๆๆ”

“บ้า...ไอ้ทะลึ่ง ไอ้ลามก ไอ้คนบ้ากาม”

“แล้ว......ชอบรึเปล่าหล่ะ?”

“.............”  ไอ้ตัวเล็กไม่ตอบ  เอาแต่หน้าแดงราวจัดกับตำลึงสุก ให้ผมเดาเอาเอง 

“หึหึ....ไม่ต้องตอบก็รู้”

“รู้อ่ะ....รู้อะไร”  น้องถามปากยื่น ปากยาว

“รู้ว่า .....ชอบไง”

“แหว่ะ....คิดเองเออเอง”  ลอยหน้าลอยตาตอบ  เดี๋ยวจับจูบซะนี่

“งั้นแปลว่าไม่ชอบงั้นสิ?”  ผมถาม ทำหน้านิ่งๆ เหมือนไม่พอใจ อยากแกล้งคนปากแข็ง ที่ตอนนี้ดูเริ่มรนแล้ว หึหึ

“ก็...เปล่า”  น้องตอนเสียงแผ่ว  น้ำเสียงดูกล้าๆ กลัวๆ

“งั้นตอบมาว่า ชอบ หรือ เกลียด?”

“ไม่ตอบไม่ได้หรือไงอ่ะ”  ผมส่ายหน้าช้า  จ้องไอ้ตัวเล็กตาเขม็ง รอคำตอบ

.

.

.

“ก็......”

“................”

.

.

.

.

“ชอบ”

“หึหึ.....ฟอดดดดดดดดด~   ชื่นใจจัง” 

.

.

.

“รักแพนนะครับ”

“อืม.......ก็”





   
“รักภาคเหมือนกัน” 

แค่นั้นแหล่ะครับ.... หัวใจที่ว่าพองโตคับอกจนแทบระเบิดอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว  ตอนนี้....ผมได้ยินแต่เสียง

.

.

.

ตู้ม.........ตู้ม...........ตู้มมมมมม

.

.

.


ผมดึงไอ้ตัวเล็กเข้ามากอด  แน่นซะจนแทบจะจมหายไปกับอก แต่อีกฝ่ายกลับไม่บ่นอะไร นอกเสียจากกอดผมตอบแน่นๆ

น้องจะได้ยินเสียงไหม  ....  เสียงหัวใจของผม ที่กำลังระเบิดตู้มต้ามมมม   จนแทบกระดอนมานอกอก 

ณ เวลานี้อะไรก็ยอมหมดแล้ว

“ภาค”

“ครับ?”

.

.

.

.

.

.

“อยากอาบน้ำเหนียวตัว”   อารมย์กำลังซึ้ง....  นึกว่าจะได้ยินคำหวานๆ ต่อซะอีก  ฟังอย่างนี้แล้วต้องกลั้นขำแทบแย่

ก็ดันมีคนมาทำลายอารมย์ซึ้ง  ได้แต่ยกยิ้มมุมปาก

“ครับ...เดี๋ยวภาคอุ้มไปนะ  ท่าทางจะเดินไม่ไหว”  ไอ้ตัวเล็กเบ้ปากน้อยๆ

“ไม่จริงซะหน่อย  ...เดี๋ยวจะเดินให้ดู”  น้องทำท่าฮึดฮัด  จะลุกเดินโชว์  ผมเลยโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหู

“อย่าดื้อไม่งั้น.....หึหึ   “จะทำ”   ให้เดินไม่ไหวเลยคอยดู”   น้องทำหน้ามุ่ย  แต่ไม่รู้ทำไมต้องทำหน้าแดงโชว์ผมด้วย

“เอาแต่ใจ  .....ชิส์”  บ่นงุ้งงิ้ง  แต่ก็ยอมให้ผมอุ้มแต่โดยดี  โดยมีผมที่ยิ้มร่าปากแทบฉีกถึงใบหู  ร่างกายที่ขาวนวลเนียน

โผล่พ้นผ้าห่มผืนหนาเปลือยเปล่าไร้อาภรปกปิด  ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อรามไปถึงใบหูและลำคอ  ทำผมยิ้มแก้มปริ

กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก ร่างกายร้อนผะผ่าวยามเนื้อแนบเนื้อ เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวผมมีเพียงแต่บอกเซอร์บางๆ แค่ตัวเดียว

กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ พาไอ้ตัวเล็กไปขัดสีฉวีวรรณ คราบไคลน้ำรัก ให้สะอาดเอี่ยม น้องคงรู้สึกเหนียวตัวแทบแย่

“แกร๊ก......ภาคนอนอยู่เหรอ?”  เสียงประตูห้องนอนถูกเปิดออก พร้อมๆกับเสียงที่คุ้นเคย ผมเอี้ยวคอหันไปมองเล็กน้อย

ไอ้ตัวเล็กในอ้อมกอดผมหน้าตาตื่น กระชับกอดผมแนบแน่นกว่าเดิม พร้อมซุกหน้าลงกับอก เห็นแต่ใบหูที่ขึ้นสีแดงจัด

ทำเอาผมอยากจะงับมันโชว์บุคคลที่สามที่พึ่งก้าวเข้ามาในห้อง


“อ๋อมรอนอกห้องก่อนนะ  พอดีเราพาน้องไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวออกมาทำรายงานด้วย”  พูดทั้งที่ไม่ได้หันหน้ากลับไป

“อ่ะ....เอ่อจ๊ะ”



.

.

“อ้อ...ปิดประตูห้องให้ทีนะ  คิดว่าน่านานอยู่สักหน่อย  อ๋อมจะไปหาอะไรทานข้างล่างก่อนก็ได้นะ”

“เอ่อ...อืม”     ผมอุ้มไอ้ตัวเล็กเดินต่อไปยังห้องน้ำ อุ้มน้องไปวางในอ่าง ขณะที่ตัวเองเดินไปปิดประตูห้องน้ำ

เห็นอ๋อมยังยืนนิ่งอยู่กับที่ ผมรู้ว่าอ๋อมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  ....  ร่องรอยบนร่างกายของผมกับแพน   มันชัดเจนอยู่แล้ว

ไม่เคยคิดจะปิดบัง  แต่คงไม่ประกาศให้ใครต่อใครรู้  แววตาของอ๋อมเหม่อเลยนิด....จนผมสงสัย

“อ๋อม  ฝากปิดประตูห้องทีนะ”

“อ๊ะ...จ๊ะ ๆ  เอ่อ เดี๋ยวเราไปทานข้าวข้างล่างก่อนแล้วกันนะ  แล้วถ้าเรียบร้อยแล้วภาคโทรหาเราด้วยล่ะกัน”

“ปัง....แกร๊ก”  เสียงปิดประตูห้องดังขึ้น  ผมเห็นรอยยิ้มแบบฝืนๆ ของอ๋อมเล็กน้อยก่อนหน้านั้น  ทั้งที่ปกติอ๋อมจะส่งยิ้มสดใจ

มาให้  แต่ไม่เป็นไรอ๋อมอาจจะรังเกียจคนรักเพศเดียวกันแบบผม   อาจจะผะอืดผะอมอยู่ก็เป็นได้  ฉะนั้นผมเลยไม่ได้พูดอะไร

ปิดประตูห้องน้ำลง  แล้วหันมาสนใจไอ้ตัวเล็กที่กำลังเทครีมอาบน้ำใส่อ่างทำให้มันเป็นฟองฟู่อย่างสนุกสนาน 

ผมถอดบอกเซอร์โยนทิ้งลงตระกล้าผ้า แล้วก้าวลงในอ่าง ....แพนหันมามองผมเล็กน้อย  ก่อนจะหันไปเล่นฟองต่อ

“มานี่มา”  พูดเสร็จก็ดึงไอ้ตัวเล็กจับหันหลังให้ผม แล้วให้น้องพิงอก

“อื้อภาคไม่เอา”

“ให้พี่อาบให้นะครับ”

“ไม่เอาไม่เรียกพี่หรอก”

“จะเรียกว่า สุดที่รัก เหรอครับ?  หึหึ”  ผมหัวเราะเสียงเบา  ไอ้ตัวเล็กฟาดแขนลงบนขาผมเบาๆ

“บ้า!  เรียกภาคแบบเดิมนี่แหล่ะ”

“ครับ...ยังไงก็ได้  เพราะยังไงภาคก็หลงแพนจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว”

“ >/////< ” ผมว่าผมเห็นหน้าแดงๆ ของอีกฝ่ายเข้าแล้วหล่ะ   

“ภาค”

“ครับ?”

“ใครเหรอ?”

“ใครอ่ะ?”

“ผู้หญิงเมื่อกี้ใครเหรอ?”

“หึหึ  ... อ้อ เพื่อนที่เรียนด้วยกันนะ  วันนี้มีทำรายงาน ... เมื่อคืนนอนดึกเลยให้กุญแจสำรองไว้ มาปลุกหน่อย กลัวหลับไม่ตื่น”

“ทำบ่อยๆ เหรอ?”

“ครั้งแรกน่ะ..ไม่ต้องกลัวนะ สองตาของภาคมีแต่แพนเท่านั้นแหล่ะ  แล้วอ๋อมเห็นขนาดนั้นไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรกัน ก็ไม่รู้จะว่าไง”

“แล้วทำกันแค่สองคนเหรอ?”

“ป่าวหรอกครับ...  เดี๋ยวไอ้สองกับไอ้ไม้ก็มา”

“หึงรึไงครับหืม?”   ผมกอดไอ้ตัวเล็กแล้วจับโยกไปมาแบบหยอกล้อทั้งตัว 

“ทำไม...หึงไม่ได้รึไง”   น้ำเสียงน้อยใจมาแล้ว  หึหึ....ทำไมผมถึงรู้สึกมีความสุขขนาดนี้นะ  ยิ่งแพนหึงยิ่งมีความสุข ยิ้มแก้มปริ

“ช่วยหึงทั้งชีวิตได้มั้ยหล่ะ?”

“อืม....จะหึงทั้งชีวิตเลยคอยดู”

“ฮ่าๆ  ก่อนจะหึงทำอย่างอื่นก่อนได้ป่ะ”

“อ๊ะ....เจ็บภาคเอานิ้วออก  เอาใส่เข้ามาทำไม”

“ต้องทำความสะอาด เมื่อคืนน้ำภาคอยู่ข้างในเต็มเลย เดี๋ยวแพนจะไม่สบาย”

“อ๊าาาาา~  ระ...รู้ได้ไง  เคยเหรอ?”

“ไม่เคย ศึกษามานิดหน่อยอ่ะ แพนเป็นคนเปิดซิงภาคเลยน๊าดีใจมั้ย  ฮ่าๆ”

“ภาคบ้า  อืออ~  อ๊ะ...เสียวๆ” มือเล็กๆ โอบกอดรอบคอผมแน่น แผ่นหลังเรียวพิงมาที่ผมทั้งตัว  ใบหน้าแหงนหงาน ดวงตา

เรียวเล็กปิดสนิท  ริมฝีปากเม้มแน่น เผยอออกจากกันเป็นระยะยามส่งเสียง  หลังจากผมชักนิ้วเข้าออก เพื่อแหวกเอา

น้ำออก ก่อนจะเพิ่มนิ้วจากหนึ่งเป็นสอง  จากสองเป็นสาม  เพราะผมเองก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

“ขอนะครับ... ภาคไม่ไหวแล้ว”



หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..หึง P.-6 6/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 06-01-2013 00:27:51
ภาคหื่นอ่ะ อ่อมชอบภาคแน่นอนเลย ต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..หึง P.-6 6/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 06-01-2013 01:49:01
หุหุ น่าจะมาเจอช๊อตเด็ดนะ กลัวจะมีเรื่องตามมาอีกอะดิ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..หึง P.-6 6/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: MangoBlue ที่ 06-01-2013 02:34:51
สนุกมากๆเลย ภาคแพนกลับมาหวานกันอีกครั้ง คนอ่านเปรมมม :haun4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..หึง P.-6 6/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 06-01-2013 07:48:02
หวานซะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..หึง P.-6 6/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 10-01-2013 02:35:15
 :m25:   อร๊ากกกกกกกกกกก  ค้างงงงงงง
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..หึง P.-6 6/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-01-2013 21:00:50
อะพี่ภาค ได้ทีแล้วเอาใหญ่เลยนะ
ถนอมน้องแพนหน่อยสิจ๊ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..หึง P.-6 6/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 10-01-2013 21:58:30
กลัวจะสุขได้ไม่นานนะสิ กลัวแพนเสียใจจัง จากคนชื่ออ๋อมอะไรนั้น จะรอบสองในห้องน้ำหรอ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ขอบคุณ P.7 11/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 11-01-2013 01:00:48
ตอน...ขอบคุณ



หลังผ่านการอาบน้ำที่แสนทรหด  ผมก็ต้องมานอนเอกเขนกอยู่บนเตียงดังคำขู่ของใครบางคนก่อนหน้านี้  ที่ประกาศเกล้า

ว่า “จะทำ” ให้ผมเดินไม่ไหว  ถ้าผมไม่ยอมให้อุ้ม  เพียงแต่ว่า...ผมจำได้ว่าผมยอมให้อุ้มแล้วนะ  แล้วเหตุอันใดผมถึงยัง

ต้องนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงเช่นนี้  ไม่ใช่แค่เดินไม่ไหวหรอกนะครับ  มันปวดร้าวไปทั้งตัวทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้รู้สึกสักนิด

แค่ยื่นขาจะลงเตียงเท่านั้นแหล่ะ  เจ็บราวกับร่างกายจะฉีกเป็นเสี่ยง ๆ  จับไข้ ตัวร้อน  หมดแรง เป็นแม่งทุกอย่างที่จะเป็นได้

เลยทีเดียว  ได้ต้องนอนซมรอบล้อมไปด้วยยาเรียงรายหลายขนาน  โชคดีที่ได้แช่น้ำอุ่น ทำให้ช่องด้านหลังรู้สึกดีขึ้นบ้าง

ได้ยินเสียงภาคกับเพื่อนๆ กำลังทำรายงาน  ทั้งที่อยากจะออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้าง  แต่ก็โดนภาคบังคับให้กินยานอน

นอน...ทั้งวันแล้วเนี่ย  ผมพลิกตัวไปมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด  ถ้าคิดจะขยับพ่อเจ้าพระคุณก็จะมาอุ้มผมทันที ราวกับเป็นง่อย

ถึงจะเจ็บ....แต่ผมก็อายนะ  โดยเฉพาะสายตาเพื่อนๆ ของภาคที่มองมา  รอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากของพี่ต้นกับพี่ไม้นั่นอีก

ด้วยความสนิทกันมานาน ผมรู้ว่าพี่ต้นกับพี่ไม้รู้เรื่องระหว่างเราดี  แต่พี่อ๋อมอะไรเนี่ย....ไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัวเลย

แถมพี่เค้าเข้ามาตอนผมเปลือยกายล่อนจ้อน  โอยย ~ อยากจะมุดดินหนี  ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ก็ร่องรอยบนตัว ทั้งรอยจูบ

รอยดูด รอยข่วน  จ้ำทั้งหลายแหล่ ที่เห่อแดงบนตัวผม และภาค  อยากจะบอกว่าต่างคนต่างไม่น้อยหน้ากันเลยทีเดียว

มีแต่ภาคเท่านั้นแหล่ะที่ยังทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ โชว์รอยสีแดงหราอยู่บนคอตัวเองได้แบบไม่มีการปกปิด  ผมที่ต้องเผชิญ

หน้ากับพี่อ๋อมครั้งแรก เล่นเอาไปไม่เป็นเลยทีเดียวได้แต่อายจนหน้าแดง ซ่อนตัวอยู่หลังภาค ต้องยอมให้ภาคอุ้มไปแนะนำ

แล้วก็อุ้มกลับมาวางที่เตียงนี่แหล่ะ  พอจะขัดก็เห็นสายตาดุๆ  ที่มองมาที่ผมจนตัวเกร็งไปหมดต้องยอมตามใจแต่โดยดี

ไม่รู้ผมคิดมากไปรึเปล่าที่เห็นรอยยิ้มของพี่อ๋อมค่อนข้างเศร้า  มันดูเจื่อนๆ แฝงความเจ็บปวด  ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกอย่างนั้น

ก็แค่หวังว่าคง....จะไม่เป็นอย่างที่ผมคิดหรอกนะ อย่างน้อย..... ผมก็ต้องเชื่อใจคนของผม

(อ๊ะ!!   คนของผมเหรอ  >///< อ๊ากกกกกกกก  เขินนน )

“จ๊อกกกกกกก~”   นอนกลิ้งไปมาอยู่สักพัก ท้องก็ร้องนั่นสินะ นี่มันจะทุ่มหนึ่งแล้ว แต่ทุกคนยังนั่งทำรายงานอยู่เลย

หิวจนบอกไม่ถูก  ผมค่อยๆ ชันตัวลุกขึ้นนั่งเพราะเริ่มนอนไม่ไหวแล้ว  ค่อยๆ เหยียดขาลงพื้นเตียง  รู้สึกว่าน่าจะพอเคลื่อนไหว

เองได้แล้วน่า  ถึงจะไม่ถนัดมาก แต่ก็พอได้อยู่ ไม่อยากรบกวนคนอื่นๆ ที่กำลังทำงานอยู่  พอลุกขึ้นยืนได้ ผมดีใจมาก

ค่อยๆ ก้าว ช้า ๆ ราวกับหุ่นยนต์ เกร็งร่างกายให้เหมือนผมไม่ได้เจ็บด้านหลัง พยายามเดินให้มันปกติด อีกแค่สามก้าว
ก็จะถึงประตูห้องแล้ว

“แกร๊ก”  ผมหยุดชะงัก เผลออ้าปากค้างด้วยความตกใจ เพราะสุดหล่อตรงหน้าที่ทำหน้าถมึงทึง จ้องมาที่ผมตาไม่กระพริบ

แถมสีหน้าแววตาที่ดูจะคาดโทษหนักๆ ให้ผมซะด้วย  กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

“จะไปไหน ทำไมไม่ยอมฟังภาคเลยหึ?”  คนถามหน้ามุ่ยสาวเท้าก้าวมาหาผมอย่างรวดเร็ว แล้วอุ้มผมจนตัวลอยราวกับเป็น

เจ้าสาว  ผมรีบคว้ากอดคออีกฝ่ายไว้แน่น ด้วยกลัวจะร่วงลงที่พื้น ด้วยความสูงขนาดนี้ตกไป เจ็บชัวร์...คอนเฟิร์ม!!

“ก็...ก็แพนหิวนี่นา”   ผมว่าเสียงเบาหวิว  ราวกับเด็กที่พึ่งถูกจับได้ว่าทำผิด  ผมเห็นสีหน้าของภาคอมยิ้มนิดๆ

“ทำไมไม่เรียกภาคหล่ะครับ  เราไม่สบายอยู่นะ เดินมากๆ ไม่ดีรู้มั้ยเดี๋ยวจะหายช้า”  ภาคพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นกดหอมมาที่

แก้มผมเบาๆ ทำเอาร้อนๆ หนาวๆ กันเลยทีเดียวก็อยู่กันสองคนที่ไหน ผมเห็นดวงตาช่างอยากรู้อยากเห็นอย่างน้อยก็ 2 คู่

ที่แอบมองลอดผ่านช่องประตู  แล้วหันไปกระซิบกันก่อนจะหัวเราะคิกคัก ๆ  เล่นเอาผมเริ่มจะไม่อยากออกจากห้องจริงๆ ซะแล้ว
“ก็ภาคทำงานอยู่แพนไม่อยากกวน  อีกอย่างแพนก็พอจะเดินได้แล้วด้วย”    ผมหันไปพูดกับอกอีกฝ่าย

“เห้อ~  ไม่เคยจะฟังกันเลยคนอุตส่าห์เป็นห่วง  รู้มั้ยครับว่าพี่เป็นห่วงเรามากเลยนะ รู้มั้ย?”

“รู้ครับ”  ผมพยักหน้าตอบกลับไปด้วย   
“รู้ก็ดีแล้ว  ภาคขอวันหนึ่งนะ วันนี้ห้ามเดินโดยที่ไม่จำเป็นเด็ดขาดนะ พักผ่อนเยอะ ๆ โอเคป่าว?”

“แต่แพนนอนจนเบื่อแล้วนี่นา”

“งั้นก็ออกไปอยู่ข้างนอกกับภาคนะ”

“แต่..”

“ไม่มีแต่ตามนี้แหล่ะ”   

ว่าแล้วคนเอาแต่ใจก็อุ้มผมไปทั้งอย่างนั้นแหล่ะ ไม่เคยอับอายเพื่อนอะไรหรอก ทำเฉยๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติ  เดินผ่าน

พี่ต้น ที่นั่งกันอยู่บนโซฟาตัวเล็กด้านซ้าย เข้าไปนั่งที่โซฟาตัวยาวตรงกลางที่วางชิดกับผนังห้อง ภาคเอนตัวลงนั่งเบาๆ

จนทิ้งน้ำหนักทั้งตัวลงบนโซฟาเป็นที่เรียบร้อยโดยมีผมอยู่บนตัก  ผมเลยขยับตัวเพื่อจะลงไปนั่งบนโซฟา  มือแข็งแรงของภาค

กลับกระชับกอดที่เอวผมแน่น ผมหันไปมองหน้าภาคด้วยความสงสัย  พ่อตัวดีหันมายิ้มแป้นให้ผม ยักคิ้วอีกสองขยัก

ก้มหน้ามากระซิบเบาๆ 

“ขอกำลังใจหน่อยครับ  ผมทำรายงานเหนื่อย”  น้ำเสียงออดอ้อนกระซิบแผ่วเบา   ทำเอาหลุดขำเล็ก ๆ แต่ก็อายเกินกว่า

จะนั่งได้  ส่ายหน้าน้อยๆ แทนคำตอบ พยายามแกะมือกาวออก แต่อีกฝ่ายยังไม่ยอมปล่อย  ก้มหน้ามากระซิบกระซาบ

กันอีกรอบ  ไม่ได้สนใจสายตาคนรอบข้าง

“นะนะ  ถ้าไม่ยอมให้กอด เดี๋ยวภาคขอ....หึหึ   แบบอื่นนะครับ”   จมูกคมเฉียดแก้มผมเบาๆ  ทำเอาย่นคอหนีแทบไม่ทัน

แต่ก็ทันเห็นยิ้มหวาน  กับแววตาเจ้าเล่ห์ของพ่อตัวดีเข้าจนได้  เลยได้แต่ยอม....นั่งนิ่งๆ  ให้อีกฝ่ายโอบเอวหลวมๆ บนตัก

ที่ดูแข็งแรงมั่นคงของอีกฝ่าย  หัวใจมันทั้งฟูฟ่อง  ทั้งเขินอาย  ยิ่งหันไปหันสายตาของพี่ต้นกับพี่ไม้ที่มองหน้ากันยิ้มๆ แล้ว
ยักคิ้วส่งกันไปมา ราวกับกำลังคุยกันทางสายตานั่นปะไร  แถมยังนั่งขนาบข้างทั้งซ้ายและขวา  ก็แซวกันยกใหญ่ ทำผมอายม้วน

ส่วนพิ่อ๋อมนั่งอยู่บนพรมที่พื้นมือพิมพ์รายงานไปเรื่อยๆ พยายามไม่หันมาสนใจเท่าไหร่นัก 

“เหวยๆ ไงครับน้องแพน  ไม่กลับไทยนาน กลับมาทีนี่ถึงกับเดินไม่เป็นเลยใช่ป่ะเนี่ย ไอ้ภาคถึงต้องอุ้มตลอดเลย หึหึ”  พี่ต้นว่า

“โหยพี่ต้นอ่ะ”   จะเถียงก็เถียงไม่ออก เพราะผมยังนั่งอยู่บนตักภาค พ่อตัวดีก็ยิ้มร่าแต่ไม่ยอมปล่อยมือซะที

“เออ  กุก็ว่างั้น กลับมาคราวนี้สงสัยได้เปลี่ยนสถานะจากน้องเป็น....................................................ลูกว่ะ

ประคบประหงมซะไม่อายกันเลยนะครับ  ฮิ้ววววววว  ”  แซวจบ พี่ไม้กับพี่ต้นก็ยื่นมือมาแปะมือกันต่อหน้าต่อตา

“พี่ไม้อ่ะ”   อายจนไม่กล้าพูดอะไรต่อ  ได้แต่ทำหน้างอนๆ ใส่คนนั้นที คนนี้ที  ผลตอบรับคือรอยยิ้มขำๆ

“พวกมึงอ่ะ...เลิกแซวได้แล้ว ดูสิ....น้องบู้หน้าจนจะกลายเป็นปลาบู่อยู่แล้ว ฮ่าๆๆ”  เออ แทนที่จะปกป้อง ลงไปเล่นเองซะนี่

“เออ เชี่ยนี่.. ดุจริงๆ  น้องแพนครับฝากสั่งสอนไอ้หมาบ้านี่ด้วยนะครับว่าอย่าให้มันดุมาก  ว่างๆ ก็ให้มันกินน้ำตาลเยอะๆ ”

“ไอ้ไม้  มึงนี่นะพูดไม่คิด หมาบ้านกูถ้ากินน้ำตาลเยอะมันจะดุเว่ย  ฮ่าๆ  น้องแพนอย่าให้มันกินน้ำตาลนะ  พี่ว่านะ

ให้มันกิน............. (จะเว้นนานเพื่อ?)...................   อย่างอื่นแทน มันอาจจะเชื่องขึ้นก็เป็นได้  ฮิ้ววววววววววววววว”   

แล้วพี่ไม้กับพี่ต้นก็ส่งเสียงรับกันเป็นลูกคู่   มีเพียงพี่อ๋อมคนเดียวที่ยิ้มแห้งๆ ตามมารยาท แต่ดูไม่ได้รู้สึกขำสักเท่าไหร่

“หึหึ...  เออ พวกเหี้ย..พึ่งพูดดีก็วันนี้.”   ภาคตอบกลับริมฝีปากฉีกยิ้มกว้างจนหน้าหมั่นไส้ แถมหันยักคิ้วหลิ่วตาให้ผมอีกแน่ะ

“ภาคคคคคคคอ่ะ ตุ๊บๆ!!”   ผมทุบภาคไปหลายตุบ  ทั้งโมโห ทั้งอาย ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว  อยากจะมุด

ดินหนีซะตอนนี้   ร้อนผ่าวไปทั่วหน้า  รู้เลยว่าตอนนี้คงแดงเป็นลูกตำลึกสุก

“โอ๊ยย....  ยอมแล้วคร๊าบบบบบ....  ป่ะๆ ไปหาอะไรกินกัน วันนี้พูดถูกใจกูเลี้ยงเอง หึหึ ”

“อร๊ายยยยยยยยย  ป๋าภาคฮับเลี้ยงต้นบ่อยๆนะครับ   กูชอบบบบบบบบบบบบบบบบ”  พี่ต้นแกล้งทำสะบัดสะบิ้งวิ่งมาทุบ

ไหล่ภาคเบาๆ แบบหยอกเอิน  ซุกหัวถูไถไหล่  และเหมือนเจ้าตัวจะรู้ทันเบี่ยงตัวหลบนิด  แต่ก็ไม่พ้นระยะแขนล่ำๆ ที่ทุบลงมา

เล่นเอาฮากันทุกคน   ภาคผลักหน้าพี่ต้นออก 

“ไอ้ต้น...แม่งสยอง   ป่ะไปกันได้แหล่ะ   แพนอยากทานอะไรครับหืม?”   ภาคโน้มหน้ามาถาม นั่นสินะ....ทานอะไรดี

“อะไรก็ได้อ่ะ  อันไหนที่คิดว่าแซ่บก็พาไปเลย”

“ได้ครับตามนั้น  พวกมึงอ่ะกินไร”

“กูอยากกินปูปลาร้า แซ่บๆ อะ”

“เออ ดีๆ  กูอยากซดเบียร์เย็น ด้วยว่ะ”

“แล้วอ๋อมอ่ะว่าไง?  ไปด้วยกันมั้ย?”   ภาคหันไปถามพี่อ๋อม  เธอยิ้มน้อยๆ ตอบกลับ  ส่ายหน้าปฏิเสธ

“เอาไว้โอกาสหน้าดีกว่านะ วันนี้เราต้องกลับไปทานข้าวกับที่บ้านจ๊ะ”

“ถ้างั้นไม้ไปส่งอ๋อมดีกว่า เดี๋ยวกูตามไปทีหลังนะ”    พี่ไม้หันมาบอก  ภาคกับพี่ต้นพยักหน้า เตรียมเก็บของจะออกไป

“ไม่เป็นไรอ๋อมเกรงใจน่ะ”   พี่อ๋อมว่า แต่ตาเสมามองภาคที่โอบแขนที่เอวผมไม่ปล่อย  ผมหันพี่ต้นกับภาคมองหน้ากัน

แล้วอมยิ้มเล็กๆ

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกอ๋อม  ไอ้ไม้มันชอบเป็นทาส.....  รองรับไว้พิจารณาดูน่ะ  รับว่ามันจะปรนนิบัติพัดวีเป็นอย่างดี”

พี่ต้นว่าแซว ๆ  ภาคถึงกลับหลุดขำเล็ก  แต่พี่ไม้นี่ยิ้มกว้างเลย  ผมก็ยิ้มงงๆ เพราะไม่เข้าใจเรื่องราวเท่าไหร่

“ใช่ครับอ๋อม อย่าคิดมากน่า... เราชอบบริการ  เพื่อนคนไหนเราก็ไปส่งทั้งนั้นแหล่ะ”

“เหรอออออออออ // เหรออออออออออ   ฮ่าๆๆๆๆ”  ภาคกับพี่ต้นพูดพร้อมกัน แล้วหัวเราะกันยกใหญ่ พี่ไม้ชี้ไม้ชี้มือคาดโทษ

ทั้งที่ริมฝีปากยกยิ้มแก้มแทบปริ   สุดท้ายเหมือนขัดไม่ได้ พี่อ๋อมเลยต้องตกลง

“จ๊ะ”



.

.

.

สรุป เรา สี่คน  ผม ภาค พี่ต้น พี่ไม้  มาสิงสถิตย์อยู่ร้านอาหารอีสานแห่งหนึ่ง อาหารรสจัดสะเด็ดสะเดาถูกสั่งมาทุกประเภท

พร้อมเบียร์เย็นสองแก้ว น้ำเปล่าอีกสองแก้ว  ภาคไม่ดื่มเพราะต้องขับรถ ส่วนผมถูกห้ามดื่มซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร

บรรยากาศดี อาหารอะไร  แต่ก็ไม่เท่าคนที่ถูกใจที่นั่งอยู่ข้างๆ  พวกเราคุยกันอยู่หลายเรื่อง  เป็นเรื่องราวระหว่างที่ผมไม่อยู่

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่นี่ หรือเรื่องการใช้ชีวิตของผมที่นั่น   ความลำบาก อดทน  โดนรังแก  และเพื่อนที่คอยช่วยผมเสมอ

แม้ภาคดูจะไม่ค่อยพอใจนักเมื่อผมเอ่ยถึงโรเบิร์ต  แต่ก็รู้สึกได้ว่าภาคเองก็ขอบคุณที่เค้าคอยดูแลผมให้  เรื่องต่างๆ มากมาย

ทะยอยออกจากปากของเรา  เรื่องหน้าแตกของภาคก็มีนะ  พี่ต้นขอให้ภาคเอาขนมไปส่งสาวที่พี่แกแอบเล็งไว้ทุกๆ วัน

จนวันหนึ่งผู้หญิงทนไม่ไหวหันมาบอกภาคว่า 

“ขอโทษนะ พอดีเราไม่ได้ชอบผู้ชายอ่ะ  เลิกตื้อเราได้แล้วแฟนหวง” เท่านั้นแหล่ะครับฮากระจาย   ภาคได้แต่ทำหน้างง ๆ

 เพราะไปทุกครั้งก็บอกว่าเพื่อนฝากมาให้  สาวเจ้าดันเข้าใจผิดว่า ภาคเนียนจะจีบเองแล้วแกล้งบอกว่าเพื่อนจีบ ตอนนั้น

เลยได้อกหัก  แบบ ยังไม่ทันได้รักเลยด้วยซ้ำ แถมยังงง ๆ มาเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง สรุปน้องคนนั้นเป็นเลสเบี้ยน

หรือแม้กระทั่งเรื่องมาสาวมาทะเลาะกันแย่งภาค   ตอนพักเที่ยงหลังทานข้าวเสร็จก็ขึ้น  ไม่นานได้ยินเสียงผู้หญิงทะเลาะกัน

อยู่หน้าห้อง แว่วๆ ว่า คนนั้นเป็นแฟนชั้นนะ   แต่อีกฝ่ายก็พูดแบบเดียวกัน  เถียงกันอยู่นาน  ภาคดันปวดฉี่เดินออกมาพอดี

สองสาวที่ว่าหันมามองหน้าภาคสีหน้าโกรธจัด พร้อมกับคาดคั้นเอาเป็นเอาตาย

“สรุปว่าภาคจะเลือกใคร  แนน หรือ ปาย?  จะเลือกใครก็ว่ามา?”  ภาคถึงกลับอึ้งจำไม่ได้ว่าไปทำให้ใครรู้สึกพิเศษตอนไหน

เงียบอยู่นาน  ความอดทนของภาคก็หมดลง  หลังจากเล่นจ้องหน้ากันพักใหญ่ ภาคก็ตัดสินใจเลือก

.

.

.

.

“เราเลือก........................................................................ห้องน้ำ ส่วนเธอสองคนก็เป็นแค่เพื่อนน่ะแหล่ะดีแล้ว”

พูดจบก็วิ่งหนีไปเข้าห้องน้ำเลย  ปล่อยให้เพื่อนขำกันจนท้องแข็งทั้งห้อง   เป็นข่าวโด่งดังทั้งสองเรื่องที่ยังมีคนพูดถึงอยุ่

และอีกมากมาย  ผมฟังขำจนปวดท้อง  คุยไปกินไป อาหารหมดตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้  พี่ไม้ก้มดูนาฬิกา 

“เฮ้ย.. จะสี่ทุ่มแล้วกลับกันเถอะ พรุ่งนี้เรียนเช้า” 

“เออ.. ก็ดี  กูง่วงแล้ว”  พี่ต้นเห็นด้วย  หลังเครียร์ค่าอาหารเสร็จต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับ 

.

.

.

.


ถึงคอนโดภาคชวนผมอาบน้ำด้วยกัน  ซึ่งผมอิดออด...  แต่ก็ได้ไม่นานหรอก เพราะอีกฝ่ายขู่ว่า


“ถ้าไม่อาบ งั้น......ภาคทำอย่างอื่นนะ  หึหึ”  สุดท้ายผมก็เลยต้องยอมแต่โดยดี  ภาคขัดทั้งตัวผมไม่ได้ล่วงเกินมากไปกว่านั้น

จนเราอาบน้ำเสร็จ ผมทั้งเหนื่อยทั้งง่วง แต่อีกฝ่ายตาแป๋วเหลือเกิน มองผมยิ้มๆ อยู่ตลอดเวลา  ผมซุกตัวลงบนเตียง

และภาคนอนตามมาติดๆ  แขนแข็งแรงดึงผมไปกอด ผมมุดตัวเข้าหาอกกว้างที่โอบกอดผมอย่างอ่อนโยน

“คิดถึงจนแทบขาดใจรู้มั้ยครับ?”

“แล้วเป็นคนเดียวหรือไง  แพนก็คิดถึง”  ผมพูดอู้อี้อยู่กับอกภาค  ภาคไล้มือมาที่แก้มผมเบาๆ พร้อมกดจูบบนหัวผม

“ขอบคุณนะแพน  ที่ไว้ใจ ขอบคุณที่ยอมให้ภาค...”กอดแพน” .....ภาครอมานาน แต่มันก้คุ้มที่รอนะ”

“แล้วทำไมถึงเป็นแพนหล่ะ”

“ไม่รู้สิ...รู้แต่ว่าทุกๆ อย่างในชีวิตภาค  มันมีแค่ “แพน” คนเดียวเท่านั้นแหล่ะ  ไม่ต้องการใครเลย ภาคเคยลองพยายามแล้ว
แต่แพนรู้ไหมยิ่งพยายามมากเท่าไหร่  มันก็ยิ่งทำให้ภาครู้ว่าภาค”รักแพน” และก็คง “รักได้แค่แพน” คนเดียว”

ภาคกระชับกอดผมแน่นขึ้น ขณะที่ผมก็กอดตอบหนักแน่นไม่แพ้กัน  หัวใจเต้นแรงจนได้ยินเสียงหัวใจกัน

ทั้งโล่งอก ทั้งดีใจ ความปิติยินดีมันถาโถม มันเติมเต็มความรู้สึกจนอิ่มเอม  ดีใจจนอยากจะร้องไห้ ได้แต่ตะกองกอดกัน


“ขอบคุณนะภาค  แพนเองก็เหมือนกัน ถ้าชีวิตนี้ไม่มีภาค ก็ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง มันเหมือนเป็นลมหายใจทั้งหมดที่มี

ที่ผ่านมาทั้งกลัว ทั้งเจ็บ  ทั้งเสียใจ  ไม่อยากดึงภาคให้ต้องมาเป็นแบบนี้ด้วยกัน บางทีก็คิดว่าถ้าไม่มีแพนสักคน

ภาคเองก็คงจะมีชีวิตที่ปกติ มีคนรักที่เป็นผู้หญิงดีๆ สักคนแน่ๆ”   พูดได้แค่นั้นน้ำตามันก็ไหลออกมาดื้อๆ ความกลัวทั้งหลาย

มลายหายไปแล้ว  แต่ความรู้สึกผิด และเสียใจก็ยังคงอยู่มันกัดกินจนใจกร่อน  ยิ่งคิดถึงน้าณี และลุงนพแล้วด้วย ไม่รู้ว่าผม

จะมองหน้าท่านได้อย่างไร  ที่สำคัญพ่อกับแม่ผม จะรับเรื่องนี้ได้ไหมผมไม่รู้   ภาคไล้มือเกลียน้ำตาที่เปียกชื้นไปทั่วใบหน้าผม

กดจูบที่หน้าผากเบาๆ ไล่มาที่ดวงตา  และริมฝีปาก แม้จะแผ่วเบาแต่กลับอบอุ่น  เราสบตากัน

“อย่าร้องไห้ครับคนดี เลิกรู้สึกผิดได้แล้ว ภาคเลือกแล้ว และเลือกมานานแล้วด้วย ถึงไม่มีแพนอยู่ ภาคก็คงรักใครไม่ได้แล้วหล่ะ

เผลอรักแพนไปจนหมดใจแล้ว  เรื่องอื่นไม่ต้องกลัวภาคพร้อมจะสู้ไปพร้อมๆ กับแพน  “ขอแค่เราได้รักกัน”

.

. ขอแค่ได้รักกัน แค่นั้นก็พอ”

   





หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ขอบคุณ P.7 11/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 11-01-2013 01:20:40
อ๋อมเธอคงต้องทำใจแล้วล่ะ ไปคบกับต้นหรือไม้ดีกว่าเค้าสองคนยังว่างอยู่ แต่อย่ายุ่งกับภาคแพนเลย เค้าน่ารักอยู่แล้ว รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ขอบคุณ P.7 11/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 11-01-2013 06:41:24
-ขอให้ทั้งคู่ผ่านอุปสรรคที่จะเกิดขึ้นให้ได้นะ

ส่วนน้องอ๋อม ลองหันไปพิจารณาคนที่รักเราดีไหม อย่ารักคนมีเจ้าของเลย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ขอบคุณ P.7 11/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 11-01-2013 08:11:30
เอาใจช่วยทั้งสองคนเลยอะ ผ่านให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ขอบคุณ P.7 11/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 11-01-2013 13:05:12
อ๋อม ตัดใจซะเถอะ ยังไงภาคก็ไม่มองเธอหรอก  :laugh:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ขอบคุณ P.7 11/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 11-01-2013 13:34:16
 :กอด1: :กอด1:   น่ารักอ่อ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ขอบคุณ P.7 11/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 11-01-2013 19:10:55
เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่จ้ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ขอบคุณ P.7 11/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 12-01-2013 10:15:23
เป็นกำลังให้ภาค+แพน และคุณทัศด้วยน่ะจ้ะ มาอัพบ่อย ๆ น่ะ หายไปนานคิดถึงจ้ะ  :impress3: ต่อไปคงถึงชีวิตการเรียนของแพนที่เมืองไทยแล้วสิน่ะ อยากอ่าน ๆ :o8:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ขอบคุณ P.7 11/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 12-01-2013 10:57:59
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:ภาครักน้องแพนดนเดียว :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


น้องแพนก็รักพี่ภาคคนเดียวเหมือนกัน :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


รออออออออออออออจ้า :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :call: :call:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ขอบคุณ P.7 11/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 12-01-2013 15:15:48
จริงอะ ไม่อาจจะเชื่อ ความซื่อสัตย์เท่านั้นจะทำให้รักคงอยู่
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ขอบคุณ P.7 11/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 12-01-2013 18:39:18
น้องแพนน่ารักจริงๆๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..ขอบคุณ P.7 11/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 12-01-2013 19:26:29
อ่านแรกๆ นึกว่าเรื่องนี้จะดราม่าหนัก ภาคแอบรักข้างเดียว
แพนไม่สนใจ อ่านไปเรื่อยแพนดูจะเริ่มเปลี่ยนไป แต่ก็ยัง
ไม่เคลียร์เทาไหร่ กว่าจะแน่ใจว่ารักภาคนี้ก็นานเหมือนกันนะ
ตอนนี้ก็กลับมาแล้ว กอดกันแล้ว ต่อไปก็หวานมากๆนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..คำถาม P.7 13/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 13-01-2013 23:01:23
ตอน  คำถาม



ค่ำคืนวานนี้เราโอบกอดกันแนบแน่น  ด้วยความรักและคิดถึง มันทั้งถวิลหา  ต้องการ แยกไม่ออกว่าส่วนไหนมันมากกว่ากัน

รู้แต่ทุกๆ อย่างรวมเป็นคนตรงหน้าคนนี้   น้องซุกตัวเข้าหาอกผมอย่างคุ้นเคย ผมก็วาดแขนโอบกอดไอ้ตัวเล็ก

แทบจะจมหายไปกับอก ราวกับว่าถ้าปล่อยมือออก ทุกอย่างตรงหน้าจะมลายหายไปกระนั้น   ...... อยากเก็บความรู้สึกตอนนี้

ตอนที่มีความสุขเอาไว้.... สุขซะจนไม่อยากให้วันพรุ่งนี้มาถึงด้วยซ้ำ  นึกถึงถ้อยคำเหล่านั้น.....ผมเองก็เข้าใจ

 สิ่งที่น้องหวาดกลัวและรู้สึกผิด ผมเอง......ก็ไม่ต่าง  ล้วนผ่านการใคร่ครวญสิ่งที่น้องกังวลมาแล้วทั้งนั้น

ใช่ว่าจะเก่งกล้าสามารถมาจากไหน หรือใช่ว่าจะไม่กลัว   สิ่งที่น้องพูดมาเมื่อครู่.....มันถูกทุกอย่าง ครอบครัวเราสนิทกันมาก

พ่อแม่ทั้งผมและน้องล้วนคิดว่าที่เราสนิทสนมกันมาอย่างยาวนานนั้น เป็นความสัมพันธ์ฉันพี่น้อง  หากแต่....ความจริงแล้ว   

ผมกับแพนได้ก้าวข้ามผ่านเส้นบางๆ นั่นมาเนิ่นนานแล้ว   ในความรู้สึกสับสนและงุนงง  ระหว่างคำว่า “เป็นห่วง” 

กับคำว่า “หวง” เกินความจำเป็นนั่นแหล่ะ ผมถึงได้เข้าใจว่าความรู้สึกทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้น ที่กำลังคอยปั่นป่วน

ความรู้สึกข้างในใจของผมจนว้าวุ่น มันมากเกินกว่าจะเป็นความรู้สึก.... ระหว่างพี่กับน้อง

หากแต่มันเป็น ความหวงแหน ต้องการที่จะครอบครอง  ต้องการที่จะเป็นเจ้าของ นี่หรือเปล่าที่เค้าเรียกว่า “ความรัก”


และนี่มันก็เกินกว่าที่จะทำให้เรากลับไปยืนจุดเดิมได้  ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ความรู้สึกมันค่อยๆ โตขึ้น  อาจจะเป็นเพราะ

“จูบแรก”  ผมไม่รู้ว่าแพนจะเรียกมันว่าจูบหรือเปล่า  ด้วยความเข้าใจผิดแบบเด็ก ผมไล้ลิ้นเลียไปที่ริมฝีปากบางของอีกฝ่าย

จำได้แต่มันนุ่มหยุ่น  รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก  รู้สึกชอบมากๆ  มากเสียจนอยากจะทำบ่อยๆ  แต่ในความเป็นเด็ก

ผมไม่เคยคิดว่ามันแปลก หรือแตกต่างอะไร ก็แค่ “ความชอบ”  ไม่ได้คิดว่ามันจะล่วงเลย...มาจนถึงความสัมพันธ์แบบนี้



สำหรับแพน...ที่ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองฮอทแค่ไหน  คิดเหรอว่าไม่มีใครอยากจะเข้าใกล้   ผู้คนมากมาย...พยายาม

หยิบยื่นความสัมพันธ์ที่มันก้าวล้ำเกินกว่าคำว่าเพื่อน ถ้าไม่มีผมที่คอยกันไว้  ป่านนี้...ก็คงเสียน้องไปแล้ว   เห็นแก่ตัวใช่ไหม? 


ก็จริง  ...คงไม่เถียง  หลายคนที่ค่อนข้างชัดเจนว่าแค่...อยากลอง....     อยากครอบครองแล้วก็เขี่ยทิ้ง  มีเพียงบางคนที่ผมเข้า
ตา.

....  เป็นคนดี    ที่ผมคิดว่าเค้าเหล่านั้นคงทำให้น้องมีความสุขได้ ...แม้จะไม่มีผม   ถึงจะเจ็บบ้าง   แต่บางครั้งมันก็เกินกว่า

จะหาเหตุผลข้างๆ คูๆ มาอ้าง  ....เพียงเพื่อเก็บน้องไว้เป็นของผมคนเดียว    “แพน”  เองก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกคนได้รักได้พอๆ กับ
ผม   

ณ เวลานั้นที่ทำได้เพียงเฝ้ามอง ปล่อยให้แต่ละฝ่ายได้ลองศึกษากัน  มันก็เจ็บ....จนบอกไม่ถูก  แทบอยากจะทำลาย

คนที่เข้ามาใกล้ให้หายไป   แต่....ก็ทำได้แค่มอง หงุดหงิดจนแทบบ้า... ถึงได้รู้ว่าเผลอ “รัก”  น้องไปมากแค่ไหน  แต่ทำไงได้

น้องเองก็มีหัวใจ ดังนั้นคนที่เลือกย่อมเป็นน้อง ในเมื่อที่ผ่านมา  แพน ไม่เคยบอกสักครั้งว่า  รักผม เกินไปกว่าคำว่า พี่ชาย

เลยต้องยอม  แบบไม่มีเงื่อนไข  เฝ้ามองอย่างหมาที่พักดีต่อเจ้าของ  ...  ต่อให้นายมัน “ไม่รัก”  แต่ก็ยัง “ซื่อสัตย์” กับเจ้าของ
มัน

“แค่คนเดียว”    หลายต่อหลายครั้ง.....ที่คิดจะเลิก “แอบรัก”  เพราะทั้งหยอด ทั้งหลอกถามก็แล้ว  คำว่า “รักแบบพี่ชาย” 


มันก็โผล่มาเสมอ  เจ็บจนท้อ  แต่ก็.....ไม่เคยหยุดรัก   ทำยังไงก็เลิกไม่ได้  ห้ามก็แล้ว  เตือนตัวเองก็แล้ว ด่าตัวเองก็แล้ว

หลบหน้าก็แล้ว  ทำไม.....หยุดรักไม่ได้สักครั้ง   สุดท้าย....เมื่อเลิกไม่ได้ผมก็เลยตัดสินใจที่จะเดินเครื่องเต็มร้อย

แล้วสุดท้าย.....ก็สมหวังเสียที   ดีใจเหลือเกินที่ไม่คิดจะหยุดตั้งแต่ตอนนั้น ผมว่าน้องเองก็รักผม  ใครหลายคนที่เข้ามา

น้องก็ปฏิเสธได้อย่างอ่อนโยน  ถ้าไม่ใช่ว่าน้อง ก็มีใจให้ผมเหมือนกัน  ก็ยังไม่เห็นเหตุผลข้อไหนที่จะทำให้น้อง ไม่รัก คนเหล่า
นั้น

ส่วนเรื่องครอบครัวของเรา ไม่ใช่ผมไม่กลัว  ตอบได้เลยว่า “กลัว”  ถึง “กลัวมากที่สุด”  แต่ถ้าต้องเลือกระหว่าง “เลิกรักแพน” 

กับต้อง “โดนครอบครัวเราเกลียด” ผมยอมที่จะเสี่ยงมีปัญหา  จะหนักหนาแค่ไหน.....ก็จะสู้จนสุดใจ  ผมเชื่อ....ไม่ว่ายังไง

พวกท่านก็ต้องเห็นความสุขของพวกเรามาก่อน

.

.

.

.

.

“ตื่นแล้วเหรอครับ?”  น้ำเสียงอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยเอ่ยถามเบาๆ ผมกระพริบตาถี่  ราวกับนี่มันเป็นเพียงความฝัน 


ความฝัน......ที่ผมเคยฝันถึงเมื่อเนิ่นนามมาแล้ว   จ้องมองรอยยิ้มที่คิดว่าหล่อที่สุดในสายตาผม  คุณเคยไหม ....

ที่หลงรักใครคนหนึ่งโดยไร้เหตุผล  รู้แค่ว่าอยากอยู่ใกล้  อยากให้สายตาของเค้าคนนั้นจ้องมองมาที่ผม ..เพียงคนเดียว

ไม่รู้ว่ามันเป็นรักแบบไหน  แค่มองไปทางไหน ก็เห็นเพียงคนๆ นี้ยืนอยู่ข้าง  ในวันที่สุขใจ  เศร้าใจ  เสียใจ  เจ็บปวด
ก็จะมีเค้าคนนี้ยืนอยู่ข้างๆ เสมอ ทั้งคอยโอบกอด ปลอบใจ หรือแม้แต่ซับน้ำตาให้ เลยเผลอรักไปหมดใจ  ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจ

ว่ามันเป็นรักแบบไหนด้วยซ้ำ 

“อืมมม”  ตอบกลับด้วยน้ำเสียงงัวเงีย  โน้มคออีกฝ่ายลงมา ให้ใบหน้าอยู่ในระดับที่ริมฝีปากจะประทับถึง

“จุ๊บ...”  แตะมันลงไปเบาๆ ที่หน้าผากของอีกฝ่าย


“หึหึ.... ”  ได้เห็นรอยยิ้มมุมปากตามแบบฉบับของภาค   ดูดีจนไม่อยากละสายตาไปไหน  เผลออมยิ้มทุกครั้งที่ได้มอง

“อย่ายั่วกันนักสิ  รู้มั้ยว่าภาคทนไม่ไหว  ....จุ๊บ”   มือแข็งแรงสอดเข้าที่ท้ายทอยผม ค่อยๆ เหนี่ยวรั้งให้มันแหงนหงาย

แล้วประทับจูบลงที่ริมฝีปากอย่างอ่อนโยน  โดยมีผมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

“อื๊อออ~   อย่า”  เมื่อเห็นว่าเนิ่นนานเกินกว่าจะแค่เป็นจูบทักทายยามเช้า พร้อมๆ กับมืออีกข้างที่เริ่มสอดเข้ามาในเสื้อนอน

ลูบไล้ไปมา  เห็นท่าจะไม่ดี...เลยดัน อกกว้างของอีกฝ่ายให้ผละออก

“บ้า...ใครไปยั่วภาคกัน   แค่จุ๊บอรุณสวัสดิ์หรอก”   ผมเบ้ปากใส่คนตรงหน้าแบบหมั่นไส้เต็มที่

“ฮ่าๆๆ  เหรอ ภาคก็จูบบบบบบบ....  อรุณสวัสดิ์เหมือนกันนะ.”   พ่อตัวดียกยิ้ม หูตาแพรวพราว 


“เลิกยิ้มเลยภาค  ชิส์”  ทุบเข้าให้   โทษฐานทำตัวหน้าหมั่นไส้   แต่รู้สึกว่าพ่อตัวดีไม่ยักกะรู้สึกเจ็บเห็นยิ้มแป้นแล้นสบายใจ

เช่นเดิม

“ทำไมถึงกลับมาไทยได้หล่ะครับ?  ไม่เห็นบอกภาคล่วงหน้าเลย”   ฝ่ามือใหญ่เกลียเส้นผมที่ปกหน้าผมออกไปทัดหู

อย่างแผ่วเบา  แล้วไล้นิ้วแข็งแรงเล่นกับแก้มผมอย่างมันมือ ราวกับมันเป็นเล่นถูกใจก็ไม่ปาน  ถูๆ ไถๆ  ไปมา

“โหหห  กว่าจะถามอะ  ทำอะไรแพนไปขนาดนี้ ไม่ต้องถามแล้วมั้ง  รอถามตอนแพนกลับทีเดียวเลยดีกว่า”  ผมว่าประชดให้

“อ้าว!!  เหรออยากได้อย่างงั้นก็ไม่บอก ...  ได้ๆ งั้นรอถามตอนแพนกลับทีเดียว  หึหึ”   โดนกวนเข้าให้ เล่นเอาผมเซ็ง

“นี่แนะ!! / โอ๊ยยยยย”   

“คนเค้าประชดให้รู้มั่งเหอะ”   ทุบอกเข้าให้  อีกฝ่ายกลับหัวเราะร่า  นี่ผมใจดีไปรึเปล่า อาจจะทุบเบาไป ได้ๆ รอบหน้าเอาให้


กระอักเลือดซะดีมั้ย

“คร๊าบบบบบบบ  ภาคล้อเล่นอ่ะ  สรุปว่ายังไงครับหืม?  .... ถึงมาไทยได้  แล้วจะอยู่นานแค่ไหน? กลับไปอีกรึเปล่า?

จะกลับไปบ้านรึเปล่า?  เอ๋...แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่น๊า พ่อกับแม่พี่ไปดูงานต่างจังหวัด แถมจะไปสัมนาต่อ และเลยไปฮานีมูนด้วย

กว่าจะกลับก็เป็นเดือนโน่นหล่ะ ส่วนพ่อแม่เรารึ...ก็พึ่งไปต่างประเทศ เห็นว่าจะไปเรื่องงานอะไรสักอย่าง สองสามประเทศ

ยาวไปถึงปลายเดือนนี่แหล่ะถึงจะกลับ  ว่าไงทำไมไม่ตอบ”  พ่อตัวดี หันมาถามหาคำตอบ  ด้วยการทำหน้าสงสัย ที่ผมบู๊หน้า

ทำท่าเซ็งใส่

 “แล้วจะให้แพนตอบตอนไหน ?”  ผมถามแบบทำหน้าหาเรื่องตอบกลับไป

“เอ๊า...ก็ตอนที่ภาคไม่ได้ถามไง”  พ่อตัวดีทำตาโต ตอบกลับราวกับนั่นเป็นคำถามที่ผมไม่น่าถามออกมา

“ลองไล่คำถามใหม่ได้ป่ะ?”  เห็นยังงี้เลยต้องไล่เบี้ยให้สำนึกผิดขึ้นมาบ้าง

“เอ่อ...........................”   พ่อตัวดีหุบปากฉับ คิ้วขมวดมุ่นทำท่าครุ่นคิด ถึงประโยคยืดยาวเมื่อครู่ที่ตัวเองเอ่ยออกไป

“  =_____ =   ”  ผมนอนมั่งแบบคาดโทษ   สักพักภาคก็ฉีกยิ้มกว้าง  กว้างมากและคาดว่าคงจะหวานที่สุดเท่าที่เคยเห็น

“แหะๆ     แหะๆ”   

“...........” 

“แหะ.......   จำไม่ได้แล้วครับ”   เกาหัวตัวเองเบาๆ แล้วยิ้มเก้อ ๆ มาให้ผม   ส่วนผมก็ได้แต่บู้หน้าใส่

“ชิส์”  สะบัดหน้าหนี พร้อมพลิกตัวหันหลังให้  งอน~  ๆๆๆๆ   แค่หันหลังให้ได้แป๊บเดียว  ผมก็ได้แต่แอบยิ้มกว้าง  แขนแข็งแรง

ของอีกฝ่ายสอดเข้ามาที่ตัวผม  แล้วดึงผมเข้าไปกอด  แผ่นหลังแนบชิดเข้ากับแผ่นอกของอีกฝ่าย  ผมก็แค่...อยากให้อีกฝ่าย
ง้อ

“น่านะ  อย่างอนภาคเลยนะครับ  ยิ่งมีเวลาอยู่ด้วยกันไม่นานด้วย” ภาคกดจูบมาที่หัว และซอกคอผม ผมแกล้งถอนหายใจ

ยืดยาว  ราวกับต้องทำใจเต็มที่  ทั้งที่ความจริงแล้วปากผมกำลังฉีกยิ้มกว้าง   แทบหุบปากไม่ไหว  สุดท้ายก็เกินจะเก็บ

“หายงอนก็ได้  หุหุ”  หัวเราะเสร็จก็รีบม้วนตัวซุกเข้าหาอกของอีกฝ่าย ไวๆ  ซ่อนใบหน้าที่ยิ้มแก้มปริเอาไว้ไม่ให้ภาคทันสังเกตุ

“เดี๋ยวไอ้ตัวดีแกล้งกันเหรอเนี่ย เดี๋ยวโดนๆๆ”   ฟอดด ~  ฟอดด ~  ฟอดด ~  ฟอดด ~  เดี๋ยวตรงไหนกัน  ผมโดนอีกฝ่าย

จับหอมแก้ม จนแก้มระบมหมดแล้ว  ได้แต่เอามือจับแก้มกุมไว้ทั้งสองข้าง อดทึ่งในความไวในการหอมแก้มของอีกฝ่ายไม่ได้

อ้าปากค้าง  ทำหน้าเหวอ  จ้องมองอีกฝ่ายนิ่งๆ  แล้วถอนหายใจยืดยาวด้วยความเหน็ดเหนื่อย อันนี้เหนื่อยจริงๆ หมดแรงต่อสู้

“หึหึ  ...  เลิกปิดแก้มได้แล้วครับ  เล่ามาเร็วคนดี  ภาคอยากรู้ใจจะขาดแล้ว”   ภาคเอานิ้วมาเขี่ยจมูกผมเบาๆ  ผมมองตามนิ้ว

เรียวแต่แข็งแรงที่บรรจงหยอกล้อ อย่างมีความสุข  โดยมีผมย่นจมูกเพราะรู้สึกระคายจมูก  เล่นกันอยู่นานเลยได้ฤกษ์งาม

ยามดีเล่าเรื่องซะที   

“ก็....ปิดเทอมใหญ่อ่ะสองเดือน  แพนเก็บเงินค่าตั๋วเครื่องบินได้เลยซื้อตั๋วไว้ล่วงหน้าก็เลยถูกหน่อย  แต่พอกลับมาก็อย่างที่รู้

ไม่มีใครอยู่สักคนอ่ะ ไม่ว่าพ่อแม่ของเราทั้งสองคน  กว่าจะรู้ ตั๋วก็ถูกจองไว้เรียบร้อยแล้วอ่ะ  จะกลับบ้านก็เหงา

คิดถึงภาคก็คิดถึง  เลยตั้งใจจะมาเซอร์ไพร์ใครบางคนที่นี่ไม่นึกเลย............ว่าจะโดนเซอร์ไพร์กลับยิ่งกว่า”  พูดจบก็หลุบตา

ลงต่ำมองดูนิ้วตัวเองเขี่ยกันไปมา   รู้สึกร้อนที่หน้าพิกล  เหมือนๆ อยากจะแทรกแผ่นดินหนีหายไปยังไงไม่รู้ 

เริ่ม....ไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย  ยิ่งนึกถึงภาพระหว่างเรา “คืนนั้น”  เสียงครวญคราง รสสัมผัส รวมถึงเสียงกิจกรรมรัก เสียงร่างกาย

ยามเนื้อกระแทกกระทั้นกัน   เสียง...  ดูดกลืนลิ้นของกันและกัน   และในยามที่ริมฝีปากผละออกจากกันอีก  แค่คิด.....

ก็นึกอายเสียจนไม่กล้าสบตาคนตรงหน้า  ทำไม.....ตอนนั้นถึง “กล้า”   ขนาดนั้น    กล้า.....ที่จะบอกให้ภาคทำในสิ่งที่ผมกลัว

อาจจะเป็นเพราะ....ผมรู้   ว่าสิ่งที่ผมกลัวมันแค่ “ความเจ็บปวดทางร่างกาย” ไม่นานคงจะหายเจ็บได้อย่างง่ายดาย 

แต่กับภาค...... “ความหวาดกลัว ” และ “ความเจ็บปวดทางใจ”   ดูมันจะฝังรากลึกมากไปกว่านี้  หากผมยังเลือกที่จะกลัวเจ็บ

ตอนนั้นผมเลยเลือกจะทิ้งความหวาดกลัวทุกอย่าง  เพื่อปลอบประโลมคนที่ “เจ็บยิ่งกว่า” และ “กลัวยิ่งกว่า” 

ก็แค่ต้องการให้อีกฝ่าย “มั่นใจ”  และรับรู้ว่าผมก็รักเค้าไม่น้อยไปกว่าที่เค้ารักผมเช่นกัน  “ภาคคือคนที่ผมเลือกแล้ว”

เลือก.....ว่าต่อไปนี้  จะยินดีฝากชีวิตไว้ให้อีกฝ่ายดูแล  ขอแค่รับ “มั่นคง”  และ “เชื่อใจกันก็พอ”   

“ภาคชอบจังเลย...เซอร์ไพร์คราวนี้  “ชอบมาก” และถือว่าเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิต”  ภาคกดจูบแผ่วเบาที่กระหม่อม


“ขอบคุณ”   ผมเอ่ยเสียงแผ่วเบา

“หืม?  อะไรนะครับ”  ภาคทำหน้าฉงนสนเท่ห์ในการขอบคุณครั้งนี้  ผมได้แต่ลอบยิ้มไล้มือบนใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่าย

อย่างหลงไหล  ไม่คิดว่าจะได้เป็นเจ้าของ ผู้ชายที่สมบูณร์แบบขนาดนี้  ....สำหรับผมมันเกินกว่าจะคาดไว้
“ขอบคุณที่รักกันนะ  ขอบคุณที่รอ...ไม่ว่านานแค่ไหน  แพนแอบเผลอคิดอยู่เหมือนกัน....ว่าภาคจะเปลี่ยนไปแล้วรึเปล่า

จะมีใครข้างกายภาคแล้วรึเปล่า  ใจมากกว่าครึ่ง....มั่นใจไปแล้วว่ากลับมา  ไม่มีทางที่ภาคจะยังรออยู่  แต่ภาคก็ยังรอ

รอ....ทั้งที่แพนไม่ยอมให้ภาคเป็นเจ้าของๆ แพน  ขอบคุณจริงๆ นะ”  ผมที่สารภาพความในใจทุกอย่างที่เก็บงำไว้เนิ่นนาน

ภาคยิ้ม  ไล้มือเกลียใบหน้าผมตอบ  เราสบตากัน  ใบหน้าที่ห่างกันเพียงคืบ  ทำให้เราความรู้สึกเราใกล้กันเข้าไปอีก

“ก็บอกแล้วไง..... ว่าภาครักแพน  รักหมดใจเลย  รอนานแค่ไหน.......ก็จะรอ” 

.

.

.

จุ๊บ~
.

.

.

.


รอยยิ้มหล่อของภาค เริ่มขยับริมฝีปาก  เพลงเดิมๆ  ที่เคยฟัง ที่คุ้นเคย  .....  แต่วันนี้....

ทำไม...มันถึงไพเราะกว่าทุกครั้งที่ฟัง   



http://www.youtube.com/watch?v=3VXsGjdyw_o

“เนิ่นนานเท่าไรไม่รู้ที่รอเธอ ฉันจำไม่ได้
ที่จำได้ดีคือฉันมีเพียงเธอ แม้นานสักแค่ไหน

เธออยู่ที่ใดยังรักกันไหม ฉันไม่รู้ แต่ที่รู้คือฉันนั้นยังไม่เปลี่ยนใจ
ยังอยู่ตรงนี้ถึงแม้จะเหงาและเดียวดาย

ไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันจะยังรักเธอ ไม่ว่าเธอกับฉันวันนี้จะอยู่แสนไกล

ก็ยังจะรออย่างมีความหวัง ยังคงไม่เปลี่ยนไป

ไม่ว่าใครจะมองว่าฉันงมงาย ฉันก็ยังเหมือนเดิม



เมื่อเธอมีทางชีวิตไม่เหมือนฉัน ฉันห้ามไม่ได้

แต่ฉันจะมีชีวิตเพื่อรอเธอ แม้วันสุดท้าย



เกิดมาได้เจอคนที่ตามหามานานแสนนาน ทำให้รู้ว่าเธอมีค่ามากแค่ไหน

จะอยู่ตรงนี้ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เหลือใคร



ไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันจะยังรักเธอ ไม่ว่าเธอกับฉันวันนี้จะอยู่แสนไกล

ก็ยังจะรออย่างมีความหวัง ยังคงไม่เปลี่ยนไป

ไม่ว่าใครจะมองว่าฉันงมงาย ฉันก็ยังเหมือนเดิม



จะรอแค่เธอถึงแม้ใครหาว่างมงาย

ไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันจะยังรักเธอ ไม่ว่าเธอกับฉันวันนี้จะอยู่แสนไกล


ก็ยังจะรออย่างมีความหวัง ยังคงไม่เปลี่ยนไป

ไม่ว่านานเท่าไรยังมีเพียงเธอ (ไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันมีเธอคนเดียวในหัวใจ)

ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะรักเธอ”





“ขอให้เป็นแบบนี้ตลอดไปนะ”

“ครับ  อย่าพึ่งเบื่อก็แล้วกัน”

“หึหึ”

“ขำไมอ่ะ”

“ก็ภาคอ่ะ... เว่อร์ตลอดอ่ะ”

“เว่อร์...แล้วรักป่ะหล่ะ”

“รัก  หึหึ”

“เอาดีๆ ทำไมชอบขำนะ”

“รักคร๊าบบบบบ”

“รักใคร  ..ไม่เห็นรู้เรื่อง”

“รักภาคคร๊าบบบบบบบบบบบ พอใจยั๊ง”

“หึหึ  ค่อยชื่นใจหน่อย”


หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..คำถาม P.7 13/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 13-01-2013 23:43:54
โอ้ยน่ารักอ่ะ ถ้าพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายรู้จะเป็นยังไงเนี๊ย ลุ้นมากว่าความจริงจะแตกเมื่อไหร่คงไม่ดราม่ามากใช่มั๊ยอ่ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..คำถาม P.7 13/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 14-01-2013 00:22:19
แพนน่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..คำถาม P.7 13/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 14-01-2013 01:46:27
ภาคแพนน่ารักมาก ๆ ต้นไม้ก็ไม่ค่อยแซวเลยนะนั่น
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..คำถาม P.7 13/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 14-01-2013 09:09:28
 :-[
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..คำถาม P.7 13/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 14-01-2013 09:48:35
เข้ามาอ่านทีไรต้องมีรอยยิ้มติดหน้าทุกครั้ง ชอบมาก ๆ เลยจ้ะ  :impress3: เรามองว่าพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายน่าจะรับได้น่ะ เพราะก่อนหน้านี้ก้อดูเหมือนจะพอรู้ ๆ อยู่แล้วน่ะ แต่อยากให้ทั้งสองได้รู้ใจตัวเองอย่างแท้จริงมากกว่าน่ะ ยังไงก้อขอให้น่ารักแบบนี้ตลอดน่ะ ชอบ ๆ จ้ะ :o8:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..สอบ P.7 24/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 24-01-2013 02:12:21
ตอน  สอบ



“อยากไปเที่ยวอ่ะ?”  ผมบอกภาคในเย็นวันหนึ่ง  หลังจากสิงสถิตอยู่ที่นี่ครบอาทิตย์ ซึ่งทุกวันก็ไม่มีอะไรมากเที่ยวเตร็ดเตร่

ในที่คุ้นเคย จะว่าไปในกรุงเทพฯ ก็ไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่อาศัยบีทีเอสบ้าง ดูแผนที่ และศึกษาเส้นทางเองบ้าง ถามคนโน้นคนนี้

ดูบ้าง เรียกว่าเที่ยวห้างจนเบื่อ  เลยมานั่งเซ็งอยู่นี่แหล่ะ  อยากหากิจกรรมทำ   และวันนี้เป็นวันพุธ  ก็เลยเกริ่นถามอีกฝ่าย

“รออีกหน่อยนะครับคนดี  สอบอีกสองวันก็ปิดเทอมแล้ว นะนะนะ”   สุดหล่อเอาคางมาพาดที่ไหล่ พร้อมกอดผมจากด้านหลัง

อย่างออดอ้อน  ทำเอาผมจักจี้รีบแกะมือที่พันตัวออก  เผลอหลุดเสียงหัวเราะ คิกคัก  หนักไปทางความพอใจของคนลงมือ

และดูงานนี้จะไม่ง่ายเพราะพ่องูเหลือมตัวนี้ถือคติ “รัด” แล้วไม่มีปล่อย ยิ่งผมดิ้นหนี  อีกฝ่ายก็ยิ่งรัดแน่นเข้าไปอีก

ไม่พอเพียงเท่านั้นยังมาซุกไซร้ซอกคอผม แล้วไล่จูบหนักๆ ที่ใบหู  อืมมม~  เอ่อ....  ทำผมแทบจะละลายอยู่ในอ้อมกอด

พ่องูเหลือมตัวดี 


“แพน..  แพนครับ?”  ภาคเสียงกระซิบเสียงกระเส่า  มืออีกข้างล้วงเข้ามาในเสื้อกำลังบดขยี้หน้าอกผมอย่างมันมือ 

ผมยื่นมือไปรั้งไว้  เริ่มหายใจติดขัด  หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ  ยิ่งมืออีกข้างของภาคเข้ามาบดขยี้ยอดอก

ข้างที่เหลือ ถึงจะยื่นมือไปจับไว้อีก  แต่รู้สึกแรงที่ผมขัดขืนอยู่...มันน้อยเสียจน ราวกับรู้เห็นเป็นใจ ให้กับผู้ก่อการ “รัด” 

ได้ครอบงำผมได้อย่างสมบูรณ์แบบ   ไม่มีแรงขัดขวาง...มากพอ ที่จะไปต่อกรกับคนเอาแต่ใจ  เลยได้แต่ปล่อย.....

ให้อีกฝ่ายรุกรานตามแต่ใจปรารถนา

“อ่ะ...อืมม~”  เผลอส่งเสียงครางผะแผ่ว อีกฝ่ายยกยิ้ม เพราะได้ในสิ่งที่ประสงค์ทั้งที่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากขอ

พยายามกลั้นแล้วแท้ๆ  สุดท้าย......ก็ได้แต่หายใจหอบถี่   ไร้เรี่ยวแรง ทิ้งตัวพิงตัวที่อกกว้าง  มือที่ห้ามอีกฝ่ายไว้เมื่อครู่

 ค่อยๆ คลายแรงบีบออก เหลือเพียงสัมผัสเบาๆ พร้อมแรงจิกเป็นระยะเพื่อบรรเทาความเสียว  กับสัมผัสหวาบหวาม

จวนเจียนจะขาดใจ  แหงนหงานใบหน้าขึ้นสู่ที่สูง  ภาคละริมฝีปากที่กำลังดูดกลืนซอกคอผม  หันมาแตะจูบที่ริมฝีปากผมเบาๆ

“แพนครับ   ขอนะครับ  อดมาตั้งสามสี่วันแล้ว  แทบไม่มีแรงไปสอบอ่ะ นะครับนะ”  คนเอาแต่ใจ

กระซิบเสียงแหบพร่า  ผมส่ายหัววุ่นวาย....ในตอนที่ยังมีสติอยู่  ไม่รู้จะต่อกรได้ถึงเมื่อไหร่  สติที่เหลือ...คงมีแค่ในสมอง

ในขณะที่ร่างกายมันคล้อยตามโอนอ่อนผ่อนตามอีกฝ่ายไปถึงไหนๆ     ภาคจับผมพลิกกลับมาหาเมื่อเห็นว่าปากผมยังแข็งพอ

ริมฝีปากหนาทาบทับมาดูดปากผมแรงๆ   ก่อนจะค่อยๆ ดูดดุนเบาๆ อย่างเอาใจ สอดแทรกลิ้นร้อนๆ ไล่ดอดมาชิมความหวาน

เรียกสัมผัสหวาบหวามเกินทนไหว  โอบกอดรอบลำคออีกฝ่ายไว้แน่น  เกี่ยวลิ้นตอบกลับไป  ได้ยินเสียงครางเบาๆ

.
.

หลังจากนี้

.

.

ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่มั้ย?.....  ว่าสุดท้ายก็ไม่ได้อนุญาต   แต่....ถูกจับกินแบบไม่มีเงื่อนไข 







เช้าอีกวัน...ผมตื่นมาไม่เห็นเงาของใคร  รู้สึกถึงสัมผัสบางเบาอยู่ตรงแก้ม  ขณะที่ตัวเองยังหลับอุตุไม่รู้เนื้อรู้ตัว ถึงจะได้ยินเสียง
กับสัมผัสบางๆ แต่ก็มั่นใจ ...ว่าภาคนั่นแหล่ะ    เมื่อคืนนี้ ...หลังจบกิจกรรมงูเหลือม “รัด”  ไปรอบใหญ่  ๆ  เราก็อาบน้ำทานข้าว

ก่อนที่ผมจะแปลงฟัน  เกือบๆ จะเข้านอน พี่งูเหลือมตัวดี ก็ขอให้นั่งพิงหัวเตียงวางหมอนบนตัก  แล้วอีกฝ่ายก็นอนพิงมาอย่าง

สบายอารมณ์ อ่านหนังสือสอบอย่างเพลิดเพลินเจริญใจ   โดยมีผมอมยิ้มๆ  กับอารมณ์ช่างอ้อนของภาค  ถ้าอยู่ห้องล่ะก้อ
ไม่เคยจะพลาดที่จะทำให้ผมอยู่ในสายตา  หรือแม้แต่...รีบเข้ามาคลอเคลียอยู่ตลอดเวลา    เผลอยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก

ไม่รู้ว่ามองอีกฝ่ายนานแค่ไหน.... ไม่รู้ว่าภาคเข้านอนตอนไหน  และก็ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน 

หลับไป....ทั้งอย่างนั้น     แต่ตอนเช้า....ผมกลับ นอนอยู่ในท่าประจำ มีผ้าห่มที่ห่มมาจนถึงลำคอ...  นั่นก็เพราะ

ใครอีกคนรู้ดีว่าผมขึ้หนาวแค่ไหน  พื้นที่ว่าง ข้างๆ ตัวยังอุ่น  เมื่อคืน....ผมคงถูกภาคนอนกอด หรือจริงๆ แล้ว 

คงเป็นเรานอนกอดกันซะมากกว่า  เผลอไล้มือบางๆกับที่วางข้างๆ ตัว  ที่ตอนนี้....ไม่มีไออุ่นของใครอีกคน   แต่เต็มไปด้วย

ความทรงจำมากมาย...  ของทุกค่ำคืนที่ผ่านมา    คิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มกว้าง  ... ลองคิดไปว่า  ถ้าภาคยังนอนอยู่

แล้วโดนผมลูบตัวอย่างนี้  คงโดนอีกฝ่ายรวบตัวให้ไปนอนกอดกัน.....แบบไม่ทันได้ตั้งตัวเป็นแน่ 


มีความสุข....   ไม่รู้จะบอกกับใครยังไง  กับความรู้สึกที่ฟูฟ่องจนคับอกขนาดนี้  รอยยิ้ม....  เสียงหัวเราะ.... มันมีมากมาย

ซะจน....ดูสิ่งสิ้นเปลือง  . เวลามองไปทางไหนโลกใบนี้...ไม่ค่อยเข้าใจ  ทำไมมันดูสวยงามขึ้นมาเฉยๆ  ทั้งที่ทุกอย่างก็คงเดิม

ไม่ได้แปลกใหม่  หรือมีอะไรเพิ่มเติม ไม่ว่ามองอะไรก็เห็นแต่คนรักกัน  เดินจับมือ....  สบตา.....  หยอกเย้า  ....  รอยยิ้ม

ทุกๆ อย่าง ล้วนมีแต่คำว่า “รัก” และ “ห่วงใย”  เป็นส่วนประกอบ แม้แต่แขนที่โอบกระชับกันและกัน  ก็ดูจะมั่นคงปลอดภัย

เพื่อให้อีกฝ่ายมั่นใจ   ว่าพร้อม....จะดูแล   และเดินไปด้วยกัน
.......และแล้วก็อดนึกถึงใครบางคนขึ้นมาไม่ได้  คนที่ทำให้เขินจนหน้าแดงอยู่ร่ำไป  เมื่อยามเอ่ยคำว่า “รัก”

เสียงกระซิบแผ่วๆ ที่ระอยู่ใกล้ใบหู  รสจูบที่หอมหวานล้ำ....ยิ่งกว่า  สัมผัสที่รุกเร้า..ร้อนแรง  แต่ก็อ่อนหวานอยู่ในที

ทำให้ผมคนนี้...ละลายอยู่ตรงหน้า  ไม่ว่าเมื่อไหร่....  สัมผัสของภาค......สำหรับผมมันวิเศษที่สุด   ถ้าได้อยู่กันอย่างนี้

ตลอดไปคงดีสินะ  ....   ดีใจเหลือเกิน...  ในที่สุดก็ตัดสินใจที่เราจะ “คบกัน”  ดีใจที่ผมมีภาคเป็นเจ้าของ  และผมก็เป็น

เจ้าของภาคด้วย   ดีใจที่สองปีที่ผ่านมา......   ภาคยังรอผม...ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่เคยเปลียน 

ผมไม่รู้ว่าอนาคตเราต้องเจออะไร...  ครอบครัวเราจะรับได้รึเปล่า   ...  ก็ไม่รู้  เพียงแต่ตอนนี้มันห้ามใจไม่ไหว 

รัก..... มันล้นอก  กลัวที่จะสูญเสียคนสำคัญคนนี้ไป.....  ก็ทั้งๆ ที่รักมากขนาดนี้  ก็คงต้องลองดูสักตั้ง

.

.
.

วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย  .....  ผมตั้งหน้าตั้งตาทำข้อสอบ  ภายในห้องเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงขีดเขียนของปากกา

ดินสอ ยางลบ   และ......รองเท้าส้นสูงที่กระทบพื้นไม้ดังเป็นจังหวะ  เสียงก้องสะท้อนให้ได้ยินทั่วกัน ของอาจารย์ผู้คุมสอบ

ช่วยสร้างบรรยากาศกดดันได้เป็นอย่างดี   แต่ก็นะ....ชีวิตเด็กม.ต้นปีสุดท้าย ก็จะย่างก้าวสู่การเป็นวัยรุ่นตอนปลาย 

ซึ่งผมอาจจะล่วงหน้าเลยวัย  กลายเป็นผู้ใหญ่ไปก่อน  (จากหลักฐานทาง พฤตินัย)   ใครจะว่าผมก้าวข้ามขั้น ผมก็ไม่สน

เพราะความรู้สึกที่ผมมีต่อแพน  มันสร้างมาเป็นสิบๆ ปี  นี่ยังช้าไป...สำหรับความรู้สึกของตัวเอง  อยากจะเป็นเจ้าของน้อง

มานานเท่าไหร่แล้วนะ   ...... 

ก้มมองกระดาษข้อสอบอีกครั้ง  หยุดคิดเรื่องราวต่างๆ มากมาย  ลงมือทำข้อสอบทันที 



.

.

ในที่สุด...ก็เสร็จ อ่านทบทวนเล็กน้อย เขียนชื่อ นามสกุล บนหัวกระดาษ ก่อนจะหยิบกระดาษคำตอบไปส่งอาจารย์อีกท่าน


ที่นั่งรออยู่ริมประตูทางออก อาจารย์มีรอยยิ้มๆ ผมยกมือไหว้แล้วส่งยิ้มตอบแล้วเดินออกมา  ตรงไปที่ม้าหินอ่อนที่ประจำ

หน้าอาคารเรียนที่ตอนนี้ มีนักเรียนบางส่วนสอบเสร็จแล้วกำลังคุยกันโขมงโฉงเฉง สาละวนกับการหาคำตอบให้กับการสอบ

ที่ผ่านไปเมื่อสักครู่    เดินลงบันได้ขั้นสุดท้าย เงยหน้าไปมองม้าหินอ่อนก็พลันไปสบตากับใครอีกคน......   

อ๋อม    รอยยิ้มจางๆ ปรากฎขึ้นที่ริมฝีปากสวยได้รูป   ผมยิ้มตอบ...รู้สึกสายตาอ๋อมดูเศร้าไป  ทำไมไม่รู้ตั้งแต่วันนั้น

ดูเราจะห่างกันไป  แต่ไม่ได้มีท่าทางรังเกียจ ...เพียงแต่เข้ากลุ่มน้อยลง หลังเลิกเรียนก็ตรงกลับบ้านเลย  ความจริงอ๋อม
เป็นเพื่อนที่ดีของผมคนหนึ่ง  ...ถึงดีมากที่สุด   นิสัยดีมากคอยช่วยเหลือชาวบ้านชาวช่องไปทั่ว...รวมถึงเรื่องผม

ช่วงมีแพน...ไปอเมริกาใหม่ ๆ  มันเหงา....จนไม่อยากกลับบ้าน  ทำกิจกรรมทุกอย่างที่ทำได้  ...ยกเว้นเรื่องเรียน  ที่ผมห่างไป

ทั้งที่ก็พยายามทำตัวปกติ  ...แต่จิตมันตกเรียนไม่รู้เรื่องเลย สุดท้ายก็เหม่อ ขนาดไอ้ไม้กับไอ้ต้นยังออกอาการเป็นห่วง 

เตือนผมอยู่หลายที  ก็มีอ๋อมนี่แหล่ะคอยกระตุ้น ...  เริ่มเข้ามาคุยกันมากขึ้น ช่วยเตือนงานที่ต้องส่ง  วันที่ต้องสอบเทส

หรืองานที่ค้าง  เรื่องรายงานอีก  พองานมันยุ่งมากๆ  ความเหงามันก็เลยบรรเทา...เหลือแต่ความคิดถึงแทน 

เลยทำให้สนิทกับอ๋อมจนทุกวันนี้ ก็นะ  ....สองปีมาแล้วนี่  ที่พวกเรา 4 คนมักจะไปไหนมาไหนด้วยกัน  มีผู้หญิงในกลุ่มสักคน

มันก็ทำให้ระบบชีวิตเป็นระเบียบมากขึ้นนิดหน่อย  เพราะนอกจากผมแล้วอ๋อมก็คอยดูแลทั้งไม้และต้นไปด้วย 

อ๋อมเป็นผู้หญิงที่สวยนะ   สวยมาก ... จะเรียกว่าสวยทั้งตัว  สวยทั้งใจเลยก็ได้มั้งเท่าที่รู้จักกันมา  ถ้าผมไม่ได้หลงรักแพน

ไปซะก่อน   อาจจะเป็นอ๋อมก็ได้ที่ผมจะ “รัก”   แต่ตอนนี้....โอกาสที่จะเป็นแบบนั้นคงเป็นศูนย์  ...เพราะเราเป็นเพื่อนกัน

ผมไม่อยากให้ความรักมันทำลายอะไรหลายๆ ของความเป็นเพื่อน   แถมไอ้ไม้ก็จีบอ๋อมแบบออกนอกหน้าซะด้วย ..หึหึ

พวกผมก็ลุ้นเชียร์กันใหญ่  มันเป็นคนดี  หน้าตาหล่อคมคายใช้ได้ ผิวสีเข้มนิด ๆ ส่วนสูงพอๆ กับผม  ไม่รู้มันไปหลงอ๋อม

ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนไหน  รู้ตัวอีกที แม่งขายขนมจีบไปแล้ว  ฮ่าๆ   แต่ที่สำคัญกว่านั้น... 

เพราะผมมีแพน  “รักมาก”  รักมาตลอดสิบกว่าปี ที่ผ่านมา  อยากถนอม อยากดูแล คนๆ นี้มาตลอด  ผมรู้สายตาของผม

ไม่เคยเผลอไปมองใคร  .....ที่ไม่ใช่แพนเลยสักครั้ง   มันผูกพันธ์....  กันเกินกว่าที่จะยอมปล่อยให้แพนไปเป็นของใคร   และ

เกินกว่าที่ผมจะทำได้ใจได้...ที่จะรักใครที่ไม่ใช่ แพน  ..... 

คุณเคยเป็นมั้ย?  เพียงครั้งแรกที่สบตา ก็กลับรู้สึกว่า...ที่เราเกิดมาเพื่อเป็นของคนๆ นี้  ไม่อาจหาเหตุผล หรือกฎเกณฑ์ใด

มากำหนด  รู้แต่เพียงว่า......แค่คนนี้เท่านั้น   ที่เราต้องการ

.

.


ผมเดินไปหยุดแล้วนั่งลงข้างๆ อ๋อม  อ๋อมเสตาหลบผมเล็กน้อย... แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร  เข้าใจดีว่าอ๋อมคงต้องการเวลาทำใจ

ในเมื่อ  ....เรื่องวันนั้นผมรู้ว่าอ๋อมรู้ดีว่าผมกับแพนทำอะไรกัน  แค่ทำตัวปกติได้ขนาดนี้...ก็อยากขอบคุณแทบแย่แล้ว

“ทำข้อสอบได้มั้ย?”  ผมหันไปมองอ๋อม  และยังทำตัวปกติเช่นเดิม อ๋อมเงยหน้ามาสบตาเป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่

มองมาที่ผมตรงๆ   โดยไม่แกล้งเฉตาไปมองอย่างอื่น

“อือ...เรื่อยๆ ภาคหล่ะ ?  สบายอยู่แล้วสิ เนี่ยที่ภาคติวให้วันนั้น 90% เลยนะ” 

“หึหึ ... ก็แค่ฟลุคแค่นั้นแหล่ะ”

“ปิดเทอมตั้งสองเดือนไม่เจอหน้าภาคคงเหงาแย่เลย”  อ๋อมว่าหงอยๆ  หันมามองผมนิดนึง ก่อนจะก้มลงมองพื้น

ใช้เท้าเขี่ยไปมาวาดเป็นรูปวงกลมวนไป วนมาเล่น อยู่อย่างนั้น    ผมหัวเราะขำ  ๆ  ก็นึกว่าไม่อยากเจอผมซะอีก

“พูดยังกะว่าปิดเทอมแล้วเจอกันไม่ได้งั้นแหล่ะ”   ผมพูดแซว เห็นอ๋อมมีท่าทางดีใจยิ้มแก้มปริ เลิกอาการหงอยเหงาไปทันที

“จริงเหรอ?  เจอกันได้จริงๆ นะ  กลัวแต่ว่าจะไปหมกตัวอยู่กับแฟนแล้วจะลืมเรานะสิ”  อ๋อมบ่นงอนๆ
“หึหึ .. เอาเข้าไป  ไม่เห็นอยากเลยก็พาแฟนไปด้วยก็จบใช่ป่ะ ได้เจอทั้งเพื่อนทั้งแฟน  ครบ เพอร์เฟค”  ผมยกมือผายออก

ทั้งสองข้าง  ประกอบความคิดเห็น  อ๋อมตีมือผมเบาๆ  แล้วหัวเราะคิกคักตามไปด้วย

“อืม...  นั่นสินะ  คิกๆ”   ผมมองไปบนอาคาร ยังไม่เห็นไม้กับต้นออกมา  รู้สึกถึงสัมผัสเบาๆ ที่ไหล่ จนต้องหันไปดู

“ภาค”

“หืม?”

“ถามอะไรอย่างสิ”

“อะไรอ่ะ?”

“ไม่รู้ภาคจะโกรธเรารึเปล่านะสิ ” 

“เรื่องแพนเหรอ”   อ๋อมพยักหน้าน้อยๆ

“อืม..ได้สิ เราไม่มีความลับกับเพื่อนอยู่แล้ว  ”

“เอ่อ... ภาคเป็นเกย์เหรอ?”  ผมครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย

“ถ้าการที่ภาคชอบแพนหมายถึงภาคเป็นเกย์   อืม...ก็ใช่นะ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงปกติ

“หมายความว่าไง  แล้วกับผู้ชายคนอื่น”

“ยังไงดีหล่ะ...ถ้าเป็นคนอื่นอ่ะ เรารับไม่ได้อ่ะนะ”

“แล้วทำไมต้องเป็นแพนหล่ะ”

“ทำไมนะเหรอ...  ก็เพราะเรากับแพนผูกพันธ์กันมานานมั้ง  เราหลงรักแพนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้  รู้แต่ว่า....พอรู้สึกตัวอีกที

ก็หวงมากจนแทบขาดแพนไม่ได้   กว่าจะรู้ตัวว่าหลงรักแพนมันก็ผ่านไปหลายปี  แต่พอมีความกล้าพอ...ที่จะสารภาพรัก 

น้องก็ต้องไปเรียนต่อที่อเมริกาซะแล้ว เราไม่รู้ว่าอ๋อมเคยรู้สึกแบบนี้รึเปล่านะ...  เราเองรู้สึกว่าเราเกิดมาเพื่อคนนี้ๆ  ”


“งั้นเหรอ?”  สีหน้าของอ๋อมดูสลดลงไป   พอดีกับที่ต้นกับไม้เดินตรงมาทางนี้พอดี 
“คุยอะไรกันเหรอ?”  ไม้เอ่ยถาม  พร้อมกับเนียนนั่งลงข้างๆ อ๋อมทันที  ผมกับไอ้ต้นมองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงรู้กัน


แล้วอมยิ้มเล็กๆ  ส่วนได้ตัวการนั่งยิ้มแป้นไม่หุบ
“เรื่อยเปื่อยว่ะ  ..  พวกมึงทำข้อสอบได้มั้ยวะ” ผมเอ่ยถาม

“เออ ...ก็พอได้ว่ะ  ขอบใจที่ช่วยติวเว่ย”  ผมยิ้มตอบไอ้ไม้ พร้อมยักคิ้วกวนๆ ตอบมันไป

“อืม ...ขั้นนี้แล้วเทพเรียกพี่โว้ย”   ไอ้ต้นว่า นอกจากมันจะไม่ขอบใจผมแล้ว  มันยังยักคิ้วกวนให้ผมอีกต่างหาก

“ป่ะไปฉลองกัน  ...เฮ้อ~  สอบเสร็จซะทีโว้ย”

“ที่ไหนดี  กุตามไปทีหลังแล้วกัน เดี๋ยวจะไปรับแพนก่อน”

“เออ...  หลงเด็กว่ะ”  ไอ้ไม้แซวยิ้มๆ

“มึงไปว่ามันทำไม  มันไม่ได้พึ่งหลงซะหน่อย  นี่กล้าปลีกตัวมาเรียนได้นี่กุก็ว่าสุดๆ แล้วนะ  ฮ่าๆ  ”   ต้นว่าเหมือนจะดี

แต่ลงท้าย แม่งหลอกด่ากันชัดๆ

“โอ๊ย/เชี่ย”  ประเคยฝ่ามือใส่หัวแม่งทั้งคู่ กวนตีนดีนัก

“กวนตีนดีนัก สม!!”  ได้ยินเสียงอ๋อมหัวเราะขำเบาๆ

“อ๋อมครับ....  ไอ้ภาคมันแกล้งไม้อ่ะ”  ไปแล้วครับไอ้ไม้  หันไปอ้อนอ๋อมซะงั้น   หัวนี่ถูไหล่เค้าไปแล้วเหอะ  อ๋อมก็หัวเราะ

ขำๆ มือลูบหัวไอ้ไม้เบาๆ  มันนี่ยิ้มแก้มปริ แทบจะตัวลอย เห็นต้นส่ายหน้าเซ็งๆ ผมมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้น

“เลือกแล้วกันไปร้านไหนก็โทรบอก  กุไปก่อน”  ผมหันไปพูดกับทุกคน   ไอ้สองตัวนั้นพยักหน้ารับทราบ

“เออ เดี๋ยวโทร”   ไอ้ต้นตอบ   กำลังจะก้าวขาออกไปก็ชะงัก

“ภาค  เดี๋ยวอ๋อมไปด้วยสิ  ว่าจะไปก็อปเอารายงานมาทำต่ออ่ะ”   

“ไม่ต้องหรอกอ๋อม  ไว้ทำพร้อมกันดีกว่านะ  พักก่อนเพราะมันเป็นงานกลุ่มเราไม่อยากเอาเปรียบอ่ะ” ผมว่า

“ใช่ๆ  แค่ที่ทำอยู่นี่ งานส่วนใหญ่อ๋อมก็เป็นคนทำอยู่แล้วอ่ะ  เราเกรงใจ” ไอ้ต้นหันมาพยักหน้าเห็นด้วย

“ใช่ๆ  ที่สำคัญ เดี๋ยวไม้ไม่ได้เจอหน้าอ๋อม  ไม้ก็เหี่ยวตายพอดีอ่ะ  เอาไว้มาทำด้วยกันดีกว่า นะนะนะ”   ไอ้ไม้ว่ายิ้มๆ

“อือ  ก็ได้”   อ๋อมพยักหน้ารับ  ผมเลยเดินออกมาทันที   รีบ.....คิดถึงแฟน  ฮ่าๆ  หรือผมจะติดแฟนอย่างที่ไอ้พวกนั้นแซวจริงๆ
นะ





หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..สอบ P.7 24/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 24-01-2013 10:10:45
ต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆเลย อ๋อมอย่าคิดทำอะไรเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..สอบ P.7 24/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Singleman ที่ 24-01-2013 11:28:39
อ๋อมจะทำอะไร อย่านะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..สอบ P.7 24/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 24-01-2013 12:51:25
อ๋อม หนูจงเป็นสาววายที่ดีเถอะลูกกก :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..สอบ P.7 24/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 24-01-2013 14:25:05
แหม,,,ทำข้อสอบแบบไม่เครียดเลยเนอะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน..สอบ P.7 24/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 25-01-2013 10:09:10
ไม่อยากให้ผู้หญิงเป็นตัวร้ายน่ะ  :o12: ยังไงขอให้รักกันไปนาน ๆ น่ะจ้ะ คุณทัศคงไม่ใจร้ายใจดำก่อนน่ะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.ความหวังที่เหลืออยู่ P.7 26/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 26-01-2013 02:42:46
ต้องขออภัย ...  พอดีวางพ็อตเรื่องไว้แล้วอ่ะค่ะ  เรื่องนี้้ ขอมีคนที่ร้ายหน่อยแล้วกันเน๊าะ  เดี๊ยวไม่มีสีสัน


ตอน   ความหวังที่เหลืออยู่




ภาค....  ทำไมคนๆ นั้นถึงไม่ใช่ อ๋อมหล่ะ  ?    ได้แต่เอ่ยถามคำถามนี้อยู่ในใจ  ตอนที่เปิดประตูเข้าไป  .... 

เจออะไรที่ช็อคความรู้สึก  ชาดิกไปทั้งหน้า  ร่องรอยบนร่างกายของภาคบอกอะไรได้หลายๆ  อย่าง  ไม่ต้องคาดเดา

เพราะมันยิ่งกว่าตอกย้ำให้แน่ใจ   จนเผลอกลั้นหายใจ  หัวใจกระตุกถี่ๆ แล้วบีบอัดหนักๆ เจ็บร้าวไปทั้งใจ แปลกที่

น้ำตามันไม่ได้ไหลออกมา  ร่างกายขยับไม่ไหว ทั้งที่..อยากจะหนี  ไม่อยากจะเห็นภาพบาดตาตรงหน้าแม้เพียงนิด 

แต่อย่างว่า....อีกใจก็กำลังตะโกนบอกตัวเอง  นี่ไงหล่ะ... ผลของความโง่จากการรอ กำมือตัวเองแน่น เล็บยาวสวย และคม

จิกลงบนเนื้อ  แรง...จนรู้สึกว่ามีเลือดซึมเล็ก ๆ แต่มันไม่เท่าหัวใจที่เจ็บตอนนี้    แต่ก็ไม่อาจละสายตาจากภาพตรงหน้าได้

ร่างกายเปลือยเปล่าของภาค  ทั้งที่อยากจะสัมผัสแทบแย่  ทั้งที่อยากครอบครองเป็นเจ้าของสักเพียงไหน


 ทั้งๆ ที่เคยคิดว่าเป็นคนพิเศษของภาคมาเสมอ  คิดมาตลอดว่าสักวันภาคคงจะหันมามอง   มอง...ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง

ที่ภาคพอจะเปิดใจให้กัน   ไม่ใช่แค่.....เพื่อน สถานะที่ไม่เคยต้องการเลยสักนิด  ทำไมถึงรอได้มานานสองนานน่ะเหรอ?

คงเป็นเพราะ ตลอดเวลาสองปีที่อยู่ข้างๆ กัน  แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่เข้ามาในกลุ่มนี้ได้  อยากมากก็แค่เข้า

เพื่อทักทาย  แต่ไม่ใช่สมาชิกของกลุ่ม เป็นเพื่อนที่ไม่อาจเรียกได้ว่า  “เพื่อนสนิท”  และ “รู้ใจ”   ที่สำคัญภาคเองก็ไม่เคย


ชายตาแลผู้หญิงพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ  มีก็แต่รอยยิ้มและน้ำใจ  ที่มอบให้...  แต่มันก็ไม่เคยล้ำเส้นคำว่า “เพื่อน”   เลยสักคน   

จนตอนนั้น ...  ช่วงเวลาที่ภาคต้องการใครสักคน  ที่จะคอยช่วยเหลือ ปลอบโยนหัวใจที่เจ็บปวด  ทำไมจะไม่รู้หล่ะ? 

สายตาของภาค  ...มันชี้ชัดว่าหัวใจกำลังเจ็บร้าวอย่างหนักหนา  และเราได้มา  “สนิทกัน”  ตลอดระยะเวลา 2 ปี

รู้อยู่หรอกว่าหลายคนกำลังอิจฉา มองมาด้วยแววตาริษยา  ผู้ชายหน้าตาดีสามคน แถมนิสัยเยี่ยม  เป็นทั้งนักกีฬา 

เป็นทั้งแนวหน้าของนักกิจกรรม  แถมยังเรียนติดระดับท็อปของสาย  ฐานะทางบ้านไม่ต้องพูดถึง  อาจจะไม่ใช่มหาเศรษฐี

แต่ก็ดีใช่ย่อย    ถึงจะมีเกเรบ้างนิดๆ  หน่อยๆ  ก็แค่ตามประสาผู้ชายแค่นั้น แล้วแบบนี้ใครหล่ะ  จะไม่ให้เป็นที่หมายปอง

จนอยากเป็นเจ้าของ หนึ่งในสามคนนี้  ได้ยังไง?  กับไม้ก็รู้ดี สำหรับความรู้สึกที่ค่อนข้าเปิดเผย  ....ไม้เป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง

ถ้าใครได้เป็นแฟน  ก็คงจะมีความ “สุข”ไม่น้อย   แต่ทำยังไงได้หล่ะ?  ดันมาตกหลุม “รัก”  สายตาที่ซื่อตรง

และมั่นคงต่อความ  “รัก”  ไม่ว่าจะตอนไหน  หรือว่าเมื่อไหร่  ก็ดูแน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งๆ ที่มีคนมากมาย


เข้ามาทอดสะพานให้   แต่ภาคก็ปฏิเสธได้อย่างอ่อนโยน...ยังคงมั่นคงกับคนๆ เดิม  แววตาคู่นั้นที่มันน่าหลงไหล 

อยากจะให้แววตาคู่นี้ มองมาที่เราบ้าง   ก็ได้แต่หวังว่าสักวัน...ภาคจะลืมใครคนนั้น แล้วหันมามองคนๆ นี้ดูบ้าง   

คนที่อยู่ข้างๆ ภาคตลอดระยะเวลาสองปี  คนที่ดูแล คอยห่วงใยใส่ใจทุกอย่าง  คนที่คอยปลอยใจ

ในวันนั้นที่ภาคเสียใจ  ทั้งที่รอมาตลอด  ......แต่สุดท้าย  ทำไมถึงเลือกคนๆ นั้น  .....ทั้งที่เป็นแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่ง


.

.

ทำไม......ทำไมไม่เป็นอ๋อมหล่ะภาค?






...

“ปัง”   หลังปิดประตูลง น้ำตาก็ไหลเลย  ไม่ได้ฟูมฟายแค่น้ำตาไหลออกจากตา  ไหลลงผ่านแก้มลงมา  รู้สึกเจ็บและก็อาย 

ความหวังมันพังทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มเลยด้วยซ้ำ   แค่อยากหนี...  อย่างน้อยก็ตอนนี้  ตอนที่อารมณ์มันอยู่เหนือเหตุผล

เร่งซอยเท้าถี่ๆ  เดินหนีออกไปจากคอนโด เลือกที่จะตรงดิ่งไปยังสวนสาธารณะข้างๆ  หามุมสงบ นั่งมองธรรมชาติที่รายล้อม

หากแต่ครั้งนี้ไม่ได้ดื่มดำไปกับมันสักเท่าไหร่  สายตาเหม่อลอยไม่ได้จ้องมองบรรยากาศตรงหน้า น้าตาไหลเอื่อยเป็นสาย

สูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ   เอื้อมมือมาเช็ดแก้ม.....แล้วก็รู้สึกแสบจับใจ  ลืมไปสินะ  ....แผลที่มือนั่นน่ะ  มันพึ่งเกิดเมื่อครู่

เม้มปากแน่นๆ  หลับตา  เริ่มหายใจเข้าปอดยาวๆ อีกหลายครั้ง หลับตาแน่น  ในหัวพยายามควบคุมอารมณ์ให้ปกติ

เพราะรู้ดี ว่าอีกไม่นานก็ต้องไปเผชิญหน้ากับทุกคน  เพราะวันนี้ที่มาก็เพราะเรื่องรายงานกลุ่ม  ถ้าแสดงอาการอะไรออกไป

อาจจะทำให้คนอื่นผิดสังเกตุไป  คงยังมีเวลาอีกสักครึ่งชั่วโมง  ในหัวก็กำลังปั่นป่วนว่าจะเดินต่อไปยังไงดี กับความรู้สึกนี้

จะ “หยุด”  หรือ “เดินต่อ”   

ถ้า “หยุด”  จะไม่เสียใจแน่เหรอ  จะไม่เสียดาย ผู้ชายดี ที่ซื่อสัตย์  และรักเดียวคนนี้ ไปเลยนะ  หาทั้งชาติคงหาไม่เจอแล้ว

แล้วถ้าจะ  “เดินต่อ”   จะทำยังไง  รอ....เหมือนอย่างทุกวันนี้  ภาคก็คงไม่มีวันรับรู้  ไม่มีทางมองมาหรอก  เพราะคนที่อยู่

ในสายตาภาคก็มีแค่ “เด็กคนนั้น”    แล้วมันจะดีแน่เหรอ?   นี่เท่ากับเราแย่งของๆ คนอื่นรึเปล่า  ในสมองกำลังตีกันอย่างหนัก

ก่อนเสียงใครคนหนึ่งจะดังแว่วผ่านมา..

.

.”เรื่องอะไรฉันจะยอม  คอยดูแล้วกันว่าพ่อแม่พี่เค้าจะยอมรับมันได้มั้ย?  จะทำยังไงน่ะเหรอ ฉันก็เล่นบทแม่พระน่ะสิ

อยู่ข้างๆ พี่เค้านี่แหล่ะ  คอยดูแลยามเค้าเสียใจ  คอยดู แล้วกันมันทนแรงกดดันพ่อแม่พี่เค้าไม่ไหวหรอก เค้ารับไม่ได้แน่ๆ

นี่แหล่ะจุดอ่อนของมัน   ฉันว่าไม่เกินสองปีรับรอง  หล่อนเตรียมฉลองให้กับความสมหวังของฉันได้เลย คิกๆๆ  ”



.

.

เสียงคุยโทรศัพท์อย่างอ้อยอิ่งเดินผ่านไป   ....  นั่นสินะ   ..  เราลืมอะไรไปรึเปล่า


กับจุดอ่อนของอีกฝ่าย





ไม่มีครอบครับไหนยอมรับหรอก   กับความสัมพันธ์แบบนี้   แถมยังอยู่ไกลกันคนละฟากฟ้า



นี่สินะจุดอ่อน  ............. 





ถ้าอย่างนั้นก็ยังพอมีความหวัง............




ไม่เห็นต้องแย่งเลย......





ก็แค่ “รอ”  วันที่ความสัมพันธ์มันถึงจุดจบ   ก็เท่านั้นเอง









หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.ความหวังที่เหลืออยู่ P.7 26/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 26-01-2013 03:01:49
ร้ายจริง ๆ เลย ภาคไม่รู้เลยหรือไงว่าผู้หญิงคนนั้นคิดยังไงกับตัวเอง ภาคระวังตัวหน่อยก็ดี อย่าทำให้แพนเสียใจนะภาค
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.ความหวังที่เหลืออยู่ P.7 26/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 26-01-2013 03:13:19
ร้ายมากค่ะอ๋อม ทำไมเราซื้อหวยไม่ถึกนะ แต่คิดว่าทั้งครอบครัวน่าจะรับได้ อย่างน้อยก็รู้จักทั้งสองคนดีกว่าใคร
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.ความหวังที่เหลืออยู่ P.7 26/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 26-01-2013 12:11:46
ยังไงก็ขอแค่มาม่าชามเล็กก็พอนะครับ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.ความหวังที่เหลืออยู่ P.7 26/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 26-01-2013 14:05:35
อยากเห็นนางหน้าแหกอ่ะ 55555555555555555
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.ความหวังที่เหลืออยู่ P.7 26/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 26-01-2013 16:22:46
ร้ายจริง แล้วจะทำงัยอะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน......อ้อน P.8 27/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 27-01-2013 02:12:41

ตอน  อ้อน


"ก็อกๆ ก็อกๆ". ผมเคาะประตูทันทีที่มาถึง รู้สึกเหนื่อยหอบกลับการรีบวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องทำเช่นนั้น

ทั้งที่ห้องมันก็ไม่ได้

หนีไปไหน แต่ทำไงได้ก็หัวใจมันเรียกร้องทั้งทีนี่นะ จะไม่ตามใจก็กระไรอยู่ ยังไม่ได้บอกแพนหรอกว่าจะไปทานเข้ากับเพื่อน

เพราะรอมาบอกด้วยตัวเอง ก็นะคนมันอยากอาบน้ำพร้อมกัน อ่ะช่วยไม่ได้   

"อ้าวภาค ทำไมเหงื่อโทรมเลยอ่ะไปทำอะไรมา"  น้องถามด้วยความสงสัย  คิ้วเรียวขมวดเป็นโบว์สวย ริมฝีปากบางแดงยื่นนิด
น่ารักซะจน

ผมเผลอกลืนน้ำลายลงคอไปอีกใหญ่  ยกยิ้มมุมปากนิด ๆ ตาม style ของตัวเอง อยากจะก้มลงไปจูบแทบแย่  แต่มันประเจิด
ประเจ้อเกินไป

รีบเดินเข้ามาในห้อง แล้วปิดประตูโดยเร็ว    โน้มตัวลงเล็กน้อย เข้าไปกระซิบข้างหู

“ก็รีบมา....เพราะคิดถึงแพนไงครับ”  แตะจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากสวยได้รูปของอีกฝ่าย   ได้เห็นสีหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากขบ
กันเบาๆ

แก้มป่องพองออก   แม้จะพยายามกลั้นยิ้มอย่างเอาเป็นเอาตาย  พร้อมกับซ่อนสายตาโดยหลุบลงต่ำ ......   แต่ซ่อนไม่มิดสักนิด

“บ...บ้า”     ไอ้ตัวเล็กว่า  พร้อมหมุนตัวหันหลังเดินกลับเข้าด้านใน   ผมคว้ามือไปโอบกอดน้องจากด้านหลัง  แล้วดึงเข้าหาตัว
เอง 

“อืออ~   ปล่อยก่อนตัวเหนียว”  น้องประท้วงเบาๆ  ไม่ได้หันมาสบตาผมสักนิด  ใบหูที่ขึ้นสีแดงจัด น่าชิมจริง ๆ  ไล้ลิ้นเลีย
เบาๆ 

ไอ้ตัวเล็กถึงกับหดคอหนี   ผมได้ทีเลยหอมแก้มน้องไปฟอดใหญ่  ได้ยินเสีย  ฮึ๋ย!  แล้วทุบแขนผมเบาๆ

“หึหึ......ป่ะอาบน้ำกันนะครับ”  ผมคลายกอดแล้วจูงมือไอ้ตัวเล็กเดินเข้าห้องนอน   น้องขืนตัวเกร็งหน้าแดงจัดเป็นลูกตำลึงสุก 
พอเข้าใจว่าน้อง

กำลังคิดอะไร ถึงจะยังไม่ได้อยากจะมีอะไรด้วย ณ ตอนนี้  แต่ก็นะ.....ผมชอบนี่นา  ชอบให้แพนหน้าแดงบ่อย  มันน่ามองจะตาย

“ไม่เอาอ่ะ ...ภาคอาบก่อนสิ แพน  เอ่อ...ยังเหนื่อยอยู่เลย”   

“จะเหนื่อยได้ไงครับอยู่ห้องทั้งวัน  วันนี้ไม่ได้ไปไหนไม่ใช่เหรอ ?”  ผมหันไปถามยิ้มๆ

“ไม่รู้แหล่ะ  บอกเหนื่อยก็เหนื่อยสิ  ภาคอ่ะลามกตลอดอ่ะ”   ไอ้ตัวเล็กยู่หน้าใส่ผม  ริมฝีปากเล็กจู๋ จนน่าจูบ  ผมยื่นมือไปบีบ
จมูกน้อง แล้วโยก

ไปมาเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว ไอ้ตัวเล็กส่งเสียงครางเบาๆ อย่างรำคาญ แต่มันตลกมากกว่า เพราะรู้สึกเหมือนโดนแมวตัวเล็กๆ ขู่

“ไม่ได้ลามกสักหน่อย  แค่รีบ...จะพาแพนไปกินข้าวกับเพื่อน  เนี่ยพวกไอ้ไม้ ไอ้ต้น กับอ๋อมเค้าไปรอที่ร้านแล้ว รอก็แต่พวกเรานี่
แหล่ะที่ชักช้า

เข้าใจมั้ยครับ  แล้วถ้าไม่อาบพร้อมภาคก็ไม่ต้องอาบแล้วนะ  ไปทั้งเน่าๆ อย่างนี้แหล่ะ  ฮ่าๆๆ”  ผมว่าขำ ๆ ปล่อยจมูก ไอ้ตัวเล็ก
แล้ววิ่ง

ไปคว้าผ้าเช็ดตัว  ตรงเข้าห้องน้ำทันที   

“แกร๊ก”    ล็อคลูกบิด แกล้งคนสักหน่อย  ถึงจะสนุก  ได้ยินเสียงโวยวาย  พร้อมทุบประตูห้องน้ำเสียงดัง

“โหย  ภาคอ่ะ แล้วไม่โทรมาบอกแพนก่อนอ่ะจะได้เตรียมตัว  เปิดประตูให้แพนเดี๋ยวนี้เลยนะ ใครจะไปแบบเน่าๆ ฟ่ะ ไอ้หมา
บ้า”

“แกร๊ก.....”   ผมบิดลูกบิดประตู  แง้มเล็ก หันไปส่งยิ้มเจ้าเล่ห์  มองดูคนหน้ามุ่ยที่ถือผ้าเช็ดตัวมาอีกผืน    คิ้วขมวดมุ่นเมื่อผมยัง
ไม่ยอมหลีกง่ายๆ

“หลบดิ  แพนจะเข้าไปอาบน้ำ ” 

“ขอค่าผ่านทางหน่อยดิ..”    ผมพองแก้มด้านขวา  ใช้นิ้วชี้จิ้มไปเบาๆ  ยักคิ้วให้ไอ้ตัวเล็กอีกสองขยัก  ในฐานะที่ผมเป็นต่อ
โฮะๆๆๆๆ ยอมแน่ๆ

ใบหน้าหวานขึ้นสีนิดๆ   แต่ก็แกล้งพ่นลมใส่ราวกับไม่พอใจ  แต่ประกายตาวิบวับ กับใบหน้าสีระเรื่อนี่  ช่างไม่เข้ากับท่าทีที่แกล้ง
ไม่พอใจจริงๆ

“ฟอดดด~   พอใจรึยัง?”   แพนว่าประชดนิด ๆ   ผมยิ้มแก้มแทบปริ  แต่กลับส่ายหน้าไปมา  เล่นทำเอาน้องหน้าเหวอ งงไป
เหมือนกัน

“ขอดอกอีกนิดนะครับ    จ๊วบบบบบบบบบ”   ผมคว้าท้ายทอยไว้ ก่อนจะโน้มไปกดจูบรวดเร็ว สอดแทรกลิ้นดูดดุนลิ้นของอีก
ฝ่าย  กวาดต้อน

ความหวาน  ที่ไม่ว่าจะทานสักเท่าไหร่ก็ไม่หมด  มีแต่หวานฉ่ำขึ้นเรื่อยๆ ก็เท่านั้น 

“อึ๊  อื๊ออออ   อ๊าาาาา~”     ผมละริมฝีปากออก ไอ้ตัวเล็กตัวอ่อนยวบจนผมต้องกอดไว้ น้องหายใจหอบถี่ ใบหน้าสีระเรื่อ หลับ
ตาลง

ราวกับเหน็ดเหนื่อย  ผมก้มตัวลง สอดแขนเข้าข้อพับช้อมอุ้มสุดที่รักของผมลอยขึ้นกลางอากาศ  ไอ้ตัวเล็กเผลอสะดุ้ง วาบมือ
โอบกอดคอผม

โดยอัตโนมัติ  ทำเอาผมยิ้มแก้มปริ  ก่อนจะบริการอาบน้ำให้ทั้งผมและอีกฝ่ายจนเสร็จสิ้น ไม่ได้นานอย่างที่คิด  เพราะเรามีนัด
ต่อ

แต่ถ้าไม่มีล่ะก็  .......หึหึ   หึหึ....หึหึ.....หึหึ......หึหึ  ไปคิดเอาเองแล้วกันครับ 

.

.
ต่างฝ่ายต่างรีบแต่งตัว ด้วยความเร่งรีบหลังน้องมีกำลังวังชาขึ้นมาเต็มที่ ใบหน้าหวานหันมาค้อนเล็ก  ย่นจมูกบ้าง ส่งเสียง ชิส์

บ้างหล่ะ

ต่อยแขนผมเบาๆ บ้างหล่ะ  ผมก็ได้แต่ยอมครับ  ....  เจ็บเล็กน้อย เพื่อความสบายใจของ “เมีย”   ฮิ้วววววววววว!!  อ้าว...ไม่มี
ใครแซวหรอกเหรอ

ผมนี่เข้าข้างหลังอย่างเดียวเลยครับ  ง้อแฟน  ฮ่าๆๆๆๆๆๆ  เรียก “แฟน”   ดีกว่า  เรียก “เมีย”  เดี๋ยวน้องได้ยินจะเป็นเรื่อง  เค้าไม่
ได้กลัวนะ

แฮ่ะ ๆ ก็แค่เกรงใจอ่ะครับ   ต่อๆ  ....  ผมกอดน้องจากด้านหลัง  ซบหน้าไปที่ไหล่น้อง หอมแก้มน้อง หอมแล้วหอมอีก กอดอีก
ฝ่ายแน่น


โยกตัวไปมา  คล้ายปลอบใจเด็ก

“หายงอนเค้าน๊า  ...  ถ้าตัวเองไม่รักเค้า  แล้วใครจะรักเค้า”  ผมว่าด้วยน้ำเสียงออดอ้อนสุดฤทธิ์

“ก็ภาคอ่ะ  ชอบแกล้งแพนอ่ะ  แกล้งตลอด”   น้องบ่นงุ้งงิ้น  ปากอ่ะจู๋ไปแล้วครับ  ฮ่าๆ  น่ารักจริงๆ นะ

“ก็เค้ารักของเค้านี่  อยากกอด อยากจูบ อยากหอม  อยากเอ..      โอ๊ย!! ”   ผมละอ้อมกอดออก  แล้วหันมาลูบแขนตัวเองป้อย
ๆ  แค่แปล๊บเดียว

ก็รีบกลับไปกอด น้องไว้แน่นๆ เหมือนเดิม  แล้วหอมแก้มย้ำๆ  พอเป็นกำลังใจ

“นะๆ  หายโกรธเค้านะ ก็แพนน่ะแหล่ะ  น่าแดงแล้วน่ารักชะมัด  ภาคก็อยากเห็นนี่ ”  ผมว่าเสียงเบา  เขี่ยจมูกกับแก้มอีกฝ่ายไป
มา  ...  หอม

“บ...บ้า....”   น้องยิ้มเขิน

“ดีกันนะครับ  สัญญาเลยนะ ....ว่าจะทำอีก  หึหึ”

“ภาคอ่ะ”  น้องหันมาค้อน

“ก็ชอบอ่ะ  ...นะหายงอนนะ”

“อือ...”   ไอ้ตัวเล็กอมยิ้มจนแก้มป่อง  ผมก้มลงไปหอมอีกฟอดด ~  ใหญ่  แล้วหันมารับโทรศัพท์ที่แรงสั่นเท่ากับสึนามิซัด  (อัน
นี้ก็เวอร์ไป๊)

“ฮัลโหล”

“ร้านXXX  อโศกน่ะ   อ๋อมอยากทานร้านนี้อ่ะ  เห็นว่าร้านเค้าดัง”  ไอ้ไม้ว่า

“มันอาหารอิตตาเลี่ยนไม่ใช่เหรอว่ะ”

“เออ ๆ นั่นแหล่ะ  มึงรู้จักใช่มั้ย”

“เออรู้  มึงสั่งเผื่อกูกับแพนได้เลยนะ  ได้ๆ เดี๋ยวตามไป อืมๆ เจอกัน”  ผมหันมายิ้มหวานให้แพน 

“ไปยังไงอ่ะ”

“BTS ดีกว่าใกล้ๆ น่ะ  ภาคเคยไปแล้ว  เดินต่ออีกนิดเดียวก็ถึง  ป่ะไปกันครับ”   ผมรีบคว้ามืออีกฝ่ายมากุม เพราะรู้ดีว่าน้องต้อง
ชิ่งไม่ยอมให้ผมจับ

ผมก็รู้หรอกน่าว่าเขิน  เอาไว้ออกจากตึกเมื่อไหร่ค่อยปล่อยแล้วกันนะครับ



หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน......อ้อน P.8 27/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 27-01-2013 02:32:15
ภาคแพนหวานน่าดูเลย ภาคอย่าไว้ใจผู้หญิงคนนั้นนักนะ ท่าทางจะร้ายน่าดู
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน......อ้อน P.8 27/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Singleman ที่ 27-01-2013 02:49:06
กลัวอ๋อมจะทำอะไรจัง
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน......อ้อน P.8 27/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 27-01-2013 09:18:30
อ๋อมนี่ร้ายลึกนะ :fire:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน......อ้อน P.8 27/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 27-01-2013 10:13:27
พี่ภาคทำเค้าเขิลนะเนี่ย
ปล.อ๋อมไม่น่าคิดร้ายเลยเนอะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน......อ้อน P.8 27/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 27-01-2013 10:56:22
อ๋อมนะอ๋อมจิตใจกับหน้าตาน่าจะสัมพันธ์กันนะ :m16:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน......อ้อน P.8 27/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 27-01-2013 14:52:33
หวานกันให้จับใจนะคะ 



...เวลาซดมาม่า   .....  จะได้คิดถึงตอนมีความสุขบ้าง
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน......อ้อน P.8 27/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 27-01-2013 19:02:11
เฮ้อ ฝุ้นว่าจะเกิดเรื่องจังเลย แอบนอยด์เล็กๆ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....ป้อน P.8 28/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 28-01-2013 01:44:55
ตอน ป้อน




มาถึงสถานีอโศก ภาคโอบไหล่ผมเบาๆ  แล้วดันให้เดินไปยังทางออกที่มองเห็นสี่แยกใหญ่ บนถนนคราคร่ำไปด้วยรถราและผู้คน

ที่ยังเดินกันขวักไขว่  เราลงบันไดเลื่อนในส่วนที่เชื่อมต่อระหว่าง BTS กับ รถไฟใต้ดิน เดินต่อไปเรื่อยในส่วนของเมโทร

ไปทะลุในซอยอโศก เดินเท้าไปอีกนิดหน่อยก็ถึงซอยแรก เลี้ยวซ้ายก็ถึงร้านที่ว่า....   ภาคกดมือถือโทรหาพี่ต้น  พร้อมกับเดิน

เข้าไปในร้าน  เห็นพี่ต้นยกมือชูสูงขึ้นพอให้ผมกับภาคมองเห็น  ภาคพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะกดวางสาย  แล้วเปลี่ยนจาก

โอบไหล่ผมมาเป็นจูงมือให้เดินตามไปที่โต๊ะ   ด้านในพี่ต้นกับพี่ไม้นั่งคู่กัน  ส่วนฝั่งตรงข้ามมีพี่อ๋อมนั่งรอ  พร้อมรอยยิ้ม

ยินดีซะจน  ทำไม...ผมรู้สึกหมั่นไส้ตะหงิดๆ นะ  เลยยิ้มจืดๆ ตอบ เห็นแล้วอยากเกาหัวตัวเองสักสองสามแกรกด้วยความงง

เผลอยกมือขึ้น เกาหัวจริงๆ แต่แล้วคิ้วก็ขมวดเป็นปมเมื่อเห็นพี่ไม้กับพี่ต้นกลั้นยิ้มจนตัวสั่น ส่วนอีกคนผมไม่ทันสังเกตุ

ภาคดันผมให้นั่งติดกับพี่อ๋อมแล้วตัวเองก็นั่งถัดไป ผมยังคิ้วผูกเป็นโบว์หันมาหาภาคด้วยความฉงน อีกฝ่ายก็เอาแต่ยิ้มแก้มปริ

เอ๋......   มันยังไงกันหล่ะเนี่ย   เลยเกาหัวตัวเองเป็นรอบที่สอง แกรกๆๆ ชะอุ้ย!!  ว่าแล้วทำไมหนัก ๆ ที่แท้มันเป็นมือ

ข้างที่เกี่ยวนิ้วกันกับภาค  พอผมยกขึ้นมาเกาหัว มืออีกฝ่ายก็ตามขึ้นมาด้วยไม่ยอมปล่อย ที่สำคัญไม่ได้ทิ้งน้ำหนักมา แต่ช่วย

ส่งเสริมด้วยการยกมือขึ้นให้ผมเบาแรง เลยลืมไปว่ามือเกี่ยวกันอยู่ อย่างนี้คนก็รู้หมดสิว่าจูงมือกัน   โอยยย~   

อายจนแทรกแผ่นดินหนีได้แล้ว  ยิ่งหันไปเห็นพี่ต้นกับพี่ไม้ตาวาววับ  รอจะยิ้มล้อผมยิ่งอายเข้าไปใหญ่ 

“แหมๆๆ  น้องแพนไม่อายแล้วเหรอครับ หืมม  ...กล้าเน๊าะ  เดี๋ยวนี้มีโชว์  ฮ่าๆๆ  ว่ามั้ยว่ะไอ้ต้น”  พี่ไม้หันไปขยิบตาให้พี่ต้น

“แหม  ๆ  ไม้ก็  คนเค้ารักกันอ่ะ  ...  มันก็ต้องมีบ้างดิ  ก็อยากวีตนอกสถานที่บ้างดิวะ  ฮ่าๆ ฮิ้วๆๆ” แล้วสองคนนั้นก็หันไป

แปะมือกัน  ด้วยความยินดีปรีดา  ไอ้คนข้างผมนี่ก็ยิ้มร่าได้อีก  ตายๆๆ  อายมากครับ  ผมรีบดึงมือออก .... แต่ก็ช้ากว่า

เหลือมตัวพ่อ  บอกแล้วว่า  “รัด”  แล้วไม่มีปล่อย มือหนาๆ ของภาคดึงมือผมไปเกาะกุมหนักขึ้นไปอีก  แถมหันมายักคิ้วยิ้มๆ

เง้อ~    ช่วยผมทีครับ  ฮือๆๆๆๆ


“อ่ะ แฮ่ม ... ทานเถอะค่ะ อ๋อมหิวแล้ว เดี๋ยวอาหารจะกร่อย! ไปเสียก่อนเพราะมาเสิร์ฟนานแล้ว”  พี่อ๋อมโปรยยิ้มหวาน

แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนถูกด่านะ  เห้อ~  อาจจะคิดมากไปก็ได้นะ  พี่เค้าก็ยังยิ้มหวานเช่นเดิมนี่นา

“น้องแพนอยากทานอะไรหรือเปล่าคะ?  เดี๋ยวพี่ตักให้”   พี่อ๋อมหันมาถาม  ผมส่ายหน้าน้อยๆ มาช้าก็เกรงใจจะแย่แล้ว
นี่ถ้า...ต้องให้พี่เค้าตักให้อีก  จะกินลงมั้ยเนี่ย ?

“เอ่อ  ...ไม่เป็นไรฮะ เดี๋ยวแพนตักเองก็ได้”   ผมยิ้มตอบเล็กน้อย  พี่อ๋อมมองเลยผ่านผมไป  ไปหาใครบางคนที่อยู่ถัดออกไป

“แล้วภาคหล่ะ...  อยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า  เดี๋ยวเราสั่งเพิ่มให้ก็ได้นะ”  พี่อ๋อมพูดเสียงหวาน  เอ่อ~  อาจจะเพราะ

ผมไม่ชินอ่ะนะ  ถึงได้รู้สึกเลี่ยนๆ เป็นพิเศษ 

“ไม่เป็นไรอ๋อม..ว่าแต่อ๋อมเถอะตักอาหารฝั่งนี้ถึงไหม ให้ภาคตักให้รึเปล่า”  ภาคว่ายิ้มๆ  ส่วนพี่อ๋อมยิ้มแก้มฉีกไปแล้ว 

หรือว่านี่  ...มันเป็นเรื่องปกติของเค้ากันนะ   ฮึ่ม !  ผมไม่ได้โมโหนะ แค่รู้สึก อยากพ่นลมออกทางจมูกแรงๆ เท่านั้นเอง

“งั้นภาคตักปูผัดผงกระหรี่ให้หน่อยสิ” 

“อืม...  เดี๋ยวภาคตักให้นะ”   ภาคว่าเสร็จจัดการตักปูผัดผงกะหรี่ เอ๋  ...ได้ข่าวว่ามาทานอาหารอิตตาเลี่ยนทำไมมีปูผัด

ผงกะหรี่ได้อ่ะ  ยังไม่ทันได้ถามอะไร พี่ต้นก็เงยหน้ามายิ้มให้ผม 

“น้องแพนสั่งอะไรเพิ่มมั้ย?  ที่นี่เค้ามีสองร้านติดกัน ร้านนี้อาหารอิตตาเลี่ยน ส่วนอีกร้านเป็นอาหารไทย”  พี่ต้นว่า

ผมส่ายหน้าน้อยๆ แทนคำตอบ  หลบมือภาคที่ยื่นผ่านหน้าผมไปหาจานพี่อ๋อม  ที่กำลังสนใจคนตักจนผมรู้สึกตะหงิดๆ

แต่ที่ตะหงิดยิ่งกว่า.....   ไอ้จมูกที่เฉียดแก้มผมแบบเฉียดฉิว  กับไอ้มือปลาหมึกที่ลูบไล้ต้นขาผมไปมานี่มันอะไรกัน 

รู้สึกร้อนๆ ที่หน้า  ไม่รู้หน้าแดงมากมายขนาดไหน   ...  นอกสถานที่ก็ไม่เว้น  ผมหันไปมองหน้าภาคเล็กน้อย

แล้วส่งสายตาดุๆ ไปข่มขู่    เห็นพ่อเหลือมหัวเราะคิกคัก ก่อนจะยอมปล่อยมือแล้วหันมาตักปูใส่จานผมบ้าง แกะกุ้งให้ผมบ้าง

ตักสลัดให้บ้าง พิซซ่าให้บ้าง  แล้วก็เข้าปากตัวเองสลับไปสลับมา   อย่างไม่สนใจใคร พี่ต้นหันไปแกล้งพี่ไม้ด้วยการ

เอาใจพี่อ๋อม  ส่วนพี่ไม้เห็นแบบนั้นก็สู้ขาดใจ  เอาใจทุกอย่างแทบจะประเคนน้ำใส่ปากให้เลยก็ว่าได้  พี่อ๋อมเลยยุ่งไม่มีเวลา

มาสนใจภาค  เพราะมัววุ่นวายกับผู้ใหญ่สองคนที่ แย่งกันตักอาหารบ้าง ชวนคุยบ้างไม่ได้หยุด 

ทานไปสักพักเหมือนภาคจะอิ่ม ...ก็ใช่สิพ่อคุณเล่นกินแต่ละอย่าง ตักเข้าปากอย่างรวดเร็วอย่างเอร็ดอร่อย  ไม่รู้จะรีบไปไหน

หรือจะหันไปแข่งเอาใจพี่อ๋อมอีกคนนะ...ชิส์   แต่ไม่นานผมก็ได้คำตาม  เมื่อสุดหล่ออิ่มเต็มคราบก็หันมายิ้มเพล่ให้ผม 

แบบเด็ดสุดๆ   ด้วยการตักคาโบน่าร่ามาให้ ยื่นช้อนมาตรงหน้า รอให้ผมอ้าปากอ้ำ  ....  ลองคิดดูร้านที่คนเยอะ

ขนาดนี้  ...ถ้ามีผู้ชายสองคนมาป้อนอาหารกัน มันคงไม่น่ามองสักเท่าไหร่  ผมหันไปมองหน้าพี่ทั้งสามคน พี่ไม้กับพี่ต้น

อมยิ้ม  กลั้นหัวเราะกันคิกคักตามฟอร์ม  ส่วนพี่อ๋อมดูจะอึ้งไปนิดนึง  แต่ผมสิ  ....  หน้าแดงก่ำราวกับตำลึกสุกไปเรียบร้อยแล้ว

“อ้ามมม~ ”  ภาคยื่นช้อนมาที่ปากผม  แถมยังพูดซะยังกับป้อนอาหารเด็ก   อาการผมเหมือนคนอ้าปากค้าง แต่ที่จริง

เม้มปากแน่นสนิท หันไปสบตาภาคแบบเอาเป็นเอาตาย  ยังไงก็ไม่ยอม  ส่ายหน้าหวือ..ให้อีกฝ่ายทราบวัตถุประสงค์

”อ้าปาก...  ถ้าไม่กินนะ..”  ภาคลดเสียงแล้วก้มมากระซิบ  ให้ได้ยินแค่สองคน  “จะป้อนด้วยปาก” 

ปุ้ง!  ควันออกหูไปแล้วครับ  ผมหันไปจ้องภาคตาเหลือกอ้าปากค้างของจริงแล้วคราวนี้ จะบ้าเหรอ....จะมาป้อนด้วยปาก

อะไรแถวเน้~    โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  (ขอระบายความเครียดหน่อย)

แล้วมันก็สบโอกาส  พ่อเหลือมตัวดียิ้มแป้นแล้น  ยัดช้อนคาโบนาร่าเข้าปากผมชิวๆ  ผมตกใจเลยปิดปากลงเบาๆ 

ภาคเลยดึงช้อนออกช้าๆ  หันไปตักนั่นตักนี่มาป้อนอีก เป็นระลอกใหญ่  ทั้งอายทั้งอิ่ม  เข้าใจแล้วว่าทำไมรีบกินซะเหลือเกิน

ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากพี่ไม้และพี่ต้น แต่ที่เจ็บใจสุด ๆ ก็คือไอ้คนนั่งข้าง ๆ ที่พลอยยิ้มอารมณ์ดีกับเค้าไปด้วย

คนอะไร....ไม่มีอายเลยเหอะ  ผมยู่ปากใส่ภาคทำเอา  พี่ต้นขำจนท้องแข็งเลยทีเดียว


“น่ารักว่ะ  น้องแพนน่ารักอ่ะ”  พี่ต้นว่าเสร็จมองผมยิ้มๆ  จ้องไม่วางตาเลยทีเดียว

“อืม...ก็นะ ไม่งั้นเพื่อนมึงจะหลงเหรอ ฮิ้ววววววว ”   พี่ต้นกับพี่ไม้แปะมือกันเบาๆ

ว่าจบพี่ต้นก็ยังมองผมยิ้มๆ อยู่นั่นแหล่ะ  มองไม่วางตาจริงๆ จนผมทำตัวไม่ถูก  ส่วนพี่ไม้หันไปหยอดพี่อ๋อมต่ออย่างครื้นเครง

“แต่สำหรับไม้น่ะ   ...ใครก็ไม่สวยเท่าอ๋อมหรอกครับ”    พี่ไม้ทำตาเยื้อมได้อีก  แต่พี่ต้นมองผมทำไมอ่ะ


“คิกคิก ๆ ไม้ก็”


“อ่ะแฮ่ม!!  อย่ามองนานกุหวง”  ภาคว่าเสียงโหดขึ้นมานิดนึง  ...  มองพี่ต้นตอบตาเขม็ง ทำเอาพี่ต้นหัวเราะกร๊าก

“เชี่ย...กุไม่ได้ชอบแบบนั้น ขี้หึงว่ะแม่ง...   น้องแพนครับมาเป็นน้องชายพี่มั้ย?   เห็นเราแล้วนึกถึงน้องชายพี่เลย



ถ้าแม่มาเห็นเราน่ะ  แม่พี่คงดีใจมากๆ”   พี่ต้นพูดยิ้มๆ  ดวงตาดูเศร้าลงมานิดนึง 



“อ้าว!!  พี่ต้นมีน้องด้วยเหรอครับ  ว่าแต่อยู่ที่ไหนอ่ะ แพนไม่เคยเห็นเลย?  ”   ผมถามด้วยความสงสัย
“น้องพี่เสียตั้งแต่พี่อยู่ป.6 อ่ะ ห่างจากพี่ปีเดียวเหมือนเรานี่แหล่ะ  นิสัยคลายๆ กันเลย”  พี่ต้นว่าเสียงเศร้าได้อีก แม้จะมี

รอยยิ้มอยู่ที่มุมปาก

“เอ่อ ~  แพนขอโทษนะครับ  ไม่รู้มาก่อนเลย แต่ถ้าพี่ต้นอยากมีน้องซนๆ แบบแพนหล่ะก็ยินดีครับ คุณพี่ชาย”  ผมยิ้มกว้าง

พี่ต้นก็ยิ้มตอบ  อย่างยินดี

“เอ่อ...  พี่ขอกอดทีได้มั้ยครับ?”  พี่ต้นหันมาขออนุญาต ผมหันไปมองถามภาคก่อน

“อ่ะ  แฮ่ม...”  ภาคกระแอมเสียงดัง   ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ  ผมลุกขึ้นเดินไปหาพี่ต้น  พี่เค้ากอดผมในร้านเลยครับ

“กลับมาซะทีนะ.....น้องชายพี่”  พี่ต้นว่าเสียงแหบแห้งเหมือนคนร้องไห้  ก่อนจะคลายกอดออก  จากนั้นบรรยากกาศ

ก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง พี่ต้นเล่าเรื่องต้ามให้ฟัง  ว่าชอบทำปากย่นๆ ยื่นๆ  แก้มขาวๆ พองเหมือนผม  ที่สำคัญชอบ

ขู่ฟ่อๆ เหมือนแมว ทำตาดุ  ทั้งที่ไร้พิษสง ตากลมแป๋ว ดูไร้เดียงสา น่าทนุถนอม สรุปว่านี่.....  คือบุคลิกผมงั้นเหรอ

.

.

.


เมื่อนั้นผมได้พี่ชายเพิ่มมาหนึ่งคน   พร้อมกับแฟนขี้หึงมากกกกกกก อีกหนึ่งคนแม้จะอนุญาตให้อีกฝ่ายกอดได้หนึ่งครั้ง

ที่เหลือก็กันมือกันไม้  ของพี่ต้นที่ยื่นมาด้วยความคิดถึงน้องชายตัวเอง  ฮ่าๆ  เกิดเป็นสงครามย่อยๆ เลยทีเดียว

ส่วนพี่อ๋อมที่มองมาด้วย  เอ่อ...ใบหน้าที่เรียบเฉย  มีเพียงยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก   ส่วนพี่ไม้ที่พยายามสร้างโลกส่วนตัว

ระหว่างตัวเองกับพี่อ๋อม ก็เรียกความสนใจจากพี่อ๋อมได้บ้างบางครั้งบางคราว   



เห้อ~   สรุปว่า   “อิ่มคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบ”






หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....ป้อน P.8 28/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 28-01-2013 02:29:01
ลุ้นนะเนี๊ยะว่าเมื่อไหร่ระเบิดจะลง
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....ป้อน P.8 28/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 28-01-2013 07:52:08


แอบเศร้าเรื่องพี่ต้นเล็กน้อย
ปล. ภาคหวานเว่อร์
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....ป้อน P.8 28/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 28-01-2013 08:11:04
นี้แหละ เค้าถึงได้บอกว่า ผู้หญิงไม่มีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชายหรอก

ตัวอย่างจากยัยอ๋อมนี้แหละ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....ป้อน P.8 28/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 28-01-2013 12:35:28
สาวอ๋อม ตัดใจเถอะน่ะ ภาคแสดงออกถึงขนาดนี้แล้วน่ะ  :z6: ตอนนนี้ต้องรีบเก็บความหวานตุนไว้ก่อน พอมาม่ามาถึงจะได้ไม่เศร้ามาก :impress2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....ป้อน P.8 28/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 28-01-2013 20:06:27
ยังไม่ต้องรีบทำใจ หรือลุ้นนะคะ


อีกสักพักถึงจะดราม่าอ่ะ   ตอนนี้ขอหวานๆ  ก่อนแล้วกันนะคะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....ป้อน P.8 28/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 28-01-2013 21:50:22
ผู้หญิงคนนี้ช่างร้ายลึก จริง ๆ นังอ๋อม  :m16:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....ป้อน P.8 28/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 28-01-2013 22:16:04
ภาคแพนไม่ค่อยหวานกันเลยนะนั่น
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....เสียวอ่า P.8 29/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 29-01-2013 00:57:27
ตอน  เสียวอ่า


“แพน” 

“อื๊ออ ~  ภาค    อย่าพึ่ง   เดี๋ยวๆ นะ  อย่าพึ่งๆ”

“ไม่ได้หรอกแพน  ตอนนี้แหล่ะ  รอนานไม่ดี”

“อ๊ะ  ซี๊ดดดดดดดด   อ๊าาาา~  ภาคพอก่อนๆ  อืมมมม  อย่าพึ่งดิ”

“ทำไมอ่ะแพน...  อย่างอแงน่า  ทำยังกับไม่เคย”

“ก็...ก็มันเสียวนี่  ภาคไม่เข้าใจหรอก  อุ๊บบบบบ   อู๊ยยๆๆๆๆๆ   ด ..เดี๋ยว   อืออออออออออ~   ฮึกๆ  ภาคอ่า”



...............  เอามาอ่อย  .........................  เหอๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....เสียวอ่า P.8 29/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 29-01-2013 01:36:09
ตอน  เสียวอ่า


“แพน” 

“อื๊ออ ~  ภาค    อย่าพึ่ง   เดี๋ยวๆ นะ  อย่าพึ่งๆ”

“ไม่ได้หรอกแพน  ตอนนี้แหล่ะ  รอนานไม่ดี”

“อ๊ะ  ซี๊ดดดดดดดด   อ๊าาาา~  ภาคพอก่อนๆ  อืมมมม  อย่าพึ่งดิ”
“ทำไมอ่ะแพน...  อย่างอแงน่า  ทำยังกับไม่เคย”

“ก็...ก็มันเสียวนี่  ภาคไม่เข้าใจหรอก  อุ๊บบบบบ   อู๊ยยๆๆๆๆๆ   ด ..เดี๋ยว   อืออออออออออ~   ฮึกๆ  ภาคอ่า”

“โอ๋ๆ  อย่าร้องนะครับคนดี”   ผมกอดน้องที่นั่งอยู่บนตักไว้แน่น ไอ้ตัวเล็กซุกหน้ากับไหล่ผม  หลังจากคลายปากจากการงับ

ไหล่ผมแรงๆ แทบหลุด อูยย~  เจ็บครับ....แต่มีความสุข  หึหึ  เลยต้องลูบหัว ลูบหลังปลอบโยนเป็นการใหญ่  เห็นน้ำตาใสๆ

แล้วน่าสงสารชะมัด   หมดแรงเลิกดื้ออยู่บนตักผมเลยทีเดียว 

“ฮึกๆ  ภาคชอบแกล้งอ่า   บอกแล้วว่ามันเสียวๆ  ก็ไม่เชื่อ  ฮึกๆ”  ผมหัวเราะเบาๆ กับไอ้คำว่า  “เสียว”  นี่แหล่ะ

“เสียวยังไงอ่า  เล่าให้ฟังหน่อยสิ หืม?”   ผมดันน้องออกจากอกให้มามองหน้ากันตรงๆ  ไอ้ตัวเล็กเบ้ปากเตรียมงอแงอีกรอบ

ดวงตาเขียวขุ่นหันมามองผมเขม็ง  ประมาณว่าไม่รู้จะอธิบายยังไง 

“หึส์..” พ่นลมหาย  ฟึดฟัดเป็นการใหญ่ สะบัดหน้าหนีหลบตาผมด้วยความอาย ปากแดงจู๋  แก้มสองข้างป่อง 

น่ารักชะมัด....จับจูบซะดีมั้ย?

“ไหนๆ เล่าให้ภาคฟังสิ ว่ามันเสียวได้ไง ?  อย่ามาโมโหกลบเกลื่อนนะไอ้ตัวดี”   ผมดึงแก้มพองๆ ของอีกฝ่ายจนยืด

ไอ้ตัวเล็กเบ้หน้าเพิ่มขึ้นไปอีก  ผมได้แต่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี  เห็นยังงี้แล้ว น่าแกล้งจริงๆ

“ก็เวลาใส่อ่ะ   มันก็เสียวอ่า”   ไอ้ตัวเล็กว่า หน้ามุ่ยได้อีก

“แล้วที่ร้องไห้อยู่นี่เพราะว่ามันเสียวเหรอครับหืม?”   ผมหันไปยิ้มล้อน้อง  ไอ้ตัวเล็กพยักหน้าหงึกๆ  เล่นเอาผมขำก๊ากกก

“ฮ่าๆๆๆๆ  เค้าเรียกว่าเสียวที่ไหนแพน  เค้าเรียกว่า “กลัวเจ็บ” ต่างหาก ไอ้ดื้อเอ้ย  มีอย่างที่ไหนแค่เอาทิงเจอร์ใส่แผลให้

มาบอกว่าเสียว  คนอื่นได้ยินเค้าจะคิดว่ายังไงหล่ะเปี๊ยก”  ผมขยี้หัวน้องเบาๆ  อย่างเอ็นดู

“ไม่เอา  ...บอกว่ากลัว มันก็ไม่แมนอ่ะดิ”   น้องจ้องผมเขม็ง  ริมฝีปากเม้มเสียจนเป็นเส้นตรง  คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างจริงจัง

“หืม??   อะไรนะ”   ผมเลิกคิ้วสูงเมื่อรู้สึกว่า...ได้ยินไม่ค่อยชัด

“แพนบอกว่า  ถ้าพูดว่ากลัว พูดว่าเจ็บ  มันก็ไม่แมนอ่ะดิ๊”   น้องว่าช้าๆ ชัดๆ  ลงท้ายด้วยเสียงสู๊งสูง   ทำเอาผมกลั้นยิ้ม

แทบแย่   เอ่อน่ะ คนเรา...คิดมาได้  ไม่ได้ดูหน้าตัวเองหรอกนะ  ถึงจะพูดว่า เสียว มันก็ไม่ทำให้แมนขึ้นมาสักหน่อย

มีแต่....พลอยจะทำให้เข้าใจผิดไปทางอื่นเสียมากกว่า

“คร๊าบบบบบบ  ครับเข้าใจแล้ว  แต่ช่วยเสียวกับภาคคนเดียวได้มั้ยอ่ะ  ไม่อยากให้ไปพูดให้ใครได้ยินเลย  กลัวเค้าจะคิด

เป็นอย่างอื่นแทนนะสิ”  พูดเสร็จ  ก็ก้มลงหอมแก้มน้องเบา  ๆ  ไอ้ตัวเล็กไม่ได้ว่าอะไร พยักหน้าหงึกหงัก

“แล้วจะไปเที่ยวได้เหรอนี่  ขาโดนมีดบาดซะแล้ว เจ็บหรือเปล่าครับ?”   ผมลูบเบาๆ บริเวณรอบๆ แผล เอื้อมมือไปหยิบ

ผ้าก็อตสำหรับพันแผล พร้อมเทปมาปิดบาดแผลไว้  ไอ้ตัวเล็กมองตามไม่คลาดสายตาที่มือผมยื่นเข้าไปใกล้บริเวณแผล

น้องลูบแผลเบาๆ ผ่านผ้าก็อต  ถอนหายใจเล็ก  ขอย้อนนิดนึงนะครับ..หลังจากทานเข้าที่ร้านอาหารอิตตาเลี่ยนแล้ว

เดินมาถึงปากซอยอโศก  ก็โบกแท็กซี่ เพราะน้องเริ่มง่วงนิดๆ   คุยกันไปกันมาอีท่าไหนไม่รู้ มาจบเรื่องอาหาร  ผมก็แซว

ว่าน้องอ่ะทำอาหารไม่ได้เรื่อง  ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วหล่ะครับ   ....เห็นไปช่วยป้าที่อเมริกาตั้งเป็นปีไม่รู้จะมีฝีมือเพิ่มขึ้น

บ้างรึเปล่า  แซวอย่างโน้น ว่าอย่างนี้ สุดท้ายไอ้ตัวเล็กเลยจะทำสลัดให้ทาน  กำลังซอยอยู่ดีๆ เอี้ยวตัวไปหยิบผลไม้

มาเพิ่มผ้ากันเปื้อนดันเกาะเอามีดล่วงลงพื้น ไอ้ตัวเล็กตกใจเลยรีบยกขาหลบ  สรุปเท้าไม่โดนมีดอย่างที่กลัวไว้

แต่ขาตอนยกมันดันไปโดนมีดพอดี  เลือดไหลแดงฉานเลยทีเดียว  เห็นแผลยาวประมาณ 3 เซ็น ไม่ได้ลึกมากอะไร 

แต่เลือดไหลเยอะทีเดียว  เล่นเอาผมตกใจ รีบวิ่งเข้ามาหาเลยทีเดียว   พอจะจับใส่ยาก็เสียว...ๆๆๆๆ อยู่นั่นแหล่ะ

เรื่องก็เป็นด้วยประการละฉะนี้  ฉะนั้นเรามาฉะกันมั้ย?  เห้ย!!  ไม่ใช่   ฉะนั้นก็กลับมาต่อเรื่องปัจจุบันกันดีกว่า

“อือ  แพนคิดว่าหายทันนะ ”  น้องว่าเสียงเศร้านิดๆ  คงลงทะเลยากขึ้นอ่ะนะ จะให้เล่นน้ำทั้งที่เป็นแผลก็กระไรอยู่

หน้าเครียดขึ้นมาทันที  ก็นะ ...อยากจะไปแทบแย่อยู่แล้วนี่นา  ทั้งที่พึ่งจะชวนเพื่อนๆ ก่อนจะกลับมานี่เอง 

ดูท่าไม่รู้แผนจะล่มรึเปล่า    ทำหน้าหงอยได้อีกนะคนเอา  ผมลูบหัวแพนเบาๆ ก่อนจะกดให้มาซบอกผม

“ไม่เป็นไรนะครับ ถ้าอาทิตย์ยังไม่หายก็รออาทิตย์ ต่อๆ ไปก็ได้นี่  ไปกันสองคนก็ได้นะครับ  ทะเลไม่หนีไปไหนซะหน่อย”

“อืออออ”    น้องโอบแขนกอดรอบลำคอผม   หัวก็ซุกมาแถวซอกคอ  ผมเลยปลอบด้วยการ โยกตัวไปมา เหมือนแพน

เป็นเด็กๆ ที่นั่งบนตักผม 

.

.

“ภาคใจดีจัง”  น้องว่าเสียงงุ้งงิ้ง

“ก็นะ....”








“คนมันรักไปแล้ว    ทำไงได้อ่ะ”  ผมกระซิบตอบ กดจูบที่หัวทุยของอีกฝ่าย  น้องเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม




ในดวงตาของเราต่างมีภาพของกันและกัน  นัยตากลมใส ซื่อๆ ของแพน กินใจผมเหลือเกิน  มันสวยซะจนหลงไหล


“ขอบคุณนะภาค  ...ที่รักแพน  ...  จุ๊บ”  ริมฝีปากเราแตะกันเบาๆ  อยู่หลายครั้ง

จนสุดท้ายก็กลายเป็นผม  ที่อดใจไม่ไหว  สอดลิ้นเข้าไปชิมความหวานที่ฝ่ายจงใจมอบให้  กวาดต้อน  ซอกซอน 

หาความหวาน  ...  ที่ซุกซ่อนหวานฉ่ำอยู่ข้างใน   ค่อยๆ ดูดกลืนกันและกัน  จากสัมผัสที่อ่อนโยน  กลายเป็น...

เรียกร้อง ถวิลหา   ผมสอดมือเข้าเสื้อตัวบางของอีกฝ่าย  ไล้มือสัมผัส ผิวนุ่ม ลื่นมือ  ก่อนจะบดบี้ยอดอกสีหวาน

ที่แข็งชูชันล้อเล่นกับมือ  ได้ยินเสียงครางเบาๆ  ถอดเสื้อออกจากทางหัว  สอดมือหยอกเย้าแพนน้อย  รูดรั้งเบาๆ

ไอ้ตัวเล็กถึงกับครางกระเส่า สายตาปรือปรอย กัดเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นเพื่อกลั้นเสียง  ค่อยๆ โน้มตัวให้น้อง

นอนลงบนโซฟา  ถอดกางเกงขาสั้นที่ขวางกั้นออก  โชคดีที่เป็นผ้ายืด  ดึงขาออกได้แค่ข้างเดียว อีกข้างกลัวจะ

โดนแผล  ถอดกลางตัวเองทิ้งตามไปอย่างรวดเร็ว  ก่อนจะถูไถน้องชายตัวอวบที่สวมหมวกนิรภัย กับร่องสีสวาท

“อือออ  ~”   ไอ้ตัวเล็กครางหวาน  ผมค่อยสอดแทรกตัวเองเข้าไป  เนิบนาบ  และอ่อนโอน 

ด้านล่างค่อยๆ ขยับ ตามจังหวะที่คิดว่าอ่อนโอนที่สุด   มีแต่เสียง 

“อือออ  อ่าาาาาา”  ดังลอดริมฝีปากออกมา เป็นระยะ  ก่อนที่ทุกอย่างจะดำเนินไปตามจังหวะของมัน





หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....เสียวอ่า P.8 29/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 29-01-2013 09:49:49
555 คุณทัศ ทำเอาจิ้นไปไกลเลยน่ะ น้องแพนน่ารักเชียว ร้องแบบนี้ก้อไม่แมนเหมือนกันน่ะ คนฟังคงคิดไปไกลหลายร้อยไมล์เลยล่ะ  :impress3: มาต่อเรื่อย ๆ น่ะจ้ะ ติดตามเสมอจ้ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....เสียวอ่า P.8 29/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 29-01-2013 12:09:08
 :o8:

น่ารักจริง แต่หวงว่าถ้าพ่อแม่รู้เเล้วจะรับได้ทีเถอะ

รอตอนต่อไปค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....เสียวอ่า P.8 29/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 29-01-2013 12:30:31
 :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....เสียวอ่า P.8 29/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 29-01-2013 12:51:14
แพนน่ารักอ่า แล้วก็อ้อมน่ะ อย่าพยายามซะให้ยาก ยังไงภาคก็ต้องคู่กับแพน
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....เสียวอ่า P.8 29/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 29-01-2013 13:40:30
โอ้ย เราก็นึกว่าอะไร ที่แท้ก็โดนมีดนี่เอง
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....เสียวอ่า P.8 29/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 29-01-2013 19:45:30
มีดบาด ก็เสียวได้เนอะน้องแพน ฮ่าาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....เสียวอ่า P.8 29/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: second ที่ 29-01-2013 20:48:05
บอกว่าแสบมันน่าจะเข้าท่ามากกว่าน่าน้องแพน  :haun5:
บอกเสียว คราวนี้ได้เสียวจริงเลย  :z1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....เสียวอ่า P.8 29/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 29-01-2013 20:59:07
ภาคแพนน่ารักมาก ๆ เลย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....เสียวอ่า P.8 29/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 30-01-2013 14:47:56
อยากได้ nc แบบน้องแพนเป็นฝ่ายนำบ้างอ่ะ (แต่ไม่ได้เป็นรุกนะ)
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....เสียวอ่า P.8 29/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 31-01-2013 00:48:02
เรื่องแพนจับกด 

เรื่องราวเล็ก ๆ ของแพนกับภาค ใน facebook  อยากอ่านก็ตามกันเองนะจ๊ะ

คนขี้สงสัย   ตอนสั้น ๆ ของแพนกับภาคค่ะ
http://www.facebook.com/tassanee.ton/posts/149002998591032?ref=notif&notif_t=like


ขอถามหน่อย  อีกตอนสั้นๆ ของแพนกับภาคเช่นกัน
http://www.facebook.com/tassanee.ton/posts/148995945258404?notif_t=like

โฮ่ะๆๆๆๆ


หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....เสียวอ่า P.8 29/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: udongjay ที่ 31-01-2013 00:57:29
เพิ่งเข้ามาอ่าน ><
น้องแพนน่ารักมากอ่ะ คิคิ ชอบจัง
เรื่องนี้จะดราม่าเพราะยัยอ๋อมสินะ ไม่อยากเลยง่าาาาา
ขอให้ครอบครัวของทั้งสองคนรับได้ แล้วยัยอ๋อมจะได้หน้าแตกไปเลย
คนเขาไม่เคยสนใจยังจะมายุ่งอีก หึ้ยยยย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....เสียวอ่า P.8 29/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 31-01-2013 01:52:17
หึ้ยยยย  อ๋อมแอ๋มไปรักกับไม้นู่น อย่ามายุ่งกะภาคและแพน  :beat:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน.....พิเศษ สั้นๆ click Link นะคะ P.9 30/1/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 31-01-2013 02:22:23

ุู^
H
H
H


ข้างบนเลยค่ะ    :o8:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ สอบถามค่ะ....ถ้ามีบทสนทนาที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่อง อยากจะให้ลงในเรื่อง?
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 03-02-2013 21:42:22
สอบถามหน่อยค่ะ  กดโหวตด้านบนเลยค่ะ

พอดีแต่งบทสนทนาไว้ใน FB

อยากทราบว่าจะลงดีรึเปล่า  กลัว...จะรู้สึกว่าไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องแล้วจะไม่อยากอ่าน

จะทำให้งงรึเปล่า   เง้อ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เที่ยว 1 Page 9 UD 3/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 03-02-2013 23:55:10
ตอน ....  เที่ยว




“อ๋อม....  อ๋อมครับ  ถึงแล้วนะ”  ผมสะกิดอ๋อมเบาๆ จริงๆ แค่อยากถ่วงเวลาเพื่อจะมองใบหน้าหวานในยามที่หลับไหล

นานๆ ครั้งที่จะได้เห็น  ใบหน้าหวานดูอิ่มเอม   หลับตาพริ้มเพรา ริมฝีปากสวยได้รูปที่ผมเผลอจ้องมองหลายต่อหลายครั้ง

ผิวเนียนละเอียด พวงแก้มดูนุ่มนิ่มยิ่งเพิ่มความน่าสัมผัสมากขึ้นไปอีก  เวลาตื่นดวงตาเป็นประกายสดใสทุกครั้งที่ได้มอง 

ตอนนี้กำลังหลับสนิท  ลมหายใจสม่ำเสมอ จนผมแทบไม่อยากปลุก ถ้าไม่ติดว่าจะต้องขึ้นเรือเพื่อข้ามฟากไปอีกเกาะ

ผมยินดีจะอุ้มบุคคลที่หลับไหลไปยังห้องพักด้วยตัวเอง อาจจะเป็นเพราะใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมง  เมื่อสายตาอีกฝ่าย

ดูจะสนใจธรรมชาติรอบข้างจนเนิ่นนาน พร้อมหูฟังเพลงจากโทรศัพท์   ผมเลยไม่ประสงค์จะรบกวน  .... 

ทำได้ก็เพียงแค่ลอบมองอีกฝ่ายเป็นระยะ   ทั้งที่เป็นที่นั่งสามคน  แต่ผมก็ไม่สนใจ...ไอ้ต้น ที่นั่งอยู่ข้างๆ  มันมองที่ผม

อย่างรำคาญ ก่อนจะก้มมากระซิบที่ข้างหูเบาๆ อย่างประชดประชัน ก่อนจะเบี่ยงตัวกลับไปนั่งตามปกติ และเริ่มหยิบหูฟัง

ขึ้นมาเสียบหู  ประมาณว่า.....ไม่อยากสนใจคนอย่างผมอีกต่อไปแล้ว   นี่....กุไม่น่าสนใจขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ

“ไม่สิงเค้าเลยหล่ะว่ะ สัด”  ได้แต่หัวเราะเบาๆ อยู่ในลำคอ  มองคนขี้น้อยใจ  มันก็อย่างนี้แหล่ะ ...เมื่อก่อนก็กับไอ้ภาค

ถ้ามีคนสนใจมันน่ะ...แค่สักคนบนโต๊ะหรือในกลุ่ม มันจะไม่มีอาการอะไรเลย  แต่ถ้าไม่สนใจมันนะ...จะเริ่มออกอาการ 

พอไอ้ภาคแม่ง...มีแฟน  หันมางอนผมซะงั้น  ดูจะอาการหนักกว่าเมื่อก่อนเยอะ  เพราะมันงอนผมหนักกว่าไอ้ภาค

ปากจู๋ ๆ แก้มพองๆ สะบัดหน้างอนๆ หนีไปแล้ว  คิดว่าน่ารักเหรอว่ะ   ฮ่าๆ   ผมตีหัวมันเบาๆ  มันก็หันมาเหล่มองผมนิดหนึ่ง

 ใบหน้าบูดบึ้งกว่าเดิมอีก แล้วกันหันกลับไปทางเดิม

......แต่ผมว่า...มันก็..น่ารักดีเหมือนกันนะ   พลอยทำให้ยิ่งรู้สึกสนุกมากขึ้นไปอีก....ที่ต้องหาวิธีง้อขอคืนดีกับอีกฝ่าย 

อย่างมัน........หึ      รู้กันดีอยู่แล้ว....ไม่ต้องอะไรมาก   แค่ผมแกล้งให้มันตกใจ...  ก็แค่นั้น  เดี๋ยวมันก็ลืมเรื่องที่โกรธเอง

ก็...มันเป็นเพื่อนผมนี่นา 

“ฟอดด~  ”  ผมหอมแก้มมันเบาๆ พร้อมกับดึงหูฟังอีกข้างมีเสียบที่หูตัวเอง  ตลก...กับหน้าตาท่าทางที่ทำเป็นตกใจ 

ทั้งที่ไม่ได้มองดู  แต่กลับรู้ถึงสีหน้าท่าทางมันทุกอย่าง  เชื่อสิ....มันกำลังทำปากขมุบขมิบ ด่าผมอยู่แน่ๆ  ผมรีบหันไปมอง


ไอ้ต้นหุบปากฉับ  ริมฝีปากเม้นแน่นเป็นเส้นขีดจนน่าตลก  เบิกตากว้างขึ้น แล้วทำสีหน้าเรียบเฉยราวกับมันไม่ได้ทำอะไร

ก่อนหน้านี้  ผมทำสีหน้าเคร่งขรึม  คิ้วขมวดมุ่น  เร่งปฏิกิริยาคนตรงหน้าให้ร้อนรน ดวงตาของไอ้ต้นกรอกไปมา

ผมโน้มหน้าไปใกล้หน้ามัน  เห็นมันเผลอกลั้นหายใจ  ส่วนผมตัวสั่นระริกเพื่อกลั้นขำ  ยิ่งใกล้ยิ่งสนุก  เพราะดวงตาไอ้ต้น

มันกำลังแสดงอารมณ์ที่หลากหลาย  ทั้งตกใจ  ทั้งกังวน  และรนราน  ยิ่งดูยิ่งเพลิน...แต่ผมยังตีสีหน้านิ่งเข้าโหมดโหด

ใบหน้าห่างแค่ฝ่ามือกลั้น  ผมจ้องตาไอ้ต้นนิ่ง มันก้จ้องตอบราวกับ ถ้าเผลอกระพริบตา สิงโตอย่างผมจะทำการ

ตะครุบมันมาเป็นเหยื่ออันโอชะ ซะอย่างนั้น   จิ้มนิ้วไปที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย สายตามันเหลือบมองนิ้วมือ 

ไม่ได้ต่อต้านอะไร .....มองตามนิ้วมือผมที่จิ้มอยู่ที่ปากมัน  ผมกระซิบเสียงเบา

“ปากดี...  หึ”   พูดจบก็เบี่ยงตัวมาพิงเบาะอย่างเดิม  ปล่อยให้อีกอีกกระพริบตาปริบๆ เหมือนสมองไม่สั่งงาน

ก่อนสบถบางคำ   “เชี่ย”      เมื่อพึ่งจะรู้ตัวว่าถูกผมแกล้งเอา  ฮ่าๆ  ช้าตลอด

.

.

.

พอมาถึงไอ้ต้นก็ดิ่งลงรถก่อนใครตามด้วยไอ้ภาคและน้องแพน  แหะๆ  ก็น้องเค้าน่ารักดี  เก็บคำว่า “ไอ้”  ไว้ใช้กับตัวเหี้ยๆ

ที่พวกมันคู่ควร  กร๊ากกกกกก  ไอ้ภาคหันมาอมยิ้มยักคิ้วให้ผมน้อยๆ เป็นเชิงรู้กัน  ผมก็ยักคิ้วตอบ  และยักคิ้วเผื่อไปให้น้องแพน

ซึ่งหันไปมองไอ้หมาภาคอีกที ถึงกลับสะดุ้งเฮือก!!  สายตาที่ดุดันหึงหวง  ไม่เว้นแม้กระทั่งเพื่อน  ..ไอ้ห่า กุกลัว

มันไม่ได้พูดอะไร  แต่กระชับมือที่กุมมือน้องแพนแน่นแล้วลากลงรถไปเลย เห้อ~   

ผมมองคนข้างตัวที่ยังนอนหลับนิ่ง ยกยิ้มนิด ๆ ก็จะเขย่าเบาๆ พร้อมกับเรียกให้อีกฝ่ายตื่น


“อือ~”  อ๋อมครางด้วยน้ำเสียงงัวเงีย  น่ารักที่สุด  ทำผมอมยิ้มกับภาพตรงหน้า ขนตายาวเป็นแพกระพริบถี่ ๆ เพื่อปรับแสง

ริมฝีปากอิ่มขยับน้อยๆ น่ามองซะเหลือเกิน  มองจนเพลิน  รู้สึกถึงแรงทุบเบาๆ ที่อก  ถึงเรียกสติตัวเองกลับมา

“ไม้.ไม้  เป็นอะไรเหม่อจัง คนอื่นหล่ะ”  อ๋อมถามด้วยใบหน้าที่สงสัย  ทำผมขำเบาๆ

“หึหึ  โทษทีๆ คนอื่นลงไปรอข้างล่างแล้วน่ะอ๋อมถึงแล้ว ป่ะไปกันเถอะครับ เนี่ยเหลือเราคู่สุดท้ายแล้ว ”  อ๋อมพยักหน้าตอบ

ผมเดินนำลงก่อนพร้อมสัมภาระทั้งของตัวเองและถือให้ว่าที่แฟนในอนาคตด้วย ลงมาถึงทุกคนก็รออยู่ก่อนแล้ว

กำลังคุยกันอย่างออกรส รวมถึงไอ้ต้นด้วยที่ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ในความสนใจมันอีกต่อไป

“อ้าวอ๋อมมาพอดี  ...  พวกเรากำลังคุยกันว่า จะทานข้าวกันก่อน ข้ามไปเกาะ  หรือจะไปทานข้าวที่นั่นเลย”  ไอ้ภาคว่า

ผมเห็นอ๋อมยิ้มๆ  ยังไม่ได้ตอบ หันมามองผมเป็นคำถาม  ผมก็ยิ้มตอบ  แล้วถามก่อนเลย

“แล้วพวกมึงว่าไง?”


“กูยังไงก็ได้  แพนเริ่มหิวแล้ว ส่วนไอ้ต้นมันอยากไปกินที่เกาะว่ะ”  ไอ้ภาคว่าจบ  ผมกำลังจะตอบ อ๋อมก็ตอบก่อน

“อ๋อมว่าไปทานที่เกาะดีกว่านะ ...  ดูร้านแถวนี้เหมือนไม่มีร้านไหนอร่อย ..ว่าแต่น้องแพนเถอะทนไหวมั้ย 

ถ้าไม่ไหว...จะทานก่อนก็ได้นะจ๊ะ  พี่รอได้”  อ๋อมตอบยิ้มๆ เหมือนเดิม  ผมก็ไม่ว่าอะไรเพราะว่าอ๋อมว่ายังไง ผมก็ว่าตามกัน อิอิ

 “อ๋อมว่ายังไง  ... ไม้ก็ว่าตามครับโผ๊มมมมมม”  ผมส่งสายตาออดอ้อนไปให้อ๋อมสุด  ๆ  อ๋อมอมยิ้ม แล้วส่ายหน้านิดๆ

“แพนว่าไงครับ?”  ไอ้หล่อ  มันหันมาถามแพนตัวเองอย่างห่วงใย

“ไม่เป็นไรแพนไหวอ่ะภาค”  น้องแพนพยักหน้าหงึกๆ ว่าไหว แต่ผมว่าไม่ไหวว่ะ  ดูน้องหน้าซีดนิด...เห็นต้องทานข้าวทานยา

“โอเค ตามนั้น พวกมึงไปซื้อตั๋วก่อน เดี๋ยวกุกับแพนแวะซื้อของกินแป๊บ เอาไรเพิ่มป่ะ?  อ๋อมหล่ะเอามมั้ย?” ไอ้ภาคสรุป

และถามต่อเสร็จสรรพ พวกผมแค่พยักหน้ารับ

“กุเอาชาเลม่อนมะนาว” ไอ้ต้นว่า

“อ๋อม ขอน้ำส้มคั้นนะ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรจ๊ะ”

“กุเอากาแฟเย็น เอากาแฟสดน่ะ เดี๋ยวไปเจอกันที่ท่าตรงโน้น”  ผมชี้มือเสร็จ ไอ้ภาคก็พยักเพยิดรับทราบ  มันก้มหน้ามาหาแพน

ไล้มือเช็คเหงื่อตามไรผมให้น้อง  โหห~  น่ารักเว่อร์ครับ  ขนาดผมเป็นผู้ชายมองยังไม่รู้สึกขัดอะไรเลยมันดูดีอ่ะ 

ส่วนน้องแพนก็ไม่ได้ขัดขืน  หน้าแดงนิดๆ ดูน่ารักไปอีกแบบ....   ฮ่าๆๆ  อยากมีแฟนเร็วๆ จังวุ้ย

ว่าแล้วไอ้หล่อก็พาแฟนของมันไปหาอาหารมากินกัน  หึหึหึ   ผมก็หันไปหาอ๋อม ....ผายมือออกเล็กน้อยเป็นเชิงให้เกียรติ

“ไปกันครับอ๋อม”  อ๋อมละสายตาจากคู่ใหม่ปลามันเมื่อครู่  แล้วหันมายิ้มตอบผมก่อนจะเดินตรงไปยังที่ขายตั๋ว 

ผมกำลังจะก้าวเท้าเดินตามก็เป็นอันชะงัก เพราะหันมาเห็นไอ้ต้น ยืนหน้ามุ่ยเมื่อไม่มีใครให้ความสนใจมัน  นึกขำขึ้นมา

ซะงั้น ......   เห็นแล้วต้องแกล้งมันสักหน่อย

“ไงมึง .... จะยืนอยู่นี่จนรากงอกแล้วรอให้ไอ้สองตัวนั่นมาแซะรากมึง  ค่อยอันเชิญไปขึ้นเรือรึไง”  ผมถามมันยิ้มๆ

มันหันมามองผม  สายตาหรี่เล็กลงราวกับกำลังวางแผนร้าย  ยิ่งริมฝีปากที่กำลังกระตุกยิ้มนั่น เล่นเอาผมใจหายวาบ

เอาแล้วๆๆๆๆ.....  แม่งจะเล่นไรกูว่ะ  ผมเพ่งตามองมันนิดๆ  มันไม่ได้ตอบอะไร แต่หันมายักคิ้วใส่ผมสองขยัก 

ปากของมัน ขยับเป็นคำที่ผมคุ้นเคยดี  “โง่”   แล้วมันก็ใส่เกียร์หมาวิ่งตามอ๋อมไปอย่างรวดเร็ว  พร้อมตะโกนเสียงหวานอ๋อย

“อ๋อมครับ  อ๋อมคนสวยรอต้นด้วยนะคร๊าบบบบบบบบบ  ”  ทำเอาผมอ้าปากค้าง ... O.o  ที่น่าตกใจกว่านั้น

“จ้า....  มาเร็วสิอ๋อมรออยู่”  อ๋อมก็พลอยตะโกนตอบไอ้ต้นกลับมาด้วย

“เชี่ยยยยยยยยยยยย”  ผมสบถเสียงดังลั่นอยู่ในใจ  แล้วใส่เกียร์หมาคูณสองวิ่งตามอ๋อมไป

“อ๋อมคร๊าบบบบ  รอไม้สุดที่รักด้วยคร๊าบบบบบบบบบบ”  ผมตะโกนดังลั่นตามไปติดๆ

อ๋อมโบกมือหย๋อย ๆ เรียกผมให้เร่งสปีดดด  ขึ้นอีก

“เร็วๆ น๊า~”   ผมเห็นอ๋อมหัวเราะจนปวดท้อง  ที่เห็นผมกับไอ้ไม้ ทั้งวิ่ง ทั้งดึง ทั้งขัดขา  และ บลาๆๆๆๆ

 


หัวข้อ: Re: >> กอด~ เที่ยว 1 Page 9 UD 3/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 04-02-2013 00:51:40
เฮ้อ ไม้ก็ขออ๋อมเป็นแฟนเลย จะได้ไม่ต้องคิดเรื่องทำลายภาคกับแพน
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เที่ยว 1 Page 9 UD 3/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 04-02-2013 10:41:16
เราว่างานนี้เหมือนอ๋อมจะต้องผิดหวังคนเดียวน่ะ ไม่รู้ว่าต้นคิดอะไรกับไม้หรือเปล่า แล้วไม้ท่าทางจะต้องมีรู้สึกบ้างล่ะ อยากให้ลงทุกเม็ดเลยจ้ะคุณทัศ  :z1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ความลับของต้น Page 9 UD 7/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 07-02-2013 01:21:04
ตอน ความลับของต้น




เราสามคนเดินมาจนถึงที่ขายตั๋ว   ผมทำหน้าที่ไปต่อคิวปล่อยให้ไอ้ไม้กับอ๋อมยืนสวีตหวาน 

(อาจจะเป็นไอ้ไม้คนเดียวมากกว่าที่ทำแบบนั้น)   ในความรู้สึกผมอ๋อมไม่ได้คิดอะไรกับมันสักนิด  ...

 ไม่เคยมองมันแบบนั้นด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่าไอ้ไม้ไม่รู้...

มันรู้ดีอยู่แก่ใจนั่นแหล่ะว่าคนที่อ๋อมมองเป็นใคร  แต่ใครคนนั้น.....ก็คงไม่มีวันจะมองอ๋อมเหมือนกัน 

เพราะไอ้ภาค....นอกจากมันไม่เคยมีตาไว้มองใครแล้ว  หัวใจมัน.....ยังไม่เคยคิดจะเปิดรับใครทั้งสิ้นนอกจาก ... แพน

ผมเห็นคู่นี้......มานานซะเกินกว่าจะคิดว่าใครจะเข้าไปแทรกได้ เมื่อก่อนผมกับไอ้ไม้ก็เรียนอยู่ห้องเดียวกัน  ...

สิ่งที่พวกผมเห็นมาตลอด คือ “แพนกับภาค” ที่ไม่เคยห่างจากกัน  แม้จะอยู่คนละห้อง คนละปี คนละชั้น 

แต่....ก็น่าแปลก   ที่จะเห็นภาคติดแจอยู่กับไอ้เด็กตัวเล็กหน้าขาว แก้มป่อง....   ได้อยู่ตลอดเวลา  เดินจูงมือกัน

จนเป็นเรื่องปกติ ตั้งแต่อนุบาลยันจบ ป.6  กอดคอ... หอมแก้ม  จนใครๆ ก็เห็นจนชินตา  ไม่ได้มีสายตาตำหนิ 

เพราะมันเป็นความเคยชินที่ดูน่ารักดี  ความสนิทสนมที่มี  บางทีก็เหมือนพี่น้องที่คลานตามกันออกมาด้วยซ้ำ 

ไม่มีใคร ..ไม่รู้.....ว่าภาครักแพน      แต่เป็นความรักแบบไหนนี่.....ผมเองก็พึ่งรู้แน่ชัดตอนที่เรามาเรียนด้วยกันที่นี่


 ภาคมันไม่ได้ปิดบัง  แต่ก็...ไม่ได้เปิดเผยซะทีเดียว   เป็นคนเรียบๆ ง่ายๆ เสียมากกว่า ....   พวกเราเริ่มสนิทกันมากขึ้น...

ทุกอย่างก็กระจ่างชัดจนแทบไม่ต้องเอ่ยถาม เพราะทุกลมหายใจเข้า-ออก ดูมันจะใช้แพนแทนอากาศ 

จนกระทั่ง....วันที่แพนไปเรียนต่อ ไอ้ภาคถึงได้เงียบจนน่าใจหาย  รู้สึกได้ถึงคลื่นใต้น้ำที่ดูสงบนิ่งหากแต่อันตรายถึงชีวิต

มันเหม่อลอย....  อย่างที่ผมไม่เคยคิดว่าคนอย่างมันจะเป็น  ไม่เรียน ไม่สนใจ  ละทิ้งทุกอย่าง วิ่งหนีไปทำกิจกรรมทุกอย่าง

เพียงเพื่อดึงความสนใจตัวเองให้ออกจากความกลัดกลุ้มภายในใจ สายตาที่ดูเจ็บปวดของมัน

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ...เศร้าแค่ไหน  ผมกับไอ้ไม้ก็ทำได้แค่เตือน  ได้แค่ปลอบใจในฐานะเพื่อนที่เป็นห่วง 

แต่.....ก็คงยังไม่มากพอ  ที่จะฉุดอีกฝ่ายให้เลิกจมปรักกับความเสียใจ  จนกระทั่งอ๋อมเข้า.... ก้าวเข้ามาในกลุ่ม


จะว่ายังไงดีหล่ะ ก็คงจะต้องขอบคุณอ๋อมนั่นแหล่ะ   อ๋อมเป็นคนดี...ถึงดีมาก  คอยกระตุ้นความสนใจของพวกเรา

แถมยังคอยใส่ใจพวกเราทุกคน  ...  ใช่...ไม่ผิดหรอกครับ  “พวกเราทุกคน”  อ๋อมไม่เคยแสดงอาการที่จะสนใจใคร

สักคนในกลุ่มเป็นพิเศษ  มีเพียงความเป็นห่วงเป็นใย  อย่าง “เพื่อนคนหนึ่ง”  ถึง “เพื่อนอีกคน” 

อ๋อม....ทำให้ผมรู้สึกอย่างนี้จริงๆ ไม่เหมือนผู้หญิงหลายๆ คนที่เข้ามา  คำว่า “อ่อย~” แทบจะโชว์หลาติดหน้าผาก

(ต้องขออภัยนะครับที่คำมันดูแรง) จนในที่สุด ....  อ๋อม  ก็กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม   ไอ้ภาคเริ่มกลับมา

เป็นเหมือนเดิม ..แต่มันเองก็ไม่เคยมองอ๋อมเป็นอย่างอื่น....  ถึงอ๋อมจะดี  แต่สำหรับมัน  ผมว่าอ๋อมยัง “ไม่ใช่คนที่ใช่” 

และทำยังไงก็คง “ไม่ใช่” อยู่ดี  อย่างมากก็เป็นแค่เพื่อนคนหนึ่ง   พวกเราสนิทกันมากขึ้น..สายตาของอ๋อม

ที่มองไปยังภาคก็แปลกมากขึ้น   มันมีประกายวาววับ พร้อมกับซ่อนความหมายบางอย่างอยู่ในนั้น   

พร้อมๆ กับใครอีกคนข้าง ๆ ตัวผม ....ที่กำลังพยายามสร้างสะพานทอดเชื่อม  เพียงเพื่อข้ามเขตแดนของคำว่า

“เพื่อน” ให้เป็น “คนพิเศษ”   ผมไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่สายตาของไอ้ไม้เปลี่ยนไปเป็นแบบนั้น  อาจจะเป็นเพราะ...

ผมกับมันอยู่ใกล้กันเกินไป ใกล้....จนลืมมองไปว่า ตัวผมเองกำลังรู้สึกกับมันเช่นไร  กว่าจะรู้ตัว.....  กว่าจะสำเนียกได้

แววตาของไอ้ไม้ก็มีแต่อ๋อมไปแล้วทั้งใจ   ได้แต่เก็บความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้ ...  ไม่ใช่ไม่อยากจะบอกให้มันรู้

แต่เป็นเพราะถึงมันจะรู้หรือไม่รู้  ...... ผมว่าคำตอบของมัน “ย่อมไม่มีผม”  อยู่ในทางเลือกนั้นแน่นอน   มันไม่ใช่เกย์....

หากแต่เป็นผมเอง...ที่เผลอเป็นเกย์แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาก่อน  ไม่รู้ไปเผลอรักมันตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เคยคิดเลขว่า

จะมารักผู้ชายด้วยกัน  ...  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่เป็นแบบนี้ก็แค่กับมันแค่คนเดียว   คนที่จะหวังเดินบนเส้นทางที่หวังไปด้วยกัน

มันช่างยากจนเกินกว่า......จะไขว่คว้าได้  เพราะอย่างนั้น......ผมถึงได้ยังอยู่ตรงนี้ เก็บงำความลับไว้

“ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆ ..ก็น่าจะพอ”  ความรัก....ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่มีวันเป็นจริง  ถ้าผมบอกไป...ทุกอย่างตรงหน้า

อาจจะพังทลายลงไปก็ได้  ถึงตอนนั้นจะทนได้เหรอ  สู้ให้ผมเจ็บที่มองมันรักใคร  อย่างน้อย...บางครั้งเวลาที่มันเหนื่อยล้า

ผมก็ยังอยู่ตรงนี้ ข้างๆ มันได้  แค่นี้....ก็น่าจะพอ

.

.






หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ความลับของต้น Page 9 UD 7/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 07-02-2013 02:08:30
ถ้าอ๋อมคิดได้แบบต้น เธอก็จะเป็นคนดี
ไม่ต้องถูกใครว่าเเล้วแท้ๆ คิดให้ได้นะ
เพราะถึงไม่มีเเพน ภาคก็ไม่เอาอ๋อมอยู่ดี  :laugh:

สงสารต้นอ่ะ ขอให้ไม้เลิกสนใจอ๋อมมารักต้นทีเถอะ  :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ความลับของต้น Page 9 UD 7/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 07-02-2013 03:45:44
อยากให้อ๋อมคิดได้แบบต้นบ้าง เพราะมันจะทำให้ความสัมพันธ์คงอยู่ต่อไป
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ความลับของต้น Page 9 UD 7/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 07-02-2013 04:39:44
สงสารต้น แล้วที่ต้นพูดแบบนั้นว่าไม้เรื่องอะไรกันนั่น เรื่องที่ไม่รู้ความรู้สึกที่ต้นมีให้ไม้ หรือเรื่องที่ไม่ได้สนใจว่าผู้หญิงคนนั้นมองใคร
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ความลับของต้น Page 9 UD 7/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 07-02-2013 05:16:35
โถ~ ต้น ไม่เป็นไรนะ บางทีอยู่กันไปนานๆ ไม้อาจจะเปลี่ยนก็ได้
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ความลับของต้น Page 9 UD 7/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: N_N ที่ 07-02-2013 11:16:02
นางอ๋อม ชะนีสารเลว    เดวจะหน้าแหก

สาธุๆ :call:  ต้น+ไม้ / ภาค+แพน

จะสมน้ำหน้าแมงให้
 :beat: :z6: :beat: :z6:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ความลับของต้น Page 9 UD 7/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 07-02-2013 12:40:58
เรากะไว้แล้วว่าต้นต้องคิดอะไรกับไม้แน่ ๆ และเราว่าไม้ก้อต้องคิดบ้างแหละ เพียงแต่อาจจะมองข้ามไปน่ะ ยังไงต้นอดทนอีกนิดน่ะ คนแต่งคงไม่ใจร้ายกับตัวเองและคนอ่านหรอก  :z1: ภาค+แพน ก้อน่ารักให้ตลอดน่ะจ้ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ความลับของต้น Page 9 UD 7/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 07-02-2013 14:06:44
อืม ,,,หลงรักเพื่อนโดยไม่รู้ตัว มันน่าเศร้าดีแท้
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ความลับของต้น Page 9 UD 7/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 11-02-2013 04:44:32
สรุปก็ต้นไม้ นะค่ะ ชื่อเค้ารวมกันแล้วมีความหมาย แสดงว่าเนื่อคู่ << มั่ว 5555555
ให้ชะนีในเรื่องโดดเดี่ยวไป  :z2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ #1 Page 9 UD 12/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 12-02-2013 21:16:24

ขอถามหน่อย?  (นอกรอบ)

แพน :  ภาคถามไรหน่อยดิ?

ภาค :  อะไรครับหืม 

ลูบมือเบาๆ ที่หัวน้องอย่างเอ็นดู  ไอ้ตัวเล็กก็ซบไหล่กว้างทันที

แพน : พี่อ๋อมเค้าไม่ชอบแพนรึเปล่า

อีกฝ่ายหัวเราะขำ  กดจูบที่หัวน้องเบาๆ

ภาค :  ทำไมเราคิดงั้นอ่ะ?

แพน :  ไม่รู้ดิ  มันเป็นความรู้สึกลึกๆ ที่ซ่อนอยู่ข้างในอ่ะ

ไอ้ตัวเล็กทำสีหน้าขึงขัง คิดทบทวนเรื่องต่างๆ  ทำเอาคนที่ฟังอยู่อมยิ้มนิดๆ

ภาค : ว่าแต่ไอ้ที่ซ๋อนอยู่ข้างในนี่  มันลึกรึเปล่านะ?

พูดเสร็จก็ทำสีหน้ากรุ้มกริ่ม  เอ.... น้องแพนจะเกิดอันตรายป่ะเนี่ย

น้องก็ซื่อซะจน.....  ไม่ได้เงยหน้ามาดูหรอก  ว่าคนที่ตัวเองคุยด้วยเนี่ยออกอาการไปถึงไหน 

ทั้งลูบ ทั้งคลำ  ตอนอีกฝ่ายเผลอ

ไม่ค่อยจะรู้ตัวหรอก

แพน : อืม ...ลึกดิ  ลึกลงไปลึกสุดใจเลยแหล่ะ

พูดเสร็จก็หยิบปลาหมึกเส้นยี่ห้อดังมาคาบไว้เต็มปาก  เคี้ยวแจ๊บๆ

ไม่สนใจชาวบ้านอีกตามเคย  ปล่อยอีกฝ่ายยิ้มขำ  ที่น้องไม่รู้ตัวซะที

ภาค :  โหหหห....  ลึกขนาดนั้นเชียว 

สุดหล่อลากเสียงยานคานชนิดที่ใครฟังก็รู้ว่าแกล้งพูด   จนไอ้ตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามอง 

ดวงตากลมโตหรี่เล็กลงอย่างช่วยไม่ได้

ริมฝีปากบางเม้มแน่น  เขม้นมองอีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้เต็มที

แพน : แล้วจะทำไมอ่ะ?

ไอ้ตัวเล็กส่งเสียงยียวนที่คิดว่ากวนสุดๆ   เพื่อท้าทาย แต่อีกฝ่าย

กลับเอาแต่หัวเราะเพราะถูกลูกแมวขู่   ในที่สุดก็หลงมาจนถึง

แผนที่พี่เหลือมวางไว้  กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

ใบหน้าหล่อเหลาโน้มไปกระซิบที่ใบหู

ภาค : ก็ไม่ทำไม....  ถ้าลึกขนาดนั้นก็อยากจะลองล้วงดู  หึหึ

พูดเสร็จก็เม้มใบหูอีกฝ่าย พร้อมป่าลมใส่เบาๆ

ไอ้ตัวเล็กเกร็งตัวแน่น  ใบหน้าแดงซ่านปานลูกตำลึงสุก

แพน :  บ...บ้า


ภาค : หึ....   น่ะลองดูนะ?   

พี่เหลื่อมกำลังชี้ชวน

แพน : อึ๋ย....   ตลอดอ่ะ

ภาค :นะนะนะ.....  ไม่เยอะหรอก ก็แค่จนกว่า...



พูดทิ้งไว้แค่นั้นก็อมยิ้มแก้ตุ่ย  ปล่อยให้อีกฝ่ายคิ้วขมวดมุ่นด้วยความสงสัย

แพน :  จนกว่า...  อ่ะ  จนกว่าอะไร?

ภาค : จนกว่าแพนจะท้องก็พอ  ฮ่าๆๆๆ



หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ #1 Page 9 UD 12/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 12-02-2013 23:17:25
 :z3:

เรื่องนี้คงไม่แฟนตาซีใช่ป่าว อยากรู้เรื่องราวของอ๋อมให้แน่ชัดว่าจะทำเรื่องเลวๆหรือป่าว
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ #1 Page 9 UD 12/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 13-02-2013 23:51:57
ภาคหื่น ฮ่าาาา
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ #2 Page 9 UD 14/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 14-02-2013 00:28:11
ต้องขออภัยนะคะ  ช่วงนี้ยุ่งม๊ากกกกกกกกกกกก

ยังไม่มีเวลาแต่งเลย  ไปแอบเอาอันเก่าๆ มาให้อ่าน  ขออภัยนะคะ


คนขึ้สงสัย


แพน : ภาค?   

นิ้วมือเรียวจิ้ม  จึกๆๆ  ที่แขนของอีกฝ่าย  สุดหล่อเลิกคิ้วสูง

เพราะกำลังง่วนอยู่กับรายงานที่ต้องส่งอาจารย์อีกสองวันข้างหน้า

ภาค :  ครับ...ว่า?

แพน : มีคนอยากเห็นแพนกดภาคอ่ะ? 

ไอ้ตัวเล็กพูดขึ้นสีหน้าจริงจัง อีกมือลูบหัวสุดหล่อเบาๆ 

ราวกำลังปลอบใจยังไงยังงั้น

ภาค :  เหรอ.... ก็ดีนะครับ  ภาคก็อยากลองอยู่เหมือนกัน

พ่อเหลือมตอบ  อมยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์  มีเสียงหัวเราะ หึหึ

ดังเบาๆ  ขณะที่อีกฝ่ายก็กำลังตาโต ..... รอยยิ้มฉาบแก้มแทบปริ

ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมกันง่ายๆ ขนาดนี้  จริงๆ ไม่เคยคิด "กด"

อีกฝ่ายมาก่อน แต่ในเมื่อมีโอกาส  ลองดูก็ไม่เสียหาย 

อย่าลืมว่า...น้ำหนักกับส่วนสูงไม่มีผลต่อแนวราบ  ฮ่าๆ

แพน : จริงเหรอ?  ภาคพูดจริงๆ นะ

ภาค :  อืมม ...จริงสิ  อยากลองมานานแล้วไม่กล้าบอกแพน

แพน : หึหึ  ...  งั้นเราก็ใจตรงกันนะสิ  ...  คึกคึกคึก

ภาค :  อ่า...  ก็คง.......งั้นมั้ง   ฮ่าๆ 

สุดหล่อหัวเราะเบาๆ แต่แววตาเจ้าเล่ห์นั้น  แฝงประกายตาวิบวับ

จนไอ้ตัวเล็ก รู้สึกสังหรเล็กๆ  แต่ความอยากไม่เคยปราณีใคร

โอกาสจะได้ลองมาถึงแล้วแท้ ๆ ทิ้งไปก็คงโง่

แพน : เมื่อไหร่ดีอ่ะ?

ภาค :  ตอนนี้เลยดีมั้ย?

แพน : แล้วรายงานอ่ะ  ต้องส่งมะรืนนี้ไม่ใช่รึไง?

ภาค : ไม่เป็นไรจะเสร็จ ค่อยมาทำต่อก็ได้ครับ  ไปแพน

ไปอาบน้ำก่อนนะ  เดี๋ยวภาครอในห้อง

แพน : อืม..  ภาค  ไม่เปลี่ยนใจจริงนะ ๆ

ภาค : ครับ

แพน : แพนจะอ่อนโยนกับภาคเองน่ะ

ภาค : ไม่เอาอ่ะ ขอแบบจัดเต็มไปป่ะ  ฮ่าๆ

.

.

.

.

แพน :  อ่า~    ภ....ภาค  โอววววว   

ภาค :  เป็นไงครับ  อ่า~  ดีมั้ย

แพน :  อ๊ะ...อย่าดันขึ้นมา


ภาค :  อืมม...ซี๊ดดด ไม่ไหวแล้วแพน  กระแทกลงมาแรงๆ เลย

ที่รัก  อ่า~

แพน :  อ่ะ....อ๊ะ.... อ๊าาาาาาาาาาาาาาาา

ร่างบางที่สวิงอยู่ด้านบนเกร็งแน่น พร้อมกับปลดปล่อย

อีกฝ่ายถูกช่องหวานบีบรัด จนเสียวซ่าน พลิกตัวให้น้องน้อย

ไปอยู่ด้านล่าง  แล้วกระแทกความปรารถนาใส่จนหมดสิ้น

ภาค :  อืมมมมม~  แพนน

พ่อเหลือมเกร็งกระตุก  ก่อนจะปลดปล่อยพันธนาการรักแสนหวาน

เป็นน้ำสีขาวขุ่น ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างอีกฝ่าย

.

.
.


ตุ้บ! ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  กำปั้นเล็กๆ ทุบรัว จนพ่อเหลือมหลบแทบไม่ทัน

แพน : ไหนบอกจะให้แพนกดไงเล่าาาาาาาาา~ 


ไอ้ตัวเล็กโวยวาย  ทั้งอาย ทั้งเสียรู้ สุดหล่อตรงหน้า

ภาคยกยิ้มจนแก้มแทบปริ  มันจะเป็นไปได้ยังไงที่เค้าจะยอม

ให้เรื่องนั้น  ทั้งเทคนิค  ทั้งลีลา  เรียกว่าตัวเองกินขาด 

แล้วจะปล่อยให้อีกฝ่ายมา "รุก"  กันได้ยังไง

ภาค :   ก็ให้แพนกดเองแล้วไง  นี่ขย่มเองอยู่ด้านบนเลยนะ

ฮ่าๆ   

รู้ทั้งรู้แต่้ก็แถไปเรื่อยอยู่ดี ช่างสมเป็นงูเหลือที่หาเหตุผลในการ

"รัด"  เหยื่อเสียจริงๆ

 แพน :  โว๊ะ ...  มันคนละความหมายแล้ว  นี่โง่จริงหรือแกล้ง

โง่กันแน่เนี่ย 

ไอ้ตัวเลยโวยวายเสียงขม  มันใช่อย่างที่เค้าต้องการเมื่อไหร่กันเนี่ย   

อีกฝ่ายหัวเราะจนท้องแข็งที่อีกฝ่าย ซื่อ ซะจนเสียรู้เข้า

จนได้  ยกมือขึ้นชูสองแขน ประหนึ่งยอมแพ้  (แต่ชนะไปแล้ว)

ภาค :   โง่จริงคร๊าบบบบบบบบ  โหแพนอ่ะ  ภาคก็นึกว่าความ

หมายเดียวกันซะอีก  เอาใหม่ๆ คราวหน้าคุยให้เคลียร์กว่านี้

แล้วกันแล้วกันนะครับ  หึหึ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ #2 Page 9 UD 14/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 14-02-2013 09:13:09
ดีใจจ้ะที่คุณทัศตัดสินใจเอาบทสนทนามาลงด้วยน่ะ เพราะเป็นอะไรที่น่ารักกุ๊กกิ๊กดีน่ะ ชอบเหมาะสมกับวันแห่งความรักจริง ๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ #3 Page 9 UD 14/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 14-02-2013 21:04:26

คนขี้เหงา....




ภาค : แพนครับ?

แพน : หืม...ว่าไงอ่ะ?

ละสายตาจากหนังสือ แล้วเงยหน้าขึ้นเอี้ยวตัวหันไปมองอีกฝ่าย

คิ้วข้างหนึ่งกำลังเลิกขึ้นสูงด้วยความสงสัย

ภาค : ไม่ทำไมหรอก.

พูดเสร็จก็ทำนหน้ามุ่ย ถอนหายใจเบาๆให้รู้สึกสงสัยขึ้นไปอีก

ไอ้ตัวเล็กก็เลยถึงกลับอดรนทนไม่ไหววางหนังสือที่อ่านมาร่วม

สามชั่วโมงลง แม้จะยังไม่อยากวางสักนิด หันทั้งตัวไปหา

ตัวปัญหาร่วมห้อง ที่ทำหน้าบูดเพิ่มขึ้นมาอีกนิดล่ะ

แพน : ไม่ทำไม แล้วเรียกทำไมอ่ะ?

ถามอีกฝ่ายต่อไปอีก .... รู้สึกว่าพ่อเหลือมตัวดีหงอยกว่าที่ควร

จะเป็น

ภาค : ทำไม... ไม่มีอะไร เรียกไม่ได้เหรอ?

สุดหล่อช้อนตามามองนิดๆ ก่อนจะสะบัดหางตางอนๆ หนี

แพน : เรียกได้ครับ.... ว่าแต่ภาคเป็นไรเนี่ย หืม? บอกแพนหน่อยสิคนดี?

ไอ้ตัวเล็กเข้าไปโอบกอด พ่อเหลือมตัวดีทั้งตัว แล้วหอมแก้มเบาๆ

อย่างเอาใจ จากนั้นก็สังเกตุการณ์ว่าอารมณ์พี่เหลือมจะดีขึ้นมั้ย?

อีกฝ่ายกลับมองกลับมาเฉยๆ ไม่ยิ้มร่าเริงอย่างที่เคย

ภาค : ก็....ภาคเหงานี่

สุดหล่อพูดเสียงงึมงำอยู่ในลำคอ พองแก้มพองปากราวกับเด็ก

สามขวบ

แพน : เหงาได้ไงอ่ะ แพนก็อยู่ตรงนี้

พูดจบก็ลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ ราวกำลังปลอบใจลูกหมาตัวโต

ที่อีกฝ่ายเสตามองมาเป็นระยะ

ภาค : แล้วเคยสนใจภาคมั้ยหล่ะ อ่านแต่หนังสืออะไรนั่นแหล่ะ

เคยเห็นเค้ามีตัวตนรึเปล่า?

ฟังจบไอ้ตัวเล็กถึงกับอมยิ้ม แหมะ!! เรียกร้องความสนใจก็ได้ด้วย ฮ่าๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นมา แต่ฟังแล้วก็ชุ่มชื่นหัวใจดี



จุ๊บ~


แพน : สนใจสิ ภาคน่ะนะ สำคัญที่สุดเลยรู้มั้ยคร๊าบบบบ

สุดหล่อกระตุกยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก แต่ยังวางมาดอึมครึมไว้หนัก

แน่น

ภาค : จริงเหรอครับ?

แพน : จริงสิ แน่...ซะยิ่งกว่าแช่แป้งอีกนะ

ภาค : พิสูจน์สิ?

แพน : ต้องทำไงหล่ะ



สุดหล่อยิ้มกว้างงงงงง~ ก้มหน้ามากระซิบไอ้ตัวเล็กที่ข้างหู



ฟังแล้วทำอีกฝ่ายอ้าปากค้าง~ O.o



>///////////////<

.

.

.

.


.

.

.

.

.

.



On Top สักสี่ห้ารอบ ได้รึเปล่า?



จบกัน...ชีวิตน้องแพน

หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ #3 Page 9 UD 14/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 14-02-2013 21:18:11
5555555555 ภาีคชอบหาเศษหาเลยกับน้องแพนตลอดเวลาเลยนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ #3 Page 9 UD 14/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 15-02-2013 02:58:24
โอ้ยน่ารักคร่า อ่านแล้วเขิลแทน
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ #3 Page 9 UD 14/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 16-02-2013 20:07:47
เป็นไงบ้างล่ะแพน ได้กดภาครู้สึกดีไหม 555+
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ #3 Page 9 UD 14/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 16-02-2013 22:22:17
อ่านไปตอนแรกๆ แล้วก็ไม่ได้มาอ่านต่อเลย ดีใจที่สองหนุ่มกลับมาอยู่ด้วยกันอีก ว่าแต่จะมีมาม่ามั้ย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ เธออยู่ที่ไหน Page 9 UD 23/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 23-02-2013 12:26:11
ตอน  เธออยู่ที่ไหน

แพน :  เมื่อวานภาคหายไปไหนมา?   

ไอ้ตัวเล็กหันไปถามอีกฝ่ายด้วยอารมย์ที่ทั้งโมโหทั้งน้อยใจ  ขอบตาร้อนผ่าวรื้นด้วยน้ำตา 

ที่อยู่ ๆ อีกฝ่ายก็หายไปไร้การติดต่อ ไม่มีแม้ถ้อยคำบอกกล่าวให้ได้รับรู้ความเป็นไป 

ทิ้งให้ไอ้ตัวเล็กวุ่นวายเป็นกังวลไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน  โทรถามคนนั้นคนนี้ไปทั่ว

ซึ่งก็ไม่มีใครทราบ  สุดท้ายก็ร้องไห้จนหลับไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้

และเพื่อจะตื่นขึ้นมาแล้วพบอีกฝ่ายนั่งนิ่งไม่มีคำตอบใดๆ

ภาค  :  “................”

แพน : ภาค?    แพนเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา หัวใจกระตุกสั่นอย่างบอกไม่ถูก  ความเงียบ....บางครั้งก็โหดร้าย

จนเกินกว่าจะทนไหว  จ้องมองอีกฝ่ายเพื่อขอคำอธิบาย  เช่นเดิมไม่มีคำตอบใด  ....มีเพียงความเงียบงัน

กับสายตาที่จ้องมองมา  ....   ปากบางๆ ได้แต่เม้มเข้าหากันแน่น ลมหายใจติดขัด  รู้สึกเหมือนอยากร้องไห้

ความอดทนที่รอทั้งคืน......ค่อยหมดลง   ดวงตาร้อนผ่าวค่อยๆ หลุบต่ำมองพื้น กลืนน้ำลายลงคอหนักๆ

ภาค  :  แพน......เอ่อ....   ภาคไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง

แค่ประโยคสั้นๆ  ก็ราวมีดกรีดลงมากลางใจ  เหตุผลที่อยากรู้ทั้งคืน  ตอนนี้กลับไม่อยากฟังขึ้นมาดื้อๆ

แพน :   “..........” 

กลายเป็นตัวเองที่นิ่งเงียบ  ...   ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปาก  แต่ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้เดินหนีไปไหน

ภาค  :  ขอโทษนะ  .....  เมื่อคืนแบทหมดเลยติดต่อใครไม่ได้

แพน :  “........”    ไอ้ตัวเล็กเงยหน้าขึ้น พยายามฝืนมอง พยายามที่จะฟัง เผื่อ....ที่สิ่งที่คิดไว้

อาจจะเป็นแค่คิดมากไปเอง

ภาค  :  เมื่อคืน... ภาคอยู่กับอ๋อม  ภาคไม่อยากโกหก


ไอ้ตัวเล็กได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ  ....   รู้สึกลำคอตีบตัน  ดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นนิด ๆ กำลังพร่าด้วยม่านน้ำตา

ที่ไหลลงปิดดวงตาคู่สวย

แพน :  “............”

ภาค  :  แพน.....     

ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอหนักๆ เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายรู้สึกเช่นไร  ไล้มือเช็ดน้ำตาที่ไหลเอื่อยๆ ตามใบหน้าหวาน

แล้วดึงน้องมากอดแน่นๆ  รู้สึกเกลียดตัวเองมากขึ้นไปอีก ...  เมื่อต้องทำให้คนตรงหน้าเจ็บเช่นนี้

แพน :  “........”

ทั้งที่กำลังซุกหน้ากับอ้อมอกที่เคยอบอุ่น แต่วันนี้ กลับรู้สึกหนาวสะท้านจับใจ สะอื้นไห้จนตัวโยน 

ใจหนึ่งก็อยากจะเหนี่ยวรั้งไว้  แต่อีกใจ....ก็อยากจะหยุดเพียงเท่านี้   ความรักในรูปแบบนี้......

สักวันก็คงลงเอยไม่ต่างจากนี้สักเท่าไหร่  แล้วจะทำยังไงดี  เลือกที่จะเจ็บซะตอนนี้เลยดีมั้ย? 

อย่างน้อย....  ก็เจ็บเสียแค่ครั้งเดียว

ภาค  :  แพน.... อย่าโกรธภาคเลยนะครับคนดี   หยุดร้องไห้ก่อนนะครับ

มือใหญ่ลูบหัวลูบหลังไอ้ตัวเล็กเป็นการใหญ่ ทั้งเจ็บปวด  ทั้งตกใจที่น้องร้องไห้ขนาดนี้

แพน :  อืมมม......  ฮึกๆ   ...  แพนเข้าใจดี ....ไม่  ฮึกๆ..  ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว

ภาค  : ภาคอยากเล่าให้แพนฟัง

กดจูบเบาๆ ที่หัวทุย  แต่อีกฝ่ายส่ายหน้ารัว ๆ

แพน :  ยัง  ฮึกๆ  แพน....  แพนยังไม่พร้อม รออีกนิดนะ

ไอ้ตัวเล็ก... พูดเสียงสั่น  ทำเอาสุดหล่อใจไม่ดี  แต่ก็ยังไม่อยากฝืนอะไรไปกว่านี้  ดูจากสภาพร่างกาย

ใบหน้าซีดเผือดของอีกฝ่าย  ตอนนี้น้องคงต้องการพักผ่อนเสียมากกว่า  ไม่เป็นไร... เดี๋ยวน้องตื่น

ค่อยเล่าอีกที  ตอนนี้...แม้แต่ตัวเองก็เหนื่อยเสียจน  ดวงตาใกล้จะปิดอยู่รอมร่อ

ภาค  :  ก็ได้   ภาครักแพนนะครับ

กระซิบคำรักบอกอีกฝ่าย กลัวน้องจะไม่เข้าใจ  ดีที่ง่ายกว่าที่คิดไว้  ไอ้ตัวเล็กไม่ได้โวยวายอะไรให้ยืดยาว

แค่ขอเวลา....  เพื่อที่จะพร้อมที่จะรับฟัง  ก็เท่านั้น  ผมกอดน้องไว้แน่นๆ  แล้วลูบหัวไอ้ตัวเล็กจนตอนนี้

หยุดสะอื้นแล้ว 

แพน :  .......

ภาค  :  ป่ะไปนอนกันได้แล้ว

.

.

.

.

.

.

.

.

ทุกอย่างเหมือนจะไปได้ดี  ถ้าในตอนที่ตื่นขึ้นมาตอนนี้............................ ผมจะมีน้องอยู่ข้างกาย

รอยยับยู่ยี่บนเตียงที่เรานอนกอดกันเมื่อครู่   ไม่หลงเหลือร่องรอยความอบอุ่นใดๆ ผมไล้มือผ่านเบาๆ 

ก็สัมผัสได้แค่......  ความเย็นชืดของเตียง  ตอนนี้ผมนั่งนิ่งมองมัน  เริ่มรู้สึกร้าวที่กระบอกตา 

พร้อมกับกวาดสายตามองรอบห้อง  ไม่เห็นวี่แวว....ของสิ่งมีชีวิตใดๆ ผมลุกขึ้นนั่งราวกับคนละเมอ

มองไปยังตู้เสื้อผ้าที่อยู่ปลายเตียง  มีกระดาษโน๊ตสีชมพูติดอยู่   ผมเดินไปหามันอย่างเชื่องช้า

ทั้งที่ใจรุ่มร้อนเหมือนไฟที่เผาผลาญ   ภาวนา....อย่าให้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย   

ได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงรัวถี่ยิบ   แรงเสียจนเจ็บยกมือขึ้นมากุมอกข้างซ้ายไว้  เอื้อมมือไปหยิบกระดาษสีชมพู

ผมหลับตาลง   ...  เพื่อทำใจ   ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาเพื่ออ่านกระดาษข้อความบนกระดาษช้า

“ขอโทษ....ที่ยังไม่พร้อมจะรับฟัง

ไม่ได้โกรธ ...  แพนเข้าใจดี

ความรักแบบเรา....ยังไงก็คงได้แค่นี้”



หัวใจผมกระตุกวูบ ....  ขาเหมือนอ่อนแรงทันทีทรุดฮวบลงกับพื้น นั่งจุ้มปุ๊กด้วยท่าคู้เข่า 

“แพน....”  ได้แต่เอ่ยเสียงสั่น  เจ็บไปทั่วหัวใจ  น้ำตาไหลอย่างห้ามไม่อยู่ เหลือบมองรอบๆ ห้อง

ไม่มีข้าวของของแพน  ดวงตาพร่าไปม่านน้ำตา  ...   สะอื้นไห้อย่างไม่อาย


แพนไปแล้ว.....   คงกลับไปแล้ว    ไปในที่ที่ผมไขว่คว้าไม่ถึง  ทำไมต้องจากกันแบบนี้

ทำไมผมต้อง.....รอ    ทำไมไม่รีบอธิบาย  แพนกำลังเข้าใจผิด....  ผมไม่ได้มีอะไรกับอ๋อม

ไม่เคยมีอะไรกับใครทั้งนั้น  รัก.....คนที่ผมรัก  ก็มีแค่คนเดียว.....ผมรักได้แค่แพน

เกลียด................... เกลียด ตัวเองเหลือเกิน



























“ก็อกๆ ”     เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น  ...........   อับอายเหลือกเกิน   อยากจะซ่อนตัวตนที่อ่อนแออยู่ในซอกหลืบ

.

.

.

.

.

.

“ก็อกๆ ก็อกๆ”    อีกครั้งที่เสียงมันดังขึ้นราวกับรู้ว่าผมอยู่ยังนั่งอยู่ข้างในนี้  ยกมือขึ้นปิดปาก  ปิดก้อนสะอื้น

ที่ผมกำลังครวญครางแทบจะขาดใจ แค่ตอนนี้....   ขอแค่ตอนนี้ได้ไหม....  ยังไม่พร้อมจะพบใคร











“ก็อกๆ ก็อกๆ ก็อกๆ”   ความจริงอันโหดร้าย.... สวรรค์ไม่เคยปราณีต่อคนที่พ่ายแพ้  ในที่สุดก็ตัดสินใจ

ยอมแพ้แต่โชคชะตา   ...  ยอมเปิดเผยความอ่อนแอ  ให้ใครก็ตามที่ผมต้องเผชิญต่อจากนี้




“แกร๊ก.....”    เจ็บ....ที่ฟ้าช่างกลั่นแกล้ง   ใครกันนะ.......   ที่ทำผมอ่อนแอได้ขนาดนี้

“.............”  เสียงแห่งความเงียบงัน   ...  หากแต่ .....   มันกำลังต่อชีวิตผมให้ยืนยาวขึ้น 


รอยยิ้มฉีกกว้าง  พร้อมๆ กับแอ่งน้ำตาพี่พากันไหล  ...  แบบไม่ไว้หน้าผู้ชายแบบผม  เอื้อมมือไปรั้งใครคนนั้น

เข้ามากอดแนบแน่น....... 












“แ...พน..... ภ...ภาคขอโทษ  อ...ย่า.....ทิ้งกัน...ไปเลย”    ช่างยากลำบากที่จะพูดอะไรแต่ละคำ

ได้แต่กอดอีกฝ่ายแน่นเสียจน  ......     จะจมหายไปในอก








“จะทิ้งได้ไง”

.

.

.

“รักไปหมดใจแล้วนี่”  ไอ้ตัวเล็กว่าเสียงเบา



“ฮือออออออ~  ขอโทษษษษษ”   ผมปล่อยโฮ ทรุดตัวลงคุกเข่า โอบกอดเอวน้องไว้แน่น 

ปล่อยให้อีกฝ่ายลูบหัวลูบหลังปลอบใจเป็นการใหญ่



“ครับ....แพนก็รักภาคนะ  ป่ะเข้าไปข้างในก่อนอายเค้า”  ไอ้เล็กเสียงสั่น ๆ พยุงผมให้ลุกขึ้น

ลากกระเป๋าเข้าห้องเสร็จ   ผมก็ดึงมากอดไว้ไม่ห่าง... 


.

.
“ภาคกับอ๋อมไม่มีอะไรกันนะ แพน...กำลังเข้าใจผิด  ภาค..”  ผมร้อนรน รีบที่จะอธิบาย

“ชู่....  แพนรู้แล้ว”    นิ้วเล็กๆ ของแพนแตะที่ปากผมไว้  ใบหน้าหวานมองมาที่ผม

“ถ้าภาคไม่ไปสิ  ฮึกๆ  แพนจะโกรธภาคไปจนตายเลย ภาค....อ่ะ  เป็นคนที่ดีที่สุดเลยนะ”  น้องโถมตัว

เข้ามากอดผมแน่นๆ  เรากอดกันอยู่อย่างนั้น  ร้องไห้ไปด้วย คุยกันไปด้วย ได้ความว่าขณะที่แพนตัดสินใจ

จะทิ้งผมไป  (ฮือๆๆ  เศร้าอ่ะ)  อ๋อมก็โทรมาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง  .....  เรื่องก็มีอยู่ว่า

อ๋อม....โทรมาหาผม บอกว่าห้องโดนงัด ตอนสองทุ่ม ผมเลยรีบไปหา ...  พอไปถึงทุกอย่างก็ดูปกติจนผมสงสัย

พอจะกลับอ๋อมก็รั้งไว้ตลอด  ให้เช็คนั่น ดูนี่ ช่วยอยู่เป็นเพื่อนหน่อย อ๋อมกลัว  อ้างโน่นอ้างนี่ จนผมไม่ไหว

เลยบอกจะโทรให้ไอ้ไม้มาอยู่เป็นเพื่อน  รู้สึกตอนนั้นอ๋อมจะโกรธผมมาก  ตะโกนถามผมเสียงดัง

“เราไม่ดียังไง ทำไมภาคไม่เคยมองเราเลย เราสู้แพนไม่ได้ตรงไหน  ทำไม...  ทำไมถึงไม่รักเรา”  พูดเสร็จ

อ๋อมก็ร้องไห้เสียงดัง  ผมถึงกลับอึ้ง....ตกใจเหมือนกัน ที่อ๋อมรู้สึกกับผมแบบนั้น  บอกตามตรง...ไม่เคยคิด

ไม่เคยรู้สึก ผมอธิบายอยู่นาน  ไม่ใช่ไม่ดี......แต่ผม  ตั้งแต่เกิดมา.....ก็ไม่เคยชายตาแลผู้หญิงคนไหน

กับแพน  มันทั้งรักทั้งผูกพันธ์    รัก....  แบบที่ไม่เคยรักใคร    และก็คงจะรักได้....ก็แค่แพนคนเดียว

ผมขอโทษ.....อ๋อม  ขอโทษไปมากมาย  เสียใจ.....ที่ผมอาจเผลอทำอะไรให้เข้าใจผิดไป

 แต่....ผมไม่เคยคิดเช่นนั้น   ผมเสียใจ.....  ผมเสียใจจริงๆ   ผมหันหลังเพื่อจะเดินกลับมา

ได้ยินอ๋อมกรีดเสียงดังลั่น  “เรารักภาคนะ   ถ้าภาคไม่รักเรา....ฮือๆๆๆๆ  แล้วจะให้เราอยู่ไปทำไม”


อีกฝ่ายก็หันไปคว้ามือปอกผลไม้ ที่วางอยู่ไม่ห่าง  เรายื้อยุดกัน ...อยู่อย่างนั้น สุดท้าย 

. ...  ปลายมีดกรีดลงที่ท่อนแขน  เลือดสีแดงฉานไหลทะลักออกมาเต็มกำมือ  ผมรู้มันไม่ได้ลึกมากหรอก

แต่มันคงกรีดลึกไปที่จิตใจของอ๋อมต่างหาก  ผมกำแน่นที่แผลกึ่งจูงกึ่งกระชากอ๋อมให้มานั่งในห้อง

รีบทำแผลกันยกใหญ่   อีกฝ่ายได้แต่นั่งร้องไห้  ปล่อยให้ผมทำแผลต่อไปเรื่อย  ๆ  จนเสร็จ

อ๋อมโถมเข้ากอดผมแน่น  ร้องไห้สะอีกสะอื้นจนตัวโยน  ....  มีแต่คำถามว่า ทำไม....... ทำไม....

ดังอยู่ซ้ำไปซ้ำมา  ผมไม่ได้กอดตอบ  เพียงแต่ตบเบาๆ ที่หลังอ๋อมเพื่อเป็นการปลอบใจ

ได้แต่พร่ำคำขอโทษ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า....  จนอีกฝ่ายร้องไห้หลับไป   ผมอุ้มอ๋อมไปนอนที่เตียง

หยิบมือถือจะโทรหาไอ้ไม้  ก็พึ่งรู้ว่าแบทหมด  ทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว  ... ผมมองเวลาที่ผนัง ตีสี

ผมค้นหาจนเจอมือถืออ๋อม  กดเบอร์โทรหาไอ้ไม้  มันรับสายอย่างงัวเงีย  ก่อนจะตกใจตื่นที่เป็นเสียงผม

กรอกไปในสาย  แทนที่จะเป็นอ๋อม  ผมเล่าคร่าวๆ และเรียกให้มันมาด่วนๆ  จะกดโทรหาแพน

มันก็ดึกซะจนผมคิดว่าน้องคงหลับไปแล้ว   กว่าไอ้ไม้จะมาถึง.... ก็เกือบตี 5  มันพยักหน้าให้ผม

เป็นเชิงบอกว่ากูดูต่อเอง  ...ก็แค่นั้น   ผมเลยขับรถกลับมาที่คอนโด

.

.


.

.

“ดีที่พี่อ๋อมโทรมาหาแพนก่อน  ถ้ารอภาคเล่าแพนคงหนีไปไกลแล้วหล่ะ  อ้อ!! พี่อ๋อมฝากขอโทษด้วย”

ไอ้ตัวเล็กที่ดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ในอ้อมกอดผมบนเตียงพูดขึ้น

“ขอโทษครับ  ภาคไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี ไม่รู้จริงๆ ขอโทษนะ”   ผมจูบซับที่หน้าผากของอีกฝ่าย

“ทีหลังก็อย่าปล่อยให้แพนเข้าใจผิดอีกหล่ะ  เสียใจแทบแย่แน่ะรู้ป่ะ?”

“ครับ  ขอโทษนะ อืมม  ขอโทษที  ปากหวานจัง ขอชิมนะครับ”  พูดเสร็จปากที่แตะจูบเบาๆ

ก็เปลี่ยนเป็นดูดกลืน รุกล้ำ และเรียกร้องจากอีกฝ่าย  ไล่ต้อนลิ้นหวานๆ ที่หอมหวนชวนให้ลองชิม

ซุกไซร้จมูกสูดกลิ่นกายหอมๆ ที่ไม่ว่าครั้งไหนก็แทบห้ามใจไม่ไหว  ยิ่งครั้งนี้ยิ่งต้องการเรียกความมั่นใจ

ให้กลับคืน อยากจะยืนยันความรัก....ที่มั่นคง  ให้อีกฝ่ายได้แน่ใจ

“ชิมแล้ว...  ห้ามไปชิมคนอื่นหล่ะ  เจ้าของหวง”  ไอ้ตัวเล็กว่า มือเรียวไล้อยู่บนใบหน้าผม


ดวงตากลมโต  ห้องมา  เรียกหาคำยืนยัน.....   ทำเอาผมยิ้มกว้าง....เกือบจะเสียน้องไปแล้ว

“จะไปชิมใครที่ไหนได้อีกหล่ะ  ก็คนตรงหน้า.....น่ากินซะอย่างนี้” ก้มหน้ากดจูบริมฝีปากบาง

ที่หวานปานน้ำเชื่อม

.


.

“ไปไหนไม่รอดแล้วครับ”

.

.

.

.

.

“อ่า...อ๊ะ....   ช้าๆๆ ภาค” 

“อืมมม  ..  แพนครับอย่าเกร็ง  อ่าาาาา~  รัดแน่นหมดแล้ว”

“อึกๆๆ   อ๊าาาาา~ ”

“มะ.....ไม่ไหวแล้ว   แพนภาคขอนะครับ  อ่า~”


.

.

.

“ปั๊บๆ ปั๊บๆ ปั๊บๆ ปั๊บๆ”

.

.

.

.


“อื๊อออออออออ~  / อืมมมมมม~”   

ร่างกายเกร็งกระตุก  ต่างคนต่างปลดปล่อย  หยาดหยดสีขาวขุ่น  พร่างพรายตามแรงปรารถนา

ทิ้งตัวลงข้างกัน  กอดซับความหวานที่ดื่มด่ำกำซ่านเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักหมด 

สองแขนโอบกระชับอ้อมกอดของกันและกัน  แล้วพากันจมดิ่งสู่นิทรา




หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ อยู่ที่ไหน Page 9 UD 23/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 23-02-2013 12:47:23
เกือบไปแล้วนะภาค
แต่สุดท้ายก็ยังโชคดีที่อ๋อมคิดได้นะ    :เฮ้อ:             
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ลงเรือ Page 9 UD 24/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 24-02-2013 18:11:47
ตอน ..  ลงเรือ




ตอนนี้พวกเราทุกคนขึ้นมาบนเรือกันหมดทุกคนแล้ว  ด้วยปริมาณนักท่องเที่ยวที่หนาแน่น ทำให้ม้านั่งที่เตรียมไว้บนเรือ

ไม่เพียงพอ  ผมและเพื่อนๆ ตัดสินใจนั่งจุ้มปุ้กกันแถวๆ  ห้องเครื่องด้านบนชั้นสองของเรือ  น้องแพนทิ้งก้นลงเบาๆ

ตามด้วยไอ้ภาคที่ตามติดแจ จนแทบจะสิงร่างไอ้ตัวเล็ก ก่อนจะขู่แกมบังคับให้อีกฝ่ายเข้ามานั่งในคอกหัวเข่า

แล้วพิงหลังลงเบาๆ กับอกแข็งแรงของตัวเอง   ผมสังเกตุเห็นแพนหน้าขึ้นสีระเรื่อคงทั้งเขินทั้งอาย  แต่ก็ขัดใจไอ้ลูกหมา..

ที่หวงเจ้าของไม่ไหว....  แถมสองมือซนๆ ยังสอดเข้าไปโอบเอวน้องกระชับกอดเบาๆ ให้ร่างอีกฝ่ายแนบชิด สนิทเข้าไปอีก

เรียกว่า.....  หมดปัญญาแจ้งเกิดจะดีกว่า  เห็นขนาดนี้....ใครคิดจะหลี  ไม่โดนกำปั้นพ่อเจ้าพระคุณนั่นเข้าไปก็ไม่รู้จะว่ายังไง

ถัดจากภาคก็เป็นอ๋อม  ..  แอบเห็นสายตาไหววูบเล็กๆ ของไอ้ไม้  แค่เพียงนิดเดียว...  นิดเดียวจริงๆ ที่ผมรู้สึกว่ามันเสียใจ

แต่เพียงแค่พริบตา ทั้งสีหน้าแววตาของมันก็เปลี่ยนเป็นออดอ้อน สนุกสนานร่าเริงได้ดังเดิม  ไอ้ไม้นั่งลงข้างว่าที่หวานใจ

กระแซะหยอกบ้างหยอดบ้างพอให้ได้อรรถรสตามประสา ของแมวหวังชิมปลาย่าง  ส่วนผมก็นั่งถัดจากมัน ...

แอบรู้สึกเจ็บแปลบ...แทนไอ้ไม้ไม่ได้  ก็เพราะรู้ดี...ว่าการที่ไปรัก....คนที่เค้าไม่รักตัวนั้นมันเจ็บแค่ไหน  ได้แต่นั่งลงเงียบ ๆ

ไม่ได้ปริปากอะไรให้เป็นที่รำคาญ  ....  สายตาเหลือบมองคลื่นน้ำที่ซัดเป็นเกลียวสวยงาม  สีฟ้าครามที่ปกคลุมไปทั่ว

ตั้งแต่ผืนน้ำยันผืนฟ้า หยิบหูฟังขึ้นมาเสียบ กดเพลงเดิมๆ ที่ฟังเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักเบื่อ  ปล่อยให้สองคู่ชู้ชื่นเค้าได้เสพสุข....

ระหว่างทางกันบ้าง  เพราะเรามากัน 5 คน ฉะนั้นผมถือเป็นตัวแถม ไม่ได้เป็นที่ต้องการของใครเป็นพิเศษ เลยถือโอกาสนี้

ปีกวิเวกอยู่ลำพัง ค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง  บางครั้ง....ทะเลสวย ก็ไม่ดึงดูดใจเรามากไปกว่า   ความเจ็บปวดที่เราจะได้รับรู้

ในระยะเผาขนเช่นนี้   ฉะนั้น... สู้ปิดหู  ปิดตา  และปิดใจ  ไม่รับรู้อะไรมันคงจะยังดีเสียกว่า



http://www.youtube.com/watch?v=dRJn317jyvk

งมงาย

เนิ่นนานเท่าไรไม่รู้ที่รอเธอ ฉันจำไม่ได้

ที่จำได้ดีคือฉันมีเพียงเธอ แม้นานสักแค่ไหน



เธออยู่ที่ใดยังรักกันไหม ฉันไม่รู้ แต่ที่รู้คือฉันนั้นยังไม่เปลี่ยนใจ

ยังอยู่ตรงนี้ถึงแม้จะเหงาและเดียวดาย



ไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันจะยังรักเธอ ไม่ว่าเธอกับฉันวันนี้จะอยู่แสนไกล

ก็ยังจะรออย่างมีความหวัง ยังคงไม่เปลี่ยนไป

ไม่ว่าใครจะมองว่าฉันงมงาย ฉันก็ยังเหมือนเดิม



เมื่อเธอมีทางชีวิตไม่เหมือนฉัน ฉันห้ามไม่ได้

แต่ฉันจะมีชีวิตเพื่อรอเธอ แม้วันสุดท้าย



เกิดมาได้เจอคนที่ตามหามานานแสนนาน ทำให้รู้ว่าเธอมีค่ามากแค่ไหน

จะอยู่ตรงนี้ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เหลือใคร



ไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันจะยังรักเธอ ไม่ว่าเธอกับฉันวันนี้จะอยู่แสนไกล

ก็ยังจะรออย่างมีความหวัง ยังคงไม่เปลี่ยนไป

ไม่ว่าใครจะมองว่าฉันงมงาย ฉันก็ยังเหมือนเดิม



จะรอแค่เธอถึงแม้ใครหาว่างมงาย

ไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันจะยังรักเธอ ไม่ว่าเธอกับฉันวันนี้จะอยู่แสนไกล

ก็ยังจะรออย่างมีความหวัง ยังคงไม่เปลี่ยนไป

ไม่ว่านานเท่าไรยังมีเพียงเธอ (ไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันมีเธอคนเดียวในหัวใจ)

ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะรักเธอ

.

.

.

แกล้งหลับตาไปอย่างนั้น   ...  ทั้งที่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของคนข้างๆ เสมอ แรงกระเพื่อมที่คาดว่าน่าจะเกิดจากการหัวเราะ

สั่นมาเป็นระยะ ค่อยๆ อมยิ้ม ที่มุมปาก  นึกถึงใบหน้าไอ้ไม้ที่เปื่อมไปด้วยรอยยิ้ม  ไม่ว่ามองเมื่อไหร่....หรือแม้แต่

ในความคิดผม  มันก็ทำให้เผลอยิ้มตามได้ทุกครั้ง   ก็ไม่ได้ว่าอะไร....ก็แค่อยากให้มันมีความสุข  และสมหวังกับอ๋อมสักที

อย่างน้อยๆ ก็เพื่อผมจะได้เห็นรอยยิ้มมัน ....  และเผื่อตัวเองจะยิ้มได้แบบมันบ้าง  และเผื่อ...จะตัดใจจากมันได้บ้าง...

ถ้าเกิดมันมีเจ้าของขึ้นมาจริงๆ เสียที

.

.

.”ตื่นซะทีไอ้ขี้เซา”  หูฟังสองข้างถูกดึงออก พร้อมมือหนาๆ ของคนข้างกายที่ผลักมาที่หัวผมเต็มแรงๆ   

หัวผมเลยเอนตามแรงผลักแกล้งๆของมัน   ช้อนตาไปมองมันค้อนๆ เผื่อไอ้เจ้าตัวจะสำเนียกได้ว่านี่หัวคน ... 

สิ่งที่ได้กลับมาคือรอยยิ้มกวนๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะ หึๆ  อย่างพึ่งพอใจ ....ไม่ได้สำนึกหรือรู้สึกผิดอะไรทั้งนั้น 

ผมเม้มปากเล็กๆ  ก่อนจะทำปากขมุบขมิบให้อีกฝ่ายอ่านปากในการสาดคำสรรเสริญเยินยอไปให้

“Kวย”  ไอ้ตัวดี ยกยิ้ม ก่อนจะเลิกสนใจผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  หันไปยิ้มหล่อๆ ให้สาวสวยหนึ่งเดียว ....ที่ทำผมช็อค

ภาพที่เห็นคือ น้องแพนที่หลับอยู่ในอกไอ้ภาค หลังพิงอก ศรีษะซุกเข้าหาซอกคอของอีกฝ่าย

โดยมีไอ้หล่อกอดกระชับเอวไว้แน่น ส่วนหัวเอนหัวพิงฝาห้องเครื่องด้านหลัง  ส่วนอีกข้างมีสาวผมยาวสลวยเก๋

แบบอ๋อมนอนซบอยู่  ผมค่อยๆ ไล่สายตาหันไปสบตาไอ้ไม้เห็นมันยังยิ้มปกติ ไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ

คงจะชินกับเหตุการณ์พวกนี้บางแล้ว  มันหันหน้าเข้าหาอ๋อมย่อตัวลงจนตัวจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกัน

 ยังคงจับจ้องอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มบางๆ ปนเอ็นดู  ค่อยๆ เกี่ยวมือ ไล่เก็บเส้นผมที่ละอยู่บนใบหน้าหวานให้ไปเกี่ยวที่ใบหู 

ผมเผลอกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ  กับท่าทางที่ดูช่างทนุถนอมเหลือเกิน    ไอ้ไม้แตะเบาๆ ที่ไหล่อ๋อม กรอกเสียง

หวานหู  ....  ที่ผมว่าคงทำให้ผู้หญิงหลายคนละลาย   บังเอิญแค่..................ไม่ใช่กับอ๋อม

“อ๋อมครับ...  อ๋อม  จะถึงแล้วครับ”  ไอ้ไม้ว่า  ออกแรงเขย่าอีกนิด  คนที่ถูกปลุกก็กระพริบตาถี่ๆ หันมามองตอบ

“ไม้”  อ๋อมทำตาปรือปรอยได้อย่างน่ารัก  ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง แล้วลืมตาขึ้นมาอีก ก่อนจะยกมือมาขยี้ตาเบาๆ

ทั้งที่หัวยังซบที่ไหล่ภาค   สักพักเหมือนจะรู้ตัวถึงค่อยๆ ดันตัวขึ้น หันไปมองทะเล ก่อนจะหันไปมองคู่รักอีกคู่

ที่ยังหลับตาพริ้ม  เห็นอ๋อมเผลอจ้องอยู่สักพัก ก่อนจะหันมาเพราะไอ้ไม้เบนความสนใจ

“จะถึงแล้วไม้เลยปลุกอ๋อมก่อน”   เจ้าตัวว่าแค่นั้นก็นั่งลงกับพื้นเรือดังเดิม  ส่งยิ้มหล่อละลายใจมาเป็นระยะ


“อืมม  จ้า”  อ๋อมยิ้มเล็ก ๆ ช่างน่ามอง ชายหล่อกับหญิงสวย  สมกันจริงๆ  ในความรู้สึกผม  เมื่อไหร่ไอ้ต้นจะสมหวัง? 

อ๋อมลอบมองไอ้ภาคเป็นระยะ    และเป็นไอ้ไม้เองที่เขย่าตัวไอ้ภาคให้ตื่น   มันลืมตาขึ้นช้าๆ อย่างงัวเงีย

ก่อนจะหันไปแกล้งสุดที่รักของตัวเอง  บีบจมูกบ้าง ดึงผมที่ยาวแล้วของแพนมาแหย่ที่หูบ้าง  หรือแม้แต่

กดคางตัวเองถูไถไปกับหัวทุยๆ ของอีกฝ่ายอย่างสนุกสนาน  ไอ้ตัวเล็กก็ยุ๊กยิ๊กๆ และก็ตื่นในที่สุด  ไอ้หล่อมันก็ทำเป็นพูดจาดี

 เหมือนไม่มีไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้   ทั้งที่หน้าตามันเองดูจะสนุกสุดๆ ตอนที่ได้แกล้งสุดที่รักของตัวเอง

“ตื่นแล้วเหรอครับ  ใกล้จะถึงแล้วน๊า”  ไอ้ภาคลูบหัวน้องเบาๆ อย่างเอ็นดู ไอ้ตัวเล็กก็ขยี้ตาตัวเองเป็นการใหญ่

หันมาส่งเสียงตอบอีกฝ่ายว่า “อือ”  แค่คำเดียว ก่อนจะหันไปสนใจเกาะซึ่งมองเห็นอยู่ตรงหน้าคาดว่าคงห่างไม่เกิน

500 เมตร  ผมที่มองดูอยู่ทุกความเคลื่อนไหวถึงกับส่ายหัว  ในความเจ้าเล่ห์ของไอ้หล่อมัน  แต่ก็รู้สึกดีนิดๆ

ในความน่ารักของคู่นี้ นะ....  ก็เป็นอย่างนี้อยู่ตลอด  ถึงมันจะแกล้งยังไง  คนนี้.....เค้าก็รักของเค้าสุดใจอยู่ดี

“ภาคปวดไหล่รึเปล่า?  ขอโทษทีนะที่อ๋อมเผลอซบตลอดทางเลย”  อ๋อมว่ายิ้มๆ แต่ผมนี่อ่ะ พูดไม่ออกเลยอึ้งๆ

ไม่คิดว่าอ๋อมจะกล้าพูด  เหล่ตาไปมองแพนบ้างเห็นน้องทำหน้าเฉยๆ ไม่ได้มีท่าทีอะไรไปมากกว่านั้น

“ใครว่าหล่ะอ๋อม  อ๋อมซบไม้ต่างหาก พึ่งไปซบไอ้ภาคตอนที่เราลุกไปเข้าห้องน้ำเท่านั้นเอง”  ไอ้ไม้ว่ายิ้มๆ อีกคน

ผมซึ่งอึ้งกิมกี่ไปอีกรอบ  ว่าแต่ไม้....มึงลุกไปเข้าห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ  กูนั่งอยู่ข้างๆ นี่ไม่เห็นจะรู้สึกว่ามึงลุกไปไหน

“อ้าวก็อ๋อมจำได้ว่า..... .. เอ่อ...งั้นเหรอ”  อ๋อมเหมือนจะเผลอพูดอะไรสักอย่าง...แต่ก็นิ่งค้างไว้แค่นั้นแล้วกลับลำกลางทาง

หน้าตาดูผะอืดผะอมชอบกล   แล้วก็เออออห่อหมกไปกับไอ้ไม้ หันไปสบตาไอ้ภาคกับแพนอีกเล็กน้อย  ก่อนจะยิ้มจืดๆออกมา 

(ก็ถ้าอ๋อมพูดว่าอ๋อมจำได้ว่าซบไหล่ไอ้ภาคมาตลอดทาง นั่นก็แสดงว่า อ๋อมตั้งใจที่จะซบมันน่ะสินะ  )

“อ้อ...  เป็นอย่างนี้นี่เอง  หึหึ”  ไอ้ภาคสรุป แล้วยิ้มแซวๆ ไอ้ไม้แทน  ไอ้นี่ก็กล้ายักคิ้วกวนๆ กลับ

เฮ้อ~  เหตุการณ์นี่ทำผมเกือบจะหายใจไม่ทั่วท้องซะแล้ว  ผมไม่รู้ว่าแพนกำลังคิดอะไร   น้องไม่ได้ยิ้ม หรือ

แสดงอาการไม่พอใจ เพียงแต่หันมามองการสนทนากันนิดๆ ก่อนจะอยู่นิ่งๆ เงียบๆ มองดูฟ้า มองดูทะเลไปเรื่อยๆ   

.

.

.

.

เรือจอดตรงท่าเรือเป็นรอบที่สองหรือที่สามมั้ง ผมจำไม่ได้รู้แต่ว่าตัวเองก็หลุดอยู่ในวังวนความคิดของตัวเองอยู่เนิ่นนาน

สะดุ้งอีกทีก็ตอนที่ไอ้ไม้ผลักหัวผมจนเซนั่นแหล่ะ

“เชี่ย”  เผลอสบถออกมาเบาๆ  เห็นไอ้ไม้ส่ายหน้าเซ็งๆ รออยู่

“ถึงแล้วมึงเหม่ออยู่นั่นแหล่ะ”   มันว่าก่อนจะสะพายเป้ของตัวเองพร้อมกระเป๋าอ๋อมขึ้นบนบ่า แล้วเดินตามหลังอ๋อมไป

ส่วนสามคนนั้น (เอ่อ~  ผมหมายถึง แพน ไอ้ภาค และอ๋อม)  ก็เดินผ่านหน้าผมจนตอนนี้ปีนบันไดลงไปเป็นที่เรียบร้อย

รีบลุกขึ้นแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามไอ้พวกนั้นไป  แต่ด้วยความรีบ ขณะที่หันหลังลงบันไดอยู่นั้น ผมเลยเหยียบพลาด

“เห้ย!!”  ผมตะโกนออกมาด้วยความตกใจ   เห็นภาพสโลโมชั่นของตัวเอง มือที่พยายามเกาะราวบันไดไว้สุดชีวิต

หลุดผึงออก  หน้าแข็งครูดไปกับขั้นบันได  เผลอหลับตาแน่น นึกในใจ...  หัวกูแตกแน่ๆ

“ตุบ!!.........  เชี่ย!!” ค่อยๆ หลีตามองรอบข้าง   ไม่เจ็บ  รู้สึกถึงแรงกอดแน่นๆ ที่เอว  หึ๋ย!!  ใครวะ  เลยเด้งตัวออกทันที

ได้เห็นสีหน้าเหยเกของอีกฝ่าย เอามือกุมท้องป้อยๆ ทำเอาผมหน้าซีดทันที ....  ไอ้ไม้

“เป็นไรป่าวว่ะ   โทษทีว่ะไม่ได้ตั้งใจ”   รีบกุลีกุจอ  ไปดึงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น  มันปัดนั่นปัดนี่นิดหน่อยแล้วหันมาตบหัวผมแทน

“มึงนี่แม่ง....  ไม่เคยระวังเลย ถ้ากูไม่อยู่ไม่ต้องคอหักกันเลยเหรอว่ะ ดีนะที่รับทัน แล้วไม่ต้องทำหน้าสำนึกผิดขนาดนั้นนะ

ตัวเบายังกะนุ่นวันๆ แดกไรมั่งเนี่ย ที่กูจุกเพราะก้นมึงดันกระแทกท้องกูมาพอดีหรอก  ไม่งั้นก็แทบไม่รู้สึก ป่ะไปกันได้แล้ว”

บ่นจบมันก็เดินตรงไป ตรงหางเรือกระโดดข้ามฟากไปยัง ท่าเรืออีกฟากทันที พอเห็นอย่างนั้นผมก็รีบตามมา 

แต่ระวังมากขึ้น พร้อมทั้งสำรวจคร่าวๆ พอมั่นใจก็ข้ามไปอีกฟากทันที  โดยมีไอ้ไม้มองตามด้วยสายตาดุๆ  ผมเดินไปตีคู่กับมัน

“ขอบใจนะ” พูดเสร็จก็ตั้งท่าจะเดินเลี่ยงหนีมันไป  แบบว่ายังไงมันเขินอ่ะ  กูเห็นแม่งแอบยิ้มมุมปากนิดๆ


จะว่าไงดีอ่ะผมกับมันไม่ค่อยพูดดีๆ กันเท่าไหร่หรอก  ถนัดแต่ด่าๆ แซวๆ  แกล้งๆ  กันมากกว่า 

(แล้วอย่างนี้ผมไปชอบมันได้ไงวะงงตัวเอง)    กำลังจะชิ่งหนี ไอ้ตัวดีก็รั้งแขนผมไว้ซะก่อน

“เมื่อกี้ว่าไงนะ?”   แหม๊ะ....  ถ้าตามึงจะยิ้มขนาดนั้นกูว่า  มึงยิ้มทางปากเลยดีกว่ามั้ย  ผมหันไปมองนิดๆ

“ไรเล่า ...  ก็บอกว่าขอบใจไง เชี่ยนี่!!”  ด่าแม่งเลย

“อ๊าว!!  ไอ้ห่า สรุปจะด่าหรือขอบใจกูเลือกเอาสักอย่าง”   หน้ามันตอนนี้อย่างกวนตีนอ่ะ  แน๊ะยักคิ้วใส่กูอีก เดี๊ยะๆแม่ง

“ขอบใจไง  ไม่ได้ยินเหรอสัด”  เลยเบิดกระโหลกมันไปทีหนึ่ง ได้ยินคำว่า “เชี่ย”   สบถออกมาเบาๆ แต่ปากยิ้มกริ่มแล้ว

“ต้น...มึงเคยได้ยินป่ะ บุญคุณต้องทดแทนอ่ะ”  ไอ้ไม้ว่ายิ้มๆ  แม่ง..กูว่าแล้ว ต้องมีเรื่องให้กูช่วยชัวร์ ซึ่งผมก็ยิ้มหวานกลับ

“แล้วมึงเคยได้ยินป่ะไม้  ว่าแค้นก็ต้องชำระอ่ะ”  ผมหันไปยักคิ้วถามมันกวนๆ  ซึ่งไอ้เหี้ยนี่ ...เสือกยกยิ้มมุมปากอย่างเป็นต่อ

ผมถึงกลับเบือนหน้าหนี ...  ไม่ใช่อะไร  ....  แม่งหล่ออ่ะทำหน้าแบบนี้  กลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่ๆ  แล้วกระแอมกลบเกลือน

“แต่ตอนนี้มึงมีบุญคุณที่ต้องทดแทนกูว่ะ”  ไอ้หล่อเชี่ยๆ หันยื่นหน้ามาพูดใกล้ๆ     ยื่นมาใกล้ทำเพื่อ?  เชี่ยยยยยยยย!!

หัวใจผมเต้นแรงขึ้นอีก  ไม่รู้ว่าตัวเองหน้าแดงอยู่รึเปล่า  แต่รู้สึกเขินจัดๆ  ...เลยต้องยื่นดัชนีมาเป็นผู้ช่วย ผลักแม่งหน้าหงาย

ซึ่งมันก็หัวเราะชอบใจ  ไอ้เหี้ยนี่.....แม่ง S ชัดๆ

“ไอ้เลวทำดีหวังผลตอบแทน  ถ้ามึงจะมาทวงบุญคุณกูขนาดนี้ คราวหน้า...”  ยังไม่ทันพูดจบ ไอ้คนไม่เคยศึกษามารยาทผู้ดี

ก็พูดแทรกขึ้นมากลางป้อง

“คราวหน้าจะไม่ให้กูช่วย?”   มันเลิกคิ้วเป็นคำถาม   หน้าตาแม่งอย่างกวน ทำผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

“ป่าว ...  มึงก็ช่วยกูนี่แหล่ะ  อย่างน้อยกูก็ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อให้มึงมาทวงบุญคุณไง ฮ่าๆๆ ”  ไอ้ไม้แม่งผลักผมซะหน้าหงาย

“ถุย...นึกว่าจะแน่  แต่ตอนนี้ติดไว้ก่อนตอนนี้ยังนึกไม่ออก เอาไว้กูนึกออกเมื่อไหร่ค่อยทวง ฮ่าๆๆ”  พูดจบแม่งก็เดิน

ลอยหน้าลอยตาไปหา  (ว่าที่)  สุดที่รักมัน  ผมก็ได้แต่ส่ายหัวเบาๆ  กวนให้ได้ตลอดน่ะ... แม่ง



เราเดินมาถึงห้องพักที่จองไว้  ไอ้หล่อติดเด็ก(ไอ้ภาค)  กับเด็กถูกไอ้หล่อติด (น้องแพน)  รับบทเป็นผู้เช็คอิน 


โดยมีผม ไอ้ไม้ กับอ๋อมนั่งรอกันอยู่ด้านหน้า  แม้ในตอนแรกอ๋อมพยายามจะไปช่วยไอ้ภาค แต่ก็ถูกไอ้หล่อแต่กวนตีน

แม่งดักทางไว้ก่อน  ด้วยประโยคที่ว่า พร้อมกับรอยยิ้มหวานพิมพ์  คือไม่เข้าใจมึงจะหวานไปถึงไหนครับ

“ไม่ต้องหรอกอ๋อม  ปล่อยให้ไอ้พวกตัวตั้งตัวตีไอ้ทำงานรับใช้พวกเราบ้าง  พวกเราอุตส่าห์มาเป็นเพื่อนให้แล้วทั้งที” 


“แต่อ๋อมอยากช่วย  ...  เดี๋ยวเราไปกับภาคก็ได้ให้  น้องแพนรออยู่นี่เถอะ ท่าจะเหนื่อยแล้ว” ไอ้ภาคหันไปมองน้อง

 ด้วยสายตาที่เป็นคำถามว่า .. เหนื่อยมั้ยครับที่รัก?  หึหึ  ตาแม่งเลี่ยนโคตรๆ อ่ะ ไอ้ตัวเล็กก็น่ารักดี ตอบมาอย่างรู้ใจ

“ไม่เป็นไร แพนยังไม่เหนื่อยเลย  แล้วพี่อ๋อมเป็นผู้หญิงด้วยอ่ะ  . นั่งรอตรงนี้ดีกว่านะครับ เดี๋ยวแพนไปกับภาคเอง” 

ไอ้ตัวเล็กยิ้มกลับมา   แล้วอ๋อมก็ยิ้มเจื่อนๆ กลับไป สายตามองไปที่ไอ้ภาคอย่างอาลัยอาวรณ์  แต่ไอ้หล่อสิ แม่ง...

มันแต่ยิ้มให้เด็กตัวเองจนตาแทบปิด  ยกมือขึ้นโอบไหล่แล้วลากเด็กไปด้วยกัน   อ๋อมยังมองตามด้วยสีหน้าเศร้าๆ


ระบายลมหายใจออกมาเล็กน้อย  อย่างคนผิดหวัง  ผมเบนสายตาไปมองอีกคนที่คาดว่าคงอยู่ในอารมณ์ไม่ต่าง

มันมองมาที่อ๋อมแล้วยิ้ม  ดึงความสนใจอ๋อมด้วยการพูดคุยกัน

“อ๋อมครับหิวน้ำอะไรมั้ย?  เดี๋ยวไม้ไปซื้อให้ ”  ไอ้หล่อสุดกวน เอ่ยเซอร์วิสสาว  ผมก็แอบอมยิ้ม  เวลามันอ้อนมันก็น่ารัก

อย่างนี้แหล่ะ  เสียอย่างเดียว....  คงไม่มีทางที่มันจะมาอ้อนผม  อ๋อมยิ้มตอบพยักหน้าน้อยๆ

“น้ำมะพร้าวปั่นสักแก้วก็ดีจ๊ะ  ขอบใจไม้มากนะ”  อ๋อมหันมายิ้มพิมพ์ใจ  ส่วนไอ้ไม้วิ่งหางสะบัดไปที่ร้านน้ำด้านข้างแล้ว

“ต้นเป็นไรรึเปล่า  เราเห็นเงียบมาตั้งแต่ขึ้นเรือแล้ว”   อ๋อมหันมาให้ความสนใจผม  ผมก็ยกยิ้มๆ  ส่ายหน้าน้อยๆ

“ป่าวหรอกอ๋อม เรากำลังอินกับบรรยากาศน่ะ  มันทั้งสดชื่นทั้งเหงาบอกไม่ถูก  ถึงว่าคนอกหักชอบมาทะเล”  ผมว่าขำๆ

ซึ่งดูอ๋อมก็ขำตามไปด้วย 

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกนะเราว่า  คนมีความรัก  เค้าก็อยากมาทะเลกันไม่ใช่เหรอ?”  อ๋อมว่ายิ้มๆ โชว์เขี้ยวน่ารักๆ

ที่ไอ้ไม้ชอบเอาไปเพ้อให้ผมฟังเวลาเห็นรอยยิ้มอ๋อมบ่อยๆ  จะบอกว่า....  น่ารักจริงๆ ครับ

“ฮ่าๆ  ก็คงงั้น  แล้วอ๋อมอ่ะ ...  อยู่ในอารมณ์ไหน”   ผมหันไปถามด้วยความสนใจ

“ไม่รู้สินะ .... อาจจะทั้งรัก  ทั้งอกหักไปในตัวมั้ง  คิกๆ ”  อ๋อมขำเบาๆ

“อ๋อม บางครั้งถ้าทางที่เราจะไปต่อมันเป็นทางตัน...  ก็ลองเลือกไปทางเบี่ยงบ้างก็ได้นะ”  ผมหันไปเตือนอ๋อมด้วยความหวังดี

“แต่ถ้าทางนั้น....  มันยังพอจะเห็นวี่แววว่าพอจะไปได้อยู่หล่ะ   ต้นจะให้เราหยุดแล้วไปเลือกทางอื่นอยู่รึเปล่า”

“มันก็คงจะดีถ้าทางที่ว่ามันจะไม่ทำร้ายใครนะอ๋อม”

“อ๋อมก็ไม่เคยคิดจะทำร้ายใครนี่  เพียงแต่อ๋อมรู้ว่าทางที่ถูกที่ควรมันรออยู่ต่างหากหล่ะ  ทางที่ยังไงที่ใครๆ

ก็ต้องเลือกเดินทางนี้   คนเรานะ....บางทีก็เดินหลงทางได้ไม่ใช่เหรอต้น  บางครั้งเค้าก็แค่เดินหลงทาง  และรอสักวัน

เค้าคงจะจำทางได้  และกลับมาเลือกทางที่ถูกเองน่ะแหล่ะ”

“ยังงั้นเหรอ” 

“ขอบใจนะที่ต้นเป็นห่วง...  ยังไงเราก็จะลองคิดดู”

“อืม”  ผมเองก็ได้แต่เงียบหลังจากนั้น  เพราะไอ้ไม้ที่กำลังวิ่งตรงมาด้วยสีหน้าดีใจ  ทำให้เราจบบทสนทนาเรื่องนั้นไป

เรื่องที่ไม่รู้ว่ามันจะจบลงอย่างไร  ก็ได้แต่ภาวนา....  ให้มันลงเอยอย่างสวยงาม




หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ลงเรือ Page 9 UD 24/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 24-02-2013 18:32:35
อ๋อมน่าจะเลือกทางได้แล้ว เมื่อรู้ว่าทำอะไรลงไปก็แยกเค้าสองคนไม่ได้ก็ควรจะหยุดซะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ลงเรือ Page 9 UD 24/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 24-02-2013 20:54:45
อ๋อมอย่าพยายามทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เุถอะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ลงเรือ Page 9 UD 24/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 24-02-2013 23:46:07
น่จะหาคนมาคู่ต้นหน่อยน้า ส่วนไม้ก็ปล่อยมันหน้าโง่ต่อไป 555
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ลงเรือ Page 9 UD 24/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 24-02-2013 23:50:28
เป็นคำตอบที่สะใจมากๆ ค่ะ  Whatever it is
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน คนเหงากับคืนเหงา Page 10 UD 26/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 26-02-2013 00:14:44
ตอน....  คนเหงากับคืนเหงา




ไอ้ไม้ถือมะพร้าวปั่นพร้อมสะบัดหางอย่างน่าเอ็นดูตรงรี่มาหาอ๋อม  มันเหยียดยิ้มตาหยี...  ที่เรียกหัวใจสาวๆ ได้ทุกครั้ง

มือก็ยื่นน้ำมะพร้าวปั่นที่สาวเจ้าร้องขอไปให้   ผมได้แค่เสตามองนิด ๆ แต่ก็นิ่งเงียบไป

“มะพร้าวปั่นครับอ๋อม” 

“ขอบใจนะไม้”   อ๋อมยังคงส่งยิ้มหวาน ในฐานะเพื่อนมาให้  ไม่เกินไม่เลย  ไม่เกินกว่าคำว่า “เพื่อน”  สักครั้ง

“ด้วยความยินดีครับ”  มันโค้งอย่างสวยงามก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ อ๋อมอย่างปรีดา  ในมือถือแก้วมะพร้าวปั่นอีกแก้ว

รู้สึกว่า.....  มันจะลืมผมไปนะ  แต่ก็นะ....  คนอย่างผมมันจะไปสำคัญอะไร  ได้แต่ยิ้มมุมปากนิด ๆ ก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

“จะไปไหน?”  ไอ้ไม้หันมาถามด้วยความสงสัย  ผมก็แค่นยิ้มตอบ ....  ไม่อยากบอกว่ากูน้อยใจ  แต่..ความจริงก็ไม่จำเป็น

ต้องบอกอยู่แล้วนี่   คิดว่ายังไงซะมันก็คงไม่อยากจะฟังอยู่ดี

“ไปซื้อน้ำ”  ผมว่าเบาๆ ส่งสายตาไปบอกให้มันรู้ว่า  ....   มึงลืมกูไปนะ   ...   ไอ้ไม้หน้าเจื่อนลงเล็กน้อย

คาดว่า....คงจะลืมจริงๆ  และมันก็รู้ว่าผมขี้น้อยใจ  โดยเฉพาะกับมันเป็นอย่างมาก  กำลังจะก้าวต่อไป แขนยาวๆ ของไอ้ไม้

ก็รั้งผมไว้   จนต้องหันหน้าไปมอง ...   นี่กูหิวน้ำอยู่นะ  เชี่ย.....ดึงทำเพื่อ?

“ไปทำไมเล่า...  มึงก็กินกับกูนี่แหล่ะ เนี่ยๆๆ”    ไอ้ไม้ว่า คายปากออกจากหลอดที่ดูน้ำมะพร้าวปั่นยื่นมาให้ผม มืออีกข้าง

ก็รั้งแขนผมไว้แน่นไม่ยอมให้ไป  สัด...ใครจะแดกต่อครับ    แดกต่อมึง.....ก็จูบกันทางอ้อมแล้วคร๊าบบบ  (ฮ่าๆ คิดไปนั่น)

จริงๆ คือน้ำลายแม่งติดหลอดอยู่ครับ 

“ไม่เอาอ่ะ  กูอยากกินน้ำแตงโมปั่นว่ะ  ปล่อยดิ  เดี๋ยวกูไปซื้อก่อน”  ผมสะบัดแขนเบาๆ อยู่สองสามที ปรากฎว่าแม่ง...

แทนที่จะปล่อย  ดันดึงผมไปนั่งข้างมันแทน 

“เดี๋ยวกูไปซื้อให้  เหี้ยนี่แค่นี้น้อยใจนะมึง”   มันปล่อยมือผมแล้ว  แต่เป็นผมที่ดึงมือมันไว้แทน  ก้มหน้าไปกระซิบเบาๆ

“กูไปเอง มึงอยู่กับอ๋อมที่นี่แหล่ะ  โอกาสมึงแล้ว”   พูดจบ ผมก็ลุกอย่างว่องไว  โดยไม่มีมือใครรั้งผมไว้อีก 

แต่แทนที่ผมจะเดินตรงไปร้านน้ำปั่นทันที ผมก็โยกโย้ด้วยการเดินไปหาไอ้คู่รักสุดเลิฟ   ถามว่าต้องการอะไร 

แล้วเดินอ้อมโลก แบบสโลโมชั่น (อันนี้ก็เว่อร์ไป)  แบบธรรมดานี่แหล่ะ แต่ช้ากว่าหน่อย  ทำเป็นชั่งใจเลือกนั่นเลือกนี่

ก่อนจะสั่งเมนูที่ผมต้องการไป  หันไปมองอ๋อมกับไอ้ไม้  ...  ดูๆ ไปก็เหมาะกันดี  ยิ่งดูยิ่งสมกัน  ใบหน้าทั้งสองคน

กำลังฉาบไปด้วยรอยยิ้ม ไอ้ไม้มันดึงความสนใจเก่ง ...  ผมว่าบางครั้งอ๋อมก็เผลอลืมไอ้ภาคไปหลายทีเหมือนกันเวลาอยู่กับไม้


สุดท้ายก็เป็นอันต้องละสายตาจากคู่หวาน  เมื่อเจ้าของร้านเรียกผมไปแล้วกว่าสามรอบยังไม่หันมามอง จนต้องแตะตัวผมเบาๆ

ถึงได้หันกลับมา  ขอโทษพี่เขาเล็กน้อย  โชคดีที่พี่สาวคนนี้ใจดี  ยิ้มละไมตอบผม  ....   ผมชำระค่าเสียหาย พร้อมหิ้วน้ำปั่น

อีกสามแก้ว หอบหิ้วกลับมายังจุดนัดหมาย  ทุกคนมาครบกันแล้วและแบ่งห้องกันเรียบร้อย  เราพักบ้านเป็นหลัง 3 หลัง

แต่ละหลังตั้งอยู่ไม่ห่างกัน แน่นอนไอ้ภาคกับแพนอยู่ด้วยกัน  หลังตรงกลางเป็นอ๋อม  หลังสุดท้ายเป็นผมกับไอ้ไม้

ด้วยความหิวโหยเราทุกคนตกลงกันเก็บข้าวของแล้ว จะไปหาอะไรทานกันเลย  เวลานี้ก็คล้อยบ่ายมาสักพักแล้ว

อาหารเที่ยงยังไม่ตกถึงท้องใครสักคน มีเพียงของว่างเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างทางเท่านั้น   ผมเดินเติมไอ้ไม้เข้าบ้าน

ก็มันเป็นคนถือกุญแจอ่ะ  ผมรอมันไขอยู่ครู่เดียว  ก็เปิดประตูออก ภายในห้องเป็นห้องเพียงห้องเดียวมีเตียงขนาดควีนไซด์

ตั้งอยู่คาดว่าน่าจะเป็นทุกห้อง  ปลายเตียงเป็นชั้นวางทีวี พร้อมทีวีตั้งอยู่ด้านขวาเป็นตู้เสื้อผ้า ส่วนหัวเตียงเป็นโคมไฟ

ใกล้กันนั้นมีตู้เย็นวางอยู่  ส่วนห้องน้ำยื่นออกจากตัวห้องไป  ส่วนด้านหน้ามีระเบียงกว้างพอประมาณให้วางเก้าอี้ไม้

สองตัว กับโต๊ะกลมเล็ก ๆ สำหรับนั่งพักผ่อน  เราวางของอยู่ครู่เดียวก็รีบเดินออกมา  เพราะกระเพราะเริ่มร้องคราง

ด้วยความเหนื่อยล้าพวกเราตัดสินใจ ทานอาหารที่รีสอร์ทที่เราเลือกพัก แล้วกลับไปนอนเอาแรงก่อน 


.

.

.

ไอ้ไม้ทิ้งตัวลงบนเตียง มันขยับตัวแล้วถอดเสื้อโยนทิ้งไปทางกระเป๋าเสื้อผ้าปลายเตียง  แล้วหลับตาลงอย่างง่ายดาย

ผมทิ้งตัวนอนลงข้างๆ มัน ไม่ได้ถอดเสื้อออกเพียงแต่หลับตาลง  มืออีกข้างกำลังพาดอยู่บนหน้าผาก

เพราะกำลังใช้ความคิด  ...  ไม่รู้นานเท่าไหร่  ก็เผลอหลับไป  .....

ตกเย็นพวกเราเดินหาร้านริมทะเล  เดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ ดูการแสดงบ้างผู้คนบ้างตามประสา  ชื่นชม

ดนตรี แสงไฟ  แสงจันทร์  คู่แรกเดินทิ้งห่างไปไกลพอสมควร  โดยมีคู่ที่สองเดินตามติด  และมีผมเป็นคนที่สาม

ครับ...คนที่สาม  เพราะผมไม่ได้มีคู่ดีก็แค่มีเครื่องเล่นเอ็มพี4 ติดมาด้วย  ผมหยิบหูฟังสอดใส่หู 

หันไปเสพบรรยากาศรอบกาย ลมทะเลเย็นๆ  ริมหาดเต็มไปด้วยแสงไฟ  เลยทำให้หายยิ่งมีสีสัน 

เพียงแต่....   เป็นผมเท่านั้นที่รู้สึกเศร้าจนบอกไม่ถูก  เดิมตามคู่รัก กับว่าที่คู่รัก เพลิน เท้าที่เดินตามก็ชะงักซะงั้น

ไม่รู้ทำไม ...  แค่รู้สึกว่าอยู่คนเดียวน่าจะดีกว่า  ยืนนิ่งอยู่สักพักมองพวกนั้นเดินไปพอสมควร เลยคิดจะหันหลังกลับ

อยากอยู่คนเดียวสักพัก

“ตุ๊บ  ... โอ๊ย!!”   ผมลงไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ในน้ำทะเลย  เพราะแรงกระแทกของใครบางคน  เซ็งจัดๆ


“ขอโทษครับ ..พี่ไม่ได้ตั้งใจ  ว่าแต่เป็นไรเปล่า”   พี่คนนั้นขอโทษเสร็จ รีบเข้ามาช่วงดึงให้ผมลุกขึ้น  ผมจับมือพี่เค้า

ที่ยื่นมาดึงเสร็จ ก็ปัดตามตัวเล็กน้อย  รู้สึกว่าเปียกไปทั้งกางเกงแล้ว  ผมเงยหน้าไปพยักหน้าขอบคุณ

“ไม่เป็นไรครับ เรื่องเล็ก” ว่าแค่นั้นเลยเปลี่ยนใจกำลังจะเดินตามไอ้เพื่อนพวกนั้นไป  เห็นพี่เค้ามองหน้าผม

แล้วก็มองซ้ายทีขวาที   จริงๆ พี่เค้าก็หน้าตาดีใช่ย่อยครับ ที่สำคัญดูเป็นมิตรมากๆ

“มาคนเดียวเหรอครับ?”  พี่เค้าถามยิ้มกว้างให้ผมด้วย

“ป่าวครับ มากับเพื่อน”  ผมตอบ เลยต้องยิ้มตอบไปด้วย

“แล้วไหนเพื่อนเราอ่ะ?”   เห็นพี่เค้าหันไปมองซ้ายทีขวาทีอีกแล้ว  ทำผมหลุดหัวเราะ

“เดินไปนู่นแล้วครับ”  ผมชี้ไปที่สองคู่ชู้ชื่น  ที่ยังไม่รู้ว่าผมหายไป

“พี่ก็นึกว่ามาคนเดียวซะอีก  เข้าทำนองคนอกหัก  ที่แท้ก็แค่โดนเพื่อนทิ้ง”  พี่เค้าว่ายิ้มๆ 

“โหพี่  ...  ไม่ใช่ก็เหมือนใช่แหล่ะดูดิ  ผมหายไปยังไม่มีใครรู้เลยอ่ะ”  ผมบ่นเซ็ง  พี่เค้าก็หัวเราะอีก

“ฮ่าๆๆ หัวอกเดียวกันคนเดินเพื่อนทิ้ง ”   พี่เค้าว่า

“อ้าวเหรอพี่  ฮ่าๆ  ”

“เราจะไปไหนเนี่ย”


“ตอนแรกว่าจะไปเดินเล่นคนเดียวอ่ะ  แต่เปียกขนาดนี้ว่าจะกลับห้องอ่ะพี่”  ผมตอบ

“พี่ก็ว่าจะไปเดินเล่นเหมือนกันอ่ะ  เพื่อนแม่งไม่มีใครสนใจอ่ะ ป้อสาวอยู่นั่น”  พี่เค้าทำหน้ามุ่ย ปากยื่นๆ ไปทางกลุ่มเพื่อน

“งั้นพี่เดินไปส่งเราดีกว่าจะได้ไปเดินเล่นด้วย  ...  เซ็งไม่มีเพื่อนคุย  ได้ป่ะ?”   พี่เค้าหันมาเลิกคิ้วถาม

“ดีเหมือนกันพี่  เหงาๆ เหมือนกัน ถูกลืมตลอดอ่ะ  ว่าแต่พี่ชื่อไรอ่ะ”  ผมว่ายิ้มๆ  พร้อมทั้งออกเดิน  แล้วพี่เค้าก็เดินตามมาด้วย

“พี่ชื่อรักครับ  มหาลัย X ปี 2 แล้วเราหล่ะ”  พี่รักเค้ารายงานตัวเสร็จ

“ต้นครับ ม.5  มัธยม X ”  ผมก็เรียนแบบเฮียไปเลย


“ทำไมมาเที่ยวเสม็ดอ่ะ?”

“ก็เพื่อนมันชวนอ่ะ”

“เดี๋ยวก็เสร็จเพื่อนหรอก  ”

“อ้าวพี่...  เพื่อนผมมันผู้ชายเหอะ”

“ใครเค้าถือกัน  ...  ฮ่าๆๆ”

“บ้าแล้ว  ฮ่าๆ”

“เออ..พี่ก็ว่าไปงั้นแหล่ะหาเรื่องคุย”

.

.


“พรุ่งนี้มีโปรแกรมยังอ่ะว่าจะไปไหน?”

“ดำน้ำมั้งพี่ หรือบานาน่าโบ๊ทอ๊ะ?”

“พี่มาแจมด้วยดิ  ได้ป่ะ  พรุ่งนี้ เพื่อนพี่แม่งกกสาวกันทุกคนอ่ะ  ขี้เกียจนั่งเซ็ง”

“อืม..มาดิพี่ผมจะได้มีคู่บ้าง  ฮ่าๆ”

“เออ...  เลือกพี่เป็นคู่แล้วห้ามเปลี่ยนนะเว้ย”

“เว่อร์แล้ว  ฮ่าๆ”

“เอาเบอร์มาดิ พี่จะได้โทรหา  นี่เบอร์พี่  XX-XXXX-XXXX”

“นี่เบอร์ผม  XX-XXXX-XXXX  เดี๋ยวตอนเช้าผมโทรไปบอกพี่นะ  แต่ 8 โมงกินข้าวที่นี่พี่มากินด้วยป่าว”

“กินดิ  ไม่งั้นพี่จะเอาแรงไหนไปเที่ยวว่ะ”

ผมกับพี่รักเราเดินคุยกันมาเรื่อยๆ จนถึงที่พักผม  เห็นไอ้ไม้ยืนหน้ามุ่ยรอเข้าห้อง เพราะกุญแจห้องอยู่ที่ผม 

“ถึงแล้วพี่พรุ่งนี้เจอกันนะ”

“อืม เดี๋ยวเจอกัน อย่าเบื่อพี่หล่ะ พี่เหงา ฮ่าๆ”   พี่รักว่ายิ้มๆ โบกมือบ๊ายบาย แล้วเดินกลับไป  ผมก็โบกมือตอบ

แล้วเดินผ่านไอ้ไม้อย่างอารมณ์ดี  เพื่อไปไขกุญแจ

“ไปไหนมาว่ะ กว่าจะมาได้?”  ไอ้ไม้บ่นเสียงขม  ผมหันไปมองหน้ามันนิดนึงแล้วรีบไข

“รอนานเหรอวะ โทษที คุยกับพี่รักเพลินไปหน่อย”  ผมตอบเสร็จก็เดินเข้าห้อง  โดยมีไอ้ไม้เดินตามมาติด ๆ

มันแตะมือที่สะโพกผม  ผมเลยหันไปมองหน้า

“ทำไมกางเกงเปียกไปทำอะไรมา?”  มันถามผม หน้ามุ่ยกว่าเดิมอีก

“อ้อ! เดินชนกับพี่รักน่ะ กูล้มเลยเปียกน้ำอ่ะ”  ผมว่าแค่นั้น  หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป  อาบเสร็จก็พันผ้าเช็ดตัว

ผืนเดียวนั่นแหล่ะครับ มาแต่งตัวนอกห้อง  ไอ้ไม้หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าไปอาบบ้าง   

พอมันอาบเสร็จผมก็นอนลงบนเตียงแล้ว  ใส่แค่บอกเซอร์นะครับ  มันก็เหมือนกัน  ปกตินอนด้วยกันก็ใส่แค่นี้แหล่ะ


มันเลิกผ้าห่มออก  แล้วยื่นมือมาไล้ตรงช่วงเอว ผมเลยหันไปมองเพราะมันลูบมือเบาๆ

“ตรงนี้มึงแดงเลยอ่ะ  มียามั้ยกูทาให้”  มันหันมาถามสีหน้าจริงจัง  แต่ผมไม่ได้เจ็บอะไรมากสักหน่อยๆ คงเป็นหินกรวด

หรืออะไรสักอย่าง  ตอนที่ล้มแล้วไปกระแทกเข้า

“เห้ยไม่เป็นไรนอนเถอะมึง กูไม่เจ็บหรอก”  ผมว่าแค่นั้นเอื้อมมือไปปิดไฟหัวเตียง  แต่ไอ้ไม้แม่งยังลูบอยู่ที่เดิมอย่างนั้น

“เดี๋ยวกูเป่าให้นะ”


“เห้ยไม่ต้องงงงงงง”   ผมร้องเสียงหลง  แต่ไม่ทันแล้ว  ไอ้ไม้เป่าเบาๆ ที่รอยฟกช้ำ  ริมฝีปากอุ่นๆ แตะจูบลงเบาๆ ซ้ำๆ

ทำผมหายใจติดขัด  เริ่มไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่ 

“มึงขาวว่ะแม่ง...  ทำไมกูไม่ขาวแบบมึงบ้างว่ะ”  มันก็เป็นแค่คำรำพึงรำพันของมันนั่นแหล่ะ  แต่ที่มันทำนี่สิ  กูจะละลาย

ไอ้ไม้ไล่จูบผมไปทั่วแผ่นหลัง  มันแค่แตะจูบลงเบาๆ  บางครั้งก็ใช้จมูกสูดดมกลิ่นกายผม  ซึ่งมันทำให้ผมหมดแรง

ทั้งที่อยากขัดมันใจแทบขาด  แต่ไอ้ร่างกายที่สมยอมนี่.....ขัดใจผมอยู่ทุกที   ซึ่งมันก็รู้...  มันรู้จุดอ่อนผมตลอด 

“หึหึ”   ไอ้ยินเสียงคนหัวเราะอย่างเป็นต่อ  ไม้ไล้มือวนตรงท้องน้อยผม ทำผมเกร็งหน้าท้องแน่น  ๆ  ริมฝีปากที่ไล่จูบนี่อีก

เลยได้แต่หายใจหอบถี่  สังเวยคนขี้แกล้ง


“กูว่ามึงอยากนะ...ให้กูช่วยมั้ย”   ไอ้คนขี้แกล้ง  กระซิบเสียงแหบต่ำอยู่ละใบหูผม   ก่อนจะสอดมือเข้าไปในบ็อกเซอร์ผม

“อ..ย่า...  อื๊ออออ”  ผมหลุดครางเสียว  เมื่อมือสากๆ ของไอ้ไม้ไล้ตามแนวยาวของความเป็นชายผม  มันใช้นิ้ววน

ตรงยอดอย่างหยอกเย้า ก่อนจะลูดขึ้นลง เป็นจังหวะ  ทำผมกั้นครางแทบขาดใจ

.

.

ไอ้ไม้จับหน้าผมพลิกไปหา.....  มันไล้ลิ้นเลีย ตามซอกหูผม

“จูบหน่อยนะ...อยากจูบมึง”  ยังไม่ทันที่จะได้ปฏิเสธ ไอ้คนเอาแต่ใจก็ประกบริมฝีปากหนาๆ ของมันลงมา

บดจูบ...  ที่ชาตินี้ผมไม่เคยคิดจะได้ทำกับมัน  ลิ้นเปียกชื้นสอดเข้ามากวัดเกี่ยวลิ้นผม  ไล่ต้อนอย่างมีชั้นเชิง  ดูดกลืน


เร่าร้อน  จนแทบขาดได้  ได้แต่พยายามเกี่ยวลิ้นตอบ  ตักตวง~  ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 

เผลอกอดรัดกันจนแนบแน่น  ขณะที่มืออีกข้างของมันก็ทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่อง  ผมเกร็งกระตุก

“อ๊ะ  อ่าาาาาาาาา~” สาดพ่นน้ำรักจนชุ่มมืออีกฝ่าย ผมทิ้งตัวหมดแรงนอนหอบหายใจ  สบตาอีกฝ่ายที่ดูหยาดเยิ้ม

ไปด้วยแรงปรารถนาไม่ต่างกัน  ใบหน้าของไอ้ไม้แดงซ่าน  สายตามันจับจ้องอยู่แต่ที่ริมฝีปากผม

“ทำให้กูด้วยสิ”    มันไล้มือบางๆ ที่แก้มผมไปมา  ไม่รู้ว่าตัวเองหน้าแดงซ่านแค่ไหน  ผมสอดมือเข้าในบอกเซอร์ของมัน


ไอ้ไม้ดึงมึงผมไว้แน่น จนผมต้องหันไปถาม 

“ไม่ใช่มือดิว่ะ  ..”

“แล้ว?”

.

.

.

“มึงจำสิ่งที่มึงต้องตอบแทนกูได้ไหม?”  ผมพยักหน้าตอบมันช้าๆ

“งั้นกูขอทวงสิทธิ์นั้น”

“แล้ว?”


.

.

.

.


.

“ใช้ปาก”
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน คนเหงากับคืนเหงา Page 10 UD 26/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 26-02-2013 00:31:53
ไม้ทำไมทำแบบนี้นะนั่น
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน คนเหงากับคืนเหงา Page 10 UD 26/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 26-02-2013 00:32:30
อีขอนไม่ผุผังงงง  :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน คนเหงากับคืนเหงา Page 10 UD 26/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 26-02-2013 03:21:58
จะต้นรัก หรือต้นไม้หล่ะทีนี้ :impress2:
ไม้นี่ยังไงแน่
จะต้น หรืออ๋อม เลือกให้แน่
ไม่ใช่ทำมาเป็นหวงก้าง พอเห็นว่ามีคนมาสนใจต้น :m16:
ถ้าเลือกอ๋อม ปล่อยต้นให้รักไป
รักเข้ามาจีบได้เนียนจริงๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน คนเหงากับคืนเหงา Page 10 UD 26/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 26-02-2013 06:30:40
อะไรเนี่ยไอ่ไม้ อย่ามาทำแบบนี้กับต้นนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน คนเหงากับคืนเหงา Page 10 UD 26/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 26-02-2013 07:01:30
เอาเลย ใช้ทั้งตัวไปเลย เชียร์คู่ไม้ต้น
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน คนเหงากับคืนเหงา Page 10 UD 26/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 26-02-2013 09:29:00
เชียร์ไม้-ต้นด้วยคน
อ๋อมตัดทิ้งไป...นิยาย BL ไม่จำเป็นต้องมีชะนี
 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน คนเหงากับคืนเหงา Page 10 UD 26/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 26-02-2013 12:54:38
สรุปว่าไม้จะเอาทั้งสองทางเลยใช่ไหม กลางวันเดินเคียงข้างหญิง กลางคืนนอนกับเพื่อนชาย โฮ้มากไปหรือเปล่า  :o12: กะว่าคนเหงาจะกลายเป็นรักน่ะเนี่ยกลายเป็นเพื่อนกันเอง  :haun4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน คนเหงากับคืนเหงา Page 10 UD 26/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 26-02-2013 23:02:21
อะไรเนี๊ยะ ไม้นายทำอะไร ถ้าไม่รักทำแบบนี้เพื่ออะไร นั่นเพื่อนที่รักนายมากนะ นายทำแบบนี้ ต้นจะรู้สึกยังไง ความเป็นเพื่อนจะเหลือมั๊ยเนี๊ยะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน หมาหวงก้าง Page 10 UD 27/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 27-02-2013 01:54:42
ตอน  หมาหวงก้าง




ขณะที่กำลังเดินกินลมชมวิว   ตามประสา หลังจากทานมื้อค่ำกันเสร็จ  ไอ้คู่ผัวตัวเมีย อย่างไอ้ภาคกับน้องแพน

ก็เดินระริ่วปลิวลม  ไปท่ามกลางบรรยากาศแสนโรแมนติค  ซึ่งผมก็เจริญรอยตามอย่างดี  ถึงแม้ตอนแรกจะเห็นสายตา

เจ็บปวดในสายตาของอ๋อม  แต่เพียงไม่นานความสนใจทั้งหมดก็กลับมาอยู่ที่ผม ผมที่ทั้งหยอก  ทั้งแซว ทั้งจีบ

ทั้งแกล้ง จนอีกฝ่ายลืมใครบางคนเข้าจนได้  ทั้งสองตาหันมาคุยหยอกล้อกับผมอย่างสนุกสนาน  แม้จะมีความสุขอย่างนั้น


แต่สายตาผมก็หันไปมองใครบางคน  ที่เดินทิ้งระยะเปิดโอกาสให้ผมกับอ๋อมอยู่บ่อยๆ  ผมไม่รู้ว่าไอ้ต้นทำสีหน้าแบบไหน

หรือแม้แต่ว่ามันรู้สึกเช่นไร  เพราะแสงจันทร์ที่สาดส่องอยู่นี่ไม่เพียงพอให้ผมมองเห็นหน้ามันชัดๆ 

มันอาจจงอนผมอยู่ก็เป็นได้  แต่มันต้องเข้าใจสิว่ะ โอกาสทำให้อ๋อมใจอ่อนอ่ะมันมีบ่อยๆ เสียที่ไหน

แต่ก็เอาว่ะ!!  กลับห้องค่อยไปง้อมันก็ได้   คิดได้แค่นั้นก็เลยทุ่มความสนใจให้กับคนตรงหน้า  ใบหน้าหวาน...

นิสัยดี  แถมมีน้ำใจ  ผมไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่เข้ามาใกล้โดยไม่หวังผลตอบแทน  ถ้าไม่หลงในหน้าตา 

ก็หวังในเงินทอง  แต่อ๋อมไม่ใช่....  สำหรับอ๋อม ...ผมไม่เคยอยู่ในสายตาอ๋อมเลย  มีเพียงแต่คำว่า “เพื่อน” มอบให้


สายตาของอ๋อม...  มองแต่ไอ้ภาค  มีแต่มันทุกลมหายใจ  ทั้งๆ  ที่รู้ว่ามันมีใคร  มองแต่ใคร  หรือแม้แต่รักแค่ใคร

แต่อ๋อม...กลับไม่เคยหวั่นไหว  ยังคงรักไอ้ภาคอยู่อย่างนั้น  ทั้ง...มั่นคง  หรือแม้กระทั่ง...ต้องรอคอย   

ทำให้ผมเผลอใจ.....หลงไหล  อยากจะเป็นคนๆนั้น....   คนที่อ๋อมจะทุ่มใจรักให้บ้าง 

ถ้าเป็นอย่างนั้น...คงจะมีความสุขเหลือเกิน  เผลอมองใบหน้าอิ่มหวานของอ๋อมอยู่นาน ก็สะดุ้งเพราะมืออีกฝ่ายแตะที่ตัว


“คิดอะไรอยู่เหรอไม้”  อ๋อมว่ายิ้ม   ๆ

“อ๊ะ...  เอ๊ะ  ป่าวหรอก ...  จะเหม่ออะไรได้ก็มองแค่อ๋อมน่ะแหล่ะ” ผมบอกอ๋อมยิ้ม  ทำเอาอ๋อมขำจนตัวงอ

“บ้า...   ไม้นี่นะ หยอดตลอดอ่ะ  ฮ่าๆ”    พูดจบก็ฟาดเบาๆ มาที่แขนผม  ซึ่งผมก็เสแสร้งสำออยจนแทบจะได้ตุ๊กตาทอง

ซึ่งก็ขำๆ กันไป  เผลอเหลือบตาไปมองด้านหลังถึงกลับชะงักกึก  เพราะไม่เห็นใครอีกคนที่ปกติจะวนอยู่ในสายตาตลอด


สองขาไม่ก้าวต่อซะอย่างนั้น  พลอยทำให้อ๋อมหยุดเดินไปด้วย 

“มีอะไรเหรอไม้?   ..   อ้าว!  ต้นหายไปไหนแล้วอ่ะ”  อ๋อมช่วยผมมองหาอีกแรง ผมส่ายหน้าช้าๆ

“ไม่รู้สิ หันไปมองอีกทีก็ไม่เห็นมันแล้ว” ผมพูดแค่นั้น แต่ตายังสอดส่องหาอีกฝ่ายเป็นวรรคเป็นเวร ในใจกังวล

จนรู้สึกไม่สงบสุข  หากหามันไม่เจอ  หงุดหงิดจนบอกไม่ถูก

“เอาอย่างนี้แล้วกันนะ  ไม้ไปตามหาต้นก่อนเหอะ เดี๋ยวเรากลับกับภาคก็ได้”  อ๋อมพูด อีกมือก็ตีเบาๆ ที่ไหล่ปลอบใจ


“ขอโทษนะอ๋อม”  ผมทำหน้าสลด  รู้สึกผิดนิดๆ ที่ต้องทิ้งผู้หญิงกลางทางอย่างนี้

“อื๊อ...  ไม่เป็นไรอย่าคิดมากสิ ”  อ๋อมพูดยิ้มๆ 

“ภาค...  มึง”  ผมตะโกนเรียกไอ้คู่เลิฟเสียงดัง  มันหันกลับมามอง  ขอส่งก้างไปให้มันสักหน่อย

“เออ ..ว่าไงว่ะ?”  เป็นไอ้ภาคที่ตะโกนกลับมา  ถ้าแพนตะโกนกลับมาแบบนี้ผมคงอึ้งอ่ะนะ

“ฝากอ๋อมหน่อย  กูไปดูไอ้ต้นหน่อย  แม่ง...หายไปไหนไม่รู้ สงสัยโดนฉลามลากไปแดก”  ผมว่าขำ ๆ ไม่อยากให้คนอื่น

รู้สึกเป็นกังวลไปด้วย 

“ให้พวกกูไปช่วยหามั้ย?”  ไอ้ภาคปรึกษากับสุดที่รักมัน แล้วหันมาตะโกนตอบ  สี่ขาเดินตรงมาที่ผมแล้ว  ผมส่ายหน้ารัวๆ

“เห้ยไม่เป็นไร  กูว่าแม่งอยู่แถวนี้แหล่ะ  เล่นซ่อนแอบกับปลาโลมาอยู่ พาอ๋อมไปส่งแทนก็พอ”  ผมหันไปยักคิ้วยิ้มๆ


“อืมม... ไม่มีปัญหาเจอแล้วโทรบอกด้วยหล่ะ  เดี๋ยวกูไปส่งอ๋อมเอง  จะรีบไประลึกความหลังกับแพน หึ!”  ไอ้หล่อ แม่งเจ้าเล่ห์

ประโยคสุดท้ายมันกระซิบให้ผมได้ยินคนเดียว  ผมก็ส่ายหน้าขำ ๆ

“เออ”  แค่นั้นต่างคนต่างแยกย้ายกันไป   ผมย้อนกลับมาทางเดิม ..  ริมหาด  ล่าสุดที่ผมจำได้ว่าเห็นมันครั้งสุดท้ายที่ไหน

มันอาจจะแค่น้อยใจ  ที่ผมไม่ได้ใส่ใจมันเท่าที่ควร  ตอนนี้จะไปนั่งเป็นหมาเหงาอยู่ที่ร้านไหนนะ   มันจะร้องไห้รึเปล่า

ไอ้ต้นมันยิ่งบ่อน้ำตาตื่นอยู่  โดยเฉพาะเรื่องของผม  ...   แล้วแม่งจะแดกเหล้ารึเปล่าว่ะ  ไอ้เชี่ยนี่แม่งคออ่อน 

ไม่เคยพูดหรอกว่ามันแดกเหล้าเมา  ต้องพูดว่า  “แม่งดมเหล้าเมา”  ซะมากกว่า  ยังไม่ทันได้กินมากมายหรอกมันอ่ะ

แค่จิบ  ก็พร้อมจะ.....ลาจากสติอันเป็นของตัวเอง  นั่งหัวเราะ  นั่งยิ้ม  ทำหน้าแดง  ปากแดงไปวันๆ 


แล้วถ้ามันอยู่กับคนอื่นหล่ะว่ะ   ถ้าผู้ชายคนอื่นเค้าอยากจะ......   เชี่ย!!  แม่งอยู่ไหนว่ะ   ผมคิดต่างๆ นาๆ จนแทบบ้า

จากที่เดินๆ อยู่กลายเป็นวิ่ง  วิ่งย้อนกลับมาทางเดิม  ไม่นานมากผมก็เห็นเงาของคนที่คุ้นเคย  ... 

กำลังคุยหัวร่อต่อกระซิกกับผู้ชายหน้าไหนไม่รู้   ชิส์.....แม่งไม่รักนวลสงวนตัว  ทำไมคำนี้แม่ง.... 

ตะโกนก้องอยู่ในหัวผมนะ มันมีเพื่อนก็ดีแล้วนิ   มันจะได้ไม่เหงา  ไม่มางอแงกับผมอีก   


แต่ทำไมผมกับรู้สึกโกรธ  โกรธเหี้ยๆ ที่มันมัวไปคุยฉอเราะกับพี่คนนั้น

ชื่ออะไรว่ะ ได้ยินไม่ชัด   “ลัก”  หรือ “รัตน์”  นี่แหล่ะ  แต่ผมว่าแม่งชื่อ “ลักชัวร์” 

และก็ ชื่อเต็มๆ ว่า  “ลักหลับ”  ไง   เลวตั้งแต่ชื่อเลยนะมึง  แม่ง....ไม่ถูกชะตา   

ผมไม่ได้เดินเข้าไปหา กลับซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด  ค่อยๆ เดินตาม ผู้ชายสองคนที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน

ไม่เข้าใจเหมือนกัน....  ว่าทำไมต้องทำแบบนี้  ก็แค่....อยากรู้ว่าพวกมึงจะสนุกอะไรกันหนักหนา

มีเรื่องคุยกันมากมายรึไง  ไม่ไปเปิดห้องคุยกันหล่ะว่ะ  สัด!!   ยิ่งคิดยิ่งโมโห  และที่สำคัญคือกูไม่รู้เหมือนกัน

ว่าที่โมโหอยู่นี่  โมโหทำติ่งด๋อยอะไรไม่ทราบ    ผมรู้สึกว่าไอ้พี่ รัก อะไรนั่น (แอบฟังเค้าคุยกันจนรู้ชื่อชัดๆ)

แม่ง....  เป็นมิตรเว่อร์  ได้ข่าวว่าพวกมึงสองตัวไม่รู้จักกันมาก่อนนะครับ  มึงจะสนิทกัน ทำเพื่อ?

กูเกลียด....  ไอ้คุณมิตรภาพ    ได้แต่สบถก่นด่าอยู่ในใจ  และแอบตามแม่งไปเรื่อย  ๆ  ที่ผมไม่เข้าใจสุดๆ

คือ....  ไอ้เหี้ยต้นจะไปสนใจมันทำไม  มึงจะอยากคุยอะไรกับมันกันหนักกันหนา  มึงลืมกูแล้วเหรอ

ไหนบอกว่ากูสำคัญไง   ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยย!!     ผมด่า (ในใจ) พวกมันสองคนจนเหนื่อย

อยากได้น้ำ(ใจ)สักแก้ว  (มาช่วยด่าไอ้สองตัวนี่ที...แม่งเหนื่อยโว้ยยยยยย)   สักพักผมก็เริ่มสังเกตุเห็นว่านี่ใกล้

จะถึงที่พักอยู่ร่อมร่อ  ไม่ได้ !!  ไม่ได้เด็ดขาด !!  ให้พวกมันรู้ว่าผมแอบตามมันมาไม่ได้  (กูกลัวเสียฟอร์ม)


เพราะยังไงพรุ่งนี้พวกไอ้ภาค  ก็ต้องถามอยู่แล้วว่าผมไปตามไอ้ต้นเจอที่ไหน   แล้วไอ้ต้นก็จะรู้ว่าผมไปตามมัน  ไม่!!

ผมยอมไม่ได้ที่จะให้มันรู้ว่าผม  (แอบ)ด่า (ในใจ)  พวกมันสองคนมาตลอดทาง  มันต้องสงสัยแน่นอน  ฉะนั้น...หึหึ

กูก็แกล้งไปรอที่หน้าห้องแล้วกัน  ทำเหมือนตามไม่เจอแล้วรอมันกลับ  ฮ่าๆๆๆๆ  ฉลาดวุ้ย...   คิดได้ดังนั้น

ผมก็วิ่งตัวปลิว ...แบบแผ่วเบา เพื่อไม่ให้เกิดเสียง  มุดซ้าย ซ่อนขวาราวกับตีนแมวมืออาชีพ  ผ่านห้องไอ้ภาค

ที่หน้าต่างยังอ้ากว้าง  แต่ผมก็หาได้ใส่ใจไม่  วิ่งผ่านห้องอ๋อมที่หน้าต่างอ้ากว้าง ขาชะงักนิดนึง  (แอบส่อง)  เย้ย!!

ไม่ได้แอบดูอะไรทั้งนั้นแหล่ะครับ  แค่คิดเล็กน้อย  ...หึหึ  แต่ไม่ได้ทำนะตัวเอง  จากนั้นก็วิ่งไปหน้าห้องของตัวเอง

“เห้อ...รอดซะที”  ผมรำพึงกับตัวเอง  ก่อนจะรีบสูดอากาศเข้าปอดเป็นการใหญ่จนลมหายใจเป็นปกติ 

เลยกดโทรศัพท์ไปหาไอ้หล่อ  รอฟังเสียงรอสายอยู่ชั่วครู่เสียงไอ้ภาคก็กรอกมาตามสาย

“เออ เจอยัง?”

“เจอแล้ว  มันกำลังเดินมานู่นแล้ว  แม่งไปอ่อยหนุ่มแล้วให้หนุ่มเดินมาส่งถึงหน้าห้องแน่ะ”  ผมตอบแบบประชดนิดๆ

“เหรอ...กูนึกว่ามึงเจอมันก่อนหน้านี้ซะอีก?”  ไอ้ภาคว่า น้ำเสียงดูสนุกสนานนิดๆ


“เปล่า   ก...กู  กลับมารอแม่งนานแล้ว”  ผมรู้สึกเหมือนภาคมันกำลังจับผิด เผลอตกใจเล็กน้อยน้ำเสียงเลยตะกุกตะกัก

“เหรอ ..เสียงมึงดูเหนื่อยนะ  เหมือนๆ คนวิ่งแล้วหอบ.ว่ะ  หึหึ”   ไอ้ภาคหัวเราะเจ้าเล่ห์อีกแล้ว เชี่ยนี่ กูตื่นง่าย

กูขี้ตื่น ไอ้เพื่อนเวร   มึงจะถามอะไรกูหนักหนาว่ะ  ทำไงดีว่ะ ...โกรธแม่งเลยดีกว่า

“เออ!!  สัด ... กูจะหลอกมึงเพื่อ?”  ผมตะโกนใส่โทรศัพท์กลับไป

“ฮ่าๆ  เออๆ  ไม่วิ่งก็ไม่วิ่ง  แค่นี้ก่อนนะเว้ย เสียเวลาซั่มกู  โอ๊ย!!  ขอโทษครับ  ล้อเล่นๆ แพน โอ๊ย”   นี่เป็นเสียงสุดท้าย

ที่ผมได้ยิน  ...  ก่อนสายจะตัดไป  ก็ได้แต่หัวเราะขำ สมน้ำหน้าไอ้หล่อ  แม่ง....กลัวเมีย  พอหันกลับมาก็เจอไอ้ต้น

กำลังร่ำลากับไอ้เชี่ยพี่ต้นอย่างอาลัยอาวรณ์  ผมได้แต่ตีหน้าไม่พอใจ นั่งรออยู่


“ไปไหนมาว่ะ กว่าจะมาได้?”   ผมเค้นเสียงถามมัน  กูไม่พอใจมากๆ รู้ไว้ด้วย   แต่แม่ง...ไม่สนใจครับ มันหันมามองแค่นิดเดียว

“รอนานเหรอวะ โทษที คุยกับพี่รักเพลินไปหน่อย”  หันมาตอบเสร็จมันก็เดินเข้าห้องไปทันที  สัด!! เคยสนใจกูมั้ย

ผมมองสำรวจมันตั้งแต่หัวจรดเท้า  มันหายไปนานแค่ไหนนะ  เห้ย!! ทำไมกางเกงแม่งเปียกว่ะ ผมแตะมือที่สะโพกมันทันที

“ทำไมกางเกงเปียกไปทำอะไรมา?” รู้สึกเซ็งขึ้นไปอีก เพราะเริ่มรู้สึกว่า แม่ง...ไปทำเรื่องอย่างว่ามารึเปล่าว่ะ




“อ้อ! เดินชนกับพี่รักน่ะ กูล้มเลยเปียกน้ำอ่ะ”  มันว่า แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป  อาบเสร็จก็พันผ้าเช็ดตัว



ผืนเดียวนั่นแหล่ะครับ มาแต่งตัว  ผมหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าไปอาบบ้าง   



พออาบเสร็จผมก็เห็นไอ้ต้นนอนอยู่บนเตียงแล้ว  ผมหยิบบอกเซอร์ขึ้นมาใส่ ล้มตัวลงนอน ตอนที่เลิกผ้าห่มออก





ตาก็เหลือบไปเห็นรอยแดงที่ช่วงเอว  เผลอลูบมือเบาๆ



“ตรงนี้มึงแดงเลยอ่ะ  มียามั้ยกูทาให้”  ผมกลัวว่ามันจะเจ็บก็มันขาวอ่ะ นิดๆ หน่อยก็แดงตลอด เลยต้องดูแลเป็นพิเศษ



“เห้ยไม่เป็นไรนอนเถอะมึง กูไม่เจ็บหรอก”  มันตอบ  แต่ผมยังคงลูบไล้ส่วนนั้น ทำไมรู้สึกว่าแม่ง...ลื่นมือดีชิบหาย

“เดี๋ยวกูเป่าให้นะ” ไม่รู้ทำไมถึงพูดแบบนั้น  อาจจะเพราะผมยังไม่อยากปล่อย  ไอ้ไม้ร้องห้ามเสียงหลง  เพราะมันรู้ว่าเป่าของ
ผม


มันไม่ใช่แค่เป่านะสิ



“เห้ยไม่ต้องงงงงงง”  ยิ่งเห็นยิ่งอยากแกล้ง ใช่อยากแกล้งมากๆ  ผมเป่าลมเบาๆ ที่รอยฟกช้ำ  ริมฝีปากอุ่นๆ แตะจูบลงเบาๆ
ซ้ำๆ



รู้สึกทำให้อีกฝ่ายเริ่มหายใจติดขัด   เพราะมันเป็นอย่างนี้ไงเลยน่าแกล้งสุด  ผมไล่จูบ แถมยังช่วยไอ้ต้นจนมันเสร็จ 


อารมณ์บางอย่างครุกกรุ่นอยู่ภายใน  ผมต้องการ...  ใช่  ผมอยากมีเซ็กส์  ยิ่งเห็นผิวขาวๆ ลื่นมือ  มีรอยแดงเป็นจ้ำยิ่งอยาก

“ทำให้กูด้วยสิ”   ผมไล้มือลูบที่แก้มมันไปมา  มันสอดมือเข้าในบอกเซอร์ผม  แล้วผมก็รั้งไว้จนแน่น  ...แค่มือมันไม่พอ

ไม่รู้ทำไม  แต่ผมต้องการมากกว่านั้น 



“ไม่ใช่มือดิว่ะ  ..”



“แล้ว?”  ไอ้ต้นถามกลับด้วยสีหน้างุนงง



.


.

.

“มึงจำสิ่งที่มึงต้องตอบแทนกูได้ไหม?” มันพยักหน้าตอบมันช้าๆ



“งั้นกูขอทวงสิทธิ์นั้น”



“แล้ว?”


.

.

.



.






.



“ใช้ปาก”



ผมเห็นไอ้ต้นอ้าปากค้างอย่างตกใจ  และผมเองก็ตกใจเช่นกัน   แต่ผมต้องการมันจริงๆ  เสเบือนหน้าหนี


“ไม่เป็นไรนะ  ...   ถ้ามึงรังเกียจกู”  ผมว่าอย่างอาย  ๆ 

“ป...เปล่า   ไม่ได้รังเกียจ  ”   ผมหันไปสบตามันนิดนึง   สายตาของมันไม่ได้จำใจ  ดวงตาที่จ้องมองมา

ทำไมผมรู้สึกว่า...  มันกำลังยั่วผม   ผมหลับตาลง  รู้สึกถึงปากนิ่มที่กำลังครอบลงมาบนความเป็นชายผม


มันนุ่มหยุ่น  ลิ้นเปียกหยอกล้อกับยอดสุดหัวแฉกที่ปิ่มน้ำเยิ้มฝัน 

“อ่าาาาาา ซี๊ดดดด  ต้นสุดยอด ”   ผมครางกระเส่า  สอดมือเข้าขยุ้มเรือนผมสีน้ำตาลเข้มนุ่มมือ

สะโพกลอยไม่ติดพื้น กระเด้งกระเด้า ใส่ริมฝีปากสวย  กับลิ้นเปียกชื้น  ให้ดูดกลืนได้ทั้งชิ้น 

ขยับในจังหวะที่ต้องการ  ริมฝีปากปากที่ทั้งดูดเลีย  ขยับรับกับแท่งร้อนเฉอะแฉะ

.ได้ยินแต่เสียงตัวเองครางกระเส่า



.


.

“อือออ~  อ่าาาาา~”





.

.

.

“อ๊ะ  ต้น  อืมมมมมมมมมม”  ผมสาวกระแทกปากจิ้มลิ้ม รัวๆ ร่างกายก็เกร็งกระตุก พ่นน้ำรักจนล้นปากไอ้ต้น

มันค่อยๆ ลูดปากออกจากท่อนลำ   ริมฝีปากเรียวเล็ก ดูดเม้ม รีดน้ำจนผมคร่างซี๊ดดดดด



“เป๊าะ..”  เสียงริมฝีปากที่เลื่อนหลุดออกจากกัน  ผมทิ้งตัวหอบเหนื่อย  สายตาจ้องมองไปยังไอ้ต้น  แม่ง..เก่งเชี่ยๆ

ไอ้ต้นเดินไปคายน้ำรักที่ค้างอยู่ในปากทิ้ง บ้วนปาก แล้วล้างตัวอีกนิดหน่อย  ก่อนจะทิ้งตัวนอนข้างๆ ผม  ส่วนตัวผมก็หยิบ

บอกเซอร์เช็ดลวก ๆ แล้วโยนทิ้งไปที่เดิม  ก่อนจะหยิบมันมา

“กอดหน่อย”  ผมว่า คว้าตัวไอ้ต้นมากอด  มันที่นอนหันหลังอยู่ก็ไม่ได้ห้ามแต่ประการใด   ผมเลยถือว่ามันเองก็รู้สึกพอใจเช่นกัน

 ไม่รู้ทำไม ...รู้สึกว่าผม หวงมันมากขึ้นมากกว่าเดิมอีก ทั้งๆ ที่เป็นอย่างนี้  ทั้งที่เราเป็นผู้ชายด้วยกัน  เป็นเพื่อนกันแต่เด็ก

แต่ผม.....กลับไม่อยากให้มันใกล้ใคร  ไม่อยากจะเสียมันไปจริงๆ


หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน หมาหวงก้าง Page 10 UD 27/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 27-02-2013 02:19:24
ไม้ท่าทางก็ชอบต้นเหมือนกันใช่หรือเปล่าแต่ไม่่รู้ตัว แล้วจะยังไงกันนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน หมาหวงก้าง Page 10 UD 27/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 27-02-2013 03:09:46
ยังไม่รุ้ตัวสินะไม้ว่ารักต้น
รุ้ตัวให้เร็วหล่ะ
พี่รักก็ท่าทางจะใช่ย่อย พรุ่งนี้เค้าก็จะมาเที่ยวด้วยอีกแล้ว
กะอ๋อมมันแค่ท้าทายรึเปล่า หญิงไม่สนเลยอยากได้อยาดเอาชนะรึเปล่า  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน หมาหวงก้าง Page 10 UD 27/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 27-02-2013 06:27:25
โหย ไมไม่ทำมากว่านี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน หมาหวงก้าง Page 10 UD 27/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 27-02-2013 07:51:17
ไอ่หมาบ้าเอ้ย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน หมาหวงก้าง Page 10 UD 27/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 27-02-2013 08:36:33
น้องต้น...เก่งมากลูก
แบบนี้พี่ไม้ก้อหลงตายสิคร้าาาา....
 o13 o13
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน หมาหวงก้าง Page 10 UD 27/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 27-02-2013 11:51:55
ต้นทำเพราะรักไม้ แต่ไม้ล่ะเมื่อไหร่จะเข้าใจตัวเอง หรือต้องรอให้เสียต้นให้พี่รักไปก่อนถึงรู้ว่าตัวเองรู้สึกยังงัยกับต้น เราเริ่มไม่ชอบไม้และนะ หมาหวงก้างจริงๆ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน หมาหวงก้าง Page 10 UD 27/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: N_N ที่ 27-02-2013 20:34:11
ไอ้ไม้เอ้ยย เดวน้ำตาจะเช็ดหัวเขา ของมีค่าอยู่ใกล้ๆไม่ยอมมองไปมองชะนีคิดไม่ซื้อกับเพื่อน ตัวเองได้ไงก็ไม่รู้
 :z6:นิแหนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน หมาหวงก้าง Page 10 UD 27/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 27-02-2013 23:55:20
ไอ้คุณไม้ เชี่ยซะแระ เหอะๆ ตรงกับชื่อตอนมากๆ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน หมาหวงก้าง Page 10 UD 27/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: udongjay ที่ 28-02-2013 00:25:59
ไม้หวงก้างนะ
สงสัยจะรักต้นแบบไม่รู็ตัวสินะ
เพราะสนิทกันมากเกินไปหรือเปล่า
อยากให้ไม้รู้ใจตัวเองจริงๆ ทิ้งชะนีนางนั้นไปเถอะ มันร้ายเกิน
บวกจ้า
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน หมาหวงก้าง Page 10 UD 27/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 28-02-2013 12:37:07
ไม้ไม่ต้องสงสัยตัวเองแล้วล่ะ  :m31: เพราะว่าทำซะขนาดนี้น่ะ คุณทัศมาต่อไว ๆ น่ะจ้ะ  :call:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน หมาหวงก้าง Page 10 UD 27/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 28-02-2013 17:10:05
ไม้ยังไงก็หวงก้างจริงๆ นั่นแหละ
ขอให้รักให้หลงน้องจนโงหัวไม่ขึ้น
กดบวกปล่อยเป็ด
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน หมาหวงก้าง Page 10 UD 27/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Kalamall ที่ 28-02-2013 21:31:02
 :-[ โอ๊ยๆๆๆๆๆๆ เข้ามาเพราะชื่อเรื่องน่ารัก อ่านไปอ่านมาค๊อตน่ารักเลย :กอด1:

พี่ภาคกะน้องแพน คู่นี้หวานมากกกกกกกกกเขินแทน อ๋อมก็อ๋อมเหอะ :z6: เรื่องครอบครัวไม่น่ามาม่าเพราะคุณแม่คุณพ่อเค้าจะไม่รู้เรื่องไม่สังเกตุนิสัยและพฤติกรรมลูกเลยเหรอแต่ถึงรู้ที่หลังคงไม่ต่างกันเพราะน่ารักกันทั้งคู่ขนาดนี้คุณแม่คุณพ่อยอม เนอะๆ

ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อ๊ายยยยยไม้ต้นนี้จะเป็นยังไงต่อกันน๊า~ :-[ ต้นอ่ะรู้ตัวว่ารัก ส่วนไม้เริ่มรักแต่ไม่รู้ตัว ชอบจังเลยยยยย~ ลุ้นว่าอิตาไม้ตอนี้จะบ้าบอได้แค่ไหนเมื่อไหร่จะรู้ตัว อยากกกกให้ต้นรู้ว่าไม้เริ่มรู้สึกแต่ซื้อบื้อแล้วแกล้งให้หึงให้เข็ด ...เพ้อเจ้อได้อีกเนอะ555

 :กอด1:  รอน่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน หมาหวงก้าง Page 10 UD 27/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 28-02-2013 22:43:21
โอ๊ยยยยยยย  ชื่นใจ  นานแล้ว ไม่ได้คอมเม้นชุ่มปอดขนาดนี้  อิอิ


รู้สึกคอมเม้นหายเงียบไปนาน  ---  นานๆ จะได้คอมเม้นเยอะขนาดนี้ 


แค่นี้ก็ดีใจมั๊กกกกกกกกกกกๆ  แล้วค่า 



โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆ  (บ้าไปแล้นนนนนนนนนนนน)
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน หมาหวงก้าง Page 10 UD 27/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 01-03-2013 00:33:37
สมกะชื่อตอนจริงๆ  รอดูว่าไม้จะหึงโหดแค่ไหน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 1 Page 10 UD 28/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 01-03-2013 02:03:07
ตอน   กระดูกชิ้นโต1




ทำยังไงดีหล่ะ  ...  ตื่นขึ้นมา ก็เห็นหน้าอีกฝ่ายอยู่ใกล้ ๆ  ริมฝีปากแสนหวานที่ผมรุกจูบเมื่อคืนนี้  บวมนิดๆ

อยากจูบอีก...   มันจะว่าอะไรมั้ย?   ถ้าผมอยากจูบอีก  ...  เป็นห่าอะไรไม่รู้  รู้แต่ว่า...อยากนัวเนียมันทั้งวัน

ไอ้ต้นค่อยๆ ขยับตัวไปมา  ขนตาที่ยาวเป็นแพกระพริบอยู่สองสามขยัก  ก่อนจะค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมา

สบตากับผมอย่างสลึมสลือ  ริมฝีปากแดงๆ คลียิ้มจางๆ มาให้ผม  ซึ่งผมก็ยิ้มกว้างตอบมันไปทันที

ลูบหัวมันเบาๆ อย่างเอ็นดู  มันก็อย่างเนี๊ยะ ...  น่ารักอยู่ตลอด  มันหันมามองผมยิ้ม ๆ ก็จะยื่นจับที่บริเวณคาง


และใบหน้าผม ลูบเบาๆ  ทำเอาผมเคลิ้มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ..   ....  ก่อนที่

.

.

“แหงะ!!”  ผมบ่นเบาๆ เมื่อถูกอีกฝ่ายผลักจนหน้าหงาย  ได้ยินแต่เสียงหัวเราะแบบสะใจ มั๊กๆ

“ฮ่าๆๆๆ  ตลกหว่ะ  ฮ่าๆๆ”  มันหัวเราะจริงจังจนผมนึกขำ  เรื่องแค่นี้หัวเราะเป็นนานสองนาน  เส้นตื้นจริงๆ

“พอได้แล้ว!!”  ผมแกล้งขู่มันทั้งที่ตัวเองยังอมยิ้มเล็กๆ  ซึ่งมันก็ยังขำจนตัวงอ  ผมเลยผลักมันจนหน้าหงายเอาคืนแม่งเลย

“พอแล้วแม่ง  ... เดี๋ยวกูจับปล้ำให้คางเหลืองเลยนี่”  ผมบีบคางมันไว้แน่น  แต่ไม่แรงมาก  พร้อมก้มลงไปกระซิบ

ยักคิ้วให้แม่งอีกสองขยัก   แล้วไม่ลืมยกยิ้มมุมปาก  หึหึ .....    ไอ้ต้นทำหน้าเหวอ .... รีบดันหน้าผมออก 


ตามด้วยหมอนฟาดมาอีกที   เออดี....เพื่อนกุ  ลงไม้ลงมือตลอดอ่ะ

“สัด ... กวนแล้วมึง ไปๆ  ไปอาบน้ำเดี๋ยวสายไม่ได้เที่ยวกันพอดี ”  ไอ้ต้นว่าหน้างอๆ  ฮ่าๆ  ขำมันจริงๆ

“มึงแหล่ะตื่นสาย ”  ผมพยักเพยิดว่ามัน  ตัวเองก็ลุกขึ้น ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่บอกเซอร์นี่แหล่ะ   เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว

เดินเข้าห้องน้ำไป  ได้ยินเสียงไอ้ต้นด่าตามมาทีหลัง  ก็ขำๆ กันไป

“มึงน่ะแหล่ะ  Kวย”   

.

.

.

อาบน้ำถูตัวไม่นานนักผม ก็เอาผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวเดินออกมาได้ยินเสียงไอ้ต้นคุยโทรศัพท์อยู่หน้าห้อง

สงสัยไอ้พวกนั้นโทรตาม   แต่เอ๊ะ  ...มันคงไม่เรียกพวกนั้นว่าพี่มั้ง  แทนที่จะแต่งตัวผมเลยแกล้งเดินไปมัน

ว่าอาบน้ำเสร็จแล้ว   

“ครับพี่  ใช่ๆ กินที่รีสอร์ทนี่แหล่ะ  ครับ ๆ  แล้วเจอกัน อืม อีกครึ่งชั่วโมงครับ สวัสดีครับ”  มันวางสายไปแล้ว

ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ป่ะ .....ว่ามันคุยกับใคร  ผมถอนหายใจพรืดใหญ่เซ็งชิบหาย.. .  อารมณ์เสียขึ้นมาทันที 

กูว่าไอ้เชี่ยพี่รักอะไรนี่.....สงสัยดวงแม่งไม่สมพงษ์กะกู  ได้ยินชื่อแม่งทีไร  โมโหขึ้นมาทันที 

ยืนหน้ามุ่ยเป็นเป็ดเซ็งสักพัก  ไอ้ตัวดีก็เดินเข้ามามองหน้าผมงงๆ

“อ๊าว!!  เสร็จก็ไม่เรียกนะมึง  นิสัย!  แล้วเป็นอะไรเนี่ยหน้ามุ่ยเป็นหมาเชียว”  ว่าจบ มันเดินเข้ามาใกล้

ดึงแก้มผมยืดเล่น  ...อย่างสนุกสนาน   สนุกมากม๊ะ   ปากกูจะฉีกอยู่แล้ว  ผมเหลือบตาไปจ้องมัน งอนๆ

เออ...กูงอน  แม่งไม่เคยจะใส่ใจกูหรอก   ผมด่ามันทางสายตาก่อนจะสะบัดหางตาใส่ แม่งเลย

“เปล๊า!!  กูก็เป็นของกูแบบนี้แหล่ะ มึงอย่ามาใส่ใจเล้ย!”  พูดจบก็เหลือบตามมามองมันอีกที

ก่อนจะสะบัดหางตางอนงาม (ที่จริงๆ สั้นกุด)ใส่มันอีกรอบ  ก่อนจะมือมันออกอย่างรำคาญ

แล้วเดินไปหาตู้เสื้อผ้า  ประหนึ่งว่าชีวิตกูมีแค่ตู้เสื้อผ้านี่แหล่ะที่สนใจ ใส่ใจ และรักกูจริง 

ไม่เคยหันหน้าหนี  (ที่จริงเพราะมันขยับตัวไม่ได้)   และไม่เคยแอบไปมีใคร  (ก็เพราะมันแค่ตู้เสื้อผ้านะสิ  = =’)

เปิดตู้ออก เลือกๆ ชุดที่จะใส่วันนี้  อ่ะน่ะ...  เสื้อผ้ามันก็มีแขวนอยู่ 4-5 ชุดอ่ะน่ะ   เลือกกันเข้าไป..

เลือกไม่ได้สักที  ก่อนจะถอนหายใจยาวๆ  ออกมาอีกที

“งอนไรกูเนี่ย”   ไอ้ต้นว่า  ขณะเดินมายืนข้างหลังผม  ยืนเกาหัวแกรกๆ  เสร็จก็จิ้มๆ ที่หลังผม 

เหลือบหางตาไปมองมันนิดหนึ่ง  ก่อนจะสะบัดขนตางอนใส่แม่งอีกรอบ  (ได้ข่าวว่าหันหลังอยู่ แล้วใครจะเห็นมึง)

“ก็บอกว่าไม่มีไร  ไม่ได้งอน”  ว่าจบ ก็ทำเป็นเลือกชุด  ที่เหมือนประหนึ่งมีอยู่สักแสนชุด  ถึงเลือกไม่ถูกสักที

“เชี่ย  ...อย่างอนดิ น๊ะ นะ นะ  ..  อย่างอน” ไอ้ต้นง้อ ผมก็อมยิ้มเล็ก ๆ แต่อยากแกล้งมันต่อ 

“เฮ้อ~”  เลยถอนหายใจยาวๆ เหมือนรำคาญ 

“มึงอ่ะ....อย่างอนกูดิ นะนะ”   มันว่า  โอบกอดผมจากด้านหลัง  วางคางไว้บนไหล่ผม  ทำตาอ้อนๆ  ปากจู๋ๆ

คิดดูนะ ...ผมที่มีแค่ผ้าเช็ดตัวพันเอวแบบหมิ่นเหม่  ...เห้ๆๆๆ   กับมันที่มีแค่บอกเซอร์บางๆ อีกตัว  กอดกันแนบชิด

เผลอกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่  แต่ก็ยังเก็กเหลือบมองมันนิดหนึ่ง  ...ก็แกล้งหันไปสนใจตู้ต่อ 

ชุดอ่ะหยิบได้แล้วถืออยู่ในมือ  ไอ้ต้นก็ทำแก้มป่องๆ  เอาคางถูไหล่ผม

“ดีกันนะ”  มันว่า เขย่งขามาหอมแก้มผมฟอดใหญ่   พร้อมรอยยิ้มกว้างมาให้  ผมก็ตกใจ.. แบบมันไม่ทันตั้งตัวอ่ะ

เผลอปล่อยชุดที่ว่าจะใส่เมื่อกี้ร่วงลงพื้น  ขณะที่ทั้งตาทั้งหน้าผม หันไปมองไอ้ต้นแล้ว  รู้สึกเคลิ้มๆ

หมุนตัวกลับแบบฉับพลัน รั้งต้นคออีกฝ่ายไว้แน่น  ....  ก่อนจะบดจูบลงไป

“อ่ะ...อื๊อออออ~”  ไอ้ต้นครางประท้วง มือสองข้างที่กอดเอวผมเมื่อครู่เปลี่ยนมาเป็นดันไหล่ผมแน่น

แต่ก็แค่นั้นแหล่ะ.....เพราะมืออีกข้างของผมรวบเอวของมันไว้  ละปากออก  ไอ้ต้นทำท่าว่าจะด่า

แต่ผมกดจูบมันอีกที  แล้วถือโอกาสสอดลิ้นเข้าไปในช่วงชุลมุน  ....ปากมันหวาน  ลิ้นมันยิ่งหวาน

ลองคุณได้มาชิมเหมือนผมสิ  (แต่ผมไม่อนุญาตให้ชิมว่ะ sorry ด้วยนะครับ)  แล้วจะติด...เข้าไปถึงหัวใจ

.

.

มือที่ดันไหล่ของใครอีกคน  เปลี่ยนมาเป็นจิกแน่นๆ  และกลายเป็นโอบรอบคอผมในที่สุด

ดันตัวมันให้ล้ม (ลงบนเตียง) ไปด้วยกัน  ค่อยๆ ละปากออก  แล้วก้มลงไปไซร้ซอกคอขาวๆ ของมันทันที

เอาไม่อยู่แล้ว....  อารมณ์ผมมันเตลิดไปไกล   จะโทษใครดีหล่ะ   .....   ที่ชอบมายั่วโดยไม่รู้ตัว

ถึงพวกผมจะกอดกันบ้าง  หอมกันบ้าง  ช่วยลูด(ช้าง)ให้กันบ้าง  แต่ก็พึ่งเคยจูบกันนี่แหล่ะ

ถึงว่า....   พอจูบอีก...มันก็ติดใจอีก   อยากจูบนานๆ  พอมันนาน  .....อารมณ์มันบานตะไท

ตื่นตะลึงไปถึง ไอ้ตัวข้างล่าง  ที่มุดผ้าเช็ดตัวออกมาดูโลกแล้ว  ไม่แค่นั้นนะสิ ดันไปถูขาอ่อนของใครเข้าอีกด้วย

ดันบอกเซอร์ที่สั้นอยู่แล้ว  ให้เลิกสูงจนเห็นขนอะไรแลบๆ ออกมา  ไอ้ตัวดีมันเลยอ้วนเข้าไปใหญ่ 

แถมยังทำน้ำลายเยิ้ม  เป็นน้ำเชื่อมอีกต่างหาก  ส่วนอื่นมันเลยต้องประสานงานกันเป็นอย่างดี 

ไล้มือกับยอดอกข้างหนึ่งให้มันแข็งชูชัน   อีกข้างที่ว่างก็กลัวมันจะเหงา  เลยงับปากลงเบาๆ  ไล้ลิ้น เลียๆ ดูดๆ

จนขึ้นเห่อแดง  มืออีกข้างก็สอดลงในบอกเซอร์  ปลุกเด็ก (ไอ้หนู)ของเพื่อน  ให้ตื่นมาร่วมชะตากรรม

“อ่า~  ยะ.....อย่า”  หลับตาแน่น  และส่งเสียงครางเบาๆ  บางทีผมก็อยากบ้าง....   จะช่วยเพื่อนให้เป็นสุขคนเดียว

ก็...อดสงสารตัวเองไม่ได้   แต่ด้วยเวลาที่มีจำกัด  ...จะผลัดกันทำก็คงไม่ทัน

.

.

ถ้าอย่างนั้น...   หึหึ  ... 

.

.



พึ่งจะนึกออก....  ทำยังงี้ก็ได้นี่หว่า  ทำไปพร้อมๆ กัน

.


.

.

.

.

“อื๊ออออออ/ อ๊าาาาาา~”   

.

.

.

.


รวบแม่งสองอัน ติดกัน  ....   แล้วสาวพร้อมกันซะทีเดียวไปเลยเป็นไง


หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 1 Page 10 UD 28/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 01-03-2013 02:16:25
 :z3: อ๊ากกกกกกกกกกกกก ไอ่ไม้แบบว่า ได้คืบจะเอาศอกแล้วอะ
เริ่มหาเศษหาเลยจากต้นเยอะไปแล้วนะ  :z3:
นี่ถ้าไม่ได้พี่รักมาเป็นตัวกระตุ้น สงสัยป่านนี้ก็คงยังไม่รู้สึก"หวง" ต้นใช่ป่ะล่ะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 1 Page 10 UD 28/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: jaymaza ที่ 01-03-2013 02:18:41
อุตะ!!!!!!!!!!!!!!!!!

 :laugh:

 :o8:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 1 Page 10 UD 28/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: udongjay ที่ 01-03-2013 02:28:35
ถ้าหลังจากนี้ไม้ยังไม่ทบทวนความรู้สึกตัวเองล่ะก็...
หึหึ ให้ต้นคบกับพี่รักเลย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 1 Page 10 UD 28/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 01-03-2013 02:38:11
ไม้ยังคงไม่รู้ตัว แต่การกระทำไม้ไปถึงไหนแล้วเนี่ย รู้ตัวสักทีสิว่ารู้สึกยังไงกับต้น รักมาวุ่นวายได้ถูกจังหวะจริง ๆ นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 1 Page 10 UD 28/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 01-03-2013 04:39:25
ไม้ชักเยอะนะ
ถ้าทำต้นมากกว่านี้แล้วกลับไปหาอ๋อมนะ
จะตามไปกระทืบๆๆๆๆบวกตบๆๆๆๆๆแทนต้นให้ดู  :m16: :beat: :z6:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 1 Page 10 UD 28/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 01-03-2013 10:08:43
ไม้ยอมรับตัวเองมาเห๊อะว่ารักต้นน่ะ ทำซะขนาดนี้ไม่รักก้อไม่รู้จะว่าไงแล้ว การกระทำกับคำพูดดูจะสวนกันน่ะ สงสารต้นน่ะ ระวังให้ดีเห๊อะคิดช้าหมาคาบไปแดก  :L3:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 1 Page 10 UD 28/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 01-03-2013 11:32:06
หลงต้นขนาดนี้ ยังไม่รู้ใจตัวเองอีกหรอไม้ ระวังพี่รักคาบไปนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 1 Page 10 UD 28/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 01-03-2013 13:08:26
ให้ต้นคบกับพี่ีัรักไปเล้ยยย ไม้มันดีแต่หื่น เหอะๆ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 1 Page 10 UD 28/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: Kalamall ที่ 01-03-2013 13:14:40
 :z10: นึกว่าต้นจะทำเฉยๆเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้นซะอีก ที่ไหนได้ ทั้งง้อทั้งกอดหอม นี้มันยั่วไม้ชัดๆ  :z2:

เหอเห่อ เสร็จโจร :o8: เพราะงี้แหละน๊า

ก้างคืออิตาพี่รัก ใช่ม่ะ มาเลยพี่ตอนหน้ามาหวานใส่ต้นให้ทะเลจืดไปเลย.....หลังจากนั้นหาดแห่งนี้ก็จะได้พบกะพายุเก... :laugh:
หัวข้อ: Re: >> คำขอบคุณ===>จากคนแต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 01-03-2013 23:53:38
อยากขอบคุณมากๆ ค่ะที่ติดตามผลงาน ถึงบางคนจะเข้ามาเม้นเล็กๆ แล้วหายไป ก็ไม่เป็นไรคะ 
แค่เข้ามาดูก็ดูใจแทบแย่แล้ว   มีหลายคนที่ติดตามผลงานเรามาตั้งแต่เรื่องแรก  อยากขอบคุณจริงๆ
ที่ให้กำลังใจเสมอมา  ....  หรือแม้แต่คนที่เข้ามาใหม่นะคะ 
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:    :-[ :L2: :L2: :L2:
ทุกๆ คอมเม้น เป็นกำลังใจที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ค่ะ ที่ทำให้เรามีพลังในการแต่งต่อ 
มีช่วงหนึ่งที่แต่งไม่ออก เฟล  หาย หรือดำเนินเรื่องไม่ดี  เลยไม่ค่อยมีคนเม้น...
ตอนนั้นแบบว่า ความรู้สึก...  down มากๆ อ่ะ  ....  เลยพลอยแต่งไม่ออกไปด้วย   แต่ตอนนี้พอมีคนเม้น
รู้สึกดีใจมากๆ  ฮ่าๆๆ   อยากบอกว่า  ขอบคุณนะคะ  ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณมากๆ 
จะพยายามแต่งให้ดี แต่งให้ไว  ถ้าแต่งได้......  มีใครจะจ่ายล้านหนึ่งป่ะ?  ฮ่าๆ  ล้อเล่น

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


 didi
 iamnan
 jaymaza
 lazat.mchub
 MangoBlue
 maru
Also
andear
boong086
both^^
CarToonMiZa
dariganae
fuku
hembetaro
hongyia
iamnan
indy❣zaka
janamanza
jimmyFG
Kalamall
kenghan
kitty08
lazat.mchub
Maytbb
Mc_ma
mild-dy
muiko
mutoo
mystery Y
N_N
Naenprin
nokkaling
nongrak
NOoTuNE
nunnan
Nus@nT@R@
ordkrub
pooinfinity
puppyluv
qq_oo
roitra
RoseBullet
Running
second
Singleman
suck_love
sukaz
takara
Tiamo_jamsai
udongjay
Whatever it is
yaoigirl
YaoTJi
yeyong
zaabbo
Zitraphat
เกริด้า(๐-*-๐)v
ขนมหวาน
ชัดเจนกาบ
นอนกินแรง
พลอยสวย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 1 Page 10 UD 28/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 02-03-2013 10:37:19
รอลุ้นว่าคู่นี้จะเป็นยังไงต่อไป :z2:
 :L2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 1 Page 10 UD 28/2/13
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 02-03-2013 13:24:23
เฮ้อ~(เสียดายนะไม่ใช่โล่งอก) นึกว่าต้นจะเสร็จไม้ซะแล้ว
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 2 Page 11 UD 3/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 03-03-2013 03:31:13
ตอน   กระดูกชิ้นโต 2




หลังจากปล่อยลูกๆ นับล้านตัวมาเผชิญโลกภายนอก และก็ตายไปในที่สุด แต่มันกลับทำให้ผมเสียวซ่านอย่างบอกไม่ถูก

น้ำสีขาวขุ่นส่งกลิ่นคาว หอมหวนจรรโลงจิตเปื้อนเปรอะทั่วมือผม  ไอ้ลูกชายตัวโตสองตัวเมื่อครู่ค่อยสิ้นฤทธิ์ไป

รวมถึงพ่อมันด้วย ที่ตอนนี้ลงไปนอนหอบหมดแรงเป็นหมาหอบแดด เคียงคู่ใครอีกคนที่ส่งเสียงครางหวานหู

อยู่เมื่อไม่นาน...  ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นเสียงหอบหายใจ  ใบหน้าแดงจัด ปากเจ่อนิดๆ หน้าอกมีรอยฟันครูดเล็กๆ

สลับกับจ้ำ ของรอยดูด    จะว่าจงใจก็ใช่ ยิ่งจะไปเที่ยวทะเลนี่.....  ห้ามไม่ให้ถอดเสื้อคงไม่ฟัง   มันน่ะขาวขนาดไหน 

โดนแดดไม่นานก็เป็นปื้นแดง เดี๋ยวก็มีปัญหา    ทำรอยซะ.....แค่นี้  มันก็ไม่กล้าจะถอดเสื้อโชว์ใครแล้ว 

หึหึ...ฉลาดจริงๆ กู   คิดได้อย่างนั้นก็ยกยิ้ม  กดจมูกลงแก้มนวลของใครอีกคน ได้ยินเสียงจิ๊ปากอย่างรำคาญ

“ลุกดิ๊  หนัก”  ทำน้ำเสียงโมโห  ทั้งที่หน้าแดงจัดๆ  หลบสายตาผมเป็นพัลวัน  ฮ่าๆ  อายก็บอกมาเถอะ

“เห้ย! มึงลุกดิ  กูจะไปอาบน้ำ”  ว่าจบก็ทั้งดันทั้งผลักให้ผมลุกขึ้น  ผมเลยต้องดันตัวเองลุกอย่างเสียไม่ได้

“อืมๆ แป๊ป”  ปากว่าอย่างนั้น  แต่ก็ทำอ้อยอิ่งเชื่องช้ากว่าจะลุกได้  ไอ้ต้นเลยจ้องผมซะตาเขียว


มันลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวอีกผืนที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า เดินตรงไปที่ห้องน้ำ  โดยมีผมเดินตามไปติดๆ

ก้มหยิบผ้าเช็ดตัวที่อยู่กับพื้นข้างเตียงขึ้นพาดบ่า  เดินโล่งโจ้งแบบนั้นแหล่ะตามมันไป  เดินมาถึงหน้าห้องน้ำ

ไอ้ต้นก็ชะงักกึก   หันกลับมาหาผมด้วยใบหน้าที่กึ่งสงสัย กึ่งรำคาญ 

“มึงจะเดินตามมาทำไม”  มันว่า

“ก็จะอาบน้ำพร้อมมึงไง” ผมก็ตอบหน้าตาเฉย ไม่ได้นึกอายที่ยืนแก้ผ้าต่อหน้ามัน  มีแต่มันที่เบือนหน้าหนีนิดๆ

“จะอาบพร้อมกูทำเชี่ยไรครับ  มึงอาบแล้ว” 

“กูรู้ครับว่ากูอาบแล้ว  แต่มึงลืมอะไรไปอย่างนะต้น”  ผมบอกมันยิ้มๆ  ขณะที่มันคิ้วขมวดไปแล้ว น่าขำจริงๆ

“ลืมเชี่ยไรครับ  มึงจะช่วยกรุณาบอกกูได้มั้ยสัด? ”  มันหันมาเถียงกวนๆ  ทำเอาผมยิ้มแป้น  ชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆ มัน


ไอ้ตัวเอนหน้าหนีโดยอัตโนมัติ  ผมกระซิบบอกมันเสียงเบา  (ซึ่งไม่รู้ทำไม  เพราะไม่มีใครอยู่ในบริเวณนี้ทั้งนั้น)

“ก็.....มึงลืมว่า.........เมื่อกี้กูกับมึงทำอะไรกันนะสิครับ  ก็เพราะที่ทำเมื่อกี้แหล่ะ  มันเลยเปื้อนหน้าท้องกูอยู่นี่

แถมเหงื่อยังเต็มตัว  มึงว่า.....พอจะเป็นเหตุผลที่เพียงพอให้กูอาบน้ำได้รึยัง  หึหึ”  ผละหน้าออกมา  ยืนยิ้มๆ

ก็เห็นมันนั่นแหล่ะที่ทำหน้าแดง ตอนที่เผลอมองไปบนหน้าท้องของผม ไม่รู้...เห็นแค่หน้าท้องรึเปล่า

ถึงได้รีบสบัดสายตาหนีรวดเร็วขนาดนั้น 

“เออ...สมเหตุสมผล  แต่...”  มันหันมาหาผม แล้วยกยิ้ม  ดันตัวเองเข้าห้องน้ำไปแล้วทั้งตัว แต่มือกลับจับประตูอยู่แน่น

“แต่อะไร?”  หันไปถามมันด้วยความสงสัย    (สงสัยว่าที่ผมคิดเอาไว้มันจะจริงรึเปล่า)


“ให้กูอาบก่อนแล้วมึงค่อยอาบ  ฮ่าๆๆ  ....  เห้ย เชี่ย!!”    ไอ้ต้นพูดจบมันก็ดันประตูให้ปิดลงอย่างรวดเร็ว

กูว่าแล้ว...ซื้อหวยทำไมไม่ถูก  ก็เพราะผมรู้ไงว่ามันจะทำยังงี้  ....  มืออีกข้างถึงดันประตูเอาไว้ก่อนแล้ว

ออกแรงผลักแข่งกัน  คิดเหรอ....ถ้าสู้กันแบบแฟร์ๆ  มันจะชนะผม  ถึงส่วนสูงเราจะใกล้เคียงกัน

แต่ขอบอก...  ตัวแม่งบางกว่าผมเยอะ  ผมดันประตูแรงๆ  ไอ้ต้นแทบหงายหลังเลยร้องออกมาเสียงหลง

“เหรอครับ  แต่กูว่ากูไม่อยากรอว่ะสายแล้ว  และมึงก็อย่าลีลา  อาบๆ ไปเถอะทำอย่างกับไม่เคย”  พูดจบ

คนที่ชนะ (แค่เรื่องกำลังอ่ะนะ) อย่างผม ก็ดันตัวเข้าไป  ริมฝีปากยกยิ้ม พร้อมยักคิ้วๆ ส่งไปให้ 

 มืออีกข้างคว้าเอวอีกฝ่ายให้เดินไปด้วยกัน  ไม่เห็นจะต้องเหนียมอายก็ของมันเคยๆ  ผมกับมันน่ะ

แก้ผ้าอาบน้ำมาด้วยกันตั้งเท่าไหร่แล้วหล่ะ   ...  หึ ไม่อยากจะพูดหลอก ครั้งสุดท้ายอ่ะนะเมื่อไม่.....

แต่เอ๊ะ.... ว่าแต่ครั้งสุดท้ายที่แก้ผ้ามันอาบน้ำด้วยกันนี่มันตั้งแต่เมื่อไหร่หว่า  ปีที่แล้วไม่สิ  สองปีที่แล้วก็ไม่ใช่

รึจะ....  สามปีที่แล้ว  เออ!!  ช่างแม่ง....  สรุปเคยอาบก็คือเคยอาบน่ะแหล่ะ  จบป่ะครับ?

.

.

.

ผ่านการอาบน้ำมาด้วยดี   มือใครมือมันไม่เกี่ยวข้องกัน  แค่ใต้ฝักบัวเดียวกัน  แต่....ยืนหันหลังให้กัน

ก็.....อ่ะนะ  แบบว่ามันก็เขินๆ นิดนึงอ่ะน่า   ส่วนไอ้ต้นก็หน้ามุ่ยตลอดศก  โดนกูจับทำเมียรึไง ?

ถึงได้ทำหน้าตาเพลีย ละเหี่ยใจได้อีก..     อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ 20 นาที ก็จะอะไรหนักหนาหล่ะครับ..

พวกผมผู้ชายนะครับ   ยิ่งอีกฝ่ายนี่รีบจนแม่งจะเหาะแล้ว ดูนาฬิกาทุก 5 นาทีอ่ะ  ชิส์...เห็นแล้วรำคาญสายตา

แม่ง.....จะรีบไปหาไอ้เหี้ยพี่รักอ่ะดิ  คิดว่ากูไม่รู๊?   กูอ่ะรู๊......   แต่ทำไรไม่ได้เว้ย   เซ็งเชี่ยๆ ฮึ่ย!!


แต่งตัวเสร็จมันก็รีบเดินไปที่โซนอาหารเช้าของทางรีสอร์ท  โดยไม่รอผม  ... ปากก็บอกว่าสายแล้วๆ
แทบจะวิ่งเข้าไปหา  ..   เดินไม่ถึง 5 นาที  ก็ถึงจุดหมาย  และ....เป้าหมาย  ไอ้เชี่ยพี่รักโบกมือหยอยๆ 

ราวกับมันคอยจ้องทุกคนที่เดินเข้ามาอยู่ก่อนแล้ว  ไอ้ต้นก้มหัวนิดแล้วยิ้มซะกว้างเลย  เพื่อบอกว่ามันเห็นแล้วเช่นกัน

มันเดินตรงรี่เข้าไปหา  ขณะที่ผมเดินไปอีกทางเพื่อไปหากลุ่มเพื่อนที่นั่งทานอาหารอย่างสบายใจ

มองภาพที่เห็นแล้วแอบปวดใจ  แต่ทำไงได้  ..ถึงยังไงก็ต้องทนอยู่ดี โต๊ะไม้ริมหาดรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า

ที่คงทำให้นั่งได้ด้านละสองคน  แต่ถ้ารวมหัวกับท้ายโต๊ะ ก็ได้เพิ่มอีกสักสองคน  สรุปรวมๆ หกคนสบายๆ

นั่นแหล่ะครับไอ้ภาคนั่งฝั่งด้านซ้ายที่หันหน้ามาทางผม  มันยิ้มแล้วโบกมือเรียกทันที ขณะที่ข้างภาคก็เป็นอ๋อม

แล้วมีน้องแพนนั่งตรงข้าม ทุกอย่างดูเหมือนจะปกติ.. หากแต่ก็ไม่ปกติอยู่ในที  อ๋อมชวนแพนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้

ยิ้มหวานหัวเราะร่าเริง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดูจะเงียบเสียมากกว่า แถมยังนั่งใกล้กันมากจนผมไม่อยากมอง

แม้จะยังไม่ถึงขั้นเบียด...แต่ก็ใกล้กันมากอยู่ ผมไม่รู้ว่าน้องทำหน้ายังไง  เพราะยังหันหลังให้ผม 

แต่ก็ได้ยินเสียงตอบมาเป็นระยะ อ๋อมก็เอาใจไอ้ภาคด้วยการ ตักนั่นตักนี่ให้ ไอ้ภาค เสร็จก็เลยตักให้น้องด้วย   


ถ้าผมไม่รู้คงคิดว่าอ๋อมกับไอ้ภาคเป็นแฟนกัน  พอไอ้ภาคขยับก็เป็นอ๋อมอ้าปากถามทันทีว่าต้องการอะไร
ซึ่งใบหน้าของไอ้ภาคก็ยังคงยิ้ม  เป็นรอยยิ้มที่ปกติของมันอยู่แล้วไม่ได้ว่าอะไร 

บางครั้งผมก็นึกเสียใจ ...  บางครั้งก็อยากรู้ว่าที่ผมทำมาทั้งหมดนี่หน่ะ  ที่ใส่ใจดูแล  และเอาใจให้อ๋อมเป็นคนพิเศษ

บอกตรงๆ ผมไม่เคยเทคแคร์มากขนาดนี้  ไม่เคยต้องอ้อนใคร ไม่เคยต้องง้อใครมากขนาดนี้  ไม่เคย...

ต้องพยายามประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าเธอคือคนพิเศษของผม  ที่ทำไปทั้งหมดนี้เนี๊ยะ....อ๋อมจะเคยหวั่นไหวบ้างไหม

ถึงจะมีหลายครั้งๆ ที่อ๋อมลืมไอ้ภาคไป  แต่นั่นมันก็แค่ชั่วคราว พอผ่านเวลานั้นไปอ๋อมก็กลับมาเหมือนเดิม

สายตา...ที่เพ่งมองไปยังคนๆเดียว  คนๆ เดิม   ผมว่าแพนเองก็คงรู้สึก  และรับรู้ได้เป็นอย่างดี 

เพียงแต่....ไม่ได้พูดอะไรออกมา  มองอยู่นิ่งๆ  และเงียบๆ เท่านั้น  ไม่ได้ตำหนิ ไม่ได้ห้าม ปล่อยผ่านทุกอย่าง

ให้มันดำเนินต่อไปเรื่อย  ๆ มีเพียงไอ้ภาคเท่านั้นแหล่ะที่มันไม่รู้ตัว  ไม่เคยจะรู้เลย...ว่าเพื่อนสนิท  “คิดไม่ซื่อ” ซะแล้ว

“เห้ย!!  ไอ้ห่าไม้กูถามว่า  ไอ้ต้นไปไหน?  มึงได้ยินรึเปล่าเนี่ยะ  ทะเลอ่ะ มองมันเข้าไป  จะมองเพื่อ?”   

ไอ้ภาคตีแรงๆ มาที่แขนผม  นั่นแหล่ะ!  ถึงได้รู้สึกตัวมองดูแขนตัวเอง แล้วลูบป้อย ๆ  มันนี่นะ ...ไม่ได้สำเนียก

ว่าตัวเองมือหนักเลยใช่ป่ะ?  ผมหันไปมองหน้ามันเคืองๆ  แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรหนักหนา

“นู่นวิ่งไปหาพี่สุดที่รักมันนู่น เห็นป่ะเดินมากันแล้ว”  ผมตอบ รู้สึกหงุดหงิดพิกล ไม่เข้าใจว่าต้องหงุดหงิดไปทำไม

มันก็เพื่อนผม  และถ้ามันจะมีพี่ มีน้อง มีเพื่อน ห่าเหวอะไรนั่น  ทำไมผมต้องหงุดหงิดด้วยหล่ะ  ก็แค่เพราะ...

ผมเป็นห่วงมันหล่ะม้าง  ก็ไอ้พี่รักนี่คุยกับมันที ตานี่ยิ้มมีประกายวับวาวประหลาดๆ แฝงอยู่

“ไอ้นี่นิ ถามแค่นี้ต้องทำหน้าหงิก มาๆ มานั่งนี่เรียกกำลังใจหน่อย ฮ่าๆ ”  ไอ้ภาคว่ายิ้มร่า  ตีแปะๆที่แขนผม 

ผมก็เผลอหลุดยิ้ม ๆ หึหึ  ...   ไอ้ภาคลุกขึ้นยืนเพื่อจะเปลี่ยนที่ ผมก็โน้มตัวไปกระซิบเบาๆ ให้ได้ยินกันสองคน

“อยากนั่งข้างเมียมึงอ่ะดิ๊?”  พูดจบผมก็ยักคิ้วสองขยัก  ยิ้มกวนๆ ให้มันไปอีกที  ไอ้ภาคหันมาตอบยิ้มแก้มแตก


เพราะผมรู้ทันมัน   แต่มันไม่หยุดแค่นั้นหรอก  คนอย่างมัน...ไม่ยอมเสียเชิงง่ายๆ สักหน่อย มันก็ก้มหน้ามาตอบ

“สัด รู้ดี .... อยากทำมากกว่านั่งข้างๆ อีก”   พูดจบ ผมกับมัน ก็หัวเราะออกมาดังๆ พร้อมกันสองคน
โดยมีน้องแพนทำหน้างงๆ  เออ...มองไปก็น่ารักดีนะ   ส่วนอ๋อมยิ้มหน้าเจื่อนนิด ๆ คงเสียดายที่ไอ้ภาคต้องย้ายที่นั่ง

ผมนั่งลงข้างๆ อ๋อม  ขณะที่ไอ้ภาคก็นั่งลงข้างแพน  เห็นน้องหลุดยิ้มนิดๆ  เพราะไอ้หล่อมันแอบจับมือกันใต้โต๊ะ

กูรู้หรอกสัด  ไม่ต้องมาทำเนียนเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น หึหึ  ผมยิ้มหวานๆ ให้อ๋อม  ...อ๋อมก็ยิมตอบ 

“เมื่อคืนเจอต้นที่ไหนหล่ะ?”  อ๋อมหันมาถาม

“ก็ใกล้ๆ ตรงร้านบาร์ที่มีไฟห้อยเยอะๆ ไง ตรงที่อ๋อมบอกว่าสวย ท่าทางอาหารจะอร่อยไงครับ”  ผมหันไปตอบ

“อ้อ ... แล้วต้นมัวทำอะไรอยู่หล่ะทำไมไม่ตามพวกเรามา”  อ๋อมหันมาเลิกคิ้วสงสัย

“อ้อ.. มันคงอยากเปิดโอกาสไม้อยู่กับคนที่ชอบมั้ง ฮ่าๆ  ”  ผมพูดยิ้มๆ  อ๋อมก็หัวเราะขำส่ายหน้าๆ ไปมา

“อ่อเหรอว่ะ  กูนึกว่ามึงเจอได้ต้นตอนมารอที่ห้องแล้วซะอีก”  ไอ้ภาคว่ายิ้มๆ

“ก็กูเห็นว่ามันมีเพื่อนแล้ว กูเลยกลับมารอที่ห้องไง  แต่กูลืมว่ากุญแจอยู่กับมัน จะเดินไปตามก็ขี้เกียจไง”

ผมรีบแก้ต่างให้กับตัวเอง   ไอ้ภาคกับยกยิ้มตาเป็นประกาย หันมามองผมเหมือนพยายามค้นหาอะไรบางอย่าง

“แพนครับ..  เมื่อคืนแพนเห็นหมาตัวผู้ที่มันวิ่งผ่านห้องเราตอนดึกๆ ได้ป่ะ ตัวที่ขนสีน้ำเงินๆ อ่ะ

เห็นป่ะ ฮ่าๆ  โอ๊ะโอยยย”  เชี่ย!! หมาบ้านมึงดิ ขนสีน้ำเงิน นั่นมันชุดกูเมื่อวานนี้ชัดๆ แสดงว่ามันเห็นผม   

ต้องตอนนั้นแน่เลย.....  ตอนที่แอบส่องห้องอ๋อม  (ไหนว่ามึงไม่ได้ทำไง  ==)  สมน้ำหน้ามันครับ 

น้องแพนหยิกมันจนร้องโอดโอย ดีครับน้องทำมันอีก    ทำมันครับ  ทำมันเยอะ...  มันจะได้ไม่เสือกเรื่องพี่ ฮ่าๆ

“ภาคอ่ะมั่วตลอด หมาที่ไหนจะขนสีน้ำเงิน บ้าไปใหญ่แล้ว  แต่เห็นครับ  ...เมื่อคืนนี้  คึคึ” น้องแพนว่า

ขณะทีหันมายิ้มตอบผม   เออ....แม่ง  ไว้ใจไม่ได้ทั้งผัวทั้งเมีย  ผมกระพริบตาปริบๆ  กำลังจะเบี่ยงประเด็น


ใครอีกคนก็เดินมาเสียก่อน

“พี่รัก...นี่เพื่อนต้นอ่ะพี่  นี่อ๋อม ไม้  แพน แล้วก็ภาคครับ  ทุกคนนี่พี่รักนะ...  เรารู้จักพี่รักเมื่อคืนอ่ะ พอดี

พี่เค้าโดนเพื่อนทิ้งอ่ะ  เลยจะมาเที่ยวกับพวกเรา”  ไอ้ต้นว่า  พี่รักก็ยิ้ม ทักทายทุกคน

“สวัสดีครับ  ยังไงรบกวนด้วยนะครับ  ขอพี่แจมเที่ยวด้วยคน ฮ่าๆ  ”  ไอ้พี่รักว่า  แต่ละคนก็หันไปทักทาย

คำว่าสวัสดีตอบ   ผมก็ยิ้มๆ แสร้งทำเป็นสนใจมหาลัยที่พี่เค้าเรียนประหนึ่งตีซี้ ไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจ .....

 เดียวไก่จะตื่น เผื่อผมทำอะไรลงไป  หึหึ..จะได้ไม่มีใครทันสังเกตุ. 






หลังจากจัดการเมื่อเช้าเป็นที่เรียบร้อย  สรุปโปรแกรมแรกคือเล่นบานาน่าโบ๊ทครับ  หลายคนอาจจะ

เห็นผมแปลกไปแต่ไม่ต้องแปลกใจที่ผมทำมีเหตุผลล้วนๆ
“แพนนั่งหน้านะตัวเล็กๆ จะได้ไม่ต้านลม เดี๋ยวภาคนั่งต่อเอง”  ไอ้ภาคว่าจบก็ตรงไปที่เรือที่อยู่ในน้ำ

 ว่าแต่ทฤษฏีห่าอะไรของมึงครับไอ้หล่อ  เห็นน้องทำท่างงๆ อ้าปากจะท้วงแต่ไอ้หล่อก็ไม่สนใจแล้ว

ตอนนี้กระโดดขึ้นเรือเป็นที่เรียบร้อย  พอแพนไปถึงน้องกำลังปีนขึ้น  ไอ้หล่อก็หิ้งปีกน้องจนตัวลอย

แล้ววางแหมะลงบนบานาน่าโบ๊ทเสร็จสรรพ  เหอๆๆ อย่างกับของเล่นแนะ

“งั้นอ๋อมนั่งต่อภาคก็ได้ ”  อ๋อมว่ายิ้มอย่างอารมณ์ดี รีบตามไปทำเอาผมเซ็งเล็ก ๆ เห็นไอ้ต้นหันมามองผมยิ้มๆ

ยิ้มทำแปะไรครับ   ไอ้เพื่อน...ลืมเพื่อน  ชิส์   มันทำหน้าพยักเพยิดอะไรสักอย่างซึ่งผมไม่เข้าใจ  ขมวดคิ้วมุ่น

จนมันส่ายหน้าเซ็ง  เดินมาตีหลังผมเบาๆ แล้วบอก

“ไปดิว่ะ  รอเพื่อ?”  มันเลิกคิ้วถาม ผมกลับยิ้มๆ 

“เออ  รู้แล้ว”   พูดจบก็ลากแขนมันติดมือมาด้วย  เดินได้สองสามก้าว ก็หยุดหันมาเรียกไอ้เชี่ยพี่รัก


“พี่รัก มาดิพี่มาๆ ”  ผมเรียกยิ้ม ๆ แล้วลากไอ้ต้นเดินต่อ พี่รักก็เดินตามมาครับ

พอถึงเรือผมก็ดันให้ไอ้ต้นปีนขึ้น  มันก็ขืนตัวไว้หันมามองหน้าผมงงๆ

“ทำไมกูอ่ะ  มึงก็ขึ้นดิ”  มันว่า

“กูนั่งต่ออ๋อมมันน่าเกลียดว่ะ  เดี๋ยวเค้าจะหาว่ากูแตะอั๋ง”


“อ้าว!  มึงก็ทำอยู่แล้วนี่ ฮ่าๆ”   มันว่า ผมเลยตบหัวแม่งไปที  ตอนนี้ลูบหัวตัวเองป้อยๆ แล้วครับ ฮ่าๆ

“แล้วกูไม่น่าเกลียด?”  มันหันมาเลิกคิ้วถาม   ผมพยักหน้าตอบ

“ทำไมอ่ะ?”

“เพราะมึงบริสุทธิ์ใจ”  ผมยกยิ้มตอบ  หึหึ  แม่ง...แถเก่งจริงๆ กู  ฮ่าๆ

“อ๊าว ...แล้..”  มันพยายามจะถามต่อ  ผมเลยตบหัวมันอีกที

“พอแล้วมึงเรื่องมากขึ้นสักที”  มันเลยจำใจต้องปีนขึ้นไป  และมีผมที่ขึ้นต่อจากมัน 

ส่วนคนสุดท้าย  ผมหันไปยิ้มหวาน  ....  ตีมือปุ๊ๆ  ลงพื้นที่ด้านหลัง 

“พี่รัก...มาสิครับพี่”  เห็นพี่รักมองมาที่ผมทำหน้ายิ้มๆ  เหมือนรู้ทันผม  แต่แกก็ไม่ได้พูดอะไร


ปีนขึ้นมาแต่โดยดี  หึหึ ....อย่างน้อยกูก็กันมึงได้หล่ะวะ  กำลังกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ

แต่ไอ้ข้อความหลังที่ไอ้พี่รัก.....มันกระซิบมานี่สิ  ทำเอาเสียวสันหลังวาบบบบบบบบบบ

.

.

.


“ตามพี่แจขนาดนี้...คิดอะไรกับพี่หรือเปล่าครับน้องไม้”
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 2 Page 11 UD 3/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 03-03-2013 03:44:51
ไม้ยังคงไม่รู้ตัวต่อไป ทั้ง ๆ ที่หวงต้นขนาดนั้น มีการทำรอยไว้ กันท่าคนอื่นที่มีทีท่าจะสนใจต้น แล้วยังไม่พอใจคนที่มาวุ่นวายกับต้น เมื่อไรจะรู้ใจตัวเองสักทีนะไม้
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 2 Page 11 UD 3/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 03-03-2013 05:27:07
รู้ตัวได้และไม้
แตาพี่รักน่ากลัวอ่ะ
จะเบี่ยงมาหาไม้แทนป่าวเนี่ย :laugh:

ไม้ไม่ใช่มัวเเต่กันต้นจนลืมความปลอดภัยของตัวเองน้า  :m20:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 2 Page 11 UD 3/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 03-03-2013 05:36:51
 :z6:  ถีบอ๋อมจมน้ำตายหมั่นไส้
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 2 Page 11 UD 3/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 03-03-2013 10:54:33
มาขำเอาบรรทัดสุดท้ายเนี่ยล่ะ 5555555555555555555

สมน้ำหน้า แต่ถ้าจบจากทะเลแล้วยังไม่สำนึกอีกนะไม้ ก็ไปกินหญ้าเถอะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 2 Page 11 UD 3/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 03-03-2013 11:33:06
อ๋อมจ้าชั้นว่าเธอควรหยุดได้แล้วนะ เมื่อรู้ว่าไม่ได้ก็อย่าดื้ออีกต่อไป ส่วนไม้ก็ยังทำตัวเป็นหมาหวงก้างนะจ๊ะ ไม่ชัดเจนซะที
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 2 Page 11 UD 3/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 03-03-2013 11:42:14
พี่รักพูดซะ ไม้สยิวเลยยย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 2 Page 11 UD 3/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 03-03-2013 12:08:41
เสร็จพี่รักแน่ไอ่ไม้55555
หัวข้อ: Re: >> กอด~ Audit เข้า ฉะนั้นสักสองอาทิตย์นี้ขอหายตัวไปนะคะ UD 3/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 03-03-2013 12:44:14
Audit เข้า ฉะนั้นสักสองอาทิตย์นี้ขอหายตัวไปนะคะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 2 Page 11 UD 3/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 03-03-2013 14:18:27
นายไม้หวงก้างจริงๆๆเลย :z2:
+1และเป็ด
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 2 Page 11 UD 3/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 03-03-2013 16:21:46
ไม้อย่ามัวแต่ลังเล เดี๋ยวเสร็จพี่รักหรอก
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 2 Page 11 UD 3/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: udongjay ที่ 03-03-2013 19:10:10
ไม้ระวังจะถูกเสียบนะ ฮ่าๆๆๆๆ
แต่เมื่อไรไม้จะรู้ใจตัวเองซธทีเนี่ย
ชะนีด้วย เลิกยุ่งสักทีเถอะ เขาไม่เคยสนใจเธอเลยนะ ถึงจะให้เกิดเรื่องอย่างที่เธอคิด
แต่เชื่อว่าภาคก็ไม่มีทางสนใจเธอหรอก อย่าหลอกตัวเองเลย (อินจัด)
ฮ่าๆๆๆ เบื่อชะนีไม่ยอมรับความจริง
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 2 Page 11 UD 3/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 03-03-2013 20:41:34
555 ไม้เสียวตูดเลยดิ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 2 Page 11 UD 3/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 04-03-2013 09:40:56
คุณทัศเราติดตามผลงานอยู่เสมอน่ะจ้ะ ไม่ต้องน้อยใจไป มากหรือน้อยไม่สำคัญจ้ะ  :impress3: เราเขียนต่อไปเรื่อย ๆ แฟน ๆ ก้อจะเข้ามาเรื่อย ๆ จ้ะ เรามั่นใจว่าต้องมีคนติดตามผลงานอยู่ตลอดแหละจ้ะ เรื่องน่ารักซะขนาดนี้น่ะ
audit เข้าก้อพยายามหน่อยน่ะจ้ะ รอเสมอจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 2 Page 11 UD 3/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 04-03-2013 13:20:25
อ่านแรกๆ ที่จะอึน
ต้นมันก็ผู้ชายปากหนักพอตัว
มาฮาตรงบรรทัดสุดท้า
คิดภาพออกเลยว่าหน้าไม้จะต้องเอ๋อ
จนน่าแกล้งหรือน่าเบิ๊ดดีเด็กคนนี้
ชอบบรรยากาศพวกเพื่อนสดชื่นดีจัง
หนุ่มๆ หน้าใสเพียบ
กดบวกปล่อยเป็ดให้พี่ภาค
555 ชูป้ายไฟเชียร์ภาคดีกว่า
ท่าจะมันส์
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 2 Page 11 UD 3/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 04-03-2013 16:52:36
อ้าว พี่รักพี่ต้องชอบต้นจะได้สนุกๆ จะได้แย่งกันกับไม้
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กระดูกชิ้นโต 2 Page 11 UD 3/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 07-03-2013 18:31:21
 :catrun:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ แบ่งปันเรื่องอบอุ่นค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 08-03-2013 00:24:19
   หัวข้อ: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.0


ไม่รู้ใครเคยอ่านรึยังนะคะ  เป็นเรื่องที่น่ารักดีค่ะ  อบอุ่น  กวนๆ เผื่อใครสนใจ  แบ่งปันๆๆๆ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ ม่ามาไม่ใช่สิ่งเดียวที่กินได้ P.11 UD 8/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 08-03-2013 01:28:36
ตอนพิเศษ ม่ามาไม่ใช่สิ่งเดียวที่กินได้




ภาค :  “แพน เดี๋ยวอย่าพึ่งกินครับ มาๆ  เป่ายิ้งฉุบก่อน”

ภาคกวักมือเรียกผมที่กำลังยกชามมาม่าเดินหนี  ในวันที่ขี้เกียจกันสุดๆ พร้อมกับ ขาดแคลนอาหาร และหิวจนไส้กิ่ว

ผมมู่หน้า   แต่ก็เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายแต่โดยดี  ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ สุดหล่อ

ภาค :  “วางครับ  วาง”  สุดหล่อยิ้มเล็กๆ ตบมือลงบนโต๊ะอาหารเบา แต่ผมสะบัดหางตาใสภาคนิด ๆ 

พร้อมยกมือข้างขวาขึ้นมา แล้วเริ่มพูดเกมส์

แพน: “ยันยินเยาปักกะเป่ายิ้งฉุบ ฮ่าๆๆๆ   ชนะ”   ผมยกยิ้มอย่างยินดี  สุดหล่อก็หันมาขำ มือจับตะเกียบ


บรรจงคีบเส้นมาม่ารสตำยำกุ้ง  พันม้วนๆ พอดีคำ เป่าเบาๆ ให้ความร้อนจางลงก่อนจะยื่นมาตรงหน้าผม

ผมยิ้มให้ภาคจนตาปิด ก่อนจะอ้าปากกว้างรับอาหารที่ภาคป้อนมา 

ภาค : “อ่ะ...อ้ามมมมมม”  ผมเคี้ยวตุ้ยๆ เต็มปาก อย่างมีความสุข อ่ะน่ะ...ก็คนมันหิวววววววววววววมาก

แลบลิ้นเลียรอบริมฝีปากแผบๆ  เพราะน้ำมาม่าที่เปื้อนอยู่   เห็นอีกฝ่ายจ้องมองมายิ้มๆ อารมณ์ดีอะไรหนักหนา

ไม่หิวรึไงนะ...  ก็ได้แต่สงสัยนั่นแหล่ะ  ถ้าไม่หิวภาคจะมานั่งเป่ายิ้งฉุบแย่งมาม่าคนละคำกับผมแบบนี้เหรอ?

แพน:  “ยันยินเยาปักกะเป่ายิ้งฉุบ อุ๊บ!  ฮ่าๆๆๆ   ชนะอีกแล้ว”   ผมยิ้มแก้มแทบปริ  จ้องมองมาม่าตรงหน้า

แล้วก็เข้าสู่สเต็ปเดิม  ภาคจับตะเกียบคีบเส้นมาม่าที่พันกันยุ่งเหยิงอยู่ในชาม  ม้วนพอดีคำ แล้วป้อนยื่นมาตรงหน้า


ตวงตาคู่คมจับจ้องมองผมอยู่ไม่วางตา   รอยยิ้มที่ดูอิ่มเอม ....เป็นสุข  มันส่องประกายอยู่ในแววตาคู่นั้น

ส่วนผมก็กลืนกินมาม่าอย่างเป็นสุข  .... 

.

.

.

.

คำแล้ว

.

.

.คำเล่า

.

.

.

.

น่าแปลกเกินไปรึเปล่า?  ที่คนเป่ายิ้งฉุบแพ้ภาคมาตลอดชีวิตอย่างผม  ....  จะมาชนะตลอดเกมส์ขนาดนี้

.

.

.

ดวงดีไปรึเปล่าว่ะ?    แอบนึกขึ้นในใจ





จนเหลือคำสุดท้าย  พร้อมกับน้ำต้นยำพอดีคำ    แทบไม่ต้องคิดว่าคำสุดท้ายมันจะเป็นของใคร

ผมยกยิ้มที่มุมปาก   จ้องมองใครอีกคนด้วยความมาดมั่น   ขยักคิ้วเรียว ๆ ของตัวเองอีกที  จนอีกฝ่ายหัวเราะขำ

ภาค : “หึหึ”  พร้อมมือหนาๆ ที่เอื้อมมาขยีหัวผมอย่างหมั่นเขี้ยว   ก็ช่วยไม่ได้นี่นา.....



วันนี้......มันเป็นทีของผม    คนกำลังดวงเฮ็ง........ หยุดไม่อยู่ครับ  โฮะๆๆๆๆ  ยกยิ้มอีกครั้งก่อนจะยกมือด้านขวาขึ้น



แพน: “ยันยินเยาปักกะเป่ายิ้งฉุบ”





แพน: “เห้ย!!”  ดวงตกซะแล้วเรา  เง้อ~  มาม่าคำสุดท้ายที่ผมหมายปอง


อดแดก......   ผมมองตามาม่าตาละห้อย  กลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊ยกกก  ที่กินๆ นี่ยังไม่ถึงครึ่งท้องเลยด้วยซ้ำ

ไอ้หล่อก็เอาแต่ยิ้ม  ...   ยิ้มๆ อยู่นั่นแหล่ะ  โว๊ะ  มือกำลังจับตะเกียบ เตรียมคีบให้สุดหล่อตรงหน้า

ก็ถูกมือหนารวบทับไว้ซะก่อน ผมเงยหน้ามองภาคงงๆ

ภาค : “อยากกินเหรอครับ?”   ภาคยกยิ้มที่มุมปากนิดๆ  แต่ผมตาเป็นประกายแวววาว

แพน: “อือ ก็อยากแต่ภาคชนะงั้นให้ภาคกิน”   ผมบอกอีกฝ่ายไม่อยากเอาเปรียบ อย่างน้อยก็กินจะหมดชามแล้ว

ภาค : “ให้แพนกินก็ได้นะ  ภาคไม่ค่อยหิว”   สมกับที่เป็นแฟนผม หล่อ ใจดี  กทม. อ๊ะ ...สงสัยไม่ช็อต (เกี่ยว? - -)

ผมปล่อยมือจากตะเกียบ ปล่อยให้อีกฝ่ายรวบมันไว้ทั้งอัน  ก่อนจะค่อยๆ คีบ ม้วนๆๆ  แล้วยื่นมาจ่อตรงหน้า

ผมอ้าปากงับ...  ทั้งมาม่า  ทั้งตะเกียบ กำลังจะลูดปากออก อีกฝ่ายก็เรียกไว้ มือขวาของภาคสอดเข้ามาที่ท้ายผม
ทำไม?....   รู้สึกเหมือนลางไม่ดีว่ะ?

ภาค : “แพน”

แพน: “หือ”   ส่ง

ภาค : “ภาคเปลี่ยนใจแล้วคำนี้จะกิน”

แพน: “หืมมมมมมม”   ผมตาโตทันที จะกินได้ไงก็มันเข้าปากผมไปแล้วอ่ะ  ตะเกียบถูกลูดออกจากปาก

พร้อมๆ กับเส้นมาม่า ทั้งมวนที่ผมตกใจเผลอกลืนลงคอไปหมด  จะขยับถอยหลัง .....มือแข็งแรงก็เหนี่ยวรั้งไว้

ภาค : “ขอชิมหน่อยนะครับ  หิวจะแย่แล้ว”  ริมฝีปากหนาทาบทับลงมาบนปากผม  ผมเบี่ยงหน้าหนีได้เพียงเล็กน้อย

แพน: “อืออออ~”   ได้แต่ส่งเสียงครางประท้วง    ซึ่งไม่เป็นผล   อัยการไม่รับฟังคำร้อง 

มืออีกข้างลากดึง ให้ผมมานั่งตัก  ริมฝีปากบดจูบร้อนแรง  ดูดชิมทุกความหวานในปากผม 

เผลอตวัดลิ้นตอบ  มือจิกไหล่ภาคแน่น ๆ เพราะเหมือนเรี่ยวแรงถูกดูดกลืนโดยคนตรงหน้า   

ขาด้านหนึ่งถูกยกพาดไว้บนไหล่คนตรงหน้า  ด้านหลังเอนไปพิงกับโต๊ะทานข้าว 

รู้สึกถึง ความแข็งขืนของอีกฝ่าย  ที่ตื่นตัวอยู่ภายใต้บอกเซอร์ตัวบาง  ใต้สะโพกผม 

ที่ตอนนี้มันกำลังพยายามเสียดสีอย่างเอาเป็นเอาตายใต้ร่องก้น   เผลอเชิดหน้าสูดปากเสียว เมื่อภาคละปาก

แพน: “อ่า~”   โดนอีกฝ่าขบเม้มตามยอดยกผ่านเสื้อกล้ามตัวบาง ที่ถูกดันจนเม็ดสีโชว์เด่นหรา

และตอนนี้กำลังบวมแดง   เพราะริมฝีปากใครบางคน  มือหนาลูบไล้แพนน้อย ผ่านบอกเซอร์ตัวจิ๋ว


โดยไม่ยอมล้วงมือเข้าไป   ทรมาน และหวาบหวานเกินทน

แพน: “อื๊อออออออออออ  อย่าแกล้งแพน  อ่า~  เข้ามาทีเข้ามา”  ผมบดสะโพกถูไถกับส่วนแข็งขืนของอีกฝ่าย

ไม่ไหวแล้วครับ  มันแบบว่า....เอ่อ   “อยาก”   ถูกเร้าขนาดนี้  ......  ทนไม่ไหวจริง แม้จะรู้ว่าหลงกลคนเจ้าเล่ห์

แต่ก็นะ  ...  ทำไงได้หล่ะครับ  ก็คนมันรัก


ภาค : “หึหึ...  ครับรอคำนี้นี่แหล่ะ”   
.
.
.
ไม่ต้องบอกใช่ไหม ว่าเสื้อผ้าผมหลุดไปตอนไหน....   ผมอยู่ข้างบนขนาดนี้    มีเหรอจะพลาด  “ออนทอป”

ก็นะ ...เคยออนทอปแล้วครั้งหนึ่ง  ครั้งที่สอง...ก็ตามมา

“อ๊ะ อ๊ะ”

“อือออออ  / อืมมมมมมม”






หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ ม่ามาไม่ใช่สิ่งเดียวที่กินได้ P.11 UD 8/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: udongjay ที่ 08-03-2013 01:49:43
ภาคเจ้าเล่ห์~~~~~~~~~~~
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ ม่ามาไม่ใช่สิ่งเดียวที่กินได้ P.11 UD 8/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 08-03-2013 01:58:10
เจ้าเล่ห์จริงๆเลย แพนต้องใจแข็งบ้างนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ ม่ามาไม่ใช่สิ่งเดียวที่กินได้ P.11 UD 8/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 08-03-2013 02:21:57
ภาคไม่ค่อยเลยนะนั่น
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ ม่ามาไม่ใช่สิ่งเดียวที่กินได้ P.11 UD 8/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-03-2013 04:00:51
โดนจับกินตลอด
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ ม่ามาไม่ใช่สิ่งเดียวที่กินได้ P.11 UD 8/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 08-03-2013 12:34:27
ภาคบอกว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน  :o8: แพนเสียรู้ภาคอีกแล้ว  :impress3:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ ม่ามาไม่ใช่สิ่งเดียวที่กินได้ P.11 UD 8/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 08-03-2013 12:46:19
 :serius2: :serius2:  หือ  อารัย  ยังไง  ต้องกลับไปอ่านใหม่ทำไมภาคมันเจ้าเล่ห์ขนาดนั้นนนนน
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ ม่ามาไม่ใช่สิ่งเดียวที่กินได้ P.11 UD 8/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 08-03-2013 18:11:12
ภาคคคคคคคคคคคคค
ไม่ค่อยเลยนะแพนก็ยอมตลอดดดดดดด :laugh:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ ม่ามาไม่ใช่สิ่งเดียวที่กินได้ P.11 UD 8/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 08-03-2013 19:28:27
อ่านะ กินมาม่ายังมีอารมณ์ ภาคหมกมุ่นไปมั้ย 555

ดีใจมีชื่อใน hall of fame ด้วย 555
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ ม่ามาไม่ใช่สิ่งเดียวที่กินได้ P.11 UD 8/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 09-03-2013 19:21:19
 :t3: :z2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ ม่ามาไม่ใช่สิ่งเดียวที่กินได้ P.11 UD 8/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 09-03-2013 19:29:47
แพนน้อย ยั่วภาคเหรอจ๊ะ บอกให้เข้ามาด้วยอ่ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เหตุเกิดบนบานาน่าโบ๊ท P.12 UD 10/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 10-03-2013 15:51:50
ตอน  เหตุเกิดบนบานาน่าโบ๊ท





“หึหึ”  หลังจากหันไปยิ้มมุมปาก ในความคิดไม่เข้าท่าของไอ้พี่รักแล้ว ผมก็ไม่ได้สนใจมันอีก

เพราะอะไรนะเหรอครับ  ใบหน้าที่กวนตีนเยี่ยงนั้นของมันไม่ได้บ่งบอกสักนิดเดียวว่าสนใจผม 

แต่กำลังสนใจคนของผมต่างหาก คล้ายๆ ประกาศตัวเป็นคู่แข่งของผมแบบเต็มตัว

(ว่าแต่...  จำเป็นมั้ยที่กูต้องมาแข่งกับมึงไอ้เบื๊อก)

ทุกคนนั่งบนเรือกล้วยเรียบร้อยแล้ว  มือทุกคู่จับห่วงที่ผูกติดมากับไอ้เรือทรงกระบอก หัวท้ายแหลม

กลมยาว   เหมือน....เอิ่ม   ไอ้นั่นของผม ที่ทั้งใหญ่ ทั้งยาวไม่แพ้กัน ว่ะฮ่าๆๆๆๆ ( ถ้าเทียบจากการนำไปใช้งาน)

แต่แทนที่ผมจะจับห่วง...รึก็เปล่า.   ผมก็เลือกจะสอดมือผ่านตัวไอ้ต้นไป แล้วจับห่วงของมันที่อยู่ข้างหน้า

เสมือนผมกอดมันกลายๆ  ฮ่าๆๆ ฉลาดจริงๆกู  ขณะที่ผมกำลังยิ้มแป้น  ไอ้ตัวดีก็หันมาโวยวาย

“อะไรของมึงเนี่ย.... มาจับห่วงกูทำไม?”  น้ำเสียงมันดูรำคาญนิดๆ  ผมเฉไฉไปตามเรื่องตามราว

“ห่วงกูมันไม่ค่อยดีว่ะ  กลัวขาด  ทำไมมึงรังเกียจ?”   ผมต่อปากต่อคำกับมันต่อ

“ก็.....  เปล่า”    ไอ้ต้นพูดจบเรือก็ออกวิ่งทันที  ผมเห็นใบหูมันขึ้นสีแดงจัด ๆ  ถึงว่า มันน่ารักแบบนี้แหล่ะ

ไอ้เชี่ยพี่รักนี่ถึงตามเกาะมันเป็นปลิง  เรือยนต์ลากเรามาในเขตน่านน้ำลึก   แต่ก็ไม่ลึกถึงขั้นเป็นอันตราย

เรือที่ขับตรงดิ่ง  เอนตัวเลี้ยวอย่างรวดเร็วเพื่อทิ้งตัวเหล่านักเล่นบานาน่าโบ๊ทให้ได้ชิม “เกลือ”

จากน้ำทะเลเล่น   (ที่เราทำทั้งหมดนี้   ...เพื่อพิสูจน์ความเค็มสินะ - -   อยากบอกว่ากูรู้แล้วคร๊าบบบ)


“กรี๊ดดดดดดด// อ้ากกกกกกก”  แต่ละคนกรีดร้องราวกับ  ...  เอ่อ  ... กำลังถูกเชือดก็ไม่ปาน (ราวถึงผมด้วย)

กระจัดกระจายราวกับเทกระจาด   น่าแปลกใจที่อ๋อมตกแล้วโผ่มาใกล้ไอ้ภาคได้เสมอ

แต่ที่สุดยอดยิ่งกว่า.......  ไอ้เชี่ยภาคเอาน้องแพนมากอดไว้ในอ้อมกอดได้ไงหว่า  เหอะๆๆๆๆ 

ผมตะเกียกตะกายไปจับอ๋อมไว้ ให้โผ่พ้นน้ำแบบสมบูรณ์   อ๋อมสำลักเล็กน้อย   เหลือบมองคู่หวาน

ภาคแพน  เม้นปากนิด ...  ก่อนจะหันมายิ้มให้ผมที่กำลังเป็นที่พึ่งให้อ๋อมเกาะอยู่  ยิ้มๆ นิดพอให้มีความหวัง

หรือผมจะแค่คิดไปเอง  หลังผ่านช่วงชลมุน  พวกเราทั้งหลายก็ตะเกียกตะกายปีนขึ้น ไอ้เรือกล้วย

ที่มันหว่านเราทิ้งน้ำเมื่อกี้ ชิส์......  คิดว่าง้อเหรอว่ะ   (จริงๆก็ง้อครับ  ฮ่าๆ )  ผมปีนตามอ๋อมขึ้นไปนั่งข้างหลัง

เริ่มรู้สึกว่าผมลืมอะไรไป   ผมกวาดตาไปมองข้างหลัง    ชิบหาย.....  ไอ้พี่รักหน้ายิ้มแป้นเกาะตัวไอ้ต้นไม่ห่าง

ไอ้นี่ก็พาซื่อ เขาโอบจนแทบจะกอดมึงได้แล้วสัด  ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว  ผมมองมันด้วยสายตาขุ่นเคือง

ขณะที่ไอ้เชี่ยพี่รัก............แม่งยกยิ้มมุมปาก  เลว!!  สัดหมา!!  อยากตะโกนด่าแม่งให้รู้แล้วรู้รอด

ผมก็ยิ้มตามทำเนียมกลับไป  หลังจากปีนขึ้นเรือเสร็จ ก็ยื่นมือไปขณะที่มันทั้งคู่พึ่งว่ายมาถึงเรือกล้วยคันที่ว่า 


ไอ้ต้นจับมือผมที่รอดึงมันขึ้นมาบนเรือด้วยสีหน้าสงสัย หึหึ....  จะไม่สงสัยได้ไง ก็ผมเลื่อนถอยหลังกลับมานั่งที่เดิม

เว้นที่ว่างข้างหน้า +ข้างหลังไว้อย่างจงใจ  หันไปมองไอ้พี่รักที่ดูเซ็งนิดๆ  อยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

“เขยิบไปชิดหน้าดิ”  ไอ้ต้นพยักเพยิด  เชี่ย!!  อย่ามาต่อรอง มึงไม่มีสิทธิ์  แง่งๆๆๆ  ผมทำหน้าดุใส่มัน

“นั่งที่เดิมอย่าเรื่องมาก”  ว่าแค่นั้นก็กระชากไอ้ต้นให้รีบปีนขึ้นมา  มันปีนขึ้นมาเสร็จก็ถอนหายใจยาว

“เฮ้อ~    เอาแต่ใจ”  มันว่ากัดๆ ผม  แต่ผมไม่แคร์ ยื่นมือสอดผ่านเอวแล้วจับ ห่วงของมันอย่างเดิม

“ไม่อยากให้กูกอด?”  ผมถามมันเสียงเบาพอให้ได้ยินสองคน  ไอ้ต้นหลุกหลิกเล็กน้อย  ผมเลยพ่น


ลมหายใจละต้นคอมันเบาๆ  มันถึงได้หยุดขยุกขยิกเสียที  ผมหันมานั่งตัวตรง  ไอ้พี่รักก็เขถิบมาชิดผมทันที

“สรุปจะไม่ให้พี่จีบต้นใช่มั้ย?”  เสียงกระซิบที่ผมรู้สึกเหมือนเสียงนกเสียงกา  ไม่อยากจะใส่ใจ

แต่จะทำให้ทำเฉยก็ใช่ที่  เลยหันกลับไปสนองNeed เฮียแกเสียหน่อย

“แล้วพี่คิดว่าไงหล่ะ?”   ผมมองกลับแกกวนๆ เลย  เพราะไม่เห็นว่าจะมานั่งเก็กหน้าอีกทำไม ก็ในเมื่อ

ไก่เห็นตีนงู และงูเห็นนมไก่ขนาดนี้แล้ว   ต่างคนต่างรู้ความต้องการของอีกฝ่าย  ไอ้เชี่ยพี่รัก ยิ้มๆ

“หึหึ   เดี๋ยวก็รู้”  พูดจบแค่นั้นก็ถอยหลังกลับไปนั่งตามเดิม  ผมปล่อยมือจากห่วงด้านหน้าไอ้ต้น

หันมากอดคนตรงหน้าแน่นๆ  วางคางไว้บนไหล่คนหน้าบึ้งที่ส่งเสียงฟึดฟัดมาให้ได้ยิน จนรำคาญเอง

เลยกดจมูกลงซอกคออีกฝ่าย โชว์แม่งเลย  ...  หึหึ  เจออย่างนี้แล้วแม่งยังคิดจะจีบอยู่อีกมั้ย?

“เชี่ย...ปล่อย”  เสียงไอ้ต้นพึมพำเบาๆ  หูแม่งแดงจัดๆ อ่ะ  ผมยกยิ้ม แต่ก็ไม่ได้สนใจคำพูดมันอีกเช่นเคย

“อย่าดื้อ....เดี๋ยวคืนนี้กูเอาคืนสองเท่า   .....  เชี่ย!!”  ผมกระซิบตอบ  เผลอแป๊บเดียวไอ้ห่าเรือกล้วย

แม่งทิ้งทวนอีกแล้วเหรอว่ะ  ขณะที่กำลังทิ้งตัวลงน้ำ   .....  ศอกคนตรงหน้าก็กระแทกเข้าท้องผมอย่างจงใจ


“อุ๊ก!!”  “กรี๊ดดดดดดด /// อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก”   เสียงของผมที่ไม่มีใครได้ยินมันโดนกลบด้วยเสียง

ของเหล่าเหยื่อผู้มาพิสูจน์ความเค็ม  มือผมหลุดจากเอวเล็ก ๆ ของไอ้ต้น เอามากุมท้องตัวเองแน่น

เพราะมัวแต่ตกใจ ไม่ทันตั้งตัว เลยเผลอกลืนน้ำทะเลไปเต็มกลืน  สำลักน้ำทะเลอยู่หลายอึก

“แคร๊กๆๆๆ”   รู้สึกแสบทั่วโพรงจมูกและลำคอ   อ๋อมว่ายน้ำมาใกล้ๆ คว้าตัวผมเข้าไปหา สำรวจใบหน้าผม

สังเกตุอาการด้วยความห่วงใย 

“เป็นไรรึเปล่าไม้   ทำไมไม่กลั้นหายใจตอนจมน้ำหล่ะ”   อ๋อมว่าพลางลูบเบาๆ ที่หลังให้ผ่อนคลาย

อยากบอกอ๋อมว่า  (อ๋อมครับ.....มันติดเสื้อชูชีพอ่ะ)  แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร  ยิ้มน้อยๆ ให้อ๋อมเบาใจ

“ไม้ลืมน่ะ  ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ขอบใจอ๋อมมากนะครับ”   พูดกับอ๋อมแต่ตาผมเหลือบไปมองไอ้ต้น

ด้วยความโกรธเคือง  แม่ง....เล่นแรงไปแล้ว

“ไม่เป็นไรจริงเหรอ จมูกแดง หน้าแดง ตาแดงหมดแล้วเนี่ย?”  อ๋อมเอามือมาลูบหน้าผมเบาๆ  ผมก็ยิ้มหวานชื่น

รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกแฮะ ยื่นหน้าแป้นแล้นให้อ๋อมลูบเต็มที่ แล้วยิ้มหล่อๆ ไปให้กะให้หลงสักที 

แต่เห็นอ๋อมส่ายหน้าขำ

“ทะเล้นตลอดเลยนะ  ไม้เนี่ย ... ป่ะขึ้นเรือกัน”   อ๋อมพูดยิ้มๆ  เราทั้งคู่ว่ายเข้าหาเรือกล้วยที่คาดว่าจะพาเราขึ้นฝั่ง

ผมไม่ได้สนใจไอ้ต้นอีก  ถ้ามันอยากจะมีความสุขกับไอ้เชี่ยพี่รักนักก็ตามใจ

.

.

.

เรือขึ้นมาถึงฝั่งก็กินเวลาบ่ายกว่าๆ  เรียกว่าหิวกันทั้งลำ   ตะเกียกตะกายจ่ายเงินค่าเรือแสนสนุก

ก็มายืนรวมตัวกันอยู่ใกล้เรือกล้วยเมื่อครู่  แต่ละคนลูบท้องตัวเองป้อยๆ

“หิวมั้ยครับ?”  ไอ้ภาคโน้มตัวลงไปถามน้องแพน  ลูบหัวน้องเบาๆ น่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ ไอ้ตัวเล็ก

ก้มหน้ามองพุงตัวเองแล้วหันมายิ้มน้อยๆ กับไอ้หล่อ กางเกงขาสั้นเหนือเข่า 

เสื้อยืดพอดีตัวที่เปียกชุ่ม  ผิวขาวๆ พอๆ กับอ๋อม ใบหน้าแดงปลั่งเพราะแดดเลีย ถึงจะดูน่ารักดี 

แต่สำหรับผมยังไงก็แค่.....เด็กผู้ชายคนหนึ่ง    แต่กับคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน  ผิวขาวๆ ตัดกับผมยาวดัดรอนโต

สีดำสนิท  ริมฝีปากอิ่มเรื่อดูน่าชิมทุกครั้งที่มอง  ใบหน้าหวานที่มีดวงตากลมโต ขนตางอนงามเป็นแพ

ยามเปียกเช่นนี้  เสื้อผ้าเข้ารูปรัดเข้าหารูปร่างสมส่วนที่ซ่อนอยู่  จนผมเผลอกลืนน้ำลายหนักๆ

อก(ที่ดูจะเกินมาตรฐานนิดๆ)  เอวคอดกิ่วที่บรรสาวๆ แสวงหา  สะโพกผายกลมกลึงน่าสัมผัส 

เพียงแค่คิดอะไรก็ตื่นตะลึงไปถึงไหน .....  ก็อย่างว่าตามประสาผู้ชาย  ของสวยๆ งามๆ อยู่ใกล้ๆ ก็อยาก

จะครอบครองเชยชม  ขณะที่เผลอมองจ้องอ๋อมอย่างเพลิดเพลิน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดผม

“งั้นไปกินร้านริมทะเลตรงโน้นกัน  พี่รักบอกว่าไปลองกินมาแล้วอร่อยแถมถูกด้วย”  ไอ้ต้นว่า พี่รักพยักหน้าสนับสนุน

“อืม  ราคาถูกนะ อร่อย แถมอาหารสดมากๆ ด้วย เมื่อวานพี่ไปกินกับเพื่อนมา  รสชาดใช้ได้เลยหล่ะ

มีใครสนใจมั้ย?”   ผมเหล่ตาไปมอง เห็นไอ้พี่รักยืนซ้อนอยู่ข้างหลังตามติดไอ้ต้นไม่ห่าง ว่าจะไม่หงุดหงิดแล้ว

แต่ทำไมรู้สึกไม่สบอารมณ์ขนาดนี้ก็ไม่รู้  ทุกคนเห็นด้วย ยกเว้นผม...ที่ไม่ออกความเห็นเดินตามไปเงียบๆ

ไอ้ต้นชำเลืองมองผมเล็กน้อยอย่างคนรู้สึกผิด แต่ผมก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกไป  ทั้งที่ปกติมันเกาะติดผมจะตาย

แต่วันนี้มันกับอยู่ข้างๆ ไอ้พี่รักนั่นแจ  หรือว่า.....มันจะดีแล้วว่ะที่เป็นแบบนี้   แล้วความรู้สึกไม่สบายใจนี่หล่ะ

มันคืออะไร  ผมหวงมันเหรอ?  ...  ก็คงใช่หล่ะม้างนะ  เพราะมันอยู่ใกล้จนเผลอคิดไปว่ามันเองเป็นของผม


เลยรู้สึกหวงอย่างนี้    ผมพูดคุยกับอ๋อมตลอดทางเราหัวเราะกันได้ตามปกติ  แต่ความรู้สึกในใจบางอย่างที่คลุกกลุ่น

ผมก็พยายามเก็บซ่อนมันไว้ในใจ   ผมมีสิทธิ์อะไรหล่ะ?   ที่จะไปขัดขวางความรักชาวบ้านแบบนี้

ยิ่งเป็นคนที่มันรู้สึกดีด้วย  ผมเองก็รู้สึกได้เวลาไอ้ต้นอยู่กับพี่รัก  ...  ดูมันมีความสุข ยิ้มกว้างได้เต็มที่

เสียงหัวเราะ พูดคุย สนุกสนาน  ราวกับกำลังเปิดเผยความเป็นตัวเองได้อย่างชัดเจน

สีหน้า   แววตา  หรือแม้กระทั่งคำพูด  ช่างดูไหลรื่นราวกับพูดคุยกับคนที่สนิทและรู้ใจ 

ผมถอนหายใจเบาๆ  ตัดสินใจว่าจะไม่เข้าไปยุ่งดีกว่า  ...   ถึงคนๆ นั้นที่ไอ้ต้นมันจะคบ เป็นผู้ชาย

มันก็ไม่ทำให้ความเป็น “เพื่อน”  ระหว่างผมกับมันเปลี่ยนไป  แม้เวลาจะมีให้กันน้อยลง

แต่ผมเชื่อ...ว่าความผูกพันธ์ของเรา  มันจะมีอยู่เท่าเดิม  ...  อย่างแน่นอน

หลังจากสั่งอาหาร จนอาหารมาเสิร์ฟ และเริ่มทะยอยตักเข้าปาก  ต่างฝ่ายก็ต่างคุยกับคู่ของตัวเอง

จนมีแขกพิเศษที่ดี  เปิดคำถามระหว่างผมกับอ๋อมขึ้นมา  ทำเอาทั้งโต๊ะยกยิ้มๆ ไปตามๆ กัน

“ไม้กับอ๋อมเป็นแฟนกันใช่รึเปล่าครับ?”   พี่รักถามยิ้มๆ  ขณะที่ผมก็ยกยิ้มตอบ

“ผมน่ะเป็นแฟนอ๋อมครับ  แต่ไม่รู้เมื่อไหร่อ๋อมจะยอมเป็นแฟนผม”  ผมแอบหยอดเล็ก ๆ

อ๋อมตีที่แขนผมเบาๆ ด้วยความเขินอาย

“ไม้อ่ะ  ดูพูดเข้า  ไม่ใช่ค่ะพี่รัก  เราเป็นเพื่อนกันเฉยๆ เน๊าะ ไม้นิชอบพูดเล่น” อ๋อมหันไปพยักเพยิดกับไอ้ต้น

ซึ่งมันก็ยิ้มนิดๆ

“ฮิ้วววววววว  .....ไม่อายหมาเลยครับบ” ส่วนไอ้ภาคผิวปากแล้วแซวผม ได้ยินเสียงหัวเราะครื้นเครงตามมา 

แต่ผมกลับไม่รู้สึกว่าไอ้ต้นมันจะรู้สึกอะไร  ก็แค่เห็นมันเงียบๆ  กินข้างตรงหน้าต่อไปเรื่อย ๆ มีรอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้น

“แล้วถ้าจริงอ๋อมจะยอมคบกับเรามั้ย?”    ผมถามกลับด้วยสีหน้าจริงจัง  เห็นอ๋อมอมยิ้มผลักหน้าผมเบาๆ

“พอเลย ชอบแกล้งเรานะไม้ ไม่คุยด้วยแล้ว”  เสียงหัวเราะเล็ก ๆ ของอ๋อมเพื่อเบี่ยงประเด็น  ผมก็ไม่ได้ถามต่อ

ทุกคนหันไปเปลี่ยนเรื่องคุย    พวกเราตกลงกลับไปพักผ่อนก่อนค่อยเจอกันตอนเย็นๆ เนื่องจากไปจะไปตกหมึกกัน

แล้วในวันรุ่งขึ้นก็จองทัวร์ ดูประการังหาเกาะกันเรียบร้อยแล้ว  แน่นอน....มีแขกพิเศษตามติดมาทุกที่


หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เหตุเกิดบนบานาน่าโบ๊ท P.12 UD 10/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-03-2013 16:16:00
เชียร์ให้ต้นเป็นแฟนกับพี่รักไปเลยละกัน
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เหตุเกิดบนบานาน่าโบ๊ท P.12 UD 10/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 10-03-2013 16:17:55
เบื่อไม้แล้ว      ต้นคู่พี่รักก็ได้นะ  ปล่อยไม้มันไปเหอะ  :m16:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เหตุเกิดบนบานาน่าโบ๊ท P.12 UD 10/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: udongjay ที่ 10-03-2013 20:17:22
เริ่มเบื่อไม้อ่ะ บ้าบอไม่รู้ใจตัวเองซะที
สงสารต้นจัง
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เหตุเกิดบนบานาน่าโบ๊ท P.12 UD 10/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: capool ที่ 10-03-2013 22:02:06
ไอ้ไม้! ช่างน่าหมั่นไส้ยิ่งนัก :fire: ต้นคบพี่รักไปเลยอย่าไปสนใจมัน ชิ...โมโห รีบๆมาต่อนะคะอยากอ่านตอนต่อไปจะลงแดงอยู่แว๊วววววว
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เหตุเกิดบนบานาน่าโบ๊ท P.12 UD 10/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 10-03-2013 22:12:09
สงสารต้นยังไงก็ไม่รู้ ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับต้น ก็อย่าทำแบบนั้นสิไม้
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เหตุเกิดบนบานาน่าโบ๊ท P.12 UD 10/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: maewmheaw ที่ 11-03-2013 00:27:54
 :m31: :fire: สงสารต้นอ่ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เหตุเกิดบนบานาน่าโบ๊ท (Plus) P.12 UD 11/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 11-03-2013 00:34:01
ตอน  เหตุเกิดบนบานาน่าโบ๊ท  (Plus)





ผมกลับมาถึงห้องสักพักแล้ว...ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเพื่อออมแรงไว้สำหรับตอนเย็นนี้ที่เราจะไปตกหมึก

กว่าจะเสร็จคงราวๆ เที่ยงคืน  ฉะนั้นตอนนี้ต้องรีบเก็บแรงเอาไว้ก่อน   ไอ้ต้นยังไม่กลับ

หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จ ไอ้ภาคกับแพน อ๋อมและผม  ก็มุ่งตรงมาที่ห้องทันที  แต่ไอ้ต้นเห็นว่า

พี่รักชวนไปดูอะไรสักที่นี่แหล่ะ  ผมไม่ได้ถามก็แค่...มองตามเฉยๆ   สุดท้ายก็ยอมละสายตาออกมา

เมื่อมันอยู่ไกลจนมองไม่เห็น เดินคุยกับอ๋อมเรื่อยเปื่อย รู้สึกเสียสมาธินิดหน่อย  แต่ก็นะผมห้ามไม่ได้อยู่แล้วนี่

รอยยิ้มของพี่รักครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินไป  เป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหวังแพรวพราวสำหรับผม

ฉะนั้นผมจะเกลียดว่าที่แฟนเพื่อนก็ใช่ที่  ตอนนี้เลยทำใจเพื่อให้ไม่ให้เป็นปรฏักกันจะดีกว่า

แม้จะขัดใจนิดๆ  แต่ก็ต้องทำใจ  ถึงจะบอกว่าอย่างนั้นก็จริง   แต่เอาเข้าจริงๆ ก็รู้สึกกังวล หงุดหงิดตลอดเวลา

พอเดินมาถึงห้องพักล้างหน้าล้างตาเสร็จ ก็ทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับตา ปล่อยให้สมองคิดอะไรเรื่อยเปื่อย

สรุปเรื่องราวที่คิดวกไปวนมาจนเบื่อได้ว่า “ผมเสียใจ”   แต่เสียใจเรื่องอะไรนั้นผมไม่เข้าใจ  รู้แต่ว่า..


มันมีไอ้ต้นเข้ามาเกี่ยว   เพราะมัวแต่คิดอะไรเพลินไม่รู้อีกฝ่ายเข้ามาตอนไหน  รู้สึกตัวอีกที

เตียงก็ยวบลงตามน้ำหนักของคนข้างๆ ตัว  ผมลืมตาขึ้นมองมันนิดนึง เห็นมันหลับตาเอามือก่ายหน้าผาก

ผมเลยเอื้อมมือไปโอบกอดมันเอาไว้  มันเป็นความเคยตัว  ถ้าไม่ได้กอด....มักจะนอนไม่หลับ

“ยังไม่หลับเหรอ?”  ไอ้ต้นเอ่ยถาม  ขณะที่เราทั้งคู่กำลังหันมากอดก่ายกัน

“อือออ   ไม่ได้กอดมึงนอนไม่หลับหว่ะ  หึหึ”   ผมตอบเสียงเบาทั้งที่หลับตาอยู่อย่างนั้น อยากกอดมันแน่นๆ

อยากจูบ อยากหอม  อยากทำทุกอย่างที่บ่งบอกว่าผมเป็นเจ้าของมัน  แต่ก็ไม่ได้ทำ  ได้แค่นึกอยู่ในใจ

“หึหึ  ปากดีเดี๋ยวเป็นแฟนกับอ๋อมแล้วขี้เกียจจะลืมกู”   ไอ้ต้นว่า เอามือเกลี่ยผมที่ละหน้าผมเบาๆ

ผมลืมตาขึ้นมอง  ทำไมน้ำเสียงมันถึงได้เศร้าขนาดนั้น ...  ถ้าผมไม่รู้ว่ามันชอบผู้หญิงผมคงคิดว่ามันรักผมแน่ๆ

“ทำไมว่ะ  กูเป็นคนลืมง่ายขนาดนั้นเหรอ?  ถึงกูจะมีใครสักกี่ร้อยกี่พันคนเข้ามากูก็ไม่คิดจะลืมมึงหรอก 

มึงมันเป็นคนพิเศษในชีวิตกู เป็นคนที่กูไม่คิดจะลืมมึงแน่ๆ ทั้งชีวิตนี้  ต่อให้ตายกูก็ไม่ลืม 

หึหึ...จะมีก็แต่มึงนั่นแหล่ะที่ลืมกู  ถ้าคบกับไอ้พี่รักแล้วมึงก็คงลืมกูไปจากมึงจริงๆ”   รู้สึกว่า...

น้ำเสียงตัวเองทำไมถึงเศร้าจังวะ  เศร้าพอๆ กับไอ้ต้น เราอาจจะเป็นคนพิเศษของกันและกัน  ผมเอง

ก็ไม่อาจนิยามได้ว่าความรู้สึกที่มีให้มัน  มันเป็นแบบไหน มันผสมปนเปกันไปหมด  มันเป็นเพื่อนที่ดี

ในขณะเดียวกัน ผมก็ทั้งรัก  ทั้งห่วง  ทั้งหวง  อยากดูแล อยากยืนอยู่ใกล้ๆ มัน  มันแทรกซึมอยู่ทุกความรู้สึก

แต่ว่า.... ไม่ชัดเจนสักอย่าง  ไม่เหมือนอ๋อม ....ที่ผมรู้ได้ทันทีว่ารัก  ว่าศรัทธา  อยากเป็นคนๆ นั้นที่เธอมอง

แต่กับไอ้ต้นเราเป็นผู้ชายด้วยกัน  เป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กจนโต  อยู่ด้วยกันมานาน

นาน...เสียจน   ผมเองก็กลัวที่จะข้ามผ่านเส้นบางๆ ระหว่างเราไป  กลัว....ว่าสักวันมันจะไม่เหมือนเดิม

ผมเองจะไม่มีมันที่จะยืนอยู่ข้างกันอย่างทุกวันนี้   สิ้นเสียงของผม เราทั้งคู่ก็มองสบตากัน

มันเหมือนมีบางอย่างที่ตะโกนร่ำร้องอยู่ภายในใจ  ต่างคน ต่างก็กลัวจะจางหายไปจากใจของอีกคน

ริมฝีปากที่ค่อยๆ สัมผัสกัน  มันอ่อนหวานเสียจนไม่กล้าละปากออก  ความโหยหาบางอย่างที่ซ่อนอยู่


ถูกถ่ายทอดผ่านเรียวลิ้นที่แทรกอยู่ในปากของอีกฝ่าย  เราจูบกันอยู่เนิ่นนาน  ก่อนจะละปากออก

แล้วนอนกอดกันเฉย ๆ  แต่แนบแน่น  ลมหายใจแผ่วเบาลดลำคอของกันและกัน  แค่นี้ก็อุ่นเหลือเกิน

“มึงจะมองอยู่อย่างนี้อีกนานเท่าไหร่ว่ะ  เมื่อไหร่ถึงจะบอกอ๋อมจริงๆ จังๆ เสียที”  ไอ้ต้นทำลายความเงียบงัน

ผมเหลือบตามองมันเล็กน้อย  บางครั้ง....  ผมก็ไม่อยากให้มีเรื่องอะไรที่ต้องเข้ามาแทรกระหว่างผมกับมัน

“ที่กูทำอยู่ทุกวันนี้ยังไม่พอ?”  ผมถามกลับไป  จริงๆ ไม่ได้สนใจจะตอบมันเท่าไหร่ ไอ้ต้นเงยหน้ามองสบตาผม

ผมเห็นแววตาที่จริงจังอยู่ในนั้น

“ถามจริงมึงเคยสารภาพรักกับเค้า  ขอคบเค้าแบบเป็นทางการสักทีรึยัง  กูเห็นมึงก็แค่พูดเล่นอยู่ทุกที

แล้วจะให้ผู้หญิงเค้าจริงจังด้วยได้ยังไง  อย่าลืมว่าเมื่อก่อนตัวมึงเองเจ้าชู้มากขนาดไหน  อุ๊บ!  เชี่ยอะไร?” 

ผมกดจูบ ที่ปากมัน  พร้อมดูดริมฝีปากล่างมันแรงๆ อีกที   ไอ้ต้นทำตาขวางมองผม

“มึงว่ากู”  ผมบอกมันงอนๆ


“กูว่าอะไร”  มันหันมายกคิ้วถามกวนๆ

“มึงว่ากูเจ้าชู้~ ”  ผมลากเสียงยาวๆ ใส่หน้ามัน  มันหัวเราะขำ ๆ 

“ประสาท  หรือที่กูพูดไม่จริง”  มันหันมาถาม  ผมพยักหน้าหงึกๆ

“จริง”  คราวนี้ ไอ้ต้นหัวเราะจนตัวงอเลยทีเดียว  ผมก็มองมันยิ้มๆ ก่อนจะหอมแก้มมันเบาๆ

“มึงจะให้กูสารภาพอ๋อมจริงๆ เหรอ?”  มันพยักหน้า  กลับเข้าสู่โหมดจริงจังอีกครั้ง

“อืมกูจะลองคิดดู” ผมตอบรับไปในที่สุด

“มึงไม่ต้องคิดแล้ว  ที่นี่ทะเลนะโว้ย  โอกาสดีๆ แบบนี้หาได้ไม่อยาก อย่ารอ เพราะเวลาไม่เคยรอใคร”

“แล้วมึงหล่ะ  ....  จะเปิดโอกาสให้ไอ้พี่รักนั่นจริงๆ เหรอ  มึงรู้ใช่มั้ยว่ามันคิดอะไรกับมึง?”  ผมหันไปถาม


ด้วยสีหน้าจริงจังไม่แตกต่าง  เพราะในความรู้สึกผมนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่จะแซวกันให้สนุกๆ เท่านั้น

“บางทีนะ....   บางครั้งกูก็ควรมีใครสักคนอยู่เคียงข้าง”

“มึงชอบผู้ชาย?”

“เปล่า...  เอ่อ... กูไม่รู้ว่ะ กับบางคนเท่านั้นที่กูรู้สึกแบบนั้น”

“และคนๆ นั้นก็คือพี่รัก?”

“........”  มันเงยหน้ามามองผม  เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง   ...  แล้วก็เงียบไป  ผมดึงมันมากอด


“ไม่เป็นไรกูเข้าใจ  สำหรับกูมึงเป็นทุกๆ อย่างของกูอยู่แล้ว กูจะเป็นกำลังใจให้ ไม่ว่ามึงจะเป็นยังไง

กูก็จะรักมึงเหมือนเดิม” 


หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เหตุเกิดบนบานาน่าโบ๊ท (Plus) P.12 UD 11/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 11-03-2013 00:54:38
 :m15: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เหตุเกิดบนบานาน่าโบ๊ท (Plus) P.12 UD 11/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: mildsoshi ที่ 11-03-2013 00:58:05
 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เหตุเกิดบนบานาน่าโบ๊ท (Plus) P.12 UD 11/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 11-03-2013 09:19:04
ไม้นี่น่าหงุดหงิดจิงๆเลย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เหตุเกิดบนบานาน่าโบ๊ท (Plus) P.12 UD 11/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: maewmheaw ที่ 11-03-2013 09:23:21
 :sad4:  :o12: :z3:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เหตุเกิดบนบานาน่าโบ๊ท (Plus) P.12 UD 11/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 11-03-2013 12:43:16
เฮ้อ แลตัวละครปัญหาก็เพิ่มนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เหตุเกิดบนบานาน่าโบ๊ท (Plus) P.12 UD 11/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 11-03-2013 13:42:04
ไม่รู้ว่าจะสงสารไม้ดีหรือว่าจะตบหัวดีน่ะ  :เฮ้อ: เราว่าไม้รักต้นแหละ แต่ยังไม่สามารถก้าวข้ามความเป็นเพื่อนไปได้ไม่งั้นก้อคงตามตื้ออ๋อมแบบจริงจังตามที่ต้นบอกแล้วล่ะ ยังไงขอให้รู้ใจตัวเองเร็ว ๆ แล้วกันก่อนที่จะกลายเป็นรักหลายเส้าไปน่ะ  :m15:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เหตุเกิดบนบานาน่าโบ๊ท (Plus) P.12 UD 11/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 11-03-2013 19:46:43
อิไม้จะโง่ไปไหนเนี่ย เพื่อนบ้าอะไรจะจูบ กอดกันโดยไม่ตะขิดตะขวงใจต่อให้เป็นเพื่อนสนิทก็เหอะ ของแบบนี้มันต้องทำกับคนที่เรารักใคร่ชอบพอเท่านั้นย่ะ รีบๆฉลาดหน่อย เดี๋ยวก็โดนแย่งหรอก
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เหตุเกิดบนบานาน่าโบ๊ท (Plus) P.12 UD 11/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 12-03-2013 21:01:07
ไม้ไม่เลิกสับสนกับความรู้สึกของตัวเองสักทีนะ
ปากก็บอกว่าชอบอ๋อมแต่การกระทำกับคำพูด
เหมือนแย่เล่นๆๆมากกว่าแล้วเมื่อไหร่จะรู้ใจกัน
ล่ะคู่เนี่ยะสำหรับต้นคงรักไม้เข้าไปเต็มเปา
ไม่งั้นไม่ยอมขนาดนี้หรอกเศร้าจริงๆๆๆ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เหตุเกิดบนบานาน่าโบ๊ท (Plus) P.12 UD 11/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 12-03-2013 22:53:34
ไม่มีไรจะเมนท์เพราะคนแต่งคงไม่เปลี่ยนบท 555 ตามนั้นค่ะ แต่ขอ request คู่หลักบทเยอะกว่านี้หน่อยค่ะ รำคาญคู่รอง ทั้งสอง สาม สี่ คนเลยอะ รำคาญหมดเลย 5555
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ผีผลัก P.12 UD 15/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 15-03-2013 00:19:05
ถึงจะพยายามโพส ....   แต่ขอบอกว่า......Audit ยังไม่จบง่ะ




ตอน ผีผลัก





ยื่นมองอยู่ตรงนี้ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ทำยังไงก็ตัดใจละสายตาจากภาพตรงหน้าไม่ได้จะให้บอกว่า

เจ็บปวดหรือดีใจดีหล่ะ ในเมื่อผมเองก็เลือกไม่ถูก เห็นแต่ภาพไอ้ไม้กำลังกอดกับอ๋อมแนบแน่น

ไม่ถึงกับได้ยินคำสารภาพรักหรอก เพราะไม่มีความกล้าพอที่จะเข้าไปใกล้ขนาดนั้น

ได้แต่มองอยู่ห่างๆ เพราะผมยุมันเอง ไม่รู้มันจะเฝ้ารอไปทำไม. ไม่รู้มันจะเฝ้ารอไปถึงเมื่อไหร่

ในเมื่อความรักในแบบของมันไม่จำเป็นต้องปิดบังสักนิด ไม่เหมือนความรักในแบบของผม

ที่ไม่มีโอกาสที่จะได้บอกแม้กระทั่งความในใจ ยืนรออยู่อย่างนั้นจนรู้สึกว่าหัวใจมันอ่อนล้า.

ไม่กล้าพอที่จะพูดคำว่ายินดีด้วย เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนผละออกจากอ้อมกอดของกันและกัน

ก็ถึงเวลาที่ผมจะต้องหลบไปเลียแผลใจของตัวเองบ้าง  ทะเล....จะมีที่ไหนให้ผมหลบซ่อนตัวได้หนักหนา

เดินเอื่อยๆไปตามริมหาด หยิบหูฟังขึ้นใส่ฟังเพลงเดิมๆที่เล่นซ้ำไปซ้ำมาไม่เคยเบื่อ

ในช่วงเวลาที่ตะวันกำลังลาลับขอบฟ้า เหงา....จนจับใจ เกินกว่าจะห้ามน้ำตาตัวเองไม่ให้ไหล.

ก้มหน้ามองพื้นทราย เดินเอื่อยเฉื่อย คอยนับหยดน้ำตาตัวเองที่ร่วงหล่นไปตามพื้น

ม่านน้ำตาปิดบังจนตาพร่ามัว ไม่เคยคิดสักนิดว่าการปล่อยมือจากใครบางคนจะทำให้เจ็บปวดใจ

ได้มากขนาดนี้ แต่อย่างน้อยผมก็ดีใจที่ไอ้ไม้มันได้สมหวังในความรักเสียที

"ฮัลโหล" เสียงที่กรอกมาตามสาย

"ต้นเองพี่อยากเมาอ่ะ มากินเหล้าเป็นเพื่อนหน่อยดิ"

"นึกคลึ้มยังไงหล่ะเรา  แล้วเพื่อนๆ เราไปไหนซะหล่ะ”

“โหยพี่ ...ไม่อยากไปก็บอกมา อย่าลีลาได้ป่ะ”

“ว่าไปนั่น หึๆ...  ไปดิเดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อนกำลังเหงาเลย  ว่าแต่เราอยากไปร้านไหนหล่ะ"

"ไม่รู้ดิ พี่เคยไปร้านไหนก็ไปร้านนั้นก็ได้ครับ  ผมไม่ใช่เจ้าถิ่น"

"อืมๆ  ตามนั้น แล้วตอนนี้เราอยู่ไหนเดี๋ยวพี่ไปรับ"

"อยู่หน้าร้านxอ่ะครับ  อยู่ริมทะเล ตรงที่มันมีชิงช้าชาลีอ่ะพี่  อืมๆๆ โคมสวยๆนั่นแหล่ะครับ ผมยืนรอ"

“อืมเดี๋ยวเจอกัน"

ผมเดินวนไปวนมาอยู่บริเวณเดิม ๆ ไปๆ กลับๆ  เพียงเพื่อไม่อยากให้ตัวเองหยุดนิ่ง ก้มหน้ามองน้ำทะเล

ที่เห็นฟองสีขาวกระจายตามพื้นหาด เสียงไฟที่สาดส่องมาเพียงพอให้ที่ตรงนี้มองเห็นได้อย่างชัดเจน

คราบน้ำตาก่อนหน้านี้เหือดแห้งลงหมดแล้ว  เป็นเพราะผมเองอายเกินกว่า .....จะร้องไห้ให้ใครเห็น

จรดสายตาจ้องมองที่ฝ่าเท้าตัวเองที่มันค่อยๆ ก้าวเดินออกไป  ได้แต่ตะโกนบอกตัวเอง

“มึงต้องเดินไปข้าง  อย่าเสียใจทุกๆ มันเป็นสิ่งที่ควรจะดำเนินไปอยู่แล้ว  เค้าควรจุคู่กันอยู่แล้ว”

พอคิดถึงตรงนี้ก็ต้องหลับตาลงเสียเฉยๆ  ความห่อร้าวของความเจ็บปวด บีบบังคับกระบอกตา

ให้ปิดลงดื้อ  สองเท้าที่ก้าวย่างหยุดลงแค่ตรงนั้น  แค่พยายาม....จะไม่ร้องไห้  บังคับให้ฝ่าเท้า

ก้าวออกไป  ในเส้นทางที่เดินแล้วเป็นสิบๆ รอบ  บนพื้นทรายที่จรดกับทะเล หลับตาอยู่อย่างนั้น

ปล่อยให้ขาก้าวเดินไป

.

.

.

“ปึก!!”   ผมลืมตาขึ้นอย่างตกใจ เมื่อร่างชนโครมเข้าให้กับใครสักคนหนึ่ง  เห็นรอยยิ้มเท่ห์ๆ จากมุมปาก

ที่ฉีกว้างจากมุมซ้ายไปยังมุมขวา  เขี้ยวเล็กๆ พอให้ดูเป็นเสน่ห์ชวนหวั่นไหว  เสียก็ตรงที่ผมไม่ยักก็หวั่นไหว





“พี่รัก”  พี่รักเอามือลูบหัวผมเบาๆ  แล้วยังส่งยิ้มเก๋ๆ มาให้

“เป็นไงเราเหม่อขนาดนี้เลยเหรอ”   พี่รักถามขำ  ก่อนจะขยี้หัวผมเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ผมก็รู้สึกอบอุ่นนะ

ในแบบของพี่ชายที่ดูแลเรา   แต่ไม่ได้นึกพิศวาส อยากจะกอดหรือทำอะไรต่อมิอะไรแบบไอ้ไม้   แค่รู้สึกเฉยๆ

ทั้งที่รู้ว่าพี่เค้ามีวัตถุประสงค์อะไร  แต่ผม....ก็ไม่เคยปฏิเสธอย่างชัดเจน  ปล่อยให้มันคลุมเคลืออยู่ในมุมมืด

แบบนั้น  แบบที่ผม...กำลังเก็บงำหัวใจตัวเองอยู่ให้มันซ่อนลึกที่สุด   ผมเสยผมตัวเองเล็กน้อยพอให้เป็นทรง

แล้วหันไปตอบอีกฝ่ายยิ้มๆ   คงเป็นแค่ยิ้มแบบจืดๆ  เพราะไม่มีอารมณ์จะปั้นหน้ามากนัก

“ไม่ไงหรอกพี่  เบื่อๆ มีแต่คนมีคู่ ผมเป็นหมาหัวเน่าแล้ว  ไปกินเหล้าแก้เซ็งกัน”  รีบเปลี่ยนประเด็นทันที

“เออ  หัวอกเดียวกัน ป่ะไปได้แล้ว”  พี่รักเอาแขนมาโอบที่ไหล่ผมแล้วดันให้เราเดินไปพร้อมกัน

..

.



“เห้ย!!  เบาๆ เดี๋ยวเมาหรอกต้น ใจเย็นดิว่ะ”   พี่รักยื่นมือมายื้อ แก้วเหล้าออกจากมือผม  ผมได้แต่มอง

อย่างเสียอารมณ์  แต่ก็ไม่อาจจะต่อกรอะไรได้  ในเมื่อกินไปแค่ไม่ถึงสามแก้ว ตอนนี้ก็เมาแทบหัวทิ่ม

“โหยยยยย  พี่อย่าแกล้งดิวะ ผมอยากดื่มมม”  ทั้งที่ตาแทบปิด แต่ผมก็ยังอยากจะเมาอยู่ อยากเมาให้ลืม

ลืมภาพที่เห็นเมื่อเย็นให้หายไป  ทั้งที่ตัดใจแล้ว คิดแล้วคิดอีกว่าจะไม่เป็นไร  แต่ทำไม...เจ็บปวดใจขนาดนี้

ซุกหน้าลงบนโต๊ะ ง่วงเสียจนลืมตาขึ้นมองโลกไม่ไหว  อยากหนีไป....  หนีไปให้ไกลความเจ็บปวดนี้

.

.

.

.

“อืมม~”   ผมส่งเสียงครางเบาๆ   ทำไมรู้สึกมึนหัวอย่างบอกไม่ถูก  เหมือนร่างกายมันถูกเหวี่ยงไปมาหลายร้อยที

ค่อยๆ ลืมตามองสิ่งรอบข้าง ที่นอกจากจะมืดสลัว  แล้วยังรอบล้อมไปด้วยต้นมะพร้าว

(มีต้นมะพร้าวเพื่อ?// ไว้ให้มึงปีนไงต้น  - -)     อ้อ... มีเสียงน้ำทะเล ชายหาด  ตอนนี้ผมอยู่ริมทะเลสินะ

อ้อ...  และอีกอย่าง  ที่ผมรู้สึกโครงเครงอยู่นี่  ก็เพราะกูถูกแบกอยู่สินะ    ผมทุบหลังคนที่แบก

ไปสองสามตุ๊บ ใหญ่ๆ เพราะบังเอิญว่าไอ้เหล้าที่กระเดือกไปตอนเย็น มันรวมพลชวนอาหารมื้อเย็น


ที่กระเดือกไปก่อนหน้าขึ้นมาจ่อที่คอหอย 

“อุ๊บ~   อ็อก...”   เมื่อสารถีจะรู้ดียังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป  แค่ส่งเสียงเล็กน้อย พร้อมๆ กับ

ร่างกายสั่นกระตุกจากอาการของขึ้น (มาถึงคอหอย)  มันก็ปล่อยผมลงกับพื้นทราย ถึงกับเซเล็กน้อย

แต่ก็ไม่รู้ว่าขาเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ถึงได้วิ่งปรู๊ดทันใจ  ไปหาต้นมะพร้าวมีกรรม นั่งแปะลงทราย

มือก็ขุดๆๆๆๆๆๆๆ  จนไอ้คนมาด้วยร้องถามด้วยความสงสัย  ซึ่งผมยังไม่ได้ยังไม่รู้ว่ามันเป็นใคร


เพราะตอนนี้กูไม่มีรมย์จะสังเกตุว่ะ



“ต้นมึงทำอะไร”   ถามเสร็จ แม่งก็เดินเข้ามาใกล้  ส่วนผมที่ขุดจนได้หลุมที่น่าพอใจ  แต่ตอบไม่ได้



เพราะของเก่ามันเริ่มพองเต็มปาก



“อ็อก ๆ....  อ้วววววววก     อ้ววววววก  อ้วววววววววววก”   สามรอบติดหมดไส้เลยทีเดียว         

เสร็จกิจ   ผมก็กวาดทรายที่โกยขึ้นมากลบลงไปในหลุมอ้วก   โฮะๆๆ   ผมเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง

ตานี่แทบจะหลับไปกลับพื้นทราย  ใต้ต้นมะพร้าวเลยทีเดียว ขณะที่ตากำลังปรือปรอยก็ได้ยินเสียงแปลกๆ

เลยพยายามมองหา  ว่าใครเป็นเชี่ยอะไรว่ะ

“คึ...คึคึ....หึ...หึหึ....โอ้ยไม่ไหวแล้ว  ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ตลกชิบหาย  ไอ้ห่าต้น  ฮ่าๆๆ”  มันหัวเราะจนตัวงอ

ทั้งที่ผมยังมองไม่ชัดเลยว่าแม่งเป็นใคร  แต่รู้สึกไม่พอใจสุดๆ เลยด่าให้แม่งรู้สึกตัว

“สัด...พ่องตาย”   ด่าจบก็ทิ้งตัวนอนลงหาด

“เอ๊า  เชี่ยนี่ หึหึ ....ไม่ขำก็ได้  อ่ะมึงล้างปากก่อน ดีน่ะว่ากูว่าแล้วว่ามึงต้องอ้วกชัวร์ ฮ่าๆๆ แม่งฮา” มันว่า

ผมก็ตะเกียกตะกายลุกนะ เอาน้ำมาป้วนปากกลั๊วคอ  ได้ครึ่งขวด  ที่เหลือลาดหัวแม่งเลย

 (เอ่อหัวตัวเองนี่แหล่ะครับ) 

“เอ้าเชี่ยนี่  เปียกเลยมึง รู้มั้ยกูต้องแบกมึงกลับเนี่ย เมาแล้วเรื้อนนะมึง”  สิ้นเสียงบ่นของแม่งเสร็จ

มันก็ลากผมไปแบกขึ้นหลัง  แล้วมึงจะบ่นกูทำเหี้ยไรครับ  ถึงยังไงมึงก็ต้องแบกกูใช่รึเปล่า

ทั้งที่ผมก็ยังไม่รู้ว่ามันเป็นใคร  แต่รู้สึกมันคุ้นเคย เพียงแต่นึกไม่ออก

“ทำไมถึงไปเมาปลิ้นแบบนี้ ถ้ากูไม่ไปตามหาลากตัวกลับมานี่เสร็จไอ้พี่รักแล้ว”  หืมแล้วมึงเป็นใคร

“กูขอเหรอ? ”  ผมถามแม่งกลับเลย มึงเป็นใครบังอาจมาใส่อารมย์กับกู  มันชะงักเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมา

“เปล่า.....กูเสือกเอง   มึงจะว่ากูเสือกก็ได้นะ  ... เพราะถ้าเป็นเรื่องมึง....กูไม่ยอม”

จากนั้นเราก็เดินต่อไปกันเงียบ  ไม่รู้เพราะอะไรทำไมผมถึงรู้สึกดีที่ได้ยินคำนี้ ...เหมือนมันเป็นห่วงเป็นใย

.

.

“กูสารภาพกับอ๋อมแล้ว  ขอบใจมึงนะ”   เรื่องเล่าแผ่วเบา ทำเอาเปลือกตาที่ปิดแทบสนิทเบิกกว้างขึ้นมาทันที

โอเคกูรู้แล้ว   ..  ไอ้ไม้  ภาพเมื่อเย็นวนมาอีกครั้ง... มึงกำลังจะบอกอะไรกูไม้ ..  กู...กูไม่พร้อมจะฟัง

“อ๋อมบอกจะลองคบกับกูดู  แต่ยังไม่ได้เป็นแฟนนะ ก็แค่ดูใจหว่ะ  หึหึ...น่าจะทำแบบนี้นานแล้ว”

น้ำเสียงที่ตื่นเต้นดีใจนั่น  ทำผมเจ็บปวดเหลือเกิน  น้ำตามันไหล  ...ทั้งที่ผมหนีมันแล้ว  ทำไม...ต้องเป็นมึง

ที่มาตามกูกลับด้วยว่ะ   ทำไม....ต้องเป็นมึงที่อยู่ข้างๆ กูทุกทีเวลากูต้องการใคร  ทั้งที่กูเสียใจที่มึงรักใคร

แต่กูก็ยังดีใจ....ที่มึงอยู่ข้างๆ กู  ไม่มีคำพูดอะไร  .....นอกจากน้ำตาที่มันไหลนองหน้าผม 

ถึงมึงจะรู้ กูก็ไม่อาย (แค่ตอนนี้)  มึงหลอก  กูไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว   มันเล่าเรื่องมากมาย

เข้าไปสารภาพยังไง ตัวมันเองตื่นเต้นแค่ไหน  หรือแม้แต่อ๋อมเองมีท่าทียังไง  มันอธิบายกระทั่ง

ตอนอ๋อมกระพริบตา ขนตางอนเป็นแพที่ขับให้ดวงตากลมโตนั่นดูหวานขึ้นไปอีก ขนาดนี้แล้ว...ผมควรเจ็บมั้ย?

มาถึงห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้  เพราะมัวแต่ฟังคำพร่ำพรรณนาของไอ้ไม้ไม่ขาดสาย....ใจแทบขาด

ได้แต่ร้องไห้เงียบๆ....มาตลอดทาง โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ด้วยซ้ำ  เจ็บ....จนเหมือนหัวใจจะแตกสลาย

มันไขห้องอย่างเชื่องช้า  อาจจะเป็นเพราะแบกผมอยู่บนหลัง   ไอ้ไม้ปิดประตูเดินตรงเข้ามาที่เตียง

มันหันหลังให้กลับเตียง ค่อยหย่อนตัวลงที่วางผมลงเป็นเตียงนุ่ม ๆ 

“หนักชิบหาย  มึงลดน้ำหนักมั่งนะต้น”  ไอ้ไม้ว่า  ผมจ้องมันตาโต ....แค่นี้กูยังเจ็บไม่พอใช่มั้ย

ผมเงียบอย่างเคยไม่ได้ตอบอะไร  แต่ในหัวใจมันกำลังกรีดร้องอย่างหนัก  มันลุกไปเข้าห้องน้ำ 

มันก็ถึงเวลาที่ผมเองก็ต้องไป....  ที่ไหนสักที่........ที่ไม่มีมัน  ผมดันตัวขึ้นด้วยร่างกายที่ซวนเซ


“ปัง!!”  “แกร๊ก”   ขณะที่ผมเดินเซไปชนผนังจนตัวไถลไปกับพื้น  ประตูห้องน้ำที่ปิดสนิทเมื่อครู่

ก็เปิดออก ใครออกอีกวิ่งมาจับแขนผมไว้แน่นด้วยท่าทีที่ห่วงใย  ก่อนจะรั้งแขนผมให้ยืนขึ้น

“ต้นมึงเป็นอะไรรึเปล่า?  แล้วนี่จะไปไหนนอนได้แล้วมึงดึกแล้ว”  ผมสะบัดมันออกสุดแรง

ไอ้ไม้เซล้มลงไปกองกับพื้นเพราะมันไม่ทันตั้งตัว  แต่ผมไม่ใส่ใจ...พยายามตะเกียกตะกาย

เดินออกจากห้อง   ยังไม่ทันจะเอื้อมมือถึงประตู  มือก็ถูกกระชากอย่างแรงจนผมเซไปชนอกไอ้ไม้เข้า

“กูถามว่ามึงจะไปไหน!!”  มันบีบแขนผมแน่นมาก  สายตาเกรี้ยวกราดมองมาที่ผม ซึ่งผมก็พยายามดิ้น

ดิ้น...  และก็ดิ้นสุดแรงเกิด แต่...เหมือนกับคนกำลังหมุนตัวเบาๆ ซุกไซร้ตัวมันเสียมากกว่า

“เรื่องของกู!!”ผมตะโกนตอบมันเสียงดัง (เท่าที่เสียงแหบๆ จะอำนวย ซึ่งไม่ต่างจากลูกแมวร้องสักเท่าไหร่)

หอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า  ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด...

“มึงจะไปหาไอ้เชี่ยพี่รักใช่มั้ย?”  มันตวาดกลับด้วยเสียงอันดัง จนผมสะดุ้งด้วยความหวาดกลัว แต่อีกใจก็รู้สึก

โกรธมันมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม  กูแค่ขอเวลาทำใจ ...  มันจะอะไรกันหนักกันหนา

“แล้วมึงเสือกอะไรด้วย”   ผมโต้กลับอย่างเผ็ดร้อน  ก่อนจะงับฟันคม ๆ ที่แขนมันทันที

“โอ้ย...เชี่ย   กลับไปให้แม่งเอารึไงสัด”  มันด่าผม ขณะผมลงไปกองกลับพื้น เพราะไอ้ไม้มันเหวี่ยงตอนที่โดนกัด

เจ็บตัวไม่เท่าไหร่..     ทำไมไม่รู้น้ำตาถึงได้รื้นขึ้นมาอีก ผมจ้องหน้ามันตาเขียวสาดคำตอบร้อนๆ ตามที่มันต้องการ

“ถ้าใช่  แล้วจะทำไม?   มันเป็นเรื่องของกู  ตูดก็ตูดกู ..กูอยากให้ใครเอามันก็เรื่องของกูอย่าเสือก”

ตะเกียกตะกายลุกขึ้นอย่างโซเซ  ...  ยังไม่ทันได้ก้าวสักก้าว   ตัวผมก็ลอยคว้างอยู่ในอากาศ  แล้ว?........

หล่นดัง  ตุ๊บ! แผ่หงายสามสลึงอยู่บนเตียง  จุกจนพูดไม่ออก  กุมท้องตัวเองป้อย ๆ ส่งสายตา

เกลียดชังไปให้อีกฝ่าย  ซึ่งแม่งตอนนี้มันย่างสามขุมตรงเข้ามาหา  ล็อคตัวผมไว้ทุกทางด้วยการ

.


.

ขึ้นคล่อม ...  พร้อมกับประโยคที่ทำเอาผมสะดุ้งวาบ

.

.

.”กูไม่ให้ไป”

.

.

.

.



.



.



.



.




“อยากนักใช่มั้ย?  เดี๋ยวกูสงเคราะห์เอง”


หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ผีผลัก P.12 UD 15/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: mildsoshi ที่ 15-03-2013 00:35:56
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก รอตอนไปนะคราฟฟฟฟฟฟ  :a5:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ผีผลัก P.12 UD 15/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 15-03-2013 00:45:12
อ๊ากกกกกกกกกกกก อิไม้บ้า อย่ามาแตะต้องตัวต้นนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ผีผลัก P.12 UD 15/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 15-03-2013 00:47:24
:oo1: :oo1: แล้วก็ ดราม่า :monkeysad: :o12: :z3:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ผีผลัก P.12 UD 15/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 15-03-2013 00:56:56
อะไรเนี๊ยะ ไม้นายจะแรงกับต้นไปหรือเปล่า ถ้าไม่รักก็อย่าทำแบบนี้เลย เสียเพื่อนเปล่าๆ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ผีผลัก P.12 UD 15/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 15-03-2013 00:58:00
ไม้ทำแบบนี้ทำไม หวงก้างหรือไง จะทำร้ายต้นไปถึงเมื่อไรถึงจะพอใจ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ผีผลัก P.12 UD 15/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 15-03-2013 01:24:44
ไม้ แกแม่งโคตรจะหวงก้างอ่ะ  :z6:
สันดานมาก ถ้าจะเป็นแฟนอ๋อมปล่อยต้นไปดิ
สงสารต้นอ่ะ  :o12:
ไม้หัดทำอะไรให้ชัดเจนแบบภาคบ้างนะ

ข่มขืนต้นเสร็จแล้วจะเอาไงต่อ
กลับไปทดลองคบกะอ๋อมหรอ
เลวที่สุดดดดดดดดอ่ะ  :beat:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ผีผลัก P.12 UD 15/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 15-03-2013 07:59:56
เอาเลยไม้ จัดให้ต้นไปหลายๆยกเลย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ผีผลัก P.12 UD 15/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 15-03-2013 09:20:04
ไม้รู้สึกตัวสักทีว่าตัวเองน่ะขาดต้นไม่ได้น่ะ เรารู้ว่าตัวเองน่ะชอบผู้หญิงแต่กับต้นน่ะคือความผูกพันที่ขาดไม่ได้น่ะ ส่วนต้นสารภาพไปเลยดีกว่าเผื่อว่าอะไร ๆ มันจะดีขึ้นกว่านี้ ถึงไม่อยากเสียเพื่อนก้อเหมือนกับจะเสียแล้วน่ะ เพราะไม้เหมือนจะไม่อยากเป็นแค่เพื่อนแล้วน่ะ มาอัพต่อไว ๆ น่ะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ผีผลัก P.12 UD 15/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 15-03-2013 11:57:13
เซ็งไม้จริงๆๆเลย :seng2ped:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ผีผลัก P.12 UD 15/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: udongjay ที่ 15-03-2013 15:49:47
เบื่อไม้อ่ะ อ่านแล้วอึดอัดจริงๆ
สงสารต้นมาก เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน รักใช่ไหม? P.13 UD 18/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 18-03-2013 01:29:08
ตอน......   รักใช่ไหม?




“ฮึก!”    ผมชะงักริมฝีปากที่ซุกไซร้ดุดันตามแรงเกรี้ยวโกรธของตัวเองลง  หลังจากได้ยินร้องไห้แผ่วเบา

ของอีกฝ่าย  รู้สึกลมหายใจตัวเองกระตุกวาบ พร้อมๆ กับสติที่ถูกดึงกลับมา  ผมกำลังรังแกไอ้ต้น!!

นี่มันเรื่องเชี่ย!! อะไรกัน  คนที่ผมอยากปกป้องมัน  ตอนนี้....กลับเป็นตัวเองที่กำลังทำร้ายมัน

ละอายใจเหลือเกิน   เกินกว่าจะมองหน้ามันได้ ....  มันคงจะทั้งเกลียด  ทั้งหวาดกลัวผมสุดใจ   

เพื่อน...ที่มันไว้ใจกว่าใครที่ไหน    กำลังทำร้ายมันอยู่  มือผมสั่นระริกทันทีที่สติกลับคืนมา 

ทิ้งตัวลงกอดมันแน่นๆ   เพียงเพื่อต้องการปลอบประโลมคนตรงหน้าให้หายหวาดกลัว กลับได้ยินแต่..

เสียงหัวใจของมันเต้นรัว  ด้วยความหวาดกลัว   กลัว...สิ่งชั่วร้ายอย่างผม  พลาดไปแล้ว  ผมค่อยๆ เงยหน้า

มองมันช้าๆ  สีหน้าที่ผิดหวังฉายชัด   จนใจผมล่วงไปอยู่ตาตุ่ม  แค่อารมณ์ชั่ววูบ  ... ทำลายมันขนาดนี้

ทำลายความเชื่อใจที่มี..... ตลอดสิบกว่าปีที่เป็นเพื่อนกันมา  พูดแทบไม่ออก  ...เหมือนน้ำท่วมปาก แต่..ก็ต้องพูด

“ต้น....  กูขอโทษ”  ผมเอ่ยเสียงแผ่ว  มีแต่เพียงความเงียบงันเป็นคำตอบ...   ไม่มีเสียงไหนหลุดออกมาจากปาก

ซึ่งผมเองเข้าใจดี  ถ้าผมเป็นมัน....ยังแทบคิดไม่ออกว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้จะทำยังไง  มันเบนสายตามองไปข้างๆ

ใบหน้าแดงก่ำ  รามไปถึงดวงตาคู่สวยของมัน  ที่กำลังสั่นระริก เหมือนๆ กับมือผม  น้ำตาไหลช้าๆ ริมขอบตา

ผมดันตัวออก  คิดว่ามันคงขยะแขยงตัวผมเต็มที่ แค่มองหน้า.....ก็คงไม่อยากจะมอง  ทำเป็นปกป้องมัน

ที่แท้....คนที่ทำร้ายมัน   ก็คือ......ผมเอง      รู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วหัวใจ   ...เจ็บ   แบบที่ไม่เคยเจ็บแบบนี้มาก่อน

รีบพลิกตัวขึ้นนั่ง หย่อนขาลงจากเตียง หันหลังให้อีกฝ่ายโดยพลัน   มันบอกไม่ถูก...นอกจากเข้าใจมันแล้ว

ยังรู้สึกเกลียดตัวเองเข้าไส้  ทุกครั้งที่สัมผัสกัน  ไม่มีครั้งไหนที่มันไม่เต็มใจ  ไม่มีครั้งไหนที่ใกล้เคียงคำว่า “ขืนใจ”

เท่าครั้งนี้   ต่างคนต่างนิ่งเงียบอยู่นาน  สร้างความอึดอัดให้แก่เราทั้งสองคน  ......  จนเป็นผมเองที่ทนไม่ไหว

“กูขอโทษ....  ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ  กูแค่โมโห  ....  และ      ....เป็นห่วงมึง มากจนเกินไป” 

“.......................”

“แต่ที่กูทำ......มึงคงขยะแขยง    มึงคงรังเกียจกูใช่มั้ย?”

“............”

“คงผิดหวัง ในตัวกูใช่รึเปล่า  แต่กูเสียใจจริงๆ นะต้น  มึงจะเกลียดกูก็ได้นะ  ....ก็แค่อยากบอกให้มึงรู้”

.


“.....................”

.

“ว่ากูเสียใจ.....”    ผมสารภาพหมดเปลือก  แต่ก็ยังคงมีแต่ความเงียบงัน  มันคงไม่ให้อภัย  ก็แน่หล่ะสิ....

ใครจะไปให้อภัยมึงง่ายๆ   ทำเค้าทั้งเจ็บทั้งกลัวขนาดนั้น  ถ้าผมยังอยู่มันคงยิ่งอึดอัด  ถ้างั้นก็....ต้องไป

ผมลุกขึ้น....เดินออกไปอย่างเชื่องช้า  ไม่รู้ว่าคืนนี้จะไปนอนที่ไหน  แต่ที่แน่ๆ คงไม่ใช่ที่นี่  ผมไม่รู้ว่า...พรุ่งนี้

มันจะให้อภัยผมมั้ย?   ไม่รู้ว่า....พรุ่งนี้เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้รึเปล่า  ไม่ต้องถึงกลับยอมให้ผมสัมผัส

แต่แค่เข้าใกล้มัน......   ไม่รู้ยังจะไปได้ยังไง  แค่คิด.....ตัวเองก็เจ็บร้าวไปทั้งใจ    เห็นประตูห้องอยู่รำไร

ใจก็สั่น ....    มือที่สั่นระริกพอกันกับคนข้างใน  จับลูกบิดไว้ให้มั่น  เผลอหลับตาแน่น  กลั้นใจ....

รู้ดี........  ว่าถ้าผมเปิดประตูก้าวออกไปแล้ว  จะไม่มีอะไรเหมือนเดิมได้อีก   นึกถึงรอยยิ้ม นึกถึงความสุข

ที่เราอยู่ด้วยกัน  .....  จบแล้วเหรอว่ะ    ทำลายทุกอย่างด้วยมือตัวเอง  ผมกัดปากตัวเองแน่น

ถอนหายใจหนักหน่วง  ทั้งๆ ที่ตัวเองก็กลัว  ......แต่.... ก็ต้องไป 

“แกร๊ก!!”  เสียงที่บั่นทอนหัวใจผมเหลือเกิน   

.

.

“เกลียด!!........”  เสียงที่พยายามตะโกนก้อง   ด้วยเสียงที่แหบพร่า  ไร้ซึ่งพลังอันใด หากแต่.... กลับสะกด

ทุกการเคลื่อนไหวของผมอยู่หมัด    นิ่งงันอยู่อย่างนั้น  .....  ได้ยินเสียงมันอีกนิดก็ยังดี ...ถึงจะเป็นคำด่า

แต่ก็ดีกว่า......มันไม่พูดอะไร   ต่อให้มันเกลียด  ....  แต่มันก็ยังรู้สึกอะไรกับผมใช่มั้ย ไม่ใช่เฉยชา



.

.

“แต่อย่าทิ้งกูไป”   ผมค่อยๆ เอี้ยวตัวกลับมาด้วยความแปลกใจ    พร้อมรับแรงโถมตัวที่กระโจนใส่อ้อมกอดผมจากอีกฝ่าย

.

.

“ปึก!.....   ตึง!”  หลังผมกระแทกประตูห้องจนจุก  เราทั้งคู่ไถลลงไปกองบนพื้น ใบหน้าที่ร้อนฉ่า

พร้อมน้ำตาเอ่อคลอของมัน ทำให้ผมไม่อาจละสายตาไปไหน ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่เหมือนกัน  ....  ที่ผม

ทนไม่ได้.........ที่จะเห็นมันมีน้ำตา

ทนไม่ได้.......ถ้ามันจะเสียใจ

ทนไม่ได้.......เมื่อมันหันไปมองคนอื่น

ทนไม่ได้......ถ้ามันไม่ใส่ใจผม

ทนไม่ได้.........หากต้องสูญเสียมันให้ใคร

รู้สึก  ”หวงแหน”   จนมากเกินคำว่า  “ห่วงใย”    และ  รู้สึก “โหยหา”   จนมากเกินกว่าคำว่า “ต้องการสัมผัสธรรมดา”

ไอ้ความรู้สึกแบบนี้.................   เค้าเรียกว่าอะไรว่ะ?



“เพราะว่ากูรักมึง” เสียงไอ้ต้นตอบแผ่วเบา อืม......ความรู้สึกผม   น่าจะอย่างนั้นใช่มั้ย   เราสบตากัน...

ค่อยๆ ไล้มือบนแก้มนุ่มหอมของมัน   พรมจูบไปทั่วใบหน้า  .....ก่อนจะสัมผัสกลีบปากสีสดของอีกฝ่ายช้าๆ

และนุ่มนวล   เนิบนาบอย่างอ่อนโยน  ค่อยเป็น.....  ค่อยไป

.

.

.

ร่างกายค่อยบดเบียดเข้าหากัน.......   ยิ่งกว่าโหยหา...

.

.

พึ่งรู้....ว่ามันเป็นสิ่งที่ผม   “ถวิลหา”   อยู่ในทุกช่วงลมหายใจที่สัมผัส  ร่างกายที่กอดก่ายกัน

อย่างสุขสม .....  ไม่เคยต้องการใครเท่านี้     ไม่เคยปรารถนาใครเท่านี้มาก่อน

อยากสอดประสาน......  และเป็นหนึ่งเดียวกัน     อยากหลอมรวมทุกๆ สิ่ง  ทุกๆ อย่าง ให้เป็นอันเดียวกัน

.

.

.

“ฮึก!”   อีกฝ่ายเม้นริมฝีปากแน่น ใบหน้าแดงซ่านเหยเก ด้วยความเจ็บปวด  ถึงจะใช้เจลช่วยแล้ว

“เจ็บรึเปล่า...  กูเอาออกดีกว่า”  ผมกำลังจะถอนส่วนกลางลำตัวที่ดันเข้าไปแล้วได้ครึ่งทาง

ถึงจะเสียวจนอยากจะทำอะไรๆ ต่อ  แต่สีหน้าเจ็บปวดของคนตรงหน้าทำให้ผมทำต่อไปไม่ไหว 


“ไม่เป็นไร.....ว...ไหว”   มือเรียวของไอ้ต้นคว้าสะโพกของผมไว้แน่น  ทั้งที่ตัวเองเจ็บจนแทบทนไม่ไหว

ถึงได้รู้ว่ามันรักผมมากขนาดไหน   ....  เลยต้องหยุดเคลื่อนไหว ไล้มือไปบนแก้มแดงจัดของอีกฝ่าย

ซึ่งมันทำได้แค่หลบตาผมเพื่อปิดบังความเขินอาย   ที่ขยายความแดงไปทั่วทั้งตัวราวกับกุ้งที่โดนรวก

ทั้งน่ารัก  ทั้งน่ากิน  จนผมเผลอยิ้มออกมา  .....  ก้มลงจูบปากอีกฝ่าย  จ้องตากันระยะเผาขน

สายตาที่เชื่อมหวาน  ทำผมอยากกลืนกินจนหมดสิ้นทั้งตัว ทั้งหัวใจของมัน  ริมฝีปากเราไล้เลีย

ดูดกลืน  ล้อเล่นกันอย่างเพลิดเพลิน  ฝ่ามือก็นวดเฟ้นไปทั่วลำตัว  ทำอีกฝ่ายหลับตาพริ้มเพรา

ด้วยความเสียวซ่าน  ครางหวานๆ ออกมาเป็นระยะ  ขณะที่ข้างล่างก็กระแซะเข้าไปเรื่อยจนสุดลำ

กลืนกินเวลาที่เนิ่นนาน   แต่ก็ไม่นานเกินกว่า.....ที่ผมจะรอไหว    เพราะผมไม่อยากให้คนข้างล่างสาหัส

ถึงได้ระมัดระวังจนหยดสุดท้าย  จนกว่า.....ร่างกายมันจะพร้อม ที่จะรับสัมผัสจากผม

.

.

.

“อ่ะ  อ่า~   ตะ....ตรงนั้น”   สะโพกหวานเด้งลอยสูง  มือเรียวจิกแน่นที่ไหล่ผม  ใบหน้าแดงซ่านบิดเบี้ยว

ด้วยความเสียวสะท้าน  ที่ส่วนนั้นของผมแตะเข้ากับจุดเสียวของอีกฝ่าย

“ตรงนี้เหรอครับ  อ่า~   อย่าตอด   อืมมม~ ...ต้น”   ผมครวญครางแทบขาดใจ  เมื่อข้างในนั้นบีบรัด

ลูกชายผมจนแทบขยับไม่ไหว  ก่อนจะสาวลำยาวๆ เข้าออก ถี่ขึ้น ตามการปรับตัวของอีกฝ่าย

“อือออออออ อ๊าาาาา~”  ไอ้ต้นครางหวาน  ทำผมกระสันอยากเข้าเส้น  เผลอชักลำออกกระแทกไปสุดแรง

“อืมมม  ดีมั้ยครับที่รัก”

“ไม้....อ๊ะ....อ่าาาาาาา   แรงอีก” 


“อ๊ะ  อ๊ะ  จะเสร็จ   อื๊อออออออออ~”  น้ำรักสีข่าวขุ่นพ่นออกมาจนเปรอะเปื้อนหน้าท้องผม  ช่องทางรัก

บีบรัดผมจนแน่นแทบหายใจไม่ออก  เสียวซ่านไปทั่วร่าง ลูกชายกระตุกหวานไหวไปหลายรอบ  จนสุดท้าย

“อืมมมมมมมมม~” ก็พ่ายแพ้  พ่นน้ำรักออกมา  ทิ้งตัวลงหอบเหนื่อยลงข้างกัน 

กินเวลายาวนาน....ในการร่วมรักกัน  กว่าจะบรรเลงเพลงรัก....ที่ซาบซ่าน  และอ่อนหวานได้ถึงเพียงนี้ 

ละเลียดชิมเนื้อหวานของอีกฝ่ายไปทั่วตัว  ก่อนจะละมุนมุดตัวให้เชื่อมต่อ   แล้วบรรจงนั่งเรือแจว


พายอย่างเชื่องช้า  จนผู้โดยสารดูจะพร้อมรับ  ถึงเปลี่ยนมาขับสปีดโบ๊ท  รัวรัก.....จนสุขสม

กอดก่ายร่างกายกันและกัน  ริมฝีปากแตะจูบไม่รู้จักเบื่อหน่าย  ไล้สัมผัสกายกันราวกับ....โหยหา

“กูรักมึง”   เสียงไอ้ต้นพร่ำบอกความในใจ   ผมยิ้มรับอย่างยินดี  แตะจูบบนหน้าผากของอีกฝ่าย

.สบตาตวงตาที่หวานปานน้ำผึ้ง ที่ทอประกายล้อแสงไฟ   ยามที่มันเอื้อนเอ่ยความในใจ






“กูก็รักมึง  ขอโทษนะที่รู้ตัวช้า.....   แต่กูพึ่งรู้จริงๆ ว่าคนที่กูรัก....  ต้องเป็น “มึง” เท่านั้นต้น  ต้องเป็นแค่  “มึง” ”

ผมเห็นดวงตาแห่งความสุขเป็นประกายฉายชัดในดวงตาคู่หวาน   ซึ่งคาดว่าตัวเองคงไม่ต่างกัน 

รอยยิ้มที่ส่งผ่านถึงกัน..........     ผ่านความรู้อันท่วมท้นเต็มหัวใจ   ราวกับได้ปลดปล่อย.....



พันธนาการ.....    ที่สร้างขึ้นมาปิดบังความต้องการที่แท้จริง 



ความจริงที่แสนหวาน   ....หากแต่ไม่อยากจะยอมรับในสิ่งนั้น   



ความรู้สึกที่ถูกกักเก็บ......  จนแทบล้นทะลัก   .........  จนสุดท้ายต้องเปิดเผย



“อืม.... ความรู้สึกช้าจริง ๆ เชี่ยนี่”    ใบหน้ายิ้มแย้ม ......แก้มแทบปริ     แต่ปากดีไม่เปลี่ยน

ได้แต่อมยิ้ม ....  กับความโง่งม  ที่กว่าจะหาตัวเองเจอ 



ก็เกือบ  “จะเสียไป”  ซะแล้ว



“เชี่ย...........แล้วรักป่ะหล่ะ”









“แหวะ”
“ฮ่าๆๆ ///  หึหึหึ” 

นึกว่าจะได้คำตอบหวานๆ เหรอ หึหึ......  แค่นี้ก็หวานลากไส้อยู่แล้ว .........
.
.
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน รักใช่ไหม? P.13 UD 18/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 18-03-2013 02:17:21
ไม้รู้ตัวแล้วก็ไปจัดการเรื่องที่ตัวเองทำให้เรียบร้อยนะ อย่าทำให้ต้นเสียใจอีกนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน รักใช่ไหม? P.13 UD 18/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: maewmheaw ที่ 18-03-2013 07:01:29
ในที่สุดก็...รักกัน  :impress2: :-[
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน รักใช่ไหม? P.13 UD 18/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 18-03-2013 07:34:58
หวานสุดๆอ่ะ สุดท้ายก็เหลืออ๋อมอยู่คนเดียว 555+
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน รักใช่ไหม? P.13 UD 18/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 18-03-2013 09:28:18
อ่านตอนแรกอูยท่าจะน้ำตาไหล
แต่บรรทัดต่อๆ มา
โอยยยยย น้ำตาลหก
เพราะรักคำเดียวเลยจริงๆ
ชอบ^^
กดบวกและเป็ด
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน รักใช่ไหม? P.13 UD 18/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 18-03-2013 09:29:53
เย้ เข้าใจกันแล้วววว  :oo1: :oo1: :haun4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน รักใช่ไหม? P.13 UD 18/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 18-03-2013 09:38:22
พูดความในใจแล้ว
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน รักใช่ไหม? P.13 UD 18/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 18-03-2013 10:57:58
ลุ้นจนเหนื่อยกว่าจะลงตัว นึกว่าจะต้องเสียใจไปมากกว่านี้ซะแล้ว ยินดีด้วยน่ะนายไม้ที่รู้ใจตัวเองสักทีต้นจะได้ไม่เสียใจมากไปกว่านี้น่ะ เย้  :mc4: ยังไงมาต่อเรื่อย ๆ  น่ะจ้ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน รักใช่ไหม? P.13 UD 18/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 18-03-2013 16:55:33
ถ้าต้นไม่บอกรักก่อน ไม้คงโง่ไปอีกนาน 5555
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน รักใช่ไหม? P.13 UD 18/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 18-03-2013 17:41:38
รู้ใจตัวเองจนได้นะไม้
แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย
แต่ถ้าทำให้ต้นร้องไห้
อีกล่ะก้อโดนแน่ o18
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน รักใช่ไหม? P.13 UD 18/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 26-03-2013 01:56:53
ตอน 




“อือออ ~   ตื่นนานแล้วเหรอ”   ไอ้ต้นถามผมด้วยน้ำเสียงงัวเงีย  เนื่องจากพึ่งตื่นนอน 

“อืม” ผมที่นอนมองอีกฝ่ายอยู่ก่อนแล้ว  ยกยิ้มที่มุมปากรูปไล้ใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความหลงไหล 

ยิ่งได้เป็นเจ้าของ  ...ตอนนี้ยิ่งหวงเป็นเท่าตัว....   พึ่งเข้าใจความรู้สึกหมา.....ที่มันหวงของรักมากๆ ก็วันนี้ 

ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน  ทำไมวันนี้ถึงได้เห็นอีกฝ่ายหน้าหวานขึ้นจับใจ  จำได้ว่าเมื่อก่อน...

ก็ยังเห็นมันหล่อเป็นที่บาดตาสาวๆ อยู่หลายคน    แล้วมันยังไงอีท่าไหน   วันนี้อยู่ดีๆ  ก็น่ารัก

จนอยากกอดอยากซุกไซร้อยู่คนเดียวทั้งวัน   ไอ้ตนกระพริบตามองผมอย่างแปลกใจที่เห็นผมจ้องมันไม่วางตา   

ไม่ว่าอณูส่วนไหนของร่างกายมัน  ดูจะดึงดูดสายตาผมได้ทุกสัดส่วน   ไม่ว่าจะเรียวขา   ฝ่ามือ  ใบหน้า

หรือแม้แต่ริมฝีปากรั้นๆ นั่นอีก   ที่เห่อแดงจากรอยจูบดูดดุนที่มัวแต่โมโหของผมในตอนแรก  ยังน่ามอง....

จนไม่อาจละสายตาได้   เผลอยิ้มอย่างยินดี   แล้วรั้งอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่น กดจูบที่หัวทุย

“กูรักมึงนะ”   กระซิบเสียงหวาน  ที่ไม่รู้คนฟังจะรู้สึกตามไปด้วยรึเปล่า...  แต่ผมอยากบอกให้มันได้ฟัง

ละหน้าออกมา  เพื่อจะมองหน้าอีกฝ่าย ที่ตอนนี้ก้มหน้างุดๆ ซุกอกผม   หูแดงคอแดง  แล้วหน้าหล่ะ?


จะไปเหลืออะไร   ผมอมยิ้มนิดๆ  ไล้นิ้วมือที่แก้มนุ่มของอีกฝ่าย  ก่อนจะค่อยดันฝืนให้มันเงยหน้ามาสบตากัน

“สัด” คำสบถแก้เขิน....  ได้อย่างน่ารักน่าชัง   ผมถึงกลับขำจนตัวงอ มองหน้าอีกฝ่ายล้อ ๆ  แม้ว่าปากไม่เถียง

แต่คิ้วขยัก ยิ๊กๆ  พร้อมสายตาที่เป็นต่อ   ไอ้ต้นเบ้หน้า  ....  ดูมันทั้งเคืองทั้งอายที่ตัวเองโดนแซว

“เชี่ย....พอเลยมึงไม่ต้องมาแซวกู  ได้แค่ครั้งเดียวแค่นี้แหล่ะ”   มันว่าสะบัดเสียงงอนๆใส่  ก่อนจะหันหลังหนี

พ่นลมหายใจทางจมูก  (กลายเป็นมังกรบาบิก๊อนแล้วมั้ยที่รัก?)  ผมก็รีบเข้าไปออเซ๊าะ ไม่ใช่เห็นแก่เรื่องนั้นนะ

ไม่ใช่จริงจริ๊งงงงงงงงง    ผมเอาร่างกายอุ่นๆ ไปบดเบียดตัวของอีกฝ่าย  ก่อนจะสอดมือกอดรอบเอว

คนขี้งอนแน่นๆ   กดจูบ จุ๊บ~ๆๆๆ  รัวที่ไหล่ขาวเนียน  ที่ตอนนี้เห่อรอยแดงด้วยสีกุหลาบไปแทบทั้งตัว

มือลูบไล้ไปมาผ่านสะโพกอย่างมีความหมาย ก่อนจะจับมืออีกฝ่าย ลอดใต้หว่างขาตัวเอง มาสัมผัส....

ท่อนลำ.....ที่ตั้งตระหง่าน  จงใจบดเบียดเนื้อนวลตรงหว่างขาอยู่ผะผ่าว  จับมือของมือกำรอบๆ ลำ


ขยับขึ้นลงเบาๆ  ซึ่งดูไอ้ต้นจะร่วมมือเป็นอย่างดี  ผมหายใจหอบเหนื่อย อยู่ละใบหูของอีกฝ่าย

ที่ตอนนี้ส่งสีแดงจัด  ร่างกายดูอ่อนยวบไร้เรี่ยวแรงทุกครั้งที่ผมสัมผัส 



“ต้นคร๊าบบบบบ  อืมม~   ไม่สงสารไอ้ตัวเล็กบ้าง  อ่า~  ร...เหรอครับ  ”  ผมว่าเสียงกระเส่า

ฝ่ามือป่ะป่าย รวบท่อนลำอีกอันให้ตื่นขึ้น  ขณะที่ไอ้ต้นยังจัดการลูกผมเป็นอย่างดี

ไล้ลิ้นเลียใบหูของอีกฝ่าย   ได้ยินเสียงครางหวาน

“อ๊ะ....อืออ..     เล็กพ่องมึงดิ  อ่า~  ใหญ่....ใหญ่ชิบ  ”   ไอ้ต้นพยายามเถียงด้วยน้ำเสียงหอบเหนื่อยๆ 

เซ็กซี่สัดๆ  ผมเปลี่ยนมือที่อยู่ด้านบนคลำหาตัวช่วยบันหัวเตียง  ปล่อยให้มือที่สอดอยู่ใต้เอวขย้ำลูด

ลูกชายไอ้ต้นต่อปากก็ชวนคุยเบี่ยงเบนความสนใจสุดขีด   ไอ้ตัวดีหลับตาพริ้มด้วยความเสียวซ่าน  ....

ยังไม่รู้ ...........ว่ามีความ “เสียว” ที่มากกว่า   รอมึงอยู่ 

“โอววว!!  เมีย....  มีผัวค_ยใหญ่ ไม่ภูมิใจหรือไงครับ  อูยยย ซู๊ดดด ”     ผมเผลอซู๊ดปาก ก็ไอ้ตัวดีเล่นบี้มือ

มาที่ปลายยอดหัวแตก  ซึ่งตอนนี้มีน้ำปริ่มแฉะ   ... ( เดี๋ยวจะโดนดี  ....พี่จะเอาให้ร้องคราง)

“อ๊ะ....ไม้มึง...  อืออออออออ~”   กว่ามันจะรู้ตัว  ผมก็ดันนิ้วที่ชุมเจลสอดเข้าช่องทางหวาน  กระตุกเขี่ย


จุดกระสันย้ำๆ   จนครางสุดเสียง  สะโพกหวานแอ่นหวือ เข้าหานิ้วที่สอดเพิ่มจำนวนขึ้นทุกที  กระแทกถี่ๆ

หมุนควง ....เพื่อเปิดทาง  ไอ้ต้นละมือจากท่อนลำของผมไปจิกที่นอนแน่น ๆ  ร่างกายเกร็งสะท้าน

ผมแทรกขาอีกข้างสอดกลางระหว่างขาของอีกฝ่าย  เอาลูกชายตัวค่อยๆ ถูไถ  กระแซะเข้าไปจนสุด

มือข้างหนึ่งจับขาไอ้ต้นให้อ้ากว้าง    แล้วทำการจ้วงแบบเนิบๆ  พอเป็นพิธี  ....(รอให้ช่องทางมันลื่น)

“อึก..  อึกๆ ....   ม....ไม้.....อ่า~    ต....ตรงนั้น โอวววววว”  ไอ้ตัวดีครางเป็นระยะ   

ผมก็เร่งสาวเอว กระเด้งกระเด้า   รู้สึกแทบทนไม่ไหว  สายตาพราวน้ำตาที่ไอ้ต้นเหลือบมองมา

ช่างยั่วยวน  ....   ร่างกายแอ่นสะท้านรองรับความเสียวซ่าน  ผิวขาวขึ้นสีแดงระเรื่อทั้งตัวราวกับกุ้งลวก

อยากจะบดขยี้......  อยากจะทำให้เละคามือ   อยากจะกลืนกิน .....คนตรงหน้า ให้หายไปซะจากโลกใบนี้

ไม่ต้องพบเจอกับผู้ใด   อยากให้สองตาหวานๆ นั่น......มองมาแค่ผม 

ทำไมว่ะ.......นับวันก็ยิ่งรู้สึกว่ามัน “สวย”    สวย....ในแบบผู้ชาย  แบบผู้ชายหน้าหวาน ผิวเนียนน่าสัมผัส

จนอยากจะไล้ลิ้นเลีย  ดูดกลืน  ทำรอยแดงทั่วทุกอนุผิว  ริมฝีปากบางแดงนั่นอีก ...อยากจะกัดให้มันบวมเจ่อ

เสียงสวาท........ ที่ยิ่งครวญครางที่สร้างอารมย์รัญจวนให้กับผม   ยิ่งทำให้ผมกระแทกจุดนั้นซ้ำๆ

เพียง.....อยากจะฟังเสียงนั่นจนแทบขาดใจ   ช่องหวานที่บีบรัด.....ราวกับของที่พึ่งหาคู่เจอ

ผมมองท่อนลำที่ผลุบเข้าออกอยากกระหื่นกระหาย  กับช่องทางที่กระตุกถี่ ตอดรับแรงส่งของกันและกัน

ทำผมแทบขาดใจ  ...   กระโจนจ้วง...ด้วยแรงทั้งหมดที่มี.....เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมอบความรัก  ..ให้ใครอีกคนได้

แรงปรารถนาของเราที่ลุกโชนราวกับเปลวเพลิง




“อ๊ะ”





“อื๊ออ”





“อือออออออออออออออออออ~”  น้ำสีขาวขุ่นพ่นพุ่งลงเตียงนอน  ไอ้ต้นครางหอบเหนื่อยอย่างหมดแรง

ผมถอนลำตัวออก จับอีกฝ่ายพลิกคว่ำสี่ขา   หยิบหมอนมารองสะโพกมนให้โด่งสูง 

สอดเสือกร่างกายเข้าไปอย่างรุนแรง  ไอ้ต้นแอ่นสะโพกรับได้เป็นอย่างริมฝีปากครางเสียงหวาน

“อ่าาาาา~  /  อืมมมมมมม” พร้อมกับผมที่กำลังคำรามเสียงต่ำ   กระแทกบั้นเอวถี่รัว  เห็นเพียงท่อนเนื้อ

ที่ผลุบหายๆ  จมเข้าออกในตัวอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว   กระแทกกระทั้น ดัง ปึกๆๆๆ  อยู่หลายรอบ

จวนจะถึงจุดหมาย....  อีกเพียงครั้ง

.


.

.

.

.

..

.





“แกร๊ก.....    เห้ยไอ้ต้น ไอ้ไม้”  เชรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


.

.

.

.

.


มาถึงตอนนี้ไม่ไหวแล้ว...............................  กูไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ...อะไรทั้งนั้น

กระแทกอีกครั้ง......  ไอ้ต้นที่ตกใจสุดขีด   บีบรัดผมด้วยช่องทางแสนหวาน 



น้ำสีขาวขุ่น พุ่งกระฉูดฉีดเข้าไปในตัวของอีกฝ่าย  .....   ผมถอนตัวออก  ทิ้งตัวนอนหอบอยู่ข้างกัน


.

.

.

.


.

โดยมีอีกคนซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนงาม ตั้งแต่หัว......จรดปลายเท้า   









อ้าว....แล้วกูหล่ะ.....ไอ้เชี่ยต้น!!







หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน .... P.13 UD 26/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 26-03-2013 01:59:08
up  นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน .... P.13 UD 26/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 26-03-2013 02:11:12
 :katai1: :katai1:  ใครขัดจังหวะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน .... P.13 UD 26/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 26-03-2013 02:13:03
ใครกันนะนั่น ภาคใช่หรือเปล่านะเนี่ยที่เข้ามาเนี่ย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน .... P.13 UD 26/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 26-03-2013 03:02:30
ใครอะ ภาคเหรอ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน .... P.13 UD 26/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 26-03-2013 03:25:51
ภาคเข้ามาเหนเเน่ๆ  :m20:
ไม้ คราวนี้ไปจีบอ๋อมเหมือนเดิมไม่ได้จริงๆแล้วนะ  :laugh:

ต้นเขินเเย่เลย มีคนมาเหนเเบบนี้
รอตอนต่อไปค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน .... P.13 UD 26/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 26-03-2013 05:44:39
ฮ่า ฮ่า ไม้เปรียบตัวเองเป็นหมา
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน .... P.13 UD 26/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 26-03-2013 09:39:59
ใครเอ่ย ที่เข้ามาเห็น เป็นภาคหรอค่ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน .... P.13 UD 26/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 26-03-2013 10:06:02
 :katai1: น่าจะเป็นภาคแน่ ๆ ที่มาขัดจังหวะ เลยจัดไปแบบเต็ม ๆ ด่วน ๆ เลยน่ะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน .... P.13 UD 26/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 26-03-2013 12:47:56
อ้าว...อ่านมาทั้งหมดเนี่ยะ
ไม้อายด้วยเหรอ...เพิ่งรู้นะเนี่ยะ
หรือว่าที่อยากมุดผ้าห่มกับต้นอ่ะ
เพราะแค่อยากเล่นผีผ้าห่มอีกรอบป่าว
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน .... P.13 UD 26/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 26-03-2013 22:08:17
5555 ภาคเข้ามาเจอช็อตเด็ดพอดีรึเปล่า
ปล. ไม้คงหื่นพอๆกับภาคใช่ๆไหม อิอิ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน .... P.13 UD 26/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: เกเร ที่ 26-03-2013 22:51:57
ทำไมไม่ล๊อคประตู!!!!!!!!!!!!!!   แต่ก็เสร็จคารู :hao6:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน .... P.13 UD 26/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: udongjay ที่ 26-03-2013 23:12:41
ใครเข้ามาเห็น???
ช่างเข้ามาได้จังหวะเสียนี่กระไร ฮ่าๆๆๆๆ
ไม้จะกลับไปหาชะนีนางนั้นไม่ได้แล้วนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน .... P.13 UD 26/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 26-03-2013 23:22:22
ขอตอบคำถามคาใจ


ให้ย้อนกลับไปเมื่อตอนก่อนหน้านี้  .........



รู้ดี........  ว่าถ้าผมเปิดประตูก้าวออกไปแล้ว  จะไม่มีอะไรเหมือนเดิมได้อีก   นึกถึงรอยยิ้ม นึกถึงความสุข

ที่เราอยู่ด้วยกัน  .....  จบแล้วเหรอว่ะ    ทำลายทุกอย่างด้วยมือตัวเอง  ผมกัดปากตัวเองแน่น

ถอนหายใจหนักหน่วง  ทั้งๆ ที่ตัวเองก็กลัว  ......แต่.... ก็ต้องไป

“แกร๊ก!!” เสียงที่บั่นทอนหัวใจผมเหลือเกิน   

.

.

“เกลียด!!........”  เสียงที่พยายามตะโกนก้อง   ด้วยเสียงที่แหบพร่า  ไร้ซึ่งพลังอันใด หากแต่.... กลับสะกด

ทุกการเคลื่อนไหวของผมอยู่หมัด    นิ่งงันอยู่อย่างนั้น  .....  ได้ยินเสียงมันอีกนิดก็ยังดี ...ถึงจะเป็นคำด่า





ไอ้ไม้มันบิดลูกบิดประตูให้เปิดออก     พอหันกลับมาก็โดน น้องต้น  (สรรพนามช่างแตกต่าง ...  แต่อย่าได้แคร์) 
ก็กระโดดเข้าหาจนหลังไอ้ไม้ชนประตูปิดลง   ......  ฉากร้อนแรงเริ่มขึ้น 



แต่มัน  "ลืม"    ปิดประตูนั่นเอง




 :katai3: :katai3: :katai3: :katai3:

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน .... P.13 UD 26/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 26-03-2013 23:39:09
555 ลืมปิดประตู แต่เลิฟซีนหวานมาก น่าจะมีคนเยน้ามาก่อนนะ เลิฟซีนคงไม่เกิด 555
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน .... P.13 UD 26/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 28-03-2013 11:44:44
ไม้ได้ทีจัดเต็มจัดหนักเลยน๊า :m25:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ....After จุด จุด จุด P.14UD 29/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 29-03-2013 01:32:46
ตอน  ....After  จุด  จุด  จุด





“อึกๆๆ อือออออ~ ”   ผมอ้าปากกัดหมอนไว้แน่น  กลั้นเสียงครางจนแทบทนไม่ไหว  ทิ้งตัวลงหอบเป็น

อาการคล้ายกับหมาหอบแดด   ที่เก็บอาการไม่อยู่  ขณะที่อีกฝ่ายซ่อนตัวมิดชิดอยู่ภายใต้ฝืนผ้าห่ม  ชิส์

นึกหมั่นไส้เล็กๆ แต่ก็นะ....พอให้อภัยได้  หากจะลองนึกถึงร่องรอยทั้งหลายที่ทำไว้บนตัวอีกฝ่ายหล่ะก็นะ

รู้สึกดีขึ้นมานิดๆ  เลยเผลอยิ้มขึ้นมานิดหน่อย  นึกถึงความน่ารัก.....เมื่อครู่  ที่อีกฝ่ายไม่ยอมก็ได้  แต่ก็นะ.....หึหึ

ดึงบ็อกเซอร์ขึ้นมาใส่ลวกๆ   ไอ้เพื่อนนรกก็เดิมเข้ามาถึงเตียงพอดี  อยากนึกขอบคุณที่ห้องพักมีการจัดสัดส่วนที่ดี

แยกห้องนอน ห้องรับแขกออกจากกัน ไม่อย่างนั้น  ผมก็ไม่อยากคิดว่า ....ถ้ามันเปิดเข้ามา  แล้วจะเจออะไร

“ไอ้ห่า...อยู่ก็ไม่รู้จักตอบนะมึง สายแล้ว...ไปกินข้าวกันได้แล้ว  แล้วไอ้ต้นมันยังไม่ตื่น?”   ไอ้ภาคว่าพร้อมเดินเข้ามา

อย่างถือวิสาสะ  มือจับชายผ้าห่มด้านหนึ่งเตรียมกระชาก เพื่อกลั่นแกล้งอีกฝ่ายเต็มที่   โดยมีผมตะบบมือรั้ง

ชายผ้าไว้แทบไม่ทัน   สัด...... มึงจะอยากแกล้งมันอะไรวันเน้~

“เห้ย!  มึงอย่ามันไม่สบาย  หลับอยู่  เป็นไข้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว  กูหล่ะแทบไม่ได้นอนเลย อย่าปลุกแม่งเชียว

เดี๋ยวร้องไห้อีก   มึงก็รู้มันโคตรงอแงตอนไม่สบาย”  ผมว่าเสียงเข้ม  แอบเนียนแถไปก่อน โฮ่ะๆๆๆ

“อ้าวจริงดิ!!  โทษทีๆๆ  กูไม่รู้  ว้า...  แย่จัง”  พูดจบมันก็เดินมาที่หัวเตียง ทิ้งตัวลงนั่งใกล้ ดึงผ้าห่มลงจนโผล่

พ้นหน้าไอ้ต้นมาครึ่งหนึ่ง  เห็นใบหน้าอีกฝ่ายที่ขึ้นสีแดงจัดจนตำลึงเรียกพี่  แต่ยังหลับตาพริ้มนิ่งสนิทเหมือนหลับมานาน

ไอ้ภาคลูบมือบนหัวทุยเบาๆ อย่างเอ็นดู  และสงสาร  มันก็รู้ดีเหมือนกัน  ว่าไอ้ต้นเวลาป่วยขี้อ้อนขนาดไหน

“เออ...  ดูดิแม่งหน้าแดงจัดเลยอ่ะ  ส่งสัยไม่สบายหนัก”  เหมือนหันมาแสดงความคิดเห็นจากผม

ซึ่งก็พยักหน้าตอบ  ในใจคิดว่า...มันคงจะไม่สบายจริงๆ นั่นแหล่ะ  เมื่อคืนนี้....ก็น่าจะเจ็บน่าดู 

แถมยังเมื่อกี้นี้อีก   พอคิดถึงเรื่องนี้....ก็เริ่มชักจะเกลียดตัวเองขึ้นมานิดๆ 

“พวกมึงไปเที่ยวกันเถอะ  เดี๋ยวกูอยู่ดูแลต้นเอง  อยากจะนอนด้วยเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ” 

ไอ้ภาคพยักหน้ารับรู้  แล้วก้มไปกระซิบอะไรบางอย่างที่ผมไม่ได้ยิน ข้างหูไอ้ต้น  มันคงเห็นว่าไอ้ต้นขยับตัวนิดๆ   

“เมื่อคืนสำเร็จมั้ย?”   ผมเห็นไอ้ต้นทำหน้าเหรอหรา  ส่งสายตาช้อนมองไอ้ภาคที  ช้อนมองผมที

ใบหน้าที่แดงจัดอยู่แล้ว   กลับเข้มขึ้นไปอีก ....ราวกับเจ้าตำลึงสุก  ที่สุกจัดจนถึงคราวที่ล่วงหล่นจากต้นเสียที

“อือออ~  จะนอน”  มันเพิ่ม level เสียงตอบกลับมาดังๆ เอามืออีกข้างดันหน้าไอ้ภาคออกอย่างรำคาญ

“ฮ่าๆ ๆๆๆ  รู้แล้ว”   ไอ้ภาคว่าขำๆ   ยกยิ้มอย่างกลั้นไม่อยู่อย่างกับมีเรื่องยินดีอะไรหนักหนา ซึ่งผมไม่เข้าใจ

รู้แต่ไอ้ต้นทำหน้ามุ่ย  แถมแดงจัดๆ โชว์อีกฝ่าย  .....  ขณะที่ผมกำลังมึนงง  ไอ้ภาคก็เดินมาตบไหล่เบาๆ

ด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม .  เอ่อ....ท่าทางมึงมีความสุขที่เมียกูป่วยนะครับ  สัด!! แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

มันเป็นเพียงความคิดที่อยู่ในใจเท่านั้น    ไม่ได้อายไอ้ภาคหรอกนะครับ เพียงแต่กลัวไอ้ต้นมันอายอ่ะ 

เดี๋ยวมันงอนเอา  ที่เอาเรื่องบนเตียงไปเปิดเผย  กร๊ากกกกกก  ...เรื่องนี้ต้องขอปรึกษาเมียก่อนนะ...ค่อยประกาศ

“ดูแลดีๆ  เดี๋ยวเอายามาให้นะ”   มันว่า  ผมก็พยักหน้าประหลกๆ  ตอบ  มึงไม่ต้องห่วงเมียกู  กูดูแลได้

“มึงไม่ต้องห่วง   เที่ยวกับเมียมึงให้สนุกเถอะ”  ผมตอบกลับไป  ผมลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดินไปส่งมัน

จริงๆ ตั้งใจจะไปปิดประตู  ล็อคแม่งเลย  จะได้ไม่มีใครมาทำ เซอร์ไพร กูแบบเมื่อกี้อีก

“ภาคคคคคค~”   มาแล้วครับ  เมียไอ้หล่อ  น้องวิ่งดุ๊กดิ๊กๆ เข้ามาในห้องอีกคน  ไม่รู้ว่าเพราะน้องเป็นคนวิ่งน่ารัก

หรือจริงๆ แล้วขาสั้นกันแน่ถึงทำให้วิ่งแล้วดูน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้  ริมฝีปากแดงระเรื่อหอบเหนื่อย อืม...ก็น่ารักดี

แต่ที่น่ารักกว่านั้นคือ  อีกฝ่ายวิ่งตรงดิ่งไปหาไอ้หล่อ  แล้วพึ่งหัวไปชนพุงอีกฝ่ายเบาๆ  หึหึ  ไอ้ภาคหลุดหัวเราะเบาๆ

มือทั้งสองข้างรวบไอ้ตัวเล็กตรงหน้าเข้ามากอด  ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ของพวกมันทั้งคู่  ผมหล่ะ

อยากจะสวีทโชว์แม่งบ้าง  เอาให้รู้.....ว่าใครเจ๋งสัด!   

“คร๊าบบบบ  ว่า?”  ไอ้หล่อขยี้หัวทุยๆ ของน้อง  ที่ตอนนี้ยืนเรียบร้อยให้ไอ้หล่อโอบกอดอยู่ข้างตัว

“แพนหิวครับ  เห็นมาตามนานอ่ะ เลยมาดู  พี่ต้นกับพี่ไม่ยังไม่อาบน้ำเหรอครับ งั้นแพนไปสั่งข้าวรอดีมั้ย

พี่ๆ อาบน้ำเสร็จค่อยตามไป  ไปถึงจะได้ทานกันเลย”   ไอ้ตัวเล็กเสนอน้ำใจ  ตากลมโตมองมาอย่างขอความเห็น

แต่ผมส่ายหน้าน้อยๆ  จริงๆ แล้วยังไม่ค่อยหิว  หนักไปทางง่วงมากกว่าเสียอีก


“ขอบคุณครับน้องแพน  แต่วันนี้ไอ้ต้นไม่สบายอ่ะ  พี่เลยจะอยู่ดูแลมันที่นี่ดีกว่า  เรากับไอ้ภาคไปเที่ยวกันเถอะ”

“อ้าวจริงเหรอครับ?”  น้องทำหน้าตกใจ  เหมือนรู้สึกเป็นห่วง และเสียดายที่ไม่ได้มีเพื่อนเที่ยวไปพร้อมกัน

หางลู่หูตกเล็กน้อย  ...   ไอ้หล่อยิ้มคิดว่ามันคงเข้าใจ เลยลูบหัวไอ้ตัวเล็กเบาๆ

“งั้นเดี๋ยวแพนสั่งข้าวต้ม อะไรพวกนี้มาให้นะครับ?”  ไอ้ตัวเล็กเสนออีกรอบ  ผมพยักหน้าตอบ  ยิ้มให้อีกฝ่าย

“ขอบคุณนะครับ”  น้องยิ้มกว้างคงดีใจ  ที่ได้ช่วยเหลืออะไรบ้าง

“ไม่เป็นไรครับ”

“อ้อ...  แพนมียาแก้ไข้  แก้อักเสบติดมารึเปล่า?”  ไอ้ภาคเอ่ยถามขึ้นมา 

“มีสิ  แพนพกติดตัวอยู่แล้ว  นี่ไง”  มือเล็กๆ ค้นยุกยิกๆ อยู่ครู่ก็หยิบยาออกมายกแผง

“อืมครับ  ไม้มึงเอาไปสิไว้ให้ไอ้ต้นกิน  มันต้องกินยาแก้อักเสบ  บลาๆๆๆ”  ร่ายจบมันก็ขอตัว

ผมเดินมาส่งมันเกือบจะถึงประตูห้องแล้ว  ไอ้ภาคก็ส่ายหน้าไล่ผมให้กลับไปดูไอ้ต้น แทน

ผมยิ้มส่งๆ  หันหลังกลับไปหาเมียสุดที่รัก

“พี่ไม้...หลังพี่  รอย?”   ไอ้ตัวเล็กพูดได้แค่นั้น ก็ถูกสามีสุดหล่อเอามือปิดปากไว้แน่น  ผมก็ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

อะไรว่ะ  จะพูดก็พูดไม่จบ  พอนึกขึ้นมาก็สะดุ้งสุดตัว  หน้าแดงก่ำ...อ่านะ  ข้างหลังมีแต่รอยเล็กไอ้ต้นนี่หว่า

“เอ่อ.....มดกัดน่ะ”  ผมว่าเขินๆ  เกาหัวตัวเอง แกร๊กๆ

“เหรอ?.... หึหึ  ป่ะแพนไปกันเถอะไม่ต้องสนใจมัน”  ไอ้ภาคตอบเสียงดัง  แล้วขำเสียเต็มประดา 

“แกร๊ก”   แล้วมันทั้งคู่ก็จากไป  ทำไมครั้งนี้เสียงปิดประตูเป็นเสียงสวรรค์สำหรับกูแล้วว่ะ

“เห้อ~”   ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่  ไม่ต้องปิดอะไรทั้งนั้นแหล่ะ  ประสบการณ์ระดับพวกมัน ...

บอกได้คำเดียว  แม่งงงงงงงงงงงงงงง.....รู้เรื่องกูหมดแล้ว!!   ชิส์ชะ   อย่าได้แคร์

ผมเดินกลับเข้ามาในห้อง  ตาก็จ้องยาในมือตัวเอง ทบทวนจำนวนที่ต้องทาน ระยะเวลาทุก 4 ชม.

กำลังคิดว่าจะซื้ออะไรมาให้อีกฝ่ายทานดี  ก็เป็นอันชะงัก  ...แล้วเงยหน้าขึ้นมาหาต้นเสียง

“ประสาท!!”  อีกฝ่ายว่าเมิน ๆ  เล่นเอาผมงงแดกไปอีกรอบ  อยู่ดีๆ ก็ด่า ผมส่งสายตางงงวยไปให้มัน

“ตอบไปได้รอยมดกัด  มดกัดเชี่ยไรครับ รอยลากยาวขนาดนั้น?”  น้ำเสียงมันดูหมั่นไส้ผมสุดๆ

“ก็.....กูนึกออกเท่านี้”  ผมว่าตีหน้าตาย  ดูจะขัดใจมันมากที่เหตุผลผมไม่เป็นที่พอใจ

“เอาไว้คราวหน้าแก้ตัวใหม่..........  ถ้ามันถามจะตอบว่า...”





















“รอย  -เมีย-   ครูด    ก็แล้วกัน”




“.........................”   ได้ยินแต่เสียงเครื่องปรับอากาศดังหึ่งๆๆ  จากการทำงาน



พร้อมกับอีกคน ที่อ้าปากค้าง  หน้าแดงจัดๆๆๆๆๆๆ  แล้วหุบปากฉับ...  ก่อนจะมุดไปซ่อนตัวใต้ผ้าห่ม




หึหึ........ก็แค่เนี๊ยะ      เมียพี่....น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก




หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ....After จุด จุด จุด P.14UD 29/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 29-03-2013 01:57:45
กรี๊ดดดดดดดดดดอ่ะ

ไม้ดูแลต้นดีๆจัดเต็มซะขนาดนั้น

 :mew1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ....After จุด จุด จุด P.14UD 29/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 29-03-2013 02:25:24
 :heaven  ฟินเบาๆ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ....After จุด จุด จุด P.14UD 29/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Mclvblue ที่ 29-03-2013 03:12:46
รายกาจใช่ย่อยนะจ๊ะคู่นี้
เน้นเผ็ดร้อนกันหล่อ ระวังหลังๆ SM นะจ๊ะ  :hao6:
รออ่านตอนต่อไปจ้า   :L2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ....After จุด จุด จุด P.14UD 29/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 29-03-2013 03:36:28
ไม้ไม่ค่อยเลยนะ ภาคกับต้นอะไรกันนั่น ไม้ไปจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้เรียบร้อยนะ อย่าทำให้ต้นเสียใจอีกนะไม้
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ....After จุด จุด จุด P.14UD 29/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 29-03-2013 08:24:28
น่ารักจิงด้วย น่ารักสุดๆไปเลย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ....After จุด จุด จุด P.14UD 29/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 29-03-2013 09:24:11
ในที่สุดไม้ก้อรู้ใจตัวเองแล้ว ดีใจแทนต้นด้วยน่ะ น่ารักจริง ๆ รู้สึเหมือนคู่แพนจะหายไปเลยน่ะ อยากรู้ว่าความรักของทั้งคู่จะเป็นอย่างไรต่อไป น้องยังต้องกลับไปตปท.หรือเปล่าน่ะ มาอัพต่อน่ะจ้ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ....After จุด จุด จุด P.14UD 29/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 29-03-2013 10:56:36
อิไม้ช่างตอบไปได้ :z2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ....After จุด จุด จุด P.14UD 29/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 29-03-2013 20:09:07
โอ้ยน่ารักจังเลย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ....After จุด จุด จุด P.14UD 29/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 29-03-2013 21:36:02
อ้าววว แล้วจะทำไงกับชะนีล่ะนั่น เหอะๆ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ....After จุด จุด จุด P.14UD 29/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 29-03-2013 22:41:25
5555 ต้นน่ารักเนอะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ....After จุด จุด จุด P.14UD 29/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 30-03-2013 13:49:19
 :katai2-1:

น่าร้ากกก
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ....After จุด จุด จุด P.14UD 29/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 30-03-2013 16:52:34
ทำไมไม่มีตอนของภาค-แพนบ้างอ่ะ
แต่ไม้-ต้นก็ชอบนะ ประมาณโลภ
 :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ....After จุด จุด จุด P.14UD 29/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 30-03-2013 18:43:33
 :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ....After จุด จุด จุด P.14UD 29/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 31-03-2013 13:29:54
อยากให้คนอ่านมีความสุข ไปกับไม้-ต้นก่อน 

ค่อยไป ดราม่า กับ ภาค-แพน เน้~
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน ....After จุด จุด จุด P.14UD 29/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 31-03-2013 18:15:39
^
^
^
 :z13: อืดๆๆไม่เอาน้าแค่กรุบกริบก็พอ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เปิดเผย กับปิดบัง P.14UD 31/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 31-03-2013 23:17:31
ชอบอีโมตัวนี้อ่ะ   ฮ่าๆๆๆ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:





ตอน...   เปิดเผย กับปิดบัง





“พวกนั้นรู้เรื่องหมดแล้วนะ”  ผมหันไปเอ่ยบอกคนบนเตียงด้วยกันเบาๆ  มันพยักหน้ารับรู้ก่อนจะพลิกตัวมามองผม

มันหลุบตาลงต่ำอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาสบตาผมตรงๆ   แล้วก็จ้องมองอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ

เหมือนกำลังใช้ความคิดของตัวเองไปเงียบ  นัยตาที่กรอกไปมาทำผมสับสนไปด้วย ยิ่งเงียบก็ยิ่งงง

ผมเลยเอื้อมมือไปลูบไลผมที่ชื้นเหงื่อของอีกฝ่าย   อย่านะ....อย่าเข้าใจผิดว่าผมทำอะไรไอ้ต้นอีก  ผมไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น

เพียงแต่ตอนนี้เราปิดแอร์เหลือแต่พัดลม  แล้วฝังตัวลงใต้ผ้าห่มเพื่อให้เหงื่อออก  เผื่อว่าอาการไข้ของมันจะลดลงบ้าง

ทั้งที่กินยาไปแล้วหลายขนาด ทั้งยาแก้อักเสบ  ยาลดไข้  หรือแม้แต่เกลือแร่ผมก็สรรหามาให้มันกินแล้ว 


ความเป็นไปของมันก็แค่ทำตาเบลอ  แต่ยังดื้อแพ่งไม่ยอมนอน  ..  แถมหันมาจ้องผมตาแป๋วอีกตะหาก

“กูว่ากูจะคุยกับอ๋อมว่ะ”  พูดจบไอ้ตัวดีก็เด้งตัวขึ้นผึงอย่างตกใจ   ทำผมตกใจตามไปด้วย

“โอ๊ยยยยย  อย่า...   อย่าพึ่งบอก”   มันว่าก่อนจะละสายตาไปสนใจบั้นท้ายที่สร้างความเจ็บร้าวให้มากพอควร

ใบหน้าถึงเหยเกจนเผลอกัดริมฝีปากตัวเองแน่น  ผมไล้มือลูบสะโพกมันเบาๆ ด้วยความเห็นใจ 

“เพี๊ยะ....อูยยยย”  ไอ้ตัวดีก็ฟาดเพี๊ยะมาที่มือผม   เล่นเอาต้องคลำมือตัวเองป้อยๆ ด้วยความเจ็บแสบ

“เพราะมึงแหล่ะ  ไม่ต้องมาลูบ”   มันว่าหันมาทำตาขวางใส่  ก่อนจะถอมหายใจยาวเหยียด

“เอ๊า  กูก็แค่เป็นห่วงอ่ะ  แค่ลูบเบาๆ เองไม่ได้รึไง”   ผมบ่นงอน  ย่นปากย่นคิ้วให้คลายกับหมาหน้าย่นไปแล้ว

“ปากดี  อย่างมึงเคยลูบอย่างเดียวที่ไหน  เอะอะ ๆ  จะเอาตลอด ”   มันหันมาว่าผมดุๆ  ผมเลยรวบตัวมันมากอด

ทั้งที่ตัวเราทั้งคู่กำลังชื้นเหงื่อ  ลื่นๆ กันไป สนุกดี ฮ่าๆ   คนป่วนก็ดิ้นคลุกคลิกอยู่ในอ้อมกอดผม 

ก็เลยต้องเพิ่มแรงโอบรัดอีกฝ่ายให้แน่นขึ้นไปอีกกว่าจะยอมนอนนิ่ง ๆ ให้ผมกอดแต่โดยดี  ไอ้ต้นได้แต่หอบหายใจ

ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้ออกแรงอะไรเลย     แม้เหงื่อเราจะออกมากขึ้นชื้นเปียก   แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกอยากจะปล่อย

คนตรงหน้าแม้แต่นิดเดียว   วางคางเกยไหล่ของอีกฝ่าย  ก่อนจะเอ่ยถามเรื่องที่สงสัยออกมา

“ทำไมไม่ให้บอก   แบบนี้กูไม่สบายใจว่ะ  รู้สึกมันคาราคาซังยังไงไม่รู้”  ผมรอบสังเกตุอีกฝ่ายที่นอนนิ่งๆ ในอ้อมกอด

“................”     ไม่มีคำตอบใดพ่นออกมาอยู่เป็นนาน  จนผมชักไม่แน่ใจว่ามันหลับคาอกผมไปแล้วรึเปล่า

.

.

“ต้น?”   จนต้องย้ำถามอีกครั้ง และเขย่าตัวอีกฝ่าย เพื่อให้แน่ใจว่าผมไม่ได้ตื่นอยู่เพียงคนเดียว 

“กูอาย”  เสียงแผ่วเบาของไอ้ต้นตอบ  ทำผมลอบยิ้ม ก็น่ะ เป็นผู้ชายด้วยกันแท้  แถมมีไอ้นั่นเหมือนกัน  แต่ต้องมาตก

อยู่ในสถานการณ์ฝ่ายรับแบบนี้   คงสูญเสียความมั่นใจพอควร  ....  มันผิดเองที่มาหลงรักผม 

ผมกดจูบหัวทุยๆ ของอีกฝ่าย  ไอ้ต้นก็พลิกตัวหันหน้าเข้ามาหาผม  สายตาเว้าวอน  และร้องขออย่างถึงที่สุด

"นะน้า~  ไม้กูยังไม่พร้อม ขอเวลาอีกนิดนะ นะ นะ". ในที่สุดผมก็ใจอ่อนให้ไอ้ลูกหมาหน้าขาว ถอนหายใจเฮือกใหญ่

แล้วก็พยักหน้าตามใจไปในที่สุด

"เออตามใจมึงแล้วกัน แต่อย่านานนักนะเมีย. กูทำใจลำบาก....  โอ้ยยยยย~.". พูดยังไม่ทันจบไอ้ต้นก็ยกหมอนมาฟาด

เข้ามาที่หน้าผม  (เออดี!!  ซาดิสอย่างนี้ระวังกูเอาคืน แล้วอย่าร้องคราง  เอ้ย! ร้องโอดโอยทีหลังก็แล้วกัน  แฮะๆ )

ทำตาขวางใส่อีกแนะ   ผมก็หลี่ตามมองมัน ประมาณว่าเมื่อกี้กูพึ่งตามใจมึงนะ  เดี๊ยะกูเปลี่ยนใจซะเลย  และเหมือน

มันอ่านสายตาผมออก  มันเลยเปลี่ยนโหมดซุกหัวถูไถกับอกผมใหญ่. เห้อ~มันน่ารักอย่างนี้หล่ะสิ. ถึงขัดใจมันไมได้สักที

 ผมมองมันอย่างเอ็นดูลูบหัวมันเบาๆ ไปมาอีกหลายที   มันก็ยังอ้อนไม่เลิก  ไซร้อยู่นั่นแหล่ะเดี๊ยะตบะพ่อแตก

"อีกสักรอบดีมั้ย? มึงอ้อนเก่งขนาดนี้". พูดเสร็จก็จ้องตามันเป็นประกาย  เห็นไอ้ต้นก็มองมันเช่นกัน ดูมันจะช็อค

และผมก็พวกเล่นทีเผลอ  ขณะที่มันกำลังกระพริบตางงๆ  ว่าไอ้เรื่อง “อ้อน”  กับไอ้เรื่อง “เอา”  นี่มันเกี่ยวกันยังไง

ผมก็ยื่นหน้าเตรียมประกบปาก  ริมฝีปากแดงระเรื่อจากการถูกบดจูบอย่างหนัก  ลอยอยู่ในระยะเผาขน

กำลังจะประทับลงบนริมฝีปากอิ่ม



“พลั๊ก” 



ใบหน้าผมแหงนหงาย หลังจากถูกฝ่ามือมารของใครบางคน ผลักจนหน้าหงาย สายตาที่กำลังกึ่มเคลิ้ม กึ่งวาดฝัน

ที่จะได้ดูดปากหวานของอีกฝ่ายเป็นอันมลายหายสิ้น   หรือเพียงแต่สีหน้าเซ็งชีวิต  สุดๆ  พร้อมกับคิ้วข้างหนึ่งที่กระตุก

ยิ๊กๆๆ  ไม่หยุด    ค่อยๆ ก้มหน้าลงมามอง  ไอ้คนที่ทำฝันผมสลาย  มันยกยิ้มที่มุมปากอย่างน่าหมั่นไส้ 

แถวยกคิ้วอย่างสะใจใส่ผมสองสามขยัก  ผมมองมันอย่างเอือม ๆ เบ้หน้าใส่ ก่อนจะสบัดหน้าเชิดใส่อย่างสวยงาม

“ชิส์”     ยังไม่พอยังมีออพชั่นเสริมพลิกตัวหันหลังให้อีกฝ่ายทันที 

“...............”







หมับ!!   สองแขนเรียวที่โอบกอดรอบตัวผม   ทำผมกระตุกยิ้ม   หึหึ.....นึกว่าจะไม่ง้อซะแล้ว

“ไม้มึงอย่างอนดิ๊.... กู   กูง้อไม่เป็นน้า”  ผมนอนนิ่งๆ ไม่ได้ตอบอะไร  ไอ้ต้นก็ซุกหน้าซุกตัวมาถูไถผมจากด้านหลัง

“................................”  เงียบ

“นะนะ  อย่างอนเค้าน้าาาาาา”  มันว่าเสียงอ้อนๆ  จุ๊บเบาๆ  ที่ซอกคอผม

“...............................”  ผมยังเงียบ ทั้งที่ปากอมยิ้มไปแล้ว  มันวางคางที่ไหล่ผมแล้วอ้อนต่อ

“อย่างอนเมียน้าาาาา  ผัวคนดี”   หืมมมมมมมมมมมม   ผมได้ยินถึงกลับตาโต  พลิกตัวกลับดึงอีกฝ่ายมากดจูบ

“จุ๊บ ๆๆๆๆๆๆๆๆ  โหย ~  หายแล้วครับเมียคร๊าบบบบบบบ   น่ารักสุดๆ อ่ะคนเนี้ยะ”   ผมดึงแก้มอีกฝ่าย

อย่างหมั่นเขี้ยว  ก่อนจะจุ๊บเบาๆ ที่ริมฝีปากแดงเรื่อ อีกสองสามรอบ  เห็นหน้าแดงของมันแล้วมีความสุข ดึงมันเข้ามากอด

“เห้อ~  ทำยังไม่ก็โกรธมึงไม่ลงสักทีให้ตายสิ ”   ผมบ่นเบา ๆ ขณะที่วางคางบนหัวทุยของอีกฝ่าย 

“อือ....   ไม่ก็โกรธก็ดีแล้วนี่  กูง้อไม่เก่ง”  มันว่างุ๊งงิ๊ง อยู่กับอกผม

“โหย~  มึงอ่ะไม่รู้ตัวเองสินะ  ว่ามึงอ่ะ โคตรขี้อ้อน  โคตรน่ารัก  แค่มึงเป็นอย่างนี้กูก็โกรธไม่ลงแล้ว”  ผมว่าขำๆ

“บ้า....กูก็เขินเป็นนะ ”

“อ้าวเหรอ  ฮ่าๆๆ”

.

.

.

.

แล้วก็ถึงเวลากลับจากเกาะ “รัก”  (สำหรับผมกับไอ้ต้น)   พวกเราทั้ง 6 คนพร้อมเพียงกันขึ้นเรือ งงล่ะสิว่ามันมาจากไหนอีกหนึ่ง


นอกจากจะมี ผม ไอ้ต้น อ๋อม ไอ้ภาค และน้องแพนแล้ว  ยังมีไอ้ปรสิท ซึ่งกูไม่เข้าใจ ...ว่าเพื่อนมึงไม่คบมึงแล้วใช่มั้ย?

ถึงได้มากลับกับพวกกู  ซึ่งนั่นก็คือไอ้เหี้ย  “พี่รัก”   ทำผมอารมณ์เสียนิดๆ  แต่ก็แกล้งทำเมิน  เพราะมือผมกอดเอวไอ้ต้น

ไว้ตลอด  แม่ง....ถ้ามึงโง่จนไม่รู้  เดี๊ยะกูโดดถีบปากให้อ่ะ   สรุปขากลับคนก็ยังเยอะเหลือเกิน  พวกผมก็หนีไปที่ประจำ

เครื่องห้องเครื่องชั้นสองของเรือ  และแน่นอนไอ้หล่อก็ข่มขู่น้องแพน ให้มาอยู่ในคอก  ที่แม่งกั้นไว้กันไอ้พวกผู้ชายทั้งหลาย

ที่มองมาที่น้องแบบน้ำลายสอ ก็เด็กมันขาว  ปากแดง ตัวเล็ก  เอวเป็นเอว  ผมยาวละต้นคอ  มองเผินๆ เหมือนผู้หญิงตัดผมสั้น

ดีที่กูรู้จักกันมาก่อน  ไม่งั้นแม่งตามจีบ  ถัดมาเป็นอ๋อม ซึ่งผมก็ยิ้มให้อ๋อมตามปกติ  ดูแลตามปกติไม่ได้เพิ่มเติมเกินกว่า

ที่เคยเป็นเพื่อนกัน  ถัดจากอ๋อมก็เป็นผมนี่แหล่ะครับ  ส่วนไอ้ต้นของผม  หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า “เมียรัก”  ก็นั่งติดกันนี่แหล่ะ

มือผมยังโอบกอดรอบเอวมันไม่ห่าง หรือถ้ารู้สึกห่างผมก็จะกระชับมือให้อีกฝ่ายมาชิดแต่โดยดี  โดยมีไอ้เชี่ย “พี่รัก”

นั่งถัดจากเมียผมไป   มันยังส่งยิ้มแบบมีความหมายมาหยอดคนของผมเสมอๆ  แม้ผมจะทำตาดุใส่  แต่แม่ง..

เสือกยิ้มมุมปาก ยักคิ้วกวนๆ แบบว่า กูไม่สนใจ  ส่งมาให้ผมเสมอ~  ผมเองก็ไม่อยากใส่ใจ  แม่ง...อย่างมึง

ก็ได้แค่มองหล่ะวะ   เมื่อคิดได้อย่างนั้น ผมก็ยกยิ้มอย่างมีความสุข  หันไปมองได้ต้นกับพี่รักที่คุยกันออกรส


ส่วนอ๋อมใส่หูฟัง แล้วหลับตาไปเรียบร้อยแล้ว   ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ไอ้ต้นชนิดแก้มชนแก้ม  ผมยักคิ้วให้ไอ้พี่รัก

“คุยอะไรกันเหรอ ?   น่าสนุก”   ผมเอ่ยถามยิ้ม  ไอ้ต้นเหล่ตามามองนิดหน่อยเพราะมันไม่กล้าหันมามอง

กลัวจะกลายเป็นมันหอมแก้มผม 

“ก็ เรื่องทั่วไปน่ะแหล่ะ  ไม้สนใจจะคุยด้วยก็ได้นะ”  ไอ้พี่รักเอ่ยขึ้น  ทำไม...ผมรู้สึกว่าแม่ง  ด่าว่าผมเสือกว่ะ

แต่ผมก็เนียนไม่ใส่ใจ  เบ้หน้าตอบกลับมัน  เอามือเกลี่ยที่แก้มไอ้ต้นที่ทำหน้าแดงใส่ผมกับไอ้พี่รัก

“ผมไม่ค่อยสนใจว่ะพี่  เห้ย...แก้มมึงเปื้อนอะไรวะต้น     ......  ฟอดดดดดดด~”  หอมโชว์ไปรอบหนึ่ง

เห็นไอ้พี่รักอ้าปากค้าง  ส่วนไอ้ต้นทำหน้าเหวอ  ด้วยความตกใจ

“นี่...  นี่เราสองคน...”    ไอ้พี่รักชี้มือไปมา ระหว่างผมกับไอ้ต้น  ดวงตาลอกแล่กอย่างแปลกใจ  เรียกว่าตกใจจะถูกกว่า

ผมอมยิ้มมุมปาก  ส่วนไอ้ต้นก้มหน้ามุดเข่าตัวเอง  ผมเลยทำปากตอบคำถามไอ้เหี้ยพี่รัก  แบบไม่มีเสียง

“เมียกู”



เท่านั้นแหล่ะ  ผมไม่รู้ไอ้พี่รัก แม่ง...สบถอะไร เพราะผมไม่ได้ยิน  และคิดว่ามันคงไม่อยากได้ยิน  ขบกรามแน่น

ก่อนจะหยิบแว่นดำมาสวม  หยิบหูฟังมาใส่แล้วหันไปสนใจทะเลเป็นการถาวร  ส่วนผม ....ลูบหัวไอ้ต้นอย่างปลอบใจ

ช่วยไม่ได้ว่ะ....   มึงอาจต้องอายบ่อยๆๆ   ก็ทำไงได้

.

.

.

.

.


.



ก็ กูหวง
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เปิดเผย กับปิดบัง P.14UD 31/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 31-03-2013 23:37:56
 :hao3:  ไม้ ชิ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เปิดเผย กับปิดบัง P.14UD 31/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 01-04-2013 00:05:12
ไม้ไม่ค่อยเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เปิดเผย กับปิดบัง P.14UD 31/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 01-04-2013 00:18:56
ไม้สุดยอดทั้งหื่น ทั้งหวง  :mew1:

เริ่ดค่ะะ

ต้นคงต้องทำใจหน่อยนะ สามีขี้หวงขนาด  :laugh:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เปิดเผย กับปิดบัง P.14UD 31/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 01-04-2013 00:58:12
ต้นก็ยังน่ารัก
ส่วนไม้...แหม,,ชักจะได้ใจใหญ่นะ หวงน่าดู อิอิ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เปิดเผย กับปิดบัง P.14UD 31/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: rabbit-orange ที่ 01-04-2013 01:14:20
 o13
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เปิดเผย กับปิดบัง P.14UD 31/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: udongjay ที่ 01-04-2013 01:36:36
ได้ทีข่มใหญ่เลยนะไม้ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เปิดเผย กับปิดบัง P.14UD 31/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 01-04-2013 07:54:20
ไม้อ่ะ หอมแก้มโชว์เลยเหรอ อย่างน่ารักอ่ะคู่นี้
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เปิดเผย กับปิดบัง P.14UD 31/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: maewmheaw ที่ 01-04-2013 10:04:54
 :-[ :impress2:  ต้นกับไม้น่ารักก
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เปิดเผย กับปิดบัง P.14UD 31/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 01-04-2013 10:24:58
ไม้หลังจากเสียรังวัดแฟน ๆ ไปเพียบก้อกลับมาตีคืนได้อย่างสวยงามเลยน่ะ ได้ใจไปเต็ม ๆ เลยน่ะ  :mew1: สงสารพี่รักน่ะเนี่ยอีกนิดจะได้แหละ กลับฉวดซะเนี่ย น่าสงสาร  :L3: ยังไงมาต่อไว ๆ น่ะ เราเตรียมรับมาม่าไว้แล้วจ้า  :mew2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เปิดเผย กับปิดบัง P.14UD 31/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 01-04-2013 13:45:11
ขอพี่ภาค-น้องแพนบ้างเง้ออออ
 :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เปิดเผย กับปิดบัง P.14UD 31/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 01-04-2013 18:09:14
แหมมมม น้องไม้มมมมม  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เปิดเผย กับปิดบัง P.14UD 31/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 01-04-2013 21:03:35
เหอะๆ ไม้อย่าทำต้นเสียใจละกัน ไม่งั้นคนเขียนโดนวางระเบิดแน่ 555
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เปิดเผย กับปิดบัง P.14UD 31/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 01-04-2013 21:25:28
ชะุอุ้ย!!   ใจร้าย  จุงเบย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เปิดเผย กับปิดบัง P.14UD 31/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 01-04-2013 22:08:23
ไม้พอเปิดตัวว่าคบกันก็ไม่เกรงใจเลยนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เปิดเผย กับปิดบัง P.14UD 31/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 02-04-2013 10:11:18
ฟินเว่อร์ค่ะ ณ จุดนี้
แต่จะดีกว่านี้ "ถ้า รีบ ไป เคลียร์ กะ อ๋อม นะ ค่ะ"   :beat:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เปิดเผย กับปิดบัง P.14UD 31/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 02-04-2013 10:13:52
เก็บความหวาน
ต้นไม้ไว้เป็นแรง
อ่านภาคแพน  :z2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เปิดเผย กับปิดบัง P.14UD 31/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 03-04-2013 23:06:28
 :katai2-1:

 :impress2: :-[ :o8: :กอด1:

ชอบทั้งสองคู่เลยยยยย เพิ่งมาอ่านวันนี้ โคตรๆ ชอบอ่ะ

"เมียกู"

พอไม้พูดคำนี้ มัน..ชอบๆๆๆๆ อ่าาาา
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เปิดเผย กับปิดบัง P.14UD 31/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 04-04-2013 22:57:20
 :mew2: :mew3: :mew1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เปิดเผย กับปิดบัง P.14UD 31/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 06-04-2013 17:21:13
คิดถึง :กอด1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เปิดเผย กับปิดบัง P.14UD 31/3/13
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 07-04-2013 00:11:48
น่าจะมีกดแชร์ๆๆๆๆๆๆๆ

เป็นนิยายที่สนุกมากๆอ่ะ

อ่านสามรอบแล้วเนี่ยย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน อย่ามอง.....แค่ภายนอก 7/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 07-04-2013 22:42:47
ขออภัยนะคะ  สำหรับคนที่รอ  "ภาคกับแพน"  กำลังโยงเรื่องไปถึงค่ะ 

รออีกแป๊บเดียวนะคะ  ตอนหน้าจะเป็นเรื่องของตัวเอกแล้ว





ตอน  อย่ามอง.....แค่ภายนอก





พอถึงฝั่งก็ทางใครทางมัน  ผมกับไอ้ต้นไปด้วยกันอยู่แล้ว เพราะพักอยู่ด้วยกัน ส่วนไอ้หล่อมันก็แทบจะอุ้มเมียมัน

เอามาใส่ตรงบั้นเอวเหมือนๆ กระเตงเด็กอยู่แล้วถ้าทำได้  เลยกลายเป็นว่าไอ้พี่รักกับอ๋อมบ้านดันอยู่ทางเดียวกันอีก

 ..ก็ดีจะได้ไม่ต้องห่วง เราทั้ง 6 คน 3 คู่เลยแยกกันอย่างลงตัว ไม่มีใครมีสีหน้าอิดออดเพราะต่างคนก็ต่างเหนื่อย

อยากจะกลับไปพักกันแทบแย่ทริปนี้เลยจบด้วยเหตุนี้  แต่เรียกได้ว่าเป็นทริปที่ “เปลี่ยนชีวิต”  ผมครั้งใหญ่เลยทีเดียว

.

.

.




เวลาผ่านมาเนิ่นนานมาหลายเดือน  ทุกๆ อย่างก็ค่อยๆ เคลียร์  เรื่องผมกับไอ้ต้นเพื่อนในกลุ่นรับรู้กันหมดแล้ว

รวมถึง  “อ๋อม”  ด้วย   เธอหัวเราะคิกคัก  แซวๆ ไอ้ต้น ไม่ได้มีท่าทีโกรธเคืองแต่อย่างใด  ตอนที่ผมสารภาพความจริง

อ่ะน่ะ ...  ก็มันอดไม่ไหว  บางครั้งผมก็อยากแสดงความรักในแบบของผม  หวง...ในสิ่งที่เป็นของผม  แต่ดันมาติด

ไอ้คำโกหกพกลม  ...ที่อีกฝ่ายขอไว้ เลยทำให้ทำอะไรได้ไม่เต็มที่  สุดท้ายก็สุดจะทน..จนต้องประกาศอย่างเป็นทางการ

ภายในกลุ่ม ในวันที่นัดทานข้าวมื้อเย็นวันหนึ่ง   ผมเห็นอ๋อมลอบยิ้ม  แม้จะทำท่ากลั้นขำ มาตลอดการฟังคำสารภาพผิด

“คิกคิก   ..อ๋อมรู้ตั้งนานแล้วหล่ะ  แสดงออกซะขนาดนั้น ...  จะไม่ให้รู้ได้ยังไงหล่ะ  นี่ก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่จะมาสารภาพ”

ได้ฟังเท่านั้นแหล่ะ  ผมก็เผลอยิ้มกว้างออกมาอย่างโล่งอก แถมเขินนิดๆ  ไม่นึกว่าจะง่ายอย่างนี้

 อย่างน้อยอ๋อมก็มีสิทธิ์โกรธ  ในการปิดบังของผมที่ผ่านมาถึงสามเดือนแล้ว  ในขณะที่ผมโล่งใจ  แต่ใครอีกคนดูจะอาย

จนจะมุดโต๊ะได้อยู่แล้ว

“ขอบใจนะอ๋อม...  มึงก็มาขอบใจอ๋อมด้วยสิ”  ผมพูดเบาๆ  และเลยเรียกร้องอีกฝ่ายให้มาขอบคุณอ๋อมด้วย

จริงๆ อยากจะแกล้งมันนั่นแหล่ะที่นอกจากไม่ช่วยผมพูดอะไร  แล้วยังเอาแต่อายหน้าแดงจัด  เอาหัวซุกใต้โต๊ะอยู่นั่น   

ผมสอดมือเข้าไปในปกคอเสื้อนักศึกษาด้านหลัง  ก่อนจะดึงให้ไอ้ต้นเงยหน้าขึ้นมาสบตาผู้คนได้สักที   

มันหันไปมองอ๋อมทีแล้วหลุบตาลงต่ำที ทำแบบนี้อยู่สองสามรอบ

“ข...ขอบใจนะ  เรา........ขอโทษอ๋อมด้วย”    น้ำเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย  ระหว่างที่ไอ้ต้นเว้นคำพูดอยู่นาน

ทุกคนก็มองมาที่มันรวมถึงผมด้วย  กำลังลุ้นจัดๆ  ว่ามันจะพูดอะไรต่อ   พอจบประโยคเท่านั้นแหล่ะ 

มันก็ทำเอาผมเผลอยิ้มนิดๆ ที่มันว่าง่าย  ลูบหัวมันเบาๆ  ไปมาอยู่หลายรอบ  คล้ายๆ เวลาเราเอ็นดูหมาที่บ้าน

“น่ารักมาก”   พูดจบก็ยังลูบอยู่นั่น  จนไอ้ต้นเริ่มจะจับทางได้  มันหันมามองผมตาขวาง ปัดมือที่ลูบอยู่ออกโดยเร็ว


“สัด พอได้ยังกูไม่ใช่หมา”   เรียกเสียงหัวเราะได้ทั้งโต๊ะ  ทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลายกันมาทีเดียว

“ทำตัวตามสบายเถอะต้น  คนมันรักแล้ว...  ยังไงก็หยุดไม่อยู่หรอก”  อ๋อมว่ายิ้มบางๆ  ผมแอบเห็นสายตาที่ตวัดมอง

ไปทางไอ้หล่อ  แม้มันจะไม่หันมามองเลยสักนิด....แต่อ๋อมก็ยังคงเหมือนเดิม สายตาเศร้าๆ ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

“อืม....จริงของอ๋อม  ”    ไอ้หล่อว่าอมยิ้มนิดๆ   ดวงตาฉายประกายแวววาวเมื่อนึกถึงคนรัก ความรักในรูปแบบมัน...

ที่ทั้งห่างไกล   ทั้งในแบบที่อยากที่จะฝ่าฟัน    แต่มันก็มั่นคงเสมอ จนผมเองนึกศรัทธา  ไม่ใช่แค่มันหรอกนะ 

แต่ผมหมายถึงแพนด้วย.....น้องที่หนีไปตั้งหลักไกลขนาดนั้น แต่จนถึงตอนนี้......ก็ยังคง “รอ”   ไอ้หล่ออยู่แค่คนเดียว   

ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเชื่องช้า  อาหารการพูดคุย  หรือเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตถูกขุดขึ้นมาเผากันอย่างสนุกสนาน 

ผมว่าไอ้ภาคมันเหงา....แต่มันเหงา  แต่แบบมีความสุขไง  แพนกลับไปได้เดือนกว่าๆ แล้ว ก็รู้แหล่ะว่ามีการติดต่อกันตลอด

แต่ว่า....มันก็ไม่เคยเอามาเล่าให้ฟังหรอก  ถ้าไม่ถามก็ไม่พูดอะไรออกมา 

อ้อ.......ผมลืมเรื่องหนึ่งไปสินะ  ในขณะที่ทุกคนกำลังมีความสุขสนุกสนานกับการเปิดตัวของผม  แต่......มีใครอีกคน

ที่นั่งหน้ามุ่ยบอกบุญไม่รับ  แม้มันจะรับรู้สถานะของผมเรียบร้อยตั้งแต่วันนั้น  แต่มันก็เชี่ยพอที่จะไม่ละความพยายาม

“กูแค่ได้อยู่ข้างๆ ก็พอ”  ประโยคเด็ดโดนใจ  ถ้ากูเป็นไอ้ต้นกูก็คงจะชื่นใจอยู่หรอก  แต่นี่อะไร๊.....แบบว่ากูเป็นแฟนมันไง

มาบอกกูทำเชี่ยไรไม่ทราบ  ผมเกือบจะง้างหมัดต่อยแม่งอยู่ร่อมร่อแล้วหล่ะ  ถ้าไม่ติดว่า.....แม่งยืนตาละห้อย

ไม่หือไม่อือ   มองไปทางไอ้ต้นที่อยู่ไกลริบๆ ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าผมจะทำอะไรมันอยู่ (นี่กูไม่มีความหมายในสายตามันสินะ)

ผมเองก็มองไปที่ไอ้ต้น   ดูท่าแม่งเป็นกังวลพอกัน เฮ้อ~   ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่  ค่อยๆ ลดแขนที่ง้างจะต่อยมันลง

“สัด!!  ถ้ามึงทำเกินกว่าที่พูดเมื่อไหร่ กูเอามึงตาย”  ตวาดเสียงดังลั่น  ไอ้พี่รักสะดุ้งเฮือกเหมือนขวัญเสีย

หันมามองหน้าผมตรงๆ ก่อนจะแสยะยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“ขอบใจว่ะ  ดูแลดีๆ หล่ะ  ดูแลไม่ดีเมื่อไหร่กูเสียบ  หึหึ”   มันพูดแค่นั้น เดินมาตบไหล่ผมเบาๆ ก่อนจะเดินจากไป

“ไม่มีทาง...จะมีวันนั้นว่ะ”  ผมตอบกลับไปเสียงเรียบ  ยกยิ้มมุมปากทั้งที่หันหลังให้มันอยู่  ลูกผู้ชายด้วยกัน

ก็อยากแฟร์ๆ  ผมไม่กลัวหรอกว่ามันจะแย่งคนของผมไปได้  ตราบใดที่ผมกับไอ้ต้นยังรักกันอยู่แบบนี้ 

ก็ไม่มีทางปล่อยให้มันเข้ามาแทรกได้หรอก  อย่างมากก็แค่อยู่ในฐานะพี่น้อง.....ก็แค่นั้น


ผมรู้.....รู้อยู่แก่ใจลึกๆ   ว่ามันเองก็มีความเป็นลูกผู้ชายเพียงพอ  ไม่อย่างนั้น....คืนนั้นไม่มีทางหาไอ้ต้นเจอ

ไม่งั้นคืนนั้น.....มันคงลากไอ้ต้นไปที่ห้องมัน  ทำอะไรๆ  แบบที่มันอยากทำแล้ว  แต่ก็เปล่า 

มันกลับพาไอ้ต้นมานั่งริมหาด  ที่มันเจอกับไอ้ต้นครั้งแรกนั่นแหล่ะ  ปล่อยให้คนเมาคร่ำครวญอะไรมากมาย

โดยที่มันทำแค่นั่งฟัง  ลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ  หัวคนเมาที่ซบอยู่กับไหล่ของมัน  น้ำตาไหลเป็นระยะ

ไม่ได้แตะต้องอะไรไปมากกว่านั้น  แค่ปล่อยให้ไอ้ต้นระบาย   ส่วนผมที่รอ....รอจนรอไม่ไหวถึงได้ออกตามหา

ถามว่าทำไมไม่โทรหาน่ะเหรอ....   คำตอบคือโทรหาจนมือหงิกแล้ว.....แต่มันไม่รับ  แต่ผมกระหน่ำโทร

จนสุดท้ายมันก็รับแต่โดยดี  “ไม้กูขออยู่คนเดียวสักพักได้มั้ยวะ?”  ได้ฟังอย่างนั้นผมก็นิ่งเงียบไป


ไม่ได้โทรตามอีก  แต่พอเห็นดึกจนตัวเองเริ่มทนไม่ไหวแล้วนั่นแหล่ะ ถึงโทรไปกวนใจมันอีกที  ....

หากแต่........เสียงที่ได้ยินกลับเป็นเสียงของผู้หญิงที่เราคุ้นเคยกันดี  เวลาที่เครื่องมือสื่อสารถูกปิดไป

เท่านั้นแหล่ะ.....ต่อมความอดทนมันแตกเลย  ผมวิ่งออกไปทันที ด้วยความรู้สึกกังวล รู้ว่ามันคออ่อน  เรียกว่าอ่อนสัดๆ

แล้วยิ่งรู้ว่ามันไปกับไอ้พี่รักนี่ด้วย  ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ใจเสียไปแล้วเกินครึ่ง

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังพอมีหวัง ...รู้แต่ว่าตัวเองต้องมีหวัง  วิ่งไปข้างหน้าเท่าที่กำลังขาจะมี  รู้แค่ว่าต้องหาไอ้ต้นให้เจอ

ในหัวคิดไว้แล้ว.....  ต่อให้คนตรงหน้ามันเจออะเข้ากับอะไรมา  หรือต้องผ่านมือใคร  ผมจะบอกมัน..ว่าไม่เป็นไร

“กูจะดูแลมึงเองต้น  จะเป็นทุกอย่างให้มึง”   ได้แต่พึมพำแม้สติแทบจะหลุดไปแล้ว  เพราะมันเปราะบาง

เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหน  ยิ่งเรื่องความรู้สึก  .....  ถ้าหากมันต้องเจ็บปวด ต้องเสียใจ เพราะคนที่มันไว้ใจ


ไม่รู้.....มันจะทนได้สักแค่ไหน  แค่คิดก็เจ็บจนอยากจะ “ฆ่า”   ไอ้คนที่ “อาจ”  เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้

.

.

.

“ฮือออออออออ~   แม่งไอ้ฟายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”   เสียงตะโกนร้องโวยวาย

ทำให้ผมชะงักกึก  ริมหาดที่ร้างไร้ผู้คน  มืดและเงียบ   แลเห็นเงาของคนสองคนนั่งอยู่ตรงพื้นทรายริมหาด


หัวของคนที่โวยวายซุกเข้าหาอีกฝ่าย ที่มือยังจิบเบียเงียบ ๆ  พร้อมเสียงดัง  อั๊กๆๆๆ  เพราะไอ้ตัวดียกขึ้นมาทุบ

แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้โวยวายอะไร  ปล่อยให้คนเมาที่ทั้งร้องไห้ ทั้งตะโกนด่า ทุบตามใจ  แน่นอน....ว่าเป็นเสียงที่ผมคุ้นเคย

คนที่ผมตามหา รู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด  ที่อย่างน้อย...มันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ผมคิด  อย่างน้อย..คนที่ผมไม่เคยไว้ใจ

.มันก็......ไม่ได้ฉวยโอกาสทั้งที่จะทำก็ย่อมได้  ยื่นมองอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน แต่ก็ไม่ได้ตัดสินใจเดินเข้าไปหา

ผมว่ามันคงต้องการเวลาส่วนตัวของคนสองคน  แต่ละคนคงจะต้องการเวลาเป็นของตัวเอง

.

.

“จะยืนมองอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ย?”  ผมเลิกคิ้ว ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัว  ทั้งที่เฝ้ามองอยู่อย่างเงียบๆ แท้ๆ

ไม่ได้ตั้งใจจะไปรบกวนใครสักนิด  แต่เมื่อได้ยินเสียงของพี่รักในที่สุดก็ก้าวขาเดินเข้าไปหา แต่ก็ยังไม่ได้พูด

อะไรออกไปเช่นเดิม

“คิดจะรับผิดชอบบ้างไหม?”   อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ ขณะที่ไอ้ตัวดีฟุบหลับคาตักไปเรียบร้อยแล้ว

ผมทิ้งตัวลงด้านข้างพี่รัก ลูบหัวไอ้ตัวดีเบาๆ แต่ก็ยังไม่วายส่งสายตาสงสัยไปถามอีกฝ่าย รับผิดชอบอะไรงั้นเหรอ?

พี่รักไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ส่งสายตามองไปยังคนที่ฟุบบนตักตัวเอง  ผมพยักหน้าช้าๆ แม้จะไม่เข้าใจนัก

แต่พี่แกคงหมายถึงแบกไอ้ตัวดีกลับที่พัก   ผมลูบหัวไอ้ตัวดีเบาๆ ก่อนจะเรียกเสียงแผ่ว

“ต้น...  ต้น..”   อีกฝ่ายขยับตัวเพียงเล็กน้อย  เพียงเพื่อให้ตัวเองอยู่ในท่าที่หลับสบายเท่านั้น  และก็หลับตาลง

เหมือนเดิม พี่รักส่ายหน้าอย่างอืมระอา 


“น้องไม้ไม่เคยเมาเหรอวะครับ?  แล้วต้นคออ่อนขนาดนี้.....หลับไปแล้วจะหวังให้มันตื่นขึ้นมายืนให้เดินกลับบ้านไหวรึไง ?

 ไปแบกต้นกลับห้อง  เดี๋ยวพี่ช่วยพยุงขึ้นหลังเรา”   พูดเสร็จพี่รักก็ดันไอ้ขี้เมาที่ตัวอ่อนตัวงอให้ยืนขึ้นมาพิงบนหลังผม

เพื่อแบกอีกฝ่ายกลับบ้าน

“ขอบคุณนะพี่ที่ดูแลมัน ”  ผมเอ่ยออกไปในที่สุด  แต่ไอ้พี่รักกลับรู้ความหมายที่แอบแฝงเป็นอย่างดี  แกพยักหน้าหงึกหงัก

อมยิ้มเล็กน้อย อย่างขำๆ

“พี่ไม่ชอบบังคับใครว่ะ  แต่ถ้าอีกฝ่ายเต็มใจก็ไม่แน่”   แกยักคิ้วนิด พอกวนประสาทผม แล้วเดินจากไป

.

.

.

เอาหล่ะ เวิ่นมาเยอะแล้วกลับมาที่ปัจจุบัน  ครับ!......  สรุปไอ้ที่ผมพูดถึงมันคือ ไอ้เชี่ย  “พี่รัก”  นี่แหล่ะ

คิดว่าทุกคนคงรู้แล้วอ่ะนะ   ถึงมันจะยิ้มนิดๆ  พอเป็นพิธีเรื่องที่ผมเปิดตัว .......  แต่ก็แค่นี้

มันคงเสียใจเหมือนกัน แต่ช่วยไม่ได้  ถ้าต้องการจะยื่นข้างๆ อยู่ใกล้ๆ ผมว่ามันก็ต้องทำใจยอมรับเรื่องนี้ไว้


ไม่ใช่ผมใจร้ายนะ  แต่เป็นเพราะผมไม่จำเป็นสละความสุขของตัวเองเพื่อใคร

.

.



.



 แค่ทำ..........เพื่อคนตรงหน้าก็พอแล้ว





หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน อย่ามอง.....แค่ภายนอก 7/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 07-04-2013 23:04:49
พีรักก็เปนคนดีอ่ะ
อยากให้มีคู่จัง

อ๋อม เลิกชอบภาคได้แล้ววววนะ
ไปรักคนอื่นเถอะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน อย่ามอง.....แค่ภายนอก 7/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 07-04-2013 23:33:08
ขอให้พี่รักเจอคนที่เหมาะสมและรักพี่รักไวๆนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน อย่ามอง.....แค่ภายนอก 7/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 07-04-2013 23:39:48
มีค่ะ  เตรียมไว้ให้แล้ว 



โฮะๆๆๆๆๆ


หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน อย่ามอง.....แค่ภายนอก 7/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 08-04-2013 00:55:14
 :mew1:

เรื่องของไม้กับต้นก็เคลียร์แล้ว

แล้วอ่อมอ่ะเมื่อไหร่จะเลิกสนใจคนที่เค้ามีแฟนแล้วสักที

อย่าทำตัวเป็นคนมีปัญหาอีกเลย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน อย่ามอง.....แค่ภายนอก 7/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 08-04-2013 01:16:53
 :mew2: :mew2: พี่รักหันมามองหนูได้ม่ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน อย่ามอง.....แค่ภายนอก 7/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 08-04-2013 02:41:12
รักรู้อยู่แล้วสินะว่าต้นชอบไม้ รักเป็นคนดีนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน อย่ามอง.....แค่ภายนอก 7/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 08-04-2013 08:39:23
พี่เป็นคนดีจัง
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน อย่ามอง.....แค่ภายนอก 7/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 08-04-2013 10:46:16
เกมแห่งความรักต้องมีทั้งผู้ที่สมหวังและผู้ที่ผิดหวัง ขอให้คุณทัศเห็นใจส่งคู่มาให้กับคนที่ผิดหวังด้วยจ้า  :mew2: เตรียมรับมาม่าของคู่ภาค+แพน ยินดีกับไม้+ต้นด้วยน่ะ ไม้ก้อดูแลต้นดี ๆ ล่ะ เพราะมีคนรอเสียบอยู่  :mew4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน อย่ามอง.....แค่ภายนอก 7/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 08-04-2013 11:51:29
นายรักเป็นสุภาพบุรุษโคตรๆๆ o13
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) +sample 9/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 09-04-2013 00:00:30
ตอน.......



ผ่านมาเกือบครึ่งปีแล้วปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น  ไม่ใช่แค่แพนคนเดียวแล้ว... ตอนนี้ผมก็ทำงานพิเศษทุกอย่าง

ไม่ใช่ว่าเงินที่บ้านให้มาไม่พอใช้หรอกนะ  เพียงแต่ผมอยากช่วยแพนจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินกลับไทยด้วย

ไม่อยากให้น้องลำบากเพียงคนเดียว  ถึงแต่ละวันจะเหนื่อยแต่พอกลับมาถึงห้อง กำลังใจของผมมันก็รออยู่ที่นี่

เราพูดคุยกันแทบทุกวัน ไม่ว่าจะ skype , MSN, Facebook บ้าง  แต่ที่แน่ๆไม่มี  IG   แม้เวลาจะผ่าน

แต่เราไม่ได้ปล่อยความรู้สึกของเราให้ผ่านไป  ยังคงคิดถึง  ยังคงห่วงใย  ยังคงมีรอยยิ้มให้กันเสมอ

อีกแค่ไม่กี่วัน....เราก็จะได้เจอกันแล้ว  แค่คิดก็แทบอดทนรอไม่ไหว  หวังว่าคราวนี้จะไม่มีเซอร์ไพร์

.

.

.

เพราะถ้ามี.......หึหึ   บอกได้คำเดียวว่า  “จัดเต็ม”



หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) +sample 9/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 09-04-2013 01:00:00
ภาคไม่ค่อยเลยนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) +sample 9/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 09-04-2013 01:13:14
 :mew2:

ภาคก็ยังคงเป็นภาคนะคะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) +sample 9/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 09-04-2013 15:30:40
ใกล้กินมาม่าเข้าไปทุกที แต่พี่ภาคก้อยังมีช่วงให้เราได้  :z1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) 50% 9/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 09-04-2013 19:18:49
ตอน.......




ผ่านมาเกือบครึ่งปีแล้วปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น  ไม่ใช่แค่แพนคนเดียวแล้ว... ตอนนี้ผมก็ทำงานพิเศษทุกอย่าง

ไม่ใช่ว่าเงินที่บ้านให้มาไม่พอใช้หรอกนะ  เพียงแต่ผมอยากช่วยแพนจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินกลับไทยด้วย

ไม่อยากให้น้องลำบากเพียงคนเดียว  ถึงแต่ละวันจะเหนื่อยแต่พอกลับมาถึงห้อง กำลังใจของผมมันก็รออยู่ที่นี่

เราพูดคุยกันแทบทุกวัน ไม่ว่าจะ skype , MSN, Facebook บ้าง  แต่ที่แน่ๆไม่มี  IG   แม้เวลาจะผ่าน

แต่เราไม่ได้ปล่อยความรู้สึกของเราให้ผ่านไป  ยังคงคิดถึง  ยังคงห่วงใย  ยังคงมีรอยยิ้มให้กันเสมอ

อีกแค่ไม่กี่วัน....เราก็จะได้เจอกันแล้ว  แค่คิดก็แทบอดทนรอไม่ไหว  หวังว่าคราวนี้จะไม่มีเซอร์ไพร์

.

.

.

เพราะถ้ามี.......หึหึ   บอกได้คำเดียวว่า  “จัดเต็ม”

.

.

.

วันนี้ผมไปรับแพนจากสนามบินกลับมาที่ห้อง  ยังไม่ได้บอกใครว่าน้องจะมาถึงวันนี้ เพราะผมอยากอยู่กับน้องแค่สองคน

“เหมือนเดิมเลยนะภาค  จัดห้องเหมือนเดิมเลย”  แพนมองรอบๆ ห้องอย่างสำรวจตรวจตรา ครึ่งปีจะว่านานก็นาน

จะว่าเร็วก็เร็ว  แต่สำหรับผมการรอคนที่รักกลับมา  ......  แค่ชั่วโมงเดียวก็ดูเหมือนมันจะนานเกินไป

แต่ต่อให้ต้องรอถึงเมื่อไหร่  ....  ถ้ารู้ว่ายังไงอีกฝ่ายจะต้องกลับมา  นานแค่ไหน.......ผมก็จะรอ

ผมลากกระเป๋าเข้ามาถึงห้องนอน อีกฝ่ายก็เดินเข้ามาถึงพอดี  ผมเดินเข้าไปกอดน้องจากด้านหลัง

“ไม่ใช่แค่ห้องนะที่เหมือนเดิม    เจ้าของห้องยังเหมือนเดิมนะครับ  ฟอด~”  พูดจบก็กดจมูกสูดดมความหอม

ของแก้มแพน  ไอ้ตัวเล็กหัวเราะขำๆ  หอมแก้มผมกลับทันที

“คร๊าบบบบ ครับ  แต่ไม่ใช่แค่เจ้าของห้องหรอกนะที่เหมือนเดิม   ก็.................”





“แฟนเจ้าของห้องก็ยัง....เหมือนเดิมเช่นกันนะครับ”  แพนว่าด้วยแววตาทะเล้น กึ่งๆ ล้อเลียนผม   เลยเผลอหลุดยิ้ม

กับท่าทีของคนตรงหน้า  เรากอดกันแน่นอยู่นาน ผมเลยตัดสินใจผละออกในที่สุด 

“ไปอาบน้ำได้แล้วครับ จะได้มานอนสบายๆ ตัวนะ   หรือว่า......  จะให้ภาคอาบให้?”   ผมยกยิ้มมุมปากนิดๆ

ไอ้ตัวดีก็ตีเพี๊ยะมาที่แขน   

“โหยยยย ขืนให้ภาคอาบให้นะ  แพนไม่ได้นอนกันพอดี  ฮ่าๆ  งั้นแพนไปอาบน้ำก่อนนะ  ฟอดดดด~”   

น้องเดินเข้าห้องน้ำไป  มือเอื้อมหยิบผ้าเช็ดตัวที่ผมเตรียมไว้ให้บนเตียงก่อนจะหันมาส่งยิ้มหวาน โดยมีผมมองตาม

ไม่ละสายตา  ความคิดถึง.....มันทำให้ผมไม่อยากปล่อยมือ  หรือละสายตา  แม้สักเสี้ยวนาที   

“รอก่อนนะอย่าพึ่งหลับนะฮะ   ...  เดี๋ยวค่อยมานอนกอดกัน ” ไอ้ตัวเล็กพูดจบ ก็รีบปิดประตูโดยเร็ว หนีความอาย

ที่ตัวเองเป็นคนก่อ  ผมได้แต่ยิ้มขำอย่างอารมณ์ดี  ยอมรับว่าเหนื่อย.....  ตั้งแต่เมื่อคืนพึ่งจะได้นอนไปตอนตีสาม

ทำรายงานที่ต้องไปส่งอาจารย์ แปดโมงตรงห้ามเลท  และตรงไปรับแพนที่สนามบิน ไฟท์มาถึงตอนเที่ยงครึ่ง

ด้วยความที่รถติด พร้อมแวะทานอาหาร กว่าจะมาถึงคอนโดที่พักอยู่ ตอนนี้ก็ร่วม ห้าโมงเย็น

ไม่รู้เอาพลังมาจากที่ไหนหนักหนา  ผมล้มตัวลงนอน ...พยายามเบนสายตามองสิ่งต่างๆ ภายในห้อง  เพื่อเรียกร้องความสนใจ

ให้เปลือกตาอันหนักอึ้งยังสามารถเปิดได้อยู่ เริ่มต้นด้วยนับแกะ  .....ผมเห็นแกะกระโดดข้ามตัวผมทั้งที่ยังไม่ได้นับด้วยซ้ำ

ได้แต่ร้องโวยวายอยู่ในใจ ด่าแกะที่จงใจแกล้งให้ผมปิดเปลือกตานี่เสียเหลือเกิน  แต่เพียงไม่นาน ประตูห้องน้ำก็เปิดออก

“แกร๊ก”  แพนมองผมยิ้มๆ  ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่  ซึ่งก็มีแค่บอกเซอร์ตัวบางกับเสื้อกล้ามย้วยๆ

อีกตัวเท่านั้นเอง  แม้จะง่วงแสนง่วน แต่ไอ้ปากไม่รักดีกลับกลืนน้ำลายดังเอือกใหญ่  จนแพนหัวเราะขบขันเสียยกใหญ่

ก่อนจะสอดตัวเข้ามาใต้ผ้าห่มผืนโต ผมดึงแขนแพนให้ไถลตัวมาชนอกผมรวดเร็ว บดจูบอย่างถวิลหา  ซุกไซร้

อย่างที่ใจปรารถนา  เรากอดกัน  ตอบรับจุมพิศของกันแนบแน่น....   แต่ก็จำได้แค่นั้น  เพราะสติอันพร่าเลือนของผม


มันค่อยๆ กระชากเปลือกตาที่หนักราวพันตันให้ปิดสนิทลงอย่างง่ายดาย  จมดิ่งสู่นิทราแม้หูจะแว่วถึงเสียงพูดแพน

“ฝันดีนะครับ... ที่รัก   จุ๊บ~”   เพียงเท่านั้น  ร่างกายก็กระชับกอดแนบแน่นตามสัญชาตญาณ  ก่อนที่ทุกอย่าง

จะจมหายไปจากสามัญสำนึกจริงๆ




ผมตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวัน หลังจากที่หลับไปนานเสียจน...  พอเจอหน้าสุดที่รักที่กำลังทำอาหารอยู่ก็ตรงรี่เข้าไปกอด

จากด้านหลังด้วยความคิดถึง  ผมหอมทั้งแก้มซ้ายแก้มขวา นัวเนียไปหมด ก็มันทนไม่ไหวนี่นา อีกฝ่ายก็พยายามปัดป้อง

เพราะยังทำกับข้าวค้างอยู่  ผมจับน้องหันมาหาแล้วบดจูดด้วยความคิดถึง ริมฝีปากที่หอมหวานกับร่างกายที่หอมหวล

“รสรัก”   ที่ไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังตรึงในความทรงจำ  และปรารถนาของผม กลิ่นหอมอ่อนๆ ริมฝีปากเรื่อ อิ่ม

ตากลมดำขลับจนต้องเผลอหลงไหลทุกคนที่มอง ยิ่งใกล้ยิ่งถวิลหา  ยิ่งใกล้ยิ่งห้ามใจไม่ไหว

“อืออออออออออออ~”  แพนครางประท้วง  และเริ่มดิ้นอย่างจริงจัง เมื่อฝ่ามือผมเริ่มไล้ไปบนยอดอกสีสวย

ผิวลื่นน่าสัมผัส ทำผมลูบไล้อยู่อย่างนั้นไม่ยอมผละจาก  แพนออกแรงผลักเต็มแรงจนผมเซหลังชนเข้ากับผนังห้อง

“แอ๊ก!!”   รู้สึกจุกอย่างบอกไม่ถูก  ผมหันไปมองหน้าแพนงอนๆ  ร่างที่หายใจหอบเหนื่อยตรงหน้า ขึ้นสีระเรื่อทั่วทั้ง

ริมฝีปาก และใบหน้าอ่อนหวาน แต่ด้วยความที่น้องงอนหนักกว่า เลยกลายเป็นผมที่ต้องรับผิด  แบบงงๆ ผิดด้วยเหรอว่ะ

“ไอ้หมาบ้ากาม หลับเป็นตายไปสามชาติเศษ เนี่ยถ้าอีกห้านาทีไม่ตื่นแพนจะโทรแจ้งมูลนิธิฯ อยู่แล้ว  แต่พอตื่นมา

ก็...หือออออออออออ~  รังสีหื่นจับเลยนะภาค   เห็นป่าวว่าแพนกำลังทำกับข้าวอยู่นะ  ถ้าทานไม่ตรงเวลา

แล้วเป็นโรคกระเพาะขึ้นมาจะทำไง   แล้วข้าวเช้าอ่ะมันสำคัญมากเหอะ  ถ้าไม่ทานจะเอาแรงไหนมาทำงานหล่ะ

ทีหลังก็หัดทานข้าวก่อน....แล้ว....เอ่อ....”   แพนพูดจบไปแค่นั้น   ทำผมที่อมยิ้มรู้ความหมายอยู่แล้วอยากแหย่อีกฝ่ายนิดๆ

“แล้วอะไรเหรอครับ  หืมมมมม?”   ผมอมยิ้มเล็ก ๆ เมื่ออีกฝ่ายจะตามใจผม 

“ก็...จะทำอะไรก็ทำไง”  น้องว่าเสียงเบา  ตอนนี้หันไปทำกับข้าวต่อ หูที่แดงจัดโชว์ผมอยู่ตอนนี้  ผมจะสรุปเองได้ไหม

ว่าไอ้ที่  “ทำอะไรก็ทำที่ว่า”    มันเป็นเรื่องที่ผมนึกอยู่ในหัวตอนนี้   ผมหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดี ก็จะเร่งรี่

ไปเป็นลูกมือสุดที่รัก  อยาก  “ทานอาหาร”  ใจจะขาดแหล่ะ



หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) 75% 9/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 09-04-2013 23:33:41

แม้จะพยายามซ่อนแค่ไหนพวกที่สอดรู้ มันก็ช่างแสนรู้อย่างเคย  เมื่อบังเอิญไอ้ไม้กับไอ้ต้นมาเยี่ยมผมโดยมิได้นัดหมาย

จริงๆ คือมันแอบมาจับผิดที่ผมกลับบ้านเร็วมาสองสามวันแล้วทั้งที่ไม่ได้ทำงานพิเศษแล้ว เพราะผมแจ้งทางร้าน

ไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าทำงานได้ถึงเมื่อไหร่   ก็ที่มาทำงานที่นี่ก็เพื่อแพนนี่นา  แล้วตอนนี้เจ้าตัวมาอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ

จะให้ผมหนีไปไหนได้อีก 

“ก็อกๆ  ก็อกๆ” 

“คร๊าบบบบมาแล้วครับ”  แพนวิ่งไปเปิดประตูอย่างรวดเร็วขณะที่ผม พึ่งอาบน้ำเสร็จทั้งตัวมีแต่ผ้าเช็ดตัวพันไว้ ลวกๆ

ด้านล่างเท่านั้น  ผมหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่ ขณะที่ริมฝีปากยกยิ้มฟังเสียงสนทนาด้านนอก  ที่ดูครึกครื้น


“อ้าว..  น้องแพนมาเมื่อไหร่เนี่ย  มิน่าไอ้ภาคแม่งหายหัวไปเลย เอะอะกลับ  เอะอะกลับตลอด  ที่แท้ซุกของดีเอาไว้ ฮ่าๆ”

“ฮ่าๆ  เออๆ แม่งร้ายว่ะ   เมื่อวานเรียนด้วยกันแท้ไม่บอกอะไรพี่เลยอ่ะ  ว่าไงเรามาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“มาได้สองสามวันแล้วฮะ  แพนกลับมาตั้งแต่วันพุธ ยังไม่ได้ออกไปไหนเหมือนกันครับ เหนื่อยๆ เลยพักผ่อนอยู่ห้อง”

“อย่ามาทำปากดี โดนไอ้หล่อมันกกหล่ะสิ เรา ฮ่า ๆๆ  แค่นี้ไม่ต้องหรอกน่า รู้ๆ กันอยู่”

“พี่ไม้อ่ะ....  พูดอย่างกะตัวเองไม่ทำ  เน๊าะพี่ต้นเน๊าะ  ฮ่าๆๆ”

“เห้ย อะไรๆ  พี่ไม่เกี่ยวเหอะ”

“โหยยยย  รีบออกตัวใหญ่เลยนะครับ  รึว่าพี่ต้นยอมให้พี่ไม้ไปกกคนอื่น”


“ให้มันลองดู  ...  แล้วจะรู้  เลือดออกหัวเป็นยังไง”

“กลัวแล้วคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบ”   จบเสียงไอ้ต้นผมก็เดินออกมาพอดี มันสองตัวเลยหันมารุมผมแทน

“ไงมึง  ..  กะจะกกไว้แดกอย่างเดียวเลย พี่น้องเพื่อนฝูงไม่รู้จักบอก ”  ไอ้ไม้หันมาแซวผมยิ้มๆ

“เออ....ทำได้  กูก็กะจะทำยังงั้นแหล่ะ  ฮ่าๆๆ   ว่าแต่ต้นมึงนี่มีน้ำมีนวลขึ้นนะ ...ผัวเลี้ยงดีเหรอ?  หึหึ”

กัดไอ้ไม้ไม่ได้ ต้องมาลงกับเมียมันนี่แหล่ะ อายหน้าแดงใหญ่

“สัด  มีน้ำมีนวลพ่องดิ  แล้วไอ้เชี่ยไม้เลี้ยงดีที่ไหนเมื่อคืนกูบอกให้ไปซื้อโค้กให้กู  ถามแม่งดิว่าไปมั้ย?”

ไอ้ต้นทำหน้ามุ่ยยอกย้อน  เอ้อ...ที่ยังงี้หล่ะเผลอยอมรับว่าเป็นผัว  เชียวนะมึง

“อ้าวๆ เมียครับ ...  มึงพูดอย่างนี้ต่อยกูเลยดีกว่า  แม่งภาคมึงคิดดูอยากแดกมาได้ตอนตีสี่ กูนี่หลับจนเข้าเฝ้าพระอินทร์

ไปเรียบร้อยแล้ว  ดันปลุกกูให้ไปซื้อซะงั้น มันน่า.......นัก”  ไอ้ไม้ตอกกลับยิ้ม  สายตาแพรวพราว

ไม่รู้เล้ย ว่าไอ้คำว่า   “มันน่า.......”  เนี่ย  มันน่าอะไร   ไอ้ต้นเบ้ปากหนักเข้าไปอีก ทั้งอาย ทั้งโมโหที่เถียงไม่สู้

“ก็กูหิว”  มันว่าเสียงเบาอย่างคนจนมุม   เลย เรียกเสียงหัวเราะกันได้ทั้งแก๊ง   

“เออ....ยังไงวันนี้ก็วันศุกร์แล้วเลี้ยงต้อนรับน้องแพนกันดีกว่า”  ไอ้ไม้ว่า พลางตบมือตัวเองเสียงดัง ราวกับ

นึกเรื่องอะไรดีๆ ออก

“เพี๊ยะ!!......  มึงไม่ต้องทำเป็นพูดดี  ที่แท้ก็แค่หาเรื่องกินเหล้านะมึงอ่ะ”   ไอ้ต้นตบฉาด เข้าที่หัวไอ้ไม้เสียงดัง

มันก็ยิ้มเจื่อน  อย่างคนถูกรู้ทัน

“แพนอ่ะว่าไง หืม?”   ไอ้ต้นเอ่ยปากถามต่อ

“ก็ดีฮะ  ไม่ได้เจอพี่ไม้กับพี่ต้นนานแล้ว  แล้วจะโทรชวนพี่อ๋อมมาด้วยรึเปล่าฮะ”  แพนเอียงคอถามอย่างน่ารัก

ผมเลยแอบยิ้มแบบภูมิใจ  จริงๆ อยากหวานอวดชาวบ้านมั่งอ่ะนะ  แต่กลัวแพนจะอาย

“อย่าดีกว่า..มีแต่ผู้ชายกินเหล้ากัน เดี๋ยวคนอื่นจะมองอ๋อมไม่ดี”   ผมรีบปฏิเสธเพราะเป็นห่วง

“เห้ยกูว่าชวนหน่อยเหอะ  ก็ให้อ๋อมกลับเร็วๆ ก็ได้  ถ้าไม่บอกนะมีงอนแหล่ะ”  ไอ้ไม้ว่า

“อืมๆ เห็นด้วย”  ไอ้ต้นพยักหน้าคล้อยตาม  แล้วมันก็กดโทรศัพท์โทรหาอ๋อมทันที

“ฮัลโหล อ๋อมเหรอครับ  ต้นเองน่ะ ว่าจะชวนอ๋อมมากินเลี้ยงที่ห้องไอ้ภาคอ่ะ อ๋อมว่างรึเปล่า?”

“เลี้ยงเนื่องในโอกาสอะไรอ่ะต้น...  น่าเสียดายจัง  ตอนนี้อ๋อมนัดเพื่อนมาดูหนังอ่ะ กว่าจะกลับคงดึกนะสิ”

“อ้อ!!  เลี้ยงต้อนรับน้องแพนน่ะ น่าเสียดายอ่ะ...  ไม่เป็นไรเดี๋ยวเจอกันวันหลังก็ได้เน๊าะ งั้นแค่นี้นะครับ

สวัดสีครับ”    ไอ้ต้นวางสายไป พร้อมรายงานผลว่าอ๋อมไม่สะดวกมา เพราะนัดดูหนังกับเพื่อนเป็นการเรียบร้อยแล้ว

ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล้า เบียร์ กับแก้ม กับข้าวหลายอย่าง ถูกจัดวางอยู่ตรงหน้า  ปาร์ตี้ก็เริ่มต้นขึ้น~


หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) 50% 9/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 09-04-2013 23:47:46
กำลังดีๆ อย่ามีเรื่องอีกนะจ๊ะ ^_^
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) 50% 9/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 09-04-2013 23:51:24
 :mew1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) 50% 9/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 10-04-2013 01:07:47
น่ารัก
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) 50% 9/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Mclvblue ที่ 10-04-2013 04:31:20
ไม่ได้มาส่องนาน ปาร์ตี้เริ่ม
หวังว่าเมาแล้วคงไม่เกิดปาร์ตี้อีกแบบนึงนะ  :mew4:
รออ่านตอนต่อไปจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) 50% 9/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 10-04-2013 10:43:55
ปาร์ตี้เริ่มแล้ว
คงจบแบบสนุกๆๆนะ :z2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) 50% 9/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 10-04-2013 12:25:54
คู่รักกลับมาเจอกันอีกครั้ง ภาคน่ารักน่ะ อิจฉาแพนจังเลยน่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) 50% 9/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: udongjay ที่ 10-04-2013 13:36:05
ไม่อยากให้ดราม่าเลยอ่า อ่านแล้วหวิวๆยังไงไม่รู้จิ
เหมือนทะเลสงบก่อนพายุจะมา TT
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) 50% 9/4/13 P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 10-04-2013 16:56:12
 :katai5:

สองคู่ชูชื่น

อย่ามีเรื่องอะไรเข้ามานะคะ

ขอให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยนะคะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) 100% 11/4/13 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 11-04-2013 01:21:41
ต้องขออภัย  ตอนนี้เป็นตอนเชื่อมกับตอนพิเศษค่ะ  แต่ด้วยที่เราวางโครงเรื่องไม่ดี ตอนแต่งตอนพิเศษ   :katai1:

        ดังนั้น ตอนนี้ เลยขอแต่งใหม่  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
รบกวน........................ลืมตอนเก่าไปเลยนะคะ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

(แอบเอาแต่ใจนิดๆ ทำใจนะคะ ...แบบว่าอยากแทรกความเป็นโรคจิตนิดๆ  หึหึหึ)   :laugh: :z13: :z13:

อ้อ ....จริงๆ ตอนนี้ยังไม่ complete หรอกนะคะ  ....  ยังมีอีก



.
.
.
.

.
.
หลังจากพูดคุยสนุกสนาน และดื่มด่ำกันเฮฮามาพอสมควาร ก็เล่นเอามึนหัวไปเหมือนกัน  ผมเดินมาส่งไอ้ต้น

กับไอ้ไม้ที่รถ  จริงๆ ไม่ได้รักพวกมันมากมาย  หรือเป็นห่วงอะไรหรอกครับ ก็แค่ทางผ่านเพื่อมาเอารถของตัวเอง

ก็ไอ้ของกินแก้มเหล้านะสิ   มันมีแต่กับแกล้มจริงๆ  แห้งๆ กรอบ ๆ เบาๆ  แต่ไม่อิ่มนั่นแหล่ะ  แล้วน้องก็ไม่ได้ดื่มด้วย 

กินแต่กับแกล้มเบาๆ   พยาธิในท้องเลยรวมตัวกันประท้วง  เป็นผลให้ผมต้องออกไปซื้ออะไรแถวๆ หน้าปากซอย

มาเซ่นกันหน่อย  หาเมนูที่มั่นใจแน่ๆ ว่าอิ่ม  แถมยังอร่อย สรุปเลยได้ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ  กับข้าวมันไก่ทอด

 (แต่ละอย่างไม่ค่อยอ้วนเลยเน๊าะ)  พอได้ของตามต้องการแล้วก็รีบ  ตรงดิ่งกลับคอนโดทันที

ขับไปก็ นึกขำในใจว่าป่านนี้ไอ้ตัวเล็กคงหิวจนแทบลากไส้แล้ว  ป่านนี้ไม่ไล่งับของทั้งห้องผมกระจุยแล้วเหรอ

 กำลังจะเลี้ยวเข้าคอนโด มือถือก็ดันดังขึ้นซะก่อน เห็นเบอร์ก็ค่อนข้างแปลกใจ ไหนว่าไปดูหนังกับเพื่อนนี่

ผมขับเข้ามาในลานจอดรถ เสียบเข้าช่องที่ว่างใกล้ๆ  ก่อนจะรีบรับโทรศัพท์


“ฮัลโหลครับอ๋อม”  ผมกรอกเสียงเข้าไปในสาย

“ฮึกๆ ภ...ภาค  ช่วยอ๋อมด้วย ฮือๆ  อ๋อมกลัว ”    น้ำเสียงอ๋อมที่สั่นเครือเต็มไปด้วยความหวาดกลัว  ผมฟังแล้วใจหาย

ตกใจเหมือนกัน  เป็นห่วง....  ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรรึเปล่า  อ๋อมเป็นผู้หญิงอยู่คนเดียว หอพักก็ค่อนข้างเปลี่ยว

แต่เห็นว่าอยากอยู่ใกล้เพื่อนผู้หญิงที่เป็นเพื่อนสนิทกับตั้งแต่ ม.ต้น  แต่อยู่คนละมหาวิทลัย และหอนี้ก็อยู่เกือบๆ จะ

กึ่งกลางระหว่างมหาลัยอ๋อมกับเพื่อนคนนั้น  สนิทกันมาก ...  แต่ก็ต่างรักความเป็นส่วนตัวเลยตัดสินใจแยกกันอยู่

คนละห้อง  คนละชั้น(อันนี้เพราะห้องที่ว่างมันเหลือคนละชั้นกัน)   แต่ก็ไปมาหาสู่กันตลอด  ผมได้ยินว่าอย่างนั้น

“ใจเย็นๆ อ๋อม  เพื่อนอ๋อมไปไหน”  ผมถามกลับ  อยากให้อ๋อมไปอยู่กับเพื่อนที่อยู่ใกล้กันที่สุดก่อน

“ก..กลับบ้าน  ภ..ภาค  ฮึกๆ  มา... มาหาอ๋อมที  อ๋อมกลัว”   ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไร  แต่รู้สึกว่าอ๋อมตกใจมาก

“ใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวภาคไปหา  เล่าสิ ว่าเกิดอะไรขึ้นครับ”   ผมถามอ๋อม  ส่วนตัวเองปลดล็อครถ วิ่งถือของกินไปที่

เคาร์เตอร์คนดูแลคนโด  ยกมือไว้ พร้อมเขียนโน๊ต ให้โทรไปที่ห้อง ให้มารับของ    พร้อมทิ้งโน๊ตสั้นๆ ถึงแพน

“ไปธุระด่วน”   เสร็จปุ๊บ ผมก็วิ่งตรงดิ่งไปที่รถเลย  เสียบสมอลทอร์ค เพื่อคุยปลอบใจอ๋อมตลอดทาง


ดูอ๋อมจะร้องไห้มากกว่าได้เล่าจริงๆ จัง  ผมจับใจความได้ว่า  มีโจรงัดห้อง...  อ่า...ไม่สิ  มันน่าจะเป็นไอ้โรคจิตมากกว่า

.

พูดได้แค่นั้นก็เอาแต่ร้องไห้จนฟังไม่รู้เรื่อง  อ๋อมขอไม่ให้ผมวางสาย .....  ผมก็ทำเช่นนั้น ฟังเธอร้องไห้ตลอดทาง



ส่งเสียงมาบ้างเป็นบางครั้ง เพียงเพื่อให้อ๋อมรู้ว่าผมยังไม่ได้วางสาย   สักพักก็ขับมาถึง ผมตรงดิ่งเข้าไปข้างใน

“ก็อกๆ ก็อกๆ” 

“ค...ใครคะ?”   

“ภาคเองอ๋อมเปิดประตูให้หน่อย”    พอผมเปิดประตู อ๋อมก็โผล่เข้ามาสู่อ้อมกอดผมอย่างขวัญเสีย  ตัวอ๋อมสั่นมากๆ

“ฮืออออออ ~  ภาค”  ผมมองสภาพห้องด้วยความตกใจพอกัน  เข้าของที่ปกติจะวางเป็นระเบียบ ตอนนี้ถูกลื้อค้น

กระจัดกระจายไปทั่ว  ที่น่ากลัวคืออัลบัมภาพของอ๋อม   ภาพหลายๆ ภาพถูกหยิบออกมาฉีก  โดยเฉพาะภาพที่อ๋อม

ถ่ายรูปกับคนอื่นไม่สิ   เฉพาะภาพที่ถ่ายรูปกับผู้ชาย โดยเฉพาะกลุ่มผม  ทุกภาพจะถูกฉีกออกเหลือแค่อ๋อม

ก่อนจะถูกแปะบนสมุดวาดภาพเล่มใหญ่ พื้นหลังทางฉาบด้วยสีดำกับสีแดงทาบทับกันไปมา  จนหนาดูน่ากลัว

ภาพของอ๋อมถูกเรียงต่ออยู่ในส่วนหัวของตัวอักษร  “มึงเป็นของกู”  และข้อความบิดเบี้ยวด้านล่าง “จำไว้” 

“ไม่เป็นไรแล้ว  ไม่เป็นไร  เล่าให้ภาคฟังทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”   ผมได้แต่ลูบหัวลูบหลังปลอบอ๋อมเป็นการใหญ่

อ๋อมสะอื้นไห้ตัวสั่นสะท้าน อยู่นานสองนานกว่าจะเริ่มเล่าได้  อ๋อมบอกนี่ไม่ใช่ครั้งแรก  แต่ครั้งนี้รุนแรงที่สุด   

เมื่อก่อนมีโทรศัพท์ .มาพอรับสายก็เงียบ  ไม่ได้พูดอะไร  แต่โทรมาบ่อย จนสักพักเริ่มหายไป .....อ๋อมก็ไม่ได้เอะใจอะไร   

คิดแค่ว่าคงเป็น แฟนคลับของพวกผม ที่เข้ามาระราน พักหลังเริ่มส่งข้อความมาแปลกๆ  แบบว่า

แบบว่า “คิดถึงนะ”  “กูเป็นเจ้าของมึงได้คนเดียวจำไว้”  “อย่าร่านให้มันมากนัก อย่าให้โมโห”

 “เอาแต่ใจ” “ทำไมไม่มองกันบ้างล่ะ เรามองเธอมาตลอดนะ”  “รักเธอแค่คนเดียว  รักมาตลอดเลย”     

แม้เบอร์จะถูกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่รู้ว่าเป็นข้อความของคนๆ เดียวกัน   ช่วงหลังมีโปสการ์ดส่งมาให้ทุกวัน

ไม่มีข้อความมีแต่ภาพ ... ขาวดำ  ...   เป็นสถานที่ต่างๆ  แต่ที่น่าแปลกมันเป็นที่ๆ อ๋อมเคยไปมาแล้วทั้งนั้น

ราวกับกำลังบอกให้รู้.....ว่ามันจับตามมองอ๋อมอยู่ทุกลมหายใจ



“ทำไมอ๋อมไม่ไปหาเพื่อนสักคนก่อนหล่ะ  ไม่กลัวเหรอรออยู่ที่นี่คนเดียว”  ผมเอ่ยถามในที่สุด เพราะที่นี่คนร้ายพึ่งเข้ามา

ที่นี่น่าจะทำให้อ๋อมหวาดกลัวที่สุด  ยิ่งร่องรอยต่างๆ มันฟ้องชัดเจนว่าคนร้ายเข้ามาลื้อค้นอย่างง่ายดาย  ราวกับมีกุญแจห้อง

ไม่มีร่องรอยของการงัดแงะ

“อ๋อมกลัว  .... ฮึกๆ  เหมือนมันมองอ๋อมอยู่จากทุกที่ อ๋อมไม่กล้าก้าวออกจากห้อง ฮึก..   ที่นี่ยังมีคนที่อ๋อมรู้จัก  อ๋อมให้พี่ยาม

มาช่วยดูให้แล้วว่าไม่มีคน  แจ้งทางตึกให้เปลี่ยนกุญแจห้องให้ใหม่ด้วย  แต่ถ้าอ๋อมนั่งรถออกไป ถ้าอ๋อม...ต้องผ่านที่ที่

ไม่มีคน  ถ้ามันเข้ามาตอนนั้น ฮึกๆ  อ๋อมกลัว....  ก..กลัวมันจะทำร้ายอ๋อม”  อ๋อมว่าเสียงสั่น ตัวสั่นๆ ที่ยังซุกอยู่กับอกผม

น้ำตาพราวไหลริมไม่หยุด  ผมก็ได้แค่ลูบหัว ลูบหลังปลอบเบาๆ 

“ไม่เป็นไรแล้ว  ไม่เป็นไรแล้วครับ”   ผมกระซิบเสียงแผ่ว  รู้ดีว่าอีกฝ่ายหวาดกลัวแค่ไหน  แขนเล็กๆ ที่โอบรัดรอบลำคอแน่นๆ


ตัวทั้งตัวทาบทับมาพักพิงบนตัวผม ราวกับผมเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียว  ใบหน้าหวานซุกมาที่ซอก ลมหายใจร้อนๆ หายใจ

รดกันและกัน  ถึงมันจะดูล่อแหลม   แต่ตอนนี้ผมกลับไม่กล้าผลักไสอ๋อมให้ออกห่าง  ผมปล่อยให้อ๋อมได้สงบจิตสงบใจ

ตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้น เรายังไม่ได้คิดว่าจะทำยังไงต่อไป อ๋อมจะไปอยู่กับเพื่อนอ๋อม  หรือจะย้ายหอพัก  หรือจะไปอยู่

กับพวกเรา หรืออาจจะเป็นพวกเราเองนั่นแหล่ะที่จะคอยดูแลอ๋อมกันเอง   ควรจะแจ้งความสินะ  ..ในใจผมคิด

ผมปล่อยให้ความคิดเพื่อจะช่วยเหลืออ๋อมวิ่งวุ่นอยู่ในหัวสมอง  วุ่นเสียจน....  เหมือนลืมอะไรไป 

ใช่สินะ...ยังไม่ได้โทรบอกแพนเลย  ป่านนี้จะเป็นห่วงสักแค่ไหน  และยังไม่ได้บอกไอ้พวกนั้นด้วยอีก ถ้าให้มารู้ทีหลัง

คงแทบอยากจะฉีกอกผมเป็นชิ้นๆ เป็นแน่  ผมเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาว่าตอนนี้ล่วงเลยมาถึงตีสามแล้ว 

ผมขยับตัวเล็กน้อยเพื่อจะหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง  แต่เพราะอ๋อมพิงผมมาทั้งตัว ถึงต้องเรียกอีกฝ่ายให้ขยับ

“อ๋อมขยับออกหน่อยภาคจะหยิบโทรศัพท์”  ผมพูดเสร็จ  อ๋อมก็เงยหน้าขึ้นมองผมทันที  แววตาที่มองมาผมไม่อาจเข้าใจได้

“ภาคจะเอาโทรศัพท์มาทำไมเหรอ?”   สายตาเศร้าช้อนมองมาที่ผม  ซึ่งนั่นก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ผมไม่เข้าใจ

เลยได้แต่ตอบไปตามตรง


“ภาคจะโทรบอกแพนกับไอ้ต้น ไอ้ไม้น่ะ   ตอนออกมาภาครีบมากไปหน่อยเลยลืมซะสนิทเลย”

“ถ้าภาคบอก.... พวกนั้นก็ต้องมาสินะ”  อ๋อมว่าเสียงเศร้า ซุกหน้าลงกับอกผมอีกครั้ง  ซึ่งผมก็รู้สึกมึนงงที่อ๋อมเศร้าสร้อย

“อย่าโทรได้ไหม?”

“........................”

“แค่วันนี้.... อ๋อมขอแค่วันนี้   ให้เป็นวันที่มีแต่เราสองคนเถอะนะ  อ๋อมจะไม่ขออะไรอีกเลย  อ๋อมรู้ภาคไม่เคยมองอ๋อมเลย

ไม่เคยแม้จะเห็นความรักที่อ๋อมมีให้”  น้ำเสียงต่อว่า กึ่งๆ น้อยใจ

“อ๋อม!!  พูดอะไรนะ เราเป็นเพื่อนกันนะ  ผมไม่เคยคิดอะไรกับอ๋อมแบบนั้น ”  ผมเผลอตวาดเสียงดัง 


พยายามดันอ๋อมออกจากตัว  แต่อ๋อมกับโอบรัดตัวผมแน่นขึ้น   ร่างทั้งร่างสั่นเครือ ทั้งเสียงสะอื้น และความเสียใจ

“อ๋อมรู้แล้วๆ   เราไม่ดียังไง ทำไมภาคไม่เคยมองเราเลย เราสู้แพนไม่ได้ตรงไหน  ทำไม...  ทำไมถึงไม่รักเรา” 

พูดเสร็จอ๋อมก็ร้องไห้ราวกับจะขาดใจ  ผมถึงกลับอึ้งกับภาพตรงหน้า....ตกใจเหมือนกัน ไม่คิดว่าตัวเองไปมีอิทธิพลกับใคร

ขนาดดนั้น ที่อ๋อมรู้สึกกับผมแบบนั้น  บอกตามตรง...ไม่เคยคิด   ไม่เคยรู้สึก

“ไม่ใช่เพราะใครดีกว่า  อ๋อมเป็นคนดีเราก็รู้  ...  แต่เรื่องของหัวใจมันห้ามไม่ได้นะอ๋อม  เรารักแพนมาเนิ่นนาน

นานซะจนคิดว่าทั้งชีวิตนี้ก็เลิกรักไม่ได้  ไม่ใช่แค่อ๋อม...แต่ต่อให้เป็นใครที่ไหน ต่อให้ดีกว่านี้อีกร้อยอีกพันเท่า

แต่เรารู้...ยังไง  เราก็เลือกที่จะ “รักแพน” อยู่อย่างนี้เหมือนเดิม มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกรักนะอ๋อม  แต่เรากับแพน

ผูกพันธ์กันมาก  เหมือนแพนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา  และเราก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแพน เป็นคนที่ผม...

อยากดูแลด้วยชีวิตทั้งชีวิตนี้    อยากให้ยิ้ม  อยากให้หัวเราะ อยากให้มีความสุข  โดยไม่มีคำว่า -เหตุผล- เลยสักนิด

ขอบคุณที่รู้สึกดีๆ กับเรา  แต่อ๋อม.... มองคนที่จะรักอ๋อมได้จริงๆ  มันคงจะดีกว่า”  อ๋อมส่ายหน้าที่ซุกอยู่กับอกผมไปมา

เสียงสะอื้นดังไม่ขาด   ร่างกายสั่นสะท้านราวกับลูกนกที่หลงทาง  ร่างกายผอมบางดูจะเล็กลงไปอีก ผมค่อยๆ

แกะมืออ๋อมออก  ดันอ๋อมที่เริ่มหมดแรงต้านให้นั่งอยู่บนโซฟาตามเดิม  ทำได้แค่ลุกขึ้นยืน หันหลังเพื่อจะเดินออกมา


หยิบมือถือเพื่อจะโทรหาใครบางคน   ที่ตอนนี้คงเป็นห่วงจนนอนไม่หลับ  ถึงได้รู้ว่าแบตหมด ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่

ผมสาวท้าวก้าวไปถึงประตู   เอื้อมมือเพื่อจะหมุนเปิดลูกบิด  แต่กลับได้ยินอ๋อมกรีดเสียงดังลั่น 

“เรารักภาคนะ   ถ้าภาคไม่รักเรา....ฮือๆๆๆๆ  แล้วจะให้เราอยู่ไปทำไม”    อีกฝ่ายก็หันไปคว้ามือปอกผลไม้

 ที่วางอยู่ไม่ห่าง  ผมวิ่งกลับมายื้อยุดกันมีดคมจากมืออ๋อม  เรายื้อยุดกัน ...อยู่อย่างนั้น

สุดท้าย  . ...  ปลายมีดกรีดลงที่ท่อนแขน  เลือดสีแดงฉานไหลทะลักออกมาเต็มกำมือ  ผมรู้มันไม่ได้ลึกมากหรอก

แต่มันคงกรีดลึกไปที่จิตใจของอ๋อมต่างหาก  ผมกำแน่นที่แผลกึ่งจูงกึ่งกระชากอ๋อมให้มานั่งในห้อง

รีบทำแผลกันยกใหญ่   อีกฝ่ายได้แต่นั่งร้องไห้  ปล่อยให้ผมทำแผลต่อไปเรื่อย  ๆ  จนเสร็จ

อ๋อมโถมเข้ากอดผมแน่น  ร้องไห้สะอีกสะอื้นจนตัวโยน  ....  มีแต่คำถามว่า ทำไม....... ทำไม....

ดังอยู่ซ้ำไปซ้ำมา  ผมไม่ได้กอดตอบ  เพียงแต่ตบเบาๆ ที่หลังอ๋อมเพื่อเป็นการปลอบใจ

ได้แต่พร่ำคำขอโทษ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า....  จนอีกฝ่ายร้องไห้จนหลับไป   ผมอุ้มอ๋อมไปนอนที่เตียง

ทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว  ... ผมมองเวลาที่ผนัง ตีสี   ผมค้นหาจนเจอมือถืออ๋อม  กดเบอร์โทรหาไอ้ไม้ 


มันรับสายอย่างงัวเงีย  ก่อนจะตกใจตื่นที่เป็นเสียงผมกรอกไปในสาย  แทนที่จะเป็นอ๋อม  ผมเล่าคร่าวๆ

เรื่องไอ้โรคจิตบุกเข้ามาที่ห้อง   และเรียกให้มันมาด่วนๆ  ว่าจะกดโทรหาแพน  มันก็ดึกซะจนผมคิดว่า

น้องคงหลับไปแล้ว   กว่าไอ้ไม้จะมาถึง.... ก็เกือบตี 5  มันพยักหน้าให้ผม เป็นเชิงบอกว่ากูดูต่อเอง  ...

เห็นบอกว่าอีกเดี๋ยวไม้คงตามขึ้นมา   ..........ก็แค่นั้น   ผมเลยขับรถกลับมาที่คอนโด


หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) 100% 11/4/13 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 11-04-2013 01:34:25
แพนจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) 100% 11/4/13 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 11-04-2013 01:59:56
 :mew1:

ผู้ชายมีคนเดียวในโลกงัยยัยอ๋อม

หน้าด้านคฃยังคิดจะแย่งแฟยชาวบ้านอยู่ได้

เค้าก็บอกอยู่ว่ารักไม่ได้รก ยังจะทำเรื่องโง่อีก

ภาคน่าจะปล่อยให้ตายๆไปซะ เรื่องจะได้จบ

 :katai1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) 100% 11/4/13 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 11-04-2013 12:47:48
อ๋อม เรานึกว่าตัวเองทำใจได้แล้วน่ะเนี่ย เห็นเงียบ ๆ ไป ตกลงว่าเจอคนโรคจิตหรือจิตซะเอง เนี่ย  :katai1: ตกลงแพนจะเป็นไงบ้างเนี่ย นาน ๆ จะได้เจอกันทีมาเจอเหตุการณ์แบบนี้  :mew2: ก้อดีถือเป็นการทดสอบอีกแบบนึง
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) 100% 11/4/13 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 12-04-2013 12:31:43
อ๋อมอ๋อม :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) 100% 11/4/13 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 12-04-2013 21:37:33
นังอ่อม!!!!
 :z6:
 :beat:

หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) 100% 11/4/13 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: udongjay ที่ 12-04-2013 23:06:58
โรคจิตจริงๆ ไม่ใช่ว่าห้องนั้นจะเป็นฝีมือชะนีทำเองหรอกนะ
ไม่ไหวใจเลยจริงๆ ภาคอย่าเป็นพระเอกหัวอ่อน
แต่ว่ารีบกลับไปหาแพนดีกว่านะ เดี๋ยวหนูแพนจะเข้าใจผิดและเป็นห่วง
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) 100% 11/4/13 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 13-04-2013 16:45:31
 :z6: :z6:  แผนตื้นไปไหมอ๋อมม
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) 100% 11/4/13 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 18-04-2013 20:11:02
 :ling1:

รออ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เูธออยู่ที่ไหน (ภาคต่อตอนพิเศษ) 100% 11/4/13 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 21-04-2013 17:14:56
 :t3: :z2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ คอม เจ๊ง!! ค่ะ กลับบ้านนอกมา เน็ตไม่ดี
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 22-04-2013 12:31:53
ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง  เมื่อวานนี้เพิ่งเอาคอมไปลงใหม่มาค่ะ 

แถมกลับบ้านนอกเน็ตก็เชื่องช้ามวากกกกกก   


พอกลับมางานก็ถล่มมากมาย  แต่ะจะพยายามรีบๆ แต่งนะคะ 

อดทนรอเค้าหน่อยนะคะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ คอม เจ๊ง!! ค่ะ กลับบ้านนอกมา เน็ตไม่ดี
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 22-04-2013 14:01:52
 :mew1:

รอค่ะรอ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ คอม เจ๊ง!! ค่ะ กลับบ้านนอกมา เน็ตไม่ดี
เริ่มหัวข้อโดย: udongjay ที่ 22-04-2013 15:36:30
จะรอนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ คอม เจ๊ง!! ค่ะ กลับบ้านนอกมา เน็ตไม่ดี
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 22-04-2013 20:36:11
รอจ้ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ คอม เจ๊ง!! ค่ะ กลับบ้านนอกมา เน็ตไม่ดี
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 25-04-2013 10:53:00
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กลับมายืนที่เดิม P.16 25/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 25-04-2013 22:57:37
หยุดสงกรานต์ไปนานตั้งแต่ 12-21 เมษา  เปิดมาก็ _22 _แล้วค่ะ  เอาคอมไปซ่อม  (แล้วไง :hao4:)

แง่มๆๆๆๆ   ซ่อนเสร็จมีทุกภาษา  ....ยกเว้นภาษาไทย  :mew5:  เชรดดดดดดดด

ตามไปฆ่าแม่งซะดีมั้ย  :katai1:...  สุดท้ายไปปรึกษาน้องที่ออฟฟิศ  ได้ใจความว่า....

ถามอากู๊ดิพี่ o13  ....อ่านะ   เลยพึ่งได้ภาษาไทยมาเป็นของตัวเองซะที เห้อ :heaven

ยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ    :katai2-1: :katai2-1:


เวิ่นจนพอใจแล้ว  มาอ่านกันดีกว่า





ตอน..  กลับมายืนที่เดิม




ผมขับรถกลับมาที่คอนโด  ในหัวสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากมาย อาจจะรู้สึกผิดนิดๆ  แต่ไม่ได้เสียใจ  เพราะ..ผมเลือกแล้ว

อ๋อมเป็นเพื่อนที่ดี ...ถ้าไม่มีเรื่องแบบนี้ มันคงจะดีกว่านี้มาก เรื่องที่อ๋อมกรีดแขนตัวเอง.....เพราะผม  มันยังไม่ถึงหูใคร

แค่บอกว่ามีเศษแก้วแตก   อยู่ในห้องพออ๋อมเก็บทำความสะอาดก็พลาดโดนเศษแก้วที่ว่า   ก็ไอ้เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่

เรื่องที่น่าพูดสักเท่าไหร่  มาถึงคอนโดก็เกือบ 6 โมงเช้า  ในสภาพที่อ่อนล้าทั้งกายและใจ  เมื่อคืนนี้แทบไม่มีเวลาไหน

ที่ได้พัก  ฉะนั้นอย่าถามถึงเรื่องพักผ่อนนอนหลับ  แค่จะหยุดพักหายใจกับเรื่องตื่นเต้นก็แทบไม่มีเวลา ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่

ก่อนจะเดินตรงไปยังลิฟท์ กดชั้นที่เป็นห้องพัก  รอจนประตูลิฟท์ปิดลงถึงได้เลือกที่จะปิดเปลือกลงตาม พักสายตาสักนิด

“ติ๊ง”  เสียงลิฟท์ดังขึ้นปลุกผมให้ตื่น  และเตือนกลายๆ ให้ทราบว่าถึงชั้นที่เป็นจุดหมายเสียที ผมสาวเท้าก้าวยาวๆ

ไปยังห้องที่เป็นจุดหมาย อยากจะพักผ่อนจนแทบทนไม่ไหว หัวสมองทั้งตื้อ ทั้งมึนงงอย่างถึงที่สุด

แต่พอมาถึงหน้าห้องพักจริงๆ กลับนิ่งงัน  ใจกระตุกสั่นอย่างบอกไม่ถูกเริ่มลังเลว่าจะเปิดประตูเข้าไปหรือไม่

ความสับสนวิ่งวุ่นในหัวอีกรอบ ไม่รู้จะเรียบเรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นยังไง เพื่อไม่ให้น้องเข้าใจผิด  แต่ก็ไม่อยากให้อีกฝ่าย

เสียหายเช่นกัน  ถ้าถามว่าความเป็นเพื่อนยังหลงเหลือในความรู้สึกผมไหม?  ตอบได้คำเดียวว่า  “มี” 

แต่ก็ไม่มากพอ....ที่จะยอมให้อีกฝ่ายยืนอยู่ข้างๆ กัน   เพราะไม่อย่างนั้นผมอาจต้องเสียคนสำคัญของผมไป

ซึ่งแน่นอนว่า  “ผมไม่ยอม”  ผมเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบๆ หกโมงเช้า  ตอนนี้น้องคงยังนอนพักผ่อน

ผมถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง  โล่งอกอย่างบอกไม่ถูก  เพราะตัวเองก็ไม่รู้จะปั้นเรื่องราวให้มันออกมาแบบไหน


แบบไหนถึงจะไม่เป็นการทำร้ายใคร?   แบบไหนถึงจะไม่มีคนเสียหาย?  แบบไหนที่เราทุกคนจะยังคงเดินหน้าต่อไป

ด้วยกันได้โดยไม่มีใครระแวงใคร?   ถึงผมจะยืนยันว่าผมจะอยู่ตรงนี้เป็นคนที่ซื่อสัตย์ของแพน ...  แต่ระยะทางที่ห่างไกล

ผมไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่า...  ความห่างจะเบียดบังความเชื่อใจที่มีอยู่ไปหรือไม่  ถ้าความจริงทั้งหมดถูกถ่ายทอด..

คนตรงหน้าจะเลือกเชื่อผมรึเปล่า  ผมไม่ได้มีพยานยืนยัน...        มีแต่ความจริงใจจากปากผมเท่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์

ซึ่งไม่รู้ว่า...มันจะเพียงพอรึเปล่า   ผมยื่นมือไปจับลูกบิดประตู ไม่อยากหนีปัญหา....เพราะถึงจะหนีเท่าไหร่

สุดท้าย.....ก็ต้องกลับมาสู้กับมันอยู่ดี

“แกร๊ก”  ผมดันประตูออกเบาๆ ภายในห้องที่เงียบสนิท หากแต่....กลับสว่างจ้าไปด้วยแสงของหลอดไปที่ดูเหมือนว่า

ไอ้ตัวเล็กตั้งใจจะเปิดมันทิ้งไว้ เพื่อรอการกลับมาของผม....  แต่คงรอไม่ไหว ผมกำลังมองไปรอบๆ ห้อง

ราวกับกำลังสำรวจร่องรอยไอ้ตัวเล็ก ว่าเป็นกังวลสักเพียงไหนกับการหายไปของผมครั้งนี้   ถึงได้ร้อนรนทุรนทุราย

เดินพล่านไปทั่วห้อง เพียงเพื่อจะตามหาผมให้เจอ ข้าวของหลายอย่างล้มระเกะระกะจากมุมเดิมๆ ที่เคยอยู่ 

ไม่ว่าจะเป็นแก้วกาแฟ สามสี่แก้ว กระจัดกระจายตามมุมต่างๆ  บางแก้วล้มคว่ำ.....มีรอยเครื่องดื่มที่หลงเหลืออยู่

หกไหลออกมานิดๆ ดูเป็นรอยคราบที่ยังสดใหม่ เพราะหยดน้ำยังไม่ได้ซึมลงไปบนพรมเสียหมด 


หมอนอิงบนโซฟาก็เหมือนกัน  มันล่วงลงมาบนพื้นผมยื่นมือไปหยิบ เพื่อเก็บไปวางที่เดิม พลันก็สัมผัสถึงรอยด่างชื้น

บนหมอน  ร้องไห้.... ผมทำน้องร้องไห้อีกแล้ว อยากจะเดินเข้าไปปลอบเสียเดี๋ยวนี้  แต่อีกใจก็อยากรับรู้

ความรู้สึกของอีกฝ่ายที่ยังหลงเหลือร่องรอยให้ผมเห็น  สมุดโทรศัพท์ที่ผมมักจะจดเบอร์เพื่อนๆ ทิ้งไว้

 เพราะเคยทำโทรศัพท์หาย  แล้วไอ้เบอร์สำคัญๆ เลยพลอยหายไปด้วย  มันถูกกางอยู่บนโต๊ะด้านหน้าทีวี 

สภาพเอียงกระเท่เร่จะตกแหล่มิตกแหล่ ราวกับถูกปัดทิ้ง คาดว่าไอ้ตัวเล็กคนเปิดค้นเพื่อหาเบอร์เพื่อนสนิทผมสักคน ...

จนเจอ   แล้วก็รีบโทรหาเสียจนไม่คิดจะใส่ใจสมุดตรงหน้า  มือปัดป่ายไปโดนเข้า  ถึงได้แทบหล่นจากโต๊ะ

แต่ถึงกระนั้น...ก็ไม่มีใครรู้ว่าผมอยู่ที่ไหน  น้องคงถึงกลับหมดแรง เลยทิ้งตัวบนโซฟาตัวนี้  ซุกหน้าเข้ากับหมอนอิง

และเริ่มร้องไห้  เมื่อไม่ว่าจะพยายามยังไง   การติดตามหาผมก็ช่างดูไร้วี่แววที่ปรารถนา  และคงจะลุกขึ้นจากตรงนี้

กดโทรศัพท์อย่างบ้าครั่ง มือจิกหมอนแน่น เดินไปรอบห้อง จนหมอนตวัดไปโดนแก้วกาแฟที่ตัวเองวางไว้ฝั่งโน้นล้มคว่ำ

แต่คงไม่ใส่ใจ ผมเห็นสีกาแฟจางๆ ยังเปื้อนอยู่บนริมปอกหมอน  คงจะเดินไปเดินมาจนทั่ว จนสุดท้ายก็เขวี้ยงหมอนทิ้ง

อยู่ตรงนี้  แล้วเดินหนีเข้าห้องไป  ผมเดินตามรอยที่ตัวเองจินตนาการ ไม่รู้สักกี่สิบเที่ยว ...ในค่ำคืนที่ยาวนาน

จนมาถึงหน้าห้องนอนบิดลูกบิดเชื่องช้า  “แกร๊ก”  ดันประตูให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้

มองภาพคนที่ผมถวิลหาอยู่ทุกเมื่อ  นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ใบหน้ายังชื้นไปด้วยคราบน้ำตา ดูท่าพึ่งจะหลับไปไม่นาน

เห็นแล้วสงสารจับใจ  น้องจะร้อนใจขนาดไหน....ที่อยู่ดีผมหายไปอย่างนี้   เสียใจจนพูดไม่ออก ทิ้งตัวลงข้างกัน

ไล้มือเช็คคราบน้ำตาบางเบา  กดจูบหน้าผากมนอย่างทนุถนอม จนเนิ่นนานแล้วถอนออก  กระซิบเสียงแผ่วเบา

ด้วยเกรงว่าจะปลุกให้อีกฝ่ายตื่นจากห้วงนิทรา

“ภาคอยู่นี่แล้วครับคนดี  ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง”  ผมวางหน้าผากตัวเองแนบกับหน้าผากของอีกฝ่าย

น้องก็เอื้อมมือมาคว้าหาราวกับอยู่ในฝัน เสียงละเมอครางออกมาแผ่วเบา พร้อมเสียงสะอื้นไห้ ลำตัวไหวสั่น

“ภ..ภาค... ฮึก....  ฮึก”  ผมลูบหัวน้องเบาๆ  อย่างปลอบโยน

“อยู่นี่แล้วครับ  อย่าร้องนะคนดี”   ผมกระซิบเสียงเบา แล้วก้มลงจูบขมับน้อง

“อืออออ~”  ไอ้ตัวเล็กครางเบาๆ  ก่อนจะขยับตัวเล็กๆ  แล้วเปลือกตาบาง ก็ค่อยๆ กระพริบถี่ๆ

“ภาค”  ไอ้ตัวเล็กเรียกเสียงแผ่ว แม้น้ำเสียงจะแฝงความดีใจ แต่ดูก็รู้ว่าร่างกายอ่อนล้าเหลือเกิน น้องหลับตาลง

ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นมามองผมอีกครั้งเต็มตา

“เมื่อวานภาคหายไปไหนมา?”  เสียงเล็กๆ เอ่ยถาม ขอบตาร้อนผ่าวรื้นด้วยน้ำตา  ผมได้แต่กอดน้องไว้

น้องคงเหนื่อยจนแทบทนไม่ไหว เรื่องราวมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวผม ผสมปนเปกัน  จนเรียบเรียงไม่ถูก

ไม่รู้จะเริ่มยังไง ยิ่งคนตรงหน้าเหนื่อยล้าเช่นนี้แล้ว  ผมอยากให้น้องได้พัก...  พักซะก่อน

“................”  ผมพูดไม่ออก จึงมีแต่เพียงความเงียบงันแทนคำตอบ ผมกอดน้องแน่นขึ้นไปอีก  รู้สึกทั้งรัก


ทั้งสงสารอีกฝ่ายจับใจ หยุดก่อนได้ไหม?  .. หยุดเพื่อให้ตัวเองได้พักเหนื่อยหายใจ

“ภาค?”    แพนเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา ปากบางๆ ได้แต่เม้มเข้าหากันแน่น ลมหายใจติดขัด  รู้สึกเหมือนน้องจะร้องไห้

คงเหนื่อยอ่อน กับการที่ต้องอดทนรอทั้งคืน ดวงตาหวาน หลุบต่ำมองพื้น กลืนน้ำลายลงคอหนักๆ อย่างประท้วง

“แพน......เอ่อ....   ภาคไม่รู้ จะเริ่มต้นยังไง”   ผมตอบ กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก  สบสายตากับอีกฝ่าย

ซึ่งนิ่งเงียบอยู่เช่นกัน

 “..........”

“ขอโทษนะ  .....  เมื่อคืนแบทหมดเลยติดต่อใครไม่ได้”  ผมพูดได้แค่นั้น...ไม่รู้จะ ลำดับเรื่องที่เกิดขึ้นยังไง

“........”  ยังมีแต่เพียงความเงียบงัน  ไอ้ตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาหา พยายามตั้งอกตั้งใจฟังสิ่งที่ผมพูด

“เมื่อคืน... ภาคอยู่กับอ๋อม  ภาคไม่อยากโกหก”   ผมพูดด้วยเสียงแหบพร่า ลำคอตีบตัน ราวกับไม่ได้ดื่มน้ำ

มาสักทศวรรษเศษ    ไอ้ตัวเล็กได้แต่กลืนน้ำลายลงคออีกใหญ่ ดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นนิด ๆ และกำลังพร่า

ด้วยม่านน้ำตาที่ไหลลงปิดดวงตาคู่สวย

“............”  น่าแปลกที่ไม่ได้เสียงใดๆ เล็ดรอดออกมา  ดูน้องล้าจนเกินทนไหว กับสภาพร่างกายที่ต้องการพักผ่อน

“ แพน.....”   ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา  เรียกให้อีกฝ่ายหันมาสนใจได้เช่นเดิม น้ำตาไหลอาบแก้มหวาน  ผมค่อยๆไล้มือ

เช็ดน้ำตาที่ไหลเอื่อยๆ ตามใบหน้า  แล้วดึงอีกฝ่ายมากอดแน่นๆ  รู้สึกเกลียดตัวเองมากขึ้นไปอีก ... 

เมื่อต้องเป็นต้นเหตุทำให้คนตรงหน้าเจ็บเช่นนี้

“........” ไร้ซึ่งเสียบตอบกลับเช่นเดิม แม้แต่คำถามก็ยังกลืนหายตามกันไปอีกด้วย  ทั้งที่กำลังซุกหน้ากับอ้อมอกผม

แต่น้องกลับสะอื้นไห้จนตัวโยน 

“แพน.... อย่าโกรธภาคเลยนะครับคนดี   หยุดร้องไห้ก่อนนะครับ”   ผมรีบลูบหัวลูบหลังไอ้ตัวเล็กเป็นการใหญ่

ตกใจที่ทำน้องร้องไห้มากขนาดนี้

“อืมมม......  ฮึกๆ   ...  แพนเข้าใจดี ....ไม่  ฮึกๆ..  ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”   น้องว่าเสียงขาดห้วง ซึ่งผมก็ค่อยวางใจ

“ภาคอยากเล่าให้แพนฟัง”    กดจูบเบาๆ ที่หัวทุย  แต่อีกฝ่ายส่ายหน้ารัว ๆ

“ยัง  ฮึกๆ  แพน....  แพนยังไม่พร้อม รออีกนิดนะ” ไอ้ตัวเล็ก... พูดเสียงสั่น  ทำเอาผมใจไม่ดี  แต่ก็ยังไม่อยากฝืนอะไรไปกว่า
นี้

 ดูจากสภาพร่างกาย ใบหน้าซีดเผือดของอีกฝ่าย  ตอนนี้น้องคงต้องการพักผ่อนเสียมากกว่า  ไม่เป็นไร... เดี๋ยวน้องตื่น

ค่อยเล่าอีกที  ตอนนี้...แม้แต่ตัวเองก็เหนื่อยเสียจน  ดวงตาใกล้จะปิดอยู่รอมร่อ

“ก็ได้   ภาครักแพนนะครับ”  ผมกระซิบบอกอีกฝ่าย กลัวน้องจะไม่เข้าใจ  ดีที่ง่ายกว่าที่คิดไว้  ไอ้ตัวเล็กไม่ได้โวยวายอะไร

ให้ยืดยาว แค่ขอเวลา....  เพื่อที่จะพร้อมที่จะรับฟัง  ก็เท่านั้น  ผมกอดน้องไว้แน่นๆ  แล้วลูบหัวไอ้ตัวเล็กจนตอนนี้

หยุดสะอื้นแล้ว 

“ .......”   น้องไม่ได้พูดอะไร


“ป่ะไปนอนกันได้แล้ว”  ผมตัดสินใจ  ...ถึงเวลาพักผ่อนเสียที ทั้งผม และไอ้ตัวเล็ก

ผมดึงน้องเข้ามาในอ้อมกอด กดจูบบางๆ ที่กระหม่อม กอดซับความอบอุ่นของกันและกัน

ผมเองก็อยากจะหลับฝันดี  ถ้าที่ๆ ตรงนี้ ยังมีคนในอ้อมกอดผมอยู่  ไม่ว่าคืนไหน....ก็คงฝันดีทุกคืน

.

.

.

.

.


.

.

.

ทุกอย่างเหมือนจะไปได้ดี  ถ้าในตอนที่ตื่นขึ้นมาตอนนี้............................ ผมจะมีน้องอยู่ข้างกาย

รอยยับยู่ยี่บนเตียงที่เรานอนกอดกันเมื่อครู่   ไม่หลงเหลือร่องรอยความอบอุ่นใดๆ ผมไล้มือผ่านเบาๆ 

ก็สัมผัสได้แค่......  ความเย็นชืดของเตียง  ตอนนี้ผมนั่งนิ่งมองมัน  เริ่มรู้สึกร้าวที่กระบอกตา 

พร้อมกับกวาดสายตามองรอบห้อง  ไม่เห็นวี่แวว....ของสิ่งมีชีวิตใดๆ ผมลุกขึ้นนั่งราวกับคนละเมอ


มองไปยังตู้เสื้อผ้าที่อยู่ปลายเตียง  มีกระดาษโน๊ตสีชมพูติดอยู่   ผมเดินไปหามันอย่างเชื่องช้า

ทั้งที่ใจรุ่มร้อนเหมือนไฟที่เผาผลาญ   ภาวนา....อย่าให้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย   

ได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงรัวถี่ยิบ   แรงเสียจนแม้แต่มือตัวเองยังกระตุกสั่น  เอื้อมมือไปหยิบกระดาษสีชมพู

มาไว้ในมือ  ผมหลับตาลง   ...  ยังไม่กล้าอ่าน  ลมหายใจถูกระบายออกมายาวๆ    ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง


เพื่ออ่านกระดาษข้อความบนกระดาษตรงหน้า

“ขอโทษ....ที่ยังไม่พร้อมจะรับฟัง ไม่ได้โกรธ ...  แพนเข้าใจดี   ความรักแบบเรา....ยังไงก็คงได้แค่นี้”


คราบน้ำตาที่ล่วงหล่นจนตัวหนังสือพร่าเลือน  หัวใจผมกระตุกวูบ ....  ขาเหมือนอ่อนแรงทันทีทรุดฮวบลงกับพื้น

นั่งจุ้มปุ๊กด้วยท่าคู้เข่า 

“แพน....”  ได้แต่เอ่ยเสียงสั่น  เจ็บไปทั่วหัวใจ  น้ำตาไหลอย่างห้ามไม่อยู่ เหลือบมองรอบๆ ห้อง


ไม่มีข้าวของของแพน  ดวงตาพร่าไปม่านน้ำตา  ...   สะอื้นไห้อย่างไม่อาย

แพนไปแล้ว.....   คงกลับไปแล้ว    ไปในที่ที่ผมไขว่คว้าไม่ถึง  ทำไมต้องจากกันแบบนี้

ทำไมผมต้อง.....รอ    ทำไมไม่รีบอธิบาย  แพนกำลังเข้าใจผิด....  ผมไม่ได้มีอะไรกับอ๋อม


ไม่เคยมีอะไรกับใครทั้งนั้น  รัก.....คนที่ผมรัก  ก็มีแค่คนเดียว.....ผมรักได้แค่แพน

เกลียด................... เกลียด ตัวเองตอนนี้เหลือเกิน

















หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กลับมายืนที่เดิม P.16 25/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 25-04-2013 23:29:00
 :mew4:

อันนี้คือแก้ไขใหม่

สงสารภาคที่สุด อ่านตอนไหนก็ยังสงสาร

เฮ้อ!!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กลับมายืนที่เดิม P.16 25/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 26-04-2013 00:03:50
อีกคนก็ไม่อธิบาย อีกคนก็คิดเอาเอง เฮ้ออออออออออออ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กลับมายืนที่เดิม P.16 25/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 26-04-2013 00:07:36
 :z6: :z6:  ถีบยัยโรคจิตอีกรอบบบบบ  วุ๊ยยยยยย :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กลับมายืนที่เดิม P.16 25/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: udongjay ที่ 26-04-2013 00:49:58
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หงุดหงิดเดินบรรยาย ยัยอ๋อม  :z6: :z6: :z6: :katai1: :katai1: :katai1:
ภาคน่าจะรีบอธิบายนะ  :mew2: แพนก็น่าจะอยู่รอฟัง แบบนี้มันทำร้ายจิตใจกันไปแล้ว ฮืออออ
สงสารภาคแพน
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กลับมายืนที่เดิม P.16 25/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 26-04-2013 02:12:28
ภาคก็น่าจะเอะใจสักหน่อยนะ แพนพูดแบบนั้นเนี่ย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กลับมายืนที่เดิม P.16 25/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: FRODO ที่ 26-04-2013 02:59:35
 :beat:ชั้นก็เกลียดแก พวกปากหนัก :beat:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กลับมายืนที่เดิม P.16 25/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-04-2013 09:23:36
ปากหนักจิงไรจิง
อมหินเอาหรอ  :angry2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กลับมายืนที่เดิม P.16 25/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 26-04-2013 09:29:28
 :beat: ขอตบภาคสักสองที พูดแบบนี้เป็นใครก้อเข้าใจผิดทั้งนั้นแหละ  :katai1: แล้วทำไมต้องคิดมากคนนั้นคือเพื่อนน่ะ แล้วคนนี้คือคนที่เรารักอย่างสุดหัวใจพูดทุกอย่างมันจะเป็นไรล่ะ ยังไงก้อรู้กันอยู่สองคน แล้วตอนนี้เป็นไงล่ะมาร้องไห้เสียใจ งี่เง่าจริง ๆ  :z6:
มาต่อเร็ว ๆ น่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กลับมายืนที่เดิม P.16 25/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 26-04-2013 12:08:31
ขอให้มีหลักฐานหรืออะไรซักอย่างทำให้ภาครู้ว่าอิอ๋อมมันโทรหายน้องแล้วทำให้น้องเข้าใจผิด

เลิกเป็นเพื่อนกะอินั่นเหอะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน กลับมายืนที่เดิม P.16 25/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 27-04-2013 11:24:26
เอาไงล่ะที่นี้ไอ่คุณภาค
จะตามแพนได้ที่ไหน :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เข้าใจ#1 P.16 29/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 28-04-2013 13:23:46
ตอน  .. เข้าใจ



ฉันผิดอะไร?   ทำไม?  ทำไมสักครั้งก็ไม่เคย ไม่เคยมองเห็นกันบ้างเลย...  เพราะอะไรกัน?

หรือตลอดเวลาที่ผ่านมา....  ที่พยายามทุ่มเททุกอย่าง  เพื่อจะยืนอยู่ตรงนี้ เป็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆกัน

ที่คอยดูแล  ห่วงใยกันเสมอมา  มันสูญเปล่า  ทุกอย่างไร้ค่าในสายตาของภาคอย่างนั้นเหรอ?

รักของเรามันไร้ค่าขนาดนั้นเลยหรือไง?  หึ.....ก็แค่รักของคนไร้ค่าคนหนึ่ง ก็ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าภาคไม่เคยรัก

แต่ทำไม.....ตัดใจไม่ได้เสียที   เจ็บ..ราวกับมีดกรีด  ....   เมื่อโดนปฏิเสธออกมาแบบนั้น  ช่างดูไร้ค่า และน่าสังเวช

ทั้งๆ มีใครมากมายหลายคนเข้ามา ...  พร้อมจะหยิบยื่นไมตรีให้  แต่ทำไม.....หัวใจถึงได้เลือกรักแค่ผู้ชายคนนั้น

ซุกหน้าลงกับหมอน สะอื้นไห้จนตัวสั่นสะท้าน เจ็บ.....ยิ่งกว่ารอยแผลที่ข้อมือ  ราวกับเข็มนับพันๆ เล่ม

ทิ่มแทงหัวใจ  แล้วสาดด้วยน้ำเกลืออีกระลอก ได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองแน่น  รู้ดี...ว่าไม่ใช่ความผิดใคร

ก็แค่.....มันห้ามใจตัวเองที่จะรักไม่ได้เท่านั้นเอง   แต่ในเมื่อลงเอยแบบนี้....ก็คงทำได้แค่... “ตัดใจ”

ร้อง.....จนหมอนที่ซุกหน้าอยู่เปียกชื้น แต่ก็ต้องกลั้นเสียง...เพื่อไม่ให้คนข้างนอกรู้ว่าแกล้งทำเป็นหลับ 

ได้ยินเสียงเปิดประตูด้านนอกดัง “แกร๊ก”  ก็พอจะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากจะอยู่คงตามใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อน

เสียงที่คุ้นเคยของ ไม้ดังสอดแทรกเข้ามา ก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตูออก แล้วปิดออกไปไม่ช้า..ภายในใจรู้สึกวูบโหวง

อย่างบอกไม่ถูก เจ็บ.....จนไม่อาจบรรยาย  ถึงจะเจ็บเจียนตาย แต่ภาค...ก็คงไม่ใส่ใจ  ยิ่งคิดยิ่งเจ็บร้าวในอกขึ้นไปอีก

ได้ยินเสียงเปิดประตูอีกรอบ ไม่รู้ว่าทำไมถึงดีใจขนาดนั้น....  ภาคคงจะย้อนกลับมา  ยังเหลือคำว่า “ห่วงใย” ให้กัน

“ของกินมีแค่นี้เองอ่ะ” ได้ยินเสียงอีกฝ่าย  ถึงกับใจหล่นวูบ  สิ่งที่คิดไว้ไม่ได้เป็นไปตามที่คิด...ไม่ใช่คนที่อยากให้มาหา

เลยทำได้แค่ฟังบทสนทนานั่นไปเรื่อยๆ  ในใจกำลังคิดถึงใครอีกคนไปกำลังจากไป   เพื่อไปหาใครอีกคนที่สำคัญกว่า

ใครคนนั้น.....ที่ทำเท่าไหร่   หรือต่อให้เนิ่นนานแค่ไหน ก็เอาชนะไม่ได้สักครั้ง

“แค่นี้ก็ดีแล้ว มึงจะเอาไรกับเซเว่นว่ะต้น” 

“ก็มันหิวอ่ะ”

“มึงนี่หิวไม่ดูเวล่ำเวลา”

“เอ๊า!!  ไอ้นี่นิมึงจะกินด้วยมั้ย”

“กิน”

“สัด ปากดีตลอด  ว่าแต่เข้าไปดูอ๋อมรึยัง?”

“ยังเลย  เห็นไอ้ภาคบอกว่าพึ่งหลับไป  กูไม่อยากกวนอยากให้พักผ่อนก่อนดีกว่า”

“อืม ..ดีเหมือนกัน   กูหวังว่าอ๋อม...คงจะหายกลัวกับไอ้โจรโรคจิตนะ  รีบกินเหอะไม้  แล้วมาช่วยกันคิดว่า

จะช่วยอ๋อมได้ยังไง  เห้ยนี่สมุดที่ว่ารึเปล่าว่ะ เชี่ย!!  หยึ๋ย...แม่งสยองว่ะมึง แดกๆๆ  จะได้มาคิดกัน”

“เออๆๆ  โหย  แม่งกลัวไม่รู้รึไงว่าแม่งโรคจิตเนี่ย  แดกๆ จะได้เก็บห้องกันด้วย  เห้อ~ คนสมัยนี้แม่งน่ากลัว”

ไม่รู้สองคนนั้นพูดคุยกันอีกนานแค่ไหน  รู้เพียงว่ายาที่ทานเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์ เปลือกตาหนักอึ้ง ค่อยๆ กดปิดมาทีละน้อย

สติที่มีอันน้อยนิดค่อยพล่าเรือน จนทุกอย่างจางหายกลายเป็นความมืดมิด

.

.


.
.

.

.

“ติ๊ดๆๆๆ  ติ๊ดๆๆๆ”  โทรศัพท์ผมดังแผดเสียงดังลั่น  ผมได้แต่สบถอย่างโมโห “เชี่ย”  ไม่รู้ใครโทรมาปลุกแต่เช้าในวันหยุด

สุดแสนจะแฮปปี้ของผม  คอยดูถ้าไม่มีเรื่องคอขาดบาดตาย กูจะตัดเพื่อนแม่ง ...ขณะที่ในใจสบถ  มือก็ควานหามือถือตัวเอง

ให้วุ่น  ในที่สุดก็เจอ ผมเหลือบตามองอย่างฉุนเฉียว  ก่อนจะรีบกดรับโดยด่วน ....ไม่ใช่ใครเป็นเพราะต้นโทรมา

ร้อยวันพันปีไม่เคยโทรหา เพราะปกติผมเป็นคนไปเอง แฮะๆๆ ก็ไม่บ่อยแค่อาทิตย์ละห้าวันแค่นั้นเอง  หึหึ...

ถ้าถามว่าไอ้ไม้มันหึงรึเปล่า  คำตอบคือไม่ แต่อาจจะขัดใจมันนิดๆ  อย่างน้อยมันก็ใจดีพอที่จะยอมสละความสุขเล็กๆ น้อยๆ

ให้กับคนอย่างผม  ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าพูดคุย หรือทำตัวให้อยู่ใกล้ๆ บางโอกาส แต่ไม่เคยจีบหรือล่วงเกิน

หรือแม้แต่ลอบแทงข้างหลังมันแม้แต่ครั้งเดียว  เพราะอะไรนะเหรอ...  ลองไปดูหน้าต้นตอนที่อยู่กับไอ้ไม้สิว่ามีความสุขแค่ไหน

ถึงปากจะต่อล้อต่อเถียงกันตลอดเวลา  แต่แววที่ผมเห็นมันมีความสุขจนแทบล้นออกมานอกอก  ไม่เหมือนคืนนั้น...

ที่อีกฝ่ายเมา จนสารภาพอะไรออกมา แววตาที่หม่นหมอง..เจ็บปวดนั่น ผมยังจำได้ดี  และก็คิดว่าดีแล้วที่ไอ้ไม้เลือกต้น

เพราะผมเองคงไม่มีปัญญาให้อีกฝ่ายมีความสุขได้ขนาดนั้นแน่ ไม่ใช่ว่าผมไม่รักนะ ...เพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังทำใจไม่ได้

ทั้งที่เราเจอกันไม่นาน  แต่ผมกลับหลงรักไอ้เด็กหน้าขาวจนโงหัวไม่ขึ้น แต่สุดท้ายก็เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะต้นมันรักไม้

ถึงผมจะทำดีแทบตาย  ก็ทำให้มีความสุขเท่าไอ้ไม้ทำไม่ได้อยู่ดี  นี่คืออีกข้อหนึ่ง...และเป็นข้อที่สำคัญที่ผมยอมยืนมองอยู่ตรงนี้

โดยเข้าไปยื้อแย่งทั้งที่มีโอกาส   ผมรีบกดรับสาย แล้วกรอกเสียงหวานๆ แบบอัตโนมัติ  เพราะถ้าไม่มีเรื่องด่วนอะไร....

คงไม่กล้าโทรมาแต่เช้าขนาดนี้


“ฮัลโหล ครับต้นมีไรรึเปล่าโทรมาหาพี่แต่เช้า” 

“สัด พูดซะหวานเลยนะมึงนี่กูเองไม่ใช่ไอ้ต้น  นี่มึงคิดอะไรกับเมียกูเปล่าเนี่ย”  เสียงไอ้ห่าไม้ตอบกลับมาเล่นเอาผมเซ็ง

รู้สึกเสียดายน้ำลายตะหงิดที่อุตส่าห์ทำเสียงหวานใส่คนอย่างมัน  กูว่ากูพูดกับควายน่าจะเวิร์คกว่า

(จริงๆ แอบเกลียดแม่งครับ  ฮ่าๆ  ล้อเล่น ก็ด่ากันตามประสาพี่น้อง  อ๊ะๆๆ ท้องไม่ติดกันนะจ๊ะคนสวย)

“คิด  สัดรู้แล้วเสือกถาม  ไปตามที่รักกูมาคุยดิ๊”  ผมด่ากับมันพอประมาณ  มันก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะใส่ไปงั้นแหล่ะครับ

“ฮัลโหลพี่รัก  ต้นนะพี่ วันนี้พี่รักว่างรึเปล่าอ่ะ?”  ผมได้ยินเสียงนุ่มๆ กรอกตามสายโทรศัพท์มา เออ..ฟังแบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย

“ครับ วันนี้พี่ว่างทั้งวันเลยเรามีอะไรรึเปล่า?  จะไปซื้อต้นไม้แถวสวนอีกเหรอ พี่ไปเป็นเพื่อนได้นะ”  ผมตอบกลับไป


“เปล่าครับพี่  พอดีว่าเกิดเรื่องกับอ๋อมนะครับอยากให้พี่มาช่วยดูแลหน่อยได้รึเปล่า”  ต้นพูดแบบเกรงใจ

“อ้าวแล้วเราจะไปไหนกันอ่ะ"

"ก็แม่ผมก็บังเอิญเกิดอุบัติเหตุเหมือนกันอ่ะพี่เลยต้องรีบไปดู”

“อ้าวแล้วภาคหล่ะ”   ผมถามต่อด้วยความสงสัย

“มันพึ่งกลับไปเมื่อกี้อ่ะ  นะๆๆ พี่ช่วยมาดูอ๋อมให้หน่อยนะ ผมต้องรีบไปดูแม่อ่ะ ส่วนไอ้ไม้มันต้องไปรับครอบครัวที่สนามบิน

แล้วเค้าจะไปเที่ยวต่อกันอ่ะ  ผมรบกวนพี่มาดูอ๋อมให้ได้เปล่า”  เสียงต้นมันอ้อนๆ น่ารักดี ทำผมอมยิ้มนิดๆ ก็นะ


พอกับคนที่เรารัก มันก็เลยใจง่ายผิดปกติ  จริงๆ ก็อยากทำให้ทุกอย่างน่ะแหล่ะ  เสียแต่ว่าน้องมันไม่ต้องการ

“ได้ครับ เดี๋ยวพี่อาบน้ำเดี๋ยวไปหออ๋อมเลยไม่เกินครึ่งชั่วโมง”

“ขอบคุณมากครับพี่ รักพี่รักที่สุดเลย”  ต้นว่า  ผมได้ยินไอ้ไม้สบถว่า  “เชี่ย”    ก่อนปลายสายจะทันได้วางสายไป

ผมรีบเด้งตัวราวกับติกสปริงเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จภายในสิบนาที แล้วขับรถไปที่หอพักอ๋อม ตอนจะออกผม

ก็ถือโอกาสโทรหาต้นอีกที (จริงๆ แค่อยากได้ยินเสียง)   มันเลยได้เรื่องพ่วงขึ้นมาว่าเกิดอะไรกับอ๋อม  ฟังแล้ว


โหยย  ... เล่นเอาผมขนลุกเลย ขนาดตัวเองเป็นผู้ชายแท้ๆ  ยังสยองจนบอกไม่ถูก  แต่นี่อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงและสวยด้วย

เข้าใจทันทีว่าทำไมต้องมีคนเฝ้า  ไม่งั้นมันอาจจจะอันตรายเกินไป  เล่าจบไม่เท่าไหร่ผมก็ขับมาถึงพอดี เพราะหอพัก

อ๋อมกับผมนั้นอยู่ไม่ไกลกันมากนัก แค่สิบนาทีก็ขับรถถึง แต่ผมก็ไม่ค่อยได้มาบ่อยเพราะไม่มีความจำเป็นอะไร

แต่หอที่ไปบ่อยกับเป็นหอพักไอ้ไม้ หึหึ....ก็ต้นน่ะพักอยู่กับมันน่ะสิ    ผมจอดรถเสร็จก็ตรงไปที่ลิฟท์กดชั้นที่อ๋อมอยู่

ที่รู้ก็เพราะต้นบอกมา  จริงๆ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่จะได้เข้าไปห้องอ๋อม คราวก่อนก็ประมาณสองสามครั้งที่มาส่ง

ก็ส่งแค่หน้าหอ ไม่เคยขึ้นมาบนห้องจริงๆ สักครั้ง  เพียงอึดใจผมก็มายืนอยู่หน้าห้องหมายเลขที่ต้นบอก

“ก็อกๆ ก็อกๆ”  ผมเคาะประตูเบาๆ สักพักมันก็เปิดออก  คนที่ผมคิดถึงยืนอยู่ตรงหน้ายิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มสดใสเหมือนทุกครั้ง

ด้านหลังมีไอ้ไม้ยืนหน้าบูดอยู่ มันเหล่ตามองผมพร้อมหลี่ตาลงนิด ๆ  พยายามจับผิดผมอยู่ ผมเลยยิ้มหวานๆ ให้ต้น

ก่อนจะยักคิ้วกวนๆ พร้อมเปลี่ยนเป็นยิ้มมุมปากให้มันด้วยเช่นกัน

“มึงมาแล้วเหรอ?”  ไอ้หมาปากดีข้างหลังมันถาม

“แล้วมึงเห็นรึยังว่าคนหล่อๆ ที่ไหนยืนอยู่ตรงหน้ามึง”  ผมตอบกวนๆ กลับ ซึ่งต้นก็กลั้นขำเต็มที่

“กูแนะนำให้มึงไปส่องกระจกใหม่นะไอ้พี่รัก  แล้วมึงจะรู้ว่ามึงหล่อรึเปล่า สงสารว่ะ ไม่อยากวิจารณ์

ป่ะสัด! ไปกันได้แล้ว ยื่นอ่อยแม่งอยู่ได้ เดี๋ยวกูจัดหนักแม่งต่อหน้าเลย  มองเมียกูดีนัก” มันด่าเบาๆ แล้วผลักที่รักผมให้เดิน

สวนกันออกมา  ต้นทำหน้าบูดเหมือนขัดใจก่อนจะหันมาพูดบอกลาผม

“ไปก่อนนะพี่ ฝากอ๋อมด้วยนะครับ อ้อ..ยาวางอยู่บนโต๊ะ  โอ้ยเชี่ย! กูไปชี้ให้พี่เค้าดูก่อน”  ต้นเซถลาไปตามแรงมือควาย

“ไม่ต้องไป มันมีตาให้มันดูเอง”    จบบทสนทนาแค่นั้นไอ้ไม้ก็ลากเมียมันไปต่อหน้าต่อตาผม  ต้นยังโบกมือบ๊ายบาย

ผมได้แต่ยิ้มโบกมือตอบ  แล้วเดินเข้าห้องสำรวจร่องรอยมากมายที่เกิดขึ้น  แม้บางส่วนจะทำการเก็บกวดแล้วแต่

ข้าวของหลายๆ อย่างก็ยังคงหลงเหลือความเสียหาย  ผมเดินเข้าไปเปิดประตูห้องนอนอย่างถือวิสาสะ อ๋อมนอนขดตัว


อยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ลำตัวบางราวกับเป็นแค่ลูกแมวตัวเล็กๆ ที่กำลังหวาดกลัว ผมเดินชิดเข้าไปอีก...เลยเห็นคราบน้ำตา

ที่ฉาบไปทั่วใบหน้าหวาน...   นึกได้อย่างเดียว   “น่าสงสาร”  คงหวาดกลัวจากการรุกรานของไอ้โรคจิตมาก  หมอนที่หนุน

เปียกชื้น ผมนั่งลงข้างเตียงไม่อยากอยู่ข้างนอกเพราะข้างในแอร์มันเย็น วางคางลงบนที่นอนนั่งมองหยดน้ำตาที่ยังไหล

เอื่อยๆ ลงตามแก้มร่างกายสั่นสะท้านทั้งที่ไม่รู้สึกตัว อดไม่ได้ที่จะไล้นิ้วเช็ดคราบน้ำตาให้ เกือบจะชะงัก

“ทำไม....ไม่ใช่อ๋อม ฮึก...ฮึก..”  มือเรียวบางกุมมือผมไว้แน่น พร้อมคำพูดตัดพ้อ ผมถึงเดาอะไรได้ลางๆ  ไม่ใช่แค่ไอ้โรคจิต

แต่โดนปฏิเสธมาด้วยนี่นา  ไม่เห็นต้องเดาว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ...   แค่มองสายตาอ๋อม แค่นั้นก็รู้แล้ว

ผมลูบหัวน้องเบาๆ อย่างปลอบโยน  แรงสะอื้นไห้ค่อยๆ จางลง แต่มือที่ยังกอบกุมมือผมกลับแน่นไม่ยอมปล่อย


ราวกับกลัวว่าหากปล่อยมือผมแล้ว  อ๋อมจะไม่เหลือใคร คงกลัวที่จะต้องยืนอยู่ตรงนี้เผชิญหน้ากับปัญหาที่หนักหน่วงนี่

เพียงลำพัง  อยู่ดีๆ ผมก็พาลคิดไปว่าเรื่องไอ้โรคจิตนี่อ๋อมคงไม่ได้สร้างมันขึ้นมากับมือตัวเองหรอกนะ

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง  .....  ก็คงเกินไป



หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เข้าใจ#1 P.16 29/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 28-04-2013 13:59:48
 :mew1:

ทำไมพี่รักกเก่งจัง

เดาเรื่องราวได้อย่างถูกต้องแบบนี้ เพราะเราก็คิดเหมือนพี่รักเลย

ว่าอ๋อมสร้างเรื่องขึ้นมา
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เข้าใจ#1 P.16 29/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 28-04-2013 20:37:10
บ่องตง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เข้าใจ#2 P.17 30/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 29-04-2013 00:50:54
ตอน  เข้าใจ #2




ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย...ท่าทางเรื่องจะใหญ่ไม่ใช่เล่นแฮะ ผมแกะมือของอ๋อมออกอย่างเบามือ ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก

กดโทรศัพท์โทรหาปลายสายคนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด  คนที่อยู่ในเหตุการณ์....   นับสิบสาย.....  แต่ไม่มีคนรับ

คิดว่าผมจะท้อผมยังกระหน่ำโทรเข้าใจแหล่ะว่าเวลานี้คงไม่มีใครอยากรักสาย  ยังจำได้ว่าต้นบอกว่าเมื่อคืนนี้

ภาคอยู่กับอ๋อมทั้งคืน  ฉะนั้นในวันนี้คนที่กำลังมีปัญหา...ก็ควรจะเป็นไอ้คู่นั้นสินะ

“ฮัลโหล”  ในที่สุดก็รับ ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายยุ่งเรื่องชาวบ้านนี่ไม่ได้สนุกอย่างที่คิด แต่ถ้าช้ากว่านี้

คงมีปัญหาโลกแตกแน่ๆ ใช่ใหม?  แล้วผมที่พอจะช่วยเคลียร์ปัญหาคนรู้จักได้จะให้อยู่เฉยๆ ได้ไง

“พี่อยู่กับอ๋อม  เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นเล่ามา”  ผมกรอกเสียงด้วยน้ำเสียงธรรมดา ติดจะเย็นชาหน่อยๆ เพราะต้องการกดดัน


“เอ่อ  ..อ๋อมโดนไอ้โรคจิตบุกเข้าห้อ-”

“อันนั้นพี่รู้แล้ว  แต่พี่อยากรู้เรื่องเรากับอ๋อมมากกว่าว่าเกิดอะไรขึ้น”  ผมว่าด้วยน้ำเสียงสบายๆ อย่างคนรู้ทัน

“ก็......ไม่มีอะไร”  อีกฝ่ายว่าเสียงเครียด น้ำเสียงดูเงียบเหงาอย่างบอกไม่ถูก  จะให้ผมเดารึเปล่าหล่ะ

“แพนอยู่ไหน?”

“................”


“พี่พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นนะภาค  เรื่องของความรักมันไม่ใช่เรื่องผิด แต่ตอนนี้แพนกำลังเข้าใจผิดอยู่ใช่รึเปล่า”

“..............”  มีแต่เพียงความเงียบงัน กับลมหายใจที่สั่นๆ

“พี่อาจจะช่วยได้  แต่นั่นหมายความว่าเราต้องเล่าความจริงมา เข้าใจมั้ยไอ้น้อง?”  ผมได้ยินเสียงภาคถอนหายใจยกใหญ่

“ไม่ทันแล้วพี่แพนไปแล้ว?”

“ท้อแล้วเหรอเรา?”

“ผมไม่รู้จะตามแพนได้ที่ไหน”

“ตามได้ที่ตั๋ว ..  แพนคงไม่ได้ซื้อตั๋ววันนี้แล้วกลับเลยหรอกนะ พี่จำได้ว่าน้องซื้อตั๋วปี ถ้าเรารู้รายละเอียดก็เช็คได้ใช่ไหม”

“ใช่ๆ ผมมี Booking No. ขอบคุณนะพี่ที่ชี้แนะแนวทางผม แค่นี้ก่อนนะ ”


“เห้ยเดี๋ยวเล่ามาก่อน  เออแล้วเอาเบอร์น้องมาด้วย”  ผมรีบร้องขัดเสียงหลง เพราะเจ้าตัวเร่งจะวางอย่างเดียว

“พี่จะเอาไปทำไม”  ผมทำหน้าเซ็งกับน้ำเสียงโหดเหี้ยมที่ส่งมาจากไอ้หล่อ  หึหึ...

“จะเอาไว้ให้อ๋อมไปโทรอธิบาย  รึมึงไม่ต้องการ”  ผมเริ่มทำน้ำเสียงโหดกลับ อีกฝ่ายนิ่งเงียบเล็กน้อยเหมือนครุ่นคิด

“ 08 –xxxx-xxxx  จดรึยังอ่ะ”

“เออๆ จดแล้ว เอ้าเล่ามา”

.

.

.

เผลอหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ หลังจากฟังไอ้หล่อมันเล่าจบผมก็กลับมาที่ห้อง กุมมืออ๋อมไว้อย่างเดิม เพราะอีกฝ่ายเริ่ม

กระสับกระส่ายอีกแล้ว  ลูบหัวปลอบประโลมอีกพัก จากนั้นก็เผลอหลับไปด้วยกัน รู้สึกตัวอีกทีเพราะได้ยินเสียง

ร้องไห้ของคนบางคนตรงหน้า มือยังกุมมือผมแน่นผมเงยหน้าขึ้นจากเตียงมองอีกฝ่ายที่ยังซุกหน้าลงกับหมอน

ร้องไห้อย่างเดิม  ค่อยๆ เอื้อมมือข้างที่ว่างลูบหัวปลอบอีกฝ่าย

“อ๋อม”  น้องสะดุ้งเล็กก่อนจะหันหน้ามามอง  สภาพของอ๋อมตอนนี้มันดูน่าสงสารเกินไปเหมือนคนสูญเสียทุกๆ สิ่งอย่าง

กำลังท้อแท้ และสิ้นหวัง ดวงตากลมโตดำขลับแสดงความเจ็บปวดอย่างร้ายกาจออกมา ทำผมใจหายไม่เคยคิดจะเจออ๋อม

ในภาพแบบนี้ ปกติอ๋อมที่ผมเห็นเธอดูสดใสร่าเริงมีรอยยิ้มเล็กประดับใบหน้าเสมอ  ผมลุกขึ้นดันตัวมานั่งบนเตียง

ก่อนจะดึงอีกฝ่ายมาโอบกอดแน่นๆ  ลูบหัวปลอบเบาๆ น้องไม่ได้ขัดขืน เพียงแต่โถมตัวเข้าหาอ้อมกอดผม แล้วสะอื้นไห้

จนตัวโยนอีกรอบ 

“ไม่เป็นไรนะ  ไม่เป็นไรทุกอย่างต้องผ่านไปด้วยดี”   ผมว่าเสียงเบา ลูบหัว ลูบหลังอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น อ๋อมไม่ได้พูดอะไร

เอาแต่ร้องไห้ อยู่เนินนานจนผมเหนื่อยแทน  เสื้อผมเปียกชื้นไปด้วยน้ำตาของอ๋อม ร่างกายอ๋อมดูเบาหวิว 

ผมเหลือบมองนาฬิกาอีกรอบเกือบๆ เที่ยงแล้วที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเราทั้งคู่  ผมดันตัวอีกฝ่ายออก อ๋อมยื้อเสื้อผมไว้

ผมเลยต้องหันไปบอกให้อีกฝ่ายปล่อยมือก่อน

“จะไปหาข้าวมาให้กิน รอนะคะ”  ผมเอื้อมมือไปแกะมืออีกฝ่ายออก แต่น้องดันรั้งไว้แน่นกว่าเดิม

“ยังไม่หิว” อ๋อมว่าแค่นั้นก็ก้มหน้าลงต่อ

“แต่พี่หิวครับ  ถึงอ๋อมไม่หิวแต่ก็ต้องทานนะคะ”  ผมลูบหัวน้องเบาๆ อีกฝ่ายเหลือบมองผมนิดนึงก่อนจะยอมปล่อยมือ


ผมลงมาด้านล่างสั่งข้าวต้ม และอะไรอีกสองสามอย่างง่ายๆ จากร้านใต้ตึก พึ่งรู้ว่ามีบริการส่งถึงที่แฮะ  ผมบอกเลขห้อง

และเดินสวนกับผู้หญิงคนหนึ่งหน่าตาน่ารักใช้ได้เลยแหล่ะ ควงแขนมากับแฟนหนุ่ม ซึ่งผมแน่ใจว่าผมไม่รู้จัก....

แต่....คิดว่าคง เคย รู้จัก  เพราะสายตาที่มองมามันดูเกลียดชังผมมากเป็นพิเศษ  แต่ก็แค่แปล๊บเดียวเท่านั้น

ใบหน้าเดิมกระพริบตาเล็กน้อยก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้ผมแทน  เล่นเอาผมงงเป็นไก่ตาแตก ก้มหัวให้ตอบกลับเธอเล็กๆ

ตามมารยาท  ก่อนจะเดินสวนกันไป ผมกลับมาถึงห้องเคาะประตูเบาๆ

“คะ...ใครคะ?”  อ๋อมว่าเสียงสั่น ดูหวาดกลัวกับการเปิดประตูห้องให้คนแปลกหน้า  ผมว่าเรื่องไอ้โรคจิตน่าจะเป็นเรื่องจริง


“พี่รักเองครับ”  ผมตอบกลับไป ประตูค่อยๆ เปิดออก แล้วผมก็แทรกตัวเข้าไป 

“อ๋อมอาบน้ำก่อนดีมั้ยครับ?  จะได้ทานข้าวทานยา”  ผมหันไปบอกกึ่งๆ สั่ง น้องพยักหน้าแล้วเดินเข้าห้องไป 

รอไม่นานอาหารที่สั่งก็มาส่ง  ผมกับอ๋อมนั่งทานเข้ากันเงียบๆ เรื่องบางเรื่องมันต้องใช้เวลา แต่บังเอิญตอนนี้ไม่มีเวลา

“อ๋อมมีอะไรจะเล่ามั้ย?”  ผมถามเสียงเรียบ ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น น้องเงยหน้ามามองผมนิด สีหน้าอึกอักชัดเจน

“.............”  น้ำตารื่นขึ้นมาบนขอบตา  ก่อนจะหันหน้าหนีเสียเฉยๆ  แต่ผมหยุดไม่ได้เวลามันไม่เอื้ออำนวย

“จะบอกพี่ว่าแผลที่ข้อมือนั่น  เรากรีดมันเล่นๆ รึเปล่า?”

“............”

“ไม่ใช่เราคนเดียวที่เจ็บหรอกนะ คนอื่นเค้าก็เสียใจ ถ้าเพียงแค่เราจะหันไปมองบ้าง”

“พี่ไม่เข้าใจหรอก พี่ไม่เคยรักใครที่เค้าไม่มีวันมองพี่นี่  ฮึก...”  น้องตอบผมด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวน้ำตาที่เอ่อๆ ไหลอาบแก้ม

อ๋อมลุกขึ้นเตรียมจะหนีผมเข้าห้อง แต่ผมรั้งไว้ อีกฝ่ายหันมามองตาเขม็ง

“ปล่อยค่ะ” 

“แน่ใจเหรอที่คิดแบบนั้น?  อย่าบอกว่าเราไม่รู้ว่าพี่ชอบต้น?”  น้องก้มหน้าลงร้องไห้อีก ผมดึงอีกฝ่ายเข้ามากอด 

“พี่รู้..... ยิ่งกว่ารู้ซะอีกว่ามันเจ็บขนาดไหน”  ลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ อีกมือก็โอบรัดไม่ให้น้องดิ้นหนี จนสุดท้ายก็ร้องไห้

อยู่กับอกผม  เลิกที่จะต่อต้าน ..... บางครั้งคนเจ็บก็แค่....อยากจะระบาย  อยากจะมีใครสักคนรับฟัง

“ฮือๆๆ.... ฮึก... ฮึก...แต่อ๋อม...ฮึก...รักภาคนะ...ฮึก...รักจนหมดใจ  ล...แล้ว  ฮึกๆๆ จะทำไงอ่ะ”

“เราอยากให้เค้าเกลียดเรารึเปล่าหล่ะ?”  ผมว่าเสียงแผ่วเบา  ลูบหัวอีกฝ่ายต่อไปเรื่อยๆ น้องส่ายหน้าแทนคำตอบ

“ม...ไม่... ฮึก  ...  อย่าถึงขั้น .  ฮึกๆ ... เกลียดกันเลย”

“ถ้าอย่างนั้นก็ทำใจ  ...ถ้าเราเป็นเพื่อน  เราก็จะยังได้อยู่ใกล้คอยดูแลเค้าได้  แต่ถ้าเค้าเกลียดอย่าว่าแต่คุยเลย

เราจะกลายเป็นสิ่งไร้ตัวตนสำหรับเค้าเลยต่างหาก  อ๋อมทนได้เหรอ?”  ผมถามน้อง


“แต่...แต่อ๋อมเจ็บ  อึก..ๆ” 

“พี่รู้ครับ  ..พี่รู้  แต่ตอนนี้...อ๋อมกำลังทำให้สองคนนั้นเจ็บปวดรู้มั้ย  เค้ากำลังเข้าใจผิดเรื่องอ๋อม”


“แต่อ๋อมก็เจ็บนะ” 

“หรือเราอยากให้สองคนนั้นเลิกกัน  คิดว่าภาคจะเลือกเรามั้ยไหมถ้าไม่มีแพนแล้ว?”

“ฮืออออออ~”   อีกฝ่ายปล่อยโฮ  แล้วกอดผมแน่นขึ้นอีก

“รู้คำตอบดีแล้วใช่มั้ยครับ?   พี่รู้ว่าอ๋อมเป็นคนดี อ๋อมเป็นคนรักเพื่อน อ๋อมอยากให้ทุกคนเจ็บเหมือนอ๋อมรึเปล่า”


“.................”    มีแต่เสียงร้องไห้ที่เป็นคำตอบ

“ถ้าอ๋อมเลือกแบบนั้น อ๋อมจะไม่เหลือใคร  แต่ถ้าเราเลือกจะตัดใจอ๋อมก็จะยังมีทุกคนอยู่ รวมถึงพี่นะอ๋อม

พี่จะอยู่เป็นเพื่อนเป็นกำลังใจให้ ก่อนที่จะสายไป ก่อนที่แพนจะนั่งเครื่องกลับไป” อ๋อมเงยหน้ามองผมนิดๆ

ผมไล้มือเช็คคราบน้ำตาที่พราวอยู่รอบดวงตาคู่สวย 

“อ๋อม ๆ...”   ริมฝีปากบางแดง ขบกัดริมฝีปากตัวเองจนขึ้นสีซีด 

“อยากเห็นภาคตายทั้งเป็นรึเปล่าหล่ะ....ถ้าต้องการแบบนั้น ก็กลับเข้าห้องไป แต่ถ้าอยากให้ทุกอย่างมันยังดีอยู่

อย่างน้อย....ก็ยังเหลือความเป็นเพื่อนระหว่างกันอยู่  โทรไปอธิบายความจริงกับแพนนะครับ อ๋อมเลือกเองนะ

ขึ้นอยู่กับอ๋อม  ถ้าอ๋อมไม่คิดว่าจะเสียใจทีหลัง....พี่ก็ไม่ว่าอะไร”  ผมยื่นโทรที่กดเบอร์แพนไว้เรียบร้อยแล้ว

ให้อีกฝ่าย  น้องยื่นมือมารับพร้อมกับจ้องมองที่เบอร์นั้น  ราวกับเป็นสิ่งแปลกประหลาดนักหนา

“อย่าลืมสิ  ว่าเรายังมีพี่....พี่จะอยู่ข้างๆ เรานะ”  ผมกดจูบที่หน้าผากอ๋อม ไม่รู้ทำไมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน 

เพียงแต่รู้สึกกำลังยืนมองตัวเองในอดีต  ผมเองก็รู้สึกไม่ได้ต่างจากอ๋อม  อยากจะยื้อแย่ง อยากจะทำร้าย

ให้อีกฝ่ายเจ็บปวด แต่...ไม่เห็นประโยชน์ ถ้าผมจะทำสิ่งนั้น มีแต่จะทำให้เจ็บกันทุกฝ่าย ผมลูบหัวน้องเบาๆ

กำลังจะผละตัวออก บางทีเวลานี้น้องอาจจะต้องการความเป็นส่วนตัว ก้าวได้แค่ก้าวเดียว ก็ชะงักกับมือบางที่รั้งเสื้อผมเอาไว้

“ช่วยอยู่...ข้างๆ อ๋อมได้มั้ยคะ?”   เคยเห็นดวงตาของลูกแมวมั้ย  เวลาที่มันต้องการร้องขออะไรสักอย่าง ตอนนี้...

แววตาของอ๋อมกำลังเป็นแบบนั้น ลูกแมวน้อยที่อ่อนแอ  และน่าสงสาร  ผมยกยิ้มน้อยๆ แบบปลอบใจ และพยักหน้า

ในที่สุด ผมโอบเอวอีกฝ่ายรั้งให้นั่งลงบนโซฟา มือเรียวบางกดปุ่มสีเขียวที่เป็นไอค่อนบน Touch screen รูปโทรศัพท์

มือผมสอดประสานเข้ากับนิ้วเรียวของอ๋อม  และเกาะกุมกันไว้แน่นแบบให้กำลังใจ

.

.

“ฮัลโหล”   ในที่สุดปลายสายก็กดรับเสียที หลังจากกดโทรมานานถึงยี่สิบสาย

“ฮัลโหล...แพนเหรอ  พี่เอง พี่อ๋อมเองนะ คือพี่อยากจะบอกว่า”

“ไม่เป็นไรผมเข้าใจดี  .... พี่อ๋อมโชคดีจังนะครับ ผม................................ไม่เป็นไร”

“ไม่ใช่...ไม่ใช่พี่...   ภาคเค้า ...ฮึกๆ  เค้าเลือกแพน ...ฮึกๆ ...ได้โปรดฟังพี่ที่พี่ไม่อยากทำผิดอีกแล้ว ฮือๆๆ”

“อะไรนะครับ...แล้ว?”


“พี่เสียใจแพน ... แต่ภาคเค้า.....เค้า....ไม่เคยรักพี่เลย  ฮึกๆๆ ไม่สิ...ไม่เคยมองพี่เลยต่างหาก ฮึกๆ เค้าเห็นพี่เป็นแค่เพื่อนคน
หนึ่ง

เรื่องเมื่อคืนนี้....  มีไอ้โรคจิตมันบุคเข้ามาที่ห้อง พี่กลัว...กลัวจนสติแตก  แล้วคนแรกที่พี่คิดถึงก็คือภาค.....”

.

.

.

ทุกๆ อย่าง ถูกเล่าผ่านปากอ๋อมเนิ่นนานเป็นชั่วโมง  ขณะที่ผมก็ยังบีบมือน้องไว้ไม่ได้ปล่อย แต่ที่เครียดมากกว่านั้น

.






.




.

ค่าโทรศัพท์ผมเดือนนี้.............จะเป็นยังไงบ้างเนี่ย  เห้อออออออออ  เศร้า!!

หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เข้าใจ#2 P.17 30/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 29-04-2013 00:58:15
 :jul3:  อิพี่รักยังจะห่วงค่าโทรช่วยมาถึงขนาดนี้แล้วววว
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เข้าใจ#2 P.17 30/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 29-04-2013 10:29:26
 :mew3:

อย่างน้อยก็ยังมีความคิดที่จะอธิบายนะคะ

พี่รักก็ยังจะห่วงค่าโทรศัพท์อีกนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เข้าใจ#2 P.17 30/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 29-04-2013 11:02:28
อ๋อมอ๋อม o13
อิพี่รักยังจะห่วงค่าโทรอีก :laugh:
ปล.ลงวันที่ผิดน้า
วันนี้29/04/13
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เข้าใจ#2 P.17 30/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 29-04-2013 11:06:55
เอ่อ  :mew5: อิพี่รักเกือบซึ้งละถ้าไม่มีอิประโยคสุดท้ายเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เข้าใจ#2 P.17 30/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 29-04-2013 12:53:18
อ่า~   ขอบคุณค่ะที่เตือนเรื่องวันที่ พอดีเอาคอมไปทำใหม่แล้วเค้าตั้งวันที่ให้ผิด ค่ะ  โฮะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เข้าใจ#2 P.17 30/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 29-04-2013 15:12:06
 :mew1: พี่รักเป็นฮีโร่เลยน่ะ มาผิดคาดเลยแฮะ กำลังเดา ๆ ว่าสุดท้ายใครจะมาช่วยแก้ปัญหาให้  :mew3:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เข้าใจ#2 P.17 30/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 30-04-2013 17:21:28
 :mew1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เข้าใจ#2 P.17 30/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 30-04-2013 23:29:47
พี่รักเป็นคนทำให้เรื่องราวมันดีขึ้นจริงๆ ขอบคุณค่ะพี่รัก
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอน เข้าใจ#2 P.17 30/4/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 01-05-2013 01:00:28
รักยังคิดเรื่องนั้นตอนนั้นได้อีกเนี่ยนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ที่ตรงนี้...ที่ที่เป็นของเรา#1 P.17 4/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 04-05-2013 00:49:30
ตอน...    ที่ตรงนี้.....ที่ที่เป็นของเรา




ผมตื่นขึ้นมาเกือบๆ เก้าโมงเช้าหลังจากที่คนของผม..  อืม...ไม่ใช่แล้วสินะ  เอาเป็นว่าหลังจากที่ภาคกลับมาก็แล้วกัน

เรานอนกอดกันตั้งแต่หกโมงเช้าจนถึงตอนนี้เก้าโมงแล้ว  ผมที่ลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนนอนมองอีกฝ่ายที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง

และคาดว่าคงจะหลับอีกนาน จากอาการหายใจสม่ำเสมอและเสียงฟี้~ที่ผมได้ยินเบาๆ  อกแกร่งกระเพื่อมขึ้นลง

อย่างสม่ำเสมอ   ผมจ้องมองใบหน้าของคนที่ผมรักสุดใจ ไล้มือไปบนใบหน้าคมเข้ม.....เป็นครั้งสุดท้าย

รู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูก  น้ำตาไหลออกมาเอื่อยๆ ถึงจะเคยเตรียมใจมาบ้างแล้ว....แต่ก็ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้

เมื่อไม่กี่วันนี้ผมยังมีความสุขอยู่แท้ๆ  ภาค.....ยังเป็นภาคของผม  แต่ตอนนี้คงไม่ใช่แล้ว  พอสติหลุด

ผมก็เผลอร้องไห้จนตัวโยน กอดคนที่ยังหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวไว้แน่น ริมฝีปากขบเข้าหากันจนเจ็บ

ผมสูดดมกลิ่นกายของอีกฝ่าย ...ความรักที่เคยถวิลหา    ก็จบแค่นี้แหล่ะนะ  ....ทั้งที่คิดไว้แล้วว่าสักวัน

ภาคก็คงจะเลือกทางเดินไปกับใครสักคน  และเป็นผู้หญิงที่คู่ควร  พี่อ๋อม...ไม่ได้ห่างจากคำว่าคู่ควรสักเท่าไหร่

พี่อ๋อมเป็นผู้หญิงที่สวย เก่ง ฉลาด  และที่สำคัญเป็นห่วงทุกๆ คน นิสัยใจคอก็ดี หากไม่นับรวมเรื่องผม 

ผมเองก็แลไม่เห็นใครที่จะเหมาะมากไปกว่านี้ ผมอยากจะยินดี  อยากจะสามารถยิ้ม และอวยพรให้กับภาคได้

แต่อาจเป็นเพราะผมอ่อนแอเกินไป  อ่อนแอเกินกว่าจะทำอย่างที่คิดได้  เพราะผมเจ็บ  มันเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจ

เหมือนใครเอามีดมากกรีดซ้ำๆ   ทั้งๆ ที่ผมนอนกอดภาคอยู่ตรงนี้  แต่พอรู้ว่าไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ

แค่รู้ว่าภาค.เองก็มีทางเดินที่ต่างออกไป  แค่นั้นก็เจ็บจนใจแทบขาดแล้ว  หากต้องมานั่งฟังคำสารภาพ

ว่าภาคเลือกใครคนนั้น.....  ขอให้เรื่องของเรามันจบแค่นี้    ถ้ายังงั้นเอามีดมาแทงผมซะ....ยังจะง่ายกว่า

ค่อยๆ ดันแขนที่โอบรัดผมอยู่ออก ผมตัดสินใจแล้ว...คงต้องไป   ไม่มีทางไหนดีกว่านี้สำหรับผม

ลุกขึ้นอาบน้ำเสร็จก็กดโทรเพื่อเช็คเที่ยวบินที่สามารถเดินทางกลับภายในวันนี้ เพื่อเลื่อนวันเดินทางให้เร็วขึ้น

ดีที่เป็นตัวหนึ่งปี ทำให้ผมสามารถเปลี่ยนช่วงเวลาเดินทางได้  และอย่างน้อยโชคก็ยังเข้าข้างผม

มีที่นั่งเหลือให้บินกลับ ไฟท์ 5 ทุ่ม หลังจากเปลี่ยนเวลาเดินทางเรียบร้อย  ผมเร่งเก็บเสื้อผ้าข้าวของที่มีใส่กระเป๋าใบโต

อดที่จะน้ำตาไหลไม่ได้  มันทรมานอย่างนี้นี่เอง การที่ต้องจากทั้งที่ยังรักเหลือเกิน  ผมพยายามมองเมินคนที่หลับอยู่บนเตียง

มือก็เร่งจับเสื้อผ้าเครื่องใช้ต่อ น้ำตาที่พร่ามัวทำให้ยากต่อการเก็บข้าวของ  ...แต่ทำไงได้ในเมื่อตอนนี้ผมห้ามน้ำตาตัวเองไม่ได้

ทุกอย่างทำแข่งกลับเวลา ผมเก็บของเสร็จสิ้นตอน 10 โมงพอดี เหลือบตามองภาคที่ยังหลับสนิท

ทรุดตัวลงข้างเตียง ใช้มือเกลี่ยผมที่ละใบหน้าของอีกฝ่ายออก  แตะจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากที่เคยเป็นของผม 

...แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว  ร่างกายสั่นสะท้านจนหยัดยืนไม่ไหว แขนขาไร้เรี่ยวแรงที่จะพาผมเดินออกไป 

ได้แต่นั่งจ้องอยู่อย่างนั้น กลั้นเสียงสะอื้นจนตัวโยน  ทั้งที่อยู่ตรงหน้า  แต่ไม่กล้าแม้จะเอื้อมมือไปสัมผัส 

ผมซุกหน้าลงกับเตียงร้องไห้ให้สาแก่ใจ  จนสุดท้ายตัดสินใจ.....จากมา

“ภาค.....ลาก่อนนะ  ขอโทษที่แพน ฮึก.   ไม่กล้าพอ.... ที่จะ ฮึก.  บอกลาภาคตรงๆ”  ผมว่าเสียงแผ่ว

กลั้นใจลากกระเป๋าเดินจากมา  เสียงปิดประตูห้องดัง แกร๊ก   ผมเดินเข้าไปในลิฟท์กดลงไปชั้นหนึ่ง

ในใจนึกภาวนาอย่าให้ภาคตื่นขึ้นมาก่อนเลย  ผมคงขาดใจ...หากต้องรับรู้ความจริง  ก้มหน้าก้มตามองพื้น 

น้ำตาร่วงเผาะๆ เป็นสาย  เดินมาถึงหน้าคอนโดตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้  ที่จริงคงมีเวลาอีกยาวนานกว่าเครื่องจะออก 

แต่ผม....ไม่รู้จะทนอยู่ที่นี่ไปได้อย่างไร  ไม่อยากจะฟังแม้กระทั่งความจริงจากปากของภาค เลยต้องรีบไป

ตอนนี้ไม่ว่าที่ไหน....ก็คงไม่ได้น่าไปสักเท่าไหร่  สัมภาระใบโต ถูกลากไปรอหน้าคอนโด

ก่อนที่มือจะกวักเรียกแท็กซี่

“ไปสุวรรณภูมิครับ”  ผมแจ้งจุดหมายปลายทาง  คนขับพยักหน้ารับทราบก่อนจะเดินอ้อมมายกกระเป๋าผมเข้าท้ายรถ

ผมเปิดประตูเข้าไปในในตำแหน่งผู้โดยสารด้านหลังคนขับ  ก่อนรถจะค่อยๆ ทะยานออกไป  ผมเหลียวมองคอนโด

ที่ค่อยๆ เล็กลงๆ จนเหลือเท่าก้านไม้ขีดไฟ ได้แต่กระซิบเสียงแผ่ว....  ฝากไปถึงใครคนนั้น

“ลาก่อน”   ค่อยๆหันกลับไปทิศทางตรงข้าม....  กระพริบตาไล่เขื่อนน้ำตาที่เอ่อล้นจนแทบทะลัก ไม่ให้มันไหลออกมา

.

.

.

ผมไม่รู้ว่าเนิ่นนานเท่าไหร่  กว่าที่แท็กซี่คันที่ว่าจะพาผมฝ่าปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ จนมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ

เพราะมัวแต่เหม่อลอย ในหัวมีแต่ภาพของผมกับภาคตอนที่เรา ‘ยัง’ รักกันวนซ้ำไปซ้ำมา มารู้สึกตัวตอนที่พี่แท็กซี่

เรียกผมเป็นรอบที่สอง รอบที่สาม  ถึงได้สะดุ้ง

“น้อง  ... น้อง...  น้องถึงแล้วนะครับ”  พี่แท็กซี่หันมาตะเบ็งคอเรียกด้วยเสียงอันดัง  ผมถึงกลับหน้าเสียรีบเช็ดคราบน้ำตา

ที่หยดแหม๊ะ  เพราะกลั้นมันไว้ไม่อยู่ตอนที่ตกใจ  เห็นพี่แกเงียบไป  ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเบากว่าเดิมหลายเท่า

“เป็นอะไรรึเปล่าครับน้อง...คือ  คือพี่จะบอกว่าถึงสุวรรณภูมิแล้วน่ะ”   เค้าเกาหัวเก้อๆ ผมพยักหน้าน้อยๆ

“ขอบคุณครับพี่ ผมไม่เป็นไรครับ  รบกวนพี่ช่วยเอากระเป๋าลงให้หน่อยนะครับ” ผมเอ่ยเสียงเบา  ค่อยหย่อนตัวลง

จากแท็กซี่คันนั้น พี่แท็กซี่รีบหยิบกระเป๋าเดินทางใบเขื่องของผมลง  ผมยื่นเงินตามมิเตอร์บวกค่าสินน้ำใจเพิ่มอีกเล็กน้อย

พี่แกยิ้มรับหน้าบาน ก่อนจะก้มหัวให้เล็กน้อยแล้วขับรถออกไป  ขณะที่ผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่มองจนแท็กซี่ลับตาไป

ได้ยินเสียงบีบแตรรถดังขึ้น เพราะผมยังยืนขวางทางที่เค้าจะจอดอยู่ ถึงได้ขยับตัวเดินทอดน่องไปยังตัวอาคาร

ความรู้สึกยังอัดแน่นจนคับอก เหมือนจะหายใจไม่ออก อึดอัดเสียใจแทบจะสำรอกน้ำย่อยในกระเพาะอาหารออกมา

ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ทานอะไร  ผมทิ้งตัวลงยังเก้าอีกผู้โดยสารเหลือบตามองนาฬิกาข้อมูลที่แจ้งเวลาว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงตรง

แม้ว่าท้องจะปั่นป่วน หากแต่ความรู้สึกอยากอาหารกลับไม่มีสักนิด ซบหน้าลงกับกระเป๋าใบโตโดยวางเสื้อกันหนาวที่เตรียมไว้

วางรองไว้อีกชั้น ยังมีเวลาอีกยาวนานหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเช็คอิน ค่อยๆ หลับตาลง ปล่อยตัวเองให้จมไปกับความรู้สึก

เดิม ๆ   น้ำตาที่พึ่งเหือดแห้ง  กลับไหลลงมาอีกเป็นสาย

“แพน......เอ่อ....   ภาคไม่รู้ จะเริ่มต้นยังไง”


“ขอโทษนะ  .....  เมื่อคืนแบทหมดเลยติดต่อใครไม่ได้”

“เมื่อคืน... ภาคอยู่กับอ๋อม  ภาคไม่อยากโกหก”

ผมได้แต่กลั้นเสียงสะอื้นน้ำตาแต่ละหยดไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด  อยากเกลียดตัวเองที่อ่อนแอแบบนี้ ได้แต่แสร้ง

ทำเป็นหลับทั้งที่น้ำตามันไหลไม่หยุดหย่อน  จมอยู่ในคราบน้ำตาเนิ่นนาน ท้องก็เริ่มครางประท้วงส่งเสียงดัง

ทั้งที่จิตใจของผมไม่ต้องการจะทานอาหารเลยสักนิด รีบเช็ดคราบน้ำตา  รู้ว่าตอนนี้ปาก จมูก และนัยตาคงจะแดงกล่ำ

แต่ก็เริ่มอายคนข้าง ๆ บ้างแล้ว หยิบแว่นดำมาสวมเพียงเพื่อจะปกปิดร่องรอยความช้ำของดวงตา พอเงยหน้าขึ้นมา

ยิ่งเห็นเค้ามองมาที่ผมอยู่หลายคน  ผมเลยรีบเดินงุดๆ ลากกระเป๋าลงไปด้านล่าง เข้าร้านอาหารสั่งเมนูง่ายๆ สำหรับทาน

 สั่งเสร็จก็นั่งเหม่อไป กำลังนึกถึงภาคกับพี่อ๋อม  ทั้งคู่... จะมีความสุขสักแค่ไหนกันนะ ที่ได้รักกัน  ..มีที่ครอบครัวสมบูรณ์ 

ไม่ต้องมีคนอย่างผม  ...  ไปก้าวก่ายชีวิตที่เหลือ  ผมระบายลมหายใจออกมาด้วยความอ่อนล้า พลางจินตนาการ

ถึงบ้านหลังเล็กสีขาว  มีสนามหญ้าเล็กๆ หน้าบ้าน  โรงจอดรถสำหรับรถสองคัน  ม้านั่งที่หรับพักผ่อนนอกบ้าน

แบบที่เราเคยฝันไว้  เพียงแต่ตอนนี้จะมีลูกเล็กๆ คนสองคนวิ่งเล่นซนๆ กันอย่างสนุกสนาน  ทุกๆ เย็นภาคจะรีบกลับบ้าน


มาสอนการบ้านให้เด็กๆ ขณะที่พี่อ๋อมอมยิ้มกับภาพที่เห็นอย่างมีความสุข  ก่อนจะเดินเข้าครัวไปทำอาหารจานโปรด

สำหรับครอบครัวสุขสันต์   แค่คิดแค่นั้นก็เจ็บ...............จนปวดหนึบทั่วทั้งใจ  ยกมือขึ้นมาจิกแน่นๆ ที่หน้าอก

พนักงานเดินมาเสิร์ฟอาหารด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตามมารยาท  ผมยิ้มรับเบาๆ ทั้งที่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ยิ้มตอบใครทั้งนั้น

จึงค่อยเริ่มทานอาหารตรงหน้า สองสามคำ  น้ำตาเจ้ากรรมก็หยดแหมะเบาๆ เมื่อนึกถึงภาพของใครอีกคนซ้อนทับขึ้นมา

“ภาคทานสิคะ  อ๋อมทำสุดฝีมือเพื่อภาคโดยเฉพาะเลยน๊า”  หญิงสาวยิ้มหวานป้อนอาหารคนรักที่อยู่ตรงหน้า

อีกฝ่ายยิ้มรับอย่างมีความสุข แล้วอ้าปากทานอาหารที่ว่าอย่างเอร็ดอร่อย  แค่นึกถึงผมก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

เพราะรู้สึกตีบตันจนแทบหายใจไม่ออก   สุดท้ายก็ก้มหน้าก้มตาเช็คคราบน้ำตาผ่านๆ กล้ำกลืนฝืนทานอาหารตรงหน้า

ไม่รับรู้รสอาหารใดๆ ทั้งสิ้น   สัมผัสได้แค่รสขมทั้งปากและในลำคอ  ....จนหมดไปครึ่งจาน จึงหยิบน้ำมาทาน

อยากบอกทางร้านว่าไม่ใช่อาหารไม่อร่อย  แต่เพราะอารมณ์ผมตอนนี้ไม่ได้ต้องการอาหารตรงหน้า ยิ่งผมเป็นที่อยู่

กับร้านอาหาร ถึงได้เข้าใจดีว่าการทานอาหารจนหมดจานนั้น คนทำจะรู้สึกภาคภูมิใจแค่ไหน ผมจ่ายตังค์และเดินออกไป

ลากกระเป๋าใบโตเดินไปเรื่อยๆ มองที่พักที่จะสามารถอยู่ได้นานๆ โดยที่ไม่ต้องสนใจใคร อยากปล่อยอารมณ์ที่อัดอั้น

ให้มันระบายออกมาบ้าง  ขณะที่บันไดเลื่อนยังทำหน้าที่ของมันผมก็รู้สึกถึงแรงสั่นเบาๆ ที่กระเป๋าล้วงมือเข้าไป

เจอมือถือที่สั่นครืดดดคราดด รอให้ผมกดรับ.....  เบอร์ไม่คุ้น ผมเลือกที่จะวางสาย ....อยากปล่อยให้ทุกอย่างผ่านเลยไป


หัวข้อ: Re: >> กอด~ ที่ตรงนี้...ที่ที่เป็นของเรา#1 P.17 4/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 04-05-2013 01:42:35
 :katai1: :katai1:  อิ่มมาม่าแล้วววนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ที่ตรงนี้...ที่ที่เป็นของเรา#1 P.17 4/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 04-05-2013 02:44:02
เฮ้อ ฟังเหตุผลของอ๋อมหน่อยนะ ตาจะได้สว่าง
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ที่ตรงนี้...ที่ที่เป็นของเรา#1 P.17 4/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 04-05-2013 10:57:41
อิ่มจนอืดแล้วขอเปลี่ยนเป็น
กาแฟเย็นสักแก้วถึงจะขม
ก็ยังมีรสหวานอยู่น้า :z3:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ที่ตรงนี้...ที่ที่เป็นของเรา#1 P.17 4/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 04-05-2013 10:58:34
อีกนิดค่ะ  อีกนิด เดี๋ยวจะหายอืดคู่นี้แหล่ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ที่ตรงนี้...ที่ที่เป็นของเรา#1 P.17 4/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 05-05-2013 00:02:44
แพนก็ช่างจินตนาการนะนั่ีน
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ที่ตรงนี้...ที่ที่เป็นของเรา#2 P.17 5/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 05-05-2013 14:38:21
โอยกว่าจะแต่งจบเล่นข้ามวันข้ามคืนกันเลยทีเดียวค่ะ
  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
กราบขออภัยคนข้างห้อง....ทั้งสองด้าน  ที่อาจได้ยินเสียง Keyboard ทั้งคืน
(แง๊ๆๆๆ  จะมีใครมาตีหัวเค้ามั้ย :hao5:)
สภาพตอนนี้ :ruready   หลังเผลอหลับไป แล้วตื่นมาตอนแต่งต่อ
สภาพหลังจากแต่งเสร็จ    :heaven :heaven :heaven   มันดีจริงๆ นะ ฮ่าๆ
เวิ่นมาเยอะเลยค่ะ  มาอ่านกันเลยดีกว่า




ที่ตรงนี้...ที่ที่เป็นของเรา#2




สุดท้าย....ก็ทนไม่ไหว  ป่านนี้ภาคอาจจะรู้ความจริงแล้ว “คำขอโทษ” จำเป็นสำหรับใครบางคนเพื่อจะเริ่มต้นชีวิตใหม่

และผมเองก็มีหน้าที่ที่จะมอบคำว่า “ให้อภัย”  ให้กับคนๆนั้น คนที่ผม.....รักหมดใจ

ไม่จำเป็นต้องทำให้อีกฝ่ายเจ็บ.... เมื่อเรารู้สึกเจ็บ  เพราะไม่นานมันจะค่อยๆ จางหายไป และในห้วงคำนึงของเค้า

ก็จะยังหลงเหลือความรู้สึกดีๆ ในอดีต  แต่ถ้าเมื่อไหร่.....เรากระโจนไปดึงอีกฝ่ายให้ลงมาเจ็บด้วย  นอกจากเราเองนั้นแหล่ะ

ที่จะจมปลักอยู่กับความแค้นอย่างแสนสาหัสนั่นแล้ว  ในสายตาเค้าเราคงเหลือเพียงแค่การเป็นเพียงเศษสวะชิ้นเลว

ซึ่งมันดีแล้วที่เค้าเลือกที่จะตัดทิ้ง ไม่จำเป็นต้องเสียใจ  ไม่จำเป็นต้องเสียดาย หรือแม้แต่....ละอายแก่ใจในสิ่งที่ทำลงไป

“ฮัลโหล” ผมกดรับสายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง...  อย่างน้อยไม่ต้องอยู่ต่อหน้า..ผมก็ไม่ต้องซ่อนความเจ็บไว้ภายใต้ใบหน้า

ฝืนยิ้ม   ถ้าผมต้องการจะร้องไห้  ต้องการจะเสียใจ  แน่นอน......ผมจะทำมันได้โดยไม่ต้องให้ใครมานึกสงสาร

ว่าผมเป็นคนอ่อนแอ  หรือแม้แต่.....  คิดว่าผมจะมารยาสาไถ เพื่อยื้ออีกฝ่ายไว้ให้เป็นของตัวเอง

“ฮัลโหล...แพนเหรอ  พี่เอง พี่อ๋อมเองนะ คือพี่อยากจะบอกว่า”  เสียงหวานกรอกกลับมาในสาย นั่นทำให้ผมน้ำตารื้นขึ้น

อย่างช่วยไม่ได้ หัวใจเจ็บปวดแทบแหลกราน    ลำคอแห้งผากจะให้ทนคุยกับคนที่แย่งคนรักของผมไปได้อย่างไร 

แต่ถึงตอนนี้แล้วก็คง...ต้องทน   ก็แค่....ทนให้มันจบๆ ไป



“ไม่เป็นไรผมเข้าใจดี  .... พี่อ๋อมโชคดีจังนะครับ ผม................................ไม่เป็นไร”  ผมตอบกลับเสียงแผ่ว

น้ำเสียงที่แห้งผากแทบจะกลืนหายไปในลำคอที่ตีบตัน 



“ไม่ใช่...ไม่ใช่พี่...   ภาคเค้า ...ฮึกๆ  เค้าเลือกแพน ...ฮึกๆ ...ได้โปรดฟังพี่ที่พี่ไม่อยากทำผิดอีกแล้ว ฮือๆๆ”

ห๊ะ!  ผมร้องเสียงหลงอยู่ในใจ  เสียงหวานครางสะอื้นจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ พี่อ๋อมพูดต่ออย่างกระท่อนกระแท่น

เสียงร้องไห้ เสียงสูดน้ำมูก ดังมาไม่ขาดสาย  ผมที่ได้ยินคำนั้นหัวใจกลับเต้นแรงและรัวอย่างมีความหวัง

 นี่ผมไม่ได้คิดไปเองหรอกใช่มั้ย?

“อะไรนะครับ...แล้ว?” ผมเอ่ยถามอีกฝ่ายช้าๆ อีกครั้งแค่อยากมั่นใจ ....  ว่าผมไม่ได้ฟังผิดไป อยากรู้ว่านี่คือเรื่องจริง

“พี่เสียใจแพน ... แต่ภาคเค้า.....เค้า....ไม่เคยรักพี่เลย  ฮึกๆๆ ไม่สิ...ไม่เคยมองพี่เลยต่างหาก ฮึกๆ เค้าเห็นพี่เป็น

แค่เพื่อนคนหนึ่งเรื่องเมื่อคืนนี้....  มีไอ้โรคจิตมันบุคเข้ามาที่ห้อง พี่กลัว...กลัวจนสติแตก แล้วคนแรกที่พี่คิดถึงก็คือภาค.....”

เรื่องราวทุกๆ อย่างถูกถ่ายทอดออกมาจากปากของพี่อ๋อม เสียงสะอื้นไห้ดังออกมาเป็นระยะ ทั้งซับซ้อน  น่ากลัว

และน่าสับสน ใจผมแปลกใจ  ถ้าคนที่เล่าไม่ใช่พี่อ๋อม  ....  ยังคิดไม่ออกเลยว่า ผมจะเชื่อเรื่องที่เล่าดีรึเปล่า 

โดยเฉพาะเรื่องภาค  พี่อ๋อมกรีดข้อมือเพื่อภาคงั้นเหรอ?   หากภาคเป็นคนเล่า...ผมจะคิดรึเปล่าว่านี่เป็นแค่ข้ออ้าง

เพื่อให้ตัวเอง สะอาด บริสุทธิ์  และไร้มลทิน  แต่เพราะคนเล่าเป็นพี่อ๋อม  และคนที่เสียหายก็คือเธอ  ผมเลยไม่เห็น

เหตุผลอันใดที่เธอต้องโกหก  ...  แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ......  ทำไมเธอถึงโทรมาเล่าต่างหาก

“แล้วพี่จะเล่าให้ผมฟังทำไม?   ถ้าผมกับภาคเลิกกัน...พี่ก็จะได้มีความสุขไม่ใช่เหรอครับ  ผมไม่เห็นเหตุผลที่พี่ต้องเล่า

เรื่องที่พี่มีแต่จะเสียให้ผมฟัง”   ผมเอ่ยถามไปในที่สุด  หลังจากที่ใช้สติที่เหลืออยู่ทั้งหมด ....ใคร่ครวญไปมาเป็นอย่างดี

“ฮึก..ฮึก..    ถึงไม่มีแพน  ...สุดท้าย ภาคก็ไม่หันมามองพี่อยู่ดี  อย่าให้ภาคต้องเกลียดพี่เพราะพี่เป็นสาเหตุที่ทำให้

ภาคกับแพนต้องเลิกกันเลยนะ   พี่ขอโทษ ฮึก..ฮึก  พี่เสียใจ...  อย่างน้อยให้เค้าเห็นพี่เป็นเพื่อนคนหนึ่งก็ยังดี  อย่าถึงกับ..”

เสียงของพี่อ๋อมกลืนหายไปในลำคอ...  อยู่สักพัก   ผมว่าตอนนี้อารมณ์ของผมกับพี่มันไม่ได้ต่างรู้สึกเจ็บแน่นไปทั้งใจ

น้ำเสียงขาดหาย  แต่มากระจุกเป็นก้อนอยู่ที่ลำคอ  แทบหายใจไม่ออก ... เหมือนๆ จะขาดใจ  แต่สุดท้ายก็พูดออกมา

ด้วยเสียงอ่อนละโหยรอยแรงชนิดที่ผม...  รับรู้ได้เลยว่ามันเป็นความจริง

“อย่าถึงกับ....ต้องเกลียดกัน   จนไม่มองหน้าเลย   พี่คงทนไม่ไหว  ”   

“ขอบคุณครับ........  ที่อธิบาย” ผมกดวางสายของอีกฝ่าย  ลากกระเป๋าไปบนชั้นส่งผู้โดยสายขาออก 

โบกมือเรียกแท็กซี่....ที่มาส่งผู้โดยสารที่จะเดินทางไปที่อื่น  บอกจุดมุ่งหมายที่ผมต้องการไปพี่คนขับรถแท็กซี่

ที่พึ่งยกกระเป๋าของผู้โดยสารก่อนหน้านี้ลงจากท้ายรถสดๆ ร้อนๆ หันมายิ้มให้ผม ก่อนจะยกกระเป๋าผมใส่ลง

ไปในท้ายรถอีกครั้ง   รถเคลื่อนตัวออก....  ผมแจ้งว่าผมต้องไปถึงที่พักให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะต้องขึ้นทางด่วน

หรืออะไรก็ตาม  ช่วยให้ผมฝ่าสภาพจราจรอันติดขัดนี่ไปได้เสียที   น้ำตาผมไหลช้าๆ  ความสึกผิดฟูฟ่องกลืนกินหมด

ทั้งตัวทั้งหัวใจ  ความผิดที่ว่า  .. คือการ  “ไม่ไว้ใจกัน”    รู้สึกผิด... ที่ผมหนีออกมาโดยไม่รอฟังคำอธิบายของอีกฝ่าย

ความผิดที่.....คาดเดาเรื่องทุกอย่างคิดเองเออเอง  จนเกือบต้องเลิกกัน 

“ขอโทษ.....รอแพนนะ   แล้วแพนจะรีบกลับไปหา”   ผมครางเสียงแผ่วเบา   ราวกับเจ้าตัวจะได้ยิน กลับเป็นพี่แท็กซี่

ที่เลิกคิ้วนิด ๆ เป็นเชิงว่าผมพูดอะไรด้วยหรือเปล่า  ผมส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเลี่ยงหันไปมองสภาพแวดล้อมข้างทางแทน



 .

.

.



บ่ายสามโมงครึ่งโดยประมาณที่ผมมาถึงคอนโดจุดหมาย พี่แท็กซี่เจ้าเดิมยกกระเป๋าเดินทางผมลง พร้อมโค้งหัวน้อยๆ

ตอนผมจ่ายค่าแท็กซี่บวกทิปเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะทำให้พี่เค้ายิ้มแก้มปริ ผมโค้งตอบ มองพี่แกขับรถออกตัวไป

ผมหันไปจับกระเป๋าเดินทางไปเขื่องกำลังจะลากเข้าคอนโดก็เป็นอันต้องหยุดชะงักด้วยความสงสัย ก็...พี่แท็กซี่เจ้าเดิม

ที่ขับออกไปแล้ว  ขับรถถอยหลังมาจนถึงที่ผมยืนอยู่ พลางลดกระจกลงยิ้มให้ผมแบบหน้าจืดๆ 

“เอ่อโทษทีนะ....ค่าทางด่วนพี่ยังไม่ได้เลยน้อง”  แกยิ้มเก้อๆ เกาหัวเบาๆ ด้วยความเขินอาย  ผมก็ตาโตขึ้นมา 

เออ! ลืมไปเลยควักจ่ายพี่แกทันที  110 บาท  พี่แกโค้งหัวตอบ แล้วขับออกไป  ผมได้แต่ยิมขำนี่ถ้าลืมก็ขาดทุนเลยนะนั่น

ลากกระเป๋ากลับเข้ามา พี่โอเปอเรเตอร์สุดสวยก็เอียงคอน่ารักๆ รับกับใบหน้าจิ้มลิ้ม ปากแดงๆ ขาวๆ นั่นเสียจริง

ด้วยความสงสัยประหนึ่งจะถามว่า  “พึ่งออกไปเมื่อตอนสิบโมงเองไม่ใช่เหรอคะ?”   ผมอมยิ้มกับท่าน่ารักๆ

แล้วหันไปตอบโดยที่ไม่ต้องรอให้พี่คนสวยเอ่ยปากถามให้เมื่อยปากแต่ประการใด

“เอ่อ....พอดีเลื่อนวันกระทันหันนะครับ   เลยได้กลับช้ากว่านี้” พูดจบ พี่โอเปอเรเตอร์สุดสวยก็ยิ้มเข้าใจ

“อ่อ  ค่ะ”  ผมลากกระเป๋าเข้าลิฟท์ กดชั้นที่เป็นที่พัก หลับตาลงรู้สึกเป็นวันที่เหนื่อยล้าอีกวันของชีวิต


“ติ๊ง!”  เสียงลิฟท์ดังขึ้น ผมค่อยๆ ลืมตา  เดินลากกระเป๋าตรงไปยังห้องจุดหมาย



“ก็อกๆ ”   ผมเคาะประตูเบาๆ  ไม่ใช่ว่าผมไม่มีกุญแจหรอกนะ  แต่ที่จริงผมตั้งใจทิ้งมันไว้ในห้องนั้นต่างหาก


เพราะผมคิดว่า.....คงไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกแล้ว  ยืนรออยู่เนินนาน.....แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของใครที่จะมาเปิดประตู

ทั้งที่ภายในห้องยังมีแสงสว่างเล็ดลอดออกมา  แสดงว่า....ภาคอยู่ข้างใน





“ก็อกๆ ก็อกๆ”    ผมตัดสินใจเคาะประตูอีกครั้ง ในใจเริ่มรู้สึกเป็นห่วงคนข้างในว่าเป็นอะไรรึเปล่า





เมื่อรออยู่เนิ่นนาน จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครมาเปิดประตูสักที นั่นทำให้ผมยิ่งร้อนใจมากขึ้นไปอีก


ผมกดโทรหาอีกฝ่าย  ...  ภาพหน้าจอโชว์หราว่ากำลังต่อสาย  แล้วอยู่ดีๆ เครื่องก็ดับไปต่อหน้าต่อตา...เล่นเอาเซ็งเลยทีเดียว

คงอาจเป็นเพราะผมคุยกับพี่อ๋อมที่เนิ่นนานเกือบๆ สองชั่วโมง ฉะนั้นที่แบตมันยัง still  มาได้จนถึงที่นี่ก็นับว่าบุญหนักหนา

ผมเลยต้องรัวทุบประตูหน้าห้องอย่างไม่มีเงื่อนไข

“ก็อกๆ ก็อกๆ ก็อกๆ”



“แกร๊ก.....”    ประตูค่อยๆ แง้มออก  ผมจ้องมองคนตรงหน้า อีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้านิ่งไม่ยอมเงยหน้ามาสบตากันสักนิด

จมูกบวมแดงเหมือนผ่านการร้องไห้  ทำผมใจกระตุกสั่น เริ่มสงสารอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก ไม่ใช่ความผิดของภาค




“.............”    ผมที่ได้แต่นิ่งงัน  รอ...อีกฝ่ายเงยหน้ามาสบตา   และแล้วก็เป็นอย่างที่หวัง ภาคเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ

ใบหน้าติดจะเศร้า  ดวงตาแดงก่ำ หากแต่หม่นเศร้าเหลือเกิน  น้ำตาที่ยังทิ้งคราบให้เห็นเปลือกตาบวมเป่งไม่ต่างจากผม

จมูกขึ้นสีเห่อแดงอย่างคนคัดจมูก  รอยยิ้มของภาคค่อยๆ ฉีกกว้างขึ้น  พร้อมๆ กับแอ่งน้ำตาพี่พากันไหล  ...

 แบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน  ภาคคว้าตัวผมไปกอดแน่นๆ  ดีใจราวกับแม่หมาที่หาลูกของมันเจอ


ผมโถมตัวเข้ากอดตอบ  ต่างฝ่ายต่างรัดกันแน่นเสียจน....  ผมเผลอคิดว่าเราอาจจะกลืนเข้าไปเป็นร่างเดียวกันได้

น้ำตาผมไหล.....ด้วยความยินดีปรีดา   ดีใจ...ที่ได้กอดคนตรงหน้าอีกครั้ง  อยากบอกว่า “รัก”  เหลือเกิน







“แ...พน..... ภ...ภาคขอโทษ  อ...ย่า.....ทิ้งกัน...ไปเลย”   น้ำเสียงแผ่วเบา ขาดห้วง กระซิบอยู่ใกล้ริมใบหูผม

รู้สึกได้ถึงน้ำชื้นๆ  ที่ไหลหยดลงมาอาบไหล่ของตัวเอง  ....น้ำตาของคนที่ผมรัก


ผมดันภาคออก   ยื่นนิ้วเล็กๆ ของตัวเองไล่เช็ดน้ำตาที่กำลังอาบแก้มของอีกฝ่าย  มองมันด้วยแววตาสั่นระริก

รู้สึกผิดมากเสียจน...อยากจะเป็นฝ่ายขอโทษแทน  แต่ภาคกลับยิ้ม และไล้มือเช็ดหยดน้ำตาบนหน้าผมแทน



“จะทิ้งได้ไง”   ผมเอ่ยตอบภาคไปในที่สุด  เมื่อหาเสียงตัวเองเจอ

.

.

.

“รักไปหมดใจแล้วนี่”  ผมกระซิบบอกอีกฝ่าย  ด้วยความสูงที่แตกต่างทำให้ผม ต้องเขย่งตัว.......สุดปลายเท้า


.

.


แต่มันก็ยังไม่ถึง  เลยต้องรั้งคออีกฝ่ายให้ลงมาอีก  (ไม่รู้จะรีบโตไปไหนนักหนา...ไม่รอกันบ้างเลย ผมแอบบ่นในใจ)



“อืออออออ~  ขอโทษษษษษ”   ภาครำพันเสียงต่ำราวกับเจ็บปวด ทรุดตัวลงคุกเข่า โอบกอดเอวผมไว้แน่น 


นั่นยิ่งทำให้ผมตกใจ พยายามรั้งอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น  เมื่อเห็นว่าไม่เป็นผล  เลยเปลี่ยนเป็นลูบหัวลูบหลังปลอบใจอีกฝ่ายแทน



“ครับ....แพนก็รักภาคนะ  ป่ะเข้าไปข้างในก่อนอายเค้า”   น้ำเสียงผมสั่นเทา... ด้วยความรู้สึกถึงความรักที่อีกฝ่ายมีให้

มันช่างมากมายจนเกินจะรับไหว  แต่ผมก็ยินดีรับมันไว้ทั้งใจ ลากกระเป๋าเข้าห้องเสร็จ   ภาคก็ดึงผมมากอดไว้ไม่ห่าง... 

.


.

“ภาคกับอ๋อมไม่มีอะไรกันนะ แพน...กำลังเข้าใจผิด  ภาค..”  ภาคอธิบายอย่างรีบร้อน

“ชู่....  แพนรู้แล้ว”    ผมแตะนิ้วเล็กๆ ที่ปากภาค เป็นการส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายเงียบ  จ้องมองลงไปในดวงตาที่ซื่อสัตย์นั่น


ก็เป็นผมเองที่ใจสั่น  ทั้งรู้สึกดีใจและรู้สึกผิดในคราเดียวกัน  มันช่างบีบให้หัวใจเต้นถี่รัวจนอยากกระดอนออกมานอกอก

“ถ้าภาคไม่ไปสิ  ฮึกๆ  แพนจะโกรธภาคไปจนตายเลย ภาค....อ่ะ  เป็นคนที่ดีที่สุดเลยนะ”  ผมบอกอีกฝ่ายตะกุกตะกัก

ก่อนจะโถมตัวเข้ามากอดภาคแน่นๆ  เรากอดกันอยู่อย่างนั้น  ร้องไห้ไปด้วย คุยกันไปด้วย เล่าเรื่องเหตุการณ์วันนี้ที่เกิดขึ้น


ทั้งหมด และแน่นอน....  เรื่องที่พี่อ๋อมโทรหาผม  จนผมเข้าใจ และกลับมายืนอยู่ตรงนี้



.


.

“ดีที่พี่อ๋อมโทรมาหาแพนก่อน  ถ้ารอภาคเล่าแพนคงหนีไปไกลแล้วหล่ะ  อ้อ!! พี่อ๋อมฝากขอโทษด้วย”


ผมบอกเล่าประโยคสุดท้าย พลางขยับตัวยุ๊กยิ๊กจากอ้อมกอดของอีกฝ่ายบนเตียงนอน เพื่อให้พูดสะดวกขึ้น

“ขอโทษครับ  ภาคไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี ไม่รู้จริงๆ ขอโทษนะ”   ภาคว่า ก่อนจะจูบซับที่หน้าผากของผม

“ทีหลังก็อย่าปล่อยให้แพนเข้าใจผิดอีกหล่ะ  เสียใจแทบแย่แน่ะรู้ป่ะ?”  ผมทำหน้างอนๆ ปากยื่นๆ 


ที่อีกฝ่ายต้องแตะปากตัวเองที่ปากผมทุกทีที่เห็น   และครั้งนี่ก็เป็นอย่างนั้น

“จุ๊บ”   สุดหล่อของผมทำหน้าทะเล้น   จนผมหลุดขำ




“ครับ  ขอโทษนะ อืมม  ขอโทษที  ปากหวานจัง ขอชิมนะครับ”  แล้วก็เปลี่ยนเป็นทะลึ่งตามมาทันที  ริมฝีปากหนา

ดูดกลืน รุกล้ำ และเรียกร้อง  ไล่ต้อนลิ้นหวานๆ ในปากผม  จนอดไม่ได้ที่จะหลุดเสียงครางออกมา

“อ่า~”   และเริ่มบิดตัวพล่าน  เมื่อมือร้อนๆ ของอีกฝ่ายลูบไล้ไปทั่วเนื้อตัวของผม   จมูกโด่งได้รูปซุกไซร้สูดดมกลิ่นกาย

ของกันและกัน   ที่ไม่ว่าครั้งไหนก็ทำผมเตลิดเปิดเปิงไปได้ทุกครั้ง สัมผัสที่เร่าร้อน ...แต่กลับทำให้ผมรู้สึก ‘มั่นคง’

อย่างน่าประหลาด   บางครั้งการ ‘ร่วมรัก’ ก็เป็นการบอกผ่านความรักระหว่างกัน ว่าโหยหา  ต้องการ อีกฝ่ายมากเพียงใด

“ชิมแล้ว...  ห้ามไปชิมคนอื่นหล่ะ  เจ้าของหวง”  ผมหันหน้าไปบอกอีกฝ่ายอย่างจริงจัง ไล้มืออยู่บนใบหน้าหล่อเหลา

จดจ้องอยู่อย่างนั้น เพื่อรอ......รอคำสัญญาของอีกฝ่าย   ภาคหลุดยิ้ม.....  เป็นรอยยิ้มที่ช่างดูดีในสายตาผม

“จะไปชิมใครที่ไหนได้อีกหล่ะ  ก็คนตรงหน้า.....น่ากินซะอย่างนี้”  อีกฝ่ายว่าริมฝีปากยังกระตุกยิ้ม ก่อนจะทาบทับ


ริมฝีปากหนาลงมาบนปากผม  ทั้งดูดกลืน  ไล้เลีย  ซอกซอนลิ้นที่โพรงปาก  ทำผมตัวอ่อนยวบอยู่ภายใต้ร่างสมส่วน

หอบหายใจเบาๆ   เหมือนร่างกายถูกดูดกลืน  ทั้งวิญญาณ และหัวใจไปเสียสิ้น  มอบไว้แล้ว... ณ คนตรงหน้า

.


“ไปไหนไม่รอดแล้วครับ”   คำตอบที่ทำเอาผมยิ้มแก้มแตก   หัวใจเหมือนจะละลายแล้วอยู่ตรงนี้

ด้วยแรงปรารถนา....  ก็ทำให้เราโถมกายเข้าหากัน  กอดก่าย ไล้สัมผัสร่างกายของกันและกัน

.


.

.

.

.

.


“อึก...   อ๊า~   ภ...ภาค”

“อืมม~   แพนทนอีกนิดนะครับ   รอบสุดท้ายแล้ว”

“ม...  ไม่ไหวแล้ว   อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาา~”    ผมกรีดเสียงร้องสุดเสียง  ร่างกายบิดเร่าเกร็งกระตุก และปลดปล่อย


“โอววว  แพน ....  อย่ารัดแน่นครับ     ซีสสสสสสส”  สีหน้าเหยเกที่ปรากฎบนใบหน้าอันหล่อเหลาของภาค 

ผมปรือตามอง  มือจิกที่เอวของอีกฝ่ายแน่น  ทั้งๆ ที่ตัวเองก็กำลังเกร็งตัวเพื่อปลดปล่อย  รู้สึกถึงความสุขที่ถาโถม


ยิ่งทำให้คนตรงหน้ามีความสุขเท่าไหร่   ในหัวใจของผมก็ฟูฟ่อง...  มีความสุขเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ 

นี่สินะ.......ที่เรียกว่า      “ความรัก”   ไม่ใช่แค่มีความสุขที่ได้รับ  แต่ยังมีความสุขกับการมอบให้ “คนรัก” ด้วย



ภาคกระทั้นกายเข้าโถมใส่ตัวผม  อย่างแรง  รัว  เร่าร้อน จนผมต้องแอ่นตัวหวือ รับสัมผัส “รัก” ที่อีกฝ่ายมอบให้

ไม่นานนักร่างกายภาคก็เกร็งกระตุก  ปลดปล่อย  หยาดน้ำสีขาวขุ่น  พร่างพรายตามแรงปรารถนา

ทิ้งตัวลงข้างกัน  กอดซับความหวานที่ดื่มด่ำกำซ่านเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักหมด สองแขนโอบกระชับอ้อมกอดของกันและกัน 



“คราวหน้าไม่ยอมแล้วนะ”  ผมเอ่ยเสียงแหบพร่า และแผ่วเบา  อีกฝ่ายยู่หน้าดวงตาปรือปรอย เหมือนหมาหงอย

“แพนครับอย่าโกรธนะครับ  ก็คราวนี้ภาคดีใจอ่ะ   แต่ก็นะแค่... สี่ห้าครั้งเอง”  ว่าจบก็ก้มหน้าก้มตาหอมแก้มผม

เป็นการใหญ่

“หก.....รวมครั้งสุดท้ายน่ะมันหกครั้งนะภาค  ”


“แหะๆๆ  ก็แพนอยากน่ารักเองทำไม   ภาคก็.....อดใจไม่ไหวอ่ะดิ”

“เพี๊ยะ...  ”    ผมฟาดมือลงหน้าผากภาคเน้นๆ

“ชะอูยยยยย  เจ็บ!!”  ไอ้หล่อ ลูบมือที่หน้าภาคตัวเองป้อย  แล้วโถมตัวมาซุกไซร้ผมแบบอ้อนๆ  ไม่ลืมที่จะยิ้มหล่อๆ

มาให้ผมใจละลายเล่น   ผมส่ายหน้าขำ  อีกฝ่ายก็ยิ่งยิ้มตาหยี 


.

.

.


.

“รักแพนนะ......รักที่สุดเลย”    ผมหันไปมองหน้าคนพูด  ที่ตอนนี้มองมาที่ผม ใบหน้าจริงจังแต่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม

“ครับ แพนก็รักภาคที่สุดเหมือนกัน”  ผมเอ่ยตอบ  แตะจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากอีกฝ่าย  ภาคดึงมือผมไปกอบกุม

ก่อนจะเลื่อนไปวางในตำแหน่งอกด้านซ้ายของตัวเอง

“รู้ไหม?  ที่ตรงนี้...มันเป็นที่ของแพน”  ผมดีใจจนน้ำตาซึม  โถมตัวเข้ากอดภาค กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่


“เป็นที่ของแพนคนเดียวจริงๆ นะ”  เสียงที่ย้ำนั้นทำหัวใจผมพองโต เรากอดกันแน่นขึ้นเนิ่นนาน  และผละออก

เราทั้งคู่ต่างยิ้มให้กัน  ทั้งดีใจ โล่งอก ที่ผ่านอุปสรรคนี้มาได้  และรู้สึกว่าความรักของเรามันยิ่งมากขึ้นอีก

.

.


ภาคอุ้มผมไปวางในอ่างน้ำ  ส่วนตัวเองมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ก่อนจะมาสมทบกันในอ่าง  เราอาบน้ำด้วยกันไม่นาน

ก็ออกมาแต่งตัว  นอนกอดกันจนหลับไป   








หัวข้อ: Re: >> กอด~ ที่ตรงนี้...ที่ที่เป็นของเรา#/2 P.17 5/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 05-05-2013 15:50:48
เข้าใจกันซะที ก็จัดหนักกันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ที่ตรงนี้...ที่ที่เป็นของเรา#/2 P.17 5/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 05-05-2013 16:41:15
เกือบไปแล้วไหมล่ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ที่ตรงนี้...ที่ที่เป็นของเรา#/2 P.17 5/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 05-05-2013 22:50:45
 :pighaun: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ที่ตรงนี้...ที่ที่เป็นของเรา#/2 P.17 5/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 05-05-2013 23:43:36
ไงล่ะ ก็ขอบคุณอ๋อมนะ ที่โทรมาเล่าความจริง ไม่งั้นก็ึคงมีคนเสียใจอย่างหนักสามคนแ่น่ๆ
ปล. ภาคหื่นไปไหม ตั้ง 6 ครั้งเชียว ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ที่ตรงนี้...ที่ที่เป็นของเรา#/2 P.17 5/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 06-05-2013 01:10:44
เข้าใจกันแล้ว ดีจังเลยนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ที่ตรงนี้...ที่ที่เป็นของเรา#/2 P.17 5/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 06-05-2013 10:13:11
ในที่สุดก้อเข้าใจกัน  :katai2-1: คนรักกันน่ะจะกลับมาเหมือนเดิมไม่ยากหรอกเน๊อะ  :mew1: ดีใจจัง เลยจัดหนักเลย  :z1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ที่ตรงนี้...ที่ที่เป็นของเรา#/2 P.17 5/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 06-05-2013 11:59:23
อิพี่ภาคจัดหนักเลยนะ
ถนอมๆๆแพนหน่อยสิ :m25:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ที่ตรงนี้...ที่ที่เป็นของเรา#2 P.17 5/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 06-05-2013 22:54:00
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณนะคะสำหรับคอมเม้นต์  นึกว่าเลิกอ่านกันไปซะแล้ว  ฮ่าๆๆ

ช่วงหลังพอมาดูแล้วไม่เห็นใคร เม้นต์  เลยแอบคิดว่าคง  เบื่อๆ กันไปแล้ว

นั่งข่วนหน้าตัวเองอยู่แบบนี้     :katai1: :katai1: :katai1:

จากหน้าตาที่ดูไม่ได้อยู่แล้ว  ตอนนี้เลือดอาบแล้วคิดดู๊.... 

ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะสำหรับทุกกำลังใจ 

อยากกราบงามๆ สักสิบที    o7 o7 :m5: :m5: :m5: :m5: :m5: :m5: :m5: :m5: :m5: :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ที่ตรงนี้...ที่ที่เป็นของเรา#/2 P.17 5/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 08-05-2013 10:35:18
 :catrun:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ การแก้แค้นแสนรัก#1 P.17 10/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 10-05-2013 01:23:32
ตอน  การแก้แค้นแสนรัก




“อูยยยย~”   ผมถึงกับครางด้วยความเจ็บปวด หลังตื่นขึ้นมาแล้วก้าวลงจากเตียง  เพื่อจะพบว่าตัวเองขาอ่อนยวบ

จนทรุดตัวให้ก้นกระแทกกับพื้นห้องอย่างจัง  ผมเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นเพื่อจะอดกลั้นจากความเจ็บปวด 

เริ่มหายใจหอบเหนื่อยหมดแรงเอาซะเฉย  จริงๆ ก็อยากพยายามลุกขึ้นนะแต่ขามันสั่นๆ  สั่นมากจนเดินไม่เป็นแล้ว

“แกร๊ก....  เห้ย!!   แพนเป็นอะไรรึเปล่าครับ? เจ็บรึเปล่าหืมคนดี? โอ๋ๆๆ”  ภาครีบวิ่งกุลีกุจอเข้ามาช้อนตัวผมขึ้น

รัวหอมแก้มทั้งซ้ายทั้งขวาอย่างเอ็นดู  ผมแอบเห็นน่ะ  ว่าภาคน่ะแอบยิ้มมุมปากนิดๆ คงจะภาคภูมิใจหล่ะสิที่

ทำให้ผมเป็นแบบนี้ได้   ผมสะบัดหน้าหนีห่างจมูกคมของอีกฝ่าย  หลังจากที่ตั้งตัวไม่ทันโดนหอมไปเสียหลายฟอด

ก่อนจะทำเสียงเขียว มองหน้าตัวต้นเหตุด้วยความหมั่นไส้ และอยากจะทำร้ายอีกฝ่ายให้เจ็บตัวนัก

“ชิส์   ก็เพราะใครหล่ะทำให้แพนเป็นแบบนี้  ไม่ใช่เพราะตัวเองรึไง”  พูดเสร็๗จะก็สะบัดหน้าใส่ให้รู้ว่าผมโมโหมากๆ

“อ้าว...หึหึ  ก็นึกว่าชอบ เห็นครางซะหวานเลย ภาคก็เลยอดใจไม่ไหวจัดเอาๆ นะสิ  โอ๊ย! เจ็บนะครับ”   อีกฝ่ายยู่หน้า

หลังจากผมงับปากที่ไหล่อีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้  จะเถียงรึก็เถียงไม่ออก  ก็ตอนนั้นมัน...  มัน....   มันเสียวนี่นา

“หึหึ”  ภาคหัวเราะในลำคอ ก่อนจะก้มหน้ามาเอาลิ้นเลียหูผมเบาๆ  เล่นซะผมหดคอหนีแทบไม่ทัน

“อือออออ~”  ผมส่งเสียงคำรามด้วยความขัดใจ ก็เพราะอีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มนะสิ แถมหน้าตายังสดชื่น เดินเหินสะดวก


ไม่เหมือนกับผมเลยสักนิดที่มันเจ็บบั้นท้ายจนระบม ขัดยอกไปทั่วตัว แถมยังขาอ่อนยวบจนเดินไม่ไหวแบบนี้อีก

มันก็เลยยิ่งขัดหูขัดตากับไอ้คนตรงหน้าไปเสียหมด   สุดท้ายก็ได้แต่แยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆ  แต่อีกฝ่ายกลับกลั้นขำเสียนี่
“อย่ามัวแต่เล่นเลย ป่ะเดี๋ยวภาคอาบน้ำให้นะครับ”  สุดหล่อยิ้มมุมปาก สายตาจ้องมองมาราวกับจะกลืนกินผมไปทั้งตัว

 ผมได้แต่หน้าแดงซ่าน  ให้ตายสิ ....ไม่ว่ากี่ครั้งก็แพ้สายตากับรอยยิ้มหล่อๆ นี่ชะมัด ผมมุดหน้าเข้าหาอกอีกฝ่าย 


เพราะภาคเริ่มรู้แล้วว่าผมเขิน

“ก็พาไปสิ  จะอุ้มแพนแก้ผ้าแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่เนี่ย”  ผมก็แกล้งเสียงดังกลบเกลื่อนความอายไปงั้นเองแหล่ะ  ฮ่าๆ

อ้อ จริงๆ ผมก็ไม่ถึงกลับเปลือยทั้งตัวหรอกนะครับ เพราะตอนนี้ใส่เสื้อตัวโตของภาคอยู่ถ้าให้ยืนมันคงคลุมไปเหนือเข่า

สักครึ่งฟุตได้  แต่ว่าตอนนี้ผมโดนอุ้มอยู่ไง ชายเสื้อเลยไถลเปิดโชว์เกือบเห็นแพนน้อยที่นอนสงบนิ่งอยู่ใต้ผ้า

“ก็มันน่ามองจะตายนี่ครับ......ไม่ต้องอายหรอกน่าคนดีมากกว่านี้ก็ทำมาหมดแล้วนะ แบบเมื่อคืนไง”  ไอ้ประโยคสุดท้าย

ภาคหันมากระซิบที่ข้างหู ก่อนจะเป่าลมฟู่มาเบาๆ ให้ผมสยิวเล่น  โอยยยย~   เพื่อนๆ ครับแล้วอย่างนี้ผมจะรอดมั้ย

นั่นแหล่ะ  ....  ผมเลยไม่กล้าเงยหน้าไปสบตาพ่อเจ้าพระคุณทูนหัวหรอกครับ  ได้แต่ก้มหน้างุดๆ มองแขนมองขาตัวเองเท่านั้น

รอให้อีกฝ่ายอุ้มผมซึ่งขาเปลี้ยเพลียแรงจนเดินไม่ไหวเข้าห้องน้ำไปอย่างง่ายดาย 

.

.

ภาควางผมลงอ่างช้าๆ  เปิดน้ำเย็นออกมาสลับกันน้ำร้อน เพื่อให้ได้อุณภูมิที่ต้องการ ผมค่อยๆ ถอดเสื้อออกทางหัว

พอถอดเสร็จเท่านั้นแหล่ะ  เห็นอีกฝ่ายที่จ้องมาที่ผมแบบไม่หล่ะสายตา  ....แบบมองมานิ่งๆ ไม่ขยับเขยื้อน

จนผมมองหน้าอีกฝ่ายงงๆ  กระพริบตาปริบๆ  ภาคก็ยังนิ่ง...   เลยต้องเรียกชื่ออีกฝ่ายนั่นแหล่ะถึงหันมาโต้ตอบผมบ้าง

“ภาค...  ภาค  เป็นไร  มองไรอยู่อ่ะ”   ผมขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัย  แต่อีกฝ่ายนี่ดิ ดันกลืนน้ำลายลงคอ 

ใช้สายตาเล้าโลมไปทั่วร่างกายเปลื่อยของผม  แล้วกลืนน้ำลายลงคออีกอึกใหญ่  แล้วหันมาตอบผมหน้าตาย

“เปล่าครับ  ...ไม่ได้มองอะไรนี่”  ภาคยิ้มนิด  ก่อนจะหันไปสนใจกับการปรับอุณภูมิน้ำต่อ ซึ่งผมก็รู้แล้วหล่ะ เผลออมยิ้มนิด ๆ 

เพราะสายตาของภาคยังแอบแทะโลม ไล่มองตั้งแต่หน้าอกยันปลายเท้า  ผมเหลือบมองไปที่เป้าตุงๆ ของอีกฝ่าย

ไม่ต้องบอกหล่ะว่าเป็นอะไร  หื่นจริง...อะไรจริง   ถึงจะโมโหแต่ก็พอเห็นใจ...และคิดอะไรดีๆ ออก ว่าผมจะวางแผนยังไง

ถึงจะแก้แค้นไอ้คนตรงหน้าได้แบบสะใจสุด  แต่ตอนนี้....อ่อยเหยื่อให้เหยื่อตายใจ ก่อนดีกว่า   เผลอกระตุกยิ้มที่มุมปาก

ผมหันหน้าหลบอีกฝ่าย เกรงว่าจะสังเกตุเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของผมได้  เดี๋ยวจะระวังตัวไปเสียก่อน

แสร้งถอนหายใจเบาๆ จนอีกฝ่ายหันมามองหน้ากัน  ผมแกล้งอมยิ้มนิด  ๆ  มองหน้าภาคสลับกับเป้าของเจ้าตัวแบบแซวๆ

ภาคอมยิ้มนิดๆ คนเขินที่ถูกจับได้  มือข้างหนึ่งถูกดึงไปเกาท้ายทอยแก้เก้อ เอียงศรีษะนิด ๆ  ช่างน่ารักจริงๆ 


“อยากเหรอ?”  ผมถามขณะที่ปากก็ยังอมยิ้มอยู่อย่างนั้น  สุดหล่อยิ้มกว้างพยักหน้าเบาๆ  ใบหน้าของภาคขึ้นสีแดงระเรื่อ
“อืมมมมม  ครับก็แพนน่ารักมากๆ นี่นา”  ผมหลุดขำเบาๆ  เวลาจะกินนี่น๊า  ปากหวานตลอด

“ให้แพนช่วยมั้ยอ่า”  ผมยิ้มยั่ว  ยื่นหน้าเข้าไปใกล้  มือไล้เป้าตุงๆ ของอีกฝ่าย  รู้สึกถึงลมหายใจติดขัดของภาคทันที

“แพน....อืมมม   แต่แพนยังเจ็บนี่นา”  ภาคว่าเสียงแผ่ว  แต่ตามองจ้องหน้าอกผมเสียจนไม่วางตา  ผมยื่นมือไปจับคาง

อีกฝ่ายดันให้หันมาสบตาผม  ดูเหมือนอีกฝ่ายจะขัดใจนิด  ๆ แต่ก็ยอมเงยหน้ามาแต่โดยดี

“ก็ไม่ได้ให้เอา......เข้านี่นา  หึหึ”   ผมว่าน้ำเสียงเจ้าเล่ห์  พร้อมกับหัวเราะขำๆ

“อ้าว..  แล้วถามทำไมเนี่ย หลอกให้อยากแล้วจากไป”  สุดหล่อเบ้หน้า บ่นเสียงกระปอดกระแปด

“ก็...ใช้ปากก็ได้นี่นา”  ผมว่า  พูดเองก็แอบเขินเอง  ภาคยิ้มกว้างดึงผมไปบดจูบทันที ริมฝีปากร้อนซอกซอนจนผมอ่อนเปลี้ย
“อืออออออ~   ภาค   แฮ่กๆๆ  ปล่อยก่อน” ผมดันภาคออกเช็คน้ำลายที่ไหลออกตามมุมปากของตัวเอง  ขณะที่อีกฝ่าย

มองมาที่ผมแบบหื่นกระหาย  สองมือช้อนตัวผมขึ้นจากอ่างรวดเร็ว จนผมต้องรีบกอดคออีกฝ่ายเพราะกลัวตก

“เห้ย ..  จะทำไรอ่ะภาค  แพนยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะ”  ผมทุบไหล่ภาคประท้วง  อีกฝ่ายยิ้มแป้น

“อย่าพึ่งเลยครับเดี๋ยวเปื้อนก็ต้องอาบน้ำใหม่อีกน๊า”  จมูกโด่งเขี่ยๆ เบา กับแก้มผม ผมเคยบอกพวกคุณมั้ยว่า

เวลาภาคทำตาเจ้าชู้นี่นะ.....ร้อยทั้งร้อยผมว่าคงละลาย  พร้อมยอมพลีกายถวายชีวิตให้เลย

“พ..แพนไม่เกี่ยวซะหน่อย  ภาคคนเดียวแหล่ะที่จะเปื้อน”  ผมรีบหลบสายตาของภาค  รู้สึกหัวใจเต้นรัวอย่างประหลาด

ยิ่งเจอยิ้มด้วยหล่ะ  ..............  โอยยยยยยย ตูตายแน่ๆ งานเน้
“จุ๊ๆๆๆ  ไม่เอาครับไม่พูดอย่างนั้น   ภาคไม่ยอมมีความสุขคนเดียวหรอก จะมีความสุขก็ต้องมีด้วยกัน” อีกฝ่ายยิ้มอบอุ่น

ทำผมแทบเพ้อ  บ้าเอ้ย!!   ใครก็ได้ช่วยด้วยผมจะละลายกลายเป็นขี้ผึ้งอยู่แล้ว

“แต่...แต่แพนยังเจ็บอ่ะ”  ผมว่าเสียงงอแงขึ้นนิดๆ ก็มันเจ็บอ่ะ ไม่น่าทนไหว

“ใครบอกว่าจะเอาใส่อ่ะ  69 กันดีกว่านะครับวันนี้  อูยยย ~ ไม่ไหวแล้ว” ภาคเม้มปากแน่น ผมว่าไอ้ข้างล่างคงตื่น

จนปวดหนึบไปแล้ว  ภาครีบอุ้มผมมาวางที่เตียง  ...  ถึงจะรีบขนาดไหน  แต่อีกฝ่ายกลับวางผมอย่างนุ่มนวล

ไม่รู้สึกถึงการกระเทือนแม้แต่นิดเดียว     ผมหันไปมองภาคที่เร่งถอดเสื้อถอดกางเกง  แผลงกล้ามเนื้อที่ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก

แค่พอเป็นมัดสวยงามแบบคนเล่นกีฬา ทำเอาผมกลืนน้ำลายลงคอเหมือนกัน  ยิ่งภาคหันหลังแล้วถอดยีนส์ออก

ลำตัวโก้งโค้งหันสะโพกมาให้เห็น  กล้ามเนื้อมัดงามสะโพกสอบที่ดูแข็งแรง ไม่แปลกใจเลย....เวลาภาคกระแทกกระทั้นกาย
เข้ามาในตัวผม ทำไมถึงทั้งหนักแน่น รวดเร็ว  และจ้วงลึกได้ขนาดนั้น ภาคหันกลับมายิ้มเดินด้วยร่างกายเปลือยเปล่าขึ้นเตียง

 ทิ้งกายลงในทิศทางที่กลับด้านกลับกัน เราตะแคงตัวเข้าหาอีกฝ่าย ผมได้กลิ่นอายที่เป็นกลิ่นเฉพาะของตัวภาค


 ทั้งสีหน้า  ทั้งแววตา  สัมผัสที่กระหาย ยามภาคไล้มือลูบสะโพกผมเบาๆ แล้วกลับขย้ำรุนแรง มันทำให้ผมมีอารมณ์
มากขึ้นไปอีก มือที่กอบกุมลูกชายของตัวเองไว้ ถูกมืออีกฝ่ายกอบกุมทับแล้วดึงมือผมออกช้าๆ  ริมฝีปากร้อนจูบเบาๆ

ก่อนจะหันมาสบตาผมเยิ้มหวาน ลากลิ้นร้อนๆ ไล้เลียผ่านซอกขา ทั้งๆ ที่สายตาจ้องมองมาที่ผม  เหมือนจะกลืนกิน

“อือออออ ”  ผมเผลอครางเสียงแผ่ว  ด้วยความเสียวซ่าน .ข้อพับหุบลงโดยอัตโนมัติ.  แต่อีกฝ่ายเอามือดันไว้..

ผมหลับตาพริ้มเพรา  เมื่ออีกฝ่ายครอปริมฝีปากไปจนสุดความยาวของแพนน้อย ลมหายใจผมสะดุดขาดห้วง

ราวกับอากาศไม่เพียงพอ ยิ่งภาคไล้ลิ้นตามความยาว  ลูดขึ้นลงเร็วเท่าไหร่ผมก็ยิ่งครางไม่ได้ศัพท์มากขึ้นเท่านั้น

ไม่แน่ใจว่าตอนนี้....ใครกำลังตกหลุมพลางใครกันแน่

“อือออ  อ๊าาาาา~ ภาค  โอวววววว~ ”   ผมครางกระเส่าด้วยการทำรักของอีกฝ่าย สะโพกผมลอยหวือผลุบเข้าออก


ในโพรงปากร้อนแรงของอีกฝ่ายเป็นจังหวะ ขาด้านหนึ่งอ้ากว้างโดยมีมือของภาคจับมันไว้  ขณะที่ผมมือจิกแน่นที่

บั้นท้ายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ เสียวสะท้านจับใจ  อีกฝ่ายละมือจากขาที่อ้ากว้างของผม ซึ่งผมไม่ได้ลืมตาขึ้นมามอง

ว่ามืออีกข้างของภาคไปไหน  ยังคงหลับตาครางเสียวซ่านจนสะท้านทรวง  สักพักก็สัมผัสถึงท่อนเนื้อขนาดอลังการ

ปลายหัวฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำรักเหนียว ๆ กระแทกริมฝีปากเบาๆ ถึงได้ลืมตาขึ้นมอง  ภาคหยุดกิจกรรมที่ผมให้ผมซี๊ดปาก

อย่างขัดใจ  ยักคิ้วยิ๊กๆ เตือนว่าผมกำลังลืมหน้าที่  นั่นสินะ.....ผมตั้งใจจะช่วยปลดปล่อยให้อีกฝ่ายแท้ๆ

ผมไล้ลิ้นลงส่วนหัวเบาๆ  สายตาแอบจ้องมองไปที่ภาค   เห็นภาคทำให้เสียวซ่านก่อนจะหันมาสบตาผมด้วยรอยยิ้ม

เราต่างฝ่ายต่างดูดเลีย  ต่างกลืนกินความเป็นชายของกันและกันตรงหน้า   ทั้งด้วยแรงปรารถนา  และแรงแห่งรัก

ที่ทั้งผลักทั้งดัน  ให้ความต้องการมันโหมกระพือจนหยุดไม่อยู่  ไม่รู้ว่าเนิ่นนานแค่ไหน.....ที่ต่างฟังเสียงครางหวานของกันและ
กัน


ที่โถมอาวุธรักเข้าใส่ปากกันและกันขนาดนี้  ....  แต่ทำไมมันเหมือนยังไม่เติมเต็ม  ...  ยังไม่พอกับที่หัวใจต้องการ







จนเมื่ออีกฝ่ายใช้มือไล้กับน้ำรักที่หยาดเยิ้มออกมาเพราะแรงอารมณ์ ...   ก่อน..จะกดสอดนิ้วเข้าช่องด้านหลัง

ผมชะงักริมฝีปากที่ดูดกลืนแท่งร้อน หันไปดันสะโพกตัวเองเพื่อกดเข้าหานิ้วเรียวจนสุดนิ้ว

“อ่ะ...อืออออออ”  ผมร้องครางอย่างพึงใจ ภาคขยับนิ้วไปมา   แต่มันไม่พอ  .....  ต้องการมากกว่านี้

ต้องการมากขึ้นอีก  เหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจ นิ้วอีกสองนิ้วสอดเข้ามาในตัวผมพร้อมกัน กดกระแทกย้ำๆ

จุด....ที่ทำผมเสียวแทบขาดใจ  ลืม....ไปหมดทุกสิ่ง มัวแต่เพลิดเพลินกับการกดสะโพกเข้าหานิ้วของอีกฝ่าย

“อ๊ะ  อ๊า  ซี๊ดดดดด”  แทบอยากจะกรีดเสียงครางตัวเองให้สุดเสียง  เมื่ออีกฝ่ายดึงนิ้วออก

“ย...อย่าแกล้ง  แฮกๆ  ....แพน”  ผมบอกด้วยเสียงหอบกระเส่า น้ำตาปริ่มที่ดวงตา เหมือนกำลังจะถึงสวรรค์
แต่มีคนกระชากลงนรก  ทั้งที่แค่อีกก้าวเดียวก็จะถึงอยู่แล้ว  จ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเว้าวอน


“เข้ามา...  เข้ามาทีนะภาค  แพน  แฮกๆ  ไม่ไหวแล้ว”  ความปรารถนาวิ่งขึ้นสะท้านทั้งตัว  ผลักอีกฝ่ายนอนหงาย

เพื่อจะขึ้นคล่อม  จับแท่งร้อนของอีกฝ่ายให้ตั้งชัน  กดตัวลง แต่อีกฝ่ายกลับดันสะโพกผมไว้ไม่ให้กดลงโดยง่าย

ผมมองภาคด้วยดวงตาที่น้ำตาคลอเบ้า

“พูดคำนั้นสิครับ...  ที่ภาคเคยขอ”  อีกฝ่ายต่อรอง

“ม...ไม่”  ผมว่าเสียงสั่น  ร่างกายเต็มไปด้วยความต้องการ

“งั้นพอแค่นี้ดีมั้ยนะ”  ภาคยิ้มเจ้าเล่ห์  ผมที่แทบทนไม่ไหว


.

.

สุดท้ายก็ต้องยอม

.

..

.

“ผัวจ๋า......ทำให้เมียหน่อยนะจ๊ะ   อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา”  ท่อนลำใหญ่โตทะลึ่งพรวด

เข้ามาในตัวผมโดยไม่ทันตั้งตัว  เผลอกรีดเสียงครางเพราะความซ่านเสียวจับใจ

“ได้จ๊ะ  เมียจ๋าเดี๋ยวผัวจัดเต็มเลยนะครับ”  อีกฝ่ายหันมาตอบ ก่อนจะดันผมลงนอนกับเตียง ผันตัวเองเป็นผู้เดินหมาก

แรงกระแทกกระทั้นกายที่โถมใส่ เดี๋ยวช้า เดี๋ยวเร็ว แล้วแต่จังหวะ  ยามช้าก็หนักแน่นจ้วงลึก ยามเร็วก็รัวเสียจน
หัวผมโยกคอน  เสียงเนื้อเสียดสี...  เสียงเตียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดจากกิจกรรมรัก  กลิ่นเหงื่อจากร่างกายกันและกัน 

กลิ่นน้ำรักที่หอมหวานเชิญชวนเพิ่มบรรยากาศแห่งรัก รวมไปถึงเสียงครวญครางปานจะขาดใจกับรสสวาท

ที่กำลังผลาญพล่าปรารถนาที่สูงจนฉุดไม่อยู่ 


.
.

.

.

“อืมมมมมมมมมม/ อืออออออออออออออ”





แล้วสวรรค์ที่ล่วงหล่นไปก่อนหน้า  ภาคก็นำพาด้วยบทรักที่ร้อนแรงยิ่งกว่าเปลวเพลิง เหินสู่แดนสรวง ยิ่งกว่าอิ่มเอม


เติมเต็มจน “รักล้นท่วมใจ”   ทำยังไง ....ก็ไม่อาจปล่อยไฟเสน่หา....ให้ผู้อื่นได้ครอบครอง


หัวข้อ: Re: >> กอด~ การแก้แค้นแสนรัก#1 P.17 10/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 10-05-2013 01:30:57
 :mew1:

ภาคจัดเต็มอีกแล้วนะ

แพนก็ยังเดินไม่ได้เลย

แต่ก็คงพอกันทั้งคู่หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: >> กอด~ การแก้แค้นแสนรัก#1 P.17 10/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 10-05-2013 02:12:56
ภาคไม่ค่อยเลยนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ การแก้แค้นแสนรัก#1 P.17 10/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 10-05-2013 10:51:42
อิพี่ภาคเกินไปล่ะ
แพนช้ำไปหมดแล้วมั่งเนี่ย :haun4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ การแก้แค้นแสนรัก#1 P.17 10/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Mclvblue ที่ 14-05-2013 22:29:00
ห่างหายบอร์ดไปนาน ตามหลายเรื่องแทบไม่ทัน  :hao5:
น้องก็ยังคงเสียรู้ไอนี้อยู่ดี ไหงจะแกล้งเค้า โดนเค้าแกล้งซะได้ละลูก ???
เพลียจ๊ะ  :hao6:
รออ่านตอนต่อไปจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ การแก้แค้นแสนรัก#1 P.17 10/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 15-05-2013 21:31:49
เหอะๆ หนูแพนจะรอดมั้ย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ การแก้แค้นแสนรัก#1 P.17 10/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 16-05-2013 12:29:19
งานนี้ภาคจัดเต็มจริง ๆ แต่ถูกใจน้องแพนเต็ม ๆ เหมือนกัน  :haun4: สงสัยตอนหน้าน้องแพนจะต้องนอนติดเตียงไปนาน  :z1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ การแก้แค้นแสนรัก#1 P.17 10/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 16-05-2013 19:51:41
คิดถึงงงงงงงงง :กอด1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ การแก้แค้นแสนรัก#1 P.17 10/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 17-05-2013 12:16:07
แอบหนีไปเที่ยวมาค่ะ  ต้องเคลียร์งานเลยยังไม่ได้แต่งเลย แต่คาดว่าเสาร์อาทิตย์นี้น่าจะอัพนะคะ

ถ้าแต่งเสร็จทัน
หัวข้อ: Re: >> กอด~ การแก้แค้นแสนรัก#2 P.17 20/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 20-05-2013 01:10:53


“อุ้ม”   ผมยื่นมือไปในอากาศ หันไปหาอีกฝ่ายที่มองมาแล้วส่ายหน้าน้อยๆ เหมือนกับเบื่อ แต่ที่มุมปากกับแอบอมยิ้มเล็กๆ

ให้ผมจับสังเกตุได้อยู่ทุกที  ผมถึงกับเผลอยิ้มตาม ส่ายหน้าเบาๆ เบื่อคนชอบทำหน้าแกล้งเบื่อ  แล้วส่งสายตาพราวระยับ

กับมุมปากที่ยกยิ้มจนหุบไม่ได้อยู่อย่างนั้น  ภาคก็รู้ว่าผมน่ะรู้ว่าภาคแกล้ง  แต่ก็ยังทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน  ตลอดสามวันที่ผ่านมา

“เห้อ~  ไม่ไหวๆ ตัวหนักจะแย่” บ่นเสร็จก็เดินมาหา ด้วยริมฝีปากยิ้มๆ นั่นแหล่ะ  ผมก็มองอีกฝ่ายด้วยสายตาอมยิ้มเช่นกัน

ภาคเดินมาถึงก็โน้มตัวมาข้างหน้า ยื่นมือมาไล้แก้มผมเบาๆ  เมื่อเห็นสายตาผมอมยิ้มอยู่  ดูอีกฝ่ายก็ทนกลั้นยิ้มไม่ไหว

หันหน้าไปมองฝาผนังด้านข้าง แล้วมองกลับมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง  แค่นั้นก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะมาแผนไหน

“ก็....ไม่เป็นไร ไม่ต้องอุ้มแล้วก็ได้  แพนนั่งอยู่ตรงนี้แหล่ะ  ไม่ไปไหนก็ได้”  ผมพูดยิ้มๆ  ดูสิว่าอีกฝ่ายจะว่ายังไง

“โถ~ ขี้งอน  ใครว่าไม่อุ้มคร๊าบบบบ...  ก็แค่....”   อีกฝ่ายเลื่อนมือมาแตะที่ริมฝีปากผมบางเบา  ตาคมจ้องตามนิ้วมือมาด้วย

“ก็แค่?...”    ผมหันไปเลิกคิ้วถาม  พร้อมแสร้งทำหน้าไม่เข้าใจ  อีกฝ่ายถึงกับหลุดขำ ช้อนตามองมาที่ผมอย่างเอ็นดู

“ก็แค่อยากได้รางวัลนิดๆหน่อยๆ สำหรับคนน่ารักอย่างภาคไง”  น้ำเสียงออดอ้อน พร้อมกับใบหน้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ผมเผลอมองเพลิน ยังไม่ทันได้อนุญาตอย่างที่เจ้าตัวเอ่ยปากขอ  ริมฝีปากร้อนๆ ของอีกฝ่ายก็วาดทับมาบนปากผม

ค่อยๆ ละเลียดชิมอย่างอ่อนโยน  ได้แต่หลับตาพริ้มรอรับสัมผัสที่ว่า...  ทั้งอบอุ่น   และอ่อนโยน   

หากแต่......  กลับทำให้ใจผมสั่น เต้นไม่เป็นจังหวะ  ร่างกายไร้เรี่ยวแรงยามที่ถูกสัมผัส  ผมจิกมือที่ไหล่ของอีกฝ่ายแน่น

เพื่อบรรเทาความเสียวซ่าน  และพยุงตัวเองไม่ให้ล้มลงไปเสียก่อน ภาคสอดลิ้นร้อนซอกซอนเข้ามาในริมฝีปาก

ควานหาความหวานที่ซ่อนอยู่ภายใน เนิ่นนานจึงค่อยดึงลิ้นกลับ  แต่กลายเป็นผมที่รู้สึกเสียดายจึงสอดลิ้นเล็กของตัวเอง

เข้าไปในริมฝีปากของอีกฝ่าย ไล่ต้อนลิ้นแกร่ง....ที่แสร้งหลบหลี้ จนผมต้องไล่จี้ตามหา เมื่อจนมุมก็หันมาต่อสู้ด้วยการ

เกี่ยวลิ้นเรียวเล็กที่ไล่ต้อนอย่างผมกลับ  ดูดกลืนกันและกันอย่างเร่าร้อนจนผมแทบจะถอนตัวไม่ขึ้น หากอีกฝ่ายไม่ละออก

“พอก่อนครับ”  เสียงครางปนหอบกระเส่าหลุดออกมาจากปากของภาค เมื่อริมฝีปากของเราละออกจากกัน  อีกฝ่ายยัง

ไล้ลิ้นเลียรอบริมฝีปากของตัวเองอย่างเสียดาย  แม้แต่ผมก็เผลอจ้องเพลินตามลิ้นที่ไล้เลียนั่นที่เชื่องช้า

จนดูเหมือนกำลังจะยั่วกันเสียมากกว่า   ภาคจ้องเข้ามาในตาผม จนผมต้องหลบสายตาด้วยความเขินอาย... ไม่ได้คิดจะ
แสดงออกขนาดนี้


อีกฝ่ายก็หัวเราะเสียงเบา ดึงผมเข้าไปกอดแนบอก แล้วลูบหัวผมเบาๆ

“ต้องห้ามใจตัวเองแทบแย่แน่ะรู้ไหม” ภาคพูดเสียงเบา ดันผมออกเล็กน้อย ก่อนจะสอดมือเข้าท้ายทอย ใช้นิ้วหัวแม่มือ

ดันคางให้ผมเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่าย  ผมสบตาภาคได้นิดหน่อยก็ต้องหลุบตาลงต่ำ รู้สึกร้อนไปทั้งหน้า วูบวาบไปทั่วอก

“จะทำยังไง.....   ถึงจะเลิกอยากจับแพนกดได้ซะทีล่ะเนี่ย”  ผมรีบซุกตัวเข้าหาอกอีกฝ่าย มันอายเสียจนแทบมุดแผ่นดินหนี

“บ้า..  ทะลึ่งตลอดอ่ะ”  ผมโต้ตอบ พร้อมกับทุบอกอีกฝ่ายเบาๆ  อายเสียจนหน้าทั้งหน้าคงเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างที่ภาคชอบ
แซว

“หึหึ....  รักแพนนะ  ถ้าไม่ได้บอกสักวัน ความรักมันคงจุกอกภาคตายแน่ๆ เลย”   น้ำเสียงอบอุ่นที่คลอเคลียอยู่ข้างใบหู

ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้ว่า “ความสุข”   มันมากมายจนจุกอก มากกว่าแต่ก่อน.... มากเสียจน......ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันเท่าไหร่

ได้แต่กอดรัดอีกฝ่ายจนน้ำตาซึม...   เพราะเมื่อมันมากเข้าๆๆ  ......  ผมเองก็กลั่นเป็นคำพูดออกมาไม่ถูก 

รู้แต่ว่ารักมาก....  รักจนร่างกายมันสั่นสะท้าน  ทั้งซาบซึ้งและหอมหวาน  หากอีกใจหนึ่งก็กลับกลัวจนวูบไหว 

ถ้าต้องปล่อยมือไป.......   แล้วตัวผมเองจะยังยืนอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างไรกัน

“ร....รัก.... ฮึก...........รัก......รักภาคเหมือนกันนะ”  ได้แค่ส่งเสียงพึมพำ....  สะอึกสะอื้นไห้  เรื่องราวเมื่อสามวันก่อน

ยังแจ่มชัดหนักหนา  ถึงแม้จะรู้ความจริง  ถึงแม้ผมจะกลับมายืนตรงนี้ในที่สุด  แต่ความกลัวว่าจะต้องจากกัน

ทำไม......  ถึงฝังใจหนักหนา   หวาดกลัวจนถึงขั้นตื่นขึ้นมาดูหน้าอีกฝ่ายกลางดึก....   เพียงเพราะกลัวว่าจะไม่มีโอกาส

ผมกอดภาคแน่นขึ้นอีก ซุกตัวเข้าหาอกอีกฝ่าย กลั้นเสียงสะอึกสะอื้นให้มันจางหาย แม้จะห้ามน้ำตาไม่ได้ก็ตามที

ภาคที่รู้ดีอยู่แล้ว กระชับกอดผมแน่นขึ้นอีกนิด .... ลูบหัวผมแผ่วเบาเพื่อเป็นการปลอบโยน กดจุมพิศบนหัวอีกที

“ไม่ต้องกลัวนะแพน.....  หัวใจภาคจะเป็นของแพนคนเดียว  คนเดียวตลอดไป....คนดีของภาค”  น้ำเสียงอ่อนโยน

แต่หนักแน่น..... ก้มลงมาสบตาผม ที่เงยหน้าขึ้นไปหา  รอยยิ้มสดใส พร้อมทั้งสายตาเอ็นดูของภาค ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย

“ครับ” ผมพยักหน้ารับ  อีกฝ่ายสอดมือเข้าใต้สะโพกผมก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยอุ้มผมที่เกี่ยวขาแน่นอยู่กับเอวอีกฝ่าย

เพราะกลัวตก  ภาคหันตัวกลับแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ขณะที่ผมนั่งอยู่บนตักอยู่บนตัก โยกตัวไปมาเหมือนตอนเด็กๆ

เวลาผมงอแงไม่ยอมนอน  ภาคจะอุ้มผมนั่งบนตักทั้งๆ ที่เราตัวใกล้เคียงกัน กอดผมไว้ทั้งตัว แล้วโยกตัวไปมา

จนผมหลับไปในที่สุด ผมค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง  รู้สึกสบายจนสุดท้ายก็เผลอหลับไป

.

.

.

.

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากหลับไปสักพัก  ....  จ้องมองใบหน้าหล่อเหลา  ผู้ชายที่ผมรักนักรักหนา ....เผลอให้ไป

หมดทั้งตัวทั้งหัวใจ  ยิ่งอยู่ด้วยยิ่งมีความสุข ....  จนไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าหมดอาทิตย์หน้าผมก็ต้องกลับไปเรียนอีกแล้ว

ผมยื่นหน้าไปจูบภาคเบาๆ เพราะกลัวจะตื่น แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มรับราวกับว่าตื่นมาก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว
เราจ้องตากันยิ้มๆ 

“อาทิตย์หน้ากลับบ้านกันนะ....คิดถึงพ่อกับแม่” ภาคยิ้มตาหยี พยักหน้าเบาๆ

“อืม....ภาคก็คิดถึงเหมือนกัน    แล้วเรื่องเราหล่ะจะเอายังไง”  ภาคหันมาถาม  พร้อมมุ่นคิ้วน้อยๆ ส่วนผมทำหน้างงๆ

ก็ยังคบกันต่อไปไง  แล้วทำไมจะต้องถาม

“ก็คบกันต่อไปไง  ....  ไม่เห็นจะต้องทำอะไรเลย  ทำไมอ่ะ”  ผมถามกลับอีกฝ่าย  แต่ภาคกลับยกยิ้ม

“คบน่ะ.....มันคบอยู่แล้ว  แต่ภาคหมายถึงตรงนี้อ่ะ จะให้ภาคจัดการยังไง”  ภาคดึงมือผมให้ลงต่ำ ลูบไล้ส่วนที่มันพองโต

จนคับเป้ากางเกง  ผมได้แต่หน้าเหวอ....ยังงี้แล้วยังจะถามเรื่องนี้อีก ผมเขินจนต้องชักมือกลับแต่อีกฝ่ายดึงแล้วจับสอดเข้าไป

“เล่นกับมันหน่อยนะครับ  มันน่าสงสารนะไม่มีใคร “ให้รัก” เลยตั้งสามวันแล้ว ”  ผมชักมือกลับแกล้งอีกฝ่าย

อาจเป็นเพราะตลอดสามวันที่ผ่านมาผมกับภาคไม่ได้ทำอะไรกันเลย  เพราะผมไม่ยอมถึงตอนนี้จะหายเจ็บแล้ว

แต่ผมยังอยากแกล้งภาคอยู่  ทั้งให้อุ้มตลอดเวลา เวลาจะไปไหน  โดยจะแกล้งพันแผลไว้ที่เท้าเหมือนเท้าเจ็บ เพื่อไม่ให้คนอื่น
สงสัยมาก

แล้วก็ขี่หลังภาคลงไปซื้อของกินบ้าง ไปนั่งที่สวนสาธารณะที่อยู่ห่างออกไปบ้าง อุ้มไปอาบน้ำบ้าง หรือแม้แต่กินข้าว

เพราะผมเล็งเห็นแล้วว่าไอ้แผนแรกน่ะ  ผมน่าจะเสียเปรียบมากกว่า เลยเปลี่ยนมาให้อีกฝ่ายอุ้มซะเลย สะใจดี

ที่สำคัญไม่ยอมให้กินผมด้วยสิ  อันนี้สะใจสุดๆ  แต่ภาคก็ยินยอมแต่โดยดีไม่ได้อิดออดอะไร

“แพนคร๊าบบบบ  นะนะนะ”   ผมกระซิบข้างๆ หู ทำผมขนลุกซู่แบบไม่ทันตั้งตัว  ทุกวันก็เห็นว่าง่ายวันนี้คงไม่ง่ายซะแล้ว
ผมรีบพลิกตัวหันหนี เดี๋ยวเผลอไปสบตาพ่อสุดหล่อเข้าจะละลาย เผลอใจไม่รู้ตัว


“ขอกินหน่อยนะคร๊าบบบบ  ภาคอยากจนจะขาดใจแล้ว”  ว่าจบก็กระแซตัวเข้ามาโอบกอด  แถมถูไถไอ้ตัวดีกับสะโพกผม

“พาแพนไปเที่ยวสวนก่อน ถ้าบริการดีจะพิจารณาอีกที”  ผมต่อรองสุดขีด   ...  ขืนอยู่อย่างนี้ใจอ่อนแน่ๆ
“กินก่อนไม่ได้เหรอคร๊าบบบบ”  เสียงอ้อนได้อีก  โอยยยยยย  ผมจะละลาย กลั้นใจตอบเสียงแข็ง


“ไม่”
“ก็ได้ๆ  ป่ะ ๆ  รีบไปสวนกัน”



สุดท้ายเราก็ไปสวนกัน ภาคยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิง  บริการดีชนิดไม่มีตกหล่อน  ผมแทบไม่ได้ก้าวไปไหนด้วยตัวเอง

แค่คิดจะขยับพ่อเจ้าพระคุณก็ปรี่เข้ามาอุ้มช้อนผม  ราวกับตัวผมเองเป็นเพียงปุยนุ่น  เราทานอาหารเย็นกันที่นั่น

หน้าสวนสาธารณะมีอาหารหลากหลายขาย  ทั้งก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้น ไก่ย่าง ส้มตำ หรือแม้แต่ ลาบ น้ำตกยังมี

ผมกับภาคทานก๋วยเตี๋ยวกัน ตามด้วยข้าวเหนียวไก่ย่างส้มตำ  กินกันจนพุงกายเลยนั่งต่อกินลมกันอีกหน่อยแค่พอย่อย

ดูนาฬิกาเห็นว่าจะทุ่มแล้ว  นึกอะไรขึ้นมาได้อย่าง  ......ก็ไอ้คำสัญญาที่ผมให้ไว้ก่อนออกมาน่ะสิ

ผมเหลือบมองภาคเล็กน้อยว่าอีกฝ่ายจะลืมไปแล้วมั้ย แต่ก็คิดผิดเมื่ออีกฝ่ายหันมาจ้องผมตาเยิ้มอย่างรอคอย

ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆ  เอิ่ม...จะหาทางหนีทีไล่ยังไงดี แล้วก็นึกอะไรดีๆ ออก ให้ภาคอุ้มผมกลับนี่แหล่ะ

กลับไปคงหมดแรง.....จนง่วงไปเองแหล่ะ  หึหึหึ  ......  โว๊ะ  ฉลาด   ผมยิ้มกริ่มหันไปสบตาอีกฝ่าย
“อุ้ม”  ผมหันไปเลิกคิ้วยิ้มๆ  ทั้งที่ตอนแรกตกลงกันว่าจะนั่งแท็กซี่กลับ  แต่ผมเปลี่ยนใจดีกว่า

“อ้าว  ไหนว่าจะนั่งแท็กซี่กลับ”   ภาคหน้าเหวอ  หันมาถามผม

“ก็มันอากาศดี แพนอยากให้ภาคอุ้มกลับไง จะได้ดูวิวสวยๆ ข้างทาง”  ผมแถไปเรื่อย

“รถติดเนี่ยนะ”  ภาคหันมาคาดคั้น ดวงตาหล่อคมหลี่ลงอย่างจับผิด  ผมก็ได้แต่อมยิ้ม

“ใช่...   ก็อยากดูรถนี่แหล่ะ   ฮ่าๆ”  ว่าจบก็ขำกลบเกลื่อน  ภาคหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างรู้ทัน

“ได้อยู่แล้วครับ  ว่าแต่.....อย่าลืมสัญญาของภาคแล้วกัน หึหึ”  อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปากเป็นเชิงท้าทาย

“แน่อยู่แล้ว”  ผมยกยิ้มตอบ  ทำให้ภาคหมดแรงซะตอนนี้  ดีกว่าเป็นไหน  ว่ะฮะฮ่าๆๆๆๆ

.

.

.

.

.

.

.

“อ๊าาาาาา~ ภาค  อ๊ะ  ดะ..เดี๋ยว”    ผมจิกแน่นที่สะโพกของอีกฝ่ายที่โถมเข้าใส่รุนแรง ไม่รู้เหลือเรี่ยวแรงมาได้ยังไง

ภาคก้มกดจูบไปทั่วไปใบหน้าผม  ...   ก่อนจะกระซิบเบาๆ ที่หู  ในสิ่งที่ผมลืมไป

“ลืมไปแล้วเหรอที่รัก  ว่าภาคเป็นนักกีฬา เดินชิวๆ แค่นี้ไม่สะเทือนกำลังเลย หึหึหึ”  ทำไมผมถึงรู้สึกว่าภาคหัวเราะ

ได้โรคจิตสุดๆ   ริมฝีปากหนาไม่ปล่อยเวลาให้ผมได้ครุ่นคิดเนิ่นนาน  ก็ทาบทับครอบครองริมฝีปากผม
ลิ้นร้อนซอกซอน จนผมละลายไปหมด   ยิ่งภาคไล้เลียบนยอดอก แล้วจ้องกลับมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา

 เพียงเท่านั้น.....ก็ยิ่งกว่าไฟบรรลัยกัลป์ ที่แผดเผาให้เพลิงปรารถนาคลุกกลุ่นจนท่วมใจ

สัมผัสรัก......ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่.....ก็ทำผมหมอดไหม้ไปได้ทุกที  พร้อมจะกลายเป็นเปลวไฟอุ่นเติมความแรงของเชื้อไฟ

.

.
“อึก”

“อ่า”

“ร.....แรงอีก”

“อ่าาาาาาา~   ///  อืมมมมมมม”   

จบบทรัก......ด้วยน้ำฉ่ำหวานเฉกเช่นเดิม
หัวข้อ: Re: >> กอด~ การแก้แค้นแสนรัก#2 P.17 20/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 20-05-2013 01:20:55
ภาคก็ยังคงเส้นคงวาเหมือนเดิมเนาะ อิอิ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ การแก้แค้นแสนรัก#2 P.17 20/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 20-05-2013 02:12:51
 :jul1:  ทำไมนู๋ร้อนแรงงั้นล่ะแพน
หัวข้อ: Re: >> กอด~ การแก้แค้นแสนรัก#2 P.17 20/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 20-05-2013 02:34:27
หนูแพนจะเล่นตัวทำไมกันคะ เด๋วต้องกลับไปเรียนแล้วน้าาาา

พี่ภาคจัดเต็มเลยค่ะ  FC อนุญาตเต็มที่

 :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ การแก้แค้นแสนรัก#2 P.17 20/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 20-05-2013 02:51:12
ความหื่นของภาคไม่แบ่งใครจริงๆ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ การแก้แค้นแสนรัก#2 P.17 20/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 20-05-2013 15:29:08
 :z1:แพนจะใช้วีธีไหน ภาคก้อโต้กลับได้หมด สามารถจริง ๆ ข้าน้อยขอคารวะ  o13
หัวข้อ: Re: >> กอด~ การแก้แค้นแสนรัก#2 P.17 20/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 21-05-2013 11:33:09
ภาคนี่ไม่ไหวหื่นเกิน :ling1:
+1และเป็ด
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#1 P.18 22/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 22-05-2013 01:13:00
ลักลอบ




“สวัสดีครับพ่อแม่ / สวัสดีครับลุงจีป้าอร”  ผมกับภาคพูดพร้อมกันต่างคนต่างยกมือไหว้  เสร็จแล้วก็เป็นผมที่วิ่งถลากระโจนเข้าใส่แม่

ดึงแม่มากอดแน่นๆ หอมซ้ายทีขวาทีจนแม่ขำเสียยกใหญ่    แต่ก็หอมแก้มผมตอบแล้วยกลูบหัวอย่างรักใคร่

“คิดถึงจังเลยครับคนสวย” ผมพูดพร้อมกับซบหน้าบนไหล่มา พร้อมกระชับกอดให้แน่นขึ้นอีกตามแรงคิดถึง แม่หัวเราะเบาๆ
ปล่อยผม

ซุกไซร้ตามสบาย แล้วเอ่ยปากแซว

“คิดถึงเหมือนกันไอ้ลูกแมว กลับมาถึงก็อ้อนใหญ่เลยน๊า  ว่าแต่ไปกวนอะไรภาครึเปล่าไปอยู่ด้วยกันเป็นเดือน”  แม่หันไปถาม
ภาค

อีกฝ่ายยิ้มรับ ส่ายหัวเบาๆ

“เปล่าเลยครับป้าอร ดีซะอีกอยู่คนเดียวเหงาจะตาย ได้น้องไปอยู่ด้วยหายเหงาเป็นปลิดทิ้งเลยครับ”  ภาคว่าไม่วายแอบทำสาย
ตาเจ้าชู้มาให้ผม

“เป็นไงไอ้ลูกแมวคิดถึงแม่บ้างเปล่าเนี่ย  อยู่กับภาคคงลืมแม่ไปเลยสินะยะ” แม่ว่าเสียงแหลม ทำเอาทุกคนขำกันยกใหญ่ ผม
เลยรีบ

หอมแก้มแม่ซ้ายทีขวาทีอย่างเอาอกเอาใจ

“โหยย  ทำเป็นงอนนะแม่ ตัวเองพึ่งกลับมาเหอะ  แล้วไปดูงานสนุกมั้ยครับ เดี๋ยวนี้ไม่มีเวลาให้ลูกเลยน๊างอนอ่ะ”  ผมทำหน้ายู่
แม่หัวเราะข่มทันที

เอามือตีปากผมดังเพี๊ยะ อย่างหมั่นเขี้ยว 

“พอเลยไอ้แมวขี้อ้อน  รู้ป่ะว่าตอนนี้เป็นแมวหัวเน่าแล้ว?”   แม่ว่า  เอ๊ะ....ผมได้แต่สงสัย  หันไปเลิกคิ้วถามพ่อ อีกฝ่ายก็ยักคิ้ว
ตอบกลับมายิ๊กๆ

“แบบว่า......คนมันมีน้ำยาอ่ะ ไอ้แมว   ฮ่าๆๆ”  พ่อหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างภาคภูมิใจ   ส่วนผมตาโตด้วยความแปลกใจ

“เห้ย....จริงเหรอพ่อ  โหถ้าไม่บอกนี่ผมนึกว่าแม่ลงพุงซะอีกนะเนี่ย  แล้วน้องผมเป็นผู้หญิงผู้ชายอ่ะแม่...อูยย”  ผมหันไป
ถามอย่างสนใจ

พร้อมกับลูบแขนตัวเองป้อยๆ เพราะโดนแม่ฟาดเข้าให้

“ผู้ชายลูก...  รอเลี้ยงน้องแล้วกัน  ฮ่าๆ  ”   แม่ว่ายิ้มๆ  ส่วนผม ซบหน้าลงกับท้องฟังเสียงน้อง คร็อกๆ  ซึ่งไม่อาจสื่อความหมาย
ได้

ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าน้องพูดอะไร เอ๊ะ หรือน้องผมเป็นเอเลี่ยน  พ่อเดินมาผลักหัวผมออก ก่อนหัวเราะร่า   แล้วหันมาประคองแม่
แทน

ส่วนผมก็ยู่หน้าใส่ด้วยความหมั่นไส้  ที่พ่อเริ่มออกอาการหวงแม่และน้องอย่างออกหน้าออกตา  อะโด่ผมก็รักน้องเหอะ

“ชิ่วๆ  ไอ้หมาหัวเน่า  ไปไกลๆเลย ฮ่าๆๆ”    ผมวิ่งอ้อมพ่อไปอีกด้าน เพื่อประคอง แม่เข้าบ้านด้วยกัน ไม่ได้ๆ งานนี้ต้องเรียกร้อง
ความสนใจ

จากแม่ไว้ก่อน เดี๋ยวแม่ไม่รักผม  ฮ่าๆๆ

“เอ้าๆๆ  อะไรกันเนี่ย  ชั้นท้องนะจ๊ะไม่ได้พิการ  ปล่อย  ปล่อยเลย ทั้งพ่อทั้งลูกน่ะแนะ  ชั้นจะเดินเองน่ารำคาญจริงๆ ”  แม่ว่า

พร้อมผลักผมกับพ่อให้ออกห่าง  ก่อนจะเดินตัวปลิว หนีเข้าบ้านไปเหลือแต่หนุ่มๆ สามคนที่มองหน้ากัน งงๆ


“เพราะแกแหล่ะ  พ่อเป็นหมาเน่าด้วยเลย”   พ่อว่าขำ ๆ ก่อนจะโอบแขนมากอดที่ตัวผม  มืออีกข้างขยี้หัวอย่างหมั่นเขี้ยว

“โห...  พ่ออ่ะ  หมดหล่อกันเลย”  ผมว่าหัวเราะเบาๆ โอบเอวพ่อแล้วเดินตามกันเข้าบ้าน  ส่วนภาคที่มองผมกับพ่อแล้วส่ายหน้า
ขำๆ

 หอบหิ้วกระเป๋าที่เป็นของตัวเองกับผม   เดินเข้าบ้านตามมาด้วย   ดีป่ะหล่ะแฟนผม   

.

.

.

หลังจากนัวเนียกับพ่อและแม่จนเป็นที่พอใจแล้ว  ผมกับภาคก็เดินขึ้นมาบนห้อง โดยภาคยังอาสาเอากระเป๋ามาเก็บให้ถึงที่ 


พอปิดประตูได้ภาคดึงผมไปกอดและหอมแก้มเบาๆ   อีกมือลูบหัวอย่างเอ็นดู  ผมก็ยิ้มรับ และหอมแก้มอีกฝ่ายตอบ

“เดี๋ยวภาคกลับบ้านก่อนนะ  ...เย็นๆ จะมาหา พ่อกับแม่ภาคคงกลับมาเย็นๆ เหมือนกัน”   ภาคว่าพร้อมคว้ากระเป๋าตัวเองมาไว้ใน
มือ

“ไม่ต้องมาหรอก  ...เดี๋ยวแพนไปหาเองดีกว่า คิดถึงน้าณีกับน้านพด้วย   แพนยังไม่ได้ไปสวัสดีเลย”  ผมหันไปบอกภาค อีก
ฝ่ายก็ยิ้ม

“ทำไมครับจะไปฝากตัวเป็นลูกสะใภ้หรือไง  หึหึ”   รอยยิ้มมุมปากอันมีเสน่ห์  แต่ผมว่าภาคมักจะใช้มันเสียจนสิ้นเปลืองกับผม
เสมอ

คนอะไร....มาทำให้คนอื่นละลายแล้วละลายอีกอยู่ได้   แต่ผมก็เริ่มมีภูมิต้านทานแล้วนะ  ผมยกยิ้มตอบแล้วส่ายหน้าแบบหน่ายๆ

“ปากดี   กล้าบอกรึเปล่าหล่ะ  ว่าแพนเป็นอะไร”   ผมยักคิ้วกวนๆ  อีกฝ่ายยิ้มกริ่ม หัวเราะชอบใจ

“กล้า”   ภาคตอบมาแบบไม่สะทกสะท้าน    สายตาจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหน แต่กลับกลายเป็นผมที่สะท้าน... ผมทราบดีว่าภาคกล้า

และพร้อมที่จะเผชิญหน้า ที่จะบอกเรื่องของเรากับผู้ใหญ่  ไม่ใช่ไม่อยากบอกให้ใครรับรู้เรื่องของเราหรอกนะครับ

แต่ผมไม่อยากให้ผู้ใหญ่ที่ผมรักทั้งสี่คนต้องเสียใจ  ผิดหวังในตัวเราทั้งคู่  และที่สำคัญผมกลัว.....กลัวจะโดนแยกเราทั้งคู่ออก
จากกัน

เพราะยังไงเสียเราก็ยังเด็กกันทั้งคู่  ต่อให้พูดออกไป.... คำว่าเด็ก.....จะต้องถูกนำมาใช้ตัดสินความรู้สึกของเราแน่นอน

ฉะนั้น....ผมจะให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์  รอจนกว่าเราจะเป็นผู้ใหญ่ ถึงตอนนั้น.....คงไม่มีข้อห้ามข้อไหนที่จะมาทำให้เราห่างกัน
ได้

ผมจะใช้เหตุผลทุกๆ อย่าง  ว่าผมได้พิสูจน์  ได้ผ่านเวลา  และได้ทบทวน  ได้ลองเลือกเส้นทางนี้  จนแน่แก่ใจ....ว่าเรารักกัน   
แน่นอน

เพื่อจะได้เดินไปข้างหน้า....   เพื่อจะได้อยู่ด้วยกัน......ตลอดไป   

ผมเดินเข้าไปกอดอีกฝ่ายแน่นๆ  เพื่อให้ภาคได้สัมผัสความอบอุ่นและความจริงใจจากใจผม

“รอก่อนนะภาค.......รอจนกว่าจะถึงเวลาของเรา  ถึงเวลานั้น....แพนจะร่วมยืนอยู่ข้างๆ ภาคเอง แค่รอ.....รอจนกว่าจะเป็น
ผู้ใหญ่   

ภาครอได้ไหม.... ถึงตอนนั้น.....เราจะยืนยันความรักของเราว่ามั่นคงแค่ไหน  แพนเชื่อว่าพ่อกับแม่  น้านีและน้านพต้องเข้าใจ”

ผมมองเข้าไปในตาของอีกฝ่าย  ซึ่งกำลังจดจ้องเข้ามาในดวงตาผมเช่นกัน ราวกับกำลังความเชื่อมั่น  ในสิ่งที่ผมบอกได้

บอกออกไปด้วยแววตาทั้งสองคู่นี้  ภาคดึงผมเข้าไปกอดแน่นๆ  กดจูบที่หัวทุย ก่อนเสียงตอบรับที่แสนแผ่ว

แต่ผมก็รับรู้ได้ว่ามันหนักแน่นแค่ไหน ...   หนักแน่นพอ......ที่ทั้งชีวิตผมจะฝากชีวิตไว้.....    ก็เท่านั้นเอง

“ครับ....ภาคจะรอ”  จากนั้นเราก็ต่างแยกย้ายกันไปนอนพักผ่อน  จะให้ตัวติดกันแบบที่หอคงไม่ไหว  พ่อกับแม่คงจับได้กันพอดี

ผมทิ้งตัวลงบนเตียงรู้สึกเหนื่อยกับการเดินทางจนอยากจะพักผ่อน  ค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง .... ในหัวกำลังคิดถึงเรื่องราวต่างๆ

ที่วนเข้ามาในสมองราวกับกำลังดูหนัง ปรากฎภาพสดใสในวัยต่างๆ กัน ตั้งแต่เล็กจนโต  เคยมีไหม.....ที่เราต้องห่างกัน

เคยมีไหม......ที่ในหัวใจ......ไม่จะมีภาพใครอีกคน   ไม่เลย.......ทุกๆ ภาพในความทรงจำของผมมันย้ำชัด   ชัดเจนเหลือเกิน

ว่าในทุกๆที่ ของมโนสำนึก  ผม....มีภาคอยู่ในนั้นเสมอ  หวนนึกถึงวันวานเหตุการณ์ที่ทำให้ภาคมาอยู่ตรงนี้ 

ทำให้เราได้ใกล้ชิดกันมาขนาดนื้  มันเพราะอะไรกันนะ.......  ถ้าไม่ใช่เพราะปอนด์  น้องชายที่ผม.....คิดถึงเหลือเกิน

“ขอบคุณนะปอนด์......ที่ทำให้แพนได้เจอกับคนดีๆ  คนที่รักแพนจริงๆ”   ผมพึมพำแผ่วเบา  ความคิดถึง...อุ่นซ่าน

ราวกับว่าปอนด์กำลังรับรู้  น่าแปลก.....ไม่ว่าเนิ่นนานสักแค่ไหน  ผมกับรู้สึกได้ว่า.....ทุกๆ ที่ที่มีผม 

ปอนด์เองก็ยังคอยจ้องมองอยู่เสมอ   น้องหมาสี่ขาปุกปุย.....  รักแรกที่บริสุทธิ์..ความรักที่มันก้าวข้ามระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยง

ผมรู้สึกได้ทุกครั้งว่าปอนด์คือ  “น้องชาย”  ตัวเล็กๆ น่ารัก  จะดีแค่ไหนน๊า  ถ้าวันนี้ปอนด์ยังอยู่  ปอนด์คงจะโตเสียจน

ผมอุ้มไม่ไหว  ....  แต่จะกลายเป็นผมที่จะขี่หลังปอนด์แทน  อ้าว!ลืมซะได้  ปอนด์เป็นแค่ลูกหมาพันธุ์ปอมเมอเรเนี่ยนเท่านั้น

คงจะต้องตัวเล็กตลอดไปสินะ  ภาพที่น้องหยอกล้อ..... เลียหน้า  เลียปาก  เลียขา  ทุกๆ อย่าง  เสียงเล็กที่เห่ายามผมกลับ

“ปอนด์.....   คิดถึงนายจริงๆ ”   




หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#1 P.18 22/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 22-05-2013 01:43:59
ถ้าเรื่องราวเปิดเผขจะเป็นยังไงนะ อยากให้ผ่านไปได้ด้วยดีจังเลย อย่ามีอะไรเลยนะ สงสารอ่ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#1 P.18 22/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Mclvblue ที่ 22-05-2013 11:16:23
อย่าหาอะไรไปแก้แค้นสามีเลยหนู ดูทรงแล้วไม่วายเสียตัวหลอก !!!  :hao6:
ส่วนน้องชาย (ในท้อง!!) คงไม่แคล้มเป็นปอนด์หลอกมั้ง ???
รออ่านตอนต่อไปจ้า    :L2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#1 P.18 22/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 22-05-2013 16:19:09
อุ้ยคุณแม่มีน้องขอให้เป็นปอนด์
มาเกิดจะได้ทดแทนที่นู๋แพนต้อง
ไปอยู่กับพี่ภาค :mew1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#1 P.18 22/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 22-05-2013 18:22:11
ปอนด์คงดีใจที่แพนมีความสุข
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#1 P.18 22/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 22-05-2013 18:47:27
น้องของแพนคงจะน่ารักเหมือนแพนเนอะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#2 P.18 23/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 23-05-2013 01:54:46


ผมนั่งรออยู่สักพักว่าจะไปตาม สายตาก็มองลอดไปทางประตูด้านข้างตัวบ้านที่กำลังเปิดอ้าออก มันถูกทำไว้เป็นพิเศษ

จากแบบบ้านที่ตกลงจะสร้าง  เพื่อเชื่อมต่อไปยังรั้วบ้านที่ไม่ได้มีประตูกลั้นกลางระหว่างบ้านสองหลัง ทำให้คนในบ้าน

สามารถเดินทะลุเข้าออกบริเวณบ้านของอีกฝ่ายได้ตามต้องการ  ผมไม่รู้ว่าพ่อแม่ของผมกับแพนสนิทกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่

ไม่มีใครเคยถามไม่ว่าผมหรือแพน รู้แต่เพียงว่าเนิ่นนาน  นานถึงขนาดที่ว่าผมเกิดมาก็แทบจะกลายเป็นเด็กที่มีสองบ้าน

แถมยังมีพ่อกับแม่อีกสี่คน ทุกคนในบ้านถึงได้ทั้งผูกพันธ์กันเกินกว่าคำว่า “เพื่อนบ้าน” ธรรมดา  มันแน่นแฟ้นกันเสียจน

จะเรียกว่า “ญาติ”  ต่างสายเลือดได้รึเปล่า  เพราะเราก็ต่างเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันเสมอมาทั้งชีวิต

ผมกำลังเหลือบมองไอ้ตัวเล็กที่กำลังเดินมาที่บ้านพอดี  วางหนังสืออ่านเล่นลงก่อนจะมองอีกฝ่ายที่ยังไม่รู้ตัวเสียทีว่าถูกมองอยู่

แทนที่จะเดินเปิดประตูรั้วแล้วมาหาผม  แต่ผมกลับพบว่าอีกฝ่ายเดินเลาะตามริมรั้วไปด้านหลังบ้านตัวเองเสียอย่างนั้น

สร้างความสงสัยให้กับผมจนถึงกับต้องมุ่นหัวคิ้ว  วางหนังสือลงแล้วลุกตามไปดูว่าอีกฝ่ายจะไปไหน

หรือมีใครมาแอบล่อลวงเมียผมไปทำมิดีมิร้าย    ผมเดินตามอีกฝ่ายไปเงียบๆ  ซึ่งเจ้าตัวก็รู้หน้าที่เป็นอย่างดี

คือเดินไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่น  ไม่มีสักครั้งที่แพน...จะหันกลับหลังมาสังเกตุสังกาคนที่เดินตามหลังต้อยๆ  อย่างผม

 จะว่าทำตัวเป็นสายลับก็ไม่เชิงเพราะผมก็เดินของผมเฉย ๆ  โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวเองก็เท่านั้น  ยิ่งเดินก็ยิ่งทำให้รู้ว่าน้องจะไป
ไหน

ต้นแก้วสูงใหญ่ส่งกลิ่นหอมหวนของดอกแก้วที่บานสะพรั่งไปทั่วทั้งต้น  ขาเรียวเล็กค่อยๆ เดินช้าลง จนหยุดอยู่ตรงหน้าต้น

น้องค่อยๆ ย่อตัวลง สายตาเพ่งลงไปที่จุดเดียว .....  หลุมฝังปอนด์

สิบกว่าปีแล้วสินะ  .....  เนิ่นนานขนาดนั้น......  ก็ไม่เคยลืมเลือนจากใจของน้องเลย ความทรงจำเก่าๆ คงหวานหอมสำหรับน้อง

การเสียปอนด์ ซึ่งเปรียบเสมือนน้องชายคนเล็กไปคงยากจะลืมเลือน  รู้สึกเจ็บแปลบนิดๆ ที่อก  ไม่ใช่อิจฉา ริษยาแต่ประการใด

แต่เป็นเพราะผมเสียใจ......  ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สมาชิกตัวน้อยของครอบครัวจากไป เป็นเหตุที่ทำให้คนตรงหน้า

เจ็บปวดมากมายในวันนั้น   ผมยังได้ดี ทั้งสีหน้าและแววตา  ริมฝีปากอวบอูมถูกเม้มเน่น แก้มยุ้ยน่ากดจมูกสูดดมโป่งพองออก

จากการพยายามแสดงสีหน้าเจ็บปวดแบบเด็ก ๆ นัยตากลมโตแดงก่ำเรื่อไปด้วยน้ำตา  ร่องรอยแห่งความเจ็บปวด

ที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้า ที่แลดูจะฝังรากลึกไปในหัวใจของผมจนถึงทุกวันนี้  เหมือนถูกจองจำด้วยความรู้สึกผิด

แม้จะเคยลางเลือนไปบ้าง แต่ไม่เคยจางหาย  ตอนนี้มัน ค่อยๆ ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาตอกย้ำความทรงจำอันเก่า

เพราะคนตรงหน้า.....ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็พร้อมจะกลับมาตรงนี้ กลับมาหาน้องชายคนสุดท้องที่ผมทำให้จากไป   

ถึงจะเสียใจมาก   หากแต่...  อีกใจก็นึกขอบคุณเหตุการณ์ทั้งหลาย  ถ้าไม่มีวันนั้น.....ผมกับน้องจะเดินมาถึงวันนี้ไหมนะ. 
ผมไม่เห็นว่าแพนทำสีหน้าแบบไหน  ...  รู้แต่แค่ว่าผมต้องเข้มแข็ง   ...คอยปลอบโยนและปลอบใจคนตรงหน้า

น้องทรุดตัวลงนั่ง  หัวเข่าสองข้างค้ำลงที่พื้นดินเพื่อพยุงตัว มือเรียวยื่นไปลูบไล้พื้นดินที่วางตรงหน้า ดอกแก้วหลายช่อ

ล่วงลงมาทับถมเป็นหย่อม  ส่งกลิ่นหอมรัญจวนใจ ผมยืนมองภาพนั้น  ได้ยินเสียงแผ่วเบา...จากปากอีกฝ่าย

“ปอนด์.....  คิดถึงนะ”   สิ่งที่ผมสัมผัสได้ไม่ได้มีความโศกเศร้าเสียใจปนอยู่ในน้ำเสียงนั่น  มันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

อีกหน่อย  มือของแพนยังลูบไล้อยู่บริเวณกองดินเช่นนั้น

“เสียดายเน๊าะ...ที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน  แพนยังไม่ได้ขอบใจปอนด์เลย ขอบคุณที่ดูแลแพนมาตลอดจนถึงทุกวันนี้

ขอบคุณที่มอบของขวัญที่ดีที่สุดให้กับแพน  ขอบคุณที่มอบ  “ภาค” ให้มา ขอบคุณจริงๆ นะ  แพนอยากบอกว่า

ตอนนี้แพนมีความสุขมาก   มีความสุขมากเหลือเกิน  มันล้นจนเต็มหัวใจแพนเลย  ถึงแพนจะกลัวว่าวันข้างหน้า

มันจะยังคงเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า  แต่ภาคก็พิสูจน์แล้วกับอะไรหลายๆ อย่าง  แพนอยากให้ปอนด์มีความสุขบ้าง

อยากให้ปอนด์สัมผัสความสุขแบบที่แพนได้  อยากให้ปอนด์ได้รับความรักเหมือนๆ กับแพน  เลิกห่วงแพนเถอะนะปอนด์

ไปเกิดได้แล้ว  ไปมีความสุขของตัวเอง  อย่าให้แพนต้องเป็นภาระปอนด์อีกเลย  แพนสัญญาว่าแพนจะมีความสุขให้มากๆ

จะดูแลตัวเองให้ดี  และที่สำคัญแพนจะรักษาความรักครั้งนี้ไว้เป็นอย่างดี  ปอนด์ก็ต้องสัญญานะว่าปอนด์จะมีความสุขมากๆ

ให้เหมือนกับแพน  แพนรักปอนด์นะ  ......น้องชายของแพน”  น้องหยิบช่อดอกแก้วจุมพิศบางเบา ก่อนจะวางมันลงที่พื้น
“ไปเกิดนะเชื่อแพน”  อีกฝ่ายยิ้มสดใจ  นั่งมองพื้นดินอยู่อย่างนั้น ขนาดผมที่เดิมเข้ามาใกล้ขนาดนี้น้องยังไม่รู้สึกตัว

ผมแตะมือที่ไหล่ของอีกฝ่าย  น้องเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมด้วยรอยยิ้มสดใสแบบเดิม ไม่มีแววตาเศร้าสร้อยอีกต่อไป

“แพน...”  เหมือนคำพูดมันถูกกลืนหายไปในลำคอ  ไม่รู้ตอนนี้ผมทำหน้ายังไง รู้แต่ว่าอีกฝ่ายส่ายหน้ายิ้มๆ

“เลิกคิดได้แล้ว...  แพนแค่มาลาน้อง   แพนอยากให้ปอนด์ปล่อยวางแล้วไปเกิดเสียที  ไม่อยากให้ห่วงแพนอีกแล้ว

เพราะว่าแพน......”  อีกฝ่ายเงยหน้ามาสบตาผมเล็กน้อย  ก่อนจะบ่ายเบียงจ้องมองพื้นดินแทน

“........”    ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย  เป็นคำถามทั้งๆ ที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เห็นนั่นแหล่ะ แต่ช่วยไม่ได้นี่นามันเป็น ปฏิกิริยาอัตโนมัติ

“เพราะว่าแพนมีภาคดูแลอยู่แล้วทั้งคนยังไงหล่ะ”  เสียงงุงงิ้งแผ่วเบา  แต่ราวกับน้ำทิพย์ที่เข้ามาชะโลมหัวใจเหี่ยวเฉาใกล้ตาย

ให้พื้นคืนชีวิต  ความรู้สึกผิด..... ความรู้สึกเจ็บ  ที่ฝังรากลึกมาเป็นสิบปี  ค่อยๆ เจือจางลงอย่างไม่น่าเชื่อ ริมฝีปากผมยิ้มกว้าง

ดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่นๆ ความรู้สึกมากมายวิ่งพล่านอยู่ในหัวใจ  พร้อมๆกับคำพูดอีกนับหมื่นนับพัน  แต่ผมกลับกลั่น

มันออกได้เพียงคำๆ เดียว 
“ขอบคุณ”    น้องกอดตอบแน่น.....

“แพนมากกว่าที่ต้องขอบคุณ   ขอบคุณนะที่ดูแลแพนมาตลอด”  ผมรู้ดีใจและมีความสุขจนหุบยิ้มแทบไม่ได้ สิ่งที่พยายามมา

ตลอดไม่ได้ไร้ค่า  หากแต่.....มันมีความหมายเสมอ   ในคนที่ตั้งใจจะมองเห็น  ไม่ใช่แค่ผ่านเลย

“อืออ   ขอทั้งชีวิตเลยนะ.........ที่จะได้รับสิทธิ์ดูแลแพน”  ผมกดจูบเบาๆที่กระหม่อม  ได้ยินเสียงงุ้งงิ้งตอบกลับมา

“พูดแล้ว...ห้ามคืนคำหล่ะ”    พูดเสร็จ น้องก็ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดผม หูแดงๆ ที่เล็ดลอดออกมา จะเดาได้ไหมว่าอีกฝ่าย

กำลังเขินจนหน้าแดงสักแค่ไหนแล้ว   ความรู้สึกหนึ่งก่อตัวขึ้นในใจ........อยากจูบ  แต่มันคงประเจิดประเจ้อเกินไป

แต่ความรู้สึกตอนนี้บอกได้เลยว่า  “ไม่ไหวแล้ว”  ผมเงยหน้าขึ้นมองไปที่ตัวบ้านของเราทั้งสองคน ไม่ปรากฎผู้ใดที่เดิน

เพ่นพ่าน หรือขัดหูขัดตาผมสักคน  อากาศยามพลบค่ำ ผมดึงน้องไปหลังต้นแก้ว ค่อยโน้มตัวลงไป ทาบทับริมฝีปาก

ตัวเองลงริมฝีปากบางเรื่อ   ค่อยๆ บดชิม  ไล้เลีย สอดลิ้นชิมความหวาน  เพียงครู่ก็ผละออก

“รักแพนนะครับ.....รักแพนจริงๆ” ผมกระซิบเสียงพร่า  บอกแล้วใช่ไหมถ้าไม่ได้บอกความรักมันคงจุกอก
“ครับรู้แล้ว...  แพนก็รักภาคนะ  รักมาก   มากเสียจนชีวิตนี้คงรักใครไม่ได้อีกแล้ว” น้องหันมาตอบผม  เขย่งปลายเท้า

ขึ้นจุ๊บปากผมเบาๆ  ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน  ความสุขที่ฟุ้งกระจายไปทั่วนี่จะมีใครแอบอิจฉาผมหรือเปล่านะ

“ป่ะครับ  ไปบ้านภาคได้แล้ว” 

“อืม”   ค่อยๆ กอบกุมมือเรียวเล็ก  สอดปลายนิ้วเพื่อประสานมือเข้าหากัน  ก่อนจะกอบกุมไว้แน่นๆ  จูงมือกันเดินไป

ยังบ้านที่เปิดไฟสว่างรออยู่



หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#2 P.18 23/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 23-05-2013 04:49:54
 :katai1: :katai1:
อู๊ยรีบมาต่อตอนต่อไปด่วนที่สุดเลยฮับ
ทำอย่างนี้มันค้างมากมาย
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#2 P.18 23/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 23-05-2013 07:17:09
คราวนี้ปอนด์คงหมดห่วงจริงๆ ^^
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#2 P.18 23/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 23-05-2013 09:54:26
ใจเย็นๆ ค่ะ   ......  ช่วงนี้  ยังไม่มีเลือดสาดนะคะ  เพราะ เลือดสาดกันหลายตอนแล้ว  ฮ่าะะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#2 P.18 23/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 23-05-2013 10:27:34
  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:แพนน่ารัก :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#2 P.18 23/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 23-05-2013 13:40:32
 :ling1:

โอ้ย หวานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

ขออย่าให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลยนะ

หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#2 P.18 23/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 23-05-2013 14:15:24
 :mew1: น่ารักทั้งคู่เลยน่ะ เราว่าปอนด์ต้องไปเกิดใหม่เป็นน้องแน่ ๆ เลยน่ะ  :katai2-1: ตอนนี้แพนกลับมาอยู่ไทยแล้วเร๊อะ  :impress3:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#2 P.18 23/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: heroza ที่ 23-05-2013 15:22:30
หวานกันได้อีก.............. น่ารักมากมาย :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#2 P.18 23/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 23-05-2013 16:54:16
หวานมากกกกกกกก :mew1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#2 P.18 23/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 26-05-2013 23:35:15
ขอโทษนะคะไปต่างจังหวัดมา  จะแต่งก็ไม่ได้ เพราะอยู่กับครอบครัว  อิอิอิ

รออีกนิดนะคะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#3 P.18 29/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 29-05-2013 00:47:00


“สวัสดีครับพ่อแม่/ สวัสดีครับน้าณีน้านพ”  ผมกับแพนปล่อยมือที่จับกุมกันออก แล้วหันไปยกมือไหว้พ่อกับแม่เสร็จ

ก็เป็นแม่ผมที่ถลาเข้ามาหวานคนโปรด แล้วดึงไปกอดหอมแก้มซ้ายทีขวาทีด้วยแรงคิดถึง

“ไหว้พระเถอะลูก หนูเป็นยังไงบ้างหืมสบายดีมั้ยครับ  นี่เราโตขึ้นอีกนิดแล้วนี่นา ดูสิขาวขึ้นอีกแล้ว ตัวก็ผ๊อมผอม

คิดถึงหนูจริงๆ เลยลูก เมื่อไหร่จะเรียนจบกลับมาไทยหล่ะน้าคิดถึง”  แม่ผมร่ายยาวด้วยความคิดถึง  พูดจบก็ลูบตัวลูบหัวอีกฝ่าย
ไม่หยุด  น้องยิ้มกว้างกอดตอบแม่ผมอย่างเอาใจ พ่อก็เอาแต่มองแล้วยิ้มๆ ตามเคย 

“สบายดีครับ แพนอยู่ที่โน่นคุณป้าก็ดูแลและรักแพนเหมือนกับลูกคนหนึ่งเลยครับน้าณี  เสียแต่ก็เหงามากๆ นี่แหล่ะครับ

แพนอยากกลับไทยใจจะขาดก็ติดเรื่องเรียน อีกปีกว่าๆ ก็จบเกรด 15 แล้วครับ ยังไม่รู้เลยว่าจะต่อที่โน่นให้จบไฮสคูล

เลยรึเปล่า  หรือว่าจะกลับมาต่อที่ไทยดี  แต่แพนกลัวว่าหลักสูตรมันจะไม่ต่อเนื่องน่ะครับ ไม่แน่อาจจะต่อที่โน่น แล้วค่อย
มาสอบเข้ามหาลัยในไทย”  น้องหันไปตอบแม่  ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มอย่างเอ็นดู ก้มลงหอมแก้มแพนอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะยอม


ปล่อยตัวน้องออกมา  มันเป็นภาพที่น่าประทับใจ  แต่กลายเป็นผมที่แอบเสตามองไปทางอื่นเพื่อทำใจ ...ไม่ใช่ว่าอิจฉาแม่

แต่เป็นเพราะคำตอบของแพนต่างหาก  ผมเองก็คิดไว้อยู่ว่า....น้องคงจะเรียนต่อที่โน่นน่ะแหล่ะ  แต่ก็แอบเสียใจนิดๆ ไม่ได้

ผมอยากให้น้องกลับมาเร็วๆ มาอยู่ใกล้ๆ กัน อยากกอด อยากหอม  อยากเป็นเจ้าของ อยากใช้ชีวิตร่วมกันอย่างทุกวันนี้

แม้เราจะยังเปิดเผยกับครอบครัวตัวเองไม่ได้  แต่เราก็มีสังคมคนรอบข้างที่รับรู้ และผมก็สามารถแสดงความรักได้อย่างเปิดเผย

พอมาได้ยินว่าอีกฝ่าย....ตั้งใจจะไปแน่ๆ  มันเลยทำให้อดน้อยใจไม่ได้  ว่าอีกฝ่าย...คงไม่ได้คิดเหมือนผม

กำลังมองออกไปข้างนอกเพลิน ก็สะดุ้งนิด ๆ ที่อีกฝ่ายกระตุกมือผมซึ่งมากอบกุมกันไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ พร้อมเรียกเบาๆ

“ภาค...คิดอะไรอยู่  ไปกินข้าวกันป่ะ?”   น้องหันมามองด้วยสายตาเป็นกังวล แพนคงรู้แหล่ะว่าผมเป็นอะไร ...ช่วยไม่ได้

ความรู้สึกของผมเรื่องแพน.....  มันห้ามไม่อยู่  ซ่อนก็ไม่ไหวจริงๆ  คงเป็นเรื่องเดียว นอกเสียจากเรื่องพ่อกับแม่แล้ว 

เรื่องของแพนมีอิทธิพลกับหัวใจผม...   ถึงปิดเท่าไหร่ก็ไม่มิด  ผมยกริมฝีปากยิ้มน้อยๆ พอให้อีกฝ่ายเบาใจ ก่อนจะหันมอง

รอบตัว ก็ไม่เห็นพ่อกับแม่อยู่ข้างๆ เราแล้ว

“พ่อกับแม่หล่ะ?”  ผมหันมาถามด้วยความสงสัย  แพนเอาแต่หัวเราะขำ แล้วส่ายหน้าน้อยๆ

“น้าณีกับน้านพอ่ะ เดินไปนู่นแล้ว  ภาคน่ะแหล่ะมัวแต่เหม่อ ป่ะกินข้าวกัน?” น้องพยักหน้าเบา ผมก็อมยิ้มเขินๆ เออ มัวแต่เหม่อ

“ครับ ป่ะไปกินกัน”   เราเดินจูงมือกันเล็กน้อย พอจะเข้าสู่ตัวบ้านมือของเราก็ผละออกจากกันโดยปริยาย

วันนี้มาทานข้าวบ้านแพนลุงจีกับป้าอร ทำกับข้าวไว้หลายอย่าง ทั้งของชอบของผม และของชอบของแพน

ละลานตาเต็มโต๊ะไปหมด ทุกคนยิ้มและคุยกันอย่างออกอรรถรส  แน่นอนว่าศูนย์รวมของความสนใจอยู่ที่ “แพน”

เทวดาตัวน้อยที่ทั้งยิ้มทั้งหัวเราะ พูดคุยเจื้อยแจ้ว จนผมเองก็เผลอมองเพลิน  เรื่องต่างๆ ถูกซักถาม และบอกเล่า

จากปากไอ้ตัวเล็ก  โดยมีผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านสอบถามไม่ขาดปาก  ทั้งเรื่องที่ผมรู้แล้ว  ทั้งเรื่องที่ผมไม่ได้เอ่ยปากถาม

เรื่องตลก เรื่องเปิ่น เรื่องความเหงา การปรับตัว  ทุกๆ อย่างถูกถ่ายทอดออกมาผ่านมื้ออาหารมื้อเย็น

ทำให้ผมรู้ว่า ป้าของแพนรักแพนมากขนาดไหน  ....  รักมาก  จนผมนึกกลัว  กลัวว่าอีกฝ่ายจะรั้งน้องไว้ด้วยวิธีต่างๆ

ป้าของแพนไม่มีลูก  มีแค่หลานชาย ...... แค่คิดถึงมัน   ผมก็รู้สึกโมโหจนไม่อยากจะคิดถึง หน้ามันจะโผล่มาทุกครั้ง

ที่ผมออน คุยกับแพนในห้องนอน  มันชอบยกยิ้มมีเลศนัย ...ให้กับผม แต่ถ้าน้องหันไป รอยยิ้มจะถูกเปลี่ยนเป็นยิ้มพิมพ์ใจ

ใสซื่อ   มือของมันชอบโอบไหล่น้อง  ขยี้หัว  ถึงเนื้อถึงตัว...ซึ่งผมหวง   หวงมาก  ...  เคยบอกอีกฝ่ายเท่าไหร่

น้องก็หาว่าผมคิดมาก....  ไอ้ห่านั่นมีแฟนแล้วเป็นผู้หญิง   สวยมาก แล้วที่มาคอยเกาะแกะน้องอย่างนี้หล่ะ  เพื่ออะไร

“อ้อ...ลูกชอบที่นั่นหรือเปล่า”  อยู่บทสนทนาก็เปลี่ยนไปเป็นของป้าอรที่ถามขึ้นมากะทันหัน จนทุกคนหันไปมอง

“ครับ...ก็ดี เพราะป้าใจดีกับผมมาก”  น้องยิ้มรับ อย่างหน้าชื่นตาบาน  แต่กลับเป็นที่รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกยังไงไม่รู้

“ป้า...เปรยกับแม่มาหลายทีแล้ว ว่าอยากได้เราเป็นลูกบุญธรรม  แพนจะว่าไงลูก?”  ผมหันขวัญไปมองทันที
เพราะถ้าน้องตกลงก็แปล น้องจะไม่ได้กลับมาอยู่ที่นี่ และคงต้องใช้ชีวิตอยู่ที่โน่น  แน่นอน..ความรักของเรา 

มันคงเป็นไปไม่ได้  ผมจุกจนหายใจแทบไม่ออก  ได้แต่จ้องมองอีกฝ่ายสายตาเว้าวอน มันเหมือนผมกำลังรอฟังคำตัดสิน

ว่าความรักของผมจะเดินต่อ  หรือสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้  น้องมองมาที่ผมเล็กน้อย ก็จะเบี่ยงสายตาจ้องมองบนพื้น

แล้วค่อยช้อนมันกลับขึ้นมาสบตา ป้าอรกับลุงจี  ไอ้ตัวเล็กยืนขึ้นเดินเข้าไปกอดป้าอรไว้แน่น ซุกหน้าลงบนไหล่

“แม่ไม่รักแพนแล้วเหรอฮะ  ไม่อยากให้แพนกลับมาที่นี่แล้วเหรอ?”  เสียงเว้าวอนอย่างน่าสงสาร ผมอยากดึงน้องเข้ามากอด

แต่ก็ทำได้แค่มองอยู่ตรงนี้  มันไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องก้าวก่าย....อย่างน้อยก็ตอนนี้

“รักสิลูก...พูดอะไรอย่างนั้นน้องแพน  เพราะแม่รักหนู แม่ถึงได้ถามหนู  ถ้าหนูชอบที่นั่นแล้วมีโอกาสก้าวหน้า มีคนที่แม่ไว้ใจรัก
หนู ดูแลหนูอยู่ที่นั่น  แม่ก็ไม่ว่าอะไรถ้าเราอยากจะใช้ชีวิตที่นั่นเลย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าแม่ไม่ต้องการหนูเลยนะลูก

แม่รักแพน  อยากอยู่กับลูก  แต่แม่ก็ต้องเปิดโอกาสให้หนูได้เลือกทางเดิน และตัดสินใจด้วยตัวเอง ”   ป้าอรกอดแพนแน่นมาก

แล้วตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือปิ่มใจจะขาด  พลอยทำให้แม่ผมที่มองอยู่ ผู้ที่เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ด้วยกัน ว่าหวังดี
กับลูกของตัวเองมากเท่าไหร่นั้นถึงกับน้ำตาซึม โดยมีพ่อผมคอยปลอบเป็นระยะ  ผมเองก็เข้าใจ... แต่ก็เสียใจไปด้วย

จะว่าผมเห็นแก่ตัวก็ได้.....  แต่ทั้งชีวิตนี้ผมไม่เคยมองใครเลยนอกจากแพน  ถ้าไม่มีน้อง...ผมก็ไม่รู้จะเดินหน้าต่อไปยังไงไหว

ที่อดทนอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะผมยังหวัง...แค่อดทนรอให้เวลามันผ่านไป  เพื่อที่เราจะกลับมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน  จึงได้แต่

เม้มริมฝีปากแน่น  ใจสั่นๆ พูดไม่ถูกได้แต่มองภาพตรงหน้าที่พาผมปิ่มจะขาดใจตามไปด้วย

“แพนไม่ไปไหนหรอกครับแม่  ให้แพนอยู่ที่นี่นะฮะ อยู่กับพ่ออยู่กับแม่ ไหนจะน้าณี น้านพ แถมยังภาคอีก แพนขอนะฮะ

ขอให้ได้อยู่กับคนที่แพนรัก.”    ไอ้ตัวเล็กของผมโถมตัวกอดป้าอรแน่นมาก ผมเห็นน้ำตาที่เริ่มคลอหน่วยจากดวงตาคู่สวย
พร้อมกับหัวใจผมที่ชุ่มชื้นขึ้นอีกเป็นกอง  ราวกับยกภูเขาออกจากอก ลมหายใจที่แทบขาดกลับมาเป็นปกติ

อยากดึงน้องมากอด แต่ก็ทำได้เพียงส่งสายตาไปเท่านั้น  อีกฝ่ายยกยิ้มทั้งน้ำตาที่เริ่มห้ามไม่ไหว มองมาที่ผมด้วยสายตา

ที่ห่วงใย และปลอบใจอยู่ในที   มื้อนั้นจบด้วยความซาบซึ้ง .....  และความเศร้าของผม  ...ก็เพราะ



.

.

.

.
.


“เลิกร้องนะเด็กดี  คืนนี้......แม่จะนอนกอดน้องแพนให้ชุ่มปอดเลยลูก”   ห...เห้ย ! จบแบบนี้ได้ไงแล้วผมหล่ะ?

ผมได้แต่กู่ร้องอยู่ในใจ  ใบหน้าเริ่มซีดเผือด หลังจากวางแผนอะไรไว้มากมาย.......ดูท่า    จะล้มไม่เป็นท่า

“ครับ  แพนรักแม่นะ”  น้องหันไปตอบเสียงหวานแล้วหอมแก้มป้าอรโชว์ผมอีกแน่ะ   ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ 

“จ้า...  พ่อตัวดี”  ป้าอรหอมกลับ  ผมได้แต่เสตามองไปทางอื่นด้วยความเซ็ง  ๆๆๆๆ  เซ็งโว้ย



หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#3 P.18 29/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 29-05-2013 01:04:09
แหม,,,,คุณแม่ทำเค้าใจเสียนะ อิอิ
ส่วนอิตาภาค ,,,แผนคืนนี้ล้มไม่เป็นท่าเลยล่ะสิ 5555
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#3 P.18 29/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 29-05-2013 04:18:20
 :mew2:

อะไรมันจะเป็นดังที่ภาคคิดขนาดนั้น

แพนน่าจะตัดสินใจอยู่ที่เมืองนอกไปเลย

ปล่อยให้ภาคลงแดงไป
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#3 P.18 29/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 29-05-2013 10:23:49
ภาคต้องอดทนน่ะ เพราะแพนยังอยู่ในช่วงเติบโตอยู่น่ะ ต้องเรียนรู้ผ่านร้อนผ่านหนาวกันอีกแยะน่ะจ้ะ ความรักจะได้มั่นคงมากขึ้น ๆ เป็นกำลังใจให้สองหนุ่มน้อย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#3 P.18 29/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 29-05-2013 10:41:29
ไม่อยากจะคิดเลยเมื่อทุกคนรู้เรื่อง
แพนกับภาคจะยังเป็นครอบครัว
ที่อบอุ่นแบบนี้อยู่หรือเปล่า :mew5:
+1และเป็ด
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#3 P.18 29/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 29-05-2013 22:46:32
 :mew3: :mew3:
พี่ภาควางแผนอะไรมากมาฮร๊าฟฟฟฟ
ไหนมาเล่าสู่กันฟังด้วยดิ
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#4 P.19 30/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 30-05-2013 01:38:24

เมื่อคืนนอนหนาวทั้งคืน  ....  ถึงแม้ผมไม่เคยจำได้ว่าตัวเองเคยเป็นคนขี้หนาวมาก่อน  จริงๆ ติดจะขี้ร้อนด้วยซ้ำ

แต่ผมไม่ได้บอกนี่ว่าผมหนาวตัว  ที่จริง....ผมหนาวหัวใจตะหาก  (อ้วกกกกกกกกก) แน๊ะ! ใครมาแพ้ท้องแถวนี้

หนาวจนสะบั้น หนาวจนนอนไม่หลับเพราะไม่ได้กอด ทั้งที่อยู่ใกล้ขนาดนี้ นึกเคืองป้าอรนิด ๆ ที่ไม่เห็นใจคนรักกันบ้าง

แต่ป้าเค้าไม่รู้นี่นา ...เห้อๆๆๆๆๆๆๆ  ผมตื่นแต่เช้าตรู่มุ่งจะไปหาสุดที่รัก   เร่งรีบอาบน้ำอาบท่าแปรงฟันจนเสร็จ

ผมก็ปรี่เข้าไปหาอีกฝ่าย  เดินดุ่มๆ ไม่ได้สนใจใคร ก้าวขึ้นบันไดอย่างเชี่ยวชาญและอาจหาญขึ้นชั้นสองด้วยความรวดเร็ว

ไม่นานนักสองเท้าผมก็พาผมมาหยุดอยู่หน้าห้องเจ้าของหัวใจ (โอ๊ะ...เสี่ยวได้อีก)   กำลังจะเปิดประตูห้องด้วยความคุ้นขิน

แต่สองมือก็ชะงักกึก เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนน้องไม่ได้นอนคนเดียวนี่นา   ผมก็ยืนนิ่ง...กำลังชั่งใจตัวเอง

จริงๆ ก็ค่อยมั่นใจแหล่ะว่าไม่ควรเคาะ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดถึงคนที่อยู่ตรงหน้าแทบใจจะขาด ไม่ได้ฟัด ได้กอด

ได้หอมก็ยังดี  ขณะที่ตัดสินใจจะถอยหลังกลับ ขาสองข้างก็หยุดชะงักอีกรอบ   เพราะเสียงสวรรค์ดังขึ้นพอดี

“อ้าวภาคมาหาน้องแต่เช้าเชียว  แพนยังไม่ตื่นเลย ไปดูให้ป้าหน่อยไปลูก” ป้าอรพูดจบก็เดินเข้าครัวทันที  มีใครเคยบอกมั้ย

ว่าคุณป้าเหมือนนางฟ้ามาโปรดผมเลยตอนนี้  ผมไม่รอช้าบิดลูกประตูให้เปิดออกรีบแทรกตัวเข้าไป ก่อนจะกดล็อดเบาๆ


มองเห็นไอ้ตัวเล็กนอนขดได้อย่างน่ารักน่าชังอยู่บนเตียง   เพราะแอร์ที่เย็นจัด  ในขณะที่เจ้าตัวนอนดิ้นจนผ้าห่มเลื่อนหลุดไป

น้องอาจจะเคยชินที่มีผมนอนข้างๆ เป็นเดือน  มือที่กำลังคลำหาใครสักคน ยังคลำไปเรื่อยๆ เมื่อไม่พบจุดหมายที่ต้องการ
“อืออ ภาค  งึมๆๆๆ” เสียงครางงึมงำแผ่วเบาเรียกร้องหาผม  ขณะที่ผมยืนมองภาพนั้นอย่างชั่งใจว่าควรจะขัดฝันดีๆ

ของน้องดีมั้ย  สุดท้ายก็ค่อยๆ ทรุดตัวลงแผ่วเบาเพราะกลัวอีกฝ่ายจะตื่นจากฝันดี ไล้มือบนใบหน้าหวานก่อนจะจุมพิศ

ลงบนหน้าผากเนียนนุ่ม ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงที่ทรุดยวบลงตามน้ำหนักตัว แต่ก็ไม่ได้รบกวนอีกฝ่ายแต่ประการใด

ผมนอนจ้องมอง ไล้มือบนใบหน้าที่ผมหลงไหล  ริมฝีปากสีสดแห้งผากลิ้นเล็กก็ไล้เลียเพิ่มความชุ่มชื้น ..น่ามองเป็นอย่างยิ่ง

ผมลูบหัวอีกฝ่ายแผ่วเบา และเหมือนเป็นปฏิกิริยาตอบสนองแบบอัตโนมัติ ไอ้ตัวเล็กกลิ้งเข้ามาหาอ้อมกอดอบอุ่นของผม

ผมกอดน้องไว้แน่น เคยกลัวมั้ย?   เมื่อวานนี้....ผมพึ่งรู้สึกว่าการสูญเสียอีกฝ่ายไป มันช่างเป็นเรื่องง่ายเหลือเกิน

มันเจ็บปวด...เมื่อผมเองที่ยืนอยู่ตรงนั้นแท้ๆ กลับทำอะไรไม่ได้เลย  ถ้าน้องตัดสินใจไป.... ผมก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

การรักใครสักคนเป็นเรื่องยาก   ...  ยากที่จะทนุถนอมให้มันเป็นแบบนั้นตลอดไป  เพราะมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครคนใดคนหนึ่ง

แต่มันต้องพร้อมเพียงทั้งสองคน ต้องร่วมใจ  ต้องมั่นคง  ต้องเข้าใจ และพร้อมจะเดินไปข้างหน้าด้วยกัน

ตอนนี้...ผมจึงกอดน้องไว้ซะแน่น   เพียงเพราะผมกลัว......กลัววันข้างหน้าที่ผมคาดการไม่ได้  มีเพียงสิ่งหนึ่งที่แน่นอน

ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร  .....  ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนเลือก   และมันดีสำหรับน้อง........  ผมพร้อมจะทำตาม

ความต้องการมันมลายหายไปทันที   .....  ผมอาจจะอยากแค่ใช้มันแสดงความรัก แสดงความเป็นเจ้าของอีกฝ่าย

แต่จะมีประโยชน์อะไร ....  เพราะถ้าถึงผมจะได้ครอบครอง  เป็นเจ้าของน้องตอนนี้ ....แล้วเราต้องจากกัน

สู้ให้ผมไม่ได้สัมผัส  ไม่ได้แตะต้อง  แต่ขออยู่ใกล้ๆ ได้ใช้ชีวิต  ได้ใช้ลมหายใจร่วมกัน  คอยดูแล  และแลดูอีกฝ่าย
มันคงจะดีเสียกว่า  ผมคลายอ้อมกอดเมื่อรู้สึกว่า...น้องดิ้นเล็กๆ ในอกผม  ผมกดจูบบางเบา ลูบหัวทุยแผ่วๆ

เปลือกตาอีกฝ่ายก็ค่อยๆ ขยับ  น้องกระพริบตาสองสามขยัก ก่อนจะเงยหน้ามายิ้มหวานให้ผม  ผมยิ้มตอบ


“ภาค”   เสียงหวานที่ทำให้ผมชื่นใจ  น้องซุกตัวเข้ามากอดผมแน่น  แล้วเงยหน้าจุ๊บปากผมเบาๆ
“มอนิ่งคิสครับ”  ตัวเล็กว่า ผมก้มหน้าไปจุ๊บปากตอบ

“ครับ มอนิ่งคิสครับ  ป่ะตื่นได้แล้วป้าอรให้ภาคมาตามเรานานแล้ว”   ผมชันตัวลุกขึ้นนั่ง มืออีกข้างกอบกุมมือน้องไว้

พยายามดึงเบาให้อีกฝ่ายลุกขึ้นตามมา  น้องดึงมือออก ก่อนจะอ้าแขนกว้างยื่นมาตรงหน้า พร้อมกับคำน่ารักๆ

“อุ้ม”  ผมถึงกลับเผลอหลุดขำ  จ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังพยายามทำหน้าเจ้าเล่ห์  ทั้งที่ทำได้แค่ทำหน้าให้ดูซนๆ เท่านั้นเอง

“ครับผม  ด้วยความยินดียิ่ง”  ผมโค้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะช้อนตัวสุดที่รักไว้ในอ้อมกอด แล้วอุ้มเข้าห้องน้ำไป

.

.

.

“นพกับนีไปไหนหล่ะลูก ทำไมไม่มาทานข้าวด้วยกัน?”  ป้าอรถามอีกตามเคย แต่ผมไม่ทันได้ตอบลุงจีก็ตอบแทนเสียก่อน

“อ้อ  เห็นว่าจะไปเคลียร์งานที่บริษัทช่วงเช้าน่ะ  พึ่งกลับจากต่างจังหวัดก็มีงานด่วนเข้าอีก”  ป้าอรพยักหน้ารับรู้

“แพนวันนี้หนูไปเป็นเพื่อนแม่ซื้อของหน่อยนะลูก  พ่อเค้าไม่ว่าง”  ไอ้ตัวเล็กยิ้มร่าพยักหน้าตอบรัวๆ  เห็นแล้วขำ
“ได้ฮะ  ภาคไปด้วยนะไปช่วยกันถือของ”  ตอบแม่เสร็จ ก็หันมาสั่งผมทันทีผมอมยิ้มอย่างรู้ทันก็คงมีแค่ผมเท่านั้นแหล่ะที่เป็น

คนถือ  ไปด้วยกันทีไร น้องเดินตัวปลิวทุกที

“จะให้ภาคไปเป็นรับใช้ก็บอกมาเถอะ”  ผมว่าแซวๆ  น้องก็ทำแกล้งป่องทันที  จนลุงจีกับป้าอรอดขำไม่ได้
“รู้ตัวก็ดีแล้ว หึหึหึ”  ไอ้ตัวเล็กว่ายักคิ้วยิ๊กๆ  กวนผมซะงั้น

“เห้อ...จะไปดีมั้ยน๊า   อยากอยู่บ้านนอนเฉยด้วยสิวันนี้”  ผมยกยิ้มมุมปากอย่างเป็นต่อ เหลือบมองไอ้ตัวเล็ก

“โหยยยยย  ไม่เอาอ่ะ  ไม่ได้ๆๆ  ต้องไปช่วยแพนก่อนเดี๋ยวค่อยกลับมานอน นะนะนะ  เค้าไม่กวนด้วยเลยสัญญา”

ไอ้เล็กดิ้นผึงนึกว่าผมพูดจริง เดินเข้ามากอดแขนส่วนหัวก็ซุกไซร้ไหล่ผมเป็นการใหญ่  อ้อนๆๆ  น่ารักจริงๆ

“คร๊าบบบบบบ ทราบแล้วครับแล้วจะบริการอย่างดีเลยครับคุณหนู” ผมตอบกลับ ลูบหัวน้องเบาๆ อย่างเอ็นดูน้องหมา

เล่นเอาฮากันทั้งโต๊ะ  ส่วนคนถูกลูบก็หน้ามุ่ยใส่โดยปริยาย  ก่อนจะยิ้มเขินๆ กับพ่อแม่ตัวเอง

.

.

.
สรุปหลังทานเข้าเสร็จ พักผ่อนเล็กน้อย บ่ายๆ ก็ได้เวลาช็อปปิ้งซื้อของของสองแม่ลูก  เราขับรถไปที่ห้างที่อยู่ใกล้บ้านที่สุด

ไม่น่าเชื่อว่าคนท้องจะแข็งแรงขนาดนี้ เดินได้หลายๆ ชั่วโมง ถึงจะหยุดพักเป็นระยะก็เถอะ  ผมได้แต่เดินตามไปเรื่อยๆ

ไม่กล้าไปแทรกความสุขระหว่างสองแม่ลูก ที่จูงมือจูงไม้ ชี้นกชมไม้ ปรึกษาหารือ เรื่องข้าวของกันตลอดทาง

จากที่จะไปซื้อแค่อาหารกับของใช้ในบ้านเล็กๆ น้อยๆ กลับการเป็นว่ามาสำรวจข้าวของสำหรับไอ้ตัวเล็กที่อยู่ในท้องกันด้วยซะนี่

แพนก็ดูจะเห่อน้องมาก  เห็นอะไรที่เกี่ยวกับเด็กไม่ได้เลย ส่วนผมก็มีหน้าที่หอบหิ้วข้าวของที่สองแม่ลูกเค้าออเดอร์

“อ๊ะ...  ขอโทษครับ”  เสียงใครสักคนดังขึ้น ผมที่เผลอมองร้านเสื้อผ้าผู้ชายอยู่ถึงกลับต้องหันมามอง เพราะได้ยินเสียง

ไอ้ตัวเล็กอุทานออกมาเสียงเบา  น่าจะถูกชนเข้าให้  พอผมหันมาก็เห็นน้องก้มจ้ำเบ้ากับพื้น ผู้ชายอีกคนที่ตอนนี้ยืน

หันหลังให้ผมอยู่ก็ยื่นมือไปดึงมือน้องขึ้นมา  แต่ปฏิกิริยาตาโตยิ้มกว้างของแพนทำให้ผมคิ้วกระตุกนิดๆ

“มองค์  คิดถึงจังเลยยยยยยยยย”    ไม่ว่าเปล่า...แต่กระโดดกอดคนตัวโตอีกคนไปแล้ว  ผมไม่เห็นว่ามันทำสีหน้ายังไง

“อ้าวแพน  ...คิดถึงเหมือนกันครับ  น่ารักขึ้นอีกเปล่าเนี่ย มากับใครเนี่ย  แล้วกลับมาไทยเมื่อไหร่ไม่บอกกันมั่ง

รู้ไหมมองค์คิดถึงแพนมากๆเลย  ไม่ได้ติดต่อกันเลย เป็นไงยังสบายดีนะ”

อีกฝ่ายทำเสียงน้อยใจจนหน้าหมั่นไส้  แล้วมือขาวๆ ที่ยังโอบกอดได้โคถึกนี่มันอะไรกัน  ทำไมยังไม่ปล่อย หวงนะหวงงง

ผมเดินไปจิ้มแขนแพนเบาๆ ให้รู้สึกตัวเสียที เพราะทั้งสองมือเต็มไปด้วยข้าวของพะลุงพะลัง  ก็รู้ว่าแพนดีใจ แต่นะ..หวงอ่ะ

“แห่ะ ๆ ”  น้องหัวเราะเจื่อนๆ ตอบผม ลดมือลง ก่อนจะหันไปคุยกับมองค์อย่างออกรสออกชาด อ่าน่ะ...ก็ได้แค่มอง







หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#4 P.19 30/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 30-05-2013 01:41:43
 :ling1:

แพนกับภาคนี่ เนื้อหอมพอกันเลยนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#4 P.19 30/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 30-05-2013 05:09:36
 :katai5: :katai5:
มองค์ยังชอบแพนอยู่ปะเนี่ย

 :katai4: :katai4:
ปล. พะลุงพะลัง  ต้องใช้ 'ร-เรือ'  เป็น  พะรุงพะรัง จร้าา
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#4 P.19 30/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 30-05-2013 10:21:06
ขอบคุณค่ะ   ต่อไปจะระวังให้มาก

ขอประทานอภัย เมื่อคืนง่วง และรีบพิมพ์
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#4 P.19 30/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 30-05-2013 15:31:15
 :hao6: ตอนนี้ได้เจอศัตรูหัวใจซะแล้วภาค จะทำไงดีล่ะเนี่ย  :mew1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#4 P.19 30/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 30-05-2013 17:56:14
โอ๊ะ โผล่มาแล้ว แต่ไม่ต้องห่วง แพนไม่เปลี่ยนใจจากภาคแน่นอนเนอะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#4 P.19 30/5/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 31-05-2013 11:25:52
งานจะเข้าแพนมั๊ยนะ :laugh:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#5 P.19 1/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 01-06-2013 02:33:41

“ฮ่าๆๆ  ถามเยอะขนาดนี้แล้วแพนจะตอบคำถามไหนก่อนดีเนี่ย  สรุปนะ แพนมากับแม่แล้วก็ภาค มาไทยเกือบ ๆ สองเดือน

แล้วหล่ะ  แต่ว่าพึ่งมาที่บ้านได้สองสามวัน  อยู่ที่นู่นก็สบายดี  ส่วนเรื่องน่ารักอันนั้นมันแน่อยู่แล้วหล่ะ ฮ่าๆๆ”  น้องหัวเราะ

เสียงใส ส่วนมองค์หัวเราะขำกับความเกรียนของแพน ก่อนจะหันมาไหว้ผมกับแม่ของแพน

“สวัสดีครับแม่  หวัดดีครับพี่” ผมพยักหน้ารับเพราะสองมือยังถือของพะรุงพะรังอยู่  รู้สึกว่าความเป็นปฏิปักษ์ของเรา

มันจางหายลงไปเยอะ อาจจะเพราะเราต่างโตขึ้นมีความคิดมากขึ้น  และที่สำคัญคือน้องเป็นของผม และผมเชื่อใจแพน

เราตัดสินใจไปหาร้านอาหารสักร้านเพื่อให้แม่แพนพักผ่อน  พร้อมๆ กันกับให้เพื่อนเก่าได้สอบถามถึงสารทุกข์สุขดิบกัน

เสียให้หนำใจ เดินมาสักพักก็ได้ร้านอาหารที่สามารถสั่งอาหารได้เรื่อย นั่งคุยกันชิว ๆ และมีมุมที่แบ่งเป็นสัดส่วน

ขณะที่ทุกคนกำลังก้าวเข้าร้าน  ผมเลยขอตัวเอาข้าวของไปเก็บที่รถแม่แพนหันมาพยักหน้ารับทราบ ขณะที่ไอ้ตัวเล็กยังคุย
เพลิน

“ให้ป้าสั่งอะไรให้มั้ยลูก?”  ป้าอรหันมาถาม  ผมส่ายหน้าน้อยๆ ยิ้มตอบ ความจริงยังอิ่มอยู่มาก

“ไม่เป็นไรครับป้าอร ผมยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่เดี๋ยวยังไงผมเอาของไปเก็บแล้วไปเดินเล่นรอนะครับ ถ้าจะซื้อของยังไงป้าอรโทร

บอกผมอีกทีนะครับเดี๋ยวภาคมา”  ป้าอรทำหน้าคิดนิดนึงก่อนจะยิ้มออกมาคงคิดว่าผมเบื่อ แล้วยื่นกุญแจรถให้

“จ้า เอาอย่างนั้นก็ได้ เดี๋ยวป้าบอกแพนให้”  ป้าอรพยักเพยิดเสร็จ  ผมก็เดินออกมาเลยมุ่งตรงไปที่เก็บข้าวของใส่หลังรถเสร็จ

ก็เดินเข้ามาในห้างมองดูเสื้อผ้าของใช้หลายร้านที่ผมสนใจ  แต่ได้แต่เดินผ่านไป เพราะไม่รู้ว่าถ้าซื้อจะเอามือไหนถือ

ผมเดินไปเรื่อยๆ ยังไม่ได้ของเป็นชิ้นเป็นอัน จะว่าน้อยใจก็ไม่เชิง จะตำหนิอีกฝ่ายก็ไม่ใช่ เพราะผมเองก็มีเพื่อน


อย่างน้อยตอนที่ผมจบแล้วเรียนต่อ  มองค์ก็เป็นคนอยู่ข้างๆ แพนเสมอมา  ความสนิทสนมคงมีอยู่ไม่น้อย ..ผมไม่อยากอยู่

ตรงนั้น ..ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นส่วนเกินหรอกนะครับ  แต่ผมคิดว่าแพนคงต้องการพื้นที่ส่วนตัว  ต้องการพื้นที่ที่ไม่อยากให้ผม

เข้าไปยุ่งหรือแตะต้อง  ถ้าผมอยู่เดี๋ยวน้องอาจจะเกร็งๆ คุยได้ไม่เต็มที่ ขนาดตอนเดินมาที่ร้านอาหารอีกฝ่ายยังหันมามองผม

เป็นระยะ   ผมเลยคิดว่าแยกตัวออกมาน่าจะดีกว่า ผมเดินเล่นอยู่นานก็เห็นที่นั่งสำหรับพักผ่อนมันว่างอยู่ ผมเดินไปหย่อนตัว

ลงนั่งพักผ่อน เลยหยิบหนังสือที่ติดอยู่ในกระเป๋าสะพายข้างของตัวเองมานั่งอ่านเรื่อยๆ รอให้ป้าอรโทรมาตาม

อ่านได้สักพักก็รู้ว่าพื่นที่ว่างข้างๆ มีใครบางคนนั่งลงใกล้ ๆ โดยไม่ได้เอ่ยปากขออนุญาตแต่อย่างใด  ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจ

ยังคงนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ เหมือนเขาจะขยับตัวยุ๊กยิ๊กไปมาอยู่อย่างนั้น  ซึ่งผมก็ไม่ได้หันไปมองให้เสียมารยาท

จนเสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ ถึงได้เงยหน้าขึ้นไปมอง

“โกรธขนาดไม่อยากมองหน้ากันเลย?”  น้องมองมาด้วยสีหน้าติดจะเศร้าดูท่าพยายามจะง้อผมอยู่  ผมอมยิ้มแล้ว

ยื่นมือไปลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ

“ป่าวนี่ครับ  ไม่ได้โกรธเลย”   น้องซุกหัวเข้าหามือผมอ้อนๆ แน๊ะ ๆ ยิ่งดูยิ่งน่ารักแฟนใครหว่า ถ้านี่ไม่ใช่ที่ห้าง
ผมคงก้มลงไปหอมแก้มยุ้ยๆ ของอีกฝ่ายไปแล้วหล่ะ

“ไม่โกรธแต่หนีกันมา  แถมยังไม่มองหน้ากัน”  น้องทำหน้างอ ปากเม้มแน่นเหมือนคนน้อยใจจัดๆ จนผมอยากดึงน้องมากอด

แต่ก็ทำได้แค่อมยิ้มอยู่อย่างนั้น  เพราะถึงอีกฝ่ายทำยังไงคนตรงหน้าก็ยังน่ามองที่สุดสำหรับผมอยู่ดี

“มองค์กลับไปแล้วเหรอครับ แล้วป้าอรหล่ะ”   ผมถามขึ้นเมื่อมองไปรอบๆ แล้วไม่เห็นทั้งสองคนอยู่ใกล้ๆ แถวนี้เลย

“มองค์กลับกับเพื่อนแล้ว แม่ก็เดินไปดูของอีกนิดหน่อย นี่...อย่าเบี่ยงประเด็นได้ม้ายยยยย”  น้องลากเสียงยาว

หน้ามุ่ยขึ้นอีก สองเปอร์เซ็นต์ผมได้แต่หัวเราะหึหึ  ก็มันขำยิ่งงอนเท่าไหร่แก้มก็ยิ่งป่องมากขึ้นเท่านั้น หน้าแดงจัดๆ

อาจจะเพราะโกรธจัดก็ได้  พอผมนิ่งๆ  น้องก็ทุบมาที่ไหล่ผมเป็นการใหญ่

“นี่ๆๆๆ  จะบอกมั้ย?  ฮึ”  ทุบเสร็จก็หันหลังให้กันเสียเฉยๆ  นี่เป็นปฏิกิริยาตอบสนองรึไง ง้อไม่หาย งอนตอบซะเลย

“นี่ๆๆ  หันมาคุยกันก่อน”  ผมเอานิ้วจิ้มที่แขนอีกฝ่ายเบา  น้องมองผมด้วยหางตาเล็ก ก่อนจะสะบัดขนตากลับงอนๆ
น่ารักเป็นบ้า  .....  แล้วตามด้วยพ่นลมหายใจดังให้ผมได้ยินด้วย  เป็นการเตือนขั้นต้นว่าโกรธแล้วนะ ผมก็ยิ้มกว้าง

“ภาคไม่ได้โกรธนะครับ  แค่เห็นว่าเราดูอึดอัดตอนที่ภาคอยู่ด้วย  เลยคิดว่าออกมารอข้างนอกดีกว่า  ไม่ได้เจอกันนาน

คงมีเรื่องอยากจะคุยกันเยอะแยะไปหมดนั่นแหล่ะ  ภาคไม่อยากกวนใจเรา”  น้องหันมามองผมเศร้าๆ เหมือนรู้สึกผิดมากๆ

ผมเลยลูบหัวปลอบใจ ตอนนี้จะให้กอดให้หอมก็คงไม่ได้ 

“ไม่ได้อึดอัดสักหน่อย แล้วภาคก็ไม่ได้กวนแพนด้วย ที่หันมาบ่อยๆ ก็เพราะกลัวภาคเหงาต่างหาก  พอแม่บอกว่าภาค

เอาของไปเก็บแล้วจะไปเดินเล่นต่ออ่ะ แพนอยากร้องไห้เลยนะ กลัวภาคโกรธน้อยใจที่เห็นแพนให้ความสำคัญมองค์เยอะกว่า

แต่มันไม่จริงหรอกนะ ....เพราะว่ายังไงแล้ว.....”    น้องหยุดกลืนน้ำลายลงคออีกใหญ่ เหมือนคนจะร้องไห้ประมาณนั้น

เหลือบตาขึ้นมาสบตาผมแล้วหลุบลงต่ำ  ไม่ได้พูดอะไร แต่ไอ้ปฏิกิริยาหูแดงหน้าแดงนี่มันงงๆ นะ 

“.......”   ผมก็นั่งมองอีกฝ่ายเงียบๆ รอว่าน้องจะพูดอะไรต่อรึเปล่า  น้องช้อนตามาสบตาผมอีกครั้งเห็นเลยว่าเขินมาก
หูแดง หน้าแดง ไม่พอ  มือจิกขากางเกงตัวเองแน่นเหมือนคนไม่รู้ตัว  ผมเลยช้อนตามองอีกฝ่ายบ้าง คราวนี้แหล่ะ 

ผมส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้เต็มที่  แถมยังยกยิ้มมุมปากนิดแค่พอเท่ห์  จริงๆแค่รู้สึกทุกทีที่ยิ้มแบบนี้แพนจะเขินมากๆ

ตอนนี้เลยเขินจนตัวบิดทั้งตัว มืออีกข้างที่ว่างจิกเก้าอีกซะแน่น ผมเลยเร่งปฏิกิริยาอีกนิด น่าแกล้งจริงๆ

“แล้ว?”   ผมเลิกคิ้วเป็นคำถาม สนุกที่แกล้งคนตรงหน้าได้ แต่ก็ทรมานเหมือนหมา ที่เห็นเนื้อแขวนอยู่ตรงหน้า น้ำลายยืด

อยากจะกิน  แต่ก็ได้แค่มอง ยังไงยังงั้น     อยากฟัด อยากกอดน้องใจแทบขาด

“ก็ ..ก็ ..ก็”  อีกฝ่ายอึกอัก  แล้วก้มมองพื้น

“ก็อะไรครับ หืม?”  ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกนิด กระซิบพอให้ได้ยินกันสองคน   แล้วรีบผละออก กลัวน้องจะดูไม่ดี

“ก็ภาคสำคัญที่สุดน่ะแหล่ะ  เง้ออายอ่า~”  ไอ้ตัวเล็กว่า เอาหัวชนไหล่ผมเบาๆ อยู่หลายที  ผมเลยหัวเราะออกมา

มันดีใจจนล้นอกเลยทีเดียว

“แพนก็เหมือนกันนะ....  สำคัญกับภาคที่สุด”  ไอ้ตัวเล็กเงยหน้ามามอง หน้าแดงเถือกกกก ฮ่าๆ  ทุบไหล่ผมแก้เขินไปสองที

“บ้า”   ฮ่าๆ  ....  ผมยิ้มอย่างมีความสุข  ผมยกแขนโอบรอบไหล่อีกฝ่าย เดินไปยังร้านที่ป้าอรรอยู่เพราะอีกฝ่ายพึ่งโทรตาม

ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็รู้สึกดีเหลือเกินที่ได้มีคนๆ นี้อยู่เคียงข้าง





ผมหิ้วของอีกสองสามอย่างเดินตรงไปที่รถ โดยมีคุณแม่กับคุณลูกเดินควงแขน คุยกันงุ้งงิ้งอย่างมีความสุขตามหลังมาด้วย

เย็นนั้นกลับถึงบ้านเกือบ ห้าโมงเย็น  แต่เราไม่ต้องกังวลเรื่องมื้อค่ำเพราะพ่อกับแม่ผมได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อย

และทุกอย่างก็เป็นเหมือนเดิม  ขวัญใจอันดับหนึ่งของเราทั้งสองบ้านก็ยังคงเป็นสุดที่รักของผมอยู่ดี

“แพน  ต๊ายยยมาให้น้ากอดหน่อยเร็ววววววว”  แม่ผมตะโกนเรียกอีกฝ่ายเสียงดัง น้องก็วิ่งถลาเข้าไปซุกอกแม่ผมอย่างเอาใจ

นี่แค่ไปเคลียร์งานแล้วไม่ได้เจอกันหนึ่งวันแค่นั้นเองนะ  ผมมองยิ้มๆ ขณะที่ป้าอรถึงกับส่ายหน้าเบาๆ แล้วหลุดขำออกมา

ป้าอรหันมาหาผมพยักเพยิดให้ดูคู่หน้าหลานที่บ้าเห่อกันไม่หาย ก่อนยกมือมาลูบหัวผมเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

“คิดถึงน้านีที่สุดเลย”  เสียงไอ้ตัวเล็กออดอ้อน  แม่ผมก็ดึงอีกฝ่ายไปกอด หอมแก้มซ้ายทีขวาทีเป็นการใหญ่

“โอ๊ยยยย ปากหวานลูกใครกันหล่ะเนี่ย?” แม่ว่าจบก็หันมามองป้าอรยิ้มๆป้าอรก็ยิ้มขำแล้วก็ร่วมเล่นสงครามชิงลูกชายกับแม่ผม

“ลูกชั้นหย่ะยายนี  มาๆ น้องแพนมาให้แม่กอดดีกว่า”   ป้าอรเดินเข้าไปกอดแพนอีกข้าง ไอ้ตัวเล็กยิ้มหน้าระรื่น

ส่วนผมก็หอบเข้าของไปเก็บในบ้านแทน  ไม่รู้สงครามนั่นจบตอนไหน แต่ตอนนี้ผมชิ่งไปอาบน้ำอาบท่าก่อนดีกว่า




ตกเย็นเราทำปาร์ตี้เล็กๆ ที่สวนหน้าบ้านผม  เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของทั้งบ้านผม และบ้านแพนวันนี้เลยมีการฉลอง

เลี้ยงตอนรับไอ้ตัวเล็กไปด้วยไปเลยทีเดียว  ท่ามกลางแสงไฟจากตะเกียงเจ้าพายุที่จุดตั้งอยู่กลางวง และรอบๆ

บรรกาศที่รอบล้อมไปด้วยแมกไม้ เสื่อจากต้นกกสองผืนปูต่อกัน  ด้านบนมีโต๊ะญี่ปุ่นสองตัว วางอาหารอยู่หลายจาน

เบียร์กับเหล้าสำหรับคุณพ่อทั้งสอง ส่วนแม่ผมจิบเบียร์นิด ๆ พอดื่มด่ำบรรยากาศ  ค่ำคืนของชาวต่างจังหวัด

ท้องฟ้ามืดดำสนิทเท่าไหร่ ดวงดาวก็ยิ่งพราวแสงมากขึ้นเท่านั้น   เสียงพูดคุยอย่างสนุกสนาน ทั้งจากบรรดาผู้ใหญ่

และการหยอกเย้ามายังเด็กๆ เป็นระยะจากทั้งสองบ้าน ทำให้ทุกคนอิ่มเอมเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อาหารอร่อยฝีมือพ่อ

ไม่เคยตก  อดีตเชฟโรงแรมดัง ....  หลังจากวางมือมาเนิ่นนาน แล้วผันตัวเองมาทำทัวร์ในประเทศจากการหลอกล่อของแม่ 


แต่รสชาดต้องยกนิ้วให้ หลายๆ ครั้งที่บรรดาแม่ๆ ของสองบ้านเป็นลูกศิษย์ให้พ่อสอน อาหารของทั้งคู่จึงอร่อย

ถึงจะสู้ครูอย่างพ่อไม่ได้ก็เถอะนะ   บรรยากาศแสนโรแมนติคซะจน  ผมอดที่จะแอบกุมมืออีกฝ่ายไว้ไม่ได้ ความอบอุ่น

ที่ส่งผ่านถึงกัน  เราลอบสบตากันเป็นระยะ  นัยตาฉ่ำหวานตามประสาคนรัก  ถูกส่งถึงกันโดยไม่ให้ผู้ใหญ่รู้ตัว

เรากุมมือกันแน่น.....  อยากจะจูบคนตรงหน้าเหลือเกิน แต่ก็ทำได้แค่มอง 

ปาร์ตี้จบลงด้วยการแยกย้ายกันไปนอน  ป้าอรกับลุงนพแยกตัวไปตั้งแต่ สี่ทุ่ม เพราะป้าอรที่ท้องอยู่ รู้สึกเพลียจนทนไม่ไหว

กับการชอปปิ้งอันยาวนานในวันนี้ ส่วนพ่อกับแม่ผม ก็เมากันทั้งคู่  แม่ไม่ได้ดื่มมาก แต่คออ่อน  ส่วนพ่อดื่มมากก็เลยเมา

แต่ก็นะนานๆ ที  พ่อหอบหิ้วแม่ไปนอน ผมกับแพนขันอาสาเก็บกวดข้างของต่อตอนเที่ยงคืน   คืนนี้น้องนอนห้องผม

หลังจากสองสามวันมานี่ ป้าอรเอาน้องไปนอนกอดตลอดสามวัน  วันนี้เลยเป็นวันดีที่ผมจะได้นอนกอดไอ้ตัวเล็กบ้าง




หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#5 P.19 1/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Mclvblue ที่ 01-06-2013 04:40:12
อะๆมาตามบ้างไรบ้าง ก็ยังคงเชียร์
ให้รับๆบอกคนในบ้านซะที แลดูคงไม่มีพิธมีภัยเท่าไหร่
( มันก็แล้วแต่คนแต่งแหละเว้ย !!! )
รออ่านตอนต่อไปจ้า    :L2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#5 P.19 1/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 01-06-2013 06:03:17
 :katai5: :katai5:

แล้ววิญญาณงูหลามจะเข้าสิงภาคหรือป่าวคืนนี้ ชะเอิงเอย

 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#5 P.19 1/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 01-06-2013 11:04:56
คืนนี้.....หุหุหุ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#5 P.19 1/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 01-06-2013 11:07:22
แค่กอดอย่างเดียวเหรอคุณพี่ภาค :z1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#5 P.19 1/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 01-06-2013 11:32:44
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#5 P.19 1/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 01-06-2013 20:10:46
คืนนี้พี่ภาคจะได้จัดหนักไหม
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#5 P.19 1/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 04-06-2013 09:15:32
อ่านทีไรต้องอมยิ้มด้วยความน่ารักของแพนจริง ๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#5 P.19 1/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 05-06-2013 12:02:12
แต่งมาหลายวันแล้วยังไม่เสร็จสักที 


รอหน่อยนะคะ ......   พยายามอยู่  อย่าพึ่งทิ้งเค้าน๊าาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#6 Final P.19 6/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 06-06-2013 02:48:59
กว่าที่ผมกับแพนจะเก็บกวาดข้าวของทำความสะอาดเสร็จสิ้นก็ปาไปเกือบ ๆ ตีหนึ่ง  ผมเห็นน้องหาวไปหลายครั้งท่าจะเหนื่อย

“ง่วงเหรอครับ?”  ผมลูบหัวน้องเบา ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโอบรอบไหล่  ไอ้ตัวเล็กซบหัวพิงมาที่อกผมหลับตาลง แล้วก็เดิน

ไปทั้งอย่างนั้น ขึ้นชั้นสองของบ้านโดยมีผมประครองให้เดินตามเส้นทาง จนมาถึงห้องนอนไอ้ตัวเล็กก็กระโจนเข้าหาเตียง

แต่ยังไม่ทันจะถึง เพราะผมรู้ทันเลยคว้าเอวอีกฝ่ายไว้แน่น เล่นเอาเซเหมือนกัน อีกฝ่ายหันมามองผมหน้ามุ่ย

“ไรอ่ะ ง่วง”   เสียงงุ๊งงิ๊งบ่นออกมาเบาๆ ทั้งที่เปลือกตาปิดสนิท จะว่าไปก็น่าสงสารอยู่หรอก แต่คงนอนไม่สบายตัวเท่าไหร่

ก็เราสองคนเหงื่อออกจนเปียกทั่วตัวอย่างนี้  ยังจะมีอารมณ์ข่มตาหลับไปได้อย่างไรกัน ผมจุ๊บแก้มน้องเบาๆ


“อาบน้ำก่อนนะตัวเหนียว”  ผมว่าแล้วหอมแก้มอีกฟอดใหญ่  ทำไงได้มันไม่ค่อยมีโอกาส ตอนนี้ได้ทีก็หอมได้หอมเอา
“อื๊ออออออ  แต่แพนง่วงอ่า”  น้องส่งเสียงออกมาอย่างรำคาญ เริ่มจะงอแงหน่อยๆ แล้วด้วย  ผมก็ได้แต่อมยิ้ม

ไม่เข้าใจว่าตัวเองบ้าไปรึเปล่า ถึงได้มองยังไงก็ยังดูน่ารักไม่เปลี่ยนสักนิด  อยากจะกดหอมอีกรอบแต่กลัวน้องรำคาญ

“เดี๋ยวภาคอาบให้นะ  นะครับแป๊บเดียว”  ว่าจบก็มองหน้าอีกฝ่ายที่ยังหลับตาพริ้มเพราราวกับมีความสุขเสียเต็มประดา

ที่จะได้นอนหลับพักผ่อน  ผมก็เข้าใจน่ะนะ ว่าวันนี้คงเหนื่อยมากๆ ไหนจะเดินซื้อของทั้งวัน ไหนจะต้องปาร์ตี้ แล้วยังมาช่วย

ผมเก็บล้างจานชามอีก  จริงๆ ก็บอกให้อีกฝ่ายขึ้นมาก่อนเดี๋ยวผมจะจัดการที่เหลือเอง แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมท่าเดียว

ยืนยันจะอยู่ช่วยจนเสร็จ  และก็เสร็จจริงๆ น่ะแหล่ะ แต่ตอนนี้ก็กลับมางอแงไม่ยอมอาบน้ำอาบท่านี่สิ  จะนอนเข้าไปได้ยังไง

“แพนครับ?”  ผมเรียกอีกครั้ง  เมื่อเห็นว่าน้องเงียบไปนาน ได้ยินเสียงพ่นลมหายใจดังๆ อย่างขัดใจ ก่อนจะตอบกลับในที่สุด

“อือ”  สั้นๆ แต่ได้ใจความครับ  ผมอุ้มไอ้ตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนเข้าไปในห้องน้ำ ที่นี่ไม่ได้มีอ่างอาบน้ำอย่างที่คอนโด

มีเพียงฝักบัวกับเครื่องทำน้ำอุ่นเท่านั้น  พ่อกับแม่ไม่ชอบเป็นการส่วนตัว ท่านว่านอกจากจะเปลืองน้ำมากแล้วยังเสียเวลา

โดยใช่เหตุ กว่าน้ำจะเต็มกว่าจะอาบ กว่าจะล้างอ่างเช็ดอ่างเสียเวลาอีกเป็นนาน  เลยเลือกให้มีแค่ฝักบัวกับเครื่องทำน้ำอุ่น

ผมใช้เท้าเขี่ยเก้าอีกพลาสติกสำหรับนั่งซักผ้าให้ชิดมุมห้องก่อนจะวางน้องนั่งบนนั้น ให้ตัวและหัวพิงผนัง

ถอดเสื้อผ้าตัวเองเสร็จก็ถอดเสื้อผ้าอีกฝ่าย  ยากนิดหน่อยแต่ไม่เกินความสามารถ เปิดฝักบัวรดตัวน้องเบาๆ ปากก็พร่ำ

บอกก่อนตลอดกลัวอีกฝ่ายตกใจ ค่อยๆ สบู่ถูจนทั่วตัว  อื้มมมมมม....  ขาวจริงๆ  และความสามารถผมก็พร้อมอยู่เสมอ

หลังเปิดฝักบัวมาล้างฟองออกจากตัวน้อง  น้ำล้างตรงไหนเสร็จจมูกผมก็ตามจูบไปตามพื้นที่ว่างตรงนั้น ผมไล่จูบไปเรื่อยๆ

ได้ยินเสียงครางอืออา  ตามมาเป็นระยะซึ่งตอนนี้ผมไม่แน่ใจว่าน้องรำคาญ หรือเสียวซ่านกันแน่  จนมาถึงตรงกลางอก

ตรงนี้ไม่ไหวจริงๆ ที่จะแค่แตะจมูกผ่านอย่างที่ทำก่อนหน้า แค่เห็นก็อยากจะลงลิ้น แล้วความต้องการที่ซุกซ่อนมันก็โผล่

ผมไล้ลิ้นเลียเป็นวงรอบ ก่อนจะดูดอย่างหื่นกระหาย ความต้องการร้อนผ่าวตื่นตัวขึ้นมาจากส่วนนั้น ผมซุกหน้านัวเนียอยู่สักพัก

มือของอีกฝ่ายก็จิ๊กแน่นที่ผม  เลยต้องเงยหน้าสบตาอีกฝ่าย  น้องจ้องมองมาไม่ได้ว่าอะไร สายตาดูง่วงงุนอย่างเคย

ผมคงหื่นเกินไป  ......  ตอนนี้น้องต้องการพักผ่อนผมก็ควรจะเข้าใจ ไม่เป็นไร.....แค่สองมือก็คงพอ  ผมยิ้มบางๆ ให้น้อง

รีบล้างเนื้อตัวที่เปื้อนสบู่ของอีกฝ่ายจนเสร็จ ทั้งๆ ที่ของตัวเองแข็งโด่อยู่อย่างนั้นแหล่ะ  ผมก็ไม่ได้อยากอดทนนะ...

แต่ว่าผมไม่อยากทรมานคนที่ผมรัก  ไม่ใช่ว่าเราต้องการแล้ว.....จะหมายถึงอีกฝ่ายต้องการด้วยเสียเมื่อไหร่

ผมหยิบผ้าเช็ดตัวเช็ดไปทั่วตัวอีกฝ่าย  ก่อนจะเอาห่อน้องแล้วอุ้มมาที่ห้องนอน หยิบเสื้อยืดของตัวเองกับบอกเซอร์ใส่ให้อีกฝ่าย

น้องก็มองผมนิ่งๆ  ยิ้มนิดๆ  หึหึ...  ผมน่ารักล่ะสิ ที่อดทนไม่ทำอะไร....  หรือจะขำไอ้ที่มันโด่อยู่นี่กัน  ก็นะอยู่กับน้อง

มันก็แบบนี้แหล่ะเอาไม่อยู่ ตื่นตลอด  .....  ผมปะแป้งเด็กให้อีกฝ่าย จุ๊บที่หน้าผากแล้วดันอีกฝ่ายให้นอนราบกับเตียง

ลากผ้าห่มคลุมให้อีกฝ่ายมองผมด้วยความสงสัย  คิ้วเลิกเป็นคำถาม ... อ้อ...สงสัยจะงงว่าผมทำไมไม่นอนด้วยสิเนี่ย

ผมอมยิ้มมุม มองอีกฝ่ายที่มองมาที่ผมไม่หยุด  ......เลยลูบหัวน้องเบาๆ

“หลับฝันดีราตรีสวัสดิ์นะครับ  เดี๋ยวภาคอาบน้ำเสร็จจะรีบมานอนด้วย”   น้องยิ้มหวาน พยักหน้าน้อยๆ

“เร็วๆ นะ เดี๋ยวแพนหลับก่อน”  แน๊ะ.....อยากรอนอนพร้อมกันน่ารักจริงๆ แฟนผม แต่ผมจะนานรึเปล่ากว่าไอ้ลูกชายมันจะหลับ

“ครับ”  ผมปรี่เข้าใต้ฝักบัว ขัดๆ ถูๆ ไม่นานก็เสร็จ มือรวบไอ้ตัวดีที่ยังโด่ไม่รู้ล้ม เริ่มสาวมือรวดเร็วเพราะกลัวอีกฝ่ายรอนาน

.

.

“ภาค”   เหมือนได้ยินเสียงแว่ว  อาจจะเพราะผมจินตนาการถึงน้องอยู่ก็เป็นได้ สองมือรัวความเร็ว 

“อึก.....  อืมม..... ”  ริมฝีปากกัดแน่นเม้มเสียง เพื่อไม่ให้รบกวนใครทั้งสิ้น

“แกร๊ก......ภาค!”   ผมหันไปมองเห็นน้องยืนมองมาที่ผมด้วยสายตาดุดัน  ริมฝีปากบางแดงเม้มแน่น ใบหน้าบูดบึ้ง

รีบเดินชิ่งเข้าห้องนอนไปเลย   อาจจะเป็นเพราะนอนรอให้ผมไปนอนพร้อมกันอยู่นาน พอมาตามกลับเห็นผมช่วยตัวเองอยู่

น้องคงจะโกรธแน่ๆ เลย   ผมเลยพลอยหยุดทำเอาดื้อๆ ถ้าไม่ตามไปตอนนี้คงโกรธมากๆ ปวดก็ช่างแม่ง

ผมรีบคว้าผ้าเช็ดตัวเช็ดลวกๆ  กลับเข้าห้องหยิบกางเกงขาสั้นได้ตัวก็ใส่แล้วถลาไปกอดสุดที่รักที่นอนหันหลังให้อยู่

โดยเอาผ้าห่อมกลั้นตรงเป้าที่ยังโด่ไม่จบสิ้นให้ไประคายเคืองจิตใจน้องเข้าไปอีกเดี๋ยวจะพาลงอนผมเปล่าๆ

“แพนครับ  ขอโทษนะที่รอนาน”  อีกฝ่ายสะบัดแขนผมทิ้งอย่างไร้เยื่อใย กระเถิบหนีไปจนสุดเตียงซึ่งผมก็กระเถิบตามอย่างถึงที่สุด

โอบกอดรอบเอวบางไว้แนบลำตัว  ตอนนี้ผ้าห่มมันล่นหนีตอนที่น้องกระเถิบตัวหนี  อะไรๆ ก็ทิ่มหลังอีกฝ่ายไปแล้วหล่ะ

น้องยอมนอนนิ่งๆ ให้ผมกอด

“มาๆ มานอนกอดกันเน๊าะ ขอโทษนะที่ช้า”   ผมรีบจูบหัว จูบไหล่ จูบหลังอีกฝ่ายอย่างเอาใจ  รู้สึกน้องตัวสั่น ผมก็งง

“ทำไม ...  แพนไม่ดีเหรอ?  หรือว่ารังเกียจ?”  น้องว่าน้ำเสียงเจือสะอื้น เอ้างานเข้ามั้ยหล่ะทีนี้ แต่ผมว่าประโยคมันแปลกๆ

แค่ผมมานอนด้วยช้า....  ถึงกับตั้งข้อหาว่ารังเกียจนี่ก็เกินไปนะ  แต่ไอ้ที่ใจเสียอยู่นี่คือน้องเริ่มร้องไห้ไง

“เปล่านะครับ  ... ไม่เคยเลย ไม่ได้รังเกียจเลยนะครับ หันมาคุยกันดีๆ ก่อนนะคนดี”  ว่าจบก็จับอีกฝ่ายพลิกตัวเข้ามาหา

ดึงน้องมากอด กดจูบที่หัว และใบหน้าอีกฝ่ายเป็นการใหญ่ อะไรทำให้น้องคิดอย่างนั้นนะ

“แล้วทำไม ..ฮึก...ทำไมทำอย่างนี้หล่ะ” อีกฝ่ายเบ้ปาก ... ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้ว ผมถึงกลับตาโต  ....  ไม่คิดว่าจะถึงขั้นร้องไห้

“โอ๊ะๆๆ  ...ไม่ร้องนะครับไม่ร้อง   ว่าแต่....บอกภาคมาซิ แค่มานอนช้าทำไมถึงต้องร้องไห้ขนาดนั้น”  ผมไล้มือเช็ดน้ำตาอีกฝ่าย

“ไม่...ฮึก...  ไม่ใช่ ฮึกๆๆ”  ลูบหลังอีกฝ่ายไปมา  น้องสะอื้นๆ ฮึกๆ อยู่หลายตลบ ก่อนจะค่อยผ่อนลมหายใจ จ้องหน้าผมเขม็ง

“ภาค...ปรืดดดดดดดดด”  เรียกชื่อผมเสร็จก็หยิบทิชชู่มาสั่งปรืดดดดดใหญ่ แล้วก็เดินโงนเงนเอาไปทิ้งมุมห้อง

เอ่อ....  ยังมีใจรักสะอาดอีกนะ ทีตอนให้อาบน้ำหล่ะยากเสียจริง ก็เลยชันตัวลุกขึ้นนั่งมองตามอีกฝ่ายแบบมึนๆ 

แค่นั้นแหล่ะถึงบางอ้อ... 

อ่ะนะ.....  ไอ้กระป๋องเบียร์ที่กลิ้งโค่โล่สองกระป๋องที่พื้นนั่นปะไร  มันจะขึ้นมาได้ตอนไหนถ้าไม่ใช่ตอนที่ผมอาบน้ำอยู่

วันนี้ทั้งวันผมยังไม่ทันได้จิ๊กเบียร์พ่อมาซักกระป๋อง ตอนอยู่ข้างล่างก็ไม่ได้กิน น้องก็เหมือนกันแล้วไหง๋ไปแอบหยิบที่แช่

อยู่ในตู้มาซดโฮกซะได้  รู้แล้วว่าเมา.... ปกติก็ไม่เคยโวยวาย  แต่คราวนี้ทำไมร้องไห้หล่ะไม่เข้าใจ 
กำลังครุ่นคิดอะไรเพลิน ไอ้ตัวเล็กก็กระโดดมานั่งคล่อมผลักผมให้นอนหงายในท่าที่โคตรจะล่อแหลม ผมกลืนน้ำลายดังเอื๊อก

(ชิบหายล่ะ..ไอ้ที่ตื่นก็ยังไม่ยอมหลับ) ยิ่งมีสะโพกมนมาเสียดสี โอ้โห้.... ใครก็ได้เอามีดมาแทงผมที เสียวเสียจน


อยากกดคนตรงหน้าลง  แล้วสอดใส่ความแข็งขืน ให้ร่างกายขาวเนียนได้กลืนกิน  ก็ได้แต่ห้ามใจ...เพราะมันติดตรงที่ว่า

คนตรงหน้าไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับผมสักนิด  ขนาดผมเผลอหลับตาพริ้มด้วยความเสียวสุดๆ แทบจะครางยามสะโพกมน
ลากผ่าน  แต่ดวงตาที่กระเง้ากระงอดมีน้ำตาคลอเบ้านี่ทำให้ผมไม่อยากไปต่อ  ถึงอยากจะรัก.....แทบขาดใจ  ก็อย่าให้ใกล้

กับคำว่า “ข่มขืน”  เพราะคงได้ไม่คุ้มเสีย  สุขแค่ชั่วคราว .... มันแลกกับความไว้ใจทั้งชีวิตที่ผมทำมา

แล้วถ้าน้องเกลียดขึ้นมา ไม่มองหน้ากัน....  แล้วถึงตอนนั้นผมจะอยู่ได้อย่างไร   ผมยอมนอนนิ่งๆ มองดูอีกฝ่าย ...

มือก็ยื่นไปลูบหลังปลอบประโลมน้องน้อย เมื่ออีกฝ่ายโน้มตัวลงมา  มือเรียวขาววางกักไว้ข้างๆ ใบหน้า

ดวงตาฉายชัดความน้อยใจ  ค่อยๆ หย่อนแขนลงมาแทบทับกับพื้นเตียง  ...  จนใบหน้าหวานห่างกันแค่คืบ 

ปลายจมูกสัมผัสกันแผ่วเบา ๆ ริมฝีปากแทบจรดเข้าหากัน แต่ก็หาเป็นไปตามที่ใจปรารถนาไม่.  เพราะไม่กล้าพอ 
กลัวมันจะผิดมากกว่าที่เป็นอยู่ แม้จะไม่รู้สาเหตุ..หัวใจยังเต้นเหมือนกลองรัว  ร่างกายร้อนระอุไปตามกัน  เรียกหาสัมผัส

วาบหวานที่ซาบซ่านยิ่งกว่าเก่า  ต่างคนต่างจ้องตา  เหมือนกำลังท้าทายบางสิ่ง  ...  ราวกับเวลาหยุดนิ่งลงชั่วครู่ ...

 แล้วจู่ๆ สายตาตัดพ้อ   กับแรงอารมณ์ขุ่นเคืองก็ดูจะคุกรุ่นยิ่งกว่าก่อน  ผมถึงกับเลิกคิ้วทำหน้าเหวอ

“ว่ายังไง...รังเกียจแพนงั้นเหรอ?  ไม่อยากจะสัมผัสกันแล้วใช่ไหม? ภาค... ฮึก.......... ชอบแบบผู้หญิงคนนั้นสินะ ”

น้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่าจบ ก็ทิ้งตัวลงซบอกผม มือเล็กๆ ทุบแบบไม่ปราณี  หยาดน้ำตาพร่างพราว 

ส่งเสียงสะอื้นเล็กๆ ออกมาอย่างน่าสงสาร ผมกอดน้องไว้แน่น  ไม่ให้ทุบผมจนช้ำมากกว่าที่เป็นอยู่ มุ่นคิ้วคิดคำนึง

ซึ่งไม่เห็นผู้หญิงสักคนที่ว่าจะมาให้ผมสนใจ

“เดี๋ยว...ผู้หญิงไหน  แพน......มาคุยกันดีๆ ก่อนครับนะนะ นะครับ  โอ๊ย!” ผมร้องเสียงหลงพอจับแขนห้ามไม่ให้ทุบ

อีกฝ่ายก็งับเข้าที่ไหล่ผมเต็มๆ  แรงหึงนี่.....ดูท่าจะน่ากลัวกว่าที่คิดซะแล้ว  เผลอยกยิ้มที่มุมปาก จะว่าเจ็บก็เจ็บ
จะว่าขำก็ขำ  ไม่เคยเห็นน้องออกอาการขนาดนี้   (ก็ทั้งเมาทั้งหึงนี่นะ  หึหึ)  จะว่าไปก็แอบดีใจนิดๆ นะ ฮ่าๆๆ

“ทำไมจะไม่มี... ผู้หญิงคนนั้นไง  แพนเห็นนะ...  มานั่งคุยด้วยกันเป็นนานสองนานที่ห้างอ่ะ ทั้งสวย ทั้งหุ่นดี อกก็โต๊โต 

ก้นก็ใหญ๊ใหญ่ ชอบแบบนั้นใช่ไหม  ชอบผู้หญิงคนนั้นใช่หล่ะ  อยู่ในห้องน้ำก็คิดถึงเค้าหล่ะสิ ที่ทำอยู่น่ะอยากมีอะไร
กับเค้าใช่มั้ย ถึงไม่ยอมมีอะไรกับแพน   นี่แนะๆๆๆๆ  ภาคบ้าๆๆๆ เกลียดๆๆๆ เกลียดที่สุดเลย  ฮือๆๆๆๆ   

อ๊ะ .....อื๊ออออออออออออ” ไม่ไหวแล้วครับ ผมรวบแขนเรียวทั้งสองข้างไว้มั่นพลิกตัวครั้งเดียวอีกฝ่ายก็ลงไปนอนบน

เตียงนุ่นใต้ตัวผม  แล้วกดมันลงไว้เหนือหัว ปากก็ประกบจูบอย่างเร่าร้อน  จะน่ารักเกินไปแล้ว  หึงใช่ไหม?  ที่อีกฝ่ายเป็นอยู่

อยากรัก....  ให้สมกับความน่ารักของน้องตอนนี้   และเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมฟังเลยต้องทำให้อีกฝ่ายสงบก่อน

น้องเม้มริมฝีปากแน่นไม่ให้ผมสอดแทรกลิ้นเข้าไปได้ มือข้างที่ว่างเลยสอดเข้าไปใต้เสื้อนอนตัวบาง ตะกิดเกี่ยวยอดอกสวย

“อ๊ะ..  อึก”  ริมฝีปากบางเผยอร้อง  เป็นจังหวะให้ผมสอดลิ้นเข้าไปเกาะเกี่ยว กวาดต้อนความหวานทั้งมวลที่หลงเหลือ

หลอกล่อด้วยลูกล่อลูกชน  ทั้งเคล้าคลึง หยอกเย้า และดูดดื่ม  จนอีกฝ่ายสิ้นแรงหันมาตอบรับสัมผัสหวาม

ด้วยการไล่ต้อนลิ้นผมต่อ  ผมปล่อยมือเรียวทั้งสองข้าง ไอ้ตัวเล็กก็โอบกอดรอบลำคอผมไว้แน่น  เราจูบกันอยู่เนิ่นนาน

จนผมเริ่มไม่อยากจูบเฉยๆ แหล่ะ  แต่ก็ต้องห้ามใจ.....  เราควรเคลียร์เรื่องราวที่มันค้างคา...ก่อนที่จะพาน้องขึ้นสวรรค์ หึหึหึ

ผมผละจูบออกเล็กน้อย  ก่อนจะตามไปเล็มริมฝีปากหวานเชื่อมอย่างอดใจไม่ไหวอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็หยุดอยู่

ไอ้ตัวเล็กส่งเสียงครางอย่างขัดใจเล็กน้อย  ก่อนจะลืมตามาจ้องมองผมเต็มๆ ตา

“คุยกันก่อนครับ....  เรื่องเมื่อกี้”  ผมผ่อนลมหายใจยาวๆ  เมื่ออีกฝ่ายเริ่มเบ้ปาก  เลยต้องแตะจูบเบาๆ อีกหลายรอบกว่า
จะได้คุยต่อ    น้องหลุบตาลงต่ำแม้จะไม่เบ้ปาก  แต่ริมฝีปากบางสวยก็เม้มแน่น ตัวสั่นนิดๆ  เริ่มสูดลมหายใจยาวๆ

ราวกับกำลังทำใจที่จะรับศึกหนักตรงหน้า  ....  ขอบอกว่า.....มันน่ารักมาก...  ร่างขาวเปลือยเปล่า  ก็นะ...ตอนที่นัวเนีย


กันไปมา มือผมมันไปเองนี่นา....  เห็นรอยแดงเป็นหย่อมๆ จากการถูไถลูบไล้ก่อนหน้า  มือเรียวจิกแน่นที่ผ้าห่ม แค่นั้น...

ผมก็แทบอยากขย้ำไอ้ตัวเล็กตรงหน้า อยากบดจูบ  ซุกไซร้ให้ทั่วตัว  พาอีกฝ่ายดื่มด่ำไปถึงสวรรค์ครั้งแล้วครั้งเล่า

เผลอแอบอมยิ้มนิดๆ เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายหึงหวงผมแค่ไหน  ผมไม่ได้โรคจิตนะ แต่แบบว่า....นานๆ ครั้งหึงบ้างก็ดี ให้พอรู้ว่าผม

ก็ยังพอสำคัญสำหรับคนตรงหน้า  ผมเกลี่ยปอยผมที่ละอยู่แถวหน้าผากอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะกดจูบลงที่เดิมแล้วละออก

น้องช้อนตาขึ้นมามองเล็กน้อยก่อนจะหลุบตาลงต่ำดังเดิม  ผมก้มลงกระซิบเสียงแผ่วเบา

“มองภาคสิครับ”  อีกฝ่ายหันมาสบตาอย่างว่าง่าย  ผมว่าตอนนี้น้องคงอารมณ์เย็นขึ้นมากแล้ว และคงพร้อมที่จะรับฟัง
ภาพเมื่อกลางวันตอนอยู่ในห้างฉายวนกลับมาอีกครั้ง  จริงๆ แล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็สวยอย่างที่น้องว่าจริงๆ นั่นแหล่ะ

สวย ขาว หุ่นดี  ทั้งๆ ที่ไม่ได้แต่งชุดหวาบหวามแต่ประการใด  อายุมากกว่าผมหน่อย สูงพอประมาณ แต่งหน้าบางๆ

ดูดีชนิดที่เรียกว่าไม่ต้องแต่งก็ยังได้  ผมว่าผู้ชายต้องมองเหลียวหลังอยู่หลายคน  แต่ก็นะ.....มันไม่ใช่กับผมนี่

“พี่คนนั้นชื่อเจน  เดี๋ยวฟังภาคก่อนครับ”  แค่บอกชื่อไอ้ตัวเล็กเบี่ยงหน้าหลบไปมองด้านข้าง   เพราะไม่อยากสบตากับผม

ผมไล้นิ้วโป้งที่แก้มน้องเบาๆ  เป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายหันมา  และก็ตามนั้นน้องหันมาสบตากับผมอีกครั้ง

“ตอนที่ภาคออกไปนั่งรอแพนคนเดียว  อยู่ๆ พี่เค้าก็มานั่งข้างๆ”

“แล้วภาคก็ชอบใช่มั้ยหล่ะ?” ดวงตาหวานหลี่ลงอย่างคาดคั้น ทำผมหลุดหัวเราะทันที ช่างมีปฏิกิริยาตอบสนองได้ว่องไว

มากจริงๆ  เด็กงอแงยื่นมือเรียวมาบิดแขนผม จนผมสะดุ้งโหยงน้องถึงได้พอใจ

“ไม่ใช่สักหน่อย ...ถ้าไม่ใช่แพนก็ไม่ชอบหรอก”  พูดจบเท่านั้นแหล่ะ  ผมแอบเห็นน้องยิ้มเขินๆ ที่มุมปากเล็กน้อย

แม้จะพยายามกลั้นแล้วก็ตามที  ผมเลยยิ้มกว้างใจชื้นขึ้นมาอีกนิดหล่ะ

“เล่าต่อดิ?”   เมื่อน้องเห็นว่าผมจับผิดตัวเองได้ เลยแก้เขินด้วยการทุบๆ พร้อมไล่ให้ผมเล่าต่อ

“ก็นั่งอยู่เกือบๆ สิบนาทีมั้งเท่าที่รู้สึกอ่ะนะ  แล้วเค้าก็ทักขึ้นมาเบาๆ ว่าน้องคะพี่ขอคุยด้วยได้ไหม  ภาคเลยเงยหน้าจากหนังสือ

ที่อ่านอยู่  ตอนแรกก็นึกว่าจะโดนจีบซะอีก แต่สีหน้าพี่เค้าดูเศร้ามากๆ ภาคเลยคิดว่าคงไม่ใช่แล้วหล่ะ แต่ถึงจะจีบก็คง

ปฏิเสธอยู่แล้วอ่ะนะ”  ผมเล่าไป พลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แล้วมือเล็กก็ดึงผมให้ลงไปนอนข้างๆ พร้อมตะแคงมาหา

“ค่อมอยู่ได้ไม่เมื่อยรึไง ..  ลงมานอนเล่านี่แหล่ะดีแล้ว”  อีกฝ่ายแก้ตัวโดยที่ผมยังไม่ทันออกปากถามด้วยซ้ำ ผมยิ้มแล้วเล่าต่อ

“ครับ ภาคเลยหันไปตอบพี่เค้าว่า ครับพี่? มีอะไรเหรอครับ? เค้าก็แนะนำตัวก่อนเลยว่าชื่อเจน แล้วถามคำถามที่ไม่คิดว่า

คนแปลกหน้าจะกล้าถามกัน”

“พี่เค้าถามว่าอะไรอ่ะ”   น้องซักต่อด้วยความสนใจ  คงเพราะผมบอกว่าเธอมาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยล่ะมั้งนะ น้องเลยสงสาร

“เค้าถามว่า .....

“น้องมีแฟนเป็นผู้ชายรึเปล่าคะ คือพี่เห็นตอนเราอยู่กับน้องที่น่ารักๆ อีกคน  ขอโทษนะคะที่ละลาบละล้วง แต่ช่วยพี่หน่อยเถอะ
คะ พี่...พี่จนหนทางจริงๆ”    พี่เค้าพูดเหมือนจะร้องไห้เลย ภาคก็เลยพยักหน้าตอบว่า  “ใช่”  พี่เค้าก้มหน้าลงถอนหายใจแรงๆ

แล้วเงยหน้ามาคุยกับภาคอีกที

“บอกพี่หน่อยได้ไหมทำไมถึงชอบผู้ชายด้วยกัน  ขอโทษนะคะ พอดีน้องชายคนเดียวของพี่เค้าก็มีแฟนเป็นผู้ชายน่ะ

พี่พึ่งรู้เมื่อกี้นี้เอง.....  คนที่เค้าแนะนำว่าเป็นเพื่อนมาตลอด จริงๆ แล้วเค้าเป็นแฟนน้องชายพี่ พี่ไม่เข้าใจจริงๆ

 ท...ทำไมถึงต้องชอบผู้ชายด้วยกัน  น้องช่วยบอกพี่ทีเถอะ.....พี่ก็อยากจะเข้าใจน้องชายตัวเอง แต่.....ไม่เข้าใจจริงๆ”   น้ำ
เสียงพี่เค้าดูผิดหวังมากเลยกับเรื่องที่เกิดขึ้น  พูดซ้ำๆ ว่าไม่เข้าใจ ภาคเองก็ไม่รู้จะช่วยยังไง ก็ทำได้แค่อธิบายให้พี่เค้าฟัง 

“ผมอาจช่วยให้พี่เข้าใจน้องชายพี่ไม่ได้หรอกนะครับ มันมีปัจจัยหลายอย่าง....ผมบอกไม่ได้ว่าเค้าเกิดจากสิ่งไหน

ผมอยากให้พี่รู้ว่าไม่มีใครอยากทำในสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับหรอกนะครับ ทุกคนเองก็อยากให้คนรอบตัวยอมรับและรักที่เราเป็น
เรา

การที่เราจะรักใครสักคนหนึ่งมันไม่ได้มีเหตุผล ไม่จำเป็นว่าเค้าคนนั้นจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย ผมไม่รู้จะบอกยังไง แต่แค่

การได้อยู่กับเค้าคนนั้นแล้วมันทำให้ผมมีความสุข เป็นตัวของตัวเอง อยู่แล้วสบายใจ จนอยากจะอยู่ด้วยตลอดเวลา

ทุกครั้งที่ผมเจ็บ หรือเสียใจ  เค้าจะเป็นคนที่ยืนข้างๆ ปลอบใจ เสียใจ ทุกข์ใจไปด้วยกัน

และถ้าต้องแยกจากกัน....  ผมก็ไม่รู้ว่าจะทนกับมันได้มากแค่ไหน  พี่มีคนรักรึเปล่าครับ? ”

“อืม”  เสียงแผ่วเบาที่ออกมาจากปาก

“ทำไมพี่ถึงรักเค้าหล่ะครับ?”  หันไปจ้องมอง พี่เค้าที่มองตอบกลับมา

“ไม่รู้สิ.... ก็รักมั้ง?”  เสียงแผ่วเบาที่ตอบกลับมา

“พวกผมก็เหมือนกัน  ไม่รู้ว่าเพราะอะไร   รู้ตัวอีกทีก็รักไปแล้ว”  หันกลับไปยิ้มให้กำลังใจอีกฝ่าย พี่เค้าเงยหน้ามายิ้มตอบ

“อืม.....นั่นสินะ  แม้แต่ตัวเองก็ยัง ”รัก”  โดยที่ไม่ต้องมีเหตุผลเลย  ขอบใจนะ”  สีหน้าที่ดูผ่อนคลายลงของพี่คนนั้น

ก่อนจะหันมายิ้มเพื่อเป็นการขอบคุณ  แล้วก็ลุกจากไป

.

.

“เรื่องก็มีแค่นี้แหล่ะ  จากนั้นภาคก็อ่านหนังสือต่อ.... จนแพนมา  ตอนนั้นไม่เห็นแพนมีปฏิกิริยาอะไรเลย” ผมหันไปถามน้อง


“ก็....  ก็แพน แพน... ฮึ  คนมันหึงนี่นา”  ว่าจบก็พลิกตัวหนีแบบงอนๆ  ผมขยับตามไปใกล้ก่อนจะรวบตัวอีกฝ่ายมากอด
ทั้งอย่างนั้น  แผ่นหลังบางที่แนบสนิทกับหน้าอกผม กลิ่นอ่อนๆ ของแพน ยังเย้ายวนใจให้หลงไหลได้เสมอ 

“หึหึหึ ...  หึงน่ะไม่ว่าครับ แต่สัญญาด้วยนะว่าต้องถาม และต้องฟังภาคอธิบายด้วย”  ผมกระซิบที่ใบหู  น้องย่นคอเล็กน้อย

ก่อนจะส่งเสียงเบาๆ ตอบรับ

“อือ ครับสัญญา”  ว่าจบก็พลิกตัวกลับมาหาแล้วซุกอกผม ได้ยินเสียงงุ้งงิ้ง ที่ดังมาเบาๆ


“ขอโทษนะ”  ผมกดจูบที่หัวทุย 

“อืม ครับ  บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร”
“ถามอีกเรื่องได้เปล่า?”  ไอ้ตัวเล็ยเงยหน้าหันมาสบตาผมตาแป๋ว

“อืม  ถามมาสิ?”  ผมพยักหน้ารับ

“ทำไมต้องไป ช่วยตัวเองในห้องน้ำด้วยอ่ะ”   ผมว่าผมเห็นหูแดงๆ ของอีกฝ่าย  ตอนนี้รามไปทั่วหน้าแล้วด้วย

“ก็อยาก”  ผมตอบไปตรงๆ น้องกระพริบตาปริบๆ จ้องมาที่ผมงงๆ

“แล้ว?...  แล้ว?”   อีกฝ่ายพูดตะกุกตะกัก

“ก็เห็นแพนไม่อยาก  ภาคเลยไม่อยากกวนไงครับ”  ผมรีบต่อให้ เพราะถ้ารอให้จบประโยคคงไม่ได้ฟัง

“ใครบอก?” น้องพึมพำ 

“หืม?”  แต่ผมนี่หูผึ่งไปแล้ว 

“ป...เปล่า”  น้องส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ  แต่มันไม่ทันแล้วมั้ยที่รัก?  ก็ไอ้ลูกชายมันตื่นๆ หลับๆ มาหลายรอบแล้ว

“ไม่ทันแล้วครับแพน”  ผมกระซิบบอกอีกฝ่ายด้วยเสียงกระเส่า  เผยความต้องการแบบไม่ปิดบัง แล้วบดจูบริมฝีปากหวานทันที

“อืมมมมมมมมม” เสียงครางประท้วงในลำคอ  อาจเป็นเพราะยังไม่ทันตั้งตัว  ผมแทรกลิ้นเข้าไปในริมฝีปากของอีกฝ่าย

ดูดกลืนความหวาน  ไล่ต้อน เร่งเร้า.......  ให้อีกฝ่าย มาก่อกองเพลิงร่วมกัน  ไม่ใช่เพลิงธรรมดา แต่เป็นเพลิงปรารถนา


ที่กลืนกินเวลายาวนานร่วมๆ สัปดาห์  ที่ผมได้เฝ้ามอง  อดทน  อดกลั้น  ไม่ได้สัมผัส และล่วงล้ำอีกฝ่าย

มือลากไล้ บดขยี้ยอดอกสีสวย ระดมจุมพิศทั่วใบหน้า  กกหู  ก่อนจะมาซุกไซร้ลำคอขาว กลิ่นหอมหวนยวนใจไม่ว่าครั้งไหน

ลากลิ้นสากมาสัมผัสยอดอก ดูดดุน จนยอดแข็งเป็นไตชูชันต่อล้อกับอารมณ์หวาบหวาม  บดขยี้จนพอใจ  น้องแอ่นอกหรา

เสียงกรีดครางดังมาเป็นระยะ  ค่อยจุมพิศ ดูดชิมเนื้อขาวๆ ไล่ต่ำจนถึงแอ่งสะดือสวย แทรกลิ้นหยอกเย้า เจ้าของร่างถึงกับ

บิดม้วน  ก่อนจะซุกไซร้จมูกกับท้องน้อย กัดเบาๆ ได้ยินเสียงครางซี๊ดเร้าอารมณ์ หน้าท้องเกร็งแน่น ก่อนจะดูดแรงๆ

แกล้งอีกฝ่าย ลิ้นไล้เลียรอบโคน แต่กลับไม่สัมผัสแพนน้อยที่ตื่นขึ้นมาแล้วเต็มที่ น้องบิดร่างเร่า ๆ ทรมาน แต่สวยงามเหลือเกิน

อีกฝ่ายจ้องมองด้วยสายตาอ้อนวอน  ดวงตาโตฉ่ำหวาน ปานน้ำตาลอ้อย  คลอหน่วยไปด้วยน้าตา สวยจนบรรยายไม่ถูก

จดจ้องอีกฝ่ายอย่างที่ไม่อาจละสายตาได้อีก  ริมฝีปากครอบแพนน้อย....ที่ปลายหัวฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำรัก

กลิ่นหวานรัญจวนยั่วยวนให้ชวนชิม ปลายลิ้นตวัดเลียรอยหยักของหัวศร  แล้วดุนลิ้นร่องรูน้ำรัก ดูดกลืนหนักๆ

สะโพกเบาลอยหวือ ขยับเข้าออกอย่างดุดัน มือเรียวสอดแทรกเข้าเรือนผม ก่อนจะขยุ้มแน่นด้วยความเสียวซ่าน

เสียงครางหวาน ปานจะขาดใจ .....  จงใจบั่นอารมณ์ผมที่สะกดกลั้น ขาดสะบั้นลงทันที มือหนึ่งกดสะโพกหวาน
ตรึงกับพื้นเตียง ขยับริมฝีปากควบคุมการเคลื่อนไหวขึ้นลงเอง  แล้วสอดนิ้วเข้ากลีบเนื้อด้านหลัง น้องสะดุ้งเล็กน้อย


ก่อนจะหันมาสันสนใจกิจกรรมด้านหน้าต่อ  ค่อยๆ สอดนิ้วเพิ่มอีกจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม

หมุนควงขยายช่องสัญญาณรัก  กระแทกจุดกระสัน ....จนอีกฝ่ายส่งเสียงครางให้ย่ามใจ  คลายริมฝีปากออก

จ่อท่อนเอ็นที่ร้อนระอุสู่ประตูแห่งหรรษา ชำแรกแคมนวลเนื้อสีสวยสด ดุนดันจนสุดแรงปรารถนา ขาเรียวจิกเตียงแน่น
..... จนค่อย ๆ ผ่อนคลาย  รวบสองขายกพาดเอว แล้วขยับจังหวะรักที่ซ่านเสียว จากแผ่วเบา จนหนักหน่วง

ปรารถนาในเพลิงราคะ .....   ที่ยากเกินกว่าจะห้ามไหว  หลงไหล....เพลิดเพลินเกินกว่าจะหยุดได้

.

.

.

“อึก....  อ่า~….  อืมมมม   ภ..ภาค”   ขาเรียวเกี่ยวสะโพกสอบไว้แน่น  ราวกับกลัวจะหลุดหาย  ...

แรงโถมสะโพกรัก  หนักหน่วง และหวาบหวาน 

“อ่า~   แพนครับ  ซี๊ดด  แน่น...  ”  ปลายนิ้วเรียวจิกลงบนไหล่ลาด เพื่อบรรเทาความเสียวซ่านเจียนขาดใจ

ท่อนเอ็นร้อนแรง  กระแทกย่ำซ้ำเติม ให้ช่องรักอิ่มเอมซ่านเสียว  เสียงเนื้อกระทบกันดังหยาบโลน  แต่ล่อลวงให้หลงไหล

ผลุบเข้าออกอีกฝ่ายเป็นระวิง   รวมหลอมแทบจะเป็นเนื้อเดียว

“ภ..  ภาค อื๊ออออออออ   แรง....  อ๊า...... แรงอีก”   บั้นเอวแกร่งกระโจนจ้วงปานมิเคยดื่มด่ำกำซ่าในรสคาว

สะโพกหวานแอ่นหรา รอรับสัมผัสจ้วงจาบ ให้แทรกลึกไปถึงเนื้อใน  ขาเรียวกอดรัดแน่น ให้สัมผัสรัก แนบแน่นยิ่งกว่า

ช่วงหวานตอดรัด จนเอ็นร้อนสั่นระริกด้วยโหยหา

“อ่า~   แพนครับ  อืมมมม  จะเสร็จแล้ว”  เสียงคำรามต่ำแสดงความพึงใจในไฟปรารถนา ก่อนจะกระแทกเอ็นราวกลองรัว

“ปับ  .. ปับ..”

“อืมมมมมมมมมม/อ่าาาาาาาาาาาาาาาา”  ร่างกายเกร็งกระตุกฉีดพล่านน้ำรัก เปื้อนเปรอะหน้าท้อง และช่องรัก
ทิ้งตัวหอบกระเส่า กอดก่ายกันและกัน   ริมฝีปากดูดกลืน  ราวปรารถนายังไม่สิ้นสุด ก่อนจะผละออก

.

.


.

“รักแพนนะครับ”

“ครับ.....  รักภาคเหมือนกันนะ”

 

   

  เมื่อเพลิงปรารถนาไม่ดับมอด  ....  ถ่านไฟย่อมเป็นเชื้อแห่งเปลวเพลิง






“อ๊ะ...ภาค  ด...เดี๋ยว ”

“เดี๋ยวไม่ได้แล้วครับแพน...ครั้งเดียวคงไม่พอ ”

“แล้ว อ่า~  อย่าพึ่งขยับ  ... เดี๋ยว  อืออออ   แฮกๆ  ...  เท่าไหร่ถึงพอ อุ๊บ  ...”

.



.

ผมโน้มตัวเป็นกระซิบเสียงพร่า  สัญญาด้วยปรารถนาในตัวทั้งหมดทั้งมวล







“ทั้งคืน....ถึงจะพอ”





“อ๊าาาาาา....  อย่า  ”







“อ๊ะ......  ย....หยุดก่อน    โอวววววววววว”



.

.

.

“ภ...  ภาค  ”











“ร....แรงอีก”










“อ๊ะ อ๊ะ  อ๊ะ”











“อึก ....อืมมมมมมมมมมมมมม”




โชคดีที่้ห้องผมเป็นห้องเก็บเสียง  .....   ขอบคุณที่ชอบเล่นดนตรี จนพ่อกับแม่รำคาญ
รู้แล้วใช่ไหมหล่ะครับ  ว่าเสียง (คราง)ดัง (ของแพน) ....    เท่าไหร่ ก็ไม่เคยพอ

หึหึ  ราตรีสวัสดิ์
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#6 Final P.19 6/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 06-06-2013 06:23:43
 :katai5: :katai5:

น้องแพนเด็กไม่ดีแอบกินเบียร์เหรอจ๊ะ
อย่างนี้ต้องถูกทำโทษ.....ทั้งคืน

 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#6 Final P.19 6/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 06-06-2013 09:55:35
คู่นี้เอ็นซีทุกตอนเลยนะ น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลักลอบ#6 Final P.19 6/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 06-06-2013 11:16:44
นู๋แพนหึงบ่อยๆๆนะชอบ :z1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ทะเลไร้คลื่น P.19 13/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 13-06-2013 00:21:20
ทะเลไร้คลื่น




ทุกอย่างดูเงียบจนผิดปกติ ดูสงบนิ่งเสียจนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนผมอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ เพราะไอ้โรคจิตมันเดินหมาก

มาขนาดนี้แล้วก็ไม่น่าจะหยุดไปเฉยๆ   แต่ทุกอย่างกลับเงียบเชียบราวกับทะเลที่สงบนิ่ง  เพื่อจะรอพายุลูกใหญ่ซัดกระหน่ำ

แค่ผมคนเดียว.....  คงไม่ถือว่าเป็นปัจจัยให้มันกลัวจนหัวหด  ผมเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นใคร และมันก็ยังมีอีกหลายวิธี

ที่จะทำให้อ๋อมทั้งกลัวและเสียประสาท โดยที่ผมไม่อาจต่อกรได้เลย  นี่ก็ผ่านมาได้เกือบๆ สองสัปดาห์แล้ว 

ไอ้คู่นั้นหลังจากคืนดีกันแล้ว  ก็กลับบ้านนอกไป เห็นว่าแพนน่าจะกลับต่างประเทศไปแล้ววันนี้ ผมไม่ได้ไปส่ง

เพราะจริงๆ ก็ไม่ได้สำคัญอะไรอยู่แล้ว  ที่รู้ก็เพราะต้นกับไม้พึ่งกลับมาจากสนามบิน  ถ้ามีเวลาว่างก็จะมาสิงสถิตย์ที่หออ๋อม

ยกเว้นไอ้หล่อ  ที่ขอไว้เป็นกรณีพิเศษว่าอย่าได้เข้ามายุ่งจนกว่าอ๋อมจะทำใจได้ รายนั้นไม่ได้มีปัญหา เพราะส่วนมากก็ชอบ

หมกตัวอยู่คนเดียว ฉอเลาะกับเมีย อ้อนเมียอยู่ที่ห้อง หรือไม่ก็ทำงานพิเศษอะไรเทือกนั้น  ถามว่าผมสนใจไหมก็คงไม่

แต่เสือกรู้ทุกเรื่องดีไปหมดและจำได้หมด เพราะคนเล่าเรื่องนี้เป็นต้น มันเข้าสมองไปเองโดยที่ไม่ได้พยายามจะจดจำด้วยซ้ำ

ส่วนเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นถูกถ่ายทอดจากปากอ๋อมสู่เพื่อนสนิททั้งสอง เฉพาะใจความสำคัญหลักๆ ไม่ได้ละเอียด

อย่างที่ผมได้ฟัง  ไม่มีคำตำหนิ ต่อว่า หรือแม้แต่ให้กำลังใจ  มีก็แต่เพียงคำปลอบใจ

“ไม่เป็นไรนะอ๋อม”  ก็เท่านั้นแหล่ะ  แต่แค่เท่านั้นก็คงเพียงพอแล้ว ทั้งสามคนกอดกันกลม ได้ยินเสียงร้องไห้เบาๆ

ออกมาจากปากอ๋อม  ผมได้แต่ยืนมอง  อมยิ้มกับภาพที่เห็น ผมไม่ได้ห้ามหรือสนับสนุนในการเปิดเผยเรื่องราวที่เจ็บปวด

หรือน่าอับอาย  แต่บางครั้งคนที่อยู่ข้างๆ เราก็ควรจะรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น อย่างน้อยจะได้ระวังเหตุการณ์

ที่กระทบกระเทือนจิตใจ  หรืออาจพลั้งเผลอให้ทั้งอ๋อมและภาคทำเรื่องที่ฝืนใจกันโดยที่ไม่รู้

แน่นอน.....ว่าผมก็ไม่ได้ทำอะไร มากไปกว่าคำยืนยันเดิมๆ ว่าจะ  “ยืนอยู่ข้างๆ”  น้องต่อไป 

ต้นกับไม้กลับไปแล้วหลังจากทานข้าวด้วยกันเสร็จ แต่ผมก็ยังอยู่ที่นี่ นอนที่โซฟาเหมือนสองอาทิตย์ที่ผ่านมา....

เรานั่งดูทีวีด้วยกัน พูดคุยกันอย่างเคย ถึงน้องจะบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว

แต่มันก็อดห่วงไม่ได้  เพราะเหตุการณ์วันนั้นยังทำให้อ๋อมสะดุ้งตื่นกลางดึกอยู่ทุกคืน  ผมเองก็ไม่ได้มีธุรปะปังที่ไหน

แค่ดูแลน้องสาวเพิ่มอีกคนจะเป็นไรไป  ดีเสียอีกที่นี่กลายเป็นจุดนัดพบกลายๆ ของผมกับต้น  ไม่ใช่ว่าจะทำใจได้

ไม่ใช่ไม่รู้สึกเสียใจ  ที่เห็นต้นกับไม้ยืนอยู่ข้างๆ กัน  แค่ผมกำลังยอมรับความจริงที่ว่า ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว

กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน กับละครหลังข่าวที่ผมไม่ได้ดูมานาน พอมาดูอีกทีก็สนุกดีใช่ย่อย เสียงหัวเราะขบขัน

ป้ายสีใส่ใข่ตัวละครอย่างเมามัน  ก็เป็นอันต้องชะงักงัน  เพราะเสียงดังที่ประตูห้อง

 

 

“ก็อกๆ ก็อกๆ”  อ๋อมที่สะดุ้งสุดตัวกระโดดข้ามโซฟาตัวเล็กที่เจ้าตัวนั่งอยู่มากอดแขนผมที่โซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่ถัดมา

น้องกอดแขนผมแน่น  นัยตากลมสวยเบิกโพรงขึ้น มือด้านหนึ่งจิกเล็บลงบนเนื้อแขนผมอย่างลืมตัว

ผมถึงกับซี๊ดปากเบาๆ ด้วยความเจ็บแต่ก็ไม่ได้โกรธ  ค่อยเอื้อมมือไปกอบกุมมืออีกฝ่าย ไล้นิ้วโป้งที่หลังมือน้องเบาๆ

เพื่อให้อีกฝ่ายผ่อนคลาย น้องหันมาสบตากับผมด้วยความหวาดหวั่น ผมส่ายหน้าน้อยๆ เพื่อบอกว่าไม่เป็นไร

น้องพยักหน้ารับคำ ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมายาวเหยียด แล้วตะโกนถามออกไป โดยที่เจ้าตัวยังนั่งนิ่งอยู่ที่โซฟาเช่นเดิม

“ค..ใครคะ?  ใครอ่ะ?”

“.........”  ไม่มีเสียงตอบกลับมา   ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้ยินที่ถาม  หรือตอบกลับมาแล้วเป็นฝ่ายเราเองที่ไม่ได้ยินกันแน่

“แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก”  เสียงไขประตูกับรูกุญแจดังขึ้น อ๋อมกระโดดขึ้นมานั่งตักผมซุกตัวเข้าใบหน้าซบแนบอกผม สองแขน

กอดคอผมแน่นหนา ร้องเรียกผมเสียงสั่น

“พ...พี่รัก  ฮึก...”    เรากอดกันกลม จะว่าไปผมก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เราทั้งคู่อยู่นิ่งๆ แทบกลั้นหายใจ

ราวกับกลัวว่ามันจะรู้ว่ามีคนอยู่ภายในห้อง ผมกระชับกอดให้แน่นขึ้นอีกจ้องมองไปที่ประตูอย่างใจจดใจจ่อ

“ปังๆๆ   อ๋อม  อ๋อม  ดาเอง ปังๆๆ  เปิดประตูให้หน่อย เป็นอะไรรึเปล่า”  เสียงทุบประตูดังรัว หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง

พร้อมกับน้ำเสียงที่เจือความห่วงใยดังขึ้น  ทำเอาทั้งน้องท้งผมถอนหายใจพร้อมกันอย่างโล่งอก ค่อยคลายแรงกอดออก
 
อ๋อมเงยหน้าขึ้นมาขณะที่ผมก้มหน้าลงไป ชิ่ง!  เหมือนมีเสียงดังขึ้นในหัว เมื่อจมูกแตะผ่านกันแผ่วเบา

ใบหน้าหวานที่ห่างจากผมเพียงผ่ามือกั้น นัยตาดำขลับสวยหวานจ้องมองมา  ผมที่ไม่อาจละสายตา ....

ประหนึ่งจมดิ่งอยู่ในภวังที่ไม่อาจทอดถอน ความรู้สึกบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นในใจ ซึ่งไม่อาจบอกได้ว่าคืออะไร

หัวใจเต้นรัวแบบไม่มีเหตุผลอาจจะเป็นเพราะความกดดันก่อนหน้ากับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ เลยยังผลให้ผมหัวใจเต้นแรง 

เผลอกลืนน้ำลายลงคอทั้งที่สายตาจดจ้องที่ริมฝีปากอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น ราวกับมีแรงดึงดูด ใบหน้าค่อยๆ เคลื่อนเข้าหา

น้องหลับตาลงตามสัญชาตญาณ ขณะที่ผมกำลังดำดึงสู่แรงปรารถนาจากก้นบึ้ง

.


.



“ปังๆๆๆๆ อ๋อม ....  เป็นไรรึเปล่า?  นี่ดาเองนะเปิดหน่อย”  เสียงเคาะประตูเรียกสติของเราทั้งคู่ ผมกับอ๋อมผละออก

จากกันโดยอัตโนมัติ ได้ยินเสียงอ๋อมอุทานเบาๆ ราวกับตกใจ 

“อ๊ะ!” พร้อมกับใบหน้าที่แดงระเรื่อไม่มีใครพูดอะไรอีก น้องเดินไปเปิดประตู  แต่ที่ผมแปลกใจคือทำไมรู้สึกว่า

ตัวเองพอใจจน อดอมยิ้มแก้มตุ่ยกับภาพเขินอายพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อของอีกผ่ายไม่ได้ 

แม้แต่ตอนนี้ก็พยายามกลั้นยิ้มจนแทบไม่ไหวทำได้แค่ยกยิ้มที่มุมปากเล็กๆ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันสังเกตุ 

แม้ใจจริงอยากจะยิ้มจนปากฉีกแล้วก็ตาม

“ดา ฮืออออออออ”  อ๋อมกระโจนเข้าหาอีกฝ่ายแบบไม่ทันได้ตั้งตัว น้องคนชื่อดาเหรอหราทำหน้าตกใจ

หันมามองผมเล็กน้อย ก่อนจะเขย่าตัวเพื่อนรักของตัวเอง ทั้งกอด ทั้งลูบหัวเป็นการใหญ่  ก่อนจะดันตัวอ๋อมออก

ค่อยๆ จูงมืออีกฝ่ายมานั่งที่โซฟาอย่างว่าง่าย อ๋อมยังกอดแขนเพื่อนไว้แน่น  หัวซุกที่ไหล่เพื่อน ผมได้แต่มองอยู่เงียบ ๆ

“ใจเย็น ๆ อ๋อม เกิดอะไรขึ้นเล่าให้ดาฟังก่อนนะ ”  ทำไมผมถึงรู้สึกว่าหน้าเธอคนนี้ช่างคุ้นเคยเหลือเกินเหมือนเคยเจอที่ไหน

“อ๋อม.... อ๋อม ฮึกๆๆ .....อ๋อมกลัว” อีกฝ่ายว่าเสียงหลง  แล้วซุกเข้าหาอกอีกฝ่ายราวกับต้องการการปลอบโยน

แต่ดากลับมองมาที่ผมยิ้มๆ เหมือนจะเยาะ มือก็ลูบหัวอีกฝ่ายปลอบใจเด็กน้อยที่กำลังหวาดผวา ก่อนจะเอ่ยถามน้ำเสียง

ติดจะเป็นสุข

“ใจเย็นๆ นะอ๋อม  ดาอยู่ตรงนี้จะไม่มีใครทำอะไรอ๋อมได้ทั้งนั้น บอกดาก่อนซิว่านั่นใคร หืม”  ว่าจบก็พยักเพยิดมาที่ผม

“จริงสิ ยังไม่ได้แนะนำพี่รักเลย  พี่เค้ามาช่วยอยู่เป็นเพื่อนอ๋อม”  น้องยืดตัวนั่งตรงเช็ดคราบน้ำตา สูดหายใจยาวๆ

เพื่อผ่อนคลาย ก่อนจะหันมาแนะนำอีกฝ่ายให้ผมได้รู้จักบ้าง

“พี่รักค่ะ นี่ดาเป็นเพื่อนสนิทของอ๋อมเองค่ะ  ดานี่พี่รักนะเค้าคอยช่วยตอนเราลำบากน่ะ ตอนนี้ก็มาอยู่เป็นเพื่อนเรา”

“สวัสดีค่ะ” 

“สวัสดีครับ” น้ำเสียงที่เอ่ยทักทายและรอยยิ้มที่เป็นกันเองปรากฎฉาบอยู่บนใบหน้าสวยเก๋ของอีกฝ่าย แต่ผมกลับไม่รู้สึกว่า

มันจริงใจสักนิด ดวงตาคู่สวยดูนิ่งเฉยเสียจน....ราวกับน้ำแข็งก็ไม่ปาน  พลันมโนสำนึกของผมก็นึกขึ้นได้ว่า

น้องดาเป็นผู้หญิงคนเดียวกันกับคนที่ผมเจอเมื่อใต้หอคราวที่แล้ว  เธอมากับแฟนหนุ่มน่าจะเป็นนักศึกษามหาลัยเดียว

กับผม  ภาพลักษณ์ของเธอดูเป็นผู้หญิงที่มั่นใจโฉบเฉี่ยว ดวงตาเป็นประกาย รูปร่างสมส่วนตามแบบสมัยนิยม

อกอูม สะโพกผาย ในขณะที่เอวคอดกิ่ว แต่งหน้าได้สวยเฉียบ เสื้อผ้าอาภรณ์น้อยชิ้น  ตามวิถีหญิงสมัยใหม่

ขณะที่อ๋อมดูมั่นใจ  แต่กลับไม่ค่อยแต่งแต้มเมคอัพบนใบหน้า เพราะใบหน้าที่สวยหวานได้รูป ผิวพรรณขาวเนียนละเอียด

ปากสีชมพูระเรื่อที่มีลิปสติคสีอ่อนฉาบทาอยู่เท่านั้น รูปร่างได้สัดส่วน ในเสื้อผ้าเข้ารูปออกแนวทะมัดทะแมง

เสียเป็นส่วนใหญ่  ได้สั้นแหวกเว้าสูงจนน่าเกลียด เรียบร้อย จนเป็นที่ต้องตาของหนุ่มๆ น้อยใหญ่ในมหาลัย 

เสียแต่ว่าอ๋อมไม่เคยมองใคร  และไม่เคยเลือกใครสักคนด้วยซ้ำ ผมรู้ก็เท่าที่ต้นเคยเปรยให้ฟัง อ๋อมสวยแบบไร้ที่ติ

ไม่ว่าจะหน้าตา หรือนิสัย  ถ้าไม่ติดที่ไปหลงรักไอ้หล่อที่มีเจ้าของเข้า  ผมว่าอ๋อมเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบมากๆเลยทีเดียว

ยิ่งเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่งด้วยแล้ว ถ้าไม่มีไอ้สามหนุ่มคอยกันท่าให้ ...  ผมว่าคงมีคนมาต่อแถวอีกเป็นพรวน

“ใจดีจังนะคะพี่รัก   ดาไม่เห็นจะเคยรู้จักมาก่อนเลย?”  เธอพูดยิ้มๆ ส่วนประโยคสุดท้ายหันไปถามน้องแทน 

“ก็คนที่อ๋อมเล่าให้ฟังไง  รู้จักกันตอนไปเที่ยวทะเลน่ะ เป็นพี่มหาลัยเดียวกับเราเลย”  น้องหันไปยิ้มตอบ อีกฝ่ายพยักหน้าน้อยๆ

“อ่อ  ..  ดาไม่คิดว่า  “แค่” เคยไปเที่ยวด้วยกันครั้งเดียวจะสนิทกันได้ขนาดนี้” ดาว่า หันมาจ้องผมริมฝีปากเหยียดยิ้มเล็กๆ

รู้สึกอาการหวงเพื่อนของเธอ มันจะเด่นชัดไปรึเปล่า  แต่ก็นะ  ... คงจะเป็นห่วงเพื่อน และรักเพื่อนมากถึงได้แสดง

ออกมาอย่างนั้น  เล่นเอาผมเซ็งเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ได้แสดงอะไรออกไป ไม่อยากให้น้องไม่สบายใจไปมากกว่านี้

“แต่ไม่เป็นไรคะ ถึงรู้จักกันตอนนี้ก็คงไม่สาย”  เธอปรายตามามองผมอีกครั้งตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า  เลยออกอาการฉุนขาด

คนพึ่งรู้จักกัน  ไม่ทราบว่า...ผมไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจนักหนา  ถึงทำท่าทีรังเกียจ ..... อย่างไม่เก็บอาการขนาดนี้

ผมหันไปมองอ๋อม ที่ตอนนี้นั่งหันหน้ามาทางผม โดยไม่ทราบเลยว่าเพื่อนตัวเองกระทำสีหน้าอย่างไร ผมผ่อนลมหายใจหนักๆ

ส่งยิ้มให้น้อง แล้วลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ  ใบหน้าหวานยกยิ้มสวย เห็นแล้วยิ่งชื่นใจ เลยเผลอหลุดยิ้มกว้างไปด้วย

แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อหันไปเจอสีหน้าเฉยเมยติดจะบึ้งตึงของคนข้างหลังน้อง  ผมหุบยิ้มแทบไม่ทัน แต่คิ้วขมวดเป็นปม

อย่างคนสงสัย ปนเคืองนิดๆ เข้าให้  อ๋อมมองผมแล้วทำหน้าสงสัย ว่าผมเป็นอะไรกันแน่

“เป็นอะไรเหรอคะพี่รัก?”  คิ้วเรียวเลิกสูง  นัยตากลมดำขลับกระพริบปริบๆ ได้น่ารักน่าชังยิ่งนัก ถ้าไม่ติดว่ามีวิญญาณ


อาฆาตอยู่ด้านหลังผมคงจะมีความสุขมากกว่านี้เป็นแน่ ผมคลายปมบนใบหน้าลงเพราะคิดว่ายิ่งพูดคงจะเรื่องยาวเปล่าๆ

“พี่ว่าจะกลับแล้วหล่ะ  ไหนๆ อ๋อมก็มีเพื่อนอยู่ด้วยแล้ว”  ผมหันไปยิ้มเอ็นดูให้เด็กที่ทำหน้าเศร้าสลด  เฉตามองรอบๆ

โดยไม่ยอมสบตาผม เหมือนๆ จะน้อยใจ  นั่นทำให้กำลังใจผมมันฟูฟ่องขึ้นอีกนิด  เอาน่า...ยังไงก็มีความสำคัญอยู่บ้าง

นิ่งอยู่พักอีกฝ่ายก็ช้อนตาขึ้นมาสบตากันได้

“แต่ว่าเดี๋ยวดาก็กลับไปหากับแฟนแล้ว”  พูดขึ้นลอยๆ ไม่เชิงจะเหนี่ยวรั้งผมไว้ แต่ก็นะ .....  เหมือนๆ จะรั้งไว้ชอบกล

ผมลูบหัวน้องเบาๆ ทีนี้ยิ้มกว้างเลยไม่สนใจดา ที่ทอดถอนใจอยู่ข้างหลังอีกฝ่าย  กำลังจะตอบว่าถ้าอยากให้อยู่ก็จะอยู่

แต่อีกฝ่ายกลับพูดแทรกขึ้นมาเสียเฉยๆ 

“ไม่กลับหรอก คิดถึงอ๋อมจะแย่ อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์จะนอนกอดอ๋อมทุกวันเลยจ้า”  ดากอดคอน้องจากด้านหลัง

วางคางไว้บนไหล่อีกฝ่าย โยกตัวเบาๆ คล้ายๆ จะปลอบใจ น้ำเสียงหวานใสนุ่มหู  จนผมนึกสงสัยว่านี่รังเกียจผมจริงๆ สินะ
เวลาพูดกับผมถึงได้มีทีท่าจะกัดตลอดเวลา

“ขอบใจนะ”  อ๋อมหันไปตอบ  ยกยิ้มจนตาปิด แต่ยังไม่วายส่งสายตาอ้อนๆ เหมือนลูกแมวขี้เหงามาที่ผม

“แต่อ๋อมกลัวว่า  ....พี่พอร์ชจะมาตามดาอีกนะสิ ”     อ๋อมยู่หน้าหันไปอ้อนเพื่อนต่อโดยการซุกหน้าลงกับไหล่อีกฝ่าย

ช้อนตาขึ้นมองเพื่อนตัวเองอีกที   เห็นดายิ้มเอ็นดูลูบหัวอ๋อมเบาๆ 

“ไม่ไปแน่อย่างน้อยก็คืนนี้  ดายังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับอ๋อม เพื่อนดาไม่สบายใจขนาดนี้จะให้ดาทิ้งไปได้ยังไง”

ดาทั้งพูดปลอบ มือก็จับแขนจับตัวอ๋อม เพื่อสำรวจร่างกายว่าได้รับอันตรายตรงไหนบ้าง  น้ำเสียงที่เจือความห่วงใย

อย่างถึงที่สุด แม้แต่ผมเองก็ยังอดรู้สึกทึ่งไม่ได้ในความรักที่เพื่อนทั้งสองมีให้กัน  น้องน้ำตาคลอนิดๆ

“ขอบใจนะดา  ขอบใจจริงๆ  ดีจังเลยที่เรามีดาอยู่ข้างๆ”  ว่าจบก็กอดกันแน่น  ผมก็อมยิ้มกับภาพที่เห็นมิตรภาพที่สวยงาม

“งั้นพี่กลับก่อนนะครับ เอาไว้วันหลังพี่มาหาเราใหม่”  ผมลุกขึ้นหยิบข้าวของกระเป๋าสัมภาระ อ๋อมตามมาช่วยหยิบของให้

“ขอบคุณนะคะ  ...  ยังไงก็ขับรถดีๆ นะคะ”  อีกฝ่ายเดินตามมาส่งถึงหน้าประตู  นัยตากลมโตยังคงมองมาแบบเหงาๆ

ก่อนจะหลุบเปลือกตาลงต่ำเหมือนคนทำตัวไม่ถูก  ทำไม่รู้ผมถึงได้รู้สึกเอ็นดูกับท่าทีคนตรงหน้า มองแล้วก็เผลอยิ้ม

“อ๋อมครับ”   เรียกชื่ออีกฝ่ายเบาๆ ขณะที่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย น้องเงยหน้าขึ้นมาใบหน้าเราห่างกันแค่คืบ

ราวกับถูกตรึงด้วยเวลา  ยามที่สองสายตาประสานตรงกัน ผมเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ น้องเผลอหลับตา

ผมวาดมือสัมผัสแก้มนุ่ม นิ้วหัวแม่มือสอดดันปลายคางอีกฝ่ายให้เชิดขึ้น ก่อนจะจุมพิศแผ่วเบาลงที่หน้าผาก

“ฝันดีครับ”  ค่อยๆ ละสัมผัสออก น้องก้มพยักหน้ารับ พร้อมๆ กับก้มหน้าหลบไปด้วยทันที  ใบหน้าอิ่มหวานขึ้นสีเรื่อ

“.......”

“หึ”  ผมยิ้มอย่างอารมณ์ดี แล้วจึงเดินจากมา 



หัวข้อ: Re: >> กอด~ ทะเลไร้คลื่น P.19 13/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 13-06-2013 00:37:22
โอ๊ะๆๆ สองคนนี่ แอบเริ่มชอบกันแล้วสิน่ะ  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ทะเลไร้คลื่น P.19 13/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 13-06-2013 01:05:11
 :mew1:

โอ๊ะ สรุปแล้วสองคนนี้เค้ามี

ซัมติงรองกันใช่มั๊ยน่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ทะเลไร้คลื่น P.19 13/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 13-06-2013 10:42:45
เป็นพี่รักก็ดีนะอ๋อมจะได้
มีความสุขสักที :กอด1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ หลับฝันดีนะ P.19 13/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 13-06-2013 14:00:57
หลับฝันดีนะ



ขับรถตรงดิ่งมาที่ห้องพัก .....  คิดถึงเหมือนกัน  แทบไม่ได้เข้ามานอนเลย  ถึงจะกลับมาทุกวันอาบน้ำแล้วก็ไป  วางกระเป๋าทิ้งไว้

แล้วเข้าไปอาบน้ำในห้องนอน  อาบแบบลวกๆ ตามความเคยชิน  เพราะตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แทบจะไม่กล้าปล่อยให้น้องอยู่
คนเดียว

อาบแบบรีบๆ อยู่อย่างนี้ทุกวัน  ทั้งที่วันนี้มีเวลาเหลืออีกปานตะไท แต่กลับเร่งอาบอย่างทุกทีอยู่ดี  ไม่ได้ขัดถูอะไรมากมาย 

อาบเสร็จก็พันผ้าเช็ดตัวไว้แค่เอว แล้วเดินออกมาที่ห้องนอนหยิบบอกเซอร์ได้ตัวก็ใส่ ก่อนจะเอาผ้าเช็คตัวไปตากที่ราว  หยิบผ้าผืน
เล็ก

อีกผืนเช็ดหัวที่กำลังเปียกชื้นจากการสระผม  มือที่เช็ดอยู่เป็นระวิง แต่สายตากลับจับจ้องที่มือถือที่ยังนอนนิ่งสนิทราวกับไม่เคยเห็น
มาก่อน

น่าแปลกเหมือนตัวเองรออะไรบางอย่างจากใครบางคน ซึ่งค่อนข้างระบุตัวตนได้อย่างชัดเจน  แต่ที่ไม่เข้าใจคือรอเพื่ออะไร ?

รู้แต่ว่าในใจมันวูบโหวงแปลกๆ  แบบเหมือนชีวิตมันขาดอะไรไปสักอย่าง  ทั้งที่เช็ดผมอยู่อย่างนั้น ก็ยังจดจ้องที่มือถือไม่เปลี่ยน   

นึกเคืองอยู่ในใจที่มันยังนอนแน่นิ่งไม่ปฏิบัติหน้าที่ที่ควรจะทำ   เผลอไปนึกถึงคนบางคน...ไม่รู้ว่าป่านนี้จะมีอาการเหมือนกันบ้างรึ
เปล่า

ส่ายหัวเบาๆ เมื่อคิดได้ว่ากำลังคิดอะไรแปลกๆ  ก็คงแค่.....เป็นน้องที่น่าห่วงใย และอยู่ในอันตรายคนหนึ่ง ถึงยังนึกห่วงอยู่อย่างนี้

 เช็ดผมอยู่นานจนเสร็จ โทรศัพท์ ก็ยังแน่นิ่งเช่นเดิม  เดินเอาผ้าเช็ดผมไปตาก อีกสองก้าวกำลังจะถึงอยู่แล้วเชียว หน้าจอมือถือ

ดันส่งเสียงเตือนว่ามีข้อความเข้า  ผมชะงักตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเดินไปตากผ้าต่อ หรือไปกดดูข้อความก่อนดี แต่แล้วความอยากรู้ก็
ชนะ

ผมตรงดิ่งไปคว้ามือถือที่หัวเตียง  ชื่อคนส่งข้อความโชว์หรา “อ๋อม”  ทำเอาผมยิ้มแก้มแตก อารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก ฟาดผ้าเช็ด
ผม

กับที่นอนเบาๆ เหมือนๆ จะเขิน  แต่ว่าจะเขินทำไมหล่ะ?   มือกดยิ๊กๆ ดูข้อความ

“หลับฝันดีนะคะ ”     กระโดดทิ้งตัวลงบนเตียงให้มันยวบลง แล้วซุกหน้าลงกับผ้าห่มผืนนุ่ม ส่ายหน้าไปมาราวกับหมั่นเขี้ยว

ส่งเสียงครางเบาๆ ในลำคอ  “เยส!”   เพราะรู้สึกสมหวังอย่างไรบอกไม่ถูก ก่อนจะหัวเราะ หึหึ  ในลำคอ   เห้อ~ สุดท้ายก็ถอน
หายใจ

นอนหงาย แล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู  ปล่อยผ้าเช็ดผมที่เปียกชื้นวางจุ้มปุกอยู่บนอกตัวเองต่อไป ไม่คิดจะเดินไปตาก 

อ่านข้อความซ้ำไปซ้ำมา  ...  อยู่ดีๆ ก็รู้สึกเหมือนว่ายังไม่เพียงพอกับสิ่งที่แอบหวังอยู่ลึกๆ  จ้องมองไปมา กดออกมาโหมดข้อความ

แล้วโทรไปหาคนที่คาดว่าควรจะเป็นคนรับผิดชอบความรู้สึกผมตอนนี้  ที่ดูจะแปลกขึ้นทุกที

“สวัสดีค่ะ ถึงนานรึยังคะ?”   ผมยิ้มที่มุมปาก  เหมือนๆ อีกฝ่ายก็รอโทรศัพท์ผมอยู่

“ครับ สักพักพี่พึ่งอาบน้ำเสร็จ  เพื่อนเราไปไหนแล้วหล่ะ?”   ไม่รู้สินะ ผมคิดว่าถ้าดายังอยู่ใกล้ๆ ผมคงไม่ได้พูดกับอีกฝ่ายง่ายๆ ก็
แค่นั้น

“ไปอาบน้ำที่ห้องค่ะ เดี๋ยวคงมา  พี่รักโทรมามีอะไรรึเปล่าคะ?”   เสียงหวานใสชื่นใจจริงๆ

“เปล่า...   ก็แค่คิดว่าเราคงรออยู่น่ะ”  ผมโต้ตอบกลับไป

“บ้า...ทำไมอ๋อมต้องรอสายพี่ด้วยหล่ะ?”  น้องตอบกลับมากวนๆ นี่เป็นการแก้เขินรึเปล่านะ?

“ก็...คิดว่าจะใจตรงกันกับพี่ซะอีก ว้า! แย่จัง”  ผมแหย่กับเบาๆ เอาประมาณเหมือนน้อยใจ

“ทำไมคะ?  คิดอะไร ...ช่วยบอกอ๋อมที?”  อีกฝ่ายว่าขำๆ  มันก็เข้าทางผมนะสิ ฮ่าๆๆ

“ก็คิด...”  ทิ้งคำพูดไว้ให้อีกฝ่ายสงสัย

“คะ?”   ใบหน้าหวานคงจะเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความสงสัย  นัยตาดำขลำคงกำลังยิ้มเป็นแน่กับความเจ้าเล่ห์ของผม

“คิดถึงน่ะ...อ๋อมหล่ะคิดเหมือนพี่รึเปล่า?”  ผมถามกลับเสียงเบา  ทนนอนต่อไปไม่ไหว ต้องเดินออกมาที่ระเบียง  จ้องมองท้องฟ้า

ที่มืดดำสนิท  ไม่เห้นแม้แสงดาว แต่ก็ยังเห็นพระจันทร์ยิ้มแฉ่ง เคียงคู่ดาวอีกสองดวง  ถ้าทำได้อยากจะมองเห็นคนที่อยู่ในสายด้วย

“อืมมม ไม่รู้สิคะ”  ผมเห็น (จินตนาการ)อ๋อมกลับมายิ้มๆ ใบหน้าเขินอาย ก่อนจะเสตามองต่ำ ไม่กล้ามองสบตาผม

“เหรอครับ?    แย่จังเพ้ออยู่คนเดียว..”  ผมตอบกลับเสียงเศร้า  ที่อีกฝ่ายก็รู้ว่าผมแกล้ง อ๋อมหัวเราะเสียงดัง

“พอแล้วค่ะ  พี่รักชอบแกล้งอ๋อมอ่ะ  อันไหนจริงอันไหนเล่นก็ไม่รู้  ไม่คุยด้วยแล้วไปนอนดีกว่า”

“เดี๋ยวครับ?  พี่ยังไม่ได้ฟังเลย”  ผมรีบรั้งอีกฝ่ายก่อนที่จะวางสายหนี

“เอ๋?  ฟังอะไรเหรอคะ?”    น้ำเสียงดูงุนงงกับคำพูดของผมมากทีเดียว

“ก็ส่งข้อความมายังไงหล่ะ?  พี่ไม่ยอมนะแค่ข้อความน่ะ  ยังไงฟังจากปากได้มั้ยครับ?  นะนะนะ”  ใส่ลูกอ้อนเต็มที่ อีกฝ่ายก็ขำ
ตอบกลับ

“ค่ะ   นอนหลับฝันดีนะคะพี่รัก”

“งั้นอ๋อมต้องเหนื่อยหน่อยนะครับ”

“คะ?   แล้วทำไมอ๋อมต้องเหนื่อยด้วยอ่ะ?”

“ก็..........คืนนี้ต้องมาอยู่ในฝันพี่ทั้งคืนไงครับ ฮ่าๆๆๆ”   ผมตอบกลับไปกวนๆ

“บ้า...พี่รักอ่ะ” 



.

.

ค่อยกันไปคุยกันมาอยู่เนิ่นนาน สุดท้ายผมก็ปล่อยให้น้องวางสายไปในที่สุด พร้อมกับเสียงดาที่เรียกน้องดังแทรกเข้ามาในสาย

ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วน๊า?   ผมยังยืนจ้องมองความมืด ถนนด้านล่างคราคร่ำไปด้วยรถยนต์ที่ขับสวนกันไปมา

ภาพมันไม่ได้น่าดู  แต่รู้สึกว่าวันนี้มันไม่ขัดลูกตาผมเท่าไหร่   ในใจไพล่นึกทบทวนความรู้สึกแปลกๆ ที่กำลังเกิดอยู่   และค่อนข้าง
แน่ใจ

ยิ่งดูก็ยิ่งชอบ  ยิ่งคุยก็ยิ่งใช่  คนที่ทำให้ผมรู้สึกว่าสนใจ  อยากเข้าใกล้ ..... ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆ แค่นี้เอง  มองท้องฟ้าที่มีดวงจันทร์เปล่ง
ประกายอยู่

“ขอให้เป็นคนนี้ได้ไหมครับ”  รำพึงรำพันแผ่วเบา  .... ไม่ได้หมายถึงดวงจันทร์   แต่กำลังคุยกับแม่ของผมที่ท่านอยู่ไกลออกไป

บนฟากฟ้าผืนนั้น.....    จนเนิ่นนานมาแล้ว   

บางครั้งก็อยากมีใครอยู่ข้างๆ กัน  บนเส้นทางที่อยู่ตัวคนเดียวมานาน  พ่อแต่งงานใหม่หลังจากที่แม่เสียได้สองปี  ตอนนั้นผมอายุ
10 ขวบ

ไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่กับแม่เลี้ยง  พอขึ้น ม.ปลาย ก็เฟดตัวเองออกมาเรียนที่ต่างจังหวัดในตัวเมืองจนต้องออกมาอยู่หอ  ตั้งแต่
ตอนนั้น

ก็ไม่คิดจะกลับเข้าไปอยู่ที่นั่นอีก  นานๆ กลับทีจะสบายใจกว่า ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาตลอดตั้งแต่ 16-21ปี  จริงๆ ก็ไม่ได้มีปัญหา
มากมาย

แค่ทำใจยอมรับ “แม่” คนใหม่ไม่ได้ เลยพลอยมีปัญหากันตลอด  ตอนนี้มีพ่อมีน้องให้ผมอีก 2 คน   ชื่อ ใยบัว ตอนนี้เรียน ป.5

ที่โรงเรียนหญิงล้วน ใกล้บ้าน  ส่วนอีกคนชื่น ต้าน เรียน ป.3 น่ารักมากๆ ทั้งคู่ ผมก็รักน้องมาก ช่วงหลังๆ เลยกลับบ้านบ่อยๆ เพื่อไป
หาน้อง

กลับไปทีไรก็ดีขึ้นแหล่ะ เพราะผมโตขึ้นด้วยมั้งอารมณ์หวงพ่อ รังเกียจแม่ใหม่เลยไม่ค่อยกำเริบเท่าไหร่ ที่สำคัญชอบไอ้ตัวเล็กสอง
คน

ที่ชอบมาอ้อนให้ซื้อขนม หรือพาไปเที่ยวบ่อยๆ น่ารักจนหลงไปแล้ว ... อบอุ่นดี  จนตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าถ้าผมมีใครสักคนยืนข้าง ๆ ก็
คงดี

อยากจะมีครอบครัวที่มีความสุขแบบพ่อบ้าง  อยากมีคนยืนข้างๆ คอยกุมมือกัน  สร้างครอบครัวเล็กด้วยกัน  มีลูกสัก 2 คนเป็นไง


หึหึ.... ก็เพ้อฝันไปเรื่อย  นั่งมองท้องฟ้าอยู่อย่างนั้น

“แม่ว่าผมจะมีความสุขมั้ย?”   



หัวข้อ: Re: >> กอด~ หลับฝันดีนะ P.20 13/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 13-06-2013 14:56:52
มีสิจ๊ะลูกแม่ 55555  :heaven
หัวข้อ: Re: >> กอด~ หลับฝันดีนะ P.20 13/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 13-06-2013 16:12:53
 :m12: :m12: :m28: :m28:

อ้าว อ้าว .... นิยายเรื่องนี้มีฉากสวีทชาย-หญิงอ่าาาาา
แหวกม่านประเพณีแล้วไง

หัวข้อ: Re: >> กอด~ หลับฝันดีนะ P.20 13/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 13-06-2013 16:38:42
อย่าว่าอะไรเลยนะคะ  แบบว่าๆๆ  เราเป็นชะนี ... ก็มอบเครดิตให้ชะนีบ้าง :katai2-1: :katai2-1:

แต่ว่า.....  ไม่ใช่ชะนีธรรมดาหรอกนะ  ติดตามตอนต่อนะคะ

แล้วจะรู้ หึหึหึ    :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ หลับฝันดีนะ P.20 13/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 13-06-2013 19:33:31
ลงเอยกันเถอะคู่นี้
หัวข้อ: Re: >> กอด~ หลับฝันดีนะ P.20 13/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 19-06-2013 10:55:34
ดันหน่อย :3059:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ จูบ P.20 20/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 20-06-2013 07:06:23
จูบ



สองอาทิตย์แล้วที่ผมไม่ได้ไปนอนที่หอพักของอ๋อม  เนื่องจากเพื่อนที่รัก ซึ่งก็คือน้องดา มาจับจองพี่พักนั้นไว้เป็นสมบัติ

ของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว  ไม่รู้ว่าพี่พอร์ชสุดที่รักของเธอหายไปไหน แต่ผมก็ยังคุยกับอ๋อมอยู่เสมอ  เจอกันทุกวันที่

มหาลัยตกเย็นผมก็โทรหาน้องตลอด  เห็นอ๋อมเล่าว่า ดาคบกับพอร์ชซึ่งเป็นรุ่นน้องผมปีหนึ่ง (ผมอยู่ปีสาม)
มาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้น  พอร์ชตามมาจีบเธอ  แต่เห็นว่าดาไม่เล่นด้วย อยู่หลายปีแต่ก็ไม่ละความพยายาม

จนสุดท้ายก็มาเป็นแฟนกันในที่สุด  ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรมากแต่ก็คิดว่าควรรู้อะไรไว้บ้าง...ยิ่งเห็นว่าหน้าตาคนเล่า

มีความสุขที่ได้พูดเรื่องเก่าๆ ก็ยิ่งน่าฟังเข้าไปอีก  รอยยิ้มในดวงตาที่สื่อออกมา เห็นแล้วละสายตาไปไม่ได้

ผมชอบมอง... เวลาเห็นใครที่ยิ้มที่ริมฝีปาก และดวงตา  รู้สึกว่ามันจริงใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะดวงตาของคนเรา

มันยากที่เราจะเสแสร้ง  ถึงบางคนปากจะยิ้มแต่ก็.....นัยตากลับแสดงอารมณ์อีกแบบ ที่น่ากลัวกว่าซุกซ่อนอยู่

ทำไมไม่รู้.....ผมถึงได้รู้สึกว่าอ๋อม  “เป็นคนพิเศษ”   พิเศษมากๆ สำหรับผม   รู้สึกว่าเรายืนอยู่บนพื้นฐานความรู้สึก

อันเดียวกัน  เคยเจ็บในแบบเดียวกัน  เข้าใจความรู้สึกของการเป็นคนที่ “ไม่ถูกรัก”  “ไม่ถูกเลือก”  และเราก็เลือก

ที่จะปล่อยมันไป   เลือกที่ยืนอยู่ในที่ที่เราควรอยู่โดยที่ไม่เสียอีกฝ่าย  เรายังมองเห็น ได้พูดคุย  หรือแม้แต่สัมผัส

“เลือก”   ที่จะยังมีอีกฝ่ายในชีวิตของเราต่อไป  “เลือก” ที่จะยอมรับความสัมพันธ์ในแบบเดิม  ๆ 

เพื่อ “รักษา” คนๆ นั้นเอาไว้ ใกล้ๆเรา  สำหรับ “ต้น”  ผมเองก็ยังรู้สึกดีๆ กับน้องเสมอ  อยากยืนข้างๆ

แต่... ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้  และผมก็เลือกจะเป็นฝ่ายมองดูอยู่ห่างๆ  แต่ความรู้สึกอ้างว้างเดียวดาย

ต้องการใครสักคนมายืนข้างๆ มันก็ผุดขึ้นเป็นเงาตามตัว  ยิ่งพอได้มาเจอกับอ๋อม คนที่ยืนพื้นอยู่บนความรู้สึก

“แบบเดียวกัน”  เจ็บ  ร้องไห้ เสียใจ ทรมาน  หรือแม้ต้องการไขว่คว้า ที่ผมผ่านมันมาแล้วทั้งนั้น

เลยอดไม่ได้  ที่จะคว้าอีกฝ่ายเอาไว้  หวังลึกๆ ว่าใจเราจะตรงกัน ไม่ใช่แค่ใครก็ได้ แต่มันรู้สึกผูกพันธ์

เหมือนมีแรงดึงดูดที่ดึงเราทั้งคู่เข้าหา  ผม....ที่ยืนอยู่ตรงนั้น   ในวันที่อ๋อมต้องการใครสักคน  ถึงตอนนั้น

น้องอาจจะต้องการใครก็ได้ที่เข้ามาช่วยปลอบใจ  แต่สุดท้ายตอนนี้.....  ผมว่าน้องต้องการผม

คนที่จะยืนอยู่ข้าง  ๆ คอยปลอบยามเสียใจ  แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายจะ “รักผม”  หรอกนะ

วันนี้ก็เช่นกันผมยืนอยู่ที่ริมระเบียง กดโทรหาปลายสายอย่างที่เคยโทรตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมา

“ฮัลโหลคะ ”  เสียงหวานตอบกลับมาในสาย  ที่ทำเอาผมหลุดยิ้มมุมปากออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“ครับ พี่รักนะ วันนี้เป็นไงบ้าง”  เริ่มต้นด้วยคำถามเดิมๆ เหมือนเช่นวันก่อน แต่กลับไม่เคยเบื่อต่อให้พูดซ้ำสักกี่ครั้ง

“ปกติดีค่ะ  พี่รักหล่ะคะ”  น้ำเสียงหวานใสถามกลับมา เลยพลอยนึกถึงใบหน้าคนที่ถาม กำลังยิ้มเหมือนกันรึเปล่า

“ครับ ก็ดี  .. เหมือนๆ ที่เจอในมหาลัยนั่นแหล่ะ  หึหึ”  เผลอหลุดขำที่พูดจากวนๆ ใส่อีกฝ่ายไป
“โห......  เล่นแบบนี้นะ  งอนอ่ะ  ไม่คุยด้วยแล้ว”  ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ก็ไม่ยักวางสายไปสักที

“ขอโทษครับ พี่ล้อเล่นน่ะ ว่าจะแต่จะให้ง้อยังไงน๊า  ถึงจะหายงอน ” พูดกลั้วหัวเราะ พอนึกถึงหน้าอีกฝ่าย

ก็ยิ่งทำให้ยิ้มมากขึ้นไปอีก  .... ความสุขจางๆ ลอยอยู่รอบๆ ตัว

“ก็....พาไปทานข้าวกับเลี้ยงหนังก็พอค่ะ   อิอิ”  น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ...ของอีกฝ่าย ทำไมถึงลงตัวกับสิ่งที่ผมหวังไว้อยู่

“ก็....”   เว้นช่วงไว้ให้อีกฝ่ายได้ลุ้น

“นะนะน๊า” ถึงกับออกอาการอ้อนเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าเพราะอยากไปกับผม หรือเห็นแก่ของฟรีกันแน่ 

หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ อีกที   นึกภาพลูกแมวนัยตาบ๊องแบ๊วพยายามทำหน้าออดอ้อน 

“งั้น  ครึ่งชั่วโมงเจอกันนะครับ”

“ค่ะๆ  เดี๋ยวอ๋อมเปลี่ยนชุดแป๊บเดียว หิวอ่ะ พี่รักรีบมาน๊า”  อ้อนอีกแล้ว  ถ้าเป็นแฟนผมคงดึงมากดจมูกกับแก้มนุ่ม

แต่ตอนนี้ได้แค่มอง  กับจิ้นเองตลอด หลังจากวันที่ลากันหน้าประตู ก็แทบไม่ได้สัมผัสตัวอีกฝ่ายอีก

กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยกรุ่นอยู่ทั่วตัวอ๋อมยังตรึงอยู่ในความทรงจำ ตอนกดจูบที่หน้าผาก...  ถึงได้ไม่อยากจะละออก 
“แล้วเพื่อนเราเค้าไม่มานอนเป็นเพื่อนเหรอวันนี้”  ถามๆ ไว้ก่อน  เผื่อวันนี้จะได้ไปนั่งเฝ้า

“มาค่ะ... ”  แค่ได้ยินก็แอบเสียดายนิดๆ ขึ้นมา  อยากกลับไปอยู่ตรงนั้นบ้าง  .....ใจจะขาด

“แต่ไม่เป็นไร ดามีกุญแจห้องค่ะ อ๋อมไม่อยู่ก็เข้าห้องได้” 

“อ้าวเหรอ... แล้วเมื่อก่อนหล่ะ?”

“ค่ะ....ก็มี”   

“อืม....  เปลี่ยนชุดเถอะ เดี๋ยวพี่เปลี่ยนแล้วก็จะออกไปเหมือนกัน”

“ค่ะ ๆ รีบมานะ......  อ๋อมหิว” อ้อนๆ จนผมนึกหมั่นเขี้ยวอยากจะฟัดเจ้าตัวขึ้นมาจริงๆ ซะให้ได้

“ครับ”  กดวางสายเสร็จ ก็รีบเปลี่ยนชุดไปหาอีกฝ่าย  กลัวลูกแมวจะหิวจนเป็นลมไปเสียก่อน

.

.

“ก็อก ๆ  ”  สักพักประตูก็เปิดออก  น้องยิ้มหน้าบาน 
“เสร็จรึยังครับ”  น้องพยักหน้ารับ

“เสร็จแล้วค่ะ  เดี๋ยวอ๋อมขอหยิบกระเป๋าก่อน”   อีกฝ่ายเดินเข้าไปหยิบแก้วนมบนโต๊ะหน้าโซฟาไปเก็บ ท่าจะหิวจริง

ก่อนจะไปหยิบกระเป๋าสะพายแล้วเดินออกมา  ปิดประตูห้องแล้วล็อคอย่างแน่นหนาก่อนจะหันมาพยักหน้า

เป็นเชิงบอกว่าเรียบร้อยแล้ว 

“ท่าจะหิวมากนะเราอ่ะ”  ผมหันไปแซวขณะที่เดินไปที่รถ

“ก็อ๋อมบอกแล้วว่าอ๋อมหิวอ่ะ” น้องหันมาว่างอนๆ

“หิว”  แน่ะ ไม่วายบ่นลอยๆ อีกรอบ ผมถึงกลับหลุดขำ  ลูกแมวที่เอาแต่ใจ

“คร๊าบครับ เดี๋ยวพี่จะรีบอย่างด่วนเลยจ๊ะ  ว่าแต่อ๋อมอยากทานอะไรหืม”  หันไปเลิกคิ้วถาม ก็เห็นอีกฝ่ายทำหน้า

ครุ่นคิด คิ้วขมวดน้อยๆ อย่างน่ารัก นิ้วเรียวแตะที่ปากเบาๆ แล้วก็นิ้วตัวเองเข้าไปงับ ผมเลยขำสุดตัว

ก่อนจะขยี้หัวอีกฝ่ายเบาๆ อย่างหยอกเอิน  น้องก็ยังทำหน้ามุ่ยเหมือนๆ ไม่พอใจนิดๆ แต่ก็ไม่ได้ห้าม

“อะไรก็ได้ค่ะ ที่ได้กินเร็ว ๆอ่ะ ”  ลูกแมวว่า แล้วหันมาบอกผม ผมก็ทำได้แค่ยิ้มกว้าง

“แล้วเราจะทำท่าคิดซะนานไปทำไมเนี่ย”  หันไปแซวอีกฝ่าย  น้องก็ยิ้มเขินๆ แล้วหันมาต่อว่าผม

“พี่รักอ่ะ ... ก็อ๋อมหิวอ่ะ มันเลยคิดไม่ออกนี่  ก็พี่รักแหล่ะเป็นคนพาอ๋อมไปพี่รักแหล่ะต้องคิด”  อีกฝ่ายโบ้ยมาเต็มที่

ผมก็ส่ายหน้ายิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา น้องคงหมั่นเขี้ยวถึงได้ฟาดตุ๊บมาที่ไหล่ผม พูดจบก็เดินมาถึงรถพอดี

ผมขับออกไปเลือกห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ห่างมาก ที่สำคัญต้องรถไม่ติดมีที่จอด  เราเลือกทานอาหารไทยร้านหนึ่ง

ทานเสร็จก็เดินขึ้นชั้นบนสุดของห้าง ดูเรื่อง และรอบของหนังที่อยากดู  เราได้หนังรอบสามทุ่มนิดๆ พรุ่งนี้วันหยุด

จะกลับดึกหน่อยคงไม่เป็นไร

ไม่น่าเชื่อว่าเห็นหวานแบบนี้ อีกฝ่ายจะชอบหนังผี ออกอาการแบบฉุดไม่อยู่ แค่เราเดินไปถึงป้ายแสดงโปรแกรม
และรอบภาพยนตร์ที่จะฉาย  แทบไม่ต้องคิดอ๋อมดูโปรแกรมเสร็จก้มมองนาฬิกา แล้วก็หันมาบอกผมถึงเรื่องที่เลือก

โดยไม่หันมาถามความคิดเห็นที่มาดูด้วย แถมยังเป็นเจ้ามืออย่างผมสักนิด 

“ดูเรื่องนี้นะคะ”  นิ้วเรียวชี้เสร็จ ผมถึงกับเลิกคิ้วสูงหันไปมองอีกฝ่ายนิ่งๆ เป็นเชิงถามว่าแน่ใจเหรอ  ไอ้แมวน้อย

ก็ออกอาการออดอ้อนอย่างถึงที่สุด  มือสองข้างจับหมับเข้าที่แขนผมข้างหนึ่งอย่างลืมความเคอะเขิน เขย่ามันไปมา

“นะนะน๊า  ไม่มีใครยอมดูกับอ๋อมเลยอ่ะ เพื่อนอ๋อมไม่มีใครชอบหนังผีเลย นะพี่รักนะ” ผมถึงกับหลุดยิ้ม

(ที่กลั้นมานานตั้งแต่เขย่าแขนแล้ว)

“อืม ก็ได้ครับพี่ดูได้ทุกแนวอยู่แล้ว”  พูดจบ อีกฝ่ายก็เอาหัวทุยๆ มาถูไถไหล่ผมเป็นว่าเล่น

“พี่รักอ่ะ  ใจดีที่สุดเลย”   ไอ้แมวน้อยยิ้มกว้าง จนผมอยากจะเหมาโรงภาพยนต์ต่ออีกสักสิบเรื่องเพื่อให้ไอ้แมวน้อยตัวนี้

อ้อนผมแบบนี้ทั้งวัน

“ไม่ใช่แค่ใจดีนะ  หล่อด้วยครับ”  ผมหันไปฉีกยิ้มกว้าง ส่วนอีกฝ่ายแสร้งหันไปด้านข้างแต่จงใจให้ผมเห็นเล็กน้อย

เบ้หน้า แลบลิ้นนิดๆ ได้ยินเสียง  “แหวะ” เบาๆ  ออกมาจากปาก  ก่อนจะหันหน้ากลับมายิ้มกว้างเอาใจอย่างประจบ

ก็นะ.....ผมเป็นเจ้ามือนี่นา  ต้องออดอ้อนเอาใจกันหน่อย  ว่าแล้วเราก็เดินไปที่เค้าเตอร์ซื้อตั๋ว  เลือกที่นั่ง 

ซื้อป็อปคอร์น และเครื่องดื่ม แล้วตรงไปยังโรงภาพยนต์ทันที  ไม่รู้เผลอไปจับมือเรียวของอีกฝ่ายมากอบกุมไว้

ตั้งแต่เมื่อไหร่  อบอุ่น....  จนไม่อยากปล่อย ดูท่าอีกฝ่ายก็คงยังไม่รู้ตัว ...  ผมก็เลยเนียนจับมันไว้อย่างนั้น

พูดคุยกันไปตลอดจนเข้าโรงหนัง ค่อยๆ เบี่ยงตัว เดินตรงไปยังเก้าอี้ตรงกลาง มีคนบางส่วนเข้ามาก่อนแล้ว

ขณะที่มือก็ยังกอบกุมมืออีกฝ่ายไว้ไม่ยอมปล่อย  จนถึงที่นั่งที่ปรากฎอยู่บนตั๋ว...  ถึงได้ละมือออกอย่างเสียดาย

เสียงเพลงสรรเสริญพระบารมีดังขึ้น เราก็ลุกขึ้นยืนทำความเคารพ ภาพพระเจ้าอยู่หัวทรงทรงงานภาพแล้วภาพเล่า

ผ่านไป  แต่ผมกลับลอบมองแมวน้อยข้างๆ ที่ยืนตรงดวงตาจ้องแป๋วมองภาพเบื้องหน้าไม่ได้รู้สักนิดว่าถูกแอบมอง

ผมไล้สายตาไปทั้งโครงหน้าของอีกฝ่าย 

อยากจูบ.....  เสียงในหัวดังขึ้นเบาๆ  พอรู้สึกตัวถึงกลับเผลอกลืนน้ำลายลงคอหนักๆ  ที่ตัวเองเริ่มคิดอะไร

ไปไกลกว่าที่ควร   เบนสายตากลับมามองภาพเบื้องหน้าจนจบเพลง แล้วค่อยนั่งลง 

ภาพยนตร์ตรงหน้าเริ่มดำเนินเรื่อง ตั้งแต่ตัวละครที่เป็นนางเอก หรือว่าที่ผีในอนาคตยังมีชีวิตอยู่  ใช้ชีวิตในรั้ว

มหาลัยตามปกติเหมือนนิสิตทั่วไป  ต่างตรงที่เธอสวยจนเป็นที่หมายปองของใครหลายคน  และแน่นอน

ความริษยาที่มาจากผู้หญิงรอบกาย ก็มากพอที่จะทำให้อีกฝ่ายถึงจุดจบ  ....  แต่ยังไม่รู้ว่าใครเป็นฆาตรกร

ตายไม่รู้ตัว.......   วิญญาณยังคงวนเวียนกลับมาที่เดิม ๆ   เดินวนไปเวียนมา เหมือนตอนที่ยังมีชีวิต

กว่าจะรู้ว่าตัวเองตายก็ผ่านไปหลายวัน  ผมไม่รู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร ในเมื่อขณะที่ยังคิดว่าตัวเองเป็นคนธรรมดา

แต่ดันไปพบคนที่หน้าละม้ายคล้ายคลึงกันจนแทบจะเป็นคนเดียวกันนอนนิ่งอยู่กับพื้น เลือดสีแดงฉาน

ไหลออกจากริมฝีปากสีซีดเผือด  สีม่วงช้ำขึ้นเป็นจ้ำบ้าง และรอยขนาดใหญ่บ้าง แผลฉกรรจ์อยู่ตรงหน้าท้อง

มีมีดปักคาอยู่อย่างนั้น  ชุดนักศึกษาสีขาวฉ่ำนองไปด้วยเลือดที่ไหลอาบ คิดว่าฝาแฝด  ....อีกฝ่ายร้องไห้

กดมือถือหาแม่เพื่อจะสอบถามว่าแม่มีลูกอีกคนทำไมไม่บอก น้องหรือพี่ของเธอกำลังตายอย่างอนาจในซอยเปลี่ยว

มาถึงตรงนี้อ๋อมกุมมือผมไว้แน่น....  หัวใจผมพองโตจนฉุดไม่อยู่คิดไปอีกว่าอีกฝ่ายมีใจให้ แต่พอหันไปตรงหน้าจอ

ความคิดนั้นก็เปลี่ยน จริงๆ อีกฝ่ายคงแค่หวาดกลับกับหนังตรงหน้า หลุดยิ้มนิดๆ เพราะชอบคิดเข้าข้างตัวเองซะจริง

จะว่าไปแล้วเหมือนโรคจิตอ่อนๆ หนังเค้ากำลังฆาตกรรมตัวเองดันยิ้มขำเสียได้  คิดได้ดังนั้นเลยหุบปากจ้องหนังต่อ

หญิงสาวคนนั้นกดมือถือครั้งแล้วครั้งเล่า ได้ยินแต่เสียงรอสาย  ....  หากแต่ไม่มีคนรับ  น้ำเสียงกรีดร้องด้วยความเสียใจ

ตรงไปยังร่างที่นอนแน่นิ่ง ใบหน้าที่ไม่ตรงจากตัวเองสักเท่าไหร่จนทำให้ผงะ  แต่ก็ต้องทำเข้มแข็ง  มือวาดคว้าไป

ที่ร่างแฝดอีกคน  แต่มันกลับว่างเปล่า ราวกับกำลังคว้ามือไปในอากาศ ความตกตลึงแล่นเข้าสู่ขั้วหัวใจ

เธอลุกขึ้นก้าวถอยจากพงหญ้าช้าๆ สีหน้าหวาดวิตก และไม่ทันระวังรถยนต์ที่วิ่งเข้ามาด้วยความเร็วก็ปะทะร่างของเธอ

ที่ยืนอยู่ หญิงสาวกรีดร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ สายตาจดจ้องรถยนต์ตรงหน้าด้วยหวังจะให้อีกฝ่ายหักเลี้ยว

หรือชะลอความเร็ว แต่ไม่มีเลย .....  ที่น่าแปลกใจ.......คือรถคนนั้นขับทะลุผ่านร่างกายเธอไปอย่างง่ายดาย

ไม่รู้สึกเจ็บปวด หรือรวดร้าวแต่ประการใด  มีแต่ความอึ้งตะลึงงัน มองไปยังศพตรงพงหญ้าที่มาเหนือเข่า

ภาพต่างๆ ก่อนเหตุการณ์ที่จะทำให้เธอมาอยู่ตรงนี้ฉายวนรวดเร็วราวกับกรอเทป เสียงสุดท้ายที่ได้ยิน

“อย่า กรีดดดดดดดดดดดดดดด”  เสียงกรีดร้องของตัวเอง  จากนั้นมหกรรมการาแก้แค้นจึงได้เริ่มต้นขึ้น



.

.

หลอดไฟในโรงหนังถูกเปิดขึ้นอีกครั้งภาพยนตร์ฉายจบสิ้น เจ้าหน้าที่ประกาศทางออกจากทางภาพยนตร์

ผมกับอ๋อมเดินตามคนอื่นออกจากโรง คว้ามืออีกฝ่ายที่ยังมึนๆ และอินกับภาพยนตร์เมื่อสักครู่อยู่มากอบกุม

ก้มมองนาฬิกาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ต้องเดินไปตามทางพิเศษ เพราะส่วนของศูนย์การค้าได้ปิดให้บริการแล้ว 

เราเดินจูงมือกันจนมาถึงรถ  เลยต้องละมือออก ...  เหมือนอีกฝ่ายจะพึ่งรู้ตัว ได้แต่ทำหน้าเป็นแมวงง

แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เดินขึ้นรถมาโดยดี ก่อนที่ผมจะขับออกมา



ระหว่างทางอีกฝ่ายก็จ้อเรื่องที่ดูกันเมื่อครู่ถึงจุดนั้น ที่น้องคิดว่าจะเป็นอย่างนั้น ผู้สร้างกับพลิกเรื่องให้เป็นอีกแบบ

ทั้งตื่น เต้น ทั้งสงสัย สรุปฆาตกรคือเพื่อนสนิท  ที่รักกันมากที่สุด  เพราะผู้ชายที่ตัวเองแอบรักคนแล้วคนเล่า

มาตกหลุมรักเพื่อนสนิทของตัวเองอยู่ร่ำไป  จนความคิดที่ว่า ถ้าไม่มีมัน ชีวิตรักของตัวเองจะสมหวังนั่นเอง





เมื่อมาถึงที่หอพักผมก็เดินไปส่งแมวน้อยที่ห้อง ดูเวลาจะเที่ยงคืนครึ่งแล้วดันปวดฉี่ขึ้นมากระทันหัน

เลยต้องรบกวนอีกฝ่าย  จริงๆ แล้วก็ยังไม่อยากกลับ พอเข้าห้องน้ำเสร็จก็ถามน้องว่าง่วงรึยัง

อีกฝ่ายกลับตอบกลับมาว่า กลัว  ฮ่าๆๆๆ ทำเอาผมขำยกใหญ่ตอนเลือกเรื่องไม่มีลังเล  พอดูจบทั้งกลัว

ทั้งระแวง    ทิ้งตัวลงข้างอีกฝ่ายบนโซฟาตัวยาว น้องหยิบขนมขบเคี้ยวมาวางเปิดทีวีเบาๆ

“ขอบคุณนะคะพี่รัก  อ๋อมทั้งอิ่มทั้งได้ดูหนังฟรี”  แมวน้อยยิ้มร่า

“ไม่เป็นไรครับ  สนุกดีพี่ไม่ได้ดูหนังนานแล้ว”  พูดจบก็หันไปมองอีกฝ่ายนิด ๆ ก่อนจะจ้องทีวีต่อ

“อ้าว ทำไมหล่ะคะ”   แมวน้อยทำหน้าสงสัย

“ไม่มีเพื่อนดูนะ  พี่ไม่ชอบดูหนังคนเดียว”

“คิคิ  ดีเลยอ๋อมก็ขาดคนเลี้ยงหนัง”  อีกฝ่ายว่าพยายามทำหน้าเจ้าเล่ห์

เพราะมัวแต่หันไปมองอีกฝ่าย มือที่ยื่นไปหยิบขนมจากจาน เลยชนจานคว่ำตกลงพรมที่พื้น

ยื่นมือไปเก็บก็พบมืออีกฝ่ายที่ยื่นมาเร็วพอกัน  มันสัมผัสกันแผ่วเบา เราเลยเงยหน้าขึ้นมามองกัน

แต่ด้วยความที่มันใกล้เกินไป ....   จนทำให้หัวใจผมเต้นรัว  ระห่างแค่ฝ่ามือ ใกล้เสียจน ....ต้านทานเสียงหัวใจ

ตัวเองไม่ไหว  ค่อยๆ โน้มหน้าเข้าหาริมฝีปากสวยได้รูป ราวกับอีกฝ่ายต้านทานสายตาที่เว้าวอนของผมไม่ไหว

นัยตากลมสวยค่อยๆ ปิดลงอย่างเชื่องช้า  เหมือนหยุดเวลาไว้กับที่ ผมประทับจูบแผ่วเบาที่มุมปาก

ไม่กล้าพอ.....ที่จะจุมพิศริมฝีปากสีสด แค่นี้หัวใจก็พองโตอย่างถึงที่สุด  ประทับไว้เนิ่นนาน

ก่อนจะสะดุ้งผละออกจากกันเพราะเสียงตวาด

“ทำอะไรกันน่ะ”




หัวข้อ: Re: >> กอด~ จูบ P.20 20/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 20-06-2013 07:42:38
ดา เป็นคนทำอ่ะป่าววว เดา  :katai1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ จูบ P.20 20/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 20-06-2013 16:16:20
เราก้ออยากให้อ๋อมได้เจอกับคนที่ใช่น่ะ ถึงจะไม่ใช่พี่รักก้อเถอะน่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ จูบ P.20 20/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 20-06-2013 16:54:41
ยัยดานี่มันคิดอะไรกับอ๋อมหรือเปล่าเนี่ย
มาขัดจังหวะได้พอดีเชียวนะ  :ling2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ จูบ P.20 20/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 20-06-2013 16:55:38
ดีใจนะที่ อ๋อมมีพี่รักค่อยห่วงใยแบบนี้ แต่ดาเหมือนมารผจญเลยอ่ะ เอาคนนี้ออกไปทค
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เป็นผมได้ไหม? P.20 21/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 21-06-2013 00:34:34
เป็นผมไ้ด้ไหม~





“เพี๊ยะ”  เสียงฝ่ามือกระทบกับหน้าผมเข้าอย่างจังใบหน้าหันตามแรงเหวี่ยง ความรู้สึกชาแล่นริ้วไปทั่วไปหน้า

ลิ้มรสเลือดคาวๆ อยู่ในปากเจือจางเล็กน้อย   ค่อยๆ หันหน้ามามองเหตุการณ์ที่ทำผมมึนงงสุดๆ

อ๋อมถูกดาดึงกระชากไปด้านหลัง  จากนั้นอกฝ่ายก็ปรี่เข้าหาผม ก่อนจะเงื้อฝ่ามือเรียวบาง หากแต่หนักแน่น

ฟาดเข้ามาเต็มหน้าผม  เล่นเอาต้องสะบัดหน้าน้อยๆ เพื่อไล่ความมึนงงที่เกิดขึ้น

“มึงทำอะไรเพื่อนกู”  ดาตวาดลั่น ชี้หน้าผมอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะหันไปส่งสายตาเกี้ยวกราดใส่อ๋อมที่กำลังจะ

วิ่งเข้ามาดูผม  ได้ยินเสียงลูกแมวน้อยเรียกชื่อผมแผ่วเบา แขนอีกข้างพยายามแกะมือดาที่ยังจับแขนตัวเองไว้แน่น

ราวกับคีมเหล็ก 

“.............”  ผมไม่ได้ตอบ  คิ้วขมวดมุ่นเพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่มันผิดหรือถูก  ผมกับอ๋อมเรายังไม่ได้คบหากันในฐานะแฟน

เรื่องที่เกิดตรงหน้าอาจจะทำให้น้องเสียหาย  แต่ผมเองก็ไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินอีกฝ่ายแล้วทิ้งขว้างแต่อย่างใด

การที่ดาโกรธผมที่ทำกับอ๋อมอย่างนี้ผมก็เข้าใจได้ในระดับหนึ่ง แต่ความรุนแรงที่แสดงออกมามันจะเกินไปรึเปล่า

“กูถามทำไมไม่ตอบ”  ดาตวาดเสียงดังลั่นสีหน้าเกรี้ยวโกรธเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ ซึ่งผมเองก็แสดงสีหน้า

ไม่พอใจสุดๆ

“ถ้าดาโกรธพี่ที่ล่วงเกินอ๋อมพี่ก็ขอโทษด้วย  แต่พี่รู้สึกดีๆ กับอ๋อม พี่อยากจะ....”  ชะงักคำอยู่แค่นั้น เมื่ออีกฝ่ายสวนขึ้นมา

“มึงอยากจะฟันแล้วทิ้งหล่ะสิ  สันดานผู้ชายเหี้ยเหมือนกันทุกคน”  สายตาดูแคลนที่มองมายังผม

ริมฝีปากเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน...  ด้วยความรังเกียจ ราวกับจะเผาผมให้วายวอดอยู่ ณ ที่นี้ถ้าทำได้

“เกินไปแล้วนะดา... ทำไมต้องพูดแรงขนาดนี้ด้วย”   อ๋อมขึ้นเสียงกลับ  น้ำเสียงไม่พอใจ ทำเอาอีกฝ่ายหันขวับไปมอง

ด้วยสายตาที่ผมบอกไม่ถูก มันดูทั้งน้อยใจ เสียใจ และเกรี้ยวกราดอยู่ในคราเดียว 

“หรืออ๋อมก็ชอบ  ที่ให้มันกอดมันจูบอย่างเมื่อกี้หล่ะ”  ดาว่าเสียงเยาะ ริมฝีปากเหยียดยิ้มเย้ยหยัน

“เราไม่เห็นเคยจำได้ ว่าเพื่อนที่เราปกป้องมาแต่เด็กจะทำตัว “ง่าย”  ขนาดนี้”  เสียงถอนหายใจหนักหน่วง

บอกได้เลยว่าอารมณ์ของเจ้าของเสียงมันคุกรุ่นขนาดไหน
“ดา~”  อ๋อมครางเสียงแผ่ว ราวกับจะขาดใจ น้องแทบล้มทั้งยืนเมื่อเจอคำพูดดูแคลนจากปากของเพื่อนสนิท 

ความผิดหวัง...  และเสียใจฉายชัดอยู่ในนัยตากลมโต  ที่มีหยาดน้ำตาคลอหน่วย ไร้ซึ่งถ้อยคำจะมาต่อเถียง

เสียงสะอื้นแผ่วเบาๆ ดังขึ้นมาเป็นระยะ  ก่อนขาเรียวจะอ่อนยวบทรุดลงกับพื้น มือข้างที่ว่างยกขึ้นปิดบัง

ความอ่อนแอของตัวเอง  ผมสาวท้าวจะก้าวเข้าไปหา  ดาตวัดสายตาแค้นเคืองตอบกลับมา


“มึงอย่า..”   คำขู่ฟ่อราวกับจงอางหวงไข่ นิ้วชี้ชี้มาที่ผมอย่างคาดโทษ  ก่อนตัวเองจะทรุดตัวลงกอดอ๋อมไว้แน่น

“อ๋อม ดาขอโทษ ดาเป็นห่วงอ๋อมมากเกินไป  ดาไม่ได้ตั้งใจนะ  เลิกร้องไห้นะ ดาขอร้อง”  อีกฝ่ายว่า

น้ำเสียงปลอบใจไอ้แมวน้อย อ้อมกอดที่กอดอีกฝ่ายที่กำลังสะอื้นไห้จนตัวโยน มือข้างที่ว่างก็ลูบหลังน้องแผ่วเบา

ให้อีกฝ่ายหายสะอื้น 

   ไร้คำพูดจะ โต้ตอบ ...  ทั้งที่อยากจะเป็นคนที่ดึงน้องรวบเข้ามาในอ้อมกอด แต่ถ้าผมก้าวเข้าไป ในขณะ
ที่ทุกฝ่ายเป็นเหมือนไฟ  ตัวผม....ก็จะเหมือนน้ำมันดีๆ นี่เอง   เราอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานจนน้องหยุดร้องไห้

ผมถึงเห็นว่าผมควรจะทำให้ทุกคนเข้าใจความจริงได้เสียที

“พี่ต้องขอพูดนะ  พี่ไม่เคยคิดจะทำอย่างที่ดากล่าวหา”  ผมหันไปอธิบายอีกฝ่าย   ดาตวัดสายตาขึ้นมามอง

ด้วยความเกลียดชัง ราวกับพูดผมมันเป็นแค่คำสอพลอ  ประจบเอาใจ หาความจริงไม่ได้กระนั้น

ผมสูดลมหายใจอย่างหนักหน่วงระงับอารมณ์โกรธที่มันพร้อมจะประทุได้ทุกเมื่อ     

“แต่มึง....”  ดาว่า  ..  ก่อนจะเหลือบไปมองอ๋อมที่ทำสายตาไม่พอใจในคำพูดที่ดากำลังใช้อยู่ในขณะนี้

“แต่พี่ก็กำลังทำอย่างนั้น แล้วจะดาเชื่อได้ยังไงว่าพี่จะไม่มาหลอกฟันไอ้อ๋อมมัน  ดาขอเถอะพี่ถ้าแค่อยากเอา

พี่ไปซื้อที่ไหนก็ได้  ละเว้นมันไว้สักคน  ... อ๋อมมันไม่เคยมีใคร  มันเป็นคนดีมาก  ชีวิตมันรันทด

เพราะพ่อแม่มาตายแล้ว  อย่าให้ชีวิตมันต้องมาเจอผู้ชายร้ายๆ อีกเลย  ดาปกป้องมันเพราะมันเป็นเพื่อนดา

มันผู้ชายตั้งเท่าไหร่ที่หวังแค่ร่างกายมัน พยายามทุกวีธีทางแม้แต่วางยา ถ้าดาไม่ปกป้องมันมีเหรอ

มันจะเหลือรอดมาจนทุกวันนี้ ถ้าพี่สงสาร...ก็อยู่ในฐานะพี่กับน้อง  อย่างก้าวข้ามเส้นนั้นมาเลยจะดีกว่า ”

ดาปรายตามองมาที่ผมสีหน้าจริงจัง  ผมเชื่อว่าเรื่องที่ดาพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง  อ๋อมเปรียบเสมือน

ดอกไม้กลิ่นหอม...  หมู่ภมรถึงได้หมายจะดอมดมเป็นหนักหนา  แต่ว่าเรื่องจะให้ถอย...คงเป็นไปไม่ได้

เพราะผม...เทใจไปให้อีกฝ่ายเกินกว่าครึ่ง คาดหวังเหลือเกิน...ที่จะได้คนนี้อยู่เคียงข้างกัน มันเหนื่อยกับการตามหา

“พี่เข้าใจที่ดาพูดมาทั้งหมดแล้ว  ถ้าอย่างนั้น......... อ๋อมครับ”   ผมหันไปหาอีกฝ่าย ที่ยังดาแดงก่ำจากการร้องไห้

น้องมองมาที่ผมด้วยสายตาเศร้าสร้อย  ก่อนจะหลุบเปลือกตาลงต่ำ  ราวกับลูกแมวน้อยที่รอการพิภากษา

มือเรียวจิกแน่นที่หัวเข่า  ไร้เสียงตอบขานรับกลับมา  ไม่กล้าสบตา  ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามอง

“.......................”     ผมเห็นดามีรอยยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก ราวกับได้สะสางปัญหาหนักอกที่รกใจอยู่เนิ่นนานให้หมดลง

ผมมองหน้าเธอ  ดาพยักหน้าน้อย ๆ  ให้ผมเริ่มพูดสักที  นี่มันเสียเวลามามากแล้ว 

ผมขยับตัวเดินเข้าไปหาอ๋อม  คว้ามือ...กอบกุมมือเรียวไว้แน่น  ดาหลีกทางให้แต่โดยดี ไม่ได้มีท่าทีโวยวาย

เหมือนก่อนหน้านี้  ราวกับเข้าใจหัวอกผม ซึ่งผมเอง....ก็ต้องการให้มันเป็นเช่นนั้น  ผมมองใบหน้าหวาน

ที่ตอนนี้ติดจะเศร้า  น้องเอาแต่ก้มหลบตาไม่ยอมหันมาเผชิญหน้ากัน

“อ๋อมครับ”  ผมเรียกน้อง เสียงแผ่วเบา  น้องหันมาสบตาเล็กน้อยก่อนจะหลุบตาลงต่ำอย่างเคย นัยตาหวาน

มีน้ำตาคลอหน่วยขึ้นมาอีกแล้ว
“.............”   ไร้เสียงตอบกลับเช่นเคย  อ๋อมเงียบงันอยู่เช่นนั้น  จนผมต้องเรียกอีกฝ่ายอีกครั้ง

“มองหน้าพี่ได้ไหม”  ผมว่าเสียงเบา ได้ผลในที่สุดน้องยอมสบตาผมเสียที  นัยตากลมโตไวระริก

“.......................”












“คบกับพี่ได้ไหม”   ผมเน้นเสียงอย่างชัดเจน 
“ห๊า  อะไรนะคะ”   ลูกแมวน้อยจ้องผมด้วยความงงงวย กระพริบตาปริบๆ ราวกับไม่ได้ยินที่ผมพูด   

“มึง”  ได้ยินเสียงกัดฟันกรอดดด  ดังลอดเข้ามา แต่ในขณะนี้ใครก็ทำลายสมาธิของเราไม่ได้แล้ว 

ผมยื่นมือทั้งสองข้างจับไว้ที่ไหล่อ๋อม  ก้มหน้าลงไปจนชิดกัน มอบยิ้มแห่งความสุขไปให้.



“คบกับพี่ได้รึเปล่าครับ อ๋อมจะรังเกียจพี่รึเปล่าถ้าจะมอบชีวิตนี้ให้พี่เป็นคนดูแล” ผมว่าน้ำเสียงหนักแน่น

“พ...พี่รัก ฮึกๆ   นึกว่าจะไม่พูดซะแล้ว  ฮือๆๆ”   ผมรวบตัวน้องมากอดแน่น เราสองคนกอดกันอยู่อย่างนั้น

ไม่ได้สนใจดา ที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เดินตรงดิ่งเหมือนจะมาแยกเราออกจากกัน  แล้วก็ชะงัก

“ถ้าอ๋อมอายุ 20แล้ว.... เราหมั้นกันนะครับ”   เหมือนทุกอย่างจะจบแค่นั้น  ดาวิ่งออกไปจากห้องทันที

ผมทันได้เห็นน้ำตา... ของดา  เธอคงไม่อยากยอมรับ.....ผู้ชายทั้งหลายในโลกนี้ แม้แต่นายพอร์ชนั่น

ก็พยายามน่าดูที่จะทำให้ดา เชื่อ.... และไว้ใจ  จนยอมเปิดใจรับมันเข้ามาในใจของดา 

และนี่...... คงเป็นเรื่องยากที่สุดอีกเรื่องหนึ่งที่ดาจะยอมเชื่อได้....ว่าผู้ชายอย่างผม  จะดีจริงๆ เหมือนกับนายพอร์ช

บางทีนี่อาจเป็นบทพิสูจน์ของความรัก  ระหว่างผมกับอ๋อม






เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้ง..............ไม่ใช่ใครที่ไหน  แต่เป็น “ดา”

“กลับไปได้แล้ว ถ้าคุณจะคบกับอ๋อม ก็ต้องรู้จักให้เกียรติผู้หญิง” ดาว่าหากแต่สายตากลับมองเมินไปที่ผนัง

ผมอมยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก  เริ่มรู้สึกว่าฝ่าด่านได้แล้วเปาะหนึ่ง ซึ่งด่านหนึ่งอาจจะมีสักสิบเปาะก็ได้..ใครจะรู้






หัวข้อ: Re: >> กอด~ เป็นผมได้ไหม? P.20 21/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 21-06-2013 03:15:30
เย้ๆ อ๋อมมีคนดูแลจริงๆแล้ว ดาก็อย่าหวงนักเลย พี่รักเป็นคนที่เชื่อใจได้นะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เป็นผมได้ไหม? P.20 21/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 21-06-2013 09:02:31
พี่รักโคตรแมนนนนนน  o13
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เป็นผมได้ไหม? P.20 21/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 21-06-2013 10:10:27
ดีใจกับอ๋อมด้วยน่ะ ที่ได้เจอคนดีที่รักตัวเองอย่างจริงใจสักทีน่ะ  :mew1: แต่แปลกใจนิดนึงน่ะว่าก่อนหน้านี้ทำไมไม่เห็นดาเลยล่ะ ตอนที่อ๋อมอกหักโวยวายกับภาคน่ะ เป็นงงเล็ก ๆ  :hao4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เป็นผมได้ไหม? เพิ่มเติม น้องดา P.20 21/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 21-06-2013 10:16:50
เพิ่มเติม...


ดาเป็นเพื่อนสนิทของอ๋อมค่ะ  แต่ไม่ค่อยจะได้กล่าวถึง น้องอยู่คนละมหาลัยกันนะคะ

รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ดาเก่งศิลปะการต่อสู้ เพราะต้องคอยปกป้องอ๋อม

หน้าตาดี มีฐานะด้วย  และสงสารอ๋อมมาก เพราะ พ่อกับแม่อ๋อม เสียชีวิตตั้งแต่อ๋อมยังเด็ก 

เลยเหมือนเป็นหน้าที่ที่ต้องปกป้อง ส่วนตอนที่เกิดเรื่อง อีกฝ่ายกลับบ้าน บอกอ๋อมว่ากลับบ้าน

แต่ไม่ได้กลับ.....นั่นเอง  ...... 
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เป็นผมได้ไหม? P.20 21/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 21-06-2013 11:00:17
อ่อ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เป็นผมได้ไหม? P.20 21/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 21-06-2013 17:29:43
เรื่องเป็นแบบนี้นี่เอง
ไอ่เราก็คิดมากเกินไปหน่อย
หวังว่าพี่รักจะทำให้ดายอมรับ
ในตัวพี่ได้น้าสู้สู้ :ped149:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เป็นผมได้ไหม? P.20 21/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 21-06-2013 17:38:32
ดา...เกินไปรึเปล่า ไม่ใช่ว่าเรื่องร้ายๆ คนโรคจิตนั่นจะเป็นดาเองหรอกนะ o22
หัวข้อ: Re: >> กอด~ รัก.....เพียงเธอ P.20 23/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 23-06-2013 18:37:43
กอด~    รัก....เพียงเธอ




“อ๋อมจะไปไหน?”  นั่งมองอีกฝ่ายแต่งตัวสวยออกจากห้อง อารมณ์ดีเสียจนยิ้มแก้มแทบปริ

“เดี๋ยวพี่รักจะมารับอ๋อมไปทานข้าว แล้วก็ไปดูหนังต่อดาอยากได้อะไรมาทานเล่นหรือเปล่าจ๊ะ”  น้ำเสียงที่ตอบ

กลับมาช่างสดใสซาบซ่าเสียจน ความรู้สึกกระอักกระอ่วนที่เกิดขึ้นภายในแทบสำรอกออกมา  ....

เมื่อไหร่ที่ความเครียดเกาะกุมจิตใจ ร่างกายมักจะทำงานผิดปกติเสมอ มือจิกเกร็งแน่น...  แต่ยังซ่อนอาการได้

หันไปยิ้มตอบอีกฝ่ายตามหน้าที่  แล้วส่ายหน้าแทนคำตอบ  ... อดไม่ได้ที่จะน้อยใจ ที่ไม่มีคำเชิญชวนสักเพียงนิด

ความสำคัญถูกลดบทบาทลงจนน่าใจหาย  รู้สึกเหมือนหัวใจค่อยถูกบดขยี้ทีละน้อย

“ไม่ชวนนะ ...”  อีกฝ่ายหยักยิ้มน่ารักๆ ที่มุมปาก ก่อนจะส่งสายตากึ่งล้อกึ่งแซวมาให้

“ไม่รู้แฟนใครบางคนบ่นเหงา  เดี๋ยวพี่เค้าจะมาหานะ  ....   เคลียร์กันเลย เจอหน้าอ๋อมข้างล่างพี่พอร์ชบ่นอุบ

ว่าอ๋อมกักตัวสุดที่รักเค้าไว้ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน พาลจะงอนอ๋อมไปด้วยอีกคนอ่ะ”  พูดจบ ก็ดื่มนมที่เตรียมไว้ให้


เดินไปล้างแก้วที่ซิงค์ แล้วเก็บบนชั้น ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ  ใบหน้ายิ้มแย้มสดใส...อย่างที่เคยเห็นมา

ตลอดหนึ่งเดือนที่คบกับพี่รัก  ยื่นหน้าเข้ามาใกล้  เฝ้ามองเฝ้าสังเกตุอีกฝ่ายตลอดเวลาโดยไม่ให้รู้ตัว

“อ๋อมไม่ได้กักขังซะหน่อยเน๊าะ”  พยักเพยิดหน้าเชิญชวนให้เห็นด้วย เลยต้องหลุดยิ้มเบาๆ ได้แต่จ้องมอง

แต่ไม่ได้ตอบกลับอะไรออกไป  ริมฝีปากบางเฉียบสีหวาน กำลังเขยิบอย่างเพลิดเพลิน   

“พี่พอร์ชมั่วตลอดอ่ะ   เอ่อ..... ดาจะกลับไปนอนที่น้องบ้างก็ได้นะ  อ๋อมว่าคงไม่มีอะไรแล้ว ไม่อยากเป็นชนวน

ให้ดากับพี่พอร์ชทะเลาะกัน”

“ไม่............ไม่เป็นไร”  เสียงดังกลับทันที  ก่อนจะค่อยเบาลงในท่อนท้าย  อีกฝ่ายถึงกลับสะดุ้งน้อยๆ

ก่อนจะโน้มตัวดึงเข้าไปกอด   

“ดา....ขอบใจนะที่รักและเป็นห่วงอ๋อมมาตลอด”  รีบกอดอีกฝ่ายตอบแน่นๆ  นั่นแหล่ะที่อยากบอก....

สิ่งที่อยู่ในใจมาตลอด  และยิ่งเจ็บปวดเมื่ออ๋อมมีใคร  รู้ตัวว่าไม่เหมาะที่จะทำแบบนั้น.... แต่ก็ไม่อยากให้อ๋อมมีใคร

เจ็บเสียใจ.....น้ำตาแทบไหลออกมา  ตัวสั่นเล็กๆ เมื่อได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการการปกป้อง อ๋อมลูบหลังให้เบาๆ


“แต่ถ้าอ๋อมเป็นสาเหตุให้ดากับพี่พอร์ชต้องผิดใจกัน อ๋อมคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่เลย กว่าดาจะเปิดใจ

รักใครสักคนมันยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรอีกนะ”  อีกฝ่ายว่าน้ำเสียงแผ่วเบา  ไอ้ผู้ชายพรรณนั้นจะมีอะไร

ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องอย่างว่า...มันคงไม่ตามเราต้อยๆ นี่แค่เพราะอดไม่ได้หล่ะสิ  ผู้ชายทุกคนมันก็เลวเหมือนกัน

แม้แต่พ่อก็ด้วย....  ผู้ชายแบบนั้นจะเรียกว่าพ่อดีมั้ย ผู้ชายที่เอาผู้หญิงมาทำอะไรสารเลวในบ้าน

ส่งเสียงครางดังลั่น  ในขณะที่แม่ได้แต่นอนร้องไห้กอดกันไว้แน่นสองคน  ได้ยินแต่เสียงแม่พึมพำอยู่ข้างหู

“หลับซะลูก  หลับตาลง”  ทั้งที่ตัวเองก็ร้องไห้จนสะอื้นอยู่แท้ๆ อดทนอยู่อย่างนั้นจากวันเป็นเดือน 

จากเดือนเป็นปี  ผ่านไปหลายปีก็ยังคงเป็นอยู่อย่างนั้น ผู้ชายมักมาก....  ไม่เคยเหลียวแลว่าแม่ก็มีหัวใจ

ให้แค่ที่ซุกหัวนอน ให้เงินใช้  ให้สิทธิ์ในบ้านเล็กน้อย  แต่ไม่เคยแตะไม่เคยสัมผัส

แค่คลอดลูกมาหนึ่งคน... คุณค่าความเป็นคนถึงกลับหมดไปเลยทีเดียว นอนตรอมใจจนแม่ป่วย

ต้องไปนอนโรงพยาบาล...  แม้แต่วินาทีสุดท้ายของชีวิต  มีแต่ตัวเองที่ยืนเกาะเตียงผู้ป่วยร้องไห้เหมือนคนบ้า

ปีนขึ้นไปซบอกแม่ กอดแม่แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้  คำสุดท้ายที่แม่พูดก็ยังเป็น.......ชื่อพ่อ

ทั้งที่โทรไปตามพ่อให้มาดูใจแม่แล้ว....  ผ่านไปสี่ชั่วโมงพ่อก็ยังไม่มา   ทั้งที่บ้านกับโรงพยาบาลใช้เวลาเดินทาง

แค่ครึ่งชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว  และตอนนี้แม่ก็จากไปแล้ว.......จากไปพร้อมความรู้สึกฉันที่ตายตามไปด้วย 

ชีวิตแม่จบสิ้น  ....  กลายเป็นคนที่เหลือเพียงตัวคนเดียวในบ้าน  นั่งเหม่อมองศพแม่อยู่ในห้องพิเศษ

ปีนขึ้นเตียงไปกอดให้ร่างกายแม่อบอุ่น ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เท่าที่เด็กป.สี่จะทำได้ นอนกอดร่างไร้วิญญาณ

ท่ามกลางความเงียบงัน.... กลัวว่าแม่จะเหงารึเปล่า เลยเล่าอะไรเรื่อยเปลื่อยให้แม่ฟัง

“แม่รู้ไหมจ๊ะ หนูรักแม่ที่สุดเลยนะ  แม่ดูแลหนูดีมากๆ ฮึกๆ  แล้วต่อไปใครจะดูแลหนู  ฮึกๆ ใครจะรีดผ้า

ใครจะทำกับข้าว  ใครจะกอดหนูก่อนนอนหล่ะจ๊ะ ฮึกๆ  แม่จ๋าพาหนูไปด้วยไม่ได้เหรอ ฮือออออออออ  ”

ร่างกายสั่นสะท้านมันสั่นไปหมด  เจ็บร้าวราวกับมันจะแตกสลาย ท่ามกลางความเย็นชืดของร่างกายแม่

มองไม่เห็นหนทางข้างหน้าที่จะเดินไปมืดมนและมัวหมองเสียจน  อยากจะหายไปจากโลกใบนี้

“แกร็ก”  เสียงลูกบิดประตูดังขึ้น มีใครคนหนึ่งก้าวเข้ามา ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง  ไม่อยากเห็นไม่อยากสนใจ

อยากจะกอดแม่ไว้แน่นๆ รู้เพียงเท่านี้
“เธอ.....เธอ”  เสียงเล็กๆ เหมือนลูกแมวดังขึ้น จนต้องเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารัก

ยืนยิ้มกว้างมาให้  ได้แต่จ้องมองด้วยความสงสัย

“เราได้ยินเสียงร้องไห้นานแล้ว  อย่าร้องนะ....เราจะอยู่เป็นเพื่อนเธอเอง  ลงมาสินอนตรงนั้นเดี๋ยวคุณแม่

ก็นอนไม่สบายหรอก  ป่ะไปนอนที่โซฟากัน..เดี๋ยวเรานอนกอดแทนแม่เธอเองนะ” 

“ฮืออออออออออ”   ร้องไห้โหยกใหญ่โผลเข้าหาอ้อมกอดคนไม่รู้จัก  ทำตัวเชื่องเหมือนลูกแมว นอนกอดกันกลมที่โซฟา

ร้องไห้ให้อีกฝ่ายลูบหัวปลอบเนิ่นนานเสียใจ......ผลอยหลับไป





“ดา....ดา  เป็นอะไรไปจ๊ะคิดอะไรเหม่อเชียว” เสียงเรียกเตือนสติ เผลอสะดุ้งหน่อย ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่มีอะไรหรอก อ๋อมรีบไปเถอะป่านนี้พี่รักรอแย่แล้ว” 





หัวข้อ: Re: >> กอด~ รัก.....เพียงเธอ P.20 23/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 23-06-2013 18:44:38
ที่แท้ก็มีอดีตที่เจ็บปวดนี่เองง  :mew4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ รัก.....เพียงเธอ P.20 23/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 23-06-2013 19:36:29
 :mew2:

อดีตมักนำมาซึ่งอนาคต 

ยิ่งมีอดีตที่เลวร้ายเพียงใด อนาคตก็ยากแก่การที่จะสดใสได้
หัวข้อ: Re: >> กอด~ รัก.....เพียงเธอ P.20 23/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 23-06-2013 19:44:13
น่าสงสารดา
หัวข้อ: Re: >> กอด~ กำลังใจสุดท้าย P.20 24/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 24-06-2013 21:32:46
กำลังใจสุดท้าย~   




มองร่างบางของอีกฝ่ายเดินจากไป  รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นที่กลางอก  อยากจะห้ามไม่ให้อีกฝ่ายจากไป 

แต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช้เหตุผลใดที่เหมาะสมพอที่จะเหนี่ยวรั้ง  ความรัก... ถึงจะมากมายแค่ไหน  แต่หากใครคนนั้นไม่เห็นค่า

ความรักที่ว่า.....ก็ดูจะไร้ค่ากว่าสิ่งไหน มือจิกเข้าหากันแน่น ...  หยาดน้ำตาค่อยๆ อยากจะกักขังอีกฝ่ายไว้

ไม่ให้มีใครคนอื่นอีก  ทำได้แค่เจ็บแค้นไอ้ผู้ชายหน้าไม่อายที่มันมาแย่งอ๋อมไป  ทั้งที่อยู่ข้างๆ ดูแลอ๋อมมาตลอด

แต่มันกลับมาแย่งไป..    อยากจะ ‘ฆ่า’  มันให้ตายนัก.   ไอ้มารหัวใจ หัวใจเต้นรัวหอบแรงด้วยความเครียดแค้น

มือจิกลงบนหมอนข้างจนแน่น  กัดฟันดังกรอดดดเพื่อระบายความรู้สึก  ค่อยๆ สูดอากาศเข้าปอดหนักๆ

เผื่อผ่อนคลายความรู้สึกที่ก่อตัวจนเกินกว่าจะห้ามได้  หลับตาลงภาพวันเก่าก่อนย้อนคืนมา



“ตื่นแล้วเหรอ  เราชื่ออ๋อมนะ เดี๋ยวเราต้องกลับแล้วแม่เรามาตามเมื่อกี้น่ะ ว่าแต่เธอชื่ออะไรเหรอ”

“ดา...   เราชื่อดา” ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง สะบัดหัวไล่ความมึนงงเล็กน้อยบนโซฟาที่อบอุ่นเมื่อคืนนี้  เด็กผู้หญิงที่ชื่ออ๋อม

นอนกอดเราไว้ทั้งคืน

“อืมดา  อ๋อมต้องกลับแล้วคุณยายออกจากโรงพยาบาลวันนี้  ขอโทษนะไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนต่อเลย” เมื่อเล็กๆ

ยื่นมากอบกุมกันไว้แน่น รอยยิ้มเป็นห่วง จริงใจ  ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ  พยักหน้าตอบ

เพราะใจจริง....อยากจะรั้งอีกฝ่ายไว้มากกว่า

“สู้ๆ นะ เดี๋ยวคุณแม่ก็ต้องหาย”  รอยยิ้มจริงใจนั่น ทำให้ความอ่อนแอที่ซ่อนไว้ประทุออกมาอีกครั้ง  อีกฝ่ายไม่ได้รู้เลย

ว่าคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงจากไปแล้ว   จากไป......จนไม่มีวันกลับมาอีก   หยาดน้ำตาไหลเอื่อย ค่อยๆ เช็ดมันออก

ต้องยิ้ม..  ยิ้มเท่านั้นแม้จะเป็นการแกล้งฝืน  อยากทำให้อีกฝ่ายสบายใจ

“เราไปแล้วนะ บ๊ายบาย”    มือเล็กโบกไม้โบกมือลา แล้วเดินออกไป  ยกมือโบกตอบ... ก่อนจะตรงดิ่งไปที่เตียง

ซบหน้าแนบกับมือที่แข็งและเย็นชืด 

“ดาจะเข็มแข็งค่ะแม่”  หลับตาลงซึมซับความรู้สึกสุดท้าย คาดว่าอีกไม่นานทุกคนคงจะรู้ว่าแม่ตายแล้ว

.

.

.

ผู้ชายคนนั้นที่เป็นคนรักของแม่ คนที่แม่เรียกหาในวาระสุดท้ายของชีวิตเดินเข้ามาในห้องพิเศษตอนแปดโมงเศษๆ

หลังจากพยาบาลที่เข้ามารอบเช้าตอนเจ็ดโมงครึ่ง สีหน้าตระหนกตกใจยังฉายชัดอยู่บนหน้าพยาบาล

เธอหันมามองที่มือของแม่ ที่มีตัวเองซบหน้าอยู่อย่างนั้น ไม่ได้ทำสีหน้าใดๆ ตอบกลับไป แค่มองกลับด้วยสายตา

ที่ว่างเปล่า  แม้สีหน้าคนมองจะกระอักกระอ่วนเพียงใด กลับไม่มีคำพูดอะไรออกมา น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา

เพราะสัมผัสได้ถึงความเวทนาสงสาร  ผ่านฝ่ามืออบอุ่นที่ลูบมาบนหัว

“หนู........  แกร่งจริงๆนะลูก”  เธอว่าเสร็จก็ผละออกเดินไปหยิบโทรศัพท์โทรไปแจ้งให้เจ้าหน้าที่โทรแจ้งญาติ

อยากจะบอกว่าโทรแจ้งแล้วตั้งแต่เมื่อคืน แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่มา  เงยหน้าขึ้นมามองเล็กน้อย พยาบาลคนเดิม

ลากเก้าอี้มานั่งข้าง และรวบตัวดาเข้าไปกอด 

“อีกเดี๋ยวคุณพ่อก็มาแล้วนะคะ  ไม่ต้องกลัว หนูจะปลอดภัย”   ฟังนิ่งๆ จนในที่สุดก็หลับไป

.

.

.

“แกร๊ก”  ได้ยินเสียงบิดประตูดังขึ้นเลยต้องลืมตาขึ้นมาดู  ซึ่งพบว่าเป็นผู้ชายคนนั้น ... และไม่รู้ว่าตัวเองมานอน

ที่โซฟาตัวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่  ค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นนั่ง ผู้ชายคนนั้นเดินตรงมาหาแล้วรวบตัวเข้าไปในอ้อมกอด

ช่างเป็นอ้อมกอดที่น่ารังเกียจ และไร้ซึ่งความอบอุ่นยิ่งนัก  แต่กลับสร้างความเหน็บหนาว เจ็บปวดราวกับน้ำแข็ง

ขั้วโลกที่ธรรมชาติสร้างมาโดยไม่อาจจะปฏิเสธได้  ไม่ได้กอดตอบ ...  แค่สึกว่าอยากให้คลายอ้อมกอดนี้ออกเร็วๆ

ผู้ชายคนนั้นเดินไปที่เตียงคนไข้ที่แม่ยังนอนนิ่งราวกับกำลังหลับ  ต่างก็เพียงร่างกายที่เย็นชืดและแข็งกระด้าง

มือของเค้าจับลงที่มือของแม่กอบกุมมันไว้แน่น  น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงตามร่องแก้ม...สีหน้าดูทรมาน

มือกระด้างไล้เช็คมันออก เสียงครางแผ่วเจือสะอื้นเรียกชื่อแม่ออกมา ก่อนจะรั้งร่างไร้วิญญานของแม่มากอด

“ด...เดือน ฉันขอโทษ”  เพียงเท่านั้นบุรุษพยาบาลก็พาร่างแม่ออกไป







งานศพแม่ถูกจัดขึ้นเรียบๆ ที่วัดแถวบ้าน แขกเหรื่อมากมายเข้ามาแสดงความไว้อาลัย ได้แต่นั่งข้างๆ ศพแม่

ยื่นธูปให้กับบรรดาแขก  ไม่ได้มีน้ำตาไหลออกมาอีก  พร้อมๆ กับคำพูดที่ดูจะหลุดและจมหายไปในหลอดคอ

ไม่ว่าใครจะพูดคุยด้วย ก็ทำได้แค่ส่ายหน้า พยักหน้า ร้องไห้ หรือยิ้มตอบกลับไปเท่านั้น เสียง....กลายเป็นสิ่งที่ถูก

กลืนหายไปกลับความทรงจำ พร้อมๆ กับแม่ 

.

.

.

ผ่านไปสองเดือนทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม พ่อก็ใช้ชีวิตเช่นเดิมมีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเข้ามาในบ้าน

ทำระยำตำบอนอย่างเช่นทุกๆ วัน แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคงจะเป็นคำพูด...ที่ถูกกลืนหายจนไม่สามารถนำมันกลับมาได้

ไปโรงเรียนทุกวัน  แต่ก็ไม่ได้พูดคุยกับใคร เลี่ยงที่จะพบปะผู้คน  หลบซ่อนตัวจากสังคม อยู่คนเดียวทุกครั้งที่ทำได้

จนไม่มีเพื่อนคนไหนกล้าเข้ามาสุงสิง  นั่งอยู่ที่โต๊ะเหม่อลอย  โต๊ะเพื่อนคนที่นั่งข้างๆ ย้ายออกไปนั่งคู่กับเพื่อนคนอื่น

ได้ยินเสียงฝีเท้าของอาจารย์ที่เดินเข้ามา  ยกมือไว้ตามคำสั่งหัวหน้าแต่ยังไม่ได้หันไปมอง ก้มหน้าลงหยิบหนังสือเรียน

ออกมาจากกระเป๋า  ได้ยินเสียงอาจารย์ทักทายก่อนจะประกาศเรื่องนักเรียนใหม่ที่พึ่งย้ายมากลางคัน

“นักเรียนทุกคนคงจะพอทราบมาบ้างแล้วว่าวันนี้จะมีเพื่อนใหม่ของเราย้ายเข้ามาเรียนกับพวกเรานะคะ 

ยังไงครูก็ฝากให้พวกเราทุกคนช่วยดูแลเพื่อนใหม่คนนี้ด้วยนะจ๊ะ”  อาจารย์แนะนำเสร็จ เด็กผู้หญิงคนนั้นก็แนะนำตัว

“สวัสดีค่ะดิฉันชื่อเด็กหญิงอัจฉราวดี รัตน์ศรีไตรค่ะ ชื่อเล่นชื่ออ๋อมค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”  เสียงปรบมือดังขึ้น

“ค่ะน้องอ๋อมไปนั่งตรงนั้นนะคะ ข้างๆ น้องดา” ได้ยินอาจารย์พูดจบก็ได้ยินเสียงของ ก้าวท้าวของใครคนนั้นเดินเข้ามา

แต่ก็ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง  ก็แค่คนชื่อเหมือนคิดแค่นั้น เด็กคนนั้นคงอยู่ต่างจังหวัดดูจากน้ำเสียงการพูดจา

“สวัสดีเราชื่ออ๋อมนะ.....  อ๊ะน้องดานี่เองดีใจจัง”  เธอยื่นมือมากอบกุมและเขย่าแรงเสียจนต้องเงยหน้าขึ้นมอง

พอเห็นว่าเป็นเด็กคนนั้น   ความรู้สึกอุ่นใจมันวาบเข้ามาในอก  คนนี้แหล่ะที่จริงใจและห่วงใยเราจริง

หลังจากที่เหว่ว้า หงอยเหงา และโดดเดี่ยวเพียงลำพังมาร่วมหลายเดือน นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่ายังมีใคร..ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว

กำแพงที่สร้างไว้ซ่อนความอ่อนแอ.....  พังทลายไม่เป็นท่า   เปลี่ยนเป็นโหยหา...ใครสักคนที่เข้าใจ

“อ...อ๋อม...  ฮืออออออออออออ” เสียงกรีดครางแผ่วเบา ก่อนจะกลายเป็นร้องไห้โฮ  ไม่ได้สนใจคนรอบข้างที่หันมามอง


รู้ตัวอีกทีก็กอดอ๋อมไว้แน่นแล้วตั้งหน้าตั้งตาร้องไห้ระบายความรู้สึกของหัวใจที่แตกสลาย ริมฝีปากที่ไม่ได้เอ่ยมาหลายเดือน

กลับเอื้อนเอ่ยแต่ชื่อเพื่อนใหม่ตรงหน้า 

“อ๋อม....  อ๋อม.... ฮึก....อ๋อม  ฮือออ” 

หัวข้อ: Re: >> กอด~ กำลังใจสุดท้าย P.20 24/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 24-06-2013 21:41:10
กรรมของดาาา  :sad4: :hao5:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ กำลังใจสุดท้าย P.20 24/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 25-06-2013 16:09:16
 :mew2:

ดาแอบรักเพื่อนตัวเองสินะ

หัวข้อ: Re: >> กอด~ กำลังใจสุดท้าย P.20 24/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 25-06-2013 17:46:32
แบบนี้เค้าเรียกว่าเจ็บจนชาชิน o22
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ขอคืน P.20 26/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 26-06-2013 01:26:17
~ ขอคืน




“ก็อกๆๆ”  สะดุ้งตื่นจากภวังหลังเสียงเคาะประตูดังขึ้น ไล้มือเช็ดคราบหน้าตาที่ไหลอาบแก้มเบาๆ ก่อนจะตรงไปเปิด

“สวัสดีครับที่รัก”  เจอพี่พอร์ชที่ยิ้มแก้มแทบปริ มือถือถุงอาหารเต็มสองไม้สองมือ เบี่ยงตัวหลบให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาด้านใน

วางทุกอย่างไว้ในครัว  ก่อนจะเดินตรงเข้ามากอดแล้วกดจูบที่หัว ที่หน้าผาก แล้วซบหน้าลงบนไหล่

“คิดถึงจังเลยครับ  อยากนอนกอดดาทุกคืนเลย  ดาใจร้ายจั.....”  พี่พอร์ชหยุดคำพูดเพียงแค่นั้น สีหน้าตกใจมาแทนที่

“ร้องไห้ทำไมหืม  ใครทำอะไรดาครับบอกพี่มาคนดีเดี๋ยวพี่ไปจัดการให้  อย่าร้องไห้นะ  ไม่เอานะครับ

เดี๋ยวไม่สวยนะคะคนดี”   น้ำเสียงปลอบโยน แม้จะรู้ว่าพี่พอร์ชจะใส่ใจทุกเรื่อง  ดูเป็นห่วงเป็นใย และโอบกอด

แต่ผู้ชายอย่างนี้ก็มีผู้หญิงเป็นว่าเล่น  ไม่ใช่ไม่รู้....เพียงแต่แกล้งไม่รู้เท่านั้น  แค่ต้องการไม้กันหมา


เพื่อไม่ให้ใครสงสัย  เพื่อไม่ให้ใครคนนั้น....ไม่ระแคระระคายความรู้สึกภายใน  จ้องมองผู้ชายตรงหน้า
ไม่ได้รังเกียจหรือรู้สึกผิด  ก็แค่....แลกเปลี่ยนกัน  ไม่มีใครได้ ไม่มีใครเสีย แฟร์ๆ แลกกันระหว่าง ความรู้สึกกับเซ็กส์

พี่พอร์ชรวบทั้งตัวเข้าไปกอด  กดจูบที่หัวแผ่วเบา  รู้ทั้งรู้ว่าตลอดเวลาที่คบกัน อีกฝ่ายทุ่มเทความรักมากมายขนาดไหน

ดีจนกระทั่งเคยคิดจะตัดใจจากอ๋อม  ....  หันมามองคนที่รักเรา  แต่พอเผลออีกฝ่ายกลับอ้าแขนรับผู้หญิงมากมาย

เปิดรับความสัมพันธ์แบบฉาบฉวยมาเนิ่นนาน   เห็นแค่นั้น...มันเหมือนย้ำอดีตอันเจ็บปวด  จากรู้สึกดีกลายเป็นเฉยๆ

จากเฉยๆ กลับกลายเป็นเฉยชา  กระทั่งตอนนี้...... นอกจากไม่ได้รักแล้ว ...ยังให้ได้แค่คำว่าไม้กันหมา

นอกจากความสัมพันธ์ทางกาย .... อย่างอื่นก็เกินกว่าจะมอบให้ได้ 
“บอกพี่สิ ...ใครทำอะไรเรา”  พี่พอร์ชหันมายิ้มเอ็นดูราวกับเห็นเด็กขี้แย  แสร้งยิ้มตอบ  ก่อนจะซบอีกฝ่ายอ้อนๆ


“ดาเหงา...อ๋อมทิ้งดาไปมีแฟนแล้ว”  พูดอ้อนๆ ทั้งๆ ที่ความรู้สึกและดวงตาไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นสักนิด

“พี่พอร์ชก็อยู่นี่แล้วไง ...  หรือดาลืมพี่ไปแล้วครับ”   น้ำเสียงติดจะน้อยใจ ...แต่ดูท่าจะแซวเล่นมากกว่า

“ใครจะลืมได้หล่ะค่ะ  แฟนทั้งคน”   ปั้นยิ้มสดใสตอบกลับไป

“งั้นพิสูจน์ให้พี่ชื่นใจหน่อยนะครับ” น้ำเสียงออดอ้อนปนกระเส่า ริมฝีปากหนาแตะจูบบางเบาที่ริมฝีปาก

เหมือนกันการเชิญชวน  ไม่จำเป็นต้องลังเลสิ่งที่จะทำต่อไป มันก็แค่.....  ข้อแลกเปลี่ยนสำหรับเราสองคน

.

.

.

.


 ล้างคราบไคลจนสะอาดเอี่ยมจากบทรักเมื่อครู่ ได้ตราบเท่าที่อีกฝ่ายพอใจ  จนยอมกลับไปในที่สุด

“จะไม่กลับไปนอนกับพี่จริงๆ เหรอ  พี่อยากนอนกอดดา”  น้ำเสียงติดจะอ้อน ที่พยายามเหนี่ยวรั้งกันจนนาทีสุดท้าย

“ไม่ค่ะ... อย่างอแงสิคะ  ดาเป็นห่วงเพื่อนพี่พอร์ชก็เห็นอยู่นี่คะว่าดาไม่ได้ไปเกเรที่ไหน”  ตอบกลับยิ้มๆ

“แต่พี่เหงานี่ครับ”  พี่พอร์ชวางคางเบาๆ มาบนไหล่ ก่อนจะซุกไซร้ซอกคอให้สมอยาก

“จริงเหรอคะ”  ยกยิ้มมุมปากนิดๆ  จ้องลึกเข้าไปในตาอีกฝ่าย  พี่พอร์ชหัวเราะกลบเกลื่อน ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยกะทันหัน

“งั้นกลับก็ได้ครับ  แต่พี่ให้อาทิตย์นี้อาทิตย์สุดท้ายนะ ถ้าดาไม่กลับห้องพี่ก็จะมานอนที่นี่ด้วย  จุ๊บ”  แตะจูบเบาๆ


เหมือนคาดโทษ  แล้วก็ลุกมากินข้าวด้วยกัน อาหารเย็นชืด เพราะดำเนินบทรักเนิ่นนานพอดู อีกฝ่ายทานไปยิ้มไป

จนทานอิ่ม ของเก็บล้างจาน อีกฝ่ายยังอ้อยอิ่งเนิ่นนานกว่าจะยอมกลับโดยดี  เสียงปิดประตูดังขึ้นเหมือนเสียงสวรรค์

สิ้นสุดการปั้นหน้าหลอกลวงอีกฝ่าย บางครั้งก็เหนื่อยจนเกินจะทนไหว  ทรุดตัวลงบนโซฟา เปิดทีวีทิ้งไว้...

แต่กลับไม่ได้ฟังเสียงมันแม้แต่น้อย  ดวงตาจับจ้องไปที่ประตูบานใหญ่ .. เฝ้ารอคอยการกลับมาของใครบางคน

.

.

.

ในหัวร้อนรนจนแทบทนไม่ไหว เมื่อเลยเวลากลับของอีกฝ่ายมาร่วมชั่วโมงแล้ว ในหัวกำลังนึกภาพอ๋อมกับผู้ชายคนนั้น

ถ้าทั้งคู่ทำแบบที่เราทำไปเมื่อกี้หล่ะ?    ไม่...... ไม่นะ   ต้องไม่เป็นอย่างนั้น  อ๋อมจะต้องไปแปดเปื้อนด้วยน้ำมือ

ไอ้ผู้ชายเลว ๆ อย่างนั้น ได้แต่เสียงกรีดครางในใจ  ริมฝีปากเม้มแน่น คิ้วขมวดมุ่น หายใจเข้าออกเร็วด้วยแรงโมโห

มือจิกเข้าที่หมอนที่กอดอยู่ ไม่ได้.....ไม่ยอม  ชั้นไม่ยอม....  ลุกขึ้นยืน ขว้างหมอนในมือสุดแรง มันปลิวกระทบประตู

แล้วล่วงลง  หากแต่.....ลมหายใจเข้าออกที่ดังครืดคราดอยู่นี่ ไม่ได้ผ่อนคลายเลยแม้สักนิด รู้สึกเกลียดมัน

อยากจะฉีกไอ้ผู้ชายที่มันมายจะทำให้อ๋อมแปดเปื้อนเป็นชิ้นๆ อยากจะเฉือนคมมีดลงบนเนื้อ ค่อยๆ กรีด

ค่อยๆ กรีด ให้เลือดซึมไหลออกมา ให้มาเจ็บปวดทรมาน  ส่งเสียงกรีดครางด้วยความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า

ทรมานสมกับที่มันทำ จนกว่าจะตาย  หลับตาลง  ภาพเลือดสีแดงฉาน.....ค่อยไหลออกมาจากตัวอีกฝ่าย

ที่กำลังนอนหายใจรวยริน  ริมฝีปากกระเพื่อมแผ่วเบาคล้ายไร้เรี่ยวแรง  “ช่วยด้วย”  เฝ้ามองมันคลานมาขอ

ให้ไว้ชีวิต  ก่อนจะแสยะยิ้มด้วยความสมเพช  กรีดมีดลงที่คอหอย กระชากปาดให้เลือดทะลัก  จนร่างอีกฝ่าย

ชักกะตุก และตายไปในที่สุด    กลิ่นหอมหวนของเลือดคาวข้นคลัก คงน่าอภิรมย์ยิ่งนัก 

“แกร๊ก”   เสียงลูกบิดประตูดังขึ้น  ทำให้ต้องละกับชวนฝันในมโนสำนึกเมื่อครู่  ริมฝีปากแย้มยิ้มเมื่อคนที่รอคอยมาถึง

“อ้าว ดายังไม่นอนเหรอนี่มันเที่ยงคืนแล้วนะ  .... อ๋อมคิดว่าพี่พอร์ชจะจับตัวเพื่อนอ๋อมไปแล้วซะอีก  คิคิ”


 อีกฝ่ายยิ้มสดใสรอยยิ้มนี่ต่างหาก....ที่ต้องการ จากคนนี้ต่างหากที่ใจมันปรารถนา อยากจะสัมผัส

อยากจะครอบครอง เป็นเจ้าของ ของจะเป็นทุกๆ อย่างให้กับอีกฝ่าย แล้วรอยยิ้มก็หดเหลือเพียงเสี้ยวเมื่อใครอีกคน

ตามเข้ามา  ฝืนยิ้มบางๆ  แม้ในจะกรีดครางด้วยความเจ็บปวด

“ก็ดาบอกแล้ว ว่าดาไม่ไปไหนหรอก อย่างน้อยก็คืนนี้  สวัสดีค่ะพี่รัก”   หันตอบอ๋อม ก่อนจะทักทายผู้ชายที่ตามเข้ามา
ตามมารยาทอันพึงมี   ทั้งคู่เดินมาหย่อนตัวที่โซฟาตัวข้าง  ขณะที่ตัวเองลุกขึ้นแสดงหน้าที่เจ้าบ้านที่มีน้ำใจ

“หนังสนุกมั้ยคะ?”  ทั้งที่ปากว่าอย่างนั้น  แต่กลับไม่ได้หันไปสนใจแม้แต่น้อย หยิบนมเทใส่แก้ว แล้วใส่ไมโครเวฟ
ก่อนจะหยิบน้ำเปล่ารินใส่แก้วใส มีตะกอนขุ่นมัวเล็กๆ ที่ก้นแก้ว เดินไปเสิร์ฟแขกผู้มาเยือนเป็นอาจิณต์

แอบเห็นทั้งคู่มองสบตากันยิ้มๆ  อย่างมีความหมาย  ซ่อนความขวยเขินก่อนที่พี่รักจะหันมาตอบ

“ก็ดีครับ”  รอยยิ้มแห่งความสุขนั่น.....  มันควรเป็นของเราไม่ใช่รึไง  รู้สึกเจ็บแปลบที่กลางหน้าอก  เผลอกลั้นหายใจ

ซ่อนความเจ็บปวดที่มันพยายามแสดงออกมาทางสีหน้าและร่างกาย ด้วยการยกยิ้มมุมปาก หันไปมองที่อ๋อม

อมยิ้มคล้ายๆ แซว  ....  เพราะอีกฝ่ายนั้นจับสังเกตุไม่เก่งนัก  อ๋อมบิดตัวด้วยความเขินอายตามประสา

สูดหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง  เดินหน้าตามเกม....   

“ก็ดีค่ะ  งั้นดื่มน้ำก่อนแล้วกันนะคะ  ดาไม่ได้ซื้ออะไรเข้ามาเลย ไม่รู้จะหิวกันอีกรึเปล่า?”  พูดเรื่อยๆ

“ไม่เป็นไรจ๊ะดา  อิ่มจะแย่แล้วขืนกินอะไรอีกนะ  อ๋อมต้องกลายเป็นแม่หมูแน่ๆ ”   อ๋อมว่าส่ายหน้าหวือ

“หึหึ ให้จริงเถอะอ๋อมน่ะกินเท่าไหร่ก็ไม่เห็นเคยอ้วน แต่อย่างน้อยต้องดื่มนมนะ ดาอุตส่าห์อุ่นให้แล้ว” หันไปบอกยิ้มๆ

ด้วยความเอ็นดู   ...   รักอ๋อมนะ  ...  รักจริงๆ 

“จ้า... โหดาอุตส่าห์ทำให้ อ๋อมไม่พลาดอยู่แล้วจ้า”  ลูกแมวน้อยยิ้มอ้อน  เลยรีบไปหยิบแก้วนมจากไมโครเวฟมาเสิร์ฟ

พี่รักมองมายิ้มๆ  ก่อนจะดื่มน้ำอึกใหญ่ ยื่นนมให้อ๋อม ...  อีกฝ่ายก็ดื่มแต่โดยดี  รอยยิ้ม.... แยมยวลทั่วริมฝีปาก

มันห้ามไม่อยู่  เมียงมองทั้งคู่ดื่มเครื่องดื่มอย่างไว้ใจ  ....  ยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี 

.

.


.

วันนี้เป็นวันที่ต้องทวงของตัวเองคืน


หัวข้อ: Re: >> กอด~ ขอคืน P.20 26/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 26-06-2013 02:16:41
เรียกรถพยาบาลมาเอาดาไปเร็วว ก่อนที่จะบ้า ก่อเรื่องอีกก  :katai1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ขอคืน P.20 26/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 26-06-2013 09:15:56
ออกแนวโรคจิตนะคะดา คิดจะทำอะไรเลวๆหรอ ขอให้ไม่สำเร็จด้วยเถอะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ขอคืน P.20 26/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: capool ที่ 26-06-2013 10:30:44
สงสารดาจัง ตอนแรกก็สงสารพอร์ชคิดว่าจะมีดาคนเดียวที่ไหนได้กลับมั่วไม่เลือก ทุเรศจริงๆ ยิ่งทำให้ดาไม่ไว้ใจผู้ชายเข้าไปใหญ่เลย แล้วก็เกลียดพ่อของดาด้วย เลวมากๆๆ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ขอคืน P.20 26/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 26-06-2013 16:44:44
อ้าวไหงเป็นงี้ล่ะดา
จิตหลุดไปแล้ว :z3:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ขอคืน P.20 26/6/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 27-06-2013 16:02:08
เราว่าคนที่ตามอ๋อมและทำให้กลัวน่าจะเป็นดาแฮะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เอาคืน P.21 1/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 01-07-2013 00:40:49
ต้องขออภัยที่หายไปนานอีกแล้ว...... :mew2: :mew2: :mew2:

แบบว่ามันต้องมีฉากเลิฟซีนของผู้หญิง กับผู้หญิง แล้วนึกตามไม่ออก :mew5:

มันเลยแต่ไม่ออกทั้งที่ตอนวางพอร์ทก็คิดว่าจะเขียนได้ เลยใช้เวลานานอีกเช่นกัน :katai1: :katai1: :katai1:

ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ




~  เอาคืน




“อือออออออ  ท...ทำไมไม่มีแรง”  อ๋อมครางเสียงแผ่ว ก่อนจะหลับตาแล้วทิ้งตานอนพิงโซฟาอย่างง่ายดาย

มีเพียงรอยยิ้มเล็กที่มุมปากของตัวเองที่เป็นคำตอบ ก่อนที่ผู้ชายตัวโตอีกคนที่ทำทีจะลุกมาดู แต่ก็เซล้มกับโซฟา

ตัวเดิมอย่างสิ้นแรง   หันมามองสบตากันราวกับพึ่งนึกอะไรได้สักอย่าง   หึหึ....แต่สายไปแล้วมั้ยพี่รัก

“อืออออออออ”   เสียงครางแบบขู่คำรามอย่างขัดใจ ก่อนดวงตาคู่คมจะค่อยๆ ปิดลง อย่างฝืนตัวเองไม่ไหว

จนหลับไปในที่สุด    ริมฝีปากแย้มยิ้มจนกว้างสุดอย่างห้ามไม่อยู่ ความยินดีปรีดาพวยพุ่งราวกับพุที่กำลัง

ระเบิดตัวจนสว่างวาบสวยงามอยู่บนท้องฟ้ายามราตรี

“อ๋อม...ในที่สุดเราก็จะเป็นของกันแล้วนะ คิคิ”  กดจูบที่หัวทุยของอีกฝ่าย อ๋อมปรือตาเล็กน้อยร่างกายร้อนผ่าว

เพราะฤทธิ์ยา  เขี่ยแก้มนิ่มของอีกฝ่ายอย่างย่ามใจ  กดจมูกสูดดมความหอมหวานที่แก้มของอีกฝ่าย

ราวกับเป็นเจ้าของมาเนิ่นนาน....    รอคอย....เพื่อจะได้ครอบครอง

http://www.youtube.com/watch?v=LfaDl420DtU

“เวลาที่ล่วงเลยนั้นทำให้คนเปลี่ยนไป สิ่งหนึ่งในใจยังไงก็ไม่เปลี่ยน”

เสียงขับกล่อมบทเพลงคลอเบาๆ  ขณะที่มือข้างหนึ่งดึงมืออ๋อมแล้ววาดโอบพาดไหล่ มืออีกข้างสอดเข้าที่เอว

อีกฝ่าย  กระชับรั้งก่อนจะดึงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืนเคียงข้างกัน  พยุงเดินไปที่ห้องนอน ...

“ก็คือความรักที่มีต่อเธอ จะมั่นคงอย่างนี้เหนือกาลเวลา มากยิ่งกว่าอะไร....”

มือข้างที่สอดเกี่ยวเอวบาง  สอดเข้าสู่เนื้อผ้าไล้ขึ้นสูงจนสัมผัสอกอูมอวบอิ่ม เคล้าคลึงเบาๆ

“อือออ~”   เสียงครางแผ่วเบา ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการสัมผัสที่มากกว่า ร่างหวานแดงจัดจนแทบทนรอไม่ไหว

ยกยิ้มที่มุมปาก  หึหึ.....  แต่ยังไม่ถึงเวลา   จึงได้แต่ครวญเพลงต่อไป

“ต่อให้นานเพียงใด รักแท้ก็ยังคงเป็นรักแท้ ไม่มีวันจะแปรหรือน้อยลงไปตามเวลา”



ประครองร่างหวานของอีกฝ่าย ค่อยๆ วางลงบนเตียงหนานุ่มที่คุ้นเคย  เตียงยวบลงเล็กน้อย

อีกฝ่ายหายใจกระเส่า แม้จะรู้ดีว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยา แต่ก็ช่างประไร  ... ถึงเวลาที่อ๋อมรู้สึกตัว

ก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว  เราจะเป็นของกันและกัน  และอยู่ด้วยกันตลอดไป

บดจูบริมฝีปากสีสด  ช่างนุ่มนวลและอ่อนหวาน  สอดลิ้นเข้าหาลิ้นนุ่มที่เหมือนแตกตื่น

คอยหลบหนี พอจนมุมแล้วดันลิ้นตอบกลับ  ก็โดนชักนำความหวานด้วยการเกาะเกี่ยว

ลิ้นอีกฝ่ายดูดดุน อย่างดูดดื่มเนิ่นนานจนพอใจ  แล้วค่อยๆ ผละออก



“ถึงแม้บางครั้งชีวิตต้องเจออะไรกระหน่ำ แต่ก็ไม่เคยทำให้รักเราเปลี่ยนแปลงไป.....”

เสียงเพลงดังกระหึ่มในหัว ...  ทั้งที่ไม่ได้ร้องออกมา  เหมือนเป็นการตอกย้ำความรู้สึกที่มี  ..

.........ความรัก....ที่ไม่เคย....จะเปลี่ยนแปลง



เดินออกมามองหาร่างสูงใหญ่ของไอ้ตัวการทำลายความรักของตัวเอง  แล้วหยักยิ้มเล็กน้อย

แค่ยาสลบในปริมาณไม่มากนักก็ทำเอาสุดหล่อ ล้มพับไปกับโซฟาอย่างง่ายดาย

จะมัดมันทิ้งไว้ข้างนอกก็ย่อมทำได้    แต่.....มันจะสาแกใจได้ยังไงหล่ะ  ถ้าทำเพียงแค่นั้น 

สู้ให้มันไปเป็นพยายานรักของ ตัวเองกับคนที่มันรักหน่อยเป็นไร  มันจะได้ทั้งเจ็บปวดเจียนตาย 

แล้วก็จดจำ........ไว้ชั่วชีวิตมัน  ว่าไม่มีทาง...  ที่จะแย่งอ๋อมไปจากอ้อมอกของตัวเธอได้ 

ไม่มีทางที่จะกลับมายืนตรงนี้ ...จะทำให้มันได้รู้   ว่าคนที่คู่ควร   คนที่จะดูแลอ๋อมได้.......   

ทั้งชีวิตนี้......มีแต่คนอย่าง ‘กู’  คนเดียวเท่านั้น  จิกผมอีกฝ่ายในร่างไร้สติ กระชากดึงขึ้นมา

ก่อนจะปล่อยให้หน้าอีกฝ่ายหล่นกระทบขอบโซฟาอย่างสะใจ

“หึหึ”   ยักยิ้มมุมปาก แล้วส่ายหน้าอย่างละอา   ที่อีกฝ่ายโง่ซะยิ่งกว่าที่คิดไว้

“ควายอย่างมึง.... ก็สมควรเป็นอย่างนี้แล้วหล่ะ   คิดจะแย่งคนรักกูเหรอ หึหึ”



ผลักหัวของอีกฝ่ายให้ตัวเอียงนอนไปทับที่เท้าแขนของโซฟาด้านขวา ก่อนจะรวบขาทั้งสองข้าง

ยกขึ้นวางบนที่เท้าแขนของโซฟาด้านซ้าย   เดินกลับไปที่โต๊ะคอมลากเก้าอี้ที่มีล้อเลื่อนด้านล่างถึงสี่ล้อ 

หยุดตรงหน้าไอ้ตัวผู้ที่คิดก่อการใหญ่ .... หันด้านข้างเก้าอี้เข้าประชิดกับโซฟา  ปรับที่เท้าแขนไปด้านหลัง

ขาข้างหนึ่งเหยียบที่ล้อไม่ให้เคลื่อนไหว ก่อนสองแขนจะสอดเข้าใต้รักแร้อีกฝ่าย ออกแรงดึงอย่างทุลักทะเล

ด้วยความที่อีกฝ่ายตัวใหญ่กว่า และท่าทางที่ไม่ค่อยถนัดสักเท่าไหร่  ปล้ำอยู่เป็นนานจนเหงื่อตก

แต่ก็ไม่เกินความสามารถของนักกีฬาที่ฝึกหนัก ในที่สุดก็ลากไอ้ตัวปัญหาขึ้นเก้าอี้มาได้  ผูกผ้ามัดปาก

มัดมือ มัดเท้า เสร็จสิ้น  ถึงกลับปล่อยตัวนั่งหอบหายใจพักใหญ่  ใช้มือปาดเหงื่อด้วยความเหนื่อยอ่อน

แต่จิตใจกลับสดใจเริงร่าเสียจน ทนเก็บความรู้สึกต่อไปไม่ไหว

“หึ...  หึหึ... หึหึหึ ...  ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ   เฮ้ออออ  ........  ช่างเป็นวันที่ดีเสียจริงๆ ว่าม๊ะ?”  เหลือบมองไปข้างๆ

หันไปพูดจากับคนที่นอนนิ่งไร้สติ  แต่กลับรู้สึกขำจนตัวงอ ....   โลกใบนี้ช่างสวยงามทุกอย่างช่างเป็นใจ

สูดหายใจเข้าจนเต็มปอด  ก่อนจะเข็นร่างของไอ้ตัวผู้ตรงหน้าเข้าไปในห้องนอน  ที่มีอ๋อม นอนบิดร่างกาย

ไปมา กัดริมฝีปากแน่นด้วยความทรมาน มือจิกเตียงแน่น ฤทธิ์ยาเร่าร้อน... แผดเผาจนคนตรงหน้า

ตัวแดงก่ำไปทั่วทั้งตัว   ความปรารถนาพุ่งสูงจนน่าสงสาร  ....  อมยิ้มเล็กน้อย เมื่อนึกถึงเวลาที่อีกไม่ช้า

จะได้ครอบครองเป็นเจ้าของในคนที่ตนปรารถนา  ทั้งร่างกายและจิตใจ  จะได้ทำลาย...  เหยียบย่ำ

หัวใจไอ้ลูกหมา...  ที่บังอาจจะมาชิงกล่องดวงใจที่เธอได้เฝ้าทนุถนอมมาเสียนานนม   ช่างเป็นสุขเสียเหลือเกิน

หันไปจ้องมองนาฬิกาบนหัวเตียงบอกเวลาตีสาม  ส่ายหน้าน้อยๆ นี่เธอเผลอให้เวลาจัดการไอ้ตัวผู้นี่

นานไปเหมือนกัน  คงได้เวลา.....ที่ยานอนหลับคงใกล้จะสิ้นฤทธิ์เสียที  เหงื่อที่พรั่งพรูเต็มตัวจนรู้สึกเหนียวหนืด

เดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างคราบเหงื่อไคล เพียงชั่วครู่ก็เดินออกมา ในมือถือแก้วน้ำเดินมาหยุดตรงหน้า

ไอ้ตัวผู้ตรงหน้า  หยักยิ้มมุมปาก หมุนบิดคอคลายความเมื่อยล้า ก่อนจะสาดน้ำเข้าหน้าของอีกฝ่าย

“ซ่าาาาาา.....  เพี๊ยะๆ   เพี๊ยะๆ”  ตบลงบนหน้ามันเบาๆ เพื่อปลุกไอ้ลูกหมาขี้เซาไม่นานนัก มันก็ตื่น

เปลือกตาหนาค่อยๆ ขยับด้วยความงัวเงีย  ยามเปลือกตาเปิดดวงตาของมันปรือปรอยเพราะพึ่งตื่น

แต่ไม่นานดวงตาก็เบิกกว้างยามสบตากับเธอเข้า  หญิงสาวหัวเราะขำ

“อือออออออ”  มันส่งเสียงครางกร้าว คำรามลั่น ฟังไม่ได้ศัพท์  น่าขันยิ่งนัก...มันคิดจะขู่เธองั้นรึ? 

“หึหึ...   ขู่กูเหรอ?  คิดว่าจะทำอะไรกูได้งั้นเหรอ  เดี๋ยวกูจะทำให้มึงรู้ว่ามึงจะทำอะไรได้มั้ย  มึงเห็นอะไรมั้ย

อ๋อมไงสุดที่รักของมึง ...”   

“อือออออออออ” มันครางขู่เธออีกครั้ง  เล่นเอาเธอขำจนตัวงอ รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะสื่อสารอะไร

“อยากรู้ว่ากูจะทำอะไรงั้นเหรอ  มึงไม่ต้องห่วงนะอ๋อมน่ะ...เค้าเป็นของกู”  ดูตาเกี้ยวโกรธฉายชัดเวลา

ที่พูดถึง  มือเรียวบีบคางอีกฝ่ายแน่น บังคับเชยหน้าให้หันมาสบตากัน ดวงตาคู่คมก็เกี้ยวกราดไม่ต่างกัน

เพียงแต่พันธนาการที่อีกฝ่ายทำไว้ ทำให้ไม่สามารถตอบโต้ได้อย่างใจ หญิงสาวเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

บดกัดริมฝีปากตัวเองแน่น จิกเล็บคมลงลนผิวหนังของอีกฝ่าย เจ็บจนสะดุ้งแต่มันก็ไม่ปริปากร้อง

มีแต่เสียงคำรามขู่เป็นระยะ  จนเลือดซึมออกมาตามผิวหนังอีกฝ่ายถึงละมือออก

“มึงไม่ต้องกลัวนะ เพราะกูจะทำให้เค้ามีความสุข ไม่ได้จะทำให้เค้าเจ็บทรมาน มึงคอยดูหล่ะ ...

คอยถ่างตาของมึงดูให้ดีๆ นี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่มึงจะได้เห็น  ร่างกายเปลือยเปล่าของกูกับอ๋อมเชียวนะ

แต่กูไม่ถือหรอก  ฮ่าๆๆๆ  มึงน่ะก็แค่เห็น.......  แต่กูจะมีความสุขอยู่กัยอ๋อม มึงจับตาดูดีๆ หล่ะ ไอ้เหี้ย”

พูดจบก็สะบัดมือตบอีกฝ่ายจนหน้าหัน  ตามแรงอารมณ์โกรธที่คลุกโชนก่อนหน้า ลิ่มเลือดสีแดงฉาน

ค่อยๆ ไหลซึมตามมุมปาก หญิงสาวส่งเสียงหัวเราะหึหึ  อย่างพึงใจ ก่อนจะหันหลังค่อย ๆเดินกรุยกราย

ก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนเตียง มือเรียวลูบไล้ไปทั่วร่างกายของอ๋อม  อีกฝ่ายดิ้นพล่านไร้ซึ่งสติควบคุมร่างกาย

“อ่าาาาาา...  ช...ช่วยด้วย  อือออออออ”    ริมฝีปากหวานถูกประกบนัวเนีย  ลิ้นเรียวเล็กสอดประกบดูดดื่ม

เนิ่นนาน ก่อนจะเลื่อนลงมาซุกไซร้ซอกคอขาวผ่อง  มือสอดเข้าใต้ร่มผ้าลูบไล้จุดไวต่อสัมผัส บราตัวสวย

ถูกปลดออกอย่างง่ายดายเมื่อเป็นตะขอหน้า ทั้งๆ ที่เสื้อตัวนอกยังปกปิดร่างกายขาวผ่องนั้นไว้ได้เป็นอย่างดี

กระดุมตรงหน้าอกถูกปลดออกเพียงแค่เม็ดเดียว นิ้วเรียวเกี่ยวแหวกให้เห็นเนินอกรำไร  ริมฝีปากสวยได้รูป

สีแดงสดหยักยิ้มหยันหันมามองไอ้ลูกหมาที่ทำได้แค่ส่งเสียงคำรามขู่ เธอเกี่ยวเสื้อให้ยกสูงเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมองเห็น

เนินเนื้ออีกก่อนจะเลื่อนช่องรูมาตรงยอดอก ริมฝีปากเหยียดยิ้มกว้างขึ้นอีก อีกฝ่ายส่งเสียงคำรามขู่

พยายามแค่ไหนก็ทำได้แค่ส่งเสียงในลำคอ  ดาไล้ลิ้นเลียรอบริมฝีปาก ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอหนักๆ

แหย่ลิ้นลงช่องที่เกี่ยวเปิด ไล้เลียอย่างหลงไหล .....  อ๋อมครางอย่างหมดแรง หอบหายใจแรงจัด

“อืออออ~”  สองมือจิกเตียงนอนแน่น  ร่างกายบิดเร่า   หน้าอกแอ่นหรา ดวงตาหลับพริ้มรอสัมผัส


เหลือบไปมองไอ้ลูกหมา ที่มันกัดผ้าแน่น ส่งเสียงหายใจหอบแรงด้วยความโกรธ ยิ่งเห็นยิ่งสะใจ

อยากรู้นักมันจะทำอะไรได้ ก้มหน้าตะโบมดูดอกอูมด้วยความถวิลหา  สอดมืออีกข้างนวดเฟ้น

หน้าอกอีกข้าง ได้ยินเสียงโครมดังขึ้น เหลือบตาไปมอง....แล้วถึงกลับโมโห

“ปัง  ปัง ปัง”  ไอ้ลูกหมาคงใช้เท้าที่ถูกมัดอยู่ถีบที่เตียงนอน ก่อนที่เก้าอี้จะไถลไปกระแทกผนังดังปัง

จากนั้นมันเอาหัวกระแทกฝา อีกหลายครั้ง .... ขนาดนี้มันยังไม่ยอม เธอกระโจนจากตัวอ๋อมที่แสนหอมหวน

ดิ่งตรงเข้าไปหาดึกขนาดนี้ ขืนทำเสียงดังขนาดนั้น.... ห้องข้างๆ ได้เข้ามาเยี่ยมพอดี

“ฤทธิ์มากนักนะมึง  ไอ้เหี้ย”  เสียงสบถด่าด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ก่อนจะยกกำปั้นขึ้นสูง สะบัดหลังหมัด

กระแทกหน้ามันจนหัน กลิ่นเลือดคาวเลือดฟุ้งกำจาย  เธอสะแหยะยิ้มสมใจ  จิกเล็กลงหน้าอีกฝ่ายแน่น

บีบคางอีกฝ่ายให้หันหน้ามามอง

“เป็นไงหล่ะมึง  หึ....  ตอนแรกกูก็กะว่าจะให้มึงมีชีวิตต่อไป  ...  แต่ดูท่าคงอยากจะตายมากกว่ามั้ง”

น้ำเสียงเย็นชากกระซิบกระซาบ  น่าสยดสยอง ....  เธอเดินออกไปด้านนอกห้อง ก่อนจะเดินกลับเข้ามา

ใบหน้าสะแหยะยิ้มหวาน ได้ยินเสียงเพลงร้องกล่อมคลอเบาๆ มือไขว้ไปด้านหลัง แกว่งตัวไปมา

อย่างอารมณ์ดี  แสงวาววับค่อยๆ ถูกหยิบมาโชว์ มีดปอกผลไม้คมแปบปราบ ราวกับไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน

ถูกกวัดแกว่งอยู่ตรงหน้าไอ้ลูกหมาตัวป่วน  ที่ก่อกวนการมีความสุขของเธอ งั้นก็ทำให้มันทรมานกว่าเดิม

ก็แล้วกัน....จะได้สะใจกว่าเดิม


“ถือว่าเป็นของขวัญจากกู.... แล้วกันนะ  ชึบ!” ก่อนท่อนแขนข้างเดิมที่ถือมีดคม กระแทกมันเข้าที่ท้อง

“โอออออออออออออออออออ”  มันส่งเสียงครางด้วยความเจ็บปวด ทำเธออารมณ์ดีขึ้นอีก

หญิงสาวส่ายหน้ายิ้มหวาน  มือเชยคางอีกฝ่ายมามอง แล้วยิ้มเย๊าะ

“โถๆๆๆๆๆ  มีที่ปักอยู่มันอึดอัดใช่ม๊า...  ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวเค้าดึงออกให้ พรืดดดด  ฮ่าๆๆๆๆ” 

ไอ้ลูกหมาตัวงอเป็นกุ้ง เลือดสดๆ ไหลทะลักออกมาจากช่องท้อง  เธอหัวเราะร่วน  ใช้นิ้วปาดเลือด

สดๆ ที่ไหล มาสูดดม  ราวกับมันเป็นของหวานที่มีกลิ่นหอมหวน ลิ้นเรียวตวัดชิม

“อืมมมม   รสชาดดีจริงๆ  ”  เธอว่า ก่อนจะสะบัดกำปั้นแรงกว่าเดิม เข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่าย

เก้าอี้ล้มคว่ำไม่เป็นท่า  ฝ่าเท้าบางไม่รอช้า เหยียบกดรอยแผลซ้ำๆ จดอีกฝ่ายบิดเร่า ด้วยความเจ็บปวด

เธอเหลือบมองเลือดที่เปื้อนเท้า  ทำท่าขยะแขยง ...ก่อนจะจรดเท้าลงบนเสื้อแล้วเช็ดมันบนตัวของอีกฝ่าย

รอยเลือดเปื้อนไปทั่ว  พร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ  แล้วยื่นเท้าไปเหยียบบนใบหน้าของอีกฝ่าย บดขยี้

“มึงจำไว้...  อย่าคิดแย่งของของกู”  เธอกระทืบซ้ำ  ก่อนจะเดินตัวปลิวไปหาเป้าหมายที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง

เธอเหลือบมองนาฬิกาบอกเวลาตีห้า ไม่รู้ฤทธิ์ของยาอยู่ได้นานแค่ไหน จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ต้องใช้ยา

เธอยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าชื้นเหงื่อของอ๋อม  ตัวเย็นขึ้นกว่าเดิม แต่อีกฝ่ายกลับหายใจแผ่วเบา

ดวงตาปรือปรอย  ....  ตอบสนองการสัมผัสได้ดี 

“ดารักอ๋อมนะ  รักที่สุดในชีวิตนี้”  บดจูบที่หน้าผากและริมฝีปาก อย่างโหยหา  อีกฝ่ายหอบน้อยๆ

ยกยิ้มอย่างยินดี 

“ขอโทษนะจ๊ะที่ผ่านมาที่ทำให้อ๋อมต้องกลัว  เราแค่อยากให้อ๋อมคิดถึงเราเป็นคนแรก มีแค่เรา.....

แค่เราเพียงคนเดียว  และจะมีแค่เราตลอดไปนะ”  ฝ่ามือเรียวไล้ใบหน้าหวานอีกรอบ  .... 


“อ่ะ....อืมมม”  แตะจูบแผ่วเบา  ก่อนจะไล่จูบที่ซอกคอหอมขาวจนน่ากัด  ค่อยดูดดุนเบาๆ ตามแนว

กระดูกไหปลาร้า  แกะกระดุมที่ขัดขวางทางแห่งความรัก  เผยให้เห็นอกอูมขาวผ่องจากเสียงไฟระเรื่อ

บนหัวเตียงเพิ่มความเซ็กซี่ให้อีกฝ่ายถนัดตา ขย้ำมือนวดเฟ้นอกอูมสวย  สายตาจ้องมองยอดอก

สีชมพูระเรื่อ อยากจะครอง  ไล่จมูกสูดดมกลิ่นหอมไปตามเนินนูน เพื่อจะเดินทางไปหายอดสีสดตรงหน้า




























“เปรี้ยง!”  เสียงดังที่ข้างหูเพียงเท่านั้น.....  สำนึกสุดท้ายก่อนสติจะหลุดลอย  จนจมหายไปกับความมืดมิด




หัวข้อ: Re: >> กอด~ เอาคืน P.21 1/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 01-07-2013 11:17:16
ช็อกซีนีม่า o22
+1และเป็ด
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เอาคืน P.21 1/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 01-07-2013 16:19:17
 :a5: งงเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับช๊อคน่ะ เพราะพอจะเดา ๆ ออกเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้น่ะ สงสารอ๋อมจัง นึกว่าจะไม่มีอุปสรรคซะแล้ว น่ากลัวจัง  o22 แต่ว่าพี่รักไม่น่าเลยน่ะ แล้วสุดท้ายใครโดนยิงล่ะนี่  :ling1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เอาคืน P.21 1/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 01-07-2013 16:34:41
งงตรงไหนคะ ?  เผื่อจะขยายความเพิ่มให้ได้อ่ะคะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เอาคืน P.21 1/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 01-07-2013 16:47:35
ถ้าอีดาโดนยิงนี่จะสะใจอย่างแรง  :z6: :z6: :z6: :z6:

พี่รักอย่าตายน๊าาา :katai1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เอาคืน P.21 1/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 01-07-2013 18:08:54
เอานางดาไปเก็บบบ อยู่ข้างนอกเดี่ยวทำร้ายคนอื่นอีก ตอนก่อนสงสารน่ะ แต่ตอนนี่โคตรเกลียดเลย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เอาคืน P.21 1/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 01-07-2013 18:23:33
คือดาซาดิสอ่ะ สงสารพี่รักอ่ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เอาคืน#2 P.21 2/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 02-07-2013 02:02:11

~2 


“อ่ะ....อืมมม”   ได้แต่ครางเสียงแผ่ว .... เมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสรุกรานจากใครบางคน    ใกล้ๆ กันได้ยินเสียงผู้ชาย

ครางอืออาอยู่ในลำคอ

ฟังไม่ได้ศัพท์ แต่เสียงดูคุ้นเคยจนบอกไม่ถูก  ในมโนสำนึก ....รำลึกได้อีกครั้งเมื่อใครคนนั้นพยายามร้องเช่นเดิม .. พี่รัก...

ทุกความสับสนวิ่งวนไปมาพยายามขยับเปลือกตาขึ้นมอง    เห็นเรือนผมที่ซุกไซร้อยู่บนหน้าอก ....  สัมผัสจ้วงจาบดูหยาบโลน

รู้สึกขนลุกซู่ด้วยความขยักแขยง ....  ริมฝีปากนั่นแตะจูบแผ่วเบา ค่อยๆ ลากผ่านเนินเนื้อจนถึงเกือบจะถึงยอดอก  รวบรวมกำลัง
เฮือกสุดท้าย

แม้ในความคิด...กำลังลำดับเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น  หากแต่ตอนนี้กลับรับรู้ได้ถึงอันตรายจากคนตรงหน้า  .....  ที่น่าหวาดผวา










“เปรี้ยง!!”  ฟาดเหยือกแก้วเปล่าที่วางอยู่บนหัวเตียง ไปที่หัวของอีกฝ่ายเต็มแรง ......  หัวกลมกลิ้งโค่โร่  นอนหงาย...มีผมปก
หน้า

เลือดสีแดงสด สาดอยู่บนลำตัว และหัวของอีกฝ่าย มือสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว  น้ำตาไหลฉ่ำนองหน้า ร่างทั้งร่างสะอึกสะอื้น

จนตัวโยน   

“ฮึก...ฮึก…”   หันไปมองใครอีกคนที่นอนนิ่งอยู่ตรงนั้น . ...ผู้หญิง   แต่ทำไมกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด 

ค่อยๆ ยื่นมือเข้าไปใกล้ เกลี่ยผมที่ปกคลุมใบหน้าเบาๆ   พอเส้นผมเปิดออก ก็ต้องเบิกตากว้าง.... ดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่น

“ดา...ฮึก.  ดา  อ๋อมขอโทษ อย่าเป็นไรนะ  เราขอโทษ  ฮือๆๆๆๆ”    เจ็บปวดแทบขาดใจเมื่อได้รู้พึ่งจะทำร้ายเพื่อนรักของตัว
เอง

ในหัวมันตะโกนก้อง “โรงพยาบาล”  เร่งรีบชันตัวลุกขึ้นเพื่อพาดาไปหาหมอ  แต่กลับก้าวพลาด ผ้านวมผืนโตที่ยื่นโผล่พ้นขอบ
เตียง

มันลวงตาให้นึกว่ามีพื้นที่ของเตียงอยู่แท้จริงแล้วเป็นเพียง ผ้าห่มนวมที่ยื่นไปในอากาศ พอเท้าเหยียบลง ตัวไถลลงกระแทกพื้น

ยังไม่ทันได้ร้องเพื่อแสดงความเจ็บปวด ดวงตาก็เบิกกว้างอีกครั้งหนึ่ง  ถึงกับอึ้งกิมกี่เมื่อภาพที่เห็นตรงหน้าคือคนรักที่ถูกมัดมือ
มัดเท้า

รวมถึงปาก   กลางลำตัวมีเลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาเอื่อยๆ  แทบหมดแรงอยู่ตรงนั้น.....รู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก ทั้งหวาด
กลัว

และลนลาน   รีบคลานไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี  น้ำตาไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว เสียงสะอื้นไห้ ร้องจนใจสั่นไปหมด

ยื่นมืออันสั่นเทา แกะทั้งผ้าทั้งเชือก ที่มัดอีกฝ่าย ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำ ...  หากแต่มันกลับเชื่องช้าจนบอกไม่ถูก ร่างกายที่ไร้
แรง

กับมืออันสั่นเทา  ดวงตาที่พร่ามัวไปด้วยน้ำตา เสียงร้องไห้ระงมราวกับตัวเองเป็นคนบ้า สติมันดูเลือนหายไปทุกที

 ข้อเท้าเริ่มเจ็บแปลบหนักขึ้นเมื่อเคลื่อน ดูท่าคงจะเคล็ดตอนตกจากเตียงเป็นแน่  ในทีสุดก็สำเร็จพี่รักหลุดจากพันธนาการทั้ง
หลาย

“อ๋อม...”   พี่รักหยัดตัวชันขึ้นมือข้างหนึ่งกุมที่ท้อง  ก่อนจะรวบตัวเธอเข้าไปกอดแน่น

“ฮืออออออออ  ฮึกๆ  ฮึกๆๆ”   โถมตัวเข้าหาอีกฝ่ายเรียกขวัญที่กระเจิดกระเจิงไปแบบไม่รู้ทิศรู้ทางกลับมา

“ไม่เป็นไรครับ...  ไม่เป็นไรแล้ว”   ซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดอบอุ่น ....  ความหวาดกลัวที่มีจึงค่อยบรรเทาไป














“ปึก!!”  ได้แต่สะดุ้งเฮือกดวงตาเบิกโพง  หัวใจกระตุกสั่น อ้าปากค้าง  ลำแขนแข็งแรงที่โอบกอด  คลายแรงกอด

จนล่วงลู่ไปอยู่ที่พื้น   ก่อนที่เจ้าของร่าง  ในสภาพหลับตานิ่งไร้สติ  เลือดสีสดไหลลงจากศรีษะลงมาตามใบหน้า หยดลงสู่ตัวเสื้อ

ราวกับภาพสโลโมชั่น  ใบหน้าค่อยๆ แหงนหงาย ลำตัวทิ้งดิ่งลงสู่พื้นเบื้อง ดัง  “ตุ๊บ!”   เคียงข้างกระบองยามที่เจ้าตัวซื้อไว้

ให้เธอใช้ป้องกันตัว  แต่มันกลับถูกใช้กับเจ้าของความคิดเอง   น้ำตาแห่งความหวาดกลัวไหลลงอาบแก้มเป็นสาย

ร่างกายสั่นสะท้าน  ไร้เสียงตะโกนกรีดร้อง  เพราะทุกอย่างมันแน่นจุกอยู่ตรงคอหอย ค่อยๆ หันไปหาผู้ร้าย

คราวนี้......  เธอคงไม่มีโอกาสรอดชีวิตอีกต่อไปแล้ว   ร่างกายกระตุกเฮือกๆ ตามแรงสะอื้นไห้  เอี้ยวตัวไปประจันหน้ากับความ
จริง

.

.

“ด...ดา   ฮึกๆ  ฮือๆๆ   ท...ทำไมดา...  ทำไม  ฮือๆๆๆๆ”   ราวกับโลกความจริงมันพังทลายลงตรงหน้า ความรัก ความผูกพันธ์

ระหว่างเพื่อน  เกือบครึ่งชีวิตที่ผ่านมา  รอยยิ้ม  เสียงหัวเราะ อ้อมกอดอันอบอุ่น  น้ำเสียงที่คอยปลอบใจ  คนที่ปกป้องตัวเองมา
ตลอด

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น......   เป็นเพียงเรื่อง   ‘โกหก’   สิบกว่าปีที่ผ่านมา......  คือเรื่อง  ‘โกหก’   ร่างกายสงบนิ่ง.....แม้จะยังไม่รู้
เหตุผล

เหลือเพียงน้ำตาที่ไหลเป็นสาย  จ้องมองอีกฝ่ายอย่างเงียบงัน  ความผิดหวังประเดประดังเข้ามา  ในหัวตะโกนก้องว่า  ‘ทำไม’

ไร้เรี่ยวแรงจะหนี....   นั่งทรุดอยู่กับที่ให้อยู่ฝ่ายย่างก้าวเข้ามาหา   เหมือนหูดับ ...  ไม่ได้ยินเสียงสนทนาตอบกลับของอีกฝ่าย

มันอื้ออึง.... สภาพจิตใจเจ็บช้ำเกินกว่าจะสามารถยอมรับ   แม้กระทั่งรับรู้มันไหว  เห็นเพียงริมฝีปากอันคุ้นเคยขยับไปมา

ไม่ได้ตอบกลับ....  เพราะไม่ได้ยินเสียงอะไร  อีกฝ่ายกระชากแขน รุนแรง จนต้องลุกขึ้นตาม  ก่อนจะผลักลงกับเตียงนอนนั้น

ดวงตาเหลือบมองที่พื้นมองเห็นมีดฉ่ำเลือดสีสด   ที่ยังไม่แห้งเหือด  นี่คงเป็นอาวุธ   หลับตาลง .....   

.............มันเหนื่อยจนเกินกว่าจะสู้ไหว  กับร่างกายที่อ่อนแรงนี้  หากเพื่อนที่ ‘รัก’  เกลียดชังน้ำหน้ากันนัก......

...... จนอยากจะให้ลาจากโลกใบนี้ ....    ก็ยินดี       พร้อมแล้ว.......ที่จะจากไป 

หวังเพียง.....   คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเกลียดชังครั้งนี้   จะไม่เป็นอันตรายมากไปอีก

เปิดเปลือกตาจ้องมองพี่รัก....   อยากจะมองอยู่อย่างนี้จนวินาทีสุดท้าย  ........   น้ำตาไหลหยดลงตามใบหน้า


อีกฝ่ายไล้มือเช็ด ........    อย่างเบามือ     จนอดแปลกใจไม่ได้ ในเมื่อเกลียดจนวางแผน ฆ่ากัน  จะใยดีทำไม

เหลือบจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย  ที่บูดเบี้ยว ...  ดวงตาคู่สวยพราวไปด้วยหยาดน้ำตา  ริมฝีปากอีกฝ่ายขยับอีก

“เป็นของดานะ”   แต่กลับไม่ได้ยินสักนิดเดียว  ไล้มือเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของอีกฝ่าย  คำว่าเพื่อน ยังลอยเกลื่อน

อยู่ทุกอณูแห่งความรู้สึก   แม้จะโดนเกลียดเข้าให้แล้ว ....  ทั้งๆ ที่หาเหตุผลให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้

“ดา”    อีกฝ่ายหยุดนิ่งคงกำลังฟัง  มือข้างแนบมาทาบทับมือของอ๋อมที่ลูบเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่าย

“......”  ดวงตาสวยเก๋  ที่เคยชื่นชมนักหนากำลังจ้องมองมาด้วยประกายรอยยิ้ม

“อย่าทำอะไรพี่รักนะ......เราขอร้อง”    ริมฝีปากอีกฝ่ายเม้มเข้าหากันแน่น  มือที่กอบกุมกันอยู่บีบน้ำหนักเข้าหาจนเจ็บ

ดวงตาเกรี้ยวกราด จ้องมองมา เหมือนพร้อมจะทำให้หมอดไหม้   กลายเป็นจุล หรือแค่ฝุ่นผงธุรี

“ทำไมต้องเป็นมัน  ทำไม...  ทำไม ...  ทำไม... ”  เห็นแค่ริมฝีปากอีกฝ่ายขยับ  ไม่ได้ยินเสียงใด ...

 คำขอสุดท้ายคงไม่ยากเกินกว่าที่เพื่อนจะให้กัน   มือเรียวสวยแต่แข็งแรงของดา  กดเข้าที่ลำคอทั้งสองข้าง 

แรงกดทำเอาหัวยุบจมไปเกือบครึ่งหมอน   ได้แต่ไอโขลกๆ เสียงดัง เพราะร่างกายกำลังจะขาดอากาศหายใจ

สองมือจับเพียงแผ่วเบาที่รอบข้อมือดา  ไม่ได้ต่อต้าน  ....  เพียงแต่อยากทรมานลดน้อยลง  น้ำตาของดาหยดพราวลงมา


ยื่นมือที่สั่นสะท้านเอื้อมไปเช็ดให้  ยอมแล้ว.....ถ้าไม่มีเราแล้วดาจะมีความสุข     .....  เรายอม 

จิกมือลงกับพื้นเตียง เมื่อร่างกายเริ่นทนไม่ไหว   หลับตาลง......  ยอมรับมันโดยดุษฏี     คราบน้ำตาค่อยๆ ลงตามหางตา











“ปึ๊ก!”   

“แคร๊กๆๆๆๆ”  สำลักโกยเอาอากาศเข้าลำคอ  หอบหายใจจนตัวโยน  เหลือบมองเห็นดา นอนสลบอยู่ข้างเตียง

เลือดสีสดไหลออกมาอีกครั้ง    พร้อมกระบองยามอันเดิม

“ฮืออออออออออออ”   พุ่งเข้ากอดอีกฝ่ายแน่น  น้ำตาไหลแบบหยุดไม่ได้  ทุกอย่างเหมือนฝัน เหมือนเรื่องโกหก

“ไม่เป็นไรแล้วนะคนดี”    พี่รักพึมพำพูดอะไรสักอย่าง  เพราะเห็นริมฝีปากนั้นขยับ  ...   












ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง.....  กระพริบตาถี่ๆ มองรอบๆ ห้องถึงได้เห็นว่านี่....  เป็นห้องพยาบาล  รู้สึกลำคอแห้งผาก

ที่ข้อเท้าถูกพันด้วยผ้า พร้อมกับเฝือกแบบอ่อน  มองไปยังเตียงข้างๆ  เห็นพี่รัก นอนหลับตานิ่ง

อยู่ในชุดผู้ป่วย  บนหัวมีผ้าก็อตสีขาวเป็นก้อนกระจุกจาการถูกเย็บ ที่หน้าท้องที่ถูกแทง....น่าจะถูกเย็บจนเรียบร้อย

ใบหน้าซีดเผือด กระปุกน้ำเกลือแขวนห้อยระโยงระยางอยู่ข้างๆ   น่าจะเป็นห้องพิเศษ ทั้งห้องมีแค่สองเตียง

อีกคำถามก็ผุดขึ้นในใจ.....  แล้วดาหล่ะ ....  ในห้องเงียบงัน  มีเสียงอื้ออึงเบาๆ  ประตูห้องถูกเปิดออก

แต่กลับไม่ได้ยินเสียง  ที่รู้เพราะรู้สึกถึงการเคลื่อนไหว ...ผ่านหางตา  ไม้กับต้นวิ่งเข้ามาประชิดริมเตียง

“อ๋อมฟื้นแล้วเหรอ?  เป็นยังไงดีขึ้นไหม?  เจ็บตรงไหนอีกรึเปล่า?”  ต้นพูดอะไรสักอย่าง  ...เพราะริมฝีปากต้นขยับ

“ไม่เป็นไรนะอ๋อม  พวกเราอยู่ที่นี่แล้ว พวกเราจะดูแลเธอเอง”  ไม้พูดต่อ  พร้อมกับลูบหัว  ส่วนต้นก็เข้ามาจับแขน



ไม่ได้ยิน......   ไม่ได้ยินอะไรเลย

“..............”


“อ๋อมเป็นไรอ่ะ ทำไมไม่ตอบ  เธอ...เธอเป็นอะไรรึเปล่า?”  ต้นขยับปากอีกครั้ง  ส่ายหน้าตอบช้าๆ 
“ไม่ได้ยิน  ไม่ได้ยินอะไรเลย”   หยาดน้ำตาค่อยๆ ไหลลงมา 

“อ๋อม”  ค่อยๆ หันหลังกลับไปมองเตียงพี่รัก   ไม่ได้ยินเสียงอะไร  เพียงแต่...แค่รู้สึกถึงการจ้องมอง

“อ๋อมไม่ได้ยินค่ะ”   พี่รักอมยิ้มเล็กๆ  คงคิดว่าเป็นเรื่องที่พูดเล่น   

“พูดจริง?”   อีกฝ่ายหันมาถาม   สีหน้าท่าทางยังอมยิ้มอยู่เช่นนั้น

“................”  ทำได้เพียงยิ้มตอบ  เพราะไม่มีเสียงไหนทะลุผ่านเข้ามาในหู

“อ๋อม................”   สีหน้าตกใจฉายชัดอยู่ในแววตาอีกฝ่าย  ค่อยๆ ทิ้งตัวลงนอน  แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก







ผ่านไปสามวันก็กลับมาที่ห้อง  ....  พี่รักย้ายมาอยู่ด้วยเป็นการชั่วคราว  วันนั้นหลังจากที่พี่รักใช้กระบองยาม

ฟาดเข้าที่หัวดา จนอีกฝ่ายกลิ้งหลุนๆ ลงไปนอนกลับพื้นเราทั้งคู่แทบหมดแรง  พี่รักกดโทรหาต้นทันที

ก่อนจะลงมือมัดดาด้วยผ้าผืนยาวผืนหนึ่ง  ที่ตัวเองถูกมัดก่อนหน้านี้  เลือดที่ยังไหลซึมออกมาเป็นระยะ

ทำให้พี่รักตัวเริ่มซีดเพราะขาดเลือด  ไม่ถึงยี่สิบนาทีทั้ง ต้น ไม้ และภาคก็มาถึง  เลือดคาวๆ ยังเปรอะเปื้อนไปทั่ว

ราวทุกคน รวมถึงดา ถูกหามส่งโรงพยาบาล  พี่รักเป็นคนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดหลังจากที่พื้น ได้สติ

นั่งอยู่ด้วย แต่กลับไม่ได้ยินอะไรสักอย่าง  ทุกคนอยู่ในสีหน้าที่เป็นกังวล  พ่ออ๋อมเข้ามาเยี่ยมไข้

คุยอะไรกันสักอย่างก่อนจะจากไป  ...  กระดานข้อความถูกยื่นมาให้อ่าน   

“อ๋อมจะให้แจ้งความมั้ย?”  หันไปสบตาอีกฝ่าย น้ำตาไหลเป็นทางอย่างอยากที่จะตอบ  พี่รักลบออกแล้วเขียนใหม่

“พี่คุยกับพ่อของดาเมื่อครู่ จะไม่แจ้งความแต่ต้องให้ดาเข้ารับการรักษาที่ รพ.จิตเวช” อ่านจนจบก็พยักหน้าบอกอีกฝ่าย

ซึ่งพี่รักก็ทำการลบ แล้วเขียนข้อความใหม่

“เห็นแก่ที่ดาเป็นเพื่อนอ๋อม  ห้ามดาเข้าใกล้อ๋อมอีก จะทำยังไงก็ได้ให้ดาไปไกลๆ”  อ่านจบก็พยักหน้าน้อยๆ

“ทำไมคะ  ทำไมดาถึงเกลียดอ๋อม” เอื้อยเอ่ยมันออกมา....  ด้วยความรู้สึกที่เลื่อนลอยเต็มที  พี่รักส่ายหน้า

“ไม่ใช่”  ปากอีกฝ่ายขยับ

“แล้วทำไม...ถึงจะฆ่าอ๋อมหล่ะคะ”  น้ำตาที่เหือดไปแล้วไหลลงเป็นสาย เจ็บปวดราวกับโดนมีดมากรีดแทง

“เพราะว่าเค้ารักอ๋อม  รักในแบบของคนรัก  ...  ไม่ใช่แค่เพื่อนรัก” พี่รักยื่นกระดานแผ่นนั้นมาให้  ความอ่อนแอ
ก็พุ่งมาทำลายหัวใจที่ฝืนเข้มแข็ง  ดันตัวลงจากเตียง  ค่อยๆ เดินไปหาอีกฝ่ายอย่างยากลำบาก

ทั้งๆ ที่ตอนนั้นคิดว่าดา อยากจะทำลาย  ทั้งที่คิดว่าอีกฝ่ายเกลียดจนเข้าใส้  หากแต่ความจริงแล้วคือรักดอกหรือ

เสียใจเหลือเกิน.....  ที่มองเมินความรู้สึกอีกฝ่ายมาเนิ่นนาน  ทั้งๆที่มันบริสุทธิ์เหมือนผ้าขาว...

สะท้อนให้เจ็บถึงทรวงใน...  ที่ไม่เคยสังเกตุดวงตาคู่สวยคู่นั้น   หากรู้ก่อนนี้บางที...อาจจะมีวิธีที่คลีคลาย

ไม่ได้จบลง...อย่างเลวร้าย อย่างในวันนี้





โถมตัวเข้าหาอีกฝ่าย  ตอนนี้ต้องการที่ยึดเหนี่ยวหัวใจที่มันเหนื่อยล้า... ต้องการหาคนที่ปลอบใจ 
อ๋อมต้องการมืออบอุ่นคู่นี้..... เหลือเกิน  อ้อมอกอบอุ่นจากคนๆ นี้ ซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดที่ว่า

“ขอบคุณค่ะพี่รัก.....ขอบคุณที่อยู่ข้างอ๋อมมาตลอด”    แรงกระชับกอดของอีกฝ่ายแน่นขึ้น





นอนกอดกันอยู่อย่างนั้น  แม้ว่าสายตาจะเหม่อมองไปไกล  ในหัวใจร่ำร้องเสียงดัง

“ขอโทษนะดา.....ขอโทษ...ที่อ๋อมรักดาไม่ได้จริงๆ”  ร้องไห้จนตัวหอบโยน   มีมืออุ่นลูบเบาๆ ที่หัว

ทั้งที่เคยเหนื่อยล้าและหวาดกลัว  แต่ตอนนี้  ที่ตรงนี้กลับรู้สึกอบอุ่น  และปลอดภัย







หัวข้อ: Re: >> กอด~ เอาคืน#2 P.21 2/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 02-07-2013 02:14:41
พี่รักนี่โคตรถึกอ่ะ โดนแทง ตีหัว แล้วยังสามรถจัดการยายดาได้  o13
ว่าแต่ไมอ๋อมหูไม่ได้ยินหล่ะ  :mew5:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เอาคืน#2 P.21 2/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 02-07-2013 03:36:35
สงสารอ๋อม และ พี่รัก

ดา!!! :z6:

ขอซะที อ๋อมไม่น่าหูหนวกเลย

 :mew6:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เอาคืน#2 P.21 2/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: jesus_fin ที่ 02-07-2013 04:11:42
สงสัยช็อคจัด ไม่ได้ยินไรไปเลยง่ะ ยังดีที่มีพี่รักนะเนี่ย  :mew1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เอาคืน P.21 1/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 02-07-2013 15:30:55
งงตรงไหนคะ ?  เผื่อจะขยายความเพิ่มให้ได้อ่ะคะ
มันงงตรงที่ว่าทำไมเรื่องมันถึงได้กลับมาเป็นแบบเลสได้น่ะ  :katai1: เพราะไม่เห็นเค้าลางมาก่อนเลยน่ะ อยากให้เรื่องของอ๋อมจบลงเร็ว ๆ น่ะ เพราะคิดถึงคู่หลักแล้วน่ะ  :mew2: แต่พี่รักก้อเก่งจริงแฮะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เอาคืน#2 P.21 2/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 02-07-2013 16:49:31
พี่รักทนและอึดมาก o13
จุดจบของดาไม่น่าเลยจริงๆๆ
ครอบครัวเป็นเหตุแท้ๆ :เฮ้อ:
+เป็ด
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เอาคืน#2 P.21 2/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 02-07-2013 18:14:21
 :mew3:

คือไม่เข้าใจว่าทำไมอ๋อมม่ได้ยินอะไรเลย

เพราะจากที่อ่านมาทั้งหมด อ๋อมไม่โดนอ่ะไรเลยนอกจากยา

หัวข้อ: Re: >> กอด~ เอาคืน#2 P.21 2/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 03-07-2013 00:27:55
อดทนหน่อยนะคะ คิดว่าไม่เกินสองตอนจะจบแล้วคู่นี้

ส่วนเรื่องที่สงสัยว่าทำไมถึงมาโยงเรื่องเลสเบี้ยนได้ 

จริงๆ เป็นความตั้งใจน่ะคะ  แม้จะไม่ไ้ด้เกริ่นตั้งแต่ตอนแรก เพราะดาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคู่เอกแต่อย่างใด

แต่พอจะเขียนให้เป็นคู่ธรรมดา ญช  มันก็นะ  อยากให้พิเศษขึ้นมาอีก เลยให้เป็นคู่เลสเบี้ยน + จิตนิดๆ

ถูกใจคนเขียนดี  ฮ่าๆๆๆ  (จริงๆ แอบซาดิส) เลยให้เรื่องดำเนินมาด้วยประการละ ฉะนี้     หล่ะค่ะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เอาคืน#2 P.21 2/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 03-07-2013 01:46:57
 :o12: :o12:

คิดถึง  พี่ภาค-น้องแพน   ต้น-ไม้ด้วย

 :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลงเอย P.21 4/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 04-07-2013 02:31:01
~  ลงเอย



ผมกำลังนั่งมองทะเล  ที่คลื่นกำลังสาดกระทบฝั่งเป็นระลอก ยาวจรดแนวขอบฟ้ากว้างไร้เมฆหมอก
ลมพัดมาเอื่อยๆ ในยามเย็น  หาดทรายขาวละเอียดนุ่มจนต้องเดินเล่นกันเท้าเปล่า สุดท้ายก็มานั่งพักเหนื่อยกันตรงนี้ 



“น้ำค่ะ”  ผมหันไปยิ้มรับเจ้าของเสียงหวาน ที่ยื่นน้ำผลไม้มาให้ ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างๆ กัน

“ขอบคุณครับ  หิวรึยังหล่ะเรา?”   ยกน้ำผลไม้กระป๋องขึ้นดื่ม อีกมือก็กุมมืออีกฝ่ายไว้เบาๆ น้องส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“ยังเลยค่ะ  อ๋อมไม่ใช่หมูนะจะได้กินได้แค่ชั่วโมงเดียวแล้วหิวเนี่ย”  น้องว่าแล้วย่นจมูกใส่ผม ได้แต่ขำเบาๆ

“ครับไม่ใช่หมูอ่ะดีแล้ว  เดี๋ยวพี่เลี้ยงไม่ไหว”  ผมแซวยิ้ม น้องก็ยิ้ม  เอากำปั้นเล็กทุบมาที่ไหลผมสองสามครั้ง

โทษฐานทำตัวน่าหมั่นไส้ หรือพูดไม่เข้าหู  ผมว่าต้องอะไรสักอย่างนั่นแหล่ะ  ก่อนจะสะบัดหน้าหนี บ่นงอนๆ

“ไม่อยากเลี้ยงก็ไม่ต้องเลี้ยง  อ๋อมหาคนมาเลี้ยงใหม่ก็ได้”  ยิ่งอีกฝ่ายงอน  ผมก็ยิ่งอยากง้อ

มันทำให้รู้สึกว่า....  อีกฝ่ายสำคัญกับเรา  และเราก็สำคัญกับเค้าเหมือนกัน  ....  ถึงได้รู้สึกแคร์

ถึงได้รับรู้ว่า....  ความรู้สึกของอีกฝ่าย   ย่อมมีผลต่ออีกฝ่ายเสมอ  ผมเคยคบใครมาหลายคน

ทั้งผู้หญิง และผู้ชาย  ......  เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกอยากจะใช้ชีวิตกับใครสักคน  รู้สึกว่ามันใช่  อยากจะเหนี่ยวรั้งไว้

ทุกๆ วิธี   รู้สึกแม้กระทั่ง....อยากจะซ่อนเธอคนนั้นจากสายตาคนทั้งโลก  ขำใช่ไหมหล่ะ

 แต่นะ...มันเป็นความรู้สึกของผมตอนนี้จริงๆ   พึ่งรู้ซึ้งถึงสายตาของไอ้หล่อที่มันมองแพน  สายตาของน้องต้น

ที่มองไปที่ไม้  ผมเข้าใจแล้ว ณ ตอนนี้...  บอกได้คำเดียวเลย    โคตรหวง.....



“ห้ามนะ....ห้ามคิดแบบนี้  สำหรับอ๋อมให้พี่เลี้ยง  และดูแลทั้งชีวิตนี่ได้คนเดียว”  ผมหันไปบอกด้วยสีหน้าจริงจัง   

ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อ ด้วยความเขินอาย เลยเบนประเด็นด้วยการใช้นิ้วเขี่ยทรายวาดเป็นภาพมั่วๆ

“...............”



“ยังไม่ตอบพี่เลยนะครับ”  ผมได้แต่อมยิ้มกับภาพตรงหน้า  มันน่ารักจนอยากจะบันทึกเอาไว้  แก้มนิ่มๆ ที่กำลัง

อมยิ้มจนแก้มตุ่ย  แต่พยายามฝืนที่จะไม่ฉีกยิ้มออกมานั่นอีก  อยากจะจับน้องฟัดนักถ้าทำได้



“ก็..”



“คะ?  ได้มั้ย?”



“พี่รักแน่ใจแล้วเหรอคะ?”  อีกฝ่ายหันมาจ้องหน้าผมแบบจริงจัง  น้องคงต้องการความมั่นใจ

ผมบอกได้เลยว่าตอนนี้ผมยิ่งกว่าเชื่อมั่น ...  เหตุการณ์ครั้งนั้นที่ผ่านไป   ทำให้ได้รู้ว่า... อะไรก็ไม่แน่นอน

ในเมื่อผมอยู่ตรงนี้  และความสุขของผมก็อยู่ตรงหน้าแล้ว.....จะไม่ให้คว้ามันไว้   เพื่อจะรอให้เสียไปงั้นเหรอ?

ค่ำคืนที่ผ่านความเป็นและความตาย....  มันสอนให้ผมรู้และแน่ใจแล้วว่า  “อย่ารอ”

เพราะอาจไม่มีคำว่า  “พรุ่งนี้”  สำหรับอีกแล้วกก็ได้  ฉะนั้นอย่าให้คำว่า “เสียดาย”  มันเกิดขึ้นทีหลัง

เมื่อเวลาผ่านไป  ....  เราเองก็คงย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว  1 ปี ที่ผ่านมาผมว่ามันเพียงพอแล้ว

ปีหน้าผมก็จะจบ... จะทำงาน  พร้อมที่จะเริ่มต้นใช้ชีวิตกับใครบางคน 



“ครับ...   ยิ่งกว่าแน่ใจ   อ๋อมจะไว้ใจฝากชีวิตไว้ที่พี่ได้มั้ยครับ?”  เราสบตากัน ผมกุมมืออ๋อมไว้แน่น

แน่นยิ่งกว่าทุกครั้ง   เพราะความรักมันคือความเสี่ยง  ผมไม่อาจกำหนดคำตอบ...ของคำถามที่ผมอยากรู้ได้

เมื่ออยากได้...  แล้วคิดว่าจะแลก  มันก็มีโอกาสที่ผม  “จะได้”  หรือ “จะเสีย”  หัวใจที่เต้นรัวอยู่นี่

คงเป็นคำตอบที่ดี...  ว่าผมเองก็กลัวคำตอบขนาดไหน  ผมไม่รู้ว่าสำหรับน้องมันเร็วไปรึเปล่า

ที่จะเลือกใช้ชีวิตกับใครสักคน  มันพอที่น้องจะไว้ใจ...  เลือกฝากชีวิตไว้กับคนอย่างผมแค่ไหน

ที่ผ่านมา.....ผมเชื่อว่าผมได้ทำทุกอย่างแล้ว  อย่างดีที่สุด .....เหลือแค่รอคำตอบของอีกฝ่าย 





ทุกอย่างเงียบงัน....  เนิ่นนาน  ได้ยินแต่เสียงคลื่นที่ซัดสาด  เสียงลมทะเลที่พัดผ่าน  พร้อมๆ กับใจผม

ที่มันเริ่มกระตุกสั่นอย่างบอกไม่ถูก  เราจับเมื่อกันแน่น  .....พร้อมกับน้องที่ยังก้มหน้าจ้องมองพื้นทราย

มองทะเล  มองท้องฟ้า  ทุกอย่างถูกปล่อยผ่านไป อย่างยาวนานในความรู้สึกผม

ก่อนที่อีกฝ่ายจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม  นัยตาหวานมีน้ำตาเอ่อคลอจนผมใจเสีย

แต่เชื่อสิ.....  ว่าผมจะยอมรับมันแต่โดยดี  ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร  เผลอกลั้นหายใจไปอึกใหญ่

ก่อนจะผ่อนลมหายใจยาวเหยียดเพื่อระบายความอัดอั้น  แล้วกลืนน้ำลายลงคอหนักๆ

เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกที่คอหอย  ยิ่งรอ....ยิ่งคอย.....ยิ่งทรมาน



“อ๋อมเชื่อพี่ได้รึเปล่าคะ?”  ลูกแมวน้อย เอ่ยถาม ...เหมือนกับคนที่หวาดกลัวในความรัก  น้องอาจจะผ่านประสบการณ์

อันเลวร้ายมาถึงสองครั้ง  ทั้งเรื่องไอ้หล่อ  ทั้งเรื่องดา



“แน่นอนครับ อ๋อมจะเป็นคนสุดท้ายที่พี่จะโกหก”  ผมดึงอ๋อมเข้ามากอด ตัวน้องสั่นมาก น้องกอดผมไว้แน่น

.

.

.













“งั้นฝากพี่ช่วยดูแลชีวิตอ๋อมตลอดไปได้มั้ยคะ?”  ประโยคนั้นทำให้ผมยิ้มแก้มแทบปริ หัวใจเต้นรัวด้วยความสุข

มันพองเสียจนคับอก ดึงอีกฝ่ายมากอดแน่น  โยกตัวไปมา........



“ด้วยความยินดีครับ”





...



ย้อนไปเหตุการณ์ตอนนั้น  ดาหลังจากเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทางด้านจิตเวชอยู่พักหนึ่ง  พ่อดาก็ตัดสินใจ

ส่งดาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ  น่าแปลกที่ดาดูปกติมาเวลาที่ไม่มีเรื่องเกี่ยวกับอ๋อมมาเกี่ยวข้อง

เธอก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดา   ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนก่อเรื่องแทงผมในครานั้น

พี่พอร์ชตัดสินใจไปเรียนต่อพร้อมกับดา  ... ทั้งๆ ที่พี่เค้าเองก็รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่าง จากปากผมเองแท้ๆ

พี่พอร์ชไม่ได้มีท่าทีตกใจ  ... มีแต่ก็เพียงความเสียใจที่ฉายชัดอยู่  พี่เค้ายังรักดาเหมือนเดิม....ไม่เปลี่ยน

ออกจะรักมากกว่าเดิมเสียอีก ...  จะถึงรู้กิตติศัพท์ความเจ้าชู้ของพี่พอร์ชมาเป็นอย่างดีหลังจากที่รู้จักกัน

แต่ก็อดจะนับถือความรักที่พี่แกมีให้ดาไม่ได้...  ไม่ลดน้อย แต่กลับมากขึ้นอีก ถ้าเป็นผมเจอเหตุการณ์แบบนี้

ยังไม่แน่ใจ....ว่าจะรักไหวไหม?   และแน่นอนดาถูกห้ามที่จะเข้าใกล้อ๋อมทุกกรณี  เพื่อเป็นการรักษา


การไม่เจอตัวกระตุ้นก็อาจทำให้ดาหายเร็วขึ้น  อยากขอบคุณคุณพ่อดาที่เลือกจะให้เธอไปต่างประเทศ

ไม่อย่างนั้น .... มันคงเป็นการยากที่จะควบคุม ดูแลให้ทั่วถึง  ....ในการห้ามดา



ส่วนอ๋อม...หมอวินิตฉัยว่า(สมมติขึ้นนะคะ)  อ๋อมช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสียใจอย่างมาก ทำให้ร่างกาย

ปฏิเสธที่จะรับรู้เหตุการณ์ต่างๆ เป็นกลไกป้องกันตนเอง  เมื่อสามารถปรับตัวให้ผ่อนคลาย และจบสถานะการณ์

อันเลวร้าย  เมื่ออ๋อมเชื่อว่าตัวเองปลอดภัย และลดสภาวะเครียดภายในใจได้ ร่างกายก็จะค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ

ซึ่งก็ใช้เวลาร่วมๆ อาทิตย์  ช่วงนั้นเรานอนกอดกันทุกวัน (อันนี้ผมชอบมาก)  เพราะอ๋อมจะรู้สึกหวาดผวา

จนนอนไม่ได้   และสะดุ้งตื่นในเวลากลางคืน  ร้องไห้  ไม่ไว้ใจใคร  ยกเว้นผม (อันนี้ก็ชอบมาก) 

ฉะนั้นช่วงนั้นแทบจะมีผมกับอ๋อมที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง  ผมขาดเรียนเป็นอาทิตย์

ไม่ใช่เพราะอ๋อมอย่างเดียวหรอกนะครับ  เป็นเพราะบาดแผลทั้งหลายที่เกิดขึ้นหนักเอาการอยู่  อ๋อมเองก็ไม่ได้ยิน

เสียงและหวาดกลัวอยู่เนืองๆ  ก็ได้เพื่อนของเราทั้งสองคนทำให้เรื่องการเรียนเรายังผ่านมาได้




ส่วนคนอื่นคงไม่ได้พูดถึงอะไรมาก ไม่มีเวลาใส่ใจจริงๆ  แต่เพื่อนอ๋อมอย่างไอ้ภาค ไอ้ไม้ หรือแม้แต่ต้น

ก็ยังวนลูบมาเยี่ยม ปลอบใจ สอนการบ้านเป็นระยะ 



ขอบคุณที่ติดตามเรื่องผมนะครับ  อย่าลืม อีกสองเดือนผมกับอ๋อมจะจัดงานหมั้นกัน ...  ขอเรียนเชิญทุกท่าน

มาเป็นสักขีพยานด้วยนะครับ  (ถ้าหาเจอ  หึหึ)   ต่อไปนี้....จะได้ใช้ชีวิตแบบคนมีคู่สักที ปิดท้ายอีกคำ











รักอ๋อมนะครับ...................  สุดที่รัก



หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลงเอย P.21 4/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 04-07-2013 14:41:00
 :mc4: เย้ เย้ ดีใจกับน้องอ๋อมด้วยน่ะที่มีความสุขกับเขาสักที แล้วก้อพี่รักได้เจอคนที่ตัวเองจะรักและปกป้องแล้ว ดีใจด้วยน่ะจ้ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลงเอย P.21 4/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 04-07-2013 15:01:47
จักที่ไหน ไปด้วยสิ ก๊ากกกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลงเอย P.21 4/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 04-07-2013 15:16:44
ดีใจจังที่ลงเอยด้วยดี
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลงเอย P.21 4/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 04-07-2013 15:34:28
พี่พอร์ชตามดาไปแล้วจะช่วยอะไรได้  :hao4:

ดีไม่ดีอาการแย่ลงรึป่าว ถ้ายังไม่เลิกเจ้าชู้เนี่ยะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลงเอย P.21 4/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 04-07-2013 16:34:33
นึกว่าจะไม่มีใครมาเม้นซะแล้ว เห็น รัก(ไม่)ตรงสเป็ค โพส น่าจะดับอนาถ
ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลงเอย P.21 4/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 04-07-2013 16:35:54
จัดที่ไหนขอไปด้วย
ส่งบัตรเชิญด่วน :laugh:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ลงเอย P.21 4/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 08-07-2013 14:10:12
 :katai5:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ Special คนที่ต้องเสียใจ (ต้น+ไม้) P.21 10/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 10-07-2013 02:16:12

Special   คนที่ต้องเสียใจ (ต้น+ไม้)




ผมกำลังนั่งคิดถึงเรื่องงานหมั้นของอ๋อมกับพี่รักที่จะจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า  เวลาเดินเร็วจนเราตั้งตัวไม่ทัน

อะไรหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นกับอ๋อมมันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ   เกินกว่าคนอย่างผมจะคาดเดาได้

ถึงตอนนี้เรื่องทุกอย่างจะจบลงด้วยดี  แต่ผมก็ไม่รู้เลยว่า...ในตอนนั้นอ๋อมจะหวาดกลัวแค่ไหน  คนที่อยู่ใกล้

และไว้ใจที่สุด......  กลับเป็นคนที่อันตรายที่สุดไปได้  ตอนนั้น...ตอนที่จิตใต้สำนึกของอ๋อมปกป้องตัวเอง

ด้วยการไม่ยอมรับรู้อะไร  ไม่ได้ยินเสียง ไม่ยอมรับฟัง  เพียงเพื่อจะหลุดจากภาวะที่เกินที่จะทนกับแรงกดดันไหว

ถึงได้รู้ว่า......  มันคงเลวร้ายจนสุดติ่ง  สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่จะฝืนทนต่อสู้กับเหตุการณ์ตรงหน้า

ไม่ว่าอะไรที่ร้ายแรงนั้น.... เธอเหม่อลอย นิ่งเฉย และเมินต่อสิ่งรอบข้างไปหมด ดี...ที่โลกใบนี้มีพี่ชายสุดที่รักของผมอยู่

พี่รักทำทุกอย่างในช่วงสามวันแรก.... เพื่อจะดึงความสนใจเธอกลับมา ผ่านไปเป็นสัปดาห์กว่าอ๋อมจะกลับมาได้ยิน

ความรัก....  บางทีมันก็มหัศจรรย์จนเราคาดไม่ถึง   ผมเองก็ไม่ได้คาดหวังกับความรักครั้งนี้สักเท่าไหร่

แค่มีกันและกันให้ได้นานที่สุด....มันก็ดีมากพอแล้ว



“เค้าจัดงานแต่งที่ไหนว่ะต้น”   เสียงไอ้ไม้ฉุดผมหลุดจากภวัง  แล้วเดินมาทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ

ร่างกายเปล่าเปลือยเห็นกล้ามเนื้ออย่างชัดเจน มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวไว้อย่างหมิ่นเหม่ เหมือนตั้งใจจะถอด

มากกว่าใส่   ทั่วตัวพราวไปด้วยหยดน้ำหลายหยดเพราะเช็ดตัวแบบลวกๆ  ผมสั้นเปียกปอน มีผ้าผืนเล็กวางไว้บนหัว

พร้อมด้วยมืออีกข้างที่ขยี้ลงบนผ้าแรงๆ หวังจะให้เส้นผมที่เปียกชื้นแห้งสนิท ซึ่งเห็นแล้วขัดใจเป็นที่สุด 

ชันตัวลุกขึ้นไปแย่งผ้าในมืออีกฝ่ายมาไว้เอง แล้วเริ่มลงมือเช็ดอย่างรู้หน้าที่  ไอ้ไม้หันมายิ้มตรงมุมปาก

เหมือนที่ผมทำอยู่นั้นเป็นอย่างที่มันได้คิดไว้ไม่มีผิด

“แค่งานหมั้นยังไม่แต่งสักหน่อย”   เถียงกลับเบาๆ พร้อมกับส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายที่มันช่างแปลงสารชาวบ้านได้ตลอด
ได้ยินเสียงมันหัวเราะคิกๆ  ก็จะยักไหล่อย่างไม่แคร์ที่ตัวเองพูดผิด

“หมั้นเดี๋ยวก็แต่ง  มันก็เหมือนๆ กันนะแหล่ะ”  ไอ้นี่ก็เถียงมาข้างๆ คูๆ  ที่พูดมาก็จริง...  แต่ว่ามันยังไม่ใช่ไง

“ไม่เหมือนโว๊ย...  คนแต่งงานกันเค้าเรียกว่า  ผัวเมีย  แต่คนหมั้นกันเค้ายังเป็นแค่ แฟน” แอบจิ๊กผมมันเบาๆ ผ่าน

การเช็ดหัว ได้ยินเสียงร้อง โอ๊ย..ก่อนจะหันมาถลึงตาใส่  ผมเลยยิ้มอย่างอารมณ์ดี ฮ่าๆๆ ได้แกล้งมันสะใจ

“งั้นเหรอว่ะ  ....งั้นมึงกับกูนี่ได้เสียเป็นผัวเมียกันแล้ว  ก็แต่งกันแล้วดิ?”  ไอ้ไม้หันมายิ้มกวนๆ  มันนี่น๊า

ไม่กวนประสาทกูสักวันจะตายไหม?

“มึงนี่มัน... เกินกูจะด่าจริงๆ ว่ะ.”   พูดได้แค่นั้นแหล่ะ มันจุกคอหอย แม่งเอ๊ย....จะเถียงก็เถียงไม่ออก

“ฮ่าๆๆๆ” ไอ้ไม้หัวเราะชอบใจ  ที่มันทำผมไปต่อไม่เป็น ผมเลยทิ้งตัวลงนอน ทิ้งผ้าเช็คผมค้างไว้อยู่บนหัวมันด้วย
หลังจากเช็ดจนแห้งได้ที่  ไอ้ไม้หยิบผ้าบนหัวเอาไปต่างที่ราวไม้ ตรงมุมห้อง ปากก็ถามต่อโดยไม่ได้หันมามอง

“สรุปจัดงานแต่งที่ไหน?”  มันยังยืนยันคำเดิม  ผมถอนหายใจเบื่อๆ ขี้เกียจขัดแม่ง เถียงไปก็ไม่สู้

“ชลบุรี ที่บ้านอ๋อมนั่นแหล่ะ”  พูดจบก็พลิกตัวหันเฝ้าฝาผนัง อยากคิดอะไรเพลินๆ โดยไม่มีไอ้ไม้มาขัด

“อืม... ก็ดี  ใกล้ดีไปสะดวก”  ได้ยินเสียงมันตอบ ก่อนเตียงจะยวบลง มันคงขึ้นมานอนเรียบร้อย

สักพักแขนแข็งแรงของไอ้ไม้ก็รวบตัวผมเข้าไปกอด  มันจูบที่หัวผมแรง ก่อนจะแนบตัวทั้งตัวประชิดด้านหลังผม













“มึงว่าถ้าอ๋อมแต่งงานเค้าจะเสียใจมั้ยวะ?”  หลังจากเงียบไปนานอยู่ดีๆ แม่งก็พูดให้ผมระคายหู  คิ้วเลิกสูง

ตะหงิดๆ  ก่อนจะเงยหน้าหันไปมองด้านหลัง  ซึ่งเจ้าตัวก็ยังยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ  ผมถอนหายใจหน่ายๆ

เซ็งคนหลงตัวเองชะมัด  ไม่ได้หึงหวงอะไรมากหรอก อย่างอ๋อม....ให้ตายก็ไม่เอาไอ้ไม้  ไอ้หลักลอย



“แล้วมึงคิดว่าไง?” ย้อนถามแม่งกลับกะให้มันสำนึกตัวเองไง  แต่ว่า....ก็เปล่า มันหลุดยิ้มกว้างแบบเขินๆ

ก่อนจะยื่นมืออันสากระคายผิดมาผลักหัวผม
“หึหึ.....  มึงหึงหล่ะสิ”   มันว่าอย่างยินดี  ก่อนจะโน้มตัวมาจูบที่ซอกคอผมเบาๆ อ่ะนะมันก็รู้สึกนิดเสียวๆ นิดนึง

“เปล่า....คิดว่าเค้าจะเอามึงเหรอ?”   พลิกตัวหันไปเถียงแม่งเต็มที่ ซึ่งมันก็ทำหน้าครุ่นคิดไม่นานก็จะหันหน้ามาตอบ





“เอา”     สีหน้าจริงจังได้อีก

“กูว่าจ้างเค้าก็ไม่เอามึงหรอก”   ผมเถียงแม่คอเป็นเอ็นอ่ะ  ...  ไม่อยากจะยอมแพ้ในเรื่องที่มันก็รู้ว่าจริง
“ทำไมอ่ะ”   ไอ้ห่า ดูทำหน้า  งอนกูอีก

“มึงมีอะไรดี”   หันไปถามความเห็นมัน   

“ไม่มี”   มันตอบผมกลับแบบไม่เสียเวลาคิด 

“เออ...นั่นแหล่ะ”   เห็นด้วยกับมันไปเต็ม จนเผลอยิ้มออกมา

“แต่กูเป็นผัวมึงนะ ”    มันประสาทหรือเปล่าวะครับ เถียงไม่สู้แล้วอ้างสิทธิ์เนี่ย   

“แล้วไง”?  หันไปถามมันงงๆ พอกัน

“ถ้ากูไม่มีดี  แล้วมึงจะติดใจรึไง”  มันว่าสีหน้าทะเล้นขึ้นมาทันที

“ส้นตีนเหอะ....  กวนตีนแล้วมึงอ่ะ” ด่าจบ ด้วยความหมั่นไส้เลยถีบแม่งตกเตียงไปเลย 

ส่วนผมก็พลิกตัวหันหลัง นอนดีกว่าเถียงไร้สาระกับมันทั้งวันทั้งคืน
“สัด...  ”  เสียงมันสบถเบาๆ ก่อนจะไต่ขึ้นมานอนบนเตียงอีกที  แล้วก็เหมือนเดิม มันเข้ามากอดผมจากด้านหลัง

แล้วกระซิบคำที่ทำให้ผมร้อนๆ หนาวๆ









“มึงไม่รู้สินะ....ว่ากูอ่ะมาโซ ยิ่งเจ็บยิ่งมีอารมณ์ว่ะ”  พูดจบมันก็เลียเบาที่หู .... ตามด้วยไซร้คอ  ไล่จูบตั้งแต่ใบหู

ยันหัวไหล่  กัดเบาๆ ทำไมผมอ่อนยวบไปทั้งตัว มันรู้ดีว่าจุดอ่อนผมอยู่ที่ไหน



อ้อมกอดของมันรัดแน่นขึ้นอีก...ทำผมที่ไร้เรี่ยวแรงจะต้านทานยิ่งดิ้นไม่หลุด มือข้างหนึ่งมันผละออก

ยื่นมาจับปลายคางผมให้หันไปด้านหลับ รับจุมพิศที่เร่าร้อนยิ่งกว่าเปลวเพลิงในทะเลทราย

“อึก......อื๊อ....”  ได้แต่ส่งเสียงครางผ่านลำคอ  หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ จิกเข้าที่แขนอีกฝ่ายแน่น


มันจับผมนอนหงายทั้งๆ ที่ ยังไม่ยอมละจูบออก  ลิ้นร้อนๆ ชอนไชทั่วโพรงปาก อ่า~  ซาบซ่าเป็นบ้า

ผมเกี่ยวลิ้นตอบ และเริ่มแทรกลิ้นเข้าไปในริมฝีปากของอีกฝ่าย  ยามเอ็นไซน์มันผสานกัน

รสหวานทีเกิดกระตุ้นต่อมให้ชิวหา  เรียกร้องสัมผัสที่มากกว่า  ....  สิ้นสุดการขัดขืน

กลายเป็นการตอบสนองความปรารถนาของกันและกัน 



ไม่รู้ว่าบ็อกเซอร์ตัวบางหลุดจากตัวเมื่อไหร่ ....  มัวแต่เผลอไผลไปกับรสสัมผัส 

รู้ตัวอีกที....  ท่อนเอ็นที่ร้อนรุ่ม ก็จ่อที่ประตูทางเข้าซะแล้ว  ส่วนหัวค่อยๆ มุดผ่าน
“เบาๆ  ฮึก....เจ็บ”    ผมจิกนิ้วเข้าที่บั้นท้ายสอบ  เต็มไปด้วยมัดกล้าม สีหน้าไอ้ไม้เหยเก เต็มไปด้วยความเสียวซ่าน

ที่ถูกระงับไว้  พยายามจะไม่เผลอดันท่อนเอ็นให้พรวดพราดเข้ามาในตัวผม  เห็นมันทรมานแล้วมีความสุข

 น่าแปลก ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เจ็บอยู่เหมือนกัน  แต่อาการอยากแกล้งก็ห้ามไม่ไหว   เลยขมิบข้างล่างรัดมันเบาๆ

“อ่า~   ที่รักครับอย่าแกล้งกู กูเอาคืนแล้วจะหนาว”  มันว่า  ตัวทั้งตัวเกร็งแน่น  กล้ามท้องแข็งเป็นก้อน

ตอนผมขมิบรัดหัวมันเล่น  นัยตาแพรวพราวของไอ้ไม้ทำให้ผมรู้......ว่าแม่งทนไม่ไหวแล้ว



ท่อนเอ็นร้อนถูกดันเข้ามาจนสุด  รู้ถึงความแน่นตรึงเหมือนๆ ทุกที  อึดอัดไปทั่วช่องท้อง แต่พอมันขยับ

กระแทกจุดนั้นซ้ำ  สองขาก็ยกขึ้นโอบรอบเอวมันอย่างเป็นอัตโนมัติ  ราวกับกลัวว่ามันจะหลุดหาย






“อ๊ะ.....  อึก....  ลึกอีก  แรง....แรงอีก  อ่า~”   ได้แต่กรีดเสียงคราง  ยามมันทั้งปั่นทั้งซอย สะโพกถูกยกลอยสูง

เพื่อรับแรงกระแทกที่ส่งมาเป็นระลอก

“นี่  นี่ นี่...   ถูกใจมั้ยที่รัก”  ถูกจับพลิกคว่ำสีขา ก่อนสะโพกจะถูกยกสูง  ตามด้วยท่อนเอ็นร้อนๆ

ที่กระหน่ำกระแทก ย้ำๆๆ   จนต้องแอ่นสะโพกหรา  กดหน้าลงหมอน



“อ๊ะ  อ๊ะ   อ๊าาาาาาาาาาาาาาา ”   ร่างกายโยกโยนไปแรงส่งข้างหลัง รู้สึกหวิวไหว  ราวกับยืนอยู่บนที่สูง

แล้วถูกดึงให้ดิ่งลงเหวซ้ำ  มือชักลอกให้ตัวเองไปด้วย โหยหาความปรารถนารุนแรงที่มากขึ้นอีก



“อืมมมมมมม ต้นมึง  อืมมมม”



“โอวววววววววววว  ไม้ๆๆๆๆๆ”







สุดท้ายก็ถึงฝั่งฝัน  ร่างกายกระตุกหงึกๆๆ  ก่อนจะรู้สึกถึงราวาร้อนที่พวยพุ่งอยู่ภายใน  ลูดรั้งให้ตัวเองอีกไม่กี่ที

ก็ปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นลงบนพื้นเตียง ทิ้งตัวลงนอนยวบ หอบหายใจเหมือนหมาหอบแดด

ไอ้ไม้ทิ้งตัวลงมาตาม มันดึงผมไปจูบ  ...แบบดูดดื่ม  ...  คาดว่าผมคงอายุไม่ยืน


“กูว่าแล้วก็ต้องมีของดี ”   มันยิ้มร่า  จูบที่ขมับผมอีกรอบ มือลูบหัวผมเบาๆ













“อีกสักทีนะครับ”    อืมน่ะ.......กูว่าแล้ว

 
หัวข้อ: Re: >> กอด~ Special คนที่ต้องเสียใจ (ต้น+ไม้) P.21 10/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 10-07-2013 02:36:13
ต้นไม่ไม่ค่อยเลยนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ Special คนที่ต้องเสียใจ (ต้น+ไม้) P.21 10/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 10-07-2013 02:45:36
 :กอด1: :กอด1:

ไม้-ต้น....ในที่สุดก็ได้เจอกันแว้ววววว.....คิดถึงมากมายอ่ะ

 :serius2: :serius2:

รอพี่ภาค-น้องแพนด้วยคับ

 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ Special คนที่ต้องเสียใจ (ต้น+ไม้) P.21 10/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 10-07-2013 07:15:16
คู่นี้หื่นกันจริงงงง  :oo1: :oo1: o13
หัวข้อ: Re: >> กอด~ Special คนที่ต้องเสียใจ (ต้น+ไม้) P.21 10/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 10-07-2013 09:18:31
คู่นี้จัดกันตลอดเวลา ไม่ต่างจากคู่เอกเลย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ Special คนที่ต้องเสียใจ (ต้น+ไม้) P.21 10/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 10-07-2013 10:36:55
ในที่สุดก้อเจอต้นไม้สักที หลังจากห่างหายไปนาน ต่อไปก้อเป็นแพน+ภาคน่ะ คู่นี้มาทีไรได้มันทุกที  :haun4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ Special คนที่ต้องเสียใจ (ต้น+ไม้) P.21 10/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 10-07-2013 16:55:03
ใกล้จะจบแล้วคะ่   เตรียมมาม่่ากันได้เลย  เหอๆๆๆๆ 
หัวข้อ: Re: >> กอด~ Special คนที่ต้องเสียใจ (ต้น+ไม้) P.21 10/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 11-07-2013 17:52:35
ต้น-ไม้ไม่ค่อยเลยนะ :z1:

เตรียมต้มน้ำรอ :katai5:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ Special คนที่ต้องเสียใจ (ต้น+ไม้) P.21 10/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 14-07-2013 20:46:35
รอรอรอ :z2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ Special คนที่ต้องเสียใจ (ต้น+ไม้) P.21 10/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 15-07-2013 11:28:41
ขอโทษนะคะ คนเขียนแอบเกเร หนีเที่ยวบ่อยๆ เลยยังไม่มีเวลาแต่ง  ...

แต่เดี๋ยวเค้ารีบแต่งด่วนค่ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [1] P.22 16/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 16-07-2013 01:19:55
~เวลาของเรา  1




"กลับมาสักทีนะ". ผมยื่นมือไปดึงอีกฝ่ายมากอดแน่นๆ รับขวัญอยู่ชั่วครู่  น้องเองก็กอดตอบเวลาหนึ่งปีมันช่างยาวนาน

ในที่สุดก็ผละตัวออกเพราะเห็นว่าสนามบินไม่ใช่สถานที่ที่จะแสดงความรักแบบเปิดเผยได้มากนักอย่างน้อยก็ตอนนี้

แล้วจะหันไปดึงกระเป๋าอีกฝ่ายมาถือเสียเอง เรายิ้มให้แก่กัน ในใจมันเต็มตื้นไปด้วยความสุข และความกังวลพอๆ กัน

ช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นมันล่วงเลยไปกับความวุ่นวายที่ถาโถม. จ้องมองลึกเช้าไปในตาของอีกฝ่าย

ต่างก็ฉายชัดถึงคำว่า “กลัว”  ที่ซ่อนอยู่

มากมายเสียจนยากที่จะปกปิด ก็ได้แต่ทำใจยอมรับความจริงที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า



"อือ กลับมาแล้ว" ไอ้ตัวเล็กตอบ ผมกระชับกระเป๋าในมือ แล้วจูงมือน้องมุ่งหน้าตรงไปยังลานจอดรถ

ไม่มีคำพูดใด ทำได้แค่กุมมือกันแน่นๆ แล้วเดินไปตามทางที่ทอดยาว  ทั้งที่ในใจมีคำพูดมากมาย

ผมเชื่อว่าแพนเองก็เป็นเช่นนั้น แต่มันตีรวนเสียจนไม่สามารถกลั่นเป็นประโยคออกมาได้...

ถึงต้องตกอยู่ในภวังที่เงียบงันแบบนั้น  จนสอดตัวเข้าไปนั่งด้านในรถ เราค่อยๆ เคลื่อนตัวออก

ผมได้แต่จ้องมองดูท้องถนน ขณะที่ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ลอบถอนหายใจอยู่หลายครั้งก่อนจะเอ่ยคำถาม

ที่หวังจะทำลายความเงียบ และสานต่อความหวังอันเลือนลางครั้งสุดท้ายของตัวเอง

“บอกคุณลุงกับคณป้าหรือยัง?”  เอ่ยถามเสียงเบาไม่ได้มองคนข้างๆ

“ยัง”  น้องตอบกลับมาเสียงแผ่วเบา  ต่างฝ่ายต่างเพ่งความสนใจให้กับสิ่งตรงหน้า

“จะบอกเมื่อไหร่ครับ”   หันไปมองอีกฝ่ายเล็กน้อย  ก่อนจะมองท้องถนนที่มีรถราเป็นระยะ

“ภาคก็รู้ดีนี่  ว่าทำไมแพนถึงยังไม่บอก  .... ขอแค่ช่วงนี้นะภาค  ให้เวลาหนึ่งเดือนมันเป็นเวลาของเรา

ก่อนที่.....”  อีกฝ่ายเงียบไป  เหมือนกับผมที่เงียบจนบอกไม่ถูก ....  แต่ก็ยังพยายามสนใจกับท้องถนนตรงหน้า





“ก่อนที่.....  เราจะกลับไปเป็นลูกที่ดีของพ่อกับแม่”   เสียงแหบพร่าของแพนทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายใกล้จะร้องไห้เต็มที

และผมก็เบนสายตาไปทางอื่นอย่างช่วยไม่ได้    เจ็บจนหัวใจมันร้าวไปหมด ....  แต่ก็ต้องยอมรับกับการตัดสินใจ

ที่เราเลือกจะให้มันเป็นไป 



“ครับ”  ผมตอบรับอีกฝ่ายเรื่อยๆ น้ำเสียงแหบพร่าไม่ต่างกัน  ได้แต่กลืนน้ำลายลงคออีกใหญ่ ราวกับมีก้อนสะอื้น

ก้อนใหญ่ๆ มาจุกอยู่ที่คอหอย 

ผมจอดรถที่ลานจอดรถในคอนโด ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าด้านหลังน้องรถมาตามติดๆ กดรีโมทล็อครถ

แล้วเราก็เดินไปด้วยกัน  กอบกุมมือกันแน่นตลอดเวลาที่เดินมาถึงห้อง ผมไขกุญแจเข้าไป

เปิดทางให้น้องเดินเข้าไปก่อน  ส่วนตัวเองลากกระเป๋าเดินตามไปติด  ไอ้ตัวเล็กตรงดิ่งเข้าไปในห้องนอน

ได้ยินเสียงกระโดดขึ้นเตียงโครมใหญ่คาดว่าน้องคงจะเหนื่อยจากการเดินทาง ผมวางกระเป๋าน้องไว้ที่ห้องนั่งเล่น 

เดินไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแล้วเดินตามอีกฝ่ายเข้าห้องนอนไป  ทิ้งตัวนั่งลงใกล้ๆ ลูบที่หัวกลมทุย

ที่กำลังซุกหน้าเข้าหาหมอนนุ่ม  แพนยังคงหลับตาพริ้มไม่ได้ลืมตามามองที่ผมแต่อย่างใด

“ไม่หิวเหรอครับหืม”  เอ่ยถามไปพลางลูบหัวไปพลาง น้องลืมตาขึ้นมามองเล็กน้อยส่ายหน้าเบาๆ

“.......”



“งั้นนอนนะครับคนดี”  ผมบอกเสร็จก็จูบลงที่หน้าผากเนียนของอีกฝ่าย ยันตัวขึ้น เพื่อจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

ในชุดสบายๆ เพื่อนอนกอดไอ้ตัวเล็ก  มือของแพนก็รั้งชายเสื้อผมไว้แน่น  น้องเรียกเสียงแผ่ว

“ภาค.”   นัยตากลมจับจ้องที่ผม  ผมหันไปมองตอบแล้วเลิกคิ้วเป็นคำถาม

“ครับ?”

“กอด” ไอ้ตัวเล็กยืนยันมือยังจับแน่นที่ชายเสื้อไม่ยอมปล่อย  ...  น่ารักจนผมต้องหลุดยิ้ม

“ครับ..หึ” ตอบรับแล้วก็ทิ้งตัวนั่งลงข้างเตียง ไล่ถอดเสื้อและกางเกงตัวเองทิ้งไป สายตาผมไม่ได้ละไปไหน 

น้องเองก็มองทุกอากัปกิริยาที่ผมทำตาไม่กระพริบ  แต่ที่น่าขำก็คืออีกฝ่ายมองผมด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ

หากแต่ไม่ยอมหลบตาไปไหน  ริมฝีปากบางเม้มแน่น...จนเห็นฟันขาวและเขี้ยวเล็กๆ โผล่ออกมา

ผมทิ้งตัวลงนอนรั้งอีกฝ่ายมาอยู่ในอ้อมกอด  ไอ้ตัวเล็กโผลเข้าหา ราวกับรอคอยอ้อมกอดอุ่นๆ ของผม

ผมกอดน้องไว้แน่น.มาก    มากเสียจนผมว่าอีกฝ่ายก็คงจะรู้สึกอึดอัด หากแต่ก็ไม่อยากปล่อย....

เหมือนแพนเองก็เข้าใจ น้องไม่ได้ว่าอะไรแต่กลับกอดผมตอบแน่นๆ เช่นกัน  ยิ่งเป็นอย่างนี้ยิ่งรู้สึกสะท้อนใจ

ถ้าถึงเวลาต้องปล่อยมือ.....   ผมกับแพน....   จะทำเช่นไร





เรากอดกันเช่นนั้น.....  จูบที่หน้าผากแผ่วเบา  ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น  ...นอกจากกระชับกอดให้แน่นขึ้น



แน่นขึ้น... 



แน่นจน









อยากจะหลอมเราทั้งคู่ให้เป็นคนเดียวกัน......หากมันจะเป็นไปได้





หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [1] P.22 16/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 16-07-2013 03:08:58
ปาดหน้าหรือนะ อ่านแล้วสงสารทั้งสองคนจังเลย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [1] P.22 16/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 16-07-2013 10:46:18
เอาใจช่วยให้ผ่านไปได้นะแพนภาค :L1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [1] P.22 16/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 16-07-2013 14:40:19
 :mew6: :mew6: สงสารร
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [1] P.22 16/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 17-07-2013 03:52:39
 :katai5: :katai5:

ก่อนเริ่มมาม่า  ขอเติมน้ำตาลในเลือดก่อนเนอะ

เด๋วอะมิโนวายในร่างกายจะถึงจุดวิกฤต

เป็นกำลังใจให้พี่ภาค x น้องแพน ด้วยจร้า

 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [2] P.22 18/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 18-07-2013 00:42:37
ขอหวานๆ ก็จัดไป   ดื่มด่ำรสหวานให้ชุ่มฉ่ำ...  ก่อนจะไปดราม่าน้ำตาไหล
 
กันนะคะ

*********************************************************

~เวลาของเรา 2






ผมตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดอันอบอุ่น  ....   เรากอดกันแน่น   แน่นมาก....  แน่นเสียจนไม่มีพื้นว่างให้อากาศ

เข้ามาแทรกระหว่างตัว   ทั้งๆ ที่หลับ หากแต่อ้อมกอดของเรากลับไม่ได้คลายแรงกอดลงเลย 

เสมือนหนึ่งกลัว....ว่าถ้าหากปล่อย  อาจจะไม่มีโอกาสได้กอดอีกผมจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาคิ้วเข้มของอีกฝ่าย

ยังจำได้ดีว่ามีสาวๆ จ้องมองภาคมากมายแค่ไหน  แต่อีกฝ่ายกลับไม่เคยสนใจ  ซุกตัวลงในอ้อมกอดเดิม 

แล้วซุกหน้าเข้าหาอกแกร่ง....  ได้ยินเสียงหัวใจอีกฝ่ายเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ

ดีใจ....จนหัวใจพองโต   ดีใจ... ที่ยังได้อยู่ในอ้อมกอด.... อ้อมกอดนี้

กระชับกอดแน่นขึ้นอีก  ....  อยากอยู่อย่างนี้ตลอดไป    แต่ก็ไม่รู้ว่า.....จะทำได้นานแค่ไหน   

ทั้งๆ ที่หวงแหนแต่ก็รู้ว่าไม่มีโอกาส........ที่จะรักษามันเอาไว้....... 

เหลือบมองรอบๆ ตัว ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม  ...  เหมือนๆ ครั้งสุดท้ายที่ผมเคยอยู่ 

รู้สึกอบอุ่น.....ไม่ว่าจะมองทางไหนก็รู้สึกได้ว่า....  นี่เป็นที่ของเรา   เป็นที่ของผมกับภาค.... 

โดยที่ไม่มีใครสามารถจะก้าวล่วง    อย่างน้อยก็ในเวลานี้.......แสงสว่างค่อยๆ จางลง 

พร้อมกับช่วงเวลาที่เดินผ่านไปอย่างเชื่องช้า  ผมขยับตัวเล็กๆ เพื่อคลายความเมื่อยล้า

จากการอยู่ในท่าเดิมๆ ยาวนานหลายชั่วโมง   ภาคขยับตัวนิดๆ ก่อนจะค่อยๆ เปิดเปลือกตา 

ริมฝากปากหนายกยิ้มมุมปากนิดๆเมื่อมองมาเห็นผมที่อยู่ตรงหน้า  ผมค่อยๆ โน้มหน้าลงไป   

แตะจูบแผ่วเบาเป็นการทักทาย ภาคยิ้มกว้างขึ้นอีกดึงผมลงไปกอด  แล้วจูบตอบ.....  บางเบา.....

 ค่อยเป็นค่อยไป  และลิ้นร้อนๆ ที่สอดแทรกเข้ามา  เรียกร้องความรู้สึกบางอย่างให้ค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา

 หลังจากปิดซ่อนมานานเป็นปี  ......  ความรู้สึกโหยหา...กันและกัน  ความรู้ที่หลอมรวมกันจนเป็นหนึ่งเดียว

..ปฏิเสธไม่ได้ว่า...ความต้องการทางร่างกาย  มันสัมพันธ์กับความรู้สึกทางด้านจิตใจอย่างแยกไม่ออก

จะมากไปไหม   หากจะพูดว่าเป็นเพราะ “รัก” เราถึงต้องการ  “กันและกัน”  ขนาดนี้   ..... 

ฉะนั้น ผมถึงไม่ได้ปฏิเสธความสัมพันธ์ที่เราหยิบยื่นให้กัน  เพราะนั่นคือการที่เรากำลังถ่ายทอดคำว่า

 “รัก” สื่อสารให้อีกฝ่ายได้เข้าใจ  ว่ามันลึกซึ้งเกินกว่า....จะหาคำๆ ไหนมาบรรยาย...

อ้อมกอดอบอุ่นของภาคกำลังทำให้ผมตาพร่ามัว ด้วยแขนแข็งแรงที่โอบกอด  และลูบไล้ไปตามเนื้อตัว

ริมฝีปากอุ่นร้อน....ที่บรรจงจุมพิศทุกที่ที่ลากผ่าน  ดูดเม้มแรงๆ อย่างจงใจที่จะแสดงความเป็นเจ้าของ

 รอยสีแดงระเรื่อโชว์หราได้แต่แอ่นกายรับทุกแรงปรารถนาที่กำลังแล่นพร่าน 

เหมือนควบคุมตัวเองไม่อยู่ หลุดลอยไปในม่านหรรษาที่อีกฝ่ายชี้นำ มือจิกเข้าที่ไหล่หนา

 เพื่อคลายความเสียวซ่าน กดหัวอีกฝ่ายให้จมจ่อมอยู่กับที่ เมื่อมีริมฝีปากร้อนๆ ไล่ขบที่ยอดอก

สัมผัสเปียกชื้น ดูดดุนอย่างหิวกระหาย  ได้แต่กรีดเสียงคราง...ในยามที่สุดจะกลั้นไหว 

เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้หยุดลงเพียงแค่นั้น  ริมฝีปากร้อนลากไล่ลงต่ำ  ฟันคมครูดเบาๆ ให้เสียวกระสัน 

เผลอแอ่นสะโพกโค้งนูนให้อีกฝ่ายสอดมือแกร่งเข้าด้านใน ดันรั้งกางเกงที่สวมใส่ให้คลายตัวออก 

สองขาถูกพาดสูงบนไหล่ลาด แอ่นดันให้สะโพกลอยโด่ง  หัวเข่างองุ้มมาด้านหน้า  มือแข็งแรงรูดดึง

กางเกงส่วนที่เหลือโยนทิ้งผ่านหัวตัวเองไป  แล้วครอบริมฝีปากร้อนคลุมท่อนเอ็นที่แข็งชูชัน

“อ๊ะ....  อือออออ” หลุดเสียงครางหวิวหวาน เสียวซ่านปานจะขาดใจ  ริมฝีปากบางถูกเม้มแน่น

ลำตัวบิดเร่าปานเกลียวคลื่นที่ถูกถาโถม   มือเรียวสอดประสานเข้าสู่เรือนผมของอีกฝ่าย

มือแกร่งตรึงสะโพกหวานไว้แน่น ขณะที่ปากขยับรูดรั้งขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง ชุ่มฉ่ำถึงหัวใจ

ลิ้นร้อนซอกซอนทุกศา  ทำเอาอีกฝ่ายได้แต่บิดกายเร่าๆ ราวกับจะขาดใจอยู่ทุกเมื่อ

กรีดเสียงครางหวานจนแหบพร่า  ผละมือออกจากเรือนผมนุ่มสลวย คว้าหมอนใบโตมากลั้นเสียง

ริมฝีปากก็กรีดครางอย่างที่ใจปรารถนา มือสองข้างจิก ขยุ้มหมอนจนแทบขาดวิ่น

“อ๊ะ..    อ๊าาาาาา...  ฮึก ...... อืมมม”

.

.

.

“อ๊ะ  อ๊ะ  อ๊าาาาาาาาาาาาาาาา”   ร่างหวานแอ่นหวาน เกร็งสะท้าน ไปแทบทุกสัดส่วน  ส่วนอ่อนไหว

กระตุกหงึกๆๆ ลิ้นร้อนเลียปาดซอกแคมหัวแตกยอดบนสุดปิดท้าย  ก่อนจะอ้าปากรอรับหยาดน้ารัก

ที่ไหลทะลักทลาย   น้ำเมือกสีขาวขุ่นกรุ่นกลิ่นคาวกำจาย ริมฝีปากหนาอ้าครอบ ดูดรัดตั้งแต่โคนยันปลาย

ดื่มด่ำจนหยดสุดท้าย  ไล้ลิ้นเลียยอดหัวลูกศร  อยากหยอกเอินท่อนรูน้ำรัก  ริมฝีปากยกยิ้มมอง

มองอีกฝ่ายที่หายใจกระเส่า ใบหน้าหวานแดงซ่าน  ส่งสายตาเชื่อมหวาน นอนอ่อนระทวยอยู่ตรงหน้า

ดันตัวเข้าไปหา แตะจูบแผ่วเบา ที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย ตวัดลิ้นดูดดุนลิ้นหวานอยู่เพียงครู่ ก็กระซิบคำปรารถนา

“ตาภาคบ้างนะครับ” แผ่วเบา หากแต่กระเส่าเชิญชวน ได้แต่มองด้วยตาปรือปรอย ...  รอยยิ้มหวานหยักยิ้ม

อีกฝ่ายยิ้มตอบมือเอื้อมหาหลอดเจลบนหัวเตียง บีบใส่นิ้วจนชุ่มโชก ค่อยๆ สอดเข้าไปในช่องทางรักของอีกฝ่าย

“อึก อือออออ”  หมอนถูกสอดเข้าใต้สะโพกหวาน ริมฝีปากดูดกลืนกันและกัน นิ้วแข็งแร็งขยับเข้าออกช้าๆ

แม้ด้านล่างจะแข็งจะปวดหนึบ  แต่ก็ไม่อยากจะทนเห็นสุดที่รักได้รับความเจ็บปวด อดทนรอจน

เมื่อเห็นอีกฝ่ายตอบรับ  จำนวนนิ้วก็เพิ่มรวดเร็ว พอๆ กับใจที่โหยหา  เมื่ออีกฝ่ายกรีดเสียงครางหวาน

ถุงยางก็ถูกดึงสวมครอบเอ็นร้อน บีบเจลชะโลมจนเต็มรัก  แล้วกระเดียดไปจ่อที่จุดหมาย

บดเบียดหยอกเย้าที่ปากทาง  ก่อนจะกดหัวโตๆ มุดเข้าโพรงหฤหรรษ์ ชักเข้าชักออกทีละนิด

จนสุดท้ายก็มิดลำ ส่งเสียงครางต่ำๆ อย่างพึ่งใจ

“อ่าาาาาาาา  แพนครับ”    แล้วก็ขยับโยกจนเต็มรัก  อย่างไม่จักเหน็ดเหนื่อย  โถมกายเข้าใส่

สอดประสาน เข้าออก  เชื่อมต่อกันและกัน  ความสุขล้นทะลัก  กรีดเสียงผสานความหวานหวาม

แลดูเจ็บปวด  หากแต่สุขสมจนล้นใจ  .....  ในการเพรียกหาความรัก “จากกันและกัน”     

.

.

.

สะโพกสอบขยับเสียงดัง  พึบพับ  เนื้อกระแทกเนื้อ ขาเรียวยกขึ้นโอบรอบเอวแกร่ง 

เร่งรัดให้ทุกสัมผัสชัดเจน  และแนบแน่นขึ้นไปอีก

“อ๊าาาาา~”

“โอววววววววว~”

“อ๊ะ  อื๊อออออ”

“อืมมมมมมม”

“อ๊ะ อ๊ะ อ๊าาาาาาาาาา” /  “อืมมมมมมมมมม”



สะโพกสอบหนั่นกระแทกกระทั้น  แล้วเกร็งกระตุก  มัดกล้ามสวยที่ท้องขึ้นเป็นลูกลอน บดเบียดท่อนเอ็นสอดใส่

ดุนดันให้เข้าไปลึกที่สุด  ขณะที่สะโพกหวานกระดกลอยจากสองขาเรียวที่โอบรอบเอวอีกฝ่ายแน่น เพื่อรับสัมผัส

ให้เต็มรัก  รู้สึกถึงความอุ่นซ่านที่พวยพุ่งอยู่ภายใน  ทิ้งตัวลงกอดกันกลม ริมฝีปากแตะกันเบาๆ

ไม่ได้ถอดส่วนที่เชื่อมต่อ  เหลือเพียงเสียงหอบหายใจ ....  กับอุ่นไอ สายใยเจือจางที่พันธนาการกันจนแนบแน่น

.

.

.

.

.

.

ก็เท่านั้นเอง


หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [2] P.22 18/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 18-07-2013 02:31:04
จะมาม่ามากเลยหรอ อย่ามาม่ามากเลยนะ สงสารอ่ะ รักกันขนาดนี้
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [2] P.22 18/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 18-07-2013 11:19:30
คิดว่าจะหนักที่สุดในบรรดาเรื่องที่แต่งมาค่ะ 
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [2] P.22 18/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 18-07-2013 15:08:50
จะมาม่าขนาดไหน แต่ขอจบแบบมีความสุขนะครับ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [2] P.22 18/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 18-07-2013 15:30:07
confirm 100% ค่ะ

ว่ายังไงก็จบแบบ  Happy Ending แน่นอน.
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [2] P.22 18/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 18-07-2013 15:40:29
อย่าให้กินมาม่าเยอะนะ สงสารน้องแพน :mew6:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [2] P.22 18/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 18-07-2013 18:33:08
 :katai4: :katai4:

โอเค.....จัดมาเต็มที่!!!!!

 :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [2] P.22 18/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 18-07-2013 18:37:25
กินอีโนรอล่วงหน้า
กลัวท้องอืด :z2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [3] P.22 20/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 20-07-2013 01:04:24

~เวลาของเรา  3


 
 

“ตื่นแล้วเหรอครับ หิวรึยังตั้งแต่กลับมายังไม่ทานอะไรเลยนะ?”  ผมหันไปถามไอ้ตัวเล็กหลังจากลงไปซื้อกลับข้าวมาเรียบร้อย
แล้ว

นี่ก็จะทุ่มอีกไม่กี่นาที แต่ดูท่าน้องพึ่งจะตื่นมาเดี๋ยวนี้เอง   ใบหน้างัวเงียหันมามองผมยิ้มๆ ลุกขึ้นเหมือนจะไปล้างหน้า

แต่ได้แค่ยืนแค่นั้นอีกฝ่ายก็ทรุดลงกับพื้น  ผมรีบไปประครองอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่ทัน เพราะน้องก้มจ้ำเบ้าลงกับพื้นเป็นที่
เรียบร้อยแล้ว

ไอ้ตัวเล็กทำสีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด ผมเองก็นึกสงสารทำกันไปสองสามรอบนี่ แบบว่าครั้งสุดท้ายนี่ตั้งแต่ปีที่แล้ว

อีกฝ่ายคงจะเจ็บไม่ใช่น้อย  ผมรวบตัวอีกฝ่ายขึ้นอุ้มแพนไม่ได้ตัวโตขึ้น สูงขึ้นเล็กน้อย แต่ความผอมยังคงเดิม กดจูบที่แก้มเบาๆ

“เจ็บมั้ยครับ?”  หันไปถามอีกฝ่ายที่กำลังหน้ามุ่ยน้ำตาคลอเบ้าอยู่ ก็นึกขำเพราะน้องส่ายหน้ายิ๊กๆ บอกว่าไม่เจ็บ

“เหรอครับ  หน้าตูมเชียวไม่เป็นไรนะ เดี๋ยววันนี้ภาคบริการเต็มที่เลย  เริ่มจากอาบน้ำให้ก่อนดีมั้ย?”  ผมหันไปแซวอีกฝ่ายยิ้มๆ

ไอ้ตัวเล็กบู่หน้า  เสร็จแล้วซุกหน้าเข้ากับอกผม  หูแดงหน้าแดงตามปกติ

“อืม..”  เสียงเล็กๆ ตอบกลับมา ผมได้แต่หัวเราะในลำคอเบาๆ อีกฝ่ายเลยทุบอกเข้าให้   ผมเลยรีบพาน้องไปอาบน้ำเป็นการ
ด่วน

.

.

.

“อันนี้ อันนี้ อันนี้ ทานเยอะๆ นะ ของโปรดแพนทั้งนั้นเลยนะครับ  ภาคไปเดินมาทั่วตลาดเลย”  ผมรีบบอกอีกฝ่ายอย่างเอาใจ

“...........”  น้องไม่ได้ตอบอะไร  มองอาหารทุกอย่างยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก แต่มันติดจะเศร้าไปสักหน่อย  มือเล็กเอื้อมมาตักแกง

ตรงหน้าผมทีละอย่าง แล้วใส่ลงบนจานตัวเอง  ก้มหน้างุดๆ มองมัน  ค่อยๆ ตักเข้าปาก เคี้ยวช้าๆ  ตอนนี้เองที่ผมเริ่มเห็น

อีกฝ่ายมีน้ำตาคลอหน่วย  หยดใสๆ ไหลช้าๆ จากนัยตาสวยล่วงหล่นลงบนจานข้าว  ทั้งที่ริมฝีปากบางยังยกยิ้ม

นั่นทำให้ผมนิ่งงัน   จ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่ละสายตา ใจเริ่มสั่นนิดๆ

“ข....ขอบคุณ...นะ ”  ได้ยินเสียงอีกฝ่ายกลืนน้ำลายลงคอหนัก   ดวงตาคู่โตยังคงมองไปที่กับข้าวตรงหน้า  ขณะที่มือก็ยังคงทำ
หน้าที่

ตักกับข้าวใส่จาน  แล้วตักมันเข้าปาก  เคี้ยวอาหารช้าๆ ราวกับมันเป็นอาหารที่ทำให้ลำคอแห้งเป็นผุยผง

.

.

มีแต่ความเงียบงันระหว่างเรา...   ร่างกายน้องเองก็สั่นระริก ทั้งที่อยากให้เวลานี่เป็นเวลาที่น่าจดจำสักเพียงใด

แต่ความทรมานใจมันก็มีมากมายพอๆ กัน   เมื่อกำลังคิดว่า.....เรากำลังสร้างความทรงจำครั้งสุดท้ายร่วมกัน

 

“ถ้าได้อยู่แบบนี้ตลอดไปคงดีสินะ  ฮึก....”  เสียงสะอื้นหลุดมาเบาๆ ผมเดินไปนั่งข้าง รวบตัวน้องมาโอบกอดไว้แน่น

“ไม่เป็นไรนะครับคนดี  อย่าร้องนะแพน ”   ผมบดจูบที่หัวทุย .....  ทั้งที่อยากจะให้ความรู้สึกเจ็บนี่มันจางหาย

แต่ผมก็ทำได้แค่นั้น  น้ำตา.....ที่มันค่อยๆ ไหลออกมา  ยังคงเจ็บปวดและทรมานเช่นเดิม

 

“เราไปบอกเรื่องของเรากับพ่อแม่แพนดีไหม?”  ผมเสนอทางเลือกสุดท้ายอีกทางหนึ่ง  น้องส่ายหน้าหวือ

แล้วดันตัวผมออกอย่างรวดเร็ว  ใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตากำลังฉีกยิ้มแสนเศร้า  ทำเอาผมเจ็บปวดตามไปด้วย

“อย่าบอกนะ...แพนไม่เป็นไรแล้วภาค  แพนไม่เป็นไร  เราตกลงกันแล้วนะ.......ว่า      ว่าจะหยุดเรื่องนี้ แพนไม่อยากให้

ถ้าน้าณีเข้าโรงพยาบาลอีกภาคจะทำไง  ภาคก็รู้...... เราไม่มีทางเลือกแล้ว”  น้องว่าน้ำเสียงสั่นเครือ

 

 

มื้อนั้น......  เป็นการทานอาหารที่ไร้รสที่สุดเท่าที่ผมเคยทานมา  ความสุขมันจางหายไปไหนกัน  เราหยุดคุยเรื่องนั้น


แยกกันไปคนละมุมของตัวเองเพื่อทำใจ  และตกลงกันว่า 1 เดือนที่เหลือจะไม่กังวลใจ และพูดถึงเรื่องนี้อีก

.

.

ผมนั่งอยู่ริมระเบียงมองนาฬิกาที่บอกเวลาตี 3 นิด ๆ  อีกฝ่ายยังคงหลับไหล  อาจจะเหนื่อยทั้งจากการเดินทาง ร้องไห้

หรือแม้แต่ร่วมรัก   แต่ผมกลับนอนไม่หลับ  ....  ทุกครั้งที่หลับตา ภาพวันนั้นก็วันมาอีก  ...

 

 

 

 

เรากลับบ้านครั้งสุดท้ายในการปิดภาคเรียนของปีที่แล้ว  เราดื่มเพื่อฉลองกัน .... ผมกับแพนจบกันที่ห้องของผมเอง

ความสุขที่มันทะลักล้นก็ยังเต็มเปี่ยมอยู่ในหัวใจ   ผมเป็นเจ้าของแพนครั้งแล้วครั้งเล่า.......จนเช้า

เรานอนกอดก่ายกันภายใต้ร่างกายที่เปลือยเปล่า  อกช่วงบนโผล่พ้นผ้าห่มผืนหนาที่เราสอดลำตัวไว้ใต้นั้น

ส่วนกลางลำตัวยังเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกัน    ภายในพื้นของผม...  พื้นที่ที่ผมไม่คิดว่าใครจะก้าวล่วงเข้ามา

แต่..... ก็มีคนเข้ามา   แม่ไขกุญแจเข้าด้วยความเป็นห่วง  ....  เพราะเห็นว่าเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น   กังวลว่าพวกผมจะหิว

จนเป็นโรคกระเพาะกันไปซะก่อน ถึงได้จะตามให้ไปกินข้าว   แล้วค่อยกลับมานอนต่อ   แต่ภาพที่แม่เห็นตรงหน้า

“ภาค!!” แม่เรียกผมเสียงดังลั่นด้วยน้ำเสียงตกใจ ดีที่ประตูห้องผมมันปิดเลยทำให้ไม่มีใครได้ยินเสียงอีก

ผมกับแพนสะดุ้งตื่นขึ้นมาชันตัวลุกขึ้นนั่งทันที   ส่วนนั้นหลุดออกจากกันโดยอัตโนมัติ ผ้าห่มผืนหนาล่วงกองมาถึงเอว

ไม่ต้องพูดอะไร  เพราะหลักฐานต่างๆ มันปรากฎชัดอยู่บนตัวน้องแล้ว  รอยแดงเป็นจำๆ จากการถูกดูดกลืน

“แม่!! // น้าณี!!”  เราอุทานขึ้นด้วยความตกใจ ใบหน้าซีดเผือด  แม่ขาอ่อนยวบทรุดตัวนั่งลงกับพื้น  มือจิกกันแน่น

จ้องมองที่พื้น พยายามเค้นเสียงคำถามออกมา  อย่างยากลำบาก  เหมือนมีก้อนสะอื้นมาจุกตันที่ลำคอ

“ม...ไม่ได้เป็นอย่างที่แม่คิด....ใช่ไหม?”

“..............................”   ความเงียบเข้าครอบงำทุกอย่างนิ่งงัน 





“ผมขอโทษครับแม่ ผมรักแพน”  เพียงจบคำพูดผม  แม่ก็เงยหน้ามาด้วยแววตาที่ตัดพ้อ  ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่พึ่งได้ยินเมื่อครู่

น้ำตาไหลเป็นสาย  เสียงสะอื้นไห้ของแม่ยังดังก้องในหัวผมจนถึงตอนนี้

“ฮือออออ ... ท...ทำไม......เป็นแบบนี้”   นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่แม่พูดถึงเรื่องของผมกับแพน  ก่อนที่แม่จะเป็นลม

ตัวพับอ่อนลงกับพื้น   ทำเอาผมกับแพนตกใจแทบสิ้นสติ กระโจนลุกหยิบเสื้อผ้ามาใส่ลวกๆ ก่อนจะพาแม่ไปโรงพยาบาล

โดยยังไม่ทันบอกพ่อด้วยซ้ำ    ผมกับแพนจับมือกันแน่นอยู่หน้าห้องตรวจหัวใจเต้นรัวแทบกระดอนออกมานอกอก

ใบหน้าซีดของอีกฝ่าย ทำให้ผมต้องเรียกสติให้ตัวเองกลับมาเร็วที่สุด   

“ไม่เป็นไรนะ  ทุกอย่างจะดีเอง”   น้องเม้มริมฝีปากแน่น   ซุกหน้าลงกับไหล่ แล้วสะอื้นสุดตัว  น้ำตาไหลจนเปียกชื้น   

“ฮืออออ  ภาคคค”   มีแต่เพียงคำนี้ที่หลุดออกมาจากปากน้อง  ผมได้แต่ลูบหัวอีกฝ่ายอย่างปลอบโยน  กับจูบที่หัวแผ่วเบา

ทั้งๆ ที่ใจตัวเองก็กลัว....   กลัวว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นเหมือนกัน  เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นแม่ตกใจจนสิ้นสติอย่างนี้


“ฮัลโหลครับพ่อ  ครับใช่..  ห้อง XXX  ครับ  ผมอยู่กับแพน กำลังรอหมอครับ  ครับได้ครับ ”  ผมกดวางสายพ่อลง

หันไปลูบหัวปลอบน้องอีกเล็กน้อย  แต่อีกฝ่ายกลับนั่งตัวตรง เช็คคราบน้ำตา จนเหือดแห้ง  เสียงแห้งปร่าขยับเรียกผม

“ภาค”  น้องขยับห่างจากผมไปเว้นที่ว่างระหว่างเราด้วยเก้าอี้เปล่าหนึ่งตัว  ใบหน้าหวานแดงจัด  รามไปถึงจมูก และหู

ถอนหายใจเข้าออกยาวๆ  อยู่หลายเฮือก  ผมได้แต่มองอย่างไม่เข้าใจ  มือเรียวจิกเข้าหากันแรงเสียจนผมคิดว่าบนผิวเนื้อ

คงมีเลือดซึมออกมา กำลังจะขยับตัวเข้าไปหา

“อย่า....อยู่ตรงนั้นดีแล้ว”   น้องเงยหน้ามายิ้มให้ผม  ก่อนจะก้มหน้าลงต่ำ  รอยยิ้มฝืนนั้นเหือดหายไปด้วย   

“แพน?”   เค้าลางบางอย่างของน้อง ทำให้ผมรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น....  ในทางที่ไม่ดีสักเท่าไหร่

 “ภาค”  น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดทำผมร้อนรนจนแทบฉุดไม่อยู่  อยากจะลุกไปรวบตัวอีกฝ่ายเข้ามากอด

แต่ก็ทำไม่ได้  ความรู้ของแพนที่แสดงออกมา.....มันชัดเจนเกินไป  ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังต้องการให้ผมรับฟัง

“ครับ?”   น้ำเสียงแห้งปร่า ละโหยโรยแรงที่ผมตอบกลับไป  ผมเห็นแววไหววูบในดวงตาอีกฝ่ายสั่นระริก

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”


“แพนทำไม?” ผมกลืนน้ำลายลงคอหนัก ๆ เมื่อค่อนข้างชัดเจนว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อไป  น้องหันมาสบตาผมจริงจัง

ไม่มีความหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย  มีแต่เพียงความเจ็บปวดที่ฉายชัดอยู่ในทุกห้วงนาทีที่เราสบตากัน

“แพนรู้อยู่แล้วคงต้องเดินมาถึงวันนี้  แพนไม่อยากให้เราทำร้ายคนที่เรารัก  ตอนนี้เป็นน้าณี แล้วต่อไปหล่ะภาค?

คนที่ต้องเสียใจเจ็บปวดเพราะความเห็นแก่ตัวของเรา  จะเป็นใคร ลุงนพเหรอ?  หรือพ่อกับแม่แพน?   เรา..... ฮึก”

หยาดน้ำตาใสๆ ไหลอาบเต็มใบหน้า   ในขณะที่ร่างเล็กนั้นสั่นระริก  ผมเอง....ที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง สมองมันขาวโพลน

ว่างเปล่า....  เหมือนคนหาจุดหมายไม่เจอ  ได้แต่จ้องมอง   .... อยู่กับความเงียบงัน


“................”   

“ฮึกๆๆ...  ถึงเวลาแล้วภาค  ฮึก...ท....ที่เรา”  น้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

“....แพน?....”   ผมเรียกน้องด้วยน้ำเสียงแหบพร่า  เหมือนใจจะขาด มือที่ยื่นไปหาสั่น..  ควบคุมไม่อยู่

“เลิกกันเถอะ”  มือผมล่วงลงกระแทกพื้นเก้าอี้ตัวที่ว่างเปล่า  มองดูร่างของแพนที่ลุกขึ้นวิ่ง

ค่อยๆ ห่างออกไป เรื่อยๆ  ทั้งที่อยากเรียก  อยากวิ่งตาม  ยังอยากจะมอง ไอ้น้ำหยดใสๆ นี่ กลับกลบ

วิสัยการมองเห็นของผมจนหมด  ผมพยายามชันตัวขึ้น  .......  แต่พอมองเห็นห้องผู้ป่วยตรงหน้า

ห้อง....ที่ผมก็รู้ว่าใครอยู่ในนั้น   ความเจ็บปวดแทรกซึมไปถึงขั้วหัวใจ  ..... นอกจากจะทำแพนเสียใจแล้ว

.........  นี่เป็นครั้งแรก.........  ที่ผมทำให้แม่ตัวเองร้องไห้  และเสียใจจนหมดสติไป .....



ผมนั่งนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น  ก้าวขาไม่ออกแม้แต่ก้าวเดียว......   สายตาเหม่อมองไปในทิศทางที่หัวใจผมวิ่งหายไป

หยาดน้ำตาที่น่าลำคาญ......   ยังคงไหลเอื่อยเหมือนคุมสติไม่อยู่  หลับตาลงแล้วเช็ดคราบน้ำตา

.

.

พร้อมกับประตูห้องผู้ป่วยที่เปิดออก   คุณหมอในชุดกราวสีขาวราวกับรุกขเทวมาโปรดสำหรับผมในตอนนี้

เสียงประกาศก้องดังกังวาล  ...  ร่างผมหยัดยืนขึ้นช้า  ๆ  ราวกับมันถึงเวลาที่ต้องยืน

“น้องเป็นญาติผู้ป่วยเหรอครับ?”  คุณหมอถามขึ้นเพราะคงไม่เห็นใครนอกจากผมที่อยู่ตรงนี้  ผมตอบรับช้าๆ

เพราะสมองเริ่มไม่สั่งการอะไร

“ครับ  แม่ผม?”  ถามได้แค่นั้น....  ลำคอก็ตีบตัน   โกรธตัวเองอย่างหาที่สุดไม่ได้... เพราะผม   เป็นเพราะผม

“ครับแม่เร่าปลอดภัยดีครับ ไม่ต้องเป็นกังวล อาจจะพักผ่อนน้อยไปหน่อย ความดันต่ำนอนให้น้ำเกลือ

สักคืนสองคืนก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ แต่ว่าที่หมอห่วงน่ะ คือตรงเข่ามีรอยถูกกระแทกกับของแข็ง

เห็นคนไข้บอกว่ามันเคยมีรอยร้าวเก่าแถวนั้น อันนี้ต้องเอ็กซเรย์พรุ่งนี้ ถึงจะทราบว่าจะต้องผ่าตัดหรือเปล่านะครับ ” 

“ขอบคุณครับหมอ” ผมยกมือไหว้หมออีกครั้ง  หมอยิ้มตอบ

“ไม่เป็นไรครับมันเป็นหน้าที่ของหมอ” จากนั้นก็เดินจากไปเพื่อดูคนไข้รายอื่น  ผมทรุดตัวลงที่เก้าอี้อย่างหมดแรง

ล่วงใจไปอีกหนึ่งอย่างที่แม่ไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่กังวล   แต่ก็ยังใจไม่กล้าพอที่จะสู้หน้าแม่ได้

ผมนั่งอยู่สักพัก...พ่อก็วิ่งกระหืดกระหอบตามมา  พร้อมด้วยป้าอรกับลุงจี  พ่อเดินเข้ามาหาผม

“แม่เค้าเป็นไงบ้างลูก?” 

“ปลอดภัยแล้วครับ  เดี๋ยวรอเอ็กซเรย์พรุ่งนี้อีกที ว่ากระดูกตรงเข่าที่เคยร้าวมีผลกระทบไหม?”

“เห้อ  ...  ค่อยยังชั่วป่ะเข้าไปข้างในกัน”  ทุกคนมีสีหน้าโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด  มีเพียงผมที่ทั้งดีใจ และเสียใจ

ในคราวเดียวกัน   คืนนั้นเป็นผมกับพ่อที่เฝ้าแม่ทั้งคืน  ไม่ได้ปริปากพูดอะไร  ...ไม่พูดกับใครให้เหตุผลว่า

ง่วงจากฤทธิ์ยาที่หมอให้  ไม่มีใครสงสัยอะไร ทุกคนยังอยู่ในอาการปกติ  ยกเว้นเสียแต่.....

ตอนที่แม่หันมาสบตากับผม  ผมเห็นแววตาที่ไหวระริกนั่น ........  ผู้สึกผิดจนไม่กล้าสบตา 

คืนนั้น.....แพนไม่ได้กลับมาอีก 






“พ่อไปทำงานเถอะครับ...  ผมอยู่เป็นเพื่อนแม่เอง”   ผมหันไปบอกพ่ออีกครั้ง  พ่อถอนหายใจเบาๆ

สีหน้าเป็นกังวลไม่อยากไปทำงานด้วยซ้ำ  เสียตรงที่วันนี้นัดเจอลูกค้าเจ้าใหญ่แม่ลาไปคนแล้ว

เห็นทีพ่อจะลายากอยู่  พ่อหันมามองหน้าแม่อีกครั้ง

“ไปเถอะตาแก่   ..ฉันอยู่กับลูกก็ได้” สิ้นเสียงแม่พ่อถึงกับหลุดยิ้ม

“ปากเก่งอย่างนี้ก็คงไม่เป็นไรแล้วสิเนี่ย  งั้นผมไปทำงานก่อนหล่ะ”    พ่อแซวเสร็จก็เดินออกไปอย่างอารมณ์ดี


ทิ้งให้ผมกับแม่อยู่กันอย่างเงียบๆ  ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา....  ผมหันไปมองแม่บ่อยมาก  แต่แม่ไม่มองผมเลย

ผมเดินเข้าไปหา ตัดสินใจแล้ว ....อย่างน้อยก็ขอโทษ  ผมเดินมาถึงริมเตียง...  แต่สายตาแม่กลับจ้องทีวีนิ่ง

แม่ริมฝีปากจะเม้มจนแน่นก็ตามที  ผมกราบลงที่เท้าแม่ น้ำตามันไหล...จนห้ามไม่อยู่แม่ไม่เคยโกรธผมขนาดนี้เลย

เมื่อหยาดน้ำไหลกระทบปลายเท้าแม่  ผมได้ยินเสียงแม่อุทานอย่างตกใจ

“ภาค!!”

“ผมขอโทษครับแม่  ...ให้อภัยผมเถอะนะครับ”  ผมยังคงก้มกราบอยู่อย่างนั้น  ได้ยินเสียงถอนหายใจ

พร้อมกับมือของแม่ที่ลูบมาที่หัวผม  ผมซบหน้าลงกับปลายเท้าเล็กๆนั่น มือสอดประครองกอดให้มันแนบหน้า

“ร...เรารักกันครับแม่”  ผมกระซิบเสียงแผ่ว

“ผมรักน้อง  รักมานานแล้ว”

“ภ...ภาค”  ผมได้ยินน้ำเสียงของแม่สั่นเครือ  แม่คงผิดหวังมาก ตกใจมาก  เพราะแม่รักแพนเหมือนลูกคนหนึ่งเช่นกัน

“ผม”

“มันผิดนะลูก....  ผิด...  ผิดทุกอย่าง”   แม่ว่าดึงผมไปกอดแน่นๆ  ผมกอดแม่ตอบ  น้ำตายังไหลไม่หยุด 

ตัวแม่สั่นน้อยๆ 

“ครับ  ...  ภาครู้”

“หยุดเถอะนะลูก....  ”

“..............”


“อย่าให้มันผิดมากไปกว่านี้” 



ผมกับแม่หันไปมองที่ประตู ...  ไม่รู้ว่ามันเปิดตั้งแต่เมื่อไหร่  ไม่รู้ว่าใครคนนั้นมายืนตรงนี้ตอนไหน 

ใบหน้าหวานซีดเจื่อน    ริมฝีปากถูกเม้นแน่นครั้งหนึ่งก่อนจะคลายออก น้องถือตระกล้าผลไม้มาวางข้างๆ แม่

“ของเยี่ยมครับน้าณี   พ่อกับแม่แพนให้เอามาให้ครับ”  น้องว่าสายตายังคงจับจ้องตระกร้าผลไม้เงียบๆ

ก่อนจะหันมามองแม่ผม แล้วยิ้ม  ....  รอยยิ้มที่ทำให้ผมใจสลาย  และผมรู้ว่าน้องเอง ก็คงเจ็บแทบตายเช่นกัน

แม่เองก็เงียบงันไป คงเพราะคาดไม่ถึงว่าน้องจะได้ยินประโยคเมื่อกี้

“ไม่ต้องกังวลนะฮะ  ผมกับภาค.... เรา”








“เราจะเป็นแค่.....พี่น้องกันครับ”  น้องว่าเสียงแผ่ว  เบาเสียจนแทบไม่ยินเสียง  เหมือนน้ำเสียงถูกกลืนหายไปในลำคอ

น้ำตาไหลอาบแก้มนวล  เหมือนไม่รู้ตัวน้องไล้มือเช็ดช้า .....  เดินมาที่ปลายเท้าแม่อีกฝั่ง ก้มกราบลงแทบเท้าแม่

แม่ผมหลุดสะอื้นไห้  ......ออกมาทันที  น้ำตาไหล...ด้วยความเจ็บปวด


“แพน...ลูก”   แม่ว่า...... แล้วเสียงนั่นก็กลืนหาย  ...  เหลือเพียงหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

“ผม....กราบขอโทษน้าณีด้วยนะครับ.... แพนเสียใจ....เสียใจ  ฮึก....  จริงๆ  ”  สิ้นเสียงน้องก็วิ่งออกไป

ผมพยายามจะวิ่งตาม.....  แต่แม่รั้งแขนผมไว้แน่น  ผมหันไปมองแม่ที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอืน 

ก็รวบตัวแม่มากอด.....   กอดไว้แน่นๆ  ที่สุด  เท่าที่ผมจะทำได้



ยืนอยู่ตรงนี้ทั้งที่.......  หัวใจผมแตกสลายไม่มีชิ้นดี......  ไม่เหลือดีจริงๆ





หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [3] P.22 20/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 20-07-2013 03:47:15
 :hao5: :hao5:

อ๊าาาาาาาา......สงสารพี่ภาคกับน้องแพน

น้องแพนน่ารักขนาดนี้

น้าณีไม่อยากได้เป็นสะใภ้เหรอ

ทำไม....ทำไม.....ทำไม.......

.......

ทำไมน้าณีไม่เป็นสาววายยยยย......

//กรีดร้องโหยหวน//

 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [3] P.22 20/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 20-07-2013 10:50:12
 :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [3] P.22 20/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 20-07-2013 11:50:56
มาม่ามากอ่ะ สงสารทั้งสองคนเลย อยากให้ทั้งสองครอบครัวเข้าใจจังเลย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [3] P.22 20/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 20-07-2013 21:14:26
มีมากกว่านี้อีกค่ะ.
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [4] P.22 25/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 25-07-2013 01:11:30
หลังจากหยุด 4 วันติด  ก็ชิ่งไป ตจว. มาค่ะ น้องสาวใกล้คลอดแล้ว เย้ๆๆๆๆๆๆ
เลยทำให้ต้องไปบ่อยๆ  อิอิ  เลยไม่ว่างแต่งค่ะ




เวลาของเรา 4




แม่กลับจากโรงพยาบาลหลังจากนั้นเกือบๆ อาทิตย์  เพราะหมอไม่ต้องการให้ใช้เข่ามากอยากให้แม่นอนนิ่งๆ

และพ่อก็เห็นดีเห็นงามไปด้วยเพราะแม่เองไม่ค่อยจะมีเวลาหยุดพักสักเท่าไหร่

"ดีเลยคุณ ได้โอกาสอู้แล้ว" พ่อว่าขำ ๆ พร้อมกับหัวเราะร่วน แม่เลยพลอยหัวเราะตามไปด้วย

บรรยากาศดีขึ้นมาก แต่ผมกลับหงอยเหงา เป็นการยากขึ้นไปอีกที่จะได้เจอแพน

วันนี้เป็นวันที่ผมต้องเดินทางกลับกรุงเทพ. พร้อมกับแพน เพราะพรุ่งนี้น้องต้องเดินทางกลับต่างประเทศ

แต่นั่นเป็นสิ่งที่ผมคาดหวัง...มันจะมีทางเป็นจริงอยู่รึเปล่า ผมนั่งเหม่ออยู่นานในหัวครุ่นคิด

เรื่องต่างๆ ที่วนเวียนสับสนอยู่ตอนนี้ ....  ยังไม่เห็นทางที่ผมกับแพนจะมาบรรจบกันได้

โดยที่ไม่มีใครเสียใจเลยสักนิด  ...     จู่ๆ ก็สัมผัสกับความอบอุ่นจากมือนุ่มของแม่ที่บีบลงมาเบาๆ

“เป็นอะไรลูก คิดอะไรเพลินเชียว?”  แม่ลูบเบาๆ ที่หัว  ผมเผลอหลุบตาลงต่ำหลบตาแม่

ความจริงที่ยังคงอยู่คือไม่ว่าเมื่อไหร่ผมก็ยัง “รักแพน”    ค่อยๆ ช้อนตาขึ้นมาสบตากับแม่

ผมซบหน้าลงกับเอวแม่ สองมือโอบกอดแม่ไว้แน่น  แต่เพราะคนๆนี้ก็ “สำคัญ” 

เพราะอย่างนั้น......ถึงไม่รู้  จะเดินต่อไปทางไหนดี ทั้งๆ ที่เจ็บปวด...แต่ก็ทนกล้ำกลืนฝืนยิ้มบางๆ

ประดับใบหน้า ซ่อนความ “ขมขื่น”  ที่มัน “ดื่นดาษ”  อยู่เต็มหัวใจ   ไม่อาจรู้ได้เลย...ว่าสายตาผม

มันจะ “ซ่อน”  ความรู้สึกเหล่านั้นได้มากเพียงไหน  ถึงได้หลบสายตา...เพราะแม่รู้จักผมดี

“คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะครับ  แม่”  ผมเอ่ยเรียกแม่เสียงแผ่ว

"แม่ครับ"

“หืม  ว่า?”   แม่ตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี

“ผมรักแม่นะครับ”  ได้แต่เอ่ยด้วยน้ำเสียงติดจะสั่น  พยายามกลั้นแล้ว จะให้เลือกระหว่าง

“คนที่เลี้ยง” ดูเรามา กับคนที่ “เรารัก”  มันทำไม่ได้จริงๆ

“อ...อืม”  แม่ตอบกลับมาเสียงเบา  แต่แรงกอดที่ตอบกลับมาแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ไม่มีคำพูดระหว่างเรามาเนิ่นนาน.....  แม่ลูบหัวผมแผ่วเบา   ก่อนจะดันหน้าให้ผมเงยขึ้น

“ไป..ไปจัดของได้แล้ว”   แม่ว่าแค่นั้น...ก่อนจะหันไปสนใจจัดเตรียมมื้อกลางวัน

.



.

ผมเดินลงมาหลังจากจัดเก็บข้าวของส่วนตัวเป็นที่เรียบร้อย ผมเห็นแม่มองตามผมน้อยๆ

แล้วถอนหายใจหนักหน่วง  เหมือนครุ่นคิดอะไรสักอย่างอยู่เนิ่นนาน ขณะที่มื้อกลางวันของผมยังไม่เสร็จ

ดูเหมือนแม่พึ่งจะเริ่มทำมากกว่า ผมนั่งลงหน้าทีวีเปิดเลือกช่องขึ้นมาช่องหนึ่งไม่ได้ใส่ใจมากนัก

เพราะสุดท้ายก็ได้แต่นั่งเหม่ออีกจนได้   ....  เสียงดังรอบข้างไม่มีผลต่อโสตประสาทการรับรู้

ทุกอย่างเงียบหายไป เหลือเพียงผมที่จมจ่อมอยู่กับเรื่องราวเดิมๆ อีกครั้งหนึ่ง  ดำดิ่ง....จนไม่อยากโผล่พ้น

เรื่องราวของแพนยังแจ่มชัด....อยู่ในหัวใจ  เวลายิ้ม....หัวเราะ  ร้องไห้......เขินอาย.....โกรธ 

ทุกๆ อย่างวนซ้ำไปซ้ำมา...  เราจูบกัน .....  เรารักกัน.....  เราสัมผัสกัน.....และกอดกันอยู่อย่างนั้น

ความอุ่นซ่านยามเนื้อแนบแน่น  ยามที่ร่างกายหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เสียงกรีดครางหวานฉ่ำ

ทุกท่วงท่า ทุกสัมผัสยังตรึงอยู่ในหัวใจ...





“ภาค จะดูหนังหรือว่าให้หนังดูเรากันแน่ลูก?”  เสียงที่แว่วเข้ามาทำผมหันไปดูด้วยความสงสัย

“ห๊ะ.....ค..ครับแม่?”  ทวนคำถามอีกครั้ง  เพราะเมื่อกี้ได้ฟังแทบไม่เป็นประโยค 

“แม่ถามว่าเราน่ะจะดูหนัง หรือให้หนังมันดูเรากันแน่หึลูก?”   แม่ตอบกลับเสียงเข้มขึ้น

“อ่อ ว่าจะปิดพอดีครับแม่”  ผมหันไปยิ้มเจื่อนๆ ชันตัวลุกขึ้นกะว่าจะออกไปสูดอากาศข้างนอกเสียหน่อย

ได้ยินแม่ถอนหายใจเสียงดัง....  ก้มหน้าลงมองพื้น...ในใจก็พลอยนึกโทษตัวเองที่เป็นสาเหตุ

.

.

"ไปดูน้องซิลูกว่าเก็บของรึยัง" แม่ว่าเสียงเบา แล้วหันหลังกลับ  แกล้งสนใจกับมื้อกลางวันที่ตัวเองกำลังตระเตรียม

อยู่ตรงหน้ามากเกินปกติ หัวใจผมที่พองโตจนบอกไม่ถูก...  รอยยิ้มที่ปิดไม่มิด ผมหันหลังเร่งฝีเท้า

เดินไปตามทางที่คุ้นเคยจนแทบจะกลายเป็นวิ่งก็ว่าได้  มันเหมือนหัวใจของผมมันอยู่ใกล้แค่เอื้อม

แต่ก็ห่าง......แค่เพียงเอื้อมมือ  เกินที่มือผมจะยื้อถึง ....  ได้แต่เฝ้ามอง  เฝ้าปรารถนา....ให้เราได้เจอะเจอกัน

สองขาปั่นซอยอย่างถึงที่สุด วิ่งไปยังจุดหมาย  แต่ถึงกระนั้น....มันก็ไม่ทันกับหัวใจที่โหยหา และคณึงถึง

หอบหายใจน้อยๆ เมื่อมาถึงยังรั้วประตูกั้นระหว่างสองบ้าน  หากแต่ก็ไม่เคยจะปิดสองท้าวหยุดนิ่งสนิท

จ้องมองหาใครคนนั้นที่คิดถึง สูดลมหายใจเข้าปอดหนักๆ  เรียกกำลังใจตัวเองสักหน่อย

ก่อนจะก้าวเข้าไป เจอแผ่นหลังที่คุ้นเคย....  หัวใจกระตุกสั่นน้อยๆ กลัวความเป็นจริงจะทำให้อีกฝ่าย

“รังเกียจ”  มันก็ช่วยไม่ได้  เพราะเรื่องของหัวใจ แม้แต่ตัวเองก็ยัง...ไม่เข้าใจ ว่าทำไมลงเองเช่นนี้

เอ่ยเสียงทักดังที่เคย....  เมื่อสาวเท้าจนเข้าใกล้บันไดทางขึ้นไปยังชั้นบน 

"ป้าอรครับแพนเก็บของเสร็จรึยังครับ" ลอบสังเกตุปฏิกิริยาของป้าอร ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่.

แต่ก็เปล่า......ทุกอย่างยังคงปกติดังเดิม

"ยังเลยภาคไปดูให้ป้าซิว่าน้องทำถึงไหนแล้ว" ว่าจบ ป้าอรก็ก้มหน้าก้มตาทำกับข้าวต่อ

ผมรีบวิ่งอย่างดีใจขึ้นไปบนห้องที่คุ้นเคย ยืนอยู่หน้าประตูหอบหายใจหอบใหญ่ จ้องมองบานประตูตรงหน้า

ด้วยหัวใจที่เต้นรัว ตื่นเต้นจนแทบอดทนรอไม่ไหว  แทรกตัวเข้าไปช้าๆ. อีกฝ่ายเหมือนจะรู้ตัว

แต่กลับไม่ได้หันมามอง ยังคงนั่งหันหลังจัดเก็บข้าวของบนเตียงนอน  ผมมองแผ่นหลังบางที่คุ้นเคย

เส้นผมนุ่มสลวยที่ผมโหยหา  เสียงหวานที่ยังก้องกังวานในหัวใจเสมอ ..ทุกๆ อย่าง..กลั่นออกมา

จาก “ความรัก”   และ “ความคิดถึง”   จนแทบคลั่ง  อยากจะขาดใจเหลือเกิน....หากต้องปล่อยมือ 

ค่อยๆ สาวท้าวก้าวเข้าไปเรื่อยๆ ใกล้......แค่เอื้อม   ยื่นมือออกไป.....ใกล้ขึ้นๆ

"แม่ทำอะไรให้แพนกินอ่ะ แพนหิวจะแย่แล้ว" ไอ้ตัวเล็กว่าจบก็เอียงหน้าหันมาหา

พร้อมๆ กับมือผมที่คว้าไปถึงตัว 






หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [4] P.22 25/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 25-07-2013 02:03:24
 :mew6:

ท่าจะมาม่าอีกยาวเลย เพราะบ้านแพนยังไม่มีใครรู้เลย

สงสารทั้งสองคนจังเลย

หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [4] P.22 25/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 25-07-2013 15:52:58
สงสารภาคอ่ะะะะ  :mew4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [4] P.22 25/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 25-07-2013 19:42:56
ทนกันต่อไป :katai1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [4] P.22 25/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 26-07-2013 01:22:07
 :z3: :z3:

โอเค....จะมาม่าหรือยำยำก็จัดชุดใหญ่มาเร้ยยยย

แก้ไข 

คณึงหา  >>>>  คะนึงหา
สองท้าว >>>>  สองเท้า

  :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [4] P.22 25/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 30-07-2013 14:26:47
ย่องมา+1 :m7:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [5] P.23 31/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 31-07-2013 01:29:07
เวลาของเรา 5




ผมรวบตัวน้องมาโอบกอดจากด้านหลัง.... มืออีกข้าง  ยึดแนวสันกรามไว้มั่น บดริมฝีปากที่โหยหาเข้ากับ

ริมฝีปากสีแดงสดของอีกฝ่าย  สอดลิ้นดุนดันหาความหวานหวามที่คุ้นชิน ในหัวใจสั่นระริก

“อือออออออ”   เสียงครางประท้วงจากอีกฝ่ายไม่ทำให้ผมหยุดการกระทำนั้นได้ สัมผัสเปียกชื้นค่อยๆ ไหล

ไปตามร่องแก้ม ผมรู้ดี.....ว่ากำลังเผยความอ่อนแออันน่าชิงชังของตัวเอง  อ่อนแอยิ่งกว่าคนตัวเล็กตรงหน้า

ค่อยๆ ละริมฝีปากออก รู้สึกจุกหน่วงในอก ....  ในหัวมันตะโกนก้อง   “ครั้งสุดท้าย”

“ภาค!!”   มือเล็กๆ โอบกอดผมไว้แน่น  ซุกหน้าเข้าหาอกผม รอยด่างชื้นค่อยๆ ปรากฎเป็นวงกว้าง 

“ฮึก!!  อย่าร้อง”  ทั้งที่อีกฝ่ายพูดแบบนั้น  แต่ก็เป็นน้องเองที่กำลังร้องไห้อยู่เช่นกัน เรากอดกันแน่น

เฝ้าปลอบโยนกันและกัน ไม่ได้เนิ่นนาน...เพราะเวลา สถานที่ ไม่ได้เอื้ออำนวยขนาดนั้น 

ผมก็แค่....  อยากให้เรื่องก่อนหน้ามันเป็น “แค่ความฝัน”   อยากให้เรายังคบกันได้อย่างเดิม

.

.

เราเปลี่ยนมาช่วยกันเก็บข้าวของกันแบบเงียบๆ  เก็บไปเรื่อยๆ แค่อยากใช้เวลาอยู่ด้วยกัน

มันเหมือนนี่เป็นสิ่งเดียว......ที่สามารถเชื่อมเราไว้ด้วยกัน  ถ้าหากหมดภาระหน้าที่เหล่านี้แล้ว

ทุกๆ อย่างก็เหมือนจะต้องสลายหายไปด้วย  .. 

ของชิ้นสุดท้ายถูกน้องหยิบมันวางลงในกระเป๋า มือค่อยๆ รูดซิปปิดอย่างเชื่องข้า เราทั้งต่างนั่งมอง

ซิปที่เคลื่อนไปเรื่อยๆ จนเสร็จ  แพนเม้มปากแน่นนัยตาคลอหน่วยไปด้วยน้ำตา ก่อนจะหลังกลับ

นั่งหย่อนเท้าลงบนเตียง เสียงกลืนน้ำลายก้อนแล้วก้อนเล่าลงคออย่างหนักหน่วง ผมนั่งมองการกระทำนั้น

จนสุดท้ายก็ทำอย่างเดียวกัน  นั่งหันหลังให้กันอยู่คนละฟากเตียง ...... มันเหมือนถึงเวลาแล้ว

 ถึงเวลา .......ที่ต้องบอกลา “ความสัมพันธ์” กันอย่างเป็นทางการ  ได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่

นั่งกำมือตัวเองแน่น  .... 
“ภาค...”  เสียงเรียกแผ่วเบา  แต่ทำไมผมจุกไปทั่วหัวใจ ค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง ในหัวกำลังสับสน

ว่าเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นมานี่มันเป็นเรื่องจริง หรือเป็นแค่ฝันกันแน่ ...  ใครกันนะช่างเล่นตลกกับหัวใจ

ของเราอย่างเหลือร้าย.....  ยิ่งกว่า ฆ่า  ให้ ตาย  หากแต่....ค่อย ๆ แล่เนื้อเอาเกลือทา 

มันถึงได้แสบเข้าไปถึงในทรวง  เจ็บปวด ทรมาน ราวกับทำให้ตายไปแล้ว รอบแล้วรอบเล่า...เจ็บเจียนจะขาดใจ

“เรื่องของเรา....”  น้ำเสียงสั่นเครือ...  เหมือนหัวใจน้องโดนฟาดด้วยแส้  ทำไมผมจะไม่รู้.... คนที่ต้องพูดมันเจ็บ

เจ็บ....เสียยิ่งกว่า  คนนั่งฟังเฉย  การที่ต้องเอ่ยคำลา... แม้จะรู้ว่ารักกัน  ทำไมไม่ทำให้ผมตายไปเสียยังดีกว่า

“ขอร้องอย่าพูด อย่างน้อยก็คำๆ นั้น อย่าพูดมันจากปากของแพน”   ทั้งๆ ที่รู้ว่าเรื่องที่อีกฝ่ายจะพูด 

มันคือความจริง...  แต่ผมก็ไม่อยากจะฟังคำๆ นั้นจากปากของน้องเลย

“อืออ ..... ฮึก..... กลับ....ช่วยกลับ.....กลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมนะ จะลืม.”

“ไม่....  ต่อให้ตายภาคก็จะไม่ลืม”  ผมเค้นเสียงหนักๆ ตอบกลับอีกฝ่าย ไม่ได้...จะลืมยังไง  ลืมหัวใจตัวเอง

ถ้าทำได้อย่างนั้น....   ผมเองก็ไม่ต่างจากคนตาย   ไอ้ตัวเล็กทิ้งตัวลงซุกหน้าลงกับหมอน

ร่างเล็กๆ นั่นสั่นสะท้าน สะอื้นไห้กับหมอนจนตัวโยน  ราวใจจะขาด มือบางจิกหมอนแน่นจนน่าสงสาร   

เอื้อมมือไปคว้า  อยากจะกอดปลอบให้น้องหายเจ็บปวด  อยากจะแบกรับความรู้สึกเหล่านี้ไว้เพียงคนเดียว

แต่ก็ทำไม่ได้...  ในเมื่อความรักมันเกิดขึ้นจากคนสองคน  เป็นความรู้สึกที่เชื่อมเราทั้งสองไว้ด้วยกัน

เวลาคนหนึ่งเจ็บ  อีกคนถึงได้เจ็บไปด้วย เพราะหัวใจของเรา.....มันเป็นดวงเดียวกัน

“เป็นพี่น้องกัน” อีกฝ่ายเค้นเสียงลอดไรฟันให้ออกมาเป็นคำ  มันแหบพร่าเสียจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์

แต่ก็พอทำให้มือที่ยื่นไปปลอบชะงักงันไว้แค่นั้น  เรี่ยวแรงไม่รู้หายไปไหนหมดผมถึงได้เผลอปล่อยมือ

ให้ทิ้งลงบนเตียง ทั้งที่เพียงแค่ไม่กี่เซ็นต์มือผมก็จะเอื้อมถึงอีกฝ่าย  ....  แต่ก็ไปไม่ถึง ค่อยๆ หันหลังกลับ

“เป็นพี่น้องกัน” ผมพูดตามอีกฝ่ายเสียงแผ่ว คำธรรมดาๆ แต่ระบุหน้าที่และความรับผิดชอบชัดเจน
ดูเหมือนง่าย แต่กลับหนักอึ้งจนส่งบ่าที่แบกมันไว้แทบหัก  ค่อย ๆชันตัวลุกขึ้นช้า ๆ พยุงตัวเองให้เดิน

ไปตามทางที่จากมา  ภาพใบหน้าของแม่ลอยขึ้นมาช้าๆ  เหลือบสายตาไปมองอีกฝ่าย

ที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากหมอนแม้แต่น้อย ร่างบางยังสั่นสะท้านเช่นเดิม  ใครเห็นซากหัวใจของพวกเรามั้ย

ผมกับแพนผิดหรือไงที่รักกัน?  คำถามที่ผุดอยู่ในใจ  แต่เกินปัญญาจะตอบ  ได้แต่ฝืนร่างกายเดินกลับไป





ไม่รู้ใช้เวลานานเท่าไหร่ ถึงได้พาตัวเองกลับมาถึงบ้านของตัวเอง  ทั้งที่ห่างกันไม่กี่เมตรเท่านั้น
เสียงทีวีละครตอนกลางวันกำลังฉาย  แม่หัวเราะน้อยๆ ไปตามบทละครที่ตัวแสดงกำลังเล่น

ทำไมถึงได้รู้สึกว่าแม่ใจร้ายนักก็ไม่รู้..  ความสุขของผม...มันเกินที่แม่จะยอมรับได้อย่างนั้นเหรอ

ไม่ได้เอ่ยอะไร แค่หันหลังเดินกลับขึ้นห้อง ... สภาพผมในตอนนี้ไม่พร้อมที่จะพบใคร  ขาไร้เรี่ยวแรง

แต่ยังทำหน้าที่ของมัน ค่อยๆ ก้าวช้าๆ  เดินตามขั้นบันไดที่เคยก้าวขึ้นอย่างคล่องแคล่ว

เพียงแต่ตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นเชื่องช้า ช้าเสียจนทรมานเหลือเกิน

“ภาคมาพอดี มาทานข้าวกันแม่ทำกับข้าวเสร็จพอดี”  ผมชะงักเท้าฟัง แต่ไม่ได้หันกลับไปมอง
“แม่ทานเถอะครับ  ภาคยังไม่หิว เหนื่อยๆ อยากพักผ่อน”  พูดจบก็ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ

“..............”   



ล็อคห้องทิ้งตัวลงกับเตียงซุกหน้าลงกับหมอน ขดตัวจนลีบเล็ก กอดตัวเองไว้แน่นๆ  แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้

ปล่อยน้ำตาไหลเอื่อยเฉื่อย  ไม่ได้สะอื้นไห้อย่างแพน.... เพียงแค่หาวิธีหยุดมันไม่ได้เท่านั้นเอง



ตกเย็นเราทั้งคู่พร้อมกระเป๋าสัมภาระถูกขนมาวางตรงหน้ารถยนต์ของป้าอรกับลุงจี  ผมหันไปร่ำลาพ่อกับแม่

แม่กอดผมแน่นอยู่นาน  เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ทำเอาใจผมไม่เป็นสุขตลอดการเดินทาง

“อย่าลืมนะภาค...  หยุดทุกอย่างซะ”  แม่ถอนตัวออกจากอ้อมกอด มองมาที่ผมด้วยสายตาแน่วแน่
หากแต่มีความกังวลฉายชัดอยู่ในนั้น มือข้างขวายังบีบแน่นที่แขนซ้ายผมไม่ยอมปล่อย ได้แต่ยิ้มเจื่อน

“ครับแม่”   ผมยกมือไหว้ลา เสร็จเดินไปยกสัมภาระเข้าท้ายรถ ก่อนจะสอดตัวเข้านั่งด้านหลังกับแพน

ด้านหน้ามีลุงจีกำลังสตาร์ทรถ ผมหันกลับไปมองพ่อกับแม่อีกครั้ง   พ่อยืนเท้าสะเอวส่งยิ้มกวนๆ มาให้

ส่วนแม่ยกมือโบกลา  ด้วยใบหน้าที่ติดจะกังวล  พ่อดึงแม่เข้าไปโอบมีรอยยิ้มขำปรากฎอยู่บนใบหน้า

ลูบหัวแม่ปลอบเป็นการใหญ่  ถ้าให้เดาพ่อคงคิดว่าแม่คงรู้สึกใจหาย พร้อมๆกับเหงาที่ผมต้องกลับ   

ถ้าพ่อรู้ความจริง....  ผมเองก็ไม่รู้ว่าพ่อจะทำยังไง  ผมเหม่อมองตลอดสองข้างทางลำตัวอิงเบียดประตูฝั่งซ้าย

ขณะที่น้องเองก็พิงตัวกับประตูฝั่งขวาสายตาเหม่อลอยออกไปนอกตัวรถ  แอบเหลือบมองคนข้างกาย

มันเป็นเรื่องที่บ้า และแย่ที่สุด ในเมื่อคนที่ผมรักอยู่ใกล้แค่เอื้อม.....ผมกลับไม่มีสิทธิ์แม้จะแตะต้อง

รู้สึกหัวใจมันเหน็บหนาวจนแทบทนไม่ไหว แกล้งหยิบผ้าห่มผืนบางที่มักจะพกติดรถเพราะน้องขี้หนาว
ห่มคลุมตัวอีกฝ่าย สอดมือเข้าใต้ผืนผ้ากอบกุมมือน้องไว้แน่น  แค่ตอนนี้....ขอแค่ตอนนี้ก็ยังดี





วันรุ่งขึ้นผม พ่อแม่แพน ไอ้ไม้และไอ้ต้น  ไปส่งแพนที่สนามบิน  น้องเดินเข้ามากอดพ่อแม่ตัวเองแน่น

ลุงจีกับป้าอรจูบที่กระหม่อมน้องเบาๆ ทั้งสามคนกอดกันกลม ได้ยินเสียงลุงจีแซวขำๆ ว่าน้องเป็นไอ้ลูกแหง่

ไปนานแค่ไหน ก็ยังไม่ชินเสียที  เสียงหัวเราะขบขันดังขึ้นทันทีจากทุกคน  ทุกคนยกเว้นผมกับแพน

เราลอบสบตากัน แววตาที่เศร้าเกินจะตีความหมายได้อีก  อยากจะฝืนยิ้มให้อีกฝ่ายเหมือนกัน...

แต่....ก็ ทนฝืนตัวเองไม่ไหวเช่นกัน  น้องเดินไปร่ำลาไอ้ต้นกับไอ้ไม้  ทั้งคู่ก็ยังคงพูดคุยชวนหัวอย่างสนุกสนาน

แววตาที่แสนเศร้าของผมกับแพน  ผมว่าพวกมันเห็นเพียงแต่ว่า....มันคงคิดแค่ว่าเราเศร้าเพราะต้องห่างกัน

ไอ้ต้นคลายกอด แพนถอยห่างออกมาเดินมาหยุดยืนตรงหน้าผม  ใบหน้าหวานก้มมองลงที่พื้น

ยื่นมือมาจับมือผมแน่น  ....    น่าแปลกใจที่ไม่ใช่กอด  น้องเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม
แววตาที่สั่นระริกนั่น   แทบบั่นหัวใจผมให้ขาดจากกัน  ...  ไอ้ตัวเล็กกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

แล้วสูดหายใจตามลึกๆ  นั่นทำให้ผมรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรมาตีบตันที่ลำคอ ลมหายใจติดขัด

“แพนไม่อยู่แล้ว...ก็    ดูแลตัวเองดีๆ นะภาค” ริมฝีปากสีสด ที่ผมหลงไหล ขยับช้าๆ ผมไม่ได้ตอบ

เพราะพูดไม่ออก มันเหมือนถ้าผมพยักหน้ารับ.... จะเป็นการยอมรับ การจบความสัมพันธ์ของเราลงเพียงเท่านี้

น้องปล่อยมือลง  พยายามฉีกยิ้มให้ผม ก้าวถอยหลังช้าๆ ทำไม.....ถึงไม่กอดผมสักนิด

ทั้งที่แววตาอีกฝ่ายก็เว้าวอนขนาดนั้นแท้ๆ  สุดท้ายน้องก็เงยหน้าขึ้นหันมายิ้มให้ทุกคน ก่อนจะพลิกตัวหันกลับไป

ผมลืมอะไรไปรึเปล่า  ...  ใช่สินะ  .. ขามันค่อยขยับ

“แพน”   ผมรวบตัวน้องกอดจากข้างหลัง น้องชะงัก แล้วหันกลับมากอดตอบผมไว้แน่น 

ใช่แล้ว...  เพราะน้องไม่กล้า  คำพูดที่สัญญาไว้กับแม่ ทำให้แพนไม่กล้า .... ที่จะแสดงความรู้สึกจริงๆ ออกมา


“ภาครักแพนนะ”  ผมกระซิบเบาๆ ที่หู  อีกฝ่ายส่งเสียงตอบรับ เครือคราง

“อืม”  น้องค่อยๆ ผละออก  ถอยห่างไป มือหยิบกระเป๋าเดินทาง หากแต่ยังยืนนิ่งไม่ขยับ เหมือนลังเลอะไรสักอย่าง

 แล้วก็หันกลับมา ลากกระเป๋ามาใกล้ๆ เขย่งตัวมากระซิบเบาๆ ที่หู 











“เหมือนกันนะ”   ผมยิ้มกว้าง...  และแพนเองก็ยิ้มกว้าง   ก่อนจะเดินเข้าในส่วนผู้โดยสารขาออก

พอเสร็จสิ้นลุงจีกับป้าอรก็ขอตัวกลับทันทีทุกอย่างดูเหมือนปกติ ผมแยกตัวกลับคนเดียว...

เรื่องของผมยังไม่มีใครในกลุ่มรู้ เพราะตอนนี้ทุกคนมีเรื่องวุ่นวายใจมากพอแล้ว  ไม่อยากให้ใครมากังวลเรื่องผมอีก

อย่างน้อย...ผมก็ยังไม่อยากจบมันไว้เพียงเท่านี้





หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [5] P.23 31/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 31-07-2013 01:35:24
 :m15:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [5] P.23 31/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 31-07-2013 01:42:56
เดี๋ยวจะมีแทรกน้ำตาลให้บ้างนะคะ  เพราะเดี๋ยวมันช้ำเกินไป
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [5] P.23 31/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 31-07-2013 01:46:27
อ้างจาก: Tassanee link=topic=33355.msg2445886#msg2445886
แสดงว่าช้ำไปอีกนาน อิอิ
date=1375209776
เดี๋ยวจะมีแทรกน้ำตาลให้บ้างนะคะ  เพราะเดี๋ยวมันช้ำเกินไป
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [5] P.23 31/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 31-07-2013 06:24:36
 o18 o18

มาม่าเยอะๆก็ดีนะ เพราะเหมือนทั้งคู่ได้ฟันฝ่า

อุปสรรคมาด้วยกันอ่ะ  มันทำให้ความรักของทั้งคู่

ดูมีความหมาย และเป็นการพิสูจน์ใจของพี่ภาค

กับน้องแพนให้น้าณีเห็นด้วยว่าทั้งสองคน

ถึงแม้จะรักกันแต่ก็ต้องการความรักและ

ความเข้าใจจากคนในครอบครัวด้วย ไม่ใช่ว่า

จะดันทุรังดำเนินความสัมพันธ์กันต่อไปโดย

ไม่แคร์ความรู้สึกของครอบครัวซึ่งในความคิด

ของเรามันเป็นการกระทำของคนเห็นแก่ตัวมากๆ

เรื่องคราวนี้ขอให้เป็นบททดสอบความรักของ

พี่ภาคกับน้องแพนดีกว่าว่าจะมั่นคงต่อกันขนาด

ไหน  เชื่อว่าสักวันน้าณีจะยอมเปิดใจรับน้องแพน

เป็นสะใภ้อย่างเต็มใจจะมาถึง เวลาจะช่วยพิสูจน์

ทุกอย่างเองขอเพียงทั้งคู่อดทนและมั่นคงเท่านั้น

 :bye2: :bye2:

//เวิ่นเว้อมายาวนานต้อง HAPPY ENDING

เท่านั้นนะคับ แบบอื่นเรารับม่ายด้ายยยย//

 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [5] P.23 31/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 31-07-2013 07:14:57
มาม่า อร่อย :monkeysad:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [5] P.23 31/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 31-07-2013 12:50:23
แล้วมันจะผ่านพ้นไป ยังไงพ่อแม่ก้อต้องเข้าใจน่ะ ท่านรักเรานี่แล้วทั้งคู่ก้อต้องพิสูจน์ให้พวกท่านเห็นว่าระหว่างเราคือความรักไม่ใช่อารมณ์ใคร่เพียงชั่ววูบน่ะ  :hao5: สู้ ๆ จ้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [5] P.23 31/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 31-07-2013 18:35:24
เฮ้อ อ่านแล้วเหนื่อยจัง สงสารอ่ะ มาม่านานมาก และคงยาวไปเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [5] P.23 31/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 31-07-2013 22:43:14
คงจะมาม่า กันไม่ถึงกับนานมากๆ  เพราะต้องแต่งไปร้องไห้ไปมันเหนื่อยเหมือนกันค่ะ

บอกตรงๆ หมดแรงอ่ะ  ฮาาาาื  อยากให้แฮปปี้เช่นกัน คริคริ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [5] P.23 31/7/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 01-08-2013 13:08:04
สู้กันต่อไปเดี๋ยวทุกอย่างจะดีเอง :กอด1:
หัวข้อ: >> กอด~ เวลาของเรา [ุ6] P.23 6/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 06-08-2013 00:57:22
เวลาของเรา [6]



ผมตื่นขึ้นมากลางดึกหลังจากหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า  มือควานหาความอบอุ่นข้างตัวกลับพบแต่...

ความว่างเปล่าและเย็นชืด คิ้วขมวดมุ่นด้วยความสงสัย ค่อยๆ ชันตัวลุกขึ้น กระพริบตาสักพักเพื่อปรับสายตา

ให้เข้ากับความมืด มองไปยังห้องน้ำ ที่ประตูมันเปิดอ้าอยู่เล็กน้อย แต่กลับไร้ร่องรอยของสิ่งมีชีวิตใดๆ   

ลุกขึ้นยืนช้าๆ เดินต้วมเตี้ยมอย่างซวนเซเพราะยังง่วงงุน ตรงไปยังประตูที่กั้นระหว่างห้องนอนกับห้องรับแขก 

ความมืดทำให้ผมสะดุดบางสิ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นกางเกงของใครสักคน ค่อยๆ หมุนลูกบิดให้เปิดออก

แสงด้านนอกกลับสาดส่องเข้ามาภายใน  ผ้าม่านปลิวไหวน้อยๆ เนื่องจากประตูที่กั้นกับระเบียงถูกเปิด

ผมค่อยๆ เดินอย่างเชื่องช้ามั่นใจว่าใครอีกคนคงอยู่ตรงนั้น  ค่อยๆ ก้าวย่างทีละก้าวไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ตัว

ก็แค่อยากรู้.....ว่าภาคกำลังทำอะไร   ผมยืนมองอีกฝ่ายอยู่มุมมืดที่แสงส่องไม่ถึง มีผ้าม่านที่ถูกดันเปิดไว้

เป็นที่กำบังอำพรางตัว  นั่งมองภาคอยู่อย่างนั้น...  สายตาที่เศร้าสร้อย เหม่อมองไปอย่างไร้จุดหมาย

ภาคไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีใครอีกคนกำลังอยู่ที่นี่  อยู่ใกล้แค่เอื้อมมือถึง .... ยังคงเหม่อลอยอยู่ในภวังที่ตัวเองสร้างขึ้น

เนิ่นนาน......เสียจน  เป็นผมเองที่เริ่มทนไม่ไหว   ทั้งๆ ที่ดวงตาคู่คมนั้นเหม่อลอยเยี่ยงนั้น

หากแต่..... หยาดน้ำหยดใสๆ ที่ไหลเอื่อยลงละกับใบหน้าเป็นระลอกยาว  แต่ราวกับเจ้าตัวเองก็ไม่รู้สึกตัว

นั่นทำให้ผมเป็นกังวล เดินเข้าไปข้างหลังอีกฝ่ายที่นั่งเหม่อช้าๆ แล้วโอบกอดภาคไว้แน่น 

ภาคสะดุ้งน้อยๆ  กับสัมผัสที่ได้รับ  ผมซุกหน้าลงกับหลังของอีกฝ่าย จงใจที่จะแสร้งทำเป็นไม่เห็นคราบน้ำตา

“ทำอะไรอยู่ครับ  ทิ้งแพนนอนคนเดียวหนาวจะแย่” เริ่มต้นด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ ที่อีกฝ่ายชอบ เพียงเพื่อจะปลอบใจ
ไม่มีอะไรดีกว่า  ...  ลืมเรื่องทุกอย่างให้หมดในตอนที่เรายังมีโอกาส....ที่จะอยู่ด้วยกัน 


บางสิ่งที่ภาคยังไม่รู้.......  แต่ผมกลับต้องรับรู้    และมันก็ยังไม่ถึงเวลาที่ภาค....ควรจะรู้
หนึ่งเดือนที่ผมร้องขอ.....ไม่ได้มากมายเลย  กับการที่จะปล่อยมืออีกฝ่ายไป.... กับการที่จะไม่มีสิทธิ์

ในตัวคนๆ นี้อีกต่อไปแล้ว  ผมบอกแล้วใช่ไหม?  ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่ผมจะต้องมานั่ง เสียใจ ..... 

แต่ควรจะตักตวงความสุขทุกหยาดหยดไว้ในความทรงจำของผม.....  ให้มากที่สุด  เท่าที่จะไขว่คว้าได้

การกับมาคราวนี้ถึงได้เป็น “ความลับ”  เพื่อเก็บความทรงจำครั้งสุดท้าย

“ขอโทษนะ ... แพนหนาวเหรอครับหืม  พอดีคิดอะไรเพลินๆ ไปหน่อย เลยนอนไม่หลับน่ะ” 

คราบน้ำตาถูกเช็ดไปแล้ว...  ทำราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้น  รอยยิ้มอบอุ่นฉายชัดอยู่ในใบหน้าและแววตา

นี่สินะ ถึงทำให้ผม “รัก” ภาคมาจนถึงทุกวันนี้  ไม่ว่าเมื่อไหร่...ภาคก็จะคอยปกป้องผมเสมอ 

ไม่เคยมีครั้งไหน....ที่จะยอมเผื่อแผ่ความทุกข์ใจให้มาถึงผม  ผมอมยิ้มเล็กๆ แบบที่ภาคชอบ

ทำทุกอย่างเท่าที่จะจำได้ว่าอีกฝ่ายพอใจ  ดันตัวชันเข่าขึ้นให้หัวสูงเลยบ่า โน้มตัวไปจูบแก้มอีกฝ่ายเบาๆ

“จุ๊บ........ลงโทษที่ทิ้งกันมา”  ผมว่าอมยิ้ม ส่วนภาคหลุดยิ้มกว้างหันมามองผมด้วยแววตาเอ็นดู

“ลงโทษอย่างนี้...ยอมให้ทำทั้งชีวิตเลยครับ” ภาคเอียงหัวมาให้หัวเราทั้งคู่พิงกัน โครงตัวน้อยๆ
ดึงแขนผมที่นั่งอยู่ด้านหลังให้โอบกอดตัวเองทั้งตัว จากนั้นกอบกุมมือเราเข้าด้วยกัน เพลินเพลินไปกับ

การจ้องมองดวงดาวตรงหน้า แม้จะน้อยนิดแต่ก็ยังมีประดับฟากฟ้า  ผมไม่ได้พูดอะไรต่อจากประโยคนั้น 

เพราะภาคย่อมรู้ดีว่าความจริงมันเป็นเช่นไร  เราทำอยู่เช่นนั้นสักพัก...  จนเริ่มรู้สึกเมื่อยตะหงิดๆ

“มานั่งตักภาคดีไหมไหนบอกว่าหนาวหืม?”  อีกฝ่ายชี้ชวนอย่างรู้ใจ ผมก็ยิ้มอย่างยินดีเมื่อถูกอีกฝ่ายรู้ทัน

“นึกว่าจะปล่อยให้แพน ชันเข่าจนขาแข็งไปซะอีก”  ผมบ่นงอนๆ ในตอนที่เปลี่ยนมานั่งตักให้อีกฝ่าย

โอบกอดตัวเองไว้แทน   ได้ยินเสียงหัวเราะขำจากอีกฝ่ายมันทำให้ชื่นใจดีแท้

“หึหึหึ  ก็กะว่าจะทำ......”   แกล้งว่าไปงั้นไม่เคยเห็นภาคทำได้ซักที

“คนอะไรใจร้าย”   แสร้งว่า.....  แล้วทำแก้มป่องอย่างไม่พอใจ  ทั้งที่ความจริงไม่ได้รู้สึกขัดเคืองใจสักนิด

“คนหล่อ”  อีกฝ่ายว่าเบาๆ เล่นเอาผมงง
“หืม?  อะไรคนหล่อ” เงยหน้าขึ้นไปถาม  อีกฝ่ายก็ยิ้มตาหยี ก้มลงมาจูบกระหม่อมผมเบาๆ

“ก็เมื่อกี้ถามว่าคนอะไรใจร้ายไง  ...ภาคก็ตอบ คนหล่อ”  พูดจบก็ยักคิ้วกวนๆ ให้ทันที มันน่าหมั่นไส้นัก

แต่ตอนนี้ความรักมันบังตา  ทำอะไรก็ไม่โกรธ ทำอะไรก็ดูดีไปเสียหมด อยากให้ตอนนี้มีแต่เรื่องดีๆ

“แหวะ ....  ไหนดูดิหล่อจริงรึเปล่า”   ผมพลิกตัวหันไปนั่งค่อมอีกฝ่าย  เราหันหน้าเข้าหากัน

นั่งด้วยท่าที่ล่อแหลม  ...  แต่จงใจจากผม  ผมยื่นมือจับที่แก้มทั้งสองข้าง ค่อยๆ ไล้มือไปตามหน้าผาก

คิ้วคมเข้ม เปลือกตาที่มีแขนตายาวเป็นแพดำขลับ  จมูกคมโด่งเป็นสัน หรือแม้แต่ริมฝีปากหนา

ได้แต่พิจารณาทุกสัดส่วน แล้วก็อดเห็นตามกับเจ้าตัวพูดไม่ได้  ภาคจ้องนิ่งมาที่นัยตาผม

จับจ้องทุกการกระทำ ที่ทำอยู่.....แม้จะรู้  แต่กลับพึงพอใจอย่างบอกไม่ถูก ที่ในตอนนี้สายตาภาคมีแค่ผม
“อืม...   หล่อ จริงๆ ด้วย”  เออออห่อหมกไปในที่สุด  อีกฝ่ายก็กระตุกยิ้มที่มุมปาก อย่างที่ผมชอบ

“แล้วไม่อยากลองชิมดูบ้างเหรอ?”   มือหนาค่อยๆ กดสะโพกผมให้บดลงข้างล่างแนบแน่น 

พร้อมกับภาคที่ดันสะโพกแกร่งให้โดงสูง จุดอ่อนไหวของเราเบียดเสียดกันอย่างจงใจ ผมจิกมือที่ไหล่ภาคแน่น

อีกฝ่ายยกยิ้ม  ราวกับที่กำลังเชิญชวนนั้นเป็นผล  ได้แต่หน้าแดงร่า... รู้สึกเขินอายขึ้นมาตะหงิดๆ

“อ...  อืม”  ตอบได้แค่นั้นก็ซุกหน้าหลบเข้าที่ไหล่ของอีกฝ่าย  รู้ร้อนเห่อไปทั้งหน้า

“ตรงนี้ได้มั้ยครับ อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศ”  เสียงกระซิบแหบพร่า  ที่เชื่อได้แน่ๆ ว่ามีอารมณ์

“แต่.ตรงนี้”  อยากจะทักท้วง เพราะที่ตรงนี้เป็นเพียงระเบียงห้อง ที่มีกรอบด้านข้างเป็นปูน หากแต่ด้านหน้า

เป็นกรงเหล็กซี่ถี่ๆ ห่างกันเป็นช่องละสี่ห้าเซ็นต์  บรรยากาศชวนวาบหวิวเอาการหากใครมองมา

“ไม่มีใครเห็นหรอกครับนี่มันเกือบจะตีสี่แล้ว”  ภาคกระซิบเสียงแหบพร่า ทำเอาผมขนลุกชันทั้งตัว
“แต่”  ปากปฏิเสธขันแข็ง หากแต่ใจสั่น แรงอ่อนยวบ แค่อีกฝ่ายเป่าลมหายใจละใบหู

“นะ  นะครับ”  ดวงตาเป็นประกายแววตาออดอ้อนที่จ้องมองมาของอีกฝ่าย ทำผมแทบละลายอยู่ตรงนี้

“อ.  อือออ~”   ยังไม่คำตอบสุดท้าย  แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่รอแล้ว ริมฝีปากร้อนผ่าวทาบทับมาอย่างว่องไว

ฉกชิมดูดกลืนริมฝีปากของกันและกัน  ลิ้นแฉะชื้นค่อยๆ บุกลุกเข้ามา  ริมฝีปากเผยออ้ากว้างออก

รอรับสัมผัสหวามไหว ได้ยินแต่เสียงน้ำลายเฉอะแฉะ ไหลย้อยลงตามมุมปาก  ภายในเกี่ยวกวัดความหวานล้ำ

จนยากจะทอดถอน  หัวใจเต้นรัวแรงราวกับตีกลอง ฟาดลงโครมใหญ่แต่จับจังหวะไม่ได้สักที ไร้สิ้นเรี่ยวแรง

จะปัดป่าย  ได้แต่กอดก่ายร่างกายของอีกฝ่ายไว้แน่นเป็นหลักยึด  ริมฝีปากที่บดเบียดเข้าหา

เร่งเรียกไฟปรารถนาที่มากกว่า ทั้งนวลนุ่มชุ่มฉ่ำให้เคลิบเคลิ้มหลงไหล ปานไฟเย็นที่ผลาญพล่าให้ดับสูญมิรู้ตัว   




ไม่อาจสำนึกรู้ว่าร่างกายเราเปลือยเปล่าไปตั้งแต่เมื่อไหร่  ร่างกายปัดป่ายไปตามกายของกันและกัน

ริมฝีปากร้อนจูบไล้ ตั้งแต่ใบหูยันยอดอก สองแขนเอื้อมคว้าไปด้านหลัง เกาะเกี่ยวราวยึดไว้ ดันตัวขึ้นสูง

เพื่อให้อีกฝ่ายครอบริมฝีปากดูดชิมเม็ดสีหวานได้อย่างถนัดถนี่  บิดกายเร่าๆ ด้วยความเสียวซ่านหรรษา

ขบเม้มริมฝีปากตัวเองแน่น ... ไม่ให้หลุดเสียงคราง แต่กระนั้น........ก็เกินจะกลั้นอยู่

“อ...อืมม.....ภ...ภาค”   ได้ยินแต่เสียงหอบหายใจของอีกฝ่าย นัยตาอบอุ่นที่กรุ่นทั้งแรงรัก และพิศวาส 

แทบหลอมละลายเมื่อสบตา  ราวกับต้องมนต์ ไม่อาจหลบลี้หนีสายตาคมคู่นั้น  ริมฝีปากหนาบดจูบเบาๆ
มือสองข้างถูกรวบรั้งให้ดึงออก  ค่อยๆ จับพลิกตัวให้หันหน้าเข้ากรงเหล็กซี่ ในท่าคุกเข่าหากแต่ชันตัวขึ้น

ก่อนจะปล่อยมือสองทั้งสองข้างให้จับที่ราวเหล็กดังเดิม

“จับแน่นๆ นะครับ”    ลมหนาวพัดผ่านแผ่ว ๆ ทำเอาร่างกายสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่  ไร้ซึ่งอาภรณ์ที่ปกปิด

เสมือนกับลูกนกที่ไร้ขน  แต่เพียงมือแข็งแรงไล้ผ่านกายแผ่วเบา ก็ทำให้ร้อนผ่าวไปได้ทั่วทั้งตัว 

ลิ้นแฉะชื้นของอีกฝ่ายไล้เลียที่ช่องทางด้านหลัง แล้วลากยาวมาถึงถุงนุ่มที่ใกล้ หยอกเย้าดูดดุน

“อาาาาา~”  เผลอส่งเสียงครางอย่างห้ามไม่ไหว  แอ่นสะโพกหราให้ได้สัมผัสอย่างเต็มที่ แต่ภาคกลับละไป
จ้องมองด้วยความสงสัย  อีกฝ่ายกลับนอนหงายมุดหัวเข้ามาลอดหว่างขา  เราสบตากัน

อีกฝ่ายยกยิ้มตรงมุมปากอย่างเคย  แววตาเจ้าเล่ห์....กำลังพราวระยับสู้แสงที่สะท้อนในตา

“จับแน่นๆ นะครับที่รัก”  เสียงคำบอกกล่าวเสร็จสิ้น แขนแข็งแรงข้างหนึ่งก็ล็อคแน่นเข้ากับต้นขา

อีกมือหนึ่งก็เท้าค้ำยันตัวเองกับพื้น น้ำหนักส่วนหนึ่งถูกทิ้งมาที่ผม  จนต้องเกาะราวเหล็กให้แน่นขึ้นไปอีก

ริมฝีหนาไล้เลียกับปลายหยักของแพนน้อย ที่ตอนนี้ลำตัวอวบอ้วนกระดกตัวสู้ลิ้น

ภาคยกยิ้มอย่างพึงใจ ค่อยๆ ดูด กลืนท่อนเอ็นทีละเล็กทีละน้อย ให้แสนทรมานปนเสียวซ่านแทบขาดใจ

“อ่ะ.....อืมมมมมมม  ภ...ภาค”  กรีดเสียงครางกระเส่า ...แสนเบาหวิว  นึกกลัวว่าใครจะมาเห็น

“อย่าหลับตาสิคนดี  มองนะครับ มองที่ภาคกำลังทำให้แพน”  อีกฝ่ายรัวลิ้น ครอบริมฝีปากอีกครั้ง

สายตาจ้องมองมาที่ผมราวกับจะกลืนกิน ขยับปากเข้าออกรัวๆ จนผมอดใจไม่ไหว  เด้งสะโพกเข้าหา

ความอุ่นชื้น นุ่มละมุลที่ดูดกลืนเอ็นร้อน หัวใจเต้นรัวราวกับกองศึก ละมือออกจากราวเหล็กที่เหนี่ยวยึดเอาไว้
แล้วสอดมือทั้งสองข้างเข้าใต้เรือนผมหนานุ่มอย่างคุ้นชิน กระชับศรีษะอีกฝ่ายไว้แน่นไม่ให้หลุดองศา

กระดกเอ็นร้อนกระแทกเข้าหาปากร้อนของอีกฝ่าย ภาคหยัดกายด้วยแขนทั้งสองที่ใช้ยันพื้นทั้งหมด 

ริมฝีปากหนาทั้งดูดดุน และไล้เลีย  ตอดแตะเงี่ยงหัวแตกเพียงแผ่วเบา  จุดชนวนความปรารถนา

ให้แล่นลิ่วขึ้นสู่ที่สูง   กระดกเอ็นร้อนถี่รัว...

“อ๊ะ   อ๊ะ  อ๊าาาาาาาาา”  กรีดเสียงครางอย่างลืมอาย  ร่างกายกระตุกสั่น ก่อนจะหลั่งน้ำรักจนท่วมท้นปาก

น้ำนมสีขาวขุ่นไหลย้อยจากมุมปากภาค อีกฝ่ายอมยิ้มทั้งที่น้ำรักเต็มปาก ภาคไม่ได้กลืนกิน

ผมถอนแพนน้อยออกจากริมฝีปาก เสียงดัง “ป๊อก”  ดังขึ้นให้ได้อับอาย  หอบหายใจเหนื่อยอ่อน
ราวกับเป็นหมาหอบแดด  จ้องมองคนตรงหน้าอย่างนึกสงสัยว่าไปเพียรหาท่าแบบนี้มาจากไหน  อีกฝ่ายยังยิ้ม

ยิ้มทั้งในตาน้ำรักที่ไหลเอื่อยหยาดเยิ้มจากริมฝีปากมาถึงคาง ทำไมถึงได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายเซ็กซี่ยั่วยวนเหลือเกิน

ก้มลงเขี่ยจมูกเบาๆ กับจมูกอีกฝ่าย ก่อนจะไล้ลิ้นเลียคราบน้ำรักที่เฉอะแฉะจากปลายคางถึงริมฝีปาก

ตวัดลิ้นไล้วนรอบไปมาอีกฝ่ายยังเม้มปากแน่นให้ยอมให้ล่วงผ่าน น้ำรักถูกอมไว้อยู่อย่างเดิม

ได้แต่ส่งเสียง “จิ๊” ปากอย่างขัดใจเมื่ออีกฝ่ายยังปิดปากแน่น









เีดี๋ยวค่อยมาต่อ....  ตอนของภาคนะคะง่วงแล้วแต่งยังไม่เสร็จ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [ุ6] P.23 6/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 06-08-2013 01:12:50
เวลาของเราช่างเป็นอะไรที่นานจัง สงสารนะ แต่ก็อยากให้เรื่องราวมันดำเนินเร็วขึ้นหน่อย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [ุ6] P.23 6/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 06-08-2013 02:54:14
 :jul1: :jul1:

ถึงแม้จะดราม่าพี่ภาคกับน้องแพนก็ยังร้อนแรงเสมอ

 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [ุ6] P.23 6/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 06-08-2013 12:30:42
ไม่อยากกินมาม่าแล้วน่ะ อยากให้ผ่านพ้นไปไว ๆ แต่ถึงจะเศร้าแต่ก้อยังได้ความร้อนแรงมาบรรเทา  :mew4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [ุ6] P.23 6/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 06-08-2013 19:51:01
เดี๋ยวมันก็ผ่านไป
ปลอบตัวเอง :mew2:
+1และเป็ด
หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [ุ6]***ต่อ*** P.23 7/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 07-08-2013 01:25:43


[ต่อ]




แล้วก็ถูกดันตัวให้ลุกออกจากการนั่งค่อมทับอีกฝ่าย หันหน้าเข้าไปเกาะรั้วเหล็กตามเดิม ภาคจูบแผ่วเบา

ที่เนินสะโพก ค่อยๆ คายน้ำรักให้ไหลเอื่อยมาตามร่องก้น  นิ้วเรียวแข็งแรงค่อยๆ บดขยี้ช่องทางรัก

ดุนดันจนหลุดเข้ามาในตัวผม รู้สึกเสียววาบที่ช่องท้อง อาจเป็นเพราะอารมณ์ต่อเนื่องจากก่อนหน้า

ทรมานอย่างบอกไม่ถูก มันกล้ำกึ่งทั้งเสียวทั้งเสียดไปพร้อมๆ กัน มันเหมือนลมหายใจตัวเองขาดห้วง

อยากผ่านพ้นช่วงเวลาที่ไม่ชัดเจอเหล่านี้  เพียงไม่นานนิ้วแกร่งก็ทักทายเพื่อนเก่า จุดกระสันที่ทำผมสั่นสะท้าน

“ฮึก ... อึก...อือออ”  เหมือนหมดแรงยวบ สองขาสั่นระริกเหมือนๆ จะทานทนต่อไปไม่ไหว 

ภาครั้งตัวผมให้ยืนเต็มความสูง สะโพกก้งโค้งได้องศา นิ้วแกร่งสอดเข้าออกถี่รัว กระแทกซ้ำๆ จุดเดิม

ยิ่งอีกฝ่ายกระแทกนิ้วแรงหนักเท่าไหร่ ก็ยิ่งเหมือนจะไต่ถึงฝั่งฝันมากเท่านั้น

เผลอครางอย่างลืมอาย เมื่ออารมณ์มันพุ่งพร่านสู่จุดสูง  แก่นกายขยายตัวอวบอ้วนจนเต็มลำ

พร้อมแล้ว......... พร้อมจะโบยบินสู่ฟากฟ้าแห่งฝัน



 

“อ๊า...  อึก.....  อ๊ะ”  ได้แต่ร้องครางอย่างขัดใจ น้ำตาคลอหน่วยแทบไหลริน เมื่อโดนอีกฝ่ายแกล้งแบบนี้

นิ้วแกร่งสามถูกกระชากพรวดออกจากช่องทางนั้น หันไปมองอีกฝ่ายด้วยแววตาที่ต่อว่า 

ภาคกลับยกยิ้มด้วยใบหน้าที่หื่นกระหาย แววตาที่พราวระยับนั่นทำเอา ผมอยากจะลงไปกองตรงหน้า

มือสากลากไล้ทั่วใบหน้าผม ก่อนจะมอบจุมพิศแสนหวาน  ด้านหลังถูกจ่อด้วยท่อนเอ็นท่อนใหญ่ที่ร้อนแรงกว่า

“จุ๊บ....   จะเซ็กซี่เกินไปแล้วนะครับ  จะยั่วกันไปถึงไหน  แค่นี้ภาคก็สยบอยู่แทบเท้าแล้ว”

“อ๊าาาาาาาาา/ อืมมมมมมมมมมมม”  เสียงครางต่ำบ่งอารมณ์สุขสมอย่างถึงที่สุด  ผมหลับตาแน่น

เมื่อเอ็นร้อนสอดใส่เข้ามาจนสุด ภาคขยับเข้าออกช้าๆ ก่อนจะสอดใส่เร็วขึ้นรัวๆ ริมฝีปากหน้าบดจูบไปทั่วแผ่นหลัง

ครูดฟัน ขบกัดเบาๆ ได้แต่แอ่นกายหรา ให้อีกฝ่ายสัมผัสได้มากขึ้น  ลึกขึ้นไปอีก อยากให้เราแนบแน่น

หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน  มากกว่านี้....  ยิ่งกว่านี้   ต่อให้ร่างกายต้องแตกสลายก็ยังยินดี

ขวาด้านขวาถูกจับให้อ้าลอยยกสูง  มือแข็งแรงที่ล็อคแน่นราวกับกลัวจะหลุดหาย  แรงโถมกายด้านหลัง

ที่โหมกระแทกกระทั้น กระแทกจุดกระสันไปไม่รู้สักกี่ครั้ง  ราวกับกำลังถูกเหวี่ยงอยู่กลางห้วงแห่งอวกาศ

ขึ้นสูงสุดแล้วปล่อยล่วงลงมาสู่ที่ต่ำ ซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น  ทั้งที่รุนแรง  แต่กลับรู้สึกอบอุ่นละมุนในรสหวานแห่งความรัก

หัวใจเต้นรัวราวจะกระดอนออกมาอก โน้มกายลงต่ำ เพื่อให้ส่วนสะโพกลอยเด่นรอรับสัมผัส





“แพน .....ที่รัก....อ่าาาาาา”

“อือ  .... อ๊า ....อืมมมมมมมมมมมมม” สุดท้ายก็ปลดปลอยทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สัมผัสส่วนนั้นแม้เพียงเล็กน้อย

ล่องลอยราวกับปุยนุ่น  ราวกับถูกโอบกอดด้วยความรักทั้งมวล ทำให้อุ่นไปทั้งใจ



“อึก...  อืมมมมม  อืออออออออออออออ”   ภาคกดเสียงครางต่ำก่อนจะปลดปล่อย น้ำรัก  อุ่นซ่านเข้ามาในตัวผม

ร่างกายเราเชื่อมต่อ   ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน  “ช่วงเวลาของเรา”  “ช่วงเวลาที่มีกันและกัน”








ถึงไม่เคยวาดฝันว่ามันจะมีตลอดไป....   แต่ก็เกินคาดไว้ว่าจะจบลงเร็วขนาดนี้  แค่ตอนนี้ที่ภาคเป็นของผม

ช่วงเวลานี้ที่เราเป็นของกันและกัน  จะจดจำ .....  ผมจะจดจำไว้ให้ลึกจนสุดใจ






“แพนรักภาคนะ”



“ครับ   ภาคก็รักแพนเหมือนกัน”





เราทรุดตัวลงกับพื้นโอบกอดกัน สื่อผ่านความรักมากมาย ที่น่าทนุถนอม...อบอุ่นยิ่งกว่าสิ่งไหน

แต่มันก็ไม่มากพอ ......  ที่จะพาเราเดินไปด้วยกัน  ผมเพิ่มแรงกอดแน่นๆ ที่ตัวภาค



“ภาค...  ขอบคุณที่รักกันนะ”





ผมยอมแล้ว.....  ยอมแล้วที่จะปล่อยมือ



หัวข้อ: Re: >> กอด~ เวลาของเรา [ุ6]***ต่อ*** P.23 7/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 07-08-2013 15:18:48
 :mew2:

เจ็บปวดมากกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: >> กอด~ ความจริงยิ่งเจ็บ P.23 8/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 08-08-2013 00:59:02
ความจริงยิ่งเจ็บ~


เวลามันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว  เร็วเสียจนยังไม่ทันได้ทำใจก็ถึงวันที่ผมต้องปล่อยมือแพน 

ต้องกลับมาอยู่ในฐานะ “พี่ชาย” เช่นเดิม  ตลอดหนึ่งเดือนเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน กินข้าว ซื้อของ ดูหนัง

ท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆ ที่เราอยากไป  เราเดินกุมมือ โอบเอว ทำตัวเหมือนคนรักกันในที่ที่ร้างไร้ผู้คน

ผมจูบแพนบนชายหาด เราโอบกอดกัน  บอกรักกัน ....  ในที่ที่เป็นของเรา ช่างน่าเสียดาย..ที่ทำไม่ได้แล้ว

“เลือกเสร็จรึยังภาค?”  น้องเอ่ยถาม หยิบชุดสูททาบบนตัวผม มองทางซ้ายที ทางขวาทีจนเป็นที่แน่ใจ

“ชุดนี้ไม่เหมาะ  ไม่ตรงคอนเซ็ปอ่ะ  เปลี่ยนเป็นสูทสีขาวดีกว่ามั้ย เดี๋ยวแพนเลือกให้เอง พรุ่งนี้ภาคต้องหล่อ

ที่สุดนะรู้ไหม” ไอ้ตัวเล็กยิ้มหวาน  ทำทีเป็นเดินไปเลือกสูทตัวใหม่ แต่ทำไมแววตาคู่นั้นถึงได้เศร้าเหลือเกิน

เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ถึงแพนจะยังยิ้ม...  แต่แววตาน้องเหมือนกับ กำลังร้องไห้ปิ่มใจจะขาดอยู่ตลอดเวลา

“ไม่เห็นเป็นไรเลย แค่เปิดตัวบริษัทพ่อเองให้เจ้าของบริษัทเค้าหล่อคนเดียวก็ได้มั้ง หึหึ”  ผมหัวเราะเบาๆ

ทั้งๆ ที่ไม่ได้อยากจะหัวเราะออกมาสักนิด  แต่น้องคงไม่สบายใจถ้าผมนิ่งๆ เฉยๆ

“ไม่ได้ๆ พรุ่งนี้...”  น้องเงียบไปสักอึดใจ  มันเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ผมบอกไม่ถูก ยื่นมือไปหยิบสูทอีกตัวที่แขวน

อยู่ใกล้ๆ  ไล้มือกับสูทตัวนั้น จ้องมอง ครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับภาคภูมิใจ ยินดี และเจ็บปวด ความรู้สึก

มันผสมปนเปกันไปหมด ไอ้ตัวเล็กหยิบสูทตัวนั้นทาบมาบนตัวผมแล้วฉีกยิ้มกว้าง ....  มันช่างดูเศร้าจริงๆ

“พรุ่งนี้ภาคต้องหล่อที่สุดแน่ๆ ลองตัวนี้ให้แพนดูหน่อยนะ แพนอยากเห็น.....เป็นคนแรก”  เสียงเล็กๆ

คะยั้นคะยอจนผมใจอ่อน  หยิบสูททั้งเสื้อและกางเกงเข้าไปในห้องลองชุด บอกให้อีกฝ่ายเข้ามาด้วยก็ไม่เอา

น้องกลัวจะมีใครมาเห็นแล้วมองผมไม่ดี  ใช้เวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่สักพักทุกอย่างก็เรียบร้อย

จ้องมองภาพในกระจก...  มันดูแปลกตาไปสักหน่อย จะว่าดูดีกว่าตอนปกติก็ใช่

แต่มันติดจะเหมือน...จ้าวบ่าวที่กำลังจะแต่งงานเสียมากกว่า ผมหันซ้ายแลขวา..ก็รู้สึกว่ายิ่งดูยิ่งเหมือน

เดินตรงออกจากห้องมา ตั้งใจจะบอกให้น้องเลือกชุดให้ใหม่ ขอแบบเรียบๆ ธรรมดา แค่พอดีก็น่าจะใช้ได้แล้ว

แต่อีกฝ่ายกลับตรงดิ่งมาที่ผม ใบหน้าดูตะลึงกับภาพที่ได้เห็น น้ำใสคลอหน่วยที่รอบขอบตา

น้องจับผมหันซ้ายหันขวา สำรวจจนพอใจ สิ่งที่ไม่เข้าใจทำไมน้ำตาถึงได้ไหลออกมาเช่นนั้น

ผมรู้สึกบอกไม่ถูก จับอีกฝ่ายที่ยังจับจ้องสำรวจผมไม่ยอมหยุดให้ อยู่นิ่งไล้มือเช็ดน้ำตาที่แก้มนิ่ม

“แพน?”  ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง รู้สึกเหมือนใจหาย สับสนว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับน้องกันแน่

“ภ..ภาค... ดูดีมาก...  อึก.....หล่อ.ที่สุดเลย”  ทั้งที่ปากว่าอย่างนั้น มือก็ไล้ทั่วใบหน้าผม ไม่ยอมหยุด

“หล่อจริงๆ เลย  สมแล้วที่แพนเป็นคนเลือกชุดนี้ให้ ”   อีกฝ่ายเม้มปากแน่น น้ำตาไหลไม่หยุด

เหมือนกับว่ามันไม่มีวันหมด ถึงผมจะเช็ดอีกสักเท่าไหร่  ผมดึงน้องเข้ามากอดแน่น ๆ

ไม่รู้จัดการเรื่องตรงหน้ายังไง ไม่เข้าใจ...  ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

“แพนเป็นอะไร เป็นอะไรไปครับคนดี  บอกภาคสิร้องไห้ทำไม  ภาคใจไม่ดีเลย ...บอกภาคได้ไหม”

ผมถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน มันเหมือนใจจะขาด.... ผมทำอะไรไม่ได้เลย ผมไม่รู้ว่าน้องเป็นอะไร

จะช่วยยังไง จะแก้ไขปัญหายังไง

“ม...ไม่เป็นอะไร  แพนดีใจอ่ะ ดีใจ...  มันบอกไม่ถูกอ่ะภาค มันตื้นตัน.. พรุ่งนี้มีงานเปิดบริษัทนะ

เป็นก้าวแรกที่คุณน้าจะเปิดบริษัท แถมภาคก็จะเป็นลูกเจ้าของบริษัทด้วย ต้อง..ดูดีสิมากๆนะ

แล้วดูสิ..ชุดที่แพนเลือกอ่ะ  ม...เหมาะกับภาคมากเลย ภาคหล่อชนิดที่ใครก็เทียบไม่ติด  จริงๆ นะ”

อีกฝ่ายว่าเสียงขม..  พูดอะไรมากมาย แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันเป็นเพียงข้ออ้างก็เท่านั้น 

ผมดันตัวน้องออกให้หันมาสบตากันตรง  ดวงตากลมสวยแดงก่ำ ... น้องยกยิ้มเจื่อน ผลุบตาลงมองต่ำ

“แพน...  มองภาค  แล้วตอบภาคสิครับ ว่าแพนเป็นอะไร”  ผมจ้องมองอีกฝ่าย เฝ้ารอคำตอบ

น้องเงยหน้าขึ้นมา ฝืนยิ้มอย่างเต็มกลืน ....  มันช่างดูทรมาน และเจ็บปวด



“ดี...ดีใจ  อืม.....ดีใจจริงๆ นะ   ภาค”  น้ำเสียงอ่อนละโหยโรยแรงนั่น  ... ทำให้ผมไม่กล้าซักไซร้อะไรต่อ

น้องดูเหนื่อยอ่อน  ...จนผมถอดใจ  แต่ได้พยักหน้าอย่างจำยอม เรื่องที่จะเปลี่ยนชุดคงทำไม่ได้แล้ว

“อืม...  งั้นกลับบ้านเรากันครับ”

“ครับ กลับบ้านกัน” 


หัวข้อ: Re: >> กอด~ ความจริงยิ่งเจ็บ P.23 8/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 08-08-2013 01:16:00
 :mew6: :mew6:

รอมาม่าชามต่อไปคับ

 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ความจริงยิ่งเจ็บ P.23 8/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 08-08-2013 01:43:08
 :mew1:

เศร้าอ่ะ ต้องแยกกันจริงหรอ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ความจริงยิ่งเจ็บ P.23 8/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 09-08-2013 11:26:41
ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ :mew2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ความจริงยิ่งเจ็บ P.23 8/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 09-08-2013 13:23:41
เศร้าจัง  :o12: :o12: ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายถึงรับไม่ได้น่ะ ทั้งที่ทั้งสองก้อออกจะสนิทสนมกันขนาดนี้น่ะ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ความจริงยิ่งเจ็บ P.23 8/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 09-08-2013 16:55:32
พ่อแม่รักลูกแน่เหรอ หรือว่ารักหน้าตัวเอง  :angry2:
หัวข้อ: >> กอด~ ความจริงยิ่งเจ็บ [2] P.23 10/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 10-08-2013 01:58:17
ความจริงยิ่งเจ็บ~ [ต่อ]


“ติ๊ดๆๆๆ  ติ๊ดๆๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆๆ”  เสียงปลุกเตือนดังมามือถือบอกเวลาตี4 หน้าจอทัชสกรีนสว่างวาบส่องแสงในที่มืด

ผมยื่นมือไปปิดเสียง กดสวิซโคมไฟที่หัวเตียง  หันไปมองผู้ชายอีกคนที่ยังคนนอนหลับสบาย มือข้างหนึ่ง

กำลังโอบกอดผมไว้หลวมๆ ไม่ใช่ว่าเป็นคนตื่นเช้าสักเท่าไหร่ปกติเป็นผมต่างหากที่จะฝ่ายนอนแช่

แต่เพราะยังไม่ได้นอนต่างหาก ถึงจะหลับตาแต่ในหัวกลับคิดเรื่องวันนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก แม้จะบอกตัวเองสักเท่าไหร่

“ว่าไม่มีประโยชน์ ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้”  แต่ถึงกระนั้นก็ยังนอนไม่หลับ และหยุดคิดมันไม่ได้เสียที

หันจ้องมองคนที่หลับตานิ่ง  สำรวจใบหน้าทุกตารางนิ้ว คิ้วเข้มได้รูป จมูกโด่งเป็นสันนูน เผลอไล้มือตามเบาๆ

ริมฝีปากหนาที่แสนหวานฉ่ำ ขนตาที่ยาวเป็นแพ นัยตาคู่คมที่ไม่ว่ามองเมื่อไหร่ก็ทำผมใจละลายได้ทุกเมื่อ

ไม่มีอีกแล้ว.....  ต่อไปนี้ อย่าว่าแต่เป็นเจ้าของเลย......  แม้แต่จะสัมผัส.....  ก็ยังไม่มีสิทธิ์

เอาอีกแล้ว.....  ผมที่พ่ายแพ้ความอ่อนแอของตัวเอง  ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องปล่อยมือ  ...

 ทั้งๆ ที่รู้.....แต่ก็ยังทำใจไม่ได้สักที  เจ็บปวด....เหมือนใครมาฉีกหัวใจผมให้เป็นชิ้นๆ  น้ำตาค่อยๆ ไหลเอื่อย

ลงตามใบหน้าจนรู้สึกว่า ช่างน่ารำคาญเหลือเกิน  แต่ก็เกินที่จะห้ามมันไม่ให้ไหล  ยกมืออีกข้างขึ้นปิดปากตัวเอง

กลั้นเสียงสะอื้น ที่จะทำให้อีกฝ่ายตื่นจากนิทรา  ....  ยังอ่อนแอไม่ได้  ต้องไม่ใช่ตอนนี้ ..

ตอนที่ทุกอย่างกำลังจะเดินไปในทางที่ควรจะเป็น  ถ้าผ่านช่วงเวลานั้น....  แค่รอให้ผ่านช่วงเวลาเหล่านั้น

ค่อยมาอ่อนแอ......   ค่อยมาร้องไห้ให้หยดน้ำตากลายเป็นสายเลือดก็ยังได้  แต่ต้อง “ไม่ใช่ตอนนี้”

ค่อยๆ ไล้มือเช็ดคราบน้ำตาด้วยมือที่สั่นเทา ..... เหมือนได้ตายไปแล้วครึ่งนึง  เหมือนมันจะหยุดหายใจซะให้ได้

นั่งนึกย้อนกลับไป.... ตอนที่ผมไม่มีภาค  ผมใช้ชีวิตยังไงกันนะ  ....  จำไม่ได้    จำไม่ได้เลยจริงๆ

.



“รักภาคนะ”  ได้แต่กระซิบด้วยเสียงที่แผ่วเบา   สูดลมหายใจหนักๆ เข้าปอดเรียกสติ จ้องมองไปบนเพดาน

คำว่า “หน้าที่” มียังตีตราอยู่บนหน้าผาก  ปิดเปลือกตาลงเม้มปากแน่น เสียงๆ หนึ่งยังดังก้องในหัว

“แพนจำได้ไหมว่าเราสัญญาอะไรไว้กับน้า” น้านียืนหันหลังสายตาจ้องมองออกไปยังนอกหน้าต่าง

ภาคกับน้านพ กำลังขมักเขม้นช่วยกันปลูกดอกไม้ตามริมรั้ว ก่อนจะหันมาสบตากับผม

“จำได้ครับ”  ผมตอบรับเสียงเบา น้ำเสียงเหมือนจมอยู่ในลำคอ หลุบเปลือกตาลงต่ำ ความรู้สึกผิดถาโถมท่วมทั้งใจ

เกินกว่าจะสู้หน้าคนตรงหน้าได้  มือจิกเข้าหากันแน่น ...  รู้สึกแน่นหน้าอกจนแทบหายใจไม่ออก

เรื่องของผมกับภาค จนทุกวันนี้ก็มีเพียงเราสามคนเท่านั้นที่รู้

“น้ามาทวงสัญญา” น้านีพูดแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง บรรยากาศดูกดดันจนผมต้องเงยหน้าหันไปสบตา ใบหน้าของน้านี

ดูหนักใจ  หรือลำบากใจที่จะพูดเรื่องที่ว่าออกมา  ผมได้แต่เฝ้ารอ....

“น้าจะให้ภาคหมั้นกับป่าน” เสียงน้านีเหมือนพูดอยู่ในหุบเขาสูง มันก้องกังวานซ้ำๆ อยู่ในใจผม

“............”  หลุบตาลงต่ำทันที รู้สึกเหมือนมีมีดกรีดลงมากลางหัวใจ  เจ็บปวดราวโลกทั้งใบจะแตกดับ

ก้อนสะอื้นขึ้นมากระจุกที่ลำคอ หูมันอื้ออึง ร้อนผ่าวที่ขอบตา รู้สึกเหมือนน้ำตามันคลอหน่วย

ช้อนตาขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยแววที่สั่นระริก  พูดไม่ออก  ....  ไม่ใช่การมองแบบต่อว่า  หากแต่...

เป็นการมองแบบคนที่พ่ายแพ้ และไม่มีทางสู้ จะทำอะไรได้นอกเสียจากยอมรับมัน  น้ำตาค่อยๆ ไหลเอื่อย

ลงเป็นสาย หนาวสะท้านขึ้นจับใจ  เหมือนอยู่ท่ามกลางหิมะที่หนาวเหน็บแต่กลับไม่มีอาภรณ์ที่ใช้ปกปิดร่างกาย

ในหัวตะโกนวุ่นประโยคเดิม ๆ  เหมือนจับใจความไม่ได้ ไม่เข้าใจประโยคที่อีกฝ่ายสื่อสาร 

ในหัวหมกมุ่น พยายามครุ่นคิด พิจารณาความหมาย  แม้ว่าปฏิกิริยาทางร่างกายจะตอบรับรู้เป็นอย่างดี

แต่หัวใจ...กลับเบี่ยงเบนปฏิเสธที่จะเข้าใจมัน  ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ได้ฟูมฟายมีเพียงหยาดน้ำตาที่กำลังไหล

ปิดเปลือกตาลง ยังคงสับสนอยู่กับรูปโยคเดิมๆ อยู่อย่างนั้น  จนสัมผัสได้ถึงมือของใครบางคนที่คว้าตัวผมไปโอบกอด

ร่างกายสั่นเทาของอีกฝ่าย หยาดน้ำตาที่ไหลเป็นสายไม่ต่างกัน กำลังเจ็บปวด..  แต่กลับพยายามที่จะปลอบใจผม

ความอบอุ่นที่คุ้นเคยแผ่ซ่านเข้ามาถึงหัวใจ  รับรู้ทุกอย่างได้ด้วยความรู้ รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วง และปรารถนาดี

“แพนน้าขอโทษนะลูก...ฮืออๆ  น้าเสียใจที่ทำให้เราเจ็บปวดแบบนี้ น้ารักแพน รักหนูเหมือนลูกคนหนึ่ง

แต่ที่แพนกับภาคทำอยู่มันผิด ฮึกๆๆ  หนูรู้ไหมลูกว่ามันผิด น้าเสียใจ ...เสียใจจริงๆ ”  เสียงน้านีเหมือนคนใจจะขาด

เรากอดกันแน่น ๆ ผมพยักหน้าเบาๆ ตอบรับคำพูด ...   เข้าใจในดีความรักของคนเป็นแม่ 

เรากอดกันอยู่เนิ่นนาน ...  จนน้ำตามันหยุดไหล  น้านีค่อยๆ ผละตัวออก เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าผม

และของตัวเอง  ลูบหัวผมเบาๆ ไล้มือเกลี่ยผมที่ล่วงลงมาละตามใบหน้าให้ ดวงตายังคงจ้องมาที่ผม

ด้วยแววตาที่อ่อนโยน  อ่อนโยนเหมือนที่เคยเป็น  ที่เคยเอ็นดูผม  และห่วงใย

“น้าจะขอให้แพนช่วย ”  ผมฟังเสียงน้าดีอย่างตั้งใจ  ยังรอฟังทุกคำพูด....  อยู่อย่างนั้น

“อีกสามเดือนน้าจะเปิดตัวบริษัทใหม่วันนั้นจะเป็นวันหมั้นของภาค น้าอยากให้แพนกลับมา เรื่องงานที่นี่

น้าจะจัดการเองผู้ใหญ่คุยกันเรียบร้อยแล้ว  แพนแค่ดึงความสนใจภาคระหว่างสามเดือนที่เหลือ

แล้วพาภาคกลับมาในวันงานก็พอ หนูทำให้น้าได้ไหมลูก?”  น้านีเอ่ยถามแผ่วเบา ก่อนจะรั้งตัวผมเข้าไปกอด

.

.

“ครับ ”  มันคงเป็นเสียงตอบรับที่แผ่วเบาที่สุดในโลก  เท่าที่ผมเคยเอ่ยมา...

.

.

เสียงที่ขาดหายไป....   พร้อมๆ กับหัวใจที่แหลกสลายไปในคราเดียวกัน

“ขอบใจลูก”   



.

บางทีผมก็อยากจะเห็นแก่ตัวไม่สนใจใคร  ...  ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแค่สองคน  แต่บางสิ่งที่มันยังค้านอยู่ในใจ

ว่ามันดีจริงเหรอ? ที่ผมจะทำแบบนั้น  หนีไปทิ้งคนที่ผมรักทั้งสี่คน  ....  ทิ้งครอบครัวที่เลี้ยงดูผมมาแต่เล็กแต่น้อย

ทำร้ายความรู้สึกของ “เค้าเหล่านั้น”  ให้แตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย  ...  จนกลายเป็นฝุ่นละออง 

“คำตอบ”  ก็คือผมเลือกจะยืนอยู่ตรงนี้  อยู่กับครอบครัวที่ผมรัก  ได้มองคนรัก....ของผมอยู่ห่างๆ






แค่นั้น....ก็คงพอ   เพียงพอให้ผมได้ทนมีชีวิตอยู่ต่อไปในโลกที่สวยงามใบนี้





หัวข้อ: Re: >> กอด~ ความจริงยิ่งเจ็บ [2] P.23 10/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 10-08-2013 02:25:28
อ่านเรื่องนี้แล้วเหนื่อยจัง เพราะแม่ไม่เข้าใจลูกเลย อยากอ่านตอนจบแล้วอ่ะ มาม่ายาวนานมาก ยิ่งอ่านยิ่งท้อ ไม่รู้เลยว่าสองคนจะลงเอยยังไง
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ความจริงยิ่งเจ็บ [2] P.23 10/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 10-08-2013 02:31:46
 :sad4: พอแล้วกับมาม่าไม่มีน้ำตาจะไหลแล้ววว
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ความจริงยิ่งเจ็บ [2] P.23 10/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 10-08-2013 06:04:28
 :laugh: :laugh:

วะฮ่าฮ่า...มาม่าอร่อย!!!

ฮือ ฮือ

//น้ำตาไหลตกปานน้ำตกไทรโยคน้อยใหญ่มารวมกัน//

 :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ความจริงยิ่งเจ็บ [2] P.23 10/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 10-08-2013 12:45:04
 o22 แม่ภาคโคตรเห็นแก่ตัวเลย ใช้ซ่งตรีนคิดรึไงคะ  :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:

แหมะ :katai1: ยังมีหน้ามาขอให้แพนช่วย  :angry2:คิดถึงใจเค้าบ้างรึเปล่า ทุเรศที่สุด
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ความจริงยิ่งเจ็บ [2] P.23 10/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: midnightblue ที่ 10-08-2013 20:20:13
สงสารทั้งคู่ :sad4: ไม่ไหวแล้ว :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ความจริงยิ่งเจ็บ [2] P.23 10/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 10-08-2013 20:41:34
อดทนหน่อยนะคะ  ตอนหน้าจะคลายแม็กแล้ว
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ความจริงยิ่งเจ็บ [2] P.23 10/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 10-08-2013 20:56:37
เศร้าจัง :mew6:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ความจริงยิ่งเจ็บ [2] P.23 10/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: capool ที่ 10-08-2013 22:59:46
จริงๆแล้ว เราอยากให้ภาคฆ่าตัวตาย แม่จะได้รู้สึกผิดที่เป็นคนทำร้ายลูกตัวเอง จะได้สำนึกบ้าง เห็นแก่ตัวจริงๆ เกลียดแพนที่ยอมทำตามไม่ต่อสู้เพื่อความรักแล้วยังหักหลังคนรักอีก ทุเรศ!
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ความจริงยิ่งเจ็บ [2] P.23 10/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 10-08-2013 23:46:12
ขอบคุณสำหรับการติดตามและคำแนะนำนะคะ พอดีเราไม่ชอบจบแบบศพไม่สวยอ่ะ

มันทรมานคนที่ติดตามและตัวเราเองด้วย. 
ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่ติดตาม
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ความจริงยิ่งเจ็บ [2] P.23 10/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 15-08-2013 09:46:05
รายงานตัวค่ะ

หยุดไป 4 วัน  ได้แต่อ่านกะเม้น  อยู่กับครอบครัว แต่งไม่สะดวก  ฮ่าๆๆ
ตอนนี้ก็แต่งได้เกิน 50% แล้วค่ะ อีกไม่เกิน วันนี้ หรือพรุ่งนี้ น่าจะได้ลงแล้ว

หุหุ รอหน่อยนะตัวเอง
หัวข้อ: Re: >> กอด~ จากลา P.24 16/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 16-08-2013 01:00:33
จากลา~



ภายในงานทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบง่าย ผู้คนในงานล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับงานด้านนำเที่ยวทั้งสิ้น

สื่อมวลชลในแขนงที่เกี่ยวข้องก็ถูกเชิญเข้ามาร่วมในงานเปิดตัวครั้งนี้ ภาคกลายเป็นจุดเด่นของงานได้ไม่ยาก

เพราะนอกจากอีกฝ่ายจะเป็นลูกเจ้าของบริษัทแล้ว หน้าตาและบุคลิคของภาคก็ดึงดูดผู้คนได้เป็นอย่างดี

ผมเฝ้ามองทุกอย่างดำเนินผ่านไปตามขั้นตอนที่น้านีกับน้านพวางแผนไว้ .....จนสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย

แขกเหรื่อทั้งหลายทยอยกันกลับจนเหลือแต่เพียงคณะผู้จัดงาน และรวมไปถึงบริษัทที่รับดูแลงานอีกด้วย

ทุกฝ่ายเห็นควรว่าจะกลับเสียที ที่เหลือคงจะเป็นหน้าที่ของบริษัทที่รับดูแลเป็นผู้จัดการงานที่เหลือ

เพราะว่าวันนี้เป็นวันเปิดตัวที่เร็วกว่ากำหนดการเปิดดำเนินการจริงถึงสามวันทำการ 

เนื่องมาจากฤกษ์ที่ได้มาตรงกับวันนี้พอดี ผมเหลือบมองนาฬิกามันบอกเวลาบ่ายสองโมงเศษๆ เท่านั้น 

ภาคเดินตรงเข้ามาหาด้วยเสียหน้าเหนื่อยล้านิดๆ จากการต้องพูดจา และทักทาย แขกเหรื่อที่มาในงาน 

ชุดสูทสีขาวขับให้อีกฝ่ายเด่นได้อย่างไม่ต้องสงสัย การเป็นเป้าสายตาของใครต่อใครคงจะทำให้ภาคอึดอัดอยู่ไม่น้อย

“เหนื่อยจังเลยอ่ะแพน”  ภาคถอดสูทมาพาดไว้ที่แขน ใบหน้าคมชื้นเหงื่อนิด ๆ ผมได้แต่ยิ้มให้กำลังใจ

ยื่นผ้าเช็ดหน้าไปให้อีกฝ่ายพร้อมแก้วเครื่องดื่มเย็นฉ่ำพอให้คลายเหนื่อย  เหลือบมองนาฬิกาอีกครั้ง 

พร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นน้านีจ้องมองมาที่ผมกับภาคอยู่ก่อนแล้ว  .... 

อยู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจอย่างห้ามไม่อยู่  ใจผมมันสั่น .....เมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น 

ผมหันไปสบตาภาค เพราะรู้ว่าน้านีกับน้านพกำลังตรงดิ่งมาหา สายตาสำรวจชุดที่อีกฝ่ายกำลังสวมใส่

มันดูดีเสียจน...ทำให้ผมอยากจะร้องไห้ออกมา ...  ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน  ทุกอย่างดูดีเว้นเสียแต่เนคไทเท่านั้น

ที่ยังเบี้ยวผิดรูปผิดร่างอย่างที่ควรจะเป็น  เผลอยื่นมือไปจับด้วยความเคยชินปรับให้ได้องศาที่ถูกต้อง

อีกฝ่ายก็ยิ้มแก้มแทบแตกมาให้ ....   โน้มตัวลงมาชิดก่อนจะกระซิบคำพูดเดิมๆ ที่มันซาบซึ้งไปถึงขั้วหัวใจ

“แฟนภาคน่ารักจัง”   ภาคกลับไปยืนตรงๆ แบบเดิม  รอยยิ้มที่ราวกับทอประกายได้ทุกครั้งนั่น 

“....................”   ทำเอาผมจับจ้องไม่วางตา  อยากจดจำ....  ทุกอย่างที่ยังเป็นของๆ ของผม

“แพน?”  ภาคเลิกคิ้วน้อยๆ สีหน้าเหมือนวิตกกับอากัปกิริยาที่ดูนิ่งไปของผม ...   ได้แต่แสร้งทำเป็นยิ้มกลบเกลื่อน   

“หืม? ”    เลิกคิ้วสูงเป็นคำถาม ทั้งที่ความรู้สึกมันจุกไปทั้งอก และเจ็บไปทั้งใจ  คล้ายๆ คนหายใจไม่ออก

“ได้เวลาแล้วลูก ภาค แพน”  น้านีเรียกเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินไปยังทิศทางที่รถจอดอยู่ ผมกับภาคสบตากัน

เราไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เดินตามไปเงียบๆ ก็เท่านั้น  รถค่อยๆ ออกตัวไป ...ทะยานสู่ท้องถนน

พร้อมๆ กับผมที่ดูจะหาที่ยืนได้ยากขึ้นทุกที  เสตาเหลือบมองบนท้องถนนที่มีรถราเป็นระยะ

พอให้รถได้วิ่งเอื่อยๆ  ในเสี้ยวหนึ่งของหัวใจผม....   กำลังภาวนา.....

.
.

.

. ให้เวลายืดไปอีกสักนิด   “ก็คงดี”



.


.

มีใครเคยบอกมั้ย ......  ว่าสิ่งที่ “ปรารถนา” กับ “ความจริง”  มันมักจะสวนทางกันเสมอ 

ทั้งๆ ที่ผมอ้อนวอนขอ  ให้เวลามันยืดยาวขึ้นอีกสักเพียงนิดเท่านั้น  ...  ให้ผมได้มีพื้นที่ยืนอีกสักหน่อย

...  ได้อยู่ใกล้ๆ กับคนที่ผมรักให้นานอีกชั่วเวลาหนึ่ง ......ก่อนที่จะปล่อยมือจากกันไป......   

....โดยไม่มีวันสัมผัสมันได้อีก   ล้อรถกลับ ค่อยๆ บดกับพื้นถนน แล้วจอดนิ่งสนิทอย่างนิ่มนวล

ผิดกับหัวใจของผม.....ที่มันดูจะแตกสลายมากขึ้นทุกที  หยาดน้ำตามันเริ่มเอ่อคลอ..พร้อมที่จะไหล

หากแต่.....เป็นตัวเองนั่นแหล่ะ ..ที่กัดฟันฝืนสกัดกลั้นมันเอาไว้   

ใช่....ใช่แล้ว ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี ภาคจะมีครอบครัวเล็กๆ น่ารักๆ ภาคอาจไม่เคยมองใคร

ไม่เคยเปิดโอกาสนี้ให้กับใคร  อาจเพราะยังไม่เคย...เลยไม่รู้ก็ได้


ถึงผมจะรู้ดีและเชื่อมั่นขนาดไหนว่า “ความรัก” ระหว่างเรามันเป็นเรื่องจริง เป็นความรู้สึกจริงๆ จากใจของเราทั้งสองคน

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า..... ภาคจะรักใครอีกไม่ได้  คิดได้แค่นี้มือไม้มันก็สั่น

ไม่ใช่....อยากจะปล่อยให้อีกฝ่ายไป  แต่เป็นเพราะผมเองไม่มีสิทธิ์จะอยู่ด้วยกันในฐานะ “คนรัก”

ฉะนั้น...จะให้ผมเห็นแก่ตัวรั้งอีกฝ่ายไว้...ให้ไม่มีความสุขไปด้วยกัน อยู่คนเดียว ..เปล่าเปลี่ยวเพียงลำพัง

มันก็คงจะทำไม่ได้หรอก... ถึงมันจะเจ็บ  เจ็บแค่ไหน.....ก็ต้อง “ทน”  ให้ได้   

เพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ถึงไม่ได้ยินเสียงเรียกของอีกฝ่าย ที่ยังเรียกชื่อผมอยู่ซ้ำๆ  ผมสะดุ้งเล็กๆ

หันไปสบตาภาค ก่อนจะหลุบตาลงต่ำพร้อมกับก้มตัวลงไป ทำทีเป็นหาของที่หล่นพื้น


“แพน..  แพน..   ไปกันได้แล้วครับ”  ภาคทำหน้าฉงน เพราะไม่แน่ใจว่าอะไรหล่นไปเมื่อไหร่

เลยยังคงเรียกชื่อผมอยู่อย่างนั้น แค่ได้ยินเสียง....น้ำตาผมมันก็พาลไหลออกมาช้าๆ ไปตามร่องแก้ม

อยากฟัง....  อยากฟัง.....  อยากให้เรียกอีกนานๆ  นานเท่าที่ผมจะเหนี่ยวรั้งไว้ได้  แต่ทำไม...ยิ่งรั้ง

ความเจ็บปวดมันทะยานขึ้นสูงจนฉุดไม่อยู่   เมื่อเวลามันเดินมาถึง....เวลาที่ต้องตัดใจจริงๆ

ผมค่อยๆ สูดอากาศหายใจเข้าปอดหนักๆ เพื่อผ่อนคลายความกดดันที่มีอยู่ ณ ตอนนี้ ... 

ทรมานเสียจน...  ไม่กล้าที่จะเงยหน้าไปสบตาอีกฝ่าย  กลัวว่าความอ่อนแอ...  จะทำทุกอย่างให้มันพัง

“ภาคไปก่อนนะ เดี๋ยวแพนหาของก่อนแล้วจะตามไป”  พยายามประครองน้ำเสียงที่สั่นเครือให้ดูปกติที่สุด


ก้มหน้าก้มตาต่อไป มือปัดป่ายสะเปะสะปะไปตามพื้นรถ สัมผัสชื้นเปียกที่ล่วงหล่นกระทบหลังมือตัวเองเบาๆ

“แพน?”  ภาคเรียกเสียงแปร่งๆ ไป คาดว่าคงสงสัยอยู่ละมั้งว่าผมเป็นอะไร  ยิ่งภาคใส่ใจผมก็ยิ่งเจ็บ..

ค่อยๆ กลืนก้อนสะอื้นที่มันกระจุกอยู่ที่ลำคอ  มือสั่นสะท้าน เม้มริมฝีปากหนักๆ ผ่อนลมหายใจ ตอบกลับอีกฝ่าย

“อือ~ ภาคไปเถอะน้านีเรียก น่าจะคุยเรื่องสำคัญไม่ใช่เหรอ?”  ส่งเสียงเหมือนรำคาญ ไม่ได้หันไปมอง

ไม่กล้า...แม้แต่จะสบสายตา ด้วยร่างกาย และหัวใจที่สั่นระริก  น้ำตาที่ไหลหยดเอื่อยๆ เพราะสกัดกลั้นไว้

ถ้าหันไปสบตาตอนนี้ กลัวว่าตัวเองจะทนไม่ไหว คงต้องเผลอ...รั้ง....   อีกฝ่ายไม่ให้ไปแน่ๆ

“อืม  งั้นรีบตามไปนะครับ”

“อือ~” ผมส่งเสียงตอบรับอีกฝ่ายอยู่ในลำคอ  เสียงก้าวท้าวของภาคค่อยๆ ห่างออกไป  ผมหลับตาแน่น


ฟังเสียง....  ที่ห่างไปเรื่อยๆ ค่อยๆ จาง   บางเบาเสียจน.......สัมผัสมันไม่ได้อีก

มือถูกจิกเข้าหากันเสียจนเจ็บ  น้ำตาไหลไม่หยุด  ดึงประตูรถให้ปิดลง...  ซุกตัวลงกับเบาะหลัง

ปล่อยน้ำตาให้ไหล......  ใจแทบขาด  มือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ  กล่องเล็กๆ สีทอง ที่ถูกห่อด้วยริบบิ้นสีเดียวกัน

จ้องมองของตรงหน้า.....   ของขวัญวันหมั้นของภาค  ......  ผมยังไม่ได้ให้เลย

.

.

.


 จี้รูปหัวใจ.......แทนหัวใจผมที่เคยให้ไว้





......และไม่คิดจะเอาคืน






ได้แต่ขดตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะเล็กได้ สองแขนกอดตัวเองไว้แน่น ดีที่ตรงนี้ไม่มีใคร  บรรดาญาติของทั้งสองตระกูล

เข้าไปในบ้าน  สถานที่จัดพิธีกันเป็นที่เรียบร้อย  ไม่ไหว....... เหมือนจะแตกสลายไปอยู่ทุกวินาที   

ผมเจ็บปวด ด้านในมีเสียงดนตรีเปิดคลอเบาๆ ผมรู้ดีว่าทุกอย่างกำลังเริ่มขึ้น.....  ชีวิตใหม่ของภาค

กำลังซ่อนตัว....จากความวุ่นวายภายนอก  ไม่อยากรับรู้  หรือแม้แต่ได้ยินเสียง  ไม่อยากเห็นภาพบาดตา


ภาพที่ต่างฝ่ายต่างสวมแหวนให้แก่กัน  .....   ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหล  อยู่ตรงนี้เนิ่นนานพอดู 

ด้านในคงผ่านพิธีการไปเรียบร้อย  ผมเช็คคราบน้ำตาให้หายไป ถึงตาจะแดง หรือจมูกจะแดงสักเท่าไหร่

คงไม่สำคัญเท่าไหร่แล้ว...  ตอนนี้มันเป็นหน้าที่ผมที่ต้องแสดงความ “ยินดี”  ให้กับพี่ชายที่แสนดีของผม

.

.


.

ผมล้างหน้าล้างตาก่อนจะตรงดิ่งไปยังห้องพิธีการ หน้าตาผมดูดีขึ้นเล็กน้อย  หากแต่ริมฝีปากกลับซีดเผือด

แววตาอมทุกข์...ที่ผมไม่อาจห้ามมันได้  ร่างกายที่ยังคงสั่นระริกกลับการเผชิญหน้า...  ผมกลัว

ลากขาก้าวไปช้าๆ เดินจนไปถึงห้องๆ นั้น   แทบหยุดหายใจ...... กับภาพตรงหน้า ทำไมฟ้าถึงได้กลั่นแกล้งผมขนาดนี้

คนที่ผมรักกำลังยื่นหยิบแหวน ถือมันไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนจะใช้มืออีกข้างกอบกุมมือของปานไว้ บรรจงสวมแหวน

ลงบนนิ้วเรียวสวย หญิงสาวยกมือไหว้  พร้อมกับหยิบแหวนอีกวงมาสวมบนนิ้วมืออีกฝ่าย 

ไม่รู้น้ำตามาจากไหน  ..... มันไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ  ผมยกมือขึ้นกุมหน้าอก  มันบีบแรงเสียจนผมเจ็บ


ความรู้สึกที่เหมือนมีเข็มนับหมื่นนับพันเล่ม กำลังทิ่มแทง เสียบทะลุไปทั่วทั้งหัวใจจนพรุน ไม่มีเหลือชิ้นดีนั้นเป็นเช่นไร

พึ่งเข้าใจ......ก็วันนี้   จ้องมองอยู่อย่างนั้น ...  ร่างกายไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหน  ราวกับถูกสาปให้เป็นหิน

ภาคหันหน้ากลับมาในทิศทางที่ผมยืนอยู่  เราสองคนสบตากันด้วยแววตาที่แสนเศร้า

สีหน้าที่ดูตัดพ้อของอีกฝ่าย  ทำให้โลกทั้งใบของผมมันเหมือนจะพังทลายลงตรงหน้า 


ผมก้มหน้ามองพื้นด้วยความละอาย  ทั้งเจ็บปวดและเสียใจ  สูดลมหายใจเข้าปอดหนัก    ๆ

ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตา  ...   น้ำตาหยดแหมะลงกับพื้น   

       เกลียด......................... ความอ่อนแอของตัวเอง



ค่อยๆ ฝืนยิ้ม ยินดีให้อีกฝ่าย  ภาคไม่ได้ยิ้มตอบ ได้แต่เพียงเฝ้ามองสบตากับผม.....อยู่อย่างนั้น

ผมก้มมองดูกล่องของขวัญสีทองที่ยังอยู่ในมือสั่น ๆ ของตัวเอง ค่อยๆไล่เช็ดหยดน้ำตาที่มันไหลออกมาอย่างหมดเรี่ยวแรง


 เก็บมันลงกระเป๋าตามเดิม ให้ตอนนี้คงไม่เหมาะ ยิ่งของที่ผมให้ยิ่งไม่เหมาะที่ใครควรจะรู้ ค่อยๆ ฝืนก้าวเข้าไปช้าๆ

มองทุกอย่างดำเนินของมันต่อไปอย่างเหม่อลอย. ถ้าผมได้เป็นคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น.......... ก็คงดี



"ตังค์!!" เสียงของปานหลุดแทรกเข้ามาในภวัง นั่นทำให้ผมมองไปที่เธอ ก่อนเหลียวมองตามสายตาไปที่ปานกำลังจดจ้อง

 ผมเห็นผู้ชายคนนึง น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมและปาน เค้ายืนอยู่ตรงที่ประตู สวมเสื้อยืดสีดำกับยีนส์ขาเดป

สีเดียวกัน มันไม่ได้เหมาะที่จะอยู่ในพิธีมงคลเช่นนี้ ไม่เหมือนกับการจะมาร่วมแสดงความยินดี  เพราะในที่นี้

มีแต่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น  สายตาของผู้ชายที่ชื่อตังค์จ้องเขม็งไปยังภาคกับปาน  ผมสัมผัสได้ลึกๆ


ถึงความไม่ปกติ  สายที่มองมาดูเกลียดชัง  เครียดแค้น เสียใจ  เหมือนๆ พร้อมจะทำลายทุกๆ อย่างที่ขวางหน้า

แววตาที่เจ็บปวดคล้ายจะมีแววตัดพ้ออยู่ในนั้น  ไม่รู้ว่าเพราะอะไรขาของผมมันก้าวออกไปแบบไม่ทันคิด

อยู่ดีๆ มันก็วิ่งจนสุดกำลัง  พร้อมๆ กับผู้ชายคนนั้นที่สาวเท้าก้าวเข้าไปหา  เค้ากระชากแขนของปานอย่างแรง

จนอีกฝ่ายต้องลุกตามแรงเหวี่ยง  ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกฝ่าย ผม

 “ไอ้สารเลวมึงกล้าแย่งเมียกูใช่ไหม?  ปึก” ผู้ชายคนนั้นใช้ด้ามปืนตบกระแทกหน้าภาค จนหงายล้มลงไป

เลือดสีแดงสดไหลเยิ้มตามมุมปาก  ปืนกระบอกเดิมถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง ......ไม่ใช่ใช้ตบหน้าอย่างคราวที่ผ่านมา

“แกร๊ก  แกร๊ก”  เสียงเหนี่ยวไกปืนดังขึ้น     

“อย่า!!”  ปานกรีดเสียงร้องดังลั่น   

“...  อย่าอยู่เลยมึง.....”  ภาพค่อยช้าลง  ราวกับเป็นภาพสโลโมชั่น 



.

.


“ปัง!!”     







ทุกอย่างดับมืดลง........  ผมมองไม่เห็นอะไร  นอกเสียจากได้ยินเสียง หลายๆ คนที่ดังโหวกเหวกอยู่รอบตัว

รู้สึกถึงความเย็นแทรกซึมจับขั้วหัวใจ  หนาว......    ราวกับอยู่ท่ามกลางหิมะห้อมล้อม  ผมรู้สึกสั่นงันงกไปทั้งตัว

“แพน....  อย่...ป็น...  ไร...นะ”  เสียงภาคที่ดังออกมาขาดๆ หายๆ ผมฟังไม่ได้ศัพท์ เพราะภาคไม่รู้เรื่องหรือ

ผมหูไม่ดีกันแน่นะ  นอกจากนั้นยังได้ยินเสียงคนร้องไห้ เสียงกรีดร้อง  ดังละงม  มีใครเป็นอะไรกันนะ?

“อือ~...  ภาค  แพนห..นาวอ่ะ”  ผมกระซิบบอกภาค เพราะร่างกายดูไร้เรี่ยวแรงเหลือเกิน เจ็บหน่วงๆ ที่หน้าท้องด้วย

ภาคดึงผมไปกอดไว้แน่น  เหมือนจะมีน้ำอุ่นๆ ไหลมากระทบที่แก้มผม  ภาคร้องไห้เหรอ?

“อย่า...เป็...ไรนะแพน  อย่า...ป็น....ไร   ฮือออ”   ผมไล้มือไปตามโครงหน้า สันกรามอย่างเชื่องช้า 


ค่อยๆ ไล่เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของอีกฝ่าย  เสียงใครสักคนตะโกนแว่วๆ เข้ามาในหัว 

“ตามรถพยาบาลที ใครก็ได้โทรตามเดี๋ยวนี้”   มันดูร้อนรนมาก...อย่างกับจะมีใครตายงั้นแหล่ะ  ฮ่าๆๆ

ใครกันนะ ....ที่บาดเจ็บขนาดนั้น  แล้วทำไมผมต้องรู้สึกว่า..... อีกไม่นานจะต้องจากภาคไป

ไม่มีวันที่เราจะได้เจอกันอีก เหมือนต้องจากไปในที่ไกลแสนไกล ...  มันเป็นความรู้สึกที่แย่จริงๆ

ทรมานเหลือเกิน  ภาคยังกอดผมไว้แน่น ....ร้องไห้หนักเสียจน ราวกับจะขาดใจอยู่ตรงนี้ 

รู้สึกเหมือนใจจะขาดตาม เสียงทุกอย่างค่อยๆ เบาลง  จนไม่ยินเสียงอะไรอีก  เหมือนๆ กับดวงตาของผม

ที่รู้สึกว่ามันจะหนักอึ้ง จนทนฝืนต่อไปแทบไม่ไหว  มีแค่เพียงสัมผัสของโอบกอดของอีกฝ่ายที่ทำให้รู้

ว่าภาคยังมีอยู่ข้างๆ กัน


“ภาค”  ผมลองเรียกอีกฝ่ายอีกครั้ง  เรี่ยวแรงเหลือน้อยจนเสียงผมแผ่วเบา ราวกับกระซิบ

“...........”  ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมา  ไม่แน่ใจว่าเพราะผมไม่ได้ยิน หรืออีกฝ่ายไม่ตอบกันแน่

“กอดแน่นๆ”  น้ำตาผมมันไหล  ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ไม่รู้ตัวเลย ถ้าอีกฝ่ายไม่เช็ดมันผมคงไม่รู้สึก

“..........”  ไม่มีเสียงตอบ หากแต่ภาคกระชับกอดผมแน่นขึ้น  แสดงว่าเป็นผมเองที่ไม่ได้ยินสินะ

ผมยิ้มขำ...  มันตลกเกินไปหล่ะ    ชีวิตผมมันตลกจนไม่น่าให้อภัย  ผมพยายามยิ้ม ...เหมือนเป็นวาระสุดท้าย

รู้สึกว่าจะเป็นแบบนั้น...  ทุกๆ อย่าง กำลังบอกผมว่าเป็นอย่างนั้น ผมบีบที่แขนภาคแน่นๆ

เพราะไม่มีแรงพอ ...  ที่จะโอบกอดรอบคออีกฝ่าย


“ฟังนะ..อ ...ย่าร้อง....แพน...อึกๆ..  ไม่ได้ยิน..แ..ล้ว...  ฮึกๆ  รักนะ”  ผมเค้นเสียงบอก

“.....................”  ไม่มีเสียงตอบ นอกจากอ้อมกอดที่รัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ผมขอเดาว่าอีกฝ่ายก็คงบอกรัก

ผมเช่นกัน

“จ..จูบหน่อย”  จะเห็นแก่ตัวไปไหม  ...  ถ้านี่จะเป็นคำขอสุดท้าย   ของผม

“...............”   ไม่มีเสียงตอบเช่นเดิม  หากแต่ริมฝีปากอบอุ่นของภาค ค่อยๆ ทาบทับมาบนริมฝีปากผม

ตัวภาคสั่นน้อยๆ เหมือนๆ กับผม เราแนบริมฝีปากเข้าหากัน มันอบอุ่นและอ่อนโยน  ภาคค่อยๆ แทรกลิ้นเข้ามา

ดูดกลืนความหวานเหมือนเช่นที่เคยทำ  นุ่มนวล  ... เนิ่นนาน  เท่าที่สติของผมจะสัมผัสได้

.

.

ก่อนที่ทุกอย่างจะจางหายไป ราวกับความฝัน....




หัวข้อ: Re: >> กอด~ จากลา P.24 16/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 16-08-2013 01:22:49
แพนนนนนน เรื่องร้ายๆยังเข้ามาไม่จบสักที  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ จากลา P.24 16/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 16-08-2013 03:26:34
 :z3: :z3: ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ จากลา P.24 16/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: capool ที่ 16-08-2013 03:49:01
น่าจะให้ภาคเป็นคนโดนยิง พ่อแม่จะได้สำนึก หลอกลูกมาแต่งงาน ทุเรศ ! สุดท้ายก็เป็นคนฆ่าลูก สมน้ำหน้า
หัวข้อ: Re: >> กอด~ จากลา P.24 16/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 16-08-2013 04:06:45
 :m15:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ จากลา P.24 16/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 16-08-2013 04:30:36
 :m15:

น่าจะเป็นภาคนะ พ่อแม่จะได้รู้ว่า เค้าสองคนรักกันแค่ไหน

ทำไมเรื่องต้องมาลงที่แพนด้วย

หวังว่าจะไม่มีอะไรที่ร้ายแรงมากไปกว่านี้แล้วนะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ จากลา P.24 16/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 16-08-2013 06:27:23
 o22 o22

ต้องพิสูจน์ความรักด้วยชีวิตกันเลยทีเดียว

 :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ จากลา P.24 16/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 16-08-2013 09:31:37
ตอนนี้รู้สึกถึงความหน้ามืดของพ่อแม่ภาค
คว้าเอาผญ.ที่ไหนก็ไม่รู้มาจับยัดให้ลูกชายตัวเองเนี่ยนะ

โคตรเพลียอ่ะ ฟังแล้วอับจนปัญญากับการทำอะไรสิ้นคิดชะมัด
ถ้าในความจริงเจอแบบนี้ คงไม่มีอะไรจะพูด
สงสารคนต้องแต่งงานบังหน้าแบบนี้
หัวข้อ: Re: >> กอด~ จากลา P.24 16/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 16-08-2013 14:32:42
เราไม่เข้าใจพ่อแม่ของภาคจริงๆ  เลยน่ะ ทั้ง ๆ ที่ก้อรักแพนออก ทำไมถึงยอมรับไม่ได้ล่ะ เราเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องยากแต่ถึงกับต้องบังคับให้ภาคหมั้นกับผู้หญิงเนี่ยน่ะ ความคิดตื้นมาก ๆ เลยน่ะ กลายเป็นลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยน่ะ แย่จัง  :L3: แล้วตกลงจะจบแบบแฮ็ปปี้ไหมจ้ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ จากลา P.24 16/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 16-08-2013 14:35:44
็Happy Ending แน่นอนค่ะ 

ปูทางมาจนสุดแล้ว ...  คราวนี้ครอบครัวต้องยอมรับแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ จากลา P.24 16/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 16-08-2013 17:27:04
 :z3: :sad4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ จากลา P.24 16/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 17-08-2013 14:32:18
ไม่มีคำบรรยาย :z3:
หัวข้อ: >> กอด~ ได้โปรดกลับมา P.24 18/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 18-08-2013 16:56:23
ถ้าแ่ต่งเสร็จทัน ตอนเย็นๆ จะมาต่ออีกตอนค่ะ





ได้โปรดกลับมา~





“แพน!! แพน!! ไม่...ไม่  อย่าตายนะ!! ”   ผมตะโกนก้องราวกับคนเสียสติ  มือสองข้างโอบกอดน้องไว้แน่น



น้ำตาไหลเป็นสาย  เหมือนใจจะขาด ...  ใครก็ได้บอกผมที....นี่มันเป็นแค่ฝันใช่ไหม

“แพน!!  ฮือออออออ”

“แพน!!”  ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าไม่มีประโยชน์  แต่ใจของผมกลับบอกให้ทำอะไรสักอย่าง  ผมช้อนตัวน้องขึ้นอุ้มมา

ในอ้อมกอด วิ่งสุดตัวเพื่อจะพาอีกฝ่ายไปโรงพยาบาล  น้องจะต้องรอด .....  ต้องมีชีวิตอยู่

ถ้าหากไม่มีแพน....  แล้วผมจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกัน   ทุกอย่างเหมือนเป็นอัตโนมัติ  สองแขนสองขาทำงานอย่าง

รวดเร็วว่องไว เกลียดตัวเอง  ...  เกลียดทุกอย่างที่เกิดขึ้น  ทำไม.....ผมถึงปกป้องคนที่รักไม่ได้สักที

ทำไม....   ทำไม  ถึงทำไม่ได้สักที

.

.

.

“ภาค!! หยุดก่อนลูก”  แม่ตะโกนเสียงดังมาจากด้านหลัง  ผมเม้มปากแน่น....  โกรธ!!

หันไปจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาที่แข็งกร้าว   ถึงขนาดนี้แล้ว.. ถึงขนาดนี้.... แล้วแม่ก็ยังจะห้ามอีกรึไง

น้ำตามันไหลพร่ามาจนเต็มหน้า  ....  ความเจ็บปวดเจ็บเหลือล้นจนเกินห้ามไหว ใจผมเหมือนเป็นไฟ

ที่พร้อมจะแผดเผาทุกคนที่ขวางหน้า ต่อให้เป็นใครหน้าไหน  ....  รับรองเลย.....  ว่าถึงจะต้องแตกหัก..ก็ยอม

ความอดทนมันถึงขีดจำกัดแล้ว  ทนไม่ไหวแล้ว  ครั้งนี้แม่ทำเกินไปจริงๆ  .....   

.

.

“พาน้องขึ้นรถ แกคิดจะวิ่งไปรึไง ไอ้ลูกบ้า”  แม่มุดหัวออกมาทางหน้าต่างรถ แล้วตะโกนด่าเสียงดัง

ก่อนขับรถมาเทียบตรงที่ผมยืนอยู่ มันดีใจอย่างบอกไม่ถูก  .... ความร้อนราวกับไฟแผดเผาเมื่อครู่มลายลงทันที

ใจที่ร้อนรุ่มค่อยชุ่มฉ่ำขึ้นมาอีกนิด  มองแม่ที่ใบหน้าฉาบไปด้วยน้ำตาเช่นกัน...อย่างน้อยแม่ก็เป็นห่วงแพนเหมือนกัน

“ขึ้นรถดิ  นี่แกยืนยิ้มทำบ้าอะไรของแก”  แม่แหวออกมาเสียงดัง  ... ทำผมหุบยิ้มทันที อุ้มน้องขึ้นรถ


ที่มีพ่อเปิดประตูรออยู่ก่อนแล้ว  นั่นสินะ....  ผมมัวแต่ตกใจที่จะรีบพาแพนไปโรงพยาบาล  ด้วยวิธีที่โง่ที่สุด

ด้วยการ.....วิ่ง...   

มองแผ่นหลังบางที่คุ้นเคย  แม่.....ก็ยังเป็นคนที่มีสติเสมอ  คล้ายจะเป็นช้างเท้าหน้า 

แม่....เป็นผู้นำในสถาณการณ์ที่ฉุกเฉิน  แต่ก็ไม่เคยทำตัวมีอำนาจเกินกว่าพ่อในเวลาปกติ ให้เกียรติพ่อเสมอ 

เฉพาะเวลาแบบนี้เท่านั้น......  ในเวลาที่ใครก็ทำอะไรไม่ถูก  ในเวลาที่ใครก็คิดอะไรไม่ออก

แม่.....  จะมีคำตอบของทางออก รออยู่  ....................



ขอบคุณครับแม่   ...   







ผมกอดน้องไว้แน่น จุมพิศที่หน้าผากของอีกฝ่าย น้ำตาไหลพรากอย่างห้ามไม่อยู่ ผมไม่กล้าคิดอะไร

นอกเสียจาก... น้องจะต้องฟื้นกลับมา... 

“อย่าตายนะแพน”  ผมกระซิบเสียงแผ่ว แต่ลมหายใจของน้องมันแผ่วเบายิ่งกว่า  ผมกอดน้องแน่นๆ

“ภาคอยู่นี่นะครับ”   แม้ในใจจะหวาดกลัวสักแค่ไหน..... 

“อยู่ตรงนี้แล้ว......”   ก็ยังเชื่อเสมอมา   

“รอแค่แพน....คนเดียวนะ    กลับมาสร้างครอบครัวด้วยกัน”   ว่ายังไงน้องก็ต้องกลับมาได้แน่นอน



“กลับมาอยู่ด้วยกัน”


.     
.


.

.

.

.

.


.

ที่นี่...ที่ไหนกัน  ผมได้แต่มองรอบๆ ตัว  เห็นเมฆหมอกสีขาว ลอยกระจายไปทั่วบริเวณ  มองไม่เห็นใคร

“แม่....แม่  แม่อยู่ไหนฮะ”


“พ่อครับ พ่อได้ยินแพนมั้ย”

“ภาค... ภาค ช่วยแพนด้วย  ช่วยที”

“มีใครอยู่แถวนี้บ้างไหม”

ผมตะโกนจนสุดเสียง...  ครั้งแล้ว   ครั้งเล่า  หากแต่...มีแต่ความว่างเปล่าที่ตอบกลับมา


...  น่ากลัวเหลือเกิน.....  เหมือนต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ท่ามกลางพื้นที่เวิ้งว้าง  ...  ที่ๆ ผมไม่รู้จักแม้แต่น้อย

น้ำตามันไหล ...    หรือว่า........   ตอนนี้ผมคงจะตายไปแล้วสินะ   ไอเย็นจากก้อนเมฆสาดกระทบเข้ามา

หนาวเย็นยะเยือกราวกับอยู่ในหุบเขาน้ำแข็ง  ร่างกายผมสั่นสะท้าน  .....  สั่นจนห้ามไม่อยู่ 

ไร้เรี่ยวแรง .....   รู้สึกเหมือนมีเลือดไหลอาบบริเวณช่องท้อง  ไม่ไหลไม่หยุด มากเสียจน.... เสื้อผ้าเปียกชุ่ม

ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร  แต่กลับรู้สึกหนาวจนเข้ากระดูก ...  ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น จ้องมองโคมดวงเดียวที่ให้แสงสว่าง

ผมพยายามยื่นมือไปจับ  ....  ปรารถนาความอบอุ่นเพียงน้อยนิดที่มีอยู่ ณ ที่นี้  พยายามเอื้อมมือเท่าไหร่

ก็ทำไม่ได้สักที  เหมือนแขนถูกตรึงอยู่กับที  .....  อยู่ๆ ก็รู้สึกถึงคมมีดที่กรีดลงมาช้าๆ ใจผมเต้นระส่ำ

รู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก  แม้จะไม่รู้สึกเจ็บ  หากแต่.... เหมือนโดนกระทำย่ำยีโดยใครสักคนหนึ่งที่มองไม่เห็น

โดยที่ไม่มีทางขัดขืน  หรือแม้จะต่อสู้  .....  ขนาดจะลืมตาเพื่อมองว่ามันเป็นใคร...ก็ยังทำไม่ได้เลย

มันค่อยๆ ควานนิ้วเข้ามาข้างใน  ดึงเอาลำไส้ผมออกมาวางข้างนอก  ไม่ได้ยินเสียง ผมมีแค่เพียงความรู้สึก

มันรู้สึกหน่วงที่ท้องทันที   มันยื่นเหล็กอะไรสักอย่างเข้ามา  เพราะผมรู้สึกว่ามันทั้งแข็งทั้งเย็น

จากนั้นมือใครก็ไม่รู้อีกหลายต่อหลายคนที่เข้ามายุ่มยามต่อลำไส้  เครื่องใน หน้าท้องของผม    




ผมรู้สึกว่าถูกกระทำอย่างนั้น.....เนิ่นนานเหลือเกิน   ใช้เวลานานนับชั่วโมง

จนในที่สุด......บุคคลแปลกหน้าทั้งหลาย เลิกสัมผัสแตะต้องตัวผม  รู้สึกถึงการสั่นสะเทือนอีกครั้ง

คราวนี้...ผมไม่ได้ถูกสัมผัสร่างกาย  หากแต่การสั่นสะเทือนมันส่งผ่านจากเตียงที่ผมนอนอยู่


ถ้าจะให้เดา...มันคงเป็นรถเข็น  หรือตอนนี้ผมจะอยู่ในโรงพยาบาล

รถเข็นพาผมเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ  ไม่เร็วไม่ช้า  แต่ทำผมเวียนหัว.....  คล้ายจะมึนเมา

รู้สึกขมที่ปาก ริมฝีปากแห้งผาก  จนอยากจะได้น้ำสักแก้วมาดื่มให้ชื่นใจ  อยากขยับตัวเสียที

ความจริงอีกฝ่ายที่ผมพึ่งจะรู้.....  ผมไม่ได้ถูกมัด หรือตรึงแขนไว้  เพราะใครอีกคนที่กำลังเข็นผมอยู่

เค้าจับแขนผมที่ล่วงหล่นออกนอกรถให้วางทับมาบนหน้าท้อง เหนือบาดแผลที่ผ่าตัด

แล้วก็หยุดลงในที่ที่หนึ่ง.....    ตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกเคว้งคว้างอีกแล้ว  กลับอบอุ่นมือที่กุมมือผมอยู่

ไม่รู้ทำไม....  มันทำให้ผมวางใจ  พ่อกับแม่ตอนนี้อยู่ที่ไหนนะ  ยังอยู่ต่างประเทศรึเปล่า

ผมค่อยหยุดความคิดทุกอย่าง ....  รู้สึกเหนื่อยล้ากับเหตุการณ์ที่พึ่งผ่านมา   ....  เหนื่อย



..เหนื่อยเสียจน..... บางทีอาจจะต้อง “พอ”   เสียที



ผมค่อยๆ ปล่อยวางความรู้สึกต่างๆ ที่ทำให้ตัวเองหนักอึ้ง....  สติค่อยๆ จางหายอีกครั้ง 

หลับไปคราวนี้.........  จะได้ตื่นอีกไหมนะ





...



“อย่าตายนะแพน”

“ภาคอยู่ตรงนี้แล้ว......”

“รอแค่แพน....คนเดียวนะ  กลับหาภาคสักทีสิ”

เสียงนี้อีกแล้ว......  ผ่านนานแค่ไหนกันแล้วนะ....  กี่วันกี่คืนผ่านไปแล้ว เสียงๆ นี้จะปลุกผมให้ตื่นขึ้นอยู่ทุกวัน

น้ำตาผมไหล....  ต้องใช่แน่ๆ  มันไหลจากหางตาลงไปเรื่อยๆ อีกแล้วมืออบอุ่นของภาคค่อยๆ ไล่เช็ดมัน

พยายามจะลืมตาขึ้นมองอีกฝ่าย .....แต่พยายามแค่ไหน ก็ทำไม่ได้สักที

“แพนต้องฟื้นนะ  ภาคอยู่ไม่ได้   ถ้าไม่มีแพน”  น้ำเสียงแห้งผากจากปากคนๆ นั้น     

.

ฟื้นสิ  ...  แพนจะต้องฟื้นแน่นอน....   











หัวข้อ: Re: >> กอด~ ได้โปรดกลับมา P.24 18/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 18-08-2013 18:38:29
หวังว่าจะไม่มีเรื่องร้ายอีกแล้วน่ะะะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ได้โปรดกลับมา P.24 18/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 18-08-2013 22:09:08
ไม่มีแล้วค่ะ ไม่มี  รอฟื้น 

ที่เหลือก็หวานกันอย่างเดียว 
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ได้โปรดกลับมา P.24 18/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 18-08-2013 22:36:23
 :hao5:

ค้างอ่ะ สงสารจัง
หัวข้อ: >> กอด~ รักเอย P.24 19/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 19-08-2013 01:13:58
~ รักเอย



“แพน!!”  ผมค่อยๆ กระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับโฟกัสสายตาให้เข้ากับแสง มือแข็งแรงที่ยังกุมมือผมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน


ผมฉีกยิ้มน้อยๆ เท่าที่ร่างกายจะเอื้ออำนวย ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง เพราะรู้สึกสู้กับแสงไม่ค่อยไหว

   สัมผัสเปียกชื้นล่วงหล่นมาบนใบหน้าผม ค่อยๆ ลืมตาอีกครั้ง ก็เห็นคนตรงหน้ามีใบหน้าที่บิดเบี้ยว

“ในที่สุดก็ตื่นซะที  ....  ภาคแทบจะบ้าเลยรู้ไหม”  น้ำเสียงที่สั่นเครือ ละมือที่กอบกุมกันไว้  ก่อนจะโถมตัวเข้ากอด

เต็มแรง  ราวกับกลัวว่าจะพลาดมันไปอีก  แน่นเสียจนน่าจะอึดอัด แต่แปลก....ที่ผมไม่รู้สึกอย่างนั้นเลย

มันอุ่นซ่านเข้าไปถึงหัวใจ  ช่วยกอดอีก ...  กอดแน่นๆ แบบนี้ที่ผมโหยหามาแสนนาน น้ำตาค่อยๆ ไหล 

พยายามขยับแขนตัวเองอย่างเชื่องช้า.....  โอบกอดรอบแผ่นหลังกว้างที่ผมคุ้นเคย  ขยุ้มมือจิ๊กเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่น

เพราะผมเองก็กลัว......กลัวอีกฝ่ายจะหลุดลอยไปเหมือนกัน

“น..น้ำ แค่กๆ  แค่กๆ”  น้ำเสียงแหบแห้ง แทบไม่มีเสียง พร้อมทั้งไอกระท่อนกระแท่น เนื่องจากลำคอแห้งผาก

ภาครีบไปรินน้ำมาให้ดื่ม พร้อมประคองผมให้ค่อยๆ ดื่มน้ำอย่างคล่องแคล่ว ผมหันไปมองอีกฝ่ายยิ้มๆ


ทั้งๆ ที่น้ำตามันยังไหลนั่นแหล่ะ   แล้วไล่มือเช็คคราบน้ำตา ที่ยังไม่หืดแห้งไปเสียทีเดียวของอีกฝ่าย

“แพนกลับมาแล้วครับ”  ผมว่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือมันทั้งโหยหา  และเต็มไปด้วยความตื้นตันพอๆ กัน

“ครับ...ที่รักของภาค”  เรากอดกันแน่นมากๆ จากที่หยุดร้องไห้ไปแล้ว  ก็น้ำตาแตกกันอีกรอบ 

ไม่อยากเลย...ที่จะปล่อยมืออีกแล้ว   

“ฮึกๆๆ  คิดถึงใจแทบขาดแน่ะ”

“อืม  ภาคก็เหมือนกันครับ”  จุมพิศแสนหวานอย่างอ้อยอิ่ง ค่อยๆ ตะกละตะกลาม ตามแรงโหยหา


ลิ้นร้อนของภาคอย่างหวานฉ่ำและเร่าร้อนดังเดิม  ทำผมเคลิบเคลิ้มไปถึงไหนต่อไหน  ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่

ที่มือของภาคสอดเข้ามาใต้ชายเสื้อ บดบี้ยอดอกของผม ...  จนต้องเผลอแอ่นตัว รู้สึกร้อนไปทั่วร่าง

ริมฝีปากถูกกลืนกิน จนสูญสิ้นสติที่จะขัดขืน  ผมกำลังอ่อนไหว  และอ่อนหวานให้ภาคได้เชยชิม
.

.



  “อะแฮ่มๆๆๆๆๆ”  เสียงกระแอมดังขึ้น ทำเอาเราผละออกจากกันอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ

“อ๊ะ...โอ๊ยยยยย ” ด้วยเพราะความกะทันหัน เลยทำให้ผมลืมระวังแผล ร้องโอดครวญเสียยกใหญ่

หันไปมองผู้มาเยือนคนใหม่ทำผมถึงกับหน้าซีดจัด พ่อแม่ เข้ามาพร้อมกับน้านีน้านพ

น้ำตามันไหลหยดลงบนแก้มทันที หยุดไม่อยู่จริงๆ  ผมทำผิดอีกแล้ว ...  ค่อยๆ ยกมือไหว้

“น...น้านีครับ ผมขอโทษ”  ผมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือจนเกินจะห้าม ร่างกายสั่นสะท้านทั้งตัว

กลัว...กลัวเหลือเกินที่จะต้องแยกจากคนรักเหมือนก่อนหน้านี้  ผมอยากจะก้มลงกราบแทบเท้าของน้านี

เพื่อขอขมา.....ที่ผมไม่อาจจะรักษาสัญญาไว้ไม่ได้  ขอโทษ....ขออภัยในสิ่งที่เราทั้งคู่ได้ทำพลาดไปทั้งหมดนี้

“ผมเสียใจจริงๆ ครับ แต่ได้โปรด...ฮึกๆ.....ได้โปรดให้เราได้รักกันต่อไปเถอะครับ”  ผมอ้อนวอนขอ

ไม่รู้จริงๆ ว่าผมจะมีชีวิตก้าวต่อไปข้างหน้าได้ยังไง ....  ทนไม่ไหว  เรื่องคราวนั้นทำให้ผมได้รู้

ว่าจริงๆ ไม่มีทาง...  ที่ผมจะตัดใจตัวเองได้เลย  ต่อให้ถึงวาระสุดท้าย...... ก็ยังอยากจะรักภาคต่อไปอยู่ดี

“แพน”  ภาคเข้ามากอดผมไว้ทั้งตัวจากด้านข้าง  ซุกหน้าลงกับหัวผม ตัวสั่นน้อยๆ น้ำตาที่เปียกชื้น

ไหลกระทบซอกคอผม  กระซิบเสียงแผ่วเบาที่พอให้เราได้ยินแค่สองคน “ภาครักแพน  ....รักแพนจริง”

ตอนนี้ทุกคนเงียบกริบ .... พ่อกับน้านพสบตากันเหมือนกำลังสื่อสารอะไรบางอย่าง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

แม่ซึ่งร้องไห้จนตัวสั่นกำลังซุกตัวเข้าหาอกพ่อ  มือของพ่อประคองด้านหลัง ลูบไล้เบาๆ อย่างปลอบโยน

น้านีเช็ดคราบน้ำตาออกจากไปหน้ามือบีบแน่นกับมือน้านพ ก่อนเดินมาตรงมาที่เตียงด้านข้างผมฝั่งตรงข้าม

ที่ภาคยืนกอดผมอยู่ไม่ยอมปล่อย  มันเชื่องช้าเสียจน .....บีบหัวใจผมจนเจ็บปวด

ผมเชื่อว่า.....ด้วยเหตุการณ์ที่ล่วงเลยมาขนาดนี้แล้ว ทุกคนคงล่วงรู้เรื่องราวระหว่างผมกับภาคเป็นอย่างดี

และคงได้ตัดสินใจกันมาจนเป็นที่แน่ชัดแล้ว  ผมจ้องมองบุคคลซึ่งจะมาบอกคำตัดสิน “ชีวิต” ทั้งชีวิตของผม
ด้วยหัวใจที่สั่นสะท้าน...  แน่นอนผมเคยโดยปฏิเสธมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นครั้งนี้......จึงไม่อาจล่วงรู้ชะตากรรม

   ของตัวเองได้เลย   ....  ว่ามันจะดำเนินอย่างไรต่อไป

เสียงเท้ากระทบพื้นกระเบื้องค่อยเยื้องกลายเข้ามาจนมาหยุดอยู่ตรงหน้า  ผมเงยหน้าเพื่อสบตากับน้านี

“แพน?”  ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ แค่นี้ก็แทบหยุดหัวใจของผมได้แล้ว  น้านีเช็ดคราบน้ำตาที่ยังไหลลงมา

ตามร่องแก้ม  นัยตาแดงกล่ำ ซึ่งผมเชื่อว่า.... ไม่ได้เพราะสถานการณ์จากแค่ตอนนี้  แต่อาจเป็นเพราะ

ก่อนหน้านี้ด้วย   สองมือของน้านีประกบรับมือที่ไหว้อยู่ของผม  ค่อยส่งยิ้มมาให้

“หนูจะให้อภัยน้าได้มั้ยลูก...ที่ขัดขวางความรักของหนู    ขอโทษที่น้าไม่เชื่อใจ ...คิดว่าคงเป็นแค่ ความหลงผิด

แบบเด็ก ๆ  แต่แพนได้พิสูจน์ให้น้าเห็นแล้วนะลูก  ว่าความรักของเราทั้งคู่มันเป็นความรักที่แท้จริง ฮึก.. น้า..

น้าเสียใจนะลูก น้าขอโทษที่ดูถูกความรักของแพน ...ไม่มีใครสละชีวิตให้คนอื่นได้หรอก ถ้าเค้าคนนั้นไม่ใช่

“คนที่สำคัญ” สำหรับเราจริงๆ  ขอบใจแพน ขอบใจที่รักภาคจริง ๆ ให้...ฮึก... ให้แม่เป็นแม่ของหนูอีกคนได้ไหมลูก?”

ผมถึงกลับร้องไห้โฮออกมาทันที สะอื้นไห้อย่างยินดีและปรีดา  โผเข้ากอดกันแน่น 

“ได้สิฮะ น้านี  ขอบคุณนะครับที่ให้เราได้รักกัน”  ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ขาดห้วง  อีกทั้งยังอู้อี้เพราะหน้าซุกอยู่กับ

อกของอีกฝ่าย  แต่น้านีกลับผละออกอย่างรวดเร็ว ทั้งยังหันมามองผมหน้าบึ้งๆ  ผมเลยชะงักค้างอีกรอบ

“หืม....เมื่อกี้เรียกว่าอะไรนะ?”  น้านีว่าเสียงดุๆ ทำเอาผมหลุดยิ้มออกมาทันที

“แม่นีครับ...ผมเรียกว่าแม่นี  ช่วยรับแพนเป็นลูกชายอีกซักคนนะครับ”  ผมพูดอ้อนๆ อย่างที่เคยทำ

“ได้สิลูก...แม่ก็อยากเปลี่ยนลูกชายมานานแล้วเหมือนกัน ฮ่าๆๆ ภาคแกเป็นหมาหัวเน่าแน่ๆ  ฮ่าๆๆ”

“โห~ แม่อ่ะ...ได้ใหม่แล้วลืมเก่าอ่ะ  แต่ไม่เป็นไรจะรักแพนมากกว่าผมก็ได้นะผมยอม”  เรียกเสียงหัวเราะกันทั่วห้อง

แม่ของผมเดินเข้ามากอดผมอีกคน  จนน้า...เอ้ย!! แม่นีต้องหลบฉากออกไป เพราะพ่อตัวดีของผมเกาะผมไม่ยอมห่าง

“ขวัญเอ๋ยขวัญมานะลูกแม่”  แม่กอดแล้วลูบหัวผมเบาๆ  ก่อนจะไปพูดกับภาค

“ภาคป้า...เอ้ยแม่ฝากน้องด้วยนะลูก หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กัน ต่อไปต้องใช้ชีวิตคู่กัน จะเจอปัญหาอีกมาก

อย่าเอาไฟเข้าบ้าน  ให้เชื่อใจ และไว้ใจกัน หากมีปัญหาคับข้องใจก็พูดจากันให้รู้เรื่อง อย่าทะเลาะกันข้ามคืนนะ

รู้ไหม  ต่อไปเป็นคนๆ เดียวกันแล้ว คนนึงเป็นไฟ อีกคนต้องเป็นน้ำนะลูก ถ้าเคลียร์ไม่ได้ก็ยังมีพ่อกับแม่อยู่”

พูดจบ ภาคก็ผละจากอ้อมกอดผม ยกมือไหว้มือ สำหรับคำสั่งสอนของผู้ใหญ่

“ครับแม่”  คงมีแค่ผมที่หน้าแดง  อายกับการอวยพรแบบบ่าวสาวของแม่ เลยได้แต่ก้มๆ หน้างุดๆ

“อายรึไงไอ้ลูกแมว  เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำหน้าแดงอยู่นั่นแหล่ะ  ว่าแต่เราจะเรียกสินสอดเท่าไหร่ดีแม่?”


พ่อที่อยู่ดี ๆ ก็หันมาแซว่ผม ก่อนจะหันไปถามแม่ด้วยสีหน้าจริงจัง  ส่วนภาคเลื่อนมือมากอบกุมมือผมไว้อย่างเนียนๆ

“เท่าไหร่ผมก็สู้หล่ะงานนี้  ฮ่าๆๆ ลูกชายรักลูกชายหลงขนาดนี้ผมเป็นพ่อต้องไปขอให้แล้วหล่ะ” พ่อภาคว่า

แล้วหัวเราะอย่างขบขัน

“เออดี แทนที่จะเสียค่าขันหมาก  ดันได้ค่าขันหมากซะนี่ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เห้ยนพงานนี้เองพลาดแล้วหล่ะ

ลูกชายพี่ค่าตัวแพง  ปกติให้ฟรีแถมข้าวสาร  แต่งานนี้พิเศษเดี๋ยวแถมบ้านพร้อมที่ดิน ฮ่าๆๆๆ”
“โห~  พ่ออ่ะ นี่ลูกนะ”   

“ไม่ได้นะผมไม่ยอมพี่จีหรอก ลูกผมปกติให้ฟรีแถมรถยนต์ คราวนี้ให้ฟรีแถมบริษัทไปด้วยเป็นไง ฮ่าๆ”

“ฮ่าๆๆ”  แล้วเสียงหัวเราะก็ดังครึกครื้นกันทั่วห้อง  ดังเสียจนพยาบาลยังต้องเข้ามาเตือน

ทุกคนถึงได้หยุดยิ้มกันได้  พอจบเรื่องนี้ทุกคนก็เข้ามาสอบถามอาการกันใหญ่ ลืมไปรึเปล่า?

ว่าควรจะเรียกหมอมาตรวจอาการหลังผมฟื้น  แต่ก็นะ....ช่างเถอะรอหมอพรุ่งนี้ก็ได้  คงไม่เป็นไร


ผมเล่าเรื่องที่ผมฝันให้ทุกคนฟัง  ทุกคนก็ลงความเห็นว่าผมคงฝันตอนฝ่าตัด  เลือดที่ไหลออกมามาก
จนต้องหาเลือดมาให้ผม  คนที่ให้เลือดผมก็ไม่ใช่ใคร.....แต่เป็นน้านี   อ้อ...แม่นีนั่นเอง

เห็นว่าแม่เค้าอาสา....เพราะอยากจะไถ่โทษที่ทำให้ผมเสียใจ    ผมไม่เคยโกรธ หรือโทษแม่นีเลย

เพราะผมเข้าใจ ภาคเป็นลูกคนเดียว หากไม่มีภาคก็ไม่มีคนสืบสกุล อีกฝ่ายเพราะเราอยู่ด้วยกันแต่เด็ก

น้านีคงคิดว่ามันเลยทำให้เราหวั่นไหวรึเปล่า  ผมเองก็เคยคิดว่า...เป็นเพราะเราใกล้กันเกินไป

ถึงได้พิสูจน์...ถึงยอมที่จะห่างไปไกลๆ  แต่สุดท้ายผมก็ได้รู้ว่า...  จริงๆ แล้วเรา ”รักกัน”







และตอนนี้เราก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนรับรู้  และยอมรับแล้ว  ว่าความรู้สึกระหว่างเรานั้น







“คือความรักอย่างแน่แท้เลยทีเดียว”




หัวข้อ: Re: >> กอด~ รักเอย P.24 19/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 19-08-2013 03:47:29


แฮปปี้แล้ว เย้ๆ ทุกคนเข้าใจกัน

ดีใจจังเลย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ รักเอย P.24 19/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 19-08-2013 05:45:25
 :กอด1: :กอด1:

ซะที

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ รักเอย P.24 19/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 19-08-2013 14:28:09
หลังจากกินมาม่ามาหลายตอนก้อได้กินข้าวไข่เจียวร้อน ๆ ซะทีนึง  :mew3: :mew3: กว่าจะเข้าใจได้ก้อเกือบจะต้องสูญเสียซะแล้วสิ
ขอบคุณน่ะจ้ะคุณทัศที่นำเรื่องดี ๆ มาแบ่งปันน่ะจ้ะ  :mew1: :mew1: รอเรื่องใหม่น่ะจ้ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ รักเอย P.24 19/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 20-08-2013 13:01:37
ยังไม่จบนะคะ  ...  ขอเวลา สวีตหน่อย  หุหุหุ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ รักเอย P.24 19/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 20-08-2013 19:10:01
สวีตอีกเยอะๆเลยชอบ :mew1:
+1และเป็ด
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ซักฟอก P.25 22/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 21-08-2013 23:55:58
ขอย้อนเวลาอีกสักนิด เพื่อจะทราบซึ้งความรักของ ภาค เค้าบ้าง ว่าเค้าได้ต่อสู้อะไร
เพื่อให้ได้น้องมาค่ะ


ซักฟอก



“แพน”  ผมเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนละโหยรอยแรง  พอมาถึงโรงพยาบาลได้บุรุษพยาบาลก็เข็นเตียงมารับที่รถ

เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายกระทบกระเทือนมาก ผมวิ่งตามทุกที่   ทุกที่ที่บุรุษพยาบาลคนนั้นพาน้องไป

จนมันหยุดที่หน้าห้องฉุกเฉิน ห้องถูกเข็นเข้าไปข้างใน ขณะที่ผมก้าวตามพยาบาลก็เข้ามาห้ามไว้เสียก่อน

“ญาติผู้ป่วยนั่งรอข้างนอกนะคะ เข้าไม่ได้ค่ะ”  ทุกๆ อย่างหยุดลงแค่นั้น ผมไม่รู้ว่าแม่หายไปตอนไหน

อาจจะกำลังกรอกข้อมูลในประวัติผู้ป่วยก็เป็นได้ แต่ผมไม่ได้สนใจ  ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน

เป็นครั้งแรกที่ได้สังเกตุตัวเอง....  มือผมสั่นอย่างระงับไม่อยู่ ผมไม่ได้เจ็บปวดแต่ประการใด

แล้วเหตุไฉนร่างกายผมถึงอาบไปด้วยเลือดสีแดงฉาน  .....  ถ้าไม่ใช่มาจาก......

“แพน!!”  ผมกัดริมฝีปากตัวเองจนแน่น มันเจ็บปวดราวกับร่างกายตัวเองฉีกเป็นชิ้นๆ เหมือนคนบ้า

ผมลุกขึ้นยืนด้วยขาที่อ่อนแรง แล้วก็ทรุดฮวบลงกับพื้น ใจผมค่อยๆ แตกสลายทีละน้อย

เมื่อไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าคนข้างในเป็นอย่างไรในตอนนี้  ค่อยๆ คลานไปตามพื้น จนถึงประตูหน้าห้องฉุกเฉิน

พิงหลังกับประตู คู้เข่าชันขึ้นก่อนจะซุกหน้าลงไป น้ำตาแทบเดือดเมื่อหัวใจมันร้อนรนจนห้ามไม่อยู่

เป็นผมไม่ได้เหรอ? ....   ให้น้องอยู่ไม่ได้เหรอ  ทำไม...ต้องลงเอยแบบนี้  ได้โปรด .....กลับมา

ในขณะที่ผมได้แต่พร่ำรำพันอยู่ในใจ  ใครคนหนึ่งก็สาวเท้าก้าวมายืนอยู่ตรงหน้า  ผมเงยหน้าขึ้นมองช้าๆ

ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา....  ไม่มีคำว่า “อาย” อยู่เลยแม้เพียงนิด  ผมมีแต่ความเสียใจจนแทบ

อยากจะตายอยู่ ณ ที่แห่งนี้ หากมันจะช่วยให้อีกฝ่ายหาย และกลับมายืนอยู่ตรงหน้า 

น้ำตาหยดหนึ่งตกกระทบมาที่แก้ม... มันไม่ใช่น้ำตาผม หากแต่....เป็นของแม่ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

ผมซุกที่ขาแม่กอดมันไว้แน่น  ...  รู้สึกเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวของผมในตอนนี้

“ผมรักแพนแม่!!  ผมรักน้อง ฮืออ ผมขาดแพนไม่ได้  แม่  ...  แม่ครับ...แม่  ฮือออ ”  ได้แต่พูดพร่ำ

คำซ้ำๆ อย่างนั้น ร้องไห้สะอึกสะอื้น เหมือนใจผมมันจะขาด  เขย่าที่ขาให้แม่ได้รับรู้  แม่ไม่ได้ตอบ

เพียงแต่ลูบหัวผมหนัก ๆ   แล้วก้มลงมากอด 

“ผมรักแพน  ฮึก  รักแพนจริง ๆ  ”  แม่กระชับกอดผมแน่นขึ้น เอ่ยเรียกเสียงแผ่วปริ่มจะขาดใจตาม

“ภาค”  ผมดันตัวแม่ออกช้าๆ จ้องมองใบหน้าที่ไม่มีคำตอบใด ที่ผมถามผมยิ้มน้อยๆ  อย่างจำยอมในโชคชะตา   

“ผมรักแม่นะครับ”   

“....................”   

ผมรักแม่....  แต่ในเมื่อสิ่งที่เราต้องการมันสวนทาง ผมขัดแม่ไม่ได้  และก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้เช่นกัน   

ค่อยๆ โน้มตัวลงกอดแม่อย่างเดิมเติมความอบอุ่นที่เราเคยมีให้กันเสมอมา .....  ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ

“ภาคจะไม่ขัดใจแม่ก็ได้ ....แต่ขออะไรสักอย่างนะแม่. ”   ซบหน้าลงกับบ่า

“ภาค”  แม่เรียกชื่อผมเสียงสั่นเครือ  ผมเองก็ใจหายที่ตัดสินใจแบบนี้

“ถ้าน้องไม่อยู่แล้ว.........ช่วยฝังผมไว้กับน้องที”

“ภาค...ฮืออออออออออ อย่าพูดๆ อย่างนี้อีกนะลูก ฮือๆๆ  แม่ยอมแล้วภาค  ยอมตั้งแต่น้องมากันกระสุนให้ภาคแล้ว”

แม่กระชับกอดแน่นมาก  มากเสียจนผมหายใจแทบไม่ออก  แต่กลับรู้สึกยินดีปรีดาจนล้นอก 
“ขอบคุณครับแม่”  ผมค่อยๆ กราบลงกับพื้น ในความกรุณาครั้งนี้ผมจะไม่มีวันลืมเลย ผมลูบหัวผมเบาๆ

ก่อนจะดึงผมไปกอดแน่นๆ    เสียงรองเท้าที่กระทบพื้นปูนดังเป็นระยะ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนผมกลับแม่ต้องหันไปมอง

พ่อกำลังเดินเข้ามา...  ใบหน้าเคร่งขรึมผิดวิสัยคนช่างเฮฮา  ผมพยุงแม่ลุกขึ้นแล้วนั่งลงบนเก้าอี้

พ่อทรุดตัวลงข้างๆ  คนพอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว

“ภาค.... ช่วยอธิบายพ่อทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น”  พ่อถามผมด้วยน้ำเสียงราบเรียบติดจะเครียดเล็กๆ เพราะสายตาที่มองมา

มันดูเหนื่อยอ่อนอย่างบอกไม่ถูก

“ผมกับแพน  เรารักกัน”  ผมหันไปตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

“อันนั้นพ่อรู้ เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กมันก็ต้องผูกพันธ์และรักกันเป็นธรรมดา”  พ่อว่าออกมาพยายามชี้ให้ผมเห็น

ว่าความรู้สึกที่เป็นอยู่ว่ามันไม่ใช่ “รัก”   ผมยิ้มมุมปากเล็กน้อยแม้สายตาจะไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย

“พ่อเคยรักใครจนหวงแหนเค้าคนนั้นรึเปล่าครับ?   รักมากเสียจนอยากจะครอบครอง เป็นเจ้าของ  ไม่อยากให้ใคร

เข้าใกล้ หรือสัมผัส  ถ้าทำได้อยากจะเก็บเค้าไว้ในที่ที่ไม่มีใครจะเข้าถึง อยากให้สองตาของเค้าจ้องมองมาที่เรา

แค่เพียงคนเดียว  เวลาเค้าเจ็บเราเจ็บกว่า เวลาเค้ามีความสุขเราก็สุขจนห้ามไม่อยู่ อยากใช้ชีวิตอยู่กับคนๆนี้

ไม่ว่านานเท่าไหร่ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ไม่ว่าที่ไหน  รัก...ในทุกอย่างที่เป็นเค้า  พอไม่มีเค้า...  ผมก็อยากจะตายซะให้ได้”

“..............................  อืม”

“แม่ของแกไง”  พ่อตอบมาสั้นๆ เพียงแค่นั้น 

“รู้ใช่ไหมว่าน้องเป็นคนสำคัญของทั้งครอบครัวเรา และครอบครัวแพนเอง” ผมพยักหน้ารับ

“ รู้ใช่ไหมว่าการเลือกของแกครั้งนี้ มันไม่มีสิทธิ์จะเปลี่ยนใจ เพราะถ้าแกเปลี่ยนใจมันจะทำลาย

ความสัมพันธ์ที่ฉันกับแม่แกร่วมสร้างมาหลายสิบปี”

“รู้ครับ”

“แกแน่ใจเหรอว่าจะดูแลแพนได้”

“ผมแน่ใจครับ  อีกแค่ปีเดียวผมก็จะจบแล้ว ฉะนั้นผมจะตั้งใจทำงานเพื่อครอบครัวของเรา”

“คำถามสุดท้ายนะ......  แกพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับป้าอรลุงจี  แล้วหรือยัง?”

“ครับ...ผมพร้อมแล้ว”

“งั้นก็ดี..... พี่จะว่ายังไงหล่ะ  ลูกชายผมมันไปหลงรักลูกชายพี่เข้าแล้วว่ะพี่”

ผมหันไปมองด้านหลังแทบจะทันที  แล้วก็เจอป้าอรกับลุงจีที่กำลังยืนอึ้ง .... อยู่กับสิ่งที่ได้ยิน


“ห...ห๊า   ว่าอะไรนะนพ”  ป้าอรอุทานด้วยน้ำเสียงที่ตกตะลึง มองผมทีมองพ่อผมทีอย่างขอคำตอบ

“ผมรักแพนครับ”  ไม่จำเป็นต้องรอให้ใครบอก ตอนนี้ผมไม่คิดจะถอยหลัง  ป้าอรเบิกตากว้าง ก่อนจะเป็นลมพ้มพับไป

เรื่องราวที่แพนถูกยิงถูกถ่ายทอดจากปากของพ่อ  ที่ดูมีสติกับเรื่องของผมและแพนมากที่สุด 





“ถึงขั้นไหนกันแล้ว”  ลุงจีเอ่ยถาม ขณะที่ใบหน้าจ้องตาผมเขม็ง  ....   ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่จะพูดตรงๆ

ก็เหมือนไม่ให้เกียรติน้อง  แต่มาถึงขั้นนี้ต่อให้น้องต้องอายก็ยังดีกว่าที่เราต้องแยกจากกัน   

“แพนเป็นเมียผม” ผมตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น 

“เชี่ย ”   ปึก....  ลุงจีอุทานเสียงดัง  พร้อมปลายเท้าที่ตวัดถีบยอดอกผมทันที ส่งผลให้ไปนอนหงาย

นับดาวอยู่กับพื้น  โดยมีพ่อกับแม่ผมเป็น แบล็คกราว อ้าปากกว้างด้วยความตกใจ  ซึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจว่า

ตกใจเรื่องที่น้องเป็นเมียผม  หรือเรื่องที่ลุงจีถีบยอดอกผมกันแน่ แต่ที่แน่ๆ... ไม่มีใครยื่นมือมาช่วยผมสักคน

“โอ๊ะ..... โทษทีๆ ตกใจไปหน่อย”  ลุงจีว่า  ก่อนจะยื่นมือมาดึงให้ผมลุกขึ้น พร้อมกับคำถามถัดมา

“ตั้งแต่เมื่อไหร่”  น้ำเสียงดูเหี้ยมนิดๆ ทำเอาผมเกร็งอยู่ไม่ใช่น้อย  แต่ก็ต้องทำใจดีสู้เสือไว้ก่อน

“ตอนผมอยู่ปีหนึ่งครับ”   ผมตอบอย่างรวดเร็วฉะฉาน  ได้ยินเสียงลุงจีอุทานอีกรอบ

“สัด”  แล้วตามด้วยเสียงดัง  โป๊ก...  สนั่นหวั่นไหว  ไม่ใช่อะไรหัวผมนี่แหล่ะที่โขกพื้น จากการที่อยู่ดีๆ

อีกฝ่ายก็ปล่อยมือแบบไม่ปี่มีขลุ่ย  ผมที่ยังลุกนั่งไม่เต็มตัวก็ล้มหัวฟาดพื้นไปอีก

“โอ๊ะ ... อีกล่ะ ตกใจไปหน่อย”  ลุงจีเกาหัวเบา พร้อมยิ้มแหยๆ อย่างไม่ค่อยเต็มใจ  แล้วยื่นมือส่งมา

เป็นสัญญาณว่าจะช่วยอีก ผมลูบหัวตัวเองป้อยๆ พร้อมยิ้มที่แหยกว่า

“ไม่เป็นไรครับ”

“ได้กันครั้งแรกลูกลุงมันยอมได้ไงว่ะ  อ่อยฉิบหาย”   ลุงจีว่าพลางคิ้วขมวดเป็นปมออกแนวเคืองเล็กๆ

“ป่าวครับผมลากเข้าห้องแล้วจับกด” 


“เห๊ย / เห๊ย/ ห๊า”  สามเสียงตะโกนพร้อมเพียงกัน  จนพยาบาลที่พึ่งเดินออกจาห้องพิเศษแถวๆ นั้น

หันมามองจนตาเขียว แต่ละคนพร้อมใจยกมือขึ้นปิดปากโดยพร้อมเพียงกัน จนพยาบาลลับตาไป

“ไอ้ห่าทำลูกกู”  คราวนี้ละครับทั้งหมัด ทั้งศอก ทั้งตีน  ลุงจียำผมจนไม่มีชิ้นดี ดีที่พ่อผมมาขวางไว้ทัน

“โอยยยยยยยยย เจ็บ”  ผมครางยาว ด้วยความเจ็บปวด ซึ้งถึงความจริงที่แพนเคยว่า

  “ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย....แต่คนพูดอาจตายได้  ฮ่าๆๆๆ”  ไอ้ตัวเล็กว่าไว้อย่างนั้น



“ใจเย็นพี่  ใจเย็น  .... ถือว่าผมขอเถอะนะ”  พ่อผมยกมือไหว้ พร้อมๆ กับจับแขนลุงจีไว้ ไม่ให้ต่อยผมมากไปกว่านี้

ผมหันหน้ากลับมามองเหตุการณ์ตรงหน้า  รู้ว่ามีเลือดค่อยๆ ไหลออกมาจากโพรงจมูก   ลุงจีจ้องผมตาเขม็ง

พอเห็นผมตกเลือด  ลุงจีก็มีทีท่าว่าจะพอใจ  และก็ใจเย็นลง

“เออ...หยุดก็ได้  ส่วนเรื่องขอมึงต้องมาขอกูแน่ไอ้นพ  คิดจะให้ลูกมึงฟันลูกกูฟรีไม่มีทาง  ลูกกูมีค่าตัวเว่ย”

พ่อผมหลุดยิ้มนิด ๆ เครียดขนาดนี้ยังจะแทรกมุขอีก

“แพงรึเปล่าหล่ะ สู้ไหวก็จะสู้ แต่ถ้าแพงเว่อร์ ยุแม่งหนีตามกันเลย”  พ่อก็สวนตอบกลับไป  ลุงจีกระตุกยิ้มนิดๆ

ดูทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี

“ไม่แพงเค้าจะเรียกว่าค่าตัวเหรอ ห่า ไม่รู้เรื่องแล้วทำโว”  ลุงจีทำท่าเหมือนตัวเองเหนือกว่านิดๆ

“แล้วจะคิดเท่าไหร่ก็ว่ามาชักช้า ลีลาอยู่นั่นแหล่ะ เสียเวลา วู๊” 

“ไม่รู้เว่ย เดี๋ยวกูปรึกษาเมียกูก่อน”   พูดจบก็หันไปหาป้าอร ซึ่งนั่งฟังตาแป๋วไม่รู้ตื่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่

“สองล้านจบ” ป้าอรพูดขึ้นมา

“ลดได้ป่ะพี่อร”  นิสัยช่างต่อเป็นเรื่องปกติของแม่อยู่แล้ว  เลยเผลอถามไป ทำเอาคนอื่นเลิกคิ้วสูงด้วยความงงงวย

ไปพร้อมๆ กัน  ยกเว้นเสียแต่ป้าอรนี่แหล่ะ ที่เหมือนตั้งราคาเผื่อต่อไว้ก่อนแล้ว

“ให้ได้เท่าไหร่หล่ะ”  ป้าอรว่ายิ้มๆ 

“เงินสดล้านหนึ่ง ทองสิบบาท แหวนอีก 5กะรัต”  แม่เสนอได้อย่างคล่องแคล่ว 

“ตกลง ...  ตามนั้น”  เสียงหัวเราะของสองสาวดังคิกคักเบาๆ  เมื่อได้ต่างฝ่ายต่างได้คำตอบที่ตัวเองต้องการ


ผมได้แต่มองตาม และกระพริบตาปริบด้วยความสับสน เมื่อครู่ ผมแทบจะลาตายตามน้อง ทำทุกอย่างให้แม่ยอมรับ

แต่พ่อดันมารู้  ต้องสารภาพจนหมดเปลือก  แถมลุงจีกับป้าอรที่โผล่มาจากไหนไม่ทราบ ล่าสุดที่ผมรู้คือ

พวกท่านทั้งสองอยู่ต่างประเทศ หรือท่านทุกครู่ตั้งใจจะเดินทางมาร่วมงานหมั้นของผมอยู่แล้ว แต่ดีใจที่มันล่มไป

เมื่อท่านได้รับรู้เรื่องราวที่ผมสารภาพกับพ่อ  สุดท้ายก็ถูกซักไซร้ โดยมีผม

ที่จงใจสารภาพอย่างหมดเปลือก  ถูกซ้อมพอดีพองาม อ่ะนะ ว่าที่พ่อตาเราจะไปเราเอาเรื่องแค้นเคืองก็ใช่ที่

ยอมๆ ไปน่าจะดีกว่า   สุดท้ายก็ลงเอยด้วยเรื่องแต่งงาน โดยที่ทุกฝ่ายเห็นดีเห็นงามด้วย บอกได้คำเดียว ว่างง

แต่ก็นั่นแหล่ะ  ตอนนี้ผมแค่รอ.....  รอน้องจะฟื้น     รอ....เวลาที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

“แพน.. รีบตื่นขึ้นมาเร็วๆ หล่ะ”   



หัวข้อ: Re: >> กอด~ ซักฟอก P.25 22/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 22-08-2013 00:20:35
 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ซักฟอก P.25 22/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 22-08-2013 00:28:55
 :laugh: :laugh:

อัยยะ พ่อตาขาโหดอ่ะพี่ภาค

ห้ามทำน้องแพนเสียใจนะ

ไม่งั้นเจอชุดใหญ่กว่านี้แน่นอน

ขอหวานๆอีกสักเซ็ตแบบคอมโบ้

บวกแพ็คเกจเสริมของต้น-ไม้ด้วยจร้า

 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ซักฟอก P.25 22/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 22-08-2013 00:39:50
 :mew3:

เหมือนพ่อแพนจะแกล้งภาคเยอะพอตัวนะ

คุยกันง่ายแบบนี้ค่อยดีหน่อย
หัวข้อ: Re: Re: >> กอด~ ซักฟอก P.25 22/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 22-08-2013 00:45:00
อยากได้ลูกเสือ ต้องยอมพ่อเสือหน่อย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ซักฟอก P.25 22/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: mintra1982 ที่ 22-08-2013 00:56:54
 :z6:   พ่อตาเผลอบ่อยนะคะพี่ภาค. 555 ชอบคุณพ่อน้องแพนจังค่ะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ซักฟอก P.25 22/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 22-08-2013 14:30:00
ดีใจที่ยังไม่จบจ้า เพราะอยากให้ภาค+แพนได้มีเวลาหวาน ๆ กันบ้างน่ะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: Re: >> กอด~ ซักฟอก P.25 22/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 24-08-2013 19:56:05
เจ็บตัวครั้งนี้
เพื่อได้รักน้องแพน
ก็คุ้มเนอะพี่ภาค :z2:
หัวข้อ: Re: Re: >> กอด~ ซักฟอก P.25 22/8/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 24-08-2013 22:23:37
อยู่ ต่างจังหวัดอีกแล้ว ขยันมามากอ่ะ
 อยู่กับครอบครัวค่ะ แต่งไม่สะดวกเน้อ รอไปก่อน  อิอิ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ คิดถึง P.25 2/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 02-09-2013 00:59:14

~  คิดถึง


ผมถอนหายใจรอบที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ จนไอ้ไม้มันส่ายหน้าเซ็งๆ ส่วนไอ้ต้นนอนหมอบราบกับโต๊ะอย่างไม่สนใจใคร

เมื่อคืนท่าหนัก....  กลิ่นละมุดลอยมากระทบจมูกนิดๆ คอเสื้อที่ล่นเผยให้เห็นจ้ำสีแดงช้ำ ไม่บอกก็รู้สินะว่ารอยอะไร

เมื่อคืนไม่รู้ว่าพวกมันนึกครึ้มอะไรไม่ทราบนัดเลี้ยงสายรอบที่แปดล้านได้แล้วมั้ง  แอบดีใจที่ตัวเองไม่อยู่

จะให้หาเรื่องปฏิเสธพวกมัน... สู้ให้ผมต่อยปากมันจนสลบอันนี้น่าจะง่ายกว่า ยิ่งไอ้ไม้ที่แม่งสรรหาข้ออ้าง

ได้จากทุกมุมโลก ผมคงโดนลากไปร่วมด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย แต่วันนี้เป็นเรื่องที่ผิดปกติไม่ใช่น้อย

เพราะปกติออกไปดริ๊งกันที่ไรต้องเป็นไอ้ไม้ไม่ใช่เหรอว่ะ ที่ต้องมอบกับโต๊ะเยี่ยงลูกหมา แล้วมีไอ้ต้นนั่งตั้งใจเรียน

จนยิ๊กๆ ยิ๊กๆ ไว้ให้เพื่อนได้อ่าน  แต่วันนี้ทำไมมันสลับหน้าที่กันซะงั้น ไม่อยากจะเชื่อ....

 คงจะโดนจัดหนักล่ะสิ หึหึ  ถึงอาทิตย์หน้าจะได้เวลาสอบปลายภาคแล้วก็ตามที แต่ทำไมผมเรียนอะไร

ก็ไม่เข้าหัวสักนิด อาจจะเป็นเพราะ 

“เป็นห่วงคนไกล...  หนาวบ้างไหมคนดี   หลับให้สบายนะคืนนี้    ...  บางที.....จะไปห่มผ้าให้......ในความฝัน” 

“ปึก!!   เชี่ย” ผมสบถเบาๆ พร้อมกับหัวที่ทิ่มจนแทบจะกระแทกพื้นโต๊ะ แค่เผลอละเมอเพ้อพกถึงเมียเล็กน้อย

แม่งถึงกับทำร้ายกันเลยทีเดียว หันไปมองไอ้ตัวการ  ซึ่งมันมองหน้าหาเรื่องผมรออยู่ก่อนแล้ว 

โดยไม่สำนึกผิดสักกะติ๊ด   เก้าอี้ตัวถัดไปเห็นอ๋อมนั่งหัวเราะคิกๆ อย่างอารมณ์ดีอยู่ หลังเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด   


“เห่าเชี่ยไรครับเพื่อน  กูฟังจารย์ไม่รู้เรื่อง ตอนนี้อยู่ระหว่างตั้งใจเรียน ถ้ากูจดที่จารย์สอนไม่รู้เรื่อง

หรือเรียนไม่เข้าใจ หายนะจะมาหากู  มึงเห็นเมียกูที่มันหมอบอยู่นี่มั้ย มันสั่งกูไว้ว่าเป็นเพราะกู

ทำให้วันนี้แม่งเรียนไม่ไหว และถ้ากูจดเลคเชอร์แบบอ่านไม่ออก  อธิบายแม่งไม่เข้าใจ กูจะโดนตีน โอเค๊”

 มันเอียงหน้านิดๆ เลิกคิ้วสูงๆ กวนตีนสุดๆ พร้อมเน้นเสียงคำสุดท้าย  พร้อมปลายเท้ากระดิกนิด ๆ 

ทำเอาผมอมยิ้มขำแบบทนไม่ไหว  ไม่ได้อารมณ์เสียแต่อย่างใด
“เออ!!  สัดที่แท้ก็กลัวเมีย”   ผมยักคิ้วยิกๆ ไปให้ไอ้ไม้  มันแสร้งทำตาขวางเล็กน้อยก็หลุดยิ้มมุมปาก

“หรือมึงไม่?”  ไอ้ห่าย้อนกูทีนี่  เถียงไม่ออกเลยทีเดียว   ผมอมยิ้มจนปากฉีกก่อนจะทำปากดีเถียงต่อ

“ไม่เคยกลัวว่ะ  เพราะกูเก็บไว้เทิดทูนบูชา ฮ่าๆๆๆ”   อารมณ์ดีขึ้นมานิด ๆ พอได้พูดถึงคนที่คิดถึง

“สัด...  ว่าแต่กู  ฮ่าๆๆ”  มันส่ายหน้าขำ ๆ ก่อนจะหันไปสนใจ อาจารย์ที่กำลังสอนตรงหน้า

.

.




ผมก้มหน้ามองหนังสือก่อนจะเริ่มเลคเชอร์ในสิ่งที่อาจารย์สอนบ้าง ผมเองก็มีจุดมุ่งหมายไม่มีเวลาที่จะถอยหลัง

เวลาที่เหลือผมอยากก้าวไปข้างหน้าให้เร็วที่สุดเพื่อดูแลใครคนนั้น   คนที่ผม “รักสุดหัวใจ”

.

.

คาบสุดท้ายของวันทุกคนเร่งรีบเก็บข้าวของ  ไอ้ต้นที่นอนหมอบมาตั้งแต่คาบแรกมาตื่นตอนครึ่งบ่าย

แต่ลักษณะท่าทางของมันทำให้รู้แค่ว่ามันยังมีชีวิตอยู่แค่นั้น ส่วนสติคงต้องฝากไว้กับไอ้ไม้

“พวกกูกลับก่อนนะเว่ย แม่งท่าจะไม่ไหวแล้ว”  มันทำปากบุ้ยบ่ายไปทางไอ้ต้น  ซึ่งไอ้ต้นเองก็ยังคงทำหน้า

มึนเบลอได้แบบเสมอต้นเสมอปลาย 

“เออ เจอกันพรุ่งนี้เว่ย”  เผลออมยิ้มนิดๆ เมื่อไอ้ไม้แอบเนียนทำทีเป็นห่วงเป็นใย แล้วสอดมือโอบเอวอีกฝ่าย

ก่อนจะหันหน้ามาหยักยิ้มพร้อมตีคิ้วอีกสองขยักให้กับผม  ซึ่งถ้าเป็นปกติ มันคงโดนไอ้ต้นตบหัวหลุดไปแล้ว

แต่นี่เพราะไอ้ต้นมันเบลอมันถึงยอมให้ไอ้ไม้ลวนลามตัวเองได้  แถมยังเอาแขนตัวเองไปโอบรอบคออีกฝ่ายอีกด้วยสิ

เผลอมองพวกมันสองคนเดินไปจนกระทั่งเดินเลี้ยวหายลงบันไดไป  แอบอิจฉาพวกมันทั้งสองคน
ที่ได้อยู่ด้วยกันอย่างที่ต้องการ   มีกันและกันตลอดเวลา


ผมเอง...ก็อยากให้แพนอยู่ข้างๆ ผมตรงนี้  แค่น้องอยู่ข้างๆ พลังมหาศาลมันจะถูกส่งมาที่ผม 
ต่อให้เรื่องราวที่ต้องเจอจะหนักหนาแค่ไหน ....  ผมก็สู้ไหว  หนึ่งเดือนแล้วที่ต้องกลับมาเรียน

โดยไม่มีโอกาสเจอหน้าแพนเลย ทั้งๆ ที่อยากจะคอยดูแลอีกฝ่ายให้ดีที่สุด

หลังจากที่น้องฟื้น และทั้งสองครอบครัวยอมรับเรื่องของเราได้แล้ว ผมได้อยู่กับน้องเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น

ไอ้ตัวเล็กก็เจ้ากี้เจ้าการขับไล่ไสส่งให้ผมกลับมาเรียน  แบบเปล่าเปลี่ยวเอกา ถึงจะได้ยินเสียงทุกวัน

แต่ก็นะ....  มันจะเหมือนได้กอดทุกวันได้ยังไงเล่า  อืม....มีอีกเรื่องที่ผมยังไม่ได้เล่าสินะ ....เรื่องของคนคู่นั้น

ป่าน....  กับตังค์ .....  ถ้าจะบอกว่าสองคนนั้นรักกันมาก  แต่คนหนึ่งอยากจากทั้งที่อีกคนอยากอยู่

สงสัยรึเปล่าทำไม    แม้แต่เรื่องผมกับป่านเอง  การที่เราทั้งคู่ถึงถูกจับให้หมั้นโดยที่ตัวผมเองไม่เคยรู้ระแคะระคาย

กับเรื่องนี้มาก่อน   แล้วทำไมป่านถึงยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ทำไมครอบครัวของป่านยอมรับผม  ทั้งๆ ที่ผมไม่เคย

แสดงตัวรับรู้ หรือแม้แต่ตอบรับกับการเป็นคู่หมั้นครั้งนี้  แม้แต่การที่ผมจะแสดงความรักต่อป่านสักครั้งก็ไม่มี

ผมกับป่านเรารู้จักกันผ่านๆ ไม่ได้สนิทชิดเชื้อพอจะรู้นิสัยใจคอ แต่เท่าที่รู้มาน้องก็เป็นเด็กนิสัยดีน่าคบหาคนหนึ่ง 

เป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าของธุรกิจโรงแรมขนาดใหญ่ มีหน้ามีตาทางสังคม ส่วนตังค์เป็นลูกชายนักการเมืองท้องถิ่น

ที่ขึ้นชื่อลือชา ชอบซิ่ง แว๊น ซ่าส์ ต่อยตี  คดียาวเป็นหางว่าวท่าจะสาวเรื่องราวมาไม่หมด ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่า

ทั้งคู่มาบรรจบกันได้ยังไง รู้แต่ว่าทั้งคู่คบหากันในฐานะคนรักได้หลายปีดีดัก นานพอ...ที่จะทำให้ตังค์คิดว่า

อยากจะใช้ชีวิตกับป่าน ก็คงรักป่านมาก.... ในวันที่ตังค์ตัดสินใจขอป่านแต่งงาน เรื่องมันน่าจะจบลงด้วยดีใช่ไหม

 ถ้าคำตอบของป่าน.....จะไม่ใช่การปฏิเสธ และขอยุติความสัมพันธ์ให้จบลงแค่นั้น   

และก็แน่นอนว่าตังค์ไม่ยอม เข้ามาระรานชีวิตของเธอ ผู้ชายทุกคนที่อยู่ใกล้ๆ ล้วน โดนทำร้าย 

ป่านจึงหันมาสารภาพกับครอบครัว ซึ่งไม่เคยมีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน   ถึงป่านจะรักตังค์....  แต่ป่าน

ก็ไม่ต้องการจะใช้ชีวิตแบบนั้น แบบที่ตังค์ทำอยู่เหมือนคนที่ค่อยๆ ก้าวเดินเข้าหาความมืด อบายมุข จมดิ่ง.... 

กับเส้นทางที่ดูเลวร้ายขึ้นทุกที ถึงจะขอร้องหรือห้ามปรามสักเท่าไหร่...  คำตอบที่ได้ก็แค่  ....

“นี่มันชีวิตตังค์ป่านไม่เกี่ยว”  ..  สุดท้ายลุงคณิตกับป้าระดาเลยมาปรึกษาหาทางออกกับพ่อแม่ผม

ทุกคนลงความเห็นว่าถ้าป่านแต่งงานเรื่องคงจบ ...  รวมทั้งผู้ใหญ่ของทั้งทางผมและป่านก็ตั้งใจจะให้เรา

ทั้งสองฝ่ายเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกันอยู่ก่อนหน้าแล้ว เรื่องนี้เลยถูกดำเนินการโดยการยินยอมทั้งสองฝ่าย

ถึงผมจะเสียใจนิดๆ ที่แพนเองก็ร่วมมือด้วย  แต่ผมรู้ว่าน้องก็เจ็บปวดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างแสนสาหัส

ทั้งทีท่าและแววตาที่เจ็บปวดนั่น...  ผมเข้าใจแล้ว การที่เราต้องจัดเตรียมงานหมั้นให้กับคนที่เรารัก ทั้งๆ ที่รู้

อยู่เต็มอกโดยไม่มีทางขัดขืน  ต้องแสร้งทำเป็นยิ้มทั้งที่ในใจแตกสลาย ทุกๆ อย่างที่ทำเหมือนมีเข็มเป็นพันเล่ม

กำลังทิ่มตำหัวใจ ทั้งๆ ที่รู้...  แต่ก็ยังยินดี ที่จะเดินเข้าหามันเล่มแล้วเล่มเล่า  ความโกรธและน้อยใจของผม

มันละลายหายไปทันทีเมื่อเห็นแพนถูกยิง และล้มลงอยู่ตรงหน้า ในใจได้แต่ภาวนาขอให้น้องมีชีวิตรอดมาก็แค่นั้น

เมื่อมันดันจบแบบที่คาดไม่ถึง.....  ป่านโดนตังค์จับตัวไป หนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืน....  ครอบครัวป่านและตังค์

ควานหาตัวกันให้ควัก....  แต่เชื่อไหมไม่มีใครหาเจอ เวลาหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืน ตังค์กับป่านก็มาปรากฎตัว

ที่บ้านของป่าน และมาคราวนี้พ่วงพ่อของตังค์ที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นมาด้วย ท่านเป็นคนที่มีชื่อเสียงในทางที่ดี

ยกเว้นเรื่องลูกชาย เห็นว่าท่านเองยอมคุกเข่าพร้อมกับลูกชายขออภัยกับทางบ้านของป่าน และครอบครัวผม

ยินดีให้ชดใช้ให้ทุกอย่าง และยินดีจะให้ลูกนั้นรับโทษตามที่ได้กระทำผิด นี่แหล่ะคือความรักในฐานะคนเป็นพ่อ

ยอมเสียศักดิ์ศรีได้ทุกอย่าง เพื่อให้ลูก  ตังค์กับป่านสารภาพว่าทั้งคู่ใช้เวลาในการปรับความเข้าใจ

ตังค์ยอมเลิกทุกอย่าง จะปรับปรุงตัวเองใหม่ให้เป็นคนดี ตั้งใจเรียนให้จบเพื่อจะสร้างครอบครัวตัวเองให้ดีขึ้น 

ป่านเองก็ยินดีจะใช้ชีวิตร่วมกับตังค์   เพราะยังไงซะความรัก....  มันก็มักจะชนะทุกอย่าง
เรื่องของตังค์กับป่านมันจบลงแค่นั้นแหล่ะ  สุดท้ายแพนไม่ได้เอาเรื่อง แม้ว่าผมอยากจะให้ดำเนินคดี


 แต่น้องขอร้องไว้ให้ช่วยเห็นแก่ความรักของตังค์ที่พยายามต่อสู้ และทำทุกอย่าง 
ขณะที่เรายังไม่ได้ทำอะไรเลย ด้วยซ้ำไป  ต้องขอบคุณเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยซ้ำที่ทำให้เราได้รักกันแบบนี้

ผมเงียบทันทีหลังจากฟังประโยคนั้นจบลง ถ้าเป็นผมหล่ะ ถ้าผมอยู่ในสถานะแบบตังค์

 ผมจะกล้าพอลุกขึ้นมาต่อสู้ขนาดตังค์รึเปล่า.จะโกรธเกลียดใครคนนั้นจนแทบอยาก

จะฆ่ามันให้ตายไปรึเปล่า.  จะทำอะไรได้ไหม หรือแค่ยืนมองมันเงียบๆ ด้วยหัวใจที่ปวดร้าวกันนะ.

 สุดท้ายก็ยอมจำนนให้ต่อเหตุผลของอีกฝ่าย อย่างไร้ข้อโต้แย้ง   เมื่อคำว่า "รัก"

 มันมีเหตุผลเหนือคำตอบใด ก็เพราะคำว่ารักไม่ใช่เหรอผมถึงมายืนอยู่ตรงนี้   และยินดี

ที่จะทำทุกอย่างเพื่ออีกฝ่ายเช่นกัน   ผมถอนหายใจยาวเหยียด เมื่อความรู้สึกว่าคิดถึงอีกฝ่าย

มันทวีความรุนแรงยิ่งกว่าทุกวันที่ผ่านมา  ผมต้องการมากกว่าแค่เสียงที่ส่งผ่านเครื่องมือสื่อสาร

แต่ผมต้องการสัมผัสจากคนรัก อยากให้น้องอยู่ตรงนี้ คิดถึงจนไม่กล้าโทรหา เพราะกลัวว่า

หากได้ยินเสียงน้องแล้ว ผมต้องรีบตรงดิ่งกลับบ้านแน่ๆ ฟุบหน้าหมอบลงกับพวงมาลัยรถยนต์

เสียงข้อความเข้าก็ดังมาจากมือถือ. ผมควักมันออก เหลือบเห็นชื่อคนส่ง ก็เผลอยิ้มอออกมานิด ๆ

 จะทรมานกันไปถึงไหนนะ

"กลับบ้านรึยังครับ เถลไถลที่ไหนรึเปล่า" ได้แต่หัวเราะเบาๆ เพราะท่าจะมีญาณทิพย์

ถึงได้รู้ว่าผมยังไม่ถึงห้อง

"ยังครับ แต่ไม่ได้เถลไถลนะครับอยู่ที่มหาลัย กำลังจะกลับ" กดส่งออกไป  สักพักเสียงข้อความก็ดังขึ้นอีก

"อย่าให้รู้นะว่าแอบไปจีบใคร"  ริมฝีปากผมยิ้มกว้าง อยากจะให้หวงมากขึ้นไปอีก

“ที่รักครับ... แค่นี้ภาคก็ไปไหนไม่รอดแล้ว  รักแพนนะครับ”  กดส่งกลับไป 

ข้อความที่ตอบกลับมามีเพียงสัญลักษณ์รูปรอยยิ้มน่ารักๆ เท่านั้น  ผมสูดหายใจเข้าปอดหนักๆ

ก่อนจะขับรถตรงดิ่งกลับคอนโด




หัวข้อ: Re: >> กอด~ คิดถึง P.25 2/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 02-09-2013 03:28:58
 :mew1:

ก็เพราะน้องน่ารักแบบนี้สินะ

ภาคหลงมากเลย
หัวข้อ: Re: >> กอด~ คิดถึง P.25 2/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 02-09-2013 15:26:59
ทั้งรักทั้งหลงจะไปไหนรอดล่ะเนี่ย ดีแล้วล่ะที่พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายสนับสนุนไม่งั้นก้อเศร้าแย่เลย คนรักกันขนาดนี้น่ะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: [อวสาน] >> กอด~ Happy Ending P.25 7/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 07-09-2013 01:19:13
คุยกันก่อน~   
ขอบคุณสำหรับติดตามเรื่องนี้นะคะ ระยะเวลายาวนานเกิน 1 ปีกันเลยทีเดียว (นานมากจนตัวเองตกใจ)   
ตอนสุดท้ายนี้เขียนนานมากๆๆๆๆ  เพราะคอมมีปัญหาเขียนได้ทีละ 3 บรรทัด แฮงก์  เซ็งมากๆๆๆ 
แต่ก็อยากแต่งให้จบ   อยากขอบคุณจริงๆ ค่ะ ดีใจที่มีคนชอบ...   ทุกคอมเม้นแค่เห็นก็หน้าบานแ้ล้วค่ะ
เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายแล้ว....    หรือถ้าวันไหนมีเรื่องที่อยากจะแต่ง ก็คงได้เห็นกันอีก 
ยังไงก็ขอปิดท้ายเรื่องที่ 5 ของเราไว้เท่านี้นะคะ  บ๊าย  บาย

#########################################

Happy Ending



กลับมาถึงห้องด้วยความอ่อนล้า ผมทิ้งตัวลงบนเตียงท่ามกลางเสียงไฟสลัวที่เปิดทิ้งไว้ตรงทางเดิน  หลับตาลง

คิดถึงใครอีกคน ...  อยากให้เวลาเดินไปถึงวันหยุดเสียที ...  คราวนี้ผมจะไม่ทนรออีกต่อไป จะรีบไปหา

...ใครคนนั้นที่คิดถึง   ตอนนี้ก็ทำได้แค่ปล่อยใจให้คิดอะไรเรื่อยเปลื่อย รำพึงรำพันฝันหวาน ... 

เนิ่นนานเสียจน....   ร่างกายที่เหนื่อยล้าผ่อนคลาย ลมหายใจสม่ำเสมอ ใกล้เข้าสู่ห้วงแห่งนิทรา 

จู่ๆ กลับสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มแผ่วเบาประทับลงที่หน้าผาก  กลุ่นกลิ่นหอมหวานอันคุ้นเคยโชยอ่อน 

ผมได้แต่นอนนิ่งไม่ไหวติ่ง  ไม่แน่ใจ.....  ว่านี่กำลังฝัน หรือว่ามันเป็นความจริงกันแน่ 

ความอยากรู้มากมายจนล้นเอ่อ  พอๆ กับความกลัวที่ว่า ถ้าหากนี่เป็นเพียงฝัน ...  ก็เกรงจะตื่นจากฝันดี

ริมฝีปากนุ่มนิ่มประทับลงบนเปลือกตา  ลากลงมาตรงสันจมูก   ในที่สุดก็บรรจบลงมาบนริมฝีปาก

อ่อนหวานละมุนละไม เนิ่นนาน ...  จนอยากจะเป็นฝ่ายที่ได้ลิ้มชิมรสหวานจากโพรงปากคนตรงหน้าเสียเอง

ไม่ใช่ฝัน.....  สัมผัสที่ชัดเจนขนาดนี้ ......หัวใจยังพองโตจนคับอก  แต่ยังแสร้งนอนนิ่งราวกับยังนิทรา  ..

อยากรู้อีกฝ่ายจะคิดถึงกันมากแค่ไหน....  หัวใจที่เต้นรัวแรง.....ตรงข้ามกับร่างกายแข็งแรงที่นิ่งงัน

.

.

“คิดถึง”  แค่เสียงหวานรำพันแผ่วเบา ...ก็เพียงพอที่จะชุ่มชื่นชุ่มฉ่ำไปทั้งหัวใจ  ไอ้ตัวเล็กปีนป่าย

ขึ้นมาบนโซฟา คุกเข่าค่อมตักผมไว้ มือค้ำพนักพิงโซฟาแน่นจนมันยวบ อยากจะยิ้มออกมานักแต่ต้องกลั้น

น้องค่อยๆหย่อนสะโพกนั่งลงบนตักหนาของผม ทิ้งตัวลงแผ่วเบา ค่อยๆ ถ่ายโอนน้ำหนักมาบนตักทั้งตัว 

แขนเล็กๆ เกาะเกี่ยวรอบคอ  ได้แต่กลั้นยิ้มในใจ ....  ตัวก็ใช่จะเบาหนักหนา  คนทั้งคนทาบทับมา

ถ้าผมไม่รู้สึกตัวมาก่อน...   แน่นอนอาจจะคิดว่าโดน “ผีอำ” ...  ซะมากกว่าจะนึกว่าโดน “เมียอำ”

มันบ้ามากๆ ...  ที่ผมเล่นเกมส์อยู่อย่างนี้ทั้งที่ใจจริง อยากจะกอดฟัดคนตรงหน้าให้สาแก่ใจ 

แต่ก็นะ....  เห็นใจน้องหน่อย...   อุตส่าห์ลงทุนมาขนาดนี้แล้ว...  เล่นกับเค้าหน่อยจะเป็นไร

ผมไม่แน่ใจ....   ว่าสุดท้ายคนที่ เซอร์ไพร์  ....  จะเป็นผมหรือคนตรงหน้าดีหล่ะ  ..  หึหึ

.

.

“แน่ะ...  หลับแล้วยังจะแอบยิ้มอีก   ห้ามไปยิ้มให้ใครแบบนี้หล่ะ..  จุ๊บ!!   หวง”   ริมฝีปากบางประทับจูบ

สองมือยังกอดคอผมไม่ยอมปล่อย ยื่นมือมารวบเอวอีกฝ่ายไว้แน่น โน้มตัวไปข้างหน้าจนตัวเบาบางของน้อง

แอ่นหงายไปด้านหลัง  มืออีกข้างจับแน่นที่ท้ายทอย นิ้วแข็งแรงสอดแทรกเข้าไปในเรือนผมนุ่มสลวย

บังคับหัวทุยให้แหงนหงายได้องศา  ดันตัวเข้าหาอีกฝ่าย ประกบริมฝีปากทาบทับตามอย่างใจมันเรียกร้อง

.

.

“อ๊ะ!!   อือออออออออ  ~”  เด็กน้อยสะดุ้ง...เผลอร้องเสียงหลง  เพราะคิดว่าผมยังหลับอยู่

ก่อนจะเปลี่ยนมาครางรับเสียงแผ่วหวาน  เพราะริมฝีปากที่ดูดกลืนกันและกัน.....  มันช่างโหยหา

ไม่ได้เร่งร้อน ค่อยๆ ดูดดุนละมุนละไม ลิ้นกระแซะกลีบปากบางสีสด กลีบเนื้อนิ่มหวานค่อยๆ เผยออ้า

 สอดแทรกชำแรกลิ้นเข้าหา สัมผัสชื้นแฉะที่นุ่มหยุ่นของอีกฝ่าย ติดตาตรึงใจจนยากจะถอดถอน 

กวัดลิ้นเกี่ยวหยอกเอิน ไล่ชิมทั่วโพรงปาก ลิ้นหวานตวัดตอบทุกท่วงท่า บ่งบอกความโหยหาอาทรเช่นกัน

เนิ่นนาน......ปานจะขาดใจ  ราวกับปรารถนาจะช่วงชิงเอาลมหายใจของกันและกัน

.......เพียงเพื่อ...จะได้ยึดครอง แสดงความเป็นเจ้าของให้สมดังใจปรารถนา 
...  แม้ในเวลาที่ผละจาก ริมฝีปากยังแทะเลมบดเคล้าเฝ้าเรียกหากันและกัน....ไม่ยอมห่าง 


ความอ้างว้าง.... ถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่น

 ริมฝีปากที่ว่า....น่าอาลัยอาวรณ์ยิ่งแล้ว   ดวงตาดำขลับแวววาวระยับคู่นั้น....

กลับเรียกร้องโหยหากันและกัน....มากกว่า...

.

ไม่อาจจะสรรหาคำ.....   เพื่อพูดพร่ำถึงความหมาย....  เพราะดวงตาที่ฉายชัดในความรู้สึกมันยิ่งไปกว่า

...........ทั้งโหยหา

.......ทั้งอาทร

....หรืออาวรณ์

....  แม้แต่คำว่า “รัก”   ยังน้อยไป



น้องกำลังบอกให้รู้ว่า  “ผม”   .. คือ



“ทั้งชีวิต”   และ. “วิญญาณ”   

.

“เป็นหัวใจ”   หรือแม้กระทั่ง





“ลมหายใจ”





เช่นเดียวกับผม......   ความรู้สึกที่ไม่ได้แตกต่าง



“เทิดทูน” 




“เชื่อมั่น”



และ “ไว้ใจ”




แค่มองตา.......  ไม่ต้องเอ่ยคำใด  ....  ก็เข้าใจได้ดี



หากแต่....  ผมคงจะอดรนทนไม่ไหว  กับความรู้สึกรักที่ท่วมท้น.... อยู่ในใจของผมตอนนี้ 

มากเสียจนเหมือนมันจะระเบิดได้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน  .หากยิ่งไม่ได้เอ่ยบอกไป ..... 

....คาดว่า.....คงขาดใจตายอยู่ตรงนี้.........



.

.


“รักแพนนะ”  กระซิบเสียงแผ่วเบาละเลียดใบหูของอีกฝ่าย ก่อนจะจุมพิศริมฝีปากเพียงแผ่วเบา ... 

จดจ้องใบหน้า  ดวงตาหวานฉ่ำ ริมฝีปากเล็กยกยิ้ม  เขินอายจนสีแดงระเรื่อกลืนกินทั้งใบหน้า 

“อืม” เด็กน้อย ตอบรับสั้นๆ  ก่อนจะซุกหน้าเข้าหาอก ฟังเสียงหัวใจที่เต้นรัวเป็นกลองของผม 

ริมฝีปากที่ยังยกยิ้ม  ทำไมมันถึงอิ่มเอม....ไปทั่วทั้งหัวใจ  ราวกับมันพองโตเสียจนล่องลอยอย่างอิสระ

ไปในที่ๆ ที่ใจปรารถนา 

“แพนก็รักภาค...  รัก....       รักมาก.....   เท่าชีวิตของแพนเลย”    เสียงหวานฉ่ำรำพันพร่ำ

ผมดันตัวน้องให้ผละออก สบตากันและกัน  ก้มหน้านิ่งให้หน้าผากชนกัน   ปลายจมูกเกลี่ยกันเบาๆ

“ภาคก็เหมือนกัน  รักมาก...  เท่าชีวิตทั้งหมดที่มี  เท่าที่ผู้ชายคนนี้จะรักใครได้ 

ภาคไม่ต้องการใครแล้ว  ต่อให้ต้องเดินไปอีกไกลแค่ไหน  ...  ต่อให้ต้องเจออะไรอีก 

สัญญาได้ไหม?  .........


.

.

.

ว่าแพนเองก็จะไม่ทิ้งกัน  ได้โปรดอย่ายกภาคให้ใคร  ...  เพราะภาคเองก็มีหัวใจ 

หัวใจที่รักแพนได้แค่คนเดียว”


น้ำเสียงผมมันอ่อนละโหยโรยแรง  ...  เมื่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา  ถึงไม่ได้โกรธแล้วแต่มันอดเสียใจไม่ได้

ไอ้ตัวเล็กจ้องมองตอบด้วยแววตาสะท้อนความเสียใจ  น้ำตาหยดใสๆ ไหลอาบลงมา  มือเล็กๆ

ประครองใบหน้าของผมไว้แน่น  โน้มใบหน้าเข้าหา หลับตาลงแตะจูบลงหนักๆ จนริมฝีปากบดบี้

“ภ..ภาค  ฮึกๆ  แพนสัญญา... ฮึกๆ สัญญาว่าชีวิตนี้ เราจะไม่ปล่อยมือจากกันไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ฮือๆๆ

แพนจะอยู่ตรงนี้ จะอยู่กับภาค จะอยู่ด้วยกันตลอดไป ฮือๆๆ ขอโทษๆๆๆๆ ขอโทษจริงๆ ” 

เราโผเข้าหากันแน่น ....  อ้อมกอดที่แสนอบอุ่น  เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจของน้อง

ทำผมเจ็บไปถึงทรวงใน  เจ็บร้าวลึกๆ ด้วยความเสียใจ แต่อีกใจก็กลับยินดีปรีดา กับคำสัญญาคนตรงหน้า


ตั้งแต่วันนั้นที่น้องสัญญา..  ที่น้องขอเวลาที่จะพิสูจน์กัน มันก็เนิ่นนานผ่านมาหลายปี  กว่าจะมาถึงวันนี้ 

“สัญญาแล้วนะครับคนดี”  ยังไม่มีวันไหน.....   ที่ผมอยากจะเปลี่ยนใจ  ความรัก..มีแต่เพิ่มพูนขึ้นทุกวัน 

“ครับแพนสัญญา”  นัยตาหวานเจิ่งนองไปด้วยน้ำตา  ผมค่อยไล่จูบเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่าย




.

.

“ภาคจะไม่รอแล้ว  แพน.....รอไม่ไหวแล้ว”  ดึงน้องเข้ามากอด.... แนบแน่น  แล้วจุมพิศบนหน้าผาก

“หืม?”  เด็กน้อยทำหน้าสงสัยใคร่รู้  คิ้วเรียวโก่งตัวสูงจนน่าขำ  แต่ทำไมในใจผม...รู้สึกว่า

ช่างน่ามองเสียนี่กระไร...  อมยิ้มมุมปากนิดๆ แบบที่อีกฝ่ายมองเมื่อไหร่ ก็ชอบทำท่าเขินอาย


ยิ่งคิดถึงเรื่องที่จะพูด.....  ยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่  รอยยิ้มกว้างถูกแสดงออกมาจาก....หัวใจ

.

.

.

.

“แต่งงานกันนะ”   จดจ้องไปที่อีกฝ่ายให้รับรู้....  ว่านี่คือสิ่งที่ผมจริงจัง 



“ห.... ห๊า”   ดวงตากลมโตเบิกกว้าง  ปากอ้าค้าง  จนต้องประทับจูบลงเบาๆ  น้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่

อึ้งจนพูดไม่ออก  ได้แต่มองมาที่ผมทำตาปริบๆ



“ถ้าภาคสอบเสร็จแล้ว  เรามาแต่งงานกันเถอะนะ  ไม่อยากอยู่คนเดียวแล้ว” ประครองหน้าอีกฝ่ายไม่ให้

หันหนี  ใบหน้าหวานส่งสีแดงจัดจ้าน  ประครองให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา  ก้มหน้าลงไป จนหน้าผากชิดกัน

รู้สึกหัวใจตัวเองก็เต้นรัว  ขณะที่อีกฝ่ายลมหายใจติดขัด  แต่ก็ยังมองมา... ยังคงสบตาผมไม่เปลี่ยนแปลง


“ต..แต่”  ไม่อยากได้ยินคำปฏิเสธ  ...  เพราะรู้ว่าน้องคงแค่อยากยืดเวล  แต่ว่าผมพร้อมแล้ว



“อยากจะอยู่ด้วยกัน  หรือว่าแพนไม่อยาก?”  เอ่ยถามเสียงแผ่ว แสร้งทำเป็นคนใจเสีย  น้องดูตกใจจริงๆ

“ป...ป่าวนะภาค” ตอบกลับมารวดเร็ว

“แต่ไม่อยากอยู่ด้วยกัน หรือว่า...?”   ทิ้งคำพูดไว้แค่นั้น ...  เพราะคิดมุขสดไม่ออก ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ


ก้มหน้าก้มตา เพื่อหลบตาน้อง อีกฝ่ายตื่นตูมใหญ่ เพราะกลัวผมเข้าใจผิด  มันยิ่งเข้าแผน....ที่ผมวางไว้  หึหึหึ

“ไม่ใช่ๆ ภาคอย่าคิดเองสิ  ถ้าแพนไม่รักจะกล้าเสี่ยงชีวิตขนาดนี้เหรอครับ?” ไอ้ตัวเล็กเอ่ยตอบเสียงอ่อนหวาน 

“แล้ว?”   ค่อยๆ ช้อนตามองอีกฝ่าย  เลิกคิ้วสูงชำเลียงมองเล็กน้อย ก็ทอดถอนใจ  ฮ่าๆ 

“ครับ”

“หืม... ครับไรอ่ะ”

“ก็ตกลงไง”  น้องว่าเสียงเบา   แต่หน้าแดงจัด


“ตกลงไรอ่ะ?”  ปากยกยิ้ม แต่คำพูดยียวน

“ก็....  แต่งงานกันอ่ะ”  ไอ้ตัวเล็กว่าต่อ กึ่งๆ จะแน่ใจว่าโดนผมแกล้งอยู่แน่ๆ

“นี่ขอภาคแต่งเองเลยเหรอ?  หึหึหึ”  ยิ้มจนปากฉีก  ไม่วายส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้


“โว๊ะ...  เกลียดภาคแล้ว ”  ไอ้ตัวเล็กว่า  ยู่ปากใส่หน้าผม  เลยจุ๊บไปเบาๆ

“เกลียดแล้วแต่งป่ะหล่ะ?”  น้องมองด้วยหางตา   ผมยักคิ้วสองขยัก

.

.


.

“.แต่งดิ.”

“ฮ่าๆๆ ก็แค่นี้  รักแพนที่สุดเลยครับ”  หอมแก้มซ้าย หอมแก้มขวา  ไอ้ตัวเล็กหัวเราะคิกๆๆ

“ครับรักภาคเหมือนกันนะ”












“แพน?”


“ครับ  ...ว่า?”



















“งั้นเข้าหอเลยแล้วกัน......  ภาครีบเป็นเจ้าบ่าว”



“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”





ความรักก็แบบนี้....  มีทั้งสุข ทั้งเศร้า หึงหวง ห่วง เซ็ก ความปรานาดี ...  โกรธ  เสียใจ น้อยใจ  ทุกๆ อย่าง
    ค่อยๆ หลอมรวมให้เป็นความรู้สึกผูกพันธ์...  จนมันพันธนาการเราไว้ ด้วยกัน  ไม่อาจแยกจาก
อยากจะอยู่ตรงนี้....  จับมือ  และค่อยๆ ก้าวไปพร้อมๆ กัน  ยอมรับตัวตนของกันและกัน  ประคับประครอง
....  อยู่อย่างนี้........  จนกว่าจะถึงวันสุดท้าย...  "ของชีวิต"   


.......  อวสาน..............................
หัวข้อ: Re: [อวสาน] >> กอด~ Happy Ending P.25 7/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 07-09-2013 03:48:42
 :กอด1: ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ ..ว่าแต่แต่งมา5เรื่องแล้วเหรอเราไปอยู่ที่ไหนมาเนี่ยขอไปตามอีก4เรื่องก่อน :katai1:
หัวข้อ: Re: [อวสาน] >> กอด~ Happy Ending P.25 7/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 07-09-2013 10:57:42
ฝ่าฟันอุปสรรคจนได้ครองรัก
ก็ขอให้รักกันยืนยาว :L1:
+1และเป็ด
หัวข้อ: [อวสาน] >> กอด~ Happy Ending [เสิร์ฟอีก 4เรื่องที่เหลือค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 07-09-2013 11:09:15
(เรื่องไม่สั้น)  ยอม...มึงคนเดียวอ่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30509.0

มากกว่าเพื่อน... ได้มั้ยวะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31213.0

(เรื่องสั้น) มาดกทาส
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32551.270


รัก.... ที่ขาดหาย
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33937.0
หัวข้อ: Re: [อวสาน] >> กอด~ Happy Ending P.25 7/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 07-09-2013 14:01:47
ดีใจกับความรักที่สมหวังน่ะจ้ะ  :katai2-1: ขอบคุณน่ะจ้ะคุณทัศที่นำเรื่องดี ๆ มาให้อ่านกัน ทำให้ชีวิตมีความสุขได้หลบหลีกจากความจริงบ้างน่ะ  :impress3: ยังไงช่วงนี้เหนื่อย ๆ ก้อพักผ่อนให้สบายน่ะจ้ะ แล้วมาแต่งให้ได้อ่านกันอีกน่ะจ้ะจะรอจ้ะ ยังไงจะเข้าไปเยี่ยมเยียนในเพจจ้ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: [อวสาน] >> กอด~ Happy Ending P.25 7/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 07-09-2013 14:56:33
ตามลุ้นอยู่นานว่าทั้งสองคนจะลงเอยกันยังไง แต่ก้อแอบเชื่ออยู่ลึกๆว่าต้องแฮปปี้แน่นอน

ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆให้อ่านค่ะ เป็นกำลังใจให้ตลอดเลยนะคะ เพราะเราอ่านเรื่องที่คุณแต่งทุกเรื่องเลย ^^
หัวข้อ: Re: [อวสาน] >> กอด~ Happy Ending P.25 7/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 07-09-2013 15:20:47
น่ารักอ่ะ

น่ารักที่สุดเลยคู่นี้

ขอบคุณสำหรับนิยายดีนะคะ
หัวข้อ: Re: [อวสาน] >> กอด~ Happy Ending P.25 7/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 07-09-2013 15:29:35
ขำพ่อของแพนอ่ะ ลืมตัวแล้วมือหนักตรีนหนักเนอะ
เล่นซะว่าที่ลูกเขย(อย่างเป็นทางการ)น่วมเลย
ดีนะที่จบ Happy แอบเสียน้ำตาไป 2 ตอนสุดท้าย :o8:
หัวข้อ: Re: [อวสาน] >> กอด~ Happy Ending P.25 7/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 07-09-2013 17:01:16
เห็นคอมเม้นแล้วแบบว่าชื่นใจเน๊าะ  อิอิ

ขอบคุณนะคะ  สำหรับที่ติดตามกันมาตลอดๆ ทุกเรื่องบ้างบางเรื่องบาง

จริงๆ ก็ไม่เคยมีคนใกล้ตัวเป็นเกย์  ที่แต่งๆ มา  ....ก็จิ้นเองไปเรื่อย ฮ่าๆๆ 

.สุดท้ายก็................   ขอบคุณมาก  เจอกันก็ทักนะคะ  ถ้ารู้ตัวจริง  อิิอิ
หัวข้อ: Re: [อวสาน] >> กอด~ Happy Ending>> ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 07-09-2013 17:02:28
ฝากย้ายด้วยค่ะ


 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [อวสาน] >> กอด~ Happy Ending P.25 7/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: ekonut ที่ 07-09-2013 18:10:22
เรียบๆเรื่อยๆแต่อบอุ่นมากค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [อวสาน] >> กอด~ Happy Ending P.25 7/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: poo-ultraman ที่ 10-10-2013 22:09:07
อ่านจบแล้ว สนุกมากๆค่ะ อ่านมา 3 เรื่องแล้ว เหลืออีก 2 เรื่อง รู้สึกว่าจะต้องกินมาม่าเลยยังไม่กล้าอ่าน

อยากอ่านตอนพิเศษ .. มาต่อให้ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: [อวสาน] >> กอด~ Happy Ending P.25 7/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 11-10-2013 01:10:27
ขอบคุณค่ะที่ติดตาม 


อยากแต่งมากค่ะ  ตอนพิเศษ  (เผื่อจะได้มีคนพิเศษบ้าง  อิอิ)

แต่แต่งไม่ออก  ง่ะ   ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   เอาไว้เค้าแต่งได้เมื่อไหร่จะมาแต่งเพิ่มให้นะคะ
หัวข้อ: Re: [อวสาน] >> กอด~ Happy Ending P.25 7/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 12-10-2013 20:04:57
อ่านเรื่องของคนเขียนมาเป็นเรื่องที่สามแล้วนะ เดี๋ยวจะไปอ่านอีกสองเรื่องที่เหลือค่ะ

เม้นในกรณีเป็นคนอ่านก่อนนะ ถ้าเทียบเรื่องคู่ เป้-ปิงปอง กับ เอก-นัย แล้ว เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าจะเบาๆอีกเรื่อง แต่คุรคนเขียนก็ใส่ดราม่ามาเป็นระยะๆ มีจุดดราม่าที่คุณเขียนได้ดีก็ตรงเนื้อเรื่องของดากับอ๋อมน่ะ อันนั้นดราม่าได้น่าขนลุก และน่าจะเป็นดราม่าที่ดีที่สุดของเรือ่งนะคะ ลองเขียนเรื่องดาร์กๆประมาณนี้ คุณคนเขียนน่าจะทำออกมาได้ดีเลยทีเดียวนะ แล้วก็การบรรยายความรู้สึกของตัวละครในเรื่องดีทำได้ดีขึ้นนะคะ เราคิดว่า คุณมีจุดเริ่มต้นที่ดีในการเขียนดราม่านะ แต่ต้องใจแข็งกว่านี้อีกนิดนะคะ ไม่อย่างนั้นมันจะเหมือนพีคแล้วดิ่งเหวนะคะ 

ขออนุญาตเม้นแบบในกรณีที่เป็นคนเขียนนะคะ ออกตัวก่อนว่าเราก็เป็นคนเขียนปกติธรรมดานั่นล่ะค่ะ การพิมพ์สดแล้วโพสต์เลยมันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่ว่าจะมีปัญหากับเนื้อเรื่องภายหลังนะคะ อย่างตอนที่ภาคหายไปแล้วเขียนว่าหายไปอย่างหนึ่ง แล้วก็เปลี่ยนเป็นอีกแบบ เพราะถ้าเป็นเรา เราซีเรียสเรื่องนี้น่ะค่ะ เพราะถือว่าได้เลือกจะดำเนินเนื้อเรื่องในแบบนี้แล้ว คือ ถ้าเราโพสต์แล้วคิดว่าไม่เวิร์ก เราคงจะแก้มือเอาในตอนต่อๆไปที่จะเขียนน่ะค่ะ เราคิดแบบนี้นะคะ
 
ปล. คู่หลักคู่รองเรื่องนี้มีการแบ่งสัดส่วนชัดเจนดีนะคะ ตรงนี้ดีแล้ว ไม่อย่างนั้นอาจจะมีการขโมยซีนเหมือนสองเรื่องที่เราได้อ่านมาได้

ขอบคุณนะคะ เราอ่านเรื่องของคุณคนเขียนแล้วรู้สึกว่าสนุกจริงๆค่ะ^^
แล้วก็ขอโทษด้วย ถ้าอ่านแล้วทำให้ไม่สบายใจนะคะ
หัวข้อ: Re: [อวสาน] >> กอด~ Happy Ending P.25 7/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 12-10-2013 23:57:21
ขอบคุณมากนะคะ สำหรับคำติชม ยินดีน้อมรับไว้ทั้งหมดค่ะ


ยอมรับแต่โดยดีเรื่องที่หายไป และกลับมากลายเป็นประเด็นใหม่
เนื่องจากแต่งไว้หลายแบบ  ตอนที่แต่งต่อก็ไม่ยอมกลับไปอ่านตอนเดิมให้ดีก่อน
ดันจำว่าเป็นอีกแบบนึง ... ซะอย่างนั้น  ยังไงก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ

ขอบคุณนะคะที่ติดตามผลงาน  ดีใจมากๆ  นานๆ จะมีคนเม้นยาวๆ แบบนี้  อิอิ


ขอบคุณมากค่ะ

หัวข้อ: Re: [อวสาน] >> กอด~ Happy Ending P.25 7/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 13-10-2013 00:03:36
 :ling1: อยากได้ตอนพิเศษจังเลยยยค่า
หัวข้อ: Re: [อวสาน] >> กอด~ Happy Ending P.25 7/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: up2goo ที่ 13-10-2013 23:28:30
แอบเสียน้ำตาเบาๆกับเรื่องนี้ :o12:
หัวข้อ: Re: [อวสาน] >> กอด~ Happy Ending P.25 7/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 16-10-2013 20:18:08
สนุกค่ะ เขียนได้ดีค่ะ แล้วจะติดตามผลงานต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [อวสาน] >> กอด~ Happy Ending P.25 7/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 19-10-2013 16:25:26
สนุกค่ะ.....ชอบมากๆด้วย เขียนดีมากเลย ^v^ มีความสุขทุกครั้งที่อ่าน อิๆๆ
หัวข้อ: Re: [อวสาน] >> กอด~ Happy Ending P.25 7/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 19-10-2013 18:20:22
ขอบคุณมากค่ะ  ที่ติดตามขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ

ตอนนี้ืยังมีชีวิตยุ่งๆ อยู่ค่ะ  ถ้ามีเวลาแล้วจะมาต่อตอนพิเศษให้นะคะ
หัวข้อ: Re: [อวสาน] >> กอด~ Happy Ending P.25 7/9/13
เริ่มหัวข้อโดย: TuEyyy ที่ 24-10-2013 01:18:04
หวานจนเขิน ยิ้มแก้มแทบแตก อินจนน้ำตาไหลเลยหง่ะ  :o8:  :-[ :impress3:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ พ่อตา VS ลูกเขย (จะให้เป็นพ่อหรือลุง) 29/11/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 29-11-2013 00:17:11
พิเศษ พ่อตา VS ลูกเขย (จะให้เป็นพ่อ หรือเป็นลุง)


“ภาค .....มึงชอบลูกกูตรงไหนว่ะ  กูมองตรงไหนมันก็ผู้ชายเหมือนกู  ถึงมันจะขาวกว่า ตัวเล็กกว่า ปากแดงกว่าก็เถอะ

แต่ยังไงซะมันก็ผู้ชายดีๆ นี่เอง มึงชอบไปได้ยังไงว่ะ”  ลุงจีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง  ขณะที่ทิ้งตัวนอนลงกับพื้นเสื่อ ชิ่วๆ

แม้คิ้วจะขมวดมุ่น แต่สายตากับทอดมองไปยังท้องฟ้าในยามราตรีสีดำมืด  ที่มีดวงดาวทอประกายสว่างสดใสระยิบระยับ

ผมหันไปเหลือบมองว่าที่พ่อตาเล็กน้อย ก่อนจะมองกลับไปยังตัวบ้านที่ตอนนี้ทั้งแม่ทั้งแพนกำลังง่วนกับการเตรียมอาหาร

มื้อค่ำ  รอพ่อผมที่กำลังเดินทางกลับมา ส่วนแม่ของแพนตอนพาลูกทัวร์ไปออกกรุ๊ปต่างประเทศ โดยปล่อยให้ว่าที่พ่อตา

มาซักไซร้สอบประวัติจากผมทันทีที่เรามีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง  ผมทอดสายตาจ้องมองไปยังท้องฟ้าผืนเดียวกัน

ก่อนจะอ้าปากตอบคำถาม...  ที่ถึงจะตอบสักกี่ร้อยรอบก็คงไม่เข้าใจ.  ถ้าไม่ได้รักเองจะรู้ได้ไงว่าความรู้สึกของผมมันเป็นยังไง

“ไม่รู้สิครับ...  รู้สึกตัวอีกทีมันก็รักไปแล้ว ขาดไม่ได้แล้ว หวงซะจนไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ แค่คิดว่าจะต้องปล่อยมือ

มันก็เหมือนกับเอาปืนมายิงผมดีๆ นี่เอง   ผมไม่รู้จะบอกลุงยังไงนะครับ แต่พอได้รักไปแล้ว....ต่อให้คนตรงหน้าเป็นยังไง

ดีหรือเลว  เป็นผู้หญิงหรือเป็นผู้ชาย  ต่อให้แย่สักแค่ไหนในสายตาใครๆ ผมเองก็ไม่คิดจะเลิกรักอยู่ดี ”  ค่อยๆ ทิ้งตัวลง

นอนข้างๆ ว่าที่พ่อตา  สอดมือประสานกันใต้หัว ยังไม่ได้ละสายตาจากฟากฟ้าที่มีดาวพราวอยู่

“มันจะรักกันได้มากขนาดนั้นเลยเหรอวะ?”  ได้ยินเสียงคำรำพึงรำพันราวกับเป็นเพียงคำบ่นกับตัวเอง แต่ผมก็พร้อมจะตอบ

“ได้สิครับ  ... เหมือนกับลุงที่รักผมเหมือนลูกได้ทั้งๆ ที่ผมก็ไม่ใช่ลูกลุง”  ผมพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก

“ใครบอกมึงว่ะ....”   ลุงจีหันมามองผม  พร้อมกับเลิกคิ้วสงสัย

“หรือไม่จริงครับพ่อ?”  ผมให้ไปเลิกคิ้วถาม  ริมฝีปากหยักยิ้มจนแก้มตุ่ย ว่าที่พ่อตาหลุดขำออกมานิดหน่อย

ก่อนจะส่ายหน้าอย่างยอมจำนนท์ด้วยหลักฐาน  ทั้งการกระทำที่ผ่านมา  ทั้งแววตาที่เอ็นดูผมไม่เปลี่ยนแปลง

“เออ...  ไอ้ลูกหมา  แล้วมันเหมือนกันที่ไหนล่ะ ลุงเห็นเอ็งมาตั้งแต่เด็กๆ มันก็ผูกพันธ์เป็นธรรมดา เผลอรักไปบ้าง


ก็ไม่เห็นจะแปลก ”  ว่าที่พ่อตาว่าจบก็ทำเป็นเก็กขรึม มองฟ้ามองอากาศต่อ  ผมเองก็รู้สึกหัวใจชื่นบาน

ที่ยังไงความรู้สึกผูกพันธ์  ความรัก ความเอื้ออาทรที่ผ่านมามันยังคงเดิม  ออกจะมากกว่าเดิมซะด้วยซ้ำไป

“ครับ.. ผมก็เหมือนกัน อยู่กับแพนมาตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงทุกวันนื้ ยังไม่เคยมีวันไหนที่จะเบื่อ 

ยังไม่มีวันไหนที่อยากจะห่าง   ยังอยากจะอยู่ข้างๆ อยากจะปกป้อง  อยากจะดูแลอยู่อย่างนั้น  ในสายตาผม....

 ยังไม่เคยมีใคร  หรือแม้แต่...ผู้หญิงคนไหน...  ที่ทำให้ผมคิดได้อย่างนี้เลยครับลุง  แบบนี้......

พอจะเรียกว่า ...“รัก”  ...ได้ไหมครับลุง”   ได้แต่จ้องมองท้องฟ้า ....  ผมรู้ว่าลุงจีเปิดใจให้มากแล้ว 

เพียงแต่ยังคงสงสัย....  ความสัมพันธ์ ..ในแบบที่สังคมเองก็ยังไม่ยอมรับแบบเต็มที่ 

เราต่างคนต่างเงียบกันอยู่เพียงแค่อึดใจ .....  ต่างคนต่างจมวนอยู่ในความคิดของตัวเอง ก่อนว่าที่พ่อตา

จะเริ่มต้นเอ่ยปากทำลายความเงียบ ..... 

“อืม....  ก็คงงั้น    ก็คงจะเรียกว่า รัก  ได้.....   ภาค”


“ครับ?”

“มึงจะทิ้งลูกกูไหมวะ?”   น้ำเสียงที่เข้มขึ้น  ว่าที่พ่อตาชันตัวลุกขึ้น  พร้อมกับหันมาสบตาผมจริงจัง 

ได้แต่ฉีกยิ้มให้ริมฝีปากมันกว้างที่สุด....  เท่าที่จะกว้างได้   สุดท้าย....ก็เป็นห่วงไอ้ตัวเล็กนั่นเอง

“จะจับไว้ยไม่ปล่อยเลยทั้งชีวิตครับลุง”   สังเกตุเหตุเห็นว่าที่พ่อตามีสีหน้าโล่งอก ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ

“อืม”  ลุงจีรับคำสั้นๆ ในลำคอ 



.

.

.

“มึงอ่ะ ...  จะพ่อก็พ่อ  มาเรียกลุงเลิงอยู่ได้ ไม่อยากเป็นแล้วไงลูกเขยกูอ่ะ ห๋ะ”   ลุงจีหันมาถามด้วยสีหน้ากวนๆ



“อยากเป็นสิครับ.....  พ่อ    ขอบคุณนะครับ”  ผมยิ้มกว้าง ยกมือไหว้ว่าที่พ่อตา   แกเองก็หลุดยิ้มขำ

“เออ ก็แค่นี้  หึหึ”

.

.

.

.

.


.
.

.

.


.

“ฝากลูกกูด้วยหล่ะ?”

“ครับ  จะดูแลเป็นอย่างดี”

“ถ้าลูกกูร้องไห้เมื่อไหร่มึงโดน” 

“หึหึ.... ครับๆ  แล้วถ้าลูกพ่อทำผมเสียใจหล่ะ?”

“เรื่องของมึงดิ”

“โห...พ่ออ่ะไม่ยุติธรรม”

“อ๊าววว.....  ก็ลูกกู”


“ผมก็ลูกพ่อนะ”

“เออ....  แต่มึงอ่ะลูกชัง  ไม่ใช่ลูกรักโว้ย  ฮ่าๆๆๆๆ”

“ฮ่าๆๆ เอางั้นเลย”

.

.

“คุยอะไรกันครับ ดูอารมณ์ดีเชียว”  ไอ้ตัวเล็กที่ถือถาดอาหารออกมาเสิร์ฟ ร้องถามพลางยิ้มจนตาปิด

“ไอ้แมวอย่ายุ่งผู้ชายเค้าจะคุยกัน”  ว่าที่พ่อตาผมว่าขำๆ

“เอ๊า...  พ่ออะ   ว่าแพนได้ไงอ่ะ ... ว่าไงภาคบอกมาเดี๋ยวนี้นะ”   ไอ้ตัวเล็กเปลี่ยนเป้าหมาย ดวงตากลมโตหลี่เล็กแบบคาดคั้น






“บอกไม่ได้หรอกครับ....ความลับ”   







หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ พ่อตา VS ลูกเขย (จะให้เป็นพ่อหรือลุง) 29/11/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 29-11-2013 02:52:51
สมกับเป็นพ่อตากับลูกเขยจริงๆ

น่ารักอ่ะ ทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ พ่อตา VS ลูกเขย (จะให้เป็นพ่อหรือลุง) 29/11/13
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 29-11-2013 03:45:15
 :ling1: :ling1: ดีดดิ้นเอาอีกๆๆ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ พ่อตา VS ลูกเขย (จะให้เป็นพ่อหรือลุง) 29/11/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 29-11-2013 05:28:10
เปิดใจพ่อตา

 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ พ่อตา VS ลูกเขย (จะให้เป็นพ่อหรือลุง) 29/11/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 29-11-2013 09:55:13
 :katai2-1:กลับมาย้ำเตือนความน่ารัก ดีจ้านาน ๆ มีตอนพิเศษมาให้ชุ่มชื่นหัวใจดีน่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ พ่อตา VS ลูกเขย (จะให้เป็นพ่อหรือลุง) 29/11/13
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 29-11-2013 14:21:43
พ่อตากะลูกเขย พอกัน  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ พ่อตา VS ลูกเขย (จะให้เป็นพ่อหรือลุง) 29/11/13
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 29-11-2013 16:41:37
เรื่องของผู้ชายนะแพน
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ พ่อตา VS ลูกเขย (จะให้เป็นพ่อหรือลุง) 29/11/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 29-11-2013 18:45:37
พ่อตากะลูกเขย อิอิ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ พ่อตา VS ลูกเขย (จะให้เป็นพ่อหรือลุง) 29/11/13
เริ่มหัวข้อโดย: akeins ที่ 07-12-2013 11:01:19
Happy Ending  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ พ่อตา VS ลูกเขย (จะให้เป็นพ่อหรือลุง) 29/11/13
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 18-12-2013 23:26:42
เขียนสนุกมากๆค่ะ กลับมาอ่านเป็นรอบที่สอง^^ แต่เรื่องนี้ทามไลน์แปลกๆนิดนึง ลองเช็คดูหน่อยก็ดีนะคะ

ปล.อ่านความคิดตอนแพนอยู่ปอหกแล้วแอบเหวอ ความคิดเป้นผู้ใหญ่เกิดตัวมากๆทั้งคู่เลย ในเรื่องความรัก อ่านแล้วมันเลยขัดๆนิดนึง ว่าเฮ้ย เด็กอายุสิบสองงคิดได้ขนาดนี้เชียว
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ พ่อตา VS ลูกเขย (จะให้เป็นพ่อหรือลุง) 29/11/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 20-12-2013 00:09:59
ขอบคุณนะคะที่ติดตามผลงาน  อิอิ  ดีใจเว่อร์.....  (นี่ก็เว่อร์ตลอด)


ขอยอมรับโดยตรงเลยนะคะว่าเรื่องนี้  ทั้งเรื่องไทม์ไลน์ เรื่องเนื้อหาอาจจะค่อนข้างขัดแย้ง
เนื่องจากเราวางโครงเรื่องไม่ดีค่ะ วางไว้แค่คร่าวๆ จริงๆ  แล้วก็แต่งเรื่องนี้ไป  และแต่งอีกเรื่องไป
แต่งอีกเรื่องจนลืมเรื่องนี้ไปเลย  เกือบจะไม่จบ  ... 


ก็ต้องขอบคุณสำหรับกำลังใจทุกๆ ท่านที่ผ่านมาด้วยค่ะ  ...  ที่ทำให้เราแต่งจบจนได้ 
และขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำนะคะ  ดีใจมากๆ ไม่ว่าจะติหรือชมค่ะ  เพราะทำให้รู้จุดบกพร่อง

สุดท้ายนี้  อิอิ .........  ขอบคุณเช่นเดิมค่ะ 

หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ แมวเมา กับความลับ P.26 25/12/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 25-12-2013 23:42:54
ตอนพิเศษ แมวเมา กับความลับ




“เอ้าโชนนนนนนนนนนนนน ” 

“เกร้ง! เกร้ง! เกร้ง!”  ว่าที่พ่อตายกแก้วชูสูงเป็นแกนนำ แล้วกระแทกแก้วกันสนั่นหวั่นไหวรอบวง จนผมเกรงว่า

แก้วมันจะแตกซะก่อนที่จะได้ลิ้มชิ้มรสเหล้าสีเหลืองอำพันด้านใน

“หมดแก้ววววววว”  ว่าที่พ่อตากล่าวจบทั้งวงก็ยกเหล้าขึ้นดื่ม อึกๆ อย่างไม่มีใครยอมใคร โดยเฉพาะพ่อผมกับว่าที่พ่อตา

ส่วนแม่ผมขอตัวไปนอนตั้งแต่ยังไม่ห้าทุ่ม  จนตอนนี้ตีหนึ่งเศษๆ แล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมเลิกลา แต่ด้วยสภาพร่อแร่

แล้วผมว่าอีกไม่นานเกินรอ  คงต้องสลบเหมือดกันแถวๆ นี้เป็นแน่ 

“ไอ้แมวววววว มึงแม่งอ่อนนนนน  พ่อสอนให้กินเหล้าเสือกคออ่อนเหมือนแม่มานนนนน ชิส์ ”   ว่าที่พ่อตาที่พยายาม

ปรือตาพูดจาอ้อแอ้  หันมามองไอ้ตัวเล็กที่กระดกไปแค่สองแก้วก็เลื้อยมาหลับปุ๋ยบนตักผม  พอได้ยินเสียงสบประมาท

ก็พยายามจะลืมตา อยู่ยิกๆ ติดเสียแต่ว่ามันลืมไม่ขึ้น จนผมกลั้นขำแทบไม่ไหว  สุดท้ายเปลือกตาก็นิ่งสนิทไปไม่ไหวติง

“ภาคคคคคคคค  ไมมึงไม่มาวววววว่ะ  พ่อแม่งไม่ไหวแล้วววววววววว” พ่อผมที่ตาจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่หันมาถาม

พยายามอย่างถึงที่จะจ้องหน้าเพื่อรอคำตอบ ติดก็ตรงที่ว่า....ว่าที่พ่อตาผมเอามือสองข้างประกบแก้ม แล้วจับหัน

เข้าไปหาตัวซะอย่างนั้น  ผมนั่งดูการกระทำของทั้งคู่ด้วยความขบขัน

“ไอ้นพพพพพพพพพ    มึงอย่ามาเนียน   แดกกกกกกกกกกกกกกก”   พูดจบก็ปล่อยมือข้างหนึ่งหยิบแก้วเหล้า

มืออีกข้างดันหน้าพ่อผมจนหงาย บีบคางให้อ้าปากกว้างขึ้น ก่อนจะเทเหล้ากรอกปากพ่อผมจนเต็มล้นออกมานอกปาก

ผมได้แต่นั่งขำจนตัวโยน   ไม่ได้ห้าม  เพราะเหตุการณ์แบบนี้มีให้เห็นบ่อยครั้งที่มีปาร์ตี้ใหญ่ๆ  ในที่สุดพ่อผมก็หลบ

ไปเฝ้าพระอินทร์เป็นที่เรียบร้อย  นอนหงายทิ้งตัวลงบนเสื่อหลับสนิททันที โดยมีว่าที่พ่อนั่งหัวเราะงอหายอยู่ข้างๆกัน

“ฮ่าๆๆๆ   ไอ้นพ...แม่งอ่อนนนนน   อึกๆๆ   ....คร๊อกกกกกก”   หลังกระดกตามได้ครึ่งแก้วว่าที่พ่อตาก็ทิ้งตัวกลางอากาศ

ดิ่งลงเสื่อตามพ่อผมไปติด  ผมที่ดื่มน้อยที่สุดแอบเนียนกินกับแก้มไปพลางๆ เพราะมีไอ้ตัวเล็กต้องคอยดูแล 

แบบว่าคนมีภาระอ่ะนะ  ฮ่าๆๆ  ......   ผมค่อยๆ ดันหัวน้องให้นอนลงกับพื้นก่อนจะชันตัวขึ้น แล้วช้อนตัวอีกฝ่ายแนบอก

กลับไปนอนที่บ้าน  ส่วนพ่อกับว่าที่พ่อตา........  คงต้องปล่อยให้สนทนากับยุงไปพลาง ๆ   ฮ่าๆ  เพราะเมาขนาดนั้น

ผมแบกไม่ไหวก็ส่วนหนึ่ง  แต่ทั้งคู่น่ะหนักไปทางเกรียน  และกวนซะมากกว่า  การปลุกให้ตื่นจะนำความวุ่นวายมาสู่

ปล่อยให้หลับต่อไป  ....   แล้วชีวิตท่านจะสงบสุข   ผมเคยพยายามแบกพ่อกลับเข้าไปในบ้านในยามที่เมาจนสิ้นสติ

ผลปรากฎว่าข้าวของเกลื่อนกระจาย แตกเสียหาย เนื่องจากพ่อพยายามเบี่ยงตัวหนี เซ..แถ่ดๆๆ แล้วก็ล้มชนนั่นชนนี่

นอกจากข้าวของจะเสียหายแล้ว ยังบาดเจ็บอีกต่างหาก  ที่สำคัญตื่นเช้ามาโดนแม่เทศนาอีกกัณใหญ่ ฉะนั้นปล่อย

ให้สนทนากับยุงคงจะดีกว่า  ผมเดินหันหลังอุ้มไอ้ตัวเล็กตรงดิ่งมาถึงห้องนอน  จัดการวางน้องลงบนเตียง

ก่อนจะจัดการพาตัวเองไปอาบน้ำชำระคราบเหงื่อไคลตามร่างกายอยู่สักพัก ก็พันผ้าเช็ดตัวไว้แค่ครึ่งท่อน

เดินตรงดิ่งออกมาจากห้องน้ำ กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้า  เหลือบไปเห็นไอ้ตัวเล็กที่นอนพลิกไปพลิกมาอยู่หลายตลบ

อย่างไม่เป็นสุขคงจะไม่สบายตัว  เลยเปลี่ยนใจเดินไปหยิบกระมังใส่น้ำมาเช็ดตัวให้เด็กน้อย





“อืออออ~”    น้องส่งเสียงครางอย่างรำคาญ  ร่างกายเปลือยเปล่าขาวโพนท่ามกลางแสงสลัว  มีเพียงไฟหัวเตียง

ที่ส่องกระทบผิวขาวนวลให้ดูกระจ่างมากขึ้นไปอีก  ผมไล้มือผ่านบางเบา เพียงแต่ปัดผ่านยอดอก......  มันก็เป็นตุ่มไต

สวยงามพร้อมจะต่อกร  ผมรีบสูดหายใจลงปอดหนักๆ  ไม่อยากให้ความหื่นกระหายมันบังตา ....

ถึงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาผมจะไม่มีโอกาสแตะต้องน้องเลยก็ตาม  ก็นะ....ว่าที่พ่อตาเค้าหวง 

เค้าก้อเรียกลูกเค้ากลับบ้านทุกวัน แถมยังยื่นคำขาดไม่ให้ผมไปนอนด้วยอีกต่างหาก ก็ได้แต่อดทนกันต่อไป 

ผมรีบเช็ดตัวน้องฉบับเร่งด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า เพราะไอ้ลูกชายตัวดีมันก่อกบฎ แข็งข้อกับผมเข้าแล้ว 

.

.

.

.

“อ่าาาา~”     เผลอคำรามเสียงต่ำ เมื่อไอ้ลูกชายตัวดีแทรกตัวออกนอกผ้าเช็ดตัวผืนหนา ลำตัวอวบอ้วนที่มีน้ำฉ่ำเยิ้ม

ตรงปลาย  แตะลงบนริมฝีปากหวาน  มันคงจะไม่ทำให้ผมครางได้ขนาดนี้ ถ้าริมฝีปากเล็กๆ นั่น ไม่ส่งเรียวลิ้นมาไล้เลีย

ทั่งที่ตายังหลับพริ้ม  น้องค่อยๆ อ้าปากกว้างขึ้น  ก่อนจะดูดกลืนส่วนหัวไปทั้งหมด มือเล็กๆ กอบกุมรอบลำ   

แล้วขยับปากเข้าออก โดยที่ภายในยังใช้ลิ้นหยอกล้อรอยแยกตรงปลาย  ทำผมเสียวจนต้องลูบหัวทุยเบาๆ

ดวงตาที่ปิดสนิทขยับเล็กน้อย  หากแต่กลับไม่ยอมลืมตาขึ้นมาดู






“อืมมม แพนนน”  ผมขยับโยกสวนเบาๆ กลัวอีกฝ่ายจะสำลัก  น้องค่อยๆ ช้อนตาขึ้นมากมองผมด้วยดวงตาปรือปรอย

ยังคงอยู่ในอาการมึนเมาอย่างเห็นได้ชัด  ริมฝีปากบางยกยิ้มช้า ละปากออกจากไอ้ลูกชายผมที่กำลังเจริญเติบโตเต็มที่

“แพนไม่อ่อนนน”  ผมอมยิ้ม  คงจะได้ยินพ่อตัวเองสบประมาทสินะถึงได้พยายามลุกขึ้นมาค้าน 

แต่ว่านะ....กว่าจะตอบได้นี่มันไม่ช้าไปหน่อยเหรอครับที่รัก    ผมลูบปลอบหัวเด็กน้อยเบาๆ น้อยยังคงหลับตาพริ้ม

ยื่นหัวมาให้ผมลูบอย่างน่าดูเอ็น   เอ้ย......น่าเอ็นดู 

“ครับคนเก่ง  ดูดต่อก่อนนะ นะ”  ผมพูดอ้อนๆ  เพราะไอ้ลูกชายตัวดีที่มันค้างเติ่งอยู่นี่ทำท่าจะทนไม่ไหวซะแล้ว





“ม่ายยยยยยยย!!”  ไอ้ตัวเล็กช้อนตาขึ้นมามองด้วยสายตาปรือปรอย พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ ที่มุมปาก 

ที่ดูยังไงก็เหมือนแมวขี้เมาที่ง่วงนอน... แต่ยังจะฝืนตัวเองอยู่ดี   มือน้องกำแน่นที่รอบโคน

“อูยยย  ซี๊ดดดดด  แพนครับ นะนะ”  ผมส่งสายตาอ้อนวอน  ไอ้ตัวเล็กหันมาจ้องตอบผม ก่อนจะกระดิกนิ้ว

เป็นสัญญาณให้ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ 



.
.

.

“โนวววววววววววววว  บอกมานะว่าคุยไรกับพ่อแพน”  ไอ้ตัวเล็กขมวดคิ้วแน่น  ปากยื่นออกมานิดๆ

บ่งบอกว่าอารมณ์เสียอย่างถึงที่สุด   ทั้งที่หน้าเราอยู่ห่างกันแค่คืบ....  แค่เห็นก็อยากจะบดจูดแทบแย่

ผมกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อกกกกกกกกกกกก   ขยับตัวเข้าออกสองสามรอบพอให้ถูไถกับมือที่กำรอบโคน

เม้มริมฝีปากตัวเองแน่น  ใจหนึ่งก็อยากจะเล่นเกมส์ว่าไอ้ตัวเล็กของผมจะทำอย่างไรต่อไป

ถึงจะอยากเต็มที่ก็เถอะนะ เผลอเลียริมฝีปากตัวเองทันที เมื่อริมฝีปากสีแดงสดย่นยู่และยื่นออกมา

มากกว่าที่เป็นอยู่    อืม.....  น่าชิมจริงๆ   

“บอกไม่ได้ครับ....... มันเป็นความลับ”  ผมแสร้งหลบตามองพื้น เหมือนเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เบี่ยงประเด็นสุดฤทธิ์

น้องจิ๊ปากดังๆ  แถมหายใจฮึดฮัดอยู่หลายรอบ

“ด้ายยยยยยยยยยยยยยย ม่ายบอกช่ายม้ายยยยยยยยยยย ”

“เห้ย!!”   





พลั๊ก..........







ตุ๊บ!!   





“อ๊ะ!”   ผมเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อไอ้ตัวเล็กโน้มคอผม ก่อนจะดึงลงอย่างแรง จนผมล้มไปทับไอ้ตัวเล็ก

น้องพลิกตัวอย่างรวดเร็วขึ้นค่อมมาบนตัวผม  สองมือเล็กๆ กดแน่นลงมาบนไหล่ทั้งสองข้าง   

“แฮกๆๆ  ”  น้องหายใจหอบเหนื่อย ริมฝีปากแดงจัดเผยอออกนิดๆ เพื่อเปิดทางให้อากาศได้ผ่านเข้าไป


อกกระเพื่อมอย่างแรงขณะสูดอากาศเข้าปอด  น้องอาจจะลืมไป ว่ากำลังเปลื่อยเปล่าอยู่บนตัวผม 

กอปรกับผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่ผูกไว้กับบั้นเอวผมเมื่อครู่ มันล่วงหลุดไปตอนที่ม้วนไปม้วนมา  ผมหลุดยิ้มนิดๆ


ว่าจะไม่ทะลึ่งมันก็อดคิดไม่ได้  ไม่รู้อีกฝ่ายเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน  เมื่อกี้เห็นตาแทบจะลืมไม่ขึ้นด้วยซ้ำ

ดูอ่อนเปลี้ยเพลียแรงยังกับงูแมวเซา เผลอแป๊บๆ มาจับผมกดซะอย่างนั้น  ผมมองริมฝีปากที่ยื่นๆ ของอีกฝ่าย

ในใจก็นึกกระหายใคร่รู้ว่าจะเดินเกมส์เพื่อคาดคั้นความจริงไปยังไงต่อ  เสี้ยวหน้าหวานที่คิ้วเรียวขมวดจนเป็นปม

จ้องมองผมอย่างเอาจริงเอาจัง

“จาบอกม้ายยยยยยยยยย”   ไอ้ตัวเล็กส่งเสียงขู่ ส่งสายตาพิฆาตมาให้ เพราะว่าผมยังนิ่ง  แถมยังยิ้มกริ่มตลอดเวลา



“ไม่ได้จริงๆ ครับที่รัก”   ผมว่าเสียงนุ่ม  ยื่นมือไปไล้แก้มเนียนอย่างเอาใจ  น้องหลับตาพริ้มซบหน้าเข้าหาฝ่ามือผม

แล้วจะถูไถซุกไซร้ในสัมผัสที่คุ้นเคย    สักพักเหมือนจะนึกได้ว่าโกรธอยู่ ไอ้ตัวเล็ก ตะครุบมือผมให้อยู่นิ่ง

ก่อนจะหันหน้าเข้าหา

“งั่ม!   เปลี่ยนเรื่องเก่งนักน๊าาาาาาา”  น้องหลี่ตาจับจ้องมาที่ผม อย่างคาดโทษ

.

.

.

“แล้วอย่าหาว่าแพนม่ายเตือน”










“แพน....ด..เดี๋ยวววววว”

























“อูยยยยยยยย  ลึกอีกที่รัก  ...   อืมมมม”













“ฮึก....   อ๊าาาาาาา   จา......บอกกกกกก   .อึก.......ม๊ายย   อ๊าาาาาาาา  แฮกๆๆ”




“ยอมแล้วครับบ....  อืออออ...   เด้งแรงๆ”








“อ๊ะ............อ๊ะ........อ๊ะ......  จะเสร็จแล้วววววววววว”






“โอวววว ที่รัก  เด้งแรงอีก/   อื๊ออออออออออ”





“อืมมมมมมมมมมมมม”





“แพนครับ”



“หืมมม”


“อีกยกนะ..”



“ด   เดี๋ยวววววววววว  .บอกมา..  อ๊ะ... ก่อ.... อืมมมมม”



.

.

.




ชักอยากจะมี “ความลับ”   เยอะๆ ซะแล้วสิครับ ฮ่าๆๆๆ

หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ แมวเมา กับความลับ P.26 25/12/13
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 26-12-2013 00:41:46
 :m25:

ฮ่าๆๆๆ แพนน่ารัก จริงๆ
 :impress2:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ แมวเมา กับความลับ P.26 25/12/13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 26-12-2013 09:53:03
 :m25: :m25:แพนน่ารักสมใจทั้งคนอ่านทั้งภาคเลย  :z1: ยังไงมาต่อแบบนี้บ่อย ๆ น่ะจ้ะคุณทัศ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ แมวเมา กับความลับ P.26 25/12/13
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 26-12-2013 09:57:35
 :m25:  ตายๆหนูแพนงานนี้มันเข้าทางภาคชัดเลยน๊า
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ แมวเมา กับความลับ P.26 25/12/13
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 26-12-2013 12:36:11
ภาคหื่นตล๊อดตลอด
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ แมวเมา กับความลับ P.26 25/12/13
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 26-12-2013 14:06:24

ตกลงน้องแพนจะได้รู้ "ความลับ" ของภาคกับพ่อตาหรือเปล่าเนี่ยะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ แมวเมา กับความลับ P.26 25/12/13
เริ่มหัวข้อโดย: bizarre ที่ 28-12-2013 21:58:25
อ๋อยยยยย แพนนนนนเมาแล้วเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย 555555 :hao7:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ แมวเมา กับความลับ P.26 25/12/13
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 01-01-2014 20:39:37
อิหนูแพนนนนนนนนนนนนน :m25:
สวัสดีปี57 จ้า
+1และเป็ด
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ แมวเมา กับความลับ P.26 25/12/13
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 01-01-2014 20:57:36
แบบนี้ต้องมีความลับไปนานๆ ^^ Happy new year 2014 นะคะ
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ แมวเมา กับความลับ P.26 25/12/13
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 05-01-2014 14:53:58

สนุกมากๆเลย น่่ารักมากทั้งครอบครัวเลยครัช .. :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ แมวเมา กับความลับ P.26 25/12/13
เริ่มหัวข้อโดย: GF_pp ที่ 29-01-2014 09:55:37
แรกๆๆสงสารแพน  คงจะเหงาที่น้องหมาตายแต่ทั้งหมดก็เป็นจุดเริ่มตันของเรื่องนี้

และยังเป็นจุดเริ่มต้นของความรักและใกล้ชิดสนิทสนมกันของทั้งคู่     :monkeysad:

ชอบเรื่องนี้มากกกก ทั้งสนุก เศร้า และหวานวซึ้ง รวมทุกรสชาติเลยก็ว่าได้    :-[   :sad11:  :o8:
 
น้องแพนน่ารักและเข้มแข็งมาก ส่วนภาคก็รักเดียวใจเดียว หื่นเล็กๆๆมั้ง 555+   :mew1:   

แอบเกลียดแม่ภาคที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องยุ่งๆๆและเกือบทำให้แพนตาย  แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดี แฮปปี้ๆๆๆๆๆ   :กอด1:

สุดท้ายขอบคุณสำหรับนิยายสนุกกกกเรื่องนี้นะคะ  ^^   :pig4:     :pig4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ แมวเมา กับความลับ P.26 25/12/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 02-04-2014 06:11:52
อ่านมา3-4วัน จบแล้วจ้าาาาา
เป็นเรื่องที่ทำให้ร้องไห้หนักมากเลยทีเดียว T_T
แต่จบแฮปปี้ คนอ่านก็ยิ้มออกคร่าาาา
ขอบคุณคนเขียนนะคะ  ^^
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ แมวเมา กับความลับ P.26 25/12/13
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 26-09-2016 19:02:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ แมวเมา กับความลับ P.26 25/12/13
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 15-10-2016 22:36:24
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: >> กอด~ ตอนพิเศษ แมวเมา กับความลับ P.26 25/12/13
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 21-02-2018 22:19:10
กลับมาอ่านอีกครั้ง
ดราม่าท้ายเรื่อง ทำเราน้ำตาไหลพรากๆ
จบแฮปปี้น่ะดีแล้ว ^^