kagehana : เรื่องของคุณพ่อต่อค่ะ แซ่บเวอร์ อิอิ
หลังจากนี้ไปอาจจะทิ้งระยะพอสมควรนะคะ ทั้งหมีทั้งดอกไม้งานอยู่ในภาวะยุ่งสุดขีดทั้งคู่ แต่ยังไงก็จะพยายามเอามาลงเร็วๆค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกคะแนนเสียงโหวตในเซ็งเป็ดอวอร์ด ขอบอกว่าคนเขียนทั้งสองปลาบปลื้มมากๆ
ป.ล. ตอนนี้หมีกับดอกไม้กำลังเร่งปั่นพี่เดฟน้องปันไปลงงานคอมมิคซีซั่น(เนื่องจากจองบูทไปแล้วแต่ไม่มีของลง กร๊ากกก) มีใครสนใจอยากเก็บเรื่องนี้เป็นที่ระทึก(?)มั้ยคะ ใครไปงานคอมมิคซีซั่นแวะไปเยี่ยมเยียนได้ที่บูธ FictionFactory นะคะ จะพยายามออกให้ทันน้า ^^
ฝากเพจรวมของเซอร์เคิลด้วยนะคะ ยังไม่มีอะไรเท่าไหร่แต่จะพยายามอัพเดทเรื่อยๆค่ะ
http://www.facebook.com/ficfactory-39-
...อเมริกา...
ประเทศแห่งอิสระเสรี ประเทศที่ห่างไกลจากบ้านเกิดแทบจะเรียกได้ว่าคนละซีกโลก
พลภัทรรู้สึกเหมือนหายใจได้เต็มปอดบนผืนแผ่นดินนี้ ชายหนุ่มได้ทำในสิ่งที่ต้องการ ทั้งการเรียน เพื่อน การใช้ชีวิต...และความรัก
รักแรกของเขาเกิดขึ้นหลังจากการหมั้นกับคนที่เหมาะสมเพียงไม่กี่เดือน หญิงสาวผมบลอนด์ตาสีฟ้าสอนให้เขาเรียนรู้ความรู้สึกอ่อนโยนและหวงแหนเพียงเมื่อแรกพบ
...เดน่า..คือผู้หญิงคนนั้น...
“... คุณมีคู่หมั้นอยู่แล้ว... จะทำยังไงเหรอพอล”
คำถามของหญิงสาวชาวอเมริกันผู้เป็นรักแรกเอ่ยขึ้นหลังจากสัมพันธ์หวานชื่นบนเตียงจบลง
“ผมไม่รู้... แต่คนที่ผมรักคือคุณนะ” พลภัทรไล้มือตามผิวนุ่มเนียนมือ เขากดจุมพิตลงบนเส้นผมสีทองที่เคล้าเคลียอยู่บนอก เดน่าเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนปริญญาโท หญิงสาวที่มีรอยยิ้มอ่อนหวานที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบและเที่ยวเวียนบอกรักจนเกือบปีกว่าที่อีกฝ่ายจะยอมตกลง
“ยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีก... พูดให้ฉันฟังบ่อยๆก็แล้วกัน” เดน่าแย้มรอยยิ้มก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนฝ่ามือของร่างสูงเบาๆ
“ผมรักคุณ...คุณคือผู้หญิงคนเดียวที่ผมจะรักนะ” คำหวานที่เอ่ยแผ่วพร่างพรมลงบนหัวใจคนฟัง...และคนพูด
“ฉันก็รักคุณ...” เดน่าเป็นฝ่ายแนบริมฝีปากเข้าสัมผัสกันเบาๆ พร้อมกับคำรักที่ไม่ได้พิเศษอะไรไปมากกว่าความรู้สึกที่สื่อผ่าน เธอรู้ดีว่าพลภัทรมาเพียงเพื่อเรียนต่อปริญญาโท และเวลานั้นก็ผ่านไปแล้วเกือบครึ่งทาง-- ไม่นานก็ต้องกลับบ้านไป
แต่เธอก็ไม่อาจห้ามความรู้สึกของตัวเองได้
“ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะอยู่กับคุณอย่างนี้ตลอดไป”
ถ้าเป็นไปได้...แต่ไม่มีวันเป็นจริง
เวลาที่ได้ใช้ร่วมกันผ่านไปเร็วจนน่าตกใจ รู้สึกตัวอีกทีก็ถึงตอนที่เรียนจบแล้วและมีโทรศัพท์จากบิดาเรียกตัวกลับให้เร็ว พลภัทรถึงได้ตัดสินใจต่อรองและยื่นข้อเสนอของตัวเองดู
...เพราะคนที่อยากจะอยู่ด้วยคือเดน่า
-จะพามาได้ยังไง แล้วหนูเพ็ญคู่หมั้นแกจะเอาไปไว้ไหน แกสัญญากับฉันแล้วไม่ใช่หรือไงว่าจะกลับมาแต่งงาน แล้วไปคว้าผู้หญิงฝรั่งมาทำเมียทำไม- เสียงทุ้มห้าวพูดห้วนและปฏิเสธคำขอของพลภัทรในทันที
“ผมไม่ได้รักเพ็ญ พ่อก็รู้” คนเป็นลูกชายเถียงกลับไปโดยที่สายตาไม่ได้ละจากคนรักที่นั่งอยู่บนโซฟาไม่ไกลจากกัน
-แต่คนที่แกต้องแต่งด้วยคือหนูเพ็ญเท่านั้น ไม่อย่างนั้นไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่อ-
เสียงโทรศัพท์เหลือเพียงสัญญาณที่ขาดหาย พลภัทรวางมันลงแล้วเดินไปกอดเดน่าเอาไว้
ไม่ต้องเดาก็พอจะฟังออกจากน้ำเสียงได้ หญิงสาวเพียงยกมือขึ้นกอดตอบแน่นๆ
“ไม่เป็นไรนะพอล....”
“พ่อจะให้ผมกลับไปแต่งงานกับคนที่หมั้นไว้ ทีแรกที่ผมสัญญาผมนึกว่ามันคงเป็นไปได้..แต่ตอนนี้ผมมีคุณ จะให้ผมไปแต่งงานได้ยังไง”
“... แล้วคุณจะอยู่กับฉันที่นี่เหรอ” เดน่าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะสบมองดวงตาสีเข้มของอีกฝ่าย
“ผม.....” พลภัทรเงียบเสียงไปด้วยรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ต่อให้เขาดื้อดึงอยู่ต่อ พ่อก็ไม่มีวันให้เขาอยู่ ต่อให้หนี...คนของพ่อก็ตามหาได้แน่นอน
ลำพังตัวเขาไม่เท่าไหร่ หากแต่ผู้หญิงอย่างเดน่า...ผู้หญิงที่อุ้มท้องลูกของเขาจะทนรับมันได้หรือ
“ผมกลัว..ถ้าผมอยู่ที่นี่พ่อจะส่งคนมาตาม พ่อไม่เหมือนคนอื่น..สิ่งที่เขาคิดไว้ต้องเป็นไปตามแผนของเขาทั้งหมด โดยไม่เลือกวิธีการ”
หญิงสาวยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของคนรักเบาๆ “ฉันไม่เป็นไรหรอกนะ พอล ที่้นี่สวัสดิการไม่แย่หรอก ฉันเลี้ยงลูกได้”
“แต่เขาเป็นลูกของผมด้วยนะ...มันต้องมีวิธีอื่นสิ”
“... พอล คุณกังวลมากเกินไปแล้ว ฉันบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ใช่เพราะว่าฉันไม่ใส่ใจ แต่เพราะฉันไม่เห็นทางอื่นแล้ว”
“แต่ผมทิ้งคุณไปไม่ได้ เดน่า...ผมอยากอยู่กับคุณ อยากเลี้ยงลูกของเรา สอนเขาหัดเดิน สอนเขาพูด.....” ชายหนุ่มลูบท้องที่นูนโป่งออกมาของคนรักพลางแนบหูลงฟังเสียงข้างใน
“ถ้าพ่อตามมาถึงนี่พี่จะเสียใจทีหลังนะ” พิชญ์ที่นั่งเงียบมานานเอ่ยแทรกขึ้นขณะลดมือที่จับหนังสือเอาไว้ลง
“พี่รู้พีท..พี่รู้” พลภัทรสบตาน้องชายนิ่งนาน “แต่พี่รักเดน่า”
“งั้นก็เอาเดน่ากลับไปด้วย...” เขายื่นให้อีกข้อเสนอหนึ่ง
“พ่อไม่ยอม พี่ถามแล้ว” พลภัทรจับมือของคนรักเอาไว้พร้อมแววตาห่วงใย
“บอกคุณเพ็ญแขอะไรนั่นไป เขาจะได้ยกเลิก”
“พีท แกไม่มาเป็นพี่แกไม่รู้หรอก” พลภัทรพูดเรียบๆ เดิมทีแล้วเป็นเพราะอยากจะปกป้องพิชญ์เขาเลยต้องยอมรับข้อเสนอ แต่ข้อเสนอนั้นกลับมาผูกมัดตัวตนของเขาเอาไว้อีกครั้ง
“แต่พี่จะลองดูแล้วกัน...”
ความหวังของพลภัทรขาดสะบั้นลงด้วยการมาถึงของคนของผู้เป็นพ่อ เขาและพีทถูกบังคับให้กลับประเทศแทบจะทันทีแลกกับการที่จะไม่ทำร้ายหญิงสาวที่เขารักและลูกในท้อง ชายหนุ่มได้แต่กล่าวคำอำลาและสัญญากับเดน่าว่าจะมาหาโดยเร็วที่สุด
แต่กระทั่งสัญญา ยังรักษาไม่ได้...
หลังจากถูกพาตัวกลับมา พลภัทรถูกจับให้แต่งงานกับเพ็ญแขและสืบทอดธุรกิจของทางบ้าน วันและคืนผ่านไป...จดหมายหลายฉบับที่ส่งโต้ตอบก็ได้รับรูปเด็กชายผมสีทองในอ้อมกอดหญิงคนรัก เดน่าในรูปกำลังยิ้มอย่างมีความสุขแม้แววตาจะเศร้าเหลือเกิน
สิ่งที่เขาทำได้คือการลักลอบส่งเงินไปให้คนรักและลูกที่อยู่คนละซีกโลกเท่านั้น เพราะภาระที่ยิ่งใหญ่อีกอย่างของเขากำลังเติบโตอยู่ในครรภ์ของเพ็ญแข แม้จะไม่ได้รัก แต่เพราะแต่งงานกันแล้ว...ทายาทสืบสกุลก็เป็นอีกหนึ่งในข้อแลกเปลี่ยนที่บิดาเขาต้องการ....แลกกับการทำไม่รู้ไม่เห็นว่าเขากำลังส่งเสียใครอยู่
พลภัทรหยิบรูปใบเล็กขึ้นแล้วก้าวเดินไปที่ห้องของพิชญ์...คนเดียวที่รู้ความลับของเขา
“พีท ดูนี่สิ”
“อะไรเหรอพี่พล”
“นี่ไง..ลูกของพี่กับเดน่า ชื่อเดวิด เรียกเดฟนะ” ชายหนุ่มไล้ปลายนิ้วไปบนรูปถ่าย เด็กชายวัยแบเบาะผมสีทองอ่อนจ้องมองกลับมาด้วยนัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างเหมือนผู้เป็นแม่ ริมฝีปากเล็กบางดูดกำมือจนแก้มแดงจัดพองกลม
“ชื่อไทยชื่อชยางกูร...น่ารักมั้ยพีท”
“น่ารัก แก้มแดงเชียว” คนเป็นน้องชายยิ้มกับเด็กน้อยหน้าตาน่ารักในรูปถ่าย
“ที่มหาลัยเป็นยังไงบ้าง นี่ปีสองแล้วใช่มั้ย” หลังจากที่กลับมา ภีมที่ห่างกันไปก็เริ่มทำงานแล้ว ทำให้ไม่มีเวลามาวุ่นวายกับพิชญ์และทำให้เขาวางใจมากขึ้น...อย่างน้อยที่สุด เขาก็สามารถปกป้องน้องและไม่สูญเสียเพื่อนรักไป แม้ว่าภีมจะตัดพ้อเรื่องพิชญ์อยู่บ้างพลภัทรก็พร้อมจะทำเฉยๆไม่รู้ไม่เห็นจนเพื่อนเบื่อไปเอง
“อื้ม ก็โอเคนะ เรื่อยๆล่ะ” พิชญ์เรียนคณะศิลปกรรมตามความสนใจของตัวเอง จึงดูเครียดน้อยกว่าพลภัทรสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเยอะ
“แล้วจะไปเรียนโทต่อเลยหรือว่าจะเข้ามาช่วยที่บริษัทล่ะ”
“ไม่รู้สิ เรียนต่อก็ดีนะ จริงๆอยากไปเรียนเพ้นติ้งเลยมากกว่า”
“ทำไมไม่เรียนบริหารล่ะ จะได้มาทำที่บริษัท” พลภัทรถามอย่างสงสัย แม้จะรู้ว่าน้องชายชอบไปทางศิลปะ แต่เพราะมีบริษัทและพ่อก็อยากให้ทุกคนมาช่วย การเลือกเรียนบริหารน่าจะเหมาะสมกว่า
“ก็มีพี่ทำแล้วนี่ ไม่ได้เหรอ” พิชญ์ถามต่อ พลภัทรเตรียมขึ้นตำแหน่งเป็นผู้สืบทอดกิจการคนต่อไป เขาก็ไม่น่าจะต้องกังวลอะไรทั้งนั้น
พลภัทรมองใบหน้าน้องชายที่เอ็นดู เขาไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะทำในสิ่งที่ชอบ...กล้าจะเดินไปจากหนทางที่พ่อขีดไว้ให้
หนทาง...ที่เขาไม่กล้าแม้จะแตะลงไป
“พ่อจะให้หรือเปล่า ก็พ่ออยากให้เราทำงานด้วยกัน ช่วยกันไงพีท”
“... เหรอ... ลองขอพ่อดูก่อนก็แล้วกัน พี่พลช่วยขอทีสิ” เป็นพิชญ์ที่ยิ้มออกมาพลางเอ่ยอ้อนผู้เป็นพี่
“ลองดูแล้วกัน”
พลภัทรทำตามคำขออีกฝ่ายด้วยการออกหน้าไปขอให้พิชญ์ทำในสิ่งที่รัก คำตอบของเขาคือการถูกบิดาตอกกลับมาอย่างไม่ไว้หน้า ความกดดันที่ถูกบีบทำให้พลภัทรมุโหมงานของบริษัท ความสุขแปรผันกับความสำเร็จ ชีวิตที่ดำเนินไปตามทางที่ถูกขีดให้เดินทำให้ชายหนุ่มเงียบขรึมลง แม้ยามที่ลูกชายที่เกิดจากเพ็ญแข..คณัสนันท์ ถือกำเนิด ในใจเขาก็มีเพียงแต่ลูกชายกับคนรักที่อยู่ที่ๆห่างไกล
เปลวไฟลูกเล็กที่เกิดจากความคับแค้น ค่อยๆเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ...ภายในจิตใจของพี่คนโตตระกูลประสิทธิ์พรวิวัฒน์
แต่พิชญ์ที่ไปเรียนบริหารธุรกิจได้ไม่นานนัก ก็ส่งจดหมายมาหาเขาเพื่อบอกถึงความต้องการของตัวเองที่อยากจะเรียนศิลปะ และขอให้ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพราะตัวเองจะขอทุนเรียนเองก็ได้หากบิดาจะคัดค้าน
การตัดสินใจของน้องคนเล็ก...กับการแต่งงานของน้องสาวคนกลางกับผู้ชายที่มาจากครอบครัวธรรมดา ถูกนำมาเป็นหินบนหลังของผู้เป็นพี่ พลภัทรถูกดุด่าแทนคนทั้งสองด้วยข้อกล่าวหาว่าไม่ดูแลให้ดี
บางครั้ง...เขาก็เคยคิดว่าการเกิดมาเป็นตัวเอง ช่างยากเย็นเหลือเกิน
น้ำหล่อเลี้ยงหนึ่งที่เขาเฝ้ารอทุกเดือนคือจดหมายของเดน่า ที่เขียนส่งมาเล่าถึงการเจริญเติบโตของลูกชายที่ไม่มีโอกาสได้อุ้มชู และแม้จะมีคณัสนันท์ สองแขนและดวงตาของเขาก็ไม่สามารถจะอุ้มชูและมองได้เต็มตา... ด้วยความรู้สึกผิดที่มองผ่านไปถึงเด็กอีกคน
เวลาผ่านไปไม่นาน พิชญ์ก็กลับมาพร้อมกับอุปนิสัยที่เปลี่ยนไป จากน้องชายที่เคยหัวอ่อนและพึ่งพาพี่ชาย เติบโตเป็นผู้ชายที่มีความคิดเป็นของตัวเองและรู้ว่าอยากจะทำอะไร ซ้ำยังไม่ยอมให้ใครมาขวางด้วย แม้กระทั่งบิดาจะเอ่ยตัดขาด พิชญ์ก็ไม่ได้เกรงกลัวเลยสักนิด
แต่เพราะความที่เป็นพี่ชาย จึงได้ช่วยต่อรองให้พิชญ์ยังได้อยู่ในบ้านประสิทธิ์พรวิวัฒน์ต่อไปตามปกติ แลกกับการที่ต้องถูกบิดาดุด่าอีกครั้ง
...ภาระหนักอึ้งที่ต้องรับเอาไว้ จะแบกไว้ได้ถึงเมื่อไหร่กัน
“พี่คะ ดูนัทสิ หลับปุ๋ยเลย...” แพรพรรณอุ้มลูกชายที่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่เดือนเอาไว้แนบอกพลางเรียกให้พี่ชายดูหน้าหลานคนแรกของเขา
“หน้าเหมือนแพรเลย พีทล่ะ..ไม่มาดูหลานเหรอ” พลภัทรเขี่ยแก้มทารกตัวน้อยเบามือ ในใจพาลนึกไปถึงคณัสนันท์...ที่ระยะหลังเพ็ญแขเหมือนจะดูออกว่าเขาแทบไม่ได้แตะต้องลูกเลยตีตัวออกห่าง และชยางกูร..ที่เห็นแค่เพียงในรูป
หลานชายคนแรกจากแพรพรรณ ซึ่งสามีของเธอแต่งเข้าตระกูลและให้ญาณัชใช้นามสกุลของมารดา
“ดูตลอดเช้าแล้วพี่พล ตรวจการบ้านเด็กเสร็จแล้วเดี๋ยวไปเล่นด้วยนะ” พิชญ์มีกองงานศิลปะของเด็กอนุบาลอยู่ตรงหน้า แต่น้องคนเล็กก็เอ่ยตอบด้วยเสียงที่เบากว่าปกติด้วยกลัวจะปลุกให้หลานชายตัวน้อยตื่น
“แล้วเราล่ะ เมื่อไหร่มีเป็นของตัวเองบ้าง” ความเจ็บปวดที่ถูกพ่อกระทำใส่นั้นไม่ได้แปรเป็นความขุ่นเคืองน้องทั้งสอง พลภัทรยังคงเป็นพี่ชายที่ห่วงใยน้องเสมอ
“เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นล่ะ” เขาพูดกลั้วหัวเราะโดยไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดนั้นเท่าไหร่ ลองพลภัทรกับแพรพรรณมีหลานชายทั้งคู่ให้มนูญ ความกดดันของตัวเขาคงลดน้อยลงจนแทบไม่มีเลย
“เดี๋ยวโตไม่ทันเล่นกับลูกพี่นะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้สอนเด็กๆ แถมยังมีหลานสองคน ผมไม่มีเวลาดูแน่ๆเลย” พิชญ์ยังคงยืนกรานคำเดิม
“ก็ตามใจ อย่ามาว่ากันทีหลังแล้วกัน” พลภัทรจิ้มแก้มขาวๆของคนตัวเล็กในอ้อมกอดน้องสาวอีกครั้ง ริมฝีปากสีชมพูสดดูท่าจะหิวนม มือเล็กๆเอื้อมจับมือเขามาดูด พลภัทรยิ้มให้เด็กน้อยอย่างเอ็นดู
“นัทหิวนมแล้วมั้งแพร”
“โอเค งั้นเดี๋ยวแพรมาใหม่นะคะพี่พล” แพรพรรณยิ้มให้กับลูกชายตัวเล็กอย่างอ่อนโยนก่อนจะค่อยๆเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นใหญ่
พลภัทรแม้จะไม่ได้รักรักชีวิตในตอนนี้...ที่ไม่ได้อยู่กับคนที่รัก แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเกลียดชีวิตของตนได้....
จนกระทั่ง....มีการมาถึงของคนๆนึง
พิชญ์พารุ่นน้องที่รู้จักกันตอนเรียนอยู่ที่อเมริกาไปเที่ยวต่างจังหวัด พลภัทรไม่คิดอะไรเพราะหากเป็นตัวเองก็คงทำ แต่การมาถึงของรุ่นน้องคนนั้นกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อมนูญเอ่ยปากถามคำถามที่เขาเคยถามแล้วระหว่างทานอาหารเย็นกันพร้อมหน้า
“พีท เมื่อไหร่แกจะแต่งงานหือ แค่แกเรียนศิลปะบ้าบอของแกก็ขายหน้าพอแล้ว รีบหาผู้หญิงมาแต่งซะจะได้มาช่วยงานบริษัท”
เจ้าของชื่อนิ่งไปเมื่อเจอกับคำพูดที่แสดงออกว่าไม่พอใจชัดเจนของผู้เป็นพ่อ ชายหนุ่มวางช้อนกับส้อมลงเรียบร้อยบนจานข้าว ก่อนจะเอ่ยตอบเบาๆ
“ถ้าเขายอมให้แต่งงานกับผู้ชายได้เมื่อไหร่ ผมก็จะแต่งครับคุณพ่อ”
“แกว่าอะไรนะ”
พิชญ์ยกมือขึ้นผลักจานไปข้างหน้าบ่งบอกว่าตัวเองจะไม่ทานต่อแล้ว “... คนที่ผมอยากจะอยู่ด้วย เป็นผู้ชายครับ”
...พีทเป็นเกย์...
ไม่ต้องให้บอกตรงๆ เขาก็รู้ว่าน้องชายต้องการจะสื่ออะไร
น้องชายที่กล้าจะแหวกกฏของครอบครัว กล้าที่จะทำในสิ่งที่เป็นตัวเอง ขบถ..ที่ซ่อนไว้ในท่าทางอ่อนโยน พลภัทรรู้ในวินาทีนี้เองว่าน้องชายที่เขาต้องคอยปกป้องจากภีมไม่มีอีกต่อไปแล้ว หรือบางที...เขาอาจจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปกป้องตั้งแต่แรก
มือที่จับช้อนบีบแน่นขึ้น...เหมือนกับหัวใจที่รัดตัว
“แก...ไอ้พีท ไอ้ลูกเลว” เสียงของมนูญดังก้องไปทั่ว เช่นเดียวกับจานกระเบื้องบนโต๊ะที่ถูกกวาดลงพื้นแตกละเอียด
“ผมยังเป็นลูกพ่อเหมือนเดิม... เป็นพีทคนเดิมนะครับพ่อ” น่าแปลกที่พิชญ์กลับพูดด้วยท่าทีสงบนิ่งกว่าที่คิดไว้ ต่างจากบิดาที่กวาดทุกอย่างที่เอื้อมถึงลงจากโต๊ะเสียหมดสิ้น
ไม่...ไม่เหมือนเดิม..คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะด้วยท่าทางสงบเงียบตอบแทนคำในหัวของพ่อ
คนอื่นๆเริ่มออกจากห้องไป เหลือเพียงตัวต้นเรื่องทั้งสอง...และพี่ชายคนโตอย่างพลภัทร
“แกก็รู้ว่ามันไม่ใช่ ถ้ามีคนรู้ว่าฉันมีลูกเป็นเกย์ ฉันจะมองหน้าใครเขาได้ พล..เห็นไหมล่ะ เพราะแกพามันไปเมืองนอกตั้งแต่เด็ก มันถึงเอาอิทธิพลบ้าๆมาจากอเมริกา”
“คุณพ่ออย่าเอาพี่เข้ามาเกี่ยวครับ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่พล” ฟังดูเอาก็รู้ว่ามนูญเพียงต้องการหาที่ระบายใส่ และก็ไม่พ้นพี่ชายคนโตของเขา
“ทำไมจะไม่เกี่ยว มันดูแลแกไม่ดี เป็นพี่ประสาอะไร แกก็ด้วย ฉันสั่งห้ามเด็ดขาด แกต้องแต่งงานทันทีที่ฉันหาสะใภ้ได้”
ลูกชายคนเล็กที่ไม่เคยแสดงท่าทีต่อต้านกลับลุกขึ้นยืนทันที “ผมไม่แต่งครับ ยังไงก็ไม่แต่ง”
“พีท...” พลภัทรพูดเสียงแผ่ว “เชื่อพ่อเขาเถอะ”
เชื่อ...เหมือนที่เขาเชื่อมาตลอดชีวิต
เชื่อ...จนทำให้ไม่กล้าจะก้าวเดินไปตามทางที่ต้องการ
“... พี่พล...” พิชญ์หันมามองสบตากับผู้เป็นพี่ ดวงตาของเขาในตอนนี้ดูโศกเศร้ายิ่งกว่าครั้งไหน “พีททำไม่ได้...”
“งั้นก็ลองตายดูไหมล่ะพีท ง่ายกว่ามีเมียหรือไง” ผู้เป็นพ่อระเบิดอารมณ์ใส่ มนูญที่แข็งกร้าววิ่งชนเข้ากำแพงที่ก่อ เขาเชื่อ...ว่าพีทต้องเหมือนลูกคนโตและพี่สาวอย่างแพรพรรณ ที่แม้จะมีความคิดของตัวเอง แต่ก็ไปจากบ้านหลังนี้ไม่ได้
“เลิกกับมัน แล้วฉันจะคิดซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“ไม่ครับ...” เขาได้แต่คิดว่า หากลังเลตอนนี้ คงจะไม่มีโอกาสได้เจอกับเจ้าของรอยยิ้มกว้างคนนั้นอีกแล้ว
“ไอ้ลูกทรพี” มนูญพูดสั้นๆแล้วเดินออกไปทันที
พลภัทรมองน้องชายคนเล็ก...ที่ดูจะตัวโตจนใหญ่คับไปทั้งบ้าน เหลือเพียงเขาเองที่ตัวเล็กจ้อย เหมือนดักแด้ฝ่อที่ไม่มีวันได้กลายเป็นผีเสื้อ
“พีท...เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่” ถ้อยคำที่ถาม...หลุดไปด้วยเสียงแผ่วหวิว
“...... คนที่พีท... อยากจะอยู่ด้วย มีแค่ผู้ชายคนนั้นคนเดียว ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นพีทไม่เอา แบบนี้พี่พลจะว่าเป็นเกย์มั้ย”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น พีทก็มีเขาสิ แล้วแต่งงานกับคนของพ่อ...ทำเหมือนเดน่า พ่อจะได้ไม่โกรธ พี่จะช่วยเก็บเป็นความลับให้”
“... ไม่ได้หรอก... ไม่เหมือนกัน พีททำแบบนั้นไม่ได้” พิชญ์ยืนกราน แค่นึกถึงหน้าของอีกฝ่ายก็พอจะรู้แล้วว่าจะเป็นแบบไหน
“แล้วพีทจะทำยังไง พ่อไม่มีทางรับได้หรอก แต่ก็ไม่มีทางให้พีทไปด้วย”
“...... ถ้าจะบังคับกัน พีทจะไป” คนเป็นน้องตอบอย่างแน่วแน่
“แล้วคนอื่นรู้หรือเปล่าว่าพีทเป็น...ชอบผู้ชายน่ะ” ในใจเขาไพล่ไปถึงเพื่อนรักอย่างภีม เพราะถ้าอีกฝ่ายรู้...อาจจะโกรธเขาก็ได้
“ไม่มีใครรู้ พีทไม่เคยบอกใคร” เขาสบตามองพี่ชายก่อนจะเอ่ยตอบ
“แล้วพีทจะอยู่ไทยต่อมั้ย แต่ถ้าถามพี่...พี่อยากให้อยู่” พลภัทรตบบ่าเบาๆคล้ายให้กำลังใจ แม้จะรู้ดีว่าพิชญ์คงไม่ต้องการมันเท่าตัวเขาเอง
“... พีทยังไม่ได้ตกลงว่าจะอยู่กับเขา... ตอนนี้พีทยังทำงานอยู่ที่นี่... ถ้าพ่อไม่อยาก พีทก็คงต้องออกไปหาห้องอยู่” พิชญ์ถอนหายใจออกมา
จะออกมาเป็นอย่างไร...
“มันคงไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอกพีท”
พลภัทรไม่เคยรู้เลย....ว่าคำพูดนั้นเขาต้องเอามาปลอบตัวเอง....
ตัวเอง...ที่ถูกทำลายจากเพื่อนที่รักที่สุด
To Be Continued......