พิมพ์หน้านี้ - : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! ประกาศ re-printค่ะ [05/01/17]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: kagehana ที่ 20-04-2012 20:42:38

หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! ประกาศ re-printค่ะ [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 20-04-2012 20:42:38
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้าม มิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอ ให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่ นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อ ความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่..


http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
หัวข้อ: Re: SCAR : ตราบาปไร้รอยเลือน 1 [20/04/12]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 20-04-2012 20:47:41
kagehana : ลองเอาเรื่องใหม่มาลงค่ะ หลังจากเรนนี่เดย์ย้ายไปห้องนิยายที่ยังไม่จบเรียบร้อย กร๊ากกกกก (แต่ยังอัพเดทอยู่นะ เพิ่งอัพไปเลยล่ะ /ยืด)

ยังไงก็ขอฝากพี่เดฟน้องปันไว้ในอ้อมใจ(?)ด้วยนะคะ



-------------------------------------------------------------------



-1-





นัยน์ตา เรียวคมสีนิลจับจ้องใบหน้าของคนมาใหม่จากด้านบนของบันไดด้วยความรู้สึกอึด อัดภายในอก ชายหนุ่มร่างสูงกับเรือนผมสีทองยาวเคลียไหล่ล้อมกรอบใบหน้าที่ดูแปลกตากวน ให้ตะกอนในใจขุ่นข้นขึ้นมาอีกครั้ง

...ทำไมทีคนแบบนี้ถึงได้รับความรัก...

ปัณวิทย์ มองภาพบิดามารดาและญาติผู้ใหญ่ร่วมตระกูลที่พากันล้อมหน้าล้อมหลังผู้ชายที่ ชื่อ 'ชยางกูร' ด้วยความรู้สึกเกลียดชัง แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรต่อ สายตาก็เหลือบไปเห็นญาติผู้พี่ที่เก็บตัวเงียบและทำตัวราวกับตัดขาดตัว เองออกจากตระกูลกำลังมองไปในทิศทางเดียวกัน

'ญาณัช' คือชื่อของญาติผู้พี่คนนั้น

ปัณวิทย์ เป็นลูกชายที่เกิดจากชู้ของเพ็ญแข เพราะเหตุนี้ถึงได้กลายเป็นเหมือนแกะดำ ความรักที่เคยได้จากบิดามารดาในฐานะลูกชายคนเล็ก และน้องชายของคณัสนันท์ได้หายไปในพริบตาเพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้ ความลับของเพ็ญแขนั้นถูกเปิดโปง-- จากชีวิตที่มีแต่ความสุขและความรัก กลับกลายเป็นเด็กที่เติบโตมาท่ามกลางความเกลียดชัง พลภัทรที่เขาเรียกว่าพ่อ ก็มองเขาด้วยสายตารังเกียจราวกับไม่ใช่คน เพ็ญแขก็ไม่รักเขาอีกต่อไปเพราะเป็นสาเหตุให้ทะเลาะกับพลภัทรใหญ่โต คณัสนันท์ก็ไม่สนใจเขาเพราะทำตามคำสั่งของพลภัทร

...ไม่มีใครเห็นใจสักคน

ปัณวิทย์ ถึงได้เติบโตขึ้นมาโดยปราศจากความรัก มีเพียงชายหนุ่มผมยาวผู้มีศักดิ์เป็นอาที่พักอยู่ห้องตรงข้ามกันเท่านั้น ที่คอยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ

แต่วันนึง พิชญ์ก็จากไป และจากวันนั้น... ก็ไม่มีใครสนใจ ว่าเขาจะทำอะไร

แม้กระนั้น พลภัทรก็ยังส่งเขาเรียนตามปกติ มีค่าขนมให้ใช้เหมือนอย่างคนอื่น แต่ข้าวของมากมายนั้น ปัณวิทย์ไม่ได้ต้องการเลยสักนิด

...แค่อยากเรียกว่าพ่ออีกครั้ง...

...ก็เท่านั้น...

แล้วในวันนี้ ที่ลูกที่เกิดกับสาวชาวอเมริกันของพลภัทรกลับมา ตอกย้ำบาดแผลของเขา

"พี่นัท..." เด็กหนุ่มร่างโปร่งเดินไปหาญาติผู้พี่ที่ตัวเล็กกว่า

"........ ครับปัน"

"กินอะไรรึยัง" เพราะตั้งแต่พิชญ์จากไป เขาก็แทบไม่ได้เห็นหน้าของญาณัชเลยด้วยซ้ำ

"................. อืม"

นานๆ ทีจะได้พบกัน ก็มีเพียงถามคำตอบคำอย่างนี้ ก่อนที่ญาณัชจะหายเข้าห้องไป-- ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน ปัณวิทย์จึงตัดสินใจเดินไปขึ้นลิฟท์ เพื่อกลับเข้าไปอยู่ในห้องของตัวเอง

...อยู่ในที่ที่มีความรักให้เขา...

 

//////////////////////////////

 

ชยา งกูรมองคนรอบกายที่เอาแต่ปั้นหน้ายิ้มแย้มต้อนรับเขาแต่แววตาจริงใจแทบไม่มี สักคน กระทั่งพลภัทรที่เป็นพ่อแท้ๆก็ยังดูเหมือนมีอะไรในใจถึงเรียกตัวเขากลับ มา..ทั้งๆที่เคยติดต่อกันปีละแทบนับครั้งได้

"ขอบคุณครับ แต่ปาร์ตี้ผมขอเอาไว้ก่อนดีกว่า วันนี้เหนื่อยๆ" จะบ้าหรือเปล่า ให้คนมาเหนื่อยๆร่วมปาร์ตี้เนี่ยนะ?

เขายกยิ้ม...ที่ไม่ว่าใครก็เรียกว่ารอยยิ้มเจ้าชู้ให้คนรอบๆกาย วูบหนึ่งเขาเห็นแววตาไม่พอใจของเพ็ญแข ผู้มีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยง

"งั้น ไปพักผ่อนก่อนก็ได้ ฉันจัดห้องรอไว้แล้ว แต่ถ้าไม่พอใจจะเลือกห้องไหนก็ได้" น้ำเสียงถูกปรับให้อ่อนโยน แต่คำแทนตัวเองที่เย็นชาทำให้หลุดแค่นหัวเราะไม่ได้

"ผมขอไปดูก่อนแล้วกัน แต่ผมอยากได้ชั้นสูงๆหน่อย...พอได้ไหมครับ คุณพ่อ"

พลภัทรดูจะชะงักไปเมื่อถูกเรียกอย่างนั้น แต่ก็รีบปรับสีหน้ารวดเร็ว

"ชั้น ของญาณัชกับปัญวิทย์ยังว่างอยู่ห้องนึง...เอาเป็นที่นั่นไหมคะ" เพ็ญแขเดินเข้ามาจับแขนลูกชายคนใหม่...คนที่มาประจานว่าสามีเธอนอกใจมานาน แค่ไหน

...และเป็นคนที่ทำให้เธอคิดนอกใจจนเกิดปัณวิทย์ขึ้นมา...

"หึ...จะดีเหรอ คนนึงก็เก็บตัวจะตายในห้องเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อีกคนก็...เด็กเหลือขอลูกเสือลูกตะเข้"

"ไม่เป็นไรครับ ที่นั่นแหละดีแล้ว" ชยางกูรรีบตัดบทเพราะกลัวจะต้องอยู่ให้ถูกล้อมหน้าล้อมหลังนานกว่านี้

"เดี๋ยวผมเอาของไปเก็บก่อน"

ชยางกูรเดินเข้าไปในลิฟท์แล้วกดชั้นตามที่ได้ยินเสียงแว่วบอกมา

ทันทีที่อยู่ในลิฟท์คนเดียว ลมหายใจหนักๆก็ถูกพรูออกมา

"คิดผิดเปล่าวะ..."

จะอย่างไรก็ตาม...เมื่อเดินมาถึงตอนนี้จะถอยกลับก็ไม่ได้

...เขาไม่ยอมให้ใครแย่งส่วนที่เขาควรได้ไปแน่...

 

////////////////////////////////////////////////

 

"ฟู ฝุ่น ไปเดินเล่นข้างนอกกันไหม" เด็กหนุ่มเจ้าของห้องลุกขึ้นพร้อมทั้งอุ้มกระต่ายทั้งสองตัวที่ตัวเองเลี้ยง ไว้ตั้งแต่ยังตัวเล็กอยู่ มืออีกข้างเอื้อมเปิดประตูห้องของตัวเองออกมา

"โอ๊ะ!" คนที่กำลังเดินผ่านตกใจเล็กน้อยที่เห็นเด็กหนุ่มผมสั้นอุ้มกระต่ายเดินออกมาเกือบชนกัน

ชยางกูรมองช้าๆแล้วฉีกยิ้มให้

"ฮาย ญาณัชหรือปัณวิทย์เนี่ย" มือใหญ่เอื้อมจะไปจับเจ้าขนฟูตัวนุ่มหวังผูกมิตร

ทว่าคนที่อุ้มกระต่ายอยู่กลับถอยตัวหนี

"ปัณวิทย์" เด็กหนุ่มตอบเสียงห้วนสั้นพลางเดินเบี่ยงตัวหนีแทบจะทันที เพราะคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องผูกมิตรด้วย

"เฮ้ คุยกันก่อนสิ...น้องชาย" ใช่ว่าไม่รู้ว่าสายเลือดไม่ได้เกี่ยวกัน แต่ชยางกูรจงใจเรียกอย่างงั้นเพราะหมั่นไส้ที่ถูกหนีไปเฉยๆ

"พาไปที่ห้องหน่อยได้ไหม ห้องไหนที่ว่างน่ะ"

"อย่ามาเรียกว่าน้องชาย!" นัยน์ตาเรียวคมหรี่มองอย่างขัดใจพลางพยักหน้าไปที่ประตูห้องข้างๆตัวเอง

"นั่นไง ห้องว่าง"

"ถ้าไม่ให้เรียกว่าน้องชายจะเรียกอะไร ปัน วิทย์ หรืออะไร" ชยางกูรยักไหล่แล้วเสยเส้นผมสีทองขึ้นลวกๆ นัยน์ตาสีฟ้าใสฉายแววขี้เล่น

"แล้วเจ้าสองตัวนี่ล่ะ ชื่ออะไรกันบ้าง"

"ไม่ต้องเรียกก็ได้........" เขามองด้วยความแปลกใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงจะอยากมาพูดคุยด้วย

"..... ฝุ่น.... กับฟู"

"แล้วชื่อนายล่ะ อ่อลืมไป ฉันเดฟ..ชยางกูร" ชายหนุ่มยื่นมือรอจับ

"อ่อ โทษทีๆ ไม่มีมือสินะ ขอฉันลองจับได้ไหม" ชยางกูรจับที่หัวนุ่มๆเบาๆ

"........" เขาไม่ตอบอะไร แต่ก็ไม่ได้ถอยหนีไปเหมือนตอนแรก ปัณวิทย์ได้แต่มองนิ่งๆและยืนเฉย

"ปัน..."

"โอเค แล้วห้องนั้นคงเป็นญาณัช...นัท? ใช่ไหม" เขาชะโงกไปดูประตูที่ยังปิด

"จะไปนั่งคุยกันก่อนไหม ฉันอยากรู้จักนาย... รู้จักบ้านนี้ให้มากขึ้น"

ชยางกูรอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายยังงงๆดึงกระต่ายสีเทาจากมือมาอุ้ม

"ตัวกำลังกินนะเนี่ย ฉันเคยกินกระต่ายย่าง...อร่อยมากๆ"

"เฮ้ย!" เพียงเท่านั้น ปัณวิทย์ก็คว้าเอากระต่ายคืนมาแทบจะทันที

"อย่า มายุ่งกับกระต่าย" เด็กหนุ่มแทบจะขึ้นมึงขึ้นกูใส่กันแล้วถ้าไม่ยั้งปากไว้ สำหรับปัณวิทย์ที่อยู่ตัวคนเดียวมีเพียงกระต่ายสองตัวเป็นเพื่อนแก้เหงา ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเจ้าฟูกับเจ้าฝุ่นแล้ว

คนที่ถูกดึงไปดื้อๆพอจะรู้ว่าสาเหตุเกิดจากความกวนของตัวเอง แต่ไม่นึกว่าจะถูกทำท่าทางอย่างนี้ใส่

"แค่ล้อเล่นจริงจังไปได้... อาหารสำรองมันต้องเอาไว้กินตอนฉุกเฉิน ฉันยังไม่กินกระต่ายนายตอนนี้หรอกน่า"

"อย่า มาเรียกว่าอาหารสำรองนะ ห้องอยู่นั่นไง ก็เข้าไปเดะ" ร่างโปร่งหันหลังให้โดยไม่สนใจ ตั้งใจจะออกไปตรงส่วนระเบียงของชั้นตัวเอง ไปให้พ้นจากคนที่เกลียด

"ถามจริงเหอะ นายไม่ชอบอะไรฉันป่าววะ" ในเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดจะญาติดี เขาก็ไม่รู้จะพูดดีด้วยทำไม

ชยางกูรจับไหล่เล็กของเด็กหนุ่มที่ยังโตไม่เต็มตัว แต่เพราะออกแรงมากเกินไป เด็กหนุ่มตรงหน้าเลยทำเจ้าตัวสีขาวตกลงพื้นดังอั่ก

"เฮ้ย!"

"ฟู!!" ปัณวิทย์รีบเข้าไปประคองกระต่ายตัวฟูสีขาวสะอาดขึ้นมาโดยปล่อยให้เจ้าตัวสี เทาลงไปหมอบรอก่อน ดวงตาสีเข้มตวัดมองขึ้นอย่างไม่พอใจ

"ก็ เข้าห้องไปดิวะ จะมาเสือกอะไรเรื่องคนอื่นนักหนา" เขาอุ้มกระต่ายพลางลุกขึ้นแล้วเปลี่ยนทิศทาง อารมณ์ไม่ดีแบบนี้ ซ้ำฟูยังหล่นลงพื้น กลับเข้าไปอยู่ในห้องก่อนยังจะดีกว่า

"เฮ้ย! อะไรวะ อยู่ๆก็ด่าคนอื่นว่าเสือกเนี่ย" ทั้งที่ตั้งใจจะขอโทษแต่เพราะอีกฝ่ายใส่อารมณ์มาแบบเต็มๆก็อดโมโหไม่ได้

ชยางกูรมองนัยน์ตาสีเข้มที่ราวกับมีดวงไฟลุกในตา แต่เขาเองก็ไม่คิดจะขอโทษอีกแล้ว...

"เป็นเด็กตัวแค่นี้ยังพูดจาฟังไม่ได้ โตขึ้นจะขนาดไหนวะ มิน่าล่ะ คุณพ่อถึงบอกว่าเหลือขอ!"

"..........."

...ทำไมคนอย่างแกถึงเรียกพ่อได้...

...คนอย่างแก...

"เออ กูเหลือขอ!" เขาเปิดประตูห้องตัวเองออกแล้วก้มลงรุนหลังเจ้าตัวเล็กให้กระโดดเข้าไป ร่างโปร่งหันมามองอีกฝ่ายด้วยความโมโหที่พุ่งพล่านอยู่ภายใน

"แล้วก็ไม่อยากรู้จักแก ชัดไหม"

"ชัด แต่เผอิญว่ากูอยากกวนตีน มีไรป่ะ" ชยางกูรยักไหล่ทำหน้าใสซื่อใส่

"ต้องอยู่ ด้วยกันอีกนาน ฝากตัวกันไว้ก่อน มารยาทเบื้องต้นไม่รู้จักหรือไง หรือว่าคบแต่กระต่ายไม่คบคน....." ชายหนุ่มเว้นเสียงไปก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงสะใจ

"...หรือไม่มีคนคบ"

"เรื่องของกู!" ประตูห้องถูกกระแทกเสียงดังใส่หน้าคนที่ยืนกวนตีนอยู่แม้แต่น้อย กระต่ายสองตัวรีบวิ่งไปยังเบาะนอนของมันด้วยความตกใจ

"...........ไอ้นี่..." ชยางกูรเหวี่ยงเท้าเตะประตูก่อนจะเดินจากไป

...ไม่นึกเลยว่าจะมีเด็กกวนตีนขนาดนี้..

...แต่ต้องอย่างงี้แหละ ถึงจะน่าสนุก...

 

///////////////////////////

 

"ปัน... เป็นอะไรน่ะ หน้าบูดเชียว" น้ำเสียงหวานใสเอ่ยขึ้นพร้อมกับท่อนแขนเรียวบางที่เลื่อนผ่านไหล่ของเด็ก หนุ่มจากด้านหลังแล้วโอบกอดเอาไว้

"... มีคนงี่เง่ามาที่บ้านน่ะ" ปัณวิทย์เอ่ยตอบเสียงขุ่นพลางจับแขนของเด็กสาวแล้วดึงให้มานั่งบนตัก

"อุ๊ย!"

"เจอไอซ์แล้วค่อยสบายใจหน่อย" ปลายจมูกกดลงที่ข้างแก้มใสเจือสีชมพูอ่อนเพราะบลัชออนที่ปัดไว้

"ปากหวานไปเรื่อยเลย" แม้จะพูดแบบนั้น แต่ไอลดาก็ค่อยแนบริมฝีปากลงสัมผัสกัน

"โห่ว แต่เช้าเลยนะมึง" คนมาใหม่ตบบ่าดังตุ้บก่อนจะทรุดนั่งลงข้างๆ

"ที สาวนี่อี๋อ๋อ กะเพื่อนมองตาเขียวเชียว เป็นเหี้ยไรวะ หน้าบูดเป็นตูดหมาทั้งวัน" เด็กหนุ่มหน้าตากวนๆแต่ดวงตาขี้เล่นเอ่ยทักน้ำเสียงร่าเริง

"เรื่องที่บ้าน กูขี้เกียจพูด" ปัณวิทย์ละออกมาจากแฟนสาวแต่ก็ยังโอบเอวไว้หลวมๆ

"ซายน์ล่ะ" เขาเอ่ยถามต่อถึงอีกคนที่มักจะตัวติดกันกับอาธิปเสมอ

"ไปขี้มั้ง น้องไอซ์คร้าบ-- ตักไอ้ปันไม่นุ่มเท่าตักพี่อัสซี่หรอก มานี่มามะ" อาธิปทำท่าทะเล้นจะกอดทั้งไอลดาและปัณวิทย์

อัส ซี่...หรือจริงๆคือ อัฐ..อาธิป เพื่อนซี้ของปัณวิทย์คู่หูกับซายน์ หรือ ศิวะ ทั้งสามคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกันมาตั้งแต่ประถมเลยทำให้สนิทกันเสียยิ่ง กว่าครอบครัว

"ไอซ์ ไม่ต้องไปฟังมันเลย" มือข้างหนึ่งเอื้อมมาดันเอาแขนของอาธิปออกไปให้พ้นทาง

"ไม่ฟังหรอก ไอซ์ไม่ได้ชอบปันเพราะตักนุ่มนี่นา" พูดจบเด็กสาวก็หัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน

"อ๊อก กกก!" อาธิปทำเสียงอ้วกยาวเหยียด และเป็นจังหวะเดียวกับที่ศิวะเดินมาพร้อมมือใหญ่ที่ตบลงบนกลางหัว ทำให้เจ้าของเสียงหยุดชะงักด้วยเสียงสุดท้ายที่เหมือนปลาสำลักน้ำ

"เหี้ยศิวะลึงค์ มือเลอะขี้ตบหัวกูป่าววะ"

"ศิวะลึงค์พ่อมึงดิ สัด ชื่อกูดีๆแปลงซะเสียหมด" ศิวะทักทายแล้วนั่งลงข้างปัณวิทย์

"เลิกเรียนมึงไปไหนป่าววะ กูอยากแดกเหล้า..."

"พ่อมึงคงให้เข้าหรอกผับน่ะ"

"ห่า ก็แดกบ้านกูก็ได้ ไปไหมปัน" ศิวะชวน

"ไอซ์ไปไหม" เขารวบเอวบางให้แน่นขึ้นแล้วพาดคางไว้กับไหล่เล็ก

"จับไว้แบบนี้ก็ไปสิ จะให้ชวนพวกผู้หญิงไปด้วยไหมล่ะ" ไอลดาหันมาถามความเห็นของเพื่อนอีกสองคน

"จัดไปเลยที่รัก" สองเสียงพูดพร้อมกันแล้วหัวเราะร่า

"หน้าหม้อว่ะไอ้ซายน์

"เหมือนกันละวะไอ้อัฐ"

"มึงดึกได้ป่าววะปัน เดี๋ยวหม่อมแม่มึงด่าป่ะ" ศิวะตบบ่าแล้วถาม

"ไม่ ด่าหรอก มีคนใหม่มา เห็นว่าจะจัดปาร์ตี้ กูไม่อยากไปว่ะ" เขาตอบแบบขอไปที ยิ่งนึกถึงใบหน้ากวนอารมณ์ของชยางกูรก็ยิ่งหงุดหงิดหนักกว่าเดิม

"ใครวะ เมียใหม่พ่อมึงเหรอ" อาธิปถามตามประสาคนปากเบา

"ลูกติด..." ปัณวิทย์ตอบสั้นๆห้วนๆอย่างไม่ใส่ใจ

...เด็กเหลือขอเหมือนกันแท้ๆ...

"หัวเน่าเลยสิมึง" อาธิปส่งท้าย พร้อมป้าบใหญ่ที่ตบใส่หัวจนหน้าหงาย...เห็นดาวกลางวันแสกๆ

 

///////////////////////////

 

...น่าเบื่อชะมัด...

บรรยากาศงานเลี้ยงต้อนรับ..ที่ดูไม่ค่อยอยากต้อนรับเท่าไหร่ของครอบครัวนี้ ทำให้ชยางกูรรีบอยากให้มันจบไวๆจะได้นอนเสียที

การที่ต้องเดินติดเป็นอึปลาทองของบิดาแล้วถูกแนะนำกับคนโน้นคนนี้ว่าแย่แล้ว แต่สายตาแฝงคำถามที่ส่งมายิ่งแย่กว่า

หลังจากร่วมสองชั่วโมงผ่านไป เขาถึงได้โดนปล่อยให้ยืนเฉยๆข้างมุมห้องเสียที

ชยา งกูรกวาดสายตามองรอบห้อง นัยน์ตาสีฟ้าใสมองเห็นชายหนุ่มผมดำยาวในชุดสูทยืนเงียบๆอยู่ที่มุมคนเดียว แวบแรกเขาก็เกือบจะละสายตาไป...แต่พออีกฝ่ายหันมาสบตา นัยน์ตาเศร้าๆสีดำคู่นั้นกลับดึงดูดใจจนร่างกายพาเดินเข้าไปหาเอง

...หน้าตาไม่เท่าไหร่...แต่สายตานี่ฆ่ากันชัดๆ...

"ฮาย..." เพราะไม่รู้ว่าจะทักยังไง มือใหญ่จึงจับที่เส้นผมสีดำเบาๆ

"ผมสวยดีนะ..ย้อมสีไหม"

ร่างบางขยับตัวถอยออกไปโดยอัตโนมัติ เขาเอ่ยตอบอย่างสุภาพ

"... เดี๋ยวผม ไปเดินดูรอบๆก่อนนะครับ" นัยน์ตาโศกจ้องมองเพียงครู่เดียวก่อนจะหันตัวเดินหนีจากมา

"เดี๋ยวสิ..ญาณัชใช่ไหม" เพราะท่าทางที่แตกต่าง ทำให้ไม่อาจจะละสายตาได้

ชยา งกูรรู้ว่าตัวเองเป็นไบเซ็กชวลกันตั้งแต่ไฮสคูล เขาเคยคบทั้งกับผู้ชายและผู้หญิง...ซึ่งเขาเองก็ชอบทั้งสองแบบ บางครั้งผู้ชายตัวเล็กๆบอบบางก็น่ากอดไม่แพ้ผู้หญิง ยิ่งไปกว่านั้น ถึงจะมีอะไรกันเท่าไหร่ยังไม่มีปัญหาเรื่องท้องตามมาอีกด้วย

...คนที่เพิ่งเลิกไปก็คล้ายๆอย่างนี้ เด็กหนุ่มผมยาวบอบบางที่เหมือนจะแตกได้ตลอดเวลา...

"เดี๋ยวสิ... ญาณัชใช่ไหม" เพราะท่าทางที่แตกต่าง ทำให้ไม่อาจจะละสายตาได้

ชยา งกูรรู้ว่าตัวเองเป็นไบเซ็กชวลกันตั้งแต่ไฮสคูล เขาเคยคบทั้งกับผู้ชายและผู้หญิง...ซึ่งเขาเองก็ชอบทั้งสองแบบ บางครั้งผู้ชายตัวเล็กๆบอบบางก็น่ากอดไม่แพ้ผู้หญิง ยิ่งไปกว่านั้น ถึงจะมีอะไรกันเท่าไหร่ยังไม่มีปัญหาเรื่องท้องตามมาอีกด้วย

...คนที่เพิ่งเลิกไปก็คล้ายๆอย่างนี้ เด็กหนุ่มผมยาวบอบบางที่เหมือนจะแตกได้ตลอดเวลา...

...เล่นยากแฮะ...

"เปล่า ครับ แค่อยากรู้จักกันไว้ ไหนๆก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน...แล้วนี่ปัณไปไหนครับ ผมไม่เห็นเลย" ไอ้เด็กกวนตีนพรรค์นั้นไม่มาให้เกะกะตาก็ดีแล้ว

"ผมไม่ทราบครับ... ยินดีที่ได้รู้จักครับ... ผมขอตัวนะครับ" ญาณัชค้อมหัวอีกครั้ง

ชยางกูรยกมือโบกให้ เขาไม่คิดจะรั้งไว้ ในเมื่ออีกฝ่ายดูจะยังไม่ยอมรับเขา...

เอาเหอะ ของอย่างนี้ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป

...ขืนรุกเร็วก็ตื่นกันหมดพอดี...

ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มส่งท้าย ก่อนที่จะยกไวน์ในมือขึ้นจิบช้าๆด้วยความรู้สึกท้าทายที่ฝั่งแน่น...ติดตราตรึงใจ

 

//////////////////

 

 


To be continued.....
หัวข้อ: Re: SCAR : ตราบาปไร้รอยเลือน 1 [20/04/12]
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 20-04-2012 21:33:53
ตกลงใครเป็นตัวเอกละเนี้ย \ =[]= /!!!! NO!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: SCAR : ตราบาปไร้รอยเลือน 1 [20/04/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 20-04-2012 21:41:27
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

ฟิคเรื่องใหม่มาแล้วเย้ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มาอัพต่อบ่อย ๆ นะฮับ

แล้วตกลงเดฟคู่กะใครกันแน่เนี่ย  แต่ว่าก็อยากให้คู่กับปันนะ

เหลือขอดี  ชอบ  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: SCAR : ตราบาปไร้รอยเลือน 1 [20/04/12]
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 20-04-2012 22:03:05
เป็นครอบครัวที่วุ่นวายอลังการมาก แหะๆ

บวกจ้า รออ่านต่อนะ ไม่มาม่าเกินไปใช่มั้ยอ่ะ
หัวข้อ: Re: SCAR : ตราบาปไร้รอยเลือน 1 [20/04/12]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-04-2012 01:09:38
 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: SCAR : ตราบาปไร้รอยเลือน 1 [20/04/12]
เริ่มหัวข้อโดย: mello-frappe ที่ 21-04-2012 02:28:13
แอบงงชื่อไม่เบาเลย
เชียร์ปัณณี่นะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SCAR : ตราบาปไร้รอยเลือน 1 [20/04/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 21-04-2012 08:44:19
งงตัวละครเหมือนกันค่ะ เยอะตั้งแต่แรกเลย แต่เชียร์ปันเหมือนกันน้า
หัวข้อ: SCAR : ตราบาปไร้รอยเลือน 2 [22/04/12]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 22-04-2012 16:50:38
kagehana : แปะตอนสองไวๆอย่าให้เสีย











-2-




 

"...... เยอะไปมั้งวะ" เด็กหนุ่มเดินโซเซออกมาจากลิฟต์ มือเอื้อมยันผนังไว้เพื่อทรงตัว

ชยา งกูรที่ตั้งใจจะเดินออกมารับลมดูพระจันทร์ข้างนอกหันไปตามเสียงลิฟท์ เปิด..ในที่แรกที่เห็นว่าเป็นใครก็เกือบจะปิดห้องหนี แต่เพราะอาการเซกับกลิ่นเหล้าหึ่ง ปากของคนที่ไม่ถูกกันก็อดไม่ได้

"เหม็น..."

"ก็ไม่ต้องดมดิวะ" นัยน์ตาสีเข้มตวัดมองขวางๆแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง

...ทำไมยังอยู่อีกวะ...

"นึกว่าหายไปไหนไม่มาร่วมงาน ที่แท้แอบไปกินเหล้าทั้งชุดนักเรียนเหม็นโฉ่กลับมาเลย" ชยางกูรแค่นหัวเราะแล้วเดินเข้าไปใกล้

"เด็กน้อย คนที่กินจนเมาน่ะแสดงว่ากินไม่เป็น รู้ไหม" มือใหญ่วางทาบไปบนเส้นผมสีดำสนิทที่ไม่ยาวนักแล้วลูบอย่างจงใจแกล้ง

"อย่างนายไปกินนมนอนดีกว่าไป ไอ้หนู..."

"อย่ามาเสือกน่า ไปแล้ว..." คนตัวเล็กกว่าปัดมือของชยางกูรออกแล้วเดินไปหยุดที่หน้าห้องของตัวเอง

"กระต่ายอร่อยดีนะ" คนที่เดินตามมาเปรยเบาๆแล้วเลียริมฝีปากตัวเอง

"ยิ่งสีขาวยิ่งอร่อย"

"เฮ้ย!! บอกว่าอย่ายุ่งไงวะ" คนตกใจรีบเปิดประตูห้องเข้าไปแล้วร้องเรียกหากระต่ายทั้งสองตัว

"ฟู ฝุ่น อยู่ไหนครับ" หลังจากร้องเรียกหาได้สักพัก เจ้าตัวเล็กขนฟูทั้งสองตัวก็ค่อยกระโดดออกมาหา

"กับกระต่ายนี่พูดเพราะเชียวนะ" ชยางกูรเดินตามเข้ามาหน้าตาเฉย เขาเดินไปหยิบเจ้าตัวสีฝุ่นสมชื่อขึ้นมาอุ้มแล้วลูบขนมันเบาๆ

"ไงอาหารสำรอง จ้ำม่ำน่ากินเชียวนะเรา"

"จะมายุ่งกับกูทำไมวะ ออกไป ใครให้เข้า" พออุ้มเจ้าฟูสีขาวไว้ได้ ก็ตั้งหลักไล่อีกฝ่ายทันที เพราะไม่มีความจำเป็นต้องเสวนาด้วย

"งั้นไปเที่ยวห้องฉันกันเนอะ ไอ้ตัวอ้วน" เมื่ออีกฝ่ายออกปากไล่ ชยางกูรก็ออกไปแต่โดยดี

...เพียงแต่ยังมีเจ้าตัวในมือติดมาด้วย

ร่างสูงสาวเท้าเพียงไม่กี่ก้าวก็เข้าห้องไปได้ เขาปิดประตูทันที..และเร็วพอจะกระแทกปิดต่อหน้าใครบางคน

"เฮ้ย!! เปิดเดี๋ยวนี้นะ!!! กูบอกให้เปิด!! จะทำอะไรก็ทำ เอากระต่ายกูคืนมา!!" ปัณวิทย์ทุบประตูห้องของอีกฝ่ายดังลั่นพลางร้องเรียกให้เอาสัตว์เลี้ยงตัว เล็กของตนคืนมา

"ย่าง อบ ทอด ต้ม นึ่ง...แบบไหนดีนะ" เขาปล่อยให้เจ้ากระต่ายตื่นวิ่งเล่นบนเตียงพลางพูดดังๆให้คนข้างนอกได้ยิน

"แบ่งส่วนดีกว่า.."

อารามคนเมาทำให้เขายิ่งทุบประตูดังขึ้น และแรงขึ้น

"เปิดนะ!! กูบอกให้เปิด!!" เพราะนึกหวาดกลัวขึ้นมาจริงๆว่าเจ้ากระต่ายสีเทาจะเป็นอะไรไป น้ำตาถึงได้ออกมาคลอเบ้าโดยไม่รู้ตัว

"เฮ้ย!! เป็นบ้า..." ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก คำด่าที่ตั้งใจจะพูดออกมากลับถูกกลืนลงลำคอเพราะหยาดน้ำตาใสๆที่คลออยู่ใน ดวงตาที่ฉายแววโกรธขึ้ง

...ร้องไห้เหรอวะ...

...แค่นี้เนี่ยนะ...

"ปัน..เป็นไรวะ" ร่างสูงลากเด็กหนุ่มเข้ามาในห้องแล้วปิดลง

เจ้ากระต่ายที่อยู่บนเตียงส่งเสียงเรียกหาเจ้านาย พลางวิ่งไปมาทำจมูกดุกดิก ราวกับจะหาที่ซุกเหมือนทุกๆครั้ง

"เอากระต่ายกูคืนมา... ฮึก... มึงจะเอาอะไรเอาไปเลยไอ้ฝรั่งเฮ็งซวย...... ขอกระต่าย... กู...." น้ำเสียงลากยาวถามพร้อมเสียงสะอื้น

"เฮ้ย! กู....เปล่า แม่งเอ๊ย!" ชยางกูรสบถเป็นภาษาไทยชัดเจน แม้ว่าเขาจะอยู่ต่างประเทศ แต่ตามประสาวัยรุ่น...ที่มีเพื่อนเป็นนักเรียนไทยที่มาเรียนที่นั่น ก็ไม่แปลกอะไรที่จะใช้กันจนติด

"ร้องไมวะ กระต่ายยังไม่ตายซะหน่อย"

ท่าทางสะอื้นของเด็กหนุ่มตรงหน้าทำเอาอดสงสารไม่ได้ ชยางกูรโอบน้องชายต่างสายเลือดเข้ากอดตบบ่าเบาๆ

"ไม่เอาหรอก...อย่าร้องนะปัน"

"มึงมีทุกอย่างแล้ว... อึก... อย่าเอากระต่ายของกู.... ไป" ปัณวิทย์สะอื้นพลางปล่อยให้อีกฝ่ายโอบกอดเอาไว้

กระต่ายตัวน้อยกระโดดลงจากเตียงมาซุกแทบเท้าเจ้านายที่รัก จมูกเล็กๆซุกลงบนหลังเท้าคล้ายจะปลอบใจ

"ไม่ เอาแล้ว ไม่เอากระต่าย...ไม่ร้องนะปันนะ" เพราะอาการสะอึกสะอื้นอย่างจริงจังของปัณวิทย์ทำให้ชายหนุ่มปลอบด้วยน้ำ เสียงที่เจือความอ่อนโยนอยู่มาก

ชยา งกูรกอดร่างเพรียวของเด็กหนุ่มให้มาที่เตียง ท่อนแขนแข็งแรงยังคงกอดอยู่ก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปจับเจ้าตัวเล็กขี้ตกใจมา วางไว้บนตักเจ้านาย

"ฝุ่น..." รอยยิ้มจับขึ้นบนใบหน้าพลางเอื้อมมือมาประคองกระต่ายตัวจิ๋วเอาไว้

"ไม่เป็นไรแล้วนะครับ..."

.....จะเป็นไรได้ไงวะ ยังไม่ทันทำอะไรเลย

"ไม่มีใครเอาหรอกกระต่ายแกน่ะ ไอ้เด็กขี้แย"

"แก มีพ่อ เรียกพ่อ เรียกแม่ มีครอบครัวดีแล้ว ก็อย่ามายุ่ง... กับกู อย่ามาแย่ง... ครอบครัว.... สองคนของกู" เด็กหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงอย่างไม่มั่นคงนัก ร่างกายไหวเอนคล้ายกลับพร้อมจะล้มได้ทุกเมื่อ

"ปัน........." น้ำเสียงทุ้มเปล่งออกมาเบาๆ เขารู้ว่าปัณวิทย์เป็นลูกชายชู้ของเพ็ญแข

....แต่ไม่รู้ว่าเป็นเด็กที่ขาด...ขนาดนี้...

"ปันก็มีคุณเพ็ญไง...จะมีแค่เจ้าสองตัวได้ไง"

"มีไว้ทำไม ถ้าไม่ได้เรียกแม่น่ะ" ดูเหมือนว่าฤทธิ์แอลกอฮอล์จะทำให้เด็กหนุ่มลืมเลือนความเกลียดชังไปได้ชั่วครู่

"ครอบครัวของฉันมีแค่ฝุ่นกับฟูเท่านั้น!"

สำหรับคนที่รักแม่จนสุดหัวใจอย่างชยางกูร..เขาไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ปัณวิทย์พูดเท่าไหร่

...แต่คงเป็นเด็กที่มีแผลในใจ..ถึงจะพูดทั้งน้ำตาแบบนี้ได้...

"เจ้าอ้วนฝุ่นเป็นห่วงใหญ่แล้ว หยุดร้องเหอะน่า"

"ทำไม กูร้องไห้แล้วทำไม งี่เง่าใช่ไหม กูเป็นแค่เด็กเหลือขอ" เขากอดกระต่ายตัวฟูไว้ให้มั่นก่อนจะพยายามก้าวลงจากเตียง

"เลือกได้กูก็ไม่อยากเกิดมาหรอก"

...ไอ้นี่...

พอใจร้ายใส่ก็ร้องไห้ พอใจดีด้วยก็ประชด จะเอาไงกับมันดีวะ

"พูด สักคำหรือยังว่างี่เง่า ก็เกิดมาแล้วจะทำไงได้ ก็รีบโตซะสิ...จะได้ไม่ต้องทนอยู่ที่ที่ไม่ชอบ มัวแต่ทำเป็นเด็กเรียกร้องความสนใจอยู่อย่างงี้ใครเขาอยากจะสนใจล่ะ" ชยางกูรพูดด้วยน้ำเสียงสั่งสอน แต่กลายเป็นถูกตวัดตามองโกรธๆเสียอย่างนั้น

"ให้ เรียนดีกูก็เรียนดี ให้ทำอะไรกูก็ทำ มึงพูดง่ายนี่หว่า ไม่เจออย่างกู ฮึก ไม่มีใครเข้าใจหรอก!" เด็กหนุ่มโวยวายเสียงดังพลางก้าวเดินไปข้างหน้า ทว่าพื้นกลับเอียงจนทำให้ล้มลงบนพื้นห้อง แม้กระนั้น เขาก็ยังกอดกระต่ายไว้กับตัว ประคองไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ

"ซวย แล้วกู" ร่างสูงสืบเท้าเข้าไปใกล้แล้วช้อนทั้งคนทั้งกระต่ายขึ้นมาดู เด็กหนุ่มในอ้อมกอดตาปิดสนิท... ลมหายใจกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ออกมาจากริมฝีปากบางเฉียบที่เผยอเล็กน้อยบ่งบอกว่า อีกฝ่ายคงถูกฤทธิ์เหล้าเล่นเข้าให้แล้ว

ชยา งกูรส่ายหัวเบาๆแล้วอุ้มไปวางไว้บนเตียงตัวเอง เขาดันเจ้าตัวนุ่มๆในมือให้ลงไปนอนข้างๆเจ้าของ ชยางกูรเสยผมที่ปรกใบหน้าเด็กหนุ่มให้...แล้วพบว่าจริงๆแล้วปัณวิทย์เป็น เด็กหน้าตาดีมากคนหนึ่ง...ถ้าไม่มีปากที่เอาแต่พูดประชดนั่น

โครง หน้าเรียวรับกับคิ้วไม่รกตาที่พาดเหนือดวงตาเรียวเชิดที่ปิดสนิท ขนตาแม้ไม่ยาวมากแต่ก็ไม่สั้นกุด ผิวพรรณขาวสะอาดสมกับเป็นลูกตระกูลผู้ดี จมูกโด่งรั้นดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องปรุงแต่ง...และริมฝีปากบางเฉียบสีอ่อนที่ ว่ากันว่าคนดื้อเท่านั้นที่จะได้ครอบครองมัน เส้นผมซอยไล่ยาวเลยหลังคอมานิดหน่อยเป็นสีดำนุ่มละเอียดมือกว่าที่คิด

...แต่ก็แค่นั้น...

นัยน์ตาเชิดๆกับดวงตากร้าวหรือจะสู้เด็กหนุ่มผมยาวนัยน์ตาโศกคนนั้นได้

...ญาณัช...

"ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย มาร้องมาโวยวาย...แล้วก็หลับซะงั้น"

"อือ... พ่อ..." คนที่หลับไปแล้วหันมาคว้าฝ่ามือใหญ่ของชยางกูรเอาไว้ก่อนจะจับไว้แน่น

"... ปันปันรักพ่อ... รักพ่อที่สุดในโลกเลยครับ"

...ปันปัน...

นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างมองเด็กหนุ่มตัวเล็กที่จับมือเขาไว้แล้วซุกหน้าแนบฝ่ามือด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา

...ปันปันรักพ่อ...

มืออีกข้างที่ว่างอยู่ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างเล็กเบาๆ ก่อนที่จะก้าวข้ามคนที่นอนอยู่ขึ้นมานอนบนเตียงด้วย

เอาเหอะ...จะถือสาคนเมาทำไม

"อย่าตื่นมาด่าแล้วกันไอ้เด็กดื้อ" ชยางกูรพูดข้างหูน้องชายต่างสายเลือดก่อนจะสอดตัวลงใต้ผ้าห่มด้วยความเหน็ดเหนื่อยไม่แพ้กัน

...ราตรีสวัสดิ์ น้องชาย...

 

 

 

To be continued..
 


หัวข้อ: Re: SCAR : ตราบาปไร้รอยเลือน 2 [22/04/12]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 22-04-2012 17:18:28
 o18
หัวข้อ: Re: SCAR : ตราบาปไร้รอยเลือน 2 [22/04/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 22-04-2012 17:24:34
ว้าวๆๆๆ น้องกระต่ายและเจ้าของที่คิดว่าน่ารักคล้ายกระต่าย  :-[
แอบรู้สึกว่ามันจะกลายเป็นรักสามเศร้าตะหงิดๆ  o18
สามคำ>>>กลัว สาม เศร้า  :z10:
หัวข้อ: Re: SCAR : ตราบาปไร้รอยเลือน 2 [22/04/12]
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 22-04-2012 21:34:34
ตกลงว่าใครนายเอกอะ
หัวข้อ: Re: SCAR : ตราบาปไร้รอยเลือน 2 [22/04/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 23-04-2012 03:52:24
ลุ้นต่อๆๆๆ เหอๆ :D
หัวข้อ: Re: SCAR : ตราบาปไร้รอยเลือน 2 [22/04/12]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 23-04-2012 22:24:09
ตกลงว่าใครนายเอกอะ
[/quot]

แฮ่---- ใบ้ให้แค่ว่าหนุ่มนัยน์ตาโศกเค้ามีเจ้าของแล้วค่ะ ฮิ
หัวข้อ: SCAR : ตราบาปไร้รอยเลือน 3 [29/04/12]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 29-04-2012 22:40:04
อ๊ากกกกก   นอนไม่หลับค่ะ

ขอแอบมาลงหน่อยนะคะ ฮิ









-3-



"เฮ้ย!!! ไอ้ฝรั่ง มานอนที่นี่ได้ไงวะ???" ปัณวิทย์โวยวายลั่นเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าข้างๆมีผู้ชายตัวโตนอนอยู่ ด้วย ซ้ำยังจับมือเขาไว้ชวนให้รู้สึกขนลุก

"อย่ากวน...." ร่างสูงยังคงไม่ลืมตา เขาพูดเบาๆแล้วซุกหน้าลงกับหมอน เส้นผมสีทองที่ยาวประบ่าปัดชี้ยุ่งเหยิงถูกเสยลวกอย่างไม่ใส่ใจ

"...หนวก..หู.."

ปัณวิทย์ กระชากมือที่ถูกจับไว้ออกมาแล้วรีบคว้ากระต่ายของตัวเองลุกก้าวลงจากเตียง ทันที รู้สึกขนลุกขึ้นมาจนอยากจะอ้วก พอมองไปรอบๆถึงได้รู้ว่าไม่ใช่ห้องของตัวเอง

"ฟู?!" เขานึกถึงกระต่ายอีกตัวที่ยังอยู่ในห้องได้ก็รีบวิ่งออกจากห้องนอนของชยางกูรทันที

กระต่ายสีขาวตัวน้อยหมอบอยู่ที่พื้น ทันทีที่เห็นเจ้านายและพื้นมันก็ลุกขึ้นมากระโดดวิ่งเข้าหา

ชยางกูรที่ถูกปลุกลุกตามมาที่ห้องของปัณวิทย์ด้วยอารมณ์ที่ติดจะหงุดหงิด

"ทิ้งไว้คืนนึงไม่ตายหรอกน่า ปันปัน"

"!!!??? เฮ้ย!!! ชื่อปัน ไม่ใช่ปันปัน อย่ามาเรียกงี่เง่าเหมือนผู้หญิงนะเว้ย!!" เจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้งเมื่อถูกเรียกด้วยชื่อเล่นแบบนั้น ทั้งๆที่เป็นชื่อในความทรงจำงดงามยามเด็ก

...ที่แหลกสลายกลายเป็นธุลีไปแล้ว

ครั้งหนึ่ง ในตอนที่ตนยังได้รับความรักมากมาย บิดาและมารดาก็เคยเรียกเขาเช่นนั้นด้วยรอยยิ้ม

"ก็เห็นละเมอ เรียกตัวเองว่าปันปัน...ชื่อน่ารักดีนี่ น้องปันปัน" ชยางกูรลากเสียงยียวนพลางเดินเข้ามานอนบนเตียงปัณวิทย์หน้าตาเฉย

"ห้องฉันแดดส่อง ยืมหน่อย"

"ไม่ ให้ยืมเว้ย!!! ไปนอนห้องตัวเองไป แล้วอย่ามาเรียกแบบนั้นไอ้ฝรั่ง" เจ้าของห้องถึงกับโวยวายดังลั่นกว่าเก่า เขาเดินเข้ามาถึงเตียงแล้วดึงผ้าห่มออก หมายจะกระชากให้คนที่มาโมเมเอาเตียงเขาเป็นที่หลบแดดได้ล้มกลิ้งลงบนพื้น

"Fuck! แม่งเอ๊ย!" อารามนอนไม่พอก็ร้ายแรงอยู่แล้ว ยิ่งเจอคนกวน ไอร้อนยิ่งกรุ่นขึ้นทวีคูณ

ชยางกูรกระชากทั้งคนทั้งผ้าห่มให้ล้มลงบนเตียงแล้วอาศัยร่างที่หนากว่ากดเด็กหนุ่มผอมบางไว้ใต้ล่าง

"คน ล่าสุดที่ปลุกฉันตอนเช้าโดนเอาไปสองที... อยากลองหรือไงไอ้เด็กเปรต" น้ำเสียงหงุดหงิดแทบจะตะคอกใส่ แต่ใบหน้าหล่อเหลากับโน้มเข้าหา

"โทษที...แต่แกไม่สเปคว่ะ เหม็นกลิ่นเด็กยังไม่โต"

คราวนี้ปัณวิทย์อึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะร้องโวยวายต่ออย่างไม่เกรงใจ

"กูเป็นผู้ชายนะเว้ยไอ้ฝรั่งตุ๊ด ไม่เปคกูก็ไป ไปไกลๆเลย อย่ามานอนบนเตียงกูดิ เหม็นกลิ่นกูก็ลงไปจากเตียงกูดิวะ"

"เป็น ไบ… เอาได้ทั้งผู้หญิงผู้ชาย เคยทำผู้ชายแท้ๆเป็นเกย์มาแล้ว… ไอ้คนนั้นมันชอบพูดว่าเกลียดตุ๊ดเลยจับปล้ำแม่ง ตอนนี้ค้นพบตัวเองแล้วเรียบร้อย" ชยางกูรพูดยาวเหยียดในขณะที่มือใหญ่จับลงตรงส่วนอ่อนไหวใต้กางเกงนักเรียน ของปัณวิทย์

"เฮอะ...อันแค่นี้เองเหรอ น้องปันปัน..."

"เฮ้ย! จับอะไรวะไอ้ฝรั่งโรคจิต!!" ปัณวิทย์หน้าถอดสีพลางดิ้นและเตะอีกฝ่ายให้ลุกออกไป

"ไม่เคยช่วยตัวเองหรือไง" ปลายนิ้วที่ชำนาญการไล้เบาๆตรงส่วนที่แข็งเกร็งผ่านผ้าเนื้อแข็ง

"มีอารมณ์แต่เช้า...วันนี้วันอาทิตย์ซะด้วย ถึงฉันจะเกลียดเด็กแต่ยอมเล่นให้ก็ได้..."

"อย่า เฮ้ย--!! ปล่อยดิวะไอ้โรคจิต!!" ถึงจะมีอารมณ์แต่พอคิดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายก็อดจะขยะแขยงไม่ได้ ความรู้สึกค่อยๆจางหายไป มีแต่รังเกียจเพิ่มขึ้น

"ปากอย่างงี้โดนมา หลายรายแล้ว" มือที่ลูบไล้เปลี่ยนเป็นขยำอย่างรุนแรงจนคนตัวเล็กกว่าเจ็บจนงอตัว ชยางกูรเกือบจะทำต่อหากแต่เสียงเปิดประตูที่ดังจากข้างนอกกลับรั้งสติเขาไว้ ได้

ร่างสูงลุกจากท่านอนทับพลางดึงเสื้อผ้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น รอยยิ้มมุมปากจุดขึ้นเล็กๆเมื่อเห็นตาเขียวๆของคนที่นอนงอตัวอยู่มองมาอย่าง แค้นเคือง

"ทีหลังอย่ามาเล่นกับฉัน..."

ญาณัชที่เปิดประตูออก มาได้ยินเสียงโวยวายหยาบคายดังมาจากห้องของปัณวิทย์ก็อดแปลกใจไม่ได้ ปกติแม้จะอยู่ห้องตรงข้ามกันแต่ก็ไม่เคยได้ยินอีกฝ่ายโวยวายอะไรทั้งนั้น

...แต่ก็ไม่ใช่เรื่องของเขา...

มือเล็กกระชับถุงดำมัดให้แน่นแล้วเดินต่อไป

"ฮาย คุณนัท" ร่างสูงเปิดประตูออกมาแล้วส่งเสียงเรียก ชยางกูรยิ้มหวานให้เด็กหนุ่มเงียบขรึม

"ตื่นเช้าจัง จะไปไหนครับ"

"...... ทิ้งขยะครับ" นัยน์ตาสีเข้มเหลือบมองเพียงชั่วครู่ก่อนจะค้อมศีรษะให้อีกทีหมายจะเดินจากไป

"ช่วยนะ" ชยางกูรฉวยถุงในมือมาถือให้โดยไม่รอให้อีกฝ่ายยื่นส่ง

"ปกติขยะต้องเอาทิ้งเองเหรอ ฉันนึกว่าเมดทำให้ซะอีก"

"........................ ผมชอบทำเองครับ" ญาณัชตอบสั้นๆแล้วเดินไปด้วยไม่ให้เสียมารยาท

ชยางกูรหันมองประตูห้องที่ยังเปิดอยู่ของปัณวิทย์ เขาจึงหันกลับมาแล้วเดินไปที่ห้องนั้น

ชายหนุ่มหยุดยืนสบตาเด็กหนุ่มในห้องก่อนจะยิ้มมุมปากอีกครั้ง

...เอาเหอะ...

...กับอีแค่เด็กขาดความอบอุ่นคนเดียว จะไปสนใจทำไม...



...ไอ้เหี้ยฝรั่ง...

เจ้าของห้องลุกไปปิดประตูของตัวเอง นัยน์ตาเรียวได้แต่มองเหม่อด้วยความรู้สึกไม่สงบนิ่ง

...แม่งเป็นไบ...

เขายังรู้สึกถึงความขยะแขยงของตัวเองได้

ถึงอย่างนั้น ปัณวิทย์ก็เห็นสายตาที่มองไปยังญาณัช ดูปราดเดียวก็รู้ว่าฝรั่งโรคจิตคนที่ว่าคิดยังไงกับญาติของเขาคนนี้

...พี่นัทตกอยู่ในอันตรายไหมวะ...



////////////////////////



"คุณพ่อครับ" ชยางกูรมองคนที่ร้อนรนหันกลับมาด้วยสีหน้าที่แสดงความสนอกสนใจปิดบังอาการ

...ทำไมต้องสะดุ้งทุกครั้งที่เรียกว่าพ่อด้วยวะ

"ญาณัชนี่เป็นญาติสายไหนของเราเหรอครับ"

"ลูกน้องชาย...แต่เสียไปนานแล้ว" พลภัทรตอบห้วนๆเหมือนไม่อยากพูดถึง ชายวัยกลางคนยกกาแฟขึ้นจิบ

เมื่อ เช้าชยางกูรได้คุยกับญาณัช คนๆนั้นเป็นคนพูดน้อย...จนดูเหมือนประหยัดถ้อยคำเกินไปด้วยซ้ำ ท่าทางเซื่องซึมดูไม่ค่อยสนใจใคร หากแต่ท่าทางเหล่านั้นกลับชวนดึงดูดมากมายสำหรับเขา

หลังจากคุยกับญาณัชได้นิดหน่อยเขาก็ลงมาหาอะไรกิน จนได้มานั่งทานอาหารเช้ากับผู้เป็นพ่ออย่างนี้

"แล้วทำงานที่ไหนครับ หรือเรียนอยู่ แต่หน้ายังอ่อนๆอยู่เลย"

"ก็ก็องๆแก๊งๆไปตามประสา แกอย่าไปยุ่งกับมันมากเลย... ทั้งสองคนนั่นแหละ" พลภัทรพูดรวบรัดสั้นๆแล้วยกกาแฟขึ้นดื่มจนหมด

"ปัณวิทย์ด้วย?" ชยางกูรเลิกคิ้วถาม

ถึงปากจะบอกยังไง... แต่ท่าทางไอ้เด็กคนนั้นก็ดูจะรักพ่อที่ไม่มีสายเลือดเดียวกันคนนี้มากอยู่

"โดยเฉพาะคนนั้น มันเป็นตราบาปของตระกูลเรา ไอ้เด็กที่เกิดจากความโง่ของเมียฉัน ไอ้ลูกชู้นั่น" พลภัทรแสดงความเกลียดชังออกมาอย่างไม่ปิดบัง

นัยน์ตาสีฟ้าสดหรี่ลงพลางมองประเมินฝ่ายตรงข้าม...

ตัวเขาเองถ้าจะให้บอกว่ารักคนๆนี้ก็พูดได้ไม่เต็มปาก ความผูกพันระหว่างพ่อลูกก็แทบไม่มี เขาเติบโตมากับมารดาที่เป็นผู้หญิงที่ไม่เคยเรียกร้องอะไร ตัวเขาเองก็ไม่นึกว่าหลังจากมารดาเสียจะต้องมาอยู่ร่วมตระกูลกับคนที่นี่ ด้วยซ้ำ

...แต่เอาเหอะ ในเมื่อเขามีสิทธิ์ เรื่องอะไรจะไม่ใช้ให้โง่...

"งั้น ผมก็เป็นตราบาปของคุณสินะ...ลูกชายที่เกิดจากชู้รัก...เหมือนปัณวิทย์..." ชยางกูรถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะลุกเดินออกจากห้องอาหารโดยทิ้งจานที่ไม่ ได้แตะต้องไว้

...เขาไม่เคยรักพลภัทร...

...และไม่เคยคิดว่าต้องรักเลยด้วยซ้ำ...



////////////////////////



"นี่ เดี๋ยวปิดเทอมไปทะเลกันดีไหม พ่อให้ไปนอนที่บ้านได้" ไอลดาพูดขึ้นมาขณะที่กำลังม้วนเส้นสปาเก็ตตีเข้าปาก

"ถามไอ้อัฐไอ้ซายน์ด้วยสิ" ปัณวิทย์พูดแล้วพยักหน้าไปทางฝั่งตรงข้ามที่มีเพื่อนซี้นั่งฉีกยิ้มกว้างจนเหมือนสุนัขรอกระดูกจากเจ้านาย

"ไปไหม" เด็กสาวถามพร้อมเสียงหัวเราะ

"จัดไปอย่าให้เสียคร้าบ พาเพื่อนๆไปด้วยดิ่ คนไม่มีแฟนก็เหงาเป็นนะ" อาธิปพูดเสียงทะเล้น

"เชี่ย หน้าหื่นมาก" ศิวะพูดพลางหัวเราะลั่น

"เหยย กูจริงจังว่ะ อยากมีแฟน"

"ใครอยากเป็นแฟนมึงไอ้อัฐ... ไอซ์แนะนำให้ฉันแทนดีกว่า ศิวะหน้าตาดี ใจดีเทคแคร์เก่ง"

"...แถมหน้าเหมือนศิวะลึงค์ด้วย"

"ไอ้เชี่ยอัฐ!!!"

"จริงๆ ซีก็แอบสนใจซายน์ตั้งแต่คราวก่อนแล้ว เดี๋ยวชวนไปอีกรอบน่าจะโอเคแหละ" ไอลดาขยิบตาให้พลางหันไปม้วนเส้นสปาเก็ตตีแล้วยื่นไปตรงหน้าคนข้างๆ

"อ้ามนะปัน..."

ปัณวิทย์ยิ้มให้ก่อนจะอ้าปากรับเอาสปาเก็ตตีที่แฟนสาวตั้งใจป้อนให้

...มีเพื่อน...

...มีแฟนแบบนี้...

...ก็มีความสุขดีแล้ว...

...แต่ทำไม ถึงยังต้องรู้สึกว่างเปล่าด้วยนะ...



///////////////////////////////





To Be Continued......
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 3 [29/04/12]
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 29-04-2012 23:37:14
-w-;; ช่องโหว่ในจิตใจ
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 3 [29/04/12]
เริ่มหัวข้อโดย: qwank8 ที่ 29-04-2012 23:52:34
สงสารปันปันวะ ความรู้สึกคือไม่ชอบไอ้เชี้ยหรั่ง
ทะยานเข้าไปมึง ถ้าเกิดตกมาแล้วกูจะเอาตีนน้องปันขยี้ให้แหลกเลยแสด
55555555555555

...อินไปเปล่า  :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 3 [29/04/12]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 30-04-2012 00:25:58
สงสารปันปัน ทำไมต้องโทษเด็กด้วย
ทั้งที่เป็นความผิดของผู้ใหญ่อ่ะ
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 3 [29/04/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 30-04-2012 00:41:02
ปัน
กับน้องกระต่าย...

น่ารัก :'D
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 4 [04/05/12]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 04-05-2012 22:33:12
-4-




จะว่าสงสารหรือเห็นใจก็แล้วแต่...แต่ตอนนี้ชยางกูรมายืนอยู่หน้าห้องของปัณวิทย์พร้อมถุงในมือแล้ว

ร่างสูงมองไปรอบๆอย่างลังเลใจครู่หนึ่ง แต่ก็ตัดสินใจเคาะเบาๆที่ประตู

"ปัน...ฉันเอง"

เรื่องเมื่อเช้าดูจะเริ่มต้นแย่ไปหน่อย แต่มันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ....ถ้าขอโทษคงได้มั้ง

"ปัน...เปิดให้หน่อย"

"ไม่เปิดเว้ย มีอะไรไอ้ฝรั่ง" เจ้าของห้องตะโกนออกมาให้ได้ยินชัดเจน

...จะมาก่อกวนอะไรอีกวะ...

"ทานข้าวยัง" ชายหนุ่มตอบไปด้วยเสียงที่ไม่ดังมาก แต่คงได้ยินชัดเจน

"ซื้อขนมมาฝาก...มีของให้ฟูกับฝุ่นด้วย"

ปัณวิทย์ ถึงกับลุกขึ้นนั่งด้วยความแปลกใจ ไม่เข้าใจอีกฝ่ายว่าจะมาไม้ไหน แต่พอได้ยินคำว่ามีของให้ฟูกับฝุ่น กระต่ายสองตัวที่เขารักมากกว่าใครเลยทำให้ต้องยอมลุกไปเปิดประตู ถึงอย่างนั้น บนใบหน้าก็ยังปราศจากรอยยิ้ม

".... ขอบใจ..."

"เข้าไปหน่อยได้ไหม..." ชยางกูรมองหน้า ดวงตาสีฟ้ากระจ่างสบตากับดวงตาดื้อรั้น

"เมื่อเช้าขอโทษนะ" พอได้พูดออกมาก็รู้สึกโล่งใจ

การที่ทำเรื่องแบบนั้นกับเด็กหนุ่มปกติ...เป็นใครก็รับไม่ได้

...แต่ตอนนั้นมันแค่โมโหไปหน่อย...

เจออีกฝ่ายมาไม้นี้ ปัณวิทย์ถึงกับพูดไม่ออก แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องกวนประสาทกันขนาดนั้นก็เลยตัดสินใจจะตอบเฉยๆไป

"... ตกใจเป็นนะ สรุปอำเล่นเรอะ"

ชยางกูรยิ้มให้คำถามนั้น เขายื่นกล่องเค้กให้เด็กหนุ่มตรงหน้าตบท้ายด้วยรอยยิ้ม

"เค้กใกล้ๆบริษัท น่ากินดีเลยซื้อมาฝาก กระต่ายนอนเหรอ?"

"อือ... นอนอยู่... เค้กอะไร..." เด็กหนุ่มที่ชื่นชอบเค้กเป็นพิเศษอดไม่ได้ที่จะถามต่อ คนตัวเล็กกว่าขยับหลีกทางคล้ายกลับเป็นการเชิญอีกฝ่ายเข้ามาในห้อง

"เค้กทีรามิสุ บลูเบอรี่ชีสโอริโอ้ แล้วก็สตรอว์เบอรี่ครีมสด"

ท่าทีที่อ่อนลงเพราะเค้กทำให้อดยิ้มไม่ได้ มือใหญ่ยื่นเค้กให้ปัณวิทย์แล้ววางถุงอาหารกระต่ายกับปลอกคอสีสวยไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือ

"นายชอบอันไหน..."

"บลู เบอร์รี่" คิ้วขมวดเค้าหากันน้อยลงแต่ท่าทีก็ไม่ได้เป็นศัตรูท่าเดียวเหมือนแต่ก่อน เขาก้มลงไปดูถุงที่อีกฝ่ายวางลงแล้วเงยหน้าขึ้นถาม

"ของฟูกับฝุ่นเหรอ...."

"อืม..อาหารกระต่ายกับปลอกคอน่ะ ตอนเย็นไปเดินห้างเลยซื้อมาฝาก....ขอโทษที่วันก่อนทำหล่น"

...ถึงจะไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ แต่แค่เรื่องทำผิดแล้วต้องขอโทษก็พอรู้หรอก...

"ฉันไม่อยากเป็นศัตรูของนาย เพราะนายก็เหมือนฉัน... ฉันก็เหมือนนาย นายไม่รู้ว่าพ่อเป็นใคร ฉันเอง... มีพ่อก็เหมือนไม่มี"

".... มีแม่ไม่ใช่เหรอ" ปัณวิทย์เอ่ยถามเสียงเรียบ

...เพราะตัวเขาไม่มีทั้งสอง...

"มัม เสียแล้ว..." พูดแล้วอดขมขื่นไม่ได้ ตอนที่แม่มีชีวิต พลภัทรแทบไม่เคยมาเยี่ยมเยียน แต่พอเสียกลับดึงตัวเขากลับมาที่นี่เพียงเพราะจะให้มาคานอำนาจกับคณัศนันท์ ลูชายแท้ๆของตัวเองกับเพ็ญแข

"นายก็มีคุณเพ็ญแขไง เขาเป็นแม่แท้ๆนี่"

"......... แต่ก็ไม่ได้เรียกว่าแม่... เข้าใจหรือเปล่า...." น่าแปลกที่ตัวเองกลับคุยกับชยางกูรได้อย่างสงบดีต่างจากเมื่อวานหรือตอนเช้า ที่แทบจะฆ่ากันด้วยซ้ำ

"ทำไมถึงเรียกไม่ได้ล่ะ... ก็เขาเป็นแม่นายนี่" ชยางกูรแปลกใจกับความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ แค่พลภัทรก็ว่าไปอย่าง นี่กระทั่งแม่แท้ๆ..

"โทษที ถามมากไปหรือเปล่า" มือหนาวางบนศีรษะกลมๆแล้วลูบเบาๆ

"ก็.. เขาไม่ให้เรียก... เหมือนพ่อน่ะแหละ.. ก็ไม่ให้เรียก...." ปัณวิทย์ตอบโดยไม่สนใจคำถามที่สอง มือค่อยๆเปิดกล่องเค้กออกมา

"น่าอร่อย....."

"ชอบก็กินสิ ไว้จะซื้อมาฝากอีก" คนที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายนึกเอ็นดูขึ้นมากับท่าทีที่อ่อนลง

อัน ที่จริง...แค่ท่าทางยามโกรธหรือถูกแตะต้องของที่รักเท่านั้นที่ดูน่าซัดสัก ที แต่เวลาอยู่กับกระต่าย...ครอบครัวของปัณวิทย์ เด็กหนุ่มคนนี้ก็ดูอ่อนโยนขึ้น

...คงไม่ได้เลวร้ายขนาดที่คุณพ่อพูดหรอก...

"จับได้ไหม" ชยางกูรย่อตัวลงไปมองเจ้าตัวเล็กบนเบาะนอนที่ลืมตาแป๊วขึ้นมาแล้ว ขนฟูนุ่มตัวอ้วนขยับดุ๊ดดิ๊กไปมาน่าสัมผัส

"ไง...อาหารสำรองเบอร์1"

".... บอกว่าไม่ใช่อาหารสำรอง... ชื่อฟู จะเรียกก็เรียกให้ดีๆ..." เด็กหนุ่มทำเสียงเข้มขณะใช้ส้อมจิ้มเค้กเข้าปากทีละคำ

"ได้มาตั้งแต่ตัวนิดเดียว... เลี้ยงไว้จนติดแล้ว... ทั้งสองคนเป็นครอบครัวของฉัน...."

"เก่ง นะ เลี้ยงจนเชื่องได้ขนาดนี้" ปลายนิ้วค่อยๆลูบตามขนสีขาว เจ้าฝุ่นที่เพิ่งตื่นกระโดดจากเบาะนอนมากระแซะข้างเท้า..เออเว้ย เชื่องจริงๆ

"ใส่ปลอกคอไหม หรือว่าไม่ให้ใส่" ชยางกูรเงยหน้ามอง

...โห..ชอบขนาดนั้นเลยเหรอ...

ปกติมีใครที่ไหนบ้างที่จะมานั่งกินต่อหน้าคนที่เมื่อวานแทบตีกันตาย แถมยังกินจนเกือบหมดแล้วด้วย

"มัน จะอึดอัดหรือเปล่า" คล้ายกับว่าเค้กที่เอามาให้จะเหมือนกับเป็นอาหารติดสินบนให้พูดดีด้วย ปัณวิทย์เอื้อมหยิกอีกกล่องมาเปิดดูเพื่อหยิบสตรอว์เบอร์รี่เค้กออกมา

"ไม่รู้ดิ่ แต่อันเล็กเอง คนขายบอกใส่ได้" เขาอุ้มเจ้าสองตัวขึ้นมาแล้วเดินไปหาปัณวิทย์

"อ่ะ ใส่ให้สิ"

เขา ล้วงหยิบปลอกคอหนังสองเส้นขึ้นมา สีขาวกับสีเทาเส้นเล็กๆดูเหมาะกับทั้งสองตัวดี ปัณวิทย์รับฟูมาอุ้มไว้ก่อนจะพาดเส้นสีเทาเข้ากับลำคอ

"อันนี้ให้ฟูนะครับ" ไม่พูดเปล่า แต่ยังยิ้มให้กับกระต่ายตัวอ้วนที่นอนนิ่งให้เจ้านายใส่ปลอกคออย่างน่าเอ็นดู

"พูดกับกระต่ายใจดีเชียวนะ" ชยางกูรเห็นแล้วอดไม่ได้

รอยยิ้มหวานกับดวงตาอ่อนโยนที่มองมายังฟูกับฝุ่นทำให้รู้สึกอ่อนเยาว์ขึ้น.....เหมือนเด็กเล็กๆที่ได้ของถูกใจ

"ไหนเรียกพี่เดฟมั่งสิ"

".... ทำไมต้องเรียกพี่เดฟด้วย..." เขาเงยหน้ามองพลางทำยุ่ง ก่อนจะค่อยๆใส่ปลอกคอสีขาวให้กับเจ้าฝุ่น

"... จะลองดูก็ได้............... พี่เดฟ...."

"................." ...โอเค เขาดีใจ มากๆด้วยที่เจ้าตัวยอมเรียกชื่อแล้ว

ชยางกูรลอบมองดูใบหน้าของเด็กที่ยังโตไม่เต็มที่ แต่ก็น่ามองกว่าที่ผ่านมา

"เรียกอย่างนี้ก็ดีนะ ดูน่ารักขึ้นมาหน่อย"

พอได้ยินคำว่าน่ารัก เหมือนปัณวิทย์จะนึกอะไรขึ้นมาได้

"เดี๋ยว เมื่อเช้าที่พูดออกมา นั่นอำให้ฉันตกใจ หรือเป็นเสือไบจริงๆ"

"แล้วปันคิดว่าไง" ชายหนุ่มผมทองเลิกคิ้วแล้วระบายยิ้มพร้อมถามกลับ

"ฟูกับฝุ่นว่าไง...หืม?" ชายหนุ่มแหย่นิ้วเข้าปลายคางแล้วลูบเบาๆ

".......... จะรู้เหรอ? แต่ที่นี่เค้าไม่ต้อนรับพวกผิดเพศหรอกนะ" เด็กหนุ่มเจ้าของห้องเอ่ยตอบพลางตักเค้กสตรอว์เบอร์รี่กิน

"ขนาดนั้นเลยเหรอ....." ชยางกูรยิ้มแล้วแค่นหัวเราะ

....งั้นก็คงอยู่ลำบาก...

"ทำไมล่ะ"

"..... อาพีท... ที่ดูแลพี่นัทน่ะเป็นเกย์ เลยโดนที่บ้านแบนน่ะ" ปัณวิทย์ตอบตามตรง

"แต่โดนรถชนตายไปแล้ว"

"มิน่าล่ะ ดูคุณนัทตาเศร้าๆ" พอนึกถึงใครอีกคน ในอกเหมือนมีอะไรพองฟู

"ปันกับคุณนัทสนิทกันไหม"

"..... เคยสนิท..... แต่พออาพีทไม่อยู่ก็เปลี่ยนไปเลยไม่ได้คุยกันเลย" เขาตอบพลางจิ้มลูกสตรอว์เบอร์รี่ใส่ปากก่อนจะยิ้มออกมาจางๆ

"สงสารเนอะ" ชยางกูรพูดเบาๆ

"แล้วนี่ไม่คิดจะให้ฉันกินมั่งเหรอเค้กน่ะ" เสียงทุ้มแกล้งร้องท้วงเมื่อเห็นว่าชิ้นที่สองถูกกินไปค่อนอันแล้ว

"....... โทษที" เขาส่งส้อมคืนให้กับคนซื้อมาฝาก

...พอคุยกันดีๆก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น...

"ล้อเล่นน่า กินไปเหอะ ซื้อมาฝาก" ร่างสูงขยับตัวมาทิ้งร่างบนเตียงนอนแล้วปล่อยให้ 'เด็กๆ'ปีนป่ายซุกบนตัวอย่างสนุกสนาน

".............. ยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลย..." คนที่เพิ่งนึกออกตักเค้กกินต่อโดยไม่หันมามองหน้าชยางกูรที่นอนอยู่

"คำถามอะไร" ชยางกูรแสร้งทำไม่รู้

"เป็นไบจริงเหรอ"

"จริง" คนที่นอนอยู่ตอบรับหน้าตาเฉย เพราะไม่รู้สึกว่าต้องปิดบังอะไร

...คนที่เหมือนๆกัน ขาดความรักเหมือนกัน ถ้ามีเพิ่มอีกสักเรื่องคงไม่ทำให้เกลียดกันได้หรอกมั้ง

"เรื่อง ผู้ชายที่ปล้ำด้วย หลังจากนั้นก็คบกันเกือบปี แต่โดนนอกใจเลยเลิกกัน ตอนนี้หมอนั่นก็คบกับแฟนหนุ่มอายุน้อยกว่า เปิดเผยด้วยนะ" ชยางกูรเล่ากลั้วเสียงหัวเราะ

"เชื่อปะ"

".........." ปัณวิทย์เงียบไป ถ้าอย่างนั้น แววตาที่มองญาณัชก็คงหมายถึงอย่างนี้

"ไม่คิดว่าจะได้เจอตัวเป็นๆ...." เขาตอบเสียงเรียบ

"ถ้าเขารู้ อาจจะไม่ยอมรับนะ"

"หมายถึงใคร...คุณพ่อนะเหรอ.."ถามกลับก่อนจะหัวเราะขึ้นจมูก

"ฉัน ไม่สนใจหรอกว่าเขาจะว่ายังไง ในเมื่อฉันไม่เคยมีความผูกพันกับเขามานานเท่ากับอายุ เรื่องอะไรต้องไปแคร์" ชยางกูรวางกระต่ายในมือแล้วลุกขึ้นนั่งแทน

"นายล่ะปัน พี่ชายเป็นไบรู้สึกยังไง"

"........................ ตรงๆปะ?" เขาเงยหน้าจากเค้กขึ้นมามองคนตรงหน้า

"..... ก็... รู้สึกว่าประหลาดมั้ง แต่ไม่เกลียดนะ"

"เนี่ยแหละ คุณหนูน้อยในหอคอยงาช้าง" ชยางกูรพูดยิ้มๆ

"โลก มันไม่ได้มีแค่ชายหญิงหรอก ซับซ้อนกว่านั้นยังมีอีกเยอะ นายยังเด็กเกินไปละมั้งสำหรับเรื่องนี้" เขาจิ้มพุงกระต่ายตัวน้อยที่กำลังทำหน้าเคลิ้ม

"คนเราก็เหมือนกระต่ายแหละ กิน นอน เซ็กส์”

"อืม...... ก็คงงั้นแหละ" ปัณวิทย์ไม่เถียง เพราะตัวเขาเองตอนนี้ก็ทำตัวแบบนั้น

เด็กหนุ่มตักเค้กคำสุดท้ายเข้าปากก่อนจะพูดต่อ

"พี่เดฟ... ขอบใจ... เค้กอร่อยดี...."

"พูดงี้จะไล่กลับห้องป่ะเนี่ย" ร่างสูงเด้งตัวขึ้นแล้วเดินเข้าไปหา

"ไว้ออกไปกินด้วยกัน ให้นายพาฉันนำเที่ยวกันหน่อย...ชวนคุณนัทไปด้วยได้ไหมนะ" ประโยคสุดท้ายเหมือนคุยกับตัวเองเบาๆ

...แหง...

...แหงๆ...

"ก็ ได้แหละ ถ้าหาเจอนะ พี่นัทเก็บตัวอยู่ในห้องแทบไม่ออกมา" ปัณวิทย์ดูจะตื่นเต้นกับสมาชิกครอบครัวที่เพิ่มมาใหม่คนนี้เล็กน้อย ไม่ว่ายังไง เขาก็ยังเป็นเด็กที่อยากได้ความเอาใจใส่อยู่ดี

"พี่นัท ของปันมีแฟนยังอ่ะ จีบได้ป่ะ โคตรสเปคเลย" แค่มองดูก็รู้ว่าเด็กนี่น่าจะพอรู้ว่าเขาพอใจในตัวญาณัช เพราะงั้นถ้าบอกไปแล้ว... อาจจะพอมีทางให้สนิทสนมกับคนเก็บตัวได้ก็ดี

"แฟนเก่าที่เพิ่งเลิกไปก็งี้เลย ตาเศร้าๆ ผมยาว น่าทะนุถนอม"

"...... ไม่รู้... ลองถามดิ" เด็กหนุ่มหรี่ตามองก่อนจะส่ายศีรษะไปมา

"ช่างเหอะ...งั้นไปก่อนนะ ฝันดีนะไอ้เด็กดื้อ" มือใหญ่วางลงบนเส้นผมสีดำนุ่มละเอียดแล้วขยี้เบาๆ

"ฝันดี... พี่เดฟ" นัยน์ตาเรียวไร้แววดื้อรั้นเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย

"อือ" ชยางกูรรับคำพร้อมรอยยิ้มเอื้อเอ็นดู

...บางที...

...เพราะอยู่ในสถานการณ์ใกล้เคียง ถึงได้เข้าใจกันได้ง่าย...

"ปันก็รีบอาบน้ำนอนล่ะ พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแล้ว"

"อือ...." เขาตอบรับเสียงเบาพลางลุกไปส่งชยางกูรที่หน้าประตู

"ขอบใจนะ" น้ำใจของคนที่อุตส่าห์ลุกมาส่งหน้าห้องทำให้อดยินดีไม่ได้

"โรงเรียนปันอยู่ที่ไหน ให้ฉันไปรับไหม พรุ่งนี้จะได้ไปซื้อขนมกัน"

".... ไม่เป็นไร ฉันไปต่อ... ไม่กลับบ้านทันทีหรอก" เขาหัวเราะเบาๆเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายมองเขาเหมือนเด็กๆ

"แล้วอย่าเมาเหล้ากลับมาร้องไห้ใส่แบบวันก่อนอีกล่ะ"

...พอหัวเราะก็ดูหน้าตาเป็นผู้เป็นคนกับเขาเหมือนกันแฮะ...

"บอกฟูกับฝุ่นด้วยว่าฝันดี"

"รู้แล้วน่า" ปัณวิทย์ทำเสียงขุ่นพลางรอให้อีกฝ่ายเดินถอยไปจึงได้ปิดประตูลง

...บางที...

...อาจจะไม่เลวร้าย...

...อย่างที่คิดไว้...






To be Continued......
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 4 [04/05/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiamo_jamsai ที่ 04-05-2012 22:41:51
 :L2:เปนกำลังใจค่า
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 4 [04/05/12]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-05-2012 23:21:00
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 4 [04/05/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 05-05-2012 00:01:46
ปันน
น่ารักๆๆๆๆ

แต่ดูเดฟ...เจตนายังไม่บริสุทธิ์เท่าไหร่นะะ
คริคริ

+1
:'D
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 4 [04/05/12]
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 05-05-2012 00:30:25
=_=''' ไม่เข้าใจคุณพ่อเลย
หัวข้อ: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 5 [14/05/12]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 14-05-2012 14:26:12
Kagehana : แฮ่--- อย่าเพิ่งรีบเกลียดคุณพ่อเลยนะคะ ยังมีให้เกลียดอีกเยอะ 555  ส่วนพี่เดฟ.........รอดูไปก่อนนะคะ



-5-





"ปัน ลงไปดูที่จอดให้หน่อยไป" คนที่เป็นคนขับพูดบอกคนนั่งข้างๆที่เอาแต่แหย่กระต่ายบนตัก

"เฮ้ย-- บอกให้ลงไปดูให้หน่อย เดี๋ยวชนขอบ" ชยางกูรพูดซ้ำ

จาก วันที่ญาติดีกัน เวลาเพียงสามเดือนก็ทำให้ชยางกูรกับปัญวิทย์สนิมสนมกันเหมือนพี่น้องจริงๆ ในบางวันที่ปัณวิทย์เกิดอาการขี้เกียจ..ชยางกูรก็จะออกไปรับตอนเย็นแล้วพาไป เดินหาขนมเล็กๆน้อยๆมานั่งทานในห้อง

วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ของกลางเดือน ชยางกูรที่ว่างไม่มีอะไรทำเลยชวนทั้งคนทั้งกระต่ายให้ออกมาที่คาเฟ่ที่พาสัตว์มาได้

"ไม่ ต้องเฮ้ยก็ได้ ดูเด็กๆให้ด้วย" เด็กหนุ่มพูดห้วนคืนบ้างพลางเปิดประตูรถแล้วก้าวลงไปโบกให้ ถึงจะพูดจารุนแรงใส่กันบ้าง แต่ก็ติดไปทางไม่เป็นจริงเป็นจังมากกว่า กลับกัน เขาต้องยอมรับว่าชยางกูรทำให้เขารู้สึกถึงการมีคนในครอบครัวเอาใจใส่

...เหมือนเมื่อก่อนที่พิชญ์ก็แวะเวียนมาหา มาชวนทานข้าวบ้าง

ชยางกูรถอยรถช้าๆพลางขำกับท่าทางเก้ๆกังๆของเด็กโบกรถมือใหม่ จนเมื่อจอดได้เขาก็อุ้มเจ้าสองตัวใส่ตะกร้าลงจากรถแล้วเดินไปหาเจ้าของ

"อ่ะปัน นายถือเข้าไป"

"เออ" เขารับมาถือไว้อย่างเบามือพลางเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในร้าน กลิ่นหอมหวานๆของเนยและวานิลลากับผลไม้หอมกรุ่นไปทั่วร้าน เค้กหน้าต่างๆได้รับการจัดวางอยู่บนตู้โชว์สวยงามชวนให้น้ำลายสอขึ้นมา

"นั่งไหนอะ"

"ที่ จองไว้...ชยางกูรครับ" วันนี้ชยางกูรใส่เสื้อเชิ้ตสีม่วงอ่อนๆพับแขนกับกางเกงยีนส์เข้ารูปสีขาว เมื่อบวกกับผมสีทองสลวยและนัยน์ตาเจ้าชู้ทำให้ใครหลายคนอดหยุดสายตาที่เขา ไม่ได้

...ไม่เว้นแม้แต่สาวเสิร์ฟตรงหน้านี้ด้วย

"ตะ..ตรงโซฟาเลยค่ะ สองทีกับกระต่ายสองตัวนะคะ มีจัดเบาะไว้แล้วค่ะ" หญิงสาวผายมือไปตรงโซฟาน่ารักๆที่อยู่ถัดไป

"ขอบคุณมากครับ" ตบท้ายด้วยรอยยิ้มหวานที่ทำให้คนมองเคลิ้มไป

"ไปเลยปัน เดี๋ยวน้ำลายหกใส่ตู้เขา"

"ปากหมาแล้วครับพี่เดฟ" อดไม่ได้ที่จะกัดเมื่อถูกอีกฝ่ายล้อเลียน ปัณวิทย์เห็นสายตาสาวๆที่มองมาแล้วก็รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาเล็กๆ

"หมา ไม่เท่านายหรอก" ชยางกูรเดินนำไปที่โซฟาแล้วทิ้งตัวนั่งไขว่ห้างรอคนกับกระต่ายเดินตามมา มือใหญ่หยิบเมนูขึ้นมาดูเร็วพร้อมกับสั่งแทบทันที

"ชาสตอรว์เบอรี่ร้อน แล้วก็เค้กลาวาช็อกโกแลตทานคู่ไอศกรีมวานิลลานะครับ"

"เฮ้ย ไม่รอ! เอาสตรอว์เบอร์รี่สมูธตี้กับบลูเบอร์รี่ชีสพายครับ" คนที่เพิ่งเดินมาถึงโต๊ะรีบโวยวายต่อ

"แล้วของอาหารสำรองเอาอะไร" ชายหนุ่มพูดแล้วหันไปคุยกับพนักงาน

"ชื่อกระต่ายน่ะครับ น่ารักไหมชื่ออาหารสำรองเบอร์1กับ2"

"เฮ้ย! บอกว่าชื่อฟูกับฝุ่นครับไอ้คุณพี่เดฟ" เจ้าของกระต่ายท้วงทันที

"แครอทแท่งหรืออาหารเม็ดไหมคะ ทางร้านเรามีบริการนะคะ" หญิงสาวยิ้มหวานตอบเสียงเชื่อม

"เอาไรอ่ะปัณ"

"แครอทแท่งก็แล้วกันเนอะครับเด็กๆ" เขาหันไปพูดกับกระต่ายสองตัว

ทันทีที่พนักงานเดินไป เจ้าฝุ่นตัวกลมก็ถูกอุ้มมานั่งที่ตักแล้วลูบเบาๆ ขนอ่อนนุ่มสีฝุ่นสมชื่นให้ความรู้สึกนุ่มนิ่มน่าสัมผัส

"แล้วเจ้าสองตัวนี้ปันได้มายังไงเหรอ ใครซื้อให้"

"ซื้อเอง..." เขาตอบพร้อมรอยยิ้มขณะลูบหัวเจ้าฟูเบาๆ

"น่ารักเนอะ"

"น่ารัก..." ทั้งรอยยิ้มของเจ้าของและกระต่ายเลย

ปัณวิทย์ ไม่ได้อยู่ในสเปคของคนแบบที่ชอบ เจ้าตัวทั้งดื้อ ทั้งเอาแต่ใจในบางที แถมยังไม่หวานใส่...แถ่ถึงอย่างนั้นชยางกูรก็กลับเอ็นดูมากขึ้นในทุกๆวันที่ อยู่ด้วยกัน

...เหมือนน้องชาย..ที่เขาไม่เคยมี...

...เหมือนคนขาดความรักสองคนมาเติมเต็มความอบอุ่นบางๆให้กัน...

"หน้าตาไม่น่าเลี้ยงกระต่ายเลยเหอะ จริงๆถ้าบอกว่าเลี้ยงอีกัวน่าหรืองูยังน่าเชื่อกว่า" ชยางกูรแกล้งยั่วด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ

"อะไรวะครับ ก็มันน่ารักทั้งสองคน แปลกตรงไหน" คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันพลางทำหน้าย่นใส่ฝ่ายตรงข้าม

"เออ.. เกือบลืม อาทิตย์หน้าปิดเทอมแล้ว จะไปทะเลกับเพื่อนที่โรงเรียนนะ"

"ไปกับเพื่อนหรือสาว ไอ้เด็กทะลึ่ง" ทะเลเมืองไทยกับสาวๆ...ไม่ว่าใครก็เสร็จแน่ๆ บรรยากาศดีขนาดนั้น

"อย่าลืมป้องกันนะเว้ย เป็นพ่อคนตอนยังไม่จบไม่สนุกแน่ๆ"

"ทั้ง เพื่อนทั้งแฟนแหละ ไม่ต้องห่วง รู้จักป้องกันเว้ย" เขายิ้มยิงฟันจนตาหยี กับไอลดาคบกันได้ไม่นานก็มีอะไรกันแล้ว ปัณวิทย์เองก็ไม่ได้รังเกียจอะไร

สังคมรอบๆส่วนใหญ่ก็แบบนี้...

"ตัวเท่านี้ทำฟรีเซ็กส์ ระวังเหอะเดี๋ยวโดนจับขึ้นมาจะเดือดร้อน" ชายหนุ่มพูดหยอก

"แต่ตอนฉันอายุเท่านายก็แบบนี้แหละ กิน นอน เซ็กส์ เรียน วนไปวนมา บางวันก็เข้าคลับกลับเช้าโดนมัมด่าด้วยซ้ำ"

เมื่อ นึกไปถึงช่วงชีวิตวัยเรียน เขาเองก็ซ่ามาไม่น้อย วันนึงนอนกับสาวสวย อีกวันได้กอดเด็กหนุ่มน่ารัก...จนเมื่อมารดาเสียนั่นแหละถึงได้เปลี่ยนแปลง แล้วงดเรื่องพวกนั้นไปบ้าง

"เห็นปะ ก็พอกัน ฉันคบกันมาจะครบปีแล้ว" ปัณวิทย์พูดคล้ายกับอยากจะอวดทับบ้างตามประสาน้องเล็ก

"สองปีฉันยังเลิกมาแล้วเลย แม่งนอกใจ...แถมคนใหม่ถ้าหล่อกว่าจะไม่ว่าเลย" ชยางกูรนึกถึงแฟนเก่าคนนั้นแล้วอดขำไม่ได้

เสียงคุยเงียบลงเมื่อพนักงานสาวเดินมาเสิร์ฟเค้ก เธอวางของที่สั่งไว้ตรงหน้าแล้วก้มหัวทีหนึ่งก่อนจะเดินจากไป

"เฮ่ย-- น้ำลายยืดแล้วปัน"

"ยืดไรวะ! ไม่มีครับพี่" ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่มือก็ยกขึ้นเช็ดไปโดยไม่รู้ตัว

ชยางกูรหัวเราะลั่นจนเจ้าตัวน้อยในตักตกใจ ชายหนุ่มกลั้นหัวเราะแล้วลูบปลอบเบาๆ

"อันที่จริงนายก็หน้าตาดีนะปัน เสียอย่างเดียว...เอ๋อไปหน่อย งี้ไม่ถูกเพื่อนแกล้งแย่เหรอ"

"ไม่มีเว้ย! ไม่ใช่ส่วนล่างของห่วงโซ่ครับ" เขาตอบเสียงเข้มพลางหยิบแครอทแท่งมาป้อนให้กับเจ้าตัวบนตัก

"โห รู้ป่ะ ถ้าคนเป็นเกย์พูดแบบนี้นะ...." ชายหนุ่มเลื่อนใบหน้าไปใกล้แล้วแกล้งใช้ปลายนิ้วจับคางมนบิดไปมา

"ร้อยทั้งร้อย...แม่งรุกไม่รอดชัวส์"

"เฮ้ย!!" ปัณวิทย์สะดุ้งที่ถูกจับคางจนเจ้าฟูตกใจ

"ตกใจเว้ย อย่าเล่น ไม่ขำครับ"

"ฮะ ฮะฮะ ล้อเล่นน่าๆ" ชยางกูรเอื้อมหยิบแครอทแท่งส่งให้ฝุ่นเอาไปแทะแล้วยกวางลงบนเก้าอี้ปล่อยให้ กินอย่างสบายใจ เขาตักไปตรงกลางเค้กช็อกโกแลตอุ่นๆ ทันทีที่จรดช้อนลง น้ำด้านในก็ไหลออกมาสมกับชื่อเค้กลาวา เขาตักเข้าปากพร้อมไอศกรีมก่อนจะยิ้มอย่างพอใจ

"เจ๋ง ชิมไหมคุณน้องชาย"

"... เยิ้มว่ะ" เขาพูดเสียงขุ่นแต่ก็ไม่ปฏิเสธที่จะลองชิม เด็กหนุ่มจับส้อมแล้วลองตัดมาชิมบ้าง รสหวานปนขมของช็อคโกแล็ตทำให้ยิ้มออกมา

"อือ อร่อยดี"

"ใครจะไปกินเค้กหวานแหววแบบนายล่ะ" ชาสตอรว์เบอรี่ร้อนถูกเทจากกาเป็นสองแก้วแล้วเลื่อนไปให้

"อ่ะ เอาไว้ตัดเลี่ยน"

"ไม่เลี่ยน มีสมูธตี้แล้ว" เด็กหนุ่มแยกเขี้ยวใส่พลางทำเมินชาถ้วยนั้น

"งั้นเดี๋ยวให้ไอ้เบอร์สองกินแทนนะ" ชยางกูรขู่พร้อมทำท่าจะยกถ้วยให้กระต่ายน้อย

"เอ๊ยไม่เอา เดี๋ยวท้องเสีย!" เขารีบคว้าคืนมาทันทีก่อนจะค้อนให้ที

ชยางกูรยิ้มขำกับอาการของคนตรงหน้า เขายกชาร้อนๆขึ้นจิบให้กลิ่นหวานอมเปรี้ยวซึบซาบเข้าสู่ร่างกาย

...แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว...

การได้ใช้ช่วงเวลาดีๆกับใครสักคนในบรรยากาศสบายๆอย่างนี้..เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย

...คนที่เข้าใจกัน แม้จะเคยทะเลาะจนจะเป็นจะตาย

...บางทีเขาคงแพ้เด็กนี่ตั้งแต่ที่เห็นความอ่อนแอในวันแรกๆที่ได้เจอกัน...

"วันนี้เลี้ยงฉันใช่ไหม?"

"เฮ้ย!! ไม่เลี้ยง!! ไม่มีตังค์แล้วเดือนนี้!!" พอได้ยินอย่างนั้นเขาก็รีบร้องท้วง

"เอาไปไหนหมดล่ะ นี่มันเพิ่งกลางเดือนเองนะปัณ...." ชยางกูรขมวดคิ้ว

"....ฉันเลี้ยงก็ได้แต่ถามอีกข้อก่อน ค่าขนมตอนนี้ใช้พอหรือเปล่า"

"พอ... ถ้าเลี้ยงไม่พอแน่... จะเก็บตังค์ซื้อไอโฟน..." เขาตอบพลางตักพายของตัวเองเข้าปาก

"แล้ว เก็บได้เท่าไหร่แล้ว" ชยางกูรนึกชื่นชมขึ้นมาบ้างกับการจัดการเรื่องการเงินของปัณวิทย์ เด็กสมัยนี้หลายคนเคยชินกับการขอพ่อแม่ให้โดยที่ไม่รู้จักการสะสมเงินเอง เหมือนอย่างตอนเขา... กว่าจะได้อะไรสักอย่างต้องทำงานพิเศษเก็บหลายเดือน ไม่ใช่ว่ามารดาไม่มีเงิน แต่เป็นเพราะคุณค่าของของที่ได้มาด้วยตัวเองเป็นสิ่งที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่ เล็ก

"..ปันเป็นเด็กดีจังนะ..."

...ถ้าลองคบกันแล้ว สิ่งที่ถูกพลภัทรบอกไว้คงถูกลบเลือนไป...

...ปัณวิทย์ไม่ใช่เด็กเหลือขอแบบที่พ่อเลี้ยงประณามไว้...

...แต่เป็นเด็กดี..ที่ถูกลืมเลือน...

ใบหน้าที่มักจะมีอารมณ์หลากหลายคราวนี้กลับเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น

"...... ก็... ไม่ได้ดีขนาด... นั้น" พอถูกชมเข้าจังๆก็เลือกแสดงอารมณ์ไม่ถูก

"เขิน อ่ะดิ่เนี่ย เฮ้ย--นี่พูดจริงๆนะ ถึงคุณพ่อหรือใครๆจะบอกว่านายเหลือขอนู่นนี่ แต่สิ่งที่ฉันเห็นฉันมีสมองพอที่จะตัดสินเองได้ว่าใครเป็นไง" ชยางกูรตักไอศกรีมเข้าปากอีกคำแล้วยิ้มจางๆ

"ปันเป็นเด็กดี..ในสายตาฉัน"

".......................... ขอบใจ....." เขาหลบสายตากับรอยยิ้มที่มองมา

"อย่าทำหน้าแบบนั้น หลงรักฉันแล้วอ่ะดิ๊---" ชยางกูรหัวเราะเบาๆ

"เดี๋ยวสมูธตี้ก็ละลายหมดหรอก"

"หลง รักบ้าอะไรครับไอ้พี่เดฟ แฟนฉันน่ารักอยู่แล้ว" เขารีบคว้าเครื่องดื่มของตัวเองมาดูดรวดเดียวแก้เขินจนจี๊ดขึ้นสมองให้ต้อง นิ่วหน้า

"ฮะฮะฮะ " มือใหญ่หยิบทิสชูส่งไปให้ พลางขำสีหน้าแหยๆของเด็กหนุ่มที่หลับตาปี๋

"แซวเล่นนิดหน่อยทำเขินเวอร์ ไงล่ะ สมน้ำหน้าเนอะเบอร์2อ้วนกลม"

"เขินอะไรวะ ไม่ได้เขิน!" ชายหนุ่มปฏิเสธเป็นพัลวัน

"ไม่ได้เขินก็รีบๆกินไป เดี๋ยวไปไหนต่อป่ะ" จานที่หมดไปเกือบหมดถูกช้อนขูดเบาๆ ชยางกูรเอาคำสุดท้ายเข้าปากแล้วก้มลงเล่นกับฝุ่น

"ไม่ไป วันนี้แฟนเค้าไปกินข้าวกับที่บ้าน" เด็กหนุ่มรีบตักพายของตัวเองเข้าปากไม่พูดไม่จาต่อ

"ไปซื้อของเป็นเพื่อนหน่อยดิ" ชยางกูรเอ่ยชวน พอปัณวิทย์พูดถึงไอโฟน เขาก็นึกได้ว่าถึงเวลาแล้วที่โทรศัพท์ของตัวเองควรเปลี่ยนเสียที

"ว่าจะไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ ปันเก็บตังค์ได้เท่าไหร่แล้ว?"

"ครึ่งทางแล้ว ไม่มีบัตรเลยผ่อนไม่ได้" เด็กหนุ่มอุ้มเจ้าฟูใส่คืนตะกร้าของมันแล้วรอรับฝุ่นจากอีกคน

ชยางกูรอุ้มกระต่ายอ้วนในมือส่งให้แล้วเรียกพนักงานมาเก็บเงิน เขาจ่ายทั้งหมดแล้วลุกขึ้นจากโซฟาตัวนุ่ม

"งั้นไปซื้อกัน ออกให้ครึ่งนึงก่อนแล้วนายค่อยให้คืนล่ะ"

"เฮ้ยไม่เอา ไม่เท่เลย" ปัณวิทย์รีบร้องท้วงแม้ในใจจะอดรู้สึกดีไม่ได้ ไม่เคยมีใครดูแลหรือใส่ใจเขาขนาดนี้

...แม้ตอนเด็กๆทุกคนจะรักและเอ็นดูเขา แต่เมื่อความลับถูกเปิดโปง เด็กชายวัยเจ็ดปีก็ถูกทอดทิ้งทันที

"ไม่ เท่ตรงไหน ไม่ได้บอกว่าซื้อให้สักหน่อย แค่ออกเงินให้ก่อนแล้วค่อยๆผ่อนคืนไง น่า อย่าเรื่องมากเหอะ เดี๋ยวจับอาหารสำรองย่างกินเลย" เส้นคิ้วสีอ่อนเลิกขึ้นอย่างเป็นต่อ

"ซื้อเหมือนกันจะได้สอนกันไง" ไม่ใช่อยากอวดตัวว่ามีเงิน แต่บางที...กำลังใจของเด็กดีก็ควรสนับสนุน

"อย่าเอามาขู่สิวะครับ ก็ได้ๆ ห้ามทำอะไรฝุ่นกับฟูละกัน" ปัณวิทย์ทำเป็นพูดบ่นอุบอิบ

ชยางกูรตบศีรษะกลมๆของน้องชายนอกสายเลือดเบาๆ รอยยิ้มบนใบหน้าที่กว้างขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเขวี้ยงค้อนคมๆมาให้ทีหนึ่ง

...เออเว้ย ค้อนเป็นกับเขาด้วยแฮะ

"จะดีใจก็ดีไปเลย อย่ามาอ้างกลบ ไอ้เด็กน้อยเอ๊ย" ปลายนิ้วที่วางอยู่เปลี่ยนเป็นสางเส้นผมอ่อนนุ่มเบาๆแทน

"ไรวะ! อย่าทำแบบผู้หญิงดิวะ" เขายกมือขึ้นปัดมืออีกฝ่ายออกแล้วลุกขึ้น

"จะไปรอที่รถแล้ว"

...ก็เงี้ยละนะ..ถึงไม่โตสักที...

ชยางกูรยิ้มกับอาการดีใจที่แสดงออกในทางตรงกันข้ามของปัณวิทย์ ชายหนุ่มรอรับเงินทอนก่อนจะเดินตามไปยังรถ

...เพราะอยากเห็นสีหน้าที่มีความสุขของเด็กคนนี้...

นี่คือเหตุผลที่เขาทำทุกอย่าง....ด้วยความเต็มใจ

...เพราะเราเป็นคนที่ 'ขาด' เหมือนกัน...




///////////////////




เด็กหนุ่มร่างโปร่งเดินสะพายเป้ออกมาจากทางออกแล้วชะเง้อคอหาคนที่บอกว่าจะมารับ

"ญาติที่ว่าสนิทกันแล้วน่ะเหรอปัน" ไอลดาเอ่ยถามเสียงใสพลางคล้องแขนตัวเองเข้ากับปัณวิทย์

"อือ เขาจะมารับน่ะ"

"เฮีย ลูกครึ่งของมึงอ่ะเหรอวะไอ้ปัน เออพอดีเลย..กูอยากเห็นอยู่ว่าหล่อสู้กูได้ไหม" อาธิปพูดแล้วเก๊กหล่อ...ก่อนจะเก๊กหลุดเพราะมือที่ฟาดกลางหลังดังอั่ก

"เอี้ยซายน์ ทุบหาพ่อมึงเหรอ"

"กุหมั่นไส้มีไรป่ะ" ศิวะหัวเราะเสียงดังพลางโอบสาวน้อยข้างกายที่ซุกหาพลางหัวเราะคิกคัก

"ได้ใจนะมึง เดี๊ยะๆ เฮ้ย--มายังวะไอ้ปัน"

เขาชะโงกมองก่อนจะโบกไม้โบกมือเมื่อเห็นรถยนต์ของชยางกูรใกล้เข้ามา

"มาแล้วเว้ย"

ชยางกูรโบกมือให้ สายตาที่มองผ่านแว่นกันแดดเห็นกลุ่มเด็กหนุ่มสามคนกับเด็กสาวที่แต่งตัววาบหวิวอีกสองคน

เขาหักพวงมาลัยเข้าเทียบก่อนจะลดกระจกลงแล้วยกแว่นกันแดดขึ้นคาดบนหัว

"หวัดดีครับเด็กๆ"

"นึก ว่าหลงทาง" ปัณวิทย์ทักทายด้วยการกวนประสาทพร้อมรอยยิ้มกวนๆ เด็กสาวที่ยืนกอดแขนเขาไว้ในตอนแรกปล่อยให้เด็กหนุ่มได้เปิดประตูรถเพื่อ เหวี่ยงเป้ตัวเองใส่ด้านหลังไป

"ไอซ์เป็นแฟนปันค่ะ พี่ชื่ออะไรเหรอ"

"ไงมึง อึ้งแดกเลยอ่ะดิ่" ศิวะกระซิบด้วยเสียงไม่เบานักพลางยิ้มเยาะอาธิปที่ได้แต่ตาค้าง

ใครจะไปนึกว่าพี่ชายไอ้ปันจะหล่อขนาดนี้วะ

"หวัด ดีครับน้องไอซ์ พี่ชื่อเดฟนะ สองคนนั้นคงเป็นอัฐกับซายน์สินะ" ชยางกูรทักเด็กสาวแต่งตัวจัดแล้วเลยไปทักเด็กหนุ่มสองคนที่ยืนทำหน้าทะเล้น อยู่ด้วย

"หวัดดีคร้าบบบบ" อาธิปและศิวะพร้อมใจกันก้มไหว้พลางลากเสียงทักทาย ทำเอาสาวน้อยที่ควงแขนศิวะอยู่จำต้องก้มลงด้วย

"งั้นไปก่อนนะ กลับบ้านดีๆนะเว้ย" ปัณวิทย์เปิดประตูข้างคนขับแล้วขยับก้าวขึ้น แต่กลับถูกคว้าแขนเอาไว้

"รอคนขับรถไอซ์มาก่อนสิปัน จะทิ้งไอซ์แล้วเหรอ" นัยน์ตากลมโตช้อนมองอย่างออดอ้อนก่อนจะเหลือบไปมองชยางกูรครู่หนึ่งแล้วยิ้มให้

ชยา งกูรมองอาการออดอ้อนแบบไม่รู้จักเวล่ำเวลาแล้วได้แต่เก็บไว้ในใจ ท่าทางแฟนคนดีของปํณวิทย์จะไม่ใช่ย่อย... ดูจากการทิ้งสายตาเมื่อสักครู่ด้วยแล้ว..

"โหน้องไอซ์คร้าบบ เดี๋ยวเฮียโมโหนา พี่อัสซี่กะไอ้ซายน์ก็อยู่รอเป็นเพื่อนนี่ไง ปล่อยไอ้ปันกลับไปเหอะเกรงใจเฮียเค้า"

ชยางกูรมองเด็กหนุ่มที่แทนตัวว่าอัสซี่อย่างนึกขอบคุณ...และพอใจที่เด็กสมัยนี้ยังมีความเกรงใจหลงเหลืออยู่

"เอาไงปัน ฉันแล้วแต่นะ..."

"ฉัน ต้องกลับไปให้ทันทานข้าวเย็นกับที่บ้าน วันนี้วันอาทิตย์ ไอซ์รอกับพวกไอ้ซายน์ได้ไหม" เขานึกถึงภาระหน้าที่ที่ตัวเองพยายามทำให้ดี และพยายามมาตลอด วันอาทิตย์เป็นวันที่ทุกคนในบ้านประสิทธิ์พรวิวัฒน์จะมาร่วมโต๊ะทานอาหาร ด้วยกัน

"ไม่ได้จริงๆเหรอ ปันใจร้ายจัง...." เด็กสาวทำหน้าเบ้พลางส่งเสียงฮึดฮัดอย่างขัดใจให้พอไม่น่าเกลียด

"ขอโทษนะไอซ์..."

แม้จะได้ยินคำขอโทษ แต่ไอลดาก็ทำท่าปั้นปึ่งแล้วหันหลังให้

...สุดๆ...

...จัดหนักเลยทีเดียว...

"ขอโทษนะครับน้องไอซ์ พอดีพี่ติดธุระด้วย ยังไงขอตัวก่อนนะครับ..." ชยางกูรช่วยพูดกับเด็กสาวที่ยืนหันหลัง

".... ก็ได้ค่ะ เพราะพี่เดฟช่วยพูดให้หรอกนะคะ" เด็กสาวหันมาแต่ก็ยังไม่ยอมยิ้มให้ปัณวิทย์

"อืม งั้นไปก่อนนะ แล้วไว้โทรหากัน" เด็กหนุ่มร่างโปร่งโบกมือลาทุกคนก่อนจะปิดประตูรถแล้วถอนหายใจออกมา

"อะไร ถอนหายใจเชียวนะ ไปทะเลไม่สนุกเหรอ" ชยางกูรพูดยิ้มๆแล้วดึงแว่นลงมาคาดใบหน้าเหมือนเดิม

"แฟนนายนี่....ขี้งอนจังนะ" เขาพูดเลี่ยงๆละคำว่า...ไม่มีเหตุผลไว้

"อืม งี้แหละ เด็กผู้หญิง ไม่รู้ทำไมต้องงอนขนาดนั้นด้วย ปกติก็ไม่เห็นว่าอะไร" คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนจะเอนกายพิงกับเบาะที่นั่ง

"เอาน่า เป็นผู้ชายต้องทรีตผู้หญิงงี้แหละ ถ้าไม่อยากทำก็ไปเป็นแฟนเกย์นู่น" ชยางกูรหัวเราะเบาๆเมื่อคนที่นอนพิงเบาะทำตาวาวใส่

"เหนื่อยก็นอนก่อนไป เดี๋ยวถึงบ้านแล้วปลุก"

"อือ... ปลุกนะ" เขาพูดเสียงเข้มก่อนจะค่อยๆหลับตาลง

ชยา งกูรขับรถไปเรื่อยๆ ในใจนึกไปถึงเด็กสาวที่มีท่าทางแปลกตา เขาพยายามจะไม่คิดอะไรแต่อดนึกไม่ได้ว่าทั้งที่ปัณวิทย์เป็นแฟนอยู่ยัง สามารถส่งสายตาให้เขาได้อีก

...ไฟแดง...

ชยางกูรเหยียบเบรกให้รถจอดแบบนิ่มๆ เขาหันมามองเด็กหนุ่มผิวขาวที่ถูกแดดเป็นรอยแดง มือใหญ่เอื้อมหยิบเสื้อมาคลุมทับร่างเพรียวไว้

...เด็กเอ๊ยเด็ก...

ไฟเขียวฉายสว่างวาบในวินาทีเดียวที่ชยางกูรละสายตา เชฟโรเล็ตสีดำทะยานออกไปข้างหน้าด้วยความนุ่มนวล...และอาการเม้มปากแน่นของคนมอง...








To Be Continued.......

หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 5 [14/05/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 14-05-2012 17:37:43
กินข้าวพร้อมหน้า

จะมีฉากปวดใจอีกป่าวหว่าาาา ?
สู้ๆ กิกิ
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 5 [14/05/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 14-05-2012 18:11:26
เง้อ ใึครจะหวงใครก่อนเนี่ย
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 5 [14/05/12]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-05-2012 22:32:01
 :impress2:
หัวข้อ: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 6 [16/05/12]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 16-05-2012 21:29:18



*6*



"...." ปัณวิทย์ออกจะแปลกใจกับการที่ญาณัชลงมาร่วมทานอาหารด้วยในวันนี้ ใบหน้าเรียบเฉยของญาติผู้พี่ดูแล้วชวนอึดอัดไปรอบกาย

แต่ชยางกูรกลับชวนพูดคุยให้โต๊ะอาหารคลายความตึงเครียดลง

...ยังชอบอยู่เรอะ...

"คุณ นัทไม่ค่อยทานเลยนะครับ แต่ผมว่าเชฟที่นี่ฝีมือดีออก..เชฟข้างนอกใช่ไหมครับ" ชยางกูรพูดพลางตักอาหารใส่จานญาณัชและญาติอีกคนที่ขี้เกียจจะจำชื่อ

"... ครับ..." ญาณัชตอบรับเท่าที่จำเป็นก่อนจะเอ่ยขอบคุณที่อีกฝ่ายตักอาหารมาให้ บนสีหน้านั้นไม่แสดงอารมณ์ใดใดทั้งสิ้น

...เอาใจยังกะแฟน ไอ้หน้าหม้อ...

ปัณวิทย์นึกขำๆพลางยิ้มออกมาจางๆขณะเอื้อมไปตักกะหล่ำปลีผัดแฮม

"ปัณเอาไก่ทอดป่ะ" พูดจบ ไก่ทอดก็ถูกเอาไปวางในจานปัณวิทย์พร้อมรอยยิ้ม

"เติมพลังหน่อย ในรถก็งัวเงียซะ"

คำพูดของชยางกูรสร้างความสงสัยในใจหลายๆคน... ว่าสนิทกันได้อย่างไร

...โดยเฉพาะพลภัทร...

"ในรถอะไร" น้ำเสียงห้าวที่กดต่ำถามออกมาพลางเหลือบมองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตารังเกียจ

"..... พี่เดฟไปรับผม... ที่สนามบินครับ..." เด็กหนุ่มตอบเสียงเบาเมื่อเจอกับสายตาที่มองมา

"แกเป็นใครถึงใช้ให้เขาไปรับ" พลภัทรมองหน้าปัณวิทย์แล้วรวบช้อนเข้าด้วยกัน

"เป็นแค่ลูก--"

"ผมว่างพอดีเลยอาสาไป...ทานข้าวต่อดีกว่าครับ" ชยางกูรยิ้มเย็นแล้วเติมซุปในถ้วยแบ่งให้

"คุณพ่อยังทานไม่หมดเลย เดี๋ยวคนทำเสียใจนะครับ"

น้ำเสียงหว่านล้อมทำให้นักธุรกิจใหญ่ยอมกินต่อ... แต่ไม่วายลอบมองด้วยหางตาไปที่ใบหน้าซีดๆของอดีตลูกรัก

มื้ออาหารมื้อนั้น เลยกลายเป็นว่าปัณวิทย์ไม่มีโอกาสพูดอะไรอีกเพราะกลัวสายตาที่ถูกมองมาอย่างนั้น

...ขอให้เป็นแค่นั้น...

จน กระทั่งน้ำดื่มที่วางอยู่บนโต๊ะหมดลง สายตาแข็งกร้าวที่มองไปทางปัณวิทย์ยังคงส่อแววรังเกียจเหยียดหยาม พลภัทรลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารแล้วเดินไปหาปัณวิทย์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

"แกตามฉันมาที่ห้อง เดี๋ยวนี้!" พูดจบก็เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงความมืดมัวที่หายใจไม่สะดวก...

ปัณวิทย์ลอบกลืนน้ำลายก่อนจะหันมามองหน้าคนที่เรียกว่าพี่ชายต่างสายเลือดเพียงชั่วอึดใจ แล้วรีบลุกขึ้นเดินตามพลภัทรไป

ภาย ในห้องกว้าง พลภัทรยืนอยู่หน้ามินิบาร์กำลังรินเหล้าจากขวดใส ใบหน้าของชายวัยกลางคนฉายแววไม่พอใจอย่างรุนแรง เขายกเหล้าในแก้วกรอกเข้าปากจนหมดแล้วกระแทกวางลงพลางถอนหายใจหนักหน่วง

...ไอ้เด็กเวรนั่น...

...ไอ้เด็กที่เกิดมาประจานความโง่ของเขา...

พลภัทรรินน้ำสีอำพันลงแก้วอีกครั้งในเวลาเดียวกับที่ประตูห้องถูกเคาะเบาๆ

"เข้ามา!" ตะคอกเสียงไม่เบานัก... ด้วยแรงอารมณ์

ประตูห้องค่อยๆเปิดออกเบาๆพร้อมกับเด็กหนุ่มร่างโปร่ง

"... ครับ คุณพลภัทร..."

"ปิดประตูห้องแล้วเข้ามาเลย" พลภัทรพูดเสียงที่พยายามจะปรับให้ราบเรียบ

ปัณวิทย์หันไปปิดประตูก่อนจะหันมามองหน้าชายที่ครั้งหนึ่งเคยเรียกว่าพ่อ

...จะถูกว่าเรื่องไปเที่ยวหรือเปล่า...

"แก รู้ไหมว่าเดฟเป็นใคร..." พลภัทรมองเด็กหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเขาเคยรักปานแก้วตาดวงใจ เขาเลี่ยงที่จะเจอกับสายตาตรงๆที่มองมาอย่างนี้...นับตั้งแต่วันที่ความจริง เรื่องชาติกำเนิดเปิดเผย

...โตขนาดนี้แล้วหรือ...

เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยรักมาก เมื่อรู้ความจริง ความรักในตอนนั้นจึงแปรเปลี่ยนไปในทางตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง

"ใครใช้ให้แกมายุ่งกับลูกของฉัน!"

"ผม..." เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย แต่กลับหาคำตอบมาให้พอใจไม่ได้

...จะให้ตอบว่าอะไร...

"ตอบ มาปัณวิทย์...แกมีสิทธิ์อะไรมาสนิทสนมกับ ชยางกูร ประสิทธิ์พรวิวัฒน์ ฉันถามหน่อย...แกไม่รู้หรือไงว่าอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร ไอ้กาฝาก!!" ดวงตาแข็งกร้าวที่ราวกับมีลูกไฟอยู่จ้องไปทางปัณวิทย์...อดีตลูกคนเล็กขี้ อ้อนแสนน่ารักคนนั้น

...ถ้าเพียงเด็กนี่เป็นลูกเขาจริงๆ...

"แค่ฉันยอมขายขี้หน้าให้แกอยู่ที่นี่ก็ดีแค่ไหนแล้ว เด็กอย่างแกควรตายไปตั้งแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ!! ไม่ควรเกิดมาให้รกหูรกตา!"

"ผมขอโทษครับ แต่พี่เดฟแค่เข้ามาคุยด้วย..."

...แล้วจะโยนความผิดไปให้แทนงั้นหรือ

-เพี๊ยะ-

ฝ่า มือหนาฟาดลงบนผิวแก้มของเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างรุนแรงจนพลภัทรนึกตกใจตนเอง เขาดึงมือมาซ่อนด้านหลัง...เขาต้องไม่สงสารไอ้เด็กที่มันเกิดมาประจานความ ชั่วคนนี้

...แม้สายตาคู่นั้นจะมองมาเพียงใดก็ตาม...

"ฉัน สั่งห้ามแกไม่ให้ไปยุ่งกับลูกของฉันไม่ว่าใครทั้งนั้น ทั้งนันท์...ทั้งเดฟ... ถ้าแกยังอยากอยู่ในบ้านนี้อีก" พลภัทรเอื้อมมือไปหยิบแก้วเหล้ามาเทลงคอก่อนจะปาลงกับพื้น

เศษแก้วชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจายอยู่เต็มพื้นโดยผู้เป็นเจ้าของไม่สนใจสักนิด

"แกบอกมาสิ...ว่าที่แกทำอยู่ตอนนี้แกต้องการอะไร ที่แกมาตีสนิทกับเดฟ แกต้องการอะไร!"

"ผม... ไม่ได้ต้องการ.... อะไร..." มือยกขึ้นจับแก้มข้างที่ถูกตบ พลภัทรไม่เคยลงมือกับเขามาก่อน... ไม่เคย แม้แต่ครั้งเดียว

"แค่คุยกัน เฉยๆครับ..."

"อย่า มาโกหก! สันดานเหมือนกันทั้งแม่ทั้งลูก โกหกได้ทั้งๆที่ฉันเลี้ยงแกมา!" เสียงตะโกนก้องไปทั่วทั้งห้อง พลภัทรหอบหายใจทว่าความโกรธยังไม่เบาบางลง

"ชยางกูรเป็นลูกของฉัน จากนี้ไปห้ามแกเข้าใกล้อีกเป็นอันขาด อย่าให้ฉันเห็นอีก..ออกไปได้แล้ว!" ตวาดซ้ำแล้วหันหลังให้

พลภัทรมองลงบนพื้นที่ยืนอยู่ เสียงแห่งราตรีกาลอันมืดหน่นและเงียบงันถูกแทรกด้วยเสียงเสียดสีกันของเนื้อผ้าจากการขยับกายเท่านั้น



/////////////////////////


ปัณวิทย์ปิดประตูห้องเสียงดัง น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลออกมาในที่สุด เขารู้สึกว่าการยอมสนิทสนมกับชยางกูรไม่ได้ทำอะไรดีให้ตัวเองเลยสักนิดเดียว

...ทำให้เจ็บตัวด้วยซ้ำ

ไม่ควรเข้าไปวุ่นวายตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ

กระต่าย ตัวกลมสองตัวกระโดดลงจากที่นอน ขาสั้นตุ้มตุ้ยกึ่งวิ่งกึ่งกระโดดมาหาเจ้านาย พอถึงตัว จมูกเล็กๆก็ฟุดฟิดขยับเข้าใกล้พลางเงยหน้ามองด้วยดวงตาสุกใส

".... ปันมีแต่ฝุ่นกับฟูนะ... อยู่กับปันนะครับ....." เขาเอื้อมมือมาลูบหัวของเจ้าสองตัวเบาๆ

กระต่ายน้อยเอาหัวดุนอุ้งมือเบาๆพลางเอาลำตัวไถปลอบใจคนร้องไห้

'ก็อกๆ'

ทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าและประตูห้องใกล้ๆปิดลง ชยางกูรที่กำลังรออยู่ก็รีบเดินออกมาจากห้องแล้วเคาะประตูเบาๆ

"ปัน ฉันเข้าไปนะ"

"ไม่!!! ออกไป!!!! ไม่ให้เข้า!!!!" เขารีบตะโกนลั่นเมื่อได้ยินเสียงอีกฝ่าย

...กูซวยก็เพราะมึง...

ชยา งกูรขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินเสียงตะโกนไล่จากในห้อง ทั้งๆที่ช่วงนี้บรรยากาศระหว่างเขากับปัณวิทย์ดีขึ้นมากแล้วแท้ๆ แต่เพราะอะไรถึงแสดงอาการอย่างนี้อีก

"เป็นไรวะปัน ออกมาคุยกันดีๆ"

"ไม่คุย กูไม่คุยกับมึงแล้ว!! กูซวยก็เพราะมึง!!" ปัณวิทย์ไม่เลิกตะโกนไล่เพราะความเสียใจ และน้อยใจกับความรักที่ไม่เท่าเที่ยม

"อ้าว..." ...กวนตีนแล้วไหมล่ะ

ชยางกูรขยับลูกบิดประตูสองสามครั้งก็ไม่มีท่าทีว่าข้างในจะเปิด ชายหนุ่มเตะประตูเบาๆแล้วส่งเสียงเรียกต่อ

"มึงซวยอะไรวะปัน อย่ามาเหวี่ยงใส่กูได้ปะ มีอะไรคุยกันดีๆไม่เป็นหรือไงทำไมต้องโมโหใส่กูด้วยวะ"

...ข้อเสียที่ร้ายแรงของชยางกูรคืออารมณ์ร้อน ยิ่งโดนยั่วประสาทด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่

"ไม่ให้กูยุ่งกับมึงไงสัด! กูมันเหี้ย! ชัดไหม ไปดิวะห่า!!"

"กูบอก ว่าอย่าเหวี่ยง! เชี่ย! ออกมาเปิดให้กูเดี๋ยวนี้!!" จากเตะเบาๆ คราวนี้กลายเป็นซัดเข้าเต็มแรง มือใหญ่ที่จับลูกบิดอยู่หมุนครั้งแล้วครั้งเล่า

"พ่อทำอะไรมึงเหรอวะ! แล้วจะมาลงกับกูทำซากอะไร! เปิดนะเว้ยไอ้ปัน ไม่งั้นกูพังประตูแน่!

ถ้าประตูพังขึ้นมาคงไม่พ้นว่าเขาเป็นต้นเหตุอีก เด็กหนุ่มจึงรีบรุดมากระชากประตูเปิดออก

"กูมันเหี้ย ไม่ควรเกิดมา! ไม่มีสิทธิ์คุยกับลูกแม่งไงสัด!!"

"ใจเย็นๆดิวะ อย่ามาขึ้นเสียงกับกู" ชยางกูรกระแทกประตูทันทีที่อีดฝ่ายยอมเปิด เขาแทรกตัวเข้ามาในห้องแล้วปิดล็อคขังไว้ด้วยกัน

"ห่าเอ๊ย...เจ็บตีนชิบ" ร่างสูงบ่นแล้วเดินเข้าหา

นัยน์ตาสีฟ้าใสมองเห็นรอยฝ่ามือแดงก่ำบนใบหน้าด้านหนึ่งของปัณวิทย์ที่กำลังร้องไห้...ทว่าดวงตากับฉายแววโกรธแค้นราวกับจะฆ่าเขาให้ตาย

"พ่อทำเหรอปัน" เสียงทุ้มกล่าวอ่อนโยนลงโดยไม่รู้ตัว

"เออ!! เพราะกูคุยกับมึง!! เพราะงั้นออกไป!!! ถ้าแม่งเห็นกูก็ซวยอีก!!" เขาตวาดลั่นพลางถอยตัวห่างจากอีกฝ่าย

"ถ้าจะตวาดกูขนาดนั้นก็อย่าร้องไห้สิวะ" ชยางกูรพูดเบาๆอย่างอ่อนใจ

..ดูท่าทางความสัมพันธ์ของพ่อลูกคู่นี้คงประสานกันได้ยากแล้ว

"ปัน... ทำไมมึงต้องเชื่อพ่อขนาดนั้นวะ เป็นลูกแหง่หรือไง" มือใหญ่เอื้อมไปหาแล้วแตะเบาๆที่ผิวแก้มแดงและมุมปากแตก

"เจ็บไหม... ประคบน้ำแข็งไหม..."

"ไม่ ต้องอะไรทั้งนั้น แค่มึงออกไปก็พอ อย่ามาใกล้กู!!" เพราะหากยังเห็นว่าสนิทกันอยู่อีก ครั้งต่อไปพลภัทรจะทำอะไรก็ไม่อาจจินตนาการได้

"เดี๋ยวกูก็ต่อยเข้าอีกทีหรอก" ชยางกูรดึงบ่าเล็กมาล็อคใกล้ๆแล้วจับคางให้ใบหน้าบอบช้ำเงยขึ้น

"ปากแตก... ต้องประคบด้วย ไม่งั้นพรุ่งนี้หน้าบวมไปโรงเรียนแหง" ปลายนิ้วสากไล้เบาๆตามแนวแดงบนแก้ม

"ไปประคบน้ำแข็งก่อน ค่อยมาทะเลาะกันต่อ" ชายหนุ่มมองหาตู้เย็นเล็กในห้องนอนแบบที่ห้องเขามี แต่ก็ไม่พบ

"ตู้เย็นไปไหนวะปัน"

"ไม่ มี บอกให้ออกไปไง จะต่อยกูก็ต่อยดิ ไม่มีใครสนอยู่แล้วว่ากูจะเป็นยังไง ห่า" เด็กหนุ่มดันตัวเองออกจากคนที่ยึดเอาไว้แล้วพูดเสียงกร้าวไม่สนใจต่อคำอ่อน โยนที่ชยางกูรพูดออกมา

...เพราะมันไม่มีเหตุผลที่จะต้องดีกัน

...ในเมื่อพ่อก็ไม่เห็นดีด้วยอยู่ดี

"ก็กูสนอยู่นี่ไงเล่า ค่อยดื้อได้ปะ หาน้ำแข็งมาประคบก่อน" ชยางกูรพูดเสียงดังไม่แพ้กัน

"มึงเป็นน้องกูนะปัน จะไม่ให้เป็นห่วงได้ไง"

"มึงไม่ใช่พี่กู!!"

เพราะ เขากับชยางกูรไม่ได้มีสายเลือดทางใดเกี่ยวพันกันเลยสักนิดเดียว ยิ่งถูกทำร้ายมาแบบนี้ ปัณวิทย์ยิ่งไม่คิดว่าจะต้องญาติดีด้วยเพราะมีแต่จะทำให้เขาเดือดร้อน

แค่นี้พลภัทรก็ไม่มองหน้าเขาแล้ว ถ้ายังดื้อด้าน ครั้งต่อไปคงไม่หยุดแค่ตบหน้า

"งั้น มึงจะอยู่คนเดียวกับไอ้กระต่ายบ้าสองตัวนั่นก็เชิญ!!" เหมือนฟางเส้นสุดท้ายขาดลง ชยางกูรตะคอกใส่ใบหน้าเปื้อนน้ำตาของปัณวิทย์แล้วผลักไหล่อีกฝ่ายจนตัวเซ

"กูเกลียดมึงตอนนี้มากเลยรู้ป่ะปัน แม่งเหมือนหมาบ้า..."

"กูก็ไม่ได้ขอให้มึงรัก!!!" คำพูดประชดราวกับต้องการจะเอาชนะตวาดกลับอย่างไม่ยอมแพ้ทั้งที่น้ำตายังไม่หยุดไหล

"แม่ง เอ๊ย!......." ชยางกูรขบกรามแน่นพยายามระงับอารมณ์ที่ประทุเขาผละจากร่างเพรียวไปหากระต่าย สองตัวที่ซุกหลบอยู่ข้างเบาๆแล้วอุ้มมันขึ้นมากอด

"มึงสงบสติอารมณ์ไปก่อน กูรับฝากอาหารสำรองไว้ให้ เดี๋ยวมันตกใจ" พูดจบร่างสูงก็อุ้มฟูและฝุ่นเดินดุ่มๆจะออกนอกห้องไป

"เฮ้ย!! ไอ้ห่าฝรั่ง มึงเอากระต่ายกูคืนมา!!" ถึงจะตะโกนไล่หลังไปเท่าไหร่ ประตูห้องก็ไม่เปิดออกอีกครั้ง ปัณวิทย์เหวี่ยงอารมณ์ลงกับหนังสือและของมากมายที่วางอยู่รกสายตา ถ้าไปโวยวายเอาคืนจากหน้าห้องมีแต่จะกลายเป็นฝ่ายผิดหากพลภัทรมาเห็นเข้า

...ทำอย่างไรก็ไม่มีอะไรดีขึ้น...

...มีแต่ต้องอยู่คนเดียว...

...ไม่ก็ตายไปเท่านั้น...

...จะได้ลืมความเจ็บปวดทรมานพวกนี้ได้...



//////////////////////



...เช้าแล้ว...

แสง แดดที่ส่องออกมาจากหน้าต่างที่รับแดดเต็มๆในตอนเช้าแยงเข้าในตาของคนที่ กำลังหลับอยู่ ชยางกูรพลิกตัวก็แล้ว เอาหมอนปิดหน้าก็แล้ว เขาก็ยังนอนต่อไม่ได้ ชายหนุ่มเลยลุกขึ้นนั่งบนเตียง

"เฮ้ย!!" ก้อนกลมๆขนนุ่มที่ขดอยู่ใกล้ๆเท้าสะดุ้งเฮือก เงยหน้ามองคนที่เพิ่งตื่น

"โห่ ฟูฝุ่น ตกใจหมด" ชายหนุ่มเอื้อมมือไปอุ้มมาวางบนอกแล้วลูบเบาๆ

เมื่อ วาน...หลังจากทะเลาะกับปัณวิทย์ เขาก็พาเจ้าสองตัวนี้มานอนที่ห้อง อารามโมโหที่อยู่ๆก็ถูกด่าทำให้เขาไม่ออกไปหาอีกเลย จนถึงตอนนี้...เก้าโมงแล้ว

...ไม่รู้เป็นไงบ้าง...

ยังดีที่เขาเองสามารถเข้างานสายหรือโดดงานได้...เลยไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา

ชาย หนุ่มหยิบโทรศัพท์ข้างตัวขึ้นมากดเข้า โปรแกรมFacebook เพื่อเช็คข่าวและความเคลื่อนไหวของเพื่อนๆเป็นประจำ แต่วันนี้...สเตตัสของน้องชายต่างสายเลือดที่เพิ่งโพสท์เมื่อชั่วโมงที่แล้ว ว่า "ไม่สบาย...จดงานให้ด้วย" ทำให้อดเป็นห่วงไม่ได้

...หรือเมื่อวานจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า...

ชยางกูรลุกขึ้นวางกระต่ายตัวเล็กบนเตียงแล้วเดินเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันลวกๆก่อนจะเดินกลับมาอุ้มแล้วออกไปยืนหน้าห้องเจ้าของมัน

"ปัน...เปิดให้ฉันหน่อย"

".... บอกว่าไม่ให้มาไง..." คนที่เพิ่งลุกมาอาบน้ำตะโกนบอกกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังนัก

"เปิดหน่อย ขอเข้าไปคุยก่อน ไม่งั้นจะโยนอาหารสำรองนะ" ชยางกูรพูดขู่แล้วเคาะซ้ำอีก

เพียงเท่านั้น ประตูก็เปิดออกพร้อมกับใบหน้าที่โชว์แก้มบวมเป่ง

"เอากระต่ายคืนมา"

ใบหน้าซีกหนึ่งยังคงบวมเป่ง ยังไม่นับตาแดงๆและเสียงอ่อนแห้ง... ไม่สบายแหง

ชยางกูรสอดตัวเดินเข้าในห้องอย่างคนเอาแต่ใจ เขาเดินไปนั่นที่โต๊ะอ่านหนังสือแล้ววางเจ้าสองตัวเบาๆ

"ไม่สบายเหรอปัน เห็นอัพสเตตัสอยู่..."

"หน้ายังงี้จะให้ไปได้ไงวะ" คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน

"ตัวร้อนป่ะ" มือใหญ่ถือวิสาสะแตะลงบนหน้าผากทันทีที่ถาม ก่อนจะเลื่อนลงมาจับที่แก้มบวมๆเบามือ

"นิดหน่อย ก็บอกให้ประคบน้ำแข็งจะได้ไม่บวม...ใช้ไม่ได้เลยนะปล่อยให้กระต่ายเป็นห่วงเนี่ย"

เด็กหนุ่มที่โวยวายจนถูกเรียกว่าหมาบ้าเมื่อคืนกลายเป็นอีกคนด้วยท่าทีที่สงบลง

"... ห่วงเหรอครับ ฟูกับฝุ่น" ปัณวิทย์หันไปหากระต่ายสองตัวที่ดุ๊กดิ๊กไปมา

"คนก็เป็นห่วง" เมื่อเห็นท่าทีที่อ่อนลง ชยางกูรเลยลูบหัวคนตรงหน้าเบาๆ

"ได้กินยาหรือยัง มียาทาไหม พวกแก้ฟกช้ำน่ะ"

"ไม่มี..." เขาเหลือบมองหน้าอีกฝ่ายแล้วพูดออกมาเสียงต่ำ

"..... ไปได้แล้ว... เขาไม่อยากเห็นฉันอยู่กับนาย..."

"เหตุผล แค่นี้เนี่ยนะ ตลกแล้วคุณพ่อเนี่ย ฉันจะคุยกับนายเลยไม่ได้หรือไงวะ" ชยางกูรหงุดหงิดแทน นัยน์ตาสีฟ้าใสมองสบตรงๆกับดวงตาบอบช้ำของปัณวิทย์

"ที่ห้องฉันไม่มียาทา แต่แก้ปวดมี..งั้นเดี๋ยวให้คนเอามาให้นายแล้วกัน"

"ไม่เอา!! ถ้าเขารู้ฉันก็ซวย บอกว่าอย่าก็อย่า... นายทำอะไรเขาก็ว่าดีหมดนั่นแหละ ไปดิวะ"

"เฮ้ย! เลิกโวยวายซะทีเหอะ ทำไปแล้วอะไรดีขึ้นหรือไงไอ้งี่เง่า" ร่างสูงบ่นอุบอิบ หากแต่นัยน์ตาสีสวยกลับยังทอแสงอ่อนโยน

"ก็ อย่าให้เขารู้ไง ชีวิตเป็นของนายนะ จะต้องเชื่อฟังคนอื่นตลอดไปหรือไง...หรือว่านายไม่ชอบอยู่กับฉัน อย่าโกหกนะปัน" ชยางกูรพูดอย่างรู้ทัน

"แล้วไอ้เนี่ย ช่วยได้ไหมล่ะ" เด็กหนุ่มชี้ที่แก้มของตัวเองแล้วเรียกร้องคล้ายกับเด็กเล็กๆ

"เดี๋ยวนวดให้ก็ได้ เด็กเอ๊ย" ชยางกูรดึงร่างเพรียวเข้ามาใกล้แล้วก้มหน้าสำรวจรอยบวม ลมหายใจแผ่วๆถูกเป่ารดผิวแก้มพร้อมรอยยิ้มจาง

..หายเร็วๆนะ...

"...เป่าให้แล้ว เหลือกินยากับทายาก็หาย จะไปซื้อยาให้ อยากกินอะไรป่ะ"

"ไม่อยากเคี้ยว เจ็บ..." ปัณวิทย์เอ่ยตอบเสียงขุ่นอย่างเอาแต่ใจ แก้มสีขาวเป็นสีเข้มขึ้นเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายทำเช่นนั้น

"โจ๊กไง ไม่ต้องเคี้ยว เดี๋ยวให้ทำโจ๊กเด็กงอแงเอาแต่ใจให้ ดีไหม?" ...แถมยังขี้โวยวายด้วย

เพราะรู้สึกเอ็นดูหมือนน้องแท้ๆ... จึงไม่อยากให้ปัณวิทย์ต้องอยู่เพียงคนเดียวเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว

"อือ ใส่ไข่ด้วย" เขายังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบตา แต่กลับเอ่ยขอเอาแต่ใจ

"เออ"

...ได้ใจนะ ได้ใจใหญ่...

...นี่เห็นว่าป่วยอยู่หรอก จะยอมใจดีด้วยก็ได้....








To Be Continued.....
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 6 [16/05/12] ตอนใหม่จ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tiamo_jamsai ที่ 16-05-2012 21:38:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 6 [16/05/12] ตอนใหม่จ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Yuthaiz2 ที่ 16-05-2012 21:57:51
ปันน่าสงสารอ่ะ โฮฮฮฮ
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 6 [16/05/12] ตอนใหม่จ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 16-05-2012 22:48:27
 ร้องไห้โหเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 6 [16/05/12] ตอนใหม่จ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 18-05-2012 00:53:10
พี่ชายน้องชายดูแลกันแบบนี้ อบอุ่นดี
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 6 [16/05/12] ตอนใหม่จ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 18-05-2012 01:31:53
โหยย
คุณพ่อ ถ้าจะเลี้ยงไว้แล้วดูถูกดูแคลนกันขนาดนี้

อย่าเลยครับ
สงสารฟร่ะ!! *อิน*
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 6 [16/05/12] ตอนใหม่จ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 18-05-2012 03:06:47
สงสารปันอ่ะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 7 [20/05/12] ตอนใหม่จ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 20-05-2012 12:21:44

Kagehana : พี่ชายเค้ากำลังง้อน้องเค้าล่ะ ฮิฮิ




-7-




“เอ้า ลุกมากินได้แล้ว”

หลัง จากกลับจากไปซื้อบรรดายาและโจ๊กอุ่นๆสองถุงพร้อมหมูย่างแล้ว ชยางกูรยังเหลือเวลาพอที่จะซื้อเค้กของโปรดจากร้านประจำมาไว้ด้วย ชายหนุ่มประคองถ้วยโจ๊กของตัวเองและปัณวิทย์มายืนใกล้เตียงแล้วใช้เท้าเขี่ย ไอ้ก้อนกลมๆที่ฟอร์มแกล้งหลับ

“ใส่ไข่ไม่ใส่ผัก... ฟูฝุ่นมากินเร็ว” เสียงทุ้มแกล้งเรียกกระต่ายทั้งสองตัวที่กลิ้งเล่นอยู่บนพื้น

“เฮ้ย! กินไม่ได้ เดี๋ยวท้องเสีย!!” ปัณวิทย์รีบโวยขึ้นมาทันที

“กระต่ายไม่กินคนก็ลุกมากินเร็ว” ชยางกูรวางชามบนเตียงแล้วเดินไปลากโต๊ะมาไว้ข้างๆพร่อมกับเอาชามทั้งสองอันตั้งบนนั้น

“กินเสร็จกินยาอาบน้ำทายานอน... โอเค้”

“อาบไปแล้ว... ไม่ต้องพูดมากเลย” เด็กหนุ่มบ่นว่าพลางตักโจ๊กเข้าปากทีละคำด้วยความหิวโหย

“ขอบคุณยัง...ไปซื้อมาให้เนี่ย” คนเป็นพี่ทวงคำขอบคุณหน้าตาเฉย ทั้งที่ตัวเองออกไปซื้อ...และเข้ามาวุ่นวายเองแท้ๆ

“ว่าไงครับคุณน้องปัน”

“อือ ขอบคุณครับ” ถึงจะพูดเพราะแต่ปัณวิทย์ก็ทำท่าเฉยๆแล้วรีบตักโจ๊กต่อ

เป็น ชยางกูรเองที่ยิ้มไปกับคำพูดนั้น เขายกช้อนขึ้นคนโจ๊กในจานตัวเองแล้วตักเข้าปาก และเพราะพื้นที่โต๊ะมันเล็ก ไหล่ถึงต้องเบียดกันแทบตลอดเวลา อุณหภูมิอุ่นๆของร่างกายปัณวิทย์ทำให้เขารู้สึกดีไม่หยอก

“จริงๆมีเค้กนะ แต่เอาไว้กินเองยั่วคนปากเจ็บ” เขาพูดขึ้นเมื่อกินโจ๊กสลับหมูย่างไปได้ครึ่งชาม

“กินด้วยดิเฮ้ย! ไม่เป็นไร” ถ้าเป็นเค้กที่ชอบก็อยากจะทำลืมเรื่องเจ็บไปก่อนเลย

“จะกิน”

“น้อยๆหน่อย กินข้าวให้หมดก่อนเหอะ” ท่าทางเหมือนเด็กๆเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ

ชยางกูรกินโจ๊กช้าๆ แกล้งถ่วงเวลาคนรอกินเค้ก จนเมื่อสายตาเขียวๆมองมาเป็นรอบที่ห้าเขาถึงลุกไปเอาเค้กที่ซ่อนไว้มา

“อ่ะ...บลูเบอรี่ชีสพาย ของโปรดนาย” ชายหนุ่มยื่นให้แต่พออีกฝ่ายเอื้อมมารับกลับดึงออกห่าง

“จะดีกันได้หรือยัง ปัน”

“............ ถ้าเขารู้... ฉันก็โดนอีก......” เด็กหนุ่มนิ่งไปก่อนจะเอ่ยตอบเสียงแผ่ว

“ไม่เป็นไร ฉันเป็นพี่นายนะ” นัยน์ตาสีฟ้าราวกับท้องฟ้าสดใสทอดมองอ่อนโยน

“กับอีแค่น้องชายคนเดียว...ยังไงก็ต้องช่วยปกป้องกันล่ะนะ”

“...............” ปัณวิทย์ยื่นมือไปรอรับขนมของตัวเองพลางจ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง

“... ดีกัน....”

“เห็นแก่กินนะเรา” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่มือใหญ่กลับยื่นส่งให้แต่โดยดี

นัยน์ตาสีเข้มพราวของปัณวิทย์ที่มองมาทำให้รู้สึกแปลกๆในหัวใจ เหมือนกับก้นตะกอนที่ถูกกวนขึ้นมาพรางอะไรบางอย่างให้พร่ามัว

...เป็นน้องชาย ไม่ใช่สเปค ชอบทำให้โมโห...

แต่บางอย่างที่โผล่พ้นความพร่ามัวนั้น... มันชวนให้ขัดแย้งเหลือเกิน...

“ก็อร่อย...” เด็กหนุ่มทำเสียงขุ่นพลางค่อยๆเคี้ยวแป้งพายกรอบก่อนจะยิ้มน้อยๆอย่างมีความสุข

“แหงอยู่แล้ว จะกินทั้งทีก็ต้องของอร่อยสิ” ชยางกูรแทรกขึ้นมาแล้วลงไปนั่งข้างๆเหมือนตอนแรก

“คำนึงดิ”

ปัณวิทย์อดไม่ได้ที่จะค้อนให้ทีหนึ่ง ก่อนจะยื่นถาดพายใบเล็กให้

“อะ”

“ป้อนดิ่” ชยางกูรหัวเราะทันทีที่เห็นอีกฝ่ายหันขวับมามอง

“ล้อเล่นน่า” เขาเอาช้อนตักเข้าปากแล้วดันคืน

“รีบๆกิน จะได้ทายานอน”

“ทำไมต้องทายานอน ไม่ใช่เด็กแล้วนะเว้ยครับ” เขารีบท้วงพลางตักพายเข้าปากอีกคำแล้วเคี้ยวช้าๆเช่นเดิม

“โตแล้ว ไม่ต้องนอน ไม่ได้มีไข้”

“งั้นอยากทำอะไรล่ะ หน้าบวมขนาดนี้” ถุงยาแก้ฟกช้ำถูกแกะออกมาพร้อมๆกับยาเม็ดแก้ปวด

“อ่ะ กินยาก่อน อย่าบอกนะว่ายาเม็ดกินไม่ได้”

“กินได้!! เห็นกูเป็นอะไรครับ” คิ้วยิ่งขมวดเข้าหากันเมื่อถูกถามเหมือนเป็นเด็กประถม

“เด็กประถม...ละมั้ง ก็ทั้งงอแงงี่เง่าเอาแต่ใจ ไม่ได้ดั่งใจก็โวยวายฟาดหัวฟาดหางใส่คนอื่น” ชยางกูรเหน็บ...ก่อนจะพูดต่อ

“แต่พี่เดฟก็ไม่ได้เกลียดนิสัยอย่างนั้นของน้องปันปันหรอกนะครับ”

“บอกว่าไม่ให้เรียกไง!” คราวนี้คนโดนเรียกชื่อปันปันแทบจะแยกเขี้ยวใส่แถมขย้ำคอให้อีกที

“เฮ่ย-- แหย่นิดหน่อยทำแยกเขี้ยวใส่ ดุอย่างกับหมา” ชยางกูรทำเสียงดุใส่บ้าง

“ทำไม ชื่อต้องห้ามเหรอ ถึงเรียกไม่ได้น่ะ”

“............... ไม่ให้ เรียกแล้วเฮิร์ท มีไรปะ” ปัณวิทย์ทำทีเป็นเหมือนเรื่องขำมากกว่าเพื่อจะเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้

“กวนตีน” มือใหญ่เลื่อนแก้วน้ำส่งให้พร้อมกับหยิบหลอดยามาเตรียมไว้

“กินยาได้แล้วจะได้ทายา ลีลาจริงๆ”

ทำไมต้องคอยดูแลกันขนาดนี้...ถ้าใครถามเขาด้วยคำถามนี้ ชยางกูรก็จนปัญญาจะตอบ

ปัณวิทย์จิ๊ปากแต่ก็หยิบยามากินตามคำอีกฝ่าย

“กินแล้ว เอายามาดิ จะได้ทา”

“ทาเองได้หรือไง มานี่มา” เขาแกะหลอดยาออกแล้วบีบเบาๆให้เนื้อครีมติดปลายนิ้ว

“หันมาเด่ะ” ชยางกูรใช้มือที่ไม่เละครีมจับปลายคางเบาๆ

“ทำไมจะทาไม่ได้วะ” แม้จะพูดเถียงแต่ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะไม่ได้ตั้งใจเถียงด้วยเท่าไหร่นัก

“นี่ ถ้าเงียบปากอีกนิดน่ะจะจีบเลย” ชยางกูรแซวแล้วค่อยๆแต้มครีมบนผิวแก้มบวมของปัณวิทย์เบาๆ ปลายนิ้วสากไล้ช้าๆให้ตัวยาเคลือบรอยบวมไว้

“อย่าเล่นงี้เว้ย ขนลุกครับ แฟนได้ยินจะเข้าใจผิด” เขาพูดเสียงเข้มพลางปล่อยให้อีกฝ่ายทายาให้ตามสะดวก

“ถ้าฉันจีบจริงๆ อ่อนๆแบบนายไม่รอดหรอก” คนที่ทายาให้ยิ้มอวดตัวก่อนจะละมือออก

“เรียบร้อย ไปนอนไปเดี๋ยวพี่เดฟสุดหล่อตบตูดนอนให้”

“ตบตูดนอนไรวะ นั่นเด็กเล็กๆแล้วเว้ย แล้วว่าใครอ่อนวะ” เด็กหนุ่มดันหน้าอีกคนไปไกลๆเป็นการแสดงออกว่าไม่พอใจ

...และหยอกเล่นนิดหน่อย

“เอาน่าๆ ยอมรับความจริงบ้างไอ้หนู” ชยางกูรจับข้อมือไว้แล้วดึงปัณวิทย์เข้ามาจนใบหน้าเกือบจะชนกัน รอยยิ้มพราวติดบนใบหน้าเจ้าเล่ห์

“จะทำไรต่อ นอนหรือนอนหรือนอน”

“เล่นไรวะ!! ไม่นอน จะว้อทส์แอปหาแฟน” เขาว่าพลางเอื้อมตัวไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ข้างเตียง

เขา ปล่อยให้เด็กหนุ่มตรงหน้าพลิกกายไปหาโทรศัพท์แล้วนอนคว่ำเล่นอย่างสบายใจ ชยางกูรเลื่อนโต๊ะวางถาดข้าวและอื่นๆไปห่างๆก่อนจะทุ่มกายนอนลงบนเตียงบ้าง

ชาย หนุ่มหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดดู เฟสบุ๊คของเขามีคำขอเป็นเพื่อนและข้อความใหม่....ซึ่งมาจากแฟนสาวของคนที่ นอนอยู่ข้างๆ เขากดรับขอเป็นเพื่อนก่อนแล้วจึงเปิดอ่านข้อความ

ชยางกูรขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นข้อความของไอลดาที่ส่งมา...ขอเบอร์ของตนเอง

...ทั้งๆที่เป็นแฟนของปัณวิทย์เนี่ยนะ...

นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบมองเด็กหนุ่มที่นอนคว่ำกดโทรศัพท์พร้อมรอยยิ้มอยู่

“ครับ คิดถึงไอซ์ หล่อเหมือนเดิมเมื่อไหร่จะกลับไปเรียนครับ” เขาพูดใส่โทรศัพท์เพื่อส่งข้อความเสียงให้อีกคน

...แหวะ ไอ้น้ำเน่าเอ๊ย...

ชยา งกูรกดดูข้อความอีกรอบแต่ยังไม่ได้ส่งกลับ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าไอลดาตั้งใจจะทำอะไรอยู่ถึงส่งข้อความนี้มา ใช่ว่าเขาอคติเรื่องที่ตอนนั้นเด็กสาวงี่เง่าใส่ปัณวิทย์ แต่แบบนี้มันดูจะผิดวิสัยของคนที่เป็นแค่แฟนน้องชาย

...ยังไม่นับรวมสายตาในวันนั้น

“ปัน... แฟนเรียนอยู่ป่ะ ส่งข้อความไปจะฟังได้เหรอ”

“เปล่า อยู่ห้องสมุด ทำไมเหรอ” เด็กหนุ่มที่ยังนอนคว่ำถามโดยไม่หันมามองหน้าอีกคน

“เปล่า ไม่มีอะไร” คนถามเงียบเสียงไปก่อนจะค่อยๆแอบเอาโทรศัพท์ใส่กระเป่ากางเกง

“แล้วกับไอซ์ตอนนี้แฮปปี้กันดีป่ะ หายงอนเรื่องกลับก่อนยัง” ชยางกูรหยั่งเชิงถาม

“หายแล้วดิ มั้ง ก็ตอบข้อความแปลว่าหายแหละ” เขาเอื้อมวางโทรศัพท์คืนที่เดิมก่อนจะหันมาหาคนข้างๆ

“ไมเหรอ”

“เปล่า......”

...แล้วข้อความนั้น หมายความว่ายังไง...

“ถามแต่คนอื่น... ชอบพี่นัทไม่ใช่เรอะ” ปัณวิทย์แถมสายตารังเกียจมาให้ ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างทับไป

“คนนั้นน่ะชอบ แต่ท่าจะยาก... ก็สเปคแหละ แต่เข้าถึงยากขนาดนั้นก็ขี้เกียจพยายามว่ะ” ชายหนุ่มบ่นเซ็งๆแล้วกลิ้งตัวขดบนเตียง

“แต่ก็ชอบจริงๆล่ะนะ หน้าตาแบบนั้นน่ะ”

“เป็นยังไงวะ รู้สึกยังไงเหรอ...” เขาหันมามองหน้าร่างสูง

“ชอบผู้หญิง... แล้วก็ผู้ชายเหมือนกันเนี่ย แปลว่าถ้าเจอผู้หญิงหน้าตาแบบพี่นัทก็ชอบสิ”

“อืม....” คำถามตอบยากนำพาความสงสัยกรุ่นขึ้นมาในหัว

นั่นสินะ...หน้าตาแบบที่ชอบ

“ก็... บอกแล้วไงว่าเป็นไบ จริงๆก็ไม่ได้คบแค่คนหน้าตาแบบนี้หรอก แต่ชอบไง ดูว่าง่าย... ท่าทางจะสอนเรื่องอย่างว่าสนุกดี” เขาพูดกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นคนฟังอ้าปากค้างแถมดวงตากลมๆก็ยิ่งเบิกโต

“นอกจากเอาผู้ชายแล้วยังโรคจิตอีก” ปัณวิทย์เบ้ปากแล้วลุกขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียง

“อืม......... นั่นดิ... หน้าตาแบบที่ชอบ.... เหรอวะ...” เด็กหนุ่มนึกถึงแฟนสาวของตัวเองที่คบกัน หน้าตาน่ารัก รูปร่างสมส่วน ควงไปไหนก็มีแต่คนมอง แบบนั้นเรียกว่าชอบ ก็ถูกแล้ว

...หรือเปล่า

“ผู้ชายกับผู้ชายด้วยกันก็รู้สึกดีนะเว้ย ไม่เคยลองอย่ามาพูด” มือใหญ่ผลักไหล่คนที่นั่งอยู่เบาๆ

“ก็เหมือนนายชอบแฟนนายไง ถ้าไม่ใช่แบบที่ชอบก็คงไม่อยากคบด้วยหรอก”

“เหรอ มันเหมือนกันเหรอ ก็คบ... เพราะชอบ... หรือเปล่าวะ...” เขาหัวเราะออกมา

“ก็ไอซ์เข้ามา ก็คบกัน อะไรงั้น”

“อะไร...พูดเหมือนสับสน สรุปว่าเพราะชอบถึงคบหรือเพราะคบถึงชอบกันแน่” ชยางกูรมองเข้าไปในแววตา... ที่ฉายแววไม่แน่ใจ

“พูดเหมือนไม่ได้ตั้งใจคบ...”

“ไอ้ แบบนี้แหละเลิกมาหลายแล้ว การที่คบใครสักคนน่ะ... ต้องคบเพราะรัก ไม่ใช่แค่ปฏิเสธไม่ได้แล้วคบไปวันๆ เป็นฉันนะ ถ้าไม่ใช่ความรู้สึกรักจะไม่คบให้เสียเวลาเลย”

“... ก็ แก่แล้วนี่หว่า ฉันยังเด็ก ค่อยๆเรียนไปแหละวะ” เด็กหนุ่มรีบแย้งกลับ

“ยังไม่แก่เว้ย แรงดีไม่มีตก ไม่ต้องพักยกด้วย” คิ้วสีอ่อนยักขึ้นท่ามกลางรอยยิ้มขัน

“นายไม่นอนงั้นฉันนอนนะ วันนี้จะโดดงานอยู่เป็นเพื่อนแล้วกัน ขอบคุณฉันด้วยล่ะ”

“เฮ้ยไม่เอา! ถ้าเขารู้เขาต้องมาตามหาแน่ แล้วเป็นเพราะฉันอีก......” ท้ายประโยคน้ำเสียงของคนช่างโวยวายพลันอ่อนลง

แวบแรกที่เห็นใบหน้าสลดลง ส่วนลึกของหัวใจเรียกร้องให้ดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดเบาๆ

...แต่เขาก็ทำได้เพียงเอื้อมมือไปลูบหัวเท่านั้น

“ก็บอกแล้วไงว่าอย่าเป็นกังวล ตอนออกไปซื้อโจ๊กฉันโทรไปลาเรียบร้อยแล้ว... บอกว่าป่วย พ่อไม่รู้หรอกว่าฉันขลุกอยู่นี่”

“.... ถ้าว่างั้นก็ได้.... พูดแล้วชักง่วง... งั้นจะนอนมั่งแล้วนะ” ถึงปากจะพูดอย่างนั้น แต่อีกฝ่ายก็เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาอีกครั้งเพื่อจะพิมพ์ข้อ ความให้แฟนสาว

“บอกไอซ์ก่อนว่านอน จะได้ไม่งอนว่าส่งแล้วไม่ตอบ...” ปัณวิทย์เอ่ยบอกขึ้นมาลอยๆ หลังจากนั้นก็วางโทรศัพท์คืนแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาพลางหันตะแคงข้างมาหาอีกคน

“ไม่ได้อยากจ้องหน้านะเว้ย แต่มันเจ็บแก้ม....” นัยน์ตาดุๆค่อยๆปิดลงช้าๆ พร้อมกับคิ้วที่มักขมวดเข้าหากันนั้นคลายออก

“เออ หลับไปเหอะ” ชยางกูรพูดขำๆ พอเห็นอีกฝ่ายหลับจริงๆ ชายหนุ่มก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความเก่าแล้วตอบกลับไป



-ไม่ค่อยสะดวกครับน้องไอซ์ มีอะไรคุยผ่านเฟสบุ๊คก่อนดีกว่าเนอะ-



ไม่นานนัก ก็มีข้อความส่งตอบกลับมาแทบจะทันที



-ไม่เปนไรคะ คุยกันทางนี้ก่อนก้อได้ พี่เดฟเปนพี่ปันหรอค่ะ-



-ครับ เป็นญาติกัน ไอซ์ไม่มีเรียนเหรอครับ-



แม้จะขัดใจกับภาษาไทยแปลกๆของเด็กสาว แต่พอคิดว่าเป็นลักษณะของวัยรุ่นทั่วไปก็พอเข้าใจได้



-คะ ว่างอยุ่ พี่เดฟพึ่งกลับมาจากเมกาหรอค่ะ ไปทำอะไรที่นั่นมาหรอค่ะ-



หลัง จากส่งข้อความในเฟสบุคคุยกันหลายครั้ง ชยางกูรก็สรุปใจความได้ว่าสาวน้อยแฟนปัณวิทย์ต้องการจะสานต่อความสัมพันธ์ กับเขามากเกินกว่าพี่ชายของแฟน

เด็กสมัยนี้เป็นงี้เหรอวะ....

นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างมองคนที่นอนอยู่ด้วยความสงสาร..อ่อนโยนที่แฝงอยู่เจือจางจนแทบมองไม่เห็น



/////////////////////////



ทันทีที่ขึ้นรถของชยางกูร ปัณวิทย์ก็แสดงอาการหัวเสียออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“เมนส์มาหรือไงวะแม่ง...” ทั้งๆที่กลับมาเรียนแล้ว แต่ดูเหมือนแฟนสาวของเขาจะหาเรื่องทะเลาะไร้สาระจนทำให้หัวเสีย

“เป็นไรวะ หน้าเป็นตูดมาเชียว” คนขับหันมาหาแล้วยิ้มให้จางๆ

เออวุ้ย....หงุดหงิดเป็นแมวบ้าอีกแล้ว

“ก็ไอซ์อะดิ เหวี่ยงอะไรมาก็ไม่รู้ แล้วมาลงกับฉัน” หน้าตายังไงแสดงความหงุดหงิดอย่างชัดเจน

“ผู้หญิงก็งี้แหละ ใจเย็นๆน่า ไปหาไรกินแก้เครียดดีกว่า กินไรดีวันนี้” ชยางกูรยักไหล่แล้วออกรถไปทิศทางที่ตรงกันข้ามกับบ้าน

“เปปเปอร์ลันช์...” เขาตอบเสียงนิ่งแล้วทิ้งตัวพิงเบาะรถ

“เพิ่งกินไปเอง ไม่เบื่อเหรอวะ” เปปเปอร์ลันช์....ครั้งที่เท่าไหร่ของเดือนแล้วก็ไม่รู้

“ไปกินบาร์บีคิวไหม... ฉันอยาก”

“ไม่เอา ไม่อยากนั่งหน้าร้อน” เขาพูดอย่างเอาแต่ใจแล้วหันมาทำหน้าเบ้ใส่

...ไอ้เด็กเอาแต่ใจ...

“ยังกับเปปเปอร์ลันช์ไม่ร้อนงั้นแหละ” ชยางกูรบ่นเบาๆแต่ก็แปลว่ายอมลงให้แต่โดยดี

“มีการบ้านป่ะ”

“มี ง่าย... แวบเดียวก็เสร็จ” เขายักไหล่อย่างไม่สนใจ ปัณวิทย์ไม่ใช่เด็กมีปัญหาเรื่องการเรียนอยู่แล้ว

“เออ เก่งคร้าบเก่ง” ชยางกูรประชด

ใน ตอนแรกที่เห็นเกรดในสมุดรายงานผลการเรียน ทำเอาเขาอึ้งไปเล็กน้อย เกรดสวยหรูเรียงกันเป็นตับชนิดที่ว่าเขาเทียบไม่ติด... ปัณวิทย์เป็นเด็กเรียนดีและขยันสม่ำเสมอ บางคืนที่เข้ามาหาก็จะเห็นร่างเพรียวนั่งอ่านหนังสือและติดป้ายไว้บนเก้าอี้ ที่หันหลังให้ว่าห้ามรบกวน

“ปรับหน้าหน่อยๆ พาไปเลี้ยงนะไม่ได้พาไปเชือด” ตอนที่รถติด มือใหญ่เอื้อมมาบีบปากบุ่ยๆไม่เบานัก

“..... ก็มันน่าโมโหนี่หว่า.......” เด็กหนุ่มว่าพลางดึงมืออีกฝ่ายออก

“เออ เลิกก็ได้” ถึงอย่างนั้น แววตาก็ยังดูหงุดหงิดอยู่ดี

“ก็ ถ้างี่เง่านักก็เลิกซะสิ” ที่ยุส่งไม่ใช่เพราะเขารังเกียจแฟนของน้องชาย... แต่เป็นเพราะดูท่าแล้วว่ายังไงๆไอลดาก็คงไม่หยุดอยู่ที่ปัณวิทย์แน่

“ปันก็ไม่ได้ขี้เหร่... พอดูได้นิดหน่อย หาแฟนใหม่เอาง่ายกว่ามั้ง”

“.... ก็เขาไม่ได้บอก เดี๋ยวร้องไห้ดราม่าไรวุ่นวาย” คล้ายกับปัณวิทย์จะพูดไปเพราะตัดรำคาญ

“...เขาอยากให้นายสนใจมั้ง” ชยางกูรเหยียบคันเร่งให้รถแล่นไปยังเส้นทางที่ตรงไปสู่ร้านที่ปัณวิทย์อยากกิน

“ก็ลองอยู่กับเขาให้มากขึ้น ฟังมากขึ้น ...ถ้าทำได้น่ะนะ”

แต่ผู้หญิงเป็นเสียอย่างนี้...ท่าทางคงไม่ใช่ย่อย

“..... อืม เพราะช่วงหลังเลิกเรียนแล้วกลับบ้านเลยมากกว่ามั้ง... งั้น” ปัณวิทย์ลองทบทวนดูบ้างว่าช่วงที่ผ่านมา เขาแบ่งเวลาว่างของตัวเองมาใช้กับพี่ชายต่างสายเลือดคนนี้ด้วย

“เฮ้ย-- ไม่เกี่ยวกับฉันนะ” คนขับรีบท้วง

“ก็แล้วทำไมช่วงนี้เราไม่อยู่กับเพื่อนล่ะ ปกติกว่าจะกลับงี้...อาหารสำรองรอแหง็กประจำ”

“ก็กลับทานข้าวเย็นให้ทันไม่โดนว่าก็พอ” เขาตอบสั้นๆพลางเอนหน้าพิงกับเบาะรถ

“ถึงแล้วปลุก...”

“ใช้กูเลยนะครับน้องปัน” ชยางกูรบ่นเบาๆด้วยรอยยิ้ม

...เอาเหอะ....

...แค่นี้ไม่เป็นไร...






To Be Continued....
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 7 [20/05/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: lidelia ที่ 20-05-2012 19:08:24
มาติดตามด้วยคนค่ะ  :mc4:

มาต่อไวๆนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 7 [20/05/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 20-05-2012 19:47:03
น่ารักจังเลย ปันปัน รักพ่อ ที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ความรักเนอะ ห้ามกันยาก ไม่ว่ารักใหนๆ ก็เหมือน และสำคัญเท่ากัน
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 7 [20/05/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 20-05-2012 19:59:20
เรื่องนี้ไอ้คุณพ่อมันน่าตบสุด อะไรฟะเด็กไม่รู้เรื่องก็มาลงที่เด็ก ที่ตัวเองก็มีชู้ไม่เห็นจะว่าตัวเองเลย
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 7 [20/05/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 20-05-2012 20:22:19
-0-''
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 7 [20/05/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 20-05-2012 20:46:37
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 7 [20/05/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: dark-soleil ที่ 22-05-2012 22:32:25
สงสารปันๆ ส่วนยัยไอลดานั่นก็กรุณาเก็บลงกรุด้วยนะคะ เราเกลียดยัยนี่ัจัง บังอาจคิดแย่งพี่ชาย"ที่รัก"ของปันๆ่
หัวข้อ: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 8 [26/05/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 26-05-2012 21:39:28

-8-







“นี่ล่ะ ดีสุดแล้ว!” ปัณวิทย์พูดพร้อมรอยยิ้มกว้างพลางคลุกเคล้าเนื้อกับข้าวและไข่ให้เข้ากัน

“เห็นของกินล่ะอารมณ์ดี” ชยางกูรเหน็บขณะที่ใช้ช้อนกดแซลมอนและข้าวโพดลงบนกระทะร้อน

“แล้วไงล่ะ” ย้อนถามกลับด้วยรอยยิ้มยียวนพลางยดโค้กขึ้นดื่มอึกใหญ่

“ป๊าว-----” ขึ้นเสียงสูงพลางเลิกคิ้วอย่างจงใจจะล้อเลียน

ชยางกูรอาศัยจังหวะที่ปัณวิทย์เผลอ ขโมยชิมเนื้อในจานมาชิมก่อนจะยิ้มล้ออีกครั้ง

“เฮ้ย! ขโมยเนื้อโทษถึงตายนะเว้ยครับ!!” เด็กหนุ่มเอื้อมส้อมไปหมายจะขโมยเนื้อปลาแซลมอนคืนบ้าง

“งก” เจ้าของไม่รอให้อีกฝ่ายแย่ง กลับตักข้าวในจานยื่นให้เลย

“พี่เดฟใจดี ไม่งกเหมือนน้องปัน”

“ยี้ อย่าเรียกน้องปันดิวะ ขนลุก!” ไม่พูดเปล่าแต่ยิ่งทำท่าขนลุกประกอบด้วย

“ไมล่ะ ชอบเรียกนี่...สนุกดีออก” การที่ได้เห็นปฏิกิริยานี่ล่ะสนุกสุดๆแล้ว

“บอกว่าขนลุกไงวะ” คนเป็นเด็กกว่าทำคิ้วขมวดใส่จนแทบจะผูกกันเป็นโบว์

“ที่ นายเรียกฉันว่าพี่เดฟฉันยังไม่เห็นเป็นไรเลย” ข้าวคำโตถูกตักเข้าปากพลางเคี้ยวอย่างมีความสุข แซลมอนชิ้นเล็กๆเข้ากันได้ดีกับข้าวโพดร้อนๆหวานนิดๆ ยิ่งกินกับน้ำอัดลมยิ่งดีเข้าไปใหญ่

“ไปกินไอติมกันต่อไหม หรือจะกลับเลย”

“อือ อยากกินไอซ์มอนสเตอร์” คนพูดต่ออย่างเอาแต่ใจยิ้มกว้างให้แล้วตักข้าวเข้าปากบ้าง

“อือ”

มื้ออาหารแสนสะดวกผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากจ่ายเงิน ชายหนุ่มผมทองก็เดินตามอีกฝ่ายที่คุ้นเคยกับที่ทางมากกว่าไปยังร้านที่อยากกิน

-ติ๊ง-

เสียงข้อความในเฟสบุคดังขึ้น...แต่ไม่ต้องกดดูเขาก็รู้ว่าเป็นใคร

...น้องไอซ์..แฟนปัน....

“กินสตรอว์เบอร์รี่นะ” ปัณวิทย์หันมาถามความเห็นคนที่ยืนเปิดโทรศัพท์ไอโฟนดูอยู่

“เฮ้ย ถาม... สนใจกันก่อนดิ”

“เฮ้ย เอาลำไยแทน” ชยางกูรได้แต่รีบเก็บมือถือและหวังว่าจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ

...เอาจริงเหรอวะเด็กคนนั้น...

สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดและไม่มีวันจะทำตลอดชีวิตคือการนอกใจ...แต่ไอลดากำลังทำให้เขานึกถึงมัน

...มันไม่ใช่...

“งั้นใส่สตรอว์กับลำไย... เคปะ” แม้จะถามว่าโอเคหรือเปล่า แต่เด็กหนุ่มก็หันไปสั่งเองโดยไม่รอคำยืนยันจากอีกคนแม้แต่น้อย

ชยางกูรยิ้มขำกับท่าทางเอาแต่ใจ...และพยายามเหมือนจะเอาใจเขา จริงๆก็น่ารักไม่หยอกหรอก แต่ติดที่ชอบทำตัวเหมือนดื้อด้านไปนิด

...ไม่งั้นคงน่ารักกว่านี้...

นัยน์ตาสีฟ้าใสมองไปยังแผ่นหลังของเด็กที่ยังไม่โตเต็มที่ในชุดนักเรียน สะบักไหล่ได้รูปที่เห็นลางๆผ่านผ้าเนื้อบางดูเซ็กซี่ไม่น้อย

...แต่ไม่ใชสเปค...

“อะ ได้แล้ว” เขายื่นช้อนพลาสติกให้อีกคนแล้วเดินไปหาโต๊ะนั่ง

“ปันกินก่อนนะ”

“ห้ามแย่งลำไย!” คนเป็นพี่ทำตัวเป็นเด็กด้วยการร้องแย่งพร้อมรอยยิ้ม

รส หวานๆหอมๆของน้ำหวานเข้ากันได้ดีกับผลไม้ที่อยู่บนหน้า ยิ่งไปกว่านั้น...แม้จะรู้สึกแปลกๆกับการที่ต้องตักถ้วยเดียวกันกับคนที่ไม่ ใช่คนรัก

...แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดี...

“......เปรี้ยว...สตรอว์เบอร์รี่...”

“อะไร อร่อยออก กินไม่เป็นอะดิ” ปัณวิทย์ว่าพลางตักกินตักกินไม่สนใจอีกฝ่าย เด็กหนุ่มไม่ได้ชื่นชอบลำไยอยู่แล้วจึงไม่คิดแย่ง

...น่าแปลกที่บางทีก็รู้สึกว่า อยู่กับชยางกูรทำให้เขารู้สึกสบายใจมากกว่าเวลาอยู่กับไอลดา

แต่มันก็ไม่เหมือนกัน

“ไม่ชอบที่มันเปรี้ยว...กลิ่นก็หอมอยู่หรอกแต่ทำไมต้องเปรี้ยวขนาดนั้นก็ไม่รู้” ชยางกูรบ่น

“ปันต่างหาก เด็กผู้ชายชอบกินสตรอว์เบอร์รี่แม่งโคตรแมนเลย”

“ไรวะ ผู้ชายยังใส่สีชมพูได้เลย” นัยน์ตาเรียวหรี่มองอย่างขัดใจแล้วตัดสินใจขโมยลำไยเข้าปากตัวเองเฉย

“อ่าวๆ ลำไยของฉันนะเว้ย อย่ามั่ว” ไอ้คนที่ลอยหน้าลอยตาอมช้อนแถมยังยักคิ้วเย้ยให้นี่น่าซัดสักที

“คนสุดท้ายที่แย่งฉันกินเนี่ย...โดนจูบกลางโต๊ะเลยนะ”

เด็กหนุ่มรีบถอยตัวไปแล้วมีสีหน้าตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

“อย่ามาบ้านะเว้ย นี่เมืองไทย”

“ถ้า ตอนนี้อยู่เมืองนอกกันทำได้เหรอ...” ชยางกูรลากเสียงยาว ไอ้อาการขี้ตกใจนี่แหละ..ที่เขาชอบ ใบหน้าขาวจะเปลี่ยนเป็นแดงจัดแล้วเอนหนีไปเล็กน้อย น่ารุกไล่แกล้งต่อที่สุด

“ได้ แต่ไม่ให้ทำเว้ย กูเป็นผู้ชายครับไอ้พี่เดฟ” เขายืนยันเสียงแข็งแถมแยกเขี้ยวใส่เหมือนกับแมวที่กำลังขู่แล้วพองขนจนฟู

“ตอน นั้นที่จูบก็ผู้ชาย แต่น่ารักกว่าเด็กดื้อแถวนี้เยอะ” ชยางกูรยื่นหน้าเข้าไปใกล้ลูกแมวที่พยายามแยกเขี้ยวพองขนก่อนจะหลุดหัวเราะ ออกมา

“ล้อเล่นน่า--- ฉันไม่เอานายหรอก”

“อ... ก็เออดิ!” แม้จะรู้สึกแปลกๆไปกับคำพูดของอีกฝ่าย แต่เขาก็รีบผลักชยางกูรออกไปทันที

“ฉันอยู่กับนายนี่...สักวันต้องน่วมแหงๆ” เจ้าของเสียงทุ้มพูดอีกแล้วตักลำไยเข้าปาก

ความอบอุ่นที่ถูกเติมเต็มด้วยวิธีง่ายๆ...และสัมผัสได้จริง

...ไม่ใช่สักแต่ว่าให้ โดยไร้ความรู้สึก...



////////////////////////////////////////////////////////



“สงสัยแม่งได้เลิกกันแหงเลย” เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน

“โหยย ไรวะ ฟันแล้วทิ้งเหรอมึง” อาธิปตบไหล่คนที่ถอนหายใจ ก่อนจะโดนศิวะตบหัวต่อฐานล้อเล่นไม่ดูสถานการณ์

“เป็นไรวะไอ้ปัน ทะเลาะกับไอซ์อีกแล้วเหรอวะ” เด็กหนุ่มร่างสูงเจ้าของตำแหน่งนักกีฬาตัวจริงบาสเกตบอลเดินมานั่งข้างๆ

“กูเปล่าทะเลาะ เค้ามาทะเลาะกับกู เอะอะก็ว่ากูผิดหมดอะสัด” ปัณวิทย์ยังแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยแม้แต่น้อยออกมาชัดเจน

“กูว่าช่วงนี้ไอซ์ก็งี่เง่าเกิน เหมือนหาเรื่องทะเลาะกับมึงตลอดอ่ะ” ศิวะพูดต่อแล้วถอนหายใจหนัก

“ตอนแรกกูว่าจะไม่สนเพราะเป็นเรื่องของพวกมึง...แต่กูว่าไอซ์เปลี่ยนไปว่ะ พวกมึงมีอะไรกันป่ะวะ”

“ไม่มี กูไม่เคยเหอะ ตามใจตลอดอะ” เด็กหนุ่มเอนศีรษะพิงกับพนักเก้าอี้แล้วหลับตาลง

เด็กหนุ่มที่นั่งข้างๆจับไหล่เบาๆอย่างเข้าใจ กระทั่งอาธิปที่มักจะหยอกล้อยังเงียบเสียง...ได้แต่จ้องตากับศิวะ

“ไอซ์มีคนอื่นเปล่าวะ”...แต่สุดท้ายอาธิปก็หลุดสิ่งที่คิดอยู่ในหัวมาจนได้

“ไม่ รู้ว่ะ ไม่อยากคบแล้วก็บอกมาดิวะ จะทู่ซี้คบทำไมสัด” เด็กหนุ่มไม่ไว้หน้าด้วยซ้ำว่าจะต้องระวังคำพูดกับคนที่ยังเรียกว่าเป็นแฟน อยู่

“เหยยย มึงใจเย็นๆสิวะปัน ก็แล้วทำไมมึงไม่ขอเลิกก่อนวะ จะได้ไม่ต้องมานั่งหงุดหงิดอย่างงี้”

“ก็เดี๋ยวแม่งมาร้องไห้ดราม่าใส่กูอีก” เขาตอบต่อด้วยน้ำเสียงที่ติดว่ารำคาญ

“อ้าว ไอ้สัด แล้วมึงจะคาราคาซังอย่างงี้เนี่ยนะ กูถามจริงเหอะ ถ้าเค้ามีคนใหม่จริงๆแล้วมึงยังเฉยขนาดนี้ได้ มึงรักเค้าเปล่าวะ” อาตี๋หนุ่มที่คันปากยิบๆอยู่นานได้ที่แรกเข้ากลางวง

“ไม มึงจะเสียบเหรอวะไอ้อัฐ”

“ห่า กูไม่แย่งแฟนเพื่อนเว้ย”

“มึงพูดเหมือนพี่กูเลยห่า เออ ก็คงงั้นแหละ แม่งวีนยังงั้น คบกันต่อไปกูตายก่อน” ปัณวิทย์ว่าพลางถอนหายใจออกมาอีกที

“เดี๋ยวดูๆไปอีกนิดก็แล้วกัน ถ้าแม่งไม่ดีขึ้นกูจะเลิก มึงอยู่ข้างกูนะเว้ย”

“ห่า ทำตัวเป็นเด็กเรียกร้องความสนใจนะมึง” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่รอยยิ้มของเพื่อนก็ยังบอกว่าอยู่ข้างใคร

“เออ รอมึงอกหักร้องไห้กระซิกกระซี้ก่อน อกแมนๆของพี่อัสซี่รอให้มึงซบเสมอ”

“ถุย อกแมนๆ” คำพูดกับสีหน้ายิ้มขำของปัณวิทย์ดูขัดกันแต่ศิวะกับอาธิปก็เข้าใจดีค่าที่เป็นเพื่อนกันมาตลอด

“เออ กูมาซบแน่”

“เฮ้ย..ไอ้ปัน..” เสียงของศิวะดังขึ้นเรียกให้เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง

“....เมียมึงมาว่ะ”

“.... ว่าไงไอซ์” ปัณวิทย์ปั้นรอยยิ้มทักทาย

“ไอซ์มีเรื่องจะคุยกับปัน...ขอคุยแค่สองคนนะ” เด็กสาวเสยผมไปด้านหลังแล้วเหยียดยิ้ม ไม่หลงเหลือความอ่อนหวานที่เคยมีให้

“พวกมึงไปก่อน” เขายกมือไล่พลางมองรอยยิ้มที่มองมา

...ไม่น่ารักเลย

“เรื่องอะไร”

เด็ก สาวเดินมานั่งข้างๆ ขาเรียวยาวยกไขว่ห้างแต่ไม่มีท่าทีจะกอดกระแซะแบบเมื่อก่อน ไอลดากอดอกแล้วมองหน้าปัณวิทย์ด้วยดวงตาสีเทากลมโตของบิ๊กอาย

“ถ้า เราจะเป็นอย่างงี้กันต่อไป ไอซ์ว่าเราเลิกกันเหอะ ปันไม่สนใจไอซ์เหมือนเมื่อก่อนเลย” แม้ถ้อยคำจะดูคล้ายตัดพ้อ แต่น้ำเสียงดูไร้เยื่อใยของคนรักแล้ว

“ไอซ์เบื่อ”

“อย่ามาอ้างเลย ไอซ์แหละที่เปลี่ยนไป” ปัณวิทย์ลุกขึ้นยืนแล้วจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชาไม่แพ้กัน

“อยากเลิกก็เลิก แต่ไม่ต้องมาพูดว่าปันผิด”

“ก็ ทำไมล่ะ ก็ไอซ์เบื่อปัน เบื่อเด็กๆแบบปันแล้ว ใช่ ไอซ์อยากเลิกกัน และไอซ์จะเป็นฝ่ายบอกเลิกก่อนด้วย” เด็กสาวเชิดหน้าขึ้นสูง ดวงตาสวยเฉี่ยวกรีดมองแล้วสะบัดหน้าหันหลังให้

“เลิกกันนะปัน ไอซ์เซ็งเต็มทนแล้วกับเด็กอย่างปัน!”

...ผิดที่กูอีก...

...ทำไมอะไรๆแม่งก็กูวะ...

ปัณวิทย์ไม่ได้โต้ตอบอะไร เขามองหน้าเด็กสาวที่ตัวเองเคยคิดว่าน่ารักนิ่ง... นาน

“อือ อะไรก็ช่าง” เด็กหนุ่มเดินผ่านไปปล่อยไอลดาไว้ที่เดิม

ไอลดามองอดีตคนรักที่เดินจากไปก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูข้อความของใครบางคน

...เป้าหมายครั้งต่อไปของเธอ...



//////////////////////



“อะไร วะครับไอ้พี่เดฟ จะเอาบลูเบอร์รี่ชีสพายครับ” ปัณวิทย์เปิดประตูบ้านเข้ามาแล้วมุ่งหน้าไปทางลิฟท์ หมายจะขึ้นไปหาเจ้าฟูกับฝุ่นให้อารมณ์ตัวเองดีขึ้น

-อะไรวะ ยังไม่เลิกงานเลย เดี๋ยวค่อยไปซื้อน่า แล้วนี่อยู่ไหนเนี่ยให้ไปรับป่ะ -

“ไม่ ต้อง ถึงบ้านแล้ว งั้นรอข้างบนนะ” เขาถอดรองเท้าผ้าใบสีดำของตัวเองออกก่อนจะก้าวขึ้นบันไดไป มือเอื้อมหยิบกุญแจห้องในกระเป๋าพลางเอ่ยขอสตรอว์เบอร์รี่สดเพิ่มจากปลายสาย

“คุยกับใคร ปัณวิทย์” เสียงเข้มดังจากด้านบนก่อนที่พลภัทรจะก้าวลงมาจากบันได

ใบหน้าบึ้งตึงไร้รอยยิ้มอันใด เฉกเช่นเดียวกับนัยน์ตาที่มองด้วยความเกลียดชัง

-ใครอ่ะปัน คุณพ่อเหรอ-

“... กับ... เพื่อนครับ เฮ้ย แค่นี้ก่อนนะ” ปัณวิทย์โกหกไป และไม่รอที่จะฟังคำตอบ เขารีบกดตัดสายก่อนจะมองสายตาของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเจ็บปวด

...ปันทำให้พ่อเกลียดตรงไหน...

“ฉันไม่ยักรู้ว่าแกมีเพื่อน...ชื่อเดฟ” ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหาแล้วแค่นหัวเราะ

“โกหก โง่ๆ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามายุ่งกับลูกของฉันอีก! ตามมาที่ห้อง!” พลภัทรตะโกนใส่แล้วหันหลังเดินนำโดยไม่มองสักนิดว่าอีกฝ่ายจะตามมาหรือไม่

...ไอ้เด็กน่ารังเกียจ...

เด็กหนุ่มได้แต่นึกก่นด่าพี่ชายต่างสายเลือดที่ยังไม่กลับมาขณะเดินตามหลังชายที่เคยเรียกว่าพ่อ

...ซวยอีกแล้ว...

...ไหนมึงบอกจะไม่เป็นไร...

เขาเอื้อมปิดประตูห้องแล้วยืนเงียบรอฟังคำของพลภัทร

เหล้า ที่ถูกใช้ดื่มยามดับทุกข์ถูกเทด้วยมือสั่นๆตามแรงอารมณ์โกรธ พลภัทรตวัดตามองอดีตเด็กน้อยที่อุ้มชูในวันวานแล้วได้แต่เย้ยหยันตัวเอง

..ไอ้โง่เอ๊ย!...

“แก จะมายุ่งอะไรกับชยางกูรอีก แกหวังอะไร! สำนึกมั่งว่าแค่ฉันเลี้ยงแกที่เป็นลูกหมาที่ไหนก็ไม่รู้มาขนาดนี้ก็บุญเท่า ไหร่แล้ว สำนึกมั่งไหมปัณวิทย์!”

“... ผม... แค่คุยด้วย... ไม่ได้หวังอะไรทั้งนั้นครับ” ปัณวิทย์ตอบเสียงเรียบก่อนจะหลบสายตาอีกฝ่าย วันนี้อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ยังต้องมาเจออย่างนั้นอีก

...ไอ้พี่เฮ็งซวยจะกลับมาทันได้ที่ไหนวะ...

“แต่แกก็ยังไม่เชื่อฉัน..อย่านึกว่าฉันโง่นะ ไอ้ที่ชยางกูรไปหาแกที่ห้องหมายความว่าไง!” พลภัทรตะคอกซ้ำ

“ก็ แค่มาคุยเป็นเพื่อนผมแล้วก็เล่นกับกระต่ายครับ... คุณพลภัทร” ในอึดใจที่เกือบเรียกออกไปว่าคุณพ่อถูกยั้งไว้ได้ทัน

“เพราะ แกไปทำตัวเรียกร้องความสนใจเขาก่อนน่ะสิ! แค่ตัวเองมีปัญหาไม่พอ ยังใช้ไอ้กระต่ายบ้านั่นเป็นเครื่องมืออีก แกนี่มันเหมือนใครกัน....” พลภัทรยิ้มเยาะแล้วดื่มเหล้าจนหมดแก้ว

“เหมือนพ่อเลวๆ...หรือแม่ที่ร่านกันแน่”

...ทำไมต้องถูกว่าทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด...

...ทำไมต้องถูกบอกเลิกทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด...

...ทำไมไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น...

...คนผิดต้องเป็นปัน...

“ฟังผมก่อนสิครับ พี่เขาแค่มาคุยด้วย...”

“แกไม่มีสิทธิ์เรียกเขาว่าพี่! เขาเป็นลูกฉันและไม่ได้เกี่ยวข้องกับแก อย่าคิดเทียบเขา...ไม่งั้นบ้านนี้จะไม่มีที่ให้แกซุกหัวนอน!”

...เกลียด...

...ใบหน้าที่เหมือนผู้หญิงคนนั้น...

“....... เข้าใจ........ แล้วครับ” ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจก่อตัวขึ้นจนคล้ายกับมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอหอย ปัณวิทย์รู้สึกได้ถึงหัวตาที่ร้อนผ่าว มือที่กำจนแน่นทำให้เจ็บขึ้น แต่กลับไม่เท่าหัวใจที่รู้สึกปวดร้าว

“แต่ ถ้าคุณชยางกูรเข้ามาคุยกับผมเอง... คุณจะให้ผมทำยังไงครับ” คำพูดยอกย้อนหลุดออกไปก่อนที่จะทันได้คิดว่าไม่สมควร แต่เด็กหนุ่มก็คิดว่าไม่เป็นไร เพราะบอกไปแล้วว่าเข้าใจ

...แล้วก็ไม่ต้องยุ่งกับชยางกูรอีกเลยก็เท่านั้น

ก่อนที่พลภัทรจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป แก้วในมือก็ปลิวกระแทกใบหน้าฝ่ายตรงข้ามแล้วหล่นลงมาแตกกระจายแทบเท้าแล้ว...

-เพล้ง-

เสียงกระทบนั้นบาดลึกเข้าไปในหัวใจชายวัยกลางคน...แม้จะไม่อยากยอมรับแต่เขารู้สึกว่ามันดูจะมากเกินไป

“อย่ามายอกย้อนฉัน! เดี๋ยวนี้กล้าดียังไงมาทำน้ำเสียงแบบนั้น ไอ้เด็กเมื่อวานซืน”

มือที่ซ่อนอยู่ด้านหลังกำแน่นด้วยความรู้สึกอันสับสน และยิ่งมองขึ้นไปตรงหางคิ้วที่มีเลือดซึม..ก็ทำได้เพียงเบือนหน้าหนี

...ปัน...

“ก็ แล้วผมต้องทำยังไงคุณถึงจะพอใจ?????” น้ำตาที่หลั่งไหลออกมามีสีที่ต่างไปเพราะเลือดสีเข้มที่ลงมาปะปนด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่ปัณวิทย์ขึ้นเสียงดังใส่ เจ็บที่ถูกทำร้าย

...เจ็บจนไม่อยากทน

เด็กหนุ่มเคยคิดว่าพยายามตั้งใจเรียน เป็นเด็กดี ไม่ทำตัวให้รกหูรกตา ไม่ทำตัวให้เป็นภาระ... แค่นั้น ก็จะได้รับการยอมรับอีกครั้ง

...แต่มันเปล่าประโยชน์...

“ปัน....” พลภัทรเรียกชื่อเล่นอีกฝ่ายที่ไม่ได้เรียกมานานก่อนจะเงียบลงแล้วเบือนหน้าหนีสายตาอันเจ็บปวดของเด็กหนุ่มตรงหน้า

น้ำตา ที่ปนหยาดเลือดทำให้เขาเกือบจะใจอ่อนแล้วเข้าไปโอ๋ปลอบเหมือนคราวที่เด็กชาย ปันปันปั่นจักรยานแล้วหกล้ม... แต่เพราะสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงและความจริงที่ถูกหลอกมาถูกเปิดเผย พลภัทรจึงไม่อาจแม้แต่จะมองได้อย่างสนิทใจอีกแล้ว

“ออกไปซะ แล้วอย่าให้ฉันเห็นหน้าแกอีก...” คำสั่งที่อ่อนล้าพูดขึ้นมาด้วยเสียงไม่ดังเท่าที่ควร

“อย่าเถียงฉันอีก... ปัณวิทย์...”

เขารู้... ว่าปัณวิทย์เป็นเด็กดีและพยายามเสมอมา

เขารู้... ว่าเด็กคนนี้ทำไปเพื่ออะไร และเพื่อใคร

เขารู้... ว่าถ้อยคำที่ไม่แม้กระทั่งตัดพ้อนั้น กำลังอดทนเพื่อรอคอยการยอมรับจากใคร

...แต่เขาไม่สามารถกลับไปเป็น 'พ่อ'คนเดิม ได้อีกแล้ว...

ประตู ห้องของพลภัทรปิดลงพร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มที่วิ่งออกไป ปัณวิทย์ไม่คิดจะรอให้ลิฟท์มาด้วยซ้ำ ขาสองข้างก้าวขึ้นบันไดไปจนถึงชั้นบน เขาเปิดประตูห้องของตัวเองเข้าไปแล้วกระแทกปิดเสียงดัง

ร่าง กายทรุดลงกับพื้นห้องก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร เลือดไหลหยดลงมาที่ปลายคางก่อนจะร่วงลงพื้นห้องเป็นดวงเล็กๆ กระต่ายตัวน้อยสองตัวรีบเข้ามาหา แต่ปัณวิทย์ก็หันไปห้ามไว้

“ฟู ฝุ่น ไม่เอาครับ ฮึก... เดี๋ยวเลอะหมดนะ...”

กระต่าย สีขาวทำจมูกฟุดฟิดใส่ก่อนจะกระโดดเข้าหาแล้วเอาหัวกลมๆดันเบาๆที่ข้อเท้า เจ้านาย ส่วนตัวสีเทาที่มองอยู่ก็รีบวิ่งเข้าไปอ้อนอีกด้านเช่นเดียวกัน

“ฮึก... ไม่มีใครสนใจปันเลยนะครับ มีแต่ฟู...... กับฝุ่น... ที่จะอยู่กับปัน... ตลอดไป... เนอะครับ” ถึงจะหนีออกจากบ้านหลังนี้ไปได้ แต่จะให้หนีไปไหนกัน แล้วทำแบบนั้นไป พลภัทรจะมาตามตัวกลับไป หรือว่าปล่อยทิ้งไปเลย

...ไม่ว่าแบบไหนก็เจ็บปวดด้วยกันทั้งนั้น

เพราะตัวเขาไม่มีใครเลย

...กระทั่งคนที่บอกว่าจะดูแล ก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน...








To Be Continued.....

หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 8 [26/05/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 26-05-2012 22:06:06
แงๆๆๆ สงสารปัน
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 8 [26/05/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 26-05-2012 22:14:58
เห็นแก่ตัว
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 8 [26/05/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 26-05-2012 22:59:41
อ่านจบแล้วเซ็งมาก


ถ้าสายเลือดมันสำคัญขนาดนั้น เมิงไม่โคลนนิ่งเอาเลยว่ะคะ
รู้สึกอยากเหวี่ยงมากๆ อ่านแล้วหงุดหงิดโพ้ดๆ
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 8 [26/05/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 26-05-2012 23:07:33
สงสารปัน
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 8 [26/05/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 26-05-2012 23:10:37
งี่เง่าว่ะพลภัทร
แม่ง... อายุเท่าไรกันแน่เนี่ย ปัญญาอ่อนว่ะ
อะไรก็โทษคนอื่นถ้าตัวคุณมีน้ำยาทำให้เมียรักได้แม่งคงไม่ไปเป็นชู้กับคนอื่นหรอก
ปันปัน โชคร้ายจริงๆมีพ่อแบบนี้ เฮ้อ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 8 [26/05/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 27-05-2012 23:10:50
แง
อ่านแล้วสงสารปันปันอ่ะฮือ
หัวข้อ: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 9 NC [03/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 03-06-2012 21:13:46
kagehana : สวัสดีค่ะ ^^ แอบเอาดราม่ามาแปะเบาเบานิดนึง(?)

พ่อของน้องปันเป็นคนมีปมค่ะ แต่หลังจากนี้(อีกสักพักใหญ่...) จะมีเหตุให้นิสัยเปลี่ยนไปนิดนึง แต่ตอนนี้เกลียดกันไปได้เลยตามสบายค่ะ ฮ่าๆๆๆ










-9-




ชยางกูรแวะซื้อขนมเค้กจากร้านเจ้าประจำ ทั้งพายบลูเบอร์รี่ของโปรดเด็กงอแง และช็อตเค้กสตรอว์เบอร์รี่ที่เจ้าตัวออกปากขอเพิ่มเติม ร่างสูงก้าวออกจากลิฟท์แล้วเดินไปยังห้องปัณวิทย์เหมือนเช่นทุกวันที่จะขลุก อยู่ในห้องนี้จนกว่าจะง่วง

“ปัน...เอาเค้กมาส่งแล้ว” ชยางกูรเคาะประตูพร้อมรอยยิ้ม

เจ้าของห้องที่ยังไม่ได้ขยับลุกจากที่เดิมหันไปมองที่ประตู มือยกขึ้นเช็ดเลือดที่เลอะปลายคางออกแล้วเอ่ยตอบเสียงขุ่น

“ไม่กินแล้ว....”

“เฮ้ยไรวะ ก็เมื่อกี้ยังบอกให้ซื้อมาฝากอยู่เลย” ชยางกูรบ่นแล้วหมุนลูกบิด...ยังดีที่ไม่ได้ล็อค

...สงสัยไปหงุดหงิดอะไรมาอีกแหง

“หงุดหงิดอะไรมาอีกวะครับ คุณน้องปัน....” ปลายเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนนั่งคุดคู้อยู่ข้างประตู

“เฮ้ย..เป็นไรวะ..มานั่งทำไมตรงนี้”

“บอกให้ออกไป!! ไม่ต้องมาคุยกับกูแล้ว ไม่ต้อง ออกไป ขอร้อง ออกไปเลย!!”

แม้จะงงและหงุดหงิดกับการโดนตวาด แต่ชยางกูรก็ยังนั่งลงข้างๆแล้วแตะไหล่บางที่ลู่ลงเบาๆ

“เกิดอะไรขึ้น เล่าให้ฉันฟังสิ”

ปัณวิทย์ยกแขนขึ้นปัดมืออีกฝ่ายออก

“เขาไม่อยากให้นายเข้าห้องฉัน! ไม่อยากเห็นนายเข้ามาคลุกคลีกับฉัน! รู้แล้วก็ไปซะสิ!!!”

“ปัน!” ชยางกูรจับใบหน้ามอมแมมให้หันมาหา นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างเบิกกว้างอย่างตกใจกับรอยแผล

“ไป โดนอะไรมาน่ะ แล้วทำไมไม่ใส่ยา” ปากแผลไม่ใหญ่นักและเลือดก็หยุดไปแล้ว แต่รอยเลือกแห้งกรังที่เลอะตามแนวแก้มและเสื้อนักเรียนบ่งบอกว่าไม่ใช่แผล เล็กเท่ามดกัดแน่

“ปัน.... ใครทำ...”

พอคิดว่าปัณวิทย์โดนทำอะไรมา... ในอกก็รู้สึกปวดแปลบ....

“จะใครก็ช่าง— เขาไม่พอใจที่ฉันอยู่กับนาย เพราะงั้นก็ออกไปได้แล้ว เดี๋ยวทายาเองได้” คิ้วขมวดเข้าหากันพลางดันมืออีกฝ่ายออก

“คุณพ่อล่ะสิ...” ให้พูดอย่างนี้คงไม่มีคนอื่นแน่

“คราวนี้เขาทำเกินไป เดี๋ยวฉันจะไปพูดให้...” ชยางกูรดึงคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอดแล้วลูบไหล่และแผ่นหลังเบาๆ

แต่ปัณวิทย์กลับผลักอีกฝ่ายออก

“อย่ามากอดนะ!! ปล่อย! ถ้าเขามาเห็น.... ถ้าเขามาเห็น...” เด็กหนุ่มพร่ำพูดเหมือนกับไม่มีสติ

“เขาคิดว่าฉันร่านเหมือนแม่ เขาพูดอย่างนั้น เขาจะคิดยังไง ออกไป ออกไป! ฉันไม่รู้จักแก”

“ปัน...เดี๋ยวสิ...ปัน ปัน!!”ชยางกูรรวบมือที่ผลักไสแล้วเขย่าเด็กหนุ่มที่ไร้สติ

...น่าสงสาร...

...คงถูกพูดทำร้ายจิตใจมาอีกแล้ว...

“ไม่มีใครว่าปันนะ... ปันเป็นเด็กดี...ใจเย็นๆ”

“ปล่อย! ไม่ดี!! เข้าใจไหม เขาคิดว่ากูเป็นเกย์เหมือนมึงขึ้นมากูคงโดนเฉดหัว เข้าใจกูมั่ง ถ้ามึงเข้าใจกูก็ออกไป!!”

“ทำไม เป็นเกย์แล้วไม่ใช่คนหรือไงวะ” ชยางกูรถามกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“ทำไงได้ ในเมื่อมันชอบไปแล้ว พวกฉันผิดหรือไงวะ”

“เขาไม่ชอบ!!! ไม่เข้าใจเหรอวะ??? ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง บอกให้ออกไป!!” เด็กหนุ่มยังพยายามผลักอีกคนออกไป

“นาย สิพูดไม่รู้เรื่อง เขาไม่ได้รักนายขนาดที่ต้องแคร์จนเป็นบ้าอย่างนี้ซะหน่อย! เลิกหวังได้แล้วว่าเขาจะดีด้วย นายเห็นๆอยู่ว่าทำไปก็ไร้ค่า!!” เสียงแหบห้าวตะโกนก้องในห้องเล็ก กระต่ายตัวน้อยที่อยู่ใกล้ๆรีบวิ่งหาที่ซุกจนตัวสั่น

“แล้วก็อย่ามาดูถูกคนอื่น...จะเกย์จะไบยังไงนายก็ไม่มีสิทธิ์ว่า”

“ทำไม จะไม่มีสิทธิ์! กูยังต้องทนให้โดนด่าโดยไม่มีสิทธิ์ตอบโต้อะไรทั้งนั้น!!!” ปัณวิทย์ไม่สนใจเลยสักนิดเดียวว่าอีกฝ่ายจะตวาดมา คล้ายกับแผลที่แห้งไปเริ่มจะปริแตกออกมาอีกครั้ง

“อย่า มาเหี้ยนะปัน! มึงกำลังพูดคนละเรื่องกับกูอยู่ มึงทนไม่ไหวก็ไม่ต้องทนดิ่ หนีออกจากบ้านไปเลย แม่งไม่สนมึงหรอก!” ชยางกูรพูดซ้ำด้วยแรงอารมณ์ที่เป็นเท่าตัว

“แล้วจะ ให้กูไปไหน???? มึงพูดได้ พูดง่ายนี่!! ห่าเอ๊ย กูไม่น่ายุ่งกับมึง กูไม่ควรยุ่งกับเลยห่า ไม่ควรเลย!!! กูเหี้ย ไปสิ มายุ่งกับกูทำไม??”

“กู เป็นพี่มึงไง! มึงอย่ามาทำตัวงอแงเป็นเด็กห้าขวบเลย มึงไม่ไปเพราะไม่อยากไปต่างหาก มึงอยากจะอยู่กับคุณพ่อของน้องปันปัน...ห่าเอ๊ย! เจ็บแล้วไม่จำ”

“กู ไม่ใช่น้องมึง!! มึงกับกูไม่มีความเกี่ยวพันกันเลยสักนิดเดียว อย่ามานับพี่นับน้องกัน กูบอกให้ออกไป!!!” ปัณวิทย์ตวาดเสียงลั่น ก่อนจะรีบเงียบไปเพราะกลัวว่าพลภัทรจะมาได้ยินอีก

...คราวนี้คงไม่ใช่แค่แก้ว

“แล้ว ที่ผ่านมาล่ะ ทั้งๆที่ฉันคิดว่าแกเป็นน้อง...อย่ามาโกหกเลยปัน คนเกลียดกันทำแบบที่เราทำอย่างงี้ไม่ได้หรอก” ชยางกูรพูดเสียงเรียบ แต่แววตากลับลุกโชนด้วยความโกรธ

...เจ็บ... ในใจ...

“มัน ยิ่งกว่าพี่น้องสายเลือดเดียวกันด้วยซ้ำ ทำไมวะ! ทำตัวเป็นเด็กอ่อนแอ โดนพ่อด่าทีก็บอกเลิกคบไม่เป็นพี่น้อง แม่งงี่เง่าเกินไปหน่อยแล้ว!”

“เพราะ กูไม่มีเลือดเขาแบบมึงไงกูถึงงี่เง่า!! กูทำอะไรก็ผิด!! เขาบูชามึงก็ดีแล้ว คงสะใจน่าดูถ้ารู้ว่าลูกชายที่รักมากบูชามากแม่งก็ชอบผู้ชายด้วยกันได้!!” รอยยิ้มเยาะปรากฏขึ้นบนใบหน้าก่อนที่จะแค่นเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ

...คล้ายกับคนสมเพชตัวเอง

ปัณวิทย์ยกมือขึ้นปาดเลือดที่ไหลออกมาอีกครั้งออกลวกๆ

“กูจะไปทำแผลแล้ว มึงออกไป....”

แต่ ร่างเล็กกว่ากลับถูกยึดไว้แล้วอุ้มขึ้น โดยไม่ทันที่จะโวยวายอะไร ชยางกูรก็เหวี่ยงปัณวิทย์ลงบนเตียงพร้อมกับคร่อมเอาไว้ ท่อนแขนแข็งแรงกางกั้นปิดตายทางหนีเช่นเดียวกับแววตาดุร้ายที่จ้องสบลึก

“งั้น ลองหน่อยมั้ยล่ะ...จะได้รู้ว่าผู้ชายมันดียังไง!” ฝ่ามือหยาบหนาจับที่ส่วนอ่อนไหวที่อยู่ใต้กางเกงแล้วรูดซิปพลางสอดมือเข้าไป เคล้นคลึงเบาๆ

“มึงก็ดีแต่ด่าว่าคนอื่น! คนอย่างมึงต้องเจอกับตัวเองถึงจะสำนึก!”

หมัดลุ่นๆถูกปล่อยเข้าที่ข้างแก้มเต็มแรง

“มึงอย่ามาล้อเล่นกับกู!! บอกให้ออกไปไงห่า ไม่รู้เรื่องเหรอวะ!!”

รส ปร่าของเลือดในปากและความเจ็บยิ่งเหมือนเชื้อเพลิงที่สุมไฟให้ลุกโชน ร่างสูงใช้มือหนึ่งรวบข้อมือทั้งสองข้างแล้วกดไว้ด้วยกัน ในขณะที่อีกมือนั้นดึงสิ่งเกะกะที่อยู่เบื้องล่างให้หลุดจากปลายขา

“ใครว่าล้อเล่น...น้องปันปัน...”

“!!! อย่าเรียก บอกว่าไม่ให้เรียกไง!!! ปล่อยกู!!!” คราวนี้พอรู้ว่าจะถูกทำอะไรเข้าจริงๆ เด็กหนุ่มออกแรงทั้งเตะทั้งถีบอีกคนให้ออกไป

“แม่ง เอ๊ย!” สบถออกมาก่อนจะละมือด้านล่างขึ้นมาดึงเนคไทรอบคอตนเอง ชยางกูรคลายปมให้หลวมแล้วเอาไปกระตุกรัดข้อมือทั้งคู่แล้วใช้ปลายอีกข้างพัน กับหัวเตียงลูกกรงเหล็กบนที่นอน

พอ พันธนาการข้อมือของปัณวิทย์ได้ เสื้อนักเรียนที่ยับย่นก็ถูกเปิดออกอย่างง่ายดายแม้จะต้องคอยระวังปลายเท้า ที่ดิ้นรนอยู่บ้าง ชายหนุ่มจุดรอยยิ้มร้ายกาจบนมุมซึ่งรับกับนัยน์ตาสีสวยที่แปรเปลี่ยนเป็นมืด หม่น

“กลัวหรือยัง...ถ้ากลัวก็ขอร้องฉันซะดีกว่านะ น้องปันปัน...” ชื่อเล่นในวัยเยาว์ถูกเอามาใช้ในการเรียก..เพื่อความสะใจ

ชยา งกูรในตอนนี้เหมือนกำลังถูกผีที่มาจากความโกรธเข้าครอบงำ เขาได้แต่เพียงปล่อยให้มันชักพาตัวเองตกไปสู่ห้วงความปรารถนาอันร้อนแรงที่ ตนเองไม่เคยนึกถึงมาก่อน

...ไม่แม้กระทั่งรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาต้องการจากปัณวิทย์...

“ให้ ขอร้องคนอย่างมึงกูยอมตายสัด!!!” ปัณวิทย์ตะโกนใส่หน้าด้วยอารมณ์โมโหที่พุ่งสูง แทบจะไม่ได้คิดแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะถูกทำอะไร

“กู ไม่เอามึงถึงตายหรอกน้องปันปัน...กูจะเก็บไว้เล่นนานๆ..จะทำกับมึงให้ หายอยาก เอาจนมึงไม่มีทางปากดีได้ตลอดชีวิต....แล้วกูค่อยเขี่ยมึงทิ้ง” ถ้อยคำหยาบคายไม่ร้ายแรงเท่าฝ่ามือหนาที่จับต้นขาเรียวแยกออกแล้วสอดนิ้ว เข้าไปยังช่องทางเบื้องหลังโดยไม่เตรียมพร้อมใดๆ

...เอาสิ...

...จะยังปากดีไหวไหม...

“อันเท่านี้เองเหรอ..น่ารักจังนะน้องปันปัน” นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบมองแก่นกายที่ยังอ่อนนุ่มครึ่งๆกลางๆแล้วหัวเราะเบาๆ

“!!!” เด็กหนุ่มกลั้นเสียงร้องไว้แทบไม่ทัน ร่างทั้งร่างเกร็งต้านปลายนิ้วที่สอดเข้ามาทันทีโดยอัตโนมัติ เขากัดฟันกรอดแล้วเค้นเสียงตอบกลับไป

“ไอ้เหี้ย-- อึ้ก!!”

ปลาย นิ้วที่สอดลึกอยู่ภายในขยับไปรอบๆอย่างไม่สนใจปากที่กำลังด่าหยาบคาย ชยางกูรปลุกเร้าส่วนอ่อนไหวด้านบนไปพร้อมๆกับสอดแทรกนิ้วที่สอง ภายในของปัณวิทย์กระตุกเกร็งโอบล้อมปลายนิ้ว หากแต่ร่างกายที่ยังดูไม่โตเต็มที่กลับสั่นไหวเหมือนสัตว์เล็กๆที่กำลังหวาด กลัว

ฝ่ามือที่กอบกุ่มกายเร่าร้อนขยับเร็วๆอีกทั้งยังนวดคลึงอย่างช่ำชองและหยุดมือเป็นระยะเพื่อกลั่นแกล้งคนที่อยู่เบื้องล่าง

“เจ็บล่ะสิ..มันก็เหมือนคำพูดมึงที่เอาแต่ทำร้ายคนอื่นไง...โดนเองมั่งแล้วเป็นไง”

“.......”

...โดนเองมั่งแล้วเป็นไงเหรอ...

“ก็แค่เจ็บที่ตัว... อึก-- ไม่เหี้ยเท่าที่อื่นหรอก!”

“งั้นแสดงว่ามากกว่านี้ก็ไม่เป็นไรสินะ” ชยางกูรพูดเสียงต่ำแล้วขยับมือมากขึ้น

ต่อ ให้ไม่ได้รัก...แต่เมื่อผู้ชายได้รับการสัมผัสในส่วนนั้นแล้ว ร้อยทั้งร้อยก็ต้องการการปลดปล่อย ชยางกูรขยับมือเร็วขึ้นเมื่อร่างกายของปัณวิทย์บ่งบอกว่าต้องการที่จะปลด ปล่อย ซึ่งต่างกับริมฝีปากที่เอาแต่พร่ำด่าเหลือเกิน

“หุบปากซะที กูรำคาญ อยากก็บอกว่าอยากสิวะ มึงจะทนทำไม!”

รอยยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของปัณวิทย์เพียงชั่วครู่หนึ่ง

“มึงรำคาญก็เรื่องของมึง ฮะ-?! ทำไมกูต้องสนใจ กูไล่-- อะ-- มึงยังไม่ไป...”

“กู จะกินมึงก่อน... มีปัญหาไรป่ะ” รอยยิ้มยกขึ้นอย่างตั้งใจกวน ก่อนจะขยับแรงขึ้น ส่วนอ่อนไหวที่อยู่ในการกอบกุมปลดปล่อยหยาดอุ่นร้อนมาเต็มสองมือ บางส่วนไหลลงสู่เบื้องล่างตรงที่นิ้วยังคงสอดแทรกเข้าไป

“เยอะนะ...ไม่นึกว่าจะอัดอั้นขนาดนี้...แฟนไม่ทำให้เหรอวะ”

“แฟน อะไร? กูไม่มี” ร่างกายคล้ายกับหมดแรงไปชั่วขณะหนึ่ง เด็กหนุ่มจ้องมองคนที่อยู่ด้านบนด้วยสายตาโกรธแค้น ความรู้สึกกระอักกระอ่วนในช่องท้องยังคงไม่หายไป

“กูเบื่อแล้วปัน...ถ้ามึงขอโทษกูดีๆกูจะไม่ทำต่อ” ชยางกูรถอนหายใจกับความดื้อรัน...และตัวเองที่เผลอขาดสติไปชั่ววูบ

...ไม่น่าเลย...

...ทำไมมันเลยเถิดขนาดนี้วะ...

“เบื่อแล้วก็ไปสิ จะอยู่ทำไม” ปัณวิทย์หันหน้าหนี เมินคำที่อีกฝ่ายบอกให้ขอโทษ

...กูไม่ได้ทำอะไรผิด...

“แก นี่ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย...” หยาดอุ่นร้อนที่ปัณวิทย์ถูกทำให้ปล่อยออกมาถูกใช้แทนสารหล่อลื่นบนเรียวนิ้ว ที่สอดเข้าไปในช่องทางเบื้องหลัง

“ขอโทษสิ...”

“อ--!!? ไม่....” ทั้งสภาพแบบนี้ ปัณวิทย์ก็ไม่คิดยอมอ่อนให้

ทันที ที่ได้ยินเสียงปฎิเสธที่แสนดื้อดึง นิ้วที่สามก็ถูกแทรกเข้าไปตาม ผนังด้านในอุ่นร้อนกระตุกเกร็งตอบรับการเข้ามาของสิ่งแปลกปลอม ส่วนอ่อนไหวที่อยู่กึ่งกลางลำตัวเริ่มแข็งขึ้นอีกครั้งหลังจากปลดปล่อยไป แล้วรอบหนึ่ง

“แค่กระตุ้นแค่นี้ก็แข็งอีกรอบแล้วเหรอ..อ่อนไหวจังน้า-- น้องปันปัน”

ปัณวิทย์ได้แต่กัดฟันกรอดที่ต้องถูกอีกฝ่ายข่มเหงแบบไร้ทางสู้ รู้ทั้งรู้ว่าแค่พูดขอโทษก็จบแล้ว

...แต่ก็ไม่อยากจะพูดออกไป

“ร่างกายก็เป็นอย่างนั้นแหละ อึก--! ม... ไม่ฟัง... สมอง... ที่บอกว่ารังเกียจ... หรอก!”

“ก็ หัดให้ร่างกายมันนำหัวสมองมั่งสิ...รู้สึกดีก็บอกว่าดี... อย่าเอาแต่ปากแข็ง” น้ำเสียงนุ่มนวลพูดเบาๆคล้ายปลอบ ก่อนจะก้มลงจูบเรือนผมยุ่งๆที่เปียกชื้น

...เพราะใกล้กันมากเกินไป...

...เพราะมัวยึดติดกับเสปค...

“ฉันจะไม่ทำให้นายเจ็บ..นะ?..”

...เลย หลงลืมไปว่าแท้ที่จริงแล้วมันไม่ได้เกี่ยวกับอะไรเลย แต่มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ...รู้ตัวอีกทีก็ชอบเข้าไปแล้ว

ชยางกูรปลอบประโลมร่างเพรียวด้วยจูบนับไม่ถ้วนบนพื้นผิวเปล่าเปลือย เช่นเดียวกับปลายนิ้วภายในที่ยังคงรุกรานอย่างอ่อนหวาน

น่า แปลกที่เขารู้ดีว่าควรจะตอบโต้ไปให้อีกฝ่ายหยุด แต่ร่างกายกลับตอบสัมผัสแผ่วเบาบนผิวกายและปลายนิ้วที่ควานลึกจนตัวเองยัง แปลกใจ ปัณวิทย์อ้าปากจะเอ่ยคำพูด ทว่าเสียงที่หลุดออกมากลับเป็นเสียงครางแผ่วเบา

...ฉันเป็นอะไรไป...

เสียง ครางแผ่วๆของคนตรงหน้ายิ่งเหมือนสิ่งเร้าให้ชยางกูรทำอะไรที่มากกว่านั้น ชายหนุ่มถอนปลายนิ้วออกทั้งที่ริมฝีปากยังขบเม้มบนยอดอกสีเข้ม ชยางกูรเอาหยาดอุ่นร้อนที่ยังเลอะอยู่บนผิวกายทาลงไปบนแก่นกายที่เตรียม พร้อม

“...เจ็บนิดนึงนะ...” พูดจบก็ดันส่วนปลายเข้าไปเชื่องช้า...

มือ สองข้างที่ถูกมัดไว้กำจนแน่น ท่อนแขนเกร็งขึ้นมาเรื่อยไปจนถึงลำตัว สมองสั่งการอย่างชัดเจนว่าเจ็บ นัยน์ตาเรียวที่มักมองเชิดปิดลงเพื่อกลั้นความรู้สึกเอาไว้

“อ... อา...”

“ไม่ เป็นไร..ฉัน..พี่ไม่ทำปันเจ็บนะ...” เสียงทุ้มพูดปลอบเบาๆตามด้วยจุมพิตหวานแผ่วบนริมฝีปาก ชยางกูรจูบรอยแผลที่มีเลือดซึมบนศีรษะของปัณวิทย์ มือใหญ่ปลดเนคไทที่พันธนาการข้อมือทั้งสองไว้ ในขณะที่กายใหญ่โตก็ค่อยๆเคลื่อนเข้าสู่ส่วนที่ลึกที่สุดในร่างของอีกคน

“กอดไว้นะปัน...” เขาจับเรียวแขนข้างหนึ่งวางโอบบนไหล่ของตนเองก่อนจะดันเข้าจนสุดพร้อมกับลมหายใจเจือเสียงหอบ

ปลายนิ้วจิกลงกลางแผ่นหลังทันทีที่อีกฝ่ายดันกายเข้ามาจนสุด คนที่ไม่เคยให้ใครได้สัมผัสลึกซึ้งขนาดนี้ได้แต่เกร็งตัวจนแน่น

“...... อ... อึก”

ชยา งกูรดันเข้าไปจนสุดแล้วค้างเอาไว้ เขากอดแผ่นหลังเปล่าเปลือยแน่นขึ้น จมูกโด่งได้รูปกระสากลิ่นกายหอมหวาน....คล้ายสตรอว์เบอร์รี่สุกฉ่ำ น่าลิ้มลอง

ชายหนุ่มค่อยๆขยับตัว ระวังไม่ให้ช่องทางอ่อนไหวที่ไม่เคยรองรับใครเกิดบาดแผล ปัณวิทย์ผวาเฮือกในอ้อมกอดคล้ายจะดิ้นรน หากแต่พอจูบประโลมก็หลงเหลือเพียงเสียงครางอ่อนหวาน

“.....ปัน....อึดอัดไหม....”

“อ... อือ... ไม่ไหว... แล้ว....” เด็กหนุ่มส่ายศีรษะไปมาพลางเอ่ยขอร้อง ความดื้อดึงที่เคยมีคล้ายกับถูกอ้อมกอดของชยางกูรละลายให้หายไป น้ำตาค่อยๆรื้นขึ้นมาเพราะความอึดอัดที่ก่อตัว

...รู้สึกหวาดกลัวอยู่ลึกๆ เพราะจิตใจของตัวเองไม่ได้ต่อต้านแต่กลับยอมรับการที่ตัวเองกำลังตอบสนองสัมผัสจากผู้ชายอีกคน

“กอด ไว้นะ....กอดแน่นๆ” ชยางกูรกระซิบข้างหู ร่างสูงขยับกายเข้าออกเร็วขึ้นอีกนิดพร้อมทั้งไม่ลืมที่จะชักพาคนในอ้อมกอด ให้มีความสุขไปพร้อมๆกัน

ช่องทางอุ่น ร้อนแสนคับแคบให้ความรู้สึกดีในทุกคราที่ขยับไหว การสอดประสานแม้จะไม่ถึงขั้นราบรื่นเพราะความที่อีกฝ่ายไม่เคย แต่ก็ให้รสชาติแปลกใหม่ชวนให้มัวเมา

“ดีไหม.....ปัน.....”

ไม่ มีคำตอบที่ชัดเจนจากปัณวิทย์ มีเพียงเสียงครางเพราะความสุขทางอารมณ์ที่ไม่เคยพานพบ อ้อมกอดโอบกระชับแน่นตามคำอีกฝ่ายโดยไม่รู้สึกตัว รับรู้แต่เพียงความร้อนที่เชื่อมต่อกันเท่านั้น

...ซ้ำยังรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่เคยรู้จัก บางอย่างที่ทำให้มีความสุข ที่เป็นยิ่งกว่าความสุขทางกาย

ริม ฝีปากอุ่นร้อนไล่จูบตามหัวไหล่เปล่าเปลือยที่มีเสื้อตัวบางคลุมไว้หมิ่นเหม่ ยิ่งขยับกายเข้าหาเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังดำดิ่งเข้าสู่ห้วงอารมณ์หวามไหวที่ไร้ทางออก ชยางกูรนำพาเด็กหนุ่มในอ้อมกอดให้สัมผัสความรู้สึกแตกต่างจากการมีสัมพันธ์ แบบเดิมๆ ท่อนล่างที่เชื่อมต่อกับด้านบนที่ไร้ช่องว่างทำให้รู้สึกราวกับเป็นคนเดียว กัน

...ยิ่งกว่าอิ่มเอม...

...ยิ่งกว่าความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน...

พรุ่งนี้ตอนเช้าไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นเช่นไร ในตอนนี้เขารู้เพียงความเร่าร้อนอันแสนอบอุ่นที่มอบให้กันและกัน...เท่านั้น...

“ข้างใน...นะ..”น้ำเสียงทุ้มต่ำพูดเบาๆติดจะอ้อนนิดๆ ก่อนที่จะกระแทกกายเข้าเร็วขึ้นเพราะรู้ว่าการปลดปล่อยใกล้จะมาถึงแล้ว

ปัณวิทย์ ไม่ตอบรับอะไรในตอนนี้ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ปฏิเสธ จะมีเพียงอ้อมกอดที่รัดแน่นขึ้นด้วยแรงอารมณ์ที่พุ่งสูง เขาไม่อาจรับรู้อะไรได้อีกแล้ว คล้ายกับตัวเองเป็นเพียงร่างเปล่าๆ ที่พอถูกริมฝีปากหรือปลายนิ้วสัมผัสก็จะรู้สึกร้อนผ่าวราวกับมีชีวิตขึ้นมา

...สูญเสียความเป็นตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“!? พ... พี่- ฮึก--! ปัน... อึก ม.. ไม่ไหว.....” วงแขนที่โอบกอดไว้รัดแน่นจนแทบจะกลายเป็นคนเดียวกัน ประสาททุกส่วนในร่างกายคล้ายกับเกร็งจนชาไปหมด เบื้องหลังที่รองรับอีกฝ่ายไว้บีบรัดจนรู้สึกถึงตัวตนของร่างสูงชัดเจนก่อน ที่จะปลดปล่อยออกมา

ในวินาทีที่หยาดของ เหลวอุ่นร้อนของคนในอ้อมกอดปลดปล่อย ร่างสูงก็ขยับตัวถี่ขึ้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นเนิบช้า แก่นกายที่อยู่ภายในเกร็งตัวอีกครั้ง...ก่อนจะปลดปล่อยเข้าสู่ภายในที่โอบ ล้อมไว้อย่างนุ่มนวล

ชยางกูรกอดปัณวิทย์แน่นแล้วซุกใบหน้าลงที่ลำคอเรียว ฟันคมงับเบาๆที่ผิวเนื้ออ่อนระหว่งลำคอกับไหปลาร้าอย่างหมั่นเขี้ยว

“ปัน...หอมจัง...” จมูกโด่งซุกไซร้กับผิวแก้มคล้ายจะหยอกล้อ ก่อนจะปล่อยตัวเองทับร่างข้างใต้โดยที่ยังเชื่อมต่อกัน

“.... อือ... อุ่น.....” เด็กหนุ่มร่างโปร่งเอ่ยพึมพำออกมาเบาๆอย่างเหนื่อยอ่อน นัยน์ตาเรียวคมค่อยๆปิดลงช้าๆ ปลายนิ้วแตะสัมผัสแผ่วๆที่หลังคอของชยางกูรโดยไม่รู้ตัว

...ความรู้สึกเป็นสุขที่ไม่เคยสัมผัส

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว ร่างสูงเลยได้แต่ถอนใจ...เพราะหากเป็นปกติแล้วเขาจะขอคู่นอนต่ออีกสักยกสองยก

ชยางกูรลูบเส้นผมสีดำชื้นเหงื่อที่แนบศีรษะกลมมนของคนข้างใต้ แล้วจูบเบาๆที่ขมับ

“......วันนี้แค่นี้ก่อนก็ได้...”

ชาย หนุ่มขยับตัวประคองให้ร่างเพรียวขึ้นมานอนข้างบนแทนโดยไม่ใส่ใจจะเอาส่วนที่ เริ่มจะอ่อนตัวซึ่งค้างคาอยู่ภายในออก เขาขยับให้ปัณวิทย์นอนซบอยู่บนตัวอย่างนั้นแล้วค่อยๆปิดเปลือกตาลง

...เอาเหอะ...

...เรื่องของพรุ่งนี้ไว้ค่อยคิด...




To Be Continued.....
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 9 NC [03/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 03-06-2012 21:52:35
สงสารน้องปันอ่ะ
พี่เดฟก็รักน้องนะ แต่พ่ออ่ะใจร้าย
น้องปันออกจะทำดีแต่แบบ เฮ้อ.... สงสารน้องมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 9 NC [03/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 03-06-2012 22:00:29
อบอุ่นหัวใจ
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 9 NC [03/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 03-06-2012 22:19:32
เดฟชอบปัน แต่เราว่า เพราะพ่อ ความใจร้อนของเฟ และความชอบประชดของปัน ไหนจะยัยน้องไอซ์ จะนำพาหายนะต่างๆมาให้ ความรักครั้งนี้อีกเยอะหน่ะสิ

อยากขอคนแต่งมาแต่งต่อให้จบนะจ๊ะ เรื่องดีชอบอ่ะ o13
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 9 NC [03/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 03-06-2012 22:38:10
ToT
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 9 NC [03/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 03-06-2012 22:40:54
จากตอน 8
โอยยยย น้ำตาร่วงเลยอ่าาาาาาา สงสารมากกกก!!!!

ปัน ฮรึก!
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 9 NC [03/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 03-06-2012 22:46:51
เง้อออออ *ปี๊บ* กันแล้วอ่าาา =w="
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 9 NC [03/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: madadong ที่ 04-06-2012 00:48:14
เศร้าอ่ะ T^T แต่เราชอบนิยายขมๆ แบบนี้จัง ปลื้มเรื่องนี้มากก
คอมเม้นท์ครั้งแรกของเรามอบให้เรื่องนี้เลยค่ะ เป็นกำลังใจให้คนเขียน รอตอนต่อไปอยู่นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 9 NC [03/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: SungJimun ที่ 04-06-2012 03:50:28
สงสารน้องปันอ่า เจ็บมากมั้ยลูก โถๆๆๆๆๆๆๆๆๆ T^T
พี่เดฟช่วยเข้าใจน้องเค้าเร็วๆทีสิ ฮือออออออออออออ
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 9 NC [03/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 04-06-2012 09:01:09
สงสารน้องปัน พี่เดฟอย่าทิ้งน้อง :monkeysad:
ตื่นขึ้นมาก็ไม่อยากให้ทะเลาะกันนะคะ ช่วยกันประคับประคอง 'ครอบครัว' ของตัวเองไว้ดีๆนะ
ฟูกับฝุ่นจะมีพ่อกับแม่แทนพี่แล้วล่ะคราวนี้ :haun4:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 9 NC [03/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 04-06-2012 09:16:55
 :jul1:

จอบจังนะตอนนี้ แต่ปัญหาใหญ่อีกมากมายต้องตามมาแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 9 NC [03/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-06-2012 10:37:55
:) :) :)รอจ้า :call:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 9 NC [03/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: JJBoss ที่ 04-06-2012 10:50:26
เศร้าจับใจ
สงสารน้องปันปัน T.T


อยากให้พรุ่งนี้มีแต่สิ่งดีๆจังเลย
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 9 NC [03/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 04-06-2012 11:07:34
สงสารปันปันจังเลยนะ.....
แล้วหลังจากนี้ปันจะคิดมากเรื่องที่เดฟบอก...จะเขี่ยทิ้ง...รึปล่าวนี่.. :sad4:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 9 NC [03/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 04-06-2012 14:33:04
ปันปันโดนทำร้ายจิดใจอ่ะ แงงงงงงงง   :sad2:
ดูแลน้องดีๆหน่อยซิเดฟ!!!!!   :m16:
รอนะฮะ  ^^"
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 9 NC [03/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: i-love-you ที่ 04-06-2012 15:11:52
 :เฮ้อ:จะมองหน้ากันติดไหมน๊าาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 9 NC [03/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 04-06-2012 18:05:24
สงสารน้องปัน
เดฟอย่าทิ้งน้องปันนะ
+ 1 นะคะ
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 9 NC [03/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 06-06-2012 01:48:39


ถ้าปัณรู้ว่าไอซ์เลิกกับตัวเองแล้วจะมาจีบพี่เดฟนะ.....ไม่อยากจะนึกเล้ยยย  :เฮ้อ:


น่าจะยังมีเรื่องให้รันทดอีกเยอะ  :z3:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 9 NC [03/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 06-06-2012 11:12:59
สงสารปันมาก  ๆ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าพ่อรู้เรื่องนี้ปันจะเป็นยังงัย
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 9 NC [03/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 06-06-2012 21:34:30
เมื่อไหร่ตอนที่ 10 จะมาน้อ รอนะคะ  :impress2:
หัวข้อ: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 10 NC จิ๊ดนุง [08/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 08-06-2012 22:04:11

kagehana : น้องปันของเราอาจจะไม่ค่อยเหมือนเคะทั่วไปสักหน่อย แต่ยังไงก็ขอฝากไว้ด้วยคนนะคะ ฮิฮิฮิ




-10-





คล้ายกับรู้สึกปวดแปลบขึ้นมาตรงศีรษะ นัยน์ตาเรียวคมค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆก่อนจะลองขยับตัว

“!!??” ชยางกูรยังคงโอบกอดร่างเปลือยเปล่าของเขาเอาไว้ ซ้ำส่วนอ่อนไหวของอีกฝ่ายยังคงอยู่ในตัวเขา

...เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง...

ภาพเหตุการณ์วิ่งกลับเข้ามาหา ชัดเจนจนทำให้ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

...ไอ้เหี้ยปัน...

รู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร แค่รู้สึกคล้ายกับได้สัมผัสความรักที่ขาดหายก็ทำให้เผลอไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

...เซ็กซ์ก็ต้องรู้สึกดีอยู่แล้ว...

ปัณวิทย์ นึกอยากจะโวยวาย แต่ก็ยั้งไว้ เพราะรู้ดีว่าโวยวายไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่มีอะไรที่เขาจะยึดเอาไว้หรือปกป้องได้อยู่แล้ว ยิ่งดื้อดึงดัน ก็จะเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อคืนขึ้น หรือถ้าวิ่งไปบอกพลภัทร เขาเสียอีกที่จะเป็นฝ่ายรับผิด

...รู้สึกเหมือนหัวใจเย็นชา...

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นแตะที่หน้าอกของตัวเองเบาๆ น่าแปลกที่ยังรับรู้ถึงเสียงหัวใจเต้น

...ทั้งๆที่ไม่รู้สึกอะไรแล้ว...

ปัณวิทย์ถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วค่อยๆดันตัวเองออกจากอ้อมกอด

...อยากอาบน้ำ...

“อือ...” ทันทีที่อีกฝ่ายขยับตัว ท่อนแขนแข็งแรงของคนที่ยังนอนไม่ตื่นกลับกอดรัดไว้แน่น

รู้สึกเหมือนตัวอะไรมายุกยิกบนหน้าอก แต่พอนึกไปนึกมา นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างกลับเบิกโพลงตื่นขึ้นมาแทบจะไม่ทัน

“อะ... เอ่อ... ปัน...” ชายหนุ่มลูกครึ่งไม่รู้ว่าจะพูดอะไรนอกจากเรียกชื่อทักออกไป

...ชิบหาย...ไม่น่าเผลอหลับเลย...

“... จะอาบน้ำแล้ว... ต้องไปเรียน...” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันโดยไม่ได้ตั้งใจ

น่าแปลกว่าปัณวิทย์คนนี้...ไม่มีอาการโวยวายอย่างที่ชยางกูรตั้งใจจะรับมือ เด็กหนุ่มเงียบและเฉยชาเกินไป....จนน่ากลัว

“ไปไหวเหรอปัน... ไม่เคย... ไม่ใช่เหรอ” ชยางกูรถามกลับแล้อวค่อยๆลุกขึ้นมานั่งโดยยังกอดไว้อยู่อย่างงั้น

“พักอยู่บ้านดีกว่านะ...”

พออีกฝ่ายขยับตัว เด็กหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกถึงกายที่ยังเชื่อมต่อจนต้องหลับตาลง

“อ... อือ... ไปไหว...”

“โทษ ทีๆ” ชยางกูรจูบบนหน้าผากเบาๆก่อนจะค่อยๆยกสะโพกปัณวิทย์ขึ้นจากจุดเชื่อมต่อ สีหน้าที่ดูราวกับจะเขินก็ไม่เขิน... จะบึ้งก็ไม่บึ้งทำให้นึกแปลกใจ... แต่เขาก็ไม่ถามอะไรออกไป

“อึดอัดใช่ ไหม... พอดีฉัน... พี่เผลอหลับไป เลยยังไม่ได้ล้างให้เลย” ชยางกูรเปลี่ยนวิธีการเรียกตัวเองเป็นแบบที่อ่อนโยนขึ้นอย่างตั้งใจ

“ค่อย ไปพรุ่งนี้แล้วกัน คนไม่เคยน่ะ... เจออย่างงี้เข้าไปบางทีเดินไม่ได้เลยก็มี” ชายหนุ่มนึกขำเมื่อไพล่นึกไปถึงอดีตเพื่อนร่วมงานและคนรักที่เป็นชายแท้คน นั้น รู้สึกว่าจะไข้ขึ้นจนต้องให้คอยพยาบาลเลยด้วยมั้ง

“... ไม่เป็นไรน่า... ไปส่ง... แล้วก็ไปรับ... ได้ไหมล่ะ” ปัณวิทย์ยังคงปฏิเสธ เพราะไม่อยากจะขาดเรียนให้พลภัทรต้องมาว่า

“ได้ สิ” พอร่างเพรียวหลุดออกจากส่วนเชื่อมต่อ หยาดอุ่นๆที่อยู่ข้างในก็ไหลออกมาเลอะเรียวขาเปล่าเปลือยจนหยดลงบนเตียง ชยางกูรลูบให้ส่วนที่เปรอะหลุดออกแล้วเช็ดลงกับผ้าปูที่นอน

“ปล่อยข้างในจนได้...เดี๋ยวฉันช่วยเอาออกให้ที่ห้องน้ำนะ”

“ม... ไม่ต้อง... ปันทำเอง... ออกไปก่อนเลย เดี๋ยวเขามาแล้วเห็นว่าพี่ไม่อยู่ในห้อง...” ร่างโปร่งรีบดันอีกฝ่ายออกแล้วหันหน้าหนี

“ใครสน” ชยางกูรลุกขึ้นแล้วดึงปัณวิทย์มาอุ้มไว้ก่อนจะพาเดินเข้าไปในห้องน้ำทั้งอย่างนั้น

“ปันทำไม่เป็นหรอก ขืนเอาออกไม่หมดเดี๋ยวป่วยไม่รู้นะ”

พอ อีกฝ่ายเรียกตัวเองว่าปัณแล้วแทนตัวเขาว่าพี่... ความรู้สึกอบอุ่นก็พองฟูขึ้นมาเคลือบในหัวใจเบาๆจนรอยยิ้มอ่อนโยนเผยขึ้นมา โดยไม่รู้ตัว

“พี่ทำให้ แป๊บเดียว เดี๋ยวอาบน้ำด้วยกันเลยแล้วพี่จะไปส่ง... ไม่ให้คุณพ่อว่าปันหรอก”

“...... ทำไมไม่ฟังกันเลย” เด็กหนุ่มทำเสียงขุ่นพลางก้มหน้าหนี

...รู้สึกเขินอายจนหัวใจเต้นรัว...

...นี่เป็นอะไรวะ...

“ฟัง แล้วปันก็เอาแต่ดื้ออ่ะดิ่ ทำเลยดีกว่าง่ายดี” ชยางกูรวางปัณวิทย์ลงบนขอบอ่างแล้วรองน้ำอุ่นให้จนเต็ม เขาประคองร่างเพรียวให้ค่อยๆหย่อนตัวลงไปในน้ำพลางคุกเข่าลงให้อยู่ในระดับ เดียวกัน

“ร้อนไปไหม”

“.... ก็เหมือนเด็กๆนี่หว่า.....” เขาทำหน้ามุ่ยพลางเลี่ยงตอบคำถามของอีกฝ่าย

ชยางกูรหัวเราะออกมาเบาๆ ดูจากน้ำเสียงกับใบหน้างอนๆแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่ายังเด็กอยู่จริงๆ

เด็กเกินไปที่จะเป็นสเปค...แต่อย่างว่า ลองชอบเข้าไปแล้วสเปคอะไรก็ไม่สำคัญ

“อ่ะ คอยดูไว้นะ” เรียกร้องความสนใจอีกฝ่าย ก่อนปลายนิ้วหยาบจะสอดเข้าไปยังช่องทางเบื้องหลังที่อุ่นด้วยน้ำที่อยู่รายล้อม

“เอานิ้วใส่เข้าไป แล้วควักมันออกมา...ง่ายๆ โอเคป่ะ” นัยน์ตาเจ้าชู้ลอบมองปัณวิทย์ที่หน้าแดงก่ำตั้งแต่ถูกแตะตรงนั้น

“บวมๆอยู่นิดนึง แต่ไม่ฉีกก็โอเคล่ะนะ”

“ย... อย่ามอง... ดิวะ” ปัณวิทย์ทำเสียงเข้มมากขึ้นแต่ค่อยๆขยับมือลงไปใต้น้ำ แล้วทำตามอีกฝ่ายว่า นิ้วค่อยๆขยับเขี่ยเอาของเหลวข้นเหนียวด้านในออกมากับน้ำร้อน

“เซ็กซี่ชิบ” ชยางกูรพูดน้ำเสียงกรุ้มกริ่มขณะกุมมือที่ยังคงวนเวียนอยู่แถวๆด้านหลัง

เขา จับปลายนิ้วที่สองช่วยสอดเข้าไปก่อนจะละมือออกมาแตะที่บริเวณช่วงต่อระหว่าง แก่นกายสีสวยและช่องทางเบื้องหลัง ชายหนุ่มนวดให้เบาๆ... เพราะรู้ว่าตรงนั้นมีส่วนช่วยในการกระตุ้นอารมณ์อย่างดี

“มัวไปมองคุณนัทอยู่ตั้งนาน แต่ปันเซ็กซี่กว่าเยอะเลย...พอทำหน้าแบบนี้”

คล้ายกลับมีกระแสไฟแล่นมาจากจุดที่ถูกสัมผัสตรงนั้น

“ไอ้--!! ท... ทำอะไร--!? ป-- ปล่อย”

“นวดไง ผ่อนคลายๆ” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ปลายนิ้วกลับออกแรงกดเบาๆในจุดที่ทำให้รู้สึกดี ชยางกูรยกตัวขึ้นไปจูบเบาๆตรงริมฝีปากนุ่มนวล

“ทำให้เอาป่ะ...ก่อนไปเรียน...”

“!! ม-- ไม่เอา!! พ... พอแล้ว” ปัณวิทย์หันหน้าหนี ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นจนอยากลุกหนี แต่สัมผัสกลับทำให้รู้สึกไร้ทางสู้

“ไม่เอามืองั้นเอาปากมะ” เสียงหัวเราะดังก้องห้องน้ำที่มีไอร้อนลอยเมื่ออีกฝ่ายหันหน้ามามองอย่างตะลึงในสิ่งที่พูด

“ทำให้ปันได้นะ ปกติไม่ค่อยทำให้ใครหรอก.....”

“บ... แบบไหนก็ไม่เอา!” ปัณวิทย์ทำเสียงดังขึ้นแล้วขยับหนีอีกฝ่ายเท่าที่ตัวเองทำได้

“ล้อเล่นน่า....เอาไว้สักพักก่อนค่อยทำให้แล้วกัน” ชยางกูรยิ้มอีกครั้งแล้วละมือออกมาลูบแผ่นอกบางแทน

“รีบอาบๆ พี่จะได้อาบมั่ง ของปันกระเด็นใส่เหนียวไปหมดแล้ว” ชายหนุ่มบอกพลางเอามืออีกข้างที่ว่างอยู่ลูบบนหน้าท้องแน่นเบาๆ

“ก็ไปอาบห้องตัวเองดิ... ปันจะรีบอาบน้ำ” เขาว่าพลางยกมือดันร่างสูงออกทันทีแล้วหันหลังให้

“ไม่ได้...ต้องดูแลปัน” ริมฝีปากอุ่นร้อนทาบลงบนผิวเปล่าเปลือยบนแผ่นหลังคนขี้อาย

“ให้ ปันแช่น้ำ เดี๋ยวพี่ไปอาบฝักบัวก็ได้” ร่างสูงลุกขึ้นไปอาบน้ำ เขาเปิดฝักบัวให้ละอองเย็นๆตกกระทบใบหน้าและเส้นผมก่อนจะเริ่มขัดถูร่างกาย เปล่าเปลือยไปด้วย

“....” ปัณวิทย์รีบคว้าใยขัดตัวกับสบู่เหลวมาบีบใส่แล้วรีบอาบน้ำโดยไม่หันไปมองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลเลยแม้แต่น้อย

...เป็นอะไรไปวะ...

...ทำไมต้องใจเต้นขนาดนี้...

“อย่าแอบมองนะ” คนนัยน์ตาเจ้าชู้ยิ้มผ่านม่านน้ำมายังเด็กหนุ่ม

“รีบอาบเลย เดี๋ยวช้ากว่านี้ห้านาทีไม่ต้องไปแล้ว... ต่อรอบสองกันเลย”

“เสร็จแล้ว! ไม่ต่อ! จะไปเรียนแล้ว แล้ว... แล้วไม่ต้องไปทำงานหรือไง” เด็กหนุ่มรีบหันมาก่อนจะหลบสายตาของชยางกูรที่มองมา

“หยุด เพื่อปันได้นะ คุ้มออก...งานเอกสารน่าเบื่อกับได้กอดเด็กหอมๆน่ะ” ชยางกูรหัวเราะซ้ำเมื่อเห็นเจ้าของชื่อเขวี้ยงค้อนอันเบ้อเริ่มกลับมา

...ก็แตกต่างกับก่อนหน้านี้นิดหน่อย...

...แต่ทำไมถึงมีความสุขขนาดนี้ก็ไม่รู้...





//////////////////////////////////////////





“เลิกเรียนแล้วโทรมานะ ห้ามหนีล่ะ” ชยางกูรกำชับอีกครั้งหลังจากปัณวิทย์ทำท่าจะเปิดประตูรถลงไป

“รู้แล้วน่า....” เด็กหนุ่มทำหน้ายุ่งพลางก้าวลงจากรถ

“..... แล้วจะโทรไป” เขาทำเสียงเข้มแต่ก็กดให้ต่ำแล้วเดินหนีไปแทบจะทันที

...ก็แค่ความสัมพันธ์คืนเดียว...

“ไอ้ปันนนนนน” อาธิปที่เดินตามหลังมาตะโกนเรียก หากแต่มือกลับโบกให้คนที่นั่งอยู่ในรถ

“แม่ง... พี่เดฟใส่สูทแล้วโคตรเท่เลยว่ะ อ่าว แล้วนี่มึงเป็นไรวะ เดินยังกะสากจุกตูดอยู่” เด็กหนุ่มหน้าทะเล้นหรี่ตามองอาการแปลกๆของเพื่อนสนิท

“เมื่อวานแม่งโมโหกู เลยได้นี่มา กูหลบเลยล้ม” ปัณวิทย์อธิบายเสียงเรียบพร้อมชี้นิ้วไปที่แผลเหนือคิ้วของตัวเอง

“เหียกชิบ”

“โห พ่อมึงแม่งโหดสัดๆ มึงไม่ให้พี่เดฟเขาช่วยวะ ดูเขาออกจะดีกับมึงแถมเป็นลูกรัก อย่างน้อยก็ให้พูดไม่ให้ทำมึงแรงๆก็ได้”

คราวก่อนก็ทีนึง...หน้าบวมมาโรงเรียน วันนี้มากับแผลแตก เพราะว่าเป็นเพื่อนกันเลยอดไม่ได้

“เหี้ยศิวะลึงค์ไปไหนวะ ทีต้องการใช้สมองแม่งไม่อยู่ซะงั้น”

พูดไม่ทันขาดคำ ร่างสูงของเด็กหนุ่มนักบาสในชุดซ้อมเช้าก็วิ่งมาจากโรงยิม

“ไงปัน ไงไอ้เตี้ยอัฐ” ศิวะทักทายแล้วหรี่ตามองแผลที่เหนือคิ้ว

“ใครทำมึงวะปัน”

“คุณเขา” เด็กหนุ่มทำหน้าเซ็งต่อ

“ช่วยไร? เขาก็หาว่ากูไปประสบสอพลอตอแหล คิดว่ากูจะเอาไรงั้นล่ะ ห่า”

“ด่ากู ด่ากูตลอดดดด เบี้ยล่างขัดดอกมึงเลยนะเชี่ยปัน” อาธิปบ่นเสียงไม่เบาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแป้นแล้น

“ก็กูไม่รู้ แต่ถ้ามีใครช่วยมึงได้ตอนนี้กูว่ามีพี่เดฟคนเดียว คนอื่นสนมึงที่ไหน”

“กูก็ว่างั้นนะปัน... หรือไม่อีกทางมึงก็ต้องอยู่ห่างพี่เขาไว้ แต่มึงจะได้เหรอวะ ติดพี่เดฟเขาเป็นลูกหมาอย่างเงี้ย” ศิวะให้ความเห็น

แต่ ไหนแต่ไรปัณวิทย์ที่มีปัญหาในครอบครัวไม่เคยสนิทกับใครสักคน แต่พอพี่ชายคนใหม่มา... หลายต่อหลายครั้งเขาเห็นแววตาของเพื่อนที่มีความสุขแม้จะบ่นพี่ชายไปบ้างตาม ประสา

“ช่ายยยย นี่ถ้ามึงเป็นเกย์ กูคงนึกว่ามึงหวังเคลมพี่เขาแหง” อาธิปสอดปากพูดแล้วยกแขนโอบไหล่เพื่อนเบาๆ

“กูเปล่าเป็นไอ้เหี้ย กูไม่ได้ติดด้วยสัด” เขายกมือขึ้นกันแผลตัวเองไว้

“ระวังเว้ย กูเจ็บ”

...ก็แค่โดนผู้ชายเอา...

...ไม่ได้เป็นเกย์เป็นห่าไรทั้งนั้น...

“ช่วย ได้ไรวะ ออกแทนกู กูก็โดน แม่งโคตรยุติธรรมเลยชีวิต” ปัณวิทย์เอ่ยความจริงที่เกิดขึ้นต่อ เพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องเจอกับอะไรบ้าง

“โอ๋ๆ อ่อแอ๊ มึงหงุดหงิดอีกแล้ว เดี๋ยวเยี่ยวเหลืองนะมึง” อาธิปปล่อยมือที่กอดออก หากแต่ดวงตาอาตี๋กลับเหลือบไปมองเห็นรอยแดงๆที่โผล่พ้นคอเสื้อ

“เฮ้ย!! ไอ้ซายน์ มึงมาดูนี่ดิ่” นิ้วขาวจัดแบบลูกคนจีนจิ้มลงไปที่ลำคอเด็กหนุ่มที่ยืนข้างๆอย่างไม่เกรงใจ

“เชี่ย... รอยกัดหรือรอยดูด หายไปคืนนึงมึงไปเอาสาวไหนมาวะ ไอซ์ก็เลิกแล้วนี่หว่า”

“เสือกเรื่องมันอีกแล้วนะมึง”

“ก็กูอยากรู้อ่ะ ร้ายนะมึงไอ้ปัน เจ็บตัวยังไปตีหม้อได้อีก...ไม่ยอมเรียกเพื่อนบ้าง”

“เหี้ย ก็แค่เซ็งๆ ไว้คราวหน้ากูเรียก ตอนนี้กูไม่อยากมีแล้วว่ะแฟน รำคาญ” ปัณวิทย์เบี่ยงประเด็นไปทางอื่น ในใจนึกก่นด่าพี่ชายต่างสายเลือด

...เหี้ยพี่เดฟ...

...ใครใช้ให้ทิ้งรอยไว้วะ...

“เออ ป่ะ หิวว่ะ มึงไปหาไรกินเป็นเพื่อนกูหน่อยนะปัน” ตี๋หนุ่มชวน

“เดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อน เจอกันห้องเรียนนะ”

“เออ เจอกันมึง” ปัณวิทย์หันไปโบกมือแล้วเดินไปโรงอาหารกับเพื่อนสนิทอีกคน

...ก็มีแต่พวกมึงสองตัวแหละที่เป็นเพื่อนกู...

“มึง แดกข้าวมาแล้วเหรอวะ ทำไมไม่กิน” เสียงอู้อี้ที่เคี้ยวหมูปิ้งข้าวเหนียวอยู่ถามขึ้น หลังจากที่ไปขนซื้ออาหารเช้ามาวางตรงหน้าเพื่อนตนเอง

“เจ็บแผลเปล่าวะ ห่า พ่อมึงนี่ก็เหลือเกิน น้องอัสซี่รับไม่ได้”

“ไม่เจ็บเท่าตอนโดนว่ะ กินเหอะ กูไม่หิว” เขาคว้าเอานมกล่องที่อาธิปซื้อมาด้วยมาดื่ม

“.... ถาม.... ถามนะมึง.... สมมติถ้ากูบอกมึงว่ากูเป็นเกย์ มึงจะทำไง”

“หน้าหม้อพอๆกะไอ้ซายน์อย่างมึงเนี่ยนะเป็นเกย์ ให้ตายกูก็ไม่เชื่อว่ะ” เป๊บซี่แก้วโตถูกดูดดังซร้วบก่อนจะพูดต่อ

“แต่ถ้ามึงเป็นเกย์จริงๆ...ขอแค่ไม่มาอัดตรูดกูกูก็โอเคว่ะ กูกลัวติดใจ ฮ่าๆๆๆ” อ่าวเหี้ย ไม่ขำเหรอวะ... หน้าเป็นก้อนขี้เชียว

อาธิปกระแอมเบาๆให้หมูที่ติดคออยู่ลงไป ก่อนจะพูดเสียงเป็นทางการขึ้นมานิดหน่อย

“มึง เป็นเพื่อนกูนะเว้ย ถ้าเกิดมึงเป็นเกย์ขึ้นมาจริงๆ...กูก็คงไม่เลิกคบกับมึงด้วยเรื่องแค่นี้ หรอก ไมวะ คิดมากเรื่องกูแซวเมื่อเช้าเหรอ”

“เออ ครับไอ้เหี้ยอัฐ” เด็กหนุ่มว่าพลางนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

...ไม่หรอก...

...ไม่มีอะไรทั้งนั้น...

...ไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น...

“ห่า กูก็แซวไปงั้นแหละ ก็เห็นมึงเดี๋ยวนี้อะไรก็พี่เดฟๆ แต่กูไม่ได้โกรธนะเว้ย ดีซะอีก มึงจะได้มีคนคุยด้วยตอนอยู่บ้าน...” เพราะรู้ว่าบรรยากาศในบ้านปัณวิทย์เป็นอย่างไร พอมีคนเข้ามาดีด้วยกับเพื่อนรัก ก็อดดีใจแทนไม่ได้

“แต่อย่างมึงถ้าเป็นเกย์ คงได้เป็นเมียพี่เดฟคนแรกล่ะวะ ห่า คนเชี่ยไรไม่รู้หล่อชิบหาย”

“เหี้ยละมึง ทำไมต้องเมียพี่เดฟวะ เป็นเกย์ที่ไหน” ปัณวิทย์ทำเสียงเข้มขึ้นมาเมื่ออีกฝ่ายพูดจนทำเขาแทบสำลักนมที่ดื่มเข้าไป

“ก็ ไม่รู้ กูก็พูดไปเรื่อยแหละกูก็แค่คิดว่าถ้ามึงเป็นเกย์แล้วได้กะพี่เดฟคงดีมั้ง เขาเอามึงอยู่ไง ขืนได้กะพวกเกย์นิ่มๆมึงข่มเขาหมด” อาธิปกัดข้าวเหนียวคำสุดท้ายแล้วลุกขึ้นยืน

“อิ่มแล้ว ป่ะไอ้ปัน เข้าเรียนโว้ย”

“เออๆ! เรียนๆ! ปะ” เขาลุกขึ้นมาแล้วไม่ลืมที่จะขยี้หัวเพื่อนรักเต็มแรงไม่มีกั๊ก

...เอากูอยู่อะไรวะห่า...



//////////////////



รถ เชฟโรเล็ตสีดำแล่นมาจอดเทียบประตูหน้าโรงเรียน ชายหนุ่มผมทองผู้เป็นคนขับลงมาด้วยมาดนักธุรกิจ เขายืนพิงรถแล้วกดโทรศัพท์หาคนที่บอกให้มารับ

“ถึงหน้าโรงเรียนแล้วนะปัน”

เด็กหนุ่มที่กำลังเดินลงบันไดจากตึกเรียนเห็นข้อความเข้า ก็หันไปบอกเพื่อนสองคนที่เหลือด้วยน้ำเสียงเรียบๆทันที

“พี่มาละ กูไปก่อนนะเว้ย ไว้ไปเตะบอลกันวันหลัง”

“โหยย ทิ้งกูไว้กับไอ้ห่าซายน์อีกแล้วนะมึง เชี่ย อยู่กันสองคนจนจะเป็นผัวเมียกันอยู่แล้ว” อาธิปบ่นไม่จริงจังนัก

“ห่า กูไม่เอามึงเป็นเมียหรอก”

“ใครบอก กูจะเป็นผัวมึงต่างหาก น้องซายน์ของพี่อัสซี่---”

“ไอ้เชี่ยอัฐ!!” คนตัวสูงกว่าเขกมะเหงกลงกลางหัวไอ้ตัวกวนก่อนจะหันมาคุยกับปัณวิทย์

“ไปเหอะมึง เดี๋ยวพี่เดฟรอ”

“ระวัง เหอะพวกมึง เดี๋ยวได้กันเอง” ปัณวิทย์หัวเราะก่อนจะรีบเดินลงบันไดไป ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่เพราะวันนี้ตอนลองวิ่งดูก็รู้สึกได้ว่ายังไม่พร้อม

...ห่าเอ๊ย...

“ทำไมมาเร็ว” ก้าวถึงรถได้เด็กหนุ่มก็ถามเสียงห้วน

“อ่าว ก็บอกว่าจะมารับไง” ชยางกูรงงเล็กๆที่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะทำท่าของขึ้นอีกแล้ว

“วันนี้เป็นไงบ้าง ร่างกายน่ะ”

ปัณวิทย์ไม่ตอบคำถามทันทีแต่ก็เดินขึ้นรถแล้วปิดประตูลง พลางรอให้อีกฝ่ายขึ้นตามมาแล้วค่อยอ้าปากตอบ

“ก็ดี แต่วิ่งไม่ได้....”

“วิ่ง ได้ก็ยอดมนุษย์แล้ว บอกแล้วว่าให้หยุดวันนึง ก็ปันไม่เคย... ยังดีนะไม่ไข้ขึ้นด้วย” ปลายนิ้วสากไล้ผิวแก้มขาวเบาๆ ก่อนจะชะโงกตัวเข้าไปใกล้

“อยากไปไหนป่ะ เดี๋ยวพี่พาไป”

“กลับ บ้านเหอะ.... ไม่อยากไปไหน....” ปัณวิทย์ทำตัวว่าง่าย แต่อีกอย่างเพราะไม่อยากไปไหนแล้วกลับบ้านมาเจอพลภัทร ให้เห็นว่าอยู่ด้วยกันอีกแล้ว

...อยากนอนเฉยๆ...

“ก็ดี เดี๋ยวจะได้ทายาให้ด้วย” คนที่บอกจะทาให้พูดยิ้มๆแล้วหยิบถุงที่วางอยู่ใกล้ๆมาโชว์

“มี ยาแก้บวม ไว้ทาตรงนั้น แก้ช้ำไว้ทาตรงคิสมาร์ก แล้วก็เจล...สำรองไว้ครั้งหน้า ผสมน้ำมันหอมด้วยนะ หอมสุดๆ” คนพูดสูดลมหายใจลึกๆแสดงให้เห็นว่าหอมจริงๆ

“ไว้รอหายแล้วลองใช้กัน”

“ใช้อะไร! ไม่เอาแล้ว วิ่งไม่ได้เลย!” ปัณวิทย์ทำเสียงดังแล้วหันหน้าหนี

“ก็ไม่ได้จะทำตอนนี้นี่ รู้หรอกน่าไม่ได้หื่นขนาดนั้น” ชยางกูรวางถุงยาลงบนตักปัณวิทย์ แล้วลูบเบาๆบนต้นขานุ่มๆ

“แต่มีไว้ก่อนไม่เป็นไร วันไหนครึ้มๆก็เอามาใช้ ปันจะได้ไม่เจ็บมาก”

“ลุงหื่นๆชัดๆ” เขาเอื้อมมือไปจับข้อมือของชยางกูรแล้วยกออก

ชยางกูรยอมละมือแต่โดยดีเพราะต้องเหยียบคันเร่งแล้ว แต่นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างไม่วายส่งแววเจ้าชู้ให้

“ก็หื่นกับปันคนเดียวไง ไม่หื่นกับเด็กตัวเองจะไปหื่นกับใคร”

“........” เขาไม่เอ่ยอะไรต่อพลางเอื้อมวางถุงยาที่เบาะหลัง

“เลิกกับยัยนั่นแล้ว... บอกไปยัง”

“ยัง... แต่รู้แล้ว” อดีตแฟนสาวตัวดีของปัณวิทย์ส่งข้อความทางเฟสบุ๊คมาตั้งแต่เมื่อเย็น แต่เพราะเกิดเรื่องขึ้นก่อนเลยถูกลืมไปอย่างรวดเร็ว

“ก็เลิกกับสาวมาคบกับพี่แทน แฟร์ๆดี รวดเร็วทันใจ”

“..... คบอะไร ใครบอกจะคบ... โมเมเอง” ปัณวิทย์ทำเสียงเข้มแล้วหลับตาลงคล้ายกับจะบอกว่าไม่พูดด้วยแล้ว

“หลับไปก่อน ถึงบ้านเดี๋ยวปลุก” น้ำเสียงทุ้มบอกเบาๆแล้วหรี่เพลงลง เขาเคลื่อนรถช้าๆไม่ให้เด็กหนุ่มที่นั่งข้างๆกระทบกระเทือนอะไร

...อยากให้อยู่ในฝันดี...

...และมีเพียงเราสองคน...






To Be Continued....
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 10 NC จิ๊ดนุง [08/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: arty136 ที่ 08-06-2012 22:18:02
เย้ ปัน มาแล้ววว
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 10 NC จิ๊ดนุง [08/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 08-06-2012 22:20:05
=w=
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 10 NC จิ๊ดนุง [08/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 08-06-2012 22:24:09
ขอให้ปันสุขจริงๆเหอะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 10 NC จิ๊ดนุง [08/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 08-06-2012 22:33:17
รอติดตามจร้า
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 10 NC จิ๊ดนุง [08/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: 11235 ที่ 08-06-2012 23:19:23
อ้างถึง
เด็กหนุ่มยกมือขึ้นแตะที่หน้าอกของตัวเองเบาๆ น่าแปลกที่ยังรับรู้ถึงเสียงหัวใจเต้น

...ทั้งๆที่ไม่รู้สึกอะไรแล้ว...

รุ้สึกเจ็บแทนเลย
แต่ดูเหมือนพี่เดฟ ไม่เห็นสำนึกอะไรเลย
ไม่เห็นว่าจะปกป้องอะไรปันได้เลย มีแต่ทำให้เจ็บมากขึ้น
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 10 NC จิ๊ดนุง [08/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 08-06-2012 23:38:52
ถ้าเป็นอย่างนี้ตลอดไปก็คงจะดีนะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 10 NC จิ๊ดนุง [08/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 08-06-2012 23:45:56
 หวังว่ามันคงจะรักน้องจริงเน้อ
แต่งสนุกดีคะ  o13
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 10 NC จิ๊ดนุง [08/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 09-06-2012 09:18:39
ถ้าจะเตรียมไว้พร้อมขนาดนี้ไม่ให้เรียกหื่นแล้วให้เรียกอะไรห๊าา   :haun5:
รอนะฮะ  ^^
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 10 NC จิ๊ดนุง [08/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 09-06-2012 09:45:17
จะสุขใจแบบนี้ไปอีกนานมั๊ย?.....
พี่เดฟห้ามทำให้น้องปันเสียใจน๊า...... :bye2:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 10 NC จิ๊ดนุง [08/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 09-06-2012 09:55:00
พี่เดฟจะไม่ทำให้น้องปันเจ็บใช่มั๊ย
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 10 NC จิ๊ดนุง [08/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 09-06-2012 10:04:10
ปันๆ น่ารักอ่ะ :-[
น่าสงสารปันอ่ะ ถ้าพี่เดฟทิ้งไปปันก็ไม่เหลือใครจริงๆ
คุณพ่อเลี้ยงน้องปันก็แบบ ใจร้ายมากอ่ะ เฮ้อ...
ชีวิตหนูปันรันทด :z10:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 10 NC จิ๊ดนุง [08/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 09-06-2012 13:29:42
พี่เดฟอย่าทำให้น้องปันเสียใจนะ ดูแลน้องด้วยน้า :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 10 NC จิ๊ดนุง [08/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 09-06-2012 13:39:00
สนุกมากๆ เลย เรื่องนี้จะมีกี่คู่นะ
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 10 NC จิ๊ดนุง [08/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 10-06-2012 00:02:52
สนุกมากๆ เลย เรื่องนี้จะมีกี่คู่นะ

มีคู่พี่เดฟน้องปันกับอีกคู่ค่า ไม่ใช่คุณนัทนะคะเพราะคุณนัทเค้ามีของเค้าไปตั้งแต่ซีรีย์แรกสุดแล้ว ฮิฮิ
หัวข้อ: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 11 NC นิดนุง [15/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 15-06-2012 23:17:26
kagehana : ตอนนี้ก็มีฉากนิดๆอีกแล้ว น้องปันเองก็เริ่มสับสน ยังไงขอฝากน้องปันด้วยนะคะ (อิเดฟช่างมัน ฮิฮิ)



-11-




ปัณวิทย์ทิ้งตัวลงบนเตียงโดยมีกระต่ายสองตัวกระโดดขึ้นมาเลียแก้มสีนวลเบาๆ ให้เจ้าของได้ส่งเสียงหัวเราะพลางเอานิ้วเขี่ยเบาๆที่พุงกลมๆนิ่มๆของมัน

“ว่าไงครับ”

กระต่ายขนเทาตัวอวบอ้วนซุกเข้าหาเหมือนจะออดอ้อน เป็นภาพอันแสนคุ้นตาของคนที่เดินถือถุงพลาสติกเข้ามา

“ฟู ฝุ่น ไปเล่นข้างล่างไป” ชยางกูรจับตัวสีขาวที่อยู่ใกล้มือขึ้นมาฟัดทีหนึ่งแล้วปล่อยมันลงข้างล่าง

“อะไร... ง่วงแล้ว...” เจ้าของห้องหันไปหาคนที่มาไล่กระต่ายของตัวเองลงไปข้างล่าง เจ้าฝุ่นตัวมอมก็ดูเหมือนจะรู้หน้าที่ มันกระโดดไปริมเตียงหาชยางกูร ให้อุ้มมันตามลงไป

“ง่วงอะไรยังไม่ได้ทายา” คนพูดยืนยันด้วยถุงยาในมือ

“แก้บวม แก้ช้ำ” ชายหนุ่มอวดสรรพคุณแล้วว่าต่อ “พี่ทาให้”

“ไม่ต้องทาไม่ได้เรอะ เดี๋ยวก็หายเอง” ปัณวิทย์ไม่ลืมตามองร่างสูงด้วยซ้ำ เขาพลิกตัวนอนตะแคงไม่สนใจ

“ไอ้ช้ำอ่ะไม่เป็นไร แต่บวมเนี่ย...ถ้าไม่ทาพรุ่งนี้ยิ่งกว่าเก่าสองเท่านะ” ชยางกูรโกหกด้วยใบหน้าจริงจัง

“ไม่ก็อีกทางคือซ้ำมันซะ ปันเลือกเอานะ”

“อะไรวะ!?” ได้ยินแบบนั้น ยังไงปัณวิทย์ก็ไม่ยอมซ้ำแน่ เลยต้องหันไปบอกอีกฝ่ายด้วยเสียงขุ่นๆ

“มา... ทาเอง”

“ดื้อ” ร่างสูงบ่นเบาๆแล้วขึ้นนั่งขัดสมาธิบนเตียง

เขาหยิบถุงยาเอายาแก้บวมออกมาวางข้างตัวแล้วจับกางเกงนอนของคนตัวเล็กดึงพร้อมชั้นในหลุดไปครึ่ง

...ก้นเด้งน่าฟัดชะมัด...

“ทาให้ แถมบริการพิเศษ”

“!!?? เฮ้ย ทาให้อะไร?? บอกว่าทาเองได้!!” ปัณวิทย์รีบขยับหันมาโวยวายเสียงดังแล้วก็รีบเงียบลงเพราะกลัวว่าพลภัทรอาจ จะได้ยิน เขาใช้ขาสองข้างถีบไปมา ดันตัวเองให้พ้นแล้วเอื้อมไปดึงกางเกงขึ้น ยื้อยุดต่อสู้กับชยางกูรที่ไม่ยอมปล่อย

“เห็นป่ะล่ะทาเองน่ะ ก็บอกว่าทาให้ๆไม่ทำอะไรหรอกน่า รู้ว่ายังไม่ชิน” ร่างสูงล็อคคนตัวเล็กกว่าไว้ในอ้อมกอดแล้วงับเบาๆที่ติ่งหูนิ่ม

“แต่ถ้าดื้อมากๆก็ไม่แน่ จับกดแม่งเลย”

ได้ ยินเท่านั้นคนตัวเล็กกว่าที่ดิ้นรนในทีแรกก็หยุดไป ยอมให้ชยางกูรได้ทำตามใจ ภาวนาลึกๆว่าอีกฝ่ายจะไม่เกิดอารมณ์แล้วจับเขาปล้ำขึ้นมาอีก ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับร่างสูงในตอนนี้เป็นแบบไหนก็ยังไม่รู้

...ชอบพี่นัท...

...ไม่ใช่รึไงไอ้บ้า...

ชยางกูรจับให้ปัญวิทย์นอนหงายแล้วจับขาให้ชันเข่า กางเกงและชั้นในถูกถอดออกตั้งแต่แรก ภาพที่เห็นเลยน่าดูไม่หยอก ชายหนุ่มยิ้มกับตัวเองแล้วหยิบหลอดยามาบีบเนื้อครีมใส่ปลายนิ้ว

“อ้ากว้างๆสิปัน พี่มองไม่เห็น”

“ทำไม มองไม่เห็นวะ” ปัณวิทย์ทำเสียงหงุดหงิดข่มความอายที่ก่อตัวขึ้น ท่าทางที่ตัวเองกำลังทำอยู่ตอนนี้ช่างน่าอับอายจนอยากจะหายตัวไปด้วยซ้ำ

“ฮะฮะฮะ” ชยางกูรหัวเราะโดยไม่ให้คำตอบใดๆ

ปลายนิ้วสากที่แต้มครีมไว้แตะลงบนผิวอ่อนๆที่มีอาการบวมแดงเนื่องจากการเสียดสี เขานวดให้เบาๆและลอบมองปฏิกิริยาของปัณวิทย์...เรียวขาขาวขยับสีกันอย่างอึด อัดและลมหายใจที่กระชั้นขึ้น คนนวดเลยจงใจเลยนิ้วขึ้นมาแตะตรงใต้ส่วนฐานแล้วเคล้นคลึงให้เบาๆ

“ทำให้ครั้งนึง...เอาไหม”

“!!? ม... ไม่เอา!” คราวนี้เด็กหนุ่มทำตาโตแล้วกลับมาดิ้นเหมือนเดิมแทบจะทันที

“อย่ามาหื่นแตกอะไรแถวนี้!”

“ไม่ได้ใส่เข้าไปซะหน่อย ทำตรงนี้ต่างหาก” ตรงนี้ที่ว่า... ถูกอุ้งมือรวบไว้แล้วรูดขึ้นลงตามความยาวเบาๆ

“สี สวยนะ แต่มินิไปนิด เอาเหอะ ไม่เป็นไร พี่ชอบ” คนเป็นพี่เปลี่ยนท่าทาเป็นกอดน้องชายต่างสายเลือดเอาไว้จากด้านหลัง ล็อคไว้ไม่ให้ดิ้นแล้วช่วยปลุกเร้าแก่นกายให้เบามือ

“อะ--!? เฮ้ย... ไม่เอา...... ดิ...” เสียงร้องท้วงฟังแผ่วเบาไม่ก้าวร้าวเหมือนเวลาโวยวาย แขนสองข้างพยายามสู้กับแรงอีกฝ่าย แต่พอถูกสัมผัสอย่างอ่อนโยนแบบนั้น ปัณวิทย์ก็ไม่เหลือแรงต้านอะไรอีกต่อไป

ในระยะเวลาที่ช่วยทำให้ปัณ วิทย์ ความร้อนรุ่มของตัวเองก็ยิ่งมากขึ้นเท่าทวีคูน ชายหนุ่มเลือกที่จะระบายกับผิวนวลๆที่ลำคอและหัวไหล่ เขาสร้างรอยสีแดงสดตัดกับผิวขาวของเจ้าตัวที่ด้านหลังของลำคอสุดเซ็กซี่ ปลายนิ้วเองก็ยังสัมผัสและขยับให้เร็วขึ้น

ร่างกายอุ่นๆที่แนบชิดนั้นทำให้สิ่งที่อยู่ใต้กางเกงเขาไม่นอมสงบง่ายๆ และปัณวิทย์เองก็คงรู้....ถึงได้หน้าแดงขนาดนั้น

“ปันน่ารัก...”

ริม ฝีปากบางถูกเม้มจนแน่น เช่นเดียวกับมือสองข้างที่ไร้ที่ยึด สมองเริ่มไม่รับรู้อะไรนอกจากฝ่ามือร้อนผ่าวที่กำรอบแก่นกายของตัวเอง ดวงตาเรียวปิดสนิท ไม่กล้าแม้แต่จะมองว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

“... ย... อื้อ”

ชยางกูรขยับอีกไม่กี่ที่ สิ่งที่อยู่ในมือก็ปลดปล่อยหยาดอุ่นร้อนออกมาเต็มฝ่ามือ ส่วนอ่อนไหวที่ถูกกุมไว้กระตุกสั่นช้าๆก่อนจะสงบลงเช่นเดียวกับเสียบหอบหาย ใจของปัณวิทย์

คนที่ทำให้หลับตาลง เขาดึงร่างเล็กเข้ามาบดเบียดกับความร้อนรุ่มของตัวเอง สะโพกเนียนแนบชิดกับส่วนนั้นจนแทบอยากจะยกเลิกคำสัญญาให้รู้แล้วรู้รอด

...แต่ก็ทำไม่ลง...

“อึดอัดจัง...”

“.......... หื่นไม่ดูเวลา” ปัณวิทย์เอ่ยว่า เขารู้สึกได้ดีถึงความแข็งขืนผ่านเนื้อผ้าแต่ก็ไม่คิดจะช่วยเหลืออะไรทั้งนั้น

...สมน้ำหน้า...

...จะได้ทรมาน...

...จะได้จำ...

“ปันใจร้าย...” น้ำเสียงออดอ้อนดังขึ้นเบาๆคล้ายจะงอนนิดๆก่อนที่คนด้านหลังจะขยับตัวถูส่วนนั้นกับสะโพกที่แนบชิด

“ทำให้มั่งนะ...นะปัน...”

“ม... ไม่ทำ ไปทำเองดิ” แขนสองข้างพยายามดันอีกฝ่ายออก

“ระวังด้วย อย่าให้เลอะเตียงนะ ขี้เกียจเปลี่ยนผ้าปูที่นอน”

“ที ของตัวเองเลอะไม่เห็นบ่น” ชยางกูรหัวเราะเสียงต่ำแล้วยอมปล่อยมือออก เขานอนแผ่บนเตียงขบกรามแน่น เบื้องล่างยังคงไม่ยอมสงบนิ่งง่ายๆ

“แป๊บนะปัน ปวดไปหมดแล้ว...”

“ก็ไปห้องน้ำดิ้!! มือเลอะอยู่!!” ปัณวิทย์ลุกขึ้นนั่งแล้วฉุดแขนอีกคนให้ลุกตามมา

“ถ้าที่นอนเลอะอีกปันไม่ยอม!!”

ชยางกูรทำตัวเป็นเด็กว่าง่ายปล่อยให้อีกฝ่ายจับจูงไปยังห้องน้ำ ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มน้อยๆ...เด็กขี้โวยวายแต่หน้าบางคนนี้ยังเป็นคนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง

...แต่ที่เพิ่มเติมมาคือความรู้สึกของเขาเอง...

“แล้วไง มานี่แล้วปันจะทำให้พี่?” เสียงทุ้มแกล้งพูดเบาๆขณะที่เอามือซึ่งเปรอะเปื้อนจับที่ใบหน้าขาว

มือคว้าเอาฝักบัวได้ก็เปิดสาดใส่อีกฝ่ายแทบจะทันทีโดยลืมไปว่าเสื้อผ้าของอีกคนยังอยู่ครบ

“!!?? เล่นอะไรแบบนั้น!!”

คนตัวสูงกว่ารวบเด็กหนุ่มเจ้าอารมณ์มาไว้ในอ้อมกอด ริมฝีปากอุ่นร้อนประกบอย่างอ่อนโยนหากแต่มือใหญ่กลับลูบไล้ไปทั่วร่าง เสื้อผ้าที่เปียกชื้นจากการถูกฉีดน้ำใส่แนบชิดกับปัณวิทย์จนแทบเป็นเนื้อ เดียวกัน ชยางกูรรู้ดีว่าแม้น้ำเย็นจะกระทบผิวกาย แต่ความร้อนรุ่มกลับถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง

“...........เด็กดื้อ...”

“อ... อือ... พี่เดฟ... ปล่อย... เปียกไปหมดแล้ว” เด็กหนุ่มขืนกายต่อต้าน แม้จะอดเคลิ้มไปกับจูบที่อีกฝ่ายมอบให้ไม่ได้ ส่วนลึกของจิตใจยังพยายามต่อต้านเอาไว้

“ใครใช้ให้แกล้งพี่ก่อน” ริมฝีปากร้อนๆประกบปิดคำพูดของเด็กหนุ่ม เส้นผมสีทองเปียกชื้นแนบตามแนวลำคอขาวของฝ่ายตรงข้าม

“ปันชอบทำให้พี่...หลง...ทุกที...”

“อึก... อย่า... ให้มีรอย... นะ” เขาตอบเสียงแผ่ว รู้สึกแปลกขึ้นมาอีกครั้งที่โดนอีกฝ่ายสัมผัส คล้ายกับเสียการควบคุมตัวเอง

“อือ” รับคำทั้งๆที่ทำรอยไปแล้วเรียบร้อย ชยางกูรสอดมือเข้าไปใต้เสื้อเปียกชื้นของปัณวิทย์แล้วสัมผัสยอดอกนิ่มเบาๆจน มันแข็งขึ้น ในขณะที่อีกมือหนึ่งลูบไล้ปรนเปรอส่วนอ่อนไหวที่เพิ่งปลดปล่อยไป เขาแนบกายร้อนผ่าวที่ดุนดันเสียดสีกับเนื้อผ้าเข้ากับสะโพกขาวไร้อาภรณ์ปิดบังก่อนจะกอดจากทางด้านหน้าให้แนบชิดมากขึ้นไปอีก

“....เข้าไป..นะ...”

“ไม่-- ไม่เอา... พี่เดฟ...” เด็กหนุ่มส่ายศีรษะรัวๆ มือสองข้างที่พยายามดันออกกลายเป็นยึดเสื้อที่เปียกชุ่มของชยางกูรเอาไว้ ปัณวิทย์แทบจะปล่อยกายให้เอนพิงโดยมีร่างสูงประคองเอาไว้เพียงอย่างเดียว

...สูญเสียความเป็นตัวเองอย่างสิ้นเชิง...

จมูกโด่งและริมฝีปากอุ่นร้อนแนบกับผิวแก้มเย็นฉ่ำ ชยางกูรไม่ได้ทำอะไรมากกว่าที่ทำอยู่...แต่ก็ไม่ได้ปล่อยกระต่ายดื้อที่ส่าย หน้าอย่างเอาเป็นเอาตายในอ้อมกอดของเขา มือขยับเคลื่อนไหวกอบกุมแก่นกายน่ารักของปัณวิทย์ แต่ในจังหวะที่ความร้อนพุ่งขึ้นสูง...กลับปล่อยมือออก

“ไม่ไหวแล้ว...อยากเข้าไปในตัวปัน...” เสียงกระซิบแหบพร่าดังข้างหู

“พรุ่ง นี้... ปันต้อง... ไปเรียน... ไม่เอา” ทั้งๆที่รู้สึกปั่นป่วนแต่ถ้อยคำปฏิเสธก็ยังคงหลุดออกมาจากริมฝีปากคู่นั้น เด็กหนุ่มร่างเล็กกว่าเกร็งตัวแน่นพลางขยับสะโพกเข้าหาสัมผัสจากอีกฝ่ายโดย ไม่รู้ตัว

แม้อาการทางกายจะบอกอย่างชัดเจน แต่เพราะคำปฏิเสธร่างสูงจึงทำได้เพียงกอดไว้แล้วขยับเสียดสีไปมา...แต่ยิ่ง ทำเท่าไร ความร้อนที่หวังว่าจะให้ลดลงก็ไม่ได้ตามความต้องการ กลับคอยจะเป็นไปในทางตรงข้ามอยู่เรื่อยไป

“ไปส่ง...นะครับปัน...ขอนะ...” มือใหญ่กอดเอาไว้พลางลูบต้นขาด้านในปลุกปั่นอารมณ์...และเรียกเสียงครางหวานหู

“...เด็กดี....”

เอาเข้าจริงแล้ว ปัณวิทย์กลัวที่จะถูกสัมผัสอย่างลึกซึ้ง แล้วต้องค้นพบความรู้สึกเบื้องลึกของตัวเองว่าไม่ได้นึกรังเกียจ

...กลัวว่าจะกลายเป็นเกย์...

...เป็นคนที่พลภัทรจะยิ่งเกลียดหนักกว่าเดิม...

“อ...... อือ--! ม... อึก--! พ.. พี่เดฟ”

“อย่า กลัว...ปัน....ปล่อยใจ...อย่าคิดอะไร....” เสียงทุ้มต่ำกระซิบเหมือนร่ายมนต์แผ่วเบา ชยางกูรปลดซิปกางเกงแล้วดึงชั้นในลงให้แก่นกายอุ่นร้อนแนบกับผิวเนื้อตึง แน่น แม้จะยังไม่ได้สอดใส่เข้าไปแต่มันก็เสียดสีกับสะโพกนิ่มๆของปัณวิทย์จนแทบจะ ปลดปล่อยอยู่แล้ว

...อยากแนบชิดมากกว่านี้...

“ขอได้ไหม....”

...ถึงจะพูดแบบนั้น แต่หัวใจของเขาก็ไม่อาจบังคับให้อาการหวาดกลัวจากเบื้องลึกนั้นหายไปได้ ทว่ามือสองข้างที่ยึดเสื้อของชยางกูรเอาไว้กลับขยุ้มจนแน่นก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยตอบเสียงแผ่ว

“........... อ... อือ.....”

...พ่ายแพ้ต่อน้ำเสียงทุ้มแหบพร่าโดยสิ้นเชิง

เสียงสั่นๆที่ตกลงถูกแปรเป็นเสียงครางเมื่อแก่นกายที่ตื่นตัวเต็มที่ได้สอดใส่ เข้าไปเชื่องช้า ร่างสูงกอดและจูบทุกครั้งที่สอดกายเข้าไป ความคับแคบอุ่นร้อนที่ได้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียวเป็นความรู้สึกพิเศษที่ ไม่อาจสรรหาคำใดมาอธิบายได้ เสียงลมหายใจของตัวเองสอดประสานเข้ากับของปัณวิทย์ ให้อารมณ์หวามไหวอันร้อนแรงเป็นตัวนำพาทุกสิ่งทุกอย่างให้ดำเนินไป

“.................ขอบคุณนะ”

...ขอบคุณทำไม...

คำถามที่ไม่ได้ถามออกไปถูกแทนที่ด้วยเสียงหอบครางด้วยความเสียวซ่าน จากที่ขยุ้มเสื้อไว้ กลายเป็นพยายามจะกอดยึดร่างสูงเอาไว้จนแน่น

“อือ... อือ...”

ชยางกูรกอดเด็กหนุ่มในอ้อมกอดไว้แล้วกระแทกกายเข้าหา ไอน้ำเย็นที่พร่างพรมลงบนผิวอุ่นๆผสานกับลมหายใจวูบวาบ...หวามไหวตามแรงอารมณ์

หยาดน้ำร่วงหล่นบนพื้นกระเบื้องอันเย็นฉ่ำ แปรเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ..สะท้อนภาพชายทั้งสองคนที่มีสีหน้าเร่าร้อนอันเปี่ยมสุข

...จนกว่าจะถึงอีกวัน...

...ที่อ้อมกอดและรอยจูบนั้นจะตราตรึงอยู่ในหัวใจ...



///////////////////////////////////////////////



เสียงนกร้องจิบๆจากโทรศัพท์มือถือของปัณวิทย์ดังขึ้นในยามเช้าเรียกให้เจ้า ของห้องค่อยๆลืมตาขึ้น ในตอนที่ยังงัวเงียอยู่ทำให้เด็กหนุ่มเอื้อมคว้าเอาของใกล้ตัวที่คิดว่าเป็น หมอนอีกใบที่มักจะใช้กอดยามนอน

...แต่มันกลับไม่นิ่มอย่างหมอนใบโปรดสักนิด

“!!??” พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ปัณวิทย์ก็ดันตัวเองออกมาทันที

...เผลออีกแล้ว...

“....ยัง ไม่เช้าเลยปัน...” หมอนใบแข็งของปัณวิทย์ออกอาการมือปลาหมึกด้วยการดึงคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอด แล้วลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าเบามือ

กลิ่นหอมของยามเช้าดูจะหอมไม่สู้กลิ่นหวานของรสรักเมื่อคืน...หวานจนไม่อยากจะลุกจากเตียงด้วยซ้ำ

“.... ปล่อย... จะอาบน้ำแล้ว... ปันต้องไปโรงเรียน” เด็กหนุ่มท้วงพลางยันตัวขึ้นออกจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย

“....อีก ครึ่งชั่วโมงค่อยอาบยังทัน อาบแป๊บเดียว...พี่ไปส่งแป๊บ..เดียว...” น้ำเสียงปลายสุดแทบจะหายไปในลำคอเพราะความง่วง เส้นผมสีทองที่ปรกหน้าถูกเสยขึ้นก่อนจะส่งยิ้มหวานให้คนตรงหน้า

“.............มอร์นิ่งคิสหน่อย”

“ไม่! อย่าทำเหมือนเป็นผู้หญิงได้ไหม” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแทบจะทันทีที่ชยางกูรเอ่ยปากขอ

“งก!! ไม่มีมั่งรึไงไอ้หวานๆหลังมีเซ็กส์น่ะ” คนพูดลืมตาขึ้นมามองหน้า นัยน์ตาสีฟ้าสว่างจ้องมองสีดำของลูกตากระต่ายป่าจอมดื้อก่อนจะโปรยยิ้มอ่อน โยน

“ไม่ได้ทำเหมือนผู้หญิง ปันเป็นผู้ชายพี่รู้ดี แต่การทำหวานๆมันไม่ได้จำกัดเพศสักหน่อย”

“ไม่มี” เจ้าของห้องตอบเสียงห้วนแล้วขยับดันตัวเองออกมาจนลุกขึ้นนั่งได้

“บอกว่าต้องอาบน้ำก็ต้องอาบน้ำดิ ฟังไม่รู้เรื่องเหรอ”

“เออ... ไปอาบเลย” ชยางกูรพูดจบก็หันหลังให้ทันที

...มี อย่างที่ไหนวะ คนรักกันกับเรื่องแค่นี้มันยากนักหรือไง รู้หรอกว่าปัณวิทย์เป็นเด็กผู้ชาย... แท้ๆด้วย แต่การที่ยอมมีอะไรกับเขาเมื่อคืนไม่ได้แปลว่ารู้สึกดีๆกันหรือไง

...หรือจะไม่ได้รัก...

ชยางกูรส่ายหัวเบาๆกับความคิดนั้น ไม่ใช่เพราะคิดว่าไร้สาระ...

...แต่เพราะกลัวคำตอบ...

...ถ้าไม่ใช่ จะเป็นอย่างไร...

“.....” นัยน์ตาเรียวมองแผ่นหลังกว้างของร่างสูงแล้วก็ถอนหายใจออกมา

...ทำไมต้องขอให้ทำอะไรแบบนั้นด้วยวะ...

เด็กหนุ่มลงจากเตียงก่อนจะคว้าเอาผ้าเช็ดตัวที่พาดไว้แล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ

...ไม่ได้รู้สึกอะไรสักหน่อย...

...ก็แค่มีอะไรกัน...

“อย่าลืมเอาออกเหมือนคราวที่แล้วด้วยนะปัน... เดี๋ยวป่วย” คนที่นอนหันหลังยังมีแก่ใจเป็นห่วง แม้จะทำงอแงด้วยการนอนหันหลังให้เหมือนเดิม

“รู้แล้วน่า!” ประตูห้องน้ำปิดลงพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำของปัณวิทย์ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมชยางกูรถึงต้องแสดงท่าทีแบบนี้ออกมา

...อย่ามาบอกว่าชอบกันนะเว้ย...

...กูไม่ขำด้วยแน่ๆ...

หาย เข้าไปในห้องน้ำไม่นาน เจ้าของห้องก็เดินออกมาด้วยใบหน้าถมึงทึง เสื้อผ้าที่ใส่ก็ไม่ใช่ชุดนักเรียนแต่เป็นชุดอยู่บ้านสบายๆตามสไตล์ของเจ้า ตัว ปัณวิทย์เดินมาถึงเตียงก็ทิ้งตัวลงแทบจะทันทีแล้วหันหลังให้กับอีกฝ่าย

“ไม่ไปแล้ว...”

“อ่าว ทำไมไม่ไปล่ะ ไม่สบายเหรอ” คนที่นอนหันหลังให้พลิกกลับมาหาแล้วลุกนั่ง มือใหญ่จับที่ท้องปัณวิทย์เบาๆ อีกข้างแตะที่หน้าผากมน

“ปวดท้องหรือเปล่าปัน หรือปวดหัว... ไม่มีไข้นะ ไปโรงบาลไหม” ชยางกูรไม่รู้เลยว่าน้ำเสียงตัวเองตอนนี้ร้อนรนแค่ไหน

...เขารู้เพียงว่าเป็นห่วง..มากกว่าใครๆ

“บอกว่า ไม่ให้ทิ้งรอย เต็มตัวไปหมดยังงี้จะไปได้ไง!” คิ้วของเขาแทบจะผูกกันเป็นโบว์ แม้จะคลายออกบ้างเมื่อเห็นว่าพี่ชายต่างสายเลือดดูมีท่าทีเป็นห่วงมากเป็น พิเศษ

“อ่าว.....” เมื่อนึกขึ้นได้ก็เผลอหลุดหัวเราะจนปัณวิทย์หันมามองตาขวาง

“ก็ทำไปตั้งแต่ก่อนบอกแล้วอ่ะ แต่หลังบอกไม่ได้ทำนะ...มัวทำอย่างอื่นอยู่” ชยางกูรพูดเสียงกรุ้มกริ่มแล้วลูบท่อนแขนเรียวเบาๆ

“ใส่เสื้อก็ปิดหมดมั้ง ไม่เป็นไรหรอก”

“ปิด ที่ไหน รอยคราวก่อนยังไม่หายเลย ไม่เอาแล้ว จะป่วย จะอยู่บ้าน ไปทำงานไป” ปัณวิทย์พูดเองเออเองเสร็จสรรพก็ขยับแขนหนีจากปลายนิ้วที่ลูบไล้อยู่

“งั้น คราวหน้าต้องเลือกวันทำแล้ว... ศุกร์กับเสาร์... ปันจะได้ไม่ต้องโดด” ชายหนุ่มผมทองก้มลงหอมแก้มสีนวลตาเบาๆทีหนึ่งก่อนจะยืดตัวขึ้น

“ยังไม่ได้ลองใช้น้ำมันหอมเลย... เสียดาย”

“!? ทำไมคิดแต่เรื่องพรรค์นี้วะ??” ปากไปไวเท่ากับความคิดของตัวเอง พูดจบก็เอาคืนไม่ได้ทำให้ต้องรีบเงียบไปเมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอขึ้นเสียงใส่

“.................................” คนฟังนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้ม... ที่ไม่สดใสเท่าครั้งก่อนหน้า

“ไม่รู้สิ ที่คิดเพราะรู้สึก... แต่ปันคงไม่ได้รู้สึกเหมือนพี่ล่ะมั้ง” ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงแล้วฉวยผ้าขนหนูที่เอามาทิ้งไว้มาพันกายก่อนจะเดิน เข้าห้องน้ำไปเงียบๆ

...เพราะรู้สึกว่าชอบ ถึงมีเซ็กส์ด้วยได้...

...แต่สำหรับปัณวิทย์แล้ว ไม่รู้เลยว่ารู้สึกต่อกันอย่างไร...

ถ้าเป็นแบบเดียวกันก็คงดี... แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเหมือนกัน






To Be Continued.......



หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 11 NC นิดนุง [15/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Meiga ที่ 16-06-2012 00:26:04
อูยยยเจ็บ  อ่านแล้วรู้สึกเจ็บจี๊ดๆเลยค่ะ ;^;
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 11 NC นิดนุง [15/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 16-06-2012 07:53:57
พี่เดฟนี่ก็หื่นจริงๆ  :m10:

ถ้าชอบก็บอกไปเลย ปัน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 11 NC นิดนุง [15/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 16-06-2012 08:58:08
ปวดแปล๊บกับเรื่องที่น้องปันเจอจริงๆ
มีอิพี่มาทำให้งงขึ้นไปอีก

หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 11 NC นิดนุง [15/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: 11235 ที่ 16-06-2012 09:08:31
อ้างถึง
พูดจบก็เอาคืนไม่ได้ทำให้ต้องรีบเงียบไปเมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอขึ้นเสียงใส่

คงเป็นเหตุผลที่ปัณยอมมี sex ด้วยน่ะสิ
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 11 NC นิดนุง [15/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 16-06-2012 11:39:22
พี่เดฟมีใจให้น้องแล้ว  เหลือแต่น้องแหละ
คงจะยากหน่อยเพราะน้องอยากทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อสนใจ
เพราะงั้นเรื่องนี้น้องคงไม่ยอมรับตัวเองง่าย ๆ แน่
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 11 NC นิดนุง [15/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 16-06-2012 14:15:33
พี่เดฟ ถ้าชอบก็บอกปันไปสิ
ปันจะได้รู้
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 11 NC นิดนุง [15/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 16-06-2012 15:41:50
อั๊ยยะ! น้องปันปันพูดเหมือนไม่ค่อยแคร์พี่เดฟเค้าเลยอะ  o22
อย่างนี้พี่เดฟที่ชอบเข้าไปแล้วก็เจ็บได้ง่ายๆเลยนะเนี่ย :z3:
ถึงพี่เฟจะบอกออกไปชัดๆว่าชอบ น้องปันต้องไม่ยอมรับแน่เลยเนี่ย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 11 NC นิดนุง [15/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 17-06-2012 02:00:43
ยากนะเดฟ ถึงปันจะรู้สึกแบบเดียวกัน แต่จะยอมรับหรอ ในเมื่อเดฟเป็นลูกของคนที่ปันอยากให้กลับมาเรียกว่า"พ่อ" อีกครั้ง
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 11 NC นิดนุง [15/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 17-06-2012 03:22:53
โอ้ ตอนท้ายแอบจุกกันเลยทีเดียว   :sad4:
รอนะฮะ  ^^
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 11 NC นิดนุง [15/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 17-06-2012 08:37:29
มันช่างร้อนแรง  แต่นะพี่เดฟขอน้องปันเล่นตัวบ้างอย่าเพิ่งใจร้อน
น้องแค่ยังไม่รู้ว่า รัก

ปล.เกียจพ่อเดฟ  ทำไมต้องไปลงที่ปันด้วย 
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 11 NC นิดนุง [15/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 17-06-2012 09:06:09
หื่นมากๆ :haun4:
หัวข้อ: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 12 [21/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 21-06-2012 23:17:00
kagehana : มาหวานอมขมแบบเบาๆกันบ้างนะคะ ฮิ  มีคุณเชฟน้องนัทโผล่มาด้วย ใครรู้จักยกมือขึ้น (ไม่มี...555)



-12-



ในตอนเย็นหลังเลิกงาน แผนงานใหญ่ที่คั่งค้างอยู่ถูกสะสางอย่างรวดเร็วก่อนที่พระอาทิตย์จะเลือนลับ ชยางกูรบอกตัวเองว่าเขาไม่ได้จะง้อปัณวิทย์... แต่การที่แวะซื้อขนมเค้กกลับมาฝากมันก็แค่สิ่งที่เขาอยากทำให้

...ทำไมต้องง้อ...

...ในเมื่อเขาไม่ได้ผิดอะไร...

ร่าง สูงที่ยืนอยู่หน้าห้องปัณวิทย์เปิดเข้ามาราวกับเป็นห้องตัวเองเหมือนปกติ ชยางกูรเดินเข้ามาหาเจ้าของห้องที่นอนหงายไม่รู้หลับหรือแกล้งหลับ ก่อนจะเอามือไล้แก้มขาวเบาๆ

“ปัน...พี่ซื้อเค้กมาฝาก”

“... อือ..... เค้กอะไร...ครับ...” ปัณวิทย์ปรือตามองพลางหันไปอ้าปากงับปลายนิ้วที่เกลี่ยแก้มเขาเบาๆโดยไม่รู้สึกตัว

ปลาย นิ้วที่ถูกแนวฟันขาวงับเบาๆก่อให้เกิดความรู้สึกปั่นป่วนเล็กน้อย ชยางกูรไม่เคยนึกว่าเด็กอายุ17ที่ดูยังไม่ค่อยโตเต็มที่จะทำให้เขาหวั่นไหว ได้ขนาดนี้... เด็กที่ในตอนแรกไม่อยากชายตาแลด้วยซ้ำ

“ง่วงก็นอนก่อนก็ได้...” ร่างสูงนั่งลงข้างๆแล้วหอมแก้มเบาๆ

“อือ.....” เจ้าของห้องครางเบาๆในลำคอแล้วเอื้อมคว้าเอาลำคออีกฝ่ายไว้ได้ ก่อนจะยึดไว้แล้วพาตัวเองเข้าหาอ้อมกอดอบอุ่นพลางกดศีรษะแนบชิดกับแผ่นอก กว้าง

...เพราะไม่อยากถูกปลุกจากฝันดี

...เชี่ยแล้ว ซวยแล้ว ชิบหายแล้ว...

ถ้าจะนอนกันอย่างนี้มีหวังไม่เขาปล้ำปัณวิทย์จนโดนอีกฝ่ายลุกมาต่อย ก็คงอึดอัดตายไปข้าง...

แต่ ถึงจะคิดอย่างนั้น ท่อนแขนแข็งแรงก็ยังโอบกอดร่างเล็กที่ซุกตัวอยู่ ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดถึงกันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่... ต่างกับการที่ถูกคู่นอนคนก่อนๆออดอ้อน แต่เป็นเหมือนการกระทำอันเป็นธรรมชาติของทั้งเขาและปัณวิทย์ที่ทำไปโดยไม่ รู้ตัว

ใบหน้าหล่อเหลาระบายรอยยิ้มจางๆก่อนจะก้มลงหอมเบาๆที่กึ่งกลางศีรษะ แม้ผมจะไม่ยาวมากแต่ความนุ่มและกลิ่นแชมพูก็ทำให้รู้สึกดี

“นอนนะ...” ชยางกูรลูบหลังให้เบาๆ

“อืม...” สัมผัสเบาๆที่แผ่นหลังกับอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นทำให้รู้สึกสบายไปทั้งตัว เด็กหนุ่มหลับตาพริ้มแล้วยิ้มออกมาจางๆ

...รู้สึกดีจนไม่อยากตื่นขึ้นมา

“นอน.....”

ที่นอนได้มีแต่ตัวเองน่ะสิ...ชยางกูรนึกค่อนขอดในใจด้วยความรู้สึกที่ไม่จริงจังนัก

การ ที่เห็นปัณวิทย์สามารถนอนหลับสนิทในอ้อมกอดตัวเองก่อให้เกิดความรู้สึกหวง แหนและอยากปกป้อง ความคิดหนึ่งวูบขึ้นมาในสมอง...แต่ก็คงไม่สามารถทำได้

...ถ้าพาไปอยู่ที่อเมริกาด้วยกัน ลืมเรื่องที่นี่ให้หมด จะเป็นยังไงนะ

ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่มถูกมองด้วยนัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างซึ่งฉายแววลึกซึ้ง...เนิ่นนาน...



/////////////



“อือ.... พี่เดฟเหรอ.....” ปัณวิทย์ที่งัวเงียขึ้นมาเอ่ยเรียกคนที่โอบกอดเอาไว้เบาๆ มือข้างหนึ่งยกขึ้นขยี้ตาแล้วยกศีรษะออกมามองไปรอบๆ

“... เย็นแล้ว....”

นอนหนุนจนแขนชาแล้วยังจะมาถามอีกว่าใคร...

“อือ เย็นแล้ว ซื้อเค้กมาฝากแต่เดี๋ยวไปกินข้าวก่อนค่อยกินนะ” ชยางกูรพูดพลางลูบหัวเด็กหนุ่มเบาๆ

“เป็นไงมั่งล่ะเรา วันนี้ได้เอายาที่พี่ให้ทาหรือยัง”

“ทาแล้ว....” ปัณวิทย์ค่อยๆขยับตัวออกมาแล้วมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง

...มันอะไรกันนักหนานะ...

...ทำไมถึงอยากเข้าหา...

“ดี...งั้นไปกินข้าวกัน เดี๋ยวเขารอ” ร่างสูงลุกขึ้นก่อน มือใหญ่ยืดส่งรอให้คนตัวเล็กกว่าจับเพื่อลุกนั่ง

“ใส่เสื้อดีๆนะปัน เดี๋ยวเห็นรอย....”

“! ร... รู้แล้วน่า!” เจ้าของห้องยันตัวลุกขึ้นได้ก็รุดไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบเอาเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่มีผ้าเนื้อบางมาสวมทับ

“เรียบร้อยแล้ว...”

ชยางกูรยิ้มให้แล้วหยิบเค้กขึ้นมาถือ

“งั้นปันลงไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ตามไปเอาไอ้นี่ไปแช่ในตู้เย็นก่อน...แล้วเขาจะได้ไม่สงสัยด้วย”

ถึงใจจริงอยากจะปกป้องอย่างเปิดเผย... แต่ถ้าทำไปแล้วปัณวิทย์จะโดนทำอะไรกลับมาอีกก็คงไม่ใช่เรื่องดีแน่

...ปัณวิทย์ยังรักพ่อ...ที่ไม่รักเขา...

...ทำไมจะไม่รู้...

ปัณวิทย์ พยักหน้า ทำตามอีกฝ่ายว่าโดยไม่อิดออด รู้สึกอบอุ่นที่อีกฝ่ายเอาใจใส่และคิดเผื่อไม่ให้พลภัทรจะมาว่าอะไร เด็กหนุ่มเดินมาที่ลิฟท์แล้วค่อยลงไปที่ห้องอาหาร

“มาแล้วครับ” ร่างเล็กยกมือไหว้ญาติผู้ใหญ่ทุกคนก่อนจะดึงเก้าอี้ออกแล้วลงนั่ง

พลภัทรที่นั่งเยื้องไปปรายตามองแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา..หรือถ้าเรียกให้ถูกคือ ทำเหมือนอีกฝ่ายเป็นอากาศ

ชายวัยกลางคนยกมือให้ตักข้าว ในขณะเดียวกับที่ชายหนุ่มผมทองเดินมาถึงห้องอาหารพอดี

“ซอรี่ครับ ลงมาช้าไปหน่อย” ชยางกูรกล่าวยิ้มๆแล้วนั่งลงข้างพลภัทร..ตรงกันข้ามกับปัณวิทย์และญาณัช

“ดี จริงๆนะ ที่เรารู้จักลงมาให้เห็นหน้า.... จากนี้ไปคิดจะทำอะไรล่ะนัท?” พลภัทรเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาขึ้นในคราวนี้ และเขาก็ไม่รอช้าที่จะวกเข้าเรื่องการทำงานของญาณัชทันที

“ก็....” ญาณัชกัดริมฝีปากตัวเองไว้ ไม่อยากจะพูดออกไป ทว่าเขารู้สึกได้ถึงสายตาจากทุกคนที่พุ่งมายังเขา

“ถ้า... ไม่ได้เรียนต่อ.... ผมก็อยากจะ... สอนเปียโนให้กับเด็กๆ... น่ะครับ”

...พลภัทรหัวเราะ

“จะเป็นครูสอนเปียโน? แล้วแกจะเอาอะไรที่ไหนกิน?” ชายผู้เป็นหัวหน้าตระกูลเอ่ยว่ากลั้วเสียงหัวเราะ

“เพราะพีทเลี้ยงแกมาหรือไง? ถึงคิดได้แต่อะไรที่มันแหกคอก”

“กรุณาอย่าเอาอาพีทเข้ามาเกี่ยวด้วยครับ!” ญาณัชสวนกลับไปอย่างสุภาพ แต่ก็มิอาจกดเก็บอารมณ์โกรธที่พุ่งพล่านขึ้นมาได้

“ทำไม ฉันจะเอาเข้ามาเกี่ยวไม่ได้? พีทมันทำตัวประหลาดนอกคอก พ่ออุตส่าห์ส่งเสียมันเรียนจบอย่างดี แต่กลับมาเป็นครูสอนศิลปะ แล้วยังเป็นพวกผิดเพศ เหอะ! เสียเงินเสียเวลากับคนไร้ค่าจริงๆ.... แล้วแกยังอยากจะเป็นแบบนั้นรึไง? นัท”

ปัณวิทย์ ได้แต่นั่งเงียบไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไป นัยน์ตาเรียวคมเหลือบมองพี่ชายต่างสายเลือดที่นั่งข้างๆ เขาเห็นว่าญาณัชกัดริมฝีปากไว้จนสั่นระริก

...เห็นหรือยังพี่เดฟ...

...เขารับไม่ไหวหรอก...

“................ ผม อิ่มแล้วครับ” ร่างบางฝืนใจเอ่ยตอบไปให้เรียบที่สุดก่อนจะตัดสินใจก้าวหนีออกจากห้องอาหารที่ชวนคลื่นไส้เสีย

...ผิดเพศ...

คำๆ นี้ฟังแล้วกระทบจิตใจชยางกูรอย่างรุนแรง ในขณะที่โลกทั้งโลกมีเสรีที่เปิดกว้างมากขึ้น การจะรักกับคนเพศเดียวกันก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องผิดขนาดนี้

นัยน์ตาสีฟ้าทอดยาวไปยังเก้าอี้ที่ว่างเปล่า..ถึงในใจจะนึกสงสารแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

...คุณจะทำยังไงนะ..ถ้ารู้ว่าลูกชายที่คุณกำลังเห่อคนนี้ก็เป็นเกย์..เหมือนที่คุณรังเกียจ...

“อัน ที่จริงผมว่าการสอนดนตรีมันก็ไม่ได้ไม่ดีตรงไหน แล้วการที่คุณเอาเรื่องอาของคุณนัทที่เสียไปแล้วมาพูดอย่างนี้สมควรงั้น เหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบ... ติดจะตึงท่ามกลางความเงียบชวนให้หายใจไม่ออกในห้องอาหาร

ชยางกูรไล่สายตาขึ้นมองปัณวิทย์ และแลเห็นเด็กหนุ่มกระชับคอเสื้อโดยไม่รู้ตัว

“แต่ มันไม่ยั่งยืน ฉันให้เงินเลี้ยงดูมัน มันก็ควรจะคิดมาช่วยงานในบริษัทบ้าง ไม่ใช่คิดอะไรง่ายๆสบายๆแบบนั้น!” พลภัทรไม่เก็บอารมณ์ไว้ แต่พูดต่อเพื่อยืนยันความคิดของตัวเองว่าถูกต้องแล้ว

“.....” ปัณวิทย์รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาเพราะรู้ดีว่าคนที่นั่งตรงข้ามพูดไปหมายจะปกป้องญาณัช

“ถ้า ทุกคนคิดแบบคุณป่านนี้ไม่มีพนักงานบริษัทเดินกันให้ว่อนแล้วเหรอ” ชยางกูรแค่นยิ้ม นึกเสียใจแทนลูกน้องที่ประธานบริษัทมีความคิดคับแคบเหลือเกิน

“คน เราก็ต่างมีหนทางของตัวเอง วันดีคืนดีผมอาจเบื่องานที่นี่ หอบของกลับไปสอนดนตรีหรือสอนศิลปะที่อเมริกาก็ได้ อันที่จริง... ถ้าคุณนัทเขาได้เรียนมหาลัยดนตรีคงไปได้ไกลกว่านี้ ในฐานะที่เป็นลุงของเขา คุณไม่คิดจะสนับสนุนเลยหรือครับ” ร่างสูงโยนลูกระเบิดใส่อีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม

ใช่ว่าเขาเพียงอยากปกป้องญาณัช..แต่เขาเกลียดคนที่มีทัศนคติในแง่ลบอย่างนี้

...หรือบางทีก็แค่อยากลองต้อนคนที่ทำร้ายปัณวิทย์ดูบ้าง...

“คุณพ่อเคยถามบ้างหรือเปล่าครับว่าผม...นันท์...หรือปันอยากทำอะไร ที่ไม่ใช่สิ่งที่คุณยัดเยียดให้ทำอยู่ตอนนี้”

“ฉันจะสนับสนุนแต่สิ่งที่ทำแล้วเห็นทางดีเท่านั้น! ฉันไม่อยากให้มันต้องลำบากตอนแก่!” ชายวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงเรืองอำนาจ

ปัณวิทย์พยายามส่งสายตาให้ชยางกูรเลิกพูดต่อปากต่อคำกับอีกคน

“ไม่ลำบาก...แต่ก็ไม่มีความสุข” ชยางกูรเปรยเบาๆแล้วตักข้าวเข้าปากจนหมด

“ผมไปล่ะครับ เซ็งๆ” ร่างสูงยกน้ำขึ้นดื่มแล้วลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร ทิ้งบรรยากาศอันกดดันไว้เบื้องหลัง

“.... ผม.... ก็อิ่มแล้วครับ” ปัณวิทย์รวบช้อนแล้วเดินตามออกไปเงียบๆ เขานึกเป็นห่วงญาณัชมากกว่าแต่พอเห็นแผ่นหลังของชยางกูรก็รีบก้าวตาม

“ปันเป็นห่วงพี่นัท”

“อย่าเพิ่งไปยุ่งกับเขาตอนนี้เลย...เดี๋ยวไว้สักพักพี่จะเข้าไปคุยกับเขาเอง” พูดตอนนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะอีกฝ่ายคงไม่อยากฟังอะไร

“แล้วปันตามมาทำไม เดี๋ยวคุณพ่อก็เขม่นเอาอีกหรอก”

“ก็ปันห่วงพี่นัท นั่งอยู่ตรงนั้นมันอึดอัด” เขาขมวดคิ้วหากัน

“เชื่อพี่เหอะ เข้าไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์” ชยางกูรถอนหายใจเบาๆแล้วดึงมือเรียวมากุม

“พี่ก็ดันของขึ้น ไม่รู้ว่าจะเกลียดอะไรนักหนา เป็นเกย์แล้วมันหนักหัวใครวะ... ถ้าเป็นโจร ติดยา ฆ่าคนก็ว่าไปอย่าง”

“อืม งั้นกลับห้องละกัน” เด็กหนุ่มพูดเสร็จก็ตัดสินใจเปิดประตูห้องของตัวเองออกแล้วให้ชยางกูรเดิน เข้าไปก่อนโดยอัตโนมัติ แต่ก่อนที่จะได้ปิด เขากลับเห็นร่างของเชฟผมทองยาวที่มาทำอาหารให้ที่บ้านเปิดประตูออกมาโดยมีญา ณัชอยู่ในอ้อมกอด

“เฮ้ย!....” ชยางกูรเงียบเสียงลงหากแต่นัยน์ตาสีฟ้ากลับมองอย่างไม่ละสายตา

ผู้ชาย ร่างสูงผมทองที่เป็นเชฟกำลังกอดประคองคนผมยาวตัวเล็กด้วยท่าทีที่แค่มอง เผินๆก็รู้ว่าทะนุถนอมแค่ไหน นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างมองภาพตรงหน้า...โดยไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

หรือว่าคุณนัทกับคุณเชฟ...

ปัณวิทย์ พูดไม่ออก เพราะไม่คิดว่าจะเห็นจังๆแบบนี้ ต่อให้โง่แค่ไหนก็ต้องดูออกว่าคนสองคนมีความสัมพันธ์แบบไหน เด็กหนุ่มรอให้อีกคนทั้งสองเดินจนลับสายตาไปแล้วค่อยปิดประตูห้องลง

“........”

“เห็นแบบที่พี่เห็นป่ะ” แม้จะยังตกใจอยู่บ้างแต่น้ำเสียงที่พูดออกมากลับปกติเสียจนตัวเองยังแปลกใจ

...ก็แหง เขาไม่ได้ชอบญาณัชแล้วนี่นา

“เป็นเกย์ก็ไม่บอกแต่แรก...เสียดาย...” นัยน์ตาเจ้าชู้ยิ้มกริ่มก่อนจะเสตาแอบมองคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

...ปฏิกิริยาจะเป็นยังไงมั่งนะ

...จะหึง..บ้างหรือเปล่า...

“....” แต่เจ้าของห้องกลับทำเพียงพ่นลมหายใจออกมาแล้วเดินหนีไปอีกทาง

...เสียดายนักเรอะ...

...น่าหมั่นไส้...

“......รู้งี้จีบดีกว่า” คนแกล้งยังไม่ยอมลดละ

“เนอะ ปันว่ามะ”

“ก็จีบไปดิวะ มาถามอะไรปัน” เขาทำเสียงขุ่นแล้วค่อยถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกเหวี่ยงไปบนเตียงกว้าง

...น่ารำคาญเป็นบ้า...

“ก็ ถามความเห็นปันไง อยากให้คุณนัทเป็นแฟนพี่ป่ะ จะได้รุกเลย....” ร่างสูงยิ้มเย้าแล้วเอากล่องเค้กวางไว้ข้างเตียง พร้อมหยิบก้อนขนกลมๆสองตัวขึ้นมาลูบเล่น

“ไง..ฟูฝุ่น เราก็ผู้ชายทั้งคู่เหมือนกันใช่ไหม”

“ปันเกี่ยวไรด้วยวะ อยากได้พี่นัทเป็นแฟนก็รุกเองดิ” ปัณวิทย์นึกโมโหที่อีกฝ่ายเอาแต่พูดถึงญาติของเขาอย่างนั้น

...ก็สเป็คไม่ใช่หรือไง...

...จะถามไรนักหนาวะ...

“ก็ถ้าปันไม่อยากให้จีบก็ไม่จีบไง” ชยางกูรดึงเสื้อเชิ้ตที่อีกฝ่ายเขวี้ยงไว้บนเตียงมาห่อเป็นม้วนกลมแล้วหนุนต่างหมอน

“มานี่มา...กอดที่ดิ๊”

“กอดอะไร” เด็กหนุ่มเดินมายืนมองที่ข้างเตียงแล้วคว้าเอาเสื้อตัวเองที่อีกฝ่ายใช้หนุนนอนมา

“กอดปันไง” รอยยิ้มเจ้าชู้ยกยิ้มก่อนมือใหญ่จะเอื้อมไปดึงข้อมือ

“คุณนัทเฟลไปแล้ว เป็นปันก็ได้เนอะ”

ถ้าพูดถึงขนาดนี้แล้วจะมีท่าทียังไงนะ....

“จีบปันแทนแล้วกัน”

...ทำไมต้องพูดเหมือนเป็นของแถมวะ...

“ไม่ให้จีบ! ไม่ใช่ของแถม!!”

“งก.....” ปลากเสียงลากยาวก่อนจะแผ่วลง ชยางกูรดึงปัณวิทย์เข้ามาให้ล้มใส่ร่างแล้วกอดเอาไว้เบาๆ

“จีบไม่ได้เหรอ...”

น่าแปลกที่พอตัวเองถูกรวบเอาไว้แบบนี้ต้องรู้สึกเคอะเขินจนหัวใจเต้นแรงขึ้นมา ปัณวิทย์ไม่อาจหาคำตอบให้กับตัวเองที่แปลกไปแบบนี้ได้

“... ไม่...” น้ำเสียงดุๆในตอนแรกฟังแผ่วลงเมื่ออีกฝ่ายจ้องเข้ามาจังๆ

ใน ขณะที่นอนกอดปัณวิทย์ ความอบอุ่นที่ไม่รู้จักชื่อกำลังปกคลุมหัวใจที่อ่อนไหว ใช่ว่าเขารักปัณวิทย์เป็นคนแรก...ความรู้สึกที่คล้ายอย่างนี้เกิดขึ้นมาแล้ว หลายต่อหลายครั้ง

...แต่ไม่เคยมีครั้งไหนจริงจังเท่านี้เลย...

“ปัน อย่ามาทำหน้าน่ารักอย่างงี้ได้ป่ะ...สรุปว่ายอมให้จีบ..นะครับ” ปลายจมูกโด่งไล้ที่ผิวแก้มขาวซึ่งซับสีเรื่อบางเบา กลิ่นละมุนคล้ายแปลงเด็กผสมกลิ่นสดชื่นของกลิ่นกายปัณวิทย์ทำให้อยาก คลอเคลียอยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ

“พี่เอาจริงนะ....”

ปัณวิทย์ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ทั้งๆที่จะตอบไปก็ได้ว่าไม่ แต่กลับรู้สึกไม่อยากทำให้ร่างสูงต้องรู้สึกผิดหวัง

...จีบยังไงก็ไม่ติด...

เด็กหนุ่มพร่ำบอกคำนั้นกับตัวเองในใจหลายรอบ เขาหลบสายตาชยางกูรแล้วขยับใบหน้าหนีทั้งที่ใจเต้นระรัว

“... ไม่ติดหรอก.........”

“ก็ยังไม่ลอง...จะรู้ได้ไง” ชยางกูรกระซิบเสียงแผ่ว

“ปันไม่รักพี่เหรอ” เสียงทุ้มหวานยังคงรุกรานไม่เลิก และต่อให้อีกฝ่ายจะตัดทอนกำลังใจยังไง... ชยางกูรก็เชื่อว่าหน้าตัวเองทนกว่า

.......จะให้งุบงิบอุบอิบเป็นพระเอกงี่เง่า ให้ตายก็คงไม่ได้

“ไม่... จะยังไง...” เขารู้ตัวนิดหน่อยว่าเริ่มพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่คล้ายกับน้ำเสียงหวานนั้นเป็นตัวทำให้เขาเริ่มเคลิ้มไป

...จะรักได้ยังไง...

...ผู้ชายด้วยกัน...

“ปันใจร้าย....” น้ำเสียงทุ้มหวานอ่อนตัดพ้อข้างๆใบหูกลมมนที่ถูกลมหายใจเป่ารดจนแดงระเรื่อเฉกเช่นผิวแก้มที่แนบชิด...

“....เกลียดเหรอ...”

“.... ก็............”

...ไม่ได้เกลียด...

...แค่ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงเว้ย!!

แต่พออ้าปากจะตอบกลับพูดอะไรไม่ได้ทั้งนั้น

เพราะสายตาที่อีกฝ่ายจ้องมองมามีแต่ความหวานซึ้งจนใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด

“.....ก็?” นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างมองคนตรงหน้าอย่างเปิดเผย ชยางกูรเกลียดการปิดบังความรู้สึก เพราะรู้สึกเหมือนเป็นการหลบซ่อนตัวจริงและหลีกเลี่ยงที่จะยอมรับ

..รักก็ว่ารัก เกลียดก็ว่าเกลียดจะยากอะไร...

“.......อย่าเกลียด...เลยนะ...”

“... ไม่ได้เกลียด... พอป่าว” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแล้วหันใบหน้าหนี

มือใหญ่ตามไปแตะที่ข้างแก้มแล้วดันเบาๆให้กลับมาสบตาเหมือนเดิม

“ไม่ ได้เกลียด...แต่ไม่รัก...ให้ความหวังกันอย่างนี้มันเจ็บนะปัน” ...ถ้าปัณวิทย์ยอมรับเขา...ยอมรับสิ่งที่เป็นความรู้สึกที่แท้จริงเมื่อไหร่ คำตอบคงไม่ลังเลแบบนี้

“อย่าคาดคั้นดิ! ไม่รู้ก็ไม่รู้.... ดิวะ” เขาหลบตาเมื่อไม่สามารถหันหนีได้ เพราะไม่สามารถหาคำตอบที่ชัดเจนได้เลยสักนิดเดียว

“ถ้ารู้เมื่อไหร่...บอกพี่นะ...” ริมฝีปากอุ่นๆแนบจุมพิตหวานทักทายบนเรียวปากสีอ่อน

“...........อย่าให้พี่ต้องรู้สึกคนเดียว”

“ร... รู้แล้ว” รสจูบหวานๆที่ไม่เคยได้สัมผัสและไม่เคยทำมาก่อนทำให้นัยน์ตาคู่เรียวปิดลงช้าๆ

ชยางกูรจูบเนิ่นนาน....ก่อนจะถอนจุมพิตที่หวานไปถึงหัวใจออก

ถ้ามากกว่านี้..จะอดใจไม่ไหว

“กินเค้กนะปัน” ร่างสูงลุกขึ้นนั่งแล้วคว้ากล่องขนมที่อยู่ใกล้ๆมาถือ

“อ... อือ กินเค้ก วันนี้มีเค้กไรมั่งอะ” เด็กหนุ่มขยับลุกตามพลางยื่นคอรอดูชยางกูรเปิดกล่องเค้กออก

“เหมือนเดิม ของชอบปัน” ชยางกูรหยิบเค้กชิ้นไม่ใหญ่นักออกมาจากกล่อง บลูเบอร์รี่ชีสพายฉ่ำนุ่มถูกเอามาจอรอที่ปากคนนั่งข้างๆ

“อ่ะ อ้ำ”

“ก... กินเองได้” ปัณวิทย์ตอบหน้ายุ่ง แต่ก็ต้องยอมแพ้เมื่ออีกฝ่ายไม่มีท่าทีว่าจะยอมฟังง่ายๆ

...ช่างมันเถอะ...

...แค่นิดเดียว...

ใบ หน้าตอนกำลังกินดูน่ารักจนอยากจะดึงเข้ามาฟัด ริมฝีปากที่อ้าแล้วงับเบาๆเฉียดปลายนิ้วดูยั่วยวนจนอยากไล้เลียด้วยปลาย ลิ้น...แม้แต่นัยน์ตาสีเข้มและคิ้วขมวดก็ยังดูน่าเอ็นดู

...ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ...

...ถึงได้มานั่งพร่ำเพ้อเป็นบ้าขนาดนี้...

“ทำไมคุณพ่อต้องเกลียดเกย์ขนาดนั้นด้วยนะ...” คำถามที่ยังคาใจพึมพำเบาๆหลังป้อนเค้กจนหมด

“ไม่รู้หรอก ปันไม่เคยถาม” เจ้าของห้องพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉยขณะรอพายคำต่อไป เขาไม่เคยรู้สาเหตุว่าทำไมแต่ไม่ได้คิดถาม

...เพราะไม่เคยคิดว่าสำคัญ...

“ไม่รู้ดิ่ คุณพ่อกับอาที่เสียไป...อาพีทใช่ไหม” ชยางกูรเลิกคิ้วถามก่อนจะพูดต่อ

“เขา มีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่าถึงต้องจงเกลียดจงชังขนาดนี้ ดูงี่เง่าชะมัด” ปลายนิ้วปาดเศษพายที่มุมปากให้เบามือแล้วส่งเข้าปากตัวเองด้วยอาการที่ดู เป็นธรรมชาติ

“ไม่รู้ เรื่องของผู้ใหญ่ปันไม่เคยถามหรอก” มือข้างหนึ่งเอื้อมไปจับมือของชยางกูรให้ตักพายแล้วป้อนเข้าปากตัวเองพลาง เคี้ยวหยับๆหน้าตาเฉย

“นี่จะกินมือกันหรือไง” ชยางกูรหัวเราะเบาๆแล้วยอมให้กินแต่โดยดี

“แล้วถ้าเขารู้ว่าพี่กับปัน....จะเป็นไงมั่งไม่รู้เนอะ”

“ไม่! ไม่ได้! พูดอะไรน่ะ!” เขาตอบแทบจะทันที ร่างเล็กขยับห่างจากขนมทันที เรื่องที่อีกฝ่ายพูดออกมานั้นยังไงก็ไม่เอาด้วยแน่ๆ

“กลัว อะไร” นัยน์ตาคมมองอย่างไม่เข้าใจ เขาไม่ได้คิดจะบอกพลภัทรอยู่แล้ว แต่พอปัณวิทย์ปฏิเสธอย่างชัดเจนอย่างนี้ก็อดเจ็บขึ้นมาในใจไม่ได้

“เรื่องระหว่างเราไม่มีอะไรผิดสักหน่อย....”

“พอ แล้ว ไม่เอา ไม่อยากพูดเรื่องนี้ ปัน... ไว้พูดกันทีหลังนะ” เพราะรู้ว่าถ้าทำทีโมโหหรือขึ้นเสียงใส่ชยางกูรจะมีท่าทีอย่างไร เขาจึงเลือกใช้น้ำเสียงที่นิ่มนวลลง

...อย่าใช้คำว่าระหว่างเราได้ไหม...

...มันไม่ได้มีอะไรสักหน่อย...

...อย่ายัดเยียดความรู้สึกมาแบบนี้...

“อืม...” ถึงจะกล่าวรับคำ แต่ในความรู้สึกกลับตรงกันข้าม

ชยา งกูรรู้...ว่าแม้ปัณวิทย์จะยอมให้กอด แต่ในส่วนลึกแล้วยังคงต่อต้านในสิ่งที่เขาทำ..คล้ายกับไม่อยากจะยอมรับตัวตน ที่ถูกเขาทำให้หวั่นไหว

“กินเค้กอีกไหม”

...ที่ทำได้ในตอนนี้ คือปล่อยให้เด็กหนุ่มคนนี้คิดได้เองเท่านั้น

ปัณวิทย์รู้สึกได้ถึงน้ำเสียงและแววตาที่ดูหมองลง เขาจึงขยับเข้าใกล้แล้วเอ่ยตอบ

“อือ ป้อนคืนก็ได้”

...ทำไมต้องรู้สึกผิดแบบนี้ด้วย...

“....ปันจะให้พี่ทำตัวยังไง”

...ถ้าไม่ชัดเจน แต่ยังทำดีด้วยอย่างนี้ เท่ากับว่าให้ความหวังกันไม่ใช่หรือไง

“ถ้าล้อกันเล่นอย่างนี้ไม่เอาหรอกนะ” ร่างสูงจ้องลึกในดวงตาสีเข้มของคนฝั่งตรงข้าม ราวกับจะค้นหาความหมายที่ซ่อนอยู่

“... ไม่ได้ล้อเล่น แต่ปันไม่รู้ อย่าคาดคั้นกันแบบนี้ได้ไหม... ถ้าปันไม่อยากทำใครจะบังคับปันได้เหรอ” เด็กหนุ่มเอ่ยคืนพลางตัดเค้กออกมาคำหนึ่ง

“จะป้อน... กินป่าว” คิ้วขมวดเข้าหากันนิดหน่อยพร้อมๆกับใบหน้าสีเข้มขึ้น

...มันน่าอายนะเว้ย...

...อย่างี่เง่าดิวะ...

ริมฝีปากอ้างับโดยไร้คำพูดใดๆ เขาจับมือเด็กหนุ่มไว้แล้วค่อยๆลิ้มรสหวานอมเปรี้ยวของเค้กที่อยู่ในปาก...และในบรรยากาศ

“พี่เป็นคนขี้หวงนะปัน...” ประโยคปริศนาเอ่ยออกไปพร้อมรอยยิ้มหวาน

“อือๆ” พอเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของอีกฝ่าย ปัณวิทย์ถึงได้รู้สึกสบายใจขึ้นบ้างขณะดึงมือคืนมาตักอีกคำให้

...ก็ไม่ได้เกลียดอะไร...

...แต่ปันไม่ได้ชอบผู้ชาย...

...ไม่ได้หรอก...

...ใช่ไหม...

“ยิ่งของที่พี่รัก...พี่ยิ่งหวงนะ”

แทน รสหวานอมเปรี้ยวของเค้ก ความหอมหวานของริมฝีปากตรงหน้ากลับถูกฉกชิมรสแทน..ปลายลิ้นอุ่นๆไล้เลียกลีบ ปากด้านในแล้วสอดเข้าไปทักทาย..จนเจ้าของพอใจ

“หวานเนอะ...” พูดจบก็ถอนตัวออกมาด้วยนัยน์ตาวับวาว

ปัณวิทย์คิดว่าตัวเองต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่รู้สึกราวกับกำลังตกหลุม-- ลุ่มหลงในรสจูบของอีกฝ่ายคล้ายกับมัวเมา

“อ... อืม....” นัยน์ตาเลื่อนหลบก่อนจะถามต่อ

“กินอีกปะ”

“ที่ให้กินอีกน่ะ...เค้กหรือปากปัน” ดวงตาพราวสีฟ้าสว่างยังคงจ้องมองเช่นเดิม หากแต่มือใหญ่กลับเลื่อนมาจับแก้มไว้เบาๆ

“หืม?...ว่าไง”

“!!!??!! ถ-- ถามอะไรแบบนั้น!!! เค้กดิวะ!!!” พูดจบก็รีบยกส้อมยื่นใส่หน้าชยางกูรแทบจะทันที

“คร้าบๆ เค้กก็เค้ก” เขาเอาปากงับปลายส้อมไว้เบาๆแล้วรูดมันเข้าไปในริมฝีปาก

...ถ้าความสุขมีหน้าตา....

...คงหน้าเหมือนตัวเองตอนนี้ล่ะมั้ง...

“... พูดมากไม่ป้อนนะเว้ยครับ” ปัณวิทย์ทำบ่นแล้วตักให้อีกคำ

...ซึนเดเระ...

...ก็คงหน้าตาอย่างไอ้คุณน้องปันนี่ล่ะนะ...





To Be Continued....



หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 12 [21/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 22-06-2012 06:03:16
พี่เดฟก็ชอบแกล้งนะ ปันยิ่งเป็นคนคิดมากอยู่ด้วย  :o11:



อ่านไปก็ลุ้นไป กลัวพ่อปันมาเจออ่ะ  :m29:



 

หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 12 [21/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 22-06-2012 08:29:34
อยากรู้เรื่องของนัทกับเชฟแล้วแหละ
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 12 [21/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 22-06-2012 17:12:15
อยากรู้เรื่องของนัทกับเชฟแล้วแหละ

คุณเชฟน้องนัทเป็นคู่ในเรื่อง My all ซึ่งเป็นเรื่องแรกของซีรีย์ค่ะ เรื่องจบไปนาน(มาก ฮ่าๆ)แล้ว แต่ไม่ได้เอามาลงในเล้าน่ะค่ะ

สปอยล์(?)คร่าวๆก็คือ

เป็นเรื่องของคุณเชฟที่เข้ามาเป็นเชฟพิเศษให้บ้านประสิทธิ์พรวิวัฒน์(บ้านน้องนัท น้องปัน พี่เดฟ) ได้เจอกับน้องนัทที่เป็นเด็กมีปัญหา อาเสีย ชอบกรีดข้อมือตัวเอง คุณเชฟและสองน้องหมาช่วยกันละลายน้ำแข็งในตัวน้องนัท สุดท้ายก็รักกัน น้องนัทออกจากบ้านไปอยู่กับคุณเชฟ เปิดร้านอาหารกันสองคน ซึ่งเนื้อเรื่องของตอนเปิดร้านแล้วจะมีโผล่แว้บๆในเรื่อง Rainny day ซึ่งเป็นเรื่องที่สองในซีรีย์ค่ะ (เรื่องนี้มีลงในเล้านะคะ แต่อยู่ในห้องไม่ได้มาต่อจนจบ55 กำลังจะโพสท์ให้จบในเร็วๆนี้ค่ะ)

ป.ล. ซีรีย์นี้มีสามเรื่องค่ะคือ

 My all (คุณเชฟน้องนัท คุณธัชอาพีท)- ลงในเด็กดี

Rainny day (พี่หมอน้องรัน พี่รามพี่ธัน) - ลงในเล้ากับเด็กดี

Scar ตราบาปไร้รอยเลือน (พี่เดฟน้องปัน และคู่ลับที่จะมาในเร็วๆนี้) - ลงในเล้ากับเด็กดี

จากนั้นคนเขียนทั้งสองก็ลงความเห็นว่าเราควรไปจากบ้านประสิทธิ์พรวิวัฒน์ซะทีเหอะ 555
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 12 [21/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 22-06-2012 18:11:28
น้องปันน่ารักเนอะ :-[
พี่เดฟอย่าเพิ่งคาดคั้นน้องเลย น้องคงเปลี่ยนไม่ได้ภายในวันสองวันหรอก
ต้องให้ความอบอุ่นน้องเยอะๆ ชดเชยกับสิ่งที่น้องต้องเสียไปนะ
ว่าเมื่อไหร่คุณพ่อบ้าอำนาจจะหมดบทซะที เกลียดจะแย่แล้ว :m16:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 12 [21/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 22-06-2012 19:17:48
พอเชฟมาโผล่ที่นี่นิดหน่อยชักคิดถึง..หลังจากอ่านทั้ง 2 เรื่องมานานแล้ว คงต้องกลับไปอ่านอีกรอบ...กว่าน้องนัชจะรับรักท่านเชฟ..ยังคิดถึงแฟนเก่าท่านเชฟอีกนะ...น่ารักดี        หนูปัน...รีบ ๆ รู้ความรู้สึกตัวเองซะ..เร็ว ๆ นะเดี๋ยวคนอื่นมาฉกพี่เดฟไปจะหาว่าไม่เตือน... :o8:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 12 [21/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 23-06-2012 11:31:57
ลุ้นๆ น้องกำลังกลัว คุณพ่อก็ใจร้ายจัง  :m31:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 12 [21/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kasune ที่ 23-06-2012 13:04:03
ช่วงแรกร้องไห้กับเรื่องนี้แทบทุกตอน TvT
โดยเฉพาะช่วงคุณพ่อ...
เราแพ้เด็กที่ขาดความรัก ความอบอุ่นมากถึงขนาดต้องร้องไห้มากอะ
//ตาจะบวมมั้ยนี่..ต้องไปเรียนอีก  :เฮ้อ:
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 12 [21/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 23-06-2012 19:47:25
สนุกมากๆค่า
ชอบน้องปัน ทั้งน่ารัก น่าสงสารเลยอะ
พี่เดฟต้องดุแลดีดีนะคะ
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 12 [21/06/12] ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 24-06-2012 02:10:42
นั่นสิ ทำไมพ่อของเดฟต้องเกลียดเกย์นะ ฮืมมมม  :m16:
รอนะฮะ  ^^
หัวข้อ: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 13 [24/06/12] ดราม่าเบาเบา
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 24-06-2012 21:23:09
Kagehana : กลัวจะหวานเกิน เอาดราม่ามาปล่อยเบาๆ ฮิฮิ





-13-




“ปันคร้าบบบบ ขอพี่อัสซี่ตรวจการบ้านหน่อยครับ เดี๋ยวพี่ช่วยดูให้”


“เออๆ” เขาตอบพลางหัวเราะขำ


“เฮ้ย ช่วงนี้มีปาร์ตี้ปะวะ” ปัณวิทย์ส่งการบ้านให้อีกฝ่ายแล้วเอ่ยถาม


“เฮ้ย มีป่าววะ ศิวลึงค์” ว่าจบอาธิปก็คว้าการบ้านมาลอกยิกๆ


“เหี้ย!” ศิวะตบหัวไอ้คนกวนตีนทันที


“ไรวะ มึงอยากเหรอปัน...ปกติไม่เห็นเคย จะไปแดกเหล้าบ้านกูป่ะล่ะ”


“มีสาวๆปะ” ปัณวิทย์หยิบหนังสือของตัวเองออกมาอีกเล่ม


“โห... น้องปันของกู เลิกกะเมียแล้วหื่นแตกเลยเหรอวะ น้อยๆหน่อย เกรงใจกูบ้าง คนแม่งโสดไร้แฟน” อาธิปที่ก้มหน้าก้มตาลอกอยู่ถึงกับเงยขึ้นมามอง


“ไมวะ เดี๋ยวนี้พี่เดฟไม่รักเหรอ มึงเลยต้องมาหาสาวเนี่ย”


“พี่เดฟเกี่ยวเหี้ยไรวะ!” เด็กหนุ่มถามเสียงขุ่น


“แม่งก็กวนตีนไปงั้นแหละมึง ไอ้อัฐมันปากไม่อยู่สุข” ศิวะพูดยิ้มๆแล้วตบบ่าปัณวิทย์เบาๆ


“ไม่มีหญิงว่ะ หรือถ้าอยากมีหญิงกูพาแอบเข้าผับมะ เดี๋ยวเอารถไปรับบ้านมึง หรือไม่มึงก็ชวนพี่เดฟไปด้วย”


“ไม่ต้องชวนอะ ไปกันเองแหละ” ปัณวิทย์รีบห้ามทันที เพราะว่าตัวปัญหาที่ทำให้เขาคิดอยากเที่ยวก็คือชยางกูร


...ลองดูก็รู้...


“มึงกลัวพี่เดฟแย่งสาวอะดิ่” คนที่โงหัวจากการบ้านได้ยังปากดีไม่เลิก อาธิปยิ้มกว้างจนตาหยีให้อีกทีตบท้าย


“ไปวันไหนดีอ่ะ”


“เย็นนี้ปะ” รอยยิ้มกวนประสาทปรากฏขึ้นก่อนจะนึกไปถึงอีกคน


...ทำไมต้องนึกกังวลวะ...


“....มึงแปลกว่ะปัน” ศิวะพึมพำเบาๆ หลังจากสองอาทิตย์ที่ปัณวิทย์หยุดเรียนไปดื้อๆ พอกลับมาเพื่อนคนนี้ก็มักพูดถึงเรื่องเที่ยวเรื่องสาว... ซึ่งปกติเจ้าตัวก็ไม่ได้ชอบขนาดนั้น


...ถ้าเป็นไอ้อัฐก็ว่าไปอย่าง...


“จะรีบไปไหนวะ ทำท่าอย่างกับมึงจะหาสาวหนีอะไรอย่างงั้นแหละ”


“ก็กูบอกแล้วมันเป็นเมียพี่เดฟ แม่งหาสาวหนีพี่เดฟแหง ฮ่าๆๆ”


“เหี้ยแล้วครับ! กูไม่ขำแล้วสัด” ปัณวิทย์ตอบพร้อมสีหน้าหงุดหงิดชัดเจน


“ทำไมวะ ก็กูเซ็ง”


“ไรว้า กูแซวนิดแซวหน่อยทำวีน ติดจากน้องไอซ์เหรอ” อาธิปปิดสมุดแล้วส่งคืนให้พลางยิ้มประเหลาะเอาใจ


“ไปๆ วันนี้ก็วันนี้ พี่อัสซี่จะพาน้องๆหนูๆไปเปิดหูเปิดตา”


ศิวะลอบมองใบหน้าที่ฉายแววขุ่นมัว...แปลกไปจริงๆ...แต่จะให้ซักไซ้ไร่เรียงก็ไม่ใช่นิสัย


...ถ้ามันอยากมันก็เล่าเองละวะ




//////////////



เสียงลมหายใจหอบแผ่วดังจากคนสองคนที่มุมมืดของผับ เด็กหนุ่มร่างโปร่งบางดันเอาร่างเล็กของคนที่ยังจำชื่อไม่ได้ให้ติดผนังอาคารแล้วตามประกบริมฝีปากลงบนลำคอขาวระหง


เด็กสาวหัวเราะคิกคักพลางยกมือโอบศีรษะคนตรงหน้าให้เข้ามาแนบชิด ริมฝีปากเคลือบสีชมพูอ่อนจูบเบาๆข้างแก้มของปัณวิทย์ราวกับจะทำตราจองไว้


“ทะลึ่งนะคะ...” นัยน์ตากลมโตหวานเย้มจ้องมองใบหน้าพลางแย้มยิ้มยั่วยวน


“หึ...” ปัณวิทย์หัวเราะในลำคอก่อนจะเอื้อมมือลงไปลูบไล้ทรวงอกเต่งตึงนุ่มมือพลางขบเบาๆตรงแนวไหปลาร้าที่โผล่พ้นเสื้อคอกว้างออกมา


“อื๊อ...” เด็กสาวคราวเสียงแผ่วหวิว เธอเบียดกายและหน้าอกอวบอัดเข้ากับใบหน้าที่ซุกลงมา ขาเรียวใต้กระโปรงสั้นยกขึ้นเสียดสีท่อนล่างของเด็กหนุ่มเบาๆ


“อย่าทำ...ตรงนี้สิ...ออกไปต่อกันนะ...”


“....” เด็กหนุ่มรู้สึกได้ถึงสัมผัสจากเรียวขา แต่กลับไม่รู้สึกอะไรเพิ่มเติมนอกจากแรงเสียดสีเท่านั้น กลับกัน ปัณวิทย์รู้สึกว่าตัวเองเฉยชากับทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้มากเกินไป หากเป็นปกติ ป่านนี้เขาคงไม่อยากจะให้มันหยุดแค่ที่ตรงนี้แล้ว


“ก็ได้... ออกไปต่อกันนะ” รอยยิ้มปรากฏขึ้นทั้งๆที่ในอกรู้สึกหวาดหวั่น เพราะอาการที่แสดงออกมันชัดเจนเกินไป


...เหี้ยแล้วไอ้ปัน...


...งานเข้าโคตรๆ...


ใบหน้าของชยางกูรลอยเข้ามาในโสตประสาท น้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยกระซิบข้างใบหูยังจำได้ดี สายตาคมที่มักจะจ้องตอบมามักทำให้ใจเต้นรัวแรงขึ้น


...ไม่...


...ไม่...


...ไม่ใช่สิ!!!


เด็กสาวกอดแขนเอาไว้พลางเบียดตัวเข้าหา ปลายผมยาวคลอเคลียกับแผ่นอกได้รูป เธอดึงปัณวิทย์ขึ้นไปยังชั้นสองของร้านก่อนจะผลักประตูห้องวีไอพีที่เปิดอ้าอยู่เข้าไป



“ที่นี่ก็สะดวกนะ... มีห้องมีเตียง อุปกรณ์ครบ” เสียงหวานเอ่ยฉอเลาะแล้วปิดประตูลง


“ปันเท่จัง... เค้าชอบนะ...” มือนุ่มนิ่มไล้บนแผ่นอกที่มีเสื้อเนื้อบางกั้นไว้


“อืม... เหรอ...” นัยน์ตาเรียวหรี่ลง พยายามปล่อยตัวให้ไปตามสบายตามสัมผัสอีกคน


...แค่ติดกับคำของพี่เดฟมากไปน่า...


เด็กสาวกึ่งลากกึ่งจูงคนที่มาด้วยไปที่เตียง มือเล็กๆผลักเบาๆให้ปัณวิทย์นอนลงกับเตียงก่อนที่ปลายนิ้วเรียวจะเกี่ยวกระดุมออกให้ทีละเม็ด


ร่างเล็กแยกขาคร่อมเอวของคนที่นอนอยู่แล้วก้มลงเบียดทรวงอกอวบอัดเข้ากับกล้ามเนื้ออีกฝ่ายอย่างจงใจ แต่ก็นึกขัดใจนิดหน่อยว่าหากเป็นคนอื่นป่านนี้คงไม่นิ่งเฉยขนาดนี้


ไอ้อ่อนเอ๊ย...เด็กสาวลอบนึกในใจ


“ปัน...เป็นไรปะคะ...”


“เปล่า......” เขารู้สึกได้ว่าร่างกายเย็นเฉียบจากด้านใน ยามที่ปลายเล็บของเธอกรีดเบาๆไปตามผิวกายกลับไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกใดใดแม้แต่น้อย


“....... ไปข้างล่างเถอะ ผมไม่มีอารมณ์แล้ว” คิ้วของเด็กหนุ่มขมวดเข้าหากันพลางขยับตัวลุกขึ้น


เด็กสาวหน้าตึงขึ้นก่อนจะชักสีหน้าทันที ฝ่ามือเรียวตวัดตบใบหน้าเด็กหนุ่มพร้อมแถมปลายเล็บเกี่ยวที่แก้มจนเลือดซิบ


“ทุเรศ!! เฮงซวยห่วยแตก!! ไม่มีอารมณ์มันต้องฉันมากกว่าย่ะ! นอนนิ่งเป็นปลาตายเซ็กส์เสื่อมหรือไง แม่งเอ๊ย...ไปตายซะไป๊!”


เด็กสาวลุกขึ้นอย่างหงุดหงิดพลางก่นด่าไม่เหลือคราบสาวน้อยแสนหวาน เธอจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่ก่อนจะปรายตามองแล้วยิ้มเยาะ


“ทีหลังอย่าชวนใครอีกล่ะถ้าเป็นเกย์แบบนี้ ไปหาผู้ชายไป๊ ไอ้ตุ๊ด!” ว่าจบก็เดินลงส้นปึงปังปิดประตูใส่หน้าจากไปทันที


...เกย์...


...จริงๆน่ะเหรอ...


ปัณวิทย์ยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองเบาๆก่อนจะสัมผัสได้ถึงของเหลวบางอย่าง


“เลือดออกเลยเหรอวะ...” เขาแค่นหัวเราะให้กับตัวเองอย่างสมเพชแล้วลงจากเตียงเพื่อเดินลงมาข้างล่าง


...เหี้ยชีวิต...


สายตามองไปเห็นเพื่อนสองคนเต้นอยู่กับสาวก็ไม่อยากขัด พอเหลือบมองไปอีกทางก็เห็นว่ามีฝรั่งร่างใหญ่มองมาทางเขา


สายตาที่ใช้มองมาดูปราดเดียวก็รู้ว่าต้องการอะไร


...เอาไงดีวะ...


...ถ้าโดนแตะแล้วตั้งก็เหี้ยจริงๆละปัน...


ปัณวิทย์ทำทีเป็นเดินผ่านกลุ่มคนมากมายไปทางนั้น


...เอาวะ...


ทันทีที่นัยน์ตาสีควันบุหรี่มองเห็นเด็กหนุ่มที่เดินมาทางตนเอง รอยยิ้มพึงพอใจก็แตะขึ้นบนใบหน้า พออีกฝ่ายทำท่าจะเดินผ่านอย่างลังเล มือใหญ่เลยเอื้อมคว้าไว้


“Hi”


เขาเอ่ยทักไปแล้วแตะมือลงบนสะโพกเพรียวนุ่มมือก่อนจะบีบเบาๆ ฝรั่งร่างสูงยิ้มให้อีกครั้งพร้อมแววตาที่สื่อความนัย เช่นเดียวกับมือที่ลูบไล้บนสะโพกได้รูปไม่ห่าง


แม้จะตกใจแต่ร่างกายของเขากลับรู้สึกวาบหวามขึ้นมาเพียงได้สัมผัสจากคนแปลกหน้า


“Sorry,” ปัณวิทย์เบนตัวหนีออกมาทันทีพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวแรง


...ไม่จริง...


...อะไรวะ...


...เหี้ยเอ๊ย...


เพียงแวบเดียวเด็กหนุ่มก็ปราดเข้าถึงตัวของเพื่อนทั้งสอง


“เฮ้ย กูกลับก่อนนะ” กระทั่งเสียงที่พูดออกไปก็ยังฟังดูอ่อนแรงกว่าที่เคย


“เฮ้ย ไรว้า” อาธิปยกมือขอโทษสาวน้อยข้างๆแล้วหันมาหา


“ไหนมึงว่าจะหิ้วสาว รีบกลับไมวะ”


“ปวดหัวว่ะ พวกมึงหนุกไปเหอะ เดี๋ยวกูกลับเอง” ปัณวิทย์ตอบห้วนๆแล้วหันหลังให้ทันที ถ้าเรียกแท็กซี่กลับบ้านตอนนี้คงไม่เป็นไรเพราะวันนี้พลภัทรอยู่หัวหินกับเพ็ญแข ไม่มีใครมารอว่าแน่ๆ


“เฮ้ยปัน มึงไม่เรียกให้พี่เดฟมารับวะ ปวดหัวกลับคนเดียวได้ไง” ศิวะพูดแย้งแล้วเดินไปจับไหล่ไว้


“มึงเป็นไรรึเปล่าววะ แปลกๆนะมึงอ่ะ”


“เออ! เจอกันพรุ่งนี้เว้ย”




////////////



เมื่อเขาเปิดประตูห้องออกมา ก็พบว่าชยางกูรนอนแผ่อยู่บนเตียงกว้างโดยมีเจ้าฟูเจ้าฝุ่นขดตัวอยู่บนท้อง


ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ทันทีที่เห็นหน้าอีกฝ่าย ปัณวิทย์กลับอยากร้องไห้ออกมา


...ทำให้ปันวุ่นไปหมด...


“ไปไหนมาปัน”น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามทั้งๆที่ยังหลับตา


“พี่กลับมาก็ไม่เห็น...นี่มันกี่ทุ่มแล้ว”


“.........” ปัณวิทย์ไม่ตอบอะไรแต่กลับเดินเข้าไปที่ข้างเตียง


“ปันเป็นเกย์......” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นโดยไม่ตอบคำถามอีกคนแม้แต่น้อย เขารู้สึกถึงหัวตาที่ร้อนผ่าวจนต้องกัดฟันเอาไว้


...หมดหนทาง...


“........หมายความว่าไง” คนที่ฟังอยู่อุ้มเจ้าฟูเจ้าฝุ่นบนตัวออกแล้วลุกนั่งข้างๆ


ทั้งทึ่แต่ไหนแต่ไรไม่ยอมรับความรักของเขา แล้วจู่ๆก็เดินมาบอกว่าเป็นเกย์ จะให้ตีความยังไง


“ปัน... แก้มไปโดนอะไรมา” ชยางกูรจับใบหน้าของเด็กหนุ่มให้มองมาตรงๆ


“นี่มันรอยเล็บนี่?”


“ผู้หญิงที่ผับตบมา...” เด็กหนุ่มตอบเสียงเบาแล้วหย่อนตัวลงนั่งบนเตียง


“...ตบแล้วโดนด่าซ้ำว่าเป็นเกย์เป็นตุ๊ด...”


ปลายนิ้วโป้งไล้ที่รอยแผลข่วนเบาๆก่อนจูบลงไปแถมท้าย


“ปันจะเป็นไงพี่ก็ไม่สนหรอก... แล้วไปทำอีท่าไหนเขาถึงตบมาล่ะ” ชายหนุ่มถามแล้วยิ้มพรายมองเด็กน้อยที่ดูท่าจะไม่ค่อยอยากรับความจริง


“ไม่เกิดอารมณ์ไง บอกว่าเป็นปลาตายซากเลย” คิ้วขมวดเข้าหากันก่อนที่ริมฝีปากจะเอ่ยพูดต่อ


“ปันก็นึกว่าเพราะอารมณ์ไม่ดีเว้ย แต่พอเดินผ่านไอ้ฝรั่งกล้ามโตแล้วแม่งเข้ามาจับ น่ากลัวก็จริงแต่มันมีอารมณ์... เป็นเกย์แล้วจริงๆด้วย” ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงเขาฟังแผ่วลง


สิ่งที่ปัณวิทย์พูดออกมาเหมือนน้ำเย็นถังใหญ่ที่สาดโครมเข้ามาจนตาสว่าง ชยางกูรมองใบหน้าเล็กๆตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา มือที่จับแก้มไว้จับแน่นขึ้นโดนไม่รู้ตัว


“ปัน...ไปมีอะไรกับผู้หญิงมาเหรอ...” ชยางกูรถามเสียงแผ่ว หากนัยน์ตากลับทอประกายโกรธเคือง


...ทั้งๆที่คบกันอยู่...


“......ไม่นึกเลยว่าปันจะทำอย่างงี้กับพี่”


“ทำ... อะไร...” น้ำตาค่อยๆไหลออกมาช้าๆเมื่อถูกถามแบบนั้น ทั้งๆที่คิดว่าชยางกูรจะบอกว่าดีแล้ว หรือพูดจาเล่นหัวเหมือนที่ผ่านมา


“อยากรู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่มันผิดตรงไหนล่ะ”


“สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดคือการนอกใจ” ชยางกูรพูดเสียงแข็งแล้วจับบ่าทั้งสองข้างเอาไว้ แม้แต่การแทนตัวเองยังเปลี่ยนไป... ฉัน... ที่ไว้แสดงความเหินห่างระหว่างกัน


“ทั้งผู้หญิง... ทั้งผู้ชาย... เห็นฉันเป็นตัวตลกที่ปั่นหัวเล่นได้ง่ายๆใช่ไหม ปัณวิทย์!”


...ถ้าไม่รัก...


...ก็อย่าทำกันอย่างนี้...


“ด-- เดี๋ยว! นอกใจอะไร?? ยังไม่ได้คบกันสักหน่อย แล้วปันก็อยากรู้ว่าปันเป็นอะไรแน่!! อย่าขึ้นเสียงแบบนี้ดิวะ!!!”


...ไม่ได้คบกัน...


...เพราะงั้นถึงทำอย่างนี้สินะ...


“อยากลองเลยไปนอนกับคนอื่น...คิดได้ยังไง” ชายหนุ่มที่ถูกความเศร้าครอบงำทำได้แต่บีบมือแรงขึ้น


“อยากรู้นักก็มานอนกันสิ! ฉันมันไม่พอใช่ไหม!”


“เฮ้ย! ไปกันใหญ่แล้ว! ลองกับแกแล้วจะรู้ได้ไงวะ?” ปัณวิทย์ทั้งตกใจทั้งเสียใจที่อีกฝ่ายมีท่าทีแบบนี้


“นอนกับใครก็ได้...ยกเว้นฉันใช่ไหม” ชยางกูรขบกรามแน่นเอ่ยเน้นคำ


เพราะครั้งหนึ่ง... รักที่แสนจริงจังกับคนที่อยากอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต กลับถูกทรยศด้วยการนอกใจ


ชยางกูรเลยกลายเป็นคนที่จริงจังกับความรัก... และหวังว่าจะให้อีกฝ่ายเป็นอย่างเขา


...แต่ก็ไม่มี...


...แม้แต่คำว่ารัก...


“ทำไมวะ! ไม่รักก็อย่าให้ความหวังดิ! คนไม่โดนแม่งไม่รู้หรอกว่าเจ็บแค่ไหน” ชยางกูรผลักอีกฝ่ายลงกับเตียง เสื้อหลุดลุ่ยเปิดให้เห็นรอยลิปสติกตรงแนวคางที่เจ้าตัวคงลืมไปแล้ว


“...............เหี้ยเอ๊ย!!!”


“ปล่อย!!! ฟังบ้างดิเฮ้ย!! บอกว่าลองกับคนอื่นจะได้รู้ว่ากูเป็นอะไรแน่!!! เข้าใจหน่อยดิ ไม่ได้ลองเพราะอยากแต่อยากรู้ว่าได้หรือเปล่า!!!” ปัณวิทย์ดิ้นหนีพลางขยับให้หลุดจากอีกคน


“ไม่เข้าใจ!!” ชยางกูรตะคอกเสียงดังใส่อย่างลืมตัว


“ต้องให้โดนปล้ำใช่ไหมถึงจะรู้ว่าทำกับผู้ชายได้หรือเปล่า! ร่างสูงกดบ่าของคนตรงหน้าลงกับพื้นเตียงแล้วดึงเสื้อผ้าของปัณวิทย์ออกจนร่างกายเปลือยเปล่า


“เฮ้ย!! พูดไม่รู้เรื่องแล้ว!! เป็นเหี้ยไรวะ!!! ไม่ฟังกูเลยห่า!!!” ปัณวิทย์ดิ้นรนสู้แรงของอีกฝ่าย ทั้งเตะทั้งถีบ หวังให้เย็นลงแล้วมาคุยกันดีๆ


ฝ่ามือที่ผลักไสและร่างกายที่ขัดขืนเหมือนสาดน้ำมันเข้ากองไฟ เพลิงอารมณ์ผลาญการรับรู้ทั้งหมดจนไม่สามารถย้อนคิดถึงเหตุผลของอีกฝ่าย ร่างสูงจับล็อคขาทั้งสองข้างที่ไร้การปกปิดให้อยู่ในท่วงท่าน่าอายพร้อมกับรุกรานด้วยปลายนิ้วหยาบซึ่งสอดใส่โดยไม่ใช้สารหล่อลื่นใด


“ปล่อยกูสัด!! เจ็บ--!!! เหี้ย-!! ปล่อย--!!” คนตัวเล็กกว่ายังคงพยายามฝืนแรงต้าน ทั้งๆที่รู้ดีว่าเวลาแบบนี้ชยางกูรไม่ปล่อยแน่


“กูเกลียดมึงเวลาแบบนี้!! เหี้ยเดฟ ปล่อยกู”


“กูไม่ปล่อย!” ปลายนิ้วที่เพิ่มขึ้นเป็นเครื่องยืนยันได้ดี เขาจับเรียวขาทั้งสองข้างพาดบนบ่าแล้วกันนิ้วที่สามเข้าไป


“...มึงก็เกลียดกูตลอดแหละ กูไม่ได้ทำอะไรมึงก็เกลียด! มึงอิจฉาที่พ่อรักกู....มึงเคยถามกูไหมว่ากูอยากให้เขารักหรือเปล่า มึงไม่เคยสนใจกูเลยปัน.....ทั้งๆที่....”


...พี่รักปัน....


คำสุดท้ายที่ไม่พูดออกไป..เพราะไม่อยากจะพูดคำนี้ให้คนที่ไม่เคยให้รักกลับมาได้ยิน


“มึงสนใจแต่ตัวมึง จะให้คนอื่นกอด... จะกอดผู้หญิง... มึง... ปันจะใจร้ายกับพี่อีกแค่ไหน” ถ้อยคำปวดร้าวพร่างพรูออกมาด้วยน้ำเสียงแหบโหย


ปัณวิทย์หยุดการต่อต้าน เพราะถ้อยคำเจ็บปวดเสียดแทงลงมาทำร้ายจิตใจ สำหรับตัวเอง-- ไม่เคยคิดแบบนั้นมาก่อน เด็กหนุ่มนึกไปว่าตัวเองนั้นคิดอะไร


แม้จะเป็นแบบนั้นก็ยังได้คำตอบเดิม เขาไม่ได้อยากกอดผู้หญิง แต่เพราะอยากรู้ว่าตัวเองยังกอดผู้หญิงได้หรือเปล่า


“....” แต่พูดยังไงตอนนี้ชยางกูรก็คงไม่คิดเข้าใจ


...ถ้าคุยกันยังไม่รู้เรื่อง...


...จะคบกันได้ยังไง...


ปัณวิทย์ตัดสินใจปล่อยร่างกายให้อีกฝ่ายได้ทำตามใจ นัยน์ตาเรียวคมมองใบหน้าของชยางกูรนิ่งเฉย รู้สึกคล้ายกับรับได้ถึงความเจ็บปวดที่ถ่ายทอดผ่านมา


...พร้อมกับความเจ็บปวดของตัวเอง


ปลายนิ้วที่ถอนออกถูกแทนที่ด้วยแก่นกายใหญ่โต ชยางกูรแทรกร่างเข้าไปได้เพียงครึ่งหนึ่งก็ถูกแววตาว่างเปล่าของปัณวิทย์ที่มองมาแช่แข็งไว้ ชายหนุ่มเม้มปากแน่นแล้วลุกขึ้นยืนถอนกายออกมาในครั้งเดียว ขาทั้งสองข้างที่พาดอยู่บนบ่าร่วงลงสู่เตียงนอนโดยที่เจ้าของยังนิ่งงัน


“ยอมทั้งๆที่ไม่ได้รัก... ปันเป็นคนอย่างนี้เองสินะ... มีแต่พี่ที่เข้าใจผิดไปเอง....” เสียงทุ้มต่ำพูดเบาๆราวกับจะบอกตัวเอง


“หนีปัญหา ไม่ยอมรับความจริง ปล่อยให้ทุกอย่างเลยตามเลย ปล่อยให้คิดไปเอง เพราะเป็นอย่างนี้นี่แหละ....” ชยางกูรมองใบหน้าซึ่งครั้งหนึ่งเคยประคองให้ซบลงบนอก


“เพราะอย่างนี้... ถึงไม่มีใครรักสักคน”


ร่างสูงพูดจบก็รูดซิปกางเกงแล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองแม้สักครั้ง


...ถึงจะรักเท่าไร....


...ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้อีกแล้ว...


ถ้อยคำเจ็บปวดที่อีกฝ่ายฝากไว้เรียกให้น้ำตาไหลออกมา ได้แต่คิดว่าชยางกูรไม่เข้าใจเขาเลยสักนิดเดียว เขาไม่ได้อยากหนีปัญหา ไม่ได้ไม่ยอมรับความจริง แต่เป็นเพราะอยากจะตามหาความจริงถึงได้ลอง


...ทั้งหมดที่ทำนั้นก็เพื่ออีกฝ่ายชัดๆ


ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่ต้องคุยกัน


ยังไงก็ไม่มีคนรักเขาอยู่แล้ว...


“... ไม่มีใครสักคน...”








To Be Continued...



หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 13 [24/06/12] ดราม่าเบาเบา
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 24-06-2012 22:00:43
ดราม่าของจริง T_T
ที่ผ่านมาแค่อุ่นเครื่องสินะ
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 13 [24/06/12] ดราม่าเบาเบา
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 24-06-2012 22:11:51
เดินเครื่อง -w-'
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 13 [24/06/12] ดราม่าเบาเบา
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 24-06-2012 22:21:59
คนอารมณ์ร้อนสองคนมาปะกัน เรื่องมันก็ลงเอยแบบนี้ ตามลุ้นต่อไปจ๊ะ

อนึ่งน่าจะเอาเรื่องแรกมาลงด้วยนะ อยากอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 13 [24/06/12] ดราม่าเบาเบา
เริ่มหัวข้อโดย: lidelia ที่ 24-06-2012 22:26:47
ทำไมเดฟไม่ฟังปันก่อนนน  :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 13 [24/06/12] ดราม่าเบาเบา
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 24-06-2012 22:47:22
พี่เดฟใจร้อนไม่เข้าเรื่อง
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 13 [24/06/12] ดราม่าเบาเบา
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 24-06-2012 22:53:20
เจ็บทั้งคู่เลย ให้ตายสิ ทำเอาคนอ่านเจ็บไปด้วยเลยเนี่ย :z3:
ทั้งๆที่ต่างฝ่ายต่างก็รัก (ล่ะมั้ง?) แต่ทำไมต้องทำร้ายกันแบบนี้
คุยกันดีๆเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้สินะ หรือว่าต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมพูดความในใจออกมากันเอง :z2:
เก่งแต่พูดในใจกันทั้งนั้น ลองให้อีกฝ่ายรับรู้ ทุกอย่างน่าจะดีขึ้นนะ (มั้ง? คิดไปเอง :z3:)
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 13 [24/06/12] ดราม่าเบาเบา
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 24-06-2012 22:57:33
โหยยยยยย
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 13 [24/06/12] ดราม่าเบาเบา
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 24-06-2012 23:01:17
น้องปัน เจ็บอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 13 [24/06/12] ดราม่าเบาเบา
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 24-06-2012 23:17:35
อูยยย
ไหงพี่เดฟเป้นงี้อ่า
น้องปันก็อุตส่าห์บอกเหตุผลแล้วนะ ทำไมไม่ฟังกันเลยนิ
ไม่คิดจะเข้าใจคนอื่น แล้วหวังจะให้คนอื่นเข้าใจตัวเองมันไม่ได้นะค๊า
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 13 [24/06/12] ดราม่าเบาเบา
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 24-06-2012 23:54:02
เดฟคิดไปไกลเลย

ฟังเหตุผลน้องบ้างซิ

หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 13 [24/06/12] ดราม่าเบาเบา
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 25-06-2012 00:09:26
สงสารปันปัน  :o12:

ฝาก :z6: ไอ่พี่เดฟ  :m31:
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 13 [24/06/12] ดราม่าเบาเบา
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 25-06-2012 00:25:04
สงสารปันๆจังตอนนี้ พี่เดฟทิ้งคำไว้ซะแรงเลย
หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 13 [24/06/12] ดราม่าเบาเบา
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 26-06-2012 07:10:36
สงสารปันจังเลย
ไม่มีใครรักปันเลยสักคน

หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 13 [24/06/12] ดราม่าเบาเบา
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 27-06-2012 09:07:53
พี่เดฟนอกจากจะไม่พูดแล้วยังไม่ยอมฟังอะไรซักอย่างอีก

 :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 13 [24/06/12] ดราม่าเบาเบา
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 29-06-2012 20:57:50
อึก!!! เจ็บปวดแทนปันนนน ฮือๆ  :sad4:
รอนะฮะ  ^^
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 14 [01/07/12] ดราม่าต่อเนื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 01-07-2012 21:38:33
kagehana : ดราม่าต่อเนื่อง คำพูดบางคำอาจจะทำให้คนที่คุณรักเจ็บตลอดไป


สมน้ำหน้าอิพี่เดฟ พูดไม่คิด ฮิฮิ









-14-







ในตอนเช้าตรู่ที่ดวงอาทิตย์แตะขอบฟ้า นัยน์ตาสีฟ้าที่ปกติยังคงหลับใหลกลับมองจ้องไปยังกำแพงของฝั่งตรงข้าม... ห้องของคนในห้วงคำนึง


ชยางกูรลุกขึ้นแล้วเดินออกนอกประตูไป... โดยไร้อาการลังเล เขาบิดลูกบิดที่ไม่เคยล็อกอันนั้นแล้วก้าวเข้าไปในห้อง


“ปัน........” นัยน์ตาสีสวยมองไปรอบๆ แต่ก็พบเพียงเจ้าฟูเจ้าฝุ่นที่กำลังขี่กันอยู่บนพื้น


“ลามกแต่เช้าเลยนะพวกแก” ชยางกูรยิ้มขำก่อนจะปิดประตูลง


...เอาเหอะ...


...ค่อยซื้อเค้กมาง้อแล้วกัน....




//////////////////////




“อัฐ... กูไปนอนบ้านมึงนะ” ปัณวิทย์เอ่ยพูดขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้าเพื่อนซี้เดินเข้ามาพร้อมกับศิวะ


ศิวะกับอาธิปหันมองหน้ากันก่อนที่เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกจะพยักหน้าเบาๆ


“ได้ดิ บ้านกุไปเที่ยวกันพอดี กะว่าจะดูเอวีโต้รุ่งแก้เซ็ง แล้วไหงมึงถึงจะมานอนบ้านกูวะ ทะเลาะกับพ่อมึงเหรอ”


“กูไม่อยากอยู่บ้านแล้ว ขอไปนานๆไม่มีกำหนดกลับได้มะ” คิ้วขมวดเข้าหากัน


“ปัน... มึงมีปัญหากะใครวะ” คราวนี้เป็นศิวะที่แทรกเสียงขึ้นบ้าง หนุ่มนักบาสเดินไปโอบไหล่บางกว่าของเพื่อนไว้


“ให้กูเดาป่ะ.....”


“เดาดิห่า” เด็กหนุ่มสวนกลับ


“พี่เดฟ”


“ผัวมึง” อาธิปแทรกเสียงกลั้วหัวเราะ


“.....” ปัณวิทย์ไม่ตอบ แต่ยืนนิ่งให้อีกฝ่ายรู้คำตอบแทน


“เพราะงั้นกูไปค้างไม่มีกำหนดนะ”


“เรื่องไปค้างกูไม่มีปัญหาว่ะ แต่มึง... ทะเลาะอะไรพี่เดฟวะ เหี้ย ยังกะผัวเมียตีกัน” อาธิปพูดแล้วมองหน้าราวกับจะค้นหาคำตอบ


“ไว้อารมณ์กูดีกูค่อยเล่า... สัญญา เคปะ” ปัณวิทย์ไม่ได้หลบสายตา แต่ก็ไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น


“เออ” อาธิปและศิวะพูดพร้อมกันแล้วตบบ่าปัณวิทย์เบาๆ


...ถ้าไม่ช่วยเพื่อน จะช่วยหมาที่ไหน...



//////////////////




ปัณวิทย์เดินลงบันไดมา เตรียมจะไปขึ้นรถกลับบ้านพร้อมกับอาธิป แต่กลับถูกเสียงโทรศัพท์มือถือของตัวเองหยุดเอาไว้ เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นคนที่ไม่พร้อมจะเห็นหน้าหรือพูดคุยด้วย จึงกดตัดสายทิ้งไป


“... ปะ รีบกลับบ้านเหอะ กูง่วง”


“พี่เดฟโทรมาอ่ะดิ ถึงไม่รับเนี่ย” อาธิปแซวแล้วแกล้งโอบไหล่เอนหัวซบ


“พี่โทรมาง้อนะน้องปัน รับโทรศัพท์พี่สิจ๊ะ อุฮิอุคิ จุ๊บุ หุหุ”


เมื่อไม่มีคู่หูคู่กัดเพราะนักบาสหนุ่มไปซ้อมเย็น อาธิปเลยยิ่งแซวได้เต็มที่


“เออ กูไม่รับ” เด็กหนุ่มเก็บโทรศัพท์เข้าใส่กระเป๋ากางเกงอย่างไม่ไยดี


“ห่า ทำตัวเป็นเด็กๆเละนะมึง...”


ไม่ทันได้พูดจบ เสียงโทรศัพท์ของตัวเองก็ดังขึ้น อาธิปหยิบมันขึ้นมารับด้วยใบหน้างงๆ


“ฮาโหลววว อัสซี่คร้าบ--”


-อัฐ พี่เดฟนะ ปันอยู่กับเรารึเปล่า-


...เชี่ยแล้ว


อาธิปเอามือปิดที่โทรศัพท์ตัวเองแล้วหันมากระซิบถามปัณวิทย์


“พี่เดฟว่ะ เค้าถามว่ามึงอยู่กะกูป่าว”


ปัณวิทย์รีบโบกไม้โบกมือแยกเขี้ยวเป็นสัญญาณให้ตอบไปว่าไม่ เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าชยางกูรจะเล่นแบบนี้


...พูดถึงขนาดนั้นไม่ต้องมาคุยกันแล้วดีกว่า...


อาธิปพยักหน้าเบาๆแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาพูดต่อ


“ปันไม่ให้บอกฮะว่าอยู่กะผม” อาธิปพูดหน้าตาเฉย


คำว่าไอ้เหี้ยถูกพูดออกมาเงียบๆพร้อมกับมือที่ตบลงกลางศีรษะ


...ไอ้บ้าเอ๊ย...


...ปากเหรอวะสัด...


“เชี่ยปัน ตบหัวเดี๋ยวกูโง่เว้ย”


-สรุปว่าปันอยู่กะเรานะ บอกเขาด้วยว่าพี่รออยู่... มารับ-


อาธิปฟังแล้วได้แต่อึกอัก พาลอยากจะส่งโทรศัพท์ให้คุยกันเอง


“พี่มึงบอกว่าเขามารับ รออยู่ว่ะ เอาไปเลย มึงคุยกันเอง” มือขาวๆยื่นโทรศัพท์ให้


“ห่า พูดไม่รู้เรื่องนะมึง กูไม่คุย” มือปัดทั้งเพื่อนทั้งโทรศัพท์ออกแล้วเลี่ยงเดินไปอีกทางแทน ลองถ้าบอกว่ามารับ ออกหน้าโรงเรียนก็ต้องเจอกันเปล่าๆ


“พี่เดฟครับ......มันชิ่งไปแล้ว”


-ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราตามปันไปก่อน ให้ใจเย็นลงเดี๋ยวพี่โทรไปใหม่-


อาธิปตัดสายแล้วมองโทรศัพท์งงๆ ไอ้แบบนี้ยังกะแฟนทะเลาะกันเลย...


“เชี่ยน้องปัน กูตามไม่ทันครับ จะรีบทำซากไรวะ”


“ห่า ก็กูไม่อยากเจอหน้าครับพี่อัสซี่ มึงจะถามทำไมมากมาย” ปัณวิทย์พูดเสียงขุ่นแล้วค่อยๆผลักประตูรั้วเหล็กด้านข้างที่ดูเก่าแล้วออก


“ปะ กลับบ้าน ยังไม่กลับกูกลับเองก่อนก็ได้”


“กลับก็กลับวะ” อาธิปพูดอย่างเสียไม่ได้


เอาวะพี่เดฟ....จะช่วยเท่าที่ได้แล้วกัน


“แม่งผัวเมียทะเลาะกันชัดๆ ไอ้พี่น้องบ้าบอ”




//////////////////////////////




ปัณวิทย์ที่อาบน้ำเสร็จเดินขยี้ผ้าเช็ดตัวบนศีรษะที่เปียกชื้นออกมาพร้อมกับเสื้อนอนตัวนิ่ม เขามองอาธิปที่นั่งเล่นโทรศัพท์ของตัวเองแล้วก็แกล้งโยนผ้าใส่


“เล่นไรวะอัฐ”


“เล่นเกม อาบน้ำเสร็จแล้วหอมเชียวนะมึง เดี๋ยวคืนนี้ไอ้ซายน์มันจะมาค้างด้วยว่ะ” อาธิปโยนผ้าเอาคืนด้วยใบหน้ายิ้มแป้น


“สงสัยแม่งกลัวอดดูเอวี”


“เออ ก็ดี เอาป๊อบคอร์นมากินกัน” เขาเดินมานั่งลงบนโซฟาแล้วหยิบรีโมททีวีมากดเปิด


“แดกไปดูไปเดี๋ยวยัดผิดยัดถูกกันพอดี” โทรศัพท์ในมือดังขึ้น ชื่อของศิวะที่ถูกเมมไว้ว่า “ศิวะลึงค์” โชว์ขึ้นบนหน้าจอ


“เหี้ยซายน์ กุกำลังเล่นเกม” อาธิปกดรับด้วยน้ำเสียงงอแงเล็กๆ


“เออ หน้าบ้านใช่มะ เดี๋ยวให้ไอ้ปันไปรับ” กดตัดเสร็จก็หันไปหาคนที่อยู่ใกล้ๆ


“ลงไปรับไอ้ซายน์หน่อยดิ่ปัน”


“ครับพี่” ปัณวิทย์หัวเราะแล้วลุกจากเบาะเดินลงไปเปิดประตูให้


“ไงมึง”


“ซื้อของกินกะเบียร์มาฝาก กูเพิ่งเลิกซ้อม โคตรอยากอาบน้ำเลย” ศิวะแทรกตัวแล้วใช้เท้าปิดประตูพร้อมเดินนำอย่างคุ้นเคย


“ไอ้อัฐขี้เกียจอีกอ่ะดิ่ ใช้มึงมารับเนี่ย”


“อือ เดินเพลินเชียวนะมึง บ้านใครแน่วะ” เด็กหนุ่มรับถุงมาช่วยถือก่อนจะเอ่ยหยอก


“บ้านมัน แต่กูเดินจนชินแล้ว มาจนแม่มันจะรับเป็นลูกแล้ว” เด็กหนุ่มนักบาสที่สูงเกินหน้าเพื่อนหลายนิ้วกล่าวกลั้วหัวเราะ


“แล้วมึงบอกที่บ้านยังวะว่าจะค้างนี่...เดี๋ยวเขาเป็นห่วงนะเว้ย” ...เขา ที่มีแค่คนเดียวแหละที่เป็นห่วงไอ้เพื่อนงี่เง่าของเขาคนนี้


“ใครเขาจะสนกูวะ ไม่มีหรอก” เขายักไหล่อย่างไม่สนใจ เพราะถึงเขาจะโทรบอกให้พลภัทรได้รับรู้ เจ้าบ้านคนนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอยู่แล้ว


“ห่า ก็คนที่มึงหนีเขามานอนที่นี่ไง... คนที่รอมึงหน้าโรงเรียนอ่ะ” เห็นเพื่อนทำหน้าหมาเหงาก็นึกอยากโบกหัวสักที... ไม่ได้รู้อะไรเลย


“ตอนกูเลิกซ้อมตอนทุ่มอ่ะ... กูเห็นพี่เขายืนอยู่หน้าโรงเรียนเลยไปทัก กูก็บอกเขาแล้วนะว่ามึงน่าจะกลับกะไอ้อัฐแล้วแต่เขาบอกว่าไงรู้ป่ะ..” ศิวะหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ


“... เขาบอกว่า ไม่เป็นไร จะรอมึงก่อน... เผื่อมึงเปลี่ยนใจอยากกลับกับเขา เหี้ยปัน... กูไม่รู้หรอกว่ามึงทะเลาะอะไรกัน แต่กูเชื่อว่าถึงตอนนี้พี่มึงอาจจะยังรออยู่ก็ได้ เพราะกูก็ไม่ได้บอกเขาหรอกว่ามึงจะค้างที่นี่”


ได้ยินแบบนั้นปัณวิทย์ก็รู้สึกได้ถึงหัวใจที่ไหววูบไปพลางนึกว่าอีกฝ่ายในใจว่าบ้าหรือโง่ พอหันมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาสองทุ่มแล้ว


...กลับไปแล้วมั้งป่านนี้...


...แม่งไม่อยู่รอหรอก...


“ใครมันจะบ้ารอ...” แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่พอเดินกลับเข้ามาถึงห้อง เด็กหนุ่มก็เข้าไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาก่อนจะเปิดหน้าพิมพ์ข้อความทันที




'อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ได้ปะ กูไม่กลับหรอก บ้านที่ไม่มีใครรักกูน่ะ'




พิมพ์เสร็จ เขาก็เลื่อนปลายนิ้วไปกดส่งข้อความก่อนจะปิดเครื่องโทรศัพท์เสีย แล้วเก็บมันลงกระเป๋าตามเดิม


“ป๊อบคอร์นนะพวกมึง”


“จัดไป”




/////////////////////////////////




...สองทุ่มกว่าแล้ว...


บรรยากาศโรงดรียนยามกลางคืนชวนวังเวงไม่น้อย หากแต่ชยางกูรที่ยืนพิงรถรอกลับไม่ได้หวาดกลัวใดๆ นัยน์ตาสีฟ้ายังจ้องตรงไปยังประตูโรงเรียนรอคอยหวังว่าจะให้คนที่กำลังรออยู่ออกมาเสียที


...โง่ชะมัด...


...ทั้งๆที่รู้ดีว่าป่านนี้ปัณวิทย์คงกลับไปแล้ว แต่เขาก็ยังอยากจะรออยู่ตรงนี้...ไม่รู้ว่าทำไม...




-ติ๊ง-




เสียงข้อความที่เข้ามาในเครื่องเรียกความสนใจของคนรอ ชยางกูรยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นข้อความจากปัณวิทย์...แต่พอได้อ่านข้อความ ใบหน้าหล่อเหลากับฉายแววอ่อนล้า


“บ้านที่ไม่มีใครรัก...งั้นเหรอ...”


ชยางกูรรู้ได้ทันทีว่าที่ปัณวิทย์หนีไปเป็นเพราะใคร...คำพูดสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้เพราะอารมณ์นั้นย้อนกลับมาทำให้เจ็บเสียยิ่งกว่าเจ็บ


“ทำไม...จะไม่มี...”


...พี่รักปัน...


...พี่รักปัน...


แต่พูดออกมาไม่ได้...ไม่อยากจะเจ็บอีกแล้ว


ชยางกูรกดเบอร์โทรหาแล้วพบว่าอีกฝ่ายปิดเครื่อง เขาย้ายตัวเองขึ้นมาบนรถก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นกดสายหาใครอีกคนนึง...ที่น่าจะพอช่วยได้


...อัฐ..ไม่ก็ซายน์...









To Be Continued....
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 14 [01/07/12] ดราม่าต่อเนื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: arty136 ที่ 01-07-2012 21:48:38
สนุกกกก เอาอีกๆๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 14 [01/07/12] ดราม่าต่อเนื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 01-07-2012 21:56:55
เฮ้อ...คราวหลังถ้าจะพูดอะไรคิดก่อนนะเดฟ
สงสารปันบ้าง
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 14 [01/07/12] ดราม่าต่อเนื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 01-07-2012 22:02:40
น้องปันงอนอย่างนี้แล้ว ที่เดฟจะง้อยังไงละเนี่ย

 o13
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 14 [01/07/12] ดราม่าต่อเนื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 01-07-2012 22:04:38
น้องจะโกรธ จะงอน ก้คงไม่แปลกอะค่ะ พี่เดฟก็พยายามง้อน้องแล้วกัน :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 14 [01/07/12] ดราม่าต่อเนื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 01-07-2012 22:05:16
มาม่าจริงๆเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 14 [01/07/12] ดราม่าต่อเนื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 01-07-2012 22:06:10
สองตอนนี้ ให้ข้อคิดคือ คิดก่อนพูด =w='
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 14 [01/07/12] ดราม่าต่อเนื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 01-07-2012 22:06:57
หุหุ สมแล้ว โตแล้วดันพูดไม่คิด ใช้อารมณ์อีกด้วย
สมควรแล้วที่ปันจะไม่คุยด้วย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 14 [01/07/12] ดราม่าต่อเนื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 01-07-2012 22:32:05
คำพูดนั้นมันแรงไป  รู้ไว้ซะ  ชิ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 14 [01/07/12] ดราม่าต่อเนื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: JJBoss ที่ 01-07-2012 22:53:46
เป็นไงล่ะพี่เดฟ
งานงอก


สงสารน้องปัน
เฮ้อ..

รออ่านตอนต่อไปจ้า
ติดหนึบเลยเรื่องนี้
ฮี่ๆๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 14 [01/07/12] ดราม่าต่อเนื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 01-07-2012 23:07:35
น้องปันกลับบ้านเถอะนะ ที่อยู่ตั้งแต่เกิด ยังไงก็ยังปลอดภัย และอบอุ่น
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 14 [01/07/12] ดราม่าต่อเนื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 01-07-2012 23:20:31
สนุกกกกกกกกก เอาอีกๆๆๆๆ :z2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 14 [01/07/12] ดราม่าต่อเนื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 01-07-2012 23:27:30
แล้วทำไมไม่พูดล่ะคร้าบบบบบบบบบบบ  :fcuk:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 14 [01/07/12] ดราม่าต่อเนื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: kids-me ที่ 02-07-2012 00:09:58
น้องงอนแล้ว  :o8:

พี่เดฟจะทำยังไง
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 14 [01/07/12] ดราม่าต่อเนื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 02-07-2012 01:19:16
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดสนุกอ่ะ o13
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 14 [01/07/12] ดราม่าต่อเนื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: dark-soleil ที่ 02-07-2012 20:52:09
รีบมาต่อเลยนะคนแต่ง :z3: :z3:

อยากจะรู้ว่าปันจะทำไงต่อ!! อย่าไปยกโทษให้คุณเดฟง่ายๆน้า เดฟใจร้ายที่พูดทำร้ายจิตใจปันซะขนาดนั้นเอง :angry2: :angry2:

ฮ่าๆ ยังไงก็รีบๆมาต่อนะคะ :call: :call:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 14 [01/07/12] ดราม่าต่อเนื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 04-07-2012 19:51:01
 :m15:  ตอนนี้สงสารทั้งสองคนเลยอ่ะ... :monkeysad: ดีกันนะ...จูจุ๊บกันดีกว่า... :L1:
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 15 [08/07/12] ดราม่าต่อไปจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 08-07-2012 19:10:06
kagehana : สติลงอนกันต่อไป ฮิฮิฮิ







-15-








“เหี้ย นมเป็นนม ขาวเอ็กซ์เซ็กส์แตก” คนที่โก้งโค้งก้มลงใต้เตียงดึงลังออกมาโชว์ด้วยใบหน้ายิ้มแป้นพูดไม่ออมเสียง


“นี่มึงน่าจะชอบว่ะปัน สาวฝรั่งผมทองคัพดี” อาธิปยัดเยียดกล่องดีวีดีใส่มือให้


“ขอบอกว่าของคุณภาพล้วนๆ คอลเล็กชั่นโปรดกูเลยนะมึง”


“ไหนวะไหน” เด็กหนุ่มหยิบดูหน้าปกแล้วพลิกดูหลังกล่องเพื่อไล่ดูภาพตัวอย่าง หากเป็นปกติต้องรู้สึกอะไรบ้างแต่นี่กลับไม่มีอะไรเลย


...แม่งเอ๊ย...


“เออ ดูอันนี้ก่อน กูขอ แล้วค่อยให้ซายน์แม่งเลือกต่อ”


“ของไอ้ซายน์แม่งต้องSMว่ะ โซ่ แส้ เทียนไข ลาเท็กซ์ ดิลโด้ เอาให้ครบ”


“เหี้ยสิ มึงต่างหากไอ้อัฐ”


“วันก่อนมึงนั่งดูกะกูอยู่เลย กูเห็นนะเว้ยว่าน้องหนูมึงตั้งโด่เชียว”


“สัด แดกป็อปคอร์นไปเลยไม่มั้นกูเอาขวดเบียร์ยัดตูดมึงแน่.....ปัน เปิดดีวีดีดิ๊” ศิวะถือขวดเบียร์โถมใส่อาธิปแล้วแกล้งทำหน้าเหี้ยม


ปัณวิทย์หัวเราะลั่นพลางเดินไปนั่งยองๆที่หน้าโทรทัศน์


“ห่า หนังยังไม่เริ่มแม่งจะปล้ำกันเองแล้วนะพวกมึง” เขาเอื้อมไปเปิดสวิทช์สีแดงด้านหลังก่อนจะกดเปิดเครื่องเล่นดีวีดีและเครื่องเสียงพลางเอ่ยถามโดยไม่หันไปหา

“ไปเอาป๊อบคอร์นมาเลย” เขากดรีโมทเพื่อเปิดโทรทัศน์จอกว้างพลางแกะกล่องดีวีดีออกเพื่อหยิบแผ่นมาวางใส่


“เออ... อ้าวเชี่ย ใครขัดจังหวะกู” อาธิปยกโทรศัพท์ที่ส่งเสียงเพลงหงุงหงิงมาดู ทันทีที่เห็นชื่อเขาก็หันไปยื่นส่งให้ศิวะดูทันที


“.....พี่เดฟว่ะ..”


“เอาให้ไอ้ปันดิ่ เขาพี่น้องกัน” ศิวะบุ้ยหน้าแล้วคว้าไปยื่นให้เอง


“พี่มึงอ่ะ”


“อะไรของแม่งวะ เออ กูไม่รับ มึงไม่ต้องรับด้วยห่า” คนที่หัวเราะอารมณ์ดีในทีแรกพลันเปลี่ยนท่าทางไป ไม่คิดว่าชยางกูรจะดื้อด้านขนาดนี้


...อ่านข้อความที่ส่งให้ไม่รู้เรื่องเหรอวะ...


“จะดูหนังแล้ว”


“มึงไม่รับ กูไม่รับ งั้นให้ไอ้อัฐรับแล้วกัน” ศิวะพูดหน้าตาเฉยแล้วกดรับก่อนจะยื่นไปชิดหน้าขาวๆของอาธิป


“ครับพี่เดฟ” อาธิปกรอกเสียงลงไปพลางก่นด่าศิวะในใจ


...เชี่ยเอ๊ย โยนให้กูทุกที


-....ปันอยู่กับเราเหรออัฐ...อยู่ที่ไหน...-


“เอ่อ...เอ่อ...” เหี้ยแล้ว “อยู่ที่.....”


อาธิปหันไปมองหน้าปัณวิทย์ที่ดูบึ้งตึงจนน่ากลัว


“ปัน...พี่เดฟถามว่ามึงอยู่ไหน ให้กูบอกป่ะ”


“ถ้าแม่งรู้ว่ากูอยู่ไหนเพราะพวกมึง เลิกคบ” ปัณวิทย์ตอบห้วนๆแล้วเปลี่ยนระบบโทรทัศน์ให้ต่อกับเครื่องเล่นดีวีดีแล้วกดเล่นทันที


“กูจะดูแล้ว”


“ปันไม่ให้บอกฮะพี่ว่าอยู่บ้านผม” เสียงหัวเราะจากปลายสายดังขึ้นลอดออกมา อาธิปหันหน้าไปยิ้มแหยๆใส่ปัณวิทย์แล้วยกมือขอโทษ


...ตลอดอ่ะกู...


...หลุดแล้วเชี่ยทุกที...


“ไอ้เหี้ยอัฐ กูไม่ดูแล้ว กูจะนอน สัด พูดไม่รู้เรื่อง!!” ปัณวิทย์เขวี้ยงกล่องดีวีดีเปล่าใส่เพื่อนสองคนที่โซฟาแล้วเดินหายออกไปจากห้องแทบจะทันที


-โทษทีนะอัฐ ซวยเลยล่ะสิ-


เสียงเบาๆของอีกฝ่ายที่เจือความน้อยใจบ่งบอกความรู้สึกคนพูดได้ดี อาธิปหัวเราะแก้เก้อก่อนจะตอบไป


“ไม่เป็นไรฮะพี่ เดี๋ยวไปง้อสองทีก็หาย...ไรวะเชี่ยซายน์--!!”


ไม่ทันพูดจบ มือถือก็ถูกคว้าไปต่อหน้าต่อตา ศิวะเลิกคิ้วมองก่อนจะรับไปพูดต่อ


“พี่เดฟฮะ”


-อ่าว ไหงเป็นซายน์แล้วล่ะ-


ศิวะถีบที่อาธิปซึ่งเกาะแข้งเกาะขาเบาๆก่อนจะพูดต่อ


“ให้ไอ้อัฐพูดคงไม่รู้เรื่อง แม่งโง่...เอางี้นะพี่ วันนี้พี่อย่าเพิ่งมาเลย พวกผมไม่อยากโดนไอ้ปันเลิกคบ คนกำลังเหวี่ยงอ่ะพี่ รอให้มันใจเย็นๆก่อนพี่ค่อยมารับมันแล้วกัน”


-........แล้วจะกลับมาไหม รายนั้นเวลาโมโหอย่างกับพายุ...-


“ไม่รู้อ่ะพี่ แต่เดี๋ยวพวกผมช่วนกล่อมมันแล้วจะแอบติดต่อพี่เป็นระยะแล้วกัน แต่ผมยังไม่บอกที่อยู่บ้านไอ้อัฐนะ...พี่อย่าเพิ่งมา เดี๋ยวผมสองคนช่วยดูมันเอง”


เสียงถอนหายใจของฝ่ายตรงข้างดังลอดมาจากสาย ก่อนที่เสียงทุ้มจะพูดน้ำเสียงเหนื่อยล้า


-....งั้นฝากเราสองคนด้วยแล้วกัน...ฝากดูแลปันด้วย..บอกว่าพี่เป็นห่วง....-


ศิวะกดวางโทรศัพท์แล้วหันไปหาอาธิปที่นั่งหน้าบูดอยู่บนพื้น เขาหิ้วปีกเพื่อนแล้วพากันเดินไปห้องนอนหาปัณวิทย์


“ปัน...กูเข้าไปนะ”


“ทีงี้ถามนะมึง ทีกูบอกไม่ให้รับแม่งรับ” ปัณวิทย์เอ่ยเสียงขุ่นพลางจ้องหน้าอาธิปด้วยความหงุดหงิด


“ใจเย็นมึง ไอ้ซายน์มันหวังดี” มือใหญ่สากกร้านวางบนหัวปัณวิทย์แล้วลูบเบาๆ


“พวกกูเป็นห่วงมึง....พี่เดฟเขาก็ห่วง เขายังฝากให้พวกกูดูแลมึงเลย”


“กูโตแล้วสัด” เด็กหนุ่มที่เอาแต่ใจที่สุดในกลุ่มสวนกลับแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมตัว


“ช่างเหอะ ไม่มีอารมณ์ดูแล้ว พวกมึงไปดูไป”


“โตเชี่ยไร ยังงอนเป็นหมาถูกนายทิ้งเนี่ย” อาธิปแซวแล้วทุ่มตัวเข้าใส่กอดเอาไว้


“ไอ้ซายน์คุยกับพี่เดฟให้แล้ว ยังไม่มาหรอกมึง”


“เออ... เอาเป็นว่า... กูจะนอนแล้ว พวกมึงทำไรทำไปเหอะ” เขามองหน้าของอาธิปที่ยังดูจะหวาดๆนิดหน่อยแล้วก็ต้องหัวเราะเบาๆ


“เออ-- กูไม่เลิกคบพวกมึงหรอก.... แต่ถ้าทำกูเลิกจริงๆ”


“ไม่ดูแล้วเหรอวะมึง อย่าเพิ่งนอนดิ่ ลงไปแดกเบียร์กันก่อน” อาธิปกอดปัณวิทย์ไว้แน่นพลางยิ้มแป้น


“มานี่เลยไอ้อัฐ มึงอยากดูมาดูกะกูนี่” ศิวะดึงคอเสื้อของไอ้ตัวกวนเอาไว้


“แล้วอย่าปล้ำกันเองล่ะ” เด็กหนุ่มดึงผ้าห่มมาพลางผลักเอาเพื่อนของตัวเองออกไปเบาๆ





///////////////////////////////////



เพ็ญแขหันไปมองรอบๆด้วยความแปลกใจ เพราะบนโต๊ะอาหารวันนี้กลับไม่มีปัณวิทย์นั่งอยู่ด้วย ถึงแม้จะไม่ได้พูดด้วยแล้ว แต่ทุกครั้งถ้าเด็กหนุ่มจะไม่อยู่ร่วมโต๊ะอาหารเขาจะบอกให้รู้เสมอ พอเห็นชยางกูรเดินเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ หล่อนจึงได้เอ่ยถามเสียงเรียบ


“ปัณวิทย์กำลังลงมาเหรอ...”


ชยางกูรชะงักไปครู่หนึ่ง นัยน์ตาสีอ่อนจ้องมองคนเป็นแม่ของปัณวิทย์พลางนึกในใจว่าไม่ได้รู้อะไรสักนิดเลย


“ผมไม่ทราบครับ... คุณเพ็ญลองไปตามสิครับ” ชยางกูรเอ่ยเสียงเรียบพอกันแล้วนั่ลง


..ไม่รู้หรือไงว่าลูกไม่กลับบ้านตั้งอาทิตย์นึงแล้ว


“คุณคะ” หล่อนหันไปหาผู้เป็นสามีเผื่อจะรู้อะไรเพิ่มขึ้น ไปดูงานต่างจังหวัดหนนี้ผ่านไปด้วยดีแท้ๆ หวังว่าปัณวิทย์จะไม่ก่อเรื่องให้ตัวเองต้องมีปากเสียงกับพลภัทรอีกครั้ง


“มันไม่มาก็เรื่องของมัน จะญาณัชหรือปัณวิทย์...ไม่มีอยู่ก็ไม่เห็นเป็นไร” พลภัทรหยิบแก้วน้ำ สายตาเรืองอำนาจมองไปยังเก้าอี้ที่ว่างเปล่าทั้งสองตัว


“ยังไงก็พวกนอกคอกอยู่แล้ว”


“ก็ฉันเห็นปกติเขาจะบอกว่าไปไหน ถึงได้ถามเผื่อคุณรู้” เพ็ญแขว่าพลางหยิบแก้วน้ำของตัวเองขึ้นดื่มบ้าง


“ทานข้าวกันเถอะ”


ชยางกูรหมดความสนใจในมื้ออาหารทันทีเมื่อเห็นท่าทางของคนทั้งสอง เขาเร่งกินข้าวพอให้ไม่น่าเกลียดก่อนจะรวบช้อนเข้าหากันเมื่อทานเกือบหมด


“ผม....” ชยางกูรเกริ่นเรียกความสนใจ ก่อนจะยิ้มมุมปากจางๆ


“น่าแปลกนะครับ ถ้าเป็นผม ลูกไม่อยู่บ้าน...ไม่กลับมาบ้านทั้งอาทิตย์ ผมต้องเป็นห่วงมากกว่านี้แน่ๆ”


เพ็ญแขมีสีหน้าตกใจก่อนจะหันไปมองชายที่นั่งข้างๆ


“จริงเหรอคะคุณ”


พลภัทรนิ่งไป... เพราะเขาไม่รู้อะไรเลยสักนิด เขาไม่เคยรู้ว่าปัณวิทย์ทำอะไรที่ไหน ไม่เคยรู้ว่าเพื่อนเป็นยังไง...ความทรงจำของเขาหยุดไว้เพียงช่วงเวลาก่อยวัย 7ปี... ของน้องปันปันลูกชายคนเล็กเท่านั้น


...ตอนนี้จะอยู่ที่ไหน...


...คนที่เคยเป็นพ่ออย่างเขา...ก็ไม่รู้เลย...


“ทำไมฉันต้องสนใจมันด้วย เลือดเนื้อเชื้อไขก็ไม่ใช่” พลภัทรกระแทกแก้วบนโต๊ะ ทุกคนที่นั่งอยู่ด้วยเงียบกริบจนได้ยินเสียงลมหายใจ


เป็นชยางกูรที่เลื่อนเก้าอี้ลุกขึ้นจนเสียงดัง ก่อนที่จะยืนขึ้นแล้วมองไปรอบกายด้วยสายตาเย็นชา


“งั้นคนอื่นอย่างผม...ขอทำตามใจแล้วกันครับ ขอตัว”








To Be Continued









หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 15 [08/07/12] ดราม่าต่อไปจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 08-07-2012 19:15:02
-3- บู่
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 15 [08/07/12] ดราม่าต่อไปจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 08-07-2012 19:48:50
ยังไม่อ่าน ขอเวลาทำใจสักแป็บ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 15 [08/07/12] ดราม่าต่อไปจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 08-07-2012 20:05:57
เอิ๊กกกกกกกกกก
กินมาม่าจนอิ่มเลย แล้วเมื่อไหร่ของหวานจะตามมาเนี่ย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 15 [08/07/12] ดราม่าต่อไปจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 08-07-2012 20:19:44
อยากให้ปันไปอยู่อังกฤษกับพี่เดฟ แต่ก็ทิ้งพ่อไม่ได้อีก  :o12:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 15 [08/07/12] ดราม่าต่อไปจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 08-07-2012 20:34:38
เซ็งกับครอบครัวนี้

พ่อแม่ใจร้ายมาก
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 15 [08/07/12] ดราม่าต่อไปจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 08-07-2012 21:05:40
ครอบครัวนี้มันช่างใจร้ายจริงๆ
สงสารปันมากๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 15 [08/07/12] ดราม่าต่อไปจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 08-07-2012 21:37:38
มาม่าชามที่สอง หรือสามหว่าาา
เค้าอิ่มแล้วน่าาาาา เลิกงอนกันได้แล้วนะ
ก็ทำไปเพราะอารมณ์ด้วยกันทั้งคู่
อยากให้คืนดีกันเร็วๆนะ
เป็๋ฯกำลังใจให้ทั้งปัน พี่เดฟ และคนแต่งค๊าาาา
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 15 [08/07/12] ดราม่าต่อไปจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 08-07-2012 21:56:21
ๆม่รู้ว่าปันทนอยู่กับครอบครัวแบบนี้ได้ไงนะเนี่ย เป็นพ่อและแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบมากเลย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 15 [08/07/12] ดราม่าต่อไปจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 08-07-2012 23:14:50
พึ่งมาอ่านรวดเดียวกำลังสนุกเลย
มาต่อไวๆน้ะคะ o18
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 15 [08/07/12] ดราม่าต่อไปจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 09-07-2012 01:02:15
พี่เดฟสู้ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 15 [08/07/12] ดราม่าต่อไปจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 09-07-2012 08:51:17
ลูกหายไปอาทิตย์นึง  ยังไม่รู้ตัว  โถ  แม่คุณ  สัญชาติญาณการเป็นแม่ต่ำแท้
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 16 [13/07/12] จบดราม่าลูกแรก(รึเปล่านะ?)
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 13-07-2012 18:49:37
kagehana : อิพี่เดฟมาตามน้องกลับบ้านแล้วค่ะ อิอิ ดูเหมือนว่าดราม่าจะจบแล้ว...แต่อย่าไว้ใจเราเชียวนะ *ยิ้ม*





-16-







เด็กสาวรูปร่างสมส่วนในชุดเสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงขาสั้นกุดพร้อมรองเท้าส้นเข็มยืนพิงประตูโรงเรียนอยู่พลางฟังเพลงจากโทรศัพท์มือถือของตัวเอง แสงไฟจากรถยนต์คันหรูที่แล่นเข้ามาช้าๆทำให้เธอละสายตาออกมาแล้วแย้มรอยยิ้มหวานให้


“มาจริงๆด้วยนะคะพี่เดฟ”


“โทษทีครับไอซ์ รถมันติด” ชยางกูรลงมาจากรถแล้วอ้อมไปเปิดประตูให้เด็กสาวที่ยืนอยู่


“ไปทานไอติมกันก่อนไหม”


“อย่าทำเหมือนไอซ์เป็นเด็กๆสิคะ ไปหาอะไรดื่มกันดีกว่า เนอะคะ” รอยยิ้มหวานวาดบนใบหน้าน่ารักที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ก่อนจะก้าวขึ้นนั่งในรถแล้วรอให้อีกฝ่ายปิดประตูให้


ชยางกูรปิดประตูแล้วเดินอ้อมมาอีกฝั่ง...


หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา แม้จะมีการติดต่อจากอาธิปและศิวะเป็นระยะ แต่ทั้งสองก็ไม่ยอมบอกที่อยู่ให้ ตัวเขาเองได้แต่กระวนกระวาย ทั้งไปดักตอนเช้า..และเลิกเรียน แต่ก็ไม่เคยเห็นปัณวิทย์สักครั้ง


...ทางเลือกสุดท้ายเลยมาลงที่อดีตแฟนสาวของปัณวิทย์


“วันนี้อย่าเพิ่งเลยครับไอซ์ พอดีพี่มีเรื่องปันอยากจะคุยด้วยหน่อย” เขาพูดหลังจากออกรถมาเรียบร้อย


คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแทบจะทันที เด็กสาวพองแก้มเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา


“ปันทำไมเหรอคะ”


“ปันหายไปน่ะ ไม่กลับบ้านมาตั้งอาทิตย์แล้ว ไอซ์เห็นเขาที่โรงเรียนไหม” ทั้งที่แน่ใจว่าอีกฝ่ายมาโรงเรียน แต่ชยางกูรก็ทำเนียนไม่รู้


“ขอโทษนะครับ แต่พี่เห็นไอซ์ก็สนิทกับพี่ พี่ไม่รู้จะถามใคร...” นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนหยอดแววหวานเชื่อมใส่เป็นลูกไม้ถัดมา


พอเจอกับสายตาที่จ้องมาเช่นนั้นก็ทำเอาพวงแก้มร้อนขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เด็กสาวค่อยๆยิ้มหวานก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเบา


“ก็เห็นว่าไปค้างบ้านอัฐน่ะค่ะ”


“งั้น... ไอซ์รู้ไหมครับว่าบ้านอัฐอยู่ไหน เดี๋ยวไปทานข้าวกับไอซ์เสร็จพี่จะไปรับปันเขา” ชยางกูรยิ้มเจ้าชู้โปรยเสน่ห์ใส่พลางเลื่อนมือมากุมไว้เบาๆ


“รู้ค่ะ” ใบหน้าหวานของเด็กสาวเอียงมองอย่างเอียงอายพลางนึกดีใจที่อีกฝ่ายยอมเล่นด้วย


“งั้น....ไว้หลังทานข้าวค่อยบอกนะ” ปลายนิ้วสากไล้เบาๆบนหลังมือนุ่มนิ่มพร้อมรอยยิ้มหวานซ่อนความนัย


...บางที...การจับปลาใหญ่โดยใช้เหยื่อล่อก็ไม่ใช่วิธีที่ยากเลย






//////////////////






ปัณวิทย์โยนเสื้อผ้าที่ใส่แล้วลงในตะกร้าใบใหญ่ เขาอยู่บ้านอาธิปครบอาทิตย์แล้วและยังไม่คิดอยากกลับบ้าน


...แต่ก็ไม่ได้สบายใจขนาดนั้น


เด็กหนุ่มรู้ดีว่าชยางกูรพยายามติดต่อกับเพื่อนทั้งสองคน แต่เพราะเขาคาดโทษไว้ ทั้งสองคนจึงไม่ยอมบอกว่าบ้านหลังนี้อยู่ที่ไหน


ศิวะที่กำลังจะเดินสวนเข้าห้องน้ำไปเหลียวมองใบหน้าเล็กๆของเพื่อน เด็กหนุ่มร่างสูงส่ายหน้าช้าๆ...เซ็งแทนชยางกูรที่ไอ้เพื่อนของเขามันงี่เง่าเหลือเกิน


“ทำหน้ายังกับหมาหิว คิดถึงพี่เขาทำไมไม่กลับไปวะ”


...น่าจะมีอะไรมากกว่าทะเลาะกัน...


...แต่ถ้าปัณวิทย์ไม่อยากบอกให้รู้ เพื่อนอย่างเขาและไอ้อัฐก็ไม่ควรถาม


“คิดถึงเหี้ยไรครับ บ้านนั้นไม่มีคนรักกูตั้งนานแล้ว จริงๆออกมาเลยแม่งคงไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำ.....” ปัณวิทย์ว่า เขาโตพอที่จะไม่ทำตัวเรียกร้องความสนใจงี่เง่าแบบที่บอกว่าหนีออกจากบ้านเพื่อให้คนที่บ้านใส่ใจ


...ในเมื่อไม่มีใครสักคน


“กูว่าอย่างน้อยก็ไม่ใช่พี่เดฟคนนึงแหละ” ศิวะส่ายหน้าแล้วบุ้ยปากไปในห้อง


“ไม่เชื่อลองไปถามไอ้อัฐดิ่ ว่าวันๆนึงมันตอบข้อความกับรับสายพี่เขาเท่าไหร่”


...บางทีไอ้การเป็นห่วงอย่างนี้ มันชวนคิดให้เป็นอื่นไปด้วยซ้ำ


“มึงมาอยู่ที่นี่ก็ทำหน้าเหงาๆ อย่าเถียงกูนะปัน...” ศิวะรีบดักคอ


“มึงกับพี่เดฟทะเลาะอะไรกันกูไม่รู้หรอก แต่กูคิดว่าที่พี่เขาเป็นห่วงมึงน่ะ มันของจริงนะเว้ย”


“............. ไม่หรอก... พวกมึงยังไม่เข้าใจ....” เด็กหนุ่มหันมองไปทางอื่น


“ก็ได้วะ..... เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง............... เรียกไอ้อัฐมาเหอะ”





-กริ๊งงง-





ไม่ทันที่ศิวะจะได้เรียกอาธิป เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น อาธิปที่โผล่หน้าขึ้นมาจากเกมก็ส่งเสียงเรียก


“ไอ้ซายน์ มึงไปเปิดหน่อย กูติดพัน”


“เชี่ย กูตลอดอะ” ศิวะตะโกนกลับ แต่เพราะตนเองหอบข้าวของเตรียมอาบน้ำ ร่างสูงเลยมองมาที่ปัณวิทย์แทน


“ปัน ไปแทนกูหน่อยนะ”


“เออ ครับครับ” ปัณวิทย์รับคำแล้วเดินลงมาจากตัวบ้าน เขาเห็นแม่บ้านเตรียมเปิดประตูแล้ว แต่พอเห็นว่าเป็นใคร เขาก็เดินกลับเข้าบ้านแทบจะทันที


“เหี้ย!! ใครบอกแม่งวะว่าบ้านมึงอยู่นี่ ไอ้อัฐ มึงลงมารับแขกมึงเลยนะ!!!”


เสียงตะโกนของปัณวิทย์เรียกให้ทั้งศิวะและอาธิปวิ่งหน้าตาตื่นลงมา แต่ก็ยังช้ากว่าชยางกูรที่สอดกายเข้ามาจับข้อมือปัณวิทย์ได้แล้ว


“พี่เดฟ!!” สองเสียงเรียกแทบจะประสานกันด้วยความตกใจ แม่บ้านวัยกลางคนจึงอาศัยจังหวะนี้หลบฉากออกไปแทบจะทันที


“ปัน...พี่มาตามกลับบ้าน” ชายหนุ่มผมทองในชุดลำลองเอ่ยปากก่อน


“บอกว่าไม่กลับไง! ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอวะ!!!” ปัณวิทย์พยายามสลัดข้อมือให้หลุดพร้อมตะโดนถามเสียงกร้าว


“ปัน...อย่าทำอย่างนี้” ชยางกูรพูดเสียงแผ่ว เพียงอาทิตย์เดียวที่ไม่ได้เจอกัน ความคิดถึงและความรู้สึกผิดก็รุมเร้าจนแทบทนไม่ไหว


“พี่ขอโทษ..” ร่างสูงสวมกอดเบาๆ ท่อนแขนแข็งแรงโอบรัดร่างเพรียวไว้แนบกาย... ให้จมหายไปในอ้อมกอด


“มึง... จะขอโทษกูทำไม กูบอกว่ากูไม่กลับไป อย่ามายุ่ง!!” ปัณวิทย์ทำตัวแข็งแล้วออกแรงทั้งดันทั้งผลักอีกฝ่ายออกไป


“มึงพูดถูกแล้ว บ้านนั้นไม่มีใครรักกู กูก็ไม่อยู่หรอกสัด มึงกลับไปเลย!!”


สายตาสองคู่ที่มองมามีทั้งความสับสนระคนแปลกใจ ศิวะมองภาพตรงหน้าก็พอจะเข้าใจคร่าวๆได้..เพราะนึกตะหงิดในใจอยู่สักพักแล้ว


...แหงๆ...


...ผัวเมียทะเลาะกัน...


“ปัน...มึงกลับไปกับพี่เขาเหอะว่ะ” ศิวะพูดหลังจากยืนนิ่งมานาน


...แม่ง ตัวประกอบเพื่อนนางเอกชัดๆเลยกู...


“เหี้ย พวกมึงไม่เกี่ยว!! กูไม่กลับ” พูดกับเพื่อนเสร็จ เขาก็หันมาหาคนที่ยื้อยุดเอาไว้


“บอกว่าไม่กลับไงวะ! ไม่มีใครรักกู!! กูจะกลับไปให้เหี้ยตัวเองทำไม!!!”


“พี่รักปัน” ชยางกูรพูดหนักแน่นพร้อมอ้อมกอด ชายหนุ่มกระซิบซ้ำด้วยคำเดียวกันข้างใบหูสีแดงจัด


...ถ้ากลัวที่จะพูด...


...อาจจะต้องเสียไปอีก...


“ขอโทษทุกๆเรื่องที่ทำกับปัน ขอโทษที่พูดไม่ดี ขอโทษที่ประชดออกไป...” ร่างสูงสูดลมหายใจหนักแน่นก่อนจะมองไปยังเพื่อนทั้งคู่ของปัณวิทย์ แล้วกลับมาสบสายตากับดวงตารื้นน้ำสีดำสนิทอีกครั้ง


“ปันให้อภัยพี่ได้ไหม...”


“ไม่!! มึงไม่ยอมฟังกู แล้วทำไมตอนนี้กูต้องฟังมึง!!” เขาออกแรงผลักร่างสูงออกไปเต็มที่


“มาพูดอะไรตอนนี้ไอ้ห่า”


“เพราะถ้าไม่พูดตอนนี้... พี่ก็จะไม่มีทางได้พูดอีกแล้ว” ฝ่ามือที่ผลักไสไม่ได้รุนแรงทางกาย... แต่กลับร้าวลึกไปถึงหัวใจ


...เจ็บเสียยิ่งกว่าอะไรที่เคยเจ็บ


“พี่รู้ว่าพี่ทำให้ปันเป็นเกย์ พี่หึงไม่เข้าเรื่อง พี่ไม่เข้าใจปัน พี่มันปากไม่ดี..ขี้โมโห...”ชยางกูรหยุดลมหายใจครู่หนึ่งก่อนจะระบายยิ้มออกมา


“...แต่สิ่งที่พี่เป็นอยู่และดีที่สุดตอนนี้...คือพี่รักปัน...”


...ความจริงที่มัวคิดไปเอง...


...ความจริงที่อยากพูดหลายต่อหลายครั้ง...


“ให้โอกาสพี่ได้ไหม...เรามาแก้ไขรอยต่อบิดเบี้ยวของเรา..ให้พี่ทำดีกับปันอีกครั้งนะ...”


ปัณวิทย์นิ่งไปเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ไม่สามารถปฏิเสธตัวเองได้ว่ารู้สึกดีขนาดไหนที่ได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น


...แต่กลับไปแล้วทุกอย่างก็เหมือนเดิม...


“แล้วไง... กลับไปด้วยแล้วอะไรมันเปลี่ยนไป!!”


“พี่ก็ไม่รู้อนาคตจะเป็นยังไง...แต่พี่รักปัน...และถ้าปันรักพี่..พี่สัญญาว่าจะไม่ให้ใครมาว่าหรือดูถูกปันได้อีกแล้ว”


...แม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นพ่อแท้ๆของตัวเองก็ตาม...


“ปันเชื่อใจได้ไหม...ว่าพี่จะไม่ทำให้ปันเจ็บปวดอีก”


มือเรียวทั้งสองข้างถูกรวบขึ้นมาจูบเบาๆ ชยางกูรแช่ริมฝีปากไว้ที่จุดเดิมก่อนจะมองสบสายตาปัณวิทย์อีกครั้ง


...อยากให้เชื่อ...


...จากหัวใจ...


“... แล้วไง ถ้าคราวหน้าเขาด่าอีก จะทำยังไง อยู่บ้านนั้นด้วยกัน ยังไงปันก็ต้องอยู่กับพี่เดฟ เขาก็เห็นพี่เดฟดีกว่าอยู่แล้ว!” เด็กหนุ่มเอ่ยทั้งน้ำตาถึงความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่เก็บไว้


“ถ้าอยู่ที่นั่นไม่ได้เมื่อไหร่..หรือถ้าปันพร้อมจะไปกับพี่ พี่จะพาปันไปอเมริกา” ชยางกูรประคองใบหน้าเล็กไว้แล้วใช้นิ้วโป้งปาดหยาดน้ำตาที่เอ่อล้น


“แต่กว่าจะถึงตอนนั้น....พี่จะดูแลปัน จะไม่ให้เขาทำอะไรได้อีกแล้ว”


“...... ไม่--! ปันไม่ไป ปันจะอยู่ที่นี่... ถ้าจะพาปันไปอเมริกาปันไม่ไป” เพราะยังทำใจที่ต้องอยู่ห่างจากผู้ชายที่เรียกว่าพ่อไม่ได้


“ไม่ไป...ไม่ไปก็ได้นะปัน” ชยางกูรกอดคนตัวเล็กกว่าเอาไว้แล้วจับใบหน้าให้ซุกลงกับอก


“กลับบ้านเรากันนะ...”


“.............” อ้อมกอดที่ชยางกูรมอบให้นั้นอบอุ่นจนทำให้รู้สึกดี และทำให้รู้ว่าคิดถึงขนาดไหน


“............................ ก็ได้.....” เด็กหนุ่มตอบเสียงเบา


มือใหญ่ลูบบนเส้นผมนุ่มมือเบาๆพลางยิ้มออกมาอย่างสุขใจ


“ขอโทษทีนะอัฐ ซายน์ รับฝากไว้นานเลย” ชยางกูรเอ่ยทักเด็กหนุ่มทั้งสองที่ยืนทำหน้างุนงงใส่


“.............เชี่ย มึงเป็นเมียพี่เดฟตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” อาธิปที่ยังดูงงๆถาม


“......... ตั้งแต่ตอนที่มึงถามกุเรื่องรอยที่คอนั่นแหละสัด” ปัณวิทย์ทำเสียงขุ่นพลางทำหน้ายุ่งใส่


“เข้าใจกูยัง? แม่งทำกูเป็นเกย์ สัด”


“.....ห่า มึงจะด่าพี่เดฟหรือด่ากุวะ อย่านึกว่าแฟนมาด้วยแล้วกูจะไม่กล้ากัดมึงนะเว้ย” อาธิปลอยหน้าพูดหน้าตาเฉย


“สัด เสือกปิดเพื่อนอีก กูก็นึกว่าทะเลาะอะไร แม่ง....กูว่าแล้วเรื่องผัวเมีย”


“ไม่ลองเป็นกูมั่งมึงไม่รู้หรอกไอ้เหี้ยอัฐ” เขาสวนกลับทันทีก่อนจะดันตัวออกมา


“เดี๋ยวกูไปเก็บของแล้วงั้น....”


“ให้พี่ช่วยไหม” ชยางกูรเสนอตัวแล้วโอบไหล่บางเบาๆ


“พี่เดฟ....กู เอ๊ย! ผมเลี่ยนว่ะ ไอ้ปันไม่ได้ท้องแก่ใกล้คลอดคร้าบ ไม่ต้องดูแลกันขนาดน้าน” อาธิปลากเสียงยาวล้อเลียน


ถ้าถามว่าตกใจไหม...ก็ใช่น่ะนะ


แต่เพราะเป็นเพื่อนกัน...เรื่องแค่นี้จะเป็นไรไป


“ปากมึงนี่น้า ยิ่งกว่าตูดอีกไอ้อัฐ”ศิวะที่ดูจะตั้งตัวได้ดีกว่าเอ่ยทั้งรอยยิ้ม


“เออ!! แม่งแซวกันหมดแล้ว!!! ไปยืนเฉยๆไกลๆเลย!!!” ปัณวิทย์ยกมือไล่แล้วเดินหายเข้าไปในห้องเพื่อจะเก็บของ


ศิวะกลับเป็นคนที่เดินตามเข้าไปในห้อง เขาปล่อยอาธิปให้รับแขกอยู่คนเดียว เด็กหนุ่มนั่งลงบนเตียงแล้วเปิดบทสนทนาก่อน


“ไม่น่าเชื่อเลยว่ะ เรื่องมึงกับพี่เดฟยังกะนิยาย จากเกลียดเป็นรักซะงั้น”


เขาเงยขึ้นมองหน้าเพื่อนก่อนจะก้มลงเก็บของต่อ


“กูก็เกลียด... แล้วก็ดีกัน...... แล้วแม่งปล้ำกู... กูเอาผู้หญิงไม่ได้แล้ว ก็... ตามนั้น”


“พูดยังกับเรื่องย่อละครเล่มละยี่สิบห้าบาทน่ะมึง” มือใหญ่ผลักหัวเบาๆ


“เอาเหอะ มึงจะเป็นห่าอะไรก็เป็นไป ยังไงมึงก็เพื่อนกู พี่เดฟเขาก็คงคุมมึงได้....มึงมีความสุขหรือเปล่าล่ะ”


“ก็งั้นอะ กูไม่รู้เหมือนกัน อยู่ด้วยกันมันสบายดี” ปัณวิทย์ตอบพลางหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายบ่า


“ขอบใจนะเว้ย ซายน์”


“เออ” ศิวะโอบไหล่เพื่อนสนิทของเขาแล้วพากันเดินออกมานอกห้อง


“เอาเด็กมาส่งครับ เอาไปแล้วไปเลยนะพี่ พวกผมไม่เอาค่าสินสอด”


“หือ? พี่ว่าจะให้ค่าสินสอดเป็นข้าวสักมื้อกับหนัง...งี้ก็ไม่ต้องแล้วดิ่” ชยางกูรแซว


“เอาครับพี่” อาธิปรีบตอบก่อนจะถูกคนตัวเล็กตบหัวเบาๆ


“ไปแล้วนะพวกมึง”


“อือ...อย่ามาร้องไห้ซบอกพี่อัสซี่อีกล่ะ อกพี่มีไว้ให้สาวๆเท่านั้น เค๊?”


อาธิปพูดต่อพลางโบกมือให้ ใบหน้าขาวตี๋ยิ้มแป้นแล้นส่งคนทั้งสองจนออกไป


..เอาวะ...ถ้าแม่งมีความสุข จะเกย์จะเมียอะไรก็เป็นไปเหอะ










To Be Continued....
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 16 [13/07/12] จบดราม่าลูกแรก(รึเปล่านะ?)
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 13-07-2012 19:09:08
ใจร้ายกันเกินไปแล้วนะค่ะคุณพ่อ  ไม่ห่วงน้องเลยหรอ?
ใจร้าย...........
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 16 [13/07/12] จบดราม่าลูกแรก(รึเปล่านะ?)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 13-07-2012 19:20:22
ช่วงนี้ก็ขอหวานๆระหว่างน้องปันกับพี่เดฟก่อนเถอะค่ะ ดราม่าอย่าเพิ่งมาอีกเลยนะ :monkeysad:
คืนดีกันแล้ว แถมเพื่อนยังรู้เรื่องเป็นแฟนกับพี่เดฟแล้วด้วย ตอนนี้น้องปันน่าจะมีความสุข
แต่เรื่องพ่อ :เฮ้อ: ยังละเหี่ยใจเหมือนเดิม
รออ่านตอนต่อไปค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 16 [13/07/12] จบดราม่าลูกแรก(รึเปล่านะ?)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 13-07-2012 19:31:36
กลับไปแล้ว อะไรๆ มันคงดีขึ้นนะ

 :กอด1:

หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 16 [13/07/12] จบดราม่าลูกแรก(รึเปล่านะ?)
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 13-07-2012 19:34:10
เย้ในที่สุดก้ได้กินของหวานหลังมาม่าถ้วยโตซักที
หวังว่าช่วงนี้มาม่าจะขาดตลาดไปอีกนานนะคะ ยังไม่อยากจะกินตอนนี้อ่า

หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 16 [13/07/12] จบดราม่าลูกแรก(รึเปล่านะ?)
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 13-07-2012 19:34:30
จะดราม่าแค่ไหนก็รีบเอาให้มันสุด ๆ เป็นเลยรวดเดียว.....ให้ตาช้ำตาบวมกันไปข้างที่เดียวเหมือนกัน...ไม่ต้องเว้นช่วง..มันบีบหัวใจเกินเหตุ......แล้วรีบกลับมาแฮปปี้นะเจ้าคะที่รัก... :L1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 16 [13/07/12] จบดราม่าลูกแรก(รึเปล่านะ?)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 13-07-2012 19:37:13
ชอบดราม่าเรื่องนี้ กลมกล่อมกำลังดี
ดราม่ากะคนลูกผ่านไปแล้ว แล้วดราม่ากะคนพ่อจะเข้มข้นขนาดไหน
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 16 [13/07/12] จบดราม่าลูกแรก(รึเปล่านะ?)
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 13-07-2012 20:36:36
ดีกันแล้วต่อไปคงมีเรื่องดีๆเข้ามานะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 16 [13/07/12] จบดราม่าลูกแรก(รึเปล่านะ?)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 13-07-2012 22:11:15
ในที่สุดพี่เดฟก็ง้อน้องปันสำเร็จ แต่ว่าอุปสรรคด่านต่อไปจะเป็นอะไรกันนะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 16 [13/07/12] จบดราม่าลูกแรก(รึเปล่านะ?)
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 13-07-2012 22:28:55
กลับไปบ้านต้องมีปัญหา

มีเรื่องขึ้นอีกแน่ๆ เลย

เดี๋ยวน้องปันก็ต้องเสียใจอีก เฮ้อ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 16 [13/07/12] จบดราม่าลูกแรก(รึเปล่านะ?)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 13-07-2012 23:26:37
ชอบจัง จบแบบมีความสุขภาคแรก ความเข้มข้นคงอยู่ภาคต่อจากนี้ชิมิ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 16 [13/07/12] จบดราม่าลูกแรก(รึเปล่านะ?)
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 14-07-2012 10:03:17
จะดราม่าแค่ไหนก็รีบเอาให้มันสุด ๆ เป็นเลยรวดเดียว.....ให้ตาช้ำตาบวมกันไปข้างที่เดียวเหมือนกัน...ไม่ต้องเว้นช่วง..มันบีบหัวใจเกินเหตุ......แล้วรีบกลับมาแฮปปี้นะเจ้าคะที่รัก... :L1:

แฮะๆ อยากบอกใบ้นิดนึงว่าบางทีหลังฝนตกฟ้าก็ไม่ได้ใสเสมอไปค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 16 [13/07/12] จบดราม่าลูกแรก(รึเปล่านะ?)
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 14-07-2012 10:24:18
เอิ้กๆชอบคราม่ารอคราม่าเจ้าค่าาา
คนเขียนสู้ๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 16 [13/07/12] จบดราม่าลูกแรก(รึเปล่านะ?)
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 14-07-2012 11:17:29
ดีนะที่ปันยังมีเพื่อนดีๆ คอยอยู่ข้าง o13
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 16 [13/07/12] จบดราม่าลูกแรก(รึเปล่านะ?)
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 14-07-2012 11:28:39
จบแค่ตอนนี้ก็ดีใจแล้วว
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 16 [13/07/12] จบดราม่าลูกแรก(รึเปล่านะ?)
เริ่มหัวข้อโดย: pronpailin ที่ 15-07-2012 15:47:04
 :เฮ้อ: โล่ง ไปหนึ่งดอก  เหลือ อีกกี่ดอก นี่กว่า ปันจะมีความสุข
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 16 [13/07/12] จบดราม่าลูกแรก(รึเปล่านะ?)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 17-07-2012 18:02:58
ถ้าจะหลุดบ่อยขนาดนี้ ไมไม่บอกไปตรงๆเลยล่ะพี่อัสซี่~~~~~~   :laugh:
รอนะฮะ   ^^
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 16 [13/07/12] จบดราม่าลูกแรก(รึเปล่านะ?)
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 18-07-2012 21:46:26
จะว่าสนุกก็สนุก จะว่าดร่ามาก ก็ม่าดี
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 16 [13/07/12] จบดราม่าลูกแรก(รึเปล่านะ?)
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 19-07-2012 02:12:12
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :sad11: :m15: :sad11:
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 20-07-2012 20:40:34
kagehana : ดีกันแล้วแต่ดราม่ายังไม่จบนะจ๊ะ








-17-








“........ อึดอัดแล้ว.... ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเหรอ” ปัณวิทย์เอ่ยทำลายความเงียบในรถหลังจากขับออกมาได้ไม่นาน ชยางกูรไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรสักคำจนทำให้อึดอัด



“นึกไม่ออก...ไม่ได้เจอกันตั้งอาทิตย์นึง” ชยางกูรพูดแล้วหันมามอง



“แต่ปันยังลืมอะไรหรือเปล่า...”



“ไม่ได้ลืมไรนี่... ลืมก็ช่าง เดี๋ยวพวกนั้นก็เอามาคืน” เด็กหนุ่มว่า



ชยางกูรหักรถเข้าข้างทางแล้วจอดไว้ มือใหญ่เลื่อนจากพวงมาลัยมากุมไว้เบาๆ



“ปันลืม...คำพูดบางอย่าง...เหมือนที่พี่บอกกับปันไปเมือกี้”



...รัก...



เป็นคำที่ฟังดูยิ่งใหญ่เกินตัวของเขาในตอนนี้ นัยน์ตาเรียวคมมองคนตรงหน้าพลางนึกไป ถ้าตอบไปว่ายังไม่รู้ จะทะเลาะกันอีกไหม



ปัณวิทย์กลั้นใจไว้ก่อนจะเอ่ยคำตอบที่เหมือนคำถามเบาๆ



“แค่ชอบก่อน... ได้หรือเปล่า”



“ยังไม่เท่ากัน....สินะ...” ปลายเสียงเศร้าลงเล็กน้อย



แต่การจะยัดเยียดความรักแล้วหวังจะได้รักกลับมา โอกาสก็แทบจะเป็นศูนย์อยู่แล้ว ยิ่งเป็นผู้ชายด้วยกัน ทั้งเรื่องทางสังคม อีกฝ่ายที่อายุน้อยกว่าคงยังทำใจไม่ค่อยได้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าที่อีกฝ่ายยอมให้สัมผัส และมีความสัมพันธ์ลึกล้ำเป็นเพราะอารมณ์ที่ถูกชักนำ...ไม่ใช่เพราะรัก



“ไม่เป็นไรปัน...แค่นั้นก็ดีแล้ว” ชยางกูรปล่อยมือที่จับกุมออกแล้วเม้มริมฝีปากแน่น เขาเสตามองออกไปข้างนอกที่มืดมิด



...ต้องรอใช่ไหม...



...แล้วเมื่อไหร่?



...หรือไม่มีวัน....



“... สัญญา...” พอเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีแบบนั้นก็อดรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาไม่ได้ แม้จะยังไม่เข้าใจตัวเองที่ต้องรู้สึกแบบนี้ แต่ปัณวิทย์ก็ไม่คิดว่าการบอกรักทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นมันไม่ใช่เรื่องควรทำ



“ว่าจะไม่ไปไหนกับคนอื่นอีก...” เขาเอื้อมมือไปแตะบนไหล่กว้าง หมายจะให้อีกฝ่ายหันมามองหน้ากัน



“... ถ้าอยู่ด้วยกัน ก็จะไม่ไปไหน อย่าทำหน้าแบบนั้น”



ชยางกูรยังคงนิ่งมองความมืดอันไร้จุดจบ นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างหลับลงช้าๆก่อนจะลืมตาขึ้นมาแล้วหันกลับมาหาปัณวิทย์



“ปันเกลียดคำว่าตลอดไปหรือเปล่า...” ชยางกูรกระซิบเสียงแผ่ว



“...... ทำไมต้องเกลียดล่ะ” เขามองด้วยความไม่เข้าใจ



“เพราะพี่อยากจะรักปันตลอดไป...” ชายหนุ่มถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดผ่านอ้อมกอดที่มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รับรู้



“แต่ปัน...จะให้พี่รอตลอดไปหรือเปล่า...กว่าจะรักกัน..”



...หนึ่งปี..สิบปี...ยี่สิบปี...



...ต้องนานเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ...



“.... ปันตอบไม่ได้หรอกว่าเมื่อไหร่...... ขอโทษที่ไม่ได้เรื่อง..... ที่ไปลองกับคนอื่นนั่นก็ทำไม่ได้ เพราะไม่ได้ชอบ เข้าใจหรือเปล่า ไปลอง เพราะอยากหาคำตอบให้พี่... ว่ามันยังไงกัน..........” เขาหยุดเพียงอึดใจเดียวก่อนจะเอ่ยต่อ



“เพราะชอบ โอเคไหม ชอบมาก ถึงยอมขนาดนั้น ปันไม่เคยยอมใครเหมือนพี่.... เพราะงั้น ไม่ต้องรอตลอดไปหรอก”



คำพูดของปัณวิทย์ทำให้อ้อมกอดนั้นแรงขึ้นกว่าเดิม ชยางกูรซุกใบหน้าลงบนบ่าของเด็กหนุ่มแล้วเลื่อนริมฝีปากไปจูบเบาๆที่ข้างแก้ม



“อืม” ริมฝีปากที่แตะพรมไปทั่วหยุดลงที่ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเด็กหนุ่ม...คนที่เขารักที่สุด ชยางกูรดันริมฝีปากบางเฉียบให้เผยอออกแล้วสอนรสสัมผัสของการจูบอันลึกซึ้ง



ปัณวิทย์จูบตอบอย่างคนไม่คุ้นเคย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยพูด



“... นะ อย่าทำหน้าแบบนั้น...”



ชยางกูรยิ้มออกมาทันทีที่อีกฝ่ายร้องขอ เขาผละตัวออกมานิดหน่อยแต่ก็ยังกอดเด็กหนุ่มไว้ในอ้อมแขน



“....เรื่องนี้... ถ้าคุณพ่อรู้...คงไม่ได้สินะ”



ถ้าเกิดรู้ ตัวเขาเองยังไม่เท่าไหร่ เพราะไม่ได้ผูกพันคงจะออกไปจากชีวิตได้ง่าย...แต่กับปัณวิทย์ที่ยืนยันว่ายังไงก็ไม่ไป การที่พลภัทรรู้เรื่องคงไม่ดีแน่



“.....ขอโทษนะที่รักปัน...”



“เรื่องดีๆ ขอโทษทำไม แต่ให้เขารู้ไม่ได้ ตกลงปะ” เขามองสบดวงตาสีฟ้านิ่งแล้วเอนซบเข้าในอ้อมกอดอีกครั้ง



“อื้อ” หน้าผากมนถูกหอมซ้ำๆพร้อมเจ้าของรอยยิ้มเจ้าชู้...ที่มอบให้คนๆเดียว



“ซื้อเค้กมาเน่าทุกวันเลย กระต่ายก็เน่า ป่านนี้เหงาตายไปแล้วหรือยังไม่รู้โดนเจ้าของทิ้งเนี่ย”



ทุกวันที่หายไป.. ชยางกูรจะซื้อเค้กมารอ เผื่อว่าจะกลับมา... และทุกๆวันเขาก็จะไปนั่งอุ้มกระต่ายกลมๆสองตัวในห้องให้กินอาหาร ด้วยความรู้สึกเหงาๆทั้งคนทั้งสัตว์



“ถ้าพี่กับเจ้าฟูเจ้าฝุ่นไม่ได้เจอปันอีกอาทิตย์นึง ต้องเหงาตายแน่ๆ”



“แล้ววันนี้มีเค้กปะล่ะ” ปัณวิทย์ถามหน้าตาย เขาขยับตัวออกมานั่งตามเดิมแล้วพูดต่อ



“กลับได้แล้ว ปันจะกลับไปหาฟูกับฝุ่น”



“ได้ทีล่ะสั่งใหญ่เลยนะ” ชยางกูรพูดแกล้งแล้วเบนหัวรถกลับสู่ถนน



“ไม่มีเค้ก...แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปกินดีไหม”



“อือ ก็ได้” เขาหัวเราะเบาๆแล้วเอนตัวกลับมานั่งพิงเบาะนุ่ม



ร่างสูงในฝั่งคนขับชะโงกตัวมาขโมยจูบเบาๆบนริมฝีปากปัณวิทย์ทีหนึ่ง ก่อนจะเคลื่อนรถออกไปสู่ถนนที่ปลายทางมุ่งสู่บ้านของทั้งสอง



...บ้านของเรา...








/////////////////////////////////





ปัณวิทย์เปิดประตูบ้านเข้ามาเงียบๆ ทั้งๆที่หายไปอาทิตย์หนึ่งกลับรู้สึกเหมือนยาวนานกว่านั้น แต่พอเดินเข้าไปทางลิฟต์ กลับต้องเบิกตากว้างกับภาพที่เห็น



“.... สวัสดีครับคุณพลภัทร”



คนที่ถูกเรียกชื่อไม่แม้แต่จะยกมือรับไหว้ นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าแล้วเลยไปมองคนที่เดินตามมา



“บ้านมีไม่รู้จักกลับ แกนี่มันเหลือขอจริงๆ แล้วนี่กลับมาทำไม ไม่ไปตายให้พ้นๆซะล่ะ!!”



“!? ถ้าอยากให้ผมตายผมจะตายให้ดู!!!” เด็กหนุ่มหันกลับแล้ววิ่งออกไปทันทีโดยไม่สนใจชยางกูรที่พยายามจะคว้าตัวเขาไว้



แวบหนึ่ง พลภัทรเห็นแววตากล่าวโทษของชยางกูรที่มองมาทางเขาก่อนที่จะหันหลังวิ่งตามปัณวิทย์ไป ชายวัยกลางคนมองภาพตรงหน้าอย่างคลางแคลงใจ แต่เพราะน้ำหนักของความรู้สึกที่กดทับตรึงรั้งสองขาและร่างกายจนไม่อาจจะขยับได้สักนิด



ริมฝีปากหนาถูกเม้มเข้าออก ก่อนที่ร่างของชายสูงวัยจะตัดสินใจหันหลังให้



...อย่าไปสนใจ...



ถ้อยคำที่เฝ้าบอกตัวเองหลายต่อหลายครัง...จนจดจำไปทุกกระแสเลือด



...เกลียด...



ปัณวิทย์กระโดดขึ้นรถที่นั่งมาเมื่อครู่แล้วสตาร์ทออกตัวไปทันที ถึงจะไม่เคยขับรถจริงๆจังๆแต่ในตอนนี้ก็ไม่สนใจจะคิดอะไรแล้วทั้งนั้น



...ชนให้ตายแม่งไปเลย...



...อยากให้ปันตายนัก...



...พ่อเห็นปันเป็นอะไร...



...ทำไมต้องเกลียดกัน...



“ปัน!! ลงจากรถเดี๋ยวนี้!! ปัณวิทย์”!!! ชยางกูรวิ่งไล่ตามรถที่เคลื่อนตัวออกไป ร่างสูงวิ่งตามสุดความเร็วเท่าที่ทำได้ แต่เพราะคนในรถเหยียบคันเร่งเกินกว่าที่จะตามทัน รถจึงพุ่งทะยานออกไปข้างหน้า



เชฟโรเล็ตสีดำขับฉวัดเฉวียนอย่างน่ากลัว ชยางกูรเห็นไฟสว่างจ้าจากรถอีกทาง นัยน์ตาสีฟ้าเบิกโพลงเมื่อเห็นรถบรรทุกที่วิ่งสวนทางมา



“ปัน!!”



พอเห็นแสงไฟมาพร้อมกับรถ อารามตกใจทำให้มือที่จับพวงมาลัยรีบหักหลบแทบจะทันที โดยไม่ทันมองว่าฝั่งตรงข้ามเป็นอะไร



รถยนต์สีดำหักหลบเบี่ยงตัวไปอีกข้าง รถสะบัดตัวจากการเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าริมทางอย่างรุนแรง เสียงปะทะดังราวกับระเบิดก่อนที่รถจะหยุดลงหากแต่ล้อยังขยับจากการค้าง...ก่อนจะนิ่งลงและเงียบงัน



ชยางกูรรู้สึกราวกับภาพที่เกิดตรงหน้านานแสนนานแม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่วินาที ร่างสูงเกือบจะทรุดลงกับพื้นเมื่อเห็นอุบัติเหตุข้างหน้า ชยางกูรวิ่งไปที่รถแล้วเคาะกระจกด้านข้างอย่างบ้าคลั่ง



“ปัน!!!ปัน!!”



ทว่าคนที่นั่งอยู่กลับไม่มีสติจะตอบอะไรอีกต่อไป เลือดสีข้นไหลจากศีรษะออกมาอาบด้านข้างของใบหน้าจนดูน่ากลัว



ชายหนุ่มกดโทรศัพท์หาคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่ออย่างรีบร้อน พอปลายสายรับก็ตะโกนกลับไปทันที



“เรียกรถพยาบาล! ปันรถชนหน้าบ้าน!” ตัดกดสายได้ ชยางกูรก็รีบไปเปิดล็อคประตู แต่เป็นเพราะระบบล็อคไม่ทำงาน จึงไม่สามารถเปิดได้



ปัณวิทย์ที่อยู่ในรถมีแต่โลหิตไหลเต็มข้างขมับ เด็กหนุ่มคอพับลงซบพวงมาลัยและถุงลมนิรภัย มือทั้งสองข้างปล่อยร่วงลงข้างตัวราวกับคนไม่มีชีวิต



...ไม่จริง...



“ปัน...ปัน...” ชยางกูรเรียกชื่ออีกฝ่าย แล้วคว้าเอาแป๊บเหล็กข้างทางมาทุบใส่กระจกรถด้านหลังเบาะข้างคนขับเพราะไม่อยากให้ปัณวิทย์โดนกระจกบาด แรงตีลงไปสะท้อนกลับมายังฝ่ามือทั้งสองจนแตกยับ ชยางกูรยังคงตีต่อไปจนกระจกแตกลง เขาปลดล็อกแล้วเอื้อมไปปลดฝ่ายคนขับ



“ปัน..อย่าเป็นอะไรนะ” น้ำตาที่ไม่รู้ไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ หยดลงบนผิวแก้มเปื้อนหยาดโลหิตข้นเหนียว ร่างสูงอุ้มปัณวิทย์ลงมากอดไว้กลางพื้นถนน น้ำเสียงสั่นเครือเรียกชื่อเด็กหนุ่มพลางร้องไห้อย่างไม่อายใคร



“...ไหนว่าจะให้พี่รอ...ปัน...ปัน...อย่าทำอย่างนี้...”



สัมผัสอุ่นๆของร่างยังคงเหลืออยู่ แต่เลือดที่ไหลออกมากับอาการที่ไม่ตอบสนองไม่ได้ทำให้คนที่กอดอยู่เย็นใจได้เลย



...โกหก...



...มันต้องไม่ใช่เรื่องจริง...



ฝ่ามือแตกยับประคองใบหน้าของคนรักขึ้นมาอย่างทะนุถนอม หยาดน้ำตาที่ไหลหล่นบนผิวแก้มเปรอะเปื้อนไหลไปปนกับหยดเลือดเป็นทางยาว



“ปัน...ไม่เอา...ไม่เอานะปัน....ลืมตาขึ้นมา... ลืมตาสิ...พี่อยู่นี่ไง ฟื้นสิปัน...ปัน...”



แม้จะเฝ้าเรียกเท่าไหร่ คนในอ้อมกอดก็ไม่มีท่าทีใดๆ ปัณวิทย์ยังคงนิ่งอยู่ในอ้อมกอด... ท่ามกลางเสียงสะอื้นในห้วงราตรีอันยาวนาน









To Be Continued....

หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 20-07-2012 21:09:09
 :m15:
ง่ะ เศร้าจัง คุณพ่อจะทำให้ปันเสียใจไปถึงไหน ทั้งที่ตัวเองก็รักปันแท้ ๆ อยากให้น้องปันมีความสุขมาก
ไม่รู้อุบัติเหตุครั้งนี้จะทำให้พ่อคิดได้มั้ย...เฮ้อ...น้องปันอย่าเป็นอะไรนะ พี่เดฟใจจะขาดแล้ว คนอ่านก็ด้วย

ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 20-07-2012 21:14:33
T[]T โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ -// ดรามาเรื่องนู้นมาเจอเรื่องนี้ เศร้าหนักกว่าเดิม 55555
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 20-07-2012 21:29:48
อะจึ๋ย  ไปแนะนำนิยายเรื่องนี้มาว่าดราม่านิดๆ  มันไม่นิดแล้วนี่หว่า
พลภัทรคับ  ถ้าคุณเกลียดปันขนาดนี้  ทำไมไม่เลิกกับแม่ปันซะล่ะ
นั่นน่ะต้นเหตุของเรื่อง  ปันเองก็ทุกข์มากพอแล้ว  ทำเหมือนปันไม่ใช่คนไปได้
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 20-07-2012 21:40:46
อันนี้มาม่าขั้นรุนแรง
ปันอย่าเป็นอะไรนะ
พ่อแม่ของปันจะรู้สึกผิดบ้างไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 20-07-2012 22:21:35
มาม่าถ้วยสองรสจัดเกินไปหรือเปล่า T_T
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 20-07-2012 23:04:36
ทำร้ายจิตใจกันถึงตายเลยเหรอ ทำไมพ่อต้องเกลียดลูก มากมาย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 21-07-2012 00:14:12
เค้าเพิ่งดีกันเองนะ
หายไปจากบ้านไม่ตาม พอกลับมาก็บอกให้ไปตาย
ถึงไม่ใช่ลูกแต่ก็เคยรักเหมือนลูกไม่ใช่เรอะ
อย่างน้อยความเป็นผู้ใหญ่ก็น่าจะมีบ้าง

เป็นไงละ รถชนเสาไฟฟ้าแบบนี้
รู้สึกยังไงบ้างละ
ปันปันไม่ได้ทำผิดอะไร เด็กเค้าจะรู้มั้ยละว่าคนรุ่นพ่อแม่ทำอะไรไว้
แล้วจะมาไม่ดูดำดูดีแบบนี้ โหดร้ายเกินไปแล้ววว
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 21-07-2012 00:19:09
หนูจ้าาาาาาาาาาาาาาาาา
ป้าแก่แล้วน๊า อย่าทรมานกันจิ
ทิชชู่ในห้องป้ามันหมดแล้วเน้อ ไม่มีอะไรจะซับแล้ว
 :sad4:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 21-07-2012 00:25:43
โหมาม่าถ้วยใหญ่มากๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 21-07-2012 00:44:19
 :serius2: :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 21-07-2012 01:03:14
ไม่น้าาาาา
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 21-07-2012 01:32:23
ท้องอืดกันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 21-07-2012 01:50:49
อ่านแล้วเอือมพ่อมากแก่เพราะเกิดมานานอย่างเดียว
ไม่ใช่ไม่เข้าใจว่า แค้นมากเพราะโดนหลอก
ตัวเองเจ็บมากก็อยากให้คนอื่นเจ็บบ้าง แต่ประสาทแดกมากที่โยนเอาทุกอย่างไปลงกับเด็ก
เด็กที่ไม่ได้เป็นสาเหตุของเรื่องเลย
น่าจับพ่อไปตรวจกับจิตแพทย์บ้างนะ กินยาระงับอาการ จะได้ดีขึ้น
-___-"

รอเฉลยเรื่องดีกว่าว่าอะไรทำให้เกลียดเด็กคนนึงได้ขนาดนี้ แต่ไม่โทษเมียนอกใจ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 21-07-2012 07:33:16
 :z3:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 21-07-2012 08:24:44
จริงๆคนที่ร้ายและเป็นปัญหาที่สุดของเรื่องนี้คือไอ้คนใจร้ายพลภัทรนี่แหละ :angry2:
แล้วก็ไม่รู้ว่าปันจะรักจะเทอดทูนคนที่ไม่ได้รักตัวแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ทรมานตัวเองเปล่าๆ :monkeysad:
ไปอยู่กับพี่เดฟที่อเมริกาก็เป็นทางเลือกที่ดีนะ แต่อย่างว่าคนเขียนเสิร์ฟมาม่าให้เราอย่างต่อเนื่อง ผมเราก็ร่วงพร้อมน้ำตาต่อไป :m15:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 21-07-2012 08:49:09
เหอๆ

สมน้ำหน้า
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 21-07-2012 10:32:07
ม่ามานะ และอ่านรวดเดียวจบ สงสารปันเนอะที่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้
แต่ปันๆยึดติดกับพ่อที่ไม่ได้รักดี และสงสารพี่เดฟด้วย เป็นผู้ชายที่น่าสงสารจริงๆๆๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 21-07-2012 11:53:57
 :o12:เพราะแบบนี้เองเหรอท่านถึงได้เตือนข้าพเจ้า....
 :fire:นายพลภัทร.....ข้าพเจ้าจะส่งสิบล้อตีนผีไปจัดการนายดีมั๊ยนี่?....
นี่มันเป็นมาม่าน้ำข้นเลยนะ....หนูปันของแม่...ห้ามเป็นไรไปนะ.....พี่เดฟใจจะขาดรอน ๆ แล้ว.. :monkeysad:

หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 21-07-2012 13:19:39
เศร้าา
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 21-07-2012 16:23:58
ชอบความดราม่าเจ้าค่ะ :really2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 21-07-2012 21:47:58
T^T  ขอชาบูตอนนี้ที่เรียกน้ำตาได้ดี
ทั้งๆที่ดีกันแล้วกับพี่เดฟแท้ๆ   ติดอยู่ตรงเดียวคือพ่อนี่แหละ
เฮ้อ   
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 22-07-2012 02:05:17
พี่เดฟ ช่วยน้องที!!!
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 22-07-2012 16:23:28
ต้มยำน้ำข้น :monkeysad:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 23-07-2012 13:54:01
อ่านแล้วเอือมพ่อมากแก่เพราะเกิดมานานอย่างเดียว
ไม่ใช่ไม่เข้าใจว่า แค้นมากเพราะโดนหลอก
ตัวเองเจ็บมากก็อยากให้คนอื่นเจ็บบ้าง แต่ประสาทแดกมากที่โยนเอาทุกอย่างไปลงกับเด็ก
เด็กที่ไม่ได้เป็นสาเหตุของเรื่องเลย
น่าจับพ่อไปตรวจกับจิตแพทย์บ้างนะ กินยาระงับอาการ จะได้ดีขึ้น
-___-"

รอเฉลยเรื่องดีกว่าว่าอะไรทำให้เกลียดเด็กคนนึงได้ขนาดนี้ แต่ไม่โทษเมียนอกใจ


กำลังเขียนถึงตอนอดีตพลภัทรที่พลอตเอาไว้น่ะค่ะ พลภัทรเป็นคนที่ร้ายเพราะมีเหตุให้ร้าย อันที่จริงจากมุมมองเรา คนที่น่าสงสารที่สุดคือพลภัทรนะ <<สปอยล์ 55
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 23-07-2012 15:54:59
มารอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 24-07-2012 20:16:44
Kagehana : ดูจากเม้นท์คราวที่แล้วเรื่องนี้ตัวร้ายคือคุณพลสินะคะ 555  ไม่แน่นะคะ..คนที่ร้ายที่สุดอาจจะเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดก็ได้ ^^





-18-







“...ลืมตานะปัน...” น้ำเสียงอ่อนโยนของชายหนุ่มผมทองพูดเบาๆราวกับจะกระซิบให้คนที่นอนอยู่บนเตียงในห้องพักฟื้นได้รับรู้ ชยางกูรยิ้มให้คนรักที่ยังคงนอนหลับใหล บาดแผลภายนอกที่ศีรษะ แขนขวาและขาซ้ายถูกผ้าพันแผลและเฝือกห่อหุ้มไว้ แต่เพราะสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ปัณวิทย์จึงยังไม่รู้สึกตัวนับตั้งแต่วันนั้น



“วันนี้พี่ซื้อเค้กเจ้าโปรดของปันมาฝากนะ”



...ปัน...



...ได้โปรด...



“ตื่นมากินกันนะปัน....พี่รออยู่....”



ชยางกูรกุมมือเล็กขึ้นมาแนบแก้ม หัวตาร้อนผ่าวกลั่นหยดน้ำตาลงเปรอะหลังมืออ่อนนุ่ม ชยางกูรได้แต่กัดฟันแน่นกลั้นเสียงสะอื้นด้วยความรู้สึกเจ็บปวดจนแทบทานทนไม่ไหว



...ทั้งๆที่บอกว่าจะปกป้องปัน...



...แต่พี่ทำได้แค่ดูแลในตอนที่สายไป...



“ขอโทษ...ปัน...”



ร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงไร้ปฏิกิริยาตอบรับ นัยน์ตาเรียวคมปิดสนิท มีเพียงลมหายใจแผ่วๆเท่านั้นที่เป็นตัวบ่งบอกว่ายังมีชีวิตอยู่



มือใหญ่เอื้อมไปแตะใบหน้าขาวที่ราวกับจะโปร่งแสงเบาๆ ปัณวิทย์ในตอนนี้เหมือนคนกำลังหลับ หมอเองก็บอกว่าบาดแผลภายนอกไม่นานก็หาย แต่เรื่องการฟื้นขึ้นมา ยังไม่รู้เมื่อไหร่ เพราะเป็นเรื่องของเจ้าตัวเอง



สองอาทิตย์หลังจากเกิดเหตุ ปัณวิทย์ก็ยังคงไม่ลืมตาขึ้นมา



“...ไหนว่าเราจะพาฟูกับฝุ่นไปเที่ยวกันไง... มันเหงาจะแย่อยู่แล้ว... ปันได้ยินพี่ไหมครับ...” น้ำเสียงทุ้มต่ำพูดอย่างอ่อนโยนอยู่ข้างหู



“พี่รักปันนะ....”



-ก็อกๆ-



เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ชยางกูรต้องรีบเช็ดน้ำตาแล้วหันกลับไปมอง



“....” พลภัทรแปลกใจกับภาพที่เห็น ดึกขนาดนี้แล้วไม่ควรมีคนอยู่ในห้องของปัณวิทย์ด้วยซ้ำ ทว่าเมื่อมาถึงตรงนี้แล้ว สิ่งที่ทำได้มีเพียงยืนมองด้วยสายตาเย็นชา



“ออกไปก่อน...” น้ำเสียงต่ำฟังเรืองอำนาจดังขึ้นจากชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง



“คุณจะทำอะไรอีก...แค่นี้ปันยังเจ็บไม่พอหรือครับ” ชยางกูรเพียงแค่ปล่อยมือออกแล้วยืนขึ้น...แต่ยังไม่ยอมเดินออกไป



“อย่าทำร้ายปันอีกเลย...คุณพลภัทร”



“พ่อบอกให้ออกไป...” พลภัทรยังคงยืนยันคำเดิมด้วยแววตาเรียบเฉยที่ไม่แสดงอารมณ์ใดใดออกมาทั้งนั้น เขาก้าวมาข้างหน้าเพื่อเปิดทางให้อีกคนได้เดินออกไปจากห้องโดยไม่พูดอะไรต่อ



ชายหนุ่มผมทองเม้มปากแน่น นัยน์ตากร้าวมองผู้เป็นบิดาอีกครั้งพร้อมสำทับด้วยเสียงเรียบแต่ดุดัน



“ถ้าคุณทำร้ายปัน...ผมไม่ยอมแน่”



ร่างสูงเดินผ่านด้านข้างออกไปพร้อมกับปิดประตูตัดขาดจากกัน



ชายวัยกลางคนรอให้เสียงฝีเท้าหายไป แม้ว่าในใจจะนึกสงสัยกับการที่ชยางกูรมาอยู่เฝ้าดึกดื่น แต่ร่างบอบช้ำที่อยู่ตรงหน้ากลับดึงความสนใจไปเสียก่อน นัยน์ตาเรืองอำนาจฉายแววอ่อนล้าเมื่อมองมายังปัณวิทย์ ไหล่หนาที่เคยยืดตรงดูงองุ้มเล็กน้อย... พลภัทรเดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงพลางจ้องมองปัณวิทย์ด้วยแววตาที่ต่างจากทุกครั้ง



...ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้...



ในวันนั้น ด้วยความโมโหที่ปัณวิทย์ไม่ยอมกลับบ้านเป็นเวลานานจึงพลั้งปากพูดไป เขาไม่อยากจะเชื่อว่าแค่คำพูดร้ายกาจของเขาคำเดียวจะทำให้เรื่องราวมันเลวร้ายได้ขนาดนี้



“.......ปัน...” น้ำเสียงทุ้มห้าวดูแหบโหยยาวเรียกชื่อ พลภัทรยกมือขึ้นพลางยื่นไปหา มือสั่นๆคล้ายจะกล้าๆกลัวๆในการสัมผัสอดีตลูกชาย... แต่สุดท้ายเขาก็แตะลงบนเรือนผมสีเข้มแผ่วเบา



“...ไอ้เด็กบ้า...จะดื้อไปถึงไหน...” พลภัทรลูบศีรษะปัณวิทย์เบาๆด้วยมือสั่นเทา



...เป็นเพราะเขา...



...ที่ทำร้ายเด็กคนนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...



“ลืมตาขึ้นมาเสียที...ปันปัน....”






//////////////////////




“ปัน อย่าวิ่งเร็วนักสิลูก” เพ็ญแขเอ่ยปรามด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเมื่อเห็นเด็กชายตัวน้อยวิ่งไปยังประตูบ้าน ขาสองข้างที่ดูจะยังก้าวไม่ทันใจเจ้าตัวนักสลับเป็นกระโดดไปวิ่งไป น่ากลัวว่าจะล้มได้ทุกเมื่อ



“น้องปันปันจะไปรับพ่อ” เด็กชายที่ยังสูงไม่ถึงเอวของหล่อนหันมาพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มกว้าง



ชายหนุ่มที่เพิ่งลงจากรถย่อตัวลงเตรียมพร้อมจะรับกระสุนกระต่ายตัวน้อยๆที่โถมเข้ามาในทุกวัน พลภัทรยิ้มกว้างพลางอ้าแขนออกรอ



“ปันปันครับ มาหาพ่อเร็ว”



เจ้าของชื่อโถมตัวเข้าใส่ แต่เพราะความสูงทำให้กอดอีกฝ่ายไว้ได้แค่ขาเท่านั้น



“พ่อกลับมาแล้ว” แขนอวบๆสองข้างโอบกอดแน่น บนใบหน้ากลมมีแต่รอยยิ้มกว้าง



“กลับมาแล้วครับ มา...ปันปันให้พ่อหอมหน่อย” ร่างสูงค้อมตัวลงอุ้มเด็กชายขึ้นมา แก้มขาวซับสีแดงจัดเพราะการวิ่งถูกหอมซ้ายขวาด้วยความหมั่นเขี้ยว และดูเหมือนเจ้าตัวจะชอบเช่นกันเพราะเสียงหัวเราะคิกคักดังไม่หยุด



“วันนี้น้องปันปันเป็นเด็กดีหรือเปล่า”



“เป็นคับ เป็นเด็กดีที่สุดในโลก--ก เลย” มือสองข้างวาดออกเป็นวงกว้างราวกับจะขยายความคำว่าโลกของเขา



พลภัทรมองลูกชายสุดที่รักด้วยแววตาเอ็นดู แขนป้อมๆถูกจับไว้แล้วเอามากดที่ริมฝีปากเบาๆ ชายหนุ่มเอ็นดูปัณวิทย์ลูกชายคนเล็กมาก ด้วยส่วนหนึ่งเพราะความขี้อ้อนช่างประจบเอาใจด้วย



“ตัวแค่นี้รู้จักคำว่าโลกด้วยเหรอ ไหน...ไหนบอกพ่อซิ โลกใหญ่เท่าพ่อหรือเปล่า”



“ใหญ่กว่าคับ! โลกใหญ่เท่านี้--เลย” ทำมือประกอบอีกครั้งเสร็จเจ้าตัวก็ยิ้มกว้างขณะมองหน้าพลภัทรก่อนจะโถมตัวเข้ากอดรอบคอเอาไว้



“แต่น้องปันปันรักพ่อใหญ่กว่าโลก----ก”



พลภัทรหัวเราะร่ากับความใหญ่ที่มือป้อมๆทำ เขาอุ้มเด็กน้อยเดินไปหาภรรยาและลูกชายคนโตที่ยืนอยู่ห่างๆ



“พ่อก็รักปันปันกับนันที่สุดในโลกเหมือนกัน รักแม่ด้วยนะ”



ปัณวิทย์หัวเราะร่าขณะที่กอดคอของผู้เป็นพ่อเอาไว้แน่น



“รักทู้ก----กคนเลย”






-----------





เสียงร้องไห้ดังลั่นมาจากห้องข้างๆ ปลุกให้หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นกลางดึก ก่อนจะพบว่าฝนตกหนักราวกับพายุเข้า ซ้ำยังกระหน่ำด้วยเสียงฟ้าผ่าให้ตกใจ



“คุณคะ... ลูกร้องไห้ใหญ่แล้ว...” เพ็ญแขหันไปเขย่าคนที่นอนอยู่ข้างๆเบาๆ



พลภัทรตื่นจากอาการสะลึมสะลือ เขาพยักหน้าให้ภรรยาเบาๆก่อนจะหิ้วหมอนกับผ้าห่มของตัวเองฝ่าความมืดไปยังอีกห้อง ทุกครั้งที่ฝนตกฟ้าร้อง เจ้าตัวเล็กขี้อ้อนของเขาจะเกิดอาการงอแงตื่นมาร้องไห้ และมีเพียงพลภัทรที่จะปลอบให้สงบลงได้



“ปันปัน...” พลภัทรเรียกลูกชายคนเล็กที่ซุกอยู่ในโปงผ้าห่ม



“ฮือ-- พ่อคับ” มือเล็กที่จับม้วนผ้าห่มค่อยๆเลิกขึ้นมา น้ำตาไหลออกมาเลอะเปรอะไปทั่วใบหน้า ทว่าพอแสงสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง เจ้าตัวเล็กก็รีบมุดเข้าใต้ผ้าห่มดังเดิม



พลภัทรจะขำก็กลัวเจ้าตัวเล็กโกรธ ชายหนุ่มจึงค่อยๆเดินไปรวบโปงผ้าห่มขึ้นมากอดไว้บนตัก ฝ่ามือหนาปาดคราบน้ำตาแล้วหอมหน้าผากเบาๆปลอบโยนเด็กชายที่สะอึกสะอื้น



“โอ๋ๆ ไม่กลัวนะครับปันปัน พ่ออยู่นี่แล้ว ไม่ร้องนะ...เด็กดี” ทุกคำพูดถูกปลอบประโลมด้วยฝ่ามืออุ่นๆที่ลูบไปตามแผ่นหลังเจ้าเนื้อ



“ฮึก... พ่อนอนกับน้องปันปันนะคับ มันน่ากลัว เสียงดัง ฮึก” เด็กชายตัวน้อยซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนั้นแทนผ้าห่มของตัวเอง รู้สึกปลอดภัยยามถูกโอบกอดไว้เช่นนี้



“อื่อ นอนกับน้องปันปัน... เด็กดีไม่ร้องไห้เดี๋ยวนางฟ้ามาเสกให้นอนหลับฝันดีนะครับ” พลภัทรจูบหน้าผากเจ้าตัวเล็กแล้วเอนตัวลงนอนให้ปัณวิทย์กอดซุกแนบอก



เด็กชายตัวน้อยนุ่มนิ่มนอนขดซุกยึดเขาเป็นที่พึ่งพิง พลภัทรดึงผ้าห่มนวมผืนหนาขึ้นมาห่มให้เบาๆ



“ฝันดีนะลูก”






///////////////





“พ่อฮะ-- ปันปันสอบได้ที่หนึ่งอีกแล้ว พ่อดีใจหรือเปล่าฮะ” เด็กชายตัวเล็กวิ่งไปต้อนรับพลภัทรที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับผลสอบของตัวเองด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม



“ไหน ขอพ่อดูหน่อย” พลภัทร์ก้มลงมาอุ้มเจ้าตัวเล็กที่ยิ้มร่าโชว์ฝันหลอและสมุดพกในมือ เด็กชายในชุดนักเรียนตอนนี้หนักกว่าเมื่อก่อนอยู่นิดหน่อย แต่ความน่ารักยังคงมากขึ้นในทุกวัน



“ลูกพ่อเก่งจังเลย เดี๋ยวพ่อซื้อของเล่นเป็นรางวัลให้ดีไหมครับ”



“เอาฮะ-- แล้วพ่อจะต่อหุ่นยนต์กับปันปันไหมฮะ” เขาตอบรับเสียงใสพลางมองหน้าพลภัทรด้วยรอยยิ้มทั้งในดวงตาและบนริมฝีปาก



“ได้เลย แต่ปันปันต้องสัญญากับพ่อนะครับว่าจะเรียนเก่งๆ” พลภัทรหอมเจ้าตัวน้อยในอ้อมกอดแรงๆอีกทีหนึ่งแล้วพูดไป



“ฮะ! ปันปันจะเรียนเก่ง จะได้ที่หนึ่งตลอดเลยฮะ! พ่อจะได้ดีใจ แล้วก็รักปันปันเยอะๆด้วย” ปัณวิทย์หัวเราะร่าเอ่ยคำสัญญาตามแบบเด็กๆแล้วกอดบิดาเอาไว้



“รักสิ ปันปันเรียนเก่งๆนะครับ พ่อจะได้รักเยอะๆเลย”



...รักสิ...



...ถ้าไม่รู้ความจริงเขาคงไม่เกลียดเด็กคนนี้...





//////////////////////////





พลภัทรที่ตกอยู่ในภวังค์ของความผูกพันได้แต่มองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยความเสียใจ มือที่เริ่มเหี่ยวย่นลูบตามใบหน้าซีดเซียวของคนที่นอนหลับใหลเบามือ



...ถ้าเพียงเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเพื่อนสนิทและเมียของเขา...



...ชู้...ที่เริ่มต้นจากการที่เป็นเพื่อนที่รักที่สุด...



“ทำไมเราถึงไม่ใช่พ่อลูกกันจริงๆ... ทำไมต้องเกิดอุบัติเหตุคราวนั้น..”



หรือถ้าความลับนั้นเป็นความลับตลอดไป...ทุกสิ่งทุกอย่างคงไม่เลวร้ายอย่างนี้



“ปัน...” น้ำเสียงทุ้มต่ำพูดเบาๆด้วยเสียงแหบพร่า



“.........พ่อขอโทษ.....”











To Be Continued...
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 17 [20/07/12] เพราะมาม่าไม่ได้มีถ้วยเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 24-07-2012 20:32:27
เศร้า  พลภัทรไม่น่าสงสารเลย  อาจน่าเห็นใจที่โดนหักหลัง
แต่มาลงผิดคนหรือเปล่า  ทำไมไม่จัดการชายโฉดหญิงชั่วล่ะ
หรือว่าหลงมากถึงให้อภัย  สงสารปันมาก ๆ  ที่พยายามเรียนให้ได้ที่หนึ่ง
เพื่อให้เขาสนใจ  อยากให้เขารัก  พลภัทรช่างแย่มาก
แต่แย่ไม่เท่าแม่ปัน  นั่นเป็นเมียและแม่ที่แย่ที่สุด
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 24-07-2012 20:45:35
 :o12:  อ่านแล้วน้ำตาไหลไม่หยุดๆ
เพิ่งมาคิดได้หรอ เซงง
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 24-07-2012 20:53:12
ยังไงพ่อพลยังใจร้ายสำหรับเรา ความรักของน้องปันปันใหญ่กว่าโลก ยังโน้มน้าวจิตใจไม่ได้ เฮ้อ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: karmdodcom ที่ 24-07-2012 20:55:37
ปันนน T^T
สมองได้รับความกระทบกระเทือนรุนแรง?
ไม่เอาน่าา...ปันปันต้องไม่เป็นอะไรสิ T[]T

บอกตามตรงนะ...ไม่สงสารคุณพลภัทรเลยสักนิดค่ะ =_=
ทำไมถึงไม่คิดให้ดีก่อนพูดนะ
...เพราะเขาว่ากันว่าคำพูดของพ่อแม่ศักดิ์สิทธิ์ ถึงไม่ใช่พ่อแท้ๆ...แต่ปันก็นับถือคุณพลภัทรเหมือนเป็นพ่อแท้ๆนะ...
แช่งให้ไปตาย?...เป็นยังไงล่ะ...อย่างกับเจ้าชายนิทราขนาดนี้...=_=
..กลัวจริงๆว่าถ้าเกิดตื่นมแล้วจะความจำเสื่อม...
แต่อย่างน้อย...ก็ขอให้จำคนที่ทำสิ่งดีๆให้กับน้องปันได้ด้วยเถอะ...
คนที่ทำเรื่องร้ายๆ พูดร้ายๆจนทำให้ปันต้องมาเป็นแบบนี้น่ะ...ลืมไปเต๊อะ...

อัพ อัพ อัพ อัพ อัพ อัพ อัพ อัพ อัพ อัพ อัพ อัพ อัพ อัพ อัพ อัพ...
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 24-07-2012 20:59:35
อืมมมต่อไปก็ทำดีกับปันเน้อออ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 24-07-2012 21:03:52
พออ่านถึงที่พ่อเรียกปันว่า ปันปัน รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที
อโหสิกรรมเถอะนะ > <

ตื่นมาด้วย ปันปันนน
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 24-07-2012 21:04:00
ถ้าตื่นมาแล้วจำพ่อไม่ได้ก็ดี  :o11:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 24-07-2012 21:04:13
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: kasune ที่ 24-07-2012 21:24:10
โอย ช่างเศร้าเยี่ยงนี้ ชู้กับใครไม่ทำทำกับเพื่อนสนิท
แต่ถ้าไม่ชู้ปันคงไม่เกิด ฮือ *น่าเศร้า*
สงสารปันจัง ทั้งๆที่รักพ่อมากมายขนาดนี้แท้ๆ
แต่ถ้าเป็นพลภัทรเราคงจะเป็นงี้ก็ได้มั้ง
ลูกที่คิดว่าเป็นของตัวเอง ลูกที่ตัวเองรักมากกลับกลายเป็น
ลูกของภรรยาและเพื่อนสนิทตน โอยน่าเศร้า
ทำใจรักมันก็ยากนะหลังจากรู้เรื่องแล้วอ่ะ ยิ่งเป็นเพื่อนสนิท! //เศร้า

ต่อเร็วๆนะก๊ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 24-07-2012 21:25:25
ถ้าปันปันฟื้นมาจะจำพี่เดฟได้มั๊ย?....
เป็นพ่อที่ใจร้ายเกินไป...อะไรที่ไม่ดีทำไมมาลงที่ปันปัน.... :o12: :m15:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 24-07-2012 21:27:12
TT
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 24-07-2012 21:48:01
พ่อขอโทษ แล้วถ้าปันตื่นขึ้นมาพ่อจะดีกับปันมั้ยอ่ะ ไม่ใช่ทำ้ร้ายปันเหมือนเดิม
ปันไม่ผิดสักนิดนะ คนที่ผิดคือแม่ของปัน แล้วทำไมทำกับน้องแบบนี้
งื้อออ สงสารอ่ะ น้องปันตื่นนะ... :m15:

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 24-07-2012 22:04:27
ต้องให้ลูกเจ็บขนาดนี้ก่อนหรือไง ถึงจะคิดได้
ถ้าไม่เจ็บจนสายพ่อก็จะไม่มาดูดำดูดีต่อไปใช่มั้ย
เห็นใจนะที่โดนหักหลัง แต่ไม่สงสาร
ที่ทำกับปัน เด็กน้อยผู้ไม่ได้ผิดอะไร มันมากเกินกว่าที่จะสงสารคุณพลภัทรนะ
ปันไม่ได้ทำอะไรผิดเลย คนที่ผิดคือแม่ของปันกับชู้ต่างหาก
ทำไมไม่เข้าใจ แม่ของปันก็แย่มากกก เอาตัวรอดคนเดียว
เอาแต่ทำให้สามีไม่โกรธ ไม่เห็นเคยออกรับแทนปันเลยสักครั้ง
ตัวแม่เป๋นคนผิดนะ ทำไมต้องมาโทษปัน

รักมากเกลียดมาก ใช่ไม่ได้กบความรักในครอบครัวหรอกนะ
คนเป็นพ่อนะ เค้าไม่ทำร้าลูกตัวเองโดยการขวางของใส่ให้หัวแตก
ไม่ทำร้ายกันด้วยคำพูดเจ็บแสบแบบนั้นหรอก

บอกแล้วเห็นใจ แต่ไม่สงสาร

ปล.คนแต่งแต่งให้เค้าอินได้สุดๆไปเลย สุโค๊ย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 24-07-2012 22:20:16

กำลังเขียนถึงตอนอดีตพลภัทรที่พลอตเอาไว้น่ะค่ะ พลภัทรเป็นคนที่ร้ายเพราะมีเหตุให้ร้าย อันที่จริงจากมุมมองเรา คนที่น่าสงสารที่สุดคือพลภัทรนะ <<สปอยล์ 55

ขอบคุณที่แง้มๆ ให้ฟังค่า ก็พอจะเข้าใจว่าโดนเมียสวมเขา แต่หมั่นไส้เพราะเอาไปลงกับเด็กเนี่ยล่ะ
ไม่ทำกับชู้ววววและเมียล่ะค่ะ >> หย่าไปเลย ก็ดันรักหน้าตาขึ้นมาอีก?


แง่งงงงงงงงงงงงงงงงงงง อยากโดดถีบขาคู่10เท่าอายุปันปันใส่พ่อ
ส่วนแม่ อิชั้นขอจับโยนหลุมได้มั้ยเนี่ย เกลียดนางมากกว่าพ่ออีก ไม่คิดจะใส่ใจลูกตัวเองเล๊ย
ขัดใจที่สุด
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: LM1412 ที่ 24-07-2012 23:25:49
 :sad4: :sad4: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 25-07-2012 00:45:55
แม้พลภัทรจะเหมือนมีอดีต และทำทุกอย่างเพราะการหักหลัง และต้องทำตัวเย็นชากะภัทร
เพราะแค้นที่ถูกหลอก แต่เขากเลือกได้นี่ ความผูกพันธืย่อมสำคัญกว่าที่มา ซึ่งไม่ว่าจะเป็นไง
พบภัทรมีสิทธิเลือกกำหนดอนาคตได้ แต่เลือกจะปิด ผิดกับภัทรเลือกรัก เพราะรัก แม้จะไม้ไเกี่ยวพันธ์ทางสายเลือด
แต่เพราะผูกพันะ์เลยรักพลภัทรมาก เลิกเถอะพลภัทร เลิกทิฐิจอมปลอมซะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 25-07-2012 01:09:22
เรื่องมันเกิดเพราะชายโฉดหญิงชั่ว  ตาบาปสุดท้ายคือน้องปันที่ต้องรับผลนั้น
คุณพลน่าสงสารนะ  เพราะถูกทรยศ   มันยากที่ทำใจให้อภัย
หน่วง!!
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 25-07-2012 08:35:47
ความผิดที่เกิดขึ้นมันเกิดมาจากผู้ใหญ่ทั้งนั้น
แล้วเด็กก็มารับเคราะห์แทนสงสารปันมากๆ

หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 25-07-2012 09:44:43
เหมือนคุณพ่อจะสำนึกได้

แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป

หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 25-07-2012 10:53:51
 :sad11: น้องปันปัน น่าสงสารจัง พี่เดฟก็เหมือนกัน   :m15:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 25-07-2012 14:39:30
สงสาร ปันปัน กะ พี่เดฟ  :monkeysad:

เพื่อนสนิทคุณพ่อคือคนที่คุณพ่อเคยรักรึป่าว คุณพ่อถึงได้แค้นขนาดนั้น  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 25-07-2012 20:16:30
เพราะมาลงกับปันแบบนี้ พลภัทรเลยไม่น่าสงสารหรือน่าเห็นใจซักนิด :เฮ้อ:
ปันไม่รู้เรื่องอะไรด้วยซ้ำ แถมยังรักพ่อมากขนาดนี้ ยังไงก็สงสารปันมากๆ :monkeysad:
ต้องให้ปันเจ็บแบบนี้ใช่ไหม ถึงจะพูดขอโทษออกมาได้ :m16:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: dedede ที่ 25-07-2012 22:46:41
เริ่มมีคำว่า พ่อขอโทษแล้ว ~~
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: dark-soleil ที่ 26-07-2012 21:26:14
เป็นพ่อที่น่าเกลียดมาก!!! หนูปันตื่นขึ้นมาขอให้จำพลภัทรไม่ได้!!! เอาให้เหวอไปเลย!!!
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 18 [24/07/12] ลืมตาเถอะนะ..คนดี
เริ่มหัวข้อโดย: kabee ที่ 26-07-2012 23:24:19
ต่อให้จะโดนหักหลังมาจากเพื่อนและคนรัก แต่การที่มาลงกับเด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวมันใช่หรอ!!!!!

สงสารปันปัน น้ำตาไหลเลย ไม่รอให้ปันตายก่อนเลยล่ะแล้วค่อยมาสำนึกได้

เกลียดคนประเภทนี้จริง !!!!!!!!!

 :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 19 [27/07/12] ร้องไห้ให้ปันเหรอ...
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 27-07-2012 18:13:27
Kagehana : ฟื้นแล้วก็หวานกันไปก่อน อย่าแปลกใจว่าดราม่าไปไหนนะคะ มันมีเวลาของมันค่อยเคลียร์ตู้มเดียวไปเลย ส่วนเรื่องพลภัทร แม่น้องปัน กับพ่อแท้ๆน้องปันมันมีอะไรมากกว่านั้นค่ะ 

เอาเป็นว่า....ขมมาเยอะแล้วเอาหวานมาเจือจางมั่งเนอะ







-19-








“... อ... อือ.....” เสียงครางเบาๆดังขึ้นมาพร้อมกับดวงตาที่ค่อยๆเปิดขึ้น ปัณวิทย์ตั้งใจจะขยับมือแต่กลับรู้สึกปวดร้าวไปจนต้องร้องออกมา



“โอ๊ย...” เด็กหนุ่มนิ่วหน้าพลางกระพริบตาสามสี่ทีเพื่อปรับสายตาของตัวเองให้มองเห็นรอบตัวชัดขึ้น



...โรงพยาบาลเหรอ...



เสียงร้องที่ดังจากเตียงเรียกความสนใจของคนที่กำลังปอกแอปเปิ้ลอยู่ใกล้ๆ ชยางกูรหันกลับมาที่เตียง ใบหน้าหล่อเหลาแสดงอาการไม่คาดฝันก่อนที่รอยยิ้มกว้างจะฉายขึ้นบนใบหน้า



“ปัน!” เขาเรียกชื่อคนรักเสียงดังก่อนจะวิ่งเข้ามาหา



“ปันฟื้นแล้วเหรอ..ปัน...” ชายหนุ่มประคองใบหน้าของคนรักก่อนที่หยดน้ำตาจะไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว



...ลืมตาเสียที...



“!?”



...ร้องไห้ด้วยเหรอ...



น้ำตาของชยางกูรทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็น



“.... ร้องไห้ทำไม...”



...ร้องไห้ให้ปันเหรอ...



ชยางกูรรีบปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ทั้งที่อยากจะยิ้มรับตอนที่ตื่นขึ้นมาแท้ๆ...



“น่าอายเนอะ....” น้ำเสียงขึ้นจมูกพูดเบาๆ



“แต่ปันหลับไปนาน...นานมาก...จนพี่กลัวว่าปันจะไม่ได้กลับมา... ก็เลยดีใจมากไปหน่อย” ชยางกูรยิ้มอายๆขณะตอบคำถามนั้น



พอเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ปัณวิทย์ก็มีสายตาที่หมองลงเล็กน้อย



“... ที่บ้าน... ว่าอะไรหรือเปล่า”



...หรือจริงๆแล้วเขาควรจะตายไปเสียด้วยซ้ำ...



“ไม่มี....แต่คุณพ่อมาเยี่ยมปันด้วยนะ” ชยางกูรลูบใบหน้าคนรักอย่างห่วงหาก่อนจะค่อยๆประคองให้ลุกขึ้นนั่งแล้วกอดไว้ในอ้อมอก



“ไม่เป็นไรนะปัน... อย่าคิดอะไรมาก ปันยังปวดหัวอยู่ไหม”



“เจ็บ... ไปทั้งตัวเลย....” ปัณวิทย์ตอบเสียงเบาก่อนจะก้มลงมองสภาพของตัวเองอีกครั้ง



“ดูไม่ได้เลย......”



“นี่ยังดี ตอนที่ปันขับรถชนแล้วสลบไปน่ะพี่แทบเป็นบ้าเลยรู้ไหม” ชายหนุ่มกอดร่างเล็กแน่นขึ้นแล้วจูบเบาๆที่หน้าผาก



ฝ่ามือแตกที่ยังเหลือร่องรอยอยู่ลูบเฝือกที่แขนของปัณวิทย์อย่างอ่อนโยน



“ยังดีว่าแค่กระดูกหัก ภายในไม่เป็นอะไร วันก่อนอัฐกับซายน์ก็มาเยี่ยม แต่ปันยังไม่ตื่น... รู้ไหมว่าทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงแค่ไหน”



“ปันขอโทษ..... ขอโทษนะพี่เดฟ” เขามองดวงตาสีฟ้าใสอย่างจริงใจ



“ขอบคุณ... ด้วย” เด็กหนุ่มเบนหน้าออกไป ขอบคุณที่อีกฝ่ายทำให้เขายังรู้ว่ามีคนใส่ใจอยู่



“พี่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” ชยางกูรลูบศีรษะปัณวิทย์เบาๆแล้วลอบยิ้มให้กับเส้นผมสีเข้ม



“แต่ปันต้องสัญญานะว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีก ปันต้องรักตัวเอง... แล้วก็ต้องรู้ด้วยว่าปันยังมีคนที่รักปันมากๆอยู่อีกคนนะ”



“ก็... ไม่ชินนี่” เขาทำเสียงแข็งพลางขมวดคิ้วเข้าหากัน เพราะไม่ชินกับการได้รับความรักมากๆ ถึงได้ลืมไปว่ายังมีอยู่



...อย่างน้อยคนตรงหน้าเขาตอนนี้ก็คือคนที่บอกว่ารักเขามากที่สุด



“งั้นต้องทำให้ชินไวๆแล้วกัน” ริมฝีปากได้รูปกดลงบนหน้าผากมนเบาๆอย่างรักใคร่ เช่นเดียวกับดวงตาสีฟ้าที่บอกอย่างมั่นคง



“เดี๋ยวพี่ให้หมอมาดูก่อนดีกว่า... เดี๋ยวจะยาว ต้องส่งข่าวบอกที่บ้านแล้วก็อัฐกับซายน์ด้วย”



“อ... อือ” ปัณวิทย์มองตามร่างสูงที่ขยับตัวออกห่าง



“แล้ววันนี้ทำงานหรือเปล่า....”



“ไม่ไป...บอกคุณพ่อไว้แล้ว” ชยางกูรพูดเสียงขรึมพลางนึกแปลกใจนิดหน่อยที่ดูพลภัทรจะยอมอย่างง่ายดาย



“ก็จนกว่าปันจะออกน่ะแหละ แต่เอางานมาทำที่นี่แทน”



“เขาไม่สงสัยเหรอ...” เด็กหนุ่มก้มหน้าลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตามมา ในเมื่อเขาถูกสั่งแล้วว่าไม่ให้เข้าใกล้ชยางกูร



“ไม่รู้สิ คงรู้สึกผิดมั้ง แต่เขาไม่ได้ว่าอะไรพี่เลยทำเฉยๆ” พอพูดถึงพลภัทร ตะกอนความไม่พอใจก็เหมือนถูกกวนให้ขุ่น



...ถ้าเกลียดกันขนาดนั้น...



...สู้อย่ามายุ่งเลยไม่ดีกว่าหรือไง...



“ให้รู้สึกผิดเยอะๆแหละดี...”



“.... เดี๋ยวหาย ก็มาพาลใส่ปันอีกอยู่ดี...” คนป่วยถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วเงยหน้ามายิ้มให้จางๆ



“ไปเถอะ... เดี๋ยวยาว ใช่ไหม...”



“เดี๋ยวไปตามหมอมานะ แป๊บนึง” ชยางกูรหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วเดินออกไปข้างนอกเพื่อแจ้งข่าวให้คนที่รออยู่ได้รู้



ปัณวิทย์มองตามแผ่นหลังกว้างของร่างสูงออกไป รู้สึกอบอุ่นในหัวใจจนต้องยิ้มออกมาจางๆ หากที่เป็นอยู่ตอนนี้คือความสุข เขาก็อยากจะมีช่วงเวลาแบบนี้ไปอีกนานๆ



...และแอบหวังอยู่ในใจลึกๆว่าสักวัน พลภัทรจะยอมรับเขาดังเดิมอีกครั้งหนึ่ง



...ปันจะอดทนรอก็แล้วกัน...






////////////////////





“เชี่ยปัน กลายเป็นหมาเป๋เลยนะมึง” เด็กหนุ่มหน้าตี๋ยิ้มกว้างขณะเกาะขอบเตียงแล้วกระเด้งตัวขึ้นนั่งบนเตียงโรงพยาบาล



“ห่า หลับไปได้ตั้งสองอาทิตย์ กูนึกว่าต้องรอให้พี่เดฟจุมพิตซะก่อนมึงถึงจะตื่น ไอ้เจ้าชายขาเป๋” แม้ว่าปากจะพูดไป แต่แววตาดีใจของอาธิปก็ปิดไม่มิด



ช่วงเวลาสองอาทิตย์อันยาวนานเขาได้แต่ห่วงว่าจะเป็นอะไรถึงขั้นไปแอบร้องไห้ แต่ศิวะดันมาเห็นเลยต้องปิดปากกันยกใหญ่ จนถึงวันนี้ค่อยเบาใจได้หน่อย



“ปากเหรอวะมึงไอ้อัฐ” แม้จะอยากหาอะไรมาซักเพื่อนตัวดีสักเปรี้ยง แต่เพราะเป็นคนเจ็บถึงทำอะไรไม่ได้นอกจากดุด้วยสายตาแทน



“จดการบ้านไว้ให้กูหรือเปล่า เดี๋ยวไม่ท็อป”



“ห่า ห่วงอยู่เรื่องเดียวอ้ะ โน่น เรื่องนี้มึงไปถามไอ้ซายน์เลยป่ะ ให้กูจดคงอ่านออก” อาธิปบุ้ยปากไปทางศิวะที่ยืนอยู่ใกล้ๆเตียง



“กูไม่ได้จด แต่ยืมของไอ้แว่นที่สองรองจากมึงมาซีร็อกซ์ให้ กูฝากพี่เดฟไว้แล้ว....แล้ว..หมอเขาว่าไงบ้างวะปัน”



“ก็กูไม่ความจำเสื่อม กระดูกแขนหักกระดูกขาหัก... นอกนั้นโอเคแล้ว... มั้ง” เขานึกถึงสิ่งที่นายแพทย์ท่าทางสูงวัยแล้วเอ่ยร่ายอาการบาดเจ็บของเขากับชยางกูรที่ข้างเตียงก่อนหน้านี้



“ยังไม่ตายเร็วๆนี้แน่”



“ดีแล้วล่ะ” ศิวะเอ่ยพูดแล้วยกมือขยี้หัวเพื่อนเบาๆ



“ไม่งั้นเดี๋ยวเพื่อนมึงแอบไปร้องไห้อีก”



“ไอ้เหี้ยซายน์!!” ใบหน้าขาวขึ้นสีจัดอย่างเห็นได้ชัด



“อะไรครับพี่อัสซี่ ร้องไห้เพราะเป็นห่วงน้องปันเหรอครับ” ปัณวิทย์ทำเสียงอ่อนเสียงอ้อนล้อเลียนเมื่อได้รู้ความลับของเพื่อนซี้



“กูเกลียดมึงว่ะ....” อาธิปพูดเสียงอ่อย



“แม่ง ฝุ่นเข้าตากูตะหาก กูไม่ได้ร้อง”



“ฝุ่นเข้าตานี่กอดกูแน่นแถมสะอื้นเลยนะมึง” ศิวะพูดไม่ทันจบก็ถูกหมอนใบโตฟาดเข้าให้



“เหี้ย ใครล้อกูขอให้เป็นหมัน หญิงไม่คบ หมาเมิน สัดศิวะลึงค์ กูเกลียดมึง---” อาธิปฮึดฮัดจนใบหน้าแดงยิ่งแดงก่ำ นัยน์ตาตี่ๆหันไปมองปัณวิทย์ที่นั่งอยู่บนเตียง



“ก็กูกลัวมึงตายอ่ะ...หัวเราะทำเชี่ยไรไอ้ปัน”



“ก็กูขำอะสัด เอาเหอะ กูไม่ตายหรอก ถึงเขาจะไล่กูไปตาย กูก็ยังไม่ตายว่ะ กูคงหนังเหนียว” ปัณวิทย์หัวเราะต่ออย่างไม่สนใจขำแช่งของอาธิป



“ดีแล้ว มึงไม่สงสารตัวเองก็สงสารพี่เดฟเหอะ แม่ง เฝ้ามึงจนหน้าจะเป็นซอมบี้อยู่แล้ว” อาธิปยิ้มแล้วหันไปทำตาเขียวกับศิวะทำนองว่า ฝากไว้ก่อนนะมึง



“....... รู้แล้ว” พอถูกพูดจี้จุดเรื่องชยางกูรก็ทำเสียงอ่อยลงมาทันที



“กูยังเด็กก็ได้...”



“มึงโคตรเด็ก!!” สองตัวกวนตอบพร้อมกัน



ชยางกูรเปิดประตูเข้ามาพร้อมถุงขนมและกับข้าวตามปัณวิทย์ร้องขอ ชายหนุ่มยกมือรับไหว้เพื่อนๆตัวแสบแล้ววางถุงลงบนโต๊ะพัก



“คุยอะไรกันเสียงดังเชียว”



“ไม่มีอะไร พวกนี้โหวกเหวก ไหนอะคะน้าหมูกรอบไข่ดาวสุกนะ” ปัณวิทย์หันมาหาคนที่เพิ่งเดินเข้ามา



“ห่า อ้อนใหญ่เลยนะมึงไอ้เป๋” อาธิปส่งเสียงล้อเลียน



“อื้อ ไข่ดาวสุก อ่อ...พี่ซื้อมาฝากอัฐกับซายน์ด้วยนะ ราดหน้ากับผัดซีอิ๊ว แล้วก็เห็นเบเกอรี่น่ากินเลยเอามาฝากด้วย”



“สมกับเป็นผัว- เอ๊ย! พี่เขย ผมจริงๆ พี่เดฟน่ารักที่สุด” เด็กหนุ่มยิ้มหวานล้อเลียนปัณวิทย์



“น้องปันรักพี่เดฟจังเลย จุ๊บๆ” อาธิปแกล้งเกาะแขนออดอ้อนพลางหัวเราะร่า



“... สัดอัฐ! กวนตีนนะมึง!!” เด็กหนุ่มหันไปว้ากใส่เพื่อนตัวเองพร้อมทั้งทำตาเขียวใส่



“ซื้อเค้กมาด้วยเปล่า” เขามองร่างสูงที่ค่อยๆจัดข้าวใส่จานมาให้พลางเงยหน้าถามราวกับเด็กตัวเล็กๆ



“อื้อ ซื้อมาแล้ว ของปันเป็นบลูเบอร์รี่ชีสพายเหมือนเดิม แล้วก็ซื้อทีรามิสุกับเค้กผลไม้รวมมาฝากเพื่อนๆเราด้วย” ชยางกูรพูดพลางลูบหัวอาธิปที่ยังแกล้งเกาะติดเขาเบาๆ



“แป๊บนะอัฐ พี่ไปจัดข้าวให้ปันก่อน เดี๋ยวกลับมาให้กอดนะ” ชยางกูรพูดกลั้วหัวเราะ



“มึงมานี่เลยอัฐ เดี๋ยวกูล่ามกับขาเตียงให้” มือใหญ่ของหนุ่มนักกีฬาดึงคอเสื้อของเพื่อนลากมาไว้อีกทาง



“พวกมึงกวนตีนกูแบบนี้กูจะหายยังไงเร็ววะ” ปัณวิทย์หัวเราะเบาๆ ถึงจะขำแค่ไหนก็หัวเราะมากไม่ได้เพราะแรงสะเทือนทำให้รู้สึกเจ็บแผลภายในเหมือนกัน



“ไอ้ซายน์แม่งหึงกูแหง” อาธิปพูดเองก็ฮาเอง



ชยางกูรเดินไปจัดจานของปัณวิทย์ใส่ถาดพร้อมทั้งขนมเค้กพร้อมแก้วน้ำเย็น เขาถือทั้งหมดมาวางไว้ที่โต๊ะแล้วเลื่อนให้ปัณวิทย์



“เด็กๆไปจัดการกันเองเลยนะ นั่งกินกันที่โต๊ะมุมนู้นก็ได้”



“ขอบคุณนะพี่เดฟ” เด็กหนุ่มยิ้มจางๆให้กับพี่ชายต่างสายเลือดก่อนจะรอให้อีกฝ่ายนั่งลงมาบ้าง



“... ขอบคุณ”















To Be Continued.....


หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 19 [27/07/12] ร้องไห้ให้ปันเหรอ...
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 27-07-2012 18:48:40
น้องปันตื่นแล้ว พี่เดฟจะได้ไม่ต้องรอเก้ แต่น้องอัฐอยากจับจิ้นกับซายน์
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 19 [27/07/12] ร้องไห้ให้ปันเหรอ...
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 27-07-2012 18:56:19
ฟื้นแล้ว  พี่เดฟน้ำตาร่วงเลยอ่ะ  ซึ้ง
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 19 [27/07/12] ร้องไห้ให้ปันเหรอ...
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 27-07-2012 19:07:41
อีกใจนึงก็คิดว่า ถ้าปันได้ไปอยู่กับพ่อแท้ๆของตัวเองก็คงดี

หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 19 [27/07/12] ร้องไห้ให้ปันเหรอ...
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 27-07-2012 19:49:17
น้ำตาลูกผู้ชายยยย
หวานกำลังดีเลย แต่เหมือนมาม่าจะตามมาให้อืดไงไม่รู้ o18
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 19 [27/07/12] ร้องไห้ให้ปันเหรอ...
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 27-07-2012 22:12:07
ดีใจที่น้องปันไม่เป็นอะไรมาก พี่เดฟดูแลน้องดีมากด้วย น่ารัก
อืม...จะมีดราม่าอีก ท่าทางจะหนักหนาสาหัสด้วยใช่มะคะ
จัดหนักมาเลยค่ะ หวังว่าฟ้าหลังฝนคงสดใส

ขอบคุณคืะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 19 [27/07/12] ร้องไห้ให้ปันเหรอ...
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 27-07-2012 22:21:10
เย่ๆฟื้นแล้ว

อยากรู้ว่าพ่อปันจะทำไง
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 19 [27/07/12] ร้องไห้ให้ปันเหรอ...
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 28-07-2012 00:58:29
เอ....อ่านแล้วคิดมากอ่ะ....
อาธิปกะศิวะอีกคู่นึง จะดีมั๊ย?..อิอิ...คงดี... o13
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 19 [27/07/12] ร้องไห้ให้ปันเหรอ...
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 28-07-2012 07:18:11
โอ้ อ่านตามทันแล้ว><


เรื่องนี้โครตสนุก...บวกดราม่าพอเป็นพิธี....แต่ถ้าพิธีใหญ่กว่านี้ไม่เอานะค้า..แง้ แค่นี้ก็สงสารปันจะตายอยู่แล้ว o18
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 19 [27/07/12] ร้องไห้ให้ปันเหรอ...
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 28-07-2012 07:42:23
เย้ๆ ฟื้นซะทีนะน้องปันปัน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 19 [27/07/12] ร้องไห้ให้ปันเหรอ...
เริ่มหัวข้อโดย: LM1412 ที่ 28-07-2012 09:34:21
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 19 [27/07/12] ร้องไห้ให้ปันเหรอ...
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 28-07-2012 09:49:39
ดีใจๆน้องปันฟื้นแล้ว
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 19 [27/07/12] ร้องไห้ให้ปันเหรอ...
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 28-07-2012 09:50:17
ดีใจแทนพี่เดฟ คนที่รักที่สุดลืมตาขึ้นมาซะที จากนี้ก็ขอให้ดูแลดีๆนะครับ  :L1:

ส่วนอัฐกับซายน์ จะน่ารักไปไหน คู่นี้น่าจะมีซัมติงนะ ห้าๆ  :laugh:

ปล.อยากให้ปันกลับไปอยู่กะพ่อแท้ๆเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 19 [27/07/12] ร้องไห้ให้ปันเหรอ...
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 28-07-2012 11:03:29
เพื่อนๆปันกวนจริงๆแหละ 555
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 19 [27/07/12] ร้องไห้ให้ปันเหรอ...
เริ่มหัวข้อโดย: mind223 ที่ 28-07-2012 14:07:32
 :กอด1:  :กอด1:

 :L2:   :L2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 19 [27/07/12] ร้องไห้ให้ปันเหรอ...
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 28-07-2012 18:48:55
สู้ๆปันๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 19 [27/07/12] ร้องไห้ให้ปันเหรอ...
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 28-07-2012 21:19:42
อ่านจบแล้ว

ดราม่าสุด ๆ ๆ  ยังดีที่มี อัสซี่ กับ ศิวะ มาทำให้ มีสีสันด้วย

อิอิ

สนุกมากค่ะ มาต่อไวไวนะคะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 19 [27/07/12] ร้องไห้ให้ปันเหรอ...
เริ่มหัวข้อโดย: arun ที่ 28-07-2012 23:12:06
น่าจะความจำเสื่อมนะ จะได้ไม่ทุกข์เรื่องที่บ้านอีก  :o12:
สงสารปันจริงๆๆ
แล้วพ่อจริงๆๆ ไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ  :m31: :m16:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 19 [27/07/12] ร้องไห้ให้ปันเหรอ...
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 29-07-2012 15:36:19
สามตอน!!!  เข้ามาเจอดราม่าที   คร่อก  :sad2:
น้องปันฟื้นแล้วว  :sad4:  พี่เดฟเลี้ยงดีอ่ะ ปันระวังอ้วน!!!   :m20:
รอนะฮะ  ^^
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 19 [27/07/12] ร้องไห้ให้ปันเหรอ...
เริ่มหัวข้อโดย: dedede ที่ 29-07-2012 19:23:01
ฟื้นแล้วดีใจแทนพี่เดฟ
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 20 [29/07/12] อย่าทิ้งกันแล้วกัน+ประกาศจากคนเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 29-07-2012 20:40:45
kagehana : คราวนี้ก็หวานต่อเนื่องค่ะ มุมิกันไปก่อนเนอะ





มีเรื่องประกาศค่ะ

เนื่องจากเรื่อง Scar ตราบาปไร้รอยเลือน จริงๆแล้วเป็นเรื่องสุดท้ายของซีรีย์นี้ ที่ประกอบไปด้วย My all , Rainny day ความทรงจำใต้เองาฝนพรำ และ Scar ตราบาปไร้รอยเลือน

และจากพลอตไว้ที่จะเฉลยปมปัญหาของเรื่องScarนั้น จะมีตัวละครสำคัญในเรื่อง My all เข้ามาเกี่ยวข้อง

เราเลยเอาเรื่อง My all มาโพสท์ไว้ในเล้าค่ะ ยังไงก็ขอฝากด้วยนะคะ


กดตามไปเลยค่ะ



http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34136.0


(จริงๆแล้วเป็นโฆษณาแฝง ฮ่าๆๆ)



ส่วนเรื่องเรนนี่เดย์ที่เป็นเรื่องกลางในซีรีย์ เราเคยโพสท์แล้วแต่ขอให้ลบไปเนื่องจากรีไรท์ใหม่ เพราะฉะนั้น...อีกไม่นานเรนนี่เดย์จะเอามารีโพสท์อีกทีค่ะ
 


//////////////////////////////////////






-20-






ร่างสูงค่อยๆเลื่อนรถเข็นที่มีเด็กหนุ่มนั่งอยู่อย่างช้าๆผ่านประตูบ้านใหญ่เข้าไป ก่อนที่จะปัณวิทย์จะกลับบ้าน ชยางกูรได้สั่งในคนมาทำทางลาดสำเร็จรูปในทุกที่ที่มีบันได พอพากลับมาจริงๆเลยสามารถเข็นขึ้นมาได้อย่างสะดวกสบาย



“คิดถึงบ้านป่ะ”


“ก็... อืม คิดถึงฟูกับฝุ่น....” เด็กหนุ่มเอี้ยวศีรษะมาตอบพร้อมรอยยิ้ม



“คิดถึงเตียง.....”



“ถ้าไม่ติดว่าโรงบาลไม่ให้เอาเข้า จะพาไปเยี่ยมซะหน่อย”



“ไม่เป็นไร เดี๋ยวป่วยกันหมด” เขาหัวเราะเบาๆก่อนจะนึกไป เพราะกระต่ายเป็นสัตว์ที่ดูจะป่วยง่ายกว่าสัตว์เล็กอื่นๆ



“พักนี้ดูหงอยๆไป แต่เผลอแว้บเดียวก็ขี่กันอีกแล้ว” ชยางกูรหัวเราะ เมื่อเช้าที่เขาเข้าไปจัดห้องให้ก่อนไปรับ ก็เห็นเจ้าฟูถูกขี่อยู่บนพื้นห้องแล้ว



“กระต่ายมันขี้เหงาพอๆกะขี้เอาน่ะแหละ”



...ก็เหมือนคน...



ปัณวิทย์หัวเราะเสียงดังขึ้น



“ตัวผู้ทั้งคู่แท้ๆนะนั่น”



“ตัวผู้แล้วไง...ผู้ชายก็มีอะไรกันได้ ไม่เห็นแปลก ดีซะอีก ไม่ท้อง...” ชยางกูรพูดเสียงบุ่ยแล้วเข็นรถเข็นเข้ามาในลิฟท์



ทันทีที่ประตูลิฟท์ปิดลง ร่างสูงก็ก้มลงขโมยจูบรวดเร็ว



“ยินดีต้อนรับกลับบ้านเรานะ เด็กดื้อ”



เด็กดื้อที่ว่าแทบกัดปากตัวเองเมื่อรู้สึกว่าอยากให้อีกฝ่ายจูบอีกครั้ง ไม่อาจปฏิเสธความในใจของตัวเองได้ว่านอกจากคิดถึงกระต่ายสองตัวนั่นแล้ว ยังคิดถึงความอบอุ่นยามที่ได้สัมผัสกันอีกด้วย



“... ไม่ได้ดื้อ... ซะหน่อย”



ระหว่างที่ลิฟท์เคลื่อนตัวขึ้นสู่ชั้นที่สูงขึ้น ร่างสูงที่ยืนอยู่กลับโน้มตัวลงมากอดคนรักที่นั่งอยู่ในรถเข็นแล้วจูบแผ่วๆย้ำอีกทีบนกลีบปากบาง



“ดื้อสิ...ทำหน้าว่าอยากจูบอีกแต่ไม่ยอมพูดเนี่ย”



“ใครทำ--?! ไม่มี” ปัณวิทย์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกจับได้แบบนั้น คิ้วขมวดเข้ากันพยายามกลบเกลื่อนสีหน้าของตัวเองที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เป็นแบบไหน



“นี่ถ้าอยู่ในห้องจะจับจูบให้หายอยากเลย” เขายืดตัวขึ้นเมื่อประตูลิฟท์เปิด แล้วเดินเข็นออกมาโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด



“จะกอดปันแน่นๆ จะหอมให้คุ้ม เอาคืนช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน” เขากระซิบเบาๆ



“แค่เดือนเดียว อย่าพูดอะไรไร้สาระน่า” เด็กหนุ่มทำเสียงขุ่นทั้งๆที่รู้ว่าใบหน้าร้อนขึ้นขนาดไหน



“ตั้งเดือนนึงต่างหาก” เขาเปิดประตูห้องให้กว้างออกแล้วเข็นรถเข็นเข้าไปในห้องส่วนตัวปัณวิทย์... ที่กลายเป็นห้องของเขาในช่วงที่เจ้าตัวไม่ได้กลับมา



“ฟู..ฝุ่น..ใครมาแน่ะ”



เจ้ากระต่ายอ้วนกลมสองตัวที่ได้กลิ่นคุ้นเคยก็รีบกระโดดเข้ามาหาเจ้านายของตัวเอง ใช้เวลาไม่นานก็กระโดดขึ้นมาอยู่บนฝ่าเท้าที่มีเฝือกล้อมอยู่พลางเงยหน้ามองหมายจะกระโดดขึ้นมานั่งบนตักอย่างเคย



“ว่ายังไงครับ ฟู ฝุ่น กระโดดขึ้นมาไม่ได้นะครับ ปันเจ็บอยู่นะ”



“ไม่ได้นะครับฟู ฝุ่น คนนี้ของพี่เดฟ ไปขี่กันเองไป” ชายหนุ่มทำเสียงอ่อนหวานล้อเลียนปัณวิทย์แล้วดุนก้นกลมๆที่นั่งอยู่ตรงเฝือกให้ลงไป



“ไปรอที่เตียงไป พวกอาหารสำรอง”



“เลิกเรียกว่าอาหารสำรองได้แล้วไอ้พี่เดฟบ้า” คนเจ็บหันไปโวยใส่แล้วมองกระต่ายสองตัวที่ดูจะฟังคำสั่งของชยางกูรรู้เรื่องพากันกระโดดไปที่เตียง



'พี่บ้า'ไม่ฟังเสียงบ่น เขาจอดรถเข็นตรงที่ว่างแล้วช้อนตัวคนตัวเล็กกว่าเหมือนเวลาอุ้มเจ้าสาว



“อย่าดิ้นนะ หมอบอกห้ามขยับเยอะ” น้ำเสียงที่ปั้นให้ดุยังมีอาการหลุดออกมาปน



เขาแกล้งเดินช้าๆ พลางจรดจมูกลงบนแก้มขาวๆของปัณวิทย์ ก่อนจะพาร่างในอ้อมกอดวางลงบนเตียงนุ่ม



พออีกฝ่ายปฏิบัติให้ราวกับเป็นผู้หญิงตัวเล็กที่ต้องทะนุถนอมแบบนี้ปัณวิทย์ก็โต้ไม่ออก



...จะทำให้เขินไปถึงไหนกันวะ!!!!!



“ง่วง... จะนอนแล้ว” สุดท้ายเด็กหนุ่มก็พูดได้แค่นี้



“ไม่ให้นอน” พอวางได้ปุ๊บ ชยางกูรก็ค่อยๆหย่อนตัวลงนอนข้างๆแล้วดึงเข้ามากอดไว้



จมูกโด่งซุกในเรือนผมกลิ่นหอมหวานในขณะที่ริมฝีปากแตะจุมพิตที่เส้นผมนับครั้งไม่ถ้วน



“รักปันนะ....”



“ร... รู้แล้วน่า” เขาทำเสียงขุ่นขึ้นมาอีกพลางเอี้ยวใบหน้าหลบ ร่างกายที่บาดเจ็บยังไม่หายทำให้ขยับตัวไม่ได้ดั่งใจเท่าไหร่



“ย้ำบ่อยๆ..ปันจะได้ไม่ลืม” ชยางกูรทัดเส้นผมสีทองที่ตกระใบหน้าไว้ข้างหูแล้วโน้มกายลงคลอเคลียจมูก สูดกลิ่นแก้มหอมๆ



ความอบอุ่นของร่างกายที่ถ่ายทอดสู่กัน...ไม่เท่าความอบอุ่นในหัวใจ



แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาไม่นานที่ได้เจอกัน แต่ความผูกพันที่ฝังรากลึกกลับเป็นตัวเหนี่ยวรั้งให้คนที่เคยเจ็บช้ำกับความรักอย่างชยางกูร ถูกลบเลือนด้วยความรู้สึกดีๆที่มีให้กัน



“...อย่าทิ้งพี่นะ...” เสียงทุ้มเอ่ยอ้อนด้วยความรักอันท่วมท้น



“.... ไม่ทิ้ง...” เขาตอบรับเสียงอ่อนขณะยอมโอนอ่อนตามสัมผัสแผ่วเบา แขนข้างที่ไม่บาดเจ็บจนต้องใส่เฝือกค่อยๆยกขึ้นมาก่อนจะแนบฝ่ามือลงข้างแก้ม



“อย่าทิ้งกัน... ก็แล้วกัน”



“....สัญญา..” ชยางกูรเลื่อนแขนมาแล้วเอามือวางไว้บนเฝือกสีขาวที่มีรอยเขียนเล่นของอาธิปและศิวะ



นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างมองสบกับนัยน์ตาเรียวคมเชิดนิดๆของปัณวิทย์ ก่อนที่จะรู้ตัว..ริมฝีปากก็แตะลงแลกจูบหวานหวาม..ซ่านไปถึงหัวใจ



ขอเพียงแค่นี้ บางทีนี่อาจจะพอแล้วก็ได้สำหรับเขา หากไม่ต้องคิดถึงเรื่องของพลภัทรอีกเลยได้คงยิ่งดี ทว่าลึกๆในใจก็ยังหวังที่จะได้รับความรักจากคนที่เคยเรียกว่าพ่ออยู่



แต่ในตอนนี้ ความรักที่ชยางกูรมอบให้นั้นโอบล้อมเอาไว้จนอบอุ่น



...แล้วคงมีสักวัน ที่จะอยู่ได้ด้วยความรักจากชยางกูรเพียงคนเดียว





//////////////////





“หลบไป---หลบหน่อย---” เสียงเป็ดๆของอาธิปดังขึ้นในทุกทางที่เดินผ่าน เด็กหนุ่มเข็นปัณวิทย์ตัดผ่านทางแถวนักเรียนที่แหวกให้อย่างสบายอารมณ์ โดยที่มีศิวะซึ่งวันนี้โดดซ้อมตามมาด้วย



“ไม่ต้องเสียงดังก็ได้เว้ยอัฐ คนมองหมดแล้วสัด” ปัณวิทย์เอ่ยปรามเพื่อนของตัวเองเมื่อพบว่าสายตาหลายคู่จ้องมองมาที่เขาด้วยความแปลกใจ



“ไม่ได้เว้ย เดี๋ยวพวกมันเหยียบเท้ามึง กูก็ซวย โดนพี่เดฟด่าฐานไม่ดูแลเมียรักเขาให้ดีๆ” หนุ่มหน้าตี๋แล้บลิ้นทะเล้น โดยมีแบคกราวน์เป็นหนุ่มนักกีฬายืนส่ายหัว



“เชี่ยอัฐ กูก็อายด้วย...หุบตูดเหอะมึง”



“เมียรักเหี้ยอะไรไอ้อัฐ ไม่เลิกนะมึง” แม้จะอยากตบหัวเพื่อนตัวดี แต่ก็ทำได้แค่ขู่เท่านั้น



“โอ๋ๆ กูล้อเล่น แต่เออ..กูมีข่าวมาบอก-- วันก่อนกูเห็นน้องแพนผู้จัดการชมรมบาสลากไปอัฐสารภาพรักอยู่ กูไม่ได้แอบฟังนะเว้ยแต่กูได้ยินเอง เพื่อนกูแม่งเสือกเนื้อหอมกับผู้ชายซะงั้นอ่ะ ห่า..หน้าอย่างไอ้ซายน์แม่งมีดีตรงไหนวะ แค่สูง เรียนเก่ง “ อาธิปพูดอย่างเป็นต่อพลางยักคิ้วล้อเลียน



“ว่าไงไอ้ปัน ในฐานะผู้มีประสบการณ์มาก่อน ให้มันคบกันดีเปล่าวะ” อาธิปถามโดยไม่สนใจศิวะที่ขมวดคิ้วอยู่



“อ้าว มาถามอะไรกูวะ ไอ้ซายน์ชอบก็คบดิ” ปัณวิทย์ตอบหน้าตาเฉย แต่เขาหมายความตามที่พูดจริงๆ จะบอกไม่ให้คบหรืออะไรก็ดูจะแย่ไปสำหรับตัวเองที่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้



“... ก็ไม่ได้ดีนักหรอก แต่ถ้ามึงชอบก็คบ”



“กูก็ไม่ได้อะไร..แต่แบบ..ยังไม่ได้ปฏิเสธ” ศิวะอ้ำอึ้ง...เขาไม่ได้ชอบรุ่นน้องคนนั้น แต่ไม่ได้รังกียจถึงขั้นไม่อยากเห็นหน้าแล้ว



“ห่า คบไปเลยมึง เปิดโลกใหม่ เผื่อติดใจ”



“สัด มึงก็พูดได้ดิ่ มึงก็หาผู้ชายมาคบดิ่...เรื่องความรู้สึกมันไม่ใช่เล่นๆนะเว้ย ใช่ไหมปัน” ศิวะถามคนที่น่าจะเข้าใจที่สุดในที่นี้



“เดี๊ยะไอ้อัฐ มึงโดนผู้ชายเอาสักทีไหม กูจะได้รอสมน้ำหน้า” เขาหันไปพูดกับเพื่อนหน้าตี๋ที่ยังลอยไปมาไม่รู้สึกรู้สาอะไร



“เรื่องแบบนี้แม่งไม่เล่นแล้ว...”



“กูขอหล่อๆรวยๆนะเว้ย ยาจกกูไม่เอา กูจะให้แม่งเลี้ยงกูทุกวันเลย” อาธิปพูดกลั้วหัวเราะแล้วจอดรถเข็น



“พี่เดฟมารอแล้วมึง หน้าที่ตัวประกอบหมดแล้ว”



อาธิปและศิวะยกมือไหว้ชยางกูรที่เดินเข้ามา ชายหนุ่มผมทองก้มหัวพร้อมยิ้มรับ



“เป็นไงมั่งปัน วันนี้เจ็บขาป่ะ”



“ไม่เจ็บ... จะเจ็บก็เพราะไอ้อัฐนั่นแหละ พูดมาก” คนเจ็บที่ว่าไม่เจ็บแล้วรีบโยนความผิดไปให้เพื่อนข้างหลังทันที



“วันนี้มีเค้กปะ”



“ยังไม่ได้ซื้อมา พอดีเพิ่งเลิกประชุม” เหงื่อที่ผุดพรายบนหน้าผากบอกได้ดีว่าคนมารีบร้อนแค่ไหน



“ไปกินกันไหม ชวนอัฐกับซายน์ด้วยสิปัน”



“ไม่เอา แม่งปากหมา ไม่ได้กินเค้กดีๆแน่” เพราะไม่อยากเปิดเผยตัวตนของตัวเองยามอยู่กับชยางกูรให้เพื่อนเห็นชัดๆเท่าไหร่นัก ถึงได้ตอบปฏิเสธเช่นนั้นไป



“พวกมึงไม่ชอบเค้กใช่ปะ”



“โคตรชอบเลยว่ะ” อาธิปเดินเข้าไปแกล้งควงแขนชยางกูรแล้วซบไหล่



“พี่เดฟฮะ น้องอัสซี่อยากกินเค้กด้วยอ่ะฮะ ไปด้วยได้ม้า---”



ยังไม่ทันที่คนถูกเกาะจะได้หัวเราะหรือพูดอะไร ศิวะกลับเป็นฝ่ายดึงคอเสื้อให้มือปลาหมึกหลุดออกมาแทน



“เชี่ยอัฐ น่ารักตายอ่ะ มึงกลับกะกูเนี่ยแหละ เป็นไม้กันหมาน้องแพนให้กูหน่อย...มึงอย่าไปเสือกเรื่องผัว-- เอ่อ..เรื่องครอบครัวเขา” เพราะอาธิปเอาแต่พูดว่าเป็นผัวเมีย..เลยเกือบจะหลุดปากออกไปตามแล้ว



“โห่ยซายน์ เอากูเป็นไม้กันหมาเดี๋ยวแม่งก็ไปลือแปลกๆ ว่ามึงเอากูเป็นแฟนหรอกสัด” อาธิปว่าพลางดึงคอเสื้อตัวเองให้เข้าที่อย่างเดิม



“มึงอิจฉาที่ซายน์เนื้อหอมอะดิอัฐ” ปัณวิทย์ถือโอกาสนี้เอาคืนบ้างเล็กน้อย



“เออ..แม่ม ดีกว่ากูเท่าไหร่กันเชียว ทั้งสาวทั้งหนุ่มตามกันเป็นแมลงวันตอมขี้” อาธิปบ่นติดตลก



“ก็สูงกว่ามึง เรียนเก่งกว่า หน้าตาดี นักกีฬาโรงเรียน จบป่ะ”



ชยางกูรได้แต่ขำกับท่าทางของเพื่อนทั้งสองของปัณวิทย์ที่ดูจะกินกันไม่ลง ร่างสูงเข็นค่อยๆแล้วก้มตัวลงช้อนร่างปัณวิทย์มาไว้ในอ้อมแขน



“เฮ้ย อุ้มทำไม!!” ปัณวิทย์รีบร้องโวยวายทันทีเมื่ออีกฝ่ายช้อนตัวขึ้นไว้



“โหพี่เดฟฮะ ทำแบบนี้ต่อหน้า น้องอัสซี่เสียใจนะฮะ” เด็กหนุ่มหน้าตี๋ดูจะยังสนุกสนานไม่เลิก



“ก็ปันเขาเดินไม่ได้ อัสซี่อย่าเสียใจนะครับ” ชายหนุ่มทิ้งสายตาขี้เล่นก่อนจะหัวเราะเบาๆ



“สรุปให้เพื่อนไปด้วยหรือเปล่า” ชยางกูรกระซิบข้างหูปัณขณะที่พาใส่รถ



“ไม่ให้ไป! ไม่กินแล้วด้วยเค้กน่ะ” เด็กหนุ่มทำเสียงเข้มพลางขมวดคิ้วหากันแทบจะทันที



“พวกมึงกลับบ้านไปเลยไป กูไม่ให้ไป จะกลับบ้านนอนแล้ว”



“โหย มีงอนนะมึงเดี๋ยวนี้” อาธิปยิ้มขำ



“กูไม่ไปก็ได้วะ อยู่เป็นไม้กันหมาไอ้ซายน์ก่อน...เหี้ยแม่ง หล่อเดือดร้อนเพื่อน”



ศิวะนึกขำกับคำนิยามของไอ้หน้าตี๋เพื่อนเขา ชายหนุ่มกอดคอคนเตี้ยกว่าไว้พลางดึงไม่ให้ไปแกล้งได้



ชยางกูรพับรถเข็นแล้วเอาใส่หลังรถ มือใหญ่จับศีรษะคนรักโยกเล่น



“เออ กลับบ้านดีๆนะปัน” ศิวะพูดแล้วโบกมือให้



“พวกมึงด้วย เจอกันเว้ย” เด็กหนุ่มยิ้มกวนก่อนจะกดเลื่อนกระจกให้ปิดลง และทันทีที่กระจกเลื่อนปิดสนิท เขาก็หันมาหาคนที่กำลังออกรถทันที



“บ้าหรือเปล่า ใครให้อุ้ม”



“ไม่มีใครใช้ อุ้มเอง” ชยางกูรยักไหล่แล้วตอบกวนอารมณ์อีกฝ่ายเล่น



“อย่าอุ้มต่อหน้าคนดิ” ปัณวิทย์ทำปากเบ้แล้วแสร้งหันหน้าหนีออกไปอีกทางเพื่อแสดงออกให้ชัดเจนว่าไม่ชอบใจ



“ไม่เห็นเป็นไรเลย ปันขาหักไงเลยเป็นข้ออ้างอุ้มได้ ถ้าขาไม่หักก็แปลกตาย” รอยยิ้มละมุนแตะลงบนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มลูกครึ่ง



“คราวหลังไม่ทำแล้วก็ได้ แต่เวลาไม่มีคนอยู่ขอทำให้นะ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยเว้าวอน



“....ร... รู้แล้วน่า” เขาเอ่ยตอบก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วลง



“วันนี้จะสระผม.....”



“คร้าบบ เดี๋ยวจะปรนนิบัติให้อย่างดี เอาให้สะอาดทั่วทั้งตัวเลย” ชยางกูรหันไปหาระหว่างที่ติดไฟแดงแล้วขโมยหอมรวดเร็ว



“แถมเป่าผมให้ด้วยเอ้า”



“อือ..... จริงๆป่วยแบบนี้ก็ดีนะ เหมือนเป็นราชาเลย” เด็กหนุ่มหัวเราะเบาๆ



“ไม่ต้องทำอะไรเอง อยากป่วยนานๆแล้วสิ”



“ไม่เอาหรอก....ป่วยก็ดีจะได้ดูแล แต่ไม่ป่วยดีกว่าเพราะว่า.........” นัยน์ตาสีสวยมองฟ้องความนัย



“อดใจจะกอดไม่ไหวแล้ว รับรองว่าหายเมื่อไหร่....ไม่รอดแน่!”



“งั้นจะป่วยไปอีกนานๆเลย” ปัณวิทย์ยิ้มกว้างก่อนจะฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี










To Be Continued.....
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 20 [29/07/12] อย่าทิ้งกันแล้วกัน+ประกาศจากคนเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 29-07-2012 20:50:47
น่ารักนะน้องปัน แต่เรื่องนี้เราชอบพี่เดฟเปิดเผยดี
แต่เราเชียอัฐกะซายให้รักกันค่ะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 20 [29/07/12] อย่าทิ้งกันแล้วกัน+ประกาศจากคนเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 29-07-2012 20:58:32
จะมีดราม่าอีกไหมมม
ปันน่ารักเอิ้กๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 20 [29/07/12] อย่าทิ้งกันแล้วกัน+ประกาศจากคนเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 29-07-2012 21:10:39
หวานซะ  :-[

ซายน์แอบหวงอัฐนะเนี้ย  :z1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 20 [29/07/12] อย่าทิ้งกันแล้วกัน+ประกาศจากคนเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 29-07-2012 21:22:18
หวานมาก น่ารักมาก อยากให้เป็นอย่างนี้ไปนานๆ :o8:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 20 [29/07/12] อย่าทิ้งกันแล้วกัน+ประกาศจากคนเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 29-07-2012 21:34:17
ชอบพี่เดฟอ่ะ  จริงใจดี
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 20 [29/07/12] อย่าทิ้งกันแล้วกัน+ประกาศจากคนเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 29-07-2012 21:52:45
น่ารักจัง พี่เดฟดูแลน้องดีมาก บอกรักตลอด ๆ น้องปันเค้าเขินน้า
พายุจะซัดมาเมื่อไรไม่รุ ขอมีความสุขก่อนละกัน

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 20 [29/07/12] อย่าทิ้งกันแล้วกัน+ประกาศจากคนเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 29-07-2012 21:55:15
หวานน่ารัก
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 20 [29/07/12] อย่าทิ้งกันแล้วกัน+ประกาศจากคนเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: lidelia ที่ 29-07-2012 22:06:01
อยากมีแบบพี่เดฟบ้างง  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 20 [29/07/12] อย่าทิ้งกันแล้วกัน+ประกาศจากคนเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 29-07-2012 22:13:54
เอาตอนหวานๆ มาหลอกให้ตายใจหรือเปล่าเนี่ย ?

 :m29:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 20 [29/07/12] อย่าทิ้งกันแล้วกัน+ประกาศจากคนเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 29-07-2012 22:42:07
น่ารัก คนป่วยก็ยังซึน แต่แอบอ้อน อิอิ
ชอบตอนหวานๆแบบนี้
แต่สงบก่อนพายุเข้าป่าวหว่าา
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 20 [29/07/12] อย่าทิ้งกันแล้วกัน+ประกาศจากคนเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 30-07-2012 00:21:30
กำลังน่ารัก
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 20 [29/07/12] อย่าทิ้งกันแล้วกัน+ประกาศจากคนเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 30-07-2012 19:03:13
ชะอุ๊ยยย..หวานกันเยอะระวัง พายุเข้านพคะ...อย่าเข้าเลยนะคะ

กรมอุตุ รายงานว่าท้องฟ้าปรอดโปรงคะคนเขียน เพราะฉนั้นอย่าดราม่าพายุเข้าแผ่นดินไหวเลยนะคะ .พะ..พลีซ ><
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 20 [29/07/12] อย่าทิ้งกันแล้วกัน+ประกาศจากคนเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 30-07-2012 20:25:41
 :L3: :L3:...อิจฉามากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก........
อะไรจะน่ารักขนาดนี้....2 เรื่องนั้นข้าพเจ้าอ่านแล้ว...
การันตีว่าสนุกไปอีกรูปแบบนึง........ต้องติดตามนะ....
แล้วจะอ่านอีกรอบที่ 2 ของเรื่อง My all... o13
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 20 [29/07/12] อย่าทิ้งกันแล้วกัน+ประกาศจากคนเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: LM1412 ที่ 30-07-2012 22:54:41
อ๊ายยยยย เขินแทน :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 20 [29/07/12] อย่าทิ้งกันแล้วกัน+ประกาศจากคนเขี
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 31-07-2012 06:33:13
กลับมาหวานกันแล้ว
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 20 [29/07/12] อย่าทิ้งกันแล้วกัน+ประกาศจากคนเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 31-07-2012 22:39:26
 :impress2: น่ารักจริงคู่นี้ ชอบนิสัยของเดฟมากๆ คิดอะไรก็แสดงออก เปิดเผยดีว่ะ
  :man1: เชียอัสซี่กับหนุ่มนักบาสอยู่นะ ลุ้นๆๆ
 :call:  :call:  :call:  :call:  :call:
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 21 [01/08/12] เมื่อไหร่ปันจะรักพี่(แถมฉากอิ๊อั๊ง)
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 01-08-2012 18:30:46

kagehana : สวีทหวานกันแบบอิ๊งอั๊งเบาๆ เรายังเปิดโปรหวานยาวค่ะ ไม่ต้องห่วง อิอิอิ ส่วนคู่ซายน์อัสซี่...หุหุหุ










-21-








ท่ามกลางบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเย็นในวันอาทิตย์ที่ดูผ่อนคลายกว่าทุกวัน วันนี้สมาชิกแทบทุกคนก็ยังอยู่ครบ ขาดเพียงญาณัชเท่านั้น



นัยน์ตาดุของพลภัทรเห็นชยางกูรเข็นรถของอดีตลูกชายสุดที่รักซึ่งตอนนี้อยู่ในสภาพค่อนข้างดีกว่าอยู่ที่โรงพยาบาลมาก เขาเหลียวมอง...แต่ก็ไม่ได้เปิดปากพูดอะไร



“....ดีขึ้นหรือยัง” น้ำเสียงดุถามขึ้นหลังจากชยางกูรเข็นปัณวิทย์ให้นั่งที่โต๊ะได้เรียบร้อยแล้วนั่งลงข้างๆ



“ดีขึ้น... แล้วครับ” ปัณวิทย์แทบซ่อนอาการดีใจไว้ไม่อยู่ที่อีกฝ่ายเอ่ยถามไถ่อาการเขา



“เดี๋ยวอีกสองอาทิตย์หมอนัดตัดเฝือกครับ”



พลภัทรพยักหน้ารับรู้ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม



“เรื่องค่าใช้จ่ายเดี๋ยวให้มาเบิกจากกองกลางแล้วกัน ค่ารถคันใหม่ของเดฟด้วย....แล้วทีหลังอย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่นแบบนี้อีก”



ชยางกูรมองใบหน้าของผู้เป็นพ่อแล้วนึกแปลกใจเล็กน้อย หลังจากอุบัติเหตุคราวนั้น ท่าทางของพลภัทรที่แม้จะยังแข็งกระด้าง..แต่ก็มีวี่แววความอ่อนโยนให้เห็นอย่างชัดเจน



“.... ครับ... ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ” เด็กหนุ่มตอบรับชัดเจนอย่างว่าง่าย ไม่เอ่ยถ้อยคำตัดพ้อใดใดทั้งนั้น



ชยางกูรเห็นแววตาพอใจซึ่งซุกซ่อนอยู่ในท่าทีเรียบเฉย ชายหนุ่มลูกครึ่งเลยกินข้าวเงียบๆพลางลอบมองท่าทีมีความสุขของปัณวิทย์



...ถ้าเป็นในระดับประมาณนี้ก็คงโอเคสินะ



“คันใหม่น่ะพริอุสนะ อย่าเอาไปชนเสาอีกล่ะ ไม่มีเงินซื้อแล้ว” ชยางกูรหันไปกระซิบแซวข้างหูปัณวิทย์ในขณะที่ทุกคนเผลอ



“รู้แล้วน่า......” เขากระซิบตอบแผ่วเบาพลางก้มหน้าก้มตากินข้าวด้วยมือข้างเดียว



ท่าทางการกินแบบเก้ๆกังๆชวนให้นึกขำ ชยางกูรซ่อนรอยยิ้มน้อยๆเอาไว้แล้วเอื้อมตักกะหล่ำผัดแฮมมาใส่ไว้ข้างจานพร้อมน่องไก่น้ำแดง



“กินเยอะๆหายเร็วๆ”



ปัณวิทย์ไม่ตอบอะไรแต่เลือกที่จะส่งรอยยิ้มกวนๆไปแทน



...ไม่อยากหายเร็วๆแน่ๆ



“ยิ้มอย่างนี้คืนนี้ไม่รอดแน่” ชยางกูรยักคิ้วแล้วแสร้งหันไปสนใจกับข้าวในจาน



“ขาหักก็ทำได้นะ...รู้หรือเปล่า...” เขาพิมพ์ข้อความลงบนไอโฟนแล้วกดส่งให้หน้าตาเฉย



เด็กหนุ่มจ้องอีกฝ่ายจนตาเขียวพลางเก็บโทรศัพท์ไป



...ไม่มั้ง







///////////////





“มา--- เดี๋ยวถอดเสื้อให้” หลังจากมื้ออาหารบรรยากาศดีใช้ได้ผ่านไป ชยางกูรก็พาปัณวิทย์มานอนพักให้หายอิ่มท้อง พอสักสามทุ่มชายหนุ่มเลยลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วปลุกคนที่กำลังเคลิ้มๆด้วยเสียงทุ้มอันอ่อนหวาน



“อือ---- สระผมใช่ไหม” น้ำเสียงงัวเงียเอ่ยถามทั้งที่ยังไม่ลืมตา



“อื้อ ตื่นสิ” ชยางกูรแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตของเด็กหนุ่มที่พลิกตัวนอนหงาย



“ไม่ตื่นเจอปล้ำแน่”



เหมือนคำว่าปล้ำจะเป็นตัวกระตุ้นที่ดี เด็กหนุ่มรีบลืมตาตื่นขึ้นมาทันที



“แน่ะ ทีงี้ทำรีบตื่น” ชยางกูรแซวแล้วค่อยๆช่วยพยุงตัวขึ้นมานั่ง



ชายหนุ่มถอดเสื้อให้ปัณวิทย์แล้วเอาถุงพลาสติกใสใบใหญ่สวมทับเฝือกก่อนจะรัดให้แน่น แผ่นอกขาวนวลตาตัดกับยอดอกสีอ่อนของเด็กหนุ่มที่ยังไปโตเต็มที่เป็นภาพที่เร้าใจคนถอดให้จนแทบจะสัมผัสในตอนนี้



“ปันแม่งโคตรเซ็กซี่เลยอ่ะ ขาวน่าฟัดชะมัด”



“อย่ามาพูดอะไรลามกนะเว้ย” ปัณวิทย์ทำเสียงดังขึ้นมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจ้องมองเขาด้วยสายตาแบบไหน



...เจ็บขาอยู่ยังจะพูดอะไรได้วะ



“คำก็ลามก สองคำก็ลามก....อย่างกับไม่เคยทำด้วยกันงั้นแหละ” ชยางกูรแกล้งทำเสียงงอน หากแต่มือใหญ่กลับปลดกระดุมและซิปให้เด็กหนุ่มอย่างคุ้นเคย



“ก็ลามกนี่” คิ้วขมวดเข้าหากันทันทีแต่ก็ปล่อยให้อีกฝ่ายอุ้มเข้าห้องน้ำไปแต่โดยดี



พอวางปัณวิทย์ลงในอ่างน้ำและจัดท่าทางให้เฝือกอยู่ในท่าสบาย ชยางกูรก็ถอยออกมาแล้วเริ่มถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกเหลือแต่ชั้นในสีเข้มปิดบังไว้



“แอบมอง...” เสียงทุ้มลากยาวล้อเลียน



“ใครแอบ ไม่ได้มองสักหน่อย มาสระผมให้เลย” ปัณวิทย์ทำเสียงเข้มใส่แล้วหันหนีซ่อนพวงแก้มที่เริ่มเปลี่ยนสีเข้มขึ้น



...ยังจะมาพูดอะไรแบบนั้นอีก...



ใบหน้าแดงที่ตัดกับผิวเปล่าเปลือยนั้นชวนให้อยากแกล้งเพิ่มขึ้น หากแต่ร่างสูงทำได้เพียงหัวเราะลงคอแล้วหยิบฝักบัวที่อยู่เหนือศีรษะเปิดเป็นน้ำอุ่นมาราดลงบนเส้นผมสีดำขลับเบาๆ



“เงยหน้าสิ...” ลำคอเรียวเงยตามอย่างว่าง่ายจนเกือบจะนอนพิงไปกับขอบอ่าง



“...สบายไหม”



“อือ...สบาย” น้ำอุ่นที่รดลงมาพร้อมกับฝ่ามืออีกฝ่ายที่ประคองไว้ทำให้รู้สึกสบายจนเขาคิดว่าควรจะป่วยแบบนี้ไปอีกนานๆ



“ไม่อยากหายเลย มีคนอาบน้ำ สระผมให้ แฮปปี้” รอยยิ้มกว้างที่นานๆจะเห็นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของปัณวิทย์



“หายก็อาบให้ได้น่า...พี่อยากให้หายเร็วๆจะแย่แล้ว” นัยน์ตาสีฟ้ามองคนรักที่ทำตัวเหมือนแมวช่างคลอเคลีย ชายหนุ่มบีบแชมพูลงมือขยี้ให้เป็นฟองแล้วลูบตามเส้นผมเปียกๆเกาให้เบาๆ



“ดีไหม..ปันฮ้อมหอม...” ทั้งกลิ่นแชมพู ลิ่นกายหวานๆและไอน้ำอุ่นราวกับจะห่อหุ้มความคิดของชยางกูรให้ล่องลอยไปกับความสุขตรงหน้า



“อือ ดี สบาย” ปัณวิทย์หลับตานิ่งซ้ำยังเริ่มฮัมเพลงเบาๆ



“หายแล้วจะอาบให้ทำไม... อาบเองได้แล้ว”



“บริการแฟนไง...แบบเนี้ย” มือซุกซนนวดลำคอให้ก่อนจะเลื่อนมือลงไปสัมผัสยอดอกสีสวย ปลายนิ้วบีบสลับปล่อย ก่อนจะเคล้นคลึงเรียกเสียงครางแสนหวานของปัณวิทย์



“....อยากกอดปันจัง..”



“ม... ไม่เอา... เจ็บขาอยู่...” นัยน์ตาที่ปิดอยู่ในทีแรกรีบเปิดขึ้นก่อนจะร้องท้วงด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้จะมีแรงนัก ปัณวิทย์ใช้เหตุผลว่าเจ็บขาเป็นข้ออ้างไปก่อนเพราะว่าไม่ได้ถูกสัมผัสแบบนี้จากอีกฝ่ายนานเกินไป ถึงได้รู้สึกกลัวขึ้นมา



“ไม่เจ็บหรอก...นะปัน”



ฝ่ามือหนาที่เลอะแชมพูเอื้อมลงไปเบื้องล่างภายในอ่างอาบน้ำแล้วใช้ปลายนิ้วหยาบปลุกเร้าเบาๆกับส่วนอ่อนไหว ชยางกูรเป่าลมหายใจอุ่นร้อนเข้าที่ใบหูนิ่มนวลแล้วไล้เลียเบาๆด้วยปลายลิ้น...ปลุกความหวามไหวที่ห่างหายไปนาน



“อ... อือ...” เจ็บใจที่ตัวเองปล่อยเสียงครางน่าอายออกไปแบบนั้น แต่ที่น่าอายกว่าคือเขาไม่อาจเอ่ยปฏิเสธให้ชัดเจนได้



...มึงมันบ้าไอ้ปัน!!!



ร่างกายที่แม้จะห่างหายไปนานกลับตอบรับสัมผัสจากฝ่ามือและปลายลิ้นของอีกฝ่ายอย่างดีเยี่ยม



ความรุ่มร้อนอันดุดันของชยางกูรดันชั้นในแนบเนื้อขึ้นมาจนเจ้าของชักเขิน ชายหนุ่มก้มลงใช้ฟันขบเบาๆข้างลำคอก่อนจะเลยไปยังผิวแก้มนิ่มๆ มือหยาบยังคงขยับปลุกเร้าให้ทางด้านหน้า เขารู้สึกถึงปัณวิทย์ที่อ่อนยวบในอ้อมกอด...เด็กหนุ่มที่แสนเย้ายวน



...คนรัก...



“ค่อยอาบได้ไหม... นะ...อยากกอดปัน...”



“ฮึก.... ย.... ช้าๆ....” ปัณวิทย์บอกพลางใช้มือข้างที่ไม่บาดเจ็บเอื้อมไปยึดเอาท่อนแขนของร่างสูงเอาไว้



ชยางกูรทำตามคำร้องขอของคนรัก เขาผ่อนมือที่ลูบไล้ให้เชื่องช้าแต่ทว่าทุกสัมผัสกลับแนบแน่นขึ้น เสียงครางที่ปัณวิทย์พยายามกลั้นเป็นเสียงยิ่งกว่าเครื่องกระตุ้นชั้นดี ชยางกูรโน้มตัวแนบริมฝีปากลงบนด้านหลังต้นคอแล้วใช้ฝักบัวในมือล้างทำความสะอาดเส้นผมให้ลวกๆ



“ล้างผมแล้ว...” พูดจบเขาก็จัดการยกร่างเพรียวในอ่างอาบน้ำออกมาวางลงบนพื้นกระเบื้อง...และช่วยทำให้ด้วยริมฝีปากแทน



พอสัมผัสที่แก่นกลางลำตัวเปลี่ยนไป ปัณวิทย์ก็ทำได้เพียงร้องครางเท่านั้น ขาและแขนที่ยังมีเฝือกล้อมรอบทำให้รู้สึกปวดขึ้นมา เพราะประสาทที่เกร็งจนแน่น



“พ... พี่เดฟ... มันปวด... อื๊อ-- อ”



ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาทันทีที่ได้ยินปัณวิทย์บอกว่าปวด..ริมฝีปากที่โอบล้อมแก่นกายอยู่ค่อยๆถอนออกแล้วลุกขึ้นนั่งคุกเข่ากอดประคองปัณวิทย์เอาไว้



“ขอโทษ...ขอโทษนะปัน...ปวดมากหรือเปล่า” เพราะแรงอารมณ์วาบหวิวและความเอาแต่ใจของตนเอง เกือบจะทำให้เจ็บอีกแล้ว



...ขอโทษนะ...



“ย... อย่าหยุดกระทันหันสิ-- อึก... มัน... ปวด ที่อยู่ในเฝือก...” เขานิ่วหน้าก่อนจะค่อยๆจ้องมองใบหน้าที่มีแต่ความเป็นห่วงของชยางกูรนิ่ง



ชยางกูรถอนหายใจโล่งอก เขาสบตานิ่งมองปัณวิทย์ที่ยังเหลือความต้องการที่ชัดเจน ชายหนุ่มลูกครึ่งยิ้มพรายก่อนจะก้มลงจูบและยกทั้งร่างขึ้นในอ้อมกอด



“ตรงนี้มันแข็งเนอะ ไปที่เตียงดีกว่า...” เขาพาเด็กหนุ่มที่อ่อนระทวยอุ้มมาวางไว้บนเตียง หยาดน้ำบนเส้นผมเปียกที่หมอนซึมลงสู่นุ่นด้านล่าง



ชยางกูรใช้เท้าเขี่ยเจ้าสองตัวที่อยู่บนเตียงให้ออกห่างแล้วดึงมือที่กอดประคองออกมาจัดการชั้นในของตัวเองที่เปียกแนบร่าง



“กอดนะ....” น้ำเสียงนุ่มเอ่ยอ้อน



“อ... อือ...” เด็กหนุ่มค่อยๆผงกศีรษะช้าๆก่อนจะคว้าเอาหมอนมาวางแขนของตัวเองให้นิ่มไว้ไม่เจ็บ



“ขา... ด้วย”



“คร้าบๆ” ชายหนุ่มเอ่ยขานรับราวกับจะล้อเลียน เขาเอาหมอนใบนิ่มสอดเข้าด้านล่างของขาจัดให้วางอยู่ในท่าที่อีกฝ่ายสบาย เขายิ้มให้อีกครั้งแล้วก้มลงสัมผัสส่วนอ่อนไหวที่ยังค้างคาอยู่ด้วยมือและริมฝีปากอุ่นร้อน



“ฮ... ฮึก--! อ... อ๊า--!” พอทั้งมือทั้งปากสัมผัสมาอย่างร้อนแรงแบบนั้น ปัณวิทย์ก็เลิกความคิดที่จะต่อว่าอีกฝ่ายที่ทำเสียงล้อเลียนเก็บไป



ร่างกายที่นอนไร้แรงต้านทานสั่นสะท้านไปทั่ว นัยน์ตาเรียวคมหรี่มองอีกฝ่ายด้วยความรัก



...แบบนี้คือรักหรือเปล่า



ส่วนอ่อนไหวในโพรงปากถูกดูดดุนด้วยปลายลิ้น ชยางกูรทำให้โดยไร้ความรังเกียจ โดยปกติแล้วเขาไม่ชอบทำให้ใคร......แต่มันก็เป็นข้อยกเว้นของคนรัก



ชยางกูรนวดคลึงฐานกลมหยุ่นในอุ้งมือเบาๆ ริมฝีปากรับรู้อาการตึงแข็ง....และความรุ่มร้อนที่ใกล้พังทลาย



“พ... พอ... จะอ-!! อ๊า-!!?” ประสาทสัมผัสทั้งหมดเกร็งแน่น มือข้างที่กดลาดไหล่กว้างเอาไว้จิกจนเกิดรอย ก่อนที่จะปลดปล่อยออกมา



ของเหลวอุ่นร้อนที่พวยพุ่งออกมาถูกริมฝีปากรองรับไว้ทั้งหมด ชยางกูรถอนปากออกมาแล้วกลืนหยาดอารมณ์ของปัณวิทย์ลงลำคออย่างไม่ยากเย็น



“..........ใช้ได้นี่... ของปันน่ะ”



ปัณวิทย์ไม่คิดว่าใบหน้าของตัวเองจะร้อนผ่าวได้ยิ่งกว่านี้อีกแล้ว



แต่ก็เหมือนจะใช่



“กิน... ทำไม... บ้า”



“ทำไมล่ะ...ก็ของปันนี่” ชายหนุ่มเลิกคิ้วพูดหน้าตาเฉย



“ปันกินเค้กบ่อยมันเลยหวานๆ ไม่เชื่อลองชิมไหม” ใบหน้าหล่อเหลาแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้จะจุมพิต



“ม- ไม่ต้องเลย!” แม้จะพยายามทำเสียงขู่ แต่ในตอนนี้มันกลับฟังเหมือนเป็นเพียงการพูดเฉยๆเท่านั้น



ชยางกูรไม่ยอมฟังเสียงห้าม กลับประกบจุมพิตลงแล้วส่งของเหลวที่ยังติดอยู่บนปลายลิ้นเจือจางแทรกเข้าไปในริมฝีปากอุ่นๆของคนรัก



“...เป็นไง” ชายหนุ่มผมทองพูดพลางยิ้มเย้าด้วยนัยน์ตา



“ไม่... อร่อย...” เด็กหนุ่มตอบเสียงเบา รสชาติของตัวเองชวนให้รู้สึกแปลกๆแต่ที่แน่ๆก็ไม่เลือกจะกินแน่นอน



ชยางกูรจูบปลายจมูกยู่ๆตรงหน้าเบาๆแล้วไล้ปลายลิ้นลงบนซอกคอ นิ้วหยาบแตะที่จุดอ่อนไหวด้านหลังพลางสอดเข้าไปทีละนิดอย่างระมัดระวังไม่ให้ร่างตัวเองทับลงบนเฝือกขาคนรัก



“...เข้าไปได้ป่ะ... ปันจะเจ็บขาไหม..” ถามพลางสอดนิ้วที่สองเข้าไปในร่างเพรียวที่บิดกายอย่างเร่าร้อน



ในตอนที่ปลายนิ้วรุกล้ำเข้ามาก็เหมือนจะหาต้นเหตุของความเจ็บปวดที่รู้สึกไม่ได้ หมอนนุ่มที่อีกฝ่ายช่วยรองไว้ให้นั้นไม่ได้เอื้ออะไร



“ก็... ถ้าไม่แยกขาออก... อึ๊ก--!! มันจะเจ็บ... แต่ไม่ไหวหรอกนะ!”



ชยางกูรนิ่งไปครู่หนึ่ง...ก่อนจะเป็นฝ่ายนั่งลงข้างๆแล้วฉวยคนเข้าเฝือกมานั่งตักให้แผ่นหลังบอบบางแนบชิดกับอก



“ถ้าอย่างงี้เจ็บไหม...” แก่นกายแข็งขึงแนบชิดสะโพกเพรียวที่บดเบียดเข้าหาอย่างไม่รู้ตัว



“อ... อือ... ม... ไม่ค่อยแล้ว” ใบหน้าชุ่มเหงื่อหันไปมองหน้าของชยางกูรที่เห็นเพียงแค่เสี้ยว คนไม่เคยรู้สึกหวั่นๆว่าจะเลื่อนหล่นลงมาไหม



“... จับไว้... ด้วย”



ชยางกูรประคองสะโพกเคร่งครัดให้ยกขึ้น มือหยาบจับแก่นกายอุ่นร้อนของตนเองจ่อยังช่องทางเบื้องหลัง..แล้วค่อยๆกดเอวที่อยุ่ด้านบนลงมาเชื่องช้า ให้ปัณวิทย์รองรับการแทรกกายของเขาและรสสัมผัสที่ส่งผ่านได้อย่างเต็มที่ ชายหนุ่มขบกรามแน่นอดกลั้นที่จะไม่กระแทกกายสวนขึ้นไปให้ปัณวิทย์ต้องเจ็บ



“...ขยับได้ไหมปัน...” เสียงทุ้มพร่ากระซิบถามพลางจูบแผ่วเบาบนแผ่นหลังเปลือยชื้นเหงื่อ



“ม!! ไม่- ฮึก--!” ร่างกายสั่นสะท้านจากแก่นกายที่สอดแทรกเข้ามา ไม่สามารถขยับได้เพราะขาที่ยังเจ็บและแขนที่เอื้อมยึดไม่ได้



คนที่อยู่ด้านหลังพยักหน้ารับรู้ มือใหญ่ทั้งสองข้างประคองสะโพกเพรียวขยับให้เชื่องช้าเพื่อการปรับตัว ปัณวิทย์ค่อยๆถูกดึงให้สูงขึ้นแล้วลดต่ำลง ชยางกูรรู้สึกถึงตัวตนที่ถูกช่องทางอ่อนนุ่มนั้นชักนำให้หลงใหล เขาพรมจูบบางๆลงบนแผ่นหลังอย่างรักใคร่พลางกระซิบฝากรักเสียงกระเส่า



“ฮึก--! อ... มัน--! เสียวอะ!” เด็กหนุ่มร้องออกมาเพราะตัวตนร้อนรุ่มนั้นชำแรกลึกเข้ามากว่าเคย



“นอกจากเสียว...มีอะไรอีกป่ะ...” ร่างสูงแกล้งถามซ้ำ พลางขยับกายขึ้นตามสะโพกที่ขยับหนี




“อ.. อ๊ะ--! บ้า--! อึ๊ก!?” นัยน์ตาเรียวคมปิดลงขับน้ำตาให้ไหลออกมาพลางเอื้อมคว้ามือของอีกฝ่ายที่จับสะโพกของตัวเองไว้



ชยางกูรรวบปลายนิ้วเอาไว้แล้วพาไปช่วยกอบกุมแก่นกายของปัณวิทย์พลางกระชับให้ขยับเป็นจังหวะเดียวกับกายที่สอดแทรก เขารับรู้ถึงลมหายใจหอบกระชั้นและร้อนผ่าวตามความรุ่มร้อนที่ถูกชักนำจนเกือบจะถึงจุดสูงสุด



ร่างสูงสวนกายกระแทกเข้าไปสู่ภายในก่อนจะปลดปล่อยออกมา ของเหลวขุ่นข้นร้อนผ่าวอยู่ภายในที่ยังคงบีบรัดอย่างนุ่มนวล ชยางกูรยกมือขึ้นมาใกล้ๆแล้วใช้ปลายลิ้นเลียของของปัณวิทย์ที่เปรอะเปื้อนฝ่ามือ



“อยู่โรงบาลไม่ได้ทำตั้งนาน...เยอะเชียวนะปัน...”



“พี่เดฟ.......” เสียงอ่อนแรงเอ่ยเรียกก่อนจะเอนศีรษะซบพิง



...ต้องการอีก



“.... อีก....”



เสียงอ่อนๆที่บอกความต้องการอย่างตรงไปตรงมาเป็นยิ่งกว่ายากระตุ้นชั้นเลิศไหนๆ มือใหญ่เชยคางมาแหงนขึ้นตอบรับริมฝีปากดุดันที่ประกบลงเป็นจุมพิตที่ราวกับจะแย่งชิงลมหายใจ ร่างกายเปล่าเปลือยร้อนผ่าวแนบชิดเปียกลื่นไปด้วยหยดน้ำจากเส้นผมและหยาดเหงื่อผสมปนเปกัน



ร่างสูงจับสะโพกเพรียวให้สูงขึ้นแล้วขยับต่อ...เปิดบทรักเกมใหม่ที่มีเพียงเสียงครางวาบหวิวดังแผ่วเบาในห้องกว้าง...ในชั้นที่ไร้ผู้คนอื่นใดนอกจากตนเอง






//////////////////////////////////////////




“อ... อือ....” ร่างบางที่นอนคว่ำอยู่บนชยางกูรค่อยๆลืมตาขึ้นมา รู้สึกถึงแก่นกายของอีกฝ่ายที่ยังอยู่ในช่องทางด้านหลัง ในอกรู้สึกคล้ายกับได้เติมเต็มแต่กลับมีส่วนหนึ่งที่ร้องบอกว่ายังไม่พอ



ชยางกูรขมวดคิ้วแน่นก่อนจะค่อยๆลืมตา เมื่อเห็นเรือนผมที่คุ้นเคยซึ่งพิงซบอยู่กับอก หัวตาก็คลายออกแล้วแปรเป็นแววตาอ่อนโยนที่มองอย่างรักใคร่



“ตื่นแล้วเหรอปัน” มือหยาบเอื้อมดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเปล่าเปลือยกันอากาศหนาวในยามเช้า ก่อนจะลูบแผ่นหลังเนียนมือเบาๆ



“อือ... ตื่นแล้ว...” คล้ายกับชอบความอบอุ่นจากร่างกายของชยางกูรจึงได้ซุกซบเข้าไปอีกที



“แต่ยังไม่อยากลุก.....”



อาการอ้อนของคนที่เคยเอาแต่ใจทำเอาอดวาบหวามไม่ได้ เขากอดปัณวิทย์แน่นขึ้นแล้วจูบที่หน้าผากเย็นๆ



“........อึดอัดหรือเปล่า ยังอยู่ในตัวปันอยู่เลย”



“นิด... นึง...” ปัณวิทย์ตอบเสียงเบาก่อนจะขยับแตะริมฝีปากที่ปลายคางของชยางกูรเป็นการแสดงออกถึงความรักโดยไม่เอ่ยพูด



ชยางกูรตอบรับคำรักอันเงียบงันด้วยจมูกที่ซุกไซร้ตามเรือนผม เขาเลื่อนมือมาจับเบาๆที่ต้นคอแล้วสอดเข้าไปใต้เรือนผมสีเข้มจับใบหน้าเล็กๆให้หันมาจูบกันแผ่วเบา



“รักปันจัง...”



“อืม...” เขาตอบรับจูบอรุณสวัสดิ์ด้วยปลายลิ้นที่แหย่เข้าไปพลางงับเบาๆที่ริมฝีปากล่างของคนรัก



...ที่ยังไม่กล้าเอื้อนเอ่ยคำรักออกไป



“เมื่อไหร่ปันจะรักพี่นะ...” ต่อให้แน่ใจในการกระทำแค่ไหน แต่หากไม่มีคำยืนยันที่เป็นคำพูดจริงๆ... ชยางกูรก็ยังคงไม่มั่นใจอยู่เช่นนี้



...เมื่อไหร่...



...ถึงจะยอมพูดเสียที...



“.........” พอถูกถามลอยๆแบบนี้ ปัณวิทย์ก็หาคำตอบที่ถูกต้องให้ไม่ได้



...จะให้บอกว่ารัก...



...มันเร็ว...



...เร็วไป...



“... วันนี้... ไง...”



“วันนี้?” ชยางกูรไม่ค่อยเข้าใจกับสิ่งที่ปัณวิทย์พูดออกมา



“ไหนล่ะ....พูดสิ...”



“... ก็ถามว่าเมื่อไหร่ปันจะรัก... ก็ตอบแล้วไง ถามทำไมหลายๆรอบ” คนตอบในทีแรกขมวดคิ้วยุ่งแล้วทำทีเป็นขยับตัวออกห่าง



“ก็ปันพูดไม่ชัดเจน...” ท่อนแขนแข็งแรงกอดรัดร่างเพรียว... กักขังเอาไว้ในอ้อมกอดแสนหวาน



“บอกว่ารักสิ...”



“บอกแล้ว... ฟังไม่รู้เรื่องเอง... บอกว่าวันนี้ไง...” เขาหันหน้าหนีแล้วเริ่มทำเสียงขุ่นใส่



“พรุ่งนี้ด้วย... มะรืนด้วย... วันต่อๆไป... ไม่เข้าใจจะไม่พูดแล้ว”



“ตลอดไป...ด้วยหรือเปล่า” คำบอกรักที่ไม่ชัดเจน... หากแต่ซาบซ่านอิ่มเอมไปด้วยความรู้สึกที่สามารถสัมผัสได้เรียกร้องให้ชยางกูรพูดจาเอาแต่ใจออกไปบ้าง



“จะอยู่ด้วยกัน...ตลอดไป..ใช่ไหม”



...แค่มีปัน...



...เท่านี้ก็เพียงพอ...



“ฟังดูหนัก... แต่... อือ........” เด็กหนุ่มพยักหน้าช้าๆแล้วขยับเข้าหาอ้อมกอดแน่นขึ้น



“... ก็... ตลอดไป...”



ถ้าคนๆนี้เลือกจะฝากตลอดไปไว้กับเขา...




...ตลอดไปของเขาก็จะมอบให้อย่างเท่าเทียม...



“ปันไม่รู้หรอกว่าพี่ดีใจแค่ไหน” น้ำเสียงทุ้มพูดแผ่วๆ



“ทำไมพี่ถึงเป็นคนโชคดีอย่างงี้ก็ไม่รู้เนอะ”



“โชคดี.... เหรอ... ปันน่ะนะ.....” ปัณวิทย์ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะทำให้ใครสักคนมีความสุขได้ขนาดนี้



“อื้อ” ชยางกูรทำได้เพียงตอบรับในลำคอแล้วกอดร่างตรงหน้าไว้แนบแน่น



...ต่อให้นานเท่าไหร่ก็จะไม่ปล่อยคนในอ้อมกอดนี้



...สัญญา...



“..... ไปอาบน้ำกัน... แล้วมานอนต่อเหอะ” ปัณวิทย์ว่าพลางยกศีรษะขึ้นมองหน้าอีกคน



“อื้อ...เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็ได้ตัดเฝือกแล้วด้วย ดีจังนะ” ชยางกูรอุ้มคนตัวเล็กกว่าที่อยู่บนร่างให้เอนตัวลงบนฟูกนอน ส่วนที่เชื่อมต่อกันหลุดออกมา..หยาดอุ่นข้นที่ดูจะแข็งตัวขึ้นเล็กน้อยไหลออกมาเปรอะเต็มช่องทางเบื้องหลังที่บวมอยู่นิดๆ



“ปล่อยข้างในอย่างงี้รู้สึกไม่ดีหรือเปล่า” น้ำเสียงห่วงใยเอ่ยถาม



“................. ไม่บอก” ปัณวิทย์หันหน้าหนีแทบจะทันทีพลางเอื้อมไปดึงเอาแขนอีกฝ่ายไว้



“ไป อาบ น้ำ”



“อื้อ อาบก็อาบ” ชยางกูรลุกขึ้นแล้วอุ้มคนรักไว้ในอ้อมกอด




“ไว้รอหายแล้วจะฟัดให้หายอยากเลย คอยดู...” นัยน์ตาสีฟ้ามองเจ้าชู้และฉกฉวยจุมพิตเบาๆบนริมฝีปากสีจัด



...สิ่งที่เรียกว่าความรัก...



...ถ้ามันมีรูปร่างก็คงเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี่เอง...









To Be Continued.....
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 21 [01/08/12] เมื่อไหร่ปันจะรักพี่(แถมฉากอิ๊อั๊ง)
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 01-08-2012 18:48:12
น้องปันคงอายพี่เดฟที่จะบอก หรืออาจเ็วไปสำหรับปัน แต่ยอมใ้กอด ยอมให้หอม ยอมให้ทำอะไรด้วย
ก็แปรว่าใจครึ่งหนึ่งเป็นของพี่แล้วนะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 21 [01/08/12] เมื่อไหร่ปันจะรักพี่(แถมฉากอิ๊อั๊ง)
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 01-08-2012 18:57:42
=/////=
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 21 [01/08/12] เมื่อไหร่ปันจะรักพี่(แถมฉากอิ๊อั๊ง)
เริ่มหัวข้อโดย: LM1412 ที่ 01-08-2012 20:21:04
 :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 21 [01/08/12] เมื่อไหร่ปันจะรักพี่(แถมฉากอิ๊อั๊ง)
เริ่มหัวข้อโดย: jj@room ที่ 01-08-2012 20:30:30
พี่เดฟหื่นอ่ะ ขนาดน้องเจ็บอยู่น่ะ แต่ก้อชอบน่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 21 [01/08/12] เมื่อไหร่ปันจะรักพี่(แถมฉากอิ๊อั๊ง)
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 01-08-2012 20:48:49
 :z1: :z1: :z1: :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 21 [01/08/12] เมื่อไหร่ปันจะรักพี่(แถมฉากอิ๊อั๊ง)
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 01-08-2012 21:17:18
 :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 21 [01/08/12] เมื่อไหร่ปันจะรักพี่(แถมฉากอิ๊อั๊ง)
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 01-08-2012 21:17:26
พี่เดฟอ่ะเป็นคนหว้านหวานเนอะ บอกรักน้องตลอด
แต่ก็แอบหื่น น้องเจ็บอยู่น้า ยังจะพยายามโนะ 555
อ่านเรื่องนี้ด้วยความระแวงมาม่าอยู่ตลอดเวลา

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 21 [01/08/12] เมื่อไหร่ปันจะรักพี่(แถมฉากอิ๊อั๊ง)
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 01-08-2012 21:29:49
 :o8: :-[ :impress2: :impress3: o18 o22........ไร้คำบรรยายอ่ะ...เอิ๊กเอิ๊ก...
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 21 [01/08/12] เมื่อไหร่ปันจะรักพี่(แถมฉากอิ๊อั๊ง)
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 01-08-2012 21:30:50
หวานมากๆค่า
ชอบมากๆเลยอ่านแล้วสบายใจ
ช่วงนี้ขอเก็บน้ำตาลไว้เยอะๆก่อน มาม่ามามะไหร่จะได้พอทำใจได้
^^
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 21 [01/08/12] เมื่อไหร่ปันจะรักพี่(แถมฉากอิ๊อั๊ง)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 02-08-2012 00:55:22
อ๊ายยย เขินนน พี่เดฟเทพอะ หรือว่าปันเทพดว่าหว่า แต่เค้าชอบบบ
อ่านไปก็เขินน
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 21 [01/08/12] เมื่อไหร่ปันจะรักพี่(แถมฉากอิ๊อั๊ง)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 02-08-2012 03:57:25
พี่เดฟก็หื่นไม่ดูสังขารน้องเลยนะ


กลัวดราม่าเข้าจังเลย


ระแวงมาก  :sad2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 21 [01/08/12] เมื่อไหร่ปันจะรักพี่(แถมฉากอิ๊อั๊
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 02-08-2012 08:17:50
 :z1: :haun4: :oo1:
ขนาดปันเจ็บอยู่นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 21 [01/08/12] เมื่อไหร่ปันจะรักพี่(แถมฉากอิ๊อั๊ง)
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 02-08-2012 09:13:48
อ้ายย

ปันแอบร้ายมืเบา มีขออีก
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 21 [01/08/12] เมื่อไหร่ปันจะรักพี่(แถมฉากอิ๊อั๊ง)
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 02-08-2012 14:29:56
พี่เดฟ รังแกน้องตอนป่วยนะเนี่ย แอร๊ยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 21 [01/08/12] เมื่อไหร่ปันจะรักพี่(แถมฉากอิ๊อั๊ง)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 02-08-2012 18:14:06
หุหุ ยอมรับว่ารักแล้ว น่ารักดีอะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 21 [01/08/12] เมื่อไหร่ปันจะรักพี่(แถมฉากอิ๊อั๊ง)
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 02-08-2012 20:32:07

เพิ่งได้เข้ามาอ่านนน โอ๊ยโหยยยย
อ่านตอนแรกๆแล้วหมั่นไส้พี่เดฟโคตรร
แถมอยากจะจับน้องปันมาตีสักหน่อย โทษฐานดื้อซะ!

แต่พออ่านมาเรื่อยๆ เริ่มสงสารน้องมากขึ้น
ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณพ่อต้องกีดกันน้องขนาดนั้น
เข้าใจว่าเคยรักมาก  พอผิดหวังก็เกลียดมาก
แต่เด็กก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่
มันผิดที่ตัวของผู้ใหญ่ต่างหาก ไม่ชอบเคยคนที่ไม่เคยแยกแยะอะไร
แต่พอมีพี่เดฟมา น้องดูมีความสุขขึ้นจริงๆ
แต่ก็นะ   อีตาพพี่เดฟก็หื่นแตก 555555

รออ่านตอนต่อไปนะคะ
ปล.ขออีกคู่ได้ไหมคนแต่ง คู่เพื่อนน้องปันอะ
ชอบสองคนนี้ฮาดี ฮ่าาาาา
+1 จ้าาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 21 [01/08/12] เมื่อไหร่ปันจะรักพี่(แถมฉากอิ๊อั๊ง)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 03-08-2012 14:11:46
พี่เดฟ ขนาดน้องเจ็บอยู่ก็ไม่เว้น ห้าๆ หื่นจริงๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 21 [01/08/12] เมื่อไหร่ปันจะรักพี่(แถมฉากอิ๊อั๊ง)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 04-08-2012 07:55:29
พี่เดฟหื่นกับน้องอีกแล้วนะ  :m10:
รอนะฮะ  ^^
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 21 [01/08/12] เมื่อไหร่ปันจะรักพี่(แถมฉากอิ๊อั๊ง)
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 04-08-2012 10:57:06
พี่เดฟหื่นได้ทุกเวลาจริงๆขนาดปันเข้าเฝือกนะเนี่ย.
.
.
ถ้าไม่เข้าจะขนาดไหน .เอิ๊กกก
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 22 [04/08/12] พรีฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 04-08-2012 18:31:08
kagehana : มาฮันนีมูนที่ภูเก็ตกันดีกว่า อิอิ









-22-








เด็กหนุ่มก้าวเท้าออกมาจากสนามบินก่อนจะหยิบแว่นกันแดดที่เสียบไว้ตรงอกออกมาสวม



“แดดแรงชะมัด” หลังจากถอดเฝือกออกเรียบร้อย ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนก็มาถึงสำหรับนักเรียนนานาชาติอย่างเขา ชยางกูรไปออกปากไว้ว่าจะให้เด็กๆพามาเที่ยว พลภัทรจึงไม่ได้ห้ามอะไร-- แต่ถ้ารู้ความจริงว่าศิวะกับอาธิปไม่ได้มาด้วยกันอย่างที่บอกคงเดือดร้อนกันอีกครั้ง



“... หิวแล้วอะพี่เดฟ”



“อยากกินอาหารทะเล” ชยางกูรรับต่อทันที เส้นผมถูกมัดเป็นหางเล็กๆไว้ด้านหลัง ใบหน้าหล่อเหลาคาดทับด้วยแว่นกันแดดสีชาจัด เขาพูดพลางโอบไหล่คนรักอย่างอารมณ์ดี



“เพิ่งเคยมาภูเก็ตนะเนี่ย สวยไหม”



“ไม่รู้ดิ ไม่เคยมาเหมือนกัน... รู้แต่ว่าแพงเหมือนเมืองนอก” ปัณวิทย์ว่าพลางเอื้อมมือไปดึงท่อนแขนที่โอบรอบไหล่เอาไว้



“ทำอะไร อายเขา...”



“อายใคร ไม่มีใครรู้จักสักหน่อย” คนตัวสูงกว้าจับไหล่มนที่โผล่พ้นเสื้อแขนกุดของปัณวิทย์ให้เอนเข้าหาแล้วจูบเบาๆที่เส้นผมชื้นเหงื่อ



“ใส่เสื้อกล้ามแขนกว้างอย่างงี้พี่หวง”



“หวงอะไรวะครับ อากาศมันร้อน ไม่อยากให้ใส่แบบนี้ก็พาไปเที่ยวที่หนาวๆดิ” เขาหันไปทำเสียงขุ่นแล้วปล่อยเลยตามเลยให้ร่างสูงโอบเดินไปด้วยกัน



“แล้วจะไปไหนเป็นเนี่ยทีนี้...”



“ไปโรงแรมก่อนไหม เก็บของพักผ่อนแล้วค่อยไปหาอะไรกินกัน”



โรงแรมที่จองไว้เป็นสไตล์รีสอร์ทและค่อนข้างเป็นส่วนตัว เขาตั้งใจจะพักร้อนที่นี่กันอย่างสบายๆกับคนรักสองคน



“กินก่อน....” เขาตอบเสียงขุ่นแล้วดึงข้อมืออีกฝ่ายให้ไปหาอาหารเที่ยงทาน



“คร้าบ-- น้องปันของพี่เดฟ” เสียงทุ้มทำเสียงล้อเลียนแล้วยอมเดินตามคนตัวเล็กกว่าไปยังร้านอาหารแต่โดยดี



ปัณวิทย์พาชยางกูรมานั่งยังร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกล แล้วเริ่มจัดแจงเปิดเมนูยื่นมาให้ทางเขา



“ปันสั่งก่อนเลย” ชยางกูรพูดแล้วดันคืน



“ทอดมันกุ้ง ผัดคะน้าปลาหมึก ต้มยำกุ้งน้ำข้น ปลากะพงทอดน้ำปลา” พออีกฝ่ายเปิดช่อง ปัณวิทย์ก็สั่งแบบไม่เกรงใจแม้จะมาทานกันแค่สองคนก็ตาม



“เฮ้ยๆ สั่งมากินหมดหรือเปล่านั่น” ชายหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีทองร้องท้วง



“มียำป่ะ กินยำอะไรดี”


"ก็มีต้มยำแล้วไง"



“ต้มยำกับยำมันคนละอย่างกันนี่ จะกินยำ... ยำอะไรดี” ชยางกูรบ่นงึมงำแล้วหันไปขอความเห็นจากคนที่ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้



“ยำอะไรดี เอาเผ็ดไม่มากนะ”



“... ยำวุ้นเส้นทะเล” เขาตอบแล้วมองหน้าอีกคนก่อนจะยิ้มออกมา



“กินเผ็ดไม่ได้เหรอ”



“กินได้ แต่ไม่มากนะ” ชยางกูรตอบพลางยิ้มหวาน



ไม่ถึงขั้นกินไม่ได้เลย แต่ถ้าใส่เยอะๆก็ไม่ไหวเหมือนกัน ตอนที่อยู่ต่างประเทศชยางกูรเคยเจอเพื่อนคนไทยทำส้มตำให้กินโดยใส่พริกไปหนึ่งกำมือ ทั้งคนกินทั้งคนแกล้งต่างคนต่างปากบวมไปหลายวัน



“เด็ก” ปัณวิทย์จงใจยียวนกวนประสาทคนรักแล้วยกแขนขึ้นมาวางพาดบนโต๊ะแล้วโน้มตัวลงมานอน



“งั้นคืนนี้พิสูจน์กันไหมล่ะ...ว่าใครเด็ก” ปลายนิ้วคนฝั่งตรงข้ามเอื้อมมาแตะแขนที่พาดอยู่บนโต๊ะแล้วไล้ตามความยาวเบาๆ



นัยน์ตาเจ้าชู้หยักยิ้มให้เช่นเดียวกับริมฝีปากที่แย้มออกอย่างผ่อนคลาย



“กินปันทั้งตัวเลย คอยดู”



เจ้าตัวรีบสปริงกลับมานั่งที่เดิมพลางโวยวายเสียงดัง



“พูดอะไรตั้งแต่กลางวัน เพิ่งหายป่วย ใครบอกว่าอนุญาตไม่ทราบวะครับ!”



“อนุญาตตัวเองครับ หายป่วยแล้ว เตรียมตัวโดนได้เลย” มือใหญ่ยังตามไม่ลดละ เข้าไปแตะที่แก้มขาวที่แดงขึ้นเพราะความร้อน



“ติดหนี้กันไว้นี่เนาะ..อุตส่าห์มาพรีฮันนีมูนทั้งที เอาให้ฟ้าเหลืองเลย”



“ฟ... ฟ้าเหลืองอะไรวะ! ไม่ให้!!” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นปัดมือของชยางกูรออกด้วยความเขินอายกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา



คนที่ยื่นมืออกไปหาหัวเราะพลางลดมือออก เขากลับไปนั่งพิงพนักเช่นเดิมหากแต่นัยน์ตาเจ้าชู้ยังคงจับจ้องมาที่คนๆเดียว



“ปันรู้ตัวป่ะว่าเป็นคนที่แกล้งขึ้นมากๆเลยน่ะ พี่ไม่แปลกใจเลยที่อัฐเขาชอบแกล้งปัน”



“แกล้งขึ้นอะไร...” เด็กหนุ่มหลบสายตาเจ้าชู้ที่มองมาแล้วพูดต่อ



“ก็อย่าแกล้งดิวะ”



“ก็เขาเอ็นดูปันกันหรอก..ถึงได้แกล้ง”



อาหารที่สั่งไปเริ่มลำเลียงมาวางลงบนโต๊ะ ปลาทอดน้ำปลาสีเหลืองทองเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มยำมะม่วง แต่จานยำวุ้นเส้นดูจะถูกอกถูกใจหนุ่มลูกครึ่งนี่นั่งอยู่มากที่สุด



“ยำวุ้นเส้นน่ากินดี หิวแล้วเลิกแกล้งปันดีกว่า”



“ตามสบายเลย ปันกินแล้ว” เขารีบพูดพลางเอื้อมแกะปลาออกมาแล้วตักใส่จานตัวเอง เสร็จแล้วจึงค่อยเอื้อมเลาะออกมาแล้ววางลงบนจานข้าวของชยางกูรบ้าง



คำขอบคุณในสภาพรอยยิ้มถูกส่งไปให้ปัณวิทย์ เขาตักเนื้อปลานุ่มกรอบเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆอย่างมีความสุข



“คราวนี้มากันสองคนก่อน แล้วไว้วันหลังขับรถพาฟูกับฝุ่นมาด้วยกัน” ชยางกูรพูดแล้วตักต้มยำใส่ถ้วยเลื่อนส่งให้



กระต่ายอ้วนกลมสองตัวถูกฝากไว้กับเพื่อนซี้ของปัณวิทย์ที่ยินดีรับเลี้ยงพร้อมส่งยิ้มนัยน์ตาหยีแล้วบอกว่าอย่าลืมของฝาก



...ถึงอย่างไร ปัณวิทย์ก็มีเพื่อนดี...



จะเฮี้ยวจะซนตามประสาเด็กไปบ้าง แต่ทั้งสองคนก็รักเพื่อนอย่างจริงใจ



“อือ ฟูกับฝุ่นต้องชอบแน่ๆ” เด็กหนุ่มยิ้มกว้างแล้วเริ่มตักอาหารบนจานตัวเองเข้าปาก



“เฮ้ย ปลาที่นี่อร่อยโคตร”



“ก็ภูเก็ตนี่หว่า ของสดอร่อยอยู่แล้ว เดี๋ยวไปที่พักจะชวนทำปิ้งๆย่างๆกินกัน เห็นในเว็บบอกว่ามีบริการให้เช่าเตาถ้าซื้อของสดจากทางรีสอร์ทอ่ะ”



วุ้นเส้นในจานถูกม้วนให้พันส้อมคล้ายสปาเกตตี้แล้วส่งเข้าปาก ชยางกูรเคี้ยวแล้วทำหน้าเหยกับความเผ็ดของพริกขี้หนูสดที่ดันกัดไปโดนเข้า



“เผ็ด--โอ๊ย!! น้ำๆ ปันหยิบให้หน่อย!”



“สมน้ำหน้า!” แม้ปากจะบอกแบบนั้น แต่มือก็รีบหยิบแก้วน้ำส่งให้พร้อมถือขวดน้ำเย็นรอเติม



“เคี้ยวไม่ระวัง”



ชยางกูรทำปากตุ่ยใส่แล้วรีบดื่มน้ำลงไป แล้วอีกแก้วที่เติมจนเต็มที่ถูกกรอกตาม



“ปากบวมเหมือนตอนปันถูกจูบเลย” ร่างสูงแลบลิ้นออกมาเบาๆแล้วยักคิ้วให้



“งั้นไม่ต้องจูบแล้ว!!” ถ้าไม่ติดว่านั่งอยู่กลางร้านอาหาร ปัณวิทย์คงได้คว้าอะไรเขวี้ยงใส่แน่ๆ



“กินไปเลยข้าว ไม่ต้องพูด!” พูดจบเด็กหนุ่มก็ตักข้าวคำโตเข้าปาก คำแล้ว คำเล่าราวกับอยากรีบทานให้เสร็จๆ



ปัณวิทย์ไม่รู้หรอก...ว่าทาทางเอาเรื่องแบบเด็กๆอย่างนี้ทำให้คนที่มองอยู่รู้สึกสนุกแค่ไหน



ชายหนุ่มดึงเสื้อพัดระบายความร้อนแล้วกินต่อโดยไม่พูดอะไรราวกับจะแข่งกินเร็วกับปัณวิทย์ จนเมื่ออาหารตรงหน้าหมดลง ชยางกูรจึงค่อยๆทิ้งตัวเอนพิงใส่เก้าอี้



“อิ่มชะมัด”



“อือ อิ่ม...” เขายิ้มอย่างอารมณ์ดีพลางหยิบแก้วน้ำของตัวเองขึ้นมาดื่มอีกอึกใหญ่



“อยากนอนแล้ว”



“จ่ายตังค์ก่อน...เด็กอนุบาลหรือไงกิ่นอิ่มแล้วนอนเนี่ย” ชยางกูรพูดหยอกแล้วเรียกพนักงานมาเก็บเงิน



“ไปนอนพักที่รีสอร์ทแล้วเย็นๆไปเล่นน้ำทะเลกัน”



“ไม่เย็นมากนะเดี๋ยวหวัดกิน” เขาว่าพลางลุกขึ้นยืดตัวบิดขี้เกียจ



“อื้อ”







//////////////////////////





รีสอร์ทหรูบนหาดในมุมที่เงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน ตัวที่พักเป็นบังกะโลหลังไม่ใหญ่มากหากแต่ตกแต่งไว้อย่างน่ารักและเหมาะกับการมาฮันนีมูนสำหรับคู่แต่งงานใหม่



ชยางกูรถอดรองเท้าไว้ที่ด้านล่างแล้วก้าวขึ้นบันไดสามสี่ขั้นที่ยกพื้นก่อนถึงชานหน้าบังกะโล ลมเย็นๆพัดปลายผมสีทองพลิ้วไหว เขายิ้มจางๆให้คนรักแล้วผลักประตูเข้าสู่ข้างใน



“ห้องสวยนะเนี่ย เตียงก็กว้าง”



คนรักที่ว่าไม่สนใจตอบอะไรด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มวิ่งเข้าไปก่อนจะกระโดดขึ้นเตียงหลังกว้าง ใบหน้าที่มักจะดูอารมณ์เสียมีแต่รอยยิ้มกว้างสมวัย



“นอนแล้วนะ”



“เฮ้ย---ได้ไง โดนลมทะเลมาซะเหม็นเค็ม ไปล้างตัวก่อนดีกว่ามั้ง” คนที่อายุเยอะกว่าร้องท้วงแล้วดึงมือเด็กหนุ่มบนที่นอน



“ลุกเลยไอ้ดื้อ”



“เดี๋ยวก็ต้องลงทะเลอีกอะ ล้างทำไมหลายรอบวะ” ปัณวิทย์ไม่สนใจ ทำตัวแข็งต้านแรงอีกคน ยืนยันว่าจะนอนแน่ๆ



คนที่ดึงไว้แกล้งปล่อยตัวเองล้มลงไปนอนข้างๆ ริมฝีปากอุ่นๆแตะเบาๆที่ไหล่นอกเสื้อกล้าม..ตามด้วยแนวลิ้นที่ไล้เลียผิวหนังเหนือกระดูกไหล่



“เค็ม...ปันตัวเค็ม...”



“จักจี้น่า! เค็มแล้วยุ่งไรวะ” เขาหัวเราะคิกคักพลางดิ้นหนีจากชยางกูรที่เริ่มเอื้อมมือมาคว้าเอวเอาไว้



“เลียให้หายเค็มไง” มือสากลูบไปตามผิวขาวที่มีกล้ามเนื้อนิดหน่อยของปัณวิทย์ ชยางกูรสอดมือเข้าไปใต้เสื้อกล้ามพลางลูบไล้แนวกระดูกสันหลังเบามือ



“เหม็นเค็มเด็ก อาบน้ำเลย”



“บอกว่ายังไม่อาบไง จะนอน แล้วเดี๋ยวไปลงทะเล” คิ้วเรียวแทบจะผูกกันเป็นโบว์



“ถ้าเค็มก็ไปไกลๆดิ”



“ขี้เกียจนะเรา” ถึงจะบ่นเค็มแต่ชยางกูรก็ยังนอนกอดแล้วซบอยู่กับแผ่นหลังอุ่นๆของคนรัก



“ไม่นึกเลยว่าเราจะมาถึงขั้นนี้ได้ ตอนแรกปันแม่งท่าทางโคตรจะเกลียดพี่เลย”



“ก็เกลียดนี่หว่า แม่ง มาจากไหนก็ไม่รู้แล้วพ่อก็รักพี่เดฟนี่” เขาหันมาหาแล้วเบียดตัวเข้าหาอ้อมกอดของอีกคน



“อิจฉาว่างั้น” เขากอดคนที่เบียดเข้าหาเอาไว้แล้วพูดต่อ



“จริงๆ ก่อนหน้ามัมตายเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนะ ตอนไปหามัมพี่ก็ไม่ค่อยเจอเท่าไร่...ไม่ผูกพัน แบบ..เหมือนแค่คนรู้จักไม่ใช่พ่อ แต่พอมัมตายก็ดันอยากจะมารับให้อยู่ด้วยกัน ปันเข้าใจป่ะว่าคนที่ไม่ได้ผูกพันกันจู่ๆก็มาทำอย่างงี้มันแปลกไง”



ชยางกูรถอนหายใจเมื่อนึกถึงวันที่พ่อของเขามารับและขอให้ย้ายกลับมาอยู่ที่ไทย



“พี่ก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไร สมบัติน่ะถ้าได้มันก็ดี คิดง่ายๆเลยตามมาง่ายๆ งานบริหารก็โอเคไม่ยากอะไร แต่พออยู่ๆไปมันก็...ต่อไม่ติดอ่ะ แล้วพี่ก็มีงานที่อเมริกาอยู่ ทำกับเพื่อน มันก็อยู่สบายๆได้นะถึงจะไม่ได้มรดกสักนิด.....ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะไปอยู่ที่เดิม”



ชายหนุ่มกอดปัณวิทย์เอาไว้แล้วก้มลงจุมพิตที่กลางศีรษะ



“แต่กลับมานี่มีอย่างนึงที่ดีที่สุด...คือได้เจอปันนะ”



“จริงเหรอ...” เขาขยับแขนไปโอบรอบเอวของชยางกูรไว้แล้วเบียดเข้าใกล้



“ปันเหงาน้อยลงเยอะเลย...” ปัณวิทย์ยิ้มน้อยๆพลางเงยหน้ามองร่างสูง



“ถึงจะทะเลาะกันก็อยู่ด้วยแล้วสนุก”



“อื้อ ไม่อยากให้ปันเหงา...เพราะงั้นก็จะอยู่กับปันต่อไปเรื่อยๆเนอะ อยู่กับฟูกับฝุ่นด้วย” กระต่ายป่าตัวนุ่มนิ่มในอ้อมกอดเป็นหนึ่งในความรู้สึกรักที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้



...แค่ปัน...



...แค่มีกัน...



...ก็เพียงพอ...



“รักนะ....”



“...... อืม... นอนได้แล้ว ไม่งั้นไม่ไปเล่นน้ำด้วยนะ” เขาเอ่ยว่าพลางหลับตาลง



“ใครกันแน่ที่อยากให้เล่นด้วย” ชยางกูรขยี้เส้นผมอ่อนนุ่มสีดำของคนรักไปมาพร้อมรอยยิ้ม แล้วนอนหลับตาลงกอดคนรักเอาไว้อย่างนี้..เนิ่นนาน











To Be Continued......




หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 22 [04/08/12] พรีฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 04-08-2012 19:24:15
หวาน!!! รักกันนานๆ  o13
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 22 [04/08/12] พรีฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 04-08-2012 19:36:49
โฮววววววววววว

อ่านตอนนี้แล้วกลัวมาม่า สงสารทั้งคู่เลยไม่ใช่ความผิดของปันกับเดฟที่ต้องมาเกี่ยวกับครอบครัวนี้เลยแท้ๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 22 [04/08/12] พรีฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 04-08-2012 19:40:56
ทะเลหวานหมด  :impress2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 22 [04/08/12] พรีฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 04-08-2012 20:08:17
อั๊ยยะ หวาน...ระวังตื่นมามดเต็มเตียงนะจ๊ะ...กลัวหวานๆแบบนี้ จะดราม่ามาตู้มเดียวจอดเลยอะดิ..


อย่าเลยน๊าาาา าา
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 22 [04/08/12] พรีฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: jj@room ที่ 04-08-2012 20:19:34
สวีทจัง อิจฉาๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 22 [04/08/12] พรีฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 04-08-2012 21:59:33
หวานมากฮ่าาาา ฮันนี่มูนสวีทสุด ๆ
พี่เดฟว่าน้องตัวเค็มก็ยังเห็นเลียเอา กอดเอา ก็รักนี่เนอะ...

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 22 [04/08/12] พรีฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 04-08-2012 23:47:08
แหม..ยังไม่ได้แต่งกันเลย ไปฮันนี่มูนซะแล้ว ข้ามขั้นไปไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 22 [04/08/12] พรีฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 05-08-2012 01:45:13
อยากให้หยุดตรงนี้จังเลย
ทำใจไม่ได้ ถ้าน้องปันต้องเจอเรื่องร้ายๆ อีก
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 22 [04/08/12] พรีฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 05-08-2012 08:09:15
เค็มแต่หวาน อะ อิอิ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 22 [04/08/12] พรีฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 05-08-2012 09:31:12
ไปฮันนิมูนกันอ่ะอ่ะ  :m3:  น่ารักจิงจัง   :-[
รอนะฮะ ^^
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 22 [04/08/12] พรีฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 05-08-2012 11:47:27
พรีฮานีมูนหวานมากกกกกกกก ชอบบบบบ
ขออย่าให้เกิดเรื่องร้ายๆเลยน่าาา
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 22 [04/08/12] พรีฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 05-08-2012 13:08:53
หวานๆ น่ารักมาก อยากให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป :impress2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 22 [04/08/12] พรีฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 05-08-2012 14:35:57
น้องปันน่ารัก....พี่เดฟโคตรจะหวาน.....
ผ่านการเชื่อมทะเลไปน่าจะมีการกินมาม่าแน่เลย...
ถึงจะมาม่าชามโตรสเผ็ด....เราทั้งคู่จะผ่านไปให้ได้...นะน้องปันกับพี่เดฟ... :L1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 22 [04/08/12] พรีฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 05-08-2012 19:07:10
 :-[
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 22 [04/08/12] พรีฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 06-08-2012 00:38:02
อุ๊ยตาย!!! เค้าอ่านมาจนจะครบยี่สิบกว่าตอนเพิ่งรู้ว่าอัสซี่เป็นรับ ก๊ากกกกกกกกกกก
ก้ไม่รู้ว่าอ่านข้ามไรไปเปล่า
แต่รู้สึกชื่อแมนๆมั้งฮ่าๆ เห็นปากหมาๆด้วย
ยังคิดเลยทำไมน้าาาาน้องปันไม่ไปค้างบ้านซายน์แทนเพราะเป็นเคะคือกัน
อินี่เพิ่งถึงบ้างอ้อ ว่าอ่ออออน้องอัสซี่แกก็เคะน้าาา

ต่อที่เรื่องค่ะ โดยส่วนตัวชอบบริโภคดราม่ามากกกกกกกกก
ตอนแรกเปิดเรื่องมาตัวละครวุ่นวาย บรรยายงงๆเกือบจะปิดแล้วค่ะ
แต่ติดใจชื่อพระเอกชยางกูรเลยอ่านต่อ ฮา
อ่านต่อๆมาเริ่มเห็นพัฒนาการ การเปลี่ยนแปลง เริ่มรู้สึกว่าอ่านง่ายขึ้น
เข้าใจได้ง่ายขึ้นด้วย เรื่องดำเนินนวดเร็วดีค่ะ มีหวานปนดราม่าให้พอกรุบกริบหัวใจ
แม้บางช่วงจะขาดเหตุและผลของการกระทำไปบ้าง แต่ว่าโดยรวมเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ชอบ
ฮ่าๆๆอาจจะเป็นเพราะชอบดราม่าด้วย และรักน้องปันด้วย ชอบตอนอยู่กับกระต่ายค่ะ
เพระาน้องปันดูน่าสงสารมาก เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
ตอนแรกไม่กล้าอ่านอีกเหตุผลเพราะกลัวเป็นสามพี หรือนายเอกโดยอะไรมาเยอะ ผ่านมาเยอะ
ฮ่าๆเพราะเป็นพวกทำใจยากกับเรื่องคนมาถูกตัวนายเอก แต่ว่าอ่านไปเอ๊ะไม่ใช่นะ เป็นดราม่า
ที่ตัวน้องปันที่มีปมมากกว่า น่าสงสารรรรรร
หมันไส้ไอซ์เล็กๆ ที่ได้เห็นเรือนร่างน้องปันน้อย ดีที่เป็นผู้หญิง
ถ้าเป็นผู้ชายคนอ่านจะมุดจอไปจิกหัวตบแทนพี่เดฟเลยฮ่าๆๆ

สู้ๆนะค่ะ^^
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 22 [04/08/12] พรีฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 06-08-2012 16:50:20
แว้ววววว :-[ น่าอิจฉาจริงๆคู่นี้   :กอด1: อยากอ่านคู่ของอัซซี่จังเลย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 22 [04/08/12] พรีฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: irksome ที่ 06-08-2012 20:41:32
คู่นี่หวานกันจริงๆ  :m21:
อยากรู้คู่2เพื่อนซี่อ่าาาา  :impress2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 22 [04/08/12] พรีฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 07-08-2012 21:47:56
ตามอ่านทันแล้ว

ตอนแรกไม่ถูกกัน ตอนนี้รักกันซะแล้ว น่ารักมากกกกกกกกกก

ชอบมากเลยค่ะ พี่เดฟ น้องปัน น่ารัก

รอตอนต่อไปค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 22 [04/08/12] พรีฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 08-08-2012 20:37:26
หวานน่าีรักอะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 22 [04/08/12] พรีฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 09-08-2012 07:34:40
บทจะหวาน ก็หวานซะน้ำทะเลหายเค็ม  :-[ :-[

แต่บทจะดราม่า ก็ดราม่าซะน้ำตาไหลท่วมยิ่งกว่าทะเลเลย   :z3:
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 23 [09/08/12] ตัวเค็ม..ปากหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 09-08-2012 17:21:13


kagehana : ภูเก็ตอีกที ตอนถัดไปเปิดคู่ใหม่(?) 555







-23-








“น้ำใสโคตร” ปัณวิทย์วิ่งลงทะเลไปโดยไม่รอคนที่เดินตามมาด้วยสักนิดเดียว ขาสองข้างก้าวยาวๆเพื่อลงน้ำใสๆที่เห็น



ชยางกูรส่ายหัวยิ้มๆกับความเด็กของคนรัก ชายหนุ่มค่อยๆเดินเอาครีมกันแดดกับของที่เอามาวางไว้บนเก้าอี้ริมหาดแล้วกวักมือเรียกปัณวิทย์ที่ยังคงต่อสู้กับคลื่นที่ซัดเข้ามา



“มาทากันแดดก่อนปัน เดี๋ยวตัวไหม้หมด”



“ไม่เป็นไรน่า ไม่ไหม้มากหรอก” เขาตอบแบบเด็กหนุ่มทั่วไปที่ไม่สนใจอะไรนอกจากการเล่นสนุก



“ไม่เอาๆ ผิวดีๆเสียหมด ที่จะทาให้เนี่ยเพราะว่ากลัวผิวไหม้ปันจะแสบเอา ดีไม่ดีสะสมมากๆเป็นมะเร็งอีก” ร่างสูงลุกขึ้นไปลุยน้ำทะเลดึงเด็กหนุ่มในชุดกางเกงขาสั้นตัวเดียวเอาไว้



“มาๆๆๆ ทาให้เนี่ย แค่นอนเฉยๆนั่งเฉยๆ ทาให้ทั้งตัวเลย”



“โห่ย บ่นเป็นคนแก่เลย” แม้จะพูดแบบนั้นแต่เขาก็ปล่อยให้โดนลากไปแต่โดยดี



คนแก่ไม่พูดโต้กลับ เขาแค่ลากร่างที่เล็กกว่าให้มานั่งที่เตียงเบาะชายหายแล้วเปิดครีมกันแดดเทใส่ฝ่ามือก่อนจะลูบไล้บนแผ่นหลังนวลเนียน



“หนืดมาก...” เขาบ่นเบาๆยามที่เคลื่อนมือไปซ้ายขวากระจายครีมสีอ่อนๆไปบนผิว



ชยางกูรทาแผ่นหลังให้เรียบร้อยก่อนจะสอดมือไปด้านหน้าแล้วลูบครีมที่ติดมืออย่างจงใจให้โดนยอดอกเล็กๆ



“จับอะไร!! ปล่อยเลย!! พอแล้ว!!! จะลงน้ำ!!!” ร่างเล็กกว่าดันตัวออกมาแล้วหันมาแยกเขี้ยวใส่



“ต้องทายี่สิบนาทีก่อนถึงลงได้” ท่อนแขนแข็งแรงสวมกอดเอาไว้จนกันแดดเลอะไปทั้งคู่ แผ่นอกที่อุดมไปด้วยกล้ามแนบชิดกับแผ่นหลังของคนรัก หากแต่มือซุกซนยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อเนื่อง



“ก็ปันเซ็กซี่นี่หว่า ตัวเปียกๆแบบนี้น่ากินชะมัด”



“คนมองแล้ว!! ปล่อยนะ!!” ปัณวิทย์ขู่เสียงแข็ง



“ไม่มีใครรู้จักหรอกน่า ไม่มีคนสนใจด้วย” ชยางกูรเลือกที่พักที่มีแต่ชาวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่มีใครมาคอยจับตาอะไรอยู่แล้ว



“เอากล้องมาป่ะ มาถ่ายรูปกันไหม”



“มือเลอะ เดี๋ยวตอนเย็นถ่ายกัน!!”



“กล้องกันน้ำน่า” ชยางกูรยังคงกอดคนตัวเล็กกว่าที่ดิ้นขลุกขลักไว้อยู่



“ยังทาไม่ทั่วตัวเลยปัน”



“พอแล้ว ลงน้ำ!!” ปัณวิทย์ทำเสียงเข้มแล้วออกแรงดิ้นมากขึ้น



“ดิ้นมากจับปล้ำโชว์ฝรั่งนะ” ชยางกูรแกล้งขู่เสียงเข้มแล้วซบใบหน้าลงบนซอกคอคนรักกอนจะดึงให้ลงนอนบนฟูกพลาสติกทั้งคู่



“อื้อ!!! ไม่เอา!!! ปล่อยแล้วลงน้ำนะ ไม่งั้นโกรธนะเว้ย!!” เด็กหนุ่มขยับหนีแล้วลดเสียงโวยวายลง



ชยางกูรยอมปล่อยมือแต่โดยดี หากแต่มือใหญ่กลับยื่นขวดครีมกันแดดให้



“อ่ะ ผลัดกันนะ” ชายหนุ่มลูกครึ่งยิ้มกว้างอวดฟันขาว



“อะไร.....” แม้จะทำเสียงขุ่น แต่เด็กหนุ่มก็ขยับลุกมายืนให้ถนัดแล้วเริ่มละเลงครีมกันแดดลงบนแผ่นหลังกว้าง



สัมผัสหนืดๆของเนื้อครีมที่ผ่านมือมานั้นให้ความรู้สึกแปลกๆแต่ก็ดีอย่างบอกไม่ถูก ชยางกูรนึกอยากจะคว้าคนรักเข้ามาจูบแต่เขาก็อดใจเอาไว้ เพราะปัณวิทย์ไม่คุ้นเคยกับการแสดงความรักตรงไปตรงมาต่อหน้าคนอื่น



...เอาเหอะ ไว้ค่อยๆปรับตัวกันไป



“ทาข้างหน้าให้ด้วยนะ จะแอบแตะอะไรก็ได้ พี่ไม่หวง”



“ไม่ได้ลามกอย่างพี่เดฟครับ” เขาแกล้งขยี้มือแรงๆจงใจให้อีกฝ่ายได้รู้สึกเจ็บบ้าง



“โอ๊ย! มือหรือเท้าครับน้องปัน นวดกันอย่างงี้ปล้ำกันเลยดีกว่า” แม้จะบ่น..แต่ใบหน้าหล่อเหลากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มหวานเรี่ยร่าย



“หรือวางแผนทำตัวพี่ให้น่วมแล้วคืนนี้จะจับกด?” เขาหลิ่วตาล้อเลียนแล้วเอื้อมมือแตะที่สะโพกเพรียวของฝ่ายตรงข้าม



ปัณวิทย์ย้ายมือมาฟาดเบาๆทันที



“จับอะไร?? อยู่เฉยๆดิวะครับ!!”



มีหรือที่มือปลาหมึกขั้นสุดยอดอย่างชยางกูรจะยอมหยุดเฉยๆ พอปัณวิทย์บอกให้หยุด เขาก็กยุดมือใหญ่ไว้ตรงสะโพกตึงมือทั้งสองข้าง



“ปันนี่ตัวนิ่มเนอะ”



“ถ้าไม่หยุดพูดลามกส้นๆไม่ทาแล้วนะครับไอ้พี่เดฟ” ทั้งขมวดคิ้วทั้งแยกเขี้ยวใส่พลางทำเสียงขุ่น



เสียงห้าวๆของเด็กหนุ่มที่ยังไม่โตเต็มที่ที่กำลังขู่อย่างกับแมวพองขน ชยางกูรจึงยอมปล่อยมือออกแล้วนั่งนิ่งให้ทา จนกระทั่งมือเรียวที่เลอะครีมทาผิวเขาจนสมใจ



“เอาน้ำไหม ปันอยากกินมะพร้าวลูกๆป่ะ เดี๋ยวสั่งทางรีสอร์ทให้”



“ไม่เอา! จะลงน้ำแล้ว!!” เขาโยนขวดครีมกันแดดลงบนเก้าอี้แล้วเดินลงทะเลโดยไม่รอฟังเสียงอีกคนแม้แต่น้อย



คนถูกทิ้งมองส่งแล้วเรียกบริกรที่เดินอยู่แถวนั้นมาสั่งน้ำมะพร้าวและของกินอื่นๆไว้รอ เพราะดูท่าทางคึกขนาดนี้ขึ้นมามีหวังหิวแน่ๆ



พอสั่งเสร็จ ชายหนุ่มลูกครึ่งก็เดินตามลงไปที่ทะเล



“เปียกเป็นหมาตกน้ำเลย” เขาเสยผมให้ปัณวิทย์ที่ยิ้มร่าดำผุดดำว่ายในทะเล



“ก็มาทะเลนี่” เด็กหนุ่มยิ้มกว้างแล้วใช้มือปัดน้ำใส่ร่างสูง



“มันต้องเปียก!!”



น้ำทะเลเค็มๆสาดเข้าทั้งปากและจมูกจนคนที่ไม่ได้ตั้งตัวเปียกไปทั้งหน้า ชยางกูรสำลักน้ำจนไอออกมาก่อนจะพุ่งเข้าหาปัณวิทย์ เขากอดรวบคนตัวเล็กเอาไว้แล้วพาลงดำดิ่งสู่ใต้น้ำที่ปลายเท้าเหยียบถึงด้วยกัน



คนเป็นพี่อาศัยจังหวะที่น้องชายควบคนรักเผลอ ประกบจุมพิตแนบแน่นใต้ทะเสสีครามใส



“!!??” จะลืมตาก็ไม่ได้ จะดันออกก็ไม่ได้เพราะหากถูกกอดไว้แบบนี้ ไม่มีทางหนีขึ้นไปเอาอากาศใหม่ได้แน่ๆ มือสองข้างจึงได้แต่พยายามดันร่างสูงออกไป



ชยางกูรพาปัณวิทย์ขึ้นสู่ผิวน้ำทั้งๆที่ยังกอดเอาไว้ ชายหนุ่มยิ้มหวานให้คนรักแล้วโน้มตัวเข้าไปจูบหน้าผากเบาๆทีหนึ่ง



“สำลักน้ำป่ะ”



“ถามมาได้ สำลักดิวะ!!” ใบหน้าของปัณวิทย์เปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นพลางปัดน้ำใส่อีกรอบ



“เล่นอะไรแผลงๆ”



“นิดหน่อยเองน่า....” หยักยิ้มพลางเลียริมฝีปากชุ่มชื้น



“ตื่นเต้นดีออก”



ปัณวิทย์ไม่ตอบอะไรต่อ แต่รีบดำน้ำหนีไปอีกทาง แดดที่ยังดีแบบนี้ดูเหมือนจะทำให้ชาวต่างชาติทั้งหลายพร้อมใจกันนอนอาบแดดมากกว่าที่จะลงมาเล่นน้ำทะเลใสๆ



...เหมือนมีคนเล่นน้ำกันแค่สองคนเอง...



ชายหนุ่มรอให้อีกฝ่ายหันหน้ามาหา แล้วแกล้งวักน้ำสาดโครมใหญ่จนกลายเป็นกระต่ายตาแดงตัวเปียกขนลู่ เขาหัวเราะใส่คนรักที่ถลึงตามองกลับมา



...ความสุขของพี่...



...มีปันเป็นคนเติมเต็ม...



กระต่ายป่าที่กำลังดูท่าว่าจะไม่สบอารมณ์ที่ถูกสาดน้ำคืนดังโครม ซ้ำยังถูกหัวเราะใส่ แขนสองข้างสาดน้ำคืนรัวไม่ยั้งด้วยความโมโห



ภาพผู้ชายสองคนที่เล่นน้ำกันเหมือนเด็กๆเรียกสายตาเอ็นดูของหลายๆคนที่มองเห็น กระทั่งบริกรที่เอาน้ำกับของกินมาวางยังอดอมยิ้มไม่ได้



“พอ!! พอแล้วน่าปัน แสบตา-- เฮ้ย--” คนพูดพูดพลางเอนตัวหนีน้ำที่กระเซ็นเข้ามาไม่ขาดสาย



“นู่น ของกินมาแล้ว ขึ้นไปกินกัน” เขาชี้มือไปยังโต๊ะของตนเอง



“ไม่เอา!!! ยังจะเล่นน้ำก่อน!!!” เด็กหนุ่มดื้อแพ่งพลางขยับหนีจะลงน้ำให้ลึกขึ้น



“กินเสร็จค่อยเล่นต่อดิ่ เดี๋ยวให้เล่นยันเที่ยงคืนเลย” ร่างสูงตามไปคว้าตัวเอาไว้



“ก็ได้.......” ปัณวิทย์ปล่อยให้ชยางกูรรวบตัวลากไป



“หิวก็ได้”



ร่างสูงพาคนรักแสนดื้อมานั่งที่เก้าอี้ยาวที่ปรับเอนนอนได้ใต้ร่มเงาของผ้าใบและต้นไม้ ชยางกูรหยิบมะพร้าวที่ถูกเฉาะเสียบหลอดไว้ขึ้นมาดูดแก้กระหาย



“โน่นปัน...สาวฝรั่งบิกินี่โคตรอึ๋มมองเราแน่ะ”



“หือ” เจ้าตัวหันไปตามที่อีกฝ่ายว่า



“ฝรั่งแม่งอึ๋มจริงๆนั่นแหละ” เขาหันมาหยิบน้ำมะพร้าวของตัวเองบ้าง



“เฮ้ย!!ไม่ให้มองนาน มานี่เลยมา” คนที่เป็นฝ่ายเรียกให้ไปดูกลับดึงแขนปัณวิทย์กลับมาให้นั่งบนเก้าอี้ยาวตัวเดียวกัน



“หึง...รู้จักป่ะ” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยแผ่วเบาราวกับจะอ้อนนิดๆ



“ทีตัวเองมองก่อนได้เลยนี่หว่า” ปัณวิทย์จิ๊ปากอย่างขัดใจ



“แค่มองเอง”



“ก็พี่มอง...แต่ปันจ้องนี่หว่า “ ชยางกูรพูดแล้วดึงเข้ามากอดเอาไว้อย่างหวงแหน



“อึ๋มพวกนั้นเจ๋งสู้พี่ไม่ได้หรอก เชื่อดิ่”



“ไม่เหมือนกันนี่หว่า....” เขาเอาศอกกระทุ้งอีกฝ่ายเบาๆเป็นการบอกทางอ้อมว่าไม่นั่งแบบนี้แล้ว



ถึงจะโดนศอกถองเข้ามาแต่ชยางกูรก็ยังกอดรัดร่างกายชุ่มชื้นตรงหน้าเอาไว้ เขาซบใบหน้าลงบนไหล่ที่มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยพลางเม้มริมฝีปากลงบนแผ่นหลังขาวๆที่แดงขึ้นเพราะฤทธิ์แดด



“โคตรรักปันเลยว่ะ”



“........ ไอ้บ้า” เด็กหนุ่มพูดเสียงเบา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงได้รู้สึกแบบนี้ แต่ที่แน่ๆ เขาขอโทษการกระทำและคำพูดของชยางกูรไว้ก่อน



...อยากจะให้อีกฝ่ายจูบแล้วกอดเอาไว้



“หืม...ปากนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ”



ทั้งที่ตอนแรกเกลียดไอ้ปากร้ายๆนี่แทบตาย...แต่พอใกล้ชิด จวบจนกระทั่งรัก แม้บางทีจะมีหลุดปากว่าบ้าง แต่เขาก็อดจะชินและชอบ...ขึ้นมาไม่ได้



ความรักทำให้คนเปลี่ยนไป...



ตัวเขาเข้าใจได้อย่างชัดเจน...



“ไม่เปลี่ยนอะไร.....” เขาขมวดคิ้วแล้วหันมามองหน้าอีกคน



“อยากรู้จูบก่อนดิ่ แล้วจะบอก” นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างมองเข้าไปในตาคนรักอย่างเปิดเผย



เขาจ้องมองอีกฝ่ายในดวงตาคืน



“...........” ปัณวิทย์ไม่ได้พูดอะไร แต่ตัดสินใจยื่นใบหน้าเข้าหา ก่อนจะประกบริมฝีปากลงเบาๆ



แม้จะตกใจในทีแรกแต่ชยางกูรกลับตอบรับจูบหวานๆที่ส่งมาให้อย่างรวดเร็ว ชยางกูรฉกฉวยลมหายใจของปัณวิทย์ให้กลายเป็นจังหวะเดียวกับของตัวเขาเอง



“เก่งขึ้นนะเราเนี่ย” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเกลื่อนใบหน้า



“........ หนาวแล้ว......” สายตาเรียวคมเสมองไปทางอื่น ใบหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น



“ทำให้อุ่นเอาไหม” ชยางกูรลอบยิ้มพลางกอดคนรักไว้แน่นโดยไม่แคร์สายตาของใคร



วันพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร...ความสุขที่อยู่ในมือจะเก็บกักเอาไว้อย่างนี้



...ตราบนานเท่านาน...



“... ไม่เอาที่นี่................” เสียงตอบคำถามแผ่วหายไปกับเสียงคลื่นที่สาดเข้าฝั่งพร้อมกับขยับตัวออกมาเล็กน้อย



“ไม่แคร์...แต่ก็ได้” ชยางกูรห่อตัวปัณวิทย์ด้วยผ้าขนหนูแล้วจับให้ลุกขึ้นยืน เขาจับปลายผ้ามาทบไว้ให้บังผิวกายทั้งหมดก่อนจะเอาผ้าเช็ดตัวของตัวเองมาคลุมศีรษะคนรักไว้



“กลับไปที่ห้อง...นะ...”



“แล้วข้าวพวกนี้ล่ะ...” เด็กหนุ่มถามผ่านผ้าขนหนูที่คลุมศีรษะ ไม่ใช่ว่ารังเกียจแต่อาหารที่สั่งมาแล้วก็ไม่อยากให้เสียเปล่า



“ปันอยากกินก่อนหรือเปล่า พี่รอได้นะ” ชยางกูรขยับผ้าขนหนูขยี้ซับเส้นผมสีดำสนิทตรงหน้าแล้วก้มลงจูบเบาๆโดยดึงผ้าปิดเอาไว้



กระแสความหวานถูกแลกเปลี่ยนด้วยปลายลิ้น ชั้นเชิงของคนแก่กว่าถูกถ่ายทอดให้เด็กหนุ่มตรงหน้า ชักพาให้ลุ่มหลงโทษฐานที่ทำให้ปั่นป่วนหัวใจ ร่างสูงขบเม้มริมฝีปากสีจัดเบาๆอีกครั้งก่อนจะผละออก



“ว่าไง?”



“ก็... เดี๋ยวเย็นหมด...” เขาเสมองออกไปทางอื่นทั้งที่ผิวแก้มซับสีเข้ม



“งั้นถือไปไว้ในห้องแล้วกัน” ชายหนุ่มลูกครึ่งยิ้มหวานแล้วหยิบจานนักเก็ตขึ้นมาถือ



“ไปป้อนกันในห้อง”



“... ให้เค้าเอาไปให้ได้ปะ” ปัณวิทย์เงยหน้าถามความเห็น



“อือ” ชยางกูรตามใจเด็กเอาแต่ใจด้วยการเรียกบริกรที่อยู่แถวนั้นให้มายกอาหารพร้อมกับบอกเลขบ้านเสร็จสรรพ



“อยากเล่นน้ำต่อก่อนไหม หรือว่าให้พาไปห้องเลย”



“... ลมเย็นแล้วอะ” เขาพูดเบาๆ เพราะอ้อมกอดทำให้ไม่อยากทำอย่างอื่นแล้ว



คำพูดของปัณวิทย์ไม่ต้องบรรยายอะไร ชายหนุ่มก็รู้ถึงสิ่งที่ควรทำ เขาโอบร่างที่เตี้ยกว่าแล้วพาเดินห่อผ้าขนหนูไปยังที่พัก



พอถึงบ้านหลังเล็ก ก็เห็นอาหารวางอยู่บนโต๊ะหน้าชานบ้านพร้อมฝาปิดเรียบร้อยสมกับเป็นการบริการของรีสอร์ทที่มีชื่อเสียง



“...เอาไว้ก่อนนะ” เขาจูบเบาๆผ่านผ้าขนหนู



“อือ....” เขาหลับตาลงช้าๆพลางเอื้อมไปจับมือของอีกฝ่ายไว้



ชยางกูรดันร่างเด็กหนุ่มเข้าไปในห้องแล้วดึงผ้าขนหนูบนศีรษะออกให้ กลิ่นเค็มของน้ำทะเลที่เกาะตามผิวกายที่แดงขึ้นด้วยแดดผสานกับกลิ่นกายหวานๆของปัณวิทย์จนชยางกูรแทบจะอดใจไม่ไหว



ริมฝีปากอุ่นร้อนทาบทับลงพลางบดเบียดมอบจุมพิหวานล้ำติดปลายลิ้น



...จูบ...



...ที่แทบทำให้ร่างกายสั่นสะท้าน...



“ดีจังที่ได้มากับปัน ดีจังที่เราได้เจอกัน...” น้ำเสียงทุ้มพูดแผ่วเบา



“.... อือ... จริงเหรอ...” เขาเอ่ยถามเสียงเบาขณะค่อยๆลืมตาขึ้นมามองร่างสูงที่โอบกอดตัวเอาไว้



“โกหกมั้ง” กวนกลับแล้วบีบจมูกโด่งรั้นของปัณวิทย์โยกไปมาเบาๆ



“ก็ปันไม่ได้พูดจาน่ารัก....” ดวงตาเรียวคมตวัดมองอย่างไม่มั่นใจ



“ก็เป็นอย่างงี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ ปันไม่ได้พูดจาน่ารักแล้วมีอะไรไม่ดี” เขาแนบหน้าผากแล้วจ้องลึกลงในดวงตาสีนิลเข้ม



“เพราะปันเป็นอย่างนี้ ปันเป็นปันที่เข้มแข็ง เป็นปันที่อ่อนโยน ปันเป็นเด็กผู้ชายที่ทำให้โลกของพี่ยิ้มได้...แล้วจะมีอะไรไม่ดีอีกเหรอ” จมูกโด่งกดลงช้าๆที่ข้างแก้มพร้อมอ้อมแขนที่รัดเข้ามากอดไว้



“ปันเป็นอย่างนี้แหละดีที่สุดแล้ว...”



“... พูดจาน้ำเน่าเป็นบ้า......” เด็กหนุ่มยิ่งรู้สึกเขินอายมากขึ้นเมื่อรู้สึกถึงความรักที่ได้รับ... แล้วหวังว่ามันจะอยู่กับเขาตลอดไป



“กวนตีนว่ะปัน” ชยางกูรตอกกลับด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงอ่อนโยน



“น้ำเน่าแล้วไง ก็ชอบไม่ใช่เหรอที่พี่พูดอย่างนี้น่ะ...แถมเวลาพี่หวานใส่แล้วปันหน้าแดงอย่างนี้ รู้สึกดีชะมัด” พูดจบก็งับใบหูที่แดงเรื่อเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว



“อึก... ก็มันน่าอายนี่หว่า” ปัณวิทย์ตอบเสียงขุ่นแล้วหันไปดันหน้าอีกคนออกแก้เขิน



ชยางกูรหลบมือที่ดันออกห่างแล้วจูบเบาๆลงที่กลางฝ่ามือ ปลายลิ้นอุ่นๆเลียตามร่องนิ้ว ริมฝีปากอุ่นครอบลงบนปลายนิ้วแล้วขยับรูดครูดด้วยฟันเบาๆ



“...!!!?? ท... ทำอะไร???” ปลายลิ้นและแนวฟันก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกขึ้นมาจนต้องทำเสียงเข้มใส่



“ลวนลามเด็ก” ชยางกูรตอบเสียงอู้อี้หน้าตาเฉยพอๆนัยน์ตาที่แสร้งมองมาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้



“ลวนลามไม???” เขาทำคิ้วขมวดแน่นแล้วยิ่งกดเสียงให้เข้มหนักกว่าเดิม



“ถามมากจริง” พูดจบก็ดึงปลายนิ้วในปากออก นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างฉายแววหลงใหลจนแทบจะกลืนกิน เขาทั้งผลักทั้งจูงปัณวิทย์ไปยังห้องอาบน้ำแบบโอเพนแอร์



“เค็มไปทั้งตัว...อาบน้ำไปกินไปได้ไหม”



“ทำไมชอบทำอะไรหลายๆอย่างพร้อมกันวะครับ” แม้จะพูดเช่นนั้น แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ขืนตัวหรือแสดงท่าทีขัดขืน เขามองไปรอบๆแล้วส่ายศีรษะช้าๆ



“ห้องอาบน้ำแบบนี้มันจะเป็นส่วนตัวยังไง...”



“ไม่โรแมนติกเลย ลิงที่ไหนจะแอบปีนดูวะครับปัน ตอนนี้มันกลางวันยังไม่เท่าไหร่...ลองเป็นกลางคืนดิ่ ให้ฟีลแบบเอ้าท์ดอร์เลย เห็นดาวด้วย” ชายหนุ่มนำเสนอเสร็จสรรพตบท้ายด้วยหอมแก้มขาวที่กลายเป็นสีแดงฟอดใหญ่



“ถ้าอยากรู้ว่ากลางคืนเป็นไง...ต้องลอง”



“กลางคืนอยากไปทะเล” ปัณวิทย์เอ่ยอ้อนเสียงเบา แขนสองข้างโอบกอดร่างสูงอย่างกล้าๆกลัวๆ



“ตอนนี้งี้ก่อนก็ได้”



แต่ไหนแต่ไร ปัณวิทย์ไม่ใช่คนช่างอ้อน...พอถูกอ้อนเข้าอย่างจัง ชยางกูรที่อดจะทำตามใจคนรัก...และตัวเองไม่ได้



เขาเปิดน้ำจากฝักบัวให้ไหลลงมารดร่าง สองแขนกอดแนบกระชับเรือนร่างเพรียวของคนรักใต้สายน้ำและมอบจูบหอมหวานที่เจือกลิ่นทะเลจางๆกระสาในจมูก เส้นผมสีทองแนบชิดกับผิวแก้มเปียกชื้นของคนตรงหน้า



ชยางกูรถอนจูบออกแล้วประคองคนรักที่เขาอ่อนไว้ใต้สายน้ำเย็นฉ่ำ



“อะไร..ขอเองพอโดนเข้าไปหน่อยเข่าอ่อนเลยเหรอปัน” น้ำเนียงทุ้มห้าวติดแววล้อเลียน



“.......... อือ....” เขาตอบสั้นๆ รู้ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่ายน้ำมาจนเหนื่อยด้วยอีกอย่างหนึ่ง ไม่นับแรงโวยวายที่ทุ่มใส่ชยางกูรก่อนจะกลับมาถึงห้อง



ชยางกูรปาดเส้นผมสีดำที่เปียกลู่ใบหน้าเด็กดื้อออก ปลายนิ้วไล้ตามขนคิ้วได้รูปแล้วแตะลงที่เปลือกตาเบามือ เขารู้สึกถึงความร้อนที่ส่งผ่านนิ้วที่แตะ..และรู้ว่าปัณวิทย์เองก็คงรู้สึกได้เช่นกัน



ต้องการ...เพราะรัก



เพราะรัก..ถึงต้องการ



เขาไม่รู้ว่าสิ่งใดควรเป็นคำจำกัดความที่เอามาใช้ในวินาทีนี้...ในวินาทีที่มีปัณวิทย์อยู่ในอ้อมกอด



“ปัน...ถึงพี่จะงี่เง่าไปหน่อย แต่อย่าทิ้งกันนะ...” ชยางกูรแตะหน้าผากลงแนบแล้วหลับตาลงเชื่องช้า



“............. ใครกันแน่” เพราะอีกฝ่ายไม่ได้มองมา ปัณวิทย์ถึงจ้องหน้าคนที่อยู่ด้านบนด้วยความรู้สึกหลากหลาย



“ปันไม่มีใครรัก... แล้วปันจะทิ้งคนที่รักปันได้ยังไง...”



“เป็นคนที่รักปัน...แล้วเป็นคนที่ปันรักด้วยใช่ไหม” แววตาหวานเชื่อมหยอกเย้า



มือข้างที่ว่างยกมาปิดใบหน้าและดวงตาหวานของชยางกูรเอาไว้ด้วยความเขินอาย



“รู้แล้วก็ถามจัง!!”



“เป็นเอสมั้ง...ชอบแกล้งเด็ก” คิ้วเรียวสีเดียวกับเส้นผมยกขึ้นอย่างจงใจ



สายน้ำเย็นๆที่ตกกระทบร่างเกิดเป็นความหนาวเกินจำเป็น ร่างสูงบดเบียดเข้าแนบชิดมากขึ้น กอดรั้งร่างคนรักแสนดื้อเอาไว้



“นิสัยเสีย...” แม้จะพูดแบบนั้น แต่ปัณวิทย์ก็ตอบรับทั้งจุมพิตและอ้อมกอดจากคนนิสัยเสียอย่างเต็มใจ



...ความรักที่โหยหามาตลอด...














To Be Continued......








หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 23 [09/08/12] ตัวเค็ม..ปากหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: lidelia ที่ 09-08-2012 17:47:01
หวานมากกกกกก  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 23 [09/08/12] ตัวเค็ม..ปากหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: aft22423 ที่ 09-08-2012 19:09:44
หวานเวอร์อ่ะ หึหึ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 23 [09/08/12] ตัวเค็ม..ปากหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 09-08-2012 19:40:41
หวานจนทะเลจืดอ่ะฮับคู่นี้...น้องปันปันร่าเริงมาก เล่นน้ำทะเลอย่างเมามัน
อยากให้น้องมีความสุขแบบนี้ตลอด พี่เดฟของเราสติลแอบหื่นเหมือนเดิมนะ ก็เค้ารักของเค้านิ
หวานกันมากนี่ถึงคราวดราม่าคงจะหนักแอ้กชิมิคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 23 [09/08/12] ตัวเค็ม..ปากหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 09-08-2012 19:44:37
โอ๊ย
หวานมากอ่าาาาา
อ่านไปยิ้มไปเป็นคนบ้าเลย  :impress3:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 23 [09/08/12] ตัวเค็ม..ปากหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 09-08-2012 20:39:01
ทะเลหวานไปหมดแระมั้งเนี้ย คู่นี้
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 23 [09/08/12] ตัวเค็ม..ปากหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: jj@room ที่ 09-08-2012 20:45:48
หวานกันจริง อิจฉาจัง
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 23 [09/08/12] ตัวเค็ม..ปากหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 09-08-2012 20:54:34
ทะเลกลายเป็นน้ำเชื่อมไปเรียบร้อยแล้วค่ะ  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 23 [09/08/12] ตัวเค็ม..ปากหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 09-08-2012 20:56:41
ตอนนี้บรรยายดีมากๆเลยคะ รู้สึกร่วมไปถึงความรักของคนทั้งคู่เลย
นักเขียนเก่งมาก
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 23 [09/08/12] ตัวเค็ม..ปากหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 09-08-2012 21:01:08
เคยพิสูจน์แล้วนะว่าทะเลนี่มันเค็มมาก ๆ....
แต่ทำไมตรงนี้มันถึงได้หวานแบบนี้เนี่ย....
ต้องลองไปใหม่ซะแล้ว...ส่วนไหนของประเทศจะไป...
 :o8: :impress2:....หวานแบบสุด ๆ...
เฮ้อ..ไม่ใช่เอาความหวานของหนูปันมาล่อ...
พอกลับบ้านแทนที่จะเจอพายุที่ทะเล.....
อาจจะมีบนบกที่บ้านแทนนะนี่...
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 23 [09/08/12] ตัวเค็ม..ปากหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 09-08-2012 21:16:05
หวานจนน้ำทะเลจืดไปหมด >///<
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 23 [09/08/12] ตัวเค็ม..ปากหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 09-08-2012 21:21:35
ทะเลหวานเลยอะพี่เดฟปัน
สุดยอดของความหวานนน
รอลุ้นคู่ใหม่คือใครรร :impress2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 23 [09/08/12] ตัวเค็ม..ปากหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 09-08-2012 21:45:08
 :impress2:



พี่เดฟ ขยันหยอดเนอะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 23 [09/08/12] ตัวเค็ม..ปากหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 09-08-2012 22:39:33
ทะเลหวานง่ะ เหอเหอเหอ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 23 [09/08/12] ตัวเค็ม..ปากหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 09-08-2012 22:59:09
หวานละมุนนุ่มลิ้น
เอ้ย อิจฉาเว้ย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 23 [09/08/12] ตัวเค็ม..ปากหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 10-08-2012 01:41:05
ขออย่าให้มีดราม่าอีกเลยนะเราหัวใจจะวาย  :sad4:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 23 [09/08/12] ตัวเค็ม..ปากหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 10-08-2012 17:44:09
 :L2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 23 [09/08/12] ตัวเค็ม..ปากหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 11-08-2012 09:03:15
หวานนนนนน โอ๊ยๆๆๆ มดกัด 55555
น้องปันน่ารักโคตตตตต
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 24 [14/08/12] ปิดเทอมของสองหนุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 14-08-2012 22:21:19
Kagehana : คู่ใหม่ที่ทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว ฮ่าๆ  ฝากไอ้ตี๋เตี้ยขี้ดื้อด้วยนะคะ





-24-











“อย่างที่กูบอกแหละมึง....น้องแพนโคตรดื้ออ่ะ กูบอกว่ามีแฟนแล้วๆก็ดันรู้อีกว่าเพิ่งเลิกไป” คนพูดมีแววฉุนเฉียวกับความเป็นจริง เพราะตั้งแต่ปัณวิทย์เลิกกับไอลดา ตัวเขาเองก็เลิกกับเพื่อนของไอลดาในเวลาไม่นานเพราะเบื่อนิสัยงอแงแบบผู้หญิงที่อีกฝ่ายกระทำ



เด็กหนุ่มดีกรีนักกีฬาโรงเรียนถอนหายใจหนักแล้วยกกระป๋องโค้กในมือขึ้นดื่มก่อนจะเล็งปาลงถังขยะที่อยู่ไม่ใกล้



“น้องเขาเป็นผู้ชายนะมึง กูไม่คุ้น...เชี่ยอัฐช่วยกูบ้างดิ่ แดกลูกชิ้นอย่างเดียวนะมึง”



“อ้าวเหี้ย แดกอยู่ผิดอีก กูซวยตลอดครับไอ้ห่า สมน้ำหน้าไงมึง ชอบบอกว่าหล่อกว่ากูตลอด กรรมติดจรวดแล้วเว้ย” อาธิปไม่คิดสนใจเสียด้วยซ้ำ ยังคงกินลูกชิ้นปิ้งต่ออย่างไม่แยแส



“ปากหมาเรียกพ่อจริง...ก็ถ้าเป็นคนอื่นกูคงปฏิเสธไปแล้ว แต่น้องแพนเขาเป็นผู้จัดการทีมนะมึง ให้กูบอกไปว่าไม่อยากคบเดี๋ยวมองหน้าไม่ติดกันเปล่าๆ” มือใหญ่ดึงไม้ลูกชิ้นมาถือเป็นสัญญาณที่บอกว่ากำลังจริงจัง



“เขาบอกว่าถ้ายังไม่มีใครคบ...อยากให้ลองศึกษากันดู” ถ้าไม่มีใครคบ...ก็เห็นๆอยู่ว่าตอนนี้มันไม่มี แล้วจะเอายังไงได้ ซ้อมจนไม่มีเวลาทำอะไรจะเอาเวลาไหนไปหาแฟน



“กูไม่ว่างไปหาแฟนมาคบว่ะ แค่ซ้อมก็เหนื่อยจะตายแล้ว.....กูขอความคิดมึงมั่งดิ๊ ช่วยอะไรกูได้บ้างไหมน่ะมึงอ่ะ”



ถ้าเป็นปัณวิทย์อาจจะได้ความคิดที่ดีกว่านี้ แต่เพราะอีกฝ่ายไปเที่ยวปิดเทอมกับพี่ชายที่เป็นคนรัก เขาเองก็ซ้อมรอแข่งรอบจังหวัด ถ้ามีเวลาว่างไม่พักผ่อนก็โดนไอ้ตี๋เตี้ยมากวนถึงห้องอย่างวันนี้



“ไปขอไอ้ปันเป็นแฟนดิวะ สมจริงแน่” พูดจบอาธิปก็หัวเราะลั่นตามประสาเจ้าตัว



“ห่า โดนพี่เดฟฆ่าตายพอดี...มีคนอื่นไหมวะ”



“จะมีใครวะ” อาธิปปัดความรับผิดชอบให้พ้น



“มี....” นัยน์ตาคมมองไปยังอาธิปที่นอนตีแปลงคว่ำหน้าเคี้ยวลูกชิ้นคำสุดท้าย ศิวะยิ้มมุมปากอีกครั้ง..เอาวะ เอาก็เอาวะแม่ง



“มึง...มึงแหละไอ้อัฐ มาเป็นแฟนกู!!”







////////////////////////////////////////////////////






“... พี่ซายน์... สรุปเรื่องที่แพนถามเมื่อวาน... พี่ซายน์ว่ายังไง” เด็กหนุ่มรุ่นน้องเจ้าของดวงตากลมโตสุกใสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง



“น้องแพน....คือพี่...” ศิวะแทบจะเกาหัวกับคำถามที่บุกออกมาอย่างตรงไปตรงมา แถมยังดวงตาแป๋วๆนั้นทำให้รู้สึกว่าเหมือนกำลังรังแกลูกสุนัขเล็กอยู่



“พี่ไม่สะดวก...คือ...พี่ไม่อยากนอกใจแฟน เข้าใจใช่ไหม” เด็กหนุ่มยกผ้าเช็ดตัวที่พาดบ่าซับเหงื่อบนใบหน้าและปิดอาการแหวะเมื่อนึกถึงแฟนอุปโลกค์ของตนเอง



...ไอ้อัฐ...



นี่ถ้าไม่หมดหนทางจริงๆ...ต่อให้อาธิปปากหมาลดลงสักสองเท่าก็โกหกไม่ลงแน่ๆ



“แต่พี่ซายน์เพิ่งเลิกกับแฟนไม่ใช่เหรอ... หรือพี่ซายน์รังเกียจที่แพนชอบพี่ซายน์” คำถามไม่ได้ตั้งใจจะยอกย้อนให้ฟังคล้ายหาเรื่อง แต่พชรเป็นเด็กที่มักจะถามหรือตอบอะไรไปตามความรู้สึกตรงๆโดยไม่คิดก่อนเสมอ



“เฮ้ย! ไม่นะน้องแพน พี่ไม่ได้รังเกียจ” เขาพูดความจริงพร้อมนัยน์ตาที่อยากให้เชื่อ ไม่ได้รังเกียจ..แต่ไม่ได้ชอบถึงขั้นที่อยากคบหา



ตั้งแต่เลิกรากับแฟนสาวคนก่อนไป เป้าหมายของการแข่งบาสจังหวัดก็งวดเข้ามาทุกที ในฐานะที่เป็นตัวจริงม.ห้าและว่าที่กัปตันปีต่อไปทำให้อยากจะโฟกัสไปที่เรื่องแข่งมากกว่าจะหาแฟน แต่ดูเหมือนผู้จัดการทีมตัวเล็กจะดื้อตาใสชนิดที่ว่าหากหาความจริงมาแย้งไม่ได้คงต้องถูกตื๊อไปมาจนอาจจะเผลอตกปากคบไปก็ได้



“ไม่ใช่ว่าเป็นผู้ชายถึงคบไม่ได้นะ แต่แฟนพี่เขาขี้หึง น้องแพนเองถ้ามีแฟนก็ไม่อยากให้แฟนนอกใจใช่ไหมล่ะ”



“แฟนเหรอ พี่ซายน์มีแฟนเหรอ แต่ไม่เห็นมีใครรู้...” คิ้วขมวดเข้าหากันพลางยกแขนกอดอกโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะตั้งแต่เด็กสาวคนนั้น เขาก็ไม่เห็นศิวะจะอยู่กับใคร



“ก็ไม่แปลก..อันที่จริงก็ไม่มีใครรู้หรอกนะ” ศิวะแกล้งเม้มปากแสดงสีหน้าลำบากใจพลางนึกไปถึงเสียงหัวเราะลั่นห้องของอาธิปเมื่อคืนวาน



“พี่คบกับอัฐอยู่....แต่เป็นผู้ชายเหมือนกันมันจะบอกใครก็ยาก ใช่ไหมล่ะ” เสียงถอนหายใจเป็นซาวน์เอ็ฟเฟ็คเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ



“น้องแพนเก็บเป็นความลับนะ...”



“... พี่อัสซี่... น่ะเหรอ...” ใบหน้าของพชรดูสลดลง ประกายความหวังในดวงตาวูบหายไปพร้อมกับเสียงที่แผ่วเบา



“.......... เข้าใจ... แล้ว... แพน........ จะไม่บอกใคร... ขอโทษนะพี่ซายน์” เด็กหนุ่มยิ้มจางๆให้ก่อนจะเป็นฝ่ายหันหลังแล้ววิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมา ซ่อนน้ำตาที่กำลังเอ่อล้น



เมื่อลับแผ่นหลังบางที่วิ่งหายไปแล้ว คนที่ซ่อนตัวอยู่ก็ออกมาพร้อมใบหน้าบูดเบี้ยว



“เหี้ย กูจะอ้วก สัด”



“ห่า มึงคิดว่ากูอยากพูดเหรอว่ามึงเป็นแฟน โคตรเสียหายอ่ะ” ศิวะทำหน้าเหมือนกลืนของขมแล้วสะบัดปลายผ้าตีก้นเด้กหนุ่มที่เตี้ยกว่าด้วยแรงที่ไม่ออมนัก



“มายืนเตี้ยแอบฟังล่ะสิมึงน่ะ”



“ยืนหล่อเว้ย ยืนเตี้ยเหี้ยอะไรพ่อมึง เป็นแฟนกู สัด ต้องดูแลกูดีๆสิ เหี้ย พูดเองขนลุกเองว่ะสัด” ไม่พูดเปล่า อาธิปยังช่วยทำหน้าและท่าทางขยะแขยงประกอบคำพูด



“ก็ถ้าหาดีกว่าได้กูไม่ง้อมึงหรอก” ศิวะวางมือบนศีรษะที่เตี้ยกว่าหนึ่งช่วงหัวแล้วกดเบาๆ



“เป็นแฟนกูน่ะกูดูแลดีอยู่แล้ว ป่ะ วันนี้อยากกินไรกูเลี้ยงเอง แต่มึงต้องรอกูเปลี่ยนเสื้ออาบน้ำก่อน เหม็นเหงื่อชิบ” ท่อนแขนแข็งแรงโอบอาธิปเข้าหาแล้วกดใบหน้าอีกฝ่ายลงกับชุดซ้อมชุ่มเหงื่อ แล้วหัวเราะเสียงดังกับอาการดิ้นขลุกขลัก



“ไอ้เหี้ยศิวะลึงค์ น้องแพนด้าไม่อยู่ มึงไม่ต้องทำก็ได้ครับ เหม็นเหี้ย”



อาธิปนึกด่าตัวเองอยู่ในใจที่ไม่อาจปฏิเสธเพื่อนคนดีได้ในเมื่อขอร้องให้ช่วยกันขนาดนั้น ตั้งใจไว้ว่าหากรุ่นน้องคนนี้เลิกยุ่งเมื่อไหร่เขาจะเอาคืนเสียให้สะใจ



“จะได้ชินไงมึง ห่า ทำง้องแง้งเป็นสาวซิง...อ่อ ไม่สิ มึงก็ยังซิงอยู่จริงๆนี่นา” สำทับคำพูดด้วยเสียงหัวเราะ



“เออ สัด ได้ทีเอาใหญ่นะมึง ไปอาบน้ำเลยไป เหม็นเหงื่อเหี้ยๆ ซิงไม่ซิงเรื่องกู” คนตัวเล็กกว่ารีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อดูเหมือนอีกฝ่ายจะเบนเข็มมาที่เขา



“คร้าบคุณแฟน เป็นแฟนได้วันเดียวเอาใหญ่นะมึง คิดไว้ด้วยล่ะว่าจะกินอะไร” ศิวะตบหัวอาธิปอีกทีก่อนจะเดินไปยังล็อคเกอร์แล้วคว้าชุดใหม่มาถือ อีกมือหนึ่งก็ถอดเสื้อตัวเก่าโยนใส่อาธิป



“พับเสื้อให้กูด้วยนะ คุณแฟนที่รัก!”



“เออ!!! ไอ้เหี้ยศิวะลึงค์”






////////////////////////////////////////////////////






แค่คิดจะเลี้ยงไอ้ตี๋เตี้ยนี่ก็คิดผิดมาก...มากจนเสียใจทีเดียว



ศิวะนั่งมองเพื่อนซี้ที่กินมันฝรั่งทอดสลับกับดูดโค้กดังซร้วบ ปากเล็กเคี้ยวไม่หยุดอย่างเปี่ยมสุขพอๆกับเงินในกระเป๋าของเขาที่บินหายไปชนิดที่เรียกว่าน่ากลัว



“จะแดกให้กูหมดตัวเลยเหรอวะเตี้ย...”



“อำไออะหัด ฮูห้องเอาไอ้ฮุ้มเอ๊ย” อาธิปตอบโดยไม่ยอมหยุดเคี้ยว อยู่ๆจะมีคนเลี้ยงข้าวมีเหรอที่จะยอมพลาด



“ห่า สกปรก หน้าตาไม่ดีแล้วยังทำตัวซกมก” ศิวะหยิบทิชชูขึ้นมาปิดปากอาธิปด้วยสีหน้าขยะแขยง



“แดกงี้ทีหลังกูไม่เลี้ยงแล้ว แม่ง...แฟนเชี่ยไรวะ” พอพูดคำว่าแฟนก็อดทำท่าขนลุกไม่ได้



คิดผิด...แต่คิดใหม่ไม่ได้แล้ว



“หน้าตาไม่ดีเหี้ยไร กูหน้าตาดี แต่อยู่กับพวกมึงแล้วดีน้อยลงเว้ย” เด็กหนุ่มหน้าตี๋รีบเถียงกลับทันที



เมื่อมองตรงๆ ศิวะก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเป็นจริงอย่างที่พูด อาธิปไม่ใช่คนหน้าตาไม่ดี เด็กหนุ่มมีผิวขาวละเอียดเฉกเช่นลูกครึ่งไทยเชื่อสายจีน ใบหน้ากลมนิดๆและมีแก้ม...ที่เวลาโมโหยิ่งแดงระเรื่อ ดวงตาเรียวซ่อนนัยน์ตาซุกซนเอาไว้ ไม่นับจมูกโด่งรั้นและริมฝีปากบางเฉียบ เสียแต่ว่าความสูงดูจะถูกจำกัดไว้เพียงร้อยหกสิบปลายๆเท่านั้น



“ก็ช่วยไม่ได้ กูหน้าตาดีแล้วผิดตรงไหน ไอ้ปันก็ด้วย...เห็นอย่างงั้นสาวตรึม” ....แต่ดันเสร็จพี่ชายไปซะแล้ว



“แม่ง พูดน้อยตาขวางมันดีตรงไหนวะ กูไม่เข้าใจผู้หญิงเลยห่า” เขายังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ



“ก็ดีกว่าพูดมากปากหมาหลีไม่เลือกอย่างมึงอ่ะ” พูดจบก็หยิบมันฝรั่งทอดตรงหน้าอีกฝ่ายมาเข้าปาก



“เอาไรอีกป่ะมึง ไก่สามชิ้น เฟรนซ์ฟรายสอง โค้กสอง เบอเกอร์สาม ไอติมหนึ่ง....แดกคนเดียวหมด” ศิวะพูดประชด



“อิ่มแล้วก็ได้ ไม่ต้องประชด แม่ง อย่างมึงหาแฟนได้ง่ายๆแท้ๆ ทำไมต้องมาเอากูวะ” อาธิปดูดโค้กเข้าปากเสียงดังไม่เกรงใจพลางมองเพื่อนตรงข้ามตาขวาง หน้าตาเนิร์ดๆใส่แว่นตามอารมณ์แบบนี้มันน่าสนใจมากกว่าหนุ่มตี๋อย่างเขาตรงไหนกัน



“เสียเวลา ขืนรอกูหาแฟนน้องเขาก็จะตื้อกูอยู่อย่างงี้ คนเราก็เงี้ย...ถ้าปล่อยให้น้องเขาชอบกูนานๆเขายิ่งตัดใจยาก แล้วมึงก็อยู่กับกูทุกวัน สะดวกดี เอามึงนี่แหละบอกว่าเป็นเมียกู ยังไงก็ต้องเชื่อ” ศิวะพยักหน้าชวนเชื่อ



“แล้วเอาไง วันนี้นอนบ้านกูป่ะ”



“เหี้ย เดี๋ยวมึงคิดเหี้ยๆ กลับบ้านกูครับ” อาธิปทำหน้าเบ้ใส่แล้วลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสาย



“ต้องให้แฟนอย่างกูไปส่งมั้ยมึง หรือมึงจะไปบ้านกูก่อนแล้วเดี๋ยวขี่มอไซค์ไปส่ง กลับมืดๆเดี๋ยวไปฉุดสาวเข้า” ศิวะพูดกลั้วหัวเราะ



“ฉุดสาวไร หึงเหรอวะ” เขาจงใจแซวกลับหมายจะให้อีกฝ่ายได้อ้วกบ้างหรืออะไร



“หึงมึงมั้ง สัด......พอเหอะกูจะอ้วก” ศิวะดึงกระเป๋าเป้ขึ้นพาดบ่าแล้วหยิบลูกบาสขึ้นมาอุ้มไว้ในแขน



“สามทุ่ม....แม่ง ป่านนี้ปันกะพี่เดฟเที่ยวทะเลกันสนุกแล้วมั้ง”



“สามทุ่ม ไอ้ปันยังลงทะเลแน่ๆ พี่เดฟจะยอมเหรอวะรายนั้น ห่วงยังกะเมียท้องแก่”



“ไปว่ามันเมียท้องแก่ เดี๋ยวกูเล่าเรื่องมึงเป็นเมียกูให้ปันมันฟังได้โดนหัวเราะแน่” บางทีไอ้อาการปากหมาก็ชวนให้อยากตบบ้องหัวไม่น้อย



“สัด แม่ง ไม่สำนึกบุญคุณเลยนะไอ้ศิวะลึงค์” เด็กหนุ่มหันมาทำคิ้วขมวดใส่แล้วยกมือขึ้นผลักไหล่อีกฝ่าย



“คร้าบบ กูก็สำนึกอยู่นี่ไง ทำหน้าที่แฟนที่ดีของมึงด้วยการไปส่งบ้าน เอาป่ะ...กูไม่คิดค่าน้ำมันนะเว้ย”



“เออครับ ดี ส่งเลย กูอยากสบาย” อาธิปเอื้อมมือไปตบท้ายทอยของเพื่อนสนิทแรงๆอีกทีราวกับจะแก้แค้น



ลงท้ายที่ว่า วันนี้ของเขา....ก็หมดไปกับการอยู่กับไอ้เพื่อนสนิทตัวเตี้ยเหมือนเดิม



ปิดเทอมนี้จะมีอะไรใหม่ๆหรือเปล่า...ไม่อาจเดาได้เลย












To Be Continued....
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 24 [14/08/12] ปิดเทอมของสองหนุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 14-08-2012 22:45:46
เล่นไปเล่นมาเดียวก็ได้เสียกันจริงๆ อิอิ  :z1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 24 [14/08/12] ปิดเทอมของสองหนุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 14-08-2012 23:40:26
ระวังจะติดใจสถานะใหม่ จนไม่อยากกลับไปเหมือนเก่า นะจ๊ะหนุ่มๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 24 [14/08/12] ปิดเทอมของสองหนุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 15-08-2012 00:35:58
แหมๆๆ เห็นมานักต่อนัก ไอ้ประเภทแกล้งเป็นแฟนกันเนี่ย
มันสปาร์คหากันได้เอาง่ายๆเลยรู้รึเปล่า
เตรียมตัวเตรียมใจรับสถานะใหม่กันได้เลย
^^
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 24 [14/08/12] ปิดเทอมของสองหนุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 15-08-2012 02:50:52
หุหุ เอาจริงดิ ทั้งศิวะ(ลึงค์)ทั้งอธิปออกจะแมน? รอตอนได้กันเอง หุหุหุ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 24 [14/08/12] ปิดเทอมของสองหนุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 15-08-2012 06:32:55
เมียท้องแก่ !!  :m20:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 24 [14/08/12] ปิดเทอมของสองหนุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 15-08-2012 20:20:02
หุหุ เอาจริงดิ ทั้งศิวะ(ลึงค์)ทั้งอธิปออกจะแมน? รอตอนได้กันเอง หุหุหุ



แมนทั้งคู่ค่ะ แต่คนไหนแมนคว่าชนะไป(?) อิอิ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 24 [14/08/12] ปิดเทอมของสองหนุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 15-08-2012 21:29:05
 :impress3:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 24 [14/08/12] ปิดเทอมของสองหนุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 15-08-2012 21:35:33
แล้วก็จิ้นต่อเอง555555
จะมีดราม่าอีกไหมคะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 24 [14/08/12] ปิดเทอมของสองหนุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 15-08-2012 22:53:34
คู่ใหม่ อ่ะคึๆ :z1:
ชอบบบ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 24 [14/08/12] ปิดเทอมของสองหนุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 16-08-2012 03:04:35
เชียร์คู่ ศวะลึงค์ กับ อัสซี่ สุดใจขาดดิ้น
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 24 [14/08/12] ปิดเทอมของสองหนุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: pumpkinJack ที่ 17-08-2012 00:42:10
คู่ลับที่ไม่ลับเลยคร่า

ยิ้มแก้มแทบแตกกะคู่นี้ตี๋เตี้ยปากหมาแต่ฮาจัดๆ >.<
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 25 [17/08/12] คุณแฟน...
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 17-08-2012 20:02:38
Kagehana : ตอนนี้ไม่มีพี่เดฟน้องปัน เอาซายน์อัสซี่ไปก่อนนะคะ







-25-







ภายในห้องล็อคเกอร์ของนักกีฬาทีมบาส เด็กหนุ่มร่างเล็กเจ้าของตำแหน่งผู้จัดการทีมนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวยาว สายตามองเหม่อไปยังล็อคเกอร์ตรงหน้า ตัวอักษรภาษาอังกฤษคำว่า “SINE” ถูกเขียนไว้ประกาศความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน



“เฮ้อ...” พชรถอนหายใจออกมาอีกครั้ง



“น้องแพนเป็นไรครับ” เสียงทุ้มๆของคนตัวสูง กอล์ฟ กรวิทย์...กัปตันชมรมคนปัจจุบันของทีมบางโรงเรียนเอ่ยถาม เขาแตะไหล่คนที่นั่งอยู่เบาๆแล้วย่อตัวลงให้สายตาอยู่ระดับเดียวกัน



“ไม่ออกไปจดสกอร์เหรอ”



“แพนไม่มีอารมณ์เลย เหนื่อยอะพี่กอล์ฟ” เขาห่อไหล่พลางหันมามองหน้าอีกคน



“ไม่สบายป่ะ กลับก่อนไหม เดี๋ยวพี่ให้คนอื่นดูแทน” มือใหญ่แตะที่เส้นผมเล็กละเอียดตรงหน้าแล้วลูบเบาๆด้วยความเอ็นดู หากแต่เมื่อนัยน์ตาเสมองไปยังล็อคเกอร์ เขาก็เห็นต้นเหตุที่ทำให้เด็กร่าเริงอย่างพชรซึมลง....



“ชอบไอ้ซายน์ใช่ไหมน้องแพน...” เขารู้....เพราะว่ามองมาตลอด



พชรไม่ได้เอ่ยตอบ แต่หันใบหน้ากลับไปอีกทาง แล้วถอนหายใจออกมาอีกครั้ง



“พี่รู้ด้วยเหรอ...”



“รู้สิ...แล้วแพนอยากรู้ไหมว่าทำไมพี่ถึงรู้” กรวิทย์สบกับดวงตาสีดำกลมโตคู่สวยที่มองมา “ก็เพราะพี่...”



“กอล์ฟ กัปตันมาทำอะไรห้องล็อคเกอร์ จะซ้อมกันแล้วไม่ใช่เหรอ” คนที่เปิดประตูเข้ามาโดยไม่ได้เคาะพูดขึ้น ชายหนุ่มร่างสูงในชุดวอร์มสีน้ำเงินเข้มเดินเข้ามามองคนทั้งสองในห้อง



“ออกไปทำหน้าที่กัปตันก่อน เข้าใจใช่ไหม” นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของคนที่เข้ามามองอีกครั้ง...ด้วยสายตาที่ชวนให้กัปตันที่ละหน้าที่มาหนาวๆร้อนๆ



“ครับ ครูรัช” พูด...ก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก



“.... แพนไปห้องพยาบาลได้ไหมครับครู” คนที่ดูยังจะไม่ค่อยมีกะใจทำอะไรหันมาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย



“กลับบ้านไปเลยดีกว่า ปิดเทอมอย่างนี้ห้องพยาบาลคนน้อย” รัชตะนั่งลงข้างๆบนม้านั่งตัวเดียวกัน



รัชตะเป็นครูประจำวิชาพละศึกษาและที่ปรึกษาชมรมบาส เขามาเป็นครูที่นี่ตั้งแต่เรียนจบวิทยาศาสตร์การกีฬาด้วยคะแนนระดับเกียรตินิยม



“คนน้อยก็ได้ ไม่เป็นไรครับ” พชรว่าพลางลุกขึ้นยืดแขนออกไปข้างหน้า



“เป็นอะไรหรือเปล่าแพน” คนเป็นครูแหงนหน้ามอง “มีอะไรไม่สบายใจหรือไง”



“ก็... นิดหน่อยครับครู... เลยยังไม่ค่อยมีอารมณ์ทำอะไร...” เขาหันมายิ้มให้จางๆ ใบหน้าที่ปกติจะมีแต่รอยยิ้มสดใสดูหม่นหมองลงไปกว่าเดิม



“ไม่สมกับเป็นเราเลยนะแพน” รัชตะพูดเสียงขรึม อันที่จริงก็ใช่ว่าเป็นหน้าที่ของครูที่ปรึกษาที่จะต้องใส่ใจทุกเรื่อง เพียงแต่สำหรับเขาแล้ว....พชร ไม่ใช่แค่เด็กที่ปรึกษา แต่เป็นเด็กที่เขาใส่ใจเป็นพิเศษตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า



เมื่อตอนพชรอยู่ประถมหก เขาเคยไปสอนเด็กคนนี้ที่บ้าน...แต่ดูเหมือนว่าพชรจะไม่รู้เลยว่าเขากับครูพิเศษคนนั้นเป็นคนๆเดียวกัน



“มีอะไรบอกครูได้...เข้าใจใช่ไหม”



“... งั้นบอกว่าแพนชอบผู้ชาย...” เขาหยุดไปอึดใจก่อนจะพูดต่อ



“ก็ได้งั้นเหรอครับครู”



“...........แพนชอบผู้ชาย...กอล์ฟงั้นเหรอ?” แม้ตัวเขาจะไม่มีสิทธิพูดเรื่องการชอบเพศเดียวกัน แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้



...มันไม่ง่ายที่ผู้ชายจะชอบผู้ชายด้วยกัน...



...ทำไมเขาจะไม่รู้...



“หา... ไม่ใช่ครับ ทำไมต้องพี่กอล์ฟครับ”



“ก็เห็นกอล์ฟนั่งกับแพนเมื่อกี้ ครูเลยนึกว่าเป็นเขาแล้วกำลังทะเลาะกันอยู่ไง”



“เปล่าครับ พี่กอล์ฟมาปลอบแพนต่างหาก...” พชรยังคงยิ้มจางๆให้ คนที่เขาชอบคืออีกคนต่างหาก



“วัยรุ่นก็งี้แหละแพน ปัญหาเรื่องที่เป็นมากที่สุดไม่พ้นเรื่องรัก...แพนก็อย่าใจร้อนแล้วกัน ค่อยๆดูกันไป” รัชตะพูดอย่างคนที่เคยผ่านมาก่อน...หรือจะเรียกให้ถูกก็คือตัวเขาเองกับคนรักตอนนี้ก็ยังต้องใช้ความใจเย็นในการอยู่ด้วยกันพอสมควร



“ร่าเริงไว้นะ”



“ครับ ขอบคุณนะครับครู แพนไปนอนห้องพยาบาลก่อนนะครับงั้น เดี๋ยวคงดีขึ้น” เขายิ้มแป้นให้แล้วตัดสินใจเดินไปที่ประตู ก่อนจะได้เดินออกไป พชรหันมายิ้มให้อีกครั้ง



“ขอบคุณนะครับครูรัช”



“ไม่เป็นไร” รัชตะกล่าวก่อนจะลุกขึ้นยืน พร้อมกับก้าวเดินออกไปด้วยบทบาทหน้าที่เดิมที่กระทำอยู่ทุกวัน....







///////////////////////////////////////







“คุณแฟน------ หน้ายังกับตูดนะ” ศิวะซึ่งอยู่ในช่วงพักครึ่งเดินเข้ามาหาอาธิป...ที่มายืนรอหน้าเป็นตูดอยู่หน้าประตูโรงยิม



“ไปไหนมาครับอัฐ ซายน์คิดถึง” นัยน์ตาสีเข้มเหลือบมองข้างๆ...ซึ่งเป็นไปตามคาดที่ผู้จัดการตัวเล็กยังคงยืนแอบมองอยู่



เพราะเห็นว่าผู้จัดการตัวปัญหาแอบยืนมองอยู่จึงได้ยอมเล่นตาม



“คิดถึงทำไม... ก็มาแล้วนี่ไง”



“หวานหน่อยมึง น้องแพนมองอยู่” ศิวะก้มหน้าลงเอาปลายจมูกเฉียดแก้มแล้วกระซิบให้ได้ยินกันสองคน เขายืดตัวขึ้นแล้วโอบไหล่พลางตบเบาๆ



“ไม่คิดถึงซายน์เหรอ” ระหว่างที่ถามก็ต้องกลั้นขำกับสีหน้าอิหลักอิเหลื่อของไอ้เพื่อนซี้...ไม่นับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ



...คุ้มรึเปล่า ถ้าให้บอกตรงๆก็ชักไม่แน่ใจ แต่ยังไงๆก็ไม่อยากคบใครตอนนี้



“.... เออ” อาธิปกัดฟันกรอดพูดเบาๆ



“คิดถึง......”



ศิวะคิดจะก้มลงกดจมูกลงข้างแก้มขาวๆของเพื่อน แต่ดูว่าคงจะเกินเลยไปหน่อย เขาเลยเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มหวานๆตบท้ายให้แทน



“เป็นแฟนกันเมื่อไหร่วะมึง” เสียงห้าวของการ์ดปีเดียวกันถามขึ้นมาอย่างสงสัยจริงจัง



“ว่าไงวะอัฐ...เห็นยังหื่นใส่สาวอยู่แหมบๆ”



“...... กูไม่ตอบ... ปิดข่าว.... แล้วเสร็จยัง หิวแล้ว” คนตัวเล็กกว่าทั้งหมดขมวดคิ้วเข้าหากัน ไม่ได้ทำเพราะความง้องอนหรืออะไร แต่เป็นเพราะหงุดหงิดตัวเองที่ต้องมาวางตัวเป็นแฟนเพื่อนแบบนี้



“อีกพักนะอัส ขออีกสิบห้านาที” คนตอบเป็นกัปตันที่ยืนลอบดูอาการของทุกคนอยู่ใกล้ๆ ที่น่าสงสารที่สุดดูจะเป็นผู้จัดการร่างเล็กที่ยืนกอดคลิปบอร์ดจนเกือบจะหักอยู่ไม่ไกล



“...... งั้นนั่งรอนะ... เมื่อย” เด็กหนุ่มว่าพลางเดินฉับๆไปนั่งลงที่เก้าอี้ม้ายาวข้างสนาม



ศิวะเดินไปรวมกลุ่มตามคำเรียกของรัชตะและกรวิทย์ การซ้อมวันนี้จบลงที่การบอกจุดแข็งและจุดอ่อนของทีมก่อนจะปล่อยให้แยกย้ายกลับบ้านกัน ปิดเทอมใกล้หมดแล้ว..การซ้อมเพื่อแข่งคัดตัวก็งวดขึ้นทุกที บางครั้งศิวะก็นึกเสียดายช่วงเวลาปิดเทอมที่ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหน แต่ในฐานะตัวหลักของทีม...เด็กหนุ่มก็อยากจะรับผิดชอบและสนุกกับการซ้อมให้มากที่สุด



“วันนี้กลับกันได้แล้ว อย่าเถลไถลกันให้มาก ดูแลร่างกายดีๆด้วย แข่งนัดแรกตอนเปิดเทอมจะได้เต็มที่” โค้ชหนุ่มเอ่ยก่อนเสียงเฮและการแตกตัวเหมือนผึ้งแตกรัง



ยังไม่ทันที่ศิวะจะได้เดินไปเก็บของ นัยน์ตาสีเข้มกลับมองเห็นกัปตันทีมของตนเดินเข้าไปหาอาธิปที่นั่งรออยู่ เขาหันไปสบตากับเจ้าตัวที่ทำหน้าบุ้ยใบ้เหมือนไม่อยากให้เดินเข้ามาก่อนจึงหยุดยืนนิ่ง...และพยายามไม่สนใจสายตาของพชรที่มองมา



“อัฐ...คุยกันหน่อยสิ”



“... ครับ” เขามองอย่างแปลกใจ แต่ก็ไม่คิดจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่รอให้ฝ่ายชวนคุยเป็นคนนั่งลงมาเอง



กรวิทย์เดินเข้าไปหาแล้วนั่งลงข้างๆ เด็กหนุ่มซับเหงื่อบนใบหน้าตัวเองก่อนจะเริ่มพูด



“พี่เข้าใจเรื่องคนเป็นแฟนนะอัฐ...อัฐมารอซายน์พี่ไม่ว่าหรอก แต่ว่าถ้าอัฐจะมาตอนเลิกเลย....คงดีกับใครหลายๆคนมากกว่า” กัปตันหนุ่มถอนหายใจ กระกระทำของตนเองที่ทำอยู่มันดูเหมือนคนเอาแต่ใจ



...แต่ก็ไม่อยากให้คนที่ตัวเองชอบต้องเศร้าทุกครั้งที่เห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกัน



“พี่พูดตรงๆนะ พี่ไม่อยากเห็นแพนเศร้าว่ะ สงสารแพน...แพนเขาชอบซายน์มาตั้งนาน คงทำใจไม่ค่อยได้”



“... ก็ผมอยากมานั่งรอ... ไม่ได้เหรอครับ คนอื่นก็มานั่งรอแฟนกัน...” พูดไปก็อยากกัดลิ้นตัวเอง แต่ก็ต้องช่วยเพื่อนตัวเองเอาไว้ก่อน



“เพราะงี้พี่เลยต้องมาพูดกับอัฐเองไง ถือว่าพี่ขอร้องแทนแพน”



“....... ทำไมต้องต้องห้ามผมด้วยล่ะครับพี่กอล์ฟ...” เด็กหนุ่มหน้าตี๋ชักจะไม่ค่อยเข้าใจในตัวรุ่นพี่คนนี้เท่าไหร่แล้ว การมานั่งรอก็เพื่อให้เด็กนั่นตัดใจจะได้เลิกยุ่งกับเพื่อนของเขาแท้ๆ



“พี่สงสารแพน...อัฐ..พี่ชอบแพนทั้งๆที่รู้ว่าแพนชอบซายน์ แล้วพี่ก็ไม่อยากเห็นแพนเศร้า...แพนชอบซายน์มาก อัฐก็รู้”



กรวิทย์พูดเสียงเบาจนแทบจะหายเข้าไปในลำคอ



“...................... ถ้าพี่ชอบแพน พี่ก็จีบแพนให้ได้ดิ” เขาลุกขึ้นยืนแล้วทำทีเป็นยืดเส้นยืดสาย



“ชอบจริง ก็เอาให้ได้...”



ไอ้นี่แม่งแรง...กรวิทย์นินทาในใจแล้วฝืนยิ้ม



“ก็แพนยังชอบซายน์ ขืนจีบตอนนี้ให้ตายก็ไม่ติด” เด็กหนุ่มยักไหล่



“ไม่รู้ซายน์มันมีไรดีนัก...ถึงได้มีแต่คนรุมรัก อัฐว่าไง”



“ก็มันเป็นคนดีอะพี่ เห็นอกเห็นใจคนอื่น ใครอยู่ใกล้มันก็ชอบแหละ” แต่ไม่นับผมด้วยแน่ๆ...



“ก็คงจะจริง...ในทีมก็รักมันทุกคน” กรวิทย์พึมพำแบบคนที่ยอมรับในความเป็นจริง



“คงอีกสักช่วง...รอให้แพนลืมซายน์ได้อีกนิด....ค่อยว่ากัน”



เขาพูดกับตัวเอง...ช่วงหนึ่ง ช่วงไหนกัน



เพราะปิดเทอมหน้าร้อนใกล้จะหมดลงแล้ว....















To be continued...
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 25 [17/08/12] คุณแฟน...
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 17-08-2012 20:12:57
ตุงนัง  รักหลายเส้า  หวังว่าครูรัชจะไม่ได้เข้ามาเอี่ยวด้วยนะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 25 [17/08/12] คุณแฟน...
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 17-08-2012 20:42:08
คู่นี้ก็น่ารัก ชอบกิดกัดกันตลอดๆ
พี่เดฟกับน้องปันก้น่ารักมากด้วย
แมตอนนี้ไม่มายังมีแอบ่นถึงเบาๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 25 [17/08/12] คุณแฟน...
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 17-08-2012 20:50:33
เชียร์คู่นี้ค่ะ น่ารักดี
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 25 [17/08/12] คุณแฟน...
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 17-08-2012 21:24:39
คุณน้องกัปตันทีมขา
ขืนมัวรอจังหวะดีดี ระวังจะเจอคนเข้ามาเสียบแทนนะคะ
เจ๊ขอเตือน
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 25 [17/08/12] คุณแฟน...
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 17-08-2012 22:16:50
อ่านสลับกับที่นึง ถ้าฉากจึกกะดึ๋ยจะอ่านที่นี่
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 25 [17/08/12] คุณแฟน...
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 17-08-2012 22:17:18
หลายเส้าอ่ะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 25 [17/08/12] คุณแฟน...
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 17-08-2012 22:35:11
อ่านดูเหมือนซายน์จะเริ่มหวั่นไหวรึป่าว

แต่อัฐไม่แน่ใจอะ

ส่วนน้องแพนกะพี่กอล์ฟก้อน่าสงสารนะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 25 [17/08/12] คุณแฟน...
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 18-08-2012 12:54:30
จะรักสามเศร้า รึ 3P กันล่ะเนี๊ย พี่กัปตัน อาจารย์พละ กับน้องผู้จัดการ
 :really2: :really2: :really2: :really2:
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 25 [17/08/12] คุณแฟน...
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 19-08-2012 15:03:34
 :z3:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 25 [17/08/12] คุณแฟน...
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 19-08-2012 15:27:36
กัปตันไม่ยุติธรรม แฟนกันมารอกัรผิดตรงไหน
ไปเคลียร์กลับแพนเองจิ มาห้ามอัฐทำม่ายยยย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 25 [17/08/12] คุณแฟน...
เริ่มหัวข้อโดย: snice_cz ที่ 19-08-2012 16:19:06
เพิ่งเข้ามาอ่าน อ่านทันแล้ว เย้ พี่เดฟกับน้องปันน่ารัก :)) คู่ใหม่นี่ยังไง หุหุ อย่าเผลอไปติดใจซะล่ะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 25 [17/08/12] คุณแฟน...
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 20-08-2012 16:32:40
 :impress2:  เค้าชอบคู่นี้อ่ะ  มาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 26 [22/08/12] เซ็กซี่เรี่ยราด+หล่อเดือดร้อนเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 22-08-2012 20:35:18



kagehana : มาครบสองคู่เลยค่ะ หวานไปย้าววววยาววว แต่ตอนนี้คนเขียนทั้งสองกำลังลากดราม่ากันอยู่อย่างเมามัน แต่ไม่ต้องห่วงนะยังมีเวลาหวานกันอีกพักใหญ่ๆค่ะ






-26-







"... อือ......." มือเล็กๆเอื้อมดึงผ้าห่มผืนหนาให้ยกขึ้นคลุมตัวเองไว้ พลางซุกร่างกายเข้าหาคนตัวโตกว่าหาไออุ่นให้มากขึ้นราวกับลูกแมวตัวน้อยๆ



ฝ่ายคนตัวโตกว่าที่ยังไม่ลืมตาดีนักก็ดึงร่างที่ซุกอ้อนกับอกเข้ามากอด ใบหน้าหล่อเหลาซุกลงที่เรือนผมสีเข้มนุ่มนิ่มแล้วแตะริมฝีปากกลางกระหม่อม



"ง่วงจัง....."



"อือ... ง่วงอะ หิว... ง่วง... กินคนก่อนได้ไหม" ปัณวิทย์พูดพึมพำเบาๆแล้วแลบลิ้นออกมาแตะผิวตรงลาดไหล่กว้าง



"กินกระต่ายดื้อขี้เซาก่อนดีกว่า" ชยางกูรที่ถูกยั่วแบบครึ่งๆกลางๆงับไปตามผิวแก้มของคนที่ซุกซบ



"หอม...นุ่ม...น่ากินไปหมดเลย...กินได้ไหม.."



"....... อือ ไม่กิน..." เด็กหนุ่มขยับใบหน้าหนีแต่ขาสองข้างกลับขยับเกาะเกี่ยวราวกับเห็นชยางกูรเป็นหมอนข้าง



"กินสิ" มือใหญ่ของคนที่ตื่นเต็มตาลูบไปตามต้นขาที่เกาะเกี่ยวเบาๆ ปลายนิ้วไล้ตามผิวเนียนที่มีกล้ามเนื้อนิดๆอย่างตั้งใจสำรวจทุกตารางนิ้ว



"เนื้อนุ่มอย่างนี้ต้องฟัดก่อนกิน"



"ฮะฮะฮะ" ปัณวิทย์หัวเราะเบาๆแล้วซุกตัวเข้าหามากขึ้น



"แต่เช้าเลยนะ..."



"ปันแหละยั่ว" ชยางกูรไล่จุ๊บที่ผิวเปล่าเปลือย เน้นเสียงให้ดังก้องไปทั่วห้อง



"จั๊กจี้น่า ไม่เอาแล้ว" ร่างเล็กกว่าขยับตัวหนี แต่ดูราวกับว่ากลับถูกกอดให้แน่นขึ้นจนไร้ทางหนี ได้แต่ยอมให้อีกฝ่ายกอดฟัดเสียเต็มที่



ชยางกูรแตะริมฝีปากลงบนผิวกายหอมนุ่มเหมือนกลิ่นเด็ก เขาลูบไล้กล้ามเนื้อตึงแน่นบนเรือนร่างของปัณวิทย์ เด็กหนุ่มไม่ใช่ประเภทบอบบางหักได้ ปัณวิทย์มีกล้ามเนื้อสวยงามในส่วนที่เด็กผู้ชายควรจะมีหากแต่ผิวขาวดูจะนุ่มเนียนกว่าเด็กผู้ชายทั่วไปอยู่มากเหมือนกัน



"อยากอยู่อย่างนี้นานๆจัง มาอยู่ภูเก็ตกันไหมปัน"



คิ้วของเด็กหนุ่มขมวดเข้าหากันแทบจะทันที ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบการอยู่ด้วยกันอย่างนี้ แต่หากมาอยู่ภูเก็ตอย่างที่อีกฝ่ายบอก ก็เท่ากับต้องอยู่ห่างครอบครัว



...ถึงจะเป็นครอบครัวที่ไม่รักเขา... แต่ก็ผูกพันมาตั้งแต่เด็ก



"... ไม่รู้สิ ไม่ดีหรอก...."



"รู้หรอกน่า แค่ล้อเล่นเฉยๆ" หากจะไปที่ไหนสักที่ อเมริกาคงเป็นที่แรกที่เขานึกถึงมากกว่า



"แค่รู้สึกว่าอยากจะยืดเวลาที่ได้อยู่กับปันสองคนอย่างงี้ไปนานๆ มันผ่อนคลาย ไม่ต้องคิดอะไรไม่ต้องกังวลสายตาใคร" ชายหนุ่มพูดเบาๆขณะจูบท้ายทอยคนรัก



"ปิดเทอมก็ได้ปิดแค่นี้แหละ... ก็มีงานต้องกลับไปทำเหมือนกันไม่ใช่หรือไง" แม้จะฟังเหมือนคนบ่นหรือว่า แต่กริยาที่แสดงออกมากลับตรงกันข้าม ปัณวิทย์พลิกตัวกลับเข้าหาอ้อมกอดโดยซุกใบหน้าเข้ากับแผ่นอกกว้างอีกครา



"อยู่แบบนี้ ปันก็ชอบ"



"เดี๋ยวนี้อ้อนเก่งขึ้นนะ" พอปัณวิทย์อ้อนออกมาโดยไม่รู้ตัว ชยางกูรก็อดคิดไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเพราะตัวเขาเอง



"อย่าไปอ้อนกับคนอื่นนะ รู้เปล่า"



"พูดเอาๆคนเดียวงี้ ถ้าไปแอบมีคนอื่นเลิกเด็ดขาดเลยนะเว้ยครับพี่เดฟ" เด็กหนุ่มร่างบางสวนกลับไปตามนิสัยปากไวของตัวเอง



"ถ้าพี่ไปมีคนอื่นปันจะทำไง" ชยางกูรพลิกตัวนอนคว่ำแล้วใช้ปลายคางสากกดลงข้างแก้มนิ่มของคนที่นอนแนบชิด



คำถามง่ายๆแต่กลับทำให้ในใจคล้ายจะวูบไหวไปแทบทันที หากร่างสูงไปมีคนอื่น นอกจากจะเสียใจแล้ว เขาคงไม่เหลือหัวใจไว้มอบความรักให้ใครอีก



"เอาให้ตาย"



"แรงว่ะ" คนบ่นยิ้มพราย



"แค่นี้ก็จะตายคาอกปันแล้ว....จะไปมีใครได้"



"... ตายคาอกเลยนะ ตายอะไร ก็เห็นมีแรงทำอะไรตั้งเยอะแยะ อย่ามาแถครับ" กระต่ายดื้อทำหน้ายุ่งใส่แล้วผลักคางคนที่พยายามกดลงมาออก



ชยางกูรยังคงดื้อด้านกดคางลงไป ตอเคราสากที่เพิ่งขึ้นเสียดสีกับผิวนุ่มๆของปัณวิทย์ด้วยความจงใจของเจ้าตัวเรียกเสียงประท้วงจากคนรัก



"ปันว่าพี่" ชายหนุ่มร้องท้วง "ก็เพราะปันต่างหาก ปันน่ารักขนาดนี้ถ้าขืนออมแรงเดี๋ยวปันไม่พอใจไง"



".... ออมแรง... ไม่พอใจ... คิดเอาเองคนเดียวเหอะ" มือของเด็กหนุ่มยังคงพยายามดันปลายคางสากๆนั้นให้พ้นไป



"โอ๋ๆๆ ล้อเล่นครับ" ชยางกูรกดจูบแรงๆที่ข้างแก้มก่อนจะจับให้ปัณวิทย์ขึ้นมานอนบนอก



"เช้าแล้ว...หาไรกินกันไหม"



"หิว... แต่ยังไม่อยากลุก..." ปัณวิทย์เอาปลายนิ้วจิ้มไปตามใบหน้าของอีกฝ่ายคล้ายจะเอาคืน



"งั้นไม่ต้องลุก พี่เอามาป้อนให้ที่เตียงเอาไหม อาหารเช้าที่นี่เค้าเสิร์ฟแบบตามห้อง...ป่านนี้เอามาตั้งหน้าห้องแล้วมั้ง" ชยางกูรงับปลายนิ้วที่จิ้มวนอยู่แล้วใช้ปลายลิ้นไล้เลียเบาๆ



"เอา!" ประกายตาของเด็กหนุ่มดูสดใสคล้ายกับตื่นนอนแทบจะทันที



สิ้นคำพูด ชยางกูรก็ดันปัณวิทย์ออกวางบนเตียงแล้วลุกไปเอาข้าวเช้าที่ทางรีสอร์ทมาวางไว้ที่โต๊ะหน้าห้อง อาหารมื้อแรกของวันเป็นอเมริกันเบรคฟาสท์เต็มรูปแบบพร้อมกับโอวัลตินร้อน



"ปัน...อ้ามครับ" ไส้กรอกชิ้นเล็กถูกจิ้มไปจ่อที่ริมฝีปากบางที่เชิดรั้นพร้อมคำพูดหวานๆ



"ขนลุก" แม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่เขาก็อ้าปากงับไส้กรอกเคี้ยวพร้อมใบหน้าที่ดูจะถูกใจกับรสชาติเสียเหลือเกิน



"โคตรเอ็กซ์เลย" คนป้อนพึมพำเบาๆ



"เอ็กซ์ไร ลามก เอาอีก"



คราวนี้เป็นไข่ดาวที่ชยางกูรตัดมาป้อน หลังจากผ่านเข้าไปในริมฝีปากบางไข่แดงสีอ่อนก็ไหลออกมาติดมุมปากชุ่มชื้น ชยางกูรมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นโครมคราม



"กินมั่งนะ" ชายหนุ่มก้มลงแตะลิ้นข้างริมฝีปากเลียสิ่งที่ติดอยู่



แต่เด็กหนุ่มกลับขยับมางับลิ้นอีกฝ่ายไว้เบาๆ



"นิสัยไม่ดี..."



"แล้วไง" ชยางกูรถามกลับแล้วรุกรานด้วยจูบ เขาเอาคืนการงับสุดแสนอีโรติกของปัณวิทย์ด้วยปลายลิ้นที่เลาะไล่จนลมหายใจที่เชื่อมต่อสั่นสะท้าน



"ทีนี้เวลากินไข่ดาว...ปันจะได้นึกถึงแต่พี่เนอะ"



"บ้าแล้ว..." แม้จะพูดออกไปอย่างนั้น แต่เด็กหนุ่มก็ไม่อยากจะยอมรับว่า ไม่ต้องจูบกันแบบนี้ ในหัวของเขาก็แทบจะคอยนึกถึงแต่อีกฝ่ายตลอดเวลาอยู่แล้ว



"ถ้าป้อนไส้กรอก....จะเป็นไงนะ"



".... ป้อนดิ" ปัณวิทย์ขมวดคิ้วพลางทำปากเบ้



"ไม่เอาอ่ะกินเองแล้วกัน" ชยางกูรยื่นส่งจานให้



"เดี๋ยวปันจะอดกิน...แล้วโดนกินแทน"



"บอกจะป้อนก็ป้อนดิ" เขาผลักจานคืนกลับไป



ชยางกูรมองหน้าเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยอาการบอกไม่ถูก ถ้าอีกฝ่ายจะยิ้มสักนิด...เขาก็อาจคิดได้ว่ากำลังถูกยั่วอย่างจงใจ หากแต่ปัณวิทย์กลับดูจริงจังกับจานอาหารตรงหน้าจนไม่สามารถคิดอย่างนั้นได้



"เอ้า" เขาจิ้มไส้กรอกชิ้นยาวทั้งที่ยังไม่ได้หั่นแล้วยื่นไปตรงหน้า



ปัณวิทย์ยิ้มกว้างอย่างพอใจ ก่อนจะอ้าปากงับไส้กรอกทานทีละคำ



"จิ้มด้วย เอาซอสมะเขือเทศ"



ไส้กรอกที่ถูกกัดแล้วจุ่มลงไปในซอสสีแดงชุ่มฉ่ำก่อนจะส่งเข้าปากปัณวิทย์ที่อ้าปากรออย่างว่าง่าย



ให้ตายเหอะ....ใครก็ได้ช่วยที ไอ้ท่ากินแบบนี้มันจะเอ็กซ์เกินไปแล้ว



ชายหนุ่มลูกครึ่งกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ใจนึงนึกอยากจะโยนจานทิ้งแล้วกระโจนเข้าฟัดให้รู้แล้วรู้รอด



"ชิ้นเล็กอร่อยกว่า" คนที่กินไส้กรอกจนพอใจไม่ได้รู้สึกถึงสายตาของอีกฝ่ายที่มองตัวเอง



"ปันอร่อยที่สุด" หมาป่ากลายร่างกระโจนเข้าไปกอดกระต่ายสุดที่รักเอาไว้แล้วเกลือกใบหน้ากับแก้มขาวๆ



"เซ็กซี่เรี่ยราดเกินไปแล้ว"



"อะไรวะครับ เซ็กซี่เรี่ยราดเนี่ย ผิดที่คนคิดอะไรหื่นๆตลอดเวลามากกว่าครับ" ปัณวิทย์พยายามดันหน้าหนีแต่กลับหัวเราะออกมาเบาๆ



ตัวนุ่มนิ่มในอ้อมกอดที่ส่งเสียงหัวเราะออกมาดูน่าเอ็นดูราวกับกระต่ายป่าแสนดื้อ ชยางกูรบดเบียดจุมพิตเชื่องช้าลงบนผิวกายหอมหวาน



"ปกติไม่ได้หื่นเท่านี้เหอะ ตั้งแต่เจอปันนี่แหละ....หื่นขึ้นทุกวัน"



"โคตรโบ้ย ปันโคตรไม่เกี่ยวสุดๆเลยครับ" เด็กหนุ่มทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่แต่ลดท่าทีต่อต้านลงไป



"แล้วไม่กินอะไรเหรอ"



"ก็หิว..แต่ไม่มีคนป้อน" นัยน์ตาวิบวับมองไปยังอีกคนเพื่อสื่อความนัย



"เย็นหมดแล้ว ที่ตั้งไว้อะ สั่งรูมเซอร์วิสมาร้อนๆดิ เดี๋ยวป้อนครับ" ที่เติมครับเข้าไปไม่ใช่เพราะอยากจะทำตัวกวนประสาท แต่เป็นเพราะอยากจะทำตัวให้น่ารักขึ้นมาบ้าง



"มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเย็นไม่เย็น...แค่อยากให้ป้อนครับ" นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างมองคนรัก...ยิ้มพราวทั้งปากและนัยน์ตา



"ปันพูดครับแล้วดูแปลกๆดีเนอะ เหมือนพี่หลอกเด็กเลยว่ะ"



"ก็หลอกจริงๆไม่ใช่เหรอ ไม่พูดแล้วก็ได้" เด็กหนุ่มทำหน้ากวนใส่ ก่อนจะยิ้มแลบลิ้นให้อีกที



"พูดก็น่ารักดี แต่ไม่ต้องพูดก็ได้ พี่ไม่ถือ...อยากให้ปันสบายๆเวลาอยู่กับพี่ไง" ชยางกูรลูบศีรษะกลมทุยเบาๆ



"ไม่อยากกลับบ้านเลยให้ตายสิ ปิดเทอมสักปีได้มั้ยปัน"



"ตลกเลย... ทำไมไม่อยากกลับล่ะ" เขาเอนตัวใส่ร่างสูงก่อนจะพิงเอาไว้



"ฟูกับฝุ่นรออยู่..."



"ก็อยากอยู่กันสองคนนานๆ" ชยางกูรจรดริมฝีปากไว้กับหน้าผากมนด้วยความรักเต็มเปี่ยม



"เอาเหอะ แค่นี้ก็ดีแล้ว" ชายหนุ่มพูดเบาๆตบท้ายด้วยรอยยิ้ม



แค่นี้...ก็มีความสุขแล้ว



...แค่คนๆนี้...







///////////////////////////////////////////////








"เฮ้ย พอยังวะซายน์ กูเริ่มเอียนแล้ว" อาธิปถามขึ้นเบาๆขณะที่หยิบเอาผ้าขนหนูมาโปะลงบนหัวเพื่อนซี้แล้วออกแรงขยี้ วันนี้ก็เหมือนกับเมื่อวานและวันก่อนๆ เมื่อศิวะซ้อมเสร็จ เขามีหน้าที่มารอและปฏิบัติตัวเป็นแฟนที่ดีเพื่อให้ผู้จัดการทีมหน้าหวานตัดใจจากเพื่อนของตน



...ไงล่ะมึง...



...หล่อหาเรื่อง...



"เช็ดดีๆมึง ออกแรงงี้กะถอนหัวกูเลย" มือใหญ่กดลงที่มือเพื่อนซี้แล้วเอนตัวเอาหลังพิงอาธิปไว้



"มึงเบื่อไรวะ กูดิ่..โดนคิดว่าเป็นเกย์ โดนคิดว่าได้กับมึง กูเสียหายยังไม่บ่นสักคำ" ศิวะหยิบแว่นมาเป่าลมแล้วเช็ดด้วยท่าทางปกติ



"แต่สาวยังสนมึงนี่หว่า ของกูเนี่ยเป็นศูนย์" อาธิปออกแรงกดอย่างจงใจอีกครั้งพร้อมทั้งขยี้ไม่ออมมือ



"สัดเอ๊-- อย่าทำงี้สิครับอัฐ ซายน์เจ็บนะ" น้ำเสียงที่ตั้งใจจะด่าถูกเปลี่ยนเป็นออดอ้อนทันทีที่เห็นร่างเล็กมองมา ศิวะจับข้อมืออาธิปแล้วฉุดเข้ามาใกล้พลางกระซิบลอดไรฟัน



"มองอยู่นะมึง หวานเข้าไว้ กูเลี้ยงข้าวเข้าใจ๊"



"กูไม่ได้เห็นแก่กินตลอดเวลา เข้าใจกูบ้างมั้ยครับไอ้เพื่อนเหี้ย" ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเสียงกระซิบที่ให้ได้ยินกันเพียงสองคน ใบหน้าขาวๆของหนุ่มตี๋มีแต่รอยยิ้มที่แสร้งทำ หากแต่ในใจนั้นนึกอยากจะอ้วกออกมาให้รู้แล้วรู้รอด



"กูเข้าใจ แต่น้องแพนด้าไม่เข้าใจไงมึง ช่วยกูนะ" ศิวะแกล้งทำเป็นเห็นพชรที่เดินเข้ามา เข้าส่งยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง



"แพนมีอะไรเหรอ"



"โค้ชให้มาเรียก..." นัยน์ตากลมโตสะท้อนภาพคนสองคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็ได้แต่เจ็บปวดอยู่ในอกเพียงคนเดียว



"อื้อ" ศิวะมองเด็กหนุ่มตรงหน้าได้เพียงชั่วครู่ ความรู้สึกผิดก็แล่นผ่านไปทั่วร่าง เขาเดินออกมาโดยที่ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น



"... พวก... พวกพี่เป็นแฟนกัน... จริงๆเหรอ....." เขาเอ่ยคำถามที่เคยคิดว่าอยากจะถามมาตลอดออกมา ทั้งที่รู้ว่าคำตอบที่ได้จะเป็นอย่างไร



...กูตลอด...



...เวลาแบบนี้นี่กูตลอด...



...ทำไมไม่ไปถามไอ้ซายน์เอาครับทุกคน...



"ทำไมต้องถามในเรื่องที่แพนรู้คำตอบอยู่ด้วย" แม้ไม่ได้ตั้งใจ แต่สีหน้าและท่าทางก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่สู้จะพอใจกับคำถามนั้นเท่าไหร่



"............. แพนแค่อยากได้ยินจากปากพี่.... ให้ชัด" เด็กหนุ่มฝืนไม่ยอมหลบสายตาไม่พอใจของอาธิป



...ถ้ามึงไม่พากูไปเลี้ยงบุฟเฟต์เนื้อย่าง...



...กูเลิกคบมึงแน่ไอ้ซายน์...



"พี่รักซายน์... แบบนี้พอใจหรือยังแพน" กระทั่งน้ำเสียงก็ฟังดูจริงจังจนคนพูดอดนึกชื่นชมในความสามารถของตัวเองไม่ได้



...พี่รักซายน์...



แค่คำสามคำที่เพื่อนสนิทพูดออกมาทำให้บางอย่างในตัวคนที่ถูกอ้างว่า"รัก"ปั่นป่วนไป ศิวะโคลงศีรษะเบาๆ เขานึกอยากจะตบอกให้แรงเต้นของก้อนเนื้อข้างในมันทุเลาลง



..ทุเรศว่ะ ดันไปตื่นเต้นกันมันได้



"แพน...พี่กับอัฐดูเหมือนไม่ใช่แฟนกันเหรอ" คนมาใหม่พูดเสียงยิ้มๆแล้วโอบไหล่อาธิปเข้ามากอดไว้



...มึงไม่ต้องโอบกูก็ได้ครับ!!



"... แพน... แค่อยากได้ยินจากปากพี่เขา... ขอบคุณนะ..." พชรก้มหน้าลงก่อนจะเป็นฝ่ายหันหลังให้แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งจากไป ราวกับต้องการไปให้พ้นจากบริเวณนั้นให้เร็วที่สุด



"รักกูเหรอมึง" คนที่โอบอยู่โอบแน่นขึ้นแล้วก้มหน้าลงไปถาม...แม่ง ระยะพอดีจูบเลยเว้ยเฮ้ย



"ครับ รักมากเลยไอ้เหี้ย เลี้ยงเนื้อย่างกูด้วย เอาแพงๆดีๆ" อาธิปทำหน้าเหม็นเบื่อใส่แล้วกวนกลับทันทีที่ไม่มีใครจับตามอง



"ไปแดกเลยป่ะ เพิ่งหกครึ่งเอง เดี๋ยวเลี้ยงบุฟเฟท์แล้วถ่ายรูปอวดไอ้ปันกัน"



"ไปเลย มึงไปเอากระเป๋าเลย กูรอ หิวชิบหาย" หนุ่มตี๋ผลักศีรษะเพื่อนรักออกไปแล้วเดินไปนั่งรอที่เก้าอี้ข้างสนาม



"แดกขอบเก้าอี้รอกูแป๊บ"















To Be Continued.....
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 26 [22/08/12] เซ็กซี่เรี่ยราด+หล่อเดือดร้อนเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 22-08-2012 20:51:28
หวั่นไหวในใจแล้วสินะ อัฐกับซายน์  :z1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 26 [22/08/12] เซ็กซี่เรี่ยราด+หล่อเดือดร้อนเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 22-08-2012 21:08:46
ชอบทั้งสองคู่เลย  ปันกับพี่เดฟกำลังหวานเลย
ส่วนอัชชี่กับซายน์ก็กำลังน่ารักเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 26 [22/08/12] เซ็กซี่เรี่ยราด+หล่อเดือดร้อนเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 22-08-2012 21:10:53
ซายน์หวั่นไหวนิดๆแล้วเว้ย คู่นี้น่ารัก

ส่วนคู่น้องปันเซ็กซี่สุดๆ อยากจะไปป้อนข้าวแทนพี่เดฟเลยค่ะ ><
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 26 [22/08/12] เซ็กซี่เรี่ยราด+หล่อเดือดร้อนเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 22-08-2012 21:28:04
หุหุ ปันกะพี่เดฟหวานซะทะเลเรียกน้ำเชื่อมเลยอะ ส่วนซายน์เริ่มมีใจให้อัสชี่รึป่าวน๊า
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 26 [22/08/12] เซ็กซี่เรี่ยราด+หล่อเดือดร้อนเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 22-08-2012 22:32:38
คู่ปันก็หวานตลอด ตลอด ไม่อยากให้ถึงตอนมาม่าสุกเลย เค้าไม่อยากกินอ่า

ส่วนคู่ซายน์นี่เหมือนจะเริ่มหวั่นไหวละนะ แต่ถ้าจะรอน้องอัสซี่รู้ตัวคงอีกนานอะ

หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 26 [22/08/12] เซ็กซี่เรี่ยราด+หล่อเดือดร้อนเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 23-08-2012 01:19:43
ทำไมเดฟหื่นมากกกกกก น้องป้นอ้อนเก่งจังน่ารักกกก
ชอบอัสซี่ กับซายน์ ทะเล้นกันจัง
ขอบใจจ้าๆๆๆๆ นักเขียนน่ารัก
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 26 [22/08/12] เซ็กซี่เรี่ยราด+หล่อเดือดร้อนเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 23-08-2012 01:24:20
พี่เดฟติดนิสัยฟูกับฝุ่นมาหรอ

เอะอะอะไรก็จะขี่ปันอย่างเดียว  :z1:
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 27 [24/08/12] กินเนื้อย่างกันนะ
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 24-08-2012 18:29:15
kagehana : ไปกินเนื้อย่างกันนะ  สต็อกยังยาวอยู่ ได้อ่านซายน์อัสไปสักพักก่อนนะคะ แล้วค่อยดราม่าพ่อต่อรวดเดียว

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์มากๆนะคะ เราไม่ค่อยได้ตอบคอมเม้นท์ แต่ได้อ่านของทุกคน ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ

/กอดรัวๆ







-27-






"คบกับมึงเป็นแฟนแบบนี้ทุกวันกูจนตายแน่" เสียงทุ้มบ่นเบาๆแทรกเสียงฉ่าของเนื้อย่าง ศิวะพลิกกลับแล้วรีบคีบใส่ถ้วยน้ำจิ้มเอาเข้าปากทั้งยังร้อนๆจนน้ำตาแทบไหล



"เชี่ย ร้อนชิบ"



"ก็เลิกซะทีดิวะ น้องแพนด้าน่าจะตัดใจได้แล้วนะเว้ย" เด็กหนุ่มหน้าตี๋คีบเนื้อชิ้นใหม่ลงเตาพลางคอยพลิก



"รีบกิน สมน้ำหน้า"



"เลิกกะกูไปมึงก็หาแฟนหล่อกว่ากูไม่ได้หรอก เอาให้น้องมันมีแฟนไปก่อนได้ป่าววะ มึงมีแต่ได้กะได้ กูดิ่ เสียตังค์ตลอด" ศิวะทำหน้าเบ้ซดน้ำแก้ร้อนแล้ววางอีกชิ้นลงบนเตา



"หรือมึงสนใจหญิงคนไหนป่ะเลยอยากรีบถอนตัว"



"ตอนนี้ไม่มี แต่ถ้ามีคนสนกู รู้ว่ากูเป็นแฟนมึง กูก็อดแดกสิวะ" อาธิปคีบเนื้อที่ได้ที่แล้วโยนใส่จานเพื่อนหนึ่งชิ้นแล้วจัดการของตัวเองบ้าง



"กูว่าไม่หรอก...." ศิวะทำเสียงขรึมปิดบังรอยยิ้มในตา



"อย่างมึงซิงยันแปดสิบนั่นแหละ สบายใจได้"



"สัดครับ อย่าแช่งกู ไม่งั้นมึงต้องอยู่เป็นเพื่อนกูรับผิดชอบเลยครับศิวะลึงค์"



"รับผิดชอบแบบพี่เดฟรับผิดชอบไอ้ปันกูไม่เอาน่ะมึง"



"เอาก็แปลกแล้ว เหี้ย ขนลุก พอ แดกต่อไปเลยไป" ไม่พูดเปล่า เขารีบคีบเนื้อโยนใส่จานของศิวะชิ้นแล้วชิ้นเล่า



มือใหญ่คีบเนื้อที่มาถึงจานเข้าปากคำแล้วคำเล่า บอกไม่ถูกว่าทำไมเขาถึงไม่ค่อยอยากจบการแกล้งเป็นแฟนกับไอ้เพื่อนสนิทคนนี้ เหตุผลหนึ่งเรื่องแพน...แต่อีกเหตุผลดูเหมือนแม้กระทั่งตัวเองยังไม่รู้คำตอบ



...เอาเหอะ...



...คิดเยอะปวดหัว...



"มึงก็กินดิ่ เป็นแฟนกูไม่ต้องบริการขนาดนี้ก็ได้"



"............. กูเปล่าบริการ" อาธิปที่เพิ่งจะรู้สึกตัวดึงตะเกียบกลับแทบไม่ทัน เขามองหน้าอีกฝ่ายแล้วทำหน้าเหมือนจะอ้วก



"อย่าคิดเยอะนะเว้ย"



ไม่รู้ใครหรือไอ้หนังสือเล่มไหนเคยบอกเขาว่า ถ้าไปกินเนื้อย่างกับใครแล้วคนๆนั้นย่างเนื้อมาให้ถึงจานเรา...แปลว่าเขาคนนั้นคือคนพิเศษที่พร้อมจะแบ่งปันให้กัน แต่การที่ไอ้เพื่อนเห็นแก่กินตั้งหน้าตั้งตาย่างให้แบบนี้ก็เป็นความรู้สึกที่ดีไปอีกแบบ



"กูจะคิด...ว่ามึงแอบชอบกู" ศิวะพูดพร้อมรอยยิ้มใต้กรอบแว่นที่เป็นฝ้าซ่อนนัยน์ตาไว้



ไอ้เตี้ยนี้หยอกแล้วมันดี...ดีจริงๆ



ดี...เป็นพิเศษ



"เหี้ยแล้วศิวะลึงค์ กูจะอ้วกจริงจังให้มึงอายเลยสัด งั้นมึงไม่ต้องแดก กูแดกคนเดียว" อาธิปโวยวายพร้อมกับหน้าตาที่ไม่เป็นสุขกับการถูกแซวแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย



"อย่ามาหลงรักกูทีหลังแล้วกัน" ชายหนุ่มพูดยิ้มๆแล้วหยิบเนื้อชิ้นที่อีกฝ่ายคีบไว้ในตะเกียบมาเข้าปากแทนเจ้าตัว



"มึงแหละ อย่ามาหลงกูแล้วกันไอ้ซายน์" หนุ่มตี๋ดึงแก้วน้ำของอีกฝ่ายมาดูดรวดเดียวจนน้ำหมดแก้วเป็นการเอาคืน



"จูบกูทางอ้อมนี่" คิ้วเข้มเลิกขึ้นพร้อมรอยยิ้มกวนประสาท



"เหี้ย การ์ตูนผู้หญิงแล้วมึง" เขาไสแก้วไร้น้ำกลับคืนด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์



"หน้างอเป็นตูดเลยมึง เออๆ กูไม่แกล้งแล้ว แดกซะ" ศิวะคีบเนื้อบนเตาส่งให้บ้าง...และพลันนึกไปถึงประโยคที่ตัวเองเพิ่งผุดขึ้นมาในหัว



จะพิเศษแค่ไหนเชียว...



ก็เพื่อนล่ะวะ....








/////////////////////////////////////////////







พชรพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงนอนของตัวเองขณะที่โน้ตบุ๊คตัวเล็กตั้งอยู่บริเวณหัวเตียง หน้าจอของมันแสดงหน้าเฟสบุ๊คของศิวะเอาไว้



“เฮ้อ” สาเหตุของ 'เฮ้อ' นั้นก็มาจากรูปในหน้าของศิวะที่มีแต่หนุ่มตี๋หน้าทะเล้นจนดูน่าอิจฉา



สายเรียกเข้าดังขึ้นท่ามกลางความมืด หน้าจอแจ้งว่ามีใครบางคนกำลังโทรหา



“ฮัลโหลแพน นอนหรือยัง” เสียงทุ้มห้าวของเด็กหนุ่มที่รั้งตำแหน่งกัปตันดังขึ้น



“พี่กอล์ฟเหรอ ยังไม่นอนหรอก มีอะไรรึเปล่า” ไม่ใช่ว่าไม่เคยพูดคุยกันทางโทรศัพท์ แต่หากมองดูเวลาก็ออกจะดึกไปหน่อยสำหรับการโทรมาหาเขา



“ก็...ไม่มีอะไร...แค่นึกถึงแพนเลยลงโทรมาดู ดึกแล้วแพนยังไม่นอนเหรอ”



“เล่นเฟสอยู่ อีกเดี๋ยวก็คงนอนแล้ว” เด็กหนุ่มพลิกตัวขึ้นนั่งแล้วเบนสายตาออกจากหน้าจอ



“แพน...” ปลายสายเงียบลงเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง กรวิทย์ถอนหายใจแผ่วๆอีกครั้ง...



“คบกับพี่ได้ไหม”



“ห... หา? พี่กอล์ฟ.... อะไรนะ....” พชรแทบจะทำโทรศัพท์มือถือหล่น เพราะไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยินออกมาจากปลายสายเท่าไหร่นัก



“พี่ชอบแพน” เสียงทุ้มห้าวย้ำอีกครั้ง



“............. แต่แพนชอบ.... พี่ซายน์” ปลายเสียงฟังดูอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อต้องเอ่ยชื่อนั้นออกมา



“พี่รู้..แต่แพนก็เห็นว่าซายน์มันคบกับอัสซี่อยู่ ทำไมแพนไม่ลองให้โอกาสตัวเอง..ให้โอกาสพี่บ้าง” กรวิทย์พูดแผ่วเบาส่งผ่านความรู้สึกตน



“เป็นพี่ไม่ได้เหรอแพน...”



“...” เด็กหนุ่มนิ่งไป เพราะน้ำเสียงของอีกฝ่าย ตัวเองนั้นรู้ดีว่าเจ้าของน้ำเสียงเช่นนี้นั้นรู้สึกอย่างไร



“ให้เวลา... แพน... ได้ไหม...”



“แพนตกลงหรือเปล่าล่ะ” กรวิทย์ถามกลับ



“ถ้าตกลง...พี่พร้อมจะให้เวลาแพน จนกว่าจะลืมซายน์ได้”



“........... งั้น... ขอเวลาแพนนะ...... แล้วแพนจะคบกับพี่กอล์ฟ...” เขาตอบเสียงเบาด้วยความไม่แน่ใจนัก



“ขอบคุณแพนมาก...งั้นกู๊ดไนท์ เจอกันที่โรงเรียนนะ”



“เฮ้อ แล้วต้องทำยังไงถึงจะตัดใจได้ล่ะ...” หลังจากอีกฝ่ายวางสาย เขาหันไปปิดฝาโน้ตบุ๊คของตัวเองลงแล้วล้มตัวลงนอนตะแคงข้าง



...ถ้าตัดใจได้เร็วๆก็คงดี...







/////////////////////






รัชตะเดินเข้ามาในโรงยิม ไม่ใช่ภาพที่แปลกนักกับการที่ผู้จัดการตัวเล็กจะนั่งขัดลูกบาสอยู่ข้างสนาม แต่ก็ไม่ใช่ปกติที่ดวงตากลมโตเหมือนลูกกวางจะจ้องมาที่เขาเช่นนี้



“มีอะไรเหรอแพน มาแต่เช้าเชียว”



“สวัสดีครับครู มาขัดลูกบอลก่อนซ้อมครับ” เขาเงยหน้าขึ้นตอบพร้อมรอยยิ้มจางๆ



“หน้ายุ่งเชียวเรา” มือใหญ่วางบนศีรษะกลมๆแล้วขยี้เบาๆด้วยความเอ็นดู



“จะเป็นผู้จัดการดีเด่นก็ยิ้มหน่อยสิ เราเป็นกำลังใจของทีมนะ”



“ครูครับ พี่กอล์ฟบอกว่าชอบผม” พชรโพล่งออกมาทันทีที่เห็นโค้ชประจำทีมแสดงท่าทีเป็นห่วง



“หือ?” รัชตะไม่นึกว่าเด็กหนุ่มตัวเล็กจะเอาเรื่องนี้มาปรึกษาเลยอึ้งไปชั่วขณะ



“พี่กอล์ฟบอกว่าจะรอผม...” เด็กหนุ่มวางลูกบอลลงบนพื้นสนาม



“รออะไร? รอแพนเลิกชอบซายน์เหรอ” โค้ชหนุ่มนั่งลงข้างๆแล้วหยิบบอลใกล้ๆมาช่วยขัด



“แพนทำได้หรือเปล่าล่ะ”



“ถ้าตัดใจได้ ก็คงได้แหละครับครู” พชรตอบก่อนจะขยับยืดตัวไปหยิบบอลมาอีก



“มันไม่ง่ายอย่างงั้นหรอกแพน” รัชตะพูดแล้วโยนลูกบอลในมือเข้าตะกร้าเหล็กที่วางใกล้ๆ



“ถ้าแพนไม่ได้รักไม่ได้ชอบกอล์ฟ ครูว่าอย่าให้เขารอดีกว่า”



“เหรอครับครู... แต่แพนบอกไปแล้ว... ไม่อยากให้พี่เขาเสียใจ...” ใบหน้าของเด็กหนุ่มดูหมองลงเล็กน้อย ด้วยความที่ตัวเขาเองกำลังพบกับความผิดหวัง จึงเข้าใจดีกว่ากรวิทย์นั้นจะรู้สึกเช่นไรหากเขาตอบปฏิเสธไป



“แพนยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจความเจ็บปวดของการให้ความหวัง แต่ถ้าแพนคิดว่าทำได้แพนก็พยายามเข้าแล้วกัน” รัชตะลูบหัวเด็กหนุ่มเบาๆ



“โอ๊ะ โทษที..หัวเลอะรึเปล่า”



“เลอะสิครับ... เดี๋ยวเสร็จผมจะไปอาบน้ำแล้ว” เด็กหนุ่มทำหน้ายุ่งเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาจางๆให้กับร่างสูง



“... ขอบคุณนะครับครูรัช...”



“มีอะไรก็ปรึกษาครูได้นะ อย่าเก็บไว้เครียดคนเดียว”



พชรเพียงแค่ยิ้มรับก่อนจะขยับจัดการเก็บลูกบาสเข้าที่เดิมโดยมีโค้ชร่างใหญ่ช่วยโยนใส่ พอเก็บจนเรียบร้อย เด็กหนุ่มก็ล็อคกุญแจที่เก็บลูกบาสไว้ตามเดิมแล้วเข็นมันกลับเข้าไปในห้องล็อคเกอร์



“ไปอาบน้ำกันไหม” รัชตะเอ่ยชวนแล้วหันกลับมามอง



“รีบๆอาบก่อนเจ้าพวกนั้นมันมา เดี๋ยวแย่งกันใหญ่”



“ครับ” เขารับคำพลางเปิดล็อคเกอร์ของตัวเองออกแล้วหยิบเอาผ้าเช็ดตัวออกมาก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำของทีมบาสชาย-- พชรถอดเสื้อยืดที่ใส่มาทำความสะอาดสำหรับตอนเช้าออกก่อนจะตามด้วยกางเกงขาสั้นและตัวในแล้วพับวางไว้ที่เก้าอี้ข้างๆกัน



รัชตะส่ายหน้ากับอาการกะโปโลของเด็กที่วิ่งเข้าห้องอาบน้ำไป ร่างสูงถอดเสื้อของตัวเองออกบ้าง กล้ามเนื้อแน่นหนาได้รูปสมกับเป็นนักกีฬาขยับตามจังหวะการถอดเสื้อผ้า เขาคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันลวกๆแล้วเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำที่มีเพียงผนังสูงเท่าบ่ากั้น



“รีบขนาดนี้ได้เอาสบู่มาหรือเปล่าเนี่ย”



“ปกติวางอยู่ในห้องน้ำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ” คนเอ่ยตอบก้มลงมองที่ถาดวางสบู่ก่อนจะพบกับความว่างเปล่า



“ฮ่าๆๆ ไม่ได้เอามาครับครู”



“เอ้า เอานี่ไป” รัชตะหยิบสบู่ของตัวเองส่งให้ทางด้านบน แวบหนึ่งเขาเห็นร่างเล็กๆของพชรในสายน้ำ...พลางอดนึกไม่ได้ว่าไม่ได้โตไปกว่าเดิมเท่าไหร่เลย



“แพนตัวเล็กอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กเลยเนอะ”



“ตอนเด็กๆผมไม่ค่อยกินข้าวมั้งครับ เลยไม่ค่อยโต ครูเคยเห็นรูปผมตอนเด็กๆด้วยเหรอครับ” เด็กหนุ่มรับสบู่มาโดยไม่ได้คิดอะไรในคำถามนั่น



ยิ่งกว่าเคยเห็นอีกละ...รัชตะคิดในใจ



“เดาเอาน่ะ แพนนี่น่าเสียดาย ถ้าสูงกว่านี้นิดแข็งแรงกว่านี้หน่อยคงเป็นนักกีฬาได้ ขยันซะขนาดนี้”



“ผมชอบดูมากกว่าครับ” เด็กหนุ่มหัวเราะออกมาพลางเอื้อมแขนส่งสบู่คืนให้อีกฝ่าย



“ไว้ลองหัดชู้ตเล่นๆไหม เดี๋ยวสอนให้” รัชตะรับมาแล้วฟอกตัวเองบ้าง



“ก็ได้ครับครู ฮ่าๆๆ แต่ผมคงชู้ตไม่ไปไหนไกลหรอกนะ” พชรก้มศีรษะลงให้น้ำรดผ่านอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอยออกมาแล้วสะบัดสองสามทีแล้วค่อยเอื้อมมือไปปิดน้ำ



“ผมออกก่อนนะครับครู” เด็กหนุ่มหันไปมองคนที่อยู่ข้างๆแล้วยิ้มให้ก่อนจะผลักประตูห้องน้ำออกมา มือเอื้อมหยิบกางเกงชั้นในมาสวมพลางใช้ผ้าขนหนูขยี้เบาๆบนศีรษะของตัวเอง แล้วจึงค่อยสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย



“ไปก่อนเลย เอ้อ เดี๋ยวๆๆ” รัชตะตะโกนเรียก



“ฝากไปเอาผ้าขนหนูในกระเป๋าครูหน่อย”



“ได้ครับ” เจ้าตัวรับคำพลางเดินไปเปิดกระเป๋าใบใหญ่ของรัชตะออกแล้วหยิบเอาผ้าเช็ดตัวผืนหนามาหนีบไว้ข้างตัวก่อนจะเดินกลับไปหยุดอยู่หน้าห้องอาบน้ำ



“นี่ครับครู”



“แต๊งกิ้ว” คนในสายน้ำตอบกลับแล้วยื่นมือเปียกๆมาลูบหัวเบาๆก่อนจะดึงผ้าเช็ดตัวไป



“งั้นผมไปแล้วนะครับครู ขอบคุณมากนะครับ” เด็กหนุ่มยิ้มให้กับบานประตูที่ปิดอยู่ก่อนจะเป็นฝ่ายหันหลังเดินออกไป



...ครูรัชใจดีจัง...




...เหมือนมีพี่ชายเลย...











To Be Continued......



หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 27 [24/08/12] กินเนื้อย่างกันนะ
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 24-08-2012 19:54:13
หวังว่าครูรัชคงไม่ใช่มดแดงน๊า
มีแฟนแล้วด้วยนี่ อย่ามาทำให้แพนสับสนเด้อ

ลุ้นมะไหร่ซายน์กับอัสซี่จะเลิฟ-เลิฟ กันซะที
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 27 [24/08/12] กินเนื้อย่างกันนะ
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 24-08-2012 20:02:58
ซายน์กับอัชชี่น่ารักอ่ะ  ชอบ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 27 [24/08/12] กินเนื้อย่างกันนะ
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 24-08-2012 20:46:19
ครูรัชอะไรยังไงเนี่ยย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 27 [24/08/12] กินเนื้อย่างกันนะ
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 25-08-2012 00:59:10
ตอนก่อนหน้านี้น่ารักจัง เห็นน้องอ้อนแล้วโครตน่ากอด :กอด1:
พี่เดฟก็น่ารักกก โอ๊ยหวานๆๆๆ
ตอนล่าสุดแม้ไม่มีคู่หวานแต่ก็มีคู่น่ารัก
อัสซี่กับซายน์อยู่ด้วยกันแล้วน่ารักดีคค่ะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 27 [24/08/12] กินเนื้อย่างกันนะ
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 25-08-2012 03:10:28
อย่ามาหลงรักกันเองล่ะกัน  :laugh3:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 27 [24/08/12] กินเนื้อย่างกันนะ
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 25-08-2012 19:19:50
พี่เดฟ น้องปัน น่ารักมากกกกกกกกก :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

บทสรุปของซายน์กัยอัชซี่จะเอาไงดีน๊า
แล้วคุณผู้จัดการชมรมกับพี่กอฟล์อีกล่ะไหนจะครูรัชตะ เอ๊ะ โอ๊ ๆๆ ๆๆ ๆ เอาไงดีหว่า :really2: :really2: :really2: :really2: :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 27 [24/08/12] กินเนื้อย่างกันนะ
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 26-08-2012 13:19:11
แว๊กกกก  ปันอ้อนอ่ะอ่ะ   :-[
อัสซี่ระวังเสียซิงนะลูก กร๊ากกกก   :jul3:
รอนะฮะ   :')
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 27 [24/08/12] กินเนื้อย่างกันนะ
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 26-08-2012 13:52:54
เรื่องรักของน้องแพนนี่น่าติดตามต่อมากกกกก  :laugh:
ท่าทางจะมะรุมมะตุ้มกันน่าดู   :impress2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 27 [24/08/12] กินเนื้อย่างกันนะ
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 26-08-2012 20:42:34
หวั่นไหว :m4:
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 28 [29/08/12] เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 29-08-2012 20:47:12




kagehana : ความรักของพี่เดฟน้องปันลงตัวไป(บ้าง)แล้ว ฝากลุ้นคู่เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อด้วยนะคะ อิอิ






-28-







เปิดเทอมใหม่เริ่มขึ้นแล้ว



เช้าที่ต้องตื่นไปทำงานทุกวันคงไม่ใช่เช้าที่แสนดีนัก แต่เพราะข้ออ้างของการเปิดเทอมคือการได้ไปส่งไอ้เจ้าตัวกวนหน้ามุ่ยพร้อมกับได้แกล้งนิดๆหน่อยๆยามเช้าบนรถก็ทำให้ความรู้สึกน่าเบื่อจางลงไปเยอะ



“ทำหน้าดีๆหน่อยดิ่ปัน อย่างกับเมาขี้ตาอ่ะ” ชายหนุ่มลูกครึ่งทักคนรักที่ดูยังไม่ตื่นดี ปัณวิทย์นั่งคอเอนพับอยู่ตรงเบาะข้างคนขับด้วยใบหน้าบู้บี้



“ง่วง... มีไรปะ” คนตอบไม่แม้แต่จะหันมามองหรือสบตาชยางกูรเลยแม้แต่น้อย วันแรกของเปิดเทอมสำหรับเขานั้นไม่มีอะไรน่าสนใจนัก จะมีก็เพื่อนตัวยุ่งทั้งสองที่ไม่ได้เจอหน้าเท่านั้น



“สดชื่นหน่อย เปิดเทอมวันแรกมีอะไรให้ทำตั้งเยอะ” ถึงจะบ่นแต่คนขับก็เอื้อมมือมาลูบหัวเบาๆ



หลังจากทริปภูเก็ต ดูเหมือนพ่อของเขาจะดูอ่อนลงและเงียบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พลภัทรไม่พูดถ้อยคำแรงๆกับใคร กระทั่งเขาขันอาสามาส่งปัณวิทย์ก็ไม่ขัดข้อง ทุกอย่างดูราบรื่นและสงบสุขจนอดนึกไม่ได้ว่าพลภัทรได้เปลี่ยนไปในทางที่ดีแล้ว



“ให้้ไอ้สองตัวนั่นได้พูดสิว่าไปฮันนีมูน” แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดี แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ขยับศีรษะหนีฝ่ามือใหญ่แต่อย่างใด



“ขับรถสองมือสิ”



“เก่ง ขับมือเดียวได้” ว่าแล้วคนพูดก็โน้มตัวไปขโมยหอมเอาดื้อๆ



“แล้วซายน์แข่งรอบจังหวัดยัง”



“กำลัง ต้องไปเชียร์มันด้วย เดี๋ยวน้อยใจหาว่าเห่อแฟน” ปัณวิทย์ผลักหน้าอีกฝ่ายกลับไปโดยไม่ออมแรงนัก



“รถชนแล้วจะขำ”



“ไม่เอาแล้วนะรถชนน่ะ ขี้เกียจร้องไห้หาเด็กแถวนี้อีก” ชยางกูรเปิดไฟเลี้ยวเข้าชิดขวา เตรียมตัวจะเข้าโรงเรียน



“ถึงแล้ว..มาเช้าไปป่ะเนี่ย”



“ไม่หรอก ไอ้ซายน์มีซ้อมแต่เช้า เดี๋ยวไปหามันที่โรงยิม” เขาหันตัวปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วหยิบกระเป๋ามาสะพายไว้ รอให้รถจอดสนิท



“ตั้งใจเรียนนะ...อ้าว ไง อัสซี่” ชยางกูรมองเห็นเด็กหนุ่มหน้าตี๋แว้บๆเลยอดทักไม่ได้



“มาเช้าเหมือนกันนะเรา”



“มาเฝ้าแฟนครับพี่เด-!?” ...ชิบหายแล้วไอ้อัส



“เฮ้่ย มึงมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่บอกกูวะ” ปัณวิทย์ที่ลงจากรถรีบเดินมากอดคอเพื่อนของตนไว้



“มีแฟนแล้วเลยมาเช้านี่เอง พี่ไปก่อนนะอัสซี่ ไปก่อนนะปัน” ชยางกูรขับรถถอยช้าๆก่อนจะเร่งเครื่องจากไป



“ไอ้อัส มึงอย่าเงียบ บอกกูมาเลย” มือคว้าคอเสื้อเพื่อนได้ก็ดึงให้หันมาสนใจ



“เฮ้ย เชี่ยปัน เจอกันวันแรกทำร้ายกูเลยนะ” หนุ่มหน้าตี๋ยิ้มแหยพยายามเบี่ยงประเด็น



“ฮันนีมูนสนุกมั้ยมึง”



“ไม่ต้องเนียนไอ้ห่า ว่าไงมึง” ปัณวิทย์ไม่ยอมให้อีกฝ่ายหลุดไปง่ายๆ



“ก็...ไม่มีไรเว้ย กูพูดเล่น ยังไม่มีเว้ย” ตี๋หนุ่มตอบเสียงฉิวพลางหลบตา



“ตลกแดก หลบตากูเนี่ย ไม่มี ไอ้ตี๋เตี้ย มึงบอกกูดีๆเลย”



“กูบอกไม่มีก็ไม่มีสิวะ หล่อๆอย่างกูต้องเก็บไว้ให้สาวหลงอีกนาน กูมีแฟนเดี๋ยวสาวร้องไห้กันหมด” เด็กหนุ่มตาตี่ยิ้มกว้างพลางยักไหล่



“ไอ้ซายน์ซ้อมอยู่โรงยิม ไปหามันป่ะ”



“เออ เอาดิ มันต้องบอกกูแน่”





////////////////////////////////////






“เฮ้ยไอ้ซายน์ ไอ้ตี๋เตี้ยแม่งมีแฟนเมื่อไหร่วะ” ปัณวิทย์เดินเข้าโรงยิมไปเห็นเพื่อนซี้อีกคนก็ส่งเสียงถามทันที



ศิวะที่ถือลูกบอลค้างไว้หันไปมองเพื่อนตัวเตี้ย นัยน์ตาใต้กรอบแว่นถลึงใส่นิดหน่อย เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วโยนลูกบอลลงตะกร้าเหล็ก



“ปัน...ไอ้..เอ่อ อัสครับ ตามมานี่มา” มือใหญ่ของนักกีฬาหนุ่มคว้ามือเพื่อนทั้งสองคนละข้างแล้วลากออกมานอกโรงยิม



“อะไรของพวกมึงวะ ทำไมต้องทำลับๆล่อๆ” กระต่ายป่าขมวดคิ้วกับท่าทีของศิวะ



“กูกับมัน” ปลายนิ้วชี้มาที่ตัวเองก่อนจะชี้ไปทางอาธิป “เป็นแฟนกันตอนนี้”



“มุขนี้ไม่ซื้อได้ปะวะ”



“เรื่องจริงว่ะ กูคบกับมันแล้ว” ศิวะแกล้งโอบไหล่แล้วขยี้หัวคนเตี้ยกว่าเบาๆ “คบตั้งแต่มึงไปฮันนีมูนกับพี่เดฟ”



“พวกมึงเอากันเองเหรอวะ ไอ้อัส มึงเลิกชอบหญิงแล้วเหรอวะ นมอะ”



“เหี้ย เพราะไอ้ศิวะลึงค์เนี่ยล่ะ กูเปล่า” เขารีบปัดความผิดให้พ้นตัวโดยโยนไปให้เพื่อนตัวดี



“ห่า กูอยากได้มึงนักแหละ เรื่องมันอย่างงี้เว้ยปัน มึงจำน้องแพนได้ป่ะ” ศิวะถอนหายใจเฮือกเมื่อนึกถึงหน้าเด็กหนุ่มตัวเล็ก



“เออ ที่มาชอบมึง ทำไมวะ” ปัณวิทย์กันอาธิปที่ดูจะคอยขัดคอออก



“ก็ไม่เลิกเว้ย กูก็ไม่อยากให้เด็กเสียใจเลยบอกไปว่ามีแฟนแล้ว ทีนี้ก็ไม่รู้เอาใครมาอ้างดี พอดีไอ้อัสซี่ตี๋น้อยมันว่างแถมไม่มีปัญญาหาแฟน กูเลยเอามันมาเป็นแฟนแก้ขัดไปก่อน แต่แม่งก็ให้กูเลี้ยงจนจะหมดตัวอยู่แล้ว”



“แล้วพวกมึงจะเลิกกันเมื่อไหร่” ปัณวิทย์ส่ายหัวกับวิธีแก้ปัญหาของเพื่อน



“ถามไอ้เหี้ยนี่ดิวะ กูถามมันไม่เคยตอบกูซะ”



“กูไม่รู้ว่ะปัน จนกว่าไอ้เตี้ยนี่จะมีแฟนจริงๆมั้ง” ศิวะตอบอย่างจริงจัง ไม่ใช่ว่าสักแต่จะใช้งานเพื่อน แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ขออยู่อย่างนี้ไปก่อน..ขี้เกียจจะยุ่งยากใจอีก



“มึงมีแฟนเมื่อไหร่บอกกูแล้วกัน เดี๋ยวกูเลิกให้” มือใหญ่แตะลงที่กลางหัวแล้วตบเบาๆเหมือนลูบหัวสุนัข



“ไอ้ห่า แม่งเอาแต่ได้ กำไรอยู่คนเดียว ชีวิตมึงสบาย สาวเห็นกูอยู่กะมึง ใครจะอยากได้กูวะ” อาธิปโยกศีรษะหนีฝ่ามือของเพื่อนรักอย่างไม่ไยดี



“เสือกเกิดมาไม่หล่อเท่ากูเอง ได้กูเป็นแฟนก็บุญแล้วเหอะ” ศิวะย้อนกลับไม่ไว้หน้า



“บุญเหี้ยไร บาปกู กรรมเวรกู” เขาผลักเพื่อนของตัวเองออกเต็มแรง



“บุญปากมึงไงไอ้เตี้ย แดกฟรีทั้งชาตินะเว้ยเป็นแฟนกูน่ะ”



อาธิปไม่อาจปฏิเสธได้ว่านั่นเป็นเรื่องจริง แต่ถึงอย่างนั้น ก็อยากจะเลิกการเป็นแฟนปลอมๆแบบนี้เสียที



“ก็กูไม่อยากแล้ว เหี้ย เดี๋ยวมึงหลงรักกูขึ้นมาจริงๆ”



“สำคัญตัวผิดแล้วมึง หน้าอย่างมึงเนี่ยนะ....กูเอาไอ้ปันยังดีกว่า” ศิวะบุ้ยหน้าไปทางคนกลางก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ



“เอาน่า จนกว่ามึงจะเจอคนที่รักจริงๆ ช่วยเป็นแฟนกูไปก่อนนะครับอัสซี่คนดี”



“............ เป็นแฟนไอ้ปันดิวะ จะได้สมจริง” พอเห็นปัณวิทย์ไม่ได้ตอบโต้กับสิ่งที่เพื่อนตัวแสบพูด อาธิปก็เสนอทางออกให้ตัวเองอีกครั้ง



“สัด แดกของกูฟรีไปเยอะห้ามเบี้ยว” เด็กหนุ่มมองลอดแว่นอย่างเป็นต่อแล้วคว้าคอดึงตัวมาใกล้



“กูจะเอามึงนี่แหละ จบ ห้ามมีปัญหาไม่งั้นกูแช่งให้ซิงตลอดชีวิต”






///////////////////////







เปิดเทอมผ่านพ้นไปร่วมอาทิตย์ กิจวัตรประจำวันหลังเลิกเรียนของอาธิปยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน นั่นก็คือการมาเฝ้า 'แฟนปลอมๆ' ของตัวเองซ้อมบาส



...ซวยเพื่อนตลอดจริงๆ...



...เมื่อไหร่จะมีใครมาสนกูมั่งวะ...



ร่างบอบบางในชุดนักเรียนที่ยืนจดจ้องอยู่นานค่อยๆเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ข้างสนามบาส เด็กสาวกระพริบตาครั้งหนึ่งก่อนจะยิ้มทักทายด้วยใบหน้าเขินอาย



“อัสซี่...ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ยคะ” เสียงหวานเอ่ยกล้าๆกลัวๆ



...โป๊ะเชะเลย!



...คิวกูแล้วแน่ๆครับ...



เด็กหนุ่มหน้าตี๋ยิ้มกว้างให้ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยไม่สนใจหน้าที่ของตัวเอง



“ว่ายังไงครับ... มีอะไรให้อัสซี่ช่วยเหรอ”



...หรือจะมาแบบเดิมวะ...



...ชอบไอ้ซายน์...



...มาบอกกู...



“คือ...ชื่อมีนนะคะ.....” น้ำเสียงเล็กๆแทบจะหายไปในลำคอ เด็กสาวเงยหน้าขึ้นสบตาอาธิปด้วยใบหน้าระเรื่อ



“ขอโทษนะคะ..มีนรู้ว่าไม่ดี...แต่ว่า....” นัยน์ตาสุกใสสบตาพลางหลบช้าๆ



“อัสซี่...มีแฟนหรือยังคะ”



...เฮ้ย!!!!!!!



...กูเหรอ...



“ยังไม่มีครับ มีน... ใช่ไหม อัสซี่โสดตลอดครับ มีเพื่อนหล่อหนักใจ”



“ถ้าอย่างงั้น...จะเป็นอะไรมั้ยคะถ้าเราจะเป็นเพื่อนกัน” มีน...มีนายิ้มหวาน มือเรียวส่งถุงคุกกี้ใบเตยที่ซ่อนไว้ข้างหลังให้



“มีนทำมาฝากค่ะ...อยากรู้จักอัสซี่มานานแล้ว ขอโทษที่ไม่กล้าทักนะคะ”



อาธิปไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะรู้สึกดีได้ขนาดนี้กับการที่มีใครสักคนมาทำแบบนี้ด้วย แบบนี้จะได้ไปหัวเราะเยาะใส่ไอ้เพื่อนแสนดีที่ให้บังคับเป็นแฟนหลอกๆ



...กูก็มีคนสนเหมือนกันเว้ย...



“ไม่เป็นไรครับมีน นี่น่ากินมากเลย อัสซี่จะกินให้หมดเลยนะครับ”



“ถ้าวันหลัง...มีนทำมาให้อีก...ได้ไหมคะ” มีนาก้มหน้างุดทันทีที่หลุดปากออกไป



“ได้ครับ ยินดีกินเลย คุกกี้จากคนน่ารัก ชอบครับ” อาธิปยิ้มกว้างส่งให้ดวงตาโค้งจนแทบจะเป็นเส้นเดียว



นักกีฬาหนุ่มที่แอบมองอยู่นานพอเห็นรอยยิ้มกว้างหวานเลี่ยนของเพื่อนที่ยืนอยู่กับสาวน้อยก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ ศิวะเดินเข้ามาหาก่อนจะยิ้มทักทั้งคู่



“ทำไรครับอัฐ...แล้วนี่....” เด็กหนุ่มเว้นเสียงทำท่าสนใจ เขาลอบมองกิริยาเขินอายของคนตรงหน้าอีกครั้งพลางสรุปในใจ



...ชัวร์...



...พวกแผนสูงแหง...



“ชื่อมีน ทำคุกกี้มาให้ น่ารักไหม” อาธิปสงบปากสงบคำแม้จะอยากให้เพื่อนตัวดีออกไปพ้นๆ ก่อนที่ความสนใจของมีนาจะถูกเบนไปที่ไอ้รูปหล่อนักบาสข้างๆ



“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ...” เด็กสาวทักทายด้วยเสียงเบาๆ



“ซายน์ครับ แล้วมีนรู้จักกับอัฐมาก่อนเหรอ” แม้จะถามเด็กสาวแต่สายตากลับมองไปที่อาธิป



“ไม่รู้จักกันมาก่อนค่ะ แต่มีนมอง...เอ่อ...อยากรู้จัก..มานานแล้ว”



อาธิปยิ่งฉีกยิ้มกว้างก่อนจะพูดต่อเสียงอ่อน



“ตอนนี้้รู้จักกันแล้วนะครับ”



“ค่ะ...มีนไปก่อนนะคะ แล้วเจอกัน” มีนาโบกมือให้ก่อนจะวิ่งจากไป



ศิวะมองตามหลัง เด็กสาวคนนี้ไม่ใช่เขาไม่เคยเห็น...เขาเคยเห็นเธอคนนี้มองมาหลายครั้ง และแน่ใจด้วยว่าคนที่ถูกมองไม่ใช่ไอ้ตี๋เตี้ยที่ยืนยิ้มกริ่มมองถุงขนมน้ำลายหยดตรงนี้แน่



“สนใจเหรอวะ” กระแทกเสียงถามฉุนเฉียว แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องฉุน



“ทำไมกูจะไม่สนวะ สาวมาสนกู ต้องสนดิ” ไม่พูดเปล่า แต่อาธิปยังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีพลางเดินถือถุงคุกกี้ออกไปจากโรงยิม



“หมดหน้าที่กูแล้วนะ ตามสัญญา” เขาหันมาหาเพื่อนตัวดีที่เดินตามมา



“เขายังไม่ได้อะไรกะมึงเลย ยกเลิกห่าไรวะ” ศิวะดึงชายเสื้อนักเรียนรั้งเอาไว้



“มึงดูไปก่อน อย่าเพิ่งไปอะไรมาก...มีนเขาอาจจะไม่ใช่อย่างที่มึงคิด”



“ไม่ใช่อย่างที่กูคิดอะไรวะ เอาคุกกี้มาให้กู บอกว่าอยากรู้จักกู ไม่ได้เอาแต่มองมึงเหมือนคนอื่นด้วย อย่าขัดสุขเพื่อนดิวะ” ตี๋ที่ยิ้มกว้างเมื่อครู่กลายเป็นตี๋อารมณ์เสียทันทีที่ถูกพูดแบบนั้น



“ระวังจะโดนหลอกเหอะ ยิ่งโง่ๆอยู่” ศิวะไม่กล้าบอกเรื่องมีนาเพราะส่วนหนึ่งยังไม่แน่ใจเท่าไหร่...เขาไม่อยากจะตัดสินใจอะไรไปเอง เพียงแต่ยังอดห่วงไอ้เตี้ยที่กำลังเคลิ้มอยู่นี่ไม่ได้



“กูบอกดูไปก่อนก็ดูไปก่อน ไม่เคยมีแฟนอย่าเสือกรู้ดีเข้าใจ๊”



“ทำไมวะ กูไม่ได้เสือกรู้ดี มึงเป็นเพื่อนกูมึงมีหน้าที่สนับสนุนกูสิวะ” เขาปัดมือที่ยังจับชายเสื้อเอาไว้ออก



...จะให้กูสนับสนุนกับคนที่ท่าทางจะหลอกมึงเหรอวะ ถึงจะคิดอย่างงั้นแต่ศิวะก็ไม่ได้พูดออกมา



“กูไม่สนับสนุนมึงจะทำไม “



“งั้นกูก็ไม่สนับสนุนให้มึงเป็นแฟนกูหลอกๆเหมือนกัน แทนที่จะกล้าไปบอกน้องเขาตรงๆ แมนเหี้ยๆ” อาธิปไม่คิดว่าตัวเองจะพูดแบบนี้ใส่อีกฝ่ายได้ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าตัวเองกำลังโมโหกับเพื่อนที่ไม่ให้ความร่วมมือคนนี้



...ทั้งๆที่กูยังช่วยมึง...



“มึงไม่ใช่กูมึงไม่เข้าใจหรอก” ตอบด้วยความโมโหไปก็อดนึกไม่ได้ว่าทำไมตัวเองถึงไม่ยอมเลิกเป็นแฟนหลอกๆเสียที...ทั้งที่พชรก็ดูจะไม่ได้ต้องการอะไรแล้ว



“กูเตือนมึงในฐานะเพื่อน มึงไม่เคยมีแฟนพอมีสาวมาดีเข้าหน่อยมึงก็ดีใจหางตั้ง มึงต้องเผื่อใจไว้บ้างว่าอะไรๆอาจจะไม่ใช่อย่างที่มึงคิด ส่วนเรื่องน้องแพนมันไม่เกี่ยวกันเว้ย มึงรับปากกูแล้วต้องช่วยกู”



“เออ งั้นวันนี้เป็นวันแฟนทะเลาะกัน กูกลับบ้านแล้ว ไม่ต้องง้อ ไม่ต้องตาม” พูดจบอาธิปก็หันเดินออกไปโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่



“กูไม่ง้อมึงหรอก ไอ้เตี้ย” ศิวะพูดพึมพำไล่หลังในลำคอ แววตาภายใต้กรอบแว่นมองตามไปช้าๆจนลับสายตา



...แม่งเอ๊ย...



...ไม่ห่วงไม่พูดหรอกนะเว้ย...



“พวกพี่ทะเลาะกันเหรอ” พชรที่ยืนมองอยู่ไกลๆเดินเข้ามาหา ตอนแรกได้ยินจากคนอื่นๆในทีมว่าอาธิปกับศิวะทะเลาะกัน แม้จะอยากรู้ว่าเรื่องอะไร แต่เขาก็ข่มใจตัวเองไม่เดินออกมา รอจนอาธิปเป็นฝ่ายจากไป ถึงได้ตัดสินใจเข้ามาถาม



...เชี่ยแล้วไง...



เด็กหนุ่มนักกีฬาหันไปหาผู้จัดการทีม ศิวะยิ้มจางๆให้น้องเล็กก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่



“นิดหน่อยน่ะ...อัฐมันงี่เง่า”



“ไม่ได้ทะเลาะกันเพราะแพนใช่ไหม” ใบหน้าหวานมีร่องรอยแห่งความกังวลฉายอยู่อย่างเห็นได้ชัด



“เปล่าหรอกแพน” ศิวะวางมือบนศีรษะทุยแล้วขยี้เบาๆ



“ก็แพนเข้าใจพี่แล้วนี่ ใช่มั้ย”



“... แพน ขอโทษนะที่ทำให้ลำบากใจก่อนหน้านี้... แต่ว่าพี่ซายน์อย่าเพิ่งบอกใครได้ไหม... ว่าแพนจะคบกับพี่กอล์ฟ รู้แบบนี้แล้ว พี่ซายน์จะได้ไม่ต้องห่วง... นะ”



ข้อความที่ออกจากปากพชรทำเอาอึ้งไปพักใหญ่ ในหัวคิดแต่เรื่องของอีกคนที่เพิ่งจากไป เพราะถ้าพชรมีแฟนแล้ว...ข้ออ้างในการเป็นแฟนของเขากับมันก็คงต้องหยุดเสียที



...นั่นสิ ควรพอได้แล้ว...



“แพนชอบพี่กอล์ฟแล้วเหรอ ดีจังนะ” เขาลูบศีรษะเล็กๆอีกครั้งแล้วละมือออก “มีความสุขมากๆนะ”



“... ตอนนี้แพนยังไม่ได้ชอบพี่กอล์ฟเหมือนที่ชอบพี่หรอก แต่ในอนาคต แพนก็จะชอบพี่เขา แล้วก็จะมีความสุข... ล่ะ” พชรยิ้มให้อีกฝ่ายหลังจากพูดจบ



“พี่ซายน์ก็... ไปง้อพี่อัสซี่ด้วยนะ...”



“ไม่ค่อยอยากง้อมันว่ะแพน แม่งงี่เง่า”



“ก็พวกพี่รักกันไม่ใช่เหรอ... ทะเลาะกันก็ต้องยอมกันหน่อยสิ... นะ” แม้จะยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ที่ต้องพูดออกไป แต่พชรก็เชื่อว่าเขาจะต้องมีความสุขได้แน่นอน เพราะอย่างนั้น ก็อยากจะให้ศิวะ ยิ้มมากกว่าจะทำหน้าแบบนี้



“ปกติแพนเห็นพี่ออกจะแฮปปี้... ถ้าพี่ทำหน้าแบบนี้ ตามไปง้อไม่ดีกว่าเหรอ”



ทำหน้าแบบนี้...มันแบบไหนวะ



“แพนเห็นว่าพี่กับอัฐแฮปปี้เหรอ...ทำไมล่ะ” เขาลองเสี่ยงถามดูอีกครั้ง...อยากจะรู้ว่าความรู้สึกจริงๆของตัวเองคืออะไร



“ก็ปกติ พี่ซายน์ใจดีกับทุกคนใช่ไหม แต่ก็เห็นว่ากับพี่อัสซี่ พี่ดู... เป็นธรรมชาติน่ะ”



ก็เพราะคบเป็นเพื่อนกันมาต่างหากล่ะ...



หากแต่พอจะอ้าปากตอบไปอย่างงั้น ในหัวก็แวบนึกขึ้นไปถึงคำยืนยันว่ารักจากปากไอ้เตี้ยเพื่อนสนิท ไม่รู้ว่าทำไมพอฟังอย่างงั้นแล้วหัวใจมันแกว่งพิกล



อาธิปไม่เหมือนปัณวิทย์ ถึงจะสนิทเหมือนกันแต่ก็ไม่เหมือน...



“ก็เริ่มมาจากการเป็นเพื่อนมั้งแพน พี่ก็ยัง...พี่...ไม่รู้ดิ” พอหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ก็เหมือนหัวสมองจะประมวลผลช้าลงไปอีก



...แม่งเอ๊ย อะไรนักวะกู...



“ก็ง้อก่อน พี่อัสซี่เดี๋ยวก็หาย... ไม่ใช่เหรอ” พชรยิ้มให้ เพราะอยากจะเป็นกำลังใจให้กับรุ่นพี่ที่รักมาก



“ถ้าเลิกกัน เดี๋ยวผม ตัดใจไม่ได้นะ”



“อ้าว งี่พี่ก็ต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิตอ่ะดิ่” ศิวะนึกเอ็นดูผู้จัดการตัวเล็กเลยเขย่าหัวเบาๆแทน



“อย่าชอบพี่เลย เนอะ...พี่กอล์ฟดีกว่าพี่เยอะ”



“......” แม้เจ้าตัวจะเป็นคนพูด แต่เขาก็ยังอดรู้สึกแย่ไม่ได้อยู่ดี



“... ดีกันเร็วๆนะ....” พชรพูดทิ้งไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะหันหลังให้ แล้วเดินหนีออกไป ซ่อนใบหน้าที่ปราศจากรอยยิ้มพลางก้าวให้เร็วขึ้น



...แพนอยากให้พี่มีความสุข...



...เพราะงั้นพี่ต้องมีความสุข...



...ไม่งั้น แพนก็จะเลิกรักพี่ไม่ได้...













To Be Continued.....
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 28 [29/08/12] เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 30-08-2012 10:46:52
อัชชี่ไม่หวั่นไหวกับซายน์เลยเนาะ  น่าสงสารนะเนี่ยะ
อยากอ่านถึงตอนพ่อของพี่เดฟกับน้องปันเร็ว ๆ จัง
อยากรู้ว่ายอมรับน้องปันได้หรือยัง
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 28 [29/08/12] เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 30-08-2012 11:33:15
อัสซี่ระวังโดนชะนีหลอกนะจ๊ะ  o18

ซายน์จัดไปเลย ให้รู้ว่าอัสซี่น่ะของใคร  :z2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 28 [29/08/12] เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 30-08-2012 12:48:13
สงสารแพน ดูท่าปัญหาชีวิตรักจะมีอีกพักใหญ่
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 28 [29/08/12] เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 30-08-2012 17:33:41
สงสารน้องซายน์อะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 28 [29/08/12] เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 30-08-2012 17:40:51
รวบหัวรวบหางไปเลย ซายน์  :haun4:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 28 [29/08/12] เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 30-08-2012 20:54:09
มันคลึ้มๆ รึว่าอยู่ในช่วงฤดูฝน
ตกลงเป็นแฟนกันเร็วๆ นะ อัสซี่ + ซายน์ อยากมีความสุขด้วย
ขอบคุณคนเขียนครับ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 28 [29/08/12] เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 30-08-2012 21:10:57
แพนมาซะดราม่าเลย :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 28 [29/08/12] เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: snice_cz ที่ 01-09-2012 22:35:31
เอาชะนีไปเก็บซะนะ น่าสงสารน้องแพนจริงๆ เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อซะแล้ว
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 29 [03/09/12] รุกไม่ไปถอยไม่เป็น
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 03-09-2012 17:28:29



Kagehana : ลงคืนกำไรคู่ซายน์อัส(เอ๊ะ??) เมื่อซายน์เริ่มรู้ตัวจะรุกก็ไม่ได้จะถอยก็ยากซะแล้ว







-29-







ทำไมกูมายืนตรงนี้วะ....



ศิวะถามตัวเองเป็นรอบที่สิบในชั่วระยะเวลาแค่ไม่กี่นาที ในตอนแรกแค่คิดว่าจะปล่อยไอ้คนขี้งอนทิ้งเอาไว้ แต่รู้ตัวอีกทีก็ดันมายืนตากยุงอยู่หน้าบ้านมันแล้ว



“เอาไงเอากันวะ” เด็กหนุ่มกดกริ่งหน้าบ้าน รอให้ม๊า..หรือใครก็ได้ลงมาเปิดให้เหมือนทุกครั้ง



ก็ม๊าของไอ้เตี้ยรักเขาจะตาย มาเยี่ยมเยียนคงไม่แปลกเนอะ



ไม่รอนานนัก แม่บ้านวัยกลางคนที่คุ้นเคยกันก็มาเปิดประตูให้อย่างเคย



“น้องอัฐไม่เห็นได้บอกว่าน้องซายน์จะมา... เลยต้องให้ยืนรอเลย ขอโทษทีนะจ๊ะ”



“ไม่เป็นไรครับ ผมมาเซอร์ไพรส์มัน” ศิวะยิ้มหวานให้แม่บ้าน แหงล่ะ...ที่บ้านนี้เขาก็เป็นคนโปรดใครหลายๆคนเหมือนเคย



เด็กหนุ่มร่างสูงเดินเข้าไปทักทายป๊ากับม๊าแล้วเดินขึ้นไปนั่งบนเตียงซึ่งเจ้าของห้องไปอาบน้ำอยู่อย่างหน้าตาเฉย



อาธิปที่อาบน้ำเสร็จเดินผิวปากออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อเจอคนที่ตัวเองกำลัง “ทะเลาะด้วย” มานั่งอยู่บนเตียงของตนหน้าตาเฉย



“เหี้ย ใครให้มึงเข้ามาวะ”



“ป้านวลเปิดให้ ทักทายป๊ากับม๊ามึงแล้ว เขาบอกให้มารอที่ห้องมึง” ศิวะถอดแว่นออกวางบนโต๊ะข้างเตียง



“เอาผ้าเช็ดตัวให้กูด้วย จะอาบน้ำ”



“กูไม่ให้ มีไรปะ” เจ้าของห้องทำหน้ายียวนกวนอวัยวะเบื้องล่างอย่างเต็มที่



“ไม่ได้เชิญ กลับไปเลยห่า”



“กูจะนอนที่นี่ มึงไม่ต้องเชิญ” ศิวะยักคิ้วกวนกลับ “งอนเหรอมึง....ทำตัวเป็นสาวซึนหรือไง”



“สาวซึนพ่อมึงเดะ” เขาคว้าเอาหมอนใบเล็กปาใส่คนที่ทำหน้าไม่เดือดร้อนเอาเสียเลย



คนที่นั่งอยู่หยิบหมอนปาคืนแล้วลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเอง



“ไม่บริการแฟนเลยนะมึง มาง้อถึงที่เนี่ย”



พอได้ยินคำว่าง้อ อาธิปถึงหยุดไม่ปาหมอนกลับ



“ง้อกูเหรอ จริงปะ”



“ไม่มั้งมึง มานั่งถึงที่เนี่ย” ศิวะดึงข้อมือคนที่ยืนอยู่ให้เข้ามาใกล้ กลิ่นสบู่หอมๆที่ออกมาจากตัวคนอาบน้ำใหม่ชวนให้ใจเต้นพิลึก



หอมผิดที่ผิดทาง...หอมผิดปกตินะมึง



“ง้อนะครับ คุณแฟน” นัยน์ตาสีเข้มทอแววพราวระยับด้วยเพราะกลั้นหัวเราะไปในตัว



“เหี้ย เออ กูจะอ้วก” เขายกแขนขึ้นโอบคอเพื่อนของตัวเองเอาไว้



“มึงให้กูมีความทรงจำวัยรุ่นกับเค้ามั่งดิวะ”



“ก็กับกูไง” ท่อนแขนแข็งแรงรั้งไอ้ตี๋เตี้ยที่โอบคอเขาอยู่เข้ามากอดเบาๆ...



ไม่ใช่ว่าเขากับมันไม่เคยกอดกัน แต่กอดคราวนี้แม่ง....ไม่เหมือนเดิมสักนิด



ศิวะเงยหน้ามองใบหน้าขาวที่อยู่ใกล้ๆ ตาตี่ๆของมันดูจะโตขึ้นเพราะอาการตกใจ..ยังไม่นับไอ้หน้าแดงๆที่วิ่งแล่นไปทั้งหน้ามันอีก



“กูเป็นห่วงมึง เข้าใจป่ะ”



“เออ กูรู้ แต่เค้าไม่ได้มองมึงเลยสักนิดเดียวนี่หว่า...” เขาต้องยอมรับว่าการเป็นแฟนปลอมๆทำให้เขารู้สึกแปลกๆกับไอ้คนที่อยู่ข้างๆ



“มึงมัน.....” ...โง่ แหงล่ะ ถ้าพูดออกไปหมดไอ้ง้อๆนี่ไม่รอดแน่



ศิวะกอดไอ้ตัวหอมๆแน่นขึ้น แม่ง ไอ้เชี่ยนี่มันน่ากอดดีแท้ หอมๆเย็นๆเหมือนเด็กเล็กๆเลย



“อย่าเพิ่งเลิกเป็นแฟนกูนะ เข้าใจป่ะอัฐ” ไม่ใช่ไอ้เตี้ย ไอ้ตี๋ หรือกระทั่งอัสซี่....แต่เป็นชื่อเล่นจริงๆที่มักเรียกในยามที่เป็นการเป็นงาน



“... ทำไมวะ น้องแพนยังไม่ตัดใจอีกเหรอ มันนานแล้วนะมึง” เขาหันไปจ้องหน้าคนที่กอดตัวเองเอาไว้ ถามด้วยความไม่เข้าใจว่าเด็กคนนั้นจะตื๊อเพื่อนตัวเองไปถึงไหน



คำถามนั้นกระแทกใจคนกอดจนพูดอะไรไม่ออก...มันไม่มีเหตุผลที่จะรั้งไอ้เพื่อนบ้านี่ไว้เป็นแฟนแล้วเพราะพชรเองก็กำลังจะคบกับกัปตันคนใหม่ ในหัวตัวเองก็ดันสับสนจนไม่รู้จะอธิบายยังไง



...ราวกับเพื่อนจะไม่ใช่เพื่อนอีกแล้ว...



“ก็คบไปเรื่อยๆ กินตังค์กูไปเรื่อยๆ มึงกับมีนยังไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย ซ้อมกับกูไปพลางๆก็ได้ กูจูบเก่งนะมึง” ศิวะคลายกอดออกแล้วดึงเอาผ้าขนหนูของอาธิปที่เจ้าตัวพาดบ่าไว้มาถือ



“ขำไม่ออกอีกแล้ว มึงจูบเก่งแล้วมึงจะสอนกูยังไง กูไม่เรียนภาคปฏิบัติกับมึงแน่ๆ” หนุ่มตี๋รีบโวยวายเสียงดังพลางยึดเอาชายผ้าขนหนูมาถือไ้ว้



“ดึงไปทำไมวะ”



...ล้อเล่นแรงขึ้นทุกวันไอ้เหี้ยศิวะลึงค์นี่...



“ห่า ก็กูขอยืมผ้ามึงนี่แหละอาบน้ำ จะได้ไม่เปลืองผ้า”



“ใช้แล้ว มึงจะเอาไปทำไม ยังเปียกอยู่เลย เอาอันใหม่ดิวะ ของมึงใช้ป้านวลเก็บไว้ให้ในกล่องนู่นแล้ว ห่า ไม่ย้ายสำมะโนครัวมาเลยวะ” พูดไปก็เดินไปหยิบเอากล่องที่ว่าออกมาเปิดให้ดู ข้างในมีข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวอยู่ครบทุกอย่าง ตั้งแต่แปรงสีฟันไปจนถึงชุดนอน



“รักมึงเหลือเกิน คนบ้านกู”



“มึงด้วยป่ะ” พูดจบก็ต้องเอนตัวหลบผ้าขนหนูที่ปลิวมาตามแรงคนปา ศิวะหัวเราะลั่นแล้วหยิบผ้ามาถือไว้



“รักกูหรือเปล่าครับ น้องอัฐ”



“มึงไม่ขนลุกมั่งเหรอวะ เออ รักเว้ยรัก ไปอาบน้ำได้แล้ว เอากล่องน้องซายน์ของป้านวลไปด้วยมึง เดี๋ยวป้าเสียใจ” อาธิปยื่นกล่องไปให้เพื่อนตัวดีของตัวเองเสียเต็มแรงโดยหวังว่าจะกระแทกกับท้องให้เจ็บบ้าง



กล่องน้องซายน์....ศิวะก้มลงมองในมือ กล่องพลาสติกเล็กๆที่ใส่เสื้อผ้า ของใช้ที่ป้านวลแม่บ้านเตรียมไว้ให้ เขารู้ว่าทุกๆคนในบ้านนี้เอ็นดูน้องซายน์เพื่อนน้องอัฐทุกคน ก็แหง...เด็กเรียนดีกีฬาเด่นอย่างเขาไปไหนใครก็เอ็นดู



“น้องซายน์ไปอาบน้ำก่อนนะครับ” ร่างสูงพูดล้อเลียนแล้วดีดตัวลุกเอากล่องเข้าห้องอาบน้ำไป



“ไอ้อัฐ มึงทำไรในห้องน้ำวะ คราบเต็มไปหมดเลย” เสียงทุ้มแกล้งตะโกนออกมาจากห้องน้ำ



“ฟุ้งซ่านนะมึง เด็กซิงก็เงี้ย ไม่มีที่ระบายอ่ะดิ่”



“คราบเหี้ยไรวะ ไม่มีเว้ย ไอ้บ้า เดี๋ยวพ่อแม่กูเข้าใจผิด! ล็อคขังลืมไว้ในห้องน้ำแม่งเลยดีไหม ห่า” อาธิปทำเสียงโวยวายคืน เขารู้ดีว่าโวยวายไปก็เท่านั้น ไม่เห็นเคยทำอะไรชนะไอ้เพื่อนตัวดีคนนี้ได้เลยสักครั้งเดียว แต่ก็ไม่เคยคิดอะไรเพราะค่าที่ว่าเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่จำความได้ คำว่ามิตรภาพมันก็เลยดูจะสำคัญมากไปจนไม่อยากให้เรื่องเล็กๆน้อยๆมาทำให้ต้องขัดใจกัน



ที่วันนี้โมโหมากเกินไปก็เป็นเพราะว่า แต่ไหนแต่ไร เขาก็สนับสนุนเพื่อนของตัวเองเสมอ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมศิวะต้องทำตัวไม่เข้าเรื่อง ขัดคอเขาที่กำลังน่าจะได้มีความสุข



ศิวะอาบน้ำหลักสูตรเร่งรัดแล้วออกมาพร้อมหัวเปียกแฉะกับเสื้อนอนที่แขวนไว้ในมือ แอร์เย็นๆกระทบผิวกายเปลือยเปล่าท่อนบนทำเอารู้สึกหนาวไม่น้อย เขาเดินมานั่งข้างๆอาธิปแล้วเอาหัวเปียกๆเบียดไหล่ไว้



“หนาวชิบ” บ่นแต่ก็ไม่ได้ใส่เสื้อ ค่าที่อยากจะเช็ดผมให้แห้งก่อน



“ทำหน้าอย่างงี้อยากเช็ดหัวให้กูเหรอคุณแฟน”



“น้องแพนด้าไม่อยู่ กูจะเช็ดทำไมวะ” ไม่พูดเปล่า เด็กหนุ่มผลักหัวเปียกแฉะของเพื่อนของจากไหล่ของตัวเองทันที



ศิวะยอมถอยออกมาเช็ดหัวเองแต่โดยดี เขาขยับผ้าในมือไปมาจนเส้นผมเริ่มหมาดชื้น เด็กหนุ่มดึงผ้าหมาดๆฟาดไปบนตัวขาวๆที่ตัดกับชุดนอนสีเข้มเบาๆ



เออวุ้ย...สบู่แชมพูก็อันเดียวกันแต่ไม่รู้ทำไมว่าอยู่บนตัวไอ้เตี้ยนี่ถึงได้หอม...เป็นพิเศษ



“หายโกรธกูยังครับ น้องอัฐของกู”



“กูไม่หายก็ตอนมึงฟาดผ้าลงมาเนี่ยล่ะศิวะลึงค์” ไม่ตอบเฉยๆ แถมค้อนและศอกให้พร้อมกับตาขวางๆ



“กูจะนอนแล้ว ง่วง”



“ก็นอน แบ่งครึ่งเหมือนเดิม” พูดจบศิวะก็ทิ้งตัวลงนอนโดยไม่ให้เจ้าของได้ทักท้วง การแบ่งครึ่งของเขาคือตัวเองนอนสามส่วนสี่...ส่วนไอ้เตี้ยเบียดได้เท่าไหร่ก็นอนไป



“ตลอด ตลอดเลยมึง ไม่ให้ครับคุณแฟน เป็นแฟนต้องดูแล ไสออกไปให้กูนอนเยอะๆเลย” อาธิปทักท้วงบ้างโดยยกเอาข้ออ้างที่อีกฝ่ายชอบใช้มาบ้าง



“คุณแฟนก็เบียดเอาดิ่วะ มึงเบียดมากก็ได้นอนมาก แต่กูจะนอนอย่างงี้มีไรมะ” ศิวะดึงผ้าห่มนุ่มๆขึ้นมาคลุมตัวแล้วใช้เท้าถีบก้นไอ้ตัวขาวยันจะให้ตกเตียง



“เป็นแฟนกูต้องอดทน ไม่อยากเบียดก็นอนพื้น”



“งั้้นกูไม่เป็นแล้ว แฟนมึงอะ ห่า มีอย่างที่ไหนวะ” เขาออกแรงดึงผ้าห่มทั้งหมดออกมาจากอีกคน



“โอ๋ๆ งอนๆ มานี่มา” พูดจบคนที่นอนอยู่ก็คว้าทั้งคนทั้งผ้าห่มเข้ามากอด เขาเขยิบแบ่งครึ่งให้แล้วใช้ขาก่ายทับไว้ เพื่อนที่ตัวเล็กกว่าตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาทั้งที่มีเพียงผ้าห่มกั้น



ศิวะเขยิบใบหน้าเข้าไปใกล้...อีกนิด....เพียงแค่นิดเดียวก็จะสัมผัสกัน



“กูไม่ใช่หมอนข้างนะ ปล่อยเว้ย” อาธิปทั้งเตะทั้งยันเพื่อนที่กอดไว้จนแน่น



“ทีมึงก่ายกูไม่เคยบ่น” ....เชี่ยแม่ง หมดอารมณ์



ศิวะถอยตัวออกแล้วปล่อยอาธิปออกจากวงแขน ความลับหนึ่งที่เขาจะกดเอาไว้ไม่ให้ใครรู้....ความลับที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้



...เมื่อกี้เขาเกือบเผลอจะจูบเพื่อนคนนี้เข้าไปแล้ว...



“นอนได้แล้ว ฝันดีมึง” หนุ่มตี๋เอี้ยวตัวมาแบ่งผ้าห่มให้อีกคนโดยออกแรงคลี่แล้วสะบัดให้คลุมร่างเอาไว้



“เดี๋ยวหนาวแล้วผิดกู”



และความลับข้อที่สองก็ตามมาติดๆ...



...เขาเกือบจะกอดไอ้เพื่อนบ้านี่อีกแล้ว...



ศิวะปิดเปลือกตาตัวเอง พยายามข่มตาให้หลับ..ทั้งที่ก็รู้ดีว่าคืนนี้ไม่มีทางหลับลงแน่ๆ



“ขอบใจนะมึง” เพราะมึงครับ...ทำกูนอนไม่หลับแน่ๆไอ้เตี้ย







///////////////////////////////////////////////






เช้าแล้ว....



ร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงถอนหายใจเบาๆ...นัยน์ตาเข้มเหลือบมองไปยังปลิงสัญชาติลิงที่นอนเกาะแถมซุกเข้าหายึดแขนกับขาเขาเป็นหมอนข้าง ศิวะอยากจะเขกหัวหรือถีบตกเตียงสักทีเหมือนทุกครั้ง แต่เพราะวันนี้อะไรๆดูจะไม่เข้าที่เข้าทาง....เลยได้แต่นอนไม่หลับมองอยู่อย่างงี้ทั้งคืน



เพื่อน...หรืออะไร?



ศิวะยกมือลูบหัวเบาๆ และเป็นฝ่ายอาธิปที่ครางงึมงำในลำคออย่างขัดใจ



"หลับสบายเชียวนะมึง"



"อือ..." คนที่น่าจะยังไม่ตื่นดียกมือปัดมือของศิวะข้างที่ลูบหัวออกโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็คว้าเอาแขนข้างนั้นมากอดเอาไว้แทน



พ่องมึง!



คนโดนกอดอุทานในใจ จะยกขาถีบก็เกรงใจ จะเนียนกอดก็ไม่เคย เลยได้แต่นอนนิ่งมองตาปริบๆ



"เตี้ย ตื่นได้แล้วมึง" ปลุกเบาๆอีกครั้ง...แล้วก็ไม่เป็นผล



"ไอ้เชี่ยเตี้ย นอนแดกคอนกรีตเหรอวะ ตื่นโว้ย"



เสียงปลุกของศิวะคราวนี้ดูจะได้ผล เจ้าของห้องและเตียงค่อยๆลืมตาขึ้นมามองคนที่อยู่ใกล้พลางกระพริบตาปริบๆสองสามที



"หา... เชี่ย... ตื่นเช้าเชียวมึง..." อาธิปคลายแขนที่กอดเอาไว้ออกแล้วลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจ



"ง่วงเหี้ย"



กูไม่ได้นอนครับ..มึงนอนกอดกูสบายอยู่คนเดียวครับ ศิวะพูดในใจ



"เดี๋ยวสายแล้วโดนป๊าม๊าด่านะมึง เดี๋ยวกูหลุดตำแหน่งลูกรักม๊ามึง"



"เออๆ กูรู้แล้ว มึงลงไปอาบน้ำห้องแขกดิวะ จะได้รีบไป" เจ้าของห้องลงจากเตียงพลางเอี้ยวตัวซ้ายขวายืดเส้นยืดสายอีกครั้งหนึ่ง



"วันนี้จะได้กินคุกกี้ใบเตยอีกไหมน้า" พูดไปนัยน์ตาเรียวยาวก็ทำหน้าช่างฝันเพ้อตามแบบฉบับของเจ้าตัวไป



"เพ้อแล้วมึงอ่ะ" ศิวะลุกขึ้นอย่างแรงแล้วดึงผ้าเช็ดตัวที่แขวนไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างไม่สบอารมณ์



..ไม่รู้ทำไมต้องหงุดหงิด แต่แม่งหงุดหงิด หงุดหงิดโว้ย!



"อะไรของแม่งวะ นอนไม่พอหรือไง" อาธิปที่มองตามท่าทางของเพื่อนแล้วส่ายศีรษะช้าๆ ก่อนจะหยิบเอาผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำของตัวเองไปบ้างเหมือนกัน โดยที่ในใจนั้นคิดไปถึงคุกกี้ใบเตยรสชาติกลมกล่อมจากสาวน้อยคนนั้น



...ถ้าได้กินอีก ก็แปลว่าถึงตากูแล้วล่ะวะ



แล้วก็เป็นอย่างที่อาธิปฝันเอาไว้ ในตอนเย็น มีนามาหาเขาที่โรงยิมเพื่อชวนคุยแล้วนำขนมทำเองมาให้ วันแล้ว วันเล่า จนทำให้เจ้าตัวอดไม่ได้ที่จะยิ้มจนแก้มแทบปริทุกครั้ง



ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ ที่สาวๆพวกนี้จะเข้ามาหา แล้วจะเริ่มฝากของไปให้ศิวะ ถามถึงศิวะ หรือกระทั่งขอให้ช่วยเรื่องศิวะ แต่มีนาเข้ามาเพื่อจะคุยกับเขา ทำขนมมาให้เขา-- ต่อให้ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองก็ต้องคิด



เทียบเท่ากับความสุขของอาธิป อาการหงุดหงิดของศิวะกลับเพิ่มขึ้นในทุกๆวันที่เห็นเพื่อนตัวเองคุยกับสาวน้อยคนนั้น ศิวะสาบานได้ว่าเขาไม่เคยนึกชอบมีนา...แต่ก็ไม่แน่ใจตัวเองว่าคิดกับเพื่อนคนเดิม..ไปมากแค่ไหน



หลังจากชู้ตไม่ลงเป็นรอบที่สามและหงุดหงิดจนโดนกรวิทย์สั่งให้ไปพัก เด็กหนุ่มที่มองไปเห็นอาธิปกับมีนาคุยกันก็เลือกที่จะเดินหนีไปอีกทาง ศิวะกดโทรศัพท์หาเพื่อนอีกคนที่ยังไม่น่าจะไปไหนไกล



"ฮัลโหล ไอ้ปัน อยู่ไหนวะ"



-รอพี่เดฟอยู่ มีไรวะ-



"กูมีเรื่องอยากปรึกษาว่ะ" ศิวะพูดไปก็คว้ากระเป๋าเป้ไป ยัดของลวกๆใส่แล้วยกพาดบ่า



"มึง.....กูไม่ไหวแล้ว...กูสับสน"



-มาเจอกูหน้าโรงเรียนมา แล้วคุยกัน ไอ้อัฐล่ะ-



"ช่างแม่ง เดี๋ยวกูไปหา" ศิวะกดตัดสายแล้วเดินออกมาจากโรงยิ้มทั้งที่ยังทิ้งคุณแฟน...ไว้กับสาวน้อยหน้าหวาน



เด็กหนุ่มเดินมาถึงที่จอดรถหน้าโรงเรียน เขายกมือไหว้ชยางกูรที่ลงมายืนกับปัณวิทย์ ชยางกูรรับไหว้แล้วยิ้มทักทาย



"พี่่เดฟเฝ้ารถไปนะ ไอ้ซายน์ มึงขึ้นรถกะกู" ปัณวิทย์เปิดประตูรถแล้วรอให้เพื่อนขึ้นตามมา พอปิดประตูรถได้ ก็ไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรก่อน



"มีอะไร ทิ้งไอ้ตี๋ไว้กับยัยนั่นอีกแล้วเหรอ เดี๋ยวน้องแพนก็คิดว่าพวกมึงเลิกกันแล้วหรอก"



"เหี้ยแม่ง ตอนนี้กูเป็นอะไรไม่รู้ว่ะปัน กูหงุดหงิดตลอดเลยเวลากูเห็นมันอยู่กับมีน" ศิวะโพล่งความคิดในหัวออกมาทันทีที่โดนจี้ถูกจุด เครื่องปรับอากาศในรถไม่ได้ทำให้อารมณ์เย็นลงเลยแม้แต่น้อย



...งานเข้าแล้วมึง



ปัณวิทย์มองเพื่อนของตัวเองที่มักจะดูใจเย็นกว่าใครเพื่อน กลับดูโมโหได้ขนาดนี้ แถมยังเป็นเพราะเพื่อนอีกคนไปอยู่กับสาวตลอดเวลา...



"... มึง... มึงคิดจริงๆจังๆกับไอ้เตี้ยเหรอวะ"



"ไอ้เชี่ยปัน ไอ้อัฐน่ะมันเพื่อน...." ไม่ทันได้พูดจบศิวะก็ต้องหยุด...และทบทวนกับคำพูดที่ได้ฟัง



"มันเป็นเพื่อน....เป็นเพื่อนกูมานานนะปัน แต่กูก็ไม่รู้ทำไมว่ะ กูแค่....หงุดหงิด ไม่อยากให้มีนมายุ่งกับมัน"



...มาบอกกู...



"แล้วมึงจะหงุดหงิดทำไม มันก็งี้ เดี๋ยวถึงเวลาก็อกหักมาตามสูตร แล้วจะเป็นไรวะ"



"ก็เพราะงี้ไงกูถึงหงุดหงิด กูไม่รู้ว่ากูหงุดหงิดทำไม แต่กูก็เป็น...ทำไมกูถึงไม่ยินดีถ้ามันจะมีแฟนวะ.........." ศิวะถอนใจยาวแล้วเอนหลังพิงเบาะ



"กูกลัว....กลัวจนในหัวกูไม่กล้าคิดเลยว่ะว่ากูรู้สึกยังไงกับมันจริงๆ"



"........ ยังไงสักวันมันก็ต้องมีแฟน ไม่ใช่มีน ก็ต้องมีล่ะวะ สมมติเข้ามหาลัยไปเงี้ย มึงยังจะไปตามหงุดหงิดมันอีกเหรอวะ" ปัณวิทย์มองใบหน้าของเพื่อนแล้วก็ต้องส่ายศีรษะช้าๆ



...กูว่าแม่งจริงจัง



"ไม่รู้ว่ะ กูถึงสับสนอยู่นี่ไง ปัน....กูพูดตรงๆว่ะ กูกลัวว่า...กูอาจจะชอบมัน" นักกีฬาหนุ่มยอมรับอย่างหมดท่า



"กูไม่เข้าใจตัวเองว่ะ เป็นเพื่อนกันมา อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน...แล้วทำไมอยู่ๆวันนึงแม่ง...กูดันชอบมันเข้าไปแล้ว"



".... กูจะรู้ไหมวะ สำคัญคือมึงชอบมันจริงๆหรือแค่ติดลมไปเพราะเล่นเป็นแฟนหลอกๆ มึงเข้าใจกูใช่ไหม" ปัณวิทย์เอนหลังพิงกับเบาะรถบ้างพลางถอนหายใจออกมา



"ก็เลิกเล่นเป็นแฟนสักพัก แล้วดูว่ายังคิดไหม"



"มันแม่งน่ากลัวกว่าตรงที่กูไม่อยากเลิกนี่แหละ" ศิวะลุกขึ้นนั่งแล้วหันมามองเพื่อนที่นั่งอยู่ติดกัน



"ขอกูกอดมึงที" ไม่รอคำขออนุญาต ศิวะรวบร่างเล็กบางกว่าตัวเองเข้ามากอดแน่นทันที



"เฮ้ย ไม่ขำ" ปัณวิทย์ตัวแข็งขึ้นมาทันทีด้วยความไม่คุ้นเคย



"ไม่เหมือน...." ศิวะยอมปล่อยง่ายๆ ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียดยิ่งไปกว่าเดิม



"กอดกับมึง...ไม่เหมือนกอดไอ้อัฐตอนนี้ว่ะ มันไม่ใช่....ไม่ใช่ว่ะปัน"



"ไม่ใช่ยังไงวะ บอกกูดิ๊" เด็กหนุ่มยกมือขึ้นปัดๆตามเนื้อตัว



"จะได้เข้าใจ"



"กูไม่ใจเต้นกับมึง....แต่กูกันใจเต้นกับไอ้เตี้ย...." เด็กหนุ่มพึมพำเบาๆแล้วหลับตาลงช้าๆ.....ถึงไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนตอนนี้ เพื่อนเตี้ยปากหมาที่ก่นด่าทุกวันจะกลายเป็นใครก็ไม่รู้ที่ทำให้เขารู้สึกลึกซึ้งกว่าคำว่าเพื่อนไปแล้ว



"ตอนมึงชอบพี่เดฟ...มึงรู้สึกไงวะ ทำไมอยู่ๆมึงถึงไปชอบผู้ชาย"



"แม่งปล้ำกูไง" พูดจบก็หันไปมองคนที่ยังยืนอยู่นอกรถ



"... แต่แม่งรักกู อยู่ด้วย... แล้วทำให้กูรู้สึกมีค่า..." พอเห็นอีกฝ่ายมองมาเขาก็รีบหันหน้ากลับมามองเพื่อน



"อย่าบอกพี่เดฟนะเว้ย"



"สรุปว่ามึงโดนพี่เดฟปล้ำ แต่พี่เดฟดีกับมึงมากๆ...มึงเลยรักเขาเหรอวะ ตรรกะเสื่อมทั้งมึงทั้งพี่เดฟเลยว่ะ" ศิวะหยอกกลับ...แค่ดูก็รู้ว่าพี่เดฟกับไอ้ปันรักกันแค่ไหน



"ถ้าเป็นแบบมึง กูไม่ต้องไปปล้ำไอ้เตี้ยเหรอวะ"



ปัณวิทย์ก้มหน้าลงเพราะรู้สึกว่าใบหน้าร้อนขึ้น



"ไม่ได้ตรรกะเสื่อม พี่เขาทำให้กูรู้ ว่าเป็นยังไงเวลาคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นมาก่อนตัวเอง รัก... รักน่ะมึง เข้าใจปะ" เขามองตาสีเข้มของเพื่อนตัวเองอย่างจริงจัง



"ถ้ามึงปล้ำไอ้อัฐ มึงเสียเพื่อนแน่..."



"กูไม่ทำหรอก" รับคำเสร็จ นัยน์ตาใต้กรอบแว่นก็มองออกไปนอกกระจกรถ ชยางกูรยังยืนอยู่ไม่ไกล...และมองมาที่เพื่อนของเขาด้วยแววตาที่บ่งบอกทุกสิ่งในใจ



"แล้วมึงคิดว่าระหว่างกูถอยออกมาจากมันให้มันคบกับมีนไป กับบอกมันไปตรงๆว่ากูชอบมัน อันไหนดีกว่ากันวะ หรือกูควรถอยออกมาแล้วดูความรู้สึกตัวเองก่อนดี"



"มึงถอยออกมาก่อนก็ดี เอาให้ชัวร์ แล้วค่อยว่ากันอีกที" เขาตบบ่าเพื่อนรักของตัวเองแรงๆสองสามที



"ขอบใจว่ะปัน" ศิวะพูดอย่างจริงจัง



"กูจะลองถอยมาก่อน ถ้ามีน...เป็นคนดีจริงๆ กูก็ควรให้ไอ้อัฐมันมีความสุขไปสินะ เอาเหอะ...กูไปล่ะ เดี๋ยวพี่เดฟหงุดหงิดแดกหัวกู" นักกีฬาหนุ่มยิ้มอีกครั้งแล้วเปิดประตูรถลงไป



"เสร็จแล้วครับพี่เดฟ ไปก่อนนะครับ" เขายกมือไหว้แล้วเดินจากไป



"คุยอะไรกันน่ะปัน" ชยางกูรถามคนที่เปิดประตูตามลงมาจากด้านหลังรถ



"ไม่บอก... ได้ไหม" ปัณวิทย์เดินมาเปิดประตูที่นั่งด้านคนขับแล้วกระโดดขึ้น



"ขี้งก เห็นนะว่าซายน์แอบกอดปันน่ะ" ชยางกูรพูดขำๆ ไม่คิดอะไรกับภาพเพื่อนกอดกันที่เห็น



"การทดลองทางวิทยาศาสตร์ ขับรถไปเลย" ไม่พูดเปล่า แต่ยังสั่งซ้ำพลางทำเสียงดุใส่ จนเมื่อชยางกูรออกรถมาแล้ว เขาถึงได้หันมามองหน้าคนขับรถประจำตัวก่อนจะเอนศีรษะพิงเข้ากับต้นแขนซ้ายเบาๆ



"ขับรถไป ไม่ต้องหันมา ไม่ต้องถาม เงียบๆเลย" กระต่ายตัวโตพูดดักคอเสียงเข้ม



"เป็นอะไรหรือเปล่า เราน่ะ" ถึงสายตาจะจ้องไปที่ท้องถนนแต่เขาก็รู้ว่าคนที่พิงอยู่ทำหน้ายังไง



"กังวลนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร..." ปัณวิทย์หลับตาลงช้าๆก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา



"... พี่เดฟ..." เสียงที่เข้มๆในทีแรกนั้นฟังดูอ่อนลงก่อนที่ประโยคต่อไปจะแผ่วเบาจนเหมือนเสียงกระซิบ



"อย่าทิ้งปันนะ..."



ชยางกูรเหลือบมองคนข้างๆก่อนจะหักรถตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง ท่อนแขนแข็งแรงดึงคนรักเข้ามากอดไว้แนบอก เขากดปลายคางลงบนกระหม่อมเล็กๆ....กอดแน่นเช่นเดียวกับความรักและผูกพัน



"ไม่มีวันหรอกปัน....พี่ไม่มีวันทิ้งปันแน่นอน" ให้สัญญาด้วยหัวใจทั้งหมดที่มี



"....... อืม... รัก......... นะ" ร่างบางที่ถูกกอดไว้แน่นเอ่ยพึมพำกับแผ่นอกกว้าง



"รักปันนะ" เสียงทุ้มกระซิบแผ่ว...จบท้ายด้วยจุมพิตหวาน...อุ่นซ่านไปถึงหัวใจ



จะให้พรุ่งนี้เป็นยังไงก็ช่าง....



ขอแค่วันนี้มีคนๆนี้ในอ้อมกอด....ก็เพียงพอ














To be continued...














To be continued...
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 29 [03/09/12] รุกไม่ไปถอยไม่เป็น
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 03-09-2012 17:55:46
ได้กลิ่นมาม่าโชยมารำไร  ม่ายนะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 29 [03/09/12] รุกไม่ไปถอยไม่เป็น
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 03-09-2012 18:37:01
ชามพร้อม เส้นพร้อม รอน้ำร้อนมาเติม  o9
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 29 [03/09/12] รุกไม่ไปถอยไม่เป็น
เริ่มหัวข้อโดย: armmyrine ที่ 03-09-2012 18:37:28
อัสซี่ไม่รู้สึกไรกะซายน์เลย จริงหรอออออ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 29 [03/09/12] รุกไม่ไปถอยไม่เป็น
เริ่มหัวข้อโดย: honeyhoon ที่ 03-09-2012 19:14:33
 :z1: :pig4:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 29 [03/09/12] รุกไม่ไปถอยไม่เป็น
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 03-09-2012 19:24:22
จะถึงคราวแล้วรึ บรรยากาศหวานมักมาด้วยเรื่องเศร้า
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 29 [03/09/12] รุกไม่ไปถอยไม่เป็น
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 03-09-2012 20:54:23
ถ้าอัสซี่คบกับมีน มีมาม่าแน่เลย

น้องอัสไม่รู้สึกอะไรกับน้องซายน์บ้างเลยหรอ น้องซายน์รู้ใจตัวเองไวไวน้า แล้วลุยเต็มที่เลย เชียร์ให้รุกไวไว
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 29 [03/09/12] รุกไม่ไปถอยไม่เป็น
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 03-09-2012 22:35:04
หอมอะไร หอมหมูสับบบบ
โอ๊ยยยกลิ่นมาม่าโชยมาเชียวค่ะ
ชอบตอนที่บอกอย่าทิ้งปันนะ
กับเวลาที่ปันเรียก "พี่เดฟ"
ให้ความรู้สึกเหมือนถูกอ้อนเลยค่ะ
เอาเลยยยยพร้อมแล้ว เตรียมรอาม่านะคะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 29 [03/09/12] รุกไม่ไปถอยไม่เป็น
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 03-09-2012 23:25:56
เห็นด้วยที่ถอยออกมาเพื่อสำรวจความรู้สึก ถ้าแน่ใจแล้วก็ดับเครื่องชนไปเลยค่ะ

หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 29 [03/09/12] รุกไม่ไปถอยไม่เป็น
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 04-09-2012 00:22:22
สู้ๆ นะ ซายน์  :กอด1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 29 [03/09/12] รุกไม่ไปถอยไม่เป็น
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 04-09-2012 01:29:03
ปันปันน่ารักมากก
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 29 [03/09/12] รุกไม่ไปถอยไม่เป็น
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 05-09-2012 21:04:39
อยากกินมาม่า :serius2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 29 [03/09/12] รุกไม่ไปถอยไม่เป็น
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 06-09-2012 16:25:08
หลังจากมาม่าคู่หลักไปแล้ว สงสัยได้กินมาม่าคู่เพื่อนต่อ  :z3:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 29 [03/09/12] รุกไม่ไปถอยไม่เป็น
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 07-09-2012 02:01:35
 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 29 [03/09/12] รุกไม่ไปถอยไม่เป็น
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 07-09-2012 06:21:43
จะมาลงอีกเมื่อไรค่ะ ร้องให้ไปหลายตอน แอบลุ้นคู่เพื่อนนะค่ะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 29 [03/09/12] รุกไม่ไปถอยไม่เป็น
เริ่มหัวข้อโดย: pumpkinJack ที่ 07-09-2012 21:30:53
ท่าทางเราจะได้กินมาม่า 2 ชามโต OMG
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 30 [08/09/12] เมื่อซายน์รู้ตัว(ซะที)
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 08-09-2012 20:03:57

Kagehana : น้องซายน์เริ่มเอาจริงแล้ว จากเพื่อนสนิทชักจะกลายเป็นอื่น ฮิ







-30-






“ซายน์... มึง เป็นไงมั่งวะ” ปัณวิทย์ถือกล่องนมสตรอว์เบอร์รี่ก้าวขาเข้ามานั่งข้างๆเพื่อนของตัวเองที่เพิ่งจัดการมื้อกลางวันของตัวเองเรียบร้อย วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ไม่เหมือนเดิม


สมัยเขาคบกับไอลดา ก็ยังคงมาทานข้าวร่วมกับเพื่อนทั้งสองไม่เคยเว้น-- ผิดกับไอ้ตี๋บางตัว


“กูไม่เป็นไง” คนไม่เป็นไงกระแทกกระป๋องน้ำอัดลมลงกับพื้นโต๊ะ นัยน์ตาที่ปกติจะยิ้มเป็นนิตย์เปลี่ยนไปเป็นคนละคน... ยิ่งนับวันยิ่งเหมือนหมาบ้าเข้าไปทุกที


“ไอ้เตี้ยแม่งหายหัวไปกับสาว... ติดหญิง เห็นหญิงดีกว่าเพื่อน” ศิวะรู้....เพราะไม่ได้คิดแค่เพื่อนถึงต้องมานั่งโมโหอยู่อย่างงี้


“นี่ ไอ้ซายน์... บอกกูดิ๊ว่ามึงถอยแล้ว....” เขาหันมามองหน้าตาบูดเบี้ยวของเพื่อนด้วยความเหนื่อยใจ


“กูถอยอยู่ กูถอยแล้วเว้ยไอ้ปัน” ศิวะถอนหายใจเฮือกใหญ่พยายามจะสงบตัวเองลง


จะโมโหใส่ไอ้ปันทำไม ในเมื่อแม่งก็ไม่ใช่คนที่อยากโมโหใส่ที่สุดอยู่ดี


“โทษทีว่ะปัน กูหงุดหงิดไปหน่อย......โทษทีที่ดันไปลงกะมึง”


“ไม่เป็นไร... ตอนนู้นกูก็ลงพวกมึงไว้เยอะ... แต่มองยังไงกูไม่เห็นมึงถอยเลยไอ้ซายน์ ตามึงคอยแต่มองหามัน นี่มึงพยายามแล้วเหรอวะ” ปัณวิทย์พาดตัวลงกับโต๊ะไม้พลางถอนหายใจอีกครา


“ผ่านมาร่วมเดือนแล้วนะมึง”


“กูถอยแล้ว แต่ยิ่งถอยกูก็ยิ่งรู้ชัดขึ้นว่ามันไม่ใช่บรรยากาศพาไปว่ะปัน กูไม่ได้คิดว่ากูชอบมัน.... แต่กูชอบมันเข้าไปแล้ว มึงว่าแปลกป่ะ เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานเสือกไม่รู้ตัว แต่ดันมารู้ตัวตอนที่แม่งมีหญิงไปแล้ว” ศิวะพูดพึมพำแล้วยกกระป๋องปาลงไปในถังขยะ


“กูไม่อยากเห็นมันกับมีนเลยว่ะ แต่กูก็ยังอยากให้มันมีความสุข......” ทำไมจะไม่รู้ว่าอาธิปรอเวลาที่จะมีแฟนคนแรกมานานแค่ไหน ไอ้ตี๋เตี้ยดีแต่ปากจีบหญิงไปวันๆ... แต่ไม่เคยคบใครคนนี้


“ถ้าพวกมึงไม่เล่นเป็นแฟนกัน จะเป็นงี้รึเปล่าวะ” ปัณวิทย์ถามต่อ ไม่ใช่เพราะอยากจะบอกว่าเหตุการณ์พาไป แต่เพราะอยากจะยืนยันให้แน่ใจจริงๆ


“แล้วทำไมต้องเป็นไอ้อัฐ มึงไม่ชอบผู้ชาย ทำไมต้องเอาไอ้อัฐมาเป็นแฟนเพื่อไล่น้องแพน อะไรพวกนี้ มึงเคยคิดหาคำตอบบ้างไหมวะ”


ศิวะนิ่งคิด.... เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าทำไมถึงต้องเป็นอาธิปที่ต้องมาเป็นแฟนจำเป็นให้ เขาเคยคบแต่ผู้หญิง....แต่ก็มีความสุขมากกว่าถ้าได้อยู่กับเพื่อนคนนี้


บางที....ความผูกพันมันคงจะเปลี่ยนรูปร่างได้


...และกลายเป็นความรักโดยไม่รู้ตัว...


“ตอนแรกกูก็คิดแค่ว่าสะดวกดี...แต่มันไม่ใช่แค่นั้นว่ะ เล่นเป็นแฟนกันมันก็อาจจะใช่ แต่ความรู้สึก...มีความสุขของกู ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแน่” คิ้วเข้มขมวดแน่นแล้วคลายออก...กิริยาที่ทำทุกครั้งที่คิดไม่ตก


“กูเกือบจะจูบมันไปแล้วด้วยซ้ำเหอะ ตอนที่กูไปง้อมันน่ะ”


“.......... เฮ้อ เอาไงก็เอา กูอยู่ข้างมึง แม่งยิ่งหัวช้าๆอยู่ ดูท่าทีไปอีกนิดนะมึง” เขาเอื้อมมือไปตบบ่าเพื่อนเบาๆ เพื่อย้ำถึงกำลังใจของตัวเอง


“หัวช้าจนโง่เลยมันน่ะ” แม้ปากจะว่าแต่คนพูดกลับยิ้มน้อยๆแทน


“ตอนนี้กูชักเข้าใจความรู้สึกของมึงแล้วว่ะ การยอมรับตัวเองว่าชอบผู้ชายนี่แม่งไม่ง่ายเลย มึงเข้มแข็งมาก...แต่คงเพราะมึงมีพี่เดฟด้วยล่ะนะ”


“... ไม่สนุกเลยล่ะ กูจะบอกให้... แล้วมึงลองคิด ถ้าคุณเขารู้ กูคงโดนเฉดหัวออกจากบ้าน” พูดจบก็นึกถึงสถานการณ์ของตัวเอง เพราะกำลังมีความสุข ถึงได้ไม่อยากจะนึกถึงความจริงข้อนั้น


...วันที่พลภัทรจะรู้ความจริง...


...จะมาถึงเมื่อไหร่กัน...


“... ส่วนมึง... ก็ดูไปก่อน กูไม่รู้หรอกว่ะว่าไอ้เตี้ยคิดยังไงบ้าง แต่มันโง่ คิดอะไรซับซ้อนไม่เป็น... ค่อยๆดูไปก็อาจจะเวิร์ค”


“เออ มีมึงนี่แหละที่กูปรึกษาได้” ศิวะตบบ่าแทนคำขอบคุณ


“ไม่เป็นไร ก็ต้องช่วยกันดิวะ” ปัณวิทย์รับคำขอบคุณด้วยการตบบ่ากอดคอเพื่อนเช่นกัน


“กูยังคิดอยู่เลยว่าถ้าคนที่กูชอบไม่ใช่มัน...ไม่ใช่เพื่อนที่กูคบมาตั้งแต่อนุบาล กูคงไม่ลำบากใจไม่ลังเลที่จะพูดบอกมันไปตรงๆแน่ แต่พอเป็นมัน...กูรู้สึกเสียดายความสัมพันธ์ว่ะ กูรู้นะเว้ย ว่าถ้ากูพูดออกมายังไงมันก็ไม่มีทางเหมือนเดิม กูรู้ว่าไอ้อัฐไม่มีทางชอบกู แต่กูก็เสือกโง่ไปชอบมัน” ศิวะระบายคำพูดยาวเหยียดด้วยความรู้สึกอัดอั้น


“ไม่พูด...ดีกว่าใช่มั้ยวะปัน”


“.... ดูไปก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที ดีกว่า... กูไม่อยากบอกว่าให้มึงตัดใจตั้งแต่ตอนนี้ เพราะทรมานมึง แล้วมึงก็ทำไม่ได้” ปัณวิทย์ได้แต่พูดให้กำลังใจโดยที่ไม่อาจคิดได้เลยด้วยซ้ำว่าถ้าพูดออกไปจริงๆ อาธิปจะเป็นยังไง


“อยากแดกเบียร์แก้เครียดโว้ย” เด็กหนุ่มบ่นแล้วถอนใจยาว


“ชวนพี่เดฟไปแดกเบียร์กันมั้ยมึง”


“ได้ เอาปะ เดี๋ยวกูโทรบอก” ไม่พูดเปล่า แต่มือของเขายังเอื้อมหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาทันที


ศิวะพยักหน้ารับ เขารอฟังเสียงปัณวิทย์คุยกับชยางกูร ถึงแม้จะไม่ได้พูดหวานแต่ก็รับรู้ถึงความเอื้ออาทรที่ส่งผ่าน...และใบหน้ามีความสุขของเพื่อนคนนี้


“เดี๋ยวเย็นนี้พี่เดฟมารับ แล้วมึงเอาไง แฟนปลอมๆของมึงน่ะ เอาไปด้วยปะ” ปัณวิทย์เก็บโทรศัพท์ของตัวเองลงกระเป๋าหลังจากจัดแจงนัดแนะที่ทานอาหารเย็นของวันนี้กับคนรักเสร็จ


“มึงให้มันไปป่ะล่ะ ถ้าให้เดี๋ยวกูไปลากมันจากมีนเอง ไปแดกไหนอ่ะมึง”


“ร้านพี่เดฟเคยไป จะชวนมันไปก็ชวน กูไม่ว่าไรอยู่แล้วมึง” เขาตบบ่าศิวะอีกทีเพื่อให้กำลังใจ ถ้าเอาเพื่อนตัวดีมาด้วย จะมีได้เสียกันเพราะมอมเหล้าไหมก็ไม่อาจรู้ได้


“เออ ชวนก็ชวน” ศิวะยกโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไปหาอาธิป พอเจ้าตัวกดรับก็รีบถามทันที


“ไปแดกเบียร์กันไอ้อัฐ”


-เออ ได้ ที่ไหนวะ- ปลายสายตอบด้วยเสียงเริงร่า


“ร้านเพื่อนพี่เดฟมั้ง บ้านไอ้ปันไปทั้งผัวทั้งเมีย แล้วก็กูกับมึง” ศิวะตอบกลับ...หมั่นไส้โว้ย เสียงแม่งระรื่นจริง


-โอเค กูถามมีนได้ไหมวะ ว่าเขาอยากมาด้วยป่าว- เจ้าของเสียงระรื่นถามต่อเมื่อนึกถึงเด็กสาวที่น่ารักคนนั้น


“ไปกันแต่ผู้ชาย เขามาด้วยไม่สนุกหรอก ไม่ต้องเอามาเข้าใจป่ะ”


-อะไรวะ ทีเมื่อก่อนมึงกับไอ้ปันยังเอาแฟนไปได้เลย โคตรไม่แฟร์กับกู- หนุ่มตี๋ทำเสียงขุ่นใส่


“ถ้ามึงจะพามาก็ไม่ต้องไป...เชี่ยติดแฟน” ศิวะดันโทรศัพท์เข้าไปหาปัณวิทย์แล้วถอนหายใจหงุดหงิด


“มึงคุยกะมันหน่อยปัน แม่ง....ของจะขึ้น”


“ทำไมวะอัฐ มึงมีไร”


-ถามไอ้ศิวะลึงค์ดิวะว่ามีห่าอะไร กูแค่บอกว่าจะเอาน้องมีนไปด้วย เหมือนที่พวกมึงเคยเอาแฟนไป แม่งไม่ให้-


ปัณวิทย์ถอนหายใจพลางมองเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย


“เออ ก็ไม่ต้องเอาไป พี่เดฟเค้าไปด้วย เดี๋ยวน้องมีนอะไรของมึงเปลี่ยนใจนะ”


...ลองเปลี่ยนมาจริงๆกูก็ไม่ให้หรอก


-จริงด้วย พี่เดฟหล่อเหี้ยๆ โอเคๆ งั้นกูไม่เอาไป เจอกันมึง บอกศิวะลึงค์ว่าเลิกโมโหได้ละ- จบประโยค อาธิปก็กดตัดปลายสายไป


“เอ้า โทรศัพท์มึง... เก็บอาการเก่งเหี้ยๆเลยครับ” เด็กหนุ่มร่างบางหันมายื่นส่งโทรศัพท์ให้


“เก่งเหี้ยเลยเนี่ยกู” ศิวะก้มหน้าลงแล้วเอามือขยี้หัวตัวเอง


“เซ็งวะ ชอบใครไม่ชอบเสือกชอบไอ้เตี้ยโง่ๆที่ไม่ได้รู้อะไรใครแม่งเลย”


“เอาน่ามึง เดี๋ยวไปกินเหล้าก็หาย” เขาเอื้อมมือมาตบไหล่ศิวะเบาๆก่อนจะยืดตัวลุกขึ้นแล้วก้าวออกจากเก้าอี้


“ไป เข้าเรียน”







//////////////////////////////////////////////////






“แล้วไงนะ น้องมีนก็เลยมาหาทุกวัน” เสียงที่ถามเป็นของเจ้าของเรือนผมสีทองที่พยายามทำบรรยากาศให้ดูสบายๆ ทั้งๆที่ไม่ใช่เพื่อนรุ่นเดียวกันสักนิด


ชยางกูรลอบมองตาปัณวิทย์ที่นั่งคุมเชิงอยู่กับอีกคนที่เอาแต่นั่งเงียบสาดเบียร์เข้าปาก


...ไม่ช่วยแฟนเลยนะปัน...


“ช่าย น่ารักโคตรๆเลยนะพี่เดฟ นี่ อัสซี่มีรูปให้ดู อย่าจีบนะ คนนี้ของผม” คนที่ดูยังไงก็รู้ว่าเมาไปถึงไหนแล้วล้วงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาแล้วกดเปิดภาพของมีนาอวดคนตรงข้ามดู


“นี่ น่ารักป่าว”


หญิงสาวในรูปดูเรียบร้อยน่ารัก ไม่ถึงขั้นว่าเห็นแล้วติดตาติดใจแต่ก็ดูแปลกกว่าเด็กสาวทั่วไปที่มักจะโหมประโคมกันจนเกินความจริง


“ก็น่ารักดีแต่พี่มีแฟนแล้ว...เนอะปัน”


“ขี้เห่อ!” คนที่นั่งนิ่งอยู่นานคว้าโทรศัพท์ของเพื่อนมาดูแล้วหัวเราะเบาๆ


“ก็ดี...จืดๆเหมาะกับมึงไง” ศิวะกดจะลบ....แต่ก็ไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของเพื่อน


...กูแม่งแย่...


“ปากเหี้ยตลอดนะมึง อิจฉากูอะเด้” เขาเอื้อมดึงเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองคืนแล้วยิ้มเรี่ยราดตามประสาคนเมา


“เค้าทำขนมทำเค้กมาให้กินบ่อยๆ โคตรมีความสุขอะพี่”


“เอาโทสับมึงมา” ศิวะเอื้อมคว้าโทรศัพท์ในมือคนเมาคืนมาแล้วเปิดโหมดถ่ายรูป เขากดถ่ายรูปชยางกูร


“นี่ผัวเพื่อน” หันมากดถ่ายปัณวิทย์ “เพื่อนมึงนี่เมียพี่เดฟ”


“แล้วนี่กู.....” เด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นโหมดถ่ายตัวเอง เงาสะท้อนในกล้องเห็นถึงเด็กหนุ่มที่เกือบจะโตเป็นชายหนุ่มหากแต่ใบหน้าบูดบึ้ง


“.....แฟนมึง คนที่อยู่กับมึงมาทั้งชีวิตแต่เสือกไม่มีรูปในมือถือมึงเลยไอ้เตี้ย”


“ทั้งชีวิตอะไรของมึงวะ เอามือถือกูคืนมา” เขาเอื้อมไปพยายามคว้าเอาคืน แต่ด้วยฤทธิ์เหล้าที่ดื่มเข้าไปทำให้โลกมันหมุนง่ายกว่าปกติจนต้องใช้แขนยันโต๊ะเอาไว้


“เป็นแฟนกันหลอกๆ ทำไมต้องมีวะ” คนที่ตาปกติก็ไม่ได้โตอยู่แล้ว พอตอนเมายิ่งทำให้ดวงตาหรี่ปรือหนักกว่าเดิมจนแทบจะมองไม่เห็น


เหี้ย....


เจ็บเหี้ยๆ....


ศิวะแทบจะเอามือถือหย่อนลงในถ้วยซุปแต่ยังดีที่ถูกชยางกูรใช้สายตาห้ามไว้ เขายื่นโทรศัพท์คืนอาธิปแล้วยกแก้วเบียร์ขึ้นมาดื่มจนหมด


“ซายน์...ใจเย็น” ชยางกูรลอบปราม “อย่าถือคนเมา”


“ขอโทษครับพี่เดฟ ไอ้ปัน..มึงจะกลับยัง”


“กูไงก็ได้ มากะพี่เดฟ พ่อเลิกด่ากูแล้ว ไอ้ตี๋นี่เอาไง” เขาหันมามองคนที่ดูคล้ายจะหลับไม่หลับแหล่แล้วก็ถอนหายใจออกมา


“ให้กูกะพี่เดฟไปส่งไหม”


“ทิ้งแม่งไว้นี่แหละ” ปากจะพูดอย่างไรแต่การกระทำกลับตรงข้าม ศิวะเอื้อมมือไปลูบไหล่ของคนที่ฟุบหน้าสะอึกอยู่บนโต๊ะ


“คออ่อนยังกินเข้าไปอีก มึงนะมึง... ภาระเพื่อน”


“เดี๋ยวพี่ไปส่งบ้านอัฐก็ได้ เนอะปันเนอะ”


“ไม่อ่ะพี่ เดี๋ยวม๊ามันด่า เมาเป็นหมาอย่างงี้ลากมันไปทิ้งไว้คอนโดผมดีกว่า มึงว่าไงปัน”


“... คอนโดมึงเลยนะ อย่าทำอะไรพิเรนทร์อย่างคนแถวนี้ล่ะมึง” เขาได้แต่ถอนหายใจออกมาอีกครั้งกับความสัมพันธ์ของเพื่อนทั้งสอง


...คนนึงก็รักเหี้ยๆ อีกคนแม่งควาย...


“เออ กูไม่.....” ศิวะมองหน้าชยางกูรแล้วยิ้มแหย..ตัวการนั่งอยู่ตรงนี้ใครจะกล้าพูดวะ


“เอาเป็นว่าเอาไปทิ้งคอนโดกูแล้วกัน”


















To be continued...
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 30 [08/09/12] เมื่อซายน์รู้ตัว(ซะที..)
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 08-09-2012 20:39:11
อ่านตอนนี้แล้วสงสารน้องซายน์มากกกกก

ช่วยเขี่ยมีนออกไปทีค่ะ ไม่ไหวแล้ว

ส่วนน้องอัฐ ปากหน้าตีมาก พูดจาทำร้ายจิตใจน้องซายน์สุดๆ น้องซายน์มาให้เค้ากอดปลอบหน่อยมาม่ะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 30 [08/09/12] เมื่อซายน์รู้ตัว(ซะที..)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 08-09-2012 22:40:28
อยากรู้จังว่าชายน์จะสมหวังไหมนะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 30 [08/09/12] เมื่อซายน์รู้ตัว(ซะที..)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 09-09-2012 07:34:16
อัสซี่ ก็ยังเป็นควายโดนชะนีหลอกเหมือนเดิม  :เฮ้อ:

ซายน์ ยอมเปลืองตัวลงไปเล่นเกมส์หลอกล่อชะนีให้เผยธาตุแท้ซะหน่อยสิ  o18
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 30 [08/09/12] เมื่อซายน์รู้ตัว(ซะที..)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 09-09-2012 09:21:07
ตอนหน้าจัดหนักให้อัชชี่ซักทีดีมั๊ยนะ  หมั่นไส้นะเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 30 [08/09/12] เมื่อซายน์รู้ตัว(ซะที..)
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 09-09-2012 10:18:21
สงสารน้องซายน์อะ น้องอัสซี่ขาขอรู้ใจไวๆๆ ก่อนสายนะค่ะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 30 [08/09/12] เมื่อซายน์รู้ตัว(ซะที..)
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 09-09-2012 13:02:17
อัซซี่ แมรง !!!~  :really2: :really2: :really2: :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 30 [08/09/12] เมื่อซายน์รู้ตัว(ซะที..)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 09-09-2012 14:02:58
อัสซี่ขี้เห่อไปตามประสานั่นแหละ แต่ถ้ายัยมีนคิดไม่ซื่อขึ้นมา คงเจ็บหนัก :z3:
ถึงเวลานั้นซายน์ค่อยปลอบ(ถึง)ใจก็ได้นินา อย่าเพิ่งปล้ำ เอ๊ะ หรือว่าปล้ำเหมือนพี่เดฟก็ดีนะ ได้ผลเร็วดี :laugh:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 30 [08/09/12] เมื่อซายน์รู้ตัว(ซะที..)
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 09-09-2012 14:21:08
รู้ตัวแล้วทีนี้ก็รวบรวมความกล้ารุกเลย
ไอ้เตี้ยก็น่าจะชอบเพื่อนอยุ่แล้ว
แต่ไม่กล้าคิดมากกว่า
รอตอนต่อไปอยูนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 30 [08/09/12] เมื่อซายน์รู้ตัว(ซะที..)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 09-09-2012 16:05:06
สู้ๆ นะซายน์  :z10:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 30 [08/09/12] เมื่อซายน์รู้ตัว(ซะที..)
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 09-09-2012 16:23:17
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 31 [12/09/12] กูชอบมึง!
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 12-09-2012 20:55:05

kagehana : แหะแหะ คงไม่ได้เรียกว่าจัดหนักใช่มั้ยคะ แค่อาบน้ำให้เอง มิมิ






-31-








“เฮ้อ กลุ้มเว้ยกลุ้ม” ปัณวิทย์ทิ้งตัวลงกับเบาะรถนุ่มๆพลางถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วของวันก็ไม่อาจจำได้


“ปันจะทำไงกับพวกมันดีวะพี่เดฟ...”


“ซายน์ชอบอัสซี่ตั้งแต่เมื่อไหร่” ชยางกูรถามยิ้มๆแล้วโน้มตัวลงไปหอมแก้มเบาๆ


“ตั้งแต่เล่นแกล้งเป็นแฟนกัน เพิ่งรู้ตัวเอาตอนมีสาวมาหาไอ้ตี๋” แม้จะทำเสียงคล้ายรำคาญ แต่เขาก็ไม่ได้เบือนหน้าหนีสัมผัสนั้น


“งั้นปันก็ไม่ต้องทำอะไร ปล่อยไปเถอะ” คนเป็นพี่พูดขำๆแล้วเริ่มสตาร์ทรถ


“มันเป็นเรื่องของซายน์กับอัสซี่ ถึงจะเป็นเพื่อนแต่เรื่องความรักยังไงๆก็เป็นเรื่องของพวกเขา ปันเข้าใจที่พี่พูดป่ะ ก็เหมือนกับเราไง...มันเป็นเรื่องแค่คนสองคนที่ต้องเข้าใจกันเอง”


“... พูดง่ายนี่... ปันห่วงพวกมัน ไอ้อัฐยิ่งโง่ๆอยู่ เดี๋ยวแม่งแตกหักกันมา... จะทำไง” เด็กหนุ่มหันมาหา ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงประท้วงอย่างชัดเจน


“ปันมีเพื่อนแค่พวกมันสองตัว... แตกกันมีแต่ต้องเลือก... เฮ้อ อย่างไอ้อัฐคงเตรียมนอยก่อนเลย...” ปัณวิทย์บ่นถึงเด็กหนุ่มหน้าตี๋ที่ดูจะมีความคิดความอ่านที่เด็กกว่าอีกคน


...และคนที่ว่านั้นก็กำลังนั่งมองอาธิปที่นอนยิ้มหวานเรี่ยราดอยู่บนโซฟาของตัวเอง


ศิวะนั่งมองอาธิปในชุดรุ่ยๆที่เจ้าตัวคิดว่าเท่นักหนานอนยิ้มหวานอยู่บนโซฟาของเขา ในห้องของเขา...ใช่ ปกติแล้วเขามักจะไปขลุกบ้านอาธิปแต่สิ่งที่เรียกว่าบ้านของเขาก็คือห้องชุดในคอนโดใจกลางกรุง สองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องนั่งเล่น.....และอยู่คนเดียว


ศิวะไม่เคยคิดว่าเขาเหงา เพราะเป็นความเคยชินมาตั้งแต่เด็กแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านแบบบ้านของอัฐอยู่แล้วอบอุ่นกว่ามาก


“แดกไม่คิด ไงล่ะมึง” มือใหญ่ของเด็กหนุ่มแตะปาดปอยผมที่ปรกหน้าขาวที่ขึ้นสีแดงชัดเจนเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์


“อือ..... เอามาอีกเด้...” อาธิปปัดมือออกแล้วพลิกตัวหนี หันหลังให้กับเจ้าของห้องพลางส่งเสียงพึมพำไม่ได้ศัพท์ออกมา


“ไอ้อ่อนเอ๊ย มานี่มา”


ศิวะจับตัวเพื่อนพลิกให้นอนหงายแล้วตบที่แก้มเบาๆ


“เหม็นชิบ ไปอาบน้ำเลยมึง”


“กูจะนอน” แขนข้างหนึ่งยกขึ้นมาปัดมือของร่างสูงออกอีกรอบแล้วหันตัวมาอีกทาง


“มึงอาบเลย...” อาธิปพูดต่อทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา


“โซฟากูเหม็น ไปอาบเลยสัด”


แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่นอนอยู่ มีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอกับเสียงสะอึกคั่นมาเป็นระยะๆเท่านั้น


“เตี้ยเอ๊ย”


เด็กหนุ่มมองเพื่อนที่นอนไม่หือไม่อือบนโซฟาแล้วได้แต่ถอนใจ ถ้าเป็นไปได้...เขาอยากจะย้อนวันเวลากลับไปเป็นแค่เพื่อนเหมือนเดิม


...ไม่ใช่อะไรที่ต้องมานั่งเจ็บอย่างนี้...


ศิวะประคองอาธิปให้ลุกขึ้นนั่งแล้วดึงเสื้อยืดออกทางหัว “เชื่ยอัฐ ตื่นโว้ย”


“เหี้ย อะไรวะ” อาธิปลืมตาขึ้นมามองเพียงข้างเดียว “รุนแรงกับแฟน ใช้ไม่ได้เลยมึง” เขายกมือขึ้นให้เจ้าของห้องได้ดึงเสื้อออกให้


“ทำเบาๆ เซอร์วิสเยอะๆ.... ดิวะ”


“แฟนกูเหี้ยไร พูดถึงแต่สาวอื่น” สองแขนสอดประคองข้างใต้รักแร้แล้วยกตัวอาธิปขึ้น ศิวะเปลี่ยนมือมาเป็นโอบไว้ทั้งตัวแล้วดึงกางเกงยีนส์ของคนเมาออก


“เมาเหมือนหมาเดี๋ยวกูปล้ำเลย”


“อือ ดีมาก อาบน้ำให้กูด้วยเลยงั้น” เหมือนคำพูดของอีกฝ่ายจะไม่เข้าหูของเขาเท่าไหร่ ได้แต่ทำตัวตามสบายปล่อยให้แฟนปลอมๆได้ทำหน้าที่ดูแล โดยที่ไม่ล่วงรู้ถึงความจริงภายในใจของอีกคน


“อัฐ กูไม่ตลก” ศิวะรวบร่างปวกเปียกขึ้นมากอด มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าตอนนี้หัวใจเขาเต้นแรง...มากแค่ไหน


“กูไม่ใช่มีน กูเป็นแฟนปลอมๆของมึง มึงเป็นเพื่อนกู...แต่กู....”


...กูดันชอบมึงเข้าไปแล้ว


“มึงรู้ตัวป่ะวะอัฐว่ามึงเป็นเพื่อนที่ไม่ได้เรื่องทึ่สุดในโลกเลย”


“.............. เออ กูมันห่วย ไม่เคยมีดีหรอก เทียบกับพวกมึงไม่เคยได้ มึงไม่ต้องมาตอกย้ำกูก็ได้ อึก...” อาธิปยืนเองแทบไม่ค่อยอยู่ แต่คนเมาก็เอ่ยตัดพ้อได้อย่างจริงใจ


“มึงมันห่วย มึงมันไม่ได้เรื่อง มึงโง่” ศิวะสนองให้ด้วยการด่าย้ำ เขากอดร่างเตี้ยๆที่แดงไปทั้งตัวเอาไว้แนบอกพลางกัดริมฝีปากแน่น


“แต่มึงแม่งเป็นคนดี....ดีกว่ากูหลายเท่า”


คนไม่ดีอย่างกู...ถึงต้องมานั่งอิจฉาเวลามึงมีคนอื่น


คนอย่างกู...ที่ใช้คำว่าแฟนปลอมๆหลอกตัวเองไปวันๆ


ไม่กล้า...ที่จะพูดความจริง


“อาบน้ำป่ะ กูอาบให้”


“อาบให้กู อึก... เนี่ย... ทำดีแล้วมึง” เขามองหน้าคนที่สูงกว่าแล้วยิ้มกว้างให้


“เดี๋ยวกู... อาบเอง ไม่เป็นไร กูดีใจแล้ว”


“ถ้ากูดีกับมึงมากๆ..มึงจะรักกูป่ะ” ศิวะเผลอพูดออกไป....เผลอพูดความจริง...


“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง อึก กูไม่รักมึงได้ไง มึงเป็นเพื่อนคนแรกของกู ไอ้บ้าศิวะลึงค์” อาธิปเอื้อมมือไปผลักศีรษะของคนที่ยืนได้แต่ไม่สู้จะหนักแน่น


“อาบแล้ว...” เขาเดินเซไปโดยใช้มือข้างหนึ่งยันผนังห้องน้ำไว้


“มึงรักกู....แต่ไม่เหมือนที่กูรักมึงหรอก” ศิวะนั่งมองร่างโงนเงนที่เข้าไปในห้องน้ำ ประตูไม่ปิดด้วยซ้ำ


อาธิปเป็นแบบนี้เสมอ ไม่คิดอะไรมาก ไม่กังวลอะไรและไว้ใจคนรอบข้างเสมอ อาธิปไม่เคยระแวงว่าใครจะทำร้ายตัวเอง ไอ้ตี๋เตี้ยมีแต่รอยยิ้มให้คนใกล้ตัวและให้ทุกคนเท่าเทียม


มันเป็นคนดี...แต่ที่ศิวะทนไม่ได้ก็เพราะมันดีและไว้ใจเขาเกินไป


“กูอาบด้วย”


ปัณวิทย์บอกให้เขาถอย...ให้เขารอจังหวะเพื่อดูหัวใจตัวเอง


“ไอ้เตี้ย กินที่ว่ะมึง”


แต่ถ้ารอแล้วต้องให้ไปเป็นของคนอื่น...แล้วจะมีประโยชน์อะไร


“เฮ้ย” คนที่ลืมตาเพียงครึ่งเดียวหันมาหาขณะที่กำลังใช้ฝักบัวราดน้ำลงบนตัวอยู่


“แล้วจะเข้ามาทำไมวะ กูบอกให้รอ” รอยยิ้มไม่ได้หายไปจากใบหน้าขาวๆของอาธิป กลับกัน เด็กหนุ่มหันปลายฝักบัวให้น้ำรดใส่อีกคน


“สัด!!” พูดคำเดียวเจ้าของห้องก็ฉวยฝักบัวมาถือแล้วเปิดแรงสุดฉีดใส่หน้าไอ้ตี๋เตี้ยเป็นลูกหมาตกน้ำ


เสียงหัวเราะทุ้มห้าวดังก้องทั่วห้องน้ำ มือใหญ่ลูบไล่น้ำออกจากใบหน้าขาวๆ


“เอาคืนไงคุณแฟน ห้ามโกรธนะมึง”


“เจ็บนะเว้ย เดี๋ยวหน้าช้ำหมดหล่อน้องมีนไม่หลง อึก” พูดจบก็สะอึกอีกที ทำให้เห็นชัดเจนว่าไม่สร่างเมาเลยแม้แต่น้อย


“หล่อได้แค่นี้ยังกล้าพูด” ศิวะตบหลังเพื่อนเบาๆให้คลายอาการ


“ดีๆเว้ยดีๆ อาบน้ำดีๆ”


เด็กหนุ่มกดสบู่เหลวในขวดปั๊มลงฝ่ามือแล้วขยี้เบาๆให้เกิดฟอง มือใหญ่แปะลงไปบนผิวขาวสะอาดก่อนจะลูบเบาๆตามแผ่นอกเปลือยเปล่า


“เมาเป็นหมาอย่างงี้เดี๋ยวโดนใครหน้ามืดลากไปปล้ำหรอก ทีหลังอย่าแดกถ้าคออ่อน เข้าใจป่ะ”


“กูไม่ได้คออ่อน อึก !? จั๊กจี้เว้ย” อาธิปถอยตัวที่โอนเอนหนีจากสัมผัสที่ชวนให้หัวเราะเล็กน้อย


“ฮ่าๆ ใครจะ ปล้ำกู ว้า”


กูไงไอ้เชี่ย....


“หมาแถวนี้แหละ อยู่เฉยๆดิ่วะ” ศิวะฉีดน้ำล้างแล้วยื่นแปรงสีฟันที่บีบยาสีฟันไว้แล้วให้ “เหม็นเบียร์ เหม็นคุกกี้ แปรงฟันด้วย”


“คร้าบ แฟนคนดี” เด็กหนุ่มรับเอาแปรงสีฟันมาก็ตั้งหน้าแปรงด้วยดวงตาที่ยิ้มจนเป็นเส้นโค้ง


“ดูกู แบบนี้ อึก ทุกวัน ดิวะ”


“มึงก็อย่ามัวไปดูมีนดิ่ว่ะ กูดูมึงอยู่ทุกวัน...มีแต่มึงแหละที่ไม่เห็นกู” พูดจบมือที่ฟอกสบู่ให้ก็หยุดนิ่ง....


ต่อให้กูพูดอะไรไปมึงก็ไม่รับรู้หรอก...เพราะมึงไม่เห็นกู..ไม่เห็นความจริงของกู


คนเมาสนิทหันมามองหน้า พยายามลืมตาที่แทบลืมไม่ขึ้นแล้วมองทั้งที่ปากยังคาบแปรงสีฟันเอาไว้


“กูเห็นมึง อยู่นี่ อึก ไง อะไรของมึง”


“แดกแปรงไปเลย กูเอาแปรงถูส้วมให้ยังไม่รู้ตัวอีก” โบราณว่าอย่าถือคนเมา วันนี้เจอกับตัวเองถึงรู้...ว่ามันงี่เง่ามากถ้าจะเต้นตามไป


อาธิปหันหลังเดินออกจากบริเวณไปยังอ่างล้างหน้าก่อนจะแปรงฟันต่อให้เสร็จแล้วบ้วนปากโดยลืมไปว่ายังไม่ทันได้ล้างตัวให้สะอาด


...คนเมาก็อย่างนี้


“มานี่มา” ศิวะคว้าตัวเปล่าๆขาวๆของไอ้ตัวเตี้ยมาแล้วรดฝักบัวให้ แหง...ถ้าบอกว่าไม่รู้สึกอะไรก็ไม่ใช่เพราะไอ้ในอกร้อนๆมันเต้นตุบๆอย่างน่ากลัว


แต่ถ้าทำลงไป...คงเสียใจ...และเสียเพื่อนไปจนวันตาย


“ล้างหมดแล้ว มึงจะแช่อ่างป่ะ”


“ม่าย เปียกอีกรอบทำไม มึงอาบดิ กูจะนอนเตียงมึง อึก เอาคืน” คนตอบไม่ส่ายศีรษะไปมาจนตัวโงนเงนพลางเอ่ยบอกความต้องการของตัวเองเสร็จสรรพ


“มึงเดินไปถึงเตียงไหวก็เอาเลย ไอ้หมาเตี้ย” คนพูดเร่งเอาฝักบัวรดตัวเองลวกๆแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวมาพัน ไอ้คนเมาแม่งก็เดินล่อนจ้อนตัวเปียกซ่กโงนเงนไม่ทันไรก็ล้มลงไปคลานเหมือนหมาเมาอ้วก สภาพอย่างงี้...ใครแม่งจะเอาวะ


“ลุกเลยๆ มึงจะแก้ผ้านอนเหรอวะ”


“อะไร วะ” อาธิปพยายามพยุงตัว แต่ลุกขึ้นได้ก็เซจนล้มอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ยันตัวเองอีกรอบเพื่อให้ร่างกายเสียสมดุลย์อีกรอบ


“เหี้ย อึก ช่วยกูดิวะแฟน ยืนทำไม”


“กูไม่มีแฟนเป็นหมา”


“ห่า อึก” อาธิปพยายามยันตัวอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นมาได้ครึ่งหนึ่ง


เด็กหนุ่มส่ายหัวแล้วดึงแขนของอาธิปขึ้น เจ้าตัวที่ปลิวติดมือมางึมงำโวยวายนิดหน่อยแต่พอถูกประคองก็หยุดลงเหลือเพียงเสียงสะอึกในลำคอ ศิวะลากคุณแฟนไปไว้ที่เตียงแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวอีกผืนมาเช็ดตัวให้


“มึงจำไว้นะอัฐ...จำไว้ว่ากูเป็นแฟนที่ดีของมึงขนาดไหน จำใส่กะโหลกหนาๆมึงไว้” เช็ดไปก็พูดไปด้วยความหมั่นเขี้ยว


อาธิปยันตัวขึ้นมาแล้วแย้มรอยยิ้มกว้างให้ “คร้าบ เดี๋ยวอัสซี่ให้รางวัล” พูดจบเขาก็ยืดแขนมาจับหน้าของศิวะเอาไว้ ก่อนจะโน้มมาหอมแก้มเบาๆแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงต่อ


ศิวะอึ้ง...อึ้งไปพักใหญ่ เหมือนว่าโลกมันหมุนกลับหลังสลับหน้าไปท้าย


รับผิดชอบกูเลยครับไอ้เชี่ยเตี้ย!!!


เด็กหนุ่มโยนผ้าเช็ดตัวลงบนไอ้ตัวขาวๆแดงๆที่นอนอยู่บนเตียง เขาถอยตัวห่างออกมา...เพราะกลัวว่าตัวเองจะกระโจนเข้าไปหาแล้วกอดเอาไว้จริงๆ


“มึงมันตัวอันตรายชิบหาย มึงแม่ง...”


ตัวอันตรายที่ว่านอนหลับสบายอารมณ์ไปแล้วโดยไม่ได้รับรู้ถึงผลจากการกระทำยามไร้สติของตัวเองเลยแม้แต่น้อย อาธิปพลิกตัวคว้าเอาผ้าห่มมากอดไว้พลางส่งเสียงงึมงำสลับกับเสียงสะอึกออกมา


คนที่ยืนถอยออกมาถอนหายใจเฮือก ไม่รู้หรอกว่าอาธิปจะรู้สึกยังไง...แต่สภาพคาราคาซังที่อุปโลกค์แฟนปลอมๆขึ้นมาทำให้คนตรงนี้แย่ไปแล้ว แย่...ที่ไม่ได้อยากเป็นแค่แฟนปลอมๆ เด็กหนุ่มเดินก้าวเข้าไปใกล้และเมื่อมองเห็นว่าอีกฝ่ายหลับไปจริงๆแล้ว ศิวะก็ถอดแว่นที่เปื้อนหยดน้ำออก...


...และจูบ..แผ่วเบาที่ริมฝีปากสีแดงสดของเพื่อน...


...เพื่อน..ที่ไม่มีวันเป็นเพื่อนได้อีกแล้ว....




“กูชอบมึง”














To Be Continued.....
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 31 [12/09/12] กูชอบมึง!
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 12-09-2012 21:08:15
ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่มันคือแสนไกลเลยใช่ไหมซายน์ :monkeysad:
มันคงไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนให้เพื่อนกลายมาเป็นคนรัก แต่มันก็คงไม่นานเกินไปหรอก เป็นกำลังใจให้คนแอบรักเพื่อนสนิทนะ :man1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 31 [12/09/12] กูชอบมึง!
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 12-09-2012 21:09:25
สงสารน้องซายน์อะ เจ็บนะนี่ รักที่เดินต่อไม่ได้กลับหลังไม่ได้
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 31 [12/09/12] กูชอบมึง!
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 12-09-2012 21:28:00
สงสารน้องซายน์

อ่านไปแล้วจุกกับประโยคนี้เลย '..เพื่อน..ที่ไม่มีวันเป็นเพื่อนได้อีกแล้ว....' หืออออ...น้องซายน์คงเจ็บมากกกก

ไม่มีอะไรเจ็บเท่าแอบรักเพื่อนแล้ว อยากบอกใจจะขาดแต่บอกไม่ได้ กลัวเสียเพื่อน ฮืออออ เข้าใจๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 31 [12/09/12] กูชอบมึง!
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 12-09-2012 21:32:58
 :a5: :a5:กุไม่มีแฟนเป็นหมา o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 31 [12/09/12] กูชอบมึง!
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 12-09-2012 22:01:23
 :sad11:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 31 [12/09/12] กูชอบมึง!
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 12-09-2012 23:25:21
ซายน์เก่งมากเลย ถ้าเป็นพี่เดฟมาเจอปันในสภาพนี้ ปันไม่รอดแน่ ฮ่าๆ
ความเป็นเพื่อนมันค้ำคออยู่ด้วยแหละ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 31 [12/09/12] กูชอบมึง!
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 13-09-2012 04:45:09
ไหนๆก็ไหนๆ แล้ว บอกไปเลย  :a2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 31 [12/09/12] กูชอบมึง!
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 13-09-2012 07:55:39
สุดยอดแห่งความอดทนอดกลั้น  o13

คนที่รักแก้ผ้าอยู่ต่อหน้า ยังอดใจไว้  :z3:

ซายน์สุดยอดไปเลย

ปล.ใจจริงยังอยากให้ซายน์ปล้ำอัสซี่อยู่นะ  :z1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 31 [12/09/12] กูชอบมึง!
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 13-09-2012 08:33:05
อาบน้ำด้วยกัน ชายน์ไหวมั้ยยยยยย
ความอดทนเป็นเลิศ แต่เข้าใจว่ากลัวจะเสียเพื่อนถ้าทำอะไรลงไป
รอรอ อัสซี่รู้ตัววว
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 31 [12/09/12] กูชอบมึง!
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 17-09-2012 01:47:17
บอกไปแล้วๆ   อัชชี่ว่าไง   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 31 [12/09/12] กูชอบมึง!
เริ่มหัวข้อโดย: snice_cz ที่ 18-09-2012 23:28:02
โอ้วว ยากนักจะหักห้ามใจ สู้ๆ นะ ซายน์
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 31 [12/09/12] กูชอบมึง!
เริ่มหัวข้อโดย: honeyhoon ที่ 20-09-2012 17:30:19
 :call:
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 32 [20/09/12] สารภาพรัก
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 20-09-2012 19:16:00

kagehana : น้องมีนลายออก มิมิ ซายน์เลยได้บอกความในใจเสียที คู่นี่ไม่ดราม่า มีแต่ฮากับป่วน 555





-32-







“คบกันแล้วเหรอ...” เสียงใสๆของเด็กสาวดังมาจากบริเวณสวนข้างอาคารเรียน


“คบกับใคร?” เด็กสาวที่ถือถุงคุกกี้หันกลับไปมอง เธอเขย่าถุงคุกกี้ในมืออย่างไม่ทะนุถนอมนัก


“อัสซี่ไง เห็นกะหนุงกะหนิงอยู่ด้วยกันตลอดเลย เปลี่ยนใจแล้วหรือไง”


เสียงหนึ่งที่คุ้นหูจนอดหยุดฟังไม่ได้ ศิวะที่กำลังเดินผ่านชั้นเรียนไปห้องน้ำยืนนิ่ง...หยุดรอฟังเสียงอีกคน


เสียง...ของว่าที่แฟนเพื่อนคนนั้น


“บ้าเหรอ” น้ำเสียงหวานกระชากห้วน “อย่างอัสซี่เนี่ยนะฉันจะเอาเป็นแฟน ขอโทษทีเหอะ...อย่าหวังซะให้ยาก”


ศิวะขมวดคิ้วแน่น..มีนาคนนี้ดูราวกับคนละคนกับมีนาที่อ่อนหวานกับอาธิปเสมอ ทั้งน้ำเสียงและคำพูด เด็กหนุ่มชะโงกหน้าไปดูหวังจะเห็นใครอีกคนที่น้ำเสียงคล้ายมีนา


แล้วก็ต้องผิดหวัง....


“โคตรจะเสียเวลาเหอะ แล้วแถมยังชอบลากฉันไปซะห่างสนามบาสแทนที่จะพาฉันไปแนะนำกับซายน์ คุกกี้นี่ก็ต้องซื้อมาทุกวัน นี่ๆๆ ยังไม่พอนะ มันยังเชื่ออีกว่าฉันทำเองไปให้ โง่ชะมัด”


“มีนนี่ก็ร้ายนะ ฉันว่าอัสซี่น่าสงสารออก ถึงจะดูโง่ๆ แต่ก็น่ารักไม่ใช่เหรอ” เพื่อนสาวของมีนาหัวเราะออกมาเบาๆ


“น่ารักก็เอาไปเองสิ” เด็กสาวหัวเราะหยัน “นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อนซายน์ฉันไม่เข้าไปทักหรอก หน้าตางั้นๆแถมยังพูดมากน่ารำคาญ”


มีนาโยนถุงคุกกี้ลงบนกระเป๋าที่วางไว้บนพื้นอย่างไม่ไยดี ทำเอาคนแอบฟังถึงกับกำหมัดแน่น


“แล้วจะเลิกเมื่อไหร่ล่ะงั้น ถ้ารำคาญน่ะ”


“ก็จนกว่าฉันจะได้เป็นแฟนซายน์น่ะสิ”


“ฉันจะเอาใจช่วยนะ” เด็กสาวตบไหล่เพื่อนของตัวเองเบาๆก่อนจะโอบคอเธอเอาไว้


“ไปกันเถอะ เดี๋ยวก็ต้องเอาคุกกี้ไปให้อีกเนอะ”


“มีน....” ศิวะเดินออกมาจากที่แอบฟัง เด็กหนุ่มมองหญิงสาวทั้งสองด้วยสายตาที่ไม่เคยใช้กับใคร...ทั้งหยามเหยียดและผิดหวัง


“ขอคุกกี้ถุงนั้นให้ฉันได้มั้ย”


“... ซายน์อยากได้เหรอ” น้ำเสียงที่ใช้เปลี่ยนกลับเป็นแบบเดิมแทบจะทันที รวมไปถึงรอยยิ้มอ่อนหวานที่คอยมอบให้อาธิปเสมอ


“อื้ม” เด็กหนุ่มยิ้ม...หวาน...แล้วยื่นมือออกมารอ


รอยยิ้มของมีนากว้างขึ้นก่อนจะยื่นถุงคุกกี้ออกไปให้ “งั้นถุงนี้ มีนให้ซายน์ก่อนก็ได้...”


“แล้วจะเอาอันไหนไปให้อัฐล่ะ..” ศิวะถามด้วยน้ำเสียงรื่นเริงราวกับไม่ได้ยินบทสนทนาก่อนหน้า


“คบกันกับอัฐแล้วไม่ใช่เหรอ”


“ถ้าซายน์อยากกิน เดี๋ยวมีนทำให้อัฐใหม่ก็ได้”


“ขอคุยกันสองคนได้มั้ย...นะครับ” ศิวะหันไปยิ้มกับอีกคนที่ยืนอยู่ เด็กสาวพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินจากไป


“ถามตรงๆได้มั้ย...มีนชอบอัฐที่ตรงไหนเหรอ”


“อัฐ... เค้าน่ารักดี ซายน์ถามทำไมเหรอ” มีนายังคงปั้นรอยยิ้มส่งให้


“ฉัน...ซายน์ว่ามีนอย่าไปยุ่งกับไอ้อัฐมันเลย” ศิวะหยิบถุงคุกกี้ออกมาถือก่อนจะกำจนแหลกเป็นชิ้นๆคามือ


“อัฐมันเป็นคนดี...เกินกว่าที่คนอย่างมีนจะหลอกมัน อย่านึกว่าฉันไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของเธอคืออะไรนะมีน” ศิวะจ้องเข้าไปในนัยน์ตาที่เบิกกว้างด้วยความตกใจ


“อย่ามายุ่งกับเพื่อนฉันอีก เข้าใจมั้ย”


“แล้วจะให้ฉันเลิกยุ่งกับอัฐรึไง เพื่อนซายน์หลงฉันจะแย่อยู่แล้ว เสียคนขึ้นมาจะว่าฉันไม่ได้นะ” มีนายกแขนขึ้นมากอดอกเอาไว้พลางมองหน้าอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มที่ดูจะไม่เดือดร้อนเลยสักนิด


ผู้หญิงคนนี้ร้าย...ร้ายยิ่งกว่าไอลดาที่ดูคนเป็นแรงๆมากนัก มีนาแสร้งทำตัวอ่อนหวานน่ารักแต่เนื้อแท้แล้วก็ไม่ต่างกัน


“ฉันไม่เถียงว่าอัฐมันหลงเธอ แต่เพื่อนฉันไม่ใช่คนที่เธอจะมาปั่นหัวมันเล่น เธอคิดจะใช้มันเป็นสะพานมาหาฉันแล้วไง...ตอนนี้ความจริงฉันก็รู้แล้วและฉันก็ไม่โง่ไปหลงเธอเหมือนไอ้อัฐมันหรอก”


“รู้แบบนั้นแล้วก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาอยู่กับเพื่อนโง่ๆของนาย” เด็กสาวพูดเสียงแข็งก่อนจะเชิดใบหน้าขึ้นมอง


“จะพูดแค่นี้ใช่มั้ย”


“ใช่ แล้วฉันก็หวังว่าจะไม่เห็นเธออีก...”


“ฉันไม่มาให้เห็นแน่ซายน์ ไม่ต้องห่วง” มีนาเหยียดยิ้มให้ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินจากมา เธอเดินไปหาเพื่อนที่รออยู่แล้วพากันไปอีกทาง


ศิวะไม่ได้มองตาม ไม่ได้ทำอะไรนอกจากจ้องมองคุกกี้ที่แหลกเละในมือ


กูทำถูกแล้วใช่มั้ยไอ้เตี้ย....การที่กูไม่อยากให้มึงโดนหลอก การที่กูห้ามไม่ให้มีนยุ่งกับมึง...


กูทำถูกแล้วใช่มั้ย....






/////////////////////////////////////////////////////







อาธิปเดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีหลังจากทำเวรของตัวเองเสร็จ ปัณวิทย์มีนัดกับชยางกูรก็กลับไปก่อนแล้ว ส่วนศิวะคงยังซ้อมบาสอยู่ พอคิดได้แบบนั้นเขาก็ตัดสินใจเดินไปหามีนาที่ห้อง


...วันนี้จะได้กินขนมอะไรอีกนะ...


เพราะเป็นเวลาเลิกเรียนแล้ว อาธิปจึงไม่แน่ใจว่าเด็กสาวกลับบ้านไปหรือยัง เขาเลื่อนประตูห้องพลางเอ่ยเรียก


“มีน อยู่รึเปล่า”


เด็กสาวที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะเรียนปรายตามองเล็กน้อย สีหน้าอ่อนหวานเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงฉับพลัน


“มีอะไร”


คนที่อารมณ์ดีอยู่ก่อนหยุดท่าทีเริงร่าของตัวเองแทบจะทันทีเพราะน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป


“... มีน เป็นอะไรรึเปล่า” เขาเดินเข้าไปหาด้วยความกังวลใจ


“อย่าเข้ามานะ” เสียงหวานแหวใส่พร้อมกับชี้นิ้วห้าม “เป็นอะไรงั้นเหรอ..ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอกนะแค่เบื่อจะแสดงละครแล้ว ช่วยไปไกลๆก่อนที่ฉันจะรำคาญนายมากไปกว่านี้”


...เบื่อแสดงละคร...


...รำคาญ...


“มีนว่ายังไงนะ” ไม่ใช่ว่าคำพูดเหล่านั้นของเธอไม่เข้าหัว แต่ว่าเขายังไม่สู้อยากจะทำใจเชื่อนัก


“เบื่อ อย่ามายุ่ง รำคาญ ขี้เกียจเล่นด้วยแล้ว เอาอันไหน..ยังมีตรงไหนไม่ชัดอีกหรือไงยะ” มีนายกยิ้มแล้วถอนหายใจเหนื่อยหน่าย


“หรือว่าไม่เข้าใจตรงไหน..ไม่สิ นายมันก็ไม่เข้าใจมาตั้งแต่ต้นแหละ คิดว่าฉันตีสนิทกับนายไปเพื่ออะไรฮึ?”


“... ตีสนิทกับฉัน...” อาธิปนิ่งไปก่อนจะค่อยๆคิดตาม ไม่อยากจะให้มันเป็นอย่างที่มันเคยเป็นทุกๆครั้ง


แต่ดูเหมือนครั้งนี้ก็จะไม่ต่างกัน


“.... เพราะซายน์ใช่มั้ย”


“ฉลาดแล้วนี่...” มีนาปรายตามองอย่างเซ็งๆ


“เกมมันจบที่ฉันแพ้ไง ซายน์ดันมาได้ยินตอนฉันคุยกับเพื่อนเรื่องคุกกี้...เรื่องนายด้วยนั่นแหละ ฉันหลงคิดว่าถ้าตีสนิทกับนายแล้วจะได้เข้าถึงซายน์ง่ายๆเอาเข้าจริงแล้วนายมันก็ไม่ได้เรื่อง แทนที่จะพาฉันไปอยู่กับเพื่อนๆดันชอบแยกออกมา คิดว่าฉันต้องทนทำเป็นชอบนายแค่ไหนห๊ะ!”


เด็กสาวลุกขึ้นยืนคว้ากระเป๋านักเรียนแล้วเดินเข้ามาใกล้อาธิป


“ซายน์รู้เรื่องทั้งหมดแล้วยังไม่ได้บอกนายหรือไง เกมโอเวอร์แล้ว...บายนะอัฐ” ปลายนิ้วเรียวจิ้มที่กลางแผ่นอกแล้วผลักเบาๆ มีนาเดินออกไปจากห้องทิ้งอีกฝ่ายไว้คนเดียว


...ก็เหมือนเดิม...


...จบแบบเดิมๆ...


“?!” อาธิปรู้สึกถึงน้ำตาอุ่นๆทีไหลลงมาอาบแก้ม เขารีบยกมือขึ้นเช็ดออก ทว่ากลับไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยแม้แต่น้อย


“... อะไรวะ... ทำไมกูต้อง........ อึก...” เด็กหนุ่มใช้หลังมือปาดน้ำตาออกครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับอยากให้มันหยุดไป


“หยุด... สิวะ...”


หากเป็นคนอื่ืนๆ ก็คงไม่มานั่งเสียใจแบบนี้ แต่เพราะมีนาแสดงออกมาว่าชอบที่ตัวเขา ไม่ได้สนใจเพื่อนของตัวเอง ถึงได้รู้สึกดีจนรู้สึกว่ามีความสุขมากขนาดนี้


...กูไม่น่าเป็นเพื่อนมึงเลย...


“... เหี้ย... อึก... แม่ง...”


รู้ทั้งรู้ว่าศิวะไม่ได้ผิดอะไรเลย ฝ่ายที่ผิดคือมีนาที่เข้ามาใช้เขาเป็นเครื่องมือ แต่อาธิปก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแบบนั้น ก่อนจะรู้สึกรังเกียจตัวเองที่มีความคิดแบบนั้นออกมาได้


ศิวะเป็นเพื่อนคนแรกของเขา ตั้งแต่จำความได้ก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ถึงจะคอยปากหมาใส่กัน แต่ก็ดูแลระวังหลังให้เขาเสมอ


...แต่ตอนนี้กูไม่อยากเห็นหน้ามึงเลยไอ้ซายน์...


...พอๆกับที่กูเกลียดตัวเอง...


เพราะคิดว่าวันนี้เพื่อนของเขาอาจจะต้องการเพื่อน...ศิวะเลยขอหยุดซ้อมเป็นกรณีพิเศษแล้วเดินตามหาไอ้คนที่หายไปตั้งแต่โรงเรียนเลิก เขาเดินหาในที่ต่างๆที่คิดว่าอาธิปจะไปหรือจะแอบหลบอยู่แต่ก็ไม่มีวี่แววสักนิด เด็กหนุ่มสะพายเป้ไว้บนหลังแล้วมองลอดตามห้องต่างๆ เงาร่างในชุดนักเรียนที่หันหลังให้ทำให้ศิวะยิ้มออกมาได้


...เจอแล้ว...


“มานั่งเป็นหมาเตี้ยไรแถวนี้วะ” ศิวะเดินเข้าไปตบบ่าจากด้านหลัง


“อย่ามายุ่งกับกู!” อาธิปหันมาพร้อมกับปัดมือข้างนั้นออกไป พอเห็นใบหน้าของเพื่อนที่ดูจะตกใจเขาจึงเป็นฝ่ายลุกขึ้นแล้วหลบสายตา


“... กู... จะกลับบ้านแล้ว”


“มึงร้องไห้......” ศิวะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาแดงก่ำ เขายกมือขึ้นแล้วใช้ปลายนิ้วปาดน้ำตาแผ่วเบา


“บอกว่าอย่ามายุ่งไง” พูดพลางปัดมือของอีกคนออก แม้น้ำเสียงจะยังสั่นเครือแต่ก็มีอารมณ์โมโหเจืออยู่ในนั้นไม่ต่างกัน


“ไม่ยุ่งแล้วเป็นเพื่อนมึงทำเชี่ยไรวะ” ปลายนิ้วที่ปาดไล้ล็อกปลายคางแล้วจับเชิดให้มองหน้าตรงๆ


“มึงโมโหกูเรื่องอะไร”


“มีนหลอกกู! สะใจมึงยัง? หา? กี่คนๆก็สนแต่มึง มีแต่เห็นกูเป็นหมาหัวเน่า เป็นเครื่องมือเข้าหามึง!”


“มีนหลอกมึงแล้วเกี่ยวอะไรกับกู...กูผิดเหรอวะที่กูเป็นกู มึงใจเย็นๆสิวะอัฐ มึงไม่ได้เป็นเครื่องมือเป็นหมาหัวเน่าห่าเหวอะไรทั้งนั้นแหละ”


“ไม่มีใครเข้ามาเพราะชอบกูสักคน มึงไม่เข้าใจกูหรอกไอ้เหี้ยซายน์ ไม่เป็นเครื่องมือแล้วจะให้เรียกกูว่าอะไร มีนเข้าหากูเพราะหวังว่ากูจะพาไปรู้จักมึง ก่อนหน้านั้นก็เอาของให้มึงผ่านกู อะไรๆของมึงแม่งก็กูตลอด.... อึก... เออ มึงไม่ผิด... แต่กูไม่น่าเป็นเพื่อนมึงเลยไอ้ซายน์” น้ำตาที่เหมือนจะหยุดไปแล้วกลับมาไหลอีกครั้ง


...เพราะได้พูดประโยคในใจอันน่ารังเกียจออกไป


“ไอ้เหี้ย มึงคิดมากว่ะอัฐ ทำไมวะ...เป็นเพื่อนกูมันเหี้ยขนาดนั้นเลยเหรอ” ศิวะถามเสียงนิ่ง...เขารู้ว่าอาธิปพูดด้วยความเจ็บปวดและความรู้สึกแท้จริงที่เก็บไว้ภายใต้ท่าทางตลกขบขันมานาน


“มึงกลับบ้านกับกูเหอะว่ะ หยุดร้องได้แล้ว”


“กูไม่กลับกับมึง พ่อแม่กูยังรักมึงเลย พอเหอะ กูไม่อยากเห็นหน้ามึงสักพัก มึงไม่ผิดเลย แต่กูเหี้ยเอง ขอร้องมึง ให้กูอยู่คนเดียว” ไม่พูดเปล่า อาธิปเบี่ยงตัวหนีเพื่อจะอยู่ให้ห่างๆ


“กูไม่ให้” ศิวะตอบแล้วดึงคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอดไว้แนบอก


“กูจะอยู่กับมึง..กูจะไม่ไปไหน...”


“เหี้ย พูดไม่รู้เรื่องเหรอวะ กูบอกให้ไปไงห่า ปล่อยกูไอ้เหี้ยซายน์” อาธิปออกแรงผลักอีกฝ่ายออก ด้วยความที่อารมณ์กำลังโมโห ถึงไม่ได้รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงจากอ้อมกอดนั้นเลย -- ว่ามันไปไกลกว่าคำว่าเพื่อนแล้ว


“กูไม่ไป” ยืนยันคำเดิมพร้อมด้วยอ้อมกอดที่รัดแน่นขึ้น


“มึงมองแต่คนอื่น...มึงเลยไม่เห็นคนที่รักมึงจริงๆ”


คนตัวเล็กกว่าไม่มากยิ่งออกแรงดันมากขึ้นเมื่อไม่เห็นว่าเพื่อนตัวดีมีท่าจะปล่อย


“มึงจะพูดอะไร หา? บอกให้ปล่อยกูไงไอ้สัด”


“มึงจะให้กูพูดชัดๆใช่มั้ย”


ศิวะเลิกบอกด้วยนัยน์ตา และเขารู้ดีว่าถึงพูดไปก็คงไม่ได้ซึมเข้าสมองไอ้เพื่อนงี่เง่าคนนี้


ริมฝีปากของเด็กหนุ่มเลื่อนลงไปแตะสัมผัสกลีบปากบางสีสดตรงหน้า เด็กหนุ่มแตะแผ่วๆก่อนจะรุกไล่ด้วยสัมผัสที่หนักหน่วงขึ้น เขาขบริมฝีปากล่างเบาๆพร้อมกับรับรู้ว่าร่างในอ้อมกอดแข็งนิ่งไปแล้ว มือใหญ่กดสะบักไหล่ให้เข้าแนบชิด...


รู้ทั้งรู้ว่าไม่คุ้มที่จะเสี่ยง...


แต่ไม่มีวิธีไหนดีไปกว่าการบอกด้วยการกระทำอีกแล้ว....


“จะต้องให้กูพูดย้ำมั้ย...ว่าใครคนนั้นที่รักมึง...คือกู...”


อาธิปยืนนิ่ง... นิ่งมาก พอๆกับที่สมองไม่อาจจัดระเบียบความคิดที่วิ่งวนกันจนมั่วไปหมด เมื่อกี๊เขาถูกจูบ ไม่ใช่อุบัติเหตุขำๆ แต่เป็นจูบจริงจัง จากคนที่เรียกว่าเป็นเพื่อนคนแรกในชีวิต


...เพื่อน...


“................ มึง......” พูดได้เพียงเท่านี้เขาก็หยุดนิ่งไปอีก ศิวะทั้งจูบ แล้วแถมด้วยบอกรัก ถ้าตัวเขาได้ยินไม่ผิด


“... น้องแพนอยู่แถวนี้หรือไงวะ” ไอ้ที่ร้องไห้โวยวายไล่เพื่อนในตอนแรกดูเหมือนจะหายไปสิ้น หรืออีกทีก็อาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ากำลังไม่อยากเห็นหน้าเพื่อนของตัวเองอยู่


“ไอ้เชี่ย!” มือที่โอบอยู่ข้างหลังยกขึ้นตบหัวไม่เบานัก...ดูสิว่าเขาอุตส่าห์บอกทั้งการกระทำย้ำชัดด้วยคำพูดยังถูกไอ้เตี้ยทำเอ๋อใส่


จะมีใครคนไหนที่บอกรักเสร็จตามด้วยตบหัวอีกฝ่ายอย่างเขาบ้าง...


“ไม่เกี่ยวกับแพน ไม่เกี่ยวแม่งกับใครทั้งนั้น มีแค่กูกับมึง ไอ้เตี้ย...กูเสือกรักมึงเข้าไปแล้ว ลืมตามองหน้ากูชัดๆอย่าหลบตากู! กู-รัก-มึง”


คราวนี้คำตอกย้ำของอีกฝ่ายวิ่งเข้าไปในหัวจริงจังจนอาธิปถอยตัวออกมา ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเข้มจัดก่อนจะถอดสีออกจนซีด จริงอยู่ว่าเขาเป็นคนง่ายๆอะไรๆก็ได้ แต่ดูเหมือนคราวนี้ระบบคิดง่ายๆแบบของเขาจะไม่ทำงานเสียแล้ว


“มึง...... ไอ้ซายน์........ มึง........... ตลก... ไม่....... มึงพูดจริง.............” พูดไป อาธิปก็ก้าวถอยไปเรื่อยๆ


“เออ!” เสียงเรียบห้วนตอบชัด


“กูพูดจริง อย่าหนีนะไอ้อัฐ” ศิวะฉวยข้อมืออีกฝ่ายไว้


“เหี้ยแล้วมึง” เจ้าของข้อมือรีบชิงแกะออกพลางสะบัดให้พ้นก่อนจะก้าวขาออกวิ่ง


“กูบอกกูอยากอยู่คนเดียว มึงไม่ต้องตามมา จะกลับบ้าน สัด พูดจาให้รู้เรื่องด้วย”


อาธิปวิ่งออกไปก่อนแต่ด้วยร่างที่เล็กกว่าและอีกฝ่ายดีกรีเป็นถึงนักบาสของโรงเรียนจึงถูกดักหน้าได้ในเวลาอันสั้น


“หยุดตรงนี้เลยมึง พูดกันให้รู้เรื่องก่อนไม่งั้นกูไม่ปล่อยมึงกลับบ้านแน่”


“อะไรของมึงวะ กูจะกลับบ้าน ถ้ามึงไม่ยอมกูเลิกคบแน่เหี้ย” อาธิปขู่ชัดเจนพลางเอี้ยวตัวหลบอีกฝ่าย


ศิวะมองอีกฝ่ายที่ทำท่าจะเดินไปจริงๆ นัยน์ตาเด็กหนุ่มมองส่งแผ่นหลังในชุดนักเรียนด้วยแววตาตัดพ้อ


“มึงไม่คิดจะตอบอะไรกูเลยใช่มั้ยวะ....”


ไม่มีเสียงตอบอะไรนอกจากฝีเท้าที่เร่งขึ้น ศิวะเม้มริมฝีปากแน่นพลางกระชับเป้ที่สะพายอยู่บนบ่าก่อนจะหันหลังกลับไปในทิศทางตรงข้าม


...ไม่เหลือแล้ว...


...แม้แต่ความเป็นเพื่อน...


ศิวะไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่าหัวใจที่สั่นไหว...และสายตาที่พร่าเลือน...














To Be Continued......






หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 32 [20/09/12] สารภาพรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 20-09-2012 19:31:10
น้องซายยยยยยน์ โคตรสงสารน้องซายน์เลยค่ะ

อัสซี่อย่าสับสนนาน อย่าทำร้ายน้องซายน์ ห้ามเลิกครบน้องซายน์นะ แค่นี้ก็มาม่าจะแย่แล้ว

อยากอ่านฉากหวานๆ

ปล.ตอนนี้ดูเหมือนไม่เจ็บ แต่มันเจ็บมากกกกกกกกกกกก เจ็บแทนน้องซายน์
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 32 [20/09/12] สารภาพรัก
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 20-09-2012 19:48:49
สงสารซายน์ว่ะ แต่เดียวอัสซี่ก็คงจะคิดได้เองแหละ  :monkeysad:

สมน้ำหน้าชะนี ถ้าเป็นเรานะจะเหยียบคุกกี้นั้นให้เละ แล้วบอกว่าตัวเธอเองก็มีค่าแค่คุ๊กกี้ที่โดนเหยียบเหมือนกันนั้นแหละ  :fire:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 32 [20/09/12] สารภาพรัก
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 20-09-2012 19:59:45
 :sad4:


สงสารซายน์อ่ะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 32 [20/09/12] สารภาพรัก
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 20-09-2012 20:00:19
ซายด์ พรุ่งนี้ยังมีนะ
เจอฉากสารภาพรักของเพื่อนที่ไรอินทุกครั้งและยิ่งเป็นแบบซายด์ เชียร์สุดใจ
หวังว่าพรุ่งนี้อัซซี่จะตั้งสติได้
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 32 [20/09/12] สารภาพรัก
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-09-2012 20:10:33
รอจ้า :)
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 32 [20/09/12] สารภาพรัก
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 20-09-2012 20:47:41
ซายน์อย่าเพิ่งท้อ อัฐเองก็เพิ่งรู้ว่าซายน์รัก ให้เวลาอัฐบ้างนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 32 [20/09/12] สารภาพรัก
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 20-09-2012 21:09:11
ซดมาม่าหมูสับ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 32 [20/09/12] สารภาพรัก
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 20-09-2012 21:42:16
ก็มันตกใจนี่หว่า  เนาะ 
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 32 [20/09/12] สารภาพรัก
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 21-09-2012 00:32:21
น้องซายน์น่าสงสารอะ บอกไปแล้วความในใจ บอกไปแล้ว
บอกไปทั้งที่ิอาจทำลายทุกมิตรภาพ แต่ก็ทำไปแล้ว
ได้โปรดอัสซี่ ได้โปรดเข้าใจที
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 32 [20/09/12] สารภาพรัก
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 21-09-2012 12:48:54
ว้าววว สารภาพแล้วจ้าาาา
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 32 [20/09/12] สารภาพรัก
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 21-09-2012 22:33:51
ซายน์ใจเย็นๆนะ ให้อัฐได้ทำใจบ้างไรบ้าง
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 32 [20/09/12] สารภาพรัก
เริ่มหัวข้อโดย: snice_cz ที่ 22-09-2012 00:24:15
อ้าวเฮ้ย ไหงกลายเป็นแบบนี้อ่า สงสารซายน์อ่า
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 32 [20/09/12] สารภาพรัก
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 27-09-2012 02:56:50
 :sad4:บอกได้คำเดียว "เจ็บ" :jul1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 32 [20/09/12] สารภาพรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 27-09-2012 08:56:20
ชาย อย่าเพิ่งท้อนะ
อัสซี่แค่ยังไม่เข้าใจ อะไร ยังไงอยู่ ให้เวลาเพื่อนสักนิด
ตอนนี้คงสับสนมาก

แต่อย่าคิดนานนะอัสซี่ เค้าสงสารชายน์
อยากให้กลับมากัดกันแบบรัก?กันมากกว่า
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 33 [28/09/12] เล่นกับหมา หมาจูบปาก
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 28-09-2012 19:35:20




Kagehana : ขอโทษนะคะที่อัสซี่มันใจง่าย... เลยไม่มีมาม่ามาให้กินกัน ฮ่าๆๆ ก็มันโง่ ช่วยเข้าใจมันหน่อยน้า








-33-







เด็กหนุ่มร่างบางยกมือขึ้นดันใบหน้าของคนที่กดเขาลงกับเตียงออก


“พี่เดฟ.... อือ... คนเต็มบ้าน อึก ไม่เอา” ทว่าฝ่ามือที่รุกไล่กลับทำให้เรี่ยวแรงพากันหมดไป จนทำได้เพียงส่งเสียงร้องห้าม


หากไม่มีใครอยู่บ้านหรือนอนหลับกันไปหมดแล้ว ปัณวิทย์คงไม่ร้องห้ามอย่างนี้ แต่นี่เพิ่งทานอาหารเย็นเสร็จ ทุกคนยังไม่มีใครนอนด้วยซ้ำ


“ในห้องไม่มีคนสักหน่อย..หอมทีนึง..” ร่างที่คร่อมอยู่ข้างบนพูดอ้อนพลางซุกไซร้ใบหน้าลงกับลำคอเรียว


“อือ... ก็หอมเฉยๆ มือนี่อะไร” เจ้าของห้องยังคงพยายามดันชยางกูรออกโดยไม่ฟังคำแก้ตัวใดใด


“อุปกรณ์ประกอบฉาก” ชยางกูรพูดหน้าตายแล้วไล้มือผ่านสีข้าง...จุดอ่อนไหวของปัณวิทย์


“อึก-- ไม่เอา บอกว่าเดี๋ยว”


เสียงโทรศัพท์มือถือของปัณวิทย์ดังขึ้นมาขัดทำให้เด็กหนุ่มหันไปมองก่อนจะหันกลับมาหา


“โทรศัพท์...”


ปัณวิทย์เอี้ยวตัวหลบหนีพลางเอื้อมแขนมาหมายจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย


“ไม่ให้” ชยางกูรเอื้อมไปคว้ามาถือไว้แล้วยัดลงใต้หมอน


“พี่เดฟ เอามาให้ปันก่อน...” เขารีบตามไปล้วงมือเข้าใต้หมอนบ้างเพื่อควานหา “ทำเป็นเด็กๆไปได้”


“ขัดจังหวะจริง” พูดไปแต่ก็ยอมล้วงใต้หมอนเอามาคืนให้


“อ่ะ รับสิ”


“โหล”


-ไอ้ปันนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน-


“เหี้ยอัฐ ปวดหูเว้ย” ปัณวิทย์ยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูแทบจะในทันที


-ช่วยกูด้วย งานเข้าเหี้ยๆแล้วมึง-


คำว่างานเข้าทำให้ปัณวิทย์ขยับตัวนั่งดีๆ กระทั่งสีหน้ารำคาญในทีแรกก็เปลี่ยนไป


“ว่า?”


-มีนแม่งหลอกกูเพราะชอบไอ้ซายน์ แต่ไอ้ซายน์ชอบกู เหี้ย ให้กูทำไงวะ-


“........”


...ให้มันได้อย่างงี้สิวะเพื่อนกู...


“คือกูไม่ใช่มึง แต่มึงมาถามกู ตลกมากๆเลยอัฐ มึงไม่ชอบมันมึงก็ปฏิเสธไปสิวะ อย่าไปให้ความหวังมัน” ปัณวิทย์เอนกายลงพิงกับหมอนหลายใบที่สุมกันตรงหัวเตียง


-ทำไมมึงไม่ตกใจหน่อยเลยวะ ไอ้ซายน์ชอบกู ผู้ชายชอบกูนะมึง-


...ก็กูรู้อยู่แล้วนี่หว่า...


“หา อะไรนะ มึงพูดจริงเหรอ ไอ้ซายน์ชอบมึง”


-เหี้ยปัน ล้อเลียนกู เดี๋ยว แปลว่ามึงรู้อยู่แล้วใช่มั้ยวะ แล้วทำไมมึงไม่บอกกูวะเชี่ย-


เด็กหนุ่มหลับตาลงก่อนจะถอนหายใจออกมา “บอกไปแล้วได้ไรวะ ไม่ใช่เรื่องของกู แต่เป็นเรื่องของซายน์กับมึง”


“ขอพี่คุยกับอัสซี่หน่อยสิ” ร่างสูงที่กลิ้งตัวไปมาบนเตียงพูดขึ้นแล้วยื่นมือมารอรับ


“พี่กูจะคุยด้วย” เขาบอกปลายสายก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้กับชยางกูรแล้วค่อยพลิกตัวมานอนทับท้องของร่างสูง


-หา อะไรนะ เอ่อ หวัดดีครับพี่เดฟ-


“หวัดดีอัสซี่ เป็นไงมั่งเรา”


-..... เอ้อ... ก็ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับพี่ พี่เดฟล่ะครับ- อาธิปดูจะไปไม่ค่อยเป็นที่จู่ๆจากการโวยวายใส่เพื่อนสนิท กลายมาเป็นต้องพูดกับชยางกูรแทน


“ก็ไม่เป็นไง..ขอโทษทีที่แอบฟังแต่เมื่อกี้ได้ยินว่าซายน์บอกรักเราเหรอ”


-................... ครับพี่ มันบอก แต่ผมหนีกลับมาก่อนเพราะผมปวดหัวแล้วครับ มันสับสน-


“สับสนเพราะอะไร” ชยางกูรถามอย่างอ่อนโยน เขานึกย้อนไปถึงเรื่องของตัวเองกับปัณวิทย์พลางลอบมองคนที่นอนคว่ำฟังอยู่บนหน้าท้อง


“พี่ถามได้มั้ยเราเสียใจเรื่องมีน..กับตกใจเรื่องซายน์ อันไหนมากกว่ากัน”


-ก็ต้องเรื่องไอ้ซายน์ดิพี่ ผมรู้จักมันมาแทบจะทั้งชีวิต อยู่ดีๆมาพูดแบบนี้จะไม่ให้ตกใจได้ไงครับ- ก็เป็นตามนั้น อาธิปเคยคิดว่าอีกฝ่ายไม่เคยมีความลับอะไรกับตัว แต่พอกลายเป็นแบบนี้แล้วก็ชักไม่แน่ใจว่ายังมีอะไรอีกไหมที่ศิวะไม่เคยบอกเขา


“งั้นก็อาการไม่หนัก” ชยางกูรหัวเราะเบาๆ


“แล้วเรารู้สึกยังไงที่ซายน์บอกแบบนั้นกับเรา ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ซายน์เราจะทำยังไง”


-ขนลุกดิพี่ ได้ต่อยแน่ เล่นอะไรไม่ขำ แต่ไอ้ซายน์แม่งเสือกจริงจัง ผมก็ซวยดิพี่-


“อัสซี่เกลียดซายน์หรือเปล่า”


-จะเกลียดมันได้ไงพี่ ไอ้ซายน์นะครับ ไม่ใช่ใครที่ไหน- อาธิปตอบเสียงเบาลงกว่าเมื่อครู่


“ถ้าไม่ได้เกลียดก็อย่าทำเป็นเกลียดซายน์สิ พี่รู้ว่ามันยากที่จะปรับความรู้สึก แต่ถ้าเราทำเป็นเกลียด...บางทีเราอาจจะเสียเพื่อนที่ดีที่สุดไปก็ได้” ชยางกูรตอบแล้วโอบร่างคนตัวเล็กที่ซุกอยู่


กระต่ายดื้อยิ่งซุกตัวเข้าหาพลางขยับกอดร่างสูงให้ถนัดขึ้น


-งั้น... พรุ่งนี้ผมจะคุยกับมันครับพี่เดฟ-


“อื้อ พี่วางแล้วนะ...กระต่ายมันกวน” ชยางกูรกดตัดสายแล้วเลื่อนโทรศัพท์ไปไว้ไกลตัว เขากอดฟัดหอมแก้มคนที่ปีนอกสองสามครั้งด้วยความหมั่นเขี้ยว


“เดี๋ยวไม่ได้นอนนะปัน”


“นอนก่อน... นะ แล้วค่อยว่ากัน” ไม่พูดเฉยๆ ปัณวิทย์ขยับแขนขากอดเอาร่างของชยางกูรไว้แทนหมอนข้างราวกับจะแกล้งเล่น แต่เขาก็ซุกใบหน้าเข้ากับต้นแขนของอีกฝ่ายไว้แน่น


“... นอนนะพี่เดฟ”


“ไม่ให้ได้ป่ะ” ชยางกูรตอบพร้อมกดจมูกลงข้างแก้ม


“อือ นอนก่อน แล้วเดี๋ยวตื่นขึ้นมาค่อยอาบน้ำด้วยกัน...” ปัณวิทย์ยังคงพยายามต่อรองโดยใช้อย่างอื่นมาเบี่ยงเบน


ชยางกูรงับที่ใบหูเบาๆแทนการลงโทษก่อนจะอ้อมแอ้มนอนกอดเฉยๆ... ให้อีกฝ่ายนอนซุกเฉยๆ


มีแต่เสียงหัวใจ...ที่มันไม่เฉยเลย...







////////////////////////////////////////////






“ศิวะ... ศิวะ... ศิวะขาดนะ” เสียงอาจารย์เรียกเช็คชื่อประจำห้องในชั่วโมงโฮมรูมตอนเช้าทำให้อาธิปรีบร้องขัด


“มันตื่นสายมั้งอาจารย์ เดี๋ยวก็วิ่งมาล่ะครับ”


เขาตอบไปอย่างนั้นเพราะรู้ดีว่าศิวะไม่มีทางขาดเรียนได้ แต่ทางปัณวิทย์ กลับได้แต่ถอนหายใจก่อนจะส่ายศีรษะไปมาด้วยความหนักใจ


แต่จนกระทั่งพักกลางวัน ก็ไม่มีวี่แววของศิวะเลยแม้แต่นิดเดียว เพื่อนตี๋พยายามติดต่อทางโทรศัพท์ ก็ได้ยินแต่เสียงตอบรับที่บอกว่าอีกฝ่ายนั้นปิดเครื่องอยู่


“พี่กอล์ฟ ไอ้ซายน์ไม่ได้มาซ้อมเช้าเหรอครับ” พอเดินผ่านกัปตันทีมบาสเกตบอล เขาจึงรีบเอ่ยปากถามทันที


“ไม่ได้มานี่ พักนี้ซายน์มันเป็นอะไรดูมันหงุดหงิดๆไงไม่รู้” กรวิทย์ตอบกลับ


“แล้วยังมาโดดซ้อมอีก พอแพนโทรไปก็ไม่รับ”


“เหรอพี่ ขอบคุณครับ” อาธิปก้มศีรษะเล็กน้อยก่อนจะเดินต่อด้วยความรู้สึกหน่วงๆในอก


...ทำไมไม่มาโรงเรียนวะไอ้ซายน์...


อาธิปตั้งใจเอาไว้ว่าจะลากเพื่อนที่ไม่ยอมมาวันนี้ไปคุยเพื่อเคลียร์เรื่องที่พูดค้างไว้เมื่อวานเพราะอยากจะได้ยินชัดๆอีกที แต่อีกฝ่ายเล่นไม่มาโรงเรียนแบบนี้ก็ทำเอาอดเป็นห่วงไม่ได้


“เฮ้ยอัฐ ไอ้ซายน์มันบอกป่วย เลยไม่มา” ปัณวิทย์เดินเข้ามาหาคนที่เดินทำหน้ายุ่งโดยไม่ทันสังเกตว่าเขากำลังเดินเข้ามาด้วยซ้ำ


“อ้าว ห่า แล้วเป็นอะไรมากมั้ยวะ”


“.... มึงนี่โง่ไปมั้ยไอ้เตี้ย” ปัณวิทย์มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย


“โง่อะไรมึง ก็มันไม่สบาย แล้วแม่งอยู่คนเดียว เหี้ย ต้องไปดูอาการมั้ยเนี่ย มึงไปกะกูมั้ย”


เขาแทบไม่เชื่อว่าอาธิปจะเชื่อว่าศิวะป่วยจริงๆ ป่วยหลังจากวันที่คิดว่าอกหัก แถมยังรับโทรศัพท์เขาอยู่คนเดียวแบบนี้


...ป่วยการเมืองเพราะอกหักรักคุดชัดๆ...


“กูว่ามันป่วยการเมือง” ...บอกใบ้ขนาดนี้ ถ้าไม่เชื่อ ปัณวิทย์ก็จนปัญญา


“ไม่ๆๆ ไอ้ซายน์มันไม่ใช่อย่างงั้นนะมึง อย่างมันต้องป่วยจริง มันจะป่วยการเมืองทำเชี่ยไรวะ”


...ก็มันหลบหน้ามึงไงไอ้ควาย


“........... เออๆ มันป่วย แล้วไง มึงจะไปเยี่ยมมัน” คิ้วเรียวเลิกขึ้นขณะมองหน้าถามเพื่อนตัวดี


“กู...มึงไปป่ะ ถ้ามึงไปกูก็ไป” ใบหน้าขาวๆมองขอความเห็น


“... กูไปแป๊บเดียว เดี๋ยวให้พี่เดฟไปส่งก็ได้...” เขาเอื้อมมือมาโอบไหล่อาธิปไว้แล้วตบเบาๆ


“แต๊งกิ้ว เดี๋ยวกูไปขอยาที่อาจารย์ห้องพยาบาลไว้ แล้วแวะซื้อข้าวต้มปลาก่อนไปด้วยนะ เดี๋ยวแม่งไม่มีไรแดก”


ปัณวิทย์ส่ายศีรษะอีกเป็นรอบที่หลายร้อยขณะเดินไปด้วยกันกับอาธิป เขาได้แต่หวังว่าพาไอ้ตี๋เตี้ยข้างๆนี่ไปหาคนที่ป่วยการเมืองแล้วจะช่วยให้แก้ไขทุกอย่างได้ออกมาดี ไม่ใช่แย่ลง


...อยู่ที่พวกมึงสองตัวแล้วล่ะ...




////////////////////////////////////



อาธิปกับถุงยาและข้าวต้มยืนอยู่หน้าห้องคอนโดของเพื่อนสนิทที่ไม่ค่อยได้มาบ่อยนัก เขาใช้มือข้างที่ว่างอยู่กดออดหนึ่งทีแล้วยืนรอ


เสียงออดหน้าห้องทำเอาคนที่นอนมองฝ้าเพดานอยู่สะดุ้งเล็กน้อย ศิวะมองกวาดไปรอบห้อง...ห้องที่ปกติรกอยู่แล้วกลับยิ่งรกมากขึ้นด้วยเจ้าตัวไม่ใส่ใจจะเก็บของให้เป็นที่ กระเป๋าไปทาง เสื้อนักเรียนไปทาง ยังดีที่อาบน้ำแล้วห้องเลยยังเป็นแค่รังหนูไม่ใช่ที่ทิ้งขยะสด


...แต่เจ้าของแม่งก็คนถูกทิ้งละวะ


เด็กหนุ่มรอจนเสียงออดดังอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นช้าๆเดินลากขาไปหน้าห้อง เขาไม่ได้ดูช่องตาแมวแต่คนที่มาคงจะเป็นปัณวิทย์เพราะมันเป็นคนเดียวที่เขาติดต่อในวันนี้


“..............มาทำไม” แต่คนที่มา..กลับเป็นคนที่ไม่อยากเห็นที่สุดเสียได้


พระเจ้าแม่งรังแกกู....ไม่คิดจะให้คนอกหักทำใจเลยหรือไงวะ


“ไอ้ปันบอกมึงไม่สบาย กูเลยให้พี่เดฟมาส่ง มึงอยู่คนเดียว ใครจะหายาหาข้าวให้มึงแดกวะ...” คนที่มาไม่พูดเปล่า เขาโชว์ถุงในมือให้ดูประกอบคำพูดของตัวเอง


“กินอะไรยังมึง...”


“มึงจะสนกูทำไม” ศิวะพูดเบาๆ ใช่...ถึงจะไม่น่ารักเท่าไหร่แต่อาการอย่างนี้คงไม่ผิดที่จะเรียกว่าน้อยใจ


“มึงไม่ต้องใส่ใจกูหรอก กูจะป่วยจะตายก็ช่างแม่ง”


“เหี้ย พูดหมาๆแล้วมึง ไม่ใส่ใจได้ไงวะ เพื่อนกูทั้งคน หลีกดิ กูจะเอาข้าวต้มใส่ชามให้ แล้วมึงเอายาไปแดก” อาธิปเบียดตัวเข้าไปด้านในก่อนจะเห็นสภาพห้องที่เละตั้งแต่หน้าประตู เขารีบหันมาหน้าตาตื่นแล้วยกมือขึ้นแตะหน้าผากศิวะ


“ไม่สบายหนักป่าวมึง ไปนอนไป เช็ดตัวด้วยเหี้ย”


“มึงกลับไปเหอะ” ศิวะพูดแล้วผลักคนที่เพิ่งเข้ามาไปทางประตู เด็กหนุ่มไม่อยากให้เพื่อนมายุ่งย่ามในยามที่เขายังปรับสภาพหัวใจไม่ได้


“อย่ามายุ่งกับกูตอนนี้เลยอัฐ”


“อะไรของมึง กูเป็นห่วงคนป่วย ไล่กูกลับอีก กูมาถึงนี่แล้วจะให้กูกลับไงวะ” อาธิปขมวดคิ้วมองหน้าอย่างไม่เข้าใจ จริงอยู่ว่าปกติเขาสามารถเรียกแท็กซี่กลับบ้านได้ แต่ทุกครั้งที่ได้แวะมาที่นี่ ศิวะจะเป็นคนไปส่งเขาที่บ้านจนมันกลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว


“มึงจะห่วงกูทำไม กูอยู่ได้...ไม่เป็นไร” คนไม่เป็นไรพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นสุดชีวิต ศิวะมองนัยน์ตาที่ไม่เข้าใจของเพื่อนแล้วอดบ่นในใจไม่ได้ว่ามันโง่จริงจัง


“เมื่อวานมึงหนีกูขนาดนั้นแล้ววันนี้มึงมาทำไม”


“เมื่อวานก็ส่วนเมื่อวาน วันนี้ก็ส่วนวันนี้ดิวะ จะให้กูดูแลมั้ยศิวะลึงค์” อาธิปทำสีหน้าจริงจัง ยืนนิ่งไม่ยอมขยับ


“ไม่มีใครเคยบอกมึงเหรอว่าอย่าไปยุ่งกับคนที่มึงเพิ่งหักอก โง่ชิบหาย” เขายอมแพ้ด้วยการไปนั่งลงบนโซฟาหน้าทีวีแล้วกดเปิดไล่ช่องดูไปเรื่อยๆ


...เหี้ย ลืมเลยครับ...


“ไม่เคย ถ้ามึงชอบกูให้กูดูแลคนป่วยเลยห่า” เด็กหนุ่มที่ตัวเล็กกว่ายังไม่ละความพยายามด้วยความเชื่อที่ว่าเพื่อนตัวเองกำลังไม่สบายจริงๆ


ศิวะมองหน้าอาธิปเต็มๆตา ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะคิดว่าเขาป่วยจริงๆ มึงไม่รู้จักใช่มั้ยวะป่วยการเมือง ไข้ใจ มึงนึกว่าเพื่อนมึงเป็นคนขยันนักรึยังไงห๊ะ


“กูไม่ให้คนอื่นดูแลถ้าไม่ใช่แฟนกู” ในเมื่อมัน...ซะขนาดนี้ ก็ลองใช้ความป่วยให้เป็นประโยชน์สักหน่อย


“งั้นกูเป็นแฟนมึงก่อนหนึ่งวัน” อาธิปยื่นคำขาด


“งั้นมึงมานี่” ศิวะตบเบาะข้างๆทำนองว่าให้มานั่งซะดีๆ


เขายิ้มกว้างอย่างดีใจเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายยอมให้ดูแลแล้ว อาธิปรีบขยับไปนั่งข้างพลางรื้อถุงยาแทบจะทันที


“เดี๋ยวกูหยิบยาให้นะ”


“ไม่ต้อง” ศิวะทิ้งตัวลงใช้ตักนิ่มๆต่างหมอน เด็กหนุ่มนอนหงายจ้องนัยน์ตาหรี่หยีด้วยดวงตาวามวับ ท่อนแขนแข็งแรงโอบหลังแล้วกดลงมาใกล้ชิด


“อ อะไรมึง” คนตัวเล็กทำตัวแข็งขึ้นมาด้วยความตกใจ


“จูบกูดิคุณแฟน”


“เฮ้ย เดี๋ยวติดหวัด” อาธิปร้องท้วงพลางพยายามเอี้ยวตัวหนี


“แดกยาก่อนแล้วไปนอน กูจะดูแล”


“ไม่เอา ไม่จูบกูไม่แดก” ศิวะพูดอย่างเอาแต่ใจ กับไอ้เตี้ยต้องเข้าตรงๆรุกแรงๆไม่งั้นแม่งให้ตายก็ไม่รู้เรื่อง


“กูชอบมึงนะไอ้เตี้ย”


“... พูดจริงๆใช่มั้ยเนี่ยมึง...” คนที่ถูกหนุนตักหลบสายตา


“กู... เนี่ยนะ.......”


“ยังมีคนเตี้ยกว่ามึงบนโลกนี้ป่ะล่ะ” ศิวะคลี่ยิ้มแทนคำยืนยัน


“มึงแหละ...มึงคนเดียว”


“อะไรเข้าสิงวะมึง มึงด่ากูทุกวัน” เขาเอื้อมมือมาจิ้มปลายนิ้วลงกลางหน้าผากของคนที่นอนอยู่


“ผีแป๊ะยิ้ม” ศิวะกวนกลับ


“กูก็ไม่รู้เหอะ แต่กูว่ามันเริ่มจากที่กูให้มึงเป็นแฟนปลอมๆ...แล้วพอยิ่งเรื่องมีนอีก กูคิดแล้วคิดอีกว่ากูคบมึงมาตั้งสิบกว่าปีแล้วทำไมถึงมารู้สึกเปลี่ยนไปกับมึงได้ตอนนี้” เด็กหนุ่มไล้ปลายนิ้วเข้ากับใบหน้าขาวที่อยู่ใกล้


“กว่าจะรู้ตัว กูก็ดันชอบมึงเข้าไปแล้ว”


“.... ไม่ใช่ไข้แดกไข้กลับนะ” หนุ่มตี๋รู้สึกแปลกๆกับสัมผัสจากปลายนิ้วและสายตาของเพื่อนที่จ้องมาผ่านแว่นของเขา


ที่แน่ๆ คำว่าชอบคำว่ารักของเพื่อนตัวเอง ก็คงจริงจังมาก ในขณะที่ตัวเอง ยังไม่สามารถหาคำตอบดีๆให้ได้


อาธิปจะปฏิเสธเลยมันก็ง่ายมาก เพราะเขาไม่ได้คิดจะผันตัวเองไปคบผู้ชายจริงๆจังๆแน่ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่อยากจะทำร้ายจิตใจเพื่อนคนนี้-- แต่จะให้เป็นแบบนี้ต่อไป วันนึงก็ต้องถึงคราวแยกกันอยู่ดีถ้าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลย


...แต่ถ้าถึงจุดนึง เขาก็รู้ดีว่าตัวเองเลือกที่จะอยู่ข้างศิวะแน่ๆ


“กูไม่ได้จะบังคับให้มึงชอบกูกลับตอนนี้วันนี้หรอกนะเว้ย แต่ถ้าเป็นไปได้กูอยากให้มึงลองดูกูต่อไปอีกนิด...แค่นิดเดียวก็ได้ ไม่ต้องชอบกูแต่อย่าบังคับให้กูเลิกชอบมึงได้มั้ย” ศิวะแตะที่ปลายคางมนแล้วไล้นิ้วแผ่วเบา


“เออ มึงฉลาดกว่ากู มึงก็คงคิดดีแล้วแหละวะ... กูยังไม่ได้บอกว่าจะให้มึงเลิกชอบกูนะเว้ย...” เขาจับมือของเพื่อนที่เอื้อมขึ้นมาเอาไว้แล้วดึงลง


“ก็มึงทำท่ารังเกียจกูเหอะ...” ศิวะใช้มืออีกข้างบีบแก้มอาธิปจนปากอูดเหมือนปลาทอง


“กูก็น้อยใจเป็น”


“ให้กูช็อคเป็นมั้ยครับ” เขาไม่ยอมแพ้ ใช้มือบีบจมูกของศิวะแน่น


“ขอกูกอดที” ศิวะทำท่าอ้าแขนรอก่อนร้องเร่ง “เร็วๆ”


“..... มึงไม่ขนลุกแล้วใช่มั้ยวะ กูยังขนลุกนิดหน่อย” แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่อาธิปก็ก้มลงกอดคนที่อ้าแขนไว้หลวมๆ


“กอดแล้ว”


“ขนไม่ลุกแต่อย่างอื่นลุกว่ะ” ศิวะงึมงำตอบไม่เต็มเสียง เขารั้งเอวให้อาธิปลงนอนบนตัว จุมพิตแผ่วๆไล่ตามหน้าผากจรดหว่างคิ้วราวกับผีเสื้อขยับปีก


“กูจะทำให้มึงชอบกู...มึงก็รีบชอบกูไวๆนะ”


“โห ไอ้ลามก มึงพูดง่ายนี่หว่า มึงจะทำให้กูชอบมึงยังไงวะ” เขาพยายามขยับตัวลุกขึ้น หนีจากอ้อมกอดของเพื่อนตัวดี


“กูจะดีกับมึงให้เยอะๆ เอาใจใส่มึงมากๆ พาไปแดกฟรีแต่ถ้าไม่สำเร็จกูมีวิธีสุดท้ายอยู่”


“กูไม่ได้เห็นแก่กินนะเว้ย” อาธิปทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ก่อนจะพูดต่อ


“วิธีอะไรของมึงวะ”


“ปล้ำแม่ง” คนพูดยิ้มร้ายพร้อมสำทับต่อ “กูเอาวิธีนี้มาจากพี่เดฟนะเว้ย ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์”


“ใครจะยอมมึงวะ เหี้ย กูเลิกคบแน่ศิวะลึงค์” เขาไม่พูดเปล่า แต่เสริมด้วยกำปั้นเบาๆที่ข้างแก้มเป็นการหยอกล้อ


กำปั้นที่ชกเบาๆที่แก้มถูกรวบไว้ก่อนริมฝีปากหยักจะกดจูบเบาๆลงบนหลังมือ เรื่องเข้าใจอะไรง่ายๆ ยอมรับง่ายๆและไม่เรื่องมากเป็นข้อดีของอาธิป เพื่อนของเขาไม่ใช่คนที่ชักจูงยากเลยถ้าไปให้ถูกทางของเจ้าตัว สำออยนิด แกล้งหน่อย หยอกเบาๆ รุกสลับถอย...อีกไม่นานก็เสร็จแน่


“มึงทำเนียนติดจูบกู ก้มมาเลยไอ้ตี๋เตี้ย”


“เนี่ยเหรอวะชอบกู พูดจาหมาไม่แดก กูไม่ก้มเว้ย” อาธิปรีบชักมือคืนแล้วกดนิ้วโป้งเข้าที่หน้าผากของเพื่อนก่อนจะกดแรงๆ


“ก้มหน่อยนะครับ” ศิวะยิ้มหวานอ้อน


“... สันดานเสียนะมึง” ทั้งคิ้วทั้งตาทั้งหน้าแสดงออกชัดเจนว่าไม่สบอารมณ์ แต่อาธิปก็ก้มลงมา


“ก้มแล้วไง”


คนที่นอนอยู่ยืดคอขึ้นขโมยจูบ ศิวะหัวเราะเขินๆแล้วจูบอีกครั้งบนริมฝีปากคู่เดิม....แนบแน่น


“คุยกับหมาหมาเลียปากไงมึง”


“.............. !? เหี้ย กูกลับบ้านแล้วงั้น” อารามตกใจ เด็กหนุ่มลุกพรวดขึ้นโดยไม่สนใจ 'แฟน'ที่นอนอยู่บนตักเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าขาวเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นยามเอ่ยพูดเสียงดัง


“มึงไม่ป่วยแล้วก็”


“ป่วย....” ศิวะพูดเสียงอ่อยๆ ถ้าอาการทางใจคือการป่วยเขาก็ยังคงป่วยอยู่แน่นอน เพียงแต่ตอนนี้มันดีขึ้นมากแล้ว..


“กูจะกินข้าวต้มที่มึงเอามา”


“เอาแต่ใจชิบ” แม้จะยังพูดบ่น แต่เขาห็หยิบเอาถุงข้าวต้มขึ้นมาแล้วเดินไปทางส่วนที่เป็นครัว


“ชามใช้ได้มั้ยมึง หรือฝุ่นถมหมดแล้ว”


“ใช้ได้ มีมาม่าด้วยมึงก็กินกะกูเลยดิ”


“ไม่เอา กูไม่ได้อยากแดกมาม่า โห เนี่ยนะมึงเลี้ยงแฟนดี เลี้ยงด้วยมาม่า เดี๋ยวกูโทรสั่งอะไรมาแดก แดกข้าวต้มไป” ปากพูดบ่นพร้อมๆกับมือที่เอื้อมหยิบเอาชามในตู้ลงมาแล้วเช็คให้แน่ใจว่าไม่มีฝุ่น อาธิปเทข้าวต้มใส่ชามก่อนจะยกใส่ไมโครเวฟเพื่ออุ่นอีกที


“งั้นสั่งพิซซ่าดิ เอาหน้าแฮมข้าวโพดกูชอบ ไม่กินข้าวต้มแล้ว” คนป่วยแกล้งรวน..ดูสิว่าไอ้เพื่อนคนนี้จะทำยังไงต่อ


“......................... งั้นมึงโทรสั่งเอง กูแดกข้าวต้ม”


“งั้นแดกชามเดียวกันก็ได้ กูขี้เกียจรอ” ศิวะว่าแล้วลุกขึ้นมาหยิบช้อนสองคันพร้อมคุ้ยหาของในตู้เย็นได้ช็อกโกแลตมากล่องนึง


“อ่ะ แดกรอ...พ่อกูซื้อมาฝากนานละ”


“จะอิ่มอะไรวะ ขนมไม่ช่วยให้อิ่มหรอกมึง ไม่งั้นไปส่งกูที่บ้านดิ ป้านวลมีเลี้ยงมึงตลอดอะ”


ศิวะไม่ฟังคำพูดของคนที่เตี้ยกว่า เขาหยิบช็อกโกแลตขึ้นมายัดใส่ปากเล็กๆสีแดงๆที่พูดไม่หยุด


“หวานมั้ยล่ะมึง....”


“....... หวานแล้วไงวะ มันไม่อิ่มเว้ย” อาธิปไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าเขาไม่มีวันนับช็อคโกแล็ตเป็นอาหารเย็นแน่ๆ


“เชื่อกู ไปนอนบ้านกูเหมือนเดิมก็ได้ กูอยากอิ่มท้อง”


“ก็ได้ กูตามใจแฟน” ศิวะดึงชามที่อุ่นแล้วมาวางบนโต๊ะกินข้าว “แต่แดกก่อนค่อยไป กินด้วยกันนี่แหละ”


อาธิปจำต้องว่าตามนั้น เพราะจะเอาข้าวต้มที่ซื้อมาทิ้งก็เสียดายอยู่ จึงหยิบช้อนมาสองคันแล้วยื่นให้เพื่อนของตัวเองก่อนจะนั่งลง


“อะ กิน”














To Be Continued....
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 33 [28/09/12] เล่นกับหมา หมาจูบปาก
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 28-09-2012 19:58:28
โอยยยยยยย หวานอ่ะ

ดีแล้วค่ะที่ไม่มาม่า ช่วงนี้สภาพจิตใจย่ำแย่ทนรับเรื่องมาม่าไม่ค่อยไว้ ฮ่าๆๆ

แค่ผ่านไปวันเดียวน้องอัสซี่ก็เสียจูบไปแล้ว คิดว่าอีกไม่นานเป็นแฟนกันแน่นอน

น้องซายน์เค้ารู้จุดอ่อนน้องอัสนี่เนอะ อ้อนนิดอ้อนหน่อยก็ได้หมดแล้ว ฮ่าๆๆๆ

ชอบคู่นี้จังค่า แต่ก็คิดถึงคู่น้องปันกับพี่เดฟเหมือนกันนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 33 [28/09/12] เล่นกับหมา หมาจูบปาก
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 28-09-2012 19:59:33
น่ารักสุดยอดดดดดดดด  :o8:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 33 [28/09/12] เล่นกับหมา หมาจูบปาก
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 28-09-2012 19:59:52
 :impress2:


ซายน์สู้ๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 33 [28/09/12] เล่นกับหมา หมาจูบปาก
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 28-09-2012 20:37:29
หวานซะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 33 [28/09/12] เล่นกับหมา หมาจูบปาก
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 28-09-2012 22:19:22
หวานมากๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 33 [28/09/12] เล่นกับหมา หมาจูบปาก
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 28-09-2012 22:38:48
ที่ป่วยการเมืองเนี่ยคือการแกล้งเพื่อให้อัสซี่มาง้อใช่ไหมเนี่ย แผนสูงนะซายน์
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 33 [28/09/12] เล่นกับหมา หมาจูบปาก
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 28-09-2012 22:47:42
หวานไม่แพ้คู่พี่เดฟกับน้องปันเลยอ๊า :o8:
รีบๆรักกันไวๆ อย่าให้คู่นั้นนำโด่งนะจ๊ะ :z1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 33 [28/09/12] เล่นกับหมา หมาจูบปาก
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 28-09-2012 22:55:59
ดีใจอ่า
วันนี้ไม่ได้กินมาม่า แต่ได้กินขนมหวานแทน
อิอิ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 33 [28/09/12] เล่นกับหมา หมาจูบปาก
เริ่มหัวข้อโดย: soluna ที่ 30-09-2012 08:45:27
หวานนนนน หวานได้อีกอ่ะ

หวานมดขึ้นอ่ะะะะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 33 [28/09/12] เล่นกับหมา หมาจูบปาก
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 30-09-2012 16:13:22
 :o8:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 33 [28/09/12] เล่นกับหมา หมาจูบปาก
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 01-10-2012 17:14:00
เหอะๆ ลูกแกะจะเอาอะไรไปสู้กะหมาป่า
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 34 [02/10/12] ก้ามข้ามผ่าน..ความสัมพันธ์
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 02-10-2012 20:12:41


kagehana : ก่อนอื่น....ต้องขอขอบคุณคนอ่านที่น่ารักที่โหวตให้นิยายเรานะคะ ไม่เคยนึกเลยว่าจะได้มีชื่อติดโหวตกับเค้าด้วยตกใจมาก55 ปลื้มอ่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ


คืนกำไร(?)ด้วยการจบเรื่องราวหวานๆของคู่เพื่อนแต่เพียงเท่านี้ (แน่ใจนะว่าคืนกำไร.....)

แฮะๆ อันที่จริงจังหวะของเรื่องหวานๆจบลงแล้วค่ะ เอาแบบหวานอั๊งตบท้ายไป แล้วเราค่อยเริ่มลวกเส้นมาม่ากันใหม่เนอะ










-34-








เมื่อกลับกันมาที่บ้านของอาธิป ก็เป็นอย่างที่เจ้าของบ้านคาดการณ์เอาไว้ ป้านวลที่เอ็นดูศิวะโฆษณาว่าวันนี้มีอาหารอะไรบ้างพร้อมทั้งถามแขกว่าอยากทานเมนูไหน โดยไม่สนใจเขาที่เป็นเจ้าบ้านเลยด้วยซ้ำ


“ป้านวลก็ไม่ต้องโอ๋มันนักสิครับ แม่งได้ใจแล้วเนี่ย”


“อ้าว ได้ยังไงคะน้องอัฐ น้องซายน์มาก็ต้องดูแลดีๆสิคะ เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่น้องซายน์จะว่าบ้านเราเลี้ยงไม่ดี แล้วไม่ยอมให้มาอีกนะคะ” กลับกลายเป็นอาธิปที่ต้องรับค้อนเข้าไปเต็มๆ


“.......... ป้านวลไม่รักอัสซี่เลย”


“รักสิคะ น้องอัฐก็พูดไปนู่น ชุดนอนใหม่ที่คุณแม่เพิ่งซื้อมา ป้าซักให้เรียบร้อย อยู่ในชั้นแล้วนะคะ ส่วนของน้องซายน์ อยู่ในกล่องเหมือนเดิมนะคะ” หญิงวัยกลางคนหันมาบอกกับเด็กหนุ่มอีกคนที่เพิ่งยกจานข้าวไปเก็บที่อ่างล้างจาน


“ขอบคุณครับป้านวล มารบกวนบ่อยๆเกรงใจจัง” ศิวะขอบคุณพร้อมกับส่งยิ้มหวานตบท้ายประจบอีกรอบ


“ไม่ต้องเกรงใจหรอก น้องอัฐอยู่คนเดียว มีน้องซายน์เหมือนมีพี่น้องนะคะ” พูดจบ นวลก็เป็นฝ่ายเดินออกมาจากบริเวณที่เป็นห้องอาหาร ทั้งสองคนเดินไปยังห้องของอัฐ ศิวะมองรอบๆห้องด้วยความรู้สึกดีๆไม่ต่างกับทุกครั้งที่มา


“ไปอาบน้ำเดะ กูรอ” เจ้าของบ้านหันมาสั่งคนที่ยืนยิ้มอย่างอารมณ์ดี


“อาบพร้อมกันแบบตอนมึงเมาคราวที่แล้วป่ะ”


“อะไรวะ” คนเมาอย่างอาธิป ไม่เคยจำอะไรได้อยู่แล้วถึงกับทำเสียงเข้มขึ้นมา


“อาบพร้อมกันอะไร”


“อ่ะ งงอ่ะดิ” ศิวะแกล้งอมยิ้มอย่างเป็นต่อ “ทำเป็นจำไม่ได้นะน้องอัฐ เดี๋ยวพี่เตือนความจำให้เอามั้ยว่าวันนั้นมึงอ้อนกูยังไง”


“อ้อนอะไร กูจำไม่ได้ว่าเคยอ้อนมึงสัด” เขานั่งลงบนเตียงพลางชี้มือชี้ไม้ให้อีกฝ่ายเข้าห้องน้ำเร็วๆ


คนถูกไล่ไม่ได้เดินไปไหนหากแต่สาวเท้าเข้ามาหา ศิวะปลดกระดุมตัวเองแล้วถอดเสื้อจนเหลือเพียงกางเกงยีนส์ตัวเดียว เด็กหนุ่มก้มลงสอดแขนเข้าใต้รักแร้แล้วยกตัวอาธิปขึ้นมา


“แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันที่บ้านกูไง จำไม่ได้เหรอ”


“เหี้ยซายน์ ปล่อยกูสัด ปล่อยเลย!” อาธิปโวยวายเสียงดังพลางยกแขนปัดป่ายไปมา


“ม่ายยยยยยย” ศิวะทำเสียงยานคางล้อเลียน


“ตัวเท่าลูกหมาเสือกดื้ออีกนะครับคุณแฟน”


“ดื้ออะไร เหี้ย ปล่อยเว้ยปล่อย ไม่งั้นกูเลิกคบ” เจ้าของห้องยื่นคำขาด


“เลิกคบกูมึงจะไปคบใครวะ มีกูเนี่ยดีสุดแล้ว เลี้ยงข้าวให้ลอกการบ้านสารถี..แฟนดีๆอย่างกูหาได้ที่ไหน”


“ก็มึงคิดไม่ซื่อกับกู... ห่า ไปอาบน้ำเด้ กูรอ” อาธิปเบนหน้าหนีซ่อนใบหน้าที่รู้สึกได้ว่าร้อนขึ้นจากอีกฝ่าย


“ก็ได้ๆ” ศิวะยอมปล่อยแขนในที่สุด เด็กหนุ่มขยี้หัวเพื่อนรักซ้ำอีกครั้งก่อนจะเปิดกล่องน้องซายน์หยิบของเดินเข้าห้องน้ำไป


เจ้าของห้องมองตามด้วยความรู้สึกประหลาดๆที่วิ่งวนไปมาในตัว-- โอเค ตอนนี้เท่ากับว่าตกลงเป็นแฟนกับไอ้บ้านี่แล้ว


...ก็ต้องทำตัวเป็นแฟนมัน


นึกไปถึงเพื่อนของตัวเองอีกคน สำหรับรายนั้นคงเอามาเป็นตัวอย่างไม่ได้เพราะปัณวิทย์ถูกพี่ชายต่างสายเลือดใช้กำลังบังคับก่อน แล้วค่อยมารักกันทีหลัง


“แค่อาบน้ำ แม่งจะอะไรวะ” หนุ่มตี๋บ่นกับตัวเองพลางมองประตูห้องน้ำ เมื่อก่อนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร...


...ใช่ ไม่มีอะไรทั้งนั้น แค่เปลี่ยนสถานะนิดหน่อย


คิดได้แบบนั้นอาธิปก็เปิดประตูห้องน้ำที่ไม่ได้ล็อคออกแล้วก้าวเข้าไป


“กูอาบด้วย ไม่เปลืองน้ำ”


“.......................” ศิวะทำหน้าจุดไข่ปลาใส่ด้วยความรู้สึกที่บรรยายเป็นคำพูดไม่ถูก


ใช่..เขาดีใจว่าอาธิปยอมเขาถึงขนาดนี้ แต่ก็แปลกใจที่มันยอม ทั้งที่เมื่อวานยังทำตัวงี่เง่าไม่เอาเขาอยู่เลย เด็กหนุ่มบิดฝักบัวปิดแล้วพาร่างเปียกปอนเดินเข้าไปหา


“มึง...คิดได้ไงวะ” ศิวะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแต่มือใหญ่กลับคว้าข้อมือไว้


“หรือว่ายั่วกู...อะหือ...แค่หุ่นยังแพ้กูหลุดลุ่ย”


พอมองแบบนี้ อาธิปกลับไม่คิดว่ามีอะไรต้องอายในเมื่อเป็นผู้ชายด้วยกัน แล้วก็อาบน้ำว่ายน้ำอะไรด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก


“มึงเป็นนักกีฬา กูเป็นแฟน จะให้กูบึกอย่างมึงได้ยังไงวะ”


“งั้นคุณแฟนมานี่มา กูบริการให้ครับ” ศิวะผลักอาธิปเข้าไปยืนใต้ฝักบัวแล้วเปิดน้ำรดร่างเปลือยขาวโพลน เขาบีบครีมอาบน้ำใส่ฟองน้ำแล้วถูลงบนแผ่นอกที่ไม่กว้างมากของคุณแฟน แผ่นหลังที่แนบชิดอยู่กับอกชวนให้ความร้อนในตัวดูจะเพิ่มขึ้นทีละนิด...กระทั่งส่วนล่างยังรู้สึกได้


“มึงนี่ขาวชิบหาย มีไฝที่สะบักด้วย” พูดจบริมฝีปากอุ่นร้อนก็แนบลงเบาๆที่ไฝเล็กๆบนสะบักคนในอ้อมกอด


“เล่นไรวะ!” อาธิปสะดุ้งแล้วหันมาทำหน้ายักษ์ใส่


ศิวะตอบด้วยอ้อมกอดที่โอบรั้งเบาๆ มือหนึ่งทำหน้าที่ลูบไล้ฟองน้ำหากแต่มือหนึ่งกลับแตะแผ่วที่สะโพกมน เขาพรมจูบบนลาดไหล่แคบโดยไม่ฟังเสียงประท้วงที่พยายามกลั้นเสียงแปลกปลอม


“เหี้ยซายน์ ปล่อย-- กู...” อาธิปรู้สึกอยากจะยกมือขึ้นต่อยแต่ร่างกายกลับไม่ยอมให้เขาได้ทำอย่างนั้น


“ก็ไหนว่าอาบด้วยกันไง” จมูกโด่งโฉบลงบนแก้มเย็นๆก่อนจะฝังลงไป


“อาบน้ำ ไม่ได้ให้มึงมาหื่นใส่กู” เขาหันมาดันหน้าเพื่อนของตัวเองออกไป


“กูก็อาบให้ไงมึง” มือที่ไล้ลงต่ำทำให้ศิวะรู้สึกถึงร่างกายที่สั่นไหวของคนในอ้อมกอดได้อย่างดี โดยเฉพาะเวลาที่มือ'เผลอ'ปัดฝ่านส่วนอ่อนไหวที่สุด....


“กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยเหอะ”


“มือ... มือมึงอะ สัดซายน์” อาธิปเริ่มออกแรงดันคนข้างหลังอย่างจริงจัง


“ถูสบู่ให้มึงอยู่ไหน ไหนว่าชอบให้กูบริการ”


“ก็ถูดีๆดิวะ” เขากันอีกฝ่ายออกไปมากขึ้นแล้วหันหน้ามามองศิวะ


“ดีๆมึง แตะกูอยู่ได้”


“แตะตรงไหนวะ...” ศิวะยกยิ้มก่อนจะก้มตัวลงจุ๊บเบาๆที่หน้าผาก ผมสีเข้มของอาธิปเสยขึ้นและแนบลู่ติดหนังศีรษะ


“กูก็ถูก็ล้างให้ดีๆ มีแต่มึงน่ะแหละเบียดกูเอาๆ...แถมยังชี้หน้ากูอีก” นัยน์ตาสีเข้มวาววัยเป็นประกายเมื่อมองไปยังอะไรๆที่ถูกหาว่าชี้หน้าอยู่


“ก็มึงจับอยู่ได้ ก็เป็นงี้แหละวะ” คนตัวเล็กกว่าไม่สนใจ ซ้ำยังโวยวายต่อ


“พอเลยมึง กูอาบเองก็ได้”


“ให้กูทำให้...นะ...” นักบาสหนุ่มกระซิบข้างหูแล้วงับเบาๆที่ติ่งหูนิ่ม ศิวะใช้ปลายนิ้วแตะเบาๆที่ส่วนปลายแล้วกอดล็อคซ้อนหลังอาธิปไว้


“เหี้-!? ซา.. ยน์” ความรู้สึกแปลกๆตามประสาคนไม่เคยให้คนอื่นสัมผัสร่างกายตัวเองขนาดนี้มาก่อนวิ่งแล่นไปทั่วร่างจนอาธิปยังรู้ได้ ว่าถ้าคนข้างหลังไม่ซ้อนแล้วกอดเอาไว้ เขาคงร่วงลงไปกองกับพื้นแล้วเป็นแน่


“กูสัญญา...แค่นี้ก็ได้นะ...นะอัฐ...” เสียงแหบพร่ากระซิบแผ่วข้างใบหูก่อนที่จะงับขบเล่นเบาๆ ศิวะกำส่วนอ่อนไหวที่สั่นระริกอย่างน่าสงสารเอาไว้แต่ไม่ได้ขยับเขยื้อนมือ


“ค... แค่นี้แค่ไหนวะ...” อาธิปขืนตัวไว้ได้เพียงนิดเดียวก็หมดแรงจะต้านทาน


มือที่กอบกุมขยับหยอกล้อเบาๆ ศิวะรู้สึกถึงขนาดที่ขยายขึ้นอีกนิดในมือ เด็กหนุ่มลูบไล้สุดความยาว..ขยับเข้าออกไปพลางลอบจุมพิตผิวขาวใต้สายน้ำพร่างพรมไปพลาง อาจจะดูเร็วไปที่จะทำแบบนี้กับเพื่อนที่ยังไม่ใช่คนรักเต็มตัว แต่เขาก็อยากจะจับจองอะไรนิดๆหน่อยๆบ้าง..


“ดีมั้ยมึง...” ศิวะหอมที่ซอกคอเปียกลื่น


“... อือ... ดี... ช ช้าลง... หน่อย.... อึก” ดวงตาเรียวเล็กปิดแน่น มือสองข้างเอื้อมไปคว้าเอาต้นขาของศิวะไว้ได้ก็จับไว้แทนที่ยึด


เด็กหนุ่มที่ยืนรองหลังอยู่ขยับมือช้าลงตามคำสั่ง กายสูงใหญ่เบียดแนบชิดกับคนที่เอนมาพิงจนตัวเองรู้สึกถึงอารมณ์พลุ่งพล่านที่ปะทุ หากแต่เพราะมือหนึ่งกำลังจัดการให้อาธิป อีกมือหนึ่งกอดเอาไว้จึงได้แต่บดเบียดส่วนแข็งตึงร้อนผ่าวเข้ากับสะโพกตึงแน่นเปียกลื่น


“ได้..มั้ย...”


อาจเป็นเพราะมีคนอื่นเป็นผู้จัดการแทนให้ ถึงได้รู้สึกตื่นเต้นมากกว่าปกติขนาดนี้ ไม่นานอาธิปก็เกร็งร่างกายของตัวเองไปจนแน่น


“เหี้ย จะออก... แล้ว...”


จูบร้อนผ่าวสัมผัสลงบนริมฝีปากสีสด ศิวะชะโงกตัวเข้าไปจูบก่อนจะสอดแทรกปลายลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปเลาะเล็มในยามที่เจ้าตัวดูจะล่องลอยไปตามอารมณ์ปรารถนา แม้อีกฝ่ายจะใกล้ถึงฝั่งแต่ศิวะกลับปล่อยมือออกแล้วหมุนร่างอาธิปเข้าชิดกำแพงแล้วบดเบียดจุมพิตร้อนแรงอีกครั้ง


“ทำให้...กู...มั่งดิ...” เสียงทุ้มห้าวแหบพร่าพูดกระซิบแผ่วในขณะที่จับมืออีกฝ่ายมาแตะส่วนร้อนรุ่ม


“หยุด ทำไมวะ สัด...” อาธิปรู้สึกได้ถึงความทรมานที่จู่ๆคนตรงหน้าก็ละมือออกไป


“มึง... ทำเองเลย... แกล้งกู” หน้าตาของอาธิปตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงจัดจนเห็นได้ชัด


ศิวะฉกจูบเบาๆปิดเสียงประท้วง เขาหมุนปิดฝักบัวแล้วลากอาธิปที่ตัวเปียกชุ่มออกมาด้านนอก เด็กหนุ่มทุ่มโถมทั้งตัวเองและคนในอ้อมกอดลงบนเตียงกลางห้อง เรือนกายสูงใหญ่คร่อมทับแลกจูบร้อนแรงเช่นเดียวกับส่วนล่างที่บดเบียดกับจุดอ่อนไหวของอาธิปอย่างจงใจ


“ให้กูกอด...ไม่ได้เหรอ...”


“... กูยัง... ไม่ได้เตรียมใจ...” เขาไม่ได้หลบสายตา ทว่าใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีเข้มและริมฝีปากที่สั่นระริกเป็นเครื่องบอกอย่างชัดเจนว่ากำลังอายแค่ไหน


คนที่คร่อมอยู่พยักหน้าอย่างเข้าใจ แหงล่ะ...เมื่อวันก่อนยังเป็นเพื่อนกัน มาวันนี้จะมีอะไรกันทันทีจะไปทำได้ยังไง...ส่วนตัวเขาไม่เท่าไหร่เพราะรู้มาสักพักแล้วว่าชอบ แต่ไอ้ตี๋ที่นอนอยู่ข้างใต้และต้องเป็นฝ่ายถูกกอดคงทำใจลำบากอยู่


“อือ..ไม่เป็นไร” ท่อนขาเรียวขาวถูกงอยกขึ้นเกือบชิดแผ่นอกสะท้านไหว ศิวะสอดมือจากด้านข้างเข้าไปกอบกุมแก่นกายสั่นไหวของเพื่อนสนิทเช่นเดียวกับแทรกส่วนร้อนผ่าวแข็งตึงเข้าไประหว่างต้นขาซึ่งบีบตัวแนบชิด


“อย่างงี้ได้มั้ย...กูขอยืมขามึง...นะอัฐ..”


“ค... แค่ขา... นะมึง” อาธิปขอยอมแพ้ในความพยายามของเพื่อน แต่ตอนนี้เขาเองที่กำลังมีอารมณ์ร่วมแบบสุดๆก็ไม่เหลือแรงจะไปปฏิเสธหรืออะไรได้อีกทั้งนั้น


คนที่ได้รับคำอนุญาตขยับตัวกระแทกแทรกเข้าไปในต้นขาที่เบียดชิดพร้อมกับจับแก่นกายของอาธิปรูดรั้ง หยาดน้ำจากแผ่นหลังกว้างกลิ้งลงสู่เตียงเกิดเป็นรอยหยดน้ำบนผ้าปูสีอ่อน เสียงเปียกลื่นผสานกับเสียงครางเครือก่อเป็นสำเนียงคล้ายแว่วหวาน


ศิวะก้มลงจูบหน้าผากชื้นเหงื่อ กายสูงใหญ่ขยับเร็วขึ้นกระแทกตัวกับต้นขาและสะโพกที่สั่นไหว...เขาหัวเราะเล็กน้อยยามที่เพื่อนแสนดื้อรั้นผวาเข้ามากอด


“...เป็นไง..มั่ง...มึง...”


“ไม่รู้! เหี้ย อย่าถาม... ดิวะ...” อาธิปเค้นคำพูดออกมาก่อนจะกลายเป็นเสียงครางที่พยายามเก็บกลั้นเอาไว้ แก่นกายร้อนผ่าวของศิวะที่เสียดสีกับต้นขาของตัวเองก่อให้เกิดความรู้สึกประหลาดที่หาคำอธิบายไม่ได้


“ฮะฮะฮะ มึงเนี่ยน้า...”


เด็กหนุ่มกระแทกทายเร็วขึ้นจบเกิดเป็นเสียงดังยามเนื้อกระทบกัน ศิวะรูดรั้งความปรารถนาที่ใกล้ประทุของอาธิปเร็วขึ้นจนรู้สึกถึงร่างกายที่ห่อเกร็งของเพื่อนสนิทที่แนบชิดร่างกัน...


“ออก-... ไอ้...ซายน์ อะ-!” แขนสองข้างกอดรัดคนที่อยู่ด้านบนเอาไว้จนแน่นพอๆกับดวงตาที่ปิดเข้าหากัน แม้จะพยายามเก็บเอาไว้ แต่เจ้าตัวก็ปล่อยเสียงครางออกมาพร้อมๆกับหยาดสีขุ่นข้นที่หลั่งออกมาเปรอะเปื้อนไปจนถึงแผ่นอกสีขาวนวล ร่างบางกระตุกอยู่สองสามครั้งก่อนจะนอนราบลงกับเตียงอย่างหมดแรง


ศิวะจับเข่าที่อ้าออกเพราะอ่อนแรงของอาธิปเข้ามาแนบชิดอีกครั้ง เขากระแทกกายสวนเข้าไปเร็วขึ้น ร่างกายที่ร้อนผ่าวถูกกระแสเพลิงในตัวโหมไล่ ศิวะขยับตัวแรงขึ้นจนสุดท้ายก็ระเบิดอารมณ์ปรารถนาออกมา หยาดขุ่นข้นสีขาวราดรดลงบนหน้าท้องเปรอะเปื้อนเรื่อยไปถึงแผ่นอกที่มีตุ่มไตเล็กๆชูชันอยู่ กระทั่งต้นขาที่แนบชิดเองก็ยังเต็มไปด้วยหยาดอารมณ์


เด็กหนุ่มถอยตัวออกแล้ววางขาเพื่อนลงบนเตียง เขาก้มลงใช้ปากหยอกล้อยอดอกที่ยั่วสายตาอยู่ตรงหน้าเบาๆ


“เป็นไงมึง...โอเคป่ะ เลอะแม่งทั้งตัวเลย”


“ถ้ามึงไม่... เลิกถาม... กูจะ... ไม่ให้ทำแล้ว” เจ้าของห้องเอ่ยตอบสลับกับเสียงหอบพร้อมดวงตาที่หรี่ปรือ จะให้ตอบออกไปว่าอย่างไร รู้สึกดีมากอย่างนี้เป็นครั้งแรก ดีไม่ดีเพื่อนคนนี้จะเปลี่ยนใจแล้วอยากทำขึ้นมาอีกรอบจะเป็นยังไง


“ชอบหรือเปล่า” ศิวะเงยหน้าขึ้นชะโงกตัวไปเลาะเล็มยอดอกอีกข้าง แผ่นอกที่ขยับขึ้นลงทำให้ใบหน้าบางส่วนเปรอะหยาดที่ปลดปล่อยออกมาบ้าง


“กูชอบ...แม่งสุดยอดอ่ะ...ขนาดไม่ได้ใส่นะเนี่ย...”


“ไม่ต้องโม้ จะเหมือนเวลามึง... กับผู้หญิงได้ไงวะ ตอนนั้นบอกว่าดีงั้นดีงี้” เขาเอื้อมมือมาปาดเอาหยาดสีข้นออกจากปลายคางของเพื่อน


“เลอะหมด...”


“ตอนนี้เอาใหม่ มึงดีกว่าเพราะกูชอบมึง” ศิวะกดจมูกลงมาชนพลางจ้องลงไปในดวงตาที่หรี่ปรือ แว่นตาที่หลุดหายไปตั้งแต่นัวเนียในห้องน้ำทำให้ต้องมองอย่างใกล้ชิด


“มึงรู้สึกดีป่ะ”


“... ดี...” อาธิปยกมือขึ้นทาบปิดดวงตาของศิวะที่อยู่ใกล้จนทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ


“ขี้เกียจอาบน้ำใหม่ว่ะ” ศิวะพูดยิ้มๆด้วยรู้ดีว่าคนเป็นเพื่อนกำลังเขิน ก็ดูสิว่าไอ้ผิวขาวๆดันกลายเป็นสีแดงไปหมดแล้ว


เขาทิ้งตัวทาบทับไปบนร่างของอาธิปจนหยาดหยดที่ปล่อยออกมาเลอะทั่วกัน ศิวะกอดเด็กหนุ่มเอาไว้แล้วไซร้จมูกลงบนซอกคอหอมกลิ่นสบู่รำไร


“ไว้คราวหน้าให้กูเข้านะ”


“ไม่เอา... กูทำใจได้แล้วจะให้เข้า มึงต้องให้กูเข้าด้วย” แม้จะพูดจาแบบนั้น อาธิปก็ไม่ได้ผลักไสเพื่อนตัวดีออกไปไหน ในส่วนลึกของจิตใจ เขารู้ดีว่าตัวเองรู้สึกดีอยู่ไม่น้อยกับการที่ศิวะทำท่าทางออดอ้อนราวกับเด็กๆแบบนี้


“มึงรักกูมึงต้องยอมกู...”


“อื้อกูยอม.....” ศิวะตอบรับก่อนจะพลิกตัวไปนอนข้างๆแล้วดึงคนเตี้ยกว่ามากอดเอาไว้


“ถ้ามึงทำเป็นอ่ะนะ....ไอ้เตี้ยเอ๊ย มึงจะเทิร์นกูได้เหรอวะ” มือใหญ่ไล้กวาดหยาดขุ่นข้นจากแผ่นอกตัวเองและอาธิปก่อนจะเช็ดลงบนผ้าปู ศิวะยิ้มพราว...เพราะอย่างน้อยอาธิปที่เมื่อวานยังไล่กันอยู่ถึงกับเอ่ยปากยอมให้เข้าไปในตัวแล้ว


เอาวะ....อย่างน้อยก็ไม่เกลียดแล้ว


“ตอนนี้ไม่เป็น เดี๋ยวก็เป็น สัด พอแล้วกูเพลีย” พูดจบเขาก็หลับตาลงโดยยอมให้เพื่อนกอดเอาไว้


...ไว้ค่อยคิดต่อก็แล้วกันวะ


“มึงเพลียเหี้ยไรวะ มีแต่กูทำให้มึงกับบริการมึง มึงให้กูยืมแค่ขาเอง” ศิวะพูดยิ้มๆแต่ไม่ได้ท้วงอะไร เขากอดอาธิปเอาไว้แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างเปลือยเปล่าโดยไม่สนรอยเปรอะเปื้อน


...เอาวะ เรื่องของพรุ่งนี้ค่อยคิดพรุ่งนี้...


...แค่วันนี้ได้มีเพื่อน...รัก...กอดแนบอก แค่นี้ก็พอ











To be continued...








หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 34 [02/10/12] ก้ามข้ามผ่าน..ความสัมพันธ์
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 02-10-2012 20:40:49
ชอบบบบบบบบบบบ น้องซายน์ไวมากลูก เมื่อวานหนูยังเป็นเพื่อนกันอยู่เลยน้า

วันนี้หนูเล่นกันในห้องน้ำแล้วหรอ ฮ่าๆๆๆ  ขำน้องอัฐ มันโวยวายได้ตลอดเวลาเลย ฮ่าๆๆๆ

เอ่อ...เราจะได้กินมาม่ากันอีกแล้วหรอคะเนี่ย *กุมขมับ* ไม่ขอรสจัดนะคะ เอาเบาๆพอ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 34 [02/10/12] ก้ามข้ามผ่าน..ความสัมพันธ์
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 02-10-2012 21:02:53
ตอนนี้  :jul1:

ตอนหน้า  :z3:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 34 [02/10/12] ก้ามข้ามผ่าน..ความสัมพันธ์
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 02-10-2012 22:02:20
ผ่านไปอีกขั้นแล้วนะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 34 [02/10/12] ก้ามข้ามผ่าน..ความสัมพันธ์
เริ่มหัวข้อโดย: soluna ที่ 02-10-2012 22:55:03
คู่นี้น่ารักอีกแล้ววววววว~~
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 34 [02/10/12] ก้ามข้ามผ่าน..ความสัมพันธ์
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 03-10-2012 16:17:34
^^
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 34 [02/10/12] ก้ามข้ามผ่าน..ความสัมพันธ์
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 03-10-2012 22:06:34
คู่เพื่อนรักไวไฟดีแท้  o18
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 34 [02/10/12] ก้ามข้ามผ่าน..ความสัมพันธ์
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 04-10-2012 01:25:28
เราว่าคู่นี้ไม่ไวนะ แบบเมื่อก้อนก็อาบน้ำด้วยกันอยู่แล้วแต่วันนี้แค่เปลี่ยนฐานะ อิอิ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 34 [02/10/12] ก้ามข้ามผ่าน..ความสัมพันธ์
เริ่มหัวข้อโดย: aimjungna ที่ 04-10-2012 07:20:09
เพิ่งได้เข้ามาอ่านคะ เรื่องนี้ออกจะดราม่าเพราะสงสารน้องปัน แต่ก็ชอบคะเวลาหวานก็น่ารักมากเลย จะติดตามอ่านคะ *0* สู้ๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 34 [02/10/12] ก้ามข้ามผ่าน..ความสัมพันธ์
เริ่มหัวข้อโดย: RUMINA ที่ 04-10-2012 10:45:41
ชอบมากเลยค่ะ ตามอ่านวันเดียวถึงตอนล่าสุดเลย แฮะๆ
รอตอนต่อไปอยู่นะคร้า เป็นกำลังใจให้~
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 34 [02/10/12] ก้ามข้ามผ่าน..ความสัมพันธ์
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 04-10-2012 12:42:32
แว้กก  ไม่เข้าหลายวันถึงตอนสามสี่แล้วอ๋ออ    :m1: 
ชอบอ่ะๆ  อัสซี่หนูจะเสียซิงแล้วใช่มั้ยลูก  :m2:   :laugh:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 35 [06/10/12] ผิดไหม...ที่ไม่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 06-10-2012 15:53:33
kagehana : ถึงพ่อกับปันจะดีกันแล้ว....แต่อย่าไว้ใจคนเขียนนะคะ ^^ /โดนคนอ่านดักตี   จบง่ายๆไม่ดราม่าก็ไม่ใช่เราสิ (ใครเคยอ่าน ความทรงจำใต้เงาฝนพรำคงรู้ดี กว่าจะจบได้พี่ธันโดนไปเท่าไหร่ ฮิฮิ)

เพิ่งรู้สึกตัวว่าเป็นคนเขียนที่ไม่ค่อยได้ตอบคอมเม้นท์ใครเลย เอาเป็นว่า...ถ้ามีข้อสงสัยหรืออะไรที่อยากให้เราตอบ ถามได้นะคะ เราจะตอบให้แน่นอน ^^

ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ

กราบขอบคุณคนอ่านทุกคนที่โหวตให้อีกครั้ง มีรายชื่อได้โหวตกับเขาด้วยหมีกับดอกไม้ก็ยิ้มแก้มแตกแล้ว









-35-










“สรุปก็ หัดเป็นแฟนกัน ยังไม่ได้กันดีๆ....” ปัณวิทย์เอ่ยบอกคนที่โอบกอดเขาเอาไว้จากด้านหลังขณะที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง วันนี้เมื่อไปถึงโรงเรียน เขาต้องฟังเพื่อนตัวดีทั้งสองคนสลับกันเล่าจนรู้สึกปวดทั้งหูทั้งหัว คนนึงโวยวาย อีกคนดีใจเหมือนเป็นบ้า


...กูเนี่ยล่ะจะตายเอาก่อนพวกมึง...


“... นี่ พี่เดฟ ช่วงปิดเทอมปลายปี จะว่างปะ พี่เดฟว่าจะประหลาดมั้ยถ้าไปเที่ยวไหนกันสองคนอีก”


“ก็ไม่นะ พี่ยังแปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่หยุดน้อยจัง ที่อื่นเขาหยุดยาวสองอาทิตย์ตั้งแต่คริสต์มาสเลย..ปันอยากไปไหนล่ะคราวนี้” ชายหนุ่มผมทองที่นั่งเป็นโซฟาพิงหลังให้เอ่ยตอบพร้อมซุกจมูกเข้ากับแก้มขาว


“ที่บ้าน... พ่อ... จะว่าแปลกมั้ย... ปันอยากลองไปเที่ยวต่างประเทศบ้างอะ... ขอเยอะไปปะ” เขาขยับแก้มให้อีกฝ่ายได้คลอเคลียถนัดขึ้นโดยที่สายตาไม่ละไปจากหน้าหนังสือ


ชยางกูรนิ่งไปพักหนึ่งเมื่อปัณวิทย์พูดถึงพลภัทร ในตอนนี้เขารู้สึกเหมือนพลภัทรจะอ่อนลงมาก...นั่นรวมไปถึงความอ่อนโยนที่บางครั้งเขาแอบมองเห็นด้วย สำหรับตัวเขาที่ไม่สนอะไรนักเรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สำหรับปัณวิทย์ที่รักพ่อแล้วเจ้าตัวคงดีใจไม่น้อย


“ก็ลองขอดูสิ บอกว่าไปกับพี่พ่อคงไม่ว่าอะไรมั้งเพราะปันก็ปิดเทอมแล้ว พี่ก็ใช้พักร้อน” คนพูดว่าแล้วก็โอบคนตัวเล็กแน่นขึ้น ส่วนอีกมือก็ลูบขนนุ่มๆของฟูกับฝุ่นที่นอนซุกอยู่ไปด้วย


“เหรอ พี่เดฟขอดูดิ...” ก่อนที่จะได้พูดต่อ เสียงเคาะประตูห้องของเขาดังขึ้นทำเอาเจ้าตัวถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ


...ไม่เคยมีใครเคาะประตูห้องเขาตั้งแต่ย้ายเข้ามาห้องนี้นอกจากชยางกูร


“ใครวะ...”


ไม่ทันที่ชยางกูรจะได้คิดว่าเป็นใคร เสียงทุ้มห้าวเบื้องหลังบานประตูก็ดังขึ้นมาก่อน


“ปัน...เดฟ... ขอพ่อเข้าไปหน่อย...”


เป็นเจ้าของห้องที่หยุดนิ่งไป เขาชี้นิ้วไปที่โต๊ะหนังสือของตัวเองเป็นการส่งสัญญาณให้ชยางกูรลุกไปนั่งตรงนั้นขณะที่ตัวเองรีบวิ่งไปที่ประตู เด็กหนุ่มร่างบางหันมามองให้แน่ใจว่าชยางกูรนั่งลงที่โต๊ะแล้ว เขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเปิดบานประตูออกมา ดวงตาสบมองเพียงครู่เดียวก็เบนสายตาหนี ไม่กล้าที่จะสบมองตรงๆก่อนจะเอ่ยถาม


“มีอะไร เหรอครับ... คุณพลภัทร”


“ทำอะไรกันอยู่ พะ..ฉันไปที่ห้องเดฟมาเมื่อกี้เห็นไม่อยู่ที่ห้อง ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่หลับไม่นอนกัน” พลภัทรพูดด้วยแววตานิ่ง นัยน์ตาสีเข้มมองเข้าไปในห้องสบตากับลูกชายผมทองที่นั่งอยู่โต๊ะหนังสือ


“พี่เดฟ... มาช่วยผมติวหนังสือครับ...” ปัณวิทย์เบี่ยงตัวหลบให้อีกฝ่ายได้ก้าวเข้ามาก่อนจะยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน


“อืม...” เป็นคำตอบที่ไม่รู้ถึงความหมาย


ชยางกูรรู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมานิดหน่อยแต่ยังไม่เท่าปัณวิทย์ที่ดูท่าจะแข็งไปทั้งตัว นัยน์ตาสีฟ้าได้แต่ลอบสบตาให้กำลังใจ


“ครั้งล่าสุดก็ท็อปใช่มั้ย...” พลภัทรพูดออกมาก่อนจะหันไปหาปัณวิทย์


“บางครั้งฉันก็คิดว่าฉันคงแข็งเกินไปที่จะอ่อนโยนกับใครสักคนได้แล้ว....” คนพูดหัวเราะขึ้นจมูกราวกับจะเยาะเย้ยตัวเอง น่าขำที่ว่าถ้าความตายไม่เข้ามาใกล้อย่างตอนที่ปัณวิทย์ขับรถไปชน เขาคงไม่รู้ตัวเองว่ารักลูกที่ไม่ใช่สายเลือดอย่างปัณวิทย์มากแค่ไหน


เพราะรักมาก...เลยผิดหวังที่ไม่ใช่ลูกของตัวเอง


เพราะผิดหวัง...เลยลงท้ายด้วยการทำร้ายเด็กที่ไม่มีความผิดใดเลย


“ไว้คราวหน้าก็มาเรียนที่ห้องหนังสือสิ...ฉันจะช่วยดูให้”


“ด... ได้... เหรอครับ” น้ำเสียงของเขาสั่นเครือจนเจ้าตัวต้องเม้มปากแน่นหลังจากจบประโยค


“อืม...” พลภัทรรับคำพร้อมกับมองหน้าลูกชายที่รักตรงๆ


ปัณวิทย์ไม่รู้ตัวว่าน้ำตาไหลออกมาตอนไหน เขารีบยกมือขึ้นปาดมันออกแล้วเอ่ยบอกขอโทษ “ขอโทษ... ครับ...”


“จะขอโทษอะไร...ฉัน...พ่อต่างหากที่ต้องขอโทษปันที่เอาแต่ทำร้ายลูก” คำว่าพ่อและลูกที่สามารถพูดออกมาได้ทำให้เกิดความรู้สึกเต็มตื้นในหัวใจจนน่าประหลาด


“พ่อไม่ขอให้ปันยกโทษให้ แต่ถ้าเป็นไปได้...” นัยน์ตาคมมองใบหน้าที่เปรอะรอยน้ำตาของลูกชายแล้วยิ้มจางๆ


“พ่ออยากให้ปันเรียกพ่อว่าพ่อ...อีกครั้งได้มั้ย”


“... เรียกได้... แล้ว เหรอครับ” ปัณวิทย์มองหน้าคนที่ครึ่งหนึ่งเคยเรียกว่าพ่อแต่ถูกห้ามเรียกไป พอเห็นรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของพลภัทร ปัณวิทย์ก็กลั้นน้ำตาต่อไปไม่ไหว เด็กหนุ่มปล่อยโฮออกมาโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว


“พ่อ ฮึก ให้ปัน คุยด้วย อึก ให้ไปหาที่ห้อง หนังสือ... ได้แล้ว... ใช่มั้ย ฮึก ครับ”


ไม่ใช่แค่เพียงมือที่วางบนศีรษะ..หากแต่เป็นอ้อมกอดอบอุ่น


พลภัทรดึงตัวลูกชายคนเล็กเข้ามากอด...กอดที่ห่างหายไปสิบกว่าปี กอดเพื่อแทนขำขอโทษต่อเรื่องร้ายๆที่เคยกระทำ


“ปันเป็นลูกพ่อ... เหมือนเดิมนะลูก” ชายวัยกลางคนไม่ได้เอ่ยคำขอโทษ เขาเชื่อว่าปัณวิทย์จะรับรู้ว่าสำหรับผู้ชายแข็งๆและพ่อที่ใจร้าย การกระทำนั้นสำคัญกว่าคำพูดเพียงใด


“............ ครับ.....พ่อ....” เด็กหนุ่มที่เฝ้ารออ้อมกอดจากพลภัทรได้แต่ร้องไห้พลางยึดเอาชายวัยกลางคนที่แม้ไม่ได้มีสายเลือดเกี่ยวพันกันแต่เขาก็รักเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะไม่ได้กอดอีกเป็นครั้งที่สอง


...เพราะเป็นพ่อคนเดียวที่มี


ชยางกูรที่เฝ้ามองอยู่เงียบๆระบายยิ้มออกมาช้าๆ เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆพลภัทรถึงลุกขึ้นมาดีกับปัณวิทย์ แต่หากให้เดาคงเป็นเพราะเรื่องอุบัติเหตุเพราะตั้งแต่ตอนนั้นท่าทีของพ่อก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด


อะไรก็ช่าง...ชยางกูรขอแค่คนรักของเขามีความสุขก็พอ


“ปัน...ขอพ่อเรื่องไปเที่ยวดิ” ชายหนุ่มเอ่ยแทรกขึ้นในบรรยากาศอบอุ่นนั้น


พอได้ยินสิ่งที่ชยางกูรพูด เจ้าของห้องก็รีบเงยหน้าขึ้นมามองผู้เป็นพ่อพลางยกมือป้ายน้ำตาออกรวดเร็ว “ครับ... พ่อ คือ... ปันอยากไปเที่ยวต่างประเทศกับพี่เดฟ... แต่ถ้าพ่อว่าไม่ดี... ไม่ไปก็ได้นะครับ”


พลภัทรมองไปยังลูกชายอีกคน...ลูกที่เกิดกับผู้หญิงที่รักหากแต่ไม่ได้มีความผูกพันใดๆ


“เดฟจะพาน้องไปไหน”


“ผมกะว่าจะลาพักร้อนสักสองอาทิตย์ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปที่ไหนครับ”


ชายวัยกลางคนพยักหน้า เขาลูบใบหน้ามอมๆของลูกชายก่อนจะเลื่อนขึ้นไปขยี้หัวเบาๆ


“ก็ตามใจ อยากไปไหนก็เอา ปันปัน...ไปส่งพ่อนอนมั้ยลูก” พลภัทรถามพลางเรียกชื่อเล่นสมัยเด็กที่เคยหยอกล้อกัน


พวงแก้มของปัณวิทย์ซับสีเรื่อขึ้นมาเมื่อถูกเรียกแบบนั้น ทั้งดีใจ ทั้งเขินอายในเวลาเดียวกัน “ไปครับ” รอยยิ้มกว้างประดับอยู่บนใบหน้าก่อนที่เจ้าตัวจะหันมาหาคนที่ยืนอยู่


“เดี๋ยวมานะ”


ชยางกูรพยักหน้า จนกระทั่งประตูปิดลงร่างสูงถึงเดินจากโต๊ะหนังสือกลับไปนอนเอกเขนกบนเตียงพร้อมๆกับไอ้สองตัวที่ตะกายขึ้นมานอนซุกบนท้องเหมือนกระต่ายขาดความอบอุ่น


“ไง ฟูฝุ่น...น้องปันเขาดีกับพ่อแล้วเราจะหัวเน่ามั้ยนะ”


เหมือนกับสองตัวจะฟังเข้าใจ (แต่ไหนแต่ไรก็ดูจะเข้าใจตลอด) ทั้งฟูทั้งฝุ่นพากันกระโดดโหยงเหยงบนท้องของชยางกูร แม้จะตัวเล็ก แต่ลองกระโดดหลายๆรอบก็คงได้รู้สึกบ้างถึงอาการประท้วงของทั้งสองตัว


“เฮ้ย-- เจ็บน่า กระโดดอะไรกันอยู่ได้” เขาจับตัวสีฝุ่นขึ้นมาชูเหนือหัว “จับแดกแม่งเลยไอ้อาหารสำรอง”


เจ้าตัวขาวรีบกระโดดหนักเมื่อเห็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันเดือดร้อนแม้จะรู้ว่าแค่กระโดดคงช่วยอะไรไม่ได้


“ไอ้เบอร์สองนี่” ชยางกูรเกาพุงของฟูที่กระโดดอยู่


เขารู้....ว่าปันรอวันนี้มานานแค่ไหน


วันที่จะได้เรียกว่าพ่ออีกครั้ง....


“ทำอย่างกับพวกหวงแฟนเลย....ไอ้เดฟเอ๊ย”


ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับเจ้าของห้องที่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มกว้างอยู่ “มาแล้ว พี่เดฟ” ปัณวิทย์เดินเข้าไปหาคนที่นอนอยู่บนเตียง เด็กหนุ่มดูคล้ายกับจะลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมไปจับเจ้าฝุ่นออกมาจากการจับกุมของชยางกูร แล้วปีนขึ้นบนเตียง พาตัวเองเข้าไปหาอ้อมกอดของชยางกูร


“... ดีใจ... ปันดีใจมาก...”


ชยางกูรกระชับคนในอ้อมกอดที่มีแต่รอยยิ้มเต็มทั่วทั้งใบหน้า เขาจูบเบาๆบนหน้าผากและไรผมหอมอ่อนๆ


“พี่รู้...พ่อเองก็คงดีใจ”


กลับเป็นปัณวิทย์ ที่เป็นฝ่ายหอมแก้มชยางกูรก่อนจะซุกใบหน้าเข้ากับแผ่นอกกว้าง “ดีใจสุดๆเลย... พ่ออนุญาตด้วย พี่เดฟจะพาปันไปไหน”


“นึกว่าดีใจจนลืมพี่ไปแล้ว ลืมฟูกับฝุ่นด้วย”


“พูดอะไร เดี๋ยวให้ฟูกับฝุ่นกัดเลย... ปันจะลืมได้ยังไง... ตลอดไปที่สัญญากันไว้ ปันไม่ผิดสัญญาหรอก” หากชยางกูรสังเกต คงจะเห็นใบหน้าที่กลายเป็นสีแดงเข้มเรื่อยมาจนถึงใบหูของคนที่พยายามซุกซ่อน


“ล้อเล่นครับ” ชยางกูรแกล้งแหย่นิ้วเข้าไปในปากเจ้าตัวขาว “โอ๊ยๆๆ ฟูกัดพี่แน่ะปัน จับทำกระต่ายย่างดีมั้ย”


“เอานิ้วมานี่เลย เดี๋ยวทำแผลให้ อย่ามาแกล้งฟูกับฝุ่น” คนที่จะทำแผลให้เป็นฝ่ายดูดปลายนิ้วของชยางกูรเบาๆ “หายแล้ว”


“ว่าแต่ไปไหนกันดี มัลดีฟส์ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย หรือปันอยากไปไหน” ชยางกูรดึงปลายนิ้วที่ถูกทำแผลมาจูบเบาๆแล้วมองด้วยสายตารักใคร่


“ออสเตรเลีย แพงไปมั้ย”


“ตั๋วไปกลับสามหมื่นกว่า ก็โอเคนะ ปันอยากไปเหรอ”


“ไม่รู้สิ ไปไหนก็ได้ ให้พี่เดฟเลือก” เขาเอนตัวลงหาอ้อมกอดของชยางกูรอีกครั้ง


“ออสเตรเลียก็ได้ สักสองอาทิตย์เนอะ” ชายหนุ่มพลิกตัวขึ้นคร่อมแล้วไซร้เบาๆตามลำคอจนถึงไหปลาร้า


“ไปสองคน ฮันนีมูนรอบสอง”


“ฮันนีมูนอะไร ยังไม่ได้แต่งงาน” ทั้งดวงตาทั้งคิ้วเรียวที่ผูกเข้าหากัน เป็นการแสดงออกทางสีหน้าที่ตรงข้ามกับแขนสองข้างที่โอบกอดร่างสูงเอาไว้พลางขยับกายให้ไม่อยู่ในท่าทางที่อึดอัด


“งั้นซ้อมฮันนีมูน รอปันเรียนจบไปแต่งแล้วจดทะเบียนที่อเมริกากันนะ” ชยางกูรพูดแผนการในอนาคตด้วยเสียงรื่นเริง


ชายหนุ่มวางแผนเรื่องการจดทะเบียนของเพศเดียวกันมาได้สักพักแล้วหากแต่ยังไม่เคยพูดออกมาตรงๆ


“ยังไม่เคยให้แหวนปันเลย...”


“ด เดี๋ยว พี่เดฟพูดไปถึงไหนนั่น แต่งงาน จดทะเบียนอะไร... ปัน...... ไม่ไปอยู่ อเมริกา... หรอกนะ” ท้ายประโยคเจ้าตัวทำเสียงอ่อยลงเล็กน้อยจากตอนแรกที่ตั้งท่าเหมือนจะโวยวาย


อย่างน้อยเขาคงต้องใช้เวลาเตรียมใจมากกว่านี้เยอะๆ ไม่ใช่แค่เรียนจบแล้วจะไปได้แน่ๆ


พอปัณวิทย์บอกว่าไม่ไปอเมริกา...ชยางกูรกูรู้สึกเหมือนถูกบางสิ่งบางอย่างกระทบกระแทกหัวใจอย่างรุนแรง


จะให้อยู่กับตระกูลประสิทธิ์พรวิวัฒน์ไปตลอดชีวิต....เขาก็ไม่เอาเช่นกัน


“.....ปันไม่อยากอยู่กับพี่เหรอ...”


“พี่เดฟ ไม่เอา อย่าทำหน้าแบบนั้น” มือสองข้างยกขึ้นจับใบหน้าของชยางกูรเอาไว้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากอยู่กับอีกฝ่าย หากแต่เขาเพิ่งดีกับพลภัทร จะให้รีบไปนั้นคงทำไม่ได้


“ปัน... อยากอยู่กับพี่เดฟ แต่... ให้เวลาปันด้วย... ปันเรียนจบแล้ว จะให้ไปเลย มันเร็วไป...”


“..พี่เข้าใจ...ยิ่งตอนนี้พ่อดีกับปันด้วยแล้ว ปันคงไม่อยากไปสินะ” สองมือเอื้อมไปประคองแก้ม นัยน์ตาสีฟ้าจ้องเข้าไปในแววตาคู่นั้น


“เอาเถอะ...ไว้เรื่องนี้เราค่อยพูดกันอีกที”


“สัญญานะ.... ว่าจะรอ......” เขาจ้องมองดวงตาสีฟ้ากลับ สื่อความรักที่มีให้คนตรงหน้าผ่านแววตาของตัวเอง


“แค่ไหนก็รอ....”






///////////////////////////////////////////





ชยางกูรลืมตาขึ้นในความมืด เป็นอีกหนึ่งคืนที่แทบจะกลายเป็นทุกคืนที่เขานอนค้างในห้องของปัณวิทย์ นัยน์ตาสีฟ้าสวยเหลือบมองไปยังเด็กหนุ่มที่นอนหลับซุกตัวกับข้างตัวเขา ใบหน้าอ่อนเยาว์มีแต่รอยยิ้มที่ติดค้างมาจากสิ่งที่เพิ่งรับรู้เมื่อตอนก่อนนอน ริมฝีปากบางๆแย้มยิ้มอย่างเป็นสุขผสานกับลมหายใจแผ่วเบา


นัยน์ตาสีฟ้ากลอกมองความมืดทั่วห้อง ผิวกายอบอุ่นที่แนบชิดบ่งบอกว่าเด็กหนุ่มยังคงไม่ไปไหน


แต่จะอีกนานแค่ไหน?.....


เรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นทำให้หัวใจสั่นไหว ชยางกูรไม่เคยคิดถึงวันที่พลภัทรจะดีกับปัณวิทย์เพราะพลภัทรเป็นคนหัวแข็งเกินกว่าจะยอมอ่อนให้ใคร อาจจะเป็นเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นตัวกระตุ้น แต่บอกตามตรง... ชยางกูรกลัว


กลัวว่าสักวันหนึ่งปัณวิทย์จะไม่อยู่กับเขา... ปันจะเลือกพ่อในวันที่เขากลับไปอเมริกา


ชายหนุ่มหัวเราะเสียงแผ่วในความมืด เสียง... ที่แผ่วเบาจนแทบหายไปในลำคอ


เขากลัวที่จะแพ้พ่อของตัวเอง... พ่อที่ไม่ยอมรับปัณวิทย์ พ่อที่ไม่เคยสนใจ พ่อที่เคยทำร้าย... และพ่อที่รักปัณวิทย์ไม่เปลี่ยนแปลง


แม้ชยางกูรจะกลับมาที่บ้านเพื่อรับช่วงต่อ แต่เขาก็คิดว่าจะทำเพียงระยะสั้นๆเพื่อให้ได้เงินมรดกบางส่วน ธุรกิจของเขาอยู่ที่อเมริกาเป็นธุรกิจที่ร่วมมือกับเพื่อนสร้างมันขึ้นมา แม้ว่าตอนนี้จะยังเล็กๆแต่เขาเชื่อว่ามันจะเติบโตขึ้น


อีกอย่าง ถึงแม้พลภัทรจะเป็นพ่อแท้ๆที่รักกับแม่เขา แต่สำหรับชยางกูรที่เติบโตมากับผู้เป็นแม่คนเดียวไม่ได้มีความผูกพันกับพลภัทรสักนิด เขาไม่เคยต้องการอ้อมกอดอบอุ่นแบบปัณวิทย์ พลภัทรเองก็ยื่นข้อเสนอให้กลับมาในรูปแบบของธุรกิจ เพื่อคานอำนาจกับคณัสนันท์ ไม่ใช่ให้กลับมาเพราะอยากอยู่กับลูก


แล้วเขาผิดหรือเปล่า...ที่ไม่รักพ่อแท้ๆของตัวเอง


แล้วผิดหรือเปล่า...ที่จะเอาปัณวิทย์ไป....













To Be Continued......







หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 35 [06/10/12] ผิดไหม...ที่ไม่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: armmyrine ที่ 06-10-2012 16:12:01
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 35 [06/10/12] ผิดไหม...ที่ไม่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Altasia ที่ 06-10-2012 16:42:04
ไม่ผิดๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 35 [06/10/12] ผิดไหม...ที่ไม่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: RUMINA ที่ 06-10-2012 18:02:43
ไม่ผิดน้า แพ๊กใส่เป๋าแล้วหิ้วกลับเมกาเล้ย~//โบกธงเชียร์
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 35 [06/10/12] ผิดไหม...ที่ไม่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 06-10-2012 19:25:30
มันจะมาม่าเบาๆ เพราะแบบนี้รึเปล่าน้า

มันอาจจะเป็นสิ่งที่น้องปัณเลือกรึเปล่า คิดไปไกลเลยเรา

ปัณดีกับพ่อแล้ว ดีใจด้วยน้าน้องปัณ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 35 [06/10/12] ผิดไหม...ที่ไม่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 06-10-2012 19:30:34
โอ้โห กลิ่นมาม่าโชยมาแต่ไกล
เอาแค่รสหมูสับพอนะคะ
ขืนเป็นต้มยำกุ้งคงจะน้ำท่วมจอ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 35 [06/10/12] ผิดไหม...ที่ไม่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: soluna ที่ 06-10-2012 21:26:06
พี่เดฟหิ้วน้องปันไปเลยพี่!!!!
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 35 [06/10/12] ผิดไหม...ที่ไม่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 06-10-2012 22:01:09
อั้กกก รู้ว่าถ้าพูดว่าเกลียดมาม่าคนเขียนก็จะยิ่งชอบและจัดมาม่ามาหนักๆ 55555 ประมาณว่าเกลียดอะไรได้ยั้งงั้น
เพราะงั้นทางเดียวที่จะทำได้คือต้องทำใจซินะ 555
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 35 [06/10/12] ผิดไหม...ที่ไม่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 06-10-2012 22:06:55
พี่เดฟเริ่มคิดมาก ทำเราเริ่มคิดมากตาม   :z3:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 35 [06/10/12] ผิดไหม...ที่ไม่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 07-10-2012 00:45:41
น้ำตาซึม  :monkeysad:

มาม่ามาแล้ว ไม่อยากกินเท่าไรอะ เบื่อ  :serius2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 35 [06/10/12] ผิดไหม...ที่ไม่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 07-10-2012 02:28:01
+1 น้องปันมีความสุข แต่พี่เดฟ น้ำตาตกใน  :เฮ้อ:วันนี้มีวามสุขที่สุดดีไหม ไม่ต้องติดถึงตอนจบ ว่าอยู่ หรือ จาก  :z2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 35 [06/10/12] ผิดไหม...ที่ไม่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: JJBoss ที่ 07-10-2012 09:38:15
พี่เดฟมาม่าอีกละ

กำลังคิดว่ามันกำลังไปได้สวยเลยแล้วเชียว
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 35 [06/10/12] ผิดไหม...ที่ไม่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 07-10-2012 09:41:14
เห็นใจพี่เดฟหน่อย ๆ แฮะ  เหมือนได้กลิ่นหัวเน่าลอยมาตุ ๆ
ท่าทางพี่เดฟจะต้องต่อสู้กับพ่อของตัวเองซะแล้ว
อ่านตอนนี้แล้วซาบซึ้งน้ำตาจิไหล  ในที่สุดน้องปันก็ชนะใจพ่อแล้ว
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 35 [06/10/12] ผิดไหม...ที่ไม่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 07-10-2012 10:55:20
พี่เดฟต้องเชื่อใจปันนะ
ปันไม่มีทางทิ้งพี่เดฟหรอก
อย่าเพิ่งคิดมากกกก

มาม่าเอาแค่ชามเล็กๆนะคะ
ชามใหญ่เด่วเค้าจุก
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 35 [06/10/12] ผิดไหม...ที่ไม่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 07-10-2012 10:56:14
 :o12:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 35 [06/10/12] ผิดไหม...ที่ไม่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 07-10-2012 18:24:49
ดีใจกับน้องปันที่พ่อดีด้้วย และน้องซายน์ที่อัฐเริ่มดีด้วย รักก่อตัวแล้ว แม้ยังไม่รู้ใจ
แค่นี้ก็ดีแล้ว
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 35 [06/10/12] ผิดไหม...ที่ไม่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 07-10-2012 18:51:37
เอาไปเลยพี่เดฟ  :m26:
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 36 [09/10/12] คนรักเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 09-10-2012 20:02:26

Kagehana : พามาเที่ยวออสเตรเลียค่ะ ฮี่--- เคยไปที่สวนสัตว์มา โคอาล่าตัวจริงประทับใจมาก ><

แฟนเก่าของพี่เดฟ...จะมีบทบาทมั้ยน้า ฮิฮิ










-36-





“ถึงแล้ว”


รถแบบครอบครัวสีขาวจอดลงตรงที่จอด Featherdale Wildlife Park เป็นกึ่งสวนสัตว์กึ่งฟาร์มที่อยู่ห่างจากตัวเมืองซิดนีย์ชั่วโมงกว่าๆ ชายหนุ่มจูงคนตัวเล็กกว่าลงจากรถไปซื้อตั๋วแบบพาสปอร์ตที่มีประวัติและที่ให้สแตมป์ตามฐานต่างๆในนั้น


“อ่ะ ของปัน ร้อนป่ะ” เดือนธันวาคมของประเทศออสเตรเลียเป็นฤดูร้อน ซึ่งอากาศนั้นก็ราวๆกับเมืองไทยทีเดียว


“... ร้อน........” นอกจากเสียงจะฟังดูขุ่นแล้ว ใบหน้าของปัณวิทย์แสดงออกอย่างชัดเจนว่าร้อน เขามองคนที่กางแผนที่อยู่ก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปหา


“ไปทางไหนก่อนอะ”


“ก็เดินเข้าไปกรงนก...เสร็จแล้วก็มีจุดถ่ายรูปกับโคอาล่า ตามแผนที่อ่ะนะ” เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายขี้หงุดหงิดกับอากาศร้อนเป็นพิเศษ ชยางกูรเลยหยิบของที่เตรียมมาในเป้ออกมา


“เอ้า ใส่นี่” หมวกแก็ปใบโตสวมลงบนศีรษะกลมมนพร้อมกับขวดน้ำเย็นเจี๊ยบที่ซื้อมาเมื่อครู่


“น้ำนั่นเดี๋ยวได้กลายเป็นน้ำร้อนแน่...” เขาทำเสียงบ่นอุบอิบ แต่ก็ดึงแขนอีกฝ่ายให้คนตัวสูงกว่าต้องก้มใบหน้าลงมา


“ขอบคุณนะพี่เดฟ” ปัณวิทย์เอ่ยเสียงเบา ขอบคุณสำหรับหมวกกับน้ำที่เอามาให้


ชยางกูรตอบแทนคำขอบคุณด้วยการกดจมูกลงบนแก้มชื้นเหงื่อครั้งหนึ่ง ฝ่ามือใหญ่กุมมือเล็กๆเอาไว้แล้วเดินเข้าไปในทางเข้า


ผ่านทางเข้าเข้าไปเป็นส่วนของกรงนกที่อยู่หน้าสุด เขาเดินดูด้วยอารมณ์เรื่อยเปื่อยเพราะถึงแม้จะเป็นนกท้องถิ่นของออสเตรเลียแต่ในสายตาเขาก็ดูไม่ได้ต่างจากนกในไทยหรืออเมริกานัก หากแต่ที่แตกต่างคงเป็นบนพื้นดินที่มีลูกจิ้งโจ้กระโดดไปมาอย่างใกล้ชิด


“ที่นี่ดีเนอะ ปล่อยจิงโจ้วิ่งเล่น...ในแผนที่บอกว่าเลยตรงโคอาล่าไปแล้วจะมีฟาร์มจิงโจ้ มีให้อาหารด้วย แต่เจ้านี่สงสัยเป็นหน่วยต้อนรับ” เขาย่อตัวลงลูบหลังจิงโจ้ตัวน้อยที่โดดหย็องแหยงเข้ามาใกล้


“ปันจับสิ ถ่ายรูปมั้ย”


“ถ่าย! น่ารักจัง ให้ใครถ่ายดิ จะได้มีรูปด้วยกัน” ใบหน้าของปัณวิทย์ทีตอนแรกดูจะหงุดหงิดเพราะอากาศร้อน ตอนนี้กลับมีแต่รอยยิ้มเริงร่าสมวัยเมื่อเห็นลูกจิงโจ้ตัวเล็กกระโดดไปมา


ชยางกูรกดถ่ายรูปเจ้าตัวที่ยิ้มร่าเริงแนบหน้ากับลูกจิงโจ้เป็นอันดับแรกก่อนจะขอให้คู่สามีภรรยาชาวต่างชาติที่อยู่ใกล้ๆถ่ายรูปให้ ร่างสูงย่อตัวลงเข้าเฟรมกอดทั้งคนทั้งจิงโจ้ไว้ในอ้อมแขน


พอได้กล้องถ่ายรูปคืนมา ปัณวิทย์ก็ดูจะอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิม เด็กหนุ่มมองภาพที่ถ่ายคู่กันผ่านหน้าจอแล้วหันไปพูดกับคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง


“ปันไม่ค่อยมีรูปกับพี่เดฟ ถ่ายกันอีกเยอะๆนะ....”


“ก็ปกติเราไปเที่ยวไม่ค่อยได้ถ่ายรูปกันนี่เนอะ” ชยางกูรก้มลงมองแล้วจัดหมวกให้


“ถ่ายเยอะๆ จะได้เก็บไว้ดู” เขายิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะหยิบแผนที่ขึ้นมาดูบ้าง


ใบหน้ายิ้มร่าเริงของปัณวิทย์ทำให้คนถือกล้องอดใจกดชัตเตอร์ไม่ได้..จนกระทั่งแขนอีกฝ่ายเกี่ยวจูงเดิน ชยางกูรถึงรู้ตัว


ที่ๆปัณวิทย์เดินมาถึงเป็นบริเวณของโคอาล่า โคอาล่าทุกตัวในสวนนี้ต่างมีชื่อเป็นของตัวเองซึ่งแต่ละตัวนั้นก็ถูกจับอยู่ในโรงเลี้ยงกอดต้นยูคาลิปตัสนอนหลับไม่สนใจใคร ชายหนุ่มเดินมาถึงจุดถ่ายรูปและให้อาหารโคอาล่า ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถนำมาอุ้มได้แต่ก็สัมผัสได้อย่างเต็มที่


“อ๊ะ โชคดีจังปัน โคอาล่ากำลังตื่นเลย” น้ำเสียงคนพูดตื่นเต้นเพราะน้อยครั้งที่เจ้าโคอาล่าที่หมุนเวียนมาถึงจุดให้อาหารจะลืมตา ส่วนใหญ่แล้วจะหลับขดซุกตัวอย่างขี้เกียจมากกว่า


“น่าอุ้มดีอะ ดูดิ หน้าตาตลกด้วย” เด็กหนุ่มหัวเราะขำใบหน้าที่ยังดูง่วงนอนของเจ้าหมีสีเทา ปัณวิทย์ไม่ได้ออกมาเที่ยวแบบนี้นานแล้ว ตั้งแต่ถูกกีดกันออกมาจากครอบครัว เขาก็ไม่เคยได้ไปเที่ยวไหน ยกเว้นแต่ทัศนศึกษาของโรงเรียนเท่านั้น


“หน้าโคตรเหมือนปันตอนยังไม่ตื่นดีเลย”


ชยางกูรดึงคนรักให้ไปยืนแนบชิดโคอาล่า


“ปันโอบหมีแล้วยื่นหน้ามาเลย...ฝาแฝดชัดๆ”


“นิสัย ปากหมาแล้ว” หน้ายิ้มๆหายไปพลางเอื้อมมาดันมือที่ถือกล้องรออยู่แล้วออกไป


“โอ๋ๆ งอนเหรอน้องปันปัน”


มือใหญ่ยื่นเข้ามาหยิกแก้มขาวๆก่อนจะกดชัตเตอร์แล้วหันไปหาเจ้าหน้าที่ฝากให้ถ่ายรูปให้


“ไม่ต้องมาทำเรียกน้องปันปันเลย” เขาทำหน้ายู่ใส่อีกฝ่ายเพียงครู่เดียวก่อนจะรีบยิ้มให้กับกล้อง


ชยางกูรไม่ได้แนบแก้มลงไปบนตัวนุ่มขนฟู หากแต่เขากลับแนบแก้มกับตัวนิ่มแก้มอุ่นแล้วฉีกยิ้มกว้างขวางใส่กล้อง ปัณวิทย์ที่ขยับตัวถูกกอดเอาไว้แน่นจนตากล้องสาวลอบส่งยิ้มมาให้


“ยิ้มสิปัน ยิ้มหวานๆ”


“ยิ้มแล้วไง ยิ้มแล้ว” เขาหัวเราะกับท่าทางของชยางกูรที่ยังไงๆ คนท่าทางดูดีแบบนี้เหมาะจะไปเดินในเมืองมากกว่าสวนสัตว์ตอนอากาศร้อนๆแบบนี้


“มองไรปัน” ชายหนุ่มรับกล้องพร้อมขอบคุณแล้วหันมาทำหน้าแกล้งวีนใส่


“เปล๊า”


“เดฟ... เดฟใช่ไหม” เสียงๆหนึ่งดังขึ้นจากกลุ่มฝูงชนที่เข้ามาเที่ยวสวนสัตว์ในวันนี้เรียกให้ปัณวิทย์หันตาม


ชยางกูรหันไปตามเสียงเรียก ทันทีที่เห็นเหมือนกับถูกสาดน้ำเย็นจัดสาดเข้าร่าง ใบหน้าได้รูปของคนตรงหน้าที่ไม่ได้เห็นมาสองปีดูไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมสักนิด


“พี่เอส....” ชยางกูรเรียกชื่อด้วยเสียงที่เหมือนจะหลุดออกจากลำคอมากกว่าตั้งใจ


“... โลกกลม จังเลยนะ” เจ้าของชื่อเอส หรือว่าอิสรายิ้มให้จางๆ


“เป็นยังไงบ้าง... สบายดีหรือเปล่า”


“สบายดี พี่เอสล่ะ” หนุ่มช่างพูดูราวกับกลายเป็นเครื่องจักรลืมหยอดน้ำมัน ชยางกูรถามเหมือนกับไม่รู้จะถามอะไร


“... สบายดี เดฟมาทำอะไรที่นี่เหรอ” อิสราถามต่อโดยที่รอยยิ้มจางๆนั้นยังไม่หายไปไหน ชายหนุ่มร่างโปร่งไม่ได้สังเกตเห็นปัณวิทย์ที่ยืนอยู่ด้วย


“ผมมาเที่ยวกับน้อง...ปัน นี่พี่เอส...” ชยางกูรไม่รู้ว่าจะแนะนำอิสราในฐานะอะไร จะบอกว่าเพื่อนร่วมงานก็กลายเป็นอดีตไปแล้ว จะบอกว่าแฟนเก่า..ก็กลัวคนรักจะคิดมาก


“สวัสดีครับ...” ปัณวิทย์ไม่ใช่เด็กที่ดูไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร แม้จะไม่แน่ใจ แต่เขาก็ไม่อยากจะฟันธงว่าเคยมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นในอดีตแน่ๆ ถ้าให้สังเกตจากท่าทางของชยางกูรแล้ว


“พี่เอส...มากับแฟนเหรอ” เขาถามพร้อมกับมองหาตัวคนข้างกายของคนตรงหน้า


ครั้งหนึ่งเขากับอิสราเคยรักกันมาก...รักจนคิดว่าจะเป็นคนสุดท้ายในชีวิต แต่อาจจะเป็นเพราะความเหงาและเขาเด็กเกินไปที่จะเข้าใจอิสรา ชายหนุ่มตรงหน้าถึงไปคบกับอีกคนโดยไม่บอกเขา สุดท้ายเมื่อทุกอย่างเปิดเผย เขาเลยเป็นฝ่ายจากมา


และไม่เชื่อในความรัก...จนกระทั่งมาเจอปัณวิทย์


“อื้ม เจคอบไปซื้อน้ำให้น่ะ” เขาหันไปยังทิศทางที่เจคอบเดินหายไปก่อนหน้านี้แล้วหันกลับมามองคนที่ตัวสูงกว่า


“ดูโตขึ้นเยอะนะ”


“พี่เอสก็โตขึ้น แต่เจคอบไม่ใช่คนตอนนั้นนี่” น้ำเสียงห้วนสั้นถามคล้ายยืนยัน แม้จะไม่ได้เจอกันมานานแต่สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนแปลงของอิสราก็คือความหวั่นไหวและใจอ่อน..โอนเอนไปตามความต้องการที่ไม่หมดสิ้น


“ไม่อยากจะเชื่อเลย...” ชายหนุ่มพูดเบาๆคล้ายรำพันกับตัวเอง


“... เดฟมีอะไรอยากจะพูดกับพี่หรือเปล่า... ถึงพูดแบบนั้น... ไม่อยากจะเชื่อ ไม่อยากจะเชื่ออะไรอย่างงั้นเหรอ”


“เปล่า” แม้แต่ตัวเองยังรู้สึกว่าเสียงที่ตอบไปทั้งห้วนและสั้นเพียงใด ชยางกูรหันกลับไปมองปัณวิทย์อีกครั้งก่อนจะคว้ามือมากอบกุมไว้


“ปันเป็นแฟนผม...คนรักของผมคนเดียวหลังจากที่เลิกกับพี่”


“......” อิสราไม่ได้พูดอะไรตอบในทันที แต่เขาก็ใช้สายตาสำรวจปัณวิทย์ตั้งแต่หัวจรดเท้า และนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เด็กหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ


“ขอโทษครับ แต่ไม่เคยมีใครสอนหรือไงว่ามองแบบนี้เป็นการมองแบบดูถูก โตเมืองนอกแล้วมารยาทเหี้ยกันหมดหรือไง” ความไม่พอใจนั้นแปรเปลี่ยนเป็นคำพูดคำจาที่ฟังดูอวดดีในเวลาต่อมาแทบจะทันที


ชยางกูรมองคนรักแล้วลอบอมยิ้ม ให้ตายเหอะเขารักเด็กนี่จริงๆ


แต่ที่น่าแปลกกว่าคืออิสราไม่มีทีท่าโมโหกับท่าทีของปัณวิทย์เลยแม้แต่น้อย กลับกัน เขามีเพียงรอยยิ้มเศร้าๆที่มอบให้กับร่างสูง


“พี่คิดว่าเราน่าจะรู้... รักเพศเดียวกันแบบนี้ มันไม่ยั่งยืน... ไม่ใช่หรือไง เดฟเอง ก็มีพี่... เป็นตัวอย่างไม่ใช่เหรอ ก่อนหน้าที่จะมาเจอกับพี่ เราเป็นยังไงมาก่อน ลืมไปแล้วเหรอ”


คำพูดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเศร้าของอิสราทำให้นัยน์ตาสีฟ้าเปลี่ยนไป ก่อนที่จะเจออิสรา...เขาใช้ชีวิตแบบที่เรียกได้ว่าสำมะเลเทเมาเต็มที่ อยากจะมีเซ็กส์กับใครก็มี อยากนอนกับใครอยากทิ้งคนไหนก็เอา แต่หลังจากที่เจออิสรา...และเปลี่ยนผู้ชายคนหนึ่งให้เป็นเกย์ ทำให้เขาเรียนรู้คำว่ารัก


ถ้าอิสราไม่เจอเขา...อาจจะไม่ต้องมีชีวิตที่มีแต่ความไม่แน่นอนอย่างนี้ก็ได้ อิสราคงมีครอบครัว..มีคนรัก ได้แต่งงานมีลูก มีคนคอยอยู่เคียงข้างในทุกๆวัน


...ปัณวิทย์เอง ถ้าไม่เจอเขาก็อาจจะไม่ต้องมารักกับผู้ชายก็ได้...


...ไม่ใช่หรือไง...


“พี่เอส...ผมขอโทษ” แววตาที่มองตอบสื่อให้รู้ว่าคำขอโทษนั้นมีให้แก่เรื่องใด


“ไม่มีอะไรที่เราต้องขอโทษพี่หรอก พี่ก็แค่อยากจะเตือนเอาไว้....” อาจจะเพราะว่าเป็นผู้ใหญ่กว่า อิสราถึงได้มีท่าทีสงบนิ่งแบบนี้


“ตอนนี้พี่มีความสุขดีหรือเปล่า” ชยางกูรถาม..ด้วยเสียงที่เบาแสนเบา


“อืม มีสิ” อิสรายิ้มให้จางๆ


“เดฟล่ะ”


ชยางกูรดึงคนตัวเล็กที่ยืนทำหน้ามุ่ยเข้ามาโอบไว้เบาๆ “ผมหยุดที่คนนี้แล้วครับ”


“พี่เอสเปลี่ยนเบอร์ยัง นี่นามบัตรผม มีอะไรติดต่อไปได้นะ...ผมไปก่อน” ชยางกูรยื่นนามบัตรให้


ถึงไม่ใช่คนรักกันแล้ว แต่เขาก็อยากให้รักแรกของเขามีความสุข


“รักษาสุขภาพนะ” อิสรายิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเดินกลับไปหาผู้ชายฝรั่งที่กำลังเดินมาหา


พอเดินพ้นมาได้สักพัก ปัณวิทย์ก็เปิดปากถามทันที


“เมื่อกี๊อะไรน่ะ คุยด้วยทำไม มองปันยังกับเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้”


“พี่เอสเป็นแฟนเก่าพี่...รักแรกน่ะ พี่ยังไม่เคยเล่าให้ปันฟังแต่คงจำได้มั้ง คนที่พี่บอกว่าเป็นผู้ชายแท้แล้วมาคบกับพี่น่ะ”


“เหรอ...” เขามองหน้าอีกคนแล้วยืดมือไปขยี้มือกับเรือนผมสีทองยาวของชยางกูรแรงๆ


“อย่าทำหน้าเหี่ยวน่า”


“ไม่หึงเหรอ” ชยางกูรก้มลงมองพลางยกยิ้ม..ปิดบังอารมณ์อ่อนไหวภายใน


“หึงทำไม ไม่หึง มีปัญหารึไง” คนอายุน้อยกว่ายังคงทำหน้ายุ่ง


“เปล๊า---” มือใหญ่ไต่ลงไปในมือเล็กแล้วสอดประสานเอาไว้ด้วยกัน “ใครจะกล้ามีปัญหากับน้องปันปันกัน ป่ะ เดี๋ยวไปถ่ายรูปกับจิงโจ้แล้วพรุ่งนี้ไปเดินโอเปร่าเฮ้าส์กัน”


“ประชดเหรอ...” ปัณวิทย์บีบมือข้างนั้นเอาไว้แน่นก่อนจะพูดต่อโดยที่ไม่ยอมมองหน้าอีกคน


“หยุดที่ปันจริงๆแล้วอย่าทิ้งกันเชียวนะ”


ชยางกูรอยากจะก้มลงไปมองหน้าของปัณวิทย์ แต่เพราะอีกฝ่ายหันหน้าไปอีกทางจึงทำได้แค่หอมศีรษะผ่านหมวกแก๊ปเบาๆ


“ปันเองก็ด้วย...อย่าทิ้งพี่นะ”


“ถ้าจะทิ้งทิ้งไปนานแล้ว” เขาตอบเสียงแข็ง ซึ่งก็เป็นตามนั้น คนอย่างปัณวิทย์ ลองถ้าไม่รักสักหน่อย ก็คงเหมือนตอนแรกที่ต่อต้านชยางกูรอย่างชัดเจน แต่ลองถ้ารักแล้ว ต่อให้ถูกทำร้ายอย่างไรก็คงเกลียดไม่ลงอย่างที่พลภัทรทำ


“โคตรรักปันเลยว่ะ” ร่างสูงดึงเข้ามากอดแล้วหอมทั่วศีรษะด้วยความหมั่นเขี้ยว ความรู้สึกไม่สบายใจของเขาถูกปัดเป่าไปด้วยคำพูดห้าวๆเพียงประโยคเดียว


...แค่ปัณวิทย์บอกว่าจะไม่ทิ้ง..จะไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียว...


...ก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว...






///////////////////////////////////////////







“ปันอยากลองไปเที่ยวบาร์เกย์ป่ะ” ชยางกูรเริ่มบทสนทนาในห้องของโรงแรม แผนที่ที่วางไว้มีวงกลมอ็อกซ์ฟอร์ดสตรีทซึ่งเป็นแหล่งรวมของบาร์และคลับมากมาย โดยส่วนมากแล้วจะมีชื่อเสียงในฐานะถนนสายของรักร่วมเพศไปหาความสุขกันอย่างเสรี


“ไม่เอาครับ มีแฟนเป็นผู้ชายไม่ได้แปลว่าอยากไปครับ” ปัณวิทย์หันมาแยกเขี้ยวพร้อมทั้งทำตาขวางใส่


“มาถึงออสเตรเลียทั้งทีน่า รับรองครับว่าพี่เดฟไม่ให้แฟนโดนใครซิวไปแน่” คนที่นอนคว่ำคว้าร่างเล็กมากอดฟัดอย่างหมั่นเขี้ยว


“ที่นี่แม่งเสรีดีเนอะปัน เซ็กส์ช็อปเต็มถนน ขนาดเดินในเมืองยังเปิดกันโครมๆ”


ในตอนแรกที่มา ชยางกูรนึกแปลกใจในความเสรีของเรื่องเพศของชาวออสเตรเลียที่เปิดกว้าง ร้านเกี่ยวกับเซ็กส์สามารถอยู่ติดกับร้านซีดีร้านอาหารแม้จะไม่มีหน้าร้านแต่ก็มีป้ายบอกว่าเป็นร้านอะไร ยังไม่นับกับเกย์และเลสเบี้ยนที่แลกจูบในที่สาธารณะโดยไม่ต้องสนสายตาใคร


“สรุปว่าไปป่ะ หรืออยากไปไฮปาร์คตอนกลางคืน” ไฮปาร์คที่ว่าคือสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองใกล้ถนนอ็อกซ์ฟอร์ด


“ไปดูปาร์คก่อนได้มั้ย ไฮปาร์คอะไรนั่นน่ะ ไอ้อย่างอื่นไว้ทีหลัง” พอได้ยินว่ามีสวนสาธารณะ ก็ทำให้รู้สึกว่าน่าไปกว่าบาร์เกย์ที่พี่ชายตัวดีชวนเป็นอย่างแรกแน่ๆ


“จากโรงแรมก็เดินไปได้ อยากไปไหมล่ะ สวนกลางคืนท่าจะสวยนะ”


“ไป!” ปัณวิทย์รีบตอบอย่างกระตือรือร้น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาเที่ยวต่างประเทศอย่างนี้จึงไม่แปลกที่เด็กหนุ่มจะรู้สึกตื่นเต้นไปกับทุกสิ่งทุกอย่าง


“ทำหน้าเป็นกระต่ายตื่นเลยนะ แล้วนี่โทรไปหาซายน์กับอัสซี่ยัง เอาลูกเราไปฝากเลี้ยงไว้น่ะ”


“ยังเลย ไม่อยากกวนเวลาพวกมัน...”


“งั้นค่อยกลับมาสไกป์หา”


ชยางกูรลุกจากเตียงแล้วเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ พอเดินออกมาปัณวิทย์ก็อยู่ในชุดเตรียมพร้อมเที่ยวแล้ว


“หล่อนะเรา” เขาพูดยิ้มๆแล้วจูบหน้าผากคนรัก


“แน่นอนอะ” ปัณวิทย์ยิ้มให้ก่อนจะมองหน้าร่างสูง ก่อนหน้านี้เขาก็คิดอยู่เสมอว่าตัวเองหน้าตาดี จนเจอกับคนๆนี้ ถึงได้รู้สึกว่าคนหน้าตาดีจริงๆแล้วเป็นแบบไหน


“ซื้อของไปกินที่ปาร์คป่ะ หรือไปก่อนค่อยหาอะไรกินตอนกลับ”


“ซื้อ อยากกินสตรอว์เบอร์รี่ทาร์ต” เขาสอดแขนเค้าคล้องกับแขนของชยางกูรเอาไว้


ชยางกูรลากคนรักเดินลงมาที่ล็อบบี พอเดินออกมาก็แวะซื้อสตรอว์เบอรี่ทาร์ตที่ร้ายใกล้ๆก่อนจะแวะ pie face...ร้านขายพายที่เป็นแฟรนไชน์ที่เห็นได้ทั่วไปตามท้องถนนของออสเตรเลีย พายต่างไส้ทำเป็นถาดเล็กๆด้านบนทำเป็นรูปคล้ายหน้าคน หากในอเมริกาเบอร์เกอร์เป็นอาหารยอดนิยมแล้ว ในออสเตรเลียก็คงจะเป็นพายไม่ผิดแน่


“เอาพายป่ะ พี่เอาไส้ไก่กับเห็ดไปแล้ว เดี๋ยวเราแวะไปซื้อชาไทม์กัน” ชายหนุ่มพูดถึงแฟรนไชน์ชาที่มาจากไต้หวัน


“เอา เอาชาสตรอว์เบอร์รี่นะ เย็นด้วย” เขาพูดสิ่งที่อยากได้อย่างเอาแต่ใจ ปัณวิทย์รู้ดีว่าอีกเดี๋ยวก็คงถูกล้ออีกว่ากินแต่สตรอว์เบอร์รี่


“นี่ถ้าพี่เอาสตรอว์เบอร์รี่ชุบตัว ปันคงกินหมดตัวแหง”


“แน่นอน” เขารีบตอบอย่างไม่รอช้า ก่อนจะหยุดไปเพราะว่านึกได้ว่าสิ่งที่พูดออกไปนั้นอาจทำให้ชยางกูรคิดไปถึงไหนได้


“เปลี่ยนล่ะ พี่ไม่เป็นนักธุรกิจดีกว่า ไปเป็นชาวไร่สตรอว์เบอร์รี่ดีที่สุด”


“ไม่เท่เลย ตลกโคตร พอแล้วพอ หิวน้ำแล้วด้วย จะถึงร้านชารึยัง” เขาดึงชายแขนเสื้อของร่างสูงสองสามทีประกอบคำถามของตัวเอง


ปลายนิ้วชี้ไปที่ร้านสีขาวที่มีแถบสีม่วงพาดเป็นป้ายชื่อร้าน ชายหนุ่มสั่งชาเย็นไซส์ใหญ่สองแก้วใส่ถุงแล้วจับมือจูงเดินไปตามถนนที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน เพียงสิบนาทีก็ถึงไฮปาร์คที่ว่า


ไฮปาร์คเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่มากซึ่งตั้งอยู่กลางใจเมือง ข้างในสวนนอกจากจะมีต้นไม้ใบหญ้าแล้ว ยังมีนกตัวเล็กไปถึงใหญ่เท่าเด็กเดินเล่นอยู่อย่างเป็นอิสระ แม้จะเป็นยามกลางคืน แต่ความงดงามที่ลึกลับกว่ากลางวันก็เผยโฉมให้เห็นใต้ฟ้าพร่างดาว


“ไปนั่งที่ม้านั่งไหม ดึกๆอย่างงี้อากาศเย็นชะมัด”


“ไม่เอา นั่งบนหญ้าไม่ได้เหรอ นิ่มกว่าอีกนะ” เขาย้ายมาจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะบีบเบาๆพอได้ยินคนโตกว่าบ่นว่าหนาว


“หญ้าก็หญ้า” ร่างสูงนั่งลงบนผืนหญ้าแล้วเอาของวางข้างตัว ท่อนแขนยาวดึงปัณวิทย์มากอดรัดเอาไว้ในตักพลางกดจมูกหอมไปทั่วกาย


“... ฝรั่งครับ คนไทยไม่ชอบให้ทำแบบนี้ในที่สาธารณะ...” ปัณวิทย์ทำเสียงเย็นชาพร้อมทั้งส่งสายตาดุๆไปให้คนที่กำลังลวนลามเขาเบาๆ


“ฝรั่งไม่ได้ทำอะไรครับ แค่หอมแฟน”


คริสต์มาสของออสเตรเลียไม่ได้หรูหราอะไรมากนักแต่ก็ไม่ได้น้อยหน้าชาติใดๆ ในส่วนของไฮปาร์คเองก็มีการประดับไปสวยงาม ชยางกูรกอดคนในตักที่ดิ้นไปมาแล้วพึมพำเบาๆว่าหนาว...เรียกร้องความสนใจ


“... ก็กอดไว้แน่นๆดิ ทำเป็นบ่น” เขาเบียดตัวเองเข้าในอ้อมกอดอย่างจงใจ เพราะอยากให้อีกฝ่ายอุ่นขึ้น


ชยางกูรตอบสนองด้วยอ้อมกอดที่แน่นขึ้น จนร่างกายร้อนผ่าว


“กินขนมเลยไหม”


เด็กหนุ่มรีบพยักหน้าพลางเอื้อมมือไปคว้าเอาถุงขนมมา


“กินเลย... เอาทาร์ตก่อน” มือล้วงเข้าไปในถุงเพื่อหยิบเอากล่องกระดาษที่ใส่ทาร์ตไว้ออกมาเปิด


ชยางกูรบริการเจาะน้ำและแกะขนมออกมาวางให้ อากาศเย็นๆในยามค่ำคืนทำให้รู้สึกหนาวนิดๆแต่หัวใจกลับอบอุ่นที่ได้มีคนรักเคียงข้าง เขากินพายอุ่นหอมช้าๆสลับกับแกล้งเอนตัวซบปัณวิทย์


“อะ ใจดี แบ่ง” เขาเอี้ยวตัวเพียงเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือที่จับทาร์ตเอาไว้ส่งให้คนที่โอบกอดจากข้างหลังได้ชิมด้วย


ร่างสูงชะโงกตัวไปงับทาร์ตของคนรัก ปลายนิ้วอุ่นร้อนตวัดเลียแยมหวานๆซึ่งเลอะที่ปลายนิ้ว


“หวานเนอะ อร่อยจัง”


“อือ อร่อย กินแทนข้าวได้เลยแบบนี้” ปัณวิทย์ดึงมือคืนมาเพื่อจะหยิบชิ้นต่อไป


ชยางกูรกินพายอุ่นๆแกล้มลมหนาวในสวนสาธารณะ จวบจนเศษพายที่ติดปลายนิ้วถูกกินลงกระเพาะร่างสูงก็เอนตัวลงนอนบนผื่นหญ้านุ่ม แหงนหน้าดูดาวสว่างสุกใส


“ชอบที่นี่จัง อากาศดี..ปันก็อุ่น...”


“อืม สวนก็สะอาดดี นอนกลิ้งแบบนี้สบายเลย” เด็กหนุ่มร่างเล็กเอนตัวตามลงมาหลังจากทานทาร์ตชิ้นสุดท้ายหมดไป


ท่อนแขนแข็งแรงเอื้อมมากอดเอาไว้ ใบหน้าที่แนบชิดกันจนแทบจะเป็นลมหายใจเดียวของปัณวิทย์ผงะไปครู่หนึ่ง ชยางกูรแตะริมฝีปากเบาๆก่อนจะบดเบียดจุมพิตหวานละมุนลงไปเชื่องช้า ผิวกายหอมหวานของคนรักปลุกเร้าสัมผัสวาบหวามจนแทบหลอมละลาย ชยางกูรไล้มือตามสะบักไหล่ตามแนวเสื้อจนร่างบางในอ้อมกอดสั่นสะท้าน


“กอด..แก้หนาว” เสียงทุ้มเอ่ยกลั้วหัวเราะ


“พี่เดฟ” ปัณวิทย์ทำเสียงเข้มใส่ขณะพยายามขืนตัวแข็งเอาไว้


“ไฮปาร์คกลางคืนมืดจะตาย” ชยางกูรกระซิบแผ่ว


ชยางกูรลูบไล้แผ่นหลังอุ่นนุ่มของคนรัก จุมพิตหวานซ่านพร่างพรมลงบนลาดไหล่ที่เปิดออกนอกเสื้อ ไอหนาวที่พัดมาไม่ได้ทำใ้ความร้อนของร่างกายลดลงสักนิด เพราะเนื้อนิ่มในอ้อมกอดที่สั่นสะท้านเป็นจังหวะเดียวกับหัวใจ


“......” ปัณวิทย์คิดว่าตัวเองคงบ้าไปแล้วจริงๆที่เลิกขืนตัวหนีสัมผัสจากฝ่ามืออุ่น เบียดตัวเข้าหาก่อนจะแตะริมฝีปากแผ่วเบาที่ต้นคอของคนรัก


เพราะคนรักตอบสนองด้วยอาการโอนอ่อน ชยางกูรที่ย่ามใจก็เริ่มรุกไล่มากขึ้น..และมากขึ้น...


ในเงามืดของร่มไม้มีเงาสองเงาเกี่ยวกระหวัดซ่อนเร้นในความมืด เสียงหอบหายใจดังแผ่วผสานเสียงครางเครือแว่วหวานภายใต้สายลมโชยอ่อน พัดพาความหนาวเย็นด้วยความเร่าร้อนที่ลุกโชนใต้ราตรีฟ้ากระจ่างดาว

















To be continued...in ดาวมาม่า
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 36 [09/10/12] คนรักเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: honeyhoon ที่ 09-10-2012 20:37:41
 :laugh: :pig4:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 36 [09/10/12] คนรักเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: RUMINA ที่ 09-10-2012 20:40:17
//เลือดพุ่ง อรั๊ย~ หวานกันซ้า~>0<!!!
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 36 [09/10/12] คนรักเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 09-10-2012 20:43:48
พี่เดฟเอาท์ดอร์หรอ?  :z1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 36 [09/10/12] คนรักเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 09-10-2012 20:58:28
เห็นชื่อตอน ตอนแรกแอบใจกระตุก กลัวจะมาม่า

เฮ้อ...แต่ก็ผ่านไปด้วยดี เอ่อ..พี่เดฟอันนี้มันเสรีไปป่ะ ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ของน้องปัน ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 36 [09/10/12] คนรักเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 09-10-2012 21:08:38
หวานอะ  :-[
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 36 [09/10/12] คนรักเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 09-10-2012 21:39:13
ชอบทำให้ไม่วางใจเลยไม่รู้จะหย่อนระเบิดมาเมื่อไร่
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 36 [09/10/12] คนรักเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 09-10-2012 21:53:54
+1 น้องปัน ปัน น่าร้กเนาะพี่เดฟ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 36 [09/10/12] คนรักเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 09-10-2012 22:35:54
เป็นฮันนี่มูนที่หวานทีเดียวนะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 36 [09/10/12] คนรักเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 09-10-2012 23:07:07
ตอนนี้อบอุ่นหัวใจโครตตตต
แต่ตอนหน้า... :z3:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 36 [09/10/12] คนรักเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 09-10-2012 23:19:08
สงสารพี่เอสเนอะ การเป็นคนรักเก่าไม่ใช่ต้องเกลียดกัน เป็นเพื่อนกันได้
แต่บางทีคนข้างอย่างน้องปันก็เข้าใจ เกิดความระแวงได้เสมอ แต่ก็แอบกลัว
อย่างที่เอสบอก กลัวรักจะไม่ได้สมหวัง แววมาม่ามาแต่ไกล
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 36 [09/10/12] คนรักเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 09-10-2012 23:42:42
ม่ายอาวววววววววววววววววววววมาม่าาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 36 [09/10/12] คนรักเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: anuruk97 ที่ 10-10-2012 00:00:17
สายลมแห่งความหอมหวาน...สายใยรักที่หอมกรุ่น น่ารักดีค่ะ.....ขอให้แบบนี้ให้ยาวนานนะค่ะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 36 [09/10/12] คนรักเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: aimjungna ที่ 10-10-2012 09:22:23
น้องปันปันกับพี่เดฟน่ารักมากๆเลยคะ หวานกันจัง *0*
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 36 [09/10/12] คนรักเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 10-10-2012 16:39:56
พี่เดฟเอาท์ดอร์หรอ?  :z1:

กร๊ากกกก ขอโควตนึงนึงค่ะ

ตอนหมีกับดอกไม้เขียนไม่ได้นึกอะไร แต่พอลงแล้วแบบ...เออว่ะ เอาท์ดอร์จริงด้วย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 36 [09/10/12] คนรักเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 16-10-2012 01:39:08
รอฉันรอเธออยู่  :o12:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 36 [09/10/12] คนรักเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 16-10-2012 02:15:47
ป๊าดดด  เดฟ กับ น้องปัน
เดี๋ยวใครผ่านไปผ่านมา  นึกว่าโดนผีหลอกกันพอดี  :z1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 36 [09/10/12] คนรักเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 16-10-2012 07:17:24
ตอนแรกก็จะแฮปปี้ดี๊ด๊าแล้ว ก็พี่เดฟกับน้องปันเขาหวานกันซะจนน้ำตาลยังจืดเกินไปเลย :o8:
แต่คำลงท้ายนั่นมันอะไรอะคะ...ดาวมาม่า คราวหน้าต้องเตรียมชามมาม่ากับตะเกียบคอยเหรอ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 36 [09/10/12] คนรักเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 16-10-2012 21:52:54
มาอ่านรวดทีเดียวเลย
เพราะว่นวายกับชีวิตมาก
พี่เดฟกับน้องปันหวานไปไหมมมมม
ไปฮันนีมูนกันอีกแล้ว เราก็อยากไปที่นี่นะ
อิจฉาๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 36 [09/10/12] คนรักเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: nimfadora ที่ 17-10-2012 17:00:04
เข้ามาอ่านรวดเดียวจบ...โฮกกกกกกก
มีความรู้สึกว่า บทจะหวานก็มาเต็มที่ บทจะมาม่าก็มาม่าชามโต
แต่มันก็สนุก มากกกกกกกกกกกกกกกก  แอบชอบคู่ซายน์อัสซี่อ่ะ ฮ่าๆๆๆๆ อ่านแล้วมีความสุขดี
คาใจอย่างนึง  ตั้งกะตอนต้นแล้ว พอดีเราลำดับความไม่ค่อยปราดเปรื่องเท่าไหร่ =_=
คือตกลง บ้านนี้รุ่นลูกมีสามหรือสี่คนกันอ่ะ  นัท ปัน เดฟ แค่สามคนใช่ไหม 
แล้ว คนัสนันท์นี่คือ? (เขียนถูกไหมนะ) เป็นใครอ่ะ  หรือว่าเราเข้าใจผิด เป็นนามสกุลของบ้านนี้
ที่บอกว่าให้ชยางกูรมาอยู่บ้านนี้ก็เพื่อคานอำนาจกัน กับใคร....นัทเหรอ แล้วคานอำนาจทำไม มีเรื่องอะไรที่ซับซ้อนเกินกว่านั้นไหม
หรือว่าคห.นี้มึน คิดมากไปเอง เอิ้กกกกก
เอาเป้นว่า เป้นกำลังใจให้คนแต่งต่อไป นะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 36 [09/10/12] คนรักเก่า
เริ่มหัวข้อโดย: snice_cz ที่ 19-10-2012 00:23:35
โอ่ยยย หวานไปแล้วนะ :)
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 37 [21/10/12] ไม่เหลือใคร (in ดาวมาม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 21-10-2012 10:27:08
Kagehana : หายหน้าไปนานเลย ขอโทษที่ให้รอนะคะ  ติดภารกิจไปล่องใต้กับครอบครัว คุณแม่ปิดเทอมเราเลยต้องหอบงานไปปั่นตอนเที่ยว(ลำบากดีแท้...) เพิ่งกลับมาเองค่ะ แฮ่

เอามาม่ามาอุ่นเครื่องให้คนอ่านกินกันนะ ^^


ตอบคำถามนิดนึงค่ะ แฮ่ ชื่ออีบ้านนี้มันคล้ายกันบ้าง คนอ่านอาจจะงงนิดหน่อย เราเองยังต้องเขียนแฟมิลี่ทรี ของบ้านนี้ไว้กันงงเลย


คาใจอย่างนึง  ตั้งกะตอนต้นแล้ว พอดีเราลำดับความไม่ค่อยปราดเปรื่องเท่าไหร่ =_=
คือตกลง บ้านนี้รุ่นลูกมีสามหรือสี่คนกันอ่ะ  นัท ปัน เดฟ แค่สามคนใช่ไหม 
แล้ว คนัสนันท์นี่คือ? (เขียนถูกไหมนะ) เป็นใครอ่ะ  หรือว่าเราเข้าใจผิด เป็นนามสกุลของบ้านนี้
ที่บอกว่าให้ชยางกูรมาอยู่บ้านนี้ก็เพื่อคานอำนาจกัน กับใคร....นัทเหรอ แล้วคานอำนาจทำไม มีเรื่องอะไรที่ซับซ้อนเกินกว่านั้นไหม


รุ่นล่าสุด(?)มีสี่คนค่ะ คือเดฟ นันท์(คณัสนันท์ ที่ไม่ค่อยมีบท ฮ่าๆ) นัท ปันค่ะ

เรียงลำดับให้คร่าวๆกันงงเนอะ เพราะเดี๋ยวอีกสองสามตอนต่อไปจะเป็นเรื่องรุ่นพ่ออาจจะงงกัน จริงๆอยากวาดเป็นแผนภูมิให้ แต่อันที่วาดไว้ดูเองมันสปอยล์ เดี๋ยวไม่สนุกเนอะ^^





มนูญ(ปู่)  มีลูกสามคน เรียงตามลำดับ 


- พลภัทร (พ่อ) + เดน่า (แม่เดฟ) ----> เดฟ ชยางกูร
                +  เพ็ญแข ------> คณัสนันท์ (ตัวประกอบ 555 XD)
      

- แพรพรรณ  + พ่อน้องนัท(แต่งเข้า ใช้นามสกุลภรรยา)-----> น้องนัท ญาณัช  ตัวเอกในซีรีย์แรก กำลังเลิฟๆกับคุณเชฟ


- พิชญ์  อาพีทคนสวยของเรา<3 เลิฟๆกับคุณธัช เป็นคนสวยเนเวอร์ดาย ตายไปแล้วยังฟื้นมาได้ด้วยแรงรักจากคนเขียน อยู่ในซีรี่ย์แรกเหมือนกันค่ะ


ส่วนน้องปันเป็นลูกของ.... แฮ่ สปอยล์ไม่ได้ เอาเป็นว่า   

 ???+เพ็ญแข ----> น้องปัน ปัณวิทย์

เรื่องคานอำนาจ พลภัทรให้ อิเดฟ กลับมาที่ตระกูลเพื่อคานอำนาจกับน้องนันท์ ที่เป็นลูกแท้ๆที่เกิดกับเพ็ญแขค่ะ แต่เหตุผลจริงๆที่ให้กลับมาขออุบไว้ก่อน


ยังไงก็ขอฝากให้ติดตามเรื่องนี้กันต่อด้วยนะคะ ถึงหน้าฤดูมาม่าแล้ว  ขอให้ทุกคนมีความสุขไปกับมาม่านะคะ(<<ฟังดูขัดแย้งพิกล )



ขอให้สนุกในการอ่านค่ะ







-37-






“ไม่ไหว เมืองไทยนี่ร้อนชิบ รีบเปิดแอร์ในห้องดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยไปรับฟูกับฝุ่นก็ได้” ปัณวิทย์ดึงคอเสื้อเพื่อพัดไล่ความร้อนออกไปจากตัวเองขณะก้าวลงจากรถแท็กซี่ เพราะว่าคนรักยังมีงาน มีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ทำให้ไม่สามารถเที่ยวออสเตรเลียได้นานเท่าไหร่นัก


“สั่งครับสั่ง สั่งพี่ตลอด” เพราะตอนที่อยู่ออสเตรเลียตัวเองดูจะได้ใจไปนิด ทำให้พอกลับมาประเทศไทยกลับรู้สึกร้อนและเหี่ยวเหมือนลูกโป่งที่มีรอยรั่วค่อยๆฟีบลง


ชยางกูรหิ้วกระเป๋าเดินเคียงข้างคนรัก แต่เพราะด้านในตัวบ้านมีรถไม่คุ้นตาจอดอยู่ ลางสังหรณ์ในตัวสั่งให้เขาจับข้อมือของปัณวิทย์แน่น


“รถใคร...ปันคุ้นมั้ย”


“หือ” เด็กหนุ่มหันมองตาม รถยนต์สีดำคันยาวหรูจอดเทียบไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นักทำให้ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที


“ไม่รู้... ไม่ใช่เพื่อนพ่อ ปันไม่เคยเห็นรถคันนี้” เร็วเท่าความคิด ขาสองข้างรีบก้าวเข้าไปให้ถึงประตูด้วยความรวดเร็ว ร่างบางหยุดยืนอยู่หน้าประตูก่อนจะหันมองคนข้างๆ ถ้ารีบเปิดประตูเสียงดังเข้าไป เกิดเป็นแขกคนสำคัญคงทำให้โดนดุเอาได้ เขาจึงตัดสินใจค่อยๆเปิดเข้าไปแทน


พลภัทรและเพ็ญแขยืนหน้าซีดขณะที่ชายสองคนยืนประจันหน้าโดยมีคนนึงเป็นฝ่ายพูดไม่หยุด บรรยากาศและข้อความที่ได้ยินทำให้ปัณวิทย์เผลอบีบมือของคนรักเอาไว้แน่น


ชายร่างสูงที่ชยางกูรไม่เคยเห็นหน้ายืนอยู่กลางห้องกับผู้ชายผมยาวอีกคนหนึ่งที่เขาค่อนข้างคุ้นตา ใบหน้าสวยของคนๆนั้นซีดเซียวทว่าเต็มไปด้วยแววตาที่มั่นคง


“ข้อหาอะไรดีคุณพลภัทร กักขังหน่วงเหนี่ยวให้หมดอิสรภาพ พยายามฆ่า หรือปลอมแปลงเอกสารทางราชการ” ชายร่างสูงถามพลภัทรด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ


“คุณทำอย่างนี้กับพีท... กับเราได้ยังไง คุณหลอกผมว่าพีทตายเพื่ออะไร? เพื่อที่จะจับเขาไปขังไว้ในโรงพยาบาลบ้าบอนั่นใช่ไหม?”


“มากล่าวหาอะไรพ่อผม” ปัณวิทย์ปล่อยมือข้างนั้นออกก่อนจะวิ่งเข้าไปยืนขวางกลางพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้จะเป็นมิตรนัก ทว่าพอได้มองเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเต็มตา เขาก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ


“... โตขึ้นเยอะนะปัน” พิชญ์เอ่ยทักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า


“อ อาพีท... ท ทำไมถึง....?! พ่อ... พ่อครับ?” คล้ายกับจะประมวลผลไม่ทัน เด็กหนุ่มจึงหันกลับไปหาบิดาทันที


“ปันออกไปก่อนไป” น้ำเสียงของคนเป็นพ่อแข็งขึ้นแล้วดึงลำแขนของลูกชายเอาไว้


“กลัวลูกของคุณรู้ความเลวของคุณหรือไง” ธัช...คนรักของพิชญ์ที่เข้ามาทวงถามความจริงจากตัวการพูดขึ้นไม่ออมเสียง


“บอกเหตุผลมาเดี๋ยวนี้คุณพลภัทร คุณต้องการอะไร สมบัติ..หรือชีวิตคน”


“ฉันไม่ต้องการอะไร...” พลภัทรจ้องหน้าธัชเขม็ง “...นอกจากให้ไอ้คนวิปริตผิดเพศมันตายไปจากครอบครัวฉัน ให้ความอัปยศ ความโสโครกสกปรกของเกย์อย่างพวกแกมันตายๆไปซะ ทั้งแกทั้งพีท พวกแกทำลายชื่อเสียงครอบครัว คิดจะรักกันออกนอกหน้า แกคิดว่าฉันจะยอมให้สิ่งที่ฉันสร้างมาต้องพังไปเพราะความรักโง่ๆหรือไง”


ชายวัยกลางคนโพล่งออกมาอย่างสุดกลั้น นัยน์ตาวาววับจับจ้องไปทางน้องชายที่เขาใช้โอกาสจากการที่อีกฝ่ายประสบอุบัติเหตุลักพาตัวไปซ่อนที่โรงพยาบาลแล้วแสร้งทำเป็นว่าเสียชีวิตไปแล้ว แววตาสั่นไหวของพลภัทรบอกทั้งความเกลียดชัง...และซ่อนบางสิ่งบางอย่างเอาไว้


เกลียด....ไอ้พวกวิปริต


เกลียด...จนไม่อาจอยู่ร่วมกัน


เป็นพิชญ์ที่ยื่นมือออกมาห้ามธัชที่ตั้งท่าว่าจะเข้าไปทำร้ายพลภัทร นัยน์ตาคู่สวยที่กลับมามีชีวิตชีวามองปรามร่างสูงก่อนจะเผชิญหน้ากับอีกคน


“ผมมารับนัท แล้วจะไปจากชีวิตพี่... พี่เอง ก็อย่ามายุ่งกับผมกับนัทอีก ขอแค่นี้ พี่คงทำให้ได้ใช่มั้ย ไม่อย่างนั้น ผมคงห้ามธัชไม่ให้ฟ้องร้องเอาความไม่ได้” ชายหนุ่มร่างบางเอ่ยพูดอย่างสงบ ไม่ได้ใส่อารมณ์ใดใดลงไปในน้ำเสียงนั้นทว่ากลับฟังแล้วรู้สึกยำเกรง


“แกไม่ต้องมาขู่ฉัน ไม่ต้องเอาไอ้เกย์แฟนแกมาขู่ฉันด้วย ฉันไม่กลัวแกหรอกพีท แกมันก็แค่ขยะสังคม ไม่มีค่า อย่างแกต้องตายที่โรงบาลบ้านั่นแหละเหมาะสมแล้ว” ปลายนิ้วสั่นระริกยกชี้ใบหน้าของพิชญ์ พลภัทรสูดลมหายใจแล้วเหลือบมองปัณวิทย์ที่ยืนอยู่ไม่ไกล


“จะมากไปแล้วนะ” นักธุรกิจเข้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ในต่างประเทศปราดเข้ามากระชากคอเสื้อ “แกนั่นแหละไอ้ขยะ ฉันกับพีทรักกันแล้วมันทำให้แกเดือดร้อนอะไร คนที่ทำกับคนที่เป็นน้องได้อย่างแกต่างหากที่ไม่สมควรมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้!”


“ธัช! พอแล้ว...” พิชญ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม “ผมขอแค่นั้น พี่อยากจะให้ผมฟ้องจริงๆเหรอ”


คนที่ไม่รู้สาเหตุและเบื้องหลังอย่างชยางกูรได้แต่ยืนมองคนทั้งสามโต้เถียงกันด้วยความสงบนิ่ง หากให้พูดตามตรง...เขาไม่ได้รู้สึกรู้สาไปกับเหตุการณ์ตรงหน้าหรือการที่คนที่ตายไปแล้วมายืนอยู่ในบ้าน แต่ถ้อยคำของพลภัทรที่บ่งบอกว่าเกลียดตัวตนของคนรักร่วมเพศทั้งคู่ทำให้อดนึกสะท้อนใจไม่ได้


ก็เท่านี้...คนอย่างพลภัทร


นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างมองไปยังคนรักของเขา ปัณวิทย์ต่างหากที่เขาเป็นห่วง เด็กหนุ่มคล้ายกลับกลายไปเป็นเด็กชายตัวน้อยที่หวาดกลัวและขลาดเขลาไม่กล้า..แม้จะสบสายตาที่เขาส่งไปให้


“ปัน...” เสียงทุ้มกระซิบแผ่ว ร่างสูงเดินเข้าไปหาก่อนจะสอดมือเข้าไปแอบเกาะกุม


“อ..!?” เด็กหนุ่มสะดุ้งเมื่อถูกจับมือเอาไว้ สายตาไม่ได้มองตามพิชญ์ที่เดินไปกดลิฟท์ขึ้นชั้นบน แต่กลับจับจ้องอยู่ที่ผู้เป็นพ่อ


...แล้วปันล่ะ...


...พ่อรังเกียจปัน...


...อยากให้ปันตายเหมือนกันรึเปล่า...


“ขึ้นไปที่ห้องกันปัน” คนถามไม่รอคำตอบ เขาจับมือจูงเด็กชายที่ทำท่าเหมือนโลกถล่มอยู่ตรงหน้าให้เข้าไปในลิฟท์ ประตูที่กั้นสายตาในวินาทีสุดท้ายมองเห็นคนเป็นพ่อแท้ๆกำลังทำสีหน้าที่ยากจะบรรยาย


ไม่ใช่ว่าเกลียดไปทั้งหมด หากแต่ดูเหมือนจะเจือจางความแค้นและริษยา....ตัวตนที่น่าสมเพชของผู้ชายที่ไร้ความรัมผิดชอบคนนี้ทำให้เขายิ่งเกลียดพ่อแท้ๆของตัวเอง พ่อที่ต้องการแต่จะให้ทุกสิ่งเป็นไปตามอย่างที่ต้องการโดยไม่สนหัวใจของคนอื่น...หัวใจของมารดาเขา หัวใจของคณัสนันท์ เพ็ญแข พิชญ์ ญาณัช หรือกระทั่งปัณวิทย์...


“ปัน...เงยหน้ามองพี่” ชยางกูรประคองใบหน้าซีดเซียว


“ด เดี๋ยว” ปัณวิทย์ดันตัวเองออกจากฝ่ามือของร่างสูง “ถ้าพ่อมาเห็นจะว่ายังไง” นัยน์ตาเรียวเชิดของปัณวิทย์ในตอนนี้มีแต่ความหวาดหวั่นฉายอยู่ กระทั่งกับพิชญ์ พลภัทรก็หลอกว่าตายไปแล้วได้อย่างเลือดเย็น— แล้วตัวเขาที่รักชยางกูรล่ะ...


...จะเป็นยังไง


“ปันกลัวอะไร” แวบหนึ่ง... ชยางกูรนึกไปถึงใบหน้าของอิสรา อดีตคนรักของเขาที่แสนอ่อนไหว... หวั่นไหวไปตามความอ่อนแอ แม้จะรู้ดีว่าปันวิทย์แตกต่าง แต่เพราะแวบหนึ่งที่เขาแลเห็นความอ่อนแอและหวั่นไหว ทำให้ชยางกูรนึกกลัวว่าจะเสียคนรักไป


-ติ๊ง-


ประตูลิฟท์เปิดออกที่ชั้นแปด ชยางกูรได้ยินเสียงร้องไห้ของญาณัทดังมาจากประตูที่เปิดไว้ ภาพความประทับใจเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของชยางกูรเพราะเขารู้ดีว่าปัญหาใหญ่ของเขากำลังจะเริ่มต้นขึ้น


ปัญหา....ที่ไม่มีทางออก


“อาพีทโดนขนาดนั้น แล้วปันล่ะ พ่อจะอยากให้ปันตายด้วยรึเปล่า” น้ำเสียงของเด็กหนุ่มไม่มีความมั่นใจอวดดีแบบที่เคย ซ้ำยังสั่นระริกจนชวนให้ใจหาย


“พ่อบ้าไปแล้ว” ชายหนุ่มดึงร่างเล็กเข้ามากอด ประตูที่ปิดลงถูกล็อคจากภายในแต่เขารู้ดีว่ามันไม่ช่วยอะไรเลย


“ปันอย่าไปฟังที่เขาพูด อย่าไปสน ปันไม่ต้องกลัวนะ”


“ไม่กลัวได้ยังไง” เขาโอบกอดร่างสูงเอาไว้แน่น “ก่อนหน้านี้พ่อร้ายกับปันขนาดไหน... ถ้าเป็นเรื่องนี้.. เรื่องนี้ไม่ได้”


คนในอ้อมกอดสั่นเทาคล้ายลูกนกพลัดรัง ท่อนแขนที่โอบกอดสัมผัสได้ถึงความกลัวของปัณวิทย์ที่แทรกซึมเข้ามาในร่าง มือหนายกขึ้นลูบศีรษะที่ซุกซบแผ่วเบาระวังไม่ให้แตกสลาย


“เขาต้องรู้...ไม่ใช่ตอนนี้สักวันก็ต้องรู้ ถ้าเขารับไม่ได้ปันก็ไม่ต้องสน ไปอยู่กับพี่ที่อเมริกา ไปอยู่ด้วยกัน...”


...ไปอเมริกา...


“...แต่...” เด็กหนุ่มรู้ตัวดีว่าเขาเป็นยังไง แม้จะเกิดเรื่องเลวร้ายชนิดที่ไม่คาดคิดมาก่อน เขาก็ยังรักพ่อ รักพลภัทรที่เคยใจร้ายกับตัวเอง— การไปอเมริกาฟังดูเป็นทางออกที่ดี แต่ปัณวิทย์ก็ยังไม่อาจหักใจให้เข้มแข็งแล้วไปด้วยกันกับชยางกูรได้


“คุณพลภัทรเป็นยังไงปันก็รู้นี่...เขาไม่มีทางเข้าใจเราได้หรอก เขาไม่มีทางรับเราได้”


แม้เสี้ยวหนึ่งในใจจะคิดว่าอาจจะ... อาจจะมีทางเป็นไปได้ที่พลภัทรที่ไม่เหลือใครจะยอมรับ แต่เพราะเป็นชยางกูร... ผู้ชายที่เห็นแก่ตัวอย่างเขาไม่อยากจะให้ปัณวิทย์แบ่งเศษเสี้ยวความรักและสงสารให้คนไม่มีหัวใจ


“เพราะงั้น เพราะงั้น อย่าให้รู้ ต้องไม่ให้พ่อรู้นะ นะพี่เดฟนะ ไม่บอกพ่อนะ” ปัณวิทย์เอ่ยอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า— จากที่เคยไม่ได้รับการยอมรับมาแล้วครั้งหนึ่ง เด็กหนุ่มก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก


...ต้องไม่ให้รู้...


“แล้วปันต้องอยู่ไปอย่างนี้น่ะเหรอ ต้องระวังตลอดเวลาไม่ให้เขารู้ จะต้องกลัวในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดไปตลอดชีวิตหรือไง” ชยางกูรกอดร่างเล็กแน่นขึ้น ความสุขของการไปเที่ยวดูจะหายวับไปกับตา


ความจริงตรงหน้าไม่ใช่เพียงเรื่องล้อเล่น ชยางกูรรู้ว่ามันจะต้องมาถึงในสักวัน แต่เพราะพลภัทรที่ประกาศชัดเจนว่าเกลียดเกย์ถึงขั้นทำร้ายพิชญ์ได้... ถ้าสักวันรู้ความจริงเรื่องของเขา ปัณวิทย์อาจจะโดนทำอะไรอย่างนั้นได้เหมือนกันไม่ใช่หรือ


ถ้าจะต้องอยู่กับความกลัว...สู้เผชิญหน้าให้แตกหักไปเลยไม่ดีกว่าหรือไง


“พี่รับไม่ได้เรื่องที่เขาทำกับคุณพีท...คนที่น่ารังเกียจคือเขา คนผิดคือเขา...” ชยางกูรเน้นเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ “ปันไปอยู่กับพี่นะ”


ไม่ใช่ว่าไม่อยากไป เขารู้ดีว่าถ้าไปอยู่กับชยางกูร ชีวิตที่ได้อยู่เคียงข้างคนที่รักเขาขนาดนี้ทั้งๆที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันคงจะมีความสุขมากไม่น้อย แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็นึกกลัวถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง


“...พูดกับพ่อ... จะลองพูดกับพ่อดูก่อน....... เหรอ”


“อืม..บอกความจริงกับเขา ถ้ารับได้ก็อยู่...ไม่ได้ก็ไป...”


“ให้เวลาปันนะ ขอเวลา แล้วปันจะบอกพ่อ....” เขารับคำได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่เพราะหัวใจยังไม่แน่นอน ถ้าบอกไปตอนนี้เลย เป็นเขาเองที่จะรับกับการตอบรับของพลภัทรไม่ไหว


แต่แล้ว...ราวกับจะแกล้งการร้องขอของปัณวิทย์เมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก


“ปัน... เดฟ... เปิดหน่อยได้ไหม” เสียงอ่อนโรยที่ดังจากหลังบานประตู


“!?? ค ครับพ่อ” เจ้าของห้องรีบละออกมาจากร่างสูงแล้วมาเปิดประตูห้องออก พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติแม้มันจะไม่ช่วยอะไรเลยก็ตาม


ชายวัยกลางคนมองใบหน้าของปัณวิทย์ด้วยแววตาแห้งแล้ง สองแขนที่ยกขึ้นโอบกอดสั่นเทาจนเหมือนร่างจะแยกออก น้ำเสียงพร่าเอ่ยซ้ำๆ


“เขาไปแล้วปัน ทั้งพีท ทั้งนัท...ไม่มีใครเลย ไม่มีใครสักคน...” น้ำเสียงอ่อนแอราวกับคนละคนกับคนที่ตะโกนด่าทออยู่เบื้องล่าง ไม่มีใครเข้าใจพลภัทรสักนิดว่าในใจของคนๆนี้คิดอะไร ไม่มีใครได้ล่วงรู้ความรู้สึกที่เจ้าตัวหวาดกลัวและซุกซ่อนเอาไว้


“เป็นผมก็ไม่อยู่ครับ...สิ่งที่คุณทำมันเกินไปมาก...หัวใจคุณทำด้วยอะไร” เสียงเรียบของชยางกูรเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทีของพลภัทร หากแต่คนรักของเขากลับทำในสิ่งตรงข้าม


ปัณวิทย์โอบกอดคนที่เรียกว่าพ่อเอาไว้ด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง “ปันอยู่นี่... ไม่ได้ไปไหนครับพ่อ”


“ทำไม...มันพลาดตรงไหน...” พลภัทรพูดซ้ำๆ พึมพำด้วยถ้อยคำที่ไม่รู้ความหมาย


“คุณทำตัวเอง คุณทำมันทุกอย่าง ทั้งนอกใจคุณเพ็ญแข ทอดทิ้งแม่ผม ทำร้ายทุกคนจนสุดท้ายมันก็สมควรแล้วไม่ใช่หรือไงที่คุณไม่เหลือใคร” ความอ่อนแอของคนตรงหน้าไม่ได้ทำให้หัวใจของชยางกูรอ่อนไหวสักนิด ในซอกมุมหนึ่งของหัวใจเขากลับรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่สมควรเกิดอยู่แล้ว เพราะคนที่ไม่เคยมีความรักจริงใจให้ใครอย่างพ่อแท้ๆของเขาคนนี้...ไม่สมควรได้รับความรัก


แม้แต่จากปัณวิทย์...ที่รักพ่อด้วยใจจริง


“ปันกับผมจะไปอยู่อเมริกาด้วยกัน เร็วที่สุด”


“พี่เดฟ! ปันยังไม่ได้บอก... ว่าจะไป” ท้ายประโยคน้ำเสียงของปัณวิทย์อ่อนแรงลงจนราวกับเสียงกระซิบ


“ปัน...จะไปเหรอลูก” ชายวัยกลางคนที่ไร้สง่าราศีที่เคยมีเอ่ยถามลูก...ที่ไม่ใช่สายเลือด


“ใช่ ปันจะไปอยู่กับผมที่อเมริกา”


“พี่เดฟ!!” เขาเรียกเป็นครั้งที่สอง หมายจะปรามให้อีกฝ่ายหยุด


“นี่มันอะไรกัน...ปัน...ทำไมปันต้องไป” น้ำเสียงและท่าทางที่มากกว่าคนอยู่บ้านเดียวกันควรจะเป็นทำให้พลภัทรนึกเอะใจ ยิ่งสบกับประกายตาของลูกชายที่เกิดจากหญิงต่างชาติตรงหน้า ความรู้สึกที่น่าหวาดกลัวราวกับหลุมดำก็ผุดขึ้นไร้ที่มา


“ปัน...บอกพ่อมาหน่อย...ว่ามีอะไรกัน...”


“.........” ปัณวิทย์มีสีหน้าคล้ายกับอยากจะร้องไห้ออกมา เขาไม่แน่ใจว่าในตอนนี้ควรจะเลือกใช้คำไหนออกมาพูดเพื่อให้สถานการณ์ไม่เลวร้ายเกินไปกว่าที่เป็นอยู่


...แต่ก็อับจนคำพูด เพราะความรู้สึกของเขาที่มีกับชยางกูรไม่มีคำอื่นที่จะอธิบายได้นอกจากคำๆเดียว


“ปัน... รักพี่เดฟ... ครับพ่อ...”


“ไม่จริง..” คนเป็นพ่อปล่อยมือจากตัวลูก ดวงตาที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลามองปัณวิทย์สลับกับชยางกูร “ปัน...ไม่จริงใช่มั้ย...แกเป็นเกย์.....เป็นไอ้พวกผิดเพศเหมือนพีท....”


คำพูดร้ายกาจทำให้น้ำตาไหลออกมาโดยไม่มีเวลาแม้จะกลั้นเอาไว้ “พ่อครับ...”


“ใช่ คุณจะเรียกความสัมพันธ์ของผมกับปันแบบไหนก็ช่าง แต่สำหรับผม...” ร่างสูงดึงปัณวิทย์เข้ามาหาแล้วกอดเอาไว้ “...มันคือความรัก..”


“พ่อ... อย่าเกลียดปัน... อย่าเกลียดปันนะครับ... ปันรักพ่อ... ฮึก.... รัก....”


“ปัน..” ชยางกูรกอดคนในอ้อมกอดจนแน่น แม้ว่าปัณวิทย์จะสั่นเทาเท่าไรอ้อมแขนของเขาก็ต้องมั่นคงเท่านั้น


ไม่ผิด...สิ่งที่เขากำลังทำไม่ผิดหรอก


ปัณวิทย์จะไม่มีความสุข...ถ้าต้องอยู่อย่างมีความลับไปตลอดชีวิต


ความจริงของลูกชายที่รักแม้จะไม่มีสายเลือดเดียวกัน...กับลูกชายที่เกิดจากหญิงคนรักทำให้พลภัทรแทบล้มทั้งยืน ร่างสูงเอนวูบจนต้องดึงเก้าอี้ใกล้ตัวมานั่ง ร่างทั้งร่างสั่นไหวราวกับอารมณ์ภายในจะปะทุ


“ปัน...เดฟ..พวกแกมันอกตัญญู พวกแกเป็นพี่น้องกันยังมาทำตัวเลวอย่างนี้ในบ้านฉัน แกทำได้ยังไง!”


“พวกเราไม่ใช่พี่น้อง ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันด้วยซ้ำคุณก็รู้ ถ้าคุณคิดว่าเราเลวนักก็เชิญอยู่ในบ้านแสนดีของคุณไปคนเดียวสิ”


“พอแล้ว! อึก-- พอ พอแล้วพี่เดฟ พอ......” แม้จะถูกกอดเอาไว้ แต่แขนสองข้างก็ยกขึ้น มือคว้าจับเอาอีกฝ่ายไว้ได้ก็ยื้อยุดให้หยุดพูด


“แก...เพราะแกใช่มั้ยเดฟ ปันถึงเป็นเกย์” น้ำเสียงของชายผู้สูญเสียเอ่ยถาม พลภัทรแน่ใจว่าปัณวิทย์...ลูกที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด ไม่เคยมีพฤติกรรมอย่างนี้ จนกระทั่งชยางกูรกลับมา


“แก...แกมัน...แกทำให้น้องเป็นเกย์...แกบังคับน้องใช่มั้ย!”


“ไม่....” คนตอบกลับหลุดปากไปได้เท่านั้นเพราะความจริงที่พลภัทรพูดออกมากระแทกเข้าไปถึงหัวใจ เขาทำร้ายปัณวิทย์ก่อน...เขาทำให้ปัณวิทย์เป็นเกย์เหมือนที่เคยทำกับอิสรา...


เพราะพี่หรือเปล่า...ปันถึงได้เป็นเกย์


คำถาม...ที่เขาไม่กล้าถามออกมา


“.... ตอนแรกมันอาจจะเป็นอย่างนั้น...” เด็กหนุ่มมองใบหน้าผู้เป็นพ่อทั้งน้ำตา “แต่พี่เขารักปัน... ในตอนที่ไม่มีใครรักปันสักคนเดียว......”


คล้ายคำพูดของปัณวิทย์จะไม่เข้าหูคนเป็นพ่อ ปลายนิ้วสั่นเทาชี้มาที่ชยางกูร “เห็นมั้ย...เพราะแก ไอ้เดฟ เพราะแก ลูกฉันถึงเป็นแบบนี้ เพราะ...อึก...”


ชายสูงวัยกุมหน้าอกแน่น ใบหน้าของคนทั้งสองไม่อาจเห็นได้อีกเพราะความมืดเข้ามาบดบัง พลภัทรอึดอัดจนไม่สามารถหายใจเข้าออก ได้แต่งอตัวกุมหน้าอก


“อึก...เพราะแก...เพราะ...”


“พ่อ!” ปัณวิทย์ดันตัวเองออกจากอ้อมกอดพลางเข้ามานั่งคุกเข่าลงกับพื้นข้างๆพลภัทรที่นั่งอยู่บนเก้าอี้


“ไม่ใช่ครับพ่อ พี่เดฟเขา... พี่เขารักปัน ดูแลปัน อยู่กับปัน... พ่อครับ ปันไม่มีใคร ปันอยู่คนเดียว... สิบปี..... ถึงเจอพี่เดฟ พ่ออย่าว่าพี่เขา... พ่อจะว่า ก็ว่าปัน เถอะครับ” น้ำเสียงของปัณวิทย์คล้ายกับจะพยายามปลอบประโลมคนสูงวัย เจ้าตัวพยายามที่จะไม่ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง


ร่างที่นั่งคุดคู้สั่นไหวไปกับคำตอบของลูกชาย พลภัทรกำลำคอแน่น ภาพของพีทในโรงพยาบาลกับปัณวิทย์หมุนวนอยู่ในหัวจนแทบจะระเบิด ลมหายใจขาดห้วงของผู้เป็นพ่อกระตุกแผ่วๆอีกครั้งก่อนจะหมดสติไป...ภายใต้ความมืดและหนาวเย็นของคนที่ไม่เหลือใคร












To be continued...
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 37 [21/10/12] ไม่เหลือใคร (in ดาวDrama)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 21-10-2012 12:09:03
ตอน 36
น่ารักอะ เป็นการเที่ยวแบเดทที่น่ารักมากกก
ดีนะที่มาม่าเรื่องแฟนเก่า แถมน้องปันๆยังได้มีประสบการณ์เอาท์ดอร์ด้วย ฟฟุฟุ

ตอนน้ามาม่าเรอะ มาม่าเรื่องอะไรอะ แงแง (ร้องไห้นำ)

ตอน 37
บ่อน้ำตาแตก ไม่รู้จะสงสารใคร แต่ที่แน่ๆ ภัครพลทำเกินไปมากกก
ที่ขังน้องตัวเองไว้ในโรงบาลบ้า คนดีๆเค้าคิดกันไม่ได้หรอกนะแบบนี้นะ
ถึงจะเกลียดเกย์ยังไงแต่นี้ก็เกินไป น้องทั้งคน
ส่วนเรื่องปันกับพี่เดฟ อยากให้ภัครพลเข้าใจอะ
เสียน้องเสียลูกไปหนึ่งครอครัวแล้วนะ จากนี้อยากอยู่คนเดียวจริงๆรึไง :a14:
 :o211: :o211:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 37 [21/10/12] ไม่เหลือใคร (in ดาวDrama)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 21-10-2012 12:44:08
เห็นชื่อตอนแล้ว ขอยกไปอ่านตอนหน้านะ

 :sad3:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 37 [21/10/12] ไม่เหลือใคร (in ดาวDrama)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 21-10-2012 12:45:45
แว้กกก  รีบเข้ามาเพราะเห็นชื่อตอน  o22 ทำเราใจแป่วเลยยย  :sad4:
ตอนที่แล้วหวานซะ แต่มาตอนนี้ดราม่า เง้ออ   :a5:
เราเริ่มคิดมากเหมือนพี่เดฟจิงๆแล้วนะปัน นน น นายจะไม่ทิ้งพี่เดฟใช่มั้ยอ่ะ  :z3:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 37 [21/10/12] ไม่เหลือใคร (in ดาวDrama)
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 21-10-2012 12:57:35
ดราม่าน้ำตาคลอ สงสารน้องปันอะ ทีนี้เลือกใคร คนหนึ่งก็พ่อที่ยึดติด
อีกคนก็คนรักที่รักมาก สงสารน้องปัน
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 37 [21/10/12] ไม่เหลือใคร (in ดาวDrama)
เริ่มหัวข้อโดย: 403 ที่ 21-10-2012 13:40:59
ไม่เข้าใจคุณพลภัทร ส่วนเดฟก็เอาแต่ตัวเองไม่ฟังปันเลย สรุปสงสารปัน  :เฮ้อ: +เป็ดให้คนเขียนด้วย สู้ๆจ้า
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 37 [21/10/12] ไม่เหลือใคร (in ดาวDrama)
เริ่มหัวข้อโดย: U_Ton ที่ 21-10-2012 14:41:13
 :o12: พี่เดฟอย่าโทษตัวเอง อย่าทิ้งปันปันไปนะ... ปันเองก็อย่าปล่อยมือจากพี่เดฟล่ะ...

ให้เวลาอีกหน่อย พ่อคงพอเข้าใจว่าการไม่เหลือใครมันเหงา การที่ปันมีพี่เดฟมาเติมเต็มให้

มันก็ไม่ใช่เรื่องเเปลกที่ปันจะรักพี่เดฟ แล้วพี่เดฟที่เสียเเม่ไป การได้คนรักมาทดแทนมันก็ดีเเล้ว

 :กอด1: สู้ๆค่ะ... แบบกระเทือนอารมณ์ก็ตรงที่มันเป็นปัญหาครอบครัวนี่เเหละ... :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 37 [21/10/12] ไม่เหลือใคร (in ดาวDrama)
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 21-10-2012 15:11:17
+1 อั๊ยย่ะ ชื่อตอน :sad4:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 37 [21/10/12] ไม่เหลือใคร (in ดาวDrama)
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 21-10-2012 15:48:28
จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน  อาพีทที่น่าสงสารมาแล้วและไปแล้ว :monkeysad:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 37 [21/10/12] ไม่เหลือใคร (in ดาวDrama)
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 21-10-2012 15:48:53
มาม่าชามโต =``=
 เมื่อไหร่พลภัทรจะยอมรับซักทีว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ
สิ่งที่น่ารังเกียจคือจิตใจของพลภัทรต่างหาก อ่านแล้วอินมากมาย  :เฮ้อ:

ปันไปอยู่เมกาเหอะ ปล่อยพลภัทรอยู่คนเดียว จะได้รู้ซึ้งซะบ้าง เหอะ :beat:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 37 [21/10/12] ไม่เหลือใคร (in ดาวDrama)
เริ่มหัวข้อโดย: soluna ที่ 21-10-2012 17:00:52
ปัณอย่าหวั่นไหวนะ
เชื่อพี่เดฟ แล้วก้าวไปด้วยกัน
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 37 [21/10/12] ไม่เหลือใคร (in ดาวDrama)
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 21-10-2012 17:46:01
คุณพ่อรับให้ได้เถอะค่ะ

น้องปัณอย่าทิ้งพี่เดฟนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 37 [21/10/12] ไม่เหลือใคร (in ดาวDrama)
เริ่มหัวข้อโดย: RUMINA ที่ 21-10-2012 19:05:57
มาม่าเดือดแล้วนะคะนี่
คุณพ่อมีความลับอะไรอีกใช่มั้ยคะ เศร้าจังเลยTT
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 37 [21/10/12] ไม่เหลือใคร (in ดาวDrama)
เริ่มหัวข้อโดย: took-ta_naka ที่ 21-10-2012 20:24:48
กระชากอารมณ์กันสุดๆเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 37 [21/10/12] ไม่เหลือใคร (in ดาวDrama)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 21-10-2012 21:09:46
สงสารคุณพ่อนะ

แต่ว่าก็อยากรู้เหตุผลที่เกลียดเกย์เหมือนกัน  :serius2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 37 [21/10/12] ไม่เหลือใคร (in ดาวDrama)
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 21-10-2012 22:40:40
แอบเห็นใจคุณพ่อนะค่ะ
แต่ก็อยากให้คุณพ่อมองรอบตัวบ้าง
ลดทิฐิอีกหน่อย ทุกอย่างจะโอเคมากกกกกก
น้องปันสู้เค้านะ!!
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 37 [21/10/12] ไม่เหลือใคร (in ดาวDrama)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 21-10-2012 23:38:53
ก่อนที่จะไปโทษคนอื่น หรือโยนขี้ให้ชาวบ้านเนี่ย  :o211:
กรุณาหันกลับมามองตัวคุณเองก่อนนะคะ   ว่าตัวคุณน่ะ ดีพอแล้วหรือที่จะไปติติงด่าว่าเขาแบบนั้น    :amen:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 37 [21/10/12] ไม่เหลือใคร (in ดาวDrama)
เริ่มหัวข้อโดย: honeyhoon ที่ 21-10-2012 23:52:51
กำลังสนุกเลยค่ะ
รอตอนต่อไป
 :L2:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 37 [21/10/12] ไม่เหลือใคร (in ดาวDrama)
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 22-10-2012 12:04:38
 :o12:....สงสารทุกคนเลย........แต่มันคงต้องมีนัยอะไรแน่นอน........ :sad11:...ถึงจะมีความลับอะไรขอแค่น้องปันเข้าใจพี่เดฟเป็นพอแล้ว.......
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 38 [28/10/12] ต้นเหตุของความเกลียด1 (ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 28-10-2012 13:16:11


kagehana : ในตอนนี้จะเริ่มเฉลยปมว่าทำไมคุรพลภัทรถึงได้เกลียดเกย์ เกลียดปันนะคะ จะเป็นเรื่องรุ่นพ่อ อาจจะมีชื่อไม่คุ้นหูโผล่มาบ้าง แต่รับประกันความแซ่บค่ะ

ป.ล. เขาว่ากันว่าเป็นอาถรรพ์รุ่นพ่อ ทำให้ความแซ่บมันจี๊ด----







-38-



ถ้าถามว่าเขาเริ่มเกลียดเกย์ตอนไหน...


คงเป็นตอนที่ถูกคนๆนั้น...หักหลัง


“พีท วันนี้ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง” พี่ชายคนโตของบ้านประสิทธิ์พรวิวัฒน์เอ่ยถาม ชายหนุ่มยิ้มให้น้องชายคนเล็กที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาพร้อมน้องสาวคนกลางที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยใกล้ๆกัน


“สนุกดี อาจารย์สอนเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย ตื่นเต้นสุดๆ” พิชญ์ยิ้มกว้างให้กับพลภัทรผู้เป็นพี่ชาย เด็กหนุ่มเพิ่งเข้าชั้นมัธยมสี่หลักสูตรนานาชาติ ทำให้คนเป็นพี่อดกังวลแทนไม่ได้


“ดีแล้วจะได้เก่ง กินอะไรมายัง” พลภัทรกวักมือเรียกทั้งสองคนให้เข้ามาใกล้ “แพรล่ะเป็นไง”


เด็กสาวในเครื่องแบบนักศึกษาได้แต่ยิ้มจางๆก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเรียบ “เหนื่อย แพรต้องเข้าห้องว้ากอะไร... น่ากลัวมากเลยล่ะพี่พล”


“ฮ่ะๆๆ เอาน่าแพร อดทนหน่อย รุ่นพี่มันก็ว้ากไปงั้นแหละพี่ก็เคยโดนมาแล้ว” พลภัทรปลอบใจน้อง แม้ว่าตัวเองจะหลุดพ้นการว้ากเพราะว่าเป็นปีสี่แล้ว แต่ไม่ว่าใครก็คงยังจำประสบการณ์แบบนั้นได้ไม่มีลืม


“ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวไอ้ภีมจะมารับไปกินข้าว มันให้ชวนเราสองคนไปด้วย” ภีมที่พูดถึงเป็นเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ประถมจนถึงมหาลัย เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของพลภัทรที่ไม่ใช่เด็กกิจกรรม


“อื้อ” พิชญ์รับคำแล้วเป็นฝ่ายวิ่งไปที่ลิฟท์ก่อน โดยมีแพรพรรณเดินตามมาติดๆ


“พี่แพร... ระวังโดนผู้ชายไม่ดีมาหลอกเอานะ” คนเป็นน้องเอ่ยขึ้นลอยๆโดยไม่ได้หันไปมองพี่สาว ด้วยความที่โตมาอย่างสนิทสนม จึงรู้ว่าแพรพรรณเป็นคนอ่อนต่อโลกขนาดไหน


“ไม่มีหรอก... มีพี่พลกับพีท ใครจะกล้า” แพรพรรณว่าพร้อมกับเสียงหัวเราะ ก่อนจะก้าวเข้าไปในลิฟท์ด้วยกัน


พลภัทรมองน้องทั้งสองคนหายเข้าไปในลิฟท์ก่อนจะหันกลับมาใส่ใจหนังสือที่เปิดค้างเอาไว้นาน นักศึกษาปีสี่ที่ใกล้จะจบนั้นต้องทำวิทยานิพนธ์ ทำให้ไม่ต้องเข้ามหาวิทยาลัยมากเหมือนแต่ก่อน แม้จะเป็นอย่างนั้น ภีมก็ยังคงแวะเวียนมาหาบ่อยๆ


ในเวลาไม่นาน ชายหนุ่มผมยาวในชุดลำลองก็พาตัวเองเข้ามายังห้องนั่งเล่น ภีมยักคิ้วทักทายพลภัทรแล้วทรุดนั่งเอนหลังพิงตัวคนที่รอ


“ร้อนโคตรเลยว่ะพล รถแม่งติดชิบหาย” น้ำเสียงขุ่นๆระบายออกมา


“ระวังคำพูดหน่อยมึง อยู่ในบ้าน เดี๋ยวน้องกูลงมา” พลภัทรขยับตัวออกมา แกล้งให้อีกคนเสียหลักนอนราบลงบนโซฟา


“เชี่ย กูเจ็บ” คนที่โดนปล่อยกระแทกครางโอดโอยอย่างเสแสร้งเพราะใบหน้าหล่อเหลาพราวด้วยรอยยิ้ม


“อยู่บ้านทำเป็นคุณชายนะครับคุณพลภัทร ทีตอนอยู่กะกูไม่เห็นเป็นงี้”


“อ้าว อยู่บ้านก็ต้องทำตัวดีๆสิ พ่อกูเอาตายขืนได้ยินกูพูดแบบนี้” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปขยี้ศีรษะของเพื่อนเบาๆจนเรือนผมยุ่งเหยิงไปหมด


“พี่ภีมมาแล้วเหรอคะ” เป็นแพรพรรณที่เดินลงมาก่อน เด็กสาวอยู่ในชุดกระโปรงยาวเรียบร้อยกับผมที่ถูกถักเป็นเปียสวยงาม


“หวัดดีครับน้องแพรคนสวย วันนี้ก็น่ารักเหมือนเดิมนะ” ภีมแซวเหมือนทุกครั้งอย่างไม่จริงจังอะไร “เรียนสนุกมั้ย”


“ยังไม่ได้เริ่มเรียนเลยค่ะ วันแรกก็งงๆ มีว้ากด้วย... ไม่ชอบเลย เมื่อกี๊เพิ่งบ่นกับพี่พลไป” แพรพรรณหันหลังไปมองคนที่ควรจะเดินมาด้วยกันก่อนจะเอ่ยเรียกด้วยเสียงที่ดังขึ้น


“พีท... พี่ภีมมาแล้ว วางหนังสือก่อนเลย”


“อ พี่ภีม... สวัสดีครับ” พิชญ์รีบปิดหนังสือแล้วยกมือขึ้นไหว้เพื่อนของพี่ชายก่อนจะรีบก้าวมายืนอยู่ร่วมวงด้วย


“หวัดดี...พีท...” น้ำเสียงของคนมาใหม่แปลกแปร่งไปเล็กน้อยแม้เจ้าตัวจะพยายามซ่อนมันไว้ นัยน์ตาคมเหลือบมองน้องชายเพื่อนที่เห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต พิชญ์ในตอนนี้ดูแปลกและแตกต่างจากน้องชายตัวเล็กๆที่วิ่งตามในตอนนั้น


“ไม่ได้เจอกันนานเลย โตขึ้นนะเรา” มืออ่อนโยนเอื้อมไปโคลงศีรษะกลมมนที่มีเส้นผมสีน้ำตาลละเอียดนุ่มปกคลุม


พิชญ์ย่นคอก่อนจะแย้มรอยยิ้มกว้าง “ไม่โตเลยก็แย่สิครับ แล้ววันนี้พี่ภีมจะพาไปไหนเหรอครับ”


รอยยิ้มหวานของพิชญ์ทำเอามือที่ลูบอยู่หยุดไป ภีมหัวเราะเก้อๆ “ไปกินข้าวฉลองพีทขึ้นม.สี่กับแพรเข้ามหาลัยไง แต่ร้านให้เราเลือกแล้วกัน”


“ขอบคุณครับ งั้นไปกินร้านกุ้งกันนะพี่พล” พิชญ์เดินไปหาพี่ชายพลางเอาศอกกระทุ้งสีข้างสองสามที ร้านกุ้งที่ว่าเป็นร้านโปรดของพิชญ์ตั้งแต่ยังเล็ก ด้วยความที่มีเมนูบร็อคโคลี่ผัดกุ้งที่เจ้าตัวชอบนักชอบหนา


“ไม่ค่อยออกนอกหน้าเลยนะเรา หือ” คนตัวสูงกว่ายกมือขึ้นขยี้ศีรษะของน้องชายเบาๆ


“ตามใจน้องมึงเว้ย” ภีมพูดเบาๆ หากแต่แววตากลับทอประกายหวานซ่าน...ที่กลบไม่มิด


...จะแปลกหรือเปล่า...


...ที่นึกชอบคนตัวเล็กตรงหน้า..มากกว่าที่เคย...






///////////////////////////////////





“พล...กูมีอะไรจะบอกว่ะ” ภีมนั่งลงที่โต๊ะม้าหินใต้ร่มหางนกยูงสีแดงเจิดจ้าราวกับเปลวไฟ ดอกสีส้มอมแดงแม้จะหลุดร่วงอยู่บนพื้นหินแต่ยังคงงดงามเหมือนตอนที่อยู่บนต้น


“อะไรวะมึง ทำหน้าจริงจังเชียว” เขาถอดแว่นออกวางแล้วหันมามองเพื่อนที่เพิ่งนั่งลง


“มีอะไร”


“กู....” เรื่องที่จะพูดติดอยู่ในลำคอ ภีมมองไปมารอบตัวก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้หูพลภัทร “กู..ชอบพีทว่ะ”


“เฮ้ย! มึง— ไอ้ภีม อย่ามุขดิวะ กูไม่ขำ” พลภัทรสะดุ้งก่อนจะจ้องหน้าเพื่อนของตัวเองชัดๆ


“กูก็ไม่ขำ...น้องมึงแม่งน่ารักว่ะ กูชอบจริงๆนะ” ภีมขมวดคิ้วแล้วผลักไหล่เพื่อนเบาๆ “หรือกูจะเป็นเกย์วะ”


พลภัทรพูดไม่ออก เพราะภีมคงไม่ล้อเล่นด้วยเรื่องแบบนี้ เขานึกไปถึงใบหน้าของน้องชายคนเล็กแล้วก็อดคิดตามไม่ได้ว่าพิชญ์เป็นคนหน้าตาน่ารักน่ามองอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่ดูแลในฐานะน้องชายมาตลอด ถึงได้ไม่เคยคิดว่าจะมีใครมาชอบพอน้องตัวเองอย่างนี้


“มึง... พีทเป็นผู้ชาย มึงเข้าใจใช่มั้ย”


“แล้วน้องมึงเป็นผู้หญิงรึไง กูรู้น่า...แต่แบบ..ก็ชอบว่ะ” ชายหนุ่มผมหยักศกเสยผมขึ้นแล้วขยี้หัวตัวเอง “....กูจะจีบนะ”


“ไม่เอามึง คนอื่นกูไม่ว่า นี่น้องกูไอ้ภีม” มือของพลภัทรตามไปตบเบาๆที่กลางกระหม่อมของเพื่อน


“น้องมึงแล้วไงวะ ถ้ากูจีบแล้วน้องมึงชอบกูมึงจะขัดขวางกูหรือไง” นัยน์ตาเจ้าชู้หรี่ลงอย่างท้าทาย


ภีมไม่เข้าใจว่าทำไมพลภัทรต้องขัดขวาง...เพียงแค่เขาเป็นเพศเดียวกับพิชญ์ แม้ว่าสังคมจะยังไม่ค่อยเปิดรับแต่พลภัทรที่ดูเป็นคนหัวสมัยใหม่ก็ไม่น่าจะขัดขวางทั้งๆที่ยังไม่รู้ผล


“ไม่ก็ไม่สิวะ กูเป็นพี่คนโต ถ้าปล่อยยอมให้น้องไปทำอะไรแบบนี้ พ่อคงไม่เอาไว้หรอก”


“งกว่ะ” ชายหนุ่มนัยน์ตาเจ้าชู้บ่นเบาๆแล้ววางคางพาดเกยบนโต๊ะม้าหินอ่อนที่มีดอกหางนกยูงสีส้มแดงร่วงหล่น “พีทไม่ใช่มึงสักหน่อย...กูไม่ได้จีบมึงนะพล แล้วที่กูบอกกูไม่ได้จะขออนุญาต...กูแค่บอก ถึงมึงจะไม่ให้จีบยังไงกูก็ไม่สน”


“ไอ้ภีม มึงฟังกูพูดบ้างดิวะ” พลภัทรลุกขึ้นยืนพลางก้มลงมองเพื่อนที่ดูจะไม่ใส่ใจสิ่งที่เขาพูดสักเล็กน้อย


“มึงจะหวงน้องทำเหี้ยไรวะ กูแค่จีบไม่ได้จะปล้ำ ถ้าน้องมึงไม่โอเคให้กูจีบกูก็ไม่จีบ แต่จะให้กูตัดใจตั้งแต่ไม่เริ่มน่ะไม่มีทาง”


ในตอนนี้จะโอเคหรือไม่โอเค พลภัทรก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นทั้งนั้น


“ไว้เจอกัน กูกลับละ” เขาเป็นฝ่ายตัดบทแล้วหยิบเอากระเป๋าย่ามขึ้นสะพายไหล่ทันที


“ให้กูไปส่งปะ” แม้จะขัดเคืองแต่ภีมก็ยังเสนอตัวทำหน้าที่ที่ตนเองทำบ่อยๆ


คนที่ตัวเตี้ยกว่าเล็กน้อยเป็นฝ่ายเหลือบมองด้วยหางตาก่อนจะไม่เอ่ยตอบอะไร


“มองไรวะ..เอาไง ให้ไปส่งป่ะ” คนที่นอนเอนๆอยู่ลุกขึ้นยืนโอบไหล่


“กูสัญญานะเว้ยว่าถ้าน้องมึงไม่ชอบกู กูไม่บังคับเด็ดขาด เป็นพี่เป็นน้องกันเหมือนเดิม...นะพลนะ”


...แต่ภีมไม่รู้เลยว่าคำสัญญานั้นจะไม่มีโอกาสได้ใช้...


...เพราะการตัดสินใจของคนเป็นพี่...ที่ต้องการปกป้องน้องชาย...







///////////////////////////////////








“พี่จะไปต่อโทเมืองนอก พีทไปกับพี่นะ” จู่ๆ...ในวันที่จบการศึกษา พลภัทรที่เรียกน้องชายเข้ามาหาในห้องก็เอ่ยขึ้นโดยไม่มีการเกริ่นนำใดๆ


“อ้าว ทำไมล่ะพี่พล พีทเพิ่งเข้าที่นี่เองนะ” พิชญ์ถามกลับด้วยความประหลาดใจขณะค่อยๆหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้นวมของพี่ชาย


“พี่อยากให้พีทฝึกภาษา ไปแล้วเทียบโอนเข้าโรงเรียนสักสองปีกว่าๆกำลังดี แล้วค่อยกลับมาเข้ามหาลัยที่ไทย” ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาเอ่ยตอบ


เปล่าเลย...เหตุผลของเขามีเพียงข้อเดียว


...กันพีทให้ห่างจากภีมที่สุด...เท่าที่ทำได้...


“นะ ไปกัน....”


“พีทยังไงก็ได้ แล้วพ่อว่าไงล่ะ” เขาถามไปถึงมนูญ ผู้ปกครองที่แสนเข้มงวด บิดาที่วางแผนทุกอย่างในชีวิตไว้ให้ลูกทุกคน


“เดี๋ยวพี่ลองขอพ่อดู”


คำขอไปเรียนต่อต่างประเทศของพลภัทรและพิชญ์ถูกตอบรับโดยง่าย แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่วางไว้ของมนูญนั้นมาในภายใต้เงื่อนไขที่พลภัทรยากจะปฏิเสธ บิดาของเขามีเพื่อนสนิทที่คบค้ากันมานาน และเมื่ออีกฝ่ายมีลูกสาวจึงเป็นการดีที่จะกระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่นขึ้นด้วยการเป็นทองแผ่นเดียวกัน หญิงสาววัยรุ่นที่เคยเห็นหน้าบ้างกลายมาเป็นคู่หมั้น...ที่ตัวพลภัทรเองไม่อาจจะกล่าวว่ารักได้สักนิด


คู่หมั้น...ที่ไม่ได้เกิดจากความรัก


เพียงเพราะความเหมาะสม....เพ็ญแขคือผู้หญิงคนนั้น....


“ไม่ได้รักไม่ใช่เหรอ” พิชญ์เป็นคนหันมาถามคำถามนี้หลังจากรัดเข็มขัดนิรภัยบนเครื่องบินแล้ว


“อืม...” การตอบรับเนิ่นนานก่อนที่จะพูดต่อ “ไม่ได้รักหรอก แต่เดี๋ยวก็คงรัก”


พลภัทรตอบเรียบๆแล้วหันไปมองน้องชาย ฝ่ามือได้รูปยกขึ้นลูบศีรษะเบาๆด้วยความเอ็นดู


ไม่รู้ว่าการตัดสินใจพาพิชญ์หนีออกมาจากภีม โดยไม่ให้โอกาสภีมได้สนิทสนมไปมากกว่านี้เป็นความคิดที่ถูกต้องหรือดีแค่ไหน แต่เพราะเป็นพี่ชาย...จึงต้องปกป้องน้องจากทางเดินที่ไม่ปกติ แม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นเพื่อนตัวเองก็ตาม


“เหรอ อืม พ่อให้ทำอะไรก็ต้องว่าตามนั้นใช่มั้ย”


“ก็ไม่ถึงกับทั้งหมด อะไรที่ทำได้...โดยไม่ลำบากใจมากก็ทำไป”


พี่ชายคนโต...ว่าที่หัวเรือใหญ่คนต่อไปได้แต่บอกตัวเองให้ทำตามคำสั่งในหัว ทุกคำสั่งของพ่อเป็นเหมือนกำแพงสูงที่ไม่มีวันปีนหนีพ้น หากดื้อรั้นก็รังแต่จะทำให้ถูกบีบเข้าหาจนหายใจไม่ออก ชีวิตที่ไร้อิสระของเขาเป็นมาตั้งแต่วันที่ลืมตาดูโลก ในบางครั้งที่ชายหนุ่มคิดอยากจะทุบกำแพงรอบด้านให้แตก ในสมองก็จะบอกเขาว่าไม่มีทาง....มันไม่มีทางทำได้


ชายหนุ่มก้มลงมองมือตัวเอง เขารู้...ว่าในตอนนี้พละกำลังของตนเองยังคงไม่เพียงพอ


แต่สักวัน...สักวัน...


วันที่จะเป็นตัวของตัวเองได้ต้องมาถึง













To Be Continued.....
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 38 [28/10/12] ต้นเหตุของความเกลียด1 (ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 28-10-2012 16:22:57
มาม่าเดือดแล้วนะคะนี่
คุณพ่อมีความลับอะไรอีกใช่มั้ยคะ เศร้าจังเลยTT

มาม่ากำลังเพิ่งต้มค่ะ ส่วนเรื่องความลับคุณพ่อ....อีกไม่กี่ตอนได้รู้แน่นอนค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 38 [28/10/12] ต้นเหตุของความเกลียด1 (ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: honeyhoon ที่ 28-10-2012 16:44:33
 :m15:
น่าสงสารทุกคนเลยค่ะ
 :เฮ้อ:
เป็นกำลังใจให้ค่า
 :pig4:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 38 [28/10/12] ต้นเหตุของความเกลียด1 (ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: took-ta_naka ที่ 28-10-2012 18:39:25
 :a5:  โอ้วมันช่างซับซ้อนซะจริง ๆ
           รอตอนต่อไปจ้าาาาาา o13
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 38 [28/10/12] ต้นเหตุของความเกลียด1 (ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: RUMINA ที่ 28-10-2012 20:09:42
มาม่ากำลังเพิ่งต้มค่ะ ส่วนเรื่องความลับคุณพ่อ....อีกไม่กี่ตอนได้รู้แน่นอนค่ะ ^^
อ๋า อยากรู้เร็วๆจังค่ะ แง้!//ค้าง
รอตอนต่อไปอยู่นะคร้า
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 38 [28/10/12] ต้นเหตุของความเกลียด1 (ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 28-10-2012 23:49:05
ต้มน้ำ  เตรียมถ้วย  ฉีกซอง  รอคนปรุงต่อไป
เอาแซ่บ ๆ เด้อค่ะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 38 [28/10/12] ต้นเหตุของความเกลียด1 (ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 29-10-2012 07:10:41
นี้แหละ แซ่บของแท้

ตอนหน้ามาไวไวนะครับ มาม่ามาแล้วขอไวไวด้วยละกัน อิอิ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 38 [28/10/12] ต้นเหตุของความเกลียด1 (ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 29-10-2012 18:50:55
คุณพ่อกำลังมาม่า  :o12: :o12: :o12: :o12:
มาต่อเร็วๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 38 [28/10/12] ต้นเหตุของความเกลียด1 (ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: aimjungna ที่ 29-10-2012 20:43:47
รอลุ้นม่าว่าจะเดือดเมื่อไหร่ ความลับของพลภัทรก็จะคลี่คลาย สู้ๆนะคะเป็นกำลังใจให้คะ *0*
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 38 [28/10/12] ต้นเหตุของความเกลียด1 (ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 31-10-2012 18:16:13
ลุ้นๆ   กำลังหิวมาม่าพอดี  -,,-
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 38 [28/10/12] ต้นเหตุของความเกลียด1 (ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 31-10-2012 21:30:48
อย่าบอกนะว่า  คุณเพื่อนคนนี้ที่เคยชอบอาพีท 
จะมาตีท้ายครัวเพื่อนตัวเอง  แอบมีอะไรกับเมียเพื่อน ใช่มั๊ยเนี่ย  o22
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 38 [28/10/12] ต้นเหตุของความเกลียด1 (ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 31-10-2012 21:33:33
นอ่านแล้ว สำหรับเรา เราว่าพลภัทรก็น่าสงสาร นะ เพราะความเข้มงวดของพ่อ
จึงค่อนข้างกลัวในสิ่งที่น้องจะเดิน การปกป้องน้องชาย คงเหมือนกับที่เขาไม่อยาก
ให้น้องถูกเกลียด บางทีพลภัทรก็น่าสงสาร ยอมแลกเพื่ออะไรหลายอย่าง
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 38 [28/10/12] ต้นเหตุของความเกลียด1 (ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: snice_cz ที่ 02-11-2012 02:40:58
วันที่มีอิสระ คือวันไหนกัน รอมาต่ออยู่นะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 38 [28/10/12] ต้นเหตุของความเกลียด1 (ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: Golem237 ที่ 02-11-2012 17:40:03
อ่านแล้ว สำหรับเรา เราว่าพลภัทรก็น่าสงสาร นะ เพราะความเข้มงวดของพ่อ จึงค่อนข้างกลัวในสิ่งที่น้องจะเดิน การปกป้องน้องชาย คงเหมือนกับที่เขาไม่อยากให้น้องถูกเกลียด บางทีพลภัทรก็น่าสงสาร ยอมแลกเพื่ออะไรหลายอย่าง

เห็นด้วยเลยค่ะ การมองว่าคนๆหนึ่งเลวร้ายและทำทุกอย่างนั้นมันต้องมีสาเหตุ พลภัทรเป็นพี่ชาย ด้วยความรักมากเกินไปเลยกลายเป็นความหวังดีที่ไม่มีใครเข้าใจ การที่เขากักตัวพีท อาจจะเพราะว่าเขาไม่อยากให้พีทต้องไปรักกับผู้ชายชัดเจน และทำให้คนอื่นดูถูก มันเป็นความหวังดีของพี่ชายที่ค่อนข้างมองว่าสิ่งที่ตัวเองคิดนั้นถูกต้อง ซึ่งความจริงมันก็ไม่ผิดนักหรอก

สังเกตได้ จากการที่พอตัวเองเห็นว่าญานัชกับพีทไป ตัวเองนั่นแหละเสียใจ เพราะว่าเขาคิดว่าเขาสร้างกรงที่ดีที่สุดให้แล้ว ทำไมถึงอยากจะแหกออกไปล่ะ ในทางกลับกัน ปัณวิทย์ต่างหากที่ไลท์แทบจะถวายหัวชาบูเลย การที่ยอมทุกอย่างเพื่อพ่อนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเป็นเรื่องของคนรัก แต่ปัณวิทย์เลือกครอบครัว เลือกในสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่น ความรักตัวนี้นี่แหละที่ไลท์เชื่อว่ามันจะทำให้พลภัทรรู้ว่าในเวลาที่ไม่มีใคร 'ความรัก' ที่แม้ไม่ได้ผูกพันตามสายเลือด...กลับยืนหยัดที่จะยืนเคียงข้างเขา ในยามที่กรงที่เขาพยายามกักคนที่เขาคิดว่าผูกพันเอาไว้ไม่ได้ผล...เด็กที่ไม่ได้ผูกพันด้วยสายเลือดกลับเลือกที่จะทำเพื่อเขา

การ Reflect ให้เห็นสิ่งที่ตัวเองเคยเป็นจะมีผลทางจิตวิทยาให้คนๆหนึ่งเปลี่ยนทางเลือกที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะรู้ว่าปลายทางคืออะไร เขาย่อมปรารถนาให้คนที่สะท้แนภาพของเขามีปลายทางที่แตกต่างกันออกไปค่ะ

มามองที่พี่เดฟ การที่เขาไม่ผูกพัน ทำให้เขาพูดเรื่องน่าเจ็บปวดออกมาได้ ในความเป็นจริง ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่ถ้าพูดตรงๆแล้วจะแก้ไขในสิ่งที่เกิดขึ้นได้น่ะ แต่ก็ว่าไม่ได้หรอกนะ เพราะว่าเขาไม่รู้เกี่ยวกับพลภัทรและไม่ไขว่คว้าที่จะรู้ ไม่เหมือนปัณวิทย์ที่รักจากก้นบึ้งของหัวใจ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 38 [28/10/12] ต้นเหตุของความเกลียด1 (ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 02-11-2012 19:11:08
ที่มา ที่เป็น และที่ไป
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 38 [28/10/12] ต้นเหตุของความเกลียด1 (ดราม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 03-11-2012 00:43:52
 :jul1:ซับซ้อนแท้เหลา  :sad4: รอๆๆๆ มาม่าแน่ตอนหน้า
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 39 [08/11/12] ต้นเหตุของความเกลียด2
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 08-11-2012 22:07:26
kagehana : เรื่องของคุณพ่อต่อค่ะ แซ่บเวอร์ อิอิ

หลังจากนี้ไปอาจจะทิ้งระยะพอสมควรนะคะ ทั้งหมีทั้งดอกไม้งานอยู่ในภาวะยุ่งสุดขีดทั้งคู่ แต่ยังไงก็จะพยายามเอามาลงเร็วๆค่ะ

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกคะแนนเสียงโหวตในเซ็งเป็ดอวอร์ด ขอบอกว่าคนเขียนทั้งสองปลาบปลื้มมากๆ

ป.ล. ตอนนี้หมีกับดอกไม้กำลังเร่งปั่นพี่เดฟน้องปันไปลงงานคอมมิคซีซั่น(เนื่องจากจองบูทไปแล้วแต่ไม่มีของลง กร๊ากกก) มีใครสนใจอยากเก็บเรื่องนี้เป็นที่ระทึก(?)มั้ยคะ ใครไปงานคอมมิคซีซั่นแวะไปเยี่ยมเยียนได้ที่บูธ FictionFactory นะคะ จะพยายามออกให้ทันน้า ^^


ฝากเพจรวมของเซอร์เคิลด้วยนะคะ ยังไม่มีอะไรเท่าไหร่แต่จะพยายามอัพเดทเรื่อยๆค่ะ

http://www.facebook.com/ficfactory





-39-





...อเมริกา...


ประเทศแห่งอิสระเสรี ประเทศที่ห่างไกลจากบ้านเกิดแทบจะเรียกได้ว่าคนละซีกโลก


พลภัทรรู้สึกเหมือนหายใจได้เต็มปอดบนผืนแผ่นดินนี้ ชายหนุ่มได้ทำในสิ่งที่ต้องการ ทั้งการเรียน เพื่อน การใช้ชีวิต...และความรัก


รักแรกของเขาเกิดขึ้นหลังจากการหมั้นกับคนที่เหมาะสมเพียงไม่กี่เดือน หญิงสาวผมบลอนด์ตาสีฟ้าสอนให้เขาเรียนรู้ความรู้สึกอ่อนโยนและหวงแหนเพียงเมื่อแรกพบ


...เดน่า..คือผู้หญิงคนนั้น...


“... คุณมีคู่หมั้นอยู่แล้ว... จะทำยังไงเหรอพอล”


คำถามของหญิงสาวชาวอเมริกันผู้เป็นรักแรกเอ่ยขึ้นหลังจากสัมพันธ์หวานชื่นบนเตียงจบลง


“ผมไม่รู้... แต่คนที่ผมรักคือคุณนะ” พลภัทรไล้มือตามผิวนุ่มเนียนมือ เขากดจุมพิตลงบนเส้นผมสีทองที่เคล้าเคลียอยู่บนอก เดน่าเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนปริญญาโท หญิงสาวที่มีรอยยิ้มอ่อนหวานที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบและเที่ยวเวียนบอกรักจนเกือบปีกว่าที่อีกฝ่ายจะยอมตกลง


“ยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีก... พูดให้ฉันฟังบ่อยๆก็แล้วกัน” เดน่าแย้มรอยยิ้มก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนฝ่ามือของร่างสูงเบาๆ


“ผมรักคุณ...คุณคือผู้หญิงคนเดียวที่ผมจะรักนะ” คำหวานที่เอ่ยแผ่วพร่างพรมลงบนหัวใจคนฟัง...และคนพูด


“ฉันก็รักคุณ...” เดน่าเป็นฝ่ายแนบริมฝีปากเข้าสัมผัสกันเบาๆ พร้อมกับคำรักที่ไม่ได้พิเศษอะไรไปมากกว่าความรู้สึกที่สื่อผ่าน เธอรู้ดีว่าพลภัทรมาเพียงเพื่อเรียนต่อปริญญาโท และเวลานั้นก็ผ่านไปแล้วเกือบครึ่งทาง-- ไม่นานก็ต้องกลับบ้านไป


แต่เธอก็ไม่อาจห้ามความรู้สึกของตัวเองได้


“ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะอยู่กับคุณอย่างนี้ตลอดไป”


ถ้าเป็นไปได้...แต่ไม่มีวันเป็นจริง


เวลาที่ได้ใช้ร่วมกันผ่านไปเร็วจนน่าตกใจ รู้สึกตัวอีกทีก็ถึงตอนที่เรียนจบแล้วและมีโทรศัพท์จากบิดาเรียกตัวกลับให้เร็ว พลภัทรถึงได้ตัดสินใจต่อรองและยื่นข้อเสนอของตัวเองดู


...เพราะคนที่อยากจะอยู่ด้วยคือเดน่า


-จะพามาได้ยังไง แล้วหนูเพ็ญคู่หมั้นแกจะเอาไปไว้ไหน แกสัญญากับฉันแล้วไม่ใช่หรือไงว่าจะกลับมาแต่งงาน แล้วไปคว้าผู้หญิงฝรั่งมาทำเมียทำไม- เสียงทุ้มห้าวพูดห้วนและปฏิเสธคำขอของพลภัทรในทันที


“ผมไม่ได้รักเพ็ญ พ่อก็รู้” คนเป็นลูกชายเถียงกลับไปโดยที่สายตาไม่ได้ละจากคนรักที่นั่งอยู่บนโซฟาไม่ไกลจากกัน


-แต่คนที่แกต้องแต่งด้วยคือหนูเพ็ญเท่านั้น ไม่อย่างนั้นไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่อ-


เสียงโทรศัพท์เหลือเพียงสัญญาณที่ขาดหาย พลภัทรวางมันลงแล้วเดินไปกอดเดน่าเอาไว้


ไม่ต้องเดาก็พอจะฟังออกจากน้ำเสียงได้ หญิงสาวเพียงยกมือขึ้นกอดตอบแน่นๆ


“ไม่เป็นไรนะพอล....”


“พ่อจะให้ผมกลับไปแต่งงานกับคนที่หมั้นไว้ ทีแรกที่ผมสัญญาผมนึกว่ามันคงเป็นไปได้..แต่ตอนนี้ผมมีคุณ จะให้ผมไปแต่งงานได้ยังไง”


“... แล้วคุณจะอยู่กับฉันที่นี่เหรอ” เดน่าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะสบมองดวงตาสีเข้มของอีกฝ่าย


“ผม.....” พลภัทรเงียบเสียงไปด้วยรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ต่อให้เขาดื้อดึงอยู่ต่อ พ่อก็ไม่มีวันให้เขาอยู่ ต่อให้หนี...คนของพ่อก็ตามหาได้แน่นอน


ลำพังตัวเขาไม่เท่าไหร่ หากแต่ผู้หญิงอย่างเดน่า...ผู้หญิงที่อุ้มท้องลูกของเขาจะทนรับมันได้หรือ


“ผมกลัว..ถ้าผมอยู่ที่นี่พ่อจะส่งคนมาตาม พ่อไม่เหมือนคนอื่น..สิ่งที่เขาคิดไว้ต้องเป็นไปตามแผนของเขาทั้งหมด โดยไม่เลือกวิธีการ”


หญิงสาวยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของคนรักเบาๆ “ฉันไม่เป็นไรหรอกนะ พอล ที่้นี่สวัสดิการไม่แย่หรอก ฉันเลี้ยงลูกได้”


“แต่เขาเป็นลูกของผมด้วยนะ...มันต้องมีวิธีอื่นสิ”


“... พอล คุณกังวลมากเกินไปแล้ว ฉันบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ใช่เพราะว่าฉันไม่ใส่ใจ แต่เพราะฉันไม่เห็นทางอื่นแล้ว”


“แต่ผมทิ้งคุณไปไม่ได้ เดน่า...ผมอยากอยู่กับคุณ อยากเลี้ยงลูกของเรา สอนเขาหัดเดิน สอนเขาพูด.....” ชายหนุ่มลูบท้องที่นูนโป่งออกมาของคนรักพลางแนบหูลงฟังเสียงข้างใน


“ถ้าพ่อตามมาถึงนี่พี่จะเสียใจทีหลังนะ” พิชญ์ที่นั่งเงียบมานานเอ่ยแทรกขึ้นขณะลดมือที่จับหนังสือเอาไว้ลง


“พี่รู้พีท..พี่รู้” พลภัทรสบตาน้องชายนิ่งนาน “แต่พี่รักเดน่า”


“งั้นก็เอาเดน่ากลับไปด้วย...” เขายื่นให้อีกข้อเสนอหนึ่ง


“พ่อไม่ยอม พี่ถามแล้ว” พลภัทรจับมือของคนรักเอาไว้พร้อมแววตาห่วงใย


“บอกคุณเพ็ญแขอะไรนั่นไป เขาจะได้ยกเลิก”


“พีท แกไม่มาเป็นพี่แกไม่รู้หรอก” พลภัทรพูดเรียบๆ เดิมทีแล้วเป็นเพราะอยากจะปกป้องพิชญ์เขาเลยต้องยอมรับข้อเสนอ แต่ข้อเสนอนั้นกลับมาผูกมัดตัวตนของเขาเอาไว้อีกครั้ง


“แต่พี่จะลองดูแล้วกัน...”


ความหวังของพลภัทรขาดสะบั้นลงด้วยการมาถึงของคนของผู้เป็นพ่อ เขาและพีทถูกบังคับให้กลับประเทศแทบจะทันทีแลกกับการที่จะไม่ทำร้ายหญิงสาวที่เขารักและลูกในท้อง ชายหนุ่มได้แต่กล่าวคำอำลาและสัญญากับเดน่าว่าจะมาหาโดยเร็วที่สุด


แต่กระทั่งสัญญา ยังรักษาไม่ได้...


หลังจากถูกพาตัวกลับมา พลภัทรถูกจับให้แต่งงานกับเพ็ญแขและสืบทอดธุรกิจของทางบ้าน วันและคืนผ่านไป...จดหมายหลายฉบับที่ส่งโต้ตอบก็ได้รับรูปเด็กชายผมสีทองในอ้อมกอดหญิงคนรัก เดน่าในรูปกำลังยิ้มอย่างมีความสุขแม้แววตาจะเศร้าเหลือเกิน


สิ่งที่เขาทำได้คือการลักลอบส่งเงินไปให้คนรักและลูกที่อยู่คนละซีกโลกเท่านั้น เพราะภาระที่ยิ่งใหญ่อีกอย่างของเขากำลังเติบโตอยู่ในครรภ์ของเพ็ญแข แม้จะไม่ได้รัก แต่เพราะแต่งงานกันแล้ว...ทายาทสืบสกุลก็เป็นอีกหนึ่งในข้อแลกเปลี่ยนที่บิดาเขาต้องการ....แลกกับการทำไม่รู้ไม่เห็นว่าเขากำลังส่งเสียใครอยู่


พลภัทรหยิบรูปใบเล็กขึ้นแล้วก้าวเดินไปที่ห้องของพิชญ์...คนเดียวที่รู้ความลับของเขา


“พีท ดูนี่สิ”


“อะไรเหรอพี่พล”


“นี่ไง..ลูกของพี่กับเดน่า ชื่อเดวิด เรียกเดฟนะ” ชายหนุ่มไล้ปลายนิ้วไปบนรูปถ่าย เด็กชายวัยแบเบาะผมสีทองอ่อนจ้องมองกลับมาด้วยนัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างเหมือนผู้เป็นแม่ ริมฝีปากเล็กบางดูดกำมือจนแก้มแดงจัดพองกลม


“ชื่อไทยชื่อชยางกูร...น่ารักมั้ยพีท”


“น่ารัก แก้มแดงเชียว” คนเป็นน้องชายยิ้มกับเด็กน้อยหน้าตาน่ารักในรูปถ่าย


“ที่มหาลัยเป็นยังไงบ้าง นี่ปีสองแล้วใช่มั้ย” หลังจากที่กลับมา ภีมที่ห่างกันไปก็เริ่มทำงานแล้ว ทำให้ไม่มีเวลามาวุ่นวายกับพิชญ์และทำให้เขาวางใจมากขึ้น...อย่างน้อยที่สุด เขาก็สามารถปกป้องน้องและไม่สูญเสียเพื่อนรักไป แม้ว่าภีมจะตัดพ้อเรื่องพิชญ์อยู่บ้างพลภัทรก็พร้อมจะทำเฉยๆไม่รู้ไม่เห็นจนเพื่อนเบื่อไปเอง


“อื้ม ก็โอเคนะ เรื่อยๆล่ะ” พิชญ์เรียนคณะศิลปกรรมตามความสนใจของตัวเอง จึงดูเครียดน้อยกว่าพลภัทรสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเยอะ


“แล้วจะไปเรียนโทต่อเลยหรือว่าจะเข้ามาช่วยที่บริษัทล่ะ”


“ไม่รู้สิ เรียนต่อก็ดีนะ จริงๆอยากไปเรียนเพ้นติ้งเลยมากกว่า”


“ทำไมไม่เรียนบริหารล่ะ จะได้มาทำที่บริษัท” พลภัทรถามอย่างสงสัย แม้จะรู้ว่าน้องชายชอบไปทางศิลปะ แต่เพราะมีบริษัทและพ่อก็อยากให้ทุกคนมาช่วย การเลือกเรียนบริหารน่าจะเหมาะสมกว่า


“ก็มีพี่ทำแล้วนี่ ไม่ได้เหรอ” พิชญ์ถามต่อ พลภัทรเตรียมขึ้นตำแหน่งเป็นผู้สืบทอดกิจการคนต่อไป เขาก็ไม่น่าจะต้องกังวลอะไรทั้งนั้น


พลภัทรมองใบหน้าน้องชายที่เอ็นดู เขาไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะทำในสิ่งที่ชอบ...กล้าจะเดินไปจากหนทางที่พ่อขีดไว้ให้


หนทาง...ที่เขาไม่กล้าแม้จะแตะลงไป


“พ่อจะให้หรือเปล่า ก็พ่ออยากให้เราทำงานด้วยกัน ช่วยกันไงพีท”


“... เหรอ... ลองขอพ่อดูก่อนก็แล้วกัน พี่พลช่วยขอทีสิ” เป็นพิชญ์ที่ยิ้มออกมาพลางเอ่ยอ้อนผู้เป็นพี่


“ลองดูแล้วกัน”


พลภัทรทำตามคำขออีกฝ่ายด้วยการออกหน้าไปขอให้พิชญ์ทำในสิ่งที่รัก คำตอบของเขาคือการถูกบิดาตอกกลับมาอย่างไม่ไว้หน้า ความกดดันที่ถูกบีบทำให้พลภัทรมุโหมงานของบริษัท ความสุขแปรผันกับความสำเร็จ ชีวิตที่ดำเนินไปตามทางที่ถูกขีดให้เดินทำให้ชายหนุ่มเงียบขรึมลง แม้ยามที่ลูกชายที่เกิดจากเพ็ญแข..คณัสนันท์ ถือกำเนิด ในใจเขาก็มีเพียงแต่ลูกชายกับคนรักที่อยู่ที่ๆห่างไกล


เปลวไฟลูกเล็กที่เกิดจากความคับแค้น ค่อยๆเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ...ภายในจิตใจของพี่คนโตตระกูลประสิทธิ์พรวิวัฒน์


แต่พิชญ์ที่ไปเรียนบริหารธุรกิจได้ไม่นานนัก ก็ส่งจดหมายมาหาเขาเพื่อบอกถึงความต้องการของตัวเองที่อยากจะเรียนศิลปะ และขอให้ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพราะตัวเองจะขอทุนเรียนเองก็ได้หากบิดาจะคัดค้าน


การตัดสินใจของน้องคนเล็ก...กับการแต่งงานของน้องสาวคนกลางกับผู้ชายที่มาจากครอบครัวธรรมดา ถูกนำมาเป็นหินบนหลังของผู้เป็นพี่ พลภัทรถูกดุด่าแทนคนทั้งสองด้วยข้อกล่าวหาว่าไม่ดูแลให้ดี


บางครั้ง...เขาก็เคยคิดว่าการเกิดมาเป็นตัวเอง ช่างยากเย็นเหลือเกิน


น้ำหล่อเลี้ยงหนึ่งที่เขาเฝ้ารอทุกเดือนคือจดหมายของเดน่า ที่เขียนส่งมาเล่าถึงการเจริญเติบโตของลูกชายที่ไม่มีโอกาสได้อุ้มชู และแม้จะมีคณัสนันท์ สองแขนและดวงตาของเขาก็ไม่สามารถจะอุ้มชูและมองได้เต็มตา... ด้วยความรู้สึกผิดที่มองผ่านไปถึงเด็กอีกคน


เวลาผ่านไปไม่นาน พิชญ์ก็กลับมาพร้อมกับอุปนิสัยที่เปลี่ยนไป จากน้องชายที่เคยหัวอ่อนและพึ่งพาพี่ชาย เติบโตเป็นผู้ชายที่มีความคิดเป็นของตัวเองและรู้ว่าอยากจะทำอะไร ซ้ำยังไม่ยอมให้ใครมาขวางด้วย แม้กระทั่งบิดาจะเอ่ยตัดขาด พิชญ์ก็ไม่ได้เกรงกลัวเลยสักนิด


แต่เพราะความที่เป็นพี่ชาย จึงได้ช่วยต่อรองให้พิชญ์ยังได้อยู่ในบ้านประสิทธิ์พรวิวัฒน์ต่อไปตามปกติ แลกกับการที่ต้องถูกบิดาดุด่าอีกครั้ง


...ภาระหนักอึ้งที่ต้องรับเอาไว้ จะแบกไว้ได้ถึงเมื่อไหร่กัน


“พี่คะ ดูนัทสิ หลับปุ๋ยเลย...” แพรพรรณอุ้มลูกชายที่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่เดือนเอาไว้แนบอกพลางเรียกให้พี่ชายดูหน้าหลานคนแรกของเขา


“หน้าเหมือนแพรเลย พีทล่ะ..ไม่มาดูหลานเหรอ” พลภัทรเขี่ยแก้มทารกตัวน้อยเบามือ ในใจพาลนึกไปถึงคณัสนันท์...ที่ระยะหลังเพ็ญแขเหมือนจะดูออกว่าเขาแทบไม่ได้แตะต้องลูกเลยตีตัวออกห่าง และชยางกูร..ที่เห็นแค่เพียงในรูป


หลานชายคนแรกจากแพรพรรณ ซึ่งสามีของเธอแต่งเข้าตระกูลและให้ญาณัชใช้นามสกุลของมารดา


“ดูตลอดเช้าแล้วพี่พล ตรวจการบ้านเด็กเสร็จแล้วเดี๋ยวไปเล่นด้วยนะ” พิชญ์มีกองงานศิลปะของเด็กอนุบาลอยู่ตรงหน้า แต่น้องคนเล็กก็เอ่ยตอบด้วยเสียงที่เบากว่าปกติด้วยกลัวจะปลุกให้หลานชายตัวน้อยตื่น


“แล้วเราล่ะ เมื่อไหร่มีเป็นของตัวเองบ้าง” ความเจ็บปวดที่ถูกพ่อกระทำใส่นั้นไม่ได้แปรเป็นความขุ่นเคืองน้องทั้งสอง พลภัทรยังคงเป็นพี่ชายที่ห่วงใยน้องเสมอ


“เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นล่ะ” เขาพูดกลั้วหัวเราะโดยไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดนั้นเท่าไหร่ ลองพลภัทรกับแพรพรรณมีหลานชายทั้งคู่ให้มนูญ ความกดดันของตัวเขาคงลดน้อยลงจนแทบไม่มีเลย


“เดี๋ยวโตไม่ทันเล่นกับลูกพี่นะ”


“ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้สอนเด็กๆ แถมยังมีหลานสองคน ผมไม่มีเวลาดูแน่ๆเลย” พิชญ์ยังคงยืนกรานคำเดิม


“ก็ตามใจ อย่ามาว่ากันทีหลังแล้วกัน” พลภัทรจิ้มแก้มขาวๆของคนตัวเล็กในอ้อมกอดน้องสาวอีกครั้ง ริมฝีปากสีชมพูสดดูท่าจะหิวนม มือเล็กๆเอื้อมจับมือเขามาดูด พลภัทรยิ้มให้เด็กน้อยอย่างเอ็นดู


“นัทหิวนมแล้วมั้งแพร”


“โอเค งั้นเดี๋ยวแพรมาใหม่นะคะพี่พล” แพรพรรณยิ้มให้กับลูกชายตัวเล็กอย่างอ่อนโยนก่อนจะค่อยๆเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นใหญ่


พลภัทรแม้จะไม่ได้รักรักชีวิตในตอนนี้...ที่ไม่ได้อยู่กับคนที่รัก แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเกลียดชีวิตของตนได้....


จนกระทั่ง....มีการมาถึงของคนๆนึง


พิชญ์พารุ่นน้องที่รู้จักกันตอนเรียนอยู่ที่อเมริกาไปเที่ยวต่างจังหวัด พลภัทรไม่คิดอะไรเพราะหากเป็นตัวเองก็คงทำ แต่การมาถึงของรุ่นน้องคนนั้นกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อมนูญเอ่ยปากถามคำถามที่เขาเคยถามแล้วระหว่างทานอาหารเย็นกันพร้อมหน้า


“พีท เมื่อไหร่แกจะแต่งงานหือ แค่แกเรียนศิลปะบ้าบอของแกก็ขายหน้าพอแล้ว รีบหาผู้หญิงมาแต่งซะจะได้มาช่วยงานบริษัท”


เจ้าของชื่อนิ่งไปเมื่อเจอกับคำพูดที่แสดงออกว่าไม่พอใจชัดเจนของผู้เป็นพ่อ ชายหนุ่มวางช้อนกับส้อมลงเรียบร้อยบนจานข้าว ก่อนจะเอ่ยตอบเบาๆ


“ถ้าเขายอมให้แต่งงานกับผู้ชายได้เมื่อไหร่ ผมก็จะแต่งครับคุณพ่อ”


“แกว่าอะไรนะ”


พิชญ์ยกมือขึ้นผลักจานไปข้างหน้าบ่งบอกว่าตัวเองจะไม่ทานต่อแล้ว “... คนที่ผมอยากจะอยู่ด้วย เป็นผู้ชายครับ”


...พีทเป็นเกย์...


ไม่ต้องให้บอกตรงๆ เขาก็รู้ว่าน้องชายต้องการจะสื่ออะไร


น้องชายที่กล้าจะแหวกกฏของครอบครัว กล้าที่จะทำในสิ่งที่เป็นตัวเอง ขบถ..ที่ซ่อนไว้ในท่าทางอ่อนโยน พลภัทรรู้ในวินาทีนี้เองว่าน้องชายที่เขาต้องคอยปกป้องจากภีมไม่มีอีกต่อไปแล้ว หรือบางที...เขาอาจจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปกป้องตั้งแต่แรก


มือที่จับช้อนบีบแน่นขึ้น...เหมือนกับหัวใจที่รัดตัว


“แก...ไอ้พีท ไอ้ลูกเลว” เสียงของมนูญดังก้องไปทั่ว เช่นเดียวกับจานกระเบื้องบนโต๊ะที่ถูกกวาดลงพื้นแตกละเอียด


“ผมยังเป็นลูกพ่อเหมือนเดิม... เป็นพีทคนเดิมนะครับพ่อ” น่าแปลกที่พิชญ์กลับพูดด้วยท่าทีสงบนิ่งกว่าที่คิดไว้ ต่างจากบิดาที่กวาดทุกอย่างที่เอื้อมถึงลงจากโต๊ะเสียหมดสิ้น


ไม่...ไม่เหมือนเดิม..คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะด้วยท่าทางสงบเงียบตอบแทนคำในหัวของพ่อ


คนอื่นๆเริ่มออกจากห้องไป เหลือเพียงตัวต้นเรื่องทั้งสอง...และพี่ชายคนโตอย่างพลภัทร


“แกก็รู้ว่ามันไม่ใช่ ถ้ามีคนรู้ว่าฉันมีลูกเป็นเกย์ ฉันจะมองหน้าใครเขาได้ พล..เห็นไหมล่ะ เพราะแกพามันไปเมืองนอกตั้งแต่เด็ก มันถึงเอาอิทธิพลบ้าๆมาจากอเมริกา”


“คุณพ่ออย่าเอาพี่เข้ามาเกี่ยวครับ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่พล” ฟังดูเอาก็รู้ว่ามนูญเพียงต้องการหาที่ระบายใส่ และก็ไม่พ้นพี่ชายคนโตของเขา


“ทำไมจะไม่เกี่ยว มันดูแลแกไม่ดี เป็นพี่ประสาอะไร แกก็ด้วย ฉันสั่งห้ามเด็ดขาด แกต้องแต่งงานทันทีที่ฉันหาสะใภ้ได้”


ลูกชายคนเล็กที่ไม่เคยแสดงท่าทีต่อต้านกลับลุกขึ้นยืนทันที “ผมไม่แต่งครับ ยังไงก็ไม่แต่ง”


“พีท...” พลภัทรพูดเสียงแผ่ว “เชื่อพ่อเขาเถอะ”


เชื่อ...เหมือนที่เขาเชื่อมาตลอดชีวิต


เชื่อ...จนทำให้ไม่กล้าจะก้าวเดินไปตามทางที่ต้องการ


“... พี่พล...” พิชญ์หันมามองสบตากับผู้เป็นพี่ ดวงตาของเขาในตอนนี้ดูโศกเศร้ายิ่งกว่าครั้งไหน “พีททำไม่ได้...”


“งั้นก็ลองตายดูไหมล่ะพีท ง่ายกว่ามีเมียหรือไง” ผู้เป็นพ่อระเบิดอารมณ์ใส่ มนูญที่แข็งกร้าววิ่งชนเข้ากำแพงที่ก่อ เขาเชื่อ...ว่าพีทต้องเหมือนลูกคนโตและพี่สาวอย่างแพรพรรณ ที่แม้จะมีความคิดของตัวเอง แต่ก็ไปจากบ้านหลังนี้ไม่ได้


“เลิกกับมัน แล้วฉันจะคิดซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”


“ไม่ครับ...” เขาได้แต่คิดว่า หากลังเลตอนนี้ คงจะไม่มีโอกาสได้เจอกับเจ้าของรอยยิ้มกว้างคนนั้นอีกแล้ว


“ไอ้ลูกทรพี” มนูญพูดสั้นๆแล้วเดินออกไปทันที


พลภัทรมองน้องชายคนเล็ก...ที่ดูจะตัวโตจนใหญ่คับไปทั้งบ้าน เหลือเพียงเขาเองที่ตัวเล็กจ้อย เหมือนดักแด้ฝ่อที่ไม่มีวันได้กลายเป็นผีเสื้อ


“พีท...เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่” ถ้อยคำที่ถาม...หลุดไปด้วยเสียงแผ่วหวิว


“...... คนที่พีท... อยากจะอยู่ด้วย มีแค่ผู้ชายคนนั้นคนเดียว ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นพีทไม่เอา แบบนี้พี่พลจะว่าเป็นเกย์มั้ย”


“ถ้าเป็นอย่างนั้น พีทก็มีเขาสิ แล้วแต่งงานกับคนของพ่อ...ทำเหมือนเดน่า พ่อจะได้ไม่โกรธ พี่จะช่วยเก็บเป็นความลับให้”


“... ไม่ได้หรอก... ไม่เหมือนกัน พีททำแบบนั้นไม่ได้” พิชญ์ยืนกราน แค่นึกถึงหน้าของอีกฝ่ายก็พอจะรู้แล้วว่าจะเป็นแบบไหน


“แล้วพีทจะทำยังไง พ่อไม่มีทางรับได้หรอก แต่ก็ไม่มีทางให้พีทไปด้วย”


“...... ถ้าจะบังคับกัน พีทจะไป” คนเป็นน้องตอบอย่างแน่วแน่


“แล้วคนอื่นรู้หรือเปล่าว่าพีทเป็น...ชอบผู้ชายน่ะ” ในใจเขาไพล่ไปถึงเพื่อนรักอย่างภีม เพราะถ้าอีกฝ่ายรู้...อาจจะโกรธเขาก็ได้


“ไม่มีใครรู้ พีทไม่เคยบอกใคร” เขาสบตามองพี่ชายก่อนจะเอ่ยตอบ


“แล้วพีทจะอยู่ไทยต่อมั้ย แต่ถ้าถามพี่...พี่อยากให้อยู่” พลภัทรตบบ่าเบาๆคล้ายให้กำลังใจ แม้จะรู้ดีว่าพิชญ์คงไม่ต้องการมันเท่าตัวเขาเอง


“... พีทยังไม่ได้ตกลงว่าจะอยู่กับเขา... ตอนนี้พีทยังทำงานอยู่ที่นี่... ถ้าพ่อไม่อยาก พีทก็คงต้องออกไปหาห้องอยู่” พิชญ์ถอนหายใจออกมา


จะออกมาเป็นอย่างไร...


“มันคงไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอกพีท”


พลภัทรไม่เคยรู้เลย....ว่าคำพูดนั้นเขาต้องเอามาปลอบตัวเอง....


ตัวเอง...ที่ถูกทำลายจากเพื่อนที่รักที่สุด












To Be Continued......





หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 39 [08/11/12] ต้นเหตุของความเกลียด2
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 08-11-2012 22:39:18
พลภัทรน่าสงสาร อ่านมาสองตอนทำให้เข้าใจพลภัทรมากขึ้น
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 39 [08/11/12] ต้นเหตุของความเกลียด2
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 08-11-2012 23:23:17
สงสารพลนะ แต่ทำตัวเองอ่ะ
เฮ่อออออออออออ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 39 [08/11/12] ต้นเหตุของความเกลียด2
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 09-11-2012 00:17:25
เอ่อ ก็เริ่มจะเข้าใจคุณพ่อขึ้นมาหน่อยนึงนะ
แต่ว่าที่ทำกับน้องชายมันก็เกินไปน๊า
อยากรู้แล้วจริงๆว่าจุดเปลี่ยนที่ทำให้เป็นแบบนี้มันจะเลวร้ายขนาดไหน
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 39 [08/11/12] ต้นเหตุของความเกลียด2
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 09-11-2012 06:04:52
เป็นเพราะความกดดันจากพ่อ
ตัวเองก็เลยเอามากดดันลูกต่อหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 39 [08/11/12] ต้นเหตุของความเกลียด2
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 09-11-2012 07:22:17
ทุกคนก็มีเหตุผลกันหมด ตั้งแต่ปู่ จนมาถึงพี่เดฟ

ถ้าพ่อพี่เดฟไม่แบกไว้คนเดียว แล้วลองคุยกันดีๆ มันก็น่าจะมีทางออกนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 39 [08/11/12] ต้นเหตุของความเกลียด2
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 09-11-2012 11:18:57
สองด้าน
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 39 [08/11/12] ต้นเหตุของความเกลียด2
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 09-11-2012 11:46:05
เฮ้อออ  กลัวพ่อถึงขนาดไม่เป็นตัวของตัวเอง
แบกรับเรื่องทุกเรื่องไว้ในฐานะพี่ชายคนโต  น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 39 [08/11/12] ต้นเหตุของความเกลียด2
เริ่มหัวข้อโดย: RUMINA ที่ 09-11-2012 23:01:22
ชักเริ่มสงสารพลภัทรนะคะเนี่ย คงจะเครียดน่าดูเลย
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 40 [16/11/12] จุดเริ่มต้นของบาดแผลในวันวาน
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 16-11-2012 20:24:12
Kagehana : ชื่อเรื่องตราบาปไร้รอยเลือน...เราไม่ได้เขียนให้น้องปันคนเดียว แต่เป็นของคนทุกคน และถ้าจะมีใครที่เหมาะที่สุดกับคำนี้ เราก็คิดว่าเป็นพลภัทรค่ะ เพราะคุณพลเป็นทั้งผู้ถูกกระทำและผู้กระทำ ทำให้บาดแผลนั้นดำเนินต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด

ดราม่าอีกแล้ว อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ เรายังรับประกันความแซ่บของรุ่นพ่อเหมือนเดิม


โปรโมทเพจจ้า

http://www.facebook.com/ficfactory

อัพเดทข่าวคราวบ้างเป็นบางเวลา มุมิ





-40-





“ปล่อยกู”


“เหี้ย! เพราะมึงแหละไอ้พล” ภีมที่ขับรถมารับเพื่อนทุบกำปั้นกับพวงมาลัยอย่างรุนแรง มือใหญ่หนากระชากคอเสื้อของพลภัทรไว้เต็มแรง


“มึงเอาพีทหนีกูไปแล้วเป็นไง สุดท้ายพีทแม่งก็ได้กับคนอื่น”


“กูจะไปรู้ได้ไงวะ น้องกูไม่ได้ชอบผู้ชาย บอกกูชัดแล้วว่าถ้าไม่ใช่คนนั้นคนอื่นก็ไม่เอา แล้วมึงจะโมโหไปให้ได้เหี้ยอะไรขึ้นมา” พลภัทรดึงมือของเพื่อนตัวเองออก


“มึงไม่เข้าใจกูหรอก มึงไม่เปิดโอกาสให้กู ไม่ให้กูติดต่อ มึงคิดว่ากูคิดเล่นๆกับพีทเหรอวะ” ภีมลงจากรถแล้วกระชากประตูข้างคนขับออก ฟอร์จูนเนอร์คันใหญ่สีดำปลาบจอดอยู่ริมถนนใต้ต้นหางนกยูงสีเพลิงที่ถูกกลืนในความมืดมิด


ชายหนุ่มร่างสูงดึงคนที่ตัวเล็กกว่ามาตรงที่นั่งด้านหลังแล้วโยนพลภัทรลงไปบนเบาะ


“กูรักพีทจริงๆ กูไม่มีใครก็เพื่อรอพีท แล้วไง พีทแม่งโดนหมาคาบไปแดก สะใจมึงรึยังพล”


“มึงไม่เป็นพี่มันมึงไม่เข้าใจกูหรอก มึงจะต่อยกูยังไงก็เรื่องของมึง กูไม่ได้สะใจเหี้ยอะไรทั้งนั้น” พลภัทรยันตัวขึ้นหลังจากถูกเหวี่ยงมาอย่างเสียหลัก


“แล้วกูล่ะ คอยเป็นไอ้หน้าโง่” ภีมจ้องเข้าไปนัยน์ตาคมของพลภัทร “มึงจะรับผิดชอบกูยังไง”


“รับเหี้ยอะไร พีทกลับมาเกือบสองปีแล้ว กูไม่ได้ขวาง มึงอย่าโยนความผิดมาให้กูไอ้ภีม”


“แล้วสองปีนี้มึงไม่ได้ทำตัวติดกับน้องมึงเลยใช่มั้ย อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ พอกูจะเข้าใกล้ มึงก็หาเรื่องพาพีทออกไป มึงคิดว่ากูโง่ใช่มั้ย” ชายที่ตัวโตกว่าดันร่างของเพื่อนเข้าสู่ด้านในแล้วคร่อมทับ แม้เครื่องปรับอากาศในรถจะเย็นจับใจ แต่ดวงใจที่ร้อนรนไม่ได้ผ่อนคลายสักนิด


คนที่เฝ้ารอ...หลุดลอยไปกับคนอื่น


คนที่ขัดขวาง...มาบอกเขาด้วยตัวเอง


ภีมไม่รู้เลยว่าเขาแค้นคนไหนมากกว่ากัน....


“แล้วมึงจะให้กูทำยังไงหา? บอกพีทว่ามึงชอบเหรอ???” พลภัทรยกมือขึ้นจับศีรษะที่ถูกกระแทกกับประตูรถด้านในก่อนจะหันไปตวาดถามเพื่อนที่กำลังโมโห


...มึงไม่มีพ่ออย่างกู มึงไม่เข้าใจหรอก


“ถ้ามึงบอก ก็คงใช่” รอยยิ้มจางๆผุดบนใบหน้าหล่อเหลา ภีมก้มลงช้าๆเข้าใกล้ใบหน้าของคนที่นอนอยู่ข้างใต้


“มึงเอาพีทหนีไปจากกู มึงต้องรับผิดชอบ”


“รับอะไร??” พลภัทรผลักใบหน้าของอีกฝ่ายออกเต็มแรง


ร่างสูงที่คร่อมอยู่ด้านบนไม่ได้ให้คำตอบ...มีเพียงความเงียบและแววตาดุดันเท่านั้น...


ดอกหางนกยูงสีส้มใต้เงาจันทร์ร่วงโรยลงบนพื้นเชื่องช้า...เงียบงัน




/////////////////////////






พลภัทรนอนอยู่บนเบาะหนังด้านหลังคนขับ ร่างกายเปล่าเปลือยนอนแผ่ราวกับไม่รู้สึกตัว ดวงตาคมที่มักมองอย่างผู้มีอำนาจกลับไร้ซึ่งประกายมองเหม่อไปอย่างไร้ทิศทาง ในรถมีเพียงเสียงเครื่องยนต์และเสียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้น


ภีมซบหน้าลงกับพวงมาลัย เสื้อเชิ้ตรุ่ยร่ายชุ่มเหงื่อ หยาดน้ำและคาวเลือดของคนที่เป็นเพื่อนรักกันมาตลอดชีวิต ชายหนุ่มกัดริมฝีปากแน่นด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย


เพราะอารมณ์เพียงชั่ววูบ...วูบเดียวเท่านั้น


ความโกรธแค้นที่อัดแน่นถูกระบายลงสู่คนที่ไม่ได้มีความผิดแม้แต่น้อย


“พล...กูขอโทษ” ภีมหันกลับไปมองพลภัทรที่ยังนอนมองหลังคาอย่างไร้จุดหมาย ร่างกายเปล่าเปลือยมีทั้งรอยช้ำ และสิ่งที่ปลดปล่อยออกมา ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็วแต่เนิ่นนาน...นานจนคนกระทำรู้สึกได้ว่าพลภัทรที่ดิ้นรนไม่ได้ขัดขืนอีกต่อไป


หากแต่...ปล่อยจิตใจให้ลอยไป ไม่รับรู้ใดๆทั้งสิ้น


หากแต่พลภัทรไม่เอ่ยตอบอันใด เขายังคงนอนในท่าเดิม ไม่กระดุกกระดิกตัวแม้แต่น้อย


“พล..พล..” เมื่อเห็นว่าเรียกไม่เป็นผล คนที่อยู่ด้านหน้าก็ลงมาอีกครั้ง ชายหนุ่มเปิดประตูออกเพื่อดึงร่างที่นอนไม่รับรู้ของพลภัทรขึ้นมากอด หยาดน้ำตาร้อนผ่าวตกรดผิวแก้มเย็นเยียบ


“กูขอโทษ พล...กูขอโทษ...กูไม่ได้ตั้งใจ...พล...กูขอโทษ”


“... กูจะกลับบ้าน...” พลภัทรตอบสั้นๆด้วยเสียงแห้งผาก


“แวะคอนโดกูก่อน...กูขอโทษ...กู..กูผิดเอง กูผิดเองทุกอย่าง” ภีมดึงเสื้อผ้าที่ขาดยับเยินด้วยน้ำมือเขามาปิดบังร่างกายของเพื่อนเบามือ ใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยฟกช้ำด้วยหมัดของคนที่นอนอยู่นองไปด้วยน้ำตา


พลภัทรไม่เอ่ยพูดอะไรอีก เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจโดยไม่ต่อต้านอีกต่อไป


เมื่อเห็นว่าพลภัทรไม่ต่อต้าน ภีมก็ปิดประตูลงช้าๆแล้วเคลื่อนรถไปยังคอนโดของเขา ภีมใส่เสื้อผ้าให้อย่างยากเย็นก่อนจะค่อยๆประคองขึ้นไปทำความสะอาดร่างกาย น้ำตาของชายหนุ่มไหลออกมาอีกครั้งในตอนที่เห็นสิ่งที่เขาปล่อยไว้ไหลออกมาจากร่าง....แต่คนโดนกระทำยังคงเหม่อเลยเช่นเดิม


เขารู้สึกถึงความเจ็บที่เบื้องหลัง แต่ก็คล้ายมันจะชาไปจนแทบจางหายเมื่อเทียบกับหัวใจที่ปวดร้าว พลภัทรกลับขึ้นมานั่งบนรถโดยมีอีกฝ่ายขับพากลับไปที่บ้านประสิทธิพรวิวัฒน์ของตน


“ขอกูไปส่งมึงที่ห้องนะ” ภีมพูดขึ้นเบาๆหลังจากที่รถจอดลงหน้าบ้าน


เขาไม่เอ่ยปฏิเสธ พลภัทรเปิดประตูรถลงมาแล้วรอให้อีกฝ่ายตามมา จึงได้เดินเข้าไปในตัวบ้านตามที่เคยชิน


...ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว...


ภีมเดินตามไปส่ง เหมือนทุกครั้งที่เคยมา...บ้านหลังนี้ใหญ่แต่ตัวบ้านแต่กลับให้ความรู้สึกถูกบีบจนเหลือตัวเล็กจ้อย เขาจับแขนพลภัทรที่เดินเซนิดๆ โอบประคองให้เดินตรงยามเข้าไปในตัวตึก


“คุณภีมมาส่งคุณพลเหรอคะ” เสียงหวานของภรรยาพลภัทรดังขึ้น เพ็ญแขที่ไม่ได้เห็นมานานมีแววตาแห้งแล้งเกินกว่าที่จะเรียกได้ว่ามีความสุข


“... ฉันจะนอนที่ห้องเล็ก ไม่ต้องรอ...” พลภัทรเอ่ยตอบด้วยเสียงราบเรียบก่อนจะเดินผ่านไปโดยไม่รอตอบคำถามที่อาจจะเกิดขึ้น


“ค่ะ” หญิงสาวที่นั่งรออยู่ตอบรับเสียงแผ่ว และรู้ตัวดีว่าถึงจะถามอะไรอีกฝ่ายก็คงไม่ตอบ...เหมือนเรื่องที่เธอได้ยินและรับรู้เมื่อไม่นานมานี้


เรื่องของอดีตคนรักของสามี...และลูกชาย


ภีมพาร่างกายที่บอบช้ำของเพื่อนรักมาที่ห้องนอนเล็กแล้วปิดประตูลง ความเงียบที่น่าอึดอัดบังเกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


“พล...กู..กูขอโทษ...”


“มึง... ไม่ต้องขอโทษ” เจ้าของห้องนั่งลงที่ปลายเตียงโดยไม่มองหน้าอีกคน


“... ออกไปได้แล้ว”


“พล....หันมาหากู” ทันที่ที่จับไหล่ ร่างของพลภัทรดูจะสั่นไหว...กระตุกคล้ายไม่อาจควบคุม


“...กูขอโทษ..กูขอโทษจริงๆ มึง...กูแม่งเลว...”


“ไม่ต้อง มึงไม่ต้องมาให้กูเห็นหน้าแล้วภีม มึงไม่ต้องขอโทษกู” สายตาของพลภัทรสบมองแค่แวบเดียว ก่อนจะเบนหลบไป


“กู...ไม่นึกว่ามันจะเลยเถิดไปเป็นแบบนั้น...กูขอโทษ” คำขอโทษที่ไร้การตอบรับยังคงเปล่งอย่างต่อเนื่องเหมือนคนพูดไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร


“กูขอโทษที่ทำมึงเจ็บ”


“กูบอกว่าพอแล้วไง ไม่ต้องพูด ไม่ต้องมาให้กูเห็นหน้า กูกับมึงไม่ใช่เพื่อนกันแล้ว แค่นี้มึงเข้าใจมั้ย”


คำประกาศของพลภัทร ทำให้ภีมทำได้เพียงปล่อยมือออกจากไหล่ทั้งสองข้าง


“กูเข้าใจ กูขอโทษ แต่มึงอย่าบอกว่าเราไม่ใช่เพื่อนกันได้มั้ย......”


“ไม่ เพราะเพื่อนไม่ทำกับเพื่อนแบบนี้” พลภัทรตอบเสียงเข้ม


“กับเรื่องแค่นี้ มึงทำกับกูแบบนี้ ไม่ต้องนับเพื่อนกับกูแล้ว”


“กูเสียใจ...เสียใจมากที่มึงเอาพีทไป กูเสียใจที่สุดท้ายแล้วพีทก็ไม่เลือกกู...กูเสียใจจนทำเรื่องอย่างนั้นกับมึงไป กูอยากขอโทษ กูไม่รู้จะทำยังไง กูผิด พล...มึงเป็นเพื่อนที่กูรักนะ กูรักมึงมาก” ภีมกอดร่างที่เล็กกว่าเอาไว้


“มึงต่อยกู เตะกู ฆ่ากูเลยสิพล มึงอย่าเฉยแบบนี้”


“ถ้ากูเป็นเพื่อนรัก มึงไม่ทำหรอก!!” คนที่ถูกกอดเอาไว้ผลักภีมออกพลางตวาดเสียงดัง


“.....งั้นกูกลับก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาใหม่”


ภีมไม่ดื้อรั้น ไม่เหนี่ยวรั้งและกล่าวคำขอโทษ เพราะรู้ดีว่าเรื่องที่ทำลงไปยังสดใหม่เกินกว่าพลภัทรจะยอมรับได้ ชายหนุ่มย่อตัวลงสบตาคนที่ก้มหน้าอีกครั้ง


“พรุ่งนี้...กูจะมาขอโทษมึงอีก...จะขอโทษ จนกว่ามึงจะยอมยกโทษให้”


พรุ่งนี้..วันนี้...เมื่อไหร่...


นานแค่ไหนก็ขอให้ชดใช้...







///////////////







“คุณภีม กลับแล้วเหรอคะ” เพ็ญแขเอ่ยถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินออกมาลิฟท์ เธอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทของพลภัทร และเป็นคนที่สามีของเธอใช้เวลาพูดคุยด้วยมากกว่าเธอเสียอีก


“ครับ” เพราะเพิ่งมีสัมพันธ์กับพลภัทรไป ภีมเลยรู้สึกว่าทำผิดต่อหญิงสาวตรงหน้าอย่างมาก “คุณเพ็ญยังไม่นอนเหรอครับ แล้วน้องนันท์ล่ะ”


“นอนไปแล้วล่ะค่ะ เด็กๆก็แบบนี้”


“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมดูเหมือนไม่ค่อยสบายใจ” ภีมถามต่อ


“... คุณภีม ดูออกด้วยเหรอคะ” หญิงสาวยิ้มให้จางๆก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ


“เรื่องพล...หรือเปล่าครับ...”


“........ ค่ะ” เพราะเป็นครั้งแรกที่มีใครสนใจจะถามไถ่ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง น้ำตาถึงได้ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่


“คุณเพ็ญ” ชายหนุ่มอุทานชื่อคนรักของพลภัทรเบาๆ “มีอะไรกันครับ”


“คุณพลมีผู้หญิงอื่น... อยู่ที่อเมริกา..... มีลูกด้วยกัน แล้วฉันไม่เคยรู้เลย”


ภีมนิ่งไปพักใหญ่...เรื่องของเดน่ากับเดฟนั้นเขารู้เพราะพลภัทรเล่าให้ฟังบ่อยๆ...แน่นอนว่าบ่อยกว่าเรื่องของภรรยาและลูกที่อยู่ด้วยกันที่เมืองไทย


“เรื่อง..เดน่า..มันนานมาแล้วครับคุณเพ็ญ ตอนนี้พลอยู่กับคุณ” ภีมพูดเบาๆ


“แต่คุณพลยังส่งเงินเลี้ยงนังนั่นกับลูกอยู่! คุณภีมไม่รู้หรือไงคะ!” เป็นเพ็ญแขที่เสียงดังขึ้น เพราะชีวิตคู่ที่ล้มเหลวและไม่มีความสุขทำให้ฝันที่วาดไว้ว่าแต่งเข้าบ้านหลังนี้จะดีกลับต้องพังทลาย นอกจากสามีจะไม่สนใจแล้ว ยังกลับต้องรับรู้เรื่องของผู้หญิงคนอื่น


“เรื่องนั้น....” ภีมได้แต่ลูบไหล่หญิงสาวเบาๆ “มันไม่มีอะไรมากหรอกครับ...เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง”


ภีมบอกเพ็ญแข...บอกตัวเอง


...พรุ่งนี้ต้องดีขึ้น...


บอก..โดยที่ไม่รู้เลยว่าวันพรุ่งนี้ของคนสามคนจะเกี่ยวพันเป็นเกลียวเชือกที่คลายออกไม่ได้


เชือก...ที่ชื่อปัณวิทย์













To Be Continued.....










หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 40 [16/11/12] จุดเริ่มต้นของบาดแผลในวันวาน
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 16-11-2012 20:59:21
ห้ะ โอ้ยยยยยยยย ดราม่าโคตรรรรร  o22
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 40 [16/11/12] จุดเริ่มต้นของบาดแผลในวันวาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเลข ที่ 16-11-2012 22:36:06
ดูเหมือนคุณพลจะเป็นคนที่ถูกกระทำมากที่สุดเลยนะเนี่ย 
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 40 [16/11/12] จุดเริ่มต้นของบาดแผลในวันวาน
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 16-11-2012 23:01:47
โหยยยยยยยยย ชีวิตภัทรพลบัดซบโคตรๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 40 [16/11/12] จุดเริ่มต้นของบาดแผลในวันวาน
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 16-11-2012 23:38:04
เริ่มเป็นมาม่าที่เข้มข้น

เริ่มเข้าใจคุณพลขึ้นมาบ้างแล้ว
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 40 [16/11/12] จุดเริ่มต้นของบาดแผลในวันวาน
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 16-11-2012 23:42:19
ป๊าดดดดดด
พล เคยโดนพ่อบังคับแล้วรู้สึกยังไงบ้างล่ะ   ลูกๆของพลก็รู้สึกไม่ต่างกับนายนักหรอก
เอาอดีตมาเป็นบทเรียนสิ   อย่าให้อดีตมาทำร้ายแบบนี้เลย   เฮ้อ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 40 [16/11/12] จุดเริ่มต้นของบาดแผลในวันวาน
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 16-11-2012 23:51:12
โอ๊ะ  เคยสงสัยในสาเหตุเหมือนกันแอบเดามั่วว่าใช่ไหมนะ แบบจิ้นคู่นี้ไว้นะแต่คิดแค่ว่าพลภัทรรักกับภีมแล้วโดนภีมหักหลังว่าไหมนะ ไปเป็นชู้กับเพ็ญแข แต่สรุปมันดราม่ากว่านั้นเยอะ :z3:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 40 [16/11/12] จุดเริ่มต้นของบาดแผลในวันวาน
เริ่มหัวข้อโดย: RUMINA ที่ 17-11-2012 08:22:14
=[]=//ช็อกค้าง
อะไรมันจะซับซ้อนขนาดเน้!!!!
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 40 [16/11/12] จุดเริ่มต้นของบาดแผลในวันวาน
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 18-11-2012 00:02:11
ฮ๊ากกกกกก เข้มข้นเกินไปแล้ว
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 40 [16/11/12] จุดเริ่มต้นของบาดแผลในวันวาน
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 18-11-2012 02:08:20
อย่าบอกน๊าาาาาาาาาาาาาาาา
ว่านองปันปัน เป็นลูกของภีมกับเพ็ญแขอ่า
ไม่งั้นพลคงไม่ตั้งแง่เกลียดเกย์ แล้วก็คงไม่ทำแบบนั้นกับน้องชายแน่ๆ
ก็ออกจะเป็นคนที่รักน้องชายมากๆอะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 40 [16/11/12] จุดเริ่มต้นของบาดแผลในวันวาน
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 19-11-2012 16:49:52
เห็นด้วยเลยค่ะ การมองว่าคนๆหนึ่งเลวร้ายและทำทุกอย่างนั้นมันต้องมีสาเหตุ พลภัทรเป็นพี่ชาย ด้วยความรักมากเกินไปเลยกลายเป็นความหวังดีที่ไม่มีใครเข้าใจ การที่เขากักตัวพีท อาจจะเพราะว่าเขาไม่อยากให้พีทต้องไปรักกับผู้ชายชัดเจน และทำให้คนอื่นดูถูก มันเป็นความหวังดีของพี่ชายที่ค่อนข้างมองว่าสิ่งที่ตัวเองคิดนั้นถูกต้อง ซึ่งความจริงมันก็ไม่ผิดนักหรอก

สังเกตได้ จากการที่พอตัวเองเห็นว่าญานัชกับพีทไป ตัวเองนั่นแหละเสียใจ เพราะว่าเขาคิดว่าเขาสร้างกรงที่ดีที่สุดให้แล้ว ทำไมถึงอยากจะแหกออกไปล่ะ ในทางกลับกัน ปัณวิทย์ต่างหากที่ไลท์แทบจะถวายหัวชาบูเลย การที่ยอมทุกอย่างเพื่อพ่อนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเป็นเรื่องของคนรัก แต่ปัณวิทย์เลือกครอบครัว เลือกในสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่น ความรักตัวนี้นี่แหละที่ไลท์เชื่อว่ามันจะทำให้พลภัทรรู้ว่าในเวลาที่ไม่มีใคร 'ความรัก' ที่แม้ไม่ได้ผูกพันตามสายเลือด...กลับยืนหยัดที่จะยืนเคียงข้างเขา ในยามที่กรงที่เขาพยายามกักคนที่เขาคิดว่าผูกพันเอาไว้ไม่ได้ผล...เด็กที่ไม่ได้ผูกพันด้วยสายเลือดกลับเลือกที่จะทำเพื่อเขา

การ Reflect ให้เห็นสิ่งที่ตัวเองเคยเป็นจะมีผลทางจิตวิทยาให้คนๆหนึ่งเปลี่ยนทางเลือกที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะรู้ว่าปลายทางคืออะไร เขาย่อมปรารถนาให้คนที่สะท้แนภาพของเขามีปลายทางที่แตกต่างกันออกไปค่ะ

มามองที่พี่เดฟ การที่เขาไม่ผูกพัน ทำให้เขาพูดเรื่องน่าเจ็บปวดออกมาได้ ในความเป็นจริง ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่ถ้าพูดตรงๆแล้วจะแก้ไขในสิ่งที่เกิดขึ้นได้น่ะ แต่ก็ว่าไม่ได้หรอกนะ เพราะว่าเขาไม่รู้เกี่ยวกับพลภัทรและไม่ไขว่คว้าที่จะรู้ ไม่เหมือนปัณวิทย์ที่รักจากก้นบึ้งของหัวใจ

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นยาวๆที่แทนใจคนเขียนได้แทบทั้งหมดค่ะ /กอดทีนึง

(ขอโทษด้วยนะคะที่มาตอบช้ามากเลย)

หมีกับดอกไม้เคยลงความเห็นกันว่าเรื่องนี้คุณพลภัทรน่าสงสารที่สุด เขาทำในสิ่งที่คิดว่าดีว่าถูกต้อง เพื่อคนอื่น แต่ผลของการกระทำกลับกลายเป็นตรงกันข้าม ทำให้จิตใจบิดเบี้ยวไป ไหนจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ต่อให้เป็นคนดีแค่ไหนสุดท้ายก็ยังมีวันเปลี่ยนแปลงไป

ถ้าเทียบพลภัทรเป็นเทวดาที่ถูกสาดสีดำจนกลายเป็นซาตาน ปัณวิทย์ก็คงจะเป็นเทวดาที่ถูกทึ้งปีกครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ยังเลือกที่จะอยู่กับซาตานเพราะความผูกพันและสงสาร

พลภัทรกับปัณวิทย์มีชะตากรรมคล้ายกันมาก แต่เลือกจะเป็นต่างกัน พลภัทรเลือกจะจมอยู่กับอดีตที่เจ็บปวด แต่น้องปันพร้อมจะก้าวผ่านมันมา ซึ่งส่วนหนึ่งเรายกความดีให้พี่เดฟที่คอยอยู่เคียงข้างน้อง(แม้ว่ามันน่ะแหละจะทำร้ายน้องในตอนแรก ฮ่าๆ)

ตอนนี้หมีกับดอกไม้เขียนตอนจบของเรื่องนี้เสร็จแล้ว แฮปปี้เอนดิ้งไปในแนวทางของแต่ละคนค่ะ แต่ขอเวลาดราม่าไปอีกพักใหญ่ๆแล้วค่อยหวานตบท้ายนะคะ

รักคนอ่านทุกคนค่ะ

kagehana


ป.ล. จะบอกว่าตอนเขียนกันเรากรี๊ดความสัมพันธ์ของปันกับพ่อ จนจิ้นไปจิ้นมาได้นิยายแตกไปอีกเรื่อง เป็นเรื่องพระเอกต้อยเด็กค่ะ ฮ่าๆๆ เรื่องไม่ได้เกี่ยวกับน้องปันแต่ประการใด เพียงแค่ยืมความรู้สึกของคนที่เลี้ยงดูกับคนถูกดุแลมาเขียนกันเป็นเรื่องใหม่ ออกแนวแฟนตาซีด้วย แต่เป็นแนวญี่ปุ่นโบราณนะคะ  <<<ช่วงโฆษณา เผื่อมีใครอยากอ่านจะได้เอามาลงเล้า ฮิฮิ



 

หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 40 [16/11/12] จุดเริ่มต้นของบาดแผลในวันวาน
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 19-11-2012 16:57:59
ที่แท้ดราม่ามาตั้งแต่รุ่นพ่อแล้วหรอเนี่ย  o22
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 40 [16/11/12] จุดเริ่มต้นของบาดแผลในวันวาน
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 19-11-2012 17:20:44
อ๊ากกกก เอามาอีกมาม่าน่ะ กะลังหิว ห้าๆ
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 41 [23/11/12] ปลายทางของจุดจบ
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 23-11-2012 01:11:38
kagehana : แอบเอามาลงยาวๆ เนื่องจากคิดงานไม่ออก หาอะไรทำแก้เซ็ง งืองาว

ตอนนี้จะมีเฉลยว่าใครเป็นพ่อน้องปัน(ยังต้องเฉลยอีกเหรอ ฮ่าๆๆ) ส่วนตัวแล้วโมเอะน้องปันตอนห้าขวบมากจนรีเควสดอกไม้อยากเขียนตอนพิเศษลูกหมูปันกลมๆวันห้าขวบเลยค่ะ

หลังจากนี้ไป อาจจะไม่ได้ลงต่อเนื่องสักพักนะคะ แต่จะบอกข่าวดีว่าตอนนี้เรื่องนี้เขียนจบแล้วเป็นที่เรียบร้อย(รอการอีดิธผ่านสายตาดอกไม้ก่อนออกสู่สายตาคนอ่าน) และกำลังเขียนตอนพิเศษอิเดฟน้องปัน ซายน์อัส ที่จะลงในรวมเล่มเพื่อเป็นที่ระทึก(?)กันต่อไป

ตอนนี้ก็....ดราม่ากันไปยาวๆก่อน แต่รับรองว่าฉากหวานเราคืนกำไรคนอ่านคุ้มแน่นอนค่ะ

ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ





-41-





“พ่อคับ— พ่อ—” เด็กชายตัวน้อยวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นพ่อที่เพิ่งกลับจากการเดินทางไปต่างจังหวัด แม้จะยังสูงไม่พ้นเอวแต่ก็ยังโถมตัวเข้ากอดต้อนรับเสียเต็มแรง


“ปันปัน เป็นเด็กดีหรือเปล่า” พลภัทรอุ้มเจ้าตัวน้อยช่างอ้อนขึ้นมากอดแล้วหอมแก้มนิ่มเบาๆ


“เป็นคับ” เด็กน้อยยิ้มกว้างจนตาหยีก่อนจะกอดรอบคอของพลภัทรเอาไว้ “ปันปันคิดถึงพ่อของปันปันที่สุดเลยคับ”


“พ่อก็คิดถึงที่สุดเลย แม่ไปไหนครับปันปัน” พลภัทรหอมแก้มตุ้ยนุ้ยของเด็กชายตัวเล็ก


หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น...วันที่เพื่อนที่รักที่สุดอย่างภีมทำร้ายเขา พลภัทรเปลี่ยนจากชายหนุ่มที่เอาใจใส่คนอื่นเป็นผู้ชายอารมณ์ร้าย หลายต่อหลายครั้งเขาระเบิดอารมณ์ใส่ทุกคน...แล้วมานั่งเสียใจกับตัวเอง วันเวลาที่เย็นชา ขมขื่น และไร้ความรู้สึกดำเนินต่อไป จนกระทั่งเด็กชายปัณวิทย์เกิดออกมา


ทีแรก...เขานึกว่าตัวเองจะเย็นชายิ่งกว่าตอนลูกชายคนแรก แต่เพราะรอยยิ้มและความอบอุ่นในอ้อมแขนที่เขาได้โอบอุ้ม มือเล็กๆที่เอื้อมแตะปลายคางทำให้ความอบอุ่นอ่อนโยนละลายความหนาวเหน็บในดวงใจ


นับวัน ความร่าเริงและขี้อ้อนของลูกชายคนเล็กยิ่งเปลี่ยนแปลงตัวเขาให้เป็นพ่อที่ดี...และสามีที่ไม่เย็นชา


ชีวิตครอบครัวที่มีความสุข...แม้จะยังคิดถึงคนอยู่ไกล


“แม่ออกไปซื้อของคับ ปันปันอยากรอพ่อ” รอยยิ้มกว้างไม่เก็บงำของเด็กน้อยในอ้อมกอดมอบให้ผู้เป็นพ่ออย่างเต็มที่


“ลูกพ่อ” พลภัทรจูบขมับทั้งสองข้างที่ชื้นเหงื่อ “เล่นอะไรมา เหงื่อแตกเต็มเลย”


“เล่นบอลคับ” แม้จะบอกว่าเล่นบอล แต่การเล่นบอลของปัณวิทย์คือการวิ่งตามลูกบอลที่เด้งไปตามทางเดินของบ้าน


“เล่นกับใครครับ”


“เล่นคนเดียวคับ พ่อจะเล่นกับปันปันมั้ยคับ”


“เดี๋ยวพ่อไปเก็บของก่อนแล้วมาเล่นด้วยนะครับ ปันปันหิวมั้ย ทานนมหรือยัง”


เจ้าตัวเล็กเกาะแขนเสื้อของพลภัทรไว้แน่น “ปันปันไปเก็บด้วย ถ้าพ่อหิวปันปันก็หิวคับ”


“งั้นเราไปกินขนมกันนะ ปันปันกินนมเยอะๆจะได้โตไวๆ” มือใหญ่ขยี้หัวเจ้าตัวเล็กด้วยความเอ็นดูสุดหัวใจ


ใครเห็นใครมองคงจะพูดได้เป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายคนนี้ติดพลภัทรเสียยิ่งกว่าเพ็ญแขผู้เป็นแม่ ไม่ว่าจะขยับไปทางไหน หากได้ไปกับพลภัทรแล้ว ปัณวิทย์ที่ขี้อ้อนเอาแต่ใจจะกลับกลายเป็นเด็กว่าง่ายขึ้นมาทันที


พลภัทรทุ่มเทความรักที่ไม่สามารถมอบให้ชยางกูรให้แก่ลูกชายตัวน้อยเต็มที่ และปัณวิทย์เองก็เป็นเด็กช่างอ้อน รวมกับพักหลังๆ อาการป่วยของพ่อเขาทำให้ไม่สามารถมาจำกัดชีวิตพลภัทรได้เต็มที่ ทำให้จิตใจที่เคยถูกทำร้าย..ค่อยๆหล่อหลอมเยียวยารักษาตัวเอง


“ปันปัน...พ่อมีอะไรให้ดูครับ”


“อะไรครับพ่อ” ปัณวิทย์ที่โตขึ้นแล้วแต่ยังคงติดพลภัทรผู้เป็นพ่อไม่ต่างจากตอนยังวิ่งไม่ค่อยจะคล่องรีบเดินเข้าไปหาแล้วนั่งลงข้างๆตามเคยชิน


“พ่อจะให้ดูอะไร...แต่สัญญานะครับว่าจะไม่บอกแม่” พลภัทรอุ้มเจ้าตัวเล็กที่เริ่มโตขึ้นมานั่งตักแล้วเปิดเก๊ะ


รูปเก่าๆของเด็กชายผมทองถูกหยิบขึ้นมาใส่มือน้อย พลภัทรหอมศีรษะกลมมนเบาๆแล้วจับมือกลมป้อมจิ้มลงไปในรูป


“ใคร เหรอครับ” เจ้าตัวแหงนหน้ามอง


“เขาชื่อพี่เดฟ...ปันปันจำไว้นะลูก พี่เดฟ”


“พี่เด๊บ เป็นใครเหรอครับ”


พลภัทรหัวเราะเบาๆ “พี่เดฟ...พี่ชายของปัน สักวันปันอาจจะได้พบเขา ปันปันต้องสนิทกับพี่ให้มากๆนะลูก อย่าให้พี่เขาเหงา”


สักวัน...ที่เขาอาจจะพาเดน่ากลับมาอยู่ด้วยกัน


สักวัน...ที่เพ็ญแขจะเข้าใจและยอมรับ


“ปันปันมีพี่ชายด้วยเหรอครับ แล้วปันปันจะได้เจอเมื่อไหร่ครับ” เขาหันไปจ้องมองใบหน้าของพลภัทรอีกครั้ง


“อีกไม่นานหรอกครับ ปันปันต้องดีกับพี่เขานะ”


เด็กตัวน้อยรีบพยักหน้า “ครับ ปันปันจะรักพี่เด๊บนะครับ”


พลภัทรก้มลงหอมเด็กตัวเล็กด้วยความรัก เป็นความรักที่เขาเฝ้าทะนุถนอมดูแลมาตั้งแต่ยังเล็ก


ความรัก...ที่มอบให้อย่างไม่ต้องการการตอบแทน


เขาไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเขารักปัณวิทย์มากหรือเปล่า ตอนที่เกลียด...ถึงได้มากขนาดนี้


มาก...จนทำร้าย

มาก...จนเจ็บหัวใจ


“ทำไมผมให้เลือดไม่ได้! ปันเป็นลูกของผมนะหมอ” คำถามที่เขาตะโกนใส่หน้าหมอเป็นเหมือนประตูที่ทำให้ก้าวไปสู่ความแค้น รักที่เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยคนสองคน


“... แต่กรุ๊ปเลือดของน้องเป็นกรุ๊ปบีนะครับ ถ้ายังไงลองติดต่อภรรยาของคุณดู...” อาจจะเพราะชินแล้วกับการที่มีญาติผู้ป่วยใช้อารมณ์ เขาถึงตอบกลับได้อย่างสงบนิ่ง


ปัณวิทย์ในวัยเจ็ดขวบ ถูกรถที่แหกโค้งมาชนเข้าอย่างจังตรงสนามเด็กเล่นในวันที่พ่อลูกสองคนแอบหนีที่บ้านไปเดินเล่นกัน พลภัทรหัวใจแทบสลายเมื่อเด็กร่างเล็กอ่อนปวกเปียกเต็มไปด้วยเลือด แต่ด้วยสติ...เขาพามาที่โรงพยาบาล


แต่ชายหนุ่มไม่ได้รู้เลย...ว่าเขาจะเจอเรื่องที่ช็อคกว่าในยามที่เขาตามเพ็ญแขมาที่โรงพยาบาล


“เพ็ญ เพ็ญให้เลือดลูกได้มั้ย” พลภัทรแทบจะกระโจนเข้าใส่เมื่อเธอมาถึง


“ได้ค่ะคุณพล”


“ถ้าอย่างนั้นตามมาทางนี้เลยครับ” เขารีบพาเพ็ญแขไปยังห้องถ่ายเลือดเพื่อดำเนินการให้เร็วที่สุด “คุณเลือดกรุ๊ปบีใช่มั้ยครับ”


หญิงสาวชะงักขาที่รีบก้าวเดินก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง “กรุ๊ปอะไร นะคะ”


“บีครับ”


“ดิฉันกรุ๊ปเอค่ะคุณหมอ...” หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นทั้งๆที่รู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่าง


“หมอเกรงว่า จะให้ไม่ได้ครับคุณแม่ หมอจะลองประสานไปโรงพยาบาลใกล้ๆ เผื่อเขามีเลือดในคลัง....” หมอหนุ่มเอ่ยเบาๆ เด็กที่มีพ่อเป็นกรุ๊ปเอ และแม่เป็นกรุ๊ปเอ...ไม่มีทางที่จะออกมาเป็นกรุ๊ปบีได้


“หรือคุณพ่อคุณแม่มีคนรู้จักที่เป็นเลือดกรุ๊ปบีมั้ยครับ”


เพ็ญแขไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองสามีที่ไม่รู้ว่ากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนจะกดหาเบอร์ที่คุ้นเคย


“คุณภีมคะ ช่วยมาที่โรงพยาบาลคามิลเลียน... ด่วนเลย ได้มั้ยคะ” กระทั่งน้ำเสียงที่เปล่งออกมาก็ยังสั่นเครือเพราะความหวาดกลัวต่อความจริงที่กำลังจะต้องเผชิญ


-มีอะไรครับคุณเพ็ญ พลเป็นอะไร?-


“ลูกปันถูกรถชน ต้องการเลือดกรุ๊ปบี... คุณภีม... กรุ๊ปบี ใช่มั้ย... คะ”


-ครับ...ผมจะไปเดี๋ยวนี้-


“คุณโทรหาไอ้ภีมทำไม” เสียงเข้มที่เงียบอยู่นานดังขึ้น พลภัทรกระชากแขนเรียวให้หันกลับมาหา ใบหน้าของเพ็ญแขดูซีดเซียวจนน่าตกใจ


ภีม...ที่กี่ปีมาแล้วเขาไม่เคยเจอหน้า แต่กลับเป็นคนที่ภรรยาเขาโทรหายามที่ลูกชายคนเล็กต้องการเลือด


“ฉันถามว่าโทรหามันทำไม!”


“.... คุณพล... เจ็บ...” หญิงสาวพยายามดึงแขนให้เป็นอิสระทว่ามันไม่ง่ายเลย น้ำตาเอ่อล้นออกมาอาบแก้มก่อนที่เธอจะทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างหมดแรง


“ไอ้ภีม...มันกรุ๊ปเลือดอะไร” เสียงที่ถามออกไปแหบแห้งเหมือนคนที่อยู่ในทะเลทราย


“... ฮึก... กรุ๊ป... บี........ ค่ะ”


“บัดซบ!” พลภัทรปล่อยมือออกจากเพ็ญแขแล้วทรุดลงนั่งบนพื้น มือใหญ่ยกขึ้นปิดหน้า...กดลงกับเข่าด้วยความเจ็บปวดที่ยากจะบรรยาย


“....ฉันจะตรวจดีเอ็นเอ มันต้องมีอะไรผิดพลาด...”


ปัณวิทย์ต้องไม่ใช่ลูกไอ้เลวที่มันข่มขืนเขา....


แต่คล้ายกับโชคชะตาจะไม่เข้าข้างพลภัทรเลยสักนิดเดียว


“คุณเพ็ญ...” ชายหนุ่มที่วิ่งกระหืดกระหอบมานั้นเป็นเพื่อน...อดีตเพื่อนที่ไม่เคยเห็นหน้ามาเทียบเท่าอายุปัณวิทย์ พลภัทรมองใบหน้าของภีมที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง แม้จะยังคงเค้าหน้าเดิมไว้มาก


“มึง..ไอ้ภีม...”


“พล.....” กระทั่งเสียงยังไม่แปรเปลี่ยน


“กูไม่เอาเลือดมึง”


“แต่ปันกำลังจะตายนะคะ” เพ็ญแขท้วงด้วยน้ำเสียงกลั้นสะอื้นแผ่วเบา


“อย่างน้อย..เขาก็กรุ๊ปเลือดเดียวกับปัน คุณพล...เพ็ญขอร้องนะคะ” แม้ปัณวิทย์จะไม่ใช่ลูกรักอย่างคณัสนันท์ แต่เยื่อใยและความรักยังคงเปี่ยมล้น


เพราะความตายที่เพิ่งผ่านไปไม่นานของแพรพรรณและสามียังคงจดจำอยู่ในหัวใจ เพราะคำว่าปัณวิทย์กำลังจะตาย พลภัทรที่ไม่อยากสูญเสียคนที่รักไปอีกแล้วจำต้องกัดฟันยอมให้คนที่ไม่อยากพบหน้าและเกลียดชังถ่ายเลือดให้กับลูกชายตัวเล็ก


ชั่วเวลาที่เงียบงันอันแสนอึดอัดยาวนานราวกับไร้ที่สิ้นสุด จนกระทั่งภีมเดินออกมาพร้อมกับผ้าก็อตกดห้ามเลือดด้วยใบหน้าซีดเผือดที่เกิดมาจากความตกใจ


“หมอบอกว่าพลกับคุณ...เลือดกรุ๊ปเอใช่มั้ย” ภีมถามผู้หญิงของพลภัทร


“ค่ะ..แต่ปัน...เป็นบี...” หญิงสาวกำมือแน่นคล้ายจะดึงเอาความกล้ามาจากส่วนลึกของหัวใจ


ความผิดที่เกิดมาจากการพลั้งเผลอของคนสองคนที่เข้าใจในความเจ็บปวดของกันและกัน หญิงสาวที่ไม่ได้รับความรักจากสามี...กับเพื่อนสนิทที่ถูกเลิกคบ


เพียงแค่ครั้งเดียว...ที่ผสมอาการเมามายและฟูมฟายจนต้องปลอบประโลมกันและกัน


“มึงจะทำลายชีวิตกูไปถึงไหนไอ้ภีม!!” ไม่ต้องฉลาดมากก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้ พลภัทรเข้ามากระชากคอเสื้อของคนที่เคยเป็นเพื่อนรักเสียเต็มแรง


“พล มึงใจเย็นๆ” ภีมจับที่มือทั้งสองข้างที่ยึดลำคอตนไว้


“กูไม่เข้าใจ...กู..ไม่...” อาการอึกอักเกิดขึ้นเมื่อไม่สามารถปฏิเสธได้เต็มปาก


ความสัมพันธ์ที่เกิดจากความเศร้าและอาการเมา ทำให้เขากับเพ็ญแขที่มาปรึกษาเรื่องเดน่ามีอะไรกัน... หลังจากวันนั้น ทั้งคู่เลือกที่จะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นและใช้ชีวิตของตัวเองไป ภีมรับรู้เรื่องของพลภัทรผ่านทางเพ็ญแขที่โทรศัพท์มา และดีใจที่เพื่อนของเขามีความสุขมากขึ้นเมื่อมีปัณวิทย์


“พล...กูว่าอาจจะมีอะไรเข้าใจผิด”


“จะเข้าใจผิดได้ยังไง มึงเลือดกรุ๊ปเดียวกับปัน กูกับเพ็ญกรุ๊ปเอ จะเข้าใจอะไรผิด!!”


“ฟังกูก่อนไอ้พล! มึงให้หมอตรวจสิ อย่าเพิ่งเป็นแบบนี้....”


“คุณพล..” เพ็ญแขปาดน้ำตาแล้วเดินเข้ามาจับที่แขน “....ฉัน....จะให้หมอตรวจดีเอ็นเอ มันต้องผิดแน่ๆนะคะ ปันต้องเป็นลูกคุณ”


“ให้มันเป็นยังงั้นเถอะ!!!”


//////////////////////////////





แต่คล้ายกับโชคชะตาไม่เข้าข้างพลภัทรซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลูกชายแสนรักของเขาที่ดูแลมาตั้งแต่เกิดอย่างทนุถนอมยิ่งกว่าใครกลับกลายเป็นลูกของภีม


หลังจากวันที่รับรู้ผลการตรวจ พลภัทรกลับกลายไปเป็นคนที่ยิ่งกว่าพลภัทรคนเก่า เขาเย็นชากับเพ็ญแข เกลียดภีม...กระทั่งลูกรักอย่างปัณวิทย์ก็ไม่อาจจะมองหน้าได้


ยิ่งเห็นหน้าปัณวิทย์ ยิ่งนึกถึงใบหน้าของภีม...คนที่เคยทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ...ซ้ำแล้วซ้ำเล่า


“จะลูกมึงก็ช่าง...แต่กูจะเลี้ยงเด็กคนนี้” พลภัทรประกาศกร้าวในวันที่เปิดผลตรวจดู


“กูขอโทษ.......” ภีมไม่คิดจะแย่งปัณวิทย์มา เพราะรู้ดีว่าลูกของตนเองเป็นลูกที่พลภัทรเอ็นดูมาก เพียงแต่ความรู้สึกผิดที่เขาทำเรื่องทำร้ายพลภัทรซ้ำอีกครั้ง ไม่อาจทำให้เขาพูดคำอื่นได้เลย


แค่ครั้งเดียว...ครั้งเดียวจริงๆ


“มึงไม่ต้องมาขอโทษ แต่มึงห้ามมาให้กูเห็นหน้า...ห้ามให้ปันเห็นหน้ามึงหรือว่ารู้ว่ามึงเป็นพ่อเด็ดขาด!”


พลภัทรกล่าวคำสั่งนั้นด้วยน้ำเสียงดุดันและก้าวออกมาจากภีมทันที....


ในวันนั้น เขาไม่นึกว่าตัวเองจะรังเกียจปัณวิทย์ได้ เพราะเด็กน้อยที่ฟูมฟักมาตั้งแต่เป็นทารกเป็นยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจ


แต่เขาคิดผิด ยิ่งนานวัน...เขายิ่งไม่สามารถมองหน้าปัณวิทย์ได้ ใบหน้าที่คล้ายคลึงภีมผู้เป็นพ่อทำให้เขานึกถึงวันที่เป็นยิ่งกว่าฝันร้าย สัมผัสจากมือเล็กๆทำให้นึกถึงมือหยาบคู่นั้นที่ฟอนเฟ้นร่างกาย ลากผ่านบังคับให้เขาทำท่าทางน่าอับอาย น้ำเสียงใสที่ต่างจากภีม...แต่ก็อดให้หวนกระหวัดไปถึงยามที่พ่อของปัณวิทย์ครางยามปลดปล่อยใส่ร่างไม่ได้


...ปัณวิทย์ที่เหมือนภีม...


...ลูก...ที่เหมือนพ่อ....


ความแค้นที่ไม่อาจชำระส่งผ่านไปยังปัณวิทย์ที่เขาเอ็นดูโดยไม่รู้ตัว...


และกว่าจะรู้ตัว...เขาก็เกลียดลูกรักของตัวเองเข้าไปแล้ว


“พ่อ— ฮึก ปันไม่อยากนอนคนเดียว พ่อครับ ฮึก พ่อโกรธปัน... เหรอครับ อึก...” เด็กชายปัณวิทย์ที่เพิ่งถอดเฝือกหายดีไป ยืนร้องไห้อยู่หน้าประตูห้องนอนเล็กของพลภัทร ในทีแรกนั้นพลภัทรคอยดูแลอย่างเป็นห่วง แต่พอเขาค่อยๆดีขึ้น ก็รู้สึกได้ว่าพลภัทรดูจะอยู่ห่างออกไป จนกระทั่งไม่มองหน้า ไม่พูดจาด้วยอีก ด้วยความที่เป็นเด็ก ปัณวิทย์จึงคิดว่าทำอะไรให้พ่อโกรธเข้า เลยตั้งใจจะขอโทษดีๆ


“ปันขอโทษ... ปันขอโทษครับพ่อ... ฮึก พ่อครับ”


คนที่ถูกเรียกว่าพ่อนั่งคู้เข่าอุดหูตัวเองอยู่เบื้องหลังบานประตู เขาเลือกที่จะไม่เผชิญหน้า ไม่พูดคุย ไม่สบตา หลายต่อหลายวันที่เด็กชายตัวน้อยเฝ้ามาเคาะประตูห้องร้องไห้ เขาก็ขังตัวเองอยู่ข้างใน พยายามไม่สนใจ ทำเป็นไม่ได้ยิน จนกระทั่งกลับไปเอง


พลภัทรรู้ว่าเขาเป็นคนขี้ขลาดที่หนีปัญหา...แข็งแกร่งไม่มากพอที่จะรักปัณวิทย์เหมือนในวันวาน


ทั้งๆที่รู้ว่าเด็กไม่มีความผิด แต่เขาก็ป้ายสี...สร้างบาดแผลให้ เพราะไม่อาจจะลงได้ที่ใคร


ทั้งภีม...และเพ็ญแข


ปัณวิทย์ที่ขาดความรักจากพ่อ มีเพียงพิชญ์ที่รับเอาญาณัชมาดูแลคอยชวนมาทานข้าว พูดคุยกันบ้าง ไม่ให้รู้สึกเหงา แต่เพราะไม่ใช่พลภัทร เด็กชายตัวน้อยถึงได้รู้สึกว้าเหว่และมีปมในจิตใจ


แต่แล้ว หลังจากเวลาล่วงผ่านเลยไปราวหกปี มนูญที่อาการไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ ได้จากโลกนี้ไปด้วยวัยเพียง75ปี


พลภัทรที่เฝ้าขอร้องจะรับเดน่ามาอยู่หลังความจริงเรื่องเพ็ญแขและภีมเปิดเผย จึงราวกับนกที่ติดปีกโผบิน หลังงานศพวันสุดท้าย เขาบินไปที่อเมริกาเพื่อจะไปรับหญิงคนรักและลูกชายมาอยู่ด้วยกัน โดยไม่ต้องสนใจใครอีกต่อไป


“คุณคือแด๊ดใช่มั้ย” เด็กหนุ่มผมทองที่มาเปิดประตูรับเอ่ยถามเสียงเบาทันทีที่เห็นหน้า


พลภัทรแทบจะอยากเข้าไปสวมกอด เด็กชายในภาพถ่ายที่เคยดูมาตลอดตั้งแต่แบเบาะกำลังยืนอยู่ตรงหน้า แต่เพราะความรู้สึกที่คล้ายกับมีกำแพงกางกั้น เขาจึงทำเพียงยืนนิ่ง


“ใช่... พ่อมาหาแม่... เดน่าอยู่หรือเปล่า”


“คุณไม่สงสัยเลยหรือไง...ว่าทำไมถึงไม่มีจดหมายไปหาคุณตั้งเป็นปี” เด็กหนุ่มผมทองแค่นยิ้มที่ดูคล้ายจะสมเพช เขาเปิดประตูทิ้งไว้แล้วเดินนำอีกฝ่ายเข้ามาในบ้านที่เย็นเยียบและเงียบงัน


“...” ไม่ใช่ว่าไม่ทันได้คิด แต่พลภัทรก็ต้องยอมรับว่าตัวเขาเองจมจ่อมอยู่กับเรื่องของปัณวิทย์เสียจนลืมแทบสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง


“ตามผมมาสิ ผมจะพาคุณไปหามัม” ชยางกูรหยิบกุญแจรถแล้วเดินนำออกไป รอให้อีกฝ่ายขึ้นมานั่งเขาก็ขับออกไปเงียบๆที่ด้านหลังหมู่บ้าน


ต่อหน้าแท่นหินที่สลักชื่อของเดน่า เด็กหนุ่มหยุดยืนนิ่งก่อนจะเอ่ยเบาๆ


“มัมหลับอยู่ที่นี่ได้ปีกว่าแล้ว....มัมรอคุณตั้งแต่ผมยังไม่เกิด จนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิต” นัยน์ตาสีฟ้ามีน้ำตาคลออยู่ในยามที่เขาพูด


พลภัทรทรุดลงกับพื้นหน้าหลุมศพของเดน่าทันทีพร้อมๆกับน้ำตาที่ค่อยๆไหลออกมา


“ไหนคุณบอกว่าจะรอผม... เดน่า... อึก... ผมขอโทษ...” คนที่ฝากหัวใจไว้ คนที่รัก... แต่เพราะตัวเองอ่อนแอเกินไปจึงไม่สามารถอยู่เคียงข้างกันได้ พอโอกาสมาถึง ก็กลายเป็นสายเกินไปเสียแล้ว


ชยางกูรเม้มริมฝีปาก จ้องมองพ่อที่เห็นแค่เพียงรูปถ่าย พ่อในวันนี้ดูแก่ลงไปจากรูปพอสมควรแต่ก็ยังเป็นชายหนุ่มที่ดูดี เขาไม่โทษแม่ที่เลือกจะรอและอยู่กับความหวังที่คนๆนี้เคยให้ไว้ แม่เลี้ยงดูเขาเพียงลำพังแต่ก็ยังได้รับค่าใช้จ่ายพอที่จะอยู่ได้สบายๆจากคนๆนี้


เพียงแต่...เขาไม่มีทั้งความผูกพัน...และความรัก


“รอสิ...จนถึงวันที่มัมตาย...มัมยังบอกให้ผมรอต่อไป รอจนกว่าคุณจะมารับ...จะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”


พลภัทรยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้า “... พ่อก็ตั้งใจอย่างนั้น... จะมาพาทั้งแม่ทั้งเดฟกลับไป...”


“ผมไม่ไป” อีกฝ่ายพูดออกมาโดยไม่ต้องคิด “ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องอยู่กับคุณ ผมอยู่ได้ที่นี่ ส่วนมัม...ถ้าแค่รูปถ่าย จะเอาก็เอาไป”


“เดฟ... พ่ออยากให้เราคิดดีๆก่อน ยังไม่ต้องรีบตอบก็ได้” พลภัทรเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นไหว หากชยางกูรไม่ยอม... จะทำอย่างไร


“ผมคิดมานานพอแล้ว คุณรู้มั้ย..ตอนเด็กๆผมนั่งรอคุณเท่าไหร่คุณก็ไม่มา พอตอนนี้ที่ผมอยู่คนเดียวได้ จะมีประโยชน์อะไรที่จะอยู่กับคุณ กลับไปเถอะ....คุณพลภัทร”


ถ้อยคำปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยของลูกชายที่รักมาตลอดทำเอาพลภัทรแทบล้มทรุดลงไปอีกครา ศักดิ์ศรีที่ค้ำคอทำให้เขาเอ่ยตอบได้เพียงว่า เขาจะติดต่อมาอีกครั้ง


พลภัทรกลับมาถึงบ้านตัวเองเมื่อไหร่ก็แทบไม่รู้สึกตัว ผู้หญิงคนเดียวที่เขารักและอยากจะดูแล อยู่เคียงข้างกันไปจนแก่เฒ่าได้จากเขาไปแล้ว ลูกชายคนแรกของเขาที่รักและอยากอุ้มชูกลับไม่ต้องการจะอยู่ด้วยอย่างที่หวังไว้


...ไม่มีอะไรเป็นอย่างใจต้องการ


“... พ่อ... กลับมาแล้วเหรอครับ” ปัณวิทย์ที่โตขึ้นจนเข้าเรียนมัธยมศึกษาแล้วเดินเข้ามาทักเมื่อเห็นเขาลงจากรถ


“เมื่อวานครูคืนผลสอบ... ปันได้ที่หนึ่งครับพ่อ...” เพราะคิดว่าอาจจะเป็นเพราะตัวเองเผลอทำอะไรผิดเข้า ปัณวิทย์ถึงตั้งใจเรียน ไม่เคยให้ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย คะแนนสอบของเขาจึงอยู่ในอันดับหนึ่งของระดับชั้นเสมอ


“ไม่ต้องเรียกฉันว่าพ่อ” พลภัทรปัดสมุดพกลงกับพื้น แววตากร้าวมองผลผลิตของภรรยาปัจจุบันกับชายชู้...ที่น่าขยะแขยง


“แกไม่ใช่ลูกฉัน ต่อไปนี้ห้ามเรียกฉันว่าพ่ออีก...”


ความเสียใจที่ถูกปฏิเสธจากลูกชายที่ไม่เคยอุ้มชูและการตายของหญิงที่รักทำให้เชือกที่ขึงตึงเริ่มขาดออก และทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่ความผิดของปัณวิทย์ แต่เขาก็ทำร้ายจิตใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า


เจ็บปวด...จนอยากให้คนอื่นได้รู้สึกบ้าง


“แต่ว่าปัน... ปันมีแค่พ่อ...นะครับ”


“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ใช่พ่อ!”


“...... แล้ว... แล้วปัน... ฮึก ต้องเรียก... ว่าอะไรครับ”


“เรื่องของแก!” พูดจบก็เดินออกมา ปล่อยให้เสียงร้องไห้ของเด็กชายที่เคยรักทิ้งไว้เบื้องหลัง


ไม่อยากจะรับรู้อะไรอีก....


โลกอันมืดมน....





/////////////////////////////////////////





“พวกแก... เราต้องทำไงวะ... ฮึก พ่อ... เกลียดเรา เกลียดมาก...” ปัณวิทย์ในวัยเด็กนั้นหันไปหาใครไม่ได้ จึงกลายเป็นการร้องไห้ระบายกับเพื่อนสนิททั้งคู่แทน


“ไปทำอะไรมาอ่ะ” อาธิปถกกางเกงขาสั้นแล้วนั่งยองๆมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเพื่อน มือขาวๆเอื้อมมาเช็ดให้โดยที่ศิวะนั่งโอบไหล่ปัณวิทย์


“ทำไรให้พ่อโกรธป่าว”


“ไม่ได้ทำ ก็ตั้งใจเรียน ฮึก ตลอดอะ” น้ำตายังคงไม่ยอมหยุดไหลออกมา ทั้งมือเพื่อนมือตัวเองช่วยกันป้ายออกแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย


“พ่อแค่หงุดหงิดมั้ง ผู้ใหญ่ก็เงี้ย งานเยอะ ชอบหงุดหงิด เดี๋ยวก็หาย” เป็นศิวะที่พูด เพราะที่บ้านตัวเองก็ไม่ต่าง เพียงแต่ไม่ได้ทะเลาะกันอย่างบ้านปัณวิทย์


“พ่อบอกว่าเราไม่ใช่ลูกพ่อ... ฮึก แต่พ่อก็เลี้ยงเรานะ เราก็รักพ่อนะ”


“อยากรู้ก็ถามดิปัน” อาธิปพูดอย่างมั่นใจตามประสาเด็กน้อยที่ได้รับความรักความเอ็นดูจากครอบครัว “ถ้าไม่ใช่ลูกพ่อจะลูกใครวะ พ่ออำเล่นป่าว บางทีอาจจะมีเซอร์ไพรส์นะ”


“แต่มัน หลายปีแล้วนะ พ่อไม่คุยกับเรา ไม่สนใจเรา แต่วันนี้เพิ่งพูดแรงๆใส่ ฮึก เราก็ตั้งใจเรียนแล้ว เป็นเด็กดีแล้ว” ปัณวิทย์ยังไม่ยอมหยุดร้องไห้ง่ายๆ เด็กที่เคยถูกประคบประหงมและได้รับความรักมากมายกลับกลายเป็นตรงข้าม


...ไม่มีความรัก


ศิวะโอบไหล่ของเพื่อนตัวเล็กเอาไว้โดยไม่พูดอะไร อาธิปที่นั่งอยู่ค่อยๆยืดตัวขึ้นมากอดรวบ บ่นงึมงำกับเส้นผมของปัณวิทย์


“ปันเป็นเด็กดี พ่อไม่โกรธปันนานหรอก เชื่อเรานะ”


แต่แม้ว่าเพื่อนจะให้กำลังใจเท่าไร ความจริงก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง พลภัทรยังเป็นคนเจ้าอารมณ์คนเดิมที่เพิ่มขึ้นในทุกวัน เพ็ญแขที่เป็นภรรยาก็ตีตัวออกห่าง ห้องนอนที่แยกกันอยู่มานานถูกย้ายขึ้นไปในชั้นบน พลภัทรสั่งให้ย้ายของปัณวิทย์ไปไว้ที่ชั้นแปดซึ่งเป็นชั้นเดียวกับญาณัช


“แกย้ายขึ้นไปนอนชั้นบนได้แล้ว โตแล้วต้องดูแลตัวเอง”


“... ครับ คุณพลภัทร” สรรพนามแทนคำว่าพ่อที่ไม่อาจเรียกได้อีกต่อไปทำให้เด็กชายปัณวิทย์ได้แต่กล้ำกลืนไว้โดยไม่เข้าใจ


“อย่ามองฉันด้วยสายตาอย่างนี้” เสียงทุ้มห้วนขึ้น นัยน์ตาที่เหมือนภีมมองตัดพ้อเขา ทำให้รู้สึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายในอดีต “ทางที่ดีก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้า เข้าใจมั้ย”


ปัณวิทย์ก้มหน้าลงก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเบา “เข้าใจครับ... คุณพลภัทร”


...ไม่โกรธนานเหรอ


พ่อไล่เราขึ้นไปชั้นอื่นแบบนี้


...เนี่ยเหรอไม่โกรธนาน
















To be continued...





หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 41 [23/11/12] ปลายทางของจุดจบ
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 23-11-2012 01:27:56
เฮ้อออออออออ
อ่านแล้วรู้สึกมืดมนงะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 41 [23/11/12] ปลายทางของจุดจบ
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 23-11-2012 01:42:45
น้ำตาไหล  สงสารปันจัง  ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาเลย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 41 [23/11/12] ปลายทางของจุดจบ
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 23-11-2012 01:51:28
โอ๊ย อ่านแล้วบีบใจ
และหมั่นไส้เมียเป็นกำลัง
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 41 [23/11/12] ปลายทางของจุดจบ
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 23-11-2012 02:22:18
สงสารพลภัทรเหมือนกันนะ  แต่มันไม่ใช่ข้ออ้างที่จะทำร้ายปันแบบนั้นได้อ่ะ 
อย่าเอาความผิดของผู้ใหญ่มาโยนให้เด็กแบบนี้ 
ภีมกับปัน  มันคนละคน คนละเรื่องกันเลย 

อดีตควรเอาไว้เป็นบทเรียน  ไม่ใช่เอามาอ้าง เพื่อให้การกระทำของตัวเองดูดีขึ้น
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 41 [23/11/12] ปลายทางของจุดจบ
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 23-11-2012 06:56:39
 :m15:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 41 [23/11/12] ปลายทางของจุดจบ
เริ่มหัวข้อโดย: anuruk97 ที่ 23-11-2012 09:01:16
เด็กมันเกี่ยวอะไรด้วย ทำไมถึงมาลงที่เด็ก คำถามสั้นๆๆ  มีความสุขไหม้กับการเอาความแค้นมาลงที่เด็ก
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 41 [23/11/12] ปลายทางของจุดจบ
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 23-11-2012 11:02:39
เศร้าใจมาก..... ทุกคนล้วนเจ็บปวดจริงๆๆเรื่องนี้ ฮือออออ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 41 [23/11/12] ปลายทางของจุดจบ
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 23-11-2012 11:59:19
ไม่รู้ว่าจะโทษว่าเป็นความผิดของใคร.....
แต่ที่แน่ ๆ ไม่ใช่ทั้งของปันปัน...พี่เดฟ.....หรือญานัช.....
แม้กระทั่งอาพีทก็ไม่ผิด....ผิดที่ต้นตระกูลหรือ?......ผิดที่ผู้ใหญ่ที่ไม่ยอมรับตัวตนของคนในครอบครัว........เฮ้อ......เศร้า...
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 41 [23/11/12] ปลายทางของจุดจบ
เริ่มหัวข้อโดย: Golem237 ที่ 23-11-2012 15:03:03
พูดไม่ออก.... ไม่รู้จะด่าใคร.... เพราะว่ามันไม่มีใครที่ทำความผิดแบบตั้งใจจริงจัง แล้วก็แทบจะไม่มีใครที่ทำผิดซ้ำด้วยเจตนาร้ายด้วย... เพ็ญแข คุณมนูญ อาพีท..... ทุกคนกรีดความดีของพลภัทรทิ้งไปเรื่อยๆด้วยแนวทางการดำเนินชีวิตของตนเอง ความเห็นแก่ตัวของตัวเอง มันทีละเล็กละน้อย แต่ไม่มีใครรู้ว่ารูโหว่ในใจของพลภัทรมันขยายออกไปเรื่อยๆ

เหมือนที่คนเขียนกล่าวไว้เลยค่ะ พลภัทรน่าสงสารมาก เค้าถูกสีดำซัดใส่จากทุกคน และมันไม่ใช่สีดำที่ตั้งใจสาดลงมาใส่ แต่เหมือนเหตุบังเอิญที่ทำให้เขาต้องมารับสีดำในครั้งนั้นต่างหาก เริ่มจากการบีบจิตใจให้ทิ้งคนรัก... การต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก..... น้องไม่ยอมฟัง.... เป็นผู้ชายแต่ถูกข่มขืน.... พอสามารถที่จะรักเด็กได้ ก็ปรากฏว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่เลือดเนื้อของตัวเอง.... นี่มันมากเกินคนจะรับได้แล้วนะ ....แต่ก็เพราะอย่างนี้แหละ เลยทำให้พลภัทรต้องเกลียดปัณวิทย์

อธิบายเพิ่มเติมในด้านจิตวิทยาและมนุษยวิทยา ความจริงหลังจากเหตุการณ์สุดท้าย ตามธรรมดาพลภัทรสมควรต้องเกลียดเพ็ญแขกับภีม (เดี๋ยวจะอธิบายต่อค่ะ) แต่เนื่องจากเค้าทำจนสุดไม่ได้ เพราะการกระทำของสองคนนั้นมันเหมือน ill luck 1 ใน 100000 เขาสองคนไม่ได้สมคบคิดกันมีชู้เบื้องหลังพลภัทร แต่มันดันบังเอิญเผลอไผลแล้วเกิดเป็นปัญหาขึ้นมาต่างหาก เพราะฉะนั้น กระบวนการทางจิตใจมีสองทางเลือก หนึ่ง ปฏิเสธทุกอย่างในโลกความจริงแล้วรับเฉพาะสิ่งที่ตัวเองอยากจะรับรู้ อาการอย่างนี้คนไทยเรียกบ้าหรือฟั่นเฟือน กับสอง หาอะไรก็ได้ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขานึกถึงอดีต จากนั้นโยนความเกลียดทุกอย่างใส่

เขาโยนใส่พ่อไม่ได้...

เขาโยนใส่น้องไม่ได้...

เขาโยนใส่ภีมและเพ็ญแขไม่ได้จากเหตุผลข้างต้น...

...เพราะฉะนั้นมันเหมือนระเบิดเวลาที่ถูกดึงสลัก แล้วปัณวิทย์ดันเป็นคนเดียวที่จิตใจของพลภัทรเลือกเป็นเป้าโยนด้วยความแค้นใจ

...มันเริ่มจากความแค้นใจ จากนั้นจึงตามมาด้วยความเกลียดทั้งมวลที่พลภัทรแบกรับเอาไว้

ส่วนภีม คุณเป็นตัวละครที่เห็นแก่ตัว...มาก ความผิดคุณมันไม่ได้ถึงขั้นทำให้ไลท์โกรธ เพราะเรารู้ว่าคุณทำมันลงไปเพราะอารมณ์หรือความเผลอไผล ไม่ใช่ความตั้งใจ การกระทำจากความเผลอทั้งสองครั้งของคุณมันทำลายคนๆนึง อาจจะเล็กน้อย แต่มันเหมือนการปาก้อนหินในปราสาทที่จวนเจียนจะพังเต็มที และนอกจากนี้ คุณบอกว่าคุณเป็นห่วงเขาก็จริง แต่คุณก็ไม่ได้มุ่งมั่น ดื้อรั้น หรือพยายามที่จะทำให้เขาดีขึ้นสักนิด แม้ในฐานะเพื่อนก็เถอะ คุณยังอยากรักษาความรู้สึกของตัวเองมากกว่าความอยากชดใช้บาปของตัวคุณต่อพลภัทร และนั่น คือสิ่งที่ทำให้ไลท์บอกว่าคุณเป็นคนเห็นแก่ตัว

มนูญ เพ็ญแข กระทั่งอาพีท ทุกคนเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น และเพราะอย่างนั้น มันเลยทำให้คนที่จิตใจดีที่สุดในตอนเริ่มแรกอย่างพลภัทรกลายเป็นคนที่ทุกข์ที่สุด ในตอนพลภัทร ไลท์ว่าเดน่ากับปัณวิทย์นี่แหละ ที่เป็นคนที่คิดถึงใจพลภัทรมากที่สุด เดน่าในแง่ความรัก และปัณวิทย์ในแง่ของการเคารพเทิดทูน รักอย่างบริสุทธิ์ใจไม่ว่าพ่อจะเป็นอย่างไร

แต่ถึงอย่างนั้น พลภัทรก็พยายามปฏิเสธอดีตของตัวเอง สังเกตได้จากการที่สั่งล็อกตัวน้องชายเอาไว้ในโรงพยาบาล สาเหตุมันมาจากความแค้นใจและความโกรธที่ทำให้ชีวิตเขาเละเทะ พอโยนความเกลียดใส่ปัณวิทย์แล้ว เขาก็เริ่มที่จะทำให้คนที่เคยกรีดแผลในใจเขาทุกข์ เย็นชากับเพ็ญแข ขัดขวางความรักของน้องชาย อันนี้ตอนแรกไลท์ก็แปลกใจว่าทำไม พอมาอ่านตอนหลังแล้วก็.... อืมม์ ถ้าเราเป็นคนที่วิเคราะห์การกระทำ การกระทำของเขาก็สมเหตุสมผลล่ะ ถึงแม้ว่ามันจะชั่วร้ายก็ตามทีเถอะ (และการกระทำที่ชั่วร้าย ก็แสดงให้เห็นแล้วว่านำพาซึ่งความเจ็บปวดในใจของพลภัทรไม่มีที่สิ้นสุด)
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 41 [23/11/12] ปลายทางของจุดจบ
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 23-11-2012 18:10:57
น้ำตาไหลสุดๆ  :sad4:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 41 [23/11/12] ปลายทางของจุดจบ
เริ่มหัวข้อโดย: RUMINA ที่ 23-11-2012 18:12:01
สงสารคุณพ่อTOT นายน่าสงสารไปแล้วพลภัทร//น้ำตาไหล
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 41 [23/11/12] ปลายทางของจุดจบ
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 23-11-2012 19:39:34
อ่านแล้วรู้สึกสงสารคุณพลมากเลยอ่ะ โดนทำร้ายทุกอย่างเลย

ไม่ชอบภีมดูเห็นแก่ตัวเนอะ แล้วทำอะไรไม่คิดว่าผลที่ตามมามันจะเป็นยังไงอ่ะ

สงสารปันกะเดฟ ต้องคอยรับผลกรรม
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 41 [23/11/12] ปลายทางของจุดจบ
เริ่มหัวข้อโดย: primmi ที่ 23-11-2012 20:39:22
ตอนนี้เกลียดภีมสุด เพราะดูเป็นคนเดียวที่ไม่ต้องเดือดร้อน หรือได้รับผลของการกระทำเลย

อย่างเพ็ญแขยังน่าสงสารนะ นึกภาพผู้หญิงที่ต้องแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก
แถมเขาก็ไม่ได้รักเราค่อนไปทางเกลียด เย็นชาด้วยซ้ำ คงไม่ได่มีความสุขมากนักหรอก
การเผลอใจเผลอตัวกับตนอื่นไปบ้างเลยไม่น่าแปลกใจเท่าไรสำหรับเราและพอเข้าใจได้

แต่ภีมเริ่มแรกที่โกรธคือเพราะถูกขัดขวางการจีบ!!? แค่จีบ ยังไม่ได้เป็นแฟน เขายังไม่รักตัวเองด้วยซ้ำ เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุมากๆ ไม่น่าให้อภัย
ต่อมาเมามาแล้วไปมีอะไรกับเมียเพื่อนนี้ก็แย่ ถ้าเมามากจริงทำไม่ได้หรอก แสดงว่ายังพอมีสติแต่ด้วยอารมณ์อ่อนไหวเลยทำ ซึ่งก็แย่อีก
ส่วนเรื่องลูก ภีมเองก็อยากเอาไปเลี้ยงอยู่แล้ว การที่พลเอาไปเลี้ยงก็เลยสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อน
เรื่องเดียวที่เสียคือเสียเพื่อนอย่างพลไป แค่นั้น!! จริงๆสมควรชดใช้ให้พลมากกว่านี้ด้วยซ้ำ

ตอนนี้พอเข้าใจตัวละครทุกตัวในเรื่องแหละ ทุกคนมีเหตุผลมีปมที่ทำให้กลายเป็นแบบนี้
ยกเว้นภีมที่ทำชั่วโดยอ้างโกรธ อ้างเมาไปเรื่อย เกลียดมากกกก
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 41 [23/11/12] ปลายทางของจุดจบ
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 23-11-2012 23:47:39
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 41 [23/11/12] ปลายทางของจุดจบ
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 26-11-2012 13:09:22
อ่านแล้วรู้สึกเกลียดภีมมาก สงสารคุณพลภัทรมากถึงขั้นเปลี่ยนตัวเองไปเลยจากคนดีๆกลายเป็นคนเย็นชา

ขออย่าให้คุณพลภัทรเป็นอะไรไปเลยนะ ขอให้ภีมได้ชดใช้อะไรให้ด้วย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 41 [23/11/12] ปลายทางของจุดจบ
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 27-11-2012 01:20:37
พอรู้เรื่องคุณพลภัทรแล้วก็อึ้งเลยค่ะ มันคงเป็นอะไรที่ทรมาน

แต่การที่จะเอาความเจ็บปวดมาทำร้ายคนอื่นมันก็คงไม่ใช่อยู่ดี



ปล.อยากอ่านคู่ศิวะกับอาธิปอ่ะ ชอบคู่นี้ >.<
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 42 [18/12/12] รักฝังใจ
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 18-12-2012 23:32:06
kagehana : ในที่สุด พาร์ทของคุณพ่อที่ดำเนินมาอย่างยาวนานก็จบลงแล้วค่ะ พร้อมกันนี้ตัวละครเก่าก็รีเทิร์นกลับมาอีกรอบ อิอิ

ขอโทษที่หายไปนานนะคะ หมีเพิ่งย้ายบ้าน เล่นเอาเหงื่อตกอุ้ง แถมยังเจองานด่วนเข้าแทรก แก้แล้วแก้อีกไม่รู้จบอีก เป็นปลายปีที่วุ่นวายจริงๆ....

อัพเดทเรื่องนิยาย ตอนนี้กำลังเขียนตอนพิเศษซายน์อัสซี่ที่จะใส่เข้าไปในรวมเล่มค่ะ ถึงคนอ่านจะไม่เยอะแต่หมีกับดอกไม้ถือคติว่า ถ้าเขียนจบต้องรวมเล่ม เอาแค่สองชุดให้คนเขียนสองคนก็ได้ 555 (เป็นอย่างงี้มาตั้งแต่เขียนฟิคปุริแล้ว นิสัยแก้ยาก)

หายไปนาน ทอล์คยาวไปนิด ยังไงก็ขอให้อ่านให้สนุกนะคะ







-42-






“อะไรนะ!” เสียงโทรศัพท์ในยามดึกปลุกพลภัทร เจ้าของเสียงเป็นตำรวจซึ่งโทรจากโรงพยาบาล แจ้งข่าวอุบัติเหตุของพิชญ์ที่กำลังจะไปดูการแสดงเปียโนของหลานชายคนเดียวที่มี


พลภัทรเร่งไปที่โรงพยาบาลโดยไม่ได้บอกใคร สภาพน้องชายที่เห็นราวกับกระชากหัวใจผู้เป็นพี่ พิชญ์นอนไม่ได้สติอยู่ในห้องฉุกเฉิน ทั้งแขนและขาหักพับ ลำตัวเต็มไปด้วยเลือด เขาอนุมัติให้หมอผ่าตัดทันทีโดยไม่ลังเลใดๆ


ร่างกายของพีทแทบจะไม่มีส่วนไหนเลยที่เรียกว่าเป็นปกติ ชายหนุ่มนั่งมองร่างบอบบางที่ใส่เฝือกทั่วตัวราวกับดักแด้หนอนไหมในห้องคนไข้


พิชญ์...น้องชายคนเดียว


พิชญ์...ที่เข้มแข็ง กล้าจะเดินออกจากกรอบครอบครัว กล้าจะทิ้งภาระให้กลายเป็นของเขาคนเดียว


อิจฉา อิจฉาเหลือเกิน ทำไมถึงมีแต่นายที่ได้รับทุกสิ่งทุกอย่าง ทำไมถึงไม่ใช่พี่ที่จะมีความสุข ทำไมพี่ถึงต้องเจอแต่เรื่องเลวร้าย ผิดหวัง โดนบีบบังคับ


ทำไม...ไม่เป็นนาย


น้ำตาเม็ดใสหยดลงบนเครื่องช่วยหายใจ มือที่สั่นเทาเอื้อมไปจับเบาๆ พลภัทรมองหน้าน้องชายอีกครั้งด้วยดวงตาฉ่ำน้ำ


...ลาก่อน....


...ลาก่อน พีท....






/////////////////////////////////////////////////





“พีทประสบอุบัติเหตุ....เสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาล” พลภัทรพูดขึ้นด้วยใบหน้าอิดโรยและอ่อนล้า ดวงตาแดงก่ำคล้ายจะมีน้ำคลอในยามที่เขาพูดออกมา


แต่เจ้าตัวรู้ดี...ว่าลึกลงไปแล้ว เขารู้สึกมากกว่าเสียใจ


...พีทคนเก่ง พีทคนดี พีทที่ทำให้ชีวิตเขาป่นปี้....


...ไม่มีพีทคนนั้นอีกแล้ว...


“ลุงให้เขาเอาศพไปไว้วัด...รถมันอัดก็อปปี้ด้านหน้า...เละ..ทั้งคนทั้งรถ” เขาหันไปพูดกับเด็กหนุ่มลูกของแพรพรรณที่ทำหน้าราวกับถูกผีหลอก


เอาสิ...เจ็บปวดเข้าไป ร้องไห้ เสียใจ....


...ให้เหมือนที่ฉันเป็นมาตลอดชีวิต...


เจ็บให้เท่าฉันเจ็บ เจ็บให้มากกว่า เจ็บให้ซึมเข้าไปถึงกระดูก


เผาผลาญ มอดไหม้ เหลือแต่เถ้าถ่าน


ไม่เหลืออะไรเลย.....






///////////////////////////////////////////////////






ปัณวิทย์ที่่นั่งอยู่ข้างเตียงของพลภัทรยังไม่ได้ขยับลุกไปไหน เขาเฝ้ารอให้อีกฝ่ายลืมตาขึ้นมาก่อนถึงจะวางใจได้ ในเมื่อไม่มีคนสนใจ ปัณวิทย์จึงได้ขอร้องให้คนรักช่วยติดต่อหมอให้ ก่อนจะช่วยกันประคองมานอนที่เตียงในห้องนอนเล็ก


พอเห็นว่าเปลือกตาของพลภัทรค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ เด็กหนุ่มก็เอ่ยเรียกเบาๆด้วยความดีใจ


“... พ่อครับ”


“ปัน.......” พลภัทรลืมตาขึ้นช้าๆ ความฝันในวันวานที่ตามมาหลอกหลอนทำให้ชายวัยกลางคนมองหน้าลูกชายที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันด้วยดวงตาอ่อนโยน


แค่ฝันร้าย...ฝัน..ที่เกิดขึ้นจากความจริงอันโหดร้าย


“...พีท...ยังไม่ตาย...” พลภัทรพูดเบาๆ


สองปีที่เขาทำให้พิชญ์ตายไปจากในสังคม เขาเอาน้องชายที่เหลือเพียงคนเดียวไปไว้ในโรงพยาบาลโรคประสาท เขาหลอกทุกคน หลอกตัวเอง แล้วใช้ชีวิตอยู่กับความลับที่คอยทิ่มแทงตนเอง


“พ่อทำผิด...ทำผิดมากไป..ใช่มั้ยปัน”


“..... พ่อคงมีเหตุผลของพ่อ... ใช่มั้ยครับ” เขายังอยากจะเชื่อ เพราะอย่างน้อยในความทรงจำของตัวเอง ปัณวิทย์ยังคงจำได้ว่าพ่อที่รักตนมากนั้น ใจดีแล้วก็อบอุ่นขนาดไหน


...คนที่เคยเป็นแบบนั้น กลายมาเป็นคนใจร้ายขนาดนี้ได้ยังไง


“เหตุผล...ก็แค่คนแก่...ขี้อิจฉา...” พลภัทรแค่นยิ้มก่อนจะปิดตาลงเบาๆ “ปัน...พ่อเป็นอะไรไป”


“พ่อแค่สลบไปครับ... ปันให้พี่เดฟเรียกหมอมาดูแล้ว บอกว่าแค่ความดันนิดหน่อย...” ปัณวิทย์เอื้อมมือมาจับมือเขาเอาไว้


“... แล้วก็” เด็กหนุ่มบีบมือข้างนั้นแรงขึ้นก่อนจะเอ่ยต่อเสียงเบา “คุณเพ็ญแข... จะ...”


“คุณเพ็ญแขวางใบหย่าอยู่บนโต๊ะ คุณเซ็นเสร็จเดี๋ยวเขาไปจัดการต่อเอง” เป็นชยางกูรที่ยืนมองอยู่นานพูดขึ้น เขาเดินมาใกล้แล้วมองพ่อบังเกิดเกล้าด้วยสายตาเฉยชา


“สมใจหรือยัง...กระทั่งผู้หญิงที่รักคุณมาทั้งชีวิตยังทนอยู่ด้วยไม่ได้”


“พี่เดฟ... ไม่เอา อย่าเพิ่ง...” เขาหันไปเอ่ยปรามเสียงอ่อน— ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าพลภัทรไม่ได้ทำถูก สิ่งที่ทำลงไปมันเลวร้าย แต่เขาก็ไม่อาจทำใจเกลียดได้


...ต่างกับชยางกูรที่ไม่เคยผูกพัน


“เดฟ แกเกลียดฉันใช่มั้ย...เกลียดที่ฉันไม่ไปอยู่กับเดน่า...จนเขาตาย...” คนที่นอนอยู่ถามทีละประโยคอย่างยากเย็น


“เปล่าเลย” นัยน์ตาสีฟ้ามองพลภัทรด้วยแววตาว่างเปล่า “ผมไม่มีความรู้สึกอะไรกับคุณทั้งนั้น จะรักหรือเกลียดก็ไม่ คนที่ไม่เคยผูกพันใกล้ชิดกัน...จะไปรักหรือเกลียดได้ยังไง”


“ฮะฮะ นั่นสินะ” ชายวัยกลางคนหลับตาลงช้าๆ น้ำตาสีใสไหลตามรอยเหี่ยวย่นที่หางตา


ถ้าชยางกูรบอกเกลียด เขาอาจจะเจ็บไม่เท่าที่เป็น แต่เพราะอีกฝ่ายไม่มีความรู้สึกอะไรให้ เขาถึงเจ็บ...มากขนาดนี้


“พ่อ... จะทำยังไงต่อ... ครับ... จะเซ็น... หรือเปล่า”


“อืม...ถึงเวลาแล้ว เลิกโกหกกันเสียที” น้ำเสียงอ่อนล้าพูดแผ่วเบา


“... พ่อ... จะไม่ยุ่งกับอาพีทแล้ว... ใช่มั้ยครับ” ปัณวิทย์เอ่ยถามต่อ เพื่อให้แน่ใจว่าพลภัทรจะไม่เข้าไปวุ่นวายกับชีวิตของพิชญ์อีก


“ถึงตอนนี้...คงทำอะไรไม่ได้แล้ว” พลภัทรตอบเรียบๆ


“แล้วพ่อ... จะทำกับปัน เหมือนอาพีทหรือเปล่าครับ” เพราะคิดว่าตอนนี้กำลังสบโอกาสดีที่จะพูดออกมา พลภัทรกำลังดูอ่อนลง เด็กหนุ่มถึงได้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา


คำตอบของพลภัทรคือความเงียบ...เพราะพีทไม่ใช่ลูกที่รักอย่างปัณวิทย์ และไม่ใช่ลูกในสายเลือดอย่างชยางกูร


“พ่อไม่ทำ...ทำไม่ได้....แต่เรื่องจะให้ยอมรับ....” นัยน์ตาสีเข้มเหลือบมองชยางกูรที่ยืนอยู่ห่างออกไป


“ทำไมปันต้องเป็นเกย์ด้วย....”


พอเจอคำถามแบบนี้ ปัณวิทย์ก็จนคำพูด ไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลอันไหนมาอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง “ปัน... ไม่รู้... ครับพ่อ....”


“ผมกับปันรักกันมันผิดตรงไหน” ชยางกูรโพล่งออกมาอีกครั้ง “คุณเกลียดเกย์ก็เป็นเรื่องของคุณ คุณทำกับอาพีทขนาดนั้น...ถึงจะดูเลวไปหน่อยแต่ผมทำเป็นมองไม่เห็นได้ แต่ถ้าคุณคิดจะทำร้ายจิตใจปัน...ผมไม่ยอม!”


“พี่เดฟ...” เด็กหนุ่มคว้าข้อมือของคนรักเอาไว้เป็นการดึงให้ลดเสียงลง เขาหันมามองหน้าของพลภัทรคล้ายกับจะรอฟังว่าอีกฝ่ายมีคำพูดแบบไหนให้เขาอยู่


“ฉันไม่คิดจะทำร้ายปันอีกแล้ว แต่ฉันไม่ให้ลูกของฉัน...เป็นพวกผิดเพศ” พลภัทรยืนยันคำว่าลูกของฉันด้วยการมองไปที่ปัณวิทย์


“งั้นผมกับปันจะไปอยู่อเมริกา คุณจะได้ไม่ต้องทนเห็นพวกเรา”


“... ไม่ได้เหรอครับ... พ่อ... ปัน... กับพี่เดฟ...” ดวงตาที่เคยเชิดรั้นอย่างเด็กดื้อกลับดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด


“ช่างเขาเถอะปัน ผมรู้ว่าคุณอยู่คนเดียวได้...โดยไม่ต้องมีใคร คุณอยู่อย่างนี้มาทั้งชีวิตแล้วไม่ใช่เหรอ คนที่รักคุณอย่างจริงใจ...คุณก็ทำร้าย เชิญอยู่กับไอ้บ้านบ้าๆที่อุปโลกค์ว่ามีความสุขไปคนเดียวเถอะ” ชยางกูรรั้งตัวปัณวิทย์ไว้ในอ้อมกอด...แน่น...นาน


เพราะเขารู้ดีว่าถ้าปล่อยไป...จะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว


“พ่อครับ...” ปัณวิทย์มองอย่างอ้อนวอน


“ปันจะไปเหรอลูก...” พลภัทรตอบด้วยคำถาม..และแววตาว่างเปล่า


“ปันก็จะทิ้งพ่อไป เหมือนทุกคนใช่มั้ย...”


ปัณวิทย์นิ่งไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าพลภัทรจะถามคำถามแบบนี้— พ่อที่รักมากกำลังต้องการเขา


...คนที่ไม่ได้มีสายเลือดเกี่ยวพัน แต่ก็รักมากยิ่งกว่าใคร


“... ปัน... ปันจะ... อยู่กับพ่อครับ” เขาสบมองดวงตาที่ไร้ประกายของชายสูงวัยก่อนจะเงยขึ้นมองคนที่โอบกอดเขาเอาไว้


“แล้วพี่ล่ะ.....”


“... อยู่ด้วยกันแบบนี้ก่อน... ไม่ได้เหรอ”


“พี่จะไปอเมริกา” ชยางกูรตอบอย่างมั่นคง จะบอกว่าเขาใจร้ายก็ยอม แต่สิ่งที่พลภัทรทำ...ทำให้เขาไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมอีกต่อไปแล้ว


“ถ้าปันไม่ไป....พี่จะไปคนเดียว”


“เดี๋ยวปันมานะครับพ่อ” ปัณวิทย์ลุกขึ้นแล้วดึงให้ชยางกูรตามออกมาด้วยกัน เด็กหนุ่มพาร่างสูงออกมาจากห้องนอนเล็กแล้วจึงค่อยมองหน้าของคนรักอีกครั้ง


“ขอเวลาปัน... ไม่ได้เหรอ พ่อ... ต้องการปัน แล้ว... แล้วเราค่อยไปอเมริกาด้วยกัน”


“ถีงพี่จะรอเท่าไหร่ ปันก็มีเหตุผลที่ไม่ไปกับพี่...พี่รู้”


“... จริงๆ... ปันจะไปด้วย แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้... จะไปด้วยจริงๆนะ” น้ำเสียงอ่อนแรงลงกว่าปกติเพราะอีกฝ่ายดูท่าทางไม่อ่อนให้เลยแม้แต่น้อย


“เมื่อไหร่! รอให้พ่อหายดี รอให้ยอมรับพวกเรา หรือรอให้เขาตาย” ชยางกูรแค่นเสียง “อย่างหลังคงง่ายสุดมั้ง”


“พี่เดฟทำไมต้องพูดแบบนั้น! ปันไม่คิดว่าพ่อจะยอมรับหรอก แต่ปันอยากอยู่กับพ่อ พ่อปันนะ!!”


“เขาไม่ใช่พ่อปันสักหน่อย” ความจริงที่ทำให้ประกายในตาคนรักหม่นลงหลุดออกมา ชยางกูรอ้าปากจะพูดขอโทษ...แต่ก็เงียบลง เพราะขอโทษไปก็ไม่ดีขึ้น


ความจริงก็คือความจริง....


“พี่จะไปอเมริกาสิ้นเดือนนี้ จะซื้อตั๋วเผื่อปันไว้....จะไปไม่ไปก็เรื่องของปัน”






///////////////////////////////////////





“หิวหรือยัง... เดฟ” เสียงเรียกคนที่นอนอยู่กับโซฟาดังมาจากในครัว


“ยังเลยพี่เอส” ชยางกูรปิดหนังสือในมือแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไป


หลังจากที่เขามาอเมริกาคนเดียว...ฉากลองใจที่เซ็ตขึ้นถูกทิ้งให้พังอย่างไม่เป็นท่า ปัณวิทย์ไม่ทำอะไรมากไปกว่าบอกให้เขาไปคนเดียวและดูแลพ่อของตัวเอง


ชยางกูรกลับมาอเมริกาด้วยสภาพคล้ายนกปีกหัก แม้จะไม่ได้อาละวาดกินเหล้าเที่ยวเสเพลอย่างตอนที่เลิกกับอิสรา แต่ในหัวใจบอกเขาว่าการที่ปัณวิทย์ไม่เลือกตนเองเจ็บยิ่งกว่าอกหักครั้งแรกมากมายนัก ในระยะแรกเขาเช่าห้องอยู่ใกล้ๆออฟฟิศที่ทำงาน แต่เพราะโทรศัพท์เดียวของอิสรา....ทำให้เขาเริ่มต้นใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอีกครั้ง


“ผมขอนมกับซีเรียลก็พอ”


“กินอะไรให้เต็มที่หน่อยดีกว่ามั้ย” อิสรายิ้มให้พลางรวบผมขึ้นสูง “แพนเค้กก็ยังดี”


เจคอบที่คบกันเหมือนจะดีในทีแรก กลับเป็นคนอารมณ์ร้อน ขี้โมโหและชอบทำร้ายร่างกาย จนสุดท้ายเมื่อเขาทนไม่ไหวจึงบอกเลิกไป กลับกลายเป็นอีกฝ่ายไม่ยอมเลิกด้วย ตามรังควานถึงที่ทำงานและห้องของเขา จนอิสราตัดสินใจติดต่อไปหาชยางกูร


“พี่เอสล่ะ...ผอมไปนะ” ชยางกูรแตะที่แก้มซีดขาวของอิสรา ในวันแรกที่มาถึงห้องนี้...แก้มข้างเดียวกันมีแต่รอยช้ำสีม่วง อิสราที่เข้มแข็งกอดเขาร้องไห้ถ่ายทอดเรื่องราวความรักที่ผิดพลาดของคนรักเก่าให้ฟัง และแม้ว่าอิสราจะไม่ได้ขอให้มาอยู่ด้วย แต่ชยางกูรก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอมาอยู่เอง


“มันยังโทรมาอีกหรือเปล่า”


“ก็... มีบ้าง... ฝากข้อความไว้...” คนอายุมากกว่าได้แต่ยิ้มจางๆให้


“เข้มแข็งนะ” ปลายนิ้วสากไล้ผิวแก้มเบาๆอีกครั้งแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบนมกล่องมารินใส่แก้ว แล้วยกให้อิสราที่ยื่นมือออกมารับเหมือนรู้ว่าจะให้ตัวเอง


“พี่เอสชอบนมหวานไม่เปลี่ยนเลย...อย่างกับเด็กๆ”


“ดื่มแล้วสบายใจนี่นา” ชายหนุ่มว่าก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มช้าๆ


“วันนี้ไปทำงานหรือเปล่า” แพนเค้กในกระทะที่ถูกกลับด้าน แป้งสีน้ำตาลนวลขึ้นควันหอมกรุ่นยั่วน้ำลาย ดูเหมือนซีเรียลของเขาจะไม่จำเป็นแล้ว


“วันนี้ออฟ คงอยู่บ้าน ไม่ควรออกไปไหนคนเดียว ใช่มั้ย” อิสราหยิบจานออกมาจากลิ้นชักเตรียมรอรับแพนเค้กพลางหัวเราะไปด้วยเบาๆ ตอนแรกที่ออกไปซื้อของที่ตลาดคนเดียว ต้องเจอกับเจคอบที่ตามอยู่ โชคดีว่านัดกับชยางกูรไว้เลยทำให้ไม่เกิดเรื่องใหญ่ให้วุ่นวาย


“ผมก็ออฟ ไม่สิ..ออฟเกือบทุกวัน ทำงานอยู่บ้านได้ แถมเพิ่งเคลียร์ลอตใหญ่ไป ว่างสุดๆ”


งานของชยางกูรเป็นประเภทที่เกี่ยวกับหุ้น...หน้าที่กึ่งๆโบรคเกอร์ แต่ยังไม่ต้องทุ่มเทถึงขั้นเฝ้าหน้าจอตลาดหุ้นตลอดเวลาอย่างนั้น


“......ว่างมาก..ก็คิดถึงปัน...”


“... ไปรับมาสิ” อิสราเอ่ยต่อคำสั้นๆ เพราะจากตอนที่อีกฝ่ายจากประเทศไทยมา ก็ผ่านมานานหลายเดือนแล้ว


“ไม่ได้หรอก...เขาจะอยู่กับพ่อของเขา” น้ำเสียงหม่นลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ทิ้งไว้ที่ประเทศไทย


“... นี่ก็นานแล้ว... ติดต่อไปบ้างหรือยังล่ะ” เขาวางจานแพนเค้กลงบนโต๊ะทานข้าวแล้วค่อยหยิบเอาน้ำผึ้งมาวางไว้ใกล้ๆ


ใบหน้าหล่อคมส่ายเบาๆแทนคำตอบ รู้ทั้งรู้ว่าทิฐิโง่ๆของเขาจะทำลายทั้งตัวเองและปัณวิทย์ แต่ถ้าติดต่อไป....เขาอาจจะใจอ่อนยอมกลับไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นอีกก็ได้


แพนเค้กอุ่นๆถูกน้ำผึ้งหอมหวานราดลงไป ชยางกูรใช้ส้อมตัดเป็นคำเล็กๆส่งเข้าปากตัวเอง


'ป้อนปันมั่งดิ่'


ถ้าอยู่ด้วยกัน เสียงห้าวเจือหวานคงจะร้องท้วงขอกินโดยที่ไม่หยิบจับอะไรให้มือเลอะ


“เด็กเขารักแรงขนาดนั้นแท้ๆ...”


“ผมก็รัก...รักมาก...แต่เห็นแก่ตัวไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”


“เดฟเห็นแก่ตัว หรือเด็กเขาเห็นแก่ตัว หืม” อิสราตัดแพนเค้กเข้าปากช้าๆทีละคำ


“นี่พี่เอสกำลังว่าแฟนผมนะ” ชยางกูรเสหัวเราะเปลี่ยนเรื่อง


ปัณวิทย์ไม่ได้ทำอะไรผิด...แค่อยากจะดูแลพ่อที่รักมากของตัวเอง มีแต่เขาที่อยากจะยึดเด็กหนุ่มคนนั้นไว้ให้สายตามองแต่เขา ในหัวใจมีเพียงเขา และสามารถบอกรักได้เพียงเขา


เขา...ที่เห็นแก่ตัว


ยิ่งแยกมาอยู่ตามลำพังยิ่งเห็นความเห็นแก่ตัวของตัวเองชัดเจนขึ้น...จนหากว่าถ้ากลับไป ต่อให้ต้องบังคับ เขาก็จะพาปัณวิทย์มาอยู่ด้วยกัน


“แฟน... งั้นเหรอ ยังเรียกว่าแฟนแล้วทำไมทิ้งมาแบบนี้ หือ” อิสราถามต่อด้วยใบหน้าที่ยังเปื้อนยิ้ม


“มันยุ่งยาก พี่ไม่เข้าใจหรอก” มือใหญ่เลื่อนจานออกแสดงอาการเหมือนเด็กๆ


“ระวัง... อยากกลับแล้วพี่ไม่ให้กลับนะ” คนอายุมากกว่าหัวเราะเบาๆหยิบเอาจานอีกฝ่ายขึ้นมาซ้อนไว้


“จะรื้อฟื้นความหลังหรือไง ผมมีปันแล้ว ไม่นอกใจหรอก”


อิสราไม่พูดอะไรต่อนอกจากส่งยิ้มให้ก่อนจะดึงเอาเครื่องล้างจานออกมา แล้วเรียงจานที่ฉีดด้วยน้ำร้อนแล้วลงไป


ชยางกูรจมจ่อมอยู่ในห้วงคำนึงถึงคนที่อยู่ไกล โทรศัพท์ที่เคยส่งข้อความหากันเป็นปกติดูจะกลายเป็นเรื่องยากที่ปลายนิ้วจะเคลื่อนไหว เขาจ้องข้อความรายงานจากซายน์และอัฐ...ก่อนจะปิดมันลง


“เดี๋ยวพี่ไปดูร้านหนังสือมือสองแถวนี้ก็แล้วกัน” เขาหยิบเอาผ้ามาเช็ดมือก่อนจะแขวนมันตามเดิม


“อ๊ะ เดี๋ยวผมไปด้วย”


“เราอยู่นี่ล่ะ ไม่เป็นไร แถวนี้เอง” เขารีบหันมาปราม


“มีอะไรเดี๋ยวพี่โทรมา ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่งั้นพี่ก็ไปไหนคนเดียวไม่ได้เลยตลอดสิ”


“ไม่ให้ไปด้วยแน่นะ” ชยางกูรถามอีกครั้ง


“อืม พักอยู่นี่ไปแหละ”













To Be Continued......


หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 42 [18/12/12] รักฝังใจ
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 18-12-2012 23:49:11
พี่เอส น่าจะเป็นตัวกลางนะ

ถ้าเดฟรู้เรื่องทั้งหมดจะเป็นยังไงนะ จะยังเกลียดคุณพลภัทรอยู่ไหม
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 42 [18/12/12] รักฝังใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 19-12-2012 00:01:55
ตั้งแต่มาไม่โทรหาปันเลยหรอเนี่ย สงสารคนถูกทิ้งจัง
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 42 [18/12/12] รักฝังใจ
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 19-12-2012 12:40:52
นานๆทีขอตอบคอมเมนท์บ้างนะคะ จากตอน41นะคะ ^^


dog : ชีวิตคุณพลมันมืดมนค่ะ เคะรันทดก็งี้ (เอ๊ะ??)

iforgive : น้องปันเป็นเด็กน่าสงสารค่ะ จากเด็กที่ได้รับความรักเต็มเปี่ยมกลายเป็นเด็กที่ไม่เหลืออะไรเลย

fuku : ฮ่าๆ คุณเพ็ญจริงๆแล้วก็น่าสงสารนะ แต่ติดที่การแสดงออกเย็นชาไปนี้ดดดนึงค่ะ

indy❣zaka : คุณพลเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นค่ะ ทำอะไรใครไม่ได้ ลงกับเด็ก นิสัยไม่ดีแต่น่าสงสารเนอะ

PetitDragon : /กอดๆ :man1:

anuruk97 : 555 ขอตอบแทนคุณพลนะคะว่าคงไม่มีความสุขเท่าไหร่ ได้แต่สะใจแต่ก็เจ็บปวดเองทีหลัง

EunJin : ตอนนี้เหลืออีคุณภีมคนเดียวที่ยังไม่ได้ชดใช้กรรม แต่ชีวิตที่อยู่กับความรู้สึกผิดคงไม่เป็นสุขเหมือนกันค่ะ

Yร้าย : ผิดที่ความอ่อนแอของจิตใจคนค่ะ แล้วก้ความกดดันที่มากเกินคนๆนึงจะรับไหวด้วยล่ะมั้ง^^

Golem237 : เม้นท์ยาวมาก ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่เข้าใจในตัวพลและวิเคราะห์ได้อย่างลึกซึ้งจริงๆ ภีมนี่เหมือนจะเป็นคนดีนะคะ แต่จริงๆแล้วการรกระทำที่เคยทำทั้งหมดนี่แหละ บอกว่าคนๆนี้อาจจะเลวร้ายที่สุดในเรื่อง โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

      ตอนแรกเราก็คิดอยากเขียนให้คุณพลให้อภัยภีม แต่ก้ไม่เขียน เพราะคิดว่าคนอย่างภีมสมควรจะอยู่กับความรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต มากกว่าที่จะรู้สึกว่าบาปที่ทำลดน้อยลงเพราะพลยอมให้อภัย (เป็นคนเขียนใจดำค่ะ ฮี่ๆ)

yisren. : โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคะ เดี่ยวจะเอาตอนหวานๆตบท้ายให้นะ^^

RUMINA : มีคนที่ได้อ่านก่อนเคยบอกว่า ชีวิตคุณพ่อโคตรบัดซบเลยค่ะ

○TeaCafé○ : ภีมมันเป็นตัวร้ายที่กระทั่งคนเขียนยังใจดำไม่ให้คุณพลให้อภัยเลยค่ะ

primmi : คุณเพ็ญน่าสงสารนะคะ อย่างที่บอกมาเลย ว่าทั้งๆที่รักพลแต่พลไม่เคยรักสักนิด มีลุกก็เพื่อสืบสกุล ไม่มีความรักปนมาแม้แต่น้อย แถมยังซวยท้องกับภีมอีก จะให้เย็นชากับทุกคนก็ไม่แปลก ส่วนอิภีม...ขุดหลุมฝังมันไปเลยค่ะ ผิดจริงอะไรจริง

kny : /กอดโอ๋

หมอตัวเปียก : คุณพลไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังอยู่ให้อิภีมรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต

Baitaew : เรื่องซายน์อัสซี่จะมีแทรกๆอยู่ในเนื้อเรื่องหลังจากนี้ค่ะ ตอนนี้กำลังชอบเคะแบบอัสซี่มากๆ อยากขย้ำ(?)

 
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 42 [18/12/12] รักฝังใจ
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 19-12-2012 13:53:59
พลภัทรเหมือนจะยอมรับอะไรได้  แต่ก็ยังเห็นแก่ตัวและใจแคบในบางเรื่องอยู่ดี
พี่เดฟทำแบบนี้ก้เหมือนกับบังคับใจปันปันมากพอดู  ทางสายกลางน่ะพี่  ทำได้มั๊ย ฮึ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 42 [18/12/12] รักฝังใจ
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 19-12-2012 14:08:24
อ่านแล้วหมดแรง
มีประเด็นทุกคนเลย >> ทำให้ชอบมากและอินไปกับตัวละครทุกตัวเลย
ทั้งเห็นใจและสมน้ำหน้าไปพร้อมๆกัน จนแยกไม่ออกแล้ว

ใครจะปล่อยวางได้ก่อนล่ะเนี่ย T____T
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 42 [18/12/12] รักฝังใจ
เริ่มหัวข้อโดย: RUMINA ที่ 19-12-2012 18:04:40
เรื่องนี้ช่างบีบอารมณ์ เข้าถึงใจตัวละครสุดๆ เดฟกลับไปหาปันเถอะน้า~~~~
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 42 [18/12/12] รักฝังใจ
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 19-12-2012 19:37:23
เฮ้ออ ~ ไม่รู้จะเข้าข้างใครดี  :เฮ้อ:
อยากให้น้องกับพี่เดฟกลับมาคุยกันเร็วๆจัง   :monkeysad:
รอตอนต่อไปนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 42 [18/12/12] รักฝังใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 19-12-2012 20:25:04
อเมริกันแอททิจูดสุดๆเลยนะพี่เดฟ

สารภาพว่าเข้ามาอ่านจากคำแนะนำของเพื่อนนะครับ คุณไลท์ที่น่ารัก (Golem237) แนะนำมาว่าเรื่องนี้ปมอดีตซ่อนเงื่อนสุดๆ มาอ่านแล้วก็พบว่าจริงแฮะ เรื่องวิเคราะห์ตัวละครผมจะปล่อยให้ไลท์ทำตามหน้าที่นิสิตอักษรศาสตร์ที่ดีละกันครับ (ฮา)

ชอบรีเลชั่นของพลภัทรกับปัณวิทย์ในตอนเด็กมาก (ชอบในกรณีนี้ไม่ใช่เชิง incest นะครับ) มันเป็นความรักที่เทิดทูนบริสุทธิ์ และมันดูน่ารักมากสำหรับการนิยามคำว่า 'ครอบครัว' พอโตมา ถึงพลภัทรจะหมดศรัทธาในตัวคนอื่นๆ แต่ปัณวิทย์ยังมีศรัทธาในตัวพ่อของเขาที่แรงกล้า จุดนี้นี่แหละที่ผมมองว่ามันเป็นความรักของลูกที่น่าชื่นชมมาก ลูกที่ยังรักในตัวพ่อจนวินาทีสุดท้าย มันเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อน ซาบซึ้งมาก

ผมคิดว่าปัณวิทย์ทำถูกแล้ว (อันนี้อาจจะเห็นส่วนตัวไปนิด) เพราะว่าตอนนี้พลภัทรไม่มีที่พึ่ง เขากำลังเคว้งคว้างไม่มีหลักยึดเหนี่ยว เปรียบเหมือนเอดิปัสในยามแก่เฒ่าที่ถูกไล่ออกมาจากธีบส์โดยญาติมิตรของตนเอง เอดิปัสไม่มีความสุขและต้องทุกข์ทรมานตลอดเวลาก่อนเสียชีวิต แต่บุตรสาวทั้งสองคนของเขายินดีที่จะทิ้งสมบัติของพวกนางในธีบส์ และยอมเนรเทศตัวเองตามบิดาของพวกนาง เพื่อที่จะดูแลและทำให้บุพการีมีความสุข นับเป็นคุณธรรมที่ประเสริฐอย่างยิ่ง

ความดีของคนไม่ได้ตัดสินกันที่รสนิยมของเขา แต่ตัดสินที่การกระทำและความเชื่อมั่นในศรัทธาของจริยธรรมอันประเสริฐต่างหาก

ถ้าถามผมว่าทำไมไม่ปล่อยให้ปัณวิทย์ตามชยางกูรไปทีหลัง ผมว่าระหว่างความรักแบบ eros กับความรักแบบ agape แล้ว ความรักแบบ Agape มีผลต่อจิตใจคนด้านดีมากกว่า สายสัมพันธ์ของครอบครัวที่อบอุ่นและยึดมั่นในศรัทธาแห่งความเชื่อใจ มันเทียบไม่ได้เลยกับความรักที่ร้อนแรงแบบหนุ่มสาว เพราะแบบแรกมันมีพลังกว่ากันเยอะ อีกอย่างหนึ่ง ตามที่ไลท์เคยกล่าวไว้แล้ว พลภัทรน่าสงสาร เขาถูกความเลวร้ายโดยบังเอิญทำลายตัวตน เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่าเป็นคุณ และคุณมีคุณพ่อที่โดนแบบนี้ และตอนนี้เคว้งคว้างไม่มีที่ยึดเหนี่ยว มีโรคความดันประจำตัวอีก คุณจะเลือกเขาหรือเลือกคนรักกันล่ะ?

ชยางกูรยังดีที่เข้าใจตัวเองว่าเห็นแก่ตัวในระดับหนึ่ง แล้วก็ดีมากที่รู้ตัวว่าไม่มีสิทธิ์จะไป judge พลภัทรจากมุมมองของตัวเอง เพราะเอาตามจริงๆแล้ว ทัศนคติของชยางกูรแบบที่ถูกทิ้งให้โตในอเมริกา มันจะไปขัดกับกระบวนการคิดเชิงกตัญญูของปัณวิทย์ซะมากๆเลย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 42 [18/12/12] รักฝังใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 19-12-2012 20:49:36
สงสารคุณพ่อนะ
แต่ก็ทำตัวเองจริงๆ
ว่าแต่พี่เดฟกะปันจะเป็นไงล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 42 [18/12/12] รักฝังใจ
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 19-12-2012 22:08:22
ทำไมพลภัทรยังไม่ยอมเข้าใจนะ?


หรือ เข้าใจ..แต่ทำไม่ได้?  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 42 [18/12/12] รักฝังใจ
เริ่มหัวข้อโดย: U_Ton ที่ 20-12-2012 01:11:28
 :a5: ไม่รู้ยังไง เเต่ใจนึงก็กลัวพี่เอสนะ เหมือนจะยังผูกพัน เเละต้องการความสัมพันธ์กับใครสักคนที่เเน่นเเฟนพอ

แบบที่ไม่ใช่ทำร้ายร่างกายเพราะหึงหวงประมาณนั้น... แต่พี่เค้าก็เคยเจอปัน คงไม่ทำร้ายเด็กน้อยหรอกนะ...

แต่ฟังคำพูดเเต่ละคำแล้ว ชวนอดคิดไม่ได้ ยามที่ไม่มีใครนี่เเหละน่ากลัว กำลังต้องการที่ยึดเหนี่ยวเเละพึ่งพิง

ฟังดูมองโลกในเเง่ร้ายจัง555... ไม่กลัวใจพี่เดฟหรอก แต่กลัวใจพี่เอสนี่เเหละ ดูอาลัยลึกๆยังไงไม่รู้...

เดฟโหดนะ เล่นอย่างนี้ รู้ทั้งรู้ว่าจะดีจะร้ายปันก็ผูกพันเเละรักพ่อมาตั้งเเต่เด็ก เป็นลูกรักที่ถูกผลักออกจากอก...

ทั้งที่ยังต้องการความอบอุ่น และอ้อมกอดพ่อ... แต่โดนผลักครั้งนี้รวมทั้งเเม่ด้วยที่ไม่ยืนมือมารับปันคิดดูสิ

ปันยังขาดตรงจุดที่เด็กเล็กๆคนนึงยังต้องการอยู่ เดฟเองยังมีเเม่ที่รักเเละรอพ่อ อย่างน้อยก็ยังได้อบอุ่นใจ...

ปันรักเดฟ แต่ปันก็รักพ่อ ความรักสองอย่างนี้ เราไม่จำเป็นต้องเลือกไม่ใช่เหรอ... :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 42 [18/12/12] รักฝังใจ
เริ่มหัวข้อโดย: naamsomm ที่ 20-12-2012 22:46:04
ตามอ่านทันแล้ว
ชีวิตน้องปันนาสงสารมากเลย
ตอนคุณพ่อไม่เข้าใจ  ก็ยังมีพี่เดฟ
แต่พอมีคุณพ่อ  พี่เดฟดันไม่เข้าใจอีก
เมื่อไหร่ชีวิตจะสมบูรณ์ซะทีนะน้องปัน
จริงๆแ้ล้วเห็นด้วยกันน้องปันนะ
ที่ไม่ทิ้งคุณพ่อ

หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 43 [22/12/12] ห่างไกล
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 22-12-2012 12:21:04


Kagehana : เอารักแรกอิเดฟมาให้นุงนัง แต่อิเดฟมันไม่หวั่นไหว(ละมั้งนะ ฮ่าๆ) ฝากพี่เอสแมวน้อยไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ






-43-






ร้านหนังสือมือสองที่ใช้เวลาเดินไม่ไกลนักจากบ้านของเขา อิสราอยู่อเมริกามาตั้งแต่เกิดเพราะบิดาตัดสินใจมาขุดทองที่นี่ จึงไม่ได้อยู่อย่างลำบากอะไร แม้จะมีลูกชายเป็นเกย์ก็ไม่ได้ถูกต่อว่าอะไร-- แต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับเจคอบ เขาไม่กล้าเอ่ยปากให้ใครช่วยเหลือ


...เพราะเหมือนกับเป็นการตอกย้ำว่าทางเดินที่เขาเลือกนั้นอันตราย


ชายหนุ่มไล่สายตาไปบนชั้นหนังสือเพื่อดูว่ามีหนังสือน่าสนใจไว้อ่านเล่นฆ่าเวลาบ้าง และจะได้ดึงเอาความสนใจของตัวเองมาอยู่ที่หนังสือ ไม่ใช่ชยางกูร


“เฮ้อ...” อิสราถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงคนที่รออยู่ ทั้งๆที่คิดว่าไม่น่าจะรู้สึกอะไรกับอีกฝ่ายแล้ว แต่พอต้องกลับมาอยู่ใต้หลังคาเดียวกันสองคนแบบนี้ เขาก็อดคิดถึงวันเก่าๆไม่ได้


...บางที ถ้าเขาหนักแน่นกว่านี้ ตอนนี้ก็อาจจะยังอยู่กับชยางกูรก็ได้


“ไฮ เอส” เสียงทุ้มต่ำที่ตามมาพร้อมร่างสูงใหญ่บล็อคทางเดินระหว่างตู้จนหมด เจคอบก้มลงมองคู่กรณี...ที่เรียกว่าอดีตคนรัก แล้วแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ


“ไอ้หนูน้อยนั่นไม่มาด้วยเหรอ”


“จ เจคอบ...” ดวงตาของอิสราเบิกกว้าง มือรีบคว้าเอาโทรศัพท์ในกระเป๋าเพื่อจะรีบกดโทรออกทันที


มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่มือถือเครื่องเล็กแล้วหย่อนลงบนพื้นก่อนจะเหยียบซ้ำ มือข้างเดียวกันคว้าที่คอเสื้อตัวบางแล้วกระชากร่างผอมของอิสราเข้ามาจูบอย่างรุนแรง


“!!?” คนที่สู้แรงไม่ได้ยังพยายามผลักไสอีกฝ่ายออกแต่ก็ดูไม่เป็นผล พอเรียวลิ้นอุ่นร้อนสอดเข้ามา อิสราไม่รอช้ารีบกัดลงทันที


-พลั่ก-


ร่างเพรียวถูกผลักออกก่อนจะตามด้วยฝ่ามือหนาที่ตวัดตบลงบนใบหน้าขาว เจคอบปาดเลือดที่ซึมออกมาพลางจ้องมองด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ


“บ้าชิบ ไอ้หนูนั่นมันสอนมาหรือไง...ถึงได้กัดเก่งอย่างงี้”


อิสราไม่ยืนต่อความด้วย รีบย่อตัวลงเพื่อเอาตัวเองให้รอดจากการจับกุม ก่อนจะรีบเอี้ยวตัวหนีมือที่เอื้อมคว้าเอาไว้


“จะหนีไปไหน นายหนีฉันไม่รอดหรอก” มือที่แข็งราวกับเหล็กคีบจับที่ไหล่ทั้งสองข้าง เจคอบกระชากร่างบางของอิสราเข้ามาแล้วกอดไว้ในอ้อมแขน “ชอบไม่ใช่หรือไง บนเตียงยังบอกให้ฉันแรงๆ...ตอนนี้จะอายทำไม”


“ปล่อย! ปล่อยฉัน!!” แม้จะดิ้นรนอย่างไร ชายหนุ่มก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองแทบไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย


...เจคอบที่เคยคิดว่าอ่อนโยนและใจดีกลายเป็นคนเย็นชาซ้ำยังชอบทำร้ายร่างกาย


“ไปทบทวนความทรงจำกันหน่อยมั้ย” ปลายลิ้นหยาบคายลากเลียบนผิวด้านหลังลำคอ “ฉันอุตส่าหร์รอนาย..รอให้นายอยู่คนเดียวตั้งนาน”


“ไม่... ไม่เจคอบ! ปล่อยฉัน ปล่อย! ใครก็ได้!!”


“ทำอะไรกัน” ร่างสูงในชุดสูทเต็มยศก้าวเข้ามาที่ระหว่างชั้นหนังสือ นัยน์ตาคมสีฟ้าหม่นจ้องมองคนทั้งคู่ด้วยแววตาคล้ายจะไม่พอใจนิดๆ


“ที่นี่ร้านหนังสือ รักษาความสงบหน่อย”


“ช่วย... ด้วย...” อิสราไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะมองว่ามีเรื่องอะไร แต่ในตอนนี้การยื่นมือขอความช่วยเหลือเป็นสิ่งเดียวที่เขาคิดออก


“อย่าเสือก! คนนี้เมียฉัน แค่ทะเลาะกัน...” มือใหญ่ปิดริมฝีปากที่ทำท่าจะพูดต่อ “เดี๋ยวก็เคลียร์ได้ โทษทีที่เสียงดัง”


คนที่ถูกปิดปากเอาไว้พยายามส่งสายตาขอร้อง อ้อนวอนให้อีกฝ่ายไม่เชื่อสิ่งที่เจคอบพูด


“ผมว่าคุณปล่อยเขาดีกว่า” ชายร่างสูงแตะที่ข้อมือแล้วดึงออก “ผมเห็นข้างหน้ามีตำรวจอยู่ ถ้ายังไงลองไปเคลียร์ที่เขามั้ย”


“แม่งเอ๊ย!” เจคอบที่ได้ยินคำว่าตำรวจรีบผลักอิสราออกจนชนชั้นหนังสือ หนังสือเล่มหนาหลายเล่มร่วงลงบนพื้นแต่เจ้าตัวที่กลัวความผิดก็ไม่คิดจะเก็บมัน เขาวิ่งออกไปจากที่ที่ยืนอยู่หากแต่แววตาเอาเรื่องบอกว่ายังไม่จบแค่นี้แน่


อิสราถอนหายใจออกมาก่อนจะหันมากล่าวขอบคุณกับคนแปลกหน้าที่ยอมยื่นมือช่วยเหลือ ร่างโปร่งบางย่อลงเก็บหนังสือที่กองเกลื่อนอยู่กับพื้นขึ้นมาทีละเล่ม


“คุณควรไปแจ้งความนะ” หนุ่มใหญ่ย่อตัวลงช่วยเก็บหนังสือไว้เต็มอ้อมแขน “กฏหมายของเราค่อนข้างจะเอาเรื่องกับกรณีทำร้ายร่างกาย...ถึงจะเป็นพาร์ทเนอร์กันก็ตาม”


“... ขอบคุณ... ครับ” อิสราเอ่ยขอบคุณอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มจางๆมอบให้


“ผมโคลตัน....” ทันทีที่เก็บหนังสือเสร็จ หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบก็แนะนำตัวเองพร้อมนามบัตรที่ยื่นส่งให้


เขาปัดผมที่หลุดลุ่ยออกจากใบหน้าแล้วจึงรับมาอ่าน


“... เป็นทนาย... เหรอครับ”


“ครับ ถ้าไม่มีธุระอะไร ไปนั่งทานกาแฟกันมั้ย”


แม้จะนึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ด้วยคิดว่าไปทานกาแฟเป็นการขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือเมื่อครู่คงไม่เป็นไร


“ให้ผมเลี้ยงนะครับ”






///////////////////////////////////////////////////





บรรยากาศในร้านกาแฟเป็นไปอย่างเรียบง่าย โคลตันจิบกาแฟดำควันกรุ่นสลับกับโดนัทชิ้นเล็กๆที่อีกฝ่ายมีน้ำใจสั่งมาเผื่อ


“คุณอยู่แถวนี้เหรอ มิสเตอร์อิ-สะ-รา”


“เรียกเอสก็ได้ครับ ไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้” เจ้าของชื่ออิสราอมยิ้มกับสำเนียงแปร่งปร่าของอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยให้เรียกชื่อเล่นได้ตามใจ


อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศสบายๆ เขาถึงได้รู้สึกผ่อนคลายลงจากเหตุการณ์เมื่อครู่


“โอเคเอส คนเมื่อกี้เป็นแฟนคุณเหรอ”


“... อ่า... แฟนเก่า... น่ะครับ” อิสราก้มลงมองแก้วกาแฟที่สองมือประคองไว้กับโต๊ะ “เลิกกันแล้ว...”


“แล้วเขาทำแบบนั้น ผมหมายความว่าข่มขู่ บ่อยหรือเปล่า” โคลตันกัดโดนัทอีกคำ ท่าทางนิ่งเงียบของอีกฝ่ายทำให้เขาพูดต่อ “ผมติดนิสัยทนายไปหน่อย ขอโทษนะ ถ้าคุณไม่อยากพูดถึงก็ไม่เป็นไร กินกาแฟเถอะ”


“... ผม... ทนไม่ไหว ถึงได้เลิกน่ะ” เขายิ้มอ่อนแรงให้


ท่าทางที่เหมือนแมวบาดเจ็บกำลังห่อตัวเลียขนทำเอาโคลตันอดนึกสงสารขึ้นมาไม่ได้ ข้อหนึ่ง...เขารักแมว ที่อพาร์ตเมนท์มีเจ้าเหมียวอ้วนพีถึงสามตัว ข้อสอง...เขาทำคดีเกี่ยวกับเรื่องทารุณกรรมในครอบครัวมามาก แต่ก็ยังอดเห็นใจเหยื่อไม่ได้สักที


“ถ้าเป็นการกระทำร้ายแรง กฏหมายช่วยคุณได้ หรืออย่างน้อยก็แจ้งความให้ตำรวจสั่งให้เขาอยู่ห่างคุณ ผมว่าเป็นทางออกที่ดีนะ” นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นมองผิวแก้มที่ช้ำนิดๆ....เหมือนแมววิเชียรมาศที่เขาได้รับเป็นของขวัญวันเกิด ท่าทางดูเก่ง...แต่จริงๆแล้วอ่อนแอ เพียงแต่เจ้าลูคัสของเขาเป็นเจ้าเหมียวช่างอ้อน ไม่ใช่แมวบาดเจ็บอย่างคนๆนี้


“... ทำแบบนั้นแล้ว... จะช่วยได้เหรอครับ” ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อในกฎหมายที่นี่ แต่เพราะยังเห็นคนหลายคนที่เป็นเหยื่อได้แม้จะมีตำรวจคุ้มกัน


“อืม...จะว่าร้อยเปอร์เซ็นก็คงไม่ใช่ แต่ก็คงดีกว่าอยู่คนเดียวอย่างนี้” กาแฟที่เริ่มเย็นแล้วถูกยกขึ้นจิบในอึกเดียว โคลตันหมุนถ้วยกาแฟในมือ ลวดลายที่เป็นปลายลูกศรหยุดลงในขณะที่ชี้ไปทางอิสรา ชายหนุ่มยิ้มนิดๆ....ดูท่าว่าการพบกันคราวนี้จะเป็นเรื่องของโชคชะตาเสียแล้ว


“ขอนามบัตรผมคืนหน่อยสิ”


“หือ ได้ครับ” อิสราเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจก่อนจะส่งนามบัตรคืนให้


“... ทำไม เหรอครับ”


โคลตันตอบคำถามด้วยตัวเลขบนด้านหลังของนามบัตรก่อนจะส่งคืนให้ “นี่เป็นเบอร์ส่วนตัวผม ถ้ามีอะไรอยากปรึกษา...ให้โทรเบอร์นี้นะครับ”


“อ๊ะ ขอบคุณมากครับ” เขารับเอานามบัตรกลับมาขณะมองที่ตัวเลขบนหลังบัตรแล้วค่อยเอ่ยต่อ “... วันนี้ ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือนะครับ โทรศัพท์ถูกเหยียบเสียพังไปแล้ว ถ้าไม่รีบกลับเดี๋ยวรูมเมทจะกังวลเอาได้...”


“โอเคเอส ไว้เจอกันนะ” โคลตันไม่รั้งตัวเอาไว้ เขาเรียกพนักงานเสิร์ฟมาแล้ววางแบ็งค์ไว้บนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นยืนมอง...แมวบาดเจ็บที่ทำท่าขนพองใส่ เพราะเขาแย่งจ่ายค่ากาแฟที่ตกลงกันไว้


“ผมบอกว่าจะเลี้ยงคุณไงครับ”


“ไว้คราวหน้าแล้วกัน”


ทนายความหนุ่มใหญ่โบกมือทำท่าไม่เป็นไร เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาแล้วทำท่ายื่นส่งให้ “สักหน่อยไหม ล้างปากหลังกาแฟไง”


“ผมไม่สูบครับ...”


โคลตันยักไหล่แล้วเกล็ดบุหรี่คาบไว้หากแต่ไม่ได้จุดไฟปลายด้าน เขาโค้งตัวร่ำลาอีกครั้งก่อนจะเดินแยกไป...แม้ว่าจะนึกเป็นห่วงกลัวว่าอีกฝ่ายจะมีอันตรายจากอดีตแฟนที่ว่า


อิสรามองอีกฝ่ายจนลับตาก่อนจะหันเดินกลับไปทางบ้านของตัวเอง


ร่างบางที่อยู่เบื้องหน้าไม่ได้รับรู้ถึงรถยนตร์สีดำคันใหญ่ที่เคลื่อนตัวติดตามไปสักนิด เจ้าของมันขับตามไปเรื่อยๆด้วยระยะห่างที่อีกฝ่ายไม่น่าจะสังเกตเห็น ในหัวของโคลตันเต็มไปด้วยคำถามมากมาย...ว่าทำไมเขาต้องใส่ใจคนที่เพิ่งเคยเจอหน้าครั้งแรกอย่างนี้ด้วย


คำตอบของเขา....คือ เพราะว่าอีกฝ่ายเหมือนแมว


แมวน้อย...ที่ไม่อาจละสายตาได้






///////////////////////////////////////






“เดฟ พี่กลับมาแล้ว” เจ้าของบ้านเปิดประตูออกพลางเอ่ยบอกให้คนที่อาจจะรออยู่ได้รับรู้ถึงการกลับมา


“กลับมาช้าจัง” ชยางกูรบ่นเบาๆทั้งๆที่ยังไม่ละสายตาจากหน้าจอ


“พอดี... มีปัญหา... นิดหน่อย”


พอได้ยินอย่างนั้น ชยางกูรก็ละจากหน้าจอที่มีภาพเคลื่อนไหวของปัณวิทย์...ที่ศิวะแอบถ่ายส่งมาให้


“หน้าไปโดนอะไรมา อย่าบอกนะว่า...” ชยางกูรกัดริมฝีปากแน่น ไอ้บ้านั่นยังไม่เลิกราวีอีก...แถมยังเลือกจังหวะดีอย่างกับรอคอยเวลาที่จะอยู่คนเดียวอีก


“ผมบอกแล้วไงว่าอย่าไปคนเดียว เจอมันที่ไหน”


“ที่ร้านหนังสือ... มีคนมาช่วย... เลยไม่เป็นไร” เขารีบยิ้มให้เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย


“ไม่เป็นไรที่ไหน แก้มช้ำขนาดนี้...” ชายหนุ่มลูกครึ่งหันไปหยุดโปรแกรมวีดีโอแล้วเดินเข้าไปหยิบกล่องทำแผลของอิสรา นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างมองปัณวิทย์บนหน้าจอคอมครู่หนึ่งก่อนจะละมือมาทายาแก้ช้ำให้


“แล้วใครมาช่วยพี่ คนรู้จักเหรอ”


“ลูกค้าในร้านน่ะ... โชคดีของพี่” เขายืนนิ่งๆให้ชยางกูรได้ทำแผลให้


ปลายนิ้วสากลากไล้บนใบหน้านวลที่มีรอยช้ำเป็นปื้น รอจนยาหนืดๆเคลือบผิวจนหมดเขาถึงได้ละมือออกแล้วปิดตลับลง “คราวหน้าผมไม่ปล่อยไปคนเดียวแล้ว...”


“ไม่ เป็นไร... เดี๋ยวต้องไปซื้อมือถือใหม่ก่อน โดนเหยียบเละ...” อิสราเอียงใบหน้าหนีเพียงเล็กน้อยจากสัมผัสที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้น


ชยางกูรรับคำในลำคอแล้วป้ายมือที่เปื้อนยากับกางเกง เขาลากอิสรามานั่งหน้าคอมแล้วกดดูภาพเคลื่อนไหวในคอมต่อ


“ปันหน้าเศร้าเนอะพี่เอส...คิดถึงปันชะมัด...ป่านนี้ไม่รู้นอนหรือยัง ฟูกับฝุ่นจะคิดถึงผมมั้ยนะ” เสียงทุ้มพึมพำคล้ายกับจะพูดกับตัวเองและคนในจอมากกว่าที่จะพูดกับคนข้างกาย


“ถ้าคิดถึง พี่บอกแล้วไง ว่าให้กลับไป....” อิสราเม้มปากไว้คล้ายกลับพยายามจะกลั้นไม่ให้ความรู้สึกจริงๆของตัวเองได้เผยออกมา


“กลับไม่ได้...กลับไปแล้วปันจะไม่สบายใจ...เขาอยากอยู่กับพ่อ” ใบหน้าหล่อเหลายิ้มน้อยๆเมื่อภาพเลื่อนไปถึงอาธิปที่ผูกจุกทาปากแดงพยายามแกล้งหลอกให้ปัณวิทย์หัวเราะ


-ยิ้มหน่อยดิ่ว่ะไอ้เชี่ย กูอุตส่าห์ลงทุนขนาดนี้- เสียงแง้วๆจากในจอพูดเหมือนบ่น


-ก็ไปถ่ายแฟนมึงไป ปล่อยกูอ่านหนังสือเงียบๆน่า-


-หน้าเป็นตูดอย่างงี้คิดถึงพี่เดฟอ่ะดิ่ เฮ้ย คุณแฟนกู ซูมหน้าแม่งเลย ดราม่าสัดๆ-


-ไปทางนู้นเลย อย่ามากวน ห่า- ปัณวิทย์ยกมือขึ้นปัดมือเพื่อนที่ถือโทรศัพท์เข้ามาใกล้ออก


ภาพคลิปสั้นๆเพียงไม่ถึงนาทีจบลงเท่านั้น หากแต่ประกายในตาของคนดูกลับฉายแววสดใสขึ้นมาบ้าง


“ยังดีนะพี่เอส ดีที่ปันมีเพื่อน...ปันจะได้ไม่เหงามาก” ไม่ต้องเหงา...เหมือนเขาที่อยู่ทางนี้ แม้จะมีอิสรา แต่ก็ไม่สามารถเติมเต็มช่องว่างในหัวใจที่ขาดหายได้เลย


“ไม่เหมือนเรา ต้องมาติดอยู่กับพี่...” อิสราหัวเราะเบาๆ


“ก็ถ้าไม่มีผม...พี่เอสก็ไม่มีใครแล้วนี่นา ผมไม่ได้ลำบากสักหน่อย อยู่กับพี่ก็สนุกดี” น้ำเสียงของอีกฝ่ายทำให้ชยางกูรต้องหันไปมองแล้วตบที่ไหล่เบาๆ “ไว้รอพี่มีแฟนแล้วค่อยทิ้งผมก็ได้”


“คงเข็ด... ไปอีกนานเลยล่ะ” เขาตอบพร้อมกับยิ้มให้อีกครั้ง “เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อนก็แล้วกัน”


“อื้ม” ชายหนุ่มรับคำเบาๆอีกครั้งก่อนจะกดปุ่มรีเพลย์ซ้ำอีกรอบ...และเฝ้ามองด้วยดวงตาที่บอกว่าคนในวีดีโอสำคัญมากแค่ไหน


อิสรายังมองอีกฝ่ายอยู่ขณะที่รอยยิ้มค่อยๆหายไปจากใบหน้าตอนที่ค่อยๆเดินหายเข้าห้องน้ำของตัวเอง


เจ้าของบ้านรองน้ำร้อนลงในอ่างแล้วจึงค่อยๆเทบาธซอลท์ลงก่อนจะถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น พับวางไว้อย่างมีระเบียบ ดวงตาโศกสีเข้มจ้องมองใบหน้าปราศจากรอยยิ้มของตัวเองบนกระจกบานกลม


จากผู้ชายธรรมดาที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากหลังจากที่ได้เจอกับชยางกูร ผมที่เคยตัดสั้นตอนนี้กลับไว้ยาวประบ่า แม้ตอนที่คบกับชยางกูรเขาจะไว้ยาวแต่ว่าพอเลิกกันก็ตัดออก รู้สึกตัวอีกทีก็เหลือผมเพียงแค่ประบ่ามาตลอด ผิวพรรณที่เคยไม่สนใจดูแล ก็ใส่ใจมากขึ้น


...ทั้งๆที่ชยางกูรดีกับเขา แต่เขาที่ไม่มั่นใจในตัวอีกคนก็ทำตัวโลเลจนกลายเป็นนอกใจอีกฝ่ายไปเสียได้


พอมาตอนนี้ที่ได้กลับมาใช้เวลาด้วยกันอีกครั้ง เขากลับรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังตกหลุมรักชยางกูรเข้าอีกครั้งเสียแล้ว


อิสราหย่อนตัวลงในอ่างอาบน้ำ ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ


...มันคงดีกว่านี้ถ้าไม่ต้องมาอยู่ด้วยกัน















To be continued...
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 43 [22/12/12] ความห่างไกล...กับหัวใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 22-12-2012 12:42:55
โคลตันช่วยมาเอาแมวเอสไปทีเถอะ หวาดเสียวแทนพี่เดฟ  :m29:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 43 [22/12/12] ความห่างไกล...กับหัวใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 22-12-2012 12:54:41
รักแท้แพ้ใกล้ชิด เดี๋ยวเถอะได้มีเรื่องอีก
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 43 [22/12/12] ความห่างไกล...กับหัวใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: U_Ton ที่ 22-12-2012 13:51:45
 :เฮ้อ: อารมณ์ข้าวหกตกดินเหรอ... พี่เดฟเป็นข้าวที่พี่เอสเคยเตะทิ้ง จะด้วยเหตุผลอะไรที่ฟังไม่ขึ้นก็เถอะ

แต่ทิ้งเเล้ว ตอนนี้ข้าวก้อนนั้นมีคนเก็บไปกินเเล้ว... พี่เอสคงไม่ไปปัดมือเจ้าของเค้า เพื่อเเย่งข้าวมากิน...

เหตุผล เพราะความโลเล เหวฃงา เศร้าไม่มีใคร ชอบคนใจดี แบบนั้นใช่มั้ย... โคลตันคุณรักเเมวนี่

ช่วยรับไปเลี้ยงสักตัวสิ ทำให้หายโลเลและลงหลักปักฐานซะที... ไม่งั้นปันคงได้เสียใจเพิ่มกว่านี้เเน่...

ถ้าพี่เดฟเกิดหลงผิดไป คงได้เป็นเหมือนพี่เอสสอง ที่โลเลแล้วมานั่งเสียใจว่า อย่างน้อยๆน่าจะรักษาก้อนข้าวนั้นไว้

 :-[ พี่เดฟคิดถึงก็ไปหาสิ อยู่อย่างนี้ปันไม่ได้มีความสุขหรอก ถึงได้อยู่กับพ่อ เเต่ปันก็ยังอยากอยู่กับพี่เดฟนี่

ยังไงความรักที่ให้พ่อ กับให้พี่เดฟฟก็ไม่เหมือนกันอยู่เเล้ว เรียกว่ารักเหมือนกัน เเต่ต่างชนิดกันนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 43 [22/12/12] ความห่างไกล...กับหัวใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 22-12-2012 16:55:56
พี่เดฟฟฟ ถ้าเหงาก็กลับไปหาน้องเถอะนะน๊าา    :impress:
รอตอนต่อไปฮะ  :')
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 43 [22/12/12] ความห่างไกล...กับหัวใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: honeyhoon ที่ 22-12-2012 20:29:54
 o13
ดีใจจังมาต่ออีกแล้ว
กำลังคิดถึงอยู่พอดีเลย
สนุกมากกกกกกกกกกกกกก
มาต่อบ่อยๆนะค่ะ
 :L1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 43 [22/12/12] ความห่างไกล...กับหัวใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 23-12-2012 00:45:18
ถึงเดฟจะมั่นใจว่าจะไม่นอกใจปัน  แต่อย่าดูถูกความใกล้ชิดเชียวนะเอส   
เห็นง่ายๆเลย  ก็อย่างเดฟกับปันไง  ไม่ใช่เพราะความชิดใกล้หรอ ที่ทำให้รักกันได้แบบนี้
ถ้ารักปันจริงๆ   เว้นระยะบ้าง ขีดเส้นบ้าง เดี๋ยวจะมาเสียใจเอาทีหลังได้นะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 43 [22/12/12] ความห่างไกล...กับหัวใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: miracle22936 ที่ 23-12-2012 11:26:16
สงสารปันปัน อ่ะ T^T
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 43 [22/12/12] ความห่างไกล...กับหัวใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 23-12-2012 22:46:50
จะรอปันมาง้อเหรอพี่เดฟ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 43 [22/12/12] ความห่างไกล...กับหัวใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: RUMINA ที่ 24-12-2012 19:29:44
พี่เดฟต้องไปง้อปันสิ กลับไทยเลยน้า!!!
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 43 [22/12/12] ความห่างไกล...กับหัวใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: snice_cz ที่ 04-01-2013 01:14:48
โอ่ยพี่เอสมาหวั่นไหวไรอีกล่ะเนี่ย

พี่เดฟก็กลับไปหาปัณซิ !!!
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 43 [22/12/12] ความห่างไกล...กับหัวใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 05-01-2013 12:56:46
ตอน1-11
พึ่งได้มาอ่านอย่างจริงจัง รู้สึกว่าชอบนะ
เป็นเรื่องที่ดูสะท้อนชีวิตจริงได้อีกมุมหนึ่งเหมือนกัน
เรื่องบางคนอาจจะร้ายแรงกว่า หรืออาจจะดีกว่า
แต่มันสามารถเป็นคติสอนใจกับใครหลายๆคนได้
เพราะชีวิตเราเกิดมาได้ดีกว่าคนอื่น เราก็ต้องพยายามทำให้ดีที่สุด
#เอาล่ะปล่อยมันไป

ก็รู้สึกว่าเริ่มติดใจเรื่องนี้ทีเดียวค่ะ จะติดตามไปเรื่อยๆนะ o13 o13
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 43 [22/12/12] ความห่างไกล...กับหัวใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 05-01-2013 13:29:07
13
อา... ทำกับน้องแบบนี้ได้ยังไงกัน รู้ว่ารักแต่....
แต่มันก็สมควรแล้วล่ะ ไม่งั้นปันคงไม่รู้ใจตัวเองสักที #ห๊ะ
พอรู้ว่าเจอเหตุการณ์มายังไง ถึงได้ปิดกั้นตัวเองแบบนี้
คนไม่เคยเจอจริงๆ คงไม่คาดคิด ชยางกูรให้เวลาน้องหน่อย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 43 [22/12/12] ความห่างไกล...กับหัวใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 05-01-2013 14:08:47
17
พลภัทร = = เดฟอุตส่าไปตามกลับมา โว้ยย จะเรียกรถพยาบาลให้ปะเนี่ย - - #เรียกสิ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 43 [22/12/12] ความห่างไกล...กับหัวใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 05-01-2013 14:16:01
18
นั่นไง ว่าละ - - คือรัก แต่ก็เกลียด ขั้นกันบางๆ
ชู้ดันเป็นเพื่อนสนิท ดราม่าแท้...
สุดท้ายคนที่น่าสงสารที่สุดอาจจะเป็นพลภัทร #คุณคนเขียนเขาว่ามาอย่างนี้
ใช่ไหมคะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 43 [22/12/12] ความห่างไกล...กับหัวใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 05-01-2013 14:24:06
19
น่ารักมากเลยเดฟ  o22
ที่ว่ามีมากกว่านั้น เพราะพลภัทรกับเพื่อนคนนั้นมีซัมติงกันใช่รึเปล่า
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 43 [22/12/12] ความห่างไกล...กับหัวใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 05-01-2013 15:06:02
20
น่ารัก หวานยาวๆ แต่ชักกลัวจะมีมาม่าชามโตๆ มาให้ได้อิ่มเอมกันอีกแล้วสิ
คุณพ่อยอมได้รึยังนะ ??
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 43 [22/12/12] ความห่างไกล...กับหัวใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 05-01-2013 15:21:08
21
น่ารักไปนะ พลภัทรเริ่มสงสัยใช่ไหม ?
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 43 [22/12/12] ความห่างไกล...กับหัวใจคน
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 05-01-2013 15:22:47
22
เนี่ยยยยยย น่ารักไปนะทั้งคู่!!
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 44 [06/01/13] ผู้ชายดีๆ ไม่ได้มีแค่คนเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 06-01-2013 08:36:43

kagehana : มิสเตอร์โคลตันหล่อมากกกกค่ะ ผู้ชายบ้าแมว อิ๊อิ๊ อีเดฟยังคงถูกน้องทิ้งต่อไป(?)



ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ


สวัสดีปีใหม่ค่ะ :กอด1:




-44-







“พี่ไม่ไปกับผมจริงๆเหรอ” คนที่ใส่รองเท้าอยู่หันมาถามอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล “ผมไปหาเพื่อนแป๊บเดียว แล้วเราไปหาอะไรกินกันก็ได้นะ”


“ไม่เป็นไรหรอก กลับมากินที่บ้านเถอะ เดี๋ยวพี่ทำอะไรให้กิน” อิสราส่ายศีรษะช้าๆ เพราะว่าออกไปจากบ้านคนเดียวแล้วเจอกับคนรักเก่า ทำให้เขาไม่กล้าที่จะออกไปเสี่ยง อยู่รอให้ชยางกูรกลับมาฟังดูเป็นทางเลือกที่ดีกว่า


“งั้น...ผมจะรีบกลับนะ”


“อื้ม รีบไปรีบมานะ” เขายิ้มให้ก่อนจะปิดประตูบ้านลง บ้านเดี่ยวพร้อมสวนเล็กๆในชานเมืองราคาไม่แพงอย่างที่คิดไว้ ดีที่อพาร์ทเมนต์เก่าขายได้ในราคาดี ทำให้เขาหลบหนีมาอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองได้



-ก็อกๆ-



เสียงเคาะหนักๆดังขึ้นพร้อมกับเงามืดของชายร่างสูง รอยยิ้มกว้างเผยขึ้นเมื่อเจ้าของเดินมาเปิดให้


“ลืมอะไรเหร-??!!!” ไวเท่าความคิด มือสองข้างดันประตูปิดทันทีโดยไม่รอช้า อิสรารีบตบกลอนให้เข้าที่ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องนอน


ชายหนุ่มคว้าโทรศัพท์ที่ข้างหัวเตียงมาแล้วกดโทรออกหาชยางกูร


“รับสิเดฟ... รับ...”


เสียงเคาะประตูเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับเสียงสบถหยาบคาย เจคอบตบประตูจนมือเจ็บแล้วเริ่มใช้ขาเตะถีบประตูที่กางกั้นไว้


แต่เสียงโทรศัพท์ที่ได้ยินจากในห้องทำให้อิสรานิ่งไป ถ้าโทรหาตำรวจตอนนี้อาจจะช้าเกินไป ยิ่งเสียงเตะถีบประตูดังขนาดเขายังอดสะดุ้งไม่ได้ ก็ทำให้แน่ใจว่าอีกไม่เกินสองสามครั้ง เจคอบคงเข้ามาในบ้านได้


“เปิดสิเอส หรืออยากให้ฉันพังเข้าไปจริงๆ” เสียงตะโกนทุ้มห้าวดังเร่ง


ภาพของทนายร่างสูงที่พบกันในร้านหนังสือแวบผ่านเข้ามา อิสราไม่รอช้า รีบเปิดลิ้นชักหยิบเอานามบัตรของโคลตันออกมาแล้วกดโทรออกตามเบอร์ด้านหลังที่อีกฝ่ายเขียนไว้ให้ทันที


“สวัสดีครับ โคลตันพูดครับ” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานกดรับสาย เบอร์แปลกๆที่โทรเข้าเบอร์ส่วนตัวในชั่วโมงการทำงานทำให้อารมณ์อ่านเอกสารสะดุดไม่น้อย แต่น้ำเสียงที่ตอบกลับไปยังคงทุ้มนุ่มเฉกเช่นเวลาคุยกับลูกความเสมอ


“โคลตัน ใช่มั้ยครับ” อิสราเอ่ยขอบคุณพระเจ้าในใจเมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย


“....เอส?” ปลายสายอุทานอย่างตกใจกึ่งแปลกใจ


“ขอโทษถ้าผมโทรมากวนเวลา แต่ว่าตอนนี้ ผมกำลัง”


“เป็นอะไรหรือเปล่า” โคลตันไม่ทันได้ถามต่อ เสียงโครมครามก็ดังเข้าหูโทรศัพท์ เสียงของผู้ชายอีกคนที่ตะโกนหยาบคายเสียงดังทำเขานิ่วหน้า ชายหนุ่มเหน็บโทรศัพท์แนบหูไว้กับไหล่แล้วหยิบกระเป๋าส่วนตัววิ่งออกจากสำนักงานท่ามกลางสายตาสงสัยของลูกน้อง


“เอส เอส! ได้ยินผมมั้ย”


เจ้าของชื่อไม่ได้เอ่ยตอบ แต่กลับรีบวิ่งไปปิดล็อคประตูห้องนอนของตัวเอง แล้วเข้าไปหลบในห้องน้ำก่อนจะล็อคซ้ำอีกที


...ซื้อเวลาโง่ๆ


“เอส ตอบผมหน่อย” เสียงในโทรศัพท์ยังถามย้ำ


“ฮัลโหล” เขาหยิบโทรศัพท์ในห้องน้ำขึ้นมากรอกเสียงลงไป


“ผมจะรีบไป” โคลตันกรอกเสียงอย่างเร่งรีบแล้วสตาร์ทเครื่องรถขับออกมาหา “ผมอยู่ไม่ไกล..คุณหาของป้องกันตัวแถวนั้นได้มั้ย”


“ผมจะพยายาม” อิสราวางโทรศัพท์คืนที่เดิม เขาแทบจะกลั้นลมหายใจเอาไว้ตอนที่ได้ยินเสียงประตูบ้านพังเมื่อครู่ คำว่าอยู่ไม่ไกลของโคลตันนั้น ชายหนุ่มภาวนาให้ไม่ไกลจริงๆ


“จะเล่นไล่จับกันหรือไง ออกมาได้แล้วน่า” เสียงพูดหงุดหงิดดังจากหน้าประตู เจคอบหยิบเชิงเทียนเหล็กที่เป็นของแต่งบ้านกระแทกเข้าที่ลูกบิดห้องนอน เสียงโลหะกระทบกันดังเปรื่อง...ลั่นดังทั่วทั้งบ้าน


“ไอ้ลูกชายนายไปไหนเสียล่ะ หรือว่าเบื่อของเก่าแล้ว...มาเถอะน่าเอส สำส่อนอย่างนายต้องอยู่กับฉันนี่ล่ะ ฮะฮะฮะ”


คนที่ถูกเรียกไม่เอ่ยตอบเพราะไม่อยากไปกระตุ้นอีกฝ่ายให้มาทำลายประตูนี้เร็วขึ้น แม้เพียงวินาทีเดียวก็ยังดี เขาหันมองในห้องน้ำที่ดูจะไม่มีอะไรหยิบจับให้ใช้ป้องกันตัวได้เลย


“เฮ้ จะเปิดดีๆหรือจะให้ฉันพังเข้าไปอีก” เพราะเสียงที่เงียบลงทำให้จังหวะการตีรัวเร็วขึ้น เจคอบดึงลูกบิดที่หักพังออกแล้วก้าวเข้าไปในห้องนอนของอิสรา เงารูปคนในห้องน้ำประตูกระจกทำให้เขายิ้มเหี้ยมเกรียมออกมา


“เอส...อยู่ในห้องน้ำทำไม ออกมาคุยกันสิ”


“ไม่เจคอบ กลับไป” แม้จะอยู่ห่างกันเพียงประตูกั้น แต่อิสราก็อดก้าวถอยไม่ได้ด้วยความหวาดกลัว



-เพล้ง-



เก้าอี้ไม้ในห้องถูกเหวี่ยงพุ่งทะลุกระจกห้องน้ำ มือหนาเอื้อมเข้ามาแล้วบิดลูกบิดประตู เจคอบเปิดออกแล้วเดินย่างสามขุมเข้าไปหาร่างที่ขดตัวซุกอยู่ริมอ่างน้ำ ใบหน้าคร้ามบิดเบี้ยวด้วยรอยยิ้มวิปลาสและเสียงหัวเราะในลำคอ


“หาเจอแล้ว...ที่รัก...”


“จ เจคอบ” อิสราเอ่ยเสียงสั่นขณะมองรอยยิ้มนั้นด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง


...คงไม่ทันแล้ว


มือหนาใหญ่เอื้อมไปจับที่ไหล่แล้วลากออกมาจากมุมห้องน้ำ ร่างบอบบางถูกเศษกระจกบาดเป็นทางยาว เลือดสีสดที่ออกมาจากร่างแม้จะไม่ใช่แผลใหญ่โตแต่ก็เรียกรอยยิ้มกว้างจากชายรสนิยมวิตถารที่กำลังออกแรงอยู่ไม่น้อย


“อา...ฉันเคยบอกนายไปหรือยัง ว่านายเหมาะกับเลือดจริงๆ” เจคอบขยุ้มเส้นผมอิสราให้เงยหน้าขึ้นมอง


“ปล่อย... ปล่อย ฉันเจ็บเจคอบ” แม้จะบอกแบบนั้น แต่อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะฟังอยู่แล้ว


เสียงอ้อนวอนของอิสราไปไม่ถึงหูของคนที่ใช้กำลังลากเขาออกมาถึงโซฟากลางห้อง เจคอบเหวี่ยงร่างที่เล็กกว่าขึ้นบนโซฟาแล้วฉีกทึ้งเสื้อผ้าเนื้อบางจนขาดรุ่งริ่ง ผิวกายที่มีเลือดซิบถูกฟอนเฟ้นอย่างไม่ออมแรงจากฝ่ามือหยาบจ้วงที่รุกรานร่างเปล่าเปลือย เจคอบก้มหน้าลงกัดลำคอเรียวจนเป็นรอยฟันช้ำ..กระชากราวกับสัตว์ป่าหิวกระหาย


“อึก-!!? เจ็บ ปล่อยฉัน!! ปล่อย” เขาร้องเสียงดังโดยไม่สนใจว่าจะมีใครได้ยิน เขาหวังด้วยซ้ำว่าชยางกูรจะกลับมาบ้านได้แล้ว แต่คนที่เพิ่งออกไปไม่มีทางจะกลับมาเร็วขนาดนั้นแน่ๆ


“ถอยออกมาไม่งั้นไอ้นี่ยิงนายพรุนแน่” เสียงที่ดังอยู่ข้างหลังเรียกให้เจคอบหันกลับไป แต่ฝ่ามือที่กระแทกที่ไหล่และของแข็งๆที่จิ้มหลังเขาทำให้ทำได้เพียงตวาดถาม


“ใครวะ ไอ้--” เสียงห้าวเงียบลงเมื่อสิ่งแข็งๆที่เลื่อนขึ้นมาจ่อศีรษะกระแทกเขาอีกครั้ง....ปืน...ชายวิปริตคิดขึ้นมาในหัวได้ทันที


“เอามือไพล่หลัง” โคลตันสั่งแล้วกระแทกเข่าไปที่ข้อพับทำเอาร่างสูงทรุดลงคุกเข่าอยู่กับพื้น


“โคลตัน! ระวัง!” เพราะเห็นสายตาของเจคอบที่ดูไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย


เจคอบเหวี่ยงหมัดทันทีที่สิ้นเสียงเตือน แต่คนที่คอยระวังกลับฟาดสันมือใส่ต้นคอได้ก่อน ร่างใหญ่หนาเหลือกตากว้างก่อนจะรูดตัวลงกองที่พื้นอย่างที่เรียกได้ว่าสลบกลางอากาศ โคลตันเหวี่ยงแท่งเหล็กที่แกล้งทำเป็นปืนทิ้งลงพื้นแล้วเข้าไปประคองร่างเปลือยของอิสรา


“เอส..คุณไหวมั้ย” สูทตัวหนาถูกนำมาห่อคลุมร่างที่สั่นไหวเพราะความหวาดกลัว


“ขอบคุณ ขอบคุณครับ โคลตัน”


“ไปแต่งตัวก่อนนะเอส..เดี๋ยวตำรวจกำลังมา ผมกดโทรตอนเห็นประตูบ้านคุณ” โคลตันประคองอิสราขึ้นมา เขาสบถเบาๆเมื่อเห็นแผลเล็กแผลน้อยบนผิวกาย ชายหนุ่ม 'พลาด' เผลอเหยียบเจคอบที่นอนอยู่บนพื้นไปอีกสามสี่ทีก่อนจะพาอิสราเดินไปอีกห้อง


มือสองข้างยึดเอาเสื้อสูทคลุมร่างกายไว้แน่น หัวใจของเขายังไม่ยอมเต้นช้าลงง่ายๆ ชายหนุ่มเหลือบสายตามองคนข้างๆแล้วนึกขอบคุณพระเจ้าที่ยังเห็นใจเขาอยู่ เพราะหากโคลตันมาช้ากว่านี้ เขาก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะต้องเจอกับอะไรบ้าง


“ขอโทษที่ผมเรียกตำรวจมา แต่ผมไม่อยากให้คุณเป็นเหยื่ออีก และถ้าให้ผมแนะนำ อย่าทำแผล..ปล่อยไว้อย่างนี้ โทษบุกรุกหนักไม่เท่าพยายามฆ่านะเอส” โคลตันเหลือบมอง...แมวตัวสวยที่ถูกทำร้ายเสียจนสะบักสะบอม หางลู่หูตกตัวสั่น อิสรายังคงสั่นอยู่และคงจะเป็นเรื่องยากที่จะทำให้หยุดสั่น


“... ครับ เข้าใจแล้ว...” บางทีนี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับปัญหานี้ “เจคอบ... เขาจะเจอโทษแบบไหนบ้าง... เหรอครับ”


“อืม....” จะให้บอกข้อกฏหมายกับประชาชนธรรมดาดูจะเป็นเรื่องยากไปหน่อย “อย่างน้อยๆก็จำคุกครับ แต่ผมจะเป็นทนายให้...รับรองว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกสักพักใหญ่ๆเลย”


เขามองเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่สั่นไหวก่อนจะบีบบ่าให้กำลังใจเบาๆ


“ไม่ต้องห่วง มันจะผ่านไปนะเอส....”


“... ขอบคุณครับ โคลตัน” เขาเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ แม้จะอยากยกยิ้มให้แต่ตอนนี้เขาไม่เหลือแรงจะยิ้มให้ใครแล้วทั้งนั้น


โคลตันดันหลังให้อิสราเดินเข้าไปในอีกห้อง ไม่นานนักตำรวจหลายนายก็มาถึง เจคอบถูกใส่กุญแจมือและแจ้งข้อหาที่ทนายความมือหนึ่งซึ่งตำรวจรู้จักกันดีเป็นคนแจ้ง สภาพบ้านและผู้เสียหายทำให้เรื่องการดำเนินคดีเป็นไปตามที่โคลตันคิด รวมกับฝีปากของเขา...โคลตันยกยิ้มเมื่อเห็นร่างใหญ่ถูกพานั่งบนรถตำรวจจากไปด้วยใบหน้าไร้สีเลือด


ก็สมแล้วไง...พวกใช้กำลังต้องเจอของจริง


“กาแฟสักแก้วมั้ย” ทันทีที่เหลืออยู่สองคน โคลตันก็เอ่ยปากขึ้น...ในแบบฉบับผู้ชายที่คลั่งไคล้แมว ไม่ใช่ทนายความมาดขรึมแบบเมื่อครู่


“... ไม่เป็นไรครับ... ขอบคุณ” อิสราดูจะยังไม่พร้อม เขายังนั่งอยู่เฉยๆโดยที่มือก็ยึดเอาเสื้อสูทของโคลตันเอาไว้


โคลตันไม่สนใจคำว่าไม่เป็นไร เขาหันหลังเข้าไปขอใช้ครัว ไม่นานนักก็ออกมาพร้อมกับกาแฟหอมกรุ่นสองแก้ว เขาวางให้อิสราที่โต๊ะเล็กด้านหน้าแล้วยกของตัวเองขึ้นจิบ


“เอส...จิบกาแฟหน่อย มันช่วยได้..”


เขามองหน้าของโคลตันที่รู้สึกว่าต่างจากเมื่อครู่นิดหน่อยก่อนจะยอมยกแก้วขึ้นจิบ “... ขอบคุณ... ครับ”


“ได้เลี้ยงกาแฟผมคืนแล้วนะ” ทนายความหนุ่มพูดยิ้มๆ


“... ผม ต้องขอบคุณคุณอีกรอบนะครับ ที่มาช่วย... วันนี้” เขาค้อมศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะจิบกาแฟต่อ


“พี่เอส! เกิดอะไรขึ้น” ร่างชายหนุ่มผมทองก้าวเข้ามาพร้อมของพะรุงพะรังหน้าตาตื่นทำให้โคลตันหยุดพูด นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบมองไปทางชยางกูรก่อนจะหันกลับมามองอิสรา


ชยางกูรปราดเข้ามาหาโดยโยนของในมือทิ้งไว้ที่พื้น ชายหนุ่มมองเนื้อตัวถลอกปอกเปิดและใบหน้าช้ำของอิสราแล้วรวบตัวมากอดไว้แน่นโดยไม่พูดอะไรต่อ ภาพตรงหน้าทำเอาคนมองถึงกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรขัดบรรยากาศ


“... เอ่อ ไม่เป็นไรแล้วเดฟ... พอดี คุณโคลตันมาช่วยทัน” เขาค่อยๆดันอีกฝ่ายออกเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยแนะนำ


“นี่เดฟ รูมเมทผมครับ”


ชยางกูรเม้มริมฝีปากแน่น แม้แต่ยามที่จับมือทักทายกับโคลตันเขาก็ยังมองอยู่ที่อิสรา


“ผม...ไม่น่าออกไปเลย..มันตามมาที่นี่ได้ยังไง”


“พี่ก็ไม่รู้...” เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทต่ออีกฝ่าย อิสราจึงเลือกที่จะใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกับรูมเมทที่ว่า “เอาเป็นว่า ไม่เป็นไรแล้ว...”


“ไม่เป็นไรได้ไง แผลขนาดนี้”


“โดนจับไปแล้ว ก็......” พอนึกถึงเจคอบที่เคยใจดีก็อดมีแววตาที่หม่นหมองลงไม่ได้ เขาส่ายศีรษะเบาๆสลัดเอาเยื่อใยออกไป “ก็ดีแล้ว”


“อย่าบอกนะว่าสงสารน่ะ มันทำไว้ตั้งเท่าไหร่” ชยางกูรอดนึกแค้นใจแทนไม่ได้ ชายหนุ่มหันไปหาโคลตันแล้วโค้งตัวให้ “ขอบคุณที่มาช่วยนะครับ”


“ที่จริงถ้าแจ้งตำรวจแต่แรกคงดีกว่านี้..ใช่มั้ยเอส”


“... ไม่ต้องตอกย้ำพี่ก็ได้” เขาหันหน้าหนี


“ผมว่าเขาพูดถูกนะ คุณใจอ่อนเกินไป...ถ้าคราวนี้ไม่มีใครมาช่วย ดีไม่ดีอาจจะเกิดอะไรร้ายแรงกว่านี้ก็ได้” ทนายความหนุ่มวางถ้วยกาแฟลง “เอาล่ะ..รูมเมทคุณกลับมาแล้ว ผมต้องขอตัว”


“เดี๋ยวครับ... เอ่อ... ถ้ายังไง... ให้ผมได้ขอบคุณ...” อิสราเผลอตัวไปจับเอาปลายแขนเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้


“หืม?” โคลตันมองแล้วอมยิ้มนิดๆ ดูท่าว่าแมวน้อยจะดีขึ้นแล้วหลังจากที่ถูก 'รูมเมท' กอดปลอบใจ


“ให้ผมได้ขอบคุณ... ยังไงดีครับ...”


“เรื่องแค่นี้ไม่ต้องขอบคุณหรอก ไว้ว่างๆคุณแวะเอาอาหารไปฝากสาวน้อยที่บ้านผมก็ได้”


“อาหาร? เธอชอบทานอะไรเหรอครับ” อิสรารีบถามต่อทันที


“ก็พวกอาหารเม็ด...ถ้าปลื้มมากๆก็เป็นพวกแซลมอลปรุงรส..แต่ต้องป้อนทีละคำนะ”


“เอ๋? สาวน้อยที่ว่า เป็น... หมาหรือแมวครับ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ


“วิเชียรมาศ สก็อตติช โฟลด์ แล้วก็หิมาลายันครับ” เจ้าของแมวเอ่ยตอบชื่อพันธุ์ “แวะไปเล่นได้...ถ้าคุณอยากปรึกษาเรื่องวันนี้กับผม”


“... ขอบคุณอีกครั้งนะครับ... แล้ว ผม.. จะติดต่อไปเรื่องคดี....” เขายิ้มจางๆให้เป็นการขอบคุณ


ทนายหนุ่มยิ้มให้อีกครั้งแล้วเดินออกไป เขาเตือนให้ชยางกูรรู้เรื่องล็อคของบ้านแล้วขับรถจากออกไปทั้งที่สูทเนื้อดียังคงสวมอยู่บนร่างของอิสรา


“คนดีนะเนี่ย ไปรู้จักมาตอนไหนน่ะพี่เอส”


“ก็เนี่ยล่ะ ที่ช่วยพี่ที่ร้านหนังสือ” คนตัวบางหันมาตอบก่อนจะนึกขึ้นได้ “เสื้อนี่...”


อิสราอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ “คงต้องเจอกันเร็วขึ้นแล้วล่ะ”


“แล้ว....” ชยางกูรมองไปรอบๆห้องที่เละเทะ “คืนนี้เอาไง ไปโรงแรมมั้ย”


“ก็คงต้องอย่างงั้นแหละ กว่าจะทำให้สวยเหมือนเดิมได้... เอาถูกๆใกล้ๆพอ” ชายหนุ่มถอนหายใจเมื่อมองตามชยางกูรไปรอบๆ


รูมเมทหนุ่มโอบไหล่บางเค้ามากอดเบาๆ สัญชาติญานปกป้องตัวเองของอิสราน้อยนิดนักเมื่อเทียบกับคนปกติทั่วไป เมื่อก่อนที่เคยคบกันก็ว่าแย่แล้ว แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนยิ่งหนักกว่าเก่า แม้ภายนอกจะดูเป็นผู้ชายที่พอจะดูแลตัวเองได้ แต่เอาเข้าจริง...ข้างในกลับอ่อนไหวจนต้องหาหลักมายึดอยู่เสมอ


“เอาเป็นว่าไปเก็บของจำเป็น...แล้วเราไปกัน”


“โอเค... พี่มีแค่ชุดนอนแล้วล่ะ” เขาหลับตาลงเอนพิงไหล่คนที่โอบเอาไว้เล็กน้อย


...ถ้าเรากลับไปเหมือนเดิมได้...


...ก็คงดีนะ...


“ของผม...แค่คอมก็พอ คืนนี้อัสซี่จะพาปันมานอนค้างที่บ้าน...เห็นบอกว่าจะแอบเปิดกล้องสไกป์ไว้ให้เห็นปัน” ชยางกูรพูดอย่างอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย แม้ว่าจะไม่สามารถพูดกันได้โดยตรง แต่สองเพื่อนซี้ของปัณวิทย์ยังคงแอบทำอะไรเพื่อเขาอยู่เสมอ


“... อืม งั้นก็ดีแล้ว เดี๋ยวพี่ไปหยิบชุดนอนก่อนก็แล้วกัน” เขาไม่ได้มองหน้าของชยางกูร เพราะไม่ต้องมองก็รู้ว่าสีหน้าของชายหนุ่มมีความสุขแค่ไหน


ทั้งสองคนพากันย้ายตัวเองมานอนที่โรงแรมใกล้ๆบ้านและฝากเรื่องให้คนดูแลบ้านช่วยซ่อมแซม เตียงคู่หลังโตในห้องถูกจับจองครึ่งหนึ่งด้วยร่างสูงที่นอนคว่ำ รอสัญญาณตอบรับผ่านระบบออนไลน์ที่ใช้ประจำ


“พี่นอนก่อนนะ” อิสราเอ่ยไปทั้งที่รู้ว่าคงยังนอนไม่หลับง่ายๆ แต่เขาก็ไม่อยากนั่งฟังชัดๆให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าไม่สะดวกใจ


“โทษที่พี่ เดี๋ยวผมเอาไปเล่นที่โต๊ะ นอนไปก่อนเลยนะ” มือหยาบยันตัวเองแล้วหยิบคอมเดินไปที่โซฟาเล็กๆ


“กู๊ดไนท์เดฟ” เขาเอ่ยเสียงเบาก่อนจะยกผ้าห่มขึ้นคลุมร่างเอาไว้


อิสรานึกอิจฉาปัณวิทย์ในใจที่อดีตคนรักของตัวเองยังคงใส่ใจขนาดนี้ ตอนที่เลิกกับชยางกูรใหม่ๆ เขานึกอยากรู้ขึ้นมาว่าอีกฝ่ายจะมีอาการเศร้าเสียใจแบบนี้ด้วยเหมือนกันหรือเปล่า


...แต่รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์


ชยางกูรตั้งโน้ตบุ๊คไว้บนโต๊ะกลาง ปรับหน้าจอให้พอดี และสัญญาณสีส้มกระพริบจากอาธิปก็เปิดขึ้นมา ชยางกูรมองบรรยากาศในห้องของอาธิปสักพักก่อนเจ้าของยูสเซอร์เนมจะปรับระดับจอให้พอดี....และปัณวิทย์เองก็เหมือนกับอยู่ตรงหน้าเขาทั้งที่เจ้าตัวไม่รู้เลย




/กูบอกแล้วไงว่าไม่ดูคลิปโป๊/ เสียงปัณวิทย์ดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะจ้องมองหน้าจอ /อะไรของมึงหะอัฐ/








To Be Continued.....
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 44 [06/01/13] ผู้ชายดีๆ ไม่ได้มีแค่คนเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 06-01-2013 09:56:00
อ๊ายยยยยยยยยยย โคลตันรีบรับแมวไปเลี้ยงดูเลยนะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 44 [06/01/13] ผู้ชายดีๆ ไม่ได้มีแค่คนเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 06-01-2013 12:04:49
 สวัสดีปีใหม่จ๊ะ :L2:    หาคู่ให้พี่เอส
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 44 [06/01/13] ผู้ชายดีๆ ไม่ได้มีแค่คนเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 06-01-2013 12:12:04
บางทีกว่าคนเราจะรู้ว่ามีของดีในมือก็ตอนที่เสียมันไปแล้ว

ส่วนเดฟถ้ารักปันขนาดนั้นทำไมไม่ยอมลดทิฐิตัวเองลงบ้าง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 44 [06/01/13] ผู้ชายดีๆ ไม่ได้มีแค่คนเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: U_Ton ที่ 06-01-2013 12:34:40
 :o8: โคลตันคงจะเป็นผู้ชายดีดีที่ว่าในเร็ววัน... เดฟมัวเเต่ถ้ำมอง ไม่กลับไปหาปันหน่อยเหรอ  :-[

ปันเองคงคิดถึงเดฟมาก เพราะไม่รู้เลยว่าเดฟเป็นยังไงบ้าง... ทั้งที่เดฟรู้เห็นเรื่องปันเกือบตลอดเว...

มีสายลับเฉพาะกิจคอยช่วยเหลือด้วย... แต่อย่างน้อยๆก็รู้สึกดี ที่เดฟไม่หวั่นไหว มั่นคงต่อปันเเบบนี้ :กอด1:

อิสราคงเป็นลูกแมวอีกตัวที่กำลังจะเข้าไปเป็นจ่าฝูงเเมวในอนาคตของโคลตัน... อย่างให้พี่เเกมีความสุข

ยิงปืนนัดเดียวไดด้นกสองตัว พี่เอสเเกจะได้มีความสุข ได้คนรักที่ดีและที่สำคัญ...เลิกฟุ้งซ่านเรื่องเดฟ o22
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 44 [06/01/13] ผู้ชายดีๆ ไม่ได้มีแค่คนเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 06-01-2013 12:42:00
แฟนเก่าเอสโคตรร้าย...พี่เดฟน่าจะกลับไปหาปัน แต่คงยาก :sad11:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 44 [06/01/13] ผู้ชายดีๆ ไม่ได้มีแค่คนเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: RUMINA ที่ 07-01-2013 18:50:57
รอตอนต่อไปค่า//เข้ามาอ่าน เมื่อไหร่เดฟจะกลับไปหาปันล่ะ ฮือ...
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 44 [06/01/13] ผู้ชายดีๆ ไม่ได้มีแค่คนเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 09-01-2013 00:25:24
พี่เดฟง้อด่วนนนน
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 44 [06/01/13] ผู้ชายดีๆ ไม่ได้มีแค่คนเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: snice_cz ที่ 11-01-2013 00:47:27
พี่เอสมีคู่ซะทีนะ หุหุ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 44 [06/01/13] ผู้ชายดีๆ ไม่ได้มีแค่คนเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 11-01-2013 08:14:15
จะได้เห็นหน้ากันแล้ว  :z10:
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 45 [12/01/13] ให้หัวใจนำทาง
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 12-01-2013 18:05:49



kagehana : น้องปันของเราเป็นนายเอกที่แมนมากจริงๆ  ไม่รอ ไม่ง้อให้กลับมา (แต่ไปหาแม่มเลย อิอิ)<<สปอยล์???








-45-







อาธิปเอาตัวบังหน้าจอแล้วรัวพิมข้อความไปหาคนอีกฟากฝั่งประเทศให้ตอบรับ


“ห่า กูไม่ได้ดู ออนสไกป์ทิ้งไว้เฉยๆ เผื่อมีสาวทักกู”


“สาวเหี้ยอะไร... มีไอ้ซายน์แล้วมึงจะสาวไหนอีกหา” ปัณวิทย์ยังคงทำเสียงขุ่น


“ไอ้ซายน์ก็ส่วนมัน สาวก็ส่วนสาวสิวะ ไอ้เชี่ย!! กูเจ็บ” พูดไม่ทันจบสีข้างก็ถูกยันด้วยฝ่าเท้านักบาส...กัปตันทีมคนใหม่ของโรงเรียน


“ได้กูแล้วทิ้งเหรอ เดี๋ยวจับปล้ำโชว์ไอ้ปันเลย”


“เหี้ยกูเจ็บ ดูแลแฟนด้วยตีนเหรอวะ” เขาหันไปผลักเอาแฟน... ที่ยังไม่ได้ขยับเขยื้อนความสัมพันธ์ไปจากวันนั้นเลยแม้แต่น้อย


ศิวะผลักหัวไอ้คุณแฟนตัวเตี้ยออกแล้วไปนั่งข้างๆปัณวิทย์ เขาหันกลับมาสบตาอาธิป...แล้วเอื้อมมือพาดบนพนักเก้าอี้เพื่อที่จะได้จับปัณวิทย์ได้ทันเผื่อมีอะไรฉุกเฉิน


“คุณแฟน...ไหนมึงว่าจะแนะนำสาวที่มึงคุยให้น้องปันไงวะ”


“ทำไมต้องแนะวะ กูไม่อยากรู้จักด้วย” ปัณวิทย์หันไปมองหน้าไอ้ตี๋เตี้ยทันที


“น่า ก็อยากให้ดู เดี๋ยวกูเปิดวิดีโอให้นะ” อาธิปมองตาของคนรัก(ที่ยังเรียกไม่ได้เต็มปาก)อีกครั้งเพื่อขอคำยืนยัน


หน้าจอขึ้นเป็นภาพของชยางกูรที่ยิ้มนิดๆและจ้องมองปัณวิทย์ด้วยแววตาห่วงหา ศิวะรู้สึกถึงแรงตึงที่แขนเพราะปัณวิทย์ลุกขึ้นด้วยความตกใจแต่เขากดบ่าข้างหนึ่งไว้


-ปัน...สบายดีมั้ย....-


เพื่อนทั้งสองพร้อมใจกันกดบ่าเอาไว้แบบนี้ ปัณวิทย์ก็ขี้เกียจจะต้านแรง เขามองดูใบหน้าของคนที่เคยบอกว่ารักกันมากขนาดไหน ชยางกูรดูผอมลงไปเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะการกินการอยู่ที่นู่น ไม่ได้ต้องมาพาเขากินของหวานแทบทุกวัน


เขารู้ดีว่าความรู้สึกของตัวเองที่เอ่อล้นออกมากำลังจะกลายเป็นน้ำตา แต่ปัณวิทย์ก็กลั้นเอาไว้ก่อนเอ่ยปากตอบ


“สบายดี... มีอะไร”


-......คิดถึง.....- ชยางกูรพูดสั้นๆแล้วยิ้มให้อีกครั้ง เขาไม่สามารถบอกได้ว่าคิดถึงที่ว่ามีปริมาณมากมายแค่ไหน เพียงแค่นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่าง...อาจบอกได้ไม่เพียงพอ


“... แล้วมีอะไรอีก” ปัณวิทย์จำกัดคำพูด ซ้ำยังทำเสียงให้ห้วนกว่าที่เคย


-...ขอโทษ..ที่ทิ้งปัน...ทั้งที่สัญญาไว้แล้ว....-


“ไม่ต้องพูดแล้วก็ได้ปะ... ผิดสัญญา แล้วจะพูดอะไรอีก”


“เพื่อนกู..แรงได้อีก” อาธิปบ่นเบาๆ ศิวะเมื่อเห็นว่าปัณวิทย์ดูจะเย็นลงก็ดึงแขนออกแล้วลากไอ้ตัวอยากรู้อยากเห็นให้ถอยกลับไปที่เตียงนอน


-ขอโทษ...พี่ก็แค่อยากให้ปันเลือกพี่....แต่ไม่นึกว่าปันจะไม่เอา- นอกจากจะเป็นครั้งแรกที่ได้พูดคุยแล้ว...ชยางกูรยังได้บอกความรู้สึกที่ไม่สามารถบอกได้ในวันนั้น


“ปันผิดหรือไง จะบอกแบบนั้นใช่มั้ย งั้นไม่ต้องคุยแล้ว จบ” จากที่คิดถึงกลายเป็นรู้สึกเหมือนกำลังโดนต่อว่า


...ทั้งๆที่อยากให้อีกฝ่ายรออีกหน่อยแท้ๆ


-เปล่า..ปันไม่ผิด พี่ต่างหากที่อดทนไม่พอ คุณพลดีขึ้นหรือยัง-


พออีกฝ่ายถามถึงพลภัทร สีหน้าของเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “ดีขึ้นแล้ว...”


-ฝากขอโทษด้วย...ที่พี่พูดไม่ดี-


“ไม่รับฝากหรอก ทำไมปันต้องทำให้ จะไปเที่ยวแล้ว ไปทำไรก็ทำ” ไม่พูดเปล่า ปัณวิทย์กดฝาโน้ตบุ๊คให้ปิดลงทันที


“เดี๋ยวพี่เดฟก็แอบร้องไห้หรอกมึง” ศิวะพูดนิ่งๆแต่รู้ดีว่าไอ้เพื่อนหน้าบึ้งของเขาใจอ่อนยวบกับคนที่เพิ่งปิดไปแค่ไหนแล้ว


“ไม่บอกพี่เขาไปล่ะเรื่องทุนน่ะ”


“บอกทำไมวะ เดี๋ยวก็ได้คิดว่ากูอยากไปหา...” ปัณวิทย์ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียง ไอ้ที่ว่าจะไปเที่ยวแล้วอะไรนั่นโกหกทั้งหมด


“ก็อยากไปหาไม่ใช่เหรอถึงได้สอบน่ะ” ศิวะดึงอาธิปที่นอนขวางอยู่ให้หลบมาแล้วกอดเอาไว้กับตัว


“ช่างเหอะน่า... เอาเรื่องพวกมึงให้รอดก่อนเหอะ แดกไอ้ตี๋รึยัง”


“พอกูกำลังได้อารมณ์เสือกชอบครางหงิงๆห้ามกู ถามเพื่อนมึงสิปันว่าจะให้กูแดกเมื่อไหร่” ศิวะกอดไอ้ตัวเตี้ยที่ดิ้นขลุกขลักเอาไว้...นี่ถ้าไม่ติดว่ามีปัณวิทย์ คงได้ใช้สถานที่ฝึกซ้อมการเป็นแฟนกันอีกแน่


“อย่าคุยเหมือนกูไม่อยู่ตรงนี้ได้มั้ยวะสัด ก็กูไม่อยากโดนเอา มึงเข้าใจกูหน่อยดิวะไอ้ปัน”


“ไม่อะ มึงไม่เห็นเข้าใจกู ไปติดต่อพี่เดฟ... กูไม่เข้าใจมึงมั่ง”


“ก็ถ้าไม่ติดต่อ กูกลัวมีคนขาดใจตาย...ทั้งไทยทั้งเมกาเลย” ศิวะเข้าข้างคุณแฟนของตัวเอง


“งั้นก็ไม่ต้องแดกไอ้ตี๋เลยละกันมึง กูไปนอนละ อยากนอนพัก วันหยุด เข้าใจปะ” ปัณวิทย์รวบรัดตัดความเสร็จสรรพ


“ระวังนะมึง ปล่อยไว้นานๆเดี๋ยวพี่เดฟมีเด็กใหม่อย่ามาร้องไห้ซบอกพี่อัสซี่แล้วกัน”


“โดนปล้ำไปเลยมึง” เด็กหนุ่มตาขวางลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินหนีออกไปอีกห้องแทน ค่าว่าไม่อยากจะฟังคำบ่นอะไรของเพื่อนต่ออีก


เขาตั้งใจสอบทุนเพราะอยากจะไปหาคนที่เพิ่งเห็นหน้ากันเมื่อครู่ อยากจะรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าแบบไหนตอนเห็นเขาไปหา


...จะตกใจเพราะแอบไปมีคนใหม่หรือเปล่านะ






/////////////////////////////////////





“หือ จะมาหาผมงั้นเหรอ” ในเช้าวันอากาศอบอุ่น ชยางกูรได้รับโทรศัพท์จากพิชญ์...น้องของพลภัทรที่ถูกลักพาตัวไปไว้ที่สถานบำบัดถึงสองปี เขาไม่คุ้นเคยกับคนๆนี้สักนิด...และไม่คิดด้วยว่าอีกฝ่ายจะโทรหา


-อืม ฉันคิดว่า... ฉันมีเรื่องที่ต้องบอกให้เธอรู้...-


“ก็เอาสิ ผมอยู่ที่...” ชยางกูรบอกที่อยู่ไป หลังจากวางสายเขาก็หันไปบอกอิสราว่าจะมีญาติมาหาที่บ้าน อีกฝ่ายรับคำแล้วจมจ่อมตัวเองอยู่ในโซฟาตัวนิ่ม หลังจากที่บ้านเดิมจัดการซ่อมแซมเรียบร้อย เขาก็ย้ายกลับมาอยู่ที่นี่แล้วใช้ชีวิตแบบเดิม เพียงแต่จะมีแขกขาประจำมาทานอาหารเย็นด้วยกันบ้าง พาแมวมาเล่นบ้าง


“วันนี้ตอนเย็นโคลตันจะแวะมาหา ทานข้าวเย็น...” อิสราเพียงเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ไม่ได้ขออนุญาตหรืออะไรทั้งนั้น


“อ้าว งั้นเดี๋ยวผมนัดอาพีทข้างนอกก็ได้ จะได้ไม่กวนพี่เอส” ชยางกูรยิ้มอย่างรู้ทันทนายความหนุ่มใหญ่ที่ชอบหาข้ออ้างมาหาบ่อยๆ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าจะมาแนวไหน


“กวนอะไร... ก็อยู่ด้วยอย่างทุกที ไม่เป็นไรเสียหน่อย” เขาพูดต่อโดยไม่หันมามอง ไม่ใช่ว่าเดาความตั้งใจของโคลตันไม่ออก แต่เขาที่ยังฟื้นสภาพจิตใจจากเรื่องของเจคอบไม่อยากจะวุ่นวายเท่าไหร่นัก


“ก็อาพีทมา...ผมไม่อยากให้เขารู้เรื่องที่บ้าน” ถึงจะชอบโคลตันที่ตั้งใจ...ตั้งหน้าตั้งตาจีบอิสรา แต่ก็ไม่อยากให้รับรู้เรื่องราวในบ้านที่ไม่สมประกอบของเขา


“... คุยเป็นภาษาไทย เขาไม่รู้เรื่องหรอก...” คนอายุมากกว่ายังยืนกราน


“อืม...แต่ผมว่าอย่าเลย ขอเลื่อนได้มั้ยพี่เอส” ชยางกูรออกปากขอร้อง เพราะอันที่จริง...เขาอยากจะเป็นส่วนตัวกับพิชญ์ เผื่ออีกฝ่ายอาจจะเล่าเรื่องปัณวิทย์ให้ฟัง


“ผมอยากคุยกับอาพีทนานๆ.....เรื่องปัน...”


อิสราถอนหายใจออกมาก่อนจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นเดินไปหยิบหูโทรศัพท์บ้านขึ้นมา แล้วหยิบนามบัตรของโคลตันมาดูเบอร์ ก่อนจะกดโทรออก... หาแขกประจำบ้านที่มาแทบจะทุกวัน


“ฮัลโหลเอส คิดถึงหรือไง” ทนายความหนุ่มใหญ่รับด้วยน้ำเสียงติดจะรื่นเริงนิดๆ


-... เปล่าครับ โคลตัน วันนี้เดฟจะมีแขกมา คงไม่สะดวกเท่าไหร่... เลยคิดว่าควรจะโทรมาบอกคุณก่อน-


“อืม...งั้นคุณมาเล่นกับสาวๆบ้านผมมั้ย พวกมันคิดถึงคุณจะแย่แล้ว”


คนถูกชวนเป็นฝ่ายลังเล เขาไม่แน่ใจว่าควรจะทำอะไร เพราะคิดว่าชยางกูรเองก็คงไม่อยากจะให้เขาอยู่เหมือนกัน แต่จะให้ไปบ้านของโคลตันเลย ก็...


-...ก็ได้ครับ ผมจะทานอะไรเข้าไปก่อนก็แล้วกัน จะได้ไม่ต้องลำบาก-


“ดี แม่สาวของผมรอคุณอยู่นะ แล้วเจอกัน” โคลตันวางสายลงแล้วยิ้มให้กรอบรูปบนโต๊ะทำงาน ผู้ชายเอเชียร่างเล็กที่กอดแม่สาวน้อยทั้งสามของเขาไว้ยิ้มหวานทั้งตาทั้งปาก...โดยที่ไม่รู้ตัวว่าถูกแอบถ่ายไว้สักนิด


“คุณนี่เก่งชะมัด...จัดการทั้งคนทั้งแมวได้อยู่หมัดเลย”





///////////////////////////////////////////////////





อิสรามายืนอยู่หน้าประตูบ้านของทนายความอารมณ์ดีอีกครั้ง เขามองถุงขนมแมวในมือก่อนจะถอนหายใจออกมา เป็นฝ่ายบอกไว้ชัดเจนแล้วว่าจะทานอะไรเข้ามาก่อน แต่มัวแต่เดินเลือกขนมให้แมวสาวทานเล่นจนลืมดูเวลา


เขาเอื้อมมือไปกดออดแล้วยืนรอ


“ฮาย เข้ามาสิ” หนุ่มใหญ่ร่างสูงที่อุ้มหิมาลายันตัวอ้วนมาต้อนรับกล่าวพร้อมกับส่งแม่สาวน้อยในอ้อมแขนให้


“ครับ ว่ายังไง คาร่าคนสวย” อิสรายิ้มทักทายเจ้าของบ้านก่อนจะเอื้อมมือไปรับเอาเจ้าคาร่ามาอุ้มเอาไว้พร้อมรอยยิ้มที่กว้างขึ้น


“แม่สาวตัวนี้พอบอกว่าคุณจะมาก็ไม่ยอมกินอาหารแมวเลย เขาคงรู้ว่าคุณต้องเอาของมาฝาก....ตามใจเหลือเกินนะเอส” โคลตันหยอกเจ้าตัวขนฟูในอ้อมกอดอิสราจนร้องหง่าว


“มาหาสาวๆ จะไม่มีขนมติดมือมาได้ยังไง จริงมั้ยคนสวย”


“ไม่มีมาฝากพ่อสาวๆมั่งเหรอครับ”


“... ไม่มีครับ ขอโทษด้วย... พอดีเดินเลือกขนมเพลิน...” อิสราได้แต่ยิ้มแห้งๆส่งให้ก่อนจะก้าวเข้าไปข้างในตัวบ้าน


โคลตันเดินตามหลังอิสราไป เจ้าเหมียวสองตัวที่นอนนิ่งอยู่บนโซฟาลุกผึงแล้วเดินย่างเท้าเข้ามาคลอเคลียปลายเท้าชายหนุ่มที่มาใหม่ ทนายหนุ่มอุ้มเจ้าฮาน่า...สก็อตติช โฟลด์ สีซิลเวอร์ขึ้นมาข้างหนึ่ง ส่วนแม่ลูคัส วิเชียรมาศสาวแสนสวยก็กระโดดผึงขึ้นยืนบนไหล่เรียบร้อยแล้ว


“แสดงว่ายังไม่ได้ทานข้าวมาล่ะสิ”


“ก็... ประมาณนั้น... ครับ” อิสราหัวเราะเบาๆก่อนจะนึกต่อว่าตัวเอง


“งั้นจะรออะไรล่ะ.....สาวๆ ไปเข้ามุมนอนก่อนนะ” โคลตันจับสามสาววางบนพื้นแล้วแตะหลังมือ หนุ่มใหญ่ไม่ได้เกี่ยวหรือทำอะไรมากกว่าแตะที่หลังมือสีซีด แต่เพราะดวงตาอบอุ่นทำให้อิสรายอมเดินตามไป


โคลตันไม่ได้เลื่อนเก้าอี้ให้เหมือนสาวๆ แต่เขารอให้อิสรานั่งลง เขาหมุนตัวไปยกจานสเต็กซี่โครงอบที่ทำเอาไว้มาวางตรงหน้า พร้อมกับเปิดไวน์แดงรินให้ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกัน


“สักหน่อย กินเสต็กไม่มีไวน์ก็เหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง....คุณว่าจริงมั้ย”


ชายหนุ่มเอเชียยิ้มให้จางๆก่อนจะเอ่ยตอบ “ครับ... ผมไม่เถียง” อิสรารอให้อีกฝ่ายนั่งลงเรียบร้อย จึงค่อยใช้ส้อมกดชิ้นเนื้อแล้วใช้มีดหั่นเป็นคำเล็กๆ


“อืม... อร่อยครับ”


“ไวน์ล่ะเอส” นัยน์ตาสีฟ้ามีรอยประกายระยับนิดๆ พร้อมกับแก้วที่ยกขึ้นสูง


“cheers ให้กับ....เพื่อนใหม่ของผม”


เขายกมือขึ้นตามก่อนจะเอ่ยตอบ “cheers” แล้วค่อยจิบไวน์ตามมารยาท


ป่านนี้ชยางกูรน่าจะกำลังคุยกับคนที่เป็นญาติ แล้วก็คงจะได้ถามข่าวคราวเกี่ยวกับปัณวิทย์— คนรักที่ยังไม่ลืมเลือน


“นี่เอส.....” คนพูดเว้นเสียงรอให้เจ้าของชื่อหันมา “อยู่กับผม...แต่คิดถึงคนอื่นได้ยังไง”


“อ... ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ....” ใบหน้าของอิสราซับสีเข้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกจับได้ เขาหันกลับมามองหน้าเจ้าของบ้านแล้วเอ่ยถาม


“เมื่อกี๊ว่าอะไรนะครับ”


“ช่างเถอะ..เอาเป็นว่าตอนนี้ผมจะปล่อยผ่านไปก่อน แต่ต่อไป...อีกไม่นาน” ทนายหนุ่มจ้องดวงตาคู่สวยแล้วยกยิ้มจางๆ “ผมจะทำให้คุณ...คิดถึงแต่ผม คอยดูแล้วกัน”











To Be Continued......






หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 45 [12/01/13] ให้หัวใจนำทาง
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 12-01-2013 18:17:58
 :a5:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 45 [12/01/13] ให้หัวใจนำทาง
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 12-01-2013 18:23:43
โคลตันนี่เป็นคนดีจริงๆนะเนี่ย ถ้าพลาดคราวนี้นะเอส น่าจะรอไปอีกนานเลยล่ะกว่าจะเจอคนรักจริงหวังแต่งแบบเนี้ย :z1:
น้องปันไม่บอกเรื่องจะไปเรียนที่อเมริกากับพี่เดฟอะ เดี๋ยวอีกฝ่ายทนคิดถึงไม่ไหวแล้วบินสวนกัน เสียเวลาปรับความเข้าใจกันแย่เลย :z3:
แต่ไงก็จะได้เจอกันนี่เนอะ ดีใจแทนจริงๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 45 [12/01/13] ให้หัวใจนำทาง
เริ่มหัวข้อโดย: miracle22936 ที่ 12-01-2013 18:51:39
อ๊ากกก ตอนใหม่มาแล้วววววว ... อยากอ่านพาทของเดฟว่าคุยอะไรกันบ้าง
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 45 [12/01/13] ให้หัวใจนำทาง
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 12-01-2013 19:57:18
จะมาเซอไพรส์หรอปัน  :-[
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 45 [12/01/13] ให้หัวใจนำทาง
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 12-01-2013 21:42:24
ตอนนี้น้องแมวแย่งซีนอ่ะ  เราโฟกัสไปที่คาร่าเลย  อยากฟัด
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 45 [12/01/13] ให้หัวใจนำทาง
เริ่มหัวข้อโดย: RUMINA ที่ 12-01-2013 22:00:07
อั้ยย่ะ ระวังหัวใจไว้ให้ดีๆนะเอสจัง
อยากรู้จังค่ะว่าอาพิชจะคุยเรื่องอะไรXD
ปันน่ารักอ่ะ จะสอบชิงทุนไปหาเดฟด้วย กรี๊ดๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 45 [12/01/13] ให้หัวใจนำทาง
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 12-01-2013 22:19:15
สงสารพี่เดฟอะ ปันใจร้าย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 45 [12/01/13] ให้หัวใจนำทาง
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 12-01-2013 22:31:44
มากันสองคู่เลย
แต่คนละแนว
คู่นึงง้อคู่นึงจีบ 5555

หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 45 [12/01/13] ให้หัวใจนำทาง
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 12-01-2013 23:34:57
เพิ่งได้อ่านค่ะ (ไม่รู้ว่าพลาดไง) ทรมานหน่วงมาก (ชอบหลาย)แต่ในความหน่วงก็แฝงน้องปันที่ทำให้ใจชื้นไปกับความน่ารักเสมอ เรื่องนี้ได้แนวคิดเยอะมากค่ะ เป็นนิยายที่ดีอีกเรื่องที่อ่าน ^^
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 45 [12/01/13] ให้หัวใจนำทาง
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 13-01-2013 08:31:44
ตอนนี้มาสามคู่เลย
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 45 [12/01/13] ให้หัวใจนำทาง
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 13-01-2013 10:31:47
ปันมาเร็วๆนะ พี่เดฟรออยู่  :mc3:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 45 [12/01/13] ให้หัวใจนำทาง
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 14-01-2013 02:55:31
บรรทัดแรกสุดเลยที่บอกว่า'คนอีกฟากฝั่งประเทศ'อ่านแล้วให้ความรู้สึกว่าอยู่ในประเทศเดียวกันแต่เป็นเหนือกับใต้ หรือออกกับตก
 น่าจะใช้คำว่า'คนอีกซีกโลก'มากกว่านะ จะได้ให้ความรู้สึกว่าเป็นไทยกับอเมริกาน่ะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 45 [12/01/13] ให้หัวใจนำทาง
เริ่มหัวข้อโดย: snice_cz ที่ 24-01-2013 00:04:56
อ๊ากก อยากอ่านปัณเยอะๆ ฮ่า ดีแล้วที่พี่เอสเจอคนดี :D
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 46 [26/01/13] ความจริงที่แกล้งลืม
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 26-01-2013 01:45:49

Kagehana : แอบอัพตอนดึก นึกครึ้มใจ ฮ่าๆ อีกไม่กี่ตอนจะจบแล้วนะคะ

 อาพีทของเราโผล่มาแล้ว /ยกป้ายไฟ :-[

เราว่า เมื่อเทียบกับคนที่รักมั่นคงแล้ว บนโลกนี้อาจจะมีคนอ่อนไหวแบบพี่เอสอยู่มากกว่าก็ได้ ยังไงก็ฝากพี่เอสน้อยๆไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ ได้เจอคนดีๆแล้วก็อย่าเบื่อง่ายๆล่ะ


ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ  :กอด1:






-46-






พิชญ์ก้าวเข้ามาในบ้านเดี่ยวหลังเล็กของอิสราโดยไม่ลืมที่จะหันไปมองสบตากับคนที่ไม่ยอมลงจากรถ ก่อนจะยิ้มให้อีกทีแล้วปิดประตูบ้านลง


“นี่เป็นครั้งแรก ที่เราจะได้คุยกันจริงๆจังๆ ใช่มั้ยเดฟ” ผู้มีศักดิ์เป็นอายิ้มให้กับคนตัวสูงกว่าอย่างเป็นมิตร


“ครับ....ปันเป็นยังไงบ้าง คุณ...อาพีท”


“... เรื่องที่ฉันอยากจะคุยด้วยไม่ใช่เรื่องของปัน... ไว้ทีหลังก็แล้วกัน...”


“งั้นจะคุยเรื่องใคร” ชยางกูรเดินนำไปที่โซฟาหน้าทีวีก่อนจะเดินไปหยิบน้ำมารินส่งให้ “...คุณคิดว่าผมจำเป็นต้องรู้เรื่องคนอื่นหรือไง”


“เรื่องของพี่ชายฉัน...” พิชญ์รับแก้วน้ำมาถือไว้ขณะที่สังเกตสีหน้าของชยางกูร


“ผมไม่อยากรู้” ชยางกูรปิดการสนทนาด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น


“... แต่เธอจำเป็นต้องรู้ หลังจากนั้นจะทำอะไรก็เรื่องของเธอ” คำพูดและน้ำเสียงที่ฟังเป็นมิตรในทีแรกเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะมองดวงตาสีฟ้าใสอีกครั้ง


“คุณคิดว่าผมทิ้งปันมาอยู่ที่นี่เพราะอยากอยู่ห่างปันเหรอ...เปล่าเลย ผมแค่ไม่อยากอยู่กับคนๆนั้น และผมก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อเอาปันมาอยู่ด้วย”


“พอได้ยินแบบนี้ ฉันก็นึกสงสารพี่ขึ้นมา... เดฟคงไม่รู้ใช่มั้ย ว่าพี่รักเธอมากขนาดไหน”


ชยางกูรแค่นเสียงหัวเราะ “ผมถามจริงๆเถอะอาพีท พ่อผมทำอย่างนั้นกับคุณ คุณยังจะมาพูดแก้ตัวให้เขาอีกเหรอ”


“ฉันไม่ได้จะแก้ตัวให้ แต่ฉันคิดว่า ควรจะพูดเรื่องที่มีแค่ฉันรู้เท่านั้นให้เธอฟัง... ก็แค่นั้น” พิชญ์หรี่ตาลงก่อนจะถอนหายใจออกมา ดูท่าว่าบทสนทนาครั้งนี้คงไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้เสียแล้ว


อาการของคนตรงหน้า...ราวกับคนที่ไม่มีเรื่องเลวร้ายที่ถูกพลภัทรกระทำมาก่อน ท่าทางจริงจังที่อยากอธิบายให้เขาเข้าใจนั้นดูเกินกว่าธรรมดาจนชยางกูรรู้สึกได้


“.....มีอะไรที่ผมน่าจะรู้จากคุณอีก....” เสียงทุ้มถามอย่างระมัดระวัง


“... ฉันรู้ว่าพี่... อาจจะเข้าใจยากไปบ้าง แต่เรื่องหนึ่งที่ฉันมั่นใจ คือเขารักเธอกับแม่ของเธอมากกว่าใครๆ...” พิชญ์เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่รับรู้เรื่อง


“รักมากกว่าใครๆ...ด้วยการทิ้งแม่ให้ตายอยู่คนเดียว ทั้งทึ่ไม่รู้อะไรเลยงั้นเหรอ” นัยน์ตาสีฟ้าหม่นวาวขึ้นด้วยความโกรธ...ใช่ เขาโกรธพ่อที่ทิ้งแม่ โกรธที่ไม่เคยได้เห็นหน้าพ่อสักครั้งจนวันที่อีกฝ่ายมาให้เห็น...และอีกส่วนลึกใจในที่ไม่อาจจะบอกใครได้...


ชยางกูรโกรธพ่อ.....ที่ทิ้งเขาไป


“คุณคิดจะทำอะไรอาพีท จะกล่อมผมให้กลับไทยไปดูแลคนที่ไม่เคยสนใจผมงั้นเหรอ สายไปแล้ว....มันไม่ใช่ละครน้ำเน่าที่ผมจะรักพ่อที่ไม่เคยดูแล ไม่เคยผูกพันกันได้ในแรกพบ โดยเฉพาะกับพ่อที่ไม่เคยยอมรับอะไรแบบคุณพลภัทร”


“ที่พี่เป็นแบบนี้ ก็เพราะพ่อ... ปู่ของเธอ ที่ไม่ยอมรับอะไร และบงการลูกทุกคน โดยเฉพาะพี่ ที่เป็นลูกชายคนโต...”


“คนเราจะให้คนอื่นบงการชีวิตได้ขนาดนั้นเลยเหรอ เว่อร์ไปหรือเปล่าครับคุณอา”


“พี่โตมาใกล้พ่อที่สุด เลยทำให้มีอิทธิพลมาก... ฉันกับพี่แพร ไม่ได้ทำตามขนาดนั้น เพราะพี่คอยออกรับแทนตลอด... เขาไม่เคยทำอะไรนอกลู่นอกทาง จนได้มาเจอกับเดน่า แม่ของเธอ ผู้หญิงที่เขารักที่สุดในชีวิต” ผู้เป็นอายกแก้วน้ำขึ้นจิบอีกครั้ง


เมื่อพูดถึงแม่...ท่าทางที่แข็งกร้าวของชยางกูรก็อ่อนลง เขานั่งกัดริมฝีปากเหมือนเด็กที่ขาดที่พึ่ง ฝั่งตัวเองอยู่ในโซฟาตัวนุ่ม


“เขารักแม่..ขนาดนั้นเลยเหรอ”


“มากสิ ถ้าไม่ใช่เพราะถูกขู่ เขาคงไม่ทิ้งแม่เธอหรอก พี่โชคดีที่เดน่าเข้าใจสถานการณ์ที่เขาต้องเจอ ถึงได้กลับมาแต่งงานตามคำสั่ง” พิชญ์หันมองหน้าของชยางกูรแล้วยิ้มจางๆ


“ถ้าพี่ไม่ฟังพ่อ คงถูกตัดขาด แล้วเขาคงส่งคนมาทำร้ายเดน่า... เข้าใจใช่มั้ย”


“มีเรื่องแบบนี้บนโลกด้วยเหรอ....ไหนล่ะหลักฐาน”


“ฉันที่ถูกพี่ทำขนาดนั้นมาพูดเรื่องดีๆของพี่ให้เธอฟัง ยังไม่พออีกเหรอ ฉันอยู่บ้านเดียวกับพวกเขา... พี่กับเดน่า ทำไมฉันจะไม่รู้เรื่อง เดน่าส่งรูปของเธอมาตลอด ตั้งแต่แรกเกิด พร้อมกับจดหมายที่เล่าให้ฟังว่าเธอเป็นยังไง สิ่งเดียวที่พี่เก็บและให้ความสำคัญมากกว่าเงินก็คือจดหมายกับรูปถ่ายพวกนั้น...” พิชญ์ถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงพลภัทรที่เคยเป็นคนอารมณ์ดี


“แล้วทำไมเขาไม่มาหาผมกับแม่ล่ะ อาพีท...คุณไม่รู้หรอกว่าผมกับแม่อยู่ด้วยความหวังมากขนาดไหน แม่พูดทุกวัน...ว่าพ่อติดธุระ พ่อต้องทำงาน แล้วพ่อจะมารับเราไปอยู่ด้วยกัน ผมตั้งหน้าตั้งตารอพ่อ คริสต์มาส นิวเยียร์ วันเกิด จนถึงตอนสิบขวบผมเริ่มรู้แล้วว่ารอไปพ่อก็มาไม่ได้ เลยเลิกรอ ผมไม่เคยมีพ่อ....ไม่เคยได้กอด ถึงตอนนั้นที่เขามาตอนแม่ตายไปแล้ว พ่อก็ไม่เคยกอดผมสักครั้ง” ชยางกูรเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกถึงความอุ่นร้อนจากภายในดวงตา ชายหนุ่มเชิดจมูกเบนสายตาขึ้นมองฝ้าเพดาน...หวังว่าให้มันไหลย้อนลงไป


“.....ถึงตอนนี้แล้ว จะบอกว่าพ่อรักพวกเรา ผมก็ชักไม่แน่ใจแล้ว....”


“ทันทีที่พ่อตาย เขาก็รีบไป... แต่ก็ช้าเกินไป ตอนที่เดน่าเลิกส่งจดหมายมา พี่ก็เป็นเดือดเป็นร้อน คิดว่าเดน่าจะไม่รอแล้ว... แต่ก็เปล่า แล้วก็อย่างที่เธอรู้ เธอไม่กลับมากับเขา พี่แพรตาย ฉันเป็นเกย์ พี่มีปัน... แล้วปันก็เป็นลูกของเพื่อนสนิทคนเดียวของเขา...” ดวงตาคู่สวยเหม่อมองไปข้างหน้าเมื่อพูดถึงอดีต


“ปันเป็นลูกใครครับ...แล้วทำไมคุณพลเขาไม่ให้ปันไปอยู่กับพ่อแท้ๆ ทั้งที่เขาเองก็รับไม่ได้ไม่ใช่หรือไง” เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปัณวิทย์ ชยางกูรเลยมีท่าทางที่สนใจ มากกว่าจะทำแข็งกระด้างเหมือนเรื่องตัวเอง


“เพื่อนของเขา... ส่วนเรื่องที่ว่าทำไม เธอน่าจะตอบได้ไม่ใช่เหรอ พี่รักปัน เหมือนที่รักเธอ”


คนที่นั่งอยู่บนโซฟาเงียบเสียงลง กาแฟดำอุ่นๆในมือเหลือเพียงน้ำสีดำเย็นชืด ชยางกูรวางมันลงแล้วสบตากับพิชญ์อีกครั้ง


“ผม...ไม่รู้จะพูดอะไร สิ่งที่คุณพูดไม่มีหลักฐานสักอย่าง ไหนล่ะรูป ไหนล่ะจดหมาย ผมไม่เคยเห็นเขาพูดถึงสักอย่าง ตอนให้ผมไปไทยก็บอกว่าให้ไปคานอำนาจกับลูกคุณเพ็ญ....ผมลองกลับไปไทยกับเขา เผื่อว่าผมจะได้เจอพ่อที่ผมเคยฝัน แต่ไม่มีสักครั้งที่เขาจะแสดงออกว่ารักผมจากใจจริง มีแต่เรื่องเงิน อำนาจ...แล้วก็การทำร้ายจิตใจคนที่รักเขาทั้งนั้น”


“ฉันไม่รู้ว่าอะไรเปลี่ยนพี่ไปขนาดนั้น หลักฐานที่เธออยากดูก็คงอยู่ในห้องทำงานของพี่ ถ้าเธออยากจะกลับไป”


“แล้วเขา....ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง” ชยางกูรเลือกที่ละเลี่ยงชื่อของผู้เป็นพ่อ


“ญาติคนอื่นๆในบ้าน ไม่ได้พูดคุยด้วยอีก แต่ก็ไม่ได้ทิ้งไปไหนเสียทีเดียว เพราะเงินนั่นแหละ นอกจากนั้น พี่ก็อยู่กับปัน... แค่สองคน” เขามองตาผู้มีศักดิ์เป็นหลานอีกครั้ง


“ที่เหลือ ก็ขึ้นอยู่กับเธอ”


ชยางกูรมองสบตากับดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยอีกครั้ง เขาหลับตาลงปล่อยให้ความทรงจำและคำพูดตีรวน..วนกันอยู่ในหัว ชายหนุ่มเม้มปากแน่นก่อนจะปล่อยให้ดวงตาสั่นระริกอย่างนั้นเป็นเวลาเนิ่นนาน ก่อนที่น้ำเสียงแหบแห้งจะเอ่ยขึ้นแผ่วเบา


“..........ผมจะกลับไปพิสูจน์....ว่าสิ่งที่คุณพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า....”




///////////////////////////////////////////////




“แล้ว... เราก็เลยจะกลับไป... เหรอ” อิสราฟังเรื่องทั้งหมดจนจบก็เอ่ยคำถามก่อนจะเก็บเอาความรู้สึกที่คล้ายๆกับหายใจไม่ทั่วท้องลงไป


“ใช่...ผมกลับไปเรื่องเขาก็ส่วนหนึ่ง แต่ผมอยากเจอปันมากกว่า” คนพูดตอบแล้วยิ้มจางๆ แม้ว่าจะยังไง...แต่อย่างน้อยก็คงได้เจอปัณวิทย์


“พี่เอส....อยู่ได้ใช่มั้ย”


“... ถ้าพี่บอกว่าไม่ได้ เราจะอยู่กับพี่เหรอ” เขาสบตาสีฟ้ากระจ่างนิ่ง รู้ทั้งรู้ว่ากำลังหวังลมๆแล้งๆแต่ก็ยังอยากจะลองเสี่ยง


ชายหนุ่มมองสบดวงตาที่สบกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจช้าๆ “ผมรักปัน...ขอโทษนะครับ”


ชยางกูรจับมือของอีกฝ่ายไว้ แทนการถ่ายทอดความรู้สึกผ่านคำพูด...ที่อาจจะทำร้ายอิสราอีกครั้ง


“ผมอยากให้พี่มีความสุข.....”


อิสราเผยรอยยิ้มเศร้าๆให้อีกฝ่าย “คำนั้น คงไม่เหมาะกับพี่แล้วล่ะ... ความสุขอะไรนั่น”


“มีคนที่พร้อมจะทำให้พี่มีความสุขอยู่....เชื่อผมสิ” ร่างสูงดึงอิสราเข้ามาหาแล้วกอดเอาไว้ ปลายจมูกโด่งซุกเข้าที่ข้างหูเช่นเดียวกับริมฝีปากที่กระซิบแผ่ว


“ขอบคุณ...และก็ขอโทษ...กับทุกๆเรื่องๆ ...ขอให้พี่มีความสุขนะ”


“... อืม......” ชยางกูรไม่มีเรื่องที่ต้องขอโทษเขาแม้แต่น้อย แต่เขาก็ยังขอโทษ ทำให้อิสราไม่คิดจะพูดอะไรต่ออีกนอกจากขอให้อีกฝ่ายมีความสุขกับปัณวิทย์ได้จริงๆ


“แล้วจะไปเมื่อไหร่...”


“อาทิตย์หน้า...แล้วพี่กับโคลตัน...ไปถึงไหนกันแล้วล่ะ”


“ไปถึงไหนอะไร พี่ไม่อะไรทั้งนั้นแหละ” เขายกมือขึ้นปัดอากาศขณะกล่าวปฏิเสธ


“แต่เขาอะไรๆอยู่นะ” ชยางกูรยิ้มให้ “ไม่ลองเปิดใจรักคนอื่นดูล่ะพี่เอส....เขาดูแลพี่ได้แน่ๆ เชื่อผมสิ”


“พอแล้วๆ ไปเริ่มเก็บของไป เรื่องพี่น่ะช่างมันเถอะ ส่วนโคลตัน เดี๋ยวเขาหายตื่นตาตื่นใจก็ค่อยเลิกไปเองล่ะ”


“พนันกับผมสิ...ว่าไม่มีวัน” ชยางกูรยิ้มทิ้งท้ายก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง


...ไม่มีวัน ของแบบนั้น คงไม่มีทางเกิดกับพี่ได้... เป็นคำพูดของอิสราที่ไม่ได้พูดออกไป อาจจะดูเหมือนว่ามองโลกในแง่ร้าย แต่ก็เพราะรู้ดีว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน


กับชยางกูรก็เหมือนกัน พออีกฝ่ายไป ไม่นานนักเขาก็จะไม่รู้สึกอะไร เหมือนตอนแรกที่คบกัน เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคนเจ้าชู้ถึงได้เผลอใจไปให้คนอื่นที่เข้ามา รู้สึกตัวอีกทีก็ได้ทำร้ายชยางกูรเข้าไปแล้ว


ทำให้ไม่อยากจะเชื่อในความรักของผู้ชายด้วยกันเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนไม่ว่ายังไง ก็จะจบลงที่เซ็กซ์... เหมือนกับเจคอบที่เคยแสนดีและเป็นคนแรกที่ทำให้เขาไม่คิดจะหันไปมองคนอื่น


...แล้วก็กลายเป็นอย่างที่เห็น


กับโคลตันเอง อิสราก็อยากจะคิดว่าคงเหมือนกัน เจคอบคบกับเขาตั้งกี่ปี กว่าจะเผยธาตุแท้ออกมาว่าเนื้อในเป็นคนเลวร้ายขนาดไหน เพราะฉะนั้น เดี๋ยวหมดสนุกแล้ว โคลตันก็จะไปจากชีวิตเขาเอง





///////////////////////////////////////////////




“เอส...เอส....” ทนายหนุ่มโบกมือไปมาผ่านใบหน้าเรียวของหนุ่มเอเชียตรงหน้า


“เหม่ออีกแล้ว คิดถึงเดฟหรือไง”


เป็นเจ้าของชื่อที่สะดุ้งเล็กน้อย “อ... เปล่าครับ ไม่ใช่...”


“อยากย้ายมาอยู่กับผมมั้ย” คำถามเหมือนกับ วันนี้อากาศเป็นยังไง ถูกถามออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย


“เอ๋? ย้าย... มาอยู่... กับคุณ เหรอครับ” อิสรามองหน้าอีกฝ่ายอย่างตกใจกับคำถาม


“ผมพูดอะไรผิดหรอ?” โคลตันยังคงถามด้วยท่าทางสบายๆ “ผมอยากให้เราลองมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ที่ทำงานคุณก็ไม่ไกล...คุณว่าดีมั้ย”


“โคลตัน... เรา... ข้ามขั้นอะไรไปรึเปล่าครับ” อิสราก้มหน้าลงหลบสายตาของอีกฝ่ายเล็กน้อย ไม่คิดว่าโคลตันจะข้ามจากการคบหาดูใจ มาเป็นชวนอยู่ด้วยกันเลย


“หืม....คุณอยากให้ผมทำอะไรก่อนมาอยู่ด้วยกันล่ะ”


“...โคลตัน... การที่คุณชวนให้ผมมาอยู่ด้วยกัน เป็นอะไรที่คู่รักเขาถามกัน...นะครับ”


โคลตันเอนตัวลงเข้าไปใกล้ ใบหน้าหล่อเหลายิ้มละไม..


“นี่เป็นวิธีชวนให้คุณตกหลุมในแบบของผมไงล่ะ...มิสเตอร์อิสรา คบกับผมนะ”


ไม่ใช่ว่าไม่ได้เตรียมใจกับคำถามแบบนี้ อิสราเงยหน้าขึ้นมองรอยยิ้มของอีกคน ก่อนจะส่งยิ้มเหงาๆให้ “...ไม่ใช่ความคิดที่ดีหรอกครับ”


“กลัวล่ะสิ....แต่ไม่ต้องห่วง ผมไม่ใช่คนชอบใช้กำลัง ไม่ใช่คนที่มีคนรักอยู่แล้ว” นัยน์ตาสีฟ้าสดใสมองจ้องเช่นเดียวกับรอยยิ้มมุมปาก “ผมแค่เป็นคนธรรมดาที่ชอบแมว...แล้วก็คุณ”


“ขอบคุณครับ แต่ ผมคิดว่า...ผม......คงยังไม่พร้อม...ครับ ไม่ใช่ตอนนี้” เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ


“ไม่ใช่ตอนนี้แสดงว่ามีโอกาส ถ้าอย่างนั้น...ก็ขอให้ผมรอ เป็นตัวเลือกแรกและตัวเลือกเดียวแล้วกัน”


อิสรามองดวงตาสีฟ้าที่แสดงออกถึงความจริงใจนิ่งนาน ก่อนจะนึกสมเพชตัวเอง ที่สุดท้าย ก็เดินวนไปมาแบบเดิม


ร่างบางยืดตัวเข้าหา แล้วแตะจูบเบาๆที่ริมฝีปากของโคลตัน


...ชยางกูรไม่ได้เลือกเขา แต่คนตรงหน้ากำลังบอกว่าพร้อมที่จะรอและขอเป็นตัวเลือก


เขาก็เป็นแบบนี้ เป็นคนไม่มั่นคงที่ต้องการคนดูแลเอาใจใส่ แล้วพอถึงเวลา คนๆนั้นก็จะเบื่อเขาไปเอง วนไปวนมาอยู่แบบนี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า


...ก็ดูจะเหมาะกับเขาที่เคยทำร้ายชยางกูรในตอนที่อีกฝ่ายมอบหัวใจให้หมดทั้งดวงแล้ว














To Be Continued....
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 46 [26/01/13] ความจริงที่แกล้งลืม
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 26-01-2013 02:30:47
เดฟกลับไปตามหัวใจ และพิสูจน์ความรักของพ่อ

ขอให้พ่อลูกได้อยู่กันพร้อมหน้า

แล้วขอให้พ่อของปัน (ลืมชื่ออะ) มารับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองก่อไว้ด้วยนะ อย่างน้อยๆก็ขอให้มารับผิดชอบคุณพลภัทรซะก็ดีนะทำร้ายจิตใจเขาซะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 46 [26/01/13] ความจริงที่แกล้งลืม
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 26-01-2013 06:17:29
พี่เดฟกลับไปคราวนี้ขอให้ทุกอย่างดีขึ้นด้วยเถอะ ><
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 46 [26/01/13] ความจริงที่แกล้งลืม
เริ่มหัวข้อโดย: RUMINA ที่ 26-01-2013 07:11:36
อิสราน่าสงสารจังนะคะ ลองเปิดใจรับโคลตันเถอะน้า~~
เดฟกำลังจะกลับไปหาปันแล้ว เย้~
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 46 [26/01/13] ความจริงที่แกล้งลืม
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 26-01-2013 10:20:24
อิสราน่าจะลองเสี่ยงกับความรักอีกครั้งนะ ให้รู้กันไปเลยว่าสุดท้ายผลจะเป็นแบบเดิมมั้ย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 46 [26/01/13] ความจริงที่แกล้งลืม
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 26-01-2013 10:37:08
พี่เดฟกับปันคงไม่สวนทางกันนะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 46 [26/01/13] ความจริงที่แกล้งลืม
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 26-01-2013 11:20:13
+1 :mc4: เขาจะเจอกันแล้ว น้องปัน พี่เดฟ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 46 [26/01/13] ความจริงที่แกล้งลืม
เริ่มหัวข้อโดย: U_Ton ที่ 26-01-2013 13:39:50
 :o8: พี่เดฟกำลังจะกลับมาพิสูจน์ความรักของพ่อ เเละกลับมาตามหัวใจของปัน...

แต่... พี่เดฟจะกลับมา ในขณะที่ปันสอบชิงทุนจะตามไปเรียน และอยู่กับพี่เดฟนะ...

แบบนี้... จะไม่สวนทางกันไป สวนทางกันมา เหมือนหนังเกาหลีเหรอ???...

เอาเถอะยังไงก็เชื่อว่า เด๊๋ยวทั้งสองคนก็ต้องได้เจอกัน รักกัน เพราะยังไงพี่เดฟก็รักปัน

แล้วปันก็รักพี่เดฟด้วย... ของมันคู่กันนิ๊เน๊อะ  :o8:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 46 [26/01/13] ความจริงที่แกล้งลืม
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 26-01-2013 14:24:00
พอรู้อดีตของคุณพ่อพลแล้วก็สงสาร ยิ่งตอนนี้ยิ่งสงสารเข้าไปใหญ่ มีลูกๆก็ไม่รัก ดีที่น้องปันอยู่ด้วย :เฮ้อ:
พี่เดฟกลับมาเมืองไทยนอกจากเจอน้องปันแล้วก็อยากให้ปรับความเข้าใจกับคุณพ่อนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 46 [26/01/13] ความจริงที่แกล้งลืม
เริ่มหัวข้อโดย: honeyhoon ที่ 26-01-2013 22:11:54
  o13
 :L2:
 :pig4:

หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 46 [26/01/13] ความจริงที่แกล้งลืม
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 27-01-2013 09:12:39
 :impress3:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 46 [26/01/13] ความจริงที่แกล้งลืม
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 27-01-2013 17:18:29
ไม่ใช่สวนกันอีกนะ :impress2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 46 [26/01/13] ความจริงที่แกล้งลืม
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 27-01-2013 21:27:01
เห็นใจคุณพลภัทร พยายามทำตัวให้เป็นคนดีในสายตาทุกคน
แต่สุดท้ายพอโดนคนรอบข้างหักหลัง ก็เลยเอาคืนทุกคนอย่างสาสม
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 46 [26/01/13] ความจริงที่แกล้งลืม
เริ่มหัวข้อโดย: snice_cz ที่ 28-01-2013 23:10:08
อ่านแล้วปั่นป่วนจัง อยากรู้ตอนต่อไปแล้วจ้า
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 47 [18/02/13] น้ำตาหยดสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 18-02-2013 20:38:42
kagehana : คุณพลกับพี่เดฟ อาจจะเป็นเส้นขนานของกันและกัน ต่างฝ่ายต่างไม่กล้าแตะต้อง "หัวใจ" ทำให้มองไม่เห็นความรักความห่วงใยกัน

สุดท้าย ถึงจะไม่ได้สนิทสนมกันในทันที แต่เราก็เชื่อว่าทั้งคู่คงจะดีต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆ

ตอนหน้าจะเป็นตอนจบของเรื่องนี้แล้วค่ะ รู้สึกใจหายนิดๆเหมือนกัน

แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ เราจะไม่หายไปไหนง่ายๆ ฮ่าๆๆ เรามีโปรเจ็คเรื่องใหม่กำลังเขียน  ไว้ลงเมื่อไหร่จะแอบเอามาโฆษณาในนี้นะคะ


ขอให้สนุกกับการอ่านค่ะ




ป.ล. เรื่องนี้จะมีรวมเล่มนะคะ(แบบสนองนี้ดหมีดอกไม้) แต่จะประกาศในตอนหน้าค่ะ





 :pig4:




-47-






แดดเมืองไทยที่ไม่ได้เห็นมาหลายเดือนเกือบทำให้ตาพร่าในยามที่จ้องเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ชยางกูรเดินเข้าไปในบ้านแล้วได้เจอกับคณัสนันท์ที่นั่งอยู่ด้านนอกเหมือนว่ากำลังจะไปไหน


“ไง นัน......” น้องชายแท้ๆที่ไม่ค่อยได้พูดกันเงยหน้าขึ้นสบตา ใบหน้าอ่อนเยาว์มีส่วนคล้ายเพ็ญแขไปกว่าครึ่ง กระนั้น...ดวงตาที่กระพริบถี่ๆกลับเหมือนพลภัทร


“...” คณัสนันท์ไม่ได้เอ่ยตอบ เพียงแค่ผงกศีรษะรับแล้วเดินเบี่ยงออกไป ด้วยความที่ไม่เคยคุยกันเท่าไหร่อยู่แล้ว จึงไม่วุ่นวายเกินจำเป็น


“เดี๋ยว” ชยางกูรเดินตามไปจับแขนไว้ “ปันไปเรียนหรือเปล่า...”


คนตัวเล็กกว่าเล็กน้อยสะบัดแขนออก “ฉันไม่รู้ ไปถามพ่อเอาสิ...”


“อะไรวะ” ชยางกูรมองตามหลังไปด้วยความหงุดหงิดนิดๆ เขาเดินเข้าไปในตัวบ้านแล้วกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นบนสุดที่เป็นที่อยู่ของเขาและปัณวิทย์ แต่พอขึ้นไปถึงกลับมีเพ็ญแขที่เดินออกมาจากห้องปัณวิทย์แทน


“คุณเพ็ญ สวัสดีครับ” เขายกมือไหว้...ด้วยความรู้สึกแปลกใจ “ปันอยู่ในห้องเหรอครับ”


“... ไม่อยู่ ฉันแค่กลับมาเอาของที่ยังเหลือ แล้วก็เซ็นเอกสารชิ้นสุดท้าย...” เพ็ญแขไม่คิดสาวความกับลูกของผู้หญิงที่แย่งเอาความรักของพลภัทรไปจากเธอจนทำให้ชีวิตบิดเบือน


“ไปไหนครับ ไปเรียนหรือเปล่า” ถึงจะรู้สึกถึงกระแสความเกลียดชังจากเพ็ญแข แต่เขาก็เลือกจะทำเป็นไม่รู้


“... ฉันไม่รู้ ไปถามพ่อเธอสิ เขาคงรู้”


“แต่คุณเป็นแม่เขานะครับ” หางเสียงที่สุภาพ แต่แววตากลับกร้าวขึ้น ถึงปัณวิทย์จะเป็นลูกที่เกิดมาจากความผิดพลาด....แต่ก็เป็นลูกไม่ใช่หรือไง


“ฉันไม่ได้อยู่บ้านนี้แล้ว... ถ้าไม่มีธุระอะไรกับฉันก็ไปก่อนล่ะ” เพ็ญแขมองอีกฝ่ายด้วยหางตาแล้วเดินเลี่ยงออกมา


“เป็นเหี้ยอะไรกันทั้งบ้านวะ” ชยางกูรสบถแล้วเดินไปที่ห้องปัณวิทย์ เขาเปิดเข้าไปแล้วก็พบกับบรรยากาศที่แปลกไป ร่างสูงพาตัวเองเดินสำรวจไปทั่วห้อง ฟูกับฝุ่นไม่อยู่....ห้องดูเหมือนจะของน้อยลง ไม่นับเสื้อผ้าตัวโปรดในตู้ที่หายไป


ปัณวิทย์ไปไหน?


ชยางกูรเดินออกมาจากห้องอย่างรีบร้อน เขาลงไปยังห้องของใครคนหนึ่งที่น่าจะมีคำตอบให้...คนที่รั้งปัณวิทย์ให้อยู่ที่นี่ คนที่เป็นพ่อแท้ๆของเขา


..พลภัทร...


“ปันไปไหน” ทันทีที่เปิดประตู เสียงทุ้มๆก็ถามกับคนที่นั่งเอนๆอยู่บนโซฟาทันที


“... เดฟ” คนเป็นพ่อดูจะตกใจมากกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า


“คุณพล.....ผมกลับมาหาปัน...”


“... ปันไม่อยู่แล้ว... เขาสอบทุนได้... เก่งใช่มั้ย” พลภัทรยิ้มจางๆเจือความเหงา ลูกชายที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันสอบทุนได้ไปเรียนต่อที่อเมริกา แม้จะรู้ว่าเด็กหนุ่มจงใจสอบไปเพื่ออะไร แต่เขาก็ไม่คิดที่จะห้ามอีกแล้ว


“ปัน...ไปอเมริกาเหรอ” คำถามที่ดูเหมือนหลุดปากเอ่ยเบาๆ ก่อนจะจ้องมองไปยังบิดาแท้ๆของตัวเอง


“ไม่เห็นปันบอกผม....”


“พ่อก็รู้ ตอนเขาได้ทุนนั่นแหละ” รอยยิ้มยังคงไม่หายไปไหนเมื่อนึกถึงปัณวิทย์ที่สอบทุนได้ เขาจำได้ว่าเด็กหนุ่มดูมีความสุขขนาดไหน


“แล้วผมจะกลับมาไทยเพื่ออะไรวะ” ชายหนุ่มหัวเสียกับเรื่องไม่คาดคิด เขาหวังจะได้เจอหน้าคนรักแล้วปรับความเข้าใจ แต่พอกลับมาก็เจอแต่คนอื่น...ที่ไม่อยากเจอสักคน


ชยางกูรถอนหายใจเฮือกคล้ายจะระงับอารมณ์ เขามองไปยังชายวัยกลางคนที่สุขภาพเริ่มทรุดโทรมด้วยแววตาที่อ่อนแสงลง


“อาพีท...มาหาผมที่อเมริกา เล่าเรื่องคุณกับมัมให้ฟัง”


พลภัทรดูจะแปลกใจจนสามารถสังเกตได้จากสีหน้า “อย่างนั้นเหรอ... พีท... เล่าว่ายังไงบ้าง”


“เรื่องโกหก...บอกว่าคุณรักผม”


“...พ่อ รักเราจริงๆ...เดฟ...พูดไป...ก็ไม่เชื่อ...เพราะพ่อไปรับเดน่าช้าไป...” สายตาของพลภัทรดูเศร้าหมองลงเมื่อเอ่ยถึงคนรักที่จากไป หากย้อนเวลากลับไปได้ เขาคงจะเข้มแข็งกว่านี้ ยืนต้านกำลังพ่อของตัวเองในตอนนั้น เพื่อให้ทุกคนจะได้มีความสุข เขาไม่ต้องทิ้งเดน่ากับลูก ไม่ต้องทำร้ายจิตใจของเพ็ญแข ไม่เสียพิชญ์ไป และคงยังเป็นเพื่อนกับภีมอยู่


...แต่ไม่มีใครแก้อดีตได้


“แล้วทำไม...แค่เห็นหน้าสักครั้งก่อนแม่ตาย...ทำไมคุณถึงไม่ไปหาผมเลยล่ะ” คำถามที่อยากจะถามตั้งแต่แรกพบถูกระบายออกมาอย่างอัดอั้น ชยางกูรเหมือนย้อนกลับไปเป็นเด็กชายอีกครั้ง...เหมือนยามที่เคยถามแม่ว่าพ่อไปไหน


“พ่ออาจจะรักแม่...แต่พ่อไม่ได้รักผม พ่อไม่ได้ต้องการผม.......ผมรู้” นัยน์ตาสีเดียวกับมารดาจ้องไปยังคนที่ค่อยๆลุกขึ้นยืน ชายหนุ่มยืนนิ่ง...ไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ


“... พ่อรู้... ว่ายังไง... เราก็คงไม่เชื่อ...” พลภัทรทำได้เพียงส่งรอยยิ้มแห้งแล้งให้


ชยางกูรมองพลภัทรอีกครั้ง น้ำตาที่ไร้ที่มาหยดลงจากหางตา เขาไม่เคยอ่อนแอ...ไม่เคยคิดว่าอ่อนแอ ไม่เคยคิดว่าต้องการความช่วยเหลือจากผู้เป็นพ่อ ไม่เคยคิดว่าพ่อเป็นคนสำคัญ


แต่...ไม่ใช่เลย....


เหมือนกับปัณวิทย์... เด็กชายปันปันต้องการพ่อ


เด็กชายเดวิดก็เหมือนกัน....


“... อืม ไหนๆ... ก็กลับมาแล้ว พ่อมีของจะให้... เคยส่งไปให้แล้ว แต่เดน่า อยากจะให้พ่อให้ด้วยตัวเอง...” เจ้าของบ้านหันกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง พลภัทรดึงลิ้นชักเปิดออกแล้วหยิบเอากล่องใบใหญ่ออกมา เขาเปิดฝามันออกแล้วหยิบเอากล่องเล็กๆออกมาก่อนจะปิดฝาลง


“นี่เป็นแหวนประจำตระกูล...”


ชยางกูรไม่...แม้แต่จะรับมันมา ชายหนุ่มกลั้นน้ำตาแล้วเอาหลังมือปาดออกรวดเร็ว “พ่อ...เก็บไว้ให้นันเถอะครับ มันไม่จำเป็นสำหรับผม”


“... งั้นเหรอ พ่อคงต้องบอกเดน่าสินะ ว่าเราบอกว่าไม่จำเป็น” พลภัทรดึงกล่องแหวนที่ยื่นออกไปคืนมาก่อนจะเก็บมันเข้ากล่องใบใหญ่ตามเดิม


“ผมจะเอาของในลิ้นชัก...ที่อาพีทบอกไว้...กล่องใบใหญ่อันนั้น” เสียงทุ้มยังคงแหบพร่า ทว่าแววตากลับฉายแสงลุกโชน


แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่ชยางกูรก็ปฎิเสธตัวเองไม่ได้...ว่าความจริงแล้วเขาก็ต้องการความรักจากพ่อไม่ต่างจากปัณวิทย์เลย


ถึงจะบอกตัวเองว่าไม่แคร์ ไม่รัก ไม่ต้องการ แต่มันก็แค่การหลอกตัวเอง


แต่ตอนนี้...คงสายเกินไปแล้ว


หากจะมีเพียงร่องรอยความรักในวันคืนเก่าๆ ที่พลภัทรมอบให้เด็กชายตัวเล็ก ลูกชายที่อยู่ห่างไกล....จะเป็นเรื่องจริงหรือภาพฝัน ชยางกูรก็อยากรู้


ว่าครั้งหนึ่ง.....พ่อเคยรักเขา


“... จะเอาไปทำอะไร...” มือเอื้อมไปวางบนฝากล่องโดยไม่ได้ตั้งใจ


“อาพีทบอกว่ามีของที่ผมต้องดูอยู่ในนั้น”


“...ดู...ที่นี่...ก็แล้วกัน”


“คุณก็เปิดสิ...ถ้ามันเป็นของผม...ผมจะเอาไป แล้วจะไม่กลับมาวุ่นวายกับครอบครัวของคุณอีกเลย”


“...ขอร้อง... อย่าเอา... มันไป” พลภัทรเปิดกล่องออกแล้วหันไปให้ดู สมบัติล้ำค่าเพียงอย่างเดียวของเขา


สิ่งที่เห็น...ทำให้น้ำตาที่แห้งเหือดของชยางกูรไหลออกมาอีกครั้ง ริมฝีปากสั่นไหวเอ่ยเสียงแผ่วๆ...เรียกพ่อ....


ข้างในกล่องไม่ได้มีสิ่งของที่มีมูลค่าใดๆ มีเพียงจดหมายเก่าๆ...และรูปของเด็กชายตัวน้อยผมสีทองที่ซีดจางด้วยกาลเวลา


ชยางกูรยื่นมือสั่นเทาไปจับรูปของตนเองขึ้นมา ดวงตาฉ่ำน้ำมองสบกับนัยน์ตาสีเข้มที่ฉายแววอ่อนล้า เขาไม่รู้จะหาคำพูดใดมาอธิบายความรู้สึกที่ทั้งรัก....และแค้น ผู้เป็นพ่อในยามนี้


ถ้าเพียงแต่...เขาได้เจอพ่อในช่วงเวลาก่อนแม่ตาย


เขาคงจะไม่เป็นอย่างนี้.....


“มันสำคัญ....กับคุณมากใช่มั้ยครับ....พ่อ...”


“ใช่....เพราะจดหมายพวกนี้เขียนโดยเดน่า... เล่าเรื่องของลูกเรา ให้พ่อได้รับรู้... ให้พ่อมีแรงที่จะอดทนรอวันที่จะไปรับมาอยู่ด้วยกัน” เขามองกองจดหมายในกล่องด้วยสายตาอาวรณ์


...นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้หยิบออกมาเปิดอ่าน...


“ตอนที่ได้เจอกัน เห็นว่าเราไม่อยากมา...พ่อไม่รู้จะทำยังไง ถึงได้บอกว่าให้กลับมาสืบทอดเอาสมบัติไป... ถึงเดน่าจะไม่อยู่แล้ว แต่พ่อจะไม่ผิดสัญญาที่ให้ไว้...... จะเชื่อพ่อ รึเปล่า”


ความในใจที่ไม่เคยได้เปิดเผยออกมาให้ใครได้ยินถูกพูดออกมาเป็นครั้งแรก พลภัทรไม่เคยเผยความอ่อนแอของตัวเองให้ใครเห็น และไม่คิดว่ามันจำเป็น— ทั้งศักดิ์ศรี ความแค้น และบาดแผลในหัวใจบีบให้เขาแปรเปลี่ยน


...แต่ในตอนนี้ เขาได้เรียนรู้ ว่าตัวเองกำลังรับผลกรรมต่อสิ่งที่ได้กระทำลงไปในอดีต


“พ่อหมายความว่า...ที่ให้ผมกลับมา เพราะอยากให้เราได้อยู่ด้วยกันงั้นเหรอ” น้ำเสียงแหบห้าวถามอีกครั้ง...น้ำตาที่ไหลออกมาหยดลงบนหลังมือที่จับอยู่บนรูปสีซีด


“พ่อ...” ชยางกูรสืบเท้าเข้าใกล้โดยไม่รอคำตอบ ร่างสูงทรุดลงคุกเข่าแล้วกอดเอวพลภัทรเอาไว้


ไม่ต้องการอะไรเลย


...สมบัติ...


...ชื่อเสียง...


สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงสิ่งเดียว...สิ่งที่คิดว่าไม่เคยได้ แต่กลับรายล้อมอยู่รอบกายตลอดเวลา


แค่อยากให้พ่อรักผมบ้าง.....


“ผม...ผมขอโทษ...ผมไม่เคยรู้ ว่าพ่อรักผมจริงๆ ผมขอโทษที่ดึงดัน...ผมขอโทษ” ร่างสูงกอดผู้เป็นพ่อครั้งแรกในชีวิต ความอบอุ่นของอ้อมกอดจากคนสายเลือดเดียวกันทำให้สายใยความผูกพันที่ถูกฉีกทึ้งค่อยๆประสานกัน


ถึงจะต้องใช้เวลา....แต่คงไม่นาน


ที่ผมจะพูดว่ารักพ่อ...ได้เต็มปากเต็มคำ


อ้อมกอดแรกจากลูกชายคนแรกที่รักยิ่งกว่าใครๆทำให้พลภัทรรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาค่อยไหลออกมา แขนสองข้างยกขึ้นกอดชยางกูรก่อนจะลูบศีรษะของเขาเบาๆ ตั้งแต่ชยางกูรยอมกลับมา เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมรับในตัวเขา แม้จะเป็นอย่างนั้น อย่างน้อยพลภัทรก็ยังได้พากลับมาอยู่ด้วยกัน


ไม่คิดว่าชยางกูรจะยอมรับเขา...


“พ่อขอโทษ ที่ไม่เคยไปหา ขอโทษ ที่ไปรับช้าเกินไป... พ่อขอโทษ”


ชยางกูรปล่อยให้พ่อได้กอดเขาสักครู่หนึ่ง ก่อนจะถอยตัวออกมาจ้องมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาที่ไร้อคติบดบัง


“ไม่เป็นไรครับ...ไม่เป็นไร....ผมจะกลับมาอยู่ที่นี่ จะกลับมาอยู่กับพ่อ....แล้วก็ปัน” ชยางกูรนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะถามต่อด้วยน้ำเสียงมั่นคง


“ให้ผมรักปัน...ให้เรารักกันได้มั้ยครับพ่อ”


คำพูดที่เหมือนคำเตือนสติให้พลภัทรนึกถึงสาเหตุที่ปัณวิทย์สอบทุนไปสหรัฐอเมริกา และสาเหตุนั้นก็กำลังยืนอยู่ตรงหน้า


“ปันเขาไปเรียนต่อ ถ้าสี่ปีจบก็คงกลับ... พ่อ ให้ไป ทั้งๆที่รู้ว่าคงไปหาเรา” พลภัทรถอนหายใจออกมาเบาๆ “ถ้าเรารับปาก... ว่าจะไม่ทำให้น้องเสียใจ พ่อก็จะไม่ห้ามอะไรแล้ว”


“ผมสัญญา...ว่าจะไม่ทำให้เสียใจเด็ดขาด ผมรักปันจริงๆ....และผมก็หวังว่าสีปีของผมกับปัน จะทำให้พ่อยอมรับเราได้มากขึ้น” ท่อนแขนแข็งแรงจับที่มือผู้เป็นพ่อ


“จนกว่าจะถึงตอนนั้น...ผมจะมาเยี่ยมบ่อยๆ จะพาปันกลับมาทุกปิดเทอม...พ่อ....อยู่คนเดียวได้ใช่มั้ยครับ”


“...อืม...ได้ กลับไปหาน้องเสียเถอะ...” พลภัทรรู้ดี ว่าคนอย่างเขาไม่มีสิทธิเรียกร้องอะไรมากมายทั้งนั้น แค่เพียงสิ่งที่ชยางกูรพูดออกมา ก็พอที่จะทำให้เขาพอใจแล้ว


“ครับ” ชายหนุ่มรับคำด้วยแววตาอีกครั้ง “พ่อ....บอกผมได้มั้ย ว่าพ่อจริงๆของปันคือใคร ผมอยากเจอ...ไม่สิ อยากให้ปันได้เจอบ้าง แต่ผมจะไม่บอกความจริงแน่นอน”


เขาชะงักไปเมื่อได้ยินคำถาม พลภัทรไม่เคยคิดว่าชยางกูรจะมาถามเรื่องนี้... กับผู้ชายที่เคยเรียกว่าเพื่อนนั้น เขาไม่อยากเอ่ยชื่อออกมาด้วยซ้ำ


“ไม่...พ่อ บอกไม่ได้ และพ่อไม่อยากให้เจอ...”


“ถ้าพ่อว่างั้น....ก็ได้ครับ” ชยางกูรไม่ดึงดันต่อ เพราะรู้ดีว่าสายใยที่ขาดหายเพิ่งเริ่มก่อตัว และเขาไม่อยากฉีกมันให้ขาดอีกครั้ง


รออีกสักพัก....พ่ออาจจะยอมบอกก็ได้


“งั้นเดี๋ยวคืนนี้ผมนอนค้างที่บ้านก่อน แล้วค่อยกลับไปอเมริกาแล้วกัน”


“…แล้วเรา จะรับแหวนวงนี้ หรือยัง” ดวงตาที่มีริ้วรอยแห่งวัยให้เห็นได้ชัดมองตาของชยางกูรอีกครั้ง


ชยางกูรจ้องลึกลงไปภายใต้ดวงตาสีเข้มของคนตรงหน้า...ก่อนที่มือใหญ่จะยื่นออกไปพร้อมกับแบมือรอรับ พร้อมด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป....ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว







///////////////////////////////////////////////







เสียงกดออดที่หน้าบ้านทำให้อิสราต้องหันดูนาฬิกาบนฝาผนังด้วยความแปลกใจ ยังไม่ถึงเวลาประจำที่โคลตันจะแวะมาหาด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้พร้อมกับรอยยิ้มทักทาย


ทว่าแขกที่มาเยือนกลับไม่ใช่ทนายคนนั้น แต่เป็นเด็กหนุ่มที่เป็นเจ้าของหัวใจของชยางกูร


“มีธุระอะไรเหรอ” อิสราเอ่ยถาม แต่ว่าปัณวิทย์กลับจ้องเพียงใบหน้าของเขาด้วยดวงตาดื้อรั้นคู่นั้น ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินจากไป


เจ้าของบ้านไม่คิดจะรั้งเอาไว้ เขาถือว่าไม่ได้พูดอะไรออกไป จึงไม่ผิดอะไร


จากนั้นไม่นาน ทนายความหนุ่มเจ้าของสาวๆทั้งสามตัวก็เข้ามาในบ้านพร้อมอาหารเต็มสองมือ


“มื้อค่ำอยากทานอะไร เดี๋ยวผมแสดงฝีมือเอง” โคลตันมองใบหน้าที่ยิ้มนิดๆอย่างมีเลศนัยแล้วสืบเท้าเข้าใกล้


“อารมณ์ดีอะไรหรือเปล่า.....บอกผมได้มั้ย”


“เด็กที่เดฟรัก... จู่ๆก็มาหาถึงนี่น่ะ แต่ผมไม่ได้พูดอะไร เขาก็เดินไปเลย คงจะเข้าใจผิดนั่นแหละ” อิสราหัวเราะเบาๆ


“อ้าว แล้วจะไม่เป็นอะไรเหรอ....หรือว่าแมวของผมออกอาการดื้ออีกแล้ว” โคลตันไล้ปลายนิ้วไปบนริมฝีปากบางเล็กของแมวที่สำคัญ....แมวแสนหยิ่งที่ยอมให้กอดในเวลาที่อยากอ้อน และยอมให้อยู่เคียงข้างแค่วันที่เหงา


“สงสารน้องเขายังไงไม่รู้...มาเจอคุณแทนที่จะเป็นเดฟ”


“อย่างน้อยผมก็ไม่ได้โกหก...แค่นั้นก็น่าจะพอแล้วนี่” พอได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยคำว่าสงสารปัณวิทย์ เขาก็หยุดท่าทีที่เหมือนกับแมวกำลังจะเข้าไปคลอเคลียทันที


โคลตันมองอาการงอนออก เลยจัดการรวบตัวอิสราเข้ามากอดเอาไว้แทน ใบหน้าคร้ามแนบลงที่ผิวแก้มนุ่มก่อนจะเสียดสีไปมาเบาๆเหมือนแมวอ้อนเจ้าของ


“งอนผมเหรอ....”


นี่เป็นครั้งแรกที่อิสราต้องรับมือกับผู้ชายตัวโตที่มีอุปนิสัยแบบนี้ พอถูกอ้อนเข้าก็ต่อต้านไม่ได้ “...เปล่า”


“โกหก....” เป็นคำกล่าวหาที่เปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงแสนหวานและนุ่มนวล โคลตันก้มลงจนปลายจมูกแตะสัมผัส...ก่อนจะขยับเสียดสีช้าๆ


“ถึงผมจะสงสารเขา แต่ถึงยังไง ท้ายที่สุดผมก็เข้าข้างคุณอยู่ดี”


“...ไม่ต้องตอบเอาใจผมหรอกครับ” เป็นร่างบางที่ก้มใบหน้าหลบออก


“งั้นอยากให้เอาใจใครล่ะ....ในเมื่อผมมีแต่คุณที่อยากจะเอาใจ” โคลตันกอดรัดชายหนุ่มที่เริ่มมีความสัมพันธ์อันซับซ้อนซึ่งเรียกว่าคบหากัน...อิสรายังคงเป็นเหมือนเจ้าเหมียวปราดเปรียว ที่บทอยากจะอ้อนก็เข้ามาคลอเคลียให้เจ้าของดีใจ บทจะเย็นชาก็เดินห่างออกไปอย่างไม่แยแส


เหมือนเล่นเกม....ที่ไม่มีวันน่าเบื่อ


“คุณเอาใจผมไม่ได้ตลอดหรอก...” น้ำเสียงของเขาฟังดูไม่จริงจัง แต่อิสราหมายความตามนั้นทุกคำ เพราะไม่ว่าอย่างไร เมื่อถึงจุดนึง โคลตันก็จะเบื่อและเลิกเอาใจเขาเอง


“ผมดื้อด้านกว่าที่คุณคิดแล้วกัน....” รอยยิ้มหยักยกอย่างเจ้าเล่ห์ พร้อมกับอ้อมแขนที่กอดรัดขึ้น


“คุณไม่มีทางเบื่อผมได้ลงหรอก...”


“พูดเข้าไปเถอะ ผมจะรอดู”


“แล้วจะได้รู้....” โคลตันปิดคำต่อล้อต่อเถียงเสียงเงี้ยวง้าวด้วยริมฝีปากอุ่นๆที่ประทับลงเบาๆ


เอาเถอะ....เรื่องแค่นี้ พิสูจน์ไปนานๆแล้วกัน











To be continued...


หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 47 [18/02/13] น้ำตาหยดสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 18-02-2013 20:57:39
สวนกันจริงๆ ด้วย


ปันเข้าใจผิดไปแล้วแน่ๆ   :sad3:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 47 [18/02/13] น้ำตาหยดสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 18-02-2013 21:30:02
อิสรา  มันน่า. .. จริง ๆ เลย  เอาแต่ใจชะมัด
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 47 [18/02/13] น้ำตาหยดสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 18-02-2013 21:31:26
อิสราทำตัวไม่ดีเลยนะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 47 [18/02/13] น้ำตาหยดสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: U_Ton ที่ 18-02-2013 21:57:10
 :เฮ้อ: สวนทางกันจริงๆด้วย ปันจะเป็นยังไงบ้าง... คิดดูสิว่าไปหา เจอคนอื่นที่เรารู้ดีว่าเขาเป็นใคร อยู่บ้านเดียวกันเเบบนี้

เป็นใคร ใครก็คิด... พี่เอสนิสัยเเย่นะ ถ้าจะปล่อยเลยตามเลย เพียงเพราะบอกว่าไม่ผิดสักหน่อยก็ไม่ถาม แต่แบบนี้ก็เท่ากับ

ปรารถนาให้เขาผิดใจอยู่ดี ในเมื่อมีโอกาสทำดี พูดได้ แต่ไม่พูดทั้งที่ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ทั้งๆที่พี่เดฟดีด้วยขนาดนั้น เเต่เพื่อ

ความสุขของพี่เดฟสักครั้ง พี่เอสยังไม่ทำเลย แย่นะเเบบนั้น... แอบคิดว่า ตอนพี่เอสเดือดร้อน พี่เดฟไม่น่าใจดีพยายามช่วย

เพราะยังไงพี่เอสก็ยังเป็นได้เเค่คนที่ไม่สมหวังในรักของพี่เดฟ ถึงไม่พยายามขัดขวางรักครั้งใหม่ แต่ก็ไม่ยินดีให้สมหวัง...

เราอาจใจร้ายเกินไป ที่คิดว่า พี่เอสไม่น่าเจอคนดีๆเลย... เราลำเอียงจริงๆที่คิดเห็นใจปัน เเต่เป็นเราเจอเเบบนั้นก็คงพูดอะไร

ไม่ออก พี่เอสเจอกับพวกโรคจิตน่ะดีเเล้ว นิสัยไม่ดีเลยสุดท้ายก็เป็นเเค่คนขี้อิจฉาที่ไม่ยินดีที่เห็นคนที่ตัวเองรักมีความสุข :angry2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 47 [18/02/13] น้ำตาหยดสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 19-02-2013 02:00:30
 o18 รู้สึก "ฟิน" รอคอยมานาน o18
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 47 [18/02/13] น้ำตาหยดสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 19-02-2013 06:28:50
สวนกันซะงั้น
แต่ก็ดีที่พี่เดฟเคลียร์กับพ่อได้แล้ว
ส่วนปันไม่ดีเลยที่มาเจออิสรา
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 47 [18/02/13] น้ำตาหยดสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 19-02-2013 07:17:34
เดฟกับพ่อพลภัทรปรับความเข้าใจกันแล้ว o13
แต่พี่เดฟต้องกลับมาปรับความเข้าใจกับปันปันที่อเมริกาอีก :เฮ้อ:
เป็นคนดีได้ไม่ตลอดเลยนะคะพี่เอส เดี๋ยวเจอคนรักปันปันแถวนี้ดัก :z6: หรอก
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 47 [18/02/13] น้ำตาหยดสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 19-02-2013 09:46:40
 :z3: สวนกันไม่พอ อิสรายังทำเหตุอีก พี่เดฟรีบกลับมาเคลียร์ด่วนๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 47 [18/02/13] น้ำตาหยดสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 19-02-2013 12:23:08
คิดอยู่แล้วว่าเอสก็เป็นได้แค่ตัวอิจฉาน้ันแหละ คิดเสียดายเดฟอยู่ลึกๆที่เดฟรักปัน นิสัยแบบนี้ก็สมควรแล้วละที่เดฟจะไม่กลับไปหา

รอคู่คุณพลกะคุณภีมปรับความเข้าใจกัน อิอิ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 47 [18/02/13] น้ำตาหยดสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 19-02-2013 14:12:02
แง น้องคิดไปถึงไหนแล้วนั่น   :z3:
พี่เดฟรีบกลับมาเมกาด่วนนน   :serius2:
รอตอนต่อไปฮะ  :')
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 47 [18/02/13] น้ำตาหยดสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 19-02-2013 15:38:39
จะไม่ร้องแล้วใช่ปะ น้ำตาหยดสุดท้ายอะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 47 [18/02/13] น้ำตาหยดสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 20-02-2013 12:12:33
  :laugh: รอตอนต่อไป ขอแบบhappy นะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 47 [18/02/13] น้ำตาหยดสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: snice_cz ที่ 21-02-2013 00:22:05
อ้าวสวนทางกันซะงั้นอ่า โธ่ปัณ !
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 47 [18/02/13] น้ำตาหยดสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 21-02-2013 10:49:39
หวังว่าปันจะไม่เตลิดไปไหนไกลนะ เดฟรีบกลับมาหาน้องเร็วๆ เข้า
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 47 [18/02/13] น้ำตาหยดสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: baroona59 ที่ 21-02-2013 15:30:46
จะได้เจอกันแล้วอยู่แล้วเชียว แถมมีเรื่องให้เข้าใจผิดอีก อิอิ 

หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 47 [18/02/13] น้ำตาหยดสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: KawaYuuMI ที่ 21-02-2013 18:35:41
โธ่~... น้องปันกับพี่เดฟ T^T สวนกันจนได้ ไม่สิ.... น้องปันถึงเมกาก่อนที่พี่เดฟจะกลับไทยซะอีก
แล้วน้องปันยังทำท่าว่าจะเข้าใจผิดอีก

ไรท์จ๋าาาา รีบมาแจ้งเหตุแถลงไขโดยไว
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 47 [18/02/13] น้ำตาหยดสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 02-03-2013 08:59:12
สวัสดีค่ะ  kagehana ค่ะ


แอบเอาเรื่องใหม่มาโปรโมท คราวนี้มาแบบเบาๆกันบ้าง


♥ รักกุบกิบ ♥


http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37037.0




รับน้องๆเซทใหม่ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ เรื่องนี้เน้นหวานๆ ใสๆ(เหรอ...) จะพยายามไม่ดราม่ามาก ยกเว้นว่ามือจะพาไปเอง กร๊ากกกก


ตอนจบของตราบาปไร้รอยเลือน จะมาต่อภายในอาทิตย์หน้านะคะ  ตอนนี้อ่านน้องๆกุบกิบไปพลางๆก่อนค่ะ



รักคนอ่าน :กอด1:


kagehana
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน *ตอนจบ* [14/03/13] ประกาศเปิดจองรวมเล่มจ้า(P.22)
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 14-03-2013 21:47:52
kagehana : เรื่องดำเนินมาถึงตอนจบแล้ว ขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่เป็นกำลังใจให้มาตลอดนะคะ



ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ :pig4:





-48-







“ผมไปนะครับ...พ่อ” ชยางกูรเอ่ยเบาๆในขณะที่ค่อยๆกราบไปบนตักพลภัทร


แม้ว่าจะขัดเขิน....แต่ก็อยากลองทำดูบ้าง เพื่อชดเชยกับสิ่งที่เคยกล่าวร้ายบิดาตัวเองไว้


การกระทำดังกล่าวแทบทำให้พลภัทรน้ำตาไหลออกมา มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาลูบศีรษะของชยางกูรเบาๆ


“เดินทางดีๆ นะลูก” เขาเอ่ยอวยพรเสียงเครือ


“พ่อดูแลตัวเองด้วยนะ”


ชยางกูรพูดสั้นๆแล้วสวมกอดพลภัทรไว้ อ้อมกอดที่เคยใฝ่ฝันหา....แม้จะไม่สนิทใจนักแต่สุดท้ายมังคงจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปในไม่ช้า


หลังจากร่ำลากันเสร็จ ชยางกูรก็พาตัวเองพร้อมสัมภาระที่มีไม่มากเดินออกมารอรถแท็กซี่ตามประสาคนง่ายๆที่ไม่อยากให้คนขับรถต้องไปส่ง รถฟอร์จูนเนอร์สีดำมันปลาบเลี้ยวเข้ามาจอดเทียบข้างทาง พร้อมกับเจ้าของที่เป็นชายร่างสูง ผมหยักศกปล่อยยาวนิดๆมีสีเทาแซม เขาถอดแว่นกันแดดออกพร้อมกับมองมาด้วยสายตาที่ยากจะตีความ


“เธอ....เดฟใช่มั้ย”


“ครับ....ไม่ทราบว่ามาหาใครหรือเปล่าครับ แล้วทำไมถึงรู้จักผม”


ชายวัยกลางคนยิ้มจางๆ เป็นรอยยิ้มที่เศร้าและสุขในเวลาเดียวกันจนไม่อาจจะแบ่งแยกได้ว่าสิ่งไหนมีมากกว่า


“ฉันมาหาพล...เป็น....เพื่อนเก่า” เพื่อนเก่า....ที่พลภัทรเลิกคบและไม่อยากจะเห็นหน้า และหากเขาไม่ได้ข่าวว่าเพ็ญแขหย่ากับพลภัทร ก็คงจะไม่กล้ามายืนอยู่ตรงนี้....ที่บ้านของคนที่เขาเคยทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ


“โตขึ้นเยอะเลยนะ...”


“คุณพ่ออยู่ในบ้านครับ แต่ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ยังไงเชิญเลยนะครับ ผมขอตัวไปสนามบินก่อน...คงไม่ได้พาเข้าไป”


“ไม่เป็นไร” บ้านที่เคยเข้านอกออกในจนทะลุปรุโปร่งดูไม่เปลี่ยนไปจากเดิม เพียงแต่...ความรู้สึกครั้งสุดท้ายที่มาบ้านนี้เป็นความรู้สึกหนักอึ้งที่เกาะกินหัวใจให้รู้สึกผิดมากว่ายี่สิบปี เขาไม่สามารถมีใครได้...หลังจากที่ทำลายเพื่อนรักในคืนวันนั้น


“ผมขอตัวก่อนครับ แท็กซี่มาแล้ว...” ชยางกูรเดินไปหาแท็กซี่ที่เรียกมารับ แต่ก่อนที่จะขึ้นรถ ชายหนุ่มหันกลับมามองคนที่ยืนส่งเขาอีกครั้ง


“คุณชื่ออะไรนะครับ....”


“ภีม....ฉันชื่อภีม.....”






///////////////////////////////////////////////







อิสราที่นั่งดูทีวีอยู่หันไปหาทนายตัวโตที่กำลังวุ่นวายกับการเตรียมอาหารเย็นในครัวเมื่อได้ยินเสียงออด พอเห็นแบบนั้น เจ้าของบ้านจึงเป็นฝ่ายลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูบ้านของตัวเอง


“อ้าวเดฟ กลับมาแล้วเหรอ”


“ครับ เหนื่อยชะมัด แถมพลาดอีก....แต่ก็ยังดีว่าได้เคลียร์เรื่องอื่น”


“เอสเอาน้ำให้เดฟหน่อยสิ ผมซื้อน้ำแอปเปิ้ลไว้ในตู้เย็นน่ะ ขอโทษที....ขอจัดการกับเจ้าไก่อบนี่ก่อน” คนที่อยู่ในครัวพูดเสียงดังจากข้างใน


“เข้ามาก่อนมา วันนี้โคลตันทำไก่อบกับสลัด มาก็ดีเลย จะได้ช่วยพี่กิน” อิสราหัวเราะเบาๆขณะเดินนำอีกฝ่ายเข้ามาที่โต๊ะทานข้าว


“น้ำแอปเปิลนะ หรือเบียร์”


“น้ำดีกว่าครับ เบียร์เดี๋ยวค่อยฉลองกันวันหลัง....รอเจอปันก่อน” ชยางกูรวางสัมภาระลงแล้วทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ ซี่งด้านหน้ามีสลัดชามโตวางอยู่


“สงสัยต้องติดต่อไปที่มหาลัย ผมไม่รู้ว่าจะเอาไงดี...สไกป์ไปก็ไม่ตอบ สงสัยยังงอนไม่เลิก”


“อ่าว...ยังติดต่อปันไม่ได้เหรอ” เป็นคนในครัวที่ถาม “ก็เอส......” เพราะสายตาวาวๆของอิสรา ทำให้ทนายความหนุ่มใหญ่ซึ่งกำลังจะเปิดปากเรื่องการมาของปัณวิทย์ กลายสภาพเป็นแมวเหมียวนุ่มนิ่ม หันไปจัดแต่งผักลวกในจานไก่


“พี่เอสทำไมเหรอ....”


พอเห็นสายตาซื่อๆที่มองมา อิสราจึงยอมเปิดปากเล่าเหตุการณ์สั้นๆในวันนั้นให้กับชยางกูรฟัง


“ก็แค่นั้นแหละ ไม่มีอะไรมากหรอก”


“ทำไมพี่ไม่บอกผม” คนที่ตั้งท่าจะนั่งพักกินอาหารเย็นให้หายเหนื่อยลุกโพล่งขึ้นทันทีที่ฟังจบ “แล้วปันบอกเปล่าว่าตอนนี้ไปอยู่ที่หอหรือยังไง ทำไมพี่ไม่รั้งไว้ล่ะ”


อิสราส่งสายตาคาดโทษไปให้โคลตัน ก่อนจะเอ่ยตอบคำถามเหล่านั้น


“ตอนแรกพี่ก็ตกใจ เด็กนั่นเห็นหน้าพี่ก็เดินไปเลย พี่เลยไม่ได้รั้งไว้”


“กะจะแกล้งผมอ่ะดิ” ชยางกูรทำหน้าบึ้งใส่เหมือนเด็กถูกขัดใจ “กินกันไปสองคนเหอะ ผมฝากของไว้ก่อน เดี๋ยวมาเอา”


พูดจบ ร่างสูงก็เดินลุกออกไปโดยไม่สนใจจานไก่อบที่ถูกหั่นมาวางตรงหน้าเลย มือหนาที่ยื่นจานวางหดกลับแล้วเอาไปวางหน้าอิสราแทน


“ตอนแรกผมว่าเขาดูเป็นผู้ใหญ่ดี แต่ผมรู้แล้วว่าอันที่จริง....คุณกับเดฟน่ะเด็กพอกันเลย”


ชายหนุ่มร่างบางที่ถูกวิจารณ์ค้อนให้หนึ่งทีก่อนจะหยิบส้อมกับมีดขึ้นตัดไก่อบทานโดยไม่รอ “พูดอะไรไม่รู้เรื่อง”


“ใครที่เอาแต่ปิดปากเงียบ...ไม่บอกเรื่องปัน นี่ถ้าผมไม่พูด มีหวังป่านนี้ยังคงนั่งกินไก่อบไม่รู้เรื่องอยู่ล่ะมั้ง” เจ้าของอาหารมื้อเย็นเลื่อนจานของตัวเองเข้าไปใกล้อิสราแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่ถูกดึงมาจนเบียดกัน


“นั่งเบียดผมทำไมครับ” อิสราทำเป็นมองข้ามคำวิจารณ์เหล่านั้น แล้วเปลี่ยนประเด็นไปอีกเรื่องหนึ่งแทน


“ขาดความอบอุ่น....”


“ฮีตเตอร์ก็มี เปิดให้เอามั้ยครับ” เขาถอนหายใจออกมาเมื่อเจอคำตอบตามสไตล์เจ้าตัว


“ขอแค่อุณหภูมิคนก็พอ” ชายหนุ่มยกไวน์แดงในแก้วขึ้นจิบแล้วส่งให้อิสรา “ชักอยากจะมอมเหล้าคุณแล้วแพคใส่ลังกลับบ้านขึ้นมาจริงๆแล้วสิ.....เอส....ไปอยู่ด้วยกันมั้ย”


“แล้วบ้านหลังนี้ของผมล่ะ... คุณ...” อิสราถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ผม... ยังไม่พร้อม... ครับโคลตัน”


“ปันมาอยู่ที่นี่สี่ปีถึงจะจบ คุณก็ให้เดฟอยู่สิ” หนุ่มใหญ่คลึงแก้วไวน์ในมือไปมาเหมือนกำลังจะตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่


“บอกตามตรง ผมกลัวว่าคุณจะกลับไปชอบเดฟอีก เพราะงั้น...มาอยู่กับผม คุณจะได้ไม่มีเวลาว่างพอจะอ่อนไหวไง”


โคลตันพูดทุกคำด้วยความจริงจัง....เพราะรู้ดีว่าอิสราเป็นคนอ่อนไหวง่าย หายจะผูกพัน...เขาก็อยากจะผูกติดให้มีแต่ตัวเองในหัวอีกฝ่าย เขาไม่อยากหึงชยางกูร แม้รู้ว่าฝ่ายนั้นคงไม่กลับมาหาอิสราแล้วก็ตาม


...แต่กันไว้ดีกว่าแก้ไม่ใช่หรือไง....


“ผม... ไม่กลับไปหรอก...” อิสราก้มหน้าลง “ผม... แค่ยังไม่รู้โคลตัน... ผม...”


“เปิดใจให้ผมเข้าไปได้มั้ย...มิสเตอร์อิสรา” น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบข้างหู


“ผมรักคุณ.....”


“... คุณ... ขี้โกง” อิสราเอ่ยเสียงเบา อีกฝ่ายรู้ดีว่าเขาแพ้อะไรแบบนี้ถึงได้เอ่ยคำบอกรักออกมา


“ผม... ยังไม่รู้... ว่าผมรู้สึกยังไง”


“ลองเรียนรู้จากผมสิ....แล้วจะรู้ว่าไม่ต่างกันเลย”


“....... ผม....” ชายหนุ่มมองหน้าของคนที่มองเขาอยู่ “...... จะลอง”


โคลตันปิดริมฝีปากที่สั่นไหวด้วยริมฝีปากของตัวเอง มือที่ประคองแผ่นหลังโอบร่างบางเข้ามากอดเอาไว้ จุมพิตรสไวน์หวานหอมเจือขมติดปลายลิ้น....ซาบซ่านไปถึงหัวใจ


“ผม... ไม่ใช่คน... หนักแน่นพอ... เข้าใจใช่มั้ย...”


“ผมไม่กลัวหรอก...ผมจะทำให้คุณไม่มีเวลาจะหวั่นไหวเลย..คอยดูเถอะ”


“ครับ... ผมจะคอยดูแน่ๆ... เพราะไม่อย่างนั้น ผมคงไม่อยู่กับคุณ” เขาส่งรอยยิ้มจางๆให้ก่อนจะเอนศีรษะพิงกับไหล่กว้าง


...จะลองเดิมพันดู...


...อาจจะดีกว่าที่คิดไว้...








//////////////////////////////////////////////







หลังจากได้เจอคนที่ไม่คิดว่าจะเจอแล้ว ปัณวิทย์ก็หมกตัวอยู่แต่ในห้องที่หอพักนักศึกษาไม่ได้ออกไปไหน เขาถือว่าตัวเองเก่งมากที่ไม่โวยวายอาละวาดลงกับข้าวของ


“ไอ้ฝรั่งบ้า... รอตลอดไปเหี้ยห่าไรงี่เง่าชัดๆ”


เขามาถึงที่สหรัฐอเมริกาก่อนที่จะเปิดเทอมประมาณหนึ่งเดือน หลังจากซื้อข้าวของที่จำเป็นเสร็จเรียบร้อย ปัณวิทย์ก็ตั้งใจจะไปหาอดีตคนรักโดยหวังว่าจะแกล้งให้ตกใจเล่น แต่กลับต้องเจอกับผู้ชายที่เรียกว่าแฟนเก่าของชยางกูรที่มารยาทไม่ดีคนนั้น แน่นอนว่าเขาไม่คิดว่าต้องพูดอะไรด้วยซ้ำ


...ทุกอย่างมันฟ้องชัดแล้ว


ก่อนที่จะได้เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา เสียงท้องร้องประท้วงที่ดังขึ้นมาทำให้เด็กหนุ่มเปลี่ยนแผน


“หาไรใส่ท้องก่อนก็ได้วะ”


ปัณวิทย์คว้ากระเป๋าเป้ขึ้นสะพายหลัง เดินออกจากห้อง ลงลิฟท์มาด้วยใบหน้าที่ไม่รับแขกเช่นเคย


คนที่มาเฝ้ารอที่ล็อบบี้ปิดหนังสือลงแล้วถอนใจเฮือก พิชญ์ยอมบอกเขาแค่หอพักที่คนรักของเขามาอยู่...แต่ไม่ยอมให้ทั้งเบอร์ห้องหรือเบอร์ส่วนตัวด้วยซ้ำ


จะมีก็แต่ต้องมานั่งเฝ้า รอจนเด็กดื้อออกไปข้างนอกถึงจะได้เจอ เขามานั่งรอกว่าสี่ชั่วโมงแล้ว ให้ตายเหอะ เจ้าเด็กหน้าบูดนั่นไม่คิดจะกินข้าวหรือออกจากห้องบ้างเลยหรือไงนะ


เด็กหนุ่มแวะทักทายเจ้าหน้าที่ดูแลหอพักก่อนจะหยิบเอาหนังสือพิมพ์แจกฟรีตรงเคาน์เตอร์


ชยางกูรแทบไม่อยากเชื่อสายตาเมื่อเห็นร่างของคนรักยืนอยู่ไม่ไกล ไม่ทันที่ในหัวจะได้คิด สองขาก็พอเข้าก้าวไปหารวมถึงสองแขนก็กอดรัดปัณวิทย์เอาไว้แล้ว


“ปัน.....ลงมาแล้วเหรอ”


ด้วยความตกใจ ปัณวิทย์ผลักอีกฝ่ายออกแทบจะทันทีโดยไม่พูดอะไรแล้วรีบวิ่งออกไปทางประตูด้านข้าง


...มาได้ยังไงวะไอ้ฝรั่งบ้า!!


“ปัน...รอพี่ก่อน” ชยางกูรวิ่งตามไปรั้งเอาไว้แล้วดึงเข้าสู่อ้อมกอด “ทำไมมาไม่บอกสักคำ”


“มาทำไม ปล่อย ปล่อย” เพราะว่ายังไม่เปิดเทอม ด้านนอกจึงไม่มีผู้คนพลุกพล่านมากนักทำให้ปัณวิทย์สามารถสะบัดอีกฝ่ายออกได้เต็มที่


“ปล่อยสิวะ!!”


“ไม่ปล่อย พากลับบ้านเลย” ชยางกูรกอดแล้วหิ้วคนตัวเล็กกว่าจะพาไปที่รถที่จอดไม่ไกล


“กลับอะไร ไม่กลับ! บอกว่าไม่ไปไงวะไอ้ฝรั่ง! ปล่อย!!!!” คราวนี้ทั้งขาทั้งแขนออกแรงต่อต้านคนที่ยกเขาลอยจากพื้นเต็มที่


“ใจเย็น...โกรธเรื่องอะไร อุตส่าห์มาหาพี่ถึงนี่แล้วยังจะโกรธอีกเหรอ” ชยางกูรอยากจะจับทุ่มลงกับพื้นถนน ถ้าไม่ติดว่าเขารักคนๆนี้


...เด็กบ้าอะไรวะ ดื้อของโคตรดื้อเลย


“เจอแล้วก็ปล่อยดิวะ จะมาแก้ตัวทำไม ไอ้พี่เอสอะไรนั่นบอกว่าปันมาใช่มั้ย” ดวงตาดื้อรั้นไม่ดูอ่อนลงแม้แต่น้อย


“ไม่ปล่อย คุยกันดีๆสิ พี่อุตส่าห์กลับไทยไปหา ปันต่างหากล่ะที่มานี่ไม่บอกสักคำ”


“ทำไมต้องบอก ไม่ได้เป็นอะไรกัน!” ถ้าแยกเขี้ยวแล้วกัดได้จริงๆปัณวิทย์คงทำโดยไม่ลังเล


“เป็นแฟน!!” พูดจบชยางกูรก็ยืนยันด้วยจูบดุดันอวดสายตาคนที่อยู่ในละแวกนั้น พร้อมกับกอดรัดเอาไว้..บังคับให้ปัณวิทย์ยอมผ่อนตามจุมพิตเร่าร้อน


หากไม่ได้ถูกกอดเอาไว้ปัณวิทย์คงได้ต่อยไปแล้ว ที่ตั้งใจสอบทุนมาหาเพราะคิดถึง แต่ก็ยังนึกน้อยใจตลอดเวลาว่าอีกฝ่ายทิ้งเขาไป


“แฟนเหี้ยอะไร... ทิ้งกัน หา” ท้ายประโยคนั้น เสียงของเด็กหนุ่มสั่นเครือก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมา


“ขอโทษ...ขอโทษจริงๆ” ชยางกูรก้มลงเช็ดน้ำตาบนใบหน้าขาวๆที่ยังฉายแววดื้อรั้นก่อนจะจุมพิตลงที่หน้าผากเบาๆ


“ไม่ได้ทิ้ง...ก็เกือบจะกลับไปหา แต่โกรธพ่อ โกรธปันที่ไม่เลือกพี่.....พี่มันงี่เง่าเอง”


“ก็พ่อปัน! บอกให้รอก็ไม่รอ แล้วจะมาทำไม อึก...” เขายกแขนปัดมือของชยางกูรออก


“ก็ปันมาทำไมล่ะ พี่กลับไทยไปหาปันเพราะเหตุผลเดียวกันน่ะแหละ พอกลับไปก็ไม่เจอ พอมาดักรอเจอปันก็ด่า” ชยางกูรลากปัณวิทย์ออกมาที่รถแล้วเปิดประตูดันร่างเล็กให้เข้าไป


“เข้าไปเลย เดี๋ยวหนีอีก”


“ทำไมจะด่าไม่ได้ มานี่ก็มาอยู่กับแฟนเก่า ใช้พวกไอ้เตี้ยส่งข่าว ทำอะไรไม่คิดถึงความรู้สึกปันมั่งเลย” คนโดนผลักขึ้นรถยังคงหันมาโวยใส่ต่อ


“พี่มีเหตุผลที่ต้องอยู่กับพี่เอส แต่สาบานได้ว่าไม่มีอะไรกัน...พี่รักปันคนเดียว ได้ยินมั้ย” ชยางกูรดึงคนรักเข้ามากอดไว้อีกครั้งแล้วซบใบหน้าลงบนกลุ่มผมสีเข้ม


“ไอ้พี่บ้า เดี๋ยวมีไรก็ทิ้งปันอีก รักอะไร” แม้ปากจะพูดอย่างนั้น แต่ปัณวิทย์ก็ไม่ได้ดันหรือว่าผลักอีกฝ่ายออก


“ไม่ทิ้ง ไม่มีอีกแล้ว รอปันเรียนจบแล้วกลับไปอยู่กับพ่อด้วยกันนะ”


“พูดอะไรไร้สาระ พ่อจะให้อยู่ด้วยกันได้ไง” ดวงตาที่ยังชุ่มน้ำตาจ้องมองอย่างเอาเรื่อง


“เคลียร์กันแล้ว พี่กลับไปหาปันที่ไทยมา...พอไม่เจอก็เลยได้คุยกับพ่อ อาจจะไม่ใช่ทันที แต่พ่อคงรับเราได้....” ชยางกูรไม่รู้จะบรรยายอย่างไรกับความรู้สึกในตอนนั้น เขาทำเพียงแต่กอดปัณวิทย์แน่นขึ้น


“...ไอ้พี่เดฟบ้า” พูดจบปัณวิทย์ก็ต่อยอีกฝ่ายไม่เต็มแรงนัก แต่เอาเพียงให้หายคืนกับความรู้สึกที่เขามีตลอดเวลาที่อีกฝ่ายทิ้งไป


“ขอโทษที่ทิ้งกัน แต่อยู่ที่นี่....ไม่มีวันไหนไม่คิดถึงปันเลยนะ”


“ทิ้งให้เหงาเหี้ยๆอยู่คนเดียว ทิ้งอีกทีจะฆ่าให้ตายเลย” หมัดจากเด็กหนุ่มถูกปล่อยใส่อีกครั้งคล้ายกับยืนยันคำพูด


“อยู่ที่นี่ก็เหงาเหี้ยๆเหมือนกัน ออนสไกป์ก็ไม่มีคนทัก แกล้งออนทั้งวันทั้งคืน คนใจดำก็ไม่ยอมพิมพ์มา ไลน์ด้วย....แถมมานี่ก็ไม่บอก ให้คนเขาเหงาอยู่ได้ตั้งนาน”


“อย่ามาโยนเหมือนปันผิดสิวะ ทักทำไม ทักให้เซ็งว่าทิ้งไปเหรอ” ปัณวิทย์ทำหน้าเบ้ใส่ก่อนจะถอยตัวออกมาแล้วกอดอกไว้


“นี่ถ้าไม่ได้ซายน์กับอัสซี่ช่วย คงไม่ได้เห็นหน้าปันเลยมั้ง” ชยางกูรไม่ได้ตามไปกอด แต่กลับทิ้งศีรษะลงบนตักของเด็กหนุ่มแล้วจูบเบาๆที่ผิวอ่อนๆตรงหน้าท้อง


ปัณวิทย์ใช้ปลายนิ้วดีดลงบนศีรษะของร่างสูง “อย่ามาลามกไม่เข้าเรื่อง ลุกเลยครับ”


“ใครลามก...เป็นเด็กเป็นเล็กคิดอะไรน่ะ” นอกจากจะไม่ลุก ชายหนุ่มยังฟัดใบหน้าลงกับผิวเนื้ออย่างหมั่นเขี้ยว


ปัณวิทย์เกลียดตัวเองในตอนนี้เป็นที่สุด!


“พอแล้วเว้ย ลุก! พี่เดฟ” ไม่พูดเปล่า จากที่ดีดศีรษะไปกลายเป็นใช้ทั้งสองมือดันใบหน้าของชยางกูรออกจนเกือบจะชนกับคอนโซลฝั่งข้างคนขับ


“ยกโทษให้ยัง” อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอดึงตัวมากอดไว้แล้วกดจูบเบาๆที่สองข้างแก้ม “........หรือว่ายังหึงพี่เอส”


“ไม่ได้หึง” เด็กหนุ่มรู้ดีว่ากำลังโกหกอยู่ครึ่งหนึ่ง เพราะอย่างน้อยถ้าหึงล้วนๆ คงได้เปิดปากเถียงกับแฟนเก่าที่ว่านั่นไปแล้ว


“โกหก...มองตาก็รู้” ชยางกูรพูดยิ้มๆแล้วเสริมต่อด้วยอ้อมกอดที่แนบแน่นขึ้น “พี่รักแล้วรักเลย...ไม่ต้องหึงครับ อีกอย่าง พี่มาอาศัยพี่เอสเฉยๆ...แถมตอนนี้มีแฟนใหม่เป็นทนายรวยโคตรไปแล้ว จนๆอย่างพี่ต้องอยู่กับนักเรียนนี่แหละถึงจะเหมาะ”


“ใครให้อยู่ จนๆปันไม่เอา ปันอยู่หอ เข้าใจปะ” เด็กหนุ่มทำทีเหมือนกำลังถือไพ่เหนือกว่าทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าให้จนยังไง เขาก็รักอีกฝ่ายโดยที่ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น


“ว้า ปล่อยให้พี่อยู่บ้านกับพี่เอสสองคนจะดีเหรอ เดี๋ยวเด็กแถวนี้หึงนอนร้องไห้ทำไง”


“ไม่มี หึงนอนร้องไห้อะไร ไม่มีหรอก มั่ว”


“งั้นพี่คงนอนร้องไห้...เพราะคิดถึงปัน” ชายหนุ่มผมทองซุกหน้าลงกับไหล่ของคนในอ้อมกอด “คิดถึงปันนะ..คิดถึงมาก....”


“รู้แล้ว...พูดอะไรบ่อยๆ พอแล้ว” ปากพูดออกมาห้วนๆ แต่ปัณวิทย์ก็ยกมือขึ้นโอบกอดร่างสูงเอาไว้


“หายโกรธนะ” คนเป็นพี่กอดไว้เบาๆแล้วจูบหน้าผากชื้นเหงื่อด้วยความรัก “ปันอยู่ไทยคิดถึงพี่บ้างมั้ย”


“ไม่ตอบ มีไรปะ” เขาไม่ได้ผลักออกแต่ยอมโอนอ่อนให้ชยางกูรได้แตะริมฝีปากตามใจ


“คิดถึงหรือเปล่า” น้ำเสียงทุ้มต่ำถามอย่างย่ามใจ ลองว่าปัณวิทย์อ่อนลงแล้ว เด็กหนุ่มก็ราวกับคนละคนกับเด็กดื้อเมื่อกี้นี้


“........ พูดไม่รู้เรื่องนะ บอกว่าไม่ตอบไง”


“เดี๋ยวถามซายน์กับอัสซี่ก็ได้....ถ้าไม่ตอบ พี่จะถามว่าปันร้องไห้หรือเปล่าตอนอยู่ไทย อย่างอัสซี่คงเล่าหมดทุกอย่างละมั้ง”


“ไม่ได้ร้อง โตแล้วไม่ใช่เด็กๆ ไม่คิดถึงจนร้องไห้หรอกไอ้พี่บ้า”


“ไม่ร้อง...แต่คิดถึงใช่มั้ย” ‘ไอ้พี่บ้า’ กระซิบเบาๆข้างหูก่อนจะขโมยหอมตบท้าย


“เออ คิดถึง ไม่พูดแล้ว” จากที่ไม่ดันอีกฝ่ายออกไปไหน คราวนี้มือยืดมาผลักหน้าของชยางกูรออกทันที


ชยางกูรก้มหน้าหลบแล้วเอนตัวทับ....รัดรั้งร่างบางเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้ นัยน์ตาสีฟ้าพราวระยับด้วยคำพูดนับแสนนับล้านที่อยากจะบอกไป แต่คำพูดเดียวที่ตรงใจที่สุด....กระซิบแผ่วเบาให้เพียงคนเดียวได้ฟัง


“พี่รักปันนะ”


“...รู้...แล้ว” กระต่ายป่าแสนดื้อรั้นซุกเข้าหา ยอมอ่อนให้ในที่สุด


“กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมนะ”


“...จ่ายค่าหอไปแล้ว... เทอมนี้ต้องอยู่หอ...” น้ำเสียงที่คอยแต่ฟังดูกระด้างกลายเป็นเสียงบ่นอุบอิบที่ฟังยังไงก็เหมือนเด็กงอแง


“ยกเลิกไม่ได้เหรอ ไปอยู่บ้านพี่เอสกัน...ปันอยู่ห้องพี่ไง พี่แชร์กันอยู่กับพี่เอสน่ะ” คำพูกวกวนที่ทั้งหาประโยชน์เข้าตัวเองและแก้ตัวไปในตัวออกมาจากริมฝีปากที่คลอเคลียอยู่อย่างรื่นไหล เจ้าตัวที่คิดคำพูดมาก่อนหน้านี้แถมกำไรด้วยการจูบหนักๆอีกสองครั้งบนแก้มสีนวล


“ไม่เอา ไม่อยู่ร่วมบ้านด้วยหรอก ยกเลิกไม่ได้ จ่ายเงินไปหมดแล้ว เทอมเดียว...” ท้ายประโยคปัณวิทย์กลับมาทำเสียงแข็งใส่อีกครั้ง


“งั้นก็ปล่อยไว้งั้น ไม่ต้องอยู่ ไม่ต้องยกเลิก แล้วไปอยู่กับพี่นะ” กระต่ายในอ้อมกอดที่ทำขนพองขู่...ด้วยเหตุผลอะไรเขาก็รู้ดี


“พี่เอสเป็นคนดีนะปัน ปันอาจจะยังไม่ชิน....แต่รู้จักกันดีๆ ปันอาจจะชอบก็ได้”


“ไม่เอา! เทอมนึง เป็นบทลงโทษที่ทิ้งปัน” เด็กหนุ่มยื่นคำขาด


“งั้นพี่จะมาเฝ้าทุกวัน เลิกเรียนมารับ วันหยุดพาไปนอนบ้าน ไปนั่งเฝ้าที่มหาลัย....ดีมั้ย”


“นี่ เวอร์แล้วครับ วันหยุดอยู่ด้วยกัน วันธรรมดากินข้าวด้วยกันบ้างก็โอเค แต่ปันต้องมีชีวิตมหาวิทยาลัยของปัน เข้าใจมั้ย” เขามองอีกฝ่ายตาขวางเมื่อฟังจบประโยค


“ให้เวลาหนึ่งเทอม...เทอมหน้าต้องมาอยู่ด้วยกันนะ” คนเป็นพี่เอ่ยอ้อน “เรื่องพี่เอส...ปันอย่าคิดมากนะ ไว้จะพาไปกินข้าวด้วย พี่เอสตลกจะตาย”


“ไม่ได้คิดมาก แต่ปันไม่ชอบหน้า”


“เด็กเอ๊ย” ชยางกูรแกล้งบ่นเบาๆแล้วจับมือคนรักเอาไว้


“จำไว้นะ ไม่ว่ายังไง....คนที่พี่รักก็มีปันคนเดียว พี่จะไม่ปล่อยมือนี้ไปชั่วชีวิต”


“ปล่อยไปแล้วรอบนึง ไม่ต้องมาทำพูดเท่” ปัณวิทย์ชักมือคืนพลางเบ้ปากใส่


“ถ้าไม่เชื่อ...ก็ลองพิสูจน์ดู...ไปชั่วชีวิตแล้วกัน”


บาดแผลที่ไม่มีวันลบเลือน...บาดแผลที่ปิดซ่อนยาวนาน


แม้จะไม่จางหาย...แต่ความเจ็บปวดก็ลบเลือนได้ด้วยการเวลา และความรักที่คอยอยู่เคียงข้าง


...ตลอดไป...












....The End....







///พื้นที่โฆษณา///



ID คนขาย : TBL-984-766


เนื่องจากหมีกับดอกไม้เป็นพวกโรคจิต ชอบสะสมหนังสือเป็นเล่ม เลยจะรวมเล่มเรื่องตราบาปไร้รอยเลือนขึ้นมาค่ะ

ในเล่มนี้มีอะไรบ้าง??


เล่มนี้จะมีตอนพิเศษที่เขียนขึ้นมาใหม่ทั้งหมดสามตอน สามคู่คือ

พี่เดฟ-น้องปัน  เรื่องราวตอนได้พบกันครั้งแรก สมันปันยังเป็นปันปันตัวอ้วนกลม

ซายน์-อัฐ  "ครั้งแรก" ของอัฐ กับอาการงอนของซายน์

ภีม-พลภัทร  จากเพื่อนรักกลายเป็นความเกลียดชัง ภีมเลยกลับมาเพื่อรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้


หนังสือทั้งหมดจะรวมเป็นเซตสองเล่ม ขนาดเอห้า มีปกสวยงาม มีเนื้อเรื่องทุกตอนและเรื่องสั้นสามเรื่อง(หรืออาจจะงอกออกมาอีก)

ทั้งหมดทั้งมวล ราคาเซตละ 500 บาท (ไม่รวมค่าจัดส่งค่ะ)


ระยะเวลาในการสั่งจองคือประมาณเดือนกว่าๆ และปิดรับจองวันที่ 30 เมษายน 2556


ถ้าคนอ่านท่านใดสนใจ..สามารถส่งแบบฟอร์มการสั่งจองหนังสือมาทาง kagehana.h.p แอด จีเมล ดอท คอม  รบกวนตั้งหัวข้ออีเมลว่า “สั่งจองหนังสือ” ด้วยนะคะ

ในอีเมล ให้เขียนแบบฟอร์มตามแบบข้างล่างมาค่ะ (รายละเอียดทุกอย่างจะถูกเก็บเป็นความลับค่ะ)


ชื่อจริงและนามสกุลจริง :


ชื่อเล่น :


ยูสเซอร์เนมเล้าเป็ด/เด็กดี :


เบอร์โทร :


ที่อยู่ :


สั่งจองเป็นจำนวน : _________  ชุด


E-mail :




ทางเราจะอัพเดทความเคลื่อนไหวเรื่อยๆทั้งในเล้า/เด็กดี และเพจ  http://www.facebook.com/ficfactory ค่ะ







ส่วนอีกเรื่อง  ขออนุญาตลงโปรโมทเรื่องใหม่ค่ะ อิอิ





♥ รักกุบกิบ ♥


เรื่องราวของหนุ่มมหาลัยสุดเกรียนกับรุ่นพี่นักเรียนแลกเปลี่ยนสุดเอ๋อ พร้อมด้วยพลพรรครักเพื่อน(?)อีกมากมาย


จิ้มไปอ่านได้เลยค่ะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37037.0






ขอบคุณทุกความกรุณาของคนอ่านทุกคนที่มีให้เสมอมานะคะ จบเรื่องนี้ อย่าลืมแวะเวียนไปเยี่ยมเรื่องใหม่กันนะคะ หมีกับดอกไม้จะรอนะ


รักคนอ่าน


kagehana





หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน *ตอนจบ* [14/03/13] พร้อมประกาศเปิดจองรวมเล่มจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 14-03-2013 22:25:41
จองครับ อยากรู้เรื่องของคุณภีมกะคุณพลภัทร
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน *ตอนจบ* [14/03/13] พร้อมประกาศเปิดจองรวมเล่มจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 14-03-2013 22:42:21
+1 :o8: น้องปัน พี่เดฟ แฮปปี๊เอนดิ่ง :กอด1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน *ตอนจบ* [14/03/13] พร้อมประกาศเปิดจองรวมเล่มจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 14-03-2013 23:31:00
สนุกมากเลยค่ะ นึกว่าจะได้กินมาม่าจนอืดท้องซะแล้ว แต่ก็มีน้ำตาลมาให้กินบ้างเป็นระยะๆ ชอบๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน *ตอนจบ* [14/03/13] พร้อมประกาศเปิดจองรวมเล่มจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: miracle22936 ที่ 14-03-2013 23:38:53
จบแล้วหรอ T___________T เศร้าาา อยากอ่านตอนพิเศษของ ภีม กับ พลภัทร มากมายยย :sad4:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน *ตอนจบ* [14/03/13] พร้อมประกาศเปิดจองรวมเล่มจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 15-03-2013 09:07:27
น่ารักหวานๆ  :กอด1:  ลุ้นภีมคืนดีกับพลภัทร
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน *ตอนจบ* [14/03/13] พร้อมประกาศเปิดจองรวมเล่มจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 15-03-2013 09:23:05
น่าสนใจเรื่องของรุ่นใหญ่นี่แหละ อยากรู้มากกกกกกกกกว่าจะเป็นไงต่อไป

และก็ ต้องขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน *ตอนจบ* [14/03/13] พร้อมประกาศเปิดจองรวมเล่มจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 15-03-2013 09:55:16
ปันน่ารักมว๊ากกกกกก  :-[  :pig4:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน *ตอนจบ* [14/03/13] พร้อมประกาศเปิดจองรวมเล่มจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 15-03-2013 13:08:25
มีความสุขกับตอนจบมากๆค่ะ :m4:
พี่เดฟกับปันปันกลับมารักกันหวานชื่นแล้ว :o8:
เรื่องของรุ่นใหญ่นี่น่าสนใจมากๆเลยอะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน *ตอนจบ* [14/03/13] พร้อมประกาศเปิดจองรวมเล่มจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 15-03-2013 13:30:57
พ่อทั้งสองของปันปัน อะไร ยังไง ต่อไปดี
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน *ตอนจบ* [14/03/13] พร้อมประกาศเปิดจองรวมเล่มจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 15-03-2013 16:43:30
จบแล้ว happyๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน *ตอนจบ* [14/03/13] พร้อมประกาศเปิดจองรวมเล่มจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: preaw-sm ที่ 18-03-2013 07:56:00
แอร๊ย ชอบมากเลย ขอบคุณมากค่ะ
เรื่องนี้ลุ้นจนใจสั่นเลยทีเดียว คุณพลน่าสงสารนะคะ เจ็บมาตั้งหลายปีเน๊อะ ทั้งลูกทั้งคนที่ตนเองรัก ไม่มีใครเข้าใจเลย
ส่วนปันก็ใจแข็งมากที่ยอมทิ้งพี่เดฟมาอยู่กับพ่อ เราชื่นชมตรงนี้จริงๆ
ส่วนเดฟนิสัยติดเด็กไปนิด แค่รักใครรักจริง
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน *ตอนจบ* [14/03/13] พร้อมประกาศเปิดจองรวมเล่มจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 18-03-2013 21:44:37
จบแบบชีวิตจริง ช้อบชอบ ต้องไม่มีความหวาน เหมือนในโลกใบนี้มีแต่ความสุข 
มีเรื่องราวที่ดำเนินต่อไป สิ้นสุดเมื่อจากลา หรืออยู่ครองคู่กันตลอดไป
ขอบใจจร้า  ขอบอกว่าไม่ชอบเอสได้มั๊ย แต่เอสเป็นคนแรกที่โดนเดฟ ทำร้ายมาก่อน สูสี
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน *ตอนจบ* [14/03/13] พร้อมประกาศเปิดจองรวมเล่มจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 19-03-2013 21:05:58
สนุกมากเลย ขอบคุณสำหรับเรื่องดีดี คับ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน *ตอนจบ* [14/03/13] พร้อมประกาศเปิดจองรวมเล่มจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 20-03-2013 01:10:11
อยากรู้เรื่องของรุ่นคุณพ่อ :z3:
บางทีพอปันกับเดฟกลับมา
อาจจะได้เจอสามีของพ่อเข้าให้ o18
รออ่านเรื่องของน้องนัทกับเชฟทยุต
รีบต่อเรื่องนั้นเร็วๆน้า รออยู่จ้า :L2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน *ตอนจบ* [14/03/13] พร้อมประกาศเปิดจองรวมเล่มจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 20-03-2013 15:27:14
เปิดจองรวมเล่่มหน้าไหน หาไม่เจอค่ะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน *ตอนจบ* [14/03/13] พร้อมประกาศเปิดจองรวมเล่มจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 20-03-2013 16:07:02
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน *ตอนจบ* [14/03/13] พร้อมประกาศเปิดจองรวมเล่มจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon1030 ที่ 20-03-2013 16:36:34
ปันปันน่ารักมากกกก อ่านไปก็อยากจะเข้าไปหยิกแก้ม เด็กอะไรไม่รู้ขี้อ้อนจริงเชียว ><"
นายเอกในดวงใจเลยค่ะ จะติดตามเรื่องอื่นๆของคนเขียนด้วยนะคะ <3
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน *ตอนจบ* [14/03/13] พร้อมประกาศเปิดจองรวมเล่มจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: lionnoi ที่ 21-03-2013 06:28:16
อ่านรวดเดียวจบจากสี่ทุ่ม ตอนนี้หกโมงเช้ากว่าๆ ตายแน่ๆช้านนนน เบลอทั้งวันแน่ๆ  :z3:
ทำใจอ่านวันอื่นไม่ได้จริงๆ นอนไม่หลับถ้าไม่ได้อ่านจนจบมันค้างคา
เรื่องนี้จะมาม่าก็สุดลอยอืด น้ำตาไหลพรากๆ
หวานก็ยิ้มซะหน้าบาน ฉีกจะถึงหูและ (เวอร์ไปเนอะ)
ตอนแรกเกลียดคุณพ่อพลภัทร มากถึงมากที่สุดทำน้องกระต่ายปันร้องไห้ แถมทำเราเสียน้ำตาอีก
อยากจะตบและด่าให้หายแค้น แต่พอมารู้อดีตเราก็เข้าใจว่าคุณพ่อทำอย่างนี้ทำไม
แต่เกลียดนายภีมมาก เพื่อนชั่วๆ ให้รู้สึกผิดไปจนตายเลย
ยัยเพ็ญแขด้วย น่ารังเกลียด ลูกตัวเองแท้ๆ อุ้มท้องมาตั้ง 9 เดือน ไม่มีความผูกพันเลยหรือไง ใจมาร  :fcuk:
หลังๆเริ่มเบื่อนายอิสรา ทำตัวเป็นมารร้าย ไม่พูดแต่ก็ทำให้เค้าเข้าใจผิดกันแบบตั้งใจ แถมยังโลเลอีก มาเสียใจตอนที่สาย
แอบสมน้ำหน้านิดๆตอนที่เจอเจคอบ เชอะ คนดีๆอย่างชยางกูรไม่คบ แถมน่าหมั่นไส้เจอคนดีๆอย่างโคลตัน  :z6:
แต่ก็ดีและ จะได้มีพี่เดฟ- น้องปัน
ขอบคุณkagehanaที่เขียนเรื่องดีๆมาให้อ่าน ผูกเรื่องได้น่าติดตามมากกก เราติดงอมแงมมากกก ไม่ยอมไปนอนเลยทีเดียว  :pig4:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน *ตอนจบ* [14/03/13] พร้อมประกาศเปิดจองรวมเล่มจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 21-03-2013 13:52:01
สวัสดีค่ะ kagehana ค่ะ


เอาปกมาอวดค่ะ แฮ่---- สาดเลือดใส่หัวใจ



(http://i34.photobucket.com/albums/d147/pintaro/coverscar.jpg)





ตอนพิเศษ สามเรื่อง-สามคู่ เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่คุยไปคุยมา หมีกับดอกไม้คิดว่า....อาจจะงอกเรื่องที่สี่ เป็นคู่ภีมพลด้วยความก๊าวใจส่วนตัว คิดกันเล่นๆว่า...จะมีมั้ยวันที่พลให้อภัยภีม และพลมีเหตุผลอะไรที่ไม่ยอมให้อภัย

ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มเขียนค่ะ รอความก๊าวใจบิ๊วตัวเอง ฮ่าๆ

ใครอยากได้ ใครยังไม่จอง ส่งเมลมาได้เลยค่ะ แล้วเราจะตอบเมลเรื่องรายละเอียดการโอนเงินกลับนะคะ แบบฟอร์มการสั่งซื้อ ดูได้ที่ p.22 ตรงท้ายตอนจบได้เลยค่ะ

 ขอเพิ่มเติมรายละเอียดนิดนึง เรื่องค่าจัดส่งไปรษณีย์ค่ะ

เซตหนังสือสองเล่ม 500 บาท จะขอคิดค่าจัดส่งในซองกันกระแทกในระบบEMS 50 บาทนะคะ

รวม 500 (ค่าหนังสือ) + 50 (ค่าEMS) = 550 บาท ค่ะ


ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นค่ะ ว่างๆอย่าลืมไปทักทายเรื่องใหม่ ♥ รักกุบกิบ ♥ ด้วยนะคะ

จิ้มเลย http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37037.0
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทปกค่ะ (21/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Number1_90 ที่ 22-03-2013 20:55:29
สนุกมากเลย

ชอบปันมาก เป็นเด็กเอาเเต่ใจดี

จะติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทปกค่ะ (21/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 25-03-2013 22:57:36
 o18 จบซะแล้ว +1 ให้เลยค่ สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทปกค่ะ (21/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: eddiam ที่ 30-03-2013 15:32:17
ส่งเมลไปตั้งแต่วันที่22  ยังไม่ได้รับเมลตอบกลับเลยอ่าค่ะ  ต้องส่งอีกรอบไหมค๊ะ?
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทปกค่ะ (21/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 01-04-2013 16:02:04
ตอบคุณ eddiam ค่ะ
 
ส่งเมลไปตั้งแต่วันที่22  ยังไม่ได้รับเมลตอบกลับเลยอ่าค่ะ  ต้องส่งอีกรอบไหมค๊ะ?

เราเช็คอีเมลแล้ว แต่ยังไม่เห็นมีเมลเข้าเลยค่ะ ถ้ายังไง ส่งอินบ็อกซ์ในเล้า เป็นอีเมลกับจำนวนมาก็ได้ค่ะ เราจะรีบส่งรายละเอียดอื่นๆไปให้นะคะ

ขอโทษด้วยค่ะที่มาตอบช้า

kagehana
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทปกค่ะ (21/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: madadong ที่ 02-04-2013 21:05:21
ส่งเมลล์ไปจองหนังสือแล้ว ยังไม่ได้เมลล์ตอบกลับเหมือนกันจ้า ><
ตั้งแต่วันที่ 15 แหนะ
ยังไงเดี๋ยวเรา inbox ไปแทนนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทปกค่ะ (21/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 07-04-2013 12:42:41
ส่งเมล์ไปจองหนังสือแล้วนะคะ ยังไม่มีเมล์ตอบกลับเลยค่ะ   :mew2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทปกค่ะ (21/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 08-04-2013 15:28:44
ขอโทษด้วยนะคะเรื่องไม่มีอีเมลตอบกลับ ตอนนี้คาดว่าปัญหาน่าจะมาจากจีเมลมักจะเด้งเมลของฮอทเมลเข้าถังขยะ T^T แล้วเราปกติเช็คกับไอแพดเลยไม่ได้เช็คดูในถังขยะ เป็นความเลินเล่อของเราเอง ขอโทษในความไม่สะดวกนะคะ ฮือออ

จะรีบตอบกลับนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทปกค่ะ (21/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 08-04-2013 22:25:33
ดราม่าหนักสุดๆ เกือบไม่ได้นอน วันนี้มีเรียนก็เรียนแบบง่วงๆ ตลอดวัน

ผูกปมเรื่องไว้เยอะมาก ผิดไหมถ้าจะบอกว่าสงสารนันที่สุด จะบอกว่าอ่าน
มาตั้งแต่ต้น ไม่เคยเห็นบทของนันเลย นันนี่น่าสงสารไม่แพ้ปันหรอกนะ

แต่งเก่งนะผูกปมซับซ้อน จนเดาเกือบไม่ถูก ขอบคุณสำหรับนิยายที่เอามาแบ่งปันนะคับ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทปกค่ะ (21/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 16-04-2013 13:56:01
ส่งเมล์แจ้งโอนเงินไปเมื่อ ศุกร์ที่ 12 เม.ย. 56
ได้รับมั๊ยคะ เพราะไม่มีเมล์ตอบกลับ
หรือจะให้ส่งไปอีกครั้งมั๊ยคะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทปกค่ะ (21/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 16-04-2013 22:22:25
ส่งเมล์แจ้งโอนเงินไปเมื่อ ศุกร์ที่ 12 เม.ย. 56
ได้รับมั๊ยคะ เพราะไม่มีเมล์ตอบกลับ
หรือจะให้ส่งไปอีกครั้งมั๊ยคะ  :hao5:

ได้รับเรียบร้อยแล้วค่ะ ตอบกลับทางอีเมลเรียบร้อยแล้วนะคะ
ขอโทษที่ตอบช้านะคะ หมีไปต่างจังหวัด เพิ่งได้กลับมาเช็คยอดวันนี้เองค่ะ T^T
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทปกค่ะ (21/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 19-04-2013 10:59:48
อ่านเรื่องนี้แล้วมันบีบหัวใจจัง..สงสารปัน ปันมากในตอนแรกเรื่องพ่อ

อะไรมันจะดราม่าขนาดนั้น..แอบเสียน้ำตาไปหลายปี๊บสุดท้ายก็จบแบบแฮปปี้..โล่งอก

หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทปกค่ะ (21/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 19-04-2013 14:03:32
จบแล้ว จบดีด้วย ดีจัง
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทปกค่ะ (21/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: pee122 ที่ 23-04-2013 11:27:25
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆที่นำมาแบ่งปัน
 :bye2: o13 o13 o13 o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทปกค่ะ (21/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 23-04-2013 22:26:17
อ่านรวดเดียวจบ

โฮกอืดมาม่า หวานมดเกาะ

ปวดตามากมายแต่ด้วยความอยากรู้ตอนจบไวๆก็เลยอ่านมันทั้งวัน

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่แบ่งปันขอรับ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทปกค่ะ (21/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: evil_kun ที่ 27-04-2013 09:15:31
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ

อยากสั่งรวมเล่มมากเลยแต่กำลังย้ายบ้าน ไม่รู้ที่อยู่แน่ชัด กว่าจะได้ก็หลังเดือนพฤษภา คนแต่งจะมีพิมพ์เกินมาบ้างมั้ยคะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทปกค่ะ (21/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 29-04-2013 16:59:27
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ

อยากสั่งรวมเล่มมากเลยแต่กำลังย้ายบ้าน ไม่รู้ที่อยู่แน่ชัด กว่าจะได้ก็หลังเดือนพฤษภา คนแต่งจะมีพิมพ์เกินมาบ้างมั้ยคะ

ตอบในPMแล้วนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทปกค่ะ (21/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: dee-dee ที่ 20-06-2013 15:22:42
 :katai2-1: หนังสือถึงไหนแล้วคะ  มาเล่าความคืบหน้าบ้างค่ะ  แหะๆๆ รออ่านอยู่ค่ะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทปกค่ะ (21/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 24-06-2013 19:11:45
^
^
อยากรู้ด้วยคน รออยู่เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทปกค่ะ (21/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 11-07-2013 12:26:35
ขอโทษที่ไม่ได้มาอัพเดททางนี้เลยนะคะ พอดีปกติจะอัพความคืบหน้าทีละนิดทางเพจเฟสบุ๊คน่ะค่ะ

ตอนนี้เหลือส่งพิมพ์ค่ะ ถ้าหนังสือส่งพิมพ์เรียบร้อยแล้ว เราจะมีการอัพเดทผ่านเฟสบุ๊คอีกทีนะคะ

ที่ http://facebook.com/ficfactory
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทปกค่ะ (21/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: keem ที่ 14-07-2013 20:51:08
ขอบคุณมากๆครับ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทปกค่ะ (21/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 17-07-2013 20:47:47
ตอนนี้โรงพิมพ์แจ้งว่า หนังสือคาดว่าจะได้ประมาณ 25 กรกฎาค่ะ ของแถมเป็นที่คั่นหนังสือนะคะ

สถานะ /รอเล่มจริงอย่่างใจจดใจจ่อ อิอิ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทข่าวค่า (17/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: freesia ที่ 25-07-2013 23:04:14
อยากได้ค่ะ แต่จองไม่ทัน TTATT  เสียใจค่ะ จะมีเปิดรอบสองไหมคะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทข่าวค่า (17/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: dee-dee ที่ 07-08-2013 15:06:04
มาดูความคืบหน้าจ้า :hao3:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทข่าวค่า (17/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: The_Beggar ที่ 13-09-2013 18:12:16
 :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทข่าวค่า (17/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 06-10-2013 20:38:00
ตอนนี้ได้จัดส่งหนังสือไปแล้วเรียบร้อยนะคะ ชอบไม่ชอบยังไงคอมเมนท์ได้นะคะ

หากมีการตกหล่นหรือท่านใดยังไม่ได้รับหนังสือ รบกวนบอกได้เลยนะคะ

ขอบคุณมากๆค่ะ

kagehana
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทข่าวค่า (17/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮ ที่ 25-10-2014 02:02:54
แวะมาหานิยายดราม่าอ่านก่อนเปิดเทอมก็ไม่ผิดหวังจริงๆ  :m18:

เราสงสารเพ็ญแขนะ เพราะพลไม่รักสุดท้ายเลยไปปลอบกันเอง สุดท้ายน่าสงสารสุดคงเป็นปันเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยกลับต้องมาเจอแบบนี้  :hao5:

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่าาาา   :pig4: :pig4:

Ps. แต่เราไม่ชอบเอสเลยถึงตอนนี้ก็ไม่ชอบอยู่   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทข่าวค่า (17/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: saythong ที่ 26-10-2014 00:44:30
อ่านตั้งแต่ตอนแรกจนจบ เป็นนิยายที่ดีมากตัวละครดูมีมิติ
ขอบคุณนักเขียนจากใจ o13 o13 o13 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทข่าวค่า (17/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 05-12-2014 16:35:04
อยากรู้เรื่องพลภัทรกับภีม อยากอ่านตอนที่ครอบครัวพร้อมหน้า
ปันเรียนจบ เดฟพากลับไทย อ้ากกๆๆๆ อยากอ่านๆๆๆ ฮืออออ
ต้องบอกว่าอ่านไปร้ำตาซึมไป  ทีแรกเกลียดพ่อพลมากก แต่พอมารุ้
เบื้องหลังกลับสงสารแทน ใจจริงๆไม่อยากใหให้อภัยภีม แต่อีกใจ
ก็อยากให้พ่อพลมีคนมาดูแลหัวใจ รู้สึกว่าปมของเพ็ญแขกับนันจะไม่
ค่อยเคลียร์ ถึงจะแอบเห็นใจสองคนนี้อยู่บ้าง ในฐานะเมียและลูก แต่ในฐานะ
แม่และพี่ชาย กลับอยากโละความเห็นใจนั้นออกจริงๆๆ แม่ที่ไม่สนใจลูก
ตัดลูกออกง่ายๆ พี่ชายที่เมินเฉยน้องชาย  แต่ก็อีกนั้นแหละวนลูปเข้า
เป็นความผิดของพ่อพลอีกจนได้ จริงๆจะโทษใครได้เรื่องนี้ เหมือนแต่ละคน
เป็นทั้งผู้กระทำและถูกกระทำทั้งหมด ดราม่าซับซ้อนจริงๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทข่าวค่า (17/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 06-12-2014 21:03:10
กว่าจะอ่านจบ เสียน้ำตาหลายปี๊ป  :o12:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทข่าวค่า (17/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ployspy ที่ 09-12-2014 03:44:22
โอ๊ยยยยย อยากได้ๆๆๆๆ ฮืออออแต่จองมิทัน
ชอบทุกคู่เลยยยย
แต่อยากอ่านคู่คุณพ่องะ ฮืออออออ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน อัพเดทข่าวค่า (17/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kitwiphat ที่ 17-12-2014 20:32:16
ชอบให้มากครับอยากได้หนังสือมากสนุกมากครับ
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 06-01-2015 09:17:23


สวัสดีค่ะ วันนี้หมีกับดอกไม้มีข่าวมาประกาศนะคะ

เนื่องจากมีคนสอบถามมาทางเพจเรื่องการ reprint นิยายเรื่อง scar ตราบาปไร้รอยเลือน ทั้งทางอินบ็อกซ์และอีเมล หมีกับดอกไม้เลยคิดว่าอาจจะลองรีสักครั้งแต่ว่าต้องดูจำนวนให้ได้เท่ากับขั้นต่ำที่ร้านรับพิมพ์ก่อนค่ะ

ดังนั้น พวกเราเลยมีแบบสอบถามมาให้สำหรับผู้ที่สนใจสั่งจองอีกหลายๆเรื่องเพิ่มเติม

แบบสอบถามนี้เป็นแบบสอบถามเรื่องจำนวนเรื่องและเล่มที่จะจัดทำเท่านั้นนะคะ ยังไม่เป็นการคอนเฟิร์มหรือยืนยันอะไรทั้งสิ้น ว่าง่ายๆก็ประมาณว่าซาวน์เสียงล่วงหน้าค่ะ ดังนั้นจึงขอรบกวนให้ตอบตามความจริงน้าาาา




จิ้มลิงค์นี้ได้เลยค่ะ





https://docs.google.com/forms/d/16gTgJZqcpW1aI5EhgdcsspSk7Kq2p8mC54sy-LKDcAM/viewform (https://docs.google.com/forms/d/16gTgJZqcpW1aI5EhgdcsspSk7Kq2p8mC54sy-LKDcAM/viewform)



รักคนอ่าน<3



kagehana
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 10-02-2015 17:53:11
สนุกมาก ดราม่าได้ถึงใจ ถึงอารมณ์จริงๆ o22
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Final_love ที่ 11-02-2015 00:46:39
เรื่องจบแฮปปี้ โอเคค่ะ ชอบ

แต่...

หนูคาใจคู่คุณพ่ออ่ะ อยากอ่าน อยากรู้ :ling1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 11-02-2015 11:15:37
แค่สงสัยว่าน้องกระต่ายขึ้นเครื่องบินได้ไหมคะ เหินฟ้ามาเมกา เอ๊ะ แล้วจะโดนน้องแมวแทะเล่นไหมล่ะนี่
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 11-04-2015 21:01:21
 :-[
 :กอด1:
 :L2:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Ningg.Destiny ที่ 08-09-2015 14:08:20
 :katai4:

ชอบจริงๆ แนวดราม่าแบบเน้
ชีวิตปันปันน่าสงสารจริงๆ แต่ยังไม่สุด
อยากได้อารมณ์สะเทือนใจกว่านี้ อิอิอิ (มาโซ)
แต่จะว่าไปคุณพ่อก็น่าสงสาร แบกรับความกดดันแทนน้อง
โดนตั้งความหวังไว้สูง เลยไม่กล้าแหกกฎ...
พอระเบิดลงมันก็มาตู้มเดียว ทั้งเรื่องลูก เรื่องเพื่อน บลาๆ
แต่คุณภีมที่มาหาคุณพ่อนี่เหมือนยังค้างคานะคะ
เค้ายังไม่ได้เคลียร์กันเลย อยากอ่าน
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: basanti ที่ 13-01-2016 08:29:49
รวมผลงานของคุณ kagehana

ซี่รี่ย์ตัวละครชุดเดียวกัน
+:+ My all...私のすべて... +:+ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44853)
Rainy Day : ความทรงจำใต้เงาฝนพรำ (จบแล้ว) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36284)
: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน (จบแล้ว) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32704)

♥~ รักกุบกิบ~ ♥ (จบแล้ว) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37037)

ตามไปอ่านกันเยอะ ๆ นะ เป็นกำลังใจให้คนเขียน  o13
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 08-03-2016 22:39:41
 :pig4: ปันน่ารัก น่าตีก้นดี
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 12-03-2016 15:50:28
อ่านเรื่องนี้น้ำตาหมดเป็นตุ่มเลยค่ะ ตอนแรกอ่านแล้วเกลียดพลภักรมาก แต่ก็เออพยายามคิดว่ามันต้องมีที่มาที่ไป แล้วก็จริงๆด้วย ผลสรุปคนที่น่าสงสารที่สุดกลายเป็นพลภักรไป อ่านแล้วเกลียดที่สุดคือมนูญ ที่เป็นต้นของต้นเรื่องทั้งหมด รองลงมาคือภีม แต่ถ้าได้อ่านคู่ ภีม-พล คงกร๊าวใจน่าดู หุหุ ไปอ่านเรื่องต่อให้ครบ  :hao7:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 12-03-2016 20:10:12
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 13-03-2016 13:25:37
 o13
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 14-03-2016 12:52:59
เพิ่งได้อ่าน สนุกมากค่ะ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 14-03-2016 20:45:36
อ่านไปสงสารน้องปันมาก อะไรมันรันทดทั้งเรื่องครอบครัว เรื่องความรัก ยังดีที่ตอนจบหากันเจอ นายชยางกูล นายแย่มาก  ส่วนพล ทำไมใจร้ายกับลูกกับน้องขนาดนี้ ถึงจะบอกว่า หวังดี โดนเพื่อนทรยศก็เถอะ  สุดท้ายก็ต้องอยู่คนเดียว ดีแล้วล่ะ สงสารพีทด้วย แต่อ่านในเรื่องของน้องณัฐแล้วเห็นพีทมีความสุขกับคนที่รักก็ดีใจ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 19-03-2016 19:08:48
เป็นครอบครัวที่วุ่นวายและน่าสงสาร กว่าจะมีความสุขก็เจ็บกันไปมากแล้ว
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 26-03-2016 14:25:45
สรุปแล้ว ชีวิตพลภัทรหนักหนาสาหัสกว่าใครเพื่อนเลย
พี่เดฟกับปัน รักกันนานๆนะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 28-03-2016 07:12:37
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 06-04-2016 23:38:04
สงสารไปหมดทุกคนเลย ไม่รู้จะโกรธจะเกลียดใครดี ทุกคนมันทั้งถูกกระทำและกระทำคนอื่นอยู่ด้วย
แต่เราประทับใจนะ นานๆจะอ่านนิยายดราม่าสักที น้ำตาหยดอีกแล้ว
ขอบคุณมากค่าสำหรับนิยายดีๆ

ปล.อยากอ่านคู่คุณพ่อจัง อยากรู้บทสรุปของทั้งคู่
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: MAILOVEZ ที่ 06-06-2016 20:56:15
เรื่องนี้น่าสงสารทุกคน แต่ละคนมีปมในชีวิตของตัวเองทั้งนั้นแต่ถ้าบอกใครน่าสงสารที่สุดก็คงเป็นน้องปันปัน กลายเป็นเด็กคนนึงที่มีความผิดทั้งๆ ที่เป็นความผิดของผู้ใหญ่ จะน้ำตาไหลตลอดเวลาบอกว่าปันตั้งใจเรียน เป็นเด็กดีเพื่อให้พ่อรักหรือสนใจเราเห็นความพยายามๆ ของเด็กคนนึง แต่ปันเป็นเด็กที่เข้มแข็งมาก มากกว่าผู้ใหญ่แบบพลภัทรซะอีก

พลภัทรอ่านแล้วเห็นใจนะโดนกดดันมาตลอดแบบนี้แต่ก็โกรธอยู่ดีที่เอาความรู้สึกที่ตัวเองได้รับมาลงกับลูกกับคนในครอบครัว แต่ก็เข้าใจว่าโดนอะไรมามากมายเหลือเกินยิ่งตอนรู้ว่าลูกชายที่รักมากเท่ากับลูกชายคนโตไม่ใช่ลูกของตัวเองมันเหมือนโดนมีดกรีดกลางหัวใจแถมยังเหมือนโดนควักลูกตาออกมาจนมันมองไม่เห็นทางออก ทำได้แค่ให้คนอื่นรู้สึกเจ็บปวดเหมือนที่ตัวเองต้องเจอมันเป็นการรักษาความรู้สึกตัวเองอย่างนึง

แต่ตอนที่ปรับความเข้าใจกับพี่เดฟ นี่ร้องไห้เป็นเผาเต่าน้ำหูน้ำตาไหลหายใจไม่ทันทีเดียว สงสารเด็กชายเดวิดมากคนเป็นลูกใครจะไม่อยากได้ความรัก อ้อมกอดจากพ่อตัวเอง ตรงนี้บอกเลยว่าเปราะบางมากแต่สุดท้ายก็ปรับความเข้าใจกันได้ดีใจที่วันนี้มาถึง :)

พี่เดฟนางเป็นพระเอกในดวงใจเลยตอนนี้ชอบคนแบบนี้เป็นคนเด็ดขาดมากนะถึงสุดท้ายบางครั้งจะมานั่งเหงาหงอยเสียใจก็เถอะ เด็ดสุดต้องตอนปล้ำน้องนี่แหละอย่ากับคุณพิศาลแต่พอจะเอาจริงโคตรอ้อนน้อง ชอบความรักของสองคนนี้นะมันเหมือนค่อยๆ ก่อร่างกันขึ้นมาเพราะพี่เดฟทำให้ปันสามารถก้าวมาได้ถึงขนาดนี้ ชอบนายเอกแบบนี้ปันด้วยไม่ยอมคนแบบนี้แหละน่ารักที่สุดแล้วโดยเฉพาะพวกพระเอกอย่างพี่เดฟห้ามหงองใส่เด็ดขาดเราต้องแกร่ง อิอิ

คู่ซายน์อัฐนี่บอกเลยว่าหลงรักตั้งสมัยเป็นเพื่อนกันคิดอยู่ว่าไอ้คู่นี้มันเหมาะกันดีเนาะ กัดกันตลอดๆ นี่คือชอบเลย สารภาพ (หัวเราะ) แอบสงสารซายน์ตอนที่อัฐเอาแต่สนใจมีนตอนไปสารภาพรักแล้วโดยเดินหนี แต่พอมาอ่านมุมของอัฐก็โกรธนางไม่ลงเพราะนางน่ารักจริงๆ ชอบความซื่อที่ไม่รู้ว่าจริงหรือกวนตีนของนางเอ็นดู

ขออีกนิดนึงชอบโคลตันนางน่ารักนะถึงตอนนี้พี่เอสจะยังมึนๆ ไปบางแต่เชื่อว่าแหละงจากนี้พี่เอสคงหวั่นไหวกับใครไม่ได้แล้วล่ะเพราะว่าคนนี้ดูท่าแล้วน่าจะเอาอยู่ ><

ปกติไม่ค่อยอ่านดราม่าแต่เรื่องนี้ต้องบอกว่าอ่านแล้วหยุดไม่ได้จริงๆ ค่ะมันสนุกมากเลย มีหวานมีฮามีเศร้ามีซึ้งปนกันมันเลยครบรสมากๆ ไม่ได้ร้องไห้อย่างเดียวหรือหวานอย่างเดียวลงตัวมากๆ

อยากอ่านตอนพิเศษคู่ของคุณพ่อสองคนจะเคลียร์กันออกมาในรูปแบบไหนอยากรู้จังเลย ^^
หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! ประกาศ re-printค่ะ [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 05-01-2017 20:30:45
สวัสดีค่า Kagehana นะคะ


มีข่าวมาประกาศค่ะ


ID : TBL-984-766

เราจะจัดพิมพ์นิยายเรื่อง rainy days (พี่หมอบีมกับน้องรัน) แล้วล่ะค่า
เช่นเดียวกับที่เราจะ reprint เรื่อง scars (พี่เดฟกับน้องปัน) นะคะ

หากท่านสนใจ และประสงค์จะสั่งซื้อ ขอความกรุณา ยืนยันการสั่งที่ลิงค์ด้านล่างนี้เลยค่ะ

https://goo.gl/forms/7Ug265KvRG7WJBqn2

สำหรับ rainy days อาจจะด่วนไปเล็กน้อย แต่ขอให้รบกวนยืนยันการสั่งจองภายในวันที่ 8 มค. 2560 นะคะ เพราะจะได้เป็นล็อตแรกไป ถ้าแจ้งมาหลังวันที่ 8 มค. เราไม่แน่ใจว่าจะมีเหลือพอมั้ยค่ะ เพราะไม่ได้สั่งพิมพ์เผื่อมากค่ะ ยังไงขอให้ติดตามทางอีเมลอีกทีนะคะ

สำหรับ scars ที่ reprint เราจะรับยอดจนถึงสิ้นเดือนมกราคม คือวันที่ 31 มค. 2560 เท่านั้นค่ะ

สุดท้ายนี้ หากไม่อยากพลาดข่าวสารผลงานเรื่องใหม่ หรือเวลาเราประกาศจะพิมพ์ผลงานของเรา สามารถลงทะเบียนรับข่าวสารจากเราได้ที่นี่ค่ะ http://eepurl.com/cwgXtX (รับประกันว่าไม่มีอีเมลขยะแน่ๆค่ะ)

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามกันมานะคะ

รักคนอ่าน


kagehana

หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! ประกาศ re-printค่ะ [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 20-04-2017 22:25:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! ประกาศ re-printค่ะ [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: lonely_pp ที่ 15-07-2017 23:43:53
อ่านจบแล้วค่า สนุกมาก สงสารคุณพลมาก ตอนแรกก็ไม่ชอบที่ทำร้ายอาพีชกับน้องปันแบบนั้นแต่พอรู้เหตุผลแล้วเห็นใจคุณพลเลยค่ะ สงสารตอนโดนเพื่อนสนิทตัวเองข่มขืนมาก คงเจ็บปวดใจน่าดู
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! ประกาศ re-printค่ะ [05/01/17]
เริ่มหัวข้อโดย: armsa2531 ที่ 19-11-2017 22:46:51
กร้ากๆๆๆ จะหลอกกินเด็กๆอะเด้
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 15 [08/07/12] ดราม่าต่อไปจ้ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 07-03-2021 02:21:03
“งั้นคนอื่นอย่างผม...ขอทำตามใจแล้วกันครับ ขอตัว”
หลายทีแล้วนะที่พูดแบบนี้ ปันลูกคนอื่นน่ะใช่ แต่เอ็งน่ะลูกมันแท้ๆถึงจะเกิดจากแม่ฝรั่งก็เถอะ ทีเรื่องอื่นฉลาดนักนะ
หัวข้อ: Re: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน 40 [16/11/12] จุดเริ่มต้นของบาดแผลในวันวาน
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 08-03-2021 04:58:23
“กับเรื่องแค่นี้ มึงทำกับกูแบบนี้ ไม่ต้องนับเพื่อนกับกูแล้ว”
คิดว่าทีตัวเองทำกับภีมเป็นเรื่องแค่นี้เหรอ เรื่องความรักทำให้ผัวเมียกี่คู่ต้องฆ่ากันตาย นายสมควรโดนภีมเวียนเทียนหลายๆรอบมากกว่านี้ด้วยซ้ำนะ