: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! ประกาศ re-printค่ะ [05/01/17]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! ประกาศ re-printค่ะ [05/01/17]  (อ่าน 227056 ครั้ง)

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
kagehana : คุณพลกับพี่เดฟ อาจจะเป็นเส้นขนานของกันและกัน ต่างฝ่ายต่างไม่กล้าแตะต้อง "หัวใจ" ทำให้มองไม่เห็นความรักความห่วงใยกัน

สุดท้าย ถึงจะไม่ได้สนิทสนมกันในทันที แต่เราก็เชื่อว่าทั้งคู่คงจะดีต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆ

ตอนหน้าจะเป็นตอนจบของเรื่องนี้แล้วค่ะ รู้สึกใจหายนิดๆเหมือนกัน

แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ เราจะไม่หายไปไหนง่ายๆ ฮ่าๆๆ เรามีโปรเจ็คเรื่องใหม่กำลังเขียน  ไว้ลงเมื่อไหร่จะแอบเอามาโฆษณาในนี้นะคะ


ขอให้สนุกกับการอ่านค่ะ




ป.ล. เรื่องนี้จะมีรวมเล่มนะคะ(แบบสนองนี้ดหมีดอกไม้) แต่จะประกาศในตอนหน้าค่ะ





 :pig4:




-47-






แดดเมืองไทยที่ไม่ได้เห็นมาหลายเดือนเกือบทำให้ตาพร่าในยามที่จ้องเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ชยางกูรเดินเข้าไปในบ้านแล้วได้เจอกับคณัสนันท์ที่นั่งอยู่ด้านนอกเหมือนว่ากำลังจะไปไหน


“ไง นัน......” น้องชายแท้ๆที่ไม่ค่อยได้พูดกันเงยหน้าขึ้นสบตา ใบหน้าอ่อนเยาว์มีส่วนคล้ายเพ็ญแขไปกว่าครึ่ง กระนั้น...ดวงตาที่กระพริบถี่ๆกลับเหมือนพลภัทร


“...” คณัสนันท์ไม่ได้เอ่ยตอบ เพียงแค่ผงกศีรษะรับแล้วเดินเบี่ยงออกไป ด้วยความที่ไม่เคยคุยกันเท่าไหร่อยู่แล้ว จึงไม่วุ่นวายเกินจำเป็น


“เดี๋ยว” ชยางกูรเดินตามไปจับแขนไว้ “ปันไปเรียนหรือเปล่า...”


คนตัวเล็กกว่าเล็กน้อยสะบัดแขนออก “ฉันไม่รู้ ไปถามพ่อเอาสิ...”


“อะไรวะ” ชยางกูรมองตามหลังไปด้วยความหงุดหงิดนิดๆ เขาเดินเข้าไปในตัวบ้านแล้วกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นบนสุดที่เป็นที่อยู่ของเขาและปัณวิทย์ แต่พอขึ้นไปถึงกลับมีเพ็ญแขที่เดินออกมาจากห้องปัณวิทย์แทน


“คุณเพ็ญ สวัสดีครับ” เขายกมือไหว้...ด้วยความรู้สึกแปลกใจ “ปันอยู่ในห้องเหรอครับ”


“... ไม่อยู่ ฉันแค่กลับมาเอาของที่ยังเหลือ แล้วก็เซ็นเอกสารชิ้นสุดท้าย...” เพ็ญแขไม่คิดสาวความกับลูกของผู้หญิงที่แย่งเอาความรักของพลภัทรไปจากเธอจนทำให้ชีวิตบิดเบือน


“ไปไหนครับ ไปเรียนหรือเปล่า” ถึงจะรู้สึกถึงกระแสความเกลียดชังจากเพ็ญแข แต่เขาก็เลือกจะทำเป็นไม่รู้


“... ฉันไม่รู้ ไปถามพ่อเธอสิ เขาคงรู้”


“แต่คุณเป็นแม่เขานะครับ” หางเสียงที่สุภาพ แต่แววตากลับกร้าวขึ้น ถึงปัณวิทย์จะเป็นลูกที่เกิดมาจากความผิดพลาด....แต่ก็เป็นลูกไม่ใช่หรือไง


“ฉันไม่ได้อยู่บ้านนี้แล้ว... ถ้าไม่มีธุระอะไรกับฉันก็ไปก่อนล่ะ” เพ็ญแขมองอีกฝ่ายด้วยหางตาแล้วเดินเลี่ยงออกมา


“เป็นเหี้ยอะไรกันทั้งบ้านวะ” ชยางกูรสบถแล้วเดินไปที่ห้องปัณวิทย์ เขาเปิดเข้าไปแล้วก็พบกับบรรยากาศที่แปลกไป ร่างสูงพาตัวเองเดินสำรวจไปทั่วห้อง ฟูกับฝุ่นไม่อยู่....ห้องดูเหมือนจะของน้อยลง ไม่นับเสื้อผ้าตัวโปรดในตู้ที่หายไป


ปัณวิทย์ไปไหน?


ชยางกูรเดินออกมาจากห้องอย่างรีบร้อน เขาลงไปยังห้องของใครคนหนึ่งที่น่าจะมีคำตอบให้...คนที่รั้งปัณวิทย์ให้อยู่ที่นี่ คนที่เป็นพ่อแท้ๆของเขา


..พลภัทร...


“ปันไปไหน” ทันทีที่เปิดประตู เสียงทุ้มๆก็ถามกับคนที่นั่งเอนๆอยู่บนโซฟาทันที


“... เดฟ” คนเป็นพ่อดูจะตกใจมากกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า


“คุณพล.....ผมกลับมาหาปัน...”


“... ปันไม่อยู่แล้ว... เขาสอบทุนได้... เก่งใช่มั้ย” พลภัทรยิ้มจางๆเจือความเหงา ลูกชายที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันสอบทุนได้ไปเรียนต่อที่อเมริกา แม้จะรู้ว่าเด็กหนุ่มจงใจสอบไปเพื่ออะไร แต่เขาก็ไม่คิดที่จะห้ามอีกแล้ว


“ปัน...ไปอเมริกาเหรอ” คำถามที่ดูเหมือนหลุดปากเอ่ยเบาๆ ก่อนจะจ้องมองไปยังบิดาแท้ๆของตัวเอง


“ไม่เห็นปันบอกผม....”


“พ่อก็รู้ ตอนเขาได้ทุนนั่นแหละ” รอยยิ้มยังคงไม่หายไปไหนเมื่อนึกถึงปัณวิทย์ที่สอบทุนได้ เขาจำได้ว่าเด็กหนุ่มดูมีความสุขขนาดไหน


“แล้วผมจะกลับมาไทยเพื่ออะไรวะ” ชายหนุ่มหัวเสียกับเรื่องไม่คาดคิด เขาหวังจะได้เจอหน้าคนรักแล้วปรับความเข้าใจ แต่พอกลับมาก็เจอแต่คนอื่น...ที่ไม่อยากเจอสักคน


ชยางกูรถอนหายใจเฮือกคล้ายจะระงับอารมณ์ เขามองไปยังชายวัยกลางคนที่สุขภาพเริ่มทรุดโทรมด้วยแววตาที่อ่อนแสงลง


“อาพีท...มาหาผมที่อเมริกา เล่าเรื่องคุณกับมัมให้ฟัง”


พลภัทรดูจะแปลกใจจนสามารถสังเกตได้จากสีหน้า “อย่างนั้นเหรอ... พีท... เล่าว่ายังไงบ้าง”


“เรื่องโกหก...บอกว่าคุณรักผม”


“...พ่อ รักเราจริงๆ...เดฟ...พูดไป...ก็ไม่เชื่อ...เพราะพ่อไปรับเดน่าช้าไป...” สายตาของพลภัทรดูเศร้าหมองลงเมื่อเอ่ยถึงคนรักที่จากไป หากย้อนเวลากลับไปได้ เขาคงจะเข้มแข็งกว่านี้ ยืนต้านกำลังพ่อของตัวเองในตอนนั้น เพื่อให้ทุกคนจะได้มีความสุข เขาไม่ต้องทิ้งเดน่ากับลูก ไม่ต้องทำร้ายจิตใจของเพ็ญแข ไม่เสียพิชญ์ไป และคงยังเป็นเพื่อนกับภีมอยู่


...แต่ไม่มีใครแก้อดีตได้


“แล้วทำไม...แค่เห็นหน้าสักครั้งก่อนแม่ตาย...ทำไมคุณถึงไม่ไปหาผมเลยล่ะ” คำถามที่อยากจะถามตั้งแต่แรกพบถูกระบายออกมาอย่างอัดอั้น ชยางกูรเหมือนย้อนกลับไปเป็นเด็กชายอีกครั้ง...เหมือนยามที่เคยถามแม่ว่าพ่อไปไหน


“พ่ออาจจะรักแม่...แต่พ่อไม่ได้รักผม พ่อไม่ได้ต้องการผม.......ผมรู้” นัยน์ตาสีเดียวกับมารดาจ้องไปยังคนที่ค่อยๆลุกขึ้นยืน ชายหนุ่มยืนนิ่ง...ไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ


“... พ่อรู้... ว่ายังไง... เราก็คงไม่เชื่อ...” พลภัทรทำได้เพียงส่งรอยยิ้มแห้งแล้งให้


ชยางกูรมองพลภัทรอีกครั้ง น้ำตาที่ไร้ที่มาหยดลงจากหางตา เขาไม่เคยอ่อนแอ...ไม่เคยคิดว่าอ่อนแอ ไม่เคยคิดว่าต้องการความช่วยเหลือจากผู้เป็นพ่อ ไม่เคยคิดว่าพ่อเป็นคนสำคัญ


แต่...ไม่ใช่เลย....


เหมือนกับปัณวิทย์... เด็กชายปันปันต้องการพ่อ


เด็กชายเดวิดก็เหมือนกัน....


“... อืม ไหนๆ... ก็กลับมาแล้ว พ่อมีของจะให้... เคยส่งไปให้แล้ว แต่เดน่า อยากจะให้พ่อให้ด้วยตัวเอง...” เจ้าของบ้านหันกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง พลภัทรดึงลิ้นชักเปิดออกแล้วหยิบเอากล่องใบใหญ่ออกมา เขาเปิดฝามันออกแล้วหยิบเอากล่องเล็กๆออกมาก่อนจะปิดฝาลง


“นี่เป็นแหวนประจำตระกูล...”


ชยางกูรไม่...แม้แต่จะรับมันมา ชายหนุ่มกลั้นน้ำตาแล้วเอาหลังมือปาดออกรวดเร็ว “พ่อ...เก็บไว้ให้นันเถอะครับ มันไม่จำเป็นสำหรับผม”


“... งั้นเหรอ พ่อคงต้องบอกเดน่าสินะ ว่าเราบอกว่าไม่จำเป็น” พลภัทรดึงกล่องแหวนที่ยื่นออกไปคืนมาก่อนจะเก็บมันเข้ากล่องใบใหญ่ตามเดิม


“ผมจะเอาของในลิ้นชัก...ที่อาพีทบอกไว้...กล่องใบใหญ่อันนั้น” เสียงทุ้มยังคงแหบพร่า ทว่าแววตากลับฉายแสงลุกโชน


แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่ชยางกูรก็ปฎิเสธตัวเองไม่ได้...ว่าความจริงแล้วเขาก็ต้องการความรักจากพ่อไม่ต่างจากปัณวิทย์เลย


ถึงจะบอกตัวเองว่าไม่แคร์ ไม่รัก ไม่ต้องการ แต่มันก็แค่การหลอกตัวเอง


แต่ตอนนี้...คงสายเกินไปแล้ว


หากจะมีเพียงร่องรอยความรักในวันคืนเก่าๆ ที่พลภัทรมอบให้เด็กชายตัวเล็ก ลูกชายที่อยู่ห่างไกล....จะเป็นเรื่องจริงหรือภาพฝัน ชยางกูรก็อยากรู้


ว่าครั้งหนึ่ง.....พ่อเคยรักเขา


“... จะเอาไปทำอะไร...” มือเอื้อมไปวางบนฝากล่องโดยไม่ได้ตั้งใจ


“อาพีทบอกว่ามีของที่ผมต้องดูอยู่ในนั้น”


“...ดู...ที่นี่...ก็แล้วกัน”


“คุณก็เปิดสิ...ถ้ามันเป็นของผม...ผมจะเอาไป แล้วจะไม่กลับมาวุ่นวายกับครอบครัวของคุณอีกเลย”


“...ขอร้อง... อย่าเอา... มันไป” พลภัทรเปิดกล่องออกแล้วหันไปให้ดู สมบัติล้ำค่าเพียงอย่างเดียวของเขา


สิ่งที่เห็น...ทำให้น้ำตาที่แห้งเหือดของชยางกูรไหลออกมาอีกครั้ง ริมฝีปากสั่นไหวเอ่ยเสียงแผ่วๆ...เรียกพ่อ....


ข้างในกล่องไม่ได้มีสิ่งของที่มีมูลค่าใดๆ มีเพียงจดหมายเก่าๆ...และรูปของเด็กชายตัวน้อยผมสีทองที่ซีดจางด้วยกาลเวลา


ชยางกูรยื่นมือสั่นเทาไปจับรูปของตนเองขึ้นมา ดวงตาฉ่ำน้ำมองสบกับนัยน์ตาสีเข้มที่ฉายแววอ่อนล้า เขาไม่รู้จะหาคำพูดใดมาอธิบายความรู้สึกที่ทั้งรัก....และแค้น ผู้เป็นพ่อในยามนี้


ถ้าเพียงแต่...เขาได้เจอพ่อในช่วงเวลาก่อนแม่ตาย


เขาคงจะไม่เป็นอย่างนี้.....


“มันสำคัญ....กับคุณมากใช่มั้ยครับ....พ่อ...”


“ใช่....เพราะจดหมายพวกนี้เขียนโดยเดน่า... เล่าเรื่องของลูกเรา ให้พ่อได้รับรู้... ให้พ่อมีแรงที่จะอดทนรอวันที่จะไปรับมาอยู่ด้วยกัน” เขามองกองจดหมายในกล่องด้วยสายตาอาวรณ์


...นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้หยิบออกมาเปิดอ่าน...


“ตอนที่ได้เจอกัน เห็นว่าเราไม่อยากมา...พ่อไม่รู้จะทำยังไง ถึงได้บอกว่าให้กลับมาสืบทอดเอาสมบัติไป... ถึงเดน่าจะไม่อยู่แล้ว แต่พ่อจะไม่ผิดสัญญาที่ให้ไว้...... จะเชื่อพ่อ รึเปล่า”


ความในใจที่ไม่เคยได้เปิดเผยออกมาให้ใครได้ยินถูกพูดออกมาเป็นครั้งแรก พลภัทรไม่เคยเผยความอ่อนแอของตัวเองให้ใครเห็น และไม่คิดว่ามันจำเป็น— ทั้งศักดิ์ศรี ความแค้น และบาดแผลในหัวใจบีบให้เขาแปรเปลี่ยน


...แต่ในตอนนี้ เขาได้เรียนรู้ ว่าตัวเองกำลังรับผลกรรมต่อสิ่งที่ได้กระทำลงไปในอดีต


“พ่อหมายความว่า...ที่ให้ผมกลับมา เพราะอยากให้เราได้อยู่ด้วยกันงั้นเหรอ” น้ำเสียงแหบห้าวถามอีกครั้ง...น้ำตาที่ไหลออกมาหยดลงบนหลังมือที่จับอยู่บนรูปสีซีด


“พ่อ...” ชยางกูรสืบเท้าเข้าใกล้โดยไม่รอคำตอบ ร่างสูงทรุดลงคุกเข่าแล้วกอดเอวพลภัทรเอาไว้


ไม่ต้องการอะไรเลย


...สมบัติ...


...ชื่อเสียง...


สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงสิ่งเดียว...สิ่งที่คิดว่าไม่เคยได้ แต่กลับรายล้อมอยู่รอบกายตลอดเวลา


แค่อยากให้พ่อรักผมบ้าง.....


“ผม...ผมขอโทษ...ผมไม่เคยรู้ ว่าพ่อรักผมจริงๆ ผมขอโทษที่ดึงดัน...ผมขอโทษ” ร่างสูงกอดผู้เป็นพ่อครั้งแรกในชีวิต ความอบอุ่นของอ้อมกอดจากคนสายเลือดเดียวกันทำให้สายใยความผูกพันที่ถูกฉีกทึ้งค่อยๆประสานกัน


ถึงจะต้องใช้เวลา....แต่คงไม่นาน


ที่ผมจะพูดว่ารักพ่อ...ได้เต็มปากเต็มคำ


อ้อมกอดแรกจากลูกชายคนแรกที่รักยิ่งกว่าใครๆทำให้พลภัทรรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาค่อยไหลออกมา แขนสองข้างยกขึ้นกอดชยางกูรก่อนจะลูบศีรษะของเขาเบาๆ ตั้งแต่ชยางกูรยอมกลับมา เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมรับในตัวเขา แม้จะเป็นอย่างนั้น อย่างน้อยพลภัทรก็ยังได้พากลับมาอยู่ด้วยกัน


ไม่คิดว่าชยางกูรจะยอมรับเขา...


“พ่อขอโทษ ที่ไม่เคยไปหา ขอโทษ ที่ไปรับช้าเกินไป... พ่อขอโทษ”


ชยางกูรปล่อยให้พ่อได้กอดเขาสักครู่หนึ่ง ก่อนจะถอยตัวออกมาจ้องมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาที่ไร้อคติบดบัง


“ไม่เป็นไรครับ...ไม่เป็นไร....ผมจะกลับมาอยู่ที่นี่ จะกลับมาอยู่กับพ่อ....แล้วก็ปัน” ชยางกูรนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะถามต่อด้วยน้ำเสียงมั่นคง


“ให้ผมรักปัน...ให้เรารักกันได้มั้ยครับพ่อ”


คำพูดที่เหมือนคำเตือนสติให้พลภัทรนึกถึงสาเหตุที่ปัณวิทย์สอบทุนไปสหรัฐอเมริกา และสาเหตุนั้นก็กำลังยืนอยู่ตรงหน้า


“ปันเขาไปเรียนต่อ ถ้าสี่ปีจบก็คงกลับ... พ่อ ให้ไป ทั้งๆที่รู้ว่าคงไปหาเรา” พลภัทรถอนหายใจออกมาเบาๆ “ถ้าเรารับปาก... ว่าจะไม่ทำให้น้องเสียใจ พ่อก็จะไม่ห้ามอะไรแล้ว”


“ผมสัญญา...ว่าจะไม่ทำให้เสียใจเด็ดขาด ผมรักปันจริงๆ....และผมก็หวังว่าสีปีของผมกับปัน จะทำให้พ่อยอมรับเราได้มากขึ้น” ท่อนแขนแข็งแรงจับที่มือผู้เป็นพ่อ


“จนกว่าจะถึงตอนนั้น...ผมจะมาเยี่ยมบ่อยๆ จะพาปันกลับมาทุกปิดเทอม...พ่อ....อยู่คนเดียวได้ใช่มั้ยครับ”


“...อืม...ได้ กลับไปหาน้องเสียเถอะ...” พลภัทรรู้ดี ว่าคนอย่างเขาไม่มีสิทธิเรียกร้องอะไรมากมายทั้งนั้น แค่เพียงสิ่งที่ชยางกูรพูดออกมา ก็พอที่จะทำให้เขาพอใจแล้ว


“ครับ” ชายหนุ่มรับคำด้วยแววตาอีกครั้ง “พ่อ....บอกผมได้มั้ย ว่าพ่อจริงๆของปันคือใคร ผมอยากเจอ...ไม่สิ อยากให้ปันได้เจอบ้าง แต่ผมจะไม่บอกความจริงแน่นอน”


เขาชะงักไปเมื่อได้ยินคำถาม พลภัทรไม่เคยคิดว่าชยางกูรจะมาถามเรื่องนี้... กับผู้ชายที่เคยเรียกว่าเพื่อนนั้น เขาไม่อยากเอ่ยชื่อออกมาด้วยซ้ำ


“ไม่...พ่อ บอกไม่ได้ และพ่อไม่อยากให้เจอ...”


“ถ้าพ่อว่างั้น....ก็ได้ครับ” ชยางกูรไม่ดึงดันต่อ เพราะรู้ดีว่าสายใยที่ขาดหายเพิ่งเริ่มก่อตัว และเขาไม่อยากฉีกมันให้ขาดอีกครั้ง


รออีกสักพัก....พ่ออาจจะยอมบอกก็ได้


“งั้นเดี๋ยวคืนนี้ผมนอนค้างที่บ้านก่อน แล้วค่อยกลับไปอเมริกาแล้วกัน”


“…แล้วเรา จะรับแหวนวงนี้ หรือยัง” ดวงตาที่มีริ้วรอยแห่งวัยให้เห็นได้ชัดมองตาของชยางกูรอีกครั้ง


ชยางกูรจ้องลึกลงไปภายใต้ดวงตาสีเข้มของคนตรงหน้า...ก่อนที่มือใหญ่จะยื่นออกไปพร้อมกับแบมือรอรับ พร้อมด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป....ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว







///////////////////////////////////////////////







เสียงกดออดที่หน้าบ้านทำให้อิสราต้องหันดูนาฬิกาบนฝาผนังด้วยความแปลกใจ ยังไม่ถึงเวลาประจำที่โคลตันจะแวะมาหาด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้พร้อมกับรอยยิ้มทักทาย


ทว่าแขกที่มาเยือนกลับไม่ใช่ทนายคนนั้น แต่เป็นเด็กหนุ่มที่เป็นเจ้าของหัวใจของชยางกูร


“มีธุระอะไรเหรอ” อิสราเอ่ยถาม แต่ว่าปัณวิทย์กลับจ้องเพียงใบหน้าของเขาด้วยดวงตาดื้อรั้นคู่นั้น ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินจากไป


เจ้าของบ้านไม่คิดจะรั้งเอาไว้ เขาถือว่าไม่ได้พูดอะไรออกไป จึงไม่ผิดอะไร


จากนั้นไม่นาน ทนายความหนุ่มเจ้าของสาวๆทั้งสามตัวก็เข้ามาในบ้านพร้อมอาหารเต็มสองมือ


“มื้อค่ำอยากทานอะไร เดี๋ยวผมแสดงฝีมือเอง” โคลตันมองใบหน้าที่ยิ้มนิดๆอย่างมีเลศนัยแล้วสืบเท้าเข้าใกล้


“อารมณ์ดีอะไรหรือเปล่า.....บอกผมได้มั้ย”


“เด็กที่เดฟรัก... จู่ๆก็มาหาถึงนี่น่ะ แต่ผมไม่ได้พูดอะไร เขาก็เดินไปเลย คงจะเข้าใจผิดนั่นแหละ” อิสราหัวเราะเบาๆ


“อ้าว แล้วจะไม่เป็นอะไรเหรอ....หรือว่าแมวของผมออกอาการดื้ออีกแล้ว” โคลตันไล้ปลายนิ้วไปบนริมฝีปากบางเล็กของแมวที่สำคัญ....แมวแสนหยิ่งที่ยอมให้กอดในเวลาที่อยากอ้อน และยอมให้อยู่เคียงข้างแค่วันที่เหงา


“สงสารน้องเขายังไงไม่รู้...มาเจอคุณแทนที่จะเป็นเดฟ”


“อย่างน้อยผมก็ไม่ได้โกหก...แค่นั้นก็น่าจะพอแล้วนี่” พอได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยคำว่าสงสารปัณวิทย์ เขาก็หยุดท่าทีที่เหมือนกับแมวกำลังจะเข้าไปคลอเคลียทันที


โคลตันมองอาการงอนออก เลยจัดการรวบตัวอิสราเข้ามากอดเอาไว้แทน ใบหน้าคร้ามแนบลงที่ผิวแก้มนุ่มก่อนจะเสียดสีไปมาเบาๆเหมือนแมวอ้อนเจ้าของ


“งอนผมเหรอ....”


นี่เป็นครั้งแรกที่อิสราต้องรับมือกับผู้ชายตัวโตที่มีอุปนิสัยแบบนี้ พอถูกอ้อนเข้าก็ต่อต้านไม่ได้ “...เปล่า”


“โกหก....” เป็นคำกล่าวหาที่เปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงแสนหวานและนุ่มนวล โคลตันก้มลงจนปลายจมูกแตะสัมผัส...ก่อนจะขยับเสียดสีช้าๆ


“ถึงผมจะสงสารเขา แต่ถึงยังไง ท้ายที่สุดผมก็เข้าข้างคุณอยู่ดี”


“...ไม่ต้องตอบเอาใจผมหรอกครับ” เป็นร่างบางที่ก้มใบหน้าหลบออก


“งั้นอยากให้เอาใจใครล่ะ....ในเมื่อผมมีแต่คุณที่อยากจะเอาใจ” โคลตันกอดรัดชายหนุ่มที่เริ่มมีความสัมพันธ์อันซับซ้อนซึ่งเรียกว่าคบหากัน...อิสรายังคงเป็นเหมือนเจ้าเหมียวปราดเปรียว ที่บทอยากจะอ้อนก็เข้ามาคลอเคลียให้เจ้าของดีใจ บทจะเย็นชาก็เดินห่างออกไปอย่างไม่แยแส


เหมือนเล่นเกม....ที่ไม่มีวันน่าเบื่อ


“คุณเอาใจผมไม่ได้ตลอดหรอก...” น้ำเสียงของเขาฟังดูไม่จริงจัง แต่อิสราหมายความตามนั้นทุกคำ เพราะไม่ว่าอย่างไร เมื่อถึงจุดนึง โคลตันก็จะเบื่อและเลิกเอาใจเขาเอง


“ผมดื้อด้านกว่าที่คุณคิดแล้วกัน....” รอยยิ้มหยักยกอย่างเจ้าเล่ห์ พร้อมกับอ้อมแขนที่กอดรัดขึ้น


“คุณไม่มีทางเบื่อผมได้ลงหรอก...”


“พูดเข้าไปเถอะ ผมจะรอดู”


“แล้วจะได้รู้....” โคลตันปิดคำต่อล้อต่อเถียงเสียงเงี้ยวง้าวด้วยริมฝีปากอุ่นๆที่ประทับลงเบาๆ


เอาเถอะ....เรื่องแค่นี้ พิสูจน์ไปนานๆแล้วกัน











To be continued...



ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
สวนกันจริงๆ ด้วย


ปันเข้าใจผิดไปแล้วแน่ๆ   :sad3:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
อิสรา  มันน่า. .. จริง ๆ เลย  เอาแต่ใจชะมัด

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
อิสราทำตัวไม่ดีเลยนะ

ออฟไลน์ U_Ton

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
 :เฮ้อ: สวนทางกันจริงๆด้วย ปันจะเป็นยังไงบ้าง... คิดดูสิว่าไปหา เจอคนอื่นที่เรารู้ดีว่าเขาเป็นใคร อยู่บ้านเดียวกันเเบบนี้

เป็นใคร ใครก็คิด... พี่เอสนิสัยเเย่นะ ถ้าจะปล่อยเลยตามเลย เพียงเพราะบอกว่าไม่ผิดสักหน่อยก็ไม่ถาม แต่แบบนี้ก็เท่ากับ

ปรารถนาให้เขาผิดใจอยู่ดี ในเมื่อมีโอกาสทำดี พูดได้ แต่ไม่พูดทั้งที่ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ทั้งๆที่พี่เดฟดีด้วยขนาดนั้น เเต่เพื่อ

ความสุขของพี่เดฟสักครั้ง พี่เอสยังไม่ทำเลย แย่นะเเบบนั้น... แอบคิดว่า ตอนพี่เอสเดือดร้อน พี่เดฟไม่น่าใจดีพยายามช่วย

เพราะยังไงพี่เอสก็ยังเป็นได้เเค่คนที่ไม่สมหวังในรักของพี่เดฟ ถึงไม่พยายามขัดขวางรักครั้งใหม่ แต่ก็ไม่ยินดีให้สมหวัง...

เราอาจใจร้ายเกินไป ที่คิดว่า พี่เอสไม่น่าเจอคนดีๆเลย... เราลำเอียงจริงๆที่คิดเห็นใจปัน เเต่เป็นเราเจอเเบบนั้นก็คงพูดอะไร

ไม่ออก พี่เอสเจอกับพวกโรคจิตน่ะดีเเล้ว นิสัยไม่ดีเลยสุดท้ายก็เป็นเเค่คนขี้อิจฉาที่ไม่ยินดีที่เห็นคนที่ตัวเองรักมีความสุข :angry2:

carenaka

  • บุคคลทั่วไป
 o18 รู้สึก "ฟิน" รอคอยมานาน o18

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
สวนกันซะงั้น
แต่ก็ดีที่พี่เดฟเคลียร์กับพ่อได้แล้ว
ส่วนปันไม่ดีเลยที่มาเจออิสรา

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
เดฟกับพ่อพลภัทรปรับความเข้าใจกันแล้ว o13
แต่พี่เดฟต้องกลับมาปรับความเข้าใจกับปันปันที่อเมริกาอีก :เฮ้อ:
เป็นคนดีได้ไม่ตลอดเลยนะคะพี่เอส เดี๋ยวเจอคนรักปันปันแถวนี้ดัก :z6: หรอก

ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
 :z3: สวนกันไม่พอ อิสรายังทำเหตุอีก พี่เดฟรีบกลับมาเคลียร์ด่วนๆ

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
คิดอยู่แล้วว่าเอสก็เป็นได้แค่ตัวอิจฉาน้ันแหละ คิดเสียดายเดฟอยู่ลึกๆที่เดฟรักปัน นิสัยแบบนี้ก็สมควรแล้วละที่เดฟจะไม่กลับไปหา

รอคู่คุณพลกะคุณภีมปรับความเข้าใจกัน อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
แง น้องคิดไปถึงไหนแล้วนั่น   :z3:
พี่เดฟรีบกลับมาเมกาด่วนนน   :serius2:
รอตอนต่อไปฮะ  :')

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-15
จะไม่ร้องแล้วใช่ปะ น้ำตาหยดสุดท้ายอะ

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
  :laugh: รอตอนต่อไป ขอแบบhappy นะ

snice_cz

  • บุคคลทั่วไป
อ้าวสวนทางกันซะงั้นอ่า โธ่ปัณ !

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
หวังว่าปันจะไม่เตลิดไปไหนไกลนะ เดฟรีบกลับมาหาน้องเร็วๆ เข้า

ออฟไลน์ baroona59

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
จะได้เจอกันแล้วอยู่แล้วเชียว แถมมีเรื่องให้เข้าใจผิดอีก อิอิ 


KawaYuuMI

  • บุคคลทั่วไป
โธ่~... น้องปันกับพี่เดฟ T^T สวนกันจนได้ ไม่สิ.... น้องปันถึงเมกาก่อนที่พี่เดฟจะกลับไทยซะอีก
แล้วน้องปันยังทำท่าว่าจะเข้าใจผิดอีก

ไรท์จ๋าาาา รีบมาแจ้งเหตุแถลงไขโดยไว

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
สวัสดีค่ะ  kagehana ค่ะ


แอบเอาเรื่องใหม่มาโปรโมท คราวนี้มาแบบเบาๆกันบ้าง


♥ รักกุบกิบ ♥


http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37037.0




รับน้องๆเซทใหม่ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ เรื่องนี้เน้นหวานๆ ใสๆ(เหรอ...) จะพยายามไม่ดราม่ามาก ยกเว้นว่ามือจะพาไปเอง กร๊ากกกก


ตอนจบของตราบาปไร้รอยเลือน จะมาต่อภายในอาทิตย์หน้านะคะ  ตอนนี้อ่านน้องๆกุบกิบไปพลางๆก่อนค่ะ



รักคนอ่าน :กอด1:


kagehana

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
kagehana : เรื่องดำเนินมาถึงตอนจบแล้ว ขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่เป็นกำลังใจให้มาตลอดนะคะ



ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ :pig4:





-48-







“ผมไปนะครับ...พ่อ” ชยางกูรเอ่ยเบาๆในขณะที่ค่อยๆกราบไปบนตักพลภัทร


แม้ว่าจะขัดเขิน....แต่ก็อยากลองทำดูบ้าง เพื่อชดเชยกับสิ่งที่เคยกล่าวร้ายบิดาตัวเองไว้


การกระทำดังกล่าวแทบทำให้พลภัทรน้ำตาไหลออกมา มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาลูบศีรษะของชยางกูรเบาๆ


“เดินทางดีๆ นะลูก” เขาเอ่ยอวยพรเสียงเครือ


“พ่อดูแลตัวเองด้วยนะ”


ชยางกูรพูดสั้นๆแล้วสวมกอดพลภัทรไว้ อ้อมกอดที่เคยใฝ่ฝันหา....แม้จะไม่สนิทใจนักแต่สุดท้ายมังคงจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปในไม่ช้า


หลังจากร่ำลากันเสร็จ ชยางกูรก็พาตัวเองพร้อมสัมภาระที่มีไม่มากเดินออกมารอรถแท็กซี่ตามประสาคนง่ายๆที่ไม่อยากให้คนขับรถต้องไปส่ง รถฟอร์จูนเนอร์สีดำมันปลาบเลี้ยวเข้ามาจอดเทียบข้างทาง พร้อมกับเจ้าของที่เป็นชายร่างสูง ผมหยักศกปล่อยยาวนิดๆมีสีเทาแซม เขาถอดแว่นกันแดดออกพร้อมกับมองมาด้วยสายตาที่ยากจะตีความ


“เธอ....เดฟใช่มั้ย”


“ครับ....ไม่ทราบว่ามาหาใครหรือเปล่าครับ แล้วทำไมถึงรู้จักผม”


ชายวัยกลางคนยิ้มจางๆ เป็นรอยยิ้มที่เศร้าและสุขในเวลาเดียวกันจนไม่อาจจะแบ่งแยกได้ว่าสิ่งไหนมีมากกว่า


“ฉันมาหาพล...เป็น....เพื่อนเก่า” เพื่อนเก่า....ที่พลภัทรเลิกคบและไม่อยากจะเห็นหน้า และหากเขาไม่ได้ข่าวว่าเพ็ญแขหย่ากับพลภัทร ก็คงจะไม่กล้ามายืนอยู่ตรงนี้....ที่บ้านของคนที่เขาเคยทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ


“โตขึ้นเยอะเลยนะ...”


“คุณพ่ออยู่ในบ้านครับ แต่ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ยังไงเชิญเลยนะครับ ผมขอตัวไปสนามบินก่อน...คงไม่ได้พาเข้าไป”


“ไม่เป็นไร” บ้านที่เคยเข้านอกออกในจนทะลุปรุโปร่งดูไม่เปลี่ยนไปจากเดิม เพียงแต่...ความรู้สึกครั้งสุดท้ายที่มาบ้านนี้เป็นความรู้สึกหนักอึ้งที่เกาะกินหัวใจให้รู้สึกผิดมากว่ายี่สิบปี เขาไม่สามารถมีใครได้...หลังจากที่ทำลายเพื่อนรักในคืนวันนั้น


“ผมขอตัวก่อนครับ แท็กซี่มาแล้ว...” ชยางกูรเดินไปหาแท็กซี่ที่เรียกมารับ แต่ก่อนที่จะขึ้นรถ ชายหนุ่มหันกลับมามองคนที่ยืนส่งเขาอีกครั้ง


“คุณชื่ออะไรนะครับ....”


“ภีม....ฉันชื่อภีม.....”






///////////////////////////////////////////////







อิสราที่นั่งดูทีวีอยู่หันไปหาทนายตัวโตที่กำลังวุ่นวายกับการเตรียมอาหารเย็นในครัวเมื่อได้ยินเสียงออด พอเห็นแบบนั้น เจ้าของบ้านจึงเป็นฝ่ายลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูบ้านของตัวเอง


“อ้าวเดฟ กลับมาแล้วเหรอ”


“ครับ เหนื่อยชะมัด แถมพลาดอีก....แต่ก็ยังดีว่าได้เคลียร์เรื่องอื่น”


“เอสเอาน้ำให้เดฟหน่อยสิ ผมซื้อน้ำแอปเปิ้ลไว้ในตู้เย็นน่ะ ขอโทษที....ขอจัดการกับเจ้าไก่อบนี่ก่อน” คนที่อยู่ในครัวพูดเสียงดังจากข้างใน


“เข้ามาก่อนมา วันนี้โคลตันทำไก่อบกับสลัด มาก็ดีเลย จะได้ช่วยพี่กิน” อิสราหัวเราะเบาๆขณะเดินนำอีกฝ่ายเข้ามาที่โต๊ะทานข้าว


“น้ำแอปเปิลนะ หรือเบียร์”


“น้ำดีกว่าครับ เบียร์เดี๋ยวค่อยฉลองกันวันหลัง....รอเจอปันก่อน” ชยางกูรวางสัมภาระลงแล้วทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ ซี่งด้านหน้ามีสลัดชามโตวางอยู่


“สงสัยต้องติดต่อไปที่มหาลัย ผมไม่รู้ว่าจะเอาไงดี...สไกป์ไปก็ไม่ตอบ สงสัยยังงอนไม่เลิก”


“อ่าว...ยังติดต่อปันไม่ได้เหรอ” เป็นคนในครัวที่ถาม “ก็เอส......” เพราะสายตาวาวๆของอิสรา ทำให้ทนายความหนุ่มใหญ่ซึ่งกำลังจะเปิดปากเรื่องการมาของปัณวิทย์ กลายสภาพเป็นแมวเหมียวนุ่มนิ่ม หันไปจัดแต่งผักลวกในจานไก่


“พี่เอสทำไมเหรอ....”


พอเห็นสายตาซื่อๆที่มองมา อิสราจึงยอมเปิดปากเล่าเหตุการณ์สั้นๆในวันนั้นให้กับชยางกูรฟัง


“ก็แค่นั้นแหละ ไม่มีอะไรมากหรอก”


“ทำไมพี่ไม่บอกผม” คนที่ตั้งท่าจะนั่งพักกินอาหารเย็นให้หายเหนื่อยลุกโพล่งขึ้นทันทีที่ฟังจบ “แล้วปันบอกเปล่าว่าตอนนี้ไปอยู่ที่หอหรือยังไง ทำไมพี่ไม่รั้งไว้ล่ะ”


อิสราส่งสายตาคาดโทษไปให้โคลตัน ก่อนจะเอ่ยตอบคำถามเหล่านั้น


“ตอนแรกพี่ก็ตกใจ เด็กนั่นเห็นหน้าพี่ก็เดินไปเลย พี่เลยไม่ได้รั้งไว้”


“กะจะแกล้งผมอ่ะดิ” ชยางกูรทำหน้าบึ้งใส่เหมือนเด็กถูกขัดใจ “กินกันไปสองคนเหอะ ผมฝากของไว้ก่อน เดี๋ยวมาเอา”


พูดจบ ร่างสูงก็เดินลุกออกไปโดยไม่สนใจจานไก่อบที่ถูกหั่นมาวางตรงหน้าเลย มือหนาที่ยื่นจานวางหดกลับแล้วเอาไปวางหน้าอิสราแทน


“ตอนแรกผมว่าเขาดูเป็นผู้ใหญ่ดี แต่ผมรู้แล้วว่าอันที่จริง....คุณกับเดฟน่ะเด็กพอกันเลย”


ชายหนุ่มร่างบางที่ถูกวิจารณ์ค้อนให้หนึ่งทีก่อนจะหยิบส้อมกับมีดขึ้นตัดไก่อบทานโดยไม่รอ “พูดอะไรไม่รู้เรื่อง”


“ใครที่เอาแต่ปิดปากเงียบ...ไม่บอกเรื่องปัน นี่ถ้าผมไม่พูด มีหวังป่านนี้ยังคงนั่งกินไก่อบไม่รู้เรื่องอยู่ล่ะมั้ง” เจ้าของอาหารมื้อเย็นเลื่อนจานของตัวเองเข้าไปใกล้อิสราแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่ถูกดึงมาจนเบียดกัน


“นั่งเบียดผมทำไมครับ” อิสราทำเป็นมองข้ามคำวิจารณ์เหล่านั้น แล้วเปลี่ยนประเด็นไปอีกเรื่องหนึ่งแทน


“ขาดความอบอุ่น....”


“ฮีตเตอร์ก็มี เปิดให้เอามั้ยครับ” เขาถอนหายใจออกมาเมื่อเจอคำตอบตามสไตล์เจ้าตัว


“ขอแค่อุณหภูมิคนก็พอ” ชายหนุ่มยกไวน์แดงในแก้วขึ้นจิบแล้วส่งให้อิสรา “ชักอยากจะมอมเหล้าคุณแล้วแพคใส่ลังกลับบ้านขึ้นมาจริงๆแล้วสิ.....เอส....ไปอยู่ด้วยกันมั้ย”


“แล้วบ้านหลังนี้ของผมล่ะ... คุณ...” อิสราถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ผม... ยังไม่พร้อม... ครับโคลตัน”


“ปันมาอยู่ที่นี่สี่ปีถึงจะจบ คุณก็ให้เดฟอยู่สิ” หนุ่มใหญ่คลึงแก้วไวน์ในมือไปมาเหมือนกำลังจะตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่


“บอกตามตรง ผมกลัวว่าคุณจะกลับไปชอบเดฟอีก เพราะงั้น...มาอยู่กับผม คุณจะได้ไม่มีเวลาว่างพอจะอ่อนไหวไง”


โคลตันพูดทุกคำด้วยความจริงจัง....เพราะรู้ดีว่าอิสราเป็นคนอ่อนไหวง่าย หายจะผูกพัน...เขาก็อยากจะผูกติดให้มีแต่ตัวเองในหัวอีกฝ่าย เขาไม่อยากหึงชยางกูร แม้รู้ว่าฝ่ายนั้นคงไม่กลับมาหาอิสราแล้วก็ตาม


...แต่กันไว้ดีกว่าแก้ไม่ใช่หรือไง....


“ผม... ไม่กลับไปหรอก...” อิสราก้มหน้าลง “ผม... แค่ยังไม่รู้โคลตัน... ผม...”


“เปิดใจให้ผมเข้าไปได้มั้ย...มิสเตอร์อิสรา” น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบข้างหู


“ผมรักคุณ.....”


“... คุณ... ขี้โกง” อิสราเอ่ยเสียงเบา อีกฝ่ายรู้ดีว่าเขาแพ้อะไรแบบนี้ถึงได้เอ่ยคำบอกรักออกมา


“ผม... ยังไม่รู้... ว่าผมรู้สึกยังไง”


“ลองเรียนรู้จากผมสิ....แล้วจะรู้ว่าไม่ต่างกันเลย”


“....... ผม....” ชายหนุ่มมองหน้าของคนที่มองเขาอยู่ “...... จะลอง”


โคลตันปิดริมฝีปากที่สั่นไหวด้วยริมฝีปากของตัวเอง มือที่ประคองแผ่นหลังโอบร่างบางเข้ามากอดเอาไว้ จุมพิตรสไวน์หวานหอมเจือขมติดปลายลิ้น....ซาบซ่านไปถึงหัวใจ


“ผม... ไม่ใช่คน... หนักแน่นพอ... เข้าใจใช่มั้ย...”


“ผมไม่กลัวหรอก...ผมจะทำให้คุณไม่มีเวลาจะหวั่นไหวเลย..คอยดูเถอะ”


“ครับ... ผมจะคอยดูแน่ๆ... เพราะไม่อย่างนั้น ผมคงไม่อยู่กับคุณ” เขาส่งรอยยิ้มจางๆให้ก่อนจะเอนศีรษะพิงกับไหล่กว้าง


...จะลองเดิมพันดู...


...อาจจะดีกว่าที่คิดไว้...








//////////////////////////////////////////////







หลังจากได้เจอคนที่ไม่คิดว่าจะเจอแล้ว ปัณวิทย์ก็หมกตัวอยู่แต่ในห้องที่หอพักนักศึกษาไม่ได้ออกไปไหน เขาถือว่าตัวเองเก่งมากที่ไม่โวยวายอาละวาดลงกับข้าวของ


“ไอ้ฝรั่งบ้า... รอตลอดไปเหี้ยห่าไรงี่เง่าชัดๆ”


เขามาถึงที่สหรัฐอเมริกาก่อนที่จะเปิดเทอมประมาณหนึ่งเดือน หลังจากซื้อข้าวของที่จำเป็นเสร็จเรียบร้อย ปัณวิทย์ก็ตั้งใจจะไปหาอดีตคนรักโดยหวังว่าจะแกล้งให้ตกใจเล่น แต่กลับต้องเจอกับผู้ชายที่เรียกว่าแฟนเก่าของชยางกูรที่มารยาทไม่ดีคนนั้น แน่นอนว่าเขาไม่คิดว่าต้องพูดอะไรด้วยซ้ำ


...ทุกอย่างมันฟ้องชัดแล้ว


ก่อนที่จะได้เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา เสียงท้องร้องประท้วงที่ดังขึ้นมาทำให้เด็กหนุ่มเปลี่ยนแผน


“หาไรใส่ท้องก่อนก็ได้วะ”


ปัณวิทย์คว้ากระเป๋าเป้ขึ้นสะพายหลัง เดินออกจากห้อง ลงลิฟท์มาด้วยใบหน้าที่ไม่รับแขกเช่นเคย


คนที่มาเฝ้ารอที่ล็อบบี้ปิดหนังสือลงแล้วถอนใจเฮือก พิชญ์ยอมบอกเขาแค่หอพักที่คนรักของเขามาอยู่...แต่ไม่ยอมให้ทั้งเบอร์ห้องหรือเบอร์ส่วนตัวด้วยซ้ำ


จะมีก็แต่ต้องมานั่งเฝ้า รอจนเด็กดื้อออกไปข้างนอกถึงจะได้เจอ เขามานั่งรอกว่าสี่ชั่วโมงแล้ว ให้ตายเหอะ เจ้าเด็กหน้าบูดนั่นไม่คิดจะกินข้าวหรือออกจากห้องบ้างเลยหรือไงนะ


เด็กหนุ่มแวะทักทายเจ้าหน้าที่ดูแลหอพักก่อนจะหยิบเอาหนังสือพิมพ์แจกฟรีตรงเคาน์เตอร์


ชยางกูรแทบไม่อยากเชื่อสายตาเมื่อเห็นร่างของคนรักยืนอยู่ไม่ไกล ไม่ทันที่ในหัวจะได้คิด สองขาก็พอเข้าก้าวไปหารวมถึงสองแขนก็กอดรัดปัณวิทย์เอาไว้แล้ว


“ปัน.....ลงมาแล้วเหรอ”


ด้วยความตกใจ ปัณวิทย์ผลักอีกฝ่ายออกแทบจะทันทีโดยไม่พูดอะไรแล้วรีบวิ่งออกไปทางประตูด้านข้าง


...มาได้ยังไงวะไอ้ฝรั่งบ้า!!


“ปัน...รอพี่ก่อน” ชยางกูรวิ่งตามไปรั้งเอาไว้แล้วดึงเข้าสู่อ้อมกอด “ทำไมมาไม่บอกสักคำ”


“มาทำไม ปล่อย ปล่อย” เพราะว่ายังไม่เปิดเทอม ด้านนอกจึงไม่มีผู้คนพลุกพล่านมากนักทำให้ปัณวิทย์สามารถสะบัดอีกฝ่ายออกได้เต็มที่


“ปล่อยสิวะ!!”


“ไม่ปล่อย พากลับบ้านเลย” ชยางกูรกอดแล้วหิ้วคนตัวเล็กกว่าจะพาไปที่รถที่จอดไม่ไกล


“กลับอะไร ไม่กลับ! บอกว่าไม่ไปไงวะไอ้ฝรั่ง! ปล่อย!!!!” คราวนี้ทั้งขาทั้งแขนออกแรงต่อต้านคนที่ยกเขาลอยจากพื้นเต็มที่


“ใจเย็น...โกรธเรื่องอะไร อุตส่าห์มาหาพี่ถึงนี่แล้วยังจะโกรธอีกเหรอ” ชยางกูรอยากจะจับทุ่มลงกับพื้นถนน ถ้าไม่ติดว่าเขารักคนๆนี้


...เด็กบ้าอะไรวะ ดื้อของโคตรดื้อเลย


“เจอแล้วก็ปล่อยดิวะ จะมาแก้ตัวทำไม ไอ้พี่เอสอะไรนั่นบอกว่าปันมาใช่มั้ย” ดวงตาดื้อรั้นไม่ดูอ่อนลงแม้แต่น้อย


“ไม่ปล่อย คุยกันดีๆสิ พี่อุตส่าห์กลับไทยไปหา ปันต่างหากล่ะที่มานี่ไม่บอกสักคำ”


“ทำไมต้องบอก ไม่ได้เป็นอะไรกัน!” ถ้าแยกเขี้ยวแล้วกัดได้จริงๆปัณวิทย์คงทำโดยไม่ลังเล


“เป็นแฟน!!” พูดจบชยางกูรก็ยืนยันด้วยจูบดุดันอวดสายตาคนที่อยู่ในละแวกนั้น พร้อมกับกอดรัดเอาไว้..บังคับให้ปัณวิทย์ยอมผ่อนตามจุมพิตเร่าร้อน


หากไม่ได้ถูกกอดเอาไว้ปัณวิทย์คงได้ต่อยไปแล้ว ที่ตั้งใจสอบทุนมาหาเพราะคิดถึง แต่ก็ยังนึกน้อยใจตลอดเวลาว่าอีกฝ่ายทิ้งเขาไป


“แฟนเหี้ยอะไร... ทิ้งกัน หา” ท้ายประโยคนั้น เสียงของเด็กหนุ่มสั่นเครือก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมา


“ขอโทษ...ขอโทษจริงๆ” ชยางกูรก้มลงเช็ดน้ำตาบนใบหน้าขาวๆที่ยังฉายแววดื้อรั้นก่อนจะจุมพิตลงที่หน้าผากเบาๆ


“ไม่ได้ทิ้ง...ก็เกือบจะกลับไปหา แต่โกรธพ่อ โกรธปันที่ไม่เลือกพี่.....พี่มันงี่เง่าเอง”


“ก็พ่อปัน! บอกให้รอก็ไม่รอ แล้วจะมาทำไม อึก...” เขายกแขนปัดมือของชยางกูรออก


“ก็ปันมาทำไมล่ะ พี่กลับไทยไปหาปันเพราะเหตุผลเดียวกันน่ะแหละ พอกลับไปก็ไม่เจอ พอมาดักรอเจอปันก็ด่า” ชยางกูรลากปัณวิทย์ออกมาที่รถแล้วเปิดประตูดันร่างเล็กให้เข้าไป


“เข้าไปเลย เดี๋ยวหนีอีก”


“ทำไมจะด่าไม่ได้ มานี่ก็มาอยู่กับแฟนเก่า ใช้พวกไอ้เตี้ยส่งข่าว ทำอะไรไม่คิดถึงความรู้สึกปันมั่งเลย” คนโดนผลักขึ้นรถยังคงหันมาโวยใส่ต่อ


“พี่มีเหตุผลที่ต้องอยู่กับพี่เอส แต่สาบานได้ว่าไม่มีอะไรกัน...พี่รักปันคนเดียว ได้ยินมั้ย” ชยางกูรดึงคนรักเข้ามากอดไว้อีกครั้งแล้วซบใบหน้าลงบนกลุ่มผมสีเข้ม


“ไอ้พี่บ้า เดี๋ยวมีไรก็ทิ้งปันอีก รักอะไร” แม้ปากจะพูดอย่างนั้น แต่ปัณวิทย์ก็ไม่ได้ดันหรือว่าผลักอีกฝ่ายออก


“ไม่ทิ้ง ไม่มีอีกแล้ว รอปันเรียนจบแล้วกลับไปอยู่กับพ่อด้วยกันนะ”


“พูดอะไรไร้สาระ พ่อจะให้อยู่ด้วยกันได้ไง” ดวงตาที่ยังชุ่มน้ำตาจ้องมองอย่างเอาเรื่อง


“เคลียร์กันแล้ว พี่กลับไปหาปันที่ไทยมา...พอไม่เจอก็เลยได้คุยกับพ่อ อาจจะไม่ใช่ทันที แต่พ่อคงรับเราได้....” ชยางกูรไม่รู้จะบรรยายอย่างไรกับความรู้สึกในตอนนั้น เขาทำเพียงแต่กอดปัณวิทย์แน่นขึ้น


“...ไอ้พี่เดฟบ้า” พูดจบปัณวิทย์ก็ต่อยอีกฝ่ายไม่เต็มแรงนัก แต่เอาเพียงให้หายคืนกับความรู้สึกที่เขามีตลอดเวลาที่อีกฝ่ายทิ้งไป


“ขอโทษที่ทิ้งกัน แต่อยู่ที่นี่....ไม่มีวันไหนไม่คิดถึงปันเลยนะ”


“ทิ้งให้เหงาเหี้ยๆอยู่คนเดียว ทิ้งอีกทีจะฆ่าให้ตายเลย” หมัดจากเด็กหนุ่มถูกปล่อยใส่อีกครั้งคล้ายกับยืนยันคำพูด


“อยู่ที่นี่ก็เหงาเหี้ยๆเหมือนกัน ออนสไกป์ก็ไม่มีคนทัก แกล้งออนทั้งวันทั้งคืน คนใจดำก็ไม่ยอมพิมพ์มา ไลน์ด้วย....แถมมานี่ก็ไม่บอก ให้คนเขาเหงาอยู่ได้ตั้งนาน”


“อย่ามาโยนเหมือนปันผิดสิวะ ทักทำไม ทักให้เซ็งว่าทิ้งไปเหรอ” ปัณวิทย์ทำหน้าเบ้ใส่ก่อนจะถอยตัวออกมาแล้วกอดอกไว้


“นี่ถ้าไม่ได้ซายน์กับอัสซี่ช่วย คงไม่ได้เห็นหน้าปันเลยมั้ง” ชยางกูรไม่ได้ตามไปกอด แต่กลับทิ้งศีรษะลงบนตักของเด็กหนุ่มแล้วจูบเบาๆที่ผิวอ่อนๆตรงหน้าท้อง


ปัณวิทย์ใช้ปลายนิ้วดีดลงบนศีรษะของร่างสูง “อย่ามาลามกไม่เข้าเรื่อง ลุกเลยครับ”


“ใครลามก...เป็นเด็กเป็นเล็กคิดอะไรน่ะ” นอกจากจะไม่ลุก ชายหนุ่มยังฟัดใบหน้าลงกับผิวเนื้ออย่างหมั่นเขี้ยว


ปัณวิทย์เกลียดตัวเองในตอนนี้เป็นที่สุด!


“พอแล้วเว้ย ลุก! พี่เดฟ” ไม่พูดเปล่า จากที่ดีดศีรษะไปกลายเป็นใช้ทั้งสองมือดันใบหน้าของชยางกูรออกจนเกือบจะชนกับคอนโซลฝั่งข้างคนขับ


“ยกโทษให้ยัง” อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอดึงตัวมากอดไว้แล้วกดจูบเบาๆที่สองข้างแก้ม “........หรือว่ายังหึงพี่เอส”


“ไม่ได้หึง” เด็กหนุ่มรู้ดีว่ากำลังโกหกอยู่ครึ่งหนึ่ง เพราะอย่างน้อยถ้าหึงล้วนๆ คงได้เปิดปากเถียงกับแฟนเก่าที่ว่านั่นไปแล้ว


“โกหก...มองตาก็รู้” ชยางกูรพูดยิ้มๆแล้วเสริมต่อด้วยอ้อมกอดที่แนบแน่นขึ้น “พี่รักแล้วรักเลย...ไม่ต้องหึงครับ อีกอย่าง พี่มาอาศัยพี่เอสเฉยๆ...แถมตอนนี้มีแฟนใหม่เป็นทนายรวยโคตรไปแล้ว จนๆอย่างพี่ต้องอยู่กับนักเรียนนี่แหละถึงจะเหมาะ”


“ใครให้อยู่ จนๆปันไม่เอา ปันอยู่หอ เข้าใจปะ” เด็กหนุ่มทำทีเหมือนกำลังถือไพ่เหนือกว่าทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าให้จนยังไง เขาก็รักอีกฝ่ายโดยที่ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น


“ว้า ปล่อยให้พี่อยู่บ้านกับพี่เอสสองคนจะดีเหรอ เดี๋ยวเด็กแถวนี้หึงนอนร้องไห้ทำไง”


“ไม่มี หึงนอนร้องไห้อะไร ไม่มีหรอก มั่ว”


“งั้นพี่คงนอนร้องไห้...เพราะคิดถึงปัน” ชายหนุ่มผมทองซุกหน้าลงกับไหล่ของคนในอ้อมกอด “คิดถึงปันนะ..คิดถึงมาก....”


“รู้แล้ว...พูดอะไรบ่อยๆ พอแล้ว” ปากพูดออกมาห้วนๆ แต่ปัณวิทย์ก็ยกมือขึ้นโอบกอดร่างสูงเอาไว้


“หายโกรธนะ” คนเป็นพี่กอดไว้เบาๆแล้วจูบหน้าผากชื้นเหงื่อด้วยความรัก “ปันอยู่ไทยคิดถึงพี่บ้างมั้ย”


“ไม่ตอบ มีไรปะ” เขาไม่ได้ผลักออกแต่ยอมโอนอ่อนให้ชยางกูรได้แตะริมฝีปากตามใจ


“คิดถึงหรือเปล่า” น้ำเสียงทุ้มต่ำถามอย่างย่ามใจ ลองว่าปัณวิทย์อ่อนลงแล้ว เด็กหนุ่มก็ราวกับคนละคนกับเด็กดื้อเมื่อกี้นี้


“........ พูดไม่รู้เรื่องนะ บอกว่าไม่ตอบไง”


“เดี๋ยวถามซายน์กับอัสซี่ก็ได้....ถ้าไม่ตอบ พี่จะถามว่าปันร้องไห้หรือเปล่าตอนอยู่ไทย อย่างอัสซี่คงเล่าหมดทุกอย่างละมั้ง”


“ไม่ได้ร้อง โตแล้วไม่ใช่เด็กๆ ไม่คิดถึงจนร้องไห้หรอกไอ้พี่บ้า”


“ไม่ร้อง...แต่คิดถึงใช่มั้ย” ‘ไอ้พี่บ้า’ กระซิบเบาๆข้างหูก่อนจะขโมยหอมตบท้าย


“เออ คิดถึง ไม่พูดแล้ว” จากที่ไม่ดันอีกฝ่ายออกไปไหน คราวนี้มือยืดมาผลักหน้าของชยางกูรออกทันที


ชยางกูรก้มหน้าหลบแล้วเอนตัวทับ....รัดรั้งร่างบางเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้ นัยน์ตาสีฟ้าพราวระยับด้วยคำพูดนับแสนนับล้านที่อยากจะบอกไป แต่คำพูดเดียวที่ตรงใจที่สุด....กระซิบแผ่วเบาให้เพียงคนเดียวได้ฟัง


“พี่รักปันนะ”


“...รู้...แล้ว” กระต่ายป่าแสนดื้อรั้นซุกเข้าหา ยอมอ่อนให้ในที่สุด


“กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมนะ”


“...จ่ายค่าหอไปแล้ว... เทอมนี้ต้องอยู่หอ...” น้ำเสียงที่คอยแต่ฟังดูกระด้างกลายเป็นเสียงบ่นอุบอิบที่ฟังยังไงก็เหมือนเด็กงอแง


“ยกเลิกไม่ได้เหรอ ไปอยู่บ้านพี่เอสกัน...ปันอยู่ห้องพี่ไง พี่แชร์กันอยู่กับพี่เอสน่ะ” คำพูกวกวนที่ทั้งหาประโยชน์เข้าตัวเองและแก้ตัวไปในตัวออกมาจากริมฝีปากที่คลอเคลียอยู่อย่างรื่นไหล เจ้าตัวที่คิดคำพูดมาก่อนหน้านี้แถมกำไรด้วยการจูบหนักๆอีกสองครั้งบนแก้มสีนวล


“ไม่เอา ไม่อยู่ร่วมบ้านด้วยหรอก ยกเลิกไม่ได้ จ่ายเงินไปหมดแล้ว เทอมเดียว...” ท้ายประโยคปัณวิทย์กลับมาทำเสียงแข็งใส่อีกครั้ง


“งั้นก็ปล่อยไว้งั้น ไม่ต้องอยู่ ไม่ต้องยกเลิก แล้วไปอยู่กับพี่นะ” กระต่ายในอ้อมกอดที่ทำขนพองขู่...ด้วยเหตุผลอะไรเขาก็รู้ดี


“พี่เอสเป็นคนดีนะปัน ปันอาจจะยังไม่ชิน....แต่รู้จักกันดีๆ ปันอาจจะชอบก็ได้”


“ไม่เอา! เทอมนึง เป็นบทลงโทษที่ทิ้งปัน” เด็กหนุ่มยื่นคำขาด


“งั้นพี่จะมาเฝ้าทุกวัน เลิกเรียนมารับ วันหยุดพาไปนอนบ้าน ไปนั่งเฝ้าที่มหาลัย....ดีมั้ย”


“นี่ เวอร์แล้วครับ วันหยุดอยู่ด้วยกัน วันธรรมดากินข้าวด้วยกันบ้างก็โอเค แต่ปันต้องมีชีวิตมหาวิทยาลัยของปัน เข้าใจมั้ย” เขามองอีกฝ่ายตาขวางเมื่อฟังจบประโยค


“ให้เวลาหนึ่งเทอม...เทอมหน้าต้องมาอยู่ด้วยกันนะ” คนเป็นพี่เอ่ยอ้อน “เรื่องพี่เอส...ปันอย่าคิดมากนะ ไว้จะพาไปกินข้าวด้วย พี่เอสตลกจะตาย”


“ไม่ได้คิดมาก แต่ปันไม่ชอบหน้า”


“เด็กเอ๊ย” ชยางกูรแกล้งบ่นเบาๆแล้วจับมือคนรักเอาไว้


“จำไว้นะ ไม่ว่ายังไง....คนที่พี่รักก็มีปันคนเดียว พี่จะไม่ปล่อยมือนี้ไปชั่วชีวิต”


“ปล่อยไปแล้วรอบนึง ไม่ต้องมาทำพูดเท่” ปัณวิทย์ชักมือคืนพลางเบ้ปากใส่


“ถ้าไม่เชื่อ...ก็ลองพิสูจน์ดู...ไปชั่วชีวิตแล้วกัน”


บาดแผลที่ไม่มีวันลบเลือน...บาดแผลที่ปิดซ่อนยาวนาน


แม้จะไม่จางหาย...แต่ความเจ็บปวดก็ลบเลือนได้ด้วยการเวลา และความรักที่คอยอยู่เคียงข้าง


...ตลอดไป...












....The End....







///พื้นที่โฆษณา///



ID คนขาย : TBL-984-766


เนื่องจากหมีกับดอกไม้เป็นพวกโรคจิต ชอบสะสมหนังสือเป็นเล่ม เลยจะรวมเล่มเรื่องตราบาปไร้รอยเลือนขึ้นมาค่ะ

ในเล่มนี้มีอะไรบ้าง??


เล่มนี้จะมีตอนพิเศษที่เขียนขึ้นมาใหม่ทั้งหมดสามตอน สามคู่คือ

พี่เดฟ-น้องปัน  เรื่องราวตอนได้พบกันครั้งแรก สมันปันยังเป็นปันปันตัวอ้วนกลม

ซายน์-อัฐ  "ครั้งแรก" ของอัฐ กับอาการงอนของซายน์

ภีม-พลภัทร  จากเพื่อนรักกลายเป็นความเกลียดชัง ภีมเลยกลับมาเพื่อรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้


หนังสือทั้งหมดจะรวมเป็นเซตสองเล่ม ขนาดเอห้า มีปกสวยงาม มีเนื้อเรื่องทุกตอนและเรื่องสั้นสามเรื่อง(หรืออาจจะงอกออกมาอีก)

ทั้งหมดทั้งมวล ราคาเซตละ 500 บาท (ไม่รวมค่าจัดส่งค่ะ)


ระยะเวลาในการสั่งจองคือประมาณเดือนกว่าๆ และปิดรับจองวันที่ 30 เมษายน 2556


ถ้าคนอ่านท่านใดสนใจ..สามารถส่งแบบฟอร์มการสั่งจองหนังสือมาทาง kagehana.h.p แอด จีเมล ดอท คอม  รบกวนตั้งหัวข้ออีเมลว่า “สั่งจองหนังสือ” ด้วยนะคะ

ในอีเมล ให้เขียนแบบฟอร์มตามแบบข้างล่างมาค่ะ (รายละเอียดทุกอย่างจะถูกเก็บเป็นความลับค่ะ)


ชื่อจริงและนามสกุลจริง :


ชื่อเล่น :


ยูสเซอร์เนมเล้าเป็ด/เด็กดี :


เบอร์โทร :


ที่อยู่ :


สั่งจองเป็นจำนวน : _________  ชุด


E-mail :




ทางเราจะอัพเดทความเคลื่อนไหวเรื่อยๆทั้งในเล้า/เด็กดี และเพจ  http://www.facebook.com/ficfactory ค่ะ







ส่วนอีกเรื่อง  ขออนุญาตลงโปรโมทเรื่องใหม่ค่ะ อิอิ





♥ รักกุบกิบ ♥


เรื่องราวของหนุ่มมหาลัยสุดเกรียนกับรุ่นพี่นักเรียนแลกเปลี่ยนสุดเอ๋อ พร้อมด้วยพลพรรครักเพื่อน(?)อีกมากมาย


จิ้มไปอ่านได้เลยค่ะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37037.0






ขอบคุณทุกความกรุณาของคนอ่านทุกคนที่มีให้เสมอมานะคะ จบเรื่องนี้ อย่าลืมแวะเวียนไปเยี่ยมเรื่องใหม่กันนะคะ หมีกับดอกไม้จะรอนะ


รักคนอ่าน


kagehana





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2013 12:53:54 โดย kagehana »

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
จองครับ อยากรู้เรื่องของคุณภีมกะคุณพลภัทร

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ~มือวางอันดับ1~

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
+1 :o8: น้องปัน พี่เดฟ แฮปปี๊เอนดิ่ง :กอด1:

ออฟไลน์ GintoniC

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
สนุกมากเลยค่ะ นึกว่าจะได้กินมาม่าจนอืดท้องซะแล้ว แต่ก็มีน้ำตาลมาให้กินบ้างเป็นระยะๆ ชอบๆ  :pig4:

ออฟไลน์ miracle22936

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
จบแล้วหรอ T___________T เศร้าาา อยากอ่านตอนพิเศษของ ภีม กับ พลภัทร มากมายยย :sad4:

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-15
น่ารักหวานๆ  :กอด1:  ลุ้นภีมคืนดีกับพลภัทร

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
น่าสนใจเรื่องของรุ่นใหญ่นี่แหละ อยากรู้มากกกกกกกกกว่าจะเป็นไงต่อไป

และก็ ต้องขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
ปันน่ารักมว๊ากกกกกก  :-[  :pig4:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
มีความสุขกับตอนจบมากๆค่ะ :m4:
พี่เดฟกับปันปันกลับมารักกันหวานชื่นแล้ว :o8:
เรื่องของรุ่นใหญ่นี่น่าสนใจมากๆเลยอะ  :impress2:

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
พ่อทั้งสองของปันปัน อะไร ยังไง ต่อไปดี

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15

preaw-sm

  • บุคคลทั่วไป
แอร๊ย ชอบมากเลย ขอบคุณมากค่ะ
เรื่องนี้ลุ้นจนใจสั่นเลยทีเดียว คุณพลน่าสงสารนะคะ เจ็บมาตั้งหลายปีเน๊อะ ทั้งลูกทั้งคนที่ตนเองรัก ไม่มีใครเข้าใจเลย
ส่วนปันก็ใจแข็งมากที่ยอมทิ้งพี่เดฟมาอยู่กับพ่อ เราชื่นชมตรงนี้จริงๆ
ส่วนเดฟนิสัยติดเด็กไปนิด แค่รักใครรักจริง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด