: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! ประกาศ re-printค่ะ [05/01/17]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! ประกาศ re-printค่ะ [05/01/17]  (อ่าน 230457 ครั้ง)

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
เห็นด้วยเลยค่ะ การมองว่าคนๆหนึ่งเลวร้ายและทำทุกอย่างนั้นมันต้องมีสาเหตุ พลภัทรเป็นพี่ชาย ด้วยความรักมากเกินไปเลยกลายเป็นความหวังดีที่ไม่มีใครเข้าใจ การที่เขากักตัวพีท อาจจะเพราะว่าเขาไม่อยากให้พีทต้องไปรักกับผู้ชายชัดเจน และทำให้คนอื่นดูถูก มันเป็นความหวังดีของพี่ชายที่ค่อนข้างมองว่าสิ่งที่ตัวเองคิดนั้นถูกต้อง ซึ่งความจริงมันก็ไม่ผิดนักหรอก

สังเกตได้ จากการที่พอตัวเองเห็นว่าญานัชกับพีทไป ตัวเองนั่นแหละเสียใจ เพราะว่าเขาคิดว่าเขาสร้างกรงที่ดีที่สุดให้แล้ว ทำไมถึงอยากจะแหกออกไปล่ะ ในทางกลับกัน ปัณวิทย์ต่างหากที่ไลท์แทบจะถวายหัวชาบูเลย การที่ยอมทุกอย่างเพื่อพ่อนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเป็นเรื่องของคนรัก แต่ปัณวิทย์เลือกครอบครัว เลือกในสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่น ความรักตัวนี้นี่แหละที่ไลท์เชื่อว่ามันจะทำให้พลภัทรรู้ว่าในเวลาที่ไม่มีใคร 'ความรัก' ที่แม้ไม่ได้ผูกพันตามสายเลือด...กลับยืนหยัดที่จะยืนเคียงข้างเขา ในยามที่กรงที่เขาพยายามกักคนที่เขาคิดว่าผูกพันเอาไว้ไม่ได้ผล...เด็กที่ไม่ได้ผูกพันด้วยสายเลือดกลับเลือกที่จะทำเพื่อเขา

การ Reflect ให้เห็นสิ่งที่ตัวเองเคยเป็นจะมีผลทางจิตวิทยาให้คนๆหนึ่งเปลี่ยนทางเลือกที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะรู้ว่าปลายทางคืออะไร เขาย่อมปรารถนาให้คนที่สะท้แนภาพของเขามีปลายทางที่แตกต่างกันออกไปค่ะ

มามองที่พี่เดฟ การที่เขาไม่ผูกพัน ทำให้เขาพูดเรื่องน่าเจ็บปวดออกมาได้ ในความเป็นจริง ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่ถ้าพูดตรงๆแล้วจะแก้ไขในสิ่งที่เกิดขึ้นได้น่ะ แต่ก็ว่าไม่ได้หรอกนะ เพราะว่าเขาไม่รู้เกี่ยวกับพลภัทรและไม่ไขว่คว้าที่จะรู้ ไม่เหมือนปัณวิทย์ที่รักจากก้นบึ้งของหัวใจ

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นยาวๆที่แทนใจคนเขียนได้แทบทั้งหมดค่ะ /กอดทีนึง

(ขอโทษด้วยนะคะที่มาตอบช้ามากเลย)

หมีกับดอกไม้เคยลงความเห็นกันว่าเรื่องนี้คุณพลภัทรน่าสงสารที่สุด เขาทำในสิ่งที่คิดว่าดีว่าถูกต้อง เพื่อคนอื่น แต่ผลของการกระทำกลับกลายเป็นตรงกันข้าม ทำให้จิตใจบิดเบี้ยวไป ไหนจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ต่อให้เป็นคนดีแค่ไหนสุดท้ายก็ยังมีวันเปลี่ยนแปลงไป

ถ้าเทียบพลภัทรเป็นเทวดาที่ถูกสาดสีดำจนกลายเป็นซาตาน ปัณวิทย์ก็คงจะเป็นเทวดาที่ถูกทึ้งปีกครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ยังเลือกที่จะอยู่กับซาตานเพราะความผูกพันและสงสาร

พลภัทรกับปัณวิทย์มีชะตากรรมคล้ายกันมาก แต่เลือกจะเป็นต่างกัน พลภัทรเลือกจะจมอยู่กับอดีตที่เจ็บปวด แต่น้องปันพร้อมจะก้าวผ่านมันมา ซึ่งส่วนหนึ่งเรายกความดีให้พี่เดฟที่คอยอยู่เคียงข้างน้อง(แม้ว่ามันน่ะแหละจะทำร้ายน้องในตอนแรก ฮ่าๆ)

ตอนนี้หมีกับดอกไม้เขียนตอนจบของเรื่องนี้เสร็จแล้ว แฮปปี้เอนดิ้งไปในแนวทางของแต่ละคนค่ะ แต่ขอเวลาดราม่าไปอีกพักใหญ่ๆแล้วค่อยหวานตบท้ายนะคะ

รักคนอ่านทุกคนค่ะ

kagehana


ป.ล. จะบอกว่าตอนเขียนกันเรากรี๊ดความสัมพันธ์ของปันกับพ่อ จนจิ้นไปจิ้นมาได้นิยายแตกไปอีกเรื่อง เป็นเรื่องพระเอกต้อยเด็กค่ะ ฮ่าๆๆ เรื่องไม่ได้เกี่ยวกับน้องปันแต่ประการใด เพียงแค่ยืมความรู้สึกของคนที่เลี้ยงดูกับคนถูกดุแลมาเขียนกันเป็นเรื่องใหม่ ออกแนวแฟนตาซีด้วย แต่เป็นแนวญี่ปุ่นโบราณนะคะ  <<<ช่วงโฆษณา เผื่อมีใครอยากอ่านจะได้เอามาลงเล้า ฮิฮิ



 


ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
ที่แท้ดราม่ามาตั้งแต่รุ่นพ่อแล้วหรอเนี่ย  o22

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
อ๊ากกกก เอามาอีกมาม่าน่ะ กะลังหิว ห้าๆ

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
kagehana : แอบเอามาลงยาวๆ เนื่องจากคิดงานไม่ออก หาอะไรทำแก้เซ็ง งืองาว

ตอนนี้จะมีเฉลยว่าใครเป็นพ่อน้องปัน(ยังต้องเฉลยอีกเหรอ ฮ่าๆๆ) ส่วนตัวแล้วโมเอะน้องปันตอนห้าขวบมากจนรีเควสดอกไม้อยากเขียนตอนพิเศษลูกหมูปันกลมๆวันห้าขวบเลยค่ะ

หลังจากนี้ไป อาจจะไม่ได้ลงต่อเนื่องสักพักนะคะ แต่จะบอกข่าวดีว่าตอนนี้เรื่องนี้เขียนจบแล้วเป็นที่เรียบร้อย(รอการอีดิธผ่านสายตาดอกไม้ก่อนออกสู่สายตาคนอ่าน) และกำลังเขียนตอนพิเศษอิเดฟน้องปัน ซายน์อัส ที่จะลงในรวมเล่มเพื่อเป็นที่ระทึก(?)กันต่อไป

ตอนนี้ก็....ดราม่ากันไปยาวๆก่อน แต่รับรองว่าฉากหวานเราคืนกำไรคนอ่านคุ้มแน่นอนค่ะ

ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ





-41-





“พ่อคับ— พ่อ—” เด็กชายตัวน้อยวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นพ่อที่เพิ่งกลับจากการเดินทางไปต่างจังหวัด แม้จะยังสูงไม่พ้นเอวแต่ก็ยังโถมตัวเข้ากอดต้อนรับเสียเต็มแรง


“ปันปัน เป็นเด็กดีหรือเปล่า” พลภัทรอุ้มเจ้าตัวน้อยช่างอ้อนขึ้นมากอดแล้วหอมแก้มนิ่มเบาๆ


“เป็นคับ” เด็กน้อยยิ้มกว้างจนตาหยีก่อนจะกอดรอบคอของพลภัทรเอาไว้ “ปันปันคิดถึงพ่อของปันปันที่สุดเลยคับ”


“พ่อก็คิดถึงที่สุดเลย แม่ไปไหนครับปันปัน” พลภัทรหอมแก้มตุ้ยนุ้ยของเด็กชายตัวเล็ก


หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น...วันที่เพื่อนที่รักที่สุดอย่างภีมทำร้ายเขา พลภัทรเปลี่ยนจากชายหนุ่มที่เอาใจใส่คนอื่นเป็นผู้ชายอารมณ์ร้าย หลายต่อหลายครั้งเขาระเบิดอารมณ์ใส่ทุกคน...แล้วมานั่งเสียใจกับตัวเอง วันเวลาที่เย็นชา ขมขื่น และไร้ความรู้สึกดำเนินต่อไป จนกระทั่งเด็กชายปัณวิทย์เกิดออกมา


ทีแรก...เขานึกว่าตัวเองจะเย็นชายิ่งกว่าตอนลูกชายคนแรก แต่เพราะรอยยิ้มและความอบอุ่นในอ้อมแขนที่เขาได้โอบอุ้ม มือเล็กๆที่เอื้อมแตะปลายคางทำให้ความอบอุ่นอ่อนโยนละลายความหนาวเหน็บในดวงใจ


นับวัน ความร่าเริงและขี้อ้อนของลูกชายคนเล็กยิ่งเปลี่ยนแปลงตัวเขาให้เป็นพ่อที่ดี...และสามีที่ไม่เย็นชา


ชีวิตครอบครัวที่มีความสุข...แม้จะยังคิดถึงคนอยู่ไกล


“แม่ออกไปซื้อของคับ ปันปันอยากรอพ่อ” รอยยิ้มกว้างไม่เก็บงำของเด็กน้อยในอ้อมกอดมอบให้ผู้เป็นพ่ออย่างเต็มที่


“ลูกพ่อ” พลภัทรจูบขมับทั้งสองข้างที่ชื้นเหงื่อ “เล่นอะไรมา เหงื่อแตกเต็มเลย”


“เล่นบอลคับ” แม้จะบอกว่าเล่นบอล แต่การเล่นบอลของปัณวิทย์คือการวิ่งตามลูกบอลที่เด้งไปตามทางเดินของบ้าน


“เล่นกับใครครับ”


“เล่นคนเดียวคับ พ่อจะเล่นกับปันปันมั้ยคับ”


“เดี๋ยวพ่อไปเก็บของก่อนแล้วมาเล่นด้วยนะครับ ปันปันหิวมั้ย ทานนมหรือยัง”


เจ้าตัวเล็กเกาะแขนเสื้อของพลภัทรไว้แน่น “ปันปันไปเก็บด้วย ถ้าพ่อหิวปันปันก็หิวคับ”


“งั้นเราไปกินขนมกันนะ ปันปันกินนมเยอะๆจะได้โตไวๆ” มือใหญ่ขยี้หัวเจ้าตัวเล็กด้วยความเอ็นดูสุดหัวใจ


ใครเห็นใครมองคงจะพูดได้เป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายคนนี้ติดพลภัทรเสียยิ่งกว่าเพ็ญแขผู้เป็นแม่ ไม่ว่าจะขยับไปทางไหน หากได้ไปกับพลภัทรแล้ว ปัณวิทย์ที่ขี้อ้อนเอาแต่ใจจะกลับกลายเป็นเด็กว่าง่ายขึ้นมาทันที


พลภัทรทุ่มเทความรักที่ไม่สามารถมอบให้ชยางกูรให้แก่ลูกชายตัวน้อยเต็มที่ และปัณวิทย์เองก็เป็นเด็กช่างอ้อน รวมกับพักหลังๆ อาการป่วยของพ่อเขาทำให้ไม่สามารถมาจำกัดชีวิตพลภัทรได้เต็มที่ ทำให้จิตใจที่เคยถูกทำร้าย..ค่อยๆหล่อหลอมเยียวยารักษาตัวเอง


“ปันปัน...พ่อมีอะไรให้ดูครับ”


“อะไรครับพ่อ” ปัณวิทย์ที่โตขึ้นแล้วแต่ยังคงติดพลภัทรผู้เป็นพ่อไม่ต่างจากตอนยังวิ่งไม่ค่อยจะคล่องรีบเดินเข้าไปหาแล้วนั่งลงข้างๆตามเคยชิน


“พ่อจะให้ดูอะไร...แต่สัญญานะครับว่าจะไม่บอกแม่” พลภัทรอุ้มเจ้าตัวเล็กที่เริ่มโตขึ้นมานั่งตักแล้วเปิดเก๊ะ


รูปเก่าๆของเด็กชายผมทองถูกหยิบขึ้นมาใส่มือน้อย พลภัทรหอมศีรษะกลมมนเบาๆแล้วจับมือกลมป้อมจิ้มลงไปในรูป


“ใคร เหรอครับ” เจ้าตัวแหงนหน้ามอง


“เขาชื่อพี่เดฟ...ปันปันจำไว้นะลูก พี่เดฟ”


“พี่เด๊บ เป็นใครเหรอครับ”


พลภัทรหัวเราะเบาๆ “พี่เดฟ...พี่ชายของปัน สักวันปันอาจจะได้พบเขา ปันปันต้องสนิทกับพี่ให้มากๆนะลูก อย่าให้พี่เขาเหงา”


สักวัน...ที่เขาอาจจะพาเดน่ากลับมาอยู่ด้วยกัน


สักวัน...ที่เพ็ญแขจะเข้าใจและยอมรับ


“ปันปันมีพี่ชายด้วยเหรอครับ แล้วปันปันจะได้เจอเมื่อไหร่ครับ” เขาหันไปจ้องมองใบหน้าของพลภัทรอีกครั้ง


“อีกไม่นานหรอกครับ ปันปันต้องดีกับพี่เขานะ”


เด็กตัวน้อยรีบพยักหน้า “ครับ ปันปันจะรักพี่เด๊บนะครับ”


พลภัทรก้มลงหอมเด็กตัวเล็กด้วยความรัก เป็นความรักที่เขาเฝ้าทะนุถนอมดูแลมาตั้งแต่ยังเล็ก


ความรัก...ที่มอบให้อย่างไม่ต้องการการตอบแทน


เขาไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเขารักปัณวิทย์มากหรือเปล่า ตอนที่เกลียด...ถึงได้มากขนาดนี้


มาก...จนทำร้าย

มาก...จนเจ็บหัวใจ


“ทำไมผมให้เลือดไม่ได้! ปันเป็นลูกของผมนะหมอ” คำถามที่เขาตะโกนใส่หน้าหมอเป็นเหมือนประตูที่ทำให้ก้าวไปสู่ความแค้น รักที่เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยคนสองคน


“... แต่กรุ๊ปเลือดของน้องเป็นกรุ๊ปบีนะครับ ถ้ายังไงลองติดต่อภรรยาของคุณดู...” อาจจะเพราะชินแล้วกับการที่มีญาติผู้ป่วยใช้อารมณ์ เขาถึงตอบกลับได้อย่างสงบนิ่ง


ปัณวิทย์ในวัยเจ็ดขวบ ถูกรถที่แหกโค้งมาชนเข้าอย่างจังตรงสนามเด็กเล่นในวันที่พ่อลูกสองคนแอบหนีที่บ้านไปเดินเล่นกัน พลภัทรหัวใจแทบสลายเมื่อเด็กร่างเล็กอ่อนปวกเปียกเต็มไปด้วยเลือด แต่ด้วยสติ...เขาพามาที่โรงพยาบาล


แต่ชายหนุ่มไม่ได้รู้เลย...ว่าเขาจะเจอเรื่องที่ช็อคกว่าในยามที่เขาตามเพ็ญแขมาที่โรงพยาบาล


“เพ็ญ เพ็ญให้เลือดลูกได้มั้ย” พลภัทรแทบจะกระโจนเข้าใส่เมื่อเธอมาถึง


“ได้ค่ะคุณพล”


“ถ้าอย่างนั้นตามมาทางนี้เลยครับ” เขารีบพาเพ็ญแขไปยังห้องถ่ายเลือดเพื่อดำเนินการให้เร็วที่สุด “คุณเลือดกรุ๊ปบีใช่มั้ยครับ”


หญิงสาวชะงักขาที่รีบก้าวเดินก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง “กรุ๊ปอะไร นะคะ”


“บีครับ”


“ดิฉันกรุ๊ปเอค่ะคุณหมอ...” หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นทั้งๆที่รู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่าง


“หมอเกรงว่า จะให้ไม่ได้ครับคุณแม่ หมอจะลองประสานไปโรงพยาบาลใกล้ๆ เผื่อเขามีเลือดในคลัง....” หมอหนุ่มเอ่ยเบาๆ เด็กที่มีพ่อเป็นกรุ๊ปเอ และแม่เป็นกรุ๊ปเอ...ไม่มีทางที่จะออกมาเป็นกรุ๊ปบีได้


“หรือคุณพ่อคุณแม่มีคนรู้จักที่เป็นเลือดกรุ๊ปบีมั้ยครับ”


เพ็ญแขไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองสามีที่ไม่รู้ว่ากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนจะกดหาเบอร์ที่คุ้นเคย


“คุณภีมคะ ช่วยมาที่โรงพยาบาลคามิลเลียน... ด่วนเลย ได้มั้ยคะ” กระทั่งน้ำเสียงที่เปล่งออกมาก็ยังสั่นเครือเพราะความหวาดกลัวต่อความจริงที่กำลังจะต้องเผชิญ


-มีอะไรครับคุณเพ็ญ พลเป็นอะไร?-


“ลูกปันถูกรถชน ต้องการเลือดกรุ๊ปบี... คุณภีม... กรุ๊ปบี ใช่มั้ย... คะ”


-ครับ...ผมจะไปเดี๋ยวนี้-


“คุณโทรหาไอ้ภีมทำไม” เสียงเข้มที่เงียบอยู่นานดังขึ้น พลภัทรกระชากแขนเรียวให้หันกลับมาหา ใบหน้าของเพ็ญแขดูซีดเซียวจนน่าตกใจ


ภีม...ที่กี่ปีมาแล้วเขาไม่เคยเจอหน้า แต่กลับเป็นคนที่ภรรยาเขาโทรหายามที่ลูกชายคนเล็กต้องการเลือด


“ฉันถามว่าโทรหามันทำไม!”


“.... คุณพล... เจ็บ...” หญิงสาวพยายามดึงแขนให้เป็นอิสระทว่ามันไม่ง่ายเลย น้ำตาเอ่อล้นออกมาอาบแก้มก่อนที่เธอจะทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างหมดแรง


“ไอ้ภีม...มันกรุ๊ปเลือดอะไร” เสียงที่ถามออกไปแหบแห้งเหมือนคนที่อยู่ในทะเลทราย


“... ฮึก... กรุ๊ป... บี........ ค่ะ”


“บัดซบ!” พลภัทรปล่อยมือออกจากเพ็ญแขแล้วทรุดลงนั่งบนพื้น มือใหญ่ยกขึ้นปิดหน้า...กดลงกับเข่าด้วยความเจ็บปวดที่ยากจะบรรยาย


“....ฉันจะตรวจดีเอ็นเอ มันต้องมีอะไรผิดพลาด...”


ปัณวิทย์ต้องไม่ใช่ลูกไอ้เลวที่มันข่มขืนเขา....


แต่คล้ายกับโชคชะตาจะไม่เข้าข้างพลภัทรเลยสักนิดเดียว


“คุณเพ็ญ...” ชายหนุ่มที่วิ่งกระหืดกระหอบมานั้นเป็นเพื่อน...อดีตเพื่อนที่ไม่เคยเห็นหน้ามาเทียบเท่าอายุปัณวิทย์ พลภัทรมองใบหน้าของภีมที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง แม้จะยังคงเค้าหน้าเดิมไว้มาก


“มึง..ไอ้ภีม...”


“พล.....” กระทั่งเสียงยังไม่แปรเปลี่ยน


“กูไม่เอาเลือดมึง”


“แต่ปันกำลังจะตายนะคะ” เพ็ญแขท้วงด้วยน้ำเสียงกลั้นสะอื้นแผ่วเบา


“อย่างน้อย..เขาก็กรุ๊ปเลือดเดียวกับปัน คุณพล...เพ็ญขอร้องนะคะ” แม้ปัณวิทย์จะไม่ใช่ลูกรักอย่างคณัสนันท์ แต่เยื่อใยและความรักยังคงเปี่ยมล้น


เพราะความตายที่เพิ่งผ่านไปไม่นานของแพรพรรณและสามียังคงจดจำอยู่ในหัวใจ เพราะคำว่าปัณวิทย์กำลังจะตาย พลภัทรที่ไม่อยากสูญเสียคนที่รักไปอีกแล้วจำต้องกัดฟันยอมให้คนที่ไม่อยากพบหน้าและเกลียดชังถ่ายเลือดให้กับลูกชายตัวเล็ก


ชั่วเวลาที่เงียบงันอันแสนอึดอัดยาวนานราวกับไร้ที่สิ้นสุด จนกระทั่งภีมเดินออกมาพร้อมกับผ้าก็อตกดห้ามเลือดด้วยใบหน้าซีดเผือดที่เกิดมาจากความตกใจ


“หมอบอกว่าพลกับคุณ...เลือดกรุ๊ปเอใช่มั้ย” ภีมถามผู้หญิงของพลภัทร


“ค่ะ..แต่ปัน...เป็นบี...” หญิงสาวกำมือแน่นคล้ายจะดึงเอาความกล้ามาจากส่วนลึกของหัวใจ


ความผิดที่เกิดมาจากการพลั้งเผลอของคนสองคนที่เข้าใจในความเจ็บปวดของกันและกัน หญิงสาวที่ไม่ได้รับความรักจากสามี...กับเพื่อนสนิทที่ถูกเลิกคบ


เพียงแค่ครั้งเดียว...ที่ผสมอาการเมามายและฟูมฟายจนต้องปลอบประโลมกันและกัน


“มึงจะทำลายชีวิตกูไปถึงไหนไอ้ภีม!!” ไม่ต้องฉลาดมากก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้ พลภัทรเข้ามากระชากคอเสื้อของคนที่เคยเป็นเพื่อนรักเสียเต็มแรง


“พล มึงใจเย็นๆ” ภีมจับที่มือทั้งสองข้างที่ยึดลำคอตนไว้


“กูไม่เข้าใจ...กู..ไม่...” อาการอึกอักเกิดขึ้นเมื่อไม่สามารถปฏิเสธได้เต็มปาก


ความสัมพันธ์ที่เกิดจากความเศร้าและอาการเมา ทำให้เขากับเพ็ญแขที่มาปรึกษาเรื่องเดน่ามีอะไรกัน... หลังจากวันนั้น ทั้งคู่เลือกที่จะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นและใช้ชีวิตของตัวเองไป ภีมรับรู้เรื่องของพลภัทรผ่านทางเพ็ญแขที่โทรศัพท์มา และดีใจที่เพื่อนของเขามีความสุขมากขึ้นเมื่อมีปัณวิทย์


“พล...กูว่าอาจจะมีอะไรเข้าใจผิด”


“จะเข้าใจผิดได้ยังไง มึงเลือดกรุ๊ปเดียวกับปัน กูกับเพ็ญกรุ๊ปเอ จะเข้าใจอะไรผิด!!”


“ฟังกูก่อนไอ้พล! มึงให้หมอตรวจสิ อย่าเพิ่งเป็นแบบนี้....”


“คุณพล..” เพ็ญแขปาดน้ำตาแล้วเดินเข้ามาจับที่แขน “....ฉัน....จะให้หมอตรวจดีเอ็นเอ มันต้องผิดแน่ๆนะคะ ปันต้องเป็นลูกคุณ”


“ให้มันเป็นยังงั้นเถอะ!!!”


//////////////////////////////





แต่คล้ายกับโชคชะตาไม่เข้าข้างพลภัทรซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลูกชายแสนรักของเขาที่ดูแลมาตั้งแต่เกิดอย่างทนุถนอมยิ่งกว่าใครกลับกลายเป็นลูกของภีม


หลังจากวันที่รับรู้ผลการตรวจ พลภัทรกลับกลายไปเป็นคนที่ยิ่งกว่าพลภัทรคนเก่า เขาเย็นชากับเพ็ญแข เกลียดภีม...กระทั่งลูกรักอย่างปัณวิทย์ก็ไม่อาจจะมองหน้าได้


ยิ่งเห็นหน้าปัณวิทย์ ยิ่งนึกถึงใบหน้าของภีม...คนที่เคยทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ...ซ้ำแล้วซ้ำเล่า


“จะลูกมึงก็ช่าง...แต่กูจะเลี้ยงเด็กคนนี้” พลภัทรประกาศกร้าวในวันที่เปิดผลตรวจดู


“กูขอโทษ.......” ภีมไม่คิดจะแย่งปัณวิทย์มา เพราะรู้ดีว่าลูกของตนเองเป็นลูกที่พลภัทรเอ็นดูมาก เพียงแต่ความรู้สึกผิดที่เขาทำเรื่องทำร้ายพลภัทรซ้ำอีกครั้ง ไม่อาจทำให้เขาพูดคำอื่นได้เลย


แค่ครั้งเดียว...ครั้งเดียวจริงๆ


“มึงไม่ต้องมาขอโทษ แต่มึงห้ามมาให้กูเห็นหน้า...ห้ามให้ปันเห็นหน้ามึงหรือว่ารู้ว่ามึงเป็นพ่อเด็ดขาด!”


พลภัทรกล่าวคำสั่งนั้นด้วยน้ำเสียงดุดันและก้าวออกมาจากภีมทันที....


ในวันนั้น เขาไม่นึกว่าตัวเองจะรังเกียจปัณวิทย์ได้ เพราะเด็กน้อยที่ฟูมฟักมาตั้งแต่เป็นทารกเป็นยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจ


แต่เขาคิดผิด ยิ่งนานวัน...เขายิ่งไม่สามารถมองหน้าปัณวิทย์ได้ ใบหน้าที่คล้ายคลึงภีมผู้เป็นพ่อทำให้เขานึกถึงวันที่เป็นยิ่งกว่าฝันร้าย สัมผัสจากมือเล็กๆทำให้นึกถึงมือหยาบคู่นั้นที่ฟอนเฟ้นร่างกาย ลากผ่านบังคับให้เขาทำท่าทางน่าอับอาย น้ำเสียงใสที่ต่างจากภีม...แต่ก็อดให้หวนกระหวัดไปถึงยามที่พ่อของปัณวิทย์ครางยามปลดปล่อยใส่ร่างไม่ได้


...ปัณวิทย์ที่เหมือนภีม...


...ลูก...ที่เหมือนพ่อ....


ความแค้นที่ไม่อาจชำระส่งผ่านไปยังปัณวิทย์ที่เขาเอ็นดูโดยไม่รู้ตัว...


และกว่าจะรู้ตัว...เขาก็เกลียดลูกรักของตัวเองเข้าไปแล้ว


“พ่อ— ฮึก ปันไม่อยากนอนคนเดียว พ่อครับ ฮึก พ่อโกรธปัน... เหรอครับ อึก...” เด็กชายปัณวิทย์ที่เพิ่งถอดเฝือกหายดีไป ยืนร้องไห้อยู่หน้าประตูห้องนอนเล็กของพลภัทร ในทีแรกนั้นพลภัทรคอยดูแลอย่างเป็นห่วง แต่พอเขาค่อยๆดีขึ้น ก็รู้สึกได้ว่าพลภัทรดูจะอยู่ห่างออกไป จนกระทั่งไม่มองหน้า ไม่พูดจาด้วยอีก ด้วยความที่เป็นเด็ก ปัณวิทย์จึงคิดว่าทำอะไรให้พ่อโกรธเข้า เลยตั้งใจจะขอโทษดีๆ


“ปันขอโทษ... ปันขอโทษครับพ่อ... ฮึก พ่อครับ”


คนที่ถูกเรียกว่าพ่อนั่งคู้เข่าอุดหูตัวเองอยู่เบื้องหลังบานประตู เขาเลือกที่จะไม่เผชิญหน้า ไม่พูดคุย ไม่สบตา หลายต่อหลายวันที่เด็กชายตัวน้อยเฝ้ามาเคาะประตูห้องร้องไห้ เขาก็ขังตัวเองอยู่ข้างใน พยายามไม่สนใจ ทำเป็นไม่ได้ยิน จนกระทั่งกลับไปเอง


พลภัทรรู้ว่าเขาเป็นคนขี้ขลาดที่หนีปัญหา...แข็งแกร่งไม่มากพอที่จะรักปัณวิทย์เหมือนในวันวาน


ทั้งๆที่รู้ว่าเด็กไม่มีความผิด แต่เขาก็ป้ายสี...สร้างบาดแผลให้ เพราะไม่อาจจะลงได้ที่ใคร


ทั้งภีม...และเพ็ญแข


ปัณวิทย์ที่ขาดความรักจากพ่อ มีเพียงพิชญ์ที่รับเอาญาณัชมาดูแลคอยชวนมาทานข้าว พูดคุยกันบ้าง ไม่ให้รู้สึกเหงา แต่เพราะไม่ใช่พลภัทร เด็กชายตัวน้อยถึงได้รู้สึกว้าเหว่และมีปมในจิตใจ


แต่แล้ว หลังจากเวลาล่วงผ่านเลยไปราวหกปี มนูญที่อาการไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ ได้จากโลกนี้ไปด้วยวัยเพียง75ปี


พลภัทรที่เฝ้าขอร้องจะรับเดน่ามาอยู่หลังความจริงเรื่องเพ็ญแขและภีมเปิดเผย จึงราวกับนกที่ติดปีกโผบิน หลังงานศพวันสุดท้าย เขาบินไปที่อเมริกาเพื่อจะไปรับหญิงคนรักและลูกชายมาอยู่ด้วยกัน โดยไม่ต้องสนใจใครอีกต่อไป


“คุณคือแด๊ดใช่มั้ย” เด็กหนุ่มผมทองที่มาเปิดประตูรับเอ่ยถามเสียงเบาทันทีที่เห็นหน้า


พลภัทรแทบจะอยากเข้าไปสวมกอด เด็กชายในภาพถ่ายที่เคยดูมาตลอดตั้งแต่แบเบาะกำลังยืนอยู่ตรงหน้า แต่เพราะความรู้สึกที่คล้ายกับมีกำแพงกางกั้น เขาจึงทำเพียงยืนนิ่ง


“ใช่... พ่อมาหาแม่... เดน่าอยู่หรือเปล่า”


“คุณไม่สงสัยเลยหรือไง...ว่าทำไมถึงไม่มีจดหมายไปหาคุณตั้งเป็นปี” เด็กหนุ่มผมทองแค่นยิ้มที่ดูคล้ายจะสมเพช เขาเปิดประตูทิ้งไว้แล้วเดินนำอีกฝ่ายเข้ามาในบ้านที่เย็นเยียบและเงียบงัน


“...” ไม่ใช่ว่าไม่ทันได้คิด แต่พลภัทรก็ต้องยอมรับว่าตัวเขาเองจมจ่อมอยู่กับเรื่องของปัณวิทย์เสียจนลืมแทบสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง


“ตามผมมาสิ ผมจะพาคุณไปหามัม” ชยางกูรหยิบกุญแจรถแล้วเดินนำออกไป รอให้อีกฝ่ายขึ้นมานั่งเขาก็ขับออกไปเงียบๆที่ด้านหลังหมู่บ้าน


ต่อหน้าแท่นหินที่สลักชื่อของเดน่า เด็กหนุ่มหยุดยืนนิ่งก่อนจะเอ่ยเบาๆ


“มัมหลับอยู่ที่นี่ได้ปีกว่าแล้ว....มัมรอคุณตั้งแต่ผมยังไม่เกิด จนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิต” นัยน์ตาสีฟ้ามีน้ำตาคลออยู่ในยามที่เขาพูด


พลภัทรทรุดลงกับพื้นหน้าหลุมศพของเดน่าทันทีพร้อมๆกับน้ำตาที่ค่อยๆไหลออกมา


“ไหนคุณบอกว่าจะรอผม... เดน่า... อึก... ผมขอโทษ...” คนที่ฝากหัวใจไว้ คนที่รัก... แต่เพราะตัวเองอ่อนแอเกินไปจึงไม่สามารถอยู่เคียงข้างกันได้ พอโอกาสมาถึง ก็กลายเป็นสายเกินไปเสียแล้ว


ชยางกูรเม้มริมฝีปาก จ้องมองพ่อที่เห็นแค่เพียงรูปถ่าย พ่อในวันนี้ดูแก่ลงไปจากรูปพอสมควรแต่ก็ยังเป็นชายหนุ่มที่ดูดี เขาไม่โทษแม่ที่เลือกจะรอและอยู่กับความหวังที่คนๆนี้เคยให้ไว้ แม่เลี้ยงดูเขาเพียงลำพังแต่ก็ยังได้รับค่าใช้จ่ายพอที่จะอยู่ได้สบายๆจากคนๆนี้


เพียงแต่...เขาไม่มีทั้งความผูกพัน...และความรัก


“รอสิ...จนถึงวันที่มัมตาย...มัมยังบอกให้ผมรอต่อไป รอจนกว่าคุณจะมารับ...จะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”


พลภัทรยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้า “... พ่อก็ตั้งใจอย่างนั้น... จะมาพาทั้งแม่ทั้งเดฟกลับไป...”


“ผมไม่ไป” อีกฝ่ายพูดออกมาโดยไม่ต้องคิด “ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องอยู่กับคุณ ผมอยู่ได้ที่นี่ ส่วนมัม...ถ้าแค่รูปถ่าย จะเอาก็เอาไป”


“เดฟ... พ่ออยากให้เราคิดดีๆก่อน ยังไม่ต้องรีบตอบก็ได้” พลภัทรเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นไหว หากชยางกูรไม่ยอม... จะทำอย่างไร


“ผมคิดมานานพอแล้ว คุณรู้มั้ย..ตอนเด็กๆผมนั่งรอคุณเท่าไหร่คุณก็ไม่มา พอตอนนี้ที่ผมอยู่คนเดียวได้ จะมีประโยชน์อะไรที่จะอยู่กับคุณ กลับไปเถอะ....คุณพลภัทร”


ถ้อยคำปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยของลูกชายที่รักมาตลอดทำเอาพลภัทรแทบล้มทรุดลงไปอีกครา ศักดิ์ศรีที่ค้ำคอทำให้เขาเอ่ยตอบได้เพียงว่า เขาจะติดต่อมาอีกครั้ง


พลภัทรกลับมาถึงบ้านตัวเองเมื่อไหร่ก็แทบไม่รู้สึกตัว ผู้หญิงคนเดียวที่เขารักและอยากจะดูแล อยู่เคียงข้างกันไปจนแก่เฒ่าได้จากเขาไปแล้ว ลูกชายคนแรกของเขาที่รักและอยากอุ้มชูกลับไม่ต้องการจะอยู่ด้วยอย่างที่หวังไว้


...ไม่มีอะไรเป็นอย่างใจต้องการ


“... พ่อ... กลับมาแล้วเหรอครับ” ปัณวิทย์ที่โตขึ้นจนเข้าเรียนมัธยมศึกษาแล้วเดินเข้ามาทักเมื่อเห็นเขาลงจากรถ


“เมื่อวานครูคืนผลสอบ... ปันได้ที่หนึ่งครับพ่อ...” เพราะคิดว่าอาจจะเป็นเพราะตัวเองเผลอทำอะไรผิดเข้า ปัณวิทย์ถึงตั้งใจเรียน ไม่เคยให้ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย คะแนนสอบของเขาจึงอยู่ในอันดับหนึ่งของระดับชั้นเสมอ


“ไม่ต้องเรียกฉันว่าพ่อ” พลภัทรปัดสมุดพกลงกับพื้น แววตากร้าวมองผลผลิตของภรรยาปัจจุบันกับชายชู้...ที่น่าขยะแขยง


“แกไม่ใช่ลูกฉัน ต่อไปนี้ห้ามเรียกฉันว่าพ่ออีก...”


ความเสียใจที่ถูกปฏิเสธจากลูกชายที่ไม่เคยอุ้มชูและการตายของหญิงที่รักทำให้เชือกที่ขึงตึงเริ่มขาดออก และทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่ความผิดของปัณวิทย์ แต่เขาก็ทำร้ายจิตใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า


เจ็บปวด...จนอยากให้คนอื่นได้รู้สึกบ้าง


“แต่ว่าปัน... ปันมีแค่พ่อ...นะครับ”


“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ใช่พ่อ!”


“...... แล้ว... แล้วปัน... ฮึก ต้องเรียก... ว่าอะไรครับ”


“เรื่องของแก!” พูดจบก็เดินออกมา ปล่อยให้เสียงร้องไห้ของเด็กชายที่เคยรักทิ้งไว้เบื้องหลัง


ไม่อยากจะรับรู้อะไรอีก....


โลกอันมืดมน....





/////////////////////////////////////////





“พวกแก... เราต้องทำไงวะ... ฮึก พ่อ... เกลียดเรา เกลียดมาก...” ปัณวิทย์ในวัยเด็กนั้นหันไปหาใครไม่ได้ จึงกลายเป็นการร้องไห้ระบายกับเพื่อนสนิททั้งคู่แทน


“ไปทำอะไรมาอ่ะ” อาธิปถกกางเกงขาสั้นแล้วนั่งยองๆมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเพื่อน มือขาวๆเอื้อมมาเช็ดให้โดยที่ศิวะนั่งโอบไหล่ปัณวิทย์


“ทำไรให้พ่อโกรธป่าว”


“ไม่ได้ทำ ก็ตั้งใจเรียน ฮึก ตลอดอะ” น้ำตายังคงไม่ยอมหยุดไหลออกมา ทั้งมือเพื่อนมือตัวเองช่วยกันป้ายออกแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย


“พ่อแค่หงุดหงิดมั้ง ผู้ใหญ่ก็เงี้ย งานเยอะ ชอบหงุดหงิด เดี๋ยวก็หาย” เป็นศิวะที่พูด เพราะที่บ้านตัวเองก็ไม่ต่าง เพียงแต่ไม่ได้ทะเลาะกันอย่างบ้านปัณวิทย์


“พ่อบอกว่าเราไม่ใช่ลูกพ่อ... ฮึก แต่พ่อก็เลี้ยงเรานะ เราก็รักพ่อนะ”


“อยากรู้ก็ถามดิปัน” อาธิปพูดอย่างมั่นใจตามประสาเด็กน้อยที่ได้รับความรักความเอ็นดูจากครอบครัว “ถ้าไม่ใช่ลูกพ่อจะลูกใครวะ พ่ออำเล่นป่าว บางทีอาจจะมีเซอร์ไพรส์นะ”


“แต่มัน หลายปีแล้วนะ พ่อไม่คุยกับเรา ไม่สนใจเรา แต่วันนี้เพิ่งพูดแรงๆใส่ ฮึก เราก็ตั้งใจเรียนแล้ว เป็นเด็กดีแล้ว” ปัณวิทย์ยังไม่ยอมหยุดร้องไห้ง่ายๆ เด็กที่เคยถูกประคบประหงมและได้รับความรักมากมายกลับกลายเป็นตรงข้าม


...ไม่มีความรัก


ศิวะโอบไหล่ของเพื่อนตัวเล็กเอาไว้โดยไม่พูดอะไร อาธิปที่นั่งอยู่ค่อยๆยืดตัวขึ้นมากอดรวบ บ่นงึมงำกับเส้นผมของปัณวิทย์


“ปันเป็นเด็กดี พ่อไม่โกรธปันนานหรอก เชื่อเรานะ”


แต่แม้ว่าเพื่อนจะให้กำลังใจเท่าไร ความจริงก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง พลภัทรยังเป็นคนเจ้าอารมณ์คนเดิมที่เพิ่มขึ้นในทุกวัน เพ็ญแขที่เป็นภรรยาก็ตีตัวออกห่าง ห้องนอนที่แยกกันอยู่มานานถูกย้ายขึ้นไปในชั้นบน พลภัทรสั่งให้ย้ายของปัณวิทย์ไปไว้ที่ชั้นแปดซึ่งเป็นชั้นเดียวกับญาณัช


“แกย้ายขึ้นไปนอนชั้นบนได้แล้ว โตแล้วต้องดูแลตัวเอง”


“... ครับ คุณพลภัทร” สรรพนามแทนคำว่าพ่อที่ไม่อาจเรียกได้อีกต่อไปทำให้เด็กชายปัณวิทย์ได้แต่กล้ำกลืนไว้โดยไม่เข้าใจ


“อย่ามองฉันด้วยสายตาอย่างนี้” เสียงทุ้มห้วนขึ้น นัยน์ตาที่เหมือนภีมมองตัดพ้อเขา ทำให้รู้สึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายในอดีต “ทางที่ดีก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้า เข้าใจมั้ย”


ปัณวิทย์ก้มหน้าลงก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเบา “เข้าใจครับ... คุณพลภัทร”


...ไม่โกรธนานเหรอ


พ่อไล่เราขึ้นไปชั้นอื่นแบบนี้


...เนี่ยเหรอไม่โกรธนาน
















To be continued...






dog

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้อออออออออ
อ่านแล้วรู้สึกมืดมนงะ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
น้ำตาไหล  สงสารปันจัง  ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาเลย

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
โอ๊ย อ่านแล้วบีบใจ
และหมั่นไส้เมียเป็นกำลัง

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
สงสารพลภัทรเหมือนกันนะ  แต่มันไม่ใช่ข้ออ้างที่จะทำร้ายปันแบบนั้นได้อ่ะ 
อย่าเอาความผิดของผู้ใหญ่มาโยนให้เด็กแบบนี้ 
ภีมกับปัน  มันคนละคน คนละเรื่องกันเลย 

อดีตควรเอาไว้เป็นบทเรียน  ไม่ใช่เอามาอ้าง เพื่อให้การกระทำของตัวเองดูดีขึ้น

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

ออฟไลน์ anuruk97

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-4
เด็กมันเกี่ยวอะไรด้วย ทำไมถึงมาลงที่เด็ก คำถามสั้นๆๆ  มีความสุขไหม้กับการเอาความแค้นมาลงที่เด็ก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ EunJin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
เศร้าใจมาก..... ทุกคนล้วนเจ็บปวดจริงๆๆเรื่องนี้ ฮือออออ

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
ไม่รู้ว่าจะโทษว่าเป็นความผิดของใคร.....
แต่ที่แน่ ๆ ไม่ใช่ทั้งของปันปัน...พี่เดฟ.....หรือญานัช.....
แม้กระทั่งอาพีทก็ไม่ผิด....ผิดที่ต้นตระกูลหรือ?......ผิดที่ผู้ใหญ่ที่ไม่ยอมรับตัวตนของคนในครอบครัว........เฮ้อ......เศร้า...

Golem237

  • บุคคลทั่วไป
พูดไม่ออก.... ไม่รู้จะด่าใคร.... เพราะว่ามันไม่มีใครที่ทำความผิดแบบตั้งใจจริงจัง แล้วก็แทบจะไม่มีใครที่ทำผิดซ้ำด้วยเจตนาร้ายด้วย... เพ็ญแข คุณมนูญ อาพีท..... ทุกคนกรีดความดีของพลภัทรทิ้งไปเรื่อยๆด้วยแนวทางการดำเนินชีวิตของตนเอง ความเห็นแก่ตัวของตัวเอง มันทีละเล็กละน้อย แต่ไม่มีใครรู้ว่ารูโหว่ในใจของพลภัทรมันขยายออกไปเรื่อยๆ

เหมือนที่คนเขียนกล่าวไว้เลยค่ะ พลภัทรน่าสงสารมาก เค้าถูกสีดำซัดใส่จากทุกคน และมันไม่ใช่สีดำที่ตั้งใจสาดลงมาใส่ แต่เหมือนเหตุบังเอิญที่ทำให้เขาต้องมารับสีดำในครั้งนั้นต่างหาก เริ่มจากการบีบจิตใจให้ทิ้งคนรัก... การต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก..... น้องไม่ยอมฟัง.... เป็นผู้ชายแต่ถูกข่มขืน.... พอสามารถที่จะรักเด็กได้ ก็ปรากฏว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่เลือดเนื้อของตัวเอง.... นี่มันมากเกินคนจะรับได้แล้วนะ ....แต่ก็เพราะอย่างนี้แหละ เลยทำให้พลภัทรต้องเกลียดปัณวิทย์

อธิบายเพิ่มเติมในด้านจิตวิทยาและมนุษยวิทยา ความจริงหลังจากเหตุการณ์สุดท้าย ตามธรรมดาพลภัทรสมควรต้องเกลียดเพ็ญแขกับภีม (เดี๋ยวจะอธิบายต่อค่ะ) แต่เนื่องจากเค้าทำจนสุดไม่ได้ เพราะการกระทำของสองคนนั้นมันเหมือน ill luck 1 ใน 100000 เขาสองคนไม่ได้สมคบคิดกันมีชู้เบื้องหลังพลภัทร แต่มันดันบังเอิญเผลอไผลแล้วเกิดเป็นปัญหาขึ้นมาต่างหาก เพราะฉะนั้น กระบวนการทางจิตใจมีสองทางเลือก หนึ่ง ปฏิเสธทุกอย่างในโลกความจริงแล้วรับเฉพาะสิ่งที่ตัวเองอยากจะรับรู้ อาการอย่างนี้คนไทยเรียกบ้าหรือฟั่นเฟือน กับสอง หาอะไรก็ได้ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขานึกถึงอดีต จากนั้นโยนความเกลียดทุกอย่างใส่

เขาโยนใส่พ่อไม่ได้...

เขาโยนใส่น้องไม่ได้...

เขาโยนใส่ภีมและเพ็ญแขไม่ได้จากเหตุผลข้างต้น...

...เพราะฉะนั้นมันเหมือนระเบิดเวลาที่ถูกดึงสลัก แล้วปัณวิทย์ดันเป็นคนเดียวที่จิตใจของพลภัทรเลือกเป็นเป้าโยนด้วยความแค้นใจ

...มันเริ่มจากความแค้นใจ จากนั้นจึงตามมาด้วยความเกลียดทั้งมวลที่พลภัทรแบกรับเอาไว้

ส่วนภีม คุณเป็นตัวละครที่เห็นแก่ตัว...มาก ความผิดคุณมันไม่ได้ถึงขั้นทำให้ไลท์โกรธ เพราะเรารู้ว่าคุณทำมันลงไปเพราะอารมณ์หรือความเผลอไผล ไม่ใช่ความตั้งใจ การกระทำจากความเผลอทั้งสองครั้งของคุณมันทำลายคนๆนึง อาจจะเล็กน้อย แต่มันเหมือนการปาก้อนหินในปราสาทที่จวนเจียนจะพังเต็มที และนอกจากนี้ คุณบอกว่าคุณเป็นห่วงเขาก็จริง แต่คุณก็ไม่ได้มุ่งมั่น ดื้อรั้น หรือพยายามที่จะทำให้เขาดีขึ้นสักนิด แม้ในฐานะเพื่อนก็เถอะ คุณยังอยากรักษาความรู้สึกของตัวเองมากกว่าความอยากชดใช้บาปของตัวคุณต่อพลภัทร และนั่น คือสิ่งที่ทำให้ไลท์บอกว่าคุณเป็นคนเห็นแก่ตัว

มนูญ เพ็ญแข กระทั่งอาพีท ทุกคนเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น และเพราะอย่างนั้น มันเลยทำให้คนที่จิตใจดีที่สุดในตอนเริ่มแรกอย่างพลภัทรกลายเป็นคนที่ทุกข์ที่สุด ในตอนพลภัทร ไลท์ว่าเดน่ากับปัณวิทย์นี่แหละ ที่เป็นคนที่คิดถึงใจพลภัทรมากที่สุด เดน่าในแง่ความรัก และปัณวิทย์ในแง่ของการเคารพเทิดทูน รักอย่างบริสุทธิ์ใจไม่ว่าพ่อจะเป็นอย่างไร

แต่ถึงอย่างนั้น พลภัทรก็พยายามปฏิเสธอดีตของตัวเอง สังเกตได้จากการที่สั่งล็อกตัวน้องชายเอาไว้ในโรงพยาบาล สาเหตุมันมาจากความแค้นใจและความโกรธที่ทำให้ชีวิตเขาเละเทะ พอโยนความเกลียดใส่ปัณวิทย์แล้ว เขาก็เริ่มที่จะทำให้คนที่เคยกรีดแผลในใจเขาทุกข์ เย็นชากับเพ็ญแข ขัดขวางความรักของน้องชาย อันนี้ตอนแรกไลท์ก็แปลกใจว่าทำไม พอมาอ่านตอนหลังแล้วก็.... อืมม์ ถ้าเราเป็นคนที่วิเคราะห์การกระทำ การกระทำของเขาก็สมเหตุสมผลล่ะ ถึงแม้ว่ามันจะชั่วร้ายก็ตามทีเถอะ (และการกระทำที่ชั่วร้าย ก็แสดงให้เห็นแล้วว่านำพาซึ่งความเจ็บปวดในใจของพลภัทรไม่มีที่สิ้นสุด)

ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
น้ำตาไหลสุดๆ  :sad4:

ออฟไลน์ RUMINA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
สงสารคุณพ่อTOT นายน่าสงสารไปแล้วพลภัทร//น้ำตาไหล

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
อ่านแล้วรู้สึกสงสารคุณพลมากเลยอ่ะ โดนทำร้ายทุกอย่างเลย

ไม่ชอบภีมดูเห็นแก่ตัวเนอะ แล้วทำอะไรไม่คิดว่าผลที่ตามมามันจะเป็นยังไงอ่ะ

สงสารปันกะเดฟ ต้องคอยรับผลกรรม

ออฟไลน์ primmi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
ตอนนี้เกลียดภีมสุด เพราะดูเป็นคนเดียวที่ไม่ต้องเดือดร้อน หรือได้รับผลของการกระทำเลย

อย่างเพ็ญแขยังน่าสงสารนะ นึกภาพผู้หญิงที่ต้องแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก
แถมเขาก็ไม่ได้รักเราค่อนไปทางเกลียด เย็นชาด้วยซ้ำ คงไม่ได่มีความสุขมากนักหรอก
การเผลอใจเผลอตัวกับตนอื่นไปบ้างเลยไม่น่าแปลกใจเท่าไรสำหรับเราและพอเข้าใจได้

แต่ภีมเริ่มแรกที่โกรธคือเพราะถูกขัดขวางการจีบ!!? แค่จีบ ยังไม่ได้เป็นแฟน เขายังไม่รักตัวเองด้วยซ้ำ เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุมากๆ ไม่น่าให้อภัย
ต่อมาเมามาแล้วไปมีอะไรกับเมียเพื่อนนี้ก็แย่ ถ้าเมามากจริงทำไม่ได้หรอก แสดงว่ายังพอมีสติแต่ด้วยอารมณ์อ่อนไหวเลยทำ ซึ่งก็แย่อีก
ส่วนเรื่องลูก ภีมเองก็อยากเอาไปเลี้ยงอยู่แล้ว การที่พลเอาไปเลี้ยงก็เลยสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อน
เรื่องเดียวที่เสียคือเสียเพื่อนอย่างพลไป แค่นั้น!! จริงๆสมควรชดใช้ให้พลมากกว่านี้ด้วยซ้ำ

ตอนนี้พอเข้าใจตัวละครทุกตัวในเรื่องแหละ ทุกคนมีเหตุผลมีปมที่ทำให้กลายเป็นแบบนี้
ยกเว้นภีมที่ทำชั่วโดยอ้างโกรธ อ้างเมาไปเรื่อย เกลียดมากกกก

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-16

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
อ่านแล้วรู้สึกเกลียดภีมมาก สงสารคุณพลภัทรมากถึงขั้นเปลี่ยนตัวเองไปเลยจากคนดีๆกลายเป็นคนเย็นชา

ขออย่าให้คุณพลภัทรเป็นอะไรไปเลยนะ ขอให้ภีมได้ชดใช้อะไรให้ด้วย

ออฟไลน์ Baitaew

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
พอรู้เรื่องคุณพลภัทรแล้วก็อึ้งเลยค่ะ มันคงเป็นอะไรที่ทรมาน

แต่การที่จะเอาความเจ็บปวดมาทำร้ายคนอื่นมันก็คงไม่ใช่อยู่ดี



ปล.อยากอ่านคู่ศิวะกับอาธิปอ่ะ ชอบคู่นี้ >.<

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
kagehana : ในที่สุด พาร์ทของคุณพ่อที่ดำเนินมาอย่างยาวนานก็จบลงแล้วค่ะ พร้อมกันนี้ตัวละครเก่าก็รีเทิร์นกลับมาอีกรอบ อิอิ

ขอโทษที่หายไปนานนะคะ หมีเพิ่งย้ายบ้าน เล่นเอาเหงื่อตกอุ้ง แถมยังเจองานด่วนเข้าแทรก แก้แล้วแก้อีกไม่รู้จบอีก เป็นปลายปีที่วุ่นวายจริงๆ....

อัพเดทเรื่องนิยาย ตอนนี้กำลังเขียนตอนพิเศษซายน์อัสซี่ที่จะใส่เข้าไปในรวมเล่มค่ะ ถึงคนอ่านจะไม่เยอะแต่หมีกับดอกไม้ถือคติว่า ถ้าเขียนจบต้องรวมเล่ม เอาแค่สองชุดให้คนเขียนสองคนก็ได้ 555 (เป็นอย่างงี้มาตั้งแต่เขียนฟิคปุริแล้ว นิสัยแก้ยาก)

หายไปนาน ทอล์คยาวไปนิด ยังไงก็ขอให้อ่านให้สนุกนะคะ







-42-






“อะไรนะ!” เสียงโทรศัพท์ในยามดึกปลุกพลภัทร เจ้าของเสียงเป็นตำรวจซึ่งโทรจากโรงพยาบาล แจ้งข่าวอุบัติเหตุของพิชญ์ที่กำลังจะไปดูการแสดงเปียโนของหลานชายคนเดียวที่มี


พลภัทรเร่งไปที่โรงพยาบาลโดยไม่ได้บอกใคร สภาพน้องชายที่เห็นราวกับกระชากหัวใจผู้เป็นพี่ พิชญ์นอนไม่ได้สติอยู่ในห้องฉุกเฉิน ทั้งแขนและขาหักพับ ลำตัวเต็มไปด้วยเลือด เขาอนุมัติให้หมอผ่าตัดทันทีโดยไม่ลังเลใดๆ


ร่างกายของพีทแทบจะไม่มีส่วนไหนเลยที่เรียกว่าเป็นปกติ ชายหนุ่มนั่งมองร่างบอบบางที่ใส่เฝือกทั่วตัวราวกับดักแด้หนอนไหมในห้องคนไข้


พิชญ์...น้องชายคนเดียว


พิชญ์...ที่เข้มแข็ง กล้าจะเดินออกจากกรอบครอบครัว กล้าจะทิ้งภาระให้กลายเป็นของเขาคนเดียว


อิจฉา อิจฉาเหลือเกิน ทำไมถึงมีแต่นายที่ได้รับทุกสิ่งทุกอย่าง ทำไมถึงไม่ใช่พี่ที่จะมีความสุข ทำไมพี่ถึงต้องเจอแต่เรื่องเลวร้าย ผิดหวัง โดนบีบบังคับ


ทำไม...ไม่เป็นนาย


น้ำตาเม็ดใสหยดลงบนเครื่องช่วยหายใจ มือที่สั่นเทาเอื้อมไปจับเบาๆ พลภัทรมองหน้าน้องชายอีกครั้งด้วยดวงตาฉ่ำน้ำ


...ลาก่อน....


...ลาก่อน พีท....






/////////////////////////////////////////////////





“พีทประสบอุบัติเหตุ....เสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาล” พลภัทรพูดขึ้นด้วยใบหน้าอิดโรยและอ่อนล้า ดวงตาแดงก่ำคล้ายจะมีน้ำคลอในยามที่เขาพูดออกมา


แต่เจ้าตัวรู้ดี...ว่าลึกลงไปแล้ว เขารู้สึกมากกว่าเสียใจ


...พีทคนเก่ง พีทคนดี พีทที่ทำให้ชีวิตเขาป่นปี้....


...ไม่มีพีทคนนั้นอีกแล้ว...


“ลุงให้เขาเอาศพไปไว้วัด...รถมันอัดก็อปปี้ด้านหน้า...เละ..ทั้งคนทั้งรถ” เขาหันไปพูดกับเด็กหนุ่มลูกของแพรพรรณที่ทำหน้าราวกับถูกผีหลอก


เอาสิ...เจ็บปวดเข้าไป ร้องไห้ เสียใจ....


...ให้เหมือนที่ฉันเป็นมาตลอดชีวิต...


เจ็บให้เท่าฉันเจ็บ เจ็บให้มากกว่า เจ็บให้ซึมเข้าไปถึงกระดูก


เผาผลาญ มอดไหม้ เหลือแต่เถ้าถ่าน


ไม่เหลืออะไรเลย.....






///////////////////////////////////////////////////






ปัณวิทย์ที่่นั่งอยู่ข้างเตียงของพลภัทรยังไม่ได้ขยับลุกไปไหน เขาเฝ้ารอให้อีกฝ่ายลืมตาขึ้นมาก่อนถึงจะวางใจได้ ในเมื่อไม่มีคนสนใจ ปัณวิทย์จึงได้ขอร้องให้คนรักช่วยติดต่อหมอให้ ก่อนจะช่วยกันประคองมานอนที่เตียงในห้องนอนเล็ก


พอเห็นว่าเปลือกตาของพลภัทรค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ เด็กหนุ่มก็เอ่ยเรียกเบาๆด้วยความดีใจ


“... พ่อครับ”


“ปัน.......” พลภัทรลืมตาขึ้นช้าๆ ความฝันในวันวานที่ตามมาหลอกหลอนทำให้ชายวัยกลางคนมองหน้าลูกชายที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันด้วยดวงตาอ่อนโยน


แค่ฝันร้าย...ฝัน..ที่เกิดขึ้นจากความจริงอันโหดร้าย


“...พีท...ยังไม่ตาย...” พลภัทรพูดเบาๆ


สองปีที่เขาทำให้พิชญ์ตายไปจากในสังคม เขาเอาน้องชายที่เหลือเพียงคนเดียวไปไว้ในโรงพยาบาลโรคประสาท เขาหลอกทุกคน หลอกตัวเอง แล้วใช้ชีวิตอยู่กับความลับที่คอยทิ่มแทงตนเอง


“พ่อทำผิด...ทำผิดมากไป..ใช่มั้ยปัน”


“..... พ่อคงมีเหตุผลของพ่อ... ใช่มั้ยครับ” เขายังอยากจะเชื่อ เพราะอย่างน้อยในความทรงจำของตัวเอง ปัณวิทย์ยังคงจำได้ว่าพ่อที่รักตนมากนั้น ใจดีแล้วก็อบอุ่นขนาดไหน


...คนที่เคยเป็นแบบนั้น กลายมาเป็นคนใจร้ายขนาดนี้ได้ยังไง


“เหตุผล...ก็แค่คนแก่...ขี้อิจฉา...” พลภัทรแค่นยิ้มก่อนจะปิดตาลงเบาๆ “ปัน...พ่อเป็นอะไรไป”


“พ่อแค่สลบไปครับ... ปันให้พี่เดฟเรียกหมอมาดูแล้ว บอกว่าแค่ความดันนิดหน่อย...” ปัณวิทย์เอื้อมมือมาจับมือเขาเอาไว้


“... แล้วก็” เด็กหนุ่มบีบมือข้างนั้นแรงขึ้นก่อนจะเอ่ยต่อเสียงเบา “คุณเพ็ญแข... จะ...”


“คุณเพ็ญแขวางใบหย่าอยู่บนโต๊ะ คุณเซ็นเสร็จเดี๋ยวเขาไปจัดการต่อเอง” เป็นชยางกูรที่ยืนมองอยู่นานพูดขึ้น เขาเดินมาใกล้แล้วมองพ่อบังเกิดเกล้าด้วยสายตาเฉยชา


“สมใจหรือยัง...กระทั่งผู้หญิงที่รักคุณมาทั้งชีวิตยังทนอยู่ด้วยไม่ได้”


“พี่เดฟ... ไม่เอา อย่าเพิ่ง...” เขาหันไปเอ่ยปรามเสียงอ่อน— ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าพลภัทรไม่ได้ทำถูก สิ่งที่ทำลงไปมันเลวร้าย แต่เขาก็ไม่อาจทำใจเกลียดได้


...ต่างกับชยางกูรที่ไม่เคยผูกพัน


“เดฟ แกเกลียดฉันใช่มั้ย...เกลียดที่ฉันไม่ไปอยู่กับเดน่า...จนเขาตาย...” คนที่นอนอยู่ถามทีละประโยคอย่างยากเย็น


“เปล่าเลย” นัยน์ตาสีฟ้ามองพลภัทรด้วยแววตาว่างเปล่า “ผมไม่มีความรู้สึกอะไรกับคุณทั้งนั้น จะรักหรือเกลียดก็ไม่ คนที่ไม่เคยผูกพันใกล้ชิดกัน...จะไปรักหรือเกลียดได้ยังไง”


“ฮะฮะ นั่นสินะ” ชายวัยกลางคนหลับตาลงช้าๆ น้ำตาสีใสไหลตามรอยเหี่ยวย่นที่หางตา


ถ้าชยางกูรบอกเกลียด เขาอาจจะเจ็บไม่เท่าที่เป็น แต่เพราะอีกฝ่ายไม่มีความรู้สึกอะไรให้ เขาถึงเจ็บ...มากขนาดนี้


“พ่อ... จะทำยังไงต่อ... ครับ... จะเซ็น... หรือเปล่า”


“อืม...ถึงเวลาแล้ว เลิกโกหกกันเสียที” น้ำเสียงอ่อนล้าพูดแผ่วเบา


“... พ่อ... จะไม่ยุ่งกับอาพีทแล้ว... ใช่มั้ยครับ” ปัณวิทย์เอ่ยถามต่อ เพื่อให้แน่ใจว่าพลภัทรจะไม่เข้าไปวุ่นวายกับชีวิตของพิชญ์อีก


“ถึงตอนนี้...คงทำอะไรไม่ได้แล้ว” พลภัทรตอบเรียบๆ


“แล้วพ่อ... จะทำกับปัน เหมือนอาพีทหรือเปล่าครับ” เพราะคิดว่าตอนนี้กำลังสบโอกาสดีที่จะพูดออกมา พลภัทรกำลังดูอ่อนลง เด็กหนุ่มถึงได้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา


คำตอบของพลภัทรคือความเงียบ...เพราะพีทไม่ใช่ลูกที่รักอย่างปัณวิทย์ และไม่ใช่ลูกในสายเลือดอย่างชยางกูร


“พ่อไม่ทำ...ทำไม่ได้....แต่เรื่องจะให้ยอมรับ....” นัยน์ตาสีเข้มเหลือบมองชยางกูรที่ยืนอยู่ห่างออกไป


“ทำไมปันต้องเป็นเกย์ด้วย....”


พอเจอคำถามแบบนี้ ปัณวิทย์ก็จนคำพูด ไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลอันไหนมาอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง “ปัน... ไม่รู้... ครับพ่อ....”


“ผมกับปันรักกันมันผิดตรงไหน” ชยางกูรโพล่งออกมาอีกครั้ง “คุณเกลียดเกย์ก็เป็นเรื่องของคุณ คุณทำกับอาพีทขนาดนั้น...ถึงจะดูเลวไปหน่อยแต่ผมทำเป็นมองไม่เห็นได้ แต่ถ้าคุณคิดจะทำร้ายจิตใจปัน...ผมไม่ยอม!”


“พี่เดฟ...” เด็กหนุ่มคว้าข้อมือของคนรักเอาไว้เป็นการดึงให้ลดเสียงลง เขาหันมามองหน้าของพลภัทรคล้ายกับจะรอฟังว่าอีกฝ่ายมีคำพูดแบบไหนให้เขาอยู่


“ฉันไม่คิดจะทำร้ายปันอีกแล้ว แต่ฉันไม่ให้ลูกของฉัน...เป็นพวกผิดเพศ” พลภัทรยืนยันคำว่าลูกของฉันด้วยการมองไปที่ปัณวิทย์


“งั้นผมกับปันจะไปอยู่อเมริกา คุณจะได้ไม่ต้องทนเห็นพวกเรา”


“... ไม่ได้เหรอครับ... พ่อ... ปัน... กับพี่เดฟ...” ดวงตาที่เคยเชิดรั้นอย่างเด็กดื้อกลับดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด


“ช่างเขาเถอะปัน ผมรู้ว่าคุณอยู่คนเดียวได้...โดยไม่ต้องมีใคร คุณอยู่อย่างนี้มาทั้งชีวิตแล้วไม่ใช่เหรอ คนที่รักคุณอย่างจริงใจ...คุณก็ทำร้าย เชิญอยู่กับไอ้บ้านบ้าๆที่อุปโลกค์ว่ามีความสุขไปคนเดียวเถอะ” ชยางกูรรั้งตัวปัณวิทย์ไว้ในอ้อมกอด...แน่น...นาน


เพราะเขารู้ดีว่าถ้าปล่อยไป...จะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว


“พ่อครับ...” ปัณวิทย์มองอย่างอ้อนวอน


“ปันจะไปเหรอลูก...” พลภัทรตอบด้วยคำถาม..และแววตาว่างเปล่า


“ปันก็จะทิ้งพ่อไป เหมือนทุกคนใช่มั้ย...”


ปัณวิทย์นิ่งไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าพลภัทรจะถามคำถามแบบนี้— พ่อที่รักมากกำลังต้องการเขา


...คนที่ไม่ได้มีสายเลือดเกี่ยวพัน แต่ก็รักมากยิ่งกว่าใคร


“... ปัน... ปันจะ... อยู่กับพ่อครับ” เขาสบมองดวงตาที่ไร้ประกายของชายสูงวัยก่อนจะเงยขึ้นมองคนที่โอบกอดเขาเอาไว้


“แล้วพี่ล่ะ.....”


“... อยู่ด้วยกันแบบนี้ก่อน... ไม่ได้เหรอ”


“พี่จะไปอเมริกา” ชยางกูรตอบอย่างมั่นคง จะบอกว่าเขาใจร้ายก็ยอม แต่สิ่งที่พลภัทรทำ...ทำให้เขาไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมอีกต่อไปแล้ว


“ถ้าปันไม่ไป....พี่จะไปคนเดียว”


“เดี๋ยวปันมานะครับพ่อ” ปัณวิทย์ลุกขึ้นแล้วดึงให้ชยางกูรตามออกมาด้วยกัน เด็กหนุ่มพาร่างสูงออกมาจากห้องนอนเล็กแล้วจึงค่อยมองหน้าของคนรักอีกครั้ง


“ขอเวลาปัน... ไม่ได้เหรอ พ่อ... ต้องการปัน แล้ว... แล้วเราค่อยไปอเมริกาด้วยกัน”


“ถีงพี่จะรอเท่าไหร่ ปันก็มีเหตุผลที่ไม่ไปกับพี่...พี่รู้”


“... จริงๆ... ปันจะไปด้วย แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้... จะไปด้วยจริงๆนะ” น้ำเสียงอ่อนแรงลงกว่าปกติเพราะอีกฝ่ายดูท่าทางไม่อ่อนให้เลยแม้แต่น้อย


“เมื่อไหร่! รอให้พ่อหายดี รอให้ยอมรับพวกเรา หรือรอให้เขาตาย” ชยางกูรแค่นเสียง “อย่างหลังคงง่ายสุดมั้ง”


“พี่เดฟทำไมต้องพูดแบบนั้น! ปันไม่คิดว่าพ่อจะยอมรับหรอก แต่ปันอยากอยู่กับพ่อ พ่อปันนะ!!”


“เขาไม่ใช่พ่อปันสักหน่อย” ความจริงที่ทำให้ประกายในตาคนรักหม่นลงหลุดออกมา ชยางกูรอ้าปากจะพูดขอโทษ...แต่ก็เงียบลง เพราะขอโทษไปก็ไม่ดีขึ้น


ความจริงก็คือความจริง....


“พี่จะไปอเมริกาสิ้นเดือนนี้ จะซื้อตั๋วเผื่อปันไว้....จะไปไม่ไปก็เรื่องของปัน”






///////////////////////////////////////





“หิวหรือยัง... เดฟ” เสียงเรียกคนที่นอนอยู่กับโซฟาดังมาจากในครัว


“ยังเลยพี่เอส” ชยางกูรปิดหนังสือในมือแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไป


หลังจากที่เขามาอเมริกาคนเดียว...ฉากลองใจที่เซ็ตขึ้นถูกทิ้งให้พังอย่างไม่เป็นท่า ปัณวิทย์ไม่ทำอะไรมากไปกว่าบอกให้เขาไปคนเดียวและดูแลพ่อของตัวเอง


ชยางกูรกลับมาอเมริกาด้วยสภาพคล้ายนกปีกหัก แม้จะไม่ได้อาละวาดกินเหล้าเที่ยวเสเพลอย่างตอนที่เลิกกับอิสรา แต่ในหัวใจบอกเขาว่าการที่ปัณวิทย์ไม่เลือกตนเองเจ็บยิ่งกว่าอกหักครั้งแรกมากมายนัก ในระยะแรกเขาเช่าห้องอยู่ใกล้ๆออฟฟิศที่ทำงาน แต่เพราะโทรศัพท์เดียวของอิสรา....ทำให้เขาเริ่มต้นใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอีกครั้ง


“ผมขอนมกับซีเรียลก็พอ”


“กินอะไรให้เต็มที่หน่อยดีกว่ามั้ย” อิสรายิ้มให้พลางรวบผมขึ้นสูง “แพนเค้กก็ยังดี”


เจคอบที่คบกันเหมือนจะดีในทีแรก กลับเป็นคนอารมณ์ร้อน ขี้โมโหและชอบทำร้ายร่างกาย จนสุดท้ายเมื่อเขาทนไม่ไหวจึงบอกเลิกไป กลับกลายเป็นอีกฝ่ายไม่ยอมเลิกด้วย ตามรังควานถึงที่ทำงานและห้องของเขา จนอิสราตัดสินใจติดต่อไปหาชยางกูร


“พี่เอสล่ะ...ผอมไปนะ” ชยางกูรแตะที่แก้มซีดขาวของอิสรา ในวันแรกที่มาถึงห้องนี้...แก้มข้างเดียวกันมีแต่รอยช้ำสีม่วง อิสราที่เข้มแข็งกอดเขาร้องไห้ถ่ายทอดเรื่องราวความรักที่ผิดพลาดของคนรักเก่าให้ฟัง และแม้ว่าอิสราจะไม่ได้ขอให้มาอยู่ด้วย แต่ชยางกูรก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอมาอยู่เอง


“มันยังโทรมาอีกหรือเปล่า”


“ก็... มีบ้าง... ฝากข้อความไว้...” คนอายุมากกว่าได้แต่ยิ้มจางๆให้


“เข้มแข็งนะ” ปลายนิ้วสากไล้ผิวแก้มเบาๆอีกครั้งแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบนมกล่องมารินใส่แก้ว แล้วยกให้อิสราที่ยื่นมือออกมารับเหมือนรู้ว่าจะให้ตัวเอง


“พี่เอสชอบนมหวานไม่เปลี่ยนเลย...อย่างกับเด็กๆ”


“ดื่มแล้วสบายใจนี่นา” ชายหนุ่มว่าก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มช้าๆ


“วันนี้ไปทำงานหรือเปล่า” แพนเค้กในกระทะที่ถูกกลับด้าน แป้งสีน้ำตาลนวลขึ้นควันหอมกรุ่นยั่วน้ำลาย ดูเหมือนซีเรียลของเขาจะไม่จำเป็นแล้ว


“วันนี้ออฟ คงอยู่บ้าน ไม่ควรออกไปไหนคนเดียว ใช่มั้ย” อิสราหยิบจานออกมาจากลิ้นชักเตรียมรอรับแพนเค้กพลางหัวเราะไปด้วยเบาๆ ตอนแรกที่ออกไปซื้อของที่ตลาดคนเดียว ต้องเจอกับเจคอบที่ตามอยู่ โชคดีว่านัดกับชยางกูรไว้เลยทำให้ไม่เกิดเรื่องใหญ่ให้วุ่นวาย


“ผมก็ออฟ ไม่สิ..ออฟเกือบทุกวัน ทำงานอยู่บ้านได้ แถมเพิ่งเคลียร์ลอตใหญ่ไป ว่างสุดๆ”


งานของชยางกูรเป็นประเภทที่เกี่ยวกับหุ้น...หน้าที่กึ่งๆโบรคเกอร์ แต่ยังไม่ต้องทุ่มเทถึงขั้นเฝ้าหน้าจอตลาดหุ้นตลอดเวลาอย่างนั้น


“......ว่างมาก..ก็คิดถึงปัน...”


“... ไปรับมาสิ” อิสราเอ่ยต่อคำสั้นๆ เพราะจากตอนที่อีกฝ่ายจากประเทศไทยมา ก็ผ่านมานานหลายเดือนแล้ว


“ไม่ได้หรอก...เขาจะอยู่กับพ่อของเขา” น้ำเสียงหม่นลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ทิ้งไว้ที่ประเทศไทย


“... นี่ก็นานแล้ว... ติดต่อไปบ้างหรือยังล่ะ” เขาวางจานแพนเค้กลงบนโต๊ะทานข้าวแล้วค่อยหยิบเอาน้ำผึ้งมาวางไว้ใกล้ๆ


ใบหน้าหล่อคมส่ายเบาๆแทนคำตอบ รู้ทั้งรู้ว่าทิฐิโง่ๆของเขาจะทำลายทั้งตัวเองและปัณวิทย์ แต่ถ้าติดต่อไป....เขาอาจจะใจอ่อนยอมกลับไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นอีกก็ได้


แพนเค้กอุ่นๆถูกน้ำผึ้งหอมหวานราดลงไป ชยางกูรใช้ส้อมตัดเป็นคำเล็กๆส่งเข้าปากตัวเอง


'ป้อนปันมั่งดิ่'


ถ้าอยู่ด้วยกัน เสียงห้าวเจือหวานคงจะร้องท้วงขอกินโดยที่ไม่หยิบจับอะไรให้มือเลอะ


“เด็กเขารักแรงขนาดนั้นแท้ๆ...”


“ผมก็รัก...รักมาก...แต่เห็นแก่ตัวไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”


“เดฟเห็นแก่ตัว หรือเด็กเขาเห็นแก่ตัว หืม” อิสราตัดแพนเค้กเข้าปากช้าๆทีละคำ


“นี่พี่เอสกำลังว่าแฟนผมนะ” ชยางกูรเสหัวเราะเปลี่ยนเรื่อง


ปัณวิทย์ไม่ได้ทำอะไรผิด...แค่อยากจะดูแลพ่อที่รักมากของตัวเอง มีแต่เขาที่อยากจะยึดเด็กหนุ่มคนนั้นไว้ให้สายตามองแต่เขา ในหัวใจมีเพียงเขา และสามารถบอกรักได้เพียงเขา


เขา...ที่เห็นแก่ตัว


ยิ่งแยกมาอยู่ตามลำพังยิ่งเห็นความเห็นแก่ตัวของตัวเองชัดเจนขึ้น...จนหากว่าถ้ากลับไป ต่อให้ต้องบังคับ เขาก็จะพาปัณวิทย์มาอยู่ด้วยกัน


“แฟน... งั้นเหรอ ยังเรียกว่าแฟนแล้วทำไมทิ้งมาแบบนี้ หือ” อิสราถามต่อด้วยใบหน้าที่ยังเปื้อนยิ้ม


“มันยุ่งยาก พี่ไม่เข้าใจหรอก” มือใหญ่เลื่อนจานออกแสดงอาการเหมือนเด็กๆ


“ระวัง... อยากกลับแล้วพี่ไม่ให้กลับนะ” คนอายุมากกว่าหัวเราะเบาๆหยิบเอาจานอีกฝ่ายขึ้นมาซ้อนไว้


“จะรื้อฟื้นความหลังหรือไง ผมมีปันแล้ว ไม่นอกใจหรอก”


อิสราไม่พูดอะไรต่อนอกจากส่งยิ้มให้ก่อนจะดึงเอาเครื่องล้างจานออกมา แล้วเรียงจานที่ฉีดด้วยน้ำร้อนแล้วลงไป


ชยางกูรจมจ่อมอยู่ในห้วงคำนึงถึงคนที่อยู่ไกล โทรศัพท์ที่เคยส่งข้อความหากันเป็นปกติดูจะกลายเป็นเรื่องยากที่ปลายนิ้วจะเคลื่อนไหว เขาจ้องข้อความรายงานจากซายน์และอัฐ...ก่อนจะปิดมันลง


“เดี๋ยวพี่ไปดูร้านหนังสือมือสองแถวนี้ก็แล้วกัน” เขาหยิบเอาผ้ามาเช็ดมือก่อนจะแขวนมันตามเดิม


“อ๊ะ เดี๋ยวผมไปด้วย”


“เราอยู่นี่ล่ะ ไม่เป็นไร แถวนี้เอง” เขารีบหันมาปราม


“มีอะไรเดี๋ยวพี่โทรมา ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่งั้นพี่ก็ไปไหนคนเดียวไม่ได้เลยตลอดสิ”


“ไม่ให้ไปด้วยแน่นะ” ชยางกูรถามอีกครั้ง


“อืม พักอยู่นี่ไปแหละ”













To Be Continued......



ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
พี่เอส น่าจะเป็นตัวกลางนะ

ถ้าเดฟรู้เรื่องทั้งหมดจะเป็นยังไงนะ จะยังเกลียดคุณพลภัทรอยู่ไหม

ออฟไลน์ ชะรอยน้อย

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 973
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-0
ตั้งแต่มาไม่โทรหาปันเลยหรอเนี่ย สงสารคนถูกทิ้งจัง

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
นานๆทีขอตอบคอมเมนท์บ้างนะคะ จากตอน41นะคะ ^^


dog : ชีวิตคุณพลมันมืดมนค่ะ เคะรันทดก็งี้ (เอ๊ะ??)

iforgive : น้องปันเป็นเด็กน่าสงสารค่ะ จากเด็กที่ได้รับความรักเต็มเปี่ยมกลายเป็นเด็กที่ไม่เหลืออะไรเลย

fuku : ฮ่าๆ คุณเพ็ญจริงๆแล้วก็น่าสงสารนะ แต่ติดที่การแสดงออกเย็นชาไปนี้ดดดนึงค่ะ

indy❣zaka : คุณพลเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นค่ะ ทำอะไรใครไม่ได้ ลงกับเด็ก นิสัยไม่ดีแต่น่าสงสารเนอะ

PetitDragon : /กอดๆ :man1:

anuruk97 : 555 ขอตอบแทนคุณพลนะคะว่าคงไม่มีความสุขเท่าไหร่ ได้แต่สะใจแต่ก็เจ็บปวดเองทีหลัง

EunJin : ตอนนี้เหลืออีคุณภีมคนเดียวที่ยังไม่ได้ชดใช้กรรม แต่ชีวิตที่อยู่กับความรู้สึกผิดคงไม่เป็นสุขเหมือนกันค่ะ

Yร้าย : ผิดที่ความอ่อนแอของจิตใจคนค่ะ แล้วก้ความกดดันที่มากเกินคนๆนึงจะรับไหวด้วยล่ะมั้ง^^

Golem237 : เม้นท์ยาวมาก ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่เข้าใจในตัวพลและวิเคราะห์ได้อย่างลึกซึ้งจริงๆ ภีมนี่เหมือนจะเป็นคนดีนะคะ แต่จริงๆแล้วการรกระทำที่เคยทำทั้งหมดนี่แหละ บอกว่าคนๆนี้อาจจะเลวร้ายที่สุดในเรื่อง โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

      ตอนแรกเราก็คิดอยากเขียนให้คุณพลให้อภัยภีม แต่ก้ไม่เขียน เพราะคิดว่าคนอย่างภีมสมควรจะอยู่กับความรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต มากกว่าที่จะรู้สึกว่าบาปที่ทำลดน้อยลงเพราะพลยอมให้อภัย (เป็นคนเขียนใจดำค่ะ ฮี่ๆ)

yisren. : โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคะ เดี่ยวจะเอาตอนหวานๆตบท้ายให้นะ^^

RUMINA : มีคนที่ได้อ่านก่อนเคยบอกว่า ชีวิตคุณพ่อโคตรบัดซบเลยค่ะ

○TeaCafé○ : ภีมมันเป็นตัวร้ายที่กระทั่งคนเขียนยังใจดำไม่ให้คุณพลให้อภัยเลยค่ะ

primmi : คุณเพ็ญน่าสงสารนะคะ อย่างที่บอกมาเลย ว่าทั้งๆที่รักพลแต่พลไม่เคยรักสักนิด มีลุกก็เพื่อสืบสกุล ไม่มีความรักปนมาแม้แต่น้อย แถมยังซวยท้องกับภีมอีก จะให้เย็นชากับทุกคนก็ไม่แปลก ส่วนอิภีม...ขุดหลุมฝังมันไปเลยค่ะ ผิดจริงอะไรจริง

kny : /กอดโอ๋

หมอตัวเปียก : คุณพลไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังอยู่ให้อิภีมรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต

Baitaew : เรื่องซายน์อัสซี่จะมีแทรกๆอยู่ในเนื้อเรื่องหลังจากนี้ค่ะ ตอนนี้กำลังชอบเคะแบบอัสซี่มากๆ อยากขย้ำ(?)

 

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
พลภัทรเหมือนจะยอมรับอะไรได้  แต่ก็ยังเห็นแก่ตัวและใจแคบในบางเรื่องอยู่ดี
พี่เดฟทำแบบนี้ก้เหมือนกับบังคับใจปันปันมากพอดู  ทางสายกลางน่ะพี่  ทำได้มั๊ย ฮึ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อ่านแล้วหมดแรง
มีประเด็นทุกคนเลย >> ทำให้ชอบมากและอินไปกับตัวละครทุกตัวเลย
ทั้งเห็นใจและสมน้ำหน้าไปพร้อมๆกัน จนแยกไม่ออกแล้ว

ใครจะปล่อยวางได้ก่อนล่ะเนี่ย T____T

ออฟไลน์ RUMINA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
เรื่องนี้ช่างบีบอารมณ์ เข้าถึงใจตัวละครสุดๆ เดฟกลับไปหาปันเถอะน้า~~~~

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
เฮ้ออ ~ ไม่รู้จะเข้าข้างใครดี  :เฮ้อ:
อยากให้น้องกับพี่เดฟกลับมาคุยกันเร็วๆจัง   :monkeysad:
รอตอนต่อไปนะฮะ  :')

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
อเมริกันแอททิจูดสุดๆเลยนะพี่เดฟ

สารภาพว่าเข้ามาอ่านจากคำแนะนำของเพื่อนนะครับ คุณไลท์ที่น่ารัก (Golem237) แนะนำมาว่าเรื่องนี้ปมอดีตซ่อนเงื่อนสุดๆ มาอ่านแล้วก็พบว่าจริงแฮะ เรื่องวิเคราะห์ตัวละครผมจะปล่อยให้ไลท์ทำตามหน้าที่นิสิตอักษรศาสตร์ที่ดีละกันครับ (ฮา)

ชอบรีเลชั่นของพลภัทรกับปัณวิทย์ในตอนเด็กมาก (ชอบในกรณีนี้ไม่ใช่เชิง incest นะครับ) มันเป็นความรักที่เทิดทูนบริสุทธิ์ และมันดูน่ารักมากสำหรับการนิยามคำว่า 'ครอบครัว' พอโตมา ถึงพลภัทรจะหมดศรัทธาในตัวคนอื่นๆ แต่ปัณวิทย์ยังมีศรัทธาในตัวพ่อของเขาที่แรงกล้า จุดนี้นี่แหละที่ผมมองว่ามันเป็นความรักของลูกที่น่าชื่นชมมาก ลูกที่ยังรักในตัวพ่อจนวินาทีสุดท้าย มันเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อน ซาบซึ้งมาก

ผมคิดว่าปัณวิทย์ทำถูกแล้ว (อันนี้อาจจะเห็นส่วนตัวไปนิด) เพราะว่าตอนนี้พลภัทรไม่มีที่พึ่ง เขากำลังเคว้งคว้างไม่มีหลักยึดเหนี่ยว เปรียบเหมือนเอดิปัสในยามแก่เฒ่าที่ถูกไล่ออกมาจากธีบส์โดยญาติมิตรของตนเอง เอดิปัสไม่มีความสุขและต้องทุกข์ทรมานตลอดเวลาก่อนเสียชีวิต แต่บุตรสาวทั้งสองคนของเขายินดีที่จะทิ้งสมบัติของพวกนางในธีบส์ และยอมเนรเทศตัวเองตามบิดาของพวกนาง เพื่อที่จะดูแลและทำให้บุพการีมีความสุข นับเป็นคุณธรรมที่ประเสริฐอย่างยิ่ง

ความดีของคนไม่ได้ตัดสินกันที่รสนิยมของเขา แต่ตัดสินที่การกระทำและความเชื่อมั่นในศรัทธาของจริยธรรมอันประเสริฐต่างหาก

ถ้าถามผมว่าทำไมไม่ปล่อยให้ปัณวิทย์ตามชยางกูรไปทีหลัง ผมว่าระหว่างความรักแบบ eros กับความรักแบบ agape แล้ว ความรักแบบ Agape มีผลต่อจิตใจคนด้านดีมากกว่า สายสัมพันธ์ของครอบครัวที่อบอุ่นและยึดมั่นในศรัทธาแห่งความเชื่อใจ มันเทียบไม่ได้เลยกับความรักที่ร้อนแรงแบบหนุ่มสาว เพราะแบบแรกมันมีพลังกว่ากันเยอะ อีกอย่างหนึ่ง ตามที่ไลท์เคยกล่าวไว้แล้ว พลภัทรน่าสงสาร เขาถูกความเลวร้ายโดยบังเอิญทำลายตัวตน เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่าเป็นคุณ และคุณมีคุณพ่อที่โดนแบบนี้ และตอนนี้เคว้งคว้างไม่มีที่ยึดเหนี่ยว มีโรคความดันประจำตัวอีก คุณจะเลือกเขาหรือเลือกคนรักกันล่ะ?

ชยางกูรยังดีที่เข้าใจตัวเองว่าเห็นแก่ตัวในระดับหนึ่ง แล้วก็ดีมากที่รู้ตัวว่าไม่มีสิทธิ์จะไป judge พลภัทรจากมุมมองของตัวเอง เพราะเอาตามจริงๆแล้ว ทัศนคติของชยางกูรแบบที่ถูกทิ้งให้โตในอเมริกา มันจะไปขัดกับกระบวนการคิดเชิงกตัญญูของปัณวิทย์ซะมากๆเลย

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
สงสารคุณพ่อนะ
แต่ก็ทำตัวเองจริงๆ
ว่าแต่พี่เดฟกะปันจะเป็นไงล่ะเนี่ย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด