Kagehana : แอบอัพตอนดึก นึกครึ้มใจ ฮ่าๆ อีกไม่กี่ตอนจะจบแล้วนะคะ
อาพีทของเราโผล่มาแล้ว /ยกป้ายไฟ
เราว่า เมื่อเทียบกับคนที่รักมั่นคงแล้ว บนโลกนี้อาจจะมีคนอ่อนไหวแบบพี่เอสอยู่มากกว่าก็ได้ ยังไงก็ฝากพี่เอสน้อยๆไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ ได้เจอคนดีๆแล้วก็อย่าเบื่อง่ายๆล่ะ
ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ
-46-
พิชญ์ก้าวเข้ามาในบ้านเดี่ยวหลังเล็กของอิสราโดยไม่ลืมที่จะหันไปมองสบตากับคนที่ไม่ยอมลงจากรถ ก่อนจะยิ้มให้อีกทีแล้วปิดประตูบ้านลง
“นี่เป็นครั้งแรก ที่เราจะได้คุยกันจริงๆจังๆ ใช่มั้ยเดฟ” ผู้มีศักดิ์เป็นอายิ้มให้กับคนตัวสูงกว่าอย่างเป็นมิตร
“ครับ....ปันเป็นยังไงบ้าง คุณ...อาพีท”
“... เรื่องที่ฉันอยากจะคุยด้วยไม่ใช่เรื่องของปัน... ไว้ทีหลังก็แล้วกัน...”
“งั้นจะคุยเรื่องใคร” ชยางกูรเดินนำไปที่โซฟาหน้าทีวีก่อนจะเดินไปหยิบน้ำมารินส่งให้ “...คุณคิดว่าผมจำเป็นต้องรู้เรื่องคนอื่นหรือไง”
“เรื่องของพี่ชายฉัน...” พิชญ์รับแก้วน้ำมาถือไว้ขณะที่สังเกตสีหน้าของชยางกูร
“ผมไม่อยากรู้” ชยางกูรปิดการสนทนาด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น
“... แต่เธอจำเป็นต้องรู้ หลังจากนั้นจะทำอะไรก็เรื่องของเธอ” คำพูดและน้ำเสียงที่ฟังเป็นมิตรในทีแรกเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะมองดวงตาสีฟ้าใสอีกครั้ง
“คุณคิดว่าผมทิ้งปันมาอยู่ที่นี่เพราะอยากอยู่ห่างปันเหรอ...เปล่าเลย ผมแค่ไม่อยากอยู่กับคนๆนั้น และผมก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อเอาปันมาอยู่ด้วย”
“พอได้ยินแบบนี้ ฉันก็นึกสงสารพี่ขึ้นมา... เดฟคงไม่รู้ใช่มั้ย ว่าพี่รักเธอมากขนาดไหน”
ชยางกูรแค่นเสียงหัวเราะ “ผมถามจริงๆเถอะอาพีท พ่อผมทำอย่างนั้นกับคุณ คุณยังจะมาพูดแก้ตัวให้เขาอีกเหรอ”
“ฉันไม่ได้จะแก้ตัวให้ แต่ฉันคิดว่า ควรจะพูดเรื่องที่มีแค่ฉันรู้เท่านั้นให้เธอฟัง... ก็แค่นั้น” พิชญ์หรี่ตาลงก่อนจะถอนหายใจออกมา ดูท่าว่าบทสนทนาครั้งนี้คงไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้เสียแล้ว
อาการของคนตรงหน้า...ราวกับคนที่ไม่มีเรื่องเลวร้ายที่ถูกพลภัทรกระทำมาก่อน ท่าทางจริงจังที่อยากอธิบายให้เขาเข้าใจนั้นดูเกินกว่าธรรมดาจนชยางกูรรู้สึกได้
“.....มีอะไรที่ผมน่าจะรู้จากคุณอีก....” เสียงทุ้มถามอย่างระมัดระวัง
“... ฉันรู้ว่าพี่... อาจจะเข้าใจยากไปบ้าง แต่เรื่องหนึ่งที่ฉันมั่นใจ คือเขารักเธอกับแม่ของเธอมากกว่าใครๆ...” พิชญ์เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่รับรู้เรื่อง
“รักมากกว่าใครๆ...ด้วยการทิ้งแม่ให้ตายอยู่คนเดียว ทั้งทึ่ไม่รู้อะไรเลยงั้นเหรอ” นัยน์ตาสีฟ้าหม่นวาวขึ้นด้วยความโกรธ...ใช่ เขาโกรธพ่อที่ทิ้งแม่ โกรธที่ไม่เคยได้เห็นหน้าพ่อสักครั้งจนวันที่อีกฝ่ายมาให้เห็น...และอีกส่วนลึกใจในที่ไม่อาจจะบอกใครได้...
ชยางกูรโกรธพ่อ.....ที่ทิ้งเขาไป
“คุณคิดจะทำอะไรอาพีท จะกล่อมผมให้กลับไทยไปดูแลคนที่ไม่เคยสนใจผมงั้นเหรอ สายไปแล้ว....มันไม่ใช่ละครน้ำเน่าที่ผมจะรักพ่อที่ไม่เคยดูแล ไม่เคยผูกพันกันได้ในแรกพบ โดยเฉพาะกับพ่อที่ไม่เคยยอมรับอะไรแบบคุณพลภัทร”
“ที่พี่เป็นแบบนี้ ก็เพราะพ่อ... ปู่ของเธอ ที่ไม่ยอมรับอะไร และบงการลูกทุกคน โดยเฉพาะพี่ ที่เป็นลูกชายคนโต...”
“คนเราจะให้คนอื่นบงการชีวิตได้ขนาดนั้นเลยเหรอ เว่อร์ไปหรือเปล่าครับคุณอา”
“พี่โตมาใกล้พ่อที่สุด เลยทำให้มีอิทธิพลมาก... ฉันกับพี่แพร ไม่ได้ทำตามขนาดนั้น เพราะพี่คอยออกรับแทนตลอด... เขาไม่เคยทำอะไรนอกลู่นอกทาง จนได้มาเจอกับเดน่า แม่ของเธอ ผู้หญิงที่เขารักที่สุดในชีวิต” ผู้เป็นอายกแก้วน้ำขึ้นจิบอีกครั้ง
เมื่อพูดถึงแม่...ท่าทางที่แข็งกร้าวของชยางกูรก็อ่อนลง เขานั่งกัดริมฝีปากเหมือนเด็กที่ขาดที่พึ่ง ฝั่งตัวเองอยู่ในโซฟาตัวนุ่ม
“เขารักแม่..ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“มากสิ ถ้าไม่ใช่เพราะถูกขู่ เขาคงไม่ทิ้งแม่เธอหรอก พี่โชคดีที่เดน่าเข้าใจสถานการณ์ที่เขาต้องเจอ ถึงได้กลับมาแต่งงานตามคำสั่ง” พิชญ์หันมองหน้าของชยางกูรแล้วยิ้มจางๆ
“ถ้าพี่ไม่ฟังพ่อ คงถูกตัดขาด แล้วเขาคงส่งคนมาทำร้ายเดน่า... เข้าใจใช่มั้ย”
“มีเรื่องแบบนี้บนโลกด้วยเหรอ....ไหนล่ะหลักฐาน”
“ฉันที่ถูกพี่ทำขนาดนั้นมาพูดเรื่องดีๆของพี่ให้เธอฟัง ยังไม่พออีกเหรอ ฉันอยู่บ้านเดียวกับพวกเขา... พี่กับเดน่า ทำไมฉันจะไม่รู้เรื่อง เดน่าส่งรูปของเธอมาตลอด ตั้งแต่แรกเกิด พร้อมกับจดหมายที่เล่าให้ฟังว่าเธอเป็นยังไง สิ่งเดียวที่พี่เก็บและให้ความสำคัญมากกว่าเงินก็คือจดหมายกับรูปถ่ายพวกนั้น...” พิชญ์ถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงพลภัทรที่เคยเป็นคนอารมณ์ดี
“แล้วทำไมเขาไม่มาหาผมกับแม่ล่ะ อาพีท...คุณไม่รู้หรอกว่าผมกับแม่อยู่ด้วยความหวังมากขนาดไหน แม่พูดทุกวัน...ว่าพ่อติดธุระ พ่อต้องทำงาน แล้วพ่อจะมารับเราไปอยู่ด้วยกัน ผมตั้งหน้าตั้งตารอพ่อ คริสต์มาส นิวเยียร์ วันเกิด จนถึงตอนสิบขวบผมเริ่มรู้แล้วว่ารอไปพ่อก็มาไม่ได้ เลยเลิกรอ ผมไม่เคยมีพ่อ....ไม่เคยได้กอด ถึงตอนนั้นที่เขามาตอนแม่ตายไปแล้ว พ่อก็ไม่เคยกอดผมสักครั้ง” ชยางกูรเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกถึงความอุ่นร้อนจากภายในดวงตา ชายหนุ่มเชิดจมูกเบนสายตาขึ้นมองฝ้าเพดาน...หวังว่าให้มันไหลย้อนลงไป
“.....ถึงตอนนี้แล้ว จะบอกว่าพ่อรักพวกเรา ผมก็ชักไม่แน่ใจแล้ว....”
“ทันทีที่พ่อตาย เขาก็รีบไป... แต่ก็ช้าเกินไป ตอนที่เดน่าเลิกส่งจดหมายมา พี่ก็เป็นเดือดเป็นร้อน คิดว่าเดน่าจะไม่รอแล้ว... แต่ก็เปล่า แล้วก็อย่างที่เธอรู้ เธอไม่กลับมากับเขา พี่แพรตาย ฉันเป็นเกย์ พี่มีปัน... แล้วปันก็เป็นลูกของเพื่อนสนิทคนเดียวของเขา...” ดวงตาคู่สวยเหม่อมองไปข้างหน้าเมื่อพูดถึงอดีต
“ปันเป็นลูกใครครับ...แล้วทำไมคุณพลเขาไม่ให้ปันไปอยู่กับพ่อแท้ๆ ทั้งที่เขาเองก็รับไม่ได้ไม่ใช่หรือไง” เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปัณวิทย์ ชยางกูรเลยมีท่าทางที่สนใจ มากกว่าจะทำแข็งกระด้างเหมือนเรื่องตัวเอง
“เพื่อนของเขา... ส่วนเรื่องที่ว่าทำไม เธอน่าจะตอบได้ไม่ใช่เหรอ พี่รักปัน เหมือนที่รักเธอ”
คนที่นั่งอยู่บนโซฟาเงียบเสียงลง กาแฟดำอุ่นๆในมือเหลือเพียงน้ำสีดำเย็นชืด ชยางกูรวางมันลงแล้วสบตากับพิชญ์อีกครั้ง
“ผม...ไม่รู้จะพูดอะไร สิ่งที่คุณพูดไม่มีหลักฐานสักอย่าง ไหนล่ะรูป ไหนล่ะจดหมาย ผมไม่เคยเห็นเขาพูดถึงสักอย่าง ตอนให้ผมไปไทยก็บอกว่าให้ไปคานอำนาจกับลูกคุณเพ็ญ....ผมลองกลับไปไทยกับเขา เผื่อว่าผมจะได้เจอพ่อที่ผมเคยฝัน แต่ไม่มีสักครั้งที่เขาจะแสดงออกว่ารักผมจากใจจริง มีแต่เรื่องเงิน อำนาจ...แล้วก็การทำร้ายจิตใจคนที่รักเขาทั้งนั้น”
“ฉันไม่รู้ว่าอะไรเปลี่ยนพี่ไปขนาดนั้น หลักฐานที่เธออยากดูก็คงอยู่ในห้องทำงานของพี่ ถ้าเธออยากจะกลับไป”
“แล้วเขา....ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง” ชยางกูรเลือกที่ละเลี่ยงชื่อของผู้เป็นพ่อ
“ญาติคนอื่นๆในบ้าน ไม่ได้พูดคุยด้วยอีก แต่ก็ไม่ได้ทิ้งไปไหนเสียทีเดียว เพราะเงินนั่นแหละ นอกจากนั้น พี่ก็อยู่กับปัน... แค่สองคน” เขามองตาผู้มีศักดิ์เป็นหลานอีกครั้ง
“ที่เหลือ ก็ขึ้นอยู่กับเธอ”
ชยางกูรมองสบตากับดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยอีกครั้ง เขาหลับตาลงปล่อยให้ความทรงจำและคำพูดตีรวน..วนกันอยู่ในหัว ชายหนุ่มเม้มปากแน่นก่อนจะปล่อยให้ดวงตาสั่นระริกอย่างนั้นเป็นเวลาเนิ่นนาน ก่อนที่น้ำเสียงแหบแห้งจะเอ่ยขึ้นแผ่วเบา
“..........ผมจะกลับไปพิสูจน์....ว่าสิ่งที่คุณพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า....”
///////////////////////////////////////////////
“แล้ว... เราก็เลยจะกลับไป... เหรอ” อิสราฟังเรื่องทั้งหมดจนจบก็เอ่ยคำถามก่อนจะเก็บเอาความรู้สึกที่คล้ายๆกับหายใจไม่ทั่วท้องลงไป
“ใช่...ผมกลับไปเรื่องเขาก็ส่วนหนึ่ง แต่ผมอยากเจอปันมากกว่า” คนพูดตอบแล้วยิ้มจางๆ แม้ว่าจะยังไง...แต่อย่างน้อยก็คงได้เจอปัณวิทย์
“พี่เอส....อยู่ได้ใช่มั้ย”
“... ถ้าพี่บอกว่าไม่ได้ เราจะอยู่กับพี่เหรอ” เขาสบตาสีฟ้ากระจ่างนิ่ง รู้ทั้งรู้ว่ากำลังหวังลมๆแล้งๆแต่ก็ยังอยากจะลองเสี่ยง
ชายหนุ่มมองสบดวงตาที่สบกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจช้าๆ “ผมรักปัน...ขอโทษนะครับ”
ชยางกูรจับมือของอีกฝ่ายไว้ แทนการถ่ายทอดความรู้สึกผ่านคำพูด...ที่อาจจะทำร้ายอิสราอีกครั้ง
“ผมอยากให้พี่มีความสุข.....”
อิสราเผยรอยยิ้มเศร้าๆให้อีกฝ่าย “คำนั้น คงไม่เหมาะกับพี่แล้วล่ะ... ความสุขอะไรนั่น”
“มีคนที่พร้อมจะทำให้พี่มีความสุขอยู่....เชื่อผมสิ” ร่างสูงดึงอิสราเข้ามาหาแล้วกอดเอาไว้ ปลายจมูกโด่งซุกเข้าที่ข้างหูเช่นเดียวกับริมฝีปากที่กระซิบแผ่ว
“ขอบคุณ...และก็ขอโทษ...กับทุกๆเรื่องๆ ...ขอให้พี่มีความสุขนะ”
“... อืม......” ชยางกูรไม่มีเรื่องที่ต้องขอโทษเขาแม้แต่น้อย แต่เขาก็ยังขอโทษ ทำให้อิสราไม่คิดจะพูดอะไรต่ออีกนอกจากขอให้อีกฝ่ายมีความสุขกับปัณวิทย์ได้จริงๆ
“แล้วจะไปเมื่อไหร่...”
“อาทิตย์หน้า...แล้วพี่กับโคลตัน...ไปถึงไหนกันแล้วล่ะ”
“ไปถึงไหนอะไร พี่ไม่อะไรทั้งนั้นแหละ” เขายกมือขึ้นปัดอากาศขณะกล่าวปฏิเสธ
“แต่เขาอะไรๆอยู่นะ” ชยางกูรยิ้มให้ “ไม่ลองเปิดใจรักคนอื่นดูล่ะพี่เอส....เขาดูแลพี่ได้แน่ๆ เชื่อผมสิ”
“พอแล้วๆ ไปเริ่มเก็บของไป เรื่องพี่น่ะช่างมันเถอะ ส่วนโคลตัน เดี๋ยวเขาหายตื่นตาตื่นใจก็ค่อยเลิกไปเองล่ะ”
“พนันกับผมสิ...ว่าไม่มีวัน” ชยางกูรยิ้มทิ้งท้ายก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง
...ไม่มีวัน ของแบบนั้น คงไม่มีทางเกิดกับพี่ได้... เป็นคำพูดของอิสราที่ไม่ได้พูดออกไป อาจจะดูเหมือนว่ามองโลกในแง่ร้าย แต่ก็เพราะรู้ดีว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน
กับชยางกูรก็เหมือนกัน พออีกฝ่ายไป ไม่นานนักเขาก็จะไม่รู้สึกอะไร เหมือนตอนแรกที่คบกัน เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคนเจ้าชู้ถึงได้เผลอใจไปให้คนอื่นที่เข้ามา รู้สึกตัวอีกทีก็ได้ทำร้ายชยางกูรเข้าไปแล้ว
ทำให้ไม่อยากจะเชื่อในความรักของผู้ชายด้วยกันเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนไม่ว่ายังไง ก็จะจบลงที่เซ็กซ์... เหมือนกับเจคอบที่เคยแสนดีและเป็นคนแรกที่ทำให้เขาไม่คิดจะหันไปมองคนอื่น
...แล้วก็กลายเป็นอย่างที่เห็น
กับโคลตันเอง อิสราก็อยากจะคิดว่าคงเหมือนกัน เจคอบคบกับเขาตั้งกี่ปี กว่าจะเผยธาตุแท้ออกมาว่าเนื้อในเป็นคนเลวร้ายขนาดไหน เพราะฉะนั้น เดี๋ยวหมดสนุกแล้ว โคลตันก็จะไปจากชีวิตเขาเอง
///////////////////////////////////////////////
“เอส...เอส....” ทนายหนุ่มโบกมือไปมาผ่านใบหน้าเรียวของหนุ่มเอเชียตรงหน้า
“เหม่ออีกแล้ว คิดถึงเดฟหรือไง”
เป็นเจ้าของชื่อที่สะดุ้งเล็กน้อย “อ... เปล่าครับ ไม่ใช่...”
“อยากย้ายมาอยู่กับผมมั้ย” คำถามเหมือนกับ วันนี้อากาศเป็นยังไง ถูกถามออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“เอ๋? ย้าย... มาอยู่... กับคุณ เหรอครับ” อิสรามองหน้าอีกฝ่ายอย่างตกใจกับคำถาม
“ผมพูดอะไรผิดหรอ?” โคลตันยังคงถามด้วยท่าทางสบายๆ “ผมอยากให้เราลองมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ที่ทำงานคุณก็ไม่ไกล...คุณว่าดีมั้ย”
“โคลตัน... เรา... ข้ามขั้นอะไรไปรึเปล่าครับ” อิสราก้มหน้าลงหลบสายตาของอีกฝ่ายเล็กน้อย ไม่คิดว่าโคลตันจะข้ามจากการคบหาดูใจ มาเป็นชวนอยู่ด้วยกันเลย
“หืม....คุณอยากให้ผมทำอะไรก่อนมาอยู่ด้วยกันล่ะ”
“...โคลตัน... การที่คุณชวนให้ผมมาอยู่ด้วยกัน เป็นอะไรที่คู่รักเขาถามกัน...นะครับ”
โคลตันเอนตัวลงเข้าไปใกล้ ใบหน้าหล่อเหลายิ้มละไม..
“นี่เป็นวิธีชวนให้คุณตกหลุมในแบบของผมไงล่ะ...มิสเตอร์อิสรา คบกับผมนะ”
ไม่ใช่ว่าไม่ได้เตรียมใจกับคำถามแบบนี้ อิสราเงยหน้าขึ้นมองรอยยิ้มของอีกคน ก่อนจะส่งยิ้มเหงาๆให้ “...ไม่ใช่ความคิดที่ดีหรอกครับ”
“กลัวล่ะสิ....แต่ไม่ต้องห่วง ผมไม่ใช่คนชอบใช้กำลัง ไม่ใช่คนที่มีคนรักอยู่แล้ว” นัยน์ตาสีฟ้าสดใสมองจ้องเช่นเดียวกับรอยยิ้มมุมปาก “ผมแค่เป็นคนธรรมดาที่ชอบแมว...แล้วก็คุณ”
“ขอบคุณครับ แต่ ผมคิดว่า...ผม......คงยังไม่พร้อม...ครับ ไม่ใช่ตอนนี้” เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ไม่ใช่ตอนนี้แสดงว่ามีโอกาส ถ้าอย่างนั้น...ก็ขอให้ผมรอ เป็นตัวเลือกแรกและตัวเลือกเดียวแล้วกัน”
อิสรามองดวงตาสีฟ้าที่แสดงออกถึงความจริงใจนิ่งนาน ก่อนจะนึกสมเพชตัวเอง ที่สุดท้าย ก็เดินวนไปมาแบบเดิม
ร่างบางยืดตัวเข้าหา แล้วแตะจูบเบาๆที่ริมฝีปากของโคลตัน
...ชยางกูรไม่ได้เลือกเขา แต่คนตรงหน้ากำลังบอกว่าพร้อมที่จะรอและขอเป็นตัวเลือก
เขาก็เป็นแบบนี้ เป็นคนไม่มั่นคงที่ต้องการคนดูแลเอาใจใส่ แล้วพอถึงเวลา คนๆนั้นก็จะเบื่อเขาไปเอง วนไปวนมาอยู่แบบนี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
...ก็ดูจะเหมาะกับเขาที่เคยทำร้ายชยางกูรในตอนที่อีกฝ่ายมอบหัวใจให้หมดทั้งดวงแล้ว
To Be Continued....