kagehana : แหะแหะ คงไม่ได้เรียกว่าจัดหนักใช่มั้ยคะ แค่อาบน้ำให้เอง มิมิ
-31-
“เฮ้อ กลุ้มเว้ยกลุ้ม” ปัณวิทย์ทิ้งตัวลงกับเบาะรถนุ่มๆพลางถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วของวันก็ไม่อาจจำได้
“ปันจะทำไงกับพวกมันดีวะพี่เดฟ...”
“ซายน์ชอบอัสซี่ตั้งแต่เมื่อไหร่” ชยางกูรถามยิ้มๆแล้วโน้มตัวลงไปหอมแก้มเบาๆ
“ตั้งแต่เล่นแกล้งเป็นแฟนกัน เพิ่งรู้ตัวเอาตอนมีสาวมาหาไอ้ตี๋” แม้จะทำเสียงคล้ายรำคาญ แต่เขาก็ไม่ได้เบือนหน้าหนีสัมผัสนั้น
“งั้นปันก็ไม่ต้องทำอะไร ปล่อยไปเถอะ” คนเป็นพี่พูดขำๆแล้วเริ่มสตาร์ทรถ
“มันเป็นเรื่องของซายน์กับอัสซี่ ถึงจะเป็นเพื่อนแต่เรื่องความรักยังไงๆก็เป็นเรื่องของพวกเขา ปันเข้าใจที่พี่พูดป่ะ ก็เหมือนกับเราไง...มันเป็นเรื่องแค่คนสองคนที่ต้องเข้าใจกันเอง”
“... พูดง่ายนี่... ปันห่วงพวกมัน ไอ้อัฐยิ่งโง่ๆอยู่ เดี๋ยวแม่งแตกหักกันมา... จะทำไง” เด็กหนุ่มหันมาหา ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงประท้วงอย่างชัดเจน
“ปันมีเพื่อนแค่พวกมันสองตัว... แตกกันมีแต่ต้องเลือก... เฮ้อ อย่างไอ้อัฐคงเตรียมนอยก่อนเลย...” ปัณวิทย์บ่นถึงเด็กหนุ่มหน้าตี๋ที่ดูจะมีความคิดความอ่านที่เด็กกว่าอีกคน
...และคนที่ว่านั้นก็กำลังนั่งมองอาธิปที่นอนยิ้มหวานเรี่ยราดอยู่บนโซฟาของตัวเอง
ศิวะนั่งมองอาธิปในชุดรุ่ยๆที่เจ้าตัวคิดว่าเท่นักหนานอนยิ้มหวานอยู่บนโซฟาของเขา ในห้องของเขา...ใช่ ปกติแล้วเขามักจะไปขลุกบ้านอาธิปแต่สิ่งที่เรียกว่าบ้านของเขาก็คือห้องชุดในคอนโดใจกลางกรุง สองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องนั่งเล่น.....และอยู่คนเดียว
ศิวะไม่เคยคิดว่าเขาเหงา เพราะเป็นความเคยชินมาตั้งแต่เด็กแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านแบบบ้านของอัฐอยู่แล้วอบอุ่นกว่ามาก
“แดกไม่คิด ไงล่ะมึง” มือใหญ่ของเด็กหนุ่มแตะปาดปอยผมที่ปรกหน้าขาวที่ขึ้นสีแดงชัดเจนเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
“อือ..... เอามาอีกเด้...” อาธิปปัดมือออกแล้วพลิกตัวหนี หันหลังให้กับเจ้าของห้องพลางส่งเสียงพึมพำไม่ได้ศัพท์ออกมา
“ไอ้อ่อนเอ๊ย มานี่มา”
ศิวะจับตัวเพื่อนพลิกให้นอนหงายแล้วตบที่แก้มเบาๆ
“เหม็นชิบ ไปอาบน้ำเลยมึง”
“กูจะนอน” แขนข้างหนึ่งยกขึ้นมาปัดมือของร่างสูงออกอีกรอบแล้วหันตัวมาอีกทาง
“มึงอาบเลย...” อาธิปพูดต่อทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา
“โซฟากูเหม็น ไปอาบเลยสัด”
แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่นอนอยู่ มีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอกับเสียงสะอึกคั่นมาเป็นระยะๆเท่านั้น
“เตี้ยเอ๊ย”
เด็กหนุ่มมองเพื่อนที่นอนไม่หือไม่อือบนโซฟาแล้วได้แต่ถอนใจ ถ้าเป็นไปได้...เขาอยากจะย้อนวันเวลากลับไปเป็นแค่เพื่อนเหมือนเดิม
...ไม่ใช่อะไรที่ต้องมานั่งเจ็บอย่างนี้...
ศิวะประคองอาธิปให้ลุกขึ้นนั่งแล้วดึงเสื้อยืดออกทางหัว “เชื่ยอัฐ ตื่นโว้ย”
“เหี้ย อะไรวะ” อาธิปลืมตาขึ้นมามองเพียงข้างเดียว “รุนแรงกับแฟน ใช้ไม่ได้เลยมึง” เขายกมือขึ้นให้เจ้าของห้องได้ดึงเสื้อออกให้
“ทำเบาๆ เซอร์วิสเยอะๆ.... ดิวะ”
“แฟนกูเหี้ยไร พูดถึงแต่สาวอื่น” สองแขนสอดประคองข้างใต้รักแร้แล้วยกตัวอาธิปขึ้น ศิวะเปลี่ยนมือมาเป็นโอบไว้ทั้งตัวแล้วดึงกางเกงยีนส์ของคนเมาออก
“เมาเหมือนหมาเดี๋ยวกูปล้ำเลย”
“อือ ดีมาก อาบน้ำให้กูด้วยเลยงั้น” เหมือนคำพูดของอีกฝ่ายจะไม่เข้าหูของเขาเท่าไหร่ ได้แต่ทำตัวตามสบายปล่อยให้แฟนปลอมๆได้ทำหน้าที่ดูแล โดยที่ไม่ล่วงรู้ถึงความจริงภายในใจของอีกคน
“อัฐ กูไม่ตลก” ศิวะรวบร่างปวกเปียกขึ้นมากอด มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าตอนนี้หัวใจเขาเต้นแรง...มากแค่ไหน
“กูไม่ใช่มีน กูเป็นแฟนปลอมๆของมึง มึงเป็นเพื่อนกู...แต่กู....”
...กูดันชอบมึงเข้าไปแล้ว
“มึงรู้ตัวป่ะวะอัฐว่ามึงเป็นเพื่อนที่ไม่ได้เรื่องทึ่สุดในโลกเลย”
“.............. เออ กูมันห่วย ไม่เคยมีดีหรอก เทียบกับพวกมึงไม่เคยได้ มึงไม่ต้องมาตอกย้ำกูก็ได้ อึก...” อาธิปยืนเองแทบไม่ค่อยอยู่ แต่คนเมาก็เอ่ยตัดพ้อได้อย่างจริงใจ
“มึงมันห่วย มึงมันไม่ได้เรื่อง มึงโง่” ศิวะสนองให้ด้วยการด่าย้ำ เขากอดร่างเตี้ยๆที่แดงไปทั้งตัวเอาไว้แนบอกพลางกัดริมฝีปากแน่น
“แต่มึงแม่งเป็นคนดี....ดีกว่ากูหลายเท่า”
คนไม่ดีอย่างกู...ถึงต้องมานั่งอิจฉาเวลามึงมีคนอื่น
คนอย่างกู...ที่ใช้คำว่าแฟนปลอมๆหลอกตัวเองไปวันๆ
ไม่กล้า...ที่จะพูดความจริง
“อาบน้ำป่ะ กูอาบให้”
“อาบให้กู อึก... เนี่ย... ทำดีแล้วมึง” เขามองหน้าคนที่สูงกว่าแล้วยิ้มกว้างให้
“เดี๋ยวกู... อาบเอง ไม่เป็นไร กูดีใจแล้ว”
“ถ้ากูดีกับมึงมากๆ..มึงจะรักกูป่ะ” ศิวะเผลอพูดออกไป....เผลอพูดความจริง...
“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง อึก กูไม่รักมึงได้ไง มึงเป็นเพื่อนคนแรกของกู ไอ้บ้าศิวะลึงค์” อาธิปเอื้อมมือไปผลักศีรษะของคนที่ยืนได้แต่ไม่สู้จะหนักแน่น
“อาบแล้ว...” เขาเดินเซไปโดยใช้มือข้างหนึ่งยันผนังห้องน้ำไว้
“มึงรักกู....แต่ไม่เหมือนที่กูรักมึงหรอก” ศิวะนั่งมองร่างโงนเงนที่เข้าไปในห้องน้ำ ประตูไม่ปิดด้วยซ้ำ
อาธิปเป็นแบบนี้เสมอ ไม่คิดอะไรมาก ไม่กังวลอะไรและไว้ใจคนรอบข้างเสมอ อาธิปไม่เคยระแวงว่าใครจะทำร้ายตัวเอง ไอ้ตี๋เตี้ยมีแต่รอยยิ้มให้คนใกล้ตัวและให้ทุกคนเท่าเทียม
มันเป็นคนดี...แต่ที่ศิวะทนไม่ได้ก็เพราะมันดีและไว้ใจเขาเกินไป
“กูอาบด้วย”
ปัณวิทย์บอกให้เขาถอย...ให้เขารอจังหวะเพื่อดูหัวใจตัวเอง
“ไอ้เตี้ย กินที่ว่ะมึง”
แต่ถ้ารอแล้วต้องให้ไปเป็นของคนอื่น...แล้วจะมีประโยชน์อะไร
“เฮ้ย” คนที่ลืมตาเพียงครึ่งเดียวหันมาหาขณะที่กำลังใช้ฝักบัวราดน้ำลงบนตัวอยู่
“แล้วจะเข้ามาทำไมวะ กูบอกให้รอ” รอยยิ้มไม่ได้หายไปจากใบหน้าขาวๆของอาธิป กลับกัน เด็กหนุ่มหันปลายฝักบัวให้น้ำรดใส่อีกคน
“สัด!!” พูดคำเดียวเจ้าของห้องก็ฉวยฝักบัวมาถือแล้วเปิดแรงสุดฉีดใส่หน้าไอ้ตี๋เตี้ยเป็นลูกหมาตกน้ำ
เสียงหัวเราะทุ้มห้าวดังก้องทั่วห้องน้ำ มือใหญ่ลูบไล่น้ำออกจากใบหน้าขาวๆ
“เอาคืนไงคุณแฟน ห้ามโกรธนะมึง”
“เจ็บนะเว้ย เดี๋ยวหน้าช้ำหมดหล่อน้องมีนไม่หลง อึก” พูดจบก็สะอึกอีกที ทำให้เห็นชัดเจนว่าไม่สร่างเมาเลยแม้แต่น้อย
“หล่อได้แค่นี้ยังกล้าพูด” ศิวะตบหลังเพื่อนเบาๆให้คลายอาการ
“ดีๆเว้ยดีๆ อาบน้ำดีๆ”
เด็กหนุ่มกดสบู่เหลวในขวดปั๊มลงฝ่ามือแล้วขยี้เบาๆให้เกิดฟอง มือใหญ่แปะลงไปบนผิวขาวสะอาดก่อนจะลูบเบาๆตามแผ่นอกเปลือยเปล่า
“เมาเป็นหมาอย่างงี้เดี๋ยวโดนใครหน้ามืดลากไปปล้ำหรอก ทีหลังอย่าแดกถ้าคออ่อน เข้าใจป่ะ”
“กูไม่ได้คออ่อน อึก !? จั๊กจี้เว้ย” อาธิปถอยตัวที่โอนเอนหนีจากสัมผัสที่ชวนให้หัวเราะเล็กน้อย
“ฮ่าๆ ใครจะ ปล้ำกู ว้า”
กูไงไอ้เชี่ย....
“หมาแถวนี้แหละ อยู่เฉยๆดิ่วะ” ศิวะฉีดน้ำล้างแล้วยื่นแปรงสีฟันที่บีบยาสีฟันไว้แล้วให้ “เหม็นเบียร์ เหม็นคุกกี้ แปรงฟันด้วย”
“คร้าบ แฟนคนดี” เด็กหนุ่มรับเอาแปรงสีฟันมาก็ตั้งหน้าแปรงด้วยดวงตาที่ยิ้มจนเป็นเส้นโค้ง
“ดูกู แบบนี้ อึก ทุกวัน ดิวะ”
“มึงก็อย่ามัวไปดูมีนดิ่ว่ะ กูดูมึงอยู่ทุกวัน...มีแต่มึงแหละที่ไม่เห็นกู” พูดจบมือที่ฟอกสบู่ให้ก็หยุดนิ่ง....
ต่อให้กูพูดอะไรไปมึงก็ไม่รับรู้หรอก...เพราะมึงไม่เห็นกู..ไม่เห็นความจริงของกู
คนเมาสนิทหันมามองหน้า พยายามลืมตาที่แทบลืมไม่ขึ้นแล้วมองทั้งที่ปากยังคาบแปรงสีฟันเอาไว้
“กูเห็นมึง อยู่นี่ อึก ไง อะไรของมึง”
“แดกแปรงไปเลย กูเอาแปรงถูส้วมให้ยังไม่รู้ตัวอีก” โบราณว่าอย่าถือคนเมา วันนี้เจอกับตัวเองถึงรู้...ว่ามันงี่เง่ามากถ้าจะเต้นตามไป
อาธิปหันหลังเดินออกจากบริเวณไปยังอ่างล้างหน้าก่อนจะแปรงฟันต่อให้เสร็จแล้วบ้วนปากโดยลืมไปว่ายังไม่ทันได้ล้างตัวให้สะอาด
...คนเมาก็อย่างนี้
“มานี่มา” ศิวะคว้าตัวเปล่าๆขาวๆของไอ้ตัวเตี้ยมาแล้วรดฝักบัวให้ แหง...ถ้าบอกว่าไม่รู้สึกอะไรก็ไม่ใช่เพราะไอ้ในอกร้อนๆมันเต้นตุบๆอย่างน่ากลัว
แต่ถ้าทำลงไป...คงเสียใจ...และเสียเพื่อนไปจนวันตาย
“ล้างหมดแล้ว มึงจะแช่อ่างป่ะ”
“ม่าย เปียกอีกรอบทำไม มึงอาบดิ กูจะนอนเตียงมึง อึก เอาคืน” คนตอบไม่ส่ายศีรษะไปมาจนตัวโงนเงนพลางเอ่ยบอกความต้องการของตัวเองเสร็จสรรพ
“มึงเดินไปถึงเตียงไหวก็เอาเลย ไอ้หมาเตี้ย” คนพูดเร่งเอาฝักบัวรดตัวเองลวกๆแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวมาพัน ไอ้คนเมาแม่งก็เดินล่อนจ้อนตัวเปียกซ่กโงนเงนไม่ทันไรก็ล้มลงไปคลานเหมือนหมาเมาอ้วก สภาพอย่างงี้...ใครแม่งจะเอาวะ
“ลุกเลยๆ มึงจะแก้ผ้านอนเหรอวะ”
“อะไร วะ” อาธิปพยายามพยุงตัว แต่ลุกขึ้นได้ก็เซจนล้มอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ยันตัวเองอีกรอบเพื่อให้ร่างกายเสียสมดุลย์อีกรอบ
“เหี้ย อึก ช่วยกูดิวะแฟน ยืนทำไม”
“กูไม่มีแฟนเป็นหมา”
“ห่า อึก” อาธิปพยายามยันตัวอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นมาได้ครึ่งหนึ่ง
เด็กหนุ่มส่ายหัวแล้วดึงแขนของอาธิปขึ้น เจ้าตัวที่ปลิวติดมือมางึมงำโวยวายนิดหน่อยแต่พอถูกประคองก็หยุดลงเหลือเพียงเสียงสะอึกในลำคอ ศิวะลากคุณแฟนไปไว้ที่เตียงแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวอีกผืนมาเช็ดตัวให้
“มึงจำไว้นะอัฐ...จำไว้ว่ากูเป็นแฟนที่ดีของมึงขนาดไหน จำใส่กะโหลกหนาๆมึงไว้” เช็ดไปก็พูดไปด้วยความหมั่นเขี้ยว
อาธิปยันตัวขึ้นมาแล้วแย้มรอยยิ้มกว้างให้ “คร้าบ เดี๋ยวอัสซี่ให้รางวัล” พูดจบเขาก็ยืดแขนมาจับหน้าของศิวะเอาไว้ ก่อนจะโน้มมาหอมแก้มเบาๆแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงต่อ
ศิวะอึ้ง...อึ้งไปพักใหญ่ เหมือนว่าโลกมันหมุนกลับหลังสลับหน้าไปท้าย
รับผิดชอบกูเลยครับไอ้เชี่ยเตี้ย!!!
เด็กหนุ่มโยนผ้าเช็ดตัวลงบนไอ้ตัวขาวๆแดงๆที่นอนอยู่บนเตียง เขาถอยตัวห่างออกมา...เพราะกลัวว่าตัวเองจะกระโจนเข้าไปหาแล้วกอดเอาไว้จริงๆ
“มึงมันตัวอันตรายชิบหาย มึงแม่ง...”
ตัวอันตรายที่ว่านอนหลับสบายอารมณ์ไปแล้วโดยไม่ได้รับรู้ถึงผลจากการกระทำยามไร้สติของตัวเองเลยแม้แต่น้อย อาธิปพลิกตัวคว้าเอาผ้าห่มมากอดไว้พลางส่งเสียงงึมงำสลับกับเสียงสะอึกออกมา
คนที่ยืนถอยออกมาถอนหายใจเฮือก ไม่รู้หรอกว่าอาธิปจะรู้สึกยังไง...แต่สภาพคาราคาซังที่อุปโลกค์แฟนปลอมๆขึ้นมาทำให้คนตรงนี้แย่ไปแล้ว แย่...ที่ไม่ได้อยากเป็นแค่แฟนปลอมๆ เด็กหนุ่มเดินก้าวเข้าไปใกล้และเมื่อมองเห็นว่าอีกฝ่ายหลับไปจริงๆแล้ว ศิวะก็ถอดแว่นที่เปื้อนหยดน้ำออก...
...และจูบ..แผ่วเบาที่ริมฝีปากสีแดงสดของเพื่อน...
...เพื่อน..ที่ไม่มีวันเป็นเพื่อนได้อีกแล้ว....
“กูชอบมึง”
To Be Continued.....