: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! ประกาศ re-printค่ะ [05/01/17]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! ประกาศ re-printค่ะ [05/01/17]  (อ่าน 230492 ครั้ง)

ออฟไลน์ shoky_9

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ว้าววว สารภาพแล้วจ้าาาา

ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ซายน์ใจเย็นๆนะ ให้อัฐได้ทำใจบ้างไรบ้าง

snice_cz

  • บุคคลทั่วไป
อ้าวเฮ้ย ไหงกลายเป็นแบบนี้อ่า สงสารซายน์อ่า

carenaka

  • บุคคลทั่วไป
 :sad4:บอกได้คำเดียว "เจ็บ" :jul1:

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
ชาย อย่าเพิ่งท้อนะ
อัสซี่แค่ยังไม่เข้าใจ อะไร ยังไงอยู่ ให้เวลาเพื่อนสักนิด
ตอนนี้คงสับสนมาก

แต่อย่าคิดนานนะอัสซี่ เค้าสงสารชายน์
อยากให้กลับมากัดกันแบบรัก?กันมากกว่า

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1




Kagehana : ขอโทษนะคะที่อัสซี่มันใจง่าย... เลยไม่มีมาม่ามาให้กินกัน ฮ่าๆๆ ก็มันโง่ ช่วยเข้าใจมันหน่อยน้า








-33-







เด็กหนุ่มร่างบางยกมือขึ้นดันใบหน้าของคนที่กดเขาลงกับเตียงออก


“พี่เดฟ.... อือ... คนเต็มบ้าน อึก ไม่เอา” ทว่าฝ่ามือที่รุกไล่กลับทำให้เรี่ยวแรงพากันหมดไป จนทำได้เพียงส่งเสียงร้องห้าม


หากไม่มีใครอยู่บ้านหรือนอนหลับกันไปหมดแล้ว ปัณวิทย์คงไม่ร้องห้ามอย่างนี้ แต่นี่เพิ่งทานอาหารเย็นเสร็จ ทุกคนยังไม่มีใครนอนด้วยซ้ำ


“ในห้องไม่มีคนสักหน่อย..หอมทีนึง..” ร่างที่คร่อมอยู่ข้างบนพูดอ้อนพลางซุกไซร้ใบหน้าลงกับลำคอเรียว


“อือ... ก็หอมเฉยๆ มือนี่อะไร” เจ้าของห้องยังคงพยายามดันชยางกูรออกโดยไม่ฟังคำแก้ตัวใดใด


“อุปกรณ์ประกอบฉาก” ชยางกูรพูดหน้าตายแล้วไล้มือผ่านสีข้าง...จุดอ่อนไหวของปัณวิทย์


“อึก-- ไม่เอา บอกว่าเดี๋ยว”


เสียงโทรศัพท์มือถือของปัณวิทย์ดังขึ้นมาขัดทำให้เด็กหนุ่มหันไปมองก่อนจะหันกลับมาหา


“โทรศัพท์...”


ปัณวิทย์เอี้ยวตัวหลบหนีพลางเอื้อมแขนมาหมายจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย


“ไม่ให้” ชยางกูรเอื้อมไปคว้ามาถือไว้แล้วยัดลงใต้หมอน


“พี่เดฟ เอามาให้ปันก่อน...” เขารีบตามไปล้วงมือเข้าใต้หมอนบ้างเพื่อควานหา “ทำเป็นเด็กๆไปได้”


“ขัดจังหวะจริง” พูดไปแต่ก็ยอมล้วงใต้หมอนเอามาคืนให้


“อ่ะ รับสิ”


“โหล”


-ไอ้ปันนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน-


“เหี้ยอัฐ ปวดหูเว้ย” ปัณวิทย์ยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูแทบจะในทันที


-ช่วยกูด้วย งานเข้าเหี้ยๆแล้วมึง-


คำว่างานเข้าทำให้ปัณวิทย์ขยับตัวนั่งดีๆ กระทั่งสีหน้ารำคาญในทีแรกก็เปลี่ยนไป


“ว่า?”


-มีนแม่งหลอกกูเพราะชอบไอ้ซายน์ แต่ไอ้ซายน์ชอบกู เหี้ย ให้กูทำไงวะ-


“........”


...ให้มันได้อย่างงี้สิวะเพื่อนกู...


“คือกูไม่ใช่มึง แต่มึงมาถามกู ตลกมากๆเลยอัฐ มึงไม่ชอบมันมึงก็ปฏิเสธไปสิวะ อย่าไปให้ความหวังมัน” ปัณวิทย์เอนกายลงพิงกับหมอนหลายใบที่สุมกันตรงหัวเตียง


-ทำไมมึงไม่ตกใจหน่อยเลยวะ ไอ้ซายน์ชอบกู ผู้ชายชอบกูนะมึง-


...ก็กูรู้อยู่แล้วนี่หว่า...


“หา อะไรนะ มึงพูดจริงเหรอ ไอ้ซายน์ชอบมึง”


-เหี้ยปัน ล้อเลียนกู เดี๋ยว แปลว่ามึงรู้อยู่แล้วใช่มั้ยวะ แล้วทำไมมึงไม่บอกกูวะเชี่ย-


เด็กหนุ่มหลับตาลงก่อนจะถอนหายใจออกมา “บอกไปแล้วได้ไรวะ ไม่ใช่เรื่องของกู แต่เป็นเรื่องของซายน์กับมึง”


“ขอพี่คุยกับอัสซี่หน่อยสิ” ร่างสูงที่กลิ้งตัวไปมาบนเตียงพูดขึ้นแล้วยื่นมือมารอรับ


“พี่กูจะคุยด้วย” เขาบอกปลายสายก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้กับชยางกูรแล้วค่อยพลิกตัวมานอนทับท้องของร่างสูง


-หา อะไรนะ เอ่อ หวัดดีครับพี่เดฟ-


“หวัดดีอัสซี่ เป็นไงมั่งเรา”


-..... เอ้อ... ก็ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับพี่ พี่เดฟล่ะครับ- อาธิปดูจะไปไม่ค่อยเป็นที่จู่ๆจากการโวยวายใส่เพื่อนสนิท กลายมาเป็นต้องพูดกับชยางกูรแทน


“ก็ไม่เป็นไง..ขอโทษทีที่แอบฟังแต่เมื่อกี้ได้ยินว่าซายน์บอกรักเราเหรอ”


-................... ครับพี่ มันบอก แต่ผมหนีกลับมาก่อนเพราะผมปวดหัวแล้วครับ มันสับสน-


“สับสนเพราะอะไร” ชยางกูรถามอย่างอ่อนโยน เขานึกย้อนไปถึงเรื่องของตัวเองกับปัณวิทย์พลางลอบมองคนที่นอนคว่ำฟังอยู่บนหน้าท้อง


“พี่ถามได้มั้ยเราเสียใจเรื่องมีน..กับตกใจเรื่องซายน์ อันไหนมากกว่ากัน”


-ก็ต้องเรื่องไอ้ซายน์ดิพี่ ผมรู้จักมันมาแทบจะทั้งชีวิต อยู่ดีๆมาพูดแบบนี้จะไม่ให้ตกใจได้ไงครับ- ก็เป็นตามนั้น อาธิปเคยคิดว่าอีกฝ่ายไม่เคยมีความลับอะไรกับตัว แต่พอกลายเป็นแบบนี้แล้วก็ชักไม่แน่ใจว่ายังมีอะไรอีกไหมที่ศิวะไม่เคยบอกเขา


“งั้นก็อาการไม่หนัก” ชยางกูรหัวเราะเบาๆ


“แล้วเรารู้สึกยังไงที่ซายน์บอกแบบนั้นกับเรา ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ซายน์เราจะทำยังไง”


-ขนลุกดิพี่ ได้ต่อยแน่ เล่นอะไรไม่ขำ แต่ไอ้ซายน์แม่งเสือกจริงจัง ผมก็ซวยดิพี่-


“อัสซี่เกลียดซายน์หรือเปล่า”


-จะเกลียดมันได้ไงพี่ ไอ้ซายน์นะครับ ไม่ใช่ใครที่ไหน- อาธิปตอบเสียงเบาลงกว่าเมื่อครู่


“ถ้าไม่ได้เกลียดก็อย่าทำเป็นเกลียดซายน์สิ พี่รู้ว่ามันยากที่จะปรับความรู้สึก แต่ถ้าเราทำเป็นเกลียด...บางทีเราอาจจะเสียเพื่อนที่ดีที่สุดไปก็ได้” ชยางกูรตอบแล้วโอบร่างคนตัวเล็กที่ซุกอยู่


กระต่ายดื้อยิ่งซุกตัวเข้าหาพลางขยับกอดร่างสูงให้ถนัดขึ้น


-งั้น... พรุ่งนี้ผมจะคุยกับมันครับพี่เดฟ-


“อื้อ พี่วางแล้วนะ...กระต่ายมันกวน” ชยางกูรกดตัดสายแล้วเลื่อนโทรศัพท์ไปไว้ไกลตัว เขากอดฟัดหอมแก้มคนที่ปีนอกสองสามครั้งด้วยความหมั่นเขี้ยว


“เดี๋ยวไม่ได้นอนนะปัน”


“นอนก่อน... นะ แล้วค่อยว่ากัน” ไม่พูดเฉยๆ ปัณวิทย์ขยับแขนขากอดเอาร่างของชยางกูรไว้แทนหมอนข้างราวกับจะแกล้งเล่น แต่เขาก็ซุกใบหน้าเข้ากับต้นแขนของอีกฝ่ายไว้แน่น


“... นอนนะพี่เดฟ”


“ไม่ให้ได้ป่ะ” ชยางกูรตอบพร้อมกดจมูกลงข้างแก้ม


“อือ นอนก่อน แล้วเดี๋ยวตื่นขึ้นมาค่อยอาบน้ำด้วยกัน...” ปัณวิทย์ยังคงพยายามต่อรองโดยใช้อย่างอื่นมาเบี่ยงเบน


ชยางกูรงับที่ใบหูเบาๆแทนการลงโทษก่อนจะอ้อมแอ้มนอนกอดเฉยๆ... ให้อีกฝ่ายนอนซุกเฉยๆ


มีแต่เสียงหัวใจ...ที่มันไม่เฉยเลย...







////////////////////////////////////////////






“ศิวะ... ศิวะ... ศิวะขาดนะ” เสียงอาจารย์เรียกเช็คชื่อประจำห้องในชั่วโมงโฮมรูมตอนเช้าทำให้อาธิปรีบร้องขัด


“มันตื่นสายมั้งอาจารย์ เดี๋ยวก็วิ่งมาล่ะครับ”


เขาตอบไปอย่างนั้นเพราะรู้ดีว่าศิวะไม่มีทางขาดเรียนได้ แต่ทางปัณวิทย์ กลับได้แต่ถอนหายใจก่อนจะส่ายศีรษะไปมาด้วยความหนักใจ


แต่จนกระทั่งพักกลางวัน ก็ไม่มีวี่แววของศิวะเลยแม้แต่นิดเดียว เพื่อนตี๋พยายามติดต่อทางโทรศัพท์ ก็ได้ยินแต่เสียงตอบรับที่บอกว่าอีกฝ่ายนั้นปิดเครื่องอยู่


“พี่กอล์ฟ ไอ้ซายน์ไม่ได้มาซ้อมเช้าเหรอครับ” พอเดินผ่านกัปตันทีมบาสเกตบอล เขาจึงรีบเอ่ยปากถามทันที


“ไม่ได้มานี่ พักนี้ซายน์มันเป็นอะไรดูมันหงุดหงิดๆไงไม่รู้” กรวิทย์ตอบกลับ


“แล้วยังมาโดดซ้อมอีก พอแพนโทรไปก็ไม่รับ”


“เหรอพี่ ขอบคุณครับ” อาธิปก้มศีรษะเล็กน้อยก่อนจะเดินต่อด้วยความรู้สึกหน่วงๆในอก


...ทำไมไม่มาโรงเรียนวะไอ้ซายน์...


อาธิปตั้งใจเอาไว้ว่าจะลากเพื่อนที่ไม่ยอมมาวันนี้ไปคุยเพื่อเคลียร์เรื่องที่พูดค้างไว้เมื่อวานเพราะอยากจะได้ยินชัดๆอีกที แต่อีกฝ่ายเล่นไม่มาโรงเรียนแบบนี้ก็ทำเอาอดเป็นห่วงไม่ได้


“เฮ้ยอัฐ ไอ้ซายน์มันบอกป่วย เลยไม่มา” ปัณวิทย์เดินเข้ามาหาคนที่เดินทำหน้ายุ่งโดยไม่ทันสังเกตว่าเขากำลังเดินเข้ามาด้วยซ้ำ


“อ้าว ห่า แล้วเป็นอะไรมากมั้ยวะ”


“.... มึงนี่โง่ไปมั้ยไอ้เตี้ย” ปัณวิทย์มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย


“โง่อะไรมึง ก็มันไม่สบาย แล้วแม่งอยู่คนเดียว เหี้ย ต้องไปดูอาการมั้ยเนี่ย มึงไปกะกูมั้ย”


เขาแทบไม่เชื่อว่าอาธิปจะเชื่อว่าศิวะป่วยจริงๆ ป่วยหลังจากวันที่คิดว่าอกหัก แถมยังรับโทรศัพท์เขาอยู่คนเดียวแบบนี้


...ป่วยการเมืองเพราะอกหักรักคุดชัดๆ...


“กูว่ามันป่วยการเมือง” ...บอกใบ้ขนาดนี้ ถ้าไม่เชื่อ ปัณวิทย์ก็จนปัญญา


“ไม่ๆๆ ไอ้ซายน์มันไม่ใช่อย่างงั้นนะมึง อย่างมันต้องป่วยจริง มันจะป่วยการเมืองทำเชี่ยไรวะ”


...ก็มันหลบหน้ามึงไงไอ้ควาย


“........... เออๆ มันป่วย แล้วไง มึงจะไปเยี่ยมมัน” คิ้วเรียวเลิกขึ้นขณะมองหน้าถามเพื่อนตัวดี


“กู...มึงไปป่ะ ถ้ามึงไปกูก็ไป” ใบหน้าขาวๆมองขอความเห็น


“... กูไปแป๊บเดียว เดี๋ยวให้พี่เดฟไปส่งก็ได้...” เขาเอื้อมมือมาโอบไหล่อาธิปไว้แล้วตบเบาๆ


“แต๊งกิ้ว เดี๋ยวกูไปขอยาที่อาจารย์ห้องพยาบาลไว้ แล้วแวะซื้อข้าวต้มปลาก่อนไปด้วยนะ เดี๋ยวแม่งไม่มีไรแดก”


ปัณวิทย์ส่ายศีรษะอีกเป็นรอบที่หลายร้อยขณะเดินไปด้วยกันกับอาธิป เขาได้แต่หวังว่าพาไอ้ตี๋เตี้ยข้างๆนี่ไปหาคนที่ป่วยการเมืองแล้วจะช่วยให้แก้ไขทุกอย่างได้ออกมาดี ไม่ใช่แย่ลง


...อยู่ที่พวกมึงสองตัวแล้วล่ะ...




////////////////////////////////////



อาธิปกับถุงยาและข้าวต้มยืนอยู่หน้าห้องคอนโดของเพื่อนสนิทที่ไม่ค่อยได้มาบ่อยนัก เขาใช้มือข้างที่ว่างอยู่กดออดหนึ่งทีแล้วยืนรอ


เสียงออดหน้าห้องทำเอาคนที่นอนมองฝ้าเพดานอยู่สะดุ้งเล็กน้อย ศิวะมองกวาดไปรอบห้อง...ห้องที่ปกติรกอยู่แล้วกลับยิ่งรกมากขึ้นด้วยเจ้าตัวไม่ใส่ใจจะเก็บของให้เป็นที่ กระเป๋าไปทาง เสื้อนักเรียนไปทาง ยังดีที่อาบน้ำแล้วห้องเลยยังเป็นแค่รังหนูไม่ใช่ที่ทิ้งขยะสด


...แต่เจ้าของแม่งก็คนถูกทิ้งละวะ


เด็กหนุ่มรอจนเสียงออดดังอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นช้าๆเดินลากขาไปหน้าห้อง เขาไม่ได้ดูช่องตาแมวแต่คนที่มาคงจะเป็นปัณวิทย์เพราะมันเป็นคนเดียวที่เขาติดต่อในวันนี้


“..............มาทำไม” แต่คนที่มา..กลับเป็นคนที่ไม่อยากเห็นที่สุดเสียได้


พระเจ้าแม่งรังแกกู....ไม่คิดจะให้คนอกหักทำใจเลยหรือไงวะ


“ไอ้ปันบอกมึงไม่สบาย กูเลยให้พี่เดฟมาส่ง มึงอยู่คนเดียว ใครจะหายาหาข้าวให้มึงแดกวะ...” คนที่มาไม่พูดเปล่า เขาโชว์ถุงในมือให้ดูประกอบคำพูดของตัวเอง


“กินอะไรยังมึง...”


“มึงจะสนกูทำไม” ศิวะพูดเบาๆ ใช่...ถึงจะไม่น่ารักเท่าไหร่แต่อาการอย่างนี้คงไม่ผิดที่จะเรียกว่าน้อยใจ


“มึงไม่ต้องใส่ใจกูหรอก กูจะป่วยจะตายก็ช่างแม่ง”


“เหี้ย พูดหมาๆแล้วมึง ไม่ใส่ใจได้ไงวะ เพื่อนกูทั้งคน หลีกดิ กูจะเอาข้าวต้มใส่ชามให้ แล้วมึงเอายาไปแดก” อาธิปเบียดตัวเข้าไปด้านในก่อนจะเห็นสภาพห้องที่เละตั้งแต่หน้าประตู เขารีบหันมาหน้าตาตื่นแล้วยกมือขึ้นแตะหน้าผากศิวะ


“ไม่สบายหนักป่าวมึง ไปนอนไป เช็ดตัวด้วยเหี้ย”


“มึงกลับไปเหอะ” ศิวะพูดแล้วผลักคนที่เพิ่งเข้ามาไปทางประตู เด็กหนุ่มไม่อยากให้เพื่อนมายุ่งย่ามในยามที่เขายังปรับสภาพหัวใจไม่ได้


“อย่ามายุ่งกับกูตอนนี้เลยอัฐ”


“อะไรของมึง กูเป็นห่วงคนป่วย ไล่กูกลับอีก กูมาถึงนี่แล้วจะให้กูกลับไงวะ” อาธิปขมวดคิ้วมองหน้าอย่างไม่เข้าใจ จริงอยู่ว่าปกติเขาสามารถเรียกแท็กซี่กลับบ้านได้ แต่ทุกครั้งที่ได้แวะมาที่นี่ ศิวะจะเป็นคนไปส่งเขาที่บ้านจนมันกลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว


“มึงจะห่วงกูทำไม กูอยู่ได้...ไม่เป็นไร” คนไม่เป็นไรพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นสุดชีวิต ศิวะมองนัยน์ตาที่ไม่เข้าใจของเพื่อนแล้วอดบ่นในใจไม่ได้ว่ามันโง่จริงจัง


“เมื่อวานมึงหนีกูขนาดนั้นแล้ววันนี้มึงมาทำไม”


“เมื่อวานก็ส่วนเมื่อวาน วันนี้ก็ส่วนวันนี้ดิวะ จะให้กูดูแลมั้ยศิวะลึงค์” อาธิปทำสีหน้าจริงจัง ยืนนิ่งไม่ยอมขยับ


“ไม่มีใครเคยบอกมึงเหรอว่าอย่าไปยุ่งกับคนที่มึงเพิ่งหักอก โง่ชิบหาย” เขายอมแพ้ด้วยการไปนั่งลงบนโซฟาหน้าทีวีแล้วกดเปิดไล่ช่องดูไปเรื่อยๆ


...เหี้ย ลืมเลยครับ...


“ไม่เคย ถ้ามึงชอบกูให้กูดูแลคนป่วยเลยห่า” เด็กหนุ่มที่ตัวเล็กกว่ายังไม่ละความพยายามด้วยความเชื่อที่ว่าเพื่อนตัวเองกำลังไม่สบายจริงๆ


ศิวะมองหน้าอาธิปเต็มๆตา ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะคิดว่าเขาป่วยจริงๆ มึงไม่รู้จักใช่มั้ยวะป่วยการเมือง ไข้ใจ มึงนึกว่าเพื่อนมึงเป็นคนขยันนักรึยังไงห๊ะ


“กูไม่ให้คนอื่นดูแลถ้าไม่ใช่แฟนกู” ในเมื่อมัน...ซะขนาดนี้ ก็ลองใช้ความป่วยให้เป็นประโยชน์สักหน่อย


“งั้นกูเป็นแฟนมึงก่อนหนึ่งวัน” อาธิปยื่นคำขาด


“งั้นมึงมานี่” ศิวะตบเบาะข้างๆทำนองว่าให้มานั่งซะดีๆ


เขายิ้มกว้างอย่างดีใจเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายยอมให้ดูแลแล้ว อาธิปรีบขยับไปนั่งข้างพลางรื้อถุงยาแทบจะทันที


“เดี๋ยวกูหยิบยาให้นะ”


“ไม่ต้อง” ศิวะทิ้งตัวลงใช้ตักนิ่มๆต่างหมอน เด็กหนุ่มนอนหงายจ้องนัยน์ตาหรี่หยีด้วยดวงตาวามวับ ท่อนแขนแข็งแรงโอบหลังแล้วกดลงมาใกล้ชิด


“อ อะไรมึง” คนตัวเล็กทำตัวแข็งขึ้นมาด้วยความตกใจ


“จูบกูดิคุณแฟน”


“เฮ้ย เดี๋ยวติดหวัด” อาธิปร้องท้วงพลางพยายามเอี้ยวตัวหนี


“แดกยาก่อนแล้วไปนอน กูจะดูแล”


“ไม่เอา ไม่จูบกูไม่แดก” ศิวะพูดอย่างเอาแต่ใจ กับไอ้เตี้ยต้องเข้าตรงๆรุกแรงๆไม่งั้นแม่งให้ตายก็ไม่รู้เรื่อง


“กูชอบมึงนะไอ้เตี้ย”


“... พูดจริงๆใช่มั้ยเนี่ยมึง...” คนที่ถูกหนุนตักหลบสายตา


“กู... เนี่ยนะ.......”


“ยังมีคนเตี้ยกว่ามึงบนโลกนี้ป่ะล่ะ” ศิวะคลี่ยิ้มแทนคำยืนยัน


“มึงแหละ...มึงคนเดียว”


“อะไรเข้าสิงวะมึง มึงด่ากูทุกวัน” เขาเอื้อมมือมาจิ้มปลายนิ้วลงกลางหน้าผากของคนที่นอนอยู่


“ผีแป๊ะยิ้ม” ศิวะกวนกลับ


“กูก็ไม่รู้เหอะ แต่กูว่ามันเริ่มจากที่กูให้มึงเป็นแฟนปลอมๆ...แล้วพอยิ่งเรื่องมีนอีก กูคิดแล้วคิดอีกว่ากูคบมึงมาตั้งสิบกว่าปีแล้วทำไมถึงมารู้สึกเปลี่ยนไปกับมึงได้ตอนนี้” เด็กหนุ่มไล้ปลายนิ้วเข้ากับใบหน้าขาวที่อยู่ใกล้


“กว่าจะรู้ตัว กูก็ดันชอบมึงเข้าไปแล้ว”


“.... ไม่ใช่ไข้แดกไข้กลับนะ” หนุ่มตี๋รู้สึกแปลกๆกับสัมผัสจากปลายนิ้วและสายตาของเพื่อนที่จ้องมาผ่านแว่นของเขา


ที่แน่ๆ คำว่าชอบคำว่ารักของเพื่อนตัวเอง ก็คงจริงจังมาก ในขณะที่ตัวเอง ยังไม่สามารถหาคำตอบดีๆให้ได้


อาธิปจะปฏิเสธเลยมันก็ง่ายมาก เพราะเขาไม่ได้คิดจะผันตัวเองไปคบผู้ชายจริงๆจังๆแน่ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่อยากจะทำร้ายจิตใจเพื่อนคนนี้-- แต่จะให้เป็นแบบนี้ต่อไป วันนึงก็ต้องถึงคราวแยกกันอยู่ดีถ้าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลย


...แต่ถ้าถึงจุดนึง เขาก็รู้ดีว่าตัวเองเลือกที่จะอยู่ข้างศิวะแน่ๆ


“กูไม่ได้จะบังคับให้มึงชอบกูกลับตอนนี้วันนี้หรอกนะเว้ย แต่ถ้าเป็นไปได้กูอยากให้มึงลองดูกูต่อไปอีกนิด...แค่นิดเดียวก็ได้ ไม่ต้องชอบกูแต่อย่าบังคับให้กูเลิกชอบมึงได้มั้ย” ศิวะแตะที่ปลายคางมนแล้วไล้นิ้วแผ่วเบา


“เออ มึงฉลาดกว่ากู มึงก็คงคิดดีแล้วแหละวะ... กูยังไม่ได้บอกว่าจะให้มึงเลิกชอบกูนะเว้ย...” เขาจับมือของเพื่อนที่เอื้อมขึ้นมาเอาไว้แล้วดึงลง


“ก็มึงทำท่ารังเกียจกูเหอะ...” ศิวะใช้มืออีกข้างบีบแก้มอาธิปจนปากอูดเหมือนปลาทอง


“กูก็น้อยใจเป็น”


“ให้กูช็อคเป็นมั้ยครับ” เขาไม่ยอมแพ้ ใช้มือบีบจมูกของศิวะแน่น


“ขอกูกอดที” ศิวะทำท่าอ้าแขนรอก่อนร้องเร่ง “เร็วๆ”


“..... มึงไม่ขนลุกแล้วใช่มั้ยวะ กูยังขนลุกนิดหน่อย” แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่อาธิปก็ก้มลงกอดคนที่อ้าแขนไว้หลวมๆ


“กอดแล้ว”


“ขนไม่ลุกแต่อย่างอื่นลุกว่ะ” ศิวะงึมงำตอบไม่เต็มเสียง เขารั้งเอวให้อาธิปลงนอนบนตัว จุมพิตแผ่วๆไล่ตามหน้าผากจรดหว่างคิ้วราวกับผีเสื้อขยับปีก


“กูจะทำให้มึงชอบกู...มึงก็รีบชอบกูไวๆนะ”


“โห ไอ้ลามก มึงพูดง่ายนี่หว่า มึงจะทำให้กูชอบมึงยังไงวะ” เขาพยายามขยับตัวลุกขึ้น หนีจากอ้อมกอดของเพื่อนตัวดี


“กูจะดีกับมึงให้เยอะๆ เอาใจใส่มึงมากๆ พาไปแดกฟรีแต่ถ้าไม่สำเร็จกูมีวิธีสุดท้ายอยู่”


“กูไม่ได้เห็นแก่กินนะเว้ย” อาธิปทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ก่อนจะพูดต่อ


“วิธีอะไรของมึงวะ”


“ปล้ำแม่ง” คนพูดยิ้มร้ายพร้อมสำทับต่อ “กูเอาวิธีนี้มาจากพี่เดฟนะเว้ย ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์”


“ใครจะยอมมึงวะ เหี้ย กูเลิกคบแน่ศิวะลึงค์” เขาไม่พูดเปล่า แต่เสริมด้วยกำปั้นเบาๆที่ข้างแก้มเป็นการหยอกล้อ


กำปั้นที่ชกเบาๆที่แก้มถูกรวบไว้ก่อนริมฝีปากหยักจะกดจูบเบาๆลงบนหลังมือ เรื่องเข้าใจอะไรง่ายๆ ยอมรับง่ายๆและไม่เรื่องมากเป็นข้อดีของอาธิป เพื่อนของเขาไม่ใช่คนที่ชักจูงยากเลยถ้าไปให้ถูกทางของเจ้าตัว สำออยนิด แกล้งหน่อย หยอกเบาๆ รุกสลับถอย...อีกไม่นานก็เสร็จแน่


“มึงทำเนียนติดจูบกู ก้มมาเลยไอ้ตี๋เตี้ย”


“เนี่ยเหรอวะชอบกู พูดจาหมาไม่แดก กูไม่ก้มเว้ย” อาธิปรีบชักมือคืนแล้วกดนิ้วโป้งเข้าที่หน้าผากของเพื่อนก่อนจะกดแรงๆ


“ก้มหน่อยนะครับ” ศิวะยิ้มหวานอ้อน


“... สันดานเสียนะมึง” ทั้งคิ้วทั้งตาทั้งหน้าแสดงออกชัดเจนว่าไม่สบอารมณ์ แต่อาธิปก็ก้มลงมา


“ก้มแล้วไง”


คนที่นอนอยู่ยืดคอขึ้นขโมยจูบ ศิวะหัวเราะเขินๆแล้วจูบอีกครั้งบนริมฝีปากคู่เดิม....แนบแน่น


“คุยกับหมาหมาเลียปากไงมึง”


“.............. !? เหี้ย กูกลับบ้านแล้วงั้น” อารามตกใจ เด็กหนุ่มลุกพรวดขึ้นโดยไม่สนใจ 'แฟน'ที่นอนอยู่บนตักเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าขาวเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นยามเอ่ยพูดเสียงดัง


“มึงไม่ป่วยแล้วก็”


“ป่วย....” ศิวะพูดเสียงอ่อยๆ ถ้าอาการทางใจคือการป่วยเขาก็ยังคงป่วยอยู่แน่นอน เพียงแต่ตอนนี้มันดีขึ้นมากแล้ว..


“กูจะกินข้าวต้มที่มึงเอามา”


“เอาแต่ใจชิบ” แม้จะยังพูดบ่น แต่เขาห็หยิบเอาถุงข้าวต้มขึ้นมาแล้วเดินไปทางส่วนที่เป็นครัว


“ชามใช้ได้มั้ยมึง หรือฝุ่นถมหมดแล้ว”


“ใช้ได้ มีมาม่าด้วยมึงก็กินกะกูเลยดิ”


“ไม่เอา กูไม่ได้อยากแดกมาม่า โห เนี่ยนะมึงเลี้ยงแฟนดี เลี้ยงด้วยมาม่า เดี๋ยวกูโทรสั่งอะไรมาแดก แดกข้าวต้มไป” ปากพูดบ่นพร้อมๆกับมือที่เอื้อมหยิบเอาชามในตู้ลงมาแล้วเช็คให้แน่ใจว่าไม่มีฝุ่น อาธิปเทข้าวต้มใส่ชามก่อนจะยกใส่ไมโครเวฟเพื่ออุ่นอีกที


“งั้นสั่งพิซซ่าดิ เอาหน้าแฮมข้าวโพดกูชอบ ไม่กินข้าวต้มแล้ว” คนป่วยแกล้งรวน..ดูสิว่าไอ้เพื่อนคนนี้จะทำยังไงต่อ


“......................... งั้นมึงโทรสั่งเอง กูแดกข้าวต้ม”


“งั้นแดกชามเดียวกันก็ได้ กูขี้เกียจรอ” ศิวะว่าแล้วลุกขึ้นมาหยิบช้อนสองคันพร้อมคุ้ยหาของในตู้เย็นได้ช็อกโกแลตมากล่องนึง


“อ่ะ แดกรอ...พ่อกูซื้อมาฝากนานละ”


“จะอิ่มอะไรวะ ขนมไม่ช่วยให้อิ่มหรอกมึง ไม่งั้นไปส่งกูที่บ้านดิ ป้านวลมีเลี้ยงมึงตลอดอะ”


ศิวะไม่ฟังคำพูดของคนที่เตี้ยกว่า เขาหยิบช็อกโกแลตขึ้นมายัดใส่ปากเล็กๆสีแดงๆที่พูดไม่หยุด


“หวานมั้ยล่ะมึง....”


“....... หวานแล้วไงวะ มันไม่อิ่มเว้ย” อาธิปไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าเขาไม่มีวันนับช็อคโกแล็ตเป็นอาหารเย็นแน่ๆ


“เชื่อกู ไปนอนบ้านกูเหมือนเดิมก็ได้ กูอยากอิ่มท้อง”


“ก็ได้ กูตามใจแฟน” ศิวะดึงชามที่อุ่นแล้วมาวางบนโต๊ะกินข้าว “แต่แดกก่อนค่อยไป กินด้วยกันนี่แหละ”


อาธิปจำต้องว่าตามนั้น เพราะจะเอาข้าวต้มที่ซื้อมาทิ้งก็เสียดายอยู่ จึงหยิบช้อนมาสองคันแล้วยื่นให้เพื่อนของตัวเองก่อนจะนั่งลง


“อะ กิน”














To Be Continued....

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
โอยยยยยยย หวานอ่ะ

ดีแล้วค่ะที่ไม่มาม่า ช่วงนี้สภาพจิตใจย่ำแย่ทนรับเรื่องมาม่าไม่ค่อยไว้ ฮ่าๆๆ

แค่ผ่านไปวันเดียวน้องอัสซี่ก็เสียจูบไปแล้ว คิดว่าอีกไม่นานเป็นแฟนกันแน่นอน

น้องซายน์เค้ารู้จุดอ่อนน้องอัสนี่เนอะ อ้อนนิดอ้อนหน่อยก็ได้หมดแล้ว ฮ่าๆๆๆ

ชอบคู่นี้จังค่า แต่ก็คิดถึงคู่น้องปันกับพี่เดฟเหมือนกันนะเนี่ย

ออฟไลน์ mro

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
น่ารักสุดยอดดดดดดดด  :o8:

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
หวานมากๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ตัวเลข

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ที่ป่วยการเมืองเนี่ยคือการแกล้งเพื่อให้อัสซี่มาง้อใช่ไหมเนี่ย แผนสูงนะซายน์

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
หวานไม่แพ้คู่พี่เดฟกับน้องปันเลยอ๊า :o8:
รีบๆรักกันไวๆ อย่าให้คู่นั้นนำโด่งนะจ๊ะ :z1:

dog

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจอ่า
วันนี้ไม่ได้กินมาม่า แต่ได้กินขนมหวานแทน
อิอิ

ออฟไลน์ soluna

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
หวานนนนน หวานได้อีกอ่ะ

หวานมดขึ้นอ่ะะะะ

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-16

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
เหอะๆ ลูกแกะจะเอาอะไรไปสู้กะหมาป่า

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1


kagehana : ก่อนอื่น....ต้องขอขอบคุณคนอ่านที่น่ารักที่โหวตให้นิยายเรานะคะ ไม่เคยนึกเลยว่าจะได้มีชื่อติดโหวตกับเค้าด้วยตกใจมาก55 ปลื้มอ่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ


คืนกำไร(?)ด้วยการจบเรื่องราวหวานๆของคู่เพื่อนแต่เพียงเท่านี้ (แน่ใจนะว่าคืนกำไร.....)

แฮะๆ อันที่จริงจังหวะของเรื่องหวานๆจบลงแล้วค่ะ เอาแบบหวานอั๊งตบท้ายไป แล้วเราค่อยเริ่มลวกเส้นมาม่ากันใหม่เนอะ










-34-








เมื่อกลับกันมาที่บ้านของอาธิป ก็เป็นอย่างที่เจ้าของบ้านคาดการณ์เอาไว้ ป้านวลที่เอ็นดูศิวะโฆษณาว่าวันนี้มีอาหารอะไรบ้างพร้อมทั้งถามแขกว่าอยากทานเมนูไหน โดยไม่สนใจเขาที่เป็นเจ้าบ้านเลยด้วยซ้ำ


“ป้านวลก็ไม่ต้องโอ๋มันนักสิครับ แม่งได้ใจแล้วเนี่ย”


“อ้าว ได้ยังไงคะน้องอัฐ น้องซายน์มาก็ต้องดูแลดีๆสิคะ เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่น้องซายน์จะว่าบ้านเราเลี้ยงไม่ดี แล้วไม่ยอมให้มาอีกนะคะ” กลับกลายเป็นอาธิปที่ต้องรับค้อนเข้าไปเต็มๆ


“.......... ป้านวลไม่รักอัสซี่เลย”


“รักสิคะ น้องอัฐก็พูดไปนู่น ชุดนอนใหม่ที่คุณแม่เพิ่งซื้อมา ป้าซักให้เรียบร้อย อยู่ในชั้นแล้วนะคะ ส่วนของน้องซายน์ อยู่ในกล่องเหมือนเดิมนะคะ” หญิงวัยกลางคนหันมาบอกกับเด็กหนุ่มอีกคนที่เพิ่งยกจานข้าวไปเก็บที่อ่างล้างจาน


“ขอบคุณครับป้านวล มารบกวนบ่อยๆเกรงใจจัง” ศิวะขอบคุณพร้อมกับส่งยิ้มหวานตบท้ายประจบอีกรอบ


“ไม่ต้องเกรงใจหรอก น้องอัฐอยู่คนเดียว มีน้องซายน์เหมือนมีพี่น้องนะคะ” พูดจบ นวลก็เป็นฝ่ายเดินออกมาจากบริเวณที่เป็นห้องอาหาร ทั้งสองคนเดินไปยังห้องของอัฐ ศิวะมองรอบๆห้องด้วยความรู้สึกดีๆไม่ต่างกับทุกครั้งที่มา


“ไปอาบน้ำเดะ กูรอ” เจ้าของบ้านหันมาสั่งคนที่ยืนยิ้มอย่างอารมณ์ดี


“อาบพร้อมกันแบบตอนมึงเมาคราวที่แล้วป่ะ”


“อะไรวะ” คนเมาอย่างอาธิป ไม่เคยจำอะไรได้อยู่แล้วถึงกับทำเสียงเข้มขึ้นมา


“อาบพร้อมกันอะไร”


“อ่ะ งงอ่ะดิ” ศิวะแกล้งอมยิ้มอย่างเป็นต่อ “ทำเป็นจำไม่ได้นะน้องอัฐ เดี๋ยวพี่เตือนความจำให้เอามั้ยว่าวันนั้นมึงอ้อนกูยังไง”


“อ้อนอะไร กูจำไม่ได้ว่าเคยอ้อนมึงสัด” เขานั่งลงบนเตียงพลางชี้มือชี้ไม้ให้อีกฝ่ายเข้าห้องน้ำเร็วๆ


คนถูกไล่ไม่ได้เดินไปไหนหากแต่สาวเท้าเข้ามาหา ศิวะปลดกระดุมตัวเองแล้วถอดเสื้อจนเหลือเพียงกางเกงยีนส์ตัวเดียว เด็กหนุ่มก้มลงสอดแขนเข้าใต้รักแร้แล้วยกตัวอาธิปขึ้นมา


“แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันที่บ้านกูไง จำไม่ได้เหรอ”


“เหี้ยซายน์ ปล่อยกูสัด ปล่อยเลย!” อาธิปโวยวายเสียงดังพลางยกแขนปัดป่ายไปมา


“ม่ายยยยยยย” ศิวะทำเสียงยานคางล้อเลียน


“ตัวเท่าลูกหมาเสือกดื้ออีกนะครับคุณแฟน”


“ดื้ออะไร เหี้ย ปล่อยเว้ยปล่อย ไม่งั้นกูเลิกคบ” เจ้าของห้องยื่นคำขาด


“เลิกคบกูมึงจะไปคบใครวะ มีกูเนี่ยดีสุดแล้ว เลี้ยงข้าวให้ลอกการบ้านสารถี..แฟนดีๆอย่างกูหาได้ที่ไหน”


“ก็มึงคิดไม่ซื่อกับกู... ห่า ไปอาบน้ำเด้ กูรอ” อาธิปเบนหน้าหนีซ่อนใบหน้าที่รู้สึกได้ว่าร้อนขึ้นจากอีกฝ่าย


“ก็ได้ๆ” ศิวะยอมปล่อยแขนในที่สุด เด็กหนุ่มขยี้หัวเพื่อนรักซ้ำอีกครั้งก่อนจะเปิดกล่องน้องซายน์หยิบของเดินเข้าห้องน้ำไป


เจ้าของห้องมองตามด้วยความรู้สึกประหลาดๆที่วิ่งวนไปมาในตัว-- โอเค ตอนนี้เท่ากับว่าตกลงเป็นแฟนกับไอ้บ้านี่แล้ว


...ก็ต้องทำตัวเป็นแฟนมัน


นึกไปถึงเพื่อนของตัวเองอีกคน สำหรับรายนั้นคงเอามาเป็นตัวอย่างไม่ได้เพราะปัณวิทย์ถูกพี่ชายต่างสายเลือดใช้กำลังบังคับก่อน แล้วค่อยมารักกันทีหลัง


“แค่อาบน้ำ แม่งจะอะไรวะ” หนุ่มตี๋บ่นกับตัวเองพลางมองประตูห้องน้ำ เมื่อก่อนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร...


...ใช่ ไม่มีอะไรทั้งนั้น แค่เปลี่ยนสถานะนิดหน่อย


คิดได้แบบนั้นอาธิปก็เปิดประตูห้องน้ำที่ไม่ได้ล็อคออกแล้วก้าวเข้าไป


“กูอาบด้วย ไม่เปลืองน้ำ”


“.......................” ศิวะทำหน้าจุดไข่ปลาใส่ด้วยความรู้สึกที่บรรยายเป็นคำพูดไม่ถูก


ใช่..เขาดีใจว่าอาธิปยอมเขาถึงขนาดนี้ แต่ก็แปลกใจที่มันยอม ทั้งที่เมื่อวานยังทำตัวงี่เง่าไม่เอาเขาอยู่เลย เด็กหนุ่มบิดฝักบัวปิดแล้วพาร่างเปียกปอนเดินเข้าไปหา


“มึง...คิดได้ไงวะ” ศิวะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแต่มือใหญ่กลับคว้าข้อมือไว้


“หรือว่ายั่วกู...อะหือ...แค่หุ่นยังแพ้กูหลุดลุ่ย”


พอมองแบบนี้ อาธิปกลับไม่คิดว่ามีอะไรต้องอายในเมื่อเป็นผู้ชายด้วยกัน แล้วก็อาบน้ำว่ายน้ำอะไรด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก


“มึงเป็นนักกีฬา กูเป็นแฟน จะให้กูบึกอย่างมึงได้ยังไงวะ”


“งั้นคุณแฟนมานี่มา กูบริการให้ครับ” ศิวะผลักอาธิปเข้าไปยืนใต้ฝักบัวแล้วเปิดน้ำรดร่างเปลือยขาวโพลน เขาบีบครีมอาบน้ำใส่ฟองน้ำแล้วถูลงบนแผ่นอกที่ไม่กว้างมากของคุณแฟน แผ่นหลังที่แนบชิดอยู่กับอกชวนให้ความร้อนในตัวดูจะเพิ่มขึ้นทีละนิด...กระทั่งส่วนล่างยังรู้สึกได้


“มึงนี่ขาวชิบหาย มีไฝที่สะบักด้วย” พูดจบริมฝีปากอุ่นร้อนก็แนบลงเบาๆที่ไฝเล็กๆบนสะบักคนในอ้อมกอด


“เล่นไรวะ!” อาธิปสะดุ้งแล้วหันมาทำหน้ายักษ์ใส่


ศิวะตอบด้วยอ้อมกอดที่โอบรั้งเบาๆ มือหนึ่งทำหน้าที่ลูบไล้ฟองน้ำหากแต่มือหนึ่งกลับแตะแผ่วที่สะโพกมน เขาพรมจูบบนลาดไหล่แคบโดยไม่ฟังเสียงประท้วงที่พยายามกลั้นเสียงแปลกปลอม


“เหี้ยซายน์ ปล่อย-- กู...” อาธิปรู้สึกอยากจะยกมือขึ้นต่อยแต่ร่างกายกลับไม่ยอมให้เขาได้ทำอย่างนั้น


“ก็ไหนว่าอาบด้วยกันไง” จมูกโด่งโฉบลงบนแก้มเย็นๆก่อนจะฝังลงไป


“อาบน้ำ ไม่ได้ให้มึงมาหื่นใส่กู” เขาหันมาดันหน้าเพื่อนของตัวเองออกไป


“กูก็อาบให้ไงมึง” มือที่ไล้ลงต่ำทำให้ศิวะรู้สึกถึงร่างกายที่สั่นไหวของคนในอ้อมกอดได้อย่างดี โดยเฉพาะเวลาที่มือ'เผลอ'ปัดฝ่านส่วนอ่อนไหวที่สุด....


“กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยเหอะ”


“มือ... มือมึงอะ สัดซายน์” อาธิปเริ่มออกแรงดันคนข้างหลังอย่างจริงจัง


“ถูสบู่ให้มึงอยู่ไหน ไหนว่าชอบให้กูบริการ”


“ก็ถูดีๆดิวะ” เขากันอีกฝ่ายออกไปมากขึ้นแล้วหันหน้ามามองศิวะ


“ดีๆมึง แตะกูอยู่ได้”


“แตะตรงไหนวะ...” ศิวะยกยิ้มก่อนจะก้มตัวลงจุ๊บเบาๆที่หน้าผาก ผมสีเข้มของอาธิปเสยขึ้นและแนบลู่ติดหนังศีรษะ


“กูก็ถูก็ล้างให้ดีๆ มีแต่มึงน่ะแหละเบียดกูเอาๆ...แถมยังชี้หน้ากูอีก” นัยน์ตาสีเข้มวาววัยเป็นประกายเมื่อมองไปยังอะไรๆที่ถูกหาว่าชี้หน้าอยู่


“ก็มึงจับอยู่ได้ ก็เป็นงี้แหละวะ” คนตัวเล็กกว่าไม่สนใจ ซ้ำยังโวยวายต่อ


“พอเลยมึง กูอาบเองก็ได้”


“ให้กูทำให้...นะ...” นักบาสหนุ่มกระซิบข้างหูแล้วงับเบาๆที่ติ่งหูนิ่ม ศิวะใช้ปลายนิ้วแตะเบาๆที่ส่วนปลายแล้วกอดล็อคซ้อนหลังอาธิปไว้


“เหี้-!? ซา.. ยน์” ความรู้สึกแปลกๆตามประสาคนไม่เคยให้คนอื่นสัมผัสร่างกายตัวเองขนาดนี้มาก่อนวิ่งแล่นไปทั่วร่างจนอาธิปยังรู้ได้ ว่าถ้าคนข้างหลังไม่ซ้อนแล้วกอดเอาไว้ เขาคงร่วงลงไปกองกับพื้นแล้วเป็นแน่


“กูสัญญา...แค่นี้ก็ได้นะ...นะอัฐ...” เสียงแหบพร่ากระซิบแผ่วข้างใบหูก่อนที่จะงับขบเล่นเบาๆ ศิวะกำส่วนอ่อนไหวที่สั่นระริกอย่างน่าสงสารเอาไว้แต่ไม่ได้ขยับเขยื้อนมือ


“ค... แค่นี้แค่ไหนวะ...” อาธิปขืนตัวไว้ได้เพียงนิดเดียวก็หมดแรงจะต้านทาน


มือที่กอบกุมขยับหยอกล้อเบาๆ ศิวะรู้สึกถึงขนาดที่ขยายขึ้นอีกนิดในมือ เด็กหนุ่มลูบไล้สุดความยาว..ขยับเข้าออกไปพลางลอบจุมพิตผิวขาวใต้สายน้ำพร่างพรมไปพลาง อาจจะดูเร็วไปที่จะทำแบบนี้กับเพื่อนที่ยังไม่ใช่คนรักเต็มตัว แต่เขาก็อยากจะจับจองอะไรนิดๆหน่อยๆบ้าง..


“ดีมั้ยมึง...” ศิวะหอมที่ซอกคอเปียกลื่น


“... อือ... ดี... ช ช้าลง... หน่อย.... อึก” ดวงตาเรียวเล็กปิดแน่น มือสองข้างเอื้อมไปคว้าเอาต้นขาของศิวะไว้ได้ก็จับไว้แทนที่ยึด


เด็กหนุ่มที่ยืนรองหลังอยู่ขยับมือช้าลงตามคำสั่ง กายสูงใหญ่เบียดแนบชิดกับคนที่เอนมาพิงจนตัวเองรู้สึกถึงอารมณ์พลุ่งพล่านที่ปะทุ หากแต่เพราะมือหนึ่งกำลังจัดการให้อาธิป อีกมือหนึ่งกอดเอาไว้จึงได้แต่บดเบียดส่วนแข็งตึงร้อนผ่าวเข้ากับสะโพกตึงแน่นเปียกลื่น


“ได้..มั้ย...”


อาจเป็นเพราะมีคนอื่นเป็นผู้จัดการแทนให้ ถึงได้รู้สึกตื่นเต้นมากกว่าปกติขนาดนี้ ไม่นานอาธิปก็เกร็งร่างกายของตัวเองไปจนแน่น


“เหี้ย จะออก... แล้ว...”


จูบร้อนผ่าวสัมผัสลงบนริมฝีปากสีสด ศิวะชะโงกตัวเข้าไปจูบก่อนจะสอดแทรกปลายลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปเลาะเล็มในยามที่เจ้าตัวดูจะล่องลอยไปตามอารมณ์ปรารถนา แม้อีกฝ่ายจะใกล้ถึงฝั่งแต่ศิวะกลับปล่อยมือออกแล้วหมุนร่างอาธิปเข้าชิดกำแพงแล้วบดเบียดจุมพิตร้อนแรงอีกครั้ง


“ทำให้...กู...มั่งดิ...” เสียงทุ้มห้าวแหบพร่าพูดกระซิบแผ่วในขณะที่จับมืออีกฝ่ายมาแตะส่วนร้อนรุ่ม


“หยุด ทำไมวะ สัด...” อาธิปรู้สึกได้ถึงความทรมานที่จู่ๆคนตรงหน้าก็ละมือออกไป


“มึง... ทำเองเลย... แกล้งกู” หน้าตาของอาธิปตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงจัดจนเห็นได้ชัด


ศิวะฉกจูบเบาๆปิดเสียงประท้วง เขาหมุนปิดฝักบัวแล้วลากอาธิปที่ตัวเปียกชุ่มออกมาด้านนอก เด็กหนุ่มทุ่มโถมทั้งตัวเองและคนในอ้อมกอดลงบนเตียงกลางห้อง เรือนกายสูงใหญ่คร่อมทับแลกจูบร้อนแรงเช่นเดียวกับส่วนล่างที่บดเบียดกับจุดอ่อนไหวของอาธิปอย่างจงใจ


“ให้กูกอด...ไม่ได้เหรอ...”


“... กูยัง... ไม่ได้เตรียมใจ...” เขาไม่ได้หลบสายตา ทว่าใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีเข้มและริมฝีปากที่สั่นระริกเป็นเครื่องบอกอย่างชัดเจนว่ากำลังอายแค่ไหน


คนที่คร่อมอยู่พยักหน้าอย่างเข้าใจ แหงล่ะ...เมื่อวันก่อนยังเป็นเพื่อนกัน มาวันนี้จะมีอะไรกันทันทีจะไปทำได้ยังไง...ส่วนตัวเขาไม่เท่าไหร่เพราะรู้มาสักพักแล้วว่าชอบ แต่ไอ้ตี๋ที่นอนอยู่ข้างใต้และต้องเป็นฝ่ายถูกกอดคงทำใจลำบากอยู่


“อือ..ไม่เป็นไร” ท่อนขาเรียวขาวถูกงอยกขึ้นเกือบชิดแผ่นอกสะท้านไหว ศิวะสอดมือจากด้านข้างเข้าไปกอบกุมแก่นกายสั่นไหวของเพื่อนสนิทเช่นเดียวกับแทรกส่วนร้อนผ่าวแข็งตึงเข้าไประหว่างต้นขาซึ่งบีบตัวแนบชิด


“อย่างงี้ได้มั้ย...กูขอยืมขามึง...นะอัฐ..”


“ค... แค่ขา... นะมึง” อาธิปขอยอมแพ้ในความพยายามของเพื่อน แต่ตอนนี้เขาเองที่กำลังมีอารมณ์ร่วมแบบสุดๆก็ไม่เหลือแรงจะไปปฏิเสธหรืออะไรได้อีกทั้งนั้น


คนที่ได้รับคำอนุญาตขยับตัวกระแทกแทรกเข้าไปในต้นขาที่เบียดชิดพร้อมกับจับแก่นกายของอาธิปรูดรั้ง หยาดน้ำจากแผ่นหลังกว้างกลิ้งลงสู่เตียงเกิดเป็นรอยหยดน้ำบนผ้าปูสีอ่อน เสียงเปียกลื่นผสานกับเสียงครางเครือก่อเป็นสำเนียงคล้ายแว่วหวาน


ศิวะก้มลงจูบหน้าผากชื้นเหงื่อ กายสูงใหญ่ขยับเร็วขึ้นกระแทกตัวกับต้นขาและสะโพกที่สั่นไหว...เขาหัวเราะเล็กน้อยยามที่เพื่อนแสนดื้อรั้นผวาเข้ามากอด


“...เป็นไง..มั่ง...มึง...”


“ไม่รู้! เหี้ย อย่าถาม... ดิวะ...” อาธิปเค้นคำพูดออกมาก่อนจะกลายเป็นเสียงครางที่พยายามเก็บกลั้นเอาไว้ แก่นกายร้อนผ่าวของศิวะที่เสียดสีกับต้นขาของตัวเองก่อให้เกิดความรู้สึกประหลาดที่หาคำอธิบายไม่ได้


“ฮะฮะฮะ มึงเนี่ยน้า...”


เด็กหนุ่มกระแทกทายเร็วขึ้นจบเกิดเป็นเสียงดังยามเนื้อกระทบกัน ศิวะรูดรั้งความปรารถนาที่ใกล้ประทุของอาธิปเร็วขึ้นจนรู้สึกถึงร่างกายที่ห่อเกร็งของเพื่อนสนิทที่แนบชิดร่างกัน...


“ออก-... ไอ้...ซายน์ อะ-!” แขนสองข้างกอดรัดคนที่อยู่ด้านบนเอาไว้จนแน่นพอๆกับดวงตาที่ปิดเข้าหากัน แม้จะพยายามเก็บเอาไว้ แต่เจ้าตัวก็ปล่อยเสียงครางออกมาพร้อมๆกับหยาดสีขุ่นข้นที่หลั่งออกมาเปรอะเปื้อนไปจนถึงแผ่นอกสีขาวนวล ร่างบางกระตุกอยู่สองสามครั้งก่อนจะนอนราบลงกับเตียงอย่างหมดแรง


ศิวะจับเข่าที่อ้าออกเพราะอ่อนแรงของอาธิปเข้ามาแนบชิดอีกครั้ง เขากระแทกกายสวนเข้าไปเร็วขึ้น ร่างกายที่ร้อนผ่าวถูกกระแสเพลิงในตัวโหมไล่ ศิวะขยับตัวแรงขึ้นจนสุดท้ายก็ระเบิดอารมณ์ปรารถนาออกมา หยาดขุ่นข้นสีขาวราดรดลงบนหน้าท้องเปรอะเปื้อนเรื่อยไปถึงแผ่นอกที่มีตุ่มไตเล็กๆชูชันอยู่ กระทั่งต้นขาที่แนบชิดเองก็ยังเต็มไปด้วยหยาดอารมณ์


เด็กหนุ่มถอยตัวออกแล้ววางขาเพื่อนลงบนเตียง เขาก้มลงใช้ปากหยอกล้อยอดอกที่ยั่วสายตาอยู่ตรงหน้าเบาๆ


“เป็นไงมึง...โอเคป่ะ เลอะแม่งทั้งตัวเลย”


“ถ้ามึงไม่... เลิกถาม... กูจะ... ไม่ให้ทำแล้ว” เจ้าของห้องเอ่ยตอบสลับกับเสียงหอบพร้อมดวงตาที่หรี่ปรือ จะให้ตอบออกไปว่าอย่างไร รู้สึกดีมากอย่างนี้เป็นครั้งแรก ดีไม่ดีเพื่อนคนนี้จะเปลี่ยนใจแล้วอยากทำขึ้นมาอีกรอบจะเป็นยังไง


“ชอบหรือเปล่า” ศิวะเงยหน้าขึ้นชะโงกตัวไปเลาะเล็มยอดอกอีกข้าง แผ่นอกที่ขยับขึ้นลงทำให้ใบหน้าบางส่วนเปรอะหยาดที่ปลดปล่อยออกมาบ้าง


“กูชอบ...แม่งสุดยอดอ่ะ...ขนาดไม่ได้ใส่นะเนี่ย...”


“ไม่ต้องโม้ จะเหมือนเวลามึง... กับผู้หญิงได้ไงวะ ตอนนั้นบอกว่าดีงั้นดีงี้” เขาเอื้อมมือมาปาดเอาหยาดสีข้นออกจากปลายคางของเพื่อน


“เลอะหมด...”


“ตอนนี้เอาใหม่ มึงดีกว่าเพราะกูชอบมึง” ศิวะกดจมูกลงมาชนพลางจ้องลงไปในดวงตาที่หรี่ปรือ แว่นตาที่หลุดหายไปตั้งแต่นัวเนียในห้องน้ำทำให้ต้องมองอย่างใกล้ชิด


“มึงรู้สึกดีป่ะ”


“... ดี...” อาธิปยกมือขึ้นทาบปิดดวงตาของศิวะที่อยู่ใกล้จนทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ


“ขี้เกียจอาบน้ำใหม่ว่ะ” ศิวะพูดยิ้มๆด้วยรู้ดีว่าคนเป็นเพื่อนกำลังเขิน ก็ดูสิว่าไอ้ผิวขาวๆดันกลายเป็นสีแดงไปหมดแล้ว


เขาทิ้งตัวทาบทับไปบนร่างของอาธิปจนหยาดหยดที่ปล่อยออกมาเลอะทั่วกัน ศิวะกอดเด็กหนุ่มเอาไว้แล้วไซร้จมูกลงบนซอกคอหอมกลิ่นสบู่รำไร


“ไว้คราวหน้าให้กูเข้านะ”


“ไม่เอา... กูทำใจได้แล้วจะให้เข้า มึงต้องให้กูเข้าด้วย” แม้จะพูดจาแบบนั้น อาธิปก็ไม่ได้ผลักไสเพื่อนตัวดีออกไปไหน ในส่วนลึกของจิตใจ เขารู้ดีว่าตัวเองรู้สึกดีอยู่ไม่น้อยกับการที่ศิวะทำท่าทางออดอ้อนราวกับเด็กๆแบบนี้


“มึงรักกูมึงต้องยอมกู...”


“อื้อกูยอม.....” ศิวะตอบรับก่อนจะพลิกตัวไปนอนข้างๆแล้วดึงคนเตี้ยกว่ามากอดเอาไว้


“ถ้ามึงทำเป็นอ่ะนะ....ไอ้เตี้ยเอ๊ย มึงจะเทิร์นกูได้เหรอวะ” มือใหญ่ไล้กวาดหยาดขุ่นข้นจากแผ่นอกตัวเองและอาธิปก่อนจะเช็ดลงบนผ้าปู ศิวะยิ้มพราว...เพราะอย่างน้อยอาธิปที่เมื่อวานยังไล่กันอยู่ถึงกับเอ่ยปากยอมให้เข้าไปในตัวแล้ว


เอาวะ....อย่างน้อยก็ไม่เกลียดแล้ว


“ตอนนี้ไม่เป็น เดี๋ยวก็เป็น สัด พอแล้วกูเพลีย” พูดจบเขาก็หลับตาลงโดยยอมให้เพื่อนกอดเอาไว้


...ไว้ค่อยคิดต่อก็แล้วกันวะ


“มึงเพลียเหี้ยไรวะ มีแต่กูทำให้มึงกับบริการมึง มึงให้กูยืมแค่ขาเอง” ศิวะพูดยิ้มๆแต่ไม่ได้ท้วงอะไร เขากอดอาธิปเอาไว้แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างเปลือยเปล่าโดยไม่สนรอยเปรอะเปื้อน


...เอาวะ เรื่องของพรุ่งนี้ค่อยคิดพรุ่งนี้...


...แค่วันนี้ได้มีเพื่อน...รัก...กอดแนบอก แค่นี้ก็พอ











To be continued...









ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
ชอบบบบบบบบบบบ น้องซายน์ไวมากลูก เมื่อวานหนูยังเป็นเพื่อนกันอยู่เลยน้า

วันนี้หนูเล่นกันในห้องน้ำแล้วหรอ ฮ่าๆๆๆ  ขำน้องอัฐ มันโวยวายได้ตลอดเวลาเลย ฮ่าๆๆๆ

เอ่อ...เราจะได้กินมาม่ากันอีกแล้วหรอคะเนี่ย *กุมขมับ* ไม่ขอรสจัดนะคะ เอาเบาๆพอ

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
ผ่านไปอีกขั้นแล้วนะ  :impress2:

ออฟไลน์ soluna

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
คู่นี้น่ารักอีกแล้ววววววว~~

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
คู่เพื่อนรักไวไฟดีแท้  o18

ออฟไลน์ mro

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
เราว่าคู่นี้ไม่ไวนะ แบบเมื่อก้อนก็อาบน้ำด้วยกันอยู่แล้วแต่วันนี้แค่เปลี่ยนฐานะ อิอิ ชอบๆ

ออฟไลน์ aimjungna

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เพิ่งได้เข้ามาอ่านคะ เรื่องนี้ออกจะดราม่าเพราะสงสารน้องปัน แต่ก็ชอบคะเวลาหวานก็น่ารักมากเลย จะติดตามอ่านคะ *0* สู้ๆ

ออฟไลน์ RUMINA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
ชอบมากเลยค่ะ ตามอ่านวันเดียวถึงตอนล่าสุดเลย แฮะๆ
รอตอนต่อไปอยู่นะคร้า เป็นกำลังใจให้~

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
แว้กก  ไม่เข้าหลายวันถึงตอนสามสี่แล้วอ๋ออ    :m1: 
ชอบอ่ะๆ  อัสซี่หนูจะเสียซิงแล้วใช่มั้ยลูก  :m2:   :laugh:
รอนะฮะ  :')

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
kagehana : ถึงพ่อกับปันจะดีกันแล้ว....แต่อย่าไว้ใจคนเขียนนะคะ ^^ /โดนคนอ่านดักตี   จบง่ายๆไม่ดราม่าก็ไม่ใช่เราสิ (ใครเคยอ่าน ความทรงจำใต้เงาฝนพรำคงรู้ดี กว่าจะจบได้พี่ธันโดนไปเท่าไหร่ ฮิฮิ)

เพิ่งรู้สึกตัวว่าเป็นคนเขียนที่ไม่ค่อยได้ตอบคอมเม้นท์ใครเลย เอาเป็นว่า...ถ้ามีข้อสงสัยหรืออะไรที่อยากให้เราตอบ ถามได้นะคะ เราจะตอบให้แน่นอน ^^

ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ

กราบขอบคุณคนอ่านทุกคนที่โหวตให้อีกครั้ง มีรายชื่อได้โหวตกับเขาด้วยหมีกับดอกไม้ก็ยิ้มแก้มแตกแล้ว









-35-










“สรุปก็ หัดเป็นแฟนกัน ยังไม่ได้กันดีๆ....” ปัณวิทย์เอ่ยบอกคนที่โอบกอดเขาเอาไว้จากด้านหลังขณะที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง วันนี้เมื่อไปถึงโรงเรียน เขาต้องฟังเพื่อนตัวดีทั้งสองคนสลับกันเล่าจนรู้สึกปวดทั้งหูทั้งหัว คนนึงโวยวาย อีกคนดีใจเหมือนเป็นบ้า


...กูเนี่ยล่ะจะตายเอาก่อนพวกมึง...


“... นี่ พี่เดฟ ช่วงปิดเทอมปลายปี จะว่างปะ พี่เดฟว่าจะประหลาดมั้ยถ้าไปเที่ยวไหนกันสองคนอีก”


“ก็ไม่นะ พี่ยังแปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่หยุดน้อยจัง ที่อื่นเขาหยุดยาวสองอาทิตย์ตั้งแต่คริสต์มาสเลย..ปันอยากไปไหนล่ะคราวนี้” ชายหนุ่มผมทองที่นั่งเป็นโซฟาพิงหลังให้เอ่ยตอบพร้อมซุกจมูกเข้ากับแก้มขาว


“ที่บ้าน... พ่อ... จะว่าแปลกมั้ย... ปันอยากลองไปเที่ยวต่างประเทศบ้างอะ... ขอเยอะไปปะ” เขาขยับแก้มให้อีกฝ่ายได้คลอเคลียถนัดขึ้นโดยที่สายตาไม่ละไปจากหน้าหนังสือ


ชยางกูรนิ่งไปพักหนึ่งเมื่อปัณวิทย์พูดถึงพลภัทร ในตอนนี้เขารู้สึกเหมือนพลภัทรจะอ่อนลงมาก...นั่นรวมไปถึงความอ่อนโยนที่บางครั้งเขาแอบมองเห็นด้วย สำหรับตัวเขาที่ไม่สนอะไรนักเรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สำหรับปัณวิทย์ที่รักพ่อแล้วเจ้าตัวคงดีใจไม่น้อย


“ก็ลองขอดูสิ บอกว่าไปกับพี่พ่อคงไม่ว่าอะไรมั้งเพราะปันก็ปิดเทอมแล้ว พี่ก็ใช้พักร้อน” คนพูดว่าแล้วก็โอบคนตัวเล็กแน่นขึ้น ส่วนอีกมือก็ลูบขนนุ่มๆของฟูกับฝุ่นที่นอนซุกอยู่ไปด้วย


“เหรอ พี่เดฟขอดูดิ...” ก่อนที่จะได้พูดต่อ เสียงเคาะประตูห้องของเขาดังขึ้นทำเอาเจ้าตัวถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ


...ไม่เคยมีใครเคาะประตูห้องเขาตั้งแต่ย้ายเข้ามาห้องนี้นอกจากชยางกูร


“ใครวะ...”


ไม่ทันที่ชยางกูรจะได้คิดว่าเป็นใคร เสียงทุ้มห้าวเบื้องหลังบานประตูก็ดังขึ้นมาก่อน


“ปัน...เดฟ... ขอพ่อเข้าไปหน่อย...”


เป็นเจ้าของห้องที่หยุดนิ่งไป เขาชี้นิ้วไปที่โต๊ะหนังสือของตัวเองเป็นการส่งสัญญาณให้ชยางกูรลุกไปนั่งตรงนั้นขณะที่ตัวเองรีบวิ่งไปที่ประตู เด็กหนุ่มร่างบางหันมามองให้แน่ใจว่าชยางกูรนั่งลงที่โต๊ะแล้ว เขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเปิดบานประตูออกมา ดวงตาสบมองเพียงครู่เดียวก็เบนสายตาหนี ไม่กล้าที่จะสบมองตรงๆก่อนจะเอ่ยถาม


“มีอะไร เหรอครับ... คุณพลภัทร”


“ทำอะไรกันอยู่ พะ..ฉันไปที่ห้องเดฟมาเมื่อกี้เห็นไม่อยู่ที่ห้อง ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่หลับไม่นอนกัน” พลภัทรพูดด้วยแววตานิ่ง นัยน์ตาสีเข้มมองเข้าไปในห้องสบตากับลูกชายผมทองที่นั่งอยู่โต๊ะหนังสือ


“พี่เดฟ... มาช่วยผมติวหนังสือครับ...” ปัณวิทย์เบี่ยงตัวหลบให้อีกฝ่ายได้ก้าวเข้ามาก่อนจะยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน


“อืม...” เป็นคำตอบที่ไม่รู้ถึงความหมาย


ชยางกูรรู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมานิดหน่อยแต่ยังไม่เท่าปัณวิทย์ที่ดูท่าจะแข็งไปทั้งตัว นัยน์ตาสีฟ้าได้แต่ลอบสบตาให้กำลังใจ


“ครั้งล่าสุดก็ท็อปใช่มั้ย...” พลภัทรพูดออกมาก่อนจะหันไปหาปัณวิทย์


“บางครั้งฉันก็คิดว่าฉันคงแข็งเกินไปที่จะอ่อนโยนกับใครสักคนได้แล้ว....” คนพูดหัวเราะขึ้นจมูกราวกับจะเยาะเย้ยตัวเอง น่าขำที่ว่าถ้าความตายไม่เข้ามาใกล้อย่างตอนที่ปัณวิทย์ขับรถไปชน เขาคงไม่รู้ตัวเองว่ารักลูกที่ไม่ใช่สายเลือดอย่างปัณวิทย์มากแค่ไหน


เพราะรักมาก...เลยผิดหวังที่ไม่ใช่ลูกของตัวเอง


เพราะผิดหวัง...เลยลงท้ายด้วยการทำร้ายเด็กที่ไม่มีความผิดใดเลย


“ไว้คราวหน้าก็มาเรียนที่ห้องหนังสือสิ...ฉันจะช่วยดูให้”


“ด... ได้... เหรอครับ” น้ำเสียงของเขาสั่นเครือจนเจ้าตัวต้องเม้มปากแน่นหลังจากจบประโยค


“อืม...” พลภัทรรับคำพร้อมกับมองหน้าลูกชายที่รักตรงๆ


ปัณวิทย์ไม่รู้ตัวว่าน้ำตาไหลออกมาตอนไหน เขารีบยกมือขึ้นปาดมันออกแล้วเอ่ยบอกขอโทษ “ขอโทษ... ครับ...”


“จะขอโทษอะไร...ฉัน...พ่อต่างหากที่ต้องขอโทษปันที่เอาแต่ทำร้ายลูก” คำว่าพ่อและลูกที่สามารถพูดออกมาได้ทำให้เกิดความรู้สึกเต็มตื้นในหัวใจจนน่าประหลาด


“พ่อไม่ขอให้ปันยกโทษให้ แต่ถ้าเป็นไปได้...” นัยน์ตาคมมองใบหน้าที่เปรอะรอยน้ำตาของลูกชายแล้วยิ้มจางๆ


“พ่ออยากให้ปันเรียกพ่อว่าพ่อ...อีกครั้งได้มั้ย”


“... เรียกได้... แล้ว เหรอครับ” ปัณวิทย์มองหน้าคนที่ครึ่งหนึ่งเคยเรียกว่าพ่อแต่ถูกห้ามเรียกไป พอเห็นรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของพลภัทร ปัณวิทย์ก็กลั้นน้ำตาต่อไปไม่ไหว เด็กหนุ่มปล่อยโฮออกมาโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว


“พ่อ ฮึก ให้ปัน คุยด้วย อึก ให้ไปหาที่ห้อง หนังสือ... ได้แล้ว... ใช่มั้ย ฮึก ครับ”


ไม่ใช่แค่เพียงมือที่วางบนศีรษะ..หากแต่เป็นอ้อมกอดอบอุ่น


พลภัทรดึงตัวลูกชายคนเล็กเข้ามากอด...กอดที่ห่างหายไปสิบกว่าปี กอดเพื่อแทนขำขอโทษต่อเรื่องร้ายๆที่เคยกระทำ


“ปันเป็นลูกพ่อ... เหมือนเดิมนะลูก” ชายวัยกลางคนไม่ได้เอ่ยคำขอโทษ เขาเชื่อว่าปัณวิทย์จะรับรู้ว่าสำหรับผู้ชายแข็งๆและพ่อที่ใจร้าย การกระทำนั้นสำคัญกว่าคำพูดเพียงใด


“............ ครับ.....พ่อ....” เด็กหนุ่มที่เฝ้ารออ้อมกอดจากพลภัทรได้แต่ร้องไห้พลางยึดเอาชายวัยกลางคนที่แม้ไม่ได้มีสายเลือดเกี่ยวพันกันแต่เขาก็รักเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะไม่ได้กอดอีกเป็นครั้งที่สอง


...เพราะเป็นพ่อคนเดียวที่มี


ชยางกูรที่เฝ้ามองอยู่เงียบๆระบายยิ้มออกมาช้าๆ เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆพลภัทรถึงลุกขึ้นมาดีกับปัณวิทย์ แต่หากให้เดาคงเป็นเพราะเรื่องอุบัติเหตุเพราะตั้งแต่ตอนนั้นท่าทีของพ่อก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด


อะไรก็ช่าง...ชยางกูรขอแค่คนรักของเขามีความสุขก็พอ


“ปัน...ขอพ่อเรื่องไปเที่ยวดิ” ชายหนุ่มเอ่ยแทรกขึ้นในบรรยากาศอบอุ่นนั้น


พอได้ยินสิ่งที่ชยางกูรพูด เจ้าของห้องก็รีบเงยหน้าขึ้นมามองผู้เป็นพ่อพลางยกมือป้ายน้ำตาออกรวดเร็ว “ครับ... พ่อ คือ... ปันอยากไปเที่ยวต่างประเทศกับพี่เดฟ... แต่ถ้าพ่อว่าไม่ดี... ไม่ไปก็ได้นะครับ”


พลภัทรมองไปยังลูกชายอีกคน...ลูกที่เกิดกับผู้หญิงที่รักหากแต่ไม่ได้มีความผูกพันใดๆ


“เดฟจะพาน้องไปไหน”


“ผมกะว่าจะลาพักร้อนสักสองอาทิตย์ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปที่ไหนครับ”


ชายวัยกลางคนพยักหน้า เขาลูบใบหน้ามอมๆของลูกชายก่อนจะเลื่อนขึ้นไปขยี้หัวเบาๆ


“ก็ตามใจ อยากไปไหนก็เอา ปันปัน...ไปส่งพ่อนอนมั้ยลูก” พลภัทรถามพลางเรียกชื่อเล่นสมัยเด็กที่เคยหยอกล้อกัน


พวงแก้มของปัณวิทย์ซับสีเรื่อขึ้นมาเมื่อถูกเรียกแบบนั้น ทั้งดีใจ ทั้งเขินอายในเวลาเดียวกัน “ไปครับ” รอยยิ้มกว้างประดับอยู่บนใบหน้าก่อนที่เจ้าตัวจะหันมาหาคนที่ยืนอยู่


“เดี๋ยวมานะ”


ชยางกูรพยักหน้า จนกระทั่งประตูปิดลงร่างสูงถึงเดินจากโต๊ะหนังสือกลับไปนอนเอกเขนกบนเตียงพร้อมๆกับไอ้สองตัวที่ตะกายขึ้นมานอนซุกบนท้องเหมือนกระต่ายขาดความอบอุ่น


“ไง ฟูฝุ่น...น้องปันเขาดีกับพ่อแล้วเราจะหัวเน่ามั้ยนะ”


เหมือนกับสองตัวจะฟังเข้าใจ (แต่ไหนแต่ไรก็ดูจะเข้าใจตลอด) ทั้งฟูทั้งฝุ่นพากันกระโดดโหยงเหยงบนท้องของชยางกูร แม้จะตัวเล็ก แต่ลองกระโดดหลายๆรอบก็คงได้รู้สึกบ้างถึงอาการประท้วงของทั้งสองตัว


“เฮ้ย-- เจ็บน่า กระโดดอะไรกันอยู่ได้” เขาจับตัวสีฝุ่นขึ้นมาชูเหนือหัว “จับแดกแม่งเลยไอ้อาหารสำรอง”


เจ้าตัวขาวรีบกระโดดหนักเมื่อเห็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันเดือดร้อนแม้จะรู้ว่าแค่กระโดดคงช่วยอะไรไม่ได้


“ไอ้เบอร์สองนี่” ชยางกูรเกาพุงของฟูที่กระโดดอยู่


เขารู้....ว่าปันรอวันนี้มานานแค่ไหน


วันที่จะได้เรียกว่าพ่ออีกครั้ง....


“ทำอย่างกับพวกหวงแฟนเลย....ไอ้เดฟเอ๊ย”


ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับเจ้าของห้องที่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มกว้างอยู่ “มาแล้ว พี่เดฟ” ปัณวิทย์เดินเข้าไปหาคนที่นอนอยู่บนเตียง เด็กหนุ่มดูคล้ายกับจะลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมไปจับเจ้าฝุ่นออกมาจากการจับกุมของชยางกูร แล้วปีนขึ้นบนเตียง พาตัวเองเข้าไปหาอ้อมกอดของชยางกูร


“... ดีใจ... ปันดีใจมาก...”


ชยางกูรกระชับคนในอ้อมกอดที่มีแต่รอยยิ้มเต็มทั่วทั้งใบหน้า เขาจูบเบาๆบนหน้าผากและไรผมหอมอ่อนๆ


“พี่รู้...พ่อเองก็คงดีใจ”


กลับเป็นปัณวิทย์ ที่เป็นฝ่ายหอมแก้มชยางกูรก่อนจะซุกใบหน้าเข้ากับแผ่นอกกว้าง “ดีใจสุดๆเลย... พ่ออนุญาตด้วย พี่เดฟจะพาปันไปไหน”


“นึกว่าดีใจจนลืมพี่ไปแล้ว ลืมฟูกับฝุ่นด้วย”


“พูดอะไร เดี๋ยวให้ฟูกับฝุ่นกัดเลย... ปันจะลืมได้ยังไง... ตลอดไปที่สัญญากันไว้ ปันไม่ผิดสัญญาหรอก” หากชยางกูรสังเกต คงจะเห็นใบหน้าที่กลายเป็นสีแดงเข้มเรื่อยมาจนถึงใบหูของคนที่พยายามซุกซ่อน


“ล้อเล่นครับ” ชยางกูรแกล้งแหย่นิ้วเข้าไปในปากเจ้าตัวขาว “โอ๊ยๆๆ ฟูกัดพี่แน่ะปัน จับทำกระต่ายย่างดีมั้ย”


“เอานิ้วมานี่เลย เดี๋ยวทำแผลให้ อย่ามาแกล้งฟูกับฝุ่น” คนที่จะทำแผลให้เป็นฝ่ายดูดปลายนิ้วของชยางกูรเบาๆ “หายแล้ว”


“ว่าแต่ไปไหนกันดี มัลดีฟส์ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย หรือปันอยากไปไหน” ชยางกูรดึงปลายนิ้วที่ถูกทำแผลมาจูบเบาๆแล้วมองด้วยสายตารักใคร่


“ออสเตรเลีย แพงไปมั้ย”


“ตั๋วไปกลับสามหมื่นกว่า ก็โอเคนะ ปันอยากไปเหรอ”


“ไม่รู้สิ ไปไหนก็ได้ ให้พี่เดฟเลือก” เขาเอนตัวลงหาอ้อมกอดของชยางกูรอีกครั้ง


“ออสเตรเลียก็ได้ สักสองอาทิตย์เนอะ” ชายหนุ่มพลิกตัวขึ้นคร่อมแล้วไซร้เบาๆตามลำคอจนถึงไหปลาร้า


“ไปสองคน ฮันนีมูนรอบสอง”


“ฮันนีมูนอะไร ยังไม่ได้แต่งงาน” ทั้งดวงตาทั้งคิ้วเรียวที่ผูกเข้าหากัน เป็นการแสดงออกทางสีหน้าที่ตรงข้ามกับแขนสองข้างที่โอบกอดร่างสูงเอาไว้พลางขยับกายให้ไม่อยู่ในท่าทางที่อึดอัด


“งั้นซ้อมฮันนีมูน รอปันเรียนจบไปแต่งแล้วจดทะเบียนที่อเมริกากันนะ” ชยางกูรพูดแผนการในอนาคตด้วยเสียงรื่นเริง


ชายหนุ่มวางแผนเรื่องการจดทะเบียนของเพศเดียวกันมาได้สักพักแล้วหากแต่ยังไม่เคยพูดออกมาตรงๆ


“ยังไม่เคยให้แหวนปันเลย...”


“ด เดี๋ยว พี่เดฟพูดไปถึงไหนนั่น แต่งงาน จดทะเบียนอะไร... ปัน...... ไม่ไปอยู่ อเมริกา... หรอกนะ” ท้ายประโยคเจ้าตัวทำเสียงอ่อยลงเล็กน้อยจากตอนแรกที่ตั้งท่าเหมือนจะโวยวาย


อย่างน้อยเขาคงต้องใช้เวลาเตรียมใจมากกว่านี้เยอะๆ ไม่ใช่แค่เรียนจบแล้วจะไปได้แน่ๆ


พอปัณวิทย์บอกว่าไม่ไปอเมริกา...ชยางกูรกูรู้สึกเหมือนถูกบางสิ่งบางอย่างกระทบกระแทกหัวใจอย่างรุนแรง


จะให้อยู่กับตระกูลประสิทธิ์พรวิวัฒน์ไปตลอดชีวิต....เขาก็ไม่เอาเช่นกัน


“.....ปันไม่อยากอยู่กับพี่เหรอ...”


“พี่เดฟ ไม่เอา อย่าทำหน้าแบบนั้น” มือสองข้างยกขึ้นจับใบหน้าของชยางกูรเอาไว้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากอยู่กับอีกฝ่าย หากแต่เขาเพิ่งดีกับพลภัทร จะให้รีบไปนั้นคงทำไม่ได้


“ปัน... อยากอยู่กับพี่เดฟ แต่... ให้เวลาปันด้วย... ปันเรียนจบแล้ว จะให้ไปเลย มันเร็วไป...”


“..พี่เข้าใจ...ยิ่งตอนนี้พ่อดีกับปันด้วยแล้ว ปันคงไม่อยากไปสินะ” สองมือเอื้อมไปประคองแก้ม นัยน์ตาสีฟ้าจ้องเข้าไปในแววตาคู่นั้น


“เอาเถอะ...ไว้เรื่องนี้เราค่อยพูดกันอีกที”


“สัญญานะ.... ว่าจะรอ......” เขาจ้องมองดวงตาสีฟ้ากลับ สื่อความรักที่มีให้คนตรงหน้าผ่านแววตาของตัวเอง


“แค่ไหนก็รอ....”






///////////////////////////////////////////





ชยางกูรลืมตาขึ้นในความมืด เป็นอีกหนึ่งคืนที่แทบจะกลายเป็นทุกคืนที่เขานอนค้างในห้องของปัณวิทย์ นัยน์ตาสีฟ้าสวยเหลือบมองไปยังเด็กหนุ่มที่นอนหลับซุกตัวกับข้างตัวเขา ใบหน้าอ่อนเยาว์มีแต่รอยยิ้มที่ติดค้างมาจากสิ่งที่เพิ่งรับรู้เมื่อตอนก่อนนอน ริมฝีปากบางๆแย้มยิ้มอย่างเป็นสุขผสานกับลมหายใจแผ่วเบา


นัยน์ตาสีฟ้ากลอกมองความมืดทั่วห้อง ผิวกายอบอุ่นที่แนบชิดบ่งบอกว่าเด็กหนุ่มยังคงไม่ไปไหน


แต่จะอีกนานแค่ไหน?.....


เรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นทำให้หัวใจสั่นไหว ชยางกูรไม่เคยคิดถึงวันที่พลภัทรจะดีกับปัณวิทย์เพราะพลภัทรเป็นคนหัวแข็งเกินกว่าจะยอมอ่อนให้ใคร อาจจะเป็นเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นตัวกระตุ้น แต่บอกตามตรง... ชยางกูรกลัว


กลัวว่าสักวันหนึ่งปัณวิทย์จะไม่อยู่กับเขา... ปันจะเลือกพ่อในวันที่เขากลับไปอเมริกา


ชายหนุ่มหัวเราะเสียงแผ่วในความมืด เสียง... ที่แผ่วเบาจนแทบหายไปในลำคอ


เขากลัวที่จะแพ้พ่อของตัวเอง... พ่อที่ไม่ยอมรับปัณวิทย์ พ่อที่ไม่เคยสนใจ พ่อที่เคยทำร้าย... และพ่อที่รักปัณวิทย์ไม่เปลี่ยนแปลง


แม้ชยางกูรจะกลับมาที่บ้านเพื่อรับช่วงต่อ แต่เขาก็คิดว่าจะทำเพียงระยะสั้นๆเพื่อให้ได้เงินมรดกบางส่วน ธุรกิจของเขาอยู่ที่อเมริกาเป็นธุรกิจที่ร่วมมือกับเพื่อนสร้างมันขึ้นมา แม้ว่าตอนนี้จะยังเล็กๆแต่เขาเชื่อว่ามันจะเติบโตขึ้น


อีกอย่าง ถึงแม้พลภัทรจะเป็นพ่อแท้ๆที่รักกับแม่เขา แต่สำหรับชยางกูรที่เติบโตมากับผู้เป็นแม่คนเดียวไม่ได้มีความผูกพันกับพลภัทรสักนิด เขาไม่เคยต้องการอ้อมกอดอบอุ่นแบบปัณวิทย์ พลภัทรเองก็ยื่นข้อเสนอให้กลับมาในรูปแบบของธุรกิจ เพื่อคานอำนาจกับคณัสนันท์ ไม่ใช่ให้กลับมาเพราะอยากอยู่กับลูก


แล้วเขาผิดหรือเปล่า...ที่ไม่รักพ่อแท้ๆของตัวเอง


แล้วผิดหรือเปล่า...ที่จะเอาปัณวิทย์ไป....













To Be Continued......







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2012 16:08:12 โดย kagehana »

armmyrine

  • บุคคลทั่วไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด