...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<  (อ่าน 428202 ครั้ง)

ALeX

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ











ขอเก็บนายไว้ ให้หัวใจอุ่นรัก

“…ความรักมีอยู่ทุกหนแห่ง แม้ในหัวใจที่ทุกข์ระทมและบอบช้ำก็ตาม...”

บทที่ 1

      
       เสียงเรียกของใครบางคนทำให้ผมหันไปตามเสียงนั่น

      “เฮ้ยแดน เป็นยังไงบ้างว่ะ ปิดเทอมที่ผ่านมามึงไปเที่ยวไหนมา?”

      เด็กวัยรุ่นสามสี่คนเดินตรงมาทางผม ไอ้คนตัวเตี้ยที่สุดในกลุ่มทักผมอย่างร่าเริงหลังจากที่เราไม่ได้เจอหน้ากันตั้งสามเดือนเต็ม ไอ้ชัตน่ะเอง มันเป็นเพื่อนสนิทของผมมาตลอดสี่ปีที่ผ่านมานี่ ในโรงเรียนชื่อดังย่าน...(อ้อ โรงเรียนของผมเป็นโรงเรียนชายล้วนนะครับ)

      “กูสบายดี มึงล่ะ ไอ้บิว ไอ้อ๋อง ไอ้โย่ง”

      ผมทักเพื่อนๆทุกคนที่เดินมาด้วยกัน อ้อ ลืมบอกทุกๆคนไปว่าผมชื่อแดนครับ และเรื่องราวที่ผมกำลังจะบอกเล่าให้ทุกๆคนได้รับรู้ก็คือเรื่องราวความรักของผม...ที่แม้จะไม่ได้เป็นครั้งแรก แต่กลับสลับซับซ้อนกว่านั้น

      “เฮ้ย พวกกูอ่ะร้อน ‘อิหาย แต่มึงเปิดตูดแนบไปอะเมกานี่หว่า เย็นสบายเลยดิ”

      ผมยิ้มนิดๆแก้เขิน เอามือเกาผมยุ่งๆ ผมอ้อมแอ้มตอบกลับไปว่า

      “กูไปเยี่ยมพ่อกูว่ะ ไม่ได้อยากไปนักหรอก…”

      ใช่แล้วครับ พ่อของผมขณะนี้อาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ทำไมน่ะเหรอครับ? ก็เพราะว่าพ่อผมเป็นชาวอเมริกัน ส่วนแม่ผมท่านเป็นลูกครึ่งไทย – จีน แต่ผมนอนบ้านเดียวกับแม่ที่กรุงเทพ

      “อะไรกันว่ะ...มึงยังไม่หายโกรธพ่อมึงอีกเหรอ”

      ไอ้โย่ง หนึ่งในเพื่อนกลุ่มก๊วนเดียวกันถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง ผมรู้ว่าพวกมันห่วงผม ฟังจากน้ำเสียงของพวกมัน...แต่ไม่ครับ มันไม่ได้ทำให้ความรู้สึกต่างๆของผมกระเตื้องดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย

      พ่อของผมหย่าขาดจากคุณแม่นานหลายปีแล้ว ตั้งแต่ผมเป็นเด็กๆ ซึ่งปัญญาของเด็กวัยหกเจ็ดขวบตอนนั้นคงหนีไม่พ้นความเสียใจ ความสงสัย จากความสงสัยมาเป็นโมโห โกรธเกียจ และชิงชังคนเป็นพ่อไปในที่สุด...

      ผมเสียใจไม่มีวันหายที่พ่อทำกับพวกเราแบบนี้ ทิ้งแม่ผมไป ทิ้งผมไป ไปอยู่ที่อื่น...

      ผมไม่เคยมีความคิดอยากอยู่กับพ่อ ตรงกันข้ามต่างหาก ผมอยากหลบหน้าพ่อมากที่สุด แต่ทำยังไงได้เมื่อแม่ของผมท่านคะยั้นคะยอให้บินไปหาพ่อบ้างเหลือเกิน ทั้งที่ใจลึกๆอยากอยู่กับเพื่อนในช่วงเวลาปิดเทอมอันยาวนาน(ที่รู้สึกเหมือนสั้น)มากกว่า

      “ไม่รู้ว่ะ...แต่ช่างกูเถอะ กูไม่อยากพูดถึง”

      ผมตัดบท เพื่อนทุกคนก็รู้ดีว่าผมไม่มีอารมณ์พูดถึงเรื่องเหล่านั้น มันเลยชวนกันจะไปกินข้าวที่โรงอาหาร ชื่อเจ้าของร้านอาหารสุดฮิตเป็นหนึ่งในตัวเลือกทั้งหลายเหล่านั้น

      ผมสั่งอาหาร นั่งกินข้าว หัวเราะกับพวกมัน เอาเป็นเอาตายเพราะไม่ได้เจอหน้ากันมานานนม สักพักตอนที่อาหารตรงหน้าพวกเรากำลังจะหมด ฝ่ามือใครคนหนึ่งก็ผลักมาอย่างแรงจนเจ็บที่ไหล่ด้านหลังของผม พวกเราหยุดส่งเสียง

      “เฮ้ย! เงียบเสียงหน่อยได้ไหมว่ะพวกมึงอ่ะ กูจาแดกข้าว!”

      ผมที่ถูก ‘มัน’ เล่นงานทำใจดีสู้เสือ หันไปมองหน้า ซึ่งไม่ค่อยกล้าทำบ่อยนัก...แต่เผอิญวันนี้เป็นวันแรกที่เพิ่งเปิดเทอม ไอ้ความบ้าบิ่นที่เก็บกดไว้มันเลยเอาชนะความกลัวสำเร็จ เอาว่ะ เป็นไงเป็นกันเว้ยทีนี้!

      วินาทีแรกที่ผมสบตาไอ้จอมหาเรื่องนั่น ผมรู้ตัวเลยว่าภายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี่ผมมีสิทธิล้มหน้าคว่ำลงไปกองกับพื้น นี่มันไอ้พวก ‘ฆ่าด้วยมือเปล่า’ ชัดๆ!…เคยไหมครับ ทุกโรงเรียนมันจะมีพวกไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ ชอบสูบบุหรี่ และเชี่ยวชาญด้านอบายมุขต่างๆทุกกระบวนท่า ไอ้นี่ก็เหมือนกัน ดูจากสีหน้าท่าทาง แววตาหาเรื่องนี่ กร่างน่าดูเชียวครับ...(น่ากัวอ่า~~~>.<)

      พอรู้ตัวแล้วว่าผมตัดสินใจผิด เลือดภายในกายมันดูเหมือนจะเย็นเป็นน้ำแข็งไปตามๆกัน(กลัวเลือดกลบปาก) ปกติแล้วไม่มีใครที่ไหนที่เขาสติดีไปยุ่งกับไอ้พวกนี้กันหรอกครับ ยิ่งไอ้ควายนี่ยิ่งตัวใหญ่เบ้อเริ่ม สูงโคตรรร มันงี้กำมือแน่นจมกล้ามขึ้นเป็นมัดเลยครับ

      “หุบปาก แล้วพวกมึงก็แดกไปซะ”

      เนื่องจากโรงอาหารโรงเรียนนี้มันแคบครับ พวกเรามองหน้ากันด้วยดวงใจที่เต้นตึกตัก ก่อนจะรีบเก็บจานแล้วลุกหนีไปจากบริเวณนั้น และแล้วในที่สุดพวกเราก็เริ่มกลับมาใช้เสียงกันอีกครั้ง หลังจากถูกไอ้คนกร่างแผ่นดินนั่นข่มขู่พวกเรา

      “ไอ้พวกเดนสวะนั่น...ไม่ต้องไปสนใจมัน” ผมพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น พูดอย่างสงบ แม้ว่าในใจยังอยากจะแอบเอามือไปลูบไหล่ตรงที่โดนมันผลักเอา ไอ้...แรงควายชะมัด

      พวกคุณอาจจะสงสัยว่าทำไมกลุ่มของพวกผมถึงได้แอนตี้เด็กเกเรกันนัก มันก็เพื่อน ก็โรงเรียนเดียวกัน? แต่สำหรับความคิดของผมในตอนนั้นมันไม่ใช่อย่างตอนนี้ครับ ผมเป็นเด็กดี เด็กที่ตั้งใจเรียนและอยู่ในโอวาทของครูบาอาจารย์ทุกท่านเสมอมา แม้ว่าจะมีซุกซนบ้าง แต่ก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน ที่บ้านไม่เคยต้องหนักใจ

      เสียงวงดนตรีดุริยางค์เริ่มบรรเลงเป็นสัญญาณให้นักเรียนเตรียมตัวออกมาเข้าแถวหน้าเสาธง ปกติแถวม.ปลาย(ผมเพิ่งขึ้นม.4ครับ เป็นเด็กม.ปลายสดๆร้อนๆ)จะอยู่กลางแดด โดยเสียสละให้น้องๆม.ต้นได้เข้าแถวในที่ร่ม

      ผมก็ทำเหมือนที่เคยทำทุกเช้า ของทุกปี นั่นคือคุยเล่นกับเพื่อนๆเป็นการหยอกล้อ จนกว่าครูจะเอาไม้เรียวมาไล่ตีนั่นแหละถึงจะเรียกได้ว่าเข้าแถวจริงๆ จากนั้นนักเรียนทั้งโรงเรียนก็จะต้องนั่งฟังพวกผู้บริหารพล่ามจนจบ เป็นอันเสร็จพิธี(ที่แสนห่วยแตก)

      แต่ผมไม่มีวันรู้ครับ ว่าเหตุการณ์หลังเข้าแถวเช้าวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไปทั้งชีวิต...




บทที่ 2


      ตอนเข้าแถว สายตาของผมมันบังเอิญไปสบลงที่เป้าหมายอันไม่พึ่งประสงค์ แต่ด้วยแรงอะไรบางอย่าง...ทำให้ผมต้องเฝ้าจับตามอง สังเกตไอ้ ‘เถื่อน’ นั่นที่เล่นงานผมตอนกินข้าวเช้าในโรงอาหาร    

      ผมแอบหัวเราะเย้าะเย้ยมันใจใน ฮึ! ไอ้เถื่อนตอนนี้กำลังทำหน้าจ๋อยครับ ไม่รู้เพราะอะไร มันกำลังกอดกระเป๋านักเรียนแฟบใบหนึ่ง(ซึ่งเดาเอาว่ารู้อดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้ว่าหนังสือเรียนไม่มีวันได้เข้าไปอยู่ในนั้นได้แน่นอน) มันยืนเกาหัวงง ท่าทางเงอะงะต่างจากที่มันทำกับผมไว้ตอนเช้า สักพักครูผู้ชายเข้ามาไล่ตีมัน มันก็วิ่งหนีหัวซุกหัวซุน ถึงตอนนี้ผมหัวเราะออกมาเบาๆกับภาพที่เห็น

      แต่ไม่รู้เพราะอะไร ในส่วนลึกลงไปในห้วงความคิด...ผมรู้สึกสงสารมัน

      ไม่ได้ๆ! ผมไปสงสารมันไม่ได้ครับ มัน...มันเกือบจะต่อยหน้าผมแล้วไง!

      ผมพยายามไม่หันกลับไปมอง ตั้งใจนั่งฟังผู้อำนวยการพล่ามไปเรื่อยๆ คุยกับเพื่อนข้างๆบ้าง จนในที่สุดก็ลืมมันจนได้ เมื่อหัวหน้าระดับมาปล่อยแถวทีละห้อง เข้าไปนั่งที่ในห้องเรียน ผมก็รู้สึกโล่งใจอย่างแปลกประหลาด...เฮ้อ เปิดเทอมใหม่นี่ ผมจะตั้งใจเรียนให้มากที่สุด!

      ครูประจำชั้นเข้าห้องมาโฮมรูม เลือกหัวหน้า ฯลฯ จนเมื่อกระบวนการต่างๆเสร็จเรียบร้อย ครูก็ไม่ยอมออกไปสักที ผมสังเกตเห็นท่านกำลังมองนาฬิกา หน้าตาเริ่มหงุดหงิดพร้อมกับชะเง้อออกไปนอกห้องเหมือนกำลังรอใครบางคน

      “ทำไมนายนี่ยังไม่มาอีกน้า…” ครูบ่น คิ้วเริ่มขมวดเป็นเกลียว(แหะๆ ความจริงแค่ย่นหน้าผากเฉยๆ)

      และแล้วเสียงพื้นรองเท้านักเรียนที่คล้ายกับควบมาแต่ไกลก็ดังขึ้นที่ระเบียงทางเดินด้านนอกห้อง พร้อมกับที่ร่างของใครบางคนพรวดพราดเข้ามา ตายอ่า+++ไอ้เถื่อนนั่น ไอ้เถื่อนนั่นอยู่ห้องเดียวกับผมเหรอเนี่ย!

        ไอ้นั่นมันก็สบตามาที่ผมทันทีครับ โอพระเจ้า! หน้าตามันโคตรเป็นเด็กดีอ่ะครับ แต่แค่ท่าทางมันเกเรนิดๆก็เท่านั่นเอง ถามว่าผมรู้ได้ไงอ่ะเหรอ? 555+ ไม่รู้หรอก คงเพราะว่ามันขาว แล้วก็...หล่อด้วยล่ะมั้ง(ในความคิดของผมคนเถื่อนมันจะตัวดำๆ บึกๆ แบบว่าตบทีเดียวอยู่อ่ะ...อยู่ที่วัดเลยอ่ะนะ)

      มันยิ้มครับ เชื่อไหมครับ ตอนนั้นผมคิดไปเองหรือเปล่าก็ไม่รู้...แต่แค่รู้สึกว่า มันยิ้มด้วยความโล่งใจ???!!!!

      ครูประจำชั้นแนะนำให้ทั้งห้องรู้จัก ‘เด็กใหม่’ ซึ่งมันก็นอบน้อมดี ท่าทางเรียบร้อยเชียวเวลาอยู่ต่อหน้าครูแก ท่านก็ถามไปยิ้มไป(ผมโชคดีมากใช่ไหมล่ะครับที่ได้ครูดี ครูชื่อฟ้าครับ เรียกว่าครูฟ้าๆกันเป็นแถวเพราะแกเป็นกันเองกับเด็กมากกก)

      เพื่อนๆก็ให้ความสนใจกับมันไม่น้อยครับ เพราะว่าโรงเรียนผมขึ้นชื่อว่าเข้ายากมาก เปอร์เซ็นต์คนที่สอบเข้ามานับปีก็ลดน้อยลงๆ ยิ่งเข้ากลางปียิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่นี่มันม.4 เริ่มม.ปลาย เข้าได้คงไม่แปลก แต่ก็แปลกอยู่ดีแหละเพราะว่ามันต้องใช้เส้นที่ใหญ่พอดูแน่ๆ หรือไม่ก็เก่งอภิมหากาพย์

      แต่กลุ่มก๊วนของผม โดยเฉพาะผมยิ่งแล้ว ไม่ได้แสดงความต้อนรับยินดีปรีดาอะไรร่วมไปกับ ‘ไอ้เด็กใหม่’ ด้วยเลย คงรู้ใช่ไหมครับเพราะอะไร...

      “อ้าวเธอ ไปนั่งตรงนั่นไป ว่างอยู่พอดี”

      ครูฟ้าชี้มาตรงโต๊ะตัวที่ว่างอยู่ข้างหลังผมพอดี ผมซึ่งนั่งติดกับไอ้ชัตทำหน้าเหวอ แต่ก็ไม่ทันทักท้วงอะไรได้แล้ว ไอ้เวรนั่นเดินมาทรุดกายลงจับจอง ครูฟ้าท่านก็รีบออกไปสอนคาบแรกที่ห้องอื่นต่อทันที

      “เฮ้ย ไอ้ตี๋ ลุกออกไปนั่งที่อื่นดิ”

      จะบอกให้ พอมันเริ่มพูด ไอ้เสียงทุ้มๆ ห้าวๆทรงพลังอย่างแปลกประหลาดนั่นทำเอาผมขนลุกเลยทีเดียว ไอ้ตี๋ที่มันพูดถึงเหรอครับ? ไอ้ชัตผู้โชคร้ายไงครับ

      “กูพูดไม่ได้ยินไง ลุกออกไปเด่!” มันเริ่มตะคอก

      ไอ้ชัตซึ่งรู้ตัวดีอยู่แล้วเหลือบตามองผม ก่อนจะส่งแววตาขอโทษขอโพย(อย่างจะเอาตัวรอดและน่าสมเพช ไอ้เพื่อนชั่ว!)

      สรุปแล้วมันลุกครับ ลุกให้ไอ้หมอนั่น! เด็กใหม่คนนั้นก็ยิ้มหน้าระรื่นเข้ามานั่งแทนที่ไอ้ชัต ส่วนเจ้าของเดิมกระเด็นไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่ผมไม่สงสารมันหรอกครับ มันอยากทรยศผมก่อนเอง

      “มึงชื่อไร?”

      “พูดกับใคร?” ผมตอบเสียงเรียบ

      “มึงแหละไอ้ฝรั่ง แหมทำเล่นตัว”

      โอย จะบ้าตาย เวลาผมอยู่ใกล้ไอ้พวกเถื่อนพวกนี้แล้วอยากจะฆ่าตัวตาย เคยเป็นไหมครับ แบบว่ากลัวมันทำร้ายร่างกายเอาอ่ะ  

      มันจ้องหน้าผมครับ ดวงตามันเรียวๆแบบเด็กที่มีเชื้อสายจีน สีน้ำตาลอ่อนพอมองออก คิ้วเข้มพาดเฉียงเหนือดวงตาทั้งสองข้าง หน้าผากกว้าง จมูกโด่งใช้ได้ทว่ายังไม่เท่าผมเพราะมีเชื้อยุโรปปนมาด้วย เลยดีกรีสูงกว่านิดส์ ทว่าริมฝีปากมันนี่ซิครับ แดงปนชมพูระเรื่อเหมือนพวกในโฆษณาเลย ผิวก็ออกครีมๆขาวๆ ดูไปดูมาแล้วหน้าจิ้มลิ้มเหมือนเด็กๆ มองอีกมุมก็เข้มจัดอย่าบอกใคร(เหอะๆ)

      “ดะ...แดน” ผมตอบมันไป

      “กูอยากเป็นเพื่อนมึง กูชื่อชิพ”

      มันอยากเป็นเพื่อนผม?! ทำไงดีว่ะทีนี้

      “แต่...กูมีเพื่อนสนิทแล้ว” ผมนึกอยากตบปากตัวเองที่พูดออกไปแบบนั้น

      “มีอีกสักคนจะเป็นไรไปว่ะ ไมว่ะ? กูมันเลวนักหรือไง มึงเลยเล่นตัวจริงนะไอ้สัด”

      ผมก้มหน้างุด รู้สึกเหมือนมีรังสีพิฆาตคอยจ้องมอง

      “มึงลูกคุณหนูนักเหรอไง หา?” ไอ้ชิพ เพื่อนใหม่สดๆร้อนๆยื่นหน้าเข้ามาใกล้

      “เปล่าหรอก กู...” ผมดีแต่อึกอัก

      “มึงกลัวกูใช่ไหมล่า 555+ “ เอ๊ะ ไอ้เชี่ยนี่รู้ทันแฮะ

      ขอนอกเรื่องนิดหนึ่ง ห้องที่ผมอยู่มันคือห้องคิงของระดับอ่ะครับ ผมก็นึกสงสัยอยู่ตั้งนานแล้วว่าทำไมได้เด็กใหม่คนนี้มันถึงเข้าปุ๊บอยู่ห้องคิงปั๊บเลย พอมาตอนหลังถึงได้รู้ว่ามันเรียนเก่งโคตร โดยเฉพาะเลขมันนี่ระดับเทพเลยครับ

      “ไม่เป็นไรๆ มึงอยากให้กูพูดคะขากะมึงไหมล่ะ”

      ไอ้ชิพถามมาผมกลับงง อะไรว่ะ คะขา?

      “ก็แบบประมานว่า เรา นาย อะไรทำนองเนี่ย” มันพูดอธิบายให้เสร็จสรรพพอเห็นว่าผมไม่ตอบ

      “ไม่ต้อง คุยกับกูปกติ” ผมเริ่มผ่อนคลายลงเพราะไอ้ชิพมันเริ่มใช้โทนน้ำเสียงธรรมดา ยิ้มให้ผมด้วย...ซึ่งความจริงแล้วมันก็ดู...เอ่อ ไม่ค่อยร้ายกาจเท่าไรนัก

      ตอนนั้นผมจำความรู้สึกในสมองได้ดี...ทำไมครูคาบแรกยังไม่เข้าสักทีว่ะ ไอ้เชี่ยนี่จะได้เลิกพล่ามใส่ผมสักที แม้ว่าจะรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยก็ตามหลังจากที่มันชวนคุย

      “ทำไมหน้าตามึงเหมือนฝรั่งๆวะ?”

      อ้าว ไอ้ควายนี่ “ก็กูเป็นลูกครึ่ง”

      “ครึ่งอะไร ครึ่งหญิงครึ่งชาย?” แววตาที่มันแกล้งล้อผมเล่นแวววาว เป็นประกาย

      ผมค้อนขวัก “ครึ่งไทย อเมริกัน” ผมไม่ได้ด่ามันตามหลังดั่งปกติ เพราะยังระแวงอยู่ไม่ใช่น้อย

      “โห พ่อหรือแม่มึงล่ะที่เป็นไอ้กัน”

      หน้าผมแดงเล็กน้อย เลยตอบมันไปสั้นๆเท่านั้นว่า “พ่อ”

      แล้วมันก็จ้อต่อไปครับ ตอนแรกรำคาญเล็กน้อย ทว่าจะไม่ตอบคำถามมันก็ไม่กล้าเพราะกระไรอยู่...แต่ข้อใหญ่ใจความคือกลัวฟังครูพูดเวลาเรียนไม่รู้เรื่อง แต่ที่ไหนได้ มันกลับตั้งใจเรียนมากครับ แล้วครูที่เข้าช้ามากๆๆๆคนนี้ก็โคตรน่าเบื่อ พูดอะไรเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาหมด จะทำเอาผมหลับเสียให้ได้ แต่ไอ้คนข้างๆผมนี่ซิครับ จดเอาๆจนได้กระดาษเป็นหน้าๆ ถึงตอนนี้แล้วผมชักอยากจะชวนมันคุยเสียเอง กลัวหลับ แล้วโดนหักคะแนน(แป๋ววว)

      พอใกล้จะจบคาบ มันก็แอบมากระซิบชวนคุยต่อครับ “เฮ้ย มึงมีแฟนยังอ่ะ”

      “ไม่มี ไมอ่ะ” ผมตอบเรียบๆ ไม่ได้คิดอะไร

      “โรงเรียนนี้น่าเสียดายว่ะ ไม่มีหญิงเลย แต่ก่อนตอนกูอยู่โรงเรียนเก่า...ผู้หญิงชอบกูตรึม กูเป็นถึงนักบาสระดับจังหวัดเชียวนะเฟ้ย!”

      ผมพยักหน้าฟังมันพูดไปเก็บของไป พลางหยิบเอาสมุดหนังสือออกมาจากใต้โต๊ะเพราะคาบเรียนต่อไปต้องเดินไปเรียนที่ตึกวิทย์ฯ มันก็ยังตามผมมาครับ จนกระทั่ง...

      “โอย!...”

      ผมร้องเสียหลง ขณะที่กำลังก้มใส่รองเท้าอยู่หน้าห้องดีๆนั้น ใครบางคนมันก็ดันวิ่งมาชนผม ไม่ใช่เบาๆเลยนะครับ ผมงี้ล้มลงไปทั้งตัว หนังสือหนังหากระจัดกระจายเกลื่อนกล่าน ผมปัดตัวเร็วๆพร้อมกับที่เงยหน้าขึ้นไปเพื่อจะด่าไอ้เวรนั่น แต่ว่า...

      สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าแทบทำให้หัวใจของผมหยุดเต้น พูดไม่ออก กลืนน้ำลายไม่ได้ หัวใจมันเต้นแรงเร็วบวกกับความแห้งในลำคอราวกับใส่กรวดคั่วร้อนๆลงไป ผม...ผมไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ผมไม่อยากเชื่อใจตัวเอง!

      “ขอโทษนะครับน้อง พี่กำลังรีบ”

      เด็กนักเรียน...ม.6คนนั้นเริ่มวิ่งออกไปตามทางเดินอีกครั้ง แต่แค่เสี้ยววินาทีที่ผมสัมผัสสายตากับเขา และขณะที่เขาเอ่ยคำขอโทษเพียงประโยค ภาพความทรงจำต่างๆภายใจจิตใจผมมันก็ระเบิดออกมาครับ ผมจดจำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกเค้าโครงใบหน้าอันคุ้นเคยนั่น...ทำให้นึก ทำให้นึกถึงทันที...

      ทำไม? ทำไมคนๆนั้นถึงได้หน้าเหมือนกัน...ขนาดนี้?!

      เหมือนมีน้ำอุ่นใสไหลมาเอ่อคลอตรงหน่วยตา ผมกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไม่อยากร้องไห้เพราะเรื่องเดิมๆอีกต่อไปแล้ว ไม่อยาก...

      “เฮ้ยเชี่ยแม่ง! ชนคนประสาไรว่ะ ไม่ดูตาม้าตาเรือ” ไอ้ชิพครับที่เป็นคนรีบเข้ามาช่วยพยุงผมเป็นคนแรก หลังจากที่มันตะโกนด่า ‘เขาคนนั้น’ จนพอใจไปอีกหลายชุดด้วยวาจาเผ็ดร้อน...ผมรีบปาดน้ำตา มันเห็นก็ชะงัก อึ้งดิครับงานนี้

      “เฮ้ยไอ้ฝรั่ง มึงโดนชนล้มแค่นี้ร้องไห้เลยหรือไงว่ะ ปอดแหกเปล่าว่ะเนี่ย?”

      ตาแดงๆทำยังไงมันก็ปกปิดไม่ได้ ผมเลยได้แต่ตอแหลมันไปตามระเบียบ “เปล่า แค่ผงเข้าตาเท่านั้นเอง”

      มันยังคงจับต้นแขนผมไว้ มองด้วยสายตาเป็นห่วง...มันส่ายหน้านิดๆ ก่อนจะเอ่ยให้ผมได้ยินคนเดียวว่า “อะไรกันว่ะ เรื่องแค่นี้อย่าร้องไห้ดิ เราเกิดมาเป็นผู้ชาย ชาตินี้อย่าเสียน้ำตานะโว้ย”

      มัน...มันพูดออกมาราวกับว่าตั้งแต่เกิดมามันยังไม่เคยร้องไห้ ไม่เคยเสียน้ำตาให้กับสิ่งใด...

      ผมพยักหน้า ไอ้ชิพมันก็โอบคอผมพร้อมกับเดินไปเรียนที่ตึกวิทย์ฯด้วยกัน แต่ทำยังไงผมก็ลืมหน้าผู้ชายคนนั้นไม่ลง มันทำให้ผมเซื่องซึม ทำอะไรไม่ถูกไปทั้งวัน...

      ผมเองก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร คงเพราะเรื่องเก่าๆ ที่กัดกินหัวใจของผมอยู่กระมัง ที่ทำให้ผมอยากตายตามเขาไป ตาย...ตามพี่ที่แสนดีของผมคนนั้นไป!


      (โปรดติดตามตอนต่อไป)

:a13:q

*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2010 21:18:01 โดย THIP »

ALeX

  • บุคคลทั่วไป
ขอโทดด้วยนะครับ เลือกรูปไอคอนผิด แหะๆ....

รบกวนถามผู้รู้ด้วยและกันนะครับว่าตอนต่อไปควรเอามาลงเป็นreply ของtopicนี้ดี หรือ ขึ้นtopicใหม่ได้เลย เพิ่งเข้ามาครั้งเเรก ยังไม่รู้มารยาทของบอร์ดนี้ดีอ่ะครับ ยังไงช่วยกรุณาเเนะนำน้องใหม่อย่างผมด้วย ขอบพระคุณรุนช่องไว้ล่วงหน้าและนะคร้าบ :m1:

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
จั๊วหัวมาก้อน่าจะหนุก อยู่นะคับ ยังงัยก้ออย่าลืมมาต่อนะคับ ติดตามด้วยคน

inimeg

  • บุคคลทั่วไป
ลงต่อๆ กันไปเรื่อยๆ ครับ เรื่องเดียวให้อยู่ในกระทู้เดียวเลยครับ อย่าไปตัง้ใหม่ เดี๋ยวจะพาลตามอ่านยากครับ เพราะว่ามันจะโดนดันตกลงไปเรื่อยๆ


เรื่องนี้เยี่ยมครับ ฝีมือใช้ได้เลย


ปล. โกรธเกลียด ครับไม่ใช่ เกียจ

แล้วก็ เลือดกบปาก นะครับ ไม่ใช่กลบ


ที่เหลือก็ม่ายมีอะไรแล้ว ที่พิมพ์ตกหล่นก็ไม่ค่อยมี แสดงว่าตั้งใจดีเยี่ยมเลย (ขนาดข้าพเจ้าทวนแล้วทวนอีก ยังมีพิมพ์ตกเลยง่ะ)

yakumaji

  • บุคคลทั่วไป
  :m1: เขียนดีจังเลยค่ะ สำนวนใช้ได้เลย อัพต่อเร็วนะ รออ่านอยู่จ้า :oni2:

satan666

  • บุคคลทั่วไป
แค่เริ่มเรื่องก็ทิ้งปมปริศนาให้สงสัยกันซะแล้ว

ดำเนินเรื่องได้ดีค่ะ น่าติดตามดี

เป็นกำลังใจให้นะคะ  :m1:

ปล. replyต่อไปเลยค่ะ ไม่ต้องขึ้นtopicใหม่

abcd

  • บุคคลทั่วไป
 :oni2:  เรื่องนี้หนุกดี ภาษาใช้ได้เลย ชายล้วนและลูกครึ่ง  :m1:









ปล.1  ต่อกระทู้นี้เลยจะได้ต่อเนื่องเป็นเรื่องเดียวกัน พอมาอัพเดทก็ค่อยมาแก้ชื่อตรงหัวข้อทีหลัง
ปล.2 ได้เจาะไข่ ALeX ด้วย รอดมาได้ไงเนี่ย อิอิ

^^sky^^

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาให้กำลังใจคับ  รออ่านต่อนะค๊าบ
 :mc3:

ออฟไลน์ ChiiCaLorz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0

มาเป็นกำลังใจให้ค๊าฟฟ เด๋วมาอ่าน อาบน้ำก่อง  :oni1:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
มาให้กำลังใจจ้า รออ่านต่อนะ  :m4: :m4:



ปล. ช่วงนี้ไม่ได้เจาะไข่เลยอะ โดนแย่งหมด  :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cargo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

                   มาให้กำลังใจค๊าบ   เป็นกำลังใจให้นะคับ    :oni2: :oni2: :oni2:

ALeX

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 3
«ตอบ #11 เมื่อ31-12-2007 00:15:07 »

วันนี้เอามาลงให้น้อยหน่อยล่ะกันนะคร้าบ เผอิญเพิ่งกลับมาจากการไปสังสรรค์กับครอบครัวมา ง่วงมากมายเลย ยังไงผมก็ขอขอบพระคุณแรงใจจากท่านผู้อ่านทุกท่านนะครับ ขอบคุณมาก แล้วจะเอามาลงให้อ่านเรื่อยๆนะครับ ขอบคุณครับ  :pig4: :m1:



บทที่ 3

      
        เดือนถัดมา เป็นการเริ่มเดือนที่สองหลังจากเปิดภาคเรียน เป็นต้นอาทิตย์ที่ทุกๆอย่างเริ่มลงตัว กิจกรรมเริ่มมีอิทธิพลควบคู่ไปกับการร่ำเรียน ความจริงแล้วมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเด็กนักเรียนภายในโรงเรียนแห่งนี้เลยก็ว่าได้

      จิตใจของผม...มันซังกะตายอย่างไรไม่รู้ หลังจากเกิดเหตุการณ์วันนั้น เพื่อนๆก็คอยเฝ้าถามเป็นห่วงเป็นใย โดยเฉพาะเพื่อนใหม่อย่างไอ้ชิพนี่แหละครับ ที่คอยอยู่เป็นเพื่อนผมตลอดเวลา

      มันชอบถามผมว่าเป็นอะไรไป นานวันเข้าก็เปลี่ยนจากถามเฉยๆ มาเป็นซัก ข่มขู่ และต่างๆนานาตามความดิบเถื่อนในสมองมัน แต่ผมก็ตอบได้คำเดียวแหละครับ ว่าไม่ได้เป็นอะไร ทั้งๆที่ผมอยากเจอหน้าพี่คนนั้นอีก เพราะมันเหมือนความจริงที่ตอกย้ำในจิตใจผม เป็นเพียงฝัน... สิ่งเลวร้ายเหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ...

       ทุกๆวันหลังเลิกเรียน มันก็จะอยู่รอทำการบ้านกับผมครับ ความจริงแล้วเด็กส่วนใหญ่จะออกไปเตะบอลกันในช่วงที่มีเวลาว่าง(และดูเหมือนว่าพวกมันจะทำกันเช่นนี้ทุกครั้งที่ว่าง) แต่ชิพบอกว่ามันไม่ชอบเตะบอล กีฬาที่มันชอบมีอย่างเดียวคือวิ่งแข่ง กับเล่นบาส

      ผมปฏิเสธไม่ให้มันรอหลายครั้ง เกรงใจที่บ้านมันเพราะผมเป็นคนกลับบ้านเย็นทุกวัน แต่ไอ้ชิพไม่ยอมครับ มันบอกเองว่าจะกลับบ้านกับผม ประหยัดเงิน(ของมัน)ดี  ซึ่งไม่รู้ว่าสวรรค์เล่นตลกอะไรให้บ้านมันดันมาอยู่ในซอยถัดจากบ้านผมไปแค่สามซอย ความจริงแล้วผมไม่คอยชอบเปิดเผยที่อยู่ให้ใครรู้ยกเว้นสนิทกันจริงๆ แต่กรณีไอ้ชิพ...แม้จะรู้จักกันแค่ไม่กี่อาทิตย์ มันรู้หมดว่าผมอยู่บ้านไหน อยู่กับใคร เข้าออกบ้านเวลาใด...ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าผมยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง...555+ กับไอ้เพื่อนดิบเถื่อนที่ชื่อชิพคนนี้

      ฉะนั้นการกลับบ้านพร้อมกันของพวกเราทุกครั้งทำให้ผมกับไอ้ชิพสนิทกันมากขึ้น ผมเคยถามมันว่าเอ็งอยู่บ้านกับใคร มันก็ตอบว่าอยู่กับย่ากันแค่สองคน มันทำเสียงเศร้าๆจนผมไม่กล้าถามต่อ อีกทั้งไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของมันด้วย เลยได้รู้แค่นั้น

      ส่วนวันนี้ผมมาโรงเรียนแต่เช้าครับ เมื่อคืนมันนอนไม่ค่อยหลับ รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์ยังไงชอบกล แถมวันนี้เป็นวันที่พี่ม.6จะรับขวัญน้องม.4กันด้วย สงสัยวันนี้ผมต้องเหนื่อยตายจากการถูกรุ่นพี่ทรมานแหงแก๋ (*O*”)

      นั่งมองต้นไม้ริมหน้าต่างอยู่ ไอ้ชิพก็โผล่มาราวกับรู้ใจ

      “ไงแดน”

      มันเดินมานั่งข้างๆผม แปลกแฮะ ทำไมวันนี้มันดูโทรมๆ

      “เมื่อคืนไปทำอะไรมาล่ะ” ผมยังคงเท้าคาง เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง

      “ฮื้อ? อยากรู้จริงๆเหรอกูทำอะไร?”

      มันใช้สายตาหวานหยาดเยิ้มมองผม แปลกชะมัด...ทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บแปล๊บที่หน้าอกก็ไม่รู้ ใจเต้นเร็วขึ้นมานิดส์นึง แถมตัวยังร้อนๆขึ้นมาด้วย

      “มะ...ไม่อยากรู้” ผมละล้ำละลัก บ้าที่สุด! กูล่ะเบื่อชะมัดเวลาหน้าแดงแล้วทำอะไรไม่ถูกเนี่ย เฮ้อ...

      “เมื่อคืนดูหนังดึกไปหน่อย ขอนอนหน่อย เอ้า ขยับตัวมานี่ดิ”

      พูดไม่พูดเปล่า มันเขยิบตัวมานั่งเบียดสีข้างกับผม แล้วก็นอนซบไหล่ผมไปเลยครับ ผมก็ ‘อ้าวเฮ้ย!’ เอ็งมาสร้างภาพให้คนอื่นเขาเข้าใจผิดกันหมดแบบนี้ ได้ไงเนี่ย!?(ดีนะที่ยังเช้าอยู่...)

      ระหว่างที่มันหลับ(จริงๆ) มันกรนเบาๆ แสดงว่ามันคงง่วงมาก ผมมองลงไปยังซีกหน้าที่สงบนิ่ง แพขนตาของมันปิดสนิท สังเกตดูดีๆแล้วมันหน้าตาดีกว่าที่ผมประเมินไว้เมื่อวูบแรกที่เห็นอีกแฮะ

      มือของผมค่อยๆยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว เอาขึ้นมา...ขึ้นมาวางไว้บนกลุ่มผมสั้นๆซึ่งนิ่มพอดู ลูบเบาๆ ผมคิดว่าตั้งแต่เปิดเทอมมานี่จิตใจของตัวเองไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทำอะไรที่คาดไม่ถึง และ...

      “เฮ้ย หยุดเล่นหัวกู”

      ไอ้ชิพผงกหัวขึ้นมาค้อน แววตามันแดงๆเคืองๆ แต่แล้วมันก็จ้องหน้าผมครับ จ้องแบบเราไม่กระพริบตากันเลย แล้วริมฝีปากแดงๆของมันก็ขยับพูด

      “จะบอกได้ยังว่าหลายวันมานี่มึงมีเรื่องอะไร?”

      “ไม่มีอะไร” ผมรีบตอบทันครัว เบือนหน้าหนีทันที

      “เดี๋ยว มีอะไรเล่ามาเดี๋ยวนี้เลย” มันคว้าข้อมือผม เจ็บแฮะ...ไอ้ควาย ‘ไมแรงมึงถึงเยอะยั่งกับหมีควายแบบนี้ว่ะ

      “กูไม่บอก” เอาว่ะ ตอนนี้ผมเริ่มที่จะกล้าเถียงกับมันแล้ว แต่มันทำหน้าดุ หน้าไอ้ชิพเข้มจัด น่ากลัวมากๆคับ...

      “ไม่บอก กูจา...”

      เย้ย! มันจะต่อยผมเหรอเนี่ย? โอมายกอดด์! คนยิ่งไม่มีอยู่ด้วย เอาแล้วไง...เล่นกับใครไม่เล่น ดั๊นไปเล่นกับไอ้ชิพจอมเถื่อน ซวยแน่กู หน้าบวมตั้งแต่เช้าทุกคนต้องรุมหัวเราะเยาะผมแน่ๆ!!!

      บังเอิญไอ้บิวที่เป็นหัวหน้าห้องมันเข้ามาพอดี ไอ้ชิพเลยรีบปล่อยมือ นั่งตาแป๋วผิดกับเมื่อครู่ในบัลดล

      “อ้าวเฮ้ยแดน เมื่อคืนมึงดูบอลป่าววะ เนี่ยกู...” มันวางของแล้วรีบเข้ามาคุย ผมเห็นไอ้ชิพค่อยๆทรุดตัวหลับไปตามเดิม ส่วนผมเหรอครับ...เศร้าดิคับท่าน ผมคิดถึงแต่...พี่ม.6คนนั้น...ใจมันลอยไปอยู่กับเขาหมดทั้งเนื้อทั้งตัว อยากรู้จังว่าเขาเป็นใคร อยากรู้ว่าเขาเป็นอะไรกับพี่วุต?!...



      “ประกาศ...ขอให้นักเรียนมัธยมศึกษาชั้นปีที่4ทุกคน รวมตัวกันที่สนามกีฬาบนตึก...เวลา16.00 น.”

      เสียงอาจารย์ที่ประกาศดังไปทั่วโรงเรียนระหว่างการเรียนการสอน เฮ้อออ~~~ หลังเลิกเรียนวันนี้ซินะที่พวกรุ่นพี่ม.6จะเล่นอะไรแผลงๆรับน้องม.4 การรับขวัญของโรงเรียนเรานี้เป็นประเพณี จะว่าไปกิจกรรมทุกอย่างของโรงเรียนนี้ถือเป็นประเพณีทั้งหมดนั่นแหละ...

      ไอ้ชิพมันโดดครับ มันบอกว่ามันเพิ่งเข้าม.4โรงเรียนนี้ ไม่ได้มีเลือดเป็นสีประจำโรงเรียน ฉะนั้นมันบอกว่าจะรีบกลับไปเล่นบาสกับเพื่อนข้างบ้านดีกว่า...ไอ้เลวนี่ไม่รู้จักรักสถาบันเอาเสียเลยจริงม่ะคับ?

      “อ้าว! น้องเร็วๆครับ วิ่งๆๆๆ”

      ไอ้พวกพี่ๆใจโหดที่คอยยืนต้อนน้องอยู่นั้นส่งเสียงเร่งให้ทุกคนวิ่ง รีบขึ้นไปเตรียมแถวรับฟังคำปราศรัย(เว่อร์ไปเปล่า) และแล้วครับ...และแล้วสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นพี่คนนั้น คราวนี้ผมพยายามตั้งสติไม่ให้ใจเต้นแรงเกินไป…

       พี่ม.6คนนั้น...คนที่ทำให้ผมว้าวุ่นใจตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน...

      ตอนที่นั่งรอเด็กห้องอื่นอยู่ผมก็จ้องพี่เขาไปครับ ถึงแม้จะไม่เหมือนกันเสียทั้งหมด แต่ก็ละม้ายคล้ายคลึงไม่ใช่น้อย คือพี่คนนี้เขาจะผิวคล้ำน้อยๆ ออกจะเข้มเหมือนคนตากแดดจัดไปเลย แต่ไม่ดูสกปรกนะครับ และจากที่ผมแอบจับตามองเขาจากระยะไกลนั้น ได้ข้อมูลมาว่าเวลาเขายิ้มแล้วจะมีลักยิ้มด้วย(เขาหันไปคุยกับเพื่อน) นี่แหละที่ไม่เหมือนพี่วุตของผมเสียทีเดียว

      ไม่รู้ว่าผมจ้องเขานานเกินไปหรือเปล่า จนเขารู้สึกตัวมั้งเลยเดินเข้ามาหา แต่ตอนนั้นใจผมมันยังไม่กลับเข้าร่างเลยนี่หว่า...แค่ใจเต้นแรงขึ้นเมื่อเขาก้าวเข้ามาทีล่ะก้าวๆ...พูดไม่ออก จนเมื่อเขานั่งยองๆลงตรงหน้าพลางถามพร้อมรอยยิ้มว่า

      “มีอะไรหรือเปล่าครับน้อง?”

      น้ำเสียงนุ่มๆทุ้มๆนั่นดังเข้าโสตประสาท ผมกลับตอบเขาไปแค่คำเดียว...

      “พี่วุต...”

      


satan666

  • บุคคลทั่วไป
ค้างนะเนี่ยยย

อยากรู้ว่าพี่คนนี้เป็นอะไรกับคนชื่อวุตรึป่าว


น่าติดตามๆ :m4:

 :mc2:

yakumaji

  • บุคคลทั่วไป
 :m1: สนุกจัง ๆ งุงิ >///< ต่อไว ๆ นะ :m1:

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
พี่วุต แล้ว งัย อะ มาต่อด่วนๆๆๆ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ตามมาอ่านแล้วจ้า  :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: มาต่อไวไวน้า    :oni2: :oni2:

ALeX

  • บุคคลทั่วไป
ในวาระขึ้นปีใหม่  2008 นี้ ALeX ขอให้ทุกคนในบอร์ดนี้และทุกๆคนในโลกนี้มีแต่ความสุข ร่ำรวยเงินทอง สุขภาพแข็งเเรง คิดอะไรก็สมพรปรารถนาไปหมดนะคับ ที่สำคัญ ช่วยอย่าทำให้โลกร้อนด้วยล่ะ ขอบคุงกับ :m13: :m1:

HAPPY NEW YEAR!!!

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
สุขสันต์วันปีใหม่คร้าบบบบ

 :mc3:  :mc2:  :pig3:

แล้วพี่วุตนี่ครายยยยยย

ยังงาย

อะไรรร

 :serius2: :serius2: :serius2:

zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
- -  ค้างงง เลยอ่ะตัวเอง

สวัสดีปีใหม่เช่นกันจ่ะ

Marunaki

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อเร็วๆนะครับ & HNY สวัสดีปีใหม่ครับ :mc2:

ปล.พี่วุตใครอ่ะ ลืมๆๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

ALeX

  • บุคคลทั่วไป
วันนี้กะจะเอามาลงให้สองตอน เผื่อไม่จุใจกันนะครับ  :m4:

ขอขอบคุณทุกกำลังใจ ที่มีให้กันเสมอมา  :m15:
 
ALeX


บทที่ 4



      ถึงตอนนี้คุณคงอยากรู้แล้วซินะครับว่าผมหมายถึงใคร ใครคือพี่วุตของผม? เอาล่ะ ผมจะเล่าเรื่องราวย้อนหลังให้ฟัง มันคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ6ปีก่อน เหตุการณ์ที่แสนเศร้าครั้งนั้น...



      เมื่อหกปีก่อน...ตอนผมอายุเพียงสิบขวบ พี่วุตคือลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกับผมมากๆจนเราแทบกลายเป็นพี่น้องกันจริงๆ เป็นคู่หูกัน อาจจะโดยเพราะว่าผมเป็นลูกคนเดียว แถมพี่เขาคุยสนุกมากๆ ชอบมาแนะให้ผมเล่นแผลงๆอยู่เสมอ เวลาผมมีเรื่องอะไรก็ปรึกษาพี่เขา พี่เขาก็จะเป็นห่วงเรา คอยดูแลเราอยู่ตลอดเวลา

      พี่วุตเป็นคนขี้เล่น ผมไม่เคยเห็นพี่เขาเอาจริงเอาจังกับอะไรสักครั้ง แม้แต่เรื่องการเรียนของเขาเอง แม้กระทั่งพ่อและแม่ ซึ่งก็คือน้าสาวของผมเตือนเขาจนแทบพูดกันไม่รู้เรื่อง พี่วุตก็ไม่เคยปฏิบัติตามใครสักที

      ‘ช่างเหอะ พี่อยากทำอะไรก็เรื่องของพี่ จะไปฟังผู้ใหญ่ทำไม’


      ตอนนั้นพี่วุตอายุประมานเท่าผมในตอนนี้ อยู่โรงเรียนชื่อดังแถวๆบางรักเพราะพ่อแม่เขารวย มีปัญญาจ่ายเงินค่าเทอมได้ทีเป็นแสนๆ แต่เหตุเกิดเรื่องราวทุกอย่างไม่ใช่ในกรุงเทพฯ วันนั้นเรากลับไปเยี่ยมคุณยายที่จันทบุรีกัน เดินทางไปสองครอบครัวคืออาดล น้าทัย พี่วุต และแม่ผม แม่อร แล้วก็ตัวผมเอง

      พอไปถึงบ้านไร่ของคุณยาย ผมบ่นอยากเล่นน้ำคลอง พี่วุตก็อยากเล่น  แม้ว่ายายจะทักว่าเหนื่อยๆเพิ่งมาถึง อย่าเล่นเลย ผมก็แอบทำท่าทีไม่พอใจ

      ‘เอาน่ายาย วุตพามันไปเล่นเอง ไม่เป็นไรหรอก’

      พี่วุตพาผมเล่นน้ำคลองตรงสวนหลังบ้าน พวกเราถอดเสื้อผ้ากองไว้ตรงนั้นแล้วโดดตูมลงคลอง ผมจำได้ว่ามันสนุกมาก บรรยากาศเงียบๆที่มีแต่เสียงหัวเราะของผมกับพี่วุตเท่านั้นที่ดังก้องอยู่ในอากาศ…

      สักพัก ในขณะที่ผมกำลังเล่นน้ำอยู่อย่างสนุกสนาน ผมรู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่ออก ตรงช่วงตัวเหมือนมันชาๆแถมยังขยับไม่ได้อีก...ตะคิวพลันลามจับไปทั่วทั้งตัวผม และสำหรับคนที่เคยเป็นนะครับ จะทราบดีว่ามันเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหน

      ผมร้อง ‘โอย...พี่วุต เหน็บกินตัวแดน’

      พี่วุตค่อยๆว่ายเข้ามา มานั่งคิดๆดูตอนนี้นะ...ผมไม่น่าให้พี่เขาว่ายเข้ามาเลย ความจริงแล้วคลองที่เล่นอยู่ก็ไม่กว้างมาก เพียงแต่มันลึกพอสมควร และกว่าจะว่ายเข้าฝั่งก็ต้องจ้วงหลายแขนอยู่เหมือนกัน พี่วุตเองก็ว่ายน้ำไม่แข็งพอขนาดช่วยคนอื่นได้ พอพี่เขาเข้ามา ผมก็ล็อคซิครับ มันเป็นสันชาติญาณ ตอนนั้นเท่าที่รู้คือไม่ไหวแล้ว ปวดไปทั้งตัว...พี่วุตช่วยพาแดนไปส่งฝั่งที ทว่า...

      ทว่าพี่วุตทำไม่สำเร็จ ส่วนผมที่หมดสติไประหว่างชุลมุนกลางน้ำรอดตายปาฏิหาริย์ รู้สึกตัวอีกทีก็ฟื้นขึ้นมาท่ามกลางผู้ใหญ่ที่นั่งเฝ้ารอเราอยู่ ร้องไห้กันหมดทุกคน โดยเฉพาะน้าทัย ที่ร้องไห้จนตาแดงก่ำบวมเป่ง ผมถามว่าพี่วุตอยู่ไหน?...

      คำตอบ...ทำให้ผมร้องไห้ไปหลายวัน ซึมไปหลายเดือน ทำไมรู้ไหมครับ? พี่วุตเขาเสียสละดันผมเข้ามาใกล้ฝั่งก่อน ส่วนตัวเขา...ผู้ใหญ่มาเจอผมที่ฝั่งอีกทีก็ต้องลงไปงมหาพี่เขากันแล้ว จบ...แบบที่ทุกอย่างสายจนเกินไป...

      มันคงไม่แปลกหรอกครับที่เด็กสองคนจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ในยามคับขัน แต่การที่ทั้งคู่อ่อนประสบการณ์ พี่เขาเลยต้องจากผมไป...เพราะผม ผมเป็นตัวการทำให้พี่วุตต้องจากไปอย่างน่าเสียดาย มันยากที่จะยอบรับความจริงทั้งหมด แต่สิ่งเดียวที่ผมเชื่อ นั่นก็คือผมนี่เองที่เป็นตัวการทำให้พี่วุตจมน้ำตาย แทนที่จะเป็นผม...

      พี่เขาคงไม่ไหวเหมือนกัน เลยว่ายไม่ถึงฝั่ง...

      พี่เขาคงอึดอัดทรมานมากที่หายใจไม่ออก ข้างล่างนั่น พี่เขาคงกลัวมาก แต่เพื่อน้อง เพื่อผม เพื่อชีวิตอีกชีวิตหนึ่ง...พี่วุตยอมสละให้ผมได้ ทั้งที่ไม่เคยยอมอะไรมาก่อน...

      พี่วุตเป็นฮีโร่ในดวงใจของผมตลอดกาล และ...ตลอดไป  

      

      “ไม่ใช่พี่วุตครับ นี่พี่มาร์ค”

      กลับมาที่พี่ม.6สุดเข้มกำลังจ้องหน้าผมอยู่(โห นอกเรื่องซะนาน) ผมสะดุ้งเหมือนจะรู้สึกตัว ก็มันไม่เคยอยู่ใกล้คนที่ทำให้ใจเต้นแรงมากขนาดนี่มาก่อนนี่หว่า>///< แต่นี้ตาจ้องตา หายใจแทบได้กลิ่นกัน(เว่อร์ๆๆๆ) ผมเลยกระเถิบห่าง พี่เขาตีสีหน้างงๆ

      “น้องเป็นอะไรหรือเปล่า? ไหวมั้ย?”

      พี่เขาเกาหัว ลักษณะที่เขากระทำยิ่งทำให้ผมใจละลายลงไปอีก o(>_<)o ฮาๆ ขอบอกว่าพี่เขาน่ารักมาก ไอ้หน้าตากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเขา มันช่าง...มันช่างทำให้ผมนึกถึงพี่วุต และกระชากใจผมอย่างแรง! (เอิร์กซ์*)

      “เฮ้ย...ไอ้ดอม น้องคนนี้เขาฟังภาษาไทยออกเปล่าว่ะ”

      เขาหันไปถามเพื่อนอีกคน แต่ก่อนที่ทุกคนจะเข้าใจผิดกันไปทั้งหมด ผมก็รีบตะกุกตะกักเปล่งเสียงออกไปว่า

      “อะ...อะ เอ่อ พี่ครับ! ผม...ผมหิวน้ำ!”

      เอาว่ะ มีอะไรให้พูดอยู่ในสมองก็พูดแหลนำหน้าออกไปก่อนเลยแล้วกัน -“- พี่เขาก็รีบหันมาตามเดิม สีหน้างงๆยังไม่จางหาย ทว่าคราวนี้มีแววตาปลอบโยนอยู่บ้าง

      “ไม่ได้ครับน้อง รอให้กิจกรรมเสร็จก่อนนะ เดี๋ยวพี่แจกไอติม”

      เขายิ้ม...แล้วก็ลุกจากไป วินาทีนั้นผมอยากดึงมือเขาไว้ รั้งเขาไว้ให้อยู่พูดกับผมก่อน อย่าเพิ่งเดินหนีจากผมไปไหนซิ -v- ปากก็อยากคุยกับเขา อยากถามชื่อเสียงเรียงนามของเขาว่าชื่ออะไร แต่ทั้งหมดที่กล่าวมา ไม่ได้ทำเลยครับ(แป๋ววว o_O”~~~) เพราะคงเขิลล์ ทั้งอายทั้งเขิลล์เลยครับ แบบว่า คนมันมียางอายมากไปหน่อยอ่ะครับ >0<

       ระหว่างกิจกรรม โอ๊ยไม่อยากจะพูด สายตาของผมจับจ้องอยู่แต่ที่ร่างสูงๆของพี่วุตกลับชาติมาเกิด จนเมื่อห้าโมงเกือบๆหกโมงเย็นนู่นล่ะเขาถึงปล่อยน้องกลับบ้าน(หลังจากทรมานมันจนสาแก่ใจ TT^TT ) ผมก็แอบเดินโซเซไปประกบพี่เขา อยากเลียบๆเคียงๆถามเขาครับว่าพี่อยู่ห้องไหน ชื่ออะไร อยากรู้จักอ่ะคับ(โห เนียนมากน่ะนั่น เหอะๆ)
      
       “เฮ้อ โคตรเหนื่อยเลยว่ะ” ผมได้ยินพี่เขาบ่นเสียงดังกับเพื่อนๆม.6ซึ่งยืนออกันอยู่ทั้งหมด

      “เอ่อว่ะ แมร่งเด็กบางคน กวนตีนกูฉิบหาย”

      “ช่างมันเหอะ เด็กคือเด็ก มันก็น้องล่ะว้า” โห พ่อพระ~~~คุณสุภาพบุรุษ >0<

      เพื่อนอีกคนวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาทัก “ไอ้มาร์คๆ พรุ่งนี้มึงจะไปสมัครชมรมอนุรักษ์หรือเปล่า กูจาได้นัดๆกันไป”
      
       “ไปๆ ลงชื่อให้กูด้วยเลย”

      “แล้วชมนุมวิทย์กับพวกไอ้เสกล่ะ มึงเอาไหม”

      “อันนั้นคิดดูก่อน กูอาจไม่มีเวลาทำได้เต็มที่ แต่เรื่องเที่ยวนี่บ่ยั้นอยู่แล้ว”

      “แล้ว...”

      เหอะๆ ผมยืนฟังอยู่ตรงนั้น รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนเป็นสุภาพบุรุษของเขา ฟังจากน้ำเสียงแล้วต้องเป็นคนใจเย็น มีความเป็นมิตรสูง แล้วก็น่าเชื่อถือมากในหมู่เด็กรุ่นเดียวกันเพราะเห็นทุกคนต้องเข้ามาถามความคิดเห็นเขา ผมแอบนึกในใจว่าพี่ชายคนนี้หลบไปอยู่ที่ไหนตั้งนาน ผมอยู่โรงเรียนนี้มาตั้งสี่ปี ถึงได้ไม่เคยเห็นหน้าพี่เขาเลยสักครั้งเดียว (-.-)

      แต่อย่างว่า โรงเรียนมันกว้างใหญ่ ใครจะไปนั่งจำหน้าเด็กทุกคน

      แต่ผมแอบได้ยินนะ ว่าพี่เขาชื่อ ‘มาร์ค’

      ด้วยความปลาบปลื้มโดยส่วนตัว ผมเลยไม่ถือสาอะไรกับชื่อฝรั้งฝรั่ง(ตัวผมเองลูกครึ่งนะครับ ยังชื่อแค่แดน) แถมพี่เขาดูแล้วโคตรมาดแมน โคตรไอดอล เพอร์เฟคแมนมาเอง...ทำไงดีหนอผมถึงจะได้รู้จักเขา แล้วทำไงหนอให้พี่เขารู้จักผมให้ได้
      
       ผมอยากรู้จักเขา ผมก็ต้องพยายามตีสนิทเขาล่ะ!

      ผมอยากเป็นน้องสนิทของพี่มาร์ค ไม่รู้เว้ย...ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ผมต้องรู้จักพี่เขาให้ได้ คอยดู!


ALeX

  • บุคคลทั่วไป

บทที่ 5



      แผนการตีสนิทพี่มาร์ค จึงเริ่มต้นขึ้น...

      ด้วยความมุ่งมั่นของผมที่จะต้องทำความรู้จักกับพี่มาร์คให้ได้ ผมเลยกลับไปนอนก่ายหน้าผาก คิดหาวิธีการทั้งคืน ตื่นเช้ามาโรงเรียนยังแอบละเมอฝันอยู่นิดๆเลย แฮะๆ -_-“

      ไอ้ชิพมันเห็นผมนั่งสัปหงก เลยเขย่าตัวปลุก (เชรี่ยชิพแรงควายเอ้ย \(-_-*)

      “เมื่อคืนนอนดึกนี่มึงดูหนังโป๊มาอ่ะดี๊”

      ไอ้ง่า =_=*~พูดซะเสียงดัง มึงไม่ได้มีเรื่องหนักใจเหมือนกูนี่ แหม วันนี้งี้มึงตาใสเชีย สดชื่นเหมือนเพิ่งตื่นนอนเลยนะมึง

        ผมล่ะเกลียดหน้าตาทะเล้นกวนส้นตีนของมันจริงๆ...

      อันนั้นแค่คิดในใจ วาจาที่เปล่งออกมาเลยแสนสุภาพราบเรียบ “อย่าพูดเสียงดังแบบนั้นดิ อายเขา”

      “ไหน ใครไหน? มึงอายใคร อายไอ้พงศ์เหรอไง” ไอ้พงศ์คือเพื่อนเจี๋ยมเจี๊ยมที่นั่งอยู่ข้างหลังผมน่ะเอง

      “เออๆ ช่างเหอะ กูเบลอบ้างสักวันแล้วเป็นไร ทีเมื่อวานมึงยังมานอนซบ...”

      ผมไม่พูดต่อ พอๆ หยุดหน้าแดงได้แล้ว...ไม่รู้นึกถึงหน้าเข้มๆแนวเอเชียน(ปนโหดเหี้ยม)ของไอ้ชิพขึ้นมาเมื่อไร มันต้องได้รู้สึก ‘วูบ’ ในหัวอกทุกทีซิ...

       หน้ามันชวนให้ ‘คิด’ แบบนั้นอยู่เรื่อย...(แบบเลวๆ)

      “โหยไอ้กระแดะ ลูกคุณหนูตะแคงตีนเดินจังว่ะมึงอ่ะ”

      อ้าว? อยู่ๆมึงด่ากูเรื่องไรฟ่ะ? o _ O ”

      “ก๊อเปล่า...เมื่อคืนอ่านหนังสือดึกไปหน่อย เท่านั้นแหละ”

      ผมตอแหล แต่คนอย่างผมมันน่าเชื่อถือในสายตาของใครๆแม้กะกระทั่งไอ้ชิพเอง (คนมันเส้นหญ่าย~~~) คือถึงแม้ผมจะเป็นเด็ก(แอบ)ซนนิดๆ แต่เรื่องการเรียนนี่ไม่เคยหลุดครับ

      คาบแต่ละคาบผ่านไปอย่างน่าเบื่อ จนพักกลางวันเข้าแล้วอาการของผมก็ไม่ดีขึ้น ยังคงเหม่อลอย...ทว่าตอนคาบบ่ายระหว่างที่กำลังเรียนอยู่นั้น พี่เจ้าของชุมนุมทั้งหลายเขาก็ขออนุญาตเข้ามาชวนน้องเข้าชุมนุม ผมเห็นแล้วแหละว่าใครยืนอยู่ข้างนอก พี่มาร์คไงครับ พี่มาร์คคนเมื่อวานนั่นไง!

       หัวใจของผมดันเต้นตุบตับขึ้นมา สูบฉีดเลือดไปแล้วทั่วทั้งใบหน้า

      พอพี่เขาก้าวเข้ามา โลกของผมมันพลันสดใสขึ้นทันตาจากที่โคตรมืดมัว ผมใจลอยฟังคนหัวหน้าพูดอธิบายไม่รู้เรื่องหรอก แต่จับใจความได้อย่างเดียวว่าชุมนุมอนุรักษ์ฯมีพี่มาร์คเป็นคณะกรรมการรวมอยู่ด้วย

      ฟังอยู่เพลินๆ ไอ้ชิพดันสะเออะกระซิบใส่หูจนผมสะดุ้ง

      “มึงเป็นไรมากมั้ยเนี่ย? กูสะกิดแล้วไม่ยอมตอบ”

      “เอ่อ...ก็กูกำลังดูพี่เขา...” อุ๊บส์! หลุดปากไปแล้วครับ ผมกะจะเปิดปากแก้ตัวออกไปทว่าไอ้ชิพมันไวกว่า รีบถามขึ้นมาจนผมกลัวแทนว่าพี่มาร์คจะได้ยิน

      “พี่คนตัวสูงๆดำๆนั่นอ่ะเหรอ ‘ไม มึงมองเขาทำไม ชอบเขาหรือไง?”

      ไอ้เชี่ยยยย!!! ผมมองค้อนมันครับ คราวนี้แบบโกรธจริงๆ ส่งสายตาประมาณว่าให้หุบปากเสียทีไอ้สัต(ว์)...แต่ไม่ทันแล้วครับ พี่มาร์คเขาหันมาทางเราสองคน ยิ้มกว้าง...ยิ้มน่ารักมากเลยครับ ว๊าววว~~~o(>.<)o***

      “น้องมีอะไรสงสัยหรือเปล่าครับ?”

      น้ำเสียงทุ้มใหญ่นั้นสุภาพอ่อนโยนมากๆ ผมหน้าแดงแจ๋...ไม่รู้จะตอบเขาไปยังไง แต่ไอ้ชิพเด็กเวรเพื่อนของผมนี่ซิครับ มันดันทำหน้ากวนตรีนใส่เขา ผมกลัวพี่เขารุมต่อยมันทีหลังหรอก ไม่ใช่เพราะกลัวภาพพจน์ตัวเองเสียหายหรอกนะ  \(-_-*)

      “แล้วต้องไปสมัครยังไงอ่ะเพ่?” ไอ้ชิพมันเหล่มาทางผมอย่างเซ็งๆ

      “หลังเลิกเรียนน้องพบกันที่หน้าห้องชมรมพี่ครับ เดี๋ยวพี่จะจัดการเอง”

      เฮ้อ...จะขอบคุณมันดี หรือว่าเลิกคบเป็นเพื่อนมันดี…



      และแล้วครับ เย็นวันนั้นเราสองคน(คือผมกับไอ้ชิพ)ก็เดินไปตามคำบอกที่พี่มาร์คแจ้งไว้ พอถึงหน้าห้องชุมนุมก็มีคนบ้างประปรายครับ ไม่เยอะมากแล้วก็ไม่น้อยจนเกินไป ผมเห็นเด็กนักเรียนทั้งที่เป็นรุ่นน้อง รุ่นพี่ และพวกม.เดียวกัน กำลังแออัดกันอยู่ตรงโต๊ะรับสมัคร

      “ถึงที่แล้ว มึงรีบเข้าไปสมัครไป”

      อ้าว? แล้วมันจะมากับผมทำไมเนี่ย ตอนแรกก็นึกว่ามันจะมาสมัครเป็นเพื่อนด้วยกันนี่นา

      “แล้วมึงอ่ะชิพ”

      “ไม่เอาอ่ะ กู...ไม่ชอบหน้าใครบางคน”

      ตอนนั้นผมก็เกาหัวครับ 555+ ไม่รู้ว่ามันหมั่นไส้ใคร แปลกดีที่มันทำกระฟัดกระเฟียด ซึ่งอีกนานต่อมาผมถึงได้รู้ความจริง...

      พี่มาร์คกำลังนั่งรอรับสมัครอยู่ที่โต๊ะ ส่งรอยยิ้มเป็นมิตรให้คนที่ผ่านไปมาทุกคน เชรี่ยเอ๊ยยยย...นัยน์ตาคู่นั้นแมร่งหวานชะมัด >.<  ผมแทบละลายเลยครับตอนที่เดินไปข้างหน้าทีละก้าวๆ ใจเต้นแรงอยู่นิดหน่อย(อ่านะ)

      “อ้าวน้อง น้องคนที่ถามพี่เมื่อตอนไปชวน?” พี่เขาเงยหน้ามายิ้มให้ ไม่บอกก็คงรู้นะครับว่าหน้าผมแดงขนาดไหน รู้สึกร้อนวูบๆวาบๆด้วย

      “คะ...ครับ ผมมาสมัครเข้าชุมนุม รบกวนด้วยครับ”

      พี่เขากุลีกุจอเอาใบสมัครมาให้กรอก แล้วหันไปตะโกนเรียกน้องคนอื่น แล้วก็หันมามองผมครับ จ้อง จ้องเอาๆ (งงๆเหมือนกันล่ะฟ่ะ) ผมก็หน้าแดงอ่ะดิ คนมันเขิลล์นะเฟ้ย! (+_+’)

      “พี่รู้ว่าน้องต้องมา” นัยน์ตาของเขาเป็นประกาย เสมือนจะหยุดร่างกายและจิตใจของผมไว้...”พี่ชื่อมาร์คครับ น้องชื่อ?”

      “แดนครับ”

      “น้องเป็นลูกครึ่งหรือพี่แค่คิดไปเองกันแน่” พี่มาร์คยิ่งเอาหน้าเข้ามาใกล้ใหญ่

      “พะ...พ่อผมเป็นฝรั่งครับ”

      “เหรอ น้องดูน่ารักมากเลยนะ” พี่เขาหัวเราะเบาๆ อ๊ากกก!!!...อายแทบคลั่ง

      “แล้วนี่น้องอยู่ห้องไหนนะครับ?” พี่เขาเหลือบมองไปที่กระดาษสมัครชุมนุม ผมเลยไม่ต้องตอบ “โทษทีที่พี่จำไม่ได้ อืม อยู่ห้องนี้แสดงว่าเรียนเก่งนี่เรา แล้วอย่างนี้จะไปเที่ยวกับชุมนุมได้เหร้อ?”

      “ไม่...ไม่เป็นไรนะครับพี่ ผมไปทำกิจกรรมกับชุมนุมได้สบาย” โพล่งออกไปรัวเร็ว

      “เฮ้ยยย พี่ล้อเราเล่นหรอกนา พี่ก็พอเข้าใจ แต่ก่อนพี่ก็เด็กเรียนเหมือนกัน” เขายิ้มล้อๆ ลักยิ้มปรากฏขึ้นเหนือมุมปากทั้งสองข้าง...ผมจะพอใจมากถ้าพี่เขาจะมานั่งเป็นแบบยิ้มให้ผมดูทุกวัน (ไม่ค่อยโลภมากเลยเนอะ เอิกร์ๆ *-*)

      เสร็จแล้วผมขอตัวกลับบ้านก่อนโดยไม่รอเข้าร่วมประชุมกับทางชุมนุม ผมเกรงใจไอ้ชิพมัน นับนาทีมันยิ่งเริ่มหน้าบึ้งขึ้นทุกทีๆ แต่พี่มาร์คบอกว่าไม่เป็นไร กลับก่อนได้เพราะอีกอาทิตย์จะมีประชุมใหญ่ซึ่งรวมสมาชิกทุกคน คนมีเส้นก็งี้ง่ะคับ (เชิ้บๆ) พี่มาร์คเขาคงเห็นใจ ผมอุตสาห์ดั้นด้นมาสมัครชุมนุมเขาแล้วนี่...หารู้ไหมมันเป็นเพราะเรื่องส่วนตัวของผมล้วนๆเลย >.o

      


ปั่ น ป่ ว น

  • บุคคลทั่วไป
 :m29: ดูท่าทางชิพจะหึงแล้วนะเนี่ย

fc_uk

  • บุคคลทั่วไป
สนุกครับบ ขอบคุณมากมายยย

รอตอนต่อไปครับบบบ  :m4: :m4: :m4:

ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
เอาล่ะสิ

เราจะเชียร์ใครเป็นพระเอกดีเนี่ย   :m29:

Marunaki

  • บุคคลทั่วไป
ยังไงก็เชียร์พี่มาร์ค อิอิ :m1:

ปล.โพสบ่อยๆนะ

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
โอ่วๆๆๆ สามโอ่ว
มันจริงๆเล้ย

ชิพก็น่ารัก มาร์คก็ดันเป็นคนที่เหมือนรักแรก
 :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:
น้องพลับขอสอง
 :m25:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ตามอ่านทันแล้ว เย้ๆ  :m4:

ชิพกับมาร์ค   อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน  :m13:
แต่ชอบชิพมากกว่าอะ  อ่านถึงตรงนี้นะ

รออ่านต่อจ้า  สนุกดีเรื่องนี้  o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด