ตอนนี้เอามาลงให้แบบย๊าวยาว ถ้าคำไหนเขียนผิดบอกด้วยนะครับ ตอนนี้เร่งๆเจงๆ
บทที่ 20
แสงแดดอ่อนๆส่องลอดหน้าต่างห้องผมเข้ามา แยงนัยน์ตาให้ผมตื่นขึ้นหลังจากเสียงนาฬิกาปลุกดังลั่น ตามด้วยเสียงงืมงำของใครบางคนที่ข้างๆหูผม
บ้าชิบ…ไอ้ชิพดันกอดผมไว้แน่น เลยขยับตัวไม่ได้
อึ๊บ...แขนยาวๆของผมตะเกียกตะกายไปกดนาฬิกาปลุกให้มันหยุดร้อง ทว่ายิ่งขยับเขยื้อนตัวมากขึ้นเท่าไร อ้อมแขนแน่นๆของชิพยิ่งดูเหมือนรัดแน่นขึ้น...
โอย! อึดอัดโว้ย...ฮะ...เฮ้ย...ทำไมมันซุกๆเข้ามาวะ...
...ในที่สุด ในเมื่อผมไม่มีทางหลุดออกจากวงแขนมันได้โดยไม่ทำให้ตื่น ผมเลยผ่อนแผ่นหลังลงนอนตามเดิม ประชันหน้ากับมัน แอบดูใบหน้าของไอ้ชิพตอนมันหลับ...
จะว่าไปชิพหลับได้เหมือนเด็กผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง เหมือนมากจนผมเองก็ไม่อยากเชื่อว่า...ความรู้สึกตอนนี้คือความอ่อนโยนที่เล่นงานให้ผมรู้สึกอ่อนไหว...
จังหวะการหายใจที่สงบราบเรียบ สม่ำเสมอของมัน อีกทั้งดวงตาที่ยังคงหลับพริ้มปิดสนิท...ทั้งหมดทำให้ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้ ต้องค่อยๆยกมือขึ้นไปแตะหน้าผากเนียนเกลี้ยง แล้วลูบเบาๆ...
ขนตางอนยาวของมันกระพริบๆ...
กู...โดนมันหลอกอีกแล้ว!
”ฮื้อ?...” หมับ! ไอ้ชิพสะดุ้งคว้ามือผม แรงโคตรๆ
“ตะ...ตื่นได้แล้วชิพ...”
“ทำมายอ่ะ...”
มันทำเสียงงัวเงีย น่ารักเชียวคับ...
ดีแล้ว หากเมื้อกี้มันไม่ถูกขัดจังหวะ ผมอาจจะ...
“ไปโรงเรียน ไปเถอะ ลุกขึ้นเร็วเข้า” ผมตะเกียกตะกายขึ้นมายืนได้ในที่สุด
มันนิ่งไปแปบ ก่อนจะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำอย่างว่าง่าย
ผมกับไอ้ชิพไหว้แม่ก่อนออกจากบ้าน ในมือของผมตอนนี้มีแค่นมกล่องเดียวเป็นอาหารเช้า ส่วนไอ้ชิพไม่กิน เรานั่งคุยกันไปเรื่อยๆจนเข้าโรงเรียน ไอ้ชิพก็คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของผมโดยไม่รู้ตัว
“...แดน วันนี้กลับกับเรานะ”
“ ’ไมอ่ะ”
“...เรา เอ่อ กู...เป็นห่วง”
เอาอีกแล้ว...วินาทีนั้นหัวใจผมเต้นแรงขึ้นและผ่อนช้าลงในคราวเดียวกัน แก้มก็รู้สึกร้อนๆขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ไอ้ชิพก็เหมือนกัน...
มันยืนยิ้มบางๆให้ผม ใบหน้าขาวๆ หล่อแบบเด็กเลว(แต่หล่อโคตร)มองตรงมาทางผม แก้มแดงเรื่อๆของมันทำให้ท่าเกาหัวเท่ห์ๆแบบฉบับไอ้ชิพลงตัว
พอๆ...ผมคิดถึงมัน...ตลอดเวลาแบบนี้ไม่ได้
สะบัดหัว เราสองคนหลบตากัน ผมอ้อมแอ้มตอบ
“...ได้ เดี๋ยวมารอหน้าโรงเรียน”
ว่าแล้วผมก็รีบเดินหันหลังหนีไป ไม่กล้าสบตามองมันอีก...ความรู้สึกส่วนลึกบางอย่างมันกัดกินจิตใจผม ว่าสิ่งที่ผมรู้สึกกับไอ้ชิพมันไม่ถูกต้อง และเป็นการทรยศต่อใครบางคน...ถึงแม้มันจะยากเย็นนัก ในการหักห้ามใจตัวเองก็ตาม...
ใต้ร่มไม้แผ่กิ่งก้านเย็นสบาย แสงแดดร้อนแรงตอนกลางวันไม่สามารถส่องทะลุลงมาสร้างความระคายผิวให้แก่ผู้พักอาศัยเบื้องล่างได้
ขณะกำลังคิดอะไรเพลินๆ ใครบางคนก็แอบโผล่มาหอมแก้มผมเข้าอย่างจัง!
“โอ๊ย!”
พี่มาร์คน่ะเอง /(*_*)@
“ว่าไงคับ”
ผมวางมือจากสมุดการบ้าน กางแขนขึ้นกันไม่ให้คนตัวใหญ่เบียดเข้ามาใกล้อีก
“ร้อน อย่าเบียดจิ”
“ก็คิดถึงอ๊า~~~”
จะบ้า! ทำเสียงออดอ้อนแบบนั้น ผมก็ใจละลายหมดซิคับ (ขอแอ๊บแบ๊วหน่อยเหอะ งุงิ o(>.<)o )
“อะไร เมื่อเช้าเราก็เจอกัน คืนนี้พี่มาร์คโทรฯหาผมก็ได้นี่คับ”
“ไม่อาว พี่ต้องเรียนอีกตั้งหลายชั่วโมง ต้องแว๊บออกมาเจอแดนก่อน” แหม ดวงตาหวานๆงี้เยิ้มเข้าไปใหญ่ พี่มาร์คจะรู้ไหมน๊อว่าเป็นเอามาก...ผมหมายถึง ‘คิด’ เองมากจริงๆ
มือใหญ่ๆเริ่มโอบหลังผม ฮูยส์~~~ร้อนระอุ
ตัวพี่มาร์คก็ร้อนไม่แพ้กัน
กลิ่นโคโลญหอมจางๆบนตัวพี่มาร์ค ทำให้ผมอยากขยับเข้าไปใกล้อีกนิด
“ลามก”
“ว่าพี่เหรอ? ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนา” ไอ้(เริ่มลามปาม)พี่มาร์คเจ้าเล่ห์ ยิ้มอย่างงี้มีเร้อจะแปลความหมายได้เป็นอย่างอื่น นอกจากกำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่แน่ๆ...คุณแฟนจอมฉวยโอกาส >O<
เขาเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ แต่ผมไม่หลงกลแล้ว...อะไรน่ะเหรอ? ก็เมื่อคราวก่อน...
………<<<<<<<<<……………..
……<<<<<………..
…<<<……
‘แดน’
เสียงเรียกหวานๆดังข้างหู จนผมต้องหันมาจากหน้าจอทีวีห้องชุมนุม(อ๊ะๆอย่าคิดมาก ตอนนั้นไปเช่าหนังมาดูกาน ก็เลยหลบไปดูในห้องชุมนุมสองคน ก๊อเท่าน๊านเอง~~~)
‘จุ๊บ!’
‘อ๊ะ?!’
‘พี่มาร์ค เล่นบ้าอะไรเนี่ย!’ ผมถลึงตาใส่ โวยวายด้วย แต่พี่แกเอาแต่หัวเราะหึๆ
‘ก็ขโมยจูบแรกของแดนไง พี่ขอนะ’
…นับแต่นั้นมา ผมไม่มีวันปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้คนอย่างพี่มาร์ค...ตอนที่เราอยู่ใกล้กันอีก เป็นอันขาด...
“แดน” อ๊างส์~~~น้ำเสียงพี่มาร์คโคตรสั่น
“อย่าเชียวนา ไม่งั้นแดนต่อย” (จริงๆด้วย)
“กล้าเหรอ เรากล้าทำพี่เหรอ?”
นิ้วเรียวยาวๆจิ้มเข้ามาที่สีข้างผม เฮ้ย!!! รู้ได้ไงอ่ะว่าผมบ้าจี๊???
ผมจำเป็นต้องวิ่งหนี ทำให้งานไม่เสร็จไปอีกตามเคย เฮ้อ...ถึงแม้เราจะเพิ่งตกลงคบเป็นแฟนกัน แต่ผมเหมือนสนิทกับพี่มาร์คมานาน อาจจะเป็นเพราะนิสัยเป็นกันเองของเขา และความอบอุ่นแสนพิเศษที่ผมไม่สามารถรู้สึกได้กับใคร
เกือบทุกเย็น ที่เราต้องไปนั่งคลุกกันอยู่ในห้องชุมนุม ดูหนังกันบ้าง ติวหนังสือกันบ้าง ผมรักรอยยิ้มของพี่มาร์ค และแววตาที่เปล่งประกายความห่วงใยต่อผู้อื่นเสมอ...อบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้ รู้สึกปลอดภัยและคลายกังวลเมื่อมีพี่มาร์คคอยอยู่ใกล้และดูแล
แต่พี่มาร์คก็ยังไม่เคยขอผมออกเดทสักที
อันนี้เป็นหน้าที่ของพี่มาร์คที่จะถามผมคับ…ไม่ใช่หน้าที่ของผมที่ต้องเรียกร้อง(จริงป่ะ...วะ?)
ตอนเย็น ที่ไอ้ชิพนัดผมกลับบ้านเอาไว้ ปกติแล้วผมจะเดินมารอมันคนเดียว แต่วันนี้พี่มาร์คเขาอยากตามมาด้วย ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง บอกว่าจะต้องรู้ว่าผมกลับบ้านยังไงลูกเดียว…
นั่งรอไปสักพัก ผมก็เห็นร่างสูงของไอ้ชิพเดินมาแต่ไกล...ใจผมเต้นแรงขึ้นมานิดส์...ผมยอมรับนะครับว่าพี่มาร์คเขาดูหล่อมาก แต่ถ้าเทียบกันกับการเดินเท่ห์ๆแบบเด็กเกเรของไอ้ชิพแล้ว ไอ้ชิพดีกรีสูงกว่าพอตัว
เคยป่ะคับ...ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าเค้านิสัยไม่ดี แต่เราก็ห้ามไม่ได้ที่จะแอบหลงไปกับเสน่ห์ห่ามๆอันเป็นเอกลักษณ์...
“ป่ะแดน กลับกันเถอะ...”
ไอ้ชิพเหลือบไปมองหน้าพี่มาร์คที่ยืนกอดอกรออยู่ สีหน้าขรึมอย่างที่ผมนึกหนาว...ทั้งสองจ้องหน้ากันเงียบๆ(สูงไล่เลี่ยกัน) ก่อนที่ไอ้ชิพจะเอ่ยขึ้นก่อนโดยไม่ละสายตาไปจากหน้าพี่มาร์ค
“แดน ไปขึ้นรถ”
“ชิพซินะ...” พี่มาร์คพูดเย้ยๆ แต่หน้าตาย
“แดน กูบอกว่าให้ไปขึ้นรถ!”
ผมสะดุ้ง ก่อนจะรีบวิ่งออกไปนอกโรงเรียน หันกลับมาเห็นทั้งสองคนคุยกันเครียดๆอีกคำสองคำ แล้วไอ้ชิพก็เดินหน้ามุ่ยออกมา นำหน้าผมไปยังฝั่งตรงข้ามที่รถเบนซ์คันหรูจอดพำนักไว้
“ทำไมไอ้พี่มาร์คนั่นต้องมาคอยตามยุ่งกับมึงด้วย”
มันขับรถเร็วผิดปกติ เนื่องจากอารมณ์โมโห ที่แม้แต่ผมก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้
“อะ...เอ่อ พี่เขาเป็นห่วงกู”
“กูเป็นห่วงมึงคนเดียวได้!”
มันแซงรถอีกคันหนึ่งไปอย่างน่าหวาดเสียว
“เฮ้ย...ไอ้ชิพ กูว่ามึงขับรถให้ช้าลงกว่านี้ดีมั้ย?” ต่อท้ายในใจเอง…กูไม่อยากตายเพราะมึง!
“นี่มึงไม่รู้...มึงไม่รู้เลยใช่มั้ยว่ากูห่วงมึง?”
“กูรู้…”
“~แต่มึงไม่รู้ว่าเป็นเพราะ...”
ตา...ตาของผมฝาดไปหรือเปล่า ว่าน้ำใสๆซึ่งคลอในดวงตาไอ้ชิพนั้น...คือหยาดน้ำตา...
มันกระแทกพวงมาลัยอย่างแรง สบถออกมาดังลั่น ผมไม่เคยเห็นมันในสภาพนี้มาก่อน...คือเหมือนโกรธอย่างกะฆ่าใครได้สักคน
มันด่ารถข้างๆคันนึ่งซะดังลั่น แล้วปาด...
บีบแตรไล่คนนู่นคนนี้ที จนผมทนไม่ได้
“หยุด! พอได้แล้ว! มึงอย่ามาโมโหเพราะเรื่องของกู หยุดขับรถเร็วเดี๋ยวนี้!”
“ทำไม? นี่มันรถกูไอ้แดน”
“มึงอย่าพาลได้ป่ะ”
“เออ! พาลแล้วไมว่ะแมร่ง~~~”
ผมเคยเจอกับพายุชิพมาแล้ว แต่นี่มันโคตร Tornado ชัดๆ
“ชิพ...กูขอร้อง กู...”
“แดน มึงรู้ แต่มึงแกล้งกู แกล้งกูให้ทรมานเล่นแบบนี้ใช่มั้ย?”
ระหว่างเราสองคน เหมือนมันรู้สึกแปลกออกไป...
แต่มันตอบไม่ถูก ผมไม่สามารถอธิบายให้มันฟังได้ เสียงมันคาดคั้นจนผมเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นๆ
“เฮ้ย พูดไรก็พูดมา กูไม่รู้เรื่อง”
“~ไอ้ควาย! อย่าทำโง่ วันๆมึงเอาแต่รอนๆไปวันๆกับไอ้รุ่นพี่หน้าหม้อนั่น ไม มึงชอบเขาเหรอ? ถ้าชอบก็แมร่งไปเอากันเลยไป! กูเห็นแล้วทุเรศลูกตาว่ะ”
“ไอ้ชิพ...มึงพูดแรงไปแล้วนะ” ผมมองมันแบบโกรธสุดๆ น้อยใจก็โคตรๆเลยอ่ะคับตอนนั้น... “กูไม่ได้เป็นแบบนั้น มึงเลิกพูดแบบนั้นนะ”
“ไม่! กูเกลียดมัน กูเกลียดมันได้ยินมั้ย!”
“…”
“ไง...มึงเจ็บแค้นแทนเขาใช่ป่ะล่ะ แอบรักเขาแล้วไง ก็ยอมรับมาเด่ ไอ้ขี้ขลาด”
วินาทีนั้นเชือกบางๆเส้นสุดท้ายของผมขาดออกจากกัน แมร่งโคตรโมโหสีหน้ากับท่าทางและทุกคำพูดของมันเลย...ไม่ทนแล้วเว้ย!!! ตั้งแต่เกิดมาพ่อผมสอนตลอดว่าอย่าให้ใครกล้ามาเรียกเราว่าไอ้ขี้ขลาด อย่างงี้ยอมได้ไง!(เผอิญไอ้ชิพเป็นคนแรก)
“เออ! กูไม่ได้เกลียดเขา แต่กูชอบเขาแล้วไง?! ไอ้ขี้อิจฉา เขาเป็นแฟนกู พอใจหรือยัง!!!”
ผมโพล่งออกไปอย่างไร้สติเช่นกัน โมโหจนแทบฆ่ามันได้ เดือดจนทนไม่ไหวแล้ว ต้องตะโกนใส่หน้าชิพเสียงดังบ้าคลั่ง...โดยไม่คำนึงเลยสักนิดว่ามันอาจจะวูบไป จนอาจไปชนกับอะไรเข้าก็ได้
“...มึง...มึงว่า...ว่ายังไงนะ?”
“...กูบอกว่าเขาเป็นแฟนกู! ได้ยินมั้ย...กูไม่รู้ว่ามึงไปเกลียดเขามากมายขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหน แต่กูไม่ยอมให้มึงด่าว่าแฟนกู...”
มันละสายตาจากถนน หันมามองโดยความเร็วยังคงระดับที่120กว่าๆ...น่าหวาดเสียวชะมัด จำได้เลยว่าใจเต้นแรงมากๆๆๆๆ ทั้งโกรธทั้งกลัว(TT^TT) ผมจะไม่มีวันไปไหนกับมันอีกแล้ว ถ้ามันไม่สัญญาว่าจะไม่ขับรถบ้าดีเดือดแบบนี้อีก
“มึง...”
“หยุดพูดเถอะชิพ...มึงทำตัวเป็นคนไม่มีเหตุผลเลย ยิ่งควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แบบนี้ บอกตรงๆ กูเบื่อว่ะ...”
ล้อรถทั้งสี่ค่อยๆเคลื่อนเข้าจอดที่ไหล่ถนน จนเมื่อมันนิ่งสนิท...ผมนั่งนิ่งก้มหน้า ใจเต้นตึกตักรอต่อไปว่ามันจะเอาไงกับผม...หัวใจเต้นแรง กลัว ว่ามันจะเอาคืนกับที่ผมว๊ากใส่มันไปเมื่อกี้เปล่า
ไอ้ชิพเองนั่งนิ่งหัวพิงกระจกฝั่งมัน...เหม่อมองออกไปนอกกระจก ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม เมฆฝนซึ่งตั้งเค้ามานานทำท่าเหมือนจะเทสายฝนลงมาได้ทุกเมื่อ
ผมเริ่มใจเย็นลง เนื่องด้วยความเป็นคนไม่ค่อยโกรธใคร เลยยอมลดทิฐิตัวเองทั้งๆที่ไม่ควรเลยสักนิด
“เอ่อ...กูขอโท...”
“ลงไป…”
“ไอ้ชิพ กูขอโทษที่ตะโกนใส่…”
“กูบอกให้มึงลงไปยังไง!”
สายตาที่มันถลึงใส่ ผมเจ็บร้าวไปทั่วทั้งหัวใจ ร่างทั้งร่างชา แผ่ซ่าน...ไม่รู้เพราะอะไรที่เราต้องเจ็บ มันไม่มีสาเหตุเลย แต่การที่มันทำโหดร้ายกับผม หัวใจมันตัดพ้อ น้อยใจ...เสียใจที่มันทำร้ายจิตใจผมได้ลงคอ เกลียดมัน...ที่ทำอย่างนี้กับผม
ความรู้สึกตอนนั้นมันบอกไม่ถูก ทุกอย่างเลย...เสียงข้างในมันตะโกนก้องว่าผมเสียใจ...เสียใจที่ทำให้ชิพต้องโมโห
อ้าว ไหงกูต้องใจอ่อนให้มันด้วยว่ะ...แบบนี้ทุกที
ทำไงได้...ผมกลับรู้สึกผิดเองซะงั้นนี่
สรุปแล้วกลายเป็นกูผิด?
ผมต้องแข็งใจ กลั้นเสียงสะอื้นพร้อมน้ำตาเอาไว้ รีบลงไปจากรถให้พ้นๆหน้ามันซะ มันคงเกลียดผมมาก...เกลียดมากใช่มั้ย งั้นผมก็ไม่ง้อ ผมไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับมันอีก ผมก็เกลียดมันเหมือนกัน!
รถสีเงินมันปลาบของมันหักออกไปสู่ถนนอีกครั้งด้วยความเร็วสูง พรวดเดียวมันหายไปแล้ว ช่างแมร่งงง... มันอยากขับรถเร็วแล้วไปตายห่าที่ไหนก็เชิญเลย ผมไม่สนหรอก ไม่ใส่ใจอยู่แล้ว...ไม่เคยห่วงมันเลยแม้แต่น้อย ไม่เลย...ผมไม่เคยอยากให้มันรู้ว่าเป็นห่วงมันมากแค่ไหนซะด้วยซ้ำ...
ตามันปวดๆ ต้องกำมือแน่นให้ขาก้าวต่อไป แต่ทำไมนะผมถึงเจ็บเหลือเกิน...
แล้วน้ำตามันก็ค่อยๆไหลออกมา...
โปรดติดตามตอนต่อไป