...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<  (อ่าน 428657 ครั้ง)

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
เชียร์ชิพค๊าบ    :mc4: :mc4: :mc4:

เห็นด้วยอย่างแรง

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
แล้วชิพจะเอายังงไงอะ

ALeX

  • บุคคลทั่วไป
อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายนะครับที่จะมาลงแบบ double post และก็ต้องออกตัวด้วยว่าจะมาลงช้าลงหน่อยนิดส์หนึ่ง~~~ ขอบคุณทุกๆกำลังใจด้วยนะครับ>.< :m13:


บทที่ 6



      การเล่าเรียนของพวกเราดำเนินไปได้ด้วยดี มีลำบากบ้าง สบายบ้าง มีทุกข์ก็ต้องมีสุขใช่ไหมครับ ฉะนั้นการตั้งใจเรียนของผมอย่างน้อยมันก็ไม่สูญเปล่า ผมตั้งใจเรียนทุกคาบทุกวิชา และพอตอนสอบทุกครั้งก็ไม่มีอะไรต้องห่วง เรื่องแบบนั้นผมสบายใจอยู่แล้วครับ

      ผม กับไอ้ชิพ เด็กใหม่ที่ย้ายมาจากโรงเรียนอื่นสนิทกันมากขึ้นจนอาจจะเรียกได้ว่าเพื่อนสนิท ผมกับมันติดกันเป็นปาท่องโก๋ และความสนิทสนมของเราก็ทำให้เรารู้จักกันมากยิ่งขึ้น จนผมรู้เรื่องส่วนตัวของมันบางเรื่อง อย่างเช่นที่ว่ามันอาศัยอยู่กับย่าแค่สองคน(พร้อมคฤหาสห์อีกหนึ่งหลังใหญ่) ความจริงไม่ได้เป็นเพราะพ่อแม่มันเสียหรืออย่างไรครับ แต่เพราะแม่มันไปมีพ่อใหม่ พ่อมันเลยกินยาตาย ผมเข้าใจในทันทีเลยนะว่าทำไมไอ้ชิพมันถึงมีนิสัยก้าวร้าวหยาบคาย ชอบข่มขู่คนอื่นอยู่เสมอ(โดยเฉพาะกับผม T-T^^^)

      ทว่าความจริงแล้วไอ้ชิพมันเป็นเพื่อนที่ดีใช้ได้เลยครับ ซื่อสัตย์ เราพึ่งพามันได้ แล้วก็...เป็นคนอ่อนโยนเอามากๆเลยด้วย (แงะ(-_-“)) ผมไม่อยากจะใช้คำว่า ‘จิตใจเปราะบาง’ อธิบายตัวไอ้ชิพมันเลย มันเมตตากับเด็กเล็กกว่าผมอีกครับ อย่างเนี้ย...ผมว่าน่าจะจับประกวดนางสาวไทยให้รู้แล้วรู้รอด

      อย่างน้อยโชคดีอย่างหนึ่งของมันก็คือพ่อมันทิ้งสมบัติไว้ให้มากมายมหาศาล มันรับไปเต็มๆคนเดียว(เพราะพ่อมันทำพินัยกรรมไว้อย่างนั้น) แต่คนเรามันไม่ได้ดีพร้อมเสมอไป กรณีตัวอย่างเช่นไอ้ชิพที่ผมจะกล่าว มันเกิดมาเพียบพร้อมบนกองเงินกองทอง แต่หาความสุขไม่มี พ่อตาย แม่มีผัวใหม่ ก็เหมือนผม...ผมเลยรู้สึกสงสารมัน เราหัวอกเดียวกัน ปรึกษาอะไรกันก็พอจะเข้าใจกันและกันง่ายหน่อย

      กลับมาที่เรื่องการเรียน เฮ้อ...ผมแอบกลุ้มใจเล็กๆว่าการเรียนของผมอาจจะถูกแซงหน้า ไอ้ชิพไงครับ! มันเรียนเก่งโคตรพ่ออย่างที่บอก ความจริงผมไม่ซีเรียสเรื่องการแข่งขันทางการเรียนอยู่แล้ว แต่แค่แอบใจหาย...ที่ตำแหน่งของเราอาจจะตกไปเป็นของเด็กใหม่ เพื่อนสนิทผมเอง หุหุ

      แปลก ที่ไอ้ชิพผู้ซึ่งทำตัวเยี่ยง(คล้ายเลยแหละ) อันธพาล กิริยาเสเพลชอบคบเพื่อนชั่วไปวันๆ (พวกในห้องที่เหลือที่เลวกว่ามันนิดหน่อย) แต่ทำไม๊ทำไมมันถึงเรียนเก่ง อาจจะเป็นเพราะผมเคี้ยวเข็ญมันล่ะมั้ง...เปล่าหรอกครับ คนเก็บกดอย่างไอ้ชิพบ้าคลั่งชอบพิสูจน์ตัวเองไปเรื่อย...

      วันนี้พี่มาร์คเดินมาเรียกผมไปเข้าชุมนุมตอนเย็นด้วยตัวเองเลยครับ ผมยิ้มแย้มทักทายเขาตามเดิม ออกจะหวาน...แบบคนสนิทสนมกันมากขึ้นด้วยซ้ำ

      ผมสนิทกับพี่เขามากขึ้นจริงๆนั่นแหละ ก็แหม เข้าชุมนุมเขาไปตั้งนานแล้ว จะไม่ให้ความพยายามของผมคืบหน้าไปบ้างก็จะกระไรอยู่ชิม๊า พี่เขาใจดีมากเป็นสุภาพบุรุษมากด้วย ดูเป็นผู้ใหญ่ แต่บางครั้งพี่เขาก็ฮาแตกได้เหมือนกัน ซึ่งเป็นอะไรที่ผมปลื้มมาก ยกเว้น...

      อย่างที่ทุกคนรู้ว่าพี่เขาหล่อ(มาก) ถึงขนาดขั้นเป็นไอดอล สาวๆจากโรงเรียนใกล้เคียงชอบมาตามกรี๊ดเพื่อเขาเวลาลงแข่งฟุตบอลกับโรงเรียนอื่น (ลืมบอกไปว่าพี่เขาเป็นนักกีฬาสำรองของโรงเรียนด้วย หุ่นบึกขนาดนั้น) เท่านั้นยังไม่พอ...กระทั่งเพื่อนของเขาเอง...หรือว่ารุ่นน้องบางคน (อย่างผม...) ก็แอบปลื้มพี่เขามากเหมือนกัน แต่พี่เขาไม่เคยสนใจ แม้จะเป็นดาวเป็นเดือนมาจากไหน พี่เขายังพูดนิ่มๆปฏิเสธไปจนบางคนถึงกับร้องไห้โฮกลับโรงเรียนไปเลยก็มี

      จนหลายคนหาว่าเขาเล่นตัวเป็นที่หนึ่ง แต่ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งยวด เวลาพี่เขาบอกว่าชอบอะไร อยากทำอะไร ต้องทำอะไร พี่มาร์คจะเป็นคนที่พูดอย่างนั้นทำอย่างนั้น เวลาเขาไม่ชอบอะไรหรือมีความรู้สึกอย่างไรกับสิ่งๆนั้น พี่เขาก็จะแสดงออกมาจากความรู้สึกตรงๆ ไม่อ้อมค้อม แต่กลับสุภาพอย่างน่าประหลาด ผมเคยถามว่าทำไมถึงยังไม่มีแฟน...เขาก็ตอบตรงๆว่า

      ‘ไม่มีแฟนแล้วแปลกตรงไหนครับ? พี่ชอบใครพี่ก็จะชอบ พี่อยากคบใครก็จะคบเอง ในเมื่อมันยังไม่ถึงเวลา พี่ก็จะไม่คบกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น...’

      ดูเหมือนสีหน้าพี่มาร์คตอนนั้นออกจะเป็นแนวตั้งสัตย์ปฏิญาณเสียด้วย แหม ถ้าพี่เขามุ่งมั่นขนาดนี้ ใครจะไปกล้าขัดเขาล่ะครับ จริงม่ะ?

      

      ช่วงเย็นหลังเลิกเรียนผมแอบแว๊บไอ้ชิพไปเข้าประชุมตามกำหนดการ สงสัยคงจะแจ้งรายละเอียดเรื่องการไปเข้าค่ายช่วงปิดเทอม เพราะนี่ก็ใกล้สอบปลายภาคเข้ามาทุกทีแล้ว พวกแกนนำกลุ่มกิจกรรมก็เริ่มวางแผนเอาไว้บ้าง ผมเหรอครับ? อดใจไม่ไหวแล้วที่จะได้ไปเข้าค่ายกับพี่มาร์ค เหอะๆๆ>///<

      พี่เส่ยประธานชุมนุมเริ่มพูดๆพล่ามๆ อย่างงู้นอย่างงี้ พี่มาร์คเค้าก็เดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆผมครับ(คงเป็นเพราะพี่เขาสนิทกับผมมากที่สุดล่ะมั้ง อ้าว ก็ผมเจาะแจ๊ะกับพี่เขามากที่สุดเลยนี่นา) นั่งเบียดชิดกันมากเพราะพื้นที่ห้องชุมนุมมันแคบ คนก็เยอะ พี่เขานั่งติดกับผมจนผมสัมผัสได้ถึงไอร้อนอ่ะครับ กลิ่นเหงื่อหอมจางๆของพี่เขาด้วย...ฮูยส์...สวรรค์ (บ้า ลามก!)

      “ตัวเหม็นป่ะ วันนี้พี่แข่งบอลมา” พี่เขาหันมาคุยยิ้มๆ บอกเหมือนจะขอโทษ ผมส่ายหน้า...ไม่เป็นไรครับ ผมดมกลิ่นพี่ได้ กลิ่นอะไรของพี่ผมก็ชอบดม หอมทั้งนั้นแหละครับสำหรับผม 555+…

      สังเกตเห็นว่าพี่เขาหน้าแดงเล็กน้อย คนทยอยเข้ามาเพิ่มอีกแล้ว เรายิ่งเบียดกันมากขึ้นไปอีก บางคนเริ่มลุกออกไปยืนด้านนอก

      “สรุปเราก็ไปค่ายใช่ไหม? ไปเถอะนะ ไปกับพี่...”

      เราสองคนจ้องตากัน พี่เขายิ้มบางๆ วินาทีนั้นผมเหมือนหลงเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มของพี่มาร์ค...อุณหภูมิภายในห้องชุมนุมแคบๆดูเหมือนจะเพิ่มสูงขึ้น ความร้อนระอุลามเลียขึ้นสู่ผิวแก้มทำให้หน้าผมแดงก่ำ เหงื่อหลายหยดไล่ลงตามลำคอ เลื่อนลงไปสู่แผ่นอกสีเข้มของพี่มาร์คที่ผมเห็นได้ผ่านทางปกเสื้อซึ่งแบะออกเล็กน้อย ใจผมตะเหลิดเปิดเปิงไปถึงไหนต่อไหน!!!

      พี่เขาคงรู้สึกได้ว่าผมจ้องมองผิวอันมันลื่นเป็นคราบของเขา เลยค้อมหัวน้อยๆแถมยังน่าแดง น่ารักน่าชังอีกตะหาก (อิอิ) ^_^

      “พี่ขอโทษนะ ร้อนจังเลย ไอ้เส่ยพูดมากจังเว้ย”

       พวกเรานั่งฟังไปฟังมา คุยบ้างสลับกัน แต่บอกตรงๆว่าผมไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก มัวแต่ใจลอยตะเพิดไปกับความสุขที่มีพี่มาร์คนั่งเนื้อแนบเนื้ออยู่ข้างๆ...อูยส์ เขิลล์จังง่ะ >.<





ALeX

  • บุคคลทั่วไป

บทที่ 7



      เฮ้ออออ...ปิดเทอมเสียที หลังจากสอบปลายภาคมหาหิน เด็กนักเรียนทุกคนอยากใช้เวลาว่างส่วนตัวกันเต็มแก่แล้ว โดยเฉพาะผม ที่ตั้งหน้าตั้งตารอค่ายอนุรักษ์ ณ จังหวัดชลบุรี อำเภอสัตหีบอย่างบ้าคลั่ง ส่วนไอ้ชิพนั่นมันซึมๆเงียบๆไปครับช่วงนี้ ผมบอกไม่ถูกเหมือนกัน ได้แต่ดูห่างๆ ความจริงแล้วไม่มีเวลาไปสนใจมันมากเหมือนก่อนอ่ะครับ แฮะๆ

      ไอ้อ๋อง ไอ้โย่ง ไอ้บิว และเพื่อนคนอื่นๆตะเวนเรียนพิเศษตามสถาบันกวดวิชาชื่อดังหลายแห่งทั่วกรุงเทพฯ พวกนี้มันบ้าเรียนครับ แพ้ใครไม่ได้ แต่ละคนไม่ใช่โง่แบบควายนะครับ แต่โคตรอัจฉริยะ ไม่รู้พวกมันจะไปเรียนอยู่ทำไม ในเมื่อสมองพวกมันระดับเทพกว่าครูโรงเรียนกวดวิชาอีก???

      วันเดินทาง ชุมนุมนัดรวมตัวกันที่โรงเรียนแต่เช้า ผมตื่นเต้นจนนอนแทบไม่หลับทั้งคืน พอมาถึงโรงเรียนเลยเพลียๆเล็กน้อย ข้าวปลายังไม่ได้กิน รีบถีบตูดตัวเองออกมาจากบ้านซะก่อน

      “อ้าวแดน กินอะไรมาหรือยัง?”

      โอพระเจ้า...พี่มาร์คผู้แสนดีครับ พี่มาร์คผู้เปรียบประดุจดั่งเทพบุตรของผม>O< เขายืนค้ำหัวอยู่พลางยื่นกล่องขนมปังมาให้ น้ำตาผมเหมือนจะร้องไห้ครับ ท้องผมที่ร้องๆอยู่ดูเหมือนจะพากันเปลี่ยนเป็นส่งเสียงสรรเสริญพี่เขาแทน โอ้...ลำแสงโฮลี่ (เว่อร์ๆ...)

      “ขอบคุณครับ” ผมส่งแววตาซาบซึ้งขอบพระคุณ...ในใจเฝ้าตั้งคำถามว่าพี่เขารู้ ‘ใจ’ ผมได้ยังไงว่าผมกำลังหิว เอ หรือว่ามันคือ...

      ‘บุพเพ’ ?…‘วาสนา’ ?...

      ผมรับมาแล้วรีบกระซวก เหอะๆ หารู้ไม่ครับ ภายใต้กิริยาตะกละมูมมามของผมนั้นถูกจับตามองด้วยสายตาลึกซึ้งของพี่มาร์ค...พี่ที่แสนดี

      พี่มาร์คยิ้ม “กินเยอะๆนะ จะได้มีแรง สรุปว่าเรายังไม่ได้กินอะไรมาเลยล่ะซิ”

      “ยังครับ” ผมยิ้มตายี๋ สาบานว่าเหมือนพี่เขาจะกระตุกไปนิด แต่แล้วก็ยิ้มต่อ รีบเดินออกไปสมทบกับเพื่อนเขาอ่ะคับ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร คุยกันอยู่ดีๆแท้ๆ

      รวมตัวกันครบก็ปากันเข้าไปแปดโมงกว่าเฉกเช่นปกติ(นัดหกโมงครึ่ง= =”) ผมก็ระโรยเต็มแก่แล้วง่ะ อยากขึ้นไปหลับสักตื่น เผื่อลงรถไปถึงสัตหีบจะได้มีแรงไปสันทนาการกับใครอื่นเขาบ้าง ขึ้นรถก็มีการแจกอาหารกันอีกรอบ เด็กทุกคนคุยกันอย่างสนุกสนาน พี่ๆที่คุมแต่ละคันรถเริ่มจับไมค์ร้องเพลงบ้าง ชวนน้องๆคุยบ้าง หนึ่งในนั้นก็มีพี่มาร์คอยู่ด้วย (ในรถคันที่ผมนั่ง) แต่ที่น่าเสียดายคือพี่เขานั่งหน้าๆ มัวยุ่งอยู่กับกิจกรรมแล้วก็คุมน้องๆม.ต้น(เห็นม่ะ บอกแล้วว่าพี่เขารักเด็ก) ผมที่แอบหวังไว้เล็กน้อยเลยอดไปตามระเบียบครับ...(อย่าคิดลึกนะ)

      รถแอร์มันเย็นน่าหลับจัง...โอย...ไม่มีอารมณ์ร่วมกิจกรรมกับใครหน้าไหนแล้วแฮะ เราที่นั่งตามลำพังคนเดียวก็สบายโก๋ดิ หลังจากเช็คชื่อเสร็จผมก็สะลึมสะลือเลยคับ คนอื่นเขาจับจองที่นั่งเป็นคู่แต่ผมไม่ได้มากับคนรู้จักเลย อย่างมากสุดก็คนรู้จักแบบแค่ทักกันผิวเผินแล้วมันก็ไปนั่งกับเพื่อนสนิทมันแล้ว ผมเลยกะนอนยาว...ยาวจนไปถึงที่นั่นเลย...



      ผมรู้สึกสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาจากฝันกลางวันแสนหวานบนรถทัวร์สองชั้น ผมหลับไปนานเท่าไรแล้วไม่รู้? รู้แต่เพียงว่ารถกำลังโยกเหยกเพราะความขรุขระกันดานของพื้นถนน และเมฆมืดครึ้มพร้อมกับเม็ดฝนซึ่งโปรยปรายลงมาทันที แต่เอ๊ะ?! ทำไมผมถึงรู้สึกอุ่นๆ นิ่มๆนุ่มๆ...เลยค่อยๆเปิดเปลือกตาหนาหนักขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ...

      ผมรีบผงะตัวออก ตายอ่า...พี่มาร์คเองเหรอเนี่ย!?

      ไม่รู้ว่าผมบ้ารู้ตัวเร็วไปเองหรือเปล่า ทว่าฝ่ามือกว้างใหญ่แสนอบอุ่นของพี่มาร์คซึ่งกุมมือน้อยๆของผมอยู่นั้นกระชับขึ้น ราวกับว่าจะให้ผมซบลงไปที่เดิมนั่นคือซอกอกของเขา พี่มาร์คมานั่งหลับข้างๆผมตั้งกะเมื่อไหร่กันนะ...นี่ผมหลับไม่รู้เรื่องขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย!!!???

      หัวใจของผมพลันเต้นรัวแรงขึ้นจนกลัวว่าเสียงมันจะดังเป็นกลองรัว แล้วทำให้ภาพพี่มาร์คซึ่งกำลังหลับสนิทอยู่ตรงหน้าจางหายไป...ขนตางอนยาวเป็นแพของพี่มาร์คปิดสนิท จมูกโด่งๆตรงเป็นสันก็อยู่ใกล้ใบหน้าของผมเหลือเกินจนแทบสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อน...ริมฝีปากแดงอวบอิ่มนั้นเอนเข้ามาใกล้...ตายละหว่า? เป็นเพราะ...เป็นเพราะพี่เขาจงใจ หรือว่ารถมันโยกไปเองกันแน่

      ศีรษะของพี่มาร์คเคลื่อนตัวมาประทับที่ไหล่ผมช้าๆ ผมไม่ทันขัดขืนและพูดไม่ออก...เลยต้องจำยอมให้พี่มาร์คทั้งนอนซบกุมมือ และตอนนี้ก็เปลี่ยนมาเป็นโอบกอดน้อยๆแล้วด้วย

      โอย...ใจมันเต้นรัวเสียจะหลุดกระเด็นออกมาจากอก ตัวพี่มาร์คทั้งอุ่นทั้งหอมเหลือเกิน ผมพยายามเบือนหน้าหนีไปยังภาพชายทะเลกว้างๆ เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้ามีเมฆมืดครึ้ม ฝนตกโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย…

      ผมต้องการนึกถึงอะไรบางอย่างเพื่อมาข่มใจเป็นการด่วน คิดว่าจะผละตัวออกมาดีไหมน้า?...ถ้าพี่เขาตื่นขึ้นมาแล้วเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นคนจัดฉากเรื่องทั้งหมดนี่ขึ้นมาล่ะ ความสนิทสนมของเราที่ผมเฝ้าดูแลถะนุถนอมมานานนับเดือนจะได้พินาศลงภายในพริบตา?

      ผมแอบเหลือบมองหน้าพี่เขาอีกครั้ง ตาสองชั้นหวานๆกำลังปิดสนิทอยู่ ผมทนไม่ไหว...เลยเอนไปซบเขาอีกที เราหายใจอยู่ใกล้ๆกัน เป็นความใกล้ชิดที่ผมไม่เคยคิดฝันมาก่อน หรือว่านี่จะเป็นความฝัน? เพราะมันหอมหวานเกินไป...ขอจงอย่าให้ฝันนี้จบลงเลย…ได้โปรด

   

      รถบัสของเราเคลื่อนเข้าสู่ที่จอดรถของค่ายที่จะมาทำกิจกรรมอนุรักษ์ป่า อ้อ ลืมบอกไปครับว่าค่ายอนุรักษ์นี้กึ่งๆค่ายอาสา ไม่ได้ออกค่ายเป็นเดือนแต่ก็อยู่เกือบๆอาทิตย์นึ่งแหนะ

      พี่มาร์ค(กลับมาที่เรื่องพี่มาร์ค) เขาตื่นแบบงัวเงียๆครับ ไอ้กระผมที่ลุ้นอยู่ว่าพี่เขาจะทำสีหน้ายังไงงี้ไม่กล้าสบตาเลย สักพักพอคนเริ่มทยอยกันลงพี่เขาก็ยังไม่ลงครับ แถมยังจับมือผมเอาไว้อยู่ด้วย

      “ลงกันเถอะ” ผมหันไปตามเสียงเรียกครับ โฮย พี่เขายิ้มแบบน่ารักสุดๆมาให้ผม ตางี้หวานเป็นประกายเชียว เหมือนชายหนุ่มเซ็กซี่ๆคนหนึ่งเพิ่งงัวเงียตื่นนอน ในใจผมตอนนั้นแอบคิดลึกๆไปกับพี่เขาบ้างแล้วล่ะ...

      เอ...แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความคิดลึกๆที่ว่านั่นมันคืออะไร พี่เขาเป็นได้เพียงแค่รุ่นพี่ที่ผมชื่นชม...เท่านั้น ไม่ใช่เหรอ?

      ลงจากรถมาเช็คชื่อเข้ากลุ่ม ร่วมกิจกรรม สักพักตอนเย็นๆฝนก็ตกหนักลงมาอีกรอบ ดังนั้นแผนที่พรุ่งนี้พวกเราจะไปเลือกซื้อต้นไม้กันคนละต้น เพื่อมาปลูกป่าในวันถัดๆไปจึงถูกล้มเลิกไปโดยปริยาย

      “แดน ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวพี่พาไปรู้จักเพื่อน”

      พี่มาร์คที่บัดนี้เนื้อตัวเปียกโชกไปด้วยสายฝน โผล่มาทำให้สะดุ้งตกใจเล่นตอนที่กำลังนั่งเหม่อออกไปนอกทะเลO[]O!!...เหอะๆ พี่เขาใส่เสื้อนักเรียนตัวบางๆสีขาวใช่ไหมครับ เวลามันเปียก...มันก็เห็นอะไรต่อมิอะไรหมดซิคับ…

      ผมเผลอเงยหน้ามองไปที่แผงอกสีเข้มของพี่เขาแวบนึ่ง ก่อนจะลุกเดินตามพี่เขาไปอย่างว่าง่าย ในใจรู้สึกเจ็บแปล๊บยังไงไม่รู้ ช่างมันๆ...ถึงที่โต๊ะของพวกพี่เลี้ยงนั่งอยู่ ทุกคนเอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดหัวเปียกๆกันหมดแล้ว เหลือแต่พี่มาร์คนี่แหละครับที่ยังคงห่วงชาวบ้าน เดินถามสารทุกข์สุกดิบของน้องรวมถึงตัวผมด้วย(อูยส์...พ่อพระ)

      เพื่อนๆพี่มาร์คชวนคุยไปเรื่อยตามประสา หลังจากนั้นเจ้าตัวเขาก็เข้ามาสมทบ ผมอดไม่ได้ที่จะทักหลังจากเห็นผมพี่เขาลีบลู่เพราะเปียกน้ำอยู่นานแล้ว

      “พี่มาร์คระวังไม่สบายนะครับ” ผมยิ้มจนตายี๋ (ปกติตาผมมันก็ไม่ค่อยเปิดอยู่แล้ว ชอบหรี่ๆหนีแสงแบบลูกครึ่งทำนองนั้นอ่ะ-_-*)

      “ฮื้อ เราดูตัวเองเถอะ อย่าให้เปียกฝนล่ะ เดี๋ยวป่วย ทำกิจกรรมไม่สนุก”

      “แต่พี่มาร์คตากฝน แล้วนี่ก็เริ่มเย็นแล้ว หนาวด้วย”             

      ดวงตาสองชั้นออกแนวคมๆปนหวานของพี่มาร์คหันมามองจ้องที่ใบหน้าของผม ก่อนจะยิ้ม...แล้วหันไปตะโกนโหวกเหวกกับเพื่อนเขาอีกคำสองคำ ผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนหนานุ่มก็อยู่ในมือพี่เขาแล้ว

      “ห่วงพี่มาก งั้น...เช็ดให้หน่อยแล้วกัน”

      ตอนแรกผมอึ้งครับ อึ้งแบบพูดอะไรไม่ออกเลยอ่ะ เดาไม่ออกเลยว่าพี่เขาแกล้งพูดเล่น หรือว่า...อยากให้ผมเช็ดหัวให้พี่เขาจริงๆ

      ผมรับผ้าเช็ดตัวผืนนั้นมา ลงมือเช็ดเบาๆที่เส้นผมของเด็กผู้ชายรุ่นพี่ซึ่งอยู่ม.6 ผมของพี่เขาเริ่มยาวแล้วและก็นุ่มมากด้วย(ม.6พวกครูเค้าจะไม่ค่อยเข้มงวดอ่ะ ชิ! ลำเอียงชะมัด) ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาเช็ดไปคุยไป พี่เขายิ้มแถมยังหัวเราะแบบเป็นกันเองมาก ไม่เข้ากับท่าทางแสนสุภาพออกจะไฮโซหน่อยๆเลยด้วยซ้ำ จู่ๆ...

      เอ๊ะ!...ความรู้สึกนี้มัน...

      แปลก...

      ตั้งแต่อยู่ที่โรงเรียนแล้ว...ผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีใคร...ใครสักคนเฝ้ามองมาจากทางด้านหลัง เหมือน...เหมือนว่ามันแอบมองอยู่ตลอดเวลายังไงยังงั้น...

      ขนบริเวณด้านหลังต้นคอลุกซู่ ผมชะงักมือไป จนพี่มาร์คถาม

      “เป็นไรเปล่าแดน? มาๆ แดนไปกินข้าวต่อเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการเองครับ”

      ผมก็คับๆตอบกลับไป กวาดสายตามองไปทั่วลานกว้างใต้ต้นไผ่ภายในบริเวณค่าย ทุกโต๊ะ...ไม่มีคนที่ผมคุ้นหน้าอยู่เลยนี่นา แต่ทำไมหนอ...ท่ามกลางฝูงเด็กนักเรียน ผมเหมือนเห็นใบหน้าใครบางคน ลอยนวลแอบแฝงอยู่ในนั้น...


                    โปรดติดตามตอนต่อไป :m12:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

satan666

  • บุคคลทั่วไป

นายชิพแน่เลย อิอิ

ทำตัวลึกลับซะ  :m12:

ปั่ น ป่ ว น

  • บุคคลทั่วไป
ชิพพพพพพพพพพพพพพพ  :a2:  ชิพตามมาคุ้มแดน แน่ๆเลย   :m24:

ifwedo

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
สนุกดี จะติดตามต่อไปน่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






DekDoy

  • บุคคลทั่วไป

ALeX

  • บุคคลทั่วไป
ขอโทดจริงๆที่มาต่อให้ได้แค่นิดเดียว ไว้มีเวลาเเล้วค่อยมาต่อเยอะๆให้นะครับ ขอบคุณครับ



บทที่ 8



      กิจกรรมช่วงเย็นของการเข้าค่ายภายในวันแรกคือการอบรมจากเจ้าหน้าที่ค่าย(ซึ่งเป็นทหาร หลายคนคงรู้แล้วว่าที่ไหน) เขาสอนเราว่าป่าชายเลนเป็นยังไง มีกี่ประเภท เรียกว่าอะไรบ้าง ฯลฯ กว่าจะได้เข้านอนก็ตั้งเกือบห้าทุ่ม เบ็ดเสร็จแล้ววันนี้แค่อบรมความรู้พื้นฐานภาคทฤษฎี ไม่ได้ลงมือปฏิบัติแต่อย่างไร

       ป่าชายเลนมีความสำคัญต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมมากนะครับ โดยเฉพาะป้องกันคลื่นลมแรงจากทะเล ไม่ให้น้ำท่วม มอบความอุดมสมบรูณ์ให้แก่ชุมชน และเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์ทะเลตัวเล็กๆ หากใครได้ไปเที่ยวก็ช่วยกันดูแลด้วย มันจะได้อยู่คู่กับเราไปนานๆ

      กลับมาที่เรื่องผม เต็นท์ที่ได้นอน...ฮุฮุ เชื่อไหมครับว่าผมได้นอนเต็นท์เดียวกันกับพี่มาร์ค ไม่ได้อ้อนวอนขอเขาด้วย! พี่เขาดึงผมมาเอง บอกว่ามีเต็นท์ส่วนตัว นอนคนเดียวก็กระไรอยู่ ส่วนผมจะไปนอนเบียดน้องคนอื่นก็ใช่เรื่อง จับผลัดจับผลู เลยได้มานอนเอกเขนกอยู่กับพี่มาร์คตามลำพัง  อิ_อิ*

      ก่อนเขาจะปิดไฟกัน ผมเดินไปแปรงฝันที่ห้องน้ำ ขาที่มันก้าวเดินอยู่พลันต้องหยุดชะงักลง อีกแล้วครับ! ความรู้สึกแปลกๆนั่นเข้าจู่โจมผมอีกแล้ว ผมเหมือนเห็นใครสักคนแวบตรงมุมห้องน้ำ ภายใต้แสงไฟอันมืดสลัวยากจะมองเห็น แต่ผมรู้ครับ...รู้ว่ามันคลับคล้ายคลับคลาจะเป็น...

      ไอ้ชิพ!!!

      ไม่จริงๆๆ+++ ไอ้ชิพไม่มีทางมาเข้าค่ายอนุรักษ์นี่ได้แน่นอน มันยังไม่ได้เป็นสมาชิกของชุมนุมเลยด้วยซ้ำ ฉะนั้น...ผมคงตาฝาด มองเห็นคนหน้าเหมือนไปเอง

      ระหว่างแปรงฝัน ผมก็คิดทบทวนวิเคราะห์ไปเรื่อย...ถ้าเป็นคนหน้าเหมือนมันจริงคงแปลกพิลึก ตัวมันก็สูงๆใหญ่ๆเหมือนกัน ยิ่งสีหน้าที่แวบนั้นผมแอบสังเกตเห็น...มันเหมือนไอ้ชิพที่กำลังโมโห? โกรธ แล้วก็หงุดหงิดจัด มันจะทำหน้าตาเย็นชาไร้อารมณ์ แบบที่ผมเห็นทุกครั้งก็ยังขนลุกอยู่ทุกครั้งอ่ะคับ -_-***

      “แดน รีบเข้ามานอนเหอะ ปิดเต็นท์ด้วยนะพี่หนาว”

      ผมก้าวเข้ามาในเต็นท์ พอนอนกันแค่สองคนแล้วมันรู้สึกเหลือพื้นที่ว่างไว้กว้างขวางเหลือเกินจนดูโหวงๆ...ขณะที่เสียงพวกเต็นท์อื่นยังไม่เงียบลง แต่ระหว่างผมกับพี่มาร์คนี่...เงียบสนิท เงียบฉี่(เหอะๆ)...มีไฟฉายที่เปิดไว้กระบอก ส่วนเขานั้นล้มตัวลงนอนแล้ว นอนตะแคงข้างไปทางด้านหน้าเต็นท์

      ใจผมเต้นตึกตักขึ้นเรื่อยๆ...ก๊อคนมานตื่นเต้ลล์อ่ะอ่า~~~>.<

      “แดน หนาวเปล่า?”

      ผมเห็นพี่เขาตัวสั่นนิดๆ

      “พี่มาร์คหนาวเหรอครับ?” พร้อมมองด้วยดวงตาแป๋วแหว๋วแสนใสซื่อ

      “อือ ไม่รู้ว่าพี่หนาวเองไปคนเดียวหรือเปล่า ถึงถามไง”

      ผมบอกว่าไม่หนาว ออกจะร้อนด้วยซ้ำ…โดยเฉพาะแก้มกับหน้าอกนี่ร้อนจะแทบหายใจไม่ออกเลย

      “ถ้าพี่มาร์คหนาว เอาผ้าห่มผมไปก็ได้” อึ๋ย…หลุดปากพูดออกไปแล้ว แทบอยากตบปาก แล้วคืนนี้เราจะนอนห่มอะไรว่ะ ทำไม่คิดก่อนพูดว่ะได้แดนเอ้ยยยย!!!~~~~

      “งั้น…พี่ขอนะ แดนก็มานอนด้วยกันนี่ซิ ห่มด้วยกันไง”

      ผมก็อึ้งๆอ่ะคับ แต่ต้องเก็บอาการ ไม่ให้เห็น เด๋วไก่ตื่นจับพิรุธได้ก่อนพอดี(อ่านะ...ไม่ช่ายๆ) แต่ก็ยอมทรุดตัวลงไปนอนข้างๆเขา กางผ้าห่มคลุมทับร่างของเราทั้งสองคน โดยผมนอนหันหลังให้ ซึ่งตัวร้อนมากอย่างน่ากลัว สักพักที่ผมคิดว่าไอ้พี่มาร์คซึ่งหลับไปแล้ว(เพราะจังหวะการหายใจสม่ำเสมอมาก)อาจจะเป็นไข้ แต่ผมไม่กล้าขยับไปแตะหน้าผากเขา กลัวโดนหาว่าเเต้ะอั๋งง่ะ

      “นอนไม่หลับเหรอเรา?” เสียงนุ่มๆของพี่มาร์คดังขึ้นข้างหลังใบหูผม เสียววาบเลยคับ สงสัยพี่เขาคงรู้ว่าผมนอนดิ้นไปดิ้นมามั้ง ไอ้เราก็เกรงใจกลัวพี่เขาไม่ได้หลับ(แต่มาคิดดูอีกทีมันผ้าห่มกรูนี่หว่า -v-) ตอบแบบอ้อมแอ้มไปทีว่า

      “ครับ สงสัยแปลกที่อ่ะพี่”

      “ชวนพี่คุยเป็นเพื่อนก็ได้นะ” ผมจินตนาการเอาเองว่าพี่มาร์คกำลังนอนตะเเคงมาทางผม หลับตาพริ้มนอนสนทนากับผมอย่างมีฟามสุข โอ้วส์สสสสๆๆ สวรรค์~~~ ^o^

      เงียบ...ไม่รู้จะหาเรื่องอะไรมาคุยดี ระหว่างเราสองคนเป็นเหมือนรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกันแค่ในโรงเรียนธรรมดา ไม่ได้ลึกซึ้งแบบรู้เรื่องส่วนตัวกันและกัน ปกติเราพบหน้ากันก็ทักถึงเเค่เรื่องในชุมนุม การเรียน กีฬา ฯลฯ ผมเลยคำพูดท่วมปาก มันอึกๆอักๆจนพี่เขาหัวเราะเบาๆ

      “เฮ้ย คุยกันได้ทุกเรื่อง เอางี้ แดนน่ะมีแฟนหรือยัง?”

      คำถามทำไมมันโดนใจจังว่ะ “ยังฮะ”

      “มีใครที่แอบชอบไว้หรือยัง”

      มีบ้างแล้ว…”ยังอ่ะครับ”

      “พี่ก็มีนะ…แต่ไม่กล้าบอกเขา กลัวโดนปฏิเสธ”

      อุก…น้ำเสียงพี่มาร์คเปลี่ยนไปเป็นเศร้าๆทันที ผมคิดโง่ๆ โธ่ หน้าตาอย่างพี่มาร์คยังโดนปฏิเสธ ใครในโลกนี้มันจะไปมีแฟนกันว่ะ จริงม่ะ -_-“

      หรืออาจจะว่า…ใครกล้าปฏิเสธพี่มาร์คได้ลงคอ ถือว่าโง่มากมาย

      ทว่ามันไม่ใช่เรื่องของผมนี่…ผมไม่จำเป็น ต้อง…ต้องไปรู้สึกสงสารพี่เขาเลยสักหน่อย

      “ถ้าไม่กล้าบอก เเล้วเขาจะรู้เหรอ” ผมรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เลยกล้าหันมาคุยสบตากับเขา เหอะๆ หน้าพี่มาร์คตอนนี้กำลังแดงก่ำใช้ได้เลย

      “นั่นซิ ถ้าพี่ไม่บอก เขาจะรู้ไหมน้า…” จู่ๆพี่มาร์คก็ยกมือขึ้นมาเสยปอยผมของผมเล่น ดวงตาหวานๆมองเลยผ่านไปเหนือหน้าผาก เอ?...ผมรู้สึกว่าใบหน้าพี่เขาเขยิบเข้ามาใกล้ยังไงๆม่ะหรุ…



      …พี่มาร์คเคลิ้มหลับไปแล้ว คงเพราะความเพลีย…ท่ามกลางความเงียบงันและแสงไฟสลัวนั้นทำให้ผมหวนคิดถึงพี่วุต พี่วุตที่หน้าตาคล้ายผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าผมคนนี้มาก ผมพินิจดูเค้าโครงคุ้นตาอย่างสงบ…ผมสงสัยว่าพี่มาร์คแอบรักใครนะ? ใครคือคนโชคดีคนนั้น แต่ก็นะ…มันไม่ใช่เรื่องของผมเลย ทำไมผมต้องไปรู้สึกทุกข์ร้อนกับมันด้วย?

       แต่ทำไมหัวใจของเราต้องเต้นแรงแปลกๆด้วย...

      พลิกตัวหันตะแคงให้แล้ว เตรียมกำลังจะหลับ แขนยาวกำยำข้างหนึ่งของคนที่นอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันก็วาดมาวางผาดไว้บนตัวผม…พี่มาร์ค พี่มาร์คกอดผมไว้แน่น กระชับอ้อมกอดแทบสัมผัสได้ถึงไออุ่นรวยริน เอ่อ…คืนนี้ผมคงนอนหลับฝันดี อย่างที่ไม่สามารถคิดได้อีกแล้วว่าคืนไหนจะดีเท่า คืนที่มีคนคอยกอดผมเอาไว้ แบบนี้…

       
โปรดติดตามตอนต่อไป



ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

ifwedo

  • บุคคลทั่วไป

lovely_nomore

  • บุคคลทั่วไป
หวัดดีจ้า เขียนได้ดีนะจ๊ะเนี่ย ลงเร็ว ๆ แล้วกันจะได้อ่านต่อ โชคดีนะ

ALeX

  • บุคคลทั่วไป
หายไปนาน ขอโทษด้วยนะครับ วันนี้เอามาลงซะยาว หวังว่าจะโดนใจใครหลายๆคน

ช่วงนี้เงียบมากเลย ไปไหนกันหมด? ยังไงมีเรื่องเล่าสู่กันฟังก็มาคุยกันได้นะครับ ไปกินข้าวก่อนและ  o13

ALex

ปล. ใครมีเรื่องติชม เห็นข้อผิดพลาดอะไรก็แจ้งได้นะครับ ขอบพระคุณมากด้วยที่ช่วยเตือนครับ   :m23:

บทที่ 9


      ตอนเช้าอากาศทั้งภายนอกและภายในเต็นท์หนาวมั่กๆ ผมตื่นขึ้นมายังตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า พี่มาร์คที่นอนกอดผมติดยังคงหลับอุตุไม่รู้เรื่อง แถมพอผมจะขยับลุกออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นซะหน่อยพี่แกยิ่งรั้งผมไว้แน่นเข้าไปอีก และแล้วก็เลยตามเลย…กว่าจะได้ออกไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว ผมเลยชวดโอกาสงามๆชมแสงแรกแตะที่ขอบฟ้ากันพอดี (แต่ถ้าแลกกัน ถือว่าคุ้มอ่ะ จริงเป่า o_O*)

      ตอนที่แงะตัวเองออกมาจากอ้อมแขนพี่มาร์คได้ รูดประตูเต็นท์ออกไป สิ่งของหนักๆบางอย่างมันก็พุ่งตรงเข้ามาโดนที่หน้าขาผมครับ เจ็บจนต้องร้องโอย สายตามองไปตามทางที่ไอ้เวนนั่นปาเชรี่ยอะไรมา แต่มันวิ่งหนีไปแล้วครับ ไม่รุใคร แต่เห็นหลังมันเเว๊บๆแล้วคุ้นๆตา…

      เพื่อขจัดความค้างคาใจ เลยตัดสินใจวิ่งตามมันไปอย่างเร็ว ไอ้นั่นมันสับขาไวจริงๆ แต่ในที่สุดผมก็ตามทัน(นักวิ่งทีมชาติมาเอง) โดดเข้าไปตะครุบตัวไอ้คนที่ทำผมอารมณ์เสียแต่เช้า ได้ที่ชายหาดหน้าทางเข้าค่าย

      “เฮ้ย ปล่อยกู!”

      ได้ยินเสียงคุ้นๆหูแล้วก็ถึงบางอ้อว่าใคร ผมพลิกตัวมันขึ้นมาขณะกะลังนั่งคร่อมมันอยู่(บอกแล้วอย่าคิดลึก) ไอ้ชิพเองครับ ไอ้ห่าชิพมันกาลังจ้องมองอาฆาตแค้นผมอยู่ หน้าแมร่งโคตรดุ ตางี้คมกริบยั่งกะใบมีดโกนเลย

      “ไอ้ชิพ!” ผมโพล่งออกไปด้วยความตะลึงงัน

      “เออ กูเอง!” มันพยายามผลักผมให้ลุกออกไปจากตัวมัน แต่กรูไม่ยอมเฟ่ย กรูโมโหเลือดขึ้นหน้าแล้วนี่ฟ่า

      “มึงใช่ไหมที่ตามกูมา มึงใช่ไหมที่แอบดูกูตลอดทั้งวัน แล้วยังเสือกเอาก้อนหินมาปาใส่ขากรูอีก เจ็บนะโว้ย!”

      มือทั้งสองข้างที่คร่อมลงไปเหนือหน้ามันกำพื้นทรายแน่น ชะโงกหน้าไปข่มขู่มัน แต่ก็รู้ใช่ม่ะคับว่าคนอย่างไอ้เลวนี่ไม่มีวันกลัวอะไร มันแสร้งทำหน้าเย็นชาใส่ แม้ว่าผมจะถลึงตาให้มันรู้สึกกลัวแล้วก็ตาม

      “เออ กูเอง มีปัญหามั้ย”

      “มึงตามกูมาทำไม”

      “กู…กูว่าง ไม่มี’ไรทำ”

      “แล้วไมมึงไม่บอกกู”

      “กูไม่อยากมาขัดความสุขมึง ของมึงกับพี่มาร์คห่าอะไรนั่น!”

      

      ประโยคที่ไอ้ชิพเพิ่งตะคอกใส่หน้าผมไปถึงกับทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก มันจ้องหน้าผมอย่างท้าทาย ผิดกับที่นัยน์ตาของผมกลับมีน้ำใสๆมาเอ่อคลอ

      “มะ…มึงพูดอะไรของมึง…”

      “ไม่ต้องมาทำเป็นไก๋ มึงนอนกอดกันทั้งคืน มีความสุขมากใช่ไหม มึงถึงลืมชวนกูมาด้วย มึงลืมกูตลอด!”

      “นี่มึงแอบดูกูเหรอ?!” ผมเป็นฝ่ายตะคอกบ้าง ส่วนมันเป็นใบ้ไปพักใหญ่เลยคับ ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้ห่าชิพมันจะมาทำตัวเซ้นซิทีฟอะไรกันจาตอนนี้ หมั่นไส้วุ้ย! น่าจับไปทำ…ซะเลย

      “กะ…กูเปล่า”

      “กูกับพี่เขาเราเป็นแค่พี่น้องกัน” ผมรู้สึกสะกิดใจกับคำพูดโง่ๆเหล่านั้น มันเรื่องอะไรที่ผมต้องไปสารภาพให้ไอ้ชิพฟัง มันไม่ใช่เรื่องธุระกงการของมันสักหน่อย อีกอย่าง ผมก็ไม่ได้คิดอะไรกับพี่มาร์คเขาอยู่แล้วด้วย…ไม่แม้แต่นิดเดียว

      “ทำไมมึงต้องหลบหน้ากู...” ผมเปลี่ยนระดับเสียงมาเป็นถามเบาๆ

      “กูบอกแล้วไง ไม่อยากขวางความสุขมึง”

      “สุขเหี้ยไร มึงคือเพื่อนกูนะ” ผมจับหน้ามันไว้ไม่ให้หันหนี มันเสือกปัดมือผมออก “มึงสมัครเข้าชุมนุมมานานหรือยัง?”

      “ก็พร้อมมึง แต่มึงไม่เคยรู้หรอก” อ้าวเฮ้ย กลายเป็นกรูผิดซะงั้น น้ำเสียงงี้ตัดพ้อกันเหลือเกินนะมรึง

      “แล้วนี่มารถยังไง ทำไมไม่มานั่งกับกู ตอนกินข้าวไปอยู่ไหนมา”

      “กู...แอบมึงอยู่ กูเหงา...พอใจยัง! ก็เพิ่งมาอยู่โรงเรียนนี้ แล้วตอนนี้มันก็ปิดเทอม กูไม่มีอะไรทำ ก็...ก็เลยตามมา แต่กูเกลียดขี้หน้ารุ่นพี่มึง กูเกลียดมึงด้วย”

      “อ้าวไอ้เลว แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกู?”

      “เกี่ยวซิ พี่มาร์คอะไรนั่นมันคือคนที่มึงสนใจไม่ใช่เหรอไง!”

      เอาแล้วครับ คำพูดของมันแทงลงมาในใจของผมอีกรอบ คราวนี้กรีดซ้ำรอยเดิม ผมสะอึก “กูบอกแล้วไงว่าพี่เขาแค่เป็นพี่” ผมเค้นเสียงลอดไรฟัน

      “โกหก! มึงอย่ามาตอแหลหน้าด้านๆ มึง...”

      “แล้วมึงมาสนใจเรื่องกรูทำไม?!” เออนั่นดิ ไอ้ชิพมันบ้าเป่าว่ะ

      “ก็เพราะกู...”

       วูบนั้น ที่ลมทะเลเย็นยะเยือกพัดผ่านตัวผมทั้งสองคน เราเงียบ...ในความเงียบนั้นเราจ้องตากันนิ่ง ถ้าตาผมไม่ฝาดนะคับ เหมือนตัวไอ้ชิพมันจะกระตุก สั่นน้อยๆ ดวงตาเรียวสวยได้รูปคู่นั้นมีน้ำตาเอ่อคลอที่หัวตาด้วย เราประสานสายตากันเนินนาน...อะไรบางอย่างในจิตใจของผมมันถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ผมเสมือน...เข้าใจความรู้สึกของชิพ แต่ผมไม่เข้าใจว่ามันจะพยายามสื่อถึงอะไร?

      ว่าแล้วมันก็เริ่มเดินถอยหลัง แล้วก็หันหลังพรวดพราดวิ่งหนีไปเลย ผมได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างๆที่หายลับตาไปแล้ว ‘ไรว่ะ ผู้ชายภาษาอะไรงอนชิบหาย เออดี ปล่อยให้มันงอนตุ๊บป๋องหนีไปอย่างนั้นเลยก็ดี กรูไม่ง้อมรึงหรอกโว้ย!!!


ALeX

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 10



      เดินกลับมาจากชายหาดมันก็สายๆหน่อยแล้วครับ ทุกคนตื่นกันออกมาหมดแล้ว รวมถึงพี่มาร์คด้วย เขาตื่นมาไม่เห็นผมก็เลยถามเพื่อนๆแถวๆนั้น ได้ความว่าเห็นผมวิ่งตามเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งไป

      “เมื่อเช้าไปเดินเล่นกับเพื่อนมาเหรอครับ?” สีหน้าสีตาพี่มาร์คเหมือนคนยังไม่ตื่นดี

      “ครับ” แหม...ใครนะมันปากบอนบอกว่าผมวิ่งตามเด็กผู้ชายไป เสียภาพพจน์หมดเลยตู -v-

      “เพื่อนแดนคนไหนเหรอ พี่รู้จักเขาไหม?”

      “ไม่รู้จักหรอกครับพี่…” ผมพึมพำ หลบหน้าพี่เขาออกไป

      เดินไปยังลานใต้ต้นไม้ไผ่ ฝั่งตรงข้ามผมสามารถมองเห็นได้ชัดว่าใครยืนอยู่ตรงนั้น ไอ้ชิพมันนั่งคอตกอยู่คนเดียว คนเดียวจริงๆคับ...พูดไปแล้วก็สงสารมันเหมือนกัน พอมันเงยหน้าขึ้น(เหมือนมีญาณพิเศษเลยเนอะ สะเอ่อรู้ว่ากูมองอยู่เชียวนะมรึง) ผมก็ไม่กล้าค่อนขอดใส่มัน เลยได้แต่ยิ้ม กะจะเดินเข้าไปหา ถึงแค่กลางลานเท่านั้นแหละมันก็ลุกหนีผม หายไปหลังโรงครัวโน่นเลย

      เอ่อ งอนเข้าไปนะ ไอ้ควาย หน้าตาก็โคตรแมนแต่ทำไมใจปอดยั่งงี้ว่ะ

      กินข้าวเสร็จ รวมพล ฟังคำแนะนำพร้อมกำหนดการ รายละเอียดต่างๆ ฯลฯ ไอ้ชิพมันก็ยังไม่โผล่หัวออกมาสักที ไม่รู้มันไปกบดานอยู่ที่ไหน มิน่าถึงได้รอดสายตาผมไปได้ตลอดวัน แล้วอย่างนี้มันจะมากับเขาทำพรื้อไรว่ะ?

      ร่างสูงผิวเข้มๆของพี่มาร์คที่โผล่ออกมาแทนคนที่ผมตั้งใจรอต่างหาก เสื้อสีขาวสะอาดตัดกับสีผิวของพี่เขาอย่างลงตัว ดูเนี้ยบ สะอาดสะอ๊าน แล้วก็ดูเท่ห์บาดตาบาดใจมากมาย >.<~~~~

      ถัดจากพี่มาร์คและคณะพี่เลี้ยงซึ่งแต่งองค์ทรงเครื่องครบกันทุกคนแล้ว รถมาจอดรอเราเรียบร้อย พี่ทหาร(วิทยากร)ยืนพล่ามไปบนรถ  ระหว่างวันก็น่าเบื่อ ทำกิจกรรมตามตารางไปเรื่อยๆ ซึ่งก็ไม่มีอะไรผิดพลาด กิจกรรมก็ออกจะเพลนๆ ไม่หวือหวา แต่ทุกคนก็สนุกดีนี่ เอ๊ะ! หรือว่าผมใจลอย...ก็เพราะใครล่ะครับ ไอ้ชิพมันทำให้ผมเป็นห่วง กังวล ไม่รู้ตอนนี้มันกำลังทำอะไรอยู่ มันจะมีเพื่อนไหมน้อ? มันจะโกรธผมมากแค่ไหนกัน...

      ไอ้ชิพนะไอ้ชิพ! ทำกรูเป็นห่วงจนพลอยหมดสนุกเลย

      แต่อย่างน้อยผมก็ยังมีที่พึ่ง หรือประหนึ่ง หลักยึดเหนี่ยวทางใจก็ว่าได้ พี่มาร์คชวนผมคุยตลอด เราไปถ่ายรูปกัน(กล้องเขา) จากนั้นค่อยไปกินอาหารกันที่ร้านรุ่นพี่ศิษย์เก่า ผมมองไม่เห็นไอ้ชิพ แสดงว่ามันไม่ออกมากินข้าวด้วยกันกะเขา ใจอันโอบอ้อมอารีของผมเลยบังเกิดความสงสารขึ้นมาครับ แอบห่อกลับไปค่ายให้มันกิน เผื่อหิว

      โปรแกรมพรุ่งนี้จะไปว่ายน้ำแล้วก็ศึกษาเกี่ยวกับปะการัง การอนุรักษ์ปะการัง เข้าชมพิพิธภัณฑ์ครับ จบวันนี้เขาเลยให้น้องๆเข้าที่พักผ่อนเร็วหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเหนื่อยจนไม่มีแรงทำกิจกรรมกัน ผมปลีกตัวออกมาจากกลุ่มพี่มาร์คตอนมาถึง รีบเดินหาไอ้ชิพ...มันจะเป็นไงบ้างว้า? ป่านนี้คงหิวแย่แล้ว สงสารมันจัง...   

      ผมเดินมาเรื่อยๆตรงที่เขากางเต็นท์กัน เต็นท์สุดท้ายที่อยู่ไกลสุด ลึกสุด ผมไม่ต้องเสียเวลาเดาเลยครับ เปิดประตูเต็นท์เข้าไปก็เห็นร่างไอ้ชิพมันนอนขดคุดคู้อยู่ มันสะดุ้งพรวดขึ้นมาครับ ผ้าห่มไปทาง หมอนไปทาง ท่าทางมันคงตกใจใช่ย่อย ตามันตื่นๆในความมืด ดี สมน้ำหน้า อยากแกล้งผมไว้มากก่อนนิ อิอิ ^_^

      “เฮ้ย เข้ามาไมว่ะ?” แน่ะ คนเขาอุตส่าห์ตากหน้าเอาข้าวมาให้กิน ยังทำปากดีอีกนะ เดี้ยๆไอ้นี่ ข้าวปลาไม่ต้องแดก เสียงแข็งกับกูดีนัก \(-_-*)

      “ข้าว จะกินข้าวหรือเปล่าห่ะ?” ในที่สุดความดีของผมมันก็ข่มใจให้พูดออกไปอย่างสงบได้(แทนที่จะเป็นคำผทุสวาทแสนร้ายกาจต่างๆนานา) เห็นมันนิ่งขึงใจอยู่สักพัก จึงค่อยขยับเข้ามาใกล้

      “รู้ได้ไงว่าอยู่นี่”

      “มึงไม่ได้ไปกินข้าวกับเขา”  ผมหมายถึงคนในค่ายทั้งหมด

      “ไม่ต้องมาสนใจกู” พูดไปมันก็คุ้ยหาของในถุงกระดาษที่ผมขอร้านมา มันหยิบไก่น่องขึ้นมาเคี้ยวเอร็ดอร่อย เวร ไอ้เนรคุณ มันไม่น่าให้กินเล้ย... =_=***

      “มึงเป็นอะไรว่ะ งอนกูซ้างั้น”

      “….” มันเงียบ แต่มีเสียงเคี้ยวไก่กร๊วบๆดังแทน

      “เออ...เรื่องเมื่อเช้ากูขอโทษ กูเองก็พูดแรงไปหน่อย” ผมนั่งบิดไม้บิดมือไม่รู้จะพูดกับมันยังไงดี อ้าว สรุปกรูต้องกลายมาเป็นคนที่กลุ้มใจ

      “หิวมากไหม…”

      “วันนี้ทำอะไรบ้าง…”

      “วันนี้กรูก็ไปเที่ยวที่...”

      ปรากฏว่าเป็นผมคนเดียวที่พล่ามให้มันฟังครับ ตอนท้ายเลยชักเริ่มไม่ค่อยพอใจ ลุกพรวดขึ้นมาเลย ผมก็รู้นะว่าไอ้ชิพมันแกล้งทำเป็นไม่สนใจไปเท่านั้นเอง มันเลยรีบคว้ามือผมไว้

      “เดี๋ยว! จะไปไหน” มันลากผมไว้ครับ เป็นเหตุทำให้ผมที่กำลังขืนตัว ล้มลงไปกองตรงประตูเต็นท์ เชรี่ยยยย มันล้มตามลงมาทับผมด้วย อูยส์ ตัวมันหนักโคตร ท้องน้อยมันลงมากดทับผมไว้ มันจ้องหน้าอึ้งๆของผม แถมยังกวนตรีนหาเรื่อง ทำให้หายใจไม่ออก ก่อนที่มันจะยิ้มออกมานิดๆ

      “ละ...ลุกออกไป” ตัวแมร่งโคตรหนัก ร้อนก็ร้อน และ...ใจผมมันก็เริ่มเต้นแรงแบบทรยศโดยไม่รู้สาเหตุ

      มันยิ้ม “ฮึๆ กลัวใครมาเห็นเข้า’ไง”

      แสงไฟนีออนอ่อนๆส่องสลัวเข้ามา ทำให้ใบหน้าของมันซีดขาว แต่ผมรู้ได้ว่าแก้มมันชมพูเรื่อๆ...ริมฝีปากสีแดงที่มันๆมากจากการกินมื้อค่ำของมันแสยะยิ้มมุมปาก ผมร้อง

      “อยา...อย่า จะทำอะไร”

      “กินมึงแทนไง” ตามันวาวราวกับเรืองแสง(บรื๋อ...น่ากัวไอ้เพื่อนปีศาจ)

      “อย่านะ...กูไม่เล่น สกปรก เชี่ยแมร่งงงง”

      “อย่าดิ้นนา~~~” มันจับเอวผมให้อยู่นิ่งแทน ผมรู้สึกร้อนๆที่หน้าท้อง ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นวูบวาบแทน...หน้าขาทรงพลังของมันกดทับผมไว้ไม่ให้หนี แผงอกมันกดทับลงมา ทำให้ยิ่งหายใจไม่ออก มันเจ็บหน่วงๆที่ข้างในโพรงอก…

      ช่วงเวลานั้น มันเปลี่ยนจากสีหน้าหยอกล้อมาเป็นจริงจัง หัวก้มลงมาคับ จมูกโด่งๆของมันอยู่ใกล้กับจมูกของผมแค่คืบเดียว แย่ล่ะ!!! ริมฝีปากของมันแตะลงมาที่ข้างแก้ม ไล้ลงมา ผมที่โดนมันขึงพืดเลยได้แต่หลับมาปี๋ เบือนหน้าไปอีกทางอย่างเร็ว โชว์ผิวลำคอขาวๆเนียนๆให้มันไปแทน(เหอะๆ หนักกว่าเก่าอีก)

      “แดน น้องแดน น้องแดนอยู่ไหนครับ ออกมาหาพี่หน่อย…”

      เสียงร้องเรียกชื่อผมเป็นเหมือนระฆังช่วย ไอ้ชิพมันสะดุ้ง ผมก็รีบลืมตา ผมจ้องตามันนิ่งก่อนที่จะผลักอกมันออก เสียงฝีเท้าของพี่มาร์คดังเข้ามาใกล้มากขึ้น ผมรีบลุกวิ่งหนีออกมาจากเต็นท์ไอ้ชิพ พอดีกับที่พี่มาร์คเขามาตามหาผมอยู่แล้ว เลยรีบเข้าไปรวมกลุ่มกับคนอื่น

      “เต็นท์นั้นเพื่อนแดนเหรอ?”

      “ครับ...”

      เชื่อมั้ย ว่าก่อนผมจะเข้าไปต่อแถวรับขนมยามดึก ผมเห็นเลย...เห็นเลยว่าพอผมตอบว่าใช่ สายตาของพี่มาร์คขุ่นลงทันที เปลี่ยนไป...

      เอ...เป็นเพราะอะไรกันแน่นะ???

ALeX

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 11



      วันต่อๆมาฝนตกหนัก ทว่าบรรยากาศภายในค่ายก็ครึกครื้นดีครับ ไอ้ชิพที่ถูกผมลากไปร่วมกิจกรรมทำหน้าหงิกหน้างอ ความจริงแล้วผมก็ไม่ได้คิดอยากยุ่งกับมันนักหรอก ดูอย่างวันก่อนที่มันมานอนทับบนตัวผมซิ เชรี่ยยย เล่นเหี่ย’ไรไม่รู้...ตัวมันอ่ะหนักโคตรๆจนผมเจ็บซี่โครงเลยครับ(จิ้นกันนิดนึ่งนะ)

      วันที่มีกิจกรรมให้เลือกปลูกต้นไม้ ซึ่งพี่ทหารเตรียมมาไว้ให้เลือกเยอะมากๆ ผมเห็นป้ายชื่อที่ติดไว้ตรงลำต้นพืชชนิดหนึ่งนั่นคือ ‘ลำพู’ เหตุผลเพราะต้นมันสวยดี ชื่อก็ธรรมดา(ที่สุด) พอดีกับที่พี่มาร์คเขาเดินๆมาคุย

      “พี่อยากได้ต้นประดู่จัง...” พี่มาร์คบ่น ยิ้มอายๆ

      “ไมอ่ะพี่ ประดู่ปลูกแถวชายเลนนี่ไม่ได้หรอก”

      “เปล่า ปลูกประดู่ เกิดมาจะได้มีคู่ไง”

      แป๋วววววว เหอะๆ อยากจาอ้วก =_=...มุขลาวแสรดดดด

       ไอ้ชิพมันเดินมามองค้อนผมตอนที่พี่มาร์คปลีกตัวออกไป ตางี้จิกเชียว

      “เฮ้ย มึงปลูกไรว่ะ”


      “ตีนเป็ด!”

      เชี่ย...ตะโกนใส่หูกรูทามเพ่มึงเหรอฟ่ะ!!!

      ตอนเย็นเราไปเล่นน้ำทะเลกัน สนุกสนานใช้ได้เลยครับ ผม พี่มาร์ค พี่ต่อ พี่สิทธิแล้วก็พี่กร(เพื่อนสนิทพี่มาร์ค)วิ่งลงน้ำกันอย่างบ้าคลั่ง รวมถึงน้องๆคนอื่นๆด้วย แต่สายตาผมเหลือบไปเห็นไอ้ชิพมันนั่งเหงาคนเดียวครับ แอบสงสารมันอยู่เหมือนกันแหละ...มันช่วยม่ะได้อ่ะ มึงทำตัวให้เศร้าหมองเองนี่หว่า

      นานๆไปผมชักเริ่มทนไม่ไหว มันมองมาที่ผมตลอดเวลาเลย เหมือนกับจะอยากลงมาเล่นด้วย...แต่ไม่กล้า พลันแววตามันก็เริ่มเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ...ไอ้ห่า มึงจะลงมาก็ลงมาซิวะ ทำฟอร์มอยู่ได้ แมร่ง!!!~~~

      “เอ่อ พี่มาร์คคับ เดี๋ยวแดนวิ่งขึ้นไปหาเพื่อนก่อนแปบนึ่ง”

      “ฮื้อ ไหน?” พี่เขาหยุดเล่นน้ำแล้วหันมามองตามมือผมชี้ พี่เขาก็นิ่งๆไปคับ แล้วก็พยักหน้า

      ผม ถ่อสังขารลากร่างอันหนักน้ำเกลือขึ้นไปถึงบนฝั่ง ไอ้ชิพจ้องตาเหมือนเหยี่ยว สุดท้ายไปยืนเท้าสะเอวค้ำหัวมัน ตบกะโหลกมันไปที(ไม่ทันคิดเพราะอารมณ์มันร่าเริงอ่ะงับ T_T)

      “เฮ้ย!” มันลุกขึ้นเลย โฮย ตางี้แมร่งโคตรน่ากัว ยืนเต็มความสูงระดับหมีควายพร้อมทั้งตั้งท่าข่มขู่ผม...ไอ้เราจะพูดขอโทษก็ไม่ทันแล้ว มือข้างนึ่งจับแขนผมแน่นจนเจ็บ อีกข้างยกขึ้นจะชก แต่มันง้างไว้ กัดกรามแน่นจนนู่นเป็นสันเลย

      “กูขอโทษ…”

      “....”

      “ไปเล่นน้ำกับกูมั้ย?” ผมพยายามยิ้มใจดีสู้เสือ แม้ว่ามันจะยากเย็นแค่ไหนก็ตามในเวลานี้ ต่อหน้าอารมณ์ที่แปรปรวนของไอ้ชิพ...ผมล่ะสั่นๆหนาวๆ...

      “ไม่!” แหน่ะ ทำงอน ยังจะนั่งกลับลงไปใหม่อีกนะ

      “ไม่เอาน่า ไหนๆมึงก็มาแล้ว ไปเล่นเป็นเพื่อนกูหน่อย นะๆ อย่างน้อยไปช่วยกันแกล้งน้องก็ยังดี” อ้าว ผมต้องตบะแตกเพียงเพื่อจะง้อมันเนี่ยนะ?!

      ผมยิ้ม เกาคางมันเล่นเหมือนแมว มันปัดออกแบบรำคาญในตอนแรกๆ พอผมง้อมันไปเรื่อยๆมันก็ค่อยยิ้มออก แต่ไอ้เหี้ยนี่มันไม่แสดงออกหรอกนะคับ ฟอร์มมันเยอะยั่งกะเจ้าพ่อหนังยุคขาวดำ

      ในที่สุด มันก็ลุกขึ้นถอดเสื้อ เตรียมโดดตูมลงทะเล...เป็นครั้งแรกที่ผมเรือนร่างของมันภายใต้เสื้อนักเรียนสีขาว หุ่นมัน...ดีมากๆจนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง! กล้ามหน้าอกกับต้นแขนก็สวยมาก มันเป็นนักกีฬาว่ายน้ำกับบาสโรงเรียนเก่า ตัวมันยิ่งสูงเท่ห์ เวลามองข้างหลังงี้ก็ให้ความรู้สึกว่าหลังมันกว้างมากๆแถมเอวยังคอดสวย ไม่เหมือนเด็กนักเรียน เหมือนผู้ชายเต็มตัวมากกว่า

      เอ๊ะ!...ทำไมใจผมเต้นรัวอีกแล้ว มันเสียววาบ...ละ...แล้วทำไมผมถึงกลืนน้ำลายลงคอได้ยากลำบากแบบนี้นะ?...

      “มองไร” มันส่งสายตายิ้มขำมาที่ผม ผมรีบเบือนหน้า กะจะรีบกลับไปสมทบในทะเล แต่มันโดดมารัดคอผม เอาตัวหนักๆโถมลงมาอีกแล้ว แล้วก็ลากร่างของผมไปทางมันแทน...ไอ้แรงควายเอ๊ย!!!



      ในท้องทะเลสีคราม ฟ้าสวย น้ำใส มีนกสีขาวหลายตัวบินโฉบไปมาเหนือหัว ท่ามกลางเสียงหัวเราะและบรรยากาศสนุกสนาน ผมมองไปรอบๆตัวแล้วมีความสุขจัง...รู้สึกผ่อนคลาย ตอนนี้ผมไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ปล่อยมันให้เป็นแค่วันธรรมดาๆวันหนึ่งเท่านั้น

      ซูมมมม~~~

      “ไอ้เชี่ย!” ผมวักน้ำคืนไอ้คนที่สาดมา

      “555+ ดูหน้ามึงดิแดน ดูหน้ามึงดิ”

      ผมวิ่งเข้าไปสาดน้ำใกล้ๆหน้ามัน ผลักมันตกน้ำแล้วรีบวิ่งหนีออกมา แต่ผมมันพันธุ์ขาสั้น(กว่ามัน)ง่ะ เลยจ้วงไม่ทันนักกีฬาว่ายน้ำอย่างไอ้ชิพ ซึ่งกระโดดเข้ามาตะครุบตัวผมจนล้มลงไปในน้ำแทน ตามมาด้วยร่างของมันที่โอบกอดผมไว้ แนบเนื้อ...สัมผัสผิวกายกันและกัน

      อุ๊บ!....ใจผมมันเต้นรำอีกแล้ว

      ผิวของไอ้ชิพเวลาเปียกน้ำแล้ว...เรียบลื่นมาก มากจนมือที่วางทาบไว้บนอกไหลมาลงมาที่หน้าท้องแข็งๆของมัน...

      “ปล่อย...ปล่อยกู” ผมรีบผลักมันออก เห็นหน้ามันยังคงยิ้มร่าทว่าแดงจัด ลามลงมาถึงแอ่งชีพจรที่ผมเพิ่งเอามือวางลงไป...ขึ้น...ผมต้องการขึ้นจากน้ำเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ผมจะหายใจไม่ออก เพราะความตื่นเต้นบ้าๆนี่!

      

      วันรุ่งขึ้นผมเดินออกมาจากเต็นท์ก่อนไอ้ชิพ(ผมโดนไอ้ชิพลากมานอนเป็นเพื่อนตั้งกะไอ้วันที่ผมจับได้แล้วคับ...T_T) ก้าวยาวๆเพื่อที่จะเดินไปให้ถึงห้องน้ำเร็วเพราะลมอากาศมันเย็นมาก เวลาประมาณตีห้าครึ่งคนยังตื่นน้อยอยู่ แต่ไฟห้องอาบน้ำรวมเปิดอยู่ พร้อมกับเสียงใครบางคนตักน้ำจากอ่างลาดตัวดังซู่ๆมาแต่ไกล

      “อ้าวแดน ตื่นเช้าจัง มาอาบน้ำดิเรา”

      ผมแทบต้องขยี้ตาทั้งสองข้างเพื่อยืนยันสิ่งที่ผมเห็น...พี่มาร์คที่ใส่แค่กางเกงว่ายน้ำสปีโด้ตัวจิ๋วตัวเดียวปกปิดร่างกายทั้งเนื้อทั้งตัว บัดนี้กำลังยืนฟอกสบู่อยู่ตรงหน้าผม เหอะๆ ผมไม่รู้ว่ามาขัดจังหวะอะไรพี่เขาหรือเปล่า เลยรีบหันหลัง ทำท่าว่าจะหลบออกไป แต่พี่แกเล่นเรียกผมไว้ซะก่อน

      “เฮ้ยๆไม่ต้องเกรงใจ เข้ามาเลย พี่จะเสร็จแล้ว” (กรุณาอย่าคิดมากกับประโยคนี้)

      “เอ่อ...”

      ตอนแรกก็กล้าๆกลัวๆ แต่พอพี่เขากวักมือเรียก ผมก็เริ่มเดินเข้าไปวักน้ำล้างหน้าแปรงฝันอย่างอายๆ พลางมองไปที่แผ่นหลังสีเข้มซึ่งหันมาทางผม อืม...ไหล่พี่มาร์คกว้างจัง อาจจะกว้างกว่าไอ้ชิพ แต่ก็ไม่แปลกเพราะพี่เขาเป็นนักกีฬาว่ายน้ำตอนม.ต้น รูปร่างเลยสูงใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้

      “แดน ฟอกหลังให้หน่อยซิ เอื้อมไม่ถึงง่ะ”

      แปรงสีฝันที่ถืออยู่แทบจะหักคาปากผมเลยครับ ผมสะอึก เบิ่งตากว้างแล้วตอบแบบอู้อี้

      “มะ...ไอ้อาว” ไม่อาว...ไม่อาว...ถ้าให้ฟอกต้องให้ฟอกทั้งตัว >.< (อ่ะ ล้อเล่นนน)

      “โหยอะไรกัน ทิ้งพี่ทิ้งเชื้อกับแบบนี้เลยเหรอ เร็วๆเข้า พี่หนาว”

      ผมก็ อะไรว่ะ? กูไปเป็นน้องเป็นเชื้อเขาตั้งก่ะเมื่อไร แต่ก๊อม่ายเปงราย เลยเอาสบู่มาถูๆฟอกๆไปบนแผ่นหลังกว้างๆสีเข้มของพี่เขา เสร็จแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเก็บของบ้าง แต่แมร่งงงง พี่มาร์คเรียกไว้อีกและ เฮ้อ...จะรู้ไหมว้าว่ากรูไม่อยากอยู่นาน กรูเขิลล์ อ๊ากกกก!!! >.<

      “ขอบคุณนะ” ผมมองทั่วทั้งเรือนร่างพี่เขา เท่ห์บาดใจมากฮะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่เขาถึงเป็นไอดอลโรงเรียน ตัวก็สูง หล่อก็หล่อ แถมผิวยังสวยเข้มๆแบบคนไทยอีก...

      “อ้อ ตัวนี้เป็นกางเกงว่ายน้ำของโรงเรียนน่ะ” พี่มาร์คละมือจากการเช็ดผมมาดึงที่ขอบกางเกงสปีโดตัวจิ๋ว คงเพราะผมจ้องนานไป(หรือเปล่า>?) อึ๋ย!!! อย่าดึงแบบนั้นเซ่ มันเห็นอะไรไหนต่อไหนไปหมดแย้ว!!!

       ผมหน้าแดงแทบจะทอดไข่ได้

       แม้ว่าจะอาย แต่อดใจไม่ได้จริงๆที่จะไม่ให้มองสำรวจเรือนร่างกำยำ ผิวสีเข้มเต็มไปด้วยกล้ามเนื้องดงาม...ไหนจาไอ้สปีโด้ตัวจิ๋วนั่นอีก จิ๋วสมชื่อ มันปกปิดอะไรไม่ค่อยครบถ้วนเท่าไหร่หรอกเมื่ออยู่บนตัวพี่มาร์ค...

      “ครับ...”

      แล้วผมก็ไม่เคยตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนเช้าๆอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นที่ค่ายไหนก็ตาม...



       โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
เพิ่งเข้ามาอ่านครับ สนุดี มาอัพบ่อย ๆ นะครับ  :m1: :m1:

satan666

  • บุคคลทั่วไป

หุหุ มีแต่หนุ่มๆมายั่ว  :m30:


แล้วแดนจะเลือกใครน้อ :m1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ifwedo

  • บุคคลทั่วไป
เป็นเราป่านนี้2หนุ่มเสร็จเราแน่คิกก

ALeX

  • บุคคลทั่วไป
มาต่ออีกแล้ว กลัวคนอ่านงอน อิอิ  :m13: :m23: :m29:

หลายคนอาจสงสัยทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง แต่คนเขียนตั้งใจครับ มีหลายตอนไง ต่อกันก็ยาวพอดูเลยครับ ติดตามได้ต่อๆไปน๊าาาา  :oni2:

บทที่ 12     



      ก่อนจะกลับวันสุดท้าย เราเดินทางผ่านป่าชายเลนนำต้นไม้ไปปลูกในป่าโกงกางด้านหลังค่าย ช่วงเช้าทุกคนรายงานตัว ฟังนู่น นี่ นั่น....ตอนสายๆหน่อยฝนตั้งเค้าครึ้ม พี่ๆเขาเลยตัดสินใจจะให้เริ่มออกเดินทางกันก่อนที่ฝนจะเทหนักลงมา

      เอาเข้าจริง กว่าจะรอนู่นรอนี่เสร็จ เดินไประหว่างทางฝนก็โปรยลงมาแล้วครับ หนักขึ้นเรื่อยๆ ผมที่เดินก้มหน้าอย่างเดียวนึกก่นด่าฟ้าบ้าบอในใจ ทำให้กรูต้องเปียกไปหมดหัวจรดฝ่าตีน...เฮ้อ ผมไม่น่ามาเลยครับไอ้ค่ายทรหดแบบเนี้ย

      “แดนๆ รอเดี๋ยว”

      ผมหันหลังไปตามเสียงเรียก ฝ่าสายฝนที่ตกหนัก พี่มาร์ควิ่งมาเดินเคียงผม

      “แดน เราเอาเสื้อพี่ไปคลุมดีกว่า พี่ไม่อยากให้ไม่สบาย”

      พี่มาร์คหรี่ตาเพื่อหลบหยาดฝนที่ไหลริน ระหว่างเรามีสายฝนโปรยปรายขวางกั้น ผมพยักหน้า สักพักเสื้อคลุมสีเข้มก็ถูกกางขึ้นเหนือร่างของเราทั้งสอง ตัวของผมเบียดชิดกับพี่มาร์ค จนรู้สึกอบอุ่น...เราก้าวเดินไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ผมเชื่อครับ...ว่าตอนนี้คนที่ยืนอยู่เคียงข้างผมสามารถปกป้องผมได้ ตลอดไป...



      “เฮ้แดน! ยูมานี่หน่อยเด๊ะ”

      ไอ้พี่แห้ว เพื่อนสนิทกลุ่มพี่มาร์ค คนที่เป็นผู้รับผิดชอบหน่วยพยาบาลของค่ายกวักมือเรียกผมเข้าไปหา

      “มีอะไรครับพี่” ผมถามสุภาพ หน้าตาบ้องแบ๊ว (แอ๊บอยู่ว่างั้นเหอะ  -“- )

      “ไอ้มาร์คอ่ะดิ ไข้มันขึ้นสูงเลย คืนนี้ยูไปนอนเป็นเพื่อนมันได้ป่ะ?”

      ใจผมหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม คงต้องเป็นเพราะพี่เขาเสียสละเสื้อคลุมให้ผมเมื่อบ่ายวันนี้แน่เลย โธ่...พี่มาร์คนะพี่มาร์ค

      “แล้วไม’พี่ไม่ไปเองอ่ะ” ผมย้อน

      “โว้ย! ไม่เอาเว้ย วันนี้ข้าจะไปดูบอลกับพี่ทหารนู่น เชลซีเชียวนะเฟ้ย”

      ว่าแล้วไอ้พี่แห้วเขาก็ทิ้งกล่องยาไว้ให้ พร้อมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ อธิบายต่ออีกยาวยืดบลาๆๆ ยังดีที่มันบอกว่ามีอะไรหนักหนาให้วิ่งไปเรียกได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ( อ้อแน่นอน ก็มรึงใช้กรูแล้วนี่)

      ผมเดินไปหยุดยืนที่หน้าประตูเต็นท์พี่มาร์ค กล้าๆกลัว...ตั้งแต่วันแรกที่เรานอนเต็นท์เดียวกันผมก็ไม่ได้กลับเข้าไปข้างในอีกเลย เฮ้อ...ผมสูดหายใจลึกๆ ถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปดูอาการพี่เขาเลย

      ร่างสูงใหญ่ของพี่มาร์คนอนกองอยู่บนพื้น คลุมโปง มีไฟฉายแบบตะเกียงเปิดอยู่แถวๆเหนือหมอน ผมนั่งลงไปอังมือกับหน้าผากพี่เขา เย้ย!!! ทำไมตัวร้อนขนาดนี้ฟ่ะ

      “อ้าว...แดน” พี่มาร์คสะดุ้งเล็กน้อย พอเห็นว่าเป็นผมก็ทักด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

      “พี่มาร์คนอนพักผ่อนเถอะครับ”

      “แล้วนี่...แดนมาทำไม” ผมไม่ยอมให้พี่มาร์คลุก โถๆ แรงก็ยังไม่มี จะมาลุกเลิ้กอะไรกัน

      “พี่แห้วไปตามมา”

      พี่มาร์คเหมือนเหลือบตามองแว๊บนึ่ง “พี่ไม่รบกวนแดนหรอก กลับไปก็ได้”

      “ไม่ได้ครับ พี่มาร์คตัวร้อนขนาดนี้” เอาว่ะ ตอนนั้นไอ้เลือดแม่พระของตัวผมมันทำหน้าที่มันแล้วนี่ “พี่มาร์คนอนเถอะ วันนี้ผมจะนอนเป็นเพื่อน”

      “แล้วเพื่อนแดนล่ะ...” พี่มาร์คมองด้วยสายตา(แอบ)ตัดพ้อนิดๆ

      “ช่างมันพี่ มันอยู่ของมันคนเดียวได้”

      ผมจัดแจงห่มผ้าให้เรียบร้อย พร้อมกับเอนตัวลงแบบกึ่งนั่งกึ่งนอนข้างคนป่วย แสงไฟในเต็นท์อาบไล้ไปทั่วผืนผ้าใบ สบายตา ผมรอสักพักจนคิดว่าพี่มาร์คหลับแล้ว กำลังจะเอื้อมมือไปปิดไฟ

      ควับ! เอ้ย!!!

      จู่ๆวงแขนของพี่มาร์คก็วาดมาพาดบนตัวผมเฉยเลย อย่างงี้ได้ไง!!! แถมยังกอดแน่นแบบคนไม่ได้ป่วย(แรงเยอะมาก) เอ หรือว่าพี่เขาจะแกล้งป่วยว่ะ...แต่ผมก็หาสาเหตุไม่ได้เหมือนกันว่าพี่เขาจะแกล้งทำไม ตัวก๊อร้อนออกซะขนาดนั้น

      ในความเงียบ มีเสียงลมหายใจเข้าออกของพี่มาร์ค และเสียงหัวใจเต้นตึกตักอยู่ในหูของผม...ตึกตัก...ตึกตัก...ตึกตัก...จนหูมันอื้อไปหมด ตาก็ออกพร่าๆนิดๆ นี่ผมเป็นอะไร ผมเป็นอะไรไปเนี่ย?!

      “ดะ...แดน” พี่มาร์คครางเบาๆ คงละเมอ ผมเลยเท้าแขนมองหน้าพี่เขายิ้มๆ ใบหน้าที่ยังคงหลับสนิทช่างดูสงบ ฉับพลันที่ผมคิดแบบนั้นยิ่งทำให้ผมปวดใจมากยิ่งขึ้น...มันทรมาน แบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน...

      “แดน...หนาว...”

      ผมห่มผ้าให้ แต่วงแขนแข็งแรงยิ่งออกแรงกระชับ

      โอย...ชักเริ่มร้อน...และอึดอัดแฮะ…

      “พี่...แดน...พี่ชอบ...”

      ใจผมเต้นแรงมากถึงมากที่สุด ริมฝีปากแดงสดนั้นขยับครวญครางไปมาเพราะพิษไข้ ผมพยายามจะจับใจความที่พี่มาร์คเพ้อต่อไป แต่มันไม่มีแล้ว พี่มาร์คเงียบเสียงไปแล้ว

      “…พี่...พี่ชอบแดนนะ”

      ผมสะดุ้งลืมตาโพล่งในความมืด



       ALeX

       โปรดติดตามตอนต่อไป                

ปั่ น ป่ ว น

  • บุคคลทั่วไป
พี่มาร์คก็ดีซะเหลือเกินนนนนนนนนนน   :เฮ้อ:


( แต่ยังไงก็ชอบชิพ เชียร์ชิพ  :m1: )

ifwedo

  • บุคคลทั่วไป
เชียร์ทั้ง2คนเลยผลัดกันเนอะฮิๆๆ

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
อยากเก็บเธอไว้ทั้ง 2 คน  :m1: :m1:

myLoveIsYOu

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ [€]ŝĊörŦ

  • ความพยามครั้งที่100 ดีกว่าคิดท้อถอยก่อนที่จะทำ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2077
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +142/-0
เพิ่งได้อ่านง่ะ...

มาเป็นกำลังใจให้นะครับ

 :m23:  :m23:

ALeX

  • บุคคลทั่วไป
เอามาลงอีกวันครับ ถือโอกาสตอบเม้นท์เล็กน้อยน๊า~~~

คุณปั่นป่วน (ขออนุญาตเรียกพี่นะครับ ผม17) ขอบคุณมากครับที่ติดตาม ผมเองยังเลือกไม่ถูกเลยระหว่างชิพกับพี่มาร์ค อิอิ  :m4:
คุณifwedo ขอบคุณพี่มากๆครับ เข้ามาเยี่ยมตลอดเลย ช่ายๆผมก็เป็นเหมือนพี่เลยคือเชียร์ทั้ง2คน (บ้าดีเนอะ เขียนเองบ้าเอง)  :m13:
คุณbadboy_cools ขอบคุณมากเลยครับ แต่แดนคงเก็บไว้ทั้งสองคนไม่ได้...ได้เเต่เชียร์ไปเนอะ >.<
คุณmyloveisyou ขอบคุณมากเลยครับ เชียร์ชิพคนเดียวเด๋วพี่มาร์คน้อยใจน๊าจาบอกให้  :m15:
คุณXeroz ขอบคุณมากครับที่เป็นกำลังใจให้ วอนให้ติดตามต่อไปนะครับ (งัดลูกอ้อนออกมาใช้ซ๊าเลย อิอิ)  :m1:

เรื่องนี้ตั้งใจจาแต่งเป็น 3 parts อีก 2 parts ที่เหลือไม่บอกว่าเรื่องจะเปงงาย แต่ตอนจบหักมุมทุกครั้ง
ใครเเวะเข้ามาเยี่ยมแล้วผมไม่ได้ตอบเม้นท์ขออนุญาตไว้ตรงนี้เลยนะครับ ต่อไปนี้จาพยายามตอบบ้างเเล้ว อันเก่าๆก็ขอไม่ย้อนไปตอบล้ากาน เด๋วจาดูเป็นเจ๊ดันกระทู้ตัวเองอีก
ขอบพระคุณมากๆเลยครับ

ALeX


บทที่ 13



      ความรักคืออะไร?

      บนท้องฟ้ากว้างไกล สุดลูกตานั้นเต็มไปด้วยฝูงนกโบยบิน บรรยากาศที่สดใส ท้องฟ้าสีครามเข้ม ปุยเมฆสีขาวล่องลอยอย่างเป็นอิสระ ต้นไม้สีเขียวสดกระจ่างตาสะท้อนแสงแดด ผมเคลิบเคลิ้มไปกับวิวทิวทัศน์ตรงหน้าผ่านบานกระจกหน้าต่างภายในห้องนอนส่วนตัว ตอนบ่ายอันแสนสุข เงียบเชียบ สงบเงียบ และน่านอนหลับแบบนี้เป็นช่วงเวลาโปรดของผม

      “แดน แดน โทรศัพท์จากคุณพ่อลูก”

      แม่ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเบิกบาน แปลก...ปกติเวลาแม่พูดถึงพ่อแม่มักจะทำสีหน้าเคร่งเครียดไม่ใช่เหรอ? แต่ช่างมัน บิดาชาวต่างชาติของผมท่านอุตสาห์โทรศัพท์ทางไกลกลับมาหา ไม่รีบรับเดี๋ยวโดนพ่อด่า(แม่ผมซึ่งเป็นคนไทยบังคับให้เรียกพ่อ ไม่ก็แด๊ด)

      “เฮ้ ไอ้ลูกเสือของพ่อ” เสียงพ่ออู้อี้มาตามสาย ไม่นานนักเสียงพ่อก็ชัดเจนขึ้น

      “ว่าไงครับพ่อ” ผมสนทนากลับไปเป็นภาษาอังกฤษ เราคุยกันสองคน แต่ถ้ามีบุคคลที่สามอยู่ด้วย ต่อหน้าเราก็ต้องพูดเป็นภาษาไทย(พ่อฟังไทยรู้เรื่อง)

      “พ่อแค่โทรมาหา บ้างไม่ได้หรือไง?”

      “เปล่าคร้าบพ่อ พ่อโทรมาก็ดีแล้วล่ะ ผมคิดถึงพ่ออยู่เหมือนกัน”

      “ปากหวาน จะขออะไรอีกหา?”

      ผมหัวเราะ “เปล๊า ไม่มี๊ไม่มี ขอเป็นแค่ปีหน้าไม่ต้องไปหาพ่อ…”

      “ไม่ได้ ยูต้องมา” พ่อย้ำเสียงแข็ง

      “โธ่พ่อ ก็แดนต้องนั่งเครื่องบินนานๆ ตั้งหลายชั่วโมง มันน่าเบื่อนะครับพ่อ”

      พ่อเงียบไป ตายล่ะหว่า ผมทำพ่อโกรธแล้วเหรอเนี่ย???

      “...งั้น เอาไว้พ่อไปหาเราบ้างก็ได้”

      “โอเคพ่อ...หา?! พ่อว่าไงนะครับ แล้วถ้าพ่อกลับเมืองไทยพ่อจะมาพักที่ไหน แล้ว...”

      “เอาไว้เราค่อยคุยกันก็แล้วกัน พ่อต้องไปแล้ว” ดูเหมือนพ่อจะหัวเราะหน่อยๆ ก่อนจะตัดบท เป็นฝ่ายวางสายไปเองซะงั้น

      ผมวิ่งลงมาหาแม่ที่ครัวข้างล่าง เห็นแม่ล้างผักไปอมยิ้มไป ผมชักเริ่มสงสัย เลยเข้าไปจี้เอวแกล้งแม่เล่น

      “ไอ้บ้า! ไอ้ลูกบ้า ตกใจหมด”

      “แล้วแม่มัวแต่ใจลอยไปไหนล่ะครับ มัวแต่คิดอะไรอยู่ ฮั่นแน่...อมยิ้มบางๆแบบนี้ด้วยแสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ”

      แม่ยิ้มบางๆอยู่ก็จริง แต่แกล้งทำเสียงขรึม “คุยกับพ่อเสร็จแล้วเหรอไง”

       แม่ถามถึงพ่อ? เป็นไปได้ไงว่ะ แม่โกรธพ่อจะตายจนต้องหย่ากันตั้งแต่ผมเป็นเด็กๆ ครอบครัวเราเลยอยู่แยกกันคนละมุมโลก ผมไม่เคยซึมซับคำว่า ‘พ่อ’ เหมือนเด็กบ้านอื่นเขาหรอก...ผมรู้จักแต่แม่ แม่ที่เข้มแข็งแต่ไม่อ่อนแอ แม่ที่อ่อนโยนแต่ไม่บอบบาง ท่านเลี้ยงผมให้โตมาได้จนถึงทุกวันนี้

       หรือว่าพ่อจะกลับมาอยู่กับแม่?       ]

      “พ่อบอกจะกลับมาเมืองไทยด้วยล่ะ”

      ปฏิกิริยาสีหน้าของแม่แสดงออกมาด้วยการคลี่ยิ้มกว้าง ผมสังเกตด้วยอารมณ์สงสัย ก่อนที่เสียงออดหน้าประตูบ้านจะดังขึ้นทำลายความเงียบ

      แปลก(อีกแระ)...วันนี้ผู้คนในบ้านผมเขาเป็นอะไรกันฟ่ะ มีเรื่องอะไรดีใจกันนักหนา???

      ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยนอนคิดคืนนี้ก็ได้ ไปช่วยแม่ดูก่อนซิว่าใครมา

      ผมเดินไปยืนหลังแม่ หลบอยู่หลังประตู เห็นแม่คุยกับใครเจ๊าะแจ๊ะ เอ...แต่เสียงนี้มันคุ้นๆหูนะ

      “อ้าวแดน ไอ้แดน ชวนเพื่อนเข้าบ้านมาก่อนมา เข้ามาเลยหนูเข้ามา”

      หลังประตูบานนั้น ผมเห็นไอ้ชิพในชุดลำลองยืนยิ้มหน้าเป็นอยู่ มันสวมหมวกซะเท่ห์ กางเกงยีนส์มีอะไรไม่รู้ห้อยเห้ยเต็มไปหมด มันไหว้แม่ผม ก่อนจะก้าวเข้ามาขยิบตาให้ผมทีนึ่ง

      “บ้านแม่เล็กไปหน่อยนะ ทำตัวตามสบายเลยก็แล้วกันลูก ไอ้แดน เอ็งไปเอาน้ำเอาท่ามาเลี้ยงเพื่อนซิว่ะ ยืนเซ่ออยู่ได้”

      ไอ้ชิพเดินเข้ามาในตัวบ้านเก่าๆโทรมๆของเรา แต่ยังดีที่มีสวนร่มรื่นกว้างขวาง เลยยังพอรับแขกจะไปใครจะมาได้

      ผมยกน้ำไปเสริฟ์แขกไม่พึ่งประสงค์ ทำไมเหรอครับ? ผมไม่อยากให้มันรู้นี่ว่าในบ้านผมมีชีวิตความเป็นอยู่ยังไง ยังรู้สึกเกลียดขี้หน้ามันนิดๆอยู่เลยตอนที่แอบไปค่ายด้วยกันโดยไม่บอกผม

      “มา’ไม?” ผมเริ่ม

      “จะชวนไปเดิน’ดิส”

      “เด๋วแม่ว่า” ตอบเหมือนเป็นเด็กผู้หญิงยังไงไม่รุ

      “ใครว่า?” ผมลืมไปว่าแม่ยืนฟังอยู่ตรงนั้น ไอ้ชิพงี้ยิ้มกว้างเชียวครับ มันหันไปประจบแม่ผมแทน

      “ชิพขอยืมตัวแดนไปหน่อยนะครับแม่ มีรายงานต้องปรึกษากันด้วย”

      ผมทำตาโต แม่! อย่าไปเชื่อกลมันนะ แม่ห้ามผมทีซิแม่!(เวลาต้องห้ามกลับไม่ห้าม วุ๊ย!!!...-I_I-)

      “เออๆ ดีลูกดี เที่ยวเล่นไปคิดงานไป ไอเดียจะได้บรรเจิดไง”

      โครม!!!(เสียงหน้าแตก+ผิดหวัง)…เฮ้อ แม่ตูน้อ

      “อ้าว ไปเตรียมแต่งตัวซิ เพื่อนรอนานแล้ว ไปเหอะปะ เดี๋ยวแม่ให้เงิน”

      อ้าวเฮ้ย วันนี้ไหง่แม่ใจดีเป็นพิเศษเนอะ ผมมองหน้าไอ้ชิพที่ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม สลับกับมองหน้าแม่ โวย...ผมอยากอยู่บ้านมากกว่า ไม่อยากไปเดินห้างหรูๆกับไอ้คุณหนูไฮโซนี่ ไม่อยากไปวุ้ย!!!



      ผมโดนมันล็อคคอเดินไปด้วยกันตามซอกซอยต่างๆภายในสยามเซ็นเตอร์ ไอ้วงเวียน(centre?)อโคจรแบบนี้ผมไม่รู้ว่าพวกวัยรุ่นชอบมาเดินเล่นกันทำไมมากมาย คนก็เยอะ มืดก็มืด ร้อนก็ร้อน แต่ยังไง๊ยังไงคนมันก็ยังแห่กันมาเดินเบียดเสียดอยู่ดี

      “ไง เคยมาเปล่า?” ไอ้ชิพถาม มองหน้ามันแล้วอยากต่อยสักป๊าง ทำหน้าเยาะเย้ยกูเหรอ เดี้ยะๆมึงเจอดีแน่ อ้ายสาดดด

      “กูคนกรุงเทพ ไม่เคยมาก็ควายแล้ว”

      “แล้วไมถึงไม่ร่าเริงเลยล่ะ” มันเอานิ้วมาบีบจมูกโด่งๆของผมเล่นอย่างหมั่นเขี้ยว ผมรีบปัดออก

      “กูไม่ชอบ”

      “ไมอ่ะ หน้าตาอย่างมึงก็อินเทรน ออกจะเด่นด้วยซ้ำ เป็นถึงลูกครึ่ง มึงออกมาเดินโชว์ตัวบ้างซิวะ แมวมองเยอะนะเฟ้ยที่เนี้ย มึงเข้าวงการได้เมื่อไรกูจะได้ไปอวดใครเขาได้สักทีว่ามีเพื่อนเป็นดารา”

       “มึงก็เป็นซะเองเด่”

      ความจริงหน้าตาอย่างชิพน่าจะโดนใจสาวแท้ สาวเทียม(?)ทั่วประเทศมากกว่าผม ไอ้ลูกครึ่งหน้าขาวอย่างผมเหร๊อ? ไม่อินเทรนแถมยังดูเจี๋ยมเจี๊ยมอย่างบอกไม่ถูก ดูไม่เท่ห์แบบเถื่อนๆเหมือนของไอ้ชิพเอาซะเลย

      “ไม่เอา อยากโชว์มึงอ่ะ”

      “โชว์ทำ_มึงดิ”

      “อ้าวไอ้เหี้ยนี่พูดดีๆด้วยแล้วไม่ชอบ ชอบแบบไหนห๊า!? แบบนี้ใช่มั้ยนี่ๆ”

      มันเอาไอติมที่มันอมแล้วมาป้ายแก้มผม(มานั่งพักในร้านไอติมที่มันติดกระจกอ่ะคับ แบบว่านั่งแล้วมองออกไปเห็นทางเดินที่คนเยอะๆ) อี๊~~~ ชก-กา-ปกมากมาย ไอ้เลวชิพ ไอ้ซกมก! o(>_<)***o

      “เล่นบ้าอะไรของมึงว่ะ!” ผมถลึงตาใส่ มันหัวเราะแล้วก็หยิบทิชชูจะมาเช็ดให้ ผมรีบปฏิเสธ

      “ไม่ต้อง เด๋วกูเช็ดเอง”


      “ไมอ่ะ”
      
       “เดี๋ยวคนมาเห็นเข้า คนเยอะ...” ไม่ใช่อะไร...ผมก็อายเป็นนะกั๊บ >.<

      มันอึ้งไปครับ แต่ก็ยังไม่ยอมลดความพยายาม แย่งทิชชูในมือผมไปไว้ในมือมัน แล้วค่อยๆบรรจงซับคราบไอติมสีขาวๆที่ข้างแก้มออกให้…

      “แล้วทีมึงกับพี่มาร์คล่ะ...ใครก็เห็น...” มันแอบพูดเสียงเบาขณะกำลังตั้งหน้าตั้งตาเอียงคอเช็ดแก้มให้ ใจผมเต้นแรงขึ้นมาทันที แก้มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ หน้ามันเฉยชา...

      “แล้วไมวะ” ผมชักเริ่มรำคาญ มันมีสิทธิอะไร? กูจะทำอะไรก็เรื่องของกู

      มันมองตา แล้วตวัดกลับไป “…”

      “มึงชอบพี่เขา เข้าแล้วใช่ไหมล่ะ”

      เฮ้ย!!!

      “มึงว่าไงนะ???” ผมร้องเสียงหลง(ไม่อายคนที่นั่งอยู่แล้ว)

      “กูรู้นะว่ามึงชอบพี่เขา แล้วมองก็ออกอีกว่าพี่เขาก็...แอบมีใจให้มึงเหมือนกัน”

      “มึงพูดเรื่องอะไร?!”

      “กูพูดเรื่องที่มึงชอบผู้ชาย ได้ยินชัดไหม มึงชอบผู้ชาย มึงเป็นเกย์!”

      ….

      ตึง!!! O_O

      ….

      ตึง ตึง!!! O[0]O!!

      ….

      ผมพูดอะไรไม่ออกไปสามนาทีเต็ม เห็นหน้าไอ้ชิพคนพูดแล้วยิ่งเจ็บปวดใจ สับสนใจ...เฝ้าถามตัวเองว่าที่มันพูดน่ะจริงมั้ย? จริงเหรอที่ตัวผมเองชอบ...ผู้ชาย ผู้ชาย...

เกย์?!!!

      “ไง อึ้งเลยล่ะซิ”

      “...”

      “บอกตามตรง กูไม่ได้คาดหวังว่าให้มึงพูดไม่ออก แต่กูอยากให้มึงรู้จักตัวเอง ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น”

      มันหมายความว่ายังไงของมันวะ?

      ผมเงียบ ไร้อารมณ์จะละเลียดของหวานต่อไปแล้วล่ะครับ จนไอ้ชิพลากแก้วของผมไปจัดการต่อเอง

      “เฮ้ย ไม่ต้องกระแดะอึ้งนานขนาดนั้นก็ได้ อ้าว จะกินต่อหรือเปล่า?”

      ผมไม่ตอบ ไม่พยักหน้า มันเสือกตักไอติมจะมาจับยัดใส่ปาก แต่ผมหลบ มันเลยไถลไปโดนใกล้ๆคางอีกครั้ง คราวนี้ไอ้เลวชิพมันถือโอกาสโฉบหน้าเข้ามาใช้ปากเช็ดให้แทน...ฮึ้ย...สกปรกสิ้นดี(แต่เสียวสุดๆ...มึงถือว่ากูกำลังเบลอใช่มั้ยอ้ายเชรี่ยยย)

      “~ช่างเหอะแดน อย่าไปคิดมาก” มันถอนริมฝีปากออกมาช้าๆ แลบปลายลิ้นชมพูๆออกมาเลียริมฝีปากอย่างเอร็ดอร่อย ลมหายใจร้อนๆของมันรดกับปลายจมูกของผมจนสั่นสะท้าน มันยิ้มขรึม “กูจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว...แต่ต่อไปนี้มึงต้องมาเดินสยามเป็นเพื่อนกูนะ บ่อยๆด้วย”

      …ไอ้...กูไม่อยากไปไหนมาไหนกับมึงอีกต่อไปแล้ว และไอ้ไอติมห่าโคตรแพงอะไรนี่ด้วย กูก็ไม่อยากกิน กูกินไม่ลง กูไม่ต้องการแดกอีกต่อไป...

                           


       (โปรดติดตามตอนต่อไป)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-01-2008 22:16:18 โดย ALeX »

ปั่ น ป่ ว น

  • บุคคลทั่วไป
 :mc3: เย้ ชิพๆลุยเลยชิพ แม่อุสาห์เปิดไฟเขียวให้  :mc2:




( ป.ล.สงสัยต้องเรียกน้องละมั้ง? เราเพิ่ง 16 เอง คุณพี่  :m14: )

ifwedo

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ยงั้นอายุ12บ้างล่ะกันฮิๆๆ ล้อเล่น ไงรอติดตามนะจ๊ะน้อง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด