เอามาลงอีกวันครับ ถือโอกาสตอบเม้นท์เล็กน้อยน๊า~~~
คุณปั่นป่วน (ขออนุญาตเรียกพี่นะครับ ผม17) ขอบคุณมากครับที่ติดตาม ผมเองยังเลือกไม่ถูกเลยระหว่างชิพกับพี่มาร์ค อิอิ
คุณifwedo ขอบคุณพี่มากๆครับ เข้ามาเยี่ยมตลอดเลย ช่ายๆผมก็เป็นเหมือนพี่เลยคือเชียร์ทั้ง2คน (บ้าดีเนอะ เขียนเองบ้าเอง)
คุณbadboy_cools ขอบคุณมากเลยครับ แต่แดนคงเก็บไว้ทั้งสองคนไม่ได้...ได้เเต่เชียร์ไปเนอะ >.<
คุณmyloveisyou ขอบคุณมากเลยครับ เชียร์ชิพคนเดียวเด๋วพี่มาร์คน้อยใจน๊าจาบอกให้
คุณXeroz ขอบคุณมากครับที่เป็นกำลังใจให้ วอนให้ติดตามต่อไปนะครับ (งัดลูกอ้อนออกมาใช้ซ๊าเลย อิอิ)
เรื่องนี้ตั้งใจจาแต่งเป็น 3 parts อีก 2 parts ที่เหลือไม่บอกว่าเรื่องจะเปงงาย แต่ตอนจบหักมุมทุกครั้ง
ใครเเวะเข้ามาเยี่ยมแล้วผมไม่ได้ตอบเม้นท์ขออนุญาตไว้ตรงนี้เลยนะครับ ต่อไปนี้จาพยายามตอบบ้างเเล้ว อันเก่าๆก็ขอไม่ย้อนไปตอบล้ากาน เด๋วจาดูเป็นเจ๊ดันกระทู้ตัวเองอีก
ขอบพระคุณมากๆเลยครับ
ALeX
บทที่ 13
ความรักคืออะไร?
บนท้องฟ้ากว้างไกล สุดลูกตานั้นเต็มไปด้วยฝูงนกโบยบิน บรรยากาศที่สดใส ท้องฟ้าสีครามเข้ม ปุยเมฆสีขาวล่องลอยอย่างเป็นอิสระ ต้นไม้สีเขียวสดกระจ่างตาสะท้อนแสงแดด ผมเคลิบเคลิ้มไปกับวิวทิวทัศน์ตรงหน้าผ่านบานกระจกหน้าต่างภายในห้องนอนส่วนตัว ตอนบ่ายอันแสนสุข เงียบเชียบ สงบเงียบ และน่านอนหลับแบบนี้เป็นช่วงเวลาโปรดของผม
“แดน แดน โทรศัพท์จากคุณพ่อลูก”
แม่ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเบิกบาน แปลก...ปกติเวลาแม่พูดถึงพ่อแม่มักจะทำสีหน้าเคร่งเครียดไม่ใช่เหรอ? แต่ช่างมัน บิดาชาวต่างชาติของผมท่านอุตสาห์โทรศัพท์ทางไกลกลับมาหา ไม่รีบรับเดี๋ยวโดนพ่อด่า(แม่ผมซึ่งเป็นคนไทยบังคับให้เรียกพ่อ ไม่ก็แด๊ด)
“เฮ้ ไอ้ลูกเสือของพ่อ” เสียงพ่ออู้อี้มาตามสาย ไม่นานนักเสียงพ่อก็ชัดเจนขึ้น
“ว่าไงครับพ่อ” ผมสนทนากลับไปเป็นภาษาอังกฤษ เราคุยกันสองคน แต่ถ้ามีบุคคลที่สามอยู่ด้วย ต่อหน้าเราก็ต้องพูดเป็นภาษาไทย(พ่อฟังไทยรู้เรื่อง)
“พ่อแค่โทรมาหา บ้างไม่ได้หรือไง?”
“เปล่าคร้าบพ่อ พ่อโทรมาก็ดีแล้วล่ะ ผมคิดถึงพ่ออยู่เหมือนกัน”
“ปากหวาน จะขออะไรอีกหา?”
ผมหัวเราะ “เปล๊า ไม่มี๊ไม่มี ขอเป็นแค่ปีหน้าไม่ต้องไปหาพ่อ…”
“ไม่ได้ ยูต้องมา” พ่อย้ำเสียงแข็ง
“โธ่พ่อ ก็แดนต้องนั่งเครื่องบินนานๆ ตั้งหลายชั่วโมง มันน่าเบื่อนะครับพ่อ”
พ่อเงียบไป ตายล่ะหว่า ผมทำพ่อโกรธแล้วเหรอเนี่ย???
“...งั้น เอาไว้พ่อไปหาเราบ้างก็ได้”
“โอเคพ่อ...หา?! พ่อว่าไงนะครับ แล้วถ้าพ่อกลับเมืองไทยพ่อจะมาพักที่ไหน แล้ว...”
“เอาไว้เราค่อยคุยกันก็แล้วกัน พ่อต้องไปแล้ว” ดูเหมือนพ่อจะหัวเราะหน่อยๆ ก่อนจะตัดบท เป็นฝ่ายวางสายไปเองซะงั้น
ผมวิ่งลงมาหาแม่ที่ครัวข้างล่าง เห็นแม่ล้างผักไปอมยิ้มไป ผมชักเริ่มสงสัย เลยเข้าไปจี้เอวแกล้งแม่เล่น
“ไอ้บ้า! ไอ้ลูกบ้า ตกใจหมด”
“แล้วแม่มัวแต่ใจลอยไปไหนล่ะครับ มัวแต่คิดอะไรอยู่ ฮั่นแน่...อมยิ้มบางๆแบบนี้ด้วยแสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ”
แม่ยิ้มบางๆอยู่ก็จริง แต่แกล้งทำเสียงขรึม “คุยกับพ่อเสร็จแล้วเหรอไง”
แม่ถามถึงพ่อ? เป็นไปได้ไงว่ะ แม่โกรธพ่อจะตายจนต้องหย่ากันตั้งแต่ผมเป็นเด็กๆ ครอบครัวเราเลยอยู่แยกกันคนละมุมโลก ผมไม่เคยซึมซับคำว่า ‘พ่อ’ เหมือนเด็กบ้านอื่นเขาหรอก...ผมรู้จักแต่แม่ แม่ที่เข้มแข็งแต่ไม่อ่อนแอ แม่ที่อ่อนโยนแต่ไม่บอบบาง ท่านเลี้ยงผมให้โตมาได้จนถึงทุกวันนี้
หรือว่าพ่อจะกลับมาอยู่กับแม่? ]
“พ่อบอกจะกลับมาเมืองไทยด้วยล่ะ”
ปฏิกิริยาสีหน้าของแม่แสดงออกมาด้วยการคลี่ยิ้มกว้าง ผมสังเกตด้วยอารมณ์สงสัย ก่อนที่เสียงออดหน้าประตูบ้านจะดังขึ้นทำลายความเงียบ
แปลก(อีกแระ)...วันนี้ผู้คนในบ้านผมเขาเป็นอะไรกันฟ่ะ มีเรื่องอะไรดีใจกันนักหนา???
ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยนอนคิดคืนนี้ก็ได้ ไปช่วยแม่ดูก่อนซิว่าใครมา
ผมเดินไปยืนหลังแม่ หลบอยู่หลังประตู เห็นแม่คุยกับใครเจ๊าะแจ๊ะ เอ...แต่เสียงนี้มันคุ้นๆหูนะ
“อ้าวแดน ไอ้แดน ชวนเพื่อนเข้าบ้านมาก่อนมา เข้ามาเลยหนูเข้ามา”
หลังประตูบานนั้น ผมเห็นไอ้ชิพในชุดลำลองยืนยิ้มหน้าเป็นอยู่ มันสวมหมวกซะเท่ห์ กางเกงยีนส์มีอะไรไม่รู้ห้อยเห้ยเต็มไปหมด มันไหว้แม่ผม ก่อนจะก้าวเข้ามาขยิบตาให้ผมทีนึ่ง
“บ้านแม่เล็กไปหน่อยนะ ทำตัวตามสบายเลยก็แล้วกันลูก ไอ้แดน เอ็งไปเอาน้ำเอาท่ามาเลี้ยงเพื่อนซิว่ะ ยืนเซ่ออยู่ได้”
ไอ้ชิพเดินเข้ามาในตัวบ้านเก่าๆโทรมๆของเรา แต่ยังดีที่มีสวนร่มรื่นกว้างขวาง เลยยังพอรับแขกจะไปใครจะมาได้
ผมยกน้ำไปเสริฟ์แขกไม่พึ่งประสงค์ ทำไมเหรอครับ? ผมไม่อยากให้มันรู้นี่ว่าในบ้านผมมีชีวิตความเป็นอยู่ยังไง ยังรู้สึกเกลียดขี้หน้ามันนิดๆอยู่เลยตอนที่แอบไปค่ายด้วยกันโดยไม่บอกผม
“มา’ไม?” ผมเริ่ม
“จะชวนไปเดิน’ดิส”
“เด๋วแม่ว่า” ตอบเหมือนเป็นเด็กผู้หญิงยังไงไม่รุ
“ใครว่า?” ผมลืมไปว่าแม่ยืนฟังอยู่ตรงนั้น ไอ้ชิพงี้ยิ้มกว้างเชียวครับ มันหันไปประจบแม่ผมแทน
“ชิพขอยืมตัวแดนไปหน่อยนะครับแม่ มีรายงานต้องปรึกษากันด้วย”
ผมทำตาโต แม่! อย่าไปเชื่อกลมันนะ แม่ห้ามผมทีซิแม่!(เวลาต้องห้ามกลับไม่ห้าม วุ๊ย!!!...-I_I-)
“เออๆ ดีลูกดี เที่ยวเล่นไปคิดงานไป ไอเดียจะได้บรรเจิดไง”
โครม!!!(เสียงหน้าแตก+ผิดหวัง)…เฮ้อ แม่ตูน้อ
“อ้าว ไปเตรียมแต่งตัวซิ เพื่อนรอนานแล้ว ไปเหอะปะ เดี๋ยวแม่ให้เงิน”
อ้าวเฮ้ย วันนี้ไหง่แม่ใจดีเป็นพิเศษเนอะ ผมมองหน้าไอ้ชิพที่ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม สลับกับมองหน้าแม่ โวย...ผมอยากอยู่บ้านมากกว่า ไม่อยากไปเดินห้างหรูๆกับไอ้คุณหนูไฮโซนี่ ไม่อยากไปวุ้ย!!!
ผมโดนมันล็อคคอเดินไปด้วยกันตามซอกซอยต่างๆภายในสยามเซ็นเตอร์ ไอ้วงเวียน(centre?)อโคจรแบบนี้ผมไม่รู้ว่าพวกวัยรุ่นชอบมาเดินเล่นกันทำไมมากมาย คนก็เยอะ มืดก็มืด ร้อนก็ร้อน แต่ยังไง๊ยังไงคนมันก็ยังแห่กันมาเดินเบียดเสียดอยู่ดี
“ไง เคยมาเปล่า?” ไอ้ชิพถาม มองหน้ามันแล้วอยากต่อยสักป๊าง ทำหน้าเยาะเย้ยกูเหรอ เดี้ยะๆมึงเจอดีแน่ อ้ายสาดดด
“กูคนกรุงเทพ ไม่เคยมาก็ควายแล้ว”
“แล้วไมถึงไม่ร่าเริงเลยล่ะ” มันเอานิ้วมาบีบจมูกโด่งๆของผมเล่นอย่างหมั่นเขี้ยว ผมรีบปัดออก
“กูไม่ชอบ”
“ไมอ่ะ หน้าตาอย่างมึงก็อินเทรน ออกจะเด่นด้วยซ้ำ เป็นถึงลูกครึ่ง มึงออกมาเดินโชว์ตัวบ้างซิวะ แมวมองเยอะนะเฟ้ยที่เนี้ย มึงเข้าวงการได้เมื่อไรกูจะได้ไปอวดใครเขาได้สักทีว่ามีเพื่อนเป็นดารา”
“มึงก็เป็นซะเองเด่”
ความจริงหน้าตาอย่างชิพน่าจะโดนใจสาวแท้ สาวเทียม(?)ทั่วประเทศมากกว่าผม ไอ้ลูกครึ่งหน้าขาวอย่างผมเหร๊อ? ไม่อินเทรนแถมยังดูเจี๋ยมเจี๊ยมอย่างบอกไม่ถูก ดูไม่เท่ห์แบบเถื่อนๆเหมือนของไอ้ชิพเอาซะเลย
“ไม่เอา อยากโชว์มึงอ่ะ”
“โชว์ทำ_มึงดิ”
“อ้าวไอ้เหี้ยนี่พูดดีๆด้วยแล้วไม่ชอบ ชอบแบบไหนห๊า!? แบบนี้ใช่มั้ยนี่ๆ”
มันเอาไอติมที่มันอมแล้วมาป้ายแก้มผม(มานั่งพักในร้านไอติมที่มันติดกระจกอ่ะคับ แบบว่านั่งแล้วมองออกไปเห็นทางเดินที่คนเยอะๆ) อี๊~~~ ชก-กา-ปกมากมาย ไอ้เลวชิพ ไอ้ซกมก! o(>_<)***o
“เล่นบ้าอะไรของมึงว่ะ!” ผมถลึงตาใส่ มันหัวเราะแล้วก็หยิบทิชชูจะมาเช็ดให้ ผมรีบปฏิเสธ
“ไม่ต้อง เด๋วกูเช็ดเอง”
“ไมอ่ะ”
“เดี๋ยวคนมาเห็นเข้า คนเยอะ...” ไม่ใช่อะไร...ผมก็อายเป็นนะกั๊บ >.<
มันอึ้งไปครับ แต่ก็ยังไม่ยอมลดความพยายาม แย่งทิชชูในมือผมไปไว้ในมือมัน แล้วค่อยๆบรรจงซับคราบไอติมสีขาวๆที่ข้างแก้มออกให้…
“แล้วทีมึงกับพี่มาร์คล่ะ...ใครก็เห็น...” มันแอบพูดเสียงเบาขณะกำลังตั้งหน้าตั้งตาเอียงคอเช็ดแก้มให้ ใจผมเต้นแรงขึ้นมาทันที แก้มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ หน้ามันเฉยชา...
“แล้วไมวะ” ผมชักเริ่มรำคาญ มันมีสิทธิอะไร? กูจะทำอะไรก็เรื่องของกู
มันมองตา แล้วตวัดกลับไป “…”
“มึงชอบพี่เขา เข้าแล้วใช่ไหมล่ะ”
เฮ้ย!!!
“มึงว่าไงนะ???” ผมร้องเสียงหลง(ไม่อายคนที่นั่งอยู่แล้ว)
“กูรู้นะว่ามึงชอบพี่เขา แล้วมองก็ออกอีกว่าพี่เขาก็...แอบมีใจให้มึงเหมือนกัน”
“มึงพูดเรื่องอะไร?!”
“กูพูดเรื่องที่มึงชอบผู้ชาย ได้ยินชัดไหม มึงชอบผู้ชาย มึงเป็นเกย์!”
….
ตึง!!! O_O
….
ตึง ตึง!!! O[0]O!!
….
ผมพูดอะไรไม่ออกไปสามนาทีเต็ม เห็นหน้าไอ้ชิพคนพูดแล้วยิ่งเจ็บปวดใจ สับสนใจ...เฝ้าถามตัวเองว่าที่มันพูดน่ะจริงมั้ย? จริงเหรอที่ตัวผมเองชอบ...ผู้ชาย ผู้ชาย...
เกย์?!!!
“ไง อึ้งเลยล่ะซิ”
“...”
“บอกตามตรง กูไม่ได้คาดหวังว่าให้มึงพูดไม่ออก แต่กูอยากให้มึงรู้จักตัวเอง ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น”
มันหมายความว่ายังไงของมันวะ?
ผมเงียบ ไร้อารมณ์จะละเลียดของหวานต่อไปแล้วล่ะครับ จนไอ้ชิพลากแก้วของผมไปจัดการต่อเอง
“เฮ้ย ไม่ต้องกระแดะอึ้งนานขนาดนั้นก็ได้ อ้าว จะกินต่อหรือเปล่า?”
ผมไม่ตอบ ไม่พยักหน้า มันเสือกตักไอติมจะมาจับยัดใส่ปาก แต่ผมหลบ มันเลยไถลไปโดนใกล้ๆคางอีกครั้ง คราวนี้ไอ้เลวชิพมันถือโอกาสโฉบหน้าเข้ามาใช้ปากเช็ดให้แทน...ฮึ้ย...สกปรกสิ้นดี(แต่เสียวสุดๆ...มึงถือว่ากูกำลังเบลอใช่มั้ยอ้ายเชรี่ยยย)
“~ช่างเหอะแดน อย่าไปคิดมาก” มันถอนริมฝีปากออกมาช้าๆ แลบปลายลิ้นชมพูๆออกมาเลียริมฝีปากอย่างเอร็ดอร่อย ลมหายใจร้อนๆของมันรดกับปลายจมูกของผมจนสั่นสะท้าน มันยิ้มขรึม “กูจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว...แต่ต่อไปนี้มึงต้องมาเดินสยามเป็นเพื่อนกูนะ บ่อยๆด้วย”
…ไอ้...กูไม่อยากไปไหนมาไหนกับมึงอีกต่อไปแล้ว และไอ้ไอติมห่าโคตรแพงอะไรนี่ด้วย กูก็ไม่อยากกิน กูกินไม่ลง กูไม่ต้องการแดกอีกต่อไป...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)