สวัสดีคับ วันนี้เอามาลง 2 ตอนเน้อ อิอิ

แล้วขอตอบเม้นท์นิดส์นะคับ
ifwedo คับเพ่ ขอบคุณมากๆนะครับที่เข้ามาเยี่ยม เชียร์ไอ้ช็อคโกแล็ตชิพคนนี้ต่อไปนะคับ!

b|ueBoYhUb โห ขอบคุณมากๆคับสำหรับการวิเคราะห์ระดับเทพ

ตอนนี้แดนกำลังสับสน แต่อ่านตอนใหม่นี้แล้วคงเดากันได้เเละคับ (ยังไม่จบนะ อีกนานนนนน)
wutwit เย้ๆ แฟนคลับชิพสู้ๆน๊า
gnoy พี่เป็น osk 123 หรือเปล่าอ่ะคับ? ถ้าใช่รู้จักพี่อินป่ะ? เค้าเปงลูกพี่ลูกน้องผมเองล่ะ
stayingpower ถ้าพี่เตอิง (ขออนุญาตเรียกตาม) เป็นรุ่น 118 รู้จัก ไอ้จุ่นป่ะ? นั่นอ่ะพี่ชายแท้ๆของผมเองแหละ เหอะๆ (คือทั้งบ้านจบskหมดเลยอ่ะ)
gunkrub ดีคับ แต่ขอโทดด้วยจริงๆที่แดนไม่สามารถเก็บเขาไว้ได้ทั้งสองคน...แต่งจบแล้ว แบบเศร้าด้วย ฮึกๆ...

badboy_cools หวัดดีคร้าบไก่ ยินดีที่ได้รู้จักน๊า ขอบคุงมากนะกั๊บที่เป็นกำลังใจให้

เฮ้อ

คนสุดท้ายครบแล้วนะครับ เเล้วเราค่อยคุยกานใหม่ อ้อ ปล. พวกพี่ๆอย่าเอาไปบอกพวกพี่ชายผมล่ะว่าเราเจอกันในบอร์ดนี้

บทที่ 15
‘ตื่น...ตื่น...ตื่นเถิดชาวไทย อย่ามัวหลับใหลลุ่มหลง...’
“…”
ตุ๊บ! (เสียงผมเอาฝ่ามือตบนาฬิกาปลุก…แมร่งโคตรลาว เด๋วต้องเปลี่ยน)
“…”
เฮ้อ...เปิดเทอมอีกแล้วครับ วันนี้เป็นวันแรกที่ต้องไปร่ำเรียนในภาคเรียนที่สอง เวลาส่วนใหญ่ในช่วงปิดเทอมก็อย่างที่เล่าไปอ่ะครับ ไม่ค่อยได้ทำอะไรมาก เพราะมันเป็นปิดเทอมเล็ก เวลาน้อย ไปค่ายกะเที่ยวตะลอนกับไอ้ชิพ แป๊บๆทีเผลอก็เปิดเทอมซะแล้ว ว้า~~~แย่จัง
เสียงแม่ : รีบไปโรงเรียนเร็วเข้า เดี๋ยวสายวันแรกแล้วโชคร้าย
เสียงผม : โหแม่ เชื่อเรื่องดวงตั้งกะเมื่อไหร่?
เสียงแม่ : เปล่า พ่อแกเขาเชื่อ อ้าวนี่! รีบกินข้าวกินปลาเข้าเซ่~~~ไอ้ลูกคนนี้
เสียงผม : (โห แอบฮาร์ดคอร์) คร้าบแม่ ผมไปและ บ๊ายบาย
เสียงแม่ แม่เอง และแม่นั่นแหละ : พูดกับผู้ใหญ่ให้สวัสดีไม่ใช่ให้บ๊ายบายเหมือนเด็กปัญญาอ่อน เอ๊ะ! ทำไมสอนแล้วไม่เคยจำนะไอ้ลูกแดน แล้วอย่ากลับเย็นล่ะ มาให้ทันกินข้าว ให้ชิพพามาส่งบ้านก็ได้ ตั้งใจเรียน ประหยัดเงินแม่ด้วยนะลูก...ฯลฯ
และนั่นคือบทสนทนาระหว่างแม่กับผม สั้นๆยามเช้าตรู่ก่อนแม่ไปทำงาน ผมไปโรงเรียนครับ(ซึ่งดูเหมือนจะไม่สั้นเพราะแม่ลากเสียงยาวมากกกก)
เดินออกมาหน้าปากซอยสักพัก เสียงแตรรถคันหนึ่งก็ดังขึ้นระยะเผาขน ใกล้จนผมสะดุ้ง ตามด้วยรถคันใหญ่สีเงินมันปลาบซึ่งแล่นมาจอดเทียบท่า
“เฮ้ย ขึ้นรถ”
“เอารถไปโรงเรียนได้ไงว่ะ?” ผมถามไอ้ชิพงงๆ
“คุณย่าท่านโทรศัพท์ไปขออนุญาตทางโรงเรียนแล้ว เดี๋ยวเอาไปจอดที่วัด...” มันเอ่ยชื่อวัดเก่าแก่ตรงข้ามโรงเรียน เจ้าของที่
อย่างที่บอกอ่ะครับ ไอ้ชิพมันลูกคนรวย มากถึงมั่กมาก~~~ถึงขนาดมีเบนซ์ขับไปกลับโรงเรียนเอง ย่ามันก็ตามใจ ถือว่าพ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกับมันไงครับ ท่านเลยคงกลัวเด็กมีปัญหา ขาดความอบอุ่น ฉะนั้นหลานชิพอยากได้อะไร ‘เด็จย่าจะประทานให้ทุกรายการ
“ไม่ต้องเกรงใจ” ผมเลื่อนตัวมานั่งเบาะหน้าคู่กับมัน มันพูดประโยคนี้ทุกครั้งแหละคับที่ผมนั่งรถมัน แต่ถึงจะนั่งจนชินตูดแล้ว(ขออภัยที่หยาบคาย) ผมก็ยังเกร็งๆกับรถราคาเท่าบ้านพร้อมที่ดินของมันอยู่ดี
มันเลี้ยวเข้าไปจอดในที่จอดรถส่วนตัว ซึ่งจ่ายเงินค่าเช่ารายปีกับทางวัด...เราสำรวจดูความเรียบร้อยก่อนเดินเข้าประตูโรงเรียน ผมไหว้ครูเวรอย่างเรียบร้อย ไอ้ชิพมันก็ไหว้เรียบร้อยอยู่หรอกครับ แต่พอลับหลัง มันก็เดินกร่างเหมือนเดิม
ผมมองหน้ามันแล้วยิ้ม ชิพสนิทกับผมมากในปีนี้ แล้วเราเริ่มสนิทกันมากตอนไหนนะ?...ผมเห็นมันยิ้ม รอยยิ้มทรงเสน่ห์พิมพ์ใจของมัน แบบนี้ อย่างนี้ ผมจำได้ดี จะว่าไปแล้วมันก็หล่อดีนะครับ น่ารักใช้ได้(น้อยกว่าผมนิดส์นึ่ง) เวลามันยิ้มแล้วดวงตามันจะยิ้มตาม ตาหวานๆ...ยิ้มทะเล้นแบบเด็กแก่นๆ แต่ตัวใหญ่ยั่งกะตึกเอมไพร์สเตท (เอิกร์ o_O*)
“มองไร แอบชอบเหรอ” มันทักได้กรวนส้นตรีนมาก
“...” แอบโชว์สัญลักษณ์นิ้วให้มันนิ้วนึ่ง
“ไม อยากได้มากนักเหรอไงมึง?”
เราหยอกล้อกันพอสมควรแก่เวลา เข้าแถว ฟังพวกผู้บริหารช่วยรดน้ำต้นไม้ในสนามหญ้าโรงเรียน ตรวจผม เช็คชื่อ เข้าห้องเรียน เรียน เรียน แล้วก็เรียนครับ ฯลฯ
ตอนเที่ยงผมเดินออกไปกินข้าวกับไอ้ชิพ แต่แยกกันซื้อ แล้วเสียงคุ้นๆก็ดังทักขึ้นข้างหลังผม
“อ้าวแดน” พี่มาร์คน่ะเอง โห ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่วัน ผมรู้สึกว่าพี่เขาหล่อขึ้นเป็นกองเลยครับ *O*
“หวัดดีครับพี่มาร์ค” ผมยิ้ม ทักทายแบบเป็นกันเองนิดหน่อย เพราะถือว่าสนิทกันแล้ว ไม่ต้องพิธีรีตองมาก
“กินไรอ่ะเราวันนี้...”
พี่เขาชวนคุยตามประสาคนรู้จักกัน โดยธรรมชาติเค้าเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์สูงอยู่แล้ว แต่เปิดเทอมคราวนี้เวลาสบตากันแล้วบังเกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้นมา ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไร...แต่ผมรู้สึกว่าดวงตาของเขาเป็นประกายล้อแสงไฟ...แล้วก็หวานเยิ้มยังไงไม่รู้...
นี่คงเป็นครั้งแรกล่ะมั้งครับ ที่เราได้พบหน้ากันหลังจากจบค่ายอนุรักษ์ของชุมนุมอนุรักษ์ธรรมชาติ(และสิ่งแวดล้อม) ครั้งสุดท้ายที่ผมได้ใจเต้นกับพี่มาร์ค...คือตอนที่พี่เขาละเมอความในใจของเขาออกมา เป็นจุดเริ่มต้นให้ผมไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง...
แม้กระทั่งตอนนี้ ผมก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ และไม่รู้ด้วยว่าหากพี่มาร์คถามคำถามผมตอนที่พี่เขามีสติจริงๆ...ผมจะตอบยังไง
“ว่าแต่...แดน เย็นวันพรุ่งนี้เราว่างมั้ย?”
ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไมเหรอครับ? ประชุมที่ห้องเหรอพี่?”
“เปล่า...พี่ พี่อยากคุยอะไรกับเราหน่อยน่ะ”
ไม่รู้ว่าผมเพิ่งเห็นพี่เขาหน้าแดงหรือเปล่า เหอะๆ แต่ท่าทางพี่มาร์คยืนอยู่ไม่สุขเลยครับ แบบว่าลุกลี้ลุกลนยังไงชอบกล ซึ่งปกติแล้วพี่มาร์คไม่ได้เป็นคนแบบนี้ ออกจะสุขุม สุภาพ นุ่มนวลเสมอต้นเสมอปลายมากกว่า
“ว่าไง...ว่างป่ะ” พี่เขายิ้มอายๆ(?)มาให้ผม
“ว่างครับ” ผมตัดสินใจตอบตกลงไปในที่สุด (เอาว่ะ กูก็อยากรู้เหมือนกัลว่าอะไร)
“งั้น..ไปที่ห้อง 21xx นะครับ ตอนหลังเลิกเรียน แล้วพี่จะรอ”
แล้วร่างสูงก็เดินออกไปจากแถวซะงั้น อ้าวเพ่! สรุปนี่ที่มาต่อคิวซื้อข้าวคือแค่จะมาคุยกับผมใช่ม่ะคับ งงฮะ! (o_O***)
“ไง เขามาคุยอะไรด้วย?” ยึ๊ย!!! ไอ้ชิพนี่เอง มันเข้ามากระซิบใส่หูกรูตั้งก่าเมื่อไรว่ะ แมร่งงงง ขนลุกเลย...
“มะ...ม่ะมี’ไร”
“~จริงดิ…” มันทำสีหน้าเย็นชาอีกแล้วง่า ไม่รู้ผีอะไรเข้าสิงมันอีกแย้ว T_T
“อะ...เออดิว้า~~~ กูพูดแล้วไม่เชื่อเง้อ...”
ได้ข้าวแล้วก็รีบเดินหนีมันออกมาเลยครับ เฮ้อ...หมู่นี้ไม่รู้คนรอบข้างที่ผมรู้จักเป็นอะไร อารมณ์ขึ้นๆลงๆเหมือนผีเข้าผีออก เดาใจไม่ถูกไปหมดซะงั้น (~แงะ!~)