ขอตอบเม้นท์รวมนะครับคราวนี้
ก่อนอื่นเลย ขอวอนได้ชี้แจงผู้ที่กำลังมึนๆกับแดนและชิพอยู่ ผมแต่งให้ตัวละครสองคนนี้มีนิสัยตามความเป็นจริงมากที่สุด แต่ยังไงก็ยังไม่ใช่นิยายเกย์ที่หวานเลี่ยน(เกินไป) อีกอย่างผมสังเกตดูเเล้วมานก็ไม่ได้เกย์จ๋าแบบที่ว่าจะต้องบอกรักกันตลอดเวลา เกย์โรงเรียนผมแค่มันบอกว่าชอบกันนั่นก็หวานมากแล้วคับ(จริงจริ๊ง! อ้าวเด็กสมัยนี้...)ฉะนั้นน้อยมากที่จะเห็นใครมาคอยหึงหวงกันเรื่องรักไม่รัก แค่แต่งตอนที่ต้องหวานกับพี่มาร์คผมเองก็หงิดๆอยู่เหมือนกันล่ะคับ 555+
ฉะนั้นอยากให้อ่านไปจนจบ ไม่อยากให้อคติอ่ะคับ ผมทำใครเสียมู๊ดขอประทานอภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
อ้อ...ลืมบอกไปว่านี่คือเรื่องแต่งที่มีแค่
เค้าโครง มาจากเรื่องจริง เท่านั้นนะครับ(บอกมากไม่ได้เด๋วไม่หนุกน๊า)

อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบพระคุณทุกๆกำลังใจที่เเวะเวียนเข้ามาเยี่ยมเสมอมานะคับ โดยเฉพาะพี่ๆosk พี่ๆในบอร์ดด้วย ผมรู้สึกเหมือนได้อยู่บ้านจริงๆ...อยากให้ได้อ่านถึงภาค3จริงๆ เรื่องนี้ผมกลั่นออกมาจากหัวใจทุกๆตอน(และหยาดเหงื่อแรงกาย)

ส่วนอาจารย์วัน...ใช่คับ วันนั้นแหละ แต่มันเขียน วันทนา ไม่ใช่เหรอ? 555+ ผมเรียกเค้ามาเเม่อ่ะบางครั้ง จริงๆนะครับ ผมรู้สึกว่าอาจารย์เป็น 'ครู' ที่ดีที่สุดในชีวิตของผม ล่าสุดนี่เพิ่งจะคุมห้องสอบร่วมกับอาจารย์วีณา 555+ ลอกกันกระหน่ำดิคับ อยากบอกว่า รักเค้ามากที่ซู๊ด~~~แหละ
โรงเรียนผมอยู่ตีนสะพานพุทธฯคับ...ตรงที่มีตลาดขายดอกไม้แหล่งใหญ่ของเมืองไทย (ใบ้แบบนี้คงสุดๆและเนอะ)
ขอบคุงกั๊บ!
บทที่ 23
วันจันทร์ถัดมา ผมเห็นล่ะว่าไอ้ชิพมาโรงเรียน
...ถึงแม้ว่ามันจะทำเป็นไม่รู้จักผม ทำเหมือนผมเป็นอากาศธาตุ ยิ่งหลบหน้าผมเท่าไร...เหมือนยิ่งทำให้ผมรู้สึกอยากเข้าไปหามันมากขึ้นเท่านั้น และตั้งแต่เช้ามานี่เราก็สบตากันโดยบังเอิญนับครั้งไม่ถ้วน รู้ว่ามันหลีกเลี่ยงไม่ได้(อ่านะ) ทว่าผมต้องกลายเป็นฝ่ายเบือนสายตาหนีก่อนทุกที
คาบแรก ที่นั่งไอ้ชิพมันนั่งข้างผม แต่นับแต่วันนี้ล่ะมั้ง...มันคงเปลี่ยนใจไปตลอดชีวิต
“เฮ้ย ลุกไปนั่งนู่น”
ผม(แอบ)สังเกตการณ์อยู่เงียบๆ ใช้หูผึ่งเอา เห็นร่างสูงๆของไอ้ชิพไปยืนข่มขู่แย่งที่นั่งไอ้ชัต ประมาณว่าให้ไอ้ชัตมานั่งข้างๆผม ที่เดิมของตัวมัน แล้วมันก็จะนั่งที่ไอ้ชัตแทน เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่ามันรังเกียจผมมากแค่ไหน แล้วก็เป็นวิธีการประชดประชันผมที่ยอดเยี่ยมมากซะด้วย...
ไอ้ชิพ...กูอยากจะรู้ มึงจะหลบหน้ากูไปได้ถึงไหน
แต่ด้วยความอีโก้จัด(บ้าง)เหมือนกัน ผมก็ไม่มีทางยอมลดตัวลงไปขอโทษมันก่อนโดยเด็ดขาด มันต่างหากที่ต้องขอโทษผม ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย จริงม่ะ?
ในที่สุด มันก็ได้นั่งอยู่โดดเดี่ยวห่างไกลจากโต๊ะของผมสมใจ เชอะ ช่างแมร่งงงง~~~ผมไม่เห็นสนใจสักนิด พวกไม่รู้จักโตเอ๊ย...
การเรียนของผมช่วงนี้นับว่าหนักพอดู ทั้งงาน ทั้งสอบ ทั้งกิจกรรมต่างๆนานา ซึ่งบางครั้งรบกวนคาบเวลาเรียน ทำให้เรียนไม่ทัน ครูทุกท่านจึงต้องพยายามแลกคาบมาทดแทน หรือไม่ก็สอนเพิ่ม ซึ่งทำให้พวกนักเรียนเซ็งมากมาย(เจอบ่อยๆอ้วกแตกเดะคับ...ยิ่งนัดเรียนเพิ่มของอาจารย์ที่ปรึกษาชุมนุมอนุรักษ์แล้วล่ะก็... = =”) แต่ก็ต้องอดทนนั่งเรียนหลังขดหลังแข็งไปเรื่อย เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่ทันสอบ และถ้าหากสอบตก...การเรียนม.ปลายของผมจะเหมือนตกนรก ลำบากเอามากๆเลยครับ
พี่มาร์คช่วงนี้ก็ลำบากพอดู การเรียนของพี่เขายากใช่ย่อย ม.6แล้วนี่ เตรียมตัวสอบเอ็นทรานซ์ เดี๋ยววิ่งกวดวิชาที่นู่นที่นี่ เวลาระหว่างเราสองคนลดเหลือน้อยลงไปเป็นธรรมดา ซึ่งผมไม่คิดอะไรมาก ตราบเท่าที่เรายังซื่อสัตย์ต่อกัน เท่านั้นก็พอ...
แฟนของผม...เขาน่ารักมากคับ แม้ไม่มีเวลา แต่เขาต้องหามันมาชดเชยให้ผมเสมอไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม เสาร์ อาทิตย์ แค่ไปกินข้าวกัน ไปดูหนัง หรือนัดเจอกันเฉยๆก็ยังดี
“พี่สอบปลายภาคเสร็จแล้วแดนไปทะเลกับพี่นะ”
พี่มาร์คชวนผมวันนึ่ง ขณะที่เรากำลังคุยกัน พี่มาร์คพูดให้ฟังถึงเรื่องต่างๆภายในอาทิตย์ที่ผ่านมา เข้าข่ายเล่าสู่กันฟังตามประสา
“ทะเล...ที่ไหน?” ถามไปงั้นแหละ ไม่ว่าทะเลไหน ผมชอบทะเลอยู่แล้ว แค่สงสัย ยิ่งมีพี่มาร์คไปก็เซย์เยสอยู่แล้ว ฮุฮุ *O*
“ระยอง ลงขันกับเพื่อนแล้วไปฉลองเรียนจบกันไง”
“แล้วนี่พี่มาร์คกะจะเข้า’มหาลัยอะไรคับ” คำถามยอดฮิต ผมก็ถามๆไปงั้นแหละ
พี่มาร์คเอ่ยชื่อดังๆมาสองสามที่ ผมไม่ค่อยเป็นห่วงเพราะพี่มาร์คเก่งอยู่แล้ว แค่หวังว่ามันจะถูกใจพี่เขาเท่านั้นล่ะ
“แล้วแดนจะตามไปไหวมั้ยเนี้ย?”
ว่าแล้วก็เอนหัวไปพิงไหล่กว้างๆ อ้อนนิดส์พอประมาณ >.<
“ไหวอยู่แล้ว เดี๋ยวกลับมาช่วย” นิ้วเรียวบีบเข้าที่สันจมูกของผมเบาๆ
“แล้วอย่าเพิ่งไปหลงใครเข้าล่ะ”
เรื่องแบบนี้ต้องดักคอไว้ก่องง่า TT^TT
“ไม่มีหรอก...”
…ผมเชื่อครับ...
“สรุปจะไปกับพี่หรือเปล่า?” พี่มาร์คเริ่มเข้าโหมดเซ้าซี้
“ไปซิ แดนอยากไปอยู่แล้ว”
พี่มาร์คยิ้มตาหวานเป็นการตอบรับ อ้อ ลืมบอกไปว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ที่ร้านขนมเค้กตรงข้ามโรงเรียน ในร้านติดแอร์ ติดกระจกใส เป็นที่ให้เด็กนักเรียนมานั่งทานเค้กอร่อยๆในวันสบายๆ(แต่ตอนนี้ร้านมันเจ๊งไปแล้วอ่ะ -v-)
“เราเนี่ย น่ารักที่สุด~~~”
นิ้วเรียวๆสีเข้มตรงเข้ามาหยิกแก้มแดงๆของผมอีกที่ เอ่อ ผมเลิกอายพี่มาร์คแล้วล่ะคับ อ้าว ก็เราเป็นแฟนกันมาตั้งนานแล้วนี่นา แถมเมื่อวานเรายัง...
อิอิ ไม่บอก ปล่อยให้งงเล่นดีกว่า oO>.<Oo
ความจริง...บอกก๊อด่ะ(>.<) เมื่อวาน เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ผมต้องเก็บเอาไปนอนฝันหวานมากที่สุดในชีวิต ผมจำได้ว่าหน้ามันแดง จนเหมือนจะไหม้ ใจเต้นแรงแทบระเบิด...ก็เพราะพี่มาร์ค พี่มาร์คแฟนของผมคนนี้คนเดียวนั่นแหละ!
คือ...เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อวานน่ะเป็นวันเกิดพี่มาร์ค เราสองคนตัดสินใจจะไปฉลองกันบนสะพานพระรามแปด เหอะๆ เว่อร์ไปเหรอคับ? ไม่หรอก เพราะบรรยากาศบนนั้นน่าขึ้นไปนั่งชมวิว มันเงียบสงบดี(เผื่อไว้ในกรณีที่ผมหน้ามืดอยากจูบพี่มาร์คไง จะได้ไม่มีใครเห็น >.<) เหมาะแก่การคุยกระจู๋กระจี๋กัน ยิ่งตอนเย็นๆมองตรงไปเหนือแม่น้ำเจ้าพระยา จะเห็นดวงอาทิตย์กำลังตกลับขอบฟ้า ส่องแสงสีแดงส้มเต็มไปหมด
เราสองคนซื้ออาหารง่ายๆมาทำไปกินกัน พี่มาร์คมารับที่บ้านด้วยมอเตอร์ไซค์คู่ชีพ(ตรงกันข้ามกับใครบางคน) ผมโดดขึ้นซ้อนท้ายแล้วเราก็มุ่งตรงขึ้นไปบนสะพาน เวลาประมาณห้าโมงเย็นกว่าๆ คนเริ่มเยอะพอสมควร เรารีบจองที่นั่งแล้วก็พิงรั้วกัน พอคนเริ่มบางตา เราก็ผลัดมาพิงกันและกันแทน(ฮิฮิ)
‘รู้มั้ย...วันนี้เป็นวันที่พี่มีความสุขมากที่สุด’
ลมเย็นๆพัดโชยเข้าปะทะผิวหน้า ผมช้อนสายตาจากภาพเวิ้งน้ำโล่งๆกว้างใหญ่ตรงหน้า ขึ้นมามองที่พี่มาร์ค ประมาณว่าให้หยุดพูดคำหวานๆสักที ผมจวนจะละลายไปพร้อมกับความหวานของมันแล้ว (T_T)
‘อะไร ยังอายกันอีก’ มือพี่มาร์คคว้ามาที่ปลายคางบุ๋มๆของผม จับให้หันซ้าย ขวา จ้องหน้าแดงๆของผมด้วยความเพลิดเพลิน ตอนนั้นจำได้ว่าคนน้อยมาก มีแต่เสียงลมกับนกร้องอยู่บนฟากฟ้าจากที่ไกลๆ ท้องฟ้าสลัวลงเล็กน้อย แต่ปลายฟ้ามีแสงรำไร พอให้เห็นได้ว่านัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของพี่มาร์คแวววาวแค่ไหน
…ใบหน้าของพี่มาร์คเลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ...จนในที่สุด จมูกของเราสองคนก็แตะกัน ผมสะดุ้งพร้อมกับดึงตัวกลับ! แต่พี่มาร์คเขาไวกว่า...รีบคว้าตัวผมไว้แล้วกดประทับริมฝีปากอ่อนนุ่มลงมาเต็มๆ...
เป็นครั้งแรกที่ผมได้ลิ้มรสสัมผัสจากของริมฝีปากผู้อื่น...ของผู้ชาย ซึ่งทั้งอ่อนนุ่มและหวาน...พี่มาร์คค่อยๆรุกล้ำเข้ามาอีก แล้วหลังจากนั้น...ผมก็ >.<
ฉากต่อไป เป็นความลับ...
เรานั่งดูแสงตามแนวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยากันต่อสักพัก พี่มาร์คโอบไหล่ผมไว้ มีแอบหอมแก้มบ้างบางครั้ง เหอะๆ ดีนะที่ไม่ค่อยมีคน แถมยังมืดแล้วด้วย คนเลยไม่ค่อยสนใจ...ไม่งั้นผมไม่มีทางยอมให้พี่มาร์คทำตามอำเภอใจแบบนั้นแน่
เฮ้อ...บอกตามตรงว่าเรื่องหนักใจต่างๆเริ่มคลายไป เข้าใจแล้วล่ะครับว่าความรักทำให้เราลืมได้ทุกสิ่งอย่าง O_O ไหนจะเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องที่โรงเรียน...
สู้ผมทำให้คนอื่นมีความสุข แล้วตัวเองมีความสุขตามไปไม่ดีกว่าเหรอ?
กับการต้องเป็นที่รองรับอารมณ์คนอื่น...พอกันทีทาสอารมณ์ o(>_<)o
ขากลับ ผมนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของพี่มาร์คกลับไปด้วยหัวใจเบิกบาน แขนของผมโอบกอดรอบเอวพี่มาร์คแน่น แผ่นหลังหนาอบอุ่นนั่นก็ชวนให้ผมเอนซบลงไป อืม...ทั้งอุ่นทั้งสบาย แล้วยังสายลมที่พัดผ่านเราสองคนอีก ทำให้ผมเคลิ้ม เกือบจะหลับคาหลังพี่มาร์คไปซะแย้ว
ถึงบ้าน พี่มาร์คยื้อผมไว้อยู่นั่นแหละ แต่...แฮะๆ ผมกลัวพระมารดาออกมาเห็นภาพลูกชายคนเดียวกำลังจู๋จี๋กับผู้ชายอยู่ กลัวจะไม่งาม เลยรีบๆไล่ไอ้พี่มาร์คกลับไป (เผอิญยังรักตัวสงวนกายอยู่บ้าง :-p)
‘อ้อ ใช่ซิ พี่มันไม่รวย ไม่มีรถหรูขับมารับมาส่ง’
แงะ?! ไรฟ่ะ งง แค่นี้งอนและ
‘ไม่เอานา แดนแค่เป็นห่วงว่าพี่มาร์คจะกลับบ้านดึก’
‘แล้วตอนนี้ทำไมไม่ค่อยเห็น?’
‘ไม่รุดิคับ…’
‘อ้อ นึกว่าจะรู้’
อ้อ...นี่สรุป ไอ้พี่มาร์คหึงหรือกระแนะกระแหนกันแน่
‘พี่มาร์คครับ...หยุดพูดเรื่องมันเหอะ’
เหอะๆ บางทีพี่มาร์คของผมก็ขี้งอนและขี้น้อยใจใช่เล่น แต่แบบน่ารักนะคับ เหมือนเด็กผู้ชายตัวโตเอาแต่ใจตัวเอง บางครั้งก็เกือบทำให้ผมอดใจไม่ไหว วิ่งเข้าไปกอดเขาสักทีให้หายหมั่นเขี้ยว ฮึ้ย!!!
‘เอ ทำไมแฟนของผมถึงได้ขี้งอนแบบนี้น๊า~~~’ ผมลดเสียงคุยให้ได้ยินกันแค่สองคน เห็นพี่มาร์คยังคงกอดอกอยู่ ผมรู้ทั้งรู้ว่าพี่เขาแกล้งงอนไปงั้นแหละ แต่ไม่รู้บ้าจี้อะไรถึงได้อยากง้อคนบ้าหน้าบึ้งคนนี้นัก
‘ขี้งอนแบบนี้ไม่ไปไหนด้วยแล้ว’
‘อ้าว...’
555+ ได้ผลแฮะ ‘งั้นก็เลิกงอนดิ’
ผมเดินเข้าไปป้องหู กระซิบอะไรบางอย่างกับพี่มาร์ค...เขาหัวเราะ แต่ก็ยังไม่ยอมไปไหนสักที
‘ขอหอมก่อน’ ไอ้พี่มาร์คถู่ซี้จะเอาให้ได้
‘ไม่ได้! เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า’
แต่เข้าใจมั้ยคับ? แฟนผมคนนี้นอกจากจะขี้งอน ขี้น้อยใจ เอาแต่ใจตัวเอง แล้วยังมีลูกตื้ออีกเป็นขโยง จนแล้วจนรอดผมเลยต้องยอมเสียความบริสุทธิ์ที่ผิวแก้มไปอีกที ขานั้นถึงได้ยิ้มหน้าบานขี่รถกลับบ้านไปได้
ที่ร้านขนมตรงข้ามโรงเรียน พี่มาร์คเริ่มขยับมาใกล้ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้...
“ฮือ ‘เถิบออกไปหน่อยซิ”
“ไม่เอา อยากนั่งใกล้ๆ” นัยน์ตาคู่สวยคู่นั้นเปล่งประกาย ยิ่งสวยเมื่อพี่มาร์คยิ้มหวานมีเล่ห์นัย
“พี่มาร์ค...คิดอะไรอยู่ ผมรู้ทันหรอกนะ!” ต้องรีบดักทางไว้อ่ะคับ
“ฮืม...อย่าคิดมาก ก็แค่นั่งกุมมือกัน...แดนไม่ว่าอะไรหรอกนะ?”
เฮ้อ...แล้วนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมต้องยอมตามใจคุณแฟนเจ้าปัญหา เวลาอยากได้อะไรจากผมก็พยายามทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง แต่ช่างเถอะครับ ก็เขาน่ารักนี่...ถ้ามีแฟนน่ารักแบบนี้แล้ว ไม่รักตอบ ผมก็บ้าเกินขนาดแล้วล่ะคับ (o_O*)
...แปลกดีเหมือนกัน แฟนคนแรกของผมเป็นเด็กหนุ่มสุดหล่อ รุ่นพี่โรงเรียนเดียวกับผมเอง...
เอาว่ะ ถึงแม้ว่าความรักครั้งแรกของเด็กผู้ชายคนนี้จะไม่ได้หลงรัก ‘ผู้หญิง’ ก็ตาม แต่ผมก็พอใจคับ ที่ผมได้รู้จักคำว่ารัก เรียนรู้การมีความรัก และมีคนรักเป็นตัวเป็นตนกับเขาสักที...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)