♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚  (อ่าน 175626 ครั้ง)

ออฟไลน์ z-Time

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ยังงัยบูมก็ยังขี้ขลาดอยู่ดี   เรียนจบแล้วน่าจะมีความเป็นผู้นำ เป็นตัวของตัวเองได้แล้ว

มีคู่หมั้นแล้ว  ยังมามีอะไรกับทิวอีก  อย่างนี้ทิวก็กลายเป็นมือที่สามแล้วก็ทำให้ทิวเป็นคนผิดอีก
 
ถ้าแม่ให้แต่งกับยัยแพรวก็ต้องแต่งใช่มั้ย แล้วทิวล่ะจะเป็นงัย :angry2:

เหมือนมาหลอกให้ทิวมีความหวังยังงัยไม่รู้

ผู้แต่งส่งพระรองมาหน่อยค่ะ  บูมจะได้กล้าๆซะที ถ้ายังกลัวๆอย่างนี้ ให้พระรองงาบไปเลยค่ะ :z2:   

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399


โดนใจเม้นนี้อย่างแรง หาพระรองด่วนๆๆเลยค่ะ 555  o13 o13 o13

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
อุปสรรคครั้งแรกก็ยัยคุณแม่บูม ผู้หญิงที่ยึดติดกับสิ่งเดิมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มาครั้งนี้ดูท่าจะเป็นคนนนี้อีกเช่นกัน
และเพิ่มแพราวที่ดูท่าจะแรงใช่ย่อยงานนี้เบิ้ลคูณสองเลยสำหรับอุปสรรคขวกหนามของทิว แต่ต่างกันที่
ครั้งแรกบูมหนีไปไม่ร่วมเผชิญ แต่ครั้งนี้กลับร่วมเผชิญไปด้วยกัน เพื่อพพิสูจนรักของกันและกัน แต่ก็กลัวอีกครั้งว่าทิวต้องเจ็บ
หากบูมต้องเลือกเหมือนคราวที่แล้ว ครั้งแรกเข้าใจบูมแล้วทำไปเพราะไม่อยากเห็นทิวเดือดร้อน แต่คราวนี้ขออย่าให้เป็นอบบนั้น เมื่อจะเดินไปด้วยกัน ก็ต้องเดินกันไป แม้ยากสุดฝืน ก็อย่าปล่อยมือ
แต่ต้องมาไม่ใช่ต่อยกันนะ เพราะเกลียดบูมมากนี่

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
บูมไม่เข้มแข็ง ไม่มีความเป็นตัวเอง ตัดสินใจอะไรก็ไม่เด็ดขาดแบบนี้ ปัญหาอุปสรรคต่างๆคงฝ่าฟันไปได้ยากนัก
จริงๆก็เข้าใจ และเห็นใจเหมือนกัน เพราะบูมถูกเลี้ยงถูกครอบแบบนี้มาตลอดอายุนี่นะ
แล้วทิวนี่ละ โชคชะตาเล่นกับชีวิตของทิวขนาดนี้แล้ว พอใจหรือยัง ให้ทิวได้หายใจหายคอบ้างเถอะนะ

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
ดูเหมือนจะดราม่าอีกนาน  เห้อ อ   สงสารทิวที่สุด   เหมือนแพรวจะร้ายนะ  พ่อแม่ของบูมคงเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุด  ยังไงก็อยากทิวบูมมีความสุขเร็วๆ     

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
จะเป็นแบบน้ำตาท่วมอีกมั๊ยนะ 

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
อุปสรรคช่างอภิมหามหึมา
ดูแววแล้วทิวคงต้องกินน้ำตาแทนข้าวอีกนาน

ออฟไลน์ Cynthia_Moonlight

  • เมื่อไหร่จะพ้นขีดอันตราย =_=+
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
เอิ่ม...อ่านตอนนี้แล้วต้องการพระรองเกาหลีมากเลย....

อ่อนเพลีย ละเหี่ยใจกับบูมเหลือเกิน แถมอยากจะตบเข้าฉาด 'ตูว่าแล้ววว' ไรงี้  :fire:


ดูท่าความสุขของทิวจะมีค่ามากกว่าเพรชพลอยอีกนะ หายากจริงๆเชียว.....


ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 23 ✦ คนขี้ขลาดที่ไม่มีใครเชื่อใจ

 

พอทิวเปิดประตูหน้าบ้านแล้ว ต้องก็ปรี่เข้ามาหาบูมด้วยสีหน้าเอาเรื่องทันที คนที่่ยืนงงอยู่จึงไม่ทันได้ตั้งตัว

"มึงกลับมาได้แล้วเหรอ นึกยังไงถึงได้กลับมาหาทิว คู่หมั้นอนุญาตแล้วเหรอ"

ต้องตรงมากระชากคอเสื้อของทิวไว้ เงื้อมือเตรียมพร้อมที่จะซัดคนตรงหน้าให้ลงไปนอนเลือดกลบปากได้ทุกเมื่  ท่าทางที่ไม่พอใจของต้องทำให้บูมกับทิวตกใจมากทีเดียว โดยเฉพาะทิว แม้จะรู้ว่าต้องไม่พอใจและแค้นบูมมานานแล้วแต่ก็ไม่คิดว่าต้องจะโกรธถึงขนาดนี้เมื่อได้เจอบูมจริงๆ

"มึงทำอะไรไว้มึงเคยรู้ไหม ไอ้ทิวมันเคยดีกับมึงขนาดไหน มึงก็ยังทิ้งมันไป มันเสียใจแค่ไหนมึงรู้ไหม มันไม่มีใคร ลำบากจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอดอยู่แล้ว มึงเคยเป็นห่วงมันบ้างไหม เคยมาดูดำดูดีมันบ้างไหมไอ้บูม คนขี้ขลาดอย่างมึงไม่ควรกลับมาหาไอ้ทิวมันอีกแล้วมึงรู้ตัวหรือเปล่า"

"เฮ้ยต้องอย่า" ทิวรีบเข้ามาห้ามแต่ต้องก็ถูกต้องผลักอกจนเซออกไป

"มึงอยู่เฉยๆ เหอะทิว วันนี้กูขอละกัน ถ้าไม่ได้เอาเลือดออกจากปากไอ้นี่กูคงตายตาไม่หลับว่ะ"

น้ำเสียงต้องดูเด็ดเดี่ยวมากทีเดียว ทิวได้แต่ยืนใจสั่นมองเพื่อนสองคนที่กำลังมีเรื่องกัน เข้าไปห้ามตอนนี้คงไปกันใหญ่เพราะต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่แล้ว

"ต้อง...มึงฟังกูก่อนได้ไหม กูเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมานะต้อง แต่กูมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้กูกลับมาหาทิวไม่ได้"

บูมพยายามบอกเพื่อนเก่าด้วยความใจเย็น แต่ถ้าต้องจะไม่ให้อภัยบูมก็พอเข้าใจอยู่หรอก ก็สมควรแล้วที่ต้องจะโกรธแค้นมากขนาดนี้เมื่อนึกไปว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับชีวิตของทิวในช่วงที่ผ่านมา

"มีเหตุผลเหรอ แล้ววันนี้ที่มึงกลับมามึงมีเหตุผลอะไร มึงกลับมาหาไอ้ทิวมันทำไมอีก" ต้องกำคอเสื้อบูมแน่นขึ้น เงื้อกำปั้นนั้นใกล้จะได้ทำหน้าที่ของมันอย่างที่ต้องตั้งใจเข้าไปทุกทีแล้ว

"กูรักทิว แล้วทิว...ก็รักกูด้วย กูสองคนรักกัน"

ต้องดูเหมือนจะชะงักไปเล็กน้อยที่ได้ยินบูมพูดอย่างนั้น สายตาที่แสดงความเจ็บปวดแว่บขึ้นมาให้เห็นในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะหายไปจากแววตาของต้องอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครรู้หรอกว่าต้องกำลังรู้สึกยังไงบ้างที่ได้ยินเรื่องนี้

"กูรู้ว่ากูผิดนะต้อง กูก็ไม่เคยบอกใครว่ากูทำถูกที่ทิ้งทิวไป แต่สุดท้ายกูก็หนีหัวใจกูเองไม่ได้ กูถึงต้องกลับมาหาทิวเพราะว่ากูรักทิวไงไอ้ต้อง"

บูมย้ำว่ารักทิวอีกรอบ แต่นั่นกลับทำให้ต้องยิ่งโมโหมากยิ่งขึ้นจนแทบจะทนไม่ไหว

"รักเหรอ รักแล้วมึงทิ้งมันไปทำไม แล้วที่มึงมีคู่หมั้นล่ะ มึงหมายความว่ายังไง มึงอย่าคิดว่ากูไม่รู้ คู่หมั้นมึงก็มีแล้วมึงจะมายุ่งกับทิวทำไมวะไอ้บูม มึงกำลังจะทำให้ทิวเป็นมือที่สามรู้ไหม ทิวมันเสียใจเพราะมึงมามากพอแล้ว มึงจะให้มันต้องเสียใจกับมึงอีกแค่ไหนกันวะ ทางที่ดี...กูว่ามึงไปจากชีวิตของไอ้ทิวมันซะดีกว่า มึงไม่ควรจะกลับมาอีกแล้วนะไอ้บูม"

บูมไม่รู้จะบอกต้องยังไงดี เมื่อกี้คุยกับทิวจนเข้าใจกันไปแล้วแต่ต้องคงไม่รู้เรื่องด้วย ครั้นจะอธิบายตอนนี้ต้องคงไม่คิดจะฟังเป็นแน่ คงต้องรอให้ต้องใจเย็นๆ ก่อนแล้วค่อยคุยกันทีหลัง

"ต้อง...เรื่องที่มันผ่านมาแล้วกูเสียใจนะเว้ย แต่กูก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ที่กูกลับมาคราวนี้ ก็ต้องการชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่กูเคยทำกับทิวไว้ กูต้องการที่จะกลับมาดูแลทิว ทิวต้องการกูนะเว้ย กูปล่อยให้ทิวอยู่ลำบากอย่างนี้คนเดียวอีกไม่ได้ ถึงกูจะเคยทำผิดแค่ไหนแต่กูก็รักทิว แล้วก็ก็พร้อมที่จะชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างให้ทิวนะเว้ยไอ้ต้อง"

"แล้วมึงทำได้จริงหรือเปล่าล่ะ ที่ผ่านมามึงเป็นยังไง มึงทำได้ไหม มึงกลับมาบ้านตั้งกี่ครั้งแล้ว ทำไมมึงไม่เคยคิดจะมาหาไอ้ทิวบ้างวะ มึงมันเป็นคนขี้ขลาด อ่อนแอ ไอ้ทิวมันไม่ใช่หนูทดลองของมึงนะเว้ย ถ้าเกิดมึงทำไม่สำเร็จ ไอ้ทิวมันก็ต้องเจ็บเจียนตายเพราะมึงอีก ไอ้คนเห็นแก่ตัวเอ๊ย"

ต้องว่าแล้วก็ปล่อยหมัดชกไปที่ใบหน้าของบูมจนบูมเซล้มลงกับพื้น

"บูม" ทิวร้องด้วยความตกใจ ก่อนที่ต้องจะปรี่เข้าไปทำร้ายบูมอีก ทิวก็รีบวิ่งไปขวางไว้

"ต้อง มึงหยุดก่อนได้ไหม"

พอเห็นทิวมาขวางไว้แบบนั้นต้องก็หยุดชะงัก "ทิว มึงจะปกป้องมันทำไมคนเลวๆ แบบนั้นทำไมวะ"

ทิวรู้สึกเจ็บแปลบที่เห็นต้องด่าทอคนที่ทิวรักด้วยคำที่รุนแรงเช่นนั้น ทิวจึงพูดกลับไปด้วยเสียงที่ดังเพื่อเรียกสติของต้องให้กลับมา

"ต้อง มึงหยุดเดี๋ยวนี้นะเว้ย กูกับบูมคุยกันรู้เรื่องแล้ว ทีหลังมึงอย่าว่าบูมแบบนี้อีกนะต้อง ถือว่ากูขอละกัน ยังไงมึงกับบูมก็เคยเป็นเพื่อนกันนะเว้ย"

ต้องดูจะช็อกไปมากทีเดียวเมื่อเห็นทิวรักและปกป้องบูมถึงขนาดนี้ แถมยังมาตวาดใส่ต้องอีก

"ได้...ทิว กูอุตส่าห์เป็นห่วงมึงนะไอ้ทิว แล้วมึง...จะต้องเสียใจเพราะมัน อย่าหาว่ากูไม่เตือนมึงก็แล้วกัน"

ว่าแล้วต้องก็เดินลิ่วออกไปอย่างกระฟัดกระเฟียด เห็นทิวเป็นห่วงบูมขนาดนั้นแล้วต้องก็คงน้อยใจ พอทิวรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็ได้แต่รู้สึกเสียใจ นั่นก็เพื่อน นี่ก็คนรัก ต้องคงน้อยใจแน่ๆ เลย แต่จะว่าไปแล้ว สายตาของต้องเมื่อสักครู่นี้ดูเหมือนน้อยใจและเจ็บปวดอย่างที่ทิวไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ ทิวมองตามแผ่นหลังของต้องที่เดินลิ่วไปแล้วก็ถอนหายใจอย่างหนักใจ

"บูม เจ็บหรือเปล่า"

ทิวนั่งลงแล้วถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

"รอแป๊บนึงนะบูม"

พอเห็นมีเลือดซึมออกมาจากปากบูมแล้วทิวก็เดินลิ่วหายเข้าไปในบ้าน ไม่นานนักก็กลับออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดหน้าที่ห่อประคบน้ำแข็งไว้ จากนั้นก็ค่อยๆ ซับเลือดที่ไหลซึมออกมาจากริมฝีปากของบูม

"นายคิดยังไงกับสิ่งที่ต้องพูด"

ทิวหยุดแล้วมองหน้าบูมอย่างใช้ความคิด "อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลยนะบูม"

บูมนิ่งเงียบ รู้ว่าสิ่งที่ต้องพูดมานั้นคงทำให้ทิวหวั่นไหวไม่มากก็น้อย แต่มันก็เป็นสิ่งที่บูมก็ต้องคิดหนักเช่นกัน ต้องพูดถูก ทิวไม่ใช่หนูทดลอง ถ้าเกิดทำไม่สำเร็จก็เท่ากับว่าบูมลากทิวเข้ามาเป็นมือที่สาม ทิวก็จะกลายเป็นคนผิดที่มาแย่งคนรักของคนอื่นและคงต้องเสียใจอีกครั้ง

ถ้าต้องพูดถูกก็เท่ากับว่าบูมยังคงอ่อนแอและเป็นไอ้ขี้ขลาดอยู่ เป็นที่พึ่งให้ใครไม่ได้หรอก คิดๆ ไปแล้วบูมก็อดจะสงสัยไม่ได้ว่าตัวเองจะอ่อนแอถึงขนาดปกป้องคนที่รักไม่ได้เลยหรือ ทำไมถึงไม่มีใครไว้ใจบูมเลย ไม่มีใครเชื่อใจเลยสักคน แล้วทิวล่ะ ทิวจะเชื่อใจบูมหรือเปล่า ถ้าทิวไม่เชื่อใจอีกสักคนบูมก็คงไม่เหลือใครอีกแล้ว

เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ทิวกับบูมหันไปมองด้วยความสงสัย ทิวลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูบ้าน พอเห็นคุณน้าเจ้าหนี้มาพร้อมกับชายสองคนนั้นก็เครียดขึ้นมาทันที คงจะมาทวงเงินก้อนที่เหลือแน่ๆ เลย ทิวไม่มีเงินมากพอที่จะให้หรอกในตอนนี้

"ว่าไงล่ะ เจ็ดหมื่นน่ะได้หรือยัง" เข้ามาข้างในปุ๊บคุณน้าเจ้าหนี้ก็ถามเรื่องนี้ทันทีเลย

"ผม..." ทิวก้มหน้า ไม่กล้ามองคุณน้าเจ้าหนี้ที่นอกจากจะเสียงเขียวแล้วสีหน้าก็บูดบึ้งไม่ต่างกัน

"อย่าบอกนะว่าไม่มี ฉันบอกแล้วไงว่าฉันต้องใช้เงินก้อนนี้ด่วนที่สุด อยากลองดีใช่ไหม" คุณน้าเจ้าหนี้ขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ

บูมเห็นความไม่ชอบมาพากลก็รีบเดินเข้ามาถาม

"มีอะไรเหรอครับ"

"จะอะไรซะอีกล่ะ ฉันก็มาทวงเงินของฉันคืนน่ะสิ" คุณน้าเจ้าหนี้หันมามองบูมพลางทำหน้าสงสัยเพราะไม่เคยเห็นมาก่อน

"เท่าไรครับ เดี๋ยวผมจัดการให้" บูมรีบบอกไป

"บูม ไม่ต้อง" ทิวรีบร้องห้าม

"เจ็ดหมื่น" คุณน้าเจ้าหนี้รีบตอบ ท่าทางทิวคงจะทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ อ้อยเข้าปากช้างแล้วคุณน้าคงไม่ปล่อยให้หลุดไปง่ายๆ

"ทิว...นายอยู่เฉยๆ ก่อน เดี๋ยวเราจัดการเอง แล้วค่อยมาว่ากัน"

บูมหันมาบอกทิวด้วยน้ำเสียงกึ่งดุ แล้วก็หันไปพูดกับคุณน้าเจ้าหนี้ต่อ

"ผมขอเบอร์บัญชีด้วยครับ ผมจะโอนให้เดี๋ยวนี้เลย"

คุณน้าเจ้าหนี้รีบควานหาสมุดบัญชีเงินฝากในกระเป๋าถือแทบจะทันที พอเจอแล้วก็ส่งให้บูม บูมรับมาแล้วก็ใช้มือถือของตัวเองล็อกอินเข้าเว็บธนาคาร จากนั้นก็ดำเนินการโอนเงินเจ็ดหมื่นบาทเข้าบัญชีนั้นไปโดยไม่รอช้า

"เรียบร้อยแล้วครับ นี่ครับ หลักฐานการโอนเงิน" บูมบอกพลางยื่นโทรศัพท์ให้คุณน้าเจ้าหนี้ดู

"ก็แค่นี้แหละ ขอบใจมาก จะได้หมดหนี้หมดสินกันเสียที ไป กลับ" คุณน้าเจ้าหนี้รับสมุดเงินฝากมาจากบูมแล้วก็เดินยิ้มออกไปพร้อมกับลูกน้องอีกสองคนอย่างอารมณ์ดี ไม่นานนักเสียงรถเก๋งคันงามก็แล่นออกไป

"ไปหรือยังทิว เดี๋ยวไม่ทันนะ" บูมหันมาเตือนเมื่อเห็นทิวยืนนิ่งเหมือนใช้ความคิดบางอย่าง

ทิวเหมือนจะรู้สึกตัวแล้วก็พยักหน้าเร็วๆ "อ๋อ...ไปกันเถอะ อ้อ..."

เหมือนทิวเพิ่งนึกได้ "นายยังเจ็บอยู่หรือเปล่า"

บูมส่ายหน้าพลางยิ้มน้อยๆ "แค่นี้ไม่ถึงตายหรอก ไม่ต้องห่วงเรานะ แล้วก็ไม่ต้องกังวลด้วยว่าเราจะโกรธต้อง เราไม่โกรธมันหรอก" บูมรีบบอกดักไว้

ทิวยิ้มด้วยความโล่งใจ แต่อีกด้านหนึ่งก็กังวลถึงความรู้สึกของบูมเหมือนกัน บูมคงกำลังมีความรู้สึกบางอย่างที่ทิวเองก็ยังไม่กล้าถามในตอนนี้ แต่ทิวก็รับรู้ได้ว่าคงเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีนัก

ต่อให้คนเรารักกันมากขนาดไหน ไม่ว่าที่ผ่านมาจะทำดีต่อกันมากน้อยแค่ไหน ถ้าเกิดความหวาดระแวงไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกันแล้วความรักก็อาจจะมีปัญหาได้ ทิวก็ได้แต่หวังว่าสิ่งที่ต้องพูดเมื่อสักครู่นี้คงไม่ทำให้ทั้งทิวและบูมหวาดระแวงกันเอง

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

ตลอดทางที่บูมขับรถมาส่งทิวที่ร้านอาหาร ต่างคนก็ต่างเงียบและใช้ความคิด มาถึงร้านอาหารก็ประมาณสองทุ่ม ทิวมีคิวร้องประมาณสองทุ่มครึ่ง ต้องร้องสองรอบ รอบละครึ่งชั่วโมง ส่วนบูมพอส่งทิวเสร็จแล้วก็ขอมานั่งในร้านอาหารเพราะอยากฟังทิวร้องเพลงและเล่นดนตรีอีกสักครั้งหลังจากที่ไม่ได้ฟังมานาน มีอาหารสองสามอย่างพร้อมกับเครื่องดื่มเบาๆ อยู่บนโต๊ะในระหว่างที่นั่งฟังด้วย

ได้ฟังทิวร้องเพลงแล้วก็ทำให้บูมหวนรำลึกถึงเรื่องราวหลายอย่างที่เคยเกิดขึ้นในช่วงมัธยมปลาย ทิวยังร้องเพลงเก่งเหมือนเดิม แถมดูจะร้องได้ดีกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำเพราะชั่วโมงบินสูงขึ้น แต่ที่บูมรู้สึกทึ่งเป็นพิเศษก็คือทักษะการเล่นกีตาร์ของทิวที่เข้าขั้นยอดเยี่ยม จนเหมือนกับกำลังนั่งฟังมือกีตาร์โปร่งระดับแถวหน้าเลยทีเดียว ทิวคงฝึกหนักน่าดูกว่าจะเล่นได้อย่างนี้ แน่ล่ะ ทิวต้องทำอย่างนั้นเพราะความอยู่รอดด้วยส่วนหนึ่งนั่นเอง

ทิวร้องเพลงเสร็จก็ประมาณสี่ทุ่มเศษๆ บูมเช็คบิลแล้วก็ออกไปรอทิวที่รถเพื่อที่จะรับทิวกลับบ้าน พอเห็นทิวเดินมาพร้อมกับกีตาร์คู่ใจแล้วบูมก็ส่งยิ้มให้

"เก่งมากเลยทิว เราชอบทุกเพลงเลย เดี๋ยวนี้นายเล่นดนตรีก็เก่งมากเลยนะ ร้องเพลงก็เก่ง เก่งไปหมดทุกอย่างเลย"

คำชื่นชมนั้นทำให้ทิวยิ้มเล็กน้อย บูมเดินมาเปิดประตูรถให้ทิวเข้าไปนั่งข้างในแล้วก็เดินอ้อมไปนั่งตรงที่นั่งคนขับของตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ ขับออกไปจากร้านอาหารที่คนเริ่มซาลงไปพอสมควรแล้ว ระหว่างทางต่างคนก็ต่างนั่งเงียบๆ เหมือนตอนขามา แม้ไม่ทำให้ถึงกับอึดอัดแต่ก็ทำให้บรรยากาศอึมครึมไปพอสมควร

พอมาถึงบ้านแล้วบูมก็เดินเข้ามาส่งทิวถึงในบ้าน สีหน้าของบูมดูเครียดอย่างเห็นได้ชัด ทิวเห็นแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจมากพอๆ กัน คืนนี้บูมคงไม่ได้อยู่ค้างที่นี่เพราะไม่ได้นอนบ้านตัวเองมาสองวันแล้ว ถ้าวันนี้ยังไม่กลับบ้านอีกก็อาจจะทำให้พ่อกับแม่สงสัยได้

พอถึงเวลาจะร่ำลากลับบ้าน บูมก็ตัดสินใจถามในสิ่งที่้ค้างคาใจ ถ้าไม่ถามคืนนี้บูมคงนอนไม่หลับเป็นแน่

"ทิว...นายคิดยังไงกับเรื่องที่ต้องพูด"

เมื่อได้ยินคำถามแล้วทิวก็ไม่รู้สึกแปลกใจนักเพราะเดาไว้อยู่แล้วว่าบูมคงกำลังสงสัยเรื่องนี้อยู่ มันเป็นเรื่องที่สำคัญมากทีเดียว ถ้าพูดคุยกันไม่เข้าใจคราวนี้ก็ยากที่จะกลับมาเชื่อใจกันได้อีกครั้งแล้วล่ะ

"เรา..."

ทิวไม่รู้จะพูดยังไง ความจริงทิวก็กังวลตามที่ต้องพูดไว้ไม่น้อยเลย จะให้ไม่รู้สึกอย่างนั้นก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะตอนนี้ทิวอยู่ในสถานะมือที่สามอย่างที่ต้องว่า ปฏิเสธไม่ได้เลย ถ้าเกิดพ่อกับแม่หรือแฟนของบูมรู้เรื่องนี้เข้า ทิวก็แทบจะไม่มั่นใจเลยว่าเขากับบูมจะผ่านพ้นมันไปได้ เรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด ถ้าไม่เข้มแข็งอดทนจริงๆ ก็จะไม่มีวันที่จะผ่านไปได้

ปัญหาทั้งหมดนี้ก็คงเป็นหน้าที่หลักของบูมที่จะทำให้ทุกอย่างชัดเจนและคลี่คลาย บูมจะต้องทำให้ทิวมั่นใจให้ได้ว่าบูมเข้มแข็งมากพอที่ฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่างไปได้ ไม่ใช่ว่าทิวไม่อยากช่วยหรอกนะ สถานะมือที่สามอย่างทิวคงช่วยไม่ได้มากนัก แค่คิดจะเข้ามายุ่งก็ผิดตั้งแต่ต้นแล้ว

พอเห็นทิวเงียบอย่างนั้นแล้วบูมก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าทิวคงหวั่นไหวและอาจจะไม่เชื่อใจกันเต็มร้อยเหมือนเดิม บูมเม้มริมฝีปาก ถอนหายใจอย่างหนักใจ ยังไม่ทันจะได้พิสูจน์กันเลยด้วยซ้ำก็มาเกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกันเสียก่อน คนขี้ขลาดอย่างบูมคงยากที่จะมีใครกล้าให้โอกาส นี่แหละนะที่เขาเรียกว่าพ่อแม่รังแกฉัน ช่วงวัยเด็กเป็นวัยที่มีความสำคัญมาก ในชีวิตช่วงนั้นบูมกลับถูกกดดันและบังคับจนไม่เป็นตัวของตัวเอง ในที่สุดทักษะชีวิตที่สำคัญบางอย่างจึงหายไปหรือมีน้อยกว่าคนทั่วไปอย่างช่วยไม่ได้

"เราขอโทษนะทิว...ที่ทำให้นายลำบากใจ"

พูดแล้วก็หันหลังเตรียมตัวจะเดินกลับไปขึ้นรถ แต่แล้วก็หยุดและหันกลับมามองอีกครั้ง สีหน้าครุ่นคิดเหมือนคนกำลังตัดสินใจบางสิ่งบางอย่างที่แสนลำบากใจ

"อยู่คนเดียว ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะ เราเป็นห่วงนายนะทิว" แล้วคราวนี้ก็เดินออกไปจริงๆ

สายตาของบูมเศร้าเหลือเกิน ทิวเห็นแล้วก็อดสงสารและรู้สึกผิดไม่ได้ บูมคงเสียใจที่ไม่มีใครเชื่อใจบูมเลย แม้กระทั่งทิวเองที่เป็นคนที่บูมรักมากที่สุดก็ยังไม่เชื่อใจเลย จะทำยังไงดี ทิวสับสนเหลือเกิน ทำไมอยู่ดีๆ ถึงเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นมาได้

บูมเดินมาถึงรถแล้วก็เข้าไปนั่งข้างใน นั่งนิ่งๆ โดยไม่คิดที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์หรือทำอะไรเลย สักพักบูมก็ซบหน้าลงกับพวงมาลัยรถ ทิวเดินออกมาดูในจังหวะนั้นพอดี พอเดินเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงบูมกำลังร้องไห้ บูมคงจะเจ็บปวดใจมากทีเดียวเมื่อรู้ว่าทิวไม่ไว้ใจ ทิวเองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้กันที่ทำให้บูมรู้สึกอย่างนั้น

ผ่านไปได้สักพัก บูมคงสงสัยว่ามีใครสักคนกำลังยืนมองดูอยู่จึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามอง พอรู้ว่าเป็นทิวแล้วบูมก็ค่อยๆ เช็ดน้ำตา ก่อนจะค่อยๆ เปิดประตูรถแล้วเดินลงมาหาอย่างช้าๆ ต่างคนต่างยืนมองหน้ากันนิ่ง นิ่งจนทำให้เกิดความอึดอัด

"เราไม่รู้ว่าเราคิดถูกหรือคิดผิดที่กลับมาหานาย นายช่วยบอกเราหน่อยได้ไหมทิว คนอ่อนแอ...ไม่มีความเป็นผู้นำอย่างเราไม่ควรที่จะรักนายใช่ไหม ใช่ไหมทิว นายจะไม่ให้โอกาสเราอีกแล้วใช่ไหม"

ในที่สุดบูมก็พูดออกมาก่อน แล้วทิวควรจะตอบบูมว่าอย่างไรดีล่ะ ทิวรักบูมแค่ไหนนั้นคงไม่ต้องสงสัย แต่การที่จะให้ทิวอยู่ในสภาพมือที่สามนั้นก็เป็นเรื่องที่ทิวทำใจได้ลำบากเหลือเกิน บูมต้องทำอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่แค่พูด ที่ไม่ใช่แค่ความรัก ไม่ว่ามันจะลงเอยแบบไหนก็ขอแค่ให้ทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนกว่านี้ ต่อให้ทิวต้องเสียใจและเป็นฝ่ายไปทิวก็พร้อมที่จะยอมรับแต่โดยดี

"บูม...เรารักนายมากนะ และเราก็เชื่อว่านายก็รักเราเช่นกัน แต่...นายต้องทำอะไรบางอย่าง เราไม่อยากบีบคั้นนายหรอกนะบูม แต่เราก็อยากให้นายเข้าใจเราด้วยว่าเราก็เจ็บปวดที่ต้องอยู่ในสถานะแบบนี้ เราพยายามจะไม่คิดถึงมัน แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ยังไงเราก็เป็นมือที่สาม ทำอะไรสักอย่างให้มันเกิดความชัดเจนเถอะนะบูม ไม่ว่ามันจะลงเอยยังไง เราก็ยินดีที่จะยอมรับทุกสิ่งทุกอย่าง ถึงเราจะเจ็บอีกครั้งก็ไม่เป็นไร เราไม่เป็นไรจริงๆ นะบูม"

แล้วบูมก็กอดทิวไว้ด้วยความสะท้อนใจ น้ำตาที่รินไหลค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ สีหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ทิวคือคนที่บูมรักมากที่สุด เพราะฉะนั้น บูมก็ไม่ควรบังคับให้ทิวต้องมาทนทุกข์ทรมานกับปัญหาของตัวเองให้เนิ่นนานกว่านี้ บูมควรจะต้องทำอะไรสักอย่างอย่างที่ทิวเพิ่งพูดไปเมื่อกี้นี้ ไม่อย่างนั้นแล้วก็ไม่ควรจะมาถามหาความเชื่อใจจากใคร เมื่อไม่มีการกระทำที่พิสูจน์ให้เห็น ความเชื่อใจย่อมไม่เกิดหรืออาจจะลดน้อยถอยลงจนหมดไปได้

ไม่มีใครรู้หรอกว่าบูมกำลังคิดอะไรหรือกำลังจะทำอะไรต่อไป แต่หลังจากวันนี้เป็นต้นไปคงมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2015 23:31:55 โดย sarawatta »

chai235

  • บุคคลทั่วไป
เหอๆ ทำตัวเองนี่

ใครเค้าจะเชื่อได้ล่ะ ของอย่างนี้ต้องเข้มแข็ง และพิสูจน์ตัวเอง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าไม่ลุกขึ้นมาปฏิวัติคนเองใหม่ ก็อยู่ในวังวนเดิมๆแบบนี้ล่ะบูม
แล้วโอกาสที่จะเป็นดังต้องว่าไว้เนี่ย99.99%เลยนะบูม
คนที่ทุกข์ใจ+เสียใจมากๆๆๆๆก็คือทิวและบูมนั่นเอง

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
บูมต้องกล้ามากกว่านี้  ตัวเองก็โตแล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆเหมือนเมื่อก่อน 

ไม่อยากกินมาม่าแล้ว สงสารทิว  เอาใจช่วยทั้ง2คน

ออฟไลน์ z-Time

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
จะให้เค้าเชื่อ  แกก็ต้องเข้มแข็งและทำให้เค้าเชื่อมั่นสิ

ยังจะทำท่าทางอ่อนแออีก   :z6: 

สงสารต้องกับทิว เลยต้องเคืองกันเลย

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399

ตบบูม หมั่นไส้นัก ไอ้เด็กไม่รู้จักโต

 :beat: :beat: :beat: :impress3:

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
                                      ไม่มีความเป็นผู้นำเอาซะเลย

ออฟไลน์ Cynthia_Moonlight

  • เมื่อไหร่จะพ้นขีดอันตราย =_=+
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1

"ได้...ทิว กูอุตส่าห์เป็นห่วงมึง แล้วมึง...จะต้องเสียใจเพราะมัน"

ประโยคเนี้ย...อ่านแล้วมีความรู้สึกว่ามันต้องเกิดขึ้นแน่ๆเลย.....แต่จะเมื่อไหร่ก็เท่านั้น...

ถ้าบูมยังเป็นแบบนี้น่ะนะ... เฮ้อ....

รีบๆปรับปรุงตัวเองได้แล้วนายบูมเอ้ยยยยยย

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
เมื่อไหร่ความทุกข์ของสองคนนี้จะผ่านไปสักทีนะ ผ่านไปเหมือนสายลม แต่นี่ก็ชีวิตคนให้ผ่านไป
เหมือนไม่มีอะไรก็ไม่ได้ เราเข้าใจทิวนะ ความรักที่ต้องมีอุปสรรค และบูมที่ผ่า่นมาก็ไม่เคยก้่าวผ่านและเผชิญหน้ากับอุปสรรค
และหนีมาตลอด แม้วันนี้บอกว่าจะผ่านไปด้วยกัน แต่ทิวก็ต้องมีแอบไม่มั่้นใจบ้าง เพราะอดีตที่บูมทำ แม้สงสาร แต่เลดี้ก็ขอความชัดเจนเหมือนต้อง และลึกรู้สึกเหมือนต้องรักทิว รอเพียงทิวลืมบูม ถึงวันนี้ทิวลืมไมได้เมื่บูมกลับมา จึงทำให้เขาเจ็บ เจ็บที่รักและรอเหมืือนทิว รอแต่ก็เหมือนจะไม่ได้อะไร ถึงแม้ทิวเหมือนได้ใจบูมมา แต่ก็บงเบาดุจเส้นด้ายที่จะขาดหายหากโดนลม รอลุ้นกลับรักที่ต้องการบทพิสูจน็์ของบูมต่อไป
+1ให้คนเขียนค่ะ แต่งได้ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
เลือนลางเหลือเกินคู่นี้

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
เอาใจช่วยบูมนะ

บูมต้องลงมือทำอะไรซักอย่างให้มันชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะกับ(คุณหญิง)แม่และพ่อ หรือ เธอคนนั้นที่เป็นคู่หมั้นที่เป็นปัญหาก็ตาม

ตอนนี้บูมอาจแค่คิดจะทำ แต่ก็จะรอวันที่บูมลงมือทำมัน

ขอแค่ลงมือทำเท่านั้น........เป็นสิ่งเดียวที่ต้องการจากบูมในตอนนี้จริงๆ

 :undecided: :undecided: :freeze: :freeze: อารมณ์ตอนนี้~อึน~ซึน~ได้อีก...
ขอบคุณค่ะ  :L2: :L2: :L2:
+เป็ด

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
รู้สึกแปลกๆกับบูม มาก ถึงมากที่สุด

ดูเหมือนจะเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย

คอยถามอยู่ตลอดว่าทิวคิดอย่างไรพร้อมจะเดินไปตนไหม

เล้วถ้าเกิดทิวตอบว่าไม่ บูมจะยุติความรักครั้งนี้เลยหรอ

เหมือนการตัดสินใจของบูมนั้นขึ้นอยู่กับความเจ็บปวดของทิว

เเน่นอนทิวไม่มีทางไม่ตกลงอยู่เเล้ว

เเต่บูมนี้สิ น่าจะใช้ความต้องของตนที่จะปกป้องคนรักมาเป็นเเรงฮึดสู้กับปัญหา

นี้อะไร ความมั่นใจไม่มีเลย เซ็ง พระเอกโง่

ประทานโทษ ถ้าเเรงไป เเต่อินจัด^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






icyblue

  • บุคคลทั่วไป
สงสารทิว  คงต้องเจอมรสุมอีกแยะ  :เฮ้อ:

ต้องกลับมาช่วยเพื่อนก่อนนนนนนนนน  :sad4:

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 24 ✦ สบายวอล์กเวย์



บูมกลับมาคราวนี้ไม่ใช่เพราะต้องกลับมาทำงานที่บริษัทของพ่อเท่านั้น พ่อให้บูมช่วยดูแลโปรเจกต์คอนโดแห่งหนึ่งอยู่เท่านั้น ไม่ต้องเข้าไปทำงานทุกวัน บูมวางแผนว่าจะทำงานหาประสบการณ์อีกสักปีสองปีก่อนจะกลับไปเรียนต่อปริญญาโทตามที่ตั้งใจไว้

บูมเข้าไปช่วยงานที่สมาคมเครื่อข่ายนักบุญไทยรุ่นเยาว์หรือ Thai Young Philanthropist Network ที่มีสมาชิกเป็นหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ส่วนมากเป็นคนที่มีโอกาสไปเรียนที่ต่างประเทศ มีความรู้ ประสบการณ์และมีใจอยากช่วยสังคม แพรวก็อยู่ในสมาคมนี้เช่นเดียวกัน แน่นอนการที่บูมเข้ามาทำงานในนี้ได้ก็เพราะได้พ่อกับแม่ที่ฝากฝังให้

เมื่อสามเดือนที่แล้วบูมเพิ่งรวมกลุ่มเพื่อนๆ ที่อยู่ในสมาคมเดียวกันห้าหกคนทำโครงการชิ้นหนึ่งที่สมาคมรับมาจากแหล่งทุนใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศไทย เป็นโครงการระยะเวลาปีครึ่งที่จะพัฒนาต้นแบบทางเท้าในกรุงเทพมหานครให้มีความสวยงามและทุกคนใช้งานร่วมกันได้ ก่อนที่จะนำต้นแบบนี้ไปใช้กับจุดอื่นๆ ของกรุงเทพมหานครต่อไป

พื้นที่ที่จะใช้เป็นต้นแบบในครั้งนี้คือบริเวณโดยรอบสยามสแควร์และสถานที่ใกล้เคียง ทางเท้าที่เป็นต้นแบบจะเป็นทางเท้าที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง มีขนาดความกว้างของช่องทางเดินบนทางเท้าที่กว้างมากพอ เอื้อให้แม่ที่ใช้รถเข็นเด็กหรือแม้กระทั่งคนพิการสามารถใช้งานได้สะดวกโดยการจัดให้มีทางลาด ที่สำคัญต้องมีแผนจัดระเบียบทางเท้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาบเร่แผงลอยต่างๆ ที่มักจะเอาเปรียบคนสัญจรบนทางเท้าตลอดมา นับว่าเป็นปัญหาโลกแตกของกรุงเทพมหานครอย่างหนึ่งเลยทีเดียว บูมและเพื่อนๆ มีประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ต่างประเทศมาจึงน่าจะนำตัวอย่างที่เคยพบเห็นมาใช้กับโครงการนี้ได้

ในโครงการนี้บูมเป็นผู้จัดการโครงการ มีแพรวเป็นเลขานุการ ส่วนเพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็มาช่วยเรื่องการประชาสัมพันธ์ ระดมทุนและหาเครือข่ายสนับสนุน ออกแบบเว็บไซต์และสื่อสิ่งพิมพ์ของโครงการ ช่วยถ่ายรูปก็มี แต่ยังขาดคนที่จะมาเป็นผู้ประสานงานโครงการ แม้ว่าจะเป็นเพียงตำแหน่งเดียวที่มีเงินเดือนให้ แต่ก็ไม่มีใครว่างพอที่จะมาทำได้อย่างเต็มที่ บูมคิดอยู่ตั้งนานว่าจะหาใครมาช่วย สุดท้ายก็นึกออกแล้วว่าใครที่น่าจะเหมาะสมกับตำแหน่งนี้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
   

ช่วงนี้บูมดูเหมือนเงียบๆ ไป ไม่ได้มาหาทิวหลายวันเลย อาจจะเป็นเพราะเหตการณ์วันนั้นที่ทำให้บูมต้องคิดทบทวนหลายสิ่งหลายอย่าง ห่างกันไปบ้างก็อาจจะดีตรงที่ช่ว ทำให้ต่างคนต่างได้ทบทวนให้ตกผลึกก่อน เรื่องอย่างนี้ไม่จำเป็นต้องรีบตัดสินใจ

คนที่ทิวนึกถึงอีกคนหนึ่งก็คือต้อง ตั้งแต่วันนั้นต้องก็ดูเงียบๆ ไปเหมือนกัน ทิวยังจำสายตาแปลกๆ ของต้องในวันนั้นได้เป็นอย่างดี ต้องคงน้อยใจเหมือนกันที่ทิวออกรับแทนบูม พอมีเวลาช่วงพักเที่ยง ทิวจึงขอตัวออกมาโทรศัพท์หาต้องที่หลังร้านพร้อมกับขอให้เพื่อนอีกคนช่วยอยู่เฝ้าตรงเคาน์เตอร์สักพัก ก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะหลายๆ ครั้งทิวก็จะเฝ้าเคาน์เตอร์ให้เพื่อนร่วมงานเช่นเดียวกัน

"มีอะไรทิว อย่าบอกนะว่าไอ้บูมมันทำให้มึงเสียใจอีกแล้ว" นั่นคือประโยคแรกที่ต้องทักมา

"เปล่า...ไม่ใช่เรื่องนั้น ตอนนี้ยังไม่มีอะไรให้กูเสียใจหรอก แต่กูเป็นห่วงมึง เห็นมึงเงียบๆ ไป"

"นึกว่าจะห่วงแต่ไอ้บูมเสียอีก" ต้องแค่นเสียง

"ต้อง...มึงไม่ได้โกรธกูใช่ไหม" ทิวรีบเข้าเรื่องเพราะมีเวลาคุยไม่มากนัก

"กูจะโกรธมึงทำไมวะ กูไม่โกรธมึงหรอก คนที่กูโกรธคือไอ้บูมต่างหากล่ะ แม่งเอ๊ย คนอะไรขี้ขลาดชิบเป๋งเลย โลเลก็ที่หนึ่ง อุตส่าห์ไปเรียนตั้งเมืองนอกเมืองนา ช่วยอะไรบ้างไหมเนี่ยนอกจากความรู้ในตำรา"

สุดท้ายต้องก็อดค่อนแคะบูมอีกไม่ได้

"ต้อง...กูขอมึงเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม อย่าว่าบูมแบบนี้อีกเลยนะต้อง บูมมีปัญหาแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว มึงก็รู้ว่าที่บ้านมันเป็นยังไง กูไม่อยากให้มึงซ้ำเติมถากถางบูมเรื่องนี้อีก ขอโอกาสให้บูมได้พิสูจน์ตัวเองบ้างนะต้อง"

ต้องเงียบไปสักพักเหมือนกำลังครุ่นคิด "ก็กูโมโหมันนี่หว่า มันทำมึงเจ็บแค่ไหนมึงจำไม่ได้เหรอ แถมตอนนี้มันยังเห็นแก่ตัวจะทำให้มึงเป็นมือที่สามอีก"

"ต้อง...มันผ่านไปแล้ว กูไม่อยากให้มึงเจ็บแค้นกับเรื่องในอดีตอีกว่ะต้อง มาพูดถึงเรื่องปัจจุบันดีกว่า...จริงๆ กูคุยกับบูมแล้ว เข้าใจกันแล้วล่ะ ทั้งเรื่องที่บูมไม่เคยติดต่อกู แล้วก็เรื่องที่บูมมีคู่หมั้นแล้ว"

"แล้วไงล่ะ เข้าใจของมึงหมายความว่าไง หมายความว่ามึงจะยอมเป็นมือที่สามงั้นเหรอ มึงคิดดีแล้วเหรอทิว"

"กูไม่ได้อยากเป็นมือที่สามของใครหรอกต้อง กูก็ต้องการความชัดเจนเหมือนกัน แต่กูก็ต้องให้โอกาสบูมในการพิสูจน์ตัวเอง กูไม่เชื่อว่าบูมเป็นคนขี้ขลาดหรอกนะต้อง บูมแค่ยังไม่มีความมั่นใจมากพอแค่นั้นแหละ อีกอย่าง บูมคงต้องคิดให้ดีๆ เพราะมีหลายคนที่ต้องเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นคู่หมั้น พ่อกับแม่ของบูม หรือแม้กระทั่ง...ตัวกูเอง มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับบูมที่จะทำอะไรผลีผลามอย่างงั้นหรอกต้อง"

"แล้วถ้ามันทำไม่ได้ มึงก็จะยอมเจ็บอีกงั้นเหรอทิว"

คำถามนี้ทำให้ทิวเงียบไปสักพัก "มันคงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องหรอกกูรู้ แต่กูก็รักบูมไปแล้วนี่หว่าต้อง มึงจะให้กูทำยังไง เจ็บก็ต้องเจ็บแหละวะ คนเรามีความรักก็มีทางเลือกแค่สองอย่าง สมหวังกับผิดหวัง ชีวิตของกู...ไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากกว่าชีวิตที่ผ่านมาหรอกต้อง แค่ผิดหวังจากความรัก...คงไม่ตายหรอก ก็ยังดีกว่าชีวิตที่ไม่เคยมีความรัก ถ้ารักแล้วกลัวผิดหวัง ชาตินี้ก็อย่ารักใครเลยดีกว่า"

"ทิว"

ต้องถึงกับพูดอะไรไม่ออก เพราะความรักทำให้ทิวต้องยอมถึงขนาดนี้เลยหรือ ใช่... มันก็ไม่ต่างกันกับตัวต้องเองหรอก เพราะความรักจึงต้องยอมทนดูอยู่อย่างเงียบๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเหมือนกัน ได้แต่รอว่าเมื่อไรทิวจะเปลี่ยนใจแต่ก็ไม่เคยมีวันนั้น จนกระทั่งถึงวันนี้ต้องก็ไม่เห็นแสงแห่งความหวังใดๆ

"มึงเข้าใจใช่ไหมต้อง"

"อือ..." ต้องพูดสั้นๆ แค่นั้น

"แค่นี้ก่อนนะต้อง เดี๋ยวกูต้องไปทำงานแล้ว"

"อือ" น้ำเสียงเหมือนไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว

ทิววางโทรศัพท์แล้วก็เก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงก่อนที่จะรีบวิ่งมาทำงานต่อ เมื่อเข้ามาในร้านแล้วก็ต้องวางเรื่องอื่นๆ ในตอนนี้ไว้ก่อ งานที่เซเว่นค่อนข้างหนักจนไม่มีเวลาให้คิดฟุ้งซ่าน มีเวลาพักเพียงเล็กน้อยเพราะลูกค้าเข้ามาในร้านแทบตลอดเวลา

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


พอทิวกลับมาถึงบ้านก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นบูมมายืนรออยู่ที่หน้าบ้านแล้ว ต่างคนต่างยิ้มให้กัน จะว่าไปแล้วทิวก็คิดถึงบูมมากไม่ใช่น้อยเลย หายไปหลายวันไม่บอกไม่กล่าวอย่างนี้ก็ชักจะงอนแล้วเหมือนกัน แต่แปลกนะ ทำไมบูมทำเหมือนมีระยะห่างกับทิวอย่างนั้น ไม่เข้ามาใกล้ ไม่เข้ามาคลอเคลียเหมือนเคย

ทิวพาบูมเข้ามานั่งในบ้านแล้วก็ไปหาน้ำมาให้ บูมหยิบเอกสารปึกหนึ่งมาด้วย พอทิวนั่งลงแล้วบูมก็เอาเอกสารออกมาจากแฟ้มเอกสารใสๆ วางลงบนโต๊ะ

"ทิว...เรามีบางอย่างมาให้นายทำ ไม่รู้นายจะสนใจหรือเปล่า" ในที่สุดบูมก็พูดออกมาหลังจากที่ดูยิ้มๆ และเงียบๆ มาสักพัก

"อะไร" ทิวถามอย่างอารมณ์ดี
 
"พอดีเรากำลังจะทำโครงการสบายวอล์กเวย์ เป็นโครงการปรับปรุงทางเท้าแถวๆ สยาม เราจะทำต้นแบบทางเท้าสวยๆ แล้วก็เดินสบายๆ เหมือนประเทศอื่นๆ ในกรุงเทพบ้าง ตอนนี้โครงการผ่านการอนุมัติแล้ว เรากำลังหาคนมาเป็นผู้ประสานงานโครงการพอดี ก็เลยจะถามนายว่านายสนใจไหม เป็นโครงการปีครึ่ง เรามีเงินเดือนให้คนประสานงานด้วยนะ เดือนละสองหมื่น"

ได้ฟังแล้วทิวก็สนใจไม่น้อย แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือเปล่า "สนใจสิ แล้วต้องทำอะไรบ้างล่ะ นายเล่าให้เราฟังหน่อยสิว่าโครงการมันเป็นยังไง"

บูมยิ้มหวานแล้วก็เล่าภาพรวมของโครงการให้ทิวฟัง

"เราก็จะสร้างต้นแบบทางเท้าที่น่าเดิน เดินสบาย ทุกคนใช้ร่วมกันได้ นายเคยเห็นไหมทางเท้าแบบนี้"

บูมพูดแล้วก็เปิดภาพทางเท้าในเมืองที่เจริญแล้วของโลกให้ทิวดูในไอแพดของตัวเอง

"นายเห็นไหมว่ามันสะอาด น่าเดิน คนที่เมืองนอกนะ ถ้าระยะทางไม่ไกลมากซัก 1-2 กิโลเขาก็จะเดินกัน แต่บ้านเราเดินไม่ได้เพราะทางเท้าไม่ดี ไม่น่าเดิน แถมร้อนด้วย เราก็เลยคิดว่าถ้าเรามีทางเท้าตัวอย่างแบบนี้ในกรุงเทพบ้างก็น่าจะดี พอทำเสร็จแล้วก็อาจจะขยายไปทำพื้นที่อื่นๆ ต่อไป อันนี้เป็นแผนการทำงาน"

บูมบอกแล้วก็หยิบเอกสารที่เป็นแกนท์ชาร์ทมาให้ทิวดู

"สามเดือนแรกเราจะหาเครือข่ายก่อน ก็คงจะเป็น กทม. ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ทั้งหลายที่ชอบเอา street furniture มาติดตั้งเกะกะบนทางเท้า ชุมชนที่อยู่แถวๆ นั้น พ่อค้าแม่ขาย แล้วก็หน่วยงานอื่นๆ ที่อยากสนับสนุน จากนั้นเราก็จะประกวดแบบทางเท้า ให้คนส่งประกวดแบบทางเท้าตามโจทย์ที่เราให้ไป ก็น่าจะใช้เวลาสักหกเดือน ในช่วงระหว่างนี้เราว่าจะจัดงาน auction อ๋อ...งานประมูลด้วย เราว่าจะไปขอข้าวของเครื่องใช้ของดาราหรือคนดังๆ แล้วก็เอามาประมูล หาเงินมาสมทบการปรับปรุงทางเท้า ตอนนี้เงินที่เราได้รับสนับสนุนมายังไม่พอเลย"

"ทีนี้เราก็จะประกาศผลแบบทางเท้าที่ได้รับรางวัล มีเงินรางวัลให้ด้วยนะ ที่หนึ่งได้ 1 แสนบาท ที่สองได้ 5 หมื่นบาท ที่สามได้ 2 หมื่นบาท แล้วก็รางวัลชมเชย 2 รางวัลๆ ละ 1 หมื่นบาท พอเสร็จแล้วก็จะเอาแบบที่ได้ที่หนึ่งมาสร้างจริง ใช้เวลาประมาณ 6 เดือนก็น่าจะเสร็จ ใช้เงินหลายล้านอยู่ นอกจาก auction แล้วก็จะมีวิธีการระดมทุนอื่นๆ ด้วย แต่อันนี้เรามีเพื่อนๆ มาช่วยทำ พอทางเท้าเสร็จแล้วเราก็จะทำพิธีเปิดแล้วก็ส่งมอบให้ กทม. เอาไปดูแลต่อไป ก็ประมาณนี้แหละ นายคิดว่ายังไง"

"โห...น่าสนใจมากเลยบูม ทางเท้าบ้านเรามันก็แย่จริงๆ แหละ ถ้ามีทางเท้าแบบในรูปที่นายให้ดูเมื่อกี้คงจะดีมากๆ เลย กว้างน่าเดินดี อืม...แล้วเราต้องทำอะไรบ้างล่ะ" ทิวถามอีกครั้ง

"นายก็จะต้องช่วยเราประสานงานกับหน่วยงานที่เราว่ามาเมื่อกี้นี้นี่แหละ แล้วก็คนที่ส่งแบบมาประกวด คนที่จะมางาน auction บริษัทรับเหมาที่จะมาปรับปรุงทางเท้า คนที่จะมาเป็นออร์กาไนเซอร์ช่วยจัดงานเปิดตัวทางเท้า ประมาณนี้แหละ แล้วเวลามีประชุม นายก็จะต้องไปประชุมกับเรา แต่เรามีเลขาฯ ที่จะมาช่วยจดบันทึกการประชุมแล้วล่ะ นายไม่ต้องทำอันนี้ก็ได้ ยกเว้นว่าเลขาฯ ไม่ว่างเราก็อาจจะขอให้นายช่วยทำให้เราหน่อย แบบนี้พอไหวไหม"

"อืม...ก็ท้าทายดีนะ น่าสนุกดี ว่าแต่นายไปได้โครงการอย่างนี้มาจากไหนเหรอ"

"อ๋อ...พอดีเราจบนอกมา พ่อกับแม่ก็เลยให้เราไปเป็นสมาชิกของเครือข่ายนักบุญรุ่นเยาว์ บังเอิญที่สมาคมได้โครงการนี้มาพอดีเราก็เลยอาสาช่วยรวมกลุ่มเพื่อนๆ มาทำ"

ทิวพยักหน้าเข้าใจ "แล้วเราต้องทำยังไงบ้างล่ะบูม"

"เดือนหน้านี้ ถ้านายสนใจ เราจะพาไปรู้จักกลุ่มเพื่อนๆ ของเราที่สมาคมก่อน ส่วนมากก็วัยเดียวกับพวกเรานี่แหละ มีฝรั่งมาช่วยด้วย เป็นเพื่อนๆ ที่รู้จักกัน เดี๋ยวเราดูก่อนนะว่าจะประชุมวันได้วันไหน แต่น่าจะเป็นก่อนเริ่มโครงการ เดี๋ยวเราจะโทรมาบอกนะถ้าได้วันแล้ว"

"ได้ๆ เราอยากทำ ขอบใจนะบูมที่นายให้โอกาสเราได้ทำงานแบบนี้" ทิวบอกพลางยิ้ม

เงินเดือนสองหมื่นคงพอช่วยให้ทิวไม่ต้องดิ้นรนลำบากมากจนเกินไป ไม่ต้องยืนขาแข็งทั้งวันแล้วก็ไม่ต้องไปร้องเพลงดึกๆ ดื่นๆ แต่ก็แอบแปลกใจอยู่เหมือนกันที่บูมยังคงรักษาระยะห่างกับทิวไว้เช่นเดิม

"ไม่เป็นไร..." เหมือนบูมมีอะไรบางอย่างที่อยากจะพูด แต่แล้วก็พูดเสจากสิ่งที่คิดในใจ

"นายมีคำถามอะไรเกี่ยวกับโครงการนี้อีกไหม เราจะทิ้งเอกสารให้นายไว้อ่านนะ ถ้าเกิดตอนนี้นายยังนึกคำถามไม่ออกก็ไม่เป็นไร ถ้าอ่านรายละเอียดแล้วมีคำถามก็โทรไปหาเราได้"

"เดี๋ยวเราขออ่านก่อนละกันนะบูม ถ้าจะให้ถามตอนนี้ก็คงมีคำถามเยอะเลยล่ะ ถ้าอ่านแล้วอาจจะช่วยให้เข้าใจมากขึ้น จะได้ไม่ต้องถามนายเยอะเกินไปไง" ทิวบอกพลางขำ

"อืม...ดีแล้ว ถ้าไม่มีอะไรแล้วเราขอตัวกลับก่อนนะทิว"

ทิวอึ้งไปพอสมควรที่บูมมาคุยแค่เรื่องงานแล้วก็จะกลับ ทำไมถึงต้องทำตัวห่างเหินกันอย่างนี้ บูมไม่รู้หรือไงว่าทิวคิดถึงมากแค่ไหนที่ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน

"อ้อ..."

บูมเห็นสีหน้าอึ้งๆ และสายตาละห้อยของทิวแล้วก็อดที่จะสงสารไม่ได้ แต่ช่วงนี้บูมต้องหักห้ามใจตัวเองไว้บ้าง ในเมื่อยังทำให้เกิดความชัดเจนไม่ได้ก็ไม่ควรเอาเปรียบทิวเหมือนที่ผ่านมาอีก

ทิวหน้าม่อยตอนเดินออกมาส่งบูมที่หน้าบ้าน ดูเหมือนบูมจะยังไว้ท่าทีอยู่จนทิวอดสงสัยไม่ได้

"นายจะกลับแล้วจริงๆ เหรอ มาแป๊บเดียวเอง" ทิวทำหน้าเสียดาย

บูมพยักหน้า "อืม"

ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งเศร้า บูมเป็นไปอะไรไปทำไมไม่อยากอยู่คุยกับทิวเลย

"ไปก่อนนะ เดี๋ยวเจอกัน" บูมบอกเสร็จแล้วก็เดินไปเปิดประตูรถที่จอดไว้หน้าบ้านทิว พอเข้าไปนั่งแล้วก็สตาร์ทรถ ทิวก็ได้แต่ยืนมองตาละห้อยอยู่อย่างนั้น

ติดเครื่องแล้วบูมก็ยังไม่ขับออกไปทันที เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ สุดท้ายก็ดับเครื่องแล้วลงมาจากรถ บูมเดินมาจูงมือทิวแล้วก็พาเข้ามาในบริเวณบ้าน พอลับตาคนแล้วก็ดึงทิวเข้ามากอด สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจริงๆ ด้วย

"คิดถึงทิว ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน" เสียงบูมที่พูดพร้อมกับเสียงลมหายใจบ่งบอกว่าคิดถึงคนที่กอดอยู่มากแค่ไหน

"เราก็คิดถึงบูม เราอยู่เหงาๆ คนเดียวมาหลายวันแล้วเหมือนกัน"

อ้อมกอดของบูมก็ยังคงอบอุ่นสำหรับทิวเสมอ เมื่ออยู่ในอ้อมกอดนี้แล้วทิวรู้สึกปลอดภัย ทำให้ชีวิตที่อ้างว้างเดียวดายแห้งแล้งชุ่มฉ่ำขึ้นมาอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนี้ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ทิวก็ไม่อาจห้ามใจที่จะเรียกร้องหาสิ่งนี้ได้

สองหนุ่มสบตากันแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ชีวิตไม่ได้ยืนยาวนัก ความทุกข์ของชีวิตก็ยังคงมีอยู่ แต่ลืมๆ มันไปบ้างก็ดี หาความสุขให้กับชีวิตบ้าง มีอะไรที่อยากทำแล้วก็ต้องรีบทำก่อนจะหมดช่วงเวลาที่เหมาะสมของมัน

"คืนนี้เราจะอยู่เป็นเพื่อนนายนะ นายจะได้ไม่เหงา"

ทิวพยักหน้า ถ้าบูมไม่กลับมา ถ้าชีวิตนี้ไม่ได้มีผู้ชายคนนี้อยู่เคียงข้าง ชีวิตของทิวก็คงแห้งแล้งเหี่ยวเฉาและตายไปในที่สุด เหมือนกับที่เคยเกือบตายมาแล้ว ผู้ชายคนนี้ไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ ในโลกที่ทิวรู้จัก ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นแค่คนรู้จักกันธรรมดาหรือเป็นแค่เพื่อน แต่เป็นผู้ชายที่นำความรักและความอบอุ่นมาให้

ที่สำคัญ ทิวรักผู้ชายคนนี้มากเสียด้วยสิ แม้ว่าบูมอาจจะยังไม่เข้มแข็งมากนัก แต่ทิวก็จะคอยให้กำลังใจและเอาใจช่วยบูมต่อไป ความจริงทิวกับบูมก็ไม่ได้ต่างกันมากหรอก ต่างคนต่างก็ต้องการความรักและกำลังใจจากกันและกัน ไม่อย่างนั้นชีวิตมันก็คงอยู่ลำบาก รักแล้วก็คงต้องยอมแลกกับความเจ็บปวดล่ะนะทิว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


เย็นวันหนึ่งใกล้ๆ สิ้นเดือน บูมก็จัดประชุมคณะทำงานโครงการที่ที่ทำการของสมาคม คนที่มาประชุมก็อย่างที่บูมบอก แต่ละคนก็อยู่ในวัยไล่เลี่ยกันกับทิวทั้งนั้น ไม่น่าเชื่อว่าบ้านเรายังมีเยาวชนที่ยังคิดดีและอยากทำดีเพื่อสังคมอยู่ ทิวรู้สึกประทับใจมากเลยทีเดียว แถมแต่ละคนยังดูเป็นกันเองมาก ทิวนึกว่านักเรียนนอกพวกนี้จะหยิ่งเสียอีก

สิ่งหนึ่งที่ทิวได้เห็นแล้วก็รู้สึกประทับใจมากก็คือ บูมดูเปลี่ยนไปมากทีเดียวในเรื่องทักษะทางสังคม บูมยิ้มแย้มแจ่มใสและคุยได้กับทุกคน ดูเหมือนได้รับการยอมรับจากเพื่อนๆ ในกลุ่มในฐานะที่เป็นหัวเรือใหญ่ของโครงการนี้เป็นอย่างดี เวลาที่คุยกันก็มีทั้งคุยภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพราะมีเพื่อนชาวต่างชาติมาร่วมประชุมด้วยหลายคน แต่สิ่งที่ทำให้ทิวหนักใจก็คือ...คู่หมั้นของบูมที่นั่งประกบบูมอยู่ไม่ห่าง แม้จะเคยเจอกันโดยบังเอิญแล้วแพรวก็คงจำทิวไม่ได้

"เริ่มประชุมกันเลยดีกว่านะครับ Shall we start the meeting now?"

เมื่อเห็นเพื่อนๆ คุยกันออกรสออกชาติอยู่ระยะหนึ่ง บูมจึงขอเริ่มประชุม เสียงคุยกันจึงค่อยๆ เงียบลง

"เดี๋ยวเราจะเริ่มด้วยการแนะนำตัวกันก่อนดีไหมครับ เริ่มจากผมเลยละกัน ผมชื่อบูมนะครับ เป็นผู้จัดการโครงการสบายวอล์กเวย์ครับ Starting from myself, I'm Boom, Sabai Walkway project manager" พอบูมแนะนำตัวเสร็จแล้ว คนต่อไปก็เป็นแพรว

"แพรวนะคะ มาช่วยเป็นเป็นเลขาฯ ให้กับบูมค่ะ I'm Praew, secretary to Boom, our project manager ka"

พอแพรวพูดจบเพื่อนๆ ก็แซวกันใหญ่เพราะรู้ว่าแพรวเป็นอะไรกับบูมมากกว่านั้น จากนั้นคนต่อไปก็แนะนำตัว

"ผมเอิร์ธนะครับ มาช่วยทำเว็บไซต์แล้วก็ออกแบบกราฟฟิคแล้วก็พวกสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ I'm Earth.  I'll be in charge of the website, graphic design and publication" และนี่ก็คือเอิร์ธ หนุ่มน้อยมาดเซอร์ตามสไตล์นักออกแบบ

"I'm Leena, helping with the fundraising" และนี่ก็คือลีน่า สาวต่างชาติที่จะมาช่วยเรื่องการระดมทุน

"I'm Anderson, photographer" ส่วนนี่ก็คือแอนเดอร์สันที่จะมาช่วยถ่ายภาพ

"สรวิชญ์ครับ เรียกวาวิทก็ได้ครับ จะมาช่วยคุณลีน่าระดมทุนแล้วก็ช่วยเรื่องประชาสัมพันธ์ของโครงการด้วยครับ I'm Wit. I'll be working closely with Khun Leena on the fundraising and I will also help with the PR of the project"

นี่ก็คือวิท หนุ่มหน้าตี๋อีกคนที่หน้าตาดีทีเดียว เขาใส่แว่นสายตาสั้นด้วย แต่งตัวดูดีตามสไตล์หนุ่มออฟฟิศ

พอจะถึงคิวที่ทิวต้องแนะนำตัว บูมก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ เพื่อให้กำลังใจ ทิวพอพูดภาษาอังกฤษได้อยู่ ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยสองปีกว่าๆ นั้นเขาก็เรียนภาษาอังกฤษกับอาจารย์ต่างชาติมาตลอด

"ชื่อทิวนะครับ พอดีเป็นเพื่อนกับบูม บูมก็เลยชวนมาให้ช่วยเป็นผู้ประสานงานโครงการครับ I'm Tiew and I'm a friend of Khun Boom.  We've known each other for a long time.  I'll be the project coordinator.  Pleased to meet you all."

ดูเหมือนบูมจะคอยลุ้นมากทีเดียวตอนที่ทิวแนะนำตัว แอบดึงมือทิวข้างหนึ่งมาจับไว้เพื่อให้กำลังใจตลอด Anderson แอบสังเกตเห็นแต่ก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่ผู้ชายจะจับมือกัน

"เก่งมากทิว Brilliant" บูมชมเบาๆ แล้วก็หันไปบอกเพื่อนๆ คนอื่นๆ

"ผมรู้จักกับทิวมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้วครับ เมื่อก่อนทิวเขาสอนผมร้องเพลง ผมก็เลยได้เป็นนักร้องนำวง Zenith ที่เป็นวงประจำของโรงเรียนกับทิวด้วย พอดีเห็นทิวอยู่ว่างๆ ก็เลยชวนมาทำโครงการนี้ด้วยกัน Tiew is my really really close friend.  I've known him since we were in high school.  He taught me to sing and we then became the singers of the school's band called 'Zenith'."

พอบูมพูดถึงตรงนี้เพื่อนๆ ก็ฮือฮากันใหญ่แล้วขอให้เขากับทิวร้องเพลงให้เพื่อนๆ ฟัง ไม่มีใครรู้มาก่อนเลยว่าบูมเคยเป็นนักร้องของวงด้วย

"Not now, later.  I'll sing with Tiew on the opening day of the project, ok?" บูมรีบปฏิเสธ แล้วก็เลยบอกไปว่าจะขอร้องเพลงกับทิวในวันเปิดตัวโครงการแทน

บูมหันมายิ้มกับทิว เห็นทิวเข้ากับเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดีแล้วก็โล่งใจ ตลอดการประชุม บูมก็มานั่งอยู่ข้างๆ ทิวตลอด ทำให้เพื่อนๆ ได้เห็นถึงความสนิทสนมกันระหว่างบูมกับทิวที่ดูไม่ธรรมดาเลย

"พักกินข้าวกันก่อนไหมครับ อาหารมาแล้ว You guys, shall we break for the dinner? 30-minute intermission"

บูมพูดติดตลกในช่วงท้าย เพื่อนๆ ก็หัวเราะชอบใจกันใหญ่ แล้วแต่ละคนก็ลุกเดินไปตักอาหารที่สั่งมาจากข้างนอกในลักษณะของบุฟเฟต์ มีอาหารอยู่สามสี่อย่างทั้งไทยและตะวันตก

บูมไปดูแลแพรวเลือกอาหารอยู่พักหนึ่งก็กลับมาหาทิว พาทิวไปเลือกอาหารและคอยแนะนำว่าอันไหนอร่อย

"ทิวกับบูมนี่ดูสนิทกันจังเลยนะครับ" วิทหันมาถามบูมขณะที่ตักอาหารอยู่ใกล้ๆ กัน

"ครับ ก็ตอนเรียนมัธยม ทิวเขาช่วยผมหลายอย่างเลย มาสอนร้องเพลงให้ทุกวัน จากที่ผมร้องเพลงไม่เป็นเลยก็สามารถร้องได้จนได้เป็นนักร้องนำของวง" บูมอวดอย่างภาคภูมิใจ

"ไม่น่าเชื่อเลยว่าบูมจะเคยเป็นนักร้องนำด้วย" เอิร์ธหันมาคุยด้วยอีกคน

"เดี๋ยวเล่าให้ฟัง นึกทีไรก็ขำตัวเองทุกที ใช่ไหมทิว" บูมถามพลางหันมายิ้มด้วย วันนี้บูมดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

"บูมเขาเก่งครับ หัวไว สอนไม่นานก็ร้องได้แล้วครับ ใครอยากฟังบอกผมได้นะครับ มีคลิปเก็บไว้อยู่" ทิวถือโอกาสแกล้งเสียเลย

"เฮ้ย จะดีเหรอ อายเขา" บูมรีบร้องท้วง

แต่ดูท่าจะห้ามยากเสียแล้ว เพื่อนๆ ของบูมสนใจอยากดูกันมาก เรียกร้องทิวให้เปิดคลิปให้ดูกันใหญ่ ตอนนั่งกินข้าวทิวก็เลยทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว เปิดคลิปวันที่พาบูมไปทดลองร้องเพลงกับวงวันแรกให้เพื่อนๆ ของบูมดู ช่วงบูมร้องเพลงทุกคนเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจแต่ก็มีฮือฮาเป็นระยะๆ บูมหลบไปนั่งกินข้าวอีกที่หนึ่งแล้วหันมายิ้มเขิน โดยเฉพาะเวลาที่เพื่อนๆ ทำเสียงฮือฮา บูมจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้เป็นอย่างดีเพราะมันทำให้บูมรู้ว่าเพื่อนคนนี้รักและหวังดีกับบูมมากแค่ไหน ที่สำคัญ บูมก็รักทิวมากเช่นกัน

"โห...ทิวเก่งมาก สอนบูมร้องเพลงได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย วันหลังสอนแพรวมั่งดิ" แพรวพูดขึ้นหลังจากที่ดูคลิปไปได้ระยะหนึ่ง ทิวได้แต่ยิ้มๆ

"ก็ให้บูมสอนสิแพรว เห็นไหมบูมร้องเพลงเก่งจะตาย" เอิร์ธบอก

"จริงด้วย" แล้วแพรวก็หันไปยิ้มกับบูม

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ประชุมเสร็จแล้วบูมให้ทิวติดรถไปกับด้วย ตามแผนก็คือบูมจะไปส่งแพรวที่บ้านก่อนแล้วจึงค่อยไปส่งทิว แพรวกับบูมนั่งข้างหน้า ส่วนทิวนั่งข้างหลัง ระหว่างที่นั่งไปนั้นทิวก็มีหลายความรู้สึกเกิดขึ้น

อย่างแรก ทิวรู้สึกละอายใจที่แพรวเองก็คุยดีด้วย ถ้าวันหนึ่งแพรวเกิดรู้ว่าทิวกับบูมมีความสัมพันธ์กันมากกว่านั้น แพรวจะรู้สึกยังไงหนอ ทำให้ทิวเริ่มเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมบูมถึงหนักใจ การที่จะทำร้ายจิตใจผู้หญิงที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่คนหนึ่งมันเป็นเรื่องโหดร้ายทีเดียว

อย่างที่สอง ทิวเริ่มนึกถึงอนาคตของบูม ถ้าบูมเลือกทิว ที่ยืนในสังคมของบูมคงจะน้อยลง พ่อแม่ก็รับไม่ได้ งานของบูมจะเป็นยังไง บูมอาจจะหมดอนาคตเพราะความรัก ทิวไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย บางทีก็อาจจะต้องเลือกระหว่างความรักกับความจริงของชีวิต ดูแพรวกับบูมก็เหมาะสมกันดี ถ้าได้แต่งงานกัน พ่อแม่ของทั้งคู่คงชื่นใจ อนาคตของบูมก็คงจะสดใสมากกว่าที่จะอยู่กับคนที่เป็นเกย์อย่างทิว คนที่สังคมยังคงรังเกียจอยู่

อย่างที่สาม ทิวรู้สึกว่าบูมทำตัวแปลกๆ ในห้องประชุมเพราะบูมมาอยู่กับทิวตลอด แทบจะไม่อยู่กับแพรวเลย อยู่เฉพาะช่วงแรกๆ เท่านั้น บูมกำลังทำอะไรหรือเปล่า หรือว่าคนแรกที่จะต้องเจ็บจากความรักครั้งนี้ก็คือแพรว ทิวรู้สึกไม่สบายใจเสียเองถ้าหากสิ่งนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ แพรวไม่ผิดอะไรเลยนี่นา แล้วมันเป็นความผิดของใครกัน ทิวผิดหรือเปล่าที่รักบูม บูมผิดไหมที่รักทิว แล้วบูมผิดไหมที่ถูกจับคู่กับแพรวและรู้สึกผูกพันกัน แล้วแพรวผิดไหมที่รักบูม ความรักครั้งนี้ซับซ้อนจนเกินกว่าที่จะหาทางออกได้ง่ายๆ เสียแล้ว

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2015 11:30:05 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
                               สงสัยจะยุ่งยากมากกว่าเดิมนะเนี่ย รักสามเส้าเนี่ย เศร้าแน่ๆ

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
อย่างกับเขาวงกต

เรื่องราวมันยุ่งไปหมดเเล้ว

จะเเก้กันยังไง เริ่มตรงไหนละทีนี้

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399



เป็นกำลังใจให้ บูม กับ ทิว นะ

 :L2: :3123: :L1: :L1: :L1:



หมั่นไส้บูม :beat: :beat: :beat:

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
บูมพยายามทำให้แพรวรู้ เรื่องความสัมพันธ์ของบูมกับทิวด้วยวิธีนี้รึเปล่า ?? หรือเผลอทำตามหัวใจตัวเอง

แต่ป่านนี้ ทุกคนคงมีความสงสัย หรือเอะใจแล้วล่ะ

หื้มมมมม.... เรื่องราวและสถานการณ์ต่างๆช่างอึดอัดจริงๆ และล่อแหลมต่อความเจ็บปวดอยู่เหมือนเดิม

นี่พ่อกับแม่ทิว ยังไม่รู้นะว่า 2 คนนี้กลับมาสนิทสนมกันแล้ว ไม่อยากนึกเลยโดยเฉพาะหากแม่รู้เนี่ยย... กลัวแพรวเอามาฟ้องจริงๆ
เฮ้อออออ......อ่านแล้วปวดใจหนึบๆง่ะ :m15:

ปล. นึกอยู่เหมือนกันว่านายต้องต้องรู้สึกกับทิวมากกว่าเพื่อนแน่ๆ แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ สงสารต้องด้วย ความรักนี่ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ

:L2: :L2:ขอบคุณคนแต่งค่ะ ถ่ายทอดอารมณ์หนึบและหน่วงได้ดีเหลือเกินค่ะ รู้สึกตามทิวกับบูมไปด้วยเลย +เป็ดให้นะคะ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
หนักใจแทนคู่รักคู่นี้ และ สงสารทั้งสามคนเลยนะ ทิว บูม แพรว
ขอเอาใจช่วยให้รักสามเส้า เราสามคน จบลงแบบเจ็บน้อยที่สุดละกัน

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
เฮ้อ! สำนึกที่ดีของทิวกำลังแผงฤทธิ์
ถ้าเราเป็นบูมเรายังไม่รู้เลยว่าจะแก้ปัญหายังไง

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
มันเจ็บปวดที่เห็นคนที่เรารักไปมีความรักกับคนอื่น  แต่มันจะเจ็บปวดยิ่งกว่าถ้าคนที่เรารักไม่มีความสุขเมื่ออยู่กับเรา

 


icyblue

  • บุคคลทั่วไป
ให้ทั้งทิว กับ แพรว มาอยู่ใกล้กันอย่างนี้

ทิวจะรู้สึกยังงัยล่ะเนี่ย 

อีกหน่อยแพรวคงต้องสังเกตเห็นบูมดี กับทิวเกินเพื่อนธรรมดาแน่ๆ :เฮ้อ:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด