พิมพ์หน้านี้ - ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: sarawatta ที่ 04-03-2012 22:56:47

หัวข้อ: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 04-03-2012 22:56:47
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ผลงานปัจจุบันที่กำลังเขียนอยู่

≡▉≡ interstellar ∘★∘ รักหมดใจ นายต่างดาว
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49903.0

ผลงานที่ผ่านมา

▓ ▒ ░ ต้นสน: มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่? (V2) ░ ▒ ▓
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32768.0

◐◑ I Love Kim Jong Hoon ◐◑
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32450.0

▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย (V3) ░ ▒ ▓
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46898.0

▙▜ รักนี้มีล้อ ◯ น้องเก้า VS พี่แตซอง ▛▟
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32188.0

✿✿ ธุรกิจนี้มีรัก ✿✿
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46884.0

♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ▚▚▚
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.0

สารบาญ

ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1879681#msg1879681) | ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1880023#msg1880023) | ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1880302#msg1880302) | ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1880821#msg1880821) | ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1881969#msg1881969) | ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1883209#msg1883209) | ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1883772#msg1883772) | ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1886991#msg1886991) | ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1888307#msg1888307) | ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1889487#msg1889487)

ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1889496#msg1889496) | ตอนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1898109#msg1898109) | ตอนที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1899468#msg1899468) | ตอนที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1899974#msg1899974) | ตอนที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1902684#msg1902684) | ตอนที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1907301#msg1907301) | ตอนที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1908784#msg1908784) | ตอนที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1909816#msg1909816) | ตอนที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1910227#msg1910227) | ตอนที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1910487#msg1910487)

ตอนที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1913945#msg1913945) | ตอนที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1915451#msg1915451) | ตอนที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1917113#msg1917113) | ตอนที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1918549#msg1918549) | ตอนที่ 25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1921480#msg1921480) | ตอนที่ 26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1926286#msg1926286) | ตอนที่ 27 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1930611#msg1930611) | ตอนที่ 28 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1937389#msg1937389) | ตอนที่ 29 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1939232#msg1939232) | ตอนที่ 30 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1941303#msg1941303)

ตอนที่ 31 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1942460#msg1942460) | ตอนที่ 32 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1947276#msg1947276) | ตอนที่ 33 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1949037#msg1949037) | ตอนที่ 34 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.msg1951618#msg1951618) | ตอนที่ 35 (http://bit.ly/1LaQIID) | ตอนที่ 36 (http://bit.ly/1hEc9HA) | ตอนที่ 37 (http://bit.ly/1LkrjKE) | ตอนที่ 38 (http://bit.ly/1Ptbg2e) | ตอนที่ 39 (จบ) (http://bit.ly/1Ptb8jh)

ตอนที่ 40 (ตอนจบพิเศษ) (http://bit.ly/1LM4cId)



✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 01 ✦ จุดเริ่มต้นของทิวกับบูม

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)

ทิวไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกันแน่กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าในตอนนี้ ใจหนึ่งเขาก็รู้สึกสนุกไปด้วย แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกสงสารคนที่ถูกแกล้งพอสมควร ย้ายมาเรียนวันแรกก็ต้องเจอฤทธิ์เดชสุดแสบของเพื่อนๆ ของทิวเสียแล้ว

อุ้ยทำทีเดินไปคุยกับเพื่อนใหม่ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าทิวพอดี ส่วนมัสมั่นเดินมาทางด้านหลังพร้อมกับปี๊บใส่ขนมเปล่าอันหนึ่ง มันเอาฝาปี๊บหนีบเชือกไนล่อนไว้ แล้วก็เอาปี๊บนั้นมาตั้งไว้บนโต๊ะเรียนของทิว จากนั้นก็แอบย่อตัวลงเอาปลายเชือกอีกด้านหนึ่งสอดเข้ากับหูกางเกงของเพื่อนใหม่ทางด้านหลัง แล้วก็ผูกไว้ นั่นหมายความว่าถ้าเพื่อนใหม่คนนั้นแค่ลุกขึ้นยืน เชือกที่ผูกไว้ก็จะดึงให้ปี๊บขนมเปล่าใบนี้ตกลงพื้นและเสียงมันคงจะดังจนน่าตกใจอย่างแน่นอน

มัสมั่นทำเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นหันมาจุ๊ปากใส่ทิวเป็นเชิงบอกว่าให้เงียบๆ ไว้ จังหวะนั้น ครูละเอียดซึ่งเป็นครูสอนคณิตศาสตร์วัยกลางคนเดินเข้ามาในห้องพอดี เด็กนักเรียนที่จับกลุ่มคุยกันอยู่เมื่อสักครู่นี้รีบวิ่งกลับเข้าที่นั่งของตนเองอย่างรวดเร็ว ใครๆ ก็รู้ว่าครูละเอียดคนนี้ดุขนาดไหน แค่ได้ยินเสียงก็แทบจะก้าวขาไม่ออกกันแล้ว เคยมีนักเรียนชายคนหนึ่งโดนครูละเอียดดุจนถึงกับฉี่ราดกางเกงเลยทีเดียว

"ทั้งหมดทำความเคารพ" จุ๊บแจงซึ่งเป็นหัวหน้าห้องบอกเพื่อนๆ ให้ทำความเคารพครูที่เพิ่งเข้ามา เมื่อทุกคนลุกขึ้นยืน ไม่ทันจะได้เอ่ยสวัสดีคุณครู แผนการแกล้งเพื่อนใหม่ของอุ้ยกับมัสมั่นก็ทำงานทันที

เคร้งงงงงงงงงงงงงงงงงง

ทุกคนหันมามองบูมซึ่งเป็นนักเรียนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเป็นตาเดียวกัน ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่านักเรียนที่เพิ่งมาใหม่จะตกใจมากขนาดไหน เจ้าปี๊บนั่นเสียงดังมาก แถมตอนที่มันตก ฝาของมันก็หลุดกระเด็นกลิ้งหลุนๆ ไปหน้าชั้นเรียนอีกด้วย เพื่อนๆ ทุกคนในห้องหัวเราะชอบใจกันใหญ่ บูมอายมากและโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาหันมามองด้านหลังและกวาดสายตาหาตัวผู้กระทำผิด แต่ทุกคนก็เอาแต่ก้มหน้าหัวเราะ แม้ทุกคนจะกลัวครูละเอียดแค่ไหนก็ไม่มีใครอดหัวเราะกันได้เลย

"ใคร! ใครเป็นคนแกล้งเพื่อน บอกครูมาเดี๋ยวนี้!"

ครูละเอียดถามเสียงดังและดุ เสียงหัวเราะของนักเรียนค่อยๆ เงียบลงจนกลายเป็นเงียบกริบ

"ครูถามว่าใครเป็นคนทำ"

แต่ก็ยังคงเงียบกริบกันทั้งห้อง

"ถ้าพวกเธอไม่ยอมรับ ครูจะหักคะแนนกันทั้งห้องเลยดีไหมคะ"

ได้ยินอย่างนั้นนักเรียนทั้งห้องต่างก็โอดครวญเพราะรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมกับคนที่ไม่ได้รู้เรื่องด้วย

"ทิวเป็นคนทำครับคุณครู" จู่ๆ อุ้ยมันก็โยนความผิดมาให้ทิวเสียอย่างนั้น

ทิวหน้าเหวอ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าอุ้ยจะกล้าโยนความผิดมาให้ตน

"เฮ้ย! กูไม่ได้ทำนะเว้ย พวกมึงนั่นแหละเป็นคนทำ ผมไม่ได้ทำนะครับครู" ทิวหันไปบอกครู

"ทิวเป็นคนทำครับ ผมเห็นกับตา"

มัสมั่นโบ้ยความผิดให้เขาอีกคนพลางยักคิ้วหลิ่วตา เมื่อเพื่อนยืนยันสิ่งเดียวกันถึงสองคนก็ย่อมทำให้ทิวกลายเป็นจำเลยโดยปริยาย ตอนที่อุ้ยกับมัสมั่นแกล้งเพื่อนใหม่นั้น เด็กนักเรียนต่างก็แยกกลุ่มคุยกันหลังจากกลับจากกินข้าวเที่ยง จึงไม่มีใครสังเกตเห็นว่าสองคนนี้แกล้งเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่

"เฮ้ย! ไงพูดงั้นวะ กูไม่ได้ทำนะเว้ย พวกมึงนั่นแหละเป็นคนทำ" ทิวเถียงอีกครั้ง หน้าเริ่มเสีย

"พอๆๆๆ ไม่ต้องเถียงกัน" ครูละเอียดปราม ทำให้ทุกคนเงียบอีกครั้ง

"พสุธน เธอมาแก้เชือกนี่ให้เพื่อนแล้วเอาปี๊บนี่ไปทิ้งถังขยะซะ แล้วทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้นครูจำเป็นต้องทำโทษเธอ"

ทิวหรือพสุธนจึงรีบลุกจากเก้าอี้แล้วมาช่วยแก้เชือกไนล่อนออกจากหูกางเกงของบูม ดูท่าทางเพื่อนที่มาใหม่จะโกรธเขามากทีเดียว ส่วนทิวก็โกรธเพื่อนของเขาเหมือนกันที่อยู่ดีๆ ก็โยนความผิดมาให้โดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรเลย

พอแก้ได้แล้วทิวก็หยิบปี๊บออกไปทิ้งถังขยะใบใหญ่ที่ชั้นล่างของโรงเรียน กลับเข้ามาในห้องอีกครั้งครูละเอียดก็เริ่มสอนแล้ว บรรยากาศเริ่มกลับมาเป็นปกติ ทิวเดินผ่านโต๊ะของบูมอย่างหวาดๆ เพราะดูท่าทางเพื่อนใหม่คนนี้เคืองเขาพอสมควร จ้องหน้าทิวจนทิวต้องหลบตาเลยทีเดียว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียน เด็กนักเรียนต่างกุลีกุจอเก็บกระเป๋ากันใหญ่ บางคนก็จะกลับบ้าน บางคนก็จะออกไปเดินเล่นในห้างกับเพื่อน บางคนก็จะออกไปเล่นกีฬา ส่วนทิวชอบเล่นเตะฟุตบอล พอได้เวลาปุ๊บเขาก็จะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปเตะบอลกับเพื่อนในสนามปั๊บ เพื่อนที่มาเล่นด้วยก็มีทั้งเพื่อนในห้องเดียวกัน ต่างห้องกัน รวมทั้งมีรุ่นพี่และรุ่นน้องที่ชอบเล่นเตะฟุตบอลมาร่วมด้วย

"ไอ้ทิว กูขอโทษมึงจริงๆ นะเว้ยที่บอกครูว่ามึงแกล้งไอ้บูมมัน" ไอ้อุ้ยตะโกนบอกขณะวิ่งลงสนามตามทิวไป

ทิวหยุดวิ่งแล้วหันมามอง "มึงไม่ต้องมาพูดเลย ถ้าเกิดกูโดนทำโทษขึ้นมาล่ะ"

เห็นเพื่อนโกรธอย่างนั้นอุ้ยก็หน้าเสีย แต่มันก็แก้ตัวว่า "เฮ้ย ครูเขาไม่ทำโทษมึงหรอก มึงเป็นเด็กดีจะตาย ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งโรงเรียน เห็นไหมขนาดครูละเอียดที่ว่าดุๆ เขายังไม่ทำอะไรมึงเลย"

"โธ่ ไอ้เชี่ย ช่างพูดมาได้นะมึง" ทิวสบถอย่างไม่พอใจ

"เฮ้ย กูขอโทษจริงๆ ทีหลังกูจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว อย่าโกรธกูเลยนะ นะๆๆๆๆๆ" อุ้ยทำเสียงอ้อนและมีสีหน้าว่ามันสำนึกผิดจริงๆ

"เออๆ" ทิวบอก แต่สีหน้าก็ยังคงโกรธอยู่ จุดอ่อนของทิวคือเป็นคนใจอ่อนและขี้สงสาร เห็นเพื่อนสำนึกผิดแบบนี้เขาก็พร้อมที่จะให้อภัยเสมอ

"ทีหลังอย่าให้มีอีกละกัน" ทิวขู่ทิ้งท้าย

"อ้าว วันนี้ไอ้มัสมั่นไม่มาเล่นด้วยเหรอ"

"ไปเที่ยวกับสาวแล้ว" อุ้ยว่า

ทิวส่ายหัวพลางขำในความเจ้าชู้ของเพื่อนร่วมห้อง แล้วก็วิ่งลงไปเตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ เพราะอยากเล่นเต็มแก่แล้ว

ดูเหมือนว่าความซวยของทิวจะไม่ได้มีเพียงเท่านี้ พอเล่นไปสักพัก ทิวก็เตะลูกบอลพลาดแล้วมันก็กระเด็นออกมานอกสนาม

ปึกกกก!!!!! โอ๊ย!!!!!!

เสียงลูกบอลพร้อมกับเสียงร้องของใครบางคนดังขึ้น ทิวรีบวิ่งมาขอโทษคนที่โดนลูกหลงทันที พอเห็นว่าเป็นใคร ทิวก็ตกใจ

"นี่มึงอีกแล้วเหรอ! จะเอายังไงกับกูกันแน่ฮะ!"

บูมตะโกนเสียงดังอย่างโกรธจัด เขาวางกระเป๋าลงแล้วก็ตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อทิวพร้อมกับกำหมัดไว้ เตรียมพร้อมที่จะสั่งสอนให้เจ็บตัวซะบ้าง

"มึงจะเอายังไงกับกู! อยากมีเรื่องเหรอ!"

พอเพื่อนๆ ที่เล่นเตะบอลด้วยกันเห็นเหตุการณ์แล้วก็รีบวิ่งเข้ามาหย่าศึก พร้อมกับจับสองคนแยกออกจากกัน บูมขืนตัวเล็กน้อย แต่ก็ยอมให้ถูกจับแยกออกมาแต่โดยดี

"เฮ้ย! ไอ้บูม ไอ้ทิวมันไม่ได้ตั้งใจนะเว้ย" อุ้ยบอกเมื่อดึงตัวบูมออกมาได้แล้ว

"เราขอโทษว่ะ เราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เราไม่เห็นด้วยซ้ำว่านายกำลังเดินมา"

ทิวรีบเอ่ยขอโทษ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ทิวไม่กล้าใช้คำว่า "มึง-กู" กับเพื่อนใหม่คนนี้ อาจจะเป็นเพราะเห็นสายตาอาฆาตของบูมก็เลยกลัวจนต้องพูดเพราะขึ้น ปกติทิวไม่พูดอย่างนี้กับเพื่อนในห้องหรอก

บูมสูดหายใจลึกๆ เพื่อให้อารมณ์เย็นลง แต่ก็ยังมองหน้าทิวอย่างไม่พอใจอยู่ เขาสะบัดตัวออกจากการถูกจับตัวไว้แล้วก็หยิบกระเป๋านักเรียนเดินดุ่มๆ ออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ ทิวได้แต่มองตามเพื่อนใหม่ที่เดินออกไปอย่างหัวเสียด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมบูมต้องโมโหขนาดนั้น

"พวกมึงดูเลย เห็นไหมว่าเขาโกรธกูแค่ไหน พวกมึงสองคนต้องรับผิดชอบให้กูเลยนะเว้ย อยู่ดีๆ ก็มาสร้างศัตรูให้กู เชี่ยเอ๊ย"

ทิวหันไปว่าเพื่อน แม้ไม่จริงจังนักแต่ก็สัมผัสได้ว่าไม่พอใจอยู่เหมือนกัน อุ้ยทำหน้าเจื่อนด้วยความรู้สึกผิดพร้อมกับหัวเราะแหะๆ

ทิวอดแปลกใจกับเพื่อนที่เข้ามาใหม่คนนี้ไม่ได้ ดูเหมือนบูมพูดน้อยและค่อนข้างเครียด ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ถ้าจะต้องเรียนด้วยกันอีกสามปี ทิวคงจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้หรอก ทิวไม่อยากสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

"โรงเรียนใหม่เป็นยังไงมั่งบูม"

พ่อของบูมหันมาถามลูกชายแทบจะทันทีที่เปิดประตูเข้ามานั่งข้างในรถ วันนี้พ่อเลิกงานเร็วจึงมารับลูกชายคนเล็กด้วยตัวเอง

"ก็น่าจะดีนะครับพ่อ ครูสอนดีครับ" บูมตอบพลางรัดเข็มขัดนิรภัยโดยไม่หันไปมองพ่อ เขายังรู้สึกหงุดหงิดกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้อยู่ แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกให้พ่อเห็นมากนัก

"ก็ดีแล้ว หวังว่าจะไม่ได้เกรดเฉลี่ยต่ำกว่า 3.5 อีกล่ะ ไม่อย่างงั้น พ่อว่ามันคงไม่ได้เป็นที่โรงเรียนแล้วล่ะ บูมต้องตั้งใจเรียนเข้าใจไหมลูก อย่าให้พ่อกับแม่ต้องอายคนอื่นเขา จะไปเรียนเมืองนอกเมืองนาอีกไม่กี่ปีแล้ว ทำเกรดให้มันดีๆ หน่อย พ่อฝากความหวังไว้กับบูมคนเดียวรู้ไหม" พ่อเขากำชับเสียงเข้ม

"ครับพ่อ"

บูมรับคำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาตั้งใจเรียนมาตลอด แทบจะไม่มีเวลาไปทำกิจกรรมอย่างอื่นหรือเล่นสนุกกับเพื่อนๆ ตามประสาเลย วันเสาร์อาทิตย์ก็ต้องเรียนพิเศษ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษที่บูมต้องเรียนเพิ่มเติมอย่างมากเพื่อจะได้นำไปใช้เวลาที่เขาไปเรียนต่อที่เมืองนอก

สาเหตุที่บูมต้องย้ายโรงเรียนนั้นเป็นเพราะว่าเกรดเฉลี่ยของเขาตกลงมาต่ำกว่า 3.5 โดยไม่รู้สาเหตุ บูมพยายามบอกพ่อกับแม่ว่าเขาตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่แล้ว อ่านหนังสือทุกวัน ไปเรียนพิเศษทุกครั้ง แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเกรดเฉลี่ยของเขาจึงออกมาแบบนั้น เมื่อหาสาเหตุไม่ได้ พ่อกับแม่จึงโทษว่าโรงเรียนสอนไม่ดี จึงจัดการหาโรงเรียนใหม่ให้เสร็จสรรพ เป็นโรงเรียนที่ดีและมีชื่อเสียงพอสมควร เหมาะสำหรับลูกคนมีเงินทีเดียวล่ะ แต่ก็ใช่ว่าทั้งโรงเรียนจะมีแต่ลูกคนรวยเท่านั้น นักเรียนทุนและคนที่พอส่งเสียลูกให้เรียนที่นี่ได้แม้จะไม่รวยมากก็ยังมี อย่างเช่นทิวเป็นต้น

รถเก๋งคันหรูจากยุโรปแล่นออกไป บูมแอบลอบมองเพื่อนๆ ที่เล่นเตะฟุตบอลในสนามด้วยความรู้สึกอิจฉา เขาแทบจะไม่ได้มีโอกาสเล่นอะไรสนุกๆ แบบนี้บ้างเลย กลับไปก็ต้องอ่านหนังสือเรียนอีก เขาจึงคิดไว้ว่า ถ้าได้ไปเรียนต่อที่เมืองนอกก็คงจะดีเหมือนกัน อยู่ห่างพ่อกับแม่แล้วเขาคงถูกบังคับน้อยลง นี่เป็นเพียงแรงผลักดันเดียวที่ทำให้บูมต้องตั้งใจเรียน แม้ว่าจะเหนื่อยหน่ายกับความเข้มงวดของพ่อกับแม่มากแค่ไหนก็ตาม จบ ม.6 แล้วเขาจะต้องไปเรียนต่อเมืองนอกให้ได้ ขอให้เขาได้มีชีวิตที่เป็นอิสระบ้างเถอะ เบื่อชีวิตที่ต้องอยู่ในกรอบตลอดเวลาอย่างนี้เต็มทนแล้ว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

เช้าวันต่อมา ทิวมาถึงโรงเรียนแล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นบูมมาถึงโรงเรียนก่อนเขาเสียอีก บูมแยกตัวมานั่งอ่านหนังสือเรียนอยู่ตรงม้านั่งหินอ่อนคนเดียว ไม่สนใจเพื่อนๆ ที่จับกลุ่มคุยหรือเล่นกันบ้างเลย ดูสีหน้าเขาเครียดๆ ชอบกล

ทิวก็ไม่ได้เข้าไปทักเพราะยังขยาดกับท่าทางเกรี้ยวกราดเอาเรื่องของเพื่อนใหม่อยู่ นึกแล้วก็ยังโมโหเพื่อนอีกสองคนไม่หายที่อยู่ดีๆ ก็มาสร้างศัตรูให้เขาโดยไม่จำเป็น ทิวจึงเดินผ่านบูมไปเหมือนกับไม่สนใจ แต่ก็ไม่วายคอยแอบมอง จะว่าไป บูมก็หน้าตาดีไม่ใช่เล่นเลย ผิวพรรณดีอย่างกับลูกคนรวย ก็คงจะอย่างงั้นแหละเพราะทิวเห็นบูมกลับบ้านด้วยรถเบนซ์เมื่อวานนี้

"ดูท่าทางคู่อริของมึงจะขยันน่าดูเลยนะเว้ย" ต้องพูดขึ้นเมื่อทิวเดินมาถึง เขาพยักพเยิดไปทางที่บูมนั่งอยู่ เพื่อนๆ ของทิวสี่ห้าคนขยับที่ให้ทิวลงไปนั่งด้วย ทิวนั่งลงแล้วก็หันไปมองบูมที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้นัก

"มึงรู้ไหมว่าทำไมมันย้ายมาเรียนที่นี่" ต้องถามต่อ

"ทำไมวะ"

ทิวหันมาถามเพื่อนด้วยความสงสัย เขายังไม่ได้มีโอกาศคุยกับบูมเลยจึงไม่รู้อะไรมาก ต้องพยักพเยิดให้อุ้ยเล่าเพราะอุ้ยเป็นคนที่ได้คุยกับบูมมากที่สุดเมื่อวานนี้

"มันสอบได้เกรดเฉลี่ยน้อยกว่า 3.5 ว่ะ แล้วพ่อกับแม่มันไม่พอใจ คิดว่าโรงเรียนเก่ามันสอนไม่ดี ก็เลยให้มันย้ายโรงเรียน" อุ้ยบอก

"จริงเหรอ" ทิวทำสีหน้าประหลาดใจ "กูได้เกรด 3 นี่กูก็โคตรดีใจแล้ว แม่กูคงเลี้ยงฉลองทั้งซอยเลย" ทิวว่าพลางขำ

"ดูท่าทางมันคงเครียดเหมือนกันนะ ตั้งแต่มันมาเรียนเมื่อวาน กูยังไม่เห็นมันเล่นกับใครเลย เอาแต่อ่านหนังสือ สงสัยพ่อแม่มันคงเฮี้ยบน่าดูเลยว่ะ" อุ้ยว่า

"เมื่อวานกูเห็นพ่อมันมารับด้วย ขับรถเบ็นซ์ซะหรูเชียว แต่ดูท่าทางพ่อมันจะดุไม่ใช่เล่นเลย" มัสมั่นบอก

"อ้าวมึงโกหกพวกกูเหรอ ไหนว่าไปเที่ยวกับสาวไง ยังเสือกเห็นอีกเหรอ" อุ้ยหันไปว่าเพื่อนอีกคนอย่างไม่จริงจังนัก

"อ้าว ก็กูเห็นก่อนจะออกไปไง"

"แล้วมึงทันได้เห็นไหมว่ามันเกือบจะต่อยไอ้ทิวแล้ว ดีนะที่กูมาห้ามได้ทัน" อุ้ยเล่าอย่างตื่นเต้น

"จริงเหรอวะ เกิดอะไรขึ้น" มัสมั่นถามอย่างตกใจ

"ก็ไอ้ทิวน่ะสิ เสือกเตะลูกบอลไปโดนมัน มันก็เลยโมโห จะต่อยไอ้ทิวอยู่แล้ว" อุ้ยเล่าพลางขำไปด้วย

"มึงไม่ต้องมาขำเลย จำไม่ได้เหรอว่าพวกมึงสองคนทำอะไรไว้ อยู่ดีๆ ก็มาสร้างศัตรูให้กู แถมเกือบทำให้กูถูกครูทำโทษอีก"

ทิวว่าเพื่อนด้วยเสียงไม่จริงจังนัก พวกนั้นจึงได้แต่หัวเราะแหะๆ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

หลังจากกินข้าวกลางวันแล้ว ทิวแยกตัวจากกลุ่มเพื่อนๆ ขึ้นมาที่ห้องเรียนคนเดียวเพราะคนอื่นๆ จะแวะไปซื้อขนมกินก่อน ห้องเรียนของเขามีประตูเข้าออกอยู่สองข้าง แต่เนื่องจากทิวนั่งบริเวณด้านหน้าห้อง ทิวจึงมักเดินเลยไปเข้าประตูอีกข้างหนึ่งเสมอ พอเดินถึงประตูแรกไปก็มีใครบางคนยื่นขาออกมาขัดจนทิวสะดุดและล้มลง

"โอ๊ย!!!"

เมื่อทิวหันไปมองคนที่แกล้งก็พบว่าเป็นบูมนั่นเอง เขายืนกอดอกยิ้มเหยียดอย่างไม่แยแส สงสัยจ้องจะเอาคืนทิวอยู่หลายวันแล้วจนกระทั่งสบโอกาสวันนี้ แล้วบูมก็เดินเข้าไปในห้องหน้าตาเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไร

ถามว่าทิวโกรธไหม ก็คงโกรธ แต่ก็ถือว่าเป็นการชดใช้ให้กับเรื่องเมื่อวานนี้ก็แล้วกัน ดีหน่อยตรงที่ทิวไม่เป็นอะไรมาก

บูมกลับมานั่งที่โต๊ะ ไม่ได้อ่านหนังสือหรือทำอะไรเป็นพิเศษ สีหน้าเขาเรียบเฉยมาก ทิวเดินผ่านไปนั่งโต๊ะที่อยู่ข้างหลังบูมโดยไม่ได้พูดอะไร เพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยตามเข้ามาในห้องเช่นเดียวกันเพื่อเตรียมตัวสำหรับคาบถัดไป

ทิวมองดูแผ่นหลังของบูมแล้วก็ครุ่นคิด ปกติถ้าใครแกล้งทิวแบบนี้ทิวต้องเอาเรื่องบ้าง อย่างน้อยก็ต้องต่อว่ากันหน่อย แต่คราวนี้ทิวกลับไม่กล้าทำอย่างนั้นเลย เป็นเพราะอะไรกันแน่นะ

บูมหันมามองข้างหลังแว่บหนึ่ง พอเห็นทิวคอยมองดูเขาอยู่บูมก็รีบหันกลับไปตามเดิม ดูท่าว่าความสัมพันธ์ของทิวกับบูมจะเริ่มต้นได้ไม่สวยเท่าไหร่เสียแล้วสิ ก็คงต้องทนเรียนในห้องเดียวกันต่อไปจนกว่าจะจบเสียล่ะมั้ง

TBC
หัวข้อ: Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 04-03-2012 22:58:12
อย่าลืมเอากฎบอร์ดมาแปะด้วย
เดี๋ยวจะไม่ได้อ่านต่อ
รออ่านตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 05-03-2012 08:59:27
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 02 ✦ บูมอยากเรียนดนตรี

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


การเรียนในเทอมใหม่ผ่านไปได้หลายวัน ดูเหมือนว่าบูมค่อยๆ คุ้นเคยกับเพื่อนในห้อง ม.4/1 หลายคนมากขึ้น แต่ก็ยังคงมีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่และไม่ค่อยทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ เท่าไหร่ แต่ก็เป็นอันรู้กันว่าทั้งห้องนั้น บูมไม่คุยกับทิวอยู่คนเดียว เจอกันทีไรก็ทำสีหน้าเฉยชาใส่กันเสมอ

บ่ายวันศุกร์วันหนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่นักเรียนต้องทำกิจกรรมอิสระ ทิววิ่งผลุนไปที่ชมรมดนตรีที่เขาเป็นสมาชิกอยู่โดยไม่รอช้า ทิวไม่ได้เล่นดนตรีแต่ชอบร้องเพลง เขารักเสียงดนตรีมากและไม่เคยพลาดโอกาสที่จะได้ใช้เวลากับเสียงเพลงให้มากที่สุด ทิวเป็นคนที่มีน้ำเสียงเพราะตามแบบนักร้องสมัยใหม่ ฟังเผินๆ อาจจะนึกว่าเป็นเบน ชลาทิศกันเลยทีเดียว

บรรยากาศในชมรมดนตรีดูอึกทึกพอสมควร ขณะที่ทิวกำลังนั่งเลือกเพลงที่จะร้องกับเพื่อนๆ อยู่ในห้องชมรม เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นบูมเดินเข้ามาแต่คงไม่ทันสังเกตเห็นว่าทิวอยู่ในห้องนี้ด้วย

"จะมาสมัครชมรมดนตรีเหรอ เล่นดนตรีอะไรเป็นหรือเปล่า" เสียงพี่ปี๊ด ประธานชมรมดนตรีถาม สีหน้าเรียบเฉยตามปกติของพี่ปี๊ด

"เล่นไม่เป็นครับ" บูมตอบตามตรงพลางส่ายหน้า ดูท่าทางเขาประหม่าพอสมควร ยิ่งเห็นท่าทางรุ่นพี่คนนี้ที่ดูไม่ยี่หระเท่าไหร่แล้วเขาก็ยิ่งใจฝ่อ

"ไม่เป็นเลยสักชิ้นเหรอ" พี่ปี๊ดเลิกคิ้ว บูมส่ายหน้าเช่นเดิม

"อ้าว แล้วร้องเพลงเป็นหรือเปล่าล่ะ"

"ไม่เป็นเหมือนกันครับ"

"เฮ้ยไอ้น้อง เล่นดนตรีก็ไม่เป็น ร้องเพลงก็ไม่เป็น แล้วจะมาสมัครเป็นสมาชิกชมรมดนตรีทำไมวะ" พี่ปี๊ดว่าพลางหัวเราะขบขัน ทำให้บูมหน้าเสีย

"ก็...ผมกะว่าจะให้พวกพี่ๆ สอนน่ะครับ" บูมบอกด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ

"ถ้าเป็นมาบ้างก็พอจะสอนให้หรอกไอ้น้อง แต่นี่ไม่เป็นอะไรสักอย่างเลย สอนไปก็เสียเวลา ไปหัดเล่นอะไรให้เป็นสักอย่างก่อนแล้วกัน แล้วค่อยมาสมัครใหม่ ไป๊ๆ"

พี่ปี๊ดบอกอย่างไม่สนใจใยดี เขาก็เป็นคนปากแบบนี้แหละ คิดอะไรก็พูดตรงๆ แต่ไม่ค่อยได้คิดว่าคนฟังจะรู้สึกยังไงบ้าง บูมคงจะมาไม่ถูกจังหวะเวลาที่เขาอารมณ์ดีพอดีก็เลยโดนตะเพิด

บูมหน้าจ๋อย ค่อยๆ เดินออกไปจากห้องชมรมดนตรีอย่างเงียบๆ แต่ก่อนจะออกไปเขาก็เหลือบหันมาเห็นทิวซึ่งมองมาทางเขาพอดี บูมหยุดมองแว่บเดียวแล้วก็เดินออกไป

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ทิวเก็บเอาเรื่องของบูมไปคิดตลอดช่วงวันหยุดเพราะอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าบูมมาสมัครชมรมดนตรีทำไมทั้งๆ ที่เล่นอะไรไม่ได้สักอย่าง แถมร้องเพลงก็ไม่ได้อีก หรือจะเป็นเพราะว่าบูมเครียดเลยอยากหากิจกรรมทำ ถ้าบูมสนใจร้องเพลงทิวก็พอจะสอนได้อยู่ ทิวรู้สึกสงสารเพื่อนใหม่ของเขาอย่างบอกไม่ถูก ดูสีหน้าแล้วก็เหมือนเขาไม่ค่อยมีความสุข บางทีถ้าทิวช่วยให้เขาเข้ามาอยู่ในชมรมดนตรี เขาอาจจะดีขึ้นก็ได้

หลังเคารพธงชาติ นักเรียนกลับเข้าห้องเรียนตามปกติ ทิวเข้ามาในห้องก็เห็นว่าบูมนั่งอยู่ที่โต๊ะอยู่แล้ว ดูท่าทางซึมๆ ไม่ยอมพูดจากับใคร ทิวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ทำใจดีสู้เสือ เพราะสิ่งที่เขากำลังจะทำต่อไปนี้ก็คือการเข้าไปคุยกับเสือที่อาจจะตะปบกัดเขาเมื่อไรก็ได้

"บูม" ทิวเรียกชื่อเขาเบาๆ

บูมหันมามองด้วยความแปลกใจ พอเห็นว่าเป็นทิวก็ขมวดคิ้วคล้ายกับสงสัยและไม่พอใจไปด้วย

ทิวชั่งใจอยู่พักหนึ่งจึงลองเสนอไปว่า "ถ้านายอยากเข้าชมรมดนตรี นายมาเรียนร้องเพลงกับเราก่อนก็ได้นะ เราจะสอนให้ แล้วนายค่อยไปสมัคร"

"ไม่ต้องมายุ่ง" บูมตวาดเสียงดัง

เพื่อนๆ ในห้องต่างก็หันมามองเป็นตาเดียวกัน ทิวหน้าเสียไปเลยจนถึงกับทำตัวไม่ถูก ไม่คิดว่าบูมจะอารมณ์ร้ายใส่ถึงขนาดนี้

"มากไปแล้วนะไอ้บูม ไอ้ทิวมันก็คุยกับมึงดีๆ แล้วมึงไปตวาดมันทำไมวะ" ต้องเดินเข้ามาต่อว่า เขาเห็นเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้อยู่

บูมนิ่งเงียบ สีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

ต้องส่ายหน้าอย่างอิดหนาระอาใจแล้วก็หันไปบอกเพื่อนอีกคนที่หน้าเสียอยู่

"ไอ้ทิว ทีหลังมึงไม่ต้องไปสนใจมัน ไม่ต้องไปหวังดีกับมันหรอก ปล่อยให้มันบ้าตำราเรียนของมันไปอย่างงี้แหละ"

ทิวจึงเดินกลับมานั่งที่นั่งของตนเอง เขาไม่โกรธบูมหรอกที่ตวาดเขาเมื่อกี้นี้ ตรงกันข้าม ทิวกลับยิ่งรู้สึกสงสาร แววตาของบูมบ่งบอกว่าเขาไม่ค่อยมีความสุขกับชีวิต แต่การที่เขาจะเข้าไปทำอะไรกับบูมก็คงต้องระวังเหมือนกัน เพราะบูมดูท่าจะไม่ชอบเขามากเลยล่ะ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


พักเที่ยงแล้วในโรงอาหารก็คลาคล่ำไปด้วยเด็กนักเรียนจำนวนมาก เสียงคุยกันเซ็งแซ่ไปทั่วบริเวณแต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา บนโต๊ะของทิวมีเพื่อนนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่หลายคน หนึ่งในนั้นก็มีบูมด้วย หลังๆ มานี้บูมดูเหมือนจะสนิทกับอุ้ยและมัสมั่นมากกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ก็ไม่ถึงกับจะเรียกได้ว่าสนิทกัน แค่ได้คุยกันมากกว่าเพื่อนคนอื่นๆ เท่านั้นเอง

"เฮ้ยบูม ถ้ามึงเล่นดนตรีไม่เป็น ทำไมไม่ลองไปสมัครชมรมอื่นดูล่ะวะ อย่างเช่น ชมรมศิลปะ เฮ้ย ว่าแต่มึงวาดรูปเป็นปะวะ" ต้องถามขณะกินข้าว เพื่อนๆ แต่ละคนที่นั่งอยู่มีท่าทางสนใจ เพราะอยากรู้ว่าบูมทำอะไรเป็นบ้างนอกจากบ้าตำราเรียน

"ไม่เอา ไม่ชอบวาดรูป" บูมตอบเสียงห้วน

"ชมรมภาษาอังกฤษก็ได้ กูเห็นมึงชอบวิชานี้ไม่ใช่เหรอ" ต้องเสนออีก

"ไม่เอา เบื่อ" บูมตอบเสียงห้วนเช่นเดิม

จุดประสงค์ที่บูมอยากเข้าชมรมดนตรีก็เพราะเขาอยากผ่อนคลายบ้าง เวลาอยู่ที่บ้าน แม้แต่จะฟังเพลงก็ยังโดนพ่อดุเลย หาว่าเอาแต่ฟังเพลงไม่สนใจตำรับตำรา เขาจึงไม่อยากเข้าชมรมอะไรที่มันเกี่ยวกับการเรียน จะว่าไปบูมก็กลัวเหมือนกัน ถ้าพ่อกับแม่รู้เข้าว่าบูมเข้าชมรมที่ไร้สาระตามมุมมองของพ่อกับแม่ เขาอาจจะโดนดุได้ เผลอๆ ก็อาจจะต้องเปลี่ยนโรงเรียนกันอีก

"อะไรวะ นึกว่าชอบภาษาอังกฤษซะอีก เอางี้ละกัน มาอยู่ชมรมฟุตบอลกับกูดีไหม" ต้องชวนอีก

"ไม่เอาโว้ย" น้ำเสียงของบูมทำให้ทุกคนสัมผัสได้ว่าเขากำลังเริ่มอารมณ์ไม่ดี

"อะไรวะ ให้เข้าชมรมอะไรก็ไม่เข้า อย่าบอกนะว่ามึงยังอยากเข้าชมรมดนตรีอยู่ ไอ้ห่า เล่นอะไรก็ไม่เป็นสักอย่าง ร้องเพลงก็ไม่เป็น มึงจะไปเข้าชมรมกับเขาได้ไงวะ ไอ้ทิวจะสอนร้องเพลงให้มึงก็ไม่เอา ตกลงมึงนี่จะ..."

ต้องยังไม่ทันพูดจบ บูมก็ตวาดเสียงดังจนคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ หันมามองอย่างตกใจ

"กูไม่เข้าชมรมอะไรทั้งนั้นแหละ"

แล้วก็ยกจานข้าวออกไปอย่างอารมณ์เสีย บูมเทข้าวทิ้งลงถังขยะแล้วก็เอาจานไปล้าง ไม่นานก็เดินลิ่วขึ้นห้องไปอย่างหัวเสีย

"สมน้ำหน้า กูบอกแล้วว่าอย่าไปเสือกยุ่งกับมัน เป็นไงล่ะ"

อุ้ยหันไปว่าต้องที่ดูท่าทางตกใจพอสมควรกับพฤติกรรมของบูมเมื่อสักครู่นี้ ต้องเพิ่งจะเตือนทิวว่าอย่าไปยุ่งกับบูม แต่เขากลับมายุ่งเสียเองเพราะเห็นว่าเป็นเพื่อน เผื่อจะช่วยทำให้บูมสดใสขึ้นมาได้บ้าง

ทิวมองตามบูมที่เดินตัวปลิวไปด้วยสายตาเป็นห่วง ดูท่าทางเขาจะเป็นเด็กมีปัญหาจริงๆ เสียด้วย ทิวไม่ได้คิดว่าบูมเป็นอย่างนั้นเพราะนิสัยไม่ดี ท่าทางที่ดูเคร่งเครียดและกดดันนั้นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้บูมต้องระเบิดอารมณ์อยู่บ่อยๆ เพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ข้างในออกมาบ้าง

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ตั้งแต่วันนั้นมา ต้องกับอุ้ยและเพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็เริ่มขยาดและไม่ค่อยมีใครอยากอยู่ใกล้หรือเสวนากับบูม กิตติศัพท์ในเรื่องความหงุดหงิดขี้โมโหของบูมเป็นที่รู้กันไปทั้งโรงเรียน จนหลังๆ มานี้บูมต้องนั่งกินข้าวคนเดียวเพราะเขารู้สึกว่าเพื่อนๆ ไม่ต้อนรับ อันที่จริงเขาก็ไม่ได้เป็นคนที่น่ากลัวขนาดนั้นหรอก ตอนอยู่โรงเรียนเก่าเขาก็มีเพื่อนหลายคน พอพวกมันรู้ว่าบูมต้องย้ายโรงเรียนก็ดูจะเป็นห่วงจนไม่อยากให้ไป แต่จะทำอย่างไรได้ บูมได้แต่ทำตามความต้องการของพ่อกับแม่ เพื่อนๆ พวกนั้นมันก็รู้ว่าพ่อกับแม่ของบูมเป็นยังไง

ทิวเดินผ่านมาตรงโต๊ะม้าหินอ่อนตัวหนึ่ง เขาหยุดยืนดูบูมที่นั่งซึมและเหม่อลอยอยู่คนเดียว จังหวะนั้นบูมก็หันมาเจอกับทิวโดยบังเอิญ แต่วันนี้แปลกตรงที่เขาไม่ได้ทำสีหน้าไม่พอใจเหมือนที่ผ่านมา แถมยังไม่ได้อ่านหนังสือเรียนด้วย ที่น่าแปลกไปกว่านั้นก็คือสายตาของบูมดูเศร้าและเหงาจนรู้สึกได้ ทิวรู้ว่าช่วงหลังๆ นี้บูมถูกเพื่อนๆ โดดเดี่ยวเพราะทุกคนต่างก็ขยาดกับอารมณ์แปรปรวนของบูมนั่นเอง

ทิวลังเลใจว่าควรจะเข้าไปคุยกับบูมอีกดีไหม แต่อีกใจก็แย้งว่าอย่าไปยุ่งดีกว่า เดี๋ยวจะถูกตะคอกเข้าให้อีก

คิดไปคิดมา ทิวก็ตัดสินใจว่าน่าจะลองทักทายกับบูมดูบ้าง จะได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวจนเกินไป แต่จะทักว่าอะไรดีล่ะ เมื่อนึกไม่ออกทิวจึงยิ้มให้และยกมือขึ้นเป็นเชิงทักทาย พอบูมเห็นเข้าก็ชักสีหน้าไม่พอใจจนทิวต้องรีบเดินหนีไป

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


และแล้ววันที่ความสัมพันธ์ของทิวกับบูมจะต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลก็มาถึง ก่อนจะไปเข้าแถวเคารพธงชาติในเช้าวันหนึ่ง ทิวเอากระเป๋าเรียนมาเก็บบนห้องค่อนข้างช้าเพราะมาสายและมัวแต่คุยกับเพื่อนอยู่ข้างล่าง พอมาถึงก็เห็นบูมนั่งอ่านหนังสือเรียนภาษาอังกฤษอยู่ในห้องคนเดียว วันนี้มีเรียนภาษาอังกฤษตอนเช้า เท่าที่สังเกต ทิวมักจะเห็นบูมกระตือรือร้นกับการเรียนภาษาอังกฤษเป็นพิเศษเสมอ

เสียงออดบอกเวลาเข้าแถวดังขึ้น ดูเหมือนบูมจะสะดุ้งตกใจและลนลาน เขารีบเก็บหนังสือเรียนแล้วก็รีบวิ่งออกไปอย่างร้อนรน เหมือนกับกลัวว่าจะไปเข้าแถวไม่ทัน ทิวก็รีบวิ่งออกไปเช่นกัน

ตุบ!!!! โอ๊ย!!!!!

ด้วยความรีบร้อนจนไม่ทันสังเกต บูมเหยียบถุงพลาสติกลื่นๆ ที่บังเอิญหล่นอยู่ตรงบันไดระหว่างชั้นหนึ่งกับชั้นสองของอาคารเรียน เขาลื่นล้มตกบันไดลงไป หัวเข่ากระแทกพื้นอย่างแรงจนเป็นแผลถลอก

"บูม เป็นอะไรหรือเปล่า" ทิวรีบวิ่งตามลงมาดูเพื่อนทันทีด้วยความเป็นห่วง

"ลุกไหวไหม ให้เราช่วยไหม" ทิวอาสาเมื่อเห็นบูมทำท่าจะลุกขึ้น

"ไม่ต้องมายุ่ง" บูมทำเสียงแข็งตวาดใส่อีกแล้ว พยายามยันกายลุกขึ้นแต่ก็รู้สึกเจ็บข้อเท้ามากจนล้มลงไปอีก

"เราว่านายเดินไม่ไหวแล้ว ไปห้องพยาบาลดีกว่า เดี๋ยวเราช่วย" ทิวบอกอย่างเป็นห่วง

บูมดูมีสีหน้าอ่อนลงเพราะเขาเจ็บข้อเท้าจนลุกไปไหนเองไม่ได้นั่นเอง ถ้าไม่ให้ทิวช่วยก็คงต้องนั่งอยู่ตรงนี้รอคนอื่นมาช่วย เมื่อไม่มีทางเลือกบูมจึงต้องยอมให้ทิวช่วยในที่สุด

ทิวค่อยๆ ย่อตัวลงให้ทิวเอามือเกาะไหล่ เพียงแค่เนื้อตัวสัมผัสกัน ความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้น บูมกับทิวดูประหม่าพอกัน แววตาที่อ่อนลงของบูมทำให้ทิวรู้สึกโล่งใจไม่น้อย หวังว่าคราวนี้จะเป็นโอกาสดีที่ทิวกับบูมจะดีกันเสียที ทิวไม่อยากมีศัตรูอยู่ในห้องเดียวกันเลย ทำอะไรก็อึดอัดกันทั้งสองฝ่าย

ทิวพยุงบูมมาจนถึงห้องพยาบาลของโรงเรียน ครูพยาบาลช่วยทำแผลและทายาแก้ฟกช้ำให้ ไม่เท่านั้น ที่บูมเดินเองไม่ได้ก็เพราะข้อเท้าแพลงด้วย บูมต้องกินยาแก้อักเสบและนอนพักสักหน่อย แต่แล้วครูพยาบาลก็ต้องเกาหัวแกรกๆ เมื่อบูมไม่ยอมนอนพักท่าเดียว

"ผมไม่นอนครับ ผมจะกลับไปเรียน" เสียงแข็งๆ และท่าทางที่ดื้อดึงนั้นบ่งบอกว่าบูมจะทำอย่างที่พูดให้ได้จริงๆ

"เธอจะไปเรียนได้ยังไง เห็นไหมว่าข้อเท้าเธอบวมขนาดนั้น เธอเดินไม่ไหวหรอก" ครูพยาบาลเตือน

"ไม่ได้ครับ ยังไงผมก็ต้องไปเรียนหนังสือ วันนี้มีวิชาสำคัญ ผมขาดไม่ได้ครับ ยังไงผมก็ต้องไปเรียน" บูมเถียงอีก

ทิวยืนมองบูมเถียงกับครูพยาบาลอยู่สักพัก เห็นท่าจะไม่ไหว จึงเดินเข้ามาหาครูพยาบาล

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมพาบูมไปเรียนที่ห้องเองครับ"

นั่นแหละครูพยาบาลถึงได้ยอม

TBC
หัวข้อ: Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 05-03-2012 15:23:49
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 03 ✦ ฉันดีใจที่มีเธอ

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


ทิวค่อยๆ ช่วยพยุงตัวบูมขึ้นมาโดยให้เขากอดคอ ตัวบูมหนักพอสมควรแต่ทิวก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับทิวเท่าไหร่ เขาค่อยๆ พาบูมเดินออกมาจากห้องพยาบาล โชคไม่ดีนักที่ไม้ค้ำยันที่มีอยู่ไม่กี่อันชำรุดจนใช้ไม่ได้ ทิวจึงต้องมารับหน้าที่เป็นไม้คำยันแทน

ระหว่างทาง ต่างคนก็ต่างเงียบ โดยเฉพาะบูมที่ดูครุ่นคิดและคอยแอบชำเลืองมองทิวอยู่บ่อยๆ ไม่ชอบหน้ากันแท้ๆ แต่กลับมีเหตุให้ต้องมาพึ่งพาอาศัยกันจนได้ เห็นทิวช่วยโดยไม่เกี่ยงงอนแถมยังยอมพยุงเด็กผู้ชายตัวหนักๆ อย่างเขาแล้วบูมก็พูดไม่ออก

จนกระทั่งโผล่เข้ามาในห้องเรียน เพื่อนๆ ต่างแปลกใจและฮือฮากับภาพที่เห็นมากทีเดียว บางคนถึงกับขยี้ตาด้วยซ้ำราวกับไม่เชื่อว่าในชีวิตนี้จะได้เห็นภาพนี้ คู่อริสองคนที่ไม่เคยถูกกันเลยตั้งแต่เข้ามาเรียน มาวันนี้กลับพยุงกอดคอกันเดินเข้ามาในห้องเรียนด้วยกัน

ทิวค่อยๆ พาบูมเดินมานั่งโต๊ะท่ามกลางสายตาสงสัยของเพื่อนๆ และครูที่กำลังสอนอยู่ การเรียนการสอนเริ่มไปได้สักพักแล้ว เพื่อนๆ ต่างก็นึกว่าทิวกับบูมจะไม่มาเรียนวันนี้เสียอีกเพราะเห็นหายไปพร้อมกันเพราะไม่เห็นมาเข้าแถว แถมยังไม่เข้าห้องเรียนอีก

"จะไปไหนก็บอกเรานะ ไม่ต้องเกรงใจ" ทิวบอกบูมเบาๆ ไปๆ มาๆ ทิวก็ไม่กล้าใช้คำว่ามึง-กูกับบูมไปโดยปริยาย ก็ดีเหมือนกัน ก็ถือว่าชีวิตนี้มีสักคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนแล้วพูดกันเพราะๆ อย่างนี้ก็พิเศษไปอีกแบบ

บูมยังคงทำหน้าเฉยเมยอยู่แต่ก็มีแววกังวลให้พอสังเกตเห็นได้ ยังไงเขาก็ต้องมีคนช่วย ถ้าจะขอให้คนอื่นๆ ในห้องช่วยก็คงจะยากเพราะใครๆ ต่างก็เอือมระอาความเจ้าอารมณ์ของบูมกันทั้งนั้น ก็คงมีแต่ทิวเท่านั้นที่พอจะพึ่งได้ในตอนนี้

"ไปโดนอะไรมาคะเนี่ย" ครูสอนภาษาอังกฤษสาวสวยถามหลังจากที่บูมนั่งที่แล้ว

"ตกบันไดครับ" บูมบอกเสียงเบาแต่ครูก็พอได้ยินเพราะเขานั่งอยู่หน้าสุดพอดี

"ไปทำอีท่าไหนให้ตกบันไดวะ" เสียงเพื่อนแซวมาจากด้านหลังพร้อมกับเสียงหัวเราะ บูมชักสีหน้าไม่พอใจ

"เดี๋ยวเถอะพวกเธอนี่ เพื่อนเจ็บยังจะมาหัวเราะกันอีก" ครูแอนส่งเสียงปราม เสียงหัวเราะจึงเงียบลง แม้ว่าครูแอนจะไม่ดุ แต่ความสวยของครูแอนก็ทำให้เด็กผู้ชายในห้องหลายคนต้องยอมสยบ ครูแอนเป็นครูที่ถือว่าอายุน้อยที่สุดในโรงเรียนก็ว่าได้ เพราะจบมาไม่นานก็ได้มาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่นี่เลย

"ไหวไหม ทำไมไม่นอนพักห้องพยาบาลก่อนล่ะคะ" ครูแอนถาม

"ไม่เป็นไรครับ ผมอยากเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ยังไงก็ต้องมาครับ" บูมบอก วิชาภาษาอังกฤษนี่แหละที่จะช่วยพาบูมไปให้พ้นๆ จากชีวิตที่ไม่พึงประสงค์ตอนนี้เสียที

"อืม ถ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ช่วยดูเพื่อนหน่อยละกันนะเรา" ครูแอนหันมาพูดกับทิว

ทิวยิ้มแล้วตอบรับ "ครับ"

เมื่อเรียนจบคาบภาษาอังกฤษแล้ว เพื่อนๆ หลายคนก็ออกจากห้องไปเข้าห้องน้ำ ทิวเห็นบูมยังนั่งเงียบอยู่ ไม่รู้ว่าอยากจะเข้าห้องน้ำด้วยหรือเปล่าจึงเดินเข้าไปถาม

"ไปห้องน้ำไหม"

บูมเงยหน้าขึ้นแล้วก็หันมามองเจ้าของเสียง รู้สึกผิดที่เขาเคยทำตัวไม่ค่อยน่ารักกับทิว จะให้ทิวมาช่วยก็อดเกรงใจไม่ได้

"ไม่เป็นไร ยังไม่ปวดหรอก" บูมตอบเบาๆ

"ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า เดี๋ยวถ้าเกิดนายปวดมากๆ จะวิ่งไปห้องน้ำไม่ทันนะ" ทิวขู่

"ไปก็ได้"

ได้ผลด้วยแฮะ ทิวนึกในใจ เขาค่อยๆ พยุงเพื่อนให้ลุกขึ้นแล้วก็พาเดินไปห้องน้ำอย่างใจเย็น อาการปวดบวมลดลงไปพอสมควรทำให้บูมพอลงปลายเท้าได้บ้าง พอไปถึงห้องน้ำ ทิวก็พาเพื่อนไปที่โถปัสสาวะ

"นายยืนเองได้ไหม"

บูมทำสีหน้าไม่แน่ใจ ถ้ามีราวเหล็กสักหน่อยเหมือนโถปัสสาวะที่ทำให้คนพิการเขาก็คงพอจับยืนเองได้ แต่นี่มีแต่ผนังลื่นๆ ก็เลยทำให้ลำบากพอสมควร เกิดพลาดล้มไปอีกก็อาจบาดเจ็บมากกว่าเดิมได้

"งั้นเรายืนอยู่ตรงนี้ นายจับไหล่เราไว้ละกัน" ทิวเสนอ

"เฮ้ย จะดีเหรอ" บูมทักท้วง

"เราไม่ดูของนายหรอกน่า ผู้ชายเหมือนกัน อายอะไรวะ" ทิวว่า

บูมจึงยอมทำตามแต่โดยดี เขาเอามือหนึ่งเกาะไหล่ทิวไว้ พยายามใช้อีกมือหนึ่งรูดซิป แต่มันก็ยากเอาการ ทิวเห็นท่าจะไม่ไหวก็เลยถือวิสาสะรูดซิปออกให้เพื่อนเสียเลย

"เฮ้ย" บูมร้องประท้วง

แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เขาจึงต้องเลยตามเลย คนอื่นๆ ที่เข้ามาในห้องน้ำชายต่างก็งงๆ ว่าผู้ชายสองคนนี้มายืนทำลับๆ ล่อๆ อะไรกันที่โถปัสสาวะ

"เฮ้ย พวกมึงสองคนทำอะไรกันน่ะ ชักว่าวกันเหรอ ไม่อายผีสางเทวดาเลยนะพวกมึง" รุ่นพี่ ม.5 คนหนึ่งทัก คนอื่นๆ รวมทั้งเพื่อนบางคนในห้องเดียวกันหันมามองแล้วก็หัวเราะ

"เปล่าพี่ พอดีเพื่อนผมขาเจ็บ" ทิวบอกไป เขารู้ว่าผู้ชายมันก็แซวกันไปอย่างนั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอก

พอเสร็จธุระแล้วทิวก็พาบูมไปล้างมือ แล้วก็ให้บูมเกาะอ่างล้างมือไว้ก่อน เขาจะได้ไปทำธุระส่วนตัวของตัวเองบ้าง เสร็จแล้วจึงพาบูมเดินกลับห้อง สีหน้าของบูมเริ่มเปลี่ยนไป จากที่เคยมึนตึงขึ้งโกรธก็ดูอ่อนลง มีรอยยิ้มจางๆ ที่ทิวพอสังเกตเห็นได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

"เที่ยงแล้ว ไปกินข้าวกัน"

ทิวเดินมาชวนบูมที่โต๊ะหลังจากที่เสียงออดพักเที่ยงดังขึ้น

"ไม่เป็นไรหรอก" บูมเงยหน้าขึ้นมาบอก สีหน้าเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีร่องรอยของความโกรธเคืองเหลืออยู่เลย

"เราเกรงใจ ถ้าอยากจะช่วยจริงๆ นายซื้อมาให้เรากินข้างบนก็ได้"

"เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอก เราบอกแล้วไงว่าไม่ต้องเกรงใจ ไปกินด้วยกันนั่นแหละ นายจะได้ไปเลือกเอง จะได้มีเพื่อนคุยด้วย ไม่เหงาไง" ทิวไม่เลิกความพยายาม

ถึงอย่างนั้นบูมก็ยังรู้สึกเกรงใจอยู่ดี บวกกับความรู้สึกผิดที่เคยทำไม่ดีกับเพื่อนไว้จึงทำให้เขาลังเล

"ไปเถอะน่า เดี๋ยวไม่มีให้กินนะ" ทิวเร่งเร้า

บูมพยักหน้าตกลงพร้อมกับยิ้มบางๆ เป็นรอยยิ้มแรกที่บูมมีให้ทิวเลยล่ะ ทิวจึงยิ้มตอบกลับไป ไม่รู้ตัวเลยว่าร้อยยิ้มครั้งนี้ได้เข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในความทรงจำของทั้งสองคนเสียแล้ว รอคอยวันที่รอยยิ้มนั้นจะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งในวันข้างหน้า

พอไปถึงโรงอาหารบูมก็ขอนั่งอยู่กับที่และให้ทิวช่วยเอาอาหารมาให้ เขาสั่งก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูเส้นหมี่ ส่วนทิวก็สั่งคล้ายๆ กันแต่เป็นเส้นเล็ก กินไปได้สักพัก เพื่อนร่วมชั้นเรียนก็ซักเขากันใหญ่

"ถามจริงๆ เถอะ ไปทำยังไงให้ตกบันไดวะ แล้วไปตกตอนไหนไม่เห็นรู้เรื่องเลย" อุ้ยถามเป็นคนแรก

บูมนั่งกินเงียบๆ ไม่ตอบคำถามใดๆ ทิวเห็นอย่างนั้นก็เลยตอบไปแทน

"ตอนจะไปเข้าแถวเมื่อเช้านี้แหละ ใครไม่รู้ทิ้งถุงพลาสติกเอาไว้ที่บันได บูมรีบวิ่งไม่ทันดูก็เลยเกิดอุบัติเหตุ"

"อ๋อ" เพื่อนๆ ลากเสียงเออออตามกัน

"ไม่น่าเชื่อว่าคนเรียนเก่งจะซุ่มซ่ามเป็นด้วย" มัสมั่นพูดพลางขำ

บูมหันไปมองด้วยสายตาที่เพื่อนๆ มักเอาไปล้อเลียนกันลับหลังว่า "สายตาพยาบาท" มัสมั่นจึงหยุดขำทันที

"เฮ้ยนี่กูถามมึงจริงๆ เถอะวะไอ้บูม มึงนึ่ยิ้มเป็นไหม ตั้งแต่เห็นมึงย้ายเข้ามาเรียน กูไม่เห็นมึงยิ้มซักกะแอะ โลกนี้มันมีอะไรน่าหดหู่ขนาดนั้นหรือวะ" ต้องถามบ้าง

บูมแสดงอาการรำคาญกับคำถามนั้น แต่ก็ยอมบอกเพื่อนไปแต่โดยดี "ก็ไม่มีอะไรนี่ ธรรมดากูก็เป็นแบบนี้แหละ"

"เหรอ นี่ธรรมดาของมึงแล้วเหรอ หน้าของมึงยังกะคนไม่ได้ขี้มาแล้วเป็นเดือนๆ" ต้องพูดจบเพื่อนที่นั่งข้างๆ ก็รุมเขกหัวเข้าให้

"ไอ้นี่ คนกำลังกินข้าวเสือกพูดเรื่องขี้"

ต้องได้แต่ลูบหัวตัวเองเบาๆ

"นี่แน่ะ โทษของการพูดจาไม่เพราะเวลากินข้าว" เอกว่าพลางใช้ตะเกียบคีบแย่งลูกชิ้นจากชามของต้องไปแล้วเอาเข้าปากตัวเองทันที

"ไอ้เอก นิสัยนะมึง" ต้องว่าเบาๆ เอกรีบเอามือมาป้องชามก๋วยเตี๋ยวของตัวเองไว้เพื่อไม่ให้ต้องแย่งคืนแล้วก็หัวเราะ

บูมแอบขำเล็กน้อย ทิวทันได้สังเกตเห็นพอดีเพราะนั่งอยู่ติดกัน จริงๆ บูมเป็นคนหน้าตาดีทีเดียว ถ้ารู้จักยิ้มสักหน่อย สาวๆ คงชอบกันเยอะน่าดู

คุยกันไปสักพัก ดูเหมือนว่าบูมพอจะคุยกับเพื่อนๆ ในห้องได้บ้างแล้ว หลังจากที่ทุกคนต่างเข็ดขยาดไม่อยากคุยกับเขา ก็เลยทำให้บรรยากาศการเรียนในห้องดีขึ้นไปด้วย

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

คาบวิชาพละในตอนบ่ายวันนี้ครูสอนติดธุระสำคัญจึงไม่ได้มาสอน เด็กนักเรียนจึงเล่นกีฬากันตามอัธยาศัย ทิวคอยช่วยพยุงบูมมานั่งที่โรงยิมบาสเก็ตบอล เมื่อไม่มีที่นั่งทิวจึงต้องให้บูมนั่งกับพื้น

"เดี๋ยวเรามานะ มีอะไรก็ตะโกนบอกได้เลย" ทิวบอกไว้ก่อนจะลงไปเล่นบาสเกตบอลกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ

บูมเจ็บขาเล่นอะไรไม่ได้เลยจึงได้แต่นั่งเฉยๆ มองดูเพื่อนๆ เล่นบาสเก็ตบอลอยู่เงียบๆ เห็นทิวเล่นสนุกสนานและยิ้มหัวเราะกับเพื่อนๆ บูมก็อดยิ้มไปด้วยไม่ได้ รอยยิ้มของทิวดูจริงใจและเป็นธรรมชาติ ในขณะที่คิด บูมก็กลับคิดว่ารอยยิ้มของทิวนั้นมีเสน่ห์และพลังดึงดูดที่น่าประหลาด

ทิวเล่นบาสเก็ตบอลกับเพื่อนจนพอใจแล้วก็เดินกลับมานั่งลงข้างๆ บูม

"เป็นไง ขาดีขึ้นหรือยัง" ทิวถามพลางยิ้ม

บูมยิ้มตอบ แววตาและท่าทางที่ดูหวาดระแวงและห่างเหินหายไปมากแล้ว "หายบวมไปเยอะแล้วล่ะ พรุ่งนี้น่าจะพอเดินเองได้"

ทิวยิ้มดีใจ "ดีแล้ว" แล้วทิวก็ทำสีหน้าเหมือนอยากจะถามอะไรบางอย่างที่เขาไม่แน่ใจว่าควรจะถาม

"เราถามอะไรนายบางอย่างได้ไหม"

บูมทำหน้าสงสัยแต่ก็พยักหน้า

"นายอยากเข้าชมรมดนตรีจริงๆ หรือเปล่า" ทิวถามพลางสังเกตดูว่าบูมจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

บูมพยักหน้าแต่สีหน้าก็ดูไม่ค่อยมั่นใจนัก

"ทำไมนายอยากเข้าชมรมนี้ล่ะ" ทิวถามต่อเมื่อเห็นว่าบูมไม่ได้มีท่าทางต่อต้านสิ่งที่เขาเพิ่งถามไป

"ก็..." บูมไม่รู้จะเริ่มยังไงดี "เราอยากทำอะไรที่มันผ่อนคลาย สนุกๆ หน่อยน่ะ เรียนอย่างเดียวก็เบื่อ จริงๆ เราก็ชอบฟังเพลงนะ แต่เราก็ไม่ค่อยได้ร้องหรอก ร้องไม่เป็นนั่นแหละ"

"อ้าว ทำไมไม่ร้องล่ะ"

"เรากลัวพ่อว่า" บูมตอบสั้นๆ

คำตอบของบูมทำให้ทิวเดาว่าบูมน่าจะมีปัญหากับครอบครัวของเขาจริงๆ อย่างที่หลายคนสงสัยนั่นเอง

"แต่เราอยากจะลองร้องเพลงดู" บูมบอกอย่างนึกสนุก

"เอาไหมล่ะ เดี๋ยวเราสอนร้องเพลงให้ หลังกินข้าวเที่ยงดีไหม หรือจะตอนเย็นๆ ก็ได้ ไปซ้อมที่ห้องดนตรีกัน" ทิวเสนอ

ดูท่าทางบูมสนใจมากทีเดียว "จริงเหรอ แต่เย็นๆ เราคงฝึกไม่ได้หรอก เดี๋ยวพ่อกับแม่เรามารับ" บูมหน้าม่อย

"อืม งั้นตอนหลังกินข้าวก็ได้ ไปซ้อมที่ห้องดนตรีกัน ว่าแต่ว่านายชอบร้องเพลงแบบไหนล่ะ"

"ไม่รู้เหมือนกันว่าชอบแบบไหน เราไม่ค่อยรู้จักนักร้องเท่าไรหรอก นายพอมีแนะนำเราบ้างไหมล่ะ"

"มีสิ เรามีเยอะเลย" ทิวว่าพลางหยิบเอาโทรศัพท์ไอโฟนของตัวเองออกมา หยิบเอาหูฟังมาใส่หูตัวเองข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งส่งให้บูม แล้วก็เลือกเพลงที่เขาคิดว่าบูมน่าจะใช้เริ่มต้นในการร้องเพลงได้

"เพลงนี้เป็นไง น่าจะไม่ยากนะสำหรับคนฝึกร้องใหม่ๆ"

บูมพยักหน้าและอือๆ ออๆ ไปก่อน เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอันไหนมันร้องยากร้องง่าย จนกว่าจะได้ลองนั่นแหละ

"นายร้องท่อนฮุกเพลงนี้ให้เราฟังหน่อยสิ เราอยากฟังนายร้องสดๆ" บูมบอกเมื่อได้ฟังเพลงๆ หนึ่งที่เขารู้สึกว่าน่าสนใจ

"นั่นแน่ ไม่เชื่อมือเราล่ะสิ ได้เล้ย เดี๋ยวคอยดู"

ว่าแล้วทิวก็ร้องเพลงโชว์เสียเลย "ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ เธอคือกำลังใจเดียวที่มีไม่ว่านาทีไหนๆ..."

บูมนั่งฟังอย่างตั้งใจ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าทิวจะร้องเพลงได้เพราะขนาดนี้ พอทิวร้องท่อนฮุกจบ บูมก็ปรบมือให้พลางขอจับมือด้วย

"โห...เห็นนายร้องได้ขนาดนี้เราไม่กล้าร้องเลยว่ะ" บูมบอกพลางขำ เวลาบูมขำแล้วเขาจะตาหยี น่ารักไปอีกแบบ

"ได้สิ ไม่มีอะไรเกินความพยายามของเราหรอก ถ้านายเชื่อมั่นในตัวเอง นายทำอะไรก็ได้ เรียนหนังสือยากกว่าตั้งเยอะนายยังทำได้เลย" ทิวให้กำลังใจ

"เดี๋ยวเราจะลองดู" บูมบอกพลางยิ้มน้อยๆ

ตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่ใหม่ วันนี้เป็นวันแรกที่บูมรู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว เขารู้สึกเหงามาก มากจนอยากจะขอพ่อย้ายกลับไปโรงเรียนเดิม ที่นั่นเขายังพอมีเพื่อนที่สนิทๆ อยู่บ้าง แต่ถ้าเขามีเพื่อนอย่างทิวสักคนก็คงจะทำให้อะไรๆ มันดีขึ้นบ้าง คงพอทำให้เขารู้สึกอุ่นใจขึ้นได้บ้าง จะว่าไป ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่เหมือนกับที่เขาเคยได้รับจากเพื่อนคนอื่นๆ เลย แต่ก็เป็นเพียงสิ่งที่แว่บเข้ามาในความคิดชั่วคราวเท่านั้น ไม่นานก็คงลืมมันไปแล้ว

"เอางี้ละกัน เดี๋ยวเราเลือกเพลงให้นายไปฟังก่อนดีกว่า แล้วพรุ่งนี้นายมาบอกเราว่านายอยากร้องเพลงไหน ถ้าฝึกร้องเพลงจากเพลงที่เราชอบก่อนจะทำให้ฝึกง่ายขึ้น ว่าแต่โทรศัพท์นายฟังเพลงได้ไหม"

บูมพยักหน้า ถึงมันจะดูไม่ค่อยทันสมัยเหมือนของทิวนัก แต่มันก็ฟังเพลงได้เหมือนกัน

"มีบลูทูธปะ"

บูมพยักหน้า ทิวจึงเลือกเพลงให้บูมไป 7-8 เพลงที่คิดว่าบูมน่าจะร้องได้ ดูสีหน้าของบูมมีความสุขและมีประกายความหวังบางอย่าง ทิวรู้สึกดีใจที่ได้เห็นเช่นนั้น น่าแปลกที่ทิวเองก็รู้สึกว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่เหมือนกับที่ทิวมีให้เพื่อนคนอื่นๆ เลย ไม่รู้ว่าจะเป็นเพียงความคิดที่แว่บเข้ามาวูบเดียวแล้วหายไปหรือเปล่า แต่มันก็สร้างความรู้สึกแตกต่างในความคิดที่ทิวมีให้กับบูมได้มากทีเดียว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
   

ตกเย็น ทิวช่วยพยุงบูมมาส่งที่รถ วันนี้แม่ของบูมเป็นคนมารับด้วยตัวเอง เธอยังดูสวยอยู่มากทีเดียว ดูภูมิฐานและมีสง่าราศรีอย่างคนร่ำรวย ถ้าเดาไม่ผิดเธอก็คงมีหน้ามีตาในวงสังคมของคนในระดับเดียวกับเธอพอสมควร

เห็นสภาพลูกชายอย่างนั้นแล้ว แม่ของบูมก็เปิดประตูรถลงมาพลางมองดูลูกชายที่ถูกเพื่อนพยุงมาด้วยความสงสัยและเป็นห่วง

"บูม เป็นอะไรล่ะลูก"

บูมทำหน้าหวาดหวั่นคล้ายกับกลัวแม่ ทิวทันได้พอสังเกตเห็นพอดี

"ตกบันไดครับแม่ แต่ไม่เป็นไรมากแล้วครับ" บูมบอก

ทิวช่วยพยุงเพื่อนเข้าไปนั่งในรถก่อนแล้วจึงทำความเคารพแม่ของบูม

"ทิวครับแม่ เพื่อนบูม" บูมแนะนำ

แม่ของบูมยกมือรับไหว้ทิวที่เพิ่งยกมือสวัสดีเธอไปเมื่อสักครู่นี้พร้อมกับยิ้มน้อยๆ ให้ผู้อ่อนอาวุโสกว่า

"ขอบใจมากนะที่พาบูมมาส่ง ไปบูม ไปโรงพยาบาล เจ็บตัวแบบนี้แล้วแทนที่จะโทรไปบอกพ่อกับแม่ เรานี่ก็แปลกคน"

ตอนหลังแม่หันมาทำเสียงดุใส่บูมเสียอย่างนั้น ทำให้ทิวพอเข้าใจและเห็นอะไรรางๆ บ้างแล้วว่าทำไมบูมจึงดูเครียดๆ

TBC

https://www.youtube.com/v/Ao_q48XSG5c
หัวข้อ: Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 05-03-2012 19:55:46
 :pig2: :pig2: :pig2: ต้อนรับเรื่องใหม่ค่ะ

อ่านจากบทเกริ่นนำ เรื่องนี้ต้องสนุกๆแน่ๆเลย

จะรอติดตามนะคะ มาลงบ่อยๆน๊าาา
+เป็ดกิ๊บก๊าบ...เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ  :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
เริ่มหัวข้อโดย: fernjaa ที่ 05-03-2012 20:30:04
แค่เพียงเริ่มเรื่องก็น่าสนใจมากแล้ว
รอต่อไปทาเคชิ  อิอิ
 o13
หัวข้อ: Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
เริ่มหัวข้อโดย: Ebsilon ที่ 05-03-2012 20:30:34
สนุกดีครับ

มาอัพบ่อยๆนะครับ รอติดตามอยู่
หัวข้อ: Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 05-03-2012 22:30:40
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 04 ✦ มิตรภาพของทิวกับบูม

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


กว่าจะได้กลับถึงบ้าน บูมก็โดนแม่บ่นไปหลายเรื่องตั้งแต่ออกจากโรงเรียน ที่โรงพยาบาลจนกลับมาถึงบ้าน บางทีเขาก็ชิน บางทีเขาก็รำคาญ แต่วันนี้บูมทำเงียบๆ และได้แต่ครับๆ อย่างเดียว ปกติเขาก็ไม่ค่อยจะเถียงมากอยู่แล้วเพราะรู้ว่าเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงเขาก็ต้องเชื่อฟังพ่อกับแม่อยู่ดี

ตั้งแต่บีมที่เป็นพี่ชายคนโตทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังในเรื่องการเรียน บูมก็กลายเป็นความหวังใหม่ของครอบครัวขึ้นมาทันที โชคดีหน่อยที่เขาค่อนข้างหัวดีกว่าพี่ชาย พ่อแม่ก็เลยพอมีความหวังกับบูมได้บ้าง จึงต้องถูกเคี่ยวเข็ญและเข้มงวดเรื่องการเรียนอย่างนี้ สุดท้ายก็เลยลามไปถึงชีวิตส่วนตัวของบูมด้วย

บูมได้ไม้ค้ำยันมาหนึ่งอันจากโรงพยาบาล ทำให้เขาพอทำอะไรได้สะดวกขึ้นมาบ้าง ดีที่ว่าตอนอยู่โรงเรียนมีทิวคอยช่วยจึงไม่ลำบาก พอคิดมาถึงตรงนี้บูมก็สงสัยว่าทำไมทิวถึงทำดีด้วยทั้งๆ ที่บูมทำตัวไม่น่ารักกับทิวเลย แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ขอบใจทิวมากทีเดียว ถ้ามีเพื่อนสักคนที่พอจะทนคบเขาไปได้บ้างก็คงจะดี แต่ก็ไม่รู้ว่าทิวจะทนคบกับเพื่อนเจ้าปัญหาอย่างเขาได้นานแค่ไหน

วันนี้พ่อคงกลับดึกเช่นเคยเพราะมีประชุมงาน บูมจึงต้องนั่งกินข้าวกับแม่สองคนในบ้าน ที่บ้านเขามีคนรับใช้อยู่สองคน คนหนึ่งทำอาหาร อีกคนทำงานบ้านทั่วไป แต่ไม่มีคนขับรถเพราะพ่อกับแม่ขับเอง ไม่มีคนสวนเพราะใช้วิธีจ้างเอาจากข้างนอก ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในบ้านลงได้พอสมควร

กำลังนั่งกินข้าวอยู่ พี่บีมก็กลับมาจากมหาวิทยาลัยพอดี แล้วก็เดินยิ้มเผล่เข้ามาในห้องกินข้าว

"หวัดดีครับแม่ อ้าวบูม ไปเอาไม้เท้ามาทำอะไรล่ะ" บีมถามอย่างแปลกใจพลางเดินมาหาน้องชาย

"กินข้าวมาแล้วเหรอ" คุณแม่หันมาถามลูกชายอีกคนด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่ยินดียินร้าย ถึงเธอจะรู้สึกว่าลูกคนนี้ไม่ได้อย่างใจ แต่ก็ยังไงก็เป็นลูก เธอก็ยังคงเป็นห่วงอยู่ดี

"ครับแม่ กินกับเพื่อนมาแล้วครับ" บีมบอกแล้วหันมาสนใจบูมต่อ "ว่าไงล่ะเรา เอาไม้เท้ามาทำไม"

"ตกบันไดที่โรงเรียนตอนเช้า" บูมตอบเสียงห้วนๆ แล้วก็หันมาสนใจกับอาหารต่อ

ในใจลึกๆ บูมก็อดที่จะโทษพี่ชายที่ไม่ตั้งใจเรียนหนังสือไม่ได้ เป็นเหตุให้พ่อกับแม่ต้องมากดดันบูมแทน บีมเองก็พอจะเดาความรู้สึกของน้องชายได้อยู่ แต่มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่เขาเรียนหนังสือไม่เก่งเลย เขาเคยถูกพ่อกับแม่ด่าว่าโง่ผ่าเหล่าผ่ากอ เคยถูกเคี่ยวเข็ญในฐานะพี่ชายคนโตที่จะต้องเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักให้กับครอบครัวต่อไป แต่เขาก็ทำไม่ได้ จนพ่อแม่เลิกบังคับ บีมจึงหันไปเรียนศิลปะอย่างที่เขาชอบ เขาไม่อิจฉาน้องชายเลยสักนิดที่พ่อกับแม่คาดหวังจะให้ไปเรียนต่อเมืองนอก

แต่ก็อดสงสารน้องชายไม่ได้เหมือนกันที่ต้องมาถูกบังคับแทน ทำให้บูมดูไม่ค่อยร่าเริงมาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่บูมค่อนข้างฉลาดเหมือนพ่อกับแม่ ไม่ผ่าเหล่าผ่ากออย่างพี่ชาย การเรียนของบูมก็เป็นที่น่าพอใจมากทีเดียว แต่ก็น่าแปลกใจที่พ่อกับแม่ยังคงเคี่ยวเข็ญบูมอยู่ จนบูมแทบจะไม่มีเวลาได้เล่นหรือทำกิจกรรมตามวัยของตัวเองเลย

"ทีหลังระวังหน่อยนะ" บีมบอกน้องชาย เห็นบรรยากาศไม่ค่อยดีจึงรีบขอตัว

"ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับแม่" ว่าแล้วบีมก็รีบวิ่งขึ้นไป

พอลูกชายคนโตหายลับตาไป แม่ก็เริ่มบ่นอย่างที่บูมได้ยินมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เขาฟังจนแทบจะจำได้ทุกคำพูดอยู่แล้ว

"เรียนอะไรไม่เรียน ไปเรียนศิลปะ จบมาจะไปทำมาหากินอะไร ก็ได้กลายเป็นศิลปินใส้แห้งกันพอดี" แม่บ่นงึมงำในตอนแรก แล้วก็หันมาบ่นดังๆ กับบูม

"จำไว้นะบูม บูมต้องตั้งใจเรียนนะลูก จบมาจะได้เป็นหน้าเป็นตาให้พ่อกับแม่บ้าง อย่าให้พ่อกับแม่ต้องอับอายขายขี้หน้าเหมือนพี่ชายของบูมอีกคนละกัน"

จากนั้นแม่ก็บ่นไปอีกหลายเรื่อง บูมได้แต่แอบถอนหายใจ รีบๆ กินข้าวแล้วก็ขอตัวขึ้นไปบนห้อง

วันนี้ไม่มีการบ้าน ปกติบูมต้องอ่านหนังสือของวันถัดไปก่อนนอน รวมทั้งยังมีหนังสือและชีทที่ครูสอนพิเศษแจกมาให้อีกส่วนหนึ่งที่เขาต้องคอยทบทวน แต่วันนี้เขาอยากจะฟังเพลงที่ทิวเพิ่งให้มามากกว่า ไม่ได้อ่านหนังสือแค่วันเดียวคงไม่ทำให้เขาสอบตกหรอก นี่ถ้าพ่อกับแม่มาได้ยินสิ่งที่บูมคิดคงไม่พอใจเป็นแน่

อันที่จริงในห้องบูมมีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะตัวหนึ่งและติดลำโพงด้วย ถ้าเขาเปิดลำโพงนี้จนสุดเสียงมันคงดังไปจนถึงปากซอย แต่เขาแทบจะจำไม่ได้เลยว่าเคยเปิดเพลงฟังดังๆ กี่ครั้ง มีแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นเวลาที่พ่อกับแม่ไม่อยู่บ้าน แต่วันนี้เขาคงไม่ได้คิดจะเปิดเพลงเสียงดังหรอก ถ้าแม่ได้ยินเข้าก็คงโดนดุ บูมจึงเอาหูฟังมาเสียบกับโทรศัพท์ที่แสนเชยในสายตาของเพื่อนๆ แล้วก็ฟังเพลงที่ทิวให้มา ฟังไปอยู่สองสามรอบก็ได้เพลงที่อยากลองร้อง อดตื่นเต้นไม่ได้จนต้องโทรไปบอกทิว

"ทิว เราได้เพลงที่เราอยากร้องแล้วนะ"

"จริงเหรอ เพลงอะไร" น้ำเสียงของทิวก็ดูตื่นเต้นไม่แพ้กัน

"ฉันดีใจที่มีเธอ" บูมบอกชื่อเพลงไป มันเป็นเพลงเดียวที่ทิวเพิ่งร้องให้ฟังเมื่อตอนกลางวันนั่นแหละ

"เราก็ชอบเพลงนี้ โอเค เดี๋ยวเราเตรียมเนื้อเพลงไว้ให้นายพรุ่งนี้เลยนะ นายจะได้ลองซ้อมดูก่อน"

"ขอบใจมากทิว" บูมบอกด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

"แค่นี้ก่อนนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้" บูมรีบบอกแล้วก็วางสายไป

ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะคุยต่อ แต่เขาได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นแม่นั่นเอง

บูมรีบวางโทรศัพท์ ทำทีไปเปิดหนังสือเรียนบนโต๊ะไว้ แล้วก็รีบไปเปิดประตู ค่อนข้างทุลักทุเลนิดหน่อยเพราะยังใช้ไม้ค้ำยันได้ไม่ค่อยคล่อง เมื่อเปิดประตูแล้วก็เห็นว่าเป็นแม่จริงๆ ด้วย

"อาบน้ำอยู่เหรอลูก ทำไมเปิดประตูช้าจัง เอ...ก็ยังใส่ชุดเดิมนี่นา"

"อ๋อ ยังครับ พอดีอ่านหนังสืออยู่ ผมยังใช้ไม้ค้ำยันไม่ค่อยถนัดครับแม่ก็เลยมาเปิดช้า" บูมแก้ตัว แม่สอดส่ายสายตาเข้ามาในห้อง เห็นบูมเปิดหนังสือทิ้งไว้แล้วก็เลยไม่ติดใจอะไร

"ทีหลังอาบน้ำก่อนก็ได้ แล้วค่อยมาอ่านหนังสือ จะได้อ่านสบายๆ" แม่บอกแล้วก็เดินลงไปข้างล่าง

บีมได้ยินเสียงคนเดินลงบันไดไปแล้วก็แง้มประตูดู พอเห็นแม่แล้วก็ได้แต่ส่ายศีรษะอย่างระอาใจ นี่พ่อกับแม่กะจะไม่ให้บูมได้มีเวลาทำอย่างอื่นบ้างเลยหรือไงถึงต้องคอยเช็คอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ เห็นแล้วก็อึดอัดแทนเสียจริงๆ

บูมปิดประตูด้วยใจระทึก นี่ถ้าแม่เกิดสงสัยหรือจับได้ขึ้นมา เขาก็คงโดนอบรมอีกเป็นชุด แถมยังอาจจะมีพ่อมาช่วยบ่นอีกคนด้วย เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะอาบน้ำ เขาคงจะต้องอ่านหนังสืออีกสักหน่อยก่อนนอน อย่างน้อยก็จะได้ไม่รู้สึกผิดที่โกหกแม่เมื่อสักครู่นี้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


เช้าวันต่อมา ทิวรีบมาโรงเรียนแต่เช้ากว่าปกติ แน่นอนว่าต้องมีอะไรพิเศษ เขาเอากระเป๋าเรียนขึ้นไปเก็บบนห้องแล้วก็รีบวิ่งแจ้นลงมารออยู่ตรงบริเวณที่เขามักจะเห็นพ่อกับแม่ของบูมมาส่งบูมเป็นประจำ ไม่นานนักรถเก๋งยุโรปสุดหรูก็วิ่งเข้ามาจอด ในเวลาที่เกือบจะเหมือนเดิมเป๊ะ จนทิวอดสงสัยไม่ได้ว่าที่บ้านของบูมบอกเวลากันเป็นวินาทีหรือเปล่า

พอเห็นบูมลงมาทิวก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยถือกระเป๋าเรียนทันทีเพราะเขารู้ว่าบูมคงถือไม่ถนัด บูมดูจะแปลกใจมากทีเดียวที่เห็นทิวมารอช่วยแต่ก็ยิ้มให้ด้วยดีใจและรู้สึกขอบคุณ ดีหน่อยที่วันนี้ทิวไม่ต้องช่วยพยุงเพราะบูมมีไม้คำยันมาด้วย

บูมกับทิวสวัสดีแม่ของบูมแล้วก็พากันเดินขึ้นมาบนห้องเรียน ระหว่างที่เดินขึ้นมาอย่างช้าๆ บูมก็ถาม

"นายมารอเราเหรอ"

ทิวพยักหน้าพลางยิ้ม "เดี๋ยวไม่มีใครช่วยนายถือกระเป๋าไง"

ได้ยินแล้วบูมก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ทิวเป็นคนดีมีน้ำใจมากกว่าที่คิดไว้เสียอีก

"ขอบคุณนะทิว" บูมบอกพลางยิ้ม เดินขึ้นไปสักพัก เหมือนบูมจะนึกอะไรได้ก็เลยหยุดแล้วหันมามองเพื่อน

"เราขอโทษนะทิว"

ทิวเลิกคิ้วด้วยความสงสัย "ขอโทษเรื่องอะไรเหรอ"

"ก็ที่เราเคยทำไม่ดีกับนายไง"

นั่นแหละทิวถึงได้ร้องอ๋อ "อ๋อ.... เฮ้ย ไม่ต้องคิดมากหรอก ไม่เห็นมีอะไรเลย นิดเดียวเอง เราไม่เก็บเอามาใส่ใจหรอก" ทิวบอกพลางเอามือไปตบไหล่เพื่อน

บูมยิ้มดีใจกับมิตรภาพใหม่ที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้พบจากโรงเรียนที่เขาเพิ่งย้ายเข้ามาได้ไม่นานนี้

"เรารู้แล้วล่ะว่าวันนั้นนายไม่ได้แกล้งเราหรอก" บูมเอ่ยออกมาหลังจากที่เงียบไปพักหนึ่ง ทิวหัวเราะเบาๆ

"นายไม่โกรธพวกนั้นเหรอที่โยนความผิดให้นาย" บูมถามพลางค่อยๆ ก้าวเท้าขึ้นบันไดต่อ

"เราไม่ถือสาพวกมันหรอก ช่างเถอะ มันผ่านไปแล้ว" ทิวบอกแค่นั้น บูมขมวดคิ้วด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ

เด็กนักเรียนคนอื่นๆ เริ่มทยอยกันมาบ้างแล้วล่ะ บูมกับทิวจึงเดินขึ้นไปเงียบๆ โดยไม่ได้คุยอะไรเป็นเรื่องเป็นราวมากนัก

"วันนี้นายไม่ต้องไปเข้าแถวหรอก เดี๋ยวเราบอกครูให้"

ทิวบอกเมื่อมาส่งบูมถึงโต๊ะเรียนแล้ว จากนั้นก็เดินมาค้นหากระดาษจากกระเป๋าเป้ของตัวเอง พอหาเจอแล้วก็เดินเอาไปยื่นส่งให้บูม

"เนื้อเพลงที่เราบอกจะเอามาให้ไง"

"ขอบคุณนะทิว"

บูมบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพลางรับกระดาษเนื้อเพลงที่ทิวพิมพ์มาให้ เขาเพิ่งนึกได้เดี๋ยวนี้เองว่าเนื้อเพลงนั้นมันช่างตรงกับความรู้สึกของเขาตอนนี้เสียจริงๆ

"จะกินอะไรไหมเดี๋ยวเราลงไปซื้อมาให้" ทิวถาม

เพื่อนๆ ที่เดินเข้ามาในห้องต่างก็มองเขากับบูมแปลกๆ เพราะคงไม่มีใครคิดว่าเขากับบูมจะสนิทกันได้เร็วขนาดนี้ เมื่อไม่กี่วันมานี้ยังทำหน้ายักษ์ใส่กันอยู่เลย

บูมส่ายหน้า "ไม่เป็นไรหรอก เรากินข้าวเช้ามาแล้ว แม่ไม่ค่อยชอบให้เรากินจุกจิก เดี๋ยวอ้วน"

"อ๋อ...งั้นนายอยู่นี่ก่อนละกัน เราต้องลงไปทำเวรข้างล่าง วันนี้เวรเรา ไปช้าเดี๋ยวถูกรุ่นพี่จดชื่อ แต่นายเตรียมตัวไว้นะ หลังเที่ยงแล้วเจอกัน" ทิวบอกพลางเดินมาจับมือเพื่อนเป็นการให้คำมั่นสัญญา

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


หลังจากกินข้าวเที่ยงแล้วทิวก็พาบูมไปที่ห้องดนตรีทันที ตอนนี้ยังไม่ค่อยมีคนอยู่ในห้องเพราะส่วนใหญ่ยังกินข้าวกันอยู่ ทิวรีบไปจองคีย์บอร์ดตัวหนึ่งที่อยู่ตรงมุมห้อง เขามักจะใช้คีย์บอร์ดตัวนี้ในการวอร์มเสียงก่อนร้องเพลงอยู่บ่อยๆ

"อันดับแรก เราว่านายร้องให้เราฟังก่อนดีกว่า เอาท่อนที่นายจำได้ดีที่สุดก่อนก็ได้ เราจะได้รู้ว่าเนื้อเสียงนายเวลาร้องเพลงแล้วเป็นยังไง" นั่นคือสิ่งแรกที่ทิวขอให้เพื่อนช่วยทำก่อนเมื่อนั่งประจำที่แล้ว

บูมดูประหม่าทีเดียว เขาเหลียวมองไปรอบๆ ห้องเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ แถวนี้ แต่ก็เห็นเด็กนักเรียนคนอื่นๆ ทยอยเข้ามาบ้างแล้ว แต่ส่วนมากก็คุยกับมากกว่าที่จะลงมือซ้อมดนตรี

"เอาตอนนี้เลยเหรอ" บูมถามย้ำอย่างไม่ค่อยมั่นใจ

ทิวพยักหน้า

"เอาท่อนฮุกละกันนะ" บูมบอกแล้วสูดลมหายใจยาว ก่อนจะร้องเปล่งเสียงร้องออกมา

"ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ เธอคือกำลังใจเดียวที่มีไม่ว่านาทีไหนๆ" แล้วบูมก็หยุดขำ

เขาหันไปมองรอบๆ นึกว่าจะมีใครหันมาสนใจบ้าง แต่ทุกคนก็ยังยืนคุยกันอยู่เหมือนไม่มีใครสนใจหรือได้ยินเสียงร้องเพลงเมื่อสักครู่นี้ ทำให้บูมรู้สึกประหม่าน้อยลง

"เป็นไง แย่ใช่ไหมล่ะ" บูมยิ้มอายๆ เพราะเขาไม่มั่นใจจริงๆ ว่าเขาจะร้องเพลงได้ดี

"ใครว่าล่ะ เราว่าเสียงนายมีเอกลักษณ์น่าสนใจมากๆ เลยรู้ปะ"

ทิวบอกด้วยท่าทางเหมือนแมวมองที่กำลังเจอช้างเผือกยังไงยังงั้นเลย ทำให้บูมรู้สึกมีกำลังใจขึ้นอีกไม่น้อย

"นายอำหรือเปล่า เราว่าเสียงเราแย่มากเลยนะ" บูมถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

"ไม่หรอก โอเคเลยล่ะ กำลังเสียงนายอาจจะไม่ยังไม่ค่อยดีในตอนนี้ แล้วก็เพี้ยนพอดู แต่มันฝึกได้ เราว่าเนื้อเสียงของนายน่าสนใจมากๆ เราว่ามันเหมาะกับเพลงรักๆ โรแมนติกๆ นะ"

ได้ยินแบบนั้นแล้วก็ยิ่งทำให้บูมมีกำลังใจมากขึ้นจนเขาเผลอยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง แววตาเป็นประกายวิบไหว

"เรามาร้องท่อนอื่นกันดีกว่า นายจำเมโลดี้ได้ทั้งหมดหรือยัง"

บูมส่ายหน้า

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจะเล่นคีย์บอร์ดเป็นเมโลดี้ให้ นายร้องตามนะ จะได้ฝึก Ear Training ไปด้วย"

บูมพยักหน้า ทิวเริ่มกดเล่นเมโลดี้เพลง บูมยังเข้าได้ไม่ตรงคีย์นัก ทิวจึงให้บูมลองเข้าประโยคแรกอยู่สองสามครั้ง จนเขาสามารถร้องได้ตรงคีย์มากขึ้น จึงค่อยๆ ไล่ไปประโยคและท่อนอื่นๆ ในเพลง

เมื่อรู้ว่าการร้องเพลงของเขาไม่แย่อย่างที่คิด บูมก็เริ่มมีความหวังว่าเขาจะได้ค้นพบความสามารถใหม่ ก็ไม่รู้หรอกว่าท้ายที่สุดนี้เขาจะใช้ความสามารถนี้ไปทำอะไรได้บ้าง พ่อกับแม่คงไม่ยอมให้เป็นนักร้องอย่างแน่นอน แต่บูมก็รู้สึกว่ามันทำให้บูมมีความสุขมากทีเดียว อย่าเพิ่งไปนึกถึงอะไรอย่างอื่นเลย อย่างน้อยๆ เขาก็จะได้มีความสามารถพิเศษเหมือนเพื่อนๆ คนอื่นๆ บ้าง ไม่ใช่แค่เรื่องเรียนอย่างเดียว

ขณะที่ทิวกำลังสอนบูมร้องเพลงอยู่นั้น พี่ปี๊ดประธานชมรมดนตรีก็เดินเข้ามาดูพอดี "เฮ้ยทิว มึงพาใครมาสอนร้องเพลงวะวันนี้"

ทิวกับบูมหยุดแล้วก็หันไปมองตามเสียง ทิวดูจะตกใจนิดๆ เพราะยังไม่ได้ขออนุญาตพี่ปี๊ดเลย

"เพื่อนในห้องผมครับพี่ปี๊ด ชื่อบูมครับ เพิ่งย้ายมาใหม่" ทิวถือโอกาสแนะนำเสียเลย

"อ๋อ... ไอ้น้องนี่เอง แล้วจะไหวไหมเนี่ย เล่นดนตรีก็ไม่ได้ ร้องเพลงก็ไม่เป็น" พี่ปี๊ดเห็นหน้าปุ๊บก็จำได้ปั๊บ เพราะเขาเป็นคนไล่ตะเพิดบูมเองตอนที่บูมไปขอสมัคร

"พอได้อยู่พี่ ผมว่าฝึกอีกหน่อยก็มาอยู่ชมรมเราได้ เนื้อเสียงดีใช้ได้เลยครับ" ทิวรีบอวด

"พี่อยากฟังหรือเปล่าครับ" ทิวถามต่อ บูมแอบเอามือมาสะกิดว่ายังไม่ต้องก็ได้เพราะเขายังไม่มั่นใจขนาดนั้น

"เฮ้ย ยังๆ เอาไว้ก่อนละกัน วันนี้พี่มีธุระต้องเคลียร์เอกสารชมรมก่อน ตามสบายละกัน" พี่ปี๊ดบอกแล้วก็รีบเดินออกไป

ทิวดูนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าใกล้จะบ่ายโมงแล้ว สงสัยคงต้องพักไว้ก่อน

"วันนี้เอาเท่านี้ก่อนละกันนะบูม เดี๋ยวจะไปเรียนไม่ทัน พรุ่งนี้ค่อยมาต่อกันใหม่ เดี๋ยวเราจะสอนนายเรื่องการหายใจแล้วก็การวอร์มเสียงด้วย"

บูมพยักหน้า

"โอเคเพื่อน พรุ่งนี้เรามาซ้อมกันใหม่ ขอบคุณทิวมากนะที่ช่วยสอนเราวันนี้"

การได้เรียกใครสักคนว่าเพื่อนในตอนนี้ สำหรับบูมแล้วมันวิเศษที่สุดในชีวิตเลยล่ะ เขาอยากมีเพื่อนแบบนี้มานานแล้ว ที่ผ่านมา เขาเจอแต่เพื่อนที่แค่เล่นๆ สนุกกันไปวันๆ ไม่ค่อยมีสาระ แต่เมื่อเจอทิวแล้ว บูมก็รู้สึกต่างออกไป เขารู้สึกว่าทิวไม่ใช่เพื่อนอย่างที่เขาเคยมี ทิวน่าจะเป็นเพื่อนที่เขาสามารถคบได้ลึกซึ้งมากกว่าแค่เล่นสนุก เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

"ไม่เป็นไร เห็นนายมีความสุขเราก็ดีใจแล้ว"

ทิวบอกอย่างที่รู้สึก เขาเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวของบูมบ้างแล้ว อย่างน้อยก็เห็นรอยยิ้มของบูมที่ก่อนหน้านี้ไม่ต่างจากของมีค่าที่หาได้ยากยิ่ง ทิวคิดว่าเสียงเพลงนี่แหละที่จะช่วยเปลี่ยนชีวิตของบูมได้เหมือนกับที่เคยเปลี่ยนชีวิตของทิวมาแล้ว

TBC
หัวข้อ: Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 06-03-2012 08:13:25
ไม่แน่ใจว่าเอารูปมาใส่ประกอบแบบนี้ได้หรือเปล่าครับ ถ้าไม่ได้จะได้เอาออก เป็นรูปดาราครับ
หัวข้อ: Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 06-03-2012 11:03:06
จะติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 06-03-2012 11:40:33
บวกเป็นกำลังใจให้จ้า

แต่ถามนิดนึง มาม่าน้ำตาแตกมากไหมอ่า >"< กลัว
หัวข้อ: Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 06-03-2012 13:28:25
อ่านผ่าน ๆ แบบเร็ว ๆ คือจะบอกว่าแต่งดีค่ะ  พล็อตเรื่องก็ดีด้วย  ชอบเลยแหละ
แต่ดูเหมือนจะดราม่ามากมาย  อืออ  จริง ๆ แล้วช่วงนี้หัวใจอ่อนแอ
ภูมิต้านทานดราม่าต่ำนะเนี่ยะ  จะไหวมั๊ยน๊อเรา
หัวข้อ: Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
เริ่มหัวข้อโดย: Ebsilon ที่ 06-03-2012 20:39:26
"ฉันดีใจที่มีเทอ"

เข้ามาให้กำลังใจคนเขียนครับ
หัวข้อ: Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 06-03-2012 21:13:35
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 05 ✦ นักร้องใหม่วง Zenith

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


"เฮ้ย พวกมึงเห็นบูมปะวะ" มาถึงโรงเรียนตอนเช้าทิวก็ถามหาเพื่อนใหม่ที่เพิ่งสนิทกันได้ไม่นานก่อนใคร

"จะเกินไปแล้วโว้ย ตั้งแต่สนิทกับไอ้บูม ลืมพวกกูไปเลยนะมึง ไม่คิดจะถามหาพวกกูมั่งเหรอวะ" เอกทำเสียงประชด

"ลืมห่าอะไรล่ะ พูดดีๆ นะมึง เดี๋ยวบ้องให้ มึงไม่เห็นหรือไงว่ามันขาเจ็บอยู่ กูต้องช่วยดูแลมันหน่อย คิดไรวะ"

"ไม่ต้องไปดูแลมันแล้ว วันนี้มันไม่ได้ใช้ไม้คำยัน โน่น กูเห็นมันเดินไปข้างหลังโรงเรียนคนเดียว ไม่รู้ไปทำอะไร" อุ้ยว่าพลางชี้บอก

ทิวขมวดคิ้วสงสัย "เออๆ ขอบใจนะเว้ย เดี๋ยวมา"

พูดจบทิวก็ทำท่าจะวิ่งออกไป ก่อนหยุดชะงักเพราะมีเพื่อนอีกคนเรียกไว้ "เดี๋ยว...อย่าเพิ่งไป"

ทิวเบรกแทบไม่ทันพลางหันกลับมามองคนเรียกอย่างสงสัย ต้องนั่นเอง

"มีอะไรวะ"

"มึงช่วยดูๆ มันหน่อยละกัน กูว่ามันเหมือนเด็กมีปัญหาว่ะ พวกกูเคยพยายามคุยกับมันแล้ว แต่มันไม่ค่อยพูดแล้วก็ไม่ค่อยคุยกับพวกกู สงสัยมันคงชอบคุยกับมึงมากว่า ฝากบอกมันด้วยละกัน ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกเพื่อนๆ ได้ ไม่ต้องเกรงใจ"

ทิวยิ้มให้ต้องด้วยความตื้นตันใจ ถึงมันจะห่ามๆ และกวนๆ ไปบ้าง แต่มันก็เป็นคนมีน้ำใจและคิดดีกับเพื่อนเสมอ แม้กระทั่งกับเพื่อนที่มันไม่ค่อยสนิทด้วยก็ตาม

"เออๆ ไม่ต้องห่วง ไหนๆ บูมก็จะมาเป็นเพื่อนกับเราอีกอย่างน้อยสามปีอยู่แล้ว เราก็ต้องดูแลมันเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ นั่นแหละ" วันนี้ทิวกับเพื่อนแปลกไปจริงๆ ด้วยที่คุยเรื่องมีสาระก็เป็น ปกติมีแต่คุยเรื่องสนุกสนาน

ทิวยิ้มให้กับเพื่อนๆ อีกครั้งแล้วก็วิ่งลงมาที่ตึกด้านหลังโรงเรียน สอดส่ายสายตาหาบูมแต่ก็ไม่เจอว่าอยู่ตรงไหน อดสงสัยไม่ได้ว่าบูมมาทำอะไรที่หลังโรงเรียน ปกติมักจะเห็นอ่านหนังสือเรียนอยู่ตามโต๊ะม้าหินอ่อนหรือไม่ก็บนห้อง

มองไปมองมา ทิวก็ได้ยินเสียงเหมือนคนร้องเพลงมาจากที่ไหนสักแห่ง พอตามเสียงไปเรื่อยๆ ก็เห็นบูมแอบร้องเพลงอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งพร้อมกับถือกระดาษแผ่นหนึ่งไว้ด้วย ทิวเข้าใจว่าน่าจะเป็นเนื้อเพลงที่เขาพิมพ์ให้เมื่อวาน ดูท่าทางบูมมีความสุขทีเดียว

ทิวไม่เข้าไปทักเพื่อนในทันที แต่แอบมองและยิ้มด้วยความชื่นชมในความพยายามของเพื่อน ไม่เสียแรงที่เขาอุตส่าห์ลงทุนสอนด้วยตัวเอง นี่ถ้าเป็นคนอื่น เขาต้องคอยตามคอยจี้กว่าจะร้องแต่ละเพลงให้ได้อย่างใจ แต่กับบูม เพิ่งสอนไปแค่วันเดียวเองแท้ๆ ทิวกลับได้เห็นความตั้งใจจริงตั้งแต่วันแรกเลย

พอบูมร้องเพลงจบ ทิวก็ปรบมือให้

"เฮ้ย มาตั้งแต่เมื่อไร" บูมหันมามองอย่างตกใจและมีท่าทางเขินอาย

"ก็มาทันฟังนายร้องท่อนฮุกแล้วก็ท่อนจบเมื่อกี้นั่นแหละ ใช้ได้เลยบูม นี่ขนาดไม่ค่อยได้ร้องเพลงนะเนี่ย" ทิวชมพลางเดินเข้าไปใกล้

"จริงเหรอ" บูมยิ้มอย่างไม่ค่อยมั่นใจ "เราคิดว่าเราต้องหาเวลาซ้อมบ้าง แค่ซ้อมกับนายอย่างเดียวคงไม่พอหรอก แต่ว่าเราซ้อมที่บ้านไม่ได้ ก็เลยว่าจะซ้อมตอนเช้าๆ ที่โรงเรียนด้วย"

ทิวรับฟังแล้วพยักหน้าเข้าใจ จริงๆ ร้องเพลงตอนเช้าอาจไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะช่วงนี้เสียงจะยังมาไม่เต็มที่ ถ้าวอร์มเสียงไม่เป็นอาจทำให้เส้นเสียงเสียได้ แต่ถ้าบูมไม่สะดวกเวลาอื่นตอนเช้าก็คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

"แบบนี้คนสอนก็ปลื้มแย่เลย คนเรียนตั้งใจซะขนาดนี้ ตั้งแต่สอนร้องเพลงให้พวกสมาชิกในชมรมดนตรีมา เพิ่งเห็นนายนี่แหละที่ตั้งใจซ้อมจริงๆ" ทิวชมจากใจจริง

บูมยิ้มอีก เขาเริ่มยิ้มได้มากขึ้นในช่วงหลังๆ มานี้ ตั้งแต่ที่เริ่มมีทิวเข้ามาเป็นเพื่อนนั่นแหละ

"นายว่าเราจะเข้าเป็นสมาชิกในชมรมดนตรีได้ไหม" บูมถามด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ

ทิวพยักหน้า "ทำไมจะไม่ได้ล่ะบูม เราเชื่อว่านายทำได้แน่นอน"

"แล้วนายคิดว่า....เสียงอย่างเรา...จะมีโอกาสขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีกับเขาไหม"

ทิวพยักหน้าอีก "ได้สิ...เราจะพาให้นายไปถึงวันนั้นให้ได้ ถ้านายไม่ท้อเสียก่อนนะ ไม่ต้องห่วง เห็นนายตั้งใจแบบนี้เราเต็มที่อยู่แล้ว เชื่อมือเราได้เลย"

ไม่รู้ว่าทิวตามฝาดหรือเปล่า นอกจากเขาจะเห็นบูมยิ้มดีใจและมีความหวังแล้วก็ยังเห็นหยดน้ำตาที่มันค่อยๆ ไหลลงมาจากจากตาของบูมด้วย พอเพ่งดูดีๆ ทิวก็พบว่าเขาไม่ได้ตาฝาดไปจริงๆ ด้วย บูมกำลังร้องไห้เบาๆ อยู่

"นายเป็นไรหรือเปล่าบูม" ทิวถามด้วยความเป็นห่วง

"เปล่า เราแค่ดีใจ...ที่เรา...เพิ่งเคยมีเพื่อนดีๆ แบบนี้" พูดจบบูมก็ดึงทิวเข้าไปกอด

ทิวทำให้บูมได้รู้ตัวว่าชีวิตที่ผ่านมาของเขาช่างอ้างว้างเดียวดายเหลือเกิน บูมรู้สึกเหงา ขาดที่พึ่งทางใจ ขาดความอบอุ่นแม้ว่าครอบครัวเขาจะมีครบพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง แต่กลับขาดคนที่จะรับฟังและเข้าใจบูมอย่างแท้จริง

ทิวออกจะตกใจและสงสัยอยู่เหมือนกัน แต่ก็กอดตอบและตบหลังเพื่อนเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ

"ไม่ต้องห่วงนะบูม นายเป็นเพื่อนของพวกเราแล้ว นายมีอะไรไม่สบายใจก็บอกพวกเราได้ อย่างน้อยนายก็จะต้องอยู่กับพวกเราอีกตั้งสามปีนะ เพื่อนๆ ในห้องทุกคนก็อยากเป็นเพื่อนกับนาย มีอะไรก็บอกพวกเราได้นะบูม ไม่ต้องเกรงใจ"

ได้ฟังแล้วบูมก็อดที่จะกอดทิวแน่นขึ้นอีกหน่อยไม่ได้ รู้สึกซาบซึ้งใจที่มีคนเข้าใจบูมบ้าง สักพักบูมจึงปล่อยทิวออกจากอ้อมแขน ปกติบูมไม่เคยร้องให้เลย ไม่ว่าจะโดนกดดันหรือบีบคั้นมากแค่ไหน เขาเก็บกดไว้มากจนคิดว่าในไม่ช้ามันก็คงต้องระเบิดออกมา เหมือนอย่างในวันนี้ที่เขาเพิ่งรู้ว่าเขาเก็บกดความเหงาและอ้างว้างไว้ในใจมากมายเพียงใด

"ขอบคุณมากทิว อ้อ...เมื่อเช้าเราแวะซื้อขนมร้านโปรดมาฝากพวกนายด้วย เรายังไม่ให้พวกนั้นกินเพราะว่านายยังไม่มา เดี๋ยวเราไปเอามาแบ่งเพื่อนๆ กินกันนะ"

ทิวพยักหน้าอย่างดีใจ

"นายไม่ใช้ไม้ค้ำแล้วเหรอ เดินไหวหรือเปล่า" ทิวถามพลางก้มมองดูที่ขาของเพื่อนที่ยังมีผ้าพันแผลแปะอยู่ตรงหัวเข่าที่ถลอกเป็นแผล

"ไม่เป็นไรแล้วล่ะ เราไปหาหมอมาเมื่อวาน สงสัยยาที่ให้มากินคงดีด้วยมั้ง ก็เลยหายไว" บูมพูดแล้วก็เริ่มออกเดิน

โรงพยาบาลที่บูมไปมาเมื่อวานนั้นเป็นโรงพยาบาลเอกชนอย่างดีที่พ่อกับแม่ใช้บริการเป็นประจำ ด้วยกำลังเงินและฐานะของครอบครัว พ่อกับแม่สรรหาสิ่งที่ดีที่สุดให้บูมเสมอไม่ว่าจะใช้เงินมากขนาดไหนก็ตาม แต่ที่เห็นเขาใช้โทรศัพท์เชยๆ นั้นเป็นเพราะพ่อกับแม่เกรงว่าโทรศัพท์ดีๆ หรูๆ ที่มันทำได้หลายอย่างจะทำให้เขาเสียคน บูมก็อยากได้โทรศัพท์ที่ดูทันสมัยเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ตามประสาวัยรุ่น แต่ก็เถียงพ่อกับแม่ไม่ได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

บูมกับทิวช่วยกันถือถุงขนมจากร้านมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งลงมาจากห้องเรียน แล้วเอามาแบ่งเพื่อนๆ ที่มานั่งแซวสาวๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมาอยู่บริเวณทางเข้าหน้าโรงเรียนเล่น พวกเพื่อนๆ ดีใจกันใหญ่ที่อยู่ดีๆ ก็มีลาภปากตั้งแต่เช้า

"โห จากร้านนี้เลยเหรอ อยากกินมานานแล้ว แต่ไม่มีปัญญาซื้อ" มัสมั่นดูจะตาโตดีใจกว่าใครเพื่อน

"เขาระดับไหนแล้วมึง ไม่เห็นเหรอว่าพ่อกับแม่มันขับรถเบ็นซ์มาส่งทุกวัน เขาก็ต้องกินของมีระดับสมฐานะเขาหน่อยสิ" เอกว่าพลางกินอย่างเอร็ดอร่อย

"กูว่ามันเป็นขนมปังที่อร่อยที่สุดเท่าที่กูเคยกินมาเลยว่ะ" ช้างเป็นปลื้มด้วยคน เจ้าหมอนี่ตอนแรกๆ มันไม่ได้ชื่อช้างหรอก แต่ด้วยความที่มันกินเยอะจนอ้วน หลังๆ เพื่อนๆ ก็เลยเรียกมันไอ้ช้าง และด้วยความที่มันชอบเดินเขกหัวเพื่อนๆ เวลาอยู่ในห้องเรียน เพื่อนๆ ก็เลยเรียกมันว่าไอ้ช้างเกเรไปด้วย

"บูมไม่กินเหรอ" ทิวหันไปถามบูมที่ยืนยิ้มอย่างปลาบปลื้มใจที่เห็นเพื่อนๆ ชอบขนมที่เขาซื้อมาฝาก

"กินแล้ว ตามสบายเลย ซื้อมาฝากพวกนายนั่นแหละ"

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

ตั้งแต่บูมมีทิวเป็นเพื่อนสนิท บูมก็ดูจะเข้ากับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้ง่ายขึ้นไปด้วย แต่ไม่ว่าจะยังไง บูมก็ชอบไปไหนมาไหนกับทิวมากกว่า กลายเป็นคู่หูดูโอ้คู่ใหม่ของโรงเรียนไปเลย

ตอนเที่ยงหลังกินข้าว ถ้าไม่มีธุระอื่นที่สำคัญ ทิวก็ยังคงช่วยสอนบูมร้องเพลงเสมอ จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งเดือนเศษๆ ทิวก็ทำให้บูมต้องประหลาดใจสุดๆ เพราะแทนที่จะพาบูมมานั่งฝึกร้องเพลงอย่างเคย ทิวกลับพามาที่ห้องซ้อมดนตรีของชมรมแทน

พอเปิดประตูเข้าไปทิวก็รีบขอโทษขอโพยนักดนตรีที่กำลังรออยู่ยกใหญ่ "มาแล้วๆๆ ขอโทษจริงๆ ครับที่มาช้า"

"เออๆ ไม่เป็นไรเว้ย เร็วๆ เข้า เดี๋ยวจะต้องไปเรียนแล้ว" ต้าบอกพลางหันไปเช็คสายแจ๊คที่เสียบกับเบสที่เขาถืออยู่

"ไหนล่ะนักร้องใหม่ของมึง" เพ้งถามพลางสอดส่ายสายตามองหานักร้องใหม่ที่ทิวบอกว่าจะให้มาลองร้องเพลงดู

"นี่ไง บูม เข้ามาสิ" ทิวบอกพลางเดินไปจูงแขนเพื่อนที่ยืนงงๆ เข้ามาในห้อง แล้วก็แนะนำให้เพื่อนๆ ในวงรู้จัก

"นี่บูมนะครับ บูม นี่เพ้ง มือกีตาร์ พี่ต้า มือเบส พี่ออย มือกลอง แล้วก็ซิท มือคีย์บอร์ด ทั้งหมดนี้อยู่ในวงอะไรนะครับ" ตอนหลังทิวหันไปถามเพื่อนๆ นักดนตรีด้วยกัน

"Zenith ครับ" เพื่อนๆ นักดนตรีตอบพร้อมกันพลางหัวเราะ

วง Zenith นั้นเป็นการรวมตัวกันของนักดนตรีมือเจ๋งๆ ที่พี่ปี๊ดคัดมาเองกับมือ มีทั้งที่อายุเท่ากันและต่างกันจากหลายๆ ห้อง ที่น่าแปลกก็คือในชมรมดนตรี ไม่มีเพื่อนสมาชิกจากห้องของทิวเลยแม้แต่คนเดียว

"แล้วนายพาเรามาที่นี่ทำไมเหรอ" บูมแอบถามทิวอย่างงงๆ

"ให้มาเทสต์เสียงไงล่ะ" ทิวกระซิบบอก

บูมอ้าปากค้างตาโต "จริงเหรอ"

ทิวพยักหน้า บูมดีใจจนถึงกับกระโดดกอดคอเพื่อน "ขอบใจมากทิว"

"อ้าว มัวแต่ดีใจอยู่นั่นแหละ ให้ไวเลย เหลือไม่ถึง 20 นาทีแล้วนะโว้ย" ต้าบ่น แต่สีหน้าก็ไม่จริงจังนัก

"ครับๆๆๆ" บูมรีบรับคำอย่างเร็วไว แล้วก็วิ่งมาที่ไมโครโฟนที่ตั้งไว้ให้ แล้วก็หันมาถามทิวว่า "จะให้เราร้องเพลงอะไรล่ะ"

"ก็เพลงที่นายซ้อมมาเป็นเดือนนั่นแหละ" ทิวบอก

"แล้วพี่ๆ เขาซ้อมกันมาแล้วเหรอ" บูมถามอย่างไม่แน่ใจ

"เออ" เสียงนักดนตรีข้างหลังตอบมาพร้อมกัน

บูมหันไปหัวเราะกับพวกเขาด้วย ไม่รู้หรอกว่าทิวไปจัดการเรื่องนี้ให้เขาตั้งแต่เมื่อไร แต่เขาโคตรจะดีใจเลย ดีใจจนยิ้มแทบไม่หุบเลยล่ะ

"เต็มที่เลยนะบูม เราจะถ่ายวิดีโอนี้ไว้ด้วย เอาไปให้พี่ปี๊ดดู รับรอง นายได้เข้าชมรมดนตรีในตำแหน่งนักร้องชัวร์" ทิวให้กำลังใจ พลางหยิบไอโฟนขึ้นมาเตรียมไว้

เสียงดนตรีดังขึ้นแล้ว ดนตรีมันดูแปลกๆ ไปเล็กน้อยเพราะทิวบอกให้วง Zenith เรียบเรียงดนตรีใหม่ให้มีจังหวะทันสมัยขึ้น ไม่ใช่เวอร์ชั่นอะคูสติกตามต้นฉบับเดิม

"ขึ้นตรงไหนน่ะ งง" บูมบอกพลางเกาหัว เสียงดนตรีหยุดลงตามไปด้วย

"โอเค เดี๋ยวเราให้สัญญาณละกัน เอาใหม่นะ"

ทิวบอกแล้วก็หยิบโทรศัพท์ตั้งท่าเตรียมถ่ายวิดีโออีกครั้ง

"จัดเต็มเลยนะเพื่อน" ทิวให้กำลังใจ ได้กำลังใจดีๆ แบบนี้ บูมสู้ไม่ถอยอยู่แล้ว

พออินโทรขึ้นไปได้สักพัก ทิวก็ให้สัญญาณมือว่าให้บูมเริ่มร้อง บูมขึ้นได้ถูกพอดี เขาดูงงๆ ในตอนแรกๆ บ้าง แต่พอร้องไปก็เริ่มมั่นใจมากขึ้น สามารถใส่อารมณ์และลูกเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ คงไม่โปรเท่ากับทิวหรอก แต่ก็เรียกได้ว่าดีที่สุดของบูมในตอนนี้แล้วล่ะ

"ฉันก็รู้และฉันอุ่นใจ ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่...กับฉัน"

เพลงจบลงแล้ว ทิวและเพื่อนๆ นักดนตรีปรบมือชอบใจกันใหญ่

"เยี่ยมเลยบูม" น้ำเสียงดีใจของทิวทำให้บูมหัวใจพองโตจนแทบจะลอยได้เลยทีเดียว

"ใช้ได้เลยบูม ยินดีต้อนรับนักร้องนำคนใหม่ไว้ล่วงหน้าเลยละกัน" พี่ต้าบอกพลางเดินมาตบไหล่เขาเบาๆ คนอื่นๆ ก็เดินมาตบไหล่และชมเขาเช่นกัน

เราอยากจะบอกว่าเราโคตรรักนายเลยว่ะทิว ขอบใจสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่นายช่วยทำให้เรานะทิว บูมคิดในใจ สายตาที่เขามองมาที่ทิวนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างล้นเหลือ ต่างคนต่างยิ้มให้กันอย่างมีความสุข นี่คงจะเป็นอีกหนึ่งความทรงจำในชีวิตที่จะต้องจดจำไปอีกนานแสนนาน

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

เลิกเรียนแล้วทิวไม่ได้ลงwxเล่นเตะบอลเหมือนเคย แต่รีบวิ่งไปที่ชมรมดนตรีและตรงดิ่งไปหาพี่ปี๊ด รุ่นพี่ ม.6 ประธานชมรมดนตรีอย่างรีบร้อน เพราะกลัวพี่ปี๊ดจะไม่อยู่เสียก่อน

"พี่ปี๊ด ผมมีอะไรมาให้พี่ดูแน่ะ พี่พอมีเวลาหรือเปล่า" ทิวบอกพลางหอบแฮ่กๆ หน้าโต๊ะทำงานของพี่ปี๊ด

พี่ปี๊ดหันมามองและทำสีหน้าสงสัยในท่าทางตื่นเต้นโดยไม่รู้สาเหตุของทิว "ได้ๆ มีอะไรเหรอ แต่ไม่นานนะ เดี๋ยวพี่จะต้องรีบกลับ พี่มีธุระกับที่บ้าน"

"ไม่นานพี่ ขอเวลาแค่ห้านาที ว่าแต่มีที่ที่มันเงียบกว่านี้ไหมครับ"

พี่ปี๊ดไม่ตอบทิวแต่กลับตะโกนเสียงดังๆ ไปทางข้างหลังแทน "เฮ้ย ช่วยเงียบๆ หน่อยแป๊บนึง"

เสียงซ้อมดนตรีเสียงคนคุยกันในชมรมก็เงียบลงทันที ทิวเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ ดึงเก้าอี้มานั่งแล้วก็หยิบโทรศัพท์ไอโฟนออกมาเปิดวิดีโอที่บูมร้องเพลงให้พี่ปี๊ดฟัง

"เป็นไงบ้างพี่"

พี่ปิ๊ดดูมีท่าทางสนใจมากทีเดียว

"เฮ้ย มีหูฟังปะ จะได้ฟังให้ชัดๆ"

ทิวรีบค้นกระเป๋าเป้แล้วหยิบหูฟังมาส่งให้รุ่นพี่ทันที พอได้ฟังจากหูฟังเท่านั้น พี่ปี๊ดก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อย

"ใช้ได้เลย คนสอนเก่งนะเนี่ย" พี่ปี๊ดหันมาบอกแล้วฟังต่อ ทิวยิ้มแทบไม่หุบเลยทีเดียว พอฟังจบพี่ปี๊ดก็ถาม

"มันยังสนใจที่จะเข้าชมรมหรือเปล่าวะ"

"สนใจสิพี่ บูมเขาซ้อมมาเป็นเดือนทุกวันเลยนะครับ ผมสอนเขาเองกับมือเลย เขาตั้งใจมากนะครับพี่ ผมยังไม่เคยเห็นใครตั้งใจเท่าบูมเลยตั้งแต่สอนร้องเพลงมา" ทิวได้โอกาศโฆษณาสรรพคุณเพื่อนใหม่ของเขาไปด้วย

"ดีๆ งั้นพรุ่งนี้ทิวพาบูมมาคุยกับพี่หน่อยละกัน"

"ได้เลยครับพี่ ขอบคุณพี่มากครับ" ทิวบอกอย่างดีใจแล้วก็รีบคว้าไอโฟนวิ่งออกไปข้างนอก ท่ามกลางความงุนงงของคนในชมรมว่าทิวรีบและดีใจอะไรนักหนา

ออกมาแล้วทิวก็โทรหาบูมทันทีเพราะทนรอที่จะบอกข่าวดีนี้ช้ากว่าอีกแค่วินาทีเดียวไม่ไหว

"จริงเหรอทิว นายพูดจริงเหรอ" บูมถามอย่างตื่นเต้นในขณะที่นั่งรถกลับบ้าน เขาแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองเลย

น้ำเสียงที่ผิดปกติไปเช่นนั้นทำให้พี่ชายหันมามองด้วยความสงสัย ปกติบีมไม่ค่อยได้เห็นน้องชายดีใจอย่างนี้เลย

บูมใช้มือป้องปากแล้วบอกทิวว่า "แค่นี้ก่อนนะ"

ทิวได้ยินเสียงกระซิบกระซาบก็เลยพอเดาได้ว่าน่าจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้บูมไม่สะดวกที่จะคุยตอนนี้จึงวางสายไป

"อะไรเหรอบูม ทำเสียงดีใจเชียว" บีมหันไปถาม

วันนี้พ่อกับแม่ไม่ว่างบีมจึงถูกบังคับให้ขับรถมารับน้องชายแทน ที่ต้องใช้คำว่าบังคับเพราะบีมเข้าหน้าน้องชายไม่ค่อยติดนักในช่วงหลังๆ ก็อย่างที่รู้ๆ กันในบ้านนั่นแหละ

"เปล่า" บูมตอบเสียงห้วนเช่นเคยแล้วก็ทำสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่ได้พูดดีๆ กับพี่ชายมาหลายปีแล้ว อยู่บ้านเดียวกันก็แทบจะนับคำที่ใช้คุยกันได้ บูมไม่ค่อยคุยกับคนในบ้านถ้าไม่จำเป็น โดยเฉพาะกับพี่ชายที่บูมยังเคืองๆ อยู่

บีมยิ้มนิดๆ แล้วก็ถอนหายใจ หลายปีมานี้ บ้านของพวกเขาดูไม่ค่อยจะเป็นเหมือนบ้านเลย มันดูอึดอัดและเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เคร่งเครียด ไม่ค่อยมีเสียงหัวเราะ ไม่ค่อยมีเสียงคุยกัน มันน่าอึดอัดจนแทบไม่อยากจะอยู่เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ช่วงหลังๆ มานี้บีมก็พอสังเกตเห็นว่าน้องชายดูหน้าตาสดใสมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร มันก็ทำให้บีมรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง เห็นน้องชายยิ้มได้แม้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ อย่างนี้บีมก็ดีใจแล้ว บีมอยากช่วยน้องชายให้หลุดพ้นจากพันธนาการความรักของพ่อแม่ที่ไม่ถูกต้องเสียที แต่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะช่วยได้ยังไง

TBC
หัวข้อ: Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
เริ่มหัวข้อโดย: Ebsilon ที่ 06-03-2012 21:50:40
รวดเร็วทันใจดีครับ

ขอบคุณนะครับ
หัวข้อ: Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 07-03-2012 17:30:32
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 06 ✦ น้องชายของบีม

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


ในที่สุดบูมก็ได้เข้ามาอยู่ในชมรมดนตรีสมใจอยาก แถมยังได้เป็นนักร้องนำคู่กับทิวด้วย แล้วก็ยิ่งโชคดีมากขึ้นไปอีกเมื่อทางโรงเรียนจะให้วง Zenith ไปร่วมแสดงในงานของกระทรวงศึกษาธิการที่เมืองทองธานีในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า บูมกับทิวจึงต้องซ้อมร้องเพลงด้วยกัน เพราะคราวนี้พี่ปี๊ดอยากเปลี่ยนรูปแบบการแสดงเป็นนักร้องคู่ดูโอ้ดูบ้าง ดูเหมือนพี่ปี๊ดจะพอใจคุณภาพการร้องเพลงของบูมมากจนถึงกับเลือกให้มาร้องเพลงคู่กับทิวเลย

ในช่วงนี้โรงเรียนให้ลดเวลาการสอนในช่วงบ่ายลงเพื่อให้นักเรียนที่จะต้องไปแสดงในงานมีเวลาซ้อมการแสดงมากขึ้น บูมจึงมีโอกาสฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ เขาพัฒนาไปได้มากทีเดียว อาจเป็นเพราะว่าคนที่เก็บกดมักจะมีพลังพิเศษบางอย่าง เมื่อถูกดึงออกมาใช้ในทางสร้างสรรค์จึงทำให้พัฒนาไปได้เร็ว ทิวไม่หวงวิชาเลย ถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างที่บูมควรรู้และทำเป็นในการร้องเพลงให้จนหมด ก็อย่างที่เขาบอกนั่นแหละ เห็นคนตั้งใจแบบนี้ ทิวก็พร้อมจะเต็มที่ด้วย

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

"แม่ครับ วันเสาร์นี้ ถ้าบูมเรียนพิเศษเสร็จแล้ว บูมขอไปเดินซื้อของกับเพื่อนนะครับ"

แม่ของบูมเงยหน้าขึ้นจากการกินข้าวแล้วก็มองบูมราวกับว่าเขาได้ทำสิ่งที่ผิดมหันต์

"ซื้ออะไร ซื้อไปทำไม"

ได้ยินน้ำเสียงแบบนั้นบูมก็หลบตาลงต่ำ

"ซื้อเสื้อผ้าครับ"

"แล้วที่มีอยู่ไม่พอหรือไง"

ไม่ใช่ว่าเธอจะขี้เหนียว เสื้อผ้าแต่ละตัวที่บูมใส่ก็ล้วนแล้วแต่มียี่ห้อและราคาแพงๆ ทั้งนั้น เพียงแต่เธอไม่เข้าใจที่บูมต้องไปซื้อกับเพื่อน เพราะที่ผ่านมาเธอหรือไม่ก็สามีจะเป็นคนพาไปซื้อเอง

ยังไม่ทันที่บูมจะได้ตอบอะไร เสียงของพี่ชายบูมก็ดังขึ้น เขาเพิ่งกลับมาจากมหาวิทยาลัยและบังเอิญได้ยินการสนทนาพอดี

"แม่ ให้บูมไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างเถอะครับ บูมยังเด็กเขาก็อยากจะเที่ยวสนุกตามประสากับเพื่อนๆ บ้าง"

แม่ของบูมหันขวับไปตามเสียงลูกชายคนโตทันที

"แล้วไม่คิดหรือไงว่าน้องมันจะไปเหลวไหลที่ไหน" แม่เริ่มเสียงแหว

บีมเดินมายืนข้างๆ น้องชายแล้วก็ถอนหายใจ

"โธ่แม่ แม่ไม่สงสารบูมบ้างเหรอครับ บูมยังเด็กอยู่นะครับแม่ ที่ผ่านมาบูมไม่เคยได้ทำอะไรตามที่วัยเขาควรจะได้ทำเลยนะครับ แม่ปล่อยบูมบ้างเถอะ แค่นี้บูมก็อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว"

บูมเงยหน้ามองพี่ชายด้วยสีหน้าราวกับจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด นี่เป็นครั้งแรกที่บีมลุกขึ้นมาเถียงแม่เรื่องนี้ บีมทนเห็นน้องชายถูกบังคับมานานจนทนไม่ไหว สงสารน้องชายจนต้องทำอะไรบางอย่างให้เกิดความเปลี่ยนแปลงบ้าง

"ปล่อยให้ไปทำตัวเหลวไหลเหมือนพี่ชายมันน่ะเหรอ แม่ไม่ยอมเป็นอันขาด" แม่เริ่มเสียงดัง

"แม่" บีมร้องเสียงดังที่ถูกพาดพิง

แต่เอาเถอะ ทุกวันนี้บีมก็ไม่มีอะไรจะต้องเสียมากกว่านี้แล้ว

"แม่เชื่อใจบูมบ้างสิครับ ที่ผ่านมา บูมเขาตั้งใจเรียนเพื่อครอบครัวของเรามาตลอด บูมเป็นเด็กดี ไม่เคยเกเร ตอนนี้บูมเขาโตแล้ว พ่อกับแม่ควรจะให้อิสระกับน้องบ้าง บูมเป็นผู้ชายนะครับแม่ เขาควรจะมีประสบการณ์เรียนรู้ชีวิตด้วยตัวเองได้แล้ว"

"นี่แกสอนแม่เหรอ" ถ้าแม่ใช้คำว่า "แก" เมื่อไรนั่นแสดงว่าแม่ไม่พอใจอย่างมากแล้วล่ะ แต่วันนี้บีมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น

"ผมขอโทษครับแม่ ผมไม่บังอาจถึงขนาดนั้น แต่ผมสงสารบูม แม่เห็นไหมครับว่าบูมไม่เคยยิ้ม ไม่เคยหัวเราะ ไม่เคยมีความสุขเลยเวลาอยู่บ้าน บ้านเราไม่เคยมีเสียงหัวเราะ ไม่เคยนั่งคุยกันพ่อแม่ลูกอย่างมีความสุขมานานแค่ไหนแล้ว แม่เห็นบ้างหรือเปล่า" บีมพูดเสียงสั่น เผลอๆ อาจมีร้องไห้กันได้

คุณทิพย์นภาอึ้งไปพอสมควร เมื่อทบทวนดูดีๆ แล้ว ในบ้านก็ไม่เคยมีสิ่งเหล่านี้อย่างที่บีมว่าจริงๆ แต่เธอก็มองหน้าลูกชายคนโตราวกับจะกินเลือดกินเนื้อที่บังอาจเถียงคำไม่ตกฟาก

บูมได้แต่มองหน้าพี่ชายและแม่สลับกันไปมา เกิดอะไรขึ้นพี่ชายของเขาจึงได้หมดความอดทนจนถึงขนาดนี้ ดีที่วันนี้พ่อยังไม่กลับบ้าน ไม่งั้นทั้งพ่อและแม่คงช่วยกันกดดันจนสองพี่น้องสู้ไม่ได้เลย

"สงสารน้องบ้างนะครับแม่ บูมอายุแค่นี้เอง พ่อกับแม่จะบังคับเขาไปถึงไหน"

บีมบอกแล้วก็เดินไปบีบไหล่น้องชายเพื่อให้กำลังใจ เขารู้ว่าน้องยังขุ่นเคืองใจกับเขาอยู่ แต่เขาก็ไม่โทษบูมหรอกที่คิดอย่างนั้น น้องยังเด็ก พอหาที่ลงไม่ได้ก็เลยเลือกที่จะโกรธพี่ชายที่ไม่เอาไหนแทน

บูมไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่กลับมองหน้าพี่ชายด้วยความซาบซึ้งใจ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าบีมจะกล้าหาญเถียงกับแม่ให้บูมอย่างนี้

คุณทิพย์นภาเงียบไปและเริ่มมีน้ำตามาคลอที่เบ้าตา

"ครอบครัวของเราเพิ่งผิดหวังจากแกมาไม่เท่าไร จะให้ต้องผิดหวังกับบูมอีกหรือไง" แม่พูดพลางร้องไห้

บีมเห็นแล้วก็รีบเดินไปหาแม่และนั่งคุกเข่าลงตรงเก้าอี้ที่ผู้ให้กำเนิดนั่งอยู่

"แม่เชื่อใจบูมเถอะนะครับ พ่อกับแม่เลี้ยงพวกเรามาตั้งแต่เด็กๆ ก็คงจะเห็นว่าบูมไม่ใช่เด็กเกเร ให้บูมได้มีชีวิตอิสระบ้าง ผมเชื่อว่าน้องเขาไม่ทำให้พวกเราผิดหวังหรอกครับ ถ้าแม่ไม่เชื่อใจ ผมจะไปเป็นเพื่อนบูมเอง ผมจะดูแลน้องของผมเอง ยังไงบูมก็เป็นน้องชายของผม ผมก็รักและเป็นห่วงเขาไม่ต่างจากพ่อกับแม่หรอกครับ ผมไม่ปล่อยให้น้องชายของผมไปทำอะไรไม่ดีให้พ่อแม่ต้องหนักใจ ผมสัญญานะครับแม่"

"พี่บีม..." บูมเรียกชื่อพี่ชายด้วยเสียงแผ่วเบา

ที่ผ่านมาบูมคิดไม่ดีกับพี่ชายคนนี้มาตลอด ไม่เคยคิดเลยว่าบีมจะคอยเฝ้าสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นและคอยเป็นห่วงเขามากขนาดนี้ คิดแล้วบูมก็ได้แต่รู้สึกผิด

"นะแม่ ให้บูมไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง แม่เชื่อใจบูมนะครับ" บีมขอร้องอีกครั้ง

แม่มองหน้าลูกชายสองคนด้วยสีหน้าที่อ่อนลง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก็น่าจะเป็นสัญญาณบอกได้อย่างหนึ่งว่าแม่ได้ยอมแล้ว แม้ว่าจะไม่ค่อยเต็มใจก็ตาม

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

บูมนั่งรถออกไปกับพี่ชายด้วยความรู้สึกสุขใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่รู้หรอกว่าพ่อกับแม่จะให้อิสระเขาได้อีกมากสักแค่ไหน แต่วันนี้เขาดีใจที่ได้ความรู้สึกดีๆ กับพี่ชายของเขาคืนมาแล้ว อย่างน้อยมันก็ทำให้บ้านหลังนี้น่าอยู่มากขึ้น

"พี่รู้สึกว่าหลังๆ บูมหน้าตาสดใสขึ้นนะ มีอะไรหรือเปล่า หรือว่ามีแฟนแล้ว" บีมถามขึ้นขณะที่ขับรถ

"อ๋อ...เปล่าครับ ยังไม่มีหรอก ถ้ามีขึ้นมาพ่อกับแม่คงเอาบูมตายเลย" บูมบอกพลางขำเล็กน้อย แต่อีกใจหนึ่งมันก็ไม่ขำหรอก

"ทีหลังถ้ามีอะไรแบบนี้ บอกพี่นะ เดี๋ยวพี่จะช่วยจัดการให้ พี่ไม่อยากเห็นบูมถูกพ่อกับแม่บังคับเรามากขนากนี้อีกแล้ว พี่ยอมรับว่าพี่ทนดูไม่ไหวจริงๆ พี่เคยเจอเหตุการณ์แบบนั้นมาก่อน พี่เข้าใจบูมดีว่าบูมรู้สึกยังไง"

"ครับ" บูมรับคำสั้นๆ รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้างที่รู้ว่าพี่ชายเข้าใจสิ่งที่บูมกำลังประสบอยู่

"ว่าแต่ไม่มีอะไรจะบอกพี่จริงๆ เหรอ" บีมถามย้ำ

"อ๋อ...คือ..."

"เล่ามาเถอะ...พี่ไม่บอกพ่อกับแม่หรอก" บีมพูดอย่างรู้ทัน

บูมมองหน้าพี่ชายเหมือนกับกำลังชั่งใจเป็นครั้งสุดท้าย แต่ก็คิดว่าเขาควรจะบอกพี่ชายเรื่องนี้

"พอดี...บูมเพิ่งได้เป็นนักร้องนำของวงดนตรีที่โรงเรียนครับ"

"จริงเหรอ" บีมพูดด้วยน้ำเสียงดีใจและแปลกใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบูมจะมีพรสวรรค์ทางด้านนี้

"พี่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าบูมมีความสามารถด้านการร้องเพลงด้วย"

"พอดีเพื่อนบูมที่ชื่อทิวช่วยสอนครับ บูมเรียนร้องเพลงกับทิวทุกวัน แล้วทิวก็พาบูมไปสมัครที่ชมรมดนตรี แล้วเขาก็ให้บูมเป็นนักร้องนำกับทิวครับ วันนี้...ทิวก็เลยนัดบูมไปซื้อเสื้อผ้าที่จะใส่ขึ้นเวทีกันอาทิตย์หน้านี้ครับ"

ดูเหมือนบูมจะพูดถึงเพื่อนด้วยสีหน้ามีความสุขจนบีมอยากจะเห็นเสียแล้วสิว่าทิวหน้าตาเป็นแบบไหนถึงได้ดีกับน้องชายเขาถึงขนาดนี้

"ดีแล้วบูม บูมจะได้ไม่เครียดแต่กับการเรียนอย่างเดียว แต่ก็อย่าให้มีผลกับการเรียนล่ะ เดี๋ยวพ่อกับแม่จะให้ย้ายโรงเรียนอีก ว่าแต่จะเล่นวันไหนล่ะ พี่จะได้ตามไปดู อยากฟังเสียงน้องชายพี่ว่าจะเสียงดีขนาดไหน" บีมพูดพลางยิ้มอย่างชื่นชม

"วันศุกร์หน้าครับ" บูมบอกแล้วก็หัวเราะอย่างเขินๆ

"เดี๋ยวพี่จะแว่บไปดูนะ เก่งมากน้องชายของพี่"

บีมเองก็รู้สึกดีใจไม่น้อยเช่นกันที่วันนี้เขากับน้องชายสามารถกลับมาคุยกันได้อย่างสนิทใจเหมือนเดิม หลังจากที่ต่างคนต่างหมางเมินใส่กันมานานหลายปี

"เสร็จแล้วโทรหาพี่นะ เดี๋ยวพี่มารับ" บีมบอกน้องชายเมื่อมาส่งถึงโรงเรียนสอนพิเศษแถวๆ สยามแสควร์

"วันนี้มีเพื่อนๆ มากี่คนล่ะ เดี๋ยวพี่เป็นสารถีให้"

"รวมบูมด้วยก็ห้าคนครับ" บูมบอกพลางเปิดประตูรถออก

"ขอบคุณนะครับพี่" บูมบอกพลางยิ้ม บีมพยักหน้าน้อยๆ และยิ้มให้น้องชาย บูมปิดประตูรถแล้วก็เดินไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังห้องเรียนพิเศษอย่างที่เคยทำเป็นประจำ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

ตกบ่าย บูมเรียนพิเศษเสร็จแล้วก็รีบโทรหาให้พี่ชายมารับ จากนั้นก็ออกมายืนรอเพื่อนๆ ตรงที่นัดหมาย ไม่นานนัก ทิว อุ้ย มัสมั่นและต้องก็มาถึง วันนี้ทุกคนแต่งตัวตามวัยรุ่นสมัยนี้เป๊ะเลย เว้นแต่บูมที่ยังแต่งตัวดูเป็นคุณหนูอยู่ ทำไมต้องนัดกันมาซื้อเสื้อผ้าน่ะหรือ เพราะว่าบูมจะต้องไปร้องเพลงไงล่ะ ถ้าเขายังใส่ชุดนักเรียนหรือแต่งตัวเป็นคุณหนูไฮโซแบบนี้คงจะเป็นศิลปินได้ยาก

บูมทักทายกับเพื่อนๆ สักพักพี่ชายก็ขับรถเข้ามาเพราะเขาก็วนๆ เวียนๆ อยู่ไม่ไกลจากแถวนี้นัก บีมลดกระจกลงแล้วถามบูมกับเพื่อนว่า

"พร้อมหรือยัง"

"พร้อมแล้วครับ มากันครบแล้ว" บูมตอบพลางยิ้ม

"โห... เป็นบุญของกูแท้ๆ ที่จะได้นั่งบีเอ็มเป็นครั้งแรกในชีวิต" อุ้ยพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น คนอื่นๆ ก็พลอยทำเสียงฮือฮาไปด้วย

"ขึ้นมาเลยน้อง วันนี้อยากไปไหน บอกพี่มาได้เลย" บีมร้องบอกเพื่อนๆ ของน้องชาย

ใช้เวลาไม่นานนักทุกคนก็กรูกันเข้าไปอยู่ในรถจนหมด บูมนั่งหน้ากับพี่ชายและทำหน้าที่คอยแนะนำเพื่อนๆ ให้พี่ชายรู้จัก

จริงๆ ก็ไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าที่ไหนไกลกันหรอก ก็อยู่ในบริเวณสยามนี่แหละ แต่บีมไม่ได้มาร่วมด้วยเพราะอยากให้น้องเป็นอิสระอย่างเต็มที่ ส่งเสร็จแล้วบีมก็ไปเดินดูของตามประสาของเขา พอถึงเวลาก็ขับรถไปรับน้องชายกับเพื่อนๆ เห็นบูมมีความสุขแล้วบีมก็พลอยมีความสุขไปด้วย ไม่เท่านั้น เขาก็สังเกตเห็นด้วยว่าบูมดูสนิทและทำตัวติดกับทิวมากกว่าเพื่อนคนอื่นๆ พอสมควร

"ไปโยนโบวล์ที่เซ็นทรัลเวิร์ลด์กันไหม แล้วก็ไปกินข้าวด้วย" ทิวเสนอเมื่อเข้ามานั่งในรถ เพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็เห็นดีด้วย

"กินอาหารอะไรกันดีล่ะ อาหารญี่ปุ่นดีไหม" ต้องถามเพื่อนๆ

"ไม่เอา กูไม่ชอบกินปลาดิบ จะอ๊วกว่ะ กิน MK ดีกว่า" อุ้ยแย้ง เวลาเพื่อนๆ ไปกินอาหารญี่ปุ่นทีไร เขาก็ได้แต่นั่งดู นอกจากไม่กินปลาดิบแล้วก็ไม่ชอบอาหารรสจืดๆ ด้วย โชคดีที่สุดท้ายเพื่อนๆ ก็เห็นดีด้วย

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

ดูท่าทางบูมคงยังไม่เคยเล่นโบวลิ่ง ทิวจึงเป็นคนที่เข้ามาช่วยสอน ข้อดีของบูมอย่างหนึ่งก็คือ เขาเป็นคนหัวไว สอนไม่นานนักเขาก็เล่นได้ และเล่นได้ดีเสียด้วยจนเพื่อนๆ ต้องยกนิ้วให้เลยทีเดียว

บีมไม่ได้เล่นด้วยแต่นั่งดูน้องชายกับเพื่อนๆ เล่นด้วยกันอย่างมีความสุขแทน ไม่เสียงแรงที่เขาอุตส่าห์โทรไปบอกยกเลิกนัดกับแฟนสาวในวันนี้ ดูเหมือนแฟนสาวของเขาจะเคืองๆ อยู่เหมือนกัน แต่วันนี้เขาอยากทำให้น้องชายมีความสุขบ้าง ส่วนแฟนนั้นบีมพอจัดการทีหลังได้อยู่

เล่นอยู่สักพัก บูมกับทิวก็ขอตัวไปห้องน้ำพร้อมกัน สองหนุ่มน้อยเดินไปคุยกันไปอย่างมีความสุข เดินไปสัก บูมก็ตัดสินใจกอดคอทิว ทิวมองด้วยความสงสัยเล็กน้อยแต่ก็กอดคอเพื่อนตอบแต่โดยดี เหมือนกับจะเป็นการสัญญาว่าเขาทั้งสองคนได้ตกลงที่จะเป็นเพื่อนรักกันแล้ว จากนี้ไป ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ เขาทั้งสองคนก็พร้อมจะช่วยเหลือและฟันฝ่าไปด้วยกันเสมอ

วันนี้บูมอยากจะบอกทุกคนในโลกที่เขารู้จักว่าเขามีความสุขจริงๆ ถึงมันจะเป็นแค่วันเดียวที่มีอิสระอย่างนี้ มันก็คงเป็นอีกวันหนึ่งที่เขาต้องจดจำไปอีกนาน

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

ทิวกับบูมแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาเลยว่าจะมีคนสนใจการแสดงมากจนฮอลล์ดูแคบไปถนัดตา ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะเพื่อนๆ ในห้องช่วยกันป่าวประกาศทั่วโรงเรียนให้มาดูคู่หูดูโอ้ใหม่ของวง Zenith ปกติวงนี้ก็จะมีแฟนคลับที่เป็นสาวๆ ในโรงเรียนค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว

พอสองหนุ่มปรากฏตัวด้วยเพลงสนุกๆ เสียงกรี๊ดก็ดังกระหึ่ม บูมดูจะตื่นเวทีอยู่บ้าง แต่สักพักเขาก็เริ่มปรับตัวได้ จากนั้นสองหนุ่มก็ผลัดกันร้องเพลงซึ้งๆ แล้วก็สลับกลับมาเป็นเพลงสนุก

จนกระทั่งปิดท้ายด้วยเพลง "ฉันดีใจที่มีเธอ" ที่ทิวกับบูมจะร้องด้วยกันแบบดูเอ็ท บูมร้องเสียงหลักและทิวคอยร้องประสาน ก่อนที่จะร้องเพลงนี้ บูมถือโอกาสพูดความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ได้เตรียมมาตอนที่ซ้อมกัน

"บูมอยากจะร้องเพลงนี้ ให้กับเพื่อนคนหนึ่งของบูมครับ ที่บูมเลือกเพลงนี้เพราะว่าเป็นเพลงแรกที่บูมเลือกมาสำหรับการเรียนร้องเพลง บูมฝึกร้องเพลงนี้อยู่เดือนเศษๆ จนกระทั่งได้เข้ามาอยู่ในชมรมดนตรี แล้วก็มาเป็นนักร้องของวง Zenith แต่บูมจะมายืนอยู่ตรงจุดนี้ไม่ได้เลยครับถ้าไม่มีเพื่อนคนนี้คอยสอนและถ่ายทอดความรู้ทุกอย่างให้บูม รู้ไหมครับว่าเพื่อนคนนั้นของบูมคือใคร" บูมร้องถามแฟนคลับ

มีเสียงตะโกนตอบมาว่า "ทิว" ตามด้วยเสียงกรี๊ดที่ดังสนั่นหวั่นไหวราวกับว่าพวกเขาคือศิลปินชื่อดัง

"ใช่แล้วครับ เพื่อนคนนั้นของบูมก็คือทิวนั่นเอง บูมจะร้องเพลงนี้กับทิว และบูมก็อยากจะบอกทิวว่า ฉันดีใจที่มีเธอครับ"

สิ้นเสียงของบูม อินโทรเพลงฉันดีใจที่มีเธอก็ดังขึ้นพร้อมด้วยเสียงกรี๊ดอีกคำรบ

"เยี่ยมมากบูม"

บีมรำพึงกับตัวเองเบาๆ ด้วยความดีใจ เขากับแฟนสาวยืนมองน้องชายที่ร้องเพลงอยู่บนเวทีกับทิวด้วยความรู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าจะกังวลอยู่บ้าง ถ้าหากพ่อกับแม่รู้เข้า เขาก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

TBC
หัวข้อ: Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 07-03-2012 22:23:41
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 07 ✦ หนีออกจากบ้าน

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


"พี่บีม เทอมนี้บูมได้เกรดเฉลี่ย 3.2 ทำไงดีครับ" พูดจบคนพูดก็หน้าเศร้าระคนหวาดกลัว แต่ดูเหมือนอย่างหลังจะมีมากกว่าด้วยซ้ำเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เกรดต่ำสุดแล้ว

ถ้าบีมได้เกรดสูงขนาดนี้เขาก็คงดีใจจนฟ้าถล่ม แต่บีมรู้ว่าพ่อกับแม่คงไม่คิดอย่างนั้น เทอมที่แล้วบูมได้ 3.4 พ่อยังให้บูมย้ายโรงเรียน แล้วคราวนี้เกรดเฉลี่ยน้อยกว่าเดิมไปมาก เขาเดาไม่ออกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่บีมก็รับรู้และเข้าใจถึงความกังวลของน้องชายได้เป็นอย่างดี

บีมถอนหายใจ บ่งบอกว่าเขาเองก็หนักใจและเป็นห่วงน้องชายไม่แพ้กน "เดี๋ยววันนี้พี่ไปรับละกันนะบูม กลับบ้านพร้อมกัน แล้วพี่จะเข้าไปคุยกับพ่อพร้อมกับบูม"

ได้ยินแล้วบูมก็ใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย

"ขอบคุณครับพี่บีม พี่บีม...ผมกลัวครับ กลัวพ่อให้ย้ายโรงเรียนอีก บูมไม่อยากย้ายโรงเรียนอีกแล้วครับพี่บีม"

ได้ฟังความกังวลของน้องชายจากปลายสายแล้วบีมพอเข้าใจ การย้ายโรงเรียนบ่อยๆ เปลี่ยนสภาพแวดล้อมและเพื่อนฝูงบ่อยๆ คงไม่ดีกับบูมแน่ เด็กวัยอย่างบูมติดเพื่อน อยากมีเพื่อนที่รู้ใจ การย้ายไปย้ายมาอาจทำให้บูมไม่อยากสร้างสายสัมพันธ์กับใครเพราะกลัวจะต้องย้ายไปที่อื่นอีก ทำให้บูมกลายเป็นเด็กที่มีปัญหาซ้ำซ้อนมากขึ้นไปอีก

"ใจเย็นๆ บูม เดี๋ยวพี่ช่วยคุยกับพ่อให้เอง บูมไม่ต้องกังวลนะ"

บีมพยายามปลอบโยนน้องชายที่กำลังตื่นกลัวไม่ให้วิตกกังวลมากเกินไป ความจริงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าคงหนักหนาทีเดียว บีมเองก็รู้สึกกังวล แต่ถ้าเขากังวลไปด้วยอีกคนก็คงไม่มีใครที่จะให้กำลังใจกันได้ เขาจึงต้องทำใจดีสู้เสือไว้

"อีก 40 นาทีพี่จะถึงนะบูม บูมรอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวพี่จะโทรไปบอกพ่อเองว่าพี่จะไปรับบูม"

"ครับพี่บีม"

บีมวางสายโทรศัพท์แล้วก็นั่งเครียด เห็นทิวกับเพื่อนๆ เล่นเตะฟุตบอลสนุกอยู่แต่ไกลแล้วก็ได้แต่อิจฉา เพื่อนๆ คนอื่นๆ สนุกสนานตามวัย ดูจะมีแต่บูมเท่านั้นที่ต้องเคร่งเครียดกับการเรียนจนแทบไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
   

"บูมจะอธิบายพ่อว่ายังไง"

นั่นคือสิ่งแรกที่พ่อพูดหลังจากที่เห็นเกรดเฉลี่ยของลูกชายคนเล็กในเทอมนี้แล้ว น้ำเสียงเย็นชาและไร้ซึ่งความอ่อนโยนบ่งบอกความไม่พอใจได้เป็นอย่างดี บูมได้แต่นั่งก้มหน้า บีมนั่งนิ่งและขมวดคิ้วอยู่ใกล้ๆ กับน้องชาย ส่วนแม่ยืนดูอยู่ข้างหลังไม่ไกลนัก

บูมรู้สึกกลัวจนมือไม้สั่น ไม่รู้จะเริ่มต้นอธิบายพ่อจากตรงไหนก่อน

"พ่อถามได้ยินไหม" พ่อเริ่มเสียงดังจนลูกชายทั้งคู่สะดุ้งตกใจ "บูมจะอธิบายพ่อว่ายังไง"

คราวนี้บูมกลัวจนร้องไห้ นั่นยิ่งทำให้พ่อโมโหมากยิ่งขึ้น

"ร้องให้ทำไมบูม" พ่อพูดเสียงดังขึ้นอีกแล้วโยนสมุดเกรดของเขาลงบนโต๊ะ

"ผมพยายามแล้วครับพ่อ แต่เทอมนี้มีวิชาใหม่ๆ ที่บูมยังไม่คุ้นเคย บูมก็เลยยังทำได้ไม่ค่อยดี" บูมพยายามอธิบายด้วยเสียงสั่น

"ไม่ใช่เพราะแกมัวแต่เอาเวลาไปร้องเพลงหรอกเรอะ อย่านึกว่าพ่อไม่รู้นะบูม"

บูมกับบีมถึงกับตกตะลึงเพราะไม่คิดว่าพ่อจะรู้เรื่องนี้ด้วย

"ตกใจใช่ไหมที่พ่อรู้เรื่องนี้ ถ้าบังเอิญคุณโฉมศรีเขาไม่ได้ไปงานที่เมืองทองธานีวันนั้น พ่อก็คงจะไม่รู้หรอกว่าบูมทำอะไรที่โรงเรียน"

คุณโฉมศรีที่พ่อพูดถึงนั้นก็คือภรรยาเพื่อนที่ทำงานของพ่อนั่นเอง บูมกับบีมเคยเจอสองสามครั้งแล้วเพราะคุณโฉมศรีเคยมาคุยกับพ่อที่บ้าน ช่วงปีใหม่ก็มักจะซื้อของมาฝากเป็นประจำ

"เป็นแบบนี้แล้วเปลี่ยนโรงเรียนอีกซะเลยดีมั้ย"

บูมหน้าซีดทันทีที่ได้ยิน แต่ไม่ว่าเขาจะกลัวพ่อแค่ไหนก็ไม่อยากเปลี่ยนโรงเรียนอีกแล้ว เขายอมรับว่าติดทิวมาก ถ้าไม่มีทิวเป็นเพื่อนก็คงไม่อยากเรียนที่ไหนอีก

"ไม่นะครับพ่อ บูมไม่เปลี่ยนโรงเรียน ยังไงบูมก็ไม่เปลี่ยน" บูมเถียงพลางสะอื้น

"ไม่เปลี่ยนก็ได้ แต่แกต้องเลิกร้องเพลงไร้สาระนั่นซะ ถ้าแกไม่เลิก พ่อก็จะให้แกเปลี่ยนโรงเรียนอีก ถ้าแกยังทำแต่เรื่องไร้สาระแบบนี้อีก พ่อก็จะให้แกเปลี่ยนโรงเรียนไปเรื่อยๆ จนกว่าแกจะหยุด"

บูมกับบีมตกตะลึงอีกครั้งกับคำขู่ของพ่อ บูมเองก็รู้ตัวดีว่าท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเขาไม่อยากเปลี่ยนโรงเรียน เขาก็ต้องยอมทำตามที่พ่อบอก ไม่มีทางเลือกอื่น แต่มันก็ดีกว่าที่จะให้เขาอยู่ห่างจากเพื่อนที่ดีอย่างทิว

"ครับพ่อ เทอมหน้าผมจะลาออกจากชมรมดนตรี" บูมกัดฟันพูดออกไปจนได้

"ไม่ได้นะบูม บูมต้องเข้มแข็งสิ บูมต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่บูมทำเข้าใจมั้ย บูมไม่ต้องลาออก ไม่ต้องเปลี่ยนโรงเรียนอะไรทั้งนั้น"

บีมเริ่มลุกขึ้นมาโวยวายเพราะเขาเริ่มทนไม่ไหว พ่อดูจะตกใจมากทีเดียว

"แล้วแกมายุ่งอะไรด้วยบีม นี่มันเรื่องของบูมกับพ่อ ไม่ใช่เรื่องของแก" พ่อหันมาตะคอกใส่ลูกชายคนโตเสียงดัง

"บูมเป็นน้องผมนะครับพ่อ" บีมเถียง "ผมทนเห็นพ่อกับแม่บังคับบูมไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว บูมอายุแค่นี้เอง พ่อกับแม่จะบังคับอะไรเขานักหนาครับ บูมอึดอัดนะครับ ไม่เคยมีอิสระ ไม่เคยได้ใช้ชีวิตตามประสาวัยรุ่นทั่วไปเลย วันๆ ก็เอาแต่เรียน เอาแต่อ่านหนังสือ ทั้งๆ ที่เกรดเฉลี่ยขนาดนี้ก็ถือว่าดีมากพอแล้วสำหรับพ่อแม่คนอื่นๆ"

"หยุดเดี๋ยวนี้นะบีม" พ่อตะคอกเสียงดัง มือไม้เริ่มสั่นเทา ไม่คิดมาก่อนว่าวันนี้ลูกชายคนโตจะกล้าเถียงฉอดๆ อย่างนี้

"ผมไม่หยุด พ่อกับแม่สงสารบูมบ้าง บูมอดทนทำตามที่พ่อกับแม่บังคับมาตลอดหลายปี ไม่เคยเกเร ไม่เคยปริปากบ่น แต่วันนี้ ผมอยากให้พ่อกับแม่เข้าใจบูมบ้าง บูมยังเด็กนะครับ เขาก็อยากสนุกตามประสา น้องไม่ใช่หุ่นยนต์เรียนหนังสือที่มีหน้าที่แค่เรียนหนังสืออย่างเดียวนะครับพ่อ พ่อกับแม่เห็นใจบูมบ้างสิครับ"

"แกกล้าดียังไงมาสอนพ่อฮะบีม" พ่อพูดไม่พูดเปล่า แต่ปรี่เข้ามาเงื้อมือหมายจะตบหน้าสั่งสอนลูกชายคนโต แต่คนที่โดนจริงๆ กลับเป็นบูมที่รีบลุกออกมารับแทนพี่ชาย

ผัวะ!!!

"บูม!!!!"

บีมกับแม่ที่ยืนดูอยู่ร้องอุทานแทบพร้อมกันด้วยความตกใจ แต่บูมไม่มีเสียงร้องแม้แต่คำเดียว เลือดกลบปากเล็กน้อยเพราะแรงตบเมื่อสักครู่นี้หนักเอาการ บูมเอามือลูบๆ ดูแล้วก็เห็นว่ามีเลือดซึมออกมา

ดูเหมือนพ่อเองก็ตกใจเช่นกัน แต่สิ่งที่พ่อทำก็คือตวาดไล่ทุกคนออกไป

"พวกแกทั้งหมดออกไปจากห้องนี้เดี๋ยวนี้เลย ก่อนที่ฉันจะโมโหไปมากกว่านี้ ออกไปให้หมดเลย ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้า"

บีมค่อยๆ พาน้องชายเดินออกไปจากห้อง ส่วนแม่ก็ร้องให้ด้วยความตกใจและเดินตามมาติดๆ ที่ผ่านมา ถึงพ่อจะโมโหยังไงก็ไม่เคยลุกขึ้นมาตบตีลูก นับว่าเป็นครั้งแรกทีเดียว ถึงเธอจะโมโหลูกชายทั้งสองคนมากแค่ไหน แต่หัวอกคนเป็นแม่ก็คงไม่สามารถทำร้ายร่างกายลูกแบบนั้นได้

"ผมขออยู่คนเดียวสักพักนะพี่"

บูมบอกพี่ชายเมื่อมาถึงห้อง บีมพยักหน้า ถอนหายใจแล้วก็เดินออกไป แม้ว่าจะเสียใจที่พ่อไม่ยอมฟังบ้างเลย แต่บีมก็เชื่อว่าดีกว่าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ โดยไม่พูดอะไรเลย เขาไม่อยากให้น้องชายมีปัญหาทางจิตใจจนกลายเป็นคนไม่มั่นใจ ไม่กล้าตัดสินใจหรือไม่เคารพตัวเองในที่สุด ทุกวันนี้บูมก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นไปแล้วเสียด้วย

คนที่บูมนึกถึงมีแค่ทิวคนเดียวเท่านั้นในตอนนี้ เขาอยากไปหาทิวเหลือเกิน อยากมีใครสักคนที่จะรับฟังและให้กำลังใจ ไม่อยากอยู่ที่บ้านในเวลาที่กำลังอ่อนแอ เขาไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้เขาจะสู้หน้าพ่อกับแม่ได้ไหม บ้านที่มีแต่เรื่องน่าอึดอัดแบบนี้ไม่ช่างไม่น่าอยู่เอาเสียเลย

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
   

ห้าทุ่มกว่าแล้ว เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นอยู่สองสามครั้งแล้วก็เงียบไป สักพักก็มีหญิงอายุราวๆ สี่สิบกว่าลงมาเปิดประตู เมื่อเห็นแขกที่มาในยามวิกาลเป็นชายหนุ่มวัยรุ่นที่รูปร่างหน้าตาไม่คุ้นเคย แต่แต่งตัวดูดี มาพร้อมกับกระเป๋าเป้ใบหนึ่ง หญิงวัยกลางคนก็ดูแปลกใจมากทีเดียว แต่ก่อนที่จะได้ถามอะไร ชายวัยรุ่นคนนั้นก็ชิงพูดขึ้นก่อนว่า

"ผมมาหาทิวครับ ทิวอยู่หรือเปล่า ผมเป็นเพื่อนทิวครับ"

แม่ของทิวพยายามเพ่งมองดูหน้าชายวัยรุ่นคนนั้นก็ไม่รู้สึกคุ้นหน้าเอาเสียเลย ทิวเคยพาเพื่อนมาที่บ้านหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่เคยเห็นเด็กคนนี้มาก่อน ที่น่าแปลกใจก็คือหน้าตาของเด็กคนนี้ดูเศร้าสร้อย เหมือนกับเพิ่งจะมีเรื่องอะไรบางอย่าง

"ทิวนอนหลับไปแล้วล่ะ เดี๋ยวแม่จะไปปลุกให้นะ" แม่ทิวบอก

"สวัสดีครับแม่" บูมยกมือสวัสดีเมื่อรู้ว่าหญิงวัยกลางคนคนนี้คือแม่ของทิว แม่ของทิวรับไหว้ เปิดประตูให้บูมเข้ามานั่งรอบริเวณหน้าบ้านที่มีโต๊ะนั่งเล่นอยู่ บุมนั่งลงพลางมองไปรอบๆ

"รอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวแม่ไปตามทิวให้"

คุณทิษณาพูดแล้วก็เดินหายเข้าไปในบ้าน บ้านของทิวเป็นทาวน์เฮาส์สามชั้น ข้างล่างเป็นส่วนของห้องรับแขกและห้องครัว ชั้นสองเป็นห้องนอนของแม่และชั้นสามเป็นของทิว ตอนแรกแม่เคยนอนชั้นสาม แต่หลังๆ ก็เริ่มเดินขึ้นชั้นสามบ่อยๆ ไม่ไหวจึงสลับชั้นกับทิว

ไม่นานนักทิวก็ลงมาที่หน้าบ้านด้วยท่าทางง่วงๆ ในชุดเสื้อกล้ามและกางเกงบ็อกเซอร์ แต่เมื่อเห็นว่าใครมายืนรอแล้ว ทิวก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง

"บูม" ทิวเรียกเพื่อนแล้วก็รีบเดินไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว สังหรณ์ใจว่าที่บ้านบูมคงต้องมีเรื่องไม่ดีแน่เลย

แม่เห็นว่าทิวรู้จักกับเพื่อนก็เลยเข้ามานั่งรอข้างใน ปล่อยให้เด็กๆ คุยกันส่วนตัวไปก่อน

"มีอะไรหรือเปล่าบูม" ทิวถามอย่างเป็นห่วง

บูมไม่พูดอะไรแต่ดึงเพื่อนไปกอดแล้วก็ร้องให้เบาๆ ทิวกอดตอบเพื่อนพร้อมกับใช้มือลูบหลังเพื่อให้กำลังใจ

"เกิดอะไรขึ้นเหรอบูม" ทิวถามอีกครั้ง

"เราทะเลาะกับพ่อน่ะทิว ให้เราอยู่ที่บ้านนายสักพักได้ไหม" บูมค่อยๆ คลายอ้อมแขนออกแล้วมองหน้าเพื่อนด้วยแววตาเศร้าๆ

"แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ เราเข้าใจ" บูมบอกอย่างเกรงใจ

"ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ ไม่มีปัญหาหรอก" ทิวบอกแล้วก็ดึงมือเพื่อนให้เดินตามเข้ามาในบ้าน แล้วก็พาบูมเดินไปตรงส่วนรับแขกที่ตอนนี้แม่นั่งรออยู่แล้ว

"เพื่อนทิวครับแม่ ชื่อบูม บูมเขาจะขอมาพักอยู่กับเราสักสี่ห้าวันน่ะครับ"

แม่ทิวพยักหน้าเข้าใจ เธอผ่านโลกมาพอสมควรก็พอจะเดาออกว่าเพื่อนของทิวคงมีปัญหาอะไรบางอย่าง อาจจะเป็นปัญหากับที่บ้านก็ได้

"ตามสบายนะบูม จะพักหลายๆ วันก็ได้ ว่าแต่กินข้าวมาหรือยังล่ะลูก" แม่ทิวถามอย่างเอ็นดู เมื่อได้เห็นหน้าชัดๆ แล้วเธอก็รู้สึกถูกชะตากับบูมอย่างประหลาด แววตาของบูมดูอ่อนโยน ไม่มีพิษภัย จึงทำให้เธอรู้สึกไว้ใจพอสมควร

"ขอบคุณครับแม่ รบกวนหน่อยนะครับ" บูมบอกพลางยกมือไหว้ขอบคุณ แม่ของทิวก็ยกมือรับไหว้ ดูแม่ของทิวเป็นคนใจดีมากทีเดียว เห็นแล้วเขาก็อยากให้พ่อกับแม่เป็นแบบนี้บ้าง

"กินอะไรมาหรือยังล่ะบูม" ทิวถามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าบูมยังไม่ได้ตอบเรื่องนี้

บูมส่ายหน้าแต่ก็มีท่าทางเกรงใจเพราะไม่อยากรบกวนเจ้าของบ้านมากเกินไป

"ทิว พาเพื่อนเอาของไปเก็บบนห้องก่อน เดี๋ยวแม่เตรียมอาหารในครัวให้" แม่ของทิวหันไปบอกลูกชาย

"ครับแม่" ทิวรับคำอย่างเร็วไว

"ไปบูม เอาของขึ้นไปเก็บบนห้องเราก่อน เดี๋ยวค่อยลงมากินข้าว"

ทิวพูดพลางถอดเป้ออกจากหลังของเพื่อนแล้วเอามาช่วยถือ แล้วก็เดินนำหน้าบูมขึ้นไปบนชั้นสาม

"เก่งนะเนี่ย มาส่งเราที่บ้านครั้งเดียวก็จำทางได้ด้วย"

ทิวคุยไปด้วยระหว่างเดินขึ้นไป จริงๆ คนที่มาส่งคือพี่บีมที่เป็นคนรับอาสาขับรถไปส่งเพื่อนๆ ของทิวกับบูมจนถึงบ้านของทุกคนต่างหาก แต่บูมนั่งมาด้วยก็เลยพอจำได้ บ้านเพื่อนคนอื่นๆ บูมจำไม่ค่อยได้หรอก แต่เขาจำบ้านของทิวได้เป็นอย่างดี

"นายนั่งแท็กซี่มาเหรอ"

บูมพยักหน้า

พอมาถึงห้องนอนของทิวแล้ว ทิวก็ทำสีหน้าอายๆ "รกแล้วก็เล็กไปหน่อยนะ หวังว่านายคงพออยู่ได้"

"ไม่เป็นไรหรอก คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก" บูมบอกพลางพยายามยิ้ม ทิวก็หันมายิ้มด้วย เห็นท่าทางอ่อนระโหยโรยแรงของเพื่อนแล้วก็ได้แต่สงสาร

"เราเอากระเป๋าวางไว้นี่ก่อนนะ ปะ ลงไปกินข้าวกันดีกว่า" ทิววางกระเป๋าของเพื่อนไว้บนเก้าอี้ที่เขาใช้นั่งทำงานแล้วก็พาบูมลงไปข้างล่างอีกครั้ง

เข้ามาในห้องครัวก็เห็นแม่ของทิวที่กำลังอุ่นอาหารด้วยเตาไมโครเวฟอยู่ โชคดีที่แม่ของทิวมักจะซื้ออาหารกึ่งสำเร็จรูปที่อุ่นด้วยไมโครเวฟแล้วก็กินได้เลยมาติดไว้เป็นประจำ เพราะทิวชอบหิวตอนดึกๆ บ่อยๆ โดยเฉพาะเวลาอ่านหนังสือสอบ

พอได้ที่แล้วแม่ของทิวก็ยกขึ้นมาตั้งไว้บนโต๊ะอาหาร เป็นข้าวกับแกงพะแนงหมู ควันฉุยน่ากินเชียว

"ตามสบายนะลูก" แม่ทิวบอกพลางไปหยิบช้อนส้อมมาให้ ทิวพาเพื่อนเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร บูมรับช้อนส้อมมาจากแม่แล้วก็ขอบคุณ

"เห็นแล้วหิว เดี๋ยวเรากินด้วยมั่งดีกว่า" ทิวพูดพลางขำ แล้วก็เดินไปเปิดตู้เย็นเอาอาหารแช่แข็งออกมา

"นายกินไปก่อนนะบูม ไม่ต้องรอเราหรอก นายคงหิวแย่" เขาไม่ลืมที่จะบอกเพื่อนเมื่อเห็นบูมทำท่าเหมือนจะรอกินพร้อมกัน

"แม่ขึ้นไปนอนก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมกับบูมจัดการเอง" ทิวหันไปบอกเมื่อเห็นแม่รออยู่ แม่ของทิวยิ้ม พยักหน้าน้อยๆ แล้วก็เดินขึ้นไป

บูมตักข้าวกินอย่างช้าๆ พลางเหลือบไปมองทิวที่ง่วนกับการอุ่นอาหารเป็นระยะๆ

"กินเลยไม่ต้องรอ" ทิวบอกอย่างรู้ทัน

"ไม่เอา เรารอนายด้วยดีกว่า" บูมแย้ง

"ตามใจ" ทิวบอกแล้วก็เดินไปหยิบชามมาใส่เกี๊ยวกุ้งที่อุ่นเสร็จพอดี จากนั้นก็ยกมานั่งกินตรงฝั่งตรงข้ามกับบูม

"นายกินอะไร" บูมถามพลางชะโงกไปดู

"เกี๊ยวกุ้ง ของโปรดของเรา" ทิวบอกพลางตักกินอย่างเอร็ดอร่อย บูมจึงเริ่มกินบ้าง

"ลองไหม อร่อยนะ" ทิวเชื้อชวน บูมส่ายหน้าเพราะไม่อยากแย่งเพื่อนกิน

"ไม่ดีกว่า เดี๋ยวนายไม่อิ่ม นายยิ่งกินเยอะอยู่" บูมพูดพลางหัวเราะเบาๆ อารมณ์เริ่มดีขึ้นมาบ้าง

กินข้าวเสร็จแล้วทิวกับบูมก็ช่วยกันล้างจาน ปิดไฟชั้นล่างแล้วก็ขึ้นมาข้างบนห้องนอน

"นายอาบน้ำตามสบายเลยนะ" ทิวบอกเพื่อนแล้วก็เดินไปเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของเขาเพื่อที่จะเล่นเกมส์รอเพื่อนระหว่างที่อาบน้ำ

"เอาเสื้อผ้าของนายแขวนในตู้เสื้อผ้าของเราเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ ในนั้นมีไม้แขวนเสื้อเหลืออยู่" ทิวบอกแล้วก็หันมาสนใจกับคอมพิวเตอร์ต่อ

สักพักหนึ่งทิวก็หันไปมองเพื่อน ตอนนี้บูมอยู่ในชุดผ้าเช็ดตัวผืนเดียว รูปร่างของบูมดูแข็งแรงและมีกล้ามเนื้อพอสมควร แม้จะไม่ค่อยได้ออกกำลังกายนัก แต่บูมก็ไม่กินจุกจิกจึงทำให้ไม่อ้วน จริงๆ บูมกับทิวก็มีรูปร่างที่ไม่ต่างกันมากนัก ไม่อ้วนไม่ผอม แต่ก็ไม่สูงมาก เหมือนผู้ชายไทยทั่วๆ ไป แต่สิ่งที่ทำให้ทิวรู้สึกแปลกใจในตอนนี้ก็คือ เขารู้สึกปั่นป่วนใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้เห็นรูปร่างของเพื่อน เขาเองก็เคยแก้ผ้าอาบน้ำกับเพื่อนผู้ชายก็บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย ทิวเป็นอะไรไปแล้ว ทำไมรู้สึกแบบนี้

ก่อนที่ทิวจฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ บูมก็เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำเสียก่อน ทิวถอนหายใจเฮือกเพราะไม่เข้าใจตัวเอง ก่อนจะหันมาเล่นเกมส์ต่อแต่ก็ยังไม่วายอดคิดถึงภาพที่เห็นเมื่อสักครู่นี้

ไม่นานนักบูมก็ออกมาในชุดคล้ายๆ กันคือเสื้อกล้ามและกางเกงบ็อกเซอร์ แต่ดูจากเนื้อผ้าแล้วของบูมคงจะแพงกว่าหลายเท่า

"อาบน้ำไวจัง" ทิวทักอย่างแปลกใจ

"เกรงใจนายน่ะ ดึกแล้ว" บูมบอกพลางใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผมให้แห้ง

"ตากตรงระเบียงได้นะ" ทิวบอกเมื่อเห็นบูมหันรีหันขวางหาที่ตากผ้าเช็ดตัว

บูมเปิดประตูออกไปตรงระเบียงแล้วก็ตากผ้าเช็ดตัวกับชุดชั้นใน มีราวตากผ้าตั้งไว้อยู่ตรงนี้ด้วย เรียบร้อยแล้วบูมจึงเดินกลับเข้ามาในห้องนอน

"ขอบใจนะทิว เรารบกวนนายหน่อยนะ" แม้ว่าทิวจะบอกแล้วว่าไม่ต้องเกรงใจแต่บูมก็ยังคงรู้สึกเกรงใจอยู่ดี

ทิวปิดคอมพิวเตอร์แล้วก็หันมายิ้มให้เพื่อน พอสังเกตุเห็นได้ว่าสีหน้าของบูมดูดีขึ้นมาก

"คิดซะว่าเป็นบ้านของนายละกัน" ทิวบอกแล้วเดินมาหาเพื่อน "นอนเลยไหม"

บูมพยักหน้า

"ถ้านายมีเรื่องไม่สบายใจ เล่าให้เราฟังได้นะ เผื่อจะช่วยให้นายรู้สึกดีขึ้น อย่าเก็บไว้คนเดียวนะบูม"

บูมยิ้มด้วยความดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น ความจริงเขาตั้งใจไว้แล้วว่าวันนี้จะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในครอบครัวให้ทิวฟัง ปกติบูมไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังเลย แม้กระทั่งโรงเรียนเก่าที่บูมมีเพื่อนที่พอสนิทบ้างอยู่หลายคนก็ตาม นั่นแปลว่าบูมมอบความไว้วางใจให้ทิวไปแล้ว ทิวที่แหละที่เป็นเพื่อนที่พิเศษสุดของบูมในเวลานี้

TBC
หัวข้อ: Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 08-03-2012 23:20:08
จะติดตามต่อไปนะครับ เป็นกำลังใจให้นะ
หัวข้อ: Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 09-03-2012 18:49:01
โดนบังคับอย่างนี้ คงอึดอัดเเย่เลย

แอบรำคาญพ่อเเม่ไม่เข้าลูกอยู่นิดๆ

แต่ก็นะ เขารักหน้าตาทางสังคมแต่ไม่รักลูกเลย

ปล.คุณคนเขียนช่วยเปลี่ยนหัวเรื่องว่าลงตอนไหนเเล้วให้หน่อยได้ไหมครับ เข้ามาอีกทีไปตอนเจ็ดซะเเล้ว
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 8 วันที่ 9.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 09-03-2012 21:29:03
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 08 ✦ กำลังใจจากเพื่อนและพี่ชาย

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


"ปากนายไปโดนอะไรมาน่ะบูม เจ็บหรือเปล่า" ทิวถามด้วยน้ำเสียงตกใจเมื่อเพิ่งสังเกตเห็นว่ามุมปากขวาของบูมมีรอยช้ำนิดๆ และเหมือนจะบวมด้วยหน่อยๆ เขาเดินเข้าไปดูใกล้ๆ แต่คงจะใกล้เกินไปจนบูมต้องเขยิบตัวออกเล็กน้อยด้วยอาการประหม่า

บูมเอามือลูบบริเวณที่ถูกพ่อตบหน้าก่อนจะบอกไปว่า "ไม่เป็นไรมากหรอก เดี๋ยวเราเล่าให้ฟัง"

"รออยู่นี่เดี๋ยวนะ"

ทิวพูดจบแล้วก็วิ่งจู๊ดออกไป สักพักก็กลับมาพร้อมกับเบตาดีนและคอตตอนบัดในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างมีหมอนมาด้วยหนึ่งใบ

"นั่งนี่ก่อน"

ทิวบอกให้เพื่อนนั่งลงบนเตียง บูมทำตามอย่างว่าง่าย ทิวทำท่าอ้าปากเป็นสัญญาณว่าให้บูมอ้าปากเพื่อที่เขาจะได้ทาแผลให้ บูมก็อ้าปากตาม ทิวใช้คอตตอนบัดชุบเบตาดีนแล้วก็ค่อยๆ ทาแผลในปากให้เพื่อนอย่างเบามือที่สุด

บูมครางเบาๆ เพราะรู้สึกแสบๆ

"เจ็บเหรอ"

ทิวหยุดสักพัก ความรู้สึกบางอย่างแวบเข้ามาในความคิดอีกแล้ว แต่ทิวก็ไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกแวบนั้นคืออะไร

"แสบนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร" บูมตอบ

"แต่ดูแล้วคงไม่เป็นไรมากหรอก"

ทิวทาแผลเสร็จแล้วก็ลุกเอายาไปวางไว้บนโต๊ะและเอาคอตตอนบัดทิ้งตะกร้าขยะเล็กๆ ในห้อง แล้วก็เดินกลับมาที่เตียง

"นอนดีกว่า ถ้านายไม่รังเกียจเรา เราก็นอนกันเบียดๆ กันหน่อยนะ พอดีเตียงเรามันเล็กไปหน่อย ยังไม่ถึงเวลาที่จะมีใครมานอนด้วย" ทิวพูดติดตลกพลางขำในตอนท้าย

"เรานอนข้างล่างก็ได้ ไม่อยากรบกวนให้นายลำบาก"

"ไม่ได้ เราเป็นเพื่อนกันนะบูม ถ้านายนอนข้างล่าง เราจะโกรธนายจริงๆ ด้วย" ทิวขู่

"มีอย่างงี้ด้วย"

บูมว่าพลางขำ แต่เขาก็คงต้องยอม ดูท่าทางแล้วทิวคงไม่ยอมให้เขานอนข้างล่างแน่ๆ

"วันนี้ใช้ผ้าห่มผืนเดียวกับเราไปก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะหามาให้"

จริงๆ ทิวพยายามหาแล้วตอนที่ลงไปเอายาข้างล่าง แต่ก็หาไม่เจอ

ทิวเดินไปปิดไฟในห้อง เหลือแต่ไฟตรงหัวเตียงไว้ เขาทิ้งตัวลงนอนแล้วแต่บูมยังนั่งมองเหมือนกับไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี

"นอนเถอะบูม เพื่อนกัน ไม่ต้องเกรงใจเราหรอก"

ทิวพูดอย่างรู้ทัน ตั้งแต่คบกับบูมมาหลายเดือน เขาพอจะรู้ว่าบูมมีนิสัยเป็นคนขี้เกรงใจอยู่เหมือนกัน ตัวเขาเองก็เป็นแบบนั้นด้วย

เมื่อบูมนอนลงไปแล้ว ทิวก็แบ่งผ้าห่มให้เพื่อนไปครึ่งหนึ่ง เวลาที่เนื้อตัวเบียดกัน ความรู้สึกเหมือนเมื่อครู่นี้ก็กลับมาอีกแล้ว นายเป็นอะไรกันแน่ทิว ไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันคือความรู้สึกอะไรกันแน่ อย่าบอกนะว่านายเป็น...

แต่แทนที่ทิวจะปล่อยให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่าน เขาก็เริ่มหันมาสนใจปัญหาของเพื่อนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจในจิตใจไปเสียก่อน

"นายทะเลาะกับพ่อเรื่องอะไรหรือบูม"

บูมเงียบไปสักพักเหมือนกับกำลังพยายามเรียบเรียงเรื่องราวที่จะเล่า

"ก็เรื่องการเรียนของเรานั่นแหละ เทอมนี้เราได้เกรดเฉลี่ยน้อยกว่าเทอมที่แล้ว พ่อก็เลยไม่ค่อยพอใจ แล้ว...พ่อก็จะให้เราย้ายโรงเรียนถ้าเราไม่...ไม่เลิกร้องเพลง"

ทิวตาโตด้วยความตกใจ หันไปมองหน้าเพื่อน แล้วก็ต้องตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อพบว่าใบหน้าของเขากับบูมอยู่ใกล้กันพอสมควร ทำไมทิวถึงรู้สึกประหม่าหรือตื่นเต้นอย่างนี้เวลาอยู่ใกล้บูมด้วย แปลกจริงๆ

"จริงเหรอบูม พ่อนายรู้เรื่องที่นายร้องเพลงด้วยเหรอ"

บูมพยักหน้า ถอนหายใจ "พอดีเพื่อนของพ่อเขาไปงานที่เมืองทองธานีวันนั้น ก็เลยเห็นเรา"

"นายคิดว่าการร้องเพลงทำให้ผลการเรียนนายแย่ลงหรือเปล่า"

ทิวชักรู้สึกไม่ดีที่มีส่วนทำให้การเรียนของเพื่อนตกจนมีปัญหากับครอบครัว

"ไม่หรอกทิว เราคิดว่ามันเป็นเพราะวิชาใหม่ๆ อย่างฟิสิกส์ เคมีแล้วก็ชีวะมากกว่า เรายังจับทางไม่ค่อยได้ จริงๆ เราคิดว่าเราแบ่งเวลาได้นะ ตอนเย็นๆ เราก็ยังอ่านหนังสือทำการบ้าน ส่วนร้องเพลงเราก็อาศัยเวลาว่างๆ ที่โรงเรียนเท่าที่จะพอมี ไม่ได้เบียดเบียนเวลาเรียนของเราหรอก"

"แต่พ่อนายคิดว่าการร้องเพลงมีส่วนทำให้การเรียนของนายแย่ลงใช่ไหมล่ะ" เหมือนทิวจะพอเดาออกบ้าง

"ก็คงอย่างงั้น" บูมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

"ที่ปากนายเจ็บอย่างนี้ก็เพราะว่า..."

ดูเหมือนทิวไม่มั่นใจที่จะคาดเดา แต่เสียงถอนหายใจอีกครั้งของบูมก็ดูเหมือนจะทำให้สิ่งที่ทิวสงสัยใกล้ความจริงมากขึ้น ถ้าบูมไม่อยากพูดถึงตรงนี้ทิวก็คงต้องหยุดถาม

"แล้วนายจะทำไงล่ะบูม" ทิวเปลี่ยนเรื่อง

บูมเงียบและครุ่นคิด "ถ้าให้เลือกระหว่างต้องย้ายโรงเรียนแล้วไม่ได้เจอกับนาย...กับเลิกร้องเพลงแล้วไม่ต้องย้ายโรงเรียน เราก็คงเลือกอย่างหลัง"

เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว ทิวก็พอจะเห็นว่าบูมคงถูกครอบครัวคาดหวังเรื่องการเรียนมาก แต่เขาก็สะดุดคำตอบของบูมอยู่เหมือนกัน มันฟังดูเหมือนบูมใช้เขาเป็นเงื่อนไขในการตัดสินใจ บูมให้ความสำคัญกับเขามากขนาดนั้นเลยหรือ

"เราพูดจริงๆ นะทิว เราไม่เคยมีเพื่อนอย่างนายเลย ที่ผ่านมาเรารู้สึกว่าเราไม่มีใคร ไม่มีคนสนใจเรา ไม่มีคนที่รับฟังเรา แต่พอได้เป็นเพื่อนกับนาย มันทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก ถ้าเราต้องย้ายโรงเรียนไปอีก เราก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอเพื่อนอย่างนายอีกหรือเปล่า เราก็เลยคิดว่า...เราเลิกร้องเพลงดีกว่า แต่ขอให้เรามีเพื่อนอย่างนายต่อไป"

ทิวกับบูมต่างก็มองหน้ากันในความมืด ทิวดีใจที่บูมให้ความสำคัญกับเขามากขนาดนี้ แต่ก็ไม่อยากให้บูมเลิกร้องเพลงเลย แต่อย่างว่าแหละนะ คนเราก็คงต้องเลือกบางอย่างและเสียบางอย่างไปบ้าง

ถ้าไม่ได้นอนอยู่บนเตียงแบบนี้ ทิวคงกอดเพื่อนไปแล้วล่ะ แต่เพราะเจ้าความรู้สึกที่เพิ่งเกิดนั่นทำให้ทิวไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อมมือไปเลย

"ขอบใจนะบูมที่นายให้ความสำคัญกับเราขนาดนี้ เราก็อยากจะบอกนายเหมือนกันว่า...เราดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับนายนะ ถึงเราจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่นายก็เป็นเพื่อนที่พิเศษมากๆ ของเราเลยล่ะ"

สองหนุ่มยิ้มให้กันในความมืดสลัว ดึกแล้ว ทิวก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะช่วยเพื่อนได้มากกว่านี้ยังไง แต่ถ้านึกออกเมื่อไรเขาก็คงจะไม่รอช้า

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
   

เช้าวันใหม่มาถึงอีกวัน ทิวเป็นคนแรกที่ตื่นก่อน ปกติจะต้องลนลานวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวและเตรียมตัวไปโรงเรียน แต่ช่วงนี้ปิดเทอม ทิวจึงตื่นขึ้นมาอย่างสบายๆ ลุกขึ้นนั่งแล้วก็มองเพื่อนที่นอนหลับอยู่ด้วยความเอ็นดู ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อคืนหวนกลับมาในความทรงจำอีกครั้ง มันจะเป็นความรู้สึกอะไรก็ช่างเถอะ ทิวพอใจและมีความสุขที่ได้มีเพื่อนคนนี้อยู่ใกล้ๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทิวรีบวิ่งไปเปิดก็เห็นว่าแม่แต่งตัวเหมือนเตรียมตัวจะออกไปทำงานแล้ว "พอดีแม่มีประชุมด่วนตอนเช้า วันนี้ทิวกับเพื่อนทำอะไรกินกันเองไปก่อนละกันนะลูก"

"ได้ครับแม่" ทิวพยักหน้ารับ แล้วแม่ก็เดินลงไป

ทิวปิดประตู หันหน้ากลับมาก็เจอบูมที่ตื่นนอนพอดี เขาลุกขึ้นนั่งแล้วก็ยิ้ม

"ตื่นแล้วเหรอ นอนหลับสบายไหมเมื่อคืน"

บูมยิ้มกว้างขึ้นอีก "โอเค ก็หลับสบายดี"

ทำไมรอยยิ้มของบูมมันดูมีเสน่ห์และแรงดึงดูดอย่างนี้นะ นายจะต้องบ้าไปแล้วแน่ทิว อาการแบบนี้มันเป็นเหมือนตอนที่เขาเคยแอบชอบรุ่นน้องมอสองคนหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว แต่คราวนั้นเป็นผู้หญิง คราวนี้เป็นผู้ชาย นี่ทิวกำลังรู้สึกอย่างนั้นกับเพื่อนตัวเองจริงๆ หรือ?

ไม่นะ! เป็นไปไม่ได้!

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
   

สองหนุ่มลงมาช่วยกันทำอาหารเช้าเมื่อทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว บูมไม่เคยทำงานในบ้านอย่างนี้เลยจึงเป็นได้แค่ลูกมือ แต่ก็สนุกมากทีเดียวที่ได้ทำอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ

พอผัดผักบุ้งไฟแดงเสร็จแล้ว ทิวก็จะทอดไข่ แต่บูมอยากลองทำก็เลยให้เพื่อนสอน นี่ถ้าบูมมีกระจกอยู่ข้างหน้า เขาคงขำสีหน้าตัวเองมากเวลาที่ทอดไข่แล้วกลัวน้ำมันกระเด็นใส่ แต่มันก็ผ่านไปได้แหละน่า อาหารเช้ามื้อนี้ที่บูมได้มีส่วนช่วยทำครั้งแรกในชีวิตก็ดูจะเป็นอาหารเช้าที่อร่อยที่สุดในโลกที่เขาเคยกินมาเลยทีเดียว

สายๆ ทิวพาบูมไปหาซื้อต้นไม้ที่ตลาดเทเวศร์ แม้ว่าพื้นที่บ้านจะไม่ได้มีมาก แต่ทิวก็ชอบปลูกต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจ บริเวณหน้าบ้านของทิวจึงมีกระถางต้นไม้ ทั้งวาง ทั้งแขวนรวมทั้งไม้เลื้อยเยอะทีเดียว ถึงบูมจะไม่ค่อยรู้เรื่องต้นไม้เท่าไรนัก แต่เขาก็สนุกกับการเลือกซื้อต้นไม้ไปกับเพื่อนด้วย

"ที่บ้านนายไม่โทรตามเหรอ" ทิวถามขณะเดินเลือกดูต้นหนวดฤาษีอยู่

"เราปิดเครื่อง" บูมหยุดเว้นจังหวะไปสักพัก "เรายังไม่อยากคุย ไม่อยากเจอกับใครที่บ้านในตอนนี้เลย"

แต่อีกใจบูมก็กังวลอยู่เหมือนกันว่าที่บ้านอาจเป็นห่วงเพราะไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน พี่บีมก็ไม่รู้ว่าบูมหนีออกมา

"นายอยากให้เรากลับแล้วเหรอ" ถามเหมือนน้อยใจนิดๆ

"เปล่า...เราแค่ถามดูเฉยๆ" ทิวว่าแล้วก็หันไปสนใจต้นหนวดฤาษีต่อ

"ทิว...เราถามอะไรหน่อยสิ" ดูเหมือนบูมจะสงสัยอะไรบางอย่าง

"อะไรเหรอ" ทิวหันมามองอย่างสงสัย

"นายอยู่กับแม่สองคนเองเหรอ"

"ใช่...พ่อกับแม่เราแยกทางกันนานแล้วล่ะ เราไม่ได้เจอแล้วก็ไม่ได้ข่าวพ่อนานแล้ว แต่เราว่าชีวิตเราก็โอเคนะ แม่เราเก่ง เก่งมากๆ ด้วย" น้ำเสียงของทิวดูเหมือนจะภูมิใจกับแม่ของเขาเสียจริงๆ

บูมยิ้มแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วก็หันไปสนใจกับการเลือกซื้อต้นไม้ช่วยเพื่อนต่อไป

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
   

บ่ายๆ ทิวกับบูมก็กลับมาถึงบ้าน ตอนแรกทิวจะขึ้นรถเมล์กลับ แต่บูมเห็นว่าทิวมีของต้องถือเยอะก็เลยให้กลับแท็กซี่ และบูมก็ขอให้เขาเป็นคนออกค่าแท็กซี่เอง พอลงจากแท็กซี่แล้วสองหนุ่มก็ช่วยกันเอาต้นไม้ที่ซื้อมาจัดให้เข้าที่ ในขณะที่กำลังจัดต้นไม้กันเพลินๆ อยู่นั้นก็มีรถมาจอดหน้าบ้านทิว สักพักชายคนหนึ่งก็เปิดประตูลงมา

"พี่บีม" บูมอุทานเมื่อเห็นพี่ชายลงมาจากรถ เขารู้สึกกลัวนิดๆ ว่าพ่อกับแม่คงให้พี่ชายมาตามเขากลับบ้านแน่เลย

"นึกแล้วว่าบูมต้องมาที่นี่"

ทิวเดินไปสวัสดีพี่ชายของเพื่อนแล้วก็เปิดประตูให้พี่บีมเข้ามา

"พี่ไปจอดรถตรงไหนได้บ้าง จอดหน้าบ้านทิวได้ไหม"

"เอามาจอดในบ้านผมก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเปิดประตูให้"

พอจัดการเรื่องจอดรถแล้ว ทิวกับบูมก็พาพี่บีมมานั่งคุยกันข้างในบ้าน

"ไม่เป็นไร ทิวอยู่ฟังด้วยกันก็ได้"

บีมร้องบอกเมื่อเห็นทิวทำท่าจะเดินไปที่อื่นเพื่อให้สองพี่น้องได้คุยกันตามลำพัง ทิวจึงหยุดนั่งลงฟังด้วย

"พ่อกับแม่ให้พี่มาตามผมหรือเปล่าครับ" บูมถามอย่างที่เขากำลังกังวลอยู่

"อืม...พ่อกับแม่รู้แล้วล่ะว่าบูมหายไป แต่พี่ไม่ได้บอกหรอกว่าบูมอยู่ไหน ก็ดูเขาเป็นห่วงบูมอยู่นะ แต่ที่พี่มาที่นี่ไม่ใช่เพราะจะมาตามบูมกลับบ้านหรอก พี่ว่าบูมอยู่ที่นี่กับเพื่อนสักพักก็ดีเหมือนกัน เผื่อจะทำให้พ่อกับแม่คิดอะไรได้บ้าง"

เห็นน้องชายกับเพื่อนมองหน้าเขาอย่างเงียบๆ บีมก็เลยพูดต่อไปว่า

"พี่ไม่รู้ว่าบูมตัดสินใจยังไง แต่พี่ก็อยากจะย้ำสิ่งที่พี่พูดเมื่อวานว่า บูมต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่บูมทำ รู้ไหมว่าเวลาที่พี่เห็นบูมร้องเพลง พี่เห็นบูมมีความสุขมาก แล้วบูมก็ทำได้เป็นอย่างดี พี่ภูมิใจนะที่บูมค้นพบความสามารถนี้และตั้งใจกับมัน พี่ไม่อยากให้บูมล้มเลิกมันง่ายๆ แบบนี้"

"แต่..." บูมเหมือนอยากจะแย้ง แต่ก็ไม่รู้จะแย้งว่าอย่างไร

"พี่เชื่อบูมนะ พี่เชื่อว่าบูมแบ่งเวลาได้ ผลการเรียนของบูมไม่ได้แย่ขนาดนั้น แล้วพี่ก็เชื่อว่าบูมจะทำได้ดีขึ้นถ้าบูมคุ้นเคยกับวิชาใหม่ๆ บูมไม่ต้องลาออกจากชมรมดนตรีนะ แล้วก็ไม่ต้องย้ายโรงเรียนหรอก"

"พี่บีม แล้วพ่อจะไม่..."

"พิสูจน์ให้พ่อเห็นสิบูมว่าบูมทำได้ บูมไม่ใช่หุ่นยนต์ ไม่ใช่ดินน้ำมันที่ใครจะสั่งให้ทำอะไรหรือปั้นให้เป็นอะไรก็ได้ พี่ไม่อยากให้บูมเหนื่อยกับการต้องทำตามพ่อกับแม่อย่างเดียว แต่ไม่ได้ฟังหัวใจของบูมเอง พ่อกับแม่ก็ต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจบูมบ้าง พี่อยู่ทั้งคน บูมไม่ต้องกลัวนะ ทิวก็อยู่ อย่างน้อยบูมก็จะมีสองคน มีพี่ มีทิว ที่จะคอยช่วย ใช่ไหมทิว"

บีมหันไปถามเพื่อนของน้องชาย แม้จะมีเวลาสังเกตแค่วันเดียวตอนไปเที่ยวด้วยกันคราวที่แล้ว แต่บีมก็พอดูออกว่าทิวเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งของบูมทีเดียว

"ครับพี่บีม ผมเต็มที่อยู่แล้วครับ ผมก็คิดคล้ายๆ กับพี่ครับว่าบูมทำได้ดีมากในเรื่องการร้องเพลง ผมก็ยังแอบเสียดายเลยที่บูมจะเลิก"

เมื่อพี่ชายและเพื่อนรักต่างก็เห็นดีไปในทางนั้น บูมก็ไม่รู้จะค้านยังไง บูมอาจจะต้องเรียนรู้ที่จะเข้มแข็งและมีจุดยืนมากขึ้น ที่ผ่านมาเขาทำไม่ได้เพราะไม่มีที่พึ่งทางใจเลย แต่วันนี้ทั้งพี่ชายและเพื่อนต่างก็พร้อมที่จะร่วมเป็นกำลังใจและเป็นแรงสนับสนุนให้ บูมก็ควรจะต้องสู้ต่อไปสิ

"สู้นะบูม"

พี่บีมบอกพลางเดินมาตบไหล่น้องชาย บูมเงยหน้ามองพี่ชายด้วยความซาบซึ้งใจ แล้วก็ลุกขึ้นมากอดพี่ชายแน่น แล้วก็ร้องไห้กันสองคนพี่น้อง

"พี่รู้นะบูมว่าเราเคยโกรธพี่ แต่พี่อยากให้บูมรู้ว่าพี่รักและเป็นห่วงบูมมาก เรามีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง ที่ผ่านมาพี่ไม่ได้เข้ามาช่วยอะไรบูมเลย ปล่อยให้บูมต่อสู้อยู่ลำพัง แต่ว่าต่อไป...พี่จะไม่ปล่อยให้บูมต่อสู้อยู่คนเดียวอีก เชื่อพี่นะบูม บูมทำได้นะ"

"ผมขอโทษนะครับพี่บีม"

"พี่ดีใจนะที่วันนี้บูมไม่โกรธพี่ พี่ดีใจที่เราจะกลับมาเป็นพี่น้องที่รักกันอย่างสนิทใจอีกครั้งหนึ่ง พี่เองก็ต้องขอโทษบูมด้วยที่พี่ห่างเหินไป"

ทิวเห็นสองพี่น้องกอดกันร้องให้แล้วก็อดน้ำตาซึมไปด้วยไม่ได้ ทิวเองไม่มีพี่น้องเลย เห็นอย่างนี้แล้วก็พลอยนึกอิจฉาบูมที่มีพี่ชายใจดีอย่างนี้

สักพักสองพี่น้องก็กลับมานั่งที่ตามเดิม

"พี่ก็ว่าจะไปอยู่กับเพื่อนสักพักเหมือนกันช่วงนี้ ถ้าบูมกลับบ้านโทรบอกพี่ด้วยละกันนะ พี่จะได้มารับแล้วก็กลับพร้อมกับบูม"

บูมคิดว่าพี่ชายคงมีแผนการอะไรบางอย่าง พ่อกับแม่คงเหงาเหมือนกันที่จู่ๆ ลูกชายสองคนก็หายไปจากบ้าน แต่บางทีก็อาจจะช่วยให้พ่อกับแม่เข้าใจอะไรมากขึ้นก็ได้

"เดี๋ยวพี่ต้องไปแล้วล่ะ มีนัดกับเพื่อน พี่ฝากบูมหน่อยนะทิว มีอะไรก็โทรไปหาพี่นะ วันไหนว่างๆ จะพาไปเที่ยวอีก" บีมหันไปบอกเพื่อนของน้องชายพร้อมกับรอยยิ้ม

"ไม่ต้องห่วงครับพี่ ผมจะช่วยดูแลบูมเป็นอย่างดีครับ"

ทิวรับคำเป็นมั่นเหมาะแล้วก็หันไปยิ้มกับเพื่อน เห็นสีหน้าคลายกังวลของบูมแล้วก็โล่งใจขึ้นมาได้บ้าง บูมคงรู้สึกอุ่นใจมากขึ้นเพราะอย่างน้อยเขาก็มีทั้งพี่ชายและเพื่อนที่พร้อมจะช่วยเขาในทุกเรื่องในเวลาที่บูมต้องการ

TBC
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 8 วันที่ 9.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 09-03-2012 23:09:15
ไปตามอ่านเรื่องต้นสนมาค่ะ พอเห็นว่าเขียนไว้จนจบแล้ว ทนรอไม่ไหวเลยไปตามหาจนเจอและอ่านจากอีกเวปนึงจนจบ
เรื่องต้นสนสนุกมากๆ อ่านรวดเดียวจบใน 1 วันเลยค่ะ 
การันตีคนเขียนได้เลยว่า สุดยอด o13 o13 ต้องติดตามเท่านั้น ไม่งั้นเสียดายแย่
เรื่องราวของต้นกับสน เต็มไปด้วยความรัก ความผูกพัน และอบอุ่นมากๆ
ยกให้เป็นเรื่องที่ประทับใจมากๆเรื่องนึงเลยค่ะ

เรื่องทิวบูมก็ออกแนวอบอุ่น คล้ายเรื่องต้นสนเหมือนกัน
ชอบอ่านเรื่องราวแนวที่มีความผูกพันกันมาตั้งแต่เด็กแบบนี้มากๆเลยค่ะ มันเต็มตื้นและอุ่นในหัวใจดี

รอติดตามตอนต่อไปและเป็นกำลังใจให้คุณ Sarawatta นะคะ สนุกมากๆค่ะ
จากนี้ไป ทิวบูม จะดราม่าแค่ไหนก็ไม่กลัว อีกแล้ว....  :impress:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 8 วันที่ 9.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 09-03-2012 23:33:27
อ่า ตอนนี้บูมคงกล้าตัดสินใจอะไรได้มากขึ้นเเล้วสินะ

ก็ต้องรอดูว่าพ่อเเม่จะเปิดใจขึ้นบ้างหรอเปล่า หรือยิ่งบังคับมากขึ้น

แต่ทำไมบูมได้เกรดน้อยจัง เราขึ้นม.๔เกรดพุ่งชิวเลย

๕๕๕๕๕๕ แอบนอกเรื่อง

+1 เป็นกำลังใจให้นะครับ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 8 วันที่ 9.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 10-03-2012 20:31:39
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 09 ✦ ความกลัวของทิว

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)

"หายหัวกันไปหมดเลย" คุณลิขิต เทพสถิตย์พิทักษา นักวิศวกรออกแบบสิ่งปลูกสร้างชื่อดังคนหนึ่งของเมืองไทยบ่นงึมงำขณะนั่งกินข้าวมื้อเย็นกับภรรยา รศ.ดร. ทิพย์นภา เทพสถิตย์พิทักษา อาจารย์ในคณะบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ต่างคนต่างก็มีสีหน้าบูดบึ้งไม่พอใจ หลายวันแล้วที่บีมและบูมหายไปจากบ้านและไม่สามารถติดต่อได้

"ฮึ...แล้วมันเป็นเพราะใครล่ะ" คุณทิพย์นภาแค่นเสียง อาหารเย็นมือนี้ช่างไม่มีรสมีชาติเอาเสียเลย

สามีเธอหยุดมองพลางขมวดคิ้ว "คุณจะพูดอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า"

"ก็คุณไปตบหน้าลูกทำไมล่ะคะ"

เมื่อได้ทีเช่นนี้คุณทิพย์นภาก็ถือโอกาสพูดสิ่งที่อัดอั้นตันใจมาหลายวันเสียเลย

"จะดุจะด่าลูกยังไงฉันก็ไม่เคยว่าอะไร เลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็กจนโต เราไม่เคยทำกับเขาแบบนี้เลยนะคะคุณ"

คุณลิขิตได้แต่เงียบเพราะเขาเองก็รู้สึกผิดอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องคอยดูแลทุกคนในบ้าน ในฐานะที่เป็นสามี ในฐานะที่เป็นผู้ชายและอีกสารพัดสถานะตามแต่ผู้ชายในวัยอย่างเขาจะถูกคาดหวังจากสังคมหรือแม้กระทั่งตัวเอง การที่เขาจะยอมรับผิดก็ดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

เห็นสามีเงียบอยู่อย่างนั้น คุณทิพย์นภาจึงรู้สึกไม่พอใจ เธอกระแทกช้อนส้อมลงบนจานข้าวแล้วก็ลุกออกไป ไม่ว่าจะร่ำรวยแค่ไหน ไม่ว่าจะมีคนยอมรับนับถือหน้าตาในสังคมมากแค่ไหน แต่สุดท้ายเธอก็คือแม่คนหนึ่ง ไม่มีสิ่งใดที่จะเอาชนะธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

ตลอดเวลาที่บูมอยู่บ้านทิวกว่าหนึ่งสัปดาห์นั้น ดูจะเป็นช่วงเวลาที่บูมมีความสุขมากทีเดียว เวลาอยู่บ้าน ทิวก็จะสอนเขาร้องเพลง นอกนั้นก็ช่วยกันทำงานบ้านไม่ว่าจะเป็นล้างจาน ซักผ้า กวาดบ้าน ถูบ้าน รดน้ำต้นไม้ ว่างๆ ก็ดูทีวี เล่นเกมส์ วันไหนพี่บีมว่างก็จะพาไปเที่ยว พวกเพื่อนๆ คนอื่นๆ ของทิวกับบูมก็พลอยได้อานิสงฆ์ไปด้วย ไม่ว่าจะไปเล่นยิงปืน ตกปลา ขี่เจตสกี โยนโบวลิ่งและอีกสารพัดอย่าง ทำให้เวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนถึงวันที่บูมตัดสินใจจะกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่เสียที

"นายอย่าลืมขอโทษพ่อกับแม่ก่อนนะบูม ยังไงเขาก็เป็นพ่อแม่ของนาย" ทิวเตือนเพื่อนในขณะที่นั่งอยู่บนเตียง มองดูบูมเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า

"อืม เราก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่หนีออกมาแล้วไม่ได้บอกอะไรพ่อกับแม่เลย"

"เราว่าเขาคงเป็นห่วงนายน่าดูนะบูม ไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอกที่ไม่รักลูกของตัวเอง"

ทิวคงหมายถึงแม่เพียงคนเดียว จนป่านนี้ทิวก็ไม่รู้หรอกว่าพ่อเคยรักและรู้สึกคิดถึงเขาบ้างหรือเปล่า

"เราคง...คิดถึงนายเหมือนกันนะ เวลากลับบ้านไป เราคงไม่ได้เจอนายอีกเป็นเดือนเลย" บูมหยุดหันมามองเพื่อนด้วยสีหน้าที่ทำให้ทิวต้องตีความอย่างหนัก

อยู่ใกล้ชิดกับบูมมาหลายวัน ทิวเริ่มรู้แล้วว่าเขากำลังคิดอะไรกับเพื่อนคนนี้อยู่ แม้จะเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากอยู่ก็ตาม แต่เขาก็เหนื่อยกับการต่อสู้ภายในใจของตัวเองจนต้องยอมรับความรู้สึกนั้นกลายๆ พอเห็นสีหน้าแบบนี้แล้ว ทิวก็อดที่จะตีความให้เข้ากับสิ่งที่เขากำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้ไม่ได้

"เราโทรคุยกันก็ได้ ไม่เห็นยากเลย"

ทิวลุกเดินอ้อมมาอีกฝั่งของเตียง เขานั่งลงใกล้ๆ กับเพื่อน ใกล้จนแขนชิดกันเลยล่ะ มันทำให้ทิวรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก คล้ายๆ ความรู้สึกเวลาที่ทิวเห็นผู้ชายวัยกลางคนที่หน้าตาใจดีแล้วอยากอยู่ใกล้

"เสื้อผ้านายมีแต่ราคาแพงๆ ทั้งนั้นเลยนะเนี่ย" ทิวพูดแซวติดตลก

"แม่เราซื้อให้ ส่วนมากเราไม่ค่อยได้ซื้ออะไรเองหรอก" บูมขำเล็กน้อย

"ถ้าวันไหนเราคิดถึงนาย เราไปหานายที่บ้านได้หรือเปล่า" ที่ทิวถามเพราะเขากลัวว่าถ้าเขาไปแล้วจะทำให้บูมมีปัญหา

"ก็น่าจะได้ แต่...เรายังไม่เคยพาเพื่อนคนไหนไปบ้านเราเลย" บูมขำในตอนท้าย

ให้ตายเถอะ เขารู้สึกว่าบูมน่ารักเหลือเกินเวลายิ้มและหัวเราะ น่ารักจนอยากจะดึงเข้ามากอดเลยทีเดียว คิดแบบนี้อีกแล้วนะทิว บูมเป็นเพื่อนนายนะเว้ย ไม่ใช่...

เออ... แล้วไม่ใช่อะไรล่ะ?

นั่นสิ?

"นายกลัวหรือเปล่าบูม" ทิวพยายามดึงสมาธิกลับมาจากความคิดฟุ้งซ่าน

"อืม...ก็กลัวนะ" บูมยอมรับตามตรง "แต่...เรามีพี่บีม แล้วก็นายด้วย ก็เลยหายกลัวไปได้เยอะเลย"

แม้จะมีสีหน้าไม่มั่นใจอยู่บ้าง แต่บูมก็รู้สึกกังวลน้อยลงเมื่อเทียบกับที่ผ่านมา

ทิวพาดมือกอดคอเพื่อนไว้ "ขอบใจนะบูมที่นายให้ความสำคัญกับเราขนาดนี้"

บูมหันหน้ามามองเพื่อนพลางยิ้ม ใบหน้าของบูมกับทิวอยู่ใกล้กันแค่ไม่เท่าไร ทำไมทิวถึงรู้สึกอยากทำอะไรบางอย่างกับริมฝีปากนั้นของเพื่อนจังเลยนะ ชักจะไปกันใหญ่แล้วทิว ทิวจึงรีบปล่อยมือออกจากเพื่อนทันทีก่อนอะไรๆ จะเตลิดไปกันใหญ่ เขาทำสีหน้าเหรอหรา ไม่รู้ว่าจะเขิน จะยิ้ม จะหัวเราะหรือจะรู้สึกยังไงดี

"ไปฉี่ก่อนนะ"

ว่าแล้วทิวก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป บูมมองตามอย่างงงๆ แล้วก็หันมาเก็บเสื้อผ้าต่อ ทิวปิดประตูยืนพิงแล้วก็ถอนหายใจ ใจเขาเต้นไม่เป็นส่ำเลย เขาจะต้องไม่ทำอย่างนี้อีก ถ้าบูมสงสัยมันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เผลอๆ เขาอาจจะต้องเสียเพื่อนไปเลยก็ได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

"บูมขอโทษพ่อกับแม่ด้วยครับ"

ลูกชายคนเล็กพูดพลางก้มกราบแทบเท้าพ่อกับแม่เมื่อมาถึงบ้าน ต่อให้ใจยักษ์ใจมารขนาดไหน ก็คงไม่มีพ่อแม่คนไหนที่จะไม่ยกโทษให้ลูก โดยเฉพาะเมื่อเห็นลูกก้มกราบด้วยความสำนึกผิดเช่นนี้

บูมลุกขึ้นนั่งในท่าคุกเข่า มองหน้าผู้ให้กำเนิดทั้งสองคนด้วยสายตาที่แสดงความสำนึกผิด แม่ดูมีน้ำตาซึมๆ หน่อย ส่วนพ่อยังนิ่งเงียบเหมือนที่บูมเคยเห็นจนชิน

"ทีหลังก็อย่าทำแบบนี้อีก รู้ไหมว่าพ่อกับแม่เป็นห่วงแค่ไหน"

คุณทิพย์นภาบอกลูกชาย น้ำเสียงตำหนิกลายๆ น้อยใจหน่อยๆ ผสมกันไป แต่บางทีก็ทำให้เดายากเหมือนกันว่าเธอรู้สึกอย่างไรกันแน่

"ครับ ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกครับ" บูมรับคำ

"แล้วไปอยู่ไหนมา"

ในที่สุดคำถามแรกจากคนที่เป็นพ่อก็หลุดออกมา แม้จะมีสีหน้าเรียบเฉย แต่น้ำเสียงก็ดูอ่อนลงและแฝงด้วยความเป็นห่วงพอรู้สึกได้ แต่ก็นั่นแหละ นอกจากความรู้สึกไม่พอใจแล้ว บูมก็ไม่เคยเห็นว่าคนบ้านนี้จะแสดงความรู้สึกอย่างอื่นได้ดีและตรงกับสิ่งที่ใจคิดมากนัก

"บูมไปอยู่กับเพื่อนครับพ่อ"

เห็นท่าทางของผู้ให้กำเนิดทั้งสองคนแล้ว บูมก็ไม่ค่อยมั่นใจนักว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างที่เขากับบีมคาดหวัง มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอก พ่อกับแม่ก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว อยู่ดีๆ จะให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือคงไม่ง่าย แต่บูมก็จะพยายามอดทนต่อไปจนกว่าพ่อกับแม่จะเห็นใจและเข้าใจเขาบ้าง แต่ถึงกระนั้น บูมก็คิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้คงทำให้พ่อกับแม่เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างเหมือนกัน ส่วนต่อไปจะเปลี่ยนแปลงได้มากแค่ไหนก็สุดจะคาดเดาได้

"เราก็เหมือนกัน อย่าทำให้พ่อกับแม่เป็นหัวหลักหัวตอ จะไปไหนก็บอกกันบ้าง"

คุณทิพย์นภาหันไปว่าลูกชายคนโต บีมได้แต่รับคำโดยไม่พูดอะไร อย่างน้อยสิ่งที่แม่พูดก็ทำให้บีมรู้สึกดีขึ้นมาบ้างที่เห็นพ่อกับแม่เป็นห่วง นึกว่ากลายเป็นลูกที่พ่อกับแม่ได้ตัดหางปล่อยวัดไปเสียแล้ว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

แล้วการเรียนในชั้น ม.4 ก็ผ่านพ้นไป บูมได้เกรดเฉลี่ยสูงถึง 3.9 ทำให้พ่อกับแม่พอใจมากทีเดียว แต่แน่นอน บูมก็ยังคงอยู่ชมรมดนตรีและวง Zenith เหมือนเดิม พ่อกับแม่ก็รับรู้ แม้จะไม่ได้สนับสนุน แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ที่สำคัญดูเหมือนบูมจะค่อนข้างมีอิสระขึ้นมาพอสมควร บางวันสามารถเลิกค่ำๆ แล้วไปเดินเที่ยวกับเพื่อนๆ ได้ แต่ก็ต้องกลับบ้านก่อน 3 ทุ่ม แต่ก็นับว่าดีแล้วสำหรับบูม ส่วนความสัมพันธ์ของเขากับทิวนั้นก็ยังเสมอต้นเสมอปลายดี จนกระทั่ง...

"พี่คะ ช่วยอะไรหน่อยได้ไหมคะ พอดีหนูพยายามหาโทรศัพท์ในกระเป๋าแล้วหาไม่เจอค่ะ จะรบกวนให้พี่ช่วยโทรเข้าเครื่องหนูหน่อยได้ไหมคะ" สาวน้อยเสียงใสคนหนึ่งถามขึ้นขณะที่เดินผ่านมาเจอบูมซึ่งนั่งอยู่คนเดียวพอดี

"อ๋อ ได้สิครับ เบอร์ของน้องเบอร์อะไรครับ" บูมรับช่วยอย่างว่าง่าย เห็นหน้าตาสาวน้อยคนนี้แล้วก็พอคุ้นหน้าอยู่ ตอนนี้น่าจะเรียนอยู่ ม.4 หน้าตาน่ารักทีเดียว บูมจำได้ว่าพวกเพื่อนๆ ในห้องชอบแซวและพูดถึงน้องคนนี้อยู่บ่อยๆ

"ได้ค่ะ 084-xxx-xxx ค่ะ"

บูมกดเบอร์ตามแล้วก็กดโทรออก สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นเพลงรักวัยรุ่นสมัยใหม่ที่มีจังหวะสนุกๆ สาวน้อยรีบเปิดกระเป๋านักเรียนของเธอที่ดูจะมีกระเป๋าซ้อนกันข้างในหลายอันอยู่ ควานไปควานมาไปตามเสียงที่ได้ยินก็เจอโทรศัพท์ของเธอพอดี

"เจอแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะพี่" สาวน้อยขอบคุณพลางยิ้มดีใจ

"ไม่เป็นไรครับ" บูมยิ้มตอบเช่นกัน ไม่รู้หรอกว่านี่คือมุกอย่างหนึ่งที่สาวๆ สมัยนี้ใช้สำหรับขอเบอร์โทรศัพท์ชายหนุ่มที่ตัวเองแอบชอบอยู่ แต่ไม่กล้าขอเบอร์ตรงๆ

"พี่เลิกเรียนแล้วหรือคะ"

"ครับ"

บูมรู้สึกแปลกใจนิดๆ ที่สาวน้อยคนนี้ทำท่าทางเหมือนยังอยากคุยกับเขาต่อ จริงๆ ก็มีสาวๆ มาชอบเขาหลายคนเหมือนกัน แต่บูมก็มัวแต่สนใจกับการเรียนและร้องเพลงมากกว่าอย่างอื่น

"แล้วพี่มานั่งรอใครอยู่หรือเปล่าคะ"

"อ๋อ...รอเพื่อนครับ"

"ชื่อแป๋มนะคะ ถ้าจำไม่ผิด เหมือนพี่จะชื่อบูมใช่ไหมคะ" สาวน้อยถือโอกาสแนะนำตัวเสียเลย

"อ๋อ...ใช่ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับน้องแป๋ม" บูมยิ้มนิดๆ

"ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่ ไปก่อนนะคะ" สาวน้อยยิ้มหวานอีกครั้งก่อนที่จะค่อยๆ เดินออกไป แต่ก็หันมายิ้มให้กับบูมเป็นระยะๆ

ชักยังไงแล้วสิ แต่ไม่ทันที่บูมจะได้คิดสงสัยอะไรต่อ เพื่อนรักของเขาก็เรียกชื่อเขามาแต่ไกล

"บูม โทษที รอนานหรือเปล่า"

"ไม่เป็นไร เราก็อ่านหนังสือไปได้เยอะเลย" บูมบอกพลางยิ้ม

"ทีหลังนายมาเล่นกับพวกเราบ้างสิ สนุกดีนะ" ทิวชวนแล้วก็ยกขวดน้ำขึ้นดื่ม

"ไม่เอาหรอก เราไม่ชอบเล่นฟุตบอล นายเล่นเถอะ เรารอได้"

บูมก็เป็นผู้ชายที่แปลกดีแฮะ ปกติผู้ชายที่ไหนก็ชอบเล่นฟุตบอล แต่ทฤษฎีนี้ดูเหมือนจะใช้กับบูมไม่ได้ ทิวชวนหลายทีแล้วแต่บูมก็ไม่ยอมเล่น อย่างมากก็เล่นบาส

"เดี๋ยวเราไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ สงสัยพวกนั้นมันคงรอกันแย่แล้ว" ทิวบอกแล้วก็วิ่งจู๊ดออกไป ไม่นานนักก็กลับมาพร้อมกับชุดนักเรียนตามเดิม

"ไปกันเถอะบูม"

บูมเก็บของใส่กระเป๋าแล้วก็เดินตามเพื่อนออกไป ปกติบูมก็ยังคงให้พ่อ แม่หรือพี่ชายมารับอยู่ แต่ถ้าวันไหนบูมอยากไปเดินเที่ยวกับเพื่อนๆ หรือมีธุระ บูมก็จะกลับเอง แต่ถ้าไปเดินเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ พี่บีมก็มักจะตามมารับทีหลัง

อุ้ย มัสมั่น ต้อง ช้าง เอกและมิตรออกมาก่อนแล้วเพราะอยากจะไปเดินดูแผ่นซีดีเกมส์ใหม่ๆ แต่เห็นทิวกับบูมมาช้าก็เลยไปนั่งรอที่ร้าน KFC และเริ่มสั่งของกินไปพลางก่อน พอทิวกับบูมไปถึงจึงโดนเพื่อนๆ ต่อว่าใหญ่

"ไอ้ห่าทิว พวกกูหิวจะแย่ละ มัวแต่รอมึงนี่แหละ วันนี้มึงต้องเลี้ยงพวกกูเลย โทษฐานที่มาช้า"

ต้องรีบว่าก่อนใคร ทุกคนต่างก็รู้ว่าคนที่ทำให้ช้าก็คือทิวคนเดียว ไม่ใช่บูม

"เดี๋ยวเลี้ยงเองก็ได้เว้ย"

บูมเสนอ เรียกเสียงฮือฮาจากเพื่อนๆ ได้พอสมควร เมื่อวานต้องกับเอกเปรยกับเพื่อนๆ ว่าอยากกินไก่ KFC เพราะเพิ่งเห็นโฆษณาชิ้นใหม่ ก็เลยชวนกันมากินวันนี้

พอกินกันเสร็จแล้ว พี่บีมก็มารับน้องชายอีกตามเคย แต่วันนี้มีแค่บูมกับทิวเท่านั้นที่กลับพร้อมกับพี่บีม ส่วนคนอื่นๆ ก็ไปเดินเที่ยวกันต่อ

ระหว่างที่นั่งกลับ โทรศัพท์ของบูมก็ดังขึ้น เบอร์ไม่ค่อยคุ้นเท่าไรนัก แต่บูมก็รับด้วยความสงสัย

"สวัสดีครับ อ๋อ...จำได้ครับ น้องแป๋มเหรอครับ อ๋อ...พอดีพี่กำลังเดินทางกลับบ้านครับ ไปกินข้าวกับเพื่อนมา ไปกันหลายคนครับ ก็เพื่อนห้องชั้น ม.5/1 ครับ อ๋อ...แถวๆ สยามครับ อ๋อ...วันนี้น้องแป๋มก็ไปกินข้าวกับเพื่อนที่สยามเหมือนกันเหรอครับ..............."

น้องแป๋มคือใคร ทิวนึกสงสัย อ๋อ...จำได้แล้ว รุ่นน้อง ม.4 คนที่เพื่อนในห้องเขามันชอบแซวบ่อยๆ แน่เลย แล้วมารู้จักกับบูมตั้งแต่เมื่อไร ทำไมดูเหมือนคุยสนิทสนมกันขนาดนั้น

"แฟนโทรมาหรือบูม" พี่บีมหันมาถามน้องชายทันทีที่บูมวางโทรศัพท์ลง

บูมหันไปปฏิเสธด้วยสีหน้าอายๆ ว่า

"เปล่าครับพี่"

บีมแอบยิ้ม คำว่าเปล่าของบูมมีความหมายที่กำกวมพอสมควร บางทีบูมอาจจะเขินจึงไม่กล้าบอกตามความเป็นจริงก็ได้

 "อายอะไร...มีแฟนก็บอกมาเถอะ มันเป็นเรื่องธรรมดานะบูม ผู้ชายวัยอย่างบูมเขาก็มีแฟนกันทั้งนั้นแหละ ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย รู้เปล่าว่าพี่น่ะมีแฟนตั้งแต่อยู่ ม.1 แน่ะ"

บีมพูดติดตลก แต่เขาก็มีแฟนตั้งแต่ตอนอยู่ ม.1 จริงๆ

"แล้วทิวล่ะมีแฟนหรือยัง อย่าให้แพ้บูมนะ" พี่บีมไม่ลืมที่จะหันมาถามเพื่อนของน้องชายด้วย

ถ้าบูมหันมามองทิวที่นั่งอยู่ข้างหลังสักนิดก็คงจะเห็นแล้วว่าทิวมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก โชคดีที่แสงสว่างในรถมีน้อยจึงสังเกตเห็นได้ยาก

"ยังหรอกครับ ผมยังไม่อยากมีแฟนตอนนี้ครับพี่ ไว้ให้เรียบจบก่อนดีกว่า"

"เอาอย่างนั้นเลยเหรอทิว ใครจะไปรู้ เผลอๆ ทิวอาจจะมีสาวๆ มาแอบชอบอยู่หลายคนแล้วก็ได้ ทิวก็หล่อไม่ใช่เล่นนะ หน้าตาแบบทิวสาวๆ น่าจะชอบ หรือว่าทิวมีแอบชอบใครอยู่หรือเปล่า ให้บูมช่วยได้นะ เผื่อเคล็ดลับที่ใช้จีบน้องแป๋มจะเป็นประโยชน์" บีมพูดพลางขำ

ทิวได้แต่แค่นหัวเราะตามไปด้วย บูมหันมามองหน้าเพื่อนแล้วก็แปลกใจที่ทิวดูซึมลงไป แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ถาม เพียงแต่มองอย่างสงสัยและแอบเป็นห่วงเล็กน้อย

พอรถมาส่งถึงบ้าน ทิวก็ลาพี่บีมกับบูมแล้วก็รีบเข้าบ้าน วันนี้แม่ยังไม่กลับเลย ดูเหมือนว่าช่วงหลังๆ แม่จะมีงานเยอะและกลับค่อนข้างดึกอยู่บ่อยๆ เอาของขึ้นไปเก็บบนห้องแล้วทิวก็นั่งถอนหายใจ

นี่บูมมีแฟนแล้วจริงๆ หรือเปล่า ทำไมบูมไม่เคยบอกทิวเลย แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่าไรหรอก มันสำคัญตรงที่ความรู้สึกของทิวเองหลังจากที่ได้รู้เรื่องนี้ต่างหาก ตอนที่เพื่อนยังไม่มีแฟน แอบชอบเพื่อนก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่พอรู้ว่าเพื่อนมีแฟนแล้วทิวก็รู้สึกกลัว

แล้วทิวกลัวอะไรล่ะ กลัวบูมห่างเหินไป กลัวบูมไม่สนิทด้วยเหมือนเก่า หรือกลัวอะไรอีกล่ะ

แล้วทำไมทิวถึงต้องกลัว นี่มันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายไม่ใช่หรือ สุดท้ายก็ต้องมีแฟน แต่งงาน มีลูกมีครอบครัว ทิวก็เคยคิดอย่างนั้น แล้วทำไมต้องกลัวด้วยล่ะ

ใช่สิ ทิวต้องกลัวเพราะว่าทิวไม่เหมือนเดิมแล้ว มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน ทิวไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ ว่าเขาเป็น...

TBC
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 8 วันที่ 9.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 10-03-2012 22:17:28
แววดราม่าของทิว กำลังมาแล้ววว :a5: เอาใจช่วยทิวน๊าาาา......

ว่าแต่ทิวไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ ว่าเขาเป็น...........เป็น....?????  (เป็นอะไร????) รอติดตามตอนต่อไป.....
 :pig4: ขอบคุณนะคะที่มาลงเรื่องนี้ทุกวันเลย รู้ตัวอีกทีก็ติดเรื่องนี้ซะแล้ว.... :man1: +เป็ดให้กำลังใจคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 9 วันที่ 10.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 10-03-2012 22:18:08
หดหู่ เข้าใจความรู้สึกกกก

เเง่งๆๆๆ แอบรักเพื่อนเจ็บที่สู้ดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 9 วันที่ 10.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Ebsilon ที่ 11-03-2012 10:44:08
เศร้าแท้

อย่ามาม่าเยอะน้า กลัวอืดเกิน TT_TT
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 10-11 วันที่ 11.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 11-03-2012 19:05:36
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 10 ✦ ศักดิ์ศรีลูกแหง่

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงบังเอิญได้ขนาดนั้น เมื่อจู่ๆ บูมก็ได้รับเลือกจากโรงเรียนให้ไปแข่งขันรายการโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ เนื่องจากเขาได้คะแนนในวิชานี้ค่อนข้างสูง บางครั้งก็ได้ถึงหนึ่งร้อยคะแนนเต็ม

หลังอาหารกลางวันวันหนึ่ง บูมจึงถูกเรียกขึ้นไปพบกับครูแอน มีครูผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ช่วยประสานงานเรื่องนี้กับทางรายการทีวีมาด้วย คนที่บูมแปลกใจมากที่สุดก็คือสาวน้อยที่มานั่งรออยู่ก่อนแล้วอีกคนหนึ่ง

"แป๋ม" บูมเรียกชื่อสาวน้อยที่เขาเพิ่งได้รู้จักเมื่อไม่กี่วันด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

"อ้าว พี่บูม พี่บูมก็จะไปแข่งรายการนี้เหมือนกันหรือคะ"  แป๋มหันมามองด้วยรอยยิ้มดีใจ เธอไม่รู้มาก่อนจริงๆ ว่าบูมก็ได้รับเลือกด้วย

"ใช่จ้ะ ก็เธอทั้งสองคนคะแนนภาษาอังกฤษนำลิ่วเลย ไม่มีใครเหมาะกว่าเธอสองคนแล้วล่ะ"

ครูแอนยิ้มด้วยความเอ็นดู แล้วก็เริ่มเล่ารายละเอียดให้ฟังว่าบูมกับแป๋มต้องทำอะไรบ้างเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม

"พวกเธอสองคนคงเคยดูรายการนี้กันแล้วใช่ไหมคะ เด็กที่คัดมาร่วมรายการนี้มีแต่ระดับหัวกะทิทั้งนั้นเลยนะ แต่ครูก็เชื่อว่าเธอสองคนก็หัวกะทิไม่แพ้ใครเลยล่ะ ช่วงนี้ ครูได้ขออนุญาต ผ.อ. แล้วที่จะให้เธอสองคนมาเรียนภาษาอังกฤษกับครูเพิ่มเติมเป็นพิเศษก่อนถึงวันออกรายการ ก็เลยจะขอให้เธอสองคนมาเรียนพิเศษกับครูทุกวันพุธกับศุกร์ ช่วงบ่ายประมาณบ่ายสาม ที่ห้องชมรมภาษาอังกฤษ..."

บูมคงไม่ได้มีปัญหาอะไรถ้าหากว่าการเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมไม่มาตรงกับวันและเวลาที่เขาต้องซ้อมร้องเพลงกับวงดนตรี พี่ปี๊ดเพิ่งบอกกับพวกเขาว่าอีกสองเดือนจะพาไปแข่งประกวดวงดนตรีชิงแชมป์ประเทศไทย เพราะฉะนั้นช่วงนี้ก็คงต้องซ้อมกับวงหนักเหมือนกัน คิดแล้วก็เริ่มปวดหัว

ก็คงยากที่จะหลีกเลี่ยงแล้วล่ะ บูมต้องเรียนพิเศษภาษาอังกฤษวันพุธกับวันศุกร์ช่วงบ่ายสาม แล้วก็ขออนุญาตครูมาซ้อมดนตรีในช่วงเย็นวันพฤหัสได้วันเดียว แต่ก็อาศัยซ้อมด้วยตัวเองในช่วงอื่นๆ ที่มีเวลาไปด้วย จนกว่าจะเสร็จสิ้นจากการเตรียมตัวออกรายการภาษาอังกฤษในอีกสามสัปดาห์ข้างหน้า หลังจากนั้นเขาก็จะมีเวลาซ้อมกับวงดนตรีอีกประมาณหนึ่งเดือน เพื่อนๆ ในวงคงเข้าใจความจำเป็นก็เลยไม่ได้ว่าอะไรมาก แม้จะบ่นๆ อยู่บ้าง

"พี่บูมคะ วันนี้รีบกลับหรือเปล่าคะ แป๋มว่าจะชวนพี่ไปเดินเล่นแถวสยามซะหน่อย" แป๋มเอ่ยชวนหลังจากที่เรียนพิเศษภาษาอังกฤษด้วยกันเสร็จแล้ว

"ไม่รีบครับ" บูมบอกด้วยสีหน้าลังเลใจ

"ไปเดินเล่นกันนะพี่บูม แป๋มกำลังหาเพื่อนไปช่วยซื้อของพอดีเลย ถ้าพี่บูมไม่รังเกียจ ไปเป็นเพื่อนแป๋มหน่อยนะคะ" แป๋มทำท่าเร่งเร้า คงจะเป็นเรื่องยากนักที่ชายหนุ่มจะปฎิเสธหญิงสาวที่สวยน่ารักแถมยังอ้อนเก่งแบบนี้

"ครับ" แต่บูมก็เพิ่งนัดกับทิวและเพื่อนๆ ไว้เสียด้วยว่าจะไปเดินเล่นและหาอะไรกินด้วยกัน

"งั้นพี่ไปเอาของบนห้องก่อนนะ แล้วเรามาเจอกันที่หน้าตึกดีไหม"

"ได้ค่ะ เดี๋ยวแป๋มก็จะไปเอาของที่ห้องเหมือนกันค่ะ"

พอออกจากห้องเรียนพิเศษมาได้ บูมก็รีบโทรศัพท์หาทิวทันที

"ทิว...วันนี้เราต้องขอตัวนะ คือ...พอดีน้องแป๋มเขาอยากให้เราไปซื้อของเป็นเพื่อน เราไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ก็เลยตกลงไปแล้ว แหะๆ เราขอโทษนายแล้วก็ฝากขอโทษเพื่อนๆ ด้วยละกัน"

"อืม...ไม่เป็นไร เราเข้าใจ" ทิวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบจนทำให้บูมรู้สึกผิด ไม่แน่ใจว่าทิวโกรธหรือเปล่า

"ขอโทษจริงๆ นะทิว เราก็อยากไปกับพวกนายนะแต่ว่า"

"เฮ้ย เราบอกแล้วว่าไม่เป็นไรไง นายไปเถอะ เที่ยวให้สนุกละกัน" ทิวพยายามทำน้ำเสียงให้ดูเหมือนไม่มีอะไรเพราะกลัวเพื่อนจะกังวล

"ขอบใจนะทิวที่เข้าใจเรา เที่ยวให้สนุกเช่นกันนะ แล้วค่อยเจอกัน"

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"อ้าวไอ้บูม"

ต้องอุทานด้วยความแปลกใจเมื่อเจอบูมกำลังเดินเลือกซื้อเสื้อผ้ากับสาวน้อยคนหนึ่งหน้าตาคุ้นๆ

"ไอ้ต้อง"

บูมก็ดูตกใจเช่นกัน ยิ่งพอเห็นว่านอกจากต้องแล้วก็ยังมีทิว เอก มิตร ช้าง มัสมั่นและอุ้ยมาด้วยก็ยิ่งทำให้บูมทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว

"นั่นน้องแป๋มนี่" อุ้ยจำได้แม่นเลยทีเดียวเพราะมันก็แอบปลื้มน้องเขาอยู่เหมือนกัน

"เพื่อนพี่บูมเหรอคะ หวัดดีค่ะ พอดีวันนี้แป๋มชวนพี่บูมมาเป็นเพื่อนแป๋มซื้อของน่ะค่ะ พวกพี่ๆ มาซื้อของเหมือนกันเหรอคะ" แป๋มหันมาถามเสียงใส

"ครับ ไม่รู้มาก่อนเลยว่าน้องแป๋มรู้จักกับบูมด้วย" น้ำเสียงของอุ้ยดูมีเลศนัยชอบกล

"รู้จักสิคะ บูมวง Zenith ใครๆ ก็รู้จักค่ะ อ้าวนั่นพี่ทิวนี่คะ แป๋มกับเพื่อนๆ ชอบพี่ทิวร้องเพลงมากเลยค่ะ ปีที่แล้วก็ไปดูที่เมืองทองด้วย" แป๋มหันไปทักทายและยิ้มให้กับทิว

"ขอบคุณครับ"

ทิวฝืนพูดได้เท่านี้ แล้วสีหน้าก็กลับมาเรียบเฉยเหมือนเดิม คอยแอบมองดูบูมกับแป๋มด้วยแววตาที่มีคำถามหลายอย่าง

"เห็นเงียบๆ มึงนี่ก็ไม่ใช่เล่นเลยนะไอ้บูม"

ต้องแอบเดินไปกระซิบข้างหูบูมแล้วก็ขำ บูมได้แต่ยิ้มเหมือนกับไม่รู้จะทำสีหน้าแบบไหน บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรู้สึกกังวลใจเมื่อเห็นเพื่อนอีกคนหนึ่งดูเงียบๆ ไป

"ตามสบายละกัน เดี๋ยวพวกกูไปดูของทางนู้นก่อน" ต้องบอกแล้วพยักพเยิดให้เพื่อนตามมา

"ทิว" บูมเรียกเพื่อนเหมือนกับพยายามจะทักทายเพราะเห็นทิวดูเงียบๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา ดูผิดปกติไปจากที่เคยเป็น

ทิวหันมามอง ยิ้มเล็กน้อย แต่มันก็ดูเป็นรอยยิ้มที่แฝงความเศร้าอยู่ในที

"เราไปก่อนนะ" แล้วทิวก็เดินตามกลุ่มเพื่อนๆ ไป บูมได้แต่มองตาม ช่วงนี้จะว่าไปแล้วเขากับทิวก็ไม่ค่อยได้คุยกันเลยเพราะมัวแต่ยุ่งๆ กันอยู่

หลังจากการออกรายการทีวีแข่งขันภาษาอังกฤษคราวนั้นแล้ว ก็เป็นที่รู้กันไปทั่วโรงเรียนว่าบูมกับแป๋มคบกันเป็นแฟน สำหรับทิวแล้ว มันช่างเป็นข่าวที่น่าช้ำใจเสียจริงๆ แต่จะทำยังไงได้ มันก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ความผิดของบูมที่จะมีแฟนและต้องให้เวลากับแฟน ก็เป็นเพียงเรื่องธรรมดาของผู้ชายในวัยนี้ มีแต่ทิวนั่นแหละที่กำลังคิดว่าตัวเองผิดธรรมชาติอยู่คนเดียว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"กลับมาแล้วเหรอบูม เอาของไปเก็บแล้วขึ้นไปคุยกับแม่"

คุณทิพย์นภาบอกลูกชายด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก วันนี้เห็นทีเธอจะต้องอบรมลูกชายคนเล็กให้หนัก แต่เธอก็เลือกวันที่สามีไม่อยู่เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องเหมือนคราวนั้นอีก

บูมเอาของไปเก็บบนห้องแล้วก็ลงมาหาแม่ที่ห้องข้างล่างที่มีไว้สำหรับนั่งเล่นหรือคุยกันเฉพาะในครอบครัว วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลยนอกจากบูมกับแม่ พี่บีมก็ไปเข้าค่ายศิลปะที่ต่างจังหวัด ส่วนพ่อก็ไปดูงานต่างประเทศ

"ทำไมถึงกลับบ้านมืดๆ ค่ำๆ ติดๆ กันทุกวันอย่างนี้ล่ะบูม ที่พ่อกับแม่เคยอนุญาตให้ ไม่ได้หมายความจะให้บูมไปทุกวันเสียเมื่อไร นี่อะไร ไม่สามทุ่มไม่เคยถึงบ้าน"

บูมหน้าสลดทันที เขานึกอยู่แล้วว่าแม่ต้องบ่นเรื่องนี้ "บูม...ไปเดินเที่ยวกับเพื่อนครับ"

"เดินเที่ยวกับเพื่อน" แม่ทวนคำเสียงดัง

"เที่ยวอะไรกันได้ทุกวัน บูมกำลังปิดบังอะไรแม่อยู่หรือเปล่า บอกแม่มาตามตรงได้ไหม หรือว่าบูมมีแฟน"

บูมสะดุ้งตกใจ แต่ก็พยายามเก็บอาการไว้ให้ดูเป็นปกติมากที่สุด แต่มีหรือที่คุณทิพย์นภาจะไม่สังเกตเห็น

"บูมมีแฟนใช่ไหม บอกแม่มาเดี๋ยวนี้นะ"

"ครับ" บูมรับคำเสียงอ่อยๆ เมื่อไม่รู้ว่าจะหลบหลีกยังไง

"บูม" แม่เรียกเสียงดังจนบูมตกใจ

"ทำไมถึงได้ขยันหาแต่เรื่อง แม่เคยบอกแล้วใช่ไหมเรื่องผู้หญิงน่ะ เอาไว้ให้เรียนจบก่อนก็ได้ ยังมีเวลาอีกตั้งเยอะแยะที่บูมจะหาแฟนดีๆ สักคน ทำไมถึงชอบหาเรื่องให้พ่อแม่กลุ้มใจแบบนี้นะ เคยเห็นในข่าวไหมพวกวัยรุ่นใจแตก เรียนไปไม่เท่าไรก็มีแฟน แล้วก็ท้อง แล้วก็ไปทำแท้ง บูมจะให้พ่อกับแม่ต้องมากังวลเรื่องพวกนี้อีกเหรอ"

"แม่...แต่บูมไม่คิดอะไรถึงขนาดนั้นนะแม่" บูมเถียง

"แล้วจะให้แม่มั่นใจได้ยังไง เอาแค่ตอนนี้บูมก็ทำตัวเหลวไหลแล้ว กลับมามืดค่ำขนาดนี้ได้อ่านหนังสือหนังหาบ้างไหม เดี๋ยวเกรดตกพ่อก็จะได้ดุเอาอีก"

บูมได้แต่ก้มหน้าเพราะไม่รู้ว่าจะเถียงว่าอย่างไร

"แม่ขอสั่งห้าม ต่อไปนี้บูมห้ามไปเดินเที่ยวเล่นเกินหนึ่งวันต่ออาทิตย์ ถ้าบูมไม่เชื่อ แม่จะริบบัตรเครดิต แล้วก็จะลดค่าขนมของบูมด้วย"

น้ำเสียงเด็ดขาดของแม่ทำให้บูมไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากทำตามเพียงอย่างเดียว ก็ยังดีที่แม่ไม่บอกให้เขาเลิกกับแฟนไปด้วย แต่ถ้าแม่ต้องการให้ทำอย่างนั้นจริงๆ เขาก็คงต้องทำตาม นี่ถ้าพี่บีมรู้ว่าบูมยังคงกลัวพ่อกับแม่และไม่มีจุดยืนอย่างนี้ พี่บีมคงไม่พอใจเหมือนกัน

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"พี่บูมคะ พี่บูมโตแล้วนะคะ ไม่ใช่ลูกแหง่ ทำไมจะต้องอะไรขนาดนั้นคะ"

แป๋มว่าอย่างอดไม่ได้เมื่อบูมมาบอกเธอว่าคงจะไปเดินเที่ยวเล่นกับเธอได้แค่อาทิตย์ละครั้งเท่านั้น พอถามไปถามมาก็ได้ความว่าแม่เป็นคนสั่งห้าม นั่นแหละจึงทำให้แป๋มเกิดอาการไม่พอใจขึ้นมาทันที

บูมถึงกับสะอึกเมื่อสาวน้อยที่เพิ่งกลายมาเป็นแฟนได้ไม่ถึงเดือนต่อว่าเช่นนั้น มันเสียดแทงเข้าไปในใจของบูมเลยทีเดียวล่ะ ฟังๆ ไปแล้วมันก็เหมือนเขาถูกหยามศักดิ์ศรี เหมือนเป็นผู้ชายอ่อนแอ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่มีความเป็นผู้นำและไม่มีความกล้าหาญเอาเสียเลย

"แป๋มจะกลับบ้าน" เห็นบูมเงียบไปแป๋มก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้น

"เดี๋ยวก่อนสิแป๋ม ฟังพี่ก่อน" บูมร้องห้ามพลางดึงมือแฟนสาวไว้

แป๋มมองที่มือของบูมที่จับมือเธออยู่อย่างไม่ชอบใจนัก

"พี่ขอโทษ" บูมรีบปล่อยทันทีเมื่อรู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม แป๋มก็กลับมานั่งที่ตามเดิม

จังหวะนั้น พนักงานในร้านเอาไอศครีมที่สั่งไว้มาเสิร์ฟพอดี บูมกับแป๋มรอจนพนักงานคนนั้นเดินออกไปแล้วจึงคุยกันต่อ

"พี่สัญญานะว่าพี่จะพยายามมาเป็นเพื่อนแป๋มให้ได้มากที่สุดก็แล้วกัน แป๋มอย่าโกรธพี่นะ แป๋มให้โอกาศพี่อีกสักครั้งได้มั๊ย"

ดูเหมือนคำอ้อนวอนของบูมจะได้ผลอยู่บ้าง แป๋มจึงลดอาการกระฟัดกระเฟียดลง แค่ได้เห็นว่าบูมยังห่วงใยความรู้สึกของเธออยู่ก็ทำให้แป๋มรู้สึกดีขึ้นมากแล้วล่ะ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ดูเหมือนคำขู่ของแม่จะไม่ค่อยได้ผลนักคราวนี้ บูมไม่ได้กลับมืดค่ำทุกวันก็จริง แต่ก็ไม่ได้ไปแค่วันเดียวตามที่แม่ห้าม แถมพอกลับมาก็ยังคุยโทรศัพท์กับแฟนเป็นชั่วโมงๆ ไม่ได้อ่านหนังสือหนังหา ทำให้คุณทิพย์นภาเดือดดาลมากทีเดียว แต่คราวนี้เธอใช้วิธีเข้าหาบีมแทน เพราะสังเกตเห็นว่าช่วงหลังๆ มานี้บูมดูจะสนิทกับพี่ชายมากขึ้น

"น้องชายของเราชักเอาใหญ่แล้วรู้ไหม"

ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าก็ทำให้บีมเข้าใจอารมณ์ของผู้เป็นแม่ทันที จริงๆ เขาก็สังหรณ์ใจอยู่แล้วล่ะที่แม่เรียกให้มาหา ไม่รู้ว่านานเท่าไรแล้วที่แม่แทบไม่เคยทำอย่างนี้กับบีมเลย

"อายุเท่านี้ริมีแฟน เดี๋ยวนี้กลับบ้านมืดๆ ค่ำๆ หนังสือหนังหาไม่อยากจะอ่าน กลับมาแล้วก็เอาแต่โทรศัพท์ พ่อกับแม่บอกอะไรก็ไม่ฟัง แม่ห้ามแล้วว่าให้ไปเดินเล่นได้แค่วันเดียว นี่ไม่ฟังแม่เลย" บ่นแล้วก็ถอนหายใจอย่างหนักใจ

บีมดูจะแปลกใจกับพฤติกรรมของน้องชายที่แม่เล่าให้ฟังอยู่เหมือนกัน ไม่คิดว่าบูมจะถึงกับกล้าขัดคำสั่งของแม่ได้ถึงขนาดนี้

"บีมช่วยพูดกับน้องหน่อยได้ไหมลูก แม่เป็นห่วงบูม เป็นแบบนี้หนักเข้าบูมมันจะเสียคน" ในที่สุดแม่ก็บอกความต้องการออกมา

"แม่ครับ บูมเขาโตแล้วนะครับแม่ ผมว่าพ่อกับแม่ปล่อยเขาบ้างเถอะครับ"

"บีม" แม่เสียงแหวอีกแล้ว แต่สักพักเธอก็ปรับสีน้ำเสียงให้อ่อนลง

"ถ้าบีมเป็นแม่ บีมก็จะรู้ว่าแม่เป็นห่วงลูกๆ ของแม่มากแค่ไหน ที่พ่อกับแม่เคยทำแบบนั้นกับบีมก็เพราะว่าพ่อกับแม่รักและเป็นห่วงบีม อยากให้บีมมีอนาคตที่ดี มันอาจจะทำให้บีมอึดอัด แต่สักวันบีมจะเข้าใจ คนเป็นพ่อเป็นแม่ยังไงก็รักลูกทุกคน พ่อกับแม่ก็อยากเลือกหนทางชีวิตที่ดีที่สุดให้ลูกของตัวเอง บีมเข้าใจแม่หรือเปล่า"

บีมอึ้งจนพูดไม่ออกเลยทีเดียวเมื่อได้ฟังจากแม่แบบนั้น ถามว่าเขารักน้องไหม แน่นอนเขาก็ต้องตอบว่ารัก แต่คนที่เป็นพ่อเป็นแม่คงไม่ใช่แค่รักลูกอย่างเดียว แต่ต้องคิดเผื่อและมองหาหนทางที่ดีที่สุดไว้สำหรับลูกเสมอ บางทีเขาก็อาจจะคิดอะไรไม่ลึกซึ้งเท่าพ่อกับแม่ที่มีประสบการณ์ชีวิตมากกว่าก็ได้ ที่สำคัญ ยังคนไม่เคยมีลูกอย่างบีมก็อาจจะมีมุมมองอย่างหนึ่ง แต่คนที่เป็นพ่อเป็นแม่แล้วก็อาจจะมีมุมมองอีกอย่างหนึ่งเช่นกัน

"น้องมันยังเด็กนะบีม เขาไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างนี้ตั้งแต่ทีแรก น้องยังขาดประสบการณ์ชีวิตอีกหลายอย่าง แม่กลัวว่าบูมจะเตลิด บีมไม่ได้อยากให้น้องเป็นอย่างนั้นใช่ไหม บีมช่วยพ่อกับแม่หน่อยนะลูก เตือนน้องมันบ้าง ก่อนที่พ่อจะรู้แล้วเป็นเรื่องใหญ่ ยังไงก็เห็นแก่อนาคตของน้องนะลูก"

นับว่าเป็นครั้งแรกที่แม่ขอร้องบีมอย่างนี้ บีมจะขัดคำขอร้องของผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็กจนโตได้อย่างนั้นหรือ อีกอย่างหนึ่งก็คงเป็นเพราะเริ่มเป็นห่วงบูมแล้วล่ะ

ก็คงจะจริงอย่างที่แม่ว่า บูมไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาเหมือนทิวหรือเพื่อนคนอื่นๆ เคยอยู่แต่ในกรอบ เคยแต่ถูกบังคับให้คิด ให้ทำ ทักษะทางสังคมก็ยังน้อย การที่อยู่ดีๆ จะปล่อยให้บูมเป็นอิสระโดยไม่ห้ามอะไรเลยนั้นอาจไม่เป็นผลดีกับบูมได้ การที่บูมดื้อกับแม่คราวนี้เหมือนจะบอกอะไรบางอย่างได้อยู่เหมือนกันว่าบูมยังหาจุดยืนของชีวิตไม่ได้ บางอย่างบูมก็ทำเยอะไป บางอย่างบูมก็ทำน้อยไป เพราะเขายังไม่เคยมีประสบการณ์ที่จะคิดและตัดสินใจในเรื่องพวกนี้มากนัก จำเป็นต้องมีคนคอยให้คำแนะนำ เขาก็คงจะนิ่งเฉยดูดายไม่ได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"เดี๋ยวนี้พี่บีมอยู่ข้างพ่อกับแม่แล้วเหรอครับ"

นั่นคือสิ่งที่น้องชายย้อนถามกลับมาเมื่อบีมมาคุยกับบูมตามที่แม่ขอร้องไว้

"ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะบูม" บีมมีสีหน้าตกใจ

"ฮึ" บีมแค่นหัวเราะ "ผมนึกว่าพี่บีมจะเข้าใจผม เชื่อใจผม แต่พี่บีมก็คิดเหมือนพ่อกับแม่อีกคน"

เห็นสีหน้าโกรธขึ้งของน้องชายแล้วบีมก็ใจเสียเหมือนกัน เพิ่งจะกลับมาดีกันได้ไม่เท่าไรก็จะบาดหมางใจกันอีกแล้ว

"บูม...พี่เข้าใจเรื่องที่บูมอยากมีแฟนนะ พี่เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แต่พี่แค่อยากให้บูมเห็นอีกด้านหนึ่งว่าพ่อกับแม่ก็เป็นห่วงบูม พี่เองก็ไม่สบายใจที่บูมกลับบ้านมืดค่ำบ่อยๆ ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ มันไม่เป็นผลดีกับอนาคตของบูมเองนะ"

แทนที่บูมจะเข้าใจ บีมก็ต้องหน้าหงายรอบสองเมื่อบูมตอบมาว่า "พอเถอะครับ ผมไม่อยากคุยอะไรแล้ว"

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับบูม ทำไมบูมดูก้าวร้าวมากขึ้นขนาดนี้ บทจะเชื่อมั่นในตัวเอง บูมก็ดูเชื่อมั่นจนเลยเถิด หรือบูมจะเป็นอย่างที่แม่พูดไว้ว่าบูมไม่ได้ถูกเลี้ยงมาแบบนั้นตั้งแต่ทีแรก จากคนที่เคยถูกกดดัน พอได้รับอิสระขึ้นมาหน่อยเขาก็อาจจะเหลิงและหลงได้ ดูไปแล้วก็น่าห่วงอยู่เหมือนกัน

"โอเค งั้นพี่กลับห้องก่อนละกันนะบูม พี่ขอโทษด้วยนะที่ก้าวก่ายเรื่องของบูมมากเกินไป"

บีมว่าแล้วก็ขอตัวเดินออกจากห้องน้องชายไปด้วยสีหน้าหนักใจ รู้สึกผิดที่บีมเองก็คงมีส่วนทำให้น้องชายมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวมากขึ้น

เรื่องที่คุณทิพย์นภากังวลก็ถือว่าเข้าเค้าทีเดียว คำพูดของแฟนสาวที่หาว่าบูมเป็นลูกแหง่นั้นทำให้บูมอยาก "ลองดี" ดูบ้างเพื่อลดความรู้สึกดูถูกตัวเอง บูมไม่อยากได้ยินคำนั้นอีก มันทำให้เขาดูอ่อนแอ ไม่เป็นลูกผู้ชาย เขาไม่ชอบให้ใครมาว่าเขาแบบนี้เลย แต่ถึงกระนั้น สิ่งที่บูมทำอยู่ตอนนี้ก็ยังขาดความพอดีเพราะเขาเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ชีวิตอย่างนี้มาก่อน คงต้องอาศัยเวลาอีกสักพักให้บูมค่อยๆ ปรับแต่งจังหวะความคิดและชีวิตให้ลงตัวมากกว่านี้

TBC
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 10-11 วันที่ 11.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 11-03-2012 19:10:07
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 11 ✦ คนเจ้าปัญหา

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


ช่วงนี้บูมกับแป๋มต้องห่างๆ กันไปบ้างเพราะบูมต้องซ้อมกับวงก่อนไปแข่งชิงรางวัลวงดนตรีเยาวชนยอดเยี่ยมแห่งประเทศไทยในเร็วๆ นี้ แต่ความสัมพันธ์ก็ยังคงดำเนินไปตามเดิม เวลาว่างหลังเลิกเรียนก็ยังออกไปกินข้าว เดินเล่นหรือซื้อของด้วยกันตามประสาหนุ่มสาวกันอยู่

ช่วงนี้ทิวดูเงียบๆ ไปจนผิดสังเกต แม้ว่าจะซ้อมดนตรีด้วยกันบ่อยๆ แต่ความสนิทสนมกับบูมก็ดูน้อยลงไปจนรู้สึกได้ ไม่ใช่แต่บูมเท่านั้นที่รู้สึกถึงความผิดปกตินี้ เพื่อนๆ คนอื่นๆ ในห้องก็เริ่มรับรู้และสงสัยถึงพฤติกรรมที่แปลกไปของทิวเช่นกัน หลายคนเกิดคำถามในใจว่า

"เป็นไรของมันวะ"

วันนี้ก็เช่นกัน พอซ้อมเพลงเสร็จแล้ว ทิวก็เก็บกระเป๋าเตรียมกลับบ้านทันที ปกติชอบเล่นเตะบอลก็ไม่ค่อยเล่นเหมือนเมื่อก่อน

"ทิว วันนี้ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันไหม" บูมชวนเพื่อนพลางยิ้ม เขารู้สึกคิดถึงทิวอย่างบอกไม่ถูก แต่คำตอบของทิวก็ทำให้บูมถึงกับหน้าเสีย

"ไม่ดีกว่า เราจะกลับบ้าน วันนี้แป๋มไม่ชวนนายไปไหนเหรอ" น้ำเสียงเหมือนแฝงความน้อยใจอยู่ในที

"ทิว..."

บูมพูดเสียงเบา ออกอาการผิดหวังที่ถูกทิวปฏิเสธ ปกติทิวไม่เคยปฏิเสธบูมอย่างนี้เลยนี่นา

"พอดีวันนี้น้องแป๋มเขาต้องไปธุระกับครอบครัว เขาก็เลยขอกลับก่อน"

"อ๋อ..." ทิวสะพายกระเป๋าเป้ เตรียมตัวเดินออกไป "เราไปก่อนนะ วันนี้เราไม่สะดวกจริงๆ"

พูดจบทิวก็เดินออกไปทันที บูมตัดสินใจคว้ามือเพื่อนไว้ก่อนที่เจ้าของร่างจะเดินตัวปลิวหนีไปเสียก่อน

"เดี๋ยวก่อนสิทิว"

"มีอะไรหรือเปล่าบูม" ทิวหยุดและหันมามอง

ทิวไม่รู้ว่ามันเป็นคำถามที่ดีที่เขาควรจะถามเพื่อนไหม มันฟังดูห่างเหินหมางเมินชอบกล บูมค่อยๆ ปล่อยมือเพื่อนเพราะคนที่เดินผ่านไปมาเริ่มมองด้วยสายตาแปลกๆ

"นายโกรธอะไรเราหรือเปล่า"

คำถามนั้นเหมือนจะไม่ค่อยมั่นใจนัก ที่ผ่านมาบูมกับทิวสนิทกันและเข้ากันได้ดีกว่าใครๆ ยังไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจกันเลย นอกจากเรื่องที่บูมมีแฟนแล้ว ความรู้สึกทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม ก็ไม่น่าจะมีอะไรให้ทิวไม่พอใจได้

"เปล่า...นายไม่ต้องคิดมากหรอก เราไม่ได้เป็นอะไร ไม่ได้โกรธอะไรนายเลย"

ทิวพยายามยิ้มอย่างเต็มที่เพื่อให้บูมสบายใจว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร

"แต่นายดูไม่เหมือนเดิมเลยนะทิว" บูมยังไม่วายสงสัยอยู่ดี

"เฮ้ยจริงเหรอ...ไม่หรอก เราก็เหมือนเดิมแหละ สงสัยนายจะคิดมากไปเอง"

ทิวพยายามกลบเกลื่อน มันอาจจะดูไม่เป็นธรรมชาตินัก แต่เมื่อเพื่อนยืนยันขนาดนี้ บูมก็ควรจะเลิกสงสัย

"ถ้างั้น...เราไปบ้านนายด้วยได้ไหม" บูมไม่เลิกความพยายาม ยังไงวันนี้เขาก็ต้องใช้เวลากับทิวบ้างให้ได้

"ไม่มีอะไรหรอก เราแค่อยากคุยกับนาย" บูมชี้แจงเมื่อเห็นทิวเลิกคิ้วสงสัย

ทิวพยักหน้าตกลง จริงๆ เขาก็ไม่ควรจะท่ามากจนเกินไป ยิ่งทำอย่างนั้นก็จะยิ่งทำให้คนอื่นสงสัย เป็นผู้ชายต้องน้อยๆ เข้าไว้ คิดมาก เรื่องเยอะมันดูจะผิดวิสัยของผู้ชายมากไป

ก็เป็นอันว่าบูมได้มาเที่ยวบ้านทิวอีกครั้ง ไปถึงเขาก็ช่วยทิวรดน้ำต้นไม้ที่มีอยู่มากมายหน้าบ้าน แม่ของทิวกลับมาพอดี วันนี้บูมก็เลยโชคดีที่จะได้กินอาหารฝีมือคุณแม่ของทิวไปด้วย

"นายกับแป๋มเป็นไงมั่ง" อยู่ดีๆ ทิวก็ถามขึ้น

บูมหันไปมองหน้าเพื่อน เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของทิวหายไปทันทีที่ถามคำถามนั้น จะว่าไปก็ดูเศร้าๆ อยู่ไม่น้อย

"ก็ดี แล้วนายล่ะทิว นายไม่คิดอยากจะมีแฟนกับเขามั่งเหรอ นายหล่อมากเลยนะ รู้ตัวหรือเปล่า" คนถามถามไปยิ้มไป

"ยังหรอก เรายังไม่อยากรักใครตอนนี้"

"แน่ใจนะว่านายไม่ได้แอบรักใครอยู่" บูมถามเล่นๆ แต่ก็เล่นเอาคนฟังนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย

"ไม่มีหรอก ไปร้องเพลงกันดีกว่า"

ทิวปฏิเสธแล้วก็รีบตัดบท เขาไม่อยากสนทนาเรื่องนี้นานนัก คุยไปคุยมาอาจจะเผลอพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปได้

"อืม...ก็ดีเหมือนกัน"

บูมพยักหน้าพร้อมกับยิ้มดีใจ

จากนั้นสองหนุ่มก็หยุดกิจกรรมรดน้ำต้นไม้แล้วย้ายมุมมาที่ห้องนั่งเล่นที่มีคีย์บอร์ดตัวเดิมของทิวตั้งอยู่ ก็ร้องเพลงกันอยู่ดีๆ นั่นแหละ จนกระทั่งบูมร้องเพลง "ฉันดีใจที่มีเธอ" พร้อมกับมีทิวคอยเล่นคอร์ดและร้องประสานเสียงในบางช่วงให้ พอร้องท่อนฮุกแรกจบไป บูมก็ต้องตกใจเมื่อสังเกตเห็นว่าทิวน้ำตาไหล

"ทิว เป็นไร"

ทิวหยุดเล่นคีย์บอร์ด พยายามคิดหาคำตอบที่เขาควรจะตอบเพื่อน บางทีเขาก็นึกโมโหตัวเองจริงๆ ที่แสดงอาการอย่างนี้ให้เพื่อนเห็น จะว่าไปแล้วถ้าไม่นับเรื่องที่บูมมีแฟนจนต้องแบ่งเวลาบางส่วนไปให้แฟนใหม่ที่เพิ่งคบกัน บูมก็ยังคงปฏิบัติตัวเหมือนเดิมกับทิวทุกอย่าง ไม่มีอะไรต่างไปจากเดิมเลย ทิวไม่ดีใจเลยหรือที่มีบูมเป็นเพื่อนที่สนิทสนมขนาดนี้ ทิวกำลังจะเรียกร้องเอาอะไรจากเพื่อนกันแน่ ที่ได้มาจากบูมในตอนนี้ยังไม่พออีกหรือไง

"เปล่า...เพลงมันเพราะดีนะ ความหมายก็ดี ตรงกับความรู้สึกของเราตอนนี้เลย"

ทิวกำลังจะเช็ดน้ำตา แต่บูมดูเหมือนจะมือไวกว่ารีบคว้าผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วซับน้ำตาให้เพื่อน นั่นยิ่งทำให้ทิวร้องให้ด้วยความซาบซึ้งใจมากขึ้น ทิวเลยต้องรับผ้าเช็ดหน้ามาจากมือของบูมแล้วซับน้ำตาของตัวเอง ตั้งแต่มีเพื่อนมาก็หลายคน ทิวก็ไม่เคยมีความรู้สึกน้อยใจหรือต้องมานั่งร้องให้แบบนี้กับเพื่อนเลย นี่ถ้าพวกนั้นมันมาเห็นเข้าคงสงสัยเขาน่าดู

ไม่ทันที่จะได้คุยอะไรกันต่อ แม่ก็เรียกกินข้าวเสียแล้ว เด็กๆ จึงต้องละจากการร้องเพลงแล้วไปกินข้าวกับแม่ในห้องครัวที่มีโต๊ะสำหรับกินข้าวของคนในครอบครัวจัดไว้อยู่ ความจริงก็มีแค่ทิวกับแม่เท่านั้นที่กินข้าวด้วยกันสองคนอย่างนี้มานานแล้ว

บูมดูจะชอบอาหารที่แม่ของทิวทำมาก เขาชมไม่ขาดปากและกินข้าวไปตั้งสามจาน เยอะที่สุดเท่าที่เคยกินมาเลยล่ะ เล่นเอาคนทำอาหารยิ้มอย่างมีความสุขที่เห็นคนกินชอบมากขนาดนั้น

บูมกับทิวมาเดินเล่นดูต้นไม้ด้วยกันหน้าบ้านอีกครั้งหลังจากที่กินข้าวเย็นเสร็จแล้ว

"ถ้าวันหนึ่งอยู่ดีๆ มีคนที่นายเคยรู้จักมาบอกว่าชอบนาย นายจะทำยังไงน่ะบูม"

ท่าทางก็แปลกไป คำถามก็ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ แม้ว่าจะเอะใจสงสัยแต่บูมก็ยังไม่ได้คิดอะไรมากนัก

"ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง เรายังไม่เคยเจอเหตุการณ์นี้เลย แล้วนายล่ะทิว ถ้าเป็นนายนายจะทำยังไง"

"เราเหรอ...ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง" ทิวหัวเราะแหะๆ "ก็เหมือนนายนั่นแหละ เรายังไม่เคยรักใครเลย"

บูมเอียงคอสงสัย

"เราว่านายดูแปลกๆ ไปนะทิว ชอบถามคำถามแปลกๆ ด้วย นายมีอะไรหรือเปล่า บอกเราได้นะ นายเคยช่วยเราตั้งหลายอย่าง ถ้านายมีอะไรนายก็บอกเราได้นะ เราอยากช่วย ถึงช่วยเองไม่ได้เราก็จะหาคนมาช่วย"

บูมพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ดูจริงจังขึ้น

"ไม่มีไรหรอก เราก็แค่ถามไปอย่างงั้นแหละ" ทิวแก้ตัว แต่สีหน้าก็ยังดูครุ่นคิดจนทำให้อีกฝ่ายยากที่จะคลายความสงสัยไปได้

"แน่ใจนะทิว หรือว่า...นายแอบชอบใครอยู่หรือเปล่าถึงได้ถามอย่างนี้ แอบชอบสาวในห้องเหรอ" บูมยิ้มและทำเสียงล้อเลียน

"เปล่า...ไม่ได้ชอบใคร" ทิวปฏิเสธเป็นพัลวัน

"เอาเหอะ ถ้านายยังไม่อยากบอกตอนนี้ก็ไม่เป็นไรหรอก เรารอได้ แต่นายรู้ไว้นะทิว เราน่ะ...มีชีวิตอย่างนี้ได้ก็เพราะนาย เรายินดีจะช่วยนายนะ พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกเรานะ"

ทิวพยักหน้า แล้วก็ตั้งใจว่าต่อไปจะไม่ถามคำถามที่เสี่ยงกับการย้อนเข้าหาตัวเองอย่างนี้อีกแล้ว

เดินเล่นและคุยกันอยู่สักพัก บูมก็ขอตัวกลับบ้าน ทิวโทรเรียกแท็กซี่ให้มารับเพราะบ้านเขาอยู่ในซอยลึกพอสมควร พอบูมขึ้นแท็กซี่ไปแล้ว ทิวก็โบกไม้โบกมือให้จนรถเคลื่อนออกไปจนลับตา ทิวมองตามแล้วก็ถอนหายใจ ไม่รู้เลยว่าต่อไปอารมณ์จะแปรปรวนมากแค่ไหน เขาจะพยายามเตือนตัวเองก็แล้วกันว่าบูมไม่ได้ทำอะไรผิด ยังไงๆ บูมก็ยังเป็นเพื่อนเหมือนเดิม ความรู้สึกดีๆ ที่ได้จากเพื่อนก็ได้มามากพอแล้ว เวลาที่เพื่อนให้มาก็เพียงพอแล้ว ใช่ไหมทิว มันพอแล้วใช่ไหม นายไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้ใช่ไหม

กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นแบบนี้ มันก็ผ่านมาจนเขาอายุ 17 ปีแล้ว แต่ก็ใช่ว่าที่ผ่านมาจะไม่มีอะไรแปลกๆ ให้ทิวสงสัยตัวเอง ก็มีเหมือนกัน ตั้งแต่พ่อจากไป ทิวก็รู้ว่าในใจลึกๆ โหยหาความอบอุ่นนี้จากพ่อ เป็นความอบอุ่นในแบบที่แม่ไม่สามารถทดแทนให้ได้

หลายครั้งทิวรู้สึกชอบเวลาที่เห็นผู้ชายวัยกลางคนที่หน้าตาท่าทางใจดี ทิวชอบเข้าไปคุยด้วยหรือชอบเข้าไปอยู่ใกล้ๆ บางครั้งก็เผลอคิดไปว่าถ้าเขาได้กอดผู้ชายคนนั้นคงจะอบอุ่นมาก แต่เขาก็ไม่เคยได้ทำอย่างนั้นหรอก กับเพื่อนๆ ก็ไม่เคยได้กอดอย่างนั้น อย่างมากก็กอดคอ

จนกระทั่งได้รู้จักกับบูม แล้วบูมก็กลายเป็นผู้ชายคนแรกที่มอบความอบอุ่นในแบบที่ทิวเรียกร้องหามาตลอดชีวิตให้ มันเหมือนการเสพติดเสียแล้ว พอได้มาแล้วเขาก็อยากจะได้สิ่งนั้นต่อไป

แต่ทิวก็รู้ว่ามันยังมีอะไรที่มากกว่าการเสพติด ความใกล้ชิดและความผูกพันมันทำให้เขาคิดไปไกลกว่านั้นแล้ว นั่นแหละคือเหตุผลที่ทิวไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีกต่อไปว่าสิ่งที่ได้จากเพื่อนในตอนนี้มันเพียงพอแล้ว มันไม่พอไม่ใช่เพราะว่าบูมให้มาน้อยไป แต่มันไม่พอเพราะบูมไม่ได้ให้ในสิ่งที่เขาอยากได้ต่างหากล่ะ

มาถึงตรงนี้ทิวก็เริ่มจะยอมรับกับตัวเองได้แล้วว่าเขาเป็นเกย์!!!

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ดูเหมือนบูมจะเริ่มให้เวลากับทิวมากขึ้น ถึงทิวจะไม่พูดอะไร แต่บูมก็เดาเอาเองว่าทิวน่าจะน้อยใจที่เขาไม่ค่อยมาหา แต่กลับไปให้เวลากับแป๋มมากเกินไป จะว่าไปแล้ว บูมก็มีความสุขดีเวลาอยู่กับทิว เวลาอยู่กับแฟน บูมรู้สึกว่าเขาถูกคาดหวังให้ต้องทำอะไรหลายอย่าง ต้องเสียสละ ต้องอดทน ต้องยอมแม้จะไม่เห็นด้วย ต้องคอยเอาใจ ต้องคอยทำให้ประทับใจ บางทีมันก็เยอะไปเหมือนกันที่ผู้ชายคนหนึ่งต้องถูกคาดหวังมากขนาดนี้จากคนที่เป็นแฟน

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้บูมรู้สึกอย่างนั้น คนเป็นแฟนกัน มีความรักให้กัน การเอาอกเอาใจหรือคอยดูแลย่อมเป็นเรื่องธรรมดา ยกเว้นว่าไม่รักกันจริงหรืออีกฝ่ายเรียกร้องมากไปจนเกินรับได้นั่นแหละ บูมยังไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุใดกันแน่

แต่เพราะแบบนี้นี่แหละที่ทำให้บูมกับแป๋มต้องทะเลาะกันอีกแล้ว

"พี่บูมยังเห็นแป๋มเป็นแฟนพี่บูมอยู่หรือเปล่าคะ ถ้าอย่างงั้น...ก็ควรจะมีเวลาให้แป๋มบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ซ้อมดนตรีแล้วก็เรียนๆๆๆๆ"

"แป๋ม ช่วงนี้พี่ต้องซ้อมเยอะเพราะว่าอาทิตย์หน้าพี่ต้องไปแข่งแล้ว อีกอย่าง มันก็ใกล้สอบแล้วด้วย พี่ก็ต้องอ่านหนังสือบ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าพี่ไม่แคร์แป๋มนะ"

"พี่แคร์แป๋มจริงๆ เหรอคะ แล้วที่สัญญาแป๋มไว้พี่บูมก็ทำไม่ค่อยได้ นอกจากจะซ้อมเพลง อ่านหนังสือจนไม่มีเวลาให้แป๋มแล้ว พี่ก็ยังเป็นลูกแหง่เหมือนเดิม ไม่เห็นจะ..."

"น้องแป๋ม!!!" บู

มพูดเสียงดังด้วยความไม่พอใจจนแป๋มต้องหยุดชะงัก เธอดูตกตะลึงทีเดียวที่เห็นบูมทำเสียงและสีหน้าไม่พอใจอย่างนั้น เท่านั้นยังไม่พอ คนที่อยู่ในร้านอาหารเดียวกับพวกเขาสองคนต่างก็หันมามองด้วยความสงสัย

คำว่า "ลูกแหง่" เสียดแทงใจบูมเหลือเกิน เขาเกลียดคำนี้ เขาไม่ได้อยากได้ยินมันอีกแล้ว

"ถ้าน้องแป๋มยังอยากเป็นแฟนกับพี่อยู่ น้องแป๋มต้องเลิกเรียกพี่แบบนี้เข้าใจไหม" บูมยื่นคำขาดด้วยเสียงและมือไม้ที่สั่นเทา

"พี่บูม"

ดูเหมือนแป๋มจะตกใจและผิดหวังกับการกระทำของบูมมาก บูมไม่ควรจะเสียงดังกับเธอในร้านอาหารอย่างนี้ บูมควรจะให้เกียรติเธอบ้าง นี่เล่นพูดเสียงดังจนเธอรู้สึกอับอายไปหมดแล้ว

"งั้นก็เลิกกันวันนี้ซะเลย แป๋มก็เบื่อที่จะอยู่กับคนเจ้าปัญหาอย่างพี่แล้ว คนอะไรก็ไม่รู้ เดี๋ยวก็ปัญหานั่น เดี๋ยวก็ปัญหานี่"

แป๋มพูดด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาค่อยๆ ไหลลงอาบแก้มใสนั้น

"แป๋ม" บูมเรียกเสียงสั่นเครือ แต่ละเรื่องที่แป๋มพูดมานั้นล้วนแต่เสียดแทงใจบูม ใครล่ะจะมาอยู่กับคนเจ้าปัญหาอย่างบูมได้

"แป๋มไปแล้วนะคะ ถ้าเป็นไปได้ก็อย่ามาเจอกันอีก"

แป๋มหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วก็เดินลิ่วออกไปจากร้านทันที แต่แปลกที่บูมไม่คิดจะวิ่งตามไป ใช่...เขาผิดเอง เขามัวแต่โมโหจนลืมดูไปว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ที่ไหน

เหมือนบูมจะได้สติคืนกลับมาแต่มันก็คงสายไปเสียแล้ว เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นพร้อมกับมองดูภาพสาวน้อยที่เพิ่งเป็นแฟนกันได้ไม่นานเดินหนีไปด้วยอารมณ์โกรธกรุ่น

น่าแปลกที่บูมก็ไม่รู้สึกอยากวิ่งตามแป๋มไป ถ้าบูมทำอย่างนั้นแป๋มอาจจะยอมใจอ่อนบ้างก็ได้ แต่คำพูดนั้นของแป๋มก็ทำให้บูมต้องคิดเสียใหม่

"งั้นก็เลิกกันวันนี้ซะเลย แป๋มก็เบื่อที่จะอยู่กับคนเจ้าปัญหาอย่างพี่แล้ว คนอะไรก็ไม่รู้ เดี๋ยวก็ปัญหานั่น เดี๋ยวก็ปัญหานี่"

คนเจ้าปัญหาอย่างบูมจะมีใครอยากคบล่ะ นอกจาก...

"ทิว" บูมพึมพำเรียกชื่อเพื่อนที่เขาสนิทด้วยมากที่สุดในตอนนี้ขึ้นมา

"เช็คบิลล์ด้วยครับ" บูมร้องบอกพนักงาน พอจ่ายเงินแล้วบูมก็รีบวิ่งออกไปเรียกแท็กซี่ทันที

"ไปลาดพร้าวครับ" บูมบอกเมื่อได้รถแท็กซี่แล้ว

พอมาถึงบ้านของทิวก็เห็นว่าบ้านปิดไว้ ไม่เปิดไฟ แสดงว่าคงไม่มีใครอยู่ในบ้านตอนนี้ บูมพยายามโทรหาทิวเท่าไหร่ก็ไม่ติด ไม่รู้ว่าแบ็ตหมดหรือปิดเครื่อง แต่ยังไงวันนี้เขาก็ต้องคุยกับทิวให้ได้

ลืมไป...บูมยังไม่ได้โทรบอกที่บ้านเลย ว่าแล้วบูมก็โทรศัพท์หาแม่ทันที

"แม่ครับ วันนี้ผมจะนอนค้างบ้านเพื่อนนะครับ พอดีมีงานที่ต้องทำด้วยกัน บูมกลัวทำเสร็จไม่ทันครับ"

"จะทำอะไรก็ทำไป"

แม้ว่าคุณทิพย์นภาจะพูดด้วยเสียงเบาเพราะเธอยังอยู่ในห้องประชุมอยู่ แต่บูมก็สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงนั้น

"ครับแม่ สวัสดีครับ"

บูมวางสายลงด้วยความไม่ค่อยเข้าใจแม่นัก ไม่รู้เหมือนกันว่าที่บ้านจะโกรธอะไรเขากันนักกันหนา พี่ชายก็พลอยเป็นไปด้วยอีกคนหนึ่ง

เมื่อติดต่อทิวไม่ได้ บูมจึงทำได้เพียงยืนรออยู่หน้าบ้าน พอเมื่อยขาก็นั่งพิงประตู ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหนเขาก็จะรอ แปลกนะ บูมน่าจะรู้สึกเสียใจมากกว่านี้ที่เพิ่งเลิกกับแฟนที่คบกันได้ไม่ถึงสองเดือน แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เสียใจมากขนาดนั้น แล้วที่น่าแปลกกว่านั้นก็คือการที่บูมมาหาทิวที่บ้านทันทีหลังจากเลิกกับแฟนนี่แหละ เขาอยากจะหาคนปลอบใจหรือก็คงเปล่า บูมไม่ได้รู้สึกเศร้าจนต้องการการปลอบใจขนาดนั้นหรอก

ราวๆ สี่ทุ่ม ก็มีรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านทิว บูมพยายามเพ่งมองแต่ไฟหน้ารถก็แยงตาจนมองไม่เห็นอะไร บูมรีบลุกขึ้นยืนใช้มือบังแสงไฟ พอรถดับไฟหน้าลงจึงเห็นทิวกับแม่เปิดประตูลงมาจากรถ

"บูม" ทิวร้องเรียกเพื่อนเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

"ทิว" บูมร้องเรียกเพื่อนด้วยความดีใจเช่นกัน

ทันทีที่ทิวก้าวเดินมาหา บูมก็เดินแกมวิ่งไปกอดเพื่อนไว้ แม้ว่าทิวจะตั้งตัวไม่ทันแต่ก็กอดเพื่อนตอบแต่โดยดี รู้สึกสับสนว้าวุ่นในใจไปกับความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้มากทีเดียว

"บูม...ทำไมนายชอบทำอย่างนี้กับเรา รู้ไหมว่าเราจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว" ทิวคิดในใจ

แม่ของทิวมองดูเพื่อนสองคนที่ยืนกอดกันแล้วก็ยิ้มด้วยความเอ็นดู

"คิดถึงขนาดนั้นเลยหรือบูม" คุณทิษณาสัพยอกกับเพื่อนของลูกชาย

นั่นแหละบูมจึงรู้ตัวว่าลืมทำความเคารพแม่ของเพื่อนไป เขารีบปล่อยแขนออกจากเพื่อนแล้วก็หันไปสวัสดีคุณทิษณา

"สวัสดีครับแม่"

"มานั่งรอทิวตั้งแต่เมื่อไรจ๊ะ" ถามพลางรับไหว้และยิ้มอยู่ในที

"ตั้งแต่ทุ่มกว่าแล้วครับ"

"ตายแล้ว แล้วทำไมไม่โทรหาทิวล่ะลูก" คุณทิษณาทำน้ำเสียงตกใจ

"โทรแล้วครับ แต่ไม่ติด" บูมบอก

ทิวจึงรีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาดูก็พบว่าแบ็ตหมดแล้ว ไม่รู้ว่าหมดไปตั้งแต่ตอนไหน

"แบ็ตหมดแล้วแม่ ถึงว่าไม่เห็นมีใครโทรหาทิวเลย" ทิวหันไปพูดกับแม่แล้วก็หัวเราะเบาๆ

"บูมกินอะไรมาหรือยังลูก"

บูมพยักหน้า จริงๆ ก็กินไปได้นิดเดียวแต่เกิดเรื่องเสียก่อน ไม่เป็นไรหรอก ค่อยหาอะไรในครัวกินทีหลังก็ได้

"แม่ล่ะครับ"

"กินแล้วจ้ะ พอดีทิวเขาอยากไปกินข้าวนอกบ้านกับแม่ ก็เลยพาเขาไปเสียหน่อย นานๆ ที"

คุณทิษณายิ้มด้วยแววตาแฝงไปด้วยความเมตตา บูมชอบแม่ของทิวก็เพราะอย่างนี้แหละ

"เข้าไปในบ้านกันเถอะ" คุณทิษณาบอกเด็กๆ

"ครับ" ทิวกับบูมรับคำพร้อมกัน

คุณทิษณาพอจะเดาได้ว่าบูมคงมีเรื่องอะไรบางอย่างจึงได้มานั่งรอทิวอยู่ตั้งนาน เธอจึงขอตัวขึ้นไปอาบน้ำข้างบน ปล่อยให้เด็กๆ นั่งคุยกันตามลำพัง จะได้คุยกันได้สะดวกใจ

"มีอะไรหรือเปล่าบูม มานั่งรอเราตั้งนานแบบนี้" ทิวถามเมื่อเห็นว่าแม่ขึ้นไปบนบ้านแล้ว

สีหน้าของบูมดูเศร้าลง แม้ไม่ถึงกับเศร้ามากแต่ก็พอสังเกตเห็นได้

"เรากับแป๋มเลิกกันแล้วนะทิว"

!!!???

TBC
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 10-11 วันที่ 11.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 11-03-2012 20:46:29
 :a5: จบตอนแค่นี้หรอคะ... ค้าง...............อ่ะค่ะ :o12:

ดีใจจังที่บูมเลิกกับแป๋มแล้ว เย้ๆๆๆๆ :z2:
แต่จะเลิกกันแค่วันเดียวรึเปล่า ไม่ใช่พรุ่งนี้กลับไปคืนดีกันอีกน๊าา คงสงสารทิวแย่เลย...

พอเลิกกับแฟน บูมก็นึกถึงทิวคนแรก จะว่าไปดูเหมือนว่าบูมเองก็รักทิวมาตั้งแต่แรก
ตั้งแต่ที่ทิวดูแลช่วยเหลือบูมหลายๆอย่าง เพียงแต่บูมไม่รู้ตัวเท่านั้น มันคงอยู่ลึกมากๆในใจบูม ก็รอลุ้นกันต่อไป...

ตอนต่อจากนี้จะเริ่มมาม่าหลายรสแล้วใช่มั้ยคะ
จัดมาเลยค่ะ  พร้อม......!! จะเตรียมทิชชู่ไว้ทั้งกล่อง หุหุ

 :pig4: ขอบคุณมากค่ะสำหรับเรื่องราวมิตรภาพที่น่ารักของทิวกับบูมในทุกๆตอน
รอตอนต่อไป สัปดาห์หน้านู๊นน....................ค่ะ
 :กอด1: :กอด1: คงคิดถึงทิวกับบูมแย่เลย
+เป็ดน้อย เป็นกำลังใจให้คนเขียนเหมือนเดิมค่ะ
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 10-11 วันที่ 11.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 11-03-2012 21:27:46
แป๋มเอาเเต่ใจอ่ะ

เลิกอ่ะดีเเล้ว เต่ก็ยังไม่สนับสนุนไม่คบกับทิว

เพราะรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่อ่ะ กลัวพ่อเเม่อีก โอ้ยยยยยยยยยย ปวดหัวเเทน
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 10-11 วันที่ 11.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 11-03-2012 22:56:26
                         เลิกแฟนแล้วค่อยเห็นเพื่อน เห้อ ปวดตับ
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 10-11 วันที่ 11.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 12-03-2012 14:16:02
จะติดตามต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 10-11 วันที่ 11.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 17-03-2012 08:52:04
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 12 ✦ ทิวเป็นอะไร

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


ใจหนึ่งทิวก็รู้สึกดีใจลึกๆ ที่เพื่อนเลิกกับแฟน แม้จะรู้ว่าเป็นการคิดที่นิสัยไม่ดีไปหน่อย แต่อีกใจหนึ่งก็อดสงสารเพื่อนที่คบกับแฟนได้ไม่นานก็ต้องมาเลิกกัน แต่ไม่รู้สิ ทำไมทิวถึงรู้สึกว่าบูมไม่ได้แสดงอาการเสียใจมากอย่างที่คนทั่วๆ ไปน่าจะเป็นเวลาที่อกหักเลย

ก่อนจะคุยกันยาว ทิวพาบูมมานั่งที่โต๊ะนั่งเล่นหน้าบ้าน แล้วบูมจึงค่อยๆ เล่าให้ทิวฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างจนเป็นสาเหตุให้ทั้งคู่ต้องเลิกกันอย่างคาดไม่ถึง

ทิวได้ฟังแล้วก็ถึงบางอ้อ ตอนแรกคิดว่าบูมคงโมโหแล้วก็เลยขอเลิก แต่กลับกลายเป็นแป๋มที่ขอเลิกกับบูมเสียก่อนเพราะบูมทำให้เธอขายหน้าในที่สาธารณะนั่นเอง

"นายเสียใจหรือเปล่าที่...มันเป็นแบบนี้"

ทิวถามพลางคอยลอบสังเกตอาการของเพื่อน ก็ดูเหมือนจะไม่เสียใจอะไรมากเท่าไหร่ น่าแปลกจริงๆ ด้วย

บูมถอนหายใจ สีหน้าเครียดขึ้นมาเล็กน้อย

"เราไม่รู้...ก็คงเสียใจมั้ง"

แปลก...ก็คงเสียใจมั้ง แสดงว่าบูมไม่แน่ใจอย่างนั้นหรือว่าเสียใจหรือเปล่า

"อืม...แล้วนายอยากจะไปปรับความเข้าใจกับน้องเค้าหรือเปล่าล่ะ"

แม้จะบอกไปอย่างนั้น แต่แน่นอนว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่ทิวจะบอกให้คนที่ตัวเองแอบรักไปคืนดีกับแฟน

"นายคิดว่ายังไง"

"นายรักเขาหรือเปล่าล่ะ"

คำถามนี้ทำให้บูมสะดุดคิด รักน่ะหรือ...แล้วรักมันคืออะไรล่ะ ห่วงใย คิดถึงและคอยดูแลกัน หวังดีต่อกัน จริงใจให้กันหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้น...คนที่บูมควรจะรู้สึกแบบนั้นด้วยคงไม่ใช่แป๋มแล้วล่ะ

"คง...ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอกมั้ง เรากับแป๋มคบกันได้แค่ไม่กี่เดือนเอง คงยังไม่ถึงกับรักกันมากหรอก ว่าแต่...นายกำลังจะบอกอะไรเราหรือเปล่าล่ะทิว"

"ก็ถ้านายยังรักแป๋มอยู่ นายก็น่าจะไปขอโทษแป๋ม แล้วก็...คืนดีกัน"

ทิวพยายามพูดให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด เหมือนกับไม่รู้สึกอะไรเลยทั้งที่ในใจนั้นเจ็บอยู่ลึกๆ การแอบรักเพื่อนนั้นช่างทรมานเหลือเกิน บางครั้งก็อยากจะพูดความในใจให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่อีกใจก็กลัวว่าเพื่อนจะรับไม่ได้

ใช่...ไม่มีใครรู้เลยว่าทิวเป็นอะไร นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้เรื่องทุกอย่างดูยิ่งยากเข้าไปใหญ่

"นายอยากให้เราทำแบบนั้นหรือเปล่า" บูมถามกลับ

ทิวนิ่งเงียบไปสักพัก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่เข้าใจคำถามหรือเป็นเพราะไม่กล้าตอบตามความเป็นจริง

"ก็...ถ้านายยังรักหรือชอบแป๋มอยู่ นายก็ควรจะทำนะ" ทิวพูดเสียงเบาลง ชักไม่มั่นใจว่าสีหน้าและน้ำเสียงแสดงพิรุธบ้างหรือไม่

"อันนี้เรารู้แล้ว เราได้คำตอบแล้วล่ะว่าเราจะทำยังไง แต่ที่เราถามนายเมื่อกี้น่ะ เราไม่ได้ถามว่าเราควรทำยังไง แต่เราถามความรู้สึกของนายว่านายน่ะ...อยากให้เราคืนดีกับแป๋มหรือเปล่า"

ดูเหมือนทิวงงๆ กับคำถามอยู่ บูมจึงต้องถามย้ำอีกครั้ง

"คือว่า...นายจะรู้สึกโอเคไหมถ้าเราจะไปขอคืนดีกับแป๋ม ถ้าเราทำอย่างงั้น นายโอเคไหม นายอยากให้เราทำอย่างนั้นหรือเปล่าทิว"

"นายหมายความว่าไง"

ทิวถามเสียงแหบพร่า หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ นี่บูมกำลังสงสัยอะไรอยู่หรือเปล่าถึงได้ถามแปลกๆ หรือว่าทิวฟังคำถามผิดกันแน่

"ทำไมต้องถามเราล่ะ ถ้านายยังรักเขาอยู่ นายก็..."

ทิวหยุดไว้แค่นั้นเพราะไม่แน่ใจว่ามันเป็นคำตอบของสิ่งที่ถูกถามหรือเปล่า

"ทิว...เอาเป็นว่า...เราจะไปขอโทษน้องแป๋มละกัน แต่...เราไม่รู้ว่าเราจะกลับมาคืนดีกันได้หรือเปล่านะ เราบอกตรงๆ ว่าเราก็เสียความรู้สึกดีๆ ไปเยอะเหมือนกัน"

บูมหยุดเว้นจังหวะ มองหน้าเพื่อนด้วยแววตามีความหมายบางอย่าง เพราะสิ่งที่จะพูดต่อไปนี้สำคัญทีเดียว

"นายรู้ไหมว่า...จริงๆ แล้วความรักสำหรับเรา ไม่ใช่แค่การเป็นแฟนกัน หรือไปกินข้าวเดินเที่ยวด้วยกัน คนที่เราจะรัก...ต้องดีกับเรา จริงใจกับเรา คอยช่วยเหลือกัน อยู่ด้วยกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ให้กำลังใจกัน เป็นห่วงกัน คิดถึงกัน เวลาคุยกันหรืออยู่ด้วยกันแล้วสบายใจ นายรู้ไหมว่า...คนที่ดีกับเราแบบนั้น มีอยู่ไม่กี่คนหรอกในโลกนี้หรอก"

ระหว่างที่เพื่อนพูด ทิวก็เกิดอาการร้อนวูบวาบที่ใบหน้า นี่บูมกำลังพูดอะไรอยู่กันแน่นะ บูมกำลังพูดถึงทิวอยู่หรือเปล่าหรือแค่จะบอกว่าความรักทั่วๆ ไปเป็นอย่างนี้ อย่าดีกว่า...อย่าไปตีความเข้าข้างตัวเองแบบนั้นเลย ถ้าไม่ใช่ขึ้นมาก็จะเจ็บหัวใจอีก แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมบูมพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำและมองหน้าทิวตลอดเวลาที่พูดเลย

"เราคิดว่า...เราอาจจะได้เจอคนนั้นแล้วนะทิว"

หัวใจทิวแทบหยุดเต้นเมื่อได้ยินประโยคนี้ บูมได้เจอคนนั้นแล้ว ใคร...คนนั้นเป็นใครกัน

"แต่...เราขอเวลาอีกหน่อย ถ้าเรามั่นใจเมื่อไหร่ เราจะบอกนายเป็นคนแรกเลย...ดีไหมทิว" บูมถามพลางยิ้มมีเลศนัย

ทิวได้แต่พยักหน้ารับรู้เพราะรู้สึกตื่นเต้นและประหม่าจนเกินกว่าที่จะพูดอะไรออกมาได้ในเวลานี้ ถ้าพูดแล้วน้ำเสียงคงดูไม่เป็นปกติอย่างแน่นอน

"เราหิวข้าวน่ะทิว ที่ปากซอยจะมีอะไรกินไหมตอนนี้"

บูมเปลี่ยนเรื่องทันทีทันใดจนอีกคนแทบตามไม่ทัน สีหน้าของบูมตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เหลือความเศร้าสร้อยใดๆ ปรากฏให้เห็นอยู่เลย

ทิวยังคงนั่งเหม่อเหมือนคิดอะไรบางอย่าง แต่สักพักก็นึกได้ว่าเพื่อนกำลังรอคำตอบอยู่

"อ๋อ...มีสิ มีหลายอย่างเลย ไปตลาดโชคชัยสี่กันไหม มีของกินเยอะเลยนะ"

"ไปสิ เราได้ยินชื่อเสียงมานานละว่ามีแต่ของอร่อยๆ" บูมเห็นดีด้วย

ทิวเดินไปเปิดประตูบ้าน แล้วก็ถอยมอเตอร์ไซค์คันเล็กคันหนึ่งออกมาจากมุมกำแพง มอเตอร์ไซค์คันนี้แม่ซื้อไว้ให้ขี่ออกไปซื้อของที่ปากซอยหรือใกล้ๆ แถวนี้ บูมดูจะตื่นเต้นทีเดียวเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยนั่งรถมอเตอร์ไซค์เลย

"เราไม่เคยนั่งมอไซค์เลยทิว มันจะอันตรายหรือเปล่า เรากลัวตกน่ะ"

"ไม่หรอก ถ้านายกลัวตกก็..."

เอ...จะใช้คำว่าอะไรดี ให้กอดแน่นๆ งั้นเหรอ คงไม่ดีมั้ง ทิวเกาหัวแกรกๆ แล้วก็หัวเราะเหมือนไม่รู้กับจะบอกว่ายังไง

"ก็อะไร" บูมเลิกคิ้ว

"จับเอวเราแน่นๆ ละกัน" ในที่สุดก็เจอคำที่ฟังดีขึ้นมาหน่อย เกือบไปแล้วไหมล่ะทิว

บูมพยักหน้าเข้าใจ แล้วก็ทำอย่างนั้นจริงๆ ด้วยเมื่อนั่งมอเตอร์ไซค์ออกไปกับทิว บูมไม่ใช่แค่จับแน่นๆ เท่านั้น แต่มันกลายเป็นกอดเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าบูมจงใจที่จะกอดหรือเป็นเพราะกลัว แต่ทิวก็รู้สึกดีชะมัดเลย แล้วก็พาลนึกถึงที่บูมพูดเมื่อสักครู่นี้ บูมหมายถึงใครกันหนอ หมายถึงทิวหรือเปล่า...

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ผ่านไปอีกไม่กี่วัน บูมก็ไม่สบายหนักเพราะเป็นไข้เลือดออก น่าจะเป็นเพราะถูกยุงกัดตอนที่มานั่งรอทิวที่หน้าบ้าน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ไข้เลือดออกกำลังระบาดเสียด้วย ช่วงที่เป็นใหม่ๆ นั้นบูมอาการหนักมากจนถึงกับเพ้อ เล่นเอาทิวไม่เป็นอันเรียนหนังสือหรือซ้อมเพลงกับวงเลย เลิกเรียนก็จะออกไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาลทันที บางทีเพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็ไปด้วย วันเสาร์อาทิตย์ทิวก็อยากจะอยู่เฝ้าเพื่อนบ้าง แต่เห็นสายตาแม่ของบูมแล้วทิวกับเพื่อนๆ ก็รู้สึกหวาดๆ แต่ถึงกระนั้น ความห่วงใยของทิวที่มีให้กับเพื่อน ทำให้บูมเริ่มมั่นใจกับอะไรบางอย่างมากขึ้น

ที่น่าเสียดายก็คือ บูมพลาดโอกาศที่จะได้ไปร่วมแข่งประกวดวงดนตรีชิงแชมป์เยาวชนแห่งประเทศไทยเพราะฟื้นตัวไม่ทัน และไม่ได้ไปซ้อมหลายวัน จึงมีแค่ทิวคนเดียวที่เป็นนักร้องนำ

ในวันแข่งขัน บูมกับเพื่อนๆ ในโรงเรียนหลายคนไปให้กำลังใจด้วย แต่อาจจะเป็นเพราะช่วงที่บูมไม่สบายทำให้ทิวไม่ค่อยมีสมาธิซ้อม บวกกับที่รู้สึกไม่ดีที่เพื่อนไม่ได้มาร้องเพลงบนเวทีด้วย ทำให้วงซีนิธได้เพียงรางวัลชมเชยมาเท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้ทุกคนดีใจมากแล้ว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

การเรียนในชั้น ม.5 ผ่านไปด้วยดี เกรดเฉลี่ยของบูมตกลงมาเล็กน้อยที่ 3.8 ก็ยังนับว่าน่าพอใจสำหรับพ่อกับแม่อยู่ จริงๆ ก็เกือบจะได้น้อยกว่านั้นแล้วล่ะเพราะว่าช่วงที่บูมมีแฟนไม่ค่อยได้อ่านหนังสือเลย แถมยังต้องมาป่วยอีก แต่บูมก็มาเร่งทบทวนในช่วงหลังๆ จนตีตื้นขึ้นมาได้ รู้สึกโล่งใจมากทีเดียว ไม่อย่างงั้นก็อาจจะโดนบังคับย้ายโรงเรียนอีก

ความสัมพันธ์ของบูมกับทิวทวีความแน่นแฟ้นมากขึ้น เพราะนอกจากจะเจอกันที่โรงเรียนแล้วก็จะคอยติดต่อกันทางโทรศัพท์ตลอด กลับบ้านก็จะโทรไปถามว่าถึงบ้านหรือยัง วันหยุดหรือปิดเทอมก็จะโทรหาไม่ได้ขาด มีเวลาว่างๆ ก็จะนัดกลุ่มเพื่อนๆ ไปหาอะไรอร่อยๆ กินหรือไม่ก็ทำกิจกรรมด้วยกัน มีเวลาก็นัดเจอกันสองคนบ่อยๆ ที่สำคัญ บูมชอบมาที่บ้านของทิวจนแทบจะกลายเป็นลูกชายคนที่สองของบ้านทิวไปแล้ว ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เสมอต้นเสมอปลาย จนบูมรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็คงจะได้บอกไปแล้วล่ะ

"บูม" เสียงใครคนหนึ่งเรียกดังมาจากข้างหลังเบาๆ ไม่เท่านั้น ยังเอานิ้วมาสะกิดที่หลังด้วย

บูมหันไปมองอย่างสงสัย พอเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้ม "อ้าว จิ๋ว"

จิ๋วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ พร้อมกับวางสมุดกับหนังสือเรียนลงบนโต๊ะ

"บูมกินข้าวหรือยัง"

จิ๋วเป็นนักเรียนชั้น ม.6/2 ที่บูมก็รู้จักคุ้นเคยกันพอสมควรเพราะมักจะเจอกันในโรงเรียนบ่อยๆ แต่ก็ไม่ค่อยได้สนิทกันมาก

"กินแล้ว จิ๋วล่ะ"

จิ๋วพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ

"มีอะไรจะให้บูมช่วยหน่อย พอดีเราทำไม่ได้จริงๆ ถามเพื่อนในห้องแล้วมันก็ไม่มีใครรู้ ก็เลยว่าจะมาอาศัยคนเก่งจากห้องหนึ่งซะหน่อย บูมพอจะช่วยอธิบายเราหน่อยได้ปะ วิชาเคมี"

"อ๋อ...ได้สิ จะให้เราช่วยตรงไหน"

บูมอาสาอย่างกระตือรืนร้นเพราะไม่ใช่คนหวงวิชา ถ้าใครถามก็จะช่วยสอนให้เสมอ โดยเฉพาะทิว ตั้งแต่ได้รู้จักบูม คะแนนเฉลี่ยของทิวก็เพิ่มขึ้นมากทีเดียว

จิ๋วเปิดหนังสือให้บูมดูแล้วก็ชี้

"นี่ไง พันธะโควาเลนซ์อะไรสักอย่างเนี่ย จิ๋วไม่รู้ว่าจะดูยังไงถึงจะรู้ว่าอะตอมไหนมีพันธะโควาเลนซ์แบบไหน กี่อัน..."

บูมนั่งฟังจิ๋วอย่างตั้งใจและพยายามอธิบายอย่างสุดความสามารถ ทำให้จิ๋วประทับใจมากทีเดียว บูมไม่รู้ตัวหรอกและไม่ได้สังเกตอะไรมากนัก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการเข้ามาของจิ๋วจะทำให้เกิดความยุ่งยากกับชีวิตมากขึ้น

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา จิ๋วก็คอยมาตีสนิทกับบูมอยู่เรื่อยๆ บางทีก็มากินข้าวกลางวันด้วยทั้งที่อยู่คนละห้อง บางทีก็จะเจอจิ๋วกับบูมอยู่ในห้องสมุด บางวันจิ๋วก็มาชวนไปเที่ยวหลังเลิกเรียน

มีอยู่วันหนึ่งที่ทิวแสดงอาการน้อยใจออกมาอีกครั้งจนได้เมื่อจิ๋วมานั่งกินข้าวกับบูมตอนเที่ยง ทิวลุกหนีโดยไม่บอกไม่กล่าว จนเพื่อนๆ ในห้องสงสัยกันใหญ่ คนที่สงสัยมากกว่าใครนั้นก็คือต้อง นอกจากบูมแล้ว ทิวก็สนิทกับต้องเพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ต้องได้คุยสิ่งที่ได้สังเกตเห็นกับอุ้ยและมัสมั่นด้วย ส่วนคนอื่นๆ ต้องยังไม่กล้าคุยด้วยมากนักเพราะกลัวความลับแตก

จนกระทั่งคิดว่ามั่นใจกับสิ่งที่ได้เห็นมากพอแล้ว ต้อง อุ้ยและมัสมั่นจึงนัดทิวให้มาคุยที่หลังโรงเรียนในตอนเที่ยงของวันหนึ่ง

"มีอะไรวะ ทำลับๆ ล่อๆ น่ากลัวเชียวพวกมึง แล้วทำไมต้องมาคุยกันแค่นี้ ทำไมไม่ให้คนอื่นๆ มาคุยด้วยวะ"

ทิวสงสัยไม่น้อยที่จู่ๆ สามคนนี้ก็มากระซิบกระซาบขอคุยกับด้วยราวกับมีลับลมคมในที่สำคัญมาก

"ก็เพราะมันลับน่ะสิวะถึงได้เรียกมึงมาคุยแค่คนเดียว นั่งลงเร็ว อย่าชักช้า"

ต้องบอกพลางฉุดมือทิวให้รีบนั่งลง

"มีอะไรก็ว่ามา เดี๋ยวบ่ายนี้กูต้องไปสอนร้องเพลงที่ชมรม"

ตอนนี้ทิวกับบูมไม่ได้เป็นนักร้องนำของวง Zenith แล้วเพราะต้องการให้น้องใหม่ขึ้นมาทำแทน อีกอย่าง พี่ๆ ที่สนิทกันในวงก็จบกันไปหมดแล้ว ทิวกับบูมจึงปล่อยให้น้องๆ ที่เก่งดนตรีคนอื่นๆ ได้ฟอร์มทีมกันขึ้นมาสานต่องานที่ได้ทำไว้ แต่ก็ยังอยู่ช่วยในชมรมดนตรีอยู่

"เออ ไม่ต้องห่วง กูไม่ทำให้มึงเสียเวลาหรอก แต่มึงเตรียมใจไว้ให้ดีก็แล้วกัน แล้วก็ขอให้มึงพูดความจริงด้วย"

ต้องกำชับ ทำให้ทิวชักหวาดหวั่นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

"เออ กูเคยโกหกพวกมึงหรือไงวะ" ทิวพูดอย่างมั่นใจ เพราะไม่เคยโกหกเพื่อนเลยจริงๆ

"มึงงอนไอ้บูมอยู่ใช่หรือเปล่า"

เปรี้ยง!!!!

คำถามแรกจากต้องก็เล่นเอาทิวถึงกับสะดุ้งราวกับถูกฟ้าผ่าเลยทีเดียว แสดงว่าพวกนี้มันต้องสงสัยเรื่องนั้นแน่ๆ แต่จะว่าไปแล้ว ช่วงนี้ทิวก็งอนบูมบ่อยจริงๆ นั่นแหละ แต่ก็ไม่ใช่การงอนอย่างโจ่งแจ้งอะไรหรอก แค่หลบหน้าหลบตาและไม่ค่อยคุยกันเท่านั้นเอง

"อย่าโกหกนะเว้ย สัญญาแล้ว" อุ้ยสำทับ

ทิวถึงกับต้องกลืนน้ำลาย ถูกล้อมไว้เสียขนาดนี้ก็คงต้องจนตรอกเป็นแน่

"อืม" ทิวรับคำสั้นๆ

"ทำไมถึงงอนล่ะ มึงชอบมันหรือเปล่า" ต้องถามต่อ

เปรี้ยง!!! เปรี้ยง!!! เปรี้ยง!!!

ฟ้าผ่าอย่างหนักเลยล่ะคราวนี้ ทิวมองหน้าเพื่อนทั้งสามคนสลับไปมา พอเห็นทุกคนจ้องมองและรอคอยคำตอบอยู่ก็ยิ่งเครียด สักพักทิวก็ก้มหน้าลงพร้อมกับพยักหน้า เอาล่ะสิ น้ำตามันจะไหลอีกแล้ว อย่าเพิ่งมาร้องให้ตอนนี้นะเว้ยไอ้ทิว

"กูว่าแล้ว" ต้องมองหน้าเพื่อนอย่างเห็นใจ

"พวกกูเห็นมึงกับไอ้บูมทำตัวแปลกๆ กันก็เลยสงสัย ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง แล้วไอ้บูมมันรู้หรือยัง"

ทิวส่ายหน้า

"นานหรือยังวะ กูหมายถึง...มึงชอบไอ้บูมมานานหรือยัง"

มัสมั่นถามบ้างหลังจากที่นั่งฟังอยู่นาน

ทิวพยักหน้า "ก็ตั้งแต่รู้จักบูมใหม่ๆ นั่นแหละ"

ทิวเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนๆ น้ำตาเริ่มไหลพราก

"กูเป็นแบบนี้ พวกมึงรังเกียจกูปะวะ"

ดูเหมือนเพื่อนๆ อีกสามคนจะตกใจกันมากทีเดียว ต้องรีบเขยิบมานั่งใกล้ๆ พลางโอบไหล่ทิวไว้

"เฮ้ย คิดอะไรอย่างงั้น พวกกูเป็นเพื่อนมึงมาตั้งแต่อนุบาล จะรังเกียจกันได้ไงวะ มึงจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ มึงก็เป็นเพื่อนพวกกูนะเว้ย อย่าร้องให้ๆ"

ต้องกระชับไหล่ทิวเบาๆ สองสามครั้งพลางปลอบไปด้วย

"คิดมากน่ะไอ้ทิว พวกกูไม่เคยคิดอย่างนั้นหรอก ที่มาถามมึงวันนี้ก็เพราะสงสารมึง อยากช่วยมึง ใช่ไหมไอ้มัสมั่น"

อุ้ยหันไปถามเพื่อนอีกคน

"ใช่ๆๆๆ กูก็ไม่เคยคิดรังเกียจมึงหรอก แต่มึงอย่ามากินพวกกูก็แล้วกัน"

มัสมั่นพูดติดตลกในตอนท้าย

"เดี๋ยวกูเตะกระเด็นไปโน่น ไอ้นี่ มันกำลังเศร้าอยู่ยังจะมีกะจิตกะใจมาล้อเล่นอีก"

ต้องพูดไม่พูดเปล่าแต่ทำท่าจะเตะเพื่อนจริงๆ เสียด้วย มัสมั่นได้แต่หัวเราะแหะๆ และขอโทษ

"แล้วมึงจะทำไง จะบอกไอ้บูมมันหรือเปล่าว่ามึงชอบมัน" ต้องถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ทิวรีบส่ายหน้าเกือบจะทันที "ไม่หรอก กูไม่อยากเสียเพื่อนไป"

"เฮ้ย แล้วมึงไม่คิดหรือไงวะว่าบางทีไอ้บูมมันก็อาจจะคิดอย่างเดียวกับมึงก็ได้" อุ้ยพยายามให้กำลังใจ

"ไม่รู้สิ แต่กูคิดว่าไม่ ถ้าบูมคิดอย่างนั้นกับกูจริงๆ คงไม่ไปเกาะแกะกับผู้หญิงคนนั้นคนนี้อยู่เรื่อยๆ หรอก กูไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง ถ้าเกิดมันไม่ใช่ กูก็จะยิ่งแย่นะเว้ย"

ถึงจะพูดไปอย่างนั้น แต่ทิวก็ไม่ค่อยมั่นใจในสิ่งที่พูดนัก

"เฮ้ย กูดูออกนะเว้ยว่าไอ้บูมมันไม่ได้ชอบจิ๋วหรอก จิ๋วมันเข้ามาหาไอ้บูมเอง มึงก็เห็นไม่ใช่เหรอ" มัสมั่นรีบบอก

"กูไม่รู้ ถ้ามันเป็นความรักหญิงชายทั่วไปกูก็คงเดาได้ไม่ยากหรอก แต่พอมันเป็นแบบนี้ กูบอกตามตรงว่ากูกลัวว่ะ ถ้าบูมไม่ได้คิดอย่างกู กูอาจจะต้องเสียเพื่อนไปเลยนะเว้ย กูไม่อยากเสี่ยง"

ได้ยินอย่างนั้นแล้วเพื่อนอีกสามคนก็ได้แต่มองหน้ากันเพราะไม่รู้จะเถียงทิวว่าอย่างไร ก็อาจจะจริงของทิวก็ได้ คนที่จะต้องเจ็บมากกว่าใครก็คือทิว ถ้ายังไม่มั่นใจขนาดนั้นก็ไม่ควรไปกดดันทิวให้ต้องรีบร้อนบอกบูมไป

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

บูมรู้สึกหงุดหงิดมากทีเดียวที่ช่วงนี้ทิวทำตัวห่างเหินอีกแลัว คุยด้วยก็เหมือนไม่ค่อยอยากคุย โทรไปหาก็ไม่ค่อยรับ ไม่แน่ใจว่าไม่ว่างหรือเป็นเพราะจงใจที่จะไม่รับกันแน่ แต่ไม่ว่าจะยังไง มันก็ทำให้บูมรู้สึกขัดใจมากพอสมควร

วันนี้ก็เช่นกัน เลิกเรียนแล้วทิวก็หายตัวไปเลย ทั้งๆ ที่นัดกับเพื่อนๆ ในห้องไว้แล้วว่าจะเดินเล่นที่สยามกัน แต่ทิวก็หายไปและไม่ยอมรับโทรศัพท์ ที่ทิวเป็นแบบนี้ก็เพราะตอนหลังจิ๋วขอไปด้วยนั่นเอง พอทิวรู้เข้าก็เลยแอบหนีกลับบ้านไปคนเดียว บูมโทรหาอยู่หลายครั้งก็ไม่ยอมรับสาย พอโทรไปล่าสุดอีกครั้งก็ปิดเครื่องไปแล้ว

พอแยกย้ายกันแล้ว บูมจึงตรงดิ่งไปบ้านทิวทันที ยังไงๆ วันนี้ก็คงต้องคุยกับทิวให้รู้เรื่อง

มาถึงบ้านทิวก็สามทุ่มกว่าแล้ว วันนี้บูมคงต้องยอมกลับบ้านดึก แม้ว่าจะถูกแม่ตำหนิก็คงต้องยอม บูมกดกริ่งหน้าบ้านสองสามครั้ง นานพอสมควรทีเดียวกว่าทิวจะลงมาเปิดประตูให้ในสภาพก้มหน้าก้มตา

"แม่อยู่หรือเปล่า" บูมถาม พยายามจับสีหน้าและความรู้สึกของเพื่อนด้วยความสงสัยปนไม่พอใจ

ทิวพยักหน้า "อาบน้ำอยู่"

"เราขอคุยกับนายหน่อยได้ไหม ไม่นานหรอก"

ทิวพยักหน้า แล้วก็พาบูมขึ้นไปที่ห้องบนชั้นสาม

"นายเป็นอะไรหรือเปล่าทิว ทำไมไม่ไปกับเพื่อนๆ ล่ะวันนี้ ทุกคนถามหานายกันใหญ่เลยรู้ไหม" บูมเริ่มซัก

"พอดีเราไม่ค่อยสบาย" ทิวตอบเสียงเบา พยายามข่มความรู้สึกบางอย่างเอาไว้

"ไม่สบายเหรอ เป็นอะไร" น้ำเสียงของบูมไม่ได้ฟังดูเป็นห่วงนัก แต่ฟังดูเหมือนสงสัยมากกว่า

"ปวดหัวนิดหน่อย"

บูมถอนหายใจ เห็นอาการของทิวแล้วก็หนักใจเหลือเกิน

"บอกเราตรงๆ ได้ไหมทิวว่านายเป็นอะไร นอกจากปวดหัวแล้วนายยังเป็นอะไรอย่างอื่นอีกหรือเปล่า ทำไมไม่รับโทรศัพท์ ทำไมชอบหลบหน้าเรา นายเป็นอะไรกันแน่ทิว"

บูมเดินเข้ามาจับไหล่ทิวทั้งสองข้างไว้เพื่อให้ทิวมองหน้าตรงๆ เพราะทิวคอยแต่หลบตา ทิวดูมีสีหน้าประหม่ามากทีเดียวเมื่อถูกบังคับให้ต้องมองหน้าเพื่อนตรงๆ อย่างนั้น

"มีอะไรหรือเปล่าทิว บอกเราได้หรือเปล่า รู้ไหมว่าทุกคนเป็นห่วงนาย รู้ไหมว่าเราไม่มีความสุขเลยที่เห็นนายเป็นแบบนี้"

ทิวค่อยๆ สะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของเพื่อน พอหลุดออกมาได้แล้วก็พูดตอบกลับไปบ้างหลังจากที่เงียบอยู่นาน

"นายเป็นเพื่อนกับเรามาตั้งสามปี แค่นี้นายยังไม่รู้อีกเหรอว่าเราเป็นอะไร"

บูมถึงกับหน้าชาและอึ้งไปกับคำถามนั้น ทิวไม่ชอบการถูกกดดันบีบคั้นแบบนี้เลย เหมือนกับกำลังถูกไล่ต้อนให้จนมุมอย่างคนไม่มีทางสู้และจะต้องแพ้ แต่ทิวยังไม่อยากแพ้ในตอนนี้ ทิวจะไม่ยอมแพ้และต้องสูญเสียคนที่รักไปอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ ทิวกลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะยอมแพ้และความอดทนก็จะหมดลงไป

"นายไม่รู้จริงๆ เหรอว่าเราเป็นอะไร" ทิวถามซ้ำอีกครั้งพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มรินไหล

บูมได้แต่นิ่งเพราะไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน ทุกอย่างดูเงียบ เงียบจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของบูมก็ดังขึ้น แม่โทรมาตามนั่นเอง

"ครับแม่ ผมกำลังจะกลับครับ"

บูมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนที่ยังคงเงียบงันอยู่เช่นเดิม

"เรากลับก่อนนะ" บอกแล้วบูมก็เดินออกไปจากห้องเสียอย่างนั้น

พอเพื่อนลับตาไปแล้วทิวก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนพร้อมกับร้องให้ นี่บูมไม่รู้จริงๆ หรือนี่ว่าทิวเป็นอะไร ทิวคิดว่าบูมน่าจะรู้บ้าง เรื่องที่บูมพูดในวันนั้นก็ดูเหมือนว่าบูมมีใจให้หรือคิดตรงกัน แต่วันนี้บูมกลับถามเหมือนว่าว่าไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้จริงๆ หรือ นี่ดีนะที่ทิวไม่เผลอใจบอกความจริงบางอย่างไป ไม่งั้นทิวอาจจะต้องเสียใจมากกว่านี้ก็เป็นได้

TBC
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 12 วันที่ 17.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 17-03-2012 09:48:55
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 12 วันที่ 17.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 17-03-2012 09:52:14
บูมดูเหมือนที่รักใครไม่เป็นเลยเนอะ

เรื่องง่ายๆ เเม้เลยก็ยังทำให้เำืพื่อนเสียใจ

ทำไมชะนีมาเกาะเเกะบ่อยจังเนี๊ยย

เเ้ล้วเรื่องอะไรนะที่จะทำให้บูมเสียใจมากๆๆๆๆๆ จิ๋วท้องหรอ <<<< เว่อร์เเระ
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 10-11 วันที่ 11.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 17-03-2012 12:39:47
บูมเริ่มจะรู้ใจตัวเองแล้วสินะ แต่การก้าวข้ามบางอย่างในใจตัวเองก็คงยากเช่นกัน
ทิวก็อย่าเพิ่งนอยด์ไปน๊าาา ใจเย็นๆ เรื่องแบบนี้คงต้องใช้เวลา อุปสรรคมีไว้ให้ข้ามผ่าน สู้ๆนะทิว (บูมด้วย)
ทิวบูม อยู่ม.6 แล้ว ได้กลิ่นไอมาม่านิดๆ ประมาณน้ำต้มเริ่มร้อนแต่ยังไม่เดือด รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
+เป็ดน้อย :ped149: ให้คุณ sarawatta ค่ะ ตอนแรกเห็นนึกว่าตาฝาด ดีใจมากๆที่ทิว~บูมมาแล้ว ขอบคุณค่ะ :pig4:






หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 12 วันที่ 17.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Ebsilon ที่ 17-03-2012 13:14:51
ผมชอบเรื่องนี้นะ หลายๆอย่างในเนื้อเรื่อง มันมีกลิ่นไอของของความสึกบางอย่างมาด้วย
ประมาณว่า อบอุ่น แนบแน่น แต่ไม่สมหวัง (ไม่รู้ว่าถูกหรือป่าว)

ถึงจะกลัวมาม่าแค่ไหน แต่ก็จะติดตามต่อไปครับ มาลงบ่อยๆ นะ
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 12 วันที่ 17.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 17-03-2012 15:51:55
                                                  แอบลุ้นให้รักกันแบบจริงๆจังๆ
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 12 วันที่ 17.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 18-03-2012 07:12:59
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 13 ✦ พรุ่งนี้ก็อาจสายไป

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


ในระหว่างนั่งแท็กซี่กลับบ้าน บูมก็ได้นึกแต่โมโหตัวเองอยู่ในใจว่าทำไมถึงไม่กล้าพูดความจริงออกไป ขอโทษนายจริงๆ นะทิว บางทีอะไรๆ มันก็ไม่ง่ายอย่างที่เราคิด มีหลายครั้งที่เราอยากจะพูด แต่เรากลับไม่เคยได้พูดมันออกไปเลย ความรัก...บางทีมันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะพูดกันได้ง่ายๆ ยิ่งเป็นความรักแบบนี้แล้ว บูมไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป ยิ่งถ้าพ่อกับแม่รู้เข้า มีหวังคงโดนย้ายโรงเรียนอีกหรืออาจจะที่ร้ายแรงกว่านั้น

แต่นี่มันก็เทอมสุดท้ายแล้วที่บุมกับทิวจะได้เจอกัน เขาไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเขากับทิวเป็นแบบนี้เลย มันคงเจ็บปวดมากที่ต้องจากกันไปทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจกันอยู่แบบนี้ คงต้องทำอะไรสักอย่างให้เร็วที่สุด

เสียงโทรศัพท์บูมดังขึ้น แจ้งเตือนว่ามีข้อความใหม่เข้ามา บูมเปิดอ่านข้อความก็พบว่ามันเป็นข้อความจากจิ๋วนั่นเอง

"หลับฝันดีนะบูม อย่าลืมฝันถึงจิ๋วด้วยนะ"

นี่คงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทิวเป็นแบบนี้ แต่บูมก็ไม่ได้คิดอะไรกับจิ๋วเลยจริงๆ เฮ้อ... แล้วทำไมอยู่ดีๆ จิ๋วก็เข้ามาในชีวิตของบูมตอนนี้ล่ะ เมื่อก่อนก็ไม่เห็นจะมีทีท่าสนใจกันเลยนี่นา บูมควรจะทำยังไงกับจิ๋วดีนะ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"เฮ้ยพวกมึง วันศุกร์หน้ากูจะจัดงานวันเกิดที่บ้าน เชิญพวกมึงด้วยนะเว้ย ทุกคนเลย"

บูมบอกเพื่อนๆ ในห้องในวันหนึ่งหลังเลิกเรียนในขณะที่เพื่อนๆ กำลังเก็บข้าวเก็บของจะกลับบ้าน เพื่อนๆ ในห้องส่งเสียงฮือฮากันใหญ่ ปกติบูมจัดวันเกิดเงียบๆ ในบ้าน ไม่เคยชวนคนนอกมาร่วมเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่บูมจะเชิญเพื่อนๆ มาร่วมงานวันเกิด แต่กว่าจะจัดได้ก็ต้องคุยกับพ่อและแม่อยู่หลายวัน

ตั้งแต่มาเรียนที่นี่ ชีวิตของบูมดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก มีเพื่อนที่สนิทที่พอคุยกันได้หลายคน เขาจึงอยากจะใช้งานวันเกิดครั้งนี้เป็นการเลี้ยงตอบแทนทุกคนที่ได้ต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นตลอด 3 ปีที่ผ่านมา คิดแล้วก็น่าใจหาย จบแล้วบูมก็คงต้องไปเรียนต่อที่เมืองนอกตามที่พ่อกับแม่ได้วางแผนและจัดการไว้หมดแล้ว เหลือแค่ให้เขาเรียนจบชั้น ม.6 แล้วก็เดินทางไปเท่านั้น

เพื่อนๆ ดูจะสนใจกันมากทีเดียวเพราะต่างก็วิ่งเข้ามาซักถามบูมกันใหญ่ว่าจะจัดงานแบบไหน ยังไง ใครมาบ้าง จะมีอะไรให้กิน ต้องแต่งตัวยังไงและอีกสารพัดคำถาม

มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ดูเหมือนไม่ได้สนใจเหมือนเพื่อนๆ คนอื่นๆ ทิวรีบปลีกตัวออกไปจากห้องเรียนด้วยท่าทางซึมๆ โดยมีสายตาของบูมที่มองตามด้วยความสงสัยและเป็นห่วง ตั้งแต่วันนั้น บูมก็ไม่ได้พูดคุยกับทิวอีกเลย ทั้งสองคนมึนตึงกันถึงขั้นที่ทิวขอย้ายที่นั่งในห้องเรียนเลยทีเดียว

ทิวก็ไม่ได้หายไปไหนหรอก เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ลงมาเตะฟุตบอลเพื่อคลายเครียด ช่วงนี้ทิวรู้สึกเครียดๆ มาหลายวันแล้ว บางทีหาอะไรสนุกๆ เล่นก็คงพอทำให้หายเครียดไปได้บ้าง พอเล่นจนเลิกจึงได้เห็นว่าบูมมานั่งรออยู่ข้างๆ สนามตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ทิวกำลังจะเดินหนีแต่บูมก็รีบวิ่งมาดักหน้าไว้เสียก่อน

"ทิว คุยกันก่อนได้ไหม" บูมทำสีหน้าอ้อนวอน

".........."

"ทิว...อีกไม่ถึงเดือนเราก็จะไปเรียนต่อที่อเมริกาแล้วนะ เราอย่าเป็นแบบนี้ได้ไหมทิว นายอย่าทำเฉยชากับเราอย่างนี้ได้ไหม"

สีหน้าของทิวดูเศร้ามากทีเดียว เศร้าเพราะเรื่องเมื่อวันนั้น เศร้าเพราะอีกไม่นานคนที่เขารักก็ต้องจากไป เศร้าที่เขากับบูมต้องมาบาดหมางใจกันในช่วงเวลาที่เหลืออยู่อีกเพียงไม่นาน

"ว่ามาเลย" ทิวพูดโดยไม่หันไปมองหน้า

"ไปคุยกันที่อื่นดีกว่า"

บูมเสนอแล้วก็คอยมองหาที่ที่น่าจะพอนั่งคุยกันได้ ตอนนี้คนก็เริ่มกลับกันเกือบหมดแล้วล่ะ เหลือแค่ครูและนักเรียนอีกไม่กี่คนเท่านั้น พอเห็นที่เหมาะแล้วบูมก็เดินนำทิวไป

เมื่อนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บูมก็เริ่มสนทนาต่อ

"ทิว...เราขอโทษนะ นายจะให้เราทำอะไรก็ได้ ขอให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม เรารู้สึกแย่มากเลยรู้ไหมที่เราต้องมาเป็นแบบนี้ ทั้งๆ ที่เราก็จะต้องจากกันอีกไม่นานนี้แล้ว" บูมหยุดมองดูเพื่อนที่เริ่มมีสีหน้าอ่อนลงแล้วก็พูดสืบไปว่า

"นายสำคัญกับเรามากนะทิว นายมีความหมายกับชีวิตของเรามาก ถ้าไม่มีนาย ชีวิตในโรงเรียนนี้ก็คงไม่มีอะไรต่างไปจากที่เราเคยเรียนที่อื่นๆ เราก็คงเหงา เครียด ไม่มีเพื่อน ไม่ได้ลองทำอะไรหลายๆ อย่างที่เราไม่เคยทำ ไม่ได้รู้จักมิตรภาพที่ดีๆ ไม่ได้เจออะไรหลายอย่างดีๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงสามปีที่ผ่านมา เพราะว่าเรามีนายนะทิว ชีวิตของเราถึงมีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้นมากมาย เราดีใจนะที่เราได้เจอกับนาย แล้วก็มีนายเป็นเพื่อน"

บูมพูดจบแล้วก็ดึงมือเพื่อนมาจับไว้ ทิวเหมือนจะขืนในตอนแรกๆ แต่สุดท้ายก็ยอมให้จับแต่โดยดี

"เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะทิว...นะ...ชีวิตนี้เราคงไม่มีความสุข เราคงรู้สึกผิดมากถ้าเราจะต้องจากกันไปแบบนี้ นะทิว กลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ"

ทิวมองหน้าเพื่อนอย่างเพ่งพิจารณา คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าคนนี้ก็คือผู้ชายที่เคยให้อ้อมกอดที่อบอุ่นแก่ทิว เคยเรียนด้วยกัน เคยร้องเพลงด้วยกัน เคยนอนคุยกัน เคยรดน้ำต้นไม้ด้วยกัน เคยติวหนังสือด้วยกัน และอีกหลายๆ ความทรงจำดีๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงสามปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะดูเหมือนไม่นานมาก แต่ด้วยความใกล้ชิดและสนิทสนมกันที่เกินธรรมดา เขากับบูมจึงกลายเป็นเพื่อนรักกันได้ไม่ยาก จนกระทั่งวันนี้ที่ความรักมันเลยเถิดมาไกลจนเกินจะห้ามใจได้

ใช่...ทิวเป็นอย่างนี้ของทิวไปเองนี่นา บูมไม่ได้ผิดอะไรเลย เขางี่เง่าไปเอง งอนไปเอง เรียกร้องเอาจากเพื่อนมากเกินไป บูมไม่เคยเปลี่ยนไปเลย บูมก็ยังเหมือนเดิม มีแต่ทิวนี่แหละที่บ้าไปเอง นี่เขากลายเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

ทิวคิดได้แล้วก็ค่อยๆ พยักหน้าตกลง

"เราก็ขอโทษนายด้วยนะบูมที่ทำให้นายรู้สึกไม่ดี"

สำหรับทิวแล้ว ในตอนนี้ ไม่ว่ามันจะทำใจยากสักแค่ไหน ไม่ว่าเขาจะยังมีความรู้สึกขัดเคืองใจอยู่มากแค่ไหน แต่คนที่อยู่ตรงหน้ากำลังจะจากไปอีกไม่นานนี้ ทิวไม่อยากให้บูมกับเขาต้องจากกันไปแบบนี้เลย เพราะฉะนั้น เวลาที่เหลืออยู่นั้นสำคัญมากที่จะทำให้การจากกันครั้งนี้เป็นสิ่งที่น่าประทับใจสำหรับทั้งสองคน นั่นก็เป็นเหตุผลเดียวที่ทิวต้องยอมและให้โอกาสให้เขากับบูมได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง

ทั้งสองหนุ่มลุกขึ้นแล้วก็โผเข้ากอดกัน เวลาที่เหลือจากนี้ไป เขาทั้งสองคนจะทำมันให้ดีที่สุด จะเป็นเพื่อนกันให้ดีที่สุด ไม่ใช่สิ บางทีมันอาจจะไปได้ไกลกว่านั้น

"นายอย่าลืมไปงานวันเกิดของเราให้ได้นะทิว เรามีเรื่องสำคัญมากๆ ที่จะบอกนาย มันสำคัญมาก นายต้องไปให้ได้ สัญญานะทิว ต้องไปให้ได้นะ"

บูมย้ำเสียหลายรอบ แน่ล่ะ บูมมีเรื่องสำคัญมากที่จะบอกทิว ถ้าพลาดคราวนี้แล้วก็อาจจะไม่มีโอกาสได้บอกอีกเลย

สองหนุ่มน้อยผละออกจากกันแล้วก็ยิ้มให้กัน

"เราไปอยู่แล้ว เราก็มีเรื่องสำคัญจะบอกนายเหมือนกันนะบูม"

บูมยิ้มดีใจ ภาวนาอยู่ในใจว่าขอให้เรื่องที่เขากับทิวจะบอกกันและกันนั้นเป็นเรื่องเดียวกัน มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เวลาสามปีที่ผ่านมาพอจะทำให้บูมเข้าใจแล้วล่ะว่าความสัมพันธ์ของทิวกับบูมวันนี้ไม่เหมือนเดิมเสียแล้ว ไม่ใช่แย่ลง แต่มีบางอย่างที่เพิ่มเข้ามาต่างหาก

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


แล้วงานวันเกิดของบูมก็มาถึง เพื่อนๆ แต่ละคนตื่นเต้นกันมากทีเดียว ทั้งตื่นเต้นที่จะได้มาเป่าเค้กวันเกิดและได้มากินของอร่อยๆ ยิ่งกว่านั้น เพื่อนๆ บางคนที่ได้มาเห็นบ้านของบูมต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าฐานะของคนจัดงานวันเกิดเป็นแบบไหน

บูมดูจะตื่นเต้นกับของขวัญวันเกิดกองพะเนินที่เขาได้มามากทีเดียว ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยได้ของขวัญวันเกิดมากมายขนาดนี้มาก่อน แต่ของขวัญของใครก็คงไม่น่าสนใจเท่ากับของขวัญของทิวหรอก ทิวให้อะไรเขามานะ ทำไมกล่องมันไม่ค่อยใหญ่ แถมยังดูเบาๆ เสียอีก

"มันคืออะไรทิว" บูมถามพลางเขย่ากล่องของขวัญที่เพื่อนเพิ่งเอามาให้

"ไม่บอก รับรองนายต้องเซอร์ไพรส์" ทิวบอกพลางยิ้มมีความสุข "Happy birthday นะบูม" ทิวไม่ลืมที่จะบอกสิ่งสำคัญสิ่งนี้

"ขอบใจมากทิว แค่เราได้รู้จักนายก็เป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดแล้วล่ะ"

บูมยิ้มมีความสุขเช่นกัน แต่พอคนอื่นๆ เริ่มทยอยเข้ามา สองหนุ่มก็ต้องยุติการสนทนาไว้ก่อน ทิวแยกตัวไปนั่งกับเพื่อนๆ ที่เริ่มทยอยมาถึง ส่วนบูมก็ยืนต้อนรับแขกกับพี่บีม คุณทิพย์นภาสาละวนกับเรื่องอาหารการกิน ส่วนคุณลิขิตก็คอยดูความเรียบร้อยทั่วๆ ไปในงาน นอกจากนี้ก็ยังมีญาติๆ ของบูมอีกหลายคนที่มาช่วยอำนวยความสะดวกในงานด้วย

พอเพื่อนๆ มากันครบหมดแล้ว พ่อกับแม่ของบูมก็ออกมาพูดต้อนรับและกล่าวอวยพรให้ลูกชายคนเล็กเนื่องในงานวันเกิด ปีนี้บูมอายุ 19 แล้ว จากนั้นทุกคนก็ช่วยกันร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้บูม จะว่าไปแล้ว บูมดูมีความสุขจริงๆ ที่ได้เป่าเค้กวันเกิดท่ามกลางเพื่อนๆ หลายสิบคน แทนที่จะเป่ากันแค่สามสี่คนเหมือนที่ผ่านมาที่ค่อนข้างกร่อยและน่าเบื่อ หลังจากนั้นบูมก็ตัดเค้กแบ่งเพื่อนๆ มีพี่ชายและญาติๆ รุ่นราวคราวเดียวกับเขามาช่วยยกไปเสิร์ฟให้คนที่ไม่สะดวกมารับเองด้วย

จากนั้นเด็กๆ จึงแยกกันเป็นกลุ่มๆ นั่งกินอาหารกันไป คุยกันไปอย่างสนุกสนาน อาหารที่จัดมาเลี้ยงเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ มีให้เลือกกินหลายอย่าง เพื่อนๆ ของบูมดูจะชอบกันมากทีเดียวเพราะอาหารหลายอย่างเป็นอาหารอย่างดีที่อาจจะหากินไม่ได้บ่อยๆ

"บูม" เสียงสาวน้อยคนหนึ่งเรียกดังขึ้นมา

"อ้าว จิ๋ว" บูมทักพลางยิ้มให้ จิ๋วรีบเดินเข้ามาหาแล้วก็ส่งของขวัญวันเกิดให้บูมที่กำลังนั่งกินขนมเค้กกับเพื่อนๆ อยู่

"โทษทีที่มาช้า พอดีรถเสีย Happy birthday นะ"

"ขอบคุณนะจิ๋ว" บูมรับของขวัญมาพลางยิ้มดีใจ

"จิ๋วจะกินอะไรเชิญตามสบายเลยนะ เต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจ" บูมบอกแล้วก็เดินเอากล่องของขวัญไปวางรวมไว้กับของขวัญอื่นๆ ที่เขาได้มาบนโต๊ะ

เนื่องจากโต๊ะที่บูมนั่งมีเก้าอี้ว่างหนึ่งตัว แถมจิ๋วยังไม่ค่อยสนิทกับคนอื่นๆ ในห้องของบูม เธอจึงเลือกที่จะมานั่งกินข้าวที่โต๊ะของบูมหลังจากเลือกของที่อยากกินมาแล้ว ด้วยความที่เป็นคนช่างพูด จิ๋วจึงชวนบูมคุยไม่หยุดโดยไม่ได้สังเกตดูเลยว่ามีใครมองด้วยความไม่พอใจหรือไม่

"อ้าวทิวจะไปไหน" บูมร้องทักเมื่อเห็นทิวลุกขึ้น

"เดี๋ยวเราไปหาเพื่อนๆ ตรงนั้นก่อน" ทิวบอกแล้วก็ลุกเดินออกไป ว่าจะไม่รู้สึกอะไรแล้วเชียว แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ

บูมมองตามเพื่อนที่เดินออกไปด้วยสายตาเป็นห่วง เริ่มรู้สึกกังวลเพราะกลัวทิวจะโกรธอีก แต่จิ๋วก็ชวนคุยไม่หยุดเลย ถ้าจะลุกหนีไปก็คงเสียมารยาทมากทีเดียว ก็เลยต้องทนฟังจิ๋วพล่ามสารพัดเรื่อง

นอกจากทิวแล้วก็ยังมีอีกโต๊ะหนึ่งที่ได้สังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ด้วยความไม่สบายใจด้วย ทิวกับบูมเพิ่งจะกลับมาพูดกันดีๆ เมื่อไม่กี่วันนี้เอง นี่จะต้องผิดใจกันอีกแล้วหรือเปล่า

"บูมมันไปชวนจิ๋วมาทำไมวะ รู้ก็รู้อยู่" ต้องบ่นกับอุ้ยและมัสมั่นอย่างไม่สบอารมณ์

"ให้มันได้อย่างนี้งี้สิ เดี๋ยวไอ้ทิวมันก็งอนเอาอีกหรอก ดูนั่นสิ มันเดินหนีไปแล้ว" มัสมั่นชี้ให้ดูทิวที่เดินไปนั่งคุยกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง

"แล้วไอ้บูมมันรู้ตัวบ้างไหมนั่น ยังมานั่งคุยกับจิ๋วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก ไม่ไหวเลย ทำไมไม่รีบทำอะไรสักอย่างวะ" ต้องบ่นพลางโคลงศีรษะอย่างระอาใจ

"มึงดูไอ้ทิวสิ คอยแอบมองไอ้บูมตลอดเลยว่ะ" มัสมั่นชี้ให้เพื่อนสังเกตเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก

"สงสารไอ้ทิวมันว่ะ มันคงรักไอ้บูมมาก ไอ้บูมนี่ก็ช่างไม่รู้อะไรเสียเลย เดี๋ยวก็ยุให้ไอ้ทิวมันจับปล้ำเสียนี่" อุ้ยพูดกะให้เพื่อนตลก แต่เขากลับจะโดนเพื่อนเขกหัวเป็นการตอบแทน

"ไอ้นี่มึง อย่าไปพูดให้ไอ้ทิวกับไอ้บูมมันได้ยินนะเว้ย"

ต้องว่าพลางทำท่าจะเขกหัวเพื่อนเข้าให้จริงๆ แต่แล้วก็ต้องหยุดคุยกันเมื่อใครบางคนเดินมาที่โต๊ะ แม่ของบูมนั่นเอง

"เป็นไงบ้างจ๊ะ ถ้าจะเอาอะไรเพิ่มอีกก็ตามสบายเลยนะ" คุณทิพย์นภายิ้มให้กับเด็กๆ ที่ต่างก็ยิ้มตอบให้เธออย่างเกรงอกเกรงใจด้วย

"ขอบคุณครับ" ต้องบอกแม่ของเพื่อนไป

แม่ของบูมไม่ได้พูดอะไรอีกหลังจากนัน สักพักเธอก็เดินออกไปอย่างเงียบๆ เพื่อไปพูดคุยและคอยดูแลเพื่อนๆ ของลูกชายคนเล็กที่โต๊ะอื่นๆ บ้าง

พอแม่ของบูมไปแล้ว ต้องก็เดินไปเรียกทิวมานั่งคุยด้วย จากนั้นมัสมั่นก็ไปตามบูมมาอีกคน เมื่อทิวกับบูมนั่งอยู่พร้อมหน้าอย่างนี้แล้ว ต้องกับเพื่อนๆ ก็ปล่อยให้ทิวกับบูมนั่งคุยกันตามลำพังเพียงสองคน แม้ว่าสองหนุ่มน้อยจะดูงงๆ ไปบ้างแต่ก็รู้สึกดีมากทีเดียวที่ได้มานั่งด้วยกันตามลำพังเสียที

พอเพื่อนไปแล้ว บูมก็ลุกมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ ทิว พยายามสังเกตดูสีหน้าของทิวว่ากำลังรู้สึกหรือคิดอะไรอยู่ ทิวดูเศร้าไปเล็กน้อย บูมจึงเอามือโอบคอเพื่อนไว้เบาๆ เผื่อว่าจะทำให้ทิวรู้สึกอบอุ่นใจและรู้สึกดีขึ้น

"ทิว นายไม่เป็นไรใช่ไหม อย่าคิดมากนะ เรากับจิ๋ว...เป็นแค่เพื่อนกัน ไม่มีอะไรหรอก"

บูมพูดแบบนี้อีกแล้ว เหมือนกับจะรู้ว่าทิวกำลังรู้สึกอะไรในใจ เหมือนกับจะรู้ว่าทิวไม่ได้คิดกับบูมแค่เพื่อนเท่านั้น ทิวยิ้มนิดๆ แล้วส่ายหน้า

"เราไม่เป็นไรแล้วล่ะ"

บูมยิ้มให้เพื่อนด้วยความดีใจและมีความสุข ทิวคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับบูมในเวลานี้ เขาจะทำทุกวิถีทางที่จะรักษาความรู้สึกของทิวไว้ จนกว่าจะถึงวันที่เขาต้องจากไป

"นายรู้ไหมทิว วันนี้เรามีความสุขมากเลย เราไม่เคยจัดงานวันเกิดที่มีเพื่อนๆ มากันเยอะขนาดนี้เลย"

"เหรอ...ก็ดีกว่างานวันเกิดของเราแหละ จัดกับแม่แค่สองคนเอง แต่ก็ดีหน่อยที่ตอนหลังๆ มีนายเพิ่มมาอีกคน"

ทิวพูดพลางหัวเราะเบาๆ รู้สึกเป็นสุขใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้อยู่ใกล้ๆ กับคนที่รักในเวลานี้ เสียงเพื่อนๆ พูดคุยหัวเราะอยู่ตามมุมต่างๆ ดังมาให้ได้ยินตลอดเวลา แต่ดูเหมือนว่าเสียงในหัวใจจะดังเสียยิ่งกว่า ยิ่งเห็นแววตาของบูมที่มองมาอย่างมีความหมาย หัวใจของทิวก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นและแรงขึ้นจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงใดๆ อีกแล้ว

"นายจะกินอะไรอีกไหม เดี๋ยวเราไปเอามาให้"

"แล้วแต่นายละกัน" ทิวบอกเขินๆ

"เดี๋ยวมานะ"

ว่าแล้วบูมก็ลุกเดินออกไปเลือกอาหารที่จะเอามานั่งกินด้วยกันกับทิวสองคน ทิวมองตามเพื่อนไปแล้วก็หันกลับมาแอบยิ้มกับตัวเอง ไม่นานนักบูมก็กลับมาพร้อมกับอาหารสองจานสำหรับบูมและทิว

"ขอบคุณนะ"

"ไม่เป็นไร เราอยากทำอะไรดีๆ ให้ทิวเป็นการตอบแทนบ้าง ทิวดีกับเรามาเยอะแล้ว" บูมบอกพลางยิ้ม

ทิวไม่พูดอะไร ก้มหน้าก้มตากินอาหารในจานเพื่อแก้เขิน เห็นบูมยิ้มแบบนี้แล้วทิวก็อดคิดไปต่างๆ นาๆ ไม่ได้

"อร่อยไหม" บูมถามพลางขำเบาๆ เห็นอีกคนเขินแล้วก็อดที่จะเอ็นดูไม่ได้

"อร่อยดี"

ทิวบอกแล้วก็หันกลับมากินอาหารต่อ บูมก็กินของตัวเองบ้างพร้อมกับคุยกับทิวไปเรื่อยๆ อย่างมีความสุข ไม่รู้เลยว่ามีสายตาของใครคนหนึ่งคอยจ้องมองอย่างไม่สบอารมณ์อยู่

หลังจากที่กินจนอิ่มแล้ว บูมกับทิวก็นั่งคุยกันอย่างสบายอารมณ์ บางทีบูมก็เดินไปคุยกับเพื่อนๆ ที่โต๊ะอื่นบ้าง แต่ไม่นานก็จะกลับมานั่งคุยกับทิวเหมือนเดิม จนช่วงใกล้ๆ เลิกงาน บูมก็เอ่ยขึ้นมาว่า

"ทิว...เรามีอะไรบางอย่างที่สำคัญที่เราอยากจะบอกนายแน่ะ"

สายตาที่ดูมีความหมายบางอย่างของบูมทำให้ทิวเกิดอาการมใจสั่นและตื่นเต้นไม่น้อย

"อะไรเหรอ" ทิวถามพลางหลบตาแก้เขิน

"คือว่า" ไปๆ มาๆ พอจะต้องพูดออกมาจริงๆ บูมก็เขินไม่น้อยเหมือนกัน ก็เลยกลายเป็นว่าต่างคนต่างเขินกันเอง

"เรา...รู้สึกดีๆ อะไรบางอย่างน่ะทิว" พูดไปแล้วบูมก็อดจะขำตัวเองไม่ได้ที่ไม่รู้จะเริ่มต้นบอกเรื่องนี้ยังไง

"เหรอ...เราก็...รู้สึกดีๆ เหมือนกัน ว่าแต่นาย...รู้สึกดีเกี่ยวกับเรื่องอะไรเหรอ" ทิวหันหน้าไปทางอื่นเพราะกลัวว่ายิ่งมองบูมก็จะยิ่งเขินมากขึ้น

"เรา...คิดว่าเรา...เอ่อ...เราคิดว่าเราระ..."

"บูม"

ยังไม่ทันที่จะได้พูดสิ่งสำคัญเลย เสียงใครบางคนก็เรียกมาจากข้างหลัง บูมกับทิวหันไปมองพร้อมกันก็เห็นว่าเป็นแม่ของบูมนั่นเอง

"เพื่อนๆ เริ่มกลับกันแล้ว ทำไมไม่ไปส่งเพื่อนล่ะ เรานี่ก็แปลกคน"

น้ำเสียงคุณทิพย์นภาดูไม่พอใจนิดๆ สายตาที่เธอมองดูทิวนั้นทำให้ทิวถึงกับร้อนๆ หนาวๆ คุณทิพย์นภาเคยเจอทิวอยู่บ้างเพราะบูมเคยพามาติวหนังสือด้วยกันที่บ้านสองสามครั้ง แม้ไม่ถึงกับสนิทแต่ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่พอเห็นสายตาของแม่ของบูมคราวนี้แล้วทิวก็ชักหวาดหวั่นใจ สายตาดุนั้นดูน่ากลัวเสียจนทิวต้องหลบา

"ไปช่วยพี่บีมส่งเพื่อนๆ สิ" แม่ดุเสียงเขียว

น้ำเสียงที่คล้ายกับออกคำสั่งนั้นทำให้บูมต้องรีบลุกขึ้นทันทีด้วยความเสียดาย

"เดี๋ยวค่อยคุยกันนะทิว" บูมบอกแล้วก็ค่อยๆ ลุกขึ้น

"เดี๋ยวเรากลับเลยละกันนะบูม" ทิวรีบบอก เห็นสายตาของคุณทิพย์นภาแล้วก็รู้สึกเกรงใจ ไม่อยากอยู่ให้เจ้าของบ้านต้องลำบากนานเกินไป

"เอาอย่างงั้นเหรอทิว" บูมถามอย่างเสียดาย เขาอยากบอกทิวคืนนี้เลย บูมรู้สึกสังหรณ์ใจว่าถ้าไม่ได้บอกคืนนี้แล้วก็อาจจะไม่ได้บอกอีกเลย

ทิวพยักหน้ายืนยันว่าเขาจะกลับพร้อมกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ที่กำลังทยอยกลับบ้าน บูมถอนหายใจแล้วก็พยายามยิ้ม รู้สึกเสียดายโอกาสไม่น้อย กำลังจะพูดอยู่แล้วเชียว แม่ไม่น่ามาขัดจังหวะตอนนี้เลย

"เดี๋ยวค่อยคุยต่อพรุ่งนี้นะ"

ไม่เป็นไรหรอก บอกพรุ่งนี้ก็ได้ ยังไงๆ ก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว ช้าไปอีกแค่วันเดียวก็คงไม่ถึงกับเสียหาย คงไม่สายเกินไปหรอก รออีกนิดเดียวนะทิว เรากับนายก็จะได้บอกความในใจกันแล้ว

TBC
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 13 วันที่ 18.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 18-03-2012 07:31:04
                            อย่าบอกนาว่าคุณแม่จะมาเป็นก้างชิ้นโต
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 13 วันที่ 18.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 18-03-2012 09:14:03
จิ๋ว  ออกกป๊ายยยยยยยยยยยยย :angry2: :angry2: :angry2:

ฮึ่ยย ควันออกหู

กลัวพ่อเเม่รู้จัง ยิ่งฉลาดๆกันอยู่ด้วย
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 12 วันที่ 17.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 18-03-2012 11:40:48
 :z3: :z3: แม่บูมเข้ามาทันตอนที่ต้องคุยกับเพื่อนเรื่องทิวกับบูมแน่ๆเลย
แค่ระหว่างทิวบูมเอง ก็อึนซึนกันจะแย่แล้วว... คุณแม่ขา... อย่าใจร้ายไปกว่านี้เลยนะคะ
*วิ่งไปเตรียมกล่องทิชชู่*

จะติดตามติดหนึบ ไม่พลาดตอนต่อไปแน่นอนค่ะ
พาทิวบูมมาส่งแต่เช้าเลย ขอบคุณนะคะ คุณ sarawatta
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 13 วันที่ 18.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 18-03-2012 19:29:28
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 14 ✦ รถคันนั้นที่จากไป

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


พอเพื่อนๆ กลับไปหมดแล้ว แทนที่บูมจะได้พักผ่อนก็ถูกพ่อกับแม่เรียกขึ้นไปหา พี่บีมก็มาร่วมด้วย เห็นสายตาของพ่อกับแม่แล้วบูมก็พอเดาได้ว่าคงต้องโดนตำหนิด้วยเรื่องอะไรบางอย่างเป็นแน่

"นั่งลง"

คุณทิพย์นภาออกคำสั่ง บูมกับบีมนั่งลงพลางหันมามองหน้ากันเลิ่กลั่กเพราะไม่รู้ว่าจะถูกตำหนิเรื่องอะไรอีก งานวันนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ไม่เห็นมีอะไรที่น่าจะทำให้พ่อกับแม่ไม่ชอบใจจนถึงกับต้องเรียกมาคุยอย่างนี้เลย

"ทิวนี่เขาสนิทกับบูมมากแค่ไหน"

คุณทิพย์นภาถาม ส่วนคุณลิขิตไม่ได้พูดอะไร เขาได้คุยกับภรรยาบ้างแล้วแต่งานนี้คงให้ภรรยาจัดการเป็นหลัก

"ทิวก็...เป็นเพื่อนสนิทกับผมครับแม่" บูมตอบเหมือนไม่แน่ใจว่าคำตอบนี้จะถูกใจแม่หรือเปล่า

"แม่ถามว่าสนิทแค่ไหน"

น้ำเสียงที่ดูเกรี้ยวกราดเพิ่มขึ้นของแม่ทำให้บูมยิ่งใจคอไม่ดี "ก็...สนิทมากครับ"

"เพื่อนคนนี้ใช่ไหมที่บูมชอบไปค้างที่บ้านเขาบ่อยๆ"

"ครับ" นี่แม่กำลังสงสัยอะไรกันแน่

"จริงเหรอ" คุณทิพย์นภาขึ้นเสียงสูง

"แล้วเพื่อนคนนั้นมันทำอะไรบูมหรือเปล่า"

บูมทำสีหน้าแสดงความไม่เข้าใจ หันไปมองหน้าพี่ชายก็เห็นพี่บีมทำหน้างงๆ เช่นกัน "แม่กำลังพูดอะไรอยู่ครับ ผมไม่เข้าใจ"

"ไม่เข้าใจได้ยังไง คบกันมาตั้งนาน ไม่รู้เหรอว่าเพื่อนคนนั้นของบูมเขาเป็นเกย์"

บูมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นี่แม่เขาไปรู้เรื่องนี้มาจากไหนกัน ตอนที่พาทิวมาที่บ้านก็ไม่เคยทำอะไรเกินเลย แม้กระทั่งเมื่อสักครู่นี้ก็ไม่น่ามีอะไรทำให้แม่รู้ได้เลยว่าทิวเป็นเกย์

"อะไรนะครับแม่" เสียงบูมสั่นพร่าและเบาหวิว

"แม่ขอสั่งห้ามนะบูม เลิกคบกับเพื่อนคนนั้นอย่างเด็ดขาด แม่รับไม่ได้ พ่อเขาก็รับไม่ได้ พ่อกับแม่ไม่อยากมีลูกสะใภ้เป็นผู้ชายนะบูม เข้าใจไหม บูมเป็นผู้ชาย แม่รับไม่ได้ที่จะมีลูกเป็นตุ๊ดเป็นกะเทย"

บูมทะลึ่งตัวลุกขึ้นยืนทันที เขาไม่มีวันยอมที่จะทำตามคำสั่งนี้อย่างเด็ดขาด

"ไม่ครับแม่ ทิวเป็นเพื่อนของบูมนะครับ เราไม่เคยทำอะไรเสียหาย ถึงทิวเขาจะเป็น....เป็นเกย์ แต่ทิวเขาก็เป็นคนดีนะครับแม่ ผมทำตามที่แม่บอกไม่ได้หรอกครับ"

"นี่เถียงแม่เหรอบูม" คุณทิพย์นภาเสียงแหว

"แม่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นว่าเพื่อนลูกคนนี้เขาจะเป็นคนดีแค่ไหน แต่เขาเป็นเกย์ เป็นพวกวิปริตผิดเพศ วันนี้เขาไม่ทำอะไรลูก แต่ถ้าเกิดวันหน้าเขาทำขึ้นมาล่ะ คนพวกนี้มันบ้ากามมั่วเพศจะตายก็รู้ๆ กันอยู่ จะให้พ่อกับแม่ไว้ใจได้ยังไง"

"แม่"

บูมร้องครางราวกับไม่เชื่อว่าแม่จะพูดเช่นนั้นได้ เขาเริ่มร้องให้ บีมรีบลุกขึ้นมายืนข้างน้องชายเมื่อเห็นว่าเรื่องชักจะไปกันใหญ่ เขาเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกันที่พ่อกับแม่ยังมีความคิดแบบนี้อยู่

"ผมทำตามที่แม่บอกไม่ได้ครับ" บูมยืนยันเสียงดังหนักแน่น

"บูม ทำไมเสียงดังกับแม่แบบนั้น" คุณลิขิตลุกขึ้นมาตำหนิลูกชายคนเล็กอีกคน

"ขอโทษแม่เขาเดี๋ยวนี้" พ่อออกคำสั่ง

บูมมองหน้าพ่อที่ดูไม่พอใจอย่างมากด้วยความลำบากใจ แต่บูมรู้ดีว่าถ้าเขาไม่ทำตามที่พ่อบอกคงกลายเป็นเรื่องใหญ่โตมากกว่านี้เป็นแน่

"ผมขอโทษครับแม่ แต่ผมทำตามที่แม่บอกไม่ได้ ยังไงผมก็ทำไม่ได้" บูมบอกพลางสะอื้น

"ทำไมทำไม่ได้ อย่าบอกนะว่าบูมก็..." คุณทิพย์นภาถึงกับมือไม้สั่น

"บูม...บูมไม่ได้เป็นแบบนั้นใช่ไหม ไม่ใช่ใช่ไหมบูม"

บีมเริ่มเห็นว่าบูมคงสู้ไม่ไหวจึงต้องเข้ามาช่วยเถียงอีกแรง "แม่... ทิวกับบูมเขาเป็นเพื่อนกันนะครับ เขาไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ทำไมแม่จะต้อง..."

"แกเงียบไปเลยนะบีม เรื่องอื่นแม่ยังพอยอมได้บ้าง แต่เรื่องนี้ยังไงแม่ก็ไม่ยอม หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอม" คุณทิพย์นภาตวาดลูกชายคนโต

"ว่าไงบูม ตอบแม่มาซิ บูมไม่ได้เป็นอย่างเพื่อนคนนั้นใช่ไหม"

"ผมไม่ทราบครับแม่" บูมตอบออกมาในที่สุด

"แต่ไม่ว่าจะยังไง ผมก็จะไม่ยอมเลิกคบกับทิว ทิวเป็นเพื่อนผมนะครับแม่ ทิวเป็นคนดี ทิวเขาไม่ได้ผิดอะไร"

ยิ่งเห็นลูกชายยืนกรานอย่างนั้นคุณทิพย์นภาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น

"ก็เอาสิ ถ้าบูมไม่เชื่อแม่ ไม่ทำตามที่แม่สั่ง ก็อย่ามาเรียกแม่ว่าแม่ละกัน"

น้ำเสียงและท่าทางที่เด็ดขาดจริงจังของแม่นั้นทำให้ทั้งบูมและพี่ชายต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน

"แม่"

บูมเสียงแหบพร่า เขาไม่คิดเลยว่าแม่จะรังเกียจทิวถึงขนาดนี้ ลองแม่ได้ยื่นคำขาดขนาดนี้แล้วก็คงแปลว่าแม่จะไม่ยอมให้บูมติดต่อกับทิวอย่างเด็ดขาด บูมจะกล้าตัดขาดจากพ่อจากแม่เพราะเรื่องนี้หรือเปล่า ถึงไม่ขอให้บูมตอบก็คงจะรู้คำตอบนี้ได้ไม่ยากนัก

"เราขอโทษนายนะทิว เราขอโทษจริงๆ"

บูมได้แต่ร้องขอโทษเพื่อนในใจ เขาไม่ได้มีอำนาจในบ้านหลังนี้เลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งอำนาจในการกำหนดชีวิตของตัวเองก็แทบจะไม่มี คนที่เคยถูกควบคุมมาเกือบตลอดชีวิตอย่างบูมจะสู้อำนาจและ "ความรัก" ของพ่อกับแม่ได้หรือ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

เช้าวันรุ่งขึ้น อากาศสดใสทีเดียว แต่อาจจะร้อนไปหน่อยเพราะเป็นช่วงหน้าร้อน ช่วงนี้เป็นช่วงใกล้ปิดเทอมใหญ่แล้วและเป็นช่วงที่มีการสอบปลายภาค นักเรียนที่มาถึงโรงเรียนส่วนมากจึงนั่งอ่านหนังสือทบทวนการเรียนเพื่อเตรียมตัวสอบ

สิ่งที่แปลกไปในวันนี้ก็คือ ทำไมอยู่ดีๆ บูมก็ย้ายที่นั่งไปอยู่ข้างหลังห้อง แถมมีสีหน้าท่าทางที่ไม่มีความสุขเอาเสียเลยทั้งๆ ที่เพิ่งผ่านพ้นวันเกิดมาเมื่อคืนนี้เอง ทิวเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ได้แต่หวาดหวั่นในใจ ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากที่ทิวกับเพื่อนๆ กลับบ้านมาแล้ว นึกถึงสายตาดุๆ ของคุณทิพย์นภาแล้วทิวก็ยิ่งกลัวจะมีเรื่องไม่ดี

"บูม...ทำไมนาย...ย้ายมานั่งตรงนี้ล่ะ"

ทิวถามคนที่กำลังนั่งเหม่อลอยมองออกไปที่หน้าต่าง บูมหันมามองเจ้าของเสียงแล้วก็ยิ้มเศร้าๆ สายตาของบูมมีร่องรอยของความเจ็บปวดบางอย่างที่ทิวเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น

"ไม่มีอะไรหรอก เราแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศเฉยๆ เผื่อจะทำให้มีสมาธิมากขึ้น" บูมตอบแล้วก็หลบหน้าไป

มีสมาธิมากขึ้นงั้นเหรอ แล้วทำไมบูมถึงเอาแต่เหม่อลอยไม่ยอมอ่านหนังสือเลย

"มีอะไรหรือเปล่าบูม เราว่ามันแปลกๆ นะที่อยู่ดีๆ นายก็มาย้ายมานั่งตรงนี้ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า เราเป็นห่วงนายนะ"

ทิวถามด้วยน้ำเสียงและท่าทางเป็นห่วง คนที่เพิ่งจัดงานวันเกิดใหญ่โตอย่างนี้แถมมีเพื่อนๆ หลายคนไปร่วมงานควรจะมีความสุขสิ เพื่อนๆ คนอื่นๆ เริ่มทยอยออกจากห้องไปบ้างแล้วเพราะใกล้เวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ

"ทิว..." บูมเรียกชื่อเพื่อนโดยไม่หันมามองหน้า

"เรา...ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องดีๆ ที่นายทำให้เรา ขอบคุณ...ที่นายไม่เคยทิ้งคนเจ้าปัญหาอย่างเรา ขอบคุณ...ที่เราเคยได้ใช้เวลาดีๆ ด้วยกัน เราจะไม่ลืมนายเลยนะทิว"

บูมพูดไปร้องไห้ไป ดีทีว่าเพื่อนๆ ออกไปจากห้องหมดแล้วเลยไม่มีใครเข้ามาวุ่นวาย

"บูม...นายเป็นอะไรน่ะบูม บอกเราได้หรือเปล่า" ทิวยิ่งเป็นห่วงมากขึ้นเมื่อเห็นบูมร้องไห้ ไม่ใช่แค่ลางสังหรณ์เท่านั้น แต่มันคงต้องมีเรื่องไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้นแน่แล้ว

บูมมองหน้าทิวนิ่ง สักพักก็เบือนหน้าหนีไปพร้อมกับคำพูดประโยคนี้ที่แสนโหดร้ายที่บูมไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าพูดออกไปได้

"เรา...เลิกคบกันเถอะนะทิว"

บูมกัดฟันพูดออกไปอย่างเจ็บปวด เขาไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดใจขนาดนี้มาก่อนเลยแต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด เขาเคยชินกับการถูกบังคับให้คิดและทำตาม บางครั้งมันก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะขัดขืน โดยเฉพาะเมื่อแม่ได้ยื่นคำขาดถึงขนาดนั้น มันเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากเหลือเกินที่จะไม่สามารถเรียกแม่ของตัวเองว่าแม่ได้อีก ยังไงแม่ก็คือคนที่มีบุญคุณกับเขามากที่สุด เป็นผู้ให้กำเนิด เป็นคนที่เลี้ยงดูเขามาจนเติบใหญ่ แม้ว่าสิ่งที่แม่ทำครั้งนี้จะเป็นการบีบบังคับที่ทารุณโดยที่ลูกคนหนึ่งก็ไม่มีทางสู้ได้เลย

ทิวคงจะโดนฟ้าผ่าในหน้าร้อนที่ไม่มีแม้แต่ฝนสักเม็ดเสียแล้ว เขาฟังผิดไปหรือเปล่า ให้ทิวนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่ามีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้บูมถึงกับต้องตัดขาดเยื่อใยกันถึงขนาดนี้

"อะไรนะบูม นายพูดว่าอะไรนะเมื่อกี้" ทิวถามน้ำเสียงสั่นเครือ รู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองกำลังค่อยๆ สลายหายไป

บูมนั่งเงียบ ไม่มีเสียงตอบใดๆ เขาไม่สามารถที่จะพูดซ้ำประโยคเดิมที่ทำให้ทั้งคนพูดและคนฟังเจ็บแทบขาดใจได้อีก แต่ทิวก็คงได้ยินชัดเจนไปแล้วล่ะว่าบูมพูดอะไรและหมายความว่าอย่างไร

นี่หรือเปล่าคือสิ่งที่นายอยากบอกเราเมื่อคืนนี้ ทิวอุตส่าห์จินตนาการถึงเรื่องดีๆ คิดไปไกลและมีความหวังว่าบูมก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน แต่มันกลับไม่ใช่อย่างที่ทิวคิดเลย

ทิววิ่งออกไปจากห้องทันที เขาวิ่งเข้าไปในห้องน้ำในตัวอาคารเรียนแล้วก็ปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น ส่วนบูม พอเพื่อนวิ่งออกไปแล้วเขาก็ซบหน้าลงบนโต๊ะเรียนและร้องให้เช่นกัน สิ่งที่เขาวาดหวังไว้ทั้งหมด ไม่มีอะไรเหลือเลย ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ

"ขอโทษนะทิว เราขอโทษ"

บูมเอ่ยประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ แต่จะมีประโยชน์อะไรเพราะทิวไม่ได้ยิน บูมได้ทำร้ายหัวใจของตัวเองและคนที่บูมรักไปเสียสิ้นแล้ว บูมกำลังจะไปเรียนต่อเมืองนอกแล้ว ไม่เคยคิดเลยว่าเขากับทิวจะต้องจากกันไปด้วยความหมางเมินที่แสนทารุณหัวใจ

มันอาจจะเป็นความรัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต

มันอาจจะเป็นความรัก...ที่จะถูกเก็บไว้ในใจตลอดชีวิต

มันอาจจะเป็นความรัก...ที่เกิดขึ้นมาแล้วก็จะตายจากหัวใจไปในอีกไม่ช้า

บูมก็ได้แต่หวังว่าทิวจะให้อภัยเมื่อเวลาผ่านพ้นไป ต่อให้ทิวไม่ให้อภัย บูมก็คงไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าน้อมรับสิ่งนั้นแต่โดยดี คนขี้ขลาดอย่างบูมคงไม่เหมาะสมที่จะรักคนอย่างทิว ในเมื่อบูมไม่เข้มแข็งพอแล้วจะไปรักใครได้ล่ะ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

ตอนเที่ยง บูมแยกไปกินข้าวโดยลำพัง แต่ก็มีจิ๋วตามมาคุยด้วยอีกตามเคย แน่นอน นั่นย่อมต้องทำให้ทิวเข้าใจว่าบูมคงไม่ได้คิดกับจิ๋วแค่เพื่อนแล้วล่ะ และยิ่งทำให้ทิวเข้าใจไปในทางนั้นมากขึ้นเมื่อจิ๋วกับบูมเดินออกไปด้วยกันหลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้ว เพราะนายรักจิ๋วหรอกหรือถึงต้องบอกเลิกคบกันกับเรา ยิ่งคิดทิวก็ยิ่งเจ็บปวด

จิ๋วพาบูมออกมายังที่ที่ไม่มีคนพลุกพล่าน แล้วเธอก็ตัดสินใจสารภาพบางสิ่งบางอย่างให้บูมรู้ เธอเองก็ทนเก็บมันไว้ไม่ไหวเช่นกัน ยิ่งรู้ว่าบูมกำลังจะจากไปเธอยิ่งอยากบอกให้บูมรู้ก่อนที่มันจะสายเกินไป

"บูมจะว่าอะไรไหม ถ้าเราจะบอกว่าเรา...ชอบบูม" จิ๋วบอกด้วยท่าทางประหม่าปนเขินอาย

อาจไม่ใช่สิ่งที่ต่างไปจากที่บูมคิดมากนักก็เลยไม่ตกใจมาก แต่ตอนนี้บูมไม่มีกะจิตกะใจที่จะรักหรือไม่รักใครทั้งนั้น

"เราเป็นเพื่อนกันดีกว่านะจิ๋ว" บูมตัดสินใจบอกไป เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับใครอีกแล้วในตอนนี้

"ทำไมล่ะบูม" จิ๋วหน้าเสีย

"หรอว่า...บูมคงมีใครอยู่แล้วสินะ แต่ไม่เป็นไรหรอก จิ๋วก็แค่อยากบอกบูมเท่านั้นเองว่าจิ๋วคิดยังไง ก่อนที่จิ๋วจะไม่มีโอกาสได้บอกบูมอีกเลย"

จิ๋วบอกพลางยิ้ม แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่ดูเศร้าๆ จนบูมรู้สึกสงสาร บูมได้ฟังแล้วก็สะท้อนใจ อย่างน้อย จิ๋วก็ยังมีโอกาสได้บอกความรู้สึกของตัวเองกับคนที่เธอรัก แต่เขากลับไม่มีโอกาสนั้นเลย แถมยังต้องมาบาดหมางใจกันอีก

"ขอบใจนะจิ๋ว จิ๋วก็เป็นเพื่อนที่ดีอีกคนของบูมนะ"

บูมพยายามยิ้มทั้งๆ ที่ในใจกำลังร้องไห้อย่างหนัก จิ๋วพยักหน้า กะพริบตาถี่ๆ แล้วก็รีบเดินจากไป ถึงเธอจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่เธอก็อดเสียใจไม่ได้หรอกที่ถูกปฏิเสธความรัก

ก่อนที่บูมจะได้ไปไหน ต้องก็ตามมาเจอพอดี ไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลงใดๆ ทั้งสิ้น ต้องรีบปรี่เข้าไปต่อว่าบูมทันที

"บูม มึงเป็นบ้าอะไรของมึง ทำไมมึงทำแบบนี้วะ มึงรู้ไหมว่าทิวมันเสียใจแค่ไหน"

บูมหันมามองต้องแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร

"มึงเป็นอะไรล่ะบูม ทำไมทำแบบนี้ มึงไม่สงสารไอ้ทิวมันบ้างหรือไงวะ จะจากกันไปอยู่แล้ว มีปัญหาอะไรก็พูดคุยกันดีๆ สิวะไอ้บูม" ต้องพยายามคาดคั้น

"กูขอโทษ แต่มึงไม่ใช่กู มึงไม่รู้หรอกว่าทำไม ปล่อยกูไปเถอะ ปล่อยให้ทิวได้เจอคนที่ดีกว่ากูดีกว่า คนขี้ขลาดอย่างกูไม่เหมาะกับคนดีๆ อย่างทิวหรอกไอ้ต้อง" บูมพูดพร้อมกับน้ำตาที่รินไหลออกมาอย่างสุดกลั้น

ต้องเห็นแล้วก็ตกใจ ถึงจะไม่เข้าใจสิ่งที่เพื่อนพูดนักแต่เมื่อเห็นน้ำตาของบูมไหลลงมาอย่างนั้นก็ไม่กล้าที่จะคาดคั้นเพื่อนไปมากกว่านี้

"แล้วมึงอย่ามาเสียใจทีหลังนะไอ้บูม"

ต้องว่าแล้วก็รีบเดินจากไป

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

แล้ว็มาถึงวันสุดท้ายที่นักเรียนชั้น ม.6 ทั้งหมดรุ่นนี้จะได้อยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ โรงเรียนที่เต็มไปด้วยความทรงจำและมิตรภาพที่สวยงามของคนรุ่นแล้วรุ่นเล่า ในวันนี้ นักเรียนชั้น ม.6 ทุกคนจึงทำตามธรรมเนียมปฏิบัติ นั่นก็คือการเขียนเฟรนด์ชิพให้เพื่อนๆ โดยการใช้ปากกาเคมีเขียนข้อความลงบนเสื้อนักเรียน นอกจากเพื่อนในห้องแล้วก็อาจจะให้เพื่อนในห้องอื่นๆ เขียนให้ด้วย หรือรุ่นน้องบางคนก็มาเขียนให้เพื่อนรุ่นพี่ที่เขาประทับใจด้วยเช่นกัน

ทิวก็เหมือนกับนักเรียนคนอื่นๆ ที่จะจบแล้ว เขาเดินไปทั่วโรงเรียนเพื่อที่จะเขียนเฟรนด์ชิพให้เพื่อนหรือไม่ก็ให้เพื่อนๆ เขียนให้ แต่ไม่ว่าจะไปตรงไหนทิวก็ไม่เจอบูมเลย ใจคอบูมจะไม่เขียนอะไรให้ทิวบ้างหรือ ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจ ที่ผ่านมาสามปี ที่เคยดีต่อกัน ที่เคยเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาคงไม่มีความหมายใดๆ กับบูม

ทิวไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะเป็นไปได้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบูมจะไม่เหลือแม้เยื่อใยให้ รู้สึกถึงความหวิวโหวงในใจและใจหายเหลือเกิน ถ้าเขาเพียงแต่เจอบูมอตรงไหนสักแห่งในตอนนี้ ทิวจะยอมทิ้งความเจ็บปวดขุ่นเคืองทุกอย่างที่มี ขอแค่ให้เขาได้กอดเพื่อน ได้ร้องให้ ได้ร่ำลาและได้บอกความในใจสักครั้ง

อีกมุมหนึ่งของโรงเรียน หลังจากที่บูมคอยหลบหน้าทิวมาสักพักเจ้าตัวก็เริ่มฝืนหัวใจตัวเองไม่ไหวเสียแล้ว แม้ว่าคนขี้ขลาดอย่างบูมไม่เหมาะที่จะรักทิวแต่บูมก็ไม่อยากเก็บความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ทิวไว้กับตัวเองเพียงคนเดียว ถึงมันจะไม่คู่ควรทิวก็ควรจะได้รู้ว่าบูมรักทิวมากแค่ไหน

อีกแค่ชั่วโมงเดียวแม่ก็จะมารับบูมแล้ว หลังจากนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมงบูมก็จะบินไปอเมริกาในคืนนี้เลย บูมจะต้องคุยกับทิวให้ได้ ไม่งั้นก็จะไม่มีโอกาสอีกเลย คิดได้แล้วบูมก็ออกวิ่งตามหาทิวไปทั่วโรงเรียน

"เห็นทิวไหม มีใครเห็นทิวไหม ทิวอยู่ไหน..."

บูมเดินถามไปทั่ว เด็กนักเรียนรุ่นพี่รุ่นน้องเดินกันว่อนทั่วโรงเรียนไปหมด แต่ก็ไม่มีใครเห็นทิวเลย เวลายิ่งเหลือน้อยบูมก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจ จนกระทั่งบูมบังเอิญได้เจอต้อง บูมรีบวิ่งเข้าไปหาเพื่อนทันที

"ต้อง...มึงเห็นทิวไหม กูอยากคุยกับทิว แม่กูกำลังจะมารับ กูจะต้องไปแล้ว กูอยากคุยกับทิว มึงช่วยตามหาทิวให้กูหน่อยได้ไหมไอ้ต้อง"

เสียงเร่งเร้าของบูมนั้นทำให้ต้องแทบไม่ต้องใช้เวลาคิดเลย

"ได้ๆ เดี๋ยวกูจะช่วยตามหาให้" ต้องบอกแล้วก็รีบวิ่งออกไปช่วยตามหาทิวอีกแรง

ไม่นานนักต้องก็ได้เจอกับทิว ทิวหลบเข้าไปร้องให้ในห้องน้ำของครูที่ใต้ตึกเรียนนั่นเอง พอต้องเห็นทิวเดินออกมาจากห้องน้ำก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที

"ทิว..ไปเร็ว บูมมันตามหามึงอยู่รู้ไหม แม่มันจะมารับกลับบ้านแล้ว มันจะบินไปอเมริกาคืนนี้เลย เร็ว...เดี๋ยวไม่ทัน"

ได้ฟังอย่างนั้นแล้วทิวก็ไม่รอช้า รีบวิ่งตามต้องไปทันทีด้วยใจระทึก ทิวได้แต่ภาวนาว่าขอให้เขาได้คุยและเห็นหน้าบูมอีกสักครั้ง นายอย่าเพิ่งรีบไปนะบูม รอเราก่อน

"อุ้ย เห็นไอ้บูมไหม" ต้องถามเมื่อบังเอิญเจออุ้ยที่กำลังเดินเขียนเฟรนด์ชิพอยู่

"แม่มันมารับแล้ว สงสัยออกไปแล้วมั้ง" อุ้ยตอบ

หัวใจของทิวหล่นวูบไปอยู่ที่พื้น แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะถามหรือคร่ำครวญอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ ทิวรีบวิ่งสุดแรงเกิดไปที่ถนนหน้าอาคารเรียนทันที รถเก๋งยุโรปหรูหราคันนั้นทิวจำได้ดี มันกำลังแล่นออกไปและพาคนที่เขารักจากไปด้วย ทิววิ่งตามสุดชีวิตพลางตะโกนร้องเรียกเพื่อน

"บูม!!!"

แต่ก็ไม่มีทีท่าว่ารถคันนั้นจะหยุดและไม่มีใครสักคนหันกลับมามองเลย เมื่อรถคันนั้นหายลับตาไปทิวก็ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง

"บูม"

ทิวเรียกชื่อเพื่อนและคนที่เขารักเป็นครั้งสุดท้ายและไม่มีเสียงพูดใดๆ จากทิวอีกเลยนอกจากเสียงที่เขาร้องให้ปานจะขาดใจ ต้องและเพื่อนๆ ที่วิ่งตามมาได้แต่ยืนมองด้วยความสงสาร แต่ก็จนปัญญาที่จะช่วยเพื่อนที่กำลังร้องไห้โดยไม่อายว่าคนที่ผ่านมาจะมองยังไง

ภาพที่ทิวกับบูมซ้อมร้องเพลงด้วยกันอย่างมีความสุขไหลผ่านเข้ามาในห้วงความคิด เสียงเพลงๆ นั้นดังกึกก้องอยู่ในหัวใจราวกับมีใครสักคนกำลังเปิดเพลงนี้จากที่ไหนสักแห่งที่อยู่ไม่ไกล

"ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหน ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะไม่เหลือใครๆ ฉันก็รู้และฉันอุ่นใจ ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่...กับฉัน"

แต่บูมก็จากไปแล้ว จากไปโดยที่ไม่เคยรู้ว่าจะมีโอกาสได้กลับมาพบกันอีกไหม แล้วความรักที่เพิ่งเกิดขึ้นมาล่ะ ก็คงไม่มีโอกาสได้เผยความในใจอีกเช่นกัน เหมือนต้นไม้ที่เพิ่งจะโตแต่คนดูแลก็มาจากไปเสียก่อน อีกไม่ช้ามันก็คงแห้งเหี่ยวเฉาตาย

นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ทิวก็ไม่เคยได้เจอหรือได้ข่าวคราวของบูมอีกเลย ราวกับว่าได้ตายจากกันไปแล้ว เหลือแค่ความทรงจำที่บางครั้งก็นึกถึงด้วยความเจ็บปวด บางครั้งก็ยิ้มมีความสุขกับเรื่องราวดีๆ ที่เคยเกิดขึ้น แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปเหมือนสายน้ำที่จะไม่มีวันไหลย้อนกลับมาที่เดิม ความทรงจำที่เหลืออยู่ก็เป็นเพียงภาพสีจางๆ ที่ไม่นานก็คงลบเลือนไปจนอาจไม่เหลืออะไรเลย

TBC
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 14 วันที่ 18.3.2012) - เศร้าสุดๆ เลยตอนนี้ ฮือๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 18-03-2012 19:53:41
 :เฮ้อ:ทุ่มมากเกินไป ให้แบบสุดตัว


ที่เหลือมันก็เลยเจ็บอย่างที่เห็น
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 14 วันที่ 18.3.2012) - เศร้าสุดๆ เลยตอนนี้ ฮือๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 18-03-2012 20:09:48
เฮ้ออออ ไปซะเเล้ว


เจอกันอีกทีนี้ตอนไหนเรียนจบหรอ อีกกี่ปี สงสารทิว
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 13 วันที่ 18.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 18-03-2012 21:04:09
 :m15: :sad4: :o12:  ทิวกับบูมยังไม่ได้คุยกันเลย จากกันอีกตั้งหลายปีง่าาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 14 วันที่ 18.3.2012) - เศร้าสุดๆ เลยตอนนี้ ฮือๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 19-03-2012 12:25:45
มัธยมอันแสนเศร้า ของบูมกับทิว  :monkeysad:

แล้วจะกลับมาเจอกันตอนไหนล่ะเนี่ย


นักแต่งลงได้สะใจจริงๆค่ะ  สนุกมากเลย o13

เป็นการเริ่มต้นตั้งแต่วัยใสๆ ซึมซับความรัก ความผูกพัน กันมาเรื่อยๆ

อ่านแล้วอินจริงๆ มาลุ้นกันต่อว่า 2 หนุ่มจะเจอและ รันทดกันอีกขนาดไหน (ยังมีมาม่าต่อใช่ป่ะค่ะ)

 :กอด1: :L2:   
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 14 วันที่ 18.3.2012) - เศร้าสุดๆ เลยตอนนี้ ฮือๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 19-03-2012 16:24:48
จะติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 14 วันที่ 18.3.2012) - เศร้าสุดๆ เลยตอนนี้ ฮือๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 19-03-2012 18:17:17
_อ่านรวดเดียว สงสารทิว
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 14 วันที่ 18.3.2012) - เศร้าสุดๆ เลยตอนนี้ ฮือๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 19-03-2012 20:15:21
ตอนนี้คนเขียนเปื่อยอยุ่นะครับ คงต้องงดเว้นไปสักระยะ โธ่ อุตส่าห์ตั้งใจจะเขียนเย็นนี้
ช่วงต่อจากนี้จะดราม่าค่อนข้างเยอะนะครับ แม้จะไม่มีบูมแล้ว แต่ชีวิตทิวต้องดราม่าต่อไป อิๆ
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 14 วันที่ 18.3.2012) - เศร้าสุดๆ เลยตอนนี้ ฮือๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 20-03-2012 10:08:20
ดีจังมาเจอเรื่องนี้ในเล้า เศร้าจริงๆนะเรื่องนี้ ขอบอก
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 14 วันที่ 18.3.2012) - เศร้าสุดๆ เลยตอนนี้ ฮือๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 20-03-2012 10:43:19
ตอนนี้คนเขียนเปื่อยอยุ่นะครับ คงต้องงดเว้นไปสักระยะ โธ่ อุตส่าห์ตั้งใจจะเขียนเย็นนี้
ช่วงต่อจากนี้จะดราม่าค่อนข้างเยอะนะครับ แม้จะไม่มีบูมแล้ว แต่ชีวิตทิวต้องดราม่าต่อไป อิๆ

 :m22:พอดีเข้ามาส่อง ว่าเรื่องนี้จะมารึยังน๊าาาา ปกติเห็นคุณ Sarawatta ลงทุกวัน หรือไม่ก็วันเว้นวัน
เลยมาเห็นเม้นต์ว่านักเขียนไม่สบาย  คุณ Sarawatta พักผ่อนเยอะๆนะคะหากร่างกายไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืน ขอให้หายป่วยไวๆค่ะ
ยังไงจะรอติดตาม นิยายเรื่องนี้เสมอ....  :L2: :L2:
เพราะหลงรักทิวกับบูม และหลงรักความรักของเค้า 2 คนค่ะ
(มาม่าหลายรสก็ไม่เคยหวั่น เชื่อในฝีมือคนแต่งค่ะ จากที่อ่านเรื่องต้นสนแล้ว มั่นใจมาก..ว่าสนุกแน่ๆ)
รีบหายไวๆนะคะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 14 วันที่ 18.3.2012) - เศร้าสุดๆ เลยตอนนี้ ฮือๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 20-03-2012 20:45:02
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 15 ✦ ชีวิตที่ไม่เหลือใคร

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


เช้าวันนี้ก็คงเป็นเหมือนกับเช้าของทุกๆ วันที่ทิวจะต้องตื่นขึ้นมา อาบน้ำแล้วก็ไปมหาวิทยาลัยเหมือนเช่นเคย ชีวิตในรั้วมหาลัยผ่านไปได้สองปีแล้ว ทุกอย่างดูราบรื่นดี

ถ้าจะถามถึงความรู้สึกของทิวว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ก็ถือว่าดีมากกว่าเดิมทีเดียว วันเวลาได้ช่วยเยียวยารักษาจิตใจจนกลับมาหายดีดังเดิมแล้ว พอได้มาเจอคนใหม่ๆ สังคมใหม่ๆ บวกกับการเรียนที่จริงจังมากขึ้น ความเจ็บปวดนั้นก็ค่อยๆ ทุเลาเจือจางไปเอง

แต่ถ้าถามว่าทิวลืมคนที่ทิวเคยรักไปหรือเปล่า บางทีทิวเองก็ยังอาจจะตอบตัวเองไม่ได้

หลายๆ ครั้งทิวก็เคยสงสัยเหมือนกันว่าเพื่อนคนนั้นจะเป็นยังไงบ้าง สองปีแล้วที่เงียบหายไปไม่มีแม้แต่ข่าวคราว บางที บูมก็อาจจะลืมไปแล้ว ความรักในวัยเด็กคงจะถือเป็นจริงเป็นจังไม่ได้ เมื่อชีวิตได้ไปเจอสิ่งใหม่ๆ เพื่อนใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ หรือแม้กระทั่ง "คนรักใหม่" ไม่นานเราก็จะลืมชีวิตเดิมๆ คนในวัยนี้ลืมกันง่ายจะตายไป ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะถ้าบูมยังนึกถึงอยู่ก็คงติดต่อหากันบ้างแล้วล่ะ

แม้ว่าจะไม่ได้เจ็บปวดทรมานกับเรื่องที่ผ่านไปเหมือนเมื่อก่อน แต่ถ้าเมื่อไรมีสิ่งที่มากระตุ้นให้นึกถึงความทรงจำเหล่านั้น ความรู้สึกคิดถึงและโหยหาก็ยังคงเกิดขึ้นกับทิวเสมอ อย่างเช่นในวันนี้ที่จู่ๆ ต้องกับอุ้ยก็โผล่มาหาทิวที่มหาวิทยาลัย สองคนนี้เรียนอยู่กันคนละที่ แต่เนื่องจากวันนี้ทั้งสองคนมีเรียนตอนบ่ายก็เลยแวะมาหาทิวช่วงเที่ยงๆ ทิวจึงชวนมากินข้าวเที่ยงด้วยกันที่โรงอาหารของคณะที่เขาเรียนอยู่เสียเลย

"มึงได้ข่าวไอ้บูมมั่งหรือเปล่า"

คำถามแรกของต้องก็ทำให้ทิวถึงกับชะงักเลยทีเดียว นานเท่าไรแล้วที่ทิวไม่ได้ยินชื่อนี้ เขาเองก็ไม่เคยได้เอ่ยเรียกชื่อนี้มานานแล้วเหมือนกัน ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนมันคือชื่อเรียกติดปากที่แทบจะไม่มีวันไหนที่จะไม่เรียก

ทิวส่ายหน้า แววตาดูเศร้าลง

"ขอโทษนะเว้ยที่ถาม แต่กูอยากรู้จริงๆ ว่าไอ้บูมมันเคยนึกถึงมึงหรือเปล่า เป็นเพื่อนรักกันขนาดนี้ มึงก็ช่วยเหลือดูแลมันตั้งเยอะ ไม่น่าเชื่อว่ามันจะลืมมึงได้" ต้องพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิในตอนท้าย

"เขาถึงได้บอกไงว่าหนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ไอ้บูมมันก็คงแค่หลอกใช้มึงเป็นเครื่องมือเท่านั้นแหละ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอยู่โรงเรียนเก่ามันถึงไม่ค่อยมีเพื่อน" อุ้ยว่าอีกคน

"เฮ้ยพวกมึง ใจคอพวกมึงจะไม่ถามอะไรเกี่ยวกับกูมั่งเลยหรือไงวะ มาถึงก็ถามถึงแต่เรื่องบูม"

ทิวพยายามเปลี่ยนเรื่อง รู้สึกไม่ค่อยดีนักที่เพื่อนสองคนคิดไม่ดีกับบูมอย่างนั้น ถึงทิวจะเจ็บปวดแค่ไหนในช่วงสองปีที่ผ่านมา แต่ทิวก็ไม่เคยคิดร้ายกับบูมเลย ไม่เคยคิดโกรธเคืองเพื่อนที่เขารักเลยแม้แต่น้อย บูมคงมีเหตุผลของบูมถึงได้ทำอย่างนั้น

ดูเหมือนต้องกับอุ้ยจะรู้สึกตัวว่ากำลังสร้างความไม่สบายใจให้กับเพื่อนอยู่จึงทำหน้าเจื่อน

"เออๆ ขอโทษเว้ย ก็มันโมโหนี่หว่า กูยังจำภาพที่มึงวิ่งตามรถของมันได้ติดตาเลย ไม่คิดว่ามันจะใจดำกับเพื่อนที่รักมันได้ถึงขนาดนี้"

แม้ว่าจะเอ่ยขอโทษไปแล้วแต่ต้องก็ยังอดไม่ได้ที่จะต่อว่าบูม แต่แล้วก็เหมือนต้องจะนึกอะไรได้

"เฮ้ย เดี๋ยวๆ มีอีกเรื่องนึงว่ะที่กูลืมบอกมึง ขอพูดเกี่ยวกับไอ้บูมอีกนิดเดียวแล้วกูจะไม่พูดถึงมันอีกถ้ามึงไม่ชอบ กูเคยคุยกับมันตอนที่มันมีปัญหากับมึงตอน ม.6 กูถามมันว่ามันทำอย่างนี้กับมึงทำไม รู้ไหมมันตอบว่าไง... มันบอกว่าปล่อยมันไปเถอะ คนขี้ขลาดอย่างมันไม่เหมาะกับมึงหรอก ปล่อยให้มึงไปเจอคนอื่นที่ดีมันดีกว่า"

"มันหมายความว่าไงวะ" อุ้ยทำสีหน้าสงสัย

ทิวนิ่งเงียบ นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ ทำไมบูมถึงได้ตำหนิตัวเองว่าเป็นขี้ขลาด แต่ก็จนปัญญาจริงๆ ที่จะคิดหาเหตุผล

"เฮ้ยพวกมึง กูขอร้องนะเว้ย ให้อภัยบูมเถอะ มันผ่านไปแล้วล่ะ ตอนนี้กูก็โอเค ไม่ได้เป็นไรแล้ว"

"แต่กว่ามึงจะโอเคได้ก็ใช้เวลาเป็นปีเลยนะเว้ย" ต้องรีบหาช่องต่อว่า

"มันผ่านไปแล้วต้อง กูก็ผ่านมาได้ อยู่รอดปลอดภัยดีแล้วเห็นไหม กูไม่เคยโกรธเคืองอะไรบูมเลยนะเว้ย กูคิดว่าบูมคงมีเหตุผลแหละ ยิ่งได้ฟังที่มึงพูดเมื่อกี้ กูก็คิดว่าบูมคงมีเหตุผลที่บูมคงบอกกูไม่ได้"

แล้วทิวก็ถอนหายใจเบาๆ สีหน้าที่ยังคงดูเศร้าทำให้ต้องอดสงสัยอีกไม่ได้

"ถามจริงๆ มึงคิดถึงมันหรือเปล่าวะ มึงอยากเจอมันหรือเปล่า"

ทิวพยักหน้าโดยที่ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา "คิดถึงสิ"

"ทำไมไม่ถามข่าวมันจากพี่บีมล่ะ พี่บีมก็อยู่" อุ้ยเสนอความคิดเห็น

"อย่าเลย" ทิวปฏิเสธเกือบจะทันที

"อย่าไปรบกวนชีวิตบูมเลยดีกว่า ที่บูมไปแล้วไม่ติดต่อมาหากูเลยก็คงจะบอกอะไรได้หลายอย่างแล้วล่ะ"

ทิวหยุดไว้แค่นั้น เพราะถ้าพูดต่อเขาก็คงอดพูดอย่างน้อยอกน้อยใจเสียไม่ได้ แต่ไหนๆ เพื่อนสองคนก็ดูจะสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ ทิวจึงกำชับอีกครั้ง

"อย่าโกรธบูมเลยนะต้อง...อุ้ย" ทิวหันไปมองหน้าทีละคน

"มันจบไปแล้ว พูดถึงไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ยังไงเราก็ต้องดำเนินชีวิตของเราต่อไป ทุกคนมีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้นแหละ บูมก็มีเหตุผลของบูม" ทิวย้ำประเด็นเหตุผลของแต่ละคนอีกครั้ง

สิ่งที่พูดไปเมื่อสักครู่นี้ก็เหมือนการพยายามปลอบใจตัวเองของทิวไปด้วย โดยเฉพาะช่วงแรกที่ทิวยังทำใจไม่ได้ เขาก็ต้องคิดอย่างนี้เพื่อไม่ให้โทษอีกฝ่ายมากเกินไป เพราะยิ่งโทษก็ยิ่งเจ็บ อีกอย่าง ทิวยังมีแม่ที่ต้องดูแล ยังต้องเรียนหนังสือเพื่ออนาคต ชีวิตยังอยู่ได้แม้ว่าจะเจ็บปวดสักแค่ไหน เวลาจะช่วยเขาได้เอง และมันก็ช่วยได้จริงๆ แต่ถึงกระนั้น ความทรงจำยังเป็นสิ่งที่เวลาไม่สามารถเอาชนะได้ ทิวยอมรับว่าช่วงนั้นเขาเจ็บหนักจริงๆ เจ็บจนไม่สามารถปิดบังแม่ได้เลย ทิวเล่าให้แม่ฟังเท่าที่พอจะเล่าได้ รวมทั้งเรื่องที่เขาเป็นเกย์ด้วย แม้แม่จะตกใจ แต่สุดท้ายแม่ก็รับได้ แม่รักทิวมาก แถมยังมีกันอยู่สองคนแค่นี้ ถ้าไม่รักและยอมรับกันชีวิตก็คงลำบาก

"เออๆ" ต้องรับปาก "แต่ถามอีกนิดเดียว ถ้ามึงบังเอิญเจอมันอีก มึงจะทำไงวะ"

"ไม่รู้"

ทิวตอบไปตามความเป็นจริง เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าถ้าหากได้เจอบูมแล้วจะรู้สึกยังไง อาจจะดีใจบ้างไม่มากก็น้อย แต่กาลเวลาที่ผ่านไปอาจทำให้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม บูมอาจไม่ใช่คนที่ทิวเคยรู้จักก็ได้ ถ้าหากเป็นอย่างนั้น การเจอบูมอีกครั้งก็คงเป็นเรื่องที่เจ็บปวดเสียมากกว่า แต่นั่นก็เป็นเพียงการคาดเดา ความจริงจะเป็นอย่างไรนั้นไม่มีใครสามารถบอกได้ จนกว่าทิวจะได้เจอกับบูมอีกครั้งนั่นแหละ แต่ทิวก็ไม่หวังแล้วล่ะว่าจะได้เจอบูมอีกครั้ง บูมอาจเป็นเพียงคนที่ผ่านมาในชีวิตแล้วผ่านไป ไม่หวนกลับมาเจอกันอีก ทิวรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

พอเพื่อนกลับไปแล้วทิวก็กลับขึ้นมาที่ห้องเรียน นั่งเรียนไปได้สักพักก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มันเป็นการรับโทรศัพท์ที่โหดร้ายที่สุดในชีวิตของทิวเมื่อคนที่โทรมาแจ้งข่าวที่ทำให้ทิวแทบสิ้นสติสัมปชัญญะ

"คุณเป็นลูกชายของคุณทิษณาใช่ไหมคะ" เสียงในสายถามอย่างร้อนรนจนทำให้ทิวอดสงสัยไม่ได้ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น

"ครับ มีอะไรเหรอครับ"

"คุณทิษณาหัวใจวายเฉียบพลัน ตอนนี้เสียชีวิตแล้วค่ะ"

"อะไรนะครับ คุณพูดว่าอะไรนะครับ" ทิวถามเสียงดังลั่นห้องเรียนโดยไม่สนใจว่าจะรบกวนใครหรือเปล่า

"คุณทิษณาหัวใจวายเสียชีวิตแล้วค่ะ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล"

"แม่!!!"

ทิวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจและช็อคสุดขีด นี่ชะตาชีวิตเล่นตลกอะไรกับทิวอีกแล้ว แล้วต่อไปนี้ทิวจะอยู่กับใคร นี่คือความจริงที่ทิวจะต้องเผชิญใช่ไหม ที่ผ่านมาชีวิตที่ขาดพ่อก็นับว่าสาหัสสากรรจ์มากแล้ว ถ้าต้องขาดแม่ที่เป็นเหมือนเสาหลักของบ้านไปทิวก็นึกไม่ออกเลยว่าจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้ยังไง

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


งานศพของแม่ผ่านไปแล้ว ชีวิตของทิวตอนนี้ไม่ต่างจากชีวิตที่ไร้วิญญาณ ก็เหมือนอย่างที่เขาเรียกกันว่า "ตายทั้งเป็น" นั่นแหละ ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนตลอดในช่วงงานศพ และจะอยู่เป็นเพื่อนทิวไปจนกว่าทิวจะทำใจได้ พอต้องเห็นสภาพเพื่อนที่เอาแต่ร้องให้และนอนซมแล้วเขาก็อดสงสารเพื่อนและเสียน้ำตาไปด้วยไม่ได้ บ่อยครั้งที่ต้องก็แอบนึกตำหนิบูมอยู่ในใจ

"มึงไปอยู่ไหนวะไอ้บูม มึงรู้ไหมว่ามีแต่มึงเท่านั้นที่จะช่วยไอ้ทิวมันได้ ทำไมมึงไม่มาหามันเลยวะ ไอ้คนขี้ขลาด"

แต่คิดไปก็เท่านั้นเพราะบูมก็อยู่ไกลจนเกินกว่าจะรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นเป็นสัญญาณว่ามีคนมาหา ต้องรีบรับอาสาลงไปดูให้เพราะสภาพของทิวตอนนี้คงพบไม่เหมาะที่จะออกไปพบเจอผู้คน

"มาหาใครครับ"

ต้องถามเพราะแขกที่มาดูไม่คุ้นหน้าเลย เป็นหญิงวัยกลางคนที่แต่งตัวดูดีพอสมควร มาพร้อมกับชายฉกรรจ์อีกสองคนสวมแว่นดำ ท่าทางดูไม่น่าไว้ใจยิ่งนัก ต้องจึงไม่กล้าเปิดประตูให้

"เธอใช่ไหมที่เป็นลูกชายคุณทิษณา" หญิงคนนั้นถามเสียงดุ

"เปล่าครับ ทิวอยู่ข้างบนครับ" ต้องรีบบอก

"งั้นไปตามเขาลงมา ฉันมีธุระสำคัญที่จะคุยกับเขา"

"คุณน้ามีธุระอะไรพอจะบอกได้ไหมครับ ผมจะได้บอกทิวให้"

"มีสิ ถ้าไม่มีฉันจะมาเหรอ ธุระสำคัญมาก เรื่องเงิน เร็วเข้า ฉันมีเวลาไม่มากนัก"

หญิงคนนั้นทำน้ำเสียงอารมณ์เสีย ต้องลังเลอยู่สักพักแต่ก็ตัดสินใจขึ้นมาตามทิว ไม่นานนักทิวก็ลงมาพร้อมกับต้องด้วยสภาพอิดโรยเหมือนคนที่ผ่านการร้องให้อย่างหนักมาหลายวันแล้ว

ทิวยกมือไหว้หญิงแปลกหน้าคนนั้นแม้จะไม่รู้จักกัน เธอรับไหว้แล้วก็ถาม

"เธอเป็นลูกชายของคุณทิษณาใช่ไหม"

"ครับ" ทิวพูดเสียงเบาหวิว แม้แต่แรงกายที่จะทรงตัวก็แทบจะไม่มี

"ฉันมาที่นี่เพื่อจะมาบอกเธอว่าคุณทิษณา แม่ของเธอที่เสียชีวิตไปน่ะ เป็นหนี้ฉันอยู่อีกสามแสนบาท ฉันก็เลยมาที่นี่เพื่อจะมาเตือนเธอว่าเธอจะต้องจ่ายหนี้แทนแม่ของเธอให้ฉันทุกเดือน เดือนละ 10,000 บาท"

"อ้าวคุณน้า มั่วหรือเปล่า มีหลักฐานอะไรมาหาว่าแม่ของทิวติดเงินน้าเยอะแยะขนาดนั้นล่ะครับ" ต้องรีบแย้งเพราะดูท่าทางหญิงคนนี้ไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไร อาจจะเป็นพวกมิจฉาชีพที่มาแอบอ้างก็ได้

"หลักฐานเหรอ เปิดประตูสิ แล้วฉันจะให้ดู เงินที่คุณทิษณากู้มาก็เอามาเป็นค่าเทอมกับค่าเล่าเรียนให้เธอไงล่ะ เธอไม่รู้เรื่องเลยเหรอ จริงๆ ฉันก็สงสารเธออยู่หรอกนะ เห็นยังเป็นนักศึกษาอยู่ แต่ธุรกิจก็คือธุรกิจ ฉันคงจะเอาเงินมาให้เธอใช้ฟรีๆ ไม่ได้"

ทิวได้ฟังแล้วก็แทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น ที่หญิงคนนั้นพูดมาก็คงจะมีส่วนจริงอยู่ไม่น้อยเพราะทิวก็สงสัยเหมือนกันว่าแม่หาเงินมาให้เขาเรียนในมหาวิทยาลัยแพงๆ แบบนี้ได้ยังไง เงินเดือนของแม่ในฐานะผู้จัดการสาขาบริษัทเครื่องสำอางขายตรงแห่งหนึ่งก็ไม่น่าจะเยอะพอที่จะให้ทิวเรียนในมหาวิทยาลัยแบบนี้ได้ เขาเคยบอกแม่ว่าจะไม่สอบเอนทรานซ์ที่นี่เพราะมันค่อนข้างแพง แต่แม่ก็ให้สอบ พอสอบได้แม่ก็ให้เข้ามาเรียนที่นี่ ทิวเข้าใจแม่ว่าอยากให้ทิวได้เรียนในที่ดีๆ ถึงจะไม่มีโอกาสได้ไปเรียนต่างประเทศเหมือนบูม แต่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็มีชื่อเสียงไม่น้อยเลยทีเดียว

พอได้เห็นหลักฐานเอกสารต่างๆ ที่แม่ไปกู้เงินนอกระบบมาแล้วทิวก็เถียงไม่ออก เขาจำลายมือกับลายเซ็นต์ของแม่ได้เป็นอย่างดี

"น้า...ผมยังเป็นนักศึกษาอยู่เลย ผมไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นให้น้าทุกเดือนหรอก น้าลดให้ผมหน่อยได้ไหมครับ" ทิวขอร้อง

"ฉันคงจะลดให้เธอไม่ได้หรอกนะ แต่เอางี้ก็แล้วกัน เธอขายรถคันนี้ของแม่เธอดูก่อนไหม แล้วเอาเงินที่ขายได้มาให้ฉันก่อน แต่เธออย่าเบี้ยวเป็นอันขาดนะ ไม่งั้นจะหาว่าฉันใจร้ายไม่ได้ ฉันให้เวลาเธอสามเดือน ขายรถคนนี้ซะ"

หญิงวัยกลางคนขู่พร้อมกับหันไปยิ้มกับชายฉกรรจ์ที่สวมแว่นตาดำสองคนที่ตามมาด้วยอย่างมีเลศนัย ก็คงไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าทิวไม่สามารถหาเงินมาคืนให้ได้

ทิวมองดูรถเก๋งของแม่ที่ก็ใช้มาหลายปีแล้วก็รู้สึกใจหาย เขาเห็นมันมาหลายปีแล้วและแม่ก็รักมันมากด้วย ถ้าขายไปก็คงได้เงินไม่เท่าไรหรอก แต่ทิวก็คงไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้ว นี่มันเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรกันหนักหนา เขาไปทำบาปทำกรรมอะไรกับใครไว้ถึงได้มาเจอความโชคร้ายไม่จบไม่สิ้นแบบนี้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ในที่สุดทิวก็ต้องประกาศขายรถคันนั้นไป ใช้เวลาเกือบๆ สามเดือนเลยทีเดียวกว่าจะขายได้เงินประมาณหนึ่งแสนบาทและใช้คืนให้กับเจ้าหนี้ก้อนแรกไปก่อน แต่แทนที่จะได้มีเวลาพักหายใจบ้าง เขาก็ถูกชายฉกรรจ์สองคนนั้นตามมาข่มขู่เพื่อให้เขาจ่ายเงินที่เหลือคืนเดือนละหนึ่งหมื่นบาทตามที่ได้ตกลงในสัญญาไว้ ไม่อย่างนั้นแล้วบ้านของเขาก็จะถูกยึด ความจริงทิวอาจจะขายบ้านเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ได้ แต่เขาก็รักบ้านหลังนี้เพราะอยู่กับแม่มาตั้งแต่เด็กๆ ถ้าไม่ลำบากจนเกินไปแล้วทิวก็อยากให้มันเป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆ

ตอนนี้ทิวแทบจะไม่มีเงินใช้แล้ว เขาจึงต้องหยุดพักการเรียนไว้ก่อน แต่ดูๆ แล้วโอกาสที่จะต้องหยุดเรียนไปเลยก็มีสูงเหมือนกันเพราะคงไม่สามารถหาเงินค่าเทอมที่แพงขนาดนั้นได้ ไหนยังจะต้องหาเงินมาใช้หนี้ที่เหลืออีก

ทิวพยายามไปสมัครงานหลายแห่งแต่ก็ไม่มีใครรับเพราะมีวุฒิเพียง ม.6 เท่านั้น แต่ก็โชคดีที่เพื่อนที่ทิวรู้จักที่มหาวิทยาลัยฝากฝังให้ทิวได้ไปร้องเพลงในร้านอาหารแห่งหนึ่ง พอได้รับเสียงตอบรับที่ค่อนข้างดี ทิวจึงพยายามไปสมัครร้านอื่นๆ ไว้ด้วย จนสามารถมีงานได้สัปดาห์ละ 4-5 ร้าน แต่ก็ต้องเดินทางจนเหนื่อยและกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ ตีสองตีสามทุกวัน โชคดีหน่อยที่ตอนหลังๆ นั้นทิวหัดเล่นกีตาร์ด้วย จึงสามารถร้องและเล่นกีตาร์แบบอะคูสติกและเล่นเดี่ยวในบางร้านได้ ทำให้ได้เงินมากขึ้นมาอีกหน่อย เงินที่หามาได้นั้นก็พอจ่ายค่าหนี้และมีเหลือพอใช้ในแต่ละเดือนไม่มากนัก เขาจึงต้องประหยัดมากทีเดียว

มีอยู่วันหนึ่ง มีกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงกลุ่มหนึ่งมาเลี้ยงฉลองวันเกิดในร้านที่ทิวกำลังเล่นอยู่ ทิวถูกขอให้เล่นเพลงวันเกิดให้กับเจ้าของวันเกิดในกลุ่มนั้นด้วย แต่เมื่อทราบชื่อเจ้าของวันเกิดแล้วก็ทำให้ทิวสะเทือนใจไม่น้อยเพราะเจ้าของวันเกิดนั้นชื่อ "บูม" เหมือนกับเพื่อนรักของเขาที่จากกันไปนานแล้ว

"ครับ พอดีวันนี้เป็นวันเกิดของน้อง...บูมนะครับ ก็อยากจะขอให้ทุกท่านในที่นี้นะครับได้ช่วยกันร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้กับน้อง...บูมพร้อมๆ กันด้วยครับ"

กว่าจะเอ่ยชื่อ "บูม" ได้แต่ละครั้งทิวก็ต้องกลั้นใจแล้วกลั้นใจอีก พอกล่าวเสร็จแล้วทิวก็ร้องเป็นต้นเสียงนำคนอื่นๆ พร้อมกับเล่นกีตาร์ไปด้วย

"Happy birthday to Boom, Happy birthday to Boom, Happy birthday, Happy birthday, Happy birthday to Boom"

สิ้นเสียงเพลงแล้วน้องที่ชื่อบูมก็เป่าเค้กวันเกิดของเขาพร้อมกับเสียงเฮๆ ของเพื่อนๆ และคนในร้าน ถ้าใครสักคนได้ทันหันมองมาเห็น ก็คงจะได้เห็นนักร้องต้นเสียงคนนี้แอบปาดน้ำตาที่รินไหลมาโดยไม่รู้ตัว สามปีแล้วสินะที่ทิวไม่เคยได้เอ่ยเรียกชื่อนี้ออกมาเลย พอได้มีโอกาสเรียกอีกครั้ง ภาพในความทรงจำต่างๆ ก็หวนคืนกลับมาเหมือนหนังที่ถูกฉายย้อนกลับไปในอดีต ตั้งแต่วันแรกที่ได้มาเจอกันจนกระทั่งวันที่จากกันไป เหลือเพียงแค่ความจริงบางอย่างที่ทิวยังไม่เคยได้บอกเลย

ทิวรู้สึกคิดถึงเพื่อนที่จากไปอย่างจับจิตจับใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน ยิ่งในยามที่เขาไม่เหลือใครเช่นนี้แล้วก็ยิ่งคิดถึง ทิวคงจะมีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่มากกว่านี้ถ้าเพียงแต่มีเพื่อนที่เขารักอยู่ข้างๆ ทิวตอบตัวเองไม่ได้เลยว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ในสภาพที่แร้นแค้นและเดียวดายเช่นนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน แต่ละวันที่ผ่านไปนั้นเขาต้องใช้พลังกายและใจมหาศาลเพื่อให้กำลังใจตัวเอง คิดยังไงก็ได้ให้ตัวเองยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยที่ไม่คิดสั้นไปเสียก่อน

พอบรรยากาศของวันเกิดของน้องๆ ผ่านไป ทิวจึงร้องเพลงๆ หนึ่งที่เขาจำและร้องมันได้เป็นอย่างดีเป็นเพลงสุดท้าย

ฉันดีใจที่มีเธอ

https://www.youtube.com/v/r7Yl3AxoEYk

"ในโลกที่มี ความวกวน
ในโลกที่ทุกคนต้องดิ้นรน
ที่สับสน ร้อนรนจนใจ นั้นแสนเหนื่อย
ในโลกที่ความทุกข์ท้อใจ
ได้เดินผ่านเข้ามาเรื่อยๆ
จนบางครั้งไม่รู้จะข้ามไปเช่นไร

แต่ยิ่งชีวิต ยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบ ยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด ในใจ

ฉันดีใจทีมีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบ อะไร
และฉันรู้และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ ตรงนี้

ในอุปสรรค ที่มากมาย
ในความหวาดหวั่น ที่วุ่นวาย
และอนาคต ในปัจจุบัน และอดีต
ในความเป็นจริงที่ต้องเจอ

แต่ยิ่งชีวิต ยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบ ยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด ในใจ

ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบ อะไร
แต่ฉันรู้ และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ ตรงนี้

แต่ยิ่งชีวิต ยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบ ยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด แน่ใจ

ฉันดีใจทีมีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะไม่เหลือใครๆ
แต่ฉันก็รู้ และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ ตรงนี้
ฉันก็รู้ และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่กับฉัน"

เมื่อเพลงจบลงเสียงปรบมือก็ดังกึกก้องไปทั่วร้าน ทิวร้องเพลงนี้ออกจากใจ ร้องออกมาจากความทรงจำที่เขาเก็บไว้ลึกที่สุด ร้องออกมาจากความรู้สึกโหยหาและคิดถึง มันจึงเป็นเพลงที่เขาร้องได้ดีที่สุดในวันนี้จนคนทั้งร้านรู้สึกได้

เสร็จงานแล้วทิวก็เดินออกไปทางด้านหลังร้าน ก่อนที่จะเดินอ้อมมาด้านหน้าเพื่อจะเรียกแท็กซี่กลับบ้าน แม้การใช้แท็กซี่จะแพงไปหน่อยแต่ทิวก็ไม่มีทางเลือกเพราะต้องหอบอุปกรณ์และเครื่องดนตรีมาด้วยทุกครั้ง

ในขณะที่ทิวกำลังเดินไปที่ถนนนั้น ก็มีเสียงใครบางคนที่เขาคุ้นหูเรียกดังมาจากข้างหลัง

"ทิว รอก่อนสิ"

ทิวหยุดและหันไปดูก็เห็นว่าเป็น...

TBC
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 15 วันที่ 20.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 20-03-2012 20:57:46
อย่าบอกว่าเป็นบูมนะ ขอให้น้องทิวสมหวังสักทีนะ สงสารน้องทิวอะ ฃีวิตจะเล่นตลกไปไหน
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 15 วันที่ 20.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 20-03-2012 21:51:24
สวรรค์กลั่นแกล้งคนที่โชคร้ายเสมอ
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 15 วันที่ 20.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 20-03-2012 22:30:38
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
หวังว่าจะฟ้าหลังฝนกะเขาบ้างนะทิว
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 14 วันที่ 18.3.2012) - เศร้าสุดๆ เลยตอนนี้ ฮือๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 20-03-2012 22:34:48
 :m15: :monkeysad: :sad4: :o12:

อ่านตอนนี้แล้วปวดใจสุดๆ สงสารทิว เฮ้ออออออ ชีวิต!!!  อะไรมันจะรันทดได้ขนาดนี้......
ทั้งๆที่พอจะเตรียมใจไว้แล้วว่า ยังไงเหตุการณ์สุดอึ้งต้องมี แม่ทิวจากไปก่อนที่ทิวจะเรียนจบแน่ๆ
แต่ไม่คิดว่า จะมีเรื่องหนี้นอกระบบมาด้วย    เง้อ.......เศร้าจัง................

ยังดีที่ทิวยังได้ใช้ความสามารถพิเศษในการร้องเพลงที่มีโอกาสฝึกฝนตอนมัธยมมาช่วยหาเงินดำรงชีวิต
....
....
ตอนจบนี่ ใครเรียกทิวไว้นะ
เพิ่ง 3 ปีเอง ไม่ใช่บูมหรอกมั้ง พี่บีมหรือป่าว ???

รอติดตามนะคะ ดีใจจังค่ะ ที่วันนี้ได้อ่านทิวบูมด้วย
แต่คุณ Sarawatta ยังไม่หายจากป่วยเลย หากไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนนะคะ
คนอ่านรอได้เสมอค่ะ ยังไงก็พักผ่อนเยอะๆนะคะ ขอให้หายป่วยไวๆค่ะ 
:กอด1: :กอด1: และ +เป็ดน้อย ให้กำลังใจคนแต่งค่ะ
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 15 วันที่ 20.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 20-03-2012 22:46:48
ขอให้เป็นบีมก็แล้วกัน


คนแบบนั้นปล่อยมันไปเถอะ  ถึงกลับมามันก็ไม่รู้ใจตัวเองอยู่ดี


ไม่มีใครช่วยอะไรตัวเราได้มากนัก นอกจากเราต้องช่วยตัวเองก่อนเสมอ
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 15 วันที่ 20.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 20-03-2012 23:26:20
สงสารทิวมาก ปัญหารอบด้านจริงๆ

เต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าทิวเป็นคนที่เข้มเเข็งมาก

ตอนนี้ก็ติดอยู่ที่ว่า บูม อยู่ที่ไหน ยังไม่เลิกขี้ขลาดตาขาวอีกหรอ

ทิวเเย่เเล้วนะ
หัวข้อ: Re: รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 15 วันที่ 20.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 21-03-2012 02:47:01
อ่านรวดเลยทีเดียว
มันเศร้า โศก มาก  รอบูมมันกลับมาแบบแมน ๆ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 15 วันที่ 20.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 21-03-2012 18:59:12
คราวนี้คงต้องพักจริงๆ แล้วล่ะครับ แต่เรื่องอื่นๆ ยังลงให้อยู่นะครับเพราะเขียนไว้จนหมดแล้ว
ขอเวลาไปรักษาตัวก่อนสักสองสามวันครับ เดี๋ยวจะมาใหม่ จะพยายามไม่ป่วยนานนะครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 15 วันที่ 20.3.2012) - ขอลาป่วยคร้าบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 21-03-2012 23:39:01
ทิวชีวิตรันทดจริงๆ   :angry2:เจ้าบูมกลับมารับผิดชอบด่วนๆ

คนแต่งน่ารักมากเลย เปื่อยแล้วยังมาต่ออีก  :man1:


งัยก็รักษาตัวดีๆ หายไวๆ นะค่ะ  รอได้จ๊ะ :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 15 วันที่ 20.3.2012) - ขอลาป่วยคร้าบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 24-03-2012 09:44:51
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 16 ✦ รักซาดิสม์

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)

"จะกลับบ้านแล้วเหรอ ให้ผมไปส่งไหม"

"ไม่เป็นไรหรอกครับคุณเชน รบกวนเปล่าๆ ดึกแล้วด้วยครับ"

ทิวตอบปฏิเสธอย่างนุ่มนวล คุณเชนเป็นลูกชายเจ้าของร้านอาหารที่ทิวมาร้องเพลงนั่นเอง เขาชอบมายืนฟังทิวร้องเพลงบ่อยๆ บางทีก็ให้เงินค่าจ้างพิเศษอยู่หลายครั้ง ทิวก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมเขาทำแบบนั้น แต่ก็เดาเอาเองว่าเชนอาจจะชอบการร้องเพลงของทิวเป็นพิเศษก็ได้

"ไม่ต้องเกรงใจหรอก ทิวเองก็มาช่วยทำให้ร้านของเรามีสีสันขึ้นเยอะเลย ให้ผมบริการทิวบ้างเป็นการตอบแทน"

"อย่าเลยครับ คุณเชนอยู่ดูร้านดีกว่าครับ ผมกลับแท็กซี่เองได้ครับ ไม่ลำบากอะไร"

ทิวยังคงปฏิเสธตามประสาคนขี้เกรงใจ แม้ว่าจริงๆ แล้วเขาก็ไม่อยากนั่งแท็กซี่มากนักเพราะค่อนข้างเปลืองค่าใช้จ่าย แต่พอกลับดึกๆ อย่างนี้แล้วก็รู้สึกเหนื่อยและอยากกลับถึงบ้านไปนอนไวๆ มากกว่าที่จะต้องทนนั่งรถเมล์ไปอีกเป็นชั่วโมงๆ ให้เหนื่อยมากขึ้นไปอีก

"ไม่เป็นไร มีคนดูเยอะแยะไป ทิวไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ให้ผมไปส่งเถอะ จะได้รู้จักบ้านกันไว้ เผื่อมีปัญหาอะไรต่อไปจะได้ช่วยกันได้ไง"

เชนก็ยังคงไม่ละความพยายามที่จะไปส่งให้ได้ สุดท้ายทิวก็เลยต้องยอมให้เชนมาส่งเพราะดูท่าจะปฏิเสธไม่ได้ง่ายๆ เสียแล้ว

"ก่อนเล่นได้กินข้าวหรือยัง พอดีผมมัวแต่ยุ่งๆ อยู่เลยลืมไปดูให้" เชนถามขณะที่ขับรถมาส่งทิว

"เรียบร้อยแล้วครับ"

"ดีละ อืม...ปกติทิวเล่นคืนละกี่ที่เนี่ย"

"ไม่เกินสองที่ครับ แต่อาทิตย์หนึ่งก็ได้ประมาณ 4-5 ที่ครับ"

"เหรอ...แล้วรายได้พออยู่ได้ไหม หรือว่ามีทำอย่างอื่นทำอีกหรือเปล่า"

"ก็พอได้อยู่ครับคุณเชน แต่ว่าก็ยังไม่มีอะไรอย่างอื่นทำครับ ร้องเพลงอย่างเดียว" จะว่าไปทิวก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมคุณเชนถึงได้ถามเรื่องนี้

"เหรอ...เอางี้ละกัน ผมจะลองคุยกับพ่อผมให้ เผื่อทิวจะได้ค่าตัวเพิ่มอีกสักหน่อย จะได้ไม่ลำบากจนเกินไปด้วย ผมเห็นทิวกลับบ้านด้วยแท็กซี่บ่อยๆ ไม่เปลืองแย่เหรอ"

"ขอบคุณครับคุณเชน มันก็เปลืองค่าใช้จ่ายอยู่เหมือนกันครับ แต่ผมไม่สะดวกหอบเครื่องดนตรีขึ้นรถเมล์ก็เลยต้องพึ่งแท็กซี่เป็นหลักครับ"

"อืม...เข้าใจละ เดี๋ยวผมจะดูให้ละกันนะว่าพอจะหาค่าแท็กซี่ให้ทิวได้บ้างไหม ทิวช่วยดึงคนเข้าร้านได้เยอะเลย พ่อไม่น่าจะว่าอะไร ว่าแต่ว่า...เพลงสุดท้ายที่ทิวร้องวันนี้...เพราะมากๆ เลย อินแบบนี้ ร้องให้ใครเป็นพิเศษหรือเปล่า" เชนถามพลางขำเล็กน้อยในตอนท้าย

ทิวอึกอักไปทันที

"ก็...พอดีมันเป็นเพลงที่ผมชอบเป็นพิเศษด้วยครับ"

ทิวบอกไปแค่นั้นเพราะไม่คิดว่าจะต้องเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนแปลกหน้าฟังมากเกินไป เขาไม่อยากให้ใครรู้เรื่องราวความรักในอดีตของตัวเองมากนัก อีกอย่าง พูดไปก็รังแต่จะทำให้เศร้าใจมากขึ้นไปอีก แต่จะว่าไป ตั้งแต่บูมจากไป เขาก็ไม่เคยร้องเพลงนี้เลย ไม่ได้ลืมหรอก แต่ไม่อยากร้องให้มันสะเทือนใจต่างหาก ถ้าไม่ใช่เพราะความคิดถึงใครบางคน วันนี้ก็คงไม่ร้องเพลงนี้

"เหรอครับ ผมก็ชอบเพลงนี้เหมือนกัน แล้วก็มีอดีตอะไรบางอย่างกับเพลงนี้ด้วย ไม่ได้ฟังนานแล้วล่ะ พอได้มาฟังอีกที มันก็ยังเพราะเหมือนเดิมนะ ทิวร้องเพลงได้ดีจริงๆ นะครับ เคยไปเรียนร้องเพลงที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า"

"เคยเรียนร้องเพลงตอนอยู่ ม.3 ครับ แต่ก็เรียนอยู่แค่ปีเดียว แต่ว่าหลังจากนั้นก็เป็นนักร้องประจำของวงที่โรงเรียนครับ"

"อ๋อ...มิน่าล่ะถึงได้ร้องเพลงดีแบบนี้ เออ...ว่าแต่ว่าตอนนี้ทิวไม่เรียนหนังสือเหรอ ดูอายุยังน้อยอยู่เลยนะ ตอนนี้อายุเท่าไรแล้วล่ะครับ"

มันช่างเป็นคำถามที่เสียดแทงใจของทิวเสียจริงๆ เขาไม่ชอบที่จะตอบคำถามเรื่องนี้กับใครเลยถ้าไม่จำเป็น มันมีอะไรหลายอย่างเหลือเกินที่เขาไม่อยากพูดและไม่อยากนึกถึง เพราะนึกถึงทีไรมันก็เจ็บปวดทุกที โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงแม่ เขาเข้าใจแม่ทุกอย่าง แต่ทิวก็รู้สึกเสียใจที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแม่ต้องเครียดมากขนาดไหน เครียดจนกระทั่งเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันและจากไปอย่างกะทันหัน ถ้าเขารู้เสียก่อน เขาก็จะไม่ให้แม่ต้องมาลำบากเพื่อเขาขนาดนี้เลย

"อายุ 21 ครับ แต่...ผมไม่ได้เรียนหนังสือแล้วล่ะครับ พอดี...มีปัญหาทางการเงินนิดหน่อย" นั่นคือสิ่งที่ทิวพอจะบอกได้

เชนหันมามองอย่างสนใจ แววตาของทิวนั้นบ่งบอกว่าเขากำลังเผชิญกับความทุกข์บางอย่างอยู่ เชนสังเกตเห็นความเหงาและความเจ็บปวดที่แฝงอยู่ในแววตาของทิวเสมอ แต่การที่เขาจะล่วงล้ำถามเรื่องส่วนตัวมากกว่านี้ก็อาจจะไม่เหมาะนักเพราะยังไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่

"ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้นะ" เชนยิ้มให้กำลังใจ

"ครับ" ทิวตอบรับ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าเชนจะจริงจังกับสิ่งที่พูดเท่าไหร่

พอมาถึงบ้านแล้ว เชนก็ถามคำถามที่ทำให้ทิวต้องลำบากใจอีกรอบ

"ตอนนี้ทิวอยู่กับใครครับ" ถามพลางเงยหน้าขึ้นมองทาวน์เฮาส์สามชั้นที่ปิดไฟมืดสนิทเพราะไม่มีคนอยู่เลย

"อยู่คนเดียวครับ"

"จริงเหรอ" เชนทำตาโต มองดูทาวน์เฮาส์ทั้งหลังอีกครั้งแล้วก็หันมามองดูทิว

"ทาวน์เฮาส์ตั้งสามชั้น ทำไมอยู่แค่คนเดียวล่ะครับ" ถามอย่างแปลกใจ แน่ล่ะ ใครที่รู้ว่าทิวอยู่คนเดียวในทาวน์เฮาส์สามชั้นนี้ก็ต้องแปลกใจทั้งนั้น

"เมื่อก่อนก็อยู่กับแม่ครับ แต่พอดีแม่...เพิ่งเสียไปครับ" ทิวตอบเสียงแผ่วและเศร้าในตอนท้าย

"ผมเสียใจด้วยนะครับทิว"

สีหน้าเชนสลดลงด้วยความเห็นใจ นึกไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มอายุแค่นี้จะต้องเผชิญชะตาชีวิตที่ยากลำบากเกินวัย ถ้าเชนเป็นทิวก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้ยังไง

"ทิวคงเหงาแย่เลยนะครับที่อยู่คนเดียว"

"ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมชินแล้ว"

ถึงจะตอบไปอย่างนั้นและพยายามยิ้ม แต่สีหน้าและแววตาของทิวก็ไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกับคำตอบเลย

"พี่ส่งผมแค่นี้ก็ได้ครับ"

เชนพยักหน้าพลางยิ้ม แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนกับจะเห็นใจเสียมากกว่า ทิวเปิดประตูรถออกไปแล้วก็กล่าวลา

"ขอบคุณมากนะครับคุณเชนที่อุตส่าห์มาส่ง ขับรถกลับดีๆ นะครับ"

เชนยิ้มให้อีกรอบแล้วก็ค่อยๆ ขับรถออกไป ส่วนทิวก็หันกลับมาจัดการกับชีวิตของตัวเองอย่างที่เคยเป็น กว่าจะผ่านได้อีกวันก็เล่นเอาดึกดื่นเลยทีเดียว ตอนนี้ทิวดูผอมลงไปพอสมควรเพราะเขาต้องคอยประหยัดค่าใช้จ่าย กินน้อยลง จะใช้เงินแต่ละบาทแต่ละสตางค์ก็ต้องคิดแล้วคิดอีก แถมยังต้องทำงานหนักดึกดื่นๆ เรียกได้ว่าลำบากมากทีเดียว ลำบากที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

พอทำงานหนักๆ เข้าทิวก็เกิดอาการไม่สบายจนได้ ทิวต้องโทรไปลางานตามร้านต่างๆ ที่เขาต้องไปเล่นดนตรีและร้องเพลง หลังจากที่ทิวแจ้งคุณพ่อของคุณเชนไปแล้ว สักพักคุณเชนก็โทรมาหาทิวด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

"ทิวเป็นไรมากหรือเปล่า ไปหาหมอไหม เดี๋ยวผมพาไป"

ทิวยังคงปฏิเสธด้วยความเกรงใจเช่นเดิม

"ไม่เป็นไรหรอกครับคุณเชน แค่เป็นไข้หวัดเองครับ กินยาแล้วนอนพักผ่อนสองสามวันก็หายครับ"

"อย่าดื้อสิทิว ไม่สบายก็ต้องไปหาหมอสิ เราต้องรู้จักดูแลร่างกายเราบ้าง ใช้งานมันหนักก็ต้องดูแลมันให้ดี ทิวรอผมอยู่ที่บ้านนะ เดี๋ยวผมไปหา"

พูดจบก็วางสายไปเลยราวกับจะไม่ให้ทิวได้มีโอกาสตอบโต้ใดๆ

ทิววางโทรศัพท์ลงอย่างงงๆ พอรู้จักกันมาได้สักพักทิวก็รู้สึกถึงความแปลกๆ ของคุณเชนอยู่เหมือนกัน รู้สึกได้ว่าเขาคอยไต่ถาม ห่วงใยและดูแลเขามากกว่านักร้องหรือนักดนตรีคนอื่นๆ หลังๆ มานี้เขาก็มาส่งทิวที่บ้านหลังเล่นดนตรีเสร็จเป็นประจำ จนทำให้ทิวต้องเผลอเล่าชีวิตและเรื่องส่วนตัวไปพอสมควร ก็คงเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อเรารู้สึกสนิทกันและไว้ใจกันมากขึ้น คนที่เราเริ่มสนิทด้วยก็จะค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเราทีละน้อยๆ

เชนมาถึงแล้วทิวจึงลงมาเปิดประตูให้ พอเข้ามาในบ้านแล้วสิ่งแรกที่เชนทำก็คือเอามือแตะหน้าผากทิวเพื่อดูอุณหภูมิของร่างกาย

"ก็ตัวร้อนเหมือนกันนะทิว ไปหาหมอดีกว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องค่ารักษาพยาบาลนะ เดี๋ยวผมจัดการให้"

"อย่าดีกว่าครับคุณเชน คุณเชนช่วยผมหลายอย่างแล้วครับ ผมไม่อยากรบกวน โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ"

"ทิว...ให้ผมช่วยเถอะนะครับ เล็กๆ น้อยๆ เอง ไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ทิวจะได้เก็บเงินไว้ อีกไม่กี่วันก็ต้องจ่ายเขาแล้วไม่ใช่เหรอ" ตอนนี้เชนรู้เรื่องที่ทิวเป็นหนี้แล้ว

"แต่..."

"ทิว...บางครั้ง คนเราก็ต้องรู้จักที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้างเวลาที่เราลำบาก พอเราหายลำบากแล้วเราก็ค่อยหาโอกาสตอบแทนคืนก็ได้ ทิวอย่ามัวแต่เกรงใจแบบนี้สิ ผมเต็มใจช่วยทิวนะ ผมเห็นทิวลำบากแบบนี้แล้วผมพูดตรงๆ ว่าผมรู้สึกเห็นใจมาก ผมอยากเป็นกำลังใจให้ อยากให้ทิวรู้ว่าถึงทิวจะไม่เหลือใครเลย แต่ทิวก็ยังมีผมอยู่"

เอาล่ะสิ สิ่งที่คุณเชนพูดมันชักจะใกล้เคียงกับสิ่งที่ทิวสงสัยเข้าไปทุกทีแล้ว ความสงสัยนั้นไม่ได้มาจากตัวทิวเพียงอย่างเดียว เป็นเพราะเพื่อนนักดนตรีที่มาร้องเพลงที่ร้านของเชนด้วยกันเป็นคนจุดชนวนขึ้นมา หลังจากที่เชนมาส่งทิวที่บ้านได้สามสี่ครั้ง ทิวก็ถูกเพื่อนนักดนตรีคนนั้นหลายคนถาม

"ทิวกลับบ้านกับคุณเชนบ่อยๆ นี่ไม่เสียวข้างหลังบ้างเหรอ อย่าบอกนะว่าทิวชอบแบบนี้"

"พี่โอ๊บพูดอะไรครับ ไม่เห็นเข้าใจเลย ทำไมต้องเสียวข้างหลัง" ทิวถามอย่างพาซื่อขณะที่นั่งซ้อมดนตรีอยู่หลังร้าน

โอ๊บหันซ้ายหันขวา พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ก็หันมากระซิบกระซาบกับทิวเบาๆ ราวกับเป็นความลับสุดยอดที่ให้ใครรู้ไม่ได้

"ไม่รู้หรือไงว่าคุณเชนน่ะเขาเป็นเกย์ ก่อนที่ทิวจะมาทำงานที่นี่ เขาก็มีแฟนเป็นผู้ชาย พ่อเขาก็รู้ ทุกคนในนี้ก็รู้ทั้งนั้นแหละ แต่ว่า...รู้สึกจะเลิกคบกันไปแล้วมั้ง"

ตั้งแต่วันนั้น ทิวก็ยิ่งสงสัยว่าที่คุณเชนทำดีเสียมากมายนั้นอาจจะเป็นเพราะเขาชอบทิวก็ได้ แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่าไรหรอก มันสำคัญที่ว่าทิวรู้สึกยังไงต่างหากล่ะ ตอนนี้อาจจะไม่ได้ชอบถึงขั้นนั้น อาจจะรู้สึกดีที่มีคนคอยห่วงใยในยามที่เขาไม่มีใคร แต่นานไปล่ะ เขาอาจจะหวั่นไหวก็ได้

แล้วใครคนนั้นที่ทิวเคยรักเคยผูกพันล่ะ แม้ว่าจะเป็นเพียงเวลาแค่สามปีแต่ทิวก็ไม่เคยลืมใครคนนั้นเลย หรือว่าทิวควรจะปล่อยให้ต้นรักต้นนั้นมันตายลงไปตามวันและเวลาที่ผ่านไป ถ้าคุณเชนเป็นคนดี รักทิวจริงๆ และถ้าต่อไปทิวก็รู้สึกอย่างนั้นกับคุณเชน ทิวก็ไม่ผิดไม่ใช่หรือที่จะรักใครสักคน

"ไปโรงพยาบาลกันเถอะ อย่ามัวแต่รีรอเดี๋ยวจะยิ่งไม่สบายไปกันใหญ่" เชนพูดขึ้นหลังจากที่เห็นทิวเงียบไปสักพัก

ทิวรู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเกรงใจหรือปฏิเสธในตอนนี้จึงตกลงใจแต่โดยดี แต่ก่อนที่เชนจะพาทิวออกไป เขาก็เหลือบไปเห็นรูปๆ หนึ่งที่ทิวตั้งไว้ตรงที่เขานั่งเล่นคีย์บอร์ด เป็นรูปทิวกับผู้ชายคนหนึ่งที่เชนเข้าใจว่าน่าจะเป็นเพื่อนสมัยเรียนของทิว เมื่อก่อนทิวเก็บรูปนี้ไว้บนหัวเตียง แต่ตอนหลังก็เอามาวางไว้ใกล้ๆ กับคีย์บอร์ด เวลาที่เขานั่งเล่น เขาจะได้รู้สึกว่าบูมยังอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ไปไหน แต่เชนก็ไม่ได้ถามอะไรแม้ว่าจะสงสัยในความสนิทสนมที่แสดงออกมาให้เห็นจากภาพนั้นอยู่บ้างก็ตาม

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

คงจะเป็นเรื่องยากทีเดียวที่ทิวจะไม่รู้สึกหวั่นไหวเมื่อมีเชนเข้ามาคอยดูแลเป็นห่วงเป็นใยในยามที่ทิวรู้สึกเหงาและไม่มีใครเช่นนี้ เขาก็ไม่ต่างจากคนที่ลอยคออยู่ในทะเลอย่างอ้างว้าง หมดแรงเมื่อไรเขาก็คงจมลงไปในที่สุด เมื่อมีสิ่งที่พอจะไขว่คว้ายึดเหนี่ยวไว้ได้ ทิวก็ต้องคว้าสิ่งนั้นเอาไว้ก่อนเพื่อความอยู่รอด ไม่อย่างนั้นแล้วการมีชีวิตอยู่ต่อไปก็จะยิ่งเป็นเรื่องลำบากมากขึ้น ชีวิตที่ไม่เหลือใครเลยนั้นทารุณแค่ไหนคงไม่มีใครรู้ดีจนกว่าจะได้เจอกับตัวเอง

ความสัมพันธ์ของทิวกับเชนเตลิดไปไกลมากขึ้นเมื่อทิวไม่ปฏิเสธที่จะคบหากับเชน จนกระทั่งวันหนึ่งทิวก็ยอมที่จะไปค้างที่คอนโดของคนที่ทิวกำลังตัดสินใจที่จะคบเป็นแฟน ทิวก็พอรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็เตรียมใจมาระดับหนึ่งแล้วล่ะ ที่ผ่านมาคุณเชนก็ดีกับทิวอย่างเสมอต้นเสมอปลาย คอยช่วยเหลือทุกอย่าง จนทิวไว้วางใจได้มากพอสมควร ยกเว้นเรื่องหนี้สินที่ทิวยังไม่อยากให้คุณเชนเข้ามาช่วยมากนัก ตอนรักกันอาจจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเกิดวันหน้าเลิกรักกันแล้ว เรื่องเงินๆ ทองๆ จะทำให้ความสัมพันธ์มีปัญหามากขึ้นไปอีก อีกอย่าง ทิวไม่คิดว่าเขาควรจะได้เงินจากใครมาฟรีๆ โดยไม่ได้ทำอะไรตอบแทน

"ทิวเป็นของผมนะ" เชนพูดขณะที่เขากับทิวอยู่บนเตียงด้วยกันแล้ว เชนค่อยๆ โน้มใบหน้าของเขาเข้าใกล้ใบหน้าของทิว พร้อมๆ กับที่ตัวของเชนค่อยๆ เคลื่อนขึ้นมาทาบทับ

แม้ว่าทิวจะเตรียมตัวเตรียมใจมาในระดับหนึ่งแล้ว แต่ในตอนนั้นทิวก็รู้สึกสับสน ไม่แน่ใจ กลัวและรู้สึกไม่สบายใจกับบางสิ่งบางอย่าง แต่เมื่อถูกปลุกเร้ามากเข้า ความต้องการตามธรรมชาตินั้นก็เหมือนจะมีพลังอำนาจมากกว่าความรู้สึกใดๆ ทิวจึงปล่อยตัวปล่อยใจไปกับแรงปรารถนาของร่างกายที่เตลิดจนเกินกว่าสติสัมปชัญญะจะเรียกกลับคืนมาได้

เนิ่นนานเท่าไรไม่รู้ แต่ก่อนที่อะไรๆ จะเตลิดไปไกลกว่านั้น ก็มีบางสิ่งบางอย่างที่ช่วยเรียกสติสัมปชัญญะของทิวให้คืนกลับมา

เพี๊ยะ!!!!

เสียงแส้ฟาดลงมาที่หลังของทิว แม้จะยังไม่แรงมาก แต่ก็ทำให้ทิวถึงกับสะดุ้งและร้องด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว ทิวก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ

"คุณเชนอย่าครับ ผมไม่ชอบแบบนี้"

ทิวรีบร้องห้ามเมื่อเชนเงื้อมือพร้อมที่ลงแส้เขาอีกครั้ง ทิวไม่คิดมาก่อนเลยว่าคนที่ท่าทางใจดีและมีน้ำใจอย่างเชนจะชอบมีเซ็กซ์ที่ซาดิสม์ ท่าทางที่ดูเหมือนคนโรคจิตนั้นทำให้อารมณ์ที่เตลิดไปเมื่อสักครู่นี้หายวับไปทันที

"ทิว...ทิวเจ็บแค่นิดเดียว แรกๆ ก็อย่างนี้แหละ ทิวอดทนหน่อยละกันนะ แต่ไม่นานทิวจะรู้ว่ามันมีความสุขมากแค่ไหน ทิวจะต้องติดใจอย่างแน่นอน เชื่อผม"

แววตาและท่าทางของเชนเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ทิวไม่เคยเห็นเชนในลักษณะเช่นนี้มาก่อนเลย แต่ไม่ว่าเชนจะพูดอย่างไร ทิวก็ไม่รู้สึกสนุกกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เสียแล้ว ทิวกวาดสายตาหาทางหนีทีไล่ก่อนที่จะปฏิเสธเชนไปอีกครั้ง

"ไม่ครับคุณเชน ผมไม่ชอบแบบนี้จริงๆ ครับ ผมขอร้องนะครับ อย่าทำผมเลย"

ทิวร้องบอกด้วยความกลัว สติสัมปชัญญะที่หายไปเมื่อสักครู่นี้กลับคืนมาหมดแล้ว

ดูเหมือนจะได้ผล เมื่อสีหน้าของเชนค่อยๆ เปลี่ยนไปเหมือนเริ่มได้สติ เขาค่อยๆ วางแส้ลงและเงียบไป คงจะเห็นท่าทางที่หวาดกลัวของทิวนั่นเอง สงสัยว่าเชนจะรีบร้อนไปหน่อย หลายๆ คนที่คบกันมาสักพัก พอเจอแบบนี้เข้าก็หนีเตลิดกันแทบทุกคน ทิวก็คงจะเป็นอีกคนที่จะหนีไปจากชีวิตเชนด้วยเรื่องนี้

ทิวรีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่แล้วก็วิ่งออกไปจากคอนโดของเชนทันที นับว่าโชคดีที่เชนไม่ได้ตามมาและไม่ได้ขู่บังคับให้ต้องมีเซ็กซ์แบบนั้นโดยไม่เต็มใจไปด้วย ที่โชคดีไปกว่านั้นก็คือ ทิวได้สติกลับคืนมาแล้ว เขาได้แต่โทษตัวเองที่หวั่นไหวและเผลอไผลง่ายดายแบบนั้น

ทิวอดจะร้องไห้ด้วยความอดสูใจไม่ได้ ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตจะต้องลำบากและมีเคราะห์กรรมมากเช่นนี้ เสียคนรัก เสียแม่ เสียโอกาสในการเรียน เสียเงินเพราะต้องใช้หนี้ พอกำลังจะเจอคนที่พอจะพึ่งพาและคอยดูแลกันได้ก็กลับเป็นอย่างนี้ไปเสียอย่างนั้น

ทิวทรุดลงนั่งร้องไห้อยู่ข้างถนน ยังพอมีคนเดินผ่านไปมาบ้างแม้ว่าจะดึกมากแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครสนใจใครหรอกและทิวก็ไม่อยากให้ใครมาถามทั้งนั้นว่าทิวร้องไห้ทำไม ทิวคิดถึงแม่เหลือเกิน ถ้าแม่ยังอยู่ชีวิตของทิวคงไม่เป็นอย่างนี้ คิดๆ ไปแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ทิวไม่เคยรับรู้เลยว่าแม่มีปัญหาอะไรบ้าง จนกระทั่งแม่จากไปแล้ว

แล้วทิวก็คิดถึงบูมขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจ รู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูกที่ทิวปล่อยตัวปล่อยใจให้เผลอไผลไปกับคนที่ทิวยังไม่ได้รัก นายลืมไปแล้วหรือว่านายเคยรักใคร นายอย่าเป็นแบบนี้อีกนะทิว นายต้องซื่อสัตย์กับหัวใจของตัวเอง ขอให้นายเก็บสิ่งนี้เอาไว้จนกว่าจะได้เจอกับบูมอีกครั้ง ได้บอกความรู้สึกทั้งหมดที่นายมีให้บูมฟัง ไม่ให้มีสิ่งใดติดค้างในใจอีก หลังจากนั้น ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามวิถีของมัน

"เราจะรอนายนะบูม ไม่ว่านานแค่ไหนก็จะรอ เราจะไม่ให้ใครได้หัวใจของเราไปก่อนนาย เพราะว่านายคือคนแรกที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตที่เหน็บหนาวของเรา นายคือคนแรกที่เรายอมทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้หมดหัวใจ เพราะว่านายคือ...รักแรกในชีวิตของเรา"

ทิวคร่ำครวญอยู่ในใจ แต่ใครคนนั้นจะได้ยินหรือเปล่า เขาอยู่ไกลเกินไปเกินกว่าจะรับรู้ได้ว่าใครอีกคนกำลังรอคอยและมีชีวิตที่ลำบากแค่ไหน จะว่าไปแล้วทิวก็ไม่รู้จะรอคอยไปทำไม ต่อให้เคยผูกพันกัน รู้จักกัน รักกัน เมื่อจากกันไปอย่างนี้และไม่คิดจะติดต่อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน บูมก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้าคนหนึ่งไปแล้วในตอนนี้

TBC

เสียดายที่ไม่เคย...
คำร้อง/ทำนอง/เรียบเรียง/คอรัส/ร้อง - sarawatta

22 Decmeber 2011

https://www.youtube.com/v/5aMVed2Rax8

รู้ตัวอีกที เวลาก็ผ่านไปเนิ่นนาน
อยู่ๆ ภาพในวันเก่า ก็ฟื้นมาเตือนเรื่องราวมากมาย
ตั้งแต่วันที่เรามาเจอกัน จวบจนวันที่เราห่างไกล
เหลือเพียง แค่ความจริงบางอย่าง

ย้อนไปวันนั้น ที่เธอเข้ามาหลบซ่อนตัว
อยู่ในหัวใจเดียวดาย เก็บรักเอาไว้ข้างในมุมหนึ่ง
เมื่อวันนั้นที่เรายังเจอกัน ไม่เคยสานสัมพันธ์ลึกซึ้ง
เผยใจ บอกไม่ได้เลย จนห่างเหินกันไป

* เธอ คือความรัก ที่ยังไม่ลืม
และอยากจะย้อนไป วันนั้น เพื่อเปิดเผยใจ สักครั้ง
เธอคือคนนั้น ที่ต้องได้ฟัง
จึงได้แต่เสียดาย ที่ไม่เคย บอกรักเธอ

รักกันบ้างไหม ก็คงไม่ใช่เรื่องสำคัญ
อยากจะขอแค่ยืนยัน ความรู้สึกดีที่มีให้เธอ
แต่วันนั้นก็ล่วงก็เลยผ่าน และติดค้างหัวใจเสมอ
เสียดาย ที่ไม่กล้าพอ จนไม่เหลือโอกาส

ซ้ำ *

เธอ คือความรักที่ยังไม่ลืม จึงได้แต่เสียดาย
ที่ไม่เคย บอกรักเธอ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 15 วันที่ 20.3.2012) - ขอลาป่วยคร้าบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 24-03-2012 10:00:57
คิดถึงทิวบูมมากจริงๆ  :กอด1: :กอด1:

เดาผิดหมดเลย นึกว่าจะเจอพี่บีมเสียอีก เผื่อจะได้ข่าวคราวบูมบ้าง
แต่ก็ไม่ใช่ กลับเป็น คุณเชน ลูกเจ้าของร้าน
อุตส่าห์ดีใจแล้วเชียวที่มี คุณเชน มาดูแลทิว ในช่วงที่ทิวเคว้งคว้างแบบนี้
ที่ไหนได้ คุณเชนดันมาซาดิสม์ไปซะนี่  o12
ทิวเอ้ยยย ชีวิตนายมันอะไรกันเนี่ยย เคราะห์ซ้ำกรรมซัดได้อีก... :o7:


บูม เมื่อไหร่จะกลับมาเสียที นายจะรู้มั้ยว่าทิวยังคอยนายอยู่เสมอ
แถมไม่เคยติดต่อทิวเลย บูมคิดอะไรอยู่นะ  อยากให้บูมกลับมาเร็วๆจัง

ขอบคุณค่ะ +เป็ด  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 16 วันที่ 24.3.2012) - หายป่วยแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 24-03-2012 11:02:21
สงสารทิวมากมายอะ สงสารการรอคอยที่ไม่สิ้นสุด สงสารหัวใจดวงนี้ที่ต้องรอต่อไปเรื่อย
และเหมือนจะได้น้ำหล่อเลี้ยง แต่หัวใจก็ถูกยำ่ยี ทำไมมรสุมที่พัดมา ไม่พัดไปสักที บูมไปอยู่ำไหน
กลับมาได้แล้ว กลับมาหาทิวที
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 16 วันที่ 24.3.2012) - หายป่วยแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 24-03-2012 11:08:11
ผิดคาดกับพี่เชน นึกว่าจะมาเป็นพระรองเกาหลีซักหน่อย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 16 วันที่ 24.3.2012) - หายป่วยแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 24-03-2012 12:29:34



เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ

ชีวิตทิวน่าสงสารจริงๆ ตอนแรกคิดว่าเชนจะดีกับทิวแล้วแท้ๆ พอมาเจอตอนนี้แอบตกใจอยู่เหมือนกัน

ชีวิตทิวจะเป็นยังไงต่อไปเนี่ย เฮ้อ น่าสงสาร แล้วเพื่อนหายไปไหนกันหมดเนี่ย T T เวลาเราลำบากอย่างนี้

ถ้ามีเพื่อนคอยปลอบโยนก็คงรู้สึกดีขึ้น เป็นกำลังใจให้ทิวค่ะ แล้วบูมเมื่อไหร่จะกลับมา อ่านแล้วเศร้า ขอแบบแฮปปี้ๆ นะค่ะ T T

ปล. ขอเป็นกำลังใจให้คนเขียนหายป่วยและมาอัพนิยายต่อไวไวนะค่ะ

ขอบคุณสำหรับคุณsarawatta สำหรับนิยายสนุกๆอบอุ่น เคล้าไปด้วยมิตรภาพนะค่ะ

ยอมรับว่าตอนนี้ติดทุกเรื่องแล้วละค่ะ แต่ไม่ค่อยมีเวลาอ่านต่อซะเท่าไหร่ ถ้ามีเวลาจะกลับไปอ่านต่ออีก เพราะสนุกมาก ขอบคุณค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 16 วันที่ 24.3.2012) - หายป่วยแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 24-03-2012 12:31:12
จะติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 16 วันที่ 24.3.2012) - หายป่วยแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 25-03-2012 11:22:06
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 17 ✦ เสียงเงียบก่อนความตาย

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)

กลับมาถึงบ้านแล้วทิวก็วิ่งขึ้นไปบนห้อง เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะอาบน้ำ เขาใช้มือถูปาก ถูแขน ถูขา ถูเนื้อตัวแรงๆ ราวกับว่าจะให้ชิ้นส่วนเหล่านั้นที่ถูกคุณเชนสัมผัสหลุดออกไปจากร่างกาย ทิวได้บทเรียนแล้ว ต่อไปนี้เขาจะต้องมีสติมากขึ้น

เพราะความเหงาและการขาดที่พึ่งแท้ๆ ที่พาทิวเตลิดไปไกลถึงขนาดนั้น แต่จะไม่ให้ทิวทำอย่างนั้นก็ไม่ได้ ชีวิตที่ไม่เหลือใคร ไม่มีใครให้รัก มิหนำซ้ำคนที่เคยรักก็จากไปไกลแสนไกล ทำให้ทิวไม่สามารถอยู่ในสภาพชีวิตอย่างนี้ได้ เชนจึงกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทิวคว้าเอาไว้ก่อนที่ชีวิตจะดำดิ่งไปมากกว่านี้

เมื่อเชนไม่ใช่ฟางเส้นสุดท้ายเสียแล้วทิวจะเหลืออะไรในชีวิตให้ยึดเหนี่ยวอีกล่ะ ก็คงต้องกลับมาที่บูมเหมือนเดิม แต่ความรักระหว่างทิวกับบูมก็อ่อนแรงลงเหลือเกินแล้ว ไม่รู้ว่าจะพอเป็นความหวังสุดท้ายของทิวไปได้อีกนานแค่ไหน ถ้าความรักนั้นหมดแรงแล้ว ทิวก็คงไม่เหลืออะไรอีกเลยบนโลกใบนี้ และนั่นก็อาจจะหมายถึงชีวิตของทิวด้วย

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ทิวตัดสินใจเลิกไปร้องเพลงที่ร้านของเชนในที่สุด คุณพ่อของเชนดูจะเสียดายมากทีเดียว แต่ทิวก็ยืนยันที่จะลาออกโดยให้เหตุผลว่าร้านอาหารนี้ไกลเกินไป ทำให้ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายค่อนข้างมากในการมาร้องเพลงแต่ละครั้ง ส่วนเหตุผลจริงๆ นั้นทิวคงไม่สามารถบอกได้ ทิวไม่สามารถสู้หน้าเชนได้เลย เห็นทีไรทิวก็รู้สึกหวาดผวาทุกครั้ง

พอเลิกร้องเพลงร้านของเชนก็ทำให้ชีวิตของทิวต้องลำบากมากขึ้น ร้านนี้เป็นร้านเดียวที่ทิวได้ค่าจ้างค่อนข้างมากกว่าที่อื่น รายได้ที่เคยได้ในแต่ละสัปดาห์จึงลดลงไปมากพอสมควร แม้จะเสียดายแค่ไหนแต่ทิวก็ไม่มีทางเลือก จึงจำเป็นต้องตระเวนหาร้านใหม่ๆ แต่ดูเหมือนคราวนี้โชคจะไม่เข้าข้างเสียเลย ตระเวนหาอยู่หลายวัน หมดเงินค่าเดินทางไปก็ไม่ใช่น้อย แต่ทิวก็ยังไม่ได้ที่ร้องเพลงเพิ่มขึ้นแม้แต่ที่เดียว

พอถึงสิ้นเดือนทิวจึงมีเงินเหลือหลังจากใช้หนี้ไปแล้วแค่สองพันกว่าบาท แน่นอนว่าไม่มีทางพอใช้ ทิวจึงลองปรึกษาเพื่อนนักร้องที่เขารู้จักในร้านแห่งหนึ่งที่ทิวไปเล่นดนตรีและร้องเพลงอยู่ เผื่อว่าจะมีร้านอื่นๆ ที่ทิวจะลองไปเทสต์ดูบ้าง

ทิวจึงมานั่งปรับทุกข์กับเพื่อนร่วมอาชีพคนหนึ่งหลังร้านอาหาร เพื่อนคนนี้ชื่อบอย ทิวรู้จักบอยมาระยะหนึ่งแล้ว คิดว่าพอไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง

"บอย บอยพอจะรู้จักร้านอาหารที่ไหนอีกไหมที่เขาต้องการนักร้องเพิ่ม"

"ร้อนเงินเหรอ"

บอยถามโดยไม่หันมามองหน้าแต่กดมือถือเหมือนกำลังแช็ทกับใครอยู่ จากกิริยาท่าทางของบอยนั้น ทิวก็พอดูรู้ว่าบอยน่าจะเป็นเกย์ที่น่าจะออกสาวมากทีเดียว ส่วนทิวนั้นถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครรู้หรอก

"ก็นิดหน่อย พอดีเรายกเลิกไปร้องเพลงอีกที่หนึ่งมา มันไกลมาก เดินทางไม่สะดวก ค่าใช้จ่ายก็เยอะ" ทิวรับไปตามตรง

บอยเงยหน้าจากโทรศัพท์แล้วก็ถาม "แล้วอยากได้แบบเยอะๆ เร็วๆ หรือแบบธรรมดาล่ะ"

"มันมีแบบที่ได้เยอะๆ เร็วๆ ด้วยเหรอ" ทิวถามอย่างสงสัย

"ถ้ามีแบบได้เยอะๆ เร็วๆ ก็เอาแบบนี้ก็ได้ บอยรู้จักร้านนั้นใช่ไหม" ทิวถามอย่างตื่นเต้น

"มีสิ ทำแค่ไม่กี่ครั้ง ขี้คร้านทิวจะได้เงินเป็นหมื่นๆ ไม่เหนื่อยอะไรมากด้วย ว่าแต่ทิวจะใจถึงหรือเปล่าเท่านั้นแหละ"

ชักฟังดูแปลกๆ แต่ด้วยความอยากได้เงินมาใช้จ่ายประทังชีวิต ทิวก็เลยอยากรู้ว่ามันมีร้านอาหารที่จะทำให้เขาได้เงินมากอย่างนั้นจริงหรือเปล่า

"ทำไมเหรอ เพลงมันยากหรือเปล่า ให้เราไปลองก่อนก็ได้"

"โอ๊ย มันไม่มีอะไรยากหรอก" บอยทำเสียงคล้ายรำคาญ จริตจะก้านเริ่มออกชัดมากขึ้น

"เพลงก็ไม่ต้องร้องด้วยซ้ำ ใช้แค่ทักษะประจำตัวบางอย่างเท่านั้นแหละ ทักษะแบบนี้ทิวก็มี ไม่ต้องไปฝึกอะไรเพิ่มด้วย"

ยิ่งฟังก็ยิ่งแปลก นี่มันงานอะไรของบอย ทำไม่กี่ครั้งก็ได้เงินเป็นหมื่น แถมไม่ต้องร้องเพลงและไม่ต้องไปฝึกเพิ่มเติม

"บอย บอยบอกเราตรงๆ ได้ไหมว่ามันเป็นงานอะไรกันแน่ เราไม่เข้าใจ"

บอยเห็นท่าทางไร้เดียงสาของทิวแล้วก็หงุดหงิดเล็กน้อยจึงเขยิบเข้ามาใกล้ๆ แล้วกระซิบกระซาบที่ข้างหูของทิว พอทิวได้ฟังแล้วก็ตกใจ

"อะไรนะ งานแบบนั้นเราทำไม่ได้หรอก"

"ก็ตามใจ แต่ถ้าอยากทำก็บอกแล้วกัน เดี๋ยวจะพาไปฝากให้"

บอยตอบอย่างไม่แยแสมากนัก ทิวต้องคิดหนักทีเดียว ไม่ใช่คิดว่าอยากทำหรือไม่อยากทำ คงไม่อยากทำอยู่แล้วล่ะ แต่เขากลัวว่าสุดท้ายถ้ามันไม่มีทางเลือกจริงๆ เขาก็ต้องทำมันจนได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

"ต้อง... สงสัยเดือนนี้กูคงต้องขอรบกวนมึงแล้วว่ะ"

ทิวตัดสินใจโทรไปหาต้องที่ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้ คนอื่นๆ ทิวไม่กล้ารบกวนเลยจริงๆ ตั้งแต่ที่เขาต้องออกจากมหาวิทยาลัย บางทีก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะไปสู้หน้ากับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ที่ต่างก็ได้ร่ำเรียนและมีชีวิตที่ดีๆ ไม่ต้องตกระกำลำบากเหมือนทิว

"มีอะไรหรือเปล่าทิว" ต้องถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

"เรื่องเงินน่ะต้อง ตอนนี้กูแย่จริงๆ ว่ะ ถ้าพอช่วยได้ เดือนนี้กูคงต้องขอให้มึงช่วยกูหน่อยแล้วล่ะต้อง"

ทิวบอกไปอย่างลำบากใจ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นเลยในตอนนี้ จะให้เขาไปทำงานอย่างที่บอยแนะนำก็รู้สึกละอายใจจนเกินกว่าจะทำอย่างนั้นได้

"เออๆ มึงรอกูอยู่ที่บ้านนะทิว เดี๋ยวกูจะไปหามึงเดี๋ยวนี้แหละ"

จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่บูมจากไป ทิวก็มีต้องนี่แหละที่คอยอยู่เป็นเพื่อนและคอยช่วยเหลือในยามลำบาก ยิ่งตอนที่แม่เพิ่งเสียไปใหม่ๆ นั้น ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนหลายวันเลยทีเดียว

"ทิว...ทีหลังมีเรื่องอะไรแบบนี้อีกให้รีบบอกกูนะเว้ย นี่มึงไม่ได้อดข้าวใช่ไหม"

มาถึงปุ๊บต้องก็รีบต่อว่าเพื่อนทันทีเพราะรู้ว่าทิวเป็นคนขี้เกรงใจ ถ้าปัญหาไม่หนักก็จะไม่ยอมบอกใคร

"ยังไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่ดูท่าทางเดือนนี้กูจะสาหัสหน่อยว่ะเพื่อน พอดีกูไม่ได้ไปเล่นอีกร้านหนึ่ง มันไกลมาก ค่าเดินทางมันเยอะก็เลยเลิกไปเล่น แต่รายได้ก็ลดลงไปด้วย ลดไปเยอะเลยว่ะ"

ทิวถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ต้องเห็นแล้วก็ได้แต่สงสาร หน้าตาของทิวดูเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากทีเดียว ดูผอมลงและมีแววตาเศร้า ต้องไม่เคยเห็นทิวหัวเราะร่าเริงเลยในช่วงหลังๆ มานี้

"อยากให้กูช่วยแค่ไหนล่ะทิว"

"สักสามพันก็แล้วกัน กูก็ไม่อยากรบกวนมึงหรอกนะต้อง กูรู้ว่ามึงต้องเรียนหนังสือ ใช้เงินเยอะ แต่กูก็ไม่รู้จะไปหาใคร ไม่รู้ว่ากูมีเคราะห์กรรมอะไรนักหนาว่ะต้อง"

ความน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาชีวิตทวีขึ้นมาอีกแล้ว ทิวพยายามเข้มแข็งมาตลอด แต่ข้างในนั้นอ่อนล้าและสิ้นหวังจนยากที่จะเยียวยา

"เฮ้ยอย่าคิดมากทิว เข้มแข็งหน่อยสิวะ" ต้องพยายามปลอบใจ

"กูไม่รู้ว่าจะเข้มแข็งไปได้อีกแค่ไหนว่ะต้อง กูเหนื่อยกับชีวิตว่ะ กูไม่เหลือใครเลยนะเว้ย กูจะเหนื่อยไปเพื่อใคร กูจะอยู่ไปเพื่อใครวะ"

แล้วทิวก็ร้องให้จนได้

"ไอ้ทิว มึงอย่าอ่อนแอสิวะ กูก็ยังอยู่นะเว้ย ยังไงกูก็ไม่ทิ้งมึงหรอก ยังไงมึงก็เป็นเพื่อนกูนะทิว เข้มแข็งหน่อยสิวะทิว ชีวิตมันต้องมีความหวังบ้าง มึงเชื่อกูสิ"

ต้องพยายามปลอบใจ เขยิบเข้าไปนั่งใกล้ๆ แล้วก็โอบไหล่ทิวไว้ ปล่อยให้ทิวร้องให้เพื่อระบายความเครียดและความอัดอั้นตันใจอย่างเต็มที่ ต้องคงจะต้องเลิกพูดถึงปัญหาหรือใช้คำพูดที่มองโลกในแง่ร้ายไปก่อน เพราะนอกจากจะไม่ช่วยปลอบใจแล้วก็ยิ่งจะทำให้ทิวหมดความหวังและอ่อนแอมากยิ่งขึ้น แม้กระทั่งเรื่องของบูมต้องก็ต้องเลิกพูดหรือแม้กระทั่งเลิกคิดไปเลย ทิวอยู่ในภาวะชีวิตที่วิกฤติอย่างมาก เปราะบางเกินกว่าจะปล่อยให้กระทบกระเทือนใจไปมากกว่านี้

ต้องรอจนกระทั่งทิวค่อยๆ สงบจิตใจลงแล้วจึงค่อยถาม

"ไปกินข้าวกันไหมทิว มึงกับกูไม่ได้กินข้าวด้วยกันมานานแล้วนะเว้ย อ้อ..ว่าแต่มึงต้องไปร้องเพลงคืนนี้หรือเปล่า"

ทิวส่ายหน้า "วันนี้ไม่มี"

"เออดี ไปกินข้าวกันดีกว่านะทิว เดี๋ยวกูเลี้ยงมึงเองวันนี้ มึงอยากกินไรบอกมาได้เลย วันนี้กูเต็มที่" ต้องบอกพลางยิ้ม

ทิวพยายามยิ้มให้เพื่อนเช่นกัน แม้ว่ามันจะไม่ง่ายเลยก็ตาม แต่เห็นเพื่อนดีขนาดนี้แล้วทิวก็พอมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกอ้างว้างจนเกินไป

"ขอบใจนะต้อง ขอบใจที่มึงไม่ทิ้งกูไปอีกคน"

"เออๆ กูไม่ทิ้งมึงหรอก มึงนั่นแหละ อย่าลืมนึกถึงกูละกันเวลามีปัญหาอะไรก็แล้วกัน ไปกินข้าวกันเหอะ กูหิวแล้ว"

ต้องรีบตัดบทเพื่อที่จะให้ทิวหยุดคิดถึงเรื่องที่บั่นทอนจิตใจ ถ้าชีวิตมีปัญหาแล้วยิ่งคิดถึงหรือจมอยู่กับปัญหาก็จะยิ่งทำให้ชีวิตหดหู่และสิ้นหวังมากขึ้น สู้ไปหาอย่างอื่นทำดีกว่า จะได้ไม่ต้องคิดมากและเลิกฟุ้งซ่านเพราะอยู่กับตัวเองมากเกินไป

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

สิ้นเดือนอีกแล้ว ทิวใช้หนี้ไปหนึ่งหมื่นบาทและมีเงินเหลือติดตัวแค่สองพันกว่าบาทเช่นเคย ไม่พอใช้อีกแล้ว ทิวจะต้องยืมเพื่อนอีกหรือเปล่า เพิ่งยืมไปเมื่อไม่นาน ยังไม่ทันได้ใช้คืนเลยก็จะยืมอีกแล้ว ทิวคงรบกวนต้องอีกไม่ได้ ต้องเรียนหนังสืออยู่ จะเอาเงินที่ไหนมาให้ยืมนักหนา

พอเป็นแบบนี้แล้วทิวก็นึกถึงบอย ทิวเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าคนจนตรอกนั้นทำอะไรก็ได้ แม้จะเป็นสิ่งที่ทิวไม่อยากทำเลยก็ตาม ยิ่งต้องการเงินด่วนมากเท่าไหร่ทางเลือกของทิวก็ยิ่งน้อยลงไปทุกที นั่งทำใจอยู่นานเลยทีเดียวจึงตัดสินใจโทรหาบอย ทันที่ที่บอยรู้ว่าทิวต้องการอะไรบอยก็ไม่รอช้า

"ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวบอยจัดให้ มาหาเราแถวๆ สีลมละกัน กี่โมงน่ะเหรอ สักทุ่มหนึ่งก็ได้ เออๆ เดี๋ยวจะรอนะ อย่าเบี้ยวล่ะ"

ทิววางสายแล้วก็ยังต้องนั่งทำใจอยู่อีกพักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจออกจากบ้านไปตามที่นัดหมายกับบอยไว้ พอไปถึงสถานที่นัดหมาย ทิวก็พบว่ามันเป็นบาร์เกย์นี่เอง บอยพาเขาไปรู้จักกับพี่คนหนึ่งชื่อเจ๊เหมียว เป็นกะเทยที่น่าจะแปลงเพศแล้วและน่าจะเป็นเจ้าของบาร์นี้ เจ๊เหมียวดูเหมือนจะพอใจกับรูปร่างหน้าตาของทิวมากทีเดียว พอคุยตกลงรายละเอียดกันแล้ว เจ๊เหมียวก็ให้ทิวเริ่มทำงานในวันรุ่งขึ้นได้เลย

ทิวไม่รู้ว่าคิดดีแล้วหรือยัง แต่ก็ตั้งใจว่าจะทำแค่ไม่กี่ครั้งพอให้ได้เงินมาใช้จ่ายสักหน่อยแล้วก็จะเลิก ก็ไม่รู้ว่าจะง่ายอย่างที่คิดหรือเปล่า งานอย่างนี้เข้ามาแล้วก็อาจจะเลิกไม่ได้ง่ายๆ ก็ได้

วันต่อมาทิวก็เดินทางมาทำงานตามที่นัดหมาย การทำงานเป็นเด็กขายของทิวในวันแรกยังดูเงียบๆ อยู่เพราะเพิ่งมาใหม่และยังไม่มีชื่อเสียงในกลุ่มลูกค้าขาประจำ จนกระทั่งดึกพอสมควรจึงมีลูกค้าผู้ชายคนหนึ่งอายุสามสิบเศษๆ หน้าตาดีทีเดียวมาเลือกทิวไปเนื่องจากเด็กขายที่ขึ้นชื่อนั้นถูกออฟไปจนหมด ทิวจึงได้ไปกับแขกคนนี้โดยไม่ตั้งใจ ก็ไม่รู้ว่าโชคดีหรือเปล่าที่ทำงานวันแรกก็ได้แขกเลย แต่นั่นก็เท่ากับว่าขาข้างหนึ่งของทิวก้าวเข้ามาในวงการนี้เสียแล้ว เมื่อเสร็จสิ้นภาระกิจไปทิวก็คงเข้ามาเต็มตัวเหมือนคนอื่นๆ

แขกผู้ชายคนนั้นแนะนำตัวเองว่าชื่อธนาธร เขาพาทิวมาที่โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งด้วยรถส่วนตัว พอมาถึงก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง ธนาธรตรงเข้ามากอดจูบเพื่อปลุกอารมณ์ทิวทันที

"รู้ไหมว่าเราน่ะ ทั้งรูปร่าง หน้าตา ถูกใจพี่มากเลย เห็นเจ๊เหมียวบอกว่ายังไม่เคยใช่ไหม"

น้ำเสียงและท่าทางหื่นกระหายนั้นทำให้ทิวถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ท่าทางคืนนี้เขาคงจะไม่รอดแน่ๆ

"ยังครับ" ทิวตอบด้วยน้ำเสียงประหม่า

"ดีล่ะ โชคดีของพี่จริงๆ ที่จะได้เปิดซิงเราเป็นคนแรก" ธนาธรพูดจบแล้วก็ผลักทิวล้มลงไปบนเตียงพร้อมกับขึ้นมาทาบทับตัวทิวไว้

แต่ไม่ว่าธนาธรจะพยายามมากแค่ไหน ทิวก็ไม่มีอารมณ์ร่วมเลยจริงๆ เพราะทิวเพิ่งบอกกับตัวเองเมื่อไม่นานมานี้ว่าจะไม่ให้ใครเข้ามารุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวแบบนี้อีกแล้ว แล้วทำไมวันนี้ทิวถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ก็อาจจะจริงที่มันไม่ใช่ความรักเพราะเป็นเพียงการใช้ร่างกายแลกกับเงิน แต่มันก็ทำให้ทิวรู้สึกผิดบาปในใจอย่างมาก แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อทิวต้องการเงิน ไม่อย่างนั้นแล้วก็จะถูกคุกคามหรือไม่ก็โดนทำร้ายจากเจ้าหนี้คนนั้น

แล้วทิวอยากได้เงินมากถึงขนาดนี้เลยหรือ ความคิดของทิวตีกันไปมาในหัว จนในที่สุดทิวก็ทนไม่ไหวกับความสับสนนั้น

"พี่" ทิวเรียกอีกฝ่ายเสียงดัง "หยุดก่อนเถอะครับ"

ธนาธรหยุดชะงักเล็กน้อย "มีอะไรหรือเปล่า หรือว่าไม่ชอบแบบนี้ ชอบแบบรุนแรงเหรอ"

กลายเป็นเรื่องนั้นไปเสียนี่

"ไม่ใช่ครับ ผมไม่อยากทำแบบนี้แล้ว พี่ปล่อยผมไปเถอะครับ"

"นี่น้อง พี่จ่ายเงินไปแล้วนะ คิดจะมาเบี้ยวกันง่ายๆ แบบนี้เหรอ ไม่มีทางเสียหรอก" ธนาธรเริ่มโมโห เขาลุกขึ้นนั่งอย่างไม่สบอารมณ์

"ผมขอร้องนะพี่ อย่าทำผมเลย ผมไม่อยากทำแบบนี้แล้ว" ทิวยกมือไหว้ขอร้องพร้อมกับร้องไห้

ธนาธรดูจะตกใจมากทีเดียว ตั้งแต่ออฟเด็กมาก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลย

"ไม่ได้ พี่จ่ายเงินไปแล้วนะน้อง อย่างนี้มันเอาเปรียบกันนี่นา" ธนาธรเริ่มเสียงแข็ง

ทิวหยิบกางเกงที่หล่นอยู่ข้างๆ เตียงมาควานหากระเป๋าสตางค์ พอเจอแล้วเขาก็หยิบเงินสองพันที่เขามีอยู่ติดตัวส่งให้ธนาธร

"ผมมีอยู่แค่นี้พี่ ไม่รู้ว่าพอหรือเปล่า แต่พี่ปล่อยผมไปเถอะครับ นึกว่าสงสารผมเถอะ ผมไม่อยากทำแบบนี้แล้ว" ทิวพูดพลางสะอื้น

ธนาธรรับเงินไปอย่างอารมณ์เสียนิดๆ อาจจะได้คืนไม่เท่ากับที่จ่ายไปหรอก แต่พอเห็นทิวร้องไห้อย่างนี้ก็คงไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้วล่ะ

"เออ ไม่ทำอะไรก็ได้ แล้วนี่มีค่ารถกลับบ้านหรือเปล่า"

ทิวพยักหน้า ยังพอมีเงินติดในกระเป๋าอีกประมาณสองร้อย คงพอกลับบ้านได้อยู่

"เอ้า จะไปก็ไปสิ พี่ไม่ทำอะไรแล้ว ซวยจริงๆ เลย อุตส่าห์อดไว้ตั้งหลายวันนึกว่าจะได้มีความสุขซะหน่อย"

ทิวรีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว เสร็จแล้วก็เดินแกมวิ่งออกไปอย่างร้อนรน นั่งมอเตอร์ไซค์ออกไปสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน จากนั้นก็มาลงที่สถานีลาดพร้าวแล้วก็ขึ้นรถเมล์ไปต่ออีกนิด จบท้ายด้วยการนั่งมอเตอร์ไซค์เข้ามาในซอยบ้านที่เขาอยู่

พอเข้ามาในบ้านแล้วทิวก็แหงนมองดูรูปของแม่ที่ติดไว้ข้างฝาบ้าน จากนั้นก็หันไปดูรูปของบูมที่อยู่ตรงมุมคีย์บอร์ด ทิวทรุดตัวลงนั่งแล้วก็ร้องให้ รู้สึกหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต ชีวิตที่ไม่มีใครเลยสักคน ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่อใครหรือเพื่ออะไร ทิวไม่เคยคิดถึงความตายเลยจนกระทั่งวันนี้ เมื่อก่อนเขาคิดว่าคนที่ฆ่าตัวตายนั้นเป็นคนโง่และขี้ขลาด แต่วันนี้ ทิวรู้แล้วว่าทำไมคนเหล่านั้นถึงได้คิดสั้น

"แม่...ยกโทษให้ทิวด้วยนะครับที่ทิวไม่เชื่อที่แม่สอน ทิวไม่ได้อยากทำแบบนี้เลย แต่ทิวไม่ไหวแล้ว ทิวไม่ไหวแล้วครับแม่ ให้ทิวไปอยู่กับแม่นะครับ"

ทิวร้องให้สะอึกสะอื้นราวกับจะขาดใจ วันนี้เขาอ่อนแอถึงที่สุดแล้ว แต่มันก็คงจะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตที่จะอ่อนแออย่างนี้ อีกไม่นานก็คงจะหมดทุกข์โศกและไม่ต้องรับรู้ความเจ็บปวดอีกต่อไป

ทิวค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นเดินแล้วก็ขึ้นไปบนห้อง หยิบน้ำยาล้างห้องน้ำมาวางไว้บนโต๊ะ นั่งลงแล้วก็เขียนจดหมายร่ำลาถึงใครสักคน เป็นจดหมายถึงบูมนั่นเอง แม้ว่าจะจากโลกนี้ไปแล้วแต่ทิวก็ยังอยากบอกความในใจให้เพื่อนได้รับรู้ นี่คือสิ่งๆ เดียวที่ทำให้ทิวยังมีชีวิตหยัดยืนอยู่ได้จนถึงวันนี้ แต่ทิวก็คงไปต่อไม่ไหวแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่น่าโหยหาและน่าหลงใหลเท่ากับความตายแล้วตอนนี้ ทิวเขียนไปก็ร้องไห้ไป เขียนเสร็จแล้วก็เอาจดหมายใส่ซองไว้ จากนั้นก็เขียนข้อความไว้ที่หน้าซองว่า

"ใครก็ตามที่พบจดหมายฉบับนี้ ขอให้ช่วยนำไปส่งให้นายกรกฤต เทพสถิตย์พิทักษา ที่บ้านเลขที่..."

แล้วทิวก็ฟุบหน้าลงร้องให้กับโต๊ะอย่างหนัก ยิ่งรู้ว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอและบอกความในใจด้วยตัวเองก็ยิ่งเสียใจมากขึ้น

"ขอโทษนะบูมที่เราคงไม่ได้บอกนายด้วยตัวเอง เราไม่ไหวแล้วจริงๆ ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้เราได้กลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้งนะบูม"

ทิวค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ตัดสินใจแน่แล้วที่จะลาจากโลกนี้ไป โลกที่เขาไม่เหลือใครเลย ชีวิตอยู่ไปก็คงไม่มีประโยชน์ มีแต่ความทุกข์ทรมานใจ มีแต่ปัญหา มีแต่เคราะห์กรรมที่ไม่จบไม่สิ้น ไม่มีแรงจูงใจใดๆ ที่มากพอแล้วในตอนนี้ที่จะทำให้ทิวเปลี่ยนใจ ทิวเปิดฝาน้ำยาล้างห้องน้ำแล้วก็เทมันลงไปในแก้วจนเกือบเต็ม

ความรักและความหวังเดียวที่ทิวพอจะมีเหลืออยู่ในโลกนี้ก็คือบูม แต่ความรักเมื่อสามปีที่แล้วนั้นก็อยู่ในสภาพรวยรินไม่ต่างจากเจ้าของหัวใจในตอนนี้เพราะขาดคนดูแล ความรักกำลังหมดแรงและคงจะตายไปพร้อมๆ กับทิวอีกไม่ช้านี้แล้วล่ะ คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อตัวเองอย่างเดียว แต่เราเกิดมาเพื่อรักใครสักคนหรือเป็นที่รักของใครสักคน เมื่อไม่ได้เป็นหนึ่งในสองอย่างนี้แล้วชีวิตก็ไม่มีความหมายใดๆ อีกต่อไป

ทิวยกแก้วมฤตยูขึ้นมาเตรียมจะดื่ม สายตาจับจ้องน้ำสีชมพูที่ดูไร้เดียงสาแต่ทว่าสามารถปลิดชีวิตของใครก็ได้ที่ดื่มมันเข้าไป ทำใจอยู่สักพักทิวก็ค่อยๆ เคลื่อนแก้วใบนั้นเข้ามาใกล้ๆ ปากอย่างช้าๆ ก่อนที่หยดแรกของน้ำมฤตยูนั้นจะเข้าไปในปาก เสียงโทรศัพท์บ้านก็แว่วมาให้ได้ยิน มันคงดังอยู่พักหนึ่งแล้วล่ะ ทิวตัดสินใจวางแก้วนั้นลง คิดอยู่สักพักจึงเดินลงมารับโทรศัพท์ที่ชั้นล่าง

พอมาถึงมันก็เงียบเสียงไปแล้ว แต่สักพักมันก็ดังขึ้นอีก ใครกันหนอที่โทรมาหาทิวตอนนี้ ปกติทิวไม่ได้ให้เบอร์บ้านใครเลย ให้แต่เบอร์โทรศัพท์มือถือซึ่งเป็นคนละเบอร์กับสมัยที่ทิวใช้ตอนเรียนมัธยม เบอร์นั้นทิวไม่ได้ใช้แล้วเพราะเปลี่ยนมาใช้โปรโมชั่นของอีกค่ายที่ถูกกว่า

ทิวรับโทรศัพท์แล้วก็กรอกเสียงลงไป "สวัสดีครับ ทิวพูดครับ"

ถ้าหากทิวมีตาวิเศษที่สามารถเห็นสิ่งที่อยู่ไกลคนละซีกโลกได้ ก็คงจะได้เห็นแล้วว่าคนที่โทรมานั้น ทันทีที่ได้ยินเสียงของทิว น้ำตาของคนโทรก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่อาจจะเป็นสายสัมพันธ์บางอย่างที่ยังคงส่งถึงกันอยู่เสมอจึงทำให้รับรู้ถึงความไม่ปกติของกันและกันได้ อยู่ดีๆ ก็มีลางสังหรณ์ที่ทำให้รู้สึกระวนกระวายใจจนต้องตัดสินใจโทรมาหา ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้วด้วยเหตุผลบางอย่าง

"..................."

"ฮัลโหล ใครโทรมาครับ จะพูดสายกับใครครับ"

ทิวถามอยู่สองสามครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบใดๆ กลับมา แต่คนที่โทรมาก็ยังไม่ยอมวางสาย ทิวได้ยินเสียงพื้นหลังเป็นเสียงคนคุยกันไกลออกไป อะไรบางอย่างทำให้ทิวคิดไปว่า...

"บูม!!! ใช่บูมหรือเปล่า ใช่นายหรือเปล่าบูม บูม ใช่นายหรือเปล่า นายยังคิดถึงเราอยู่ใช่ไหมบูม ใช่นายหรือเปล่า"

ทิวตะโกนถามซ้ำไปซ้ำมา แต่ก็ไม่เสียงตอบรับอีกเช่นเคย แล้วสายนั้นก็หลุดไปในที่สุด

ทิวทรุดตัวลงนั่งร้องให้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน แต่ทิวค่อนข้างมั่นใจว่าบูมโทรมาแน่ๆ เพื่อนคนอื่นๆ ที่มีเบอร์มือถือของทิวคงไม่โทรเข้าเบอร์บ้าน แล้วก็คงไม่เงียบแบบนี้ มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีเบอร์บ้านของทิว หนึ่งในนั้นก็คือบูม ต้องใช่บูมแน่ๆ เลย

"บูม...เราคิดถึงนาย นายอยู่ที่ไหน เมื่อไรนายจะกลับมาหาเราซะที..."

ทิวคร่ำครวญอย่างน่าสงสาร แม้ว่าจะไม่ได้คุยกันแต่อย่างน้อยก็ทำให้ทิวเปลี่ยนใจและล้มเลิกที่จะฆ่าตัวตายไปแล้ว ไม่ว่าชีวิตมันจะยากลำบากสักแค่ไหน ทิวก็ยินดีที่จะเผชิญกับมันเพื่อที่จะได้เจอกับคนที่รอคอยอีกสักครั้ง

เหมือนต้นรักที่กำลังจะตายแล้วก็ได้น้ำที่ชุ่มฉ่ำรดลงไป แม้เพียงไม่กี่หยดก็เพียงพอที่จะให้มันเติบโตและต่อชีวิตไปได้อีกเล็กน้อย ความรักและความหวังสุดท้ายที่กำลังจะหลุดลอยไปคืนกลับมาหาทิวอีกครั้ง การรอคอยเพื่อบอกความในใจกับใครสักคนที่ทิวเคยรักเป็นเพียงแรงจูงใจเดียวที่เหลืออยู่ของทิว ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วโลกนี้ก็คงไม่มีความหมายอีกต่อไป แม้จะเป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ ที่แทบจะไม่เห็นความเป็นไปได้ใดๆ ทิวก็จะขอคว้ามันไว้อีกสักเฮือก

เมื่อยังมีความรัก ทิวก็ยังคงพอมีความหวังอยู่บ้าง

"เราจะรอนายนะบูม ขอแค่ให้เราได้เจอนายสักครั้ง ได้บอกสิ่งที่ค้างคาในหัวใจ หลังจากนั้น...เราก็จะไปจากชีวิตนาย"

TBC
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 17 วันที่ 25.3.2012) - รันทดสุดๆ เลยตอนนี้
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 25-03-2012 11:59:26



 :impress3: :impress3: :impress3: :sad4: :sad4:

เศร้าจริงๆตอนนี้ น่าสงสารทิวอะ เป็นกำลังใจให้นะทิว สู้ๆ

กอดดดทิวว  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 16 วันที่ 24.3.2012) - หายป่วยแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 25-03-2012 13:23:08
พูดอะไรไม่ออก..... น้ำตาไหลพราก..... ชีวิตทิวเศร้าาาา........ได้อีก

เวลาจนตรอก..มันก็จนตรอกสุดๆจริงๆ พี่เชน นะพี่เ้ชน ไม่น่าเลย ทิวเลยต้องออกจากร้าน

และก็มีปัญหาเรื่องเงินตามมาในที่สุด เฮ้อออออ..............................จนทิวเกือบจะขายตัว และเกือบจะฆ่าตัวตาย

ดีนะที่บูมโทรมา......ไม่งั้นทิวคงไม่อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว

o7 :dont2: :o7: :sad2: :sad5: o21 :sad4: :o12:  งื้ออ.............เมื่อไหร่บูมจะกลับมา

+เป็ดน้อย ขอบคุณค่ะ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 17 วันที่ 25.3.2012) - รันทดสุดๆ เลยตอนนี้
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 25-03-2012 17:13:59
เข้ามาติดกับเรื่องนี้อีกคนนะครับ 
ชีวิตคนเรานี่นะไอ้คนที่มีแต่ความสบายก็มีทุกข์  ไอ้ที่มีแต่ความลำบากก็มีทุกข์
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 17 วันที่ 25.3.2012) - รันทดสุดๆ เลยตอนนี้
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 25-03-2012 17:46:22
สายใยที่ส่งถึงกัน บูมจะรู้ไหม ทิวเจ็บเจียนตายแล้ว กลับมาได้ไหม กลับมาหาทิวที
มรสุมทิวเยอะจัดอะ สงสารมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 17 วันที่ 25.3.2012) - รันทดสุดๆ เลยตอนนี้
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 25-03-2012 21:46:37
ชีวิตของทิวไม่รู้ชาติก่อนไปทำกรรมอะไรไว้ ถึงได้รันทดหดหู่ขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 17 วันที่ 25.3.2012) - รันทดสุดๆ เลยตอนนี้
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 25-03-2012 23:19:39
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 18 ✦ คำขอร้องของคนขี้ขลาด

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)

"พี่บีม บูมนะครับ"

"อ้าวบูม มีอะไรโทรมาดึกดื่นป่านนี้" บีมถามพลางหาวไปด้วย เหลือบมองดูนาฬิกาที่หัวเตียงก็เห็นว่าเกือบตีสามแล้ว แต่เวลาที่อเมริกาคงยังประมาณเที่ยงๆ อยู่

"พี่บีม บูมมีอะไรอยากให้ช่วยหน่อยครับ"

น้ำเสียงที่ฟังดูร้อนใจทำให้บีมรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลของอีกฝ่าย

"ว่ามาเลยบูม มีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่า"

"พี่บีมได้เจอทิวบ้างไหมครับ บูมรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีมาหลายวันแล้ว มันสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้ครับพี่บีม"

บีมนิ่งเงียบและอึ้งเล็กน้อยไปสักพักที่อยู่ดีๆ บูมก็ถามถึงเพื่อนที่บูมเองก็ไม่เคยคิดจะไปหาหรือติดต่ออีกแล้ว บีมเคยถามบูมอยู่สองสามครั้งเรื่องนี้ก็ได้ความว่า "บูมไม่กล้าไปสู้หน้าเพื่อน" และนั่นก็เป็นเหตุผลที่บูมหายไปจากชีวิตของทิว

"ไม่เลย พี่ไม่ได้ติดต่อกับทิวอีกเลย พี่นึกว่าบูมลืมทิวไปแล้วเสียอีก"

คราวนี้บูมเป็นฝ่ายสะอึกไปบ้าง ใครๆ ก็คงคิดอย่างนั้น การที่บูมไม่ติดต่อกับทิวเลยนั้นก็เท่ากับเป็นการบอกกลายๆ ว่าเขากับทิวได้ตัดขาดความสัมพันธ์กันไปแล้ว ผ่านมาเกือบสี่ปีจนบูมจะเรียนจบอยู่แล้วทำไมเพิ่งมานึกถึงเพื่อนตอนนี้ ความเป็นจริงบูมก็ไม่เคยลืมทิวเลยหรอก ถึงจะไม่ได้ติดต่อ ไม่ได้ไปหา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบูมจำไม่ได้ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นบ้าง

"พี่ขอโทษ..." บีมรีบบอกเมื่อเห็นน้องชายเงียบไป

"ไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับพี่ คนขี้ขลาดอย่างผม...ไม่สมควรที่จะกลับไปให้ทิวเห็นหน้าอีก แต่ผมไม่เคยลืมทิวนะพี่บีม ผมไม่เคยลืมทิวเลย"

น้ำเสียงของบูมฟังดูเศร้าจนรู้สึกได้

"คิดอะไรอย่างนั้นล่ะบูม ถ้าบูมทำไม่ถูกต้อง บูมก็แค่กลับไปขอโทษเพื่อนเท่านั้นเอง ไม่ว่าทิวเขาจะให้อภัยบูมหรือเปล่า อย่างน้อยก็ยังดีกว่าที่บูมจะหลบลี้หนีหน้าเพื่อนไปอย่างนี้ พี่ถามจริงๆ นะบูม... บูมคิดอะไรกับทิวหรือเปล่า"

"ผม..."

เสียงบูมเงียบและขาดช่วงไปเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง เมื่อตอนสมัยเรียนนั้นบูมยอมรับว่าเขารักทิว แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี บูมได้พบเจอสังคมใหม่ เพื่อนใหม่ ก็เลยดูจะตอบได้ยากว่าบูมยังรู้สึกกับทิวอย่างนั้นอยู่หรือเปล่า วันเวลาและความห่างไกลทำให้บูมไม่แน่ใจเสียแล้วว่าความรักในวันนั้นยังคงอยู่เหมือนเดิมมากแค่ไหน แต่ที่บูมยังแน่ใจก็คือเขาไม่เคยลืมทิวเลยและยังรู้สึกผิดอยู่เสมอเวลาที่นึกถึง

"ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่...ผมยังจำทิวได้เสมอนะพี่บีม ยังจำได้ว่าทิวคือเพื่อนที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยมีมา ถ้าพี่เจอทิว ฝากบอกทิวด้วยครับว่าผมไม่เคยลืมเขาเลย ผมคิดถึงทิวเสมอนะครับพี่บีม"

ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างระหว่างทิวกับบูมที่บีมยังไม่เข้าใจ บีมยังปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้มากนัก เขาเคยถามน้องชายหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบที่กระจ่างชัด อาจเป็นเพราะบูมคงยังไม่พร้อมที่จะพูดความจริงทั้งหมดก็เป็นได้

"อืม... เอาอย่างนี้ละกัน บูมจะให้พี่ช่วยยังไง เกี่ยวกับทิวหรือเปล่า" บีมกลับเข้ามาสู่ประเด็น

"ครับ พี่ช่วยไปหาทิวให้ผมหน่อยได้ไหมครับ ผมอยากรู้ว่าทิวยังสบายดีอยู่หรือเปล่า ทิวเรียนที่ไหน แม่ของทิวเป็นไงบ้าง อะไรก็ได้ครับพี่ที่เกี่ยวกับทิว บูมอยากรู้"

"แล้วทำไมไม่โทรไปหาทิวเองล่ะบูม" บีมอดสงสัยไม่ได้

"คือ..." บูมอึกอัก

"ผมไม่กล้าจริงๆ ครับพี่"

บูมสารภาพ เขารู้สึกละอายใจจนไม่กล้าแม้แต่จะให้ทิวได้ยินเสียง ในวันนั้นทิวคงเจ็บปวดมากตอนที่บูมจากไปโดยไม่มีคำบอกลาแม้แต่คำเดียว คำว่า "คนขี้ขลาด" ติดฝังในใจและคอยหลอกหลอนบูมมาตลอดหลายปี แม้กระทั่งเมื่อกี้นี้ที่บูมเพิ่งจะโทรไปหาทิว เขายังไม่กล้าคุยกับทิวแม้สักคำเดียวเลย

"ได้ๆ แต่บูมอย่าลืมนะ อีกไม่นานนี้บูมก็จะกลับมาแล้ว คราวนี้บูมต้องไปหาทิวนะ ไม่ต้องกลัวแม่ บูมโตขนาดนี้แล้วแม่คงไม่มาอะไรมากแล้วล่ะ สัญญากับพี่ได้ไหมบูม"

บูมชั่งใจอยู่สักพักก็ตอบตกลง "ครับ"

"พี่เสียดายแทนเรานะบูม เพื่อนดีๆ อย่างทิวหาไม่ได้ง่ายๆ ตั้งแต่ที่บูมรู้จักกับทิวมา พี่ยังเห็นเลยว่าบูมเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเยอะเลยรู้ไหม เพื่อนที่ช่วยทำให้ชีวิตเราดีขึ้นได้โดยไม่หวังผลตอบแทนมีไม่กี่คนหรอกนะบูม พี่ก็ไม่ได้อยากจะว่าอะไรบูมนะ แต่พี่แค่อยากให้ข้อคิด ต่อไป...บูมทำอะไรจะได้ระวังมากขึ้น พี่จะไปหาทิวให้ละกัน แล้วพี่จะโทรหาอีกทีนะบูม"

"ครับพี่ ผมเข้าใจครับ ขอบคุณพี่มากครับ ขอโทษด้วยครับที่ต้องรบกวนตอนดึก"

น้องชายวางสายไปแล้ว บีมนั่งนิ่งสักพักเหมือนคิดอะไรบางอย่างแล้วก็ถอนหายใจ

"บูมเอ๊ย ไม่น่าทำแบบนี้เลย"

บีมคิดอย่างนี้จริงๆ เขาไม่เห็นด้วยเลยกับเหตุผลที่บูมบอกว่าไม่กล้าไปสู้หน้าเพื่อน แต่นั่นก็เป็นชีวิตของบูม เขาไม่อยากจะเข้าไปก้าวก่ายมากเกินไป แต่จะว่าไปบีมก็อดที่จะรู้สึกผิดไปด้วยไม่ได้ที่ลืมทิวไปเสียสนิท พอนึกได้อีกครั้งก็รู้สึกเป็นห่วงทิวอยู่เหมือนกัน ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้างป่านนี้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

เสียงรถคันหนึ่งวิ่งมาจอดหยุดที่หน้าบ้าน เจ้าของร่างที่แทบจะไร้วิญญาณหยุดเหม่อแล้วก็หันไปมองตามเสียงนั้น ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไปทิวก็ยังจำรถคันนี้ได้เสมอ รถของพี่บีมนั่นเอง สามปีกว่าแล้วที่บีมไม่เคยมาหาทิวเลย ทิวรีบลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูหน้าบ้านอย่างดีใจ มือไม้สั่นเทาราวกับคนติดสารเสพติดอย่างหนัก

"พี่บีม" ทิวร้องเรียกพลางเดินแกมวิ่งเข้าไปหา ดีใจราวกับว่าได้เจอของล้ำค่าที่หายจากชีวิตไปนานแล้ว

บีมลงมาจากรถแล้วก็ยิ้มให้อย่างดีใจ แม้ว่าจะไม่เจอกันนานแค่ไหนก็ยังคงจำเพื่อนคนนี้ของน้องชายได้เสมอ เพื่อนคนที่เปลี่ยนชีวิตของบูมให้เป็นคนอีกคน

"โห...ทิว โตขึ้นเยอะเลยนะ หล่อขึ้นเป็นกองเลย เอ...ดูเหมือนจะผอมๆ ไปหรือเปล่า"

ทิวไม่ตอบคำถามนั้นแต่โผเข้ากอดพี่ชายของเพื่อนราวกับโหยหาอ้อมกอดที่อบอุ่นนี้มานานแสนนาน เห็นบีมแล้วทิวก็อดที่จะคิดถึงอีกคนที่อยู่ไกลแสนไกลไม่ได้ ทิวร้องไห้จนบีมตกใจ ได้แต่กอดทิวไว้เบาๆ พลางลูบหลังปลอบใจพร้อมกับสายตาที่มีแต่คำถามเต็มไปหมด

"บูมเป็นไงบ้างครับพี่บีม ผมคิดถึงบูม คิดถึงเขามากเลยครับพี่" ทิวไม่ได้สนใจคำถามของบีมเลย สิ่งแรกและสิ่งเดียวที่ทิวอยากรู้ก็คือเรื่องของบูมเท่านั้น

บีมหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย นี่ทิวคงคิดถึงบูมน่าดูจนถึงกับต้องวิ่งมากอดบีมแทน

"บูมสบายดี" บีมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อเพราะมีคำถามมากมายในหัวว่าทำไมทิวถึงร้องไห้คิดถึงบูมมากขนาดนี้

"เข้าไปคุยกันในบ้านดีไหมทิว" บีมบอกเพราะไม่อยากให้ใครผ่านมาเห็นผู้ชายสองคนยืนกอดกันอยู่หน้าบ้านอย่างนี้

ทิวรีบทำตามอย่างว่าง่าย พาพี่บีมเข้าไปในบ้าน หาน้ำมาให้แล้วก็รีบมานั่งคุยด้วย บีมสังเกตดูก็เห็นว่าทิวดูผอมไปจริงๆ ด้วยเมื่อเทียบกับรูปร่างและอายุที่มากขึ้น ที่น่าผิดสังเกตก็คือแววตาที่ดูเศร้าของทิวเพราะตั้งแต่ที่รู้จักกันครั้งนั้นบีมก็ไม่เคยเห็นทิวมีแววตาแบบนี้เลย

"อีกไม่นานบูมก็จะกลับมาแล้วนะทิว ทิวอยากอยากเจอบูมหรือเปล่า" บีมถามขึ้นหลังจากที่รับน้ำมาดื่มแล้ว

"ครับ"

ทิวต้องสะกดจิตสะกดใจอย่างมากทีเดียวที่จะไม่ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง เพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาเมื่อคืนนี้ คิดว่าจะไม่ได้มีชีวิตอยู่เสียแล้ว ถ้าไม่มีเสียงโทรศัพท์นั้นก็คงตายไปแล้วล่ะ ที่ทิวเดาเอาเองว่าบูมน่าจะโทรมาหาก็น่ามีเหตุผลอยู่บ้างเพราะอยู่ดีๆ วันนี้พี่บีมก็มาหา ทั้งๆ ที่ก็ไม่เคยมาหานานแล้ว บูมขอให้พี่ชายมาหาหรือเปล่าหนอ

"วันนี้ทิวไม่ได้ไปเรียนเหรอ"

ทิวชะงักไปเล็กน้อย ท่าทีอึกอักอย่างเห็นได้ชัด "เอ่อ...ไม่ครับ"

"เหรอ แล้วแม่ล่ะ แม่สบายดีหรือเปล่า" บีมถามพลางยิ้ม

ทิวเงียบไปสักพัก เหมือนกับไม่แน่ใจว่าควรจะบอกข้อมูลบีมมากน้อยแค่ไหน อีกใจหนึ่งก็สงสัยว่าถ้าบูมอยากรู้ ทำไมบูมไม่โทรมาถามเองล่ะ ทำไมจะต้องให้พี่ชายมาถามแทน

"สบายดีครับ" ทิวพูดเสียงเบาลง ใช่...เขาไม่ได้โกหกหรอก แม่ของทิวไปสบายแล้วจริงๆ

บีมถอนหายใจเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นคุยกับทิวยังไงดี จะให้บอกทิวว่าน้องชายเป็นห่วงก็เลยให้มาดู ทิวคงจะรู้สึกไม่ดีแน่ๆ เบอร์โทรศัพท์ก็มี ก็ควรจะโทรมาถามกันเองดีกว่าให้บีมมาช่วยถามให้อย่างนี้

"บูมเขาไปเรียนอะไรครับพี่" ทิวเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นบีมมีสีหน้าอึดอัดใจ

"บริหารธุรกิจ ถ้าบูมกลับมา บูมก็คงจะมาทำงานบริษัทรับออกแบบสิ่งก่อสร้างที่พ่อลงทุนกับเพื่อนๆ ของพ่อนั่นแหละทิว พ่อเตรียมตำแหน่งไว้ให้แล้วล่ะ"

"เหรอครับ" ทิวยิ้มดีใจ ดีใจกับเพื่อนจริงๆ ที่ได้มีโอกาสดีๆ แบบนี้ ถึงทิวจะไม่มีโอกาสอย่างนั้นเลยก็เถอะ

"บูมจะกลับมาวันไหนครับ"

"เอ...พี่ก็จำวันที่ไม่ได้แน่นอนหรอก ก็อีกสองสามเดือนนี่แหละ ทิวจะ..."

บีมกำลังจะถามทิวว่าจะไปรับบูมด้วยกันไหมก็ต้องหยุดไว้แค่นั้นเมื่อนึกได้ว่าแม่คงไม่ชอบใจแน่ๆ ถ้าเจอทิว เดี๋ยวจะเกิดเรื่องปวดหัวอีกจนได้

"เดี๋ยวบูมเขาจะมาหาทิวนะ พี่บอกเขาแล้วให้เขามาหาทิว บูมเขารับปากแล้ว" บีมรีบเปลี่ยนเรื่องไปทันที

"ครับ ผมคิดถึงบูมมากเลย อยากเจอบูม ผมมีอะไรบางอย่างที่อยากจะบอกเค้า อยากจะบอกนานแล้ว" ในที่สุดทิวก็ห้ามน้ำตาไม่ได้อีกแล้ว

"ทำไมบูมไม่เคยติดต่อมาหาผมเลยล่ะครับพี่บีม บูมเขาโกรธอะไรผมหรือเปล่า เค้าไม่อยากเจอผมอีกแล้วเหรอพี่บีม"

เห็นทิวร้องไห้อีกครั้งบีมก็อดสงสารไม่ได้ คงมีเรื่องราวบางอย่างระหว่างทิวกับบูมที่บูมไม่ได้เล่าให้บีมฟังอย่างแน่นอน

"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกทิว เมื่อคืนบูมก็โทรมาหาพี่ เขาเป็นห่วงทิวมากนะ เขาไม่ลืมทิวหรอก เขาบอกพี่ว่าเขาไม่เคยลืมทิวเลย แต่บูมเขามีเหตุผลบางอย่าง ไม่ใช่เพราะเขาโกรธทิวหรือไม่อยากเจอหน้าทิวหรอก เอาเป็นว่า...อีกไม่นานทิวก็จะรู้ พี่ก็ไม่อยากพูดแทนบูม รอให้บูมมาบอกทิวเองดีกว่านะ อย่าเสียใจเลยนะทิว บูมไม่เคยคิดอย่างนั้นหรอก"

บีมพูดพลางตบไหล่ทิวเบาๆ เป็นการปลอบใจ

"จริงเหรอครับพี่ บูมเขาไม่ลืมผมใช่ไหมครับ"

บีมส่ายหน้า ทิวยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความดีใจที่รู้ว่าบูมไม่เคยลืมเขาเลย

"แล้วบูมเขามีแฟนหรือยังครับ" จู่ๆ ทิวก็ถามคำถามนี้ขึ้นมาเหมือนกับเพิ่งจะนึกได้

คำถามนี้เล่นเอาบีมถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว

"พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ไว้ถามบูมอีกสองสามเดือนเองละกันนะทิว"

ทิวคงจะคิดถึงบูมมากทีเดียว ไม่งั้นคงไม่ร้องห่มร้องไห้อย่างนี้ บีมจำได้รางๆ ว่าแม่เคยห้ามบูมกับทิวคบกันเพราะทิวเป็นเกย์ ถ้าอย่างนั้นแล้วก็น่าจะมีความเป็นไปได้ที่ทิวกับบูมอาจจะเคยคบกันเกินเลยกว่าความเป็นเพื่อน น้องชายบีมเองก็พูดคลุมเครือๆ ได้แต่ย้ำว่าไม่กล้ามาสู้หน้าเพื่อน แต่บูมก็ไม่เคยรู้เลยว่าทำไมบูมถึงไม่กล้ามาสู้หน้าทิว น่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่าหนอ บูมกลัวพ่อกับแม่เพราะถูกบังคับมานานจนไม่เป็นตัวของตัวเอง พอเจอคำสั่งห้ามของแม่ตอนนั้นก็เลยตัดขาดจากทิวไป

บีมมองเพื่อนของน้องชายที่ยังคงมีร่องรอยของน้ำตาให้เห็นอยู่ด้วยความสงสารจับจิตจับใจ ต้องเป็นเพราะเรื่องนี้แน่ๆ ที่ทำให้ทิวเสียใจมากขนาดนี้

บีมอยู่คุยกับทิวสักพักก็ขอตัวกลับเพราะมีงานต้องไปถ่ายภาพงานแต่งงานในตอนเย็น แม้ว่าอาชีพแบบนี้จะดูต่ำต้อยสำหรับครอบครัว แต่บีมก็ภูมิใจและรักงานที่ทำอยู่มากทีเดียว บีมทำงานอย่างมืออาชีพและได้งานที่ออกมาคุณภาพดีจนเป็นที่รู้จักในวงการเดียวกันมากทีเดียว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

จะบ่ายอยู่แล้ว ทิวยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย เขาได้แต่มองเงินที่เหลือในกระเป๋าอยู่สี่สิบบาทอย่างใจหาย จะมีงานอะไรอีกไหมนะที่ทิวพอจะทำได้ช่วงกลางวัน ตอนนี้ฝีมือการเล่นดนตรีของทิวเริ่มเข้าที่แล้วจึงไม่ต้องฝึกเพิ่มในตอนกลางวันมาก ทิวจะทำอย่างไรดี ถ้าอยู่แบบนี้คงไม่พ้นอดตายแน่ๆ เลย ไม่อยากคิดถึงการขายบ้านหลังนี้เลย หรือว่ามันถึงเวลาแล้วที่ทิวต้องทำอย่างนั้นเพื่อเอาเงินมาใช้หนี้แล้วไปหาซื้อคอนโดอยู่ แต่คิดไปคิดมาก็ยังเสียดาย หรือจะไปเสิร์ฟอาหาร แต่ว่างานพวกนี้ก็มักจะทำเลยไปจนถึงเย็น ตรงกับเวลาที่ทิวต้องทำงานร้องเพลงพอดี

คิดไปคิดมาสักพักทิวก็เหลือบไปเห็นมอเตอร์ไซค์ที่ทิวมักจะเอาไว้ใช้ขี่ไปซื้อของที่หน้าปากซอย หรือจะลองขับวินมอเตอร์ไซค์ดูหรือเปล่านะ ทิวพอรู้จักกับพี่ๆ ที่ขับวินมอเตอร์ไซค์อยู่บ้าง ถ้าทิวไปขอร้องให้พี่ๆ ช่วยก็น่าจะพอมีความเป็นไปได้อยู่ กลางวันขับวินมอเตอร์ไซค์ ตอนกลางคืนก็ไปร้องเพลง-เล่นดนตรี ก็น่าจะช่วยให้พอมีรายได้เพิ่มขึ้นมาหน่อย คิดแล้วก็เข้าท่าเหมือนกัน ดีกว่าอยู่เฉยๆ รอวันอดตาย ถึงจะได้เงินไม่เยอะก็ยังดีกว่าต้องไปขายตัวเป็นไหนๆ

ตั้งแต่นั้นทิวก็เลยมีอาชีพเสริมด้วยการขับวินมอเตอร์ไซค์รับส่งคนในซอยในตอนกลางวัน กลางคืนก็ไปร้องเพลงและเล่นดนตรี ทำให้พอหายใจหายคอได้ขึ้นมาอีกหน่อย แต่งานขับวินมอเตอร์ไซค์ก็ทำให้ทิวเหนื่อยมากทีเดียว ตอนกลางวันก็ตากแดดจนผิวคล้ำ กลางคืนก็นอนดึก บางวันมีเวลานอนแค่สามสี่ชั่วโมงก็ต้องลุกขึ้นไปทำงานแล้ว

ทิวขับวินมอเตอร์ไซค์อยู่ไม่นานนักก็มีคนชวนไปทำงานอย่างอื่นที่ไม่ต้องตากแดดตากลม ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นพี่ที่รู้จักกันและอยู่ในซอยเดียวกันนั่นเอง ทิวมักจะได้ยินคนในซอยเรียกพี่เขาว่าพี่พงษ์ พี่พงษ์เป็นผู้จัดการร้านสะดวกซื้อที่หน้าปากซอย ตั้งแต่ทิวมาขับวินมอเตอร์ไซค์ก็ได้มีโอกาสให้บริการพี่พงษ์บ่อยๆ จนคุยสนิทสนมกันดี บ้านของพี่พงษ์ก็เป็นทาวน์เฮาส์อยู่ถัดไปจากทิวไม่ไกล ก่อนหน้านี้ก็เคยเจอกันบ้างแต่ก็ไม่เคยทักทายกันตามวิถีชีวิตของคนกรุงเทพ เพิ่งได้มารู้จักกันมากขึ้นก็ตอนที่ต้องรับส่งพี่พงษ์ระหว่างบ้านและที่ทำงานบ่อยๆ นี่แหละ

"สนใจทำงานที่เซเว่นไหมทิว" วันหนึ่งพี่พงษ์ก็ถามขึ้นมาขณะที่ทิวขับมอเตอร์ไซค์มาส่งที่ร้านเซเว่น-อีเลเว่นหน้าปากซอยเหมือนเช่นทุกวัน

ทิวใช้เวลาคิดไม่นานนักก็ตอบตกลง "สนใจครับ"

"โอเค งั้นไปคุยกันในร้านหน่อยไหม" พี่พงษ์ชวน ทิวจอดมอเตอร์ไซค์ไว้หน้าร้านแล้วก็ตามพี่เขาเข้าไปข้างใน

"พอดีพนักงานออกไปคนหนึ่ง พี่กำลังหาอยู่พอดี เผื่อทิวจะสนใจ จะได้ไม่ต้องไปขับมอเตอร์ไซค์ตากแดดตามลมทั้งวัน"

ทิวก็คิดว่าน่าจะดีเหมือนกัน ขับวินมอเตอร์ไซค์นั้นมีรายได้ที่ไม่แน่นอน บางวันก็ได้น้อย บางวันก็ได้มาก บางวันก็แทบจะไม่มีคนใช้บริการเลย ถ้ามีงานประจำให้ทำอย่างนี้รายได้ก็น่าจะมั่นคงมากกว่า

"ผมสนใจครับพี่ แต่ว่า...มันต้องทำแบบเปลี่ยนกะไปเรื่อยๆ หรือเปล่าครับ ผมจะติดปัญหานิดหน่อย พอดีตอนเย็นๆ ผมจะต้องไปร้องเพลงตามร้านอาหาร ผมอาจจะทำกะเย็นๆ ไม่ได้ครับ"

"ทิวสะดวกเวลาไหนล่ะ"

"เช้าๆ ครับพี่ เลิกไม่เกินสักหกโมงเย็น แต่ผมเคยได้ยินว่าพนักงานเลือกกะไม่ได้ไม่ใช่เหรอครับ"

ทิวถามเพื่อความแน่ใจเพราะเคยได้ยินมาเหมือนกันว่าพนักงานเซเว่นไม่สามารถเลือกกะที่จะเข้างานได้ ต้องเวียนกันไปเรื่อยๆ

"พี่จัดให้ได้ ว่าแต่ทิวสนใจไหมล่ะ ถ้าสนใจพี่จะให้ทิวเข้ากะเช้า เจ็ดโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น สนใจไหม"

"สนใจครับพี่"

ทิวรีบตอบแบบไม่ต้องคิด ถึงแม้จะพอรู้บ้างว่างานในเซเว่นค่อนข้างหนักเพราะจะต้องยืนตลอดเวลา นั่งไม่ได้ แต่ก็น่าจะดีกว่าขับรถตากแดดตากลมทั้งวัน

"งั้นพี่จะให้ผมเริ่มทำงานได้เมื่อไรล่ะครับ" ทิวละล่ำละลักถามอย่างดีใจ

"ถ้าวันนี้สะดวกก็มาสมัครงานก่อนละกัน พอพี่ส่งเรื่องแล้วก็มาทำได้เลย ใช้เวลาไม่นานหรอก ไม่เกินสองวัน"

พี่พงษ์ตอบพลางยิ้ม เขาเห็นทิวมาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วล่ะ พอรู้เรื่องที่แม่ของทิวเสียจนทำให้ทิวต้องออกจากมหาวิทยาลัยมาหางานทำอยู่บ้าง ได้ยินแล้วก็รู้สึกสงสารอยู่เหมือนกัน ให้ทิวมาทำงานที่นี่ก็น่าจะช่วยให้ทิวไม่ต้องลำบากมากจนเกินไป ถือเสียว่าเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่กำลังลำบากให้มีชีวิตที่ดีขึ้นอีกสักคนหนึ่ง

เมื่อชีวิตเป็นอย่างนี้แล้วทิวก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องดิ้นรนทุกวิถีทางให้ชีวิตอยู่รอด ได้เจอกับบีมและพอได้ข่าวคราวบูมมาบ้างก็ทำให้ทิวพอมีกำลังใจจะอยู่ต่อไปได้ อย่างน้อยได้รู้ว่าบูมยังนึกถึงกันอยู่ก็ดีใจมากแล้ว อีกแค่สองสามเดือนเท่านั้นที่บูมจะกลับมา หวังว่าเราจะได้เจอกันเสียทีนะบูม

TBC
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 18 วันที่ 25.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 25-03-2012 23:37:56
อ่านตอนไหนก็เศร้าทุกที
เดาว่าบูมน่าจะมีแฟนแล้ว
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 18 วันที่ 25.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 25-03-2012 23:59:52



อ่านแล้วอยากติดตามไปอีกทุกตอน

รู้สึกสงสารทิวมากเลย ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ

ถ้าบูมกับทิว เจอกัน รักกัน ก็คงมีอุปสรรคมากมายเข้ามาอีก

แต่ชอบผลงานของคุณคนเขียนมากเลยค่ะ รู้สึกว่าทิวพยายามอยู่ได้ด้วยความหวังเดียวคือ บูม

กลัวว่าทิวจะอ่อนแอ ...

T T

ค้างอยากอ่านต่ออีก

มาอีกนะ
 มากค่ะ ชอบๆ

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 18 วันที่ 26.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Ebsilon ที่ 26-03-2012 05:13:43
สู้ๆนะทิว แล้วเราจะผ่านมันไปได้

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 18 วันที่ 26.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 26-03-2012 06:38:48
เศร้าทุกครั้งที่อ่านน้ำตาไหลทุกทีที่อ่าน ทิวเป็นคนหนึ่งที่มีจริงในสังคม ลำบากแต่ทนฝืน แต่ที่เราสงสาร
ทนรอกับความรักของตัวเอง รอทั้งที่ไม่รู้จะรอถึงเมื่อไหร่ เจ็บจนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะจางหาย รักเพียงคนคนเดียว
ขังตัวเองไว้กับหัวใจ ที่ใครคนหนึ่งกลับเริ่มลืมเลือน สงสารทิวมาก เริ่มจะไม่ชอบบูมแล้วละ กลับมาก็มาทำให้ทิวต้องเสียใจอีก
เมื่อไหร่ทิวจะได้เจอชิวิตที่สวยงามสักที เจอคนที่รักจริงสักที สงสารทิว อย่ากลับมาเลยบูม ถ้ามาตอกย้ำการไม่มีตัวตนในใจของทิว
มาทำไม น่าจะตายไปซะ(อินวะฉัน อคุณเลดี้) :o12: :m15: :monkeysad: :sad11:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 18 วันที่ 26.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 26-03-2012 06:40:33
+1ให้กับทิว สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 18 วันที่ 26.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 26-03-2012 07:54:18
สงสารทิวสุดยอดอ่า เจอเเต่เรื่องร้ายๆ

ดูเหมือนว่าทิวจะไม่เหลือใครเลยจริงๆนั้นเเหละ

แต่ที่ทิวยังคงรักบูมนี่เราก็ไม่ไหวนะ

บูมเองก็เป็นผู้ชายจริงป่ะ โคตรจะเต่า หดหัวอยู่เเต่ในกระดอง
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 18 วันที่ 26.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 26-03-2012 08:33:29
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 19 ✦ การพบกันอีกครั้ง

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


พอได้ทำงานที่เซเว่นอีเลเว่นแล้วชีวิตของทิวก็ดีขึ้นพอสมควร พอมีเงินเหลือเก็บบ้างเดือนละพันสองพัน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการรทำงานหนักและพักผ่อนน้อยลง บางวันกลับดึกมาก ได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงแล้วก็ต้องรีบตื่นไปทำงานที่เซเว่น แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ก็พอทำให้ทิวได้มีเวลาพักหายใจจากเรื่องร้ายๆ ไปได้บ้าง ถ้าเมีก็บเงินมากกว่านี้ ทิวก็อยากจะหาที่เรียนต่อสักแห่ง อย่างเช่นรามคำแห่งหรือ มสธ. วุฒิแค่มอหกที่มีตอนนี้ทำให้ทิวหางานที่รายได้ดีกว่านี้ได้ยาก

ถ้าฟังจากที่บีมบอกวันนั้น ช่วงนี้บูมก็น่าจะใกล้กลับมาแล้ว หรือไม่ก็อาจจะกลับมาแล้วก็ได้ ความหวังที่จะได้บอกเรื่องสำคัญที่อยู่ในใจใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว  ช่วงนี้ทิวจึงดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้หน่อย แม้ไม่ถึงกับมากแต่สีหน้าก็ไม่เคร่งเครียดเหมือนที่ผ่านมา

แต่เมื่อนับวันนับคืนผ่านไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีทีท่าว่าบูมจะมาหาทิวเลย ผ่านไปสามเดือนตามที่พี่บีมบอกแล้ว บูมก็ยังไม่มา หลังจากนั้นก็ผ่านไปอีกหลายเดือน บูมก็ยังคงเงียบอยู่ กำลังใจและความหวังของทิวจึงค่อยๆ ลดน้อยถอยลงไปทุกทีๆ ใจหนึ่งก็อยากจะโทรไปถามพี่บีมว่าบูมกลับมาแล้วหรือยัง แต่คิดไปคิดมาทิวก็ไม่ติดต่อไป เขาอยากให้บูมกลับมาหาเพราะว่าบูมอยากมาหาด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะใครบังคับให้ต้องมา

"ไหนว่านายไม่ลืมเราไงล่ะบูม ทำไมนายไม่เห็นมาหาเราเลย เรารอยู่นะบูม ได้ยินไหมว่าเรารอนายอยู่"

ทิวคิดในใจจนยืนเหม่อ แต่อาจจะผิดสถานที่ไปหน่อย

"คุณคะ ตังค์ทอนด้วยค่ะ"

เสียงเรียกของลูกค้าทำให้ทิวได้สติ เขารีบคืนเงินทอนให้ลูกค้าแล้วก็หันกลับมาสนใจกับการทำงานต่อ พี่พงษ์ยืนมองอย่างห่วงๆ เพราะเห็นทิวเหม่อลอยแบบนี้มาพักหนึ่งแล้ว

"ระวังหน่อยนะทิว ที่นี่มีกล้องอยู่" พี่พงษ์เดินเข้ามาเตือนเมื่อลูกค้าออกไปแล้ว

"ครับพี่ ผมขอโทษครับ"

ทิวบอกอย่างเกรงใจและรู้สึกผิด ช่วงหลังๆ นี้ทิวเหม่อลอยบ่อยๆ สติไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวเลย บางทีทำงานไปสักพักก็จะเผลอเหม่อเหมือนกับคนที่มีบางสิ่งบางอย่างติดค้างในใจตลอดเวลา

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"อะไรนะครับน้า น้าจะขอเงินที่เหลืออีกเจ็ดหมื่นคืนภายในสิ้นเดือนนี้เหรอครับ" ทิวร้องอุทานอย่างตกใจเมื่อคุณน้าเจ้าหนี้มาขอให้จ่ายเงินที่ค้างอยู่อีกเจ็ดหมื่นบาทคืนทั้งหมด ในช่วงสองสามปีมานี้ทิวพยายามหาเงินมาจ่ายให้ตลอดไม่เคยมีบิดพลิ้ว จนเหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะหมดแล้ว ไม่คิดว่าจะต้องมาเจออย่างนี้อีก

"ก็ฉันจำเป็นต้องใช้เงินด่วนนี่นา ไม่รู้แหละ ยังไงก็ต้องหามาให้ฉันภายในสิ้นเดือนนี้ ไม่งั้นเธอได้เจอดีแน่" คุณน้าเจ้าหนี้เสียงแข็งและมองอย่างไม่พอใจ

"แต่น้าครับ ในสัญญา ผมต้องจ่ายแค่เดือนละหมื่นนะครับ นี่น้าเล่นจะขอตั้งเจ็ดหมื่น ผมจะไปเอาเงินที่ไหนมาให้ล่ะครับ" ทิวโอดครวญ

"อะไรกัน ทำงานมาก็ตั้งนาน จะไม่มีเงินเก็บบ้างเลยหรือไง" คุณน้าเจ้าหนี้เริ่มขึ้นเสียง

"โธ่ คุณน้าครับ แค่ผมจ่ายให้คุณน้าเดือนละหมื่นผมก็แทบจะไม่มีกินอยู่แล้ว ผมจะเอาเงินที่ไหนมาเก็บครับ น้าพอจะหาจากที่อื่นได้ไหมครับ ยังไงผมก็ต้องขอจ่ายตามข้อตกลงเดือนละหมื่นเหมือนเดิม ผมไม่มีเจ็ดหมื่นจริงๆ ครับน้า ถ้ามีผมก็คงให้ไปแล้ว ผมก็อยากหมดหนี้หมดสิน จะได้ทำงานเก็บเงินกับเขาบ้าง"

ดูเหมือนสิ่งที่ทิวขอร้องจะไม่เป็นผลสักเท่าใดนัก ขึ้นชื่อว่าหนี้นอกระบบแล้วก็มักเป็นอย่างนี้ หลายครั้งข้อตกลงก็ไม่มีความหมาย

"อยากลองดีเหรอพ่อหนุ่ม ได้...ถ้าสิ้นเดือนนี้เธอไม่มีเงินให้ฉันเจ็ดหมื่น ก็คอยดูละกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไป กลับ"

คุณน้าเจ้าหนี้หันไปสั่งลูกน้องอีกสองคนที่ตามมาคอยอารักขา แล้วก็สะบัดหน้าเดินออกไปจากบ้านทิวอย่างไม่สบอารมณ์ ทิวได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน นึกว่าจะหมดเคราะห์หมดกรรมแล้ว แต่ก็ยังต้องเจอวิบากกรรมหนักอีกรอบ

สงสัยว่าคราวนี้ทิวคงต้องตัดสินใจแล้วล่ะ ถ้าหาเงินไม่ได้ก็คงต้องขายบ้านแล้วไปหาคอนโดอยู่ตามแผนที่เคยคิดไว้ก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะเสียดายและเสียใจสักแค่ไหน ทิวก็คงต้องตัดใจขายสมบัติชิ้นสุดท้ายที่แม่ยังเหลือไว้ให้ เพียงแค่คิดทิวก็รู้สึกผิดจนต้องขอโทษแม่ในใจที่ไม่สามารถรักษาบ้านหลังนี้ที่แม่หามาอย่างเหนื่อยยากไว้ได้

เมื่อนอนคิดทั้งคืนแล้ว วันรุ่งขึ้นทิวก็ประกาศขายบ้านทันที ใครที่ผ่านไปผ่านมาก็คงจะเห็นป้ายที่ติดไว้ตรงประตูหน้าบ้านว่า "ขาย 3 ล้าน ติดต่อด่วน" พร้อมกับให้เบอร์โทรศัทพ์ที่บรรทัดล่างสุด

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


วันหนึ่งที่ต้องมาเห็นป้ายนี้เข้าก็โวยวายกับทิวใหญ่ว่า

"มึงจะขายบ้านเหรอทิว แล้วมึงจะไปอยู่ไหนวะ"

"ว่าจะไปหาซื้อคอนโดอยู่ ว่าจะซื้อใกล้ๆ แถวๆ นี้แหละ" เห็นเพื่อนโวยวายแล้วทิวก็พอจะรู้ว่าเพื่อนไม่ค่อยเห็นด้วย

"มีปัญหาอะไรหรือเปล่าทิว ทำไมมึงต้องขายบ้านด้วยวะ" ต้องเหมือนจะฉุกคิดอะไรได้ว่าทิวน่าจะมีเหตุจำเป็นบางอย่าง

"ก็...." จะบอกต้องยังไงดีหนอ ทิวไม่อยากให้ต้องมาลำบากกับเรื่องนี้เลย

"พอดีเจ้าหนี้ของกูเขาขอเงินที่เหลืออีกเจ็ดหมื่นภายในสิ้นเดือนนี้ กูไม่รู้จะไปหาที่ไหน ก็เลย..."

"โห...ไอ้บ้าเอ๊ย แค่เงินเจ็ดหมื่นมึงถึงกับต้องขายบ้านเลยหรือไงวะ"

ถึงต้องจะบอกว่าแค่เงินเจ็ดหมื่นบาทแต่ก็พอเข้าใจอยู่ว่าทิวคงหาเงินจำนวนนั้นไม่ได้ภายในสิ้นเดือนนี้แน่ๆ อย่าว่าแต่ทิวเลย ต้องเองก็ยังไม่มีเงินมากขนาดนั้นมาให้ทิวยืมหรอก

"แล้วมึงจะให้กูทำไงวะต้อง เงินกูมีเก็บไว้ยังไม่ถึงหมื่นเลย แต่คราวนี้กูไม่ยืมเงินมึงหรอกนะเว้ย กูรบกวนมึงมาเยอะแล้ว อย่าให้กูต้องทำให้มึงเดือดร้อนมากกว่านี้เลย"

ต้องเพิ่งเขัาทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งได้ไม่กี่เดือน คงไม่มีเงินเก็บมากขนาดนั้นอยู่แล้ว แต่ก็ไม่อยากให้ทิวขายบ้านอยู่ดี จะว่าไปแล้วขายราคาสามล้านบาทก็ดูจะถูกเกินไปเสียด้วยซ้ำ

"กูก็ไม่มีเงินถึงเจ็ดหมื่นหรอกทิว แต่ยังไงก็แล้วแต่กูก็ไม่อยากให้มึงขายตอนนี้ มึงอย่าเพิ่งขายได้ไหม เดี๋ยวกูขอไปคิดก่อนว่าจะหาเงินเจ็ดหมื่นมาช่วยมึงได้ยังไง"

ได้ฟังแล้วทิวก็รู้สึกซาบซึ้งใจกับความมีน้ำจิตน้ำใจของเพื่อน ต้องไม่เคยทอดทิ้งทิวเลยจริงๆ เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่รู้จักกันมาตั้งแต่อนุบาลแล้วก็ยังคบกันมาจนกระทั่งวันนี้

"กูขอบใจมึงจริงๆ ว่ะต้อง ถ้าไม่มีมึง ชีวิตกูคงไม่อยู่มาถึงวันนี้หรอก"

"เออ... ไม่เป็นไรหรอกไอ้ทิว มึงกับกูเป็นเพื่อนกันนี่หว่า มึงก็เป็นเพื่อนที่ดีของกูนะเว้ยทิว ไม่งั้นก็ไม่คบกันมาจนป่านนี้หรอก เออ...ว่าแต่ว่า มึงรู้หรือยังว่าไอ้บูมมันกลับมาตั้งนานแล้ว"

คำถามนั้นของต้องทำให้ทิวถึงกับอึ้งไปทันที บูมกลับมาแล้วเหรอ กลับมาตั้งนานแล้วด้วย แล้วทำไมไม่มาหาทิวบ้างเลย

"มันเคยมาหามึงบ้างไหมเนี่ย" พอเห็นสีหน้าอึ้งๆ ของทิวแล้วต้องก็พอจะเดาได้ไม่ยาก

"ไม่เคยเลยล่ะสิ กูว่าแล้ว เป็นเพื่อนรักกันประสาอะไรวะ กูก็ไม่ได้อยากจะอะไรกับมันมากหรอกนักนะทิว แต่กูเหลืออดจริงๆ ว่ะ เสียดายที่มึงเคยรักมัน เคยช่วยมันตั้งหลายอย่าง แม่ง...คนอะไรวะขี้ขลาดชิบเป๋งเลย อย่าให้กูเจอหน้าละกัน"

ต้องพยายามสงบสติอารมณ์และหยุดพูดไว้แค่นั้น ไม่งั้นเขาก็คงอดด่าบูมไม่จบไม่สิ้นอีกไม่ได้ ทิวยิ่งไม่ค่อยชอบด้วยเวลาที่เขาด่าบูมให้ทิวฟัง

"มึงรู้ได้ยังไงว่าบูมกลับมาแล้ว" ทิวถามหลังจากที่เงียบไปสักพักใหญ่

"รู้ดิ ก็กูโทรไปหาพี่บีม กูก็อยากรู้ว่ามันมาหรือยัง อ้อ...พี่บีมเขาก็เคยมาหามึงไม่ใช่เหรอ เห็นพี่บีมเขาบอกกูอยู่ว่าเขามาหามึงแล้ว"

ทิวพยักหน้าแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

"กูอยากถามมันจริงๆ ว่ะทิวว่าไอ้บูมมันคิดอะไรของมันถึงไม่เคยติดต่อมาหามึงเลย มึงจะว่าอะไรกูไหมทิวถ้ากูจะไปถามไอ้บูม เดี๋ยวกูจะไปหามันที่บ้านเลย มึงคิดว่าไงทิว มึงอยากให้กูทำอย่างงั้นไหม กูทำให้มึงได้นะเว้ย"

ต้องพูดอย่างอดโมโหไม่ได้

"อย่าเลยต้อง อย่าไปถามอะไรเขาเลย จริงๆ กูก็พอรู้อยู่หรอกว่าบูมน่าจะกลับมาแล้ว แต่กูก็ไม่ได้โทรไปถาม กูอยากให้บูมมาหากูเพราะว่าบูมอยากมาด้วยตัวของบูมเอง ถ้าบูมพร้อมแล้วบูมก็คงจะมาเองแหละต้อง มึงไม่ต้องไปหาบูมที่บ้านหรอก"

ต้องถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ไม่เข้าใจทิวเลยจริงๆ บูมทำตัวเองเจ็บขนาดนั้นแล้วยังให้อภัยอยู่ได้

"กูถามมึงจริงๆ นะเว้ยทิว มึงยังรักมันอยู่หรือเปล่าวะ"

ทิวเบือนหน้าหนีทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น หันมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วก็ครุ่นคิด นั่นสินะ ทิวยังรักบูมอยู่หรือเปล่า หรือทิวแค่ต้องการจะบอกสิ่งที่ค้างคาในใจเท่านั้น ไม่ได้คิดจะให้บูมกลับมารักกับทิวอีก สี่เศษๆ ที่ผ่านไปนั้นก็นานมากพอที่จะทำให้ความรักที่เคยเกิดขึ้นตายลงไปได้ แล้วความรักครั้งนั้นก็อาจจะตายไปโดยที่ไม่มีโอกาสได้ฟื้นคืนกลับมาอีกเลย แต่ไม่ว่าจะยังไงทิวก็ยังอยากจะบอกความรู้สึกนั้นที่เคยเกิดขึ้นให้บูมฟังอยู่ดี

"รักหรือเปล่าไม่รู้ แต่กูไม่เคยลืมว่ะต้อง ถ้าไม่ลืมแปลว่ารัก ก็คงแปลว่ากูยังรักอยู่นั่นแหละ"

"เออ...ก็แค่นั้นแหละ กูจะได้ไม่ไปแตะต้องอะไรมันมาก แต่กูก็บอกตรงๆ นะเว้ยว่ากูโกรธมัน ถ้ากูเจอมันเมื่อไร กูไม่กล้ารับรองความปลอดภัยของมันว่ะ"

คำพูดของต้องในตอนท้ายทำให้ทิวต้องหันมามองเพื่อนด้วยความตกใจเล็กน้อย สรุปว่าต้องก็ยังโกรธบูมอยู่นั่นเอง ไม่ว่าทิวจะขอร้องยังไงก็ไม่มีทีท่าว่าต้องจะให้อภัยบูมได้เลย ผ่านมาสี่กว่าแล้วต้องก็ยังตำหนิบูมให้ทิวฟังเป็นประจำเสมอ แต่จะไปโทษต้องก็คงไม่ได้เพราะบูมเองก็ทำให้เพื่อนรักของต้องต้องเจ็บหนัก ต้องคงเก็บความแค้นเคืองนั้นไว้หลายปีแล้ว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"บูมคะ มีน้ำเหลืออยู่ในรถมั่งหรือเปล่าคะ" สาวน้อยเสียงใสที่นั่งคู่มาด้วยถามขึ้น

"แพรวจะกินน้ำเหรอครับ" บูมหันไปถามแฟนสาวพลางใช้สายตาสำรวจภายในรถคร่าวๆ

"สงสัยจะหมดแล้วล่ะ"

"งั้นบูมแวะซื้อให้แพรวหน่อยได้ไหมคะ"

"ครับ" บูมตอบพลางหันมายิ้ม

พอรถเลี้ยวเข้าถนนลาดพร้าวแล้ว ความทรงจำต่างๆ ก็เริ่มหวนคืนกลับมาอีกครั้ง แม้ว่าบูมจะกลับมาเมืองไทยได้หลายเดือนแล้ว แต่ก็จะพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่มาแถวๆ ลาดพร้าวยกเว้นว่าจำเป็นจริงๆ เท่านั้น บูมรู้สึกเหมือนตัวเองแทบจะไม่มีแรงขับรถ ยิ่งใกล้บริเวณนั้นเท่าไรเขาก็ยิ่งใจสั่น

"บูคะ ซอยข้างหน้ามีเซเว่นค่ะ บูมจอดเลยก็ได้" แพรวบอกพลางชี้ให้บูมดูแต่บูมก็ขับเลยไปเหมือนกับไม่ได้ยินที่แพรวบอก

"อ้าว ทำไมล่ะคะบูม" แพรวถามอย่างสงสัย

"อ๋อ...ซอยหน้าก็มีครับแพรว มีที่จอดรถด้วยจะได้ลงสะดวกๆ"

"อ้อ...ได้ค่ะ"

บูมเลือกที่จะเข้ามาในซอยบ้านทิวนั่นเอง เขายังจำได้ดี สี่ปีกว่าแล้วที่บูมไม่เคยได้กลับมาที่นี่เลย ทุกอย่างก็ยังดูคล้ายๆ เดิมอยู่ บูมเลี้ยวรถเข้าไปในซอยนั้น ตรงด้านหน้าซอยจะมีตลาดอยู่ เซเว่นก็อยู่ใกล้ๆ กับตลาดนั่นเอง ข้างหลังตลาดบูมจำได้ว่ามีที่จอดรถอยู่จึงเลี้ยวเข้าไปจอด พอเห็นสภาพวิถีชีวิตของคนที่นี่บูมรู้สึกว่าน้ำลายเริ่มเหนียวขึ้นทุกทีๆ

ตลาดตรงนี้บูมเคยนั่งมอเตอร์ไซค์ออกมาหาอะไรกินกับทิวอยู่บ่อยๆ เห็นแล้วก็คิดถึงทิวจับใจ ไม่น่าเชื่อว่าพอได้มาอยู่ในที่ที่เคยมากินมานอนกับเพื่อนที่เคยรักแล้ว ความรู้สึกโหยหาและคิดถึงใครสักคนกลับยิ่งทวีมากขึ้นจนบูมรู้สึกอยากจะขับรถเข้าไปหาทิวที่บ้านเสียเลย บูมเคยคิดว่าจะลืมและตัดใจจากเพื่อนคนนี้ได้ แต่พอความรู้สึกนี้เกิดขึ้นบูมก็ชักไม่แน่ใจเสียแล้ว คนขี้ขลาดอย่างบูมควรจะเลิกคิดที่จะกลับมาหาทิวเสียที

"บูมรอแพรวในรถละกันนะคะ เดี๋ยวแพรวไปซื้อเองดีกว่าค่ะ บูมจะได้ไม่ต้องดับเครื่อง เดี๋ยวแพรวมานะคะ"

บูมยังไม่ทันตอบอะไรแพรวก็เปิดประตูรถแล้วเดินแกมวิ่งออกไป แพรวเป็นคนคล่องแคล่วว่องไวแบบนี้แหละตามประสาสาวสมัยใหม่ ด้วยการแต่งตัวที่ดูหรูหรามากกว่าคนในตลาดแถวนี้ ใครๆ ต่างก็พากันหันมามองเธอเป็นตาเดียวกัน โดยเฉพาะหนุ่มๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมา

พอแฟนสาววิ่งหายเข้าไปในเซเว่นแล้ว บูมก็ใช้เวลาที่พอมีอยู่นั้นมองสำรวจไปยังที่ต่างๆ เพื่อรำลึกถึงช่วงเวลาที่เขากับทิวเคยเป็นเพื่อนกัน บ้านของทิวอยู่ในซอยนี้อีกไม่ไกล หรือว่าบูมควรจะแวะเข้าไปดูสักหน่อยดีไหม เขาอยากรู้เหลือเกินว่าทิวเป็นยังไงบ้าง พี่บีมบอกว่าทิวคิดถึงบูมมากและร้องไห้ใหญ่เลยตอนที่พี่บีมมาหา บูมก็อยากจะบอกทิวเหมือนกันว่าคิดถึงทิวมากเช่นกัน จะว่าไปแล้ว ตอนนี้บูมก็รู้สึกคิดถึงทิวมากกว่าที่บูมเคยคิดถึงเสียอีก

บูมรู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่าแฟนสาวหายเข้าไปในเซเว่นนานเกินไปแล้ว แค่ซื้อน้ำดื่มก็ไม่น่าจะใช้เวลามากขนาดนี้ ด้วยความเป็นห่วงบูมจึงดับเครื่องยนต์ ล็อกรถไว้แล้วก็เดินเข้าไปตามแพรวในเซเว่น

พอเข้าไปแล้วก็เห็นแพรวกำลังจ่ายเงินอยู่พอดี "แพรว...ได้น้ำแล้วเหรอครับ"

"ค่ะบูม พอดีน้ำยี่ห้อที่แพรวอยากได้มันอยู่หลังๆ ค่ะ เพิ่งหาเจอ ขอโทษนะคะที่ทำให้รอ" แพรวบอกพลางหันมายิ้มให้แฟนหนุ่ม

"ไม่เป็นไร มา...เดี๋ยวผมช่วยถือให้"

บูมบอกแล้วก็เดินไปรับน้ำเปล่าในมือของแฟนสาวมาถือไว้ แพรวรับเงินทอนแล้วก็เก็บใส่กระเป๋าของตัวเอง

"ทิว"

บูมตกตะลึงสุดขีดเมื่อพบว่าพนักงานเซเว่นที่แพรวกำลังซื้อของด้วยนั้นคือทิว ไม่ว่าจะนานแค่ไหนบูมก็จำทิวได้เสมอแม้ว่าขนาดตัวและหน้าตาจะเปลี่ยนไปพอสมควร น้ำที่บูมถืออยู่ในมือหล่นลงบนพื้นราวกับคนถือไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ส่วนทิวนั้นก็มีอาการไม่ต่างจากบูมเลย ต่างคนต่างตกตะลึงและยืนตัวแข็งทื่อเหมือนกัน

"บูม" ทิวหลุดคำเรียกออกมาเบาๆ แต่ก็อาจจะเบาจนแพรวแทบไม่ได้ยิน

"บูม ระวังหน่อยสิคะ"

แพรวตำหนิแฟนหนุ่มพลางย่อตัวลงไปหยิบถุงขวดน้ำที่ตกไปขึ้นมาถือไว้เอง

"ไปเถอะค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทันนะคะ" ว่าแล้วแพรวก็เดินนำออกไปก่อน แต่บูมยังคงยืนตัวแข็งทื่อและมองหน้าทิวค้างอยู่

"บูมคะ บูมจะซื้ออะไรอีกหรือเปล่าคะ ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวไม่ทันนะคะ"

แพรวหันมาเรียกแฟนหนุ่มอีกครั้งหลังจากที่เธอก้าวเดินออกไปแล้วบูมก็ยังคงอยู่ที่เดิม

"ครับ" บูมตอบแล้วก็ค่อยๆ หันตัวกลับเดินตามแฟนสาวออกไปราวกับคนไร้สติ

"บูมเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายหรือเปล่าคะ" แพรวถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นบูมเดินตัวแข็งๆ แถมยังมีสีหน้าเหมือนคนตกใจ

บูมค่อยๆ เรียกสติของตัวเองกลับคืนมา แต่มันก็กลับคืนมาได้ช้ามาก แทบจะฟังไม่รู้เรื่องเลยว่าแพรวถามว่าอะไรบ้าง

"บูม...เป็นอะไรหรือเปล่าคะ"

แพรวถามย้ำอีกครั้ง หยุดเดินแล้วมองหน้าแฟนหนุ่มเพื่อสังเกตหาความผิดปกติ บูมก็ดูผิดปกติไปจริงๆ ด้วย เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่นา จะว่าเป็นเพราะทำขวดน้ำตกก็ไม่น่าจะทำให้บูมตกใจขนาดนี้ได้

"ไม่มีอะไรหรอกแพรว รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทัน"

บูมคงจะรู้ตัวแล้วว่าทำให้แฟนสาวเป็นห่วงก็เลยพอเรียกสติคืนกลับมาได้ จากนั้นก็รีบเดินไปยังรถที่จอดอยู่ แพรวเดินตามไปอย่างงงๆ แต่ก็ไม่ได้ถามเรื่องนี้อีก

แล้วรถเก๋งคันหรูก็ขับออกไปจากซอยเพื่อที่จะไปงานเปิดโครงการคอนโดใหม่แห่งหนึ่งแถวๆ เกษตรนวมินทร์ บูมเพิ่งเข้ามารับผิดชอบโครงการนี้ได้สักพักแล้ว มีคนสนใจซื้อพอสมควรทีเดียว งานเปิดตัววันนี้ก็น่าจะมีแขกเหรื่อและลูกค้ามาร่วมงานมากพอดู

ทิวมองตามรถคันนั้นไปราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง ได้แต่ยืนงงและทำอะไรไม่ถูก อยากจะวิ่งตามออกไปก็ทำไม่ได้เพราะการทำงานที่นี่ค่อนข้างเข้มงวด พนักงานทำผิดแทบไม่ได้เลยเพราะมีกล้องคอยจับอยู่ตลอดเวลา

ผู้ชายเมื่อสักครู่นี้ที่มากับแฟนสาวคือบูมจริงๆ หรือเปล่า ก็น่าจะใช่เพราะทิวจำบูมได้ดีเสมอ แม้ว่าผ่านไปสี่ปีกว่าๆ จนบูมโตเป็นหนุ่มเต็มที่และหน้าตาเปลี่ยนไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจนถึงกับจะทำให้ทิวจำไม่ได้

บูมมีแฟนแล้วนี่เองถึงได้ไม่อยากกลับมาเจอทิวอีกครั้ง เพราะอย่างนี้นี่เอง แค่คำทักทายสักคำจากบูมก็ยังไม่มีเลย เพราะอย่างนี้นี่เองบูมถึงไม่เคยอยากมาหา บูมคงจะลืมทิวไปแล้ว คงลืมไปแล้วแน่ๆ แม้จะเตรียมใจไว้บ้างแล้วว่ามีโอกาสสูงที่บูมจะมีแฟนใหม่จนลืมเพื่อนคนนี้ไป แต่การได้รับรู้จากเรื่องจริงก็เจ็บปวดกว่าที่เกิดขึ้นในความคิดอย่างมากทีเดียว

บูมลืมทิวไปแล้ว!!!

TBC
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 19 วันที่ 26.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 26-03-2012 08:47:52
ไปไกลเลยบูม โ่ด่  เเค่หัวใจตัวเองยังไม่เข้าใจเลย

อ่านเรื่องนี้เเล้วอัดอั้น มันอินจัด อยากนั่งด่าทั้งคู่ สักสามวัน

+1 สำหรับการอัพเเบบถี่ยิบ ของคนเขียน ชอบสุดยอดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 19 วันที่ 26.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Cynthia_Moonlight ที่ 26-03-2012 10:03:10
อยากจะตบเข่าดังฉาด! ว่าแล้วมั้ยล่ะนั่น!!

หาพระเอกใหม่ๆๆๆ ไม่เอามันแล้ววววววววววววว


 :beat: :beat: :z6:  :z6:


คนบ้าอะไรมันจะกลัวใจตัวเองขนาดนี้ว้า  :m16: :m16:
 
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 19 วันที่ 26.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 26-03-2012 10:10:20


มาอัพแล้ว

HAPPY BIRTH DAY ให้คนเขียนนะค่ะ มีความสุขมากๆ ร่างกายแข็งแรงค่ะ :)  ...



ตอนแรกคนเขียนบอกว่าให้เตรียมทิชชู ก็คิดว่าจะได้ซับเลือด  :pighaun: :pighaun:

ที่ไหนได้  :o12: :o12: :o12:  บูมใจร้ายกับทิวมากอะ เฮ้อ T T 

เป็นกำลังใจให้ทิว  :กอด1: ไปรักกับต้องซะเลย  :really2:


มาอัพเร็วมากกก ชอบบๆ 555

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 19 วันที่ 26.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 26-03-2012 10:22:12
นั่นนนน สงสารทิวจังเลย เจอแต่ความทุกข์ เจอบิวกับแฟนคงเหมือนความหวังที่หล่อเลี้ยงอยู่มันแห้งกริบ

สุขสันต์วันเกิดคนเขียนด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 19 วันที่ 26.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 26-03-2012 11:38:13
สุขสันต์วันเกิดคนเขียน สงสารทิวอีกแล้ว อ่านแล้วบีบใจอย่างมาก อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยเรา
สงสารทิวมาก ความคิดถึงที่เก็บกัก ความรักที่แปรเป็นความคิดถึงที่เจ็บปวด กับถูกตอบแทนด้วยการเมินเฉย
กลับถูกคนที่รอคอย ถูกคนที่หล่อเลี้ยงใจให้อยู่เฉยไม่ทัก ไม่เคยกลับมา ทั้งที่อยู่ใกล้ๆกัน
นายมันคนขี้ขลาดวะบูม ขี้ขลาดจนไม่คู่ควรกับทิวเลย สมควรแล้วที่ต้องจะจงเกลียด เพราะนายเป็นคนแบบนี้ไง เป็นคนที่เห็นแก่ตัว ทรมานทิว ผูกทิวไว้กับรักบ้าของนาย หากไม่รักไม่ต้องการ ช่วยบอกทิวตรงๆ ให้คนๆนี้หลุดพ้นจากนายสักที ไอ้บ้าขี้ขลาด ไอ้หมาขี้แพ้บูม :m15: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 19 วันที่ 26.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 26-03-2012 12:45:57
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 20 ✦ รักที่หล่นหาย

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)

หลังจากเสร็จงานแล้วบูมก็จัดการขับรถไปส่งแพรวที่บ้านแถวๆ สาทร ปกติบูมจะอยู่พูดคุยกับพ่อแม่ของแพรวสักพักถึงจะกลับ แต่วันนี้บูมถือโอกาสกลับทันที ก่อนจะบึ่งรถมุ่งตรงมาที่ลาดพร้าวอีกครั้ง มาถึงก็จอดรถไว้ที่ด้านหลังตลาดก่อนจะเดินไปด้อมๆ มองๆ ที่ร้านสะดวกซื้อที่ทิวทำงานอยู่ เกือบจะห้าโมงเย็นแล้วทิวก็ยังคงทำงานอยู่

ทำไมทิวถึงมาทำงานที่นี่หนอ หรือว่าทำงานพิเศษหารายได้ แต่เท่าที่บูมรู้มา บ้านทิวก็ไม่ได้ลำบากมากถึงขนาดจะต้องให้ทิวมาทำงานในร้านสะดวกซื้อที่ต้องยืนขาแข็งทั้งวันอย่างนี้เลย แต่เดาไปก็คงไม่ได้คำตอบที่แท้จริง คนที่จะบอกได้ดีที่สุดก็คือทิว

บูมกลับเข้ามานั่งรอในรถ ไม่นานนักทิวก็เลิกงาน เดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อแล้วก็ขี่มอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ด้านหน้าร้านออกไป เมื่อบูมแน่ใจว่าทิวขับออกไปไกลพอสมควรจึงค่อยๆ ขับรถตามไปเพราะไม่อยากให้ทิวผิดสังเกต พอมาถึงหน้าบ้านทิวก็พบว่าทิวหายเข้าไปในบ้านแล้ว บูมจอดรถไว้ที่หน้าบ้านของทิว ดับเครื่องแล้วก็ลงจากรถ

"ขายบ้าน!!!" นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมทิวถึงได้ติดป้ายประกาศขายบ้าน บูมยืนมองป้ายนั้นแล้วก็ครุ่นคิด ทิวทำงานเป็นพนักงานในร้านสะดวกซื้อ มิหนำซ้ำยังประกาศขายบ้านอีก สี่ปีเศษๆ ที่ผ่านมานั้นบูมไม่เคยติดต่อทิวเลย ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของทิวบ้าง ทำไมทิวถึงไปทำงานที่นั่น ทำไมต้องขายบ้าน หรือว่าแค่ต้องการย้ายที่อยู่ แล้วทิวจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ

บูมไม่ยอมกลับมาหาทิวด้วยเหตุผลเพียงเพราะว่าไม่กล้ามาสู้หน้าทิวอีก ยิ่งรู้ว่าพ่อกับแม่เป็นอย่างนั้นแล้วบูมก็ยิ่งไม่อยากพาทิวเข้ามาให้ลำบากใจ แต่ไม่ว่าก่อนหน้านี่บูมจะมีเหตุผลมากมายเพียงใดที่จะไม่มา พอได้เจอกับทิวโดยบังเอิญเมื่อกลางวันนั้นแล้วบูมก็ไม่สามารถห้ามความคิดถึงได้ คราวนี้ต่อให้ใครจับมัดไว้บูมก็จะมาหาทิวให้ได้

บูมกดกริ่งหน้าบ้านของทิวก่อนจะหันหลังพิงรั้วประตูบ้านเพราะยังไม่อยากให้ทิวเห็นหน้าในทันที ทิวเดินออกมาแล้ว ใจของบูมเต้นรัวราวกับจะทะลุออกมาข้างนอก ทิวคงแปลกใจมากทีเดียวที่เห็นชายหนุ่มแต่งตัวภูมิฐานมายืนพิงประตูหน้าบ้าน แถมยังมากับรถบีเอ็มดับบลิวคันงามอีกด้วย

"มาหาใครเหรอครับ" ทิวร้องถาม

บูมค่อยๆ หันหน้ามาเผชิญกับอีกฝ่ายที่อยู่คนละฝั่งของรั้วบ้าน "ทิว เรากลับมาแล้ว"

"บูม"

ทิวอ้าปากค้างราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง รีบเปิดประตูมือไม้สั่น บูมยิ้มดีใจแล้วก็โผเข้ากอดเพื่อนทันทีประตูถูกเปิดออก ทั้งสองคนกอดกันแน่นราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายไปไหน

"เรากลับมาแล้วทิว เรากลับมาแล้ว"

บูมย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง เหตุการณ์ประทับใจในวันเก่าๆ ฉายขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง นึกถึงวันที่ตกบันไดแล้วทิวก็คอยมาช่วยทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้บูมไม่ชอบหน้าทิวเลย บูมจะไปไหนทิวก็คอยพยุงพาไป ไม่เคยนึกโกรธเคืองที่เคยทำไม่ดีกับทิวไว้ จากนั้นบูมก็ได้เข้ามาในชมรมดนตรีเพราะทิวคอยช่วยสอนร้องเพลงให้อย่างตั้งใจ การร้องเพลงเป็นคู่หูดูโอ้กันในสามปีนั้นทำให้ทิวกับบูมสนิทกันมาก ไปไหนไปด้วยกันตลอด ไม่น่าเชื่อเลยว่าบูมจะทำลายสิ่งดีๆ ในสามปีนั้นให้หายไปสิ้น

"บูม" ทิวก็ได้แต่เรียกชื่อเพื่อนแล้วก็ร้องไห้ ไม่รู้จะพูดอะไรในตอนนี้ มันมีอะไรหลายอย่างเหลือเกินที่อยากจะพูด แต่ ณ นาทีนี้ ทิวอยากกอดบูมให้แน่นและเนิ่นนานที่สุดให้สมกับที่รอคอยและคิดถึงมานานเหลือเกิน ชีวิตที่อ้างว้างเดียวดายตั้งแต่แม่เสียไปเมื่อเกือบสามปีที่แล้วช่างโหดร้ายและทารุณ ทิวต้องการใครสักคนที่จะกอดทิวไว้ คอยปลอบใจและให้ความหวัง แต่ทิวก็ไม่เคยมีใครสักคนนั้นเลย ทิวรอคอยคนๆ นี้มาตลอด แต่คนๆ นี้ก็ช่างใจร้ายกับทิวเหลือเกิน

เนิ่นนานทีเดียวที่ทิวกับบูมกอดกันอยู่อย่างนั้น ก่อนจะค่อยๆ ผละออกจากกันเพื่อมองหน้ากันให้ชัดๆ อีกครั้ง ทั้งทิวและบูมต่างก็ยิ้มทั้งน้ำตา นานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้เจอกัน บูมเคยคิดว่ากลับมาเจอกันอีกครั้งก็อาจจะมีความรู้สึกห่างเหินไปบ้าง แต่มันไม่ใช่เลย ความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่แล้วก็ยังกลับคืนมาราวกับว่าไม่เคยจากไปไหน เหมือนเมล็ดพันธุ์ที่รอเพียงน้ำฝนเทกระหน่ำลงมาเพื่อให้มันแตกหน่อและเติบโตต่อไป

"บูม...นายรู้ไหมว่าเรา...คิดถึงนายมากแค่ไหน รอนายอยู่ทุกวัน ตั้งแต่วันนั้น...ตั้งแต่วันที่นายจากไป จนถึงวันนี้...เราก็ยังรอ ทำไมนายใจร้ายกับเราอย่างนี้ล่ะบูม"

ราวกับมีใครเอามีดมากรีดที่หัวใจก็ไม่ปาน บูมดึงทิวเข้ามากอดไว้อีกครั้ง รู้สึกผิดอย่างมากเหลือเกินที่ทิ้งคนที่เคยรักไปราวกับตายจากกัน ที่ทิวต้องไปทำงานแบบนี้ก็คงพอจะบอกได้แล้วว่าทิวต้องลำบากแค่ไหน ในขณะที่บูมกลับมีชีวิตที่สุขสบายทุกอย่าง

"เราขอโทษ ทิว...เราขอโทษ"

บูมบอกพลางสะอื้นไห้ รู้ดีว่าคำขอโทษแค่นี้คงไม่พอที่จะชดเชยความเจ็บปวดจากการรอคอยในครั้งนั้นได้ให้กับทิวได้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะขี้ขลาดและใจร้ายกับคนที่เคยดีกับเขามากขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะทิว ชีวิตในช่วงมัธยมศึกษาตอนปลายของบูมคงไม่มีช่วงเวลาดีๆ อย่างนั้นแน่ๆ ยิ่งคิดบูมก็ยิ่งรู้สึกผิดและอดที่จะโทษตัวเองไม่ได้

เมื่อกอดกันจนพอใจแล้ว ทิวก็พาบูมเดินเข้ามาในบ้าน ทิวยังชอบปลูกต้นไม้อยู่เหมือนเดิม มุมคีย์บอร์ดที่บูมกับทิวมักจะมาร้องเพลงด้วยกันก็อยู่ที่เดิม มีรูปบูมกับทิวมาตั้งไว้ด้วย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ล้วนแล้วแต่มีความทรงจำดีๆ หลายอย่างที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ บูมไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทิ้งสิ่งเหล่านี้ไปอย่างง่ายดายราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นไปได้ยังไง

"แม่ล่ะทิว แม่ยังไม่กลับอีกเหรอ" บูมถามเมื่อนึกขึ้นได้

ทิวยืนนิ่ง น้ำตาไหลพรากเมื่อถูกสะกิดใจเรื่องนี้ขึ้นมา "แม่เราเสียแล้วล่ะบูม"

"อะไรนะทิว!" บูมอุทานราวกับจะไม่เชื่อว่ามันเป็นความจริง "ตั้งแต่เมื่อไร"

"เกือบสามปีแล้วล่ะ"

"โธ่แม่...."

บูมหันไปมองรูปแม่ของทิวที่ติดไว้ตรงฝาบ้านแล้วก็รู้สึกใจหาย แม่ของทิวดีกับบูมมาก บูมรู้สึกละอายใจเหลือเกิน เขาน่าจะได้มาอยู่กับทิวในช่วงเวลานั้น ทิวจะเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องเสียแม่ที่เป็นที่พึ่งเพียงคนเดียวไปในขณะที่ตัวเองก็ยังเรียนหนังสืออยู่

"แสดงว่านายก็...อยู่คนเดียว"

บูมแทบจะพูดต่อไม่ได้เหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ ขอบตาร้อนผ่าวอีกครั้ง สงสารทิวจับจิตจับใจ นี่บูมทิ้งทิวไปแล้วก็ปล่อยให้ทิวต้องเผชิญชะตากรรมต่างๆ มากมายเพียงคนเดียวตลอดมาเลยหรือ นี่บูมทำอย่างนี้ลงไปได้ยังไง เสียดายที่ทิวเคยรักเคยช่วยเหลือมาตลอด

"ทิว...เราจะไม่ว่าอะไรนายเลยสักคำถ้านายจะโกรธหรือเกลียดเรา นายจะเกลียดเราก็ได้นะทิว มันคงทำให้เรารู้สึกดีกว่านี้ ดีกว่าที่เราจะต้องมารับรู้ว่า... เราคือคนที่ทิ้งนายไปแล้วปล่อยให้นายลำบากอยู่คนเดียว ชาตินี้เราคงให้อภัยตัวเองไม่ได้เลยทิว"

บูมค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นราวกับคนไม่มีเรี่ยวแรง รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกินที่ได้รับรู้ว่าความขี้ขลาดของตัวเองทำให้ทิวต้องมาเผชิญชะตากรรมที่แสนลำบากขนาดนี้ บูมปล่อยให้ทิวอยู่คนเดียวอย่างลำบากมาเกือบสามปีโดยที่ไม่เคยคิดจะสนใจเลย

"ทิว...เราขอโทษ"

บูมร้องไห้อย่างหนัก น้ำตาเต็มใบหน้า เงยหน้ามองคนที่เคยรักใคร่ผูกพันแล้วก็สะท้อนใจ ทิวผอมไปมาก เสื้อผ้าที่ใส่ก็ดูเก่า เมื่อพิจารณาดีๆ ก็เห็นว่าบ้านเริ่มโทรมลงราวกับว่าเจ้าของบ้านไม่สามารถจะดูแลให้มันดีกว่านี้ได้ ทำไมบูมถึงทิ้งให้เพื่อนให้มีชีวิตที่ลำบากขนาดนี้ได้ลงคอ ถ้าบูมมาหาทิวบ้าง ติดต่อทิวบ้าง อย่างน้อยก็คงจะพอช่วยเหลือและให้กำลังใจกันได้ แต่นี่...ไม่มีเลย

"ทิว...เราผิดเอง เรามันขี้ขลาด...เป็นแค่ไอ้คนขี้ขลาดคนหนึ่งที่ใจร้ายใจดำได้แม้กระทั่งกับคนที่คอยช่วยเหลือมาตลอด เราเกลียดตัวเอง...เราเกลียดตัวเองน่ะทิว ทำไมเราถึง..."

บูมสะเทือนใจหนักจนเกินกว่าจะพูดต่อไปได้ ทิวค่อยๆ ย่อตัวลงนั่งตรงข้ามกับบูม ต่างคนต่างมีน้ำตาเต็มใบหน้า

"เราก็ไม่รู้หรอกนะบูมว่านายมีเหตุผลอะไร นายไม่ต้องบอกเราก็ได้" ทิวหยุดเว้นจังหวะไปเล็กน้อย

"เรามีเรื่องสำคัญมากที่จะบอกนาย เรื่องที่เราอยากจะบอกแต่ก็ไม่ได้บอก นายรอเราแป๊บนึงนะบูม เดี๋ยวเรามา"

ว่าแล้วทิวก็ลุกขึ้น เดินกึ่งวิ่งขึ้นไปบนห้องของตัวเอง ไม่นานนักก็กลับลงมาพร้อมกับใส่เสื้อตัวหนึ่งมาด้วย บูมเห็นแล้วก็ลุกขึ้นยืนและไม่อาจจะห้ามน้ำตาไว้ได้อีกเมื่อเห็นเสื้อที่ทิวใส่ลงมานั้นเป็นเสื้อเฟรนด์ชิพสมัยเรียนมัธยมนั่นเอง ทิวยังคงเก็บเอาไว้เพราะในบรรดาเพื่อนๆ ทั้งหมดนั้นก็เหลือบูมเพียงคนเดียวที่ยังไม่ได้เขียนให้เขาเลย

"ทิว..." บูมร้องไห้ด้วยความสงสารอีกฝ่ายอย่างจับจิตจับใจ นี่คงจะเป็นสิ่งที่ค้างคาใจทิวมาตลอดทิวถึงยังเก็บมันไว้อยู่

ทิวถือปากกาสำหรับเขียนมาด้วยแท่งหนึ่ง พอเดินมาถึงบูมก็ยื่นให้พร้อบกับบอกว่า

"เขียนให้เราหน่อยนะบูม เหลือนายแค่คนเดียวที่ยังไม่ได้เขียนให้เราเลย"

บูมพยักหน้าพลางรับปากกาแท่งนั้นมา พยายามหยุดสะอื้นไห้แล้วก็ค่อยๆ บรรจงเขียนข้อความลงไปบนเสื้อของทิวด้วยความสะเทือนใจ ไม่ได้ใช้เวลาคิดนานนักเพราะรู้อยู่แล้วว่าอยากเขียนอะไร พอเขียนเสร็จแล้วบูมก็เอาปากกาไปวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ

"นายเขียนว่าอะไรน่ะบูม อ่านให้เราฟังหน่อยสิ" ทิวถามพลางก้มลงมองตรงที่บูมเขียน แต่มันก็กลับหัวและอ่านยาก แถมยังยาวอีกต่างหาก

"ได้สิ" บูมเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วก็ก้มมองตรงบริเวณที่เขาเขียนข้อความลงไป

"ฟังนะทิว" บูมสูดลมหายใจเข้าแล้วก็ร้องเพลงๆ หนึ่งขึ้นมา

"ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ เธอคือกำลังใจเดียวที่มีไม่ว่านาทีไหนๆ"

บูมเขียนไว้แค่นี้ เพราะถ้าเขียนยาวกว่านี้ก็จะไปทับข้อความของคนอื่นๆ บูมร้องต่อโดยมีเสียงทิวร้องคลอตามเบาๆ ดูจะเป็นการร้องเพลงที่ประหลาดมากทีเดียวเพราะคนร้องเพลงร้องไห้ไปด้วย เสียงจึงขาดห้วงเป็นระยะๆ

"ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบอะไร ฉันก็รู้และฉันอุ่นใจ ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ตรงนี้"

แล้วทิวกับบูมก็มองหน้ากันเพื่อที่จะร้องท่อนสุดท้ายพร้อมกัน "ฉันก็รู้และฉันอุ่นใจ ว่าฉันนั้นนั้นจะมีเธออยู่...กับฉัน"

แล้วบูมก็ดึงทิวเข้าไปกอดอีกครั้งด้วยความสงสารสุดหัวใจ "เราขอโทษนะทิว เราขอโทษ..."

แม้ว่าจะพูดไปหลายครั้งแล้วบูมก็ยังคงพร่ำบอกว่าขอโทษ นึกเกลียดตัวเองที่ทิ้งเพื่อนไปตั้งหลายปี ยิ่งได้รู้ว่าทิวยังรอคอยอยู่ก็ยิ่งรู้สึกผิด

ทิวค่อยๆ ดันตัวออกจากอ้อมแขนของบูม มองหน้าอีกฝ่ายอย่างพินิจพิจารณา บูมดูหล่อและภูมิฐานมากขึ้นทีเดียว ยิ่งโตก็ยิ่งหล่อ ทรงผมที่ดูทันสมัยและการแต่งกายที่สะอาดสะอ้านบ่งบอกว่ามาจากครอบครัวที่มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดี ผิดกับทิวที่ตอนนี้แทบจะไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ชีวิตก็เกือบจะรั้งเอาไว้ไม่ได้เสียแล้ว

"บูม...นายรู้ไหม กว่าที่เราจะอดทนจนได้เจอกับนายอีกครั้ง เราต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เราไม่เหลือใครเลย ไม่มีใครจริงๆ มันยากมากรู้ไหมที่เรา...จะอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เราแทบจะเอาชีวิตไม่รอด แต่เราที่ยังอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้...ก็เพราะว่าเรารอที่จะได้เจอกับนายอีกสักครั้ง เพราะเรามีเรื่องสำคัญที่อยากจะบอกนายแต่ก็ไม่ได้บอก นายจำงานวันเกิดของนายตอนมอหกได้ไหม นายเคยบอกเราว่านายมีเรื่องสำคัญจะบอกเราแต่ก็ไม่ได้บอกคืนนั้น เราก็ไม่รู้หรอกนะว่านายจะบอกอะไรเรา แต่เรา...ก็มีเรื่องอยากจะบอกนายในคืนนั้นเหมือนกัน เสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสบอก มันค้างคา...มันติดอยู่ในใจเรามาตลอด ต่อให้ชีวิตยากลำบากแค่ไหนเราก็ขอสู้กับมัน...เพื่อที่จะมาบอกนายเรื่องนี้ ก่อนที่เราจะจากกัน...เราอยากจะบอกนายว่า...เรารักนาย"

บูมนิ่งอึ้งไป อาจจะไม่ได้ต่างจากสิ่งที่บูมคาดเดานัก บูมรู้อยู่แล้วล่ะว่าตอนนั้นทิวรู้สึกยังไงกับบูม แล้วบูมก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันในตอนนั้น แล้วตอนนี้ล่ะ ตอนนี้บูมยังรักทิวอยู่หรือเปล่า สี่ปีเศษๆ ที่ผ่านมานั้นเอาความรักวันเก่าไปเก็บไว้ที่ไหน หรือบูมทิ้งมันไปแล้ว

"เราต้องการจะบอกนายแค่นี้แหละ แค่นี้...เราก็พอใจแล้ว ไม่มีอะไรติดค้างระหว่างเราสองคนอีกแล้ว"

ทิวหยุดแล้วก็ครุ่นคิดเหมือนกำลังตัดสินใจเรื่องที่สำคัญบางอย่าง แม้จะเสียดายสัมผัสอบอุ่นนี้ที่ทิวโหยหามาตลอด แต่วันนี้ทิวกับบูมไม่เหมือนเดิมแล้ว ชีวิตที่จากกันไปนานแสนนานนั้นทำให้คนสองคนไม่ต่างจากการเป็นคนแปลกหน้ากัน ที่สำคัญ...บูมคงมีใครคนนั้นอยู่แล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่ทิวจะยื้อบูมเอาไว้

"บูม...นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป" ทิวเริ่มสะอื้นไห้อีกครั้งเมื่อรู้ว่าจะต้องพูดสิ่งสำคัญอีกอย่าง

"เราไม่ต้องมาเจอกันอีก เราไม่ต้องเจอกันอีกแล้วนะบูม เราไม่อยากเจอนายอีกแล้ว ไหนๆ เราก็เหมือนตายจากกัน เราก็ไม่จำเป็นต้องกลับมาหากันอีก เราได้บอกเรื่องที่เราอยากบอกไปหมดแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องเจอกันแล้ว อย่ามาเจอกันอีกเลยนะบูม"

ทิวร้องไห้โฮราวกับจะขาดใจ ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างคนไร้สิ้นซึ่งเรี่ยวแรง ส่วนบูมก็ได้แต่ยืนตกตะลึงราวกับไม่เชื่อว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้จากทิว แต่มันก็สมควรแล้วล่ะ คนอย่างบูมไม่ควรได้ความรักจากทิวด้วยซ้ำ ไม่สมควรที่ทิวจะต้องอดทนรอเพื่อบอกความรู้สึกนี้เลย

บูมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ค่อยๆ ย่อตัวลงตรงหน้าทิวพร้อมกับมองดูคนที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร

"ทิว...เราขอกอดนายอีกสักครั้งได้ไหม"

แม้ทิวจะยังไม่อนุญาตแต่บูมก็กอดทิวไว้เสียแน่น คงจะเป็นกอดครั้งสุดท้ายที่บูมอยากจะมอบให้หัวใจดวงนี้ที่เคยอ้างว้างและเจ็บปวด ชีวิตของทิวต้องการใครสักคนที่จะให้สิ่งนี้กับทิวได้ บูมอยากจะมอบให้กับทิวไว้ก่อนจะต้องจากกันอีกครั้ง อย่างน้อยคงพอทำให้หัวใจของทิวอบอุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง คิดแล้วก็ใจหาย ได้กลับมาเจอกันแค่ครั้งเดียวก็จะต้องมาจากกันไปอีกแล้ว

บูมค่อยๆ ปล่อยทิวออกจากอ้อมแขนแล้วก็จับไหล่ทั้งสองข้างของทิวไว้ มองดูหน้าคนที่เคยรักกันอย่างอาลัยอาวรณ์ ถ้าบูมไม่อยู่แล้วใครจะดูแลทิว เวลาที่ทิวต้องการใครสักคนทิวจะไปหาใคร ยามลำบากยากแค้นทิวจะอยู่ยังไง แต่บูมก็ทำไม่ดีกับเพื่อนไว้มากเหลือเกิน มากจนไม่กล้าที่จะขออยู่ตรงนี้ต่อไป เขาไม่มีอะไรคู่ควรกับความรักของทิวเลยแม้แต่นิดเดียว

"ดูแลตัวเองดีๆ นะทิว เราเป็นห่วงนายนะ ถึงเราจะไม่ได้มาหา เราก็เป็นห่วงนายมาก คิดถึงนายมาก แต่เรา...ก็ขี้ขลาดเกินไป คนอย่างเรา...ไม่คู่ควรกับความรักของนายหรอก ก็ดีแล้วล่ะ...ที่ต่อไปเราไม่ต้องเจอกัน เรารู้ว่านายคงไม่อยากเจอคนอย่างเราแล้ว ถึงเราจะอยากอยู่ดูแลนายแค่ไหน...เราก็ไม่สมควรที่กลับมาให้นายเห็น เราขอโทษนะทิวที่เราทำให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ ดูแลตัวเองดีๆ นะทิว เราเป็นห่วงนายเสมอนะ เราไม่เคยลืมนายเลยรู้ไหม เราไม่เคยลืมนายนะทิว เราจะจำนายไว้เสมอ ขอบคุณมากสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง เราดีใจนะ...ที่ครั้งหนึ่งเราเคยได้เจอกัน แล้วก็...รักกัน"

ทิวอึ้งไปเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย ทิวก็เคยสงสัยว่าบูมคงมีใจให้แม้ว่าจะไม่ได้บอก แต่จะมีประโยชน์อะไรที่จะรู้ตอนนี้ รู้ไปก็ไม่สามารถกลับไปเหมือนเดิมได้อีกแล้ว

บูมปล่อยมือจากไหล่สองข้างของทิว ค่อยๆ ลุกขึ้น มองดูรูปแม่ของทิวที่ข้างฝา จากนั้นก็หันไปมองมุมคีย์บอร์ด บูมคงจะต้องไปจากที่นี่แล้ว คงไม่ได้กลับมาอีกเพราะทิวคงไม่อยากให้คนอย่างบูมกลับมาหาอีกแล้ว ลาก่อนนะครับแม่ ลาก่อนนะทิว บูมคร่ำครวญในใจ จากนั้นก็ตัดสินใจหันหลังเดินออกไปจากบ้านของทิว

ทิวมองตามคนที่กำลังเดินจากไปด้วยความรู้สึกใจหาย ลาก่อนนะบูม เราไม่มีอะไรต้องติดค้างกันแล้ว ต่อจากนี้ต่างคนก็ต่างไปตามทางชีวิตของตัวเองเหมือนที่เคยเป็นมา จบความรักในวันนั้นของเราสองคนเสียที ถึงเราจะไม่ได้อวยพรให้นายก็คงได้เจอชีวิตที่ดีๆ อยู่แล้วล่ะ ก็ขอให้นายมีความสุขกับชีวิตที่ดีของนายต่อไป ส่วนเรา...หมดสิ่งที่ค้างคาแล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้นานอีกแค่ไหน บางทีการจากไปก็อาจจะเป็นคำตอบที่ดีกว่าสำหรับคนที่ไม่เหลืออะไรเลยอย่างทิว

ทิวค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างหมดอาลัยตายอยากแล้วก็ขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง นอนร้องห่มร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ ลืมไปด้วยซ้ำว่ายังไม่ได้ปิดบ้าน เสียงรถของบูมแล่นออกไปแล้วทิวก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ความอบอุ่นจากใครสักคนที่ทิวเคยโหยหามาตลอดจากไปอีกครั้ง ชีวิตของทิวคงไม่มีอะไรจะเลวร้ายไปมากกว่านี้แล้ว ยังไงทิวก็คงพออยู่ต่อไปได้ ที่ผ่านมาก็ยังอยู่ได้เลย หรือถ้าอยู่ไม่ได้จริงๆ ก็แค่จากโลกนี้ไป ไม่มีใครต้องเสียใจหรือเสียดายหรอกถ้าไม่มีทิวสักคนบนโลกนี้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

บูมขับรถออกมาถึงร้านสะดวกซื้อที่ทิวทำงานอยู่แล้วก็ยิ่งสะท้อนใจ สงสารทิวเหลือเกิน ถ้าบูมทิ้งทิวไปเหมือนที่ผ่านมาแล้วทิวจะอยู่กับใคร หัวใจที่เจ็บช้ำและอ้างว้างของทิวใครจะช่วยดูแล ไม่มีแม่แล้วทิวก็คงลำบาก เสื้อผ้าและบ้านที่ดูเก่าโทรมลงไปก็คงพอจะบอกได้แล้วว่าทิวมีชีวิตที่อัตคัดขัดสนขนาดไหน บูมจะทิ้งทิวไปได้ลงคออีกหรือ

สามปีกว่าที่ทิวต้องใช้ชีวิตคนเดียว ทิวคงจะลำบากมาก คงจะเหงามาก โธ่ทิว...เราสงสารนายเหลือเกิน เราไม่น่าหลบลี้หนีหน้านายไปอย่างนั้นเลย ความผิดนี้ไม่มีวันที่ลบล้างไปจากจิตใจของบูมได้ บูมคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตถ้าไม่ได้ชดใช้ให้ทิวเลย

บูมเลี้ยวรถเข้าไปตรงที่จอดรถหลังตลาด จากนั้นก็กลับรถแล้ววิ่งกลับเข้าไปที่บ้านทิวอีกครั้ง

"เราทิ้งนายไม่ได้หรอกทิว ยังไงๆ เราก็ทิ้งนายไปอีกไม่ได้"

บูมรำพึงในใจ ดับเครื่องยนต์แล้วก็เดินลงมาจากรถมายืนอยู่ที่หน้าบ้านทิว ว่าจะกดกริ่งแต่พอลองใช้มือผลักประตูดูก็พบว่ายังไม่ได้ปิด สงสัยทิวคงลืมปิดแน่เลย บูมเดินเข้าไปในบ้านทิวแล้วก็กวาดสายตาหาคนที่บูมแสนจะเป็นห่วง ทิวไม่อยู่ที่ชั้นล่าง ไม่มีใครอยู่เลย

บูมเดินขึ้นบันไดแล้วก็ตรงไปที่ห้องของทิว เขาพอจำได้อยู่ว่าห้องนอนของทิวอยู่ชั้นสาม เมื่อมาหยุดที่หน้าห้องทิวแล้วก็เห็นว่าประตูห้องของทิวยังเปิดไว้อยู่ มีเสียงคล้ายคนร้องไห้เล็ดรอดออกมาจากห้องนั้น บูมไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหาต้นตอเสียงร้องไห้นั้นทันที

"ทิว"

บูมร้องเรียก สีหน้าแสดงความสงสารอย่างจับจิตจับใจ ทิวพลิกตัวหันมามองเจ้าของเสียงแล้วก็มองด้วยความสงสัยทั้งๆ ที่ยังร้องไห้อยู่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรทิวก็รู้สึกอุ่นใจและดีใจมากทีเดียวที่บูมกลับมา

บูมเดินมานั่งลงที่เตียงนอนของทิว ทิวลุกขึ้นนั่งแล้วก็กอดบูมไว้ ถึงจะเอ่ยปากไปว่าไม่ต้องมาเจอกันแล้ว แต่ความเหงาและความอ้างว้างเดียวดายก็ช่างโหดร้ายเสียจนทิวไม่อาจจะฝืนมันต่อไปได้ เมื่อมีใครสักคนมาอยู่ใกล้ โดยเฉพาะคนที่ทิวเคยรักด้วยแล้วก็ยิ่งยากที่จะทำใจไหว

บูมกอดทิวไว้พลางลูบหลังปลอบใจ ทิวคงเหงามากที่ต้องอยู่คนเดียว บูมคงทิ้งคนๆ นี้ไปไม่ได้อีกแล้ว ต่อให้ทิวจะโกรธเกลียดแค่ไหนบูมก็ทิ้งไปไม่ได้ อย่างน้อย ขอให้บูมได้ชดใช้อะไรให้ทิวบ้างก็ยังดี จากนั้นแล้วทิวจะให้บูมไปบูมถึงจะยอม

เนิ่นนานทีเดียวกว่าที่ทิวจะค่อยๆ สงบจิตใจได้ ทิวค่อยๆ ดันตัวออก ต่างคนต่างมองหน้ากัน

"เราจะดูแลนายเองนะทิว เราทิ้งนายไปอีกไม่ได้ ขอให้เรา...ได้ชดใช้ความผิดทั้งหมดที่เราเคยทำบ้างนะทิว"

ทิวไม่ตอบเพราะไม่รู้จะตอบว่ายังไง รู้แต่ว่าดีใจที่บูมกลับมาหา ส่วนจะชดใช้หรือไม่ชดใช้อะไรให้นั้นทิวไม่ได้สนใจ ทิวสนใจแค่โอกาสที่จะได้อยู่กับคนที่เคยรักอีกสักครั้ง ชีวิตที่อ้างว้างเดียวดาวของทิวคงจะมีความหมายมากกว่านี้

แววตาของทิวดูเหงาและเศร้ามากเหลือเกิน ร่างกายก็ผ่ายผอมเหมือนกับไม่ค่อยได้กินอาหารดีๆ ร่องรอยที่เหลือทิ้งไว้บอกเล่าเรื่องราวในตัวของมันเองได้เป็นอย่างดี บูมจะไม่ปล่อยให้ชีวิตของทิวต้องลำบากเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว

"ทิว..." บูมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นทิวยังเงียบ

ทิวก็ยังคงเงียบ แต่สายตามีคำถามเหมือนกับอยากรู้ว่าบูมจะพูดอะไรต่อไป แต่บูมก็ไม่พูดอะไรอีกเช่นเดียวกัน มองหน้าทิวเหมือนกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เมื่อตกลงใจได้แล้วบูมก็ค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าไปหาทิว สายตาที่เคยมีคำถามฉายแววประหม่าระคนสงสัยว่าบูมกำลังจะทำอะไร ก่อนที่จะได้ถาม ริปฝีปากของบูมก็ประกบลงมาเสียก่อน

บูมกอดกระชับคนตรงหน้าให้เข้ามาใกล้ขึ้น ทิวพยายามที่จะหนีแต่ก็สู้แรงปรารถนาที่อยู่ในใจไม่ได้ รสจูบที่อ่อนโยนและนุ่มนวลนั้นช่วยปลอบโยนคนที่เจ็บ เศร้าและเหงาอย่างทิวได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว สุดท้ายทิวก็ต้องกอดคนที่รุกล้ำไว้จนได้

บูมค่อยๆ ละริมฝีปากออกมาจากทิวอย่างช้าๆ ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่สำคัญคำหนึ่งออกไป

"เรารักนายนะทิว ถึงตอนนี้...เราก็ยังรักนายอยู่"

ใช่แล้ว บูมจะลืมความรักครั้งนั้นของตัวเองได้ยังไง แม้ว่าสี่ปีกว่าที่ผ่านมามันจะถูกเก็บซ่อนไว้ แต่บูมก็เพิ่งได้คำตอบกับตัวเองวันนี้ว่าความรักวันนั้นยังไม่ตาย วันที่ได้กลับมาเจอคนที่มันรัก หัวใจของบูมก็พร้อมที่จะเบ่งบานและเปิดรับความรักวันนั้นกลับเข้ามาในหัวใจอีกครั้ง

"ให้เราดูแลนายอีกครั้งนะทิว"

น้ำตาของทิวไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจหรอก แต่เป็นน้ำตาแห่งความดีใจต่างหาก ก่อนที่จะต้องลาจากโลกนี้ไป ขอให้ทิวได้มีชีวิตที่มีความสุขกับคนที่ทิวรักบ้างอีกสักครั้ง ต่อให้มันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ทิวก็พร้อมที่จะยอมแลก มันอาจจะฟังดูเหมือนคนโง่ แต่ทิวก็ไม่เข้มแข็งมากพอที่จะหนีมันไป หัวใจของทิวอ่อนแอจนเกินกว่าจะต้านทานความต้องการความรักจากใครสักคนที่ทิวรักเสียแล้ว

บูมค่อยๆ ดันตัวของทิวลงนอน ก่อนจะค่อยๆ โถมตัวลงไปทาบทับและมอบรสจูบที่แสนหวานเพื่อปลอบใจคนเศร้าอีกครั้ง คงไม่ต้องบอกว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น บูมตัดสินใจแล้ว เมื่อสองคนต่างก็รักกันแล้วก็ควรจะร่วมมือกันฝ่าฟันอุปสรรคด้วยกัน ไม่ใช่การยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแข่งเหมือนเช่นที่ผ่านมา ถ้าลองสู้แล้วพบว่าสู้ไม่ได้ก็ยังดีกว่าถอดใจไปก่อนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ลอง

"ถ้านายคิดว่า...จะอยู่กับคนมีปัญหาอย่างเราไหว อยากสู้ไปด้วยกันกับเราอีกสักครั้ง นายก็ให้โอกาสเราอีกสักครั้งนะทิว"

บูมเอ่ยขึ้นก่อนที่อะไรๆ ไปไกลยิ่งกว่านี้ ทิวมองร่างเปลือยเปล่าของคนตรงหน้าแล้วก็ยิ้ม นี่คงจะเป็นเพียงรอยยิ้มที่ดูมีความสุขที่สุดของทิวในรอบหลายปีที่ผ่านมา รูปร่างของบูมดูกำยำสมส่วนกว่าเดิมมาก ผิวกายขาวสะอาดราวเทพบุตร กลิ่นกายก็หอมรัญจวนใจยิ่งนัก ทิวรู้สึกอบอุ่นใจและปลอดภัยทุกครั้งเมื่อได้อยู่ในอ้อมแขนของคนๆ นี้ ต่อให้เป็นความสุขครั้งสุดท้ายของชีวิตทิวก็ยินดีที่จะยอมแลก

ทิวควานหามือของบูมจนเจอแล้วก็จับไว้ ถึงไม่ได้พูดอะไรก็คงจะพอเป็นคำตอบให้กับบูมได้แล้วล่ะ ความรักที่หล่นหายไปนานกลับคืนมาสู่เอื้อมมืออีกครั้งแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับคนสองคนแล้วล่ะว่าจะนำพาความรักนี้ไปต่อได้ไกลอีกสักแค่ไหน

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์วัฒนธรรมแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 20 วันที่ 26.3.2012) - หวานซ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 26-03-2012 13:50:57
มาต่อแบบซะจายยยยยยยยยย เหมือนเดิม  :กอด1:

ทิวชีวิตต่อจากนี้จะเป็นงัยต่อ  หวังว่าบูมจะไม่ทิ้งไปอีกนะ :m16:


HBD. นะค่ะ :HBD4:

ขอให้มีความสุข ไม่เจ็บ ไม่จน สมหวังในสิ่งที่คิด ที่ทำนะค่ะ

แล้วก็มีผลงานนิยายสนุกๆ มาให้ชื่นชมเรื่อยๆนะค่ะ  :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 20 วันที่ 26.3.2012) - หวานซ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 26-03-2012 15:13:55
แอบมาอ่านตอนเริ่มดราม่าละ อิอิ เนื้อเรื่องดีมากเลยค่ะ มาเป็นกำลังใจ  :L2:
สุขสันต์ในวันเกิดนะคะ ปราศจากโรคภัยทั้งปวง  :L2:

อ่านถึงตอนนี้กลัวใจว่าบูมจะทิ้งทิวไป บูมดูเป็นคนไม่ค่อยมั่นยคงเลย ดูเหลาะแหละไงไม่รู้
ลืมหรือป่าวว่ามีแฟนอย่รีบไปเคลียนะ เด๋วปวดหัวรอก่อน + เตรียมทิชชู่  :monkeysad: ซับน้ำตา

 :pig4: นะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 20 วันที่ 26.3.2012) - หวานซ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: Cynthia_Moonlight ที่ 26-03-2012 15:55:29
บทจะหวานก็เล่นเอาซะตั้งตัวไม่ทันเลยแฮะ 555+

หลังจากนี้คงจะมีอุปสรรคอีกหลายๆอย่าง หวังว่าบูมจะไม่ทิ้งทิวไปไหนอีกนะ ไม่งั้นจะตามไปตื๊บ  :z6: :z6:


ฮ่าๆๆๆ


สุขสันต์วันเกิดนะค้าาาา


 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 20 วันที่ 26.3.2012) - หวานซ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 26-03-2012 16:41:30
เร็วปานจรวด แต่ก็ดีแล้วที่เป็นแบบนี้ บูมนานดีแล้วที่ไม่ทำร้ายใจตัวเอง ยอมรับใจตัวเอง
หมอกของทิวจะได้จางลงบ้างถึงแม้ไม่ทั้งหมด เพราะเลดี้เชื่ออุปสรรคที่ผ่านมามันยังไม่พอ คงมีมาเรื่อย แต่ก็เป็นบทพิสูจย์รักของสองคน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 20 วันที่ 26.3.2012) - หวานซ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 26-03-2012 16:49:26
ยิ่งผูกพันทางกายแบบนี้แล้ว ยิ่งเจ็บหนัก สงสารทิวที่สุด :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 20 วันที่ 26.3.2012) - หวานซ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 26-03-2012 16:59:14
เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ในที่สุด

เเต่ปัญหาติดอยู่ที่คุณเเม่ คุณพ่อนี่สิ

เรื่องลูกชายไปรักผู็ชายด้วยกันนี่ก็หนักหหนาอยู่นะ

เเล้วเเฟนบูมอีกปัญหารอบด้าน

ยังไงสัญญาว่าจะไม่ทิ้งทิวก็ต้องทำตามสัญญานะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 19 วันที่ 26.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 26-03-2012 17:30:47
 :a: :a13: :HBD3: :HBD2: :HBD5:
ก่อนอื่น HAPPY BD คนแต่งนะคะ ขอให้มีความสุขมากๆค่ะ (เกิดวันเดียวกับช่อง3เลย)
คนอ่านได้อ่าน 3 ตอนติด...แบบว่ามีความสุขมากกก..เหมือนกัน ขอบคุณค่ะ

ในที่สุดทิวกับบูมก็เจอกันและรักกันแล้ว บอกรักกันวันแรกบูมก็จัดการทิวเลย!! เร็วไป??
เอิ่ม...พยายามเข้าใจว่าบูมคงคิดถึงทิวมากกกกอ่ะนะ...ฮุฮุ (บูม นายไม่ได้หื่นใช่มั้ย??)
 :m25::m10::pighaun::haun4::jul1::m2:
อยากสารภาพว่าเคยคิดมาตั้งแต่วันแรกที่บูมกับทิวเจอกัน...
ลักษณะทิวแมนกว่าต้องเป็นเมะ และคุณหนูอย่างบูมต้องเป็นเคะแน่ๆ(มั่นใจมาก)
จนกระทั่งเค้าจากกันจากนั้นก็เริ่มรู้สึกว่าทิวน่าปกป้องน่าทนุถนอมมากขึ้นเรื่อยๆ (ก็ชีวิตทิวเศร้าได้อีก..ขนาดนั้น)
ยิ่งตอนเจอพี่เชนก็ยิ่งรู้สึก แต่ก็ยังปักใจเหมือนเดิม 55+ ไอ้เราก็นะคิดไปได้...
จนมาวันนี้ มันชัดดดดดด...เลย เง้ออออ.. คิดแบบผิดๆมาตลอด แอบอายตัวเอง
 :m23: :m23:  :o8:
ต่อจากนี้ไป บูมอย่าทิ้งทิวน๊าาาา คงมีอุปสรรคอีกมากมาย...ให้ต้องฟันฝ่าและฝ่าฟันรออยู่ ขอให้บูมกับทิวผ่านพ้นมันไปด้วยกัน   
ก่อนอื่น จัดการเคลียร์เรื่องแฟนสาวคนนั้นของนายก่อนเลยนะ นายบูม o12 o12  มีแฟนทีเดียว 2 คนได้ไงห๊าาา???
ขอบคุณสำหรับความหวานทิ้งท้ายให้ได้เสียเลือดนิดหน่อย  :z1:
ตอนนี้เตรียมทิชชููเป็นกล่องรอตอนหน้าแล้วค่ะ (ไว้เช็ดน้ำตา :m15: งื้อ.......)
+เป็ดน้อยให้ค่ะ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 20 วันที่ 26.3.2012) - หวานซ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 26-03-2012 18:28:14



วันนี้ได้อ่านอีกตอนแล้วเย่เย่  เพิ่งเห็น อร๊ายยย เขินแทนทิว >< ตอนนี้น่ารักมากอะ

+1 ให้คนเขียนสำหรับ ตอนนี้โดนใจคนอ่านนน


แต่ตอนต่อไป และต่อไปจะเป็นยังไง จะเตรียมทิชชูไว้พลางๆนะค่ะ กลัวเศร้า  :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 20 วันที่ 26.3.2012) - หวานซ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 26-03-2012 19:21:42
ขอให้อ่านแล้วยิ่มได้ไปเรื่อยๆแบบนี้นะครับ 
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 20 วันที่ 26.3.2012) - หวานซ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: MooN_LinghT ที่ 27-03-2012 01:31:21
น้ำตาไหลเลยอะ :sad4:

สนุกมากๆเลยคะ สุขสันต์วันเกิดนะคะ o22
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 20 วันที่ 26.3.2012) - หวานซ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 27-03-2012 08:53:40
เรื่องอื่นๆ ที่ลงจบไปหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเรื่องนี้เรื่องเดียวแล้วครับ
แต่ช่วงนี้จะยังไม่อัพตอนใหม่ ว่าจะกลับมาแก้ตอนเก่าๆ ที่ลงไปทั้งหมดอีกครั้ง
ผมเป็นโรคจิตครับ ถ้ามาอ่านดูแล้วไม่ค่อยลื่นไหลหรือสะดุด ผมก็จะต้องแก้
อย่างเรื่อง "ต้นสน" ผมก็แก้แล้วแก้อีก (ขนาดตอนนี้กลับมาอ่านยังอยากแก้อีกเลย)
แต่คงไม่ได้แก้เนื้อเรื่องนะครับ คงจะแก้การเล่าเรื่อง การใช้ภาษา สำนวน ฯลฯ ให้มันอ่านลื่นไหลขึ้นมากขึ้น
คงจะใช้เวลาสักสองสามวัน แล้วจะมาอัพตอนใหม่ครับ เป็นอีกตอนที่จะเศร้าและซึ้ง ก่อนที่ดราม่ากันอีก อิๆ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 20 วันที่ 26.3.2012) - หวานซ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 27-03-2012 09:28:19


จะรอนะค่ะ


แต่อย่านานนนะ อยากอ่านใจจะขาดแล้ว  :sad4: :sad4: :sad4: :impress3:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 20 วันที่ 26.3.2012) - หวานซ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 27-03-2012 11:48:10
อยากอ่านอะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 20 วันที่ 26.3.2012) - หวานซ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: jaymaza ที่ 27-03-2012 19:11:20
กลับมาก็เนียนเลยบักบูม  :z3:

เล่นเอาตูเครียดซะ  :angry2:

หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น

แฟนบูมต้องโผล่มาอีกแน่ๆ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 20 วันที่ 26.3.2012) - หวานซ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 27-03-2012 19:39:46
จะติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 20 วันที่ 26.3.2012) - หวานซ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: Ebsilon ที่ 27-03-2012 19:46:00
Happy Birth Day คุณ sarawatta จากคนไกลนะครับ

ผมชอบตอนล่าสุดนี้มากเลย มันเหมือนมีความรู้สึกบางอย่างส่งมาด้วย แล้วมันมาซ้อนทับกับความรู้สึกบางส่วนของผมพอดี (ฟังดูเว่อไปไหม)

ผมไม่รู้ว่าความรักของผม มันเริ่มเปลี่ยนไปตอนไหน พอโตขึ้น การที่เราจะรักใคร มันช่างประกอบด้วยสิ่งต่างๆ มากมาย มากเสียจนบางที เราไม่อยากที่จะเริ่มต้นรักใครซักคน . .​ . แต่พอเรานึกถึงคนๆนั้น ความรักในตอนนั้น ผมกลับพร้อมจะทำทุกอย่าง โดยไม่ต้องแคร์ ไม่ต้องคิดถึงอะไรเลย

ทิวกับบูมในตอนนี้ ทำให้ผมนึกถึงช่วงนั้นอีกครั้งนึง

เมื่อเรามีโอกาส เราก็ควรจะทำมันให้เต็มที่ แม้ว่าอนาคต จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 20 วันที่ 26.3.2012) - หวานซ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 28-03-2012 18:54:22
ปรับแก้คำ ภาษา สำนวนใหม่เสร็จหมดทุกตอนแล้วครับ เดี๋ยวมาอัพตอนใหม่ให้อีกในไม่ช้านี้ครับ ใครที่อยากอ่านอีกรอบก็ขอเชิญเลยนะครับ ระวังลื่นหกล้มด้วยครับ เพราะพยายามปรับให้ลื่นไหลกว่าเดิม (โห.... มุกอะไรเนี่ย)
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 20 วันที่ 26.3.2012) - หวานซ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 28-03-2012 19:42:49
รอตอนใกม่ค่ะ ตอนเก่า เลดี้ว่าก็ดี แต่อันนี้แล้วแต่คนเขียน แต่มาปูเสื่อรอตอนใหม่
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 20 วันที่ 26.3.2012) - หวานซ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 28-03-2012 21:35:27
                             ท่าทางจะได้กินมาม่าไปอีกนานแสนนานนะทิว
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 20 วันที่ 26.3.2012) - หวานซ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 28-03-2012 21:58:42

ฮามุกคนเขียน ฮ่าๆ  :m20: :m20:จะรอจ้า     :กอด1: :กอด1: :mc4:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 20 วันที่ 26.3.2012) - หวานซ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 28-03-2012 22:09:01
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 21 ✦ รักต้องห้าม

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


แม้ว่าแสงอาทิตย์ยังไม่ทอแสงโผล่พ้นขึ้นมาจากขอบฟ้า แต่ทิวก็ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีห้าครึ่งตามเวลาปกติโดยที่ไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก กำลังจะลุกออกไปจากเตียงเพื่อทำธุระส่วนตัวเหมือนเช่นเคยก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาพาดที่หน้าอก พอนึกได้ว่ามีใครบางคนนอนอยู่ข้างๆ ทิวก็หันไปมองดูคนที่ยังนอนหลับไหลอยู่อย่างเป็นสุข มือข้างหนึ่งยังพาดทับหน้าอกคล้ายกับจะกอดทิวไว้

ทิวค่อยๆ ดึงมือข้างนั้นมาแนบแก้มของตัวเอง ชีวิตที่เคยอ้างว้างเดียวดายของทิวหมดไปแล้วเมื่อมีบูมอยู่ข้างๆ ทำให้ทิวมีกำลังใจที่จะต่อสู้ชีวิตต่อไปอย่างมากทีเดียว

ทิวค่อยๆ วางมือของบูมลงข้างตัว ว่าจะลงจากเตียงอย่างเงียบๆ เพื่อไม่ให้บูมตื่นแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว บูมเริ่มรู้สึกตัวและลืมตาขึ้น ถามทิวด้วยอาการงัวเงียว่า

"ทิวจะไปไหน"

ทิวหยุดหันมามองแล้วก็ยิ้ม

"ไปอาบน้ำ เราต้องไปทำงานแต่เช้า"

"เดี๋ยวก่อนสิ เดี๋ยวค่อยไปก็ได้ กี่โมงแล้วเนี่ย" แล้วบูมก็หันไปดูนาฬิกาที่หัวเตียง "ตีห้าครึ่งเอง ทำไมต้องรีบไปล่ะ"

"เราต้องเข้างานเจ็ดโมงเช้าไง" ทิวบอกพลางแอบขำที่บูมทำงัวเงียเหมือนเด็ก

บูมลุกขึ้นนั่งแล้วก็สวมกอดทิวไว้เบาๆ จากข้างหลัง

"อยู่กับเราก่อนนะทิว ตั้งสี่ปีกว่ากว่าจะได้มาเจอกัน เราคิดถึงนายมากรู้หรือเปล่า ที่ทำงานอยู่แค่นี้เอง ไปตอนเจ็ดโมงครึ่งก็ยังทันเลย"

ทิวได้แต่ยิ้มแต่ไม่ตอบอะไร บทรักที่แสนหวานเมื่อคืนนี้ทำให้ความห่างเหินที่เกิดจากการจากกันไปไกลถึงสี่ปีเศษหายไปแทบหมดสิ้น แต่ถึงกระนั้นทิวก็ยังรู้สึกว่าคนที่กอดทิวไว้อยู่ตอนนี้ต่างไปจากเดิมที่ทิวเคยเห็นมากทีเดียว ไม่น่าเชื่อว่าบูมจะกล้ามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับทิวถึงขนาดนี้ในวันแรกที่ได้กลับมาเจอกัน

"ทิว..." บูมเรียกเสียงเบา ใบหน้ายิ้มละไม

"หืม"

"เมื่อคืน... นายมีความสุขหรือเปล่า"

ทิวก้มหน้าด้วยความเขินอาย

"ว่าไงล่ะทิว ชอบหรือเปล่า" บูมถามย้ำเหมือนกับจะต้องได้คำตอบนี้ให้ได้ จ้องมองดูอาการเขินของทิวแล้วก็ยิ้มอย่างชอบใจ

ทิวพยักหน้าน้อยๆ

"จริงเหรอ..." บูมยิ้มดีใจ

"เราดีใจที่นายมีความสุขนะ"

บูมกอดกระชับอ้อมแขนให้ทิวแนบกับตัวมากขึ้น "แล้วนาย...อยากมีความสุขแบบเมื่อคืนอีกไหม"

พูดไม่พูดเปล่า มือของบูมก็เริ่มอยู่ไม่สุข สะเปะสะปะลูบไล้ไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายทิวตั้งแต่บนลงไปข้างล่าง

"บูม เดี๋ยวนี้นาย..." จะบอกว่าไงดีล่ะ บ้ากามหรือหื่นดี แล้วมันจะแรงไปหรือเปล่า

"เฉพาะกับนายเท่านั้นแหละ" ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ด้วยสิว่าทิวคิดอะไร

"ก็ใครใช้ให้นายน่ารักแบบนี้ล่ะ นะทิวนะ นะๆๆ"

ทิวหัวเราะขบขันกับการอ้อนเหมือนเด็กของบูม แต่มันก็ทำให้หัวใจที่เคยแห้งผากชุ่มชื้นพองโตขึ้นมากทีเดียว ทิวหมุนตัวแล้วหันหน้าไปหาบูม

"เรื่องอะไร"

แล้วก็ทำท่าจะลุกหนี แต่มีหรือที่จะรอดพ้นเงื้อมือของบูมไปได้ "จะหนีไปไหน"

บูมคว้าตัวทิวไว้แล้วก็เล่นกอดปล้ำกันไปมาอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะหยอกล้อค่อยๆ เงียบลงเมื่อบูมขึ้นมาทาบทับอยู่บนตัวทิว

"เราไม่ได้เป็นคนหื่นนะทิว แต่พออยู่ใกล้ๆ กับนายแล้วเราอดใจไม่ไหว เราอยากจะปลอบให้นายหายเศร้า เราอยากจะทำให้นายมีความสุข ทำยังไงก็ได้ให้นายลืมความเจ็บปวดทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้น"

แต่พอเห็นทิวทำเป็นเงียบๆ บูมก็เริ่มน้อยใจ "แต่ถ้านายไม่ชอบก็ไม่เป็นไร"

พูดจบแล้วบูมก็พลิกตัวกลับไปนอนที่เดิมของตัวเอง ทำทีว่าน้อยใจมากทีเดียว นานเท่าไหร่แล้วที่บูมไม่ได้เล่นแบบนี้กับทิวเลย

"ได้ไงล่ะ มาทำให้เราตื่นแบบนี้แล้วต้องรับผิดชอบสิ"

ได้ยินอย่างนั้นแล้วบูมก็หัวเราะชอบใจ พลิกตัวมากอดทิวไว้อีกครั้ง ส่งสายตาซึ้งๆ เป็นประกายให้อีกคนได้รับรู้ความรู้สึกที่อยู่ข้างในดวงตาคู่นั้น

"เรารักนายนะทิว ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้นายจำไว้นะว่าเรา...รักนายคนเดียว"

ทิวพยักหน้ารับคำแล้วก็ยิ้ม สรุปว่าเช้านี้ทิวก็ถูกพายุความต้องการพัดโหมกระหน่ำอีกรอบ เล่นเอาแทบจะไม่มีแรงไปทำงานเลย ข้าวปลาก็ยังไม่ได้กินตั้งแต่เมื่อคืน ว่าจะออกไปกินแต่ก็เหนื่อยจนเกินไปจึงนอนหลับเอาแรงแทน

บางคนอาจจะมองว่าบูมเป็นคนบ้ากาม แต่บูมไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอก ที่เลือกมีสัมพันธ์ทางกายกับทิวนั้นเพราะต้องการที่จะผูดมัดตัวเองไว้ให้แน่นขึ้น ความสัมพันธ์ทางใจอย่างเดียวอาจไม่ทำให้สายใยแห่งความรักนั้นเหนียวแน่นมากพอ โดยเฉพาะเมื่อจะต้องเผชิญกับอุปสรรคในวันข้างหน้าที่บูมเองก็คงรู้ดีว่าจะหนักหนาสาหัสสากรรจ์แค่ไหน เพราะฉะนั้น ตอนนี้บูมทำยังไงก็ได้เพื่อให้ความรักของทิวกับบูมกลับคืนมาเร็วที่สุดและมีพลังมากพอที่จะต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ ที่รออยู่ได้

บูมรู้ว่าตัดสินใจไม่ผิดหลังจากที่ความสัมพันธ์ทางกายเกิดขึ้น ความรู้สึกหวงแหนและอยากปกป้องคนที่เขามีความสัมพันธ์ด้วยก็ยิ่งมากขึ้น ความรู้สึกโหยหา คิดถึง อยากอยู่ใกล้ อยากสัมผัสก็มีมากขึ้น นั่นอาจเป็นเพราะความรู้สึกของการเป็นเจ้าของทั้งใจและกายได้เกิดขึ้นตามกลไกธรรมชาติเมื่อมีความสัมพันธ์ทางกายนั่นเอง

ก่อนออกจากบ้าน บูมเห็นทิวใส่ชุดพนักงานร้านสะดวกซื้อแล้วก็อดที่จะน้ำตาไหลด้วยความสงสารไม่ได้ ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับทิวบ้าง แต่บูมก็พอเดาได้ว่าชีวิตของทิวคงลำบากมากทีเดียว เห็นทีไรก็ยังอดที่จะตำหนิตัวเองไม่ได้ที่เคยหนีหายไปจากชีวิตคนๆ นี้เสียหลายปี ถ้าบูมยังอยู่ ทิวก็อาจจะไม่ต้องลำบากถึงขนาดนี้ก็ได้

บูมขับรถมาส่งทิวที่หน้าร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอย พี่พงษ์ดูจะแปลกใจมากทีเดียวที่เห็นทิวมาทำงานด้วยรถยนต์ยี่ห้อหรูหราราคาแพง

"ตอนเย็นเรามารับนะทิว"

ทิวพยักหน้าและยิ้มให้กับคนที่มองออกมาจากหน้าต่างประตูหน้าของรถยนต์ นานเหลือเกินที่ทิวไม่เคยรู้สึกมีความสุขและอบอุ่นใจอย่างนี้ ตั้งแต่แม่จากไปแล้วชีวิตของทิวก็อ้างว้างมาตลอด แม้จะมีต้องคอยอยู่เป็นเพื่อนและให้กำลังใจ แต่ต้องก็ไม่สามารถตอบสนองสิ่งที่ทิวต้องการอยู่ลึกๆ ในใจได้

"ขับรถดีๆ นะบูม แล้วเจอกันเย็นนี้"

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ตอนเย็นๆ บูมมารับทิวที่ร้านตรงเวลาเป๊ะ วันนี้บูมขอให้ทิวยกเลิกเล่นดนตรีเพราะอยากฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงสี่ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา รวมทั้งเรื่องราวบางอย่างที่ทิวอาจไม่รู้และเป็นต้นเหตุให้บูมต้องไปจากทิวทั้งที่ยังรักกัน เมื่อเคลียร์เรื่องคาใจกันหมดแล้วก็คงจะหมดเรื่องกินแหนงแคลงใจกันเสียที

บูมซื้ออาหารอร่อยๆ มาด้วยหลายอย่าง กะว่าจะขุนให้ทิวอ้วนท้วนสมบูรณ์ในวันเดียวเลย มาถึงบ้านก็ช่วยกันจัดอาหารใส่จานแล้วก็นั่งกินด้วยกันในห้องครัวที่คุ้นเคย เมื่อก่อนบูมเคยมานั่งกินข้าวด้วยกันกับทิวและแม่อยู่บ่อยๆ

"วันไหนว่างๆ เราไปวัดกันนะทิว เราอยากไปทำบุญให้แม่ของนาย"

บูมเอ่ยขึ้นขณะมองคนตรงหน้ากินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ทิวคงไม่ได้กินอาหารดีๆ อย่างนี้มานานแล้วจึงกินใหญ่เลย ทิวพยักหน้ายิ้มๆ แล้วก็กินข้าวต่อ

"กินเยอะๆ นะทิว วันหลังเราไปกินด้วยกันข้างนอกนะ นายอยากกินอะไรบอกเรานะ"

คนพูดน้ำตาไหลด้วยความสะท้อนใจ หน้าตาผิวพรรณของทิวดูซีดเซียวไปมาก คงเป็นเพราะทำงานหนักและกินน้อย การหาเงินบีบบังคับให้ชีวิตของทิวต้องเก็บเงินมากกว่าใช้ การดูแลสุขภาพของตัวเองจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย

"อร่อยดี ไม่ได้กินอย่างนี้นานแล้ว"

ทิวเงยหน้าขึ้นมาจากการกินอาหารแล้วก็ตกใจเล็กน้อยที่เห็นบูมร้องไห้

"เป็นไรน่ะบูม"

"เปล่า..." บูมพยายามยิ้มทั้งน้ำตา

"เราดีใจที่เห็นนายชอบอาหารที่เราซื้อมาให้นายไง"

"อ้อ..." ทิวยิ้มอายๆ สงสัยว่าตัวเองคงแสดงอาการ "ตะกละ" ออกมามากไปหน่อย

"กินเหอะ กินอย่างที่นายอยากกินนั่นแหละ" บูมบอกพลางขำเบาๆ

กินข้าวเสร็จแล้วบูมกับทิวก็มานั่งคุยกันตรงที่นั่งเล่นหน้าบ้าน ทิวเห็นบูมปิดโทรศัพท์มือถือก็เลยปิดของตัวเองบ้าง การคุยกันครั้งนี้คงยาวนานและบูมคงไม่ต้องการให้ใครรบกวนนั่นเอง

"ทิว... เล่าให้เราฟังเท่าที่นายจะเล่าได้นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นายอย่าหยุด เราจะฟังจนกว่านายจะเล่าจบ หลังจากนั้น เราก็จะเล่าอะไรบางอย่างให้นายฟังด้วย ตกลงไหม"

ทิวพยักหน้าเห็นด้วย "ได้ เราจะเล่าให้นายฟังทุกอย่าง"

บูมยิ้มอย่างพอใจ เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วว่าช่วงเวลาหลังจากนี้คงต้องร้องไห้อีกเป็นแน่

"พร้อมหรือยัง"

ทิวพยักหน้า รวบรวมพลังใจและกายแล้วก็เริ่มเล่าก่อนเป็นคนแรก

"วันสุดท้ายที่โรงเรียน เราพยายามมองหานายแต่ก็ไม่เจอ ตอนนั้นเราน้อยใจมากว่าทำไมนายถึงไม่อยากเขียนอะไรให้เราบ้าง เราเจอต้อง ต้องมาบอกว่านายกำลังจะกลับบ้าน เราก็รีบวิ่งไปหานายใหญ่เลย แต่ก็ไม่ทัน เราเห็นรถเก๋งของแม่นายวิ่งออกไปแล้ว เราก็วิ่งตาม แต่..."

ทิวหยุดพูดด้วยความสะเทือนใจ แต่เมื่อตกลงกับบูมไว้แล้วว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องเล่าต่อให้จบ บูมเองก็รู้สึกสะเทือนใจไม่ต่างกัน น้ำตาเริ่มไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว แต่พอรู้ตัวแล้วก็ปล่อยให้มันไหลอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ความรู้สึกเป็นไปตามธรรมชาติโดยไม่ต้องฝืน

"ช่วงปีแรก เราเสียใจมาก แต่ก็พยายามคิดว่า...นายคงมีเหตุผลบางอย่างที่เราคงไม่รู้ มันคงสำคัญมากจนทำให้นายต้องจากไปโดยที่ไม่ได้บอกอะไรเราเลย บางครั้งเราก็สงสัยนะว่า...เราทำอะไรผิดหรือเปล่า ทำไมนายไม่เคยติดต่อเรามาเลย นายลืมเราไปหรือเปล่า บางครั้งก็สงสัยว่านายเคยคิดถึงเราบ้างไหม มันทรมานมาก ทรมานมากๆ พอแม่เห็นเรากินไม่ได้นอนไม่หลับ เห็นเราร้องไห้บ่อยๆ แม่ก็เลยถาม เราก็เลยต้องเล่าให้แม่ฟัง พอแม่ฟังจบก็ถามเราว่า เราเป็นเกย์หรือเปล่า เราก็ตอบว่าใช่ แต่แม่...ก็ไม่ได้รังเกียจเรา แม่ไม่เคยว่าเราเลยซักคำ เราดีใจนะที่แม่ยอมรับสิ่งที่เราเป็นได้ จนกระทั่งเราเรียนมหาลัยปีสอง เราก็เริ่มทำใจได้มากขึ้น อาจจะเป็นเพราะเราต้องเรียนหนักเลยไม่ค่อยมีเวลาฟุ้งซ่าน แต่ก็ไม่ได้ลืมนะ เพื่อนเก่าๆ ของเราอย่างไอ้ต้อง ไอ้อุ้ยก็เคยมาถามเราว่าได้เจอกับนายหรือได้ข่าวคราวของนายบ้างหรือเปล่า หลายๆ คนก็ยังนึกถึงนายอยู่นะบูม แต่พวกมันก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่รู้ว่านายไม่เคยติดต่อมาหาเราเลย"

"แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น แม่ของเรา...หัวใจวายเฉียบพลันเพราะความเครียด แล้วแม่ก็จากไป ตอนนั้นต้องมาอยู่เป็นเพื่อนเราอยู่หลายวันเพราะกลัวว่าเราจะคิดสั้น ชีวิตตอนนั้นเราแย่มาก เราแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่เลย"

ทิวหยุดอีกครั้งเพราะพูดถึงแม่ทีไรก็อดจะใจหายและสะท้อนใจไม่ได้

"เราเพิ่งมารู้ตอนหลังว่า... ที่แม่เครียดเป็นเพราะว่าแม่ต้องคอยหาเงินมาใช้หนี้ แม่ไปกู้เงินนอกระบบมาให้เราเรียนหนังสือ เราเองก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย พอแม่เสียไปแล้ว เจ้าหนี้ของแม่ก็มาหาแล้วบอกให้เราหาเงินที่เหลือมาใช้หนี้ที่แม่กู้มาสามแสนกว่าบาท รวมดอกเบี้ยแล้วก็เกือบๆ สี่แสน ตอนแรก...เราต้องขายรถของแม่ ได้เงินมาประมาณแสนหนึ่งเราก็ให้เขาไป หลังจากนั้นเราก็ต้องจ่ายเงินเดือนละหมื่นตามข้อตกลงในสัญญา เพราะอย่างนี้แหละ เราก็เลยต้องออกจากมหาลัยมาทำงานใช้หนี้"

พอทิวพูดมาถึงตรงนี้บูมก็กำมือแน่นพร้อมกับสะอื้น มองดูทิวด้วยสายตาเจ็บปวดและสงสาร มิน่าล่ะ ทิวถึงต้องมาทำงานแบบนี้ ทิวสบตากับบูมเหมือนกับจะถามว่าไหวไหม บูมพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ทิวเล่าต่อไป

"เราไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับเพราะเรายังเรียนไม่จบ โชคดีที่เพื่อนที่มหาลัยพาไปฝากงานที่ร้านอาหารที่หนึ่ง เราก็เลยหันมายึดอาชีพร้องเพลงในร้านอาหาร ก็ทำอยู่หลายที่ บางคืนก็ทำสองที่ แต่มากกว่านั้นก็ไม่ไหวเพราะบางที่ก็อยู่ไกลกันมาก เราไม่มีรถขับไปเอง ต้องใช้แท็กซี่ตลอดเพราะต้องหอบกีตาร์ไปด้วย บางวันเราต้องกลับดึกมาก ก็ได้เงินมาพอใช้หนี้แล้วก็ใช้ส่วนตัวบ้าง แต่ก็ไม่มีเหลือเก็บเลย ตอนกลางวันเราก็ฝึกเล่นกีตาร์ที่บ้านให้เก่งขึ้น บางร้านเราก็ทั้งร้องทั้งเล่นเอง แต่บางร้านเราก็ไปร้องอย่างเดียว แล้วเราก็ได้รู้จักกับคุณเชน ลูกชายเจ้าของร้านอาหารที่หนึ่งที่เราไปร้องเพลง คุณเชนมาชอบเรา ตอนนั้นเราอ่อนไหวมาก พอมีคนมาทำดีด้วยเราก็เผลอใจ แต่เราไม่ได้รักเขาหรอก เราแค่อยากมีใครสักคนบ้างเพราะตอนนั้นเราไม่มีใครเลย แม่ก็ไม่อยู่เราก็ยิ่งเหงา ตอนนั้นก็เหลือต้องแค่คนเดียวที่ยังคบเป็นเพื่อนกับเราอยู่ แต่ต้องก็ไม่ได้มาหาเราบ่อยๆ หรอกเพราะต้องเรียนหนัก แต่สุดท้ายเราก็เลิกคบกับคุณเชนไปเพราะมารู้ทีหลังว่าเขาเป็นพวก...ซาดิสม์ แล้วเราก็เลิกไปร้องเพลงที่ร้านนั้นด้วย"

"พอเลิกแล้วเราก็ได้รายได้น้อยลง แทบไม่พอใช้หนี้เลย ไม่พอกินด้วย ตอนแรกเราก็ยืมต้อง แต่เดือนต่อมามันก็ไม่พอใช้อีก เรากฌไม่รู้จะทำยังไง พอดีมีเพื่อนที่รู้จักคนหนึ่ง เขารู้จักพี่เจ้าของบาร์เกย์ ตอนแรกเราก็ไม่คิดจะทำงานอย่างนี้หรอก แต่ตอนนั้นเราไม่มีทางเลือก เราก็เลยต้องไป"

ทิวสะอื้นด้วยความสะเทือนใจเมื่อพูดถึงตรงนี้ น้ำตาแห่งความเศร้าสะเทือนใจของบูมมันไหลทะลักมาอีกแล้ว รู้สึกตกใจมากเพราะไม่คาดคิดว่าชะตาชีวิตของทิวจะเข้าตาจนถึงขนาดนั้น ถ้าเขาอยู่ ทิวคงไม่ต้องทำอย่างนี้อย่างแน่นอน คิดๆ ไปแล้วก็เกลียดตัวเองเหลือเกินที่ทิ้งทิวไปในเวลานั้น

"วันแรกที่เราไปทำงานนี้ ก็ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไหร่เพราะเรายังหน้าใหม่อยู่ แต่สุดท้ายเราก็ได้แขกคนหนึ่ง เราออกไปกับเขา แต่พอจะมีอะไรกันจริงๆ เราก็รับไม่ได้ ก็เลยบอกให้เขาหยุด ตอนแรกเขาไม่ยอมเพราะจ่ายเงินแล้ว เราก็เลยต้องยกมือไหว้อ้อนวอนขอพี่เขาว่าอย่าทำอะไรเราเลย แล้วก็เอาเงินในกระเป๋าที่เรามีสองพันให้เขาไป เราไม่รู้ว่าพอหรือเปล่า แต่เขาก็ยอม แล้วเราก็กลับมาบ้าน มีเงินเหลือติดตัวแค่สองร้อย วันนั้นเรารู้สึกว่าสภาพจิตใจย่ำแย่มาก จนเราคิดจะฆ่าตัวตาย เรากำลังจะกินน้ำยาล้างห้องน้ำฆ่าตัวตายไปแล้วล่ะ แต่เราได้ยินเสียงโทรศัพท์ เราสงสัยว่าใครโทรมาก็เลยลงมารับ แต่ก็ไม่มีเสียงคนพูด เราคิดว่าเป็นนายโทรมา ก็เลยถามว่า ใช่บูมหรือเปล่า ก็ไม่มีเสียงตอบ แต่มันก็ทำให้เราเลิกคิดฆ่าตัวตาย เรารู้ว่าเป็นนาย แค่เรารู้ว่านายยังนึกถึงเราอยู่ เราก็มีความหวัง เราก็เลยคิดในใจว่า ต่อให้ลำบากอีกสักแค่ไหน เราก็จะยอมลำบากทุกอย่าง ขอให้เราได้เจอนายอีกครั้งแล้วก็ได้บอกความในในที่เราตั้งใจจะบอกนายให้ได้"

"เราขอโทษทิว"

บูมพูดด้วยเสียงเบาหวิวกับตัวเองเพื่อไม่ให้รบกวนการพูดของทิว แต่ละเรื่องที่ได้ฟังนั้นช่างน่ารันทดสลดใจจนบูมแทบไม่อยากเชื่อว่าทิวจะต้องเผชิญกับชีวิตที่ยากลำบากถึงขนาดนั้น ลำบากจนแทบเอาชีวิตไม่รอดเลยทีเดียว บูมยังจำวันนั้นได้ว่าโทรมาหาทิวเพราะรู้สึกใจคอไม่ดี ถึงจะเสียใจที่ไม่ได้มาอยู่กับทิวในช่วงเวลานั้นแต่ก็ยังนึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ดลใจให้บูมโทรมาหาทิววันนั้น ไม่อย่างนั้นแล้วก็อาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้ากันอีกเลย

"ตอนนั้นเราก็ลำบากมากจริงๆ เพราะหลังจากจ่ายค่ารถไป เราก็มีเงินเหลือแค่ไม่กี่บาท เช้าวันต่อมาพี่บีมก็มาหาเรา เราเดาเอาว่านายคงบอกให้พี่บีมมา พี่บีมบอกว่านายยังคิดถึงเราอยู่ นายไม่ลืมเรา เราดีใจมากที่ได้รู้อย่างนั้น มันทำให้เรามีกำลังใจที่จะอยู่ต่อไป พอพี่บีมไปแล้วเราก็ไปขอให้พี่ๆ วินมอไซค์ช่วยให้เราได้ขับวินมอร์ไซค์ในซอยเพื่อหารายได้เสริม เราก็ทำอยู่พักหนึ่ง ก็ได้รู้จักกับพี่พงษ์ที่เป็นผู้จัดการที่เซเว่น พี่พงษ์ชวนเรามาทำงานที่นี่ เราก็เลยมา ก็ช่วยเราได้เยอะเลยเพราะทำให้เรามีรายได้หลัก แล้วก็ร้องเพลงเป็นรายได้เสริม จนกระทั่ง วันนั้นเราก็ได้เจอกับนายโดยบังเอิญ..."

พูดมาถึงตรงนี้แล้วก็ทำให้ทิวเพิ่งนึกได้อีกครั้งว่า...บูมมีแฟนแล้วนี่นา...

"แล้วทำไมนายต้องขายบ้านล่ะทิว" บูมถือโอกาสถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเรื่องมาถึงปัจจุบันแล้ว ถ้าดูจากอาการแล้วบูมก็พอจะเดาได้ว่าทิวน่าจะนึกเรื่องแฟนของบูมได้แล้ว แต่บูมจะยังไม่พูดเรื่องนั้นในตอนนี้

"เจ้าหนี้ของเราเขาขอให้เราจ่ายเงินที่เหลืออีกเจ็ดหมื่นบาท เพราะว่าเขาต้องใช้ด่วนภายในสิ้นเดือนนี้ แต่เราไม่มีให้ เราก็เลยจะขายบ้าน ใช้หนี้หมดแล้วก็คงพอมีเงินเหลืออยู่บ้าง เราก็ว่าจะไปซื้อคอนโดอยู่"

"โธ่ทิว"

บูมสะเทือนใจอีกแล้ว ลุกขึ้นแล้วก็เดินมาหาทิว ทิวเหมือนจะรู้ว่าบูมต้องการอะไรจึงลุกขึ้นแล้วก็กอดกับบูมไว้

"เราขอโทษ... เราขอโทษจริงๆ"

ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่บูมเอ่ยขอโทษ แม้จะรู้ว่ามันจะชดเชยสิ่งที่ทิวสูญเสียไปไม่ได้เลยก็ตาม

"ทิว...เรามันขี้ขลาด เรามันเห็นแก่ตัว ปล่อยให้นายลำบากอยู่คนเดียว เราเสียใจนะทิวที่เราไม่ได้มาอยู่กับนายเวลาที่นายต้องการใครสักคน ทั้งๆ ที่นายก็ดีกับเรามาก นายเป็นเพื่อนคนแรกที่ดีกับเรามาก เราตกบันไดขาเจ็บนายก็มาช่วยทั้งๆ ที่เราก็ทำไม่ดีกับนาย เราอยากเข้าชมรมดนตรีนายก็มาสอนร้องเพลงให้เราทุกวันจนเราได้เป็นนักร้องนำของวง เจ็บป่วยมีปัญหาอะไรก็มีนายที่คอยช่วย นายดีกับเรามากแค่ไหนแต่เรากลับทิ้งนายไป เราเกลียดตัวเองเหลือเกินทิว เราเกลียดตัวเอง... เราเกลียดตัวเองที่ขี้ขลาดแบบนั้น"

บูมร้องไห้ฟูมฟาย

"ช่างมันเถอะบูม มันผ่านไปแล้ว เรารู้ว่านายมีเหตุผลของนายที่เราไม่เคยรู้มาก่อน นายเล่าให้เราฟังได้ไหมบูม"

บูมค่อยๆ ปล่อยทิวออกจากอ้อมแขนแล้วพยักหน้าตกลง พอกลับไปนั่งที่เดิมและสงบสติอารมณ์ได้แล้วก็เริ่มเล่าเรื่องของตัวเองบ้าง

"เรื่องมันเกิดในวันเกิดของเราเอง นายคงจำได้ที่เราเชิญเพื่อนๆ มางานวันเกิดของเราที่บ้าน ตอนก่อนจะกลับ เราตั้งใจไว้แล้วว่าเราจะบอกนายว่าเราคิดยังไงกับนาย แต่แม่ก็มาเรียกเราซะก่อน พอทุกคนกลับไป เราก็ถูกแม่เรียกขึ้นไปถามว่า... เรากับนายสนิทกันมากแค่ไหน เราก็ตอบไปว่าสนิทกันมาก แล้วอยู่ดีๆ แม่ก็ขอให้เราเลิกคบกับนายอย่างเด็ดขาด เพราะแม่ไปรู้มาว่า...นายเป็นเกย์ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่รู้ได้ยังไง ตอนแรกเราก็เถียง แต่แม่ก็ยื่นคำขาดมาว่าถ้าเรายังคบกับนายอยู่ก็ไม่ต้องเรียกแม่ว่าแม่"


บูมหยุดเว้นจังหวะพร้อมกับกะพริบตาไล่น้ำตาที่กำลังจะไหลลงมาอีกครั้ง

"วันต่อมา นายคงจำได้ใช่ไหมทิวที่เราบอกกับนายว่าให้เราเลิกคบกัน เราเสียใจมากนะทิว แต่เราก็ขี้ขลาดเกินไป เรามัวแต่กลัวจนลืมไปว่าเราควรทำอะไรบางอย่าง ที่สำคัญ...เราไม่อยากให้นายต้องมาปวดหัวกับครอบครัวของเราที่ไม่เหมือนคนอื่น นายก็คงรู้ว่าพ่อกับแม่ของเราคาดหวังกับเรามากแค่ไหน เราไม่อยากให้ใครต้องมาเจอชีวิตที่กดดันเหมือนที่เราเจอ แล้ว...วันสุดท้ายที่โรงเรียน ตอนแรกเรายอมรับว่าเราหลบหน้านายเพราะเราละอายใจตัวเอง แต่พอรู้ว่าจะต้องจากไปเราก็วิ่งตามหานาย เราเจอต้อง เราบอกให้ต้องช่วยตามหา แต่แม่ก็มาเสียก่อน เราก็เลยต้องไป ไม่มีโอกาสแม้แต่จะร่ำลากับนายแม้แต่คำเดียว หน้าก็ไม่ได้เห็น เราเสียใจนะทิว เสียใจมาก..."

บูมหยุดร้องไห้สักพักแล้วก็เล่าต่อ

"เราแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนเลยในปีแรกที่ไปเรียนที่อเมริกา ผลการเรียนก็ย่ำแย่มาก ใช้เวลาเป็นปีๆ กว่าจะผ่านมาได้ เราอยากติดต่อนายนะทิว แต่เราก็ละอายใจที่เราเป็นคนขี้ขลาด เราคิดว่าเราไม่คู่ควรกับนาย นายควรจะได้เจอคนอื่นๆ ที่ดีกว่าเรา พอคิดแบบนั้น มันทำให้เราไม่กล้าติดต่อมาหานายเลย แม้กระทั่งเวลาที่เรากลับบ้าน เราก็ไม่ได้มาหาหรือโทรมาหานาย แต่ถ้าถามว่าคิดถึงนายไหม เราก็บอกได้ว่าเราคิดถึงนายมาก เราไม่เคยลืมนายเลยนะทิว บางวันที่คิดถึงมากก็ได้แต่เอารูปมาดู ฟังเพลงที่เราเคยร้องด้วยกัน แล้วก็...ฟังเพลงนั้นที่นายให้เป็นของขวัญวันเกิดเรา เราฟังบ่อยมากเวลาที่นึกถึงนายขึ้นมา"

บูมหยุดสังเกตสีหน้าของทิวแล้วก็พูดต่อ

"พออยู่ที่นั่นเราก็มีอิสระมากขึ้น หลังๆ พ่อแม่ก็เริ่มเข้มงวดกับเราน้อยลง แต่เรื่อง...ผู้หญิงคนนั้นที่นายได้เจอเมื่อวานก่อน เขาเป็นลูกสาวของเพื่อนพ่อ อายุเท่าๆ กับเรา ไปเรียนเมืองนอกพร้อมๆ กับเรา เรียนที่เดียวกัน พ่ออยากให้เราเป็นแฟนกันก็เลย...ทำให้เรากับแพรวคบกันมาจนถึงทุกวันนี้ เราหมั้นกันแล้วล่ะ แล้วครอบครัวของเราก็อยากให้เราแต่งงานกันภายในปีสองปีนี้"

บูมสบตากับทิว เห็นสายตาที่มีคำถามของทิวแล้วบูมก็พูดอะไรไม่ออก จุดเริ่มต้นของความยุ่งยากคงจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ตัดสินใจกลับมาหาทิวและมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง

ทิวได้ฟังแล้วก็อดจะตกใจไม่ได้ นี่ทิวมีความสัมพันธ์กับคนที่มีเจ้าของไปแล้วหรือ แค่คิดก็รู้สึกผิดอย่างใหญ่หลวงที่ทิวกำลังทำผิดบาปกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่

"บูม...นี่เราสองคนกำลัง...กำลังทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยอยู่หรือเปล่า"

บูมดูจะไม่ตกใจมากนักที่ได้ยินคำถามนี้เพราะรู้ว่าทิวคงจะถามอย่างแน่นอน ใช่...ทิวได้เดินเข้ามาสู่ดินแดนรักต้องห้ามกับบูมแล้ว

"เราสองคนรักกันใช่ไหมทิว" ไม่ตอบแต่กลับถามกลับไป

ทิวครุ่นคิด มันก็ใช่อยู่หรอกที่ทิวกับบูมรักกัน แต่มันไม่ถูกต้องเลยที่ต้องทำอย่างนี้

"ทิว...ชีวิตเราถูกบังคับมาตลอด มีเส้นทางให้เดิน แม้กระทั่งหัวใจของเราก็มีเส้นทางที่คนขีดไว้ให้เดิน เรามีแค่สองทางเลือกเท่านั้นนะทิวตอนนี้ ทางเลือกแรก...เดินไปตามเส้นทางที่พ่อกับแม่ขีดไว้ให้ จะรักหรือไม่รักก็ต้องทำตาม ส่วนทางเลือกที่สอง...เดินไปตามหัวใจตัวเอง เราแค่อยากจะถามนาย...ถ้าเราสองคนรักกัน...นายพร้อมจะเดินไปตามหัวใจของเราสองคนหรือเปล่าทิว มันไม่ถูกหรอก มันอาจจะทำให้ใครบางคนที่ไม่รู้เรื่องต้องมาเสียใจ แต่เราก็ต้องทำไม่ใช่เหรอทิว...ถ้าเราสองคนรักกัน อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน พอเรากลับมาหานายอีกครั้ง เราก็ได้คำตอบกับตัวเองแล้วนะทิวว่าเรา...อยากเดินตามหัวใจตัวเองบ้าง ถ้ามันจะผิดเราก็คงต้องยอมให้มันผิด แต่เราก็จะพยายามแก้ปัญหาอย่างดีที่สุด อุปสรรคมันเยอะนะทิว ถ้านายกลัว...เราก็ไม่ว่าอะไรถ้านายจะไม่ไปกับเรา เราเข้าใจนายนะทิว นายคงจำได้ว่าชีวิตเราเคยมีปัญหามากขนาดไหนตอนที่เรียนอยู่ มีไม่กี่คนหรอกที่จะยอมเป็นเพื่อนหรือแฟนกับคนเจ้าปัญหาอย่างเรา ตอนนั้นก็มีแต่นายเท่านั้นที่ยอมคบเป็นเพื่อนกับคนเจ้าปัญหาอย่างเรา ตอนนี้ล่ะทิว นายคิดจะเดินทางตามหัวใจไปกับคนเจ้าปัญหาอย่างเราหรือเปล่า นายจะไปกับเราหรือเปล่าทิว"

!!!???

TBC
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 20 วันที่ 26.3.2012) - หวานซ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 28-03-2012 22:39:27
ตอนใหม่มาแล้ว   :z2:

------------------------------------------------------------------
บูมกับทิวหวานกันซะ
หืมมม ต่อจากนี้จะเป็นยังไงล่ะนี่ เริ่มรู้สึกสงสารทิวอีกแล้ว
บูมต้องแต่งงานในปีสองปีนี้....
บูมจะขัดพ่อแม่ได้หรอ เฮ้อออออออออออ :เฮ้อ: ปัญหาใหญ่จริงๆ
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
บูมจะไม่ทิ้งทิวใช่มั้ย ......   หวานกันได้แป๊บเดียว แววมาม่ามาอีกแล้ววว  :sad4:
บูมจะตอบทิวว่ายังไง ???   บูมรักทิวแล้ว รักซ้อนสองไม่ได้นะเฟ้ยยย (ตำรวจจับ? 555+) :z6:
ขอบคุณค่ะ  :L2: :L2: :L2: +เป็ดน้อย   รอคำตอบของบูมตอนต่อไปค่าาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 21 วันที่ 28.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 28-03-2012 22:53:11
แววความเศร้าและอุปสรรคใหญ่ในชวิตทิวอีกแล้ว เมือไหร่ทิวจะมความสุขนะ เมื่อไหร่จะพบความสุข
เห็นแววยุ่งยากมาแล้ว และอยากรู้คำตอบบูมท่ทิวถาม อยากรู้มากๆๆๆๆ ไงรอค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 21 วันที่ 28.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 28-03-2012 23:01:17


 :o12: :o12: :o12:

เราว่ายังไงบูมก :o12:็ต้องแอบมีใจให้เธอคนนั้นบ้างแหละ

แล้วทิวจะเป็นยังไงล่ะเนี่ย

บูมเฮ้ออออ - -   :beat: :beat: :bye2:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 21 วันที่ 28.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 29-03-2012 00:02:46
ทิวต้องเจ็บช้ำอีกรึป่าวเนี่ย

บูมในเมื่อตัดสินใจกลับมาแล้ว  ก็ควรรับผิดชอบทิวด้วยล่ะ

ไม่ใช่มาให้ความหวัง แล้วก็ทิ้งไปอีก

 :กอด1: :L2: ผู้แต่ง
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 21 วันที่ 28.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 29-03-2012 00:12:49
อย่าให้ทิวต้องเศร้ามากกว่านี้เลยน้า
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 21 วันที่ 28.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 29-03-2012 20:12:22
ขอตอนใหม่หน่อยอะ อยากรู้จะเกิดไรขึ้น
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 21 วันที่ 28.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 29-03-2012 20:42:27
เรื่องคู่หมั้น เรื่องใหญ่เลยนะเนี่ย
ทิวต้องกินมาม่าแทนข้าวไปตลอดชีวิตหรือเปล่า :sad4:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 21 วันที่ 28.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 29-03-2012 20:54:02
เพิ่งตามอ่านจร้า  อ่านทันแล้วด้วย  แถมยังไปเก็บอ่านต้นสน  และ หลงรักคนพิการ  อร๊าก ก ก ก  มีแต่เรื่องสนุกและเนื้อหาดีทั้งนั้น  เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะ ^^
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 21 วันที่ 28.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 29-03-2012 23:47:59
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 22 ✦ คิดถูกหรือคิดผิด

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


ทิวยังคงเงียบและครุ่นคิด แน่นอนว่าการที่อยู่ดีๆ จะพาชีวิตเข้าไปสู่การเป็น "ตัวร้าย" ที่แย่งของคนอื่นมานั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ ยิ่งรู้ว่าบูมกับผู้หญิงคนนั้นหมั้นกันแล้วก็ยิ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทิวจะตัดสินใจกระโดดเข้าไปเล่นเกมส์ชิงรักหักสวาท คนเราต้องยอมทำเพื่อความรักแค่ไหนกันนะ ขอบเขตของมันอยู่ที่ไหน คนเราจะต้องทำเพื่อความรักหรือเปล่าถ้ารู้ว่ามันไม่ถูกต้อง มิหนำซ้ำยังต้องทำร้ายคนอื่นอีก

"ทิว นายรู้ไหม...ชีวิตของเราดูเหมือนสุขสบายนะ แต่อีกด้านหนึ่ง...เราก็ไม่แทบจะไม่มีอิสระที่จะเลือกหรือคิดอะไรเลย แม้กระทั่งความรัก...เราก็เลือกเองไม่ได้ ถ้านายคิดว่า...ที่เรามาหานายครั้งนี้จะสร้างปัญหาให้กับนาย เราก็ขอโทษนะทิว แต่เราอยากให้นายรู้ไว้ว่า...ถ้าเราไม่รักนายจริงๆ เราก็คงไม่กลับมาหานายอีก แล้วก็...คงไม่คิดที่จะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับนายอย่างเมื่อคืน มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะทิวที่คนที่ถูกบังคับมาตลอดอย่างเราจะตัดสินใจลุกขึ้นมาสู้กับอะไรบางอย่าง แล้วเรา...ก็คงต้องใช้เวลาอีกพอสมควรเหมือนกันที่จะเข้มแข็งให้มากกว่านี้ พอเราไปเรียนเมืองนอก...เรามีอิสระขึ้นก็จริงนะ แต่เราก็ยังไม่มีแรงผลักดันมากพอที่จะต่อสู้กับการถูกบังคับจากที่บ้าน แต่นายรู้ไหมทิว พอเราได้กลับมาเจอนายอีกครั้ง เราก็อยากจะลุกขึ้นสู้ สู้เพื่อความรักของเราสองคน สู้เพื่อให้พ่อกับแม่เข้าใจเราบ้าง นายเป็นกำลังใจเดียวที่เรามีนะทิว ถ้าไม่ใช่เพราะนาย...เราก็อาจจะตัดสินใจอย่างนี้ไม่ได้หรอก เรารู้...มันไม่ถูกต้องหรอกที่คนที่มีคู่หมั้นอย่างเราจะมีความสัมพันธ์กับคนอื่น แต่ถ้านายไม่อยากมีปัญหา เราก็เข้าใจนะทิว เราก็ยินดีที่จะยุติทุกอย่างไว้แค่นี้ กลับไปอยู่กับชีวิตเดิมๆ ของเรา แล้วก็แต่งงานกับคนที่พ่อกับแม่หาให้"

สีหน้าของบูมเศร้าสลดลง ถ้าทิวไม่ยอมไปด้วยก็คงไม่พ้นที่บูมจะต้องเดินตามเส้นทางที่พ่อกับแม่เลือกไว้ให้ ชีวิตหลังจากนั้นของบูมก็คงไม่ต่างจากหุ่นยนต์ที่พ่อกับแม่จะบังคับให้ไปทางไหนหรือทำอะไรก็ได้

"บูม"

ดูเหมือนทิวจะลำบากใจมากทีเดียว เป็นเรื่องยากเหลือเกินที่ทิวจะตัดสินใจ จะปล่อยให้ความสัมพันธ์เกิดขึ้นต่อไปก็ไม่อยากทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่ง จะยุติความสัมพันธ์ก็คงจะเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย จะกลืนก็ไม่เข้า จะคายก็ไม่ออก

"นายยังไม่ต้องตัดสินใจตอนนี้หรอกทิว เรารู้ว่ามันง่ายสำหรับนาย แต่เรามาตกลงกันอย่างนี้ไหมทิว ไม่ว่านายจะตัดสินใจยังไง เรามีเรื่องหนึ่งที่อยากจะขอร้องนาย"

ทิวมองคนตรงหน้าด้วยสายตามีคำถาม สีหน้าดูครุ่นคิดตลอดเวลา เมื่อบูมเห็นว่าทิวแสดงความสนใจแล้วจึงพูดต่อ

"ขอให้เราได้ช่วยนายบ้างนะทิว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนี้สินหรือเรื่องเรียน ถ้าเราไม่ได้ช่วยนาย เราคงรู้สึกผิดบาปไปตลอดชีวิต เพราะเรา...ก็มีส่วนทำให้ชีวิตของนายต้องลำบาก ให้เราช่วยนายนะทิว เราอยากให้นายเรียนหนังสือ อยากช่วยให้นายมีอนาคตที่ดีกว่านี้"

สีหน้าของทิวดูเหมือนเกรงใจบูมอยู่มากทีเดียว แม้ว่าจะรักกันสักแค่ไหน แต่การช่วยเหลือเรื่องเงินทองก็เป็นสิ่งที่ต้องระวัง พอทิวต้องหาเงินเองแล้วก็ยิ่งรู้ว่าเงินนั้นหามาได้ยากจึงไม่อยากรบกวนใครเรื่องนี้โดยไม่จำเป็น

"นายคิดดูก่อนก็ได้ทิว"

แล้วบูมก็ดึงมือทั้งสองข้างของทิวมาจับไว้

"นายเคยช่วยคนๆ นึงให้เปลี่ยนแปลงชีวิตมาแล้วจำได้ไหมทิว ถ้าไม่มีนายคอยช่วยเราไว้ตอนนั้นเราก็คงแย่ ทิว...นายจะช่วยคนๆ นั้นอีกสักครั้งได้หรือเปล่า เราก็อยากมีชีวิตที่เป็นของเรา อยากรักคนที่เราอยากรัก เราต้องการนายนะทิว ก็เหมือนกับเพลงฉันดีใจที่มีเธอที่เราสองคนชอบร้องด้วยกัน เพลงนั้นคือความรู้สึกของเราที่มีต่อนาย นายเป็นกำลังใจเดียวที่เรามีอยู่ เป็นคนเดียวที่จะทำให้ผู้ชายคนนี้ลุกขึ้นมาสู้เพื่อความรัก เรารักนายนะทิว แล้วเราก็อยากอยู่กับนาย ใช้ชีวิตด้วยกันตลอดไป เราไม่อยากหนีหัวใจของตัวเองไปไหนอีกแล้ว"

หลังจากที่ฟังอยู่นานแล้วทิวก็คงจะตัดสินใจได้ว่าจะทำยังไง ในเมื่อทิวรักคนๆ นี้มาตั้งนานแล้วก็น่าจะลองสู้ไปด้วยกันสักครั้งบ้าง เพราะความรักอย่างนี้ไม่มีอะไรง่ายอยู่แล้ว ถึงเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่บูมก็ไม่ง่ายที่คนจะยอมรับได้ แม้ว่าเรื่องอย่างนี้จะเปิดกว้างมากขึ้นในสังคมไทย แต่ทิวก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้หรอกว่าคนที่ทิวรักนั้นเติบโตมาในครอบครัวที่คิดแบบไหน ยอมรับเรื่องนี้ได้มากแค่ไหน ของอย่างนี้ก็แล้วแต่เวรแต่กรรมจะพาเราไปเจอใคร ถ้าความรักเป็นสิ่งที่ได้มาง่ายๆ ไม่ต้องพยายามแล้วมันจะมีค่าได้ยังไง

ทิวค่อยๆ ลุกขึ้น ไม่นานบูมก็ลุกตามบ้าง

"ก็เรา...รักนายไปแล้ว ถ้าเราไม่สู้ด้วยกัน...ก็ไม่รู้จะรักกันไปทำไม จริงไหม"

หลังจากที่เงียอยู่นานทิวก็ยอมเปิดปากพูดออกมาเสียที แล้วทิวก็ดึงบูมมากอดไว้ ไม่รู้หรอกว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ตัดสินใจอย่างนี้ ก็คงจะมีทั้งสองอย่างอยู่ด้วยกัน ที่คิดถูกก็คือได้กลับมาทำเพื่อความรักและเป็นกำลังใจให้คนที่รักต่อสู้ต่อไป ที่คิดผิดก็คือการต่อสู้ครั้งนี้สุ่มเสี่ยงต่อการผิดศีลธรรม โดยเฉพาะในเรื่องการแย่งของรักของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง

แต่ไม่ว่าจะคิดถูกหรือคิดผิด เมื่อเลือกแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด

"ขอบคุณมากนะทิว ขอให้นายอดทนกับเราหน่อยนะ มันอาจจะไม่ใช่วันนี้หรือพรุ่งนี้ที่เราจะเข้มแข็งมากพอ แต่เรามั่นใจว่าถ้านายยังอยู่กับเรา เราจะค่อยๆ ดีขึ้น ค่อยๆ เข้มแข็งขึ้น เพราะยังไงเราก็ทิ้งนายไปไม่ได้ แต่ถ้านายไม่ไหว...นายบอกเรานะทิว เราจะไม่บังคับให้นายต้องอดทนกับเราถ้านายรู้สึกว่ามันมากเกินไป"

"เราจะอดทนให้ถึงที่สุดนะบูม นายไม่ต้องห่วงหรอก ลำบากกว่านี้เราก็เจอมาแล้ว ยังไงๆ เราก็จะสู้ไปด้วยกัน"

บูมกอดกระชับทิวแน่นขึ้น รู้สึกซาบซึ้งเต็มตื้นหัวใจที่ได้ยินคำมั่นสัญญานี้จากทิว เห็นอย่างนี้แล้วบูมก็ยิ่งรู้ตัวดีว่าเขาจะต้องพยายามให้มากขึ้น โดยเฉพาะการจัดการกับปัญหาภายในจิตใจของตัวเอง การมีความรักก็เหมือนกับการมีภาระและความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง เมื่อตัดสินใจรับความรักเข้ามาแล้วก็ต้องยินยอมที่จะรับผิดชอบสิ่งต่างๆ ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ด้วย

ความรักไม่ใช่คำนามแต่เป็นคำกริยา ไม่ใช่แค่คำพูดหรือคำสัญญาสวยหรูแต่เป็นการกระทำที่จริงใจ หนักแน่นและมั่นคง ทิวกับบูมจะผ่านบททดสอบนี้ไปได้มากแค่ไหนก็ยังไม่รู้ รู้แต่ว่าความรักครั้งนี้ ต่อให้เป็นรักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ทิวกับบูมก็จะลิขิตมันเสียเอง

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"บีม บีม เปิดประตูให้แม่หน่อย"

เสียงเรียกพร้อมกับเคาะประตูห้องนอนในยามนี้ทำให้บีมรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีอีกแล้ว พอมาเปิดประตูก็เห็นแม่อยู่ในชุดนอนพร้อมกับเสื้อคลุมสีขาว สีหน้าดูบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด

"ครับแม่ มีอะไรเหรอครับ"

"รู้ไหมว่าบูมหายไปไหนตั้งสองคืนแล้ว"

"โธ่แม่ บูมเขาโตแล้วนะครับ แม่ไม่ต้องห่วงเขาหรอกครับ เขาดูแลตัวเองได้" บีมพูดอย่างระอาใจ

"แม่ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น แต่แม่สังหรณ์ใจยังไงไม่รู้ โทรไปก็ไม่ติด จะถามอะไรก็ไม่ได้ นี่คงไม่ได้แอบไปหาเพื่อนคนนั้นหรอกนะ บีมรู้ไหมว่าบูมแอบไปหาเพื่อนคนนั้นที่เป็นเกย์หรือเปล่า"

คุณทิพย์นภาซักด้วยสายตาหวาดระแวง เธอคงอกแตกตายแน่ๆ ถ้ารู้ว่าบูมกลับไปหาทิวอีกครั้ง

"ก็ไม่นี่ครับแม่ ผมไม่เห็นว่าบูมมีท่าทางอยากจะไปหาทิวเลย ไม่เห็นพูดถึงเลยด้วยซ้ำ เขาสองคนไม่ได้ไปมาหาสู่กันนานหลายปีแล้วนะครับ สงสัยบูมคงลืมไปแล้วล่ะแม่"

บีมพยายามพูดให้แม่สบายใจ แต่น้องชายก็เป็นอย่างที่ว่าจริงๆ ไม่เคยเอ่ยถึงทิวเลยตั้งแต่กลับมา บีมเคยทวงสัญญาอยู่ครั้งหนึ่งบูมก็ตอบว่าไม่พร้อมและทำท่าเหมือนไม่อยากคุยเรื่องนี้ต่อ ก็เลยไม่อยากถามเซ้าซี้

"จริงเหรอ..." คุณทิพย์นภาทำหน้าเหมือนไม่ค่อยมั่นใจ

"ไม่ใช่ว่าช่วยกันปิดบังพ่อกับแม่อีกล่ะ"

บีมชะงัก แล้วก็ถอนหายใจ ดูท่าทางแม่จะระแวงเรื่องนี้มากเสียด้วยสิ

"ไม่มีอะไรปิดบังหรอกครับแม่"

พอลูกชายคนโตยืนยันอีกครั้งคุณทิพย์นภาจึงพอคลายความกังวลใจไปได้บ้าง แต่สายตาก็ยังคงมองอย่างจับผิดอยู่

"ก็ดีแล้ว ยังไงๆ บีมก็ช่วยดูน้องให้แม่หน่อยละกัน ถ้าเห็นบูมกลับไปหาเพื่อนคนนั้นเมื่อไร ให้บอกแม่ทันที เข้าใจไหม อย่าให้น้องเป็นตุ๊ดเป็นเกย์เป็นอันขาด แม่รับไม่ได้ อีกอย่าง บูมมีคู่หมั้นแล้ว สงสัยแม่คงจะต้องให้รีบแต่งงานกันแล้วล่ะ"

แม้ว่าบีมจะอธิบายไปแล้วแต่คุณทิพย์นภาก็ยังคงไม่ไว้ใจลูกชายคนเล็กอยู่ดี ทางที่ดีให้แต่งงานแต่งการไปไวๆ ก่อนดีกว่า จะได้ไม่ต้องคอยกังวลว่าบูมจะแอบกลับไปหาทิวอีกหรือเปล่า

บีมได้แต่ทอดถอนใจ พ่อกับแม่นี่ก็ช่างบังคับบูมไม่เลิกเสียจริงๆ จบจากบังคับเรื่องเรียนก็มาบังคับเรื่องแฟนต่อ

"ครับแม่"

บีมรับคำเพื่อให้แม่สบายใจ ไม่อย่างนั้นแล้วก็จะบ่นไม่เลิก สงสารบูมจริงๆ เลย อายุยังไม่เท่าไรก็จะถูกบังคับให้แต่งงานเสียแล้ว บีมยังไม่คิดจะแต่งงานตอนนี้เลย ชีวิตโสดยังมีอะไรสนุกๆ ให้ทำอีกตั้งมากมาย บูมเองก็คงอยากใช้ชีวิตโสดนานๆ ก่อนจะแต่งงานเหมือนกัน แต่ถ้าพ่อกับแม่ต้องการอย่างนั้นแล้ก็ยากที่จะขัดขวางได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ไม่ใช่เฉพาะแต่คุณทิพย์นภาเท่านั้น แพรวเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่พยายามโทรหาบูมอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ทำให้เธอหงุดหงิดพอสมควร แพรวหยุดไปพักใหญ่ก็โทรอีก คราวนี้โทรติดอย่างบังเอิญเพราะบูมเพิ่งเปิดเครื่องตอนที่ทิวกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ ส่วนตัวบูมเองอาบเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เห็นแฟนสาวโทรมาหาแล้วบูมก็มีสีหน้าหนักใจ จะไม่รับเลยก็กระไรอยู่

"แพรว...มีอะไรหรือเปล่าครับ" บูมถามแล้วก็เดินออกไปที่ระเบียงข้างนอกเพราะไม่อยากให้ทิวมาได้ยิน

"บูมปิดเครื่องหรือเปล่าคะ แพรวนึกว่าอยู่ที่ทำงานเสียอีก โทรไปหาคุณพ่อถึงได้รู้ว่าบูมออกมาแล้ว ตอนนี้บูมอยู่ไหนคะ"

น้ำเสียงที่ห้วนสั้นนั้นทำให้บูมรู้ว่าเจ้าของเสียงใสไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

"พอดีบูมมาหาเพื่อน ไม่ได้เจอกันนานก็เลยคุยกันเพลินไปหน่อย ตอนนี้บูมอยู่บ้านเพื่อน แพรวมีอะไรหรือเปล่าครับ"

"ต้องมีอะไรหรือคะแพรวถึงจะโทรหาบูมได้ เราเป็นคู่หมั้นกันแล้วนะคะบูม ทำไมแพรวจะโทรมาคุยกับบูมเฉยๆ ไม่ต้องมีอะไรไม่ได้เหรอคะ"

น้ำเสียงนั้นแสดงความไม่พอใจที่เพิ่มขึ้นจนรู้สึกได้

"พรุ่งนี้แพรวว่าจะไปงานอีเวนต์ที่เพื่อนจัดที่เซ็นทรัลเวิร์ลด์หน่อยค่ะ เพื่อนแพรวชวนหลาายครั้งแล้วแพรวเลยตอบตกลงไป แพรวอยากให้บูมไปด้วย เพื่อนๆ ของแพรวอยากรู้จักบูมน่ะค่ะ"

"แพรว...บูมไม่ค่อยชอบไปงานแบบนั้นเท่าไหร่แพรวก็รู้ อีกอย่าง...ก็มีแต่ผู้หญิง พี่ไม่รู้จะคุยอะไร"

"บูมคะ แต่แพรวบอกเพื่อนๆ ไว้แล้วนะคะ แค่วันเดียวเอง แพรวไม่ได้ให้บูมไปบ่อยๆ ซะหน่อย นะคะบูม อย่าทำให้แพรวเสียหน้าสิคะ"

บูมเริ่มหนักใจมากขึ้น ถ้าไม่ติดอย่างอื่นก็คงไม่มีปัญหา เมื่อกี้เพิ่งตกลงกับทิวว่าจะพาทิวไปหาซื้อต้นไม้ที่ตลาดเทเวศร์ แต่พอเห็นแพรวยืนกรานจะให้บูมไปให้ได้ก็คงจะต้องยกเลิกแล้วล่ะ

"แพรวไปกี่โมงครับ นานหรือเปล่า"

"ก็...งานเขาเริ่มสิบโมงเช้า แต่แพรวว่าจะไปสักสิบเอ็ดโมง พอดีเพื่อนๆ เขาจะนัดทานข้าวกลางวันกันด้วยค่ะ แพรวว่าออกสักสิบเอ็ดโมงก็น่าจะดี ไปถึงก็จะได้ไปทานข้าวกันเลย แล้วก็คงอยู่สักสองสามชั่วโมง ไปนะคะบูม มารับแพรวที่บ้านสักสิบเอ็ดโมงก็ได้ค่ะ แพรวจะรอนะคะ"

แพรวทำเสียงอ้อนในตอนท้าย จับมัดมือชกอย่างนี้แล้วบูมก็คงปฏิเสธยาก

"ครับ เดี๋ยวผมไปรับแพรวที่บ้านตอนสิบเอ็ดโมงละกันนะครับ"

"ค่ะบูม ขอบคุณนะคะ เดี๋ยวแพรวขอตัวก่อน คุณแม่เรียกให้ลงไปข้างล่างน่ะค่ะ กู๊ดไนท์ค่ะบูม" เสียงใสตอบมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว

"ครับ กู๊ดไนท์ครับแพรว แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ"

พูดจบแล้วบูมก็กดวางสายไป กำลังจะเดินกลับเข้ามาในห้องก็ต้องตกใจ แย่แล้วสิ ทิวมายืนอยู่ตรงหน้าประตูที่จะออกมาตรงระเบียงตั้งแต่เมื่อไรกัน ไม่รู้ว่าได้ยินอะไรบ้างหรือเปล่า

"อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ ไวจัง" บูมพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติ แต่ทิวไม่ยิ้มเลย

"แค่บททดสอบแรก...ก็ยากเอาการอยู่เหมือนกันนะบูม"

บูมชะงักเพราะรู้ว่าทิวหมายถึงอะไร จากนั้นก็ถอนหายใจ "นายเข้าใจเราใช่ไหมทิว"

ทิวพยักหน้า แต่สีหน้าก็ยังดูกังวล

"อดทนหน่อยนะทิว มันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะหาทางออกให้กับปัญหานี้ แต่เราจะพยายามนะ" บูมพูดเป็นเชิงปลอบใจ

ทิวพยักหน้าอีกครั้งและยิ้มน้อยๆ เพื่อให้บูมมั่นใจว่าทิวเข้าใจจริงๆ แต่ลึกๆ แล้วทิวก็รู้สึกไม่ค่อยดีนัก อย่างแรก ไม่ว่าจะมองในแง่มุมไหน ทิวก็ไม่ต่างจากมือที่สามที่เข้ามาแทรกกลางชีวิตของคนอื่น อย่างที่สอง ถ้าเกิดบูมหาทางออกไม่ได้ ทิวก็คงไม่พ้นที่จะต้องเจ็บอีกครั้ง

"ขอบใจนะทิวที่นายเข้าใจเรา"

แววตาซาบซึ้งใจของบูมทำให้ทิวพอสลัดความกังวลไปได้บ้าง ก็ในเมื่อรักกันแล้ว มันก็คงต้องช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรคไม่ใช่หรือ ถ้าไม่ช่วยกันแล้ว จะเรียกว่าความรักได้ยังไง

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ตอนสายของวันต่อมา บูมก็ไปรับแพรวไปงานอีเวนต์สินค้าตัวหนึ่งที่เพื่อนของแพรวทำการตลาดให้อยู่ วัตถุประสงค์หลักๆ ที่แพรวอยากไปงานนี้เพราะแพรวอยากไปให้กำลังใจเพื่อนที่เพิ่งเริ่มทำงานชิ้นใหญ่ รวมทั้งจะถือโอกาสนี้แนะนำบูมให้เพื่อนๆ ของแพรวรู้จักด้วย

บูมไปงานแบบนี้ได้โดยไม่มีปัญหาหรอกแม้จะไม่ค่อยชอบเท่าไร แต่คราวนี้บูมรู้สึกเบื่อๆ และไม่สนุกที่จะต้องคอยปั้นหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อถูกแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนของแพรวในวงอาหารกลางวันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง มีเพื่อนของแพรวมาร่วมกินนับสิบกว่าคน แพรวดูจะมีความสุขที่ได้เจอกับเพื่อนๆ และเมาท์กันตามประสาผู้หญิง ที่สำคัญพอเพื่อนๆ ชมแฟนของเธอว่าหล่อและเหมาะสมกับเธอดี แพรวก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ใคร ๆ ในแวดวงสังคมนี้ก็ล้วนแต่อยากได้แฟนหน้าตาดี มีฐานะและมีชื่อเสียงทั้งนั้น

กว่าแพรวจะคุยกับเพื่อนจนหนำใจก็ปาเข้าไปเกือบสี่โมงเย็น กว่าจะไปส่งแพรวถึงบ้านก็เลยห้าโมงเย็นไปแล้ว เพราะแถวนั้นรถติดมาก พอส่งแฟนสาวเสร็จบูมก็รีบบึ่งรถมาที่บ้านของทิวทันที

ทิวออกมาเปิดประตูให้บูมด้วยอาการงงๆ เพราะเมื่อเช้าเพิ่งบอกบูมไปว่าเย็นนี้ทิวจะไปร้องเพลงที่ร้านอาหาร แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็รู้สึกดีใจมากทีเดียว

"บูม...สงสัยนายจะลืมแน่เลย เมื่อเช้าเราบอกนายว่าเราต้องไปร้องเพลงที่ร้านอาหารคืนนี้ คงกลับดึก" ทิวบอกขณะที่พาบูมเดินเข้ามาในบ้าน

"เรารู้แล้ว"

"อ้าว รู้แล้วทำไมนายถึง..." ทิวสงสัย

"เดี๋ยวเราจะไปส่งนายที่ร้านอาหารไง แล้วก็จะไปรับนายกลับด้วย"

"ไม่ต้องหรอกบูม นายกลับบ้านเถอะ ไม่ต้องไปรับไปส่งเราหรอก เกรงใจ มันดึกนะบูม"

บูมหยุดเดินแล้วหันมามองทิว

"เรากลับมาคราวนี้ก็เพื่อจะมาอยู่ดูแลนายนะทิว ให้เราได้ดูแลนายหน่อยนะ เราจะได้รู้สึกผิดน้อยลงไง นายเหนื่อยมาเยอะแล้ว"

ทิวถึงกับพูดไม่ออกที่ได้ยินเช่นนั้น ความจริงทิวก็ไม่อยากให้บูมต้องมาชดใช้อะไรให้หรอก แค่ได้เจอบูมอีกครั้งทิวก็พอใจแล้ว แต่ทิวก็เข้าใจว่าบูมคงรู้สึกผิดจริงๆ นั่นแหละ ถ้าไม่ให้บูมทำสิ่งที่คิดว่าพอจะชดเชยความรู้สึกผิดได้บูมก็คงจะไม่สบายใจต่อไป นั่นคือสิ่งที่ทิวไม่อยากเห็น

ทิวยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาเสียก่อน

"ไอ้บูม มึงกลับมาแล้วเหรอ"

เสียงที่ดังมาจากประตูหน้าบ้านทำให้ทิวกับบูมรีบหันไปดูเจ้าของเสียงด้วยความสงสัยด้วยกันทันที

"ไอ้ต้อง!"

ทิวอุทานเบาๆ ไม่คิดว่าต้องจะมาหาวันนี้ สงสัยต้องคงลืมว่าทิวมีร้องเพลงตอนเย็นวันเสาร์แน่ๆ เลย แต่เรื่องที่ทิวกังวลไม่ใช่เรื่องนี้ ต้องอาฆาตบูมมาก อาจจะมีเรื่องกันได้ ยิ่งเห็นสีหน้าไม่พอใจของต้องที่แม้ว่าเพิ่งจะได้เจอเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่ได้เจอกันมานาน ทิวก็ยิ่งรู้สึกกังวล

"มึงมาก็ดีแล้วไอ้บูม เดี๋ยวกูจะขอแก้แค้นให้เพื่อนกูหน่อย!"

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 22 วันที่ 30.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 30-03-2012 00:21:02


ทั้งคนนั้นแหละคุณหญิงแม่ อุปสรรคเยอะซะเหลือเกิน บูมเฮ้อ  :beat: :beat: :beat:

ทิวกับูมต้องผ่านไปให้ได้นะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:


อย่ามาม่าจัดนะค่ะ ขอพอกรุ่มกริ่มหอมปากหอมคอพอ อิอิ  :3123: :3123: :man1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 21 วันที่ 28.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 30-03-2012 00:33:13
ตอน 22 มาแล้ว  :z10:

-----------------------------------------

อะไรๆมันไม่ได้ทำง่ายอย่างใจคิดเลย เฮ้อออ........... อุปสรรคช่างเยอะจริงๆ
หนักใจแทนบูม และก็สงสารทิวมากๆ สถานการณ์ล่อแหลมต่อความเจ็บปวดเหลือเกินนน..
 o21 o21 o21 :freeze::freeze::freeze:
แต่บูมก็ยังดีนะ ที่นึกถึงความรู้สึกของทิวมากกว่าสิ่งอื่นใด แม้จะไปกับแพรวแต่ใจก็อยู่ที่ทิวตลอด ต้องอย่างงี้สิ o13
ต่อจากนี้บูมดูแลทิวดีๆนะ ขอให้ผ่านพ้นอุปสรรคเหล่้านี้ไปได้ด้วยกัน
รอตอนต่อไปนะคะ คงดราม่ามากขึ้นไปอีก   งื้อออออ...... :m15: (ร้องไห้รอเลย)
ขอบคุณค่ะ  :L2: :L2:

หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 22 วันที่ 30.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 30-03-2012 00:48:46
ยังงัยบูมก็ยังขี้ขลาดอยู่ดี   เรียนจบแล้วน่าจะมีความเป็นผู้นำ เป็นตัวของตัวเองได้แล้ว

มีคู่หมั้นแล้ว  ยังมามีอะไรกับทิวอีก  อย่างนี้ทิวก็กลายเป็นมือที่สามแล้วก็ทำให้ทิวเป็นคนผิดอีก
 
ถ้าแม่ให้แต่งกับยัยแพรวก็ต้องแต่งใช่มั้ย แล้วทิวล่ะจะเป็นงัย :angry2:

เหมือนมาหลอกให้ทิวมีความหวังยังงัยไม่รู้

ผู้แต่งส่งพระรองมาหน่อยค่ะ  บูมจะได้กล้าๆซะที ถ้ายังกลัวๆอย่างนี้ ให้พระรองงาบไปเลยค่ะ :z2:   
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 22 วันที่ 30.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 30-03-2012 01:16:34


โดนใจเม้นนี้อย่างแรง หาพระรองด่วนๆๆเลยค่ะ 555  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 22 วันที่ 30.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 30-03-2012 08:53:48
อุปสรรคครั้งแรกก็ยัยคุณแม่บูม ผู้หญิงที่ยึดติดกับสิ่งเดิมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มาครั้งนี้ดูท่าจะเป็นคนนนี้อีกเช่นกัน
และเพิ่มแพราวที่ดูท่าจะแรงใช่ย่อยงานนี้เบิ้ลคูณสองเลยสำหรับอุปสรรคขวกหนามของทิว แต่ต่างกันที่
ครั้งแรกบูมหนีไปไม่ร่วมเผชิญ แต่ครั้งนี้กลับร่วมเผชิญไปด้วยกัน เพื่อพพิสูจนรักของกันและกัน แต่ก็กลัวอีกครั้งว่าทิวต้องเจ็บ
หากบูมต้องเลือกเหมือนคราวที่แล้ว ครั้งแรกเข้าใจบูมแล้วทำไปเพราะไม่อยากเห็นทิวเดือดร้อน แต่คราวนี้ขออย่าให้เป็นอบบนั้น เมื่อจะเดินไปด้วยกัน ก็ต้องเดินกันไป แม้ยากสุดฝืน ก็อย่าปล่อยมือ
แต่ต้องมาไม่ใช่ต่อยกันนะ เพราะเกลียดบูมมากนี่
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 22 วันที่ 30.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 30-03-2012 13:00:12
บูมไม่เข้มแข็ง ไม่มีความเป็นตัวเอง ตัดสินใจอะไรก็ไม่เด็ดขาดแบบนี้ ปัญหาอุปสรรคต่างๆคงฝ่าฟันไปได้ยากนัก
จริงๆก็เข้าใจ และเห็นใจเหมือนกัน เพราะบูมถูกเลี้ยงถูกครอบแบบนี้มาตลอดอายุนี่นะ
แล้วทิวนี่ละ โชคชะตาเล่นกับชีวิตของทิวขนาดนี้แล้ว พอใจหรือยัง ให้ทิวได้หายใจหายคอบ้างเถอะนะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 22 วันที่ 30.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 30-03-2012 13:55:15
ดูเหมือนจะดราม่าอีกนาน  เห้อ อ   สงสารทิวที่สุด   เหมือนแพรวจะร้ายนะ  พ่อแม่ของบูมคงเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุด  ยังไงก็อยากทิวบูมมีความสุขเร็วๆ     
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 22 วันที่ 30.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 30-03-2012 17:06:53
จะเป็นแบบน้ำตาท่วมอีกมั๊ยนะ 
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 22 วันที่ 30.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 30-03-2012 20:02:09
อุปสรรคช่างอภิมหามหึมา
ดูแววแล้วทิวคงต้องกินน้ำตาแทนข้าวอีกนาน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 22 วันที่ 30.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Cynthia_Moonlight ที่ 30-03-2012 21:02:15
เอิ่ม...อ่านตอนนี้แล้วต้องการพระรองเกาหลีมากเลย....

อ่อนเพลีย ละเหี่ยใจกับบูมเหลือเกิน แถมอยากจะตบเข้าฉาด 'ตูว่าแล้ววว' ไรงี้  :fire:


ดูท่าความสุขของทิวจะมีค่ามากกว่าเพรชพลอยอีกนะ หายากจริงๆเชียว.....

หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 22 วันที่ 30.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 31-03-2012 07:59:52
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 23 ✦ คนขี้ขลาดที่ไม่มีใครเชื่อใจ

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)
 

พอทิวเปิดประตูหน้าบ้านแล้ว ต้องก็ปรี่เข้ามาหาบูมด้วยสีหน้าเอาเรื่องทันที คนที่่ยืนงงอยู่จึงไม่ทันได้ตั้งตัว

"มึงกลับมาได้แล้วเหรอ นึกยังไงถึงได้กลับมาหาทิว คู่หมั้นอนุญาตแล้วเหรอ"

ต้องตรงมากระชากคอเสื้อของทิวไว้ เงื้อมือเตรียมพร้อมที่จะซัดคนตรงหน้าให้ลงไปนอนเลือดกลบปากได้ทุกเมื่  ท่าทางที่ไม่พอใจของต้องทำให้บูมกับทิวตกใจมากทีเดียว โดยเฉพาะทิว แม้จะรู้ว่าต้องไม่พอใจและแค้นบูมมานานแล้วแต่ก็ไม่คิดว่าต้องจะโกรธถึงขนาดนี้เมื่อได้เจอบูมจริงๆ

"มึงทำอะไรไว้มึงเคยรู้ไหม ไอ้ทิวมันเคยดีกับมึงขนาดไหน มึงก็ยังทิ้งมันไป มันเสียใจแค่ไหนมึงรู้ไหม มันไม่มีใคร ลำบากจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอดอยู่แล้ว มึงเคยเป็นห่วงมันบ้างไหม เคยมาดูดำดูดีมันบ้างไหมไอ้บูม คนขี้ขลาดอย่างมึงไม่ควรกลับมาหาไอ้ทิวมันอีกแล้วมึงรู้ตัวหรือเปล่า"

"เฮ้ยต้องอย่า" ทิวรีบเข้ามาห้ามแต่ต้องก็ถูกต้องผลักอกจนเซออกไป

"มึงอยู่เฉยๆ เหอะทิว วันนี้กูขอละกัน ถ้าไม่ได้เอาเลือดออกจากปากไอ้นี่กูคงตายตาไม่หลับว่ะ"

น้ำเสียงต้องดูเด็ดเดี่ยวมากทีเดียว ทิวได้แต่ยืนใจสั่นมองเพื่อนสองคนที่กำลังมีเรื่องกัน เข้าไปห้ามตอนนี้คงไปกันใหญ่เพราะต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่แล้ว

"ต้อง...มึงฟังกูก่อนได้ไหม กูเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมานะต้อง แต่กูมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้กูกลับมาหาทิวไม่ได้"

บูมพยายามบอกเพื่อนเก่าด้วยความใจเย็น แต่ถ้าต้องจะไม่ให้อภัยบูมก็พอเข้าใจอยู่หรอก ก็สมควรแล้วที่ต้องจะโกรธแค้นมากขนาดนี้เมื่อนึกไปว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับชีวิตของทิวในช่วงที่ผ่านมา

"มีเหตุผลเหรอ แล้ววันนี้ที่มึงกลับมามึงมีเหตุผลอะไร มึงกลับมาหาไอ้ทิวมันทำไมอีก" ต้องกำคอเสื้อบูมแน่นขึ้น เงื้อกำปั้นนั้นใกล้จะได้ทำหน้าที่ของมันอย่างที่ต้องตั้งใจเข้าไปทุกทีแล้ว

"กูรักทิว แล้วทิว...ก็รักกูด้วย กูสองคนรักกัน"

ต้องดูเหมือนจะชะงักไปเล็กน้อยที่ได้ยินบูมพูดอย่างนั้น สายตาที่แสดงความเจ็บปวดแว่บขึ้นมาให้เห็นในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะหายไปจากแววตาของต้องอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครรู้หรอกว่าต้องกำลังรู้สึกยังไงบ้างที่ได้ยินเรื่องนี้

"กูรู้ว่ากูผิดนะต้อง กูก็ไม่เคยบอกใครว่ากูทำถูกที่ทิ้งทิวไป แต่สุดท้ายกูก็หนีหัวใจกูเองไม่ได้ กูถึงต้องกลับมาหาทิวเพราะว่ากูรักทิวไงไอ้ต้อง"

บูมย้ำว่ารักทิวอีกรอบ แต่นั่นกลับทำให้ต้องยิ่งโมโหมากยิ่งขึ้นจนแทบจะทนไม่ไหว

"รักเหรอ รักแล้วมึงทิ้งมันไปทำไม แล้วที่มึงมีคู่หมั้นล่ะ มึงหมายความว่ายังไง มึงอย่าคิดว่ากูไม่รู้ คู่หมั้นมึงก็มีแล้วมึงจะมายุ่งกับทิวทำไมวะไอ้บูม มึงกำลังจะทำให้ทิวเป็นมือที่สามรู้ไหม ทิวมันเสียใจเพราะมึงมามากพอแล้ว มึงจะให้มันต้องเสียใจกับมึงอีกแค่ไหนกันวะ ทางที่ดี...กูว่ามึงไปจากชีวิตของไอ้ทิวมันซะดีกว่า มึงไม่ควรจะกลับมาอีกแล้วนะไอ้บูม"

บูมไม่รู้จะบอกต้องยังไงดี เมื่อกี้คุยกับทิวจนเข้าใจกันไปแล้วแต่ต้องคงไม่รู้เรื่องด้วย ครั้นจะอธิบายตอนนี้ต้องคงไม่คิดจะฟังเป็นแน่ คงต้องรอให้ต้องใจเย็นๆ ก่อนแล้วค่อยคุยกันทีหลัง

"ต้อง...เรื่องที่มันผ่านมาแล้วกูเสียใจนะเว้ย แต่กูก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ที่กูกลับมาคราวนี้ ก็ต้องการชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่กูเคยทำกับทิวไว้ กูต้องการที่จะกลับมาดูแลทิว ทิวต้องการกูนะเว้ย กูปล่อยให้ทิวอยู่ลำบากอย่างนี้คนเดียวอีกไม่ได้ ถึงกูจะเคยทำผิดแค่ไหนแต่กูก็รักทิว แล้วก็ก็พร้อมที่จะชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างให้ทิวนะเว้ยไอ้ต้อง"

"แล้วมึงทำได้จริงหรือเปล่าล่ะ ที่ผ่านมามึงเป็นยังไง มึงทำได้ไหม มึงกลับมาบ้านตั้งกี่ครั้งแล้ว ทำไมมึงไม่เคยคิดจะมาหาไอ้ทิวบ้างวะ มึงมันเป็นคนขี้ขลาด อ่อนแอ ไอ้ทิวมันไม่ใช่หนูทดลองของมึงนะเว้ย ถ้าเกิดมึงทำไม่สำเร็จ ไอ้ทิวมันก็ต้องเจ็บเจียนตายเพราะมึงอีก ไอ้คนเห็นแก่ตัวเอ๊ย"

ต้องว่าแล้วก็ปล่อยหมัดชกไปที่ใบหน้าของบูมจนบูมเซล้มลงกับพื้น

"บูม" ทิวร้องด้วยความตกใจ ก่อนที่ต้องจะปรี่เข้าไปทำร้ายบูมอีก ทิวก็รีบวิ่งไปขวางไว้

"ต้อง มึงหยุดก่อนได้ไหม"

พอเห็นทิวมาขวางไว้แบบนั้นต้องก็หยุดชะงัก "ทิว มึงจะปกป้องมันทำไมคนเลวๆ แบบนั้นทำไมวะ"

ทิวรู้สึกเจ็บแปลบที่เห็นต้องด่าทอคนที่ทิวรักด้วยคำที่รุนแรงเช่นนั้น ทิวจึงพูดกลับไปด้วยเสียงที่ดังเพื่อเรียกสติของต้องให้กลับมา

"ต้อง มึงหยุดเดี๋ยวนี้นะเว้ย กูกับบูมคุยกันรู้เรื่องแล้ว ทีหลังมึงอย่าว่าบูมแบบนี้อีกนะต้อง ถือว่ากูขอละกัน ยังไงมึงกับบูมก็เคยเป็นเพื่อนกันนะเว้ย"

ต้องดูจะช็อกไปมากทีเดียวเมื่อเห็นทิวรักและปกป้องบูมถึงขนาดนี้ แถมยังมาตวาดใส่ต้องอีก

"ได้...ทิว กูอุตส่าห์เป็นห่วงมึงนะไอ้ทิว แล้วมึง...จะต้องเสียใจเพราะมัน อย่าหาว่ากูไม่เตือนมึงก็แล้วกัน"

ว่าแล้วต้องก็เดินลิ่วออกไปอย่างกระฟัดกระเฟียด เห็นทิวเป็นห่วงบูมขนาดนั้นแล้วต้องก็คงน้อยใจ พอทิวรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็ได้แต่รู้สึกเสียใจ นั่นก็เพื่อน นี่ก็คนรัก ต้องคงน้อยใจแน่ๆ เลย แต่จะว่าไปแล้ว สายตาของต้องเมื่อสักครู่นี้ดูเหมือนน้อยใจและเจ็บปวดอย่างที่ทิวไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ ทิวมองตามแผ่นหลังของต้องที่เดินลิ่วไปแล้วก็ถอนหายใจอย่างหนักใจ

"บูม เจ็บหรือเปล่า"

ทิวนั่งลงแล้วถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

"รอแป๊บนึงนะบูม"

พอเห็นมีเลือดซึมออกมาจากปากบูมแล้วทิวก็เดินลิ่วหายเข้าไปในบ้าน ไม่นานนักก็กลับออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดหน้าที่ห่อประคบน้ำแข็งไว้ จากนั้นก็ค่อยๆ ซับเลือดที่ไหลซึมออกมาจากริมฝีปากของบูม

"นายคิดยังไงกับสิ่งที่ต้องพูด"

ทิวหยุดแล้วมองหน้าบูมอย่างใช้ความคิด "อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลยนะบูม"

บูมนิ่งเงียบ รู้ว่าสิ่งที่ต้องพูดมานั้นคงทำให้ทิวหวั่นไหวไม่มากก็น้อย แต่มันก็เป็นสิ่งที่บูมก็ต้องคิดหนักเช่นกัน ต้องพูดถูก ทิวไม่ใช่หนูทดลอง ถ้าเกิดทำไม่สำเร็จก็เท่ากับว่าบูมลากทิวเข้ามาเป็นมือที่สาม ทิวก็จะกลายเป็นคนผิดที่มาแย่งคนรักของคนอื่นและคงต้องเสียใจอีกครั้ง

ถ้าต้องพูดถูกก็เท่ากับว่าบูมยังคงอ่อนแอและเป็นไอ้ขี้ขลาดอยู่ เป็นที่พึ่งให้ใครไม่ได้หรอก คิดๆ ไปแล้วบูมก็อดจะสงสัยไม่ได้ว่าตัวเองจะอ่อนแอถึงขนาดปกป้องคนที่รักไม่ได้เลยหรือ ทำไมถึงไม่มีใครไว้ใจบูมเลย ไม่มีใครเชื่อใจเลยสักคน แล้วทิวล่ะ ทิวจะเชื่อใจบูมหรือเปล่า ถ้าทิวไม่เชื่อใจอีกสักคนบูมก็คงไม่เหลือใครอีกแล้ว

เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ทิวกับบูมหันไปมองด้วยความสงสัย ทิวลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูบ้าน พอเห็นคุณน้าเจ้าหนี้มาพร้อมกับชายสองคนนั้นก็เครียดขึ้นมาทันที คงจะมาทวงเงินก้อนที่เหลือแน่ๆ เลย ทิวไม่มีเงินมากพอที่จะให้หรอกในตอนนี้

"ว่าไงล่ะ เจ็ดหมื่นน่ะได้หรือยัง" เข้ามาข้างในปุ๊บคุณน้าเจ้าหนี้ก็ถามเรื่องนี้ทันทีเลย

"ผม..." ทิวก้มหน้า ไม่กล้ามองคุณน้าเจ้าหนี้ที่นอกจากจะเสียงเขียวแล้วสีหน้าก็บูดบึ้งไม่ต่างกัน

"อย่าบอกนะว่าไม่มี ฉันบอกแล้วไงว่าฉันต้องใช้เงินก้อนนี้ด่วนที่สุด อยากลองดีใช่ไหม" คุณน้าเจ้าหนี้ขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ

บูมเห็นความไม่ชอบมาพากลก็รีบเดินเข้ามาถาม

"มีอะไรเหรอครับ"

"จะอะไรซะอีกล่ะ ฉันก็มาทวงเงินของฉันคืนน่ะสิ" คุณน้าเจ้าหนี้หันมามองบูมพลางทำหน้าสงสัยเพราะไม่เคยเห็นมาก่อน

"เท่าไรครับ เดี๋ยวผมจัดการให้" บูมรีบบอกไป

"บูม ไม่ต้อง" ทิวรีบร้องห้าม

"เจ็ดหมื่น" คุณน้าเจ้าหนี้รีบตอบ ท่าทางทิวคงจะทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ อ้อยเข้าปากช้างแล้วคุณน้าคงไม่ปล่อยให้หลุดไปง่ายๆ

"ทิว...นายอยู่เฉยๆ ก่อน เดี๋ยวเราจัดการเอง แล้วค่อยมาว่ากัน"

บูมหันมาบอกทิวด้วยน้ำเสียงกึ่งดุ แล้วก็หันไปพูดกับคุณน้าเจ้าหนี้ต่อ

"ผมขอเบอร์บัญชีด้วยครับ ผมจะโอนให้เดี๋ยวนี้เลย"

คุณน้าเจ้าหนี้รีบควานหาสมุดบัญชีเงินฝากในกระเป๋าถือแทบจะทันที พอเจอแล้วก็ส่งให้บูม บูมรับมาแล้วก็ใช้มือถือของตัวเองล็อกอินเข้าเว็บธนาคาร จากนั้นก็ดำเนินการโอนเงินเจ็ดหมื่นบาทเข้าบัญชีนั้นไปโดยไม่รอช้า

"เรียบร้อยแล้วครับ นี่ครับ หลักฐานการโอนเงิน" บูมบอกพลางยื่นโทรศัพท์ให้คุณน้าเจ้าหนี้ดู

"ก็แค่นี้แหละ ขอบใจมาก จะได้หมดหนี้หมดสินกันเสียที ไป กลับ" คุณน้าเจ้าหนี้รับสมุดเงินฝากมาจากบูมแล้วก็เดินยิ้มออกไปพร้อมกับลูกน้องอีกสองคนอย่างอารมณ์ดี ไม่นานนักเสียงรถเก๋งคันงามก็แล่นออกไป

"ไปหรือยังทิว เดี๋ยวไม่ทันนะ" บูมหันมาเตือนเมื่อเห็นทิวยืนนิ่งเหมือนใช้ความคิดบางอย่าง

ทิวเหมือนจะรู้สึกตัวแล้วก็พยักหน้าเร็วๆ "อ๋อ...ไปกันเถอะ อ้อ..."

เหมือนทิวเพิ่งนึกได้ "นายยังเจ็บอยู่หรือเปล่า"

บูมส่ายหน้าพลางยิ้มน้อยๆ "แค่นี้ไม่ถึงตายหรอก ไม่ต้องห่วงเรานะ แล้วก็ไม่ต้องกังวลด้วยว่าเราจะโกรธต้อง เราไม่โกรธมันหรอก" บูมรีบบอกดักไว้

ทิวยิ้มด้วยความโล่งใจ แต่อีกด้านหนึ่งก็กังวลถึงความรู้สึกของบูมเหมือนกัน บูมคงกำลังมีความรู้สึกบางอย่างที่ทิวเองก็ยังไม่กล้าถามในตอนนี้ แต่ทิวก็รับรู้ได้ว่าคงเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีนัก

ต่อให้คนเรารักกันมากขนาดไหน ไม่ว่าที่ผ่านมาจะทำดีต่อกันมากน้อยแค่ไหน ถ้าเกิดความหวาดระแวงไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกันแล้วความรักก็อาจจะมีปัญหาได้ ทิวก็ได้แต่หวังว่าสิ่งที่ต้องพูดเมื่อสักครู่นี้คงไม่ทำให้ทั้งทิวและบูมหวาดระแวงกันเอง

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

ตลอดทางที่บูมขับรถมาส่งทิวที่ร้านอาหาร ต่างคนก็ต่างเงียบและใช้ความคิด มาถึงร้านอาหารก็ประมาณสองทุ่ม ทิวมีคิวร้องประมาณสองทุ่มครึ่ง ต้องร้องสองรอบ รอบละครึ่งชั่วโมง ส่วนบูมพอส่งทิวเสร็จแล้วก็ขอมานั่งในร้านอาหารเพราะอยากฟังทิวร้องเพลงและเล่นดนตรีอีกสักครั้งหลังจากที่ไม่ได้ฟังมานาน มีอาหารสองสามอย่างพร้อมกับเครื่องดื่มเบาๆ อยู่บนโต๊ะในระหว่างที่นั่งฟังด้วย

ได้ฟังทิวร้องเพลงแล้วก็ทำให้บูมหวนรำลึกถึงเรื่องราวหลายอย่างที่เคยเกิดขึ้นในช่วงมัธยมปลาย ทิวยังร้องเพลงเก่งเหมือนเดิม แถมดูจะร้องได้ดีกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำเพราะชั่วโมงบินสูงขึ้น แต่ที่บูมรู้สึกทึ่งเป็นพิเศษก็คือทักษะการเล่นกีตาร์ของทิวที่เข้าขั้นยอดเยี่ยม จนเหมือนกับกำลังนั่งฟังมือกีตาร์โปร่งระดับแถวหน้าเลยทีเดียว ทิวคงฝึกหนักน่าดูกว่าจะเล่นได้อย่างนี้ แน่ล่ะ ทิวต้องทำอย่างนั้นเพราะความอยู่รอดด้วยส่วนหนึ่งนั่นเอง

ทิวร้องเพลงเสร็จก็ประมาณสี่ทุ่มเศษๆ บูมเช็คบิลแล้วก็ออกไปรอทิวที่รถเพื่อที่จะรับทิวกลับบ้าน พอเห็นทิวเดินมาพร้อมกับกีตาร์คู่ใจแล้วบูมก็ส่งยิ้มให้

"เก่งมากเลยทิว เราชอบทุกเพลงเลย เดี๋ยวนี้นายเล่นดนตรีก็เก่งมากเลยนะ ร้องเพลงก็เก่ง เก่งไปหมดทุกอย่างเลย"

คำชื่นชมนั้นทำให้ทิวยิ้มเล็กน้อย บูมเดินมาเปิดประตูรถให้ทิวเข้าไปนั่งข้างในแล้วก็เดินอ้อมไปนั่งตรงที่นั่งคนขับของตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ ขับออกไปจากร้านอาหารที่คนเริ่มซาลงไปพอสมควรแล้ว ระหว่างทางต่างคนก็ต่างนั่งเงียบๆ เหมือนตอนขามา แม้ไม่ทำให้ถึงกับอึดอัดแต่ก็ทำให้บรรยากาศอึมครึมไปพอสมควร

พอมาถึงบ้านแล้วบูมก็เดินเข้ามาส่งทิวถึงในบ้าน สีหน้าของบูมดูเครียดอย่างเห็นได้ชัด ทิวเห็นแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจมากพอๆ กัน คืนนี้บูมคงไม่ได้อยู่ค้างที่นี่เพราะไม่ได้นอนบ้านตัวเองมาสองวันแล้ว ถ้าวันนี้ยังไม่กลับบ้านอีกก็อาจจะทำให้พ่อกับแม่สงสัยได้

พอถึงเวลาจะร่ำลากลับบ้าน บูมก็ตัดสินใจถามในสิ่งที่้ค้างคาใจ ถ้าไม่ถามคืนนี้บูมคงนอนไม่หลับเป็นแน่

"ทิว...นายคิดยังไงกับเรื่องที่ต้องพูด"

เมื่อได้ยินคำถามแล้วทิวก็ไม่รู้สึกแปลกใจนักเพราะเดาไว้อยู่แล้วว่าบูมคงกำลังสงสัยเรื่องนี้อยู่ มันเป็นเรื่องที่สำคัญมากทีเดียว ถ้าพูดคุยกันไม่เข้าใจคราวนี้ก็ยากที่จะกลับมาเชื่อใจกันได้อีกครั้งแล้วล่ะ

"เรา..."

ทิวไม่รู้จะพูดยังไง ความจริงทิวก็กังวลตามที่ต้องพูดไว้ไม่น้อยเลย จะให้ไม่รู้สึกอย่างนั้นก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะตอนนี้ทิวอยู่ในสถานะมือที่สามอย่างที่ต้องว่า ปฏิเสธไม่ได้เลย ถ้าเกิดพ่อกับแม่หรือแฟนของบูมรู้เรื่องนี้เข้า ทิวก็แทบจะไม่มั่นใจเลยว่าเขากับบูมจะผ่านพ้นมันไปได้ เรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด ถ้าไม่เข้มแข็งอดทนจริงๆ ก็จะไม่มีวันที่จะผ่านไปได้

ปัญหาทั้งหมดนี้ก็คงเป็นหน้าที่หลักของบูมที่จะทำให้ทุกอย่างชัดเจนและคลี่คลาย บูมจะต้องทำให้ทิวมั่นใจให้ได้ว่าบูมเข้มแข็งมากพอที่ฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่างไปได้ ไม่ใช่ว่าทิวไม่อยากช่วยหรอกนะ สถานะมือที่สามอย่างทิวคงช่วยไม่ได้มากนัก แค่คิดจะเข้ามายุ่งก็ผิดตั้งแต่ต้นแล้ว

พอเห็นทิวเงียบอย่างนั้นแล้วบูมก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าทิวคงหวั่นไหวและอาจจะไม่เชื่อใจกันเต็มร้อยเหมือนเดิม บูมเม้มริมฝีปาก ถอนหายใจอย่างหนักใจ ยังไม่ทันจะได้พิสูจน์กันเลยด้วยซ้ำก็มาเกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกันเสียก่อน คนขี้ขลาดอย่างบูมคงยากที่จะมีใครกล้าให้โอกาส นี่แหละนะที่เขาเรียกว่าพ่อแม่รังแกฉัน ช่วงวัยเด็กเป็นวัยที่มีความสำคัญมาก ในชีวิตช่วงนั้นบูมกลับถูกกดดันและบังคับจนไม่เป็นตัวของตัวเอง ในที่สุดทักษะชีวิตที่สำคัญบางอย่างจึงหายไปหรือมีน้อยกว่าคนทั่วไปอย่างช่วยไม่ได้

"เราขอโทษนะทิว...ที่ทำให้นายลำบากใจ"

พูดแล้วก็หันหลังเตรียมตัวจะเดินกลับไปขึ้นรถ แต่แล้วก็หยุดและหันกลับมามองอีกครั้ง สีหน้าครุ่นคิดเหมือนคนกำลังตัดสินใจบางสิ่งบางอย่างที่แสนลำบากใจ

"อยู่คนเดียว ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะ เราเป็นห่วงนายนะทิว" แล้วคราวนี้ก็เดินออกไปจริงๆ

สายตาของบูมเศร้าเหลือเกิน ทิวเห็นแล้วก็อดสงสารและรู้สึกผิดไม่ได้ บูมคงเสียใจที่ไม่มีใครเชื่อใจบูมเลย แม้กระทั่งทิวเองที่เป็นคนที่บูมรักมากที่สุดก็ยังไม่เชื่อใจเลย จะทำยังไงดี ทิวสับสนเหลือเกิน ทำไมอยู่ดีๆ ถึงเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นมาได้

บูมเดินมาถึงรถแล้วก็เข้าไปนั่งข้างใน นั่งนิ่งๆ โดยไม่คิดที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์หรือทำอะไรเลย สักพักบูมก็ซบหน้าลงกับพวงมาลัยรถ ทิวเดินออกมาดูในจังหวะนั้นพอดี พอเดินเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงบูมกำลังร้องไห้ บูมคงจะเจ็บปวดใจมากทีเดียวเมื่อรู้ว่าทิวไม่ไว้ใจ ทิวเองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้กันที่ทำให้บูมรู้สึกอย่างนั้น

ผ่านไปได้สักพัก บูมคงสงสัยว่ามีใครสักคนกำลังยืนมองดูอยู่จึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามอง พอรู้ว่าเป็นทิวแล้วบูมก็ค่อยๆ เช็ดน้ำตา ก่อนจะค่อยๆ เปิดประตูรถแล้วเดินลงมาหาอย่างช้าๆ ต่างคนต่างยืนมองหน้ากันนิ่ง นิ่งจนทำให้เกิดความอึดอัด

"เราไม่รู้ว่าเราคิดถูกหรือคิดผิดที่กลับมาหานาย นายช่วยบอกเราหน่อยได้ไหมทิว คนอ่อนแอ...ไม่มีความเป็นผู้นำอย่างเราไม่ควรที่จะรักนายใช่ไหม ใช่ไหมทิว นายจะไม่ให้โอกาสเราอีกแล้วใช่ไหม"

ในที่สุดบูมก็พูดออกมาก่อน แล้วทิวควรจะตอบบูมว่าอย่างไรดีล่ะ ทิวรักบูมแค่ไหนนั้นคงไม่ต้องสงสัย แต่การที่จะให้ทิวอยู่ในสภาพมือที่สามนั้นก็เป็นเรื่องที่ทิวทำใจได้ลำบากเหลือเกิน บูมต้องทำอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่แค่พูด ที่ไม่ใช่แค่ความรัก ไม่ว่ามันจะลงเอยแบบไหนก็ขอแค่ให้ทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนกว่านี้ ต่อให้ทิวต้องเสียใจและเป็นฝ่ายไปทิวก็พร้อมที่จะยอมรับแต่โดยดี

"บูม...เรารักนายมากนะ และเราก็เชื่อว่านายก็รักเราเช่นกัน แต่...นายต้องทำอะไรบางอย่าง เราไม่อยากบีบคั้นนายหรอกนะบูม แต่เราก็อยากให้นายเข้าใจเราด้วยว่าเราก็เจ็บปวดที่ต้องอยู่ในสถานะแบบนี้ เราพยายามจะไม่คิดถึงมัน แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ยังไงเราก็เป็นมือที่สาม ทำอะไรสักอย่างให้มันเกิดความชัดเจนเถอะนะบูม ไม่ว่ามันจะลงเอยยังไง เราก็ยินดีที่จะยอมรับทุกสิ่งทุกอย่าง ถึงเราจะเจ็บอีกครั้งก็ไม่เป็นไร เราไม่เป็นไรจริงๆ นะบูม"

แล้วบูมก็กอดทิวไว้ด้วยความสะท้อนใจ น้ำตาที่รินไหลค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ สีหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ทิวคือคนที่บูมรักมากที่สุด เพราะฉะนั้น บูมก็ไม่ควรบังคับให้ทิวต้องมาทนทุกข์ทรมานกับปัญหาของตัวเองให้เนิ่นนานกว่านี้ บูมควรจะต้องทำอะไรสักอย่างอย่างที่ทิวเพิ่งพูดไปเมื่อกี้นี้ ไม่อย่างนั้นแล้วก็ไม่ควรจะมาถามหาความเชื่อใจจากใคร เมื่อไม่มีการกระทำที่พิสูจน์ให้เห็น ความเชื่อใจย่อมไม่เกิดหรืออาจจะลดน้อยถอยลงจนหมดไปได้

ไม่มีใครรู้หรอกว่าบูมกำลังคิดอะไรหรือกำลังจะทำอะไรต่อไป แต่หลังจากวันนี้เป็นต้นไปคงมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 23 วันที่ 31.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: chai235 ที่ 31-03-2012 08:26:05
เหอๆ ทำตัวเองนี่

ใครเค้าจะเชื่อได้ล่ะ ของอย่างนี้ต้องเข้มแข็ง และพิสูจน์ตัวเอง
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 23 วันที่ 31.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 31-03-2012 08:45:30
ถ้าไม่ลุกขึ้นมาปฏิวัติคนเองใหม่ ก็อยู่ในวังวนเดิมๆแบบนี้ล่ะบูม
แล้วโอกาสที่จะเป็นดังต้องว่าไว้เนี่ย99.99%เลยนะบูม
คนที่ทุกข์ใจ+เสียใจมากๆๆๆๆก็คือทิวและบูมนั่นเอง
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 23 วันที่ 31.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 31-03-2012 10:17:54
บูมต้องกล้ามากกว่านี้  ตัวเองก็โตแล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆเหมือนเมื่อก่อน 

ไม่อยากกินมาม่าแล้ว สงสารทิว  เอาใจช่วยทั้ง2คน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 23 วันที่ 31.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 31-03-2012 11:07:36
จะให้เค้าเชื่อ  แกก็ต้องเข้มแข็งและทำให้เค้าเชื่อมั่นสิ

ยังจะทำท่าทางอ่อนแออีก   :z6: 

สงสารต้องกับทิว เลยต้องเคืองกันเลย
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 23 วันที่ 31.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 31-03-2012 13:08:03

ตบบูม หมั่นไส้นัก ไอ้เด็กไม่รู้จักโต

 :beat: :beat: :beat: :impress3:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 23 วันที่ 31.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 31-03-2012 14:10:12
                                      ไม่มีความเป็นผู้นำเอาซะเลย
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 23 วันที่ 31.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Cynthia_Moonlight ที่ 31-03-2012 14:44:35

"ได้...ทิว กูอุตส่าห์เป็นห่วงมึง แล้วมึง...จะต้องเสียใจเพราะมัน"

ประโยคเนี้ย...อ่านแล้วมีความรู้สึกว่ามันต้องเกิดขึ้นแน่ๆเลย.....แต่จะเมื่อไหร่ก็เท่านั้น...

ถ้าบูมยังเป็นแบบนี้น่ะนะ... เฮ้อ....

รีบๆปรับปรุงตัวเองได้แล้วนายบูมเอ้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 23 วันที่ 31.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 31-03-2012 15:45:57
เมื่อไหร่ความทุกข์ของสองคนนี้จะผ่านไปสักทีนะ ผ่านไปเหมือนสายลม แต่นี่ก็ชีวิตคนให้ผ่านไป
เหมือนไม่มีอะไรก็ไม่ได้ เราเข้าใจทิวนะ ความรักที่ต้องมีอุปสรรค และบูมที่ผ่า่นมาก็ไม่เคยก้่าวผ่านและเผชิญหน้ากับอุปสรรค
และหนีมาตลอด แม้วันนี้บอกว่าจะผ่านไปด้วยกัน แต่ทิวก็ต้องมีแอบไม่มั่้นใจบ้าง เพราะอดีตที่บูมทำ แม้สงสาร แต่เลดี้ก็ขอความชัดเจนเหมือนต้อง และลึกรู้สึกเหมือนต้องรักทิว รอเพียงทิวลืมบูม ถึงวันนี้ทิวลืมไมได้เมื่บูมกลับมา จึงทำให้เขาเจ็บ เจ็บที่รักและรอเหมืือนทิว รอแต่ก็เหมือนจะไม่ได้อะไร ถึงแม้ทิวเหมือนได้ใจบูมมา แต่ก็บงเบาดุจเส้นด้ายที่จะขาดหายหากโดนลม รอลุ้นกลับรักที่ต้องการบทพิสูจน็์ของบูมต่อไป
+1ให้คนเขียนค่ะ แต่งได้ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 23 วันที่ 31.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 31-03-2012 16:15:05
เลือนลางเหลือเกินคู่นี้
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 23 วันที่ 31.3.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 31-03-2012 19:57:57
เอาใจช่วยบูมนะ

บูมต้องลงมือทำอะไรซักอย่างให้มันชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะกับ(คุณหญิง)แม่และพ่อ หรือ เธอคนนั้นที่เป็นคู่หมั้นที่เป็นปัญหาก็ตาม

ตอนนี้บูมอาจแค่คิดจะทำ แต่ก็จะรอวันที่บูมลงมือทำมัน

ขอแค่ลงมือทำเท่านั้น........เป็นสิ่งเดียวที่ต้องการจากบูมในตอนนี้จริงๆ

 :undecided: :undecided: :freeze: :freeze: อารมณ์ตอนนี้~อึน~ซึน~ได้อีก...
ขอบคุณค่ะ  :L2: :L2: :L2:+เป็ด
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 23 วันที่ 31.3.2012) - เพิ่มเติมอีกนิด
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 31-03-2012 20:34:54
รู้สึกแปลกๆกับบูม มาก ถึงมากที่สุด

ดูเหมือนจะเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย

คอยถามอยู่ตลอดว่าทิวคิดอย่างไรพร้อมจะเดินไปตนไหม

เล้วถ้าเกิดทิวตอบว่าไม่ บูมจะยุติความรักครั้งนี้เลยหรอ

เหมือนการตัดสินใจของบูมนั้นขึ้นอยู่กับความเจ็บปวดของทิว

เเน่นอนทิวไม่มีทางไม่ตกลงอยู่เเล้ว

เเต่บูมนี้สิ น่าจะใช้ความต้องของตนที่จะปกป้องคนรักมาเป็นเเรงฮึดสู้กับปัญหา

นี้อะไร ความมั่นใจไม่มีเลย เซ็ง พระเอกโง่

ประทานโทษ ถ้าเเรงไป เเต่อินจัด^^
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 23 วันที่ 31.3.2012) - เพิ่มเติมอีกนิด
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 01-04-2012 00:30:35
สงสารทิว  คงต้องเจอมรสุมอีกแยะ  :เฮ้อ:

ต้องกลับมาช่วยเพื่อนก่อนนนนนนนนน  :sad4:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 23 วันที่ 31.3.2012) - เพิ่มเติมอีกนิด
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 01-04-2012 08:57:23
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 24 ✦ สบายวอล์กเวย์

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


บูมกลับมาคราวนี้ไม่ใช่เพราะต้องกลับมาทำงานที่บริษัทของพ่อเท่านั้น พ่อให้บูมช่วยดูแลโปรเจกต์คอนโดแห่งหนึ่งอยู่เท่านั้น ไม่ต้องเข้าไปทำงานทุกวัน บูมวางแผนว่าจะทำงานหาประสบการณ์อีกสักปีสองปีก่อนจะกลับไปเรียนต่อปริญญาโทตามที่ตั้งใจไว้

บูมเข้าไปช่วยงานที่สมาคมเครื่อข่ายนักบุญไทยรุ่นเยาว์หรือ Thai Young Philanthropist Network ที่มีสมาชิกเป็นหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ส่วนมากเป็นคนที่มีโอกาสไปเรียนที่ต่างประเทศ มีความรู้ ประสบการณ์และมีใจอยากช่วยสังคม แพรวก็อยู่ในสมาคมนี้เช่นเดียวกัน แน่นอนการที่บูมเข้ามาทำงานในนี้ได้ก็เพราะได้พ่อกับแม่ที่ฝากฝังให้

เมื่อสามเดือนที่แล้วบูมเพิ่งรวมกลุ่มเพื่อนๆ ที่อยู่ในสมาคมเดียวกันห้าหกคนทำโครงการชิ้นหนึ่งที่สมาคมรับมาจากแหล่งทุนใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศไทย เป็นโครงการระยะเวลาปีครึ่งที่จะพัฒนาต้นแบบทางเท้าในกรุงเทพมหานครให้มีความสวยงามและทุกคนใช้งานร่วมกันได้ ก่อนที่จะนำต้นแบบนี้ไปใช้กับจุดอื่นๆ ของกรุงเทพมหานครต่อไป

พื้นที่ที่จะใช้เป็นต้นแบบในครั้งนี้คือบริเวณโดยรอบสยามสแควร์และสถานที่ใกล้เคียง ทางเท้าที่เป็นต้นแบบจะเป็นทางเท้าที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง มีขนาดความกว้างของช่องทางเดินบนทางเท้าที่กว้างมากพอ เอื้อให้แม่ที่ใช้รถเข็นเด็กหรือแม้กระทั่งคนพิการสามารถใช้งานได้สะดวกโดยการจัดให้มีทางลาด ที่สำคัญต้องมีแผนจัดระเบียบทางเท้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาบเร่แผงลอยต่างๆ ที่มักจะเอาเปรียบคนสัญจรบนทางเท้าตลอดมา นับว่าเป็นปัญหาโลกแตกของกรุงเทพมหานครอย่างหนึ่งเลยทีเดียว บูมและเพื่อนๆ มีประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ต่างประเทศมาจึงน่าจะนำตัวอย่างที่เคยพบเห็นมาใช้กับโครงการนี้ได้

ในโครงการนี้บูมเป็นผู้จัดการโครงการ มีแพรวเป็นเลขานุการ ส่วนเพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็มาช่วยเรื่องการประชาสัมพันธ์ ระดมทุนและหาเครือข่ายสนับสนุน ออกแบบเว็บไซต์และสื่อสิ่งพิมพ์ของโครงการ ช่วยถ่ายรูปก็มี แต่ยังขาดคนที่จะมาเป็นผู้ประสานงานโครงการ แม้ว่าจะเป็นเพียงตำแหน่งเดียวที่มีเงินเดือนให้ แต่ก็ไม่มีใครว่างพอที่จะมาทำได้อย่างเต็มที่ บูมคิดอยู่ตั้งนานว่าจะหาใครมาช่วย สุดท้ายก็นึกออกแล้วว่าใครที่น่าจะเหมาะสมกับตำแหน่งนี้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
   

ช่วงนี้บูมดูเหมือนเงียบๆ ไป ไม่ได้มาหาทิวหลายวันเลย อาจจะเป็นเพราะเหตการณ์วันนั้นที่ทำให้บูมต้องคิดทบทวนหลายสิ่งหลายอย่าง ห่างกันไปบ้างก็อาจจะดีตรงที่ช่ว ทำให้ต่างคนต่างได้ทบทวนให้ตกผลึกก่อน เรื่องอย่างนี้ไม่จำเป็นต้องรีบตัดสินใจ

คนที่ทิวนึกถึงอีกคนหนึ่งก็คือต้อง ตั้งแต่วันนั้นต้องก็ดูเงียบๆ ไปเหมือนกัน ทิวยังจำสายตาแปลกๆ ของต้องในวันนั้นได้เป็นอย่างดี ต้องคงน้อยใจเหมือนกันที่ทิวออกรับแทนบูม พอมีเวลาช่วงพักเที่ยง ทิวจึงขอตัวออกมาโทรศัพท์หาต้องที่หลังร้านพร้อมกับขอให้เพื่อนอีกคนช่วยอยู่เฝ้าตรงเคาน์เตอร์สักพัก ก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะหลายๆ ครั้งทิวก็จะเฝ้าเคาน์เตอร์ให้เพื่อนร่วมงานเช่นเดียวกัน

"มีอะไรทิว อย่าบอกนะว่าไอ้บูมมันทำให้มึงเสียใจอีกแล้ว" นั่นคือประโยคแรกที่ต้องทักมา

"เปล่า...ไม่ใช่เรื่องนั้น ตอนนี้ยังไม่มีอะไรให้กูเสียใจหรอก แต่กูเป็นห่วงมึง เห็นมึงเงียบๆ ไป"

"นึกว่าจะห่วงแต่ไอ้บูมเสียอีก" ต้องแค่นเสียง

"ต้อง...มึงไม่ได้โกรธกูใช่ไหม" ทิวรีบเข้าเรื่องเพราะมีเวลาคุยไม่มากนัก

"กูจะโกรธมึงทำไมวะ กูไม่โกรธมึงหรอก คนที่กูโกรธคือไอ้บูมต่างหากล่ะ แม่งเอ๊ย คนอะไรขี้ขลาดชิบเป๋งเลย โลเลก็ที่หนึ่ง อุตส่าห์ไปเรียนตั้งเมืองนอกเมืองนา ช่วยอะไรบ้างไหมเนี่ยนอกจากความรู้ในตำรา"

สุดท้ายต้องก็อดค่อนแคะบูมอีกไม่ได้

"ต้อง...กูขอมึงเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม อย่าว่าบูมแบบนี้อีกเลยนะต้อง บูมมีปัญหาแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว มึงก็รู้ว่าที่บ้านมันเป็นยังไง กูไม่อยากให้มึงซ้ำเติมถากถางบูมเรื่องนี้อีก ขอโอกาสให้บูมได้พิสูจน์ตัวเองบ้างนะต้อง"

ต้องเงียบไปสักพักเหมือนกำลังครุ่นคิด "ก็กูโมโหมันนี่หว่า มันทำมึงเจ็บแค่ไหนมึงจำไม่ได้เหรอ แถมตอนนี้มันยังเห็นแก่ตัวจะทำให้มึงเป็นมือที่สามอีก"

"ต้อง...มันผ่านไปแล้ว กูไม่อยากให้มึงเจ็บแค้นกับเรื่องในอดีตอีกว่ะต้อง มาพูดถึงเรื่องปัจจุบันดีกว่า...จริงๆ กูคุยกับบูมแล้ว เข้าใจกันแล้วล่ะ ทั้งเรื่องที่บูมไม่เคยติดต่อกู แล้วก็เรื่องที่บูมมีคู่หมั้นแล้ว"

"แล้วไงล่ะ เข้าใจของมึงหมายความว่าไง หมายความว่ามึงจะยอมเป็นมือที่สามงั้นเหรอ มึงคิดดีแล้วเหรอทิว"

"กูไม่ได้อยากเป็นมือที่สามของใครหรอกต้อง กูก็ต้องการความชัดเจนเหมือนกัน แต่กูก็ต้องให้โอกาสบูมในการพิสูจน์ตัวเอง กูไม่เชื่อว่าบูมเป็นคนขี้ขลาดหรอกนะต้อง บูมแค่ยังไม่มีความมั่นใจมากพอแค่นั้นแหละ อีกอย่าง บูมคงต้องคิดให้ดีๆ เพราะมีหลายคนที่ต้องเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นคู่หมั้น พ่อกับแม่ของบูม หรือแม้กระทั่ง...ตัวกูเอง มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับบูมที่จะทำอะไรผลีผลามอย่างงั้นหรอกต้อง"

"แล้วถ้ามันทำไม่ได้ มึงก็จะยอมเจ็บอีกงั้นเหรอทิว"

คำถามนี้ทำให้ทิวเงียบไปสักพัก "มันคงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องหรอกกูรู้ แต่กูก็รักบูมไปแล้วนี่หว่าต้อง มึงจะให้กูทำยังไง เจ็บก็ต้องเจ็บแหละวะ คนเรามีความรักก็มีทางเลือกแค่สองอย่าง สมหวังกับผิดหวัง ชีวิตของกู...ไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากกว่าชีวิตที่ผ่านมาหรอกต้อง แค่ผิดหวังจากความรัก...คงไม่ตายหรอก ก็ยังดีกว่าชีวิตที่ไม่เคยมีความรัก ถ้ารักแล้วกลัวผิดหวัง ชาตินี้ก็อย่ารักใครเลยดีกว่า"

"ทิว"

ต้องถึงกับพูดอะไรไม่ออก เพราะความรักทำให้ทิวต้องยอมถึงขนาดนี้เลยหรือ ใช่... มันก็ไม่ต่างกันกับตัวต้องเองหรอก เพราะความรักจึงต้องยอมทนดูอยู่อย่างเงียบๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเหมือนกัน ได้แต่รอว่าเมื่อไรทิวจะเปลี่ยนใจแต่ก็ไม่เคยมีวันนั้น จนกระทั่งถึงวันนี้ต้องก็ไม่เห็นแสงแห่งความหวังใดๆ

"มึงเข้าใจใช่ไหมต้อง"

"อือ..." ต้องพูดสั้นๆ แค่นั้น

"แค่นี้ก่อนนะต้อง เดี๋ยวกูต้องไปทำงานแล้ว"

"อือ" น้ำเสียงเหมือนไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว

ทิววางโทรศัพท์แล้วก็เก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงก่อนที่จะรีบวิ่งมาทำงานต่อ เมื่อเข้ามาในร้านแล้วก็ต้องวางเรื่องอื่นๆ ในตอนนี้ไว้ก่อ งานที่เซเว่นค่อนข้างหนักจนไม่มีเวลาให้คิดฟุ้งซ่าน มีเวลาพักเพียงเล็กน้อยเพราะลูกค้าเข้ามาในร้านแทบตลอดเวลา

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


พอทิวกลับมาถึงบ้านก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นบูมมายืนรออยู่ที่หน้าบ้านแล้ว ต่างคนต่างยิ้มให้กัน จะว่าไปแล้วทิวก็คิดถึงบูมมากไม่ใช่น้อยเลย หายไปหลายวันไม่บอกไม่กล่าวอย่างนี้ก็ชักจะงอนแล้วเหมือนกัน แต่แปลกนะ ทำไมบูมทำเหมือนมีระยะห่างกับทิวอย่างนั้น ไม่เข้ามาใกล้ ไม่เข้ามาคลอเคลียเหมือนเคย

ทิวพาบูมเข้ามานั่งในบ้านแล้วก็ไปหาน้ำมาให้ บูมหยิบเอกสารปึกหนึ่งมาด้วย พอทิวนั่งลงแล้วบูมก็เอาเอกสารออกมาจากแฟ้มเอกสารใสๆ วางลงบนโต๊ะ

"ทิว...เรามีบางอย่างมาให้นายทำ ไม่รู้นายจะสนใจหรือเปล่า" ในที่สุดบูมก็พูดออกมาหลังจากที่ดูยิ้มๆ และเงียบๆ มาสักพัก

"อะไร" ทิวถามอย่างอารมณ์ดี
 
"พอดีเรากำลังจะทำโครงการสบายวอล์กเวย์ เป็นโครงการปรับปรุงทางเท้าแถวๆ สยาม เราจะทำต้นแบบทางเท้าสวยๆ แล้วก็เดินสบายๆ เหมือนประเทศอื่นๆ ในกรุงเทพบ้าง ตอนนี้โครงการผ่านการอนุมัติแล้ว เรากำลังหาคนมาเป็นผู้ประสานงานโครงการพอดี ก็เลยจะถามนายว่านายสนใจไหม เป็นโครงการปีครึ่ง เรามีเงินเดือนให้คนประสานงานด้วยนะ เดือนละสองหมื่น"

ได้ฟังแล้วทิวก็สนใจไม่น้อย แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือเปล่า "สนใจสิ แล้วต้องทำอะไรบ้างล่ะ นายเล่าให้เราฟังหน่อยสิว่าโครงการมันเป็นยังไง"

บูมยิ้มหวานแล้วก็เล่าภาพรวมของโครงการให้ทิวฟัง

"เราก็จะสร้างต้นแบบทางเท้าที่น่าเดิน เดินสบาย ทุกคนใช้ร่วมกันได้ นายเคยเห็นไหมทางเท้าแบบนี้"

บูมพูดแล้วก็เปิดภาพทางเท้าในเมืองที่เจริญแล้วของโลกให้ทิวดูในไอแพดของตัวเอง

"นายเห็นไหมว่ามันสะอาด น่าเดิน คนที่เมืองนอกนะ ถ้าระยะทางไม่ไกลมากซัก 1-2 กิโลเขาก็จะเดินกัน แต่บ้านเราเดินไม่ได้เพราะทางเท้าไม่ดี ไม่น่าเดิน แถมร้อนด้วย เราก็เลยคิดว่าถ้าเรามีทางเท้าตัวอย่างแบบนี้ในกรุงเทพบ้างก็น่าจะดี พอทำเสร็จแล้วก็อาจจะขยายไปทำพื้นที่อื่นๆ ต่อไป อันนี้เป็นแผนการทำงาน"

บูมบอกแล้วก็หยิบเอกสารที่เป็นแกนท์ชาร์ทมาให้ทิวดู

"สามเดือนแรกเราจะหาเครือข่ายก่อน ก็คงจะเป็น กทม. ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ทั้งหลายที่ชอบเอา street furniture มาติดตั้งเกะกะบนทางเท้า ชุมชนที่อยู่แถวๆ นั้น พ่อค้าแม่ขาย แล้วก็หน่วยงานอื่นๆ ที่อยากสนับสนุน จากนั้นเราก็จะประกวดแบบทางเท้า ให้คนส่งประกวดแบบทางเท้าตามโจทย์ที่เราให้ไป ก็น่าจะใช้เวลาสักหกเดือน ในช่วงระหว่างนี้เราว่าจะจัดงาน auction อ๋อ...งานประมูลด้วย เราว่าจะไปขอข้าวของเครื่องใช้ของดาราหรือคนดังๆ แล้วก็เอามาประมูล หาเงินมาสมทบการปรับปรุงทางเท้า ตอนนี้เงินที่เราได้รับสนับสนุนมายังไม่พอเลย"

"ทีนี้เราก็จะประกาศผลแบบทางเท้าที่ได้รับรางวัล มีเงินรางวัลให้ด้วยนะ ที่หนึ่งได้ 1 แสนบาท ที่สองได้ 5 หมื่นบาท ที่สามได้ 2 หมื่นบาท แล้วก็รางวัลชมเชย 2 รางวัลๆ ละ 1 หมื่นบาท พอเสร็จแล้วก็จะเอาแบบที่ได้ที่หนึ่งมาสร้างจริง ใช้เวลาประมาณ 6 เดือนก็น่าจะเสร็จ ใช้เงินหลายล้านอยู่ นอกจาก auction แล้วก็จะมีวิธีการระดมทุนอื่นๆ ด้วย แต่อันนี้เรามีเพื่อนๆ มาช่วยทำ พอทางเท้าเสร็จแล้วเราก็จะทำพิธีเปิดแล้วก็ส่งมอบให้ กทม. เอาไปดูแลต่อไป ก็ประมาณนี้แหละ นายคิดว่ายังไง"

"โห...น่าสนใจมากเลยบูม ทางเท้าบ้านเรามันก็แย่จริงๆ แหละ ถ้ามีทางเท้าแบบในรูปที่นายให้ดูเมื่อกี้คงจะดีมากๆ เลย กว้างน่าเดินดี อืม...แล้วเราต้องทำอะไรบ้างล่ะ" ทิวถามอีกครั้ง

"นายก็จะต้องช่วยเราประสานงานกับหน่วยงานที่เราว่ามาเมื่อกี้นี้นี่แหละ แล้วก็คนที่ส่งแบบมาประกวด คนที่จะมางาน auction บริษัทรับเหมาที่จะมาปรับปรุงทางเท้า คนที่จะมาเป็นออร์กาไนเซอร์ช่วยจัดงานเปิดตัวทางเท้า ประมาณนี้แหละ แล้วเวลามีประชุม นายก็จะต้องไปประชุมกับเรา แต่เรามีเลขาฯ ที่จะมาช่วยจดบันทึกการประชุมแล้วล่ะ นายไม่ต้องทำอันนี้ก็ได้ ยกเว้นว่าเลขาฯ ไม่ว่างเราก็อาจจะขอให้นายช่วยทำให้เราหน่อย แบบนี้พอไหวไหม"

"อืม...ก็ท้าทายดีนะ น่าสนุกดี ว่าแต่นายไปได้โครงการอย่างนี้มาจากไหนเหรอ"

"อ๋อ...พอดีเราจบนอกมา พ่อกับแม่ก็เลยให้เราไปเป็นสมาชิกของเครือข่ายนักบุญรุ่นเยาว์ บังเอิญที่สมาคมได้โครงการนี้มาพอดีเราก็เลยอาสาช่วยรวมกลุ่มเพื่อนๆ มาทำ"

ทิวพยักหน้าเข้าใจ "แล้วเราต้องทำยังไงบ้างล่ะบูม"

"เดือนหน้านี้ ถ้านายสนใจ เราจะพาไปรู้จักกลุ่มเพื่อนๆ ของเราที่สมาคมก่อน ส่วนมากก็วัยเดียวกับพวกเรานี่แหละ มีฝรั่งมาช่วยด้วย เป็นเพื่อนๆ ที่รู้จักกัน เดี๋ยวเราดูก่อนนะว่าจะประชุมวันได้วันไหน แต่น่าจะเป็นก่อนเริ่มโครงการ เดี๋ยวเราจะโทรมาบอกนะถ้าได้วันแล้ว"

"ได้ๆ เราอยากทำ ขอบใจนะบูมที่นายให้โอกาสเราได้ทำงานแบบนี้" ทิวบอกพลางยิ้ม

เงินเดือนสองหมื่นคงพอช่วยให้ทิวไม่ต้องดิ้นรนลำบากมากจนเกินไป ไม่ต้องยืนขาแข็งทั้งวันแล้วก็ไม่ต้องไปร้องเพลงดึกๆ ดื่นๆ แต่ก็แอบแปลกใจอยู่เหมือนกันที่บูมยังคงรักษาระยะห่างกับทิวไว้เช่นเดิม

"ไม่เป็นไร..." เหมือนบูมมีอะไรบางอย่างที่อยากจะพูด แต่แล้วก็พูดเสจากสิ่งที่คิดในใจ

"นายมีคำถามอะไรเกี่ยวกับโครงการนี้อีกไหม เราจะทิ้งเอกสารให้นายไว้อ่านนะ ถ้าเกิดตอนนี้นายยังนึกคำถามไม่ออกก็ไม่เป็นไร ถ้าอ่านรายละเอียดแล้วมีคำถามก็โทรไปหาเราได้"

"เดี๋ยวเราขออ่านก่อนละกันนะบูม ถ้าจะให้ถามตอนนี้ก็คงมีคำถามเยอะเลยล่ะ ถ้าอ่านแล้วอาจจะช่วยให้เข้าใจมากขึ้น จะได้ไม่ต้องถามนายเยอะเกินไปไง" ทิวบอกพลางขำ

"อืม...ดีแล้ว ถ้าไม่มีอะไรแล้วเราขอตัวกลับก่อนนะทิว"

ทิวอึ้งไปพอสมควรที่บูมมาคุยแค่เรื่องงานแล้วก็จะกลับ ทำไมถึงต้องทำตัวห่างเหินกันอย่างนี้ บูมไม่รู้หรือไงว่าทิวคิดถึงมากแค่ไหนที่ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน

"อ้อ..."

บูมเห็นสีหน้าอึ้งๆ และสายตาละห้อยของทิวแล้วก็อดที่จะสงสารไม่ได้ แต่ช่วงนี้บูมต้องหักห้ามใจตัวเองไว้บ้าง ในเมื่อยังทำให้เกิดความชัดเจนไม่ได้ก็ไม่ควรเอาเปรียบทิวเหมือนที่ผ่านมาอีก

ทิวหน้าม่อยตอนเดินออกมาส่งบูมที่หน้าบ้าน ดูเหมือนบูมจะยังไว้ท่าทีอยู่จนทิวอดสงสัยไม่ได้

"นายจะกลับแล้วจริงๆ เหรอ มาแป๊บเดียวเอง" ทิวทำหน้าเสียดาย

บูมพยักหน้า "อืม"

ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งเศร้า บูมเป็นไปอะไรไปทำไมไม่อยากอยู่คุยกับทิวเลย

"ไปก่อนนะ เดี๋ยวเจอกัน" บูมบอกเสร็จแล้วก็เดินไปเปิดประตูรถที่จอดไว้หน้าบ้านทิว พอเข้าไปนั่งแล้วก็สตาร์ทรถ ทิวก็ได้แต่ยืนมองตาละห้อยอยู่อย่างนั้น

ติดเครื่องแล้วบูมก็ยังไม่ขับออกไปทันที เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ สุดท้ายก็ดับเครื่องแล้วลงมาจากรถ บูมเดินมาจูงมือทิวแล้วก็พาเข้ามาในบริเวณบ้าน พอลับตาคนแล้วก็ดึงทิวเข้ามากอด สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจริงๆ ด้วย

"คิดถึงทิว ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน" เสียงบูมที่พูดพร้อมกับเสียงลมหายใจบ่งบอกว่าคิดถึงคนที่กอดอยู่มากแค่ไหน

"เราก็คิดถึงบูม เราอยู่เหงาๆ คนเดียวมาหลายวันแล้วเหมือนกัน"

อ้อมกอดของบูมก็ยังคงอบอุ่นสำหรับทิวเสมอ เมื่ออยู่ในอ้อมกอดนี้แล้วทิวรู้สึกปลอดภัย ทำให้ชีวิตที่อ้างว้างเดียวดายแห้งแล้งชุ่มฉ่ำขึ้นมาอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนี้ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ทิวก็ไม่อาจห้ามใจที่จะเรียกร้องหาสิ่งนี้ได้

สองหนุ่มสบตากันแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ชีวิตไม่ได้ยืนยาวนัก ความทุกข์ของชีวิตก็ยังคงมีอยู่ แต่ลืมๆ มันไปบ้างก็ดี หาความสุขให้กับชีวิตบ้าง มีอะไรที่อยากทำแล้วก็ต้องรีบทำก่อนจะหมดช่วงเวลาที่เหมาะสมของมัน

"คืนนี้เราจะอยู่เป็นเพื่อนนายนะ นายจะได้ไม่เหงา"

ทิวพยักหน้า ถ้าบูมไม่กลับมา ถ้าชีวิตนี้ไม่ได้มีผู้ชายคนนี้อยู่เคียงข้าง ชีวิตของทิวก็คงแห้งแล้งเหี่ยวเฉาและตายไปในที่สุด เหมือนกับที่เคยเกือบตายมาแล้ว ผู้ชายคนนี้ไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ ในโลกที่ทิวรู้จัก ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นแค่คนรู้จักกันธรรมดาหรือเป็นแค่เพื่อน แต่เป็นผู้ชายที่นำความรักและความอบอุ่นมาให้

ที่สำคัญ ทิวรักผู้ชายคนนี้มากเสียด้วยสิ แม้ว่าบูมอาจจะยังไม่เข้มแข็งมากนัก แต่ทิวก็จะคอยให้กำลังใจและเอาใจช่วยบูมต่อไป ความจริงทิวกับบูมก็ไม่ได้ต่างกันมากหรอก ต่างคนต่างก็ต้องการความรักและกำลังใจจากกันและกัน ไม่อย่างนั้นชีวิตมันก็คงอยู่ลำบาก รักแล้วก็คงต้องยอมแลกกับความเจ็บปวดล่ะนะทิว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


เย็นวันหนึ่งใกล้ๆ สิ้นเดือน บูมก็จัดประชุมคณะทำงานโครงการที่ที่ทำการของสมาคม คนที่มาประชุมก็อย่างที่บูมบอก แต่ละคนก็อยู่ในวัยไล่เลี่ยกันกับทิวทั้งนั้น ไม่น่าเชื่อว่าบ้านเรายังมีเยาวชนที่ยังคิดดีและอยากทำดีเพื่อสังคมอยู่ ทิวรู้สึกประทับใจมากเลยทีเดียว แถมแต่ละคนยังดูเป็นกันเองมาก ทิวนึกว่านักเรียนนอกพวกนี้จะหยิ่งเสียอีก

สิ่งหนึ่งที่ทิวได้เห็นแล้วก็รู้สึกประทับใจมากก็คือ บูมดูเปลี่ยนไปมากทีเดียวในเรื่องทักษะทางสังคม บูมยิ้มแย้มแจ่มใสและคุยได้กับทุกคน ดูเหมือนได้รับการยอมรับจากเพื่อนๆ ในกลุ่มในฐานะที่เป็นหัวเรือใหญ่ของโครงการนี้เป็นอย่างดี เวลาที่คุยกันก็มีทั้งคุยภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพราะมีเพื่อนชาวต่างชาติมาร่วมประชุมด้วยหลายคน แต่สิ่งที่ทำให้ทิวหนักใจก็คือ...คู่หมั้นของบูมที่นั่งประกบบูมอยู่ไม่ห่าง แม้จะเคยเจอกันโดยบังเอิญแล้วแพรวก็คงจำทิวไม่ได้

"เริ่มประชุมกันเลยดีกว่านะครับ Shall we start the meeting now?"

เมื่อเห็นเพื่อนๆ คุยกันออกรสออกชาติอยู่ระยะหนึ่ง บูมจึงขอเริ่มประชุม เสียงคุยกันจึงค่อยๆ เงียบลง

"เดี๋ยวเราจะเริ่มด้วยการแนะนำตัวกันก่อนดีไหมครับ เริ่มจากผมเลยละกัน ผมชื่อบูมนะครับ เป็นผู้จัดการโครงการสบายวอล์กเวย์ครับ Starting from myself, I'm Boom, Sabai Walkway project manager" พอบูมแนะนำตัวเสร็จแล้ว คนต่อไปก็เป็นแพรว

"แพรวนะคะ มาช่วยเป็นเป็นเลขาฯ ให้กับบูมค่ะ I'm Praew, secretary to Boom, our project manager ka"

พอแพรวพูดจบเพื่อนๆ ก็แซวกันใหญ่เพราะรู้ว่าแพรวเป็นอะไรกับบูมมากกว่านั้น จากนั้นคนต่อไปก็แนะนำตัว

"ผมเอิร์ธนะครับ มาช่วยทำเว็บไซต์แล้วก็ออกแบบกราฟฟิคแล้วก็พวกสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ I'm Earth.  I'll be in charge of the website, graphic design and publication" และนี่ก็คือเอิร์ธ หนุ่มน้อยมาดเซอร์ตามสไตล์นักออกแบบ

"I'm Leena, helping with the fundraising" และนี่ก็คือลีน่า สาวต่างชาติที่จะมาช่วยเรื่องการระดมทุน

"I'm Anderson, photographer" ส่วนนี่ก็คือแอนเดอร์สันที่จะมาช่วยถ่ายภาพ

"สรวิชญ์ครับ เรียกวาวิทก็ได้ครับ จะมาช่วยคุณลีน่าระดมทุนแล้วก็ช่วยเรื่องประชาสัมพันธ์ของโครงการด้วยครับ I'm Wit. I'll be working closely with Khun Leena on the fundraising and I will also help with the PR of the project"

นี่ก็คือวิท หนุ่มหน้าตี๋อีกคนที่หน้าตาดีทีเดียว เขาใส่แว่นสายตาสั้นด้วย แต่งตัวดูดีตามสไตล์หนุ่มออฟฟิศ

พอจะถึงคิวที่ทิวต้องแนะนำตัว บูมก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ เพื่อให้กำลังใจ ทิวพอพูดภาษาอังกฤษได้อยู่ ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยสองปีกว่าๆ นั้นเขาก็เรียนภาษาอังกฤษกับอาจารย์ต่างชาติมาตลอด

"ชื่อทิวนะครับ พอดีเป็นเพื่อนกับบูม บูมก็เลยชวนมาให้ช่วยเป็นผู้ประสานงานโครงการครับ I'm Tiew and I'm a friend of Khun Boom.  We've known each other for a long time.  I'll be the project coordinator.  Pleased to meet you all."

ดูเหมือนบูมจะคอยลุ้นมากทีเดียวตอนที่ทิวแนะนำตัว แอบดึงมือทิวข้างหนึ่งมาจับไว้เพื่อให้กำลังใจตลอด Anderson แอบสังเกตเห็นแต่ก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่ผู้ชายจะจับมือกัน

"เก่งมากทิว Brilliant" บูมชมเบาๆ แล้วก็หันไปบอกเพื่อนๆ คนอื่นๆ

"ผมรู้จักกับทิวมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้วครับ เมื่อก่อนทิวเขาสอนผมร้องเพลง ผมก็เลยได้เป็นนักร้องนำวง Zenith ที่เป็นวงประจำของโรงเรียนกับทิวด้วย พอดีเห็นทิวอยู่ว่างๆ ก็เลยชวนมาทำโครงการนี้ด้วยกัน Tiew is my really really close friend.  I've known him since we were in high school.  He taught me to sing and we then became the singers of the school's band called 'Zenith'."

พอบูมพูดถึงตรงนี้เพื่อนๆ ก็ฮือฮากันใหญ่แล้วขอให้เขากับทิวร้องเพลงให้เพื่อนๆ ฟัง ไม่มีใครรู้มาก่อนเลยว่าบูมเคยเป็นนักร้องของวงด้วย

"Not now, later.  I'll sing with Tiew on the opening day of the project, ok?" บูมรีบปฏิเสธ แล้วก็เลยบอกไปว่าจะขอร้องเพลงกับทิวในวันเปิดตัวโครงการแทน

บูมหันมายิ้มกับทิว เห็นทิวเข้ากับเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดีแล้วก็โล่งใจ ตลอดการประชุม บูมก็มานั่งอยู่ข้างๆ ทิวตลอด ทำให้เพื่อนๆ ได้เห็นถึงความสนิทสนมกันระหว่างบูมกับทิวที่ดูไม่ธรรมดาเลย

"พักกินข้าวกันก่อนไหมครับ อาหารมาแล้ว You guys, shall we break for the dinner? 30-minute intermission"

บูมพูดติดตลกในช่วงท้าย เพื่อนๆ ก็หัวเราะชอบใจกันใหญ่ แล้วแต่ละคนก็ลุกเดินไปตักอาหารที่สั่งมาจากข้างนอกในลักษณะของบุฟเฟต์ มีอาหารอยู่สามสี่อย่างทั้งไทยและตะวันตก

บูมไปดูแลแพรวเลือกอาหารอยู่พักหนึ่งก็กลับมาหาทิว พาทิวไปเลือกอาหารและคอยแนะนำว่าอันไหนอร่อย

"ทิวกับบูมนี่ดูสนิทกันจังเลยนะครับ" วิทหันมาถามบูมขณะที่ตักอาหารอยู่ใกล้ๆ กัน

"ครับ ก็ตอนเรียนมัธยม ทิวเขาช่วยผมหลายอย่างเลย มาสอนร้องเพลงให้ทุกวัน จากที่ผมร้องเพลงไม่เป็นเลยก็สามารถร้องได้จนได้เป็นนักร้องนำของวง" บูมอวดอย่างภาคภูมิใจ

"ไม่น่าเชื่อเลยว่าบูมจะเคยเป็นนักร้องนำด้วย" เอิร์ธหันมาคุยด้วยอีกคน

"เดี๋ยวเล่าให้ฟัง นึกทีไรก็ขำตัวเองทุกที ใช่ไหมทิว" บูมถามพลางหันมายิ้มด้วย วันนี้บูมดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

"บูมเขาเก่งครับ หัวไว สอนไม่นานก็ร้องได้แล้วครับ ใครอยากฟังบอกผมได้นะครับ มีคลิปเก็บไว้อยู่" ทิวถือโอกาสแกล้งเสียเลย

"เฮ้ย จะดีเหรอ อายเขา" บูมรีบร้องท้วง

แต่ดูท่าจะห้ามยากเสียแล้ว เพื่อนๆ ของบูมสนใจอยากดูกันมาก เรียกร้องทิวให้เปิดคลิปให้ดูกันใหญ่ ตอนนั่งกินข้าวทิวก็เลยทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว เปิดคลิปวันที่พาบูมไปทดลองร้องเพลงกับวงวันแรกให้เพื่อนๆ ของบูมดู ช่วงบูมร้องเพลงทุกคนเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจแต่ก็มีฮือฮาเป็นระยะๆ บูมหลบไปนั่งกินข้าวอีกที่หนึ่งแล้วหันมายิ้มเขิน โดยเฉพาะเวลาที่เพื่อนๆ ทำเสียงฮือฮา บูมจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้เป็นอย่างดีเพราะมันทำให้บูมรู้ว่าเพื่อนคนนี้รักและหวังดีกับบูมมากแค่ไหน ที่สำคัญ บูมก็รักทิวมากเช่นกัน

"โห...ทิวเก่งมาก สอนบูมร้องเพลงได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย วันหลังสอนแพรวมั่งดิ" แพรวพูดขึ้นหลังจากที่ดูคลิปไปได้ระยะหนึ่ง ทิวได้แต่ยิ้มๆ

"ก็ให้บูมสอนสิแพรว เห็นไหมบูมร้องเพลงเก่งจะตาย" เอิร์ธบอก

"จริงด้วย" แล้วแพรวก็หันไปยิ้มกับบูม

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ประชุมเสร็จแล้วบูมให้ทิวติดรถไปกับด้วย ตามแผนก็คือบูมจะไปส่งแพรวที่บ้านก่อนแล้วจึงค่อยไปส่งทิว แพรวกับบูมนั่งข้างหน้า ส่วนทิวนั่งข้างหลัง ระหว่างที่นั่งไปนั้นทิวก็มีหลายความรู้สึกเกิดขึ้น

อย่างแรก ทิวรู้สึกละอายใจที่แพรวเองก็คุยดีด้วย ถ้าวันหนึ่งแพรวเกิดรู้ว่าทิวกับบูมมีความสัมพันธ์กันมากกว่านั้น แพรวจะรู้สึกยังไงหนอ ทำให้ทิวเริ่มเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมบูมถึงหนักใจ การที่จะทำร้ายจิตใจผู้หญิงที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่คนหนึ่งมันเป็นเรื่องโหดร้ายทีเดียว

อย่างที่สอง ทิวเริ่มนึกถึงอนาคตของบูม ถ้าบูมเลือกทิว ที่ยืนในสังคมของบูมคงจะน้อยลง พ่อแม่ก็รับไม่ได้ งานของบูมจะเป็นยังไง บูมอาจจะหมดอนาคตเพราะความรัก ทิวไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย บางทีก็อาจจะต้องเลือกระหว่างความรักกับความจริงของชีวิต ดูแพรวกับบูมก็เหมาะสมกันดี ถ้าได้แต่งงานกัน พ่อแม่ของทั้งคู่คงชื่นใจ อนาคตของบูมก็คงจะสดใสมากกว่าที่จะอยู่กับคนที่เป็นเกย์อย่างทิว คนที่สังคมยังคงรังเกียจอยู่

อย่างที่สาม ทิวรู้สึกว่าบูมทำตัวแปลกๆ ในห้องประชุมเพราะบูมมาอยู่กับทิวตลอด แทบจะไม่อยู่กับแพรวเลย อยู่เฉพาะช่วงแรกๆ เท่านั้น บูมกำลังทำอะไรหรือเปล่า หรือว่าคนแรกที่จะต้องเจ็บจากความรักครั้งนี้ก็คือแพรว ทิวรู้สึกไม่สบายใจเสียเองถ้าหากสิ่งนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ แพรวไม่ผิดอะไรเลยนี่นา แล้วมันเป็นความผิดของใครกัน ทิวผิดหรือเปล่าที่รักบูม บูมผิดไหมที่รักทิว แล้วบูมผิดไหมที่ถูกจับคู่กับแพรวและรู้สึกผูกพันกัน แล้วแพรวผิดไหมที่รักบูม ความรักครั้งนี้ซับซ้อนจนเกินกว่าที่จะหาทางออกได้ง่ายๆ เสียแล้ว

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 24 วันที่ 1.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 01-04-2012 09:25:22
                               สงสัยจะยุ่งยากมากกว่าเดิมนะเนี่ย รักสามเส้าเนี่ย เศร้าแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 24 วันที่ 1.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 01-04-2012 09:35:31
อย่างกับเขาวงกต

เรื่องราวมันยุ่งไปหมดเเล้ว

จะเเก้กันยังไง เริ่มตรงไหนละทีนี้
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 24 วันที่ 1.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 01-04-2012 11:12:28



เป็นกำลังใจให้ บูม กับ ทิว นะ

 :L2: :3123: :L1: :L1: :L1:



หมั่นไส้บูม :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 24 วันที่ 1.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 01-04-2012 11:16:54
บูมพยายามทำให้แพรวรู้ เรื่องความสัมพันธ์ของบูมกับทิวด้วยวิธีนี้รึเปล่า ?? หรือเผลอทำตามหัวใจตัวเอง

แต่ป่านนี้ ทุกคนคงมีความสงสัย หรือเอะใจแล้วล่ะ

หื้มมมมม.... เรื่องราวและสถานการณ์ต่างๆช่างอึดอัดจริงๆ และล่อแหลมต่อความเจ็บปวดอยู่เหมือนเดิม

นี่พ่อกับแม่ทิว ยังไม่รู้นะว่า 2 คนนี้กลับมาสนิทสนมกันแล้ว ไม่อยากนึกเลยโดยเฉพาะหากแม่รู้เนี่ยย... กลัวแพรวเอามาฟ้องจริงๆ
เฮ้อออออ......อ่านแล้วปวดใจหนึบๆง่ะ :m15:

ปล. นึกอยู่เหมือนกันว่านายต้องต้องรู้สึกกับทิวมากกว่าเพื่อนแน่ๆ แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ สงสารต้องด้วย ความรักนี่ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ

:L2: :L2:ขอบคุณคนแต่งค่ะ ถ่ายทอดอารมณ์หนึบและหน่วงได้ดีเหลือเกินค่ะ รู้สึกตามทิวกับบูมไปด้วยเลย +เป็ดให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 24 วันที่ 1.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 01-04-2012 15:52:29
หนักใจแทนคู่รักคู่นี้ และ สงสารทั้งสามคนเลยนะ ทิว บูม แพรว
ขอเอาใจช่วยให้รักสามเส้า เราสามคน จบลงแบบเจ็บน้อยที่สุดละกัน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 24 วันที่ 1.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 01-04-2012 15:53:51
เฮ้อ! สำนึกที่ดีของทิวกำลังแผงฤทธิ์
ถ้าเราเป็นบูมเรายังไม่รู้เลยว่าจะแก้ปัญหายังไง
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 24 วันที่ 1.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 01-04-2012 21:09:09
มันเจ็บปวดที่เห็นคนที่เรารักไปมีความรักกับคนอื่น  แต่มันจะเจ็บปวดยิ่งกว่าถ้าคนที่เรารักไม่มีความสุขเมื่ออยู่กับเรา

 

หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 24 วันที่ 1.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 02-04-2012 09:56:13
ให้ทั้งทิว กับ แพรว มาอยู่ใกล้กันอย่างนี้

ทิวจะรู้สึกยังงัยล่ะเนี่ย 

อีกหน่อยแพรวคงต้องสังเกตเห็นบูมดี กับทิวเกินเพื่อนธรรมดาแน่ๆ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 24 วันที่ 1.4.2012)-คนเขียนงานท่วมหัวครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 03-04-2012 02:25:58
ยุ่งอีรุงตุงนังดีแท้ ทิวสู้เค้า อย่ายอมแพ้  เป็นผมนะอาจะเปลี่ยนไปใจไปเลือกต้องแทนแล้วก็ได้
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 25 วันที่ 3.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 03-04-2012 12:07:23
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 25 ✦ ความในใจของต้อง

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


บูมเห็นท่าทางครุ่นคิดของทิวมาตลอดทางก็พอจะเดาได้ว่าทิวคงมีเรื่องกังวลใจ ไม่รู้ว่าทิวสงสัยสิ่งที่บูมกำลังทำอยู่หรือเปล่า ถ้าทิวอยากรู้บูมก็ไม่มีปัญหาที่จะเล่าให้ฟังหรอก บูมก็อยากให้ทิวเข้าใจบางสิ่งบางอย่างเหมือนกัน พอมาส่งทิวถึงบ้าน บูมจึงขอเวลาคุยกันสักพัก

"ทิว...นายรู้สึกยังไงบ้างตอนนี้ ทั้งเรื่องงานแล้วก็...เรื่องแพรว บอกเรามาตรงๆ นะ เราอยากรู้ เรามีบางอย่างที่คิดว่าเราต้องคุยกันให้เข้าใจ"

ทิวมองหน้าบูมเหมือนกับกำลังชั่งใจก่อนที่จะพูดบางสิ่งบางอย่าง

"เราชอบงานนะ เพื่อนๆ ที่มาช่วยกันทำงานทุกคนก็น่ารักมาก ทุกคนเป็นกันเอง เรานึกว่านักเรียนนอกส่วนมากจะหยิ่งซะอีก เราว่าการทำงานนี้จะช่วยให้เราได้ประสบการณ์การทำงานเยอะเลย" สีหน้าของทิวเริ่มหม่นลงเมื่อจะพูดถึงอีกเรื่อง

"ส่วนเรื่องของแพรว เราบอกตรงๆ ว่า...เราไม่ค่อยสบายใจเลย เรารู้สึกละอายใจเวลาที่เราเจอแพรว เหมือนเรากำลังจะแทงข้างหลังเค้ายังไงไม่รู้ เราไม่ชอบสถานการณ์อย่างนี้เลยบูม มันทำให้เรากังวลเหมือนกันว่าเราจะรับงานนี้ดีไหม"

ทิวหยุดมองหน้าคนตรงข้าม พยายามค้นลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้นว่ากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่

"นายกำลังทำอะไรอยู่เหรอบูม เรากลัว...กลัวว่าจะมีใครต้องเจ็บ กลัวว่าเรา...จะละอายใจจนสู้หน้าแพรวไม่ได้ เรารู้สึกผิดจริงๆ นะบูม"

สีหน้าของบูมเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

"ทิว... ถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงก็คงมีสักคนต้องเจ็บ ไม่เรา...ก็แพรว...หรือนาย หรือทั้งหมด เราไม่อยากทำให้ใครเจ็บเพราะเราหรอกนะทิว แต่เรา...ก็อดทนมามากแล้ว อดทนที่จะยอมเพื่อให้ทุกคนได้สิ่งที่เขาต้องการ อดทนที่จะหลอกตัวเองว่าไม่เป็นไร เราเหนื่อยนะทิว และเราก็คิดว่าเราจะมีชีวิตอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้ คนที่เราจะรักและใช้ชีวิตอยู่ด้วยตอนนี้คือนาย...ไม่ใช่แพรว เราไม่ได้รักแพรว ใช่...ที่นายพูดมาก็ถูกแล้ว ต้องมีใครสักคนเจ็บ แต่คนๆ นั้นไม่ใช่นาย"

พูดถึงตรงนี้บูมก็สบตากับทิวนิ่ง

"ทิว...นายอดทนอีกหน่อยได้ไหม เราคงจะเดินไปบอกกับแพรวตรงๆ ไม่ได้ว่าเราไม่ได้รักเขา แล้วเราก็คงจะบอกกับแพรวตรงๆ ไม่ได้เหมือนกันว่าเรา...รักคนอื่นไปตั้งนานแล้ว เราอยากทำให้แพรวค่อยๆ รับรู้ ทำให้แพรวค่อยๆ เห็นและเข้าใจทีละน้อย จะได้มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจ จะได้ไม่เจ็บมากจนเกินไป เรารู้...ว่านายคงอึดอัด ไม่สบายใจ แต่เราไม่ได้คิดจะแทงข้างหลังแพรวนะทิว ตรงกันข้าม...เรากำลังจะช่วยทำให้แพรวเห็นความจริงบางอย่างที่แพรวไม่เคยรู้ต่างหาก ยังไงๆ วันหนึ่งแพรวก็ต้องรู้ว่าเราไม่ได้รักเค้าลย เอาเป็นว่าเราจะทำให้แพรวเจ็บน้อยที่สุดละกัน นายเข้าใจสิ่งที่เราพูดหรือเปล่าทิว เราสองคนต้องช่วยกันนะทิว นายพอจะอดทนได้ไหม แต่ถ้านายรู้สึกอึดอัดใจจนเกินไป เราก็จะไม่บังคับนายเลย"

ทิวไม่เคยรู้สึกว่าในชีวิตนี้จะมีเรื่องใดที่ต้องตัดสินใจยากเท่านี้อีกแล้ว รักก็รักอยู่หรอกนะ แต่ครั้นจะให้ต้องทำร้ายคนอื่นด้วยมันก็ลำบากใจไม่น้อย ทิวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเล่นบทนางอิจฉาเหมือนในละครยังไงยังงั้น เป็นการเล่นที่ร้ายลึกเสียด้วยสิ

บูมเห็นทิวครุ่นคิดอยู่ก็เลยสำทับไปอีกว่า "ทิว... ถ้าเราไม่ทำร้ายแพรว เราก็ต้องทำร้ายทิว เรามีทางเลือกอยู่แค่นี้เองนะทิว นายก็น่าจะรู้ใช่ไหมว่าระหว่างทำร้ายสองคนนี้ เราจะเลือกทำร้ายใคร"

ก็จริงของบูมนั่นแหละ ไม่ทิวก็แพรวที่ต้องเป็นฝ่ายไป แต่ทิวก็ทำใจยากเหลือเกิน

"แล้วครอบครัวของนายล่ะบูม พ่อกับแม่นายจะว่ายังไงถ้านาย...เลิกกับแพรว...แล้วลือกเรา มันจะง่ายกว่าไหม ถ้านายเลือกทำร้ายเราแค่คนเดียว เราเจ็บอีกครั้งเดียวก็ไม่เป็นไรหรอกนะบูม เราไม่อยากให้นายลำบาก พ่อกับแม่นายมีหน้ามีตาในสังคม ถ้านายเลือกเรา นายจะอยู่ในสังคมนี้อย่างภาคภูมิใจได้ยังไง ไม่มีใครยอมรับความรักของเราหรอกนะบูม ไม่ใช่ว่าเราไม่รักนายนะ แต่เราต้องคิดถึงความจริงของชีวิตด้วย"

ในที่สุดทิวก็พูดความกังวลออกมา นี่คือความจริงที่บูมจะต้องเผชิญ ความรักที่สวยงามอาจมีเพียงแค่ในนิยายอุดมคติ ชีวิตจริงมีอะไรอีกมากมายที่นอกเหนือไปจากความรักและสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย

สิ่งที่ทิวพูดทำให้บูมเจ็บแปลบเข้าไปถึงข้างในเลยทีเดียว มันเป็นสิ่งที่บูมก็คงรู้อยู่แล้ว แต่เมื่อตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่าใครจะรับได้หรือไม่บูมก็อยากให้ทุกคนรู้ว่าชีวิตและตัวตนที่แท้จริงของบูมเป็นแบบไหน

"อีกครั้งเดียวเราก็ให้นายเจ็บเพราะเราอีกไม่ได้ เข้าใจไหมทิว ถ้าเราเลือกแพรว ไม่ใช่นายคนเดียวหรอกนะที่จะเจ็บ เราก็เจ็บด้วย เพราะเราไม่ได้รักแพรวเลย ถ้าเราไม่ทำร้ายแพรวในวันนี้ ต่อไปเราก็จะต้องทำร้ายเค้าอยู่ดี จะเจ็บยิ่งกว่าตอนนี้ซะอีก ถ้าชีวิตนี้เราไม่ได้รักนาย ไม่ได้อยู่ดูแลนาย เราก็ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไรเหมือนกัน มันทรมานนะทิวกับการที่ต้องมีชีวิตที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง"

แล้วบูมก็ถอนหายใจอีก

"ถ้าเราไม่คิดจะเลือกนาย เราก็คงไม่กลับมาหานายหรอกนะทิว เรากลับมาแล้ว มาพร้อมกับความหวัง ถ้าเราทำให้นายต้องเจ็บอีกครั้ง...เราก็ไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ชีวิตเราไม่ได้อยู่เพื่อหน้าตาในสังคมอย่างเดียว มันก็สำคัญระดับหนึ่งนะทิว แต่ถ้าข้างในของเรายังว่างเปล่า ยังหลอกตัวเองอยู่ จะอยู่ที่ไหนมันก็ไม่มีความสุขหรอก"

"บูม..."

ท่าทีที่ขึงขังจริงจังของบูมทำให้ทิวอึ้งไปไม่น้อย

"นายรับได้หรือเปล่าทิวที่เราจะทำอย่างนี้ เราคงจะต้องทำร้ายแพรวเป็นคนแรก แล้วถอนหมั้นกัน ส่วนพ่อกับแม่ของเรา เราจะบอกความจริงกับเค้าไป เราบอกนายได้เลยว่า...เราจะไม่ยอมให้ใครบังคับหัวใจเราไปมากกว่านี้อีกแล้วนะทิว คนที่ถูกทำร้ายด้วยความหวังดีอย่างเรา... ถูกกระทำมานานแล้ว มันโหดร้ายยิ่งกว่า มันเจ็บยิ่งกว่า เพราะมันทำให้เราเหมือนคนไม่มีชีวิต ได้แต่ทำตามความต้องการของคนอื่นไปวันๆ ทั้งๆ ที่เราก็มีหัวใจ ถ้าจะต้องมีชีวิตแบบนี้ต่อไป ก็อย่ามีชีวิตซะเลยดีกว่า"

บูมดูจะสะเทือนใจมากเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ พอเห็นบูมเน้นย้ำเรื่องความเป็นความตายบ่อยเข้าทิวก็ชักใจเสีย

"บูม...นายอย่าพูดแบบนี้สิ" ทิวลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆ บูม ดึงมือบูมทั้งสองข้างมาจับไว้เพื่อให้กำลังใจ

"เอาเป็นว่า...เราเข้าใจสิ่งที่นายกำลังจะทำนะ เราขอบคุณที่นายพยายามจะทำเพื่อเรา ทำให้มันเกิดความชัดเจน มันก็จริงของนาย เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วก็คงต้องมีใครสักคนต้องเจ็บ"

"แต่ไม่ใช่นายเจ็บนะทิว...ไม่ใช่นาย เราต้องช่วยกันทำให้แพรวเข้าใจความรักของเรา ทำให้เขาเจ็บน้อยที่สุด" บูมรีบพูดดัก

"ใช่ไหมทิว ถ้านายรักเรา นายต้องมั่นใจ นายไม่ต้องละอายใจ นายไม่ผิดแม้แต่นิดเดียว เรารักกันแล้ว มีความสัมพันธ์กันแล้ว เราเป็นคู่รักกัน เป็นแฟนกัน เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของกันและกัน ชีวิตของเราต้องไปด้วยกัน นายมาก่อนทุกคน คนที่จะต้องเข้าใจความรักของเราก็คือแพรวและครอบครัวของเรา ไม่ใช่ว่าเราใจร้าย แต่เราไม่ควรจะหลอกตัวเองอีกต่อไป"

บูมพูดแล้วก็ใช้แขนข้างหนึ่งโอบไหล่ทิวเอาไว้เบาๆ ยังไงๆ บูมก็จะอยู่ตรงนี้เพื่อดูแลทิว ทิวไม่เหลือใครแล้ว บูมจะทิ้งทิวไปอีกไม่ได้

"ต้องมันบอกว่าเราจะให้นายเป็นหนูทดลอง เราทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกทิว เราต้องมีชีวิตอยู่เพื่อความหวังนะทิว ที่ผ่านมาเราอาจไม่ได้ลงมือทำอะไรจริงจังเพราะมัวแต่กลัว แต่คราวนี้...เป็นไงก็ก็เป็นกัน เราอาจจะให้นายช่วยบ้างในบางเรื่อง แต่ก็จะพยายามไม่รบกวนมากให้นายต้องอึดอัดใจมากเกินไป เราจะทำให้ดีที่สุดเพื่อความรักของเรานะทิว" พูดจบแล้วบูมก็หันมาสบตากับทิว

บูม...เราไม่รู้ว่าเราจะพูดคำไหนหรือแสดงออกยังไงให้นายรู้ว่าเรารักนายเหลือเกิน ยิ่งเห็นความตั้งใจของนายที่จะทำเพื่อความรักของเราก็ยิ่งรักมากขึ้น ทิวทำได้แค่กอดและซบใบหน้าบนอกที่แสนอบอุ่นของบูม เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นว่าบูมจะเข้มแข็งมากพอที่ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไปได้ ทิวคงต้องช่วยบูมอีกแรง ไม่ใช่เพราะต้องการแย่งชิงบูมมาจากคนอื่น แต่อยากช่วยให้บูมเป็นอิสระมากขึ้น ทิวเองก็เคยรู้ว่าบูมมีความทุกข์มากแค่ไหนที่ต้องมีชีวิตที่ถูกบังคับอย่างนั้น ทิวเคยเปลี่ยนชีวิตบูมมาครั้งหนึ่งแล้ว ทำไมทิวจะทำอย่างนั้นอีกไม่ได้

บูมใช้มือลูบผมทิวไปมาอย่างแผ่วเบาด้วยความรักใคร่ ถ้าทิวไม่เชื่อใจบูมอีกสักคนแล้วชีวิตของบูมก็คงไม่เหลือใครเช่นเดียวกัน ขอบใจที่นายมั่นใจและเชื่อใจเรานะทิว ต่อให้ต้องเอาชีวิตเข้าแลก เราก็ทจะทำเพื่อนายให้ได้ ไม่มีสิ่งใดที่จะต้องกลัวถ้าคนที่บูมรักยังอยู่เคียงข้างกันอย่างนี้ต่อไป

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

หลังจากนั้นทิวก็เข้ามาทำงานเป็นผู้ประสานงานโครงการสบายวอล์กเวย์อย่างเต็มตัว พี่พงษ์ดูจะเสียดายไม่น้อยที่ทิวลาออก แต่ก็เข้าใจว่างานแบบนี้คงมีคนทนทำได้ไม่นานหรอก การเข้ามาแล้วออกไปเป็นเรื่องที่เห็นจนชิน เมื่อทิวมีงานทำที่ดีกว่าพี่พงษ์ก็ยินดีด้วย นอกจากนี้ ทิวก็ว่าจะเลิกร้องเพลงตอนกลางคืนด้วย แล้วก็จะหาที่เรียนหนังสือต่ออีกด้วย

งานช่วงแรกๆ นั้นเป็นการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่จะเชิญเข้ามาร่วมเป็นภาคีเครือข่าย ช่วงนี้ทิวจะต้องโทรศัพท์ ส่งแฟกซ์ ส่งจดหมายเกือบทั้งวัน บางวันก็ออกไปประชุมกับบูมและแพรวข้างนอก

ที่สมาคมจัดห้องทำงานไว้ให้โครงการหนึ่งห้อง ทิวใช้วิธีเดินทางไปทำงานด้วยการนั่งมอเตอร์ไซค์ไปรถไฟฟ้าใต้ดินก่อน แล้วก็ต่อบีทีเอสไปลงสถานีซึ่งอยู่ใกล้ที่ทำงาน ถ้าวันไหนบูมเข้ามาทำงานและไม่ได้ไปรับแพรว บูมก็จะมารับทิวถึงที่บ้าน หรือไม่ก็มาค้างที่บ้านทิวแล้วก็ไปทำงานด้วยกันตอนเช้าเลย

เวลาอยู่ในที่ทำงาน ดูเหมือนบูมก็จะมาขลุกอยู่กับทิวมากกว่าใคร อย่างเช่นวันนี้ ในขณะที่แพรวทำสรุปรายงานการประชุม เอิร์ธเข้ามาช่วยทำเว็บไซต์ บูมก็มาช่วยทิวทำไฟล์นำเสนอที่จะใช้ในงานเปิดโครงการในปลายสัปดาห์หน้า ทิวทำ Presentation ยังไม่เก่งนัก แถมที่นี่ยังใช้เครื่องแมคทำงานกันอีก ทำให้ทิวยิ่งมะงุมมะงาหราเข้าไปใหญ่ ต้องคอยถามบูมบ่อยๆ

เหมือนแพรวกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ จะสงสัยในความสนิทสนมที่ไม่ธรรมดานั้นอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะแพรวที่คอยเหลือบหันมาสังเกตอยู่บ่อยๆ บูมรู้ว่าแพรวคงเริ่มสงสัยอะไรบางอย่างแล้ว แต่นี่ก็คือชีวิตจริงๆ ของบูม นี่คือหัวใจจริงๆ ของบูม บูมได้แต่ขอโทษแพรวในใจ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็อย่าให้บูมต้องฝืนใจตลอดไปเพื่อใครอีกเลย บูมเหนื่อยกับมันเหลือเกิน

"แพรววางแผนจะแต่งงานกับบูมเมื่อไรครับ เห็นหมั้นกันมาหลายเดือนแล้ว"

อยู่ๆ เอิร์ธก็ถามขึ้นขณะที่เข้ามาชงกาแฟในห้องเตรียมอาหารพร้อมกับแพรว ปล่อยให้ทิวกับบูมทำงานกันไปสองคนในห้อง

"ก็คุยๆ กับคุณแม่ไว้ว่าอาจจะเป็นปีหน้า"

แพรวบอกพลางยิ้มแล้วก็หันไปจัดการกับการชงกาแฟต่อ บ่ายๆ อย่างนี้แล้วได้กาแฟสักแก้วก็ช่วยให้หายง่วงได้เยอะเหมือนกัน เอิร์ธพยักหน้าเข้าใจแล้วก็ทำหน้าสงสัย

"รู้สึกว่าบูมกับทิวนี่ดูสนิทกันมากเลยนะ"

จู่ๆ เอิร์ธก็เปลี่ยนเรื่องคุย ความจริงเอิร์ธสังเกตเห็นอะไรแปลกๆ หลายอย่างที่เขาเองก็ไม่เข้าใจอยู่ อย่างเช่น ทำไมเวลานั่งสอนงานกันจะต้องมีโอบไหล่กันด้วย ทำไมจะต้องไปรับทิวที่บ้านทุกครั้งที่มีโอกาสทั้งๆ ที่ทิวมาเองได้ แถมไวกว่าด้วยเพราะมารถไฟฟ้า บางทีก็เห็นยิ้มให้กันด้วยแววตาแปลกๆ บางทีเอิร์ธก็เห็นสองคนนี้เดินจับมือกันไปห้องน้ำ พอมีคนเดินมาก็รีบปล่อย ดูเหมือนบูมจะดูแลเทคแคร์ทิวดีกว่าแพรวเสียอีก

"เขารู้จักกันมานานแล้วนี่ ก็สนิทกันเป็นธรรมดาแหละ" แพรวแก้ต่างให้ ถึงเธอจะสงสัยอยู่บ้างแต่ก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรมากกว่าความเป็นเพื่อนกัน

"ก็คงใช่" เอิร์ธพยักหน้าเห็นด้วย ไม่รู้ว่าจะบอกแพรวยังไงเหมือนกันว่าสงสัยอะไร

"แพรวคบกับบูมตั้งแต่สมัยเรียนที่เมกาเลยเหรอ"

"ค่ะ แต่ช่วงแรกๆ ก็ไม่ได้เป็นแฟนกันหรอก แค่รู้จักกันเฉยๆ เพิ่งมาเป็นแฟนกันตอนปีสามได้แล้วมั้ง ถ้าจำไม่ผิดนะ"

"ก่อนหน้านั้นบูมเคยมีแฟนไหม"

แพรวทำท่าครุ่นคิด

"อืม...เท่าที่จำได้ก็ไม่เคยเห็นนะ บูมเขาเป็นเด็กเรียน เขาขยันเรียนจะตาย ไม่ค่อยสุงสิงกับใครมากหรอก ส่วนมากก็เพื่อนๆ กัน เอิร์ธมีอะไรหรือเปล่าคะ"

แพรวอดสงสัยไม่ได้จริงๆ เพราะดูท่าทางของเอิร์ธดูแปลกไป เหมือนกับกำลังจะบอกเรื่องสำคัญกับแพรวยังไงยังงั้น

"เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะ"

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

บูมสอดส่ายสายตาสักพักก็เจอต้องนั่งรออยู่ในศาลาเล็กๆ ที่จัดไว้ให้คนที่มาเดินในสวนสาธารณะนั่งพักผ่อน รู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่อยู่ๆ ต้องก็โทรหาแล้วบอกว่ามีอะไรบางอย่างที่สำคัญอยากจะคุยด้วย พอบูมเลิกงานจากที่ทำงานของพ่อแล้วก็รีบนั่งรถไฟฟ้ามาที่สวนแห่งนี้ทันที ดีที่ว่าอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานมากก็เลยใช้เวลาเดินทางไม่นาน

ตอนแรกว่าจะนัดเจอกันที่อื่นแต่ต้องบอกว่าอยากคุยที่เงียบๆ คนไม่เยอะ บูมก็เลยแนะนำให้มาเจอที่สวนนี้ แม้จะเป็นช่วงเย็นๆ มีคนมาออกกำลังกายและเดินเล่นในสวน แต่ตรงบริเวณที่ต้องนั่งอยู่ก็แทบไม่มีใครมาป้วนเปี้ยนเลย

"นั่งสิ"

ต้องบอกเมื่อเห็นบูมมาถึงแล้ว สีหน้าดูเครียดๆ จนบูมนึกไม่ออกว่าต้องมีปัญหาอะไรอยู่หรือเปล่า หรือจะเป็นเรื่องที่ต้องต่อยบูมวันนั้น แต่บูมก็ไม่ได้เก็บเอามาโกรธเคืองแต่อย่างใด พอบูมนั่งลงแล้วต้องก็เริ่มการสนทนา

"วันนั้นกูขอโทษละกัน กูโมโหมากไปหน่อย" ต้องพูดโดยไม่หันหน้ามามองเพื่อน

"กูเข้าใจ ไม่มีปัญหาอะไรหรอกเรื่องนั้น ว่าแต่มึงเหอะอยากจะคุยอะไร เดี๋ยวกูจะต้องไปรับแพรวไปที่บ้าน"

บูมถามเข้าเรื่องทันที วันนี้บูมต้องไปรับแพรวมาที่บ้านเพราะว่าคุณตาคุณยายจะมาหา ก็เลยอยากให้บูมพาว่าที่สะใภ้มารู้จักกับผู้ใหญ่ แถมแม่ยังโทรไปคุยกันแพรวไว้ก่อนแล้วเสียอีก ก็เลยดูจะเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธ

"มีสิ เรื่องสำคัญด้วย เรื่องที่มึงไม่เคยรู้...แต่กูคิดว่ามึงควรจะต้องรู้..."

บูมยังคงรอฟังอยู่โดยไม่พูดอะไร

"ตอนที่มึงไม่อยู่ พอแม่ทิวเสีย กูก็ไปอยู่เป็นเพื่อนทิวทุกวันเพราะกูกลัวว่ามันจะคิดสั้น กูเห็นมันร้องไห้ทุกวัน เห็นมันหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต บอกตรงๆ ว่ากูสงสารมันมาก กูได้แต่โมโหมึงและเกลียดมึง แต่กูก็รู้...ถ้าตอนนั้นมึงอยู่กับมัน มึงคงช่วยมันได้มากกว่ากู"

ไม่ว่าจะได้ยินหรือนึกถึงเรื่องนี้สักกี่ครั้ง บูมก็รู้สึกเจ็บปวดและรู้สึกผิดในใจเสมอ ว่าแต่...ต้องกำลังจะพูดเรื่องอะไรกันแน่

"กูไม่ได้เกลียดมึงเพราะว่ามึงไม่มาหามันแค่นั้นหรอก แต่อีกอย่างที่กูเกลียดก็เพราะว่า" ต้องหยุดเว้นจังหวะเหมือนกับไม่แน่ใจ

"ทำไมกูไม่เคยที่จะทดแทนมึงได้เลย ไม่ว่าจะทำอะไรมากแค่ไหน แม้กระทั่งเวลาที่มึงไม่อยู่ ทิวมันก็นึกถึงแต่มึง ถึงมันจะไม่พูดแต่กูก็รู้ แม้ว่ากูจะคอยมาดูแลเป็นห่วง ทิวก็ไม่เคยเห็นกูอยู่ในสายตา"

น้ำเสียงของต้องบ่งบอกว่าเจ็บปวดกับสิ่งที่กำลังพูดอยู่มากทีเดียว

"มึงหมายความว่าไงต้อง"

"ฮึ" ต้องแค่นเสียง ถอนหายใจแล้วก็หันหน้าไปทางอื่น "กู...ชอบทิว"

บูมตกใจกับสิ่งที่ได้ยินไม่น้อย ถ้าต้องไม่พูดออกมาด้วยตัวเองบูมก็คงจะไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด

"กูไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะกูสงสารมันที่ไม่มีใครก็ได้ จริงๆ กูก็รู้จักมันมาตั้งแต่อนุบาลแล้วล่ะ ก็ไม่เคยคิดว่าจะชอบมันแบบนี้หรอก จนวันที่แม่มันจากไปนั่นแหละ"

บูมพูดอะไรไม่ออก มองหน้าต้องแล้วต่างคนต่างก็ใช้ความคิด

"ทิวรู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง" บูมถามขึ้นมาเมื่อเงียบไปได้สักพัก

ต้องส่ายหน้าแล้วก็ก้มหน้าลง "กูยังไม่กล้าบอกมันหรอก" แล้วก็พูดสืบไปว่า

"ที่กูบอกมึง เพราะกูมีเรื่องที่อยากจะขอร้องมึง" ต้องหันมามองบูมแวบหนึ่งแล้วก็ก้มหน้าตามเดิม

บูมมองด้วยความสงสัยและรอคอยสิ่งที่ต้องกำลังจะบอก

"กูอยากให้มึงปล่อยทิว"

บูมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงจะต้องทำตามที่ต้องบอก

"กูไม่คิดว่ามึงคงไม่จะทำอะไรไม่ได้มากนักหรอก มึงมีคู่หมั้นแล้วนะบูม ไม่นานมึงก็ต้องแต่งงานกัน แล้วทิวล่ะ...มึงไม่สงสารทิวหรือไง ให้มันเจ็บเสียตั้งแต่ตอนนี้ก็ดีกว่าที่มึงจะมาหลอกให้มันมีความหวัง แล้วสุดท้ายมึงก็ต้องทิ้งมันไป กูรู้ว่าพ่อกับแม่มึงไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้ได้หรอก จริงไหม"

"ไม่" บูมรีบตอบปฏิเสธ สงสัยว่าต้องคงมีวาระซ่อนเร้นที่ยังไม่ได้พูดออกมาแน่นอน

"ทำไม" ต้องเริ่มมีสีหน้าไม่พอใจ

"มึงจะไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือบูม ทำไมมึงจะต้องลากไอ้ทิวเข้าไปเป็นมือที่สาม ใครรู้เข้าก็ต้องหาว่าทิวเป็นคนไม่ดี"

"ทิวไม่ได้เป็นมือที่สามและไม่เคยเป็น" บูมย้ำเสียงหนักแน่น

"กูกับทิวรักกันมาตั้งนานแล้ว คนที่จะเป็นมือที่สามก็ควรจะเป็นคนอื่น ไม่ใช่ทิว"

"อะไรนะ" ต้องดูแปลกใจและงุนงงกับสิ่งที่บูมพูด

"สิ่งที่กูจะต้องทำก็คือทำให้คนอื่นๆ เข้าใจความรักของกูกับทิว มึงได้ยินไหมต้อง ทิวไม่ใช่มือที่สาม กูไม่เคยรักใครนอกจากทิว ทิวจะเป็นมือที่สามไม่ได้อย่างเด็ดขาด"

"แต่มึงกำลังจะแต่งงาน" ต้องรีบแย้งเสียงดัง

"ตอนนี้ยังไม่ได้แต่ง ยังไงกูก็ยังมีความหวัง" บูมเถึยง

"แล้วถ้ามึงทำไม่ได้ล่ะ ไอ้ทิวมันจะเป็นยังไง มึงเคยคิดบ้างไหม" ต้องเสียงดังมากขึ้น เริ่มโมโหอีกแล้ว

"คิดสิ ทำไมกูจะไม่คิด ทิวไม่ได้เป็นหนูทดลองสำหรับกูอย่างที่มึงพูดวันนั้นหรอกนะไอ้ต้อง ไม่ว่าจะยังไงกูก็จะพยายามให้ถึงที่สุด หัวใจกูอยู่ที่ทิว ถ้ากูจะต้องอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่ทิว ถ้ากูจะต้องถูกบังคับขนาดนั้น ก็ให้กูตายเสียดีกว่า"

บูมเริ่มพูดถึงความตายอีกแล้ว ถ้าทิวมาได้ยินคงไม่ชอบใจน่าดู แล้วบูมก็พูดสืบไป

"กูไม่รู้หรอกว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่กูก็ยังมีความหวัง กูจะไม่เลิกพยายาม ไม่ว่ามันจะเป็นไปได้หรือไม่ แต่อย่างน้อยทิวก็จะไม่เสียใจว่ากูไม่เคยพยายามทำอะไรเลย ทิวจะไม่มีวันเสียใจว่ากูไม่ได้พยายามทำเพื่อความรักของกูกับทิว"

ยิ่งฟังแล้วต้องก็ยิ่งใจหาย ดูเหมือนสองคนนี้คงจะรักกันมากเสียจนไม่มีช่องว่างให้ต้องแทรกเข้าไปได้เลย

"ถ้ามึงรักทิว...กูก็ไม่ได้ว่าอะไร กูเข้าใจว่าเรื่องหัวใจมันคงห้ามไม่ได้ แต่คนที่จะต้องตัดสินใจก็คือทิว ถ้าทิวไม่ได้รักมึง...มึงก็ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก กูก็เหมือนกัน ถ้าทิวไม่ได้รักกู...กูก็ทำอะไรทิวไม่ได้"

บูมชักอดสงสัยไม่ได้ว่าต้องอยากให้บูมเลิกกับทิวเพราะว่าต้องต้องการจะเอาทิวมาเป็นของตัวเองหรือเปล่า

"ต้อง...กูรักทิวมากนะเว้ย ทิวก็รักกูมากเหมือนกัน กูปล่อยมือทิวให้มึงไม่ได้หรอก ยกเว้น...ทิวจะเลือกมึง"

ต้องถอนหายใจอย่างหนักใจแล้วก็กุมขมับ ที่บูมพูดมาก็ถูก ต้องก็ทำมาตั้งหลายอย่างแล้วทิวก็ยังไม่หันมามองเลย หรือจะเป็นเพราะว่าต้องยังไม่เคยบอกเรื่องนี้กับทิวเลย  ถ้าทิวรู้...ทิวจะตกใจหรือเปล่านะ บางทีต้องก็กลัวจะมองหน้าทิวไม่ติด แต่ถ้ามัวแต่เดาเอาเองอยู่อย่างนี้ต้องก็คงไม่ได้คำตอบ

หรือว่า...ต้องควรจะลองบอกทิวตรงๆ ดูสักครั้ง!?

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 25 วันที่ 3.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 03-04-2012 12:35:16
บูมกำลังพาทิวไปทำให้แพรวค่อยๆรู้ความสัมพันธ์ของบูมกับทิวจริงๆด้วย  :z10: :z10:

คำพูดของบูม ทั้งกับทิว และที่พูดกับต้อง ทำเอาอึ้งเหมือนกัน ชัดเจนดีมาก.....บูม  o13 o13 o13

ขอให้แพรวเข้าใจง่ายๆทีเถอะนะ  เพี้ยงงงงงง............



 :กอด1: :กอด1: ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 25 วันที่ 3.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 03-04-2012 13:41:51
อ้ะ..บูมกำลังเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง และค่อยๆแสดงให้แพรวและเพื่อนๆในโครงการฯ ได้รับรู้ตัวตนจริงๆของบูม
และค่อยๆรับรู้ความสัมพันธ์จริงๆระหว่างบูมกับทิวแหละ อย่างน้อยตอนนี้แพรวกับเอิร์ธก็เริ่มสงสัยแล้ว(ได้ผลมั้ง)
แต่ก็อดหวั่นใจแทนบูมไม่ได้ว่า แพรวจะไม่ยอมนะซี เผื่อแพรวไม่ยอมปล่อยมือจากบูมล่ะ
จริงๆนะ ผู้หญิงบางคนน่ะคิดว่า การยอมเสียผู้ชายของตัวเองให้คนอื่นนั้นมันเสียหน้าเสียศักดิ์ศรีนะ
ดังนั้นฉันต้องยื้อไว้สุดฤทธิ์ ฉันไม่สนว่าเขาจะรักฉันหรือไม่
เอาให้ชนะไว้ก่อน ปัญหาอื่นค่อยว่ากันทีหลัง(นั่นก็คือปัญหาใหญ่น้อยดาหน้าเข้าหาจนรับไม่ไหว)
หรือผู้หญิงบางคนก็อาจจะคิดว่า เมื่อฉันไม่ได้ใครหน้าไหนก็ต้องไม่ได้
ดังนั้นแม่ ปะ-ฉะ-ดะ-ดับเครื่องชน ให้แหลกลาญไปทุกฝ่ายซะเลย(ตัวหล่อนก็แหลกด้วย)
แต่ก็มีผู้หญิงบางคน ยอมรับความเป็นจริง ยอมปล่อยว่าง ยอมยุติ
เพื่อที่ตนเองและผู้ที่เกี่ยวข้องจะได้ไม่เจ็บมากไปกว่านี้(แล้วก็หลบไปเลียแผลตัวเองเงียบๆ)
ยังไงๆ ก็เอาใจช่วยบูม ให้เรื่องทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่ายละกัน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 25 วันที่ 3.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 03-04-2012 22:47:11
ถ้าต้องสารภาพกับทิวไป
จะเกิดอะไรขึ้นอีกหนอ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 25 วันที่ 3.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 05-04-2012 01:47:58


 :กอด1: :กอด1: :L2: :L2: :L2:


เอากำลังใจช่วยให้ บูม กับ ทิว ผ่านเรื่องราวต่างๆไปด้วยดี

 :L2: :L2: เป็นกำลังให้กับคุณคนเขียนจ้า  o18 มาเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 25 วันที่ 3.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 05-04-2012 02:27:15
สงสารทั้งทิวบูมเนอะ ความรักของสองคนนี้ขาดแต่เพียงการประติดประต่อ ขาดจิ๊กซอที่เรียกว่าความกล้า
รักของสองคนนี้เลยต้องผ่านเวลาไปเรื่อย เวลาของการแสดงให้คนอื่นเห็นว่ารัก แต่ก็มีอุปสรรคขัดขวาง
คงเพราะจากความรักของสองคนนี้เอง ที่ไม่เริ่มแต่เเรก รักของพวกเขาเลยมีมือที่สามมากั้นขวาง บูมแม่และแพรว
ทิวอาจมีต้อง หากต้องทำอะไรลงไปให้ชัดในตอนนั้น สารภาพรักกับทิว บางทีทุกอย่างคงเริ่มใหม่ แต่แบบนี้ก็ดีแล้ว
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 25 วันที่ 3.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 05-04-2012 06:19:10
                          ว่าแล้วเชียวต้องเนี่ยต้องแอบรักทิว
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 25 วันที่ 3.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 05-04-2012 09:52:11
เอาเข้าจริง ก็ขอให้บูมทำให้ได้อย่างที่พูดกับทิวล่ะกัน :z10:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 25 วันที่ 3.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: akiso ที่ 05-04-2012 14:05:47
มาเป็นกำลังใจให้วัฒนะ  สู้ ๆๆ  o13
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 25 วันที่ 3.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 06-04-2012 18:19:03
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 26 ✦ รักแห่งสยามภาคสอง

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)

"นี่เหรอคู่หมั้นของบูม ชื่ออะไรล่ะจ้ะหนู" ดูเหมือนคุณยายของบูมจะถูกใจว่าที่หลานสะใภ้เข้าให้แล้วแค่แรกเห็นหน้า

"แพรวค่ะคุณยาย" แพรวตอบพลางยิ้ม

"หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา สวยน่ารักเชียว" คุณยายชมพลางพิศดูใบหน้าของสาวน้อยที่มานั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มพอใจและชมไม่ขาดปาก

"ว่าไหมพ่อ" คุณยายหันไปถามคุณตา ท่านก็พยักหน้าและยิ้มพอใจเช่นกัน

"บูมเขาตาแหลมค่ะแม่"

คุณทิพย์นภาพูดเสริม ดูๆ ไปแล้วในบ้านนี้ก็ดูจะไม่มีใครไม่ชื่นชมและอยากได้แพรวมาเป็นลูกสะใภ้สักคน มีแต่บูมเท่านั้นแหละที่ทำหน้าเครียดๆ ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส บูมยอมรับว่าเปลี่ยนไปมากจริงๆ เมื่อได้กลับมาหาทิว สิ่งที่เคยปฏิบัติกับแพรวก็เป็นเพียงมารยาทสังคมที่ชายหนุ่มพึงจะกระทำต่อหญิงสาวเท่านั้น บูมอยากจะบอกแม่เหลือเกินว่าบูมไม่ได้ตาแหลมใดๆ ทั้งสิ้น คนที่เลือกมาให้ก็คือพ่อกับแม่ ถึงแพรวจะสวยน่ารักสักแค่ไหน แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่บูมต้องการ

"แล้วทิพย์ไปหาฤกษ์หายามงานแต่งงานให้บูมกับหนูแพรวแล้วหรือยังลูก" คุณตาเป็นฝ่ายถามบ้าง

"ยังเลยค่ะพ่อ เดี๋ยวทิพย์ว่าจะปรึกษาพ่อกับแม่เรื่องนี้อยู่เหมือนกันค่ะ จริงๆ ทิพย์ก็อยากให้บูมแต่งงานกับหนูแพรวเร็วๆ ทางนั้นเขาก็อยากให้แต่งงานกันเร็วๆ เหมือนกันค่ะ"

แม่ไม่ได้ถามบูมสักคำเลยว่าบูมอยากแต่งงานหรือยัง คราวนี้บูมคงอยู่เฉยๆ ไม่ได้ คงต้องทำให้พ่อกับแม่รู้ความในใจของบูมบ้างแล้วล่ะ

"แม่ครับ บูมเพิ่งอายุ 23 เองนะครับ ยังไม่อยากแต่งงานไวขนาดนั้นหรอกครับ"

แม่ทำสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยอย่างที่บูมก็พอจะเดาออก ถ้าไม่มีคนอยู่ตรงนี้แม่คงตาเขียวใส่เป็นแน่

"ทำไมพูดแบบนี้ต่อหน้าหนูแพรวล่ะบูม"

แล้วคุณทิพย์นภาก็หยุดพูดไปเสียดื้อๆ ทั้งๆ ที่คงอยากพูดอะไรอีกหลายอย่าง แต่เนื่องจากพ่อกับแม่ของเธออยู่ที่นี่จึงไม่อยากทะเลาะกับลูกชายให้ผู้บังเกิดเกล้าเห็น

แพรวได้ยินแบบนั้นก็หน้าเสียไปเหมือนกัน บูมเหลือบมองเห็นแล้วแต่ก็ทำเป็นเฉย

"คุณพ่อกับคุณแม่คงจะหิวข้าวแล้วล่ะคุณ ผมว่าเราไปทานข้าวเย็นกันเลยดีไหมครับ"

คุณลิขิตรีบพูดขึ้นเมื่อเห็นบรรยากาศเริ่มไม่ค่อยดี แล้วก็หันไปมองหน้าลูกชายคนเล็ก คุณลิขิตยังไม่เคยคุยกับบูมเรื่องการแต่งงานของบูมกับแพรวอย่างจริงๆ จังๆ เลย เห็นทีจะต้องคุยกับลูกชายคนเล็กให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียทีเพราะเริ่มสงสัยอะไรบางอย่างเหมือนกัน

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


'ให้มันเป็นเพลงบนทางเดินเคียง ที่จะมีเพียงเสียงเธอกับฉัน อยู่ด้วยกันตราบนานๆ ดั่งในใจความบอกในกวี ว่าตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง คือทุกครั้งที่รักของเธอส่องใจฉันมีแต่เธอ'

เสียงโทรศัพท์ของบูมดังขึ้นด้วยเสียงเพลงประกอบภาพยนต์ดังเรื่องหนึ่งที่ออกฉายเมื่อนานหลายปีมาแล้ว ความน่าสงสัยคงไม่ได้อยู่ที่ว่าทำไมไปเอาเพลงเก่าๆ มาทำเป็นเสียงเรียกเข้า แต่เพราะมันเป็นเพลงประกอบภาพยนต์เกย์นี่สิ พอเพื่อนๆ ในที่ทำงานได้ยินก็เลยหันมามองเป็นตาเดียวกัน วันนี้เป็นวันที่ทุกคนมาทำงานที่สำนักงานอย่างพร้อมเพรียงกันเสียด้วย ขาดแต่เพื่อนต่างชาติสองคนเท่านั้นที่นานๆ จะเข้ามาที

บูมคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วก็หันไปยิ้มกับเพื่อนๆ ที่มองมาด้วยสีหน้าเหมือนกับสงสัยอะไรบางอย่าง

"มีใครเคยดูหนังเรื่องรักแห่งสยามบ้างหรือเปล่า" บูมถามแก้เขิน

"โห...หนังเขาจบไปไม่รู้กี่ปีกี่ชาติ เพิ่งได้ดูเหรอ" วิทแซวพลางหัวเราะชอบใจ คนอื่นๆ ก็พลอยหัวเราะไปด้วย

"บูมเขาจะเอาเวลาที่ไหนไปดู วันๆ ก็ทำแต่งาน เมื่อก่อนก็เอาแต่เรียนหนังสือ"

แพรวพูดแล้วก็ขำไปกับเพื่อนๆ ด้วย แต่ในใจก็เริ่มกังวลเหมือนกัน ทำไมบูมถึงเอาเพลงหนังเกย์มาเป็นเสียงเรียกโทรศัพท์ล่ะ

"ทำไมอยู่ๆ ถึงถามขึ้นมาล่ะ ประทับใจฉากไหนในหนังเรื่องนี้เหรอ อย่าบอกนะว่าฉากที่โต้งกับมิว..." เอิร์ธถามแล้วก็หน้าล้อเลียน

"อืม...ก็ฉากนั้นแหละ"

บูมพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงพลางหันไปยิ้มกับทิว ทิวได้แต่ทำหน้าตาเหรอหรา เล่นไม่เตี๊ยมกันบ้างเลยนะบูม

"เฮ้ย จริงเหรอ เดี๋ยวนี้บูมเปลี่ยนรสนิยมไปชอบแบบนั้นแล้วเหรอ"

วิทถามขึ้นอย่างเห็นเป็นเรื่องขำ แต่สิ่งที่ถามไปก็เหมือนกับน้ำมันที่ราดเข้าไปเติมเชื้อแห่งความสงสัยของแพรวให้เพิ่มมากขึ้น

"ผมไม่เคยเปลี่ยนรสนิยมเลยนะวิท" บูมหันไปพูดกับวิทแล้วก็หัวเราะเบาๆ

"พอดีเมื่อวานไปบ้านทิว เห็นทิวมีแผ่นอยู่ก็เลยยืมมาดู ไม่คิดว่าจะสนุก"

พอบูมพูดถึงตรงนี้ จุดสนใจของสายตาก็เคลื่อนจากบูมไปหาทิวทันที ทิวได้แต่ทำหน้ายิ้มๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร แล้วบูมก็ดึงความสนใจกลับมาที่ตัวเองอีก

"ดูแล้วก็ได้แง่คิดหลายอย่างนะ โดยเฉพาะเรื่องความรักของชายกับชาย เราว่าสังคมของเราน่าจะเข้าใจคนเหล่านี้มากขึ้นนะ เขาก็เป็นคนเหมือนกับเรา ว่าไหมครับ"

"บูมดูแล้วอยากมีแฟนเป็นผู้ชายบ้างหรือเปล่าล่ะ ระวังนะแพรว ก่อนแต่งงานอย่าลืมไปสืบดูล่ะว่าบูมซ่อนกิ๊กผู้ชายไว้หรือเปล่า"

เอิร์ธพูดแล้วก็หัวเราะด้วยความคึกคะนองตามประสาคนวัยนี้ ทำให้แพรวเริ่มแสดงสีหน้ากังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด

"โอ๊ย...แพรวไม่กลัวเรื่องนั้นหรอกค่ะ บูมเขาแมนจะตาย จริงไหมคะบูม" แพรวพยายามกลบเกลื่อนแล้วก็หันไปทางคู่หมั้นหนุ่ม

บูมได้แต่ยิ้มๆ พอเจอสถานการณ์อย่างนี้เข้าไปทิวก็ชักอึดอัดมากขึ้น เมื่อก่อนเคยคิดว่าน่าจะอดทนได้ แต่เมื่อบูมค่อยๆ ทำให้แพรวสงสัยมากขึ้นก็กลับทำให้ทิวยิ่งรู้สึกอึดอัดมากขึ้นตามไปด้วย

พอเห็นเพื่อนๆ เริ่มหมดท่าทีสนใจ บูมก็เดินมาหาทิวที่โต๊ะทำงานแล้วก็ถามเบาๆ "เรื่องเรียนเรียบร้อยแล้วไช่ไหมทิว"

ทิวเงยหน้าขึ้นมามองแล้วก็ยิ้ม "อืม...ขอบใจนายมากนะที่ช่วยเป็นธุระให้ตั้งหลายอย่าง"

"ไม่เป็นไร เราอยากให้นายเรียนหนังสือให้จบ จะได้ไม่ลำบาก"

นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้บูมรู้สึกผิดมาก นึกถึงทีไรก็ยังเสียใจอยู่ทุกครั้ง

"พรีเซนเทชั่นเป็นไงบ้าง"

"เสร็จแล้ว นายอยากดูไหม"

"ก็ดีเหมือนกัน"

บูมพูดแล้วก็เดินไปลากเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานของตัวเองมานั่งข้างๆ ทิว ยิ่งทำให้ใครๆ ก็สงสัยในความสัมพันธ์ของบูมกับทิวมากขึ้นและมากขึ้น หนุ่มๆ สองคนที่คอยมองอยู่ก็ได้แต่แอบลุ้นในใจว่าคงไม่เกิด "รักแห่งสยาม" ภาคสองขึ้นในที่ทำงานนี้หรอกนะ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"ทิว...มึงจะเลิกเรียนหรือยัง"

"อีกประมาณครึ่งชั่วโมง มีอะไรหรือเปล่าต้อง" ทิวตอบพลางใช้มือป้องปากไว้เพื่อไม่ให้รบกวนคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องเรียน

"จะไปรับ"

พอดีต้องเพิ่งไปผ่อนรถมาใหม่หลังจากที่ทำงานมาได้ระยะหนึ่ง วันนี้ก็เลยคิดว่าจะมารับทิวเสียหน่อยเป็นการฉลองใช้รถวันแรก

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวบูมก็จะมารับกูแล้ว"

"ได้ไง กูมารอมึงที่มหาลัยแล้วรู้เปล่า โทรไปบอกไอ้บูมเลยว่าไม่ต้องมาแล้ว กูเพิ่งถอยรถคันใหม่มา อยากให้มึงมาเจิมเป็นคนแรก มึงคงไม่คิดจะบอกให้กูกลับไปไช่ไหมทิว กูมาถึงแล้วนะโว้ย มึงเป็นเพื่อนคนแรกของกู กูก็เลยอยากให้มึงได้นั่งรถของกูเป็นคนแรก มึงสำคัญสำหรับกูนะทิว เร็ว...รีบโทรไปบอกไอ้บูมเลยว่าไม่ต้องมาแล้ว"

ต้องพยายามหว่านล้อม แล้วจะให้ทิวทำยังไงละเมื่อต้องมารออยู่แล้ว คงไม่กล้าบอกให้ต้องกลับไปหรอก ทิวจึงขอตัวออกมาข้างนอกห้องเรียนแล้วก็โทรไปหาบูมทันที

"อยู่บนทางด่วนแล้ว อีกไม่เกิน 20 นาทีก็น่าจะถึง" บูมตอบเมื่อทิวถามว่าออกมาแล้วหรือยัง

"คือ..." จะพูดยังไงดี กลัวบูมโกรธจังเลย แต่ก็ไม่อยากโกหกเพราะนั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของความไม่ไว้ใจกัน

"พอดี...ต้องมันมารับเราน่ะบูม ตอนนี้มันอยู่ที่มหาลัยแล้ว เราก็ไม่กล้าบอกให้มันกลับ เดี๋ยวมันจะน้อยใจ"

บูมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ต้องไปรับทิวที่มหาวิทยาลัยอย่างนั้นหรือ

"ก็...ไม่เป็นไรนี่ เราก็ไปรับนายแล้วต้องก็มากับเราด้วยก็ได้ มากันสามคนก็ได้นะ จะได้คุยกัน ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันอยู่แล้วนี่ กับต้องเราก็ไม่ได้ติดใจอะไรหรอกทิว"

"แต่ว่า...ต้องมันเอารถมารับเราน่ะสิ มันบอกว่ามันเพิ่งถอยรถมาแล้วอยากให้เรานั่งรถมันเป็นคนแรก" น้ำเสียงของทิวดูหนักใจไม่น้อย

"เหรอ..."

บูมครุ่นคิด ถ้าเขาเป็นทิวก็คงเกรงใจต้องอยู่เหมือนกัน ยังไงทิวกับต้องก็เป็นเพื่อนกันมานาน จะบังคับให้ทิวหักหาญน้ำใจเพื่อนก็คงจะมากเกินไป

"อืม...งั้น...นายก็ให้ต้องมารับละกัน เดี๋ยวเราจะกลับบ้าน"

"บูม...เราขอโทษนายจริงๆ นะ เราไม่รู้จริงๆ ว่าต้องจะมา มันไม่ได้นัดเราเลย อยู่ดีๆ มันก็โทรมาบอกว่าอยู่ที่มหาลัยแล้ว เราก็ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ ขอโทษนะบูม ขอโทษจริงๆ นะ"

ทิวพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าบูมจะน้อยใจและคิดมาก

"ไม่เป็นไรทิว...เราเข้าใจ นายกับต้องเป็นเพื่อนกันมานาน เรารู้ว่านายบอกให้ต้องกลับไปไม่ได้หรอก ถ้าเราเป็นนายเราก็คงต้องทำเหมือนนายนั่นแหละ"

จะบอกว่าบูมไม่กังวลเลยนั้นก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะมีบางอย่างที่บูมรู้แล้วแต่ทิวยังไม่รู้

ได้ฟังแล้วทิวก็พอยิ้มออก "ขอบใจบูมมากนะที่เข้าใจเรา คิดถึงบูมนะ"

"คิดถึงทิวเหมือนกันครับ แล้วเจอกันนะทิว บาย"

บูมวางสายไปแล้ว ทิวก็เลยกลับเข้าไปในห้องเรียนตามเดิม ทิวต้องมาเรียนทุกวันเสาร์อาทิตย์ ทำให้ตอนนี้ทิวไม่มีเวลาว่างเลยแม้แต่วันเดียวในหนึ่งสัปดาห์เพราะต้องทำงานด้วย เรียนไปด้วย เหนื่อยแต่ก็สนุกดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่านมากเกินไป

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"เดี๋ยววันนี้กูจะพามึงไปกินข้าวข้างนอก ห้ามปฏิเสธนะเว้ย วันนี้วันพิเศษของกู" ต้องรีบขู่ก่อนที่จะขับรถออกไป

"เออๆ เอาเป็นว่าเย็นนี้กูให้เวลามึงเต็มที่เลยละกัน มึงจะพากูไปไหนกูก็จะไป" ทิวบอกแล้วก็ขำ

"จริงนะเว้ย" ต้องถามยืนยัน

"เออ..."

ดูต้องมีความสุขและภูมิใจมากทีเดียวที่ได้พาทิวขับรถไปตรงนั้นตรงนี้ แล้วก็พาไปกินข้าวที่ร้านอาหารแพงๆ เห็นต้องมีความสุขแล้วทิวก็รู้สึกดีไปด้วย แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าที่ต้องดูมีความสุขขนาดนั้นเป็นเพราะอะไรกันแน่ ทิวคิดแต่เพียงว่าต้องคงดีใจที่ได้พาเพื่อนสนิทมานั่งรถคันใหม่เท่านั้นเอง

เอ...ทำไมต้องไม่หาตุ๊กตาหน้ารถมานั่งด้วยสักคนนะ ถ้าเป็นผู้ชายทั่วไปก็คงอยากให้แฟนมานั่งด้วยมากกว่าที่จะเป็นเพื่อน แต่ทิวก็ไม่เคยเห็นต้องพูดถึงแฟนเลย คบกันมาก็ตั้งนาน ทิวเพิ่งรู้สึกว่ามันแปลกก็วันนี้ หรือว่าต้องจะมีแล้วแต่ไม่ได้บอกหรือเปล่า

"เฮ้ยต้อง...กูถามมึงอย่างดิ" ทิวหันไปถามเพื่อนขณะที่ต้องกำลังขับรถมาส่งที่บ้าน

"ว่ามา"

"มึงมีแฟนหรือยังวะ"

คำถามนี้เล่นเอาต้องแทบจะเหยียบเบรกทันที แถมยังทำหน้าตาเลิ่กลั่กชอบกล

"ยังเว้ย...หาอยู่ แต่เหมือนจะเจอแล้วล่ะ"

"จริงเหรอ ใครวะ กูรู้จักหรือเปล่า" ทิวถามอย่างตื่นเต้น

"รู้จักดีเลยแหละ ให้ถึงบ้านมึงก่อนเดี๋ยวกูจะบอกมึง"

วันนี้แหละที่ต้องตัดสินใจแล้วว่าจะบอกทิวเรื่องที่คุยกับบูมวันนั้น เป็นไงก็เป็นกัน ดีกว่าเก็บไว้ในใจ บางทีพอบอกไปแล้วก็อาจจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง อย่างน้อย...วันหนึ่งถ้าทิวไม่มีใครจริงๆ ทิวก็จะรู้ว่ายังมีต้องอีกคนที่ยังรออยู่

ยังไงๆ ต้องก็ไม่คิดหรอกว่าบูมจะฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ได้ ความหวังของต้องก็น่าจะเป็นไปได้มากทีเดียว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"บูมคะ วันงานเปิดโครงการ ตอนเช้าๆ แพรวว่าจะแวะไปทำผมที่ร้านซะหน่อย บ่ายๆ บูมไปรับแพรวได้ไหมคะ"

"แพรว...บูมเป็นผู้จัดการโครงการนะครับ วันเปิดโครงการบูมต้องอยู่แสตนด์บายที่งานตลอดเวลา บูมคงไปรับแพรวไม่ได้จริงๆ ครับ"

บูมปฏิเสธคู่หมั้นไปอย่างลำบากใจ หลังๆ นี้บูมเริ่มปฏิเสธที่จะไปไหนมาไหนกับแพรวมากขึ้น ชวนไปดูหนังก็ไม่ไป ชวนไปซื้อของก็ไม่ไป ชวนไปไหนก็ไม่ค่อยไปเหมือนก่อน

"บูมคะ แค่ช่วงบ่ายนิดเดียวเอง บูมแวบออกมาแป๊บนึงก็ได้นี่คะ คนอื่นๆ ก็ช่วยอยู่ดูได้"

แพรวต่อรอง ในวันงานเธอจะเป็นพิธีกรคู่กับบูมด้วยก็เลยอยากจะแต่งตัวให้สวยเป็นพิเศษ

"แพรว...บูมไม่กล้ารับปากจริงๆ แพรวมาเองได้ไหม นั่งแท็กซี่มาก็ได้ วันนั้นบูมต้องเตรียมหลายอย่างเลย บูมขอโทษจริงๆ นะแพรว"

บูมยังยืนยันเช่นเดิม หวังว่าแพรวจะเข้าใจบ้าง ความจริงจะให้ไปรับก็คงไม่ใช่ปัญหาถ้าเกิดบูมไม่ติดงานสำคัญอย่างนี้ อีกอย่าง แพรวมักจะใช้เวลาทำผมนานเกินไป บูมต้องแกร่วรออยู่บ่อยๆ

"แพรวไปเองก็ได้ค่ะ" แพรวพูดเสียงต่ำแล้วก็วางสายไป คงจะงอนไปตามประสาผู้หญิงนั่นเอง

บูมถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ เมื่อก่อนก็ยอมให้อีกฝ่ายใช้อารมณ์อย่างนี้ได้โดยไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้...มันไม่เหมือนเดิมแล้ว

บูมว่าจะกลับมานั่งอ่านหนังสือที่เพิ่งหยิบมาอ่านได้สักพักก่อนแพรวจะโทรมา จู่ๆ ก็นึกถึงพี่ชาย บางทีถ้าพี่บีมรู้อะไรบางอย่าง พี่บีมอาจจะพอช่วยได้ คิดได้แล้วบูมก็รีบไปที่ห้องพี่ชายที่อยู่ติดกันทันที

"เข้ามาเลยบูม พี่ไม่ได้ล็อกห้อง" เสียงบีมดังแว่วออกมาหลังจากที่บูมเคาะประตูเรียก

บูมเปิดประตูเข้าไปก็เห็นพี่ชายกำลังโหลดภาพจากกล้องถ่ายรูปลงเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่พอดี "พี่บีมทำงานอยู่เหรอครับ ผมมากวนหรือเปล่า"

บีมหันมามองน้องชายแล้วก็ยิ้ม "ไม่เป็นไร พี่ก็มีเรื่องอยากคุยกับบูมอยู่พอดี"

"วันนี้พี่ไปถ่ายรูปที่ไหนมาครับ" บูมถามพลางเดินไปนั่งลงบนเตียงของพี่ชาย

"งานอีเวนต์เปิดตัวสินค้า มีดารามาหลายคนเลย" บีมพูดแล้วก็เดินมานั่งข้างๆ น้องชาย

"ว่าไง...เรื่องแต่งงานของเรา เห็นแม่บอกว่าจะรีบไปหาฤกษ์ให้ไม่ใช่เหรอ ทำไมรีบแต่งล่ะบูม อายุแค่ 23 เองนะ" บีมรีบเข้าเรื่องทันที

"ผมไม่ได้อยากแต่งเร็วขนาดนั้นซะหน่อยพี่ แม่เขาพูดเองเออเอง" บูมบอกด้วยสีหน้าไม่สบายใจ

"ถามจริง...บูมอยากแต่งงานหรือเปล่า"

บูมหันไปมองพี่ชาย ครุ่นคิดอยู่สักพักก็ส่ายหน้า "ไม่อยากแต่งครับ"

"บูมไม่ได้ชอบแพรวใช่ไหม" บีมถามอย่างรู้ทัน สังเกตเห็นท่าทีของบูมที่มีต่อแพรวมานานแล้วล่ะ

บูมถอนหายใจอย่างเคร่งเครียด "ผมจะทำไงดีครับพี่บีม ผมไม่อยากแต่งงานจริงๆ นะครับ ผมไม่ได้คิดอะไรกับแพรวเกินเพื่อนเลย"

บีมเองก็หนักใจเช่นกัน รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกที่บูมจะไปบอกพ่อกับแม่ว่าไม่อยากแต่งงานกับแพรว

"พี่คิดว่า...บูมต้องบอกความจริงกับพ่อแม่นะ หาโอกาสเหมาะๆ หน่อย ไม่งั้นก็จะเป็นเรื่องอีกจนได้"

"ผมว่ายังไงก็เกิดเรื่องครับ ไม่ว่าจะบอกตอนไหน"

ก็คงจะจริงอย่างที่บูมว่า บีมยังนึกไม่ออกเลยว่าโอกาสเหมาะๆ ที่พูดถึงเมื่อกี้มันควรจะเป็นตอนไหน

"อ้อ...พี่เกือบลืม ว่าจะถามหลายทีแล้ว บูมไปหาทิวมาหรือยัง"

บีมเปลี่ยนเรื่องเมื่อเพิ่งนึกได้ นี่ก็จะเป็นปีอยู่แล้วที่บูมกลับมาจากเมืองนอกแล้วยังไม่ได้ไปหาทิวเลย

บูมพยักหน้าพลางยิ้มน้อยๆ "ไปมาแล้วครับ หลายเดือนแล้ว"

"อ้าวเหรอ" บีมทำหน้าแปลกใจ แต่ก็ดีใจที่น้องชายยอมไปคุยกับเพื่อนสักที

"แล้วทิวว่าไง เขาดีใจหรือเปล่าที่ได้เจอบูม"

"ดีใจสิครับพี่ ผมก็ดีใจ ตอนนี้" บูมมองหน้าพี่ชายเหมือนกับกำลังชั่งใจ "เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วครับ"

"ดีแล้ว เอ๊ะ...กลับมาเป็นเหมือนเดิมนี่เป็นยังไงเหรอ" บีมถามด้วยความสงสัย ความจริงก็สงสัยความสัมพันธ์ของน้องชายกับเพื่อนคนนี้มานานพอสมควร แต่ไม่เคยถามอย่างจริงๆ จังๆ

"คือ..." บูมทำสีหน้าลังเล

"พี่ว่ามันถึงเวลาแล้วนะที่บูมจะบอกความจริงกับพี่เรื่องเพื่อนของเรา บูมชอบทิวหรือเปล่า"

บีมไม่รอช้ารีบถามเข้าประเด็น น้องชายเป็นคนคิดมาก ขี้กังวล ขั้นตอนเยอะ ถ้าอยากจะคุยให้ได้เรื่องเลยก็ต้องถามตรงๆ อย่างนี้แหละ

บูมถึงกับสะดุ้งตกใจที่ถูกจู่โจมรวดเร็วปานสายฟ้าแล่บแบบนั้น แต่ก็ตั้งใจอยู่แล้วล่ะว่าจะบอกพี่ชายก็เลยไม่คิดจะปิดบังอีกต่อไป

"ครับ" บูมตอบพลางลอบสังเกตสีหน้าท่าทางของพี่ชาย ไม่รู้ว่าบีมจะรับได้หรือเปล่าที่รู้ว่าน้องชายชอบผู้ชายด้วยกัน

"พี่นึกอยู่แล้วเชียว ตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกันเลยหรือเปล่า"

บูมพยักหน้า

"นี่ใช่ไหมที่ทำให้บูมไม่อยากแต่งงาน"

"ครับ" บูมรีบตอบทันที

"เรื่องไม่อยากแต่งงานนี่ก็เรื่องใหญ่แล้วนะ แต่อันนี้...เรื่องคอขาดบาดตายเลยล่ะ" บีมพูดแล้วก็ถอนหายใจอย่างหนักใจ

"พี่บีม...คิดยังไงครับที่ผม...เป็นเกย์" บูมถามอย่างไม่มั่นใจ แม้จะเห็นพี่ชายไม่ได้ทำท่าทางรังเกียจ แต่ก็ยังต้องการความมั่นใจมากกว่าสิ่งที่มองเห็นอยู่ดี

"พี่ไม่ได้มีปัญหาที่จะยอมรับเรื่องนั้นหรอกบูม พี่คิดว่าพี่รู้มาตั้งนานแล้วล่ะ"

ได้ยินแบบนั้นแล้วบูมก็ค่อยโล่งใจหน่อย บีมโอบไหล่น้องชายไว้แล้วก็หันไปยิ้มให้ "อย่าคิดมากบูม"

บูมพยักหน้าแล้วก็ยิ้มตอบ "พี่บีมจำโครงการสบายวอล์กเวย์ของบูมได้ไหมครับ"

บีมค่อยๆ ปล่อยมือลง ทำท่านึกอยู่สักพัก "อ๋อ...จำได้ๆ ที่จะเปิดตัวอาทิตย์หน้านี้แล้วใช่ไหม เดี๋ยวพี่จะไปถ่ายรูปในงานให้ด้วย พี่เกือบลืมเลย ขอบใจนะที่เตือน"

"ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ" บูมรีบบอก บีมหันมามองแล้วเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

"ผม...ชวนทิวมาทำงานเป็นผู้ประสานงานโครงการด้วยครับ" บูมสารภาพความจริงออกไป

ตายล่ะสิ...นี่บูมกำลังจะทำอะไร เอาคู่หมั้นกับคนรักมาทำงานด้วยกัน นี่ถ้าแม่รู้เข้าบีมก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าเรื่องมันจะใหญ่โตแค่ไหน แพรวยิ่งสนิทกับแม่อยู่ ไม่นานนี้แม่คงจะต้องรู้เรื่องอย่างแน่นอน

"บูมพูดจริงเหรอ" บีมถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

บูมพยักหน้า พอจะรู้ว่าพี่ชายกังวลใจเรื่องอะไร มันก็คงจะต้องเกิดเรื่องอย่างที่ทั้งสองคนกังวลนั่นแหละ ไม่ว่าจะทำแบบไหน จะบอกด้วยวิธีไหน ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกัน แต่อย่างน้อยถ้าบูมทำให้แพรวเข้าใจและหลีกทางให้ได้ พ่อแม่ก็จะบังคับบูมให้แต่งงานกับแพรวไม่ได้เพราะแพรวคงไม่อยากแต่งงานกับผู้ชายที่เป็นเกย์อย่างบูมแน่นอน แต่มันจะง่ายขนาดนั้นหรือเปล่า พ่อกับแม่จะยอมง่ายๆ อย่างงั้นหรือ?

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 26 วันที่ 6.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 06-04-2012 19:08:34
หนักใจไปกับบูมจริงๆ เอาใจช่วยนะบูม

"เป็นนักเขียนหน้าใหม่นี่ก็ต้องจิตแข็งมากๆ นะครับ
บางทีเจออะไรนิดอะไรหน่อยก็อาจจะใจฝ่อได้ง่ายๆ พาลจะไม่อยากเขียนก็มี
อย่างไรก็แล้วแต่ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาติดตามนะครับ"
อยากบอกกับคนเขียนว่า
เมื่อร่างกายเรารับวัคซีนเข้าไป เราอาจถึงกับจับไข้ได้
แต่ท้ายที่สุด ก็ทำให้ร่างกายของเรามีภูมิต้านทานที่เข้มแข็งนะจ๊ะ
 :กอด1:เป็นกำลังใจให้จ้ะ


หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 26 วันที่ 6.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 07-04-2012 10:40:51
เค้าปมปัญหาเริ่มมาเรื่อยๆแหะ

ทั้งคุณเพื่อนต้อง  ทั้งแพรว แถมคุณพ่อเริ่มตะหงิดๆ แล้ว



นักแต่ง ก็แต่งได้ดีสนุกด้วย o13  งัยก็สู้ๆนะค่ะ  ถ้าตัน ก็พักแล้วค่อยมาต่อนะค่ะ

 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 26 วันที่ 6.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 07-04-2012 19:53:45
จริงๆ ไม่ได้รู้สึกว่าตันหรอกนะครับ จะให้เขียนก็เขียนได้ตลอดเพราะเป็นคนชอบเขียนอยู่แล้ว
ถ้าไม่ต้องทำอย่างอื่น ผมก็คงจะเขียนให้จบได้เลยครับเพราะวางรายละเอียดเรื่องไว้หมดแล้ว
แต่ที่ต้องขอหยุดพักทำใจก็เป็นเรื่องธรรมดาของนักเขียนหน้าใหม่ครับที่อาจจะน้อยใจหรือนอยด์กับบางอย่าง
ผมก็พูดตรงๆ ว่ารู้สึกน้อยใจที่คนอ่านค่อยๆ หายไปทีละคนสองคน ที่เคยมาอ่านก็ไม่มาอีก
พอไม่รู้ว่าทำไมหายไป เราก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราเขียนนิยายได้แย่มากหรือเปล่าจนคนอ่านไม่อยากอ่านอีก
ปกติคนอ่านไม่ค่อยเยอะเราก็จะรู้สึกอะไรบางอย่างเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่นั่นก็ยังโอเคอยู่ครับ
แต่พอคนที่เคยมาอ่านหายไป มันก็เลยรู้สึกใจฝ่อ เสียความมั่นใจ

บางทีเอาตอนใหม่มาลงให้แล้วก็ยังเงียบอยู่ จนเรื่องตกไปอยู่หน้าสามหน้าสี่
ตอนใหม่ก็จ่อเตรียมจะลง แต่ก็กลัวว่าลงไปแล้วก็จะเงียบอีก ก็เลยลังเลว่าจะลงดีไหม
เคยมีคนแนะนำว่าไม่ควรเอานิยายมาลงติดๆ กันเพราะจะทำให้อ่านยาก แต่ถ้าไม่มีคนมาคอมเมนต์จะให้ทำยังไง
มันก็ต้องลง ตอนแรกผมยังคิดเลยว่าถ้าไม่มีคนมาอ่านแบบนี้ คงต้องลงจนจบเรื่องภายในสองหน้าของเว็บ

คนเขียนหน้าใหม่ต้องการกำลังใจจริงๆ ครับ มันเป็นธรรมดาที่คนเขียนก็อยากจะให้มีคนมาอ่านมาสนใจบ้าง
ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่เขียน เพราะการเขียนมันคือการสื่อสารเรื่องราวอย่างหนึ่ง
แต่ผมไม่โทษคนอ่านหรอกครับเพราะคิดว่าทุกคนมีสิทธิ์เลือกที่จะอ่าน ถ้าไม่ชอบก็ไม่อ่าน
แต่นักเขียนเองก็ต้องตัดสินใจเหมือนกันว่าถ้าคนไม่มาอ่านแล้วยังจะเขียนต่อไปหรือไม่
การเขียนต่ออย่างน้อยก็มีประโยชน์ในเรื่องการฝึกฝนฝีมือและได้เขียนสิ่งที่เราอยากเขียนอยู่แล้วครับ
แต่ถ้ายิ่งเขียนไปคนก็ยิ่งอ่านน้อยลง ผมก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ก็คงต้องรู้สึกอะไรบางอย่างบ้าง

ถามว่าผมอยากเขียนเรื่องนี้ไหม ก็บอกตรงๆ ว่าอยากเขียนมาก ผมตั้งใจและทุ่มเทกับเรื่องนี้มาก
กว่าจะได้ลงมือเขียนผมใช้เวลาวางแผนวางพล็อตเรื่องเกือบปี ผมไม่ได้อยากหยุด ไม่ได้อยากพัก
แต่ที่ต้องหยุดเพราะยังปรับตัวปรับใจไม่ได้ครับ ผมไม่รู้ว่านักเขียนคนอื่นๆ เป็นแบบนี้หรือเปล่า
ตอนนี้ผมสับสนและหลงทิศหลงทางอยู่ครับ มันก็เลยต้องหยุดเพื่อที่จะได้ทบทวนตัวเองว่า
เขียนนิยายทำไม เขียนเพื่ออะไร ต้องการอะไร ถ้าไม่เขียนจะเป็นไรไหมเพราะก็มีอย่างอื่นให้ทำอีกมากมาย เวลาก็ไม่ได้เยอะ
ผมยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ ตอนนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ใครหรอกครับ อยู่ที่ผมคนเดียว
บางทีหยุดพักรักษาเยียวยาจิตใจและทบทวนตัวเองอาจจะช่วยให้ผมได้คำตอบที่ชัดเจนขึ้น

ผมไม่รู้ว่ามันเหมาะสมหรือไม่ที่จะระบายความรู้สึกนี้ออกมาให้คนอ่านรู้ แต่มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นและผมอยากบอกครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 26 วันที่ 6.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 07-04-2012 20:25:30
เข้าใจความรู้สึกของคนเขียนนะ
หยุดพักสักระยะหนึ่งลองถามความรู้สึกของตัวเองอีกที
ว่า แบบไหนคือความพึงพอใจ ความสุขของเราที่สุด ก็ตามนั้นเลยจ้ะ
เป็นกำลังใจให้นะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 26 วันที่ 6.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 08-04-2012 10:54:05
สงสารต้องจัง  แอบรักมานานแต่ไม่เคยบอกทิว

มาบอกเอาเมื่อสาย แต่ก็นะได้บอกก็ยังดีกว่าไม่ได้บอก


คุณsarawatta ก็แต่งได้ดีอยู่แล้วค่ะ  บางทีก็นะมีนักแต่งเยอะ  ภารกิจคนอ่านคนแต่งอะไรอีกมากมาย

มันก็อาจจะมีไปๆมาๆ   แต่ยังงัยก็เชื่อว่า เพราะใจรักของคุณ sarawatta แหละค่ะถึงทำให้มีเรื่องดีๆ

สนุกๆอย่างนี้   กำลังใจ คอมเมนท์ ถึงจะน้อยทำให้นอยด์ไป  แต่เราก็แอบชื่นชมนักแต่งนะค่ะ

ที่ยังรับผิดชอบผลงาน มาลงอย่างสม่ำเสมอ o13    แต่ถ้านักแต่งยังเหนื่อย ท้ออยู่ ก็พักสักพัก

มีพลัง+กำลังใจใหม่ ก็ค่อยมาอัพต่อก็ได้จ๊ะ    :ped149:  :กอด1: :L2:

หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 25 วันที่ 3.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 08-04-2012 11:05:15
พ่อกับแม่บูมก็จริงๆเลย บังคับลูกไม่เปลี่ยนแปลง
น่าจะเห็นแก่ความรู้สึกและความสุขของบูมบ้างงง...
เอาใจช่วยบูมนะ ขอให้ผ่านพ้นด่านเรื่องแต่งงานไปให้ได้ ไม่ว่ามันจะลำบากและยุ่งยากมากแค่ไหนก็ตาม

ตอนนี้กำลังสนุกและกำลังลุ้นตาม......เรื่องราวกำลังเข้มข้นเลยค่ะ
ภาษาการเขียนก็สวย จนเรียกว่าสละสลวยได้เลยจริงๆ
พล็อตเรื่องก็สนุกและน่าติดตาม มีความอบอุ่นน่ารักของตัวเอกแฝงอยู่ตลอดเวลา
และยังกล่าวถึงปัญหาจริงๆที่หลายๆคนเผชิญอยู่อีกด้วย


 :L2: :L2: ขอบคุณค่ะ +1 และ+เป็ดน้อยให้ค่ะ
เป็นกำลังใจให้คุณ sarawatta เสมอนะคะ
ท้อได้แต่อย่าถอยเลยนะคะ เชื่อว่ามีคนอ่านอีกหลายคนรออยู่ และก็อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆค่ะ
บางคนที่เข้ามาอ่าน  ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เค้าก็อาจไม่ได้เม้นท์ให้
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: เข้มแข็งไวๆนะคะ อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่ะ
ไม่ว่านานแค่ไหนจะรอค่ะ มาต่อไวๆน๊าาาาาาาาา....


 :impress: :impress: :impress: :impress: :impress:



หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 26 วันที่ 6.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 09-04-2012 10:41:05
รอบูมจัดการปัญหา คนรักกับคู่หมั้น  พี่บีมจะช่วยบูมด้วยช่ายป่าว

ส่วนต้อง น่าจะเผยความในใจให้เร็วกว่านี้  ยิ่งตอนบูมไม่อยู่น่าจะลอง

เผื่อจะมีโอกาส   


คุณ นักแต่ง ก็ สู้ๆนะค่ะ  มีใจรัก ก็ทำเต็มที่  เม้นท์ก็เป็นกำลังใจให้นักแต่ง

แต่ถ้าไปคิดถึงตรงนั้นมากไป มันก็ทุกข์นะค่ะ   

ก็อยากบอกว่านิยายสนุก เศร้า แล้วก็ลุ้น ไปกับบูม ทิว 

ถ้าจบเรื่องนี้ นักแต่งลองแต่งแนวอื่นดูสิค่ะ  เพราะคนอ่านเค้าก็มีชอบหลากหลายแนว

บางคนเค้าไม่ชอบมาม่า ก็คงไม่อ่าน  ถ้าแนวฮาๆ ก็เห็นคนชอบอ่านเยอะเหมือนกันนะค่ะ

fighting จ๊ะ  สนุกกับงานเขียน ทำเพราะรัก ก็เจ๋งแล้ว อย่าทำให้มันทำให้คนแต่งต้องเครียดเลย :กอด1:

หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 26 วันที่ 6.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 09-04-2012 14:57:34
จะติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 26 วันที่ 6.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 09-04-2012 15:13:32
มันเป็นปัญหาเพราะแอบๆอยู่แบบนี้ พูดเปิดอกกันไปเลย มัวแต่กลัวจะเจ็บกันอีกหลายคน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 26 วันที่ 6.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 09-04-2012 16:36:23
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 27 ✦ ทิวไม่ใช่นายเอกหนังไทย

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


"ทิว...ถ้า...ความรักของมึงกับบูมไม่สมหวัง มึงจะทำไงวะ"

จู่ๆ ต้องก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมาขณะที่นั่งคุยกันอยู่หน้าบ้านหลังจากกลับมาจากข้างนอกด้วยกันแล้ว ตั้งแต่เข้ามาในบ้าน ทิวสังเกตว่าต้องมีอาการประหม่าและดูเหมือนกังวล คล้ายกับคนที่กำลังมีปัญหาหรือเรื่องอยากพูดแต่ไม่กล้าพูด อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่หลายครั้ง

"อะไรวะ ไหนว่ามึงจะเล่าเรื่องแฟนมึงให้กูฟังไง มาถามอะไรเนี่ย"

ทิวพยายามพูดติดตลกเพราะไม่อยากตอบคำถามที่แสนอึดอัดนั้น มีหลายอย่างที่ทิวเองก็ตอบตัวเองไม่ได้

"ก็กูอยากรู้เรื่องนี้ก่อน เรื่องแฟนมึงได้ฟังแน่ๆ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ตอบกูมาก่อน" ต้องทำเสียงเหมือนรำคาญ

ทิวมองหน้าเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ ทำไมต้องถึงต้องมาคาดคั้นเอาคำตอบด้วย "ก็...คงเสียใจมั้ง"

"อันนั้นกูรู้แล้ว แต่หลังจากนั้นล่ะ มึงจะทำไง"

"อืม...ไม่ว่ามันจะเป็นยังไง กูก็ดีใจที่นะต้องที่ไม่ว่ากูหรือบูมพยายามทำอะไรบางอย่าง"

ฟังที่ทิวพูดแล้วต้องก็นึกถึงที่บูมพูดวันนั้นว่า "อย่างน้อยทิวก็จะไม่มีวันเสียใจว่ากูไม่เคยทำอะไรเพื่อความรักของกูกับทิวเลย" เท่ากับว่าทิวได้ช่วยตอกย้ำให้ต้องเห็นชัดมากขึ้นว่าต้องแทรกเข้าไประหว่างสองคนนี้ไม่ได้แล้ว

"มึงสนุกหรือทิวที่ต้องอยู่ในสถานะที่ไม่ต่างจากมือที่สามแบบนี้ บูมมันกำลังจะหมั้นนะทิว"

ต้องเปลี่ยนประเด็น เหมือนกับจะหาวิธีต้อนให้ทิวเข้าไปในมุมที่ต้องการให้ได้เสียก่อนที่จะบอกอะไรบางอย่างไป

ทิวรู้สึกอึดอัดมากขึ้นทุกที ดูเหมือนว่าต้องก็สังเกตอาการนี้ของทิวได้จึงค่อยๆ ลดท่าทีแข็งกร้าวและท่าทางที่คาดคั้นลง

"ขอโทษว่ะทิว กูก็ไม่ได้อยากกดดันมึงขนาดนั้นหรอก" ต้องหันหน้าไปทางอื่น ครุ่นคิดสักพักก็ตัดสินใจถามใหม่

"แล้วมึง...ไม่คิดจะรักใครคนอื่นบ้างเหรอ"

ทิวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย "แล้วมึงจะให้กูรักใครวะ"

ต้องหันหน้ากลับมา ดูมีอาการประหม่ามากขึ้น พยายามรวบรวมความกล้าทุกอย่างที่มีอยู่ในตอนนี้เพื่อที่จะบอกสิ่งที่เก็บไว้ในใจมานานหลายปีให้ทิวรู้

"ก็กูไง"

ทิวอึ้งไปสักพัก ยังไม่ถึงกับตกใจมากเพราะคิดว่าตัวเองคงจะฟังผิดหรือหูฝาดไป


"อะไรนะต้อง เมื่อกี้มึงพูดอะไร"

"กูชอบมึง ไอ้ทิว ได้ยินไหมว่ากูชอบมึง ชอบมาหลายปีแล้วด้วย"

ต้องพูดเสียงสั่นเครือ เมื่อตัดสินใจพูดออกไปแล้วมันก็ช่วยให้ต้องรู้สึกโล่งใจมากเลยทีเดียว แม้ว่าตอนนี้จะรู้สึกตื่นเต้นและกลัวมากก็ตาม ผลที่จะตามมาจะเป็นแบบไหนต้องก็พร้อมที่จะยอมรับมัน พอถึงตอนนี้ก็ได้แต่นึกเสียดาย ไม่รู่้ว่ามัวรออะไรอยู่จนป่านนี้ น่าจะบอกทิวไปตั้งนานแล้ว

ทิวเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เมื่อต้องยืนยันอีกหนจึงคิดว่าไม่น่าจะฟังผิด ต้องชอบทิวมานานแล้วหรือ ทำไมทิวไม่เคยเห็นต้องมีท่าทางที่ทำให้ระแวงสงสัยเลย คบกันมาตั้งเกือบ 20 ปี ทิวไม่คาดคิดมาก่อนว่าต้องจะแอบชอบ

"กูรู้ว่ามึง...คงไม่อยากจะเชื่อ แต่มันเกิดขึ้นกับกูแล้วไอ้ทิว กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง"

"ต้อง..."

ทิวเรียกเพื่อนด้วยเสียงแหบพร่า ใครบางคนคงกำลังเล่นตลกกับชีวิตของคนเหล่านี้อยู่แน่ๆ คนที่สั่งให้เล่นคงลืมถามความสมัครใจของผู้เล่นว่าอยากจะเล่นเกมส์รักหลายเส้าอย่างนี้หรือเปล่า

ต้องเงียบไปเช่นกัน เงียบไปนานเลยทีเดียวจนบรรยากาศเริ่มอึดอัด ดีที่ว่ามีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจึงช่วยทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนั้นไปได้ บูมโทรมาหาทิวนั่นเอง ทิวหันไปมองต้องด้วยความลังเลใจแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจรับ

"ทิว...กลับมาหรือยัง"

"เพิ่งกลับมาถึงไม่นานนี้แหละ" ทิวพยายามพูดเสียงเบาๆ เพราะไม่อยากให้ต้องได้ยิน

"เหรอ...เราไปหานายได้ไหม จะไปตอนนี้เลย คิดถึงทิว ไม่ได้ไปนอนบ้านทิวตั้งหลายวันแล้ว ได้หรือเปล่า พรุ่งนี้เราจะได้ไปส่งนายที่มหาลัยไง"

น้ำเสียงอ้อนๆ นั้นทำให้ทิวใจอ่อนมานักต่อนักแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แถมต้องก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้ ทิวก็เลยรู้สึกลำบากใจที่จะตอบตกลง

"เดี๋ยวเราโทรกลับได้ไหมบูม ตอนนี้ยังไม่ค่อยสะดวกคุยเท่าไหร่"

"เหรอ...โอเค แล้วรีบโทรกลับมานะ เราจะรอ ดึกแค่ไหนเราก็จะรอ คิดถึงทิวนะครับ"

พอวางสายไปแล้วทิวก็เจอกับแววตาของต้องที่ฉายแววน้อยใจออกมาจนพอรู้สึกได้

"ทิว...กูก็แค่บอกให้มึงรู้ว่ากูคิดยังไง ถ้ามึงกับบูมยังรักกันอยู่กูก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก ไม่ต้องกลัวว่ากูจะน้อยใจ"

ดูเหมือนต้องจะรู้ทันเสียด้วยสิ ต้องคงจะน้อยใจจริงๆ นั่นแหละ ยิ่งรู้ว่าบูมโทรมาหาทิวก็ยิ่งตอกย้ำว่าต้องไม่มีพื้นที่ที่จะยืนแทรกระหว่างสองคนนี้ได้เลย ถึงจะเบียดเข้าไปได้แต่มันก็อึดอัดเสียจนสุดท้ายก็ต้องเดินออกมาเอง

"กูกลับก่อนละกันนะทิว" ต้องทำท่าจะเดินออกไป แต่ก็ดูเหมือนจะเพิ่งนึกอะไรได้

"ไม่ต้องไปส่งกูหรอก" ว่าแล้วก็เดินลิ่วเปิดประตูออกไปทันที ทิวได้แต่นั่งมองอย่างหนักใจ

ตอนนี้ต้องคงควบคุมอารมณ์ที่แปรปรวนของตัวเองไม่ค่อยได้ ถ้าต้องไม่ใช่เพื่อนที่ทิวต้องรักษาน้ำใจ เมื่อกี้ทิวก็คงจะบอกต้องไปแล้วว่าทิวไม่ได้คิดกับต้องเกินเพื่อนเลย พอเป็นเพื่อนกันมานานแล้วก็รู้สึกลำบากใจที่จะต้องทำร้ายจิตใจกัน

ที่ต้องถามเมื่อกี้ต้องกำลังจะบอกทิวหรือเปล่าว่าถ้าความรักของทิวกับบูมไปต่อไม่ได้ ต้องก็จะรอทิวกลับมาหา ดูเหมือนใครๆ ก็คิดว่าความรักของทิวกับบูมคงไปได้ไม่ถึงไหน ต่อให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ ทิวก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเปลี่ยนใจมารักต้องมากกว่าเพื่อนได้หรือเปล่า แม้ว่าจะรู้สึกเห็นใจแต่ทิวก็ไม่รู้จะช่วยต้องยังไงดี ความรักเป็นเรื่องของหัวใจ อยู่ดีๆ นึกอยากจะยกให้ใครคงไม่ได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


เสียงรถมาจอดหน้าบ้านทิวก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร มาบ่อยเสียจนทิวจำเสียงเครื่องยนต์ได้แล้ว ตั้งแต่ที่บูมกลับมาหาทิวในวันนั้น บูมก็มาที่นี่บ่อยจนกลายเป็นความเคยชินของทิวไปแล้ว บูมไม่อยากทิ้งให้ทิวต้องอยู่คนเดียวบ่อยๆ ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่บูมก็จะมาหาทันที

ทิวเปิดประตูบ้านต้อนรับคนที่มาถึงด้วยรอยยิ้มดีใจ บูมโอบไหล่ทิวไว้แล้วก็พาเดินเข้ามาในบ้าน

"มาดึกๆ แบบนี้ที่บ้านเขาจะไม่สงสัยเอาเหรอบูม"

"ไม่รู้เหมือนกัน แต่เราคิดถึงนาย...ยังไงก็ต้องมา"

"ทีหลังถ้ามันดึกมากไม่ต้องมาก็ได้ เราอยู่คนเดียวได้น่า ไม่เป็นไรหรอก เราก็อยู่แบบนี้มาตั้งหลายปี ชินแล้วล่ะ นายจะได้พักผ่อน เก็บแรงไว้ทำงาน ทำประโยชน์ให้สังคม"

บูมหยุดเดิน จับไหล่สองข้างของทิวให้หันมาเผชิญหน้ากันตรงๆ

"เรารู้ แต่คนมันคิดถึงนี่นา ช่วงนี้ทำงานเยอะ ไม่ค่อยได้มาหาทิวเท่าไหร่ ตอนเย็นว่าจะมาหาแล้วก็ไม่ได้มา"

น้ำเสียงในตอนท้ายแฝงความน้อยใจไว้ในที ทิวได้แต่ยิ้ม ตอนสมัยเรียนก็ไม่ค่อยเห็นบูมเป็นคนขี้อ้อนเท่าไหร่ บูมดูหน้าตาถมึงทึงแทบตลอดเวลาในตอนนั้น ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้บูมจะกลายเป็นคนขี้อ้อนไปได้ จะว่าไปทิวก็ชอบเหมือนกันที่บูมเปลี่ยนไป

"ต้องกลับไปแล้วเหรอ" บูมถามเมื่อนึกขึ้นได้

จากที่กำลังยิ้มๆ อยู่ทิวก็ค่อยๆ หุบยิ้มลง "กลับไปแล้ว"

คิดแล้วก็สงสัยว่าบูมจะรู้เรื่องที่ต้องแอบชอบทิวหรือเปล่าหนอ ถ้ายังไม่รู้ทิวก็ไม่แน่ใจว่าควรจะบอกดีหรือเปล่า กลัวบูมจะคิดมากเพราะต้องกับทิวก็สนิทสนมใกล้ชิดกันมากทีเดียว

"ไปเที่ยวกับต้องสนุกไหม" ถามพลางยิ้ม

ทิวพยักหน้า

"อืม...ก็สนุกดี ต้องมันเห่อรถใหม่น่าดู ขับพาเราไปนั่นไปนี่จนจำไม่ได้แล้วว่าไปตรงไหนมาบ้าง แล้วก็ไปกินข้าว เพิ่งกลับมาถึงไม่นานนี่แหละ"

บูมพยักหน้าเข้าใจ ลึกๆ ก็แอบกังวลอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ไม่ได้กลัวใจทิวหรอก แต่กลัวใจต้องต่างหากเพราะไม่รู้ว่าต้องกำลังคิดจะทำอะไรอยู่

"กินอะไรมาหรือยัง" ทิวถามเมื่อนึกได้

"กินแล้ว...นายหิวอีกเหรอ"

"ไม่ไหวแล้ว ให้กินอีกก็คงอ้วก ต้องมันเล่นเลี้ยงเราซะจุกเลย" ทิวบอกพลางขำ

"ต้องนี่ก็เป็นเพื่อนทีดีเหมือนกันนะ ถ้าตอนนั้นไม่มีต้อง นายก็คงแย่"

ทิวทำหน้าเศร้า ก็จริงอย่างที่บูมว่านั่นแหละ ถ้าไม่มีต้องทิวก็คงแย่

"อืม...ถ้าใครถามเราว่าเพื่อนที่ดีที่สุดของเราคือใคร เราก็คงตอบว่าเป็นต้องอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าไม่มีต้อง...เราก็คงแย่อย่างที่นายว่า"

บูมเขยิบเดินไปทางด้านหลังของทิว แล้วก็กอดทิวทางด้านหลังไว้

"แล้วเราล่ะ มีอะไรเป็นที่สุดหรือเปล่า"

"เป็นคนขี้อิจฉาที่สุดไง" ทิวล้อเลียนแล้วก็หัวเราะชอบใจ

"โห...นายอะ เอาดีๆ หน่อยสิ" บูมแกล้งทำเสียงกระเง้ากระงอด

"ก็...เป็นคนที่เรารักที่สุดตอนนี้ไง" ทิวพูดเอาใจ

บูมกอดกระชับทิวแน่นขึ้น ยิ้มด้วยความพอใจ แต่สักพักก็ทำจมูกฟุดฟิดๆ

"หูย...เราว่านายไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ตัวเหม็นแล้ว"

แล้วก็ขำด้วยกันทั้งคู่

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


บูมไม่รู้ว่าความลับของเขากับทิวจะถึงหูพ่อกับแม่ตอนไหน คงอีกไม่ช้านี้แหละเพราะแพรวเริ่มสงสัยมากขึ้นทุกทีๆ อีกไม่นานนี้บูมก็จะคุยกับแพรวแล้ว ชีวิตในตอนนี้จึงดูน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก ก่อนที่จะเกิดเรื่องใหญ่โต บูมอยากจะใช้เวลาช่วงนี้กับทิวให้คุ้มค่าที่สุด

บูมใช้มือลูบผมคนที่นอนซบอยู่บนอกอย่างสบายอารมณ์อย่างแผ่วเบา สายตาที่มองดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความเสน่หา บูมดีใจเหลือเกินที่ได้มีโอกาสช่วยทำให้ชีวิตที่อ้างว้างของทิวอบอุ่นขึ้น นี่แหละคือเงื่อนไขและแรงจูงใจที่จะทำให้บูมต่อสู้เพื่อความรักอย่างไม่ย่อท้อ

"นายคิดถึงแม่ไหมทิว"

"คิดถึงสิ คิดถึงทุกวันเลย"

"วันหยุดนี้ เราไปทำบุญที่วัดให้แม่กันไหม"

"ก็ดีเหมือนกัน ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้ไปทำบุญให้แม่เลย"

บูมลูบไล้ไปตามเนื้อตัวทิวเบาๆ อย่างสบายอารมณ์ เล่นเอาอีกคนถึงกับสยิวไม่น้อย แต่ยังหรอก ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานั้น

"ชีวิตนายเป็นไงบ้างทิว ตอนนี้นายยังมีปัญหาอะไรอยู่อีกไหม"

"ตอนนี้เหรอ...ก็โอเคนะ จริงๆ การที่ไม่มีญาติพี่น้องคนไหนเหลืออยู่เลยมันก็เหงานะ แต่พอ...นายกลับมา เราก็รู้สึกอย่างนั้นน้อยลง"

"เราดีใจนะที่ได้ยินอย่างนั้น อืม...ว่าแต่ว่า...นายเคยอยากเจอหน้าพ่อของนายบ้างไหม"

"ไม่หรอก เขาจากไปนานจนเราไม่รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เราต้องนึกถึงแล้วล่ะ ไม่มีเขาเราก็อยู่ได้"

"อืม...นายไม่ต้องกังวลหรอกทิว ถ้านายเหงา ถ้านายขาดความอบอุ่น เราจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้นายเอง"

ทิวเงยหน้ามองบูมแล้วก็ยิ้มด้วยความรู้สึกขอบคุณ ขอบคุณที่ฟ้าได้นำพาและลิขิตให้เขาได้มาเจอผู้ชายคนนี้ แม้จะไม่รู้ว่าความรักที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นสิ่งที่ฟ้าตั้งใจหรือไม่ แต่ทิวก็พอใจกับสิ่งที่ได้รับแม้ว่าวันหนึ่งอาจจะต้องสูญเสียมันไป

"ต่อไปนี้นะ ไม่ว่านายจะไปไหน จะทำอะไร หรือลำบากอะไร นายบอกเรานะทิว เรายินดีทำให้ทุกอย่างที่เราทำได้ ให้เราได้ดูแลนายบ้างนะ นายเหนื่อยมาเยอะแล้ว"

ทิวพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย

"ทิว..." บูมเรียกเสียงเบา

"หืม..."

"เราคงต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วนะ เราคิดว่า...อีกไม่นานนี้...คงจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น"

ได้ยินแล้วก็อดที่จะใจหายไม่ได้ ถ้าบูมไม่เตือนขึ้นมาทิวก็อาจจะมัวแต่หลงระเริงไปกับความสุขจนลืมที่จะคิดถึงความจริง

"ถ้าเราหนีไป นายจะไปกับเราไหม"

"ไปสิ นายจะพาเราไปไหนเราก็ไปทั้งนั้นแหละบูม ก็เรารักนายไปแล้วนี่" ทิวตอบโดยไม่ลังเล

บูมกอดกระชับทิวแน่นขึ้น ได้ฟังแล้วก็ชื่นใจเสียจริงๆ ได้กำลังใจอย่างนี้แล้วต่อให้อุปสรรคมากแค่ไหนบูมก็ไม่กลัวแล้วล่ะ

"ขอบคุณมากทิว" บูมบอกด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ตื้นตันใจ

"บูม...นายพอจะบอกเราได้ไหมว่าตอนนี้...นายกำลังทำอะไรกับแพรวอยู่ แล้วที่้บ้านนายล่ะ เขาจะว่าอะไรไหมที่รู้ว่าเรากับนายกลับมาคบกัน เราอยากรู้เผื่อเราจะได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ เราไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวผิดหวัง ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เราแค่อยากรู้เท่านั้นแหละบูม"

บูมคลายอ้อมแขนออกเล็กน้อย สีหน้าครุ่นคิด

"เราจะทำให้แพรวสงสัยว่าเรา...เป็นเกย์ แล้วเราก็คิดว่า...ถ้าแพรวรู้แล้วแพรวก็จะเป็นฝ่ายถอนหมั้นเราไปเอง แต่ว่าเขาก็คงจะเสียใจมากเหมือนกัน อันนี้เป็นด่านแรก ส่วนพ่อกับแม่ก็จะเป็นด่านต่อไป ยากหน่อยนะทิว พ่อกับแม่เราเป็นคนมีชื่อเสียงในวงสังคม เรื่องหน้าตาเป็นเรื่องสำคัญมาก พ่อกับแม่ไม่อยากให้เราเป็นเกย์ ไม่อยากให้เรามีแฟนเป็นผู้ชาย แต่คราวนี้...เราจะไม่ยอมอีกแล้วนะทิว เราคงจะต้องดื้อกับพ่อกับแม่บ้าง ถ้ามันรุนแรงมาก...เรากับนายก็อาจจะต้องหนีไปอยู่ที่ไหนสักแห่งด้วยกัน นายกลัวหรือเปล่าทิว"

ทิวเงยหน้าไปมองบูมแล้วก็ส่ายหน้า

"เราไม่กลัวหรอก แต่เรา...อาจจะช่วยอะไรนายไม่ได้เท่าไหร่หรอกนะบูม ไม่ว่าจะเรื่องแพรวหรือเรื่องครอบครัวของนาย แต่เรื่องที่เราจะทำให้นายได้ก็คือ...ไม่ว่านายจะทำอะไร จะถูกจะผิดยังไง จะได้ผลหรือไม่ได้ผล เราจะยืนอยู่ข้างนายเสมอนะบูม เหมือนตอนที่เราเคยเป็นสมัยเรียน นายไม่ต้องกลัวนะว่าเราจะเจ็บหรือเสียใจ ไม่เป็นไรหรอกบูม นายเคยดูละครไหม นางเอกหนังไทยที่ร้องไห้เป็นอย่างเดียว ส่วนคนที่เหนื่อยและลำบากกว่าใครก็คือพระเอกที่ต้องทำให้ทุกสิ่งทุกอย่าง นางเอกก็ได้แต่รอคอยผลลัพธ์ ถ้าทำไม่ได้อย่างใจคนที่โดนด่าก็คือพระเอก โง่มั่ง ไม่ได้เรื่องมั่ง เราไม่ต้องการเป็นอย่างงั้น เราเชื่อใจนายนะบูม ต่อให้พยายามแล้วมันไม่เป็นอย่างที่คิดเราก็เชื่อใจนายว่านาย...จะพยายามถึงที่สุด ไม่ได้ผลก็พยายามใหม่ได้ เรายินดีจะเจ็บ ยินดีจะเหนื่อยแล้วก็ผิดหวังด้วยกันกับนาย เราไม่ต้องการเห็นนายเจ็บหรือเหนื่อยอยู่คนเดียว เราไม่ต้องการเป็นคนที่นั่งรอคอยแต่ผลลัพธ์ ต่อให้ช่วยไม่ได้เราก็จะให้กำลังใจ ไม่ต้องกลัวนะบูม ต่อให้เจ็บเจียนตายเราก็จะอยู่กับนาย ถ้าจะตาย...เราก็จะขอตายในอ้อมกอดของนาย ชีวิตเราไม่มีอะไรต้องเสียแล้วนะบูม เราไม่เสียดายชีวิตหรอก แต่เราจะเสียใจมากกว่าถ้าเรามีชีวิตอยู่แค่รอคอยไปวันๆ ไม่ได้ทำเพื่อคนที่รักหรือใครสักคน เราจะไม่เป็นอย่างนางเอกหนังไทยอย่างแน่นอน"

ทิวหยุดเว้นจังหวะไปเล็กน้อย เงยหน้ามองคนที่รักพร้อมกับยิ้มน้อยๆ

"เราเชื่อว่า...ความพยายามของนายจะเกิดผลดีในที่สุดนะบูม มันไม่จำเป็นต้องสำเร็จหรือถูกตั้งแต่แรกหรอก แต่วันนึง...เราเชื่อว่านายจะทำให้ถูกแล้วก็สำเร็จได้ เราจะเอาใจช่วยนายเสมอนะ"

น้ำตาของบูมไหลลงมาตั้งแต่ไม่กี่ประโยคแรกที่ทิวพูดแล้ว และก็ยังคงไหลลงมาไม่ขาดสาย นึกถึงสมัยเรียนที่ทิวคอยสอนบูมร้องเพลงทุกวันทั้งๆ ที่บูมก็รู้ว่าเสียงตัวเองไม่เอาไหน แต่ทิวกลับให้ความเชื่อมั่นว่าบูมทำได้ บูมเป็นนักร้องได้ แล้วทิวก็ช่วยทำให้บูมเป็นนักร้องได้จริงเสียด้วย บูมรู้ตัวเองดีว่าไม่ใช่คนเก่งเรื่องชีวิตนัก การตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินก็อาจจะไม่เฉียบคมเหมือนอย่างพระเอกหนังไทยที่ดูเก่งไปเสียทุกอย่าง แต่เมื่อมีทิวคอยอยู่เคียงข้างอย่างนี้แล้ว บูมก็จะสู้ไม่ถอย

"ขอบคุณมากนะทิว นายคงจะเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่ยังเชื่อใจเราอยู่ นายอดทนกับเราหน่อยนะทิว เราสัญญ...เราจะทำให้ดีที่สุด มันอาจจะมีเรื่องให้เราสองคนต้องเจ็บและเสียใจหลายเรื่อง แต่อย่างน้อย เราจะไม่ให้นายเสียใจที่เรา...ไม่ได้พยายามทำอะไรให้นายเลย"

บูมอดสะอื้นไห้ไม่ได้ กอดทิวไว้แน่นด้วยความรักที่เต็มเปี่ยมอยู่ในหัวใจ ความรักของผู้ชายคนนี้เคยเปลี่ยนชีวิตของบูมมาแล้ว ถ้าวันนั้นไม่ได้เจอกัน บูมก็ไม่รู้เลยว่าชีวิตของตัวเองจะเป็นอย่างไร แล้วถ้าครั้งนี้ไม่ได้กลับมาเจอกัน บูมก็อาจจะไม่เหลือใครอีกแล้วที่จะเชื่อมั่นในคนขี้ขลาดอย่างบูม

"ขอบคุณนายด้วยนะบูมที่กลับมาหาเรา ชีวิตของเรา...ก็คงจะเหลือแค่นายที่เป็นคนรักที่เราจะได้ทำอะไรบางอย่างให้ แล้วก็...ต้อง...ที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่เราจะต้องตอบแทนให้ได้ เราก็มีเหลือแค่นี้แหละ เกิดมาครั้งหนึ่งในชีวิต ขอให้เราได้ทำเพื่อความรัก เราไม่กลัวเสียใจ เราไม่กลัวผิดหวัง เราไม่กลัวตาย เป็นไงก็เป็นกันนะบูม"

บูมพยักหน้าทั้งน้ำตา "ทิว...เรารักนายนะ รักมากที่สุดในชีวิตของเราเลยรู้ไหม"

คิดแล้วบูมก็ยังอดเสียใจไม่ได้ที่เคยทิ้งคนๆ นี้ไปตั้งหลายปี ปล่อยให้ทิวลำบากอยู่คนเดียว พอมาถึงวันนี้...ทิวก็ทำให้บูมได้เห็นอีกครั้งว่าหัวใจของทิวยิ่งใหญ่สักแค่ไหน เพราะฉะนั้น ต่อให้ต้องตาย บูมก็จะต้องทำเพื่อคนๆ นี้จนสุดชีวิตเช่นเดียวกัน

ดึกแล้ว อารมณ์ของทิวกับบูมเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทิวกลับมานอนบนหมอนของตัวเองแต่มือของบูมก็ยังจับมือของทิวไว้อยู่

"อ้อ...สงสัยนายไม่เคยอ่านนิยายชายรักชาย นางเอกในนิยายแบบนี้เขาเรียกนายเอกนะ"

ทิวหันไปหัวเราะเบาๆ กับบูม "โอเค เดี๋ยวเราจะได้จำไปใช้ นี่นายอ่านนิยายแบบนี้ด้วยเหรอ"

บูมพยักหน้า "ก็เราอยากรู้ไงว่าความรักของชายกับชายส่วนมากเป็นแบบไหน สมหวังหรือไม่ค่อยสมหวัง เดี๋ยวนี้นะ...สังคมก็เปิดกว้างขึ้นนะ ชายรักชายหลายคนก็มีความรักที่สมหวังมากขึ้น" แล้วบูมก็แค่นหัวเราะ

"แต่สงสัยจะใช้ไม่ค่อยได้กับบ้านเราเท่าไหร่"

"เอาเหอะ เดี๋ยวเราก็ผ่านมันไปได้เองแหละ เชื่อมั่นในตัวเองสิบูม"

บูมพยักหน้า เหยียดยิ้มแล้วก็เอาแขนข้างหนึ่งไปกอดทิวไว้


"นอนดีกว่านะทิว ดึกแล้ว คืนนี้...เราขอนอนกอดนายแบบนี้ละกันนะ"

"อืม...ตามใจ"

"มีอะไรเปล่า หรือว่า...อยากให้เราทำมากกว่านี้" บูมทำหน้าทะเล้น

"หื่นอีกแล้วนะ"
 
ทิวชอบล้อว่าบูมหื่นอยู่บ่อยๆ เวลาอยู่กันสองคน เห็นบูมดูเงียบๆ ขรึมๆ อย่างนี้ พอถึงเวลานั้นบูมจะเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยทีเดียว

"แล้วชอบหรือเปล่าล่ะ"

ทิวหัวเราะเขินๆ

"เงียบ...แสดงว่ายอมรับ"

ทิวก็ยังหัวเราะเขินๆ เหมือนเดิม อย่างนี้ก็แปลว่าชอบแน่นอน แล้วบูมก็อาศัยทีเผลอพลิกตัวขึ้นมาอยู่บนตัวของทิว แม้ว่าจะไม่ทันตั้งตัวแต่ทิวก็หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ

"ถอดเสื้อให้ผมหน่อยสิครับ...ที่รัก"

สายตายิ้มกรุ้มกริ่มของบูมนั้นทำให้ทิวอดเขินอายไม่ได้ เลือดในกายแล่นพล่านปลุกพลังความต้องการให้ตื่นขึ้นอย่างทันทีทันใด ทิวทำตามอย่างว่าง่าย ค่อยๆ ใช้สองมือดึงชายเสื้อกล้ามของบูมขึ้นแล้วถอดออก

"เอาไปซักให้ด้วยนะ เราจะนอนแล้ว" บูมทำหน้าล้อเลียนแล้วก็กลับมานอนที่เดิม แอบสะใจเล็กๆ ที่ได้แกล้งทิวให้เสียรู้

"บ้า นายนี่"

ทิวว่าจะทุบให้คนขี้แกล้งเจ็บตัวเสียหน่อยแต่บูมก็จับมือทั้งสองของทิวไว้ได้เสียก่อน

"ก็อยากให้เรานอนเฉยๆ ไม่ใช่เหรอ"

"ใครว่าล่ะ" ทิวทำหน้างอ ยอมรับไปในที่สุด

บูมหัวเราะชอบใจ คืนนี้ก็คงเป็นอีกคืนที่บูมจะได้ป้อนความสุขทางกายและใจให้กับทิวจนแทบล้นทะลักอีกเช่นเคย

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ในที่สุดวันเปิดตัวโครงการก็มาถึง บูมกับเพื่อนๆ มาถึงโรงแรมที่จัดงานตั้งแต่เช้าตรู่ เอิร์ธกับวิทวุ่นวายกับการจัดและตกแต่งเวทีและคอมพิวเตอร์ ทิววุ่นวายกับการประสานงานกับโรงแรมและแขกที่จะมาในงาน ส่วนบูมก็คอยดูความเรียบร้อยต่างๆ บางทีก็มาช่วยจัดโต๊ะจัดเวทีด้วย บางทีก็ช่วยทิวประสานงานกับโรงแรมด้วย

ช่วงเที่ยงหลังจากพักกินข้าวกันแล้วทุกคนก็กลับมาเตรียมงานกันต่อ งานเริ่มน้อยเพราะได้เตรียมไว้เรียบร้อยเกือบหมดตั้งแต่เช้าแล้ว บีม แอนเดอร์สันและลีน่ามาถึงในช่วงบ่ายๆ ในเวลาไล่เลี่ยกัน ส่วนแพรวคงจะมาถึงอีกสักพักเพราะเธอเพิ่งโทรมาบอกบูมว่าเพิ่งทำผมเสร็จ

"มาถ่ายรูปด้วยกันหน่อยไหม"

เสียงพี่บีมดังขึ้น ทำให้บูมที่กำลังช่วยติวให้ทิวนำเสนอพรีเซนเทชั่นต้องหยุดและหันมามองหาเจ้าของเสียง

"อ้าว พี่บีม เมื่อกี้พี่บีมว่าอะไรนะครับ"

"บูมกับทิวมาถ่ายรูปกันหน่อยไหม เดี๋ยวพี่ถ่ายให้ เร็ว เดี๋ยวแขกมาจะไม่มีเวลาถ่าย"

บีมบอกซ้ำอีกครั้ง เห็นบูมกับทิวอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแล้วก็รู้สึกดีไปด้วย แม้จะไม่ได้ชอบแบบนั้นมาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่บีมได้เห็นผู้ชายกับผู้ชายอยู่ใกล้ชิดกันต่อหน้าต่อตา แต่ก็ไม่รู้สึกต่อต้าน คนที่รักกันอยู่ด้วยกันแล้วก็น่ารักเสมอ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง

"ตรงไหนดีครับ" บูมถาม

"ตรงนั้นดีกว่า" บีมชี้ไปตรงมุมหนึ่งของห้องที่มีรูปวาดธรรมชาติติดประดับไว้ไว้

บูมกับทิวเดินไปด้วยกันแล้วก็ตั้งท่าถ่ายรูป บีมถ่ายไปได้สองสามรูปแล้วก็ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยถูกใจ

"เอางี้ดีกว่า ท่าพวกนี้มันดูธรรมดาไป ทำยังไงก็ได้ให้คนเขารู้ว่าเราสองคนน่ะ...เป็นแฟนกัน" บีมยิ้มทีเล่นทีจริง

ทิวดูตกใจมากทีเดียวเพราะไม่คิดว่าบีมจะรู้เรื่องนี้ด้วย บูมต้องบอกพี่ชายแล้วแน่ๆ เลย

"ให้ทำยังไงล่ะครับ" บูมถามด้วยน้ำเสียงอายๆ

บีมกวักมือเรียกให้น้องชายมาหาแล้วก็กระซิบเบาๆ

"อย่ามัวแต่ชักช้า พี่รู้นะว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ กล้าๆ หน่อย เอางี้ละกัน กอดทิวก็ได้ ผู้ชายกอดกันไม่น่าเกลียดหรอก"

เอาล่ะสิ บูมคิดในใจ แต่คิดไปคิดมาก็ดีเหมือนกัน จะว่าไปบูมก็คิดไม่ผิดเลยที่ยอมเปิดเผยเรื่องนี้กับพี่ชาย พอเดินกลับมาหาทิวแล้วบูมก็เขยิบไปข้างหลังทิวเล็กน้อย แล้วก็ตัดสินใจกอดทิวไว้จากทางด้านหลัง

"อ้าว ยิ้มหน่อยครับ" พี่บีมส่งเสียงให้สัญญาณ

"ยิ้มสิทิว" บูมบอกเบาๆ เมื่อเห็นทิวทำท่าอึ้งๆ อยู่ แต่สุดท้ายก็ยอมยิ้มอย่างงงๆ เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นมาพอดี

"อีกภาพนะ กันเหนียว"

บีมบอกแล้วก็ยกกล้องขึ้นมาถ่ายอีก เสียงพูดของบีมทำให้คนอื่นๆ หันมามองทิวกับบูมด้วยความสนใจทันที น่าแปลกที่ดูเหมือนเพื่อนๆ หลายคนไม่ทำหน้าสงสัยหรือรู้สึกว่าแปลกเหมือนเดิมอีกแล้ว

"บูมคะ แพรวมาแล้วค่ะ ขอโทษทีที่มา...." พอแพรวเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น กระเป๋าที่เธอถือไว้ในมือก็หล่นหลุดมือลงไป

"บูม!"

นี่มันอะไรกัน แพรวไม่เคยเห็นเพื่อนกันที่ไหนถ่ายรูปด้วยการกอดกันอย่างนี้เลย นี่ตกลงบูมกับทิวเป็นอะไรกันแน่!

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 26 วันที่ 6.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 09-04-2012 18:21:53
 :really2:ดีใจมากกกก..... คนเขียนมาแล้ว  :z2: :z2: :z2:
โดยส่วนตัว แต่งนิยายไม่เป็น ได้แต่อ่านอย่างเดียว แต่ก็พอจะเข้าใจถึงความรู้สึกคนแต่งนิยายบ้างเล็กๆน้อยๆนะคะ
เลยตั้งใจเม้นท์ให้ทุกครั้งที่เข้าไปอ่าน  เพราะอย่างน้อย คิดว่าเม้นท์แต่ละเม้นท์อาจจะช่วยเป็นกำลังใจให้คนแต่งได้บ้างค่ะ  :กอด1: :กอด1:

ยังไง ขอเป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ
วิ่งไปอ่านก่อน   ฟิ้ววววววววววววววววว......
-------------------------------------------------------

กำลังอ่านสนุกเพลินๆ จบตอนซะแล้ว ว๊าาาาา.....
แถมทิ้งท้ายให้ค้าง...(เบาๆ)ด้วย ต้องลุ้นอีกแล้วว่าแพรวจะว่ายังไง (ขอให้เข้าใจง่ายๆทีเถอะนะ เพี้ยงงง...  เพี้ยงงง...)
จริงๆ ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย  ก็แค่......"ผู้ชายกอดกันถ่ายรูป".......แค่นั้นเอง  :o8: :-[ :impress2:
พี่บีมรู้ใจอ่ะ ตอนนี้ ยกให้พี่บีมเป็นผู้ช่วยมือหนึ่งของพระเอกเลย
ช่วงนี้คู่นี้เค้าหวานกันมาก น่ารักดีอ่ะ ไม่หวือหวาแต่อบอุ่น และเต็มตื้นในหัวใจมาก อุปสรรคที่เจอก็สู้ๆนะบูม เอาใจช่วยอยู่
ส่วนต้อง ก็สงสารเหมือนกันนะ หากรักแล้วรอได้..ก็คงต้องรอต่อไป(มั้ง) แต่ดูทีท่าแล้วบูมกับทิวคงไม่พรากจากกันอีกแล้ว


รอลุ้นตอนต่อไปนะคะ มาม่าหม้อใหญ่จะมาแล้วใช่มั้ยเนี่ย รอค่ะ รอออ...
 :L2: :L2: ขอบคุณมากค่ะ +1 และ+เป็ดน้อย เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ  :กอด1: :กอด1:

หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 27 วันที่ 9.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 09-04-2012 22:25:20
"..แต่พอได้กลับมาเขียน ก็รู้สึกว่า...ก็ยังอยากเขียน ก็ยังมีความสุขที่จะเขียน.."
ดีใจจังที่ได้ยินผู้เขียนบอกแบบนี้ การได้ทำในสิ่งที่เราเป็นสุขและมีความพอใจ นั่นแหละจ้ะสำคัญที่สุด

มาถึงตรงนี้อะไรจะเกิดก็ให้เกิดไปเถอะนะบูม
ให้กำลังใจบูมกับทิวจ้ะ
เราว่าแพรวได้รู้ความจริงตอนนี้แหละดีที่สุดแล้วนะแพรว
ดีกว่าได้รู้หลังแต่งงานกันไปแล้วชีวิตแต่งงานล่ม แบบนั้นแพรวยิ่งจะเจ็บมากนะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 27 วันที่ 9.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 09-04-2012 23:32:25
นิยายที่คุณ sarawatta เขียนสำหรับเราถือว่าเป็นเรื่องเครียดเกือบทุกตอนเลยค่ะ :เฮ้อ:
เนื่องจากมันมีความขัดแย้งของตัวละครเกี่ยวโยงกันหมดเลย และเป็นความขัดแย้งที่หาทางออกลำบาก
กระทบใจคนอ่านอย่างเราเยอะ  ดังนั้นเราก็เลยใช้วิธีรออ่านหลายๆตอนทีเดียว จะได้จิตหดหู่ทีเดียว
บางครั้งก็เม้นท์ไม่ออก  บางครั้งก็ไม่ได้เม้นท์ แบบว่าอารมณ์ยังไม่ลง
แต่ยังยืนยันว่าตามอ่านอยู่น๊า :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 27 วันที่ 9.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 10-04-2012 00:42:46
 :man1: พี่บีม ทำดีมากค่ะ  สมเป็นพี่ชายที่แสนดี o13

ต้องกล้าๆอย่างนี้แหละบูม  จัดการให้ไวก่อนจะสายเกินแก้

แพรวเห็นเค้ากอดกันขนาดนี้แล้ว  ยังถาม คงเป็นพี่กอดน้องมั้ง  :z2:

หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 27 วันที่ 9.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 11-04-2012 01:04:32
:m22:
:m22:
:m22:

มาส่อง บูมทิว

คิดถึงบูมกับทิว (อีกแล้ว) ค่ะ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 27 วันที่ 9.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 12-04-2012 00:38:42
แพรวรู้ตัวให้ไวเลย   เป็นก้างอยู่ได้  :เฮ้อ:

ให้ต้องคู่ใครดีเนี่ย  อุตส่าห์ซุ่มมานาน 

 :กอด1:  :L2:นักแต่งนะค่ะ  สงกรานต์ก็ขอให้มีความสุข สนุกสนานเด้อ  :z2:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 27 วันที่ 9.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 15-04-2012 00:35:44
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 28 ✦ ความจริงที่ยากเกินรับได้

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


บูมค่อยๆ ปล่อยมือออกจากทิวและพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ถ้าไม่ติดว่ากำลังทำงานอยู่ก็คงไม่ขัดข้องที่จะคุยกับแพรวในตอนนี้หรอก ยังไงก็ต้องพักอย่างอื่นไว้ก่อนเพื่อให้งานส่วนรวมลุล่วงไปตามแผน บูมพยายามยิ้มแล้วเดินไปหาแพรวราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก้มหยิบกระเป๋าของเธอที่ตกลงบนพื้นขึ้นมาแล้วก็ส่งให้

"มาทันเวลาพอดีเลยแพรว เดี๋ยวเรามาซักซ้อมกันอีกซักรอบก่อนไหม"

"ไม่เป็นไรค่ะ แพรวจำได้" แพรวตอบเสียงห้วนแล้วก็ดึงกึ่งกระชากกระเป๋าจากมือบูมมาถือไว้เอง

"เราต้องคุยกันนะคะบูม"

แพรวบอกแล้วก็เดินลิ่วออกไปข้างนอกเพื่อสงบสติอารมณ์ ถ้าไม่ติดว่าต้องทำงานเธอก็อาจจะโวยวายไปแล้ว อีกอย่างคงไม่เป็นผลดีนักถ้าเธอจะตีโพยตีพายหรือทะเลาะกับบูมให้คนอื่นเห็น

บูมหันไปสบตากับทิว เห็นแววตาหวาดหวั่นของทิวแล้วก็รู้สึกสงสารไม่น้อย ยิ่งทำให้บูมตระหนักแต่ใจว่าจะต้องรีบสะสางปัญหาทุกอย่างให้จบโดยเร็วที่สุด เพราะยิ่งปล่อยไว้นานวันก็มีแต่จะทำให้ทิวต้องเจ็บปวดมากขึ้น

"เย็นนี้ คุยกับแพรวให้รู้เรื่องนะบูม" พี่บีมเดินมาบอกเบาๆ บีบไหล่น้องชาย ยิ้มแล้วก็เดินไปถ่ายรูปต่อ คนอื่นๆ ที่กำลังยืนมองก็เริ่มหันกลับมาสนใจกับการเตรียมงานของตัวเอง แต่ก็คอยชำเลืองและแอบคุยกันด้วยความสงสัยอยู่บ้าง

พอแพรวกลับมา บูมก็มานั่งคุยด้วยและขอซ้อมพิธีการเล็กน้อย ดูเหมือนสีหน้าของแพรวจะดีขึ้นแต่ก็สังเกตได้ว่าการพูดคุยก็ดูไม่สนิทใจเหมือนก่อน ส่วนทิวก็กลับมาวุ่นวายกับการประสานงานและต้อนรับแขกที่เริ่มทยอยเข้ามาในงาน แต่ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนทิวก็รู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นสายตาที่คนอื่นๆ มองมา บางครั้งก็เห็นแพรวแอบลอบมอวอยู่บ่อยๆ เอาเถอะนะ ทิวจะอดทน ช่วงที่อะไรๆ ยังไม่คลี่คลายก็คงอึดอัดอย่างนี้แหละ แต่ไม่ว่าจะอึดอัดแค่ไหน ทิวก็ยังต้องทำหน้าที่เพื่อให้งานแนะนำโครงการวันนี้ออกมาดีที่สุด เรื่องส่วนตัวเอาไว้ทีหลังแล้วกัน

เมื่อถึงเวลาเปิดงาน บูมกับแพรวก็เป็นพิธีกรคู่กันตามที่ตกลงกันไว้ ทั้งสองคนกล่าวต้อนรับคนที่มาในงาน บอกที่มาของโครงการและวัตถุประสงค์ของการจัดงานในวันนี้ จากนั้นก็เชิญตัวแทนจากผู้สนับสนุนขึ้นมากล่าวเปิดงานประมาณ 10 นาที แล้วก็ให้ทิวมานำเสนอรายละเอียดของการทำงานในโครงการว่ามีอะไรบ้าง มีความสำคัญอย่างไร จะแก้ปัญหาอะไร ขั้นตอนเป็นอย่างไร ใช้เวลานานเท่าไรและผลที่คาดว่าจะได้รับมีอะไรบ้าง

ดูเหมือนบูมไม่อาจจะห้ามสายตาชื่นชมของตัวเองได้เลยเมื่อมองดูทิวที่กำลังนำเสนองานได้เป็นอย่างดี แม้จะมีติดๆ ขัดๆ ไปบ้างในช่วงแรกๆ เพราะทิวค่อนข้างตื่นเต้น แต่พอเริ่มชินก็สามารถนำเสนอได้อย่างไม่เคอะเขินและเป็นธรรมชาติมากขึ้น แพรวสังเกตสายตาของแฟนหนุ่มแล้วก็ได้แต่เก็บความไม่พอใจไว้ ดูเหมือนบูมจะแสดงออกชัดเจนจนแทบไม่ต้องสงสัยแล้วว่าบูมกับทิวรู้สึกยังไงต่อกัน

เมื่อทิวนำเสนอจบลง บูมกับแพรวก็ชักชวนให้แขกที่มาในงานทำกิจกรรมสั้นๆ ด้วยการวาดรูปที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของแต่ละคน เริ่มด้วยการให้วาดภาพทะเลทรายในจินตนาการ จากนั้นก็ให้เติมกล่อง เติมบันได เติมพายุ เติมม้าและเติมดอกไม้ลงไปในภาพตามลำดับ เมื่อผู้เข้าร่วมงานวาดเสร็จแล้วบูมกับแพรวจึงเฉลยว่าขนาดของกล่องก็คืออีโก้ของตัวเรา บันไดเป็นความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อน พายุเป็นมุมมองของเราที่มีต่อปัญหา ม้าคือภรรยาหรือสามีและดอกไม้ก็คือลูกๆ ของเราเอง ลักษณะที่แตกต่างกันของสิ่งที่วาดก็จะบ่งบอกความคิดของเราที่มีต่อสิ่งต่างๆ แตกต่างกันไปด้วย จากนั้นจึงเชิญให้ทุกคนทานของว่างที่จัดไว้ตามมุมต่างๆ ในห้องในลักษณะของค็อกเทล เพื่อให้คนที่จะมาทำงานร่วมกันได้มีโอกาสพูดคุยทำความรู้จักกันโดยไม่ต้องมีพิธีรีตรองมาก

พอแขกเริ่มเดินรับประทานของว่างและจับกลุ่มคุยกัน บูมกับแพรวจึงหมดภาระการเป็นพิธีกร ต่างคนต่างแยกย้ายกันเดินไปคุยกับแขกที่มาในงาน ทิวก็ต้องไปคุยกับแขกด้วยเพราะเป็นคนประสานงานหลักและรู้จักทุกคนที่มาในงาน แม้ว่าส่วนมากจะรู้จักแค่ชื่อก็ตาม

แพรวคอยจับตาดูทิวอยู่เกือบตลอดเวลา พอเห็นทิวขอตัวออกไปข้างนอกแล้วเธอก็รีบเดินตามไปทันที พอเห็นทิวเข้าไปในห้องน้ำแพรวก็เลยหยุดยืนรอ จนกระทั่งทิวกลับออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งแพรวจึงแสดงตัวให้ทิวเห็น

ทิวหยุดชะงัก แม้ว่าจะรู้สึกหวาดหวั่นแต่ก็พยายามยิ้มให้แพรวไว้ก่อน

"ทิว...บอกแพรวได้ไหม ทิวกับบูมเป็นเพื่อนกันจริงเหรือเปล่า"

น้ำเสียงและท่าทางคาดคั้นนั้นทำให้ทิวรู้สึกหนักใจทีเดียว ทิวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ไม่คิดว่าแพรวจะมาดักรอถามด้วยตัวเองอย่างนี้

"บอกแพรวมาตรงๆ ได้ไหม แพรวสังเกตมานานแล้วว่าทิวกับบูม...มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา ใช่ไหมทิว ทิวคิดอะไรกับคู่หมั้นของแพรวอยู่หรือเปล่า"

ทิวได้แต่หลบตาลงต่ำ ไม่กล้าสบตากับแพรวตรงๆ แต่ก่อนที่ืทิวจะตอบคำถามก็มีเสียงเรียกของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาเสียก่อน

"แพรว"

แพรวหันไปตามเสียงเรียก พอเห็นว่าเป็นบูมเธอก็เลยต้องหยุด รู้สึกน้อยใจที่เห็นบูมตามมาเพื่อปกป้องทิวโดยเฉพาะ บูมสาวเท้าเดินเข้ามาหาแพรวด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก

"ถ้าแพรวอยากรู้อะไร ถามบูมดีกว่านะแพรว บูมอยากคุยกับแพรวเย็นนี้เลย ถ้าแพรวพร้อม"

แพรวดูจะตกตะลึงไม่น้อยเมื่อเห็นบูมปกป้องทิว นี่คงจะช่วยตอบคำถามที่เธอสงสัยได้มากกว่าคำพูดเสียอีก

"ค่ะ เราต้องคุยกัน แพรวต้องคุยกับบูมแน่ๆ ค่ะ"

น้ำเสียงของแพรวแฝงด้วยความเสียใจและผิดหวังไม่น้อย มองหน้าของชายหนุ่มสองคนแล้วก็เดินลิ่วกลับเข้าไปในห้องที่จัดงานตามเดิม

พอแฟนสาวลับตาไปบูมก็เดินมาหาทิวพลางถอนหายใจอย่างหนักใจ บีบไหล่ทิวเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบใจและให้กำลังใจ ทิวคงจะอกสั่นขวัญแขวนกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากทีเดียวเลยล่ะ

"ไม่เป็นไรใช่ไหมทิว"

"ยังไหวอยู่" ทิวยิ้มน้อยๆ

"เราขอโทษนะทิวที่ทำให้นายต้องลำบาก ทิวไม่ต้องตอบคำถามใครนะ ถ้าใครอยากรู้อะไรให้มาถามเรา นายไม่ต้องตอบอะไรทั้งนั้น ขอบคุณมากนะที่นายยังอดทนไปกับเรา อดทนอีกหน่อยนะทิว"

ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในที่รโหฐานตอนนี้ บูมคงจะกอดทิวเพื่อปลอบใจไปแล้วล่ะ

ใครที่อยู่ในสถานะแบบเดียวกับทิวคงจะรู้ว่ามันทำใจได้ยากแค่ไหน โดยเฉพาะเวลาที่ถูกคนอื่นๆ มองด้วยสายตามีคำถาม ทิวรู้สึกเจ็บปวดลึกๆ ในใจเพราะใครๆ ก็คงคิดว่าทิวเป็นมือที่สามที่เข้ามาทำให้คู่รักเขาต้องแตกแยกกัน ใครๆ ก็ต้องคิดอย่างนั้น

"เรารู้ว่านายรู้สึกยังไงนะทิว เอาเป็นว่า...เราจะพยายามทำให้มันจบเร็วที่สุด" นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่บูมจะทำได้ในตอนนี้

ทิวพยักหน้าเข้าใจ รู้ว่าบูมเองก็คงเครียดและหนักใจมากแค่ไหนเพราะเป็นคนที่จะต้องเจอศึกหนักมากกว่าใคร ไม่มีใครตอบได้หรอกว่ามันจะจบลงยังไง ทิวได้แต่ภาวนาให้ตัวเองสามารถอดทนและต่อสู้ไปกับบูมได้ตลอดรอดฝั่ง

"กลับเข้างานกันเถอะ งานใกล้จะเลิกแล้ว"

ทิวพยักหน้าแล้วก็เดินตามบูมไปอย่างช้าๆ

"เย็นนี้เราคงไม่ได้ไปส่งนายนะ เราจะคุยกับแพรว แต่เดี๋ยวเราจะบอกให้พี่บีมไปส่งนายละกันนะทิว"

ทิวพยักหน้ารับ ในใจก็รู้สึกกลัวแทนบูมเหลือเกิน แพรวจะเข้าใจได้ง่ายๆ หรือเปล่าหนอ ผู้หญิงที่กำลังจะเสียคู่หมั้นไปคงไม่สามารถทำใจได้ง่ายขนาดนั้นหรอก ถ้าเป็นก็คงไม่ต่างกัน

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ร้านอาหารหรูๆ ยามเย็นอย่างนี้เหมาะกับการที่คู่รักจะมาทานข้าวด้วยกันอย่างหวานชื่นเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะมองไปที่โต๊ะไหนจึงเห็นคู่รักหลายวัยที่ล้วนมาจากครอบครัวที่มีฐานะมาจับจองนั่งทานอาหารมื้อเย็นด้วยกันหลายคู่ แต่ก็ใช่ว่าทั้งร้านจะมีแต่คู่รักทั้งหมด บรรดาคนที่เลิกงานแล้วหรือต้องการสังสรรค์กับเพื่อนต่างก็มาอยู่ที่นี่ด้วยเช่น แทบจะทุกโต๊ะที่มานั่งล้วนแล้วแต่มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ยกเว้นโต๊ะนี้โต๊ะเดียวเท่านั้นที่บรรยากาศดูต่างไป

"แพรว..." บูมเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเมื่อได้นั่งลงและเตรียมตัวเตรียมใจสักพัก สบตากับแฟนสาวเพื่อสังเกตความพร้อมของเธอ

"แพรวฟังดีๆ นะ สิ่งที่บูมจะบอกแพรวต่อไปนี้...เป็นความจริงทุกอย่าง บูมรู้ว่าแพรวคงตกใจ แล้วมันก็อาจจะช้าไปหน่อยที่บูมเพิ่งจะตัดสินใจมาบอกแพรวตอนนี้ แต่บูมคิดว่า...มันยังไม่สายเกินไปที่เราจะตัดสินใจอีกที"

ท่าทางของแพรวบอกให้บูมรู้ว่าเธอเตรียมตัวและเตรียมใจที่จะรับฟังแล้ว จะว่าไปแพรวก็เริ่มทำใจไว้ในระดับหนึ่งแล้วล่ะ หลังๆ มานี้บูมไม่ค่อยไปไหนมาไหนกับเธอ ชวนไปไหนก็ปฏิเสธ เวลาอยู่ที่ทำงานก็มักจะไปขลุกอยู่กับทิวมากกว่าที่จะอยู่กับเธอเสียอีก

"บูมจะบอกแพรวว่า..." บูมก้มหน้าลงสักพัก แล้วก็เงยขึ้นมาสบตากับแพรวใหม่

"บูม...เป็นเกย์!"

"อะไรนะคะ!" แพรวมองคู่หมั้นหนุ่มด้วยสีหน้าตกตะลึงสุดขีด แต่นั่นก็คือสิ่งที่เธอสงสัยมาได้พักหนึ่งแล้ว

"เรื่องบูมกับทิว บูมจะบอกแพรวว่า...เราสองคนรักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายแล้ว"

แม้ว่าจะเตรียมใจมาในระดับหนึ่งแต่แพรวก็อดที่จะตกใจไม่ได้ที่ได้ยินเรื่องนี้จากปากของบูมเต็มทั้งสองหู มันเป็นสิ่งที่เธอไม่คาดคิดเลยว่าจะเกิดขึ้นได้ น้ำตาของแพรวค่อยๆ ไหลลงมาอาบสองแก้ม

"บูมพูดว่าอะไรนะคะ" แพรวถามด้วยเสียงสั่นเครือ

แม้ว่าจะสงสาร แต่บูมก็คงต้องพูดความจริง ไม่อยากปิดบังอีกต่อไปแล้ว "บูมกับทิว...รักกัน รักกันมาตั้งนานแล้วนะแพรว รักกันมาก่อนที่บูมกับแพรวจะมาเจอกันซะอีก"

บูมเองก็รู้สึกเจ็บไม่น้อยเมื่อบอกความจริงออกไป ความจริงก็ไม่ได้อยากทำร้ายแพรวเลย น่าสงสารที่เธอกถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับชะตากรรมที่แสนตลกนี้อย่างช่วยไม่ได้

"บูมขอโทษนะแพรว แต่ว่า..." อีกความจริงที่แสนเจ็บปวดที่บูมจะต้องบอกคู่หมั้นสาวไป

"บูมไม่ได้รักแพรว"

แพรวกำมือแน่น รู้สึกเหมือนใครเอามีดมากรีดหัวใจของเธอก็ไม่ปาน แล้วคนที่กรีดนั้นไม่ใช่ใคร คนที่ได้ชื่อว่ากำลังจะเป็นสามีเธอในไม่ช้านี้เอง

"แล้วนี่อะไรคะ" แพรวถามด้วยเสียงสั่นเครือพลางชี้ให้บูมดูแหวนหมั้นที่นิ้วมือของเธอ

"ถ้าไม่ได้รัก...แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง"

บูมมองที่แหวนหมั้นนั้นแล้วก็ได้แต่สะท้อนใจ

"แพรว...บูมขอโทษ"

เสียงบูมแหบพร่า รู้สึกสงสารแพรวอย่างจับจิตจับใจ เขาเองก็มีส่วนผิดที่ปล่อยให้เรื่องมันเลยเถิดมาจนถึงขั้นนี้ ถ้าตอนนั้นบูมขัดขืนพ่อกับแม่เสียบ้างก็อาจจะไม่เป็นอย่างนี้

"บูมผิดเองแพรว. ทั้งหมดเป็นความผิดของบูมเอง บูมเสียใจที่มันเป็นแบบนี้"

"หยุดพูดว่าเสียใจเถอะค่ะ มันไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น บูมช่วยบอกแพรวหน่อยได้ไหมคะว่า...ถ้าไม่ได้รัก แล้วเรามาคบกันได้ยังไง"

นั่นสินะ...แพรวไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการคบกันของเขากับแพรวเป็นแผนการของผู้ใหญ่ พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้เห็นเป็นใจ แล้วบูมก็เป็นฝ่ายที่ถูกกำหนดให้เป็นคนเริ่มต้นก่อน ก็ไม่ผิดหรอกที่แพรวจะเข้าใจอย่างนั้น

"ถ้าแพรวอยากฟัง...บูมก็จะเล่าให้ฟัง" พอเห็นว่าแพรวรอฟังอยู่บูมจึงพูดสืบไป

"พอจบมัธยมปลาย พ่อกับแม่สั่งห้ามบูมอย่างเด็ดขาดว่าไม่ให้ติดต่อกับทิวอีกเพราะเขา...รับไม่ได้ที่บูมกับทิวรักกัน เราสองคนก็เลยต้องจากกันไป ไม่นานหลังจากนั้น ตอนปิดเทอมปีสองที่บูมกลับมาบ้าน พ่อกับแม่ก็..."

"บูมกำลังจะบอกว่า...ที่บูมมาคบกับแพรว...เพราะว่าถูกพ่อกับแม่บังคับอย่างงั้นเหรอคะ มันจะไม่เหมือนละครน้ำเน่าหลังข่าวไปหน่อยเหรอคะบูม"

แพรวแค่นเสียงพูดคล้ายจะประชดประชัน

"แต่มันเป็นเรื่องจริงนะแพรว"

แพรวหยุดชะงัก แม้ไม่อยากจะเชื่อก็คงต้องเชื่อแล้วล่ะเพราะเธอรู้ว่าบูมไม่มีนิสัยชอบล้อเล่นโดยไม่จำเป็น

"แพรว...บูมรู้ว่าแพรวเสียใจมากแค่ไหน บูมเองก็เสียใจที่ปล่อยให้เรื่องมันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ ตอนแรก...บูมก็ไม่คิดจะบอกแพรวหรอกเพราะบูมตัดสินใจแล้วว่า...จะไม่ติดต่อกับทิวอีก ตลอดเวลาที่บูมไปเรียนที่เมืองนอก บูมไม่เคยติดต่อทิวเลย ไม่เคยมาหาทิว แต่...พอบูมได้กลับมาเจอทิวอีกครั้ง บูมก็รู้ว่า...บูมยังรักทิวอยู่เหมือนเดิม ทิวเป็นรักแรกของบูมที่บูมไม่เคยลืมเลย ตอนสมัยเรียน ทิวดีกับบูมมาก...มากจนทำให้บูมเผลอรักผู้ชายด้วยกันได้ บูมไม่อยากถูกใครบังคับอีกแล้วนะแพรว บูมจะขอทำตามหัวใจของตัวเองบ้าง มันอาจจะทำให้แพรวเจ็บปวดในวันนี้ แต่ก็ดีกว่าให้แพรวมารู้ทีหลังว่าบูมเป็นเกย์ แพรวอาจจะเสียใจมากกว่านี้ก็ได้นะแพรว บูมไม่อยากให้มันสายไปก็เลยต้องตัดสินใจบอกตอนนี้ บูมรู้ว่ามันช้าไป บูมเสียใจนะแพรวที่มาบอกเอาป่านนี้ แต่บูมก็ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ถ้ายิ่งรอช้า...มันก็จะยิ่งสายไป"

แพรวหยิบกระเป๋าถือมาไว้ในมือแล้วก็บอกบูมไปว่า

"พอเถอะค่ะ แพรวไม่อยากฟัง บูมไม่ใช่แพรว บูมไม่ใช่คนที่จะต้องเสียหาย บูมไม่ใช่คนที่ถูกหลอก บูมไม่มีวันรู้หรอกว่าแพรวเจ็บแค่ไหน"

พูดจบแพรวก็ลุกขึ้นแล้วเดินลิ่วออกไปจากร้านอาหารทันทีโดยไม่ฟังเสียงเรียกตามของบูม

จะว่าไปสิ่งที่เกิดขึ้นก็ดูจะโหดร้ายกับแพรวมากทีเดียว ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ต้องกลายเป็นเหยื่อความหวังดีของพ่อกับแม่ ผู้หญิงที่หลงเข้าใจผิดว่าคนที่เธอกำลังหมั้นและจะแต่งงานด้วยรักเธอ จนกระทั่งวันนี้จึงได้รู้ว่าทุกอย่างคือแผนการของพ่อกับแม่ ไม่ได้เกิดจากความรักแต่อย่างใด บาปกรรมที่เกิดขึ้นครั้งนี้ใครจะเป็นคนชดใช้ให้เธอ บูมหรือเปล่า

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ในที่สุดแพรวก็ขอลาออกจากการเป็นเลขานุการของบูมเพราะไม่สามารถทนรับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ ในระหว่างที่ยังหาใครมาแทนไม่ได้ ทิวก็เลยต้องกลายเป็นเลขาฯ ของบูมไปพลางๆ ก่อน งานก็ไม่มีอะไรมาก แต่เนื่องจากตอนนั้นแพรวอยากเข้ามาช่วย บูมจึงแบ่งงานของผู้ประสานงานส่วนหนึ่งมาให้แพรวช่วยทำ

แต่เรื่องวุ่นๆ ไม่ได้จบแค่นั้นเมื่อทิวก็มาขอลาออกด้วยอีกคน

"ทำไมล่ะทิว นายจะลาออกทำไม นายกำลังเรียนหนังสืออยู่นะ ถ้านายออกไป นายจะไปทำงานอะไร เราไม่อยากให้นายลำบากอีกนะทิว"

บูมถามอย่างตกใจ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้บูมยังไม่กล้าบอกพ่อกับแม่เพราะกลัวว่าทิวจะไม่ได้ทำงานที่นี่แล้วต้องไปตกระกำลำบากอีก

"เรา...มองหน้าใครไม่ติดแล้วบูม" ทิวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้"

"ทิว...นายจะไม่อดทนกับเราแล้วเหรอ แล้วนายจะไปอยู่ที่ไหน" แม้จะรู้ว่าการถามอย่างนี้ดูจะบีบคั้นทิวเกินไปหน่อยแต่บูมก็ต้องถาม

"ทิว...ไม่มีใครมองนายอย่างนั้นหรอก ทุกคนเขารู้เรื่องกันหมดแล้ว ไม่เชื่อลองถามเอิร์ธดูสิ"

บูมบอกพลางพยักเพยิดไปทางเอิร์ธที่กำลังหันมามองทิวกับบูมด้วยความสนใจ เนื่องจากเอิร์ธนั่งอยู่ไม่ไกลมากจึงพอได้ยินการสนทนากันของทิวกับบูมอยู่บ้าง

"นายหมายความว่าไง" ทิวถามอย่างงงๆ

"เฮ้ยทิว ไม่ต้องออกหรอก อยู่ช่วยพวกเราทำงานต่อเถอะ คนขยันทำงานอย่างทิวหายากจะตาย อย่าเพิ่งออกเลยนะทิว เรื่องนั้น...พวกเรารู้หมดแล้ว เราคุยกับบูมแล้ว พวกเราเข้าใจ ไม่มีใครคิดว่าทิวเป็นมือที่สามหรอก" เอิร์ธอธิบาย

ทิวมองเอิร์ธแล้วก็หันกลับมามองบูม พอเห็นว่าทิวยังคงงงๆ อยู่ บูมก็เลยให้วิทช่วยอีกแรง

"ว่าไงวิท วิทอยากให้ทิวออกหรือเปล่า"

หนุ่มตี๋หล่อลุกจากโต๊ะทำงานแล้วก็เดินมาหาทิวกับบูมทันทีที่บูมหันไปเรียก วิทตบไหล่ทิวเบาๆ พร้อมกับยิ้มให้กำลังใจ

"อยู่ทำงานกับพวกเราต่อเถอะนะทิว พวกเราเข้าใจความรักของบูมกับทิวนะ ไม่มีใครรังเกียจเลย ไม่มีใครคิดว่าทิวเป็นมือที่สามด้วย ทิวออกไป บูมก็คงเป็นห่วงทิวแย่เลยสิ" วิทหันไปสัพยอกกับบูมในตอนท้าย

"นี่มันอะไรกัน เรางงไปหมดแล้ว"

เอิร์ธลุกจากโต๊ะแล้วก็เดินมาคุยด้วยใกล้ๆ อีกคน

"พวกเราขอโทษทิวด้วยก็แล้วกันที่เคยมองทิวไม่ดี พวกเราสงสัยกันมากก็เลยคุยกับบูม พอบูมเล่าให้ฟัง พวกเราก็เลยเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วล่ะ อยู่ช่วยพวกเราทำงานต่อนะทิว แล้วพวกเราก็จะเอาใจช่วยความรักของทิวกับบูมด้วย"

"ใช่...พวกเราอยากให้ทิวทำตัวตามสบายนะ ไม่ต้องกังวลหรอก ส่วนแพรว...ก็เห็นใจนะ แต่ว่า...ความรักมันบังคับกันไม่ได้ ก็ดีแล้วล่ะที่บูมบอกแพรวเสียตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่าไปบอกทีหลัง"

วิทสำทับอีกคน คราวนี้ทิวหันไปมองบูม เอิร์ธแล้วก็วิทเพื่อให้มั่นใจตัวเองเข้าใจถูกต้องและฟังไม่ผิดจริงๆ

"ขอบคุณทุกคนนะครับที่เข้าใจเราสองคน"

บูมถือโอกาสขอบคุณทุกคนแทนเสียเลย นี่ถ้าเกิดวิทกับเอิร์ธไม่เข้าใจ บรรยากาศการทำงานคงแย่ยิ่งกว่านี้ เผลอๆ สองคนนี้ก็อาจจะลาออกไปพร้อมกับแพรวเลยก็ได้ โครงการของบูมคงมีปัญหาน่าดู

"ทิวเข้าใจแล้วนะ ไม่ลาออกแล้วใช่ไหม" เอิร์ธถามย้ำ

ทิวพยักหน้าน้อยๆ แล้วก็ยิ้มให้กับเพื่อนร่วมงานสองคนด้วยความซาบซึ้งใจ พอทุกคนเข้าใจแบบนี้ก็ช่วยทำให้ทิวรู้สึกคลายความอึดอัดไปได้มากทีเดียว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ไม่กี่วันหลังจากนั้น บูมกลับมาถึงบ้านในเย็นวันหนึ่งก็ถูกพ่อเรียกให้ขึ้นไปหา บูมเดาว่าน่าจะเป็นเรื่องของแพรวนั่นแหละเพราะตอนนี้แพรวเงียบหายไปนานจนผิดสังเกต พ่ออาจจะสงสัยอะไรบางอย่างก็ได้

บูมขึ้นมาถึงก็เห็นพ่อยืนเอามือไพล่หลังรออยู่แล้ว พอนั่งลงพ่อก็หันมาคุยเข้าเรื่องทันที

"คุณโฉมศรีเขาโทรมาบอกพ่อว่าหนูแพรวจะขอถอนหมั้นกับบูม บูมมีปัญหาอะไรกับหนูแพรวหรือเปล่า"

ที่บูมเดาไว้ก็ไม่ผิดจริงๆ แต่บูมก็ไม่รู้เรื่องถอนหมั้นเลยเพราะยังไม่ได้คุยกับแพรวหลังจากวันนั้น

"ว่าไงล่ะบูม ทะเลาะกับหนูแพรวหรือเปล่า มีปัญหาอะไรก็บอกพ่อกับแม่สิ ถ้าแก้เองไม่ได้พ่อกับแม่ก็จะได้ช่วย"

คุณลิขิตถามย้ำเสียงดังเมื่อเห็นลูกชายคนเล็กยังเงียบอยู่

"แม่เขายังไม่รู้เรื่องหรอก พ่อยังไม่ได้บอก ว่าไงล่ะบูม มีอะไรก็บอกพ่อมาก่อน"

คุณลิขิตไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะบูมกลัวแม่หรือเปล่าถึงได้ไม่กล้าพูด จึงได้ย้ำไปว่ายังไม่ได้คุยกับภรรยาเรื่องนี้เลย

บูมสบตาผู้เป็นพ่อเพื่อดูอารมณ์ แต่เอาเถอะ เป็นไงก็เป็นกันเพราะยังไงๆ พ่อกับแม่ก็คงต้องรู้เรื่องนี้จนได้

"บูม...บอกแพรว่า...บูมเป็นเกย์ครับพ่อ"

"แกพูดว่าอะไรนะบูม ทำไมแกถึงไปบอกหนูแพรวอย่างนั้น แกเป็นบ้าหรือเปล่า"

น้ำเสียงของพ่อเริ่มดุมากขึ้นจนเกือบจะเป็นตวาด มือไม้ที่เริ่มสั่นเทิ้มนั้นทำให้บูมรู้ว่าพ่อโกรธมากทีเดียว

"มันเป็นความจริงนะครับพ่อ ผมเป็นเกย์ แล้วผมก็ไม่ได้รักแพรว ไม่เคยรักเลย พ่อกับแม่ก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอครับว่าทำไมผมกับแพรวถึงหมั้นกัน"

บูมเถียงเสียงดังเช่นกัน

"นี่แกย้อนพ่อเหรอบูม" คุณลิขิตมองหน้าลูกชายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

"ผมขอโทษครับพ่อ ผมไม่ได้รักแพรว...ไม่เคยรักเขาเลย ไม่อยากแต่งงานกับเค้า ผมบอกแพรวตั้งแต่ตอนนี้ก็ยังดีกว่าที่จะไปบอกตอนที่เราแต่งงานกันไปแล้วนะพ่อ ผมไม่อยากทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย"

"บูม!"

คุณลิขิตตวาดเสียงดัง แต่พอนึกได้ว่าตั้งใจจะไม่ใช้อารมณ์คุยกับบูมในวันนี้จึงพยายามลดท่าทีที่แข็งกร้าวลง

"เอาอย่างงี้ละกัน พ่อจะยังไม่บอกแม่ แต่บูม...ต้องไปเคลียร์กับหนูแพรวให้รู้เรื่อง แล้วพ่อก็หวังว่า...ลูกกับหนูแพรวจะกลับมาเหมือนเดิม"

"พ่อ!"

บูมอุทานอย่างเหนื่อยใจ ขนาดบอกว่าเป็นเกย์และไม่ได้รักแพรวก็ยังจะถูกบังคับให้กลับไปหาแพรวอีก พ่อกับแม่ไม่คิดจะถามบูมสักคำเลยหรือว่าบูมมีความสุขบ้างไหมที่ต้องเดินตามทางที่พ่อกับแม่ขีดเส้นให้

"ออกไปได้แล้ว ก่อนที่พ่อจะโมโหไปมากกว่านี้"

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"บูมได้ยินมาว่า...แพรวจะขอถอนหมั้น"

สุดท้ายบูมก็ต้องนัดแพรวออกมาเจอกันเพื่อคุยกันอีกครั้งจนได้ แพรวยังนิ่งเงียบ อาหารมาเสิร์ฟแล้วแต่ก็ไม่มีใครแตะต้องแม้แต่คำเดียว

"แล้วบูมไม่ดีใจเหรอคะ"

น้ำเสียงประชดนั้นบ่งบอกว่าเจ้าของน้ำเสียงนั้นยังคงเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากเพียงใด แม้จะผ่านมาหลายวันแล้วแต่แพรวก็ยังเจ็บอยู่เท่าเดิม

"บูมคะ..." แพรวพูดแล้วก็ทำท่าครุ่นคิดเหมือนกับกำลังชั่งใจอะไรบางอย่าง

"แพรวมาคิดๆ ดูแล้ว แพรวว่า...ไม่เห็นจะเป็นไรเลยถ้าบูมจะเป็นแบบนั้น แพรว...ไม่ถือหรอกค่ะ เรแต่งงานกันเหมือนเดิมเถอะนะคะ"

"แพรว"

บูมดูจะตกใจกับความคิดนั้นไม่น้อย แพรวคิดง่ายไปหรือเปล่าที่คิดว่าแต่งงานกับเกย์แล้วชีวิตจะไม่มีปัญหาอะไร

"บูมไม่ได้รักแพรว แล้วบูมก็เป็นเกย์นะแพรว แพรวจะมาแต่งงานกับบูมแล้วต้องมาเสียใจทีหลังทำไม ยังไงๆ บูมก็เปลี่ยนตัวเองไม่ได้ บูมไม่ได้อยากจะโหดร้ายกับแพรวหรอกนะ แต่บูมคิดว่า...การที่บูมทำให้แพรวเสียใจตั้งแต่ตอนนี้ ก็ดีกว่าทำให้แพรวเสียใจทีหลังนะแพรว"

"แสดงว่า...ยังไงๆ บูมก็จะให้เราถอนหมั้นกันใช่ไหมคะ"

แพรวถามเสียงแข็ง น้ำตาที่รินไหลอาจทำให้บูมรู้สึกสงสารเธอ แต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้บูมรักเธอได้เลย

"มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคนแล้วนะแพรว"

นี่คือความหวังดีสุดท้ายที่บูมจะสามารถหยิบยื่นให้กับคนที่กำลังจะกลายเป็นอดีตคู่หมั้นได้

"คนเรา...ถ้าไม่ได้รักกัน อยู่ด้วยกันไปก็ไม่มีความสุขหรอกแพรว"

"แล้วทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นมีปัญหาอะไรนี่คะ" แพรวย้อนถามกลับมาเกือบทันที

"มีสิแพรว บูมแค่ไม่ได้บอกแพรวเท่านั้นแหละ แต่สักวัน...มันก็จะระเบิดออกมา ถึงตอนนั้น...แพรวจะเสียใจยิ่งกว่านี้"

บูมไม่รู้ว่าเขาใจดำเกินไปหรือเปล่า แต่ถ้ามัวประนีประนอมอ้อมไปอ้อมมา แพรวก็อาจจะยิ่งเข้าใจผิด เรื่องก็จะยิ่งเยิ่นเย้อ สู้บอกไปตรงๆ เลยดีกว่า เรื่องเจ็บยังไงก็ต้องเจ็บอยู่แล้ว

แพรวหน้าเสียไปทันทีที่ได้ยิน ไม่คิดว่าบูมจะพูดตรงขนาดนั้น นี่บูมไม่รักษาน้ำใจของเธอเลยหรือนี่

"สรุปว่า...บูมจะไม่เปลี่ยนใจใช่ไหมคะ" แพรวถามย้ำ บูมนิ่งเงียบแทนการตอบคำถาม

"ได้...งั้นบูมคุยกับคุณแม่ทิพย์นภาเองละกันนะคะ!" แพรวกระแทกเสียงแล้วก็ลุกเดินออกไป

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 28 วันที่ 15.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 15-04-2012 09:42:49
สวัสดีปีใหม่ไทยเช่นกันค่ะ เย้ๆ ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้รับวันสงกรานต์
ตอนนี้มาเที่ยวสงกรานต์อยู่นอกกรุง ต้องเม้นท์บนมือถือก็จะเม้นท์ล่่ะค่ะ

และแล้วแพรวและเพื่อนๆก็รู้เรื่องของทิวบูม แพรวดูเหมือนจะเข้าใจ
 ต้องลุ้นต่อไปว่าแพรวจะยอมขอถอนหมั้นจริงๆรึเปล่า ยอมทีเถอะนะ
 แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่เพื่อนๆบูมเข้าใจและยอมรับได้ในความสัมพันธ์ของบูมกับทิว

ไม่ว่าเรื่องนี้จะจบยังไง จบอย่างไรก็จัดมาเลยค่ะ จะรอติดตามนะคะ
เป็นกำลังใจให้คนแต่งเหมือนเดิม +1และ+เป็ดให้ค่ะ
เรื่องราวกำลังเข้มข้น เป็นกำลังใจให้บูมกับทิวด้วย  :กอด1:  :กอด1:



หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 28 วันที่ 15.4.2012) - ตอนใหม่มาแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 15-04-2012 22:54:33
หลังจากติดกิจกรรมวันปีใหม่ไทยไปหลายวันก็ไก้มาอ่านต่อแล้ว ดีจัง
ความจริงก็น่าสงสารแพรวเหมือนกันนะ เธอเองก็เข้าใจผิดมานานคิดว่าบูมรักเธอ และเธอเองก็คงรักบูมหละ
ต่อไปก็รอเป็นกำลังใจให้บูมตั้งรับมือกับพ่อและแม่ให้ได้ ให้บูมทาทางออกที่ดีที่สุดให้ได้ล่ะกัน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 28 วันที่ 15.4.2012) - ตอนใหม่มาแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 16-04-2012 10:40:59
มองไปทางไหนก็ดูจะตันไปหมด
ตอนที่แพรวบอกว่าจะยอมแต่งงานด้วย นี่ก็อึ้งเหมือนกันนะ
แต่ในชีวิตจริงก็คงมีผู้หญิงบางคนที่รับได้หากแฟนจะเป็นแบบนี้
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 28 วันที่ 15.4.2012) - ตอนใหม่มาแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 16-04-2012 11:20:43
บูมกล้าขึ้นนะ อย่างน้อย เพื่อนๆร่วมงานก็รู้และเข้าใจทั้งคู่

ทิวก็สบายใจขึ้น 

แต่....... ยัยแพรว ยังกล้าจะให้บูมแต่งงานกับตัวเองอีกเหรอ  เค้าบอกแล้วว่าไม่รักๆๆๆ ยังด้านอีก :เฮ้อ:

แล้วคุณพ่ออีก จะบีบบูมไปถึงไหนเนี่ย 

บูมกล้าๆ ต่อไปนะ เพื่อทิวและความรัก

 :กอด1: :L2: นักแต่ง 
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 29 วันที่ 16.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 16-04-2012 15:57:36
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 29 ✦ ขาดสติ

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


วันหนึ่งหลังจากเลิกงานแล้วบูมก็ขับรถมาส่งทิวที่บ้านเหมือนเช่นเคย ช่วงหลังๆ มานี้บูมมาส่งทิวบ่อยขึ้นเพราะไม่ได้ไปส่งแพรวเหมือนแต่ก่อน บางวันก็ค้างกับทิว ความจริงก็อยากมาค้างด้วยทุกวันนั้นแหละ แต่ไม่อยากให้พ่อกับแม่สงสัยมากเกินไปจึงต้องกลับไปนอนบ้านบ้าง

ในขณะที่ทิวกำลังไขกุญแจบ้านอยู่นั้น ก็มีเสียงใครบางคนเรียกมาจากทางด้านหลังด้วยน้ำเสียงที่บูมคุ้นหู

"บูม!"

น้ำเสียงที่ดุและแสดงความไม่พอใจทำให้บูมกับทิวหันไปมองแทบจะพร้อมๆ กัน

"แม่!"

บูมอุทานด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าแม่จะตามมาดักรอถึงที่นี่ ทิวเห็นสายตาของคุณทิพย์นภาที่จ้องเขม็งแล้วก็ได้แต่ยืนตัวแข็งด้วยความตกใจกลัว ดูเหมือนคุณทิพย์นภาจะเป็นผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่ทำให้ทิวรู้สึกกลัวได้มากถึงขนาดนี้

"ทำไมทำแบบนี้หา!"

น้ำเสียงของคุณทิพย์นภาเกรี้ยวกราดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปกติน้ำเสียงของแม่ก็ดุและน่ากลัวมากอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าวันนี้จะน่ากลัวมากเป็นพิเศษ

"นี่ใช่ไหมคือเหตุผลที่บูมกับแพรวจะถอนหมั้นกัน แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้เลิกคบกับไอ้เกย์นี่ ทำไมไม่ฟังแม่ แม่ผิดหวังในตัวบูมมากรู้ไหม"

คุณทิพย์นภาหันไปชี้หน้าทิวในตอนที่เรียกว่า "ไอ้เกย์"

"กลับบ้านไปเดี๋ยวนี้เลยนะบูม แล้วห้ามมาที่นี่อีก บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วทำไมไม่เคยฟัง"

"ผมไม่กลับ" บูมยืนยันเสียงแข็ง แปลกที่วันนี้บูมไม่รู้สึกกลัวแม่เหมือนที่ผ่านมาเลย มันถึงเวลาที่ต้องเข้มแข็งและเรียกร้องชีวิตส่วนตัวของบูมคืนมาบ้างแล้ว

น้ำเสียงแข็งกร้าวของลูกชายคนเล็กทำให้คุณทิพย์นภาอึ้งไปพอสมควร แต่เธอก็ยังคงแสดงอำนาจในฐานะแม่อยู่ดี

"บูม...แม่บอกให้กลับบ้านเดี๋ยวนี้ แม่รับไม่ได้รู้ไหมที่ลูกชายของแม่มาขลุกอยู่กับไอ้เกย์นี่ ทำไมทำตัวแบบนี้ คิดถึงอนาคตของตัวเองบ้างไหม ถ้าคนอื่นรู้เข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน คุณโฉมศรีเขาไม่เอาเราตายเหรอ หา!"

บูมรู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจทุกครั้งที่ได้ยินแม่เรียกทิวว่า "ไอ้เกย์" ทำไมแม่จะต้องจิกด่าทิวถึงขนาดนั้น ตอนนี้ทิวหน้าซีดและตกใจกลัวอย่างยิ่ง บูมเห็นแล้วก็แทบจะทนไม่ไหว

"เธอก็เหมือนกัน" คุณทิพย์นภาหันมาเล่นงานทิวอีกคน ชี้หน้าทิวแล้วก็พูดต่อไป

"ลูกชายฉันกำลังจะมีอนาคต กำลังจะแต่งงานมีครอบครัว แต่เธอกลับมาหลอกล่อลูกชายของฉัน เธอเคยรู้บ้างไหมว่าหัวอกของคนที่เป็นแม่อย่างฉันจะรู้สึกยังไง วิปริตผิดเพศยังไม่พอ ยังมาทำลายอนาคตของคนอื่นอีก สมควรแล้วที่สังคมเขาจะรังเกียจคนอย่างพวกเธอ เลิกยุ่งกับลูกชายของฉันได้แล้ว ได้ยินไหม ไอ้เกย์!"

คุณทิพย์นภาตวาดเสียงดัง ไม่น่าเชื่อว่าความโมโหจะทำให้คุณทิพย์นภาที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์สอนหนังสือในมหาวิทยาลัยชื่อดังจะสามารถด่าทอด้วยคำหยาบคายเช่นนี้ได้

ทิวได้แต่ยืนตัวสั่นงันงก น้ำตาเริ่มรินไหลที่ถูกแม่ของบูมด่าว่ารุนแรงถึงขนาดนั้น ทิวพูดไม่ออกสักคำ จริงสินะ บูมจะอยู่ในวงสังคมอย่างนั้นได้ยังไงถ้าบูมเป็นแฟนกับทิว อนาคตของบูมจะเป็นยังไงถ้าเกิดไม่มีใครยอมรับได้ ทิวไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย ในโลกนี้คงไม่มีแม่ที่ไหนอยากให้ลูกชายของตัวเองเป็นคนไม่มีที่ยืนในสังคมอย่างแน่นอน

"แม่! บูมโตแล้วนะครับ ไม่มีใครหลอกบูม ที่บูมมาหาทิวก็เพราะบูมมาของบูมเอง แล้วที่บูมมา...ก็เพราะว่าบูมรักทิว แม่เข้าใจไหมครับ บูมรักทิว"

บูมพูดย้ำด้วยเสียงสั่นเครือ สงสารทิวเหลือเกินที่ต้องมาเจอชะตากรรมที่แสนลำบากอย่างนี้

"อะไรนะบูม เมื่อกี้บูมพูดว่าอะไร"

คุณทิพย์นภาแทบจะกรีดร้องเมื่อเห็นลูกชายของเธอบอกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่ารักผู้ชายด้วยกัน

"บูมรักทิวครับแม่" บูมย้ำเสียงดังฟังชัดอีกครั้ง

เพี้ยะ!

เสียงฝ่ามือของผู้บังเกิดเกล้าฟาดลงไปบนใบหน้าของลูกชายคนเล็กอย่างเหลืออด เธอรับไม่ได้จริงๆ ยังไงเธอก็ไม่มีวันรับเรื่องนี้ได้อย่างเด็ดขาด

"บูม! ทีหลังห้ามพูดคำนี้ให้แม่ได้ยินอีก เข้าใจไหม!" แม่ตวาดเสียงดังอย่างโกรธจัด มือไม้สั่นเทาจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้

บูมลูบหน้าของตัวเองเบาๆ ไม่รู้สึกเจ็บมากนักหรอก แม่ไม่เคยตบบูมเลย นี่เป็นครั้งแรกที่แม่โมโหจนต้องทำร้ายร่างกายลูกชายของตัวเอง ทั้งๆ ที่เมื่อหลายปีก่อนแม่เคยโมโหพ่อที่ตบหน้าบูม วันนี้แม่กลับเป็นคนตบหน้าบูมเสียเอง

"บูม!"
 
ทิวร้องอุทานเบาๆ เมื่อเห็นบูมถูกแม่ตบหน้าฉาดใหญ่ ทิวแทบจะทนไม่ไหวแล้ว คงไม่มีใครอยากเป็นตัวการที่ทำให้ครอบของใครต้องแตกแยกอย่างนี้หรอก ทิวได้แต่ท่องในใจไว้ว่าให้อดทนไว้เพื่อความรัก แต่เหตุการณ์นี้กำลังจะทำให้ความอดทนของทิวขาดสะบั้นลงเสียแล้ว

"บูมเป็นผู้ชาย จะไปรักไอ้เกย์นี่ได้ยังไง!" แล้วคุณทิพย์นภาก็หันมาเกรี้ยวกราดกับทิวต่อ

"แกไปทำของอะไรใส่ลูกชายฉันหรือเปล่า บอกมาเดี๋ยวนี้นะ!"

"ทิว! อย่าฟัง! ทิวเข้าไปในบ้านก่อน เดี๋ยวเราตามไป" บูมหันมาออกคำสั่งกับทิว เริ่มทนเห็นทิวถูกแม่ด่าว่ามากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว

ทิวยังคงมีท่าทางลังเลจนบูมต้องพูดเสียงดังจนเกือบจะเป็นตวาด

"ทิว! เราบอกให้นายเข้าไปในบ้านไง เข้าไปเดี๋ยวนี้!"

ทิวมองหน้าบูมอย่างตกใจ แต่เมื่อเห็นบูมทำสีหน้าจริงจังอย่างนั้นทิวจึงต้องรีบไขกุญแจเพื่อเปิดประตูบ้าน แต่ก่อนที่จะเข้าไปก็ได้ยินเสียงบูมอุทานว่า

"ไอ้ต้อง!"

ไม่รู้ว่าต้องมาตั้งแต่ตอนไหน สายตาที่ต้องมองมานั้นฉายแววให้เห็นความเจ็บปวดอย่างที่สุด เจ็บปวดที่เห็นบูมปกป้องทิวไม่ได้เลย เจ็บปวดที่เห็นทิวต้องถูกด่าทอด้วยถ้อยคำที่ไม่ต่างจากการด่าสัตว์หลงทางข้างถนนตัวหนึ่ง ถ้าทิวอยู่กับต้อง ทิวจะไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้แน่นอน ทำไมทิวไม่เลือกต้องเลย ทำไมถึงได้ไปเลือกคนที่อ่อนแอและปกป้องทิวไม่ได้อย่างนั้น

เมื่อทิวสบตากับต้องและต้องได้เห็นสภาพที่น่าสมเพชของทิวแล้ว ต้องก็หันหลังเดินกลับไปที่รถแล้วก็ขับรถออกไปทันที ทิวพอจะเดาได้ทันทีว่าต้องคิดอะไร เมื่อสบตากับบูม ทิวก็เห็นแววตาที่ดูเศร้าสลดนั้นที่เกิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ บูมคงรู้สึกแย่มากที่ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ แถมต้องก็ยังมาเห็นเสียอีก

ทิวเดินเข้าไปในบ้านอย่างช้าๆ ถึงจะสงสารและรักบูมมากแค่ไหน แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะอดทนได้อีกสักกี่น้ำ แม่ของบูมดูร้ายกว่าที่คิดไว้มากทีเดียว คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้เธอเข้าใจความรักของทิวกับบูมได้

"แม่..." บูมพูดพลางสะอื้น รู้สึกสมเพชตัวเองเหลือทน "แม่รักบูมอย่างที่บูมเป็นได้ไหมครับ มันคือตัวตนของผม ยังไงผมก็เปลี่ยนไม่ได้"

น้ำเสียงเศร้าและอ้อนวอนของลูกชายนั้นทำให้คุณทิพย์นภามีท่าทางอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เธอเองก็พอจะรู้ตัวว่าบังคับลูกชายคนเล็กมามากแค่ไหน แต่เธอก็เป็นแม่ที่อยากให้ลูกมีอนาคตที่ดี ลูกชายของเธอจะได้รับการยอมรับในวงสังคมของเหล่าคนชนชั้นเดียวกับเธอได้อย่างไรถ้ามีแฟนเป็นผู้ชาย ลูกชายของเธอคิดง่ายเกินไปและคงไม่รู้จักชีวิตดีพอที่จะเข้าใจโลกภายนอกที่มีแรงกดดันและความคาดหวังมากมาย เจตนาของเธอก็มีแค่นี้แหละ ถ้าบูมแค่มีแฟนใหม่เป็นผู้หญิงสักคนหนึ่ง เรื่องมันอาจจะง่ายกว่านี้ก็ได้

"เลิกคบกับไอ้เกย์นี่ซะ อย่าดื้อกับแม่ แล้วอย่าหาว่าแม่ไม่เตือน"

น้ำเสียงที่ต่ำลงและเฉียบขาดนั้นดูน่ากลัวไม่น้อย คุณทิพย์นภาเดินกลับไปที่รถอย่างหัวเสีย คงยังไม่มีประโยชน์ที่จะบังคับให้บูมกลับบ้านตอนนี้ แต่เธอคงไม่ยอมให้บูมคบกับทิวง่ายๆ อย่างแน่นอน ถ้าพูดกันดีๆ แล้วไม่ฟังก็เห็นจะต้องใช้ไม้แข็งดูบ้าง

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

"ทิว...เปิดประตูให้เราหน่อยสิ เปิดประตูหน่อย...ทิว"

บูมพยายามร้องเรียกและขอให้ทิวเปิดประตูให้อยู่หลายรอบ แต่ทิวก็ไม่ยอมเปิดและเอาแต่ร้องไห้ บูมรู้สึกเหมือนตัวเองก็จะพลอยขาดใจตามไปด้วย

"ทิว...เปิดประตูให้เราหน่อยสิทิว" บูมพยามร้องเรียกและเคาะประตูอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล

"นายกลับไปก่อนได้ไหมบูม เราอยากอยู่คนเดียว" ทิวร้องตอบออกมา

"ไม่ได้ทิว เราเป็นห่วงนาย เราทิ้งนายไปตอนนี้ไม่ได้ เปิดประตูให้เราหน่อยนะทิว"

บูมพยายามอ้อนวอน

"เราไม่เป็นไร นายกลับไปก่อนเถอะ" ทิวก็ยังคงยืนยันเช่นเดิม

บูมทรุดตัวลงนั่งพิงประตูอย่างเหนื่อยอ่อน พยายามสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ ตอนนี้บูมจะอ่อนแอไม่ได้ วันนี้บูมจะต้องเป็นที่พึ่งให้กับทิวทั้งทางกายและทางใจ

"ทิว...เราขอโทษนะที่ทำตามที่นายขอไม่ได้ เราจะไม่ไปไหน เราจะนั่งรอนายอยู่ตรงนี้แหละ ถ้านายต้องการเราเมื่อไรก็เปิดประตูออกมาละกันนะทิว"

สิ้นเสียงพูดของบูมแล้วก็ดูเหมือนเสียงสะอื้นไห้ของทิวจะค่อยๆ เบาลงไป ทำให้บูมพอรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้อีกสักหน่อย หยิบมือถือขึ้นมาแล้วก็ค้นหาเพลงที่เคยร้องด้วยกันกับทิวบ่อยๆ สมัยเรียนมัธยมปลาย แม้ว่าตอนนี้จะไม่ค่อยได้ร้องเพลงแต่บูมก็ยังจำเพลงนี้ได้ดีเสมอ

บูมเปิดเพลง "ฉันดีใจที่มีเธอ" พร้อมกับเปิดลำโพงไปด้วย ตอนที่อยู่เมืองนอก บูมเปิดฟังเพลงนี้เสมอๆ เมื่อคิดถึงทิว เพลงนี้นี่แหละที่ช่วยย้ำเตือนให้ความรักและความผูกพันในวันนั้นยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
 
ไม่รู้ว่าตอนนี้ทิวยังไหวอยู่หรือเปล่า บูมกลัวเหลือเกินว่าทิวจะถอดใจไปเสียก่อน บางทีบูมก็รู้สึกกลัวใจของทิวเหมือนกัน แต่ก็นั่นแหละ ถ้าหากทิวจะถอดใจไปจริงๆ บูมก็คงห้ามไม่ได้ การทนเห็นคนรักของตัวเองต้องถูกทำร้ายจนเจ็บปวดอย่างนี้ก็ดูจะเป็นเรื่องที่โหดร้ายสำหรับบูมมากทีเดียว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

"อ้าวคุณ กลับมาแล้วเหรอ กินข้าวมาหรือยัง คุณมาดูนี่สิ วันนี้ผมพาบีมไปถ่ายรูปคอนโดโครงการใหม่มาด้วย บีมถ่ายรูปสวยเชียวคุณ"

คุณลิขิตทักขึ้นอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นภรรยาเดินเข้ามาในบ้าน ตั้งแต่บูมไปเรียนเมืองนอก คุณลิขิตก็เริ่มหันมาสนิทกับลูกชายคนโตมากขึ้น ตอนที่บีมอกหักจากแฟนคนก่อนที่คบกันมาหลายปีก็ได้พ่อนี่แหละที่คอยช่วยปลอบใจ พอเห็นผลงานภาพถ่ายของลูกชายคนโตคุณลิขิตก็ดูจะปลื้มอยู่ไม่น้อย

บีมเห็นสีหน้าของแม่แล้วก็ชักใจคอไม่ค่อยดี ถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ทำให้แม่มีสีหน้าอย่างนั้น เผลอๆ ก็อาจจะเป็นเรื่องของบูมอีกก็ได้

"ไม่กินไม่เกินอะไรทั้งนั้นแหละค่ะ กินไม่ลง ไปดูลูกชายคนเล็กของคุณสิคะ ทำเรื่องอะไรไว้จนหนูแพรวจะขอถอนหมั้น"

คุณทิพย์นภาพูดพลางกระแทกตัวนั่งลงบนโซฟา ท่าทางกระฟัดกระเฟียดของเธอทำให้สามีและลูกชายคนโตต้องมองหน้ากันด้วยความสงสัย

พอเห็นสามีไม่ได้มีท่าทางตื่นเต้นมากนัก คุณทิพย์นภาก็อดแปลกใจไม่ได้

"อย่าบอกนะว่าคุณกับบีมรู้เรื่องหมดแล้ว"

คุณลิขิตพยักหน้า คุณทิพย์นภาจึงเสียงแหวขึ้นมาทันที

"แล้วทำไมไม่บอกทิพย์ล่ะคะ ไม่ได้อย่างใจเลย"

พอเห็นสามีกับลูกยังทำท่าไม่อนาทรร้อนใจเธอก็จึงต้องค่อยๆ สงบสติอารมณ์ สักพักจึงพูดขึ้นมาอีก

"รู้ไหมวันนี้ทิพย์ไปไหนมา"

"อ๋อ...ไม่ทราบ" คุณลิขิตตอบด้วยท่าทางงงๆ ดูท่าทางแล้วเธอคงจะไปเจอเรื่องที่ไม่สบอารมณ์มาอีกตามเคย

"ทิพย์ไปบ้าน..." คุณทิพย์นภารู้สึกตะขิดตะขวงใจเพราะไม่อยากเอ่ยชื่อนี้เลย

"เพื่อนของบูมที่ชื่อทิวมาค่ะ คุณรู้ไหมว่าลูกชายของเราน่ะ...กลับไปหาไอ้เกย์นั่นอีกแล้ว นี่ไงคะ สาเหตุที่หนูแพรวเขาถึงได้มาขอถอนหมั้น มันน่าอายไหมล่ะคะ"

"จริงเหรอคุณ" คุณลิขิตถามด้วยอาการตกใจ

"ค่ะ" แล้วคุณทิพย์นภาก็หันไปเล่นงานลูกชายคนโตอีกคน

"บีมก็รู้เรื่องนี้ใช่ไหม"

บีมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น มองหน้าพ่อกับแม่แล้วก็พยักหน้าตอบรับ

"แล้วทำไมไม่บอกพ่อกับแม่ เออนะ พี่น้องสองคนนี้มันช่างรักกันดีจริงๆ มีเรื่องร้ายแรงใหญ่โตแบบนี้แล้วยังจะมาปิดพ่อกับแม่อีก ช่วยกันเข้าไป"

"คุณทิพย์ บางทีบูมกับเพื่อนเขาอาจจะไม่ได้คบกันอย่างที่เราคิดก็ได้นะคุณ คุณอย่าเพิ่งคิดมากสิ"

คุณลิขิตพยายามมองโลกในแง่ดี หลังๆ มานี้ก็รู้สึกว่าภรรยาของตัวเองชักจะขี้โมโหมากเกินไปจนเริ่มรับไม่ไหวเหมือนกัน คุณลิขิตเป็นคนเฉียบขาดก็จริงแต่ก็ไม่ดุพร่ำเพรื่อเหมือนภรรยา

"อ๋อเหรอคะ" คุณทิพย์นภาทำเสียงประชดประชัน

"รู้งี้ฉันพาคุณไปด้วยซะก็ดี จะได้ไปฟังว่าบูมมันพูดว่ายังไงบ้าง ลูกชายคุณเขาบอกฉันว่าเขารักไอ้เกย์นั่น ได้ยินไหมคะ ตอนแรกก็นึกว่าฟังไม่ชัด แต่บูมเขาย้ำนักย้ำหนาว่าเขารักของเค้า บอกให้กลับบ้านยังไงก็ยังไม่ยอมกลับ"

คุณลิขิตกับบีมมองหน้ากันอีกครั้ง คราวนี้ดูเหมือนพ่อจะอารมณ์ไม่ค่อยดีไปอีกคนเสียแล้ว บีมได้แต่สงสารน้องชายกับทิวในใจ แต่ตอนนี้บีมคงพูดอะไรมากไม่ได้เพราะแม่กำลังเดือดดาล เดี๋ยวจะกลายเป็นเอาน้ำมันไปราดบนกองไฟ ดูไปดูมา ท่าทางมรสุมลูกนี้ที่เริ่มก่อตัวขึ้นจะน่ากลัวไม่ใช่เล่น

"ทิพย์จะไปอาบน้ำละ"

ว่าแล้วคุณทิพย์นภาก็คว้ากระเป๋าถือของตัวเองเดินขึ้นไปบนบ้านอย่างกระฟัดกระเฟียด คุณลิขิตเองก็ดูจะเครียดด้วยไม่น้อยเช่นเดียวกัน ส่วนบีมได้แต่ลอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ ช่วงนี้บูมกับทิวคงต้องอดทนกันมากทีเดียว บีมก็ได้แต่หวังว่าน้องชายและคนที่น้องชายรักจะไม่ขาดสติจนไม่อาจจะทนอารมณ์ของพ่อกับแม่ไปได้เสียก่อน ไม่งั้นแล้วบูมก็คงจะต้องกลับมาอยู่ในสภาพเดิมให้พ่อกับแม่กะเกณฑ์ชีวิตอีกต่อไป

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ในที่สุดทิวก็ยอมเปิดประตูออกมาหาบูม บูมมานั่งรออยู่หน้าห้องไม่ไปไหนอย่างนี้ ทิวจะไม่เปิดมาดูเสียหน่อยก็คงจะใจดำเกินไป พอทิวเปิดประตูออกมาแล้วบูมก็ลุกขึ้นยืนและยิ้มดีใจ

"คนดีของบูม"

พูดแล้วก็กอดทิวไว้เสียแน่น ไม่รู้ว่าบูมไปหัดพูดคำนี้มาจากไหน แต่มันก็ทำให้ทิวถึงกับน้ำตารื้นเลยทีเดียวหลังจากที่หยุดร้องให้ไปแล้วพักใหญ่ อ้อมกอดของบูมยังคงอบอุ่นเหมือนเช่นเคย นั่นเป็นเพราะบูมรักทิวมาก บูมไม่ได้กอดทิวด้วยอ้อมแขนเท่านั้น หัวใจของบูมก็กอดทิวไว้ด้วย มันถึงได้อบอุ่นมากขนาดนี้ นี่คืออ้อมกอดที่ทำให้ทิวต้องยอมแพ้และไม่สามารถขัดขืนอะไรได้เลย

"ทิวไหวไหม ยังพอไหวหรือเปล่า"

ทิวยังไม่ตอบคำถามนั้น ได้แต่กอดบูมไว้ บูมคงสงสัยที่ทิวเงียบไปนานจึงค่อยๆ ปล่อยอ้อมแขนออกแล้วถามทิวอีกครั้ง

"นายยังไหวอยู่นะทิว ไหวอยู่ใช่ไหม"

ทิวทำสีหน้าหนักใจ พอเห็นอารมณ์ที่แสนเกรี้ยวกราดของแม่ของบูมแล้วทิวก็ไม่รู้ว่าจะทนได้นานแค่ไหนกับสถานการณ์เช่นนี้ ดูจากท่าทางของเธอแล้วแม่ของบูมคงไม่หยุดอยู่แค่นี้อย่างแน่นอน แล้วสิ่งที่จะทำให้ทิวทนไม่ได้คงไม่ใช่เพราะความกดดันหรือถูกต่อว่าอย่างเดียว แต่เป็นเพราะทิวกลัวว่าตัวเองจะทำให้บูมต้องเสียอนาคตต่างหาก สิ่งที่แม่บูมพูดมานั้นเป็นความจริงที่ทิวไม่สามารถปฏิเสธได้เลย ทิวไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ดึงบูมให้มาจมปลักอยู่กับคนที่ไม่มีอะไรอย่างทิว บูมควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้เหมือนผู้ชายทั่วๆ ไป

"ถ้าเกิด...เราไม่ไหวขึ้นมาล่ะบูม บูมจะทำยังไง" ทิวไม่รู้ว่ามันเป็นคำถามที่ควรจะถามหรือเปล่าแต่ก็ถามไปแล้ว ดูเหมือนว่าบูมก็คงอึ้งไปเหมือนกัน

"ทิว...ถ้านายไม่ไหวจริงๆ...เราก็เข้าใจนะ เราไม่บังคับนายหรอก เราก็แค่จะกลับไปใช้ชีวิตที่..."

บูมไม่ได้พูดต่อแต่ทิวก็คงรู้ดีว่าบูมหมายถึงอะไร สีหน้าของบูมดูเศร้ามากทีเดียวเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ พอรู้ตัวว่าสิ่งที่พูดทำให้คนฟังเสียกำลังใจมากแค่ไหนทิวก็รู้สึกผิด

"เราขอโทษบูม...เราขอโทษ เราจะไม่พูดแบบนี้อีก เราสัญญา เราจะอดทนให้ถึงที่สุด เราจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ อย่างนี้อีกแล้ว เจ็บแค่ไหนเราก็จะทนเพื่อความรักของเรานะบูม"

ทิวรู้สึกละอายใจเหลือเกินที่อยู่ดีๆ ก็คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เคยสัญญาว่าจะไม่ยอมแพ้ มาถึงวันนี้แล้วจะกลัวอะไรอีก เป็นไงก็คงเป็นกัน อย่ามัวแต่อ่อนแออยู่เลยทิว โลกนี้ไม่ได้สวยงามเสมอไป บางทีเราก็ต้องรู้จักเอาตัวรอดและเห็นแก่ตัวบ้าง

บูมกอดทิวไว้อีกครั้ง ไม่โกรธทิวหรอกที่พูดอย่างนั้น อารมณ์ของทิวตอนนี้คงกระเจิดกระเจิงจนเสียศูนย์เมื่อเจอฤทธิ์เดชของแม่เข้าไป คงไม่ได้คิดที่จะปล่อยมือและทิ้งบูมไปจริงๆ หรอก บูมเองก็แทบจะบ้าไปหลายครั้งเหมือนกันเวลาถูกแม่กดดันมากๆ เข้า

"ขอบคุณนะทิว ขอบคุณที่ไม่ทิ้งเราไป เราจะทำให้เรื่องนี้จบให้เร็วที่สุด นายจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดนานเกินไป เราไม่อยากเห็นนายเจ็บอย่างนี้อีกเลย"

ทิวค่อยๆ ผละตัวออกมา ยิ้มทั้งน้ำตา ในยามที่เศร้าๆ อย่างนี้ รอยยิ้มแม้เพียงเล็กน้อยก็ดูมีความหมายมากทีเดียว อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าโลกนี้ยังมีหวัง เมื่อใดที่เรายิ้มโลกก็ยังคงสวยงามอยู่เสมอ แม้จะต้องอยู่ท่ามกลางชีวิตที่แสนยากลำบากเพียงใดก็ตาม

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

"ต้อง"

เมื่อลงจากมอเตอร์ไซค์แล้ว ทิวก็พบว่าต้องมารออยู่หน้าบ้าน ท่าทางต้องดูแปลกๆ ตาแดงก่ำ ชายเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ทิวจ่ายเงินแล้วก็เดินเข้าไปหา แต่ก็ต้องผงะเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นเหล้าหึ่งจากตัวต้องที่โชยมาตั้งแต่ยังไม่ทันเดินไปถึงตัว

"นี่มึงกินเหล้ามาเหรอ เมาแต่หัววันเลยนะมึง" ทิวถามพลางทำจมูกฟุดฟิดๆ

"กูขอคุยกับมึงหน่อยได้ไหม" ต้องบอกด้วยเสียงอ้อแอ้ สีหน้าดูเครียดๆ เหมือนมีเรื่องไม่สบายใจบางอย่าง

ทิวพยักหน้า เดินไปไขกุญแจบ้านแล้วก็พาต้องเดินเข้าไปข้างใน

"ไหวไหมเนี่ย ทำไมมึงต้องเมาขนาดนี้ด้วยวะ ให้กูช่วยพยุงไหม" ทิวถามพลางทำท่าจะเข้าไปช่วยพยุง ต้องรีบยกมือห้ามไว้ทันที

"ไม่ต้องหรอก กูเดินเองได้"

"ตามใจเว้ย"

ทิวบอกแล้วก็เดินไปต่อ แต่ก็ยังคอยมองดูต้องที่เดินเซไปมาด้วยความเป็นห่วง วันนี้บูมไม่ได้มาส่งเพราะว่าช่วงนี้ต้องกลับบ้านเพื่อลดความตึงเครียดในครอบครัวลง นึกถึงแล้วทิวก็ชักเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าบูมจะโดนอะไรบ้างในตอนนี้

พอเข้ามาในบ้านแล้วทิวก็พาต้องไปนั่งที่โซฟารับแขก สีหน้าของต้องยังคงเครียดอยู่เช่นเดิมจนทำให้ทิวรู้สึกอึดอัด

"มีอะไรหรือเปล่าวะต้อง ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า บอกกูได้นะเว้ย"

ทิวถามพลางเอามือแตะไหล่ต้องเบาๆ ยังไงต้องก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ถ้าต้องมีปัญหาทิวก็พร้อมที่จะช่วยเสมอ

"มีสิ...เกี่ยวกับมึงด้วย" ต้องตอบโดยไม่หันมามองหน้า

ทิวปล่อยมือออกจากไหล่ต้อง นึกสังหรณ์ใจว่าต้องคงจะเครียดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดในวันนั้นแน่ๆ

"กูสมเพชมึงว่ะไอ้ทิว...มึงเห็นไหมว่า...ไอ้บูมมันช่วยอะไรมึงได้บ้าง วันนั้นมันก็ปล่อยให้มึงถูกแม่มันด่ายังกับไม่ใช่คน มึงรู้ไหมว่ากูเจ็บแค่ไหนที่เห็นมึงถูกแม่มันด่ามึงแบบนั้น มึงรู้ไหมทิวว่ากูเจ็บแค่ไหน มึงรู้ไหมว่ากูเสียใจแค่ไหน"

เสียงต้องดังขึ้นเรื่อยๆ ในตอนท้าย ดูเหมือนต้องจะเจ็บแค้นกับเหตุการณ์นั้นมากทีเดียว ทิวได้แต่มองหน้าเพื่อนโดยไม่พูดอะไร ปราศจากความคิดที่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย รู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ต้องคุยกับทิวเรื่องบูม ดูเหมือนต้องจะไม่ชอบบูมเอาเสียเลย

"ทำไมมึงต้องรักมันวะไอ้ทิว มึงเห็นไหมว่ามันเป็นไปไม่ได้ ครอบครัวมันไม่มีทางยอมหรอก ตัวมันเองก็ยังจะเอาตัวไม่รอด แล้วมันจะช่วยมึงได้ยังไง มึงก็ต้องเจ็บอยู่แบบนี้ สุดท้ายก็จะเสียเวลาเปล่า มึงเชื่อกูสิ ยังไงไอ้บูมมันก็ต้องเชื่อพ่อกับแม่มัน มึงคิดว่ามันจะยอมทิ้งครอบครัวมันมาอยู่ลำบากๆ กับมึงเหรอไอ้ทิว"

ดูเหมือนต้องจะเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ บวกกับความเมาก็ยิ่งทำให้อารมณ์แปรปรวนมากขึ้น

"ไอ้ต้อง...อย่าพูดเรื่องนี้เลย กูว่ามึงเมาแล้วล่ะ" ทิวพยายามจะตัดบท แต่ต้องกลับตวาดถามเสียงดังกลับมา

"ทำไมมึงต้องรักมันล่ะทิว ทำไมมึงต้องอดทนขนาดนั้น ทำไม...ทำไมมึงต้องรักมันด้วย มึงรู้ไหมว่าถ้าเป็นกู กูจะไม่ให้ใครมาทำร้ายมึงแบบนี้เลย"

ดูท่าทางต้องคงจะเอาไม่อยู่จริงๆ ด้วย ทิวจึงเงียบและไม่ต่อล้อต่อเถียงใดๆ

"บอกกูมาสิทิว ทำไมมึงต้องรักมัน ทำไมมึงรักกูไม่ได้ ทำไมล่ะทิว" ต้องถามพลางจับไหล่ทิวเขย่า

"หรือว่ามึงชอบบทรักของมัน มึงรู้ไหมว่ากูก็ทำได้ไม่แพ้มันหรอก มึงจะลองดูไหมล่ะทิว"

"ไอ้ต้อง" ทิวเริ่มเสียงดังบ้าง

"กูว่ามึงเมามากแล้วนะเว้ย ชักจะเลอะเทอะไปกันใหญ่แล้ว ปล่อยกูเลยนะมึง กูเจ็บนะเว้ย" ทิวร้องบอกด้วยความไม่พอใจเมื่อต้องชักจะล้ำเส้นไปกันใหญ่

"กูไม่ปล่อย กูไม่มีทางปล่อยมึงให้ไปรักกับไอ้คนขี้ขลาดตาขาวอย่างนั้นหรอก"

ต้องพูดพลางเขย่าตัวทิวแรงขึ้น แล้วก็ผลักทิวให้นอนลงบนโซฟา

"ไอ้ต้อง...มึงจะทำอะไรกู อย่านะเว้ย มึงอย่าทำบ้าๆ แบบนี้นะไอ้ต้อง กูเตือนมึงแล้วนะเว้ย"

ทิวขู่ แต่ต้องคงหน้ามืดแล้ว คงไม่ฟังอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ ความเมาทำให้ต้องขาดสติสัมปชัญญะเสียสิ้น

"มึงจะต้องเป็นของกู ไอ้ทิว กูจะไม่ให้ไอ้ขี้ขลาดนั่นมาดูแลมึงอีกแล้ว!"

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 29 วันที่ 16.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 16-04-2012 18:19:00
                                          กรรมบังตาสมองมืดบอดเพราะความเมาอนิจจาเพื่อนที่เคยรัก
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 29 วันที่ 16.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 16-04-2012 22:01:03
ต้อง....ไม่นร้าาา  :a5:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 29 วันที่ 16.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 16-04-2012 23:34:43
แล้วต้องจะให้บูมทำยังไง เราว่าบูมที่เป็นกลางนั่นแหละทั้งน่าสงสาร และน่าเห็นใจ
คนนีัก็แม่ คนนั้นก็คนที่เรารัก จะให้บูมหักด้ามพร้าด้วยเข่าได้อย่างไร
ทั้งทิวทั้งบูมคงต้องเข้มแข็งให้มาก และต้องจับมือกันฝ่าฟันอุปสรรคตรงนี้ไปให้ได้
ทำให้แม่เห็นถึงความรักอันบริสุทธิ์จริงจังมั่นคงให้ได้
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 29 วันที่ 16.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 16-04-2012 23:59:01
นึกว่าต้องจะตัดใจไปแล้วซะอีก แค่ลำพังปัญหาของบูมกับทิวก็มากพออยู่แล้ว ต้องยังพยายามจะทำให้มีปัญหาเพิ่มขึ้นไปอีก
ต้องจ๋าาา....อย่าทำอะไรทิวเลย ได้ตัวไม่ได้ใจมันก็เท่านั้น มีแต่จะเจ็บปวดมากขึ้นเปล่าๆ แถมจะเสียเพื่อนที่รักกันมานานไปอีก
เสียดายมิตรภาพดีๆระหว่างเพื่อนอ่ะ

อยากให้แม่บูมเข้าใจบูมบ้างจัง แต่คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ เฮ้ออออ.... นึกแล้วปวดใจ...แทนบูมจริงๆ
เป็นกำลังใจให้บูมยังคงเข้มแข็งแบบวันนี้ แม้จะปกป้องทิวไม่ได้มาก แต่บูมก็พยายามและทำได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว

สำหรับตอนนี้ ชอบหลายประโยคเลยค่ะ เช่น
"แม่รักบูมอย่างที่บูมเป็นได้ไหมครับ มันคือตัวตนของผม ยังไงผมก็เปลี่ยนไม่ได้"
เป็นประโยคในดวงใจเลย ชอบมากกก..บูมต้องพูดประโยคนี้แหละ o13
อีกอันก็ "คนดีของบูม"  :o8: :-[ให้ความรู้สึกอบอุ่นและรู้สึกได้เลยว่าบูมรักทิวมากแค่ไหน ใช่เลย คำนี้ ชอบอีกแล้วว หุหุ 

ตอนต่อไปจะหนักหน่วงแค่ไหน จัดมาค่ะ รอติดตาม
เข้ามาก็เจอว่าลงตอนใหม่แล้ว อยากบอกคนแต่งว่า ดีใจมากกกก...
 :L2: :L2: ขอบคุณค่ะ เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมนะคะ  :กอด1: :กอด1:
+1 และ +เป็ดค่ะ


หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 29 วันที่ 16.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 17-04-2012 01:41:12
วาย วอดวายกันแน่ คุณแม่ออกโรง พร้อมกลับ เพื่อนต้อง

งานนี้ บูม-ทิว  คงจะแย่แน่  แถมยังจะมีคุณพ่อมาแจมด้วย

แล้วคู่นี้จะฝ่าด่านอรหันต์ได้มั้ยล่ะเนี่ย  คุณเพื่อนต้องก็นะแทนที่จะช่วย

จะมาทำให้วุ่นขึ้นอีก  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 29 วันที่ 16.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 17-04-2012 11:12:58
มาม่า มาแล้ว

แม่มาบงการชีวิตอีกแล้ว   

ทิวอดทนไว้นะ  ยังงัยบูมต้องจัดการได้อยู่แล้ว  แต่คงจะเยอะศึกหลายด้าน :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 30 วันที่ 17.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 17-04-2012 18:37:46
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 30 ✦ มือที่มองไม่เห็น

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)


ต้องจับกดข้อมือทิวไว้บนเบาะโซฟาในลักษณะขึงพืด จากนั้นก็โน้มตัวลงมาไซร้ซอกคอของทิว ถึงทิวจะเป็นเกย์แต่ก็ไม่ใช่คนตัวเล็กๆ ที่ต้องจะเอาชนะแรงได้ง่ายๆ เมื่อก่อนทิวชอบเล่นเตะฟุตบอลจึงทำให้มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง บวกกับขนาดตัวที่สูสีกับต้องจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ต้องจะขืนใจทิวได้ง่ายๆ

"ไอ้ต้อง กูบอกให้มึงหยุด ได้ยินไหมไอ้ต้อง มึงหยุดเดี๋ยวนี้นะเว้ย มึงเป็นบ้าอะไรของมึงวะไอ้ต้อง"

ไม่ว่าทิวจะร้องห้ามอย่างไรก็ไม่เป็นผล ต้องยังคงพยายามใช้กำลังขืนใจทิวอย่างไม่ลดละและไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำสิ่งที่ไม่ควรทำอยู่

"อยู่นิ่งๆ สิวะ มึงจะดิ้นอะไรนักหนา เดี๋ยวมึงก็รู้ว่ากูกับไอ้บูมใครมันจะแน่กว่ากัน"

ต้องคุมสติไม่อยู่แล้ว เมื่อเห็นทิวดิ้นไม่หยุดก็เลยต้องคิดหาวิธีที่จะทำให้ทิวหยุดดิ้นให้ได้ ไม่รู้ผีห่าซาตานที่ไหนเข้าสิง ต้องตัดสินใจทำในสิ่งที่ทำให้ตัวเองก็ต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ต้องหันมาใช้มือบีบคอทิว ไม่ได้กะจะให้ทิวตายหรอก แค่จะให้หยุดดิ้นเท่านั้นเพราะทิวแรงเยอะ ถ้าไม่ทำแบบนี้สุดท้ายต้องก็คงจะสู้ไม่ไหว

"ไอ้ต้องมึง แค่กๆๆๆ"

ทิวพูดไม่ออกเพราะต้องบีบคอทิวแน่น ทิวพยายามแกะมือของต้องออกจากคอเพื่อเอาชีวิตรอด เมื่อเห็นว่าไม่เป็นผลบวกกับสัญชาติรักตัวกลัวตาย ทิวจึงรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีตัดสินใจใช้มือผลักหน้าอกต้องสุดแรงจนต้องกระเด็นไปด้านตรงข้าม ข้าวของบนโต๊ะหล่นกระจัดกระจาย เก้าอี้ล้มระเนระนาดไปคนละทิศละทาง

แล้วทุกอย่างก็เงียบไปสักพัก...

ต้องดูเหมือนจะหายเมาเป็นปลิดทิ้งเมื่อรู้เพิ่งทำอะไรลงไป

"ไอ้ต้อง...มึงเป็นบ้าอะไรของมึง มึงจะฆ่ากูหรือไง เสียแรง...ที่กูกับมึงอุตส่าห์เป็นเพื่อนกันมาเป็น 20 ปี ทำไมมึงทำแบบนี้วะไอ้ต้อง"

ทิวพูดไปร้องไห้ไป นี่คงจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หนักหนาในชีวิตของทิวเมื่อเพื่อนรักที่คบกันมาเกือบยี่สิบปีทำร้ายกันเช่นนี้เพราะความขาดสติ

ต้องได้สติแล้วก็ค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นเดินมาหาทิวที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาและเอามือลูบคอของตัวเองอยู่

"ทิว...กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ" ต้องบอกด้วยเสียงสั่นเทาและสีหน้าที่บอกว่ารู้สึกผิดอย่างที่สุด

"ไม่ได้ตั้งใจเหรอ ถ้ามึงตั้งใจกูก็คงตายไปแล้วใช่ไหมไอ้ต้อง" ทิวถามเสียงดัง ริปฝีปากสั่นระริก

"ทิว...กูขอโทษ มึงอย่าโกรธกูนะเว้ย ต่อไปกูจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วไอ้ทิว มึงจะให้กูทำอะไรก็ได้ กูขอโทษ"

ต้องบอกพลางร้องไห้เช่นกัน นึกโกรธตัวเองที่เมามายจนขาดสติถึงขนาดนี้ ขาดสติจนเกือบจะฆ่าเพื่อนรักของตัวเองตายคามือไปแล้ว

"ตอนนี้อย่าเพิ่งคุยอะไรกันดีกว่าไอ้ต้อง กูไม่อยากเห็นหน้ามึงตอนนี้"

ทิวพูดแบบนี้ก็หมายความว่าให้ต้องออกไปจากบ้านของทิวก่อนนั่นเอง แม้จะเป็นเพื่อนกันมานาน แม้จะรู้ว่าต้องขาดสติและไม่ได้ตั้งใจ ทิวก็ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ดี ทางที่ดีให้ต้องกลับบ้านไปก่อนดีกว่า

"มึงกลับไปก่อนได้ไหมไอ้ต้อง" ทิวพูดย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นต้องยังคงยืนตะลึงอยู่

ต้องพยายามสบตากับทิวเพื่อจะบอกว่าเสียใจแค่ไหน แต่ต้องก็รู้ว่าทิวคงไม่อยากรับรู้ นี่ต้องทำอะไรลงไป ทำไปได้ยังไง ทิวคงไม่ให้อภัยสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นแน่ๆ เลย ต้องคงทำลายมิตรภาพที่ยาวนานกว่า 20 ปีลงไปเสียสิ้นแล้ว ไม่ต่างจากคนที่เขียนด้วยมือแล้วลบด้วยเท้า

ต้องเดินคอตกออกจากบ้านทิวไปอย่างช้าๆ ได้แต่ขอโทษทิวในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่จะมีประโยชน์อะไร ต้องทำลงไปด้วยตัวเองทั้งหมด ก็คงต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรมและผลที่จะตามมาหลังจากนี้ ถ้าทิวจะไม่ให้อภัยต้องก็คงไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะร้องขอ

เมื่อต้องกลับไปแล้วทิวก็นั่งชันเข่าร้องไห้อยู่บนโซฟาคนเดียว ดูเหมือนชีวิตจะไม่สามารถหนีหายจากเรื่องราวร้ายๆ ไปได้เลย ทุกอย่างดูเหมือนจะดีขึ้นเมื่อบูมกลับมา แต่อีกด้านหนึ่ง...มันคือการก่อตัวของพายุลูกใหม่ต่างหาก แล้ววันนี้ จู่ๆ พายุอีกลูกก็ก่อตัวขึ้นและโถมเข้าเล่นงานทิวแบบไม่ให้ตั้งตัวและไม่คาดคิดมาก่อน เพื่อนเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้กลับเป็นคนที่ทำร้ายทิวเสียเอง ถึงจะรู้ว่าต้องไม่ได้ตั้งใจ แต่เหตุการณ์เสี่ยงต่อความเป็นความตายเมื่อกี้ก็น่ากลัวเหลือเกิน ต้องไม่น่าทำอย่างนี้เลย

ทิวคิดถึงบูมเหลือเกินในเวลานี้ แต่คงจะบอกเรื่องนี้ให้บูมรู้ไม่ได้ ไม่อยากให้บูมกับต้องผิดใจกัน ไม่อยากจะทำให้เรื่องราวมันวุ่นวายมากขึ้น ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ชักจะวุ่นวายจนชีวิตจะหาความสงบสุขไม่ได้อยู่แล้ว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

ดูเหมือนเรื่องร้ายๆ สำหรับทิวยังคงไม่หมดเพียงเท่านี้ วันนี้บูมไม่ได้มาทำงานที่สมาคมเพราะต้องไปช่วยพ่อทำงานที่บริษัท พอดีเอิร์ธว่างก็เลยขับรถมาส่งทิวที่บ้านตอนเลิกงาน แต่ก่อนจะกลับเข้าบ้านทิวก็พาเอิร์ธไปหาอะไรกินที่ตลาดโชคชัยสี่ก่อนเพราะเห็นเอิร์ธบ่นหิวมาตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ ดูเหมือนเอิร์ธจะชอบมากทีเดียวเพราะมีของกินให้เลือกหลากหลายจึงกินกันเสียเปรม จุกไปตามๆ กัน

เกือบๆ สองทุ่ม เอิร์ธจึงขับรถมาส่งทิวที่บ้าน พอส่งทิวเสร็จแล้วเอิร์ธก็ต้องวิ่งรถเลยไปอีกหน่อยก็จะเจอแยกในซอยที่พอใช้กลับรถได้ เอิร์ธมองกระจกหลังก็บังเอิญเห็นชายสองยืนอยู่แถวๆ หน้าบ้านของทิว แต่เอิร์ธก็ไม่ได้สนใจนักเพราะคิดว่าคงเป็นคนแถวนี้ พอกลับรถได้แล้วและวิ่งขับผ่านมาทางหน้าบ้านทิวอีกครั้ง เอิร์ธก็เห็นทิวนอนทรุดกองอยู่หน้าบ้าน ด้วยความตกใจจึงรีบจอดรถแล้วลงไปดูทันที

"เฮ้ยทิวเป็นไร ใครทำอะไรอะไรทิวน่ะ"

พอเห็นหน้าตาเนื้อตัวของทิวมีแต่รอยฟกช้ำดำเขียวไปหมดเอิร์ธก็ยิ่งตกใจ

"อะไรเนี่ย เกิดอะไรขึ้น"

"ไม่รู้เหมือนกันน่ะเอิร์ธ เรากำลังไขกุญแจบ้านอยู่ดีๆ ก็มีใครไม่รู้วิ่งเข้ามารุมตีเราใหญ่เลย"

"ไอ้สองคนนั้นแน่ๆ เลย เมื่อกี้เราเห็นแวบๆ ทางกระจกหลัง"

เอิร์ธสันนิษฐาน แต่สองคนนั้นก็ขี่มอเตอร์ไซค์หนีไปเสียแล้ว หน้าก็จำไม่ได้ ไม่รู้จะไปแจ้งตำรวจว่ายังไง

"น่าจะใช่"

ทิวตอบพลางพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ลุกไม่ได้เพราะรู้สึกเจ็บไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว เจ็บหลายจุดจนไม่รู้ว่ามีจุดไหนของร่างกายบ้างที่ถูกตี

"เราว่านายไปหาหมอดีกว่า เดี๋ยวเราพาไป"

เอิร์ธบอกแล้วก็ค่อยๆ ช่วยพยุงทิวขึ้นไปนั่งบนรถ คนถูกตีเจ็บเสียจนแทบจะไม่มีแรงเกาะคนที่มาช่วย พอเข้าไปนั่งในรถได้แล้ว เอิร์ธก็หันมาถามทิวที่นั่งโอดโอยอยู่ข้างหน้าด้วยกัน

"ทิวไปมีเรื่องกับใครมาหรือเปล่า"

ทิวพยายามนึก แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าไปมีเรื่องกับใครตั้งแต่เมื่อไหร่ นอกจาก...แพรว หรือว่า...แม่ของบูม คงไม่ใช่หรอก ทิวไม่ควรจะคิดอกุศลอย่างนั้น สองคนนั้นคงไม่ทำเรื่องอย่างนี้หรอก แล้วใครล่ะ หรืออาจจะเป็นแค่การเข้าใจผิดกันเฉยๆ หรือเปล่า หนี้ก็ส่งไปจนหมดแล้วไม่น่าจะเป็นปัญหาได้อีก

"ไม่มี...เขาอาจจะจำผิดคนก็ได้ เราก็เลยซวยไป" ทิวพยายามคิดในแง่นั้นเมื่อไม่รู้ว่าจะสงสัยใครดี

"อืม...อาจจะเป็นไปได้ เดี๋ยวเราโทรหาบูมก่อนนะ" เอิร์ธว่าแล้วก็ขับรถออกไปพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาบูมไปด้วย

"บูม...เลิกงานหรือยัง ตอนนี้ผมกำลังจะพาทิวไปโรงพยาบาลนะ"

"ทิวเป็นอะไร ทำไมต้องไปโรงพยาบาล" บูมถามมาด้วยน้ำเสียงตกใจ

"ทิวโดนใครก็ไม่รู้ดักตีเมื่อกี้ ที่หน้าบ้าน พอดีเรามาส่งทิวที่บ้าน แล้วตอนที่เราไปกลับรถ...ไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ คนร้ายมันก็ดักตีทิวจนลงไปนอนทรุดเลย"

"อะไรนะเอิร์ธ แล้วทิวเป็นอะไรมากไหม"

เสียงที่ลอดมาทางโทรศัพท์มือถือดังพอที่ทิวจะได้ยินอยู่เหมือนกัน จึงได้รับรู้ความเป็นห่วงเป็นใยของอีกฝ่ายที่มีให้ตนเอง

"ก็ฟกช้ำดำเขียวไปทั้งตัวเลยแหละ แต่ทิวยังโอเคอยู่นะ ผมว่าแขนทิวน่าจะโดนตีหนักสุดเลย" เอิร์ธรายงานไปตามที่เห็น ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะทิวพยายามใช้แขนป้องกันตัวเองไว้

"โอเคๆ เดี๋ยวผมจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้เลย ฝากดูแลทิวหน่อยนะเอิร์ธ"

"ครับๆ ได้ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก รีบตามมาละกันนะครับบูม"

เอิร์ธพูดจบแล้วก็วางสายไป พอเก็บโทรศัพท์เข้าที่เรียบร้อยก็หันมาคุยกับทิวต่อ

"ทิวโชคดีนะ รู้ไหมว่าบูมเขาเป็นห่วงแล้วก็รักทิวมาก"

ทิวหันไปมองเอิร์ธแต่ไม่ได้พูดอะไร เอิร์ธคงพอสังเกตเห็นความอยากรู้ในแววตาของทิวจึงพูดสืบไปว่า

"รู้ไหมว่าบูมเขากลัวพวกเราเข้าใจทิวผิด ก็เลยนัดพวกเราไปคุยด้วย ลีน่ากับแอนเดอร์สันก็ไปด้วยนะ คุยกันอยู่นานเลยแหละ บูมเขาย้ำตลอดเลยนะว่าทิวไม่ใช่มือที่สาม เพราะว่าบูมรักทิวมาตั้งนานแล้ว ก่อนที่จะมาเจอแพรวเสียอีก แต่ก็ถูกพ่อแม่คลุมถุงชน ไม่น่าเชื่อนะว่าสมัยนี้ยังมีเรื่องแบบนี้อยู่อีก"

เอิร์ธพูดติดตลกในตอนท้ายๆ

"แล้วพวกนาย...ไม่รังเกียจ...คนที่เป็นแบบเราเหรอ"

ทิวถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็ถึงคำด่าของแม่ของบูมที่แสนจะน่าสยดสยองนั้น

"ไม่หรอก...พวกนายก็เป็นคนดี ทำประโยชน์ให้สังคมได้เหมือนๆ กันนี่หว่า เราควรจะรังเกียจพวกคนที่สร้างปัญหาให้สังคมไม่ดีกว่าเหรอ อย่างพวกดาราที่ชอบมีข่าวฉาวๆ พวกนักการเมืองที่โกงบ้านกินเมือง หรืออะไรพวกนี้ เราว่าคนพวกนี้ต่างหากที่พวกเราสมควรจะรังเกียจ ไม่ใช่มารังเกียจพวกนาย จริงไหม" เอิร์ธย้อนถาม

ทิวพยักหน้าพลางยิ้มน้อยๆ แล้วก็ร้องโอ๊ยเพราะเจ็บปาก เอิร์ธเห็นแล้วก็อดขำนิดๆ ไม่ได้แม้ว่าจะรู้สึกสงสารมากก็ตาม

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

เกือบสามทุ่มบูมก็มาถึงโรงพยาบาล น้ำตาแทบจะร่วงเลยทีเดียวเมื่อเห็นสภาพคนรักมีรอยฟกช้ำดำเขียวตามเนื้อตัวและใบหน้าหลายจุด ไม่รู้ว่าไอ้คนพวกนั้นมันโกรธแค้นอะไรทิวนักหนาถึงจะต้องทำกันเจ็บถึงขนาดนี้

"ใครทำอะไรนายน่ะทิว"

บูมถามพลางย่อตัวลงนั่งข้างๆ บนเตียงของทิว สายตาคอยมองสำรวจร่างกายของทิวด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ทิวต้องเข้าเฝือกแขนข้างหนึ่งเพราะค่อนข้างบวมและเจ็บกว่าอีกข้าง

"ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยเขาคงจะจำคนผิดมั้ง เราไม่เคยไปมีเรื่องกับใครเลย ถือซะว่าฟาดเคราะห์ไปละกัน"

ทิวบอกด้วยเสียงที่ฟังดูอู้อี้เพราะปากเริ่มบวมเจ่อ

ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น ตั้งแต่บูมรู้จักทิวมาก็ไม่เคยเห็นทิวทำตัวเกเรเป็นนักเลงเลย ไม่น่าจะมีเรื่องกับใครจนต้องถูกดักตีอย่างนี้ จะว่าเป็นเจ้าหนี้คนนั้นก็ไม่น่าใช่เพราะบูมก็ช่วยจ่ายเงินส่วนที่เหลือไปหมดแล้ว

"ขอบคุณมากนะเอิร์ธที่ช่วยพาทิวมาโรงพยาบาล"

บูมหันไปบอกเอิร์ธที่ยืนอยู่ข้างหลังเมื่อนึกขึ้นได้ มัวแต่ห่วงทิวเสียจนลืมดูว่ามีใครอยู่บ้าง

"ไม่เป็นไร อ้อ เดี๋ยววิท ลีน่าแล้วก็แอนเดอร์สันจะมาด้วยนะ ใกล้ถึงละ" เอิร์ธบอก

บูมพยักหน้ารับรู้แล้วก็หันมาดูทิวต่อ

"บูมกินอะไรมาหรือยัง" ทิวถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

"ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงเราหรอก นายห่วงตัวเองเถอะ แล้วหมอจะให้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไร"

"รอดูอีกวันสองวัน ถ้าไม่มีอะไรก็น่าจะกลับไปพักที่บ้านได้"

ดูจากสภาพแล้วคนร้ายคงแค่ต้องการสั่งสอนขั้นต้นเท่านั้น ทิวจึงไม่ถึงกับเจ็บหนักมาก แต่ก็เจ็บตัวไปพอสมควร

"นายพักให้เต็มที่นะ ไม่ต้องห่วงงานหรอก ห่วงตัวเองก่อน เราพอจะหาคนมาช่วยทำชั่วคราวได้"

เหมือนบูมจะนึกอะไรได้ก็เลยถามต่อไปว่า "แล้วพวกนั้นมันจะกลับมาทำร้ายนายอีกหรือเปล่าล่ะทิว นายไปอยู่ที่อื่นชั่วคราวก่อนไหม"

"ก็ดีเหมือนกันนะทิว อย่าเพิ่งวางใจไป ผมมีคอนโดอยู่แถวๆ รัชดา ทิวจะไปพักก็ได้นะ ตอนนี้ผมยังไม่ใช้" เอิร์ธเห็นดีด้วย

จะว่าไปแล้วเพื่อนร่วมงานของทิวแต่ละคนก็ล้วนแต่เป็นคนจิตใจดีกันทั้งนั้นเลย โชคดีจริงๆ ที่ทิวได้มาเจอคนดีๆ อย่างนี้

ยังไม่ทันจะได้ตอบ วิท ลีน่าและแอนเดอร์สันก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง พอทุกคนเห็นสภาพของทิวแล้วต่างก็ตกใจกันใหญ่

"เป็นไงบ้างทิว" วิทถามก่อนใครเพื่อน

"Are you okay, Tiew?" แอนเดอร์สันเดินเข้ามาถามด้วยอีกคน

"I'm ok--still alive." ทิวตอบติดตลกว่ายังมีชีวิตอยู่ ไม่ถึงกับตาย

"What happened?  Did they mistake you for someone else?"

ลีน่าถามว่าเกิดอะไรขึ้น พวกนั้นเข้าใจว่าทิวเป็นอีกคนหรือเปล่า ข้อมูลเบื้องต้นเหล่านี้ก็มาจากที่เอิร์ธบอกนั่นแหละ

"I really have no idea but I just guess so."

ทิวตอบพลางพยายามยิ้มเท่าที่พอจะยิ้มได้ เห็นเพื่อนร่วมงานหลายคนเป็นห่วงและอุตส่าห์มาเยี่ยมถึงโรงพยาบาลก็อดตื้นตันใจไม่ได้ ตั้งแต่ออกจากมหาวิทยาลัยมาแล้วทิวก็แทบไม่เคยได้เจอบรรยากาศที่มีเพื่อนๆ หลายคนแบบนี้อีกเลย

"Oh, that's too bad.  I hope you get well soon, friend." แอนเดอร์สันอวยพรให้ทิวหายไวๆ

"Thank you."

ทิวกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ น้ำตาพาลจะไหลให้ได้ที่รู้ว่ามีเพื่อนร่วมงานที่ดีขนาดนี้ ที่ผ่านมาทิวคิดกังวลเสมอว่าเพื่อนร่วมงานคงไม่ค่อยชอบทิวเพราะคิดว่าทิวเป็นมือที่สามระหว่างบูมกับแพรว แต่พอบูมอธิบายให้เข้าใจแล้ว การปฏิบัติตัวของเพื่อนๆ เหล่านี้ต่อทิวก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีจนทิวคาดไม่ถึง

"ขี้แยอีกแล้วนะ"

บูมพูดพลางเอามือไปขยี้หัวทิวเล่นด้วยความเอ็นดู ทิวร้องโอ๊ยเพราะหัวของทิวก็โนจากการถูกไม้ตีด้วย

"ขอโทษๆ เราลืมไป"

บูมรีบร้องบอกอย่างตกใจและหน้าเสียที่ทำให้ทิวต้องเจ็บ

"ไม่เป็นไร...ไม่เจ็บมากหรอก"

ทิวบอกพลางยิ้มและขำเล็กน้อย คนอื่นๆ ก็พลอยขำตามไปด้วย ไม่น่าเชื่อว่าเวลาผู้ชายกับผู้ชายอยู่ด้วยกันจะมีภาพน่ารักๆ แบบนี้ให้เห็นได้ด้วย ทิวกับบูมช่วยทำให้เพื่อนร่วมงานได้เปิดโลกทัศน์และเห็นความจริงที่คนทั่วไปไม่ได้เห็นในความรักระหว่างชายกับชายมากขึ้น น่าเสียดายที่เรามักมีอคติจนลืมมองเห็นความสวยงามของสิ่งที่เป็นอยู่ ในจำนวนนั้นก็มีบางคนในครอบครัวของบูมรวมอยู่ด้วย

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

บูมกับเอิร์ธช่วยกันเก็บข้าวของที่ขนมาจากบ้านทิวบางส่วนเข้าที่ ส่วนทิวก็ได้แต่นั่งมองอยู่บนเตียงเพราะตัวเองยังเจ็บอยู่ ช่วยอะไรไม่ได้ หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วบูมก็ให้ทิวมาพักอยู่ที่คอนโดของเอิร์ธชั่วคราวก่อนเพราะยังไม่ไว้ใจในความปลอดภัยของทิว ตอนแรกทิวจะไม่ยอมแต่บูมกับเอิร์ธก็ขอร้องจนทิวต้องมา

"หมดแล้วนะ" เอิร์ธหันมาถามยืนยันกับทิวหลังจากที่เก็บของเข้าที่เรียบร้อยแล้ว

ทิวพยักหน้าพลางยิ้ม "ขอบใจเอิร์ธมากนะครับ"

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราขอตัวกลับก่อนละกันนะ พอดีต้องไปธุระกับแม่"

"อ้าว...ไม่อยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อนเหรอ ผมซื้อมาเยอะแยะเลย" บูมร้องถาม

"เอาไว้คราวหน้าละกันครับ ผมติดจริงๆ วันนี้ นี่ไงแม่โทรมาตามละ"

เอิร์ธบอกพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง กดรับแล้วก็เดินออกไปพร้อมกับโบกมือให้เป็นสัญญาณว่าต้องไปแล้ว โชคดีเหมือนกันที่ทิวออกจากโรงพยาบาลตรงกับวันหยุดพอดี บูมจึงมีเวลาอยู่ดูแลทิวอย่างเต็มที่ได้ทั้งสองวัน

"หิวหรือยัง" บูมหันไปทิวถามหลังจากเดินไปปิดประตูห้อง

ทิวพยักหน้า

"ไปกินข้าวด้วยกันตรงนั้นดีกว่า"

บูมบอกพลางเดินมาช่วยพยุงทิวไปนั่งตรงโต๊ะที่จัดไว้สำหรับนั่งกินข้าวหรือจะคุยกันก็ได้ ห้องของเอิร์ธดูกว้างขวางทีเดียว ราคาคงจะแพงไม่ใช่น้อย

บูมช่วยแกะกับข้าวแล้วจัดใส่จาน ทิวได้แต่นั่งดูตาปริบๆ เช่นเคยเพราะมือข้างหนึ่งยังต้องใส่ผ้าสามเหลี่ยมคล้องแขนเอาไว้อยู่ บูมเห็นทิวมองด้วยสายตารู้สึกผิดก็อดขำไม่ได้ เกือบจะเอามือไปยีหัวทิวอยู่แล้วเชียว แต่พอนึกได้ว่าทิวยังเจ็บอยู่ก็เลยต้องหดมือกลับ

"อย่าคิดมากน่าทิว เมื่อก่อนนายช่วยเราตั้งเยอะตั้งแยะ ให้เราดูแลนายบ้าง ไม่ต้องกลัวหรอก...เดี๋ยวพอนายหายแล้วเราก็จะใช้นายคืนให้เข็ดเลย ดีไหม" บูมสัพยอกในตอนท้าย

"อ้อ กินข้าวต้มไปก่อนละกันนะ จะได้กินง่ายๆ"

บูมจัดแจงอาหารเสร็จแล้วก็นั่งลงข้างๆ ทิวที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

"เดี๋ยวเราป้อนนะ"

ทิวทำหน้าตกใจแล้วก็ร้องห้าม

"ไม่เอา...เรากินเองก็ได้"

พอเห็นบูมทำหน้าขอร้องอ้อนวอน ทิวก็เลยต้องยอม

"ก็ได้ แค่วันนี้วันเดียวนะ" มีต่อรองเสียด้วย

บูมหัวเราะชอบใจแล้วก็ค่อยๆ ตักอาหารป้อนทิว

"เป่าก่อนดิ เดี๋ยวก็ลวกปากเราพอดี"

ทิวทักท้วง บูมก็เลยขำแล้วก็เป่าข้าวต้มในช้อนก่อนจะป้อนเข้าปากทิวไป ดูเก้ๆ กังๆ เล็กน้อยเพราะไม่ค่อยได้ทำแบบนี้เท่าไรนัก

"แล้วนายไม่กินข้าวเหรอ"

"เดี๋ยวกิน"

บูมพูดจบก็ตักข้าวป้อนทิวต่อ จนกระทั่งทิวกินข้าวหมดแล้วจึงพาทิวไปนอนที่เตียงแล้วก็กลับมานั่งกินข้าวบ้าง จากนั้นก็จัดการล้างเก็บให้เรียบร้อย แล้วก็มาดูแลทิวต่อ ปกติบูมแทบจะไม่เคยทำอย่างนี้เลยเมื่ออยู่ที่บ้าน แต่ตอนเรียนที่เมืองนอกต้องทำเองทุกวันก็เลยพอทำได้

"เราอยากอาบน้ำ" ทิวทำเสียงอ้อนเมื่อบูมกลับมา รู้สึกไม่ชอบเลยเวลาเจ็บป่วยแบบนี้แล้วอาบน้ำไม่ได้

"อย่าเพิ่งเลย เอางี้ละกัน เดี๋ยวเราเช็ดตัวให้ นายจะเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยไหม"

"ก็ดีเหมือนกัน"

บูมจึงเดินไปเลือกเสื้อผ้าที่คิดว่าทิวน่าจะใส่นอนได้สบายๆ หนึ่งชุดมาเตรียมไว้ หลังจากนั้นก็ไปหาชามใบใหญ่ใส่น้ำและผ้าขนหนูผืนเล็กมาด้วยหนึ่งผืน

"ถอดเสื้อผ้าก่อนนะ" บูมบอก แต่ทิวก็ทำหน้าอิดออด

"ไม่ถอดเสื้อผ้าออกแล้วจะเช็ดตัวยังไงล่ะ จะอายทำไม เราเห็นของนายจนหมดแล้ว"

ทิวจึงต้องยอมให้บูมช่วยถอดเสื้อผ้าออกไป จนเหลือแต่ชุดชั้นในเทาๆ ตัวน้อยๆ พอบูมจะช่วยถอดทิวก็รีบร้องห้าม

"อันนี้เอาไว้ก่อนก็ได้"

บูมขำแล้วส่ายหน้า "นายนี่ เราไม่ทำอะไรนายหรอกน่า เจ็บแบบนี้จะทำได้ยังไง"

แล้วก็หันสบตากับทิวพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม "แต่ถ้านายต้องการก็บอกเราได้นะ เราช่วยได้"

บูมจึงถูกมือข้างที่เหลือของทิวหยิกแขนเข้าให้ เจ็บจนร้องอูยเบาๆ แล้วก็หัวเราะแหะๆ หยอกกันพอหอมปากหอมคอแล้วบูมก็ช่วยเช็ดตัวให้ทิวอย่างทนุถนอมเพราะกลัวจะทำให้ทิวเจ็บตัวมากกว่าเดิม

ระหว่างนั้นทิวก็ถามคำถามหนึ่งที่ทิวอยากรู้และสงสัยมานานแล้ว "บูม...นายเคย..." บูมหยุดและสบตากับทิวด้วยความสงสัย

"นายมีอะไรกับแพรวหรือยัง" ทิวกลั้นใจถามออกไปอย่างเขินๆ แต่มันก็อยากรู้จริงๆ นี่นา

บูมยิ้มเล็กน้อยแล้วก็ถามกลับ "แล้วนายคิดว่าไงล่ะ"

"ก็...ถ้าเคยเป็นแฟนกันก็น่าจะ..."

บูมขำแล้วก็ถามกลับไปว่า "ถ้าจะบอกว่าไม่ล่ะ นายจะเชื่อไหม"

"จริงเหรอ" ทิวทำสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ

"จริงสิ ก็เราไม่ได้รักเขานี่" แล้วบูมก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย "แต่ถ้ากับผู้ชายคนอื่น...ไม่แน่"

เห็นทิวตกตะลึงแล้วบูมก็ขำ สักพักทิวก็ทำหน้าม่อย

"ไม่ต้องเช็ดแล้ว เราจะนอน"

ทำเสียงแบบนี้แสดงว่างอนแน่ๆ เลย บูมไม่ได้เห็นทิวงอนมานานแล้ว สมัยเรียนนั้นทิวเคยงอนบูมอยู่บ้าง โดยเฉพาะตอนที่บูมจีบกับน้องแป๋มอยู่ ทิวงอนจนไม่ยอมพูดกันเป็นอาทิตย์ๆ เลย

"งอนเหรอ ยังขี้งอนเหมือนเดิมนะเนี่ย อ้อ...ขี้หึงด้วย" บูมยิ้มชอบใจแล้วก็ก้มหน้าลงไปใกล้ๆ

"ยังไงเราก็รักนายคนเดียวนะทิว คนอื่นๆ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่กับนาย...เรารักจริงหวังแต่งนะ"

ทิวยิ้มเขิน บูมจึงขโมยหอมแก้มเบาๆ ก็เลยยิ่งทำให้ทิวเขินไปกันใหญ่ คงจะเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะมีบ้างในตอนนี้ ขอเวลาพักจากเรื่องร้ายๆ ก่อนละกันนะ

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 30 วันที่ 17.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Ebsilon ที่ 17-04-2012 21:50:26
หวัดดีครับ  นานๆจะเข้ามาที

ผมติดตามตั้งบอร์ดนี้ แล้วก็อีกบอร์ดนึงนะครับ

เข้ามาเป็นกำลังใจให้ครับ เนื้อเรื่องกำลังเข้มข้นเลย มาลงบ่อยๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 30 วันที่ 17.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 17-04-2012 22:00:21



 :o8: :o8: :o8:


ได้กลับมาอ่านแล้ววว


เป็นกำลังใจให้บูม ทิว และคุณคนเขียนคร่าา  :L2: :L2: :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 30 วันที่ 17.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 17-04-2012 22:31:27
เราว่างานนี้แพรวเป็นเจ้าภาพมั้ง มันแค้นนี่นา ลงที่บูมคงไม่มีโอกาส ขอลงที่ทิวล่ะกัน คิดว่าง้้นนะ
เอาใจช่วยบูมกับทิวให้ก้าวผ่านปัญหานี้ไวๆ สงสารทิว ระทมทุกข์มาเกือบจะตลอดเลย
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 30 วันที่ 17.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 17-04-2012 22:54:02
ขอแสดงความยินดีกับคนแต่งด้วยนะคะ ได้เกิน 6000 views แล้วววว... เย้ๆๆๆ :mc4: :mc4: :mc4:

ต้องเอ้ยย ถึุงขั้นบีบคอทิว แรงไปนิดนะ หากทิวดิ้นไม่หลุด ไม่อยากคิดเลย....ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
และทิวโดนใครลอบทำร้ายละเนี่ย ใครจ้างมา แพรว???? แม่บูม???? ต้องทำขนาดนี้เลยหรอ ใจร้ายง่ะ
เพื่อนๆบูมเป็นคนดีกันทุกคนเลย โดยเฉพาะอาร์ต ทั้งเข้าใจและช่วยเหลือเป็นอย่างดี ดีมากๆ ซึ้งน้ำใจ
อย่างน้อยทิวกับบูมก็ยังโชคดีนะ ที่มีเพื่อนดีๆอยู่รอบตัวในตอนที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย
ผลพลอยได้จากการที่ทิวบาดเจ็บ ก็ํมีข้อดีเหมือนกันนะ ทำให้หวานกันจนมดขึ้นทั้งรังแล้วว  :o8: :-[ :impress2:

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะที่ "เวลาผู้ชายกับผู้ชายอยู่ด้วยกันจะมีภาพน่ารักๆ แบบนี้ให้เห็น"
จากประสบการณ์ตรงเพื่อนๆรอบตัวก็น่ารักแบบนี้หลายคู่ :m3: มีทั้งคบกันเปิดเผยและไม่เปิดเผย(แต่เพื่อนก็แอบรู้อ่ะนะ คิคิ)
บางคนพ่อแม่ก็ไม่รู้แบบเรื่องนี้เลย ยังไปแนะนำให้เพื่อนหลายคนมาอ่านเรื่องนี้เลยค่ะ เผื่อเอาไปเป็นแนวทางได้บ้าง??

 :L2: :L2: :L2: ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้คนแต่งเสมอ รอติดตามพายุลูกใหญ่ค่ะ :กอด1: :กอด1:



หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 30 วันที่ 17.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 17-04-2012 22:54:57
เล่นกันเเบบนี้เลยง่ะ...หวังว่าไม่ใช่คุณเเม่สามีนะ o12
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 30 วันที่ 17.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Cynthia_Moonlight ที่ 17-04-2012 23:44:33
นับวันเรื่องมันจะยุ่งเหยิงไปกันใหญ่นะเนี่ย... ไม่อยากจะคิดว่าใครเป็นคนมารุมทิว เพราะคิดไปแล้วมันก็มีแค่............ แต่ไม่เอาอ่ะ ไม่คิดดีกว่า อิอิ

งานนี้ต้องระวังหลายคนมากทั้งแพร ทั้งพ่อแม่บูม กลัวที่สุดคือมาลงที่ทิวนี่แหละ ไม่นะ....แค่นี้ก็สงสารทิวสุดๆแล้ว T^T


เป็นกำลังใจให้คนแต่งจ้าาา

เราอาจจะเม้นท์ไม่ค่อยบ่อย แต่ติดตามอยู่เสมอน้าาา^^ สู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 30 วันที่ 17.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 18-04-2012 00:21:26
เสียเพื่อน  แล้วโดนทำร้ายร่างกายอีก :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 30 วันที่ 17.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 18-04-2012 00:29:12
สงสารต้องจัง   หวังว่าจะกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีของทิวเหมือนเดิมนะ :sad4:

ทิวโดนยำ อย่างนี้ท่าว่าจะฝีมือแพรวแน่ๆ

สู้ๆต่อไปนะ ทิว บูม  :a1:

หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 30 วันที่ 17.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: breath ที่ 18-04-2012 02:52:11
เพิ่งเข้ามาอ่าน
ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เป็นรักที่มั่นคงยาวนาน ซาบซึ้ง TT
บูมตอนโตนี่หนักแน่นมาก พระเอกสุดๆ
ปลื้มมมมมมมมมมม

เขียนสนุกมากเลยค่ะ ไหลลื่นไม่ติดขัดเลย
ฉากซึ้ง เศร้าก็ทำเอาน้ำตาไหล
ฉากหวานๆก็อมยิ้มแก้มแทบปริ > <
เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ
สู้ ๆ!!
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 30 วันที่ 17.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 18-04-2012 07:05:56
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 31 ✦ พี่ชายที่แสนดี

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)

"หายไปไหนมาตั้งหลายวัน อย่าบอกนะว่าไปขลุกอยู่กับไอ้เกย์นั่น"

กลับมาถึงบ้านไม่ทันจะได้นั่งพัก แม่ก็เล่นงานบูมเสียแล้ว เล่นเอาคนถูกว่าไม่ค่อยพอใจนัก บูมไม่ชอบเอาเสียเลยที่แม่เรียกทิวว่า "ไอ้เกย์" อีกแล้ว

"ใช่ครับ"

บูมยอมรับไปตามตรง ตั้งใจอยู่แล้วว่าจะกลับบ้านเย็นวันอาทิตย์หลังจากที่ไปอยู่ดูแลทิวถึงสองวันเต็มๆ คิดไม่ถึงว่าแม่จะไม่พอใจถึงขนาดนี้

"แม่อย่าเรียกทิวแบบนั้นได้ไหมครับ"

"ทำไม แม่จะเรียกอย่างนี้นี่แหละ แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งแม่แบบนี้"

"แม่..."

บูมหมดความรู้สึกที่อยากจะต่อล้อต่อเถียงเพราะรู้ว่าไม่มีทางที่จะทำให้แม่เข้าใจได้ จึงเลิกพยายามและทำท่าจะเดินขึ้นห้องไป

"เมื่อไรจะหยุดสร้างปัญหาเสียทีนะบูม รู้ไหมว่าตอนนี้คุณโฉมศรีกับหนูแพรวเขาจะฟ้องเราแล้ว"

บูมหยุด ตกใจเพราะคิดไม่ถึงว่าแพรวจะทำถึงขนาดนี้

"ถ้าแกไม่แต่งงานกับหนูแพรว เขาก็จะฟ้องแกในฐานนอกใจ แล้วเราก็จะไม่ได้ของหมั้นคืน แต่นั่นไม่เท่าไรหรอก ฉันอายคนอื่นๆ เขารู้ไหม ตระกูลของเราไม่เคยมีใครต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ก็จะมีแกนี่แหละเป็นคนแรก ถ้าแกไม่อยากให้ครอบครัวเราขายขี้หน้ามากไปกว่านี้ แกก็ต้องแต่งงานกับหนูแพรวซะ แล้วเลิกไปหาไอ้เกย์นั่นเสียที แม่จะบ้าตายอยู่แล้วรู้ไหม แกจะทำให้แม่เสียใจไปถึงไหนหาบูม!"

คุณทิพย์นภาตวาดเสียงดังในตอนท้าย บรรยากาศกลับมาตึงเครียดอีกแล้ว ดูท่าทางแม่คงจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ บูมเองก็ชักจะเหนื่อยใจ สรุปว่าไปๆ มาๆ ความผิดทุกอย่างก็มาตกที่บูมคนเดียวทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นคนเริ่มมันเลย แถมยังจะต้องถูกบังคับให้ต้องรับผิดชอบทุกอย่างอีก

"แม่...บูมขอโทษนะครับที่ทำให้แม่เสียใจ แต่บูมไม่ได้รักแพรว บูมแต่งงานกับเขาไม่ได้ แม่อย่าบังคับบูมเลยนะครับ ให้ผมชดใช้อะไรก็ได้ ผมไม่อยากสร้างเวรกรรมให้กับผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรอีก ผมจะไปคุยกับแพรวเรื่องนี้เองครับ"

บูมเปลี่ยนจากการพูดด้วยท่าทีแข็งกร้าวเป็นอ่อนลง หวังว่าแม่คงจะเข้าใจและเห็นใจบ้าง

"แล้วแกคิดว่าเขาจะฟังแกเหรอ"

บูมถอนหายใจอย่างหนักใจ ก็คงจะจริงอย่างที่แม่ว่านั่นแหละ ทางนั้นคงไม่ฟังอย่างแน่นอนเพราะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

"ยังไงๆ ผมก็จะไม่แต่งงานกับแพรวครับ ผมไม่ได้รักเค้า" บูมยืนยันหนักแน่น

"แล้วแกรักใคร รักไอ้เกย์นั่นเหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไงบูม คิดบ้างไหมว่าคนอื่นๆ เขาจะรับได้ไหม แล้วแกจะอยู่ในสังคมนี้ได้ยังไง คิดเสียบ้างสิ"

"แม่...บูมเป็นเกย์นะครับ ไม่ได้เป็นหวัดที่กินยาแล้วก็หาย" บูมเถียง

"บูม! อย่าเรียกตัวเองแบบนั้นให้แม่ได้ยินอีก บูมไม่ใช่เกย์ เข้าใจไหม"

แม่ตวาดเสียงดัง เธอรับไม่ได้อย่างยิ่งที่ลูกชายคนเล็กยอมรับว่าเขาเป็นเกย์ คนเป็นแม่เจ็บปวดแค่ไหนที่ลูกที่เฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยกำลังจะกลายเป็นคนที่สังคมรังเกียจ

บูมถอนหายใจ รู้สึกเหนื่อยใจจนไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว จึงตัดสินใจเดินขึ้นไปบนห้อง แต่แม่ก็ทำให้ต้องชะงักด้วยความตกใจอีกจนได้

"ดี...แกไม่เชื่อแม่ใช่ไหม อย่าหาว่าแม่ใจร้ายละกัน ไอ้เกย์นั่นมันจะไม่ใช่แค่เจ็บตัวอย่างเดียวเหมือนตอนนี้แน่"

บูมรู้สึกอยากจะร้องไห้และตะโกนให้สุดเสียงให้สมกับความรู้สึกที่มันอัดอั้นอยู่ข้างใน นี่สรุปว่า...ที่ทิวเจ็บตัวขนาดนี้เป็นฝีมือของแม่เองหรือ บูมแทบไม่มีแรงแม้แต่จะก้าวเท้าหรือยืนจนต้องทรุดตัวนั่งลงกับพื้น

"ทำไมแม่ทำแบบนี้ครับ" บูมถามพลางสะอื้นไห้ด้วยความสะเทือนใจ

"แม่ทำได้ทั้งนั้นแหละ เพราะแม่ไม่อยากให้บูมเป็นเกย์ เข้าใจไหมบูม...แม่ไม่อยากให้ลูกชายของแม่เป็นเกย์ แม่รับไม่ได้ บูมจะต้องหาย บูมจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงเหมือนผู้ชายทั่วไป เข้าใจไหมบูม เมื่อไรบูมจะเลิกเป็นเกย์เสียทีหา!"

บูมเอามือปิดหูเพราะไม่อยากได้ยินอะไรอีกแล้ว พอแม่พูดจบก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปจากบ้านทันที ถ้าอยู่ตรงนี้ต่อไปอีกแค่นาทีเดียวบูมอาจจะเป็นบ้าได้ อย่าว่าแต่แม่เลยที่รับไม่ได้ที่บูมเป็นเกย์ บูมเองก็รับไม่ได้เหมือนกันที่รู้ว่าแม่ให้คนไปทำร้ายทิวจนเจ็บตัวขนาดนั้น

"บูม...จะไปไหน กลับมาเดี๋ยวนี้!"

คุณทิพย์นภาเรียกตามหลังลูกชาย แต่บูมก็ไม่กลับมาและหายไปพร้อมกับเสียงรถยนต์ เธอได้แต่ร้องไห้และกำมือแน่น บูมดื้อมากและไม่ฟังเธอเลย บูมจะเคยรู้ไหมว่าแม่กำลังเจ็บปวดแค่ไหน เธอเป็นทุกข์มากเหลือเกิน ตั้งแต่ที่รู้ว่าบูมกลับไปหาทิว เธอก็แทบไม่มีกะจิตกะใจจะสอนหนังสือ กินไม่ได้นอนไม่หลับ คิดแต่จะหาหนทางทำให้บูมกลับมาเป็นผู้ชายปกติทั่วไปให้ได้

รายการโทรทัศน์ที่คุณทิพย์นภาเปิดทิ้งไว้ตอนนี้เปลี่ยนเป็นรายการตลกแล้ว ภาพผู้ชายแต่งตัวเป็นผู้หญิงและทำท่าทางวี้ดว้ายกระตู้วู้น่าขบขันในจอโทรทัศน์นั้นทำให้คุณทิพย์นภาถึงกับหวีดร้อง

"ไม่จริง...ลูกของฉันจะต้องไม่เป็นแบบนี้"

"แม่!"

บีมเรียกด้วยสีหน้าตกใจเมื่อเข้ามาในบ้านแล้วก็เห็นแม่ทรุดลงไปนั่งกับพื้นร้องให้ฟูมฟาย คงจะมีเรื่องกับบูมอีกแน่ๆ เลยเพราะเมื่อกี้บีมเพิ่งสวนกับบูมที่ขับรถออกไป

"แม่เป็นอะไรครับ เกิดอะไรขึ้น"

บีมรีบวิ่งไปหาแม่ด้วยความเป็นห่วง พอนั่งลงคุณทิพย์นภาโอบกอดลูกชายคนโตไว้แล้วก็ร้องคร่ำครวญ

"บีม...ช่วยน้องด้วยนะลูก อย่าให้น้องเป็นเกย์ แม่จะไม่ไหวแล้ว แม่ทำใจไม่ได้ นะบีม...ช่วยน้องด้วย"

บีมกอดแม่ไว้แล้วก็น้ำตาซึม แม่เป็นทุกข์เรื่องของบูมมาก ถึงแม้ว่าบีมจะไม่เห็นด้วยที่แม่ยอมรับตัวตนของน้องชายไม่ได้ แต่ก็พอเข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่ แม่รักและคาดหวังกับบูมมาก มากเสียจนยากที่จะยอมปล่อยสิ่งที่ยึดมั่นถือมั่นไปได้ง่ายๆ สถานการณ์ตอนนี้ตึงเครียดมาก บีมคิดว่าบูมควรจะต้องถอยและยอมแม่สักหน่อย ยิ่งปะทะใส่กันไม่ยั้งแบบนี้ก็ยิ่งจะสร้างความเจ็บปวดไปกันใหญ่ คนที่จะเป็นอะไรไปคนแรกก็อาจจะเป็นแม่ของพวกเขาเอง บีมไม่อยากให้น้องชายต้องเสียใจทีหลัง

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

บีมพาแม่ขึ้นไปนอนพักผ่อนบนห้องแล้วก็กลับลงมาข้างล่าง พ่อมาถึงบ้านพอดีพร้อมกับลูกน้องอีกสองสามคนที่ตามมาส่ง บีมเข้าไปช่วยพ่อลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาในบ้านแล้วก็ถือโอกาสคุยกับพ่อ

"เป็นไงครับพ่อ สัมมนาสนุกไหมครับ"

"ก็งั้นๆ แหละ มีแต่ประชุม ไม่สนุกหรอก เอ...ว่าแต่แม่เขาไม่อยู่บ้านเหรอวันนี้ แล้วบูมไปไหน" คุณลิขิตถามพลางสอดส่ายสายตามองหาภรรยาและลูกชายคนเล็ก

บีมถอนหายใจอย่างหนักใจ ไม่ตอบคำถามพ่อแต่อยากคุยกับพ่อแบบเปิดใจสักครั้งมากกว่า

"พ่อครับ...ผมอยากคุยกับพ่อ ผมมีเรื่องอยากปรึกษาครับ"

เห็นท่าทางหนักใจของลูกชายคนโตแล้วคุณลิขิตก็พอจะเดาออกว่าภรรยากับลูกชายคนเล็กคงจะทะเลาะกันอีก คุณลิขิตพยักหน้า บีมรีบเอากระเป๋าไปเก็บบนห้องแล้วก็ลงมาคุยกับพ่อหลังบ้าน

"พ่อครับ พ่อคิดยังไงครับ...ที่บูมบอกแม่ว่า...เขาเป็นเกย์"

คำถามจากลูกชายคนโตทำให้คุณลิขิตหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความหนักใจ หลายปีมานี้คุณลิขิตก็เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก ยิ่งในช่วงหลังๆ ที่มาสนิทกับลูกชายคนโตมากขึ้นก็ช่วยทำให้ความคิดเปลี่ยนไปหลายอย่าง ส่วนเรื่องของบูมนั้นก็คงเป็นเรื่องที่พ่อแม่คนไหนๆ ก็คงทำใจได้ยาก คุณลิขิตเองก็ยังไม่เคยคุยกับลูกชายคนเล็กเรื่องนี้เลยแม้ว่าจะเจอกันที่ทำงานบ่อยๆ ก็ตาม

"เอางี้ละกัน พ่ออยากฟังก่อนว่าบีมคิดยังไง เผื่อบางที...สิ่งที่บีมคิดอาจจะช่วยให้พ่อได้เห็นอะไรบางอย่างที่พ่อกับแม่ไม่เคยมองเห็นก็ได้"

นั่นก็หมายความว่าพ่อก็คงรับไม่ได้เหมือนกับแม่นั่นแหละที่รู้ว่าบูมเป็นแบบนั้น แต่คุณลิขิตก็อยากฟังดูบ้างว่าเด็กๆ คิดยังไง เป็นครั้งแรกที่บีมได้เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น ที่ผ่านมาพ่อไม่ค่อยฟังลูกๆ นัก บีมเองก็เคยโดนพ่อเคี่ยวเข็ญในฐานะลูกชายคนโตจนแทบจะประสาทเสีย นี่เป็นครั้งแรกที่พ่ออยากฟังว่าบีมคิดอะไร บีมดีใจเหลือเกินและคิดว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นนิมิตหมายอันดีที่จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในครอบครัวบ้าง

"ครับพ่อ" บีมยิ้มดีใจ ดูเหมือนคุณลิขิตก็แอบยิ้มน้อยๆ อยู่เหมือนกัน

"สำหรับผม...ไม่ว่าบูมจะเป็นอะไร บูมก็เป็นน้องชายของผมเหมือนเดิมครับพ่อ ผมก็รักน้องเท่าเดิม และเขาก็เป็นลูกชายของพ่อกับแม่เหมือนเดิม ผมขอแค่ให้เขาเป็นคนดีของครอบครัวของเรา ทำงานและทำประโยชน์ให้สังคมได้ก็พอแล้ว ผมคิดว่า...คุณค่าของบูมไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าบูมเป็นอะไรหรอกนะครับ บูมเขาก็ยังตั้งใจเรียนจนจบ เขายอมเหนื่อยและอดทนทำเพื่อครอบครัวของเรา เขามีความคิดที่อยากจะช่วยเหลือสังคม แล้วอีกไม่นานบูมก็จะมาช่วยสานต่อกิจการของเราอย่างเต็มตัว สิ่งที่บูมทำอยู่ตอนนี้ล้วนแต่เป็นสิ่งดีๆ นะครับพ่อ เขาเป็นเด็กสมัยใหม่ที่มีคุณภาพคนหนึ่งที่จะทำประโยชน์ให้ทั้งกับครอบครัวและสังคม ผมภูมิใจในตัวน้องชายผมมากนะครับพ่อ และผมก็อยากให้เราทุกคนในครอบครัวภูมิใจกับสิ่งที่บูมทำ ไม่ว่าตัวตนของเขาจะเป็นยังไงก็ตาม"

เมื่อเห็นว่าพ่อยังตั้งใจฟังอยู่ บีมก็พูดสืบไป

"ในมุมมองของผม การเป็นเกย์ของบูม...ไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าเราเป็นอะไร มีหลายอย่างในชีวิตที่ถูกกำหนดมาแล้วและเราก็เปลี่ยนไม่ได้ ทำได้แค่อยู่กับมันให้ดีที่สุด ผมคิดว่า...ปัญหามันอยู่ที่ว่าเรามองยังไงต่างหากครับ ผมเชื่อว่าบูมหรือคนที่เป็นอย่างบูมสามารถยอมรับและมีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ได้ ที่สำคัญ ก็ยังมีอะไรอีกหลายๆ อย่างที่เราเลือกได้ พ่อเห็นไหมครับ บูมเขาเลือกที่จะทำอะไรดีๆ ให้เราตั้งหลายอย่าง ผมว่าครอบครัวของเราโชคดีแค่ไหนแล้วครับที่บูมเป็นคนคิดดี ทำดี สังคมของเราต้องการคนแบบบูมนะครับพ่อ ผมเชื่อว่าทุกคนจะเห็นคุณค่าและความดีที่บูมทำ มากกว่าที่จะสนใจว่าบูมเป็นอะไร"

ดูเหมือนว่าพ่อจะนิ่ง ใช่แล้วล่ะ คุณลิขิตไม่เคยมองเห็นสิ่งนี้เลย

"ผมคิดว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่สิ่งที่บูมเป็นหรอกคับ แต่มันอยู่ที่ความคิดของคนที่มองต่างหาก ผมว่าแทนที่เราจะเอาเวลาและพลังงานไปทุ่มเทกับสิ่งที่เราเปลี่ยนไม่ได้ สู้เรามาช่วยทำให้บูมเป็นคนดีมีคุณภาพดีกว่าครับพ่อ ถึงจะมีคนไม่เข้าใจ เราก็ช่วยทำให้เขาเข้าใจได้ครับ ถึงจะมีคนไม่เข้าใจบ้างก็ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ คนอื่นไม่เข้าใจก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าครอบครัวของเราเข้าใจบูมหรือเปล่า น้องต้องการให้คนในครอบครัวเข้าใจนะครับพ่อ ถ้าไม่ใช่พวกเรา...ใครล่ะครับพ่อที่จะเข้าใจน้อง"

บีมหยุดพักและสบตากับพ่อ ท่าทางที่ครุ่นคิดนั้นทำให้บีมรู้ว่าสิ่งที่บีมพูดไปคงสะกิดใจพ่อไม่มากก็น้อย

"พ่อครับ ผมคิดว่า...ธรรมชาติของบูมเขาเป็นแบบนั้นครับ เขาเกิดมาพร้อมกับมัน เขาไม่ได้ผิดธรรมชาติเหมือนที่คนทั่วไปชอบพูดกัน บางทีคนเหล่านั้นก็พูดเพราะเขาไม่รู้จริง ตัดสินเอาจากสิ่งที่เห็นแล้วก็เหมารวม ผมเอง...ก็ยังไม่เคยเป็นพ่อหรอกนะครับ แต่ผมคิดว่าคนที่เป็นพ่อเป็นแม่คือผู้ให้ ให้กำเนิด ให้ความรัก ให้ความรู้และอะไรอีกหลายๆ อย่าง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ...พ่อกับแม่ต้องให้ชีวิตที่เป็นของเขาเองด้วยครับ ผมเชื่อว่า...พ่อแม่ทุกคนอยากเห็นลูกมีความสุข แต่ไม่มีใครหรอกครับที่จะมีความสุขได้...ถ้าเขาไม่สามารถยอมรับตัวเองได้ ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันเป็นคำพูดที่เป็นจริงสำหรับพ่อแม่ทุกคนหรือเปล่า ผมอาจจะรู้ก็ต่อเมื่อผมมีลูกเอง หรือผมอาจจะคิดอีกอย่างก็ได้ถ้าผมมีลูกจริงๆ แต่ผมก็อยากเห็นพ่อกับแม่มีความสุข ความสุขที่เกิดจากการยอมรับและเข้าใจตัวตนของลูก แล้วลูกอย่างพวกเราก็จะมีความสุขกับชีวิต มีความสุขกับสิ่งที่เราเป็น มีความสุขที่จะอยู่กับพ่อแม่ มีความสุขที่จะทำงาน มีความสุขที่จะอยู่ในสังคม พวกเราจะทำอะไรได้อีกเยอะครับพ่อ"

เมื่อพูดจบแล้วบีมก็รู้สึกแปลกใจมากที่เห็นพ่อยิ้ม บีมไม่เคยเห็นพ่อยิ้มให้เขาแบบนี้เลย

"บีม เมื่อก่อน...พ่อยอมรับว่า...พ่อไม่เคยภูมิใจเลยที่บีมไปเรียนศิลปะอะไรนั่น แต่วันนี้...พ่ออยากจะบอกว่า...พ่อภูมิใจในตัวบีมมาก พ่อรู้แล้วว่า...ศิลปะมันช่วยให้บีมเป็นคนที่มีความคิดดีแค่ไหน มันช่วยให้บีมมองเห็นอะไรบางอย่างที่พ่อกับแม่ไม่เคยมองเห็นเลย ที่ผ่านมา...พ่อ...ต้องขอโทษบีมด้วยที่พ่อ...ไม่เคยยอมรับและเห็นคุณค่าในสิ่งที่บีมเป็นและพยายามทำเลย ทั้งๆ ที่บีมก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว ตอนนี้พ่อเห็นแล้วว่า...บีมทำทุกอย่างได้ดีที่สุดเสมอ...ถ้าบีมรักมัน พ่อขอโทษนะลูก"

"พ่อ..."

บีมแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินสิ่งนี้จากคนที่เป็นพ่อ รู้สึกดีใจจนน้ำตาไหล ในฐานะลูกคนหนึ่งบีมก็อยากให้พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวบีมบ้าง บีมพยายามทำสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่พอจะทำได้เพื่อครอบครัวมาโดยตลอด แต่ก็เหมือนจะไม่มีใครมองเห็น ทำให้บีมเองก็รู้สึกน้อยใจเหมือนกัน แต่วันนี้...พ่อได้เห็นสิ่งนั้นแล้ว บีมดีใจเหลือเกิน ดีใจจนไม่รู้ว่าจะพูดคำไหนออกมา

บีมลงไปนั่งกับพื้นแล้วก้มกราบแทบเท้าพ่อ "ขอบคุณครับพ่อ"

คุณลิขิตย่อตัวลงมาหาลูกชาย แล้วบีมก็กอดพ่อไว้ คุณลิขิตเองก็ดีใจที่วันนี้ได้กอดลูกชายคนโตอีกครั้งเพราะไม่ได้ทำอย่างนี้กับบีมหรือบูมมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว

ความสุขของพ่อกับแม่คืออะไรล่ะ ไม่ใช่เพราะว่าได้ช่วยเลี้ยงดูและสนับสนุนให้ลูกได้เติบโต ปลอดภัย พึ่งตัวเองได้และเป็นคนดีของสังคมหรอกหรือ จะคาดหวังอะไรมากกว่านี้ ให้กำเนิดลูกแล้ว ชีวิตก็เป็นของลูกทันทีที่ลืมตาดูโลก ก็คงเหมือนกับที่บีมพูด ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าลูกเป็นอะไร แต่มันอยู่ที่ความคาดหวังของพ่อแม่ต่างหาก

"ขอบใจบีมมากที่ช่วยทำให้พ่อคิดได้ พ่อสัญญา...พ่อจะพยายามรักลูกของพ่อทุกคน...ในแบบที่เขาเป็น พ่อจะพยายามนะบีม"

คุณลิขิตเพิ่งตระหนักเดี๋ยวนี้เองว่าความเข้าใจที่พ่อกับแม่มีให้ลูกมันช่วยทลายช่องว่างและความห่างเหินระหว่างกันได้มากเพียงใด

"ผมรักพ่อครับ"

"พ่อก็รักบีมนะลูก รักบูมด้วย" เหมือนพ่อจะกลัวลูกชายอีกคนน้อยใจทั้งๆ ที่บูมก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้

การที่บีมกอดพ่อและแสดงความรักอย่างนี้ก็ทำให้คนที่เป็นรู้สึกชื่นใจและมีความสุขอย่างมาก นึกถึงตอนที่บูมกับบีมยังเล็กๆ วิ่งเล่นซุกซนและขี้อ้อน วันไหนที่พ่อมีของเล่นใหม่มาให้ลูกทั้งสองคน ทั้งบีมและบูมจะกระโดดโลดเต้นดีใจกันใหญ่ แล้วก็จะวิ่งมาบอกพ่อว่า "รักพ่อที่สุดในโลกเลย" แค่นี้คนเป็นพ่อก็มีความสุขยิ่งกว่าการมีทรัพย์สมบัติใดๆ ไม่ว่าตอนนี้คุณลิขิตจะมีตำแหน่งใหญ่โตหรือทรัพย์สมบัติมากมายแค่ไหนก็ไมมีความสุขเท่ากับที่ตอนนี้ลูกชายคนโตกำลังกอดและบอกว่ารักพ่ออยู่ นี่คือสัมผัสที่แสนอบอุ่นที่ห่างหายไปจากครอบครัวนี้นานแสนนาน

บีมยิ้มดีใจ อยากให้น้องชายมาเห็นเหลือเกิน ปัญหาหมดไปเปลาะหนึ่งแล้ว ยังเหลืออีกอย่างน้อยสามคนที่บีมจะต้องเข้าไปทำอะไรบางอย่าง บีมพยายามคิดมาตลอดว่าจะช่วยทำให้ครอบครัวกลับมามีความสุขเหมือนเดิมได้ยังไง ดีใจจริงๆ ที่วันนี้บีมทำสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

คุณโฉมศรีรู้สึกแปลกใจมากทีเดียวที่แขกที่มาเยือนในวันนี้เป็นคนที่เธอก็ไม่คาดคิดมาก่อน เธอเห็นหน้าก็จำได้ว่าเป็นบีม พี่ชายของบูมและเป็นลูกชายคนโตของคุณลิขิต เพื่อนของสามีเธอนั่นเอง บีมมาที่นี่ทำไม หรือว่าบ้านนั้นจะส่งมาอ้อนวอนให้เธอยกเลิกการฟ้องร้อง ไม่มีทางเสียละ

"สวัสดีครับ" บีมยกมือไหว้คุณโฉมศรีแล้วก็ถามถึงคนที่เขาอยากคุยด้วย

"ผมมาหาแพรวครับ..."

คุณโฉมศรีรับไหว้ด้วยสีหน้างุนงงเพราะนึกไม่ออกว่าบีมมีธุระอะไรกับแพรวจนต้องตามมาคุยถึงที่บ้าน บีมเห็นท่าทางสงสัยนั้นแล้วจึงบอกจุดประสงค์ไปว่า

"ผมอยากจะคุยกับแพรวเรื่องของบูมครับ ผมต้องขอโทษด้วยครับที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า"

คุณโฉมศรีชั่งใจอยู่พักใหญ่ก็ตัดสินใจที่จะให้แพรวมาคุยกับบีม บีมไปนั่งรออยู่ในศาลาเล็กๆ ที่จัดไว้ในสวนของบ้าน มีที่นั่งสำหรับให้คนในครอบครัวมานั่งคุยกันได้หลายคนอยู่ บรรยากาศดูร่มรื่นเย็นสบายเพราะมีต้นไม้ใหญ่ๆ คอยให้ร่มเงาทั่วบริเวณ

คนรับใช้เอาน้ำมาเสิร์ฟ ไม่นานนักแพรวก็ลงมา สีหน้าของเธอดูแปลกใจไม่น้อยเพราะบีมไม่เคยมาที่นี่เลยนอกจากบูมที่เคยมาส่งหรือมาคุยกับเธอที่นี่บ่อยๆ ก่อนหน้านี้

แพรวยกมือไหว้ "พี่ชายอดีตคู่หมั้น"  แล้วก็นั่งลงฝั่งตรงข้าม เมื่อสังเกตดีๆ ก็ยังคงเห็นร่องรอยความเศร้าหมองปรากฎบนใบหน้าของเธออยู่ เมื่อบีมเพ่งพิศดูดีๆ ก็เห็นว่าแพรวก็เป็นผู้หญิงที่สวยและน่ารักมากทีเดียว ถ้าไม่ติดว่าน้องชายไม่ชอบผู้หญิง บีมคงจะดีใจมากที่จะมีน้องสะใภ้ที่สวยน่ารักอย่างนี้

"แพรว...พี่อยากจะคุยกับแพรวเรื่องบูม พี่ขอโทษก่อนละกันที่ต้องเข้ามายุ่งในเรื่องนี้ แต่พี่คิดว่าพี่อยากให้แพรวได้รู้อะไรบางอย่างที่สำคัญ"

บีมเกริ่นนำหลังจากที่แพรวนั่งลงได้สักพัก

"ค่ะ"

แพรวตอบด้วยน้ำเสียงที่ยังคงแสดงให้เห็นความเสียใจอยู่ เธอร้องไห้เสียใจมาหลายวันแล้วแต่ก็คิดว่าควรจะต้องหยุดเสียที เพราะยังไงบูมก็ไม่เคยมารับรู้ว่าเธอเสียใจมากแค่ไหน ตั้งแต่คุยกันวันนั้น แพรวรับรู้เพียงว่าบูมต้องการให้เธอยืนยันการถอนหมั้น ด้วยความโมโหทำให้แพรวไปหาคุณทิพย์นภาถึงมหาวิทยาลัยจนเป็นที่มาของการที่ทิวถูกทำร้าย

"พี่รู้จักบูมกับทิวมาตั้งแต่สมัยเขาเรียนมัธยมด้วยกันแล้วล่ะ เมื่อก่อนบูมเป็นเด็กเก็บกดเพราะที่บ้านเราค่อนข้างเข้มงวดเรื่องการเรียน ทำให้บูมเป็นเด็กค่อนข้างมีปัญหา ไม่ค่อยพูด ขี้โมโห แต่พอได้รู้จักทิว พี่ก็สังเกตว่าบูมเปลี่ยนไปมาก บูมดูมีความสุขมากตั้งแต่มีทิวเป็นเพื่อน"

บีมเห็นสีหน้าของแพรวที่ดูงงๆ แล้วก็เลยหยุดพัก แพรวคงสงสัยนั่นเองว่าบีมเล่าเรื่องนี้ให้แพรวฟังทำไม

"บูมไปหัดร้องเพลงกับทิว จนได้เป็นนักร้องนำของวงที่โรงเรียนด้วยกัน เขาใช้ชีวิตด้วยกันมาตลอด ก็เลยผูกพันกันมาก ไม่เคยห่างกันเลย ก็เลยทำให้เขาสองคนรักกัน แต่พอที่บ้านรู้เข้า บูมก็ถูกสั่งให้เลิกคบกับทิว แล้วบูมก็ไปเรียนเมืองนอก ไม่ได้ติดต่อทิวเลย ส่วนทิว...ก็อยู่กับแม่สองคน แต่ไม่นานแม่ก็เสีย ก็เลยไม่ได้เรียนหนังสือต่อ ต้องออกมาตระเวนร้องเพลงหาเงินเลี้ยงตัวเอง แล้วก็ต้องหาเงินใช้หนี้ด้วยเพราะแม่ของทิวไปกู้เงินมาให้ทิวเรียนก่อนจะเสีย ชีวิตของทิวไม่เหลืออะไรเลย แม้กระทั่งบูม...คนที่น่าจะได้มาอยู่กับทิวตอนที่ทิวลำบาก"

"จริงเหรอคะ" แพรวถามด้วยน้ำเสียงเศร้า เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าทิวจะมีชีวิตที่น่าเศร้าขนาดนี้

บีมพยักหน้าแล้วก็เล่าสืบไป

"จนกระทั่งบูมกลับมา บูมก็ไม่เคยติดต่อมาหาทิวเลย พี่เคยบอกบูมหลายครั้งว่าให้มาหาทิวบ้างเขาก็ไม่ยอมมา แต่ยังไงไม่รู้ สุดท้าย...เขาสองคนก็ได้กลับมาเจอกันอีก พี่รู้ว่าบูมคงรู้สึกผิดมากที่ทิ้งทิวไป ไม่เคยติดต่อกันเลย ปล่อยให้ทิวมีชีวิตที่ตกระกำลำบากทั้งๆ ที่เมื่อก่อนทิวคอยช่วยเหลือบูมมาตลอด ตอนแรก...พี่คิดว่าเขาสองคนคงแค่จะกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ไม่ได้คิดว่าเขาจะรักกัน แต่เขาก็กลับมารักกันเหมือนเดิม ทิวกับบูมรักกันมากเพราะผูกพันกันมาตั้งแต่ตอนนั้น มันเป็นสิ่งที่อยู่ในห้วงความคิดของทั้งสองคนตลอด เขาไม่เคยลืมกันและกันหรอกนะแพรว ไม่ว่าเขาจะไปอยู่ที่ไหนหรือมีใคร...เขาก็ไม่เคยลืม ถึงบูมจะไม่เคยติดต่อทิวเลยแต่พี่ก็รู้ว่าเขาคิดถึงกันมากแค่ไหน"

บีมหยุดเพราะสังเกตเห็นสีหน้าของแพรวเริ่มหม่นลง

"ที่พี่บอกแพรวเรื่องนี้...ไม่ใช่จะมาซ้ำเติมแพรว พี่อยากให้แพรว...เข้าใจความรักของเขาทั้งสองคน บูมเขาไม่ได้มาหลอกแพรวหรอก สิ่งที่เกิดขึ้น...ไม่ใช่ความผิดของบูม แล้วก็ไม่ใช่ความผิดของแพรวด้วย"

แล้วบูมก็ถอนหายใจ

"ผู้ใหญ่ของเราทั้งสองฝ่ายต่างก็หวังดี ทำให้บูมกับแพรวได้มารู้จักกัน"

บีมหยุดพูดเพื่อสังเกตอาการของแพรวอีกครั้ง ก็น่าเห็นใจเธออยู่หรอกที่ต้องมาเสียคนรักไปโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่

"พี่รู้ว่าแพรวเสียใจนะ พี่ก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นหรอก บูมเองก็ไม่ได้อยากทำให้แพรวเสียใจ แต่เขา...แค่อยากจะเป็นในสิ่งที่เขาเป็น เป็นในสิ่งที่เราไม่ยอมรับ สำหรับพี่...ไม่ว่าบูมจะเป็นอะไร เขาก็เป็นน้องชายที่พี่รักเสมอ พี่อยากให้เราทุกคนเห็นใจและเข้าใจบูมบ้าง บูมมีชีวิตที่ต้องถูกบังคับมาตลอด ไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องานหรือแม้กระทั่งความรัก บูมไม่เคยได้เลือกเองเลย"

เมื่อเห็นแพรวยังตั้งใจฟังอยู่ บีมก็พูดต่อ

"พี่รู้...ว่าแพรวคงจะโกรธบูมมาก พี่รู้...ว่าแพรวเสียใจมากแค่ไหน แต่พี่ก็ดีใจที่บูม...ยอมบอกให้ทุกคนรู้ความจริงว่าเขาคือใครก่อนที่มันจะสายไป พี่ว่า...เราควรจะขอบคุณบูมเสียด้วยซ้ำที่เขาบอกเราตอนนี้ ดีกว่าที่เขาจะบอกแพรวตอนที่แต่งงานกันไปแล้ว คนเรานะแพรว...ไม่มีใครทนบังคับฝืนใจทำในสิ่งที่เขาไม่ได้เป็นได้นานหรอก นี่คือชีวิตของบูม นี่คือสิ่งที่บูมเป็น เราไม่มีทางเปลี่ยนเขาได้..."

ดูเหมือนสิ่งที่บีมพูดทำให้แพรวได้คิดอะไรหลายอย่าง จริงสิ...เธอควรจะขอบคุณบูมด้วยซ้ำที่ยอมพูดความจริงเสียตั้งแต่ตอนนี้ บูมคงจะไม่สามารถปิดบังตัวเองได้ตลอดไปหรอก รู้เสียตั้งแต่ตอนนี้ก็น่าจะดีแล้ว เอาเข้าจริงๆ แพรวก็รู้ว่าเธอคงจะทำใจรับได้ยาก ถ้าวันหนึ่งแต่งงานกันไปแล้วบูมเดินมาบอกเธอว่า "ผมเป็นเกย์" วันนั้นอาจจะเป็นวันที่เธอต้องเสียใจยิ่งกว่านี้ก็เป็นได้

"แพรวยังไม่จำเป็นต้องเข้าใจที่พี่พูดทั้งหมดในวันนี้หรอกนะ แพรวเก็บไปคิดก่อนก็ได้ พี่ไม่ได้หมายความว่าจะให้แพรวยกเลิกความตั้งใจที่ฟ้องร้องหรอกนะ แพรวเป็นคนเสียหาย พี่เข้าใจ พี่ไม่ได้มาคุยกับแพรวเพราะเรื่องนี้ แต่สิ่งที่พี่อยากจะขอจากแพรวมีอย่างเดียวก็คือ...พี่อยากให้แพรวเข้าใจและให้อภัยบูม ไม่จำเป็นต้องเข้าหรือให้อภัยตอนนี้ก็ได้ แต่วันไหนก็ได้...ที่แพรวคิดและรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ"

แพรวได้แต่อึ้ง เธอรู้จักบีมก็จริงแต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนดี มีความคิด มีเหตุผลและเป็นผู้ใหญ่มากถึงขนาดนี้

"พี่บีม...คงจะรักและเป็นห่วงบูมมากเลยนะคะ"

บีมพยักหน้า

"ใช่...พี่สงสารบูม บูมเขาเหนื่อยและเก็บกดมามาก พี่อยากให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็น ถ้าบูมกินยาหรือผ่าตัดแล้วหายได้ พี่คิดว่าบูมก็ยินดีที่จะทำ แต่มันไม่ใช่แบบนั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าบูมเป็นอะไร มันอยู่ที่ว่าเรามองและคิดกับเขายังไงต่างหาก ถ้าทุกคนเข้าใจและยอมรับบูม บูมคงมีความสุขมาก ชีวิตเขาจะไปได้อีกไกล การช่วยให้คนๆ หนึ่งมีความสุขและได้เป็นอย่างที่เขาอยากเป็น...เป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่มากนะแพรว"

เมื่อค่อยๆ คิดตามแพรวก็เริ่มเห็นด้วยกับที่พี่บีมพูดไม่น้อย บีมได้ช่วยปลดล็อกความคิดหลายอย่างให้กับเธอแล้ว รวมทั้งความคิดที่จะเอาชนะอย่างไม่มีเหตุผลนั้นด้วย

"ขอบคุณนะคะที่เล่าให้แพรวฟัง มันช่วยแพรวได้มากเลยค่ะพี่บีม แพรวเองก็ไม่เคยเข้าใจบูมอย่างที่แพรวกำลังเข้าใจในวันนี้ ที่พี่บีมพูดก็ถูกนะคะ เราคงบังคับบูมไม่ได้ตลอดไปหรอก ทำแบบนั้นก็เท่ากับทรมานชีวิตของบูม เอาเป็นว่า...แพรวเข้าใจนะคะ แต่แพรว...ขอเวลาทำใจอีกสักหน่อย พี่บีมคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ"

บีมยิ้มแล้วส่ายหน้า "แพรวใช้เวลาเท่าที่แพรวต้องการเลยครับ ขอแค่ให้แพรวเข้าใจและให้อภัยน้องชายของพี่เท่านั้น เมื่อไรก็ได้"

คนที่สองผ่านไปได้ด้วยดีแล้ว เหลืออีกแค่สองเท่านั้น บีมเริ่มเห็นเค้าลางแห่งความหวังขึ้นมาบ้างแล้ว

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (#31 - 18.4.2012) - ดราม่าเกิ๊น คนเขียนใกล้บ้าแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 18-04-2012 10:39:13
จะติดตามต่อไปนะครับ

ขอเป็นกำลังให้นะครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (#31 - 18.4.2012) - ดราม่าเกิ๊น คนเขียนใกล้บ้าแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 18-04-2012 10:44:21
พี่บีม ตอนนี้คุณหล่อมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก o13

ช่วยบูมและน้องสะใภ้ได้เยอะเลย   

เหลือคุณนายแม่อีกด่านหนึ่ง  สู้ๆนะคะพี่บีม

 :กอด1: :L2: ผู้แต่ง
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (#31 - 18.4.2012) - ดราม่าเกิ๊น คนเขียนใกล้บ้าแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 18-04-2012 11:00:29
                 ค่อยดูมีความหวังหน่อย ไม่หดหู่ซะทีเดียว มีพลังใจที่จะตามต่อไปอีก  :L1:  :L1:  :L1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 30 วันที่ 17.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 18-04-2012 11:28:29
ปลื้มมมมมม........................พี่บีมที่สุด 
ถึงพี่บีมจะไม่ใช่พระเอกของเรื่องนี้ แต่ตอนนี้พี่บีมเป็นพระเอก...มากกกก  o13 o13 o13

แพรวเอง ก็เริ่มเห็นแล้วว่าพี่บีมเป็นคนดี มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ และมีความคิดดีแค่ไหน 
(อยากเชียร์ให้พี่บีมจีบแพรวจริงๆ คู่นี้ก็น่าจะได้อยู่นะ น่ารักดี และพ่อแม่ทั้ง2ครอบครัวจะได้ไม่ผิดใจกันด้วย)

แต่ก็เป็นห่วงบูมอยู่นะ หลังจากทะเลาะกับแม่วันนั้นแล้วขับรถออกจากบ้านไป ไปไหน??
หวังว่าคงไปอยู่กับทิว ไปให้ทิวปลอบ >/////<

 :L2: :L2: :L2: ขอบคุณค่ะ รอติดตามตอนต่อไป เป็นกำลังใจให้คนแต่งเสมอค่ะ



 
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (#31 - 18.4.2012) - ดราม่าเกิ๊น คนเขียนใกล้บ้าแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Cynthia_Moonlight ที่ 18-04-2012 11:57:05
นั่นไง...บอกแล้วว่าไม่อยากจะคิดว่าเป็นฝีมือใคร เพราะคิดแล้วมันก็ถูก เหอะๆ

ตอนนี้พี่บีมเป็นฮีโร่ วิ๊ววววว

เคลียร์ให้เข้าใจไปได้สองคน เหลือคุณแม่อีโก้อีกสอง

บอกตามตรงว่าไม่ชอบแม่ของบูมจริงๆ ไม่ชอบตรงที่รักมากเกินไป หวังดีเกินไป กลัวลูกจะลำบากจนให้ทุกอย่างโดยที่ไม่เคยถามลูกเลยว่าต้องการหรือเปล่า สุดท้ายผลก็อย่างที่เห็น... รักจนกลายเป็นการทำร้ายลูกทางอ้อม...

หวังว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดีในเร็ววัน

คนแต่งสู้ๆ ^^
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (#31 - 18.4.2012) - ดราม่าเกิ๊น คนเขียนใกล้บ้าแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: jubujubu ที่ 18-04-2012 12:39:27
มาตามอ่านเรื่องนี้ด้วย :m13:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (#31 - 18.4.2012) - ดราม่าเกิ๊น คนเขียนใกล้บ้าแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 18-04-2012 12:48:42
บีมเท่ห์อ่ะ o13
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (#31 - 18.4.2012) - ดราม่าเกิ๊น คนเขียนใกล้บ้าแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 18-04-2012 21:19:52
ฮีโร่กำเนิดแล้ว อยู่ใกล้ตัวนี่เอง
หวังว่าจะผ่านไปด้วยดีนะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (#31 - 18.4.2012) - ดราม่าเกิ๊น คนเขียนใกล้บ้าแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 18-04-2012 21:58:13
ตายๆๆ..งานนี้เราเข้าใจผิด เราคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง"ทิวโดนยำ" เป็นแพรว
เราไม่นึกว่าคนระดับอาจารย์มหาวิทยาลัยจะทำแบบนั้นได้
ตอนนี้ยกให้บีมเป็นตัวเอกของตอนเลย  บีมแม้จะอายุยังน้อย แต่บีมก็รู้เท่าทันและเข้าใจโลก
แต่คุณทิพย์นภา เธอใจแคบและรักตัวเองมากไปหน่อยมั้ง  เพราะเธอแคร์คนอื่น แคร์หน้าตาตัวเอง มากกว่าลูก
ก็ได้แต่หวังว่าเธอจะไม่ทิฐิจนเกินไป หวังว่าจะฟังลูกฟังสามีบ้างนะ(สามีเธอเข้าใจโลก-เข้าใจลูกแล้วนี่)
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (#31 - 18.4.2012) - ดราม่าเกิ๊น คนเขียนใกล้บ้าแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 19-04-2012 08:23:26
คนที่เคยอ่านตอนที่ 31 แล้วอยากให้อ่านอีกรอบครับ ผมแก้เยอะเลย คำพูดบางช่วงเป็นวิชาการมากไปนิด
ก็เลยปรับให้มันดูธรรมดามากขึ้นครับ อ้อ...ที่ตัดข้อความบางส่วนออกเพราะมันเกิน 20,000 ตัวอักษรครับ

เหมือนอะไรๆ ก็ดูจะมีความหวังใช่ไหมครับ อิๆ ไม่อยากจะบอกเลยว่า อาจจะมีอะไรให้ช็อคเล่นๆ ครับ รออีดนิดดดดด  :z1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (#31 - 18.4.2012) - แก้บทสนทนาตอนที่ 31
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 19-04-2012 16:25:48
เหมือนอะไรๆ ก็ดูจะมีความหวังใช่ไหมครับ อิๆ ไม่อยากจะบอกเลยว่า อาจจะมีอะไรให้ช็อคเล่นๆ ครับ รออีดนิดดดดด  :z1:
อ้าว ! อ้าว ! ไหงงั้นล่ะจ๊ะ ไหงว่าอาจจะมีอะไรให้ช็อก
ถ้าช็อกขอช็อกแบบบวกนะจ๊ะ ไม่เอาแบบลบเด้อ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (#31-18.4.2012) -อยากให้พ่อแม่มีลูกเป็นเกย์อ่า
เริ่มหัวข้อโดย: eern ที่ 19-04-2012 22:58:38
อยากบอกว่าซึ้ง :o12:มากอ่านแล้วร้องให้ตามเลยชอบความคิดของพี่บีมมาก :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (#31-18.4.2012) -อยากให้พ่อแม่มีลูกเป็นเกย์อ่านจัง
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 20-04-2012 00:15:42



 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเลย

เหนื่อยจากการเรียน T _ T


จะกลับมาอ่านต่อไวไวนะค่ะ ไปถึงไหนแล้วเนี่ยย กรี๊ดดดด + 1 ให้คร่าา
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (#31-18.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 21-04-2012 07:02:47
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 32 ✦ นัดอันตราย

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)

วันนี้บูมมาช่วยพ่อทำงานที่บริษัทเหมือนเช่นเคย สีหน้ายังคงเครียดๆ อยู่ตั้งแต่ทะเลาะกับแม่มาเมื่อสองสามวันก่อน แม้ว่าทิวจะคอยช่วยปลอบใจแต่ก็ดูเหมือนว่าบูมก็ยังคงสลัดความกังวลไปไม่พ้นอยู่ดี

บูมไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ดูเหมือนพ่อจะคอยสังเกตดูอยู่บ่อยๆ เวลาที่บูมเข้าไปทำงานกับพ่อในห้องสองคน ท่าทางของพ่อเหมือนอยากจะคุยด้วยแต่ก็ยังสงวนท่าทีไว้อยู่ ปกติเวลามาทำงานแบบนี้บูมกับพ่อมักไม่ค่อยได้คุยเรื่องส่วนตัวกันเท่าไหร่ ส่วนมากก็คุยแต่เรื่องงาน พ่อจะคอยสอนงานให้บูมหลายอย่าง บางวันก็ตามพ่อออกไปนำเสนองานหรือประชุมบ้าง บางวันก็ไปดูโครงการที่จะเริ่มทำหรือไม่ก็อยู่ระหว่างดำเนินการ หรือไม่ก็โครงการที่เสร็จไปแล้ว บูมเป็นคนฉลาดและหัวไวจึงทำงานได้ไม่ค่อยมีปัญหา พอจะเห็นแววความหวังที่พ่อจะให้สานต่อกิจการได้มากทีเดียว

ก่อนจะออกไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน คุณลิขิตก็เหมือนจะอดรนทนไม่ไหวหลังจากที่จดๆ จ้องๆ อยู่นาน

"เอ่อ...บูม..."

บูมค่อยๆ ละมือจากคอมพิวเตอร์แล้วก็หันไปหาพ่อด้วยสีหน้าสงสัย

"ครับพ่อ"
 
ดูเหมือนพ่อจะอึกๆ อักๆ ราวกับไม่แน่ใจว่าจะพูดดีหรือเปล่า

"วันหลัง...พาทิวมารู้จักกับพ่อบ้างสิ"

คุณลิขิตตัดสินใจพูดออกไปหลังจากที่คิดทบทวนมาแล้วหลายวัน เมื่อเข้าใจลูกชายคนโตได้ก็ควรจะต้องเข้าใจลูกชายคนเล็กด้วย

"ทิวไหนครับพ่อ"

ดูเหมือนบูมจะงงๆ ไม่คิดด้วยซ้ำว่า "ทิว" ที่พ่อพูดถึงก็คือคนที่บูมรักนั่นแหละ ไพล่คิดไปว่าพ่ออาจจะหมายถึงทิวคนอื่นหรือใครสักคน

"ก็ทิว...แฟนของลูกไง"

"พ่อ!"

บูมอ้าปากตาค้างเมื่อได้ยินพ่อเรียกทิวว่าเป็นแฟนของบูม พ่อยอมรับเรื่องนี้ได้แล้วหรือ นี่บูมกำลังฝันไปอยู่หรือเปล่า

คุณลิขิตเดินมาหาลูกชายที่นั่งตะลึงงันอยู่อย่างช้าๆ แตะไหล่ลูกชายคนเล็กเบาๆ แล้วยิ้ม

"บูม พ่อมาคิดๆ ดูแล้ว พ่อคิดว่า...พ่อควรจะรักบูมอย่างที่บูมเป็น พ่อไม่ควรจะบังคับบูมให้เป็นสิ่งที่บูมเป็นไม่ได้ พ่อก็เลยอยากจะรู้จักทิว บางที...พ่ออาจจะเข้าใจอะไรบางอย่างมากขึ้น พ่ออยากเข้าใจบูมมากขึ้น เข้าใจสิ่งที่บูมเป็นอยู่น่ะลูก"

"พ่อ"

บูมลุกขึ้นยืนแล้วก็กอดพ่อไว้ ยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความดีใจ "ขอบคุณครับพ่อ บูมรักพ่อที่สุดในโลกเลยครับ"

ในที่สุดคุณลิขิตก็ได้ยินประโยคนี้อีกครั้ง บูมชอบพูดประโยคนี้เมื่อสมัยยังเป็นเด็ก แล้วก็ไม่เคยพูดอีกเลยหลังจากที่โตขึ้น ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วลูกๆ ทั้งสองคนเป็นเด็กขี้อ้อน พ่อแม่รักนักรักหนา แต่เพราะความหวังดีที่มากจนเกินไปนั่นเอง ครอบครัวที่เคยมีความสุขและเสียงหัวเราะก็กลับมีแต่ความตึงเครียดและเสียงทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน

"พ่อก็รักบูมนะ บูมก็รักแม่ด้วยใช่ไหมลูก"

"ครับ"

บูมตอบสั้นๆ รักแม่นั้นก็รักอยู่แล้วล่ะ แต่ตอนนี้บูมกับแม่ก็บาดหมางใจกันจนเข้าหน้ากันไม่ติดแล้ว ถ้าแม่ยังไม่ยอมรับในสิ่งที่บูมเป็น ก็ไม่รู้ว่าจะได้บอกรักแม่เหมือนที่บอกพ่อตอนนี้หรือเปล่า

"พ่อต้องขอโทษบูมด้วยนะลูก ขอโทษที่พ่อเคยบังคับจิตใจลูก ไม่เคยฟังลูกเลยว่าอยากมีชีวิตแบบไหน"

"พ่ออย่าพูดอย่างนั้นสิครับ แค่พ่อยอมรับสิ่งที่บูมเป็นได้ผมก็ดีใจแล้วครับพ่อ"

สองพ่อลูกมองหน้ากันอีกครั้งแล้วก็ยิ้ม

"ให้เวลาแม่เขาหน่อยละกันนะบูม แม่เขาเป็นคนใจแข็ง...ขี้โมโห แต่เขาก็รักบูมมากนะลูก สักวันแม่จะเข้าใจ"

บูมพยักหน้า ก็รู้อยู่ว่าแม่รักและเป็นห่วง ไม่มีแม่คนไหนหรอกที่ไม่รักลูกของตัวเอง แต่บูมก็อยากให้แม่เข้าใจสิ่งที่บูมเป็นบ้าง

"แล้วพี่บีมล่ะครับพ่อ"

คุณลิขิตอดขำไม่ได้เพราะรู้ว่าบูมคงกลัวบีมจะน้อยใจ หลายปีมานี้ความทุ่มเทของพ่อกับแม่ดูเหมือนจะมีให้กับบูมมากกว่าพี่ชาย บูมกลัวพี่บีมจะน้อยใจเหมือนกัน ก็ไม่เคยถามหรอกว่าพี่บีมน้อยใจหรือเปล่า แต่ก็เดาเอาว่าพี่บีมคงรู้สึกบ้างไม่มากก็น้อย

"พ่อแม่ก็รักลูกทุกคนนั่นแหละบูม บูมไม่ต้องกังวลหรอก จริงๆ บีมเขามาคุยกับพ่อเรื่องของบูมแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะบีม พ่อก็อาจจะไม่รู้ตัวว่าทำอะไรกับบูมบ้าง พี่บีมเป็นคนมีความคิดดีๆ เยอะเลยนะลูก เมื่อก่อนพ่อไม่เคยภูมิใจที่พี่ชายของบูมไปเรียนศิลปะเลย แต่ศิลปะก็สอนให้บีมเป็นคนละเอียดอ่อน รู้จักคิด รู้จักสังเกต บีมช่วยทำให้พ่อเห็นอะไรหลายๆ อย่างที่พ่อไม่เคยเห็นมาก่อน วันนี้...พ่อภูมิใจในตัวบีมเหมือนกับที่พ่อก็ภูมิใจในตัวบูม"

"จริงเหรอครับพ่อ"

บูมอดที่จะกอดผู้เป็นพ่ออีกครั้งไม่ได้ ขอบคุณพี่บีมจริงๆ ที่ดีกับน้องชายดื้อๆ มาตลอด ถ้าพี่บีมไม่ช่วยแล้วบูมก็คงแย่เหมือนกัน

"จริงสิลูก อ้อ บูมอย่าลืมพาทิวมาหาพ่อละกันนะลูก ไปกินข้าวกันเถอะ"

"ครับพ่อ"

บูมตอบรับอย่างดีใจ หมดปัญหาไปอีกหนึ่งเปลาะแล้ว ขอบคุณพี่บีมจริงๆ ช่วงนี้บูมไม่ค่อยได้เจอพี่ชายเลย ต่างคนก็ต่างทำงาน แถมบูมยังไม่ค่อยได้อยู่บ้านเพราะทะเลาะกับแม่อีก กลับบ้านเย็นนี้บูมจะต้องไปขอบคุณพี่ชายให้ได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

นานเท่าไรแล้วที่ครอบครัวเทพย์สถิตพิทักษาไม่ได้กินข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตาสี่คนพ่อแม่ลูก แต่บีมก็ช่วยทำให้มันเกิดขึ้นได้แม้ว่าจะขลุกขลักนิดหน่อย แม้ว่าแม่กับบูมจะยังดูไม่ค่อยสนิใจกัน แต่หลายๆ คนก็ดูยิ้มแย้มแจ่มใสดี ยกเว้นคุณทิพย์นภาที่ยังคงบึ้งตึงและเงียบขรึมอยู่

"พ่อครับ ปลาทอดสามรส อร่อยนะครับพ่อ พ่อลองกินดูสิครับ" บีมพูดพลางใช้ส้อมแซะเอาเนื้อปลาใส่จานให้พ่อ

"โห..พี่บีมน่ะ ผมกำลังจะตักปลาตัวนี้ให้พ่ออยู่พอดีเลย ทำไมมาแย่งผมล่ะ" บูมหันไปว่าพี่ชายแต่ก็ไม่จริงจังนัก

"อ้าว...พี่จะรู้ได้ไงล่ะ ก็บูมไม่ได้บอกพี่นี่นา" บีมหันมาแก้ตัว

"งั้นพ่อกินยำถั่วพลูด้วยดีกว่า บูมจำได้ว่าพ่อชอบกิน" บูมพูดแล้วก็ตักยำถั่วพลูให้พ่อบ้าง คุณลิขิตหัวเราะชอบใจที่เห็นลูกๆ แย่งกันเอาใจ

คุณทิพย์นภามองลูกชายสองคนที่แย่งกันเอาใจพ่อด้วยความงุนงง เธอไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ทำให้เธอนึกถึงสมัยที่ลูกๆ สองคนของเธอยังเป็นเด็กได้มากทีเดียว บรรยากาศแบบนี้หายไปนานจนเธอลืมไปแล้วว่าครอบครัวเคยมีความสุขและเสียงหัวเราะอย่างนี้ด้วยเหมือนกัน

"เอาใจพ่อกันใหญ่เลย ตักให้แม่เขาด้วยสิลูก เดี่ยวแม่เขาน้อยใจ" คุณลิขิตบอกแล้วก็หันไปมองภรรยาที่ยังคงมีสีหน้าเครียดๆ อยู่

บูมกับบีมมองหน้ากันเลิ่กลั่กเหมือนกับจะตกลงกันว่าใครควรจะตักให้แม่ก่อน สุดท้ายบีมก็เป็นคนตักปลาให้แม่เพราะถ้ามัวแต่เกี่ยงกันแม่คงจะน้อยใจแย่

"อร่อยนะครับแม่ ลองกินดูครับ" บีมตักให้พลางยิ้ม

คุณทิพย์นภามองหน้าลูกคนโตที่พยายามเอาใจด้วยความรู้สึกมึนงงเพราะยังปรับตัวไม่ถูก ด้วยความมีทิฐิมานะบวกกับความน้อยอกน้อยใจ เธอก็เลยไม่กินเสียอย่างนั้น

"แม่ไม่กิน แม่ไม่หิว"

"คุณก็...ลูกอุตส่าห์ตักให้" คุณลิขิตหันไปตำหนิภรรยา

เห็นสามีกับลูกๆ กลับมาเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยโดยไม่ทราบสาเหตุ คุณทิพย์นภาก็ยิ่งน้อยใจไปกันใหญ่ ความจริงเธอก็เป็นเพียงแม่ธรรมดาๆ คนหนึ่งที่อยากให้ลูกๆ เอาใจบ้างเท่านั้นเอง

"ทิพย์ไม่หิวค่ะ ขอตัวนะคะ"

คุณทิพย์นภาพูดจบแล้วก็วางช้อนส้อมลงพร้อมกับเดินหนีไปทันที พ่อลูกสามคนได้แต่มองหน้ากันอย่างงงๆ แล้วพ่อก็หันมาพยักพเยิดให้บูมตามแม่ไป

"ไปสิบูม" บีมสะกิดน้องชายที่ยังนั่งงงอยู่

บูมจึงค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วก็วิ่งตามแม่ไปตามที่พ่อและพี่ชายแนะนำ บูมทำใจดีสู้เสือแล้วก็เรียกแม่

"แม่...กินข้าวด้วยกันก่อนสิครับ นานๆ เราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตานะครับแม่"

คุณทิพย์นภาหยุดหันมามองลูกชายคนเล็ก ถึงจะรู้สึกดีใจที่ลูกตามมาเอาใจแต่เธอก็ยังมีฟอร์มอยู่ดี

"ฉันไม่กิน"

คุณทิพย์นภากระแทกเสียงแล้วก็เดินขึ้นบันไดไป ก่อนจะหยุดแล้วหันมามองลูกชายคนเล็กที่ยืนหน้าเสียเพราะถูกตวาดอีกครั้ง

"อ้อ...บูมควรจะหาที่เรียนต่อได้แล้วนะ จบโครงการเมื่อไรแม่จะให้บูมไปเรียนเมืองนอก จะได้..."

อยู่ๆ คุณทิพย์นภาก็หยุดพูดเหมือนนึกได้ว่ายังไม่ควรพูดสิ่งนั้นในตอนนี้

"ครับ" บูมรับคำ

พอแม่เดินขึ้นห้องไปแล้วบูมก็เดินหน้าม่อยกลับมานั่งที่เดิม บรรยากาศดูกร่อยไปพอสมควรเพราะตั้งใจว่าจะได้กินข้าวพร้อมกัน เผื่อจะทำให้บรรยากาศในครอบครัวคลายความตึงเครียดลงไปบ้าง แต่แม่ก็เป็นคนมีทิฐิเสียเหลือเกิน

"ให้เวลาแม่เขาอีกหน่อยละกันนะบูม"

พ่อพยายามปลอบใจ รู้สึกสงสารทั้งลูกชายที่โดนแม่ตวาดและสงสารภรรยาที่มัวแต่ยึดมั่นถือมั่นจนทำให้ตัวเองเป็นทุกข์

"ครับพ่อ"

บูมตอบไปโดยที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่ยังต้องการเวลาอีกนานแค่ไหน อีกด้านหนึ่ง บูมก็เริ่มรู้สึกผิดที่ทำให้แม่มีสภาพไม่ต่างจากคนที่กำลังตรอมใจ ยังไงแม่ก็ยังเป็นแม่ เป็นไปไม่ได้เลยที่บูมจะมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของแม่ตัวเอง

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

ทิวย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านของตัวเองหลังจากที่ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว ดูเหมือนบูมก็ยังคงหวาดระแวงอยู่ว่าแม่จะส่งคนมาทำร้ายทิวอีก ทำให้อยู่ไม่เป็นสุขทีเดียว ต้องคอยโทรถามอยู่บ่อยๆ

วันที่กลับมานั้นนอกจากบูมแล้วเอิร์ธกับวิทก็ขอมาส่งทิวที่บ้านด้วย พอเก็บของเสร็จก็พากันออกไปซื้อของที่หน้าปากซอยมากินที่บ้าน อิ่มแล้วเอิร์ธก็เลยขอให้ทิวกับบูมร้องเพลงให้ฟังเสียเลย

"น่า...ร้องให้พวกผมฟังหน่อย ได้ยินว่าเสียงดีแล้วก็เคยเป็นคู่หูดูโอ้กันสมัยเรียนไม่ใช่เหรอ" เอิร์ธคะยั้นคะยอเมื่อเห็นทั้งคู่ยังอิดออด

วิทเดินไปหยิบกีตาร์โปร่งของทิวที่วางไว้ใกล้ๆ กับมุมคีย์บอร์ดมายื่นให้ทิว ก็เท่ากับเป็นการบังคับให้สองหนุ่มร้องเพลงด้วยกันกลายๆ นั่นเอง ทิวรับมาแล้วก็ยิ้มเขินๆ ตอนนี้แขนหายดีแล้วจึงไม่น่าจะมีปัญหาในการเล่น

"ร้องเพลงนั้นเลย ที่เมื่อก่อนร้องด้วยกันบ่อยๆ เพลงอะไรนะ...จำชื่อไม่ได้" เอิร์ธหันไปถามวิทที่นั่งข้างๆ

"ดีใจๆ อะไรสักอย่างนี่แหละ" วิทเดา

"จำได้ใช่ไหมครับ ร้องเลยๆ อยากฟังๆ" วิทช่วยคะยั้นคะยออีกแรง

ทิวกับบูมหันมายิ้มให้กันแล้วก็เริ่มต้นร้องเพลงโดยมีทิวเป็นคนเล่นกีตาร์ บูมเป็นคนร้องและทิวคอยประสานเหมือนเช่นเคย เอิร์ธกับวิทนั่งยิ้มและตั้งใจฟัง เห็นทิวกับบูมร้องเพลงด้วยกัน ยิ้มให้กันหรือสบตากันแล้วบางครั้งสองหนุ่มก็รู้สึกเขินแทน พอจบเพลงแล้วเอิร์ธกับวิทก็ตบมือและชมกันใหญ่

"สุดยอดเลย เดี๋ยวจะเอาขึ้นยูทูบ ไม่ลองทำอัลบั้มคู่กันดูล่ะ ผมว่าดังแน่ๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเด็กเรียนอย่างบูมจะร้องเพลงเก่งขนาดนี้"

เอิร์ธชมพร้อมกับยุไปด้วย ทิวกับบูมยิ้มแก้มแทบปริ แต่ก่อนที่จะพูดอะไรนั้น ทุกคนก็สังเกตเห็นทิวทำสีหน้าอึ้งๆ เหมือนกับเจออะไรบางอย่าง พอหันไปมองตามก็เห็นชายคนหนึ่งยืนฟังอยู่เงียบๆ ข้างหลัง ดูเหมือนว่าจะยืนอยู่ตรงนั้นมาสักพักใหญ่แล้ว

"อ้าวต้อง มาตั้งแต่เมื่อไรวะ" บูมร้องทัก

ต้องมายืนฟังได้สักพักแล้วล่ะ พอดีทิวเปิดบ้านทิ้งไว้ก็เลยเดินเข้ามาเงียบๆ ทุกคนมัวแต่สนใจการร้องเพลงของทิวกับบูมอยู่ก็เลยไม่มีใครเห็น ต้องมองไปที่ทิวแต่ทิวก็หันหน้าหนี บูมสังเกตดูอาการของทั้งสองคนแล้วก็แปลกใจเพราะปกติทิวไม่เคยทำอาการอย่างนี้กับต้องเลย

"ก็...เมื่อกี้นี้แหละ แต่ว่า...ทิวมีแขกใช่ไหม เดี๋ยว...กลับก่อนก็ได้" ต้องบอกด้วยน้ำเสียงประหม่าแล้วก็ทำท่าจะหันหลังกลับ

บูมลุกเดินไปหาแล้วก็เรียกไว้ "เดี๋ยวก่อนสิ ไม่อยู่คุยกันก่อนล่ะ"

"ไม่เป็นไร กูจะกลับแล้ว"

สีหน้าของต้องดูเศร้าเหมือนคนน้อยใจมากทีเดียว บูมและคนอื่นได้แต่มองตามอย่างงงๆ และสงสัย วันนี้ ต้องตั้งใจจะมาขอโทษทิวหลังจากที่หายไปหลายวัน แต่ทิวดูจะโกรธต้องมากเพราะไม่ยอมมองหน้าเพื่อนเลย ยิ่งได้มาเห็นทิวกับบูมร้องเพลงให้เพื่อนอีกสองคนฟังอย่างมีความสุขด้วยแล้ว ต้องก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรอยู่ตรงนี้ หรือจะว่าไปแล้วต้องก็ไม่ควรมาหาทิวอีกเลย

"เป็นไรของมันวะ"

บูมพูดกับตัวเองอย่างงงๆ แล้วก็เดินกลับมานั่งที่โซฟาเช่นเดิม ทิวเองก็ดูแปลกไปเมื่อเจอต้อง เพื่อนมาหาแล้วทิวก็ไม่น่าปล่อยให้เพื่อนกลับไปโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ คงต้องมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติอย่างแน่นอน

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

หลังจากเพลิดเพลินกับการฟังทิวกับบูมร้องเพลงแล้ว เอิร์ธกับทิวก็ยังอยู่ต่อเพราะว่าจะได้ช่วยอัปเดตการทำงานให้ทิวฟัง พร้อมกับถือโอกาสประชุมหารือการทำงานไปด้วยเพราะช่วงนี้เริ่มประชาสัมพันธ์การประกวดการออกแบบทางเท้าและเริ่มมีคนส่งผลงานเข้ามาบ้างแล้ว

จนกระทั่งเกือบสามทุ่ม สองหนุ่มจึงได้กลับไป ทิวกับบูมจึงได้มีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังสองคน หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วจึงกึ่งนั่งกึ่งนอนคุยกันอยู่บนเตียง

"ทิว...จบโครงการแล้ว เราจะไปเรียนต่อโทที่เมืองนอกนะ"

ทิวได้ยินแล้วก็ใจหาย เกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ การจากกันอีกครั้งกำลังจะเกิดขึ้นอีกแล้วหรือ

"ทิว...รอเราได้ใช่ไหม ไม่นานหรอก อย่างมากก็ไม่น่าจะเกินสามปี เราจะตั้งใจเรียน เรียนให้จบแล้วก็จะรีบกลับมาเลย"

แม้บูมจะบอกอย่างนั้น แต่ทิวก็รู้สึกไม่มั่นใจเลยเพราะมีลางสังหรณ์บางอย่าง ทิวกลัวเหลือเกินว่าบูมจะจากไปแล้วอาจจะไม่ได้กลับมาอีกเลย

เห็นทิวทำหน้าซึมๆ แล้วบูมก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วง

"เราไม่ได้คิดจะทิ้งนายนะทิว เราตอ้งเรียนต่อ ต้องดูแลกิจการของพ่อ ยังไงเราก็ต้องทำให้พ่อกับแม่ นายเข้าใจเราใช่ไหมทิว"

ทิวเข้าใจสิ่งที่บูมอธิบายอยู่แล้วล่ะ ปัญหาคงไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอก แต่ทิวก็กลัวใจแม่ของบูมเหลือเกิน ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นจะกลับมาซ้ำรอยอีกหรือเปล่า

"เราเชื่อใจนายเสมอนะบูม แต่เรากลัว กลัวว่าแม่ของนายจะ..."

บูมรีบเขยิบเข้ามานั่งใกล้ๆ กับทิวแล้วโอบไหล่ไว้ แม้ว่าจะใจหายสักแค่ไหนที่ต้องจากคนที่รักไปอีกครั้ง ชีวิตของบูมก็คงไม่มีทางเลือกที่ดีได้มากกว่านี้ พ่อกับแม่ให้บูมกลับมาก่อนเพราะอยากให้บูมสร้างโพรไฟล์ให้ตัวเองจากโครงการนี้ พร้อมกับศึกษากิจการที่พ่อทำอยู่ไปพลางๆ ด้วย เมื่อจบโครงการแล้วบูมก็ต้องกลับไปเรียนต่อโทเหมือนเดิม แต่ก็ดีแล้วล่ะที่บูมได้กลับมาทำโครงการ ที่สำคัญ บูมได้กลับมาเจอทิวอีกครั้งเพื่อฟื้นคืนความรักที่เคยหล่นหายไปให้กลับคืนมา

"ทิว...นายรู้ไหมว่าระยะเวลาสี่ปีกว่าๆ มันนานแค่ไหน นายรู้ไหมว่ามันนานพอที่จะทำให้เราลืมใครบางคนได้เลยนะ นานพอที่จะทำให้หัวใจที่บาดเจ็บหายได้ นานพอที่จะทำให้เรารู้สึกห่างเหินกับใครบางคนที่เราเคยรู้จักจนกลายเป็นคนแปลกหน้าได้ เราก็เป็นอย่างนั้นกับคนอื่นๆ นะทิว แต่...ไม่ใช่กับนาย สี่ปีกว่ามันยาวนานก็จริง แต่ก็มันยังไม่นานพอที่จะทำให้เราลืมนายได้ นายรู้ไหมว่าทำไม เพราะเรารักนายมากไงทิว นายคือรักแรกของเรา คือคนที่ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา คือคนที่พิสูจน์ให้เห็นว่านายรักและดีกับเรามากแค่ไหน เราไม่เคยลืมสิ่งดีๆ ที่นายเคยทำให้เราเลยนะทิว มันอยู่ในใจเราตลอด อยู่ในทุกความคิดถึง อยู่ในทุกลมหายใจ เราอยากให้นายมั่นใจว่า...เราจะกลับมาหานายอย่างแน่นอนถ้าเราไม่เป็นอะไรไปเสียก่อน เราอยากกลับมาใช้ชีวิตที่มีความสุขกับนาย นายเป็นความสุขของเรานะทิว ไม่ว่ามันจะยากลำบากแค่ไหน...เราก็ยินดีที่จะฝ่าฟันและกลับมาหาคนที่เรารักให้ได้ ยังไงๆ ก่อนจะจากไปเราก็จะพยายามทำให้พ่อกับแม่เราเข้าใจนายเราสองคนให้ได้"

ทิวกอดบูมตอบด้วยความรู้สึกอุ่นใจที่ได้ยินเช่นนั้น อย่างน้อยก็มั่นใจมากขึ้นว่าพลังดึงดูดของความรักมกจะนำคนสองคนมาเจอกันได้เสมอ เหมือนที่ทิวกับบูมได้กลับมาเจอกันในครั้งนี้ แต่ถ้ามันจะไม่เป็นเช่นนั้น มันก็คือความจริงที่เราต้องยอมรับ อะไรจะเกิดมันก็คงต้องเกิด เพราะยังไงแล้วบูมก็ต้องไปเรียนต่อ ทิวไม่สิทธิ์ที่จะกักขังหน่วงเหนี่ยวบูมไว้ไม่ว่าจะรักและหวงแหนมากแค่ไหนก็ตาม

"ทิว...เราถามอะไรหน่อยสิ"

ทิวเงยหน้าขึ้นมองแต่ก็ยังคงกอดบูมไว้อยู่ "อะไรเหรอ"

"นายกับต้อง...มีปัญหาอะไรกันหรือปล่า ไม่รู้สิ เราว่า...วันนี้นายกับต้องดูแปลกไป ไม่รู้เราคิดไปเองหรือเปล่านะ แต่ว่า...ทำไมวันนี้ต้องมันมาแล้วก็กลับไปเลย ไม่ยอมคุยกับนาย นายก็ไม่คุยกับต้องซักคำ นายสองคนมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าทิว"

ทิวค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งตัวตรง รู้สึกหนักใจเพราะไม่รู้ว่าจะบอกบูมยังไง เมื่อใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันจนแทบจะเป็นเหมือนคนๆ เดียวกันก็ทยิ่งทำให้ทิวรู้สึกผิดที่ต้องปิดบังบางสิ่งบางอย่าง ในขณะเดียวกันทิวก็ไม่อยากให้บูมรู้และไม่สบายใจ เผลอๆ เรื่องมันอาจจะบานปลายไปกันใหญ่ ถึงจะรู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่ต้องทำมากแค่ไหน แต่ทิวก็รู้ว่าต้องไม่ได้ตั้งใจ ต้องแค่เมาจนขาดสติเท่านั้นเอง ขอเวลาให้ทิวอีกหน่อยนะต้อง

"นายไว้ใจเราใช่ไหมทิว นายมีอะไรก็บอกเราได้นะ เรายินดีรับฟังทุกอย่าง ถ้านายพร้อมที่จะบอก เราก็อยากฟัง เราสองคนก็ใช้ชีวิตไม่ต่างจากคู่รักกันแล้วนะ มีอะไรเราก็ควรจะพูดคุยกันรู้ไหม"

ทิวพยักหน้าตอบรับแต่ก็ยังคงมีสีหน้ากังวลใจอยู่

"เรา...ทะเลาะกันน่ะบูม แต่ว่า...เรายังไม่พร้อมที่จะเล่าให้นายฟังตอนนี้ นายคงไม่ว่าเราใช่ไหม"

บูมยิ้มแล้วก็ดึงทิวมาซบไหล่ตัวเองอีกครั้ง

"แล้วแต่นายละกัน เราไม่บังคับนายหรอก ถ้าพร้อมเมื่อไรนายค่อยบอกเราก็ได้" บูมปล่อยทิวเป็นอิสระแล้วก็พูดต่อ

"จริงๆ แล้ว...ต้องมันชอบนายนะ นายรู้แล้วใช่ไหมทิว"

ทิวหันมาสบตากับบูมอีกครั้ง ยิ้มเศร้าๆ และพยักหน้า

"แต่เรา...ไม่เคยคิดอย่างงั้นกับต้องเลยนะ ต้องเป็นเพื่อนที่ดีของเรานะบูม แต่ยังไงเราก็รักต้องอย่างงั้นไม่ได้ เราก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันที่จะช่วยให้ต้องเข้าใจ"

แล้วทิวก็ถอนหายใจด้วยความหนักใจ สิ่งที่ทิวบอกนั้นก็พอจะทำให้บูมพอรู้ได้ว่าทิวกับต้องน่าจะมีปัญหากันเพราะเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย

"เรารู้..." บุมหยุดเว้นจังหวะ "นายคงต้องให้เวลาต้องมันหน่อยนะทิว อีกไม่นานต้องก็จะเข้าใจ การตัดใจจากคนที่รักไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หรอก"

ทิวรู้สึกดีใจที่บูมไม่ได้พูดถึงต้องในทางไม่ดีเมื่อรู้ว่าต้องคิดอะไรกับทิว อย่างน้อยก็ทำให้ทิวรู้ว่าบูมเป็นผู้ชายที่มีสปิริตมาก

"นายหึงหรือเปล่า"

บูมรวบตัวทิวมากอดไว้แล้วก็รีบบอก

"หึงสิ...ทำไมจะไม่หึงล่ะ ก็แฟนเรา...น่ารักขนาดนี้จะไม่หึงได้ยังไงล่ะ จริงไหม" แล้วก็หัวเราะชอบใจเมื่อเห็นทิวยิ้มอายๆ

"ทิว...เรามีข่าวดีจะบอกนาย นายจะต้องแปลกใจอย่างแน่นอน"

"อะไร นายถูกหวยเหรอ"

"บ้าสิ...เราไม่เคยซื้อซะหน่อย" แล้วบูมก็ขำก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น

"พ่อของเราอยากเจอนาย เราก็เลยคิดว่า...วันจันทร์นี้ เราจะพานายไปกินข้าวกลางวันกับพ่อซะหน่อย"

"หมายความว่า...พ่อของนายก็จะ..." ทิวทำหน้าหวาดกลัว นี่พ่อของบูมจะต่อว่าอะไรทิวอีกหรือเปล่าถึงได้อยากเจอ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วทิวคงไม่กล้าไปหรอก แค่แม่ของบูมคนเดียวก็เล่นเอาทิวแทบแย่แล้ว

"ไม่ใช่อย่างงั้น พ่อของเราอยากจะเจอ..." บูมเว้นจังหวะให้ทิวตื่นเต้นพร้อมกับรอยยิ้มที่มีเลศนัย "แฟนของลูกชายไง"

"จริงเหรอบูม พ่อนาย...ยอมรับเรื่องนี้ได้แล้วเหรอ" ทิวถามอย่างตื่นเต้น

"อื้อ...ตอนนี้พ่อของเราแล้วก็พี่บีมโอเคกับเรื่องของเราแล้วนะ พี่บีมช่วยไปคุยกับพ่อให้ไง"

"โห...จริงเหรอ พี่ชายของนายคงจะรักนายมากเลยนะบูม พยายามช่วยนายมาตลอดเลย เรายังจำได้...พี่บีมเคยพาพวกเราไปซื้อเสื้อผ้าที่จะขึ้นเวทีร้องเพลง พาไปโยนโบวล์ พาไปเล่นยิงปืน พาไปทำอะไรตั้งหลายอย่างแน่ะ พี่บีมเป็นคนแรกในครอบครัวที่เข้าใจนาย บูมต้องรักพี่บีมให้มากๆ นะ ว่าแต่...พี่บีมชอบกินอะไรล่ะ เดี๋ยวเราพาไปเลี้ยงข้าว เรายอมทุบกระปุกเลยนะบูม"

บูมได้ฟังแล้วก็ขำ "เดี๋ยวเราจะบอกพี่บีมให้ นายหมดตัวแน่งานนี้"

สองหนุ่มยิ้มและหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข บูมเพิ่งรู้จากบีมมาว่าตอนนี้แพรวก็เริ่มจะปล่อยวางและให้อภัยบูมแล้ว บูมเป็นหนี้บุญคุณของพี่ชายมากจริงๆ ส่วนแพรว ถ้าเธอพอทำใจได้แล้วบูมก็จะไปขอโทษและคุยกับเธออีกสักครั้ง อย่างน้อยๆ ก็น่าจะยังพอรักษาความความเป็นเพื่อนกันเอาไว้ได้ ดีกว่าต้องจบกันไปแล้วต่างคนก็ต่างมองหน้ากันไม่ติด

แต่ในบรรดาคนทั้งหมดที่บูมจะต้องเจรจานั้น คงไม่มีใครที่จะยากเกินไปกว่าคุณทิพย์นภา แม่ของบูมเองนั่นแหละ แม่เป็นคนยึดมั่นถือมั่นมาแต่ไหนแต่ไร ยากที่จะยอมง่ายๆ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

"ทิวใช่ไหม ฉันมีอะไรอยากจะคุยกับเธอหน่อย วันนี้ตอนกลางวันเธอว่างหรือเปล่า"

เมื่อทิวรับโทรศัพท์เบอร์แปลกๆ สายหนึ่ง เจ้าของเสียงนั้นก็ถามด้วยประโยคนี้ทั้งๆ ที่ทิวยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าใครโทรมาและคนนั้นมีธุระอะไรที่จะคุยด้วย

"เอ่อ...จากไหนครับ"

"ฉันเป็นแม่ของบูม"

เสียงที่ตอบมาทำให้ทิวเสียวสันหลังวาบ นึกว่าแม่ของบูมจะลดราวาศอกไปบ้างแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างที่เข้าใจเสียแล้วสิ ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ทิวกับบูมก็ยังคบกันเป็นปกติ ที่บ้านของบูมก็ดูเหมือนจะรับรู้กันดี แม่ของบูมเองก็เลิกบ่นเลิกว่าลูกชายไปจนใครๆ ต่างก็แปลกใจ นึกว่าคุณทิพย์นภาคงจะทำใจได้แล้วเสียอีก ที่ไหนได้ เธอแค่รอจังหวะเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น

"คุณแม่จะคุยอะไรกับผมเหรอครับ" ทิวถามเสียงสั่น สีหน้าดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด ถ้าบูมอยู่สำนักงานวันนี้ ทิวคงทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว

"ฉันไม่ใช่แม่ของเธอ ไม่ต้องมาเรียกฉันแบบนี้ ตอบฉันมาว่าเธอจะมาคุยกับฉันวันนี้ได้ไหม เรื่องอะไรเดี๋ยวเธอก็รู้เอง อย่าถามมาก"

น้ำเสียงที่ดุดันนั้นทำให้ทิวยิ่งประหม่าเข้าไปใหญ่ "ได้ครับ ที่ไหนครับ"

"ตอนเที่ยงนี้ฉันจะไปรอที่ร้านอาหารฝรั่งเศสละกัน ใกล้ๆ กับที่ทำงานของเธอนั่นแหละ มีอยู่ร้านเดียว ถามคนในออฟฟิศเธอก็ได้ คงจะมีคนรู้จักอยู่หรอก อ้อ...มาคนเดียวล่ะ ห้ามเธอพาใครมาด้วยอย่างเด็ดขาด ที่สำคัญ...ไม่ต้องไปบอกลูกชายฉันล่ะ"

"ครับ"

ทิวรับคำอย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อวางสายแล้วก็ยืนนิ่งด้วยความหวั่นใจและวิตกกังวล คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคุณทิพย์นภาคงไม่ถึงขั้นขอคุยด้วยหรอก สิ่งที่ทิวเคยหวาดกลัวเริ่มส่อเค้าลางที่จะเป็นจริงขึ้นมาแล้ว แต่จะหนักหนาแค่ไหนนั้น ตอนกลางวันนี้ก็คงจะได้รู้กัน

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 32 วันที่ 21.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 21-04-2012 09:58:01

บูมจะจากทิวไปเรียนต่ออีกแระ   ทิวคงต้องเป็นฝ่ายรออีกตามเคย :เฮ้อ:


คุณแม่จะทำอะไรอีกคะ  สงสารทิวบ้างเหอะ :monkeysad:

หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 32 วันที่ 21.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 21-04-2012 10:22:07
พ่อสามีOKแล้ว :m4:....เเต่แม่สามีนี่ซิ :m29:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 32 วันที่ 21.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Cynthia_Moonlight ที่ 21-04-2012 10:38:30
เอาคุณนายทิพย์นภาไปเก็บได้มั้ย... คุณแม่ออกตัวทีไรดราม่ากระจายทุกทีเลยอ่ะ เหอๆ

คิดจะขู่อะไรทิวอีกเนี่ย เดี๋ยวทิวได้เขว่จนได้อ่ะ สงสารเด็กมันบ้างจะได้มั้ย อีโก้สูงไม่มีใครเกิน เฮ้อ...

เตรียมซดมาม่า โฮกกกกกก
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 32 วันที่ 21.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 21-04-2012 12:37:33


คุณหญิงแม่จะแกล้งอะไรทิวอ่ะ  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 32 วันที่ 21.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 21-04-2012 20:44:44
บีบหัวใจจัง
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 32 วันที่ 21.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: 230 ที่ 21-04-2012 21:17:56
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคับ   o13
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 32 วันที่ 21.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 21-04-2012 21:54:13
เหตุการณ์และบรรยากาศในตอนล่าสุดนี้
ขอชมที่ผู้เขียนดึงอารมณ์ ความรู้สึก ความคิด ปมขัดแย้งในใจของตัวละครออกมาได้สมจริงมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ บรรยากาศ และคนในครอบครัวของบูม
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 32 วันที่ 21.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 22-04-2012 00:53:23
คลายปมไปเยอะแล้ว  :z2: :z2: เย้ๆ คุณพ่อบูมยังอยากเจอแฟนของลูกชายคนเล็กเลย เหลือก็แต่คุณแม่บูมนี่ละ  :serius2: :เฮ้อ:
แอบเศร้านิดนึง บูมจะไปเรียนต่อโทที่เมืองนอกอีกแล้ววว.... :sad4: :o12: สงสารทิวอ่าาา การรอคอยมันทรมานนะ  :กอด1: ทิว สู้ๆ

คุณแม่บูมนัดทิวออกไปทำอะไรคะ อย่ารังแกทิวอีกเลย ที่ผ่านมาชีวิตของทิวก็เลวร้ายมากแล้ว
 :L2: :L2: :L2: ขอบคุณค่ะ  รอติดตามนะคะ อ่านไปก็ลุ้นตลอดเลย...ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก เดาไม่ได้เลยจริงๆ (เดาผิดตลอด 55+)
+1+เป็ด เป็นกำลังใจให้คนแต่งเสมอ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 32 วันที่ 21.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 22-04-2012 01:52:23
ตามทันแล้วนะคะ

สนุกมากก!
ครบทุกรสชาติ

ถึงมันจะหนักไปทางดราม่าก็ตาม

ติดตามๆต่อค่ะะ เป็นกำลังใจให้นะ :'D
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 32 วันที่ 21.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 22-04-2012 09:00:37
แม่มดใจร้าย มาอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 32 วันที่ 21.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 22-04-2012 11:43:28
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ อ่านถึงตอนเก้าแล้ว
คนเเต่งเเต่งได้ดีมาก อ่านเข้าใจง่าย ไม่ติดขัดเลย
เรามีน้ำตายไหลด้วยนะ เรื่องพ่อแม่บูม
จะตามอ่านเรื่องอื่นๆด้วยค่ะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 32 วันที่ 21.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 22-04-2012 13:29:28
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 33 ✦ คุณแม่จอมทิฐิ

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)

ช่วงนี้เป็นช่วงปลายของโครงการแล้ว งานของทิวค่อนข้างยุ่งมากเพราะต้องคอยประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่ประเคนบรรดาสิ่งกีดขวางต่างๆ หรือที่เรียกว่า street furniture ไม่ว่าจะเป็นตู้โทรศัพท์ ไฟฟ้า ประปา และอื่นๆ อีกมากมายมาไว้บนทางเท้า ทำให้กีดขวางทางสัญจรของผู้ใช้ทางเท้ามากทีเดียว ดีที่ว่างานนี้สำนักงานเขตในพื้นที่ลงมาเล่นและช่วยสั่งการด้วย ทำให้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานเหล่านี้ค่อนข้างดี ปกติการปรับย้ายสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องยากมาก ดีที่ได้อาศัยเส้นของพ่อกับแม่ของบูมช่วยดึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตเข้ามาช่วย ทำให้เรื่องต่างๆ ง่ายขึ้นเป็นกอง

ช่วงหลังๆ มีสื่อมาขอสัมภาษณ์บูมบ่อยๆ แต่บูมก็มักจะให้ทิวหรือเพื่อนๆ ร่วมให้สัมภาษณ์ด้วยเกือบทุกครั้ง ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาภาพของบูมและเพื่อนๆ จึงปรากฏในสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทีวี นิตยสาร อินเตอร์เน็ต รายการวิทยุ หนังสือพิมพ์และอื่นๆ อีกมากมาย เพราะใครๆ ต่างก็ชื่นชมความคิดดีๆ ของเยาวชนรุ่นใหม่กลุ่มนี้ที่ลุกขึ้นมาทำสิ่งดีๆ เพื่อสังคม การทำงานของพวกเขาจึงได้รับความสนใจมากจนเกินคาด

แม้ว่าจะเหนื่อย แต่ทิวก็มีความสุขมากที่ได้ทำโครงการนี้ แต่ก็รู้ดีว่าเมื่อโครงการจบ คนที่ทิวรักมากที่สุด เป็นที่พึ่งพิงทั้งทายกายและใจเพียงคนเดียวตลอด หนึ่งปีเศษๆ ที่ผ่านมาจะต้องจากไปเรียนหนังสือต่อแล้ว แต่ทิวก็คิดว่ากยังพออยู่ได้ มีเงินเหลือเก็บจากการทำงานโครงการราวๆ สองแสนบาท ก็น่าจะช่วยทำให้ทิวเรียนจนจบและมีงานทำในช่วงที่บูมไม่อยู่ได้ ทิวไม่มีปัญหาที่จะรอหรอก แต่คุณทิพย์นภากำลังคิดจะทำอะไรหนอ ทิวรู้สึกกลัวเหลือเกิน

ทิวเดินเข้ามาในร้านอาหารตามที่นัดหมายแล้วก็มองหาคนที่นัดไว้ ไม่นานก็เห็นคุณทิพย์นภานั่งรออยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ก็ดูถมึงทึงอยู่ตรงมุมห้องด้านในสุดเพราะเธอต้องการคุยในที่เงียบๆ ช่วงนี้เป็นช่วงที่มหาวิทยาลัยปิดภาคเรียน เธอก็เลยมีเวลาอยู่บ้านมากหน่อย แต่ก็ยังคงมีประชุมและงานอื่นๆ เล็กๆ น้อยๆ ที่มหาวิทยาลัย

"นั่งสิ"

คุณทิพย์นภาพูดโดยไม่หันมามอง เมื่อทิวนั่งลงตรงหน้าจึงได้สังเกตดูหน้าตาผิวพรรณของทิว ทิวไม่ใช่คนที่ขาวมากนัก แต่ก็ไม่คล้ำ หน้าตาก็ถือว่าหล่อเหลาทีเดียว แต่ก็แปลกใจที่ทิวไม่มีท่าทางอรชรอ้อนแอ้นอย่างที่เธอเข้าใจ ก็ดูเหมือนผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง ทำให้เธออดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมคนที่รูปร่างหน้าตาแบบนี้ถึงได้เป็นเกย์กันไป ได้ แล้วจะให้มั่นใจได้ยังไงว่าผู้ชายที่เห็นในสมัยนี้จะไม่เป็นแบบนี้กันบ้าง คิดแล้วก็น่ากลัว

"กินอะไรมาหรือยัง อยากกินอะไรก็สั่ง"

ทิวหยิบเมนูอาหารมาดูด้วยท่าทางประหม่าแล้วก็สั่งกาแฟเพียงถ้วยเดียวไป ใครจะไปกินลงล่ะ คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าพูดอะไรแต่ละทีก็ทำให้ทิวแทบจะลืมหายใจ ท่าทางก็ไม่เป็นมิตรจนทิวแทบไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าด้วยซ้ำ บรรยากาศมันดูอึดอัดเสียจนทิวอยากจะลุกหนีไปเลยถ้าทำได้

"เอาล่ะ...มาเข้าเรื่องกันดีกว่า" คุณทิพย์นภาพูดพลางจ้องหน้าทิวเหมือนคิดอะไรบางอย่าง

"เธอรู้ใช่ไหมว่าบูมเขาเกิดมาในครอบครัวแบบไหน อยู่ในสังคมแบบไหน แต่ดูท่าทางเธอก็คงจะฉลาดอยู่...ก็คงจะรู้"

แค่เริ่มเรื่องทิวก็พอจะรู้แล้วว่าคุณทิพย์นภาต้องการอะไร ไม่ได้ผิดจากที่คิดไว้เท่าไหร่

"บูมเขาเป็นความหวังและอนาคตของครอบครัว เขาจะต้องมาดูแลกิจการแทนพ่อ ช่วยทำให้บริษัทของเราเจริญเติบโตต่อไป เขาจะเป็นที่เคารพยำเกรง มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในสังคม และที่สำคัญ ฉันก็อยากให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงดีๆ ซักคนและมีลูกหลานสืบสกุลต่อไป แต่เธอรู้ไหมว่า...สิ่งที่ฉันพูดมาทั้งหมดมันจะพังลงทันที...เพราะเธอ"

คุณทิพย์นภาเน้นเสียงสองคำสุดท้ายหนักแน่นพร้อมกับจ้องหน้าทิวเขม็ง ทิวแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะยกกาแฟขึ้นมาจิบ

"ในฐานะที่ฉันเป็นแม่ เธอรู้ไหมว่าฉัน...เจ็บปวดใจแค่ไหนที่ต้องรับรู้ว่าลูกชายของฉัน...มีแฟนเป็นผู้ชาย ตลอดระยะเวลาที่บูมเขากลับมาหาเธอ ฉันเป็นทุกข์มากแค่ไหนเธอรู้ไหม เธอคงไม่รู้หรอก...เพราะเธอไม่เคยเป็นแม่ แต่ฉันจะบอกเธอว่า...ฉันเจ็บปวดใจทุกครั้งเวลาที่บูมมาหาเธอ เวลาที่พ่อแม่คนอื่นๆ ถามถึงบูมว่ามีแฟนหรือยัง ฉันก็ไม่รู้ว่าจะตอบคนอื่นว่ายังไง เธอรู้ไหมว่าฉันรู้สึกยังไงเวลาที่เห็นลูกชายคนอื่นๆ แต่งงานมีครอบครัว มีลูกสืบสกุล เป็นที่ยอมรับของคนอื่นๆ เธอลองคิดดู...ถ้าวันหนึ่งเขาเป็นประธานบริษัทแล้วคนอื่นๆ ก็รู้ว่าเขาเป็นแบบนี้ ใครจะเคารพเขา นี่ยังไม่นับญาติพ่อแม่พี่น้อง เพื่อนฝูงและคนที่เรารู้จัก ฉันคงรับไม่ได้หรอกถ้าหากลูกชายของฉันต้องโดนล้อหรือถูกซุบซิบนินทาว่ามีแฟนเป็นผู้ชาย แล้วถ้าเขาแก่ตัวลง เขาก็จะไม่มีลูกหลานมาคอยดูแลเหมือนคนอื่นๆ ฉันคงปล่อยให้ลูกฉันมีชีวิตแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ"

คุณทิพย์นภาเว้นจังหวะเพื่อหยุดดูปฏิกิริยาของทิว เมื่อเห็นทิวก้มหน้าไม่พูดไม่จาเธอก็พอจะเดาได้ว่าทิวกำลังถูกต้อนเข้าไปในมุมที่เธอต้องการแล้ว

"ฉันมั่นใจนะว่าเธอ...รักลูกชายของฉันจริง ถ้าเธอเป็นผู้หญิงฉันก็อาจจะไม่ขัดข้อง ถึงแม้เธอจะไม่ได้มาจากครอบครัวผู้ดีอะไรนักก็เถอะ แต่เมื่อเธอเป็นแบบนี้ ฉันพูดตรงๆ ว่า...ฉันรับไม่ได้หรอก ฉันคิดว่าเธอคงจะเข้าใจนะว่าทำไม"

น้ำตาของทิวค่อยๆ ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ไม่มีคำพูดใดๆ ที่จะโต้แย้ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังรู้สึกอะไรอยู่ แม้จะเคยผ่านเรื่องราวร้ายๆ มามากมาย แต่ก็ไม่เคยรู้สึกว่าจะมีครั้งไหนที่จะทำให้ทิวรู้สึกถึงความต่ำต้อยด้อยค่าได้เท่ากับครั้งนี้เลย

"เธอควรจะรู้ไว้ซะบ้างว่าเธอ...ไม่มีอะไรคู่ควรกับเขา ไม่มีแม้แต่นิดเดียว ถ้าบูมอยู่กับเธอเขาก็จะไม่มีอนาคต จะไม่มีใครยอมรับและเคารพเขา เธอรู้ไหมว่าความรักของเธอกำลังทำลายอนาคตเขาอยู่"

หากไม่ติดว่าอยู่ในร้านอาหาร คุณทิพย์นภาคงพูดเสียงดังมากกว่านี้ แต่ถึงกระนั้น คำพูด ท่าทางและน้ำเสียงของเธอก็เล่นเอาคนฟังใจเสียจนไม่เหลือแล้ว

กรามที่นูนเด่นออกมาทั้งสองข้างทำให้ทิวรู้ว่าคุณทิพย์นภารู้สึกโกรธเกลียดคนที่อยู่ตรงหน้ามากแค่ไหน น้ำตาของทิวไหลพรากอาบแก้มทั้งสองและสะอื้นอย่างน่าสงสาร แต่คุณทิพย์นภาก็ไม่ลดละเพราะเธอรู้ว่าทิวกำลังเพลี่ยงพล้ำจึงต้องใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์

"ถ้าเธอรักเขาจริง เธอก็ไม่ควรทำลายอนาคตของเขา เธอมีลูกให้เขาไม่ได้ เป็นภรรยาที่เชิดหน้าชูตาให้เขาหรือครอบครัวของเราไม่ได้ นี่คือความจริงที่เธอต้องเข้าใจ เธอไม่ควรจะเห็นแก่ตัว ได้ยินไหม เธอไม่ควรจะเห็นแก่ตัว ถ้าเธอรักเขาเธอก็ต้องปล่อยให้เขาไปมีอนาคต อนาคตที่เกย์จนๆ อย่างเธอไม่มีทางให้เขาได้ เธอกำลังเห็นแก่ตัวอยู่รู้ไหม เธออย่าใช้ความรักของเธอทำลายคนอื่น ถ้าเธอรักลูกชายของฉัน เธอก็ต้องปล่อยให้เขาไปมีอนาคตที่ดีกว่าจะอยู่กับเธอ เข้าใจไหม เธอต้องปล่อยเขาไป"

คุณทิพย์นภาหวดกระหน่ำไม่ยั้งอย่างไม่ปราณีปราศรัยเพื่อที่จะตอกย้ำให้ทิวรู้สึกผิดว่าความรักของทิวกำลังทำลายอนาคตของลูกชายเธออยู่ ก็ได้ผลดีทีเดียว

ทิวใช้มือสองข้างปิดหน้าแล้วก็ปล่อยโฮ แม้คุณทิพย์นภาจะรู้สึกสงสารอยู่บ้างแต่เธอก็ไม่คิดที่จะหยุดเล่นงานทิว ยังไงลูกชายของเธอก็สำคัญกว่า ต่อให้ทิวขาดใจตายตรงหน้าเธอก็หยุดไม่ได้ อย่าหาว่าเธอใจร้ายเลยละกัน เพื่ออนาคตของลูกเธอทำได้ทั้งนั้นแหละ

"ที่ฉันเรียกเธอมาคุยด้วยวันนี้ เพราะฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องเธอ แต่ก่อนที่ฉันจะบอกอะไรบางอย่างกับเธอ ฉันก็อยากให้เธอเข้าใจฉันว่า...ฉันก็เป็นแค่แม่คนหนึ่งที่รักลูกของฉัน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ที่ฉันทำทั้งหมด...ก็เพื่ออนาคตของลูก มันอาจจะเป็นสิ่งที่เธอไม่มีวันเข้าใจจนกว่าเธอจะมีลูกเสียเอง"

ทิวเงยหน้าขึ้นมองแม่ของบูมด้วยคราบน้ำตาเต็มหน้า พยายามสะกดกลั้นที่จะไม่ร้องไห้เพื่อที่จะฟังสิ่งที่คุณทิพย์นภากำลังจะบอก

"เช็ดซะ" คุณทิพย์นภาพูดพลางหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้ทิว ทิวรับมาแล้วก็ซับคราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนใบหน้าแต่ก็ดูเหมือนจะช่วยไม่ได้มากเท่าไหร่

เมื่อเห็นทิวพร้อมที่จะฟังคุณทิพย์นภาก็บอกสิ่งที่เธอต้องการทันที

"ฉันอยากจะขอร้องให้เธอ...เลิกติดต่อกับลูกชายของฉัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ถ้าเขาไปเรียนต่อแล้ว เธอจะต้องไม่ติดต่อเขาอีก ฉันให้เวลาเธอได้อยู่กับลูกชายของฉันถึงแค่วันที่เขาจะเดินทางเท่านั้น ตอนนี้เธอสองคนอยากจะทำอะไรก็ทำไป แต่หลังจากนี้ อย่าให้ฉันรู้นะว่าเธอติดต่อลูกชายฉันอีก หวังว่าเธอจะเข้าใจและเห็นใจครอบครัวของเราละกัน ปล่อยบูมไปซะเพื่ออนาคตของคนที่เธอรัก เธอทำได้ไหม เธอสัญญากับฉันได้ไหม"

เหมือนหัวใจของทิวถูกฉีกขาดออกเป็นชิ้นๆ คำขอร้องที่ไม่ต่างจากคำขู่นั้นได้ฆ่าทิวให้ตายทั้งเป็นเสียแล้วตอนนี้ แล้วทิวจะทำอะไรได้ บูมป็นลูกชายของผู้หญิงคนนี้ ทิวเป็นเพียงคนอื่นที่เข้ามาภายหลัง ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปทำลายอนาคตของคนที่เรียกได้ว่าเป็นแก้วตาดวงใจของครอบครัวนี้หรอก

ทิวเดินออกมาจากร้านนั้นราวกับชีวิตได้หลุดลอยไปจากตัวแล้ว โลกทั้งโลกเงียบงันและว่างเปล่าแม้จะมีคนเดินผ่านไปมาอยู่รอบตัว ฝนฟ้าข้างนอกเริ่มตกและกระหน่ำเทลงมาราวกับฟ้าถล่ม ฝนฟ้าคงอยากจะช่วยปลอบใจทิวบ้างจึงได้ร้องไห้เป็นเพื่อน ทิวเดินตากฝนไปโดยไม่รู้สึกถึงความเหน็บหนาว ไม่สนใจที่จะหยุดพักหรือหลบฝน ไม่มีจุดหมาย ไม่รู้ว่าจะต้องเดินไปอีกนานแค่ไหน แต่ก็เดินไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็มาถึงที่ทำงานแล้ว

"ทิว...ไปไหนมา ทำไมตัวเปียกแบบนี้ล่ะ" เอิร์ธถามด้วยความแปลกใจพลางลุกจากโต๊ะแล้วเดินมาหาทิว

"ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไหม เปียกหมดเลย เดี๋ยวผมไปเอาเสื้อในรถมาให้นะ"

ก่อนที่เอิร์ธจะวิ่งออกไปทิวก็ทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรงแล้วก็ร้องไห้อย่างสุดกลั้น แม้ไม่อยากใช้เวลางานกับเรื่องส่วนตัวแต่ทิวก็ไม่ไหวแล้ว จากนั้นก็ไม่สามารถที่จะพูดคำใดออกมาได้นอกจากร้องไห้ ร้องแล้วก็ร้องอีก

"ทิว...นายเป็นอะไร" เอิร์ธนั่งลงข้างๆ พลางถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง อยู่ดีๆ ทิวก็กลับมาด้วยสภาพแบบนี้แล้วก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ไม่พูดไม่จา

"จะให้เราโทรหาบูมไหม เดี๋ยวเราจะบอกให้บูมมาเดี๋ยวนี้เลย" เอิร์ธเสนอ แต่ทิวก็รีบยกมือห้ามไว้พร้อมกับส่ายหน้า

เห็นแล้วเอิร์ธก็ได้แต่สงสาร ทำได้เพียงเอามือแตะไหล่และพูดให้กำลังใจเพราะคิดว่าคงไม่สามารถทำอะไรมากกว่านี้ได้ ทิวไม่อยู่ในสภาพที่จะรับฟังเรื่องใดๆ เลย

"ใจเย็นๆ นะทิว ทำใจให้สบายนะ นายจะกลับบ้านก่อนไหม ไปพักก่อนก็ได้ เดี๋ยวเย็นๆ เราไปรับมาอีกที"

ไม่มีเสียงตอบใดๆ จากทิว เย็นนี้บูมว่าจะเข้ามาที่สำนักงานเพราะจะต้องเริ่มทำรายงานส่งแหล่งทุน มีเวลาเหลือเพียงเดือนเดียวเท่านั้นที่จะทำรายงานให้เสร็จก่อนจะไปเรียนต่อที่เมืองนอก ทีมงานจึงวางแผนกันว่าจะอยู่ดึกหน่อยเพื่อช่วยบูมทำรายงานให้เสร็จ

เมื่อเห็นทิวไม่ตอบเอิร์ธจึงคิดว่าไม่ควรจะรบกวน ปล่อยให้ทิวสงบสติอารมณ์ด้วยตัวเองคงจะดีกว่า

"เดี๋ยวเราลงไปเอาเสื้อผ้าในรถเรามาให้เปลี่ยนนะ ทิวรออยู่นี่แหละ" บอกแล้วเอิร์ธก็เดินออกไปแต่ก็ไม่วายหันมามองอย่างเป็นห่วง

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

"เฮ้ยบูม...ทิวเป็นไรไม่รู้ เห็นหายไปเมื่อตอนเที่ยงๆ กลับมาอีกทีก็ตัวเปียกไปหมด แล้วก็เอาแต่ร้องให้ ผมถามอะไรเขาก็ไม่พูด"

เอิร์ธตัดสินใจโทรไปบอกบูมขณะที่เดินลงมาเอาเสื้อผ้าที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน ตอนนี้คงมีคงมีแต่บูมเท่านั้นที่จะช่วยทิวได้

"จริงเหรอเอิร์ธ รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ทิวร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรทิว"

บูมถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ตอนนี้บูมออกมานำเสนองานกับลูกค้าสำคัญข้างนอกพร้อมกับพ่ออยู่ ปกติพ่อจะไม่ค่อยมานำเสนองานเองเท่าไร แต่คราวนี้เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่น่าจะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นมากพ่อจึงต้องมาด้วย

"ผมไม่รู้จริงๆ เห็นหายไปเกือบชั่วโมง พอกลับมาก็เป็นแบบนี้ ตอนนี้ยังนั่งร้องไห้ในออฟฟิศอยู่เลย บูมมาดูหน่อยละกัน ทิวไม่ยอมพูดอะไรเลย เราไม่รู้จะปลอบใจยังไงแล้ว สงสัยว่าจะเสียใจมาก...แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร อ้อ...บูมอย่าบอกนะว่าผมโทรมาบอกบูมเรื่องนี้ ผมถามทิวว่าจะให้ผมโทรมาบอกบูมไหม เขาก็ยกมือห้าม เหมือนเขาไม่อยากให้บูมรู้"

บูมรับคำแล้วก็วางโทรศัพท์ลงด้วยความรู้สึกมึนงง นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้ทิวเสียใจถึงขนาดนั้น ที่ผ่านมาก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแล้วนี่นา แม่ก็ดูเงียบๆ ไป ไม่ค่อยมากดดันมากเหมือนก่อน พ่อก็ยอมรับทิวได้แล้ว เมื่อหลายเดือนก่อนที่บูมพาทิวมากินข้าวกับพ่อ ก็เห็นพ่อพูดคุยกับทิวได้โดยไม่มีปัญหา แถมพ่อยังบอกให้พาทิวมาหาบ่อยๆ ด้วย เพียงแต่ไม่เคยพาทิวไปที่บ้านเท่านั้นเอง

หรือว่าจะเป็นต้อง เห็นทิวบอกว่าต้องหายไปหลายเดือนแล้ว ถ้างั้นก็ไม่น่าจะใช่ต้องแล้วล่ะ หรือว่าจะเป็นแพรว แต่แพรวก็จากไปด้วยดีแล้วพร้อมกับยกเลิกการฟ้องร้องไปด้วย ก็ไม่น่าจะมาทำอะไรกับทิวอีก แล้วทิวกำลังเสียใจเรื่องอะไรกันจนต้องร้องไห้ในที่ทำงาน แม่หรือเปล่า...

แม่ไปทำอะไรทิวหรือเปล่า...

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

กว่าบูมจะมาถึงออฟฟิศก็เกือบสี่โมงเย็น ถึงจะเป็นห่วงทิวมากแค่ไหนแต่ก็ต้องรับผิดชอบงานสำคัญไว้ก่อน บูมก็พยายามเร่งอย่างเต็มที่แล้ว พอนำเสนองานกับลูกค้าและซักถามกันเรียบร้อยแล้ว บูมก็รีบขออนุญาตพ่อมาหาทิวทันที โชคดีที่พ่อเข้าใจจึงไม่มีปัญหาอะไร

พอมาถึงก็เห็นทิวนั่งทำงานเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังยิ้มให้บูมอีกตอนที่เดินเข้ามาในออฟฟิศ

"อ้าวบูม...ทำไมมาไวจังล่ะ ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยไม่ใช่เหรอ"

บูมยังคงหน้าตาตื่น เห็นทิวแล้วก็ปรี่เข้าไปหาที่โต๊ะทำงานทันที

"นายเป็นอะไรหรือเปล่าทิว ใครทำอะไรนาย" บูมถามแล้วก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ

ทิวทำหน้าสงสัยพลางมองไปที่เอิร์ธ บูมรู้ได้ยังไงว่าทิว "เป็นอะไร" เพราะทิวเป็นคนบอกเอิร์ธเองว่าไม่ต้องโทรหาบูม เหมือนบูมจะรู้ว่าพลาดไปแล้วจึงรีบพูดกลบเกลื่อน

"อ๋อ...พอดีเราเลิกงานเสร็จเร็วน่ะ ก็เลยรีบมา ไม่มีอะไรหรอก พอดีเห็นนายนั่งหน้าเครียดก็เลยถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า"

เอิร์ธจึงรอดตัวไป แต่ถึงทิวจะรู้ว่าเอิร์ธบอก ทิวก็คงไม่ว่าอะไรเอิร์ธหรอกเพราะทิวไม่ชอบมีเรื่องกับใคร

ทิวได้แต่ยิ้ม แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่แฝงความเศร้าไว้จนพอรู้สึกได้ ทำให้บูมพอจะเดาได้ว่าทิวคงมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ยังไม่อยากบอกตอนนี้

"กินอะไรมาหรือยัง เอาโกโก้เย็นสักแก้วไหม เดี๋ยวเราทำให้ เอิร์ธด้วย เอาไหม"

อารมณ์ของทิวที่เปลี่ยนไปราวกับว่าไม่ได้เป็นอะไรเลยทำให้บูมกับเอิร์ธออกจะงงๆ มากทีเดียว บูมไม่ได้คิดว่าเอิร์ธโกหกหรอก บูมอยู่กับทิวมานานจึงพอรู้ว่าทิวยังไม่พร้อมที่จะบอกเท่านั้นเอง

"ก็ดีเหมือนกัน เอาเหมือนเดิมเลยนะ" บูมบอกแล้วก็หันไปมองเอิร์ธเพราะต่างก็ไม่เข้าใจทิวด้วยกันทั้งคู่

"เหมือนบูมก็ได้"

เอิร์ธบอกด้วยสีหน้างงๆ ไม่แพ้กัน เมื่อกี้ทิวยังร้องไห้จะเป็นจะตายอยู่เลย พอเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาก็กลับมานั่งทำงานเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ก็ไม่ใช่อะไรหรอก ทำไมทิวจะไม่เสียใจล่ะ แต่ทิวคิดว่าช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้ ทิวอยากจะอยู่ดูแลบูมและทำทุกอย่างให้ดีที่สุดก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำอีกแล้ว การที่คนอย่างทิวได้มาเจอผู้ชายดีๆ คนนี้ ได้รักกัน ได้อยู่ในอ้อมแขนที่แสนอบอุ่นในยามหลับไหล ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันและทำอะไรร่วมกันอีกมากมายก็นับว่าโชคดีมากแล้ว คนอีกหลายคนยังต้องวิ่งวนไขว่คว้ากว่าจะได้เจอรักแท้สักครั้งในชีวิต บางคนไม่เจอเลยด้วยซ้ำ ทิวรู้ว่าความรักที่ได้มาจากบูมครั้งนี้คือรักแท้ แค่นี้ก็น่าจะมากเกินพอที่คนอย่างทิวจะได้มาแล้ว แล้วจะเรียกร้องอะไรอีกในเมื่อทิวก็ไม่คู่ควรกับบูมเลยสักนิดเดียว ไม่ควรจะได้สิ่งนี้มาตั้งแต่แรกเลยด้วยซ้ำ

เพราะฉะนั้น...ใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ให้คุ้มค่าเถอะ อย่ามัวแต่คร่ำครวญ เสียใจและเรียกร้อง เท่ากับเป็นการปล่อยเวลาให้เสียไปโดยไร้ประโยชน์ นายไปมีอนาคตที่ดีเถอะนะบูม โลกของเราสองคนมันต่างกันเหลือเกิน เราคงทำบุญมาด้วยกันแค่นี้ แต่มันก็เป็น "แค่นี้" ที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิตของเราแล้วล่ะ

ตกเย็น วิท ลีน่าและแอนเดอร์สันก็มาสมทบด้วย บูมนั่งพิมพ์งานอย่างเอาเป็นเอาตาย คนอื่นๆ ก็คอยหาข้อมูลที่บูมต้องการให้ เอิร์ธกับแอนเดอร์สันช่วยรวบรวมภาพกิจกรรมแล้วก็เอามาตกแต่งให้สวยงาม วิทช่วยรวบรวมข้อมูลและข่าวประชาสัมพันธ์ทั้งหมด ลีน่าช่วยสรุปข้อมูลด้านการเงิน ส่วนทิวกับบูมก็ช่วยกันเขียนสรุปข้อมูลการทำงานและผลจากการทำงานทั้งหมดลงในรายงาน เนื่องจากผลงานมีค่อนข้างมาก คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสัปดาห์ในการรวบรวมเป็นรายงานให้เสร็จสมบูรณ์

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

กลับมาถึงบ้านก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว พอหัวถึงหมอนบูมก็ร้องครางเพราะนั่งนานจนรู้สึกปวดหลัง

"เรานวดไหล่ให้นะ นายลุกขึ้นก่อน"

ทิวบอกพลางลุกขึ้นนั่ง บูมก็ลุกขึ้นนั่งตามและหันหลังให้ทิวอย่างว่าง่าย ทิวค่อยๆ นวดเบาๆ ก่อนแล้วจึงค่อยเพิ่มแรงทีหลัง เห็นบูมนั่งสบายๆ และผ่อนคลายแล้วก็แอบยิ้มเศร้าๆ กับตัวเอง อีกไม่นานนี้ทิวคงไม่มีโอกาสทำอย่างนี้ให้คนที่รักอีกแล้ว

"พอแล้ว เราหายเมื่อยแล้ว นายเมื่อยหรือเปล่าทิว เดี๋ยวเราช่วยนวดให้"

"ไม่เป็นไร ยังไม่ค่อยเมื่อยหรอก วันนี้นายคงเหนื่อยน่าดูเลย"

"อืม...ช่วงนี้คงต้องเหนื่อยหน่อย เราต้องทำรายงานเสร็จให้ทันก่อนไปเรียนต่อ ไม่งั้นจะโดนแบล็คลิสต์"

ทิวสวมกอดบูมไว้จากข้างหลังแล้วก็ซบลงบนไหล่ คิดถึงเรื่องเมื่อกลางวันนี้แล้วทิวก็รู้สึกใจหาย

"บูม...เราขอบคุณนายมากนะที่กลับมาหาเรา นายรู้ไหมว่า...ตลอดเวลาที่นายอยู่ด้วยเรามีความสุขมากแค่ไหน เราไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้...วันที่นายกลับมาหาเราอีกครั้ง วันที่เราได้รักกัน...ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเหมือนคนรัก เราโชคดีที่สุดเลยที่คนอย่างเรา...มีโอกาสได้รักนาย"

น้ำเสียงของทิวดูเศร้าๆ ชอบกล บูมกลับคิดไปว่าทิวคงเศร้าเพราะอีกไม่นานบูมก็จะไปเรียนต่อเมืองนอกแล้ว นั่นก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่บูมไม่รู้หรอกว่าทิวเศร้ายิ่งกว่านั้นอีก เพราะทิวคงจะไม่ได้เจอบูมอีกแล้ว คราวนี้...คงต้องจากกันจริงๆ แล้วล่ะ จากกันไปจนกว่าจะตายจากกัน

"เราก็ดีใจมากรู้ไหมทิวที่เราได้กลับมาหานาย ขอบคุณนายมากนะที่รอเราอยู่ นายเป็นรักแรกของเรา เป็นคนที่เปลี่ยนชีวิตเรา เรารักนายนะทิว"

"เราก็รักนาย"

ทิวบอกแล้วก็กอดบูมแน่นขึ้น พยายามอย่างมาทีเดียวที่จะสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ บูมกุมมือทิวไว้ตรงหน้าท้องของตัวเอง ต่างคนต่างเงียบไปสักพัก ปล่อยให้สัมผัสทางกายได้ทำหน้าที่แทนคำพูดบ้าง บางทีมันก็ทำหน้าที่ได้ดีกว่าคำพูดด้วยซ้ำไป

"นอนเหอะทิว ดึกแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า" บูมบอกเสียงเบา

ทิวจึงรู้สึกตัว ปล่อยมือจากบูมแล้วต่างคนต่างก็ค่อยๆ ล้มตัวลงนอน

"ให้เรากอดนายบ้างนะ" ทิวบอกแล้วก็กอดบูมไว้โดยไม่รอให้บูมตอบรับเสียก่อน

บูมยิ้มแล้วก็ขำ

"วันนี้ทิวดูแปลกๆ นะ"

ปกติบูมจะชอบนอนกอดทิวแล้วก็หลับไป วันนี้ทิวคงอยากเปลี่ยนบทบาทบ้างเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ พอถูกกอดบ้างบูมก็รู้สึกว่าดีเหมือนกัน จนกระทั่งบูมนอนหลับเพราะความเหนื่อยไปแล้ว ทิวกลับยังนอนไม่หลับแถมยังร้องไห้คนเดียวเงียบๆ นานทีเดียวกว่าความเหนื่อยอ่อนจะทำให้ทิวนอนหลับไปอีกคน

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

"บูม...แม่เป็นไรไม่รู้ ไม่ยอมลงมากินข้าวกินปลาเลย เหมือนจะไม่สบายด้วย พี่จะพาไปหาหมอก็ไม่ยอมไป เอาข้าวขึ้นไปให้แม่ก็ไม่ยอมกิน บูมทะเลาะกับแม่หรือเปล่า"

บูมออกจะแปลกใจมากทีเดียวกับเรื่องที่พี่ชายโทรมาบอก ทิวเพิ่งมีอาการแปลกๆ ไปเมื่อไม่กี่วันนี้ ตอนนี้แม่ก็ทำตัวแปลกๆ ไปอีกคนโดยไม่มีสาเหตุ

"ไม่นี่ครับพี่บีม หลังๆ นี้ผมไม่ได้ทะเลาะกับแม่เลยครับ" บูมตอบแล้วก็เดินออกจากโต๊ะทำงานไปคุยตรงที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่่าน

"เหรอ...เอ...แล้วแม่เขาเป็นอะไร หรือว่าทะเลาะกับพ่อ"

"ไม่นี่ครับ ก็เห็นพ่อกับแม่คุยกันปกตินะครับพี่ เอ...ว่าแต่ว่า แม่เขาไม่ยอมกินข้าวแล้วก็ไม่ยอมไปโรงพยาบาลท่าเดียวเลยเหรอครับ"

"ใช่ พี่ว่ามันแปลกๆ นะบูม พี่เห็นแม่ซึมๆ ยังไงไม่รู้ พี่ถามอะไรแม่ก็ไม่ค่อยพูด บอกแค่ว่าไม่หิว ไม่กิน ไม่ไปไหนทั้งนั้น อยากอยู่คนเดียว"

"เหรอครับ แปลกจังเลย แล้วพี่บอกพ่อหรือยังครับ" บูมถามถึงพ่อเพราะวันนี้บูมอยู่ที่ทำงานเดียวกับทิว

"ยังเลย เดี๋ยวพี่ลองถามพ่อดูก่อนละกัน เผื่อพ่อจะรู้ว่าแม่เป็นอะไร เดี๋ยวพี่อยู่ดูแลแม่เองนะบูม บูมทำงานไปก่อน วันนี้พี่ไม่มีงานที่ไหน ถ้ามีอะไรแล้วพี่จะโทรหาบูมนะ"

"ครับพี่บีม ฝากดูแลแม่ด้วยนะครับ เดี๋ยวเย็นนี้ผมจะกลับบ้าน"

พอวางสายแล้วบูมก็ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ทำไมอยู่ดีๆ แม่ถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ แม่ไม่ได้ทะเลาะกับใครเลย ไม่ว่าจะเป็นบูมเอง พี่บีมหรือพ่อ

ผ่านไปสามวันแล้วคุณทิพย์นภาก็ไม่ยอมลุกขึ้นมากินข้าว ไม่ยอมไปหาหมอ ไม่ยอมออกจากห้อง ไม่ว่าใครจะพูดหรือโน้มน้าวยังไงก็ไม่ไป ไม่ว่าจะเป็นพ่อ บีมหรือบูม ทุกคนต่างโดนไล่ตะเพิดออกมาจากห้องของแม่ทั้งนั้น คนรับใช้ก็โดนฤทธิ์เดชไปด้วย ทำให้ทุกคนในบ้านกลุ้มใจเป็นอย่างมาก คุณทิพย์นภาเริ่มผ่ายผอมลงอย่างเห็นได้ชัด หากปล่อยไว้อย่างนี้คงได้เกิดโศกนาฎกรรมขึ้นในบ้านอย่างแน่นอน

บีมเห็นท่าจะไม่ดีจึงใช้วิธีอุ้มแม่ลงมาจากบ้านแล้วพาไปส่งโรงพยาบาลท่ามกลางเสียงร้องโวยวายของคุณทิพย์นภา

"ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน รักพ่อของแกมากก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ปล่อยให้ฉันตายไปเลย ฉันไม่ไป ปล่อยแม่ลงเดี๋ยวนี้นะบีม ปล่อยแม่เดี๋ยวนี้"

บีมไม่ได้ทำตามอย่างที่แม่โวยวาย บูมเปิดประตูรถรอไว้อยู่แล้ว พ่อนั่งตรงที่นั่งคนขับรออยู่ พอบีมพาแม่เข้าไปในรถได้ บีมก็เข้าไปนั่งด้านหลังกับแม่ บูมนั่งหน้าแล้วพ่อก็ขับรถออกไปทันที นั่นแหละจึงทำให้คุณทิพย์นภาหมดฤทธิ์และยอมไปหาหมอจนได้ แต่ก็เล่นก็เอาเหนื่อยและเครียดไปตามๆ กัน

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 33 วันที่ 22.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 22-04-2012 13:49:48
อ๋อย~จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกเนี่ย แค่นี้ก็สงสารทิวมากแล้วนะ :monkeysad:

ตอนนี้พี่บีมเป็นพี่ชายที่แสนดีจริงๆ o13
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 33 วันที่ 22.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 22-04-2012 16:20:05
ไม่มีใครช่วยอาจารย์ทิพย์นภาเธอได้หรอกนะ เพราะเธอมีทิฐิเปี่ยมล้นในใจ เธอไม่ยอมปล่อยว่งอะไรสักอย่าง
เธอป่วยใจ และกำลังเรียกร้องความสนใจ เธอทำตัวเป้นเด็กขี้อิจฉาด้วยนะนี่ สงสรลูกๆและสามีเธอจัง
แต่ที่สงสารที่สุดก็ทิวนี่แหละ ไม่รู้เมื่อไรท้องฟ้าของทิวจะเป็นสีทองผ่องอำไพเสียที
นี่คนเขียนก็ให้เตรียมใจไว้ช็อกอีกในตอนหน้าOMG
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 33 วันที่ 22.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 22-04-2012 22:28:43
เขียนตอนต่อไปเสร็จแล้ว อีกวันสองวันจะเอามาให้อ่านนะครับ เป็นตอนที่เขียนแล้วเสียน้ำตาไปหลายปี๊บเลย
อยากให้คนอ่านได้อ่านครับ มันเหนือความคาดหมายจริงๆ อิๆ (หรือจริงๆ ก็อาจไม่แปลกมากก็ได้)

พอดี...มีคนถามหาเรื่อง "ต้นสน" อยากจะบอกว่าผมเผลอลบมันไปครับ พอดีเพิ่งเคยใช้โทรศัพท์ระบบสัมผัส
แล้ววันนั้นลองใช้เข้ามาอ่านเว็บนี้ดู แล้วด้วยความที่ยังใช้ไม่ค่อยถนัดก็เผลอไปกดถูกปุ่มอะไรบางอย่าง
แล้วเราก็ดันไปกดตกลง จากนั้น "ต้นสน" ก็หายไปจากบอร์ดเลยครับ ไม่น่าเลย :m15:
แต่มีเก็บต้นฉบับไว้อยู่ ถ้าผมจะเอามาลงให้อ่านใหม่จะน่าเกลียดไหมครับ  :sad11:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 33 วันที่ 22.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 22-04-2012 22:52:26
รักลูกแบบผิดทิศผิดทาง...
ชีวิตคนอื่นถึงแม้เป็นลูก เป็นส่วนหนึ่งของเรา แต่เราไม่สามารถหายใจแทนเขาได้
ไม่สามารถโตแทนเขาได้ มีชีวิตแทนเขาได้...

เลี้ยงลูก โดยเอาแต่ใจตนเป็นที่ตั้ง สุดท้าย สิ่งที่ได้คือความว่างเปล่า ไม่มีใครทำอะไรได้ ดั่งใจเรา...
ชีวิตของคนเราหากอายุมากขึ้น แค่นึกจะลุกขึ้นเดินยังลำบาก...
นับประสาอะไรกับการบังคับใจคนอื่น ใครเขาจะทำตามใจเราได้ตลอดชีวิต
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 33 วันที่ 22.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: GEMSTONEz ที่ 22-04-2012 23:41:18
ความรู้สึกตอนแรกคืออยากร้องไห้ อ๊ากกก พิมพ์มาตั้งนานทำไมเน็ตต้อมาหลุดว่ะ  :serius2:

ที่พิมพ์เม้นไว้หายหมดเลยอ่า  :sad4: ให้พิมพ์ใหม่ยังไงมันก็ไม่เหมือนเดิมอยู่แล้วอ่ะ  :m16:

สรุปเอาสั้นๆเลยละกัน
ตอนแรกที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้เพราะชื่อตัวละครตัวหนึ่ง ขอไม่บอกนะ 555 รู้ว่าถ้านิยายเรื่องไหนมีชื่อนี้จะสนุกเลยเข้ามาอ่าน
แล้วก็ตามมาจากอีกเรื่องหนึ่ง (คนพิการอ่ะ) เราไม่จำชื่อเรื่อง จำได้แต่เนื้อหาเด่นๆ แหวกๆอ่ะ

พอเข้ามาอ่านแล้วก็ตกใจ แล้วก็แปลกใจมาก ทั้งๆที่นิยายเรื่องนี้มีถึง สามสิบกว่าตอน แต่ทำไมจำนวนหน้ามันน้อยจัง
แต่ก็แอบดีใจนิด ๆ(กูไม่ต้องนั่งเปิดไล่หาหน้าอ่านแล้วว  :sad4:) ทำไมคนเม้นน้อยอ่ะ เรื่องนี้สนุกออก ดีมากด้วย  :angry2:

แต่ก็นะ เอาเหอะ  :เฮ้อ: เราไม่ได้มีเจตนาอะไรนะ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คนเขียนละกัน
เอาเรื่องดีๆอย่างนี้มาให้อ่านอีกนะค่ะ


ปล.ขอบ่นหน่อย
นี่เป็นความเห็นส่วยตัวนะ คือ..แบบว่า...เราอยากได้ดราม่าอ่ะ (จะโดนคนอื่นว่าไหมเนี่ยย?)  :z6:
แบบทิวน้อยใจ แล้วก็คิดว่าตัวไม่เหมาะสม แล้วก็พยายามหนี ไม่สิๆ ตีตัวออกห่างจากบูมอะไรเงี่ย
แล้วก็ให้บูมมาง้อ พร้อมกับแม่ แบบแม่ยอมรับแล้วนะ ให้บูมพูดกับแม่ตรงๆไปเลย ให้แม่ยอมเข้าใจ
ให้แม่มาง้อทิวด้วยอีกคน (555 แอบซะใจเล็กๆ ) เอางอนง้อหนักๆนะ ทิวรอบูมมาตั้งหลายปีนะ
บูมไม่เห็นทำอะไรให้ทิวบ้างเลยอ่ะ  :m16:

ปล.สอง
 ยังไงก็เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวนะคะ แต่ช่วยรับไปพิจารณาด้วยละกัน  :laugh:
ได้ไม่ได้ไม่เป็นไร ความสามารถในการจิ้นของเราไม่เป็นรองใครอยู่แล้ว ยกเว้นฉากในห้องนอนนะ  :jul3:

สุดท้าย เป็นกำลังใจให้นะคะ นิยายเรื่องนี้สนุกมาก อ่านแล้วไม่เบื่อเลย o13 :bye2:

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 33 วันที่ 22.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 23-04-2012 01:22:00

พอดี...มีคนถามหาเรื่อง "ต้นสน" อยากจะบอกว่าผมเผลอลบมันไปครับ พอดีเพิ่งเคยใช้โทรศัพท์ระบบสัมผัส
แล้ววันนั้นลองใช้เข้ามาอ่านเว็บนี้ดู แล้วด้วยความที่ยังใช้ไม่ค่อยถนัดก็เผลอไปกดถูกปุ่มอะไรบางอย่าง
แล้วเราก็ดันไปกดตกลง จากนั้น "ต้นสน" ก็หายไปจากบอร์ดเลยครับ ไม่น่าเลย :m15:
แต่มีเก็บต้นฉบับไว้อยู่ ถ้าผมจะเอามาลงให้อ่านใหม่จะน่าเกลียดไหมครับ  :sad11:

ลงใหม่ก็ดีค่ะ   เผื่อบางคนเค้ายังไม่ได้อ่านค่ะ  เรื่องนี้มาม่าดี  ชอบๆ หนุกดี  o13





ตอนล่าสุด คุณแม่ใจร้ายมากกกกกกกกก   ทำกับทิวได้งัย (เค้าออกเป็นคนดี น่ารัก :m15:)

แล้วคุณแม่มีแผนอะไรอีกเนี่ย  เรียกร้องความสนใจคนทั้งบ้านด้วย  :z3:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 33 วันที่ 22.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Cynthia_Moonlight ที่ 23-04-2012 01:24:00
คือแบบว่า...คนประเภทที่เราเกลียดที่สุดก็คือคนอย่างคุณนายทิพย์นภานี่แหละ เน้น! เกลียดมาก

ทำตัวอย่างกับเด็กอนุบาล อีโก้เยอะ ดูถูกชาวบ้าน ชอบกะเกณฑ์ชีวิตชาวบ้าน เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ถึงมันจะมาจากความรักของแม่ที่มีต่อลูกมากจนเกินไปมหาศาลก็เถอะนะ โอ้ย! อารมณ์เสียกับคุณนายคนนี้ที่สุดแล้ว



สงสารก็แต่ทิว ไม่กรรมของชาติที่แล้วเยอะก็บุญยังไม่มากพอ สุขได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องได้ทุกข์หนักตลอด แล้วดูคราวนี้ ต้องทุกข์ไปอีกนานแค่ไหน ถึงจะมีความสุขอีก

เป็นเราหนีไปพึ่งทางธรรมแล้ว ถ้าทางโลกมันจะทุกข์ขนาดนี้ เฮ้อ...


สรุป...อ่านแล้วอินค่ะ จบ!! 55555+
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 33 วันที่ 22.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 23-04-2012 09:05:01
เจิมเรื่องนี้เรื่องแรกเลยครับ (: เพิ่งอ่านถึงตอนที่ 27

เป็นกำลังใจใ้ห้คนเขียนนะครับ ชอบเรื่องนี้มาก  o13

รักทิิวบูม < 3
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 33 วันที่ 22.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 23-04-2012 13:32:20
 อ่านะเลือดกะน้ำ อะไรจะข้นกว่ากัน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 33 วันที่ 22.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: mamihirika ที่ 23-04-2012 15:55:26
พอดีมาอ่านเรื่องย่อแล้วกำลังเปิดเพลง
http://www.youtube.com/watch?v=hedTqhf5sLs&feature=related
ฟังอยู่...รู้สึกบีบคั้นหัวใจชอบกลแหะ = = :z3:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 33 วันที่ 22.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 23-04-2012 18:34:09
=w=
บีบคั้นเหลือเกินนนนนนนน


แง่มมมมม!!!
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 33 วันที่ 22.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 23-04-2012 23:33:59
อ่านทันแล้ววววว ><
อย่าเศร้ามากนะครับ จะเอา บีมทิว บีมทิว บีมทิว บีมทิว
บีมทิว บีมทิวบีมทิว บีมทิวบีมทิว บีมทิวบีมทิว บีมทิว TT ตลอดไป

ปล.วันนี้ไปดูหนัง Home มา คู่วายชื่อ เนบีม ดูแล้วคิดถึง บีมทิวเลย 5555
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 33 วันที่ 22.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 24-04-2012 00:09:11
มีเรื่องอะไรมาช็อค อีกอ่ะ สงสารทิว จะมีความสุข ก็โดนขัดขวางอีกแล้ว (คุณแม่เจ้าเดิม) :เฮ้อ:

ขอบคุณ คุณ sarawatta ค่ะ เรื่อง ต้น-สน มิตรภาพฯ  ไว้จะรอลุ้นนะค่ะว่าจะได้กลับมาลงอีกป่าว :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 33 วันที่ 22.4.2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 24-04-2012 00:56:05
เป็นแม่ที่รักลูกแบบมีเงื่อนไข เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 33 วันที่ 22.4.2012) - กำลังอัปตอนใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 24-04-2012 00:57:13
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 34 ✦ คำสัญญาที่หัวหิน

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)

คุณทิพย์นภาต้องนอนให้น้ำเกลืออยู่หนึ่งวันเต็มๆ นับว่าเธอใจกล้ามากทีเดียวที่ยอมลงทุนด้วยการเอาชีวิตของตัวเองเข้าเสี่ยง เธอคงเห็นแล้วล่ะว่าไม่สามารถเอาชนะบูมได้ง่ายๆ เพราะตอนนี้พ่อลูกทั้งสามคนเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย เธอไม่มีพลังมากพอที่จะไปงัดคาน จึงได้ปล่อยให้บูมคบกับทิวไปพลางๆ ก่อน แต่เธอก็วางแผนนี้ไว้แล้ว มันอาจจะใช้เวลาหน่อย แต่เธอเชื่อว่ามันจะต้องได้ผลอย่างแน่นอน

ตกเย็นคุณทิพย์นภาก็ออกฤทธิ์ด้วยการไม่ยอมกินข้าวอีก เล่นเอาพยายาลปวดหัวไปตามๆ กัน พ่อลูกสามคนก็ชักจะเริ่มทนไม่ไหวเพราะไม่เข้าใจสาเหตุที่คุณทิพย์นภาเป็นแบบนี้

"คุณทิพย์ คุณเป็นอะไรของคุณ รู้ไหมว่าผมกับลูกๆ น่ะกังวลมากแค่ไหน"

คุณลิขิตพูดด้วยท่าทางของคนอารมณ์เสียเพราะจนปัญญาที่จะเข้าใจแล้ว

"ก็ปล่อยให้ทิพย์ตายไปเลยสิคะ ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข เห็นรักกันนักไม่ใช่เหรอสามคนพ่อลูก ใช่สิ...ทิพย์เป็นคนไม่ดี ขี้โมโห ไม่มีใครอยากอยู่ด้วย"

แม้จะป่วยแต่เรื่องประชดประชันคุณทิพย์นภาก็ยังสามารถทำได้เป็นอย่างดี

"คุณทิพย์"

คุณลิขิตเรียกเสียงดังเพราะชักจะเหลืออดกับภรรยาของตัวเอง บูมกับบีมยืนมองหน้ากันด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าแม่จะน้อยอกน้อยใจถึงขนาดนี้

"ทิพย์ก็ไม่อยากอยู่นักหรอกค่ะ มีลูก ลูกก็ไม่รัก แถมลูกอีกคนก็ยังมีแฟนเป็นผู้ชายอีก ปล่อยให้ทิพย์ตายไปเลยดีกว่า ทิพย์ไม่อยากเห็นให้ช้ำใจ ไม่เคยคิดถึงหัวอกคนเป็นแม่เลย"

"แม่!"

บูมเรียกด้วยความตกใจและนึกไม่ถึง นี่สรุปว่าแม่ยังไม่เลิกคิดเรื่องนี้อีกหรือ นึกว่าแม่จะยอมรับได้แล้วเสียอีก

"เรียกทำไม ถ้าแกอยากให้แม่ตาย แกก็อยู่กับไอ้เกย์นั่นต่อไปซะ รักมันมากกว่าแม่ไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงแม่เลย ปล่อยให้ฉันตายไปซะ พวกแกจะได้อยู่กันอย่างสบายใจ ไม่ต้องมีฉันเป็นก้างขวางคอ"

คุณทิพย์นภาพูดพลางร้องห่มร้องให้ สามคนพ่อลูกได้แต่มองหน้ากันอย่างเอือมระอา

"แม่ก็...แม่อย่าคิดมากสิครับ ไม่มีใครอยากให้แม่ตายหรอกนะครับ พวกเราทุกคนรักแม่อยู่แล้ว"

บูมบอกพลางเดินลงไปนั่งข้างๆ เตียงของแม่

"รักเหรอ...รักแล้วทำไมทำให้แม่ช้ำใจแบบนี้ รักแล้วทำไมยังไม่เลิกกับไอ้เกย์นั่น ไม่รู้ล่ะ ถ้าบูมไม่เลิกกับมัน...แม่ก็จะตายจริงๆ ด้วย ไม่ต้องพยายามที่จะมาป้อนข้าวป้อนน้ำแม่เลย ยังไงแม่ก็ไม่กิน แม่ได้ขู่เล่นๆ นะบูม แม่จะตายจริงๆ ถ้าบูมไม่เลิกกับมัน คอยดูสิ ภายในวันสองวันนี้แหละ"

หัวใจบูมกระตุกจนชาวาบ หันไปมองหน้าพ่อกับพี่ชายด้วยความรู้สึกที่ยากจะบอกได้ นี่แม่เล่นขู่บังคับด้วยวิธีนี้เลยหรือ

"คุณทิพย์ ทำไมคุณจะต้องบังคับลูกขนาดนั้นด้วย คุณเป็นแม่เขา...ลูกที่ไหนมันจะกล้าปล่อยให้แม่ตาย ทำไมคุณถึงได้ทำขนาดนี้ คุณบ้าหรือเปล่า"

คุณลิขิตพูดอย่างโมโห ถ้าไม่ติดว่าภรรยากำลังป่วยอยู่คงจะไม่มีทางยอมอย่างแน่นอน

"ไม่รู้ล่ะ...ฉันไม่อยากให้ลูกเป็นเกย์ ฉันรับไม่ได้ แต่ในเมื่อบูมมันดื้อ ยังคบกับไอ้เกย์นั่นอยู่ ฉันก็จะตาย เพราะฉันไม่อยากเห็น จะหาว่าบังคับอะไรก็เชิญ แต่ฉันไม่อยากเห็น ได้ยินไหม"

คุณทิพย์นภายังอุตส่าห์มีแรงตวาดเสียงแหวในตอนท้าย สามพ่อลูกได้แต่มองหน้ากันปริบๆ ด้วยความไม่เข้าใจ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

วันต่อมา อาการของคุณทิพย์นภาก็เริ่มทรุดลงเพราะเธอแอบถอดสายน้ำเกลือออกทุกครั้งที่มีโอกาส ความจริงถ้าหมอจะทำให้เธอกินข้าวนั้นก็ทำได้หลายวิธี แต่นั่นก็ไม่ใช่ทางออกหรอก เพราะยังไงคุณทิพย์นภาก็จะเล่นบทนี้ให้ถึงที่สุด สามพ่อลูกได้แต่อกสั่นขวัญแขวน คราวนี้คุณทิพย์นภาไม่ยอมอ่อนข้อเลยแม้แต่นิดเดียว คุณลิขิตรู้ได้ทันทีว่าเธอจะต้องเอาชนะให้ได้ แล้วถ้าเกิดลูกๆ ยังดันทุรังอยู่แบบนี้ คงจะต้องเกิดโศกนาฏกรรมจริงๆ อย่างที่เธอขู่ ก็มีอยู่ทางเดียวเท่านั้น ทางเดียวที่คนเป็นพ่อก็ต้องเจ็บปวดไปด้วย

"บูม...บูมจะยอมตามใจแม่ก่อนสักครั้งได้ไหมลูก พ่อดูแล้ว...ยังไงแม่เขาก็ไม่มีทางที่จะยอมอย่างเด็ดขาด คราวนี้...แม่เขาเอาชีวิตของเขาเป็นเดิมพัน พ่อกลัวใจแม่เขาจริงๆ พ่อก็ไม่อยากให้ลูกทำแบบนี้หรอกนะบูม แต่เพื่อรักษาชีวิตแม่ไว้ บูมกับทิวยังเด็ก...ยังไงก็ยังมีโอกาสที่จะได้พบกันอีก อีกสองสามปีแม่เขาอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ บูมพอจะทำให้แม่ก่อนได้ไหมลูก พอลูกไปเรียนแล้ว พ่อจะพยายามทำทุกวิถีทางให้แม่เขาเปลี่ยนใจให้ได้ พ่อสัญญาลูก แต่ตอนนี้...ชีวิตของแม่สำคัญที่สุดนะลูก..."

คุณลิขิตบอกลูกชายทั้งน้ำตา รู้สึกเหมือนจะขาดใจที่ต้องบอกลูกอย่างนี้ แล้วบูมล่ะ นี่ก็แม่ นั่นก็คนรัก แต่เมื่อชั่งน้ำหนักแล้วบูมคงไม่ใจดำจนถึงกับจะปล่อยให้แม่ตายไปต่อหน้าต่อตาได้หรอก จะมีลูกที่ไหนที่ทำอย่างนั้นได้...ถ้าไม่ใช่ลูกอกตัญญู

"ครับพ่อ..."

แล้วบูมก็ปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น พ่อกับพี่ชายได้แต่ลูบหลังปลอบใจ บูมไม่มีทางเลือกอีกแล้ว...ขอโทษด้วยนะทิว ขอโทษที่มันต้องเป็นแบบนี้อีกแล้ว

พอเห็นบูมเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ คุณลิขิตกับบีมก็พาบูมเดินเข้าไปหาแม่ในห้อง คุณทิพย์นภาดูเหนื่อยอ่อนมาก ร่างกายเธอผ่ายผอม ใบหน้าซีดเผือดราวกับจะไม่เลือดเหลืออยู่เลย

บูมนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ เตียงแม่ คุณทิพย์นภาหันมามองลูกชายคนเล็กอย่างช้าๆ แล้วก็พูดประชดประชันด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

"ไง...จะมาดูว่าฉันใกล้ตายหรือยังน่ะเหรอ"

น้ำตาของบูมไหลพราก กัดฟันแน่นมองแม่ที่นอนหายใจแผ่วอยู่บนเตียงโรงพยาบาลราวกับคนที่กำลังใกล้จะตายอย่างที่แม่บอก บูมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ รวบรวมทุกพลังใจที่พอจะมีเหลืออยู่ ก่อนจะตัดสินใจบอกแม่ไปอย่างที่แม่อยากได้ยิน

"แม่ครับ...แม่กินข้าวเถอะนะครับ พวกเราไม่อยากให้แม่ตาย เอาเป็นว่า...ผม...




จะยอม...




เลิก...




กับทิว..."




กว่าจะพูดออกมาได้แต่ละคำนั้นบูมก็ต้องกลั้นสะอื้นแล้วสะอื้นอีก พูดจบแล้วก็ฟุบหน้าลงกับเตียงของแม่และร้องไห้โฮอีกครั้ง บูมร้องไห้ราวกับจะขาดใจ พ่อกับพี่ชายที่ยืนดูก็พลอยร้องไห้ตามไปด้วย สงสารบูมก็สงสาร แต่ตอนนี้คุณทิพย์นภาเล่นเอาทุกคนหมดทางเลือก ไม่มีใครที่จะเอาชนะเธอได้เลย

"คุณใจร้ายกับลูกมากนะคุณทิพย์ นี่คุณรักลูกหรือรักตัวคุณเองกันแน่"

คุณลิขิตกัดฟันพูดเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์สะเทือนใจ ไม่คิดเลยว่าคนที่เป็นแม่จะใจร้ายใจดำกับลูกในใส้ของตัวเองได้ถึงขนาดนี้

ทำไมคุณทิพย์นภาถึงไม่สงสารลูกบ้าง ลูกร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจขนาดนี้เธอไม่รู้สึกรู้สาอะไรบ้างหรือไง ทำไมเธอจะไม่รู้สึกล่ะ...ทำไมเธอจะไม่สงสารลูก คนเป็นแม่คงไม่มีใครรู้สึกดีที่เห็นลูกร้องไห้หรอก วันนี้บูมอาจจะเสียใจ แต่สักวัน...บูมจะเข้าใจความหวังดีของแม่เอง คุณทิพย์นภาเอื้อมมือไปลูบผมลูกชายเพื่อปลอบใจ ถึงจะสงสารลูกแค่ไหนแต่เธอก็ตัดสินใจแล้ว ไม่มีทางที่จะถอยกลับอย่างเด็ดขาด ไม่งั้นก็คงไม่ลงทุนถึงขนาดนี้

พอบูมเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ก็เงยหน้าขึ้นแล้วหันกลับไปมองหาพ่อและพี่ชาย ทั้งสองคนยังคงยืนมองดูบูมอยู่ แม้ทุกคนจะหยุดร้องไห้แล้วแต่ก็ยังพอมีร่องรอยให้เห็น บูมหันกลับมาหาแม่ ในเมื่อบูมยอมให้แม่ถึงขนาดนี้แล้ว บูมก็ควรจะมีข้อแม้ต่อรองไว้บ้าง

"ผมมีอะไรจะขอแม่ได้ไหมครับ แค่สองอย่างเท่านั้น"

คุณทิพย์นภามองหน้าลูกชายด้วยความสงสัย แต่ก็เอาเถอะ ไหนๆ บูมก็ยอมสัญญาว่าจะเลิกกับทิวแล้ว เธอก็พอใจอย่างหาที่สุดไม่ได้แล้วล่ะ ถ้าบูมจะขออะไรบ้างก็คงไม่มีอะไรที่เธอน่าจะรับได้ยากไปกว่าการที่ลูกชายมีแฟนเป็นผู้ชายอีกหรอก คุณทิพย์นภาจึงพยักหน้าน้อยๆ เพื่อบอกว่าเธอตกลง

บูมจึงเริ่มยื่นข้อแม้ข้อแรกของตัวเอง

"อย่างแรก...ขอให้ผม...ได้อยู่กับทิวจนกว่าจะถึงวันที่ผมเดินทาง"

คุณทิพย์นภาพยักหน้าตกลงโดยไม่ต้องคิดมากนัก เพราะเธอก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นหรอก

"อย่างที่สอง..."

แล้วบูมก็กระซิบกับแม่เบาๆ พอได้ฟังแล้วคุณทิพย์นภาก็ถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกเช่นกันนอกจากยอมรับข้อแม้ที่ลูกชายคนเล็กเสนอมา แม้จะไม่เต็มใจนักก็ตาม

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

ดูเหมือนทิวจะตื่นเต้นทีเดียวตลอดระยะทางที่นั่งรถมาด้วยกัน ชี้ชวนบูมดูนั่นดูนี่และคุยไม่หยุด เจออะไรน่าสนใจระหว่างทางก็แวะจอดซื้อ เห็นทิวสดใสร่าเริงอย่างนี้แล้วบูมก็ดีใจและมีความสุขไปด้วย

"เสียดายนะบูม น่าจะชวนเอิร์ธ วิท ลีน่าแล้วก็แอนเดอร์สันมาด้วย"

ทิวยังไม่เลิกบ่นเรื่องนี้เพราะเป็นคนเสนอบูมเองว่าให้ชวนเพื่อนๆ ที่ทำงานมาเที่ยวด้วยกันหลังจากทำรายงานเสร็จแล้ว แต่บูมก็ยืนยันว่าจะมากับทิวเพียงสองคน

"เอาน่าทิว เดี๋ยวเราพาพวกเพื่อนๆ ไปเลี้ยงข้าวเย็นกันอีกที แต่ตอนนี้ เราอยากอยู่กับนายสองคนมากกว่า"

บูมบอกพลางยิ้มอย่างสุขใจ แม้จะมีความทุกข์บางอย่างรออยู่เบื้องหน้าก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่แค่บูมหรอก ทิวก็มีความทุกข์รออยู่ข้างหน้าเช่นเดียวกัน

ทิวยิ้มแล้วก็หันมากินขนมที่ซื้อมาระหว่างทางต่อ

"กินไหม" ทิวหันไปถาม บูมพยักหน้าแต่ไม่ได้หันมามองเพราะต้องคอยมองทางเวลาขับรถ

ทิวหยิบขนมในถุงแล้วก็ส่งเข้าปากบูม จากนั้นก็หยิบกินของตัวเองแล้วก็ป้อนบูมสลับไปมาอย่างสนุกสนาน ใช้เวลาเดินทางไม่กี่ชั่วโมงก็มาถึงที่พักในตอนสายๆ ที่ที่บูมเลือกนั้นเป็นรีสอร์ทแบบบูติกที่อยู่ติดกับชายหาดหัวหินพอดี

ทิวดูจะตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นทะเล ไม่ได้มาเที่ยวแบบนี้หลายปีแล้วตั้งแต่แม่เสีย ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตาบ้าง พอจอดรถ ทิวก็รีบวิ่งไปยืนมองดูทะเลที่ด้านหน้าที่พักด้วยความตื่นเต้น หัวหินเป็นชายหาดที่ขึ้นชื่อในความสวยงามอยู่แล้ว แถมอยู่ใกล้กรุงเทพและสามารถมาได้บ่อยๆ เท่าที่ต้องการอีกด้วย

"ทิว...เอาของไปเก็บก่อน เดี๋ยวค่อยมาเล่นน้ำทะเลกัน"

บูมร้องเรียก เห็นทิวชอบแล้วบูมก็มีความสุข แต่คงจะเป็นความสุขครั้งสุดท้ายระหว่างทิวกับบูมสองคนแล้วสินะ

ทิวเดินกลับมาที่รถ เจ้าหน้าที่ของรีสอร์ทมาช่วยยกเอากระเป๋าเข้าไปเก็บในโรงแรม พอได้ห้องพักแล้วบูมก็พาทิวขึ้นไปดูห้องก่อน ห้องของทั้งสองคนเป็นห้องพักพิเศษ มีขนาดห้องค่อนข้างกว้าง โปร่งโล่งสบาย เปิดผ้าม่านออกไปก็จะมองเห็นทะเลพอดี

พอเจ้าหน้าที่โรงแรมเอากระเป๋าขึ้นมาให้แล้ว ทิวก็วิ่งไปตรงเปิดผ้าม่านแล้วก็เลื่อนประตูกระจกออก จากนั้นก็เดินออกไปยืนตรงระเบียงและมองดูทะเลพร้อมกับรอยยิ้มมีความสุข บูมเก็บกระเป๋าเข้าที่แล้วก็รีบเดินออกไปสมทบทันที

"ชอบไหมทิว" บูมถามพลางสวมกอดทิวเบาๆ ทางด้านหลัง

"ชอบสิ...ชอบมากๆ เลย สวยดี มาคราวนี้เรารู้สึกชอบทะเลยังไงก็ไม่รู้ นี่ถ้าไม่มีนายเป็นแฟน...เราก็คงไม่มีโอกาสได้มาหรอก"

"จริงเหรอ" บูมพูดพร้อมกับฝังจมูกลงบนต้นคอของทิว สูดดมกลิ่นกายหอมอ่อนๆ ที่แสนคุ้นเคย

"ไปเล่นน้ำทะเลกันไหม"

มีหรือที่ทิวจะพลาด ที่อยากมาที่นี่ก็เพราะอยากมาเล่นน้ำทะเลนี่แหละ

"ไปสิ"

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

บูมกับทิวเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสั้นสำหรับเล่นน้ำแล้วก็วิ่งลงมาที่ชายหาดด้วยกัน สองหนุ่มวิ่งหยอกเย้ากันอย่างสนุกสนาน แกล้งกันไปแกล้งกันมา บางทีก็เปลี่ยนมาเดินเล่นบนชายหาดบ้าง บูมจับมือทิวไว้ตลอด ไม่แคร์สายตาของใครใดๆ ทั้งสิ้นที่มองมา

จากนั้นก็ไปขี่บานาน่าโบ๊ทเพราะทิวบอกว่าไม่เคยขี่ ระหว่างที่เล่นก็กอดบูมแน่นด้วยความหวาดเสียว บูมได้แต่หัวเราะชอบใจ แต่แว่บหนึ่งก็คิดขึ้นมาว่า

"ถ้าเราไม่อยู่...นายจะกอดใครเวลาที่นายต้องการความอุ่นใจล่ะทิว"

แต่บูมก็รีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไปทันที ตอนนี้บูมไม่อยากพูดหรือคิดถึงเรื่องเศร้าๆ ขอใช้เวลาให้มีความสุขอย่างเต็มที่กับคนที่บูมรักก่อนเถอะ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนี้อีกแล้ว

พอเล่นจนเหนื่อย บูมกับทิวก็มานั่งๆ นอนๆ เล่นบนเก้าอี้ผ้าใบริมชายหาด มีร่มบังแดดไว้อยู่จึงไม่ร้อนมากนัก แถมลมทะเลที่พัดมาตลอดเวลาก็ให้ความรู้สึกที่เย็นสบาย บูมนอนอ่านหนังสือที่พกมาด้วยอย่างสบายใจ ส่วนทิวก็นอนฟังเพลงกับโทรศัพท์ของตัวเองอย่างมีความสุข แม้จะไม่ได้พูดกันก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด หันมายิ้มให้กันเป็นระยะๆ บ้าง มีใครหลายคนบอกว่าคนที่จะอยู่ด้วยกันได้ต้องไม่รู้สึกอึดอัดที่จะให้คู่ชีวิตมีโลกส่วนตัวเวลาอยู่ด้วยกัน

จนกระทั่งแดดร่มลมตก บูมก็ชวนทิวขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ขับรถออกไปกินข้าวเย็นด้วยกันที่ร้านอาหารทะเลริมทะเลแห่งหนึ่ง บูมยังไม่ได้คุยกับทิวเรื่องนั้นเลย ทิวเองก็ยังไม่ได้บอกทิวเรื่องเดียวกันนั้นเหมือนกัน จนกระทั่งกินข้าวเย็นเสร็จแล้วนั่นแหละ

บูมกับทิวมานั่งคุยกันที่ริมทะเลมืดๆ อีกครั้ง ตอนนี้สีท้องฟ้ากับทะเลก็ดำมืดไม่ต่างกันจนแทบแยกไม่ออก แต่ก็รู้ได้ว่าเป็นทะเลเพราะเสียงคลื่น สองหนุ่มนั่งทอดอารมณ์คุยกันบนหาดทรายอย่างสบายอารมณ์ จนทิวรู้สึกว่าคงถึงเวลาแล้วที่จะพูดเรื่องนั้น จึงตัดสินใจเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน

"บูม...นายจะว่าอะไรไหมถ้านายกลับมา...แล้วไม่เจอเรา" ทิวเริ่มต้นด้วยคำถามที่ทำให้บูมต้องหันมามองอย่างแปลกใจ

"ทำไมล่ะทิว นายจะไปไหนเหรอ"

"ไม่รู้สิ แต่เรามาคิดๆ ดูแล้ว...ชีวิตเรากับนายก็ต่างกันเยอะนะ บางทีก็รู้สึกว่าเหมือนอยู่กันคนละโลกที่ไม่มีทางจะมาเจอกันได้ บางที...เราอาจจะเห็นแก่ตัวมากเกินไป ถ้านาย...ไม่อยู่กับเรา...นายคงจะมีอนาคตที่ดีมากกว่านี้"

น้ำเสียงของทิวเริ่มเศร้าลงจนจับความรู้สึกได้

"เราไม่เคยคิดอย่างนั้นนะทิว เราไม่เคยคิดว่าเราจะเสียอนาคตเพราะเราเป็นแฟนกัน เราก็ยังเป็นคนเดิม มีศักยภาพที่จะทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง คุณค่าในตัวของเราก็ไม่ได้ลดลงไปเพราะเรารักกัน เราก็ยังจะทำงาน เราก็ยังคิดที่จะทำประโยชน์ให้กับสังคมเท่าที่เราจะทำได้เหมือนเดิม มันจะเสียอนาคตยังไงล่ะทิว เราไม่เข้าใจ"

บูมจ้องหน้าทิวเขม็งพร้อมกับขมวดคิ้วสงสัย

"เราจะขี้เกียจขึ้นเหรอ เราจะโง่ลงหรือเปล่าที่เราคบกับนาย ไม่เลยนะทิว...นายไม่ใช่สาเหตุของสิ่งเหล่านี้ เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกได้ว่าเราจะทำอะไร เราเลือกได้ว่าเราจะเป็นคนดีหรือไม่ดี เราสองคนไม่ผิดหรอกนะทิวที่เราจะรักกัน แต่คนอื่นเขาไม่เข้าใจเราต่างหาก คนอื่นๆ เขายังมองว่าเราผิดปกติ ผิดธรรมชาติ แต่เรากับนายก็รักกันด้วยความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ เราก็รักกันด้วยหัวใจเหมือนคนอื่นที่เขารักกัน มันไม่ได้ต่างจากความรักของชายหญิงทั่วไปตรงไหนเลย ถ้าความรักของเราผิดปกติ ความรักของคนทั้งโลกก็คงจะผิดปกติไปด้วย คนส่วนใหญ่นะทิว เวลาที่เขาไปไหน เขาก็มักจะพกไม้บรรทัดส่วนตัวไปด้วย แล้วเขาก็เที่ยวเอาไม้บรรทัดของตัวเองไปวัดคนอื่น คิดว่าคนอื่นจะต้องมีมาตรฐานเดียวกับตัวเอง แต่ไม้บรรทัดของใครก็ใช้ได้เฉพาะกับคนๆ นั้นเท่านั้น ใช้กับคนอื่นไม่ได้หรอก"

ทิวตั้งใจฟังจนแทบจะลืมหายใจ ก็จริงอย่างที่บูมว่านั่นแหละ คนสองคนรักกันมันผิดปกติตรงไหนเพราะเราต่างก็ใช้หัวใจรักกันเหมือนกับคนทั่วๆ ไป แต่ว่า...โลกของเราจะมีสักกี่คนที่คิดแบบนี้

"เราเข้าใจ แต่..." ทิวถอนหายใจแล้วก็พูดต่อ

"แล้วนายเคยคิดไหมว่า...บางที...ความรักของเรามันก็อาจจะมาถึงทางตันแล้วก็ได้"

ทิวค่อยๆ แซะเข้าไปในประเด็นที่ต้องการ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่คิดแล้วล่ะทิว แต่มันกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ต่างหาก บูมถอนหายใจอย่างหนักใจเช่นกัน หยิบเศษท่อนไม้ขนาดเท่าปากกาย่อมๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงลงทะเลไป

"ทิว...ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้น ขอให้นายจำไว้เสมอนะว่าเรารักนาย รักมากที่สุดในชีวิต ไม่ว่าโชคชะตาชีวิตเราจะเป็นยัง ไม่ว่าเราจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหรือเปล่า เราก็รักนาย นายไม่ต้องห่วงนะ ขอแค่ให้มีโอกาสเท่านั้น ยังไงเราก็จะกลับมา แต่ถึงจะไม่ได้กลับมา...ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้รักนาย นายรู้ไหมทิว...ทั้งชีวิตของเราห่วงก็แต่นายเท่านั้น เรากลัวนายจะเหงา เวลาที่เราไม่อยู่ นายจะกอดใครเวลาที่นายต้องการความอุ่นใจ ใครจะนอนเป็นเพื่อนนาย เวลาที่นายเศร้า นายจะไปหาใคร เวลาที่นายลำบาก ใครจะช่วยนาย เราเป็นห่วงนายมาก...มากจนบางทีเราไม่อยากไปเลย"

น้ำตาของบูมรินไหลลงมาอย่างสุดกลั้น แค่คิดว่าจะจากกันไปและปล่อยให้อีกคนอยู่อย่างลำบากบูมก็แทบจะขาดใจเสียแล้ว

"นายเรียนให้จบนะทิว นายจะได้ไม่ลำบาก พอเราไม่อยู่แล้ว...นายอยู่ได้ใช่ไหมทิว นายอยู่ได้ใช่ไหม"

พูดจบบูมก็ดึงทิวมากอดไว้ ต่างคนต่างร้องไห้และกอดกันด้วยความใจหาย คนเคยอยู่ใกล้ชิด เคยร่วมเรียงเคียงหมอน ความรักและความผูกพันย่อมมีมากเป็นธรรมดา มันคือการจากการกันครั้งที่ทรมานเหลือเกิน ดวงดาวบนท้องฟ้าที่ระยิบระยับในเวลานี้ แม้จะสวยงามแค่ไหนก็ไม่ช่วยผ่อนคลายบรรยากาศให้ดีขึ้นได้เลย

"เราอยู่ได้นะบูม นายไม่ต้องห่วงเราหรอก เราจะรอวันที่นายกลับมา ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหน จนตายเราก็จะรอ ขอให้เราได้เจอนายอีกสักครั้งในชีวิต"

"ทำไมนายพูดอย่างนั้นล่ะทิว เราไม่ปล่อยให้นายรอเราจนตายหรอก"

บูมตัดพ้อ แต่ทิวก็คงบอกอะไรมากไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างก่อนหน้าที่แม่ของบูมจะป่วย คำสัญญาที่ทิวให้กับแม่ของบูมไว้นั้นแสนเจ็บปวดทรมานเหลือเกิน

"ทิว...เรารักนายนะ เราไม่อยากจากไปไหนเลย แต่...เราไม่มีทางเลือก เราไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้เลย นายต้องรอเรานะทิว รอเรานะ"

ทิวพยักหน้าทั้งน้ำตาเพื่อให้คนที่รักสบายใจ แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วทิวก็ยังไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสอยู่รอเห็นคนที่รักกลับมาอีกสักครั้งหรือเปล่า

"เราก็รักนายนะบูม รักมากที่สุดในชีวิตของเรา"

ดึกแล้ว บูมพาทิวขึ้นมาบนห้องพัก ในบรรยากาศแปลกใหม่เช่นนี้ ความต้องการของทั้งคู่ก็โหมกระพือขึ้นจนยากที่จะควบคุมได้ ทั้งคู่ป้อนความสุขให้แก่กันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ราวกับว่าจะไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนี้อีกแล้ว จนข้ามคืนไปสู่วันใหม่ พายุนั้นจึงสงบลง ทิวนอนซบอยู่ในอ้อมกอดบนอกที่แสนอบอุ่นของบูมอย่างเหนื่อยอ่อน มีความสุขมากจนแทบจะสำลัก มากจนไม่สามารถที่จะลืมวันเวลาดีๆ เหล่านี้ได้เลยจนกว่าชีวิตจะหาไม่

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

เช้าแล้ว อากาศช่างสดใสเสียจริงๆ ท้องฟ้าโปร่งโล่งและแดดแรงตั้งแต่เช้า บูมกับทิวกินข้าวเช้าที่โรงแรมด้วยกันแล้วก็ลงไปเดินเล่นที่ชายหาด คราวนี้ไม่ได้ใส่ชุดสำหรับเล่นน้ำเพราะตอนบ่ายๆ ก็จะกลับแล้ว ทั้งคู่เดินจับมือกันไป คุยกันไปโดยไม่สนใจว่าแดดจะแรงแค่ไหน ไม่สนใจว่าใครจะมองว่าเหตุใดชายหนุ่มสองคนจึงเดินจูงมือกัน จนกระทั่งถึงตอนหนึ่ง บูมก็หยุดเดินพร้อมกับจับมือทิวขึ้นมากุมไว้ทั้งสองข้าง

"ทิว...เราอยากให้เราสองคนสัญญาอะไรกันบางอย่างได้ไหม"

ทิวมองหน้าคนที่รักตรงหน้าอย่างครุ่นคิด สุดท้ายก็พยักหน้าตกลง ไม่มีอะไรหรอกที่ทิวจะสัญญาไม่ได้ ทิวยินดีทำทุกสิ่งทุกอย่างให้คนที่รักได้ทั้งนั้นในตอนนี้

"เราอยากให้เราสองคนสัญญากันว่า...ตลอดช่วงเวลาที่เราสองคนจะไม่ได้เจอกัน เราจะไม่รักใครคนอื่นอีกเลย เราจะไม่มองใคร จะไม่มอบหัวใจให้ใคร จนกว่า...เราสองคนจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง แล้วก็...ยกเลิกสัญญานี้...ด้วยตัวของเราเองเท่านั้น ถ้านายคิดจะรักใครคนอื่นที่ไม่ใช่เรา นายก็จะต้องมาเจอกับเราที่นี่แล้วยกเลิกสัญญานี้ เราก็เหมือนกัน ถ้าเราจะรักใครคนอื่น เราก็จะต้องมาเจอนายที่นี่เพื่อขอยกเลิกสัญญา นายยินดีที่จะสัญญากับเราอย่างนี้ไหม"

ทิวสบตากับบูมแล้วก็ยิ้ม พยักหน้าแล้วก็ตอบตกลง

"เราสัญญา"

บูมยิ้มเศร้าๆ แล้วก็โอบกอดทิวไว้ สักพักก็ปล่อยทิวออกจากอ้อมกอด ก่อนที่จะจับมือทิวไว้ข้างหนึ่ง จากนั้นบูมก็ค่อยๆ พาทิวเดินลงไปในทะเล ลึกลงไปและลึกลงไป เมื่อทั้งสองคนอยู่ด้วยกันแล้วก็ไม่มีอะไรที่น่ากลัว เพราะต่างก็มั่นใจในกันและกัน

เมื่อฟ้า...ไม่ได้ลิขิตให้ทั้งสองคนได้รักกันและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างคู่รักทั่วไปก็ไม่เป็นไรหรอก ทั้งสองคนก็ยังสามารถลิขิตชีวิตของตัวเองได้ โอกาสหน้าฟ้าใหม่ก็ยังมี หากความรักที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมานั้นเป็นรักแท้ ความรักก็จะนำทั้งสองคนให้กลับมาพบกันอีกครั้งจนได้ อาจจะพบกันอีกครั้งบนโลกใบนี้ หรืออาจจะพบกันบนฟ้าที่แสนไกลนั้นอย่างแน่นอน

จบ...ไม่ใช่ชี

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (24-04-2012) (ตอนจบ.........ไม่ใช่ชี)
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 24-04-2012 01:20:09
ตกลงว่า ยังไม่จบชิมิ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (24-04-2012) (ตอนจบ.........ไม่ใช่ชี)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 24-04-2012 01:44:47
สนุกมาก

อ่านแล้วกระแทกกระทั้นใจ..ค่อดดดดด
 :a5:
อยากตะโกนระบายออกมาดังๆ


ดราม่ายังมีอีกมั้ย
เอาอีก ออกมาเยอะๆๆๆๆเลย
เพราะชอบ
..จิตนิดๆ..
ฮ่าฮ่า

 :L2: บวกเป็ด บวกหนึ่ง ครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (24-04-2012) (ตอนจบ.........ไม่ใช่ชี)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 24-04-2012 04:39:24
อ่านเรื่องนี้มัรเศร้ามากค่ะ ทำใจไม่ค่อยได้ ภูมิต้านทาน ดราม่าต่ำเหลือเกิน

อ่านไล่ถึงตอน 22 เเล้วค่ะ เดี๋ยวมาอ่านต่อเเน่นอน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (24-04-2012) (ตอนจบ.........ไม่ใช่ชี)
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 24-04-2012 08:46:49
อะไรไม่ใช่ชี อย่าเพิ่งจบน้า  :sad4:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (24-04-2012) (ตอนจบ.........ไม่ใช่ชี)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 24-04-2012 08:50:11
ติดภารกิจวุ่นวาย มาตามอ่านทีเดียว 2 ตอนรวดเลยค่ัะ
สงสารทิวจับใจอีกแล้ว เมื่อไหร่ทิวจะมีความสุขกับเขาเสียที
ตอนล่าสุดทำเอาน้ำตาไหลไม่หยุด
คนทั่วไปเค้ามัวแต่เอาไม่บรรทัดของตัวเองมาวัดคนอื่นจริงๆนั่นแหละ

บูมลึกซึ้งและฉลาดมากอ่ะ ที่ให้ทั้งทิวและบูมสัญญาร่วมกัน ::
"เราอยากให้เราสองคนสัญญากันว่า...ตลอดช่วงเวลาที่เราสองคนจะไม่ได้เจอกัน เราจะไม่รักใครคนอื่นอีกเลย เราจะไม่มองใคร จะไม่มอบหัวใจให้ใคร จนกว่า...เราสองคนจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง...และยกเลิกสัญญานี้...ด้วยตัวของเราเองเท่านั้น นายยินดีที่จะสัญญากับเราอย่างนี้ไหม"
อย่างน้อยหากตอนหลังแม่บูมยอมรับหรือแม่บูมไม่อยู่แล้ว จะได้กลับมารักและอยู่ด้วยกันได้โดยไม่เกิดปัญหาทีหลัง
นับถือนายจริงๆ บูม เอาใจไปเลย...

จริงๆอยากบอกคุณทิพย์นภาว่า ต่ิอให้บูมเลิกกับทิวจริงๆหรือไม่มีทิวอยู่บนโลกนี้แล้ว บูมก็ยังเป็นเกย์อยู่ดี ก็ต้องมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นๆอยู่ดี เผลอๆหากไม่มีรักแท้แบบที่มีกับทิว บูมอาจจะคบผู้ชายทีละหลายๆคน หรือเปลี่ยนแฟนผู้ชายไปเรื่อยๆ แล้วแฟนคนต่อๆมาของบูมก็อาจไม่ใช่คนดีแบบทิว คุณแม่บูมจะไม่ยิ่งปวดหัว ปวดใจมากกว่านี้หรือคะ???  แม่บูมเค้าคิดอะไรของเค้านะ เป็นถึงอาจารย์มหาวิทยาลัย น่าจะเข้าใจอะไรได้มากกว่านี้

 :L2: :L2: :L2:  ขอบคุณค่ะ   (+1+เป็ด)
ปล. จบ ตัวใหญ่ที่ว่านี่ แค่จบตอนใช่มั้ยคะ ยังไม่ Happy Ending เลย รอตอนต่อไปค่ะ :กอด1: :กอด1: :กอด1:

หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (24-04-2012) (ตอนจบ.........ไม่ใช่ชี)
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 24-04-2012 09:39:08
ไม่นะค่ะ จบแบบนี้จริงเหรอ  :sad4:

ต้องมีต่อใช่มั้ยค่ะ......... หรือว่าเป็นแผนแกล้งคุณแม่กลับของบูม :z10:

หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (24-04-2012) (ตอนจบ.........ไม่ใช่ชี)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 24-04-2012 12:13:56
รักกัน ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน
แต่ถ้าได้อย่างนั้นมันก็ดีน๊า
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (24-04-2012) (ตอนจบ.........ไม่ใช่ชี)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 24-04-2012 12:49:18
ยังไงก้อต้อง ผู้ให้กำเนิดสินะ. รอวันที่เเม่ตาย เอ๊ย ไม่ใช่ รอวันที่ ทั้ง สองคนเติบโตมากกว่านี้.
จากกันทั้งที่รักเนี่ย เจ๊บกว่า จากกันเพราะอีกฝ่ายหมดรักไหม
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (24-04-2012) (ตอนจบ.........ไม่ใช่ชี)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 24-04-2012 22:23:18
ยังไม่จบใช่ไหม
ความรักของทิวกับบูมนี่เป็นอะไรที่น่าเห็นใจที่สุด สองคนรักกันมั่นคงจริงๆ แต่ตัวแปรนี่สิ ทำอะไรไม่ได้เลย
"คุณใจร้ายกับลูกมากนะคุณทิพย์ นี่คุณรักลูกหรือรักตัวคุณเองกันแน่"
อ่านไปก็เกิดคำถามนี้ในใจ ครงกับคำถามของคุณลิขิตพอดี
คำตอบนะคิดว่า แม่ทุกคนย่อมรักลูก แต่ทิพย์นภาเธอรักหน้าตัวเองมากกว่าแค่นั้นเอง
 :เฮ้อ:สองปีอะไรๆจะเปลี่ยนทิพย์นภาได้ไหม คนอัตตาสูงยิ่งขนาดนั้น รักหน้าตัวเองขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (24-04-2012) (ตอนจบ.........ไม่ใช่ชี)
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 24-04-2012 23:34:15
อย่าเพิ่งจบเลย กำลังสนุก  :impress2: อยากให้ทั้งสองคนมีความสุขกันสักที คุณแม่ใจอ่อนหน่อยเถอะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (24-04-2012) (ตอนจบ.........ไม่ใช่ชี)
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 24-04-2012 23:36:54


 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:


จบแล้วเหรออ อะไรไม่ชีอะงง

คุณคนเขียนมาเคลียร์ด่วนๆ

อยากให้คุณแม่ตายไวไว เอิ๊ก  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (24-04-2012) (ตอนจบ.........ไม่ใช่ชี)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 25-04-2012 06:38:52
เดี๋ยวเย็นนี้มาเฉลยครับ
ลองถอดรหัส "จบ....ไม่ใช่ชี" ไปพลางๆ ก่อน ใบ้ให้ก็ได้ว่า ถ้าไม่ใช่ชีแล้วจะเป็นอะไร
มีภาษาอังกฤษด้วย อิๆ  :jul3:

ถามนิดนึงครับ เวลาที่เราจะตอบ reply ของคนอื่นๆ แล้วมี quote คำพูดของเขาด้วยทำยังไงครับ
เห็นคนอื่นๆ ทำแต่ทำไม่เป็นครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (24-04-2012) (ตอนจบ.........ไม่ใช่ชี)
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 25-04-2012 08:44:27
เดี๋ยวเย็นนี้มาเฉลยครับ
ลองถอดรหัส "จบ....ไม่ใช่ชี" ไปพลางๆ ก่อน ใบ้ให้ก็ได้ว่า ถ้าไม่ใช่ชีแล้วจะเป็นอะไร
มีภาษาอังกฤษด้วย อิๆ  :jul3:

ถามนิดนึงครับ เวลาที่เราจะตอบ reply ของคนอื่นๆ แล้วมี quote คำพูดของเขาด้วยทำยังไงครับ
เห็นคนอื่นๆ ทำแต่ทำไม่เป็นครับ

กดอ้างถึง ตรงมุมบนขวาของคอมเม้นนั้น ๆ อะครับ

ไม่ใช่ชี ก็ต้องเป็นฮี He=ผู้ชาย
ไม่ใช่ She ผู้หญิง แต่เป็น ผู้ชาย
อะไรผู้ชาย ผู้หญิงครับ โอย งง 5555  :really2:
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (24-04-2012) (ตอนจบ.........ไม่ใช่ชี)
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 25-04-2012 12:42:16
เดี๋ยวเย็นนี้มาเฉลยครับ
ลองถอดรหัส "จบ....ไม่ใช่ชี" ไปพลางๆ ก่อน ใบ้ให้ก็ได้ว่า ถ้าไม่ใช่ชีแล้วจะเป็นอะไร
มีภาษาอังกฤษด้วย อิๆ  :jul3:


มา  :really2: :m28: o2
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (24-04-2012) (ตอนจบ.........ไม่ใช่ชี)
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 25-04-2012 12:58:27
ขอโทษนะดราม่าได้แค่นี้หรอ.......แน่จริงจัดมาอีก....เอาอีกๆ....

ไม่ใช่ชีงั้นก็............................พระสิ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (24-04-2012) (ตอนจบ.........ไม่ใช่ชี)
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 25-04-2012 16:01:43
จะติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (24-04-2012) (ตอนจบ.........ไม่ใช่ชี)
เริ่มหัวข้อโดย: ongongong ที่ 25-04-2012 20:42:04
จบ...ไม่ใช่ชี
จบ...พระ
จบ...monk
จบ...มั้ง :serius2:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (24-04-2012) (ตอนจบ.........ไม่ใช่ชี)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 25-04-2012 21:59:19
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 35 ✦ ปืนกระบอกนั้น

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)

"พบศพสองหนุ่มคู่รักเกย์เกยตื้นชายหาดหัวหินในสภาพกอดกันกลม"

คุณทิพย์นภาขมวดคิ้วเมื่อเจอข่าวนี้ในหนังสือพิมพ์ในตอนเช้าก่อนที่เธอจะออกไปทำงาน อ่านหัวข้อแล้วก็ทำสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์นัก อดค่อนขอดเบาๆ ไม่ได้ว่า

"จะรักอะไรกันนักกันหนา"

เธอวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วก็ไม่หยิบมาอ่านต่ออีก ปกติเธอก็จะอ่านบ้างก่อนออกไปทำงาน แต่พอเห็นข่าวนี้แล้วก็พาลทำให้ไม่อยากอ่านหนังสือพิมพ์วันนี้ไปเลย จึงหันมานั่งจิบกาแฟที่เสิร์ฟมาพร้อมกับชุดอาหารเช้าแบบอเมริกัน

"อ้าวบูม...จะไปทำงานแล้วเหรอลูก กินอะไรก่อนไหม แม่พิน...จัดชุดอาหารเช้าให้คุณบูมชุดหนึ่ง"

คุณทิพย์นภาถามลูกชายคนเล็กที่กำลังเดินลงมาแล้วก็หันไปเรียกคนรับใช้ให้ยกชุดอาหารเช้ามาให้บูม

"แล้วพ่อล่ะ ยังไม่ลงมาอีกเหรอ" คุณทิพย์นภาถามพลางเมียงมองหา

บูมนั่งลงที่โต๊ะอาหารแล้วก็ตอบสั้นๆ โดยไม่มองหน้าแม่ไปว่า

"เดี๋ยวลงมาครับ"

จนถึงวันนี้บูมกับแม่ก็ยังคงมีช่องว่างระหว่างกันที่ทำให้บูมไม่รู้สึกสนิทใจกับแม่ หลังๆ มานี้เหมือนแม่จะพยายามเอาใจลูกชายคนเล็กมากขึ้น แต่สิ่งที่ผ่านมานั้นก็ทำให้บูมเจ็บปวดจนเกินที่จะทำใจได้ง่ายๆ

บูมหยิบหนังสือพิมพ์ที่แม่ทิ้งไว้บนโต๊ะมาอ่านระหว่างรอชุดอาหารเช้า พอเห็นข่าวเดียวกับที่แม่เพิ่งเห็นบูมก็นั่งนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง คุณทิพย์นภาเองก็ลอบสังเกตดูด้วยความสนใจเหมือนอยากรู้ว่าลูกชายของเธอกำลังคิดอะไรอยู่เมื่อได้เห็นข่าวนั้น

แน่นอน...เมื่อเห็นแล้วบูมจะนึกถึงใครไปไม่ได้เลยนอกจาก...คนที่บูมเฝ้าตามหามาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา บูมพยายามเรียนอย่างหนักเพื่อให้จบภายในสองปีเศษๆ เรียนหนังสืออย่างเดียว ไม่ทำอย่างอื่นเลยเพราะบูมอยากจะกลับมาหาทิวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ตอนที่เรียนอยู่บูมไม่สามารถติดต่อทิวได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด โทรศัพท์ก็ไม่ติด อีเมล์ก็ไม่ตอบ เฟสบุ๊คก็เงียบเหมือนทิวหยุดอัปเดตไปนานแล้ว พอกลับมาก็ได้รู้ว่าทิวขายบ้านหลังนั้นไปแล้ว ไม่รู้ว่าย้ายไปอยู่ที่ไหน เบอร์โทรศัพท์ก็เปลี่ยน ที่มหาวิทยาลัยก็ไม่มีใครรู้ว่าทิวไปทำงานที่ไหนหลังจากเรียนจบแล้ว บูมพยายามสืบหาจากคนที่คิดว่าน่าจะรู้ข่าวคราวของทิวบ้างก็ไม่มีใครรู้ว่าทิวอยู่ที่ไหนเลยสักคน แม้แต่ต้องเองก็ยังไม่รู้ ทิวหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง

กว่าหนึ่งปีแล้วที่ชีวิตในแต่ละวันของบูมมีแต่งานกับงาน งานเทานั้นที่จะทำให้บูมไม่ฟุ้งซ่านกับชีวิต ปีนี้บูมอายุย่าง 26 ปีแล้ว ก็ถือว่าโตเป็นผู้ใหญ่แล้วล่ะ เป็นช่วงเวลาของชีวิตที่กำลังจะสร้างความสำเร็จกับงาน แต่เมื่อขาดสิ่งสำคัญในชีวิตไปแล้วก็พลอยทำให้บูมขาดแรงจูงใจอื่นๆ ในชีวิตไปด้วย หลังๆ มานี้บูมจึงมีอาการคล้ายๆ คนเป็นโรคซึมเศร้าจนพ่อกับแม่เริ่มวิตกกังวล

"อ้าวหนูแพรว ตื่นแล้วเหรอ จะกินอะไรเลยไหม" คุณทิพย์นภาร้องทักลูกสะใภ้ที่เดินลงมากับลูกสาวคนเล็กพลางยิ้ม

"ยังหรอกค่ะ คงสายๆ หน่อย พอดีน้องพีมเขาอยากมาหาบูมน่ะค่ะคุณแม่ แพรวก็เลยพามา" แพรวบอกพลางยิ้มเช่นกัน

บูมวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วก็อุ้มหนูน้อยที่เดินมาเมียงมองอยู่ข้างๆ ขึ้นมานั่งบนตัก อารมณ์เปลี่ยนไปเกือบจะทันทีเมื่อได้เห็นความน่ารักเด็กหญิงตัวน้อย

"ว่าไงครับน้องพีม วันนี้กวนคุณแม่แต่เช้าเลยนะครับ" บูมพูดแล้วก็หันไปยิ้มกับแพรว

"ร้องหาบูมตั้งแต่เช้าเลยค่ะ" แพรวบอกพลางยิ้ม

บูมเล่นกับน้องพีมสักพักคุณลิขิตก็ตามลงมาสมทบ

"คุณปู่มาแล้ว" เสียงใสร้องทักอย่างดีใจ

บูมจึงปล่อยน้องพีมให้วิ่งไปหาคุณปู่ คุณลิขิตอุ้มหลานสาวแล้วก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี

"คุณปู่ขา ไปทำงานกับปู่"

ได้ยินอย่างนั้นแล้วคนเป็นปู่ก็หัวเราะชอบใจ ตั้งแต่มีน้องพีมเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัว บ้านหลังนี้ก็มีความสดใสมากขึ้น น้องพีมกลายเป็นจุดสนใจและความรักของทุกคนในบ้าน โดยเฉพาะบูม ว่างเมื่อไรเป็นต้องมาเล่นด้วยหรือไม่ก็พาไปเที่ยวบ่อยๆ จนน้องพีมติดแจ ไปไหนก็ถามหาตลอด

"กินอาหารเช้าก่อนไหมคะ" คุณทิพย์นภาถามสามี

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมต้องรีบไป มีประชุมแต่เช้า บูมพร้อมหรือยังลูก" คุณลิขิตหันมาถามลูกชาย

"ครับพ่อ ไปเลยก็ได้ครับ" บูมบอกพลางลุกขึ้นเตรียมตัว

"อ้าว...แล้วไม่กินข้าวเช้าก่อนล่ะบูม" แม่ร้องถามอย่างเป็นห่วง

"เดี๋ยวไม่ทันประชุมครับ" บูมตอบเสียงเรียบ

คุณทิพย์นภาหน้าเจื่อนเล็กน้อย บูมเงียบขรึมกับเธอมากตั้งแต่ที่เกิดเรื่องคราวนั้นเมื่อสามปีก่อน ลูกชายคนเล็กคงจะโกรธเธออยู่ในใจบ้างไม่มากก็น้อย ยิ่งนึกถึงข้อแม้ข้อที่สองของบูมที่ขอเธอไว้ตอนอยู่โรงพยาบาลแล้วก็ยิ่งทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอเริ่มรู้สึกผิด ถึงบูมจะเลิกคบกับทิวไปแล้ว แต่เธอก็ไม่เห็นว่าชีวิตของบูมจะมีอะไรแตกต่างไป สิ่งที่เธอคาดหวังว่าจะได้เห็นก็มีแต่ริบหรี่ๆ ลงเรื่อยๆ

คุณลิขิตอุ้มหลานสาวมาส่งให้ลูกสะใภ้ พอร่ำลากันพอหอมปากหอมคอแล้วสองพ่อลูกก็รีบไปทำงานทันที

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

"เป็นไงมั่งบูม ได้ข่าวคราวของทิวบ้างไหมลูก"

คุณลิขิตถามขึ้นขณะนั่งรถไปทำงานด้วยกัน เมื่อก่อนต่างคนต่างแยกกันไป เดี๋ยวนี้บูมขับรถไปทำงานกับพ่อเป็นประจำ ยกเว้นวันไหนที่มีธุระคนละที่จึงค่อยไปคนละคัน

"ยังเลยครับพ่อ เห็นเจ้าของบ้านคนใหม่บอกว่าเขาเคยจดเบอร์โทรศัพท์ของทิวไว้อยู่ แต่ก็จำไม่ได้ว่าเอาไปไว้ตรงไหน ผมก็ขอให้เขาช่วยหาให้อีกทีแต่ก็ยังหาไม่เจอครับ วันเสาร์นี้ผมว่าจะลองไปหาอีกสักรอบ"

สีหน้าบูมเริ่มเครียดเมื่อพูดถึงการหายตัวไปของทิว

"พ่อขอโทษจริงๆ นะลูก วันนั้น...พ่อไม่น่าบอกให้ลูก..." แล้วคุณลิขิตก็ถอนหายใจ รู้สึกผิดทุกครั้งที่นึกถึงวันนั้น

"พ่ออย่าพูดถึงมันเลยครับ ไม่ใช่ความผิดของพ่อหรอกครับ ถ้าไม่ทำแบบนั้น...แม่ก็คง..." แล้วบูมก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

"บูม...พ่อว่าแม่เขาเริ่มอ่อนลงแล้วล่ะ อีกไม่นานนี้เราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลง แต่ว่าตอนนี้...เราต้องช่วยกันตามหาทิวให้เจอก่อน พ่ออยากเห็นลูกมีความสุข ไม่อยากให้ลูกเป็นแบบนี้เลย"

"เป็นแบบนี้" ที่คุณลิขิตพูดถึงก็คืออาการเศร้าซึมของบูมนั่นเอง พอไม่ได้ทำงานแล้วบูมก็ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ออกไปหาเพื่อน ไม่คบใคร อย่างมากก็พาพีมออกไปเที่ยวหรือซื้อของบ้าง เห็นลูกชายคนเล็กเก็บเนื้อเก็บตัวแล้วก็ยิ่งเป็นห่วง ถ้าปล่อยไว้ให้เป็นอย่างนี้เรื่อยๆ บูมคงเป็นโรคซึมเศร้าเข้าจนได้

พอพูดถึงแม่แล้วบูมก็เงียบ

"บูมยังโกรธแม่อยู่เหรอลูก..."

บูมไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไรเหมือนกัน ความจริงก็รู้สึกว่าโกรธ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้ว่านั่นคือแม่ จะชั่วดีอย่างไรก็มีความผูกพันทางสายเลือด แต่บูมก็ยังทำใจไม่ได้ที่แม่ทรมานชีวิตลูกชายคนนี้มากเหลือเกิน แม่จะรู้ไหมว่าการพลัดพรากจากคนที่รักกันมากๆ เป็นอย่างไร ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไปบูมก็ไม่เคยลืมช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับทิว บูมยังคงทำตามสัญญานั้นที่บูมกับทิวให้กันไว้เสมอ แม้จะมีคนมาชอบหลายคนแต่บูมก็ไม่เคยเล่นด้วย กลายเป็นคนเก็บตัวเงียบจนดูเหมือนว่าแทบจะไม่มีสังคมไปแล้ว นอกจากสังคมในงานที่มีเท่าที่จำเป็น

"พ่อเข้าใจนะลูก แต่เชื่อพ่อ อีกไม่นานนี้แม่จะเข้าใจ"

คุณลิขิตพูดเสียเองเมื่อเห็นบูมนิ่งเงียบ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

ดูเหมือนบรรยากาศในการกินข้าวเย็นด้วยกันดูกร่อยๆ ชอบกล คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าไม่รู้ว่ามีความสุขหรือเปล่าที่มานั่งอยู่ตรงนี้ สีหน้าเหมือนกับถูกบังคับให้มาเสียมากกว่า คนชวนก็เลยชัดหงุดหงิดและอึดอัด

"พี่ทิว...เมื่อไรพี่จะใจอ่อนกับผมเสียที ผมรอมานานแล้วนะ" อยู่ๆ แต๋งก็ถามเรื่องนี้ขึ้นหลังจากที่เคยเลิกถามไปได้หลายเดือนแล้ว

ทิวใช้หลอดดูดเขี่ยแก้วน้ำผลไม้ไปมาพลางเลิกคิ้วมองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ความจริงวันนี้ก็ไม่ได้อยากออกมาซื้อของหรอก แต่ทนแต๋งรบเร้าไม่ไหวก็เลยต้องยอมมาเป็นเพื่อน ทิวรู้สึกว่ายิ่งใช้เวลาอยู่กับแต๋งมากเท่าไรก็จะยิ่งกลายเป็นการสร้างความหวังให้แต๋งมาขึ้นเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง ทิวรักใครไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่าแต๋งจะพยายามแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์หรอก สัญญาที่ให้ไว้กับบูมนั้นทิวรักษามันไว้เป็นอย่างดี ไม่เคยคิดจะผิดสัญญา ไม่เคยคิดที่จะขอให้เจอกับบูมเพื่อยกเลิกสัญญานั้น

"พี่..."

จะบอกยังไงดีหนอ จะบอกว่าไม่รักก็ดูจะทำร้ายจิตใจกันเกินไป จะบอกว่ายังไม่พร้อม ก็ไม่ไช่เรื่องนั้น ทิวไม่อยากโกหกแต่ก็ไม่อยากให้แต๋งมีความหวังใดๆ อีก ทิวอยากอยู่คนเดียว รู้สึกอึดอัดเหลือเกินที่มีคนมาคอยตามอย่างนี้

"ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมก็ถามไปงั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอกครับ"

แต๋งบอกพลางหัวเราะกลบเกลื่อนเมื่อรู้ว่ากำลังสร้างความลำบากใจให้กับทิวอยู่

"อยากรู้จังว่า...คนนั้นที่พี่ทิวชอบเป็นใคร มีดีอะไรนักหนาพี่ถึงไม่เคยลืมเขาเลย" แต๋งก็ยังไม่วายที่จะพูดกระเง้ากระงอดอีกจนได้

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทิวไม่ใจอ่อนง่ายๆ ก็เป็นเพราะแต๋งยังเด็กนี่แหละ แต๋งไม่สามารถทำให้ทิวรู้สึกอบอุ่นใจเหมือนเวลาที่อยู่กับบูม อ้อมกอดของบูมเท่านั้นที่ทิวเฝ้าโหยหา อ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใยและความอบอุ่น กลิ่นกายที่หอมอุ่นๆ นั้นไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำของทิวเลย แต่ทิวก็จำใจต้องจากมาด้วยความทรมาน ตัดช่องทางการติดต่อทุกอย่างที่บูมจะติดต่อได้เพราะแม่ของบูมได้ขอแกมบังคับเอาไว้

พอบูมไปแล้วทิวก็ยังถูกแม่ของบูมตามรังควานอยู่พักใหญ่เพราะยังไม่ไว้ใจว่าทิวได้ตัดขาดการติดต่อกับบูมไปจริงหรือเปล่า พอทิวได้งานทำจึงตัดสินใจขายบ้านและย้ายมาอยู่ที่นี่เสียเลย ครอบครัวของบูมจะได้สบายใจว่าทิวจะไม่กลับไปทำลายอนาคตของบูมอีก แล้วก็ได้มาเจอแต๋งที่ทำงานอยู่ที่เดียวกัน

"พี่ว่าเรากลับกันดีไหม ห้างใกล้จะปิดแล้ว"

ทิวรีบเปลี่ยนเรื่อง หลีกเลี่ยงที่จะสบตากับแต๋งเพราะกลัวว่าจะแสดงความไม่พอใจให้แต๋งเห็น แต๋งเเหมือนจะรู้ตัวว่าทำให้ทิวรู้สึกอึดอัดจนเกินไปจึงต้องยอมหยุด แล้วก็ยอมกลับบ้านแต่โดยดี

แต๋งขับรถมาส่งทิวถึงที่พัก แล้วก็จะขอช่วยถือของขึ้นไปส่งทิวที่ห้องพักด้วย

"เดี๋ยวผมช่วยถือขึ้นไปส่งละกันครับพี่ทิว"

แต๋งว่าพลางฉวยของใช้ส่วนตัวที่ทิวถืออยู่มาถือเสียเอง พอทิวจะร้องห้ามแต๋งก็รีบดักไว้

"ให้ผมช่วยเถอะนะพี่ อย่าปฏิเสธผมบ่อยๆ อย่างงี้สิครับ ผมรักพี่นะ พี่ไม่รักผมตอบผมก็ไม่ว่าหรอก ให้ผมทำอะไรให้พี่หน่อยไม่ได้เลยเหรอ"

ทิวก็เลยต้องยอม แต๋งล็อกรถแล้วก็เดินตามทิวขึ้นมาบนห้องพัก แล้วแต๋งก็ทำสิ่งที่ทิวคาดไม่ถึง เมื่อแต๋งเอาของวางไว้แล้วแต๋งก็วิ่งเข้ามกอดทิวจากทางด้านหลัง

"แต๋งจะทำอะไรครับ" ทิวร้องด้วยความตกใจพลางพยายามจะแกะมือนั้นออก

"พี่ทิว...ให้ผมกอดพี่บ้างได้ไหม พี่รู้ไหมว่าผมทรมานใจแค่ไหนเวลาที่อยู่ใกล้ๆ พี่แล้วทำอะไรไม่ได้ ทำไมพี่จะต้องคอยปฏิเสธผมอยู่ตลอดเวลา พี่ไม่เห็นใจผมบ้างเหรอ ผมขอแค่ได้กอดพี่บ้างเท่านั้น ผมไม่ทำอะไรมากกว่านี้หรอก นะพี่นะ อย่าปฏิเสธความรักของผมอย่างนี้สิครับพี่ทิว"

แต๋งพยายามร้องขอความเห็นใจสุดฤทธิ์ ทิวอึ้งกับคำขอร้องนั้นแล้วก็ปล่อยให้แต๋งกอด ที่ต้องคอยปฏิเสธนั้นเป็นเพราะว่าทิวไม่อยากพาตัวเองเข้าไปพัวพันกับความยุ่งยากโดยไม่จำเป็น แค่ที่เป็นอยู่นี้ก็ยุ่งยากมากพอแล้ว แต๋งไม่เคยลดละและพยายามที่จะเอาชนะใจทิวเลย ไม่ว่าทิวจะปฏิเสธยังไงก็ตาม

พอเห็นทิวนิ่ง แต๋งก็เริ่มได้ใจ ค่อยๆ เลื่อนมือลงต่ำจนถึงขอบกางเกงของทิว ทิวรู้สึกตกใจรีบจับมือนั้นไว้ทันทีก่อนที่มันจะเลื่อนลงต่ำไปมากกว่านั้น

"แต๋ง...อย่าทำแบบนี้นะครับ พี่ไม่ชอบ" ทิวบอกด้วยเสียงดุ

แต๋งรีบหดมือกลับ ปล่อยทิวแล้วก็ทำหน้าจ๋อยๆ

"ผมขอโทษ"

แต๋งบอกเสียงห้วนๆ คล้ายๆ กับเด็กเอาแต่ใจที่รู้สึกไม่พอใจเมื่อไม่ได้อย่างที่ต้องการ แต่นั่นก็คือนิสัยของแต๋งล่ะ จากนั้นก็ทำหน้าง้ำหน้างอ เดินไปหยิบรองเท้ามาใส่ แล้วก็เดินออกไปจากห้องทิวโดยไม่พูดกับทิวอีก

ทิวถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจเมื่อแต๋งไปแล้ว ต่อไปนี้คงจะต้องหลีกเลี่ยงการอยู่ตามลำพังกับแต๋งสองต่อสองแล้วล่ะ ไม่ไว้ใจเด็กคนนี้เลย มือไวใจเร็วอย่างนี้อาจจะทำให้ทิวพลาดท่าเสียทีได้

ทิวเดินไปที่เตียงนอนแล้วก็หยิบรูปที่หัวเตียงนั้นมาถือไว้ รูปที่ทำให้น้ำตาไหลแทบจะทุกครั้งที่นั่งมองและหวนคิดถึงความทรงจำเก่าๆ รูปนี้พี่บีมเป็นคนถ่ายให้ตอนงานเปิดตัวโครงการ บูมกอดทิวไว้จากข้างหลังแล้วก็ยิ้มสดใส ใครที่เห็นรูปนี้แล้วก็จะรู้ได้ทันทีว่าสองคนในรูปนี้มีความสัมพันธ์กันที่ดีต่อกันมากแค่ไหน

ความคิดถึงแล่นเข้าไปจนสุดขั้วหัวใจ แทบจะไม่มีวินาทีไหนที่ทิวไม่คิดถึงผู้ชายคนนี้เลย ยิ่งได้เห็นรูปนี้หรืออะไรก็ตามที่ทำให้นึกถึง ทิวก็ยิ่งคิดถึงมากขึ้น เบอร์โทรศัพท์ของบูมก็ยังจำได้ไม่เคยลืม บางทีอยากจะโทรหาใจจะขาดก็ไม่สามารถทำได้ ป่านนี้บูมคงจะกลับมาจากเมืองนอกแล้ว คงจะกลับมาช่วยพ่อทำงาน เป็นความหวังและอนาคตของครอบครัว อนาคตที่แม่ของบูมกลัวว่ามันจะดับลงถ้าบูมยังรักทิวอยู่

ป่านนี้แล้ว...บูมจะยังรักษาสัญญานั้นไว้หรือเปล่านะ บูมกำลังรอทิวอยู่หรือเปล่าหนอ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอกันในชาตินี้อีกหรือเปล่า บางครั้งทิวก็อยากจะไปหาบูมที่บ้านเหลือเกิน แค่ขอให้ได้เห็นหน้า ได้รู้ว่าสบายดี ไม่หวังว่าจะต้องกลับมารักกัน แค่อยากเห็นว่าคนที่ทิวรักที่สุดมีชีวิตที่สุขสบาย ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย แค่นี้ทิวก็พอใจแล้ว ขอแค่นี้เอง ไม่รู้ว่าครอบครัวของบูมจะกีดกันอะไรกันนักหนา

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

"ผมไม่ไปครับแม่" บูมตอบสั้นๆ แล้วก็ท่าทางจะเดินออกไปจากห้องที่แม่เรียกเข้ามาคุยด้วย

"บูม...ลูกจะอยู่แบบนี้ได้ยังไง บูมควรจะคิดถึงการมีครอบครัวไว้บ้างนะลูก พี่บีมเขาก็แต่งงานแล้ว ก็เหลือแต่บูมนี่แหละที่แม่ยังเป็นห่วงอยู่ แม่ไม่สบายใจเลยที่บูมเอาแต่เก็บตัวแบบนี้"

บูมถอนหายใจแล้วก็หันกลับไปบอกแม่ว่า

"แม่ครับ เราเคยสัญญากันไว้แล้วไม่ใช่เหรอครับ"

คุณทิพย์นภาชะงักและอึ้งไป มันเป็นสัญญาที่เธอเองก็ไม่เต็มใจนักแต่ก็ต้องยอมสัญญาเพื่อแลกกับการที่บูมยอมเลิกกับทิว เธอก็ไม่คิดว่าบูมจะจริงจังกับสัญญานั้นขนาดนี้ คนวัยหนุ่มอย่างบูมไม่น่าจะทนอยู่เหงาๆ ได้นาน ไม่นานบูมก็คงอยากจะมีใครสักคน แต่ก็กลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อบูมเอาแต่เก็บตัว ไม่ยอมออกไปพบเจอใครถ้าไม่จำเป็น ทำงานเสร็จแล้วก็กลับบ้าน เล่นกับหลานบ้าง อ่านหนังสือบ้าง หรือไม่ก็ทำงานอยู่ในห้อง เห็นบูมเป็นอย่างนี้เธอก็อดสงสารและเป็นห่วงลูกชายคนเล็กไม่ได้

"แม่รู้...แต่ว่า..."

"แม่จะเอายังไงกับผมอีกครับ ที่ผ่านมาผมยังทำให้แม่ไม่พออีกเหรอ แม่จะเอาชีวิตผมไปด้วยไหมครับ ไหนๆ ชีวิตนี้ผมก็ไม่เคยมีอิสระที่จะเลือกอะไรได้ด้วยตัวเองเลย แม่รู้บ้างไหมครับว่าผมทรมานแค่ไหน ทุกวันนี้...ที่ผมเป็นแบบนี้...ก็เป็นเพราะผมยังรักทิวอยู่ ผมจะทำให้แม่เห็นว่า...จนตายผมก็จะยังรักเขา"

บูมระเบิดอารมณ์ออกมาจนได้เมื่อรู้ว่าแม่คิดจะจับคู่ให้อีกทั้งๆ ที่เคยขอแม่ไว้แล้วว่าให้เลิกทำอย่างนี้ บูมอดทนและทำตามที่แม่ต้องการมามากพอแล้ว แม่ควรจะพอใจกับสิ่งที่ได้ไป การสูญเสียคนรักมันก็มากเกินไปด้วยซ้ำ บูมก็ยังอุตส่าห์ยอมทำให้

"ผมสูญเสียคนที่ผมรักไปแล้ว แม่เห็นไหมครับว่าชีวิตผมเป็นยังไง ผมรู้ว่าแม่หวังดี แต่แม่เห็นไหมครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น แม่คิดว่าผมจะลืมเขาได้ง่ายๆ เหรอครับในเมื่อเรารักกันมากขนาดนั้น ทิวเขาดีกับผมมากขนาดไหน ตั้งแต่เรียนหนังสือด้วยกัน ถ้าผมไม่ได้เจอเขา ผมก็คงไม่รู้หรอกว่าความสดใสในชีวิตเป็นแบบไหน ที่ผมรักเขาเพราะเขาช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผม เขาช่วยทำให้ผมได้รู้ว่าคนที่รักผมจริงๆ เป็นแบบไหน เขาคอยดูแลผม เป็นห่วงผม ช่วยผมทุกอย่าง เขารักผมมาก และผมก็รักเขามาก ผมลืมเขาไม่ได้ ผมคิดถึงเขาทุกลมหายใจ แค่ผมรู้ว่าทิวอยู่ที่ไหน ผมจะไปหาเขาทันที ผมจะไปอยู่กับเขา ชีวิตผมอยู่กับเขา หัวใจผมอยู่กับเขา ผมเอาไปให้คนอื่นที่ผมไม่รักไม่ได้ แม่รู้จักความรักไหมครับ แม่รู้จักมันหรือเปล่า ถ้าแม่รู้จักความรัก แม่ก็จะเข้าใจผม"

นี่คงเป็นครั้งแรกที่บูมพูดกับแม่ด้วยอารมณ์สะเทือนใจมากขนาดนี้ คุณทิพย์นภาได้แต่อ้าปากค้างด้วยอย่างคาดไม่ถึง สิ่งที่บูมพูดก็ทำให้เธอได้คิดอะไรหลายอย่าง เธอต้องคิดได้สิเพราะเธอก็เห็นอยู่ว่าชีวิตของลูกชายคนเล็กตอนนี้เป็นยังไง บูมอยู่เหมือนคนไม่มีชีวิตจิตใจ เธอคิดว่าจะเปลี่ยนใจบูมได้ แต่บูมก็ได้ทำให้เธอเห็นว่าไม่ง่ายขนาดนั้น เธอคิดผิดที่คิดว่าอะไรก็คงจะไม่ยาก แต่มันก็ยากกว่าที่เธอคิดไว้มากทีเดียว

ตอนนี้บูมกำลังจะทำให้เธอเห็นว่า "แม่" คือคนที่พรากชีวิตและอนาคตที่สดใสไปจากลูกเสียเอง

บูมหันหลังกลับแล้วเดินกลับขึ้นไปทำงานบนห้องนอนต่อ ทิ้งให้คุณทิพย์นภายืนตกตะลึงแล้วก็ร้องไห้ สิ่งที่เธอเรียกว่า "ความหวังดี" กำลังส่งผลและย้อนคืนกลับมาหาเธอแล้ว ความหวังดีนั้นได้ทำให้ลูกชายที่เธอรักต้องกลายเป็นคนซึมเศร้า เก็บตัวและไม่คิดจะแต่งงานมีครอบครัว เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนจริงๆ ว่าเธอกำลังทำให้ลูกของตัวเองต้องมีชีวิตแบบนี้ เธอบังคับได้แต่ตัว แต่หัวใจของลูกเป็นสิ่งที่เธอได้ตระหนักแก่ใจแล้วว่าเธอไม่สามารถเปลี่ยนได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

"คุณทิพย์คะ แม่พินเจออันนี้ในห้องของคุณบูมค่ะ"

แม่พินที่เป็นคนรับใช้ในบ้านหลังนี้มาอย่างยาวนานเดินมารายงานทิพย์นภาทันทีที่เธอกลับมาถึงบ้าน พอเห็นสิ่งที่คนรับใช้เอามาให้ดูแล้วเธอก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ

บูมเอาปืนมาทำไม ทำไมในห้องของบูมถึงมีปืน ลูกชายคนเล็กของเธอคิดจะทำอะไรกันแน่ ในบ้านของเธอไม่เคยมีสิ่งของแบบนี้เลย บูมเองก็ไม่มีศัตรูที่ไหนจนถึงกับต้องพกปืน หรือว่าบูมกำลังคิดที่จะ...

พอคิดมาถึงตรงนี้คุณทิพย์นภาก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่

"แม่พินเอาปืนมานี่"

แม่พินยื่นปืนที่ห่อผ้าสีขาวให้ตามที่คุณทิพย์นภาบอก จากนั้นคุณทิพย์นภาก็รีบเดินลิ่วขึ้นไปบนห้องของตัวเอง วางปืนของลูกชายคนเล็กไว้บนโต๊ะในห้องแล้วก็รีบโทรหาสามีที่ยังคงอยู่ที่ทำงาน

"คุณคะ แม่พินเจอปืนในห้องของบูม ฉันกลัวค่ะ ฉันกลัวว่าลูกจะฆ่าตัวตัวตาย"

คุณทิพย์นภาพูดไปร้องไห้ไป

"จริงเหรอคุณ"

"ค่ะ ตอนนี้ปืนของบูมอยู่กับทิพย์แล้ว ฉันจะทำยังไงดีคะคุณ ฉันกลัว..."

คุณลิขิตเงียบไปนานพอสมควร ช่วงนี้อาการของบูมน่าเป็นห่วงมากเพราะเข้าข่ายเป็นโรคซึมเศร้าแล้ว ถ้าถึงขั้นมีปืนติดตัวไว้อย่างนี้ก็อาจจะนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่คาดไม่ถึง คนที่เสียใจที่สุดก็คงจะเป็นคนที่หวังดีต่อลูกอย่างผิดๆ นั่นแหละ

"คุณทิพย์ คุณรู้ใช่ไหมว่าบูมกำลังเป็นโรคซึมเศร้า"

"ค่ะ" คุณทิพย์นภาตอบสั้นๆ

"แล้วคุณรู้ไหมว่าทำไม..."

คราวนี้คุณทิพย์นภาเป็นฝ่ายเงีบบบ้าง เธอคงรู้ดีอยู่แก่ใจว่าทำไมลูกชายคนเล็กถึงได้กลายเป็นเช่นนั้น

"แล้วทิพย์ควรจะทำยังไงดีคะ ทิพย์กลัวเหลือเกิน ทิพย์กลัวลูกจะ..."

คุณทิพย์นภาร้องไห้อีกคำรบ ยิ่งรู้ว่าสิ่งที่เธอทำทำให้ลูกเป็นหนักถึงขนาดนี้ก็ยิ่งรู้สึกผิด

"คุณเก็บปืนไว้ก่อน เดี๋ยวผมจะคุยกับลูกเอง แต่คุณ...คุณต้องเปลี่ยนตัวเองแล้วนะคุณทิพย์ ไม่อย่างงั้น...คุณจะเป็นคนที่ฆ่าลูกที่คุณรักเสียเอง คุณทำร้ายลูกมาเยอะแล้ว ผมก็ไม่อยากซ้ำเติมคุณหรอกนะคุณทิพย์ ผมแค่อยากให้คุณตะหนักว่าคุณกำลังทำร้ายลูก ไม่ใช่รักลูก ถ้าคุณยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมกับคุณก็อาจจะต้องทำใจ ลูก...เราเลี้ยงเขาได้แต่ตัว ชีวิตมันเป็นของเขาตั้งแต่วันที่เขาเกิดมาแล้ว ผมรู้ว่าคุณหวังดี กลัวลูกจะเสียอนาคต กลัวคนจะไม่ยอมรับ แต่บูมไม่เคยเห็นกลัวเรื่องนั้นทั้งๆ ที่มันเป็นปัญหาของเขาเอง แต่พ่อแม่อย่างเรากลับตีตนไปก่อนไข้ กลัวไปสารพัด ต่อให้ลูกเจอปัญหาอย่างนั้นเข้าจริงๆ เขาก็ต้องเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหา แล้วผมก็เชื่อว่าลูกจะแก้ปัญหาได้ สุดท้ายลูกเราก็จะได้รับการยอมรับเพราะเขาจะพิสูจนต์ตัวเองให้คนอื่นเห็นว่าเขาก็เป็นคนที่มีคุณค่า หน้าที่ของพ่อแม่อย่างเราก็คือสนับสนุนลูกให้ต่อสู้ชีวิตได้ ไม่ใช่ไปคิดแทน ชี้นำหรือครอบงำความคิด ถ้าลูกไม่มีความสุข พ่อแม่อย่างเราจะมีความสุขได้เหรอคุณทิพย์ คุณปล่อยลูกซะทีเถอะนะคุณทิพย์"

คุณทิพย์นภาอึ้งไปอีกรอบ ที่ผ่านมาสามีเคยคุยกับเธอเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ แต่เธอก็ไม่เคยฟังและไม่เข้าใจ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์อย่างนี้เธอถึงได้รู้ว่าที่สามีพยายามจะบอกเธอมาตลอดคืออะไร เธอเป็นคนดื้อและหัวแข็ง ใครๆ ก็รู้กันดี ลูกชายคนเล็กของเธอก็คงจะได้นิสัยดื้อๆ อย่างนี้ไปจากเธอบ้างไม่มากก็น้อย แต่บูมก็ดื้อรั้นเพื่อพิสูจน์ให้แม่เห็นว่าแม่เปลี่ยนสิ่งที่บูมเป็นไม่ได้

ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับเธอแล้วว่าเธออยากจะเห็นลูกเป็นอย่างที่เธออยากให้เป็น หรืออยากจะเห็นลูกมีความสุขและมีชีวิตตามธรรมชาติและตัวตนของลูกเอง การตัดสินใจของเธอครั้งนี้สำคัญมากเพราะมันหมายถึง "ชีวิต" ของลูกที่เธอรักแสนรักนั่นเอง

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 35 วันที่ 25-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: eern ที่ 25-04-2012 22:22:31
เป็นแม่คนที่ใจ :z3:ร้ายมากทำอย่างนี้รักตัวเองมากก่วารักลูกบูมน่าสงสารทีสุด :m15:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 35 วันที่ 25-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Gapompom ที่ 25-04-2012 22:33:10
ยังดีนะว่าคิดได้ว่าลูกตัวเองไม่มีความสุข
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 35 วันที่ 25-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 25-04-2012 23:56:55
กว่าจะคิดได้ นานเกินไปหรือเปล่า  :m16:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (24-04-2012) (ตอนจบ.........ไม่ใช่ชี)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 26-04-2012 00:08:13
  :laugh: :laugh: ฮากับมุข จบ.....ไม่ใช่ชี

นั่นไง พี่บีมแต่งงานกับแพรว แล้วมีลูกสาวชื่อ พีม
เป็นคู่ที่เหมาะสมมากกกกกกกกกก.......ลุ้นอยู่เลยค่ะ คู่นี้

บูมกับทิวต่างก็รักษาสัญญาที่ให้แก่กันไว้เป็นอย่างดี
รอก็แต่คุณแม่บูมนี่ล่ะ ยอมรับความรักของ 2 คนนี้เถอะนะคะ ก่อนที่อะไรๆจะสายเกินไป

จะมีบททดสอบไหนมาทดสอบทิวอีกล่ะเนี่ย ที่ผ่านมาทิวก็น่าสงสารที่สุด....แล้ว
ตอนนี้เริ่มสงสารบูมอีกคน  การถูกแยกจากคนรักทั้งที่รักกันมาก มันทรมานจริงๆ
เอาใจช่วยทิวกับบูมให้แม่บูมยอมรับเรื่องนี้ในเร็ววันนะคะ  :กอด1: :กอด1:

 :L2: :L2: :L2: ขอบคุณค่ะ  :กอด1: :กอด1:
เป็นกำลังใจให้คนแต่งเสมอค่ะ (+1+เป็ด)

หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 35 วันที่ 25-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Cynthia_Moonlight ที่ 26-04-2012 00:21:54
คิดได้แล้วเหรอ บทจะนึกถึงใจคนอีกออกก็ง่ายเหลือเกินนะคะคุณนายขา ไอ้ที่เขาพูดกันปากเปียกปากแฉะไม่รู้จักฟัง พอโดนลูกพลั่งพรูความในใจใส่ก็ทำเป็นคิดได้ ช้าไปกี่ปีคะเนี่ย

ยิ่งตอนนี่ทิวดันมีคนจ้องจะเสียบอยู่

อ๊ากกกกก ขออภัยที่เราอินเกินไป



หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 35 วันที่ 25-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 26-04-2012 00:31:22


ฮากับมุข จบไม่ใช่ชี ฮาตัวเองที่ไม่เก็ท  :laugh3: :laugh3: :laugh3:


เมื่อไหร่หนอ ที่คุณหญิงแม่จะเปิดอกรับหนูทิวเป็นเขยสะใภ้สักที  o9 o9 o9


ง่า เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะค่ะ  :กอด1: :L2: o13
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 35 วันที่ 25-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 26-04-2012 01:27:31
ต๊กกะจาย นึกว่าบูมแต่งงานกับแพรว

ที่แท้พี่บีม ก็มาปิ๊งซะเอง  :o8:

คุณแม่ก็ปล่อยวาง เห็นแก่ความสุขของลูกซะทีเถ๊อะ

2 คนเค้าทรมานมามากแล้วนะค่ะ :sad4:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 35 วันที่ 25-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 26-04-2012 06:34:45
                              โครตสมน้ำหน้าคุณนายเลย ลูกด่าทางอ้อมแล้วนิ สมองอันน้อยนิด กับจิตที่มืดบอดมองความต้องการของตัวเองเป็นใหญ่มันจะสะเทือนมั้ยน้อ สร้างลูกมากับมือแล้วก็ฆ่าลูกทั้งเป็น อนิจจาความรักของแม่แบบนี้มีด้วยหรือ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 35 วันที่ 25-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 26-04-2012 10:28:12
อย่าให้เจอกันง่ายนะขอร้อง
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 35 วันที่ 25-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 26-04-2012 14:08:00
จะติดตามต่อไปนะครับ

ขอเป็นกำลังใจให้นะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 35 วันที่ 25-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 26-04-2012 14:42:04
สงสัยอาจารย์ทิพย์นภาเธอจะจงใจลืมคำสุภาษิตโบราณที่ว่า "ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน"
เลยกลายเป็นว่าเธอคือผู้ที่ "พรากความสุข พรากความมีชีวิตชีวา" ไปจากลูก
นานเกินไปหรือเปล่านี่กว่าที่เธอจะคิดได้
อ่านตอนที่บูมพูดกับแม่ด้วยแรงอารมณ์ที่เก็บกดแล้วน้ำตาซึม :monkeysad: สงสารบูมจัง

หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 35 วันที่ 25-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 26-04-2012 23:41:24
อ่านตอนนี้แล้วสงสารบูมจัง T^T ทิวแวะมาหาบูมหน่อยเถอะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 35 วันที่ 25-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 27-04-2012 07:56:20
สรุปก็ยังทำไม่เป็นอยู่ดีครับ พยายามแล้วก็ยังตอบโดยอ้างถึงคำพูดไม่ได้ ช่างมันเถอะ เอาไว้ก่อน
ตอนแรกว่าจะยืดนิยายเรื่องนี้สักหน่อย แต่คงไม่ยืดแล้วล่ะครับ น่าจะจบได้ภายในไม่เกินสามตอนนี้
อาจจะมีตอนพิเศษให้ แต่โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบเท่าไร อยากให้มันจบก็จบไปเลย
แต่ก็ไม่แน่ใจว่าช่วงนี้จะพอมีเวลาเขียนหรือเปล่า จะพยายามละกันนะครับ คงไม่ดราม่ามากไปกว่าที่ผ่านมาแล้ว
พอเรื่องจบแล้วคงจะขอหยุดไปทำงานก่อน รู้สึกว่าการเขียนนิยายกระทบกับงานพอสมควร
แต่ยังติดตามอ่านเรื่อง "ต้นสน" ได้ครับ อันนี้ก็ดราม่าไม่แพ้กัน
เอามาลงใหม่ครั้งนี้ผมจะเพิ่มบทหรือปรับแก้ให้รายละเอียดบางอย่างให้มันชัดเจนขึ้นด้วยครับ
แต่คิดว่าคงไม่ใช้เวลาเขียนมากเพราะแค่เพิ่มเติมนิดๆ หน่อยๆ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 35 วันที่ 25-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 27-04-2012 10:43:24
จะจบแล้วหรอ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 35 วันที่ 25-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 27-04-2012 12:04:48
จะจบแย๊วจิงๆอ่ะะะ


=w=

ไปติดตามต้นสนบ้างดีกว่า
:9
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 35 วันที่ 25-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 27-04-2012 12:37:10


จะจบแล้วเหรอ...

อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆจัง เอิ๊ก  :m1:

เป็นกำลังใจให้นะค่ะ ขอฉากหวานๆให้ทิวบ้างล่ะกัน ดราม่ามาเยอะเชียว  :give2: :give2:

หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 35 วันที่ 25-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 27-04-2012 17:08:25
ตอนแรกยังคิดว่าพิมพ์ผิดซะอีก "ไม่ใช่สิ "
ช่างเป็นมุขที่ลึกล้ำจริงๆ

จะว่าไปบูมดูแย่กว่าทิวอีกนะเนี่ย ตัดสังคมออกหมด
ทิวยังมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นบ้าง
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 35 วันที่ 25-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: 230 ที่ 27-04-2012 21:39:28
 :sad11: เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคับ (รออ่านยุชอบมากๆๆๆๆๆ )
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 35 วันที่ 25-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 27-04-2012 23:17:52
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 36 ✦ พลังดึงดูดของความรัก

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)

เช้าวันใหม่ของอีกวันที่ดูเหมือนๆ เดิมปลุกทิวให้ตื่นขึ้นจากความหลับไหล สามปีที่ผ่านไปอย่างช้าๆ และทรมานอาจทำให้ทิวเคยชินกับความทุกข์ แต่บางวันก็ไม่เคยชินกับความคิดถึงได้เลย วันนี้ก็เช่นกัน ทิวคิดถึงบูมอีกแล้ว คิดถึงอย่างจับจิตจับใจและก็ทำได้แต่คิดถึงอยู่อย่างนี้ เมื่อตื่นขึ้นมาพบแต่ความว่างเปล่าแล้วก็อดคิดถึงช่วงเวลานั้นที่เคยตื่นขึ้นมาพร้อมกับใครบางคนไม่ได้ วันเวลาแห่งความสุขนั้นสั้นเหลือเกิน สั้นจนดูเหมือนราวกับเป็นเพียงความฝันที่แค่นอนตื่นขึ้นมาก็หายไป

วันที่ทิวได้เจอบูมเป็นครั้งสุดท้ายก็คือวันที่บูมเดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ความจริงทิวตั้งใจว่าจะไม่ไปเพราะกลัวทำใจไม่ได้ แต่...

"ทิว เปลี่ยนเสื้อผ้าเร็ว ไปสนามบินกับพี่เดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวไม่ทัน"

นั่นคือประโยคแรกที่พี่ชายของบูมบอกเมื่อมาถึงบ้านของทิวตอนราวๆ สามทุ่ม บีมอุตส่าห์ดิ่งรถมาหาทิวตามคำขอของน้องชายที่อยากเห็นหน้าทิวสักครั้งก่อนจากไป

"จะดีเหรอครับพี่บีม ผมไม่อยากให้บูม..." ทิวลังเล หน้าตาบ่งบอกว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักเพียงใดในตอนนั้น

"ไม่มีเวลาแล้วนะทิว พี่อยากให้ทิวไปหาบูม เปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วเข้า" บีมเร่งเร้า ยังไงก็ต้องพาทิวไปหาบูมให้ได้

"ครับพี่" ทิวบอกแล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปบนบ้าน เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็นั่งรถออกไปกับบีมทันที

ที่สนามบินนั้น พ่อ แม่และบูมต่างก็ยืนรอบีมด้วยความใจจดใจจ่อเพราะใกล้เวลาขึ้นเครื่องเข้าไปทุกที บูมลุ้นระทึกอย่างใจจดใจจ่อ คอยมองประตูทางเข้าแทบจะทุกนาทีเพื่อมองหาคนที่บูมกำลังรอคอยอยู่ หวังว่าพี่บีมจะชวนทิวมาได้สำเร็จ

"มาแล้วๆ พี่บีมมาแล้วลูก" คุณลิขิตร้องบอกลูกชายคนเล็กอย่างดีใจ

บูมหันไปมองตามแล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความดีใจเมื่อเห็นคนที่วิ่งมาพร้อมกับพี่ชาย ทิวยอมมากับพี่บีมแล้ว บูมอยากจะบอกรักพี่ชายคนนี้สักล้านคำที่พาทิวมาหาจนได้

"ทิว" บูมเรียกแล้วก็รีบเดินแกมวิ่งเข้าไปหาคนที่กำลังวิ่งมาหา

เมื่อทิวมาอยู่ตรงหน้าแล้วบูมก็ดึงทิวมากอดไว้แน่น ต่างคนต่างร้องไห้ด้วยความดีใจที่ได้เจอกันและใจหายที่อีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ก็จะต้องจากกันไปแล้ว

"บูม..."

ทิวเรียกชื่อแล้วก็หยุดไปเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกที่คอหอย จะขอร้องอ้อนวอนไม่ให้ไปก็ทำไม่ได้ มีความรู้สึกมากมายที่คำนับล้านก็ไม่อาจจะสื่อความหมายแทนได้ทั้งหมดในตอนนี้

"ทิว...ดูแลตัวเองดีๆ นะ เรียนหนังสือให้จบ นายจะได้มีงานทำแล้วก็ไม่ลำบาก มีปัญหาอะไรก็โทรหาพี่บีม เราบอกพี่บีมไว้แล้ว พี่บีมจะช่วยนายทุกอย่าง"

บูมละล่ำละลักบอกพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้น

"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เรารักนายเสมอนะทิว ขอให้นายรอเรา เก็บหัวใจของนายไว้ให้เรา เราจะกลับมาหานาย เราสัญญา เราจะกลับมาใช้ชีวิตกับทิวเหมือนเดิม นายต้องรอเราให้ได้นะทิว นายอย่าไปไหนนะ อยู่คนเดียว...ดูแลตัวเองดีๆ นะทิว เข้มแข็งนะ ขอให้นายรู้ไว้...หัวใจของเราอยู่ที่นาย เราจะพยายามเรียนจบให้เร็วที่สุดแล้วเราจะ..."

บูมพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็หยุดไปเมื่อนึกถึงคำสัญญาที่ให้กับแม่ไว้ นี่บูมต้องเลิกกับทิวจริงๆ หรือ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบูมได้ให้คำสัญญานั้นกับแม่ไปแล้ว

คุณลิขิตและบีมยืนมองภาพนั้นด้วยความสะเทือนใจ รู้สึกสงสารบูมจับจิตจับใจที่ต้องถูกบังคับให้ต้องจากคนที่รักไป ยิ่งเห็นภาพตรงหน้าพ่อกับพี่ชายก็ยิ่งรู้ว่าบูมรักทิวมากแค่ไหน อย่าว่าแต่คุณลิขิตกับบีมเลยที่เห็นอย่างนั้น คุณทิพย์นภาก็ได้เห็นสิ่งที่สองพ่อลูกเห็นแล้วเช่นเดียวกัน ทำให้เธออดถามตัวเองไม่ได้เลยว่า "เธอทำเกินไปหรือเปล่า"

"พรากคนที่เขารักกันมันบาปนะคุณ คุณเห็นไหมว่าบูมกับทิวเขารักกันมากแค่ไหน คุณกำลังทำร้ายลูกของตัวเองอยู่ คุณรู้ตัวหรือเปล่า"

คุณลิขิตหันไปบอกภรรยาเบาๆ คุณทิพย์นภาได้แต่มองภาพนั้นอย่างเงียบๆ และไม่โต้แย้งใดๆ

"นายจะรอเราใช่ไหมทิว" บูมถามย้ำอีกครั้ง

"เราจะรอนายเสมอนะบูม เราจะไม่รักใครอีก เราจะทำตามสัญญาที่เราให้กันไว้ที่หัวหิน ดูแลตัวเองดีๆ นะบูม อย่าลืมห่มผ้าหนาๆ นะ ที่นั่นมันหนาว แล้วก็อย่ามัวแต่เรียนจนไม่มีเวลาพักผ่อน อย่านอนดึกบ่อยๆ นะ นายน่ะชอบนอนดึก มันไม่ดีต่อสุขภาพรู้หรือเปล่า"

ทิวบอกพลางสะอื้นไห้ กอดคนที่รักแน่นราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไปจากชีวิต

"นายก็เหมือนกัน อย่ามัวแต่คิดมากว่านายไม่เหลือใคร นายยังมีเราอยู่นะทิว ลำบากยังไงนายก็อดทน ไม่ไหวจริงๆ ก็ให้พี่บีมช่วย พี่บีมยินดีช่วยนายทุกอย่าง เราบอกพี่ชายเราไว้แล้ว นายสัญญากับเรานะทิว มีปัญหาอะไรนายโทรหาพี่บีมนะ อีกไม่เกินสามปีเราจะกลับมา..."

บูมทำได้แค่บอกว่าจะกลับมาเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกว่ากลับมาแล้วจะกลับมารักทิวเหมือนเดิมอีกหรือเปล่า แม่นะแม่...ทำไมถึงได้ทรมานลูกที่แม่บอกว่ารักถึงขนาดนี้

เสียงประกาศเตือนผู้โดยสารเที่ยวบินของบูมดังขึ้นอีกครั้ง คุณทิพย์นภารู้สึกร้อนใจจนต้องเดินมาดึงบูมออกเพราะกลัวบูมจะตกเครื่องเสียก่อน

"บูม...เครื่องจะออกแล้ว เร็วเข้า"

บูมเดินตามแรงลากของแม่ไปแต่สายตาไม่ยอมละจากทิว โบกมือลาให้ทั้งน้ำตา ทิวโบกมือลาตอบ ยืนมองจนบูมค่อยๆ หายเข้าไปในบริเวณตรวจหนังสือเดินทาง และนั่นก็คือภาพสุดท้ายของบูมที่ทิวได้เห็น

ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็สามปีแล้ว ทิวก็ไม่เคยได้เจอบูมอีกเลย ไม่แม้แต่จะได้ยินเสียงเพราะถูกบังคับให้ต้องตัดขาดการติดต่อกับบูมทุกอย่าง ถูกรังควานจนต้องระเห็จมาทำงานอยู่ต่างจังหวัด ก็ไม่ใช่ที่ไหนไกลหรอก หัวหินนั่นเอง พอทิวเห็นประกาศรับสมัครผู้จัดการฝ่ายต้อนรับส่วนหน้าที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่นี่ ทิวก็รีบมาสมัครทันที แล้วก็โชคดีที่ได้งานนี้ ทิวอยากมาอยู่ที่นี่เพราะคำสัญญาของทิวกับบูมเกิดขึ้นที่นี่ ทะเลแห่งนี้จะคอยย้ำเตือนคำสัญญานี้ไว้อย่างดีเสมอ

ทิวเดินทางไปทำงานด้วยรถสองแถวที่วิ่งบริการอยู่ทั่วไป ถ้าวันไหนแต๋งว่างแต๋งก็จะมารับ วิ่งผ่านทะเลทีไรทิวก็อดนึกความสุขและความทรงจำเมื่อครั้งนั้นไม่ได้ ความทรงจำที่แสนหวานก่อนที่ทิวกับบูมจะจากกัน นี่แหละสถานที่ที่ความทรงจำอันสวยงามครั้งสุดท้ายได้เกิดขึ้นก่อนที่จะจากกันไป

ช่วงสัปดาห์นี้ทิวคงต้องทำงานหนักหน่อยเพราะมีงานใหญ่จัดที่โรงแรม เป็นงานสัมมนาเชิงวิชาการของกระทรวงศึกษาธิการ มีคนมาร่วมงานหลายร้อยคน ทิวชอบเวลาที่มีงานเยอะๆ อย่างนี้เพราะทิวจะได้ทำงานจนเหนื่อยและไม่ต้องคิดอะไรมาก กลับถึงห้องพักก็นอนหลับเป็นตาย ความเหงาบางทีมันก็โหดร้ายทารุณไม่ใช่เล่น ยิ่งมีความคิดถึงโหมกระหน่ำซ้ำเข้ามาด้วยแล้วก็ยิ่งทารุณไม่ใช่น้อย

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

บูมขับรถมาจอดที่หน้าบ้านหลังที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี แม้ว่าตอนนี้เจ้าของคนเดิมจะไม่ได้อยู่แล้วแต่สภาพมันก็ยังคงคล้ายเดิมอยู่ บูมเดินไปกดกริ่งเรียกที่หน้าบ้าน ไม่นานนักเด็กชายวัยประมาณสิบห้าปีที่เป็นลูกชายเจ้าของบ้านก็ออกมาเปิดประตูให้ พอเห็นบูมหนุ่มน้อยคนนั้นก็จำได้

"อ๋อ...เรื่องเบอร์โทรศัพท์ของเจ้าของบ้านเดิมใช่ไหมครับ"

บูมพยักหน้าแล้วก็เดินเข้าไปในบ้าน รู้สึกใจหายที่ตอนนี้มันไม่ได้เป็นของทิวแล้ว ทิวไม่น่าขายไปเลย ถึงจะไปซื้อคอนโดอยู่มันก็ไม่เหมือนบ้านหรอก โดยเฉพาะบ้านที่มีความทรงจำหลายอย่างแห่งนี้

"หาเจอไหม"

"เจอครับ แต่ว่า...เดี๋ยวผมเอามาให้ดูละกัน" หนุ่มน้อยบอกแล้วก็วิ่งเข้าไปในบ้าน

บูมนั่งลงบนม้าหินอ่อนหน้าบ้านด้วยใจระทึก เมื่อหนุ่มน้อยวิ่งกลับมาด้วยแผ่นกระดาษเล็กๆ ที่ใช้จดเบอร์โทรศัพท์แล้วหัวใจของบูมก็แทบหยุดเต้น

"มันเลือนเกือบหมดแล้วครับ สงสัยจะเปียกน้ำ"

บูมมองดูกระดาษชิ้นนั้นด้วยใจห่อเหี่ยว มีชื่อทิวเขียนไว้พออ่านได้ แต่เบอร์โทรศัพท์บนกระดาษชิ้นนั้นกลับลบเลือนและซีดจางจนแทบอ่านไม่ได้เลย มีเพียงตัวเลขบางตัวเท่านั้นที่พอจะเดาออกได้ว่าเป็นเลขอะไร

"ขอบใจมาก เดี๋ยวพี่กลับก่อนละกัน"

บูมบอกด้วยสีหน้าแสดงความผิดหวัง หนุ่มน้อยยกมือไหว้ บูมรับไหว้แล้วก็เดินกลับไปที่รถพร้อมกระดาษชิ้นนั้น

กลับมาถึงบ้านบูมก็ขึ้นไปบนห้อง พยายามนั่งเพ่งและจ้องดูเพื่อที่จะอ่านตัวเลขที่อยู่บนกระดาษชิ้นนั้นให้ได้ แต่มันก็คงยากเกินที่จะเดาได้ว่าตัวเลขที่หายไปสามสี่ตัวนั้นเป็นเลขอะไรบ้าง สุดท้ายก็ตระหนักแก่ใจว่าคงจะไม่มีประโยชน์ที่จะพยายาม บูมจึงได้แต่นั่งนิ่งและเหม่อลอย

เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้บูมรู้สึกตัว จากนั้นก็เดินช้าๆ ไปเปิดประตู พอเห็นว่าเป็นพี่ชายก็พยายามยิ้มให้ แต่สีหน้าของบูมก็ดูเศร้าเหลือเกิน

"ไปบ้านทิวมาเหรอ" บีมถามพลางเดินเข้ามาในห้องของน้องชาย

"ครับพี่ เจอกระดาษจดเบอร์โทรศัพท์ของทิวแล้ว แต่...มันเลือนจนอ่านไม่ได้เลยครับ" บูมบอกพลางเดินไปหยิบกระดาษชิ้นนั้นมาให้พี่ชายดู

บีมรับมาดูแล้วก็มองหน้าน้องชายด้วยความสงสาร ชีวิตของบูมกลับมาเป็นเหมือนช่วงที่เคยถูกพ่อแม่เคี่ยวเข็ญหนักๆ ก่อนที่จะเจอกับทิวตอนเรียนมัธยมปลายอีกแล้ว คราวนี้ดูท่าจะหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ บูมกลับมาเป็นคนที่ชอบเก็บตัวและไม่ค่อยร่าเริง หัวเราะและยิ้มน้อยมากจนทุกคนในบ้านเริ่มกังวลว่าบูมจะเป็นโรคซึมเศร้า ความจริงบูมก็เริ่มมีอาการคล้ายๆ อย่างนั้นไปบ้างพอสมควรแล้ว

แม้ว่าจะเห็นใจน้องชายมากแค่ไหนแต่บีมก็จนปัญญาที่จะเดาได้จริงๆ ว่าทิวหายไปไหน บทจะไปทิวก็ไปทันทีโดยไม่ยอมบอกกล่าวใครเลย ถึงวันนี้ บีมจะบอกให้น้องชายตัดใจก็คงบอกไม่ได้เพราะทิวกับบูมไม่ได้จากกันเพราะไม่รักกัน บูมยังรักทิวอยู่และบีมก็เชื่อว่าทิวก็ยังคงรักบูมอยู่เช่นกัน

บูมเดินกลับไปนั่งซึมบนเก้าอี้ตัวเดิม บีมเดินเข้าไปหาแล้วก็บีบไหล่เบาๆ ให้กำลังใจ

"พี่ก็ยังหวังว่า...ความรัก...จะช่วยนำทางให้บูมได้กลับมาเจอกับทิวอีกครั้ง พี่อยากเห็นน้องชายของพี่กลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือนตอนที่ทิวอยู่ เชื่อพี่นะบูม บูมต้องเชื่อในพลังแห่งความรัก ความรักจะพาทิวกลับมาบูมจนได้"

บูมพยักหน้า ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น แม้ว่าแสงแห่งความหวังนั้นจะค่อยๆ ริบหรี่และอ่อนลง แต่มันก็ยังไม่ดับไปเสียทีเดียว บูมคงจะไม่ยอมให้มันดับง่ายๆ หรอก มันจะต้องคงอยู่ต่อไปจนกว่าจะได้เจอกับทิวอีกครั้ง

"แม่ไปไหนเหรอครับวันนี้"

บูมเปลี่ยนเรื่องถามเหมือนกับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่เห็นแม่มาสักพักแล้ว

"ไปสัมมนาต่างจังหวัดตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ กลับเย็นๆ วันอาทิตย์นี้แหละ"

นี่แสดงว่าบูมแทบไม่เคยสนใจความเป็นไปของคนในบ้านเลยตอนนี้ โดยเฉพาะกับแม่ บูมกับแม่แทบจะไม่ได้พูดคุยสื่อสารกันเลย แต่บีมก็เข้าใจน้องชาย แม่เองก็ทำให้บูมเจ็บปวดและทรมานมากที่พรากคนที่บูมรักไป บูมไม่ได้สูญเสียแค่คนรักเท่านั้น แต่ชีวิตที่สดใสของบูมก็หายไปด้วย

บูมพยักหน้าเข้าใจแล้วก็นั่งเหม่อลอยและนิ่งเงียบตามเดิม เงียบจนบีมรู้สึกว่าไม่กล้าแม้แต่จะรบกวน ไม่นานบีมจึงค่อยๆ เดินลุกออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ พร้อมกับสายตาที่คอยมองน้องชายด้วยความเป็นห่วง

พอพี่ชายออกไปแล้วบูมก็ยังคงนั่งซึมเศร้าอยู่คนเดียวอยู่อีกนาน แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าบูมมีปืนอยู่จึงค่อยๆ เปิดลิ้นชัก พอควานหาแล้วก็ไม่เจอ บูมพยายามค้นหาจนทั่วบริเวณห้องก็ไม่เจอปืนกระบอกนั้นเลย ใครเอาปืนของบูมไปหรือเปล่าหนอ หรือว่าใครสักคนในบ้านมาเจอแล้วก็เลยเก็บไป

พอหาไม่เจอแล้วบูมจึงกลับมานั่งสงบสติอารมณ์ที่เก้าอี้ตัวเดิม ช่วงหลังๆ มานี้บูมมักจะแอบคิดบ่อยๆ ว่าเมื่อชีวิตมันยากลำบากและการพลัดพราก การไม่ต้องมีชีวิตก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีเหมือนกัน บูมเหนื่อยเหลือเกินกับชีวิตที่สิ้นหวังและเดียวดาย

ทิว...หวังว่าความรักจะนำทางให้นายกลับมาหาเราอีกครั้งนะทิว อย่านานกว่านี้อีกเลยนะทิวเพราะเราชักจะไม่มั่นใจแล้วว่าเราจะอยู่รอนายไหวหรือเปล่า

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

ตอนเที่ยงๆ มีกลุ่มแขกวีไอพีจากกรุงเทพมาเข้าพักเพิ่มเติมในงานของกระทรวงศึกษาธิการ ทิวเป็นคนที่มาคอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินเป็นกรณีพิเศษ พร้อมกับมีแต๋งและพนักงานหญิงอีกสองสามคนมาช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องการเช็คอินด้วย

แขกกลุ่มนี้มีคนมาร่วมต้อนรับอยู่ด้วยกลุ่มหนึ่ง ทิวไม่ได้สังเกตว่ามีใครบ้างจนกระทั่งได้ยินการสนทนานี้

"สวัสดีค่ะท่านปลัด"

"สวัสดีครับๆ อ้อ นึกว่าใคร อ. ทิพย์นภานี่เอง ได้ข่าวว่าตอนนี้ลูกศิษย์ของอาจารย์ไปเพิ่งได้รางวัลงานวิจัยด้านเศรษฐกิจแห่งอนาคตใช่หรือเปล่าครับ"

พอได้ยินชื่อนั้น ทิวก็รีบหันไปมองหาเจ้าของชื่อและเสียงที่ทิวคุ้นเคยทันที ใช่จริงๆ ด้วย คุณทิพย์นภา แม่ของบูม! ทำไมโลกถึงได้กลมอย่างนี้ เมื่อเห็นคนที่เป็นแม่แล้วก็ทำให้นึกถึงคนที่เป็นลูกขึ้นมาทันที ทิวอยากรู้เหลือเกินว่าบูมเป็นอย่างไรบ้าง แต่คงยังไม่เหมาะที่จะเข้าไปถามคุณทิพย์นภาตอนนี้ จะว่าไป ต่อให้เข้าไปถาม คุณทิพย์นภาก็คงไม่ตอบ แถมทิวเองก็อาจจะโดนดีไปด้วย

เมื่อทิวเดินเข้าไปพาท่านปลัดกระทรวงศึกษาธิการและคณะที่เพิ่งมาถึงเข้าไปเช็คอิน คุณทิพย์นภาจึงได้เห็นทิวและเธอก็จำได้เป็นอย่างดี

"นี่เธอ..." คุณทิพย์นภายืนนิ่งและอึ้งไป

ทิวยกมือไหว้สวัสดีแล้วก็รีบพาแขกไปเช็คอิน แต่ในระหว่างนั้นก็คอยมองมาทางคุณทิพย์นภาบ่อยๆ แล้วก็สังเกตเห็นว่าคุณทิพย์นภาเองก็จ้องมองมาที่ทิวด้วยท่าทางเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างเช่นเดียวกัน

เอาล่ะ...คำอวยพรจากพี่ชายของบูมมีแววที่จะกลายเป็นความจริงได้แล้ว ความรักมีพลังและแรงดึงดูง เมื่อคนสองคนรักกันมากและพิสูจน์หัวใจตัวเองได้มากพอ ฟ้าดินก็คงจะไม่ใจดำจนเกินไป

จนกระทั่งเช็คอินเสร็จเรียบร้อย คุณทิพย์นภากับกลุ่มอาจารย์อีกสามสี่คนก็เดินมานำท่านปลัดไปที่ห้องประชุมก่อนเพราะท่านจะต้องขึ้นบรรยายในอีก 10 นาทีข้างหน้านี้ ก่อนจะเดินออกไป คุณทิพย์นภาก็เดินเข้ามาหาทิวพร้อมกับกระซิบบอกเบา

"ถ้าเธอว่าง...เย็นนี้ฉันจะขอคุยกับเธอหน่อย"

ทิวพยักหน้าตอบรับแต่ก็ยังดูสงสัยและหวาดระแวงเพราะไม่รู้ว่าจะโดนอะไรอีก คุยกับผู้หญิงคนนี้ทีไรทิวก็ต้องมีเรื่องมีราวให้เจ็บตัวและหัวใจทุกครั้ง แต่เอาเถอะนะ ทิวจะยอมแลกสิ่งนั้นขอแค่ให้ได้รู้ว่าบูมเป็นอย่างไรบ้างก็พอแล้ว แม่ของบูมจะด่าว่าอะไรทิวอีกทิวก็จะยอม

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

กว่าทิวจะได้เลิกงานก็เกือบสามทุ่ม คุณทิพย์นภาพาทิวออกมานั่งที่ร้านอาหารใกล้ๆ โรงแรมเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเดินทางไกลมาก ทิวรู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกันที่ท่าทางของเธอไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนที่ก่อน แต่ก็ยังดูเครียดๆ และพอสังเกตเห็นความเศร้าหมองได้

ระหว่างที่รออาหารที่สั่ง คุณทิพย์นภาก็เริ่มต้นการสนทนาก่อน

"เธอเป็นไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า"

ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าเธอจะมาเจอทิวที่นี่หลังจากที่ทิวหายไปได้สามปี ไม่มีใครรู้เลยว่าทิวอยู่ที่ไหน ตอนนั้นเธอเองก็คิดว่าดีแล้วที่เป็นอย่างนี้เพราะบูมจะได้ตัดใจจากผู้ชายคนนี้ได้เสียที ที่ไหนได้ ผ่านมาสามปีแล้วบูมก็กลับเป็นอย่างที่เห็น

ทำไมเธอถึงได้กลับมาเจอกับทิวอีกนะ...

"สบายดีครับ" ทิวตอบสั้นๆ เพราะยังปรับอารมณ์ได้ไม่ถูก ไม่แน่ใจจริงๆ ว่าคุณทิพย์นภาจะมาดีหรือมาร้าย

"เธอมาทำงานที่นี่นานหรือยัง"

"ก็...ปีนึงได้แล้วมั้งครับ"

คุณทิพย์นภาพยักหน้า แสดงว่าทิวก็ย้ายมาในช่วงที่เฉียดฉิวกับตอนที่บูมกลับมาพอดี

"บูมเป็นไงบ้างครับ" ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ทิวก็ตัดสินใจถามสิ่งที่อยากรู้ไปเสียเลย จะโดนด่าก็ยอมล่ะนะ

คุณทิพย์นภาเงียบและใช้ความคิดอยู่สักพัก "ก็...สบายดี เขาก็กลับมาช่วยพ่อทำงาน งานก็ไปได้ดีอยู่"

ได้ฟังแล้วทิวก็ยิ้มดีใจระคนเศร้าโดยไม่รู้ว่าคุณทิพย์นภาคอยสังเกตอยู่

"ฉันมาคิดๆ ดูแล้ว ฉันก็รู้สึกว่า...ฉันอาจจะทำกับเธอเกินไปหน่อย"

ทิวเปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มเป็นอึ้งทันทีที่ได้ยิน ไม่คิดว่าจะได้ยินคำๆ นี้จากคนเจ้าทิฐิอย่างคุณทิพย์นภา

"ฉันขอโทษเธอละกันนะกับสิ่งที่ผ่านมา..."

ทิวต้องอึ้งอีกครั้งเป็นรอบที่สอง ไม่คิดไม่ฝันว่าคุณทิพย์นภาจะเอ่ยขอโทษด้วย ทิวไม่เคยคาดหวังว่าจะได้สิ่งนี้จากเธอเลย แม้กระทั่งจะได้เจอกันอีกครั้งก็ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ด้วยซ้ำ

ทำไมทิวถึงได้บังเอิญเจอกับแม่ของบูมอีกนะ คนที่ไม่คิดว่าชาตินี้จะได้เจอกันทำไมยังบังเอิญมาเจอกันได้

ทิวไม่รู้ว่าจะตอบหรือพูดอะไรจึงได้แต่นั่งเงียบ เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ ต่างคนต่างก็นั่งกินเงียบๆ ไป จนกระทั่งทิวตัดสินใจถามสิ่งที่อยากรู้ขึ้นมา

"ตอนนี้...บูมแต่งงานหรือยังครับ"

คุณทิพย์นภาชะงักเล็กน้อย อย่าว่าแต่จะแต่งงานเลย แค่จะให้มีแฟนสักคนบูมยังไม่ยอมเลย

"ยังหรอก" คุณทิพย์นภาตอบเบาๆ

เหมือนเธอเองก็มีอะไรจะพูดหลายอย่างกับทิว แต่ตอนนี้เธอกำลังคิดอย่างหนัก มันอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างที่เธอเองก็คงต้องถามตัวเองอีกหลายๆ รอบว่าเธอพร้อมหรือยัง การที่คนที่มีทิฐิมากอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงอะไรคงไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอก

ทิวได้ฟังแล้วก็แอบรู้สึกดีใจและโล่งใจพอสมควร แต่ก็ไม่กล้าถามต่อว่าบูมมีแฟนหรือยัง

"แล้วเธอ...ยังรักบูมอยู่หรือเปล่า" คุณทิพย์นภาตัดสินใจถามหลังจากที่คิดอยู่นาน

นี่คือรอบที่สามที่ทิวต้องอึ้งอีกครั้ง คุณทิพย์นภาดูแปลกไปมากทีเดียว หรือว่า...เธอคงจะเริ่มเข้าใจอะไรๆ บ้างแล้ว

"ครับ" ทิวตอบสั้นๆ แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวไป

เสียงโทรศัพท์ทิวดังเตือนว่ามีคนส่งข้อความมาให้ พอเปิดอ่านก็พบว่าเป็นของแต๋งนั่นเองที่ส่งข้อความาบอกว่าจะมารับทิวที่ร้านอาหาร ทิวส่งข้อความตอบกลับไปว่าตกลงแล้วก็หันมากินข้าวต่อ จากนั้นก็ไม่ได้คุยกับคนตรงหน้ามากนัก คงเป็นเพราะคุณทิพย์นภากำลังใช้ความคิดอย่างหนักและระวังท่าทีอยู่บ้างนั่นเอง แต่ก็แปลกที่บรรยากาศไม่ได้ดูน่าอึดอัดมากเหมือนครั้งที่ผ่านๆ มา

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

คุณทิพย์นภากลับมาถึงบ้านในเย็นวันอาทิตย์ตอนเกือบสองทุ่ม เมื่อเข้ามาในบ้านแล้วก็เดินไปดูที่ห้องกินข้าว ก็เห็นสามี ลูกชายคนโต บีม แพรวและน้องพีมนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ แต่ไม่เห็นลูกชายคนเล็ก เมื่อถามแล้วก็ได้ความว่าบูมไม่หิว ให้คนไปตามแล้วก็ไม่ยอมออกมาจากห้อง

คงจะถึงเวลาที่คุณทิพย์นภาจะต้องทำอะไรบางอย่างแล้วล่ะ เห็นลูกเป็นแบบนี้มาตลอดระยะเวลาหลายปีเธอก็ไม่มีความสุขเช่นกัน เมื่อลูกไม่มีความสุข ความหวังดีทั้งหลายของเธอก็ไม่มีประโยชน์อะไร

คุณทิพย์นภาจึงตัดสินใจเดินขึ้นไปข้างบน เคาะประตูห้องบูมอยู่สักพักบูมก็เดินมาเปิดประตู สภาพของลูกชายของเธอตอนนี้ดูเหมือนคนไร้ชีวิตจริงๆ บูมอยู่ในสภาพชุดที่ใส่ไปข้างนอก แต่ดูยับๆ เพราะนอนหลับไปทั้งๆ ที่ไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย

บูมทำสีหน้าสงสัย แต่ก็ให้แม่เข้ามาในห้องแต่โดยดีโดยไม่พูดอะไร คิดว่าแม่คงจะมาโน้มน้าวเรื่องจับคู่อีกเป็นแน่

"บูม..." คุณทิพย์นภาเรียกลูกชายที่กำลังเดินหันหลังกลับเข้าไปในห้องโดยไม่พูดไม่จา

บูมหยุดแล้วหันไปมองแม่ ท่าทางที่ห่างเหินนั้นทำให้คนเป็นแม่เจ็บปวดใจทุกครั้งที่ได้เห็น แต่ก็หวังว่าเธอคงจะไม่ได้เห็นท่าทางแบบนี้ของบูมอีกต่อไปแล้ว

"แม่ไปเจอทิวที่โรงแรมที่แม่ไปสัมมนา...นี่เบอร์โทรศัพท์ของทิวนะ" คุณทิพย์นภาพูดพลางยื่นแผ่นกระดาษที่เธอจดเบอร์โทรศัพท์ของทิวมาให้ลูกชาย

"อะไรนะครับแม่" บูมถามราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง แล้วก็ยื่นมือไปรับแผ่นกระดาษนั้นไว้อย่างมึนงง มือไม้บูมสั่นไปหมด

"แม่เจอทิวแล้ว บูมพาทิวกลับมาละกัน มาอยู่ที่นี่กับเราก็ได้"

ถ้าบูมไม่เสียสติก็คงกำลังนอนหลับแล้วฝันไปแน่ๆ เลย ไม่คิดว่าชาตินี้จะได้ยินแม่พูดอย่างนี้

"แม่ขอโทษนะลูก...กับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา ต่อไปนี้...แม่จะรักบูมอย่างที่บูมเป็น แม่จะไม่หวังดีโดยไม่ถามความสมัครใจของบูมอีก ถ้าบูมยังรักทิวอยู่ ก็พาเขามาอยู่กับเรานะลูก แม่ไม่อยากเห็นบูมอยู่ในสภาพแบบนี้อีกแล้ว แม่อยากเห็นบูมมีความสุข ความหวังดีของแม่มันคงไม่มีค่าอะไรถ้ามันทำให้บูมต้องเป็นแบบนี้ ยกโทษให้แม่นะบูม แม่ขอโทษนะลูก"

"แม่..."

เมื่อรู้ว่าฟังไม่ผิดแล้วบูมก็เดินเข้าไปกอดแม่ ต่างคนต่างร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจ

"แม่ขอโทษนะบูม แม่ขอโทษ"

เมื่อได้กอดกับลูกชายอีกครั้งเธอก็ได้คำตอบแล้วว่านี่แหละคือสิ่งที่เธอต้องการจากลูก บูมไม่เคยกอดเธอนานมากจนแทบจำไม่ได้แล้วว่าเธอได้กอดลูกชายครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

"ไม่เป็นไรครับแม่ ผมดีใจที่แม่เข้าใจผม บูมรักแม่นะครับ"

"แม่ก็รักบูมจ้ะลูก"

บูมเคยบอกว่ารักพ่อไปเมื่อหลายปีมาแล้ว ไม่คิดว่าวันนี้จะมีโอกาสได้บอกว่ารักแม่อีกครั้ง ไม่ว่าแม่จะเคยทำไม่ดีกับลูกคนนี้มามากขนาดไหน แต่แม่ก็คือแม่ สายเลือดเดียวกันอย่างไรก็คงตัดกันไม่ขาด วันนี้แม่ยอมที่จะให้บูมกับทิวอยู่ด้วยกันแล้ว

รอเราอีกแค่วันเดียวนะทิว พรุ่งนี้...เราก็จะได้เจอกัน ต่อไปนี้...เราจะไม่จากพรากกันไปไหนอีกแล้วนะทิว รอเราอีกวันเดียวนะทิว

TBC
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 36 วันที่ 27-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 27-04-2012 23:23:28

คุณหญิงแม่เปิดใจแล้ววว  :m1: :m1:


อ่านตอนนี้แล้วแอบน้ำตาซึม

ทั้งคู่จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมแล้ว

ดีใจด้วยนะทิว บูม รักกันไปตลอดนะ อุปสรรคต่างๆมันได้ผ่านพ้นไปแล้วล่ะค่ะ มั้ง อิอิ

 :m1: :m1: :z9: :จ้อบจัง1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 36 วันที่ 27-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 28-04-2012 00:11:37
เรื่องนี้..ดราม่าอย่างแรง
 o13

แต่ชอบ
..มากกกกกกกก..

+1 เลยครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 36 วันที่ 27-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 28-04-2012 01:04:36
จะได้เจอกันแล้วขอละอย่า  มาม่าอีกนะ หดหู่แทนแล้ว
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 36 วันที่ 27-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 28-04-2012 01:11:21
ทิว กับ บูม ใกล้จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว  :mc4:


ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ  :pig4:

หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 36 วันที่ 27-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 28-04-2012 06:43:49
                                            หวังแต่ว่าน้องแต๋งจะไม่ทำให้งานงอก ทำให้ครอบครัวร้าวฉานนะ กินมาม่ามานาน กิของหวานมั่งเหอะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 36 วันที่ 27-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 28-04-2012 10:14:52
ในที่สุดคุณแม่ ผู้สร้างปม ก็เป็นคนคลายปมนั้นซะที

ลุ้นให้ทั้งคู่เจอกัน แล้วได้อยู่ด้วยกันเร็วๆนะ  :z2:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 36 วันที่ 27-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: puu142 ที่ 28-04-2012 10:27:23
                                           น้ำตาไหลเลย.....................................

          รักแท้...........ชนะอุปสรรค
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 36 วันที่ 27-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: shokung ที่ 28-04-2012 10:51:51
โอ ไม่มีเวลาว่างอ่านนิยายมานาน วันนี้พอมีเวลาว่างเลยแวะมาหานิยายมาอ่าน เพิ่งจะเห็นว่า คุณ SARAWATTA แต่งเรื่องใหม่เเล้ว ผมเลยรีบอ่านรวดเดียวเลยครับ

ขอบอกว่าไม่ผิดหวังกับฝีมือ คุณ SARAWATTA จริงๆ ซึ้งกินใจมากๆ

แต่ว่าไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า ที่บูมพูดตอนสุดท้าย มันเหมือนมีลางที่บูมจะพลัดพรากจากทิวเลยแหะ ขอให้สิ่งที่ผมคิดผิดด้วยเถอะ ทั้งบูมกับทิวทุกข์มามากเเล้ว ขอให้มีความสุขในตอนจบด้วยเถอะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 36 วันที่ 27-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 28-04-2012 11:09:12
น้ำตาซึมสองรอบจากการอ่านตอนนี้
รอบแรกซึมด้วยความเศร้าสะเทือนใจ
รอบสองซึมด้วยความดีใจไปกับบูม(และทิว)
เกือบสายไปแล้วนะคะอาจารย์ เกือบมีลูกชายที่เป็นโรคซึมเศร้าแล้วซินะ
แต่พอมองอีกมุม ก็เห็นความรักอันยิ่งใหญ่ของแม่ที่มีต่อลูก จนยอมที่จะเปลี่ยนตัวเอง ยอมละทิฐิ เพื่อความสุขของลูก
ซึ่งสำหรับอาจารย์เธอมันคงหนักพอควร เพราะเธออัตตาสูง
แต่เพราะความเป็นแม่ที่มีความรักลูกยิ่งกว่าสิ่งใดนั่นเอง เลยชนะทิฐิได้ในที่สุด
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 36 วันที่ 27-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 28-04-2012 11:11:24
สงสารน้องเเต๋ง ㅠ ㅠ
ใกล้จบเเล้ว ใจหายจัง
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 36 วันที่ 27-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 28-04-2012 11:14:09
สรุปก็ยังทำไม่เป็นอยู่ดีครับ พยายามแล้วก็ยังตอบโดยอ้างถึงคำพูดไม่ได้ ช่างมันเถอะ เอาไว้ก่อน
ตอนแรกว่าจะยืดนิยายเรื่องนี้สักหน่อย แต่คงไม่ยืดแล้วล่ะครับ น่าจะจบได้ภายในไม่เกินสามตอนนี้
อาจจะมีตอนพิเศษให้ แต่โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบเท่าไร อยากให้มันจบก็จบไปเลย
แต่ก็ไม่แน่ใจว่าช่วงนี้จะพอมีเวลาเขียนหรือเปล่า จะพยายามละกันนะครับ คงไม่ดราม่ามากไปกว่าที่ผ่านมาแล้ว
พอเรื่องจบแล้วคงจะขอหยุดไปทำงานก่อน รู้สึกว่าการเขียนนิยายกระทบกับงานพอสมควร
แต่ยังติดตามอ่านเรื่อง "ต้นสน" ได้ครับ อันนี้ก็ดราม่าไม่แพ้กัน
เอามาลงใหม่ครั้งนี้ผมจะเพิ่มบทหรือปรับแก้ให้รายละเอียดบางอย่างให้มันชัดเจนขึ้นด้วยครับ
แต่คิดว่าคงไม่ใช้เวลาเขียนมากเพราะแค่เพิ่มเติมนิดๆ หน่อยๆ
เคยอ่านเรื่องนี้จากอีกเว็บหนึ่งจบไปแล้ว ถ้าผู้เขียนบอกว่ามีการปรับแก้บางอย่าง คงต้องตามไปอ่านใหม่อีกล่ะ
เรื่องต้นสน ก็เป็นเรื่องที่ประทับใจมากๆอีกเรื่องจ้ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 36 วันที่ 27-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 28-04-2012 15:02:17
จะติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 36 วันที่ 27-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: doramon ที่ 28-04-2012 16:03:22
ในที่สุด  ......พระเอก กับนายเอก ก็จะได้เจอกัน........

ลุ้นต่อว่า.........ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาอะไรอีกหรือเปล่าเนี้ย...........
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 36 วันที่ 27-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 28-04-2012 20:48:43
เหมือนมีลางสังหรณ์แปลก ๆ แฮะ
ให้คนเขียนครับ  :กอด1:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 36 วันที่ 27-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 28-04-2012 20:53:36
เย้ เหมือนเรื่องจะเดินไปในทางดี แต่ก็ยังเกรงๆใจคนแต่ง
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 37 วันที่ 28-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 28-04-2012 21:37:21
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 37 ✦ การเจอกันครั้งที่สาม

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)

"สวัสดีครับ คุณทิวใช่ไหมครับ"

"ครับ พูดสายอยู่ครับ จากไหนครับ"

"อ๋อ...ผมเป็นลูกค้าของโรงแรมครับ วันนี้ว่าจะเข้าไปพักที่นั่น วันนี้คุณทิวอยู่ที่โรงแรมหรือเปล่าครับ"

"อ๋อ...อยู่ครับ จองไว้แล้วใช่ไหมครับ"

ทิวถามพร้อมกับความรู้สึกสงสัย ปกติไม่เคยมีลูกค้าคนไหนโทรเข้ามือถือของทิวด้วยเรื่องนี้เลยเพราะไม่ได้มีหน้าที่จองห้องพักเสียหน่อย

"ยังหรอกครับ จะให้คุณทิวช่วยจองให้หน่อยน่ะครับ"

"อ๋อ...พอดีผมไม่ได้อยู่ตรงส่วนจองห้องพักน่ะครับ รอสักครู่นะครับเดี๋ยวให้คุยกับ..."

"เดี๋ยวๆๆๆ ผมจะคุยกับคุณนั่นแหละ คุณช่วยจองให้ผมหน่อยไม่ได้เหรอ ผมเป็นลูกค้าพิเศษคนสำคัญของคุณเลยนะครับ"

เอ...ลูกค้าคนนี้เป็นใคร ก็บอกแล้วนี่นาว่าไม่ได้มีหน้าที่จองห้องแล้วจะมารบเร้าให้จองห้องให้ได้ยังไงล่ะ เสียงก็บี้ๆ แบนๆ จะว่าคุ้นก็คุ้น จะว่าไม่คุ้นก็ไม่คุ้น

"ขอโทษนะครับ ผมรบกวนขอทราบชื่อลูกค้าได้หรือเปล่าครับ"

"อ๋อ...เดี๋ยวคุณเจอผมก็จะรู้จักเองแหละครับ เนี่ย...ผมใกล้จะถึงแล้ว"

"คุณครับ ผมจองห้องพักให้คุณไม่ได้จริงๆ ครับ ถ้าคุณอยากจองห้องพักต้องคุยกับฟร้อนท์นะครับ"

ทิวชักเริ่มจะหงุดหงิดเพราะดูเหมือนลูกค้าคนนี้ชักจะคุยไม่รู้เรื่อง

"ก็ผมจะคุยกับคุณ ทำไมต้องคุยกับฟร้อนท์ด้วยล่ะครับ คุณจองห้องให้ผมไม่ได้เหรอ ไม่เห็นจะยากเลยนี่ครับ"

"เอาอย่างงี้ละกันครับ คุณก็วอล์กอินเข้ามาเลยละกัน ตอนนี้ยังพอมีห้องพักเหลืออยู่" ทิวชักจะเริ่มโมโห ท่าทางลูกค้าคนนี้จะพูดไม่รู้เรื่องจริงๆ เสียด้วย คนยิ่งมีงานเยอะอยู่ จะมัวแต่คุยเล่นแบบนี้ไม่ได้

"ก็ได้ แต่ผมอยากเจอคุณทิว คุณทิวออกมาเจอผมที่นอกโรงแรมหน่อยได้ไหมครับ"

"คุณครับ ผมทำงานอยู่นะครับ คงออกไปพบคุณนอกโรงแรมไม่ได้หรอกครับ" ทิวตอบเสียงดุ

"ดุจัง ถ้างั้นก็ให้เลิกงานก่อนสิครับ เดี๋ยวผมจะรอ"

"คุณเป็นใครผมยังไม่รู้เลย แล้วผมจะออกไปพบคุณเพื่ออะไรล่ะครับ"

ทิวพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพที่สุด แล้วก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจที่อีกฝ่ายทำเหมือนกลั้นหัวเราะ มันมีอะไรน่าขำขนาดนั้นนักหรือไงนะ กวนประสาทจริงๆ

"คุณทิว ผมเป็นลูกค้าคนสำคัญของคุณนะครับ ถ้าคุณไม่ออกมาพบผม คุณอาจจะต้องหางานทำใหม่ ผมไม่ได้ขู่นะครับ แต่ผมพูดจริงๆ ผมรู้จักกับเจ้านายของคุณดีเชียวล่ะ เดี๋ยวผมจะรออยู่ที่ชายหาดหน้าโรงแรมคุณนี่แหละ ผมใส่เสื้อเชิ๊ตสีฟ้า อย่าให้ผมต้องรอนานนะครับ เลิกงานแล้วก็รีบออกมาหาผมทันที ไม่อย่างนั้น...คุณอาจจะตกงานได้"

"ขอโทษนะครับ ผมกำลังทำงานอยู่ คงไม่มีเวลาคุยเล่นสนุกแบบนี้"

นายคนนี้เป็นใครกันบังอาจมาสั่งให้ออกมาพบ แถมยังขู่อีกด้วยว่าถ้าไม่ทำตามอาจจะถูกไล่ออกได้ ประสาทหรือเปล่า ใครเชื่อก็บ้าแล้ว แล้วทิวก็ตัดสินใจวางสายไปอย่างอารมณ์เสีย สงสัยจะเป็นคนโรคจิตโทรมาแน่ๆ เลย แต่อีกใจก็รู้สึกกลัวๆ อยู่เหมือนกันเพราะทิวก็ยังไม่อยากตกงานตอนนี้ ไม่รู้ว่าหมอนั่นพูดจริงหรือพูดเล่น

ฝ่ายคนที่โทรมานั้น หลังจากทิววางสายไปแล้วก็เอามือที่บีบจมูกออก แล้วก็นั่งยิ้มด้วยความชอบใจอยู่ริมชายหาด ตอนแรกก็กะว่าจะเข้าไปหาทิวแบบธรรมดานั่นแหละ แต่ถ้าทำให้ทิวเซอร์ไพรส์ก็น่าจะดี บูมอยากรู้ว่าเวลาที่ทิวเจอบูมโดยไม่คาดฝัน ทิวจะดีใจมากแค่ไหน อดทนอีกนิดนะบูม ใจเย็นๆ ก่อน ยังไงก็ได้เจอกันแน่

พอใกล้เวลาเลิกงาน บูมก็โทรไปหาทิวอีก อุตส่าห์ไปซื้อซิมมาใหม่เพื่อการนี้โดยเฉพาะเพราะรู้ว่าทิวจำเบอร์โทรศัพท์ของบูมได้

"คุณทิว อย่าลืมนะครับว่าเรานัดกันไว้ ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับ ผมมีเบอร์เจ้านายคุณด้วย จะให้ผมบอกเบอร์ก็ได้ 08-1xxx-xxx เขาชื่อคุณจอห์น ใช่ไหมครับ ถ้าคุณไม่ออกมาพบผม ผมจะสายตรงถึงเขาแล้วบอกว่าคุณน่ะเป็นพนักงานที่ไม่ดี ไม่รู้จักบริการลูกค้า"

ทิวได้ฟังแล้วก็ชักจะโมโห แต่พอได้ฟังเบอร์และชื่อที่นายคนนั้นบอกมาแล้วก็ทำให้ทิวชักกลัวว่านายคนนั้นคงไม่ได้ขู่เล่น ๆเพราะเจ้านายของทิวชื่อจอห์นจริงๆ ส่วนเบอร์นั้น ถึงทิวจะจำไม่ได้ทั้งหมดแต่ก็คล้ายๆ อย่างที่หมอนั่นบอกมานั่นแหละ

"อีก 20 นาทีเดี๋ยวผมออกไป" ทิวบอกอย่างหัวเสียแล้วก็เดินไปบอกแต๋งที่กำลังเตรียมตัวจะกลับบ้าน

"แต๋ง...พอดีพี่มีธุระนิดหน่อย พี่จะกลับเองนะ แต๋งไม่ต้องไปส่งพี่หรอก"

"อ๋อ...ครับ"

แต๋งรับคำอย่างงงๆ ไม่เห็นทิวบอกเลยว่าวันนี้มีธุระ หรือว่าจะเพิ่งมีตอนนี้ เอ...แต่ทำไมดูท่าทางอารมณ์ไม่ดีเลย ปกติแต๋งไม่ค่อยเห็นทิวอารมณ์เสียอย่างนี้บ่อยเท่าไรนัก มีเรื่องกับใครหรือเปล่าเพราะในการทำงานในองค์กรโดยทั่วไปก็มักจะมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย อิจฉาริษยากันเป็นธรรมดา

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

หกโมงเย็นแล้วทิวก็ออกมาจากโรงแรม เดินตรงลิ่วมาที่ชายหาดด้านหน้าโรงแรมแล้วก็พยายามเมียงมองหาผู้ชายที่ใส่เสื้อเชิ๊ตสีฟ้า เดินหาอยู่สักพัก ทิวก็เจอชายคนหนึ่งยืนกอดอกมองดูทะเลอยู่เงียบๆ คนเดียว ใส่เสื้อเชิ๊ตสีฟ้าเสียด้วย ก็น่าจะเป็นคนนี้แหละ ทิวจึงเดินเข้าไปหาด้วยอารมณ์ที่ยังหงุดหงิดพอสมควร พอใกล้ถึงตัวทิวก็ร้องถาม

"โทษนะครับ ใช่คุณหรือเปล่าครับที่บอกให้ผมมาหา"

บูมหันหน้ามามอง ยิ้มกว้างด้วยความดีใจให้กับคนตรงหน้า

"ใช่ครับ ผมนี่แหละ จำผมได้หรือเปล่า"

"บูม!"

แม้ว่าท้องฟ้าจะเริ่มมืดไปบ้าง แต่ทิวก็รู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือใคร คนที่ทิวเฝ้ารอคอยและคิดถึงมาตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา คนที่ทิวต้องยอมตัดขาดการติดต่อทั้งที่ยังรักเพราะครอบครัวไม่เห็นด้วย ไม่ว่าบูมจะมาที่นี่ได้ยังไงแต่ทิวก็ดีใจที่สุดในชีวิตแล้ว ที่แท้เจ้าหมอนั่นที่กวนประสาททิวมาทั้งวันก็คือบูมนี่เอง

สามปีที่ผ่านไปทำให้ใบหน้าของบูมดูคมเข้มขึ้นเพราะเป็นหนุ่มเต็มที่แล้ว ที่เคยดูภูมิฐานก็ยิ่งดูภูมิฐานยิ่งกว่าเดิม แต่ไม่ว่าจะยังไง คนตรงหน้าก็คือคนที่ทิวรักมากที่สุดและเฝ้ารอคอยตลอดมา

"ทิว"

สองหนุ่มโผเข้ากอดกันแน่นด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ นึกว่าชาตินี้จะต้องตายจากกันไปเสียแล้ว ความรักและผูกพันตลอดหลายปีที่ผ่านมา บวกกับการเคยได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนเหมือนคู่สามีภรรยา ทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างสองคนนั้นเหนียวแน่นมาก ยากที่จะตัดขาดออกจากกันไปได้ง่ายๆ จะว่าไปแล้ว ทิวกับบูมก็คือคู่ชีวิตกันนั่นแหละ ไม่ได้เป็นเพียงแค่คนรักกันธรรมดา แม้ว่าจะต้องพลัดพรากจากกันไปจนตายก็คงไม่สามารถลบลืมกันและกันได้ง่ายๆ

ทิวกับบูมผละออกจากกันเล็กน้อยแต่ก็ยังประคองกันไว้อยู่เพื่อที่จะได้มองหน้ากันได้ชัดๆ ต่างคนต่างยิ้ม ยิ้มทั้งน้ำตา ยิ้มที่บ่งบอกว่ารู้สึกดีใจมากเพียงใดที่ได้เจอคนรักที่เฝ้าตามหามานานอีกครั้ง ยิ้มให้กับชะตาชีวิตและการพลัดพรากที่เพิ่งผ่านพ้นไป ยิ้มให้กับความอดทนและมั่นคงในความรักของทั้งสองคน และยิ้มให้กับความหวังว่าต่อไปนี้คงจะไม่มีสิ่งใดมาพลัดพรากสองคนให้ต้องจากกันไปอีกแล้ว

"ทิว...เราดีใจเหลือเกินที่เราได้เจอนาย รู้ไหมว่าเราตามหานายจนแทบบ้า"

"เราก็เหมือนกัน นึกว่าจะไม่ได้เจอนายอีกแล้วชาตินี้"

ต่างคนต่างมองหน้ากันนิ่ง แม้จะมีคนผ่านไปบ้างแต่ทั้งสองหนุ่มก็ไม่สนใจสิ่งใดนอกจากคนตรงหน้า ในที่สุดความรักก็ทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ นั่นก็คือการนำทางสองคนที่รักกันให้กลับมาเจอกันอีกครั้ง การพลัดพรากครั้งที่สามคงไม่มีอีกแล้ว จนกว่าจะถึงวันสุดท้ายของชีวิตของแต่ละคนนั่นแหละ

แต่ยังหรอก...บูมยังอยากให้ทิวเซอร์ไพรส์ทิวมากกว่านี้อีก

"ที่เรากลับมาครั้งนี้...เพราะเรา...อยากจะมายกเลิกคำสัญญานั้น นายจำได้ใช่ไหมว่าเราเคยสัญญาอะไรกันไว้ที่นี่"

จากที่ยิ้มๆ ทิวก็เริ่มมีสีหน้าที่เจื่อนลง ทิวจำได้ดีเสมอ บูมบอกกับทิวว่าถ้าใครคนใดคนหนึ่งคิดจะเปลี่ยนใจก็ต้องมายกเลิกคำสัญญาว่าจะรักกันที่ชายหาดแห่งนี้ด้วยตัวเอง แม้จะไม่มีคำสาปแช่งว่าคนที่ผิดสัญญาจะพบกับความหายนะยังไงบ้าง แต่มันก็เป็นคำสัญญาที่ทั้งสองคนรักษามันไว้อย่างดีด้วยหัวใจ

"จำได้สิ" ทิวตอบด้วยน้ำเสียงที่แสดงความหวาดหวั่นในใจ

"นั่นแหละ เราจะมายกเลิกสัญญานั้น"

ทำไมต้องยกเลิกสัญญา ดูบูมสิ ทำไมพูดเรื่องนี้ราวกับจะไม่รู้สึกอะไรเลย ออกจะดีใจด้วยซ้ำ

"นายเจอคนที่นายรักแล้วเหรอ"

ทิวถามด้วยเสียงเศร้า ภาวนาในใจว่าขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย แต่โชคก็ไม่เข้าข้างทิวเสียแล้ว

บูมพยักหน้า เห็นทิวทำหน้าเศร้าแล้วก็สงสารเหมือนกัน แต่เพื่อให้ทิวประหลาดใจบูมก็ยังหยุดไม่ได้

"ใช่...เราเจอแล้ว แล้วเราก็รักเขามากด้วย เราก็เลยว่าจะขอยกเลิกสัญญาที่เราเคยให้ไว้กับนายที่นี่ก่อน แล้วเราก็จะได้กลับไปหาคนที่เรารักเสียที เห็นไหมทิว...เราน่ะทำตามทุกคำพูดของเราทุกอย่างเลยนะ"

ทิวหน้าเสีย จากที่เมื่อสักครู่นี้ดีใจแทบเป็นแทบตาย พอได้ยินอย่างนี้แล้วทิวก็อึ้งไปเหมือนกัน นี่สรุปว่าบูมหมดรักทิวแล้วหรือ นึกว่าบูมจะจริงจังกับความรักครั้งนั้นเสียอีก สามปีที่ผ่านมาทำให้บูมเปลี่ยนใจไปแล้ว ก็คงอย่างนั้น...ใครล่ะจะทนเหงาอยู่ได้ตั้งสามปี ขนาดทิวเองก็ยังแทบจะทนไม่ไหวเลย

"ได้ไหมทิว นายให้เรายกเลิกสัญญานั้นได้หรือเปล่า"

ทิวถึงกับน้ำตาคลอ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบูมจะลืมความรักที่ต่อสู้มาด้วยกันอย่างยากลำบาก

"นายคงจะ...รักคนๆ นั้นมากเลยสินะ ถึงต้องมาขอยกเลิกสัญญา"

"ใช่...เรารักเขามากๆ เลย แล้วเขาก็รักเรามากๆ ด้วยเหมือนกัน เราก็เลยต้องมาหานายถึงที่นี่เพื่อยกเลิกสัญญาไงล่ะ" บูมรีบตอบทันควัน

อ๋อ...ที่แท้ที่มาที่นี่ก็เพราะเหตุนี้นี่เอง ไม่ได้มาเพราะรักหรือคิดถึงคนที่จากกันไปตั้งสามปีเลย เสียแรงที่อุตส่าห์รอคอยมาตั้งนาน

"ก็...แล้วแต่นายละกัน เราไม่มีปัญหาหรอก ถ้านายอยากยกเลิก เราก็ยินดียกเลิก"

"ขอบคุณมากทิว เราจะได้กลับไปหาคนๆ นั้นเสียที เดี๋ยวเรากลับก่อนนะ เราต้องรีบไป"

ทิวอ้าปากค้างด้วยความคาดไม่ถึง ทิวคิดถึงบูมมากแค่ไหนรู้ไหม แต่บูมกลับมาเพื่อยกเลิกสัญญาแล้วก็จะรีบไปเสียอย่างนั้น อย่างน้อยถึงไม่รักกันแล้ว จะอยู่คุยกันสักหน่อยไม่ได้เลยหรือไง ทำไมใจดำแบบนี้ล่ะบูม นายไม่คิดจะถามไถ่อะไรกันบ้างเลยหรือไง

"จะกลับเลยเหรอ"

"อืมๆ...มันมืดแล้ว เดี๋ยวคนนั้นจะรอเราแย่เลย เรารู้ว่าเขารอเราอยู่ รอนานมากแล้วด้วย"

บูมบอกหน้าตาย แม้จะสงสารทิวแค่ไหนแต่ก็พยายามที่จะแข็งใจทำต่อให้จบ อีกไม่นานนายก็จะรู้ว่าคนๆ นั้นที่เราพูดหมายถึงใคร

ทิวหน้าเศร้าและก้มหน้าลงต่ำ

"ก็...แล้วแต่นายละกัน โชคดีนะบูม หลังจากนี้แล้ว...เราอย่ากลับมาเจอกันอีกเลยนะ ขอบคุณที่นายเคยรักเรา ขอบคุณที่ยังอุตส่าห์กลับมาหาเราอีกสักครั้ง"

ทิวพยายามสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้แต่ก็ห้าไม่ได้เสียแล้ว มันจุกในอกไปหมด คิดไม่ถึงว่าคนที่เคยรักกันจะทำเหมือนไม่มีเยื่อใยได้ถึงขนาดนี้

"โชคดีนะทิว อีกไม่นานเราคงได้เจอกัน เราไปก่อนนะ"

บูมพูดจบก็ยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกลาแล้วแกล้งทำเป็นเดินจากไป ทิวได้แต่มองตามตาละห้อย บูมรู้สึกว่าทิวคงกำลังมองอยู่ กลัวว่าจะเสียแผนก็เลยหันไปบอกทิว

"ทิว...นายอย่ามองเราสิ เราไม่อยากให้นายมองเราด้วยสีหน้าอย่างนี้ นายมองไปที่อื่นได้ไหม"

เอากับเขาสิ แม้แต่จะมองก็ยังมองไม่ได้ นี่บูมเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้เลยหรือ ทำไมบูมถึงเป็นคนใจคอโหดร้ายขนาดนี้ แต่ก็เอาเถอะ ไม่อยากให้มองทิวก็จะไม่มอง ว่าแล้วทิวก็หันไปทางอื่นแล้วปล่อยให้บูมเดินจากไป รู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะขาดใจ รู้อย่างนี้...อย่าเจอกันเสียเลยดีกว่า มันเจ็บมากรู้ไหมบูมที่นายทำกับเราอย่างนี้ ตายจากกันไปยังไม่เจ็บเท่านี้เลย

ในขณะที่ทิวกำลังคิดน้อยใจอยู่นั้น ไม่นานนัก เสียงที่คุ้นหูก็ดังมาจากข้างหลัง

"ทิว...นายรู้แล้วเหรอว่าคนที่เราพูดหมายถึงใคร"

ทิวหันไปมองเจ้าของเสียงแล้วก็ต้องตกใจ บูมนั่นเอง บูมกลับมาทำไมอีก จะกลับมาทำให้ทิวต้องเจ็บอีกสักแค่ไหนถึงจะพอใจ

"ไม่รู้...เราจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ก็ไม่ได้ติดต่อกันตั้งสามปี" ทิวพูดพลางสะอื้น

"ก็นายไง คนที่เราพูดถึงก็คือนายนั่นแหละ" บูมบอกพลางยิ้ม

ทิวอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง รู้ว่าโดนแกล้งเข้าให้เสียแล้ว

"ไอ้คนบ้า ทำไมแกล้งเราแบบนี้ ฮือ" ทิวว่าแล้วก็เดินมาทุบอกบูมใหญ่ด้วยความโมโห ปกติไม่เคยเรียกบูมว่า "ไอ้" เลย แต่ครั้งนี้ทิวโมโหจริงๆ

"โอ๊ย"

บูมร้อง แต่ก็ไม่ได้ห้ามจริงจัง แล้วก็ตัดสินใจดึงทิวเข้ามากอดไว้ ทิวทุบอกอยู่พักหนึ่งแล้วก็หยุด แล้วทิวก็กอดบูมแน่นพร้อมกับปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น

"คนบ้า...ทำไมแกล้งเราแบบนี้ รู้ไหมว่าเราเสียใจแค่ไหน ฮือๆๆ เราไม่สนุกด้วยเลยนะจะบอกให้"

บูมลูบหลังแล้วก็คอยโอ๋

"ทิว เราขอโทษ เราขอโทษนะ เราจะไม่แกล้งนายอย่างนี้อีกแล้ว เดี๋ยวเราจะอธิบายให้นายฟังว่าทำไมเราถึงทำอย่างนี้ ขวัญเอ๋ยขวัญมา อย่าร้องไห้นะ คนดีของบูม อย่าร้องไห้ เรากลับมาหานายแล้ว เราจะไม่จากไปไหนอีก"

ทิวคงจะเสียขวัญมากทีเดียว จะว่าไปแล้วก็ไม่น่าแกล้งทิวถึงขนาดนี้เลย บูมรู้สึกสงสารทิวจนอดร้องไห้ด้วยไม่ได้

"คนดีของบูม" ทิวไม่ได้ยินคำนี้มานานเหลือเกิน เป็นคำพูดเพียงคำเดียวสั้นๆ ที่บอกทุกความรู้สึกทั้งหมดที่บูมมีให้ผู้ชายคนหนึ่งที่บูมรักตลอดมา ทิวจึงกอดบูมแน่น เนิ่นนานจนเสียงสะอื้นค่อยๆ เงียบหายไป อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนั้นช่วยปลอบประโลมใจทิวได้เป็นอย่างดี อ้อมกอดนี้นี่แหละที่บูมโหยหามาตลอดชีวิต โดยเฉพาะในช่วงสามปีที่เพิ่งผ่านพ้นไป

บูมค่อยๆ คลายอ้อมแขนแล้วกอดทิวไว้อย่างหลวมๆ ใช้มือเกลี่ยผมบนหน้าผากทิวออกเพื่อที่จะได้เห็นหน้าทิวได้ชัดๆ

"กลับไปอยู่กับเรานะทิว เรามาที่นี่วันนี้ก็เพราะว่าเราจะมารับนายกลับไปอยู่กับเรา ที่บ้านของเรา"

"แล้วแม่ของนาย..."

"ก็แม่นี่แหละที่บอกให้เรามารับนายไปอยู่ด้วย"

"จริงเหรอบูม...นายไม่ได้พูดเล่นใช่ไหม"

ทิวทำหน้าคล้ายกับไม่เชื่อ วันนี้บูมแกล้งทิวหลายอย่างจนทำให้ทิวไม่แน่ใจเสียแล้ว

"จริงสิ เราจะโกหกนายทำไม เราบอกแล้วไงว่าเราไม่แกล้งนายแล้ว" บูมบอกพลางยิ้มและขำเล็กน้อย

"จะเรียกสินสอดเท่าไร เราก็ยอมหมดตัวเลยนะ ขอแค่ให้นายกลับไปอยู่กับเรา" บูมพูดติดตลกในตอนท้าย

ทิวหัวเราะอย่างขบขัน แต่ก็ดีใจที่แม่ของบูมเข้าใจแล้ว ความรักของแม่ยิ่งใหญ่เสมอ คงจะไม่มีแม่ดีๆ คนไหนที่จะทนเห็นลูกมีชีวิตที่มีความทุกข์ได้ตลอดไปหรอก แม้ว่าจะต้องใช้เวลานานหลายปี แต่คุณทิพย์นภาก็ยอมลดทิฐิของตัวเองลงเพื่อที่จะไม่ให้ลูกชายคนเล็กต้องซึมเศร้าไปมากกว่านี้

ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่บูมได้คิดวางแผนไว้แล้วหมดแล้ว บูมให้ทิวสัญญากับทิวไว้ก่อนจากกันไปเพื่อให้พอมั่นใจได้ว่าทิวจะรอบูมอยู่ และบูมก็พยายามอดทนที่จะมีชีวิตอยู่แบบนั้นเพื่อให้แม่ได้เห็นความมั่นคงในความรัก ได้เห็นตัวตนของบูมที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ โชคดีที่แม่ได้เห็นและยอมรับได้แล้วแม้ว่าจะใช้เวลานานไปหน่อย ส่วนทิวนั้น บูมก็อยากให้ทิวได้เห็นว่าบูมไม่ได้เป็นอย่างที่ต้องว่า บูมพร้อมที่จะอดทนและทำทุกอย่างเพื่อความรักได้เสมอ ทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้มีวันนี้

"ที่เราขอยกเลิกสัญญานี้กับนายก็เพราะว่าเรา...สัญญากับแม่ไว้ว่าจะเลิกรักนาย เราก็เลยต้องยกเลิกสัญญานี้ให้แม่ก่อน เราจะไม่ได้ไม่ผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่เราไง"

ทิวฟังแล้วก็ขำอีกครั้ง ยกเลิกปุ๊บก็กลับมารักกันปั๊บเลยเนี่ยนะ แต่ก็เอาเถอะ ถ้ามันช่วยทำให้บูมสบายใจก็ไม่เป็นไรหรอก

"นายรู้ไหมว่า...ที่ความรักของเรามีอุปสรรคตลอด มันอาจจะเป็นเพราะว่า...เรายังทำอะไรบางอย่างไม่ครบนะ"

บูมเกริ่นขึ้นมาเมื่อต่างคนต่างเงียบกันไปสักพัก

"อะไรเหรอ" ทิวถามด้วยท่าทางอยากรู้

"รอเราแป๊บนึงนะ เดี๋ยวเรามา" บูมบอกแล้วก็ทำท่าจะเดินออกไป ทิวรีบคว้ามือไว้ทันที

"นายไม่ได้แกล้งเราอีกใช่ไหม"

บูมเห็นแล้วก็ขำ ทิวคงประสาทเสียที่ถูกแกล้งก็เลยยังหวาดระแวงอยู่นั่นเอง

"ไม่แกล้งหรอก เชื่อเรานะทิว เราไม่แกล้งให้นายเสียขวัญแบบนั้นอีกแล้วล่ะ รู้ไหมว่าเราก็เสียใจเหมือนกันนะที่แกล้งนายเมื่อกี้นี้"

บูมบอกด้วยสีหน้าเศร้าและรู้สึกผิด ทิวจึงค่อยๆ ปล่อยมือบูมออก

"เดี๋ยวเรามานะ"

บูมบอกแล้วก็เดินแกมวิ่งขึ้นไปบนชายหาด ตรงไปยังรถที่จอดไว้ใกล้ๆ แถวนี้ บูมเข้าไปในรถสักพักก็เดินกลับมาด้วยเสื้อสีขาวแขนสั้นคล้ายๆ ชุดนักเรียนมัธยม เมื่อทิวเพ่งมองดีๆ ก็เห็นว่ามันเป็นเสื้อนักเรียนมัธยมจริงๆ ด้วย แต่เหมือนจะมีอะไรเขียนไว้เต็มไปหมดเลย

พอบูมเดินเข้ามาใกล้ทิวจึงได้เห็นว่ามันเป็นเสื้อนักเรียนของบูมที่ใส่สำหรับให้เพื่อนเขียนเฟรนด์ชิปในวันสุดท้ายก่อนจบนั่นเอง

"เหลือนายคนเดียวที่ยังไม่ได้เขียนให้เราเหมือนกัน เขียนให้เราด้วย" บูมบอกพลางส่งปากกาให้ทิว

"นายยังใส่ได้อีกเหรอ" ทิวถามพลางขำแล้วรับปากกามา

"เราไม่ได้อ้วนขนาดนั้นซะหน่อย ก็ยังพอใส่ได้อยู่" บูมบอกแล้วก็ขำเล็กน้อย

ทิวนึกอยู่ไม่นานนักก็ค่อยๆ เขียนข้อความลงไปบนเสื้อนักเรียนของบูม พอเขียนเสร็จแล้วบูมก็ถามด้วยความอยากรู้

"นายเขียนว่าไง อ่านให้เราฟังด้วยสิ"

"อ่านเองสิ" ทิวบอกด้วยท่าทางเขินๆ

"ทำไมล่ะ คราวที่แล้วเรายังอ่านให้นายฟังเลย คราวนี้นายต้องอ่านให้เราฟังด้วยสิ นะ...ผลัดกัน"

ทิวมองบูมแล้วก็ยังลังเลเพราะรู้สึกเขินที่จะอ่านข้อความที่เขียน แต่พอเห็นบูมรออยู่ก็ทำให้ทิวรู้สึกกดดันจนสุดท้ายก็ต้องยอมอ่าน

"คนเดียวที่ทำให้โลกใบนี้อบอุ่นและน่าอยู่ตลอดมา"

ได้ฟังแค่รอบเดียวเท่านั้นบูมก็น้ำตารื้นแล้ว อดที่จะกอดทิวไว้ด้วยความรักสุดหัวใจอีกไม่ได้ จากนี้ไปบูมจะไม่ปล่อยให้ชีวิตของทิวต้องอ้างว้างและเหน็บหนาวอีกแล้ว เราอยู่ตรงนี้แล้วนะทิว เราจะดูแลนายเอง เราจะดูแลกันและกันไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ความรักของเราได้ผ่านพ้นกาลเวลาที่ยาวนานและข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปหมดแล้ว

ทิวกอดบูมตอบ อ้อมกอดของบูมยังคงอบอุ่นเสมอ กลิ่นหอมอุ่นๆ จากผิวกายของบูมก็ยังเหมือนเดิม ทิวสูดดมกลิ่นนั้นแล้วก็หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข แม้ว่าจะจากกันไปถึงสองครั้งสองครา แต่ความรักก็ได้นำพาให้ผู้ชายที่แสนอบอุ่นคนนี้กลับมาหาทิวอีกครั้งจนได้ ชีวิตที่ไม่เหลือใครของทิวก็มีแต่บูมนี่แหละที่ยังคงเป็นที่พึ่งทางกายและใจให้กันมาโดยตลอด ไม่ว่าจะนาทีไหนๆ ผู้ชายคนนี้ก็คือกำลังใจเดียวที่ทำให้โลกนี้ของทิวน่าอยู่และสดใสตลอดมา

ในขณะที่ทิวกำลังกอดกับบูมอยู่นั้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนยืนจ้องมองดูอยู่ น่าจะอยู่ตรงนั้นมาได้สักพักหนึ่งแล้ว เมื่อทิวเพ่งมองดีๆ พิจารณาจากรูปร่างและเสื้อผ้าที่ใส่แล้วก็เริ่มจำได้ แต๋งนั่นเอง แต๋งกำลังยืนมองดูทิวกับบูมกอดกันอยู่ แม้จะเห็นไกลๆ แต่ทิวก็รู้ว่าคนที่ยืนมองอยู่นั้นไม่พอใจมากทีเดียว

หวังว่า...คงจะไม่เกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นอีกแล้วนะ ทิวเหนื่อยและล้าเกินไปที่จะสูญเสียคนที่รักไปครั้งที่สามแล้ว

TBC
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 37 วันที่ 28-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 28-04-2012 21:58:59
คงจะไม่มีมาม่าอีกนะครับ
กินจนอิ่มแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 37 วันที่ 28-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 28-04-2012 22:13:17
อ้ายยยยยย จบมาม่าแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 37 วันที่ 28-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 28-04-2012 22:14:27
ได้กินของหวานแก้เลี่ยนมาม่าหน่อยก็ดี  ยังไม่จบแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 37 วันที่ 28-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 28-04-2012 22:42:45
อ้ากกก ดีใจ ที่มาม่าหมดแล้ว
บูมทิว น่ารัก >< ยังไม่อยากให้จบเลยครับบ  :z3:

ปล.แอบคิดว่าคนเขียนจะใจร้าย ตัดตอนนี้จบตรงบูมแกล้งทิว ดีใจที่ไม่ทำแบบนั้น ไม่งั้นคืนนี้คงนอนไม่หลับแน่ๆ 555
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 37 วันที่ 28-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 28-04-2012 22:50:37

โวะ มาต่อแล้ววว กรี๊ดดดด

ตอนนี้แอบหวานเบาๆ น่ารักจังเลย ทิวบูมมม อย๊ากกกก

จะจบแล้วเหรอ...ง่า คิดถึงแย่ แบบนี้ อยากให้คนเขียน เขียนนิยายออกมาอีก ชอบๆๆแนวนี้อะ อ่านสบายๆเพลินไม่มีเบื่อ

เหมือนชมต้นไม้ ดอกไม้อะ = =" เปรยอะไรของตรูเนี่ย ฮี่ๆๆ

ขอตอนจบหวานๆหน่อยนร๊า หลังจากที่ซดมาม่ากันมานาน

ทิวบูม <3 ชอบเรื่องนี้มากอะ แล้วก็ต้นสนด้วย ชอบมากๆจริงๆเลย :m1: :m1: :m1: :m11: :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 37 วันที่ 28-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: chai235 ที่ 28-04-2012 23:15:57
เหอๆ อย่ามามาม่าอีกนะ ไม่ใช่ว่าแต๋งทำเรื่องล่ะ T_T พอแล้วมาม่า
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 37 วันที่ 28-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Rap Joong ที่ 28-04-2012 23:31:33
ขอบคุณน๊า :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 37 วันที่ 28-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 29-04-2012 00:04:13
บูมยังจะแกล้งทิวอีก  :angry2:

อ่านแล้ว น่ารัก ดูแล้วรู้สึกว่า ทิวอุ่นใจจริงๆเมื่อมีบูม :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 37 วันที่ 28-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 29-04-2012 05:59:41
ตามอ่านจนทันเเล้วค้า น้ำตาท่วมกันเลยทีเดียวเชียว

ขอให้ไม่เกิดเรื่องอะไรอีกนะคะ

ช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ เยอะเเล้ว

ขอให้ทั้งคู่ได้อยู่กันอย่างสงบซักที สาธุๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 37 วันที่ 28-04-2012 หน้า 10)
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 29-04-2012 21:30:31
สมหวังกันแล้วสินะคู่นี้  ว่าแต่แต๋งอย่าสร้างปัญหาเลยนะ ให้คู่นี้เค้าได้รักกันดีๆ สักทีเถอะ T^T
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 37 วันที่ 28-04-2012 หน้า 10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 29-04-2012 22:25:06
อยากจะกรี๊ดดดด...ด้วยความดีใจ แต่ด้วยวัยที่ไม่เหมาะจึงต้องขอ  :m4: เพื่อแสดงว่าดีใจไปกับทิวและบูมล่ะกัน
เชื่อเหอะว่า ถ้าทิวได้เข้าไปอยู่ในบ้านบูมแล้ว อาจารย์ทิพย์นภาเธอจะต้องหลงรักทิวอีกคนแน่ๆ เพราะทิวเป็นคนดีและน่ารัก
สงสารน้องแต๋งจัง จะมีใครปลอบใจไหมนะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 37 วันที่ 28-04-2012 หน้า 10)
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 29-04-2012 22:50:35
เย้ๆ เจอกันแล้ววววอย่ามาม่าอีกนะ อิ่มมากกก
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 37 วันที่ 28-04-2012 หน้า 10)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 29-04-2012 23:19:19
อ่านแรกๆเห็นใจทั้งคู่มาก
แต่ถึงตอนนี้...อิจฉานิดส์
หุหุ

..ลงเอย..
ด้วยดีนะ ถ้ามาม่าอีก
ทิว+บูม คงจะไม่ไหวแล้ว

ชอบครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 37 วันที่ 28-04-2012 หน้า 10)
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 29-04-2012 23:57:23
เข้ามารอครับ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 37 วันที่ 28-04-2012 หน้า 10)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 30-04-2012 09:09:46
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 38 ✦ คนขี้ใจน้อย

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)

บูมรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่างจึงค่อยๆ ปล่อยทิวออกจากอ้อมกอด พอเห็นว่าทิวเหมือนกำลังมองไปที่อะไรบางอย่างอยู่บูมจึงหันไปมองตาม แล้วก็เห็นชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าบึ้งตึง เดาจากหน้าตาก็น่าจะอายุน้อยกว่าพอสมควร น่าจะเป็นใครสักคนที่ทิวรู้จักเพราะชายหนุ่มคนนั้นเดินตรงมาที่ทั้งสองคนและจ้องดูจนตาแทบไม่กะพริบ

"หมายความว่ายังไงครับพี่ทิว"

แต๋งถามพลางพยายามสะกดกลั้นน้ำตาไว้ ทิวหน้าเสียเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะว่ากลัวหรอก แต่ไม่คิดว่าแต๋งจะตามมาเห็น

"อะไรเหรอ เขาเป็นใครเหรอทิว" บูมถามพลางมองหน้าทิวและแต๋งด้วยความสงสัย รู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาของทั้งสองคนนี้

"ผมขอคุยกับพี่ทิวสองคนได้ไหมครับ อ้อ...คุณคงไม่รู้สินะว่าผมกับพี่ทิวเป็นแฟนกัน เราคบกันมาได้เกือบปีแล้ว"

เสียงทุกอย่างเงียบลง เหลือแต่ท่าทางตกตะลึงของบูมกับทิว ทิวตกใจเพราะไม่คิดว่าแต๋งจะกล้าพูดอย่างนั้นทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงทิวไม่เคยยอมรับเลยว่าเป็นแฟนกับแต๋ง ส่วนบูม พอรู้แล้วก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจอย่างที่สุด ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าทิวจะมีแฟนไปแล้ว เชื่อมั่นมาตลอดว่าทิวจะมั่นคง ที่ผ่านมาทิวก็มั่นคงมาตลอด ไม่เคยวอกแวกไปหาใครเลย แต่จะโทษใครได้ล่ะ บุมจากไปนานเกินไปก็ย่อมเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นได้

"ไหนว่านาย..." บูมกลืนก้อนที่วิ่งขึ้นมาจุกที่คอลงไปอย่างยากเย็น

"บูม...มันไม่ใช่อย่างงั้นนะบูม เราไม่ได้..."

ทิวพยายามจะบอกความจริงแต่แต๋งก็รีบขัดขึ้นมาก่อน

"พี่ก็บอกเขาไปสิครับว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน มีอะไรกันแล้วด้วย"

ทิวอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง มือไม้สั่นจนอยากจะตบปากคนปากพล่อยเข้าให้

"แต๋ง...แต๋งพูดอย่างงี้ได้ยังไง พี่ไม่เคย"

ยังไม่ทันได้พูดจบ บูมก็เดินแกมวิ่งออกไปแล้ว หัวใจของทิวหล่นวูบลงไปกองที่พื้นเมื่อเห็นคนรักที่เพิ่งกลับมาหาวิ่งหนีจากไป

"บูม เดี๋ยวก่อน นายกำลังเข้าใจเราผิดนะ บูม"

ทิวร้องเรียกตามแต่บูมก็ไม่หยุดแถมยังไม่ยอมหันกลับมามองอีกด้วย ทิวจึงตัดสินใจวิ่งตามไปแต่แต๋งก็รีบคว้ามือทิวไว้เสียก่อน ทิวหันมามองแล้วก็พยายามดึงมือออก

"แต๋ง ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้นะ" ทิวบอกเสียงดุ

"พี่ทิว เราต้องคุยกันนะครับ"

"ไว้ค่อยคุยกันได้ไหมแต๋ง พี่ไม่พร้อมจะคุยอะไรตอนนี้ทั้งนั้น ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้นะแต๋ง"

ทิวรู้สึกเหมือนใจจะขาด บูมเดินไปถึงรถแล้ว อีกไม่ช้าก็คงจะขับออกไป อย่าเพิ่งไปนะบูม นายอย่าหนีเราไปอย่างนี้สิบูม

"ผมไม่ปล่อย รราต้องคุยกันนะครับพี่ทิว ทำไมพี่ไม่บอกผมว่าพี่มีคนอื่นแล้ว ปล่อยให้ผมบ้าบออยู่ได้ตั้งนาน พี่ทำอย่างงี้ทำไมครับ"

แต๋งพูดอย่างโมโหบ้าง จับมือทิวไว้แน่นไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ไม่ว่าทิวจะสะบัดแรงสักแค่ไหน เสียงสตาร์ทรถทำให้ทิวถึงกับเข่าอ่อน หมดแรงที่จะสะบัดมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย พอรถของบูมแล่นออกไปแล้วทิวก็ทรุดลงไปนั่งกับผืนทราย มองตามรถของบูมที่แล่นออกไปแล้วก็ร้องไห้

มันช่างเหมือนกับตอนนั้นเหลือเกิน วันสุดท้ายของมัธยมปลาย ทิวเดินตามหาบูมจนแทบบ้า ความจริงทั้งสองคนต่างก็เดินตามหากันจนทั่วโรงเรียนนั่นแหละ สุดท้าย ทิวก็ได้เห็นแค่รถของบูมวิ่งออกไปจากโรงเรียน เป็นภาพสุดท้ายที่ทิวได้เห็นคนที่รักก่อนจะกลับมาเจอกันอีกครั้งในอีกสี่ปีถัดมา

ความรักของทิวมีแต่ความพลัดพราก จากกันแล้วก็จากกันอีก ทุกครั้งที่กลับมาเจอกันก็มักจะมีเหตุให้ต้องจากกันไป คงไม่ใช่ครั้งนี้อีกหรอกนะ อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย ไม่อย่างนั้นแล้วทิวก็คงจะไม่เข้มแข็งมากพอที่จะอดทนรอต่อไปแล้ว ทิวรอมานานเกินไป ผิดหวังมามากจนเกินจะทนไหวอีกแล้ว

"บูม เราไม่ได้ผิดสัญญา นายกำลังเข้าใจผิด เราไม่ได้ผิดสัญญานายนะบูม" ทิวคร่ำครวญปานจะขาดใจ

แต๋งค่อยๆ ปล่อยมือทิวเมื่อเห็นทิวร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าสงสาร ทิวคงจะรักผู้ชายคนนั้นมาก ตอนแรกแต๋งนึกว่าผู้ชายคนเมื่อกี้นี้คงเป็นแฟนใหม่ของทิว ก็เลยโมโหทิวที่ไม่ยอมบอกความจริง แต่พอคิดทบทวนจากสิ่งที่เห็น ผู้ชายคนนั้นน่าจะเป็นคนที่ทิวเคยรักมากและเฝ้ารอคอยอยู่

"พี่ทิว...แต๋งขอโทษ" แต๋งบอกพลางย่อตัวนั่งลงข้างๆ สีหน้าบ่งบอกว่ารู้สึกผิดมากทีเดียว

ทิวเบือนหน้าหนี ไม่อยากฟังอะไรจากแต๋งทั้งสิ้น ความรักที่ทิวอุตส่าห์เฝ้ารอคอยมานานแสนนาน กำลังเข้าใจกันได้ดีอยู่แล้ว แต๋งก็มาทำเรื่องให้ต้องผิดใจกันอีกจนได้

"พี่เคยบอกแต๋งแล้วใช่ไหม...ว่าพี่ไม่ได้คิดอะไรกับแต๋งมากกว่าเป็นเพื่อนกัน เพราะพี่รักใครไม่ได้อีกแล้ว...นอกจากผู้ชายเมื่อกี้นี้ พี่กับเขารักกันมาตั้งนานแล้ว เขากลับมาหาพี่ตามที่เราสัญญากันไว้ แต่..."

จากนั้นทิวก็พูดไม่ออก สายตามองไปที่ถนนเพื่อมองหาบูมแต่บูมก็จากไปแล้ว

"พี่ทิว...แต๋งขอโทษ แต๋งไม่ได้ตั้งใจ แต๋งขอโทษนะครับพี่..."

เสียงของแต๋งค่อยๆ หายไป ตอนนี้คำขอโทษคงไม่มีความหมายเท่าไรแล้ว มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น คนที่ทิวรักก็จากไปแล้ว จากไปพร้อมกับความเข้าใจผิดนั้น อุตส่าห์คิดไว้ว่าคืนนี้จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ฝันก็สลายไปเสียแล้ว แต๋งนะแต๋ง...

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

ทิวกลับมาที่ห้องพักแล้วก็พยายามโทรหาบูม แต่บูมก็ไม่ยอมรับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่มีอะไรตอบกลับมา จนในที่สุดทิวก็เลิกความพยายามนั้น ตอนนี้บูมคงผิดหวังมาก จะว่าไปแล้วทิวก็ต้องโทษตัวเองเหมือนกันที่ไม่เด็ดขาดและปล่อยให้แต๋งเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตจนเกินขอบเขต แม้ว่าจะไม่คิดอะไรกับแต๋งเลยก็ตาม เป็นบทเรียนครั้งสำคัญที่ทิวคงจะต้องจดจำไปอีกนานแสนนาน

ทิวจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้ ทิวรักบูมมากและก็รู้ว่าบูมรักทิวมากเช่นเดียวกัน ทิวจะต้องขึ้นไปกรุงเทพ ไปหาบูมและปรับความเข้าใจกันให้ได้ ถ้าไม่ติดว่าพรุ่งนี้ยังต้องทำงานอยู่ทิวก็คงจะไปตอนนี้เลย แต่ทำจำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนลา ยกเว้นว่าจะเจ็บไข้ได้ป่วยหรือมีธุระด่วนจำเป็นคอขาดบาดตายจริงๆ จึงจะลากะทันหันได้

แล้วทิวจะต้องรออีกกี่วัน จะปล่อยให้บูมเข้าใจผิดอย่างนี้ไปอีกสักกี่วัน ภายในไม่กี่วันก็อาจเกิดอะไรขึ้นได้ ทิวคงต้องเลือกแล้วล่ะว่าชีวิตของทิวตอนนี้อะไรสำคัญที่สุด ไม่อย่างนั้นแล้วทิวก็อาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต

ส่วนบูม กลับมาถึงบ้านก็เกือบเที่ยงคืน คนในบ้านส่วนใหญ่นอนหลับกันไปหมดแล้ว มาถึงก็ไม่พูดไม่จา เดินดุ่มๆ ตรงขึ้นไปบนห้องนอนทันที กำลังจะเปิดประตูเข้าไปก็ได้ยินเสียงร้องทักดังมาจากข้างหลัง บูมจึงหยุดและหันไปมองตามเสียงนั้น

"กลับมาแล้วเหรอบูม ทิวล่ะ"

บีมนั่นเอง พอดีได้ยินเสียงรถของบูมวิ่งเข้ามาในบ้านจึงรู้สึกสงสัย ไม่คิดว่าบูมจะกลับมาเร็วขนาดนี้ เมื่อสอดส่ายสายตามองดูดีๆ แล้วก็ไม่เห็นทิวเลย แสดงว่าคงไม่ได้กลับมาด้วยกัน

"เขาคงไม่อยากกลับมากับผมแล้วล่ะครับพี่" บูมบอกสั้นๆ ด้วยสีหน้าเศร้าๆ

"ทำไมล่ะบูม ทิวมีคนใหม่แล้วเหรอ หรือว่า...เขาลืมบูมไปแล้ว"

"คงทั้งสองอย่างนั้นแหละครับพี่บีม"

บีมทำหน้าตกใจ

"เฮ้ย...เป็นไปได้ไง บูมเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า"

"ไม่ผิดหรอกครับพี่บีม ผมเห็นกับตาผมสองตา ทิวเขามีคนใหม่แล้ว เขาลืมผมแล้วล่ะครับ"

พูดจบแล้วบูมก็เปิดประตูเข้าไปในห้อง แม้จะรู้ว่าเป็นมารยาทที่ไม่ดีเท่าไหร่ที่ทำอย่างนี้กับพี่ชาย แต่ตอนนี้บูมไม่อยากพูดคุยกับใครเลย

บีมมองตามพร้อมกับส่ายหน้าด้วยความเห็นใจน้องชาย ไม่รู้ว่าชีวิตนี้บูมจะต้องมีวิบากกรรมไปอีกสักแค่ไหน พอแม่เข้าใจแล้วก็กลับต้องมาเจอเรื่องอย่างนี้อีก ทิวเคยรอบูมได้ตั้งสี่ปีกว่าแล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจได้หนอ แต่ก็อย่างว่า...อะไรก็คงเกิดขึ้นได้ แม้ว่าจะผิดหวังแต่บีมก็เข้าใจทิว ไม่โทษทิวหรอกที่จะเปลี่ยนใจไปรักคนอื่น ถ้าบีมต้องรอใครสักคนหนึ่งนานขนาดนั้น บีมยังไม่รู้เลยว่าจะทำได้เหมือนกับทิวหรือเปล่า

บีมถอนหายใจแล้วก็เดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

รุ่งเช้า คุณทิพย์นภาเห็นบูมลงมาพร้อมกับชุดทำงานก็แปลกใจเพราะคิดว่าบูมน่าจะยังไม่กลับไวขนาดนี้ ที่สำคัญ ทิวก็ไม่ได้มาด้วยอย่างที่เธอบอกไว้ ท่าทางคงจะต้องมีอะไรผิดปกติอย่างแน่นอน

"อ้าวบูม กลับมาแล้วเหรอลูก แล้วทิวล่ะ ทิวไม่กลับมาด้วยเหรอ"

มันก็ดูน่าสงสัยไม่น้อย ลูกชายของเธอคร่ำครวญหาทิวจะเป็นจะตาย พอได้เบอร์โทรศัพท์และไปหากันแล้วทำไมถึงกลับมาในสภาพเคร่งเครียดอย่างนี้ล่ะ บูมมีสีหน้าเครียดมากขึ้นทันที นั่งลงที่โต๊ะอาหารแล้วก็ถอนหายใจยาวอย่างคนหนักใจ

"เขาคงไม่อยากกลับมากับผมหรอกครับแม่"

"อ้าว...มีอะไรหรือเปล่าบูม ทำไมทิวถึงไม่อยากกลับมากับบูมแล้วล่ะ วันนั้นแม่คุยกับทิวเขายังบอกเลยว่าเขายังรอบูมอยู่"

บูมถอนหายใจอย่างหนักใจอีกครั้ง อุตส่าห์วาดฝันไว้เสียอย่างดี อุตส่าห์อดทนรอคอยมานานหลายปี อุตส่าห์เก็บตัวเงียบไม่พบเจอใคร ตัดขาดจากสังคมและโลกภายนอกเพื่อที่จะให้แม่เห็นความมั่นคงในความรัก ความรักที่บูมเข้าใจมาตลอดว่าเป็นรักแท้และจะเป็นรักที่มั่นคงตลอดไป จนวันนี้แม่ก็เข้าใจและยอมที่จะให้ทิวมาอยู่ด้วยในบ้านแล้ว สุดท้าย...ทิวก็เปลี่ยนใจจากบูมไปจนได้ นี่โชคชะตากำลังเล่นตลกอะไรกับชีวิตของบูมอยู่นะ

"ทิว...เขามีแฟนใหม่แล้วครับแม่" บูมกัดฟันพูดออกไปพร้อมกับน้ำตาคลอ

คุณทิพย์นภาดูจะตกใจมากทีเดียวที่ได้ยินเช่นนั้น แล้วก็เกิดความสงสัยเช่นเดียวกับบีมว่าทำไมเมื่อก่อนทิวถึงรอได้ คราวนี้กลับรอไม่ได้ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทิวก็คงไม่ผิดหรอก ทิวอาจจะคิดว่าบูมคงไม่กลับมาแล้วก็เลยตัดสินใจมีคนใหม่ คนที่ผิดก็น่าจะเป็นเธอเองที่กีดกันลูกจนทุกอย่างมันสายเกินไป

"แม่ขอโทษนะลูก มันเป็นความผิดของแม่เอง ถ้าแม่ไม่กีดกันบูม ป่านนี้ก็คง..."

พูดแล้วคุณทิพย์นภาก็ถอนหายใจบ้าง บูมหันหน้าไปมองแม่แล้วก็พยายามยิ้มเพราะไม่อยากให้แม่โทษตัวเอง ยังไงๆ เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว กลับไปแก้ไขอะไรอีกไม่ได้

"ไม่ใช่ความผิดของแม่หรอกครับ ใจคนก็เป็นแบบนี้ล่ะครับแม่ เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ทิวเขาก็ไม่ผิดหรอกครับ มันอาจจะนานเกินไปก็ได้ มันก็นานจริงๆ นั่นแหละครับ นานจนทิวคงคิดว่าผมคงจะไม่กลับมาหา ทิวเขาไม่มีใคร อยู่คนเดียวมาหลายปีแล้ว เขาก็คงอยากจะมีใครสักคน"

สิ่งที่พูดฟังดูเหมือนบูมเข้าใจและยอมรับได้ แต่ในความเป็นจริงก็อาจไม่เป็นอย่างนั้น ตอนนี้หัวใจของบูมเจ็บมากทีเดียว คุณทิพย์นภามองดูลูกชายด้วยความสงสารและเห็นใจ สภาพของบูมตอนนี้ดูอิดโรยมากจนเธอไม่คิดว่าบูมจะไปทำงานได้แล้วล่ะ

"บูม...แม่ว่าบูมขึ้นไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะลูก อย่าเพิ่งไปทำงานวันนี้เลย ส่วนเรื่องของทิว...แม่จะจัดการให้ลูกเอง ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ แม้ว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างที่บูมเข้าใจผิดไปเอง ไม่รู้สิ...แม่เชื่ออย่างนั้น แม่อาจจะเคยกีดกันลูก อาจจะเคยเกลียดทิวที่มารักลูก แต่แม่ว่าแม่ดูคนไม่ผิด ทิวไม่น่าจะเปลี่ยนใจง่ายๆ อย่างนั้นหรอกลูก ถ้าเขาจะเปลี่ยนใจก็คงทำอย่างงั้นไปตั้งนานแล้ว ถ้าทิวไม่รักลูกจริงๆ ตอนที่ทิวไปเรียนปริญญาตรีที่เมืองนอกทิวก็คงไม่อดทนรอถึงสี่ปีหรอก เชื่อแม่สิลูก ทิวเขายังรักลูกอยู่แน่ๆ"

ฟังแม่พูดแล้วบูมก็ค่อยๆ คิดตาม

"ตอนนี้บูมกำลังโกรธอยู่ บางทีบูมอาจจะลืมตัวหรือลืมคิดอะไรบางอย่างไป แม่ว่าบูมคิดแล้วทบทวนดีๆ ก่อนดีไหมลูก วันนี้อย่าเพิ่งไปทำงานละกัน แม่ว่าบูมคงไม่ได้นอน แถมมีปัญหากวนใจอย่างนี้คงทำงานไม่มีสมาธิหรอก พักผ่อนให้สบายก่อน เดี๋ยวแม่จัดการเรื่องนี้ให้บูมเอง"

พอฟังแม่แล้วอารมณ์ที่กรุ่นอยู่ก็เริ่มสงบลงได้บ้าง จริงสินะ บางทีบูมอาจจะเข้าใจอะไรผิดก็ได้เพราะบูมยังไม่ได้ฟังทิวอธิบายเลย มัวแต่โมโหจนลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด ไม่ฟังอีร้าค่าอีรมแล้วก็ขับรถหนีมาเลย

"ครับแม่..."

บูมรับคำ แม้ว่าจะเห็นด้วยที่สภาพของตัวเองในตอนนี้คงไม่เหมาะที่จะไปทำงาน แต่บางทีการทำงานอาจจะช่วยให้ลืมอะไรหลายๆ อย่างได้ บูมทำอย่างนี้จนเคยชินเสียแล้ว แต่เอาเถอะ ยังไงๆ วันนี้บูมก็จะเชื่อแม่ละกัน

แล้วบูมเข้าใจผิดจริงๆ หรือเปล่าล่ะ เจ้าเด็กนั่นประกาศชัดว่าทิวเป็นแฟนและคบกันมาเกือบปีแล้ว แถมยังบอกว่ามีอะไรกับทิวแล้วเสียอีก แค่เป็นแฟนกันเฉยๆ นั้นก็นับว่าหนักหนาสำหรับบูมแล้ว แต่นี่ถึงขั้นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันด้วย ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงแล้วเด็กคนนั้นจะกล้าพูดอย่างนี้หรือ ทิวนะทิว อีกแค่นิดเดียวเอง นายอดทนรอเราอีกหน่อยไม่ได้เลยหรือ...

ตอนนี้ภาพในหัวของบูมมีแต่ภาพที่ทิวกำลังเสียขวัญและกอดบูมไว้เสียแน่นราวกับกลัวว่าบูมจะจากไปไหน แล้วก็ตัดสลับกับภาพที่เจ้าเด็กนั่นประกาศกร้าวว่าทิวเป็นแฟนตัวเอง

เมื่อคิดทบทวนดีๆ แล้วบูมก็เริ่มรู้สึกว่าบางทีตัวเองอาจจะเข้าใจอะไรผิดไปก็ได้ แววตาของทิวที่ดีใจอย่างล้นเหลือเวลาที่ได้เจอบูม ภาพที่ทิวกำลังเสียขวัญและกอดบูมแน่น ยามที่กายสัมผัสกันบูมก็รับรู้ได้ถึงความอบอุ่น รับรู้ได้ถึงแรงกอดรัดราวที่บ่งบอกว่าทิวคิดถึงบูมมากสักแค่ไหน รับรู้ได้ถึงความโหยหาและคิดถึงที่มากมายที่ส่งผ่านมาทางสายตา คำพูดและท่าทางต่างๆ

ที่สำคัญ บูมรับรู้ได้ถึงความรักที่แสดงผ่านออกมาจากทุกสิ่งทุกอย่างที่ทิวทำในตอนนั้น สิ่งที่เจ้าเด็กนั่นพูดช่างขัดแย้งกับสิ่งที่ได้บูมได้สัมผัสด้วยตัวเองสิ้นดี   แต่ก็นั่นแหละ บูมก็ยังคงไม่แน่ใจอยู่ดีว่าทิวกับเจ้าเด็กนั่นเป็นฟันกันจริงๆ หรือเปล่า ถ้าเกิดเป็นแฟนกันจริงๆ และมีความสัมพันธ์กันไปแล้ว บูมจะยังยินดีให้ทิวกลับมาอีกหรือเปล่า...

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

พอบูมกินอาหารเช้าและกลับขึ้นไปบนห้องแล้ว คุณทิพย์นภาก็ออกไปทำงานตามปกติ ระหว่างทางเธอก็ตัดสินใจโทรหาทิวเพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่นานนักทิวก็รับสาย

"ทิว นี่ฉันเองนะ แม่ของบูม"

"อ๋อครับ สวัสดีครับ" ทิวยังคงไม่กล้าเรียกแม่ของบูมว่าแม่เพราะเข็ดที่เคยถูกห้ามไม่ให้เรียกก่อนหน้านี้

"ทิวสะดวกคุยไหมตอนนี้ ฉัน...เอ่อ...แม่อยากถามอะไรทิวหน่อย"

คุณทิพย์นภาตัดสินใจที่จะเรียกแทนตัวเองว่าแม่เพื่อให้ทิวรู้สึกถึงความใกล้ชิดคุ้นเคยมากขึ้น

"สะดวกครับ ตอนนี้ผมกำลังอยู่บนรถตู้ ผมกำลังจะไปหาบูมที่กรุงเทพครับ บูมอยู่ที่บ้านหรือเปล่าครับวันนี้"

"อ๋อ...ดีแล้วลูก รีบๆ มาเลย ตอนนี้บูมอยู่ที่บ้านนั่นแหละลูก งอนแล้วก็น้อยใจใหญ่แล้ว"

"ครับ พอดี...บูมเขาเข้าใจอะไรผมผิดนิดหน่อยครับ บูมไม่ยอมรับโทรศัพท์ผมเลย ผมโทรหาตั้งหลายครั้งแล้ว ผมก็เลยอยากจะมาอธิบายให้บูมฟังด้วยตัวเอง"

"ดีแล้วลูก เมื่อเช้าบูมเขาจะไปทำงานแล้วล่ะ แต่แม่เห็นสภาพแล้วคิดว่าคงไปทำงานไม่ไหว แม่ก็เลยบอกให้กลับขึ้นไปนอนพักผ่อนก่อน ถ้าทิวมาถึงก็ขึ้นไปหาบูมได้เลยนะลูก แม่จะบอกคนที่บ้านไว้ให้ อ้อ...แพรวก็อยู่นะลูก เดี๋ยวแม่จะโทรบอกแพรวไว้ให้อีกคน"

ได้ยินชื่อแพรวแล้วทิวก็ตกใจ ทำไมแพรวถึงไปอยู่ที่บ้านบูมล่ะ หรือว่าจะเป็นคนละแพรวกัน

"แพรวเหรอครับ แพรวที่เคยเป็นคู่หมั้นบูมหรือเปล่าครับ"

ทิวถามพลางรู้สึกใจหาย หรือว่าบูมจะเปลี่ยนใจกลับมาแต่งงานกับแพรวแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลย ก็ไหนว่าเลิกรากันไปแล้วทำไมยังกลับมาคบกันอีก แล้วถ้าแพรวอยู่ที่บ้านบูมก็แสดงว่า...

"ใช่จ้ะ แพรวที่เคยเป็นคู่หมั้นของบูมนั่นแหละจ้ะ แต่ว่า...เขาไม่ได้แต่งงานกับบูมหรอกนะทิว ตอนนี้แพรวเป็นภรรยาของบีม มีลูกด้วยกันแล้วหนึ่งคน ชื่อน้องพีม ทิวมาแล้วก็จะเห็นเอง น้องพีมกำลังน่ารักเลย"

พูดถึงหลานแล้วคนเป็นย่าก็ยิ้ม มีหลานน่ารักๆ อย่างนี้แล้วก็ทำให้เธอมีความสุขและภูมิใจกับลูกชายคนโตมากทีเดียว แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยคิดว่าเป็นลูกที่ไม่ได้ดั่งใจก็ตาม

"จริงเหรอครับ พี่บีมกับแพรวแต่งงานกันจริงๆ เหรอครับ"

ทิวถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่บีมจะแต่งงานกับแพรว สองคนนี้ไปรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน แต่ก็ดีแล้วล่ะ อย่างน้อยแพรวก็ไม่ได้แต่งงานกับบูม

"จ้ะ แพรวเขาแต่งงานกับบีมได้หลายปีแล้วล่ะ เขาแอบคบกันตั้งแต่ก่อนที่บูมจะไปเรียนเมืองนอกโน่นแน่ะ ตอนนั้นแม่ก็ไม่รู้หรอก เพิ่งจะมารู้ตอนหลังๆ ที่บูมไปเรียนหนังสือแล้วนั่นแหละ พ่อกับแม่ก็เลยให้เขาสองคนแต่งงานกัน อ้อ...ถ้าทิวมาถึงแล้วก็ไม่ต้องเกรงใจนะลูก ขึ้นไปหาบูมได้เลย บูมน่าจะนอนอยู่ในห้องนอนของเขานั่นแหละ ทิวน่าจะจำได้นะเพราะเคยมาแล้ว"

"ครับ...แม่"

ทิวรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ที่จะเรียกคุณทิพย์นภาว่า "แม่" แต่เห็นเธอเรียกแทนตัวเองอย่างนั้น ทิวก็เลยเรียกตาม พอเรียกไปแล้วก็รู้สึกดีมากทีเดียว พลอยทำให้ทิวนึกถึงแม่ที่จากไปนานแล้วขึ้นมาทันทีทันใด ถึงจะนานแค่ไหนทิวก็ไม่เคยลืมแม่ที่เฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูทิวมาด้วยความรักจนเติบใหญ่ ให้ความรักและความอบอุ่นกับทิวตลอดมา แม่ที่ยอมทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ลูกได้ชีวิตที่ดีที่สุด แม้ว่าจะต้องเหนื่อยยากลำบากสักแค่ไหนก็ตาม ทิวคิดถึงแม่เหลือเกิน...

แม้ว่าตอนนี้แม่ตัวจริงของทิวจะจากไปแล้วแต่อีกไม่นานนี้ทิวก็อาจจะได้ "แม่สามี" มาเป็นแม่คนที่สอง รอเราอีกหน่อยนะบูม อีกไม่นานเราก็จะได้เจอกันและปรับความเข้าใจกันแล้ว พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วทิวก็อดขำหน่อยๆ ไม่ได้ บูมไม่เคยงอนทิวอย่างนี้เลย สมัยที่เรียนหนังสือด้วยกันก็มีแต่ทิวนี่แหละที่เป็นคนงอนบูมเสียเอง นี่คงเป็นครั้งแรกที่ทิวเห็นบูมงอนอย่างนี้

งอนอย่างนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะคนดีของทิว...

TBC
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 38 วันที่ 30-04-2012) - ตอนตัด
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 30-04-2012 09:16:28
แต๋งมุงเล่นไรเนี่ยยยยเวงเอ้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 38 วันที่ 30-04-2012) - ตอนตัด
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 30-04-2012 11:42:27
แบบว่าเห็นตอนนี้แล้ว จะมีใครว่าอะไรไหม
ถ้าเราจะบอกว่า เราสมน้ำหน้าทิวอ่ะ
ถึงแม้จะบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับแต๋งเกินเพื่อน แต่ก็เปิดโอกาสให้มาพัวพัน
ไม่ชัดเจน ไม่เด็ดขาด ปัญหาต้องตามมาอยู่แล้ว
ถ้าเปรียบเทียบกับบูมแล้ว บูมดูจริงจังกับคำสัญญามากกว่าอีก
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 38 วันที่ 30-04-2012) - ตอนตัด
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 30-04-2012 12:07:50
เอิ่ม สงสารใครดีหล่ะทีนี้  เฮ้อออออ   เครียด
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 38 วันที่ 30-04-2012) - ตอนตัด
เริ่มหัวข้อโดย: chai235 ที่ 30-04-2012 13:31:17
แบบว่าเห็นตอนนี้แล้ว จะมีใครว่าอะไรไหม
ถ้าเราจะบอกว่า เราสมน้ำหน้าทิวอ่ะ
ถึงแม้จะบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับแต๋งเกินเพื่อน แต่ก็เปิดโอกาสให้มาพัวพัน
ไม่ชัดเจน ไม่เด็ดขาด ปัญหาต้องตามมาอยู่แล้ว
ถ้าเปรียบเทียบกับบูมแล้ว บูมดูจริงจังกับคำสัญญามากกว่าอีก

เห็นด้วยอ่ะ  ก็ลมน้ำหน้าจริงๆนะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 38 วันที่ 30-04-2012) - ตอนตัด
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 30-04-2012 15:00:38


เข้ามารอซดน้ำมาม่าอย่างเดียว

แต๋งมาอยู่กับเจ๊มาๆ รับเลี้ยงๆ อิอิ  :m1: :m1: :m1:


รออ่านตอนเย็นนะคร่าา  :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 38 วันที่ 30-04-2012) - ตอนตัด
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 30-04-2012 15:33:49
จะติดตามอ่านต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 38 วันที่ 30-04-2012) - ตอนตัด
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 30-04-2012 20:57:24
:beat: ให้แต๋ง อ๊ากก บังอาจมาก !!
เอาบูมกลับมาน้าาาาาาาาา

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 38 วันที่ 30-04-2012) - ตอนตัด
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 30-04-2012 21:01:31


ว่างๆมะมีไรทำ มารออ่านค่ะ

 :m23: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 38 วันที่ 30-04-2012) - ตอนตัด
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 30-04-2012 21:30:34
อะไรกันเนี่ย   :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 38 วันที่ 1-05-2012) - ตอนเต็ม
เริ่มหัวข้อโดย: puu142 ที่ 01-05-2012 13:52:03
                               ................ขอให้ทิว+บูม

สุข.....สมหวัง.....เสีบทีเถิด........

                                          .......อุปสรรคที่ผ่านมาก็หนักหนาพอแล้ว
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 38 วันที่ 1-05-2012) - ตอนเต็ม
เริ่มหัวข้อโดย: Ai_Rong_Kun ที่ 01-05-2012 14:06:43
บูม ทิว สู้ๆๆๆ :interest:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 38 วันที่ 1-05-2012) - ตอนเต็ม
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 01-05-2012 14:26:07
                 เห้ออออออ เหนื่อยว่ะมันชีวิตมันวุ่นวายแท้
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 38 วันที่ 1-05-2012) - ตอนเต็ม
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 01-05-2012 20:14:20
แม่บูมเริ่มน่ารักซะแล้วสิ  o13
รีบๆ ปรับความเข้าใจกันซะที คิดถึงบูมทิว

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 38 วันที่ 1-05-2012) - ตอนเต็ม
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 01-05-2012 20:25:30
(http://bp3.blogger.com/_kRtTKFRdtQA/SHrRXwKw3YI/AAAAAAAAAnE/FD98ljG2_YY/s400/PIC336.jpg)

มาม่ามาอีกถ้วยแล้ว^^
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 38 วันที่ 1-05-2012) - ตอนเต็ม
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 01-05-2012 20:37:51
ลางดีเริ่มมาแล้ว ใช่ป่าว
อย่างน้อยแม่บูมก็ยอมรับและอุตส่าห์โทรเคลียร์กับทิว
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 38 วันที่ 1-05-2012) - ตอนเต็ม
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 01-05-2012 22:31:58
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 39 ✦ เสียงเพลงจากวันวาน

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)

ทิวมาถึงบ้านของบูมก็ประมาณเกือบเที่ยง กดออดอยู่สักพักก็มีคนรับใช้มาเปิดให้ พอบอกว่าชื่อทิว ต้องการพบบูม ทิวก็สามารถเข้ามาในบ้านได้อย่างไม่ยากนักเพราะคุณทิพย์นภาสั่งไว้แล้ว ในบ้านนี้ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งเธอหรอกเพราะรู้ว่าเธอดุแค่ไหน

ทิวไม่ได้มาที่บ้านหลังนี้นานมากทีเดียว ครั้งสุดท้ายก็คืองานวันเกิดบูมเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังพอจำหน้าตามันได้บ้างเพราะตอนสมัยเรียนทิวเคยมาค้างที่บ้านบูม แม้จะไม่ค่อยบ่อยก็ตาม มีแต่บูมที่ไปค้างที่บ้านบูมบ่อยๆ จนสนิทกับแม่ของทิวเป็นอย่างดี

เมื่อคนรับใช้พาทิวเข้ามาในบ้านก็เจอกับแพรวที่กำลังเล่นกับน้องพีมอยู่พอดี พอเห็นทิวแล้วแพรวก็พอจำได้ เธอยิ้มและร้องทักอย่างดีใจ

"ทิว...ไม่ได้เจอกันซะนานเลย สบายดีไหม"

ทิวยิ้มและเดินเข้าไปหาแพรวที่มุมโซฟาของบ้าน เห็นน้องพีมแล้วทิวก็พอจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นลูกสาวของแพรวกับพี่บีม น้อมพีมหน้าตาน่ารักเหมือนพ่อกับแม่เลย

"สบายดีครับ แพรวคงสบายดีนะ นี่ลูกสาวเหรอครับ น่ารักเชียว ชื่ออะไรครับ" ทิวหันไปยิ้มกับเด็กน้อยอย่างเอ็นดู

"สบายดีจ้ะ นี่น้องพีมนะ อายุจะสองขวบอีกไม่กี่เดือนนี้แล้วล่ะ ทิวนั่งก่อนสิ แพรวจะเล่าอะไรให้ฟังนิดหน่อย"

แพรวพูดพลางอุ้มลูกสาวขึ้นมานั่งตักด้วย ทิวนั่งลงบนโซฟาที่ติดกับที่แพรวนั่งอยู่ มองไปรอบๆ บ้านก็ไม่เห็นบูม เหมือนแพรวจะเดาได้ว่าทิวกำลังมองหาใครอยู่ก็เลยชวนคุยเรื่องของบูมเสียเลย

"บูมเขาอยู่ในห้องนอน ดูท่าทางจะเสียใจมากอยู่เหมือนกัน ทิวมาก็ดีแล้วล่ะ ช่วยบูมหน่อยเถอะ รู้ไหมว่าที่บ้านของเราเป็นห่วงบูมกันมากเลย"

แพรวพูดไปพลางเล่นกันลูกสาวไปพลาง

"มีอะไรหรือแพรว" ทิวสงสัย

"ก็บูมน่ะสิ จะเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้ว เขาเก็บตัว ไม่ค่อยเข้าสังคมตั้งแต่ที่ไปเรียนโทแล้วล่ะ พอกลับมาทำงานที่เมืองไทย เขาก็ไม่ออกไปพบปะสังสรรค์กับใครเลย เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน เศร้าๆ ซึมๆ อยู่แบบนี้มาสามปีแล้ว แพรวว่าบูมน่าจะเป็นโรคซึมเศร้าหน่อยๆ แล้วล่ะ"

"จริงเหรอแพรว"

ทิ้งร้องครางอย่างเห็นใจ คิดไม่ถึงว่าบูมจะยอมทำเพื่อความรักถึงขนาดนี้ คนหน้าตาดีๆ อย่างบูมหาแฟนได้ไม่ยากหรอก แต่บูมก็อุตส่าห์ยอมทนเหงาอยู่อย่างนี้เพื่อรอคอยความรักที่หล่นหายไป

"เขาคงอยากพิสูจน์ให้คุณแม่เห็นว่าเขารักทิวมากแค่ไหนไง ก็เลยตัดขาดจากโลกภายนอกไปเลย วันๆ ก็อยู่แต่ในห้องแล้วก็ทำแต่งาน แฟนเฟินก็ไม่ยอมมี เขารอทิวคนเดียวเลยนะ"

ทิวไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าบูมจะยอมทำเพื่อความรักมากขนาดนี้ มิน่าล่ะบูมถึงได้เสียใจมากที่แต๋งบอกว่าเป็นแฟนกับทิว สามปีที่ผ่านมาบูมรอมาตลอดและยอมที่จะทรมานตัวเองถึงขนาดนี้เพื่อความรัก ถ้าชีวิตนี้ทิวไม่รักผู้ชายคนนี้แล้วจะให้ไปรักผู้ชายคนไหนในโลกนี้อีก

"ตอนนี้บูมก็คงนอนซึมอยู่บนห้องนั่นแหละ ทิวขึ้นไปหาบูมเลยก็ได้ แพรวก็มัวแต่ชวนคุย ช่วยเขาหน่อยละกันนะทิว"

"ครับ" ทิวรับคำแล้วก็มองขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน

"ทิวจำห้องบูมได้ใช่ไหม เห็นพี่บีมบอกว่าทิวเคยมาค้างที่นี่เหมือนกันสมัยเรียนมัธยม"

ทิวพยักหน้า แม้จะนานแล้วแต่ทิวก็พอจำได้ อะไรที่เกี่ยวกับบูมทิวจำได้ทั้งนั้นแหละ

"ไปเหอะทิว บูมคงรอทิวอยู่" แพรวบอกพลางยิ้มให้กำลังใจ

ทิวพยักหน้าพร้อมกับยิ้มจางๆ "เราไปหาบูมก่อนนะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน"

ทิวบอกแล้วก็ลุกขึ้นยืน หันไปยิ้มเล่นกับน้องพีมสักพักแล้วก็เดินขึ้นไปบนชั้นสอง ใจของทิวเต้นไม่เป็นส่ำเลยเมื่อรู้ว่าจะได้เจอกับบูมแล้ว แต่คงไม่ใช่ใจเต้นเพราะจะได้เจอกันเท่านั้นหรอก ใจเต้นเพราะประหม่านั่นเอง ทิวไม่เคยง้อบูมเลย ไม่รู้ว่าง้อแล้วจะหายโกรธหรือเปล่าน่ะสิ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

ไม่นานนักทิวก็มายืนอยู่ที่หน้าห้องนอนของบูม คิดอยู่สักพักก็ตัดสินใจเคาะประตูห้อง รออยู่ไม่นานนักบูมก็เดินมาเปิดประตูให้ บูมอยู่ชุดนอนและมีสภาพอิดโรยพอสมควร พอบูมเห็นทิวแล้วก็ทำสีหน้าที่แสนจะเข้าใจได้ยาก จะว่าดีใจก็ไม่เชิง จะว่าเฉยๆ ก็ไม่ใช่ จะว่าโกรธก็ยังไม่ถึงขนาดนั้น

บูมหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องตามเดิม ทิวรีบปิดประตูแล้วก็เดินเข้าไปกอดบูมจากทางด้านหลังไว้ ทิวรักผู้ชายคนนี้เหลือเกิน ยิ่งรู้ว่าบูมเสียใจก็ยิ่งเป็นห่วง อยากมาหา อยากมาขอโทษและอธิบายสิ่งต่างๆ ให้ฟังเพื่อให้ทิวกับบูมกลับมารักกันเหมือนเดิม ไม่สามารถจะทนรอให้เป็นอย่างนี้ได้อีกแม้เพียงวันเดียว วันนี้ทิวจึงยอมลาป่วยกะทันหันเพื่อมาหาคนที่รัก

"เรารักบูมนะ เราไม่เคยรักใครคนอื่นเลย รู้ไหมว่าเรานอนไม่หลับ เป็นห่วงบูมทั้งคืนแล้วก็พยายามโทรหาตลอดเลย พอเช้าก็รีบมา เราคิดถึงบูมนะ เป็นห่วงมากด้วยรู้หรือเปล่า"

ถ้าทิวยืนอยู่ตรงหน้าบูมก็คงเห็นคนเจ้าเล่ห์แอบยิ้มแล้วล่ะ แต่บูมก็ยังคงทำเป็นเงียบอยู่ แกะมือทิวออกแล้วก็เดินกลับไปนอนบนเตียง หันหน้าไปอีกทางในลักษณะนอนตะแคง ไม่ยอมพูดยอมจาแม้แต่คำเดียว

ทิวยืนงงอยู่สักพักก็เดินตามไป ไม่รู้ว่าควรจะขึ้นไปบนเตียงกับบูมดีหรือเปล่าเพราะถือว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว ทิวยืนหันรีหันขวางอยู่สักพักก็ตัดสินใจขึ้นไปนั่งบนเตียงด้วย เอาเถอะ เป็นไงก็เป็นกัน มาถึงขั้นนี้แล้วนี่นา

"เรานอนด้วยได้หรือเปล่า" ทิวถามเป็นเชิงขออนุญาต

"......"

เงียบอีกแล้ว แต่พอเห็นบูมไม่ว่าอะไรทิวก็เลยนอนลงข้างๆ แล้วก็กอดบูมไว้จากทางด้านหลังเสียเลย คนถูกกอดก็ยังพยายามใจแข็งไม่หันมามอง

"ขอบคุณบูมมากนะที่นายทำเพื่อความรักของเรา นายเป็นผู้ชายที่เรารักที่สุดในโลกเลยรู้หรือเปล่า"

"......"

บูมยังคงเงียบ ทิวก็เลยเงียบบ้างแต่ก็ยังคงกอดบูมไว้ คราวนี้เหมือนบูมคงจะเริ่มทนไม่ไหวก็เลยยอมเปิดปากพูดบ้าง

"ไม่กลับไปอยู่กับแฟนล่ะ ชอบมีแฟนเด็กไม่ใช่เหรอ"

ทิวแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ทีเดียว เป็นครั้งแรกที่เห็นบูมงอนเหมือนเด็กๆ แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ

"ใครบอกว่าเราชอบมีแฟนเด็กล่ะ เราชอบมีแฟนเป็นผู้ใหญ่มากกว่า อบอุ่นดี กอดแล้วก็อุ่นดีด้วย"

ทิวพูดพลางกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นและซบหน้าบนไหล่ของบูมอย่างรักใคร่ บูมแอบยิ้มแต่ก็ยังทำเป็นเฉยๆ ทิวไม่เคยง้อบูมอย่างนี้เลย นึกไปนึกมาก็สนุกดีเหมือนกัน

"เราไม่ใช่ผู้ใหญ่ซะหน่อย อายุก็เท่ากัน"

ในที่สุดทิวก็อดขำไม่ได้ แต่ก็ต้องหัวเราะเบาๆ เพราะเดี๋ยวจะทำให้บูมงอนอีก

"ไม่เห็นเป็นไรเลย เราก็ชอบคนอายุเท่าๆ กันด้วย โดยเฉพาะคนที่เรากอดอยู่ตอนนี้ เรารักที่สุดในโลกเลยรู้เปล่า"

บูมแค่นเสียง "รักจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ พอเราไม่อยู่ก็แอบไปมีแฟนเด็ก"

เอาล่ะสิ แล้วทิวจะทำไงต่อดี ทำไมบูมงอนไม่เลิกเลยล่ะ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะเคยง้อผู้ชายถึงขนาดนี้นี่แหละ

"เราไม่เคยมีแฟนเด็กซะหน่อย เราไม่ได้ชอบเขาเลยนะ เขามาชอบเราเองต่างหาก เรารอแต่แฟนผู้ใหญ่...เอ๊ยไม่ใช่ๆ...แฟนอายุเท่าๆ กันคนนี้เท่านั้นแหละ รอตั้งหลายปีแน่ะ กว่าจะได้เจอก็ตั้งนาน คิดถึงจนใจแทบขาด แต่พอเจอกันนะ แฟนคนอายุเท่าๆ กันก็แกล้งเราใหญ่เลย เราน่ะใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยรู้เปล่า แต่ไม่เป็นไรหรอก เรารักแฟนคนที่อายุเท่าๆ กันมาก ยอมให้แกล้งได้ ให้แกล้งอีกหลายๆ ครั้งก็ยังได้เลย"

ตัวของบูมสั่นๆ เพราะพยายามกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่ แม้จะพยายามกลั้นไว้แค่ไหนแต่ก็มีเสียงเล็ดรอดออกมาจนได้

"แต่นายก็ทุบเราจนเจ็บเลยนะ" บูมพูดแล้วก็พลิกตัวหันมาเผชิญหน้ากับทิว

"จริงเหรอ ไหนขอดูหน่อยสิ"

ทิวพูดแล้วก็ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับลิกเสื้อยืดสีขาวที่บุมใส่นอนขึ้นเพื่อดูว่าหน้าอกของบูมมีรอยทุบจริงหรือเปล่า ทิวใช้มือลูบไล้ไปมาบนหน้าอกของบูมแล้วก็ทำหน้าล้อเลียน

"ไม่เห็นมีรอยทุบเลย เราน่ะทุบแค่เบาๆ เอง เรารักของเราขนาดนี้ ใครจะกล้าทำแฟนคนอายุเท่าๆ กันเจ็บได้ล่ะ"

นี่คงจะเป็นครั้งแรกในรอบสามปีที่บูมเกิดความรู้สึกปั่นป่วนกับการถูกปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศ บูมกุมมือทิวไว้ตรงหน้าอกของตัวเองพร้อมกับสายตากรุ้มกริ่ม ทิวเองก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กันเพราะห่างหายจากเรื่องอย่างนี้ไปนานแล้ว

"หายโกรธเราแล้วใช่ไหมบูม อย่าโกรธเราอีกเลยนะ นายเป็นที่พึ่งคนเดียวในโลกนี้ที่เรามีอยู่รู้หรือเปล่า ถ้านายโกรธเรา...เราก็จะไม่เหลือใครอีกเลยนะ"

ทิวพูดพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มมาคลอที่เบ้าตา บูมใช้มือโอบไหล่และดึงทิวให้โน้มต่ำลงจนใบหน้าเกือบจะชิดกัน

"ตอนแรกก็โกรธแหละ แต่ตอนนี้หายแล้ว แถมยังมีความรู้สึกแปลกๆ บางอย่างด้วย"

"อะไร" ทิวพาซื่อ

"ก็นาย...ยั่วเราซะขนาดนี้ จะให้เรารู้สึกยังไงล่ะ"

บูมยังคงยิ้มกรุ้มกริ่ม สายตาเป็นประกายนั้นบ่งบอกความรู้สึกปั่นป่วนที่ซ่อนอยู่ข้างในได้เป็นอย่างดี

"เดี๋ยวจะยั่วให้มากกว่านี้อีก"

พูดจบทิวก็ประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากของบูม บูมดูตกใจเล็กน้อยที่ทิวเป็นฝ่ายรุกก่อน แต่แล้วก็ปล่อยเลยตามเลย สงสัยคราวนี้...บูมคงจะต้องยอมทิวบ้างแล้วล่ะ ก็ดีเหมือนกันเผื่อจะได้เปลี่ยนรสชาติบ้าง

พอทิวถอนปากออก ต่างคนต่างก็หายใจหอบด้วยความตื่นเต้นวาบหวิว เพราะต่างก็ห่างหายจากเรื่องนี้ไปนานหลายปี แม้สัมผัสเพียงเล็กน้อยก็สร้างความรู้สึกเสียวกระสันรัญจวนใจได้มากแล้ว

"บูม...วันนี้เราผลัดกันบ้างนะ ได้หรือเปล่า" ทิวถามเสียงหอบ

บูมทำหน้าตกใจ สุดท้ายก็มาถึงวันนี้จนได้ วันที่บูมคงจะต้องยอมเป็นของทิวบ้างแล้ว

"เรารักนายขนาดนี้...ขออะไรก็ให้ได้ทั้งนั้นแหละ"

ทิวยิ้มดีใจแล้วก็ก้มลงไปจุมพิตกับบูมเบาๆ

"ที่รักของทิว"

บูมหัวเราะชอบใจใหญ่ "ครับ...คนดีของบูม อย่ามัวแต่ชักช้าล่ะ เดี๋ยวเราเปลี่ยนใจนะ"

ทิวจึงต้องรีบถอดเสื้อของตัวเองออกอย่างรีบร้อน เหลือแต่อกเปล่าเปลือย

"อย่าท้าเรานะ ถึงครั้งนี้จะเป็นครั้งแรก นายอาจจะติดใจจนลืมไม่ลงเลยก็ได้"

ทิวบอกพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม ไม่เคยทำสีหน้าอย่างนี้กับบูมเลย ทำให้คนที่ตกอยู่เบื้องล่างอดขำไม่ได้

"โห...อย่าหัวเราะสิ คนยิ่งไม่มั่นใจอยู่ เสียเซลฟ์หมดเลย" ทิวบอกพลางทำหน้างอ

บูมจึงหยุดหัวเราะ อย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย ทิวค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ บูม ก่อนจะลงมือทิวก็บอกไปว่า

"เป็นของเรานะบูม"

บูมอดขำอีกไม่ได้ แต่ทิวไม่สนใจแล้วล่ะ จัดการไซร้บริเวณซอกคอแล้วค่อยๆ ไล่ไปที่ใบหู เหมือนที่บูมชอบทำบ่อยๆ นั่นแหละ บูมรู้สึกเสียวสะท้านจนต้องกอดทิวไว้แน่นและหยุดหัวเราะ ทิวเริ่มรู้สึกพอใจ อย่างน้อยก็ยังพอคุมเกมส์ได้อยู่ แต่เมื่อเป็นงานแรกก็ต้องเข้าใจกันหน่อยว่าอาจจะมีการติดขัดทาง "เทคนิค" บ้างเล็กๆ น้อยๆ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

จนเกือบบ่าย ทิวกับบูมจึงได้ยุติกิจกรรมที่แสนพิเศษนั้น ต่างคนต่างเหนื่อยหอบ โดยเฉพาะทิวที่เพิ่งได้ลองเปลี่ยนบทบาทครั้งสำคัญ

"เจ็บหรือเปล่าบูม"

ทิวถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แม้จะเป็นฝ่ายรุกก่อนแต่ทิวก็เป็นฝ่ายที่นอนอยู่บนอ้อมอกของบูมเสียอย่างนั้น ทิวรู้สึกว่าสุดท้ายแล้วตัวเองก็เป็นฝ่ายที่ต้องการความอบอุ่นจากบูมมากกว่าอยู่ดีนั่นแหละ

"เพื่อคนที่เรารัก...เราทนได้อยู่แล้ว"

บูมยิ้มกว้างด้วยความดีใจ "เรารักนายจังเลยบูม ไม่รู้จะบอกว่ารักยังไง พูดอีกล้านครั้งก็ไม่เท่ากับความรู้สึกของเราที่อยู่ข้างในหรอก"

ทิวบอกพร้อมกับกอดและซุกหน้ากับอกบูมอย่างแนบแน่น บูมเป็นคนดีเหลือเกิน ยอมได้แม้กระทั่งเรื่องนี้ เพียงเพราะอยากจะให้คนที่รักได้ลองมีความสุขในอีกแบบหนึ่งบ้าง

"เรารู้ว่านายรักเรา นายอย่าไปยุ่งกับเด็กอีกละกัน" บูมพูดติดตลก

"บ้า...นายนี่ คนกำลังซึ้งๆ เดี๋ยวก็ทุบให้อีกหรอก" ทิวพูดพลางลุกขึ้นและทำท่าจะทุบอกบูม

"เราล้อเล่นน่า" บูมยิ้มแล้วก็ลุกขึ้นมานั่งในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน

ทิวกลิ้งลงไปนอนบนบริเวณตักของบูม มีผ้าห่มปิดส่วนนั้นไว้อยู่จึงไม่น่าเกลียดมากเท่าไหร่ แต่อยู่กันสองต่อสองอย่างนี้คงไม่มีอะไรน่าเกลียดหรอก

"บูม...แพรวบอกเราว่า...นายเอาแต่เก็บตัว ไม่ยอมออกไปไหนเลยเหรอ" พูดแล้วทิวก็แหงนหน้าขึ้นไปมองเจ้าของตักอุ่นๆ

"ก็...ถ้าไม่ทำแบบนี้ แม่ก็ไม่เห็นใจเราน่ะสิ เราน่ะ...อยากพิสูจน์ให้แม่รู้ว่าเรามั่นคงแค่ไหน ก็ไม่ได้อยากทำให้ใครเป็นห่วงหรอกนะ แต่มันจำเป็นต้องทำ"

ทิวดึงมือบูมมากุมไว้บนอกของตัวเองด้วยสีหน้ารักใคร่

"ขอบคุณมากนะบูม นายได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า...นายทำทุกอย่างได้เพื่อความรักจริงๆ เราศรัทธาในตัวนายมากเลยรู้ไหม นายทำให้เรา...รู้ว่ารักแท้เป็นแบบไหน ความจริงเราก็มั่นใจมานานแล้วล่ะ แต่ครั้งนี้...เราเข้าใจรักแท้มากขึ้น"

"ขอบคุณนายด้วยนะที่รอเรา เรารู้ว่านายคงเหงา...ต้องการใครสักคน สามปีที่ต้องอยู่กับความเหงามันก็...โหดร้ายไม่ใช่เล่นเหมือนกัน แต่เราสองคนก็ผ่านมันไปได้ ขอบคุณนะครับคนดีของบูม"

พูดจบบูมก็ลูบไล้ที่แก้มของทิวเบาๆ

"เพราะเรามีรักแท้ไงบูม นายเคยได้ยินไหมที่เขาบอกว่า ขอแค่ให้เรามั่นคง รักก็จะนำทางเราไปเสมอ สุดท้ายเราก็ได้มาเจอกันอีก"

"หวังว่าเราคงจะไม่จากกันไปไหนอีกแล้วนะ" บูมก้มลงมองใบหน้าทิวพลางยิ้ม แล้วก็เปลี่ยนไปลูบผมทิวเล่นอย่างอ่อนโยน

"เราก็หวังอย่างนั้น" ทิวยิ้มตอบด้วยความหวัง

"เมื่อไหร่นายจะย้ายมาอยู่กับเราล่ะทิว เราอยากให้นายย้ายมาวันนี้พรุ่งนี้เลย ได้ไหม เราไม่อยากให้เด็กนั่นเห็นนายอีกแล้ว เรากลัวมันจะทำอะไรทิวน่ะ"

"ขี้หึงเหมือนกันนะเนี่ย" ทิวหัวเราะชอบใจใหญ่

"ไม่รู้ล่ะ มีแฟนน่ารักอย่างทิวจะไม่ให้หึงได้ยังไงล่ะ"

สองหนุ่มสบตากันแล้วก็ยิ้ม

"คงไม่เร็วขนาดนั้นหรอกบูม เราต้องยื่นใบลาออกอย่างน้อยหนึ่งเดือนล่วงหน้า ให้เขาหาคนก่อน ว่าแต่ว่า...ถ้าเรามาอยู่ที่นี่ นายจะให้เราทำอะไรล่ะ เราไม่อยากอยู่เฉยๆ ไม่มีงานทำนะ"

"นายอยากทำโครงการอีกไหมล่ะ เรามีไอเดียเยอะแยะเลย ถ้านายยังชอบทำงานพวกนี้อยู่ เราก็จะเขียนโครงการให้ เราพอมีเครดิตจากการทำงานครั้งที่แล้วอยู่บ้าง ถ้าเรามีไอเดียดีๆ อีกก็ไม่น่าจะมีอะไรขัดข้อง เดี๋ยวชวนเอิร์ธกับวิทมาทำด้วย อ้อ...ลีน่ากับแอนเดอร์สันกลับไปแล้วนะ กลับไปได้เกือบสองปีแล้วล่ะ"

ทิวพยักหน้ารับรู้แล้วก็ตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า "อยากทำสิ...เราชอบงานแบบนั้น"

"โอเค...เราจะเลิกเก็บตัวอยู่กับบ้านแล้วล่ะ ช่วงที่นายยังทำงานอยู่ที่โน่น เราก็จะเขียนโครงการแล้วก็ชวนเพื่อนเราอีกสองคนมาช่วย เอิร์ธกับวิทคงอยากทำอยู่เพราะเขาเคยเปรยๆ เอาไว้ ตอนนี้เราอยากนำความรู้เรื่องการทำธุรกิจเพื่อสังคมมาเผยแพร่ รู้สึกว่าตอนนี้ธุรกิจแบบนี้กำลังเป็นที่น่าสนใจมากๆ เลย เราอยากเอาแนวคิดแบบนี้มาช่วยให้คนที่ขาดโอกาสได้มีอาชีพ มีรายได้ ดีไหมทิว"

"ดีๆ เราว่าโครงการแบบนี้ก็ดีนะ เผื่อจะช่วยใครให้ลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้บ้าง"

"ถ้านายชอบจริงๆ บางทีเราอาจจะช่วยตั้งเป็นองค์กร มูลนิธิหรือสมาคมให้ นายก็ทำตรงนั้นไป เราก็ทำงานบริษัทของพ่อ สานต่องานตรงนี้ แต่ว่าเราก็จะมาช่วยนายทำโครงการด้วยนะ หรือถ้านายอยากเขียนโครงการเป็น เราก็จะช่วยสอนให้ เอามั๊ย"

ทิวพยักหน้า "เอาสิ เรานี่โชคดีจริงๆ นะที่ได้เป็นแฟนกับคนที่อายุเท่าๆ กันที่มีจิตใจดีแบบนี้"

ได้ยินคำว่า "แฟนคนที่อายุเท่าๆ กัน" แล้วบูมก็หัวเราะชอบใจ ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นคำติดปากของทิวไปเสียแล้ว

"เราพอมีความรู้ ช่วยคนอื่นได้เราก็ควรทำนะ" แล้วบูมก็หยุดเว้นจังหวะ

"เฮ้อ...ดีใจจังที่เราจะได้มาอยู่ด้วยกัน ช่วยกันทำงาน ผัวหาบ...เมียคอน"

"โห...ดูเปรียบเทียบเข้า นี่แน่ะ"

ทิวว่าพลางใช้มือทุบไปบนอกบูมเบาๆ สองสามที แล้วต่างคนก็ต่างหัวเราะชอบใจ

คงจะหมดทุกข์หมดโศกเสียทีนะทิวกับบูม ใครกันนะที่บอกว่าฟ้าเป็นคนลิขิตชีวิตของเรา สวนหนึ่งก็อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่อีกส่วนหนึ่งเราก็ต้องลิขิตชีวิตของตัวเองด้วย ไม่ใช่รอแต่ฟ้าดินอย่างเดียว แต่ถึงกระนั้นจะมีประโยชน์อะไรถ้าฟ้าลิขิตแล้วหัวใจของเราไม่ได้รักกัน การกลับมาเจอกันอีกครั้งก็คงไม่มีความหมาย แต่ด้วยหัวใจที่เข้มแข็งและความรักที่มั่นคง สุดท้ายทิวกับบูมก็สามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ไปได้ด้วยดี แม้กระทั่งใจคนที่นับว่าเป็นอุปสรรคที่ยากที่สุดในบรรดาอุปสรรคทั้งหมดก็ไม่อาจต้านทานความรักแท้ของทั้งสองคนได้

เสียงเพลง "ฉันดีใจที่มีเธอ" ที่ทิวกับบูมเคยร้องด้วยกันสมัยเรียนมัธยมดังขึ้นในใจของทั้งสองคนอีกครั้ง เป็นเสียงเพลงแห่งวันวานที่นำทิวกับบูมมาพบเจอกันจนเกิดเป็นความรัก ภาพที่ทิวนั่งสอนบูมร้องเพลงที่ห้องซ้อมดนตรีตอนเที่ยงฉายชัดขึ้นในห้วงความคิดอีกครั้ง และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของความรักที่แสนยาวนานของทั้งสองคน

ทิวยังคงหนุนนอนอยู่บนตักของบูมและยิ้มอย่างมีความสุข หัวใจของทิวรับรู้อยู่เสมอว่าบูมคือคนๆ เดียวที่ทำให้โลกใบนี้อบอุ่นและน่าอยู่ตลอดมา

จบ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 39 วันที่ 1-05-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 02-05-2012 00:22:21
แว๊บไปทีโผล่มา ได้อ่าน 2 ตอน รวด จบ ending เลย

 :pig4: :กอด1: :L2: คุณ sarawatta ที่เอานิยายสนุกๆ มาให้อ่าน

ขอบอกชอบมากกกกกกกก  ตามตั้งแต่ต้น-สน 

เขียนได้ดี บทจะมาม่า ก็เอาน้ำตาเราไหลเลย  แต่บทจะกุ๊กกิ๊กก็น่ารัก แหว๋วได้อีก o13

แต่ตอนจบเรื่องนี้ มีการสลับตำแหน่งกันด้วย :z1:


หวังว่าถ้าคุณ sarawatta มีเวลา ก็เอาเรื่องใหม่มาลงอีกนะค่ะ  :call:

ระหว่างรอเรื่องใหม่จะไปอ่าน ต้น-สน ต่อค่ะ  :z2: :man1: :L1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 39 วันที่ 1-05-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: shokung ที่ 02-05-2012 00:54:31
อ๊ายยยยยยยย ตอนจบทิวกินบูมมมมมม อยากแอบดูในห้องจัง คุๆๆ

ขอบคุณคุณ sarawatta นะครับ ที่แต่งนิยายดีๆเรื่องนี้

หวังว่าจะมีโอกาสได้อ่านเรื่องต่อไปของคุณ sarawatta อีกนะครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 39 วันที่ 2-05-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 02-05-2012 11:22:59
เกือบจะแย่อีกแระ  ดีที่บูมยังเข้าใจ ไม่งั้นทิวคง o22 อีกรอบ

สงสารแต๋งเหมือนกันนะ 

นักแต่งค่ะเรื่องหน้าเอาแต๋งมาคู่กับต้องดีมั้ย??   อกหักจากทิวทั้งคู่เผื่อมาจึ๋กๆ กันเอง  :z2:

 :pig4: สำหรับนิยานสนุกๆ ซึ้ง ดราม่า กินใจ  อุปสรรคเยอะจริง

ไว้จะติดตามเรื่องต่อๆ ไปนะค่ะ  :man1: :m18:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 39 วันที่ 2-05-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 02-05-2012 12:10:02
แว๊กกกเข้าใจกันสักที
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 39 วันที่ 2-05-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 02-05-2012 20:38:08
กำลังพยายามจะเชื่อว่ามันจบแล้วจริง ๆ ไม่นะ  :z3:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 39 วันที่ 2-05-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 02-05-2012 20:51:46
ดีใจกะความสำเร็จที่ผ่านอุปสรรคมาได้
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 39 วันที่ 2-05-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 02-05-2012 21:26:46
เฮ้อ! กว่าจะลงตัว
คนอ่านท้องอืดเพราะมาม่าไปหลายซอง

ขอบคุณมากนะคะสำหรับนิยายเศร้า แต่จบอย่างมีความสุข
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 39 วันที่ 2-05-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 02-05-2012 21:37:04
จริงๆ เรื่องนี้ที่ผมวางพล็อตไว้จะจบแบบไม่สมหวังครับ แต่บังเอิญช่วงวันหยุดสงกรานต์
กลับบ้านที่ระยองแล้วไปนั่งเล่นชายหาด คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็ได้พล็อตเรื่องอีกแบบมา
ผมก็คิดอยู่หลายวันว่าจะยอมแลกกับอันเดิมดีไหม เพราะอันใหม่ที่คิดไว้ก็น่าสนใจ พอเห็นทางออกของปัญหา
ถ้าปัญหามันแก้ด้วยวิธีนี้ได้ ก็น่าจะลองดู ก็เลยตัดสินใจรื้อพล็อตตอนหลังทิ้งหมดแล้ววางใหม่ครับ

พล็อตเดิมก็คือว่า ในช่วงสามปีที่บูมไปเรียนต่อ บูมจะแอบกินยาชนิดหนึ่งที่จะทำให้ร่างกายเขาเสื่อมสภาพลง
แล้วก็ค่อยๆ ตายในที่สุด แต่ก่อนตาย ก็จะได้เจอกับทิว แล้วแม่ก็สำนึกได้เมื่อสายเกินไป
แม่เรียกร้องขอชีวิตลูกคืนและยินดีจะทำทุกอย่าง ขอแค่ให้ได้ชีวิตของลูกกลับคืนมา
แต่ทุกอย่างก็สายเกินไป...ประมาณนี้ครับ
แต่ถ้าออกมาแบบนี้เรื่องมันจะหนักไปหมด คนเขียนก็จะเครียดไปด้วย
เพราะผมชอบเขียนนิยายแล้วต้องรู้สึกตามตัวละครไปด้วย ถ้าไม่ได้อารมณ์ตามนั้นมันเขียนไม่ออก

ทีนี้พอได้พล็อตมาสองแบบ ผมก็ชั่งน้ำหนักระหว่างให้บูมกินยาที่ทำให้ค่อยๆ ตาย
กับให้บูมทรมานตัวเองโดยการเก็บตัวและซึมเศร้า
สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกอย่างหลังครับ จริงๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าผมหาข้อมูลยาแบบนั้นไม่ได้ด้วยครับ
ถ้าหาได้ บูมก็คงตายตอนจบครับ (พร้อมกับคนเขียนที่เสียสติไปด้วย)

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาติดตามอ่านนะครับ มีทั้งคนเก่าที่ตามมาอ่านตั้งแต่ตอนแรกๆ และคนใหม่ๆ ที่เพิ่งตามมาอ่าน
ตอนนี้เห็นยอดวิวเกิน 10,000 แล้วก็ตกใจเหมือนกัน ไม่คาดคิดมาก่อนว่ามันจะได้ขนาดนี้
เรื่องต่อไปของผมคงพักไปสักระยะก่อน อาจจะเปลี่ยนแนวหรืออาจจะจบแบบไม่สมหวังบ้างก็ได้
ตอนนี้เริ่มมีพล็อตในหัวแล้ว แต่ปกติผมจะใช้เวลาค่อนข้างนานในการวางพล็อตให้ละเอียด
เรื่องนี้ผมก็ใช้เวลาเกือบปีครับ แต่เรื่องใหม่คงไม่น่าจะนานขนาดนั้น ตอนนี้ก็ฝาก "ต้นสน" ด้วยนะครับ
เอามาปัดฝุ่น ขัดเกลาใหม่ กระชากอารมณ์กว่าเดิมครับ อิๆ

จะเห็นว่าทั้ง "รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต" กับ "ต้นสน" จะมีเรื่องของความผูกพันธ์ในวัยเด็กมาด้วย
แต่ไม่ได้ตั้งใจให้เหมือนกันเลยนะครับ ตอนคิดเรื่อง "รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต" ก็ไม่ได้คิดถึงว่าจะต้องผูกพันธ์มากเท่า "ต้นสน"
แต่อยากเห็นภาพการจากกันที่เจ็บปวด ผมจึงให้ทิววิ่งตามรถของสนไป แต่สุดท้ายก็ตามไม่ทันและไม่ได้เจอกันอีกเลยหลายปี
ก็เลยให้เริ่มที่วัยมัธยมปลาย ถ้าเริ่มช้ากว่านี้เดี๋ยวจะแก่กันซะก่อน วิ่งกันไม่ไหว อิๆ

แต่ว่า...ผมจะมีตอนพิเศษอีก 1 ตอนสำหรับเรื่องนี้ด้วยครับ แล้วก็จะจบไปเลย ไม่มีพิเศษกว่านี้อีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 39 วันที่ 2-05-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 02-05-2012 21:45:13
ช่างสมกับชื่อ "รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต"จริงๆ
เพราะความเข้าใจกัน รักจริง รักแท้ อดทน มั่นคงต่อกัน ไม่หวั่นไหวกับสิ่งเร้ารอบกาย
ที่สุด :man1:ความรักของทิวกับบูมก็ลงเอยแบบ :pig3: ยินดีอย่างยิ่งไปกับทิวและบูมด้วย
 :pig4:ขอบคุณผู้เขียนมากๆจ้ะ สำหรับนิยายที่ให้ทั้งความบันเทิงและให้ข้อคิดดีๆตั้งมากมายเรื่องนี้
 :L2: :กอด1:แทนคำขอบคุณอีกครั้งจ้ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 39 วันที่ 2-05-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 02-05-2012 21:53:20

จบแล้ว ในที่สุดทั้งคู่ก็สมหวังกันซะที

ชอบมากมายเลยค่ะ กว่าจะผ่านพ้นอุปสรรคแต่ละเรื่องได้ คงเศร้ากันมาพอดู

สุดท้ายก็สมหวังกันซะที

จงรักกันไปเรื่อยๆนะ

รอตอนพิเศษค่ะ 555

อยากอ่านนิยายเรื่องต่อๆไปของคุณคนเขียนอีกจังเลย

ชอบพล๊อตการผูกความสัมพันธ์ของตัวละครมากเลยค่ะ มันละมุนละไมดีอะ ไม่ฉาบฉวยเหมือนเรื่องทั่วๆไป

แถมยังใช้ความเป็นเพื่อนสมัยเรียนผูกตัวละครให้...อะไรว๊า - -"

555 แต่ชอบมากค่ะ เรื่องนี้เราตามมาจากต้นสน อยากบอกว่าชอบมากกก อดไม่ได้ต้องไปอ่านอีกบอร์ดแหนะ -.-

แต่ตอนนี้เห็นว่ามีการเขียนใหม่ด้วยจะตามไปอ่านนะค่ะ

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะค่ะ คุณคนเขียน ชอบมากมายเลยจ้า

 :m1: :m1: :m1:

เค้า + 1 ให้ตัวเอง  o13 o13
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 39 วันที่ 2-05-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 03-05-2012 00:35:37
หายไปทำภารกิจซะหลายวัน กลับมาปาไป 3 ตอนแล้ว
ดีใจที่ในที่สุด แม่บูมก็เข้าใจความรักของทั้งคู่เสียที

ตอนบูมไปตามทิวนึกว่าจะหมดมาม่าแล้วซะอีก แต๋งก็นำมาม่าอีกถ้วยยกมาให้ งื้อออ...ปวดใจ
โชคดีที่แม่บูมช่วยให้เข้าใจกัน (เริ่มรักแม่บูมอีกคนแล้ว พอเข้าใจแม่บูมก็น่ารักมากๆเลย)

เผลอกรี๊ดดด....เงียบๆอยู่หน้าจอ เคยเข้าใจว่าทิวเป็นรุกตั้งแต่แรก(เป็นการเข้าใจผิดไปเองมาตั้งนาน 55+)
และวันนี้มันเป็นจริงแล้ววว  :o8: :-[ :impress2: บูมน่ารักอ่ะ ยอมเจ็บเพื่อทิวด้วย

ตอนหน้าจบแล้วหรอคะ ยังไม่อยากให้จบเลย แต่หากไม่จบ แปลว่าต้องมีมาม่าอีก
งั้นยอมให้จบก็ได้(สงสารทิวกับบูมแล้วง่ะ) อยากให้สมหวังเสียที

ดีใจที่คุณ Sarawatta ยอมเปลี่ยนใจให้จบแบบ Happy Ending เย้ๆๆๆๆ  :mc4:
หากจบแบบบูมตาย ชีวิตทิวคงเศร้ามากๆรันทดทั้งเรื่อง  :sad4: :o12:  ทิวคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ คงตรอมใจแล้วตายตามบูมไป :a5:

ขอบคุณค่ะ  :กอด1: กอดทิว  :กอด1:กอดบูม สมหวังเสียทีนะ
รออ่านตอนจบค่ะ +1 +เป็ด เป็นกำลังใจให้เสมอ จะติดตามเรื่องต่อๆไปด้วยค่ะ
ปล. ชอบประโยค "ผัวหาบ เมียคอน" เหมือนมีความหมายของ "ชีวิตคู่ที่สมบูรณ์" แฝงอยู่ในประโยคนี้
 :L2: :L2: :L2:

หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 39 วันที่ 2-05-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 03-05-2012 18:11:22
ว่าแล้วเชียว ต้องมีอีก รักคนเขียนที่สุด  :man1:
.แต่ดีนะ ที่คนเขียนหาข้อมูลยาไม่ได้ ถ้าหาได้ มันคงเป็นดราม่า
ส่งท้ายที่แรงที่สุด !
ถึง บูมทิว จะจบแล้ว แต่ยังไงก็ยังรักอยู่ ขอบคุณคนเขียนที่เขียนเรื่องสนุก ๆ แบบนี้ให้อ่านครับ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 39 วันที่ 2-05-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 03-05-2012 23:41:51
จะรออ่านตอนพิเศษนะครับ

ปล. ดีแล้วละ ที่จบแบบนี้ ถ้า bad ending คงเศร้ามากกๆเลยครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 39 วันที่ 2-05-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 04-05-2012 00:00:29
ก็ถ้าอ่านเรื่องนี้แล้วชอบ

แนะนำให้ไปอ่าน เรื่อง ต้นสน อีกเรื่อง ของคุณ sarawatta เจ้าเดิมจ๊ะ

รับรองสนุกไม่แพ้ ทิว บูม   o13  เค้า confirm    :z2:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 39 วันที่ 2-05-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 04-05-2012 02:30:55
เราเข้ามาอ่านรวดเดียวจบเลยอ่ะ
คนเขียน เขียนเรื่องนี้ดีมากๆเลย(ซึ้งมาก) ภาษาก็สวย
เราอ่านไปน้ำตาไหลไป
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 39 วันที่ 2-05-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 04-05-2012 11:51:23
เพิ่งได้มีโอกาสอ่านครับ
เล่นเอาไปซะ 2วัน
เรื่องสนุกมากๆครับ
ขอบคุณกับสิ่งดีๆที่มอบให้
ขอเป็นแฟนคลับด้วยคนครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 39 วันที่ 2-05-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: shokung ที่ 04-05-2012 23:24:55
แอบดีใจที่ไม่ต้องจบแบบที่คิดไว้ตั้งแต่แรก เพราะไม่งั้นนอกจากคนแต่งจะจิตตกแล้ว คนอ่านมีหวังจิตตกกันระนาวแน่ คุๆๆ

ไว้จะรอเรื่องต่อไปนะครับ

ป.ล.ต้นสนที่ปัดฝุ่นใหม่ ยังไงเติมรสชาติด้วยเรื่องบนเตียงด้วยก็ดีนะครับ คุๆๆ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 39 วันที่ 2-05-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 05-05-2012 03:36:53
ดีใจค่ะที่ทั้งคู่ลงเอยกันได้ด้วยดี

ขอขอบคุณคนเเต่งด้วยนะคะ ที่หาข้อมูลยาไม่เจอ

ไม่งั้นจะเครียดมากๆเลยค่ะ คริๆ

ขอให้รักกันยืนยาวไปตลอดเลยนะคะ พิสูจมากันขนาดนี้เเล้ว คงไม่มีอะไรทำร้ายได้อีกเเล้ว
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 39 วันที่ 2-05-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 07-05-2012 21:02:41
วันนี้ (2 May 2012) ได้ไปเจอน้องบูมมาด้วยครับ (คนที่ผมแอบปลื้มแล้วเอามาเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องนี้)
น้องน่ารักมากๆ เลย (เสียดายมีแฟนแล้ว) เราก็ได้แต่แอบชื่นชม แต่ไม่กล้าทำอะไรหรอก  o18
เข็ดกับความรักแล้วแหละ แต่ก็ดีใจที่มีคนดีๆ แบบนี้อยู่ในโลก ดีใจที่ได้เจอกัน  :z1:
ไม่ได้รักกันก็ไม่เป็นไร
ตอนนี้จบจริงๆ แล้วนะครับ ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่เข้ามาตามอ่านและให้กำลังใจ :L1:
ถ้าหากมีสิ่งใดผิดพลาดไปก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ :L2:
หวังว่าจะได้มีโอกาสมาเขียนเรื่องใหม่ๆ ให้อ่านกันต่อไปนะครับ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 40 ✦ ตอนจบพิเศษ

(http://s5.postimg.org/o1jxkan3r/Indestiined_banner.jpg)

ตั้งแต่ทิวเข้ามาอยู่ที่บ้านเทพสถิตย์พิทักษาก็ดูเหมือนว่าจะทำให้บ้านหลังนี้มีคนสวนเพิ่มมาอีกหนึ่งคนเสียแล้ว ปกติบ้านนี้จะไม่มีคนสวนประจำแต่ใช้วิธีจ้างมาทำเป็นครั้งคราว ส่วนต้นไม้ที่ปลูกในบ้านก็ใช้วิธีติดสปริงเกอร์เพื่อฉีดให้น้ำแทน มีแม่บ้านเป็นคนคอยดูแลการเปิดปิดในแต่ละครั้ง พอทิวเข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว ช่วงที่ยังว่างๆ ระหว่างรอโครงการอนุมัติจึงช่วยจัดการดูแลสวนในบ้านเพราะชอบต้นไม้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

คุณทิพย์นภากับคุณลิขิตดูจะถูกใจมากทีเดียว ถึงกับชมไม่ขาดปากว่าสวนสวยขึ้นมาก แขกไปใครมาก็ชมกันหลายคน คนที่ยิ้มไม่หุบก็คือทิว ส่วนอีกคนที่คอยแอบปลื้มอยู่ข้างหลังก็ต้องเป็นบูมอยู่แล้ว บูมคอยลุ้นอยู่ตลอดว่าทิวจะเข้ากับคนในบ้านได้หรือเปล่า ดีที่ว่าทิวเป็นคนน่ารัก เข้ากับคนได้ง่าย แถมยังขยันทำงาน คนในครอบครัวของบูมทุกคนจึงรักและเอ็นดูทิวมาก ทำให้บูมโล่งใจไปมากทีเดียว

เย็นวันอาทิตย์วันหนึ่ง บังเอิญเป็นวันที่ทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา บีมออกความเห็นว่าน่าจะออกมานั่งทานอาหารเย็นที่สวนหน้าบ้านด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ทุกคนก็เห็นดีด้วย แถมยังช่วยกันทำอาหารกันคนละอย่างสองอย่าง แม่บ้านจึงสบายตัวไปหนึ่งวัน

"โครงการไปถึงไหนแล้วบูม รีบหางานทำให้ทิวเร็วๆ หน่อยสิลูก เดี๋ยวทิวจะเป็นคนสวนจนติดใจไม่ยอมทำงานอย่างอื่น"

คุณทิพย์นภาเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีขณะที่นั่งกินข้าวเย็นด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาบริเวณหน้าบ้าน

"ใกล้แล้วครับแม่ ปลายๆ เดือนนี้ก็น่าจะอนุมัติแล้วล่ะครับ" บูมตอบพลางหัวเราะและหันไปยิ้มกับทิวที่นั่งอยู่ข้างๆ

"คุณแม่ของแพรวมาเยี่ยมหลานเมื่อวานค่ะ ชมใหญ่เลยว่าสวนบ้านเราสวยขึ้น จำแทบไม่ได้เลย นึกว่าเข้าบ้านผิด ทิวเก่งนะคะเนี่ย"

แพรวบอกแล้วหันไปยิ้มให้ทิวและขำไปด้วย ใบหน้าของทุกคนเปื้อนด้วยรอยยิ้ม บรรยากาศในบ้านเทพสถิตย์พิทักษาผ่อนคลายและเป็นกันเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตั้งแต่ทิวได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ บูมเองก็ดูมีความสุขมากขึ้น ไม่เก็บเนื้อเก็บตัวและไม่ซึมเศร้าหงอยเหงาอีกต่อไป

"แล้วทิวไปเรียนจัดสวนมาจากไหนเหรอ" คุณลิขิตถามบ้าง

"อ๋อ...ผมชอบต้นไม้ครับ แล้วก็ชอบอ่านหนังสือพวกจัดสวน จัดบ้านด้วยครับ เมื่อก่อนผมชอบไปซื้อต้นไม้มาปลูกจนเต็มบ้าน แทบไม่มีที่จะเดินเลยครับ"

ทิวบอกพลางขำ

"ใช่ๆ พี่จำได้ ตอนที่ไปส่งทิวที่บ้านตอนนั้นพี่ยังตกใจเลยว่านี่บ้านคนหรือป่ากันแน่ มองเข้าไปแทบไม่เห็นอะไรเลย" บีมขำบ้าง

"แม่ก็เคยว่าเหมือนกันครับว่าซื้อมาทำไมเยอะแยะ"

พูดถึงแม่ทีไรทิวก็รู้สึกใจหายทุกที ทิวเคยเล่าเรื่องชีวิตของตัวเองให้คุณทิพย์นภากับคุณลิขิตฟังเมื่อไม่นานนี้ ทั้งคู่ต่างก็เศร้าสะเทือนใจไปกับชะตาชีวิตของทิวกันมากทีเดียว โดยเฉพาะคุณทิพย์นภาที่ถึงกับน้ำตาซึมเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าทิวจะลำบากถึงขนาดนั้นหลังจากที่แม่จากไป

"ทิวไปทำบุญให้แม่บ่อยไหม" คุณทิพย์นภาเปลี่ยนเรื่องถาม

"ก็...เดือนละครั้งครับ"

"ดีแล้วล่ะ คนที่ไม่ลืมพ่อไม่ลืมแม่ ชีวิตไม่ตกอับหรอก ถึงเขาจะไม่อยู่แล้ว แต่เขาก็จะคอยดูเราอยู่ แม่เขาคงดีใจที่ทิวไม่เคยลืมแม่ ถ้าแม่รู้ว่าทิวอยู่สุขสบายดีแล้วแม่ก็จะยิ่งมีความสุขและหมดห่วง"

ฟังคุณทิพย์นภาพูดจบแล้วทิวก็ยิ้มและน้ำตาไหลเสียอย่างนั้น บูมรีบหยิบกระดาษเช็ดปากบนโต๊ะอาหารมาให้ทิวซับน้ำตา บูมเองก็ยังนึกถึงคุณทิษณาอยู่เสมอเช่นเดียวกัน เมื่อก่อนบูมไปบ้านทิวบ่อยๆ กินนอนที่นั่น คุณทิษณาดูแลเพื่อนของลูกชายเป็นอย่างดี แม่ของทิวใจดีมาก ทิวเองก็อยู่กับแม่มาเกือบตลอดชีวิต ก็เป็นธรรมดาที่จะติดแม่พอสมควร และนั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทิวเป็นเกย์โดยที่ไม่รู้ตัว

"ถ้าทิวไม่รังเกียจ...ก็ถือว่าพ่อกับแม่ก็เป็นเหมือนพ่อกับแม่ทิวละกันนะลูก" คุณลิขิตบอกพลางยิ้มให้กำลังใจ

ทิวหันไปยิ้มให้กับพ่อกับแม่ของบูม ก็รู้สึกดีใจที่ทุกคนในบ้านนี้ให้การต้อนรับทิวเป็นอย่างดี ตอนแรกๆ ก็กลัวๆ คุณทิพย์นภาอยู่บ้างเพราะเคยโดนเธอเล่นงานมาก่อน แต่ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวอย่างที่คิด นอกจากจะไม่มีปัญหาแล้วคุณทิพย์นภาก็ดูเหมือนจะเอ็นดูทิวมากเป็นพิเศษอีกด้วยเพราะทิวเป็นคนขยัน แถมยังมีชีวิตที่น่าสงสาร จึงได้รับคะแนนเห็นใจไปมากทีเดียว

"ดูแลทิวดีๆ นะบูม ทิวบอกแม่ได้เลยนะถ้าบูมเกเร เดี๋ยวแม่จัดการให้" คุณทิพย์นภาพูดติดตลกเพื่อคลายบรรยากาศเศร้าหมองที่กำลังเกิดขึ้น

"โธ่แม่ ผมเคยเกเรที่ไหนล่ะครับ" บูมทำเสียงตัดพ้อ "ผมดูแลทิวดีจะตาย ดูทิวตอนนี้สิครับ มีเนื้อมีหนังขึ้นตั้งเยอะ"

"ก็ไม่รู้ล่ะ แม่ก็พูดขู่ไว้ก่อน บูมจะได้ไม่กล้าไงล่ะ"

แล้วทุกคนก็หัวเราะชอบใจ บูมใช้มือที่ว่างคอยบีบให้กำลังใจทิวและส่งผ่านความรู้สึกดีๆ ให้แก่กัน

"แม่ครับ...ทำไมเราไม่จัดงานแต่งงานให้ทิวกับบูมบ้างล่ะครับ" บีมเสนอขึ้นมาหลังจากที่ทุกคนเงียบไปสักพัก

ทุกคนหยุดหัวเราะและเงียบไป จากนั้นก็หันมองหน้ากันไปมา ทิวกับบูมเองก็ตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่บีมเสนอ แต่ในใจลึกๆ ของบูมนั้นก็อยากทำอย่างนั้นเหมือนกันเพราะอยากให้เกียรติทิว อยากให้สังคมได้รู้ว่าคนที่เป็นเกย์ก็อยากแต่งงานเหมือนกับคู่หนุ่มสาวทั่วไป

"มันจะดีเหรอบีม แม่ว่า..."

คุณทิพย์นภาลังเล แม้ว่าเธอจะรับทิวเข้ามาอยู่ในบ้านแล้วแต่เธอก็ยังไม่เคยประกาศให้ใครรู้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่การทำเช่นนี้ก็เท่ากับจะเป็นการประกาศให้คนอื่นๆ ได้รู้ว่าลูกชายของเธอเป็นแบบไหน แล้วบูมจะรับได้หรือเปล่า

"ดีสิครับแม่ ถ้าเรายังมัวแต่ปกปิด เราก็จะไม่สบายใจซะเองเพราะคนอื่นๆ ก็จะสงสัยแล้วก็เอาไปซุบซิบต่างๆ นาๆ จะพูดกันไปแบบไหนก็ไม่รู้ สู้เราเป็นคนบอกเองเลยดีกว่าครับ บอกแล้วเราก็จะได้สบายใจ สมัยนี้เรื่องอย่างนี้เขาไม่จำเป็นต้องปกปิดกันแล้วล่ะครับแม่ บูมกับทิวเองก็จะได้สบายใจด้วย ไม่งั้นมันก็จะเหมือนว่าเขาสองคนทำอะไรผิดถึงต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ"

"จริงด้วยสิคุณ ที่บีมพูดก็ถูกนะคุณ ตอนนี้คนก็เริ่มสงสัยกันเยอะแล้ว ปล่อยให้เขาพูดไปต่างๆ นาๆ กันเองไม่ดีหรอกคุณ บูมกับทิวเองก็คงไม่สบายใจ ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนสงสัย เราไม่ได้ทำอะไรผิดนะคุณ จะอายทำไม ผมว่าจัดงานแต่งงานให้บูมกับทิวเลยดีกว่า จะได้รู้กันไปให้หมดเรื่องหมดราว พอคนรู้แล้วเขาจะคิดจะพูดอะไรก็ช่างเขา ถือว่าเราได้บอกความจริงไปแล้ว"

คุณลิขิตสำทับอีกคน

"บูมกับทิวว่าไงล่ะลูก"

คุณทิพย์นภาหันไปถามลูกชายกับลูกชายสะใภ้ ถ้าสองคนนี้ไม่มีปัญหาอะไรเธอก็คงไม่ขัดข้องหรอก  บูมกับทิวมองหน้ากัน แล้วบูมก็เป็นคนถามทิวก่อน

"นายโอเคไหมทิว เราโอเคนะ"

ทิวครุ่นคิดพลางเหลือบหันไปมองคนอื่นๆ ดูเหมือนทุกคนจะคอยลุ้นกันมากทีเดียว

"เราก็โอเค"

ทิวตกลงในที่สุด ทำให้ทุกคนยิ้มอย่างมีความสุขโดยเฉพาะคุณทิพย์นภา ว่ากันว่าประตูที่เปิดยากที่สุดก็คือประตูใจ แต่พอประตูใจเปิดแล้วทุกอย่างหลังจากนั้นก็ง่ายไปหมด วันนี้เราจึงได้เห็นแม่ของบูมที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคน

"อืม...พ่อกับแม่ยังไม่เคยฟังบูมร้องเพลงเลย เห็นว่าสมัยมัธยมทิวเป็นคนสอนบูมร้องเพลงจนเก่ง ร้องให้พ่อกับแม่ฟังหน่อยสิ"

พอคุณลิขิตพูดจบบรรดาลูกๆ และหลานๆ ก็หันไปมองทิวกับบูมเป็นตาเดียวกัน

"จริงด้วยสิ แม่ก็ไม่เคยฟัง ร้องให้พ่อกับแม่ฟังหน่อยได้ไหมลูก" คุณทิพย์นภาเออออด้วยอีกคน

บูมกับทิวพยักหน้าแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข ทิววิ่งจู๊ดหายเข้าไปในบ้านแล้วก็กลับมาพร้อมกับกีตาร์คู่ใจ เอาล่ะ อดีตคู่หูดูโอ้แห่งวงซีนิธกลับมาแล้ว มาฟังกันหน่อยสิว่ากลับมาคราวนี้จะเป็นยังไงบ้าง

ทิวกับบูมเขยิบเก้าอี้ออกมานั่งคู่กันสองคน ทิวเป็นคนเล่นกีตาร์ พอเสียงกีตาร์อินโทรของทิวดังขึ้นเท่านั้น ทุกคนก็ปรบมือชมกันเกรียว สองหนุ่มรู้สึกเขินจนต้องหันมายิ้มให้กำลังใจกัน ในที่สุดทิวกับบูมก็ได้กลับมาร้องเพลงนี้ด้วยกันอีกครั้งแล้ว เพลงนี้นี่แหละที่เป็นจุดกำเนิดความรักของทิวกับบูม

ฉันดีใจที่มีเธอ

https://www.youtube.com/v/Ao_q48XSG5c

ในโลกที่มีความวกวน ในโลกที่ทุกคนต้องดิ้นรน
ที่สับสนร้อนรนจนใจ นั้นแสนเหนื่อย
ในโลกที่ความทุกข์ท้อใจ ได้เดินผ่านเข้ามาเรื่อยๆ
จนบางครั้งไม่รู้จะข้ามไปเช่นไร

แต่ยิ่งชีวิตยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด ในใจ

ฉันดีใจทีมีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มีไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบ อะไร
ฉันก็รู้และฉันอุ่นใจ ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ตรงนี้

ในอุปสรรคที่มากมาย ในความหวาดหวั่นที่วุ่นวาย
ในอนาคตในปัจจุบันและอดีต
ในความเจ็บปวดที่ต้องเจอ ที่ไม่เคยพ้นไปสักที
ยังไม่รู้พรุ่งนี้ต้องเจอกับเรื่องใด

แต่ยิ่งชีวิตยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด ในใจ

ฉันดีใจทีมีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มีไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบ อะไร
ฉันก็รู้และฉันอุ่นใจ ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ตรงนี้

แต่ยิ่งชีวิตยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด แน่ใจ

ฉันดีใจทีมีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มีไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบ อะไร
ฉันก็รู้และฉันอุ่นใจ ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ตรงนี้
ฉันก็รู้และฉันอุ่นใจ ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ กับฉัน

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

หลังจากกินข้าวและคุยกันจนดึกแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันขึ้นไปนอน บูมกับทิวเองก็ขึ้นมานอนเช่นกัน แต่ดูเหมือนคืนนี้มีเรื่องที่จะต้องคุยกันหลายเรื่องทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องแต่งงานที่บีมเสนอขึ้นมา

"ถ้าเราแต่งงานกัน เราก็จะเป็นเจ้าบ่าว...หรือเปล่า แล้วนายล่ะ นายจะเป็นอะไรล่ะทิว เจ้าสาวเหรอ...ไม่ใช่มั้ง นายไม่ใช่ผู้หญิงนี่นา แล้วเกย์เวลาเขาแต่งงานกันเขาเรียกเจ้าบ่าว-เจ้าสาวเหมือนคนทั่วๆ ไปหรือเปล่า ทิวรู้เรื่องนี้ไหม"

บูมถามขึ้นเมื่อหัวถึงหมอนไปได้สักพัก ทิวหันไปมองคนที่นอนข้างๆ แล้วก็ครุ่นคิด

"ไม่รู้สิ...แต่เราให้นายเป็นเจ้าบ่าวแล้วกัน ส่วนเรา...จะเป็นอะไรดีน้า เราไม่ใช่เจ้าสาวหรอก เราไม่ชอบเรียกตัวเองอย่างนี้ เป็นอะไรดี...นึกก่อน...หรือใช้ภาษาอังกฤษดีไหม นายก็เป็น Groom ส่วนเราก็เป็น Bride"

ทิวเสนอความเห็นอย่างตื่นเต้น

"แล้วมันต่างกันยังไงล่ะ แปลเป็นไทยมันก็เป็นเจ้าบ่าว-เจ้าสาวอยู่ดี"

"ต่างสิ...ก็มันเป็นภาษาอังกฤษไงก็เลยต่างกัน"

"กวนเราเหรอ เดี๋ยวเหอะ"

บูมทำเสียงขู่พลางพลิกตัวขึ้นไปอยู่ข้างบนตัวทิว

"อย่านะ เดี๋ยวเราฟ้องแม่จริงๆ นะ แม่บอกเราว่าถ้านายเกเรกับเรา ให้บอกแม่" ทิวขู่บ้าง

บูมพลิกตัวกลับไปนอนที่เดิมแล้วก็ขำใหญ่

"ไม่น่าเชื่อนะว่าแม่จะเอ็นดูนายขนาดนี้ สงสัยลูกแท้ๆ อย่างเราคงตกกระป๋องแน่ๆ เลยคราวนี้"

"แหงอยู่แล้ว" ทิวทำเสียงล้อเลียน

"เรื่องชื่อเอาไว้ก่อนละกันนะ เอาไว้ค่อยคิด เดี๋ยวเราไปหาข้อมูลก่อน"

บูมหันไปมองหน้าทิวแล้วพยักหน้าเล็กน้อย

"ครับ...ที่รัก" แล้วก็จุมพิตที่ปากทิวเบาๆ หนึ่งครั้ง

"บูม...เราถามอะไรหน่อยสิ" ทิวทำเสียงเป็นจริงเป็นจัง

"ว่ามาสิครับ...ที่รัก"

"นาย...ชอบเราตั้งแต่ตอนไหน นายจำได้หรือเปล่า"

"อืม...ตอบยากนะ ตอนที่เราตกบันไดแล้วนายมาช่วยพยุงตอนนั้นเราก็รู้สึกดีกับนายขึ้นเยอะเลยนะ พอนายมาสอนเราร้องเพลงเราก็ยิ่งรู้สึกดีกับนายมาก แล้วก็ตอนนั้น...ตอนที่เราเลิกกับน้องผู้หญิงคนหนึ่ง สงสัยจะเป็นตอนนั้นล่ะมั้ง...ที่เรารู้สึกว่าเรารักนายจริงๆ จังๆ"

"อืม...แล้วทำไมพอเลิกกับแป๋มแล้วนายถึงชอบเราล่ะ" ทิวยังคงจำชื่อน้องผู้หญิงคนนั้นได้อยู่

"ใช่ๆ น้องเขาชื่อแป๋ม นายนี่ความจำดีจริงๆ" บูมขำเบาๆ แล้วก็พูดต่อ

"ก็ตอนนั้น...มันทำให้เราคิดได้ไงว่า...จริงๆ แล้วคนที่คอยดูแลเป็นห่วงเราเป็นใคร เราก็เห็นมีแต่นายนั่นแหละ แล้วตอนนั้นนายก็งอนเราด้วย ไม่ยอมพูดกับเราเลย หลบหน้าเราตลอด พอนายไม่คุยด้วยเราก็เลยเศร้าเลย แต่ก็แอบสงสัยนะว่านาย...ก็คงชอบเรานั่นแหละ เราดูออก"

"จริงเหรอ...นายดูออกด้วยเหรอ"

"ทำไมจะดูไม่ออกล่ะ ผู้ชายที่ไหนเขางอนกันเรื่องนี้ละ" บูมขำเล็กน้อยแล้วก็เป็นฝ่ายถามบ้าง

"แล้วนายล่ะ...ชอบเราตอนไหน อย่าบอกนะว่าเจอปุ๊บก็ชอบปั๊บ เราจำได้ว่าเราไม่ชอบนายมากๆ เลยตอนเจอกันครั้งแรก ไม่ใช่ตอนนั้นใช่ไหม"

"ไม่ใช่..." ทิวขำแล้วก็พูดต่อ

"ตอนนั้นนายน่ากลัวจะตาย หน้าก็บึ้งๆ เราไม่กล้าคุยด้วยเลย ถ้านายไม่ตกบันไดวันนั้นเราก็คงเป็นศัตรูกันจนถึงวันนี้แล้วมั้ง เดี๋ยวนะ...นึกก่อน เราว่า...เราน่าจะชอบนายตอนที่...นายกอดเราครั้งแรก ตอนที่นายแอบหลบไปร้องเพลงหลังโรงเรียน นายจำตอนนั้นได้ไหม เราว่าตอนนั้นแหละ"

"อ๋อ...จำได้สิ ตอนเช้าๆ ใช่ไหม แล้วทำไม...พอเรากอดนาย นายถึงชอบเราล่ะ"

"ก็มันอุ่นดีไง" ทิวพูดพลางยิ้มเขิน

"อุ่นแบบนี้หรือเปล่า"

บูมพูดจบก็สวมกอดทิวไว้ พยายามทำความรู้สึกให้เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น วันที่ทิวทำให้บูมรู้สึกว่าที่ผ่านมาชีวิตนั้นช่างอ้างว้างเดียวดายเพียงใด ทิวเป็นเพื่อนคนแรกที่ดีกับบูมมาก มากจนสามารถที่จะเปลี่ยนชีวิตของคนๆ หนึ่งที่แทบไม่เคยยิ้มให้สดใสขึ้นมาได้อีกครั้ง

"แบบนี้แหละ ไม่ว่านายจะกอดเราแบบไหนมันก็อุ่นแบบนี้เสมอนะบูม" พูดจบแล้วทิวก็กอดตอบบ้าง

บูมค่อยๆ คลายอ้อมแขนแต่ก็ยังกอดทิวไว้หลวมๆ อยู่

"อยากให้ถึงวันที่เราแต่งงานกันเร็วๆ จัง คนอื่นอาจจะบอกว่าไม่สำคัญ แต่เราคิดว่ามันสำคัญนะทิว เพราะเราอยากจะบอกให้คนอื่นๆ รู้ว่าเรา...รักนายแค่ไหน เราอยากให้คนรู้ว่านาย...เป็นคู่ชีวิตของเรา เหมือนที่คนอื่นๆ เขาก็มีคู่ชีวิตกัน"

"ขอบคุณมากนะบูมที่นาย...เห็นคุณค่าของคนอย่างเรา"

ทิวยิ้มอย่างซาบซึ้งใจ บูมยิ้มตอบกลับไปเช่นเดียวกัน

"อืม...ว่าแต่ว่า ถ้าเราแต่งงานกัน ใครจะเป็นเพื่อน Groom กับ Bride ดีล่ะ"

"ของนาย นายก็ให้เอิร์ธหรือวิทเป็นก็ได้ ส่วนของเรา เดี๋ยวเราให้ต้องเป็น"

ได้ยินชื่อต้องขึ้นมาบูมก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

"ต้องเหรอ เออ...มันเป็นไงบ้างตอนนี้ เราเคยคุยกับมันตอนที่กลับจากเมืองนอกใหม่ๆ เพราะว่าจะถามหานาย แล้วก็ไม่ได้คุยอีกเลย"

"มันมีแฟนแล้วล่ะ จะแต่งงานเร็วๆ นี้แล้ว"

"จริงเหรอ แล้วแฟนมันเป็นผู้ชายหรือ...ผู้หญิง"

"ผ้หญิงสิ ไอ้ต้องมันคงไม่ได้เป็นแบบเราหรอก เราว่ามันคงสับสนมากกว่าตอนนั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายังไง แต่มันก็จะแต่งงานกับผู้หญิงนั่นแหละ"

"เหรอ ถ้างั้น...เราแต่งงานกันก่อนไอ้ต้องดีไหม มันจะได้มาเป็นเพื่อน Bride ก่อน"

"ต้องไปดูฤกษ์ก่อนไม่ใช่เหรอ ยังไม่ได้ไปดูเลย" ทิวแย้ง

"จริงด้วย ไม่เป็นไร...แต่งตอนไหนก็ไม่สำคัญหรอก ขอให้เราได้แต่งงานกัน แต่งไวหน่อยก็ดี เราอยากมีเมียแล้ว"

บูมทำเสียงล้อเลียนตลกๆ ในตอนท้ายแล้วก็หัวเราะ

"แล้วทุกวันนี้เราไม่ได้เป็นเหรอ" ทิวทำเสียงกระเง้ากระงอด

"เป็นสิ แต่ว่า...พอแต่งงานแล้ว ก็จะเป็นเมียโดยสมบูรณ์ไง" บูมรีบแก้ตัว

"เหรอ...ถ้างั้นแสดงว่าตอนนี้เรายังไม่ได้เป็นเมียนายโดยสมบูรณ์ใช่มะ ดีล่ะ ถ้างั้น...นายห้ามมาทำอะไรกับเราจนกว่าจะแต่งงานกัน"

ทิวได้ทีก็เลยเอาคืนบ้าง

"โห...เราก็มันจุกอกตายพอดีสิ มีเมียน่ารักๆ แบบนี้ จะให้นอนดูเฉยๆ ได้ยังไง จริงไหม"

บูมพูดแล้วก็พลิกตัวขึ้นไปอยู่ข้างบนทิวอีกรอบ ระดมจูบซ้ายบ้างขวาบ้างจนทิวหายใจหอบ

"ให้มันรู้ไปสิว่านายจะทนได้" บูมพูดพลางยิ้มเยาะน้อยๆ

ทิวหัวเราะพร้อมกับเขินอาย ก็พูดเล่นไปอย่างนั้นแหละ ทิวเองก็คงทนไม่ไหวหรอก มีสามีหล่อ หุ่นดี มีซิกแพ็คอยู่ใกล้ๆ อย่างนี้ใครจะไปทนไหว ถูกกระตุ้นหน่อยเดียวอารมณ์ก็กระเจิงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

"ทนไม่ไหวแล้วใช่ไหมล่ะ" บูมยิ้มกรุ้มกริ่มพลางจ้องตาทิวไม่กะพริบ

"บ้า" ทิวพูดพร้อมกับเอียงหน้าหลบด้วยความเขินอาย

"นายว่าเราหล่อไหมทิว สามีของนายเป็นคนหล่อไหม"

ทิวหันกลับมามองพลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย "อยากรู้จริงๆ เหรอ"

บูมพยักหน้า "จริงสิ"

"สามีของผมหล่อมากครับ" ทิวทำหน้าล้อเลียนแล้วก็หัวเราะ

"เมียผมก็น่ารักที่สุดในโลกเลยครับ" บูมพูดประโยคคล้ายๆ กัน

"แต่บางที...นายก็เป็นเมียเราเหมือนกันนะ" ทิวหัวเราะชอบใจ เห็นบูมยิ้มอายๆ ก็ยิ่งขำใหญ่

คงจะไม่ต้องบรรยายอะไรอีกแล้วว่าบูมกับทิวรักกันมากแค่ไหน ความรักที่เกิดขึ้นมานั้นงดงามและมีคุณค่าสูงส่งอยู่ในใจของทั้งสองคนเสมอ นี่แหละคือแรงยึดเหนี่ยวชั้นดีที่จะทำให้ทั้งสองคนรักกันไปตราบนานเท่านาน

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกสักกี่ครั้งบนโลกใบนี้ เมื่อคนสองคนคิดถึงความรักและความผูกพันที่ผ่านมา คิดถึงวันคืนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน คิดถึงวันคืนที่เคยจากกันอย่างทรมาน คิดถึงความรู้สึกดีใจอย่างหาที่สุดไม่ได้เมื่อได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ทั้งสองคนก็จะรู้ว่าชีวิตนี้โชคดีที่สุดแล้วที่ไม่สูญเสียที่ความรักที่มีค่ายิ่งไปเสียก่อน ทิวกับบูมจะไม่ยอมสูญเสียความรักนี้ไปอีกอย่างแน่นอน

นับจากวันนี้ ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไปก็อุ่นใจได้เลยว่าทิวกับบูมจะไม่ปล่อยมือจากกันอีกแล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะวิเศษที่สุดมากไปกว่าการที่โลกนี้มี "ทิวกับบูม"

- จบบริบูรณ์ -
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 07-05-2012 21:31:27
แอบฮาสำนวนที่เรียกทิวว่า "ลูกชายสะใภ้" คิดได้ยังไงน๊า
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 07-05-2012 22:17:26
อ๊ากก ตอนจบหวานมาก ปลื้มครับ กด  o13 ให้ 555555

ปล.แอบเห็นด้วยกับ คห.ข้างบน  :laugh:

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 07-05-2012 22:42:17
ขอตอนแต่งงานอีกตอนมะได้หรออออออออ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 08-05-2012 00:39:33
น่ารักจริงๆเลย มีกุ๊กกิ๊ก กันด้วย :o8:

ทิว บูม จะได้แต่งงานเหมือนคู่รัก ชายหญิงด้วย

ต้องยกให้พี่บีม พี่ชายที่แสนดี  o13

ไว้จะมาอ่านซ้ำอีกทีคะ  แบบว่าอิน + ชอบมากกกกกกกกก  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 08-05-2012 08:35:48
อ่ิมใจ!!!!!!
ขอบคุฌมากครับ
แต่ถูกย้ายห้องเร็วจัง
เกือบหลุดตาครับ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 08-05-2012 10:25:03
ย้ายมาห้องจบแล้ว  ย้ายเร็วจริงๆค่ะ

ดีใจที่ทิวกับบูมจะได้แต่งงานกัน  :mc4:

 :pig4: คุณ sarawatta ที่จบแบบแฮปปี้นะค่ะ แบบว่าไม่ชอบจบแบบ sad ซะเท่าไหร่

เห็นเปรยๆ เรื่องใหม่อาจจบแบบไม่สมหวัง คงต้องทำจายกันอ่ะค่ะ  เพราะขนาดจบแบบแฮปปี้

ก็เจอมรสุม กันเยอะเชียว   :เฮ้อ:

จะติดตามเรื่องใหม่ๆต่อไปนะค่ะ  :L2: :man1:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: obab ที่ 08-05-2012 20:35:48

  :L2:
น่ารักกก
บูม กะ ทิว ♥
คุณสามีกะคุณภรรยา......... :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: shokung ที่ 09-05-2012 00:45:24
 อ่านตอนจบไปพลาง อมยิ้มไปพลาง บูมทิวน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 09-05-2012 18:35:26
ตามหาเรื่องนี้ตั้งนาน จำได้ว่าต้องอ่านตอนจบ เปิดวนหน้านิยายปัจจุบันอยู่นาน ปรากฎว่าย้ายเรียบร้อย

ตอนจบ น่ารักมากเลยค่ะ อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง (จะไปร่วมงานแต่งทิวกับบูม คึคึ เพ้อไปเรื่อย..)
ขอบคุณค่ะสำหรับเรื่องน่ารักและสนุกครบรสเรื่องนี้ที่มีทั้ง ความอุบอุ่น เศร้า รันทด บทกุ๊กกิ๊ก และเรื่องราวอุปสรรคต่างๆมากมาย
ลุ้นตามทุกครั้งที่ทิวกำลังทุกข์ร้อนไม่ว่าทางกายหรือทางใจ จนเหมือนทิวเป็นเพื่อนสนิทไปแล้ว

และสุดท้าย ยกให้เป็นนิยายในดวงใจไปแล้วเรียบร้อยอีกเรื่องหนึ่ง
ตามอ่านมาตั้งแต่ต้น ใจหายเหมือนกันที่จบแล้ว
ต่อจากนี้คงคิดถึงทิวกับบูมมากๆ แต่ไม่เป็นไร หากคิดถึงก็จะเข้ามาวนอ่านใหม่อีกรอบ อีกรอบ และ อีกรอบ (ฮาาา....)

ช่วงนี้วุ่นๆหลายอย่าง เข้าเล้าฯมา หาเรื่องที่ตามอ่านบางทีก็ไม่เจอ แถมมีเรื่องใหม่เยอะแยะเลย
เลยได้ตามมาอ่านเรื่องนี้ทีหลัง ขอ +1 +เป็ดให้กับตอนจบที่สมบูรณ์แบบและ Happy Ending ของทิวกับบูมค่ะ
จะรอติดตามเรื่องต่อๆไปของคุณ sarawatta ด้วยนะคะ
คุณ sarawatta เป็นนักเขียนนิยายที่ภาษาสละสลวยน่าอ่านและเรื่องราวก็น่าติดตามมากๆค่ะ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 09-05-2012 22:21:07
สนุกมากค๊า
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: shizuruviola ที่ 10-05-2012 12:24:38
สนุกมาก แอบสงสารทิวมากเลยอ่าาา
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 11-05-2012 08:38:03
เรื่องนี้ดราม่า สุดยอดเลยฮับ
ร้องไห้เป็นปี๊บเลย
แต่ได้ดีมาก ๆ เลยฮับ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ นะฮ๊าฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: shogun chai ที่ 11-05-2012 10:44:48
สนุกมาก ชอบๆๆๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 11-05-2012 12:21:12
ชื่อเรื่องน่าอ่าน ขอแปะไว้ก่อนนะครับ แล้วจะมาตามอ่าน  :L2:
หัวข้อ: Re: ♥ ♥ ♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 11-05-2012 19:12:37
สนุกน่าดู แต่สุดท้ายจะเป็นไงต้องเอามาม่ามาต้มกินก่อน
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gambee ที่ 11-05-2012 21:06:34
ทิชชู่ไม่พอ
ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กไป
ผ้าขนหนูเลยดีกว่า
เศร้า...แต่ซึ้ง...อบอวลด้วยความรักระหว่างสายสัมพันธ์
ครอบครัวพ่อแม่ พี่น้อง และคนรัก ทุกคนมีความสำคัญจะให้เลือกใครคนหนึ่งก็ต้องมีคนที่เสียใจ
มันเลือกไม่ได้จริงๆ
อยากตะโกนบอกนักเขียนว่าชอบเรื่องนี้จังเลยดีใจที่จบแบบแฮปปี้
นักเขียนเก่งค่ะ จะติดตามผลงานชิ้นต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: janeyuya ที่ 12-05-2012 08:06:08
กระซิก
น้ำตาหนึ่งลิตรที่เสียไปรู้สึกคุ้มค่ากับตอนจบยังไงไม่รู้
บางทีก็เข้าใจพ่อกับแม่นะ แต่มันสงสารบูมกับทิวมากเลย
ทุกอย่างแค่"เข้าใจ"แค่นี้จริงๆ
ความไม่เข้าใจมันน่ากลัวมาก น่าสงสารแม่เหมือนกัน
แต่แม่ก็เข้าใจแล้ว
ทัศนคติคนเปลี่ยนยาก แล้วมนุษย์ที่เป็นสัตว์สังคม....มันหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆที่จะไม่แคร์สิ่งเหล่านั้น
แม่ไม่ผิดอะไรเลย แม่รักลูก.แม่กลัวไปก่อนเท่านั้นเอง
แม่กลัวลูกแม่จะเสียใจ เพราะสังคมตัดสินเพศที่สามไว้ว่าสำส่อน แม่หวังดีเราเข้าใจแม่นะ

ไม่รู้ทำไม อ่านแล้วรักแม่บูมกับพั่บีมมากเลย
เข้าใจว่าแม่ลำบากใจ แม่อยู่ในสังคม แม่เป็นคนในสังคม
หนูเข้าใจคะแม่ บางครั้งมันทำใจลำบาก

หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 12-05-2012 17:18:17
อ่านทันและจบตาม คือแบบว่าวันทั้งวันไม่กินข้าวเลยว่าได้
เศร้ามากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ร้องไห้ตั้งแต่เช้ายันบ่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ทั้งสนุกทั้งเคล้าน้ำตา คนเขียนเก่งมากกกกกกกกกกกกก
ผูกตัวละครได้ดีมาก แต่หากจบมาเหมือนที่พอตไว้คือให้ทิวกินยา
ฆ่าตัวตายช้าๆๆนั้นสงสัยคงเลิกอ่านไปเลย ต่อให้สนุกแค่ไหนก็ไม่เอาเพราะเสีย
สุขภาพจิตจริงๆๆเพราะรับไม่ได้คือแบบว่าคนอ่านนี่บ้าไปเลย555 เมื่อจบมาแบบนี้ดีใจมากเพระอย่างน้อย
เราได้เสียน้ำตาไปแล้ว เรายังได้มีรอยยิ้มกลับมาบ้าง
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 12-05-2012 21:42:53
1 วันเต็ม ๆ กับเรื่องนี้ปวดฉี่ก็อั้นไว้ซะจนทนไม่ไหว...ข้าวก็ไม่กิน กินแค่แอปเปิ้ลเพราะขี้เกียจไปหากิน.......
เรื่องของเรื่องก็เพราะไม่อยากขาดตอนในการอ่าน รู้มั๊ยท่านนักแต่ง?.....ข้าพเจ้าเสียกระดาษทิชชู่ไปเยอะมาก
ไม่พอเสื้อนี่แหละ..ในเมื่อกระดาษหมดดึงเสื้อตัวเองนี่แหละมาเช็ดซะ......หลานเหลินมาเห็น....งงงงงง............
อามันเป็นอะไรวะ...อะไรจะอินขนาดน๊านนนนนน.........แถมมาหัวเราะเยาะกัน.(ตื๊บซะดีมั๊ยนี่?)
นี่แหละความรัก...ความรักของพ่อแม่...ความรักของพี่น้อง...ความรักของเพื่อน  และที่ลืมไม่ได้ความรักของบูมและทิว.....
เรื่องนี้ทำให้เห็นมุมมองของความรักที่เรียกได้ว่าทุกรูปแบบเลย จริง ๆ ขอแค่เป็นรักที่เกิดจากใจตนเอง ไม่มีใครมาบังคับ
ไม่มีใครมาชักนำ....นั่นแหละคือความรักที่แท้จริง และไม่มีวันที่จะหายไป หรือลืมมันได้เลย  ไม่ว่าจะเป็นความรักของใคร
ชายหรือหญิง  หนู่มหรือแก่..ขอแค่รักแท้หรือไม่ก็เป็นคู่แท้  ข้าพเจ้าว่าย่อมสมหวังในรักถ้าเรามั่นคงจริง....
รออ่านเรื่องใหม่ของท่านนะเจ้าคะ......... o13.......บาย......
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: DarkKnight ที่ 12-05-2012 22:35:00
เพิ่งมีโอกาสได้คอมเม้นครับ
สงสารทิวมากๆ เจอมรสุมมามากมาย
แต่โชคดีนะครับ ที่ทิวได้เจอกับบูม
รักกันนานๆนะครับ บูมกับทิว
ถึงแม้บูมกับทิวอาจจะไม่มีตัวตนอยู่จริงๆ
แต่ผมก็สามารถรับรู้ถึงความรักที่ทิวมีต่อบูมและบูมมีต่อทิวมากๆเลยครับ :n1:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 13-05-2012 01:30:26
 :sad4:ซึ้ง
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 14-05-2012 00:51:06
 :m18: ในที่สุดคนคนเขียนก็ใจดี ไม่ทำร้ายตัวเอง ตัวละคน และคนอ่านด้วยตอนจบโศก

เหมือนจะแปะไปแล้วรีนึง ทีนี้จะมาให้ความเห็นเนื่องจากอ่านจบแล้ว ไม่รู้ว่านักเขียนจะกลับมาอ่านมั๊ยแต่ก็อยากให้ความเห็น

ก่อนอื่นเลลยนะครับ ที่ผมสะดุดตามาคือ "ชื่อเรื่อง" มันทำให้ผมคลิ๊กเข้ามาขอแปะไว้ทันที

ตอนนั้นยังมีเรื่องอื่นค้างอยู่เลยอ่านเรื่องที่ค้างให้จบก่อนครับ ตอนแรกนึงว่าเรื่องสั้น มีสิบสองหน้าเอง พอเข้ามาอ่านแล้ว :m23:

อ่อ นี่นักเขียนมือใหม่จริงหรือครับ? ผมนึกว่ามืออาชีพ พล็อตเรื่องแรงมาก แต่ก็ถ่ายทอดออกมาได้ครบถ้วนสวยงามสมบูรณมาก

แอบอ่านเห็นด้วยนะว่ามีช่วงที่นักเขียนท้อเพราะคนอ่านน้อยหรืออะไรสักอย่างเพราะคนอ่านหลายคนกลัวมาม่า

สำหรับคนอื่นผมไม่รู้นะครับ ผมชอบเสพนิยายวายทุกรูปแบบนั้นแหล่ะไม่ว่านักเขียนจะเขียนออกมายังไง

แม้จะบ่นนั่นนู้นนี่แต่ผมก็ไม่ได้ลืมหรอกนะครับว่านิยายมันก็ไม่ต่างจากชีวิตจริงตรงที่ "ใช่ว่าทุกชีวิตจะสมหวัง"

มาให้กำลังใจตอนนี้ไม่รู้ว่าสายไปมั๊ย :m5: แต่ผมนิสัยเสียอย่างคือชอบอ่านนิยายในบอร์ดที่จบแล้ว  :beat:

แต่อ่านเรื่องนี้แล้วดีใจนะที่อ่านตอนที่จบแล้ว เพราะถ้าตามอ่านต้องเป็นโรคซึมเศร้าแน่ๆ :sad2:

แต่ผมก็เสียใจในจุดที่ไม่ได้อยู่ให้กำลังใจกับนักเขียนในแนวที่ตัวเองชอบในขณะที่นักเขียนกำลังต้องการ ขอโทษนะครับ

มาเข้าความเห็นเรื่องเนื้อเรื่องดีกว่า  :laugh:

เปิดเรื่องมาได้น่าสนใจมาก อ่านตอนแรกคิดว่าเรื่องนี้นะ นายบูมต้องเป็นนายเอกแน่นอน ดูจากที่ทิวตามดูแลนั่นนูนนี่มากมาย

มีฉากนึงที่บูมขาเจ็บแล้วทิวพาไปเข้าห้องน้ำอ่า ฉากนั้นผมเขินมาก ตอนรูดซิปนะ แหม่ะ :-[

อ่าแล้วมีอีกฉากนึงตอนที่ทิวกับคุณเชนกำลังจะ...นั่นแหล่ะ เปี๊ยะ!!!!!!!!!!!! เสียงแส้ทำผมซี๊ดปากเหมือนโดนเฆี่ยนซะเอง

บวกกับอาการแอ่นหลังด้วยนะ นึกแล้วฮาตัวเอง  :laugh: ก็นี่แหล่ะผม อินจัด

คุณแม่ ผมอยากจะเข้่าใจ สมน้ำหน้า กระทีบ และตบเธอครับ เธอด่าแรงมาก ผมเป็นคนอ่านผมยังหน้าชาเลย

ถ้าโดนด่าแบบนั้นในชีวิตจริงผมคง  o6 สุดท้ายแม้เธอจะคิดได้ผมก็...ไม่อยากอภัยแต่ช่างเถอะ อิอิ (อินอีกละ)

คนสุดท้ายที่ผมอยากด่าก็ไอแต๋งอ่าครับ  :z6: แหม่ะมันช่างน่าจับหัวยักลงไปในชักโครกแล้วกด  :3125:

รักพี่บีมมาก รักบูม รักทิว รักเอิร์ธ รักวิท รัก(ชื่อไรอีกจำไม่ได้)  ทุกตัวะครเป็นส่วนผสมที่ลงตัวมาก :กอด1:

อ่อ ลืมถาม อิมเมจตัวละครอ่า น่ารักทั้งสองคนเลย เค้าเป็นใครหรอครับ?

แล้วคนเขียนนจะแนวดราม่าอย่างนี้ทุกเรื่องหรือ? ถ้าเป็นแบบนั้นผมจะสารภาพตามตรง

ว่าต้องขอไปสลับอ่ากับนิยายโลกสดใสบ้าง ไม่งั้นผมคง o22

ชื่นชมในผลงานมากครับ ชอบมากจริงๆ ผมคงเป็นมาโซครับ ผมชอบอะไรแรงๆแบบนี้แหล่ะ :o8:

แล้วจะติดตามผลงานเรื่องอื่นๆด้วยนะครับ

ไม่ว่าอย่างไร อย่าท้อนะครับ สู้ๆ :L2: ผมจะเป็นกำลังใจให้นะครับ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ครับ :pig4:

 

หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 14-05-2012 18:19:50
ขอบคุณทุกคนที่ยังเข้ามาอ่านนะครับ  :3123: ผมก็ยังเข้ามาดูเรื่อยๆ อยู่ครับ
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เขียนแล้วก็ภูมิใจ ก็ไม่ใช่อะไร ภูมิใจที่เขียนจนจบ (ไม่น้อยใจจนเลิกเขียนไป) แล้วก็ดีใจที่มีคนชอบครับ
แอบตกใจเหมือนกันว่าเรื่องนี้ทำให้หลายคนเสียน้ำตาไปขนาดนั้น (เห็นบางคนบอกว่าต้องใช้ผ้าขนหนูแทนผ้าเช็ดหน้า)
ก็เลยสงสัยว่ามันมีมาม่าเยอะขนาดนั้นเลยหรือ สงสัยเราจะให้กินมาม่าเยอะเกินไปแน่ๆ เลย :z1:
แต่ผมเองมาอ่านอีกรอบก็ยังแอบมีน้ำตากับบางตอนอยู่เหมือนกัน (แต่ตอนที่เขียนบางตอนนี่แทบบ้า) :sad4:
ตอนนี้ผมพยายามไล่เก็บความเรียบร้อยของเรื่องนี้อยู่ครับ ไม่ว่าจะเป็นคำผิดหรือปรับสำนวนภาษาใหม่
ตอนนี้ได้ประมาณ 20 กว่าตอนแล้วครับ ก็คงจะปรับไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมด
ส่วนเรื่องยาวแบบนี้คงอีกสักพักครับ ผมใช้เวลาหาเรื่องที่อยากเขียนค่อนข้างนานหน่อย
ช่วงนี้ขอกลับไปทำงาน เก็บเงิน (ที่มีน้อยนิด) แต่ก็จะเข้ามาอ่านเรื่องอื่นๆ ในบอร์ดอยู่เรื่อยๆ ครับ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 14-05-2012 21:45:02


เพิ่งมาอ่านตอนพิเศษค่ะ

รึว่าอ่านไปแล้วไม่รู้ เอาเป็นว่าขอเม้นเลยล่ะกัน

ซึ่งมากๆเลยค่ะ

มันรู้สึก%^&*^%$%^&*(&^&(^%^&%$%$#$%^$()%%  เป็นไหม มันรู้สึก อ่านแล้วรู้สึก...อาาา...

ใช่เลย อบอวลด้วยความรักและสายสมพันธ์แบบนี้ ที่จริงแจงชอบนิยายแนวนี้มากค่ะ มันดูไม่มากไม่น้อย

ไม่เลี่ยน ไม่หวือหวา เซ็กส์เวอร์ 18+ ชวนสะอิดสะเอียน แต่มันทำให้เรารู้สึกกับความรักจริงๆ

รู้สึกสัมผัสได้ด้วยตัวอักษร รู้สึกดีเวอร์ๆ มันทำให้เรานึกถึงความรักที่เป็นรักแท้จริงๆ ไม่ว่าจะชายหญิง หรือชายชาย

ถ้าความรักของคนสองคนแสดงออกมาซึ่งความรักจริงๆ ไม่ใช่ความใคร่ในแบบอื่น ถึงแม้มันจะเป็นนิยายก็ตาม แต่แจงก็บูชา

ในความรักแบบนี้มากค่ะ น้อยคนนักที่จะสัมผัสได้ถึงรักแท้ รักที่ร่วมฝ่าฟันอุปสรรคด้วยกันมา ถ้าหากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งท้อแท้

ความรักก็จะไม่สัมฤทธิ์ผล อันเป็นต้องเลิกรากันไป แต่ความรักของบูมและทิว คนทั้งสองสามารถ

ฟันฝ่าอุปสรรคมาได้ถึงขนาดนี้ ทั้งคู่มีจิตใจเข้มแข็งมากค่ะ ขอให้รักกันตลอดไปชั่วนิรันดร์...

ผิดถูกพิมผิด พิมพ์มั่วอยู่บ้าง สรุปสั้นๆง่าย ๆ : ชอบรองจากต้นสนเลยค่ะ อิอิ ประทับสุดซึ้ง



เดี๋ยวนี้ความรักของคนเราไม่รู้ออกมาแบบไหนเนอะ Y_Y


ปล. คุณคนเขียนค่ะ อนาคตข้างหน้าถ้ามีโอกาส ช่วยเขียนนิยายเรื่องใหม่ซักเรื่องที่น่าจดจำแบบนี้อีกนะค่ะ  :impress:

ตอนนี้ยังติดตามต้นสนอยู่นะค่ะ ... :impress: :impress: :impress: ก่อนที่หนูจะลงแดงตาย  o9

ปล. ตอนอ่านต้นสนแรกๆก็เฉยๆนะ พออ่านไปเรื่อย... :oni1:


 :m21: :m21:



ติดงอมแงม



 :m1: :m1: :m1:


เคลียร์งานเสร็จไวไว แล้วก็ดูแลสุขภาพด้วยนะค่ะ


จะติดตามผลงานตลอดไป  :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Singleman ที่ 15-05-2012 03:36:51
โอ๊ยย จบแหละ อ่านไม่หลับไม่นอน กันเลยที่เดียว สนุกมาก

ขอบคุณสำหรับ เรื่องดีๆ มีข้อคิดด้วย

สนุกมากกกกจริงงง หลากหลายอารมณ์ จริงง

หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: memmory_far ที่ 15-05-2012 18:57:45
สนุกมากคร้าบบบบบบบบ อ่านไปร้องให้ไป
ใช้ภาษาดีมากเลยครับ มืออาชีพมากๆ

เป็นกำลังใจให้นะครับ :)
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: khuan ที่ 16-05-2012 01:55:20
เย้....น้องทิว น้องบูม น้องมีความสุข:กอด1:

แต่ตาคุณพี่นี่สิทำยังไงถึงจะหายบวมละเนี่ย... :z3:

หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: lalalai ที่ 18-05-2012 10:27:12
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ  :yeb: ชอบมากกกกก
เห็นคนอ่านน้อย  o22    เลยคิดว่า "ตายล่ะ!!!ฉันต้องแสดงตัวว่าฉันชื่นชมเรื่องนี้  :a2: ...อย่างเปิดเผย (สันดอนจริงๆ)
เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆน้อยๆให้คนเขียน สร้างสรรผลงานดีๆ แบบนี้มาให้ฉันได้อ่านอีก  :a1:(จริงๆคือหวังผลพลอยได้ให้ตัวเองสุดๆ 555)"

จึงเป็นที่มาของเม้นนี้ค่ะ  :a9: เอิ้ก เอิ้ก

ก็อ่านรวดเดียวจบ ลุ้นไปกะทั้งคู่ ว่าจะได้รักกันมั๊ยเนี่ย หมดน้ำตาไปก็หลาย  ปี๊บอยู่
อ่านตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องของวัยรุ่นรักกันธรรมดา แต่อ่านไปๆ เห่ยยยย มันไม่ใช่ละ มันมีพัฒนาการทางความสัมพันธ์
แต่กว่าจะรักกันได้นี่ ฝ่าฟันอุปสรรคกันแทบอ้วก
ตอนแรกคิดว่าคุณพ่อจะเป็นด่านยากของทั้งคู่ซะอีก เพราะแข็งกร้าว ไม่ยอมลงให้ลูกเลย แต่พออ่านมาเรื่อยๆ แหม่ คุณแม่ชนะเลิศกว่าใคร
ทำเราเสียน้ำตาไปกับความรัก(ตัวเอง) ของคุณแม่ไปหลายหยด คือมันไม่มีตรงกลางระหว่างกันที่จะผ่อนปรนให้กันซักหน่อยเลยเนอะคะคุณแม่
อ่านแล้วมันจี๊ดคือถ้าจะรักแบบนี้ อย่ารักเลยดีกว่า ทำก็ทำให้หมดทุกอย่างแล้วยั๊งจะบังคับจิตใจให้รักคนที่ไม่รัก คนที่รักก็จะให้ไม่รัก
ยิ่งตอนคุณแม่อดข้าวอดน้ำแล้วบังคับให้เลิกกัน...T_T อ่านไปก็จุกไป มันพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ว่านี่หรือคือการกระทำและความคิดคนเป็นแม่
มันจะอะไรนักหนาลูกก็ดี๊ดี ยังจะบีบบังคับจิตใจ อ่านไปก็ลุ้นไปว่าเรื่องจะลงเอยยังไง แอบลุ้นให้บูมเรียนจบแล้วไม่ต้องกลับมาที่ไทยอีกเลยแต่มาแอบรับทิวไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่โน่นหรือที่ไหนซักแห่งในโลกนี้แหละ แอบโหดไม่แพ้คนเขียน 555 แต่คนเขียนโหดกว่า ที่(เกือบ)จะให้จบแบบไม่สมหวัง แต่แบบนั้นก็สะใจดีนะคะ ตายๆกันไปข้างนึงเลย
อยากอยู่กับหน้าตานักก็ให้อยู่ไป คนบางคนไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา คิดแต่จะให้ทุกอย่างเป็นไปได้ดั่งใจ ชอบที่บูมบอกทิวอ่ะประมาณว่า
ไม้บรรทัดของใครก็ใช้ได้แค่กับคนนั้นใช้กับคนอื่นไม่ได้ ประมาณนี้
แต่ทุกวันนี้ก็มีหลายๆคนทำลืมชอบไปตัดสินคนอื่นด้วยบรรทัดฐานของตัวเองว่าคนนั้นทำไม่ถูกต้อง คนนั้นน่ารังเกียจ
มานั่งกีดนั่งกัน นั่งด่านั่งแช่ง นั่งถกนั่งเถียงกันเป็นวรรคเป็นเวร อย่างคุณแม่เป็นต้น อ่านแล้วก็เพลียและคิดในใจ ดีนะพ่อกะแม่เราไม่เป็นแบบนี้ 555
อินและเพลียกะคุณแม่มากจริงๆ ส่วนคุณพ่อโดนพี่บีมละลายพฤติกรรมไปแล้ว กลายเป็นคุณพ่อที่น่ารักขึ้นมาทันที ดูมีเหตุผล รับฟัง เข้าใจลูก รักลูกในแบบที่
ควรจะเป็น ส่วนพี่บีมไม่ต้องกล่าวอะไรมากเพราะพี่เค้านอนมาเค้าคือฮีโร่ตัวจริงของครอบครัวนี้ คนที่ดูเหมือนจะไม่เป็นความภาคภูมิใจของพ่อแม่
แต่พี่พี่บีมก็พิสูจน์แล้วว่า ถึงจะไม่ได้เรียน ไม่ได้เป็นอย่างที่พ่อแม่คาดหวังไว้ แต่พี่บีมก็เป็นคนที่มีคุณภาพได้ เหมือนที่คุณพ่อบอกพี่บีมนั่นแหละ
ประมาณว่าศิลปะทำให้พี่บีมเข้าใจชีวิต มีมุมมองชีวิตที่ละเอียดอ่อนทำให้เข้าใจคนอื่น และช่วยเปิดมุมมองของคุณพ่อให้กว้างขึ้น ทำให้คุณพ่อเข้าใจบูมมากขึ้น
ประมาณนี้

เรื่องราวดีๆแบบนี้ เนื้อหาที่แฝงแง่คิด ทั้งเรื่องความรัก เรื่องครอบครัว ความอดทน การรู้จักที่จะรอคอยอย่างเข้มแข็งและมั่นคง บูมเป็นพระเอกที่...
เราชอบมากคนนึง ดูมีพัฒนาการจากตอนแรกที่ดูไม่กล้าตัดสินใจ ไม่กล้าแสดงออก เพราะโดนตีกรอบจากครอบครัว แต่พอกลับจากเมืองนอก ก็เปลี่ยนไป
ในทางที่ดีขึ้นอาจเพราะได้ใช้ชีวิตด้วยตัวเองมากขึ้น ทำให้มีความมั่นใจ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ รู้จักผ่อนปรนกับปัญหาอย่างเรื่องของแพรว จริงๆก็แอบสงสารแพรว
ในฐานะที่เคยมีแฟนแล้วแฟนเปลี่ยนไป แต่เวลาเยียวยาทุกสิ่งได้จริงๆ เรื่องของแพรวก็เช่นกัน มันก็ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก มีแต่ รัก กับ ไม่รัก แค่นั้นเอง
คนไม่รัก ทำยังไงก็คือไม่รัก ฝืนไปก็มีแต่จะเจ็บทั้งสองฝ่าย เผลอๆ อาจจะบานปลายเป็นหลายๆฝ่าย ถ้าแต่งงานกันไป จนมีลูกมีเต้า
นอกจากเรื่องนี้ บูมก็ยังเป็นคนรับผิดชอบ ต่อหน้าที่ ต่อความเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ด้วยการกลับไปเรียนแม้จะต้องแยกห่างจากคนรัก ก็ยังเรียนจนจบ
และที่สุดของที่สุดของบูมที่เราปลื้มมากคือ บูมเป็นคนมีหัวใจรักที่มั่นคง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ความรักของบูมที่มีต่อทิวไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ยังรอคอยอย่างอดทน ที่จะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง บูมไม่ได้เป็นพระเอกที่หวานเลี่ยนโรแมนติค ไม่ได้แข็งแกร่งมีพละกำลังเป็นเลิศเหนือมนุษย์ ไม่ได้เป็นคนที่จัดการปัญหาทุกอย่างได้ง่ายเพียงแค่พลิกฝ่ามือ
แต่บูมเป็นพระเอกธรรมดาๆ ที่มีหัวใจที่รักที่เข้มแข็งและมั่นคง ที่เรา ชอบมากกกกกกกก จริงๆค่ะ

สรุปคือชอบเรื่องนี้ค่ะดีใจที่ได้อ่าน  o13



หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: khuan ที่ 18-05-2012 10:49:03
จบแล้ว ขอบคุณคนเขียน ที่เขียนนิยายดีดีมาให้อ่าน สนุกมาก o13
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: หมาน้อย ที่ 21-05-2012 23:19:04
อ่านจบละ รวดเดียวเลย
ชอบอ่ะ ชอบเรื่องอารมณ์ประมาณนี้ ความสัมพันธ์ที่มีพัฒนาการ ถึงจะมีดราม่าแต่ก็รู้สึกถึงความอบอุ่น
ต้องขอบคุณคนแต่งที่จบแบบ Happy ending ด้วย ทำให้อ่านจบแล้วอิ่มเอม สัมผัสได้ถึงคุณค่าของความอดทนและรางวัลของการรอคอย
ถ้าจบเศร้านี่คงอีกอารมณ์ไปเลย นี่อ่านไปก็กลัวจบเศร้าสะเทือนใจ ถ้าจบอย่างงั้นคงหดหู่จิตตกมากๆ อุตส่าห์อดนอนอ่านข้ามวันข้ามคืน
ดูหนังเกย์ส่วนใหญ่ชอบทำจบไม่สมหวังก็ไม่เท่าไหร่นะ แต่นิยายนี่จินตนาการคนอ่านไปไกลกว่าทำให้รู้สึกอินมากกว่า ไม่ชอบเรื่องที่จบเศร้าเลย มันหดหู่(แต่ทั้งนี้ไม่ได้เอามากดดันอะไรคนแต่งนะฮะ เป็นแค่ความรู้สึกส่วนตัวว่านิยายที่สะเทือนใจระหว่างเนื้อเรื่องโอเค เพราะเป็นเหมือนอุปสรรคและส่งผลต่อการเดินเรื่อง แต่ถ้าจบเศร้ามันเหมือนสิ้นหวัง ซึ่งไม่ใช่จุดประสงค์ของการอ่านนิยายรักเท่าไหร่ คู่กรรมเรื่องเดียวก็เกินพอ)


ปล.ในรูปนึกว่าบูมคือเสื้อเทา ทิวคือเสื้อดำ (เสื้อเทาดูคุณหนูกว่า หน้าก็หยิ่งๆเหมือนบูมที่ออกมาตอนแรก)
ไปอ่านอีกเวปเจอรูปอีกเวอร์ชั่นถึงรู้ว่าคนแต่งจิ้นให้เสื้อเทาคือทิวเสื้อดำคือบูม
 
ปล.2 ที่ทิวกับบูมมีลักษณะดูเป็นผู้ชายปกติทั้งคู่(กว่าคนอ่านจะรู้บทบาทบนเตียงแบบแน่นอนก็จนจบเรื่อง)ก็เป็นอีกฟีลของเรื่องนี้ที่ชอบนะฮะ ตอนท้ายเลยคิดว่าน่าจะเป็นเจ้าบ่าว-เจ้าบ่าว ส่วนสถานะก็เป็นสามี-สามี จัดตามเพศสภาพไม่ใช่ตามบทบาทบนเตียงมากกว่ามั้ย  เพราะเข้าใจว่าเกย์ที่มีลักษณะบุคลิกเป็นผู้ชายปกติแบบนี้โดยนิสัยไม่น่าจะชอบให้ใครนิยามสถานะตัวเองเหมือนเป็นผู้หญิงหรือเปล่า ไม่แน่ใจนะ...ข้าน้อยอาจจะยังประสบการณ์อ่อนด้อย แหะๆ
 
ปล.3 เดี๋ยวตามอ่านต้นสนต่อ อ่านจบเรื่องนี้แล้วติดใจแนวคนเขียนละ อีกอย่าง...ขอบอกว่าแพ้คนในรูปตัวอย่างมากๆ อิอิ แต่ต้องรอว่างๆก่อน ชอบลุยอ่านแบบรวดเดียว


edit เพิ่มเติมนิดนึง เกือบลืม เห็นข้อความระหว่างแต่งบางช่วงเหมือนน้อยใจคนตามอ่านน้อย
ไม่ต้องน้อยใจนะฮะ เรื่องดีๆ ยังไงก็มีคนตามอ่าน อาจจะใช้เวลาบ้าง ยิ่งเรื่องไหนนามปากกาไหนเขียนดีถูกใจก็จะเป็นเครดิตรับประกันต่อไป 
อย่างตัวเองนี่ยอมรับว่าปกติไม่ค่อยได้อ่านนิยายที่กำลังแต่งเพราะชอบตะลุยอ่านรวดเดียว(เคยอ่านเรื่องที่ค้างไม่ยอมมาต่อเป็นปีด้วยเลยเข็ดด้วย) เลยชอบอ่านแต่นิยายที่จบแล้ว ซึ่งอาจจะทำให้เหมือนไม่ได้ตามให้กำลังใจระหว่างแต่ง แต่คุณค่าของเรื่องไม่ลดไปไหนแน่ๆ ได้มาอ่านทีหลังก็จะให้กำลังใจเหมือนกัน อย่างเช่นเรื่องนี้เป็นต้น ขอบคุณผู้เขียนด้วย ^^
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: หมาน้อย ที่ 21-05-2012 23:47:14
อีกนิด  แปลงร่างเป็นฝ่ายพิสูจน์อักษร
ตอนที่ 28 เหมือนเขียนชื่อบูมเป็นทิวอยู่อันนึงด้วยป่ะฮะ
ช่วงที่แพรวลาออกจากเลขาแล้วทิวจะลาออกอีกคน

จริงๆ เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ทิวยังไม่กล้าบอกพ่อกับแม่เรื่องเขากับทิว

ต้องเป็นบูมหรือเปล่า (เห็นมะบอกแล้วว่าอ่านจริง ^^)
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: akeins ที่ 23-05-2012 23:31:57
อ่านจบแล้ว น้ำตาซึมด้วยอ่ะ แต่ก็จบลงด้วยความสุขของทุกคน
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: vivalasvegus ที่ 29-05-2012 14:38:17
เพิ่งเข้ามาอ่านหลังจากจบแล้ว
ร้องไห้กระดาษทิชชูหมดไปหลายแผ่น
ชอบ บูมกับทิว มากค่ะ
จะคอยอ่านเรื่องใหม่ของคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: evaeveevaeve ที่ 29-05-2012 22:30:42
ผมอ่าน นิยายคุณแล้ว พูดได้คำเดียวว่าอิ่มมาก มันไม่ได้อยู่ีที่เกย์หรือไม่เกย์ สำหรับผมมองอีกมุมหนึงคือ ความรักของแม่ที่มีให้ลูกถึงจะผิดแต่เป็นรักที่ยิ่งใหญ่ การให้คะแนนของผมน่ะ ผมจะให้แยกส่วน ส่วนล่ะ 10 คะแนนล่ะกัน
1.เกริ่นเรื่อง นานไปหน่อย ครับช่วงตอนเป็นเด็กมัธยมนานไปหน่อยอ่านแล้ว ผมให้ 8
2.เนื้อเรื่อง การผูกเรื่องน่าสนใจ 10
3.องค์ประกอบต่างๆๆเช่น บ้านทิวอยู่ลาดพร้าว หรือ หน้่าปากซอย มี7/11 ผมว่าคุณ รีเสริซข้อมูลได้ดีอันนี้ ให้10
4.ภาษาการเขียนเข้าใจง่าย ภาษาง่ายต่อการอ่าน สละสรวยไม่ซับซ้อนเกิน เอาไป 10
5.ตัวละครไม่สาวอันนี้ชอบมาก เพราะปกติจะเจอนายเอกอ่ะสวยยิ่งกว่าผู้หญิงอีก อย่างนี้ นิยาย ชายกับกระเทยแล้วผมว่า
 อันนี้แมนทั้งคู่นี่ล่ะนิยายเกย์ เอาไป 10
6.ตัวล่ะครทุกตัวมีบทกำลังดี มีที่มาที่ไปอย่า่งเช่น เช่น ครอบครัวของ แพรวกับบูมเป็นเพื่อนและก็คาดหวังให้เเพรวและบูมชอบกัน นิยายบางเรื่องพระเอกไปคว้านางอิจฉาจากผับจากนั้นก็ตามจิกๆๆๆๆๆๆ แบบว่าจะโผล่ก็โพล่ อันนี้เอาไป 10
7.สอดแทรกคติ ความคิด คือ เรื่องของแม่ที่รักลุก จนสุดท้ายก็รักลูกอย่างที่ลูกเป็น /แพรวที่ยอมปล่อยวาง เรื่องบุม /พ่อบูมที่ ที่พยายามทำความเข้าใจลูก โดยรวมคือสอดแทรกชิวิตครอบครัวที่ต้องรักและเข้าใจกัน ซึ่้งมีประโยชน์มากหาไม่ได้ในนิยายทั่วไป เอาไป 10
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 31-05-2012 16:22:53
น่ารัก

ติดใจมาก

บีมนี้เก่งอาเป็นกาวประสานใจ

ขอปรบมือให้ผู้แต่งครับ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gummin ที่ 01-06-2012 08:53:56
ขอบคุณค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 04-06-2012 17:05:16
รู้สึกคิดถึงเรื่องนี้ยังไงไม่รู้ครับ ก็เลยเข้ามาอ่านอีกครั้ง
ตกใจเหมือนกันที่เห็นยอดวิวขึ้นมาถึงหมื่นเจ็ดกว่าๆ อาจจะไม่เยอะมากสำหรับนักเขียนทั่วไป แต่ก็เยอะสำหรับผมเลยครับ
ถึงจะมีคนอ่านไม่เยอะ แต่ก็ดีใจที่ได้เห็นหลายๆ คอมเมนต์ที่ดีๆ บางคนคอมเมนต์ให้ยาวมาก ขอบคุณจริงๆ ครับ
โดยส่วนตัวผมคิดว่าคอมเมนต์ไม่เยอะไม่เป็นไรหรอก แต่ขอให้เป็นคอมเมนต์ดีๆ สร้างสรรค์ก็พอแล้ว
จะช่วยให้กำลังใจคนเขียนได้เป็นอย่างดี หรือเห็นจุดที่จะต้องแก้ไขหรือพัฒนาต่อไป
การบอกคนเขียนว่าชอบไม่ชอบยังไง ไม่ว่าจะเป็นทางบวกหรือทางลบ ผมรับได้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 04-06-2012 17:27:39


 o22 o22 o22

แว๊บเข้ามาดู

เม้นเราเนี่ยมันสร้างสรรค์ อะไรไหมเนี่ย ? 5555

ออกแนวไร้สาระไปซะมากกว่า

แต่ส่วนตัวแจงคิดว่าบ้างคนเค้าอาจจะแสดงความคิดเห็นไม่เก่งก็ได้มั้งค่ะ

เพราะเริ่มเม้นนิยาย ช่วงแรกๆ แจงเองก็เม้นแบบงงๆ มาจนถึงปัจจุบัน บางทีเพ้อเจ้อไปเรื่อย แซวนิยายเขาบ้าง

ก็ตามแต่อารมณ์  :z6: :z6: :z6:

ฉะนั้น คนเขียนอย่าเพิ่งคิดมากหรือน้อยใจเลยค่ะ

พี่ทำดีที่สุดแล้ว โอววว  o13 o13 o13


ปล. เป็นนักเขียนคนหนึ่งที่เรายกให้เป็นไอดอลเลย พี่ค่ะ ยังมีหนูเป็นปรสิต ติดตามพี่ไปทุกที่ค่ะ

ขอบคุณค่ะ o3

 :laugh5: :laugh5: :laugh5:

หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 04-06-2012 17:34:29

 o22 o22 o22

แว๊บเข้ามาดู

เม้นเราเนี่ยมันสร้างสรรค์ อะไรไหมเนี่ย ? 5555

ออกแนวไร้สาระไปซะมากกว่า

แต่ส่วนตัวแจงคิดว่าบ้างคนเค้าอาจจะแสดงความคิดเห็นไม่เก่งก็ได้มั้งค่ะ

เพราะเริ่มเม้นนิยาย ช่วงแรกๆ แจงเองก็เม้นแบบงงๆ มาจนถึงปัจจุบัน บางทีเพ้อเจ้อไปเรื่อย แซวนิยายเขาบ้าง

ก็ตามแต่อารมณ์  :z6: :z6: :z6:

ฉะนั้น คนเขียนอย่าเพิ่งคิดมากหรือน้อยใจเลยค่ะ

พี่ทำดีที่สุดแล้ว โอววว  o13 o13 o13


ปล. เป็นนักเขียนคนหนึ่งที่เรายกให้เป็นไอดอลเลย พี่ค่ะ ยังมีหนูเป็นปรสิต ติดตามพี่ไปทุกที่ค่ะ

ขอบคุณค่ะ o3

 :laugh5: :laugh5: :laugh5:

ฮาดีครับ ผมชอบ คุณ Mc_ma ก็อีกคนที่ผมชอบการเมนต์เหมือนกัน จริงๆ ก็เมนต์อะไรก็ได้ครับ
ด่าตัวละครก็ได้ (จะได้รู้ว่าอิน) จะด่าคนเขียนด้วยก็ได้ (แต่ห้ามเกินขอบเขตจากนิยายนะครับ)
แต่ก็เข้าใจแหละครับคนที่มาใหม่ๆ ก็อาจจะยังเมนต์ไม่ค่อยเก่ง แต่ก็ต้องหัดครับ
ทีละนิดทีละหน่อย แต่ขอบคุณคุณ SungMinKRu (อ่านว่าอะไรเหรอครับ) ที่เข้ามาตามอ่าน
จำได้ว่าเป็นคนกลุ่มแรกๆ เลยที่มาอ่านเรื่องนี้ (คุณ Mc_ma ด้วย) ได้ไอเดียไปเขียนนิยายจากการเมนต์ก็หลายหนอยู่

 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 05-06-2012 15:04:31
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :impress3: :impress3: :impress3: :impress3: :impress3: :impress3: :impress3:


เป็นการพิสูจน์รักที่น่ารักมาก ชอบบูมมากกกกกก

พี่บีมเป็นผู้ชายที่น่ารักมากเลย ถ้ามีแฟนแบบนี้คงดีมากๆเลย ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
 

:bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 23-06-2012 09:30:03
 :m20:


สนุกมากๆๆๆๆๆ



ชอบๆๆๆๆๆๆๆ


จะติดตามต่อไปนะคะ


 :really2:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 30-06-2012 19:47:23
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ อ่านไปตอนแรกๆกลัวจะไม่แฮปปี้มากๆเลย

ดราม่าซะเราบ่อน้ำตาแตกเลยค่ะ สงสารทิวมาก ถึงมากที่สุด

แล้วก็สงสารบูมด้วย เราชอบบูมตรงที่บูมเป็นคนมั่นคง รักทิวคนเดียว

ดีนะที่สุดท้ายแม่บูมก็เข้าใจและยอมรับ

ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้ค่ะ ให้ข้อคิดเยอะมากเลย เป็นนิยายที่ดีอีกเรื่องนึงเลยหละค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: sayings ที่ 02-07-2012 21:06:10
ขอบคุณที่แต่งนิยาย ดี ๆ มาให้อ่านนะคะ ...
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mook0007 ที่ 02-07-2012 22:56:05
เศร้ามาก สงสารทิวจังแต่สุดท้ายก็จบแบบมีความสุข
สุดท้ายขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (ตอนที่ 40) - จบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: skynotebook ที่ 06-07-2012 16:22:40
อ่านจบแล้วววว ใช้เวลาอ่านหลายวันม๊ากมาก
เป็นเรื่องที่เรียกน้ำตาตลอดเลยนะเนี่ย
ดีใจที่บูมกับทิวได้ลงเอยด้วยกันซะที พลัดพลากจากกันตั้งหลายรอบ
คนอ่านก็ลุ้นเหนื่อยมาก

ปล.เป็นกำลังใจให้นักเขียนหน้าใหม่นะค่ะ สู้ๆค่ะ แต่งไปเรื่อยๆเดี๋ยวฝีมือก็จะพัฒนาขึ้เองเนอะ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต by Sarawatta
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 07-07-2012 22:51:21
อ่านรวดเดียวจบเลย ตั้งแต่บ่ายๆ จนเกือบห้าทุ่ม

ช่วงบีบคั้น ก็บีบคั้นอารมณ์มากๆ ไอ้บีบคั้นกลางเรื่องไม่ว่า แค่แอบกลัวว่าจะจบแบบบีบคั้นอีก

อ่านจนจบแบบแฮปปี้ สนุกมากครับ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ  o13
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต by Sarawatta
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 29-07-2012 23:14:23
สวัสดี ครับ คุณสารวัฏฏะ

ได้อ่านนิยายเรื่องนี้ตามเทียบเชิญแล้ว

ชอบโครงเรื่อง ครับ มีหลายรสดี

ผมขอใช้สิทธิ์คนอ่านจบ แนะนำบางอย่างนะ


คือ สำนวนที่นิยมในนิยายบอยเลิฟนั้น จะเป็นสำนวนความคิดของตัวละคร คือ ตัวละครเป็นคนเล่าเรื่อง

แต่ของคุณสารวัฏฏะ จะเป็นแนวมือที่สามเป็นคนเล่า ซึ่งทำให้ความนิยมลดลง (แม้เนื้อเรื่องจะดี)

อาจจะปฏิเสธไม่ได้ว่า แนวเรื่องของคุณ เป็นแนวยอดนิยม(เขียน) ที่คนอ่านนิยมเอียน

แต่ผมว่าพล็อตเรื่อง และ สำนวนของคุณก็ไม่ได้แย่นะ ครับ น่าจะเรียกคนได้มากกว่านี้

สรุปแล้ว ผมว่า เลือกวิธีเล่าเรื่องไม่ตรงตามพิมพ์นิยมนะ ครับ วิธีที่เลือกมาใช้จะเหมาะกับนิยายที่เน้นอารมณ์และรายละเอียดมาก หรือไม่ก็ลึกลับซับซ้อนเสียเต็มประดา เช่น แฟนตาซี สืบสวน มหาอภิโคตะระดราม่าโพดๆ เป็นต้น 

โครงเรื่องแบบเรื่องนี้ น่าจะใช้แบบความคิดของตัวละคร และเน้นบทสนทนามากกว่า ครับ  ผมเห็นนิยายโครงแบบนี้ที่ดังๆ คนชอบๆ ใช้โครงแบบนี้ทั้งนั้น ครับ

ไม่ใช่ผมเขียนเก่งหรอกนะครับ นิยายผมเองก็ยังดองอยู่ แต่อันนี้ก็วิจารตามความคิดส่วนตัวเฉยๆ อย่าซีเรียสมากหล่ะ

แต่ยังไงผมก็ชอบ ครับ เล่าได้น่าติดตาม มีอะไรใหม่ๆเข้ามาตลอดเรื่อง เรทพองาม ไม่ใช่เอะอะก็กุ๊กิ๊กดุ๊กดิ๊กกันสองคน  (แบบนั้นเบื่อมาก ถึงสำนวนดีผมก็ข้าม ครับ)

แต่ชอบประโยคนี้มาก :-

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าผมหาข้อมูลยาแบบนั้นไม่ได้ด้วยครับ
ถ้าหาได้ บูมก็คงตายตอนจบครับ (พร้อมกับคนเขียนที่เสียสติไปด้วย)  --- อินไปไหมครับ ???
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต by Sarawatta
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 30-07-2012 07:16:43
สวัสดี ครับ คุณสารวัฏฏะ

ได้อ่านนิยายเรื่องนี้ตามเทียบเชิญแล้ว

ชอบโครงเรื่อง ครับ มีหลายรสดี

ผมขอใช้สิทธิ์คนอ่านจบ แนะนำบางอย่างนะ


คือ สำนวนที่นิยมในนิยายบอยเลิฟนั้น จะเป็นสำนวนความคิดของตัวละคร คือ ตัวละครเป็นคนเล่าเรื่อง

แต่ของคุณสารวัฏฏะ จะเป็นแนวมือที่สามเป็นคนเล่า ซึ่งทำให้ความนิยมลดลง (แม้เนื้อเรื่องจะดี)

อาจจะปฏิเสธไม่ได้ว่า แนวเรื่องของคุณ เป็นแนวยอดนิยม(เขียน) ที่คนอ่านนิยมเอียน

แต่ผมว่าพล็อตเรื่อง และ สำนวนของคุณก็ไม่ได้แย่นะ ครับ น่าจะเรียกคนได้มากกว่านี้

สรุปแล้ว ผมว่า เลือกวิธีเล่าเรื่องไม่ตรงตามพิมพ์นิยมนะ ครับ วิธีที่เลือกมาใช้จะเหมาะกับนิยายที่เน้นอารมณ์และรายละเอียดมาก หรือไม่ก็ลึกลับซับซ้อนเสียเต็มประดา เช่น แฟนตาซี สืบสวน มหาอภิโคตะระดราม่าโพดๆ เป็นต้น 

โครงเรื่องแบบเรื่องนี้ น่าจะใช้แบบความคิดของตัวละคร และเน้นบทสนทนามากกว่า ครับ  ผมเห็นนิยายโครงแบบนี้ที่ดังๆ คนชอบๆ ใช้โครงแบบนี้ทั้งนั้น ครับ

ไม่ใช่ผมเขียนเก่งหรอกนะครับ นิยายผมเองก็ยังดองอยู่ แต่อันนี้ก็วิจารตามความคิดส่วนตัวเฉยๆ อย่าซีเรียสมากหล่ะ

แต่ยังไงผมก็ชอบ ครับ เล่าได้น่าติดตาม มีอะไรใหม่ๆเข้ามาตลอดเรื่อง เรทพองาม ไม่ใช่เอะอะก็กุ๊กิ๊กดุ๊กดิ๊กกันสองคน  (แบบนั้นเบื่อมาก ถึงสำนวนดีผมก็ข้าม ครับ)

แต่ชอบประโยคนี้มาก :-

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าผมหาข้อมูลยาแบบนั้นไม่ได้ด้วยครับ
ถ้าหาได้ บูมก็คงตายตอนจบครับ (พร้อมกับคนเขียนที่เสียสติไปด้วย)  --- อินไปไหมครับ ???

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ คิดว่าเราน่าจะเห็นในสิ่งเดียวกัน
เอาไว้แก้ตัวในเรื่องต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต by Sarawatta
เริ่มหัวข้อโดย: laplace ที่ 12-08-2012 18:50:31
ขอบคุณมากครับ  อ่านแล้วชอบมากครับ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต by Sarawatta
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 20-12-2012 00:48:39
คิดถึง มาอ่านอีกรอบ ยังอินได้อีกค่ะ

 :man1: :L2: ผู้แต่ง
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต by Sarawatta
เริ่มหัวข้อโดย: cheezeful ที่ 06-01-2013 19:57:58
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ คิดว่าเราน่าจะเห็นในสิ่งเดียวกัน
เอาไว้แก้ตัวในเรื่องต่อไปครับ

เราว่าเราชอบนิยายที่ใช้วิธีเล่าเรื่ิองอย่างนี้อ่ะ เรื่องนี้สนุกมากกกก  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต by Sarawatta
เริ่มหัวข้อโดย: kungfoopungpon ที่ 10-05-2013 21:38:44
สนุกมาก ๆ ครับ เนื้อเรื่อง น่ารักดี แอบเศร้า แต่เวลาหวานก็อบอุ่นดี
 :3123: :o8: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต by Sarawatta
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 11-05-2013 00:36:04
 o13 สุดยอดค่ะ ชีวิตคนอะไรจะรันทดได้ขนาดนี้น้าาาา. แต่งดีมากค่ะ  ซึ้งมากเลย :sad4:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต by Sarawatta
เริ่มหัวข้อโดย: AB^Ton^ ที่ 02-06-2013 12:04:11
ทิว + บูม รักกัน รักกัน
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต by Sarawatta
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 14-06-2014 03:09:12
สนุกมากกก ครับ รันทดมาก แต่ดีใจที่จบแฮปปี้
แปลกใจนะครับที่คนอ่านเรื่องนี้น้อย ทั้งๆที่เดินเรื่องกระชับ ไว ภาษาสวย เนื้อเรื่องดี
เป็นกำลังใจให้คนแต่งครับ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต by Sarawatta
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 14-06-2014 17:44:00
แวะมาอ่านบูมทิว   :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต by Sarawatta
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 16-06-2014 00:38:47
ขอบคุณนะคับสำหรับนิยายดีดี จะรอติดตามเรืองอืนๆ นะคับ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต by Sarawatta
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 16-06-2014 00:54:34
เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด

อ่านวันเดียวจบ

หลากหลายอารมณ์ในเรื่องเดียว
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต by Sarawatta
เริ่มหัวข้อโดย: rome-filano ที่ 22-10-2014 01:44:35
เพิ่งมาตามอ่าน
สนุกมากๆเลยอ่ะค่ะ น้ำตาซึมไปหลายๆตอน หัวใจบีบหนึบๆๆ อินมากๆเลยอ่ะ
กว่าจะรักกันได้ บูมกับทิว (หรือทิวกับบูมนะกร๊ากก) หืดขึ้นคอเลยค่ะ
ลุ้นทุกตอนว่าเมื่อไหร่จะได้คบกัน จะได้เจอกัน ทิวอดทนมากจริงๆ

ซึ้งอ่ะค่ะ ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบ อ่านรวดเดียวเลยสนุกมากๆๆๆ
อยากปาดาวใส่ให้จริงๆเอาไปเลยสิบดาววว :hao5:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต by Sarawatta
เริ่มหัวข้อโดย: inxsara ที่ 09-05-2015 23:16:28
ได้กลับมาอ่านอีกครั้ง รู้สึกว่าผมก็หายจากการเขียนนิยายไปนานเลย
นี่ถ้ายังเขียนต่อคงเขียนได้หลายเรื่องละ ได้กลับมาดูอีกครั้งก็ดีใจที่เคยเขียนเรื่องนี้ไว้
นิยายเรื่องนี้ แรงและดราม่าสุดๆ เท่าที่เคยเขียนมา ยังไม่รู้จะมีเรื่องไหนที่ดราม่าได้แบบนี้อีกไหม

ทิวกับบูม บีม ต้อง คุณทิพย์นภา คุณลิขิต คุณทิษณา ฯลฯ คิดถึงเสมอนะครับ
คิดถึงคนที่เคยมาติดตามอ่านทุกคนด้วยครับ หวังว่าคนเก่าๆ ที่เคยมาอ่านจะแวะมาทักทายกันบ้างนะครับ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ❉ DRAMA (สุดๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 11-05-2015 04:32:36
เพิ่งได้มาอ่านจากที่คนเขียนแปะลิงค์ไว้ให้ก็เลยตามมาถูก ธรรมดาน่าจะหาไม่ถูกหรอกเพราะว่าชื่อคนเขียนเปลี่ยนไป เราเองก็เพิ่งเข้ามาในเล้าได้ไม่นานก็เลยไม่ทราบนามเก่าๆของนักเขียนหลายๆท่าน

เราอายุมากแล้วชอบการเขียนที่แบบ GEV หรือผ่านมุมมองการเล่าโดยบุคคลที่สามมากกว่าแบบสมัยนิยมที่เล่าผ่านการใช้บทสนทนาเป็นหลักเพราะว่ารายละเอียดมีน้อย  แต่ก็อย่างที่ว่าแบบสมัยนิยมก็ดูจะชอบอะไรที่เร็วกระชับทำให้การบรรยายรายละเอียดมากๆดูจะเป็นการร่าย บลา  บลา บลา ไปเสีย

เรื่องนี้คุณคนเขียนแต่งพร้อมกันกับต้นสนทำให้ได้บรรยากาศความรู้สึกในการอ่านที่คล้ายคลึงกัน สนกับบูมมีบุคลิกที่คล้ายกันในบางส่วนเช่น การลังเล  ไม่กล้าตัดสินใจ แต่มีที่โดดเด่นก็คือการพยายามที่จะบอกเล่าเก้าสิบให้คนอื่นรู้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับทิวโดยการแสดงออก  ทั้งทิวและบูมเป็นตัวละครชายที่สุภาพและนุ่มนวลไม่สาวแต่ก็ไม่ห้าวต้องเสียอีกที่ออกห้าวกว่า  ความสัมพันธ์ของคู่นี้เป็น Process ที่ยาวนานมากๆเลยทีเดียว   จุดหนึ่งที่เราว่าน่าจะนำมาใช้ในการอธิบายให้แม่บูมเข้าใจธรรมชาติของบูมได้มากขึ้นก็คือจุดที่ว่าบูมเคยนอนกับผู้ชายอื่นนอกเหนือจากทิวมาก่อนในขณะที่ทิวเองที่แม่บูมด่าว่าเป็นไอ้เกย์กลับยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับชายใดแต่ลูกชายที่แม่คิดว่าโดนเกย์ล่อลวงกลับเคยแล้ว  ตรงจุดนี้ทำให้คิดว่าทั้งบูมเป็นเกย์มากกว่าทิว แต่ก็เข้าใจที่คนเขียนโฟกัสตรงจุดที่ว่าบูมกับทิวรักกันมากๆ

ไม่อยากใช้คำว่าสนุก เพราะว่าโทนความรู้สึกของเนื้อเรื่องมันหนักหน่วงแทบทั้งเรื่อง ใช้คำว่าอ่านแล้วติดน่าจะถูกประเภทมากกว่า คือหยุดอ่านไม่ได้ ดีที่มาได้อ่านตอนที่เขียนจบแล้ว เป็นเรื่องหนึ่งที่จะไม่ลืมไปอีกนาน  ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ❉ DRAMA (สุดๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 16-05-2015 00:15:42
ขอขอบคุณจริงๆที่จบแบบแฮปปี้ค่ะ ฮือออ
สงสารทิวมากกก บูมด้วยนะ แต่สงสารทิวมากกๆ
จริงๆ ทั้งครอบครัวทั้งความรักมลายหายไปติดๆกันเลย
ไหนจะหนี้สินอีก กว่าจะสมหวัง กว่าจะมีความสุขจริงๆ
ก็ต้องรอแล้วรออีก รวมๆแล้วเกือบสิบปี อยากรุ้จังว่าพ่อทิว
เป็นใครไม่มาสนใจลูกเลย ดีใจที่ในที่สุดแม่บูมก็เข้าใจ
ความรักไม่มีแบ่ง ชนชั้น วรรณะ ศาสนา พรหมแดน อายุ
เพศ หรอก ทุกอย่างอยู่ที่ใจ สังคมจะมองยังไงช่างเรื่อง
ของสังคม ยามทุกข์สังคมมาร่วมทุกข์ด้วยหรือเปล่าล่ะ
บางคนมีแต่จะเหยียบซ้ำ ฉะนั้นจะไปแคร์ทำไม แคร์ความรุ้สึก
ครอบครัว คนที่รักดีกว่า
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ❉ DRAMA (สุดๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: ิbenz ที่ 19-05-2015 14:10:27
ขอให้ทิวมีกำลังใจสู้ชีวิตต่อไปนะ......บูมนายมันเห็นแก่ตัวว่ะ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ❉ DRAMA (สุดๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 20-05-2015 00:09:13
 :m15: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ❉ DRAMA (สุดๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: คนใจอ่อน ที่ 29-05-2015 23:10:59
ตามมาอ่านจากกระทู้แนะนำนิยาย เพิ่งได้อ่าน อ่านแล้วฟินมากกกก
ดีใจที่คนเขียนไม่ท้อหยุดเขียนไปซ่ะก่อน ไม่งั้นคงไม่มีนิยายสนุกๆแบบนี้มาให้คนอ่านอินข้ามวันข้ามคืน
เป็นคนที่ชอบอ่านนิยายที่เขียนจบแล้ว นิยายที่ยังเขียนไม่จบจะไม่เข้าไปอ่านเลยถึงแม้ใครต่อใครจะว่าสนุกมากก็ตาม รออ่านทีเดียวดีกว่า เคยอ่านอยู่เรื่องนึงยังไม่จบอารมค้างมากกก ไม่เอาอีกแล้ว

มาให้กำลังใจคนเขียนตอนนี้ก็คงไม่สายเนอะ

คนเขียน แต่งเรื่องไหนอีกบ้างอ่ะ นอกจาก รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต กับ ต้นสน จะตามไปอ่านให้หมดเลยอ่า

ปล. ทั้ง รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต และ ต้นสน สนุกทั้งสองเรื่อง แต่ส่วนตัวชอบเรื่องรักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิตมากกว่าอ่ะ ไม่รู้เป็นเพราะอ่านเรื่องนี้ก่อนแล้วถึงไปอ่านเรื่องต้นสนหรือป่าวนะ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ❉ DRAMA (สุดๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 30-05-2015 08:35:05
ตามมาอ่านจากกระทู้แนะนำนิยาย เพิ่งได้อ่าน อ่านแล้วฟินมากกกก
ดีใจที่คนเขียนไม่ท้อหยุดเขียนไปซ่ะก่อน ไม่งั้นคงไม่มีนิยายสนุกๆแบบนี้มาให้คนอ่านอินข้ามวันข้ามคืน
เป็นคนที่ชอบอ่านนิยายที่เขียนจบแล้ว นิยายที่ยังเขียนไม่จบจะไม่เข้าไปอ่านเลยถึงแม้ใครต่อใครจะว่าสนุกมากก็ตาม รออ่านทีเดียวดีกว่า เคยอ่านอยู่เรื่องนึงยังไม่จบอารมค้างมากกก ไม่เอาอีกแล้ว

มาให้กำลังใจคนเขียนตอนนี้ก็คงไม่สายเนอะ

คนเขียน แต่งเรื่องไหนอีกบ้างอ่ะ นอกจาก รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต กับ ต้นสน จะตามไปอ่านให้หมดเลยอ่า

ปล. ทั้ง รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต และ ต้นสน สนุกทั้งสองเรื่อง แต่ส่วนตัวชอบเรื่องรักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิตมากกว่าอ่ะ ไม่รู้เป็นเพราะอ่านเรื่องนี้ก่อนแล้วถึงไปอ่านเรื่องต้นสนหรือป่าวนะ

ขอบคุณมากๆ เลยครับที่มาอ่านนิยายเรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องในความทรงจำของผมเลย แต่หลังจากที่เขียนเรื่องนี้จบไปได้สักหน่อย
ผมก็หายไปเกือบสามปี เพิ่งจะกลับมาเขียนใหม่อีกครั้งครับ เอา "ต้น-สน" มาเขียนใหม่ด้วย

พอดีผมเพิ่งเป็นนักเขียนใหม่ นอกจาก "รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต" กับ "ต้น-สน" แล้วก็มีเรื่องสั้นๆ อีก 2 เรื่อง ตามข้างล่างนี้ครับ

เรื่องน่ารักๆ เมื่อผมหลงรักคนพิการ (ขอเรื่องจากน้องคนหนึ่งมาลง)
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32188.0

I love Kim Jong Hoon (ประสบการณ์ตรงของตัวเองกับหนุ่มเกาหลี)
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32450.0

ตอนนี้มีเรื่องที่กำลังเขียนยังไม่จบอยู่สองเรื่อง เพิ่งลงได้ไม่นานครับ เขียนจบอย่างแน่นอน ผมอยากเขียนนิยายมาก
ถึงขนาดลาออกจากงานประจำ (ที่เงินเดือนเยอะมากกกกกกก) มาทำงานอิสระของตัวเอง มีเวลาเขียนนิยายได้เยอะขึ้นเลย

ูต้น-สน: ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย (ปรับเนื้อเรื่องใหม่ รอบที่สามจะเป็นรอบสุดท้ายแล้ว ผมจะให้เรื่องนี้เป็นอย่างที่ผมอยากให้เป็นมากที่สุด) - http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46898.0

ธุรกิจนี้มีรัก - http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46884.0

แล้วก็มีที่วางแผนไว้ว่าจะเขียนหลังจากจบ 2 เรื่องนี้อีกอย่างน้อย 2-3 เรื่องครับ

:L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ❉ DRAMA (สุดๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: คนใจอ่อน ที่ 30-05-2015 23:25:51
ตามมาอ่านจากกระทู้แนะนำนิยาย เพิ่งได้อ่าน อ่านแล้วฟินมากกกก
ดีใจที่คนเขียนไม่ท้อหยุดเขียนไปซ่ะก่อน ไม่งั้นคงไม่มีนิยายสนุกๆแบบนี้มาให้คนอ่านอินข้ามวันข้ามคืน
เป็นคนที่ชอบอ่านนิยายที่เขียนจบแล้ว นิยายที่ยังเขียนไม่จบจะไม่เข้าไปอ่านเลยถึงแม้ใครต่อใครจะว่าสนุกมากก็ตาม รออ่านทีเดียวดีกว่า เคยอ่านอยู่เรื่องนึงยังไม่จบอารมค้างมากกก ไม่เอาอีกแล้ว

มาให้กำลังใจคนเขียนตอนนี้ก็คงไม่สายเนอะ

คนเขียน แต่งเรื่องไหนอีกบ้างอ่ะ นอกจาก รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต กับ ต้นสน จะตามไปอ่านให้หมดเลยอ่า

ปล. ทั้ง รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต และ ต้นสน สนุกทั้งสองเรื่อง แต่ส่วนตัวชอบเรื่องรักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิตมากกว่าอ่ะ ไม่รู้เป็นเพราะอ่านเรื่องนี้ก่อนแล้วถึงไปอ่านเรื่องต้นสนหรือป่าวนะ

ขอบคุณมากๆ เลยครับที่มาอ่านนิยายเรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องในความทรงจำของผมเลย แต่หลังจากที่เขียนเรื่องนี้จบไปได้สักหน่อย
ผมก็หายไปเกือบสามปี เพิ่งจะกลับมาเขียนใหม่อีกครั้งครับ เอา "ต้น-สน" มาเขียนใหม่ด้วย

พอดีผมเพิ่งเป็นนักเขียนใหม่ นอกจาก "รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต" กับ "ต้น-สน" แล้วก็มีเรื่องสั้นๆ อีก 2 เรื่อง ตามข้างล่างนี้ครับ

เรื่องน่ารักๆ เมื่อผมหลงรักคนพิการ (ขอเรื่องจากน้องคนหนึ่งมาลง)
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32188.0

I love Kim Jong Hoon (ประสบการณ์ตรงของตัวเองกับหนุ่มเกาหลี)
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32450.0

ตอนนี้มีเรื่องที่กำลังเขียนยังไม่จบอยู่สองเรื่อง เพิ่งลงได้ไม่นานครับ เขียนจบอย่างแน่นอน ผมอยากเขียนนิยายมาก
ถึงขนาดลาออกจากงานประจำ (ที่เงินเดือนเยอะมากกกกกกก) มาทำงานอิสระของตัวเอง มีเวลาเขียนนิยายได้เยอะขึ้นเลย

ูต้น-สน: ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย (ปรับเนื้อเรื่องใหม่ รอบที่สามจะเป็นรอบสุดท้ายแล้ว ผมจะให้เรื่องนี้เป็นอย่างที่ผมอยากให้เป็นมากที่สุด) - http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46898.0

ธุรกิจนี้มีรัก - http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46884.0

แล้วก็มีที่วางแผนไว้ว่าจะเขียนหลังจากจบ 2 เรื่องนี้อีกอย่างน้อย 2-3 เรื่องครับ

:L2: :L1: :pig4:

ว้าวๆๆ ขอบคุณมากครับ จะตามไปอ่านทุกเรื่องเลยครับ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ❉ DRAMA
เริ่มหัวข้อโดย: UNUNisZOMBIE ที่ 04-06-2015 00:08:46
หน่วงมาก กว่าจะอ่านเรื่องนี้จบ :ling3:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ❉ DRAMA
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 04-06-2015 22:24:34
ชอบตอนจบ ชอบทุกตัวละครเลยจริงๆนะ

มันโอเคที่ว่าตัวละครในเรื่องนี้ยังคุมอารมณ์ คุยกันด้วยเหตุผลได้อยู่ บางเรื่องนี่ลงไม้ลงมือกันไปแล้ว

เพราะงั้นก็เลยเข้าใจกัน ถึงแม้จะใช้เวลาหลายปีก็ตามที  :z13:

แอบอึ้งสุดๆที่ตอนหลังทิวมากดบูม  :a5:

หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ❉ DRAMA
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 19-06-2015 16:32:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:สนุกมากเลยน่ะ มาอ่านงานคุณศาลาวัดที่เป็นแนวนักเรียนใส ๆ แล้วให้ความรู้สึกแปลก ๆ ดี แต่ยังให้บรรยากาศที่อบอุ่นเช่นเดิมเลยน่ะ เราชอบการเขียนของคุณและการใช้ภาษาก้อดีมาก ๆ เลย ไม่เจอคำผิดด้วย บ่งบอกว่าเป็นคนแต่งที่ละเอียดละออดีมาก ๆเลยน่ะ รอติดตามต่อเพิ่งอ่านมาได้สามบทเอง  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ❉ DRAMA
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 21-06-2015 00:12:48
อ่านไปได้ครึ่งทางแหละ เป็นเนื้อหาที่ไม่ใหม่น่ะ แต่คนแต่ง ๆ ได้ลึกซึ้งและเป็นธรรมชาติมากเสมือนเป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นจริง อ่านแล้วคล้อยตามไปกับเนื้อเรื่องและเสียน้ำตาไปหลายครั้งทีเดียว ตัวละครแต่ละตัวดูเป็นจริงมาก ๆ โดยเฉพาะตัวบูม เด็กธรรมดาคนนึงที่ต้องอยู่ภายใต้การบงการของพ่อแม่ที่เอาแต่บอกว่าหวังดีตลอดเวลา โดยไม่ได้สนใจว่าลูกของตนนั้นต้องการสิ่งใดเอาแต่อ้างว่าตนมีประสบการณ์รู้ว่าควรจัดการอย่าางไรกับชีวิตโดยลืมไปว่าลูกไม่ใช่สัตว์เลี้ยงน่ะ เขามีอนาคตที่เขาต้องเดินเองและคุณไม่อาจอยู่กับเขาได้ตลอดชีวิตเมื่อเขามีความทุกข์ คุณก้อไม่อาจอยู่เคียงข้างเขาได้ ความสุขของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน บูมดูเป็นคนที่จับต้องได้เหมือนเรา ๆ และสิ่งที่เขาทำก้อไม่ใช่สิ่งที่ผิด เพราะเขาเด็กเกินกว่าที่จะต่อต้านพ่อแม่เขาได้ แต่ตอนนี้เขาโตแล้วนั่นก้อคงต้องอ่านต่อไปว่าจะทำยังไงกับอนาคตที่เขาเลือกจะกำหนดเอง  :katai5: มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ไม่มีความยุติธรรมในความรัก นั่นคือความเป็นจริงของโลกที่ทุกคนต้องยอมรับ ไม่มีคำว่ามาก่อนหรือมาหลัง เพศใด วัยใด ฐานะใด หน้าตาแบบใดเพราะความรักเป็นเรื่องของความรู้สึก
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ❉ DRAMA
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 21-06-2015 19:12:06
เรื่องนี้บีบหัวใจดีจริงๆ โดยเฉพาะช่วงกลางที่ทั้งสองไม่ได้เจอกัน
ชีวิตทิวน่าสงสารมาก ปวดใจ ชีวิตคนๆนึงมันสาหัสเกินไป แม่ตายไม่พอยังต้องเจอปัญหาอะไรอื่นๆอีก
ยอมรับอ่านไปน้ำตาไหลเลย :( 

สรุปทั้งสองก็ผ่านอุปสรรคทุกอย่างไปได้ จบแบบนี้ก็ยิ้มออก ถ้าจบแบบไม่สมหวัง ใครสักคนต้องตายคงแบบสะเทือนใจน่าดู
ปล. คนเขียนเก่งนะครับ ที่เขียนถ่ายทอดทำให้ผมอินไปตามตัวละครได้ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ❉ DRAMA
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 21-06-2015 20:58:31
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: อ่านจบแล้วจ้า บอกได้คำเดียวว่าสุดยอด ภาษาสวยมาก ๆ และดีใจมากที่คุณศาลาวัด (ถ้าไม่ใช่ชื่อนี้ต้องขอโทษด้วยน่ะจ้ะ) ยังแวะเข้ามาเยี่ยมเยียนน่ะจ้ะ เราแปลกใจมาก ๆ ที่เรื่องนี้มีคนเข้ามาอ่านน้อยกว่าที่เราคิดน่ะ เพราะเรื่องนี้น่าจะถูกโรคกับคนอ่านทั่ว ๆ ไปน่ะ เราคิดว่าน่าจะเป็นเพราะชื่อเรื่องน่ะ เพราะมันบ่งบอกว่าจะเศร้าและอาจจบแบบไม่แฮ้ปปี้แน่ ๆ ถ้าเราไม่ติดใจงานของคุณจากเรื่องธุรกิจนี้มีรักกับเรื่องเมื่อผมหลงรักคนพิการ คงไม่เข้ามาอ่านหรอก เราไม่ถูกโฉลกกับแนวไม่แฮ้ปปี้น่ะ เพราะเรามองว่าการอ่านนิยายคือการหนีจากโลกของความเป็นจริงและมันเป็นกำลังใจให้เรามีความหวัง (เหมือนเบื่อโลกเนอะ 555) และรู้สึกมีความสุขไปกับมันด้วยน่ะ แต่เราก้อเข้าใจคนแต่งน่ะว่าบางครั้งก้อคงมีพล็อตที่วางเอาไว้แล้วน่ะ ก้อคงอยากให้มันเป็นไปตามนั้น เรื่องนี้สอนอะไรหลายอย่างเลยน่ะ สอนให้รู้จักการกตัญญู ความอดทน ความเป็นครอบครัว ความรักของพ่อแม่ ความรักระหว่างเพื่อนและความรักระหว่างคนรัก การกระทำของบูมนั้นยอมรับว่าสุดยอดมาก ๆ อดทนเพื่อไม่ให้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกอกตัญญุ และ สุดท้ายตัวเองก้อได้สมหวังในรัก จะมีใครสักกี่คนที่จะทำแบบนี้ได้ อีกทั้งยังเป็นการพิสูจน์ด้วยว่าความรักระหว่างทั้งคู่นั่นคือรักแท้ที่ไม่ว่าอะไรก้อสามารถก้าวผ่านไปได้ มันทำให้เราได้มองว่าไม่มีพ่อแม่ที่ไหนจะยอมใจร้ายกับลูกตัวเองได้ลงคอและเราก้ออย่าเอาแต่พูดว่าทำไมพ่อแม่ไม่เข้าใจเราและสุดท้ายเราก้อกลายเป็นเห็นแก่ตัวไปโดยปริยาย เราชอบตรงจุดนี้มาก ๆ น่ะ ตอนช่วงท้ายแอบกลัวน่ะว่าจะมีดราม่าตอนจบ กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุจนทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายน่ะ
สุดท้ายขอเป็นกำลังใจให้คนเขียนแต่งเรื่องดี ๆ ต่อไป และเราจะติดตามเรื่องอื่น ๆ ของคุณต่อไปน่ะจ้ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ❉ DRAMA
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 21-06-2015 22:57:43
ดราม่าหนักมาก ร้องไห้ด้วย
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ❉ DRAMA
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 22-06-2015 20:19:56
เป็นเรื่องที่เยี่ยมมากเลยค่ะ ร้องไห้หนักมาก แลัวก็ดีใจที่ตอนจบแบบแฮปปี้ค่ะ 5555 ขอบคุณนะค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ❉ DRAMA
เริ่มหัวข้อโดย: jamesnaka ที่ 08-07-2015 21:36:51
เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของพ่อแม่รังแกฉันจริงๆ

การจะเลี้ยงลูกให้ได้ดีมีความสุข จะบังคับมากจนเกินไปก็ไม่ดี จะตามใจมากไปก็ไม่ดี

เราว่าควรเลี้ยงด้วยใช้เหตุผลและความเข้าใจ โดยยึดลักษณะนิสัยของลูกเป็นเกณฑ์จะดีกว่า

ครอบครัวจะได้อยู่ดีมีความสุข

ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆสนุกๆให้ได้อ่านกันค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ❉ DRAMA
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 09-07-2015 00:12:45
ตอนเห็นหัวข้อ drama ก็นั่งคิดอยู่นานกว่าจะตัดสินใจอ่านดู
สนุกคับ อ่านรวดเดียวจบ ทำเอานอนดึกกว่าที่ควร แล้วยังมา
นั่งเขียนคอมเม้นต์อีก

ตอนนี้ชีวิตกำลังอยู่นั่งช่วงเครียด อ่านชีวิตทิวแล้วก็ย้อนกลับ
มาคิดดู ชีวิตเราก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ทำให้มีแรงฮึดขึ้นสู้อีก

บทพ่อกับแม่ของบูม ตรงข้ามกับที่บ้านมาก ดีที่แม่เป็นกำลังใจ
ทำให้ทุกคนในบ้านยังประคับประคองกันได้ แม้พ่อจะแปลกแยก
ก็ตาม มีหลายๆ ครั้งที่รู้สึกว่า ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์ของบูมคง
ทำตัวประชดพ่อแม่มากกว่านี้แล้ว อาจสายไปแล้วด้วยซ้ำ

ช่วงตอนเริ่มต้น นึกว่าทิวจะได้เป็นเมะซะอีก แต่ผ่านมาซักพักความ
เป็นเคะมันฉายแวว คิดดูอีกทีถ้าทิวเป็นเมะ เรื่องมันคงดราม่ามาก
กว่านี้ ดังนั้นให้บูมเป็นเมะไปนั่นแหละ ไม่อยากซดมาม่าเยอะกว่านี้
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (UNDER REVISION)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 23-08-2015 09:53:33
คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 1

มาให้กำลังใจจะเม้นตังแต่เมื่อคืนล่ะแต่เม้นไม่ได้อ่ะเมื่อคืน ดูสิคนแต่งจะให้อารมณ์แบบไหนกับการมาครั้งนี้ของทิวกะบูม

เป็นกำลังใจให้นะคะ พอดีเพิ่งอ่านตอนเดิมที่ยังไม่รีไรท์ถึงตอนที่ 37 จะอ่านต่อก็รีไรท์ซะแล้ว
อยากบอกว่า อ่านไปน้ำตาก็ไหลไปแทบทุกตอนเลยค่ะ สนุกค่ะ เนื้อเรื่องเข้มข้นพอๆ กับต้นสนเลยค่ะ
แนะนำเลยใครที่เพิ่งเข้ามาอ่าน อยากให้อ่านตอนต่อๆ ไปด้วยนะคะ เข้มข้น ดราม่าแทบทุกตอนจริงๆ ค่ะ

ถึงแม้ว่าทิวจะไม่ได้ลงมือแกล้งบูมโดยตรง แต่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีส่วนรู้เห็นสินะคะ ถึงได้ไม่รู้สึกโกรธเคืองเพื่อนทั้งสองคนมากนัก.. ติดตามนะค้าา :L2:

ตามมาอ่านจากเวอร์ชั่นเก่าคับ  อันเก่าผมยังอ่านไม่จบเลยอ่ะ ผู้แต่งใจร้ายมาก บอกเลย ๕๕๕ รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับ มาเร็วๆนะคับ

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 2

ดีนะคะเนี่ยที่ทิวเป็นคนช่างสังเกต ไม่ตัดสินคนอื่นแค่ภายนอก ไม่อย่างนั้นบูมก็คงต้องอยู่แบบเหงาๆ ไปคนเดียวอีกนานเลยเชียวล่ะ ^^ แล้วจะยิ่งดีมากถ้าอุ้ยกับมัสมั่นจะอยู่ห่างๆ จากบูมไปจนกว่าจะจบการศึกษา เพราะเราไม่อยากให้บูมไปสนิทกับสองคนนี้..ที่ไร้ซึ่งความประทับใจตั้งแต่แรกเห็นเลยค่ะ

อืมไม่รู้จัะเม้นอะไร ก็เอาใจช่วยก็แล้วกัน

มารีไรท์ใหม่ ตอนแรกรู้น่ะตกใจเลย นึกว่าจะเปลี่ยนเนื้อหาใหม่ แต่พอแจ้งว่าแค่ปรับภาษาสำนวน อันนี้ก้อแล้วไป แต่เดิมทีก้อใช้ได้แล้วล่ะ ที่ไม่อยากให้แปลงเนื้อหาใหม่ เพราะของเดิมน่ะดีอยู่แล้ว ชอบมากเลย  o13 ทำเราน้ำตาคลอไปหลายรอบ

  เห็นรูปประกอบเป็นคุณ นก สินจัย แล้วทำให้ผมนึกถึงเรื่อง รักแห่งสยามเลยอ่ะ ๕๕๕
         เหมือนพรหมลิขิตอ่ะ ถ้าเป็นคนรักกันยังไงก็ต้องมีอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้คนสองคนต้องเข้าหากันให้ได้จริงๆ แม้ว่าตอนแรกจะมีเหตุการณ์ที่ไม่ประทับใจกันทั้งสองฝ่ายก็เถอะ แล้วไอ้เพื่อนที่แกล้งก็ยังไม่สำนึกแก้ไขสิ่งที่ตัวเองทำลงไปด้วยนะ ไม่ไปขอโทษและชี้แจงเหตุกับบูมด้วยนะ
          ทิวเป็นเหมือนส่วนเติมเต็มให้บูมเลยนะ เหมือนคนมาเปิดโลกให้บูมได้เห็นได้สัมผัสอ่ะ  รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับ มาอัปเดตบ่อยๆนะคับผู้แต่ง

ตามมาปักป้ายไว้ก่อน ..

และเป็นกำลังใจให้นักเขียนครับผม

เรื่องนี้ผู้แต่งจะไม่มาอัปเดตบ่อยๆจริงเหรอคับ เรื่องนี้ผมก็ผูกพันเหมือนกันนา ๕๕๕ ใจหายเหมือนกันนะคับกำลังติดเรื่องนี้เลย ตอนใหม่มาเร็วๆนะคับ

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 3

  จริงเหรอคับผู้แต่งที่ว่าจะถี่น้อยลง ผมคงไม่ได้อ่านยาวนานเลยสิ แค่นี้ก็อยากให้เอามาลงทุกวันอยู่แล้ว จะได้อ่านบทต่อๆไปที่ค้างไว้ด้วย สนุกด้วย ติดใจอ่ะ แต่ไม่ว่างลงยังไงก็รอได้คับ อิอิ ๕๕๕
      พื้นฐานทางอารมณ์ทิวดีมากๆอะ ความสัมพันธ์เริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว  รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับ มาบ่อยๆนา นะคับ ๕๕๕


อืมเรื่องนี้ผมก็เคยดูนะ มันจบไม่สวยเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นความทรงจำที่น่าจดจำในช่วงหนึ่งของเวลาที่เราเดินผ่านมันไป เรื่องนี้ก็คงจะเป็นอีกเรื่องที่สอนเรื่องความรักระหว่างผู้ชายด้วยกันได้ดี ขอแค่เรามีความรักที่มั่งคง หนักแน่น ซือสัตย์ ห่วงใย ใส่ใจกัน ดูแลซึ่งกันและกัน และอีกอย่างไม่ทิ้งอีกคนคนให้ต้องคอต้องเดินไปคนเดียว ถ้าในชีวิตจริงเจอคนแบบนี้บ้างก็คงดีนะ

ในเมื่อทิวเข้าหาบูมด้วยใจบริสุทธิ์ ด้วยมิตรภาพที่หวังดีจริงๆ บูมจะใจร้ายไล่กันไปไกลๆ ก็กระไรอยู่ล่ะเน้ออ ^^

ทิวดูเป็นคนดีจังเลยอะ
เค้าเรียกว่าอะไรน๊า เติมเต็มให้กันใช่รึเปล่าคะ
แบบว่าทิวเป็นส่วนเติมเต็มของบูมอะไรอย่างนี้อะ
เป็นความรักที่เติมเต็มให้กันและกัน
แต่มันรู้สึกเศร้าๆ ยังไงก็ไม่รู้ กลัวดราม่าจังเลย :katai1:

รอติดตามคะ
เป็นกำลังใจให้คุณ sarawatta นะคะ  o13

ปล.แอบหมั่นไส้อุ้ยกับมัสมั่น :z6:

มาเป็นกำลังใจค่ะ กำลังใจค่ะ  :L2: :L2: :L2: :L2: ทิวนี้น่ารักจัง อ่านไปก็สงสารบูมนะ เขาเหมือนเก็บกดอะไรไว้เลย
ท่าทางว่าเรื่องนี้จะหน่วงแบบ ต้น-สนแน่เลย  :man1:  รออ่านตอนต่อไป
ขอบคุณผู้แต่งที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน

มาให้กำลังใจครับ เคยอ่านแล้ว อิอิ
เป็นอีกเรื่องที่เสียน้ำตาให้  มันเศร้ามาก

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 4

ก็เป็นได้แค่กำลังใจให้ทั้งสองหนุ่มละนะ ชีวิตยังอีกยาวไกลบูมทิว อะไรที่พอทำได้ก็ทำไปก่อน ก่อนที่จะไม่ได้ทพ และยังทำให้ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆตั้งเยอะกับชีวิตนี้อะนะ

อึดอัดแทนบูมมากๆ เลยค่ะ อะไรจะจำกัดเสรีภาพกันขนาดนั้นก็ไม่รู้ เครียดแทนเลย
ค่าา :serius2:

คุณแม่ค่ะ ลูกนะค่ะ ไม่ใช่นักโทษ  :hao5: อึดอีดแทนบูม  และยิ่งมาเป็นความหวังของครอบครัวอีก
ความของทิวกับบูมจะเป็นยังไงนะ ไม่อยากเดา รอคนแต่งที่น่ารักดีกว่า  :mew3:

          มันเป็นความจริงนะคับที่ว่ากีฬา ดนตรี เพลงช่วยผ่อนคลายอารมณ์ได้จริงๆ 

          จากตอนนี้ เห็นใจบูมมากๆที่เกิดมาในครอบครัวแบบนี้ กดดันมากๆ เห็นชัดเลยว่าคนเป็นพ่อแม่เขาก็คิดในส่วนของพ่อแม่น่ะ คนเป็นลูกก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมพ่อแม่บูมถึงทำแบบนี้เลยกลายเป็นว่ากดดันบูมไปเลย คนเป็นพ่อแม่เขาตั้งใจจะให้ลูกเกิดมาแต่ก็ลืมไปว่าลูกตัวเองก็มีชะตาชีวิตเป็นของเขาเอง บูมก็โชคดีที่ได้เจอทิวเป็นคนสอนให้รู้จักอะไรๆ

          ผมว่าตอนการสอนบูมร้องเพลงเป็นตัวช่วย มันจะทำให้ทิวกับบูมสนิทกันมากขึ้นๆจนบูมจะมองผาด มองพิศสนิทใจกันกับทิวแล้วจะมองละเอียดมากขึ้นจนกลายเป็นความรักอ่ะ  แบบนี้สินะ พรหมลิขิต ๕๕๕ นั้งยิ้ม

           รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับ มาไวๆมาบ่อยๆนะคับ 


บูมสู้ๆ :o12: :o12:

สงสารบูม สงสารบูม สงสารบูม
ฮือออออออออออออ :o12:
แต่ยังดีนะที่มีทิวมาช่วยทำให้ชีวิตของบูมไม่หดหู่จนถึงขีดสุดเกินไปนัก  :hao5:

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 5

พี่บีมก็น่าสงสารเหมือนกันนะคะที่ถูกบูมหมางเมินแบบนี้ ถ้าจะให้ดีอยากให้พี่บีมได้มาเจอกับทิวบ้างจังค่ะ มาปรึกษากัน แล้วทิวจะได้ไปช่วยพูดกับบูมให้เข้าใจพี่บีมมากขึ้น อีกอย่างเรื่องนี้คนผิดคือใครเราก็รู้ๆ กันอยู่ล่ะเน้อ :undecided: ..

พอตัวละครมีความสุขคนอ่านก็พอมีความสุขไปด้วย ยังไงบีมก็จะเป็นเสาหลักในภายภาคหน้าขอให้พี่น้องเข้าใจกันสักทีนะ พ่อแม่รังแกฉันแบบนี้ไม่ดีเอาเสียเลย

      มาแล้ว มาแล้ว อ่านแล้วยิ้มกับความสดใสของบูมจริงๆคับ ความสัมพันธ์เริ่มก่อตัวมากขึ้นแล้ว ต่างจากวันเปิดเทอมเยอะมากๆเลย
        บูมกับพี่ชายน่าจะคุยความในใจกันบ้างนะ เป็นผู้ชายเหมือนกันน่าจะคุยกันได้ง่ายๆ
      รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับ มาลงบ่อยๆนะคับผู้แต่ง


ขนาดอ่านไปรอบนึงแล้ว หวนกลับมาอ่านแบบผ่าน ๆ ยังรู้สึกดีกับเรื่องนี้มาก ๆ เลยน่ะ ขอสารภาพว่ารักเรื่องนี้มาก ๆ อาจเป็นเพราะความรักของทั้งคู่นั้นอยู่ภายใต้ความกดดันด้วยแหละ ไม่เหมือนเรื่องต้นสนที่จะเป็นแบบมาในสภาพแวดล้อมแบบเปิดเลยน่ะ เลยอ่านไปก้อไม่รู้สึกกดดันอะไรจนความรู้สึกของต้นเริ่มแปรเปลี่ยนนั่นแหละ มันเหมือนอ่านพัฒนาการทางความรักไปพร้อม ๆ กับวุฒิภาวะไปด้วยน่ะ แต่เรื่องนี้มันเริ่มต้นก้อแบบดาร์กมาเชียว อ่านแล้วลุ้นตลอด  :กอด1: เอาใจช่วยบูมมาก ๆ  :mew2:

ยิ่งอ่านก็ยิ่งติด ติดเหมือนต้น-สน แล้วนะ  แม้ว่าจะแอบเครียดแทนบูมที่โดนแม่บังคับไปซะทุกอย่าง
แต่ก็เจอความน่ารักของทิวกับบูมแล้วอยากอ่านต่อเรื่อยๆ สงสารพี่บีม  :mew6: อยากให้พี่น้องเข้าใจกัน  :call:

หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (UNDER REVISION)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 27-08-2015 11:15:52
คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 6

คราวนี้ช่องว่างระหว่างบีมและบูมคงจะกระชับลง และกับมาเป็นพี่น้องที่รักกันมากเหมือนเดิม ชอบมากเลยตอนนี้ ความรักของพี่ชายที่มีให้กับน้องชาย  :mew3: :mew3: :mew3:

พี่บีมกับบูมเข้าใจกันแล้วแบบนี้ดีจังน้าา :heaven เพราะอย่างน้อยๆ ตอนอยู่ในบ้านที่แสนจะอึดอัดหลังนั้น ก็ยังหลบมาแบ่งปันออกซิเจนให้แก่กันได้บ้าง ^^

ส่วนคุณแม่.. เราว่าบางทีก็วิตกจริตจนเกินไปนะคะ :freeze: เพราะบูมก็แค่ขออนุญาตไปซื้อเสื้อผ้ากับเพื่อนเท่านั้นเอง ไม่ได้ไปทำอะไรที่ไม่ดีเสียหน่อย -*-

            อ่านตอนนี้แล้วบอกตรงๆว่าเห็นใจลูกๆมากเลย ฉากที่พี่บีมทะเลาะกับแม่เห็นได้ชัดเจนจริงๆว่าพ่อแม่ก็คิดแค่ในส่วนของพ่อแม่ พอลูกทำไรให้ไม่เป็นตามคาดก็ว่า ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง ทำตัวเหลวไหล คงเป็นกรรมของพ่อ แม่ที่เคยทำไว้ มีลูกถึงไม่ได้ดั่งใจแบบนี้ เห้ออ!!
            ชอบมากๆเลยพี่ชาย มันต้องแบบนี้สิ พี่บีม ตอนนี้บีมก็มาช่วยน้องแล้ว ตอนนี้ทำให้สบายใจขึ้น พี่น้องเข้าใจกันดีแล้ว
           รอ รอ รออ่านตอนใหม่ มาลงบ่อยๆนะคับ please  please


พี่บีม ขอบคุณมากเลยนะคะที่เข้าใจบูม
อย่างน้อยในความย่ำแย่ของสิ่งแวดล้อมของครอบครัว
ก็ยังมีพี่บีมที่เข้าใจ  :กอด1:

ตอนนี้แอบน้ำตาซึมเลยค่ะ มันเป็นความรักระหว่างพี่น้อง
และก็อึดอัดกับครอบครัวนี้จริงๆ ทำให้คิดถึงประโยคที่ว่า 'พ่อแม่รังแกฉัน' มันเป็นแบบนี้รึเปล่านะ

เป็นกำลังใจให้คุณ sarawatta นะคะ  :กอด1:
รอตอนต่อไปคะ o13

คุณแม่กังวลจนเกินเหตุ :เฮ้อ:

อืม บูมมีความคิดดีนะ ทำวันนี้ให้ดี และน่าจดจำเอาไว้ในใจ เพื่อมีสิ่งดีๆไว้คิดถึง เวลาท้อใจ อืมดีที่มีความคิดดี และใจกว้างพอที่ไม่ปิดกั้นตนเองด้วย

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 7

สงสารบูม :mew6:  พ่อแม่บูมนี้ไม่เคยเข้าใจเลยใช่ไหม เกรด 3.2 สองนี้ก็โอเคแล้วนะ แถมเพิ่งจะย้ายมาใหม่อีกด้วย ย้ายโรงเรียนอีกมันก็ไม่เพิ่มขึ้นหรอก หากพ่อแม่ยังรังแกลูกแบบนี้ เฮ้อ!    :z3:  (อินไปอีกเรื่องแล้วเรา )

เฮ้อ พ่อแม่บูมก็จริงๆนั้นแหละ ห่วงแต่น่าตาตัวเอง เซ็งจุงเบ้ย

บูมหนีออกจากบ้านมาอยู่กับทิวแบบนี้ น่ากลัวว่าคุณพ่อกับคุณแม่จะตามมาต่อว่าทิวที่นี่เสียเหลือเกินนะคะ อย่าง แต่ก่อนบูมเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย แต่ตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่นี่แล้วได้เจอกับทิวบูมก็เปลี่ยนไป..

เพิ่งเห็นอ่ะ มาอ่านช้าเลย
          สงสารบูมมากๆ ที่ครอบครัวเป็นแบบนี้แต่ก็ดีไปอย่างนะบูม เพราะมันทำให้เจอทิวและเรียนรู้สิ่งดีๆจากทิวเยอะเลยนะ 
          ไม่ชอบวิธีการแก้ปัญหาของบูมเลยที่หนีออกจากบ้าน แก้ปัญหาผิดวิธีไปหน่อยแต่ก็เข้าใจจิตใจคนเป็นลูก
               รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับ มาบ่อยๆนะคับ


เข้ามาทวงเรื่องนี้จริงๆเลยคับ อยากให้มาอัพเร็วๆคับ
ได้โปรดเถอะคับ ผู้แต่ง ได้โปรดมาลงตอนใหม่ให้คนอ่านบ่อยๆด้วยเถอะคับ


อ่า บูมหนีออกจากบ้านมาอยู่กับทิว ท่าทางปัญหาใหญ่จะตามมาแน่ๆ
แต่แบบนะ เข้าใจบูมเลยคะ ก็ครอบครัวเป็นแบบนั้นนี่นา  :ruready

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 8

อัยยะ อย่างน้องตอนนี้ก็ทำให้บูมมีควสมหวังมากขึ้น และมีความสุขมากขึ้นล่ะนะ ทิวคงตกลุ่มรักบูมเข้าให้แล้ว เหลือแต่บูมเท่านั้นว่าจะยังไงต่อ รอตอนต่อไปครับ

มีกำลังใจมากขึ้นแล้วนะคะบูม ^^ ทีนี้ก็จะได้กล้าทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ บ้างแล้วเนอะ

โหหห ผู้แต่งมาเช้ามากๆคับ
        อ่านแล้วมีความสุขดีคับ อย่างน้อยบูมก็มีเพื่อน มีพี่ชายเป็นแบคกราวให้ มีกำลังใจขึ้นเยอะเลย
        ผมว่าทิวแอบรักบูมเข้าแล้วล่ะ และบูมเองก็คงมีความรู้สึกพิเศษกับทิวแล้วเช่นกัน ๕๕๕    อ้าาาาาาซ์ วันนี้ทำงานอย่างมีความสุขล่ะ ๕๕๕
                 รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับ มาบ่อยๆนะคับผุ้แต่ง


อ่านแล้วยิ้มมีความสุข กับพี่น้องคู่นี้จัง บูมสู้ๆนะ บูมทำได้อยู่แล้ว แถมยังมีคนดูแลข้างๆอยางทิวอีกคน
 :L2: :L2: :L2: อ่านตอนนี้เหมือนได้กินขนมหวาน...อย่าเพิ่งมีมาม่านะค่ะคนแต่ง ยังท้องอึดจากเรื่องต้น-สน อยู่
แอบแซว   :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ดีจังที่บูมกับบีมเข้าใจกันซะที ตอนที่บูมไม่ชอบพี่เรารู้สึกสงสารพี่บีมนะ
แต่ก็ดีใจที่พี่บีมเข้าใจบูมทุกอย่างและเป็นกำลังให้บูม

ผู้แต่งคับ เมื่อไหร่จะมาลงตอนใหม่คับ รอ รอ รออ่านตอนใหม่นะคับ

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 9

พ่อกับแม่บูมเป็นแบบฉบับของพ่อกับแม่ในยุคสังคมปัจจุบัน พบเจอได้ทั่วไปในเมืองใหญ่ที่มีการแข่งขันสูง สงสารแค่ลูกแหละค่ะ ทั้งพี่บีมและบูม  :เฮ้อ:
แต่ก็แอบประทับใจแม่ของบูมนิดนึงนะคะ ตรงที่บอกกับพ่อว่า "จะดุจะด่าลูกยังไงฉันก็ไม่เคยว่าอะไร เลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็กจนโต เราไม่เคยทำกับเขาแบบนี้เลยนะคะคุณ" เล่นเอาคุณพ่อจุกไปเลยนะนั่น  o13
แล้วแฟนของบูมคือใครน๊าาา **ทำท่าคิด** :m28: แหะๆ ถามทิวดีกว่าว่าใครกัน หุหุหุ :m12:

ปล.พี่บีมมีแฟนรึยังคะ รินว่างอยู่ค่ะ รับปลอบใจและอยู่ข้างกาย 24 ชั่วโมง **แอ่กกก**  :z6: ใครถีบตรูว่ะเนี่ย

        ผู้เขียนทำให้เห็นถึงความแตกต่างของพ่อแม่ที่เป็นชาวสวน ชาวไร่ของต้น สน กับพ่อแม่ที่มีความรู้สูงแบบเรื่องนี้ชัดเจนมากๆ มันสงสารใจลูก มันทรมานใจเพราะเคยเห็น เคยได้ยินจากชีวิตจริงๆ ไม่รู้จะพูดยังไง พูดไม่ออก
        ชอบฉากที่มีสาวน้อยแกล้งมาขอเบอร์บูมอ่ะ ๕๕๕ มุกนี้คิดได้ไง ผู้แต่งเคยโดนเหมือนกันรึป่าวคับ ๕๕๕ รอ รอ รออ่านอตอนต่อไปคับ มาบ่อยๆนะคับ


พอทิวเครียดปุ๊บ เรานี่ก็เครียดตามเลยล่ะค่ะ ทำไมเป็นแบบนี้ไปเสียได้ก็ไม่รู้นะคะ ทิวอุตส่าห์แอบมองของเขามาตั้งนาน อยู่ดีๆ ก็มาถูกเด็กแป๋มตัดหน้าเอาเสียได้ และที่หนักใจสุดก็ตรงที่จะแย่งบูมกลับคืนมาได้ยังไงในเมื่อ 'รักในแบบของทิว' เจ้าตัวเขาเองยังมองว่ามันไม่ปกติสามัญทั่วไปเลย..

แต่ทิวก็อย่าเพิ่งคิดมากไปเลยนะคะ ^^ ฟังคำยืนยันจากปากบูมก่อนดีกว่า หรือถ้าหลังจากนี้เด็กแป๋มทำอะไรที่ไม่เข้าท่า(ในสายตาทิว)ขึ้นมาอีก ทิวก็ค่อยสกัดดาวรุ่งเอาตอนนั้นก็ได้เน้ออ :haun5:

ผู้แต่งคับ มาลงตอนใหม่ด้วยนะคับ ลงเยอะๆเลยคับ อยากอ่านแล้ว

แอบสงสารคนแอบรักเพื่อน  สู่ต่อไปแล้วกันนะ

หน่วงกับต้นสน แล้วแวะมารอเรื่องนี้ด้วยค่ะ  :hao5:

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 10

อืม อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกันบูม

บูมในตอนนี้เข้าเค้ากับสุภาษิตไทยที่ว่า 'ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา' เลยนะคะเนี่ย และการที่บูมกลายเป็นคนทะนงตัวแบบนี้มีสาเหตุหนึ่งมาจากการที่ไม่เคยได้รับอิสระก็จริง แต่อีกส่วนเราว่าเป็นความโชคร้ายของบูมเองด้วยนะคะที่ได้คนนิสัยอย่างแป๋มเป็นแฟน เพราะมีอยู่ถมไปที่ทั้งคบและก็เรียน (ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญที่ตัวเองพึงกระทำที่สุด) ไปพร้อมๆ กันด้วย ไม่ใช่ว่าเอะอะก็เที่ยว เอะอะก็คุยโทรศัพท์กันจนไม่ดูเวล่ำเวลาแบบนี้ รอให้เกรดเทอมนี้ออกมาก่อนเถอะค่ะแล้วบูมจะได้รู้สึกว่าที่ทุกคนเตือนน่ะเพราะเขาหวังดีจริงๆ

เฮ้อ...โชคร้ายของบูมจริงๆ ที่มีแฟนแบบนี้ คงจะพากันลงเหวแน่ๆ ถ้าจะคบกันแล้วไม่แบ่งเวลาแบบนี้ พี่บีมเตือนก็ไม่ฟัง แม่ว่าแม่เตือนก็ฟังหูทวนลม เฮ้อ...ท่าจะเป็นหนักนะบูมกับการได้อิสระครั้งแรกแต่ท่าทำแบบนี้อาจจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมก็ได้นะ

          เห็นใจบูมก็เห็นใจนะคับอยากให้บูมมีแฟนจะได้เรียนรู้โลก ความรักนอกบ้านนั้นเป็นยังไง แต่ก็อยากให้บูมเชื่อพ่อแม่เรื่องนี้เหมือนกันนะเพราะผู้ชายจะหาเมียเมื่อไหร่ ไม่นานก็หาได้ มันเป็นความจริงนะ ผู้หญิงพูดขนาดนี้แล้วว่า "พี่บูมคะ พี่บูมโตแล้วนะคะ ไม่ใช่ลูกแหง่ ทำไมจะต้องอะไรขนาดนั้นคะ" บูมเลิกคบไปเถอะ  แต่คนเป็นลูกไม่มีวันเข้าใจคนเป็นพ่อแม่ได้จนกว่าลูกจะได้เป็นพ่อแม่คนจริงๆถึงจะเข้าใจเพราะจะรู้ด้วยตัวเองจริงๆ
         นี่คงเป็นเหตุให้ทิวกับบูมได้เข้าใจกัน ได้อยู่ด้วยกันเยอะขึ้นแน่ๆเพราะพ่อแม่บังคับเรื่องแฟนนี่เอง
       
 

ยัยน้องแป๋มก็นะทำอะไรเอาแต่ใจตัวเอง
ตัวเองต้องเป็นที่หนึ่งเรียกร้องความสนใจ
ส่วนบูมก็เริ่มเปลี่ยนไปแบบสุดโต่งพอได้
มีแฟนเพื่อนก็ห่างสนใจแต่แฟนมากเกินไป
พอมีแฟนส่วนดำมืดในใจของบูมเริ่มเผยมากขึ้น
น่าสงสารทิวอ่ะ :hao5: :hao5: :hao5:

เข้ามาอ่านสองตอนรวด สงส่รบูมที่มาเจอยายแป๋ม  ผู้หญิงแบบนี้ไม่น่าเอาไปทำลูกสะใภ้ให้แม่หรอกนะบูม มีแต่จะพาให้บูมเสีย เอาแต่ใจ
ไม่ชอบเลยนะที่ทำกับทิวแบบนี้ ที่ผ่านมาบูมมองไม่เห็นสิ่งที่ทิวทำให้เลย  สงสารทิวจัง

บูมคือตัวอย่างของเด็กวัยรุ่นทั่วไป รินใช้คำว่า 'ติดแฟน' น่าจะได้นะคะ แบบว่าจะเป็นช่วงที่ไม่สนใจใครแม้กระทั่งเพื่อน ใครเตือนใครว่าคนนั้นก็จะกลายเป็นศัตรู ถ้าได้แฟนดีก็ดีไป แต่ถ้าได้แฟนแย่แบบแป๋ม ก็นะ...  :เฮ้อ: ตอนนี้เห็นใจพ่อกับแม่ด้วย และก็สงสารทิวกับพี่บีมมากเลยค่ะ โดยเฉพาะพี่บีม #ทีมพี่บีม 55555555 :hao6:

รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
รอคุณเล็กกับเจด้วยค่ะ
รอทุกเรื่องเลยค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (UNDER REVISION)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 01-09-2015 09:04:05
คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 11

ดีแล้วค่ะเลิกๆ กันไปเถอะ ยิ่งคบยิ่งแย่ บูมก็บอกอยู่ว่าต้องหนังสือเพราะใกล้จะสอบ ก็ดันมาเหวี่ยงหาว่าไม่มีเวลาให้กันเสียอย่างนั้นล่ะ แล้วแป๋มนี่เป็นคนที่น่าเกลียดมากเลยนะคะ ตอนที่ตัวเองนั่งว่าบูมปาวๆ ก็ไม่คิดบ้างหรอกว่าคนฟังเขาจะรู้สึกยังไง พอโดนตอกกลับเข้าหน่อยก็มาเรียกร้องหาว่าไม่ให้เกียรติกัน สงสัยจะถือว่าตัวเองเป็นผู้หญิงมีสิทธิ์พูดอะไรก็ได้ใช่ไหมคะเนี่ย..หืม? เปลี่ยนความคิดตัวเองเสียใหม่ตอนนี้ก็ยังทันนะคะแป๋ม คราวหน้าคราวหลังถ้าลองได้เจอคนที่เขาไม่ทนแบบบูมขึ้นมาจะเจ็บปากเอาได้ เพราะความอดทนของคนเรามีไม่เท่ากันจริงๆ

ส่วนบูม..สุดท้ายก็กลับมาหาทิวเพื่อนคนที่ทนทุกอย่างที่เป็นบูมจนได้สินะคะ ^^ ตอนก่อนก็ติดแฟนเสียจนทำเอาทิวน้อยใจไปตั้งเป็นเดือนๆ เลยแน่ะ น่าตีจริงๆ เลยเชียว แล้วก็ไม่ต้องกลับไปหาแป๋มแล้วล่ะ ได้ใช้ชีวิตเป็นอิสระแบบเดิม (ถึงจะไม่มาก) แต่ก็ย่อมดีกว่าการฝืนใจทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบใจเป็นไหนๆ

"เรากับแป๋มเลิกกันแล้ว"  อยากบอกว่า เยสสสส! ดีใจมาก เลิกเถอะบูม มองคนที่ใกล้ตัว คนที่เขาอยู่กับนายทุกเวลานะบูม คนนั้นก็คือ ทิว  :call:
 :fire: เลิกแล้วอย่ากลับมาอีกนะยายแป๋ม  :heaven

อืมนะ ไม่สงสัยความรู้สึกตัวเองหน่อยเหรอบูม  คึคึ รอต่อไปครับ

มาส่อง กับ +เป็ด เดี๋ยวคืนนี้จะมาอ่านนะคะ :)

เย้ๆ เย้ๆ ในที่สุดก็เลิกกับแป๋มไปเสียที ๕๕๕ ต่อไปจะได้อยู่กับทิวบ่อยๆแล้วนะบูม ๕๕๕   
     รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ มาเร็วๆ มาบ่อยๆนะคับ

:serius2: ต้น สน ยังดราม่าไม่พอใช่ไหม อ่านต้น สน จบ มาอ่านเรื่องนี้ต่อ ดราม่าต่อเนื่องให้เป็นโรคซึมเศร้ากันไปเลย

:mew1:

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 12

อ๊าาาาาากกกกก มาทำให้ลุ้นอีกแล้ว ๕๕๕ จะเป็นไงต่อไป บูมเริ่มรู้สึกพิเศษกับทิวแน่ๆเลย จิ๋วมันจะมาป่วน บูมกับทิวรึป่าว ขัดใจมากตัดตอนกันเห็นๆ ๕๕๕
    รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับ มาบ่อยๆนะคับ


ค้างอย่างแรงค่ะคนแต่ง.....

"ถ้าหากรักนี้ ไม่บอกไม่พูดไม่กล่าว แล้วเค้าจะรู้ว่ารักหรือเปล่า อาจจะไม่แน่ใจ
อยากให้เขารู้ ฉันคงต้องแสดงออก ไม่ใช่ให้ใครเค้าบอก หรือว่าให้เค้าเดาเองว่ารักเธอ (เธอต้องรักเขา)" นึกถึงเพลงนี้เลยค่ะ

ใจก็อยากให้ทิวบอกบูมไปเลยนะ แต่เชื่อได้ว่าบูมอาจจะช๊อก! เพราะที่ผ่านมาทิวได้แต่เก็บไว้ในใจคนเดียว ...

สะกัดขาจิ๋วได้จะรีบทำเลย น้องแป๋มหลุดจากวงโคจนไปแล้ว จิ๋วเข้ามาอีกคน  :z3: :z3: ความรักนี้มีอุปสรรคเยอะจัง สู้ สุ้ ทิว&บูม

บูมมมมวันนั้นแกรรรรพูดเหมือนแกรรรู้
พอมาวันนี้แล้วมาถามอย่างนี้เป็นใคร
ก็น้อยใจละว้าาาา :katai1: :katai1: :katai1:

โหย แบบว่าค้างอ่ะ ตัดตอนได้แบบน่าติดตามตอนต่อไปมากๆ ค่ะ
จิ๋วนี่ตัวป่วนบูมกับทิวแท้ๆ เลย แต่อาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้บูมทำอะไรให้ชัดเจนก็ได้มั้ง

บูมไม่รู้จริงๆ เหรอคะเนี่ยว่าทำไมทิวถึงได้หลบหน้าหลบตาตัวเองเหมือนอย่างคราวที่บูมเป็นแฟนกับแป๋ม เพียงแต่ว่าครั้งนี้เปลี่ยนจากแป๋มมาเป็นจิ๋วก็เท่านั้นเอง

แต่พอมาคิดดูอีกทีเราว่าบูมรู้นะคะไม่อย่างนั้นคงไม่มากดดันถามเอากับทิวแบบนี้แน่ๆ และท่าทางบูมเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าระหว่างที่กำลังพิสูจน์ความรู้สึกของตัวเองอยู่นั้น ทิวจะคิดมากแค่ไหน? หรือกดดันเพียงใดที่ตกหลุมรักเพื่อนสนิทของตัวเองเข้าแบบนั้น รวมทั้งตอนก่อนที่ทิวบอกว่าไม่อยากจะเข้าข้างตัวเอง แต่ทั้งสายตา น้ำเสียง และคำพูดที่บูมสื่อออกมาเหมือนกับว่าทิวคือคนคนนั้นที่บูมพูดถึง

ความหวังเล็กๆ ที่ว่าเราอาจจะใจตรงกันก็ได้จึงเกิดขึ้นในใจของทิว แต่มันดันมาผิดเพี้ยนไปตั้งแต่ที่จิ๋วเข้ามายุ่มย่ามในชีวิตของบูม โดยที่บูมก็ไม่ได้มีท่าทีปฏิเสธ ความคิดของทิวเลยต่อต้านกันเองจนสุดท้ายก็ บึ้ม! ระเบิดออกมาใส่บูมเข้าจนได้

สุดท้ายก็คงต้องแล้วแต่บูมแล้วล่ะค่ะว่าจะทำยังต่อไปดีระหว่าง 'บอกความรู้สึกของตัวเองออกมาก่อน' กับ 'รอให้ทิวสารภาพออกมาเอง' ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไร หรือดีไม่ดีคนที่ทิวจะสารภาพรักด้วยอาจเปลี่ยนไปไม่ใช่บูมแล้วก็เป็นได้นะคะ (ถ้าชักช้าล่ะก็นะ ^^)

ปัญหาเริ่มจะหนักขึ้นทุกวันแล้วสิ กลัวจะได้อยู่ด้วยกันจริงๆ คงได้กะอักเลือดกันบ้างล่ะ

รักข้างเดียวนี่เจ็บปวดจริงๆ เรื่องนี้คงไม่ต่างกับต้นสน

:pig4:

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 13

ไม่ใช่ว่าคุณแม่ได้ยินเรื่องของทิวกับบูมว่ามีความรู้สึกพิเศษต่อกันตั้งแต่ตอนที่เดินมาถามพวกอุ้ยว่าขาดเหลืออะไรหรือเปล่าแล้วเหรอคะถึงได้มาขัดได้ถูกจังหวะเหลือเกิน ดีไม่ดีสายตาไม่พอใจที่จับจ้องอยู่ตลอดก็อาจจะเป็นคุณแม่ด้วยก็ได้..

คุณแม่ต้องได้ยินแน่ๆ เลย ไม่งั้นคงไม่ไปขัดจังหวะได้พอดีแบบนี้

มันก็ชัวอยู่แล้วว่าคุณทิพย์นภาได้ยินทั้งหมด ทำใจก็แล้วกันนะทั้งสองคน

มันไม่ได้รักกันง่ายๆ หรอก อุปสรรคเพียบ แค่บอกรักกันยังยากเลย เพราะผู้แต่งโรคจิต (ชมนะครับ) ชอบให้คนอ่านทรมาน หน่วงแทบขาดใจ  :ling1:

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 14

โธ่~ คลาดกันจนได้ :monkeysad: มานึกเสียดายเวลาที่เหลือเอาตอนนี้ก็คงจะไม่ทันแล้วจริงๆ นะคะ เพราะบูมเป็นคนตัดเยื่อใยจากทิวก่อนเอง

ปล. ถ้าสุดท้ายบูมกับทิวไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว ลองไปปรึกษา 'ต้น-สน' ดูไหมล่ะคะ? ทั้งสองคนเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้เลยนะเออ! :laugh: คิดถึงจังเลยน้าา ><

บอกแล้วคนแต่งจิตเล็กๆ ชอบให้เราหน่วงใจ เกลียดคำพูดที่บอกว่าเกย์สำส่อนจริงๆ

เอาอีกแล้ว คุณsarawatta ทำเราจะร้องไห้
ตามอีกแล้วนะคะแต่ละเรื่องนี่ดราม่าเรียกน้ำตา
ต่างคนต่างน่าสงสารบูมก็ถูกกดดันหลายๆด้าน
ทิวก็น่าสงสารต้องจากกันทั้งๆที่ยังรักและไม่มี
แม้แต่คำพูดลาเลย :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

โอ๊ย เสียน้ำตาอีกแล้ว ขนาดเคยอ่านไปแล้วครั้งนึงยังเศร้าไปกับทิวเลย

ปล. เห็นด้วยกับคุณ Mouse2u นะคะ ว่า บูม-ทิว ควรปรึกษา ต้น-สน ผู้มีประสบการณ์มาก่อน

:pig4:

:z3: :z3: หน่วงมากเลยค่ะคนแต่ง ...น้ำตาซึมเลย .... (ทำให้นึกถึงรักแห่งสยามเลยค่ะ)
ขอปาฏิหารย์จากต้นและสนให้ ทิวกับบูมได้ไหม ....(มันเกี่ยวกันตรงไหน..แต่อยากให้มี)
อันนี้คงแค่เพิ่งจะเริ่มต้นใช่ไหมค่ะคุณคนแต่ง ...จะเตรียมกระดาษทิชชูไว้รอ ..เพราะอยากอ่าน..ถึงต้องอ่านไปร้องไห้ยอมค่ะ
 :L2: :L2: :L2:

      ได้อ่านสองตอนยาวๆเลย
      ทิวงอนบูมแล้วเดินหนีตลอดอ่ะ ดูน่ารักนะคับ อยากให้บูมไปง้อล่ะเส้ ๕๕๕
      เข้าใจพ่อแม่นะคับว่าไม่อยากให้ลูกเป็นเกย์แต่ก็นะเอาคำว่า พ่อแม่มาอ้าง มาบังคับลูกอีกแล้วเหรอ เป็นเรื่องเวรกรรมจริงๆนะคับ สงสารบูม-ทิวจริงๆ แต่ก็เนาะเป็นการวัดใจคู่นี้ไปในตัวว่าตอนหน้าถ้าได้เจอกันอีกจะเป็นยังไง เสียใจกับความไม่กล้าของบูมมากๆเลยแม้จะมารู้ตัวทีหลังก็เถอะ อ่านฉากนี้แล้วน้ำตาซึมเลยอ่ะ บูมกับทิวจะเรียนจบมหาวิทยาลัยรึยัง พ่อแม่จะบังคับอะไรอีก  รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ มาลงบ่อยๆนะคับ


คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 15

ถึงแม้จะเสียหลักแต่ทิวก็ยังเข้มแข็งมากเลยนะคะ กลัวก็แต่เจ้าหนี้จะเล่นตุกติกแบบว่าพอใช้เงินต้นหมดก็เรียกดอกเพิ่มอีกจังเลยค่ะ เพราะออร่าว่าฉันนั้นร้ายมันกระจายออกมาจริงๆ :hao5: ส่วนคนที่เข้ามาทักเราว่าไม่น่าจะใช่บูมหรอก อาจจะเป็นเพื่อนที่มหา'ลัย หรือไม่ก็ใครสักคนที่แอบชอบทิวอยู่ก็เป็นได้..

มาอ่าน 3 ตอนรวดเลย

ชอบตอนที่ทิวงอนบูม น่ารักน่าหยิก อ่านแล้วยิ้ม  :-[
แต่ทำไมล่ะ ฮือออออ อยากให้พ่อแม่ของต้นสนมาเจอและเล่าประสบการณ์ให้ฟังจังเลย ฮืออออออ  :sad4:
บูมมมมมม น้ำตาไหลเลยอะคะ ดราม่ามากกกกกกกก  :o12: ทำไมพี่ sarawatta ทำร้ายคนอ่านแบบนี้ ขอทิชชู่ 2 ม้วนด้วยค่ะ  :dont2: สงสารบูมนะเพราะรู้ว่าบูมถูกกดดัน แต่ก็สงสารทิวมากกว่า ฮือออออ

อ่านจบตอนที่ 15 ขอติดแท็ก #ค้างงงง มากกกกกกกกกก  :dont2: คนที่เรียกทิวคือใคร ขอให้เป็นบูมนะ  :katai1:

      อ่านตอนนี้แล้วเห็นชัดๆว่า คนเราเกิดมาบุญนำกรรมแต่งจริงๆ ชีวิตดำเนินราบเรียบอยู่ดีๆกรรมซัดเข้ามา ไม่ทันข้ามคืนชีวิตทิวเป็นแบบนี้ มันเคว้งคว้างเลยสิ อีกอย่างฉากต้องกับอุ้ยพูดถึงบูมทำให้คิดได้ว่า เพราะความที่เราไม่รู้ความจริงนี่แหล่ะ คนหนึ่งไม่พูดความจริง อีกคนถึงได้เอามาคิดไปเอง มันค้างคาใจชะมัดสิ พอมานั่งคุยกับเพื่อนก็ทำให้เพื่อนเป็นไปด้วย ดีนะที่ทิวไม่คล้อยตามความคิดไปกับสองคนนั้น จะพาลให้ชังขี้หน้ากันไปเลย
            รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ มาเร็วๆนะคับ มาเรียกทิวให้หันกลับไปดู แล้วตัดจบแบบนี้ มันค้างมากนะคับผู้แต่ง โอ้ย โอ้ยๆ ๕๕๕


ฮือออ สงสารทิวอ่ะ ทำไมชีวิตทิวถึงมีแต่อุปสรรคแบบนี้เนี่ย พี่ sarawatta ทำเราร้องไห้อีกแล้วอ่ะ
และก็ทำให้เราค้างไปพร้อมๆ กัน ตัดจบแบบนี้เนี่ย ฆ่าเราเลยดีกว่า รีบมาต่อตอนต่อไปเร็วๆ นะคะ


ผมว่าคนที่เรียกน่าจะเป็นพี่บีมมากกว่านะ จากที่อ่านเวอร์ชั่นเก่า ทิวน่าจะได้เจอบูมตอนที่บูมเรียนจบแล้ว  ตอนนั้นเอ้รึเราสับสนอ่ะ แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้แน่นอน คนแต่งสู้ๆ

สงสารทิวมาก...ทิวเข้มแข็งนะ...ตอนนี้ทิวต้องการบูมมากบูมจะรู้ไหม อยากบอกว่าค้างมาก....

อ่านแล้วบีบหัวใจอย่างมากที่สุด... :mew6: :mew6:

ดราม่าเบๆ มากเลย เมื่อเทียบกับต้น สน  ผมว่าให้ทิวโดนรถชนแล้วพิการไปเลยก็ดีนะ ถ้าชีวิตจะ...........ขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (UNDER REVISION)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 01-09-2015 09:30:18
คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 16

เอามีชื่อตอนแต่ไม่มีเนื้อหานะเนี้ย

เกือบไปแล้วมั้ยละทิวยังดีนะไม่โดนถึงที่สุด
ไม่งั้นคงจะเสียใจไปตลอดชีวิตแน่
แต่อิคุณเชนนี่สิ o22 :a5: o22

อืมคนเราต้องมีเหตุการณ์และอะไรมาสอนให้ดำเนินชีวิตอย่างมีสติมากขึ้น ตอนที่แล้วจำผิดจริงๆด้วย ทิวสู้ๆแล้วกัน

เกือบไปแล้ว :เฮ้อ: โชคดีนะคะที่ตอนนั้นคุณเชนยังหยุดตัวเองเอาไว้ได้ และไม่บังคับทิวให้ทำตามความต้องการของตัวเองต่อให้จบ ดีแล้วจริงๆ ค่ะ :กอด1:

ปล. มีคำผิดเร้นกายอยู่ในประโยคด้วยจ้า ^^

อ้างถึง
"ไม่เป็นไรหรอกครับคุณทิว แค่เป็นไข้หวัดเองครับ กินยาแล้วนอนพักผ่อนสองสามวันก็หายครับ"
= คุณเชน

อ้างถึง
ทิวอดจะร้องไห้ด้วยความอดสูใจไม่ได้ ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตจะต้องลำบากและมีเคราะห์กรรมมากเช่นนี้ เสียคนรัก เสียแม่ เสียโอกาศในการเรียน เสียเงินเพราะต้องใช้หนี้ พอกำลังจะเจอคนที่พอจะพึ่งพาและคอยดูแลกันได้ก็กลับเป็นอย่างนี้ไปเสียอย่างนั้น
= โอกาส

             ชีวิตทิวลำบากมากจริงๆ มาเจอเชนคิดว่าจะดีขึ้นที่ไหนได้ซาดิสมากๆ ๕๕๕ ถึงกับใช้แส้ฟาด ถ้าทิวห้าวกว่านี้อีกหน่อย พี่เชนคงจะโดนถีบหนักๆเข้าให้ล่ะนะ ๕๕๕ เห้อออ!! เชนนิสัยก็ดีนะ ตอนแรกคิดว่าดูอ่อนโยน อบอุ่นดีนะแต่ทำไมถึงซาดิสไปได้ล่ะ โชคชะตาทิวจะให้รอคอยแต่บูมคนเดียวใช่มั้ยอ่ะ คราวหน้าจะมองหน้าเชนยังไงล่ะทีนี้
             รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ เย็นนี้มาลงอีกนะคับ มาบ่อยๆ
           
           

แต่งให้ทิวไม่ปักใจรักและรอบูมอย่างที่ต้นรอสนได้ไหมครับ บูมไม่ใช่คนที่ทิวต้องเสียเวลารอจริงๆ ไปดราม่าอย่างอื่นแทนนะครับ

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 17

อ่าเย้ๆ เย้ๆ มาแล้วมาแล้ว
        อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาซึมเลย มันหดหู่ใจชะมัด เงิน เพราะเงินเป็นตัวทำให้พ้นทุกข์เรื่องหนี้สิน ถึงกับคิดจะฆ่าตัวตายเลยทีเดียว แบบนี้สินะคับ คนไม่มีที่พึ่งทางใจ เพราะใจมันก็ไม่มีหนทางคิดไปยังไง จะจัดการยังไง พอบูมโทรมามีกำลังใจทันทีเลย
        เห้ออออออ!! มันค้างอีกละคับผู้แต่ง ๕๕๕ รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ พรุ่งนี้เช้ามาต่ออีกนะคับ 


ผมก็ว่าอารมณ์แบบนี้ผมก็เคยมีอยู่ในความคิดนะ แต่เพราะว่ากลัวบาปกนักเลย อดทนอยู่มาทุกวันนี้ ช่วงนั้นมีปัญหาหนักแบบทิวนี้แหละ ผมคิดหาทางออกไม่ได้ สุดท้ายเจอตบหน้าเรียกสติกลับมาจากคนที่เขารักเรา เลยอยู่มีชีวิตมาจนทุกวันนี้แหละครับ ทิวก็สู้ๆ เพื่ออนาคตที่ดีของตัวเองนะ เราเป็นกำลังใจให้อีกคน  :L2:

ตอนนี้เศร้ามากๆ เลยค่ะ :dont2: สงสารทิวเหลือเกิน~ ดีนะคะที่เจ้าตัวก็ไม่ได้วู่วามจนถึงกับขนาดไม่สนใจแม้กระทั่งเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาขัด หลังจากวันนี้นอกจากทิวจะยึดความรักที่มีต่อบูมไว้เป็นหลักแล้ว เราว่ามุมมองบางอย่างควรต้องเปลี่ยนไปเป็นบวกด้วยนะคะ เพราะถึงข้างกายจะไม่มีใครแต่ตัวทิวเองก็ให้กำลังใจตัวเองได้ค่ะ เหมือนกับประโยคที่ว่า 'ทุกๆ อย่างเริ่มต้นที่ตัวเรา' ถ้าคิดดีคิดบวกชีวิตก็มีความสุขถึงแม้ว่าในตอนนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่ลำบากมากที่สุดก็ตาม ^^

มีอะไรจะดราม่าอีกมั้ยค่ะจัดมาเลยค่ะ
ผ้าเช็ดหน้าพร้อมทิชชู่พร้อม :hao5: :hao5:
ขอบคุณมากนะคะ

ตอนที่อ่านเรื่องนี้ก้อไม่ค่อยสนใจชื่อตอนเท่าไหร่ หรือว่าคนเขียนเพิ่งมาตั้ง อันนี้ก้อไม่แน่ใจ แต่พอมาเจอหัวข้อในกระทู้ที่ขึ้นชื่อตอนมาแต่ละตอนนี่แบบสุดยอดมาก ๆ เห็นแล้วทำให้อยากอ่านขึ้นมาติดหมัดเลยน่ะ ตั้งชื่อได้แบบสะใจจริง ๆ  :call:

:katai1: ทิวทำไมไม่อยู่เพื่อตัวเอง รอบูมเพื่อ ขัดใจสุดๆ

อ่านสามตอนรวดเลย ทำเอาน้ำตาซึมเลย สงสารทิวที่สุด...บูมหายไปไหน ในเวลาที่ทิวอ่อนแอแบบนี้
ทิวต้องเข้มแข็งนะทิว... :mew2: :mew2:

ให้คนแต่ง :L2: :z10: แต่งได้ดีมากเลยค่ะ

ผมอยากให้เอามาลงทุกวันเลยคับผู้แต่ง จริงๆนะ

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 18

ขอบคุณที่อธิบายความคิดของทิวให้ทราบนะครับ ถ้าบูมกลับมาเจอทิวแล้วรู้ว่าชีวิตตอนนี้ของทิวเป็นอย่างไร ลำบากแค่ไหน คงขี้ขลาดกว่าเดิม และคงขี้ขลาดยันท้ายเรื่อง ไหมนะ

ทิว ทำไมชีวิตทิวน่าสงสารขนาดนี้ น้ำตาไหลอีกแล้วอ่านไปก็เศร้าไป สู้ๆ นะทิวอย่ายอมแพ้

บูมนี่นอกจากเป็นคนขี้ขลาดแล้ว ยังโลเลเป็นที่หนึ่งด้วยนะคะเนี่ย เพราะขนาดหัวใจที่เป็นของตัวเองแท้ๆ ก็ยังบอกไม่ได้เลยว่ารู้สึกกับทิวเช่นไร..

กลับมาที่ทิว เราร้องไห้หนักเลยค่ะตอนที่ทิววิ่งมากอดพี่บีม :dont2: เหมือนๆ กับทิวในตอนนั้นรู้สึกโหยหาเป็นอย่างมาก ทั้งอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น และทั้งกำลังใจเล็กๆ ที่จะทำให้ทิวสู้ต่อไปเพื่อวันพรุ่งนี้ได้ เราอ่านแล้วรู้สึกเต็มตื้นกับช่วงอารมณ์นี้ของทิวจริงๆ นะคะ อย่างกับเจ้าตัวเขาได้เจอโอเอซิสท่ามกลางทะเลทรายอย่างไรอย่างนั้นเลยล่ะ

ขอบคุณที่อธิบายความคิดของทิวให้ทราบนะครับ ถ้าบูมกลับมาเจอทิวแล้วรู้ว่าชีวิตตอนนี้ของทิวเป็นอย่างไร ลำบากแค่ไหน คงขี้ขลาดกว่าเดิม และคงขี้ขลาดยันท้ายเรื่อง ไหมนะ

        เห็นใจ เอ็นดู สงสารทิว มันเป็นแบบนี้อ่ะ
        งานสุจริตทิวรับทำหมด รู้สึกดีจังที่เป็นคนคิดได้แบบนี้สิ ๕๕๕ มีความสุข
        รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ จะได้รู้ซะทีว่าบูมจะจัดการหัวใจยังไง


อ่านแล้วรู้สึกอึดอัดสงสารทิวมาก เจอแต่เรื่องร้ายๆ แถมคนที่ทิวเคยอยูู่เคียงข้างตอนที่เขาลำบากไม่มี ก็ขี้ขลาดไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงมากถาม...(เริ่มจะไม่ชอบบูมแล้วนะบอกเลย :ling3: ) ทิวคงอ่อนแอมากต้องการใครสักคน สู้ สู้ นะทิว น้ำตาซึมเลยค่ะให้กับทิวที่ต้องอยู่ให้ได้บนโลกใบนี้ เพียงลำพัง  :mew6: :mew6:

กลับมาเร็วๆเลยนะบูม :katai1: :katai1: :katai1:

พอกลับมาบูมก็ไม่มาหาทิวอยู่ดีจนบังเอินเจอกันที่ร้านสะดวกซื้อที่ทิวทำงานอยู่แบบไม่ตั้งใจนั้นล่ะถึงได้เจอ  เอาใจช่วยละกันนะทิว

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 19

ทิวใช้ชีวิตในทุกๆ วันเพียงเพื่อตัวเองเถอะนะคะ แล้วนำความรักที่เก็บเอาไว้ให้ 'ใครคนนั้น' มามอบให้กับตัวเองยังดีเสียกว่า ส่วนใครเขาจะเห็นหรือไม่เห็นค่าของเราก็ช่างเขาปะไร :กอด1:

เห็นมะ  ทิวก็ทำเพื่อชีวิตตัวเองได้แล้ว อย่างน้อยยังมีต้องที่คอยเคียงข้างมาตลอดนะ คิดถึงใจตนเองบ้าง

    จะเจอกันทั้งทีเจอที่ร้านสะดวกซื้อ ตอนแรกคิดว่าจะได้เจอกันที่บ้านพร้อมเห็นป้ายประกาศขายบ้านเสียอีก
    อ่านตอนนี้แล้วอินอ่ะ อินกับทิวจริงๆ ๕๕๕   เข้าใจล่ะว่าทำไม บูม ถึงว่าตัวเอง ขี้ขลาดขนาดนั้น เข้าใจแล้ว สงสารทิวสุดๆอ่ะ เจ็บใจแทนทิวก็เจ็บใจแต่ก็ไม่รู้ความจริงเรื่องบูมว่าเป็นยังไง ใจบูมคิดไรอยู่ อยากให้ทิวตั้งหน้าตั้งตาทำงานใช้หนี้สินให้หมดๆไปดีกว่า ลืมอ้ายคนขี้ขลาดนี่ไปเสียเถอะ  โอ้ยยยย โอ้ยยย อ่านแล้วอารมณ์ขึ้นจริงๆนะผู้แต่ง ๕๕๕ 
      รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับว่าทิวจะเป็นไง ทิวจะทำใจได้มั้ยอ่ะ มาต่อเร็วๆนะคับ เย็นนี้เลยนะคับ


:katai1: :katai1:เอาอีกแล้วมีเรื่องให้
กระทบจิตใจอีกแล้วรอบนี้ทิวจะจิตตก
อีกมั้ยเนี่ยบูมกลับมาแถมยังมีแฟนใหม่
มิหนำซ้ำพอเจอกันบูมไม่ทักทิวซักคำ

มึงเกินไปจริงๆ ว่ะบูม ขี้ขลาดขนาดนั้น ไม่มีคำไหนเหมาะกับมึงละนอกจาก "เหี้ย" ขออภัยที่หยาบคาย ทิวไม่ต้องรอบอกความในใจแล้วมั้ง รอคนแบบนี้เพื่อ? เมื่อไรบูมจะรู้ว่าชีวิตทิวต้องผ่านอะไรมาบ้าง

อ่านตอน 17 สงสารทิวมากเลยค่ะ บอกตรงๆ เลยนะแอบน้ำตาซึมด้วย  :m8: งอนบูมแล้ว ไม่สงสารทิวบ้างรึไง สู้ๆ นะทิว  ยังแอบหวังนะว่าถ้าบูมกลับมาก็จะมาหาทิวในทันที  :m5: แต่ที่ไหนได้ พออ่านตอน 18 บูมกลับมา แต่ไม่มาหาทิวอะ ที่เจอกันก็เพราะบังเอิญเจอ   :m22:  ทิวอย่ารอใครคนนั้นอีกเลย รักตัวเองให้มากๆ นะทิว  :m9:อ่าน 2 ตอนนี้แล้วขอติดแฮชแท็ก #ทีมทิว นะคะ  :m8:

โอ๊ยยยยไม่ไหวแล้วแบบเจ็บแทนทิว ตอนนี้ก็ทำน้ำตาซึมสงสารทิวมากๆ อ่านแล้วแบบมันจี๊ดขึ้นมาทันทีในอกเลยทีทิวคิดว่า "บูมมีแฟนแล้วนี่เองถึงได้ไม่อยากกลับมาเจอทิวอีกครั้ง เพราะอย่างนี้นี่เอง แค่คำทักทายสักคำจากบูมก็ยังไม่มีเลย เพราะอย่างนี้นี่เองบูมถึงไม่เคยอยากมาหา บูมคงจะลืมทิวไปแล้ว คงลืมไปแล้วแน่ๆ แม้จะเตรียมใจไว้บ้างแล้วว่ามีโอกาสสูงที่บูมจะมีแฟนใหม่จนลืมเพื่อนคนนี้ไป แต่การได้รับรู้จากเรื่องจริงก็เจ็บปวดกว่าที่เกิดขึ้นในความคิดอย่างมากทีเดียว

บูมลืมทิวไปแล้ว!!!"  อ่านจบท่อนนี้แบบว่ามันเจ็บในอก มันคงเจ็บมากๆ แน่สำหรับทิวที่คนสำคัญไม่มีแม้แต่คำทักทายให้น่ะ


ทำใจไม่ได้พูดเลย...ไม่ชอบบูม มีแฟนก็น่าจะบอกทิวตั้งนานแล้ว ให้ทิวรออย่างมีความหวังอยู่ได้ :katai1:
ใช่ทิว รักตัวเองดีที่สุด ชีวิตทิวทำไมมีแต่เรื่องแบบนี้น่ะและยิ่งความหวังที่ช่วยปะทังชีวิต ก็คือการรอบูม ดันออกมาเป็นแบบนี้
ทิวจะเป็นยังไง.. :mew6: :mew6: :mew6:

ถ้างานดราม่ามาเองแบบนี้ สงสัยว่าเราคง
ต้องสำรองน้ำตาเผื่อเอาไว้ล่วงหน้าเสียล่ะ
ค่าา~ :o12:

:pig4: :pig4:

โอ้วววววววววววว รินคงต้องเตรียมใจและเตรียมทิชชูรอเลยใช่มั๊ยค่ะเนี่ย  :o12:

ปล.รอตอนพิเศษของต้นสนอยู่ด้วยนะคะ  :katai2-1:

  ผู้แต่งคับ จะ re-write อีกเหรอคับ อ่อๆ บูมเขาคิดแบบที่ผู้แต่งบอกไว้แบบนี้เอง ผมรอ รอ รออ่านต่อคับ

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 20

      ในที่สุดก็มาเจอกันและพูดคุยกันจนได้สินะ อ่านไปน้ำตาซึมไปเลย เล่นเอาซึ้งมากๆคับ สงสารทิวจับใจอ่ะ  โหยยยย คิดว่าทิวจะกินยาฆ่าตัวตายอีกซะแล้ว เห้อออ โล่งใจเลย สองคนนี้จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันนานแค่ไหน
       รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ อยากให้มาบ่อยๆคับ


ถ้าสติสัมปชัญญะกลับคืนมาเต็มร้อยเมื่อไร ก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันนะคะว่าทิวจะโทษว่าเป็นเพราะตัวเองใช่ไหม? ที่ได้ทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งให้ต้องเสียใจ เนื่องจากไปแย่งเอาบูมมาเป็นของตัว

บูมมาให้ความหวังทิวอีกแล้วววววว
ทั้งที่ตัวเองยังไม่เคลียร์ทั้งเรื่องแม่
ไหนจะแฟนสาวตัวเองอีก :katai1: :katai1:

เย้ บูมจะสู้ เหอๆ ปัญหารอให้แก้อีกเพียบ ไหนจะแฟนคนปัจจุบัน ไหนจะพ่อแม่บูม หวังว่าจะแต่งให้บูมสู้จริงๆ อย่างที่พูด หรือไม่ก็ให้บูมขี้ขลาดไปเรื่ิอยๆ จนทิวทนไม่ได้แล้วหนีไปก็ดีนะครับ เป็นกำลังใจให้คนแต่ง

อืม สุดท้ายก็ยอมมอบตัวมอบใจให้เขาอย่างสมบูรณ์ จะมาเสียใจที่หลังไม่ได้แล้วนะทิว
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (UNDER REVISION)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 24-09-2015 07:58:05
คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 21

       ทิวกับบูม พวกเขาอยู่กันสองต่อสองโรแมนติกจริงๆ อ่านแล้วมีความสุขที่คนรักกัน ๕๕๕
       อ่านไปก็ซึ้งใจไปด้วยที่ทิวกับบูมพูดความจริงที่เผชิญมาออกมาจนหมด นี่คงจะเป็นจุดเริ่มต้นให้ทิวกับบูมเข้าใจกันแล้วก็มีกำลังใจต่อสู้กับอุปสรรคความรักของเขาสินะ  อ่านแล้วน้ำตามาอีกแล้วอ่ะ ๕๕๕ สุขใจ สุขใจก่อนกินข้าวเที่ยง ๕๕๕
         รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ มาเร็วๆนะคับผู้แต่ง มาบ่อยๆด้วย อันนี้บังคับ ๕๕๕ 


ถึงแม้จะผิด แต่ก็ดีกว่าทำตามความต้องการของผู้ใหญ่ แล้วปล่อยให้ผู้หญิงเขาทนอยู่กับคนที่ไม่มีวันให้ใจตัวเองนั่นล่ะค่ะ และเราว่าทิวพร้อมที่เดินหน้าไปกับบูมนะคะ เพราะถึงแม้หนทางข้างหน้าจะต้องพบเจอกับความเจ็บปวดแต่ต่างคนต่างก็ยังมีกัน ^^ เหลือก็แต่ตัวบูมนั่นล่ะ ว่าแต่นี้ต่อไปจะเป็นหลักที่แข็งแรงมากพอให้ทิวได้จับยึดเอาไว้หรือเปล่า? ก็เท่านั้น..

มาดูกันว่าบูมจะสู้ได้แค่ไหน เกรงว่าจะต้องสงสารแต่ทิวถ้าฝากชีวิตไว้กับคนขี้ขลาดแบบบูม ถ้าบูมสู้ไปได้แค่ไม่เท่าไรแล้วหมดแรงคนที่เจ็บสุดคงเป็นทิว

อ่านสองตอนรวด.... :ling3: อุปสรรค์รักนี้ขัดใจพ่อแม่อีกแล้ว อ่านแล้วน้ำตาซึมสงสารทิว
ขอให้บูมมีความกล้า แอบกลัวอยู่เหมือนกันเพราะบูมขี้ขลาดหนีทิวไปแล้วครั้งหนึ่ง แถมหมั้นกับผู้หญิงอีกด้วย
เอาใจช่วยทั้งคู่ 
 :L2:    ให้คนแต่งที่น่ารักค่ะ

ในที่สุดบูมก็เลิกขี้ขลาดสักที
และก็คิดที่จะลุกขึ้นสู้เพื่อทิว
และก็เพื่อตัวเองแต่ดูแล้วอุปสรรค
คงจะพิสูจน์เยอะพอสมควรเลยละ

เอาใจช่วยทั้งคู่ให้ผ่านอุปสรรคไปให้ได้ ถึงแม้มันจะทำให้ใครบ้างคนต้องเจ็บแต่ในเมื่อบูมกับทิวตัดสินใจแล้วก็ควรที่จะเป็นกำลังใจให้กันและผ่านมันไปให้ได้ เอาใจช่วยไรท์ด้วยให้เขียนนิยายดีๆ แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ สู้ๆ นะคะ

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 22

เผื่อเราด้วยค่ะต้อง! หมั่นไส้แท้~ สัมผัสได้เลยค่ะว่างานนี้ทิวเจ็บหนักแน่ๆ เพราะต้องรับมือกับความไม่แน่นอนของบูม รวมไปถึงคุณแม่และคู่หมั้นที่ต้องตามอาฆาตมาดร้ายทิวไม่เลิกชัวร์ๆ :serius2:

มาอ่านอีกรอบก้อยังสนุก ซาบซึ้ง สะเทือนใจเหมือนเดิม เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราอยากเก็บเป็นหนังสือมากเลยน่ะ เพราะชอบมาก ๆ น่ะ อ่านแล้วมันอินมาก ๆ  :impress3:

ยิ่งอ่านก็ยิ่งสงสารทิว ...ก็ความรักของบูมไม่รู้ว่าจะไปได้แค่ไหน ไหนจะแม่ ไหนจะคู่หมั้น(ดูท่าจะไม่ยอมปล่อยบูม..ไม่รู้ว่าจะร้ายเหมือนนินาหรือเปล่า  :katai1:  แอบกลัวแทนทิว )

และคนที่ต้องเจ็บหนักคือทิว  :ling3:

ต้องควรแก้แค้นโดยการชักปืนออกมาแล้วยิงเข้าที่กลางหน้าผากให้ทะลุหัวออกไปด้านหลัง จากนั้นก็ลากศพไปฝังไว้หลังบ้าน เพราะความตายเหมาะกับคนอย่างบูมที่สุด (ขอโทษที่อินไปนิด)

ตอนที่ 20 แอบหน่วงๆ ในหัวใจ กลัวบูมจะมาทำให้ทิวเสียใจอีก แต่ก็ให้กำลังใจบูมนะ สู้กับปัญหาต่างๆ ให้ได้ แฟน พ่อแม่ ถ้าบูมสู้จริงๆ มันต้องผ่านไปได้ อย่าขี้ขลาดแบบที่แล้วๆ มาก็พอ :m5:

ตอนที่ 21 เขินนนนนนน ชอบมากเวลาที่ทิวกับบูมอยู่ด้วยกัน แม้ว่าเป็นความรักที่มีอุปสรรคและปัญหามากมายรออยู่ แต่ขอแค่ทั้งคู่เข้มแข็งและเดินไปพร้อมกันก็คงจะผ่านมันไปได้ แม้จะยังรู้สึกกลัวใจบูมอยู่ก็ตามเหอะ  :m17:

ตอนที่ 22 ฮือออออออออ สงสารทิว อยากพุ่งตัวไปดึงแพรวกับคุณแม่ออกมาจากฉากนี้มาก ทิวไม่เป็นไรนะ ไม่คิดมากนะ  o7

ริน +เป็ดให้ทุกครั้งทุกตอนค่า  :m1:
แต่สงสัยจังเลยว่า + ชื่นชมเค้าบวกกันตรงไหนค่ะ? รินหาจะบวกให้อยู่นานแล้วแต่หาไม่เจอ  :m28:

ดูเหมือนอุปสรรคใหญ่จริงๆ จะเป็นคุณแม่ของบูมมากกว่าที่จะเป็นแฟนสาวของบูมซักอีก เหมือนคุณแม่จะรับไม่ได้มากๆ เลยถ้าลูกตัวเองจะรักกับผู้ชายด้วยกัน บูมกับทิวคงได้เจอศึกหนักแน่ๆ คราวนี้

        ตอนนี้เป็นตอนที่สะใจเล็กๆก่อนจะเจออุปสรรคอื่นๆข้างหน้า เพราะทิวกับบูมตกลงร่วมลงเรือลำเดียวกันแล้ว โดยมีด่านคู่หมั้นกับพ่อแม่ของบูมเป็นด่านตายที่ต้องฝ่าไปให้ได้ พี่บีมจะเข้ามาช่วยน้องบูมอีกมั้ยพี่
                          สงสารคนเป็นพ่อแม่ก็สงสารน่ะ ต้องมาหนักใจเรื่องลูกแทนที่จะปล่อยวาง เห้อออ!!  สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ขนาดจะหาเมียยังไม่ได้หาด้วยตัวเองเลย  นี่ล่ะมั้ง มีเงินหาเมียที่สวยให้ลูกได้ แต่หาเมียดีๆให้ลูกไม่ได้ รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ มาเร็วๆนะคับ


คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 23

ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะเป็นหายนะสำหรับทิวรึเปล่า แต่ถ้าเป็นหายนะสำหรับบูมก็.....ช่างบูมมัน สมควรโดน อินอีกละ

ถ้าคุณแม่ทราบเรื่องที่บูมใช้หนี้แทนทิวแบบนี้ คะแนนของทิวคงจะยิ่งติดลบไปกันใหญ่เลยนะคะ ดีไม่ดีคุณแม่อาจจะคิดว่าทิวเป็นคนแก่เงินจนเอามันมาฟาดหัวลับหลังบูมเพื่อจ้างให้ทิวเลิกยุ่งกับลูกชายของตัวเองไปเลยก็ได้..

บูมจะทำไงละทีนี้เจอเหตุการณ์ที่กดดัน
และต้องเลือกอีกแล้วครั้งนี้บูมจะทำให้
มันผ่านไปได้มั้ยหรือว่าทิวจะต้องเจ็บปวด
กับบูมอีกครั้งน่าสงสารต้องอ่ะชอบทิว
แต่ก็ไม่กล้าบอกเพราะรู้ว่าทิวรักใครและ
ไม่อยากจะให้ทิวเจ็บปวด

        มาอ่านช้า เมื่อคืนรออ่านจนง่วงนอนไปเลย
            เริ่มเข้มข้นขึ้นแล้วสิ ต่อไปบูมจะทำอะไร เห้ออออ!! ท้าทายกับความถูกผิดมากๆ ท้าทายกับจารีตสังคมจริงๆ เห็นความท้าทายแบบนี้รู้สึกสะใจส่วนหนึ่ง ส่วนหนึ่งรู้สึกห่วงว่าต่อไปจะเป็นยังไง จะเกิดอะไรขึ้น รู้สึกถึงความถูก-ผิดกำลังตีกัน ทำให้เกิดความสับสนว่าจะเอายังไงดี ๕๕๕
        รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ มาไวๆนะคับ


:z13:

:z3: ตอบได้ว่าค้างมาก...ว่าบูมจะทำอะไร? จะยอมขัดใจแม่เพื่อได้เลือกคนที่รัก หรือว่าจะปล่อยให้ทิวไป..
กลัวคำตอบอันหลังมาก ไม่อยากให้บูมยอมปล่อยมือทิวไปเลย แต่ก็หวงความรู้สึกทิวที่ต้องอยู่แบบเจ็บๆแบบนี้  :mew6:

สู้ไปให้ถึงทีสุดก่อนนะ ทิวกับบูม  :z10: :z10:

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 24

พ่อแม่รังแกฉันอีกแล้วววววว :katai1: :katai1:

    บูมเป็นคนนำเอาความท้าทายมาหาทิวเองเลยนะ ต้องสนุกขึ้นแน่ๆเลย
    ตอนนี้ทิวคงจะมีความคิดหลายอย่างอ่ะ ที่ได้เห็นบูมกับแพรว
    รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ


'ความเหมาะสม' ไม่ได้อยู่คู่กันกับ 'ความสุข' เสมอไปหรอกนะคะทิว โดยเฉพาะกับตัวบุคคลที่ถูกใครต่อใครยัดเยียดคำๆ นี้มาให้อย่างบูม อีกอย่างค่ะ เกิดมาทั้งทีจะให้ชีวิตดิ่งเป็นกราฟเส้นตรงอย่างเดียวก็ใช่ที่ ถ้าไม่ทำอะไรเพื่อตัวเองและคนที่รักดูบ้างก็คงจะน่าเสียดายแย่เลยนะคะ ^^

อ่านเรื่องนี้ ทิวที่น่าสงสาร มีความรักก็มีอุปสรรค์แถมยังต้องใช้ชีวิตลำพัง แม้ว่าตอนนี้บูมจะเข้ามาแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังไม่แน่นอนว่าบูมจะอยู่ตรงนี้กับทิวอีกนานแค่ไหน เพราะแม่ยิ่งไม่ชอบความรักแบบนี้ ไม่เห็นด้วยกับความรักแบบนี้เลยต้องไปดึงแพรวที่ไม่รู้อิโน่อิเน่อะไรเลยเข้ามาผัวพันด้วย รักสามเศร้า เราสามคน  เหมือนกับร่มคันเดียวที่ยืนด้วยกันไม่ได้สามคน ต้องมีหนึ่งคนที่ยอมเปียกและเดินจากไป

ให้กำลังใจคนแต่งค่ะ ชื่นชมผลงานของคนแต่งคนนี้จริงๆ  :L2: :L1:

ผิดที่คนแต่งครับบอกเลย อะล้อเล่นขำๆ

บางที่ใครไม่เป็นบูมคงไม่เข้าใจ  หราาาาาาา

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 25

ถ้าต้องทนเก็บงำความรู้สึกที่มีต่อทิวเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไปก็บอกๆ ให้ทิวได้รับรู้ไปเสียเถอะค่ะ จะสมหวังหรือไม่สมหวังจะได้รู้ๆ กันไปเลย และเราว่าต้องเองก็คงจะรู้อยู่แล้วนั่นล่ะว่าคำตอบของทิวจะออกมาในรูปแบบไหน แต่ตราบใดที่คำตอบที่ว่านั่นยังเป็นเพียงแค่การคาดเดาไปเองของต้อง มันก็ยังไม่ชัดเจนเท่ากับได้ฟังจากปากของเจ้าตัวเขาเองนี่เนอะ ^^

เผื่อใจเอาไว้บ้างนะคะต้อง~ :กอด1:   

ถึงบูมจะบอกว่าทิวไม่ใช่มือที่สาม แต่ทิวเพิ่งจะมาแสดงว่าตัวเองรักบูมหลังจากที่มีคู่หมั้นแล้วนีนะ
สงสารต้อง แต่อยากให้ต้องบอกทิว บอกให้ทิวรู้ความรู้สึกจริง
บอกตรงนะ ต่อให้บูมบอกว่ายังไม่แต่งก็ยังมีหวังแต่ตัวเองยังไม่กล้าที่จะเคลียร์ให้มันเด็ดขาด แถมนางชะนีเริ่มสงสัยอีกด้วย
ไม่อยากจะคิดเลย ทิวเจอมาหนักแล้วนะ  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

      อ่านตอนนี้แล้ว บูมพยายามพูดให้ทิวมั่นใจในตัวบูมขึ้น ทิวก็มั่นใจบูมขึ้นจนรู้สึกว่ารักบูมเหลือเกิน แต่ผมคนอ่านอ่ะ ไม่มั่นใจเลย เพราะบูมพูดถึงความตายบ่อยมั้ง กลัวว่าต่อไปบูมจะโดนกดดันอะไรอีกรึป่าวแล้วทิวจะโดนแม่บูมทำอะไรมั้ย แต่บูมกับทิวเขามั่นใจในกันและกันแล้วพวกเขาต้องผ่านไปได้สิ บูดพูดแบบท้าทายกับความตายเลยนะ เอาสิ หึหึ
        รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ


ก็เพราะว่าคนในอุดมคติบนโลกนี้ไม่มีเลยนั้นแหละครับ เขาถึงมาคาดหวังกับนิยาย เพราะมันเป็นสิ่งที่จิตนาการขึ้นจากสิ่งที่มุนษย์ปัจจุบันนี้ไม่มี โดยเฉพาะเรื่องโชค แม้แต่คนรัก ทุกวันนี้ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆไม่ว่าชายหญิง หรือเพศที่สาม มันหายากขึ้นทุกวัน ไม่ใช่ไม่มี มันมีแต่มีน้อยมาก เขาเลยคาดหวังกับนิยายเยอะ เพื่อปลอบใจตนเอง แต่ก็รู้ว่ามันไม่ถูกที่จิคิดแบบนั้น  แต่บ้างคนเอามันมาเป็นกำลังใจให้ตนเองก็มี โดยเฉพาะผมนี้แหละ เพราะผมรู้ว่าชีวิตจริงจะได้อะไรมาสักอย่างมันไม่ง่ายเลย ถ้าได้มาจะรักษาให้อยู่กับเราตลอดไปมันก็ยากลำบากในการจะทำ แต่คนเราก็อย่างที่กล่าวมาถ้าความคิดสองด้านมันต่อต้านกันก็จะเป็นอย่างบูม เพราะจะทำอะไรสักอย่างมันไม่กระทบแค่ตัวเรามันยังกระทบคนอื่นด้วย มันเลยทำอะไรก็ลำบากไปหมด จนบางคนถึงต้องหาอะไรมาปิดกันปกป้องตนเองจากสิ่งเหล่านั้น
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (REVISION) [DRAMA] ▚▚▚
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 26-09-2015 20:02:17
คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 26

      รับทราบคับ ดีแล้วคับผู้แต่ง ตัวละครแบบคนธรรมดาแบบนี้มีให้ลุ้นเยอะดีคับว่าเขาจะดำเนินต่อไปยังไง ผมก็ลุ้นไปด้วย ๕๕๕
          ตอนนี้ชอบฉากที่บูมคุยกับพี่ชายมากๆคับ ลุ้นว่าพี่บีมจะออกโรงมาช่วยยังไง
      รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ

ไม่ว่าตอยไหน ก็ติดอยู่กับคำว่าพ่อแม่ผู้ที่เขาเลี้ยงดูเรามาผู้มีพระคุณหานับมิได้เนี้ยแหละ

พอบูมห่างๆ ออกมาจากแพรวก็ได้รู้เลยนะคะว่าตลอดมาแพรวเป็นผู้หญิงที่เยอะและเอาแต่ใจตัวเองสุดๆ แขนขาอ่อนเปลี้ยหรือก็เปล่า มางานแค่นี้ก็ต้องให้บูมย้อนไปย้อนมาหลายๆ รอบ ทำอย่างกับการจราจรในกรุงเทพฯ รวดเร็วเหมือนถนนในต่างจังหวัดไปได้..

ในที่สุดพี่บีมก็รู้จากปากบูมซักที
ทีนี้บูมก็คงจะมีที่ปรึกษาและคอย
ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ล่ะนะเหมือนกับ
สมัยเรียนที่พี่บีมคอยช่วยบูม

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 27

แผนการของพี่บีมเฉียบขาดไปเลยค่ะ ตอนแรกนึกว่าจะสร้างแค่กระแสให้คนอื่นสงสัยเล่นกันเฉยๆ ที่ไหนได้กลับได้ผลเกินคาดก็ตรงที่แพรวเข้ามาเห็นจะๆ ตาเองเนี่ยสิ~ :try2: จะเป็นยังไงต่อไปน้าา..

ปล. มีคำผิดด้วยจ้า~ :o8:

อ้างถึง
1. ทิวพูดเหมือนที่บูมบอกวันนั้นเลย "อย่างน้อยทิว(บูม)ก็จะไม่มีวันเสียใจว่ากูไม่เคยทำอะไรเพื่อความรักของกูกับทิว(บูม)เลย"

2. ทิวเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เมื่อร้อง(ต้อง)ยืนยันอีกหนจึงคิดว่าไม่น่าจะฟัง(ผิด) ต้องชอบทิวมานานแล้วหรือ ทำไมทิวไม่เคยเห็นต้องมีท่าทางที่ทำให้ระแวงสงสัยเลย คบกันมาตั้งเกือบ 20 ปี ทิวไม่คาดคิดมาก่อนว่าต้องจะแอบชอบ

เอาล่ะซิ คราวนี้แพรวคงได้รู้หรือสงสัยถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่แล้วล่ะซิ

หวังว่าอะไรๆ มันจะดีขึ้นและเป็นไปอย่างที่บูมคิดนะ


         พี่บีมเขามาช่วยน้องชายแบบนิ่มๆแต่แรงและตรง แพรวถึงกับกระเป๋าหลุดมือเลยทีเดียว ต่อไปแม่บูมต้องรู้แน่ๆ จะเข้าไปคุยอะไรๆกับทิวสองต่อสองรึป่าว ลุ้น งานนี้ลุ้นจริงๆคับ
        รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ


เต็มๆตาเลยนะแพรวแถมเป็นแบบfull hdเลย

วันนี้จะมาไหมน้อ~ :impress:

ภาพมันชัดขนาดนี้ไม่ต้องถามแล้วมั้งค่ะชะนี แพรว .... อุ้ยตายว้ายกรี้ดกระเป๋าหลุดมือเลย  :katai3:

แต่ไม่รู้ว่า ทิวจะเจออะไรอีก สงสารทิวอย่างแรง  :mew2: :mew2:

เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ต่อไป คนแต่งด้วยนะ

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 28

บูมน่าจะกล้าและใจแข็งแบบนี้ตั้งแต่ก่อนหมั้นนะ แต่ที่ทำอยู่ก็ถือว่าบูมทำดีแล้วล่ะ ยังไงก็สู้ต่อไปนะบูมอย่าใจอ่อนและยอมให้พ่อกับแม่บังคับอีกล่ะ ถ้าไม่อยากเห็นทิวต้องเจ็บอีกบูมต้องสู้นะ

ถ้าแพรวจะโทษก็ไปโทษพวกคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นตัวตั้งตัวตีให้มีการหมั้นระหว่างกันเกิดขึ้นมาจะดีกว่านะคะ เพราะบูมเองก็ตกอยู่ในสถานะผู้ถูกกระทำไม่ต่างไปจากแพรวเลย นี่ดีแค่ไหนแล้วคะเนี่ยที่บูมบอกความจริงกับแพรวตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าบูมไม่เคยคิดกับแพรวเกินไปกว่าเพื่อนเลย แล้วทำไมถึงยังอยากที่จะหลอกตัวเองต่อไปอีกว่าบูมจะเป็นยังไงแพรวก็รับได้ เราไม่เชื่อหรอกค่ะ เพราะกี่รายๆ ก็พูดแบบนี้ในตอนแรกๆ ทุกที สุดท้ายยังไง? ก็ไม่พ้นเรียกร้องให้ได้ดั่งใจตัวเองอีกอยู่ดีนั่นล่ะ

ทางที่ดีเราว่าแพรวทำใจเถอะค่ะ เพราะเรื่องของความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้จริงๆ แต่ดูท่าแล้วคงจะยากสักหน่อยนะคะ เพราะแพรวเองเหมือนกับจะผูกใจเจ็บบูมไม่ใช่น้อย ไม่อย่างนั้นคงไม่ขู่บูมหรอกว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณทิพย์นภา แต่เราว่านะ แพรวอย่าได้ขู่บูมให้เสียเวลาไปเลยค่ะ เพราะยังไงเรื่องก็ต้องแดงขึ้นมาแล้วเข้าไปถึงหูคุณแม่ของบูมเขาอยู่ดีนั่นล่ะ มาถึงขั้นนี้แล้วเราว่าบูมเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้วล่ะว่าชีวิตต่อจากนี้คงไม่ง่ายแน่ๆ แค่อุปสรรคจากเล็กๆ จากแพรวเราว่าบูมเอาอยู่อยู่แล้วล่ะเนอะ ^^

เข้มแข็งเข้าไว้นะคะบูมกับทิว~ :กอด1:

ผู้ชายเขาบอกว่าเป็นเกย์ แถมเขาก็บอกว่ารักกันตั้งแต่เรียนมัธยมด้วยกันก็แล้ว และผู้ชายยังบอกอีกว่าไม่ได้รักหลอนเลย
เธอยังจะยื้อเอาอะไรอีกละแพรว...เพลียกับนางมาก และที่นางจะไปคุยกับแม่ของบูมเอง ปัญหามันจะยิ่งบานปลายไหมละนี่
เฮ้อ! สงสารก็แต่ทิวนี้แหละที่จะเป็นที่รองรับ ...บูมจะปกป้องทิวได้แค่ไหนกันนะ  :mew2: :mew2:

ยัยแพรวนี่ก็ทู่ซี้เกิ๊นนนน
เหมือนจะอยากเอาชนะ
โดยไม่คิดหน้าคิดหลัง
ว่าสุดท้ายคนที่เจ็บที่สุด
ก็คือตัวเองนั่นละถ้าเรื่อง
มันเลยเถิด

ตอนที่ 24 กลัวคุณแม่เข้าใจทิวผิดจังเลย ก็เข้าใจนะว่าบูมหวังดี แต่ก็กลัวจริงๆ ว่าความหวังดีจะกลายเป็นทำให้ทิวเจอกับอะไรที่แย่ๆ ร้ายๆ บูมจะตัดสินใจยังไงนะ แม่ หรือความรัก มันเลือกยากมากๆ แต่บอกตามตรงนะ บูมอย่าเลือกที่จะทิ้งทิวเด็ดขาด สู้สิบูม สู้ๆ  :a2:

ตอนที่ 25 ใจชื้นขึ้นมานิดนึงที่บูมยังคงอยู่กับทิว แต่ความกลัวก็ยังไม่หมด ยิ่งเมื่อมีแพรวเข้ามาเป็นตัวแปรเพิ่ม กลัวจริงๆ เลย  :o11:

ตอนที่ 26 แพรวเริ่มสงสัยแล้วสินะ ยอมรับว่ากลัวมากจริงๆ กลัวทิวจะต้องเจออะไรแย่ๆ อีก ทิวรักบูมมาก บูมเองก็(เหมือนจะพยายาม)ทำให้ทิวเชื่อว่าบูมรักทิว แต่ยังไงล่ะ มันมีปมมาก่อนหน้านี้ คนอ่านยังกลัวอยู่เลย กลัวจะดราม่าหนักกว่าเดิม ต้องเตรียมผ้าเช็ดหน้าหรือทิชชู่อีกกี่โหลค่ะเนี่ย ฮืออออ  :dont2:

ตอนที่ 27 พี่บีมจะคอยเป็นที่ปรึกษาให้บูมได้ ยังไงก็เชื่อมั่นในพี่บีม และตอนนี้รำคาญยัยแพรวมากขึ้นตามลำดับ  :z6:

ตอนที่ 28 เอาใจช่วยบูมมากๆๆๆๆๆ แม้จะช้าไปนิดแต่บูมก็แข็งแกร่งขึ้นนะ สู้ๆ นะบูม สู้ให้ถึงที่สุด ต่อให้เป็นความรักที่ไม่มีใครยอมรับ แต่ขึ้นชื่อว่าความรักมันคือสิ่งที่สวยงามเสมอหากเรารู้จักรักให้เป็น :m1: และสำหรับยัยแพรว  :z6:

ปล. รอตอนต่อไปค่ะ ไม่ค่อยได้เข้ามาบ่อยๆ แต่จะมาตามอ่านให้ครบค่ะ และ +เป็ดให้ทุกตอนอีกเช่นเคย รอครบ 250 เม้นต์เมื่อไหร่ รินจะมาตาม +ชื่นชมให้นะคะ เป็นนักเขียนคนแรกที่จะ +ชื่นชมให้เลยค่ะ  :กอด1:

อ่านยังไม่จบค่ะ ขอแปะไว้ก่อนนะคะ แต่ +เป็ดไว้ให้ทุกตอนล่สงหน้าแล้วค่ะ ไว้จะแวะมาอ่านต่อค่ะ เป็นนิยายที่หน่วงเหลือเกิน อ่านรวดเดียวจบไม่ไหว แต่ก็ชอบค่ะ o13

    การเริ่มต้นของบททดสอบความรักของทิวกับบูมกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
     รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ


อืม จะว่ายังไงดี ถ้าบูมจะเด็ดขาด ก็เอาให้ขาดไปเลย  ถ้ามัวแต่รอโน้นรอนี้ อะไรๆก็ไม่เดิน ถ้าคนเป็นพ่อแม่จะมีนิสัยและเห็นแก่หน้าตาตัวเองแบบนี้ก็คงไม่ไหว ถึงเขาจะเป็นผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงมาแบบผิดๆก็เถอะ  ถ้าไม่ติดตรงคำว่าพ่อแม่ อะไรๆคงง่ายขึ้น

:z13: แวะมาสะกิดนักเขียนค่ะ

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 29

ก็ถ้าทิพย์นภาไม่ใช่คุณแม่ ต้องคิดเหรอคะว่าบูมยังจะปล่อยให้เขายืนด่าทิวฉอดๆ อยู่แบบนี้ ลองเป็นคนอื่นดูสิ ได้เลือดกลบปากตั้งแต่ยังพูดประโยคแรกไม่จบแล้วล่ะค่ะ ถึงในความจริงจะน่าโดนสักแค่ไหนก็เถอะ เพราะแต่ละคำที่หลุดออกมาจากปากทิพย์นภานี่แย่ยิ่งกว่าสิ่งที่เขาเอามาเปรียบเทียบว่าเป็นทิวเสียอีกนะคะ ด่าทิวทีเราเองยังลืมไปเลยค่ะว่าเขาเป็นอาจารย์ ถ้าลูกศิษย์ได้มาเห็นกับตาตัวเองก็คงจะแขยงน่าดูพอกันนี่ล่ะ

แล้วจากที่ฟังๆ ดูยังไม่เห็นมีตรงไหนเหมือนกันนะคะที่ห่วงความรู้สึกของบูม ทั้งอับอายเอย จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเอย กลัวว่าแม่ของแพรวจะมาว่าเอาเอย คือห่วงหน้าตาและชื่อเสียงของตัวเองล้วนๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองต้องรับหน้าก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอคะ เจ้ากี้เจ้าการดีนักหนิที่จะให้เด็กสองคนเขาหมั้นกัน เรียนผูกเองก็ต้องเรียนแก้เอาเองค่ะทิพย์นภา..

ปล. คุณแม่ทำเราหงุดหงิดใจสุดๆ ไปเลยค่า! :katai1:

รอตอนต่อไปนะคะ ^^

ยังเรียกน้ำตาได้เป็นลิตรเหมือนเดิม
สงสารทิวสุดๆ ต้องนายเป็นเพื่อนที่ดีมาตลอด อย่าพลาดทำร้ายทิวอีกคนเพราะอารมชั่ววูบนะ
รอตอนต่อไปค่ะ

ต้องใจเย็นค่ะ...

ต้องมีสติหน่อยอย่าเพิ่งทำไรไปนะ
เพราะไม่งั้นทุกอย่างที่ทำมานี่หาย
ไปหมดเลยนะทิวคงจำไปอีกนานเลย
กับสิ่งที่เกิดขึ้น

ผมสนับสนุนต้องนะ ถ้าจะตัดขาดก็ตัดขาดเลย เสียดายที่ต้องดูแลทิวดีมาตลอด ช่วยมันมาก็หลายครั้ง ถ้าต้องตัดใจไปแล้วชีวิตต้องจะดีขึ้นกว่านี้เราว่าก็ดีนะ เพราะอย่ามาเสียเวลากับคนแบบทิวเลย มีแต่จะทำให้เป็นทุกเปล่าๆ ดูแล้วมันก็น่าสมเพชจริงๆนั้นแหละ จนไม่รู้พูดยังไง ตอนนี้มันสะท้อนสังคมแบบนี้ได้ เกิน100%จนน่าใจหายเลยอ่ะ

เฮ้อออ :เฮ้อ:  บอกตรงๆ เหนื่อยใจกับแม่ของบูม บังคับกันเข้าไป บังคับกันเข้าไป

เอาให้บูมตายไปเลยดีมั้ย มีชีวิตที่ไม่สามารถตัดสินอะไรได้เองแบบนี้เนี่ย เหนื่อยแทนบูมจริงๆ


ค้างมากค่ะ พูดเลย  :hao5: :hao5: :hao5: ต้องอย่าทำอะไรทิวนะขอร้อง เรารู้ว่านายใจหล่อมากไม่ทำหรอก  :mew6:
คุณทิพย์นภา นี้เป็นคุณแม่แน่เหรอค่ะ ทำไมบังคับลูกจังค่ะ ลืมไปหรือเปล่าว่าลูกนะเลี้ยงได้แค่ตัวหัวใจเลี้ยงเขาไม่ได้นะค่ะคุณแม่... ส่วนบูมก็พูดไม่ออกน้ำท้วมปาก ได้แต่บอกว่ารักกัน รักกัน เพลียจริงๆ สงสารแต่ทิว ทำไมชีวิตต้องมาเจออะไรแบบนี้

พูดได้ว่าน้ำตาซึมได้อีกค่ะ  :mew6: 

ขอบคุณคนแต่งค่ะ ทำให้อินได้มากขนาดนี้  :L2: :L2: :L2:

      โหหหห แม่บูมพูดแรงมากๆ เข้าใจเลยคับว่าคนเรานิสัยใจคอไม่เหมือนกัน ไม่ไผ่ยังต่างปล้อง พี่น้องยังต่างใจ มันเป็นแบบนี้จริงๆ
       สงสารบูมกับทิวจะต้องฟันฝ่าอุปสรรคถึงไหน จะมีอะไรมากดดัน บีบคั้นอีกไหม คนเราครอบครัวนี่แหล่ะสำคัญจริงๆ ให้กำลังใจดีที่สุด บางทีบีบคั้นและกดดันเราก็ง่ายที่สุดได้เหมือนกัน
       ต้องจะข่มขืนทิวเหรอ สำเร็จมั้ยอ่ะ ๕๕๕ รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ มาเร็วๆนะคับ
      ช่วงนี้คนอ่านไปต่างจังหวัดบ่อยไม่รู้จะได้เข้ามาอ่านเมื่อไหร่ แต่ก็รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับ


คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 30

:serius2: ..

หวังว่าคงจะเป็นแค่การเข้าใจผิดไปเองของอีกฝ่ายจริงๆ ก็แล้วกันนะคะ เพราะเราเองก็สงสัยสองคนนั้นไปแล้วเหมือนกันค่ะ

    ตอนนี้พักเรื่องร้ายๆ ตอนหน้าต้องเป็นเรื่องโรแมนติกของทิวกับบูมนะคับผู้แต่ง ๕๕๕
    ทิวเคราะซ้ำกรรมซัดจริงๆ คิดแล้วว่าทิวต้องโดนคนมาทำร้ายแน่ๆ แล้วแผนต่อไปจะทำไรทิวอีกล่ะ
    รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ


คุณหญิงแม่แผลงฤทธิ์รึเปล่าเนี่ย
เพราะก่อนจากอาฆาตซะขนาดนั้น

หวังว่าคงจะไม่ใช่คุณนายแม่หรอกนะที่เป็นคนสั่งให้มารุมตีทิวอ่ะ ถ้าใช่ก็ใจร้ายยยมากกกก

อ่านแล้ว รู้สึกหน่วงม่ก แม่ของบูมหรือเปล่าไม่รู้ ใจร้ายไปนะ  ต่อให้เพื่อนคนอื่นของบูมเข้าใจในความรักของทิวและบูมแต่พ่อแม่ไม่เ มันก็มองไม่เห็นจุดหมายอยู่ดี ..สงสารต้องจัง
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (REVISION) [DRAMA] ▚▚▚
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 26-09-2015 20:09:37
คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 31

มันกำลังจะไปในทางที่ดีขึ้นแล้วใช่ไหม  พ่อเริ่มเข้าใจแล้ว ส่วนแพรวคิดว่านางคงตัดสินใจได้แล้วหลังจากฟังที่บีมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เพราะว่าคนไม่รักบังคับไปยังไงก็ไม่รักอยู่ดี ..เหลือแต่แม่ซินะ :เฮ้อ:   

ตอนที่ 29 ขอติดแฮชแท็ก #ร้องไห้หนักมาก :m8:
ก็เข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่นะ แต่ไม่เข้าใจแม่บูมตรงที่การใช้ถ้อยคำและวิธีนี่แหละ ยิ่งทำแบบนั้นลูกชายของคุณจะยิ่งตกเหวนะค่ะ
ทิว ใจเย็นๆ นะ ต้องด้วยหายใจเข้าออกลึกๆ อย่าให้อารมณ์ชั่ววูบมาทำให้ดิ่งลงเหว

ตอนที่ 30 ใครมาทำร้ายทิววววววววววววววววววว ฮือออออออออออออออออ #ร้องไห้หนักมากกกกกกก   :o7:

ตอนที่ 31 พี่บีมเหมือนพระมาโปรดเลยค่ะตอนนี้ พอจะหายใจโล่งขึ้นมาได้หน่อย แต่ก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี แพรวเธอคิดดีๆ นะ บูมไม่ได้รักเธอนะเพราะฉะนั้นอย่าเอาตัวเองมาติดกับพันธการที่ผู้ใหญ่สร้างขึ้นไว้เลย **กรอกหูแพรว**  :haun5:

ตอนต่อไปคงจะผ่อนคลายขึ้นบ้างนะคะ สงสารทิวเหลือเกิน  o7
รอติดตามค่ะ

พี่บีมมมม รักพี่เลยเนี่ยช่วยมาพูดให้แพรวเข้าใจ เราก็หวังว่าแพรวจะเข้าใจและทำใจได้ในเร็ววันนะ

แค่เปลี่ยนความคิด..ชีวิตก็เปลี่ยนแล้วค่ะคุณแม่ อาการกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่มีกระจิตกระใจจะสอนหนังสือที่คุณแม่เป็นอยู่ก็จะหายไปนะคะ เริ่มที่ตัวเองได้ก็ต้องแก้ที่ตัวเองให้ได้ค่ะ

ส่วนพี่บีมน่ารักมากๆ เลยค่า >\\\\\\\< เป็นพี่ชายที่แสนดีจริงๆ นั่นล่ะน้า~~ :กอด1:

น้ำตาซึม
รักพี่บีมเลยนะ ทำเพื่อบูมกับทิวขนาดนี้
พ่อบูมก้อเข้าใจแล้ว เหลือแม่นี่แหละ ท่าจะงานยาก เล่นส่งคนมาทำร้ายแบบนี้กู่ไม่กลับแล้วมั้ง

อืม ก็ดีหน่อยที่บีมเขามาช่วยแก้ไขให้ บูมก็คงไม่เข้าใจพี่ชายผิดหรอกนะ ใช่สติเยอะๆ จะได้อยู่อย่างมีความสุขสักที ต่อไปต้องคงไม่ทำร้ายตนเองจนแย่นะ เริ่มต้นชีวิตใหม่ก็ยังไม่สายอยู่อย่างมีสติ นะทุกคน แอบเซ็งคุณแม่อยู่

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 32

:katai4:  คุณทิพย์นภา ค่ะคุณเป็นแม่ที่ขัดใจลูกได้โล้เลยค่ะ  ไม่รู้ว่าจะใจร้ายใจดำไปถึงไหน
หน่วงมากค่ะ ไม่รู้ว่าจะไปพูดจากทำร้ายจิตใจอะไรทิวอีก  :mew6: :mew6: :mew6:

ขอให้ทิวเข้มแข็งนะ ... :monkeysad:

ทิพย์นภานี่อย่างกับเจ้ากรรมนายเวรของทิวเลยนะคะ อะไรจะตามติดชีวิตกันได้ขนาดนี้! :katai1: ..

ให้โอกาสคิดอีกทีนะคะทิพย์นภาว่าที่ทำไปทั้งหมดเนี่ย 'รักลูก' หรือว่า 'รักตัวเอง' มากกว่ากันแน่?

สาธุ ขอให้ต้องบังเอิญเข้ามาดักรอพบทิวแล้วสะกดรอยตามไปจนสุดทางด้วยเถอะค่ะ :call:

คุณหญิงแม่จะมาไม้ไหนอีกล่ะเนี่ยะ

         กลับมาได้อ่าน 2 ตอนรวดเลย
         พี่บีมนี่สุดยอดพี่ชายจริงๆเลย ช่วยน้องชายตัวเองเก่งมากๆเพราะเข้าใจน้องดีเลยช่วยน้องได้ถูกทางแล้ว ดีใจกับบูมด้วยที่พ่อเข้าใจบูมกับทิว แต่ก็หนักใจแม่บูมเนาะ จะทำอะไรต่อไปอีก
       


ตอนนี้ขิแปะไว้ก่อนแค่เห็นชื่อตอน
ก็ทำให้ไม่ค่อยกล้าอ่านกลัวค้างงง
ขอบคุณค้าาา

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 33

ลงทุนน่าดูเลยนะคะคุณทิพย์นภา ปากบอกจะให้เวลาที่เหลือกับทิว แต่สุดท้ายก็ใช้ไม้นี้แย่งเวลาทั้งหมดของบูมกลับมาเป็นของตัวเองจนได้ เพราะถึงยังไงคุณหมอก็ต้องวินิจฉัยทำนองให้คนในครอบครัวดูแลและเอาใจใส่คนไข้ใกล้ชิดมากกว่านี้ ระวังอย่าปล่อยให้คนไข้เครียดจนเกินไป ฯลฯ แล้วความสนใจของบูมก็จะเบนมาที่คุณแม่ทั้งหมด ดีไม่ดีก็อาจจะยิงยาวจนบูมไปเรียนต่อเลยก็ได้นะคะ ไม่รู้ว่าเราคิดมากไปไหม แต่เราไม่เชื่อหรอกค่ะว่าคุณทิพย์นภาป่วยจริง

สุดท้ายก็ใช้ไม้นี้จนได้... ยิ่งพูดมาแบบนี้มีเหรอที่ทิวจะไม่หวันไหว เพราะเหตุผลที่เขาพูดมาก็มาจากความรู้สึกของหัวอกคนเป็นแม่ (แต่แม่ที่รักตัวเองไม่ได้รักลูก กลัวคนจะไม่ยอมรับ เพราะตัวเองปิดกั้นเลยไม่ยอมรับความรักต่างเพศ เหตุผลตัวเองล้วนๆเลย) 

ยิ่งมาทำเป็นป่วยแบบนี้บูมคงต้องห่างกับทิวเพราะแม่แน่ๆ และจะกลับไปเรียนอีก ไม่รู้ว่าแม่ของบูมจะทำยังไงต่อกับทิวนะ เราก็อดคิดมากไม่ได้เหมือนกัน  :mew6:

ให้คบกับต้องก็ดีนะ น่ารำคาญ ไม่ได้เม้นนาน เป็นกำลังใจให้คนแต่ง

     อ่านตอนนี้แล้วเครียดจริงๆ สงสารทุกคนไปหมดโดยเฉพาะทิว เป็นหนักสุด
     ฉากที่ทิวไปพบแม่บูม พูดไม่ออกเลยจริงๆเห็นใจทั้งสองฝั่ง ปกติแม่น่าจะยอมรับได้ดีกว่าพ่อแต่คราวนี้พ่อกลับยอมรับได้ดีกว่า                    อยากรู้ว่าต่อไปจะเป็นไง  รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ มาต่อบ่อยๆด้วยนะคับ ๕๕๕


เมื่อไหร่คุณแม่เธอจะเข้าใจอะไรได้สักที
สงสารทิวจัง ร้องไห้ตาม

น้ำตาซึมตามทั้งสองคนเลยค่ะ :monkeysad: พูดไม่ออกเลยจริงๆ เจอคุณแม่แบบผู้หญิงคนนี้เข้าไป นี่เขามีความสุขอยู่บนความทุกข์ของคนอื่นแท้ๆ จะรู้ตัวบ้างไหมนะ?

แล้วก็..จะรอดูวันนั้น วันที่บูมทำตามคำขอที่สอง (ที่เราไม่ทราบ) ได้สำเร็จนะคะ :กอด1:

น้ำตาซึมอีกแล้ว แต่สัญญาข้อที่สองอะไรนะ  อยากรู้จัง.... :mew2:
เข้าใจว่าแม่รักและคิดว่าบูมจะเสียใจแค่วันนี้แต่มันเป็นการคิดผิด เพราะมันอาจจะเสียใจไปตลอดชีวิตของบูมเลยก็ว่าได้

คำสัญญา (ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า เพราะว่ามองไม่เห็นคนทางข้างหน้าเลยจริงๆ )
หน่วงมากค่ะ ปวดใจมากเลยจริงๆ  :mew6: :mew6:

เป็นกำลังใจให้คนแต่ง ขออนุญาติเลิกอ่านอย่างจริงจังสำหรับเรื่องนี้ อ่านแล้วหดหู่จริงๆ

    ยังไม่จบใช่มั้ยคับผู้แต่ง อึ้งเลยนะ ๕๕๕
      ตอนนี้ทำเอาซึมเลยอ่ะ อารมณ์ซึมๆ น้ำตาซึมๆเลย
      รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับ มาเร็วๆนะคับ


อ่านตั้งแต่ตอนที่ 32 ถึง 34
ใบหน้าของแม่นกสินจัยลอยมาจริงๆ เลยค่ะ ไม่ใช่บทแม่แสนดีนะคะ แต่เป็นบทคุณแม่ร้ายๆ คนหนึ่ง ที่บงการชีวิตลูก สร้างปมให้ชีวิตของลูก พยายามเข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่นะ แต่ทำยังไงก็ไม่เข้าใจคุณนายทิพย์นภาอยู่ดี ฮือออออออออ ไม่ไหวอ่า หน่วงจิตหน่วงใจจริงๆ จุกจนพูดไม่ออก บอกไม่ถูกเลยจริงๆ ค่ะ  :a6:

คอมเมนต์จากกลุ่มคนอ่านชุดใหม่ - ตอนที่ 34

อ่านแล้วรู้สึกสะเทือนใจ ไม่อยากให้บูมคิดสั้นแบบนั้น หวังว่าคุณทิพนภาคงเข้าใจและคิดได้ว่าที่ผ่านทำร้ายบผูมมามากแค่ไหนด้วยคำว่าแม่รักลูกมาก
ทิวใจแข็งเข้าไว้นะ อดทนเพื่อบูม อย่าให้ความรักนี้จบลงด้วยความเศร้าเลย ..แอบกลัวจัง :mew2: :mew2:

ถ้ายังฝืนดื้อดึงต่อไปก็ไม่ได้อะไรกลับมา มีแต่จะยิ่งสูญเสียไปก็เท่านั้น ตัดสินใจดีๆ นะคะ o18 ..

ส่วนทิว..ดีแล้วค่ะที่ตัดสินใจเว้นระยะห่างออกมาจากแต๋ง เพราะเจ้าตัวกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังแบบนี้ด้วยแล้วยิ่งต้องระวังเป็นเท่าตัวเลยจริงๆ :กอด1:

ถึงทิวและบูม..

ถ้าวันหนึ่งทิวบังเอิญไปเจอบูมอุ้มน้องพีมยืนอยู่ข้างๆ แพรว หรือเป็นบูมเองที่บังเอิญไปเห็นทิวเดินอยู่ข้างๆ แต๋ง ทั้งสองคนต้องไม่เชื่อแค่ในสิ่งที่ตาเห็น ตราบใดที่ยังไม่ทราบความจริงจากปากของกันและกันนะคะ ^^

น่าจะลองให้บูมกินยานอนหลับไปซะหน่อย เผื่อคุณแม่จะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

บังคับกันจังชีวิต เราให้เค้าได้และเราบังคับเค้าไม่ได้หรอกนะคุณแม่ทิพย์นภา

เมื่อไหร่คุณแม่จะรู้ซักที(ฮึ เหมือนใกล้จะคิดได้แล้ว แต่ช้าไปนะ) 


:o12: นี่มันนิยายอภิมหาดราม่าล้างเผ่าพันธ์รึยังไง

แต่ก็ยังอ่านต่อไป ดราม่าแค่ไหนก็จะอ่าน  :m15:

ยังไงก็ไม่อยากให้คุณแม่รู้ตัวเมื่อสายเกินไป อย่าทำร้ายลูกอีกเลยนะคะ มองข้ามความถูกต้องแล้วยอมรับความเป็นจริง ครอบครัวจะได้มีความสุข คุณแม่สะกดเป็นมั๊ยคะ ความ-สุข ค่ะ  :m15:

โอ้ยยยยว่าจะยังไม่เข้ามาอ่านแต่ก็
อดใจไม่ไหวยิ่งชื่อตอนยิ่งเป็นตัว
กระตุ้นอย่างดีเลยตอนนี้อ่ะ
ทำไมชีวิตของทั้งคู่มันถึงเศร้าอย่างนี้
 :hao5: :hao5: :hao5: :o12: :o12: :o12:
ขอบคุณนะคะ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] ▚▚▚
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 27-09-2015 12:41:21
ในที่สุดผมก็สามารถนำเรื่อง "รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต" มาเขียนใหม่จนจบแล้ว ขอบคุณทุกๆ คนที่มาติดตามทั้งคนเก่าและคนใหม่
ต่อไปคนที่กลับมาอ่านอีกครั้งหรือคนที่มาอ่านใหม่ก็จะอ่านได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด

ฝากเรื่องนี้ไว้ในใจของทุกคนด้วย เป็นอีกเรื่องที่ผมก็รักมากเช่นเดียวกัน อาจจะดราม่าไปหน่อยแต่ตอนจบก็ช่างคุ้มค่าเหลือเกิน
เป็นอีกเรื่องที่ผมเสียน้ำตาไปมากมายเหลือเกินตอนที่เขียนครั้งแรก แม้ว่าเอามาเขียนใหม่ก็ยังมีแอบร้องไห้อยู่บ้างเหมือนกัน

ตอนนี้ไม่มีนิยายของผมแม้แต่เรื่องเดียวที่หน้าหลักของเล้าแล้วนะครับ เกือบทุกเรื่องจบสมบูรณ์เรียบร้อย
เหลือเพียง "ธุรกิจนี้มีรัก" กับ "รักนี้มีล้อ" ที่เหลืออีกสองสามตอน จะพยายามลงให้จบภายในวันสองวันนี้

ขอโทษด้วยที่ย้ายกะทันหัน ผมตั้งใจจะให้ทุกอย่างจบก่อนเดือนกันยายน แต่ก็ล่วงเลยมาพอสมควรแล้ว เลยตัดสินใจหักดิบ
ย้ายทุกอย่างมาที่ห้องนิยายที่โพสต์จนจบแล้วให้หมดเพื่อที่จะผมจะได้ตั้งใจเขียนทุกอย่างให้จบในเร็ววัน
เป็นการบังคับตัวเองไปในตัวครับ ไม่มีนิยายของผมที่หน้าหลักแล้วนะครับ แต่ทุกเรื่องยังอยู่ในเล้าเหมือนเดิม

ผมคงไม่ได้เขียนนิยายอีกแล้ว จะยังไม่ร่ำลาที่นี่ ผมจะร่ำลาครั้งสุดท้ายในนิยายที่ผมรักที่สุด เป็นเรื่องอะไรนั้นคิดว่าทุกคนคงรู้กันดี

ขอบคุณมาก ผมจะคิดถึงทุกคนเสมอนะครับ
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [จบทุกตอนแล้ว] [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 28-09-2015 10:51:32
พึ่งอ่านจบมัวแต่อ่านคอมเม้น สุดท้ายก็จบลงด้วยดี สุดท้ายถึงจะมีคนติดตามนิยายเรื่องนี้ไม่มาก จากที่อ่านคอมเม้นช่วงท้ายมีแต่นักอ่นคุณภาพทั้งนั้นเลย มีแต่คนอ่านทัศนคติดี เม้นดีๆทั้ง ถึงจะมีคนอ่านไม่มากแต่ผมว่าก็ประสบความสำเร็จอยู่นะครับคนแต่ง เพราะที่อ่านคอมเม้นช่วงท้ายแล้ว รู้สึกภูมิใจ ปลื้มใจแทนคนแตงเลย ขอให้มีความสุขมากๆและการงานเจริญๆนะครับ จะได้มีเวลามาแต่งนิยายดีๆให้อ่านอีก
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [จบทุกตอนแล้ว] [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 28-09-2015 12:31:23
ขอบคุณคุณsarawatta ด้วยนะคะที่
คุณได้สร้างนิยายสุดซึ้งดราม่าน่ารัก
คือรวมทุกอย่างไว้ในเรื่องเดียวแถม
ยังได้สอดแทรกแง่คิดในนิยายด้วย
มิหนำซ้ำยังน่ารักตลอดเวลาที่คุณ
อัปเดตนิยายก็จะคอยบอกตลอดด้วย
ขอบคุณมากจริงๆนะค่ะในความใส่ใจนี้
ทั้งๆที่คุณไม่ได้อะไรตอบกลับมาแบบ
รูปธรรมเลยแต่คุณก็ยังทำขอบคุณจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [จบทุกตอนแล้ว] [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 28-09-2015 13:27:25
สุดท้าย..คุณทิพย์นภาก็ปล่อยวางทิฐิที่เคยมีได้เสียทีนะคะ ^^ แถมตอนนี้ยังกลายเป็นตัวเองเสียอีกที่แทบจะยกตำแหน่งลูกรักของบูมมาไว้ให้ทิวครอบครองแทน~~

ดีใจกับทั้งสองคนด้วยจริงๆ ค่ะ ที่ความพยายามตลอดหลายปีที่ผ่านมาคุ้มค่าแก่ได้มันมาจริงๆ :กอด1:

ขอบคุณนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [จบทุกตอนแล้ว] [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-09-2015 14:58:56
ในที่สุดทั้งคู่ก็มีความสุขกันซะที ดีใจที่คุณแม่ยอมปล่อยวางทิฐิซักที

และดีใจที่เห็นทิวเข้ากับทุกคนในครอบครัวบูมได้  แอบแปลกใจนิดๆ ตอนที่ได้ยินว่าพี่บีมแต่งกับแพรว

คุณแม่บูมไม่กลัวข่าวเม้าท์เลยเหรอเรื่องงานแต่งของพี่บีมว่าเอาอดีตคู่หมั้นน้องชายมาแต่งซะเองแบบนี้

เราว่าต้องมีขาเม้าท์ที่ว่าไม่ได้น้องก็เอาพี่ก็ได้อะไรประมาณนั้นแน่ๆ แต่มันคงจะทำใจได้มากกว่าถ้าต้องมีใคร

เม้าท์เรื่องลูกชายเป็นเกย์แน่ๆ ในตอนนั้น
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [จบทุกตอนแล้ว] [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 28-09-2015 16:53:03
อ่านแล้วมีความสุข ที่บูมและทิวได้สมหวังซะที  ลุ้นมาเลยกลัวจะจบแบบน้ำตาท่วมจอเหลือเกินตั้งแต่อ่าน ตอนปืนกระบอกนั้นแล้ว แอบหยิกคนแต่ง...ทำให้คนอ่านอินได้มากขนาดนี้และก็ติดได้มากขนาดที่ต้องอัพดูตลอดเวลาว่ามายัง

ขอบคุณที่แต่งนิยายที่น่าอ่านพร้อมแง่คิดดีดีมากมาย
ใจหายนิยายดีดีจบลงไปแล้ว ... ยังอยากเห็นนิยายดีดีแบบนี้อีก    o13
เป็นกำลังใจให้คนแต่งงานนิยายทุกคนเลยนะค่ะ   :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚
เริ่มหัวข้อโดย: RIRIN ที่ 01-10-2015 11:19:41
ในที่สุดก็สุขสมหวังสักที น้ำตาไหลด้วยความดีใจ  :heaven
ขอบคุณคุณทิพย์นภานะค่ะที่ยอมปล่อยวาง ยอมลดทิฐิ และดีใจมากๆๆๆๆ ที่ทุกคนในครอบครัวเปิดโอกาสและยอมรับ
ดีใจกับบูมและทิวจริงๆๆๆๆๆ เป็นการจบที่คนอ่านรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก เพราะลุ้นแบบหน่วงใจมานาน :hao5:

แต่ๆๆ เดี๋ยวๆๆ นะ พี่บีมแต่งงานกับแพรว ฮืออออออออออ  o22
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 02-10-2015 18:37:50
ตอนนี้อยู่ต่างจังหวัดอ่ะ เล่นในโทรศัพท์อย่างเดียวเลย   ได้อ่านยาวๆหลายบทหลายตอนเลย เห้อออ!! ใจหายอีกแล้วคับ จบแล้วจริงๆ คงจะคิดถึงอีกเรื่อง เวอร์ชั่นเก่าอ่านไม่จบ อ่านเวอร์ชั่นใหม่ก็สนุกดีคับ
    กลับกทมจะเม้นต์อีกรอบคับ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 03-10-2015 21:03:50
ตอนนี้อยู่ต่างจังหวัดอ่ะ เล่นในโทรศัพท์อย่างเดียวเลย   ได้อ่านยาวๆหลายบทหลายตอนเลย เห้อออ!! ใจหายอีกแล้วคับ จบแล้วจริงๆ คงจะคิดถึงอีกเรื่อง เวอร์ชั่นเก่าอ่านไม่จบ อ่านเวอร์ชั่นใหม่ก็สนุกดีคับ
    กลับกทมจะเม้นต์อีกรอบคับ

จริงๆ เวอร์ชั่นเก่ากับเวอร์ชั่นใหม่เนื้อหาเหมือนกันครับ มีปรับนิดๆ หน่อยๆ เช่น ปรับภาษาเขียน/บรรยายให้ดีขึ้น ปรับภาษาพูดให้ทันสมัยขึ้น มีเหตุการณ์เปลี่ยนน้อยมาก รวมๆ แล้วน่าจะเหมือนกันมากกว่า 95% ครับ จบเหมือนกันด้วยครับ

พอมาไล่อ่านดูคอมเมนต์ของคนเก่าๆ แล้วก็รู้สึกคิดถึงเหมือนกันนะครับ ดูเหมือนว่าคนที่ได้อ่านเมื่อปี 2012 จะอินจัดหลายคน 555 ทุกคนก็จะเป็นความทรงจำของผมเสมอนะครับ ได้กลับมาอ่านอีกครั้งก็นึกถึงบรรยากาศดีๆ เสมอ
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 07-10-2015 13:00:30
        อ่านตอนที่ 35 - 40  อ่านตอนที่ 35 ไปน้ำตาซึมไปอีกรอบ ความรักของแม่ ความหวังดีของแม่ น้ำตาซึมอ่ะ ยิ่งตอนแกล้งตรอมใจและเอาปืนไปไว้ในห้องเพื่อคนรักนี่มันสุดๆไปเลย ที่สุดๆนี่คือกล้าเอาปืนมาเก็บไว้ในห้องเพื่อขู่ 555   ตอนแรกที่อ่านผมลุ้นมากๆคับคิดว่าจะยิงตัวตายเพราะผิดหวัง มารู้ตอนจะจบว่าเป็นแผน
      ผมชอบตอนจบมากๆคับ ดีใจที่บูมทำได้ อ่านไปซึ้งไปจริงๆคับ
      เรื่องนี้จบแล้วจะมีตอนพิเศษอีกมั้ยคับ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 31-10-2015 21:46:26
   คิดถึงจนต้องกลับมาอ่านอีกรอบคับ อ่านตั้งแต่ตอนที่34มาจนจบเรื่อง  ๕๕๕  คิดถึงจริงจังคับ สนุกก็สนุก น้ำตาก็คลอเบ้า ๕๕๕ กลับมาอ่านก็ยิ่งคิดถึงตัวละครเรื่องนี้ ผสดงว่าผมติดเรื่องนี้แล้วใช่มั้ยคับ ๕๕๕
   กำลังติดตามอ่านเรื่องใหม่ของคุณอยู่นะ
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚
เริ่มหัวข้อโดย: Muayfudrama ที่ 03-01-2016 19:52:50
 :hao5: :hao5: :hao5: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 23-01-2016 22:39:41
งานดราม่าต้องยกให้คุณนักเขียนท่านนี้จริงๆ ไม่ผิดหวังเลยดราม่าได้ใจเรามาก

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 19-03-2016 19:10:13
เพิ่งมีโอกาสได้อ่านจึงอ่านรวดเดียวจบ.   ภาษาที่ใช้สละสลวยอ่านเพลิน. ทำให้รับรู้ความรู้สึกของคนแต่ละคนและอารมณ์.  ณ. ขณะนั้น.   เนื้อเรื่องสะท้อนถึงสังคมที่เป็นจริง.  ดีใจค่ะที่มีโอกาสได้อ่าน. คุณนักเขียนเก่งมากค่ะและเป็นกำลังใจให้ค่ะ. ขอบคุณมากค่ะ