♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚  (อ่าน 175624 ครั้ง)

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
                         เลิกแฟนแล้วค่อยเห็นเพื่อน เห้อ ปวดตับ

ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
จะติดตามต่อไปครับ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 12 ✦ ทิวเป็นอะไร



ใจหนึ่งทิวก็รู้สึกดีใจลึกๆ ที่เพื่อนเลิกกับแฟน แม้จะรู้ว่าเป็นการคิดที่นิสัยไม่ดีไปหน่อย แต่อีกใจหนึ่งก็อดสงสารเพื่อนที่คบกับแฟนได้ไม่นานก็ต้องมาเลิกกัน แต่ไม่รู้สิ ทำไมทิวถึงรู้สึกว่าบูมไม่ได้แสดงอาการเสียใจมากอย่างที่คนทั่วๆ ไปน่าจะเป็นเวลาที่อกหักเลย

ก่อนจะคุยกันยาว ทิวพาบูมมานั่งที่โต๊ะนั่งเล่นหน้าบ้าน แล้วบูมจึงค่อยๆ เล่าให้ทิวฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างจนเป็นสาเหตุให้ทั้งคู่ต้องเลิกกันอย่างคาดไม่ถึง

ทิวได้ฟังแล้วก็ถึงบางอ้อ ตอนแรกคิดว่าบูมคงโมโหแล้วก็เลยขอเลิก แต่กลับกลายเป็นแป๋มที่ขอเลิกกับบูมเสียก่อนเพราะบูมทำให้เธอขายหน้าในที่สาธารณะนั่นเอง

"นายเสียใจหรือเปล่าที่...มันเป็นแบบนี้"

ทิวถามพลางคอยลอบสังเกตอาการของเพื่อน ก็ดูเหมือนจะไม่เสียใจอะไรมากเท่าไหร่ น่าแปลกจริงๆ ด้วย

บูมถอนหายใจ สีหน้าเครียดขึ้นมาเล็กน้อย

"เราไม่รู้...ก็คงเสียใจมั้ง"

แปลก...ก็คงเสียใจมั้ง แสดงว่าบูมไม่แน่ใจอย่างนั้นหรือว่าเสียใจหรือเปล่า

"อืม...แล้วนายอยากจะไปปรับความเข้าใจกับน้องเค้าหรือเปล่าล่ะ"

แม้จะบอกไปอย่างนั้น แต่แน่นอนว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่ทิวจะบอกให้คนที่ตัวเองแอบรักไปคืนดีกับแฟน

"นายคิดว่ายังไง"

"นายรักเขาหรือเปล่าล่ะ"

คำถามนี้ทำให้บูมสะดุดคิด รักน่ะหรือ...แล้วรักมันคืออะไรล่ะ ห่วงใย คิดถึงและคอยดูแลกัน หวังดีต่อกัน จริงใจให้กันหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้น...คนที่บูมควรจะรู้สึกแบบนั้นด้วยคงไม่ใช่แป๋มแล้วล่ะ

"คง...ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอกมั้ง เรากับแป๋มคบกันได้แค่ไม่กี่เดือนเอง คงยังไม่ถึงกับรักกันมากหรอก ว่าแต่...นายกำลังจะบอกอะไรเราหรือเปล่าล่ะทิว"

"ก็ถ้านายยังรักแป๋มอยู่ นายก็น่าจะไปขอโทษแป๋ม แล้วก็...คืนดีกัน"

ทิวพยายามพูดให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด เหมือนกับไม่รู้สึกอะไรเลยทั้งที่ในใจนั้นเจ็บอยู่ลึกๆ การแอบรักเพื่อนนั้นช่างทรมานเหลือเกิน บางครั้งก็อยากจะพูดความในใจให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่อีกใจก็กลัวว่าเพื่อนจะรับไม่ได้

ใช่...ไม่มีใครรู้เลยว่าทิวเป็นอะไร นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้เรื่องทุกอย่างดูยิ่งยากเข้าไปใหญ่

"นายอยากให้เราทำแบบนั้นหรือเปล่า" บูมถามกลับ

ทิวนิ่งเงียบไปสักพัก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่เข้าใจคำถามหรือเป็นเพราะไม่กล้าตอบตามความเป็นจริง

"ก็...ถ้านายยังรักหรือชอบแป๋มอยู่ นายก็ควรจะทำนะ" ทิวพูดเสียงเบาลง ชักไม่มั่นใจว่าสีหน้าและน้ำเสียงแสดงพิรุธบ้างหรือไม่

"อันนี้เรารู้แล้ว เราได้คำตอบแล้วล่ะว่าเราจะทำยังไง แต่ที่เราถามนายเมื่อกี้น่ะ เราไม่ได้ถามว่าเราควรทำยังไง แต่เราถามความรู้สึกของนายว่านายน่ะ...อยากให้เราคืนดีกับแป๋มหรือเปล่า"

ดูเหมือนทิวงงๆ กับคำถามอยู่ บูมจึงต้องถามย้ำอีกครั้ง

"คือว่า...นายจะรู้สึกโอเคไหมถ้าเราจะไปขอคืนดีกับแป๋ม ถ้าเราทำอย่างงั้น นายโอเคไหม นายอยากให้เราทำอย่างนั้นหรือเปล่าทิว"

"นายหมายความว่าไง"

ทิวถามเสียงแหบพร่า หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ นี่บูมกำลังสงสัยอะไรอยู่หรือเปล่าถึงได้ถามแปลกๆ หรือว่าทิวฟังคำถามผิดกันแน่

"ทำไมต้องถามเราล่ะ ถ้านายยังรักเขาอยู่ นายก็..."

ทิวหยุดไว้แค่นั้นเพราะไม่แน่ใจว่ามันเป็นคำตอบของสิ่งที่ถูกถามหรือเปล่า

"ทิว...เอาเป็นว่า...เราจะไปขอโทษน้องแป๋มละกัน แต่...เราไม่รู้ว่าเราจะกลับมาคืนดีกันได้หรือเปล่านะ เราบอกตรงๆ ว่าเราก็เสียความรู้สึกดีๆ ไปเยอะเหมือนกัน"

บูมหยุดเว้นจังหวะ มองหน้าเพื่อนด้วยแววตามีความหมายบางอย่าง เพราะสิ่งที่จะพูดต่อไปนี้สำคัญทีเดียว

"นายรู้ไหมว่า...จริงๆ แล้วความรักสำหรับเรา ไม่ใช่แค่การเป็นแฟนกัน หรือไปกินข้าวเดินเที่ยวด้วยกัน คนที่เราจะรัก...ต้องดีกับเรา จริงใจกับเรา คอยช่วยเหลือกัน อยู่ด้วยกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ให้กำลังใจกัน เป็นห่วงกัน คิดถึงกัน เวลาคุยกันหรืออยู่ด้วยกันแล้วสบายใจ นายรู้ไหมว่า...คนที่ดีกับเราแบบนั้น มีอยู่ไม่กี่คนหรอกในโลกนี้หรอก"

ระหว่างที่เพื่อนพูด ทิวก็เกิดอาการร้อนวูบวาบที่ใบหน้า นี่บูมกำลังพูดอะไรอยู่กันแน่นะ บูมกำลังพูดถึงทิวอยู่หรือเปล่าหรือแค่จะบอกว่าความรักทั่วๆ ไปเป็นอย่างนี้ อย่าดีกว่า...อย่าไปตีความเข้าข้างตัวเองแบบนั้นเลย ถ้าไม่ใช่ขึ้นมาก็จะเจ็บหัวใจอีก แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมบูมพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำและมองหน้าทิวตลอดเวลาที่พูดเลย

"เราคิดว่า...เราอาจจะได้เจอคนนั้นแล้วนะทิว"

หัวใจทิวแทบหยุดเต้นเมื่อได้ยินประโยคนี้ บูมได้เจอคนนั้นแล้ว ใคร...คนนั้นเป็นใครกัน

"แต่...เราขอเวลาอีกหน่อย ถ้าเรามั่นใจเมื่อไหร่ เราจะบอกนายเป็นคนแรกเลย...ดีไหมทิว" บูมถามพลางยิ้มมีเลศนัย

ทิวได้แต่พยักหน้ารับรู้เพราะรู้สึกตื่นเต้นและประหม่าจนเกินกว่าที่จะพูดอะไรออกมาได้ในเวลานี้ ถ้าพูดแล้วน้ำเสียงคงดูไม่เป็นปกติอย่างแน่นอน

"เราหิวข้าวน่ะทิว ที่ปากซอยจะมีอะไรกินไหมตอนนี้"

บูมเปลี่ยนเรื่องทันทีทันใดจนอีกคนแทบตามไม่ทัน สีหน้าของบูมตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เหลือความเศร้าสร้อยใดๆ ปรากฏให้เห็นอยู่เลย

ทิวยังคงนั่งเหม่อเหมือนคิดอะไรบางอย่าง แต่สักพักก็นึกได้ว่าเพื่อนกำลังรอคำตอบอยู่

"อ๋อ...มีสิ มีหลายอย่างเลย ไปตลาดโชคชัยสี่กันไหม มีของกินเยอะเลยนะ"

"ไปสิ เราได้ยินชื่อเสียงมานานละว่ามีแต่ของอร่อยๆ" บูมเห็นดีด้วย

ทิวเดินไปเปิดประตูบ้าน แล้วก็ถอยมอเตอร์ไซค์คันเล็กคันหนึ่งออกมาจากมุมกำแพง มอเตอร์ไซค์คันนี้แม่ซื้อไว้ให้ขี่ออกไปซื้อของที่ปากซอยหรือใกล้ๆ แถวนี้ บูมดูจะตื่นเต้นทีเดียวเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยนั่งรถมอเตอร์ไซค์เลย

"เราไม่เคยนั่งมอไซค์เลยทิว มันจะอันตรายหรือเปล่า เรากลัวตกน่ะ"

"ไม่หรอก ถ้านายกลัวตกก็..."

เอ...จะใช้คำว่าอะไรดี ให้กอดแน่นๆ งั้นเหรอ คงไม่ดีมั้ง ทิวเกาหัวแกรกๆ แล้วก็หัวเราะเหมือนไม่รู้กับจะบอกว่ายังไง

"ก็อะไร" บูมเลิกคิ้ว

"จับเอวเราแน่นๆ ละกัน" ในที่สุดก็เจอคำที่ฟังดีขึ้นมาหน่อย เกือบไปแล้วไหมล่ะทิว

บูมพยักหน้าเข้าใจ แล้วก็ทำอย่างนั้นจริงๆ ด้วยเมื่อนั่งมอเตอร์ไซค์ออกไปกับทิว บูมไม่ใช่แค่จับแน่นๆ เท่านั้น แต่มันกลายเป็นกอดเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าบูมจงใจที่จะกอดหรือเป็นเพราะกลัว แต่ทิวก็รู้สึกดีชะมัดเลย แล้วก็พาลนึกถึงที่บูมพูดเมื่อสักครู่นี้ บูมหมายถึงใครกันหนอ หมายถึงทิวหรือเปล่า...

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ผ่านไปอีกไม่กี่วัน บูมก็ไม่สบายหนักเพราะเป็นไข้เลือดออก น่าจะเป็นเพราะถูกยุงกัดตอนที่มานั่งรอทิวที่หน้าบ้าน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ไข้เลือดออกกำลังระบาดเสียด้วย ช่วงที่เป็นใหม่ๆ นั้นบูมอาการหนักมากจนถึงกับเพ้อ เล่นเอาทิวไม่เป็นอันเรียนหนังสือหรือซ้อมเพลงกับวงเลย เลิกเรียนก็จะออกไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาลทันที บางทีเพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็ไปด้วย วันเสาร์อาทิตย์ทิวก็อยากจะอยู่เฝ้าเพื่อนบ้าง แต่เห็นสายตาแม่ของบูมแล้วทิวกับเพื่อนๆ ก็รู้สึกหวาดๆ แต่ถึงกระนั้น ความห่วงใยของทิวที่มีให้กับเพื่อน ทำให้บูมเริ่มมั่นใจกับอะไรบางอย่างมากขึ้น

ที่น่าเสียดายก็คือ บูมพลาดโอกาศที่จะได้ไปร่วมแข่งประกวดวงดนตรีชิงแชมป์เยาวชนแห่งประเทศไทยเพราะฟื้นตัวไม่ทัน และไม่ได้ไปซ้อมหลายวัน จึงมีแค่ทิวคนเดียวที่เป็นนักร้องนำ

ในวันแข่งขัน บูมกับเพื่อนๆ ในโรงเรียนหลายคนไปให้กำลังใจด้วย แต่อาจจะเป็นเพราะช่วงที่บูมไม่สบายทำให้ทิวไม่ค่อยมีสมาธิซ้อม บวกกับที่รู้สึกไม่ดีที่เพื่อนไม่ได้มาร้องเพลงบนเวทีด้วย ทำให้วงซีนิธได้เพียงรางวัลชมเชยมาเท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้ทุกคนดีใจมากแล้ว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

การเรียนในชั้น ม.5 ผ่านไปด้วยดี เกรดเฉลี่ยของบูมตกลงมาเล็กน้อยที่ 3.8 ก็ยังนับว่าน่าพอใจสำหรับพ่อกับแม่อยู่ จริงๆ ก็เกือบจะได้น้อยกว่านั้นแล้วล่ะเพราะว่าช่วงที่บูมมีแฟนไม่ค่อยได้อ่านหนังสือเลย แถมยังต้องมาป่วยอีก แต่บูมก็มาเร่งทบทวนในช่วงหลังๆ จนตีตื้นขึ้นมาได้ รู้สึกโล่งใจมากทีเดียว ไม่อย่างงั้นก็อาจจะโดนบังคับย้ายโรงเรียนอีก

ความสัมพันธ์ของบูมกับทิวทวีความแน่นแฟ้นมากขึ้น เพราะนอกจากจะเจอกันที่โรงเรียนแล้วก็จะคอยติดต่อกันทางโทรศัพท์ตลอด กลับบ้านก็จะโทรไปถามว่าถึงบ้านหรือยัง วันหยุดหรือปิดเทอมก็จะโทรหาไม่ได้ขาด มีเวลาว่างๆ ก็จะนัดกลุ่มเพื่อนๆ ไปหาอะไรอร่อยๆ กินหรือไม่ก็ทำกิจกรรมด้วยกัน มีเวลาก็นัดเจอกันสองคนบ่อยๆ ที่สำคัญ บูมชอบมาที่บ้านของทิวจนแทบจะกลายเป็นลูกชายคนที่สองของบ้านทิวไปแล้ว ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เสมอต้นเสมอปลาย จนบูมรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็คงจะได้บอกไปแล้วล่ะ

"บูม" เสียงใครคนหนึ่งเรียกดังมาจากข้างหลังเบาๆ ไม่เท่านั้น ยังเอานิ้วมาสะกิดที่หลังด้วย

บูมหันไปมองอย่างสงสัย พอเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้ม "อ้าว จิ๋ว"

จิ๋วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ พร้อมกับวางสมุดกับหนังสือเรียนลงบนโต๊ะ

"บูมกินข้าวหรือยัง"

จิ๋วเป็นนักเรียนชั้น ม.6/2 ที่บูมก็รู้จักคุ้นเคยกันพอสมควรเพราะมักจะเจอกันในโรงเรียนบ่อยๆ แต่ก็ไม่ค่อยได้สนิทกันมาก

"กินแล้ว จิ๋วล่ะ"

จิ๋วพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ

"มีอะไรจะให้บูมช่วยหน่อย พอดีเราทำไม่ได้จริงๆ ถามเพื่อนในห้องแล้วมันก็ไม่มีใครรู้ ก็เลยว่าจะมาอาศัยคนเก่งจากห้องหนึ่งซะหน่อย บูมพอจะช่วยอธิบายเราหน่อยได้ปะ วิชาเคมี"

"อ๋อ...ได้สิ จะให้เราช่วยตรงไหน"

บูมอาสาอย่างกระตือรืนร้นเพราะไม่ใช่คนหวงวิชา ถ้าใครถามก็จะช่วยสอนให้เสมอ โดยเฉพาะทิว ตั้งแต่ได้รู้จักบูม คะแนนเฉลี่ยของทิวก็เพิ่มขึ้นมากทีเดียว

จิ๋วเปิดหนังสือให้บูมดูแล้วก็ชี้

"นี่ไง พันธะโควาเลนซ์อะไรสักอย่างเนี่ย จิ๋วไม่รู้ว่าจะดูยังไงถึงจะรู้ว่าอะตอมไหนมีพันธะโควาเลนซ์แบบไหน กี่อัน..."

บูมนั่งฟังจิ๋วอย่างตั้งใจและพยายามอธิบายอย่างสุดความสามารถ ทำให้จิ๋วประทับใจมากทีเดียว บูมไม่รู้ตัวหรอกและไม่ได้สังเกตอะไรมากนัก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการเข้ามาของจิ๋วจะทำให้เกิดความยุ่งยากกับชีวิตมากขึ้น

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา จิ๋วก็คอยมาตีสนิทกับบูมอยู่เรื่อยๆ บางทีก็มากินข้าวกลางวันด้วยทั้งที่อยู่คนละห้อง บางทีก็จะเจอจิ๋วกับบูมอยู่ในห้องสมุด บางวันจิ๋วก็มาชวนไปเที่ยวหลังเลิกเรียน

มีอยู่วันหนึ่งที่ทิวแสดงอาการน้อยใจออกมาอีกครั้งจนได้เมื่อจิ๋วมานั่งกินข้าวกับบูมตอนเที่ยง ทิวลุกหนีโดยไม่บอกไม่กล่าว จนเพื่อนๆ ในห้องสงสัยกันใหญ่ คนที่สงสัยมากกว่าใครนั้นก็คือต้อง นอกจากบูมแล้ว ทิวก็สนิทกับต้องเพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ต้องได้คุยสิ่งที่ได้สังเกตเห็นกับอุ้ยและมัสมั่นด้วย ส่วนคนอื่นๆ ต้องยังไม่กล้าคุยด้วยมากนักเพราะกลัวความลับแตก

จนกระทั่งคิดว่ามั่นใจกับสิ่งที่ได้เห็นมากพอแล้ว ต้อง อุ้ยและมัสมั่นจึงนัดทิวให้มาคุยที่หลังโรงเรียนในตอนเที่ยงของวันหนึ่ง

"มีอะไรวะ ทำลับๆ ล่อๆ น่ากลัวเชียวพวกมึง แล้วทำไมต้องมาคุยกันแค่นี้ ทำไมไม่ให้คนอื่นๆ มาคุยด้วยวะ"

ทิวสงสัยไม่น้อยที่จู่ๆ สามคนนี้ก็มากระซิบกระซาบขอคุยกับด้วยราวกับมีลับลมคมในที่สำคัญมาก

"ก็เพราะมันลับน่ะสิวะถึงได้เรียกมึงมาคุยแค่คนเดียว นั่งลงเร็ว อย่าชักช้า"

ต้องบอกพลางฉุดมือทิวให้รีบนั่งลง

"มีอะไรก็ว่ามา เดี๋ยวบ่ายนี้กูต้องไปสอนร้องเพลงที่ชมรม"

ตอนนี้ทิวกับบูมไม่ได้เป็นนักร้องนำของวง Zenith แล้วเพราะต้องการให้น้องใหม่ขึ้นมาทำแทน อีกอย่าง พี่ๆ ที่สนิทกันในวงก็จบกันไปหมดแล้ว ทิวกับบูมจึงปล่อยให้น้องๆ ที่เก่งดนตรีคนอื่นๆ ได้ฟอร์มทีมกันขึ้นมาสานต่องานที่ได้ทำไว้ แต่ก็ยังอยู่ช่วยในชมรมดนตรีอยู่

"เออ ไม่ต้องห่วง กูไม่ทำให้มึงเสียเวลาหรอก แต่มึงเตรียมใจไว้ให้ดีก็แล้วกัน แล้วก็ขอให้มึงพูดความจริงด้วย"

ต้องกำชับ ทำให้ทิวชักหวาดหวั่นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

"เออ กูเคยโกหกพวกมึงหรือไงวะ" ทิวพูดอย่างมั่นใจ เพราะไม่เคยโกหกเพื่อนเลยจริงๆ

"มึงงอนไอ้บูมอยู่ใช่หรือเปล่า"

เปรี้ยง!!!!

คำถามแรกจากต้องก็เล่นเอาทิวถึงกับสะดุ้งราวกับถูกฟ้าผ่าเลยทีเดียว แสดงว่าพวกนี้มันต้องสงสัยเรื่องนั้นแน่ๆ แต่จะว่าไปแล้ว ช่วงนี้ทิวก็งอนบูมบ่อยจริงๆ นั่นแหละ แต่ก็ไม่ใช่การงอนอย่างโจ่งแจ้งอะไรหรอก แค่หลบหน้าหลบตาและไม่ค่อยคุยกันเท่านั้นเอง

"อย่าโกหกนะเว้ย สัญญาแล้ว" อุ้ยสำทับ

ทิวถึงกับต้องกลืนน้ำลาย ถูกล้อมไว้เสียขนาดนี้ก็คงต้องจนตรอกเป็นแน่

"อืม" ทิวรับคำสั้นๆ

"ทำไมถึงงอนล่ะ มึงชอบมันหรือเปล่า" ต้องถามต่อ

เปรี้ยง!!! เปรี้ยง!!! เปรี้ยง!!!

ฟ้าผ่าอย่างหนักเลยล่ะคราวนี้ ทิวมองหน้าเพื่อนทั้งสามคนสลับไปมา พอเห็นทุกคนจ้องมองและรอคอยคำตอบอยู่ก็ยิ่งเครียด สักพักทิวก็ก้มหน้าลงพร้อมกับพยักหน้า เอาล่ะสิ น้ำตามันจะไหลอีกแล้ว อย่าเพิ่งมาร้องให้ตอนนี้นะเว้ยไอ้ทิว

"กูว่าแล้ว" ต้องมองหน้าเพื่อนอย่างเห็นใจ

"พวกกูเห็นมึงกับไอ้บูมทำตัวแปลกๆ กันก็เลยสงสัย ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง แล้วไอ้บูมมันรู้หรือยัง"

ทิวส่ายหน้า

"นานหรือยังวะ กูหมายถึง...มึงชอบไอ้บูมมานานหรือยัง"

มัสมั่นถามบ้างหลังจากที่นั่งฟังอยู่นาน

ทิวพยักหน้า "ก็ตั้งแต่รู้จักบูมใหม่ๆ นั่นแหละ"

ทิวเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนๆ น้ำตาเริ่มไหลพราก

"กูเป็นแบบนี้ พวกมึงรังเกียจกูปะวะ"

ดูเหมือนเพื่อนๆ อีกสามคนจะตกใจกันมากทีเดียว ต้องรีบเขยิบมานั่งใกล้ๆ พลางโอบไหล่ทิวไว้

"เฮ้ย คิดอะไรอย่างงั้น พวกกูเป็นเพื่อนมึงมาตั้งแต่อนุบาล จะรังเกียจกันได้ไงวะ มึงจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ มึงก็เป็นเพื่อนพวกกูนะเว้ย อย่าร้องให้ๆ"

ต้องกระชับไหล่ทิวเบาๆ สองสามครั้งพลางปลอบไปด้วย

"คิดมากน่ะไอ้ทิว พวกกูไม่เคยคิดอย่างนั้นหรอก ที่มาถามมึงวันนี้ก็เพราะสงสารมึง อยากช่วยมึง ใช่ไหมไอ้มัสมั่น"

อุ้ยหันไปถามเพื่อนอีกคน

"ใช่ๆๆๆ กูก็ไม่เคยคิดรังเกียจมึงหรอก แต่มึงอย่ามากินพวกกูก็แล้วกัน"

มัสมั่นพูดติดตลกในตอนท้าย

"เดี๋ยวกูเตะกระเด็นไปโน่น ไอ้นี่ มันกำลังเศร้าอยู่ยังจะมีกะจิตกะใจมาล้อเล่นอีก"

ต้องพูดไม่พูดเปล่าแต่ทำท่าจะเตะเพื่อนจริงๆ เสียด้วย มัสมั่นได้แต่หัวเราะแหะๆ และขอโทษ

"แล้วมึงจะทำไง จะบอกไอ้บูมมันหรือเปล่าว่ามึงชอบมัน" ต้องถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ทิวรีบส่ายหน้าเกือบจะทันที "ไม่หรอก กูไม่อยากเสียเพื่อนไป"

"เฮ้ย แล้วมึงไม่คิดหรือไงวะว่าบางทีไอ้บูมมันก็อาจจะคิดอย่างเดียวกับมึงก็ได้" อุ้ยพยายามให้กำลังใจ

"ไม่รู้สิ แต่กูคิดว่าไม่ ถ้าบูมคิดอย่างนั้นกับกูจริงๆ คงไม่ไปเกาะแกะกับผู้หญิงคนนั้นคนนี้อยู่เรื่อยๆ หรอก กูไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง ถ้าเกิดมันไม่ใช่ กูก็จะยิ่งแย่นะเว้ย"

ถึงจะพูดไปอย่างนั้น แต่ทิวก็ไม่ค่อยมั่นใจในสิ่งที่พูดนัก

"เฮ้ย กูดูออกนะเว้ยว่าไอ้บูมมันไม่ได้ชอบจิ๋วหรอก จิ๋วมันเข้ามาหาไอ้บูมเอง มึงก็เห็นไม่ใช่เหรอ" มัสมั่นรีบบอก

"กูไม่รู้ ถ้ามันเป็นความรักหญิงชายทั่วไปกูก็คงเดาได้ไม่ยากหรอก แต่พอมันเป็นแบบนี้ กูบอกตามตรงว่ากูกลัวว่ะ ถ้าบูมไม่ได้คิดอย่างกู กูอาจจะต้องเสียเพื่อนไปเลยนะเว้ย กูไม่อยากเสี่ยง"

ได้ยินอย่างนั้นแล้วเพื่อนอีกสามคนก็ได้แต่มองหน้ากันเพราะไม่รู้จะเถียงทิวว่าอย่างไร ก็อาจจะจริงของทิวก็ได้ คนที่จะต้องเจ็บมากกว่าใครก็คือทิว ถ้ายังไม่มั่นใจขนาดนั้นก็ไม่ควรไปกดดันทิวให้ต้องรีบร้อนบอกบูมไป

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

บูมรู้สึกหงุดหงิดมากทีเดียวที่ช่วงนี้ทิวทำตัวห่างเหินอีกแลัว คุยด้วยก็เหมือนไม่ค่อยอยากคุย โทรไปหาก็ไม่ค่อยรับ ไม่แน่ใจว่าไม่ว่างหรือเป็นเพราะจงใจที่จะไม่รับกันแน่ แต่ไม่ว่าจะยังไง มันก็ทำให้บูมรู้สึกขัดใจมากพอสมควร

วันนี้ก็เช่นกัน เลิกเรียนแล้วทิวก็หายตัวไปเลย ทั้งๆ ที่นัดกับเพื่อนๆ ในห้องไว้แล้วว่าจะเดินเล่นที่สยามกัน แต่ทิวก็หายไปและไม่ยอมรับโทรศัพท์ ที่ทิวเป็นแบบนี้ก็เพราะตอนหลังจิ๋วขอไปด้วยนั่นเอง พอทิวรู้เข้าก็เลยแอบหนีกลับบ้านไปคนเดียว บูมโทรหาอยู่หลายครั้งก็ไม่ยอมรับสาย พอโทรไปล่าสุดอีกครั้งก็ปิดเครื่องไปแล้ว

พอแยกย้ายกันแล้ว บูมจึงตรงดิ่งไปบ้านทิวทันที ยังไงๆ วันนี้ก็คงต้องคุยกับทิวให้รู้เรื่อง

มาถึงบ้านทิวก็สามทุ่มกว่าแล้ว วันนี้บูมคงต้องยอมกลับบ้านดึก แม้ว่าจะถูกแม่ตำหนิก็คงต้องยอม บูมกดกริ่งหน้าบ้านสองสามครั้ง นานพอสมควรทีเดียวกว่าทิวจะลงมาเปิดประตูให้ในสภาพก้มหน้าก้มตา

"แม่อยู่หรือเปล่า" บูมถาม พยายามจับสีหน้าและความรู้สึกของเพื่อนด้วยความสงสัยปนไม่พอใจ

ทิวพยักหน้า "อาบน้ำอยู่"

"เราขอคุยกับนายหน่อยได้ไหม ไม่นานหรอก"

ทิวพยักหน้า แล้วก็พาบูมขึ้นไปที่ห้องบนชั้นสาม

"นายเป็นอะไรหรือเปล่าทิว ทำไมไม่ไปกับเพื่อนๆ ล่ะวันนี้ ทุกคนถามหานายกันใหญ่เลยรู้ไหม" บูมเริ่มซัก

"พอดีเราไม่ค่อยสบาย" ทิวตอบเสียงเบา พยายามข่มความรู้สึกบางอย่างเอาไว้

"ไม่สบายเหรอ เป็นอะไร" น้ำเสียงของบูมไม่ได้ฟังดูเป็นห่วงนัก แต่ฟังดูเหมือนสงสัยมากกว่า

"ปวดหัวนิดหน่อย"

บูมถอนหายใจ เห็นอาการของทิวแล้วก็หนักใจเหลือเกิน

"บอกเราตรงๆ ได้ไหมทิวว่านายเป็นอะไร นอกจากปวดหัวแล้วนายยังเป็นอะไรอย่างอื่นอีกหรือเปล่า ทำไมไม่รับโทรศัพท์ ทำไมชอบหลบหน้าเรา นายเป็นอะไรกันแน่ทิว"

บูมเดินเข้ามาจับไหล่ทิวทั้งสองข้างไว้เพื่อให้ทิวมองหน้าตรงๆ เพราะทิวคอยแต่หลบตา ทิวดูมีสีหน้าประหม่ามากทีเดียวเมื่อถูกบังคับให้ต้องมองหน้าเพื่อนตรงๆ อย่างนั้น

"มีอะไรหรือเปล่าทิว บอกเราได้หรือเปล่า รู้ไหมว่าทุกคนเป็นห่วงนาย รู้ไหมว่าเราไม่มีความสุขเลยที่เห็นนายเป็นแบบนี้"

ทิวค่อยๆ สะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของเพื่อน พอหลุดออกมาได้แล้วก็พูดตอบกลับไปบ้างหลังจากที่เงียบอยู่นาน

"นายเป็นเพื่อนกับเรามาตั้งสามปี แค่นี้นายยังไม่รู้อีกเหรอว่าเราเป็นอะไร"

บูมถึงกับหน้าชาและอึ้งไปกับคำถามนั้น ทิวไม่ชอบการถูกกดดันบีบคั้นแบบนี้เลย เหมือนกับกำลังถูกไล่ต้อนให้จนมุมอย่างคนไม่มีทางสู้และจะต้องแพ้ แต่ทิวยังไม่อยากแพ้ในตอนนี้ ทิวจะไม่ยอมแพ้และต้องสูญเสียคนที่รักไปอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ ทิวกลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะยอมแพ้และความอดทนก็จะหมดลงไป

"นายไม่รู้จริงๆ เหรอว่าเราเป็นอะไร" ทิวถามซ้ำอีกครั้งพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มรินไหล

บูมได้แต่นิ่งเพราะไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน ทุกอย่างดูเงียบ เงียบจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของบูมก็ดังขึ้น แม่โทรมาตามนั่นเอง

"ครับแม่ ผมกำลังจะกลับครับ"

บูมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนที่ยังคงเงียบงันอยู่เช่นเดิม

"เรากลับก่อนนะ" บอกแล้วบูมก็เดินออกไปจากห้องเสียอย่างนั้น

พอเพื่อนลับตาไปแล้วทิวก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนพร้อมกับร้องให้ นี่บูมไม่รู้จริงๆ หรือนี่ว่าทิวเป็นอะไร ทิวคิดว่าบูมน่าจะรู้บ้าง เรื่องที่บูมพูดในวันนั้นก็ดูเหมือนว่าบูมมีใจให้หรือคิดตรงกัน แต่วันนี้บูมกลับถามเหมือนว่าว่าไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้จริงๆ หรือ นี่ดีนะที่ทิวไม่เผลอใจบอกความจริงบางอย่างไป ไม่งั้นทิวอาจจะต้องเสียใจมากกว่านี้ก็เป็นได้

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2015 19:48:10 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
บูมดูเหมือนที่รักใครไม่เป็นเลยเนอะ

เรื่องง่ายๆ เเม้เลยก็ยังทำให้เำืพื่อนเสียใจ

ทำไมชะนีมาเกาะเเกะบ่อยจังเนี๊ยย

เเ้ล้วเรื่องอะไรนะที่จะทำให้บูมเสียใจมากๆๆๆๆๆ จิ๋วท้องหรอ <<<< เว่อร์เเระ

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
บูมเริ่มจะรู้ใจตัวเองแล้วสินะ แต่การก้าวข้ามบางอย่างในใจตัวเองก็คงยากเช่นกัน
ทิวก็อย่าเพิ่งนอยด์ไปน๊าาา ใจเย็นๆ เรื่องแบบนี้คงต้องใช้เวลา อุปสรรคมีไว้ให้ข้ามผ่าน สู้ๆนะทิว (บูมด้วย)
ทิวบูม อยู่ม.6 แล้ว ได้กลิ่นไอมาม่านิดๆ ประมาณน้ำต้มเริ่มร้อนแต่ยังไม่เดือด รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
+เป็ดน้อย :ped149: ให้คุณ sarawatta ค่ะ ตอนแรกเห็นนึกว่าตาฝาด ดีใจมากๆที่ทิว~บูมมาแล้ว ขอบคุณค่ะ :pig4:







Ebsilon

  • บุคคลทั่วไป
ผมชอบเรื่องนี้นะ หลายๆอย่างในเนื้อเรื่อง มันมีกลิ่นไอของของความสึกบางอย่างมาด้วย
ประมาณว่า อบอุ่น แนบแน่น แต่ไม่สมหวัง (ไม่รู้ว่าถูกหรือป่าว)

ถึงจะกลัวมาม่าแค่ไหน แต่ก็จะติดตามต่อไปครับ มาลงบ่อยๆ นะ

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
                                                  แอบลุ้นให้รักกันแบบจริงๆจังๆ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 13 ✦ พรุ่งนี้ก็อาจสายไป



ในระหว่างนั่งแท็กซี่กลับบ้าน บูมก็ได้นึกแต่โมโหตัวเองอยู่ในใจว่าทำไมถึงไม่กล้าพูดความจริงออกไป ขอโทษนายจริงๆ นะทิว บางทีอะไรๆ มันก็ไม่ง่ายอย่างที่เราคิด มีหลายครั้งที่เราอยากจะพูด แต่เรากลับไม่เคยได้พูดมันออกไปเลย ความรัก...บางทีมันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะพูดกันได้ง่ายๆ ยิ่งเป็นความรักแบบนี้แล้ว บูมไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป ยิ่งถ้าพ่อกับแม่รู้เข้า มีหวังคงโดนย้ายโรงเรียนอีกหรืออาจจะที่ร้ายแรงกว่านั้น

แต่นี่มันก็เทอมสุดท้ายแล้วที่บุมกับทิวจะได้เจอกัน เขาไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเขากับทิวเป็นแบบนี้เลย มันคงเจ็บปวดมากที่ต้องจากกันไปทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจกันอยู่แบบนี้ คงต้องทำอะไรสักอย่างให้เร็วที่สุด

เสียงโทรศัพท์บูมดังขึ้น แจ้งเตือนว่ามีข้อความใหม่เข้ามา บูมเปิดอ่านข้อความก็พบว่ามันเป็นข้อความจากจิ๋วนั่นเอง

"หลับฝันดีนะบูม อย่าลืมฝันถึงจิ๋วด้วยนะ"

นี่คงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทิวเป็นแบบนี้ แต่บูมก็ไม่ได้คิดอะไรกับจิ๋วเลยจริงๆ เฮ้อ... แล้วทำไมอยู่ดีๆ จิ๋วก็เข้ามาในชีวิตของบูมตอนนี้ล่ะ เมื่อก่อนก็ไม่เห็นจะมีทีท่าสนใจกันเลยนี่นา บูมควรจะทำยังไงกับจิ๋วดีนะ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"เฮ้ยพวกมึง วันศุกร์หน้ากูจะจัดงานวันเกิดที่บ้าน เชิญพวกมึงด้วยนะเว้ย ทุกคนเลย"

บูมบอกเพื่อนๆ ในห้องในวันหนึ่งหลังเลิกเรียนในขณะที่เพื่อนๆ กำลังเก็บข้าวเก็บของจะกลับบ้าน เพื่อนๆ ในห้องส่งเสียงฮือฮากันใหญ่ ปกติบูมจัดวันเกิดเงียบๆ ในบ้าน ไม่เคยชวนคนนอกมาร่วมเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่บูมจะเชิญเพื่อนๆ มาร่วมงานวันเกิด แต่กว่าจะจัดได้ก็ต้องคุยกับพ่อและแม่อยู่หลายวัน

ตั้งแต่มาเรียนที่นี่ ชีวิตของบูมดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก มีเพื่อนที่สนิทที่พอคุยกันได้หลายคน เขาจึงอยากจะใช้งานวันเกิดครั้งนี้เป็นการเลี้ยงตอบแทนทุกคนที่ได้ต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นตลอด 3 ปีที่ผ่านมา คิดแล้วก็น่าใจหาย จบแล้วบูมก็คงต้องไปเรียนต่อที่เมืองนอกตามที่พ่อกับแม่ได้วางแผนและจัดการไว้หมดแล้ว เหลือแค่ให้เขาเรียนจบชั้น ม.6 แล้วก็เดินทางไปเท่านั้น

เพื่อนๆ ดูจะสนใจกันมากทีเดียวเพราะต่างก็วิ่งเข้ามาซักถามบูมกันใหญ่ว่าจะจัดงานแบบไหน ยังไง ใครมาบ้าง จะมีอะไรให้กิน ต้องแต่งตัวยังไงและอีกสารพัดคำถาม

มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ดูเหมือนไม่ได้สนใจเหมือนเพื่อนๆ คนอื่นๆ ทิวรีบปลีกตัวออกไปจากห้องเรียนด้วยท่าทางซึมๆ โดยมีสายตาของบูมที่มองตามด้วยความสงสัยและเป็นห่วง ตั้งแต่วันนั้น บูมก็ไม่ได้พูดคุยกับทิวอีกเลย ทั้งสองคนมึนตึงกันถึงขั้นที่ทิวขอย้ายที่นั่งในห้องเรียนเลยทีเดียว

ทิวก็ไม่ได้หายไปไหนหรอก เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ลงมาเตะฟุตบอลเพื่อคลายเครียด ช่วงนี้ทิวรู้สึกเครียดๆ มาหลายวันแล้ว บางทีหาอะไรสนุกๆ เล่นก็คงพอทำให้หายเครียดไปได้บ้าง พอเล่นจนเลิกจึงได้เห็นว่าบูมมานั่งรออยู่ข้างๆ สนามตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ทิวกำลังจะเดินหนีแต่บูมก็รีบวิ่งมาดักหน้าไว้เสียก่อน

"ทิว คุยกันก่อนได้ไหม" บูมทำสีหน้าอ้อนวอน

".........."

"ทิว...อีกไม่ถึงเดือนเราก็จะไปเรียนต่อที่อเมริกาแล้วนะ เราอย่าเป็นแบบนี้ได้ไหมทิว นายอย่าทำเฉยชากับเราอย่างนี้ได้ไหม"

สีหน้าของทิวดูเศร้ามากทีเดียว เศร้าเพราะเรื่องเมื่อวันนั้น เศร้าเพราะอีกไม่นานคนที่เขารักก็ต้องจากไป เศร้าที่เขากับบูมต้องมาบาดหมางใจกันในช่วงเวลาที่เหลืออยู่อีกเพียงไม่นาน

"ว่ามาเลย" ทิวพูดโดยไม่หันไปมองหน้า

"ไปคุยกันที่อื่นดีกว่า"

บูมเสนอแล้วก็คอยมองหาที่ที่น่าจะพอนั่งคุยกันได้ ตอนนี้คนก็เริ่มกลับกันเกือบหมดแล้วล่ะ เหลือแค่ครูและนักเรียนอีกไม่กี่คนเท่านั้น พอเห็นที่เหมาะแล้วบูมก็เดินนำทิวไป

เมื่อนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บูมก็เริ่มสนทนาต่อ

"ทิว...เราขอโทษนะ นายจะให้เราทำอะไรก็ได้ ขอให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม เรารู้สึกแย่มากเลยรู้ไหมที่เราต้องมาเป็นแบบนี้ ทั้งๆ ที่เราก็จะต้องจากกันอีกไม่นานนี้แล้ว" บูมหยุดมองดูเพื่อนที่เริ่มมีสีหน้าอ่อนลงแล้วก็พูดสืบไปว่า

"นายสำคัญกับเรามากนะทิว นายมีความหมายกับชีวิตของเรามาก ถ้าไม่มีนาย ชีวิตในโรงเรียนนี้ก็คงไม่มีอะไรต่างไปจากที่เราเคยเรียนที่อื่นๆ เราก็คงเหงา เครียด ไม่มีเพื่อน ไม่ได้ลองทำอะไรหลายๆ อย่างที่เราไม่เคยทำ ไม่ได้รู้จักมิตรภาพที่ดีๆ ไม่ได้เจออะไรหลายอย่างดีๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงสามปีที่ผ่านมา เพราะว่าเรามีนายนะทิว ชีวิตของเราถึงมีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้นมากมาย เราดีใจนะที่เราได้เจอกับนาย แล้วก็มีนายเป็นเพื่อน"

บูมพูดจบแล้วก็ดึงมือเพื่อนมาจับไว้ ทิวเหมือนจะขืนในตอนแรกๆ แต่สุดท้ายก็ยอมให้จับแต่โดยดี

"เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะทิว...นะ...ชีวิตนี้เราคงไม่มีความสุข เราคงรู้สึกผิดมากถ้าเราจะต้องจากกันไปแบบนี้ นะทิว กลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ"

ทิวมองหน้าเพื่อนอย่างเพ่งพิจารณา คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าคนนี้ก็คือผู้ชายที่เคยให้อ้อมกอดที่อบอุ่นแก่ทิว เคยเรียนด้วยกัน เคยร้องเพลงด้วยกัน เคยนอนคุยกัน เคยรดน้ำต้นไม้ด้วยกัน เคยติวหนังสือด้วยกัน และอีกหลายๆ ความทรงจำดีๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงสามปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะดูเหมือนไม่นานมาก แต่ด้วยความใกล้ชิดและสนิทสนมกันที่เกินธรรมดา เขากับบูมจึงกลายเป็นเพื่อนรักกันได้ไม่ยาก จนกระทั่งวันนี้ที่ความรักมันเลยเถิดมาไกลจนเกินจะห้ามใจได้

ใช่...ทิวเป็นอย่างนี้ของทิวไปเองนี่นา บูมไม่ได้ผิดอะไรเลย เขางี่เง่าไปเอง งอนไปเอง เรียกร้องเอาจากเพื่อนมากเกินไป บูมไม่เคยเปลี่ยนไปเลย บูมก็ยังเหมือนเดิม มีแต่ทิวนี่แหละที่บ้าไปเอง นี่เขากลายเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

ทิวคิดได้แล้วก็ค่อยๆ พยักหน้าตกลง

"เราก็ขอโทษนายด้วยนะบูมที่ทำให้นายรู้สึกไม่ดี"

สำหรับทิวแล้ว ในตอนนี้ ไม่ว่ามันจะทำใจยากสักแค่ไหน ไม่ว่าเขาจะยังมีความรู้สึกขัดเคืองใจอยู่มากแค่ไหน แต่คนที่อยู่ตรงหน้ากำลังจะจากไปอีกไม่นานนี้ ทิวไม่อยากให้บูมกับเขาต้องจากกันไปแบบนี้เลย เพราะฉะนั้น เวลาที่เหลืออยู่นั้นสำคัญมากที่จะทำให้การจากกันครั้งนี้เป็นสิ่งที่น่าประทับใจสำหรับทั้งสองคน นั่นก็เป็นเหตุผลเดียวที่ทิวต้องยอมและให้โอกาสให้เขากับบูมได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง

ทั้งสองหนุ่มลุกขึ้นแล้วก็โผเข้ากอดกัน เวลาที่เหลือจากนี้ไป เขาทั้งสองคนจะทำมันให้ดีที่สุด จะเป็นเพื่อนกันให้ดีที่สุด ไม่ใช่สิ บางทีมันอาจจะไปได้ไกลกว่านั้น

"นายอย่าลืมไปงานวันเกิดของเราให้ได้นะทิว เรามีเรื่องสำคัญมากๆ ที่จะบอกนาย มันสำคัญมาก นายต้องไปให้ได้ สัญญานะทิว ต้องไปให้ได้นะ"

บูมย้ำเสียหลายรอบ แน่ล่ะ บูมมีเรื่องสำคัญมากที่จะบอกทิว ถ้าพลาดคราวนี้แล้วก็อาจจะไม่มีโอกาสได้บอกอีกเลย

สองหนุ่มน้อยผละออกจากกันแล้วก็ยิ้มให้กัน

"เราไปอยู่แล้ว เราก็มีเรื่องสำคัญจะบอกนายเหมือนกันนะบูม"

บูมยิ้มดีใจ ภาวนาอยู่ในใจว่าขอให้เรื่องที่เขากับทิวจะบอกกันและกันนั้นเป็นเรื่องเดียวกัน มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เวลาสามปีที่ผ่านมาพอจะทำให้บูมเข้าใจแล้วล่ะว่าความสัมพันธ์ของทิวกับบูมวันนี้ไม่เหมือนเดิมเสียแล้ว ไม่ใช่แย่ลง แต่มีบางอย่างที่เพิ่มเข้ามาต่างหาก

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


แล้วงานวันเกิดของบูมก็มาถึง เพื่อนๆ แต่ละคนตื่นเต้นกันมากทีเดียว ทั้งตื่นเต้นที่จะได้มาเป่าเค้กวันเกิดและได้มากินของอร่อยๆ ยิ่งกว่านั้น เพื่อนๆ บางคนที่ได้มาเห็นบ้านของบูมต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าฐานะของคนจัดงานวันเกิดเป็นแบบไหน

บูมดูจะตื่นเต้นกับของขวัญวันเกิดกองพะเนินที่เขาได้มามากทีเดียว ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยได้ของขวัญวันเกิดมากมายขนาดนี้มาก่อน แต่ของขวัญของใครก็คงไม่น่าสนใจเท่ากับของขวัญของทิวหรอก ทิวให้อะไรเขามานะ ทำไมกล่องมันไม่ค่อยใหญ่ แถมยังดูเบาๆ เสียอีก

"มันคืออะไรทิว" บูมถามพลางเขย่ากล่องของขวัญที่เพื่อนเพิ่งเอามาให้

"ไม่บอก รับรองนายต้องเซอร์ไพรส์" ทิวบอกพลางยิ้มมีความสุข "Happy birthday นะบูม" ทิวไม่ลืมที่จะบอกสิ่งสำคัญสิ่งนี้

"ขอบใจมากทิว แค่เราได้รู้จักนายก็เป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดแล้วล่ะ"

บูมยิ้มมีความสุขเช่นกัน แต่พอคนอื่นๆ เริ่มทยอยเข้ามา สองหนุ่มก็ต้องยุติการสนทนาไว้ก่อน ทิวแยกตัวไปนั่งกับเพื่อนๆ ที่เริ่มทยอยมาถึง ส่วนบูมก็ยืนต้อนรับแขกกับพี่บีม คุณทิพย์นภาสาละวนกับเรื่องอาหารการกิน ส่วนคุณลิขิตก็คอยดูความเรียบร้อยทั่วๆ ไปในงาน นอกจากนี้ก็ยังมีญาติๆ ของบูมอีกหลายคนที่มาช่วยอำนวยความสะดวกในงานด้วย

พอเพื่อนๆ มากันครบหมดแล้ว พ่อกับแม่ของบูมก็ออกมาพูดต้อนรับและกล่าวอวยพรให้ลูกชายคนเล็กเนื่องในงานวันเกิด ปีนี้บูมอายุ 19 แล้ว จากนั้นทุกคนก็ช่วยกันร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้บูม จะว่าไปแล้ว บูมดูมีความสุขจริงๆ ที่ได้เป่าเค้กวันเกิดท่ามกลางเพื่อนๆ หลายสิบคน แทนที่จะเป่ากันแค่สามสี่คนเหมือนที่ผ่านมาที่ค่อนข้างกร่อยและน่าเบื่อ หลังจากนั้นบูมก็ตัดเค้กแบ่งเพื่อนๆ มีพี่ชายและญาติๆ รุ่นราวคราวเดียวกับเขามาช่วยยกไปเสิร์ฟให้คนที่ไม่สะดวกมารับเองด้วย

จากนั้นเด็กๆ จึงแยกกันเป็นกลุ่มๆ นั่งกินอาหารกันไป คุยกันไปอย่างสนุกสนาน อาหารที่จัดมาเลี้ยงเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ มีให้เลือกกินหลายอย่าง เพื่อนๆ ของบูมดูจะชอบกันมากทีเดียวเพราะอาหารหลายอย่างเป็นอาหารอย่างดีที่อาจจะหากินไม่ได้บ่อยๆ

"บูม" เสียงสาวน้อยคนหนึ่งเรียกดังขึ้นมา

"อ้าว จิ๋ว" บูมทักพลางยิ้มให้ จิ๋วรีบเดินเข้ามาหาแล้วก็ส่งของขวัญวันเกิดให้บูมที่กำลังนั่งกินขนมเค้กกับเพื่อนๆ อยู่

"โทษทีที่มาช้า พอดีรถเสีย Happy birthday นะ"

"ขอบคุณนะจิ๋ว" บูมรับของขวัญมาพลางยิ้มดีใจ

"จิ๋วจะกินอะไรเชิญตามสบายเลยนะ เต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจ" บูมบอกแล้วก็เดินเอากล่องของขวัญไปวางรวมไว้กับของขวัญอื่นๆ ที่เขาได้มาบนโต๊ะ

เนื่องจากโต๊ะที่บูมนั่งมีเก้าอี้ว่างหนึ่งตัว แถมจิ๋วยังไม่ค่อยสนิทกับคนอื่นๆ ในห้องของบูม เธอจึงเลือกที่จะมานั่งกินข้าวที่โต๊ะของบูมหลังจากเลือกของที่อยากกินมาแล้ว ด้วยความที่เป็นคนช่างพูด จิ๋วจึงชวนบูมคุยไม่หยุดโดยไม่ได้สังเกตดูเลยว่ามีใครมองด้วยความไม่พอใจหรือไม่

"อ้าวทิวจะไปไหน" บูมร้องทักเมื่อเห็นทิวลุกขึ้น

"เดี๋ยวเราไปหาเพื่อนๆ ตรงนั้นก่อน" ทิวบอกแล้วก็ลุกเดินออกไป ว่าจะไม่รู้สึกอะไรแล้วเชียว แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ

บูมมองตามเพื่อนที่เดินออกไปด้วยสายตาเป็นห่วง เริ่มรู้สึกกังวลเพราะกลัวทิวจะโกรธอีก แต่จิ๋วก็ชวนคุยไม่หยุดเลย ถ้าจะลุกหนีไปก็คงเสียมารยาทมากทีเดียว ก็เลยต้องทนฟังจิ๋วพล่ามสารพัดเรื่อง

นอกจากทิวแล้วก็ยังมีอีกโต๊ะหนึ่งที่ได้สังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ด้วยความไม่สบายใจด้วย ทิวกับบูมเพิ่งจะกลับมาพูดกันดีๆ เมื่อไม่กี่วันนี้เอง นี่จะต้องผิดใจกันอีกแล้วหรือเปล่า

"บูมมันไปชวนจิ๋วมาทำไมวะ รู้ก็รู้อยู่" ต้องบ่นกับอุ้ยและมัสมั่นอย่างไม่สบอารมณ์

"ให้มันได้อย่างนี้งี้สิ เดี๋ยวไอ้ทิวมันก็งอนเอาอีกหรอก ดูนั่นสิ มันเดินหนีไปแล้ว" มัสมั่นชี้ให้ดูทิวที่เดินไปนั่งคุยกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง

"แล้วไอ้บูมมันรู้ตัวบ้างไหมนั่น ยังมานั่งคุยกับจิ๋วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก ไม่ไหวเลย ทำไมไม่รีบทำอะไรสักอย่างวะ" ต้องบ่นพลางโคลงศีรษะอย่างระอาใจ

"มึงดูไอ้ทิวสิ คอยแอบมองไอ้บูมตลอดเลยว่ะ" มัสมั่นชี้ให้เพื่อนสังเกตเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก

"สงสารไอ้ทิวมันว่ะ มันคงรักไอ้บูมมาก ไอ้บูมนี่ก็ช่างไม่รู้อะไรเสียเลย เดี๋ยวก็ยุให้ไอ้ทิวมันจับปล้ำเสียนี่" อุ้ยพูดกะให้เพื่อนตลก แต่เขากลับจะโดนเพื่อนเขกหัวเป็นการตอบแทน

"ไอ้นี่มึง อย่าไปพูดให้ไอ้ทิวกับไอ้บูมมันได้ยินนะเว้ย"

ต้องว่าพลางทำท่าจะเขกหัวเพื่อนเข้าให้จริงๆ แต่แล้วก็ต้องหยุดคุยกันเมื่อใครบางคนเดินมาที่โต๊ะ แม่ของบูมนั่นเอง

"เป็นไงบ้างจ๊ะ ถ้าจะเอาอะไรเพิ่มอีกก็ตามสบายเลยนะ" คุณทิพย์นภายิ้มให้กับเด็กๆ ที่ต่างก็ยิ้มตอบให้เธออย่างเกรงอกเกรงใจด้วย

"ขอบคุณครับ" ต้องบอกแม่ของเพื่อนไป

แม่ของบูมไม่ได้พูดอะไรอีกหลังจากนัน สักพักเธอก็เดินออกไปอย่างเงียบๆ เพื่อไปพูดคุยและคอยดูแลเพื่อนๆ ของลูกชายคนเล็กที่โต๊ะอื่นๆ บ้าง

พอแม่ของบูมไปแล้ว ต้องก็เดินไปเรียกทิวมานั่งคุยด้วย จากนั้นมัสมั่นก็ไปตามบูมมาอีกคน เมื่อทิวกับบูมนั่งอยู่พร้อมหน้าอย่างนี้แล้ว ต้องกับเพื่อนๆ ก็ปล่อยให้ทิวกับบูมนั่งคุยกันตามลำพังเพียงสองคน แม้ว่าสองหนุ่มน้อยจะดูงงๆ ไปบ้างแต่ก็รู้สึกดีมากทีเดียวที่ได้มานั่งด้วยกันตามลำพังเสียที

พอเพื่อนไปแล้ว บูมก็ลุกมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ ทิว พยายามสังเกตดูสีหน้าของทิวว่ากำลังรู้สึกหรือคิดอะไรอยู่ ทิวดูเศร้าไปเล็กน้อย บูมจึงเอามือโอบคอเพื่อนไว้เบาๆ เผื่อว่าจะทำให้ทิวรู้สึกอบอุ่นใจและรู้สึกดีขึ้น

"ทิว นายไม่เป็นไรใช่ไหม อย่าคิดมากนะ เรากับจิ๋ว...เป็นแค่เพื่อนกัน ไม่มีอะไรหรอก"

บูมพูดแบบนี้อีกแล้ว เหมือนกับจะรู้ว่าทิวกำลังรู้สึกอะไรในใจ เหมือนกับจะรู้ว่าทิวไม่ได้คิดกับบูมแค่เพื่อนเท่านั้น ทิวยิ้มนิดๆ แล้วส่ายหน้า

"เราไม่เป็นไรแล้วล่ะ"

บูมยิ้มให้เพื่อนด้วยความดีใจและมีความสุข ทิวคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับบูมในเวลานี้ เขาจะทำทุกวิถีทางที่จะรักษาความรู้สึกของทิวไว้ จนกว่าจะถึงวันที่เขาต้องจากไป

"นายรู้ไหมทิว วันนี้เรามีความสุขมากเลย เราไม่เคยจัดงานวันเกิดที่มีเพื่อนๆ มากันเยอะขนาดนี้เลย"

"เหรอ...ก็ดีกว่างานวันเกิดของเราแหละ จัดกับแม่แค่สองคนเอง แต่ก็ดีหน่อยที่ตอนหลังๆ มีนายเพิ่มมาอีกคน"

ทิวพูดพลางหัวเราะเบาๆ รู้สึกเป็นสุขใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้อยู่ใกล้ๆ กับคนที่รักในเวลานี้ เสียงเพื่อนๆ พูดคุยหัวเราะอยู่ตามมุมต่างๆ ดังมาให้ได้ยินตลอดเวลา แต่ดูเหมือนว่าเสียงในหัวใจจะดังเสียยิ่งกว่า ยิ่งเห็นแววตาของบูมที่มองมาอย่างมีความหมาย หัวใจของทิวก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นและแรงขึ้นจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงใดๆ อีกแล้ว

"นายจะกินอะไรอีกไหม เดี๋ยวเราไปเอามาให้"

"แล้วแต่นายละกัน" ทิวบอกเขินๆ

"เดี๋ยวมานะ"

ว่าแล้วบูมก็ลุกเดินออกไปเลือกอาหารที่จะเอามานั่งกินด้วยกันกับทิวสองคน ทิวมองตามเพื่อนไปแล้วก็หันกลับมาแอบยิ้มกับตัวเอง ไม่นานนักบูมก็กลับมาพร้อมกับอาหารสองจานสำหรับบูมและทิว

"ขอบคุณนะ"

"ไม่เป็นไร เราอยากทำอะไรดีๆ ให้ทิวเป็นการตอบแทนบ้าง ทิวดีกับเรามาเยอะแล้ว" บูมบอกพลางยิ้ม

ทิวไม่พูดอะไร ก้มหน้าก้มตากินอาหารในจานเพื่อแก้เขิน เห็นบูมยิ้มแบบนี้แล้วทิวก็อดคิดไปต่างๆ นาๆ ไม่ได้

"อร่อยไหม" บูมถามพลางขำเบาๆ เห็นอีกคนเขินแล้วก็อดที่จะเอ็นดูไม่ได้

"อร่อยดี"

ทิวบอกแล้วก็หันกลับมากินอาหารต่อ บูมก็กินของตัวเองบ้างพร้อมกับคุยกับทิวไปเรื่อยๆ อย่างมีความสุข ไม่รู้เลยว่ามีสายตาของใครคนหนึ่งคอยจ้องมองอย่างไม่สบอารมณ์อยู่

หลังจากที่กินจนอิ่มแล้ว บูมกับทิวก็นั่งคุยกันอย่างสบายอารมณ์ บางทีบูมก็เดินไปคุยกับเพื่อนๆ ที่โต๊ะอื่นบ้าง แต่ไม่นานก็จะกลับมานั่งคุยกับทิวเหมือนเดิม จนช่วงใกล้ๆ เลิกงาน บูมก็เอ่ยขึ้นมาว่า

"ทิว...เรามีอะไรบางอย่างที่สำคัญที่เราอยากจะบอกนายแน่ะ"

สายตาที่ดูมีความหมายบางอย่างของบูมทำให้ทิวเกิดอาการมใจสั่นและตื่นเต้นไม่น้อย

"อะไรเหรอ" ทิวถามพลางหลบตาแก้เขิน

"คือว่า" ไปๆ มาๆ พอจะต้องพูดออกมาจริงๆ บูมก็เขินไม่น้อยเหมือนกัน ก็เลยกลายเป็นว่าต่างคนต่างเขินกันเอง

"เรา...รู้สึกดีๆ อะไรบางอย่างน่ะทิว" พูดไปแล้วบูมก็อดจะขำตัวเองไม่ได้ที่ไม่รู้จะเริ่มต้นบอกเรื่องนี้ยังไง

"เหรอ...เราก็...รู้สึกดีๆ เหมือนกัน ว่าแต่นาย...รู้สึกดีเกี่ยวกับเรื่องอะไรเหรอ" ทิวหันหน้าไปทางอื่นเพราะกลัวว่ายิ่งมองบูมก็จะยิ่งเขินมากขึ้น

"เรา...คิดว่าเรา...เอ่อ...เราคิดว่าเราระ..."

"บูม"

ยังไม่ทันที่จะได้พูดสิ่งสำคัญเลย เสียงใครบางคนก็เรียกมาจากข้างหลัง บูมกับทิวหันไปมองพร้อมกันก็เห็นว่าเป็นแม่ของบูมนั่นเอง

"เพื่อนๆ เริ่มกลับกันแล้ว ทำไมไม่ไปส่งเพื่อนล่ะ เรานี่ก็แปลกคน"

น้ำเสียงคุณทิพย์นภาดูไม่พอใจนิดๆ สายตาที่เธอมองดูทิวนั้นทำให้ทิวถึงกับร้อนๆ หนาวๆ คุณทิพย์นภาเคยเจอทิวอยู่บ้างเพราะบูมเคยพามาติวหนังสือด้วยกันที่บ้านสองสามครั้ง แม้ไม่ถึงกับสนิทแต่ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่พอเห็นสายตาของแม่ของบูมคราวนี้แล้วทิวก็ชักหวาดหวั่นใจ สายตาดุนั้นดูน่ากลัวเสียจนทิวต้องหลบา

"ไปช่วยพี่บีมส่งเพื่อนๆ สิ" แม่ดุเสียงเขียว

น้ำเสียงที่คล้ายกับออกคำสั่งนั้นทำให้บูมต้องรีบลุกขึ้นทันทีด้วยความเสียดาย

"เดี๋ยวค่อยคุยกันนะทิว" บูมบอกแล้วก็ค่อยๆ ลุกขึ้น

"เดี๋ยวเรากลับเลยละกันนะบูม" ทิวรีบบอก เห็นสายตาของคุณทิพย์นภาแล้วก็รู้สึกเกรงใจ ไม่อยากอยู่ให้เจ้าของบ้านต้องลำบากนานเกินไป

"เอาอย่างงั้นเหรอทิว" บูมถามอย่างเสียดาย เขาอยากบอกทิวคืนนี้เลย บูมรู้สึกสังหรณ์ใจว่าถ้าไม่ได้บอกคืนนี้แล้วก็อาจจะไม่ได้บอกอีกเลย

ทิวพยักหน้ายืนยันว่าเขาจะกลับพร้อมกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ที่กำลังทยอยกลับบ้าน บูมถอนหายใจแล้วก็พยายามยิ้ม รู้สึกเสียดายโอกาสไม่น้อย กำลังจะพูดอยู่แล้วเชียว แม่ไม่น่ามาขัดจังหวะตอนนี้เลย

"เดี๋ยวค่อยคุยต่อพรุ่งนี้นะ"

ไม่เป็นไรหรอก บอกพรุ่งนี้ก็ได้ ยังไงๆ ก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว ช้าไปอีกแค่วันเดียวก็คงไม่ถึงกับเสียหาย คงไม่สายเกินไปหรอก รออีกนิดเดียวนะทิว เรากับนายก็จะได้บอกความในใจกันแล้ว

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2015 19:14:04 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
                            อย่าบอกนาว่าคุณแม่จะมาเป็นก้างชิ้นโต

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
จิ๋ว  ออกกป๊ายยยยยยยยยยยยย :angry2: :angry2: :angry2:

ฮึ่ยย ควันออกหู

กลัวพ่อเเม่รู้จัง ยิ่งฉลาดๆกันอยู่ด้วย

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
:z3: :z3: แม่บูมเข้ามาทันตอนที่ต้องคุยกับเพื่อนเรื่องทิวกับบูมแน่ๆเลย
แค่ระหว่างทิวบูมเอง ก็อึนซึนกันจะแย่แล้วว... คุณแม่ขา... อย่าใจร้ายไปกว่านี้เลยนะคะ
*วิ่งไปเตรียมกล่องทิชชู่*

จะติดตามติดหนึบ ไม่พลาดตอนต่อไปแน่นอนค่ะ
พาทิวบูมมาส่งแต่เช้าเลย ขอบคุณนะคะ คุณ sarawatta

 :pig4:

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 14 ✦ รถคันนั้นที่จากไป



พอเพื่อนๆ กลับไปหมดแล้ว แทนที่บูมจะได้พักผ่อนก็ถูกพ่อกับแม่เรียกขึ้นไปหา พี่บีมก็มาร่วมด้วย เห็นสายตาของพ่อกับแม่แล้วบูมก็พอเดาได้ว่าคงต้องโดนตำหนิด้วยเรื่องอะไรบางอย่างเป็นแน่

"นั่งลง"

คุณทิพย์นภาออกคำสั่ง บูมกับบีมนั่งลงพลางหันมามองหน้ากันเลิ่กลั่กเพราะไม่รู้ว่าจะถูกตำหนิเรื่องอะไรอีก งานวันนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ไม่เห็นมีอะไรที่น่าจะทำให้พ่อกับแม่ไม่ชอบใจจนถึงกับต้องเรียกมาคุยอย่างนี้เลย

"ทิวนี่เขาสนิทกับบูมมากแค่ไหน"

คุณทิพย์นภาถาม ส่วนคุณลิขิตไม่ได้พูดอะไร เขาได้คุยกับภรรยาบ้างแล้วแต่งานนี้คงให้ภรรยาจัดการเป็นหลัก

"ทิวก็...เป็นเพื่อนสนิทกับผมครับแม่" บูมตอบเหมือนไม่แน่ใจว่าคำตอบนี้จะถูกใจแม่หรือเปล่า

"แม่ถามว่าสนิทแค่ไหน"

น้ำเสียงที่ดูเกรี้ยวกราดเพิ่มขึ้นของแม่ทำให้บูมยิ่งใจคอไม่ดี "ก็...สนิทมากครับ"

"เพื่อนคนนี้ใช่ไหมที่บูมชอบไปค้างที่บ้านเขาบ่อยๆ"

"ครับ" นี่แม่กำลังสงสัยอะไรกันแน่

"จริงเหรอ" คุณทิพย์นภาขึ้นเสียงสูง

"แล้วเพื่อนคนนั้นมันทำอะไรบูมหรือเปล่า"

บูมทำสีหน้าแสดงความไม่เข้าใจ หันไปมองหน้าพี่ชายก็เห็นพี่บีมทำหน้างงๆ เช่นกัน "แม่กำลังพูดอะไรอยู่ครับ ผมไม่เข้าใจ"

"ไม่เข้าใจได้ยังไง คบกันมาตั้งนาน ไม่รู้เหรอว่าเพื่อนคนนั้นของบูมเขาเป็นเกย์"

บูมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นี่แม่เขาไปรู้เรื่องนี้มาจากไหนกัน ตอนที่พาทิวมาที่บ้านก็ไม่เคยทำอะไรเกินเลย แม้กระทั่งเมื่อสักครู่นี้ก็ไม่น่ามีอะไรทำให้แม่รู้ได้เลยว่าทิวเป็นเกย์

"อะไรนะครับแม่" เสียงบูมสั่นพร่าและเบาหวิว

"แม่ขอสั่งห้ามนะบูม เลิกคบกับเพื่อนคนนั้นอย่างเด็ดขาด แม่รับไม่ได้ พ่อเขาก็รับไม่ได้ พ่อกับแม่ไม่อยากมีลูกสะใภ้เป็นผู้ชายนะบูม เข้าใจไหม บูมเป็นผู้ชาย แม่รับไม่ได้ที่จะมีลูกเป็นตุ๊ดเป็นกะเทย"

บูมทะลึ่งตัวลุกขึ้นยืนทันที เขาไม่มีวันยอมที่จะทำตามคำสั่งนี้อย่างเด็ดขาด

"ไม่ครับแม่ ทิวเป็นเพื่อนของบูมนะครับ เราไม่เคยทำอะไรเสียหาย ถึงทิวเขาจะเป็น....เป็นเกย์ แต่ทิวเขาก็เป็นคนดีนะครับแม่ ผมทำตามที่แม่บอกไม่ได้หรอกครับ"

"นี่เถียงแม่เหรอบูม" คุณทิพย์นภาเสียงแหว

"แม่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นว่าเพื่อนลูกคนนี้เขาจะเป็นคนดีแค่ไหน แต่เขาเป็นเกย์ เป็นพวกวิปริตผิดเพศ วันนี้เขาไม่ทำอะไรลูก แต่ถ้าเกิดวันหน้าเขาทำขึ้นมาล่ะ คนพวกนี้มันบ้ากามมั่วเพศจะตายก็รู้ๆ กันอยู่ จะให้พ่อกับแม่ไว้ใจได้ยังไง"

"แม่"

บูมร้องครางราวกับไม่เชื่อว่าแม่จะพูดเช่นนั้นได้ เขาเริ่มร้องให้ บีมรีบลุกขึ้นมายืนข้างน้องชายเมื่อเห็นว่าเรื่องชักจะไปกันใหญ่ เขาเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกันที่พ่อกับแม่ยังมีความคิดแบบนี้อยู่

"ผมทำตามที่แม่บอกไม่ได้ครับ" บูมยืนยันเสียงดังหนักแน่น

"บูม ทำไมเสียงดังกับแม่แบบนั้น" คุณลิขิตลุกขึ้นมาตำหนิลูกชายคนเล็กอีกคน

"ขอโทษแม่เขาเดี๋ยวนี้" พ่อออกคำสั่ง

บูมมองหน้าพ่อที่ดูไม่พอใจอย่างมากด้วยความลำบากใจ แต่บูมรู้ดีว่าถ้าเขาไม่ทำตามที่พ่อบอกคงกลายเป็นเรื่องใหญ่โตมากกว่านี้เป็นแน่

"ผมขอโทษครับแม่ แต่ผมทำตามที่แม่บอกไม่ได้ ยังไงผมก็ทำไม่ได้" บูมบอกพลางสะอื้น

"ทำไมทำไม่ได้ อย่าบอกนะว่าบูมก็..." คุณทิพย์นภาถึงกับมือไม้สั่น

"บูม...บูมไม่ได้เป็นแบบนั้นใช่ไหม ไม่ใช่ใช่ไหมบูม"

บีมเริ่มเห็นว่าบูมคงสู้ไม่ไหวจึงต้องเข้ามาช่วยเถียงอีกแรง "แม่... ทิวกับบูมเขาเป็นเพื่อนกันนะครับ เขาไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ทำไมแม่จะต้อง..."

"แกเงียบไปเลยนะบีม เรื่องอื่นแม่ยังพอยอมได้บ้าง แต่เรื่องนี้ยังไงแม่ก็ไม่ยอม หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอม" คุณทิพย์นภาตวาดลูกชายคนโต

"ว่าไงบูม ตอบแม่มาซิ บูมไม่ได้เป็นอย่างเพื่อนคนนั้นใช่ไหม"

"ผมไม่ทราบครับแม่" บูมตอบออกมาในที่สุด

"แต่ไม่ว่าจะยังไง ผมก็จะไม่ยอมเลิกคบกับทิว ทิวเป็นเพื่อนผมนะครับแม่ ทิวเป็นคนดี ทิวเขาไม่ได้ผิดอะไร"

ยิ่งเห็นลูกชายยืนกรานอย่างนั้นคุณทิพย์นภาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น

"ก็เอาสิ ถ้าบูมไม่เชื่อแม่ ไม่ทำตามที่แม่สั่ง ก็อย่ามาเรียกแม่ว่าแม่ละกัน"

น้ำเสียงและท่าทางที่เด็ดขาดจริงจังของแม่นั้นทำให้ทั้งบูมและพี่ชายต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน

"แม่"

บูมเสียงแหบพร่า เขาไม่คิดเลยว่าแม่จะรังเกียจทิวถึงขนาดนี้ ลองแม่ได้ยื่นคำขาดขนาดนี้แล้วก็คงแปลว่าแม่จะไม่ยอมให้บูมติดต่อกับทิวอย่างเด็ดขาด บูมจะกล้าตัดขาดจากพ่อจากแม่เพราะเรื่องนี้หรือเปล่า ถึงไม่ขอให้บูมตอบก็คงจะรู้คำตอบนี้ได้ไม่ยากนัก

"เราขอโทษนายนะทิว เราขอโทษจริงๆ"

บูมได้แต่ร้องขอโทษเพื่อนในใจ เขาไม่ได้มีอำนาจในบ้านหลังนี้เลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งอำนาจในการกำหนดชีวิตของตัวเองก็แทบจะไม่มี คนที่เคยถูกควบคุมมาเกือบตลอดชีวิตอย่างบูมจะสู้อำนาจและ "ความรัก" ของพ่อกับแม่ได้หรือ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

เช้าวันรุ่งขึ้น อากาศสดใสทีเดียว แต่อาจจะร้อนไปหน่อยเพราะเป็นช่วงหน้าร้อน ช่วงนี้เป็นช่วงใกล้ปิดเทอมใหญ่แล้วและเป็นช่วงที่มีการสอบปลายภาค นักเรียนที่มาถึงโรงเรียนส่วนมากจึงนั่งอ่านหนังสือทบทวนการเรียนเพื่อเตรียมตัวสอบ

สิ่งที่แปลกไปในวันนี้ก็คือ ทำไมอยู่ดีๆ บูมก็ย้ายที่นั่งไปอยู่ข้างหลังห้อง แถมมีสีหน้าท่าทางที่ไม่มีความสุขเอาเสียเลยทั้งๆ ที่เพิ่งผ่านพ้นวันเกิดมาเมื่อคืนนี้เอง ทิวเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ได้แต่หวาดหวั่นในใจ ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากที่ทิวกับเพื่อนๆ กลับบ้านมาแล้ว นึกถึงสายตาดุๆ ของคุณทิพย์นภาแล้วทิวก็ยิ่งกลัวจะมีเรื่องไม่ดี

"บูม...ทำไมนาย...ย้ายมานั่งตรงนี้ล่ะ"

ทิวถามคนที่กำลังนั่งเหม่อลอยมองออกไปที่หน้าต่าง บูมหันมามองเจ้าของเสียงแล้วก็ยิ้มเศร้าๆ สายตาของบูมมีร่องรอยของความเจ็บปวดบางอย่างที่ทิวเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น

"ไม่มีอะไรหรอก เราแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศเฉยๆ เผื่อจะทำให้มีสมาธิมากขึ้น" บูมตอบแล้วก็หลบหน้าไป

มีสมาธิมากขึ้นงั้นเหรอ แล้วทำไมบูมถึงเอาแต่เหม่อลอยไม่ยอมอ่านหนังสือเลย

"มีอะไรหรือเปล่าบูม เราว่ามันแปลกๆ นะที่อยู่ดีๆ นายก็มาย้ายมานั่งตรงนี้ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า เราเป็นห่วงนายนะ"

ทิวถามด้วยน้ำเสียงและท่าทางเป็นห่วง คนที่เพิ่งจัดงานวันเกิดใหญ่โตอย่างนี้แถมมีเพื่อนๆ หลายคนไปร่วมงานควรจะมีความสุขสิ เพื่อนๆ คนอื่นๆ เริ่มทยอยออกจากห้องไปบ้างแล้วเพราะใกล้เวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ

"ทิว..." บูมเรียกชื่อเพื่อนโดยไม่หันมามองหน้า

"เรา...ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องดีๆ ที่นายทำให้เรา ขอบคุณ...ที่นายไม่เคยทิ้งคนเจ้าปัญหาอย่างเรา ขอบคุณ...ที่เราเคยได้ใช้เวลาดีๆ ด้วยกัน เราจะไม่ลืมนายเลยนะทิว"

บูมพูดไปร้องไห้ไป ดีทีว่าเพื่อนๆ ออกไปจากห้องหมดแล้วเลยไม่มีใครเข้ามาวุ่นวาย

"บูม...นายเป็นอะไรน่ะบูม บอกเราได้หรือเปล่า" ทิวยิ่งเป็นห่วงมากขึ้นเมื่อเห็นบูมร้องไห้ ไม่ใช่แค่ลางสังหรณ์เท่านั้น แต่มันคงต้องมีเรื่องไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้นแน่แล้ว

บูมมองหน้าทิวนิ่ง สักพักก็เบือนหน้าหนีไปพร้อมกับคำพูดประโยคนี้ที่แสนโหดร้ายที่บูมไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าพูดออกไปได้

"เรา...เลิกคบกันเถอะนะทิว"

บูมกัดฟันพูดออกไปอย่างเจ็บปวด เขาไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดใจขนาดนี้มาก่อนเลยแต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด เขาเคยชินกับการถูกบังคับให้คิดและทำตาม บางครั้งมันก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะขัดขืน โดยเฉพาะเมื่อแม่ได้ยื่นคำขาดถึงขนาดนั้น มันเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากเหลือเกินที่จะไม่สามารถเรียกแม่ของตัวเองว่าแม่ได้อีก ยังไงแม่ก็คือคนที่มีบุญคุณกับเขามากที่สุด เป็นผู้ให้กำเนิด เป็นคนที่เลี้ยงดูเขามาจนเติบใหญ่ แม้ว่าสิ่งที่แม่ทำครั้งนี้จะเป็นการบีบบังคับที่ทารุณโดยที่ลูกคนหนึ่งก็ไม่มีทางสู้ได้เลย

ทิวคงจะโดนฟ้าผ่าในหน้าร้อนที่ไม่มีแม้แต่ฝนสักเม็ดเสียแล้ว เขาฟังผิดไปหรือเปล่า ให้ทิวนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่ามีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้บูมถึงกับต้องตัดขาดเยื่อใยกันถึงขนาดนี้

"อะไรนะบูม นายพูดว่าอะไรนะเมื่อกี้" ทิวถามน้ำเสียงสั่นเครือ รู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองกำลังค่อยๆ สลายหายไป

บูมนั่งเงียบ ไม่มีเสียงตอบใดๆ เขาไม่สามารถที่จะพูดซ้ำประโยคเดิมที่ทำให้ทั้งคนพูดและคนฟังเจ็บแทบขาดใจได้อีก แต่ทิวก็คงได้ยินชัดเจนไปแล้วล่ะว่าบูมพูดอะไรและหมายความว่าอย่างไร

นี่หรือเปล่าคือสิ่งที่นายอยากบอกเราเมื่อคืนนี้ ทิวอุตส่าห์จินตนาการถึงเรื่องดีๆ คิดไปไกลและมีความหวังว่าบูมก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน แต่มันกลับไม่ใช่อย่างที่ทิวคิดเลย

ทิววิ่งออกไปจากห้องทันที เขาวิ่งเข้าไปในห้องน้ำในตัวอาคารเรียนแล้วก็ปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น ส่วนบูม พอเพื่อนวิ่งออกไปแล้วเขาก็ซบหน้าลงบนโต๊ะเรียนและร้องให้เช่นกัน สิ่งที่เขาวาดหวังไว้ทั้งหมด ไม่มีอะไรเหลือเลย ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ

"ขอโทษนะทิว เราขอโทษ"

บูมเอ่ยประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ แต่จะมีประโยชน์อะไรเพราะทิวไม่ได้ยิน บูมได้ทำร้ายหัวใจของตัวเองและคนที่บูมรักไปเสียสิ้นแล้ว บูมกำลังจะไปเรียนต่อเมืองนอกแล้ว ไม่เคยคิดเลยว่าเขากับทิวจะต้องจากกันไปด้วยความหมางเมินที่แสนทารุณหัวใจ

มันอาจจะเป็นความรัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต

มันอาจจะเป็นความรัก...ที่จะถูกเก็บไว้ในใจตลอดชีวิต

มันอาจจะเป็นความรัก...ที่เกิดขึ้นมาแล้วก็จะตายจากหัวใจไปในอีกไม่ช้า

บูมก็ได้แต่หวังว่าทิวจะให้อภัยเมื่อเวลาผ่านพ้นไป ต่อให้ทิวไม่ให้อภัย บูมก็คงไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าน้อมรับสิ่งนั้นแต่โดยดี คนขี้ขลาดอย่างบูมคงไม่เหมาะสมที่จะรักคนอย่างทิว ในเมื่อบูมไม่เข้มแข็งพอแล้วจะไปรักใครได้ล่ะ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

ตอนเที่ยง บูมแยกไปกินข้าวโดยลำพัง แต่ก็มีจิ๋วตามมาคุยด้วยอีกตามเคย แน่นอน นั่นย่อมต้องทำให้ทิวเข้าใจว่าบูมคงไม่ได้คิดกับจิ๋วแค่เพื่อนแล้วล่ะ และยิ่งทำให้ทิวเข้าใจไปในทางนั้นมากขึ้นเมื่อจิ๋วกับบูมเดินออกไปด้วยกันหลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้ว เพราะนายรักจิ๋วหรอกหรือถึงต้องบอกเลิกคบกันกับเรา ยิ่งคิดทิวก็ยิ่งเจ็บปวด

จิ๋วพาบูมออกมายังที่ที่ไม่มีคนพลุกพล่าน แล้วเธอก็ตัดสินใจสารภาพบางสิ่งบางอย่างให้บูมรู้ เธอเองก็ทนเก็บมันไว้ไม่ไหวเช่นกัน ยิ่งรู้ว่าบูมกำลังจะจากไปเธอยิ่งอยากบอกให้บูมรู้ก่อนที่มันจะสายเกินไป

"บูมจะว่าอะไรไหม ถ้าเราจะบอกว่าเรา...ชอบบูม" จิ๋วบอกด้วยท่าทางประหม่าปนเขินอาย

อาจไม่ใช่สิ่งที่ต่างไปจากที่บูมคิดมากนักก็เลยไม่ตกใจมาก แต่ตอนนี้บูมไม่มีกะจิตกะใจที่จะรักหรือไม่รักใครทั้งนั้น

"เราเป็นเพื่อนกันดีกว่านะจิ๋ว" บูมตัดสินใจบอกไป เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับใครอีกแล้วในตอนนี้

"ทำไมล่ะบูม" จิ๋วหน้าเสีย

"หรอว่า...บูมคงมีใครอยู่แล้วสินะ แต่ไม่เป็นไรหรอก จิ๋วก็แค่อยากบอกบูมเท่านั้นเองว่าจิ๋วคิดยังไง ก่อนที่จิ๋วจะไม่มีโอกาสได้บอกบูมอีกเลย"

จิ๋วบอกพลางยิ้ม แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่ดูเศร้าๆ จนบูมรู้สึกสงสาร บูมได้ฟังแล้วก็สะท้อนใจ อย่างน้อย จิ๋วก็ยังมีโอกาสได้บอกความรู้สึกของตัวเองกับคนที่เธอรัก แต่เขากลับไม่มีโอกาสนั้นเลย แถมยังต้องมาบาดหมางใจกันอีก

"ขอบใจนะจิ๋ว จิ๋วก็เป็นเพื่อนที่ดีอีกคนของบูมนะ"

บูมพยายามยิ้มทั้งๆ ที่ในใจกำลังร้องไห้อย่างหนัก จิ๋วพยักหน้า กะพริบตาถี่ๆ แล้วก็รีบเดินจากไป ถึงเธอจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่เธอก็อดเสียใจไม่ได้หรอกที่ถูกปฏิเสธความรัก

ก่อนที่บูมจะได้ไปไหน ต้องก็ตามมาเจอพอดี ไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลงใดๆ ทั้งสิ้น ต้องรีบปรี่เข้าไปต่อว่าบูมทันที

"บูม มึงเป็นบ้าอะไรของมึง ทำไมมึงทำแบบนี้วะ มึงรู้ไหมว่าทิวมันเสียใจแค่ไหน"

บูมหันมามองต้องแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร

"มึงเป็นอะไรล่ะบูม ทำไมทำแบบนี้ มึงไม่สงสารไอ้ทิวมันบ้างหรือไงวะ จะจากกันไปอยู่แล้ว มีปัญหาอะไรก็พูดคุยกันดีๆ สิวะไอ้บูม" ต้องพยายามคาดคั้น

"กูขอโทษ แต่มึงไม่ใช่กู มึงไม่รู้หรอกว่าทำไม ปล่อยกูไปเถอะ ปล่อยให้ทิวได้เจอคนที่ดีกว่ากูดีกว่า คนขี้ขลาดอย่างกูไม่เหมาะกับคนดีๆ อย่างทิวหรอกไอ้ต้อง" บูมพูดพร้อมกับน้ำตาที่รินไหลออกมาอย่างสุดกลั้น

ต้องเห็นแล้วก็ตกใจ ถึงจะไม่เข้าใจสิ่งที่เพื่อนพูดนักแต่เมื่อเห็นน้ำตาของบูมไหลลงมาอย่างนั้นก็ไม่กล้าที่จะคาดคั้นเพื่อนไปมากกว่านี้

"แล้วมึงอย่ามาเสียใจทีหลังนะไอ้บูม"

ต้องว่าแล้วก็รีบเดินจากไป

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

แล้ว็มาถึงวันสุดท้ายที่นักเรียนชั้น ม.6 ทั้งหมดรุ่นนี้จะได้อยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ โรงเรียนที่เต็มไปด้วยความทรงจำและมิตรภาพที่สวยงามของคนรุ่นแล้วรุ่นเล่า ในวันนี้ นักเรียนชั้น ม.6 ทุกคนจึงทำตามธรรมเนียมปฏิบัติ นั่นก็คือการเขียนเฟรนด์ชิพให้เพื่อนๆ โดยการใช้ปากกาเคมีเขียนข้อความลงบนเสื้อนักเรียน นอกจากเพื่อนในห้องแล้วก็อาจจะให้เพื่อนในห้องอื่นๆ เขียนให้ด้วย หรือรุ่นน้องบางคนก็มาเขียนให้เพื่อนรุ่นพี่ที่เขาประทับใจด้วยเช่นกัน

ทิวก็เหมือนกับนักเรียนคนอื่นๆ ที่จะจบแล้ว เขาเดินไปทั่วโรงเรียนเพื่อที่จะเขียนเฟรนด์ชิพให้เพื่อนหรือไม่ก็ให้เพื่อนๆ เขียนให้ แต่ไม่ว่าจะไปตรงไหนทิวก็ไม่เจอบูมเลย ใจคอบูมจะไม่เขียนอะไรให้ทิวบ้างหรือ ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจ ที่ผ่านมาสามปี ที่เคยดีต่อกัน ที่เคยเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาคงไม่มีความหมายใดๆ กับบูม

ทิวไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะเป็นไปได้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบูมจะไม่เหลือแม้เยื่อใยให้ รู้สึกถึงความหวิวโหวงในใจและใจหายเหลือเกิน ถ้าเขาเพียงแต่เจอบูมอตรงไหนสักแห่งในตอนนี้ ทิวจะยอมทิ้งความเจ็บปวดขุ่นเคืองทุกอย่างที่มี ขอแค่ให้เขาได้กอดเพื่อน ได้ร้องให้ ได้ร่ำลาและได้บอกความในใจสักครั้ง

อีกมุมหนึ่งของโรงเรียน หลังจากที่บูมคอยหลบหน้าทิวมาสักพักเจ้าตัวก็เริ่มฝืนหัวใจตัวเองไม่ไหวเสียแล้ว แม้ว่าคนขี้ขลาดอย่างบูมไม่เหมาะที่จะรักทิวแต่บูมก็ไม่อยากเก็บความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ทิวไว้กับตัวเองเพียงคนเดียว ถึงมันจะไม่คู่ควรทิวก็ควรจะได้รู้ว่าบูมรักทิวมากแค่ไหน

อีกแค่ชั่วโมงเดียวแม่ก็จะมารับบูมแล้ว หลังจากนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมงบูมก็จะบินไปอเมริกาในคืนนี้เลย บูมจะต้องคุยกับทิวให้ได้ ไม่งั้นก็จะไม่มีโอกาสอีกเลย คิดได้แล้วบูมก็ออกวิ่งตามหาทิวไปทั่วโรงเรียน

"เห็นทิวไหม มีใครเห็นทิวไหม ทิวอยู่ไหน..."

บูมเดินถามไปทั่ว เด็กนักเรียนรุ่นพี่รุ่นน้องเดินกันว่อนทั่วโรงเรียนไปหมด แต่ก็ไม่มีใครเห็นทิวเลย เวลายิ่งเหลือน้อยบูมก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจ จนกระทั่งบูมบังเอิญได้เจอต้อง บูมรีบวิ่งเข้าไปหาเพื่อนทันที

"ต้อง...มึงเห็นทิวไหม กูอยากคุยกับทิว แม่กูกำลังจะมารับ กูจะต้องไปแล้ว กูอยากคุยกับทิว มึงช่วยตามหาทิวให้กูหน่อยได้ไหมไอ้ต้อง"

เสียงเร่งเร้าของบูมนั้นทำให้ต้องแทบไม่ต้องใช้เวลาคิดเลย

"ได้ๆ เดี๋ยวกูจะช่วยตามหาให้" ต้องบอกแล้วก็รีบวิ่งออกไปช่วยตามหาทิวอีกแรง

ไม่นานนักต้องก็ได้เจอกับทิว ทิวหลบเข้าไปร้องให้ในห้องน้ำของครูที่ใต้ตึกเรียนนั่นเอง พอต้องเห็นทิวเดินออกมาจากห้องน้ำก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที

"ทิว..ไปเร็ว บูมมันตามหามึงอยู่รู้ไหม แม่มันจะมารับกลับบ้านแล้ว มันจะบินไปอเมริกาคืนนี้เลย เร็ว...เดี๋ยวไม่ทัน"

ได้ฟังอย่างนั้นแล้วทิวก็ไม่รอช้า รีบวิ่งตามต้องไปทันทีด้วยใจระทึก ทิวได้แต่ภาวนาว่าขอให้เขาได้คุยและเห็นหน้าบูมอีกสักครั้ง นายอย่าเพิ่งรีบไปนะบูม รอเราก่อน

"อุ้ย เห็นไอ้บูมไหม" ต้องถามเมื่อบังเอิญเจออุ้ยที่กำลังเดินเขียนเฟรนด์ชิพอยู่

"แม่มันมารับแล้ว สงสัยออกไปแล้วมั้ง" อุ้ยตอบ

หัวใจของทิวหล่นวูบไปอยู่ที่พื้น แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะถามหรือคร่ำครวญอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ ทิวรีบวิ่งสุดแรงเกิดไปที่ถนนหน้าอาคารเรียนทันที รถเก๋งยุโรปหรูหราคันนั้นทิวจำได้ดี มันกำลังแล่นออกไปและพาคนที่เขารักจากไปด้วย ทิววิ่งตามสุดชีวิตพลางตะโกนร้องเรียกเพื่อน

"บูม!!!"

แต่ก็ไม่มีทีท่าว่ารถคันนั้นจะหยุดและไม่มีใครสักคนหันกลับมามองเลย เมื่อรถคันนั้นหายลับตาไปทิวก็ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง

"บูม"

ทิวเรียกชื่อเพื่อนและคนที่เขารักเป็นครั้งสุดท้ายและไม่มีเสียงพูดใดๆ จากทิวอีกเลยนอกจากเสียงที่เขาร้องให้ปานจะขาดใจ ต้องและเพื่อนๆ ที่วิ่งตามมาได้แต่ยืนมองด้วยความสงสาร แต่ก็จนปัญญาที่จะช่วยเพื่อนที่กำลังร้องไห้โดยไม่อายว่าคนที่ผ่านมาจะมองยังไง

ภาพที่ทิวกับบูมซ้อมร้องเพลงด้วยกันอย่างมีความสุขไหลผ่านเข้ามาในห้วงความคิด เสียงเพลงๆ นั้นดังกึกก้องอยู่ในหัวใจราวกับมีใครสักคนกำลังเปิดเพลงนี้จากที่ไหนสักแห่งที่อยู่ไม่ไกล

"ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหน ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะไม่เหลือใครๆ ฉันก็รู้และฉันอุ่นใจ ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่...กับฉัน"

แต่บูมก็จากไปแล้ว จากไปโดยที่ไม่เคยรู้ว่าจะมีโอกาสได้กลับมาพบกันอีกไหม แล้วความรักที่เพิ่งเกิดขึ้นมาล่ะ ก็คงไม่มีโอกาสได้เผยความในใจอีกเช่นกัน เหมือนต้นไม้ที่เพิ่งจะโตแต่คนดูแลก็มาจากไปเสียก่อน อีกไม่ช้ามันก็คงแห้งเหี่ยวเฉาตาย

นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ทิวก็ไม่เคยได้เจอหรือได้ข่าวคราวของบูมอีกเลย ราวกับว่าได้ตายจากกันไปแล้ว เหลือแค่ความทรงจำที่บางครั้งก็นึกถึงด้วยความเจ็บปวด บางครั้งก็ยิ้มมีความสุขกับเรื่องราวดีๆ ที่เคยเกิดขึ้น แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปเหมือนสายน้ำที่จะไม่มีวันไหลย้อนกลับมาที่เดิม ความทรงจำที่เหลืออยู่ก็เป็นเพียงภาพสีจางๆ ที่ไม่นานก็คงลบเลือนไปจนอาจไม่เหลืออะไรเลย

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-08-2015 08:24:29 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
 :เฮ้อ:ทุ่มมากเกินไป ให้แบบสุดตัว


ที่เหลือมันก็เลยเจ็บอย่างที่เห็น

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้ออออ ไปซะเเล้ว


เจอกันอีกทีนี้ตอนไหนเรียนจบหรอ อีกกี่ปี สงสารทิว

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
:m15: :sad4: :o12:  ทิวกับบูมยังไม่ได้คุยกันเลย จากกันอีกตั้งหลายปีง่าาาาาาาาาาา

icyblue

  • บุคคลทั่วไป
มัธยมอันแสนเศร้า ของบูมกับทิว  :monkeysad:

แล้วจะกลับมาเจอกันตอนไหนล่ะเนี่ย


นักแต่งลงได้สะใจจริงๆค่ะ  สนุกมากเลย o13

เป็นการเริ่มต้นตั้งแต่วัยใสๆ ซึมซับความรัก ความผูกพัน กันมาเรื่อยๆ

อ่านแล้วอินจริงๆ มาลุ้นกันต่อว่า 2 หนุ่มจะเจอและ รันทดกันอีกขนาดไหน (ยังมีมาม่าต่อใช่ป่ะค่ะ)

 :กอด1: :L2:   

ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ตอนนี้คนเขียนเปื่อยอยุ่นะครับ คงต้องงดเว้นไปสักระยะ โธ่ อุตส่าห์ตั้งใจจะเขียนเย็นนี้
ช่วงต่อจากนี้จะดราม่าค่อนข้างเยอะนะครับ แม้จะไม่มีบูมแล้ว แต่ชีวิตทิวต้องดราม่าต่อไป อิๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ดีจังมาเจอเรื่องนี้ในเล้า เศร้าจริงๆนะเรื่องนี้ ขอบอก

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
ตอนนี้คนเขียนเปื่อยอยุ่นะครับ คงต้องงดเว้นไปสักระยะ โธ่ อุตส่าห์ตั้งใจจะเขียนเย็นนี้
ช่วงต่อจากนี้จะดราม่าค่อนข้างเยอะนะครับ แม้จะไม่มีบูมแล้ว แต่ชีวิตทิวต้องดราม่าต่อไป อิๆ

:m22:พอดีเข้ามาส่อง ว่าเรื่องนี้จะมารึยังน๊าาาา ปกติเห็นคุณ Sarawatta ลงทุกวัน หรือไม่ก็วันเว้นวัน
เลยมาเห็นเม้นต์ว่านักเขียนไม่สบาย  คุณ Sarawatta พักผ่อนเยอะๆนะคะหากร่างกายไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืน ขอให้หายป่วยไวๆค่ะ
ยังไงจะรอติดตาม นิยายเรื่องนี้เสมอ....  :L2: :L2:
เพราะหลงรักทิวกับบูม และหลงรักความรักของเค้า 2 คนค่ะ
(มาม่าหลายรสก็ไม่เคยหวั่น เชื่อในฝีมือคนแต่งค่ะ จากที่อ่านเรื่องต้นสนแล้ว มั่นใจมาก..ว่าสนุกแน่ๆ)
รีบหายไวๆนะคะ  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 15 ✦ ชีวิตที่ไม่เหลือใคร



เช้าวันนี้ก็คงเป็นเหมือนกับเช้าของทุกๆ วันที่ทิวจะต้องตื่นขึ้นมา อาบน้ำแล้วก็ไปมหาวิทยาลัยเหมือนเช่นเคย ชีวิตในรั้วมหาลัยผ่านไปได้สองปีแล้ว ทุกอย่างดูราบรื่นดี

ถ้าจะถามถึงความรู้สึกของทิวว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ก็ถือว่าดีมากกว่าเดิมทีเดียว วันเวลาได้ช่วยเยียวยารักษาจิตใจจนกลับมาหายดีดังเดิมแล้ว พอได้มาเจอคนใหม่ๆ สังคมใหม่ๆ บวกกับการเรียนที่จริงจังมากขึ้น ความเจ็บปวดนั้นก็ค่อยๆ ทุเลาเจือจางไปเอง

แต่ถ้าถามว่าทิวลืมคนที่ทิวเคยรักไปหรือเปล่า บางทีทิวเองก็ยังอาจจะตอบตัวเองไม่ได้

หลายๆ ครั้งทิวก็เคยสงสัยเหมือนกันว่าเพื่อนคนนั้นจะเป็นยังไงบ้าง สองปีแล้วที่เงียบหายไปไม่มีแม้แต่ข่าวคราว บางที บูมก็อาจจะลืมไปแล้ว ความรักในวัยเด็กคงจะถือเป็นจริงเป็นจังไม่ได้ เมื่อชีวิตได้ไปเจอสิ่งใหม่ๆ เพื่อนใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ หรือแม้กระทั่ง "คนรักใหม่" ไม่นานเราก็จะลืมชีวิตเดิมๆ คนในวัยนี้ลืมกันง่ายจะตายไป ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะถ้าบูมยังนึกถึงอยู่ก็คงติดต่อหากันบ้างแล้วล่ะ

แม้ว่าจะไม่ได้เจ็บปวดทรมานกับเรื่องที่ผ่านไปเหมือนเมื่อก่อน แต่ถ้าเมื่อไรมีสิ่งที่มากระตุ้นให้นึกถึงความทรงจำเหล่านั้น ความรู้สึกคิดถึงและโหยหาก็ยังคงเกิดขึ้นกับทิวเสมอ อย่างเช่นในวันนี้ที่จู่ๆ ต้องกับอุ้ยก็โผล่มาหาทิวที่มหาวิทยาลัย สองคนนี้เรียนอยู่กันคนละที่ แต่เนื่องจากวันนี้ทั้งสองคนมีเรียนตอนบ่ายก็เลยแวะมาหาทิวช่วงเที่ยงๆ ทิวจึงชวนมากินข้าวเที่ยงด้วยกันที่โรงอาหารของคณะที่เขาเรียนอยู่เสียเลย

"มึงได้ข่าวไอ้บูมมั่งหรือเปล่า"

คำถามแรกของต้องก็ทำให้ทิวถึงกับชะงักเลยทีเดียว นานเท่าไรแล้วที่ทิวไม่ได้ยินชื่อนี้ เขาเองก็ไม่เคยได้เอ่ยเรียกชื่อนี้มานานแล้วเหมือนกัน ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนมันคือชื่อเรียกติดปากที่แทบจะไม่มีวันไหนที่จะไม่เรียก

ทิวส่ายหน้า แววตาดูเศร้าลง

"ขอโทษนะเว้ยที่ถาม แต่กูอยากรู้จริงๆ ว่าไอ้บูมมันเคยนึกถึงมึงหรือเปล่า เป็นเพื่อนรักกันขนาดนี้ มึงก็ช่วยเหลือดูแลมันตั้งเยอะ ไม่น่าเชื่อว่ามันจะลืมมึงได้" ต้องพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิในตอนท้าย

"เขาถึงได้บอกไงว่าหนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ไอ้บูมมันก็คงแค่หลอกใช้มึงเป็นเครื่องมือเท่านั้นแหละ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอยู่โรงเรียนเก่ามันถึงไม่ค่อยมีเพื่อน" อุ้ยว่าอีกคน

"เฮ้ยพวกมึง ใจคอพวกมึงจะไม่ถามอะไรเกี่ยวกับกูมั่งเลยหรือไงวะ มาถึงก็ถามถึงแต่เรื่องบูม"

ทิวพยายามเปลี่ยนเรื่อง รู้สึกไม่ค่อยดีนักที่เพื่อนสองคนคิดไม่ดีกับบูมอย่างนั้น ถึงทิวจะเจ็บปวดแค่ไหนในช่วงสองปีที่ผ่านมา แต่ทิวก็ไม่เคยคิดร้ายกับบูมเลย ไม่เคยคิดโกรธเคืองเพื่อนที่เขารักเลยแม้แต่น้อย บูมคงมีเหตุผลของบูมถึงได้ทำอย่างนั้น

ดูเหมือนต้องกับอุ้ยจะรู้สึกตัวว่ากำลังสร้างความไม่สบายใจให้กับเพื่อนอยู่จึงทำหน้าเจื่อน

"เออๆ ขอโทษเว้ย ก็มันโมโหนี่หว่า กูยังจำภาพที่มึงวิ่งตามรถของมันได้ติดตาเลย ไม่คิดว่ามันจะใจดำกับเพื่อนที่รักมันได้ถึงขนาดนี้"

แม้ว่าจะเอ่ยขอโทษไปแล้วแต่ต้องก็ยังอดไม่ได้ที่จะต่อว่าบูม แต่แล้วก็เหมือนต้องจะนึกอะไรได้

"เฮ้ย เดี๋ยวๆ มีอีกเรื่องนึงว่ะที่กูลืมบอกมึง ขอพูดเกี่ยวกับไอ้บูมอีกนิดเดียวแล้วกูจะไม่พูดถึงมันอีกถ้ามึงไม่ชอบ กูเคยคุยกับมันตอนที่มันมีปัญหากับมึงตอน ม.6 กูถามมันว่ามันทำอย่างนี้กับมึงทำไม รู้ไหมมันตอบว่าไง... มันบอกว่าปล่อยมันไปเถอะ คนขี้ขลาดอย่างมันไม่เหมาะกับมึงหรอก ปล่อยให้มึงไปเจอคนอื่นที่ดีมันดีกว่า"

"มันหมายความว่าไงวะ" อุ้ยทำสีหน้าสงสัย

ทิวนิ่งเงียบ นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ ทำไมบูมถึงได้ตำหนิตัวเองว่าเป็นขี้ขลาด แต่ก็จนปัญญาจริงๆ ที่จะคิดหาเหตุผล

"เฮ้ยพวกมึง กูขอร้องนะเว้ย ให้อภัยบูมเถอะ มันผ่านไปแล้วล่ะ ตอนนี้กูก็โอเค ไม่ได้เป็นไรแล้ว"

"แต่กว่ามึงจะโอเคได้ก็ใช้เวลาเป็นปีเลยนะเว้ย" ต้องรีบหาช่องต่อว่า

"มันผ่านไปแล้วต้อง กูก็ผ่านมาได้ อยู่รอดปลอดภัยดีแล้วเห็นไหม กูไม่เคยโกรธเคืองอะไรบูมเลยนะเว้ย กูคิดว่าบูมคงมีเหตุผลแหละ ยิ่งได้ฟังที่มึงพูดเมื่อกี้ กูก็คิดว่าบูมคงมีเหตุผลที่บูมคงบอกกูไม่ได้"

แล้วทิวก็ถอนหายใจเบาๆ สีหน้าที่ยังคงดูเศร้าทำให้ต้องอดสงสัยอีกไม่ได้

"ถามจริงๆ มึงคิดถึงมันหรือเปล่าวะ มึงอยากเจอมันหรือเปล่า"

ทิวพยักหน้าโดยที่ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา "คิดถึงสิ"

"ทำไมไม่ถามข่าวมันจากพี่บีมล่ะ พี่บีมก็อยู่" อุ้ยเสนอความคิดเห็น

"อย่าเลย" ทิวปฏิเสธเกือบจะทันที

"อย่าไปรบกวนชีวิตบูมเลยดีกว่า ที่บูมไปแล้วไม่ติดต่อมาหากูเลยก็คงจะบอกอะไรได้หลายอย่างแล้วล่ะ"

ทิวหยุดไว้แค่นั้น เพราะถ้าพูดต่อเขาก็คงอดพูดอย่างน้อยอกน้อยใจเสียไม่ได้ แต่ไหนๆ เพื่อนสองคนก็ดูจะสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ ทิวจึงกำชับอีกครั้ง

"อย่าโกรธบูมเลยนะต้อง...อุ้ย" ทิวหันไปมองหน้าทีละคน

"มันจบไปแล้ว พูดถึงไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ยังไงเราก็ต้องดำเนินชีวิตของเราต่อไป ทุกคนมีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้นแหละ บูมก็มีเหตุผลของบูม" ทิวย้ำประเด็นเหตุผลของแต่ละคนอีกครั้ง

สิ่งที่พูดไปเมื่อสักครู่นี้ก็เหมือนการพยายามปลอบใจตัวเองของทิวไปด้วย โดยเฉพาะช่วงแรกที่ทิวยังทำใจไม่ได้ เขาก็ต้องคิดอย่างนี้เพื่อไม่ให้โทษอีกฝ่ายมากเกินไป เพราะยิ่งโทษก็ยิ่งเจ็บ อีกอย่าง ทิวยังมีแม่ที่ต้องดูแล ยังต้องเรียนหนังสือเพื่ออนาคต ชีวิตยังอยู่ได้แม้ว่าจะเจ็บปวดสักแค่ไหน เวลาจะช่วยเขาได้เอง และมันก็ช่วยได้จริงๆ แต่ถึงกระนั้น ความทรงจำยังเป็นสิ่งที่เวลาไม่สามารถเอาชนะได้ ทิวยอมรับว่าช่วงนั้นเขาเจ็บหนักจริงๆ เจ็บจนไม่สามารถปิดบังแม่ได้เลย ทิวเล่าให้แม่ฟังเท่าที่พอจะเล่าได้ รวมทั้งเรื่องที่เขาเป็นเกย์ด้วย แม้แม่จะตกใจ แต่สุดท้ายแม่ก็รับได้ แม่รักทิวมาก แถมยังมีกันอยู่สองคนแค่นี้ ถ้าไม่รักและยอมรับกันชีวิตก็คงลำบาก

"เออๆ" ต้องรับปาก "แต่ถามอีกนิดเดียว ถ้ามึงบังเอิญเจอมันอีก มึงจะทำไงวะ"

"ไม่รู้"

ทิวตอบไปตามความเป็นจริง เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าถ้าหากได้เจอบูมแล้วจะรู้สึกยังไง อาจจะดีใจบ้างไม่มากก็น้อย แต่กาลเวลาที่ผ่านไปอาจทำให้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม บูมอาจไม่ใช่คนที่ทิวเคยรู้จักก็ได้ ถ้าหากเป็นอย่างนั้น การเจอบูมอีกครั้งก็คงเป็นเรื่องที่เจ็บปวดเสียมากกว่า แต่นั่นก็เป็นเพียงการคาดเดา ความจริงจะเป็นอย่างไรนั้นไม่มีใครสามารถบอกได้ จนกว่าทิวจะได้เจอกับบูมอีกครั้งนั่นแหละ แต่ทิวก็ไม่หวังแล้วล่ะว่าจะได้เจอบูมอีกครั้ง บูมอาจเป็นเพียงคนที่ผ่านมาในชีวิตแล้วผ่านไป ไม่หวนกลับมาเจอกันอีก ทิวรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

พอเพื่อนกลับไปแล้วทิวก็กลับขึ้นมาที่ห้องเรียน นั่งเรียนไปได้สักพักก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มันเป็นการรับโทรศัพท์ที่โหดร้ายที่สุดในชีวิตของทิวเมื่อคนที่โทรมาแจ้งข่าวที่ทำให้ทิวแทบสิ้นสติสัมปชัญญะ

"คุณเป็นลูกชายของคุณทิษณาใช่ไหมคะ" เสียงในสายถามอย่างร้อนรนจนทำให้ทิวอดสงสัยไม่ได้ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น

"ครับ มีอะไรเหรอครับ"

"คุณทิษณาหัวใจวายเฉียบพลัน ตอนนี้เสียชีวิตแล้วค่ะ"

"อะไรนะครับ คุณพูดว่าอะไรนะครับ" ทิวถามเสียงดังลั่นห้องเรียนโดยไม่สนใจว่าจะรบกวนใครหรือเปล่า

"คุณทิษณาหัวใจวายเสียชีวิตแล้วค่ะ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล"

"แม่!!!"

ทิวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจและช็อคสุดขีด นี่ชะตาชีวิตเล่นตลกอะไรกับทิวอีกแล้ว แล้วต่อไปนี้ทิวจะอยู่กับใคร นี่คือความจริงที่ทิวจะต้องเผชิญใช่ไหม ที่ผ่านมาชีวิตที่ขาดพ่อก็นับว่าสาหัสสากรรจ์มากแล้ว ถ้าต้องขาดแม่ที่เป็นเหมือนเสาหลักของบ้านไปทิวก็นึกไม่ออกเลยว่าจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้ยังไง

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


งานศพของแม่ผ่านไปแล้ว ชีวิตของทิวตอนนี้ไม่ต่างจากชีวิตที่ไร้วิญญาณ ก็เหมือนอย่างที่เขาเรียกกันว่า "ตายทั้งเป็น" นั่นแหละ ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนตลอดในช่วงงานศพ และจะอยู่เป็นเพื่อนทิวไปจนกว่าทิวจะทำใจได้ พอต้องเห็นสภาพเพื่อนที่เอาแต่ร้องให้และนอนซมแล้วเขาก็อดสงสารเพื่อนและเสียน้ำตาไปด้วยไม่ได้ บ่อยครั้งที่ต้องก็แอบนึกตำหนิบูมอยู่ในใจ

"มึงไปอยู่ไหนวะไอ้บูม มึงรู้ไหมว่ามีแต่มึงเท่านั้นที่จะช่วยไอ้ทิวมันได้ ทำไมมึงไม่มาหามันเลยวะ ไอ้คนขี้ขลาด"

แต่คิดไปก็เท่านั้นเพราะบูมก็อยู่ไกลจนเกินกว่าจะรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นเป็นสัญญาณว่ามีคนมาหา ต้องรีบรับอาสาลงไปดูให้เพราะสภาพของทิวตอนนี้คงพบไม่เหมาะที่จะออกไปพบเจอผู้คน

"มาหาใครครับ"

ต้องถามเพราะแขกที่มาดูไม่คุ้นหน้าเลย เป็นหญิงวัยกลางคนที่แต่งตัวดูดีพอสมควร มาพร้อมกับชายฉกรรจ์อีกสองคนสวมแว่นดำ ท่าทางดูไม่น่าไว้ใจยิ่งนัก ต้องจึงไม่กล้าเปิดประตูให้

"เธอใช่ไหมที่เป็นลูกชายคุณทิษณา" หญิงคนนั้นถามเสียงดุ

"เปล่าครับ ทิวอยู่ข้างบนครับ" ต้องรีบบอก

"งั้นไปตามเขาลงมา ฉันมีธุระสำคัญที่จะคุยกับเขา"

"คุณน้ามีธุระอะไรพอจะบอกได้ไหมครับ ผมจะได้บอกทิวให้"

"มีสิ ถ้าไม่มีฉันจะมาเหรอ ธุระสำคัญมาก เรื่องเงิน เร็วเข้า ฉันมีเวลาไม่มากนัก"

หญิงคนนั้นทำน้ำเสียงอารมณ์เสีย ต้องลังเลอยู่สักพักแต่ก็ตัดสินใจขึ้นมาตามทิว ไม่นานนักทิวก็ลงมาพร้อมกับต้องด้วยสภาพอิดโรยเหมือนคนที่ผ่านการร้องให้อย่างหนักมาหลายวันแล้ว

ทิวยกมือไหว้หญิงแปลกหน้าคนนั้นแม้จะไม่รู้จักกัน เธอรับไหว้แล้วก็ถาม

"เธอเป็นลูกชายของคุณทิษณาใช่ไหม"

"ครับ" ทิวพูดเสียงเบาหวิว แม้แต่แรงกายที่จะทรงตัวก็แทบจะไม่มี

"ฉันมาที่นี่เพื่อจะมาบอกเธอว่าคุณทิษณา แม่ของเธอที่เสียชีวิตไปน่ะ เป็นหนี้ฉันอยู่อีกสามแสนบาท ฉันก็เลยมาที่นี่เพื่อจะมาเตือนเธอว่าเธอจะต้องจ่ายหนี้แทนแม่ของเธอให้ฉันทุกเดือน เดือนละ 10,000 บาท"

"อ้าวคุณน้า มั่วหรือเปล่า มีหลักฐานอะไรมาหาว่าแม่ของทิวติดเงินน้าเยอะแยะขนาดนั้นล่ะครับ" ต้องรีบแย้งเพราะดูท่าทางหญิงคนนี้ไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไร อาจจะเป็นพวกมิจฉาชีพที่มาแอบอ้างก็ได้

"หลักฐานเหรอ เปิดประตูสิ แล้วฉันจะให้ดู เงินที่คุณทิษณากู้มาก็เอามาเป็นค่าเทอมกับค่าเล่าเรียนให้เธอไงล่ะ เธอไม่รู้เรื่องเลยเหรอ จริงๆ ฉันก็สงสารเธออยู่หรอกนะ เห็นยังเป็นนักศึกษาอยู่ แต่ธุรกิจก็คือธุรกิจ ฉันคงจะเอาเงินมาให้เธอใช้ฟรีๆ ไม่ได้"

ทิวได้ฟังแล้วก็แทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น ที่หญิงคนนั้นพูดมาก็คงจะมีส่วนจริงอยู่ไม่น้อยเพราะทิวก็สงสัยเหมือนกันว่าแม่หาเงินมาให้เขาเรียนในมหาวิทยาลัยแพงๆ แบบนี้ได้ยังไง เงินเดือนของแม่ในฐานะผู้จัดการสาขาบริษัทเครื่องสำอางขายตรงแห่งหนึ่งก็ไม่น่าจะเยอะพอที่จะให้ทิวเรียนในมหาวิทยาลัยแบบนี้ได้ เขาเคยบอกแม่ว่าจะไม่สอบเอนทรานซ์ที่นี่เพราะมันค่อนข้างแพง แต่แม่ก็ให้สอบ พอสอบได้แม่ก็ให้เข้ามาเรียนที่นี่ ทิวเข้าใจแม่ว่าอยากให้ทิวได้เรียนในที่ดีๆ ถึงจะไม่มีโอกาสได้ไปเรียนต่างประเทศเหมือนบูม แต่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็มีชื่อเสียงไม่น้อยเลยทีเดียว

พอได้เห็นหลักฐานเอกสารต่างๆ ที่แม่ไปกู้เงินนอกระบบมาแล้วทิวก็เถียงไม่ออก เขาจำลายมือกับลายเซ็นต์ของแม่ได้เป็นอย่างดี

"น้า...ผมยังเป็นนักศึกษาอยู่เลย ผมไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นให้น้าทุกเดือนหรอก น้าลดให้ผมหน่อยได้ไหมครับ" ทิวขอร้อง

"ฉันคงจะลดให้เธอไม่ได้หรอกนะ แต่เอางี้ก็แล้วกัน เธอขายรถคันนี้ของแม่เธอดูก่อนไหม แล้วเอาเงินที่ขายได้มาให้ฉันก่อน แต่เธออย่าเบี้ยวเป็นอันขาดนะ ไม่งั้นจะหาว่าฉันใจร้ายไม่ได้ ฉันให้เวลาเธอสามเดือน ขายรถคนนี้ซะ"

หญิงวัยกลางคนขู่พร้อมกับหันไปยิ้มกับชายฉกรรจ์ที่สวมแว่นตาดำสองคนที่ตามมาด้วยอย่างมีเลศนัย ก็คงไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าทิวไม่สามารถหาเงินมาคืนให้ได้

ทิวมองดูรถเก๋งของแม่ที่ก็ใช้มาหลายปีแล้วก็รู้สึกใจหาย เขาเห็นมันมาหลายปีแล้วและแม่ก็รักมันมากด้วย ถ้าขายไปก็คงได้เงินไม่เท่าไรหรอก แต่ทิวก็คงไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้ว นี่มันเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรกันหนักหนา เขาไปทำบาปทำกรรมอะไรกับใครไว้ถึงได้มาเจอความโชคร้ายไม่จบไม่สิ้นแบบนี้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ในที่สุดทิวก็ต้องประกาศขายรถคันนั้นไป ใช้เวลาเกือบๆ สามเดือนเลยทีเดียวกว่าจะขายได้เงินประมาณหนึ่งแสนบาทและใช้คืนให้กับเจ้าหนี้ก้อนแรกไปก่อน แต่แทนที่จะได้มีเวลาพักหายใจบ้าง เขาก็ถูกชายฉกรรจ์สองคนนั้นตามมาข่มขู่เพื่อให้เขาจ่ายเงินที่เหลือคืนเดือนละหนึ่งหมื่นบาทตามที่ได้ตกลงในสัญญาไว้ ไม่อย่างนั้นแล้วบ้านของเขาก็จะถูกยึด ความจริงทิวอาจจะขายบ้านเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ได้ แต่เขาก็รักบ้านหลังนี้เพราะอยู่กับแม่มาตั้งแต่เด็กๆ ถ้าไม่ลำบากจนเกินไปแล้วทิวก็อยากให้มันเป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆ

ตอนนี้ทิวแทบจะไม่มีเงินใช้แล้ว เขาจึงต้องหยุดพักการเรียนไว้ก่อน แต่ดูๆ แล้วโอกาสที่จะต้องหยุดเรียนไปเลยก็มีสูงเหมือนกันเพราะคงไม่สามารถหาเงินค่าเทอมที่แพงขนาดนั้นได้ ไหนยังจะต้องหาเงินมาใช้หนี้ที่เหลืออีก

ทิวพยายามไปสมัครงานหลายแห่งแต่ก็ไม่มีใครรับเพราะมีวุฒิเพียง ม.6 เท่านั้น แต่ก็โชคดีที่เพื่อนที่ทิวรู้จักที่มหาวิทยาลัยฝากฝังให้ทิวได้ไปร้องเพลงในร้านอาหารแห่งหนึ่ง พอได้รับเสียงตอบรับที่ค่อนข้างดี ทิวจึงพยายามไปสมัครร้านอื่นๆ ไว้ด้วย จนสามารถมีงานได้สัปดาห์ละ 4-5 ร้าน แต่ก็ต้องเดินทางจนเหนื่อยและกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ ตีสองตีสามทุกวัน โชคดีหน่อยที่ตอนหลังๆ นั้นทิวหัดเล่นกีตาร์ด้วย จึงสามารถร้องและเล่นกีตาร์แบบอะคูสติกและเล่นเดี่ยวในบางร้านได้ ทำให้ได้เงินมากขึ้นมาอีกหน่อย เงินที่หามาได้นั้นก็พอจ่ายค่าหนี้และมีเหลือพอใช้ในแต่ละเดือนไม่มากนัก เขาจึงต้องประหยัดมากทีเดียว

มีอยู่วันหนึ่ง มีกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงกลุ่มหนึ่งมาเลี้ยงฉลองวันเกิดในร้านที่ทิวกำลังเล่นอยู่ ทิวถูกขอให้เล่นเพลงวันเกิดให้กับเจ้าของวันเกิดในกลุ่มนั้นด้วย แต่เมื่อทราบชื่อเจ้าของวันเกิดแล้วก็ทำให้ทิวสะเทือนใจไม่น้อยเพราะเจ้าของวันเกิดนั้นชื่อ "บูม" เหมือนกับเพื่อนรักของเขาที่จากกันไปนานแล้ว

"ครับ พอดีวันนี้เป็นวันเกิดของน้อง...บูมนะครับ ก็อยากจะขอให้ทุกท่านในที่นี้นะครับได้ช่วยกันร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้กับน้อง...บูมพร้อมๆ กันด้วยครับ"

กว่าจะเอ่ยชื่อ "บูม" ได้แต่ละครั้งทิวก็ต้องกลั้นใจแล้วกลั้นใจอีก พอกล่าวเสร็จแล้วทิวก็ร้องเป็นต้นเสียงนำคนอื่นๆ พร้อมกับเล่นกีตาร์ไปด้วย

"Happy birthday to Boom, Happy birthday to Boom, Happy birthday, Happy birthday, Happy birthday to Boom"

สิ้นเสียงเพลงแล้วน้องที่ชื่อบูมก็เป่าเค้กวันเกิดของเขาพร้อมกับเสียงเฮๆ ของเพื่อนๆ และคนในร้าน ถ้าใครสักคนได้ทันหันมองมาเห็น ก็คงจะได้เห็นนักร้องต้นเสียงคนนี้แอบปาดน้ำตาที่รินไหลมาโดยไม่รู้ตัว สามปีแล้วสินะที่ทิวไม่เคยได้เอ่ยเรียกชื่อนี้ออกมาเลย พอได้มีโอกาสเรียกอีกครั้ง ภาพในความทรงจำต่างๆ ก็หวนคืนกลับมาเหมือนหนังที่ถูกฉายย้อนกลับไปในอดีต ตั้งแต่วันแรกที่ได้มาเจอกันจนกระทั่งวันที่จากกันไป เหลือเพียงแค่ความจริงบางอย่างที่ทิวยังไม่เคยได้บอกเลย

ทิวรู้สึกคิดถึงเพื่อนที่จากไปอย่างจับจิตจับใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน ยิ่งในยามที่เขาไม่เหลือใครเช่นนี้แล้วก็ยิ่งคิดถึง ทิวคงจะมีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่มากกว่านี้ถ้าเพียงแต่มีเพื่อนที่เขารักอยู่ข้างๆ ทิวตอบตัวเองไม่ได้เลยว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ในสภาพที่แร้นแค้นและเดียวดายเช่นนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน แต่ละวันที่ผ่านไปนั้นเขาต้องใช้พลังกายและใจมหาศาลเพื่อให้กำลังใจตัวเอง คิดยังไงก็ได้ให้ตัวเองยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยที่ไม่คิดสั้นไปเสียก่อน

พอบรรยากาศของวันเกิดของน้องๆ ผ่านไป ทิวจึงร้องเพลงๆ หนึ่งที่เขาจำและร้องมันได้เป็นอย่างดีเป็นเพลงสุดท้าย

ฉันดีใจที่มีเธอ

https://www.youtube.com/v/r7Yl3AxoEYk

"ในโลกที่มี ความวกวน
ในโลกที่ทุกคนต้องดิ้นรน
ที่สับสน ร้อนรนจนใจ นั้นแสนเหนื่อย
ในโลกที่ความทุกข์ท้อใจ
ได้เดินผ่านเข้ามาเรื่อยๆ
จนบางครั้งไม่รู้จะข้ามไปเช่นไร

แต่ยิ่งชีวิต ยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบ ยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด ในใจ

ฉันดีใจทีมีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบ อะไร
และฉันรู้และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ ตรงนี้

ในอุปสรรค ที่มากมาย
ในความหวาดหวั่น ที่วุ่นวาย
และอนาคต ในปัจจุบัน และอดีต
ในความเป็นจริงที่ต้องเจอ

แต่ยิ่งชีวิต ยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบ ยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด ในใจ

ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบ อะไร
แต่ฉันรู้ และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ ตรงนี้

แต่ยิ่งชีวิต ยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบ ยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด แน่ใจ

ฉันดีใจทีมีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะไม่เหลือใครๆ
แต่ฉันก็รู้ และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ ตรงนี้
ฉันก็รู้ และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่กับฉัน"


เมื่อเพลงจบลงเสียงปรบมือก็ดังกึกก้องไปทั่วร้าน ทิวร้องเพลงนี้ออกจากใจ ร้องออกมาจากความทรงจำที่เขาเก็บไว้ลึกที่สุด ร้องออกมาจากความรู้สึกโหยหาและคิดถึง มันจึงเป็นเพลงที่เขาร้องได้ดีที่สุดในวันนี้จนคนทั้งร้านรู้สึกได้

เสร็จงานแล้วทิวก็เดินออกไปทางด้านหลังร้าน ก่อนที่จะเดินอ้อมมาด้านหน้าเพื่อจะเรียกแท็กซี่กลับบ้าน แม้การใช้แท็กซี่จะแพงไปหน่อยแต่ทิวก็ไม่มีทางเลือกเพราะต้องหอบอุปกรณ์และเครื่องดนตรีมาด้วยทุกครั้ง

ในขณะที่ทิวกำลังเดินไปที่ถนนนั้น ก็มีเสียงใครบางคนที่เขาคุ้นหูเรียกดังมาจากข้างหลัง

"ทิว รอก่อนสิ"

ทิวหยุดและหันไปดูก็เห็นว่าเป็น...

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-08-2015 08:23:17 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
อย่าบอกว่าเป็นบูมนะ ขอให้น้องทิวสมหวังสักทีนะ สงสารน้องทิวอะ ฃีวิตจะเล่นตลกไปไหน

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
สวรรค์กลั่นแกล้งคนที่โชคร้ายเสมอ

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
หวังว่าจะฟ้าหลังฝนกะเขาบ้างนะทิว

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
:m15: :monkeysad: :sad4: :o12:

อ่านตอนนี้แล้วปวดใจสุดๆ สงสารทิว เฮ้ออออออ ชีวิต!!!  อะไรมันจะรันทดได้ขนาดนี้......
ทั้งๆที่พอจะเตรียมใจไว้แล้วว่า ยังไงเหตุการณ์สุดอึ้งต้องมี แม่ทิวจากไปก่อนที่ทิวจะเรียนจบแน่ๆ
แต่ไม่คิดว่า จะมีเรื่องหนี้นอกระบบมาด้วย    เง้อ.......เศร้าจัง................

ยังดีที่ทิวยังได้ใช้ความสามารถพิเศษในการร้องเพลงที่มีโอกาสฝึกฝนตอนมัธยมมาช่วยหาเงินดำรงชีวิต
....
....
ตอนจบนี่ ใครเรียกทิวไว้นะ
เพิ่ง 3 ปีเอง ไม่ใช่บูมหรอกมั้ง พี่บีมหรือป่าว ???

รอติดตามนะคะ ดีใจจังค่ะ ที่วันนี้ได้อ่านทิวบูมด้วย
แต่คุณ Sarawatta ยังไม่หายจากป่วยเลย หากไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนนะคะ
คนอ่านรอได้เสมอค่ะ ยังไงก็พักผ่อนเยอะๆนะคะ ขอให้หายป่วยไวๆค่ะ 
:กอด1: :กอด1: และ +เป็ดน้อย ให้กำลังใจคนแต่งค่ะ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
ขอให้เป็นบีมก็แล้วกัน


คนแบบนั้นปล่อยมันไปเถอะ  ถึงกลับมามันก็ไม่รู้ใจตัวเองอยู่ดี


ไม่มีใครช่วยอะไรตัวเราได้มากนัก นอกจากเราต้องช่วยตัวเองก่อนเสมอ

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
สงสารทิวมาก ปัญหารอบด้านจริงๆ

เต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าทิวเป็นคนที่เข้มเเข็งมาก

ตอนนี้ก็ติดอยู่ที่ว่า บูม อยู่ที่ไหน ยังไม่เลิกขี้ขลาดตาขาวอีกหรอ

ทิวเเย่เเล้วนะ

ออฟไลน์ ต่ายน้อย

  • กระต่ายน้อยลอยคอ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-3
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27719.0
อ่านรวดเลยทีเดียว
มันเศร้า โศก มาก  รอบูมมันกลับมาแบบแมน ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด