ก่อนอื่นต้องขอกล่าวต้อนรับสมาชิกใหม่....ก่อน
ยินดีต้อนรับคุณ อ้ายวี... ที่เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ด้วยนะ...
สำหรับคำแนะนำของคุณ เราคงทำไรไม่ได้แล้วหละ... เพราะเหตุการณ์มันผ่านมาแล้ว...
แหม...
คุณbroke-back ... กล่าวถึงบุคคลที่สามตลอดเลยนะ...
สรุปกันเป็นเสียงเดียวเลยนะ....
เรื่องที่เราไม่เวอร์จิ้นแล้วเนี่ย...
เราหลอกตัวเองเอาก็ได้... ว่าเรายังเวอร์จิ้นอยู่...
**************************************************
ตอนนี้เรามีเพลงมาฝากกันด้วย....
เพลงเพื่อน... ประกอบภาพยนตร์ รักสามเศร้า...
อารมณ์มันพอๆกัน และตอนที่เราพิมตอนนี้เราก็นั่งฟังเพลงอยู่เพลงเดียว... จนพิมเสร็จอ่ะ..
http://media.imeem.com/m/1ZNPGJCqxCอ่านเรื่องเราไป.... ฟังเพลงคลอๆไปด้วยนะ.... (ถอว่าเป็นคำสั่ง..... ล้อเล่น... อิอิ)
********************************************
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้น
มันเป็นเหตุการณที่ทำให้ความรู้สึกที่เรามีต่อภีมมันก้าวขึ้นมาอีกขั้นนึง ( แม้ว่าจะยังไม่เสร็จก็เหอะ..)
เราไม่รู้ว่าเหตุการณ์วันนั้นสำหรับภีมมันเกิดขึ้นมาจากอะไร
มันมาจากความใคร่......
จากความรัก...
หรือการต้องการพิสูจน์ความสับสนของตัวเอง....
แต่สำหรับเราทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันมาจากความรัก....
และก็ดูเหมือนว่ามันจะมากขึ้น เมื่อความสัมพันธ์ของเราก้าวขึ้นมาอีกครั้ง
แม้ว่าเราเองก็สับสนว่าเรากะภีมเป็นแฟนกัน... หรือว่าเป็นแค่เพื่อนกัน...
แต่เราก็ไม่ได้มานั่งคิดหรือนั่งหาคำตอบ
เราได้แต่รอ.... รอ... และก็รอ....
วันที่ภีมจะรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร...
ถ้ามันรู้ว่ามันเป็นอะไร.....
เราก็จะรู้ว่าเรากับมันเป็นอะไรกัน...
และแน่นอนว่าเมื่อวันนั้นมาถึง....
จะต้องมีใครสักคนที่ต้องเสียใจ....
---------------- #### เรื่อง “ รักของเราสามคน ” (ฉบับเข้มข้น) ๑๖ #### ----------------
วาเลนไทน์ 2548....
ช่วงสองอาทิตย์แรกของเดือนกุมภาพันธ์เป็นช่วงที่ละครเวทีประจำปีของภาควิชาเราพอดี...
และรอบสุดท้ายก็จะแสดงในวันวาเลนไทน์พอดี
อย่างที่เราเคยเล่าให้ฟังไว้ว่าละครเวลาในปีนั้นเราเคสบทไม่ผ่านก็เลยไปลงชื่อทำงานฝ่ายฉาก
“ เฮ้ย... ปอ วันนี้เมิงมาที่หอศิลป์ด้วยนะ.... ” พริกโทรมาบอกเรา พริกมันเคสบทผ่านเลยได้แสดงด้วย
“ ทำไมอ่ะ.... มีไรป่าว? ปกติกูก็ไปทุกวันอยู่แล้ว ” เราพูด
“ วันนี้มันรอบสุดท้ายแล้วไง พี่เค้าเลยจะให้แต่ละฝ่ายมากันให้เยอะๆ จะได้ออกมาโชว์ตัวตอนฟินาเล่ ” พริกพูด
“ เออ... ได้ๆ ” เราพูดเสียงอ่อยๆ
“ งั้นเมิงช่วยโทรบอกในฝ่ายเมิงด้วยนะ... ” พริกพูด
พอวางสายจากพริกไปเราก็ได้เซ็งๆ
เพราะตอนแรกเราตั้งใจว่าจะไม่ไปที่หอศิลป์วันนี้ เพราะเห็นภีมมันบอกว่ามะปรางจองบัตรละครวันนี้ไว้ด้วย
คงจะมาดูด้วยกัน เราก็เลยไม่อยากไปเห็นภาพบาดตาบาดใจ
แต่สุดท้ายก็ต้องไปจนได้....
ภีมมันเล่าให้เราฟังว่าจริงๆมันก็ไม่ได้อยากมาดูกับมะปรางวันนี้เลย
เพราะมันดูไปแล้วรอบนึง... ดูกะพวกเพื่อนมัน โดยมีเราเป็นคนจัดการเรื่องบัตรละครให้
แต่เห็นมันบอกว่ามะปรางอยากมาดูแล้วก็จองบัตรไว้แล้วด้วยมันก็เลยต้องมา
ส่วนใครๆที่คิดถึงฮัท...
เสียใจด้วยเพราะว่ามันมาดูไม่ได้ เพราะว่าติดสอบ
ดูท่ามันอยากมาดูมากๆ เพราะละครเป็นแนวคอมมาดี้ด้วย แต่ก็นะ... ติดสอบเลยไม่ได้มา
แต่เรากะมันก็ยังคุยกันเรื่อยๆ แต่ไม่บ่อยเท่าไหร่
เดือนละครั้งสองครั้ง....
“ เมิงเป็นไรว้ะ... ทำหน้าซังๆ ” พิมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพูดขึ้น
“ กูว่าวันนี้จะไม่ไปหอศิลป์ไง เพราะภีมกับมะปรางมันจะไปดูละครด้วยกัน ” เราพูดด้วยหน้าเซ็งๆ
“ อ้าว... แล้วมีไรอ่ะ เมิงถึงต้องไป ” พิมพูดพร้อมกับตักข้าวเข้าปาก
“ ก็พริกมันโทรมาบอกว่า วันนี้แต่ละฝ่ายต้องออกมาโชว์ตัวตอนฟิน่าเล่ด้วย... ” เราพูด
“ เออว่ะ... ก็มันรอบสุดท้ายนี่หว่า ” พิมพูด
“ ก็ใช่อ่ะดิ.... ” เราพูดเซ็งๆ ข้าวที่อยู่ตรงหน้านี่กินไม่ลงแระ
เรานั่งบ่นกับพิมไปสักพักภีมก็โทรเข้ามา
“ เออ... ว่าไงแก ” เราพูด
“ แกอยู่ไหนเนี่ย? ” ภีมพูด
“ กินข้าวอยู่.......................... ” เราพูด
“ งั้นเดี๋ยวเค้าเอารถไปให้นะ.. ” ภีมพูด เพราะมันยืมรถเราไปใช้
“ เออ... มาดิ ” เราพูด
หลังจากวางสายไปได้สักพัก... ภีมก็เดินมาหาเราที่นั่งกินข้าวอยู่กับพิม
“ มาเร็วว่ะ.. ” เราพูด
“ อืม... ” ภีมพูด
“ กินข้าวด้วยกันก่อนป่าว? ” พิมพูดทักทายภีมกับบอยที่เดินมาด้วยกัน
“ ไม่ดีกว่า... ยังไม่หิวเลย ” ภีมรีบตอบในทันที.... เรารู้.. มันคงจะไปกินกับมะปรางอ่ะดิ
“ แต่กูหิวอ่ะ... ” บอยพูดแทรกขึ้นมา
“ เดี๋ยวค่อยกินเมิง... กูรีบ ” ภีมพูด
“ เออๆ... ” บอยพูดแบบเซ็งนิดๆ
“ ตัวเองว่าไง ” ภีมรับโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา ฟังดูก็รู้ว่าใครเป็นคนโทรมาหามัน
เราก็ได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆ ส่วนพิมกับบอยก็หันมามองหน้าเรา มันรู้แหละว่าเราคงกำลังแย่
จริงๆเราก็น่าจะชินได้สักที... แต่ให้ทำไงได้...
มันยังไม่ชินหนิ ทั้งที่พยายามแล้ว...
บางทีเราก็คิดนะ... ว่าเรายังจะยืนอยู่ในจุดนี้ไปอีกทำไม....
ภีมบอกว่ามันสับสนตัวเอง....
แต่สภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็คบกับมะปราง ทำทุกอย่างกับมะปรางในฐานะของคำว่าแฟนที่พึ่งกระทำให้กัน
แต่กับเรา... บางที่ก็เหมือนว่ามันแสดงตัวเหมือนว่าเราเป็นแฟนมัน
แต่บางทีเราก็เหมือนเพื่อนธรรมดาคนนึงของมัน
สภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็เหมือนมันเลือกแล้วกลายๆว่ามันเป็นอะไร
แต่มันก็ได้แต่แยบๆกับเราว่า ทุกอย่างที่มีนทำกับมะปรางในฐานะของคำว่าแฟน
บางทีมันก็ทำเพราะหน้าที่.....
แล้วตกลงมันรู้สึกยังไงกันแน่
ตอนนั้นเรากำลังยืนอยู่ข้างๆคนที่ใจโลเลคนนึง ที่ยังไม่รู้ตัวเอง... ไม่ตัดสินใจว่าตัวเองจะเอายังไงกันแน่
และจะเลือกใคร......
หลายครั้งที่เราตัดสินใจเดินออกมาจากตรงนั้น...
แต่แล้วก็ต้องกลับไปยืนอยู่จุดเดิม..... กลืนไม่เข้าคายไม่ออก...
เพราะความใจอ่อนของเราเอง..... และเป็นความเห็นแก่ตัวของภีมที่รั้งเราไว้
เพราะมันยังตัดสินใจอะไรไม่ได้.......
มันถึงเลือกที่จะเก็บไว้ทั้งสองคน เพื่อรอวันที่มันแน่ใจในตัวเอง......
แต่เราก็ยอม... เพราะว่าเรารักมัน......
มันเป็นเหตุผลโง่ๆ ของคนที่รักจนตาบอด
ความรักที่ใช้เพียงความรู้สึก โดยมองข้ามเหตุผลที่อยู่ตรงหน้า...
จริงๆเราอาจจะไม่ได้มองข้ามเหตุผล
แต่ความรักมันบังตาเราจนตาบอด..... ทำให้มองไม่เห็นเหตุผลอยู่ตรงหน้าต่างหาก.....
เราลืมไปว่า....ระยะเวลาที่เรารอคอย.....
มันยิ่งเป็นการผูกมัดความรู้สึกตัวเองที่มีต่อภีมในแน่นหนามากยิ่งขึ้น
ถ้าระหว่างเราเป็นได้แค่เพื่อนกัน.....
เราจะจัดการความรู้สึกนี้อย่างไร ???
เราคิดอะไรไปเรื่อยโดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง....
“ แก............... แก............. ใจลอยไปไหนเนี่ย?? ” ภีมเรียกเราอยู่หลายรอบ
“ เออ... มีไร ” เราพูดด้วยหน้าตื่นๆ
“ ใจลอยไปถึงไหนเนี่ย..... ” ภีมพูดด้วยหน้าเปื้อนยิ้ม
“ ป่าวๆ.... คิดไรนิดหน่อย ” เราพูดแบบขอไปที
“ แบบมือมา... ” ภีมพูด
“ อะไรอ่ะ... ” เราถามหน้างงๆ
“ เหอะน่า..... แบบมือมา ” ภีมพูดแล้วก็ยิ้ม
เราก็เลยแบมือ พร้อมกับพูดว่า
“ กุญแจรถเหรอ? ”
“ ไม่รู้ดูเอาเอง ” ภีมพูดด้วยหน้าเจ้าเล่ห์ แล้วก็อำมือไว้ก่อนที่จะวางสิ่งนั้นลงบนมือเรา
ทันทีที่สิ่งนั้นสัมผัสบนมือ เรารู้สึกได้ว่ามันเป็นอะไรสักอย่างที่นิ่มๆ
พอภีมเอามือออกไป เราก็เลยแบมือออกดูว่าภีมให้อะไรเรา
“ ให้เค้าเหรอ? ” เราพูดหน้างงๆ เพราะสิ่งที่มันให้เราคือดอกแคร์สีขาวขุ่น หนึ่งดอก
“ อืม... ” ภีมพูดด้วยท่าทางเขินๆ
“ หมายความว่าไง? ” เราถามทั้งที่รู้ความหมาย เพียงแต่อยากได้ยินจากปากก็เท่านั้น
“ ดอกแคร์ไง... แกจะได้รู้ว่าเค้าแคร์แก ” ภีมพูดด้วยท่าทางอายๆที่เราไม่ได้เห็นบ่อยนัก
“ อืม... ” เราตอบมันเบาๆ ด้วยความอาย ตอนนั้นรู้สึกว่าใจมันพองโตจนแทบจะทะลักออกมาจากอก
“ ไหนว่ารีบไง..... อ้อยอิ่งเชียวนะไอ้ภีม ” บอยพูดด้วยท่าทางกวนๆ
“ เออๆ... ไป ” ภีมพูดทั้งที่ยังดูอายๆอยู่
“ หวานกันไม่อายคนอื่นเลยนะ.....” พิมพูดด้วยหน้ากรุ้มกริ่ม ก็จริงของมัน เพราะว่าเรากะพิมออกมากินข้าวกันมันเป็นเหมือนตลาดอ่ะ แต่มีแต่ร้านข้าวเต็มไปหมด และแน่นอนว่าคนเยอะมากๆ
“ แก.. งั้นเค้าไปก่อนนะ...” ภีมพูด
“ เดินไปพร้อมกันก็ได้ กินเสร็จพอดี ” พิมพูด
พิมก็เลยเดินไปจ่ายตังค์แล้วก็เดินออกมาด้วยกันทั้งสี่คน
“ รถเค้าจอดตรงไหนอ่ะ? ” เราหันไปถามภีมทันทีที่เดินออกมาตรงถนน
“ โน่นไง... ” ภีมพูดแล้วชี้นิ้วไปทางที่รถเราจอดอยู่
“ อ่อ.... ” เราพูด
“ เค้าเอารถไปถ่ายน้ำมันเครื่องให้แล้วนะ ” ภีมพูด
“ อืม..... แก... วาเลนไทน์ทั้งทีเค้ายังไม่มีไรให้แกเลยว่ะ ” เราพูด
“ ไม่เป็นไร.. ” ภีมพูด
“ แกยังมีไรให้เค้าเลย... แต่เค้าไม่มี ” เราพูด
“ เออน่า..... ที่แกให้อยู่ทุกวันนี้ก็พอแล้ว.... ซื้อของอะไรมาให้มันก็เท่านั้น.... มันเทียบกับของที่มาจากใจไม่ได้หรอก ” ภีมพูดด้วยหน้าตาจริงจัง
“ เดี๋ยวนี้เมิงนี่น้ำเน่าขึ้นเยอะเลยว่ะ.... ปอ.. ทำไงมันเป็นขนาดนี้เนี่ย? ” บอยพูดด้วยท่าทางกวนๆ
“ อะไร... กูก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ” ภีมพูดแบบขอไปที
“ งั้นเดี๋ยวเค้าไปหา................... ” เรากำลังจะพูด แต่ก็พูดไม่จบประโยค เพราะแฟนตัวจริงเค้าขี่รถมาจอดตรงหน้าพอดี
“ อ้าว... ทำไมมานี่ล่ะ ” ภีมหันมามองหน้าเราก่อนที่จะถามมะปราง
“ พอดีเค้ามาหาเพื่อนแถวนี้ กำลังจะขี่ไปรับภีมที่หอ แต่เห็นอยู่นี่.... ” มะปรางพูดโดยที่ไม่ได้มองหน้าเราเลย
“ อ๋อ... งั้นไปกันเลยแล้วกัน ” ภีมพูดแล้วก็เดินไปที่รถแล้วเขยิบไปนั่งที่คนขี่
“ ไปก่อนนะบอย.... ปอ... ” มะปรางหันมาพูดกับสามคนเราที่ยืนอยู่ด้วยท่าทางเป็นมิตร
จากนั้นภีมก็ขี่รถออกไปกับมะปรางโดยที่ไม่ได้หันมามองเราเลย
หัวใจที่พองโตเมื่อครั้งแรกตอนนั้นเหมือนโดนใครเอาเข็มมาทิ่มอย่างแรง
จนหัวใจมันห่อเหี่ยวไร้เรื่อยแรงอีกครั้ง....
ภาพที่เห็นตรงหน้า.... ภีมกับมะปราง...............
เราเห็นมานับครั้งไม่ถ้วน... แต่ก็น้ำตาซึมทุกครั้งที่ได้เห็น.....
ครั้งนี้.......... ก็เช่นกัน
บอยกับพิมก็ได้แต่มองหน้าเราด้วยสายตาเป็นห่วง
เราก้มมองดอกแคร์ที่อยู่ในมือ... ก็ยิ่งจะทำให้น้ำตาไหล
ตกลงแกคิดอะไรอยู่กันแน่...............
แกยังเลือกไม่ได้...............
หรือแกเลือกแล้ว......... และเพียงแค่สงสารคนที่ไม่ได้ถูกเลือก.......................
“ เมิงยังไม่ชินกับภาพแบบนี้อีกเหรอ? ” พิมพูด
“ มันชินกันได้ด้วยเหรอว้ะ...... ” เราพูด
“ ถ้าปอเข้มแข็ง... ปอก็จะทำได้ ” บอยพูด
“ เวลาที่เมิงโดนมีดบาดครั้งแรกเมิงเจ็บมั้ย ? ” เราพูด
“ เจ็บดิ.... ถามไรแปลกๆ ” พิมพูด
“ แล้วตอนที่เมิงโดนมีดบาดครั้งที่สองเมิงเจ็บป่ะ ? ” เราถามอีก
“ ก็ต้องเจ็บดิ... มีดบาดนะเว้ย ” พิมพูดแบบติดตลก
“ แล้วถ้าเมิงโดนบาดอีกครั้งที่3 4 5 .... เมิงจะเจ็บป่ะ ? ” เราถามอีก
“ เจ็บ ” พิมพูด
“ ทีนี้เมิงเข้าใจรึยัง.... ว่าทำไมกูไม่ชิน ” เราพูดแล้วก็เดินไปที่รถ........
หรือว่าเราจะเป็นได้มากที่สุดแค่.... เพื่อนกัน
ลงแค่นี้ก่อน......
เพิ่งพิมเสร็จเอง.....
ที่เหลือเดี๋ยวนั่งพิมต่อให้.....
ถ้าเสร็จก็ลงให้อ่านกันเลย.......
#######################################################