Re: ## เรื่อง " รักของเราสามคน " ## ทักทาย 18 เมษายน 2558
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Re: ## เรื่อง " รักของเราสามคน " ## ทักทาย 18 เมษายน 2558  (อ่าน 286578 ครั้ง)

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ












เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของเราเองนะ 

เราไหนอ่ะเหรอ.............  เราชื่อ กร 

เพิ่งเข้าเป็นสมาชิกใหม่ในเล้านี้เอง..........

มีอะไรก็แนะนำกันด้วยน๊า................................ 


*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2015 00:42:39 โดย OsTrich »

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
## เรื่อง "เรื่องของเค้ากะแก" ##  เพิ่งลงวันนี้ตอนแรก (๑) 

ก่อนอื่นต้องบอกว่า ชอบอ่านเรื่องรักๆของชายกับชายมาก รู้สึกว่าสนุกดี แล้วก็มีเนื้อหาที่สนุกไม่น่าเบื่อดี

เราอ่านทั้งเรื่องที่เป็นเรื่องแต่งและเรื่องจริง แต่ส่วนใหญ่จะชอบอ่านเรื่องจริงมากกว่า มีอยู่ 2 เรื่องที่ชอบมาก  ก็คือ  พี่ตี๋กะน้องเก่ง (เรื่องนี้ดีโครตๆ...)  ส่วนอีกเรื่องที่ชอบมากๆจนทำให้อยากจะเล่าเรื่องตัวเองบ้างก็คือ  เรื่องของ พี่คิมกะพี่โมอ่ะ   เรื่องนี้ดีสุดยอดไปเลย  (หวังว่าถ้ามีโอกาสพี่คงได้อ่านเรื่องของเค้าบ้างนะ.....)

จะขอบอกก่อนว่า เรื่องที่เราจะเล่านี้ เป็นเรื่องความรักของชายกับชาย

ปอรอ... ก่อนอ่าน    ถ้าไม่ชอบความรักแบบที่เราเล่าก็ข้ามไปนะ

 
***********************************************************************

เริ่มเล่าเรื่องตัวเองเลยดีกว่า .....


เรื่องนี้คงต้องเริ่มตั้งแต่ที่เรายังเรียนอยู่ม.ต้น
   
ตอนนั้นจำได้เลาๆว่า หลังจากที่จบจากชั้นประถมแล้ว ก็ต้องหาที่เรียนใหม่ก็ดูอยู่ว่าจะเรียนที่ไหนดี แล้วพ่อซึ่งไม่เคยบังคับให้ทำไรเลยก็พูดขึ้นมาว่า  “ เราต้องเรียนต่อที่โรงเรียน ..........  นะ   ”

เราก็ถามพ่ออย่างรวดเร็วว่า “ทำไมอ่ะ.... ไม่อยากเรียนโรงเรียนนั้นอ่า...”

เหตุผลจริงๆที่ไม่อยากเรียนรร.นั้นก็เพราะว่า  มันเป็นโรงเรียนชายล้วนแม้ว่าม.ปลายจะเป็นสหก็เหอะ   แถมยังเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดอีกด้วย แล้วเป็นโรงเรียนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงด้วย (เยินยอรร.ตัวเองเข้าไป..)

แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อยากเรียนอยู่ดี ติดเพื่อนด้วย...   แต่แล้วท้ายที่สุดก็หนีคำบัญชาของพ่อไม่พ้น ต้องเรียนที่นั่นจนได้

อ่ะ..........พอเปิดเรียนมาก็น่าเบื่อมากๆ แม้ห้องที่ได้จะเป็นห้องคิงที่น่าจะมีแต่เด็กเรียน แต่ผิดคาด.... แต่ละคนเฮ้วๆกันทั้งน้าน!!!!!!     ประมาณว่ากวนตีน เรียนๆเล่นๆเฮี้ยๆหน่อย   แต่หัวดี ถึงเพื่อนส่วนใหญ่ในห้องจะเป็นอย่างที่บอก   แต่เราก็ไม่ได้ตามเพื่อนอ่ะนะ   เราหนะออกจาเรียบร้อย แต่ก็คบกับพวกมันได้ เพราะมันก็นิสัยดี...


ถ้าพูดถึงตอนนั้นนะ......... เราก็รู้แล้วนะว่าตัวเองชอบผู้ชาย แล้วก็ได้มีการปิ๊งปั๊งเกิดขึ้น  เริ่มเลยดีกว่า


พอดีว่าวันนั้นเป็นช่วงสอบกลางภาคเรียน   ตอนนั้นอยู่ม.1   หลังจากที่สอบเสร็จอาจารย์ที่สอนคณิตก็มาบอกให้เราไปช่วยตรวจข้อสอบหน่อย    พอสอบเสร็จเราก็ไป  แล้วก็นั่งตรวจข้อสอบไปเรื่อยๆ.....

ไม่รู้คนอื่นเป็นรึป่าว????????    เวลาช่วงสอบพอสอบเสร็จก็มักจะไปหาอาจารย์ที่ห้องตรวจข้อสอบเพื่อดูคะแนน (ก็มันตื่นเต้น....อยากจะรู้คะแนนตัวเอง )   

ตอนที่นั่งตรวจข้อสอบอยู่ในห้องพักอาจารย์ ก็มีเด็กนักเรียน 2 คนเดินเข้ามาในห้อง เราก็ไม่ได้สนใจ..... เพราะกำลังใช้สมาธิอยู่กะการตรวจข้อสอบ  หลังจากที่  2  คนนั้นทักทายอาจารย์เรียบร้อย ก็ได้ยินมันพูดขึ้นว่า...........

“จารคับ .. ของห้องผมตรวจเสร็จยังคับ”   อาจารย์แกก็พยักเพยิดหน้ามาทางเรา  ไอ้สองคนนั้นมันถึงเดินมาที่ที่เรานั่งตรวจข้อสอบอยู่  แล้วมันก็ถามว่า...........
 

“โทษนะ ตรวจของห้อง 9 ยังอ่ะ” (มันสองคนอยู่ห้อง 9 )    เราก็เลยบอกว่ากำลังตรวจอยู่ ไอ้ 2 คนนั้นมันก็เลยขอดู    (ขอบอกชื่อก่อน... จะได้ไม่งง ... โง่ซะตั้งนาน  2  คนที่มา ชื่อภีม ส่วนอีกคนชื่อไรจำไม่ได้ เอาว่าสมมติว่าชื่อ ทิมแล้วกัน ส่วนตัวเราชื่อปอ )  ชื่อเป็นนามสมมตินะ

อ่า..ต่อๆ   หลังจากที่ภีมกะทิมดูคะแนนกันเสร็จก็ออกไป   แต่เราพอเห็นภีมแล้วก็รู้สึกใจเต้นตุบตับเลย (เวอร์ม่ะ.... แต่มันเป็นงั้นจริงๆน่ะ)

ตอนนั้นที่ภีมกำลังดูคะแนนอยู่    เราตรวจข้อสอบไม่รู้เรื่องเลย..... แอบมองภีมตลอดจนภีมออกไปจากห้องพักครู

**************************************************************************

พอวันรุ่งขึ้น.................  เรามาเรียนแต่ก็ไม่เช้าหรอกน่ะ..........   เพราะพ่อเรามาทำงานค่อนข้างสายก็แปดโมงแล้วแหละ..........  เรา เลยต้องรีบวิ่งมาที่ห้องให้ทัน เพราะวันนั้นเป็นวันที่ต้องเข้าแถวหน้าห้องตัวเอง   แล้วห้องเรามันดันอยู่ตรงกลางๆของชั้นก็เลยต้องรีบ   ไม่งั้นต้องเดินฝ่าห้องคนอื่น (มันอาย ก็เลยรีบ)

พอขึ้นมาถึงชั้นของตัวเองก็เป็นไปอย่างที่ไม่อยากให้เป็น   เพราะว่าห้องอื่นๆเค้ามายืนที่หน้าห้องตัวเองกันหมดแล้ว สายตาของเราก็ไปพบกะไอ้คนที่ทำให้ใจเต้นตูมตามตั้งกะตอนเมื่อวาน (น่าน..เวอร์อีกแล้ว)

 เรานี่ทำตัวไม่ถูกเลย....   พอภีมมันหันมามอง มันคงงงที่มีคนมายืนทำหน้าเอ๋อ ......   มองมันอยู่ (ในใจนึกว่าทำไมมันน่ารักงี้วะ........... สงสัยจะเจอเนื้อคู่แล้ว.... รู้สึกอยากแต่งงานขึ้นมาเลย เว่อร์และ ช่วยด้วยเหอะตอนนั้นอยู่แค่ม. 1  นึกถึงสิ่งที่ตัวเองคิดแล้วปัญหาอ่อน....   นี่เราคิดแบบนั้นเลยเหอ???) เราก็ตกใจเลย..... ทำตาเลิ่กลัก..... แล้วก็รีบวิ่งเข้าห้องตัวเองอย่างเร่งด่วน   
   

หลังจากวันนั้นมาเรากะภีมก็ไม่มีไรต่อกัน............ พูดง่ายๆก็คือ เราแอบชอบเค้าฝ่ายเดียวนั่นแหละ ก็เจอกันทุกวันในโรงเรียน..... เดินสวนกันในโรงอาหาร.. ห้องน้ำ..   เจอกันบ้างที่ห้องสมุด... หรือที่อื่นๆในโรงเรียน...   แต่ก็ไม่ได้คุยกันซักที่ คือเราเป็นคนที่เวลาชอบใครแล้วจะไม่กล้าพูดด้วยเลย.. ไม่กล้าสบตาด้วย    (กลัวเค้ารู้อ่ะ)      แล้วก็มีเจอกันตอนเย็นด้วย เพราะว่าพอเราเลิกเรียนก็จะไปนั่งทำการบ้านที่โรงอาหารกะเพื่อนๆ เพราะว่าพ่อจะมารับกลับบ้านช้า  (ก็ประมาณ 5โมง โรงเรียนเลิก3โมงครึ่ง) แล้วทุกๆวันประมาณ 4 โมงภีมก็จะเดินมาล้างหน้าที่โรงอาหารทุกวัน  ก็เป็นแบบนี้อยู่ทุกวัน

 มีอยู่วันนึง....... วันนั้นเราทำการบ้านเสร็จตอนที่ภีมเดินเข้ามาล้างหน้าในโรงอาหารพอดี   เห็นภีมกำลังล้างหน้าล้างตาเซ็ทผมให้หล่อของมันแหละ....... เพราะมันกำลังจะเดินไปขึ้นรถประจำที่หน้าโรงเรียน มันก็เลยล้างหน้าล้างตาทำหล่อของมันอยู่ (สงสัยกลัวไม่หล่อ..... เพราะหน้าโรงเรียนเป็นโรงเรียนหญิงล้วน เค้าก็ช่างสร้างโรงเรียนให้อยู่ตรงข้ามกัน จงใจให้เด็กมันมีแฟนชัดๆ)

เออ..พร่ามซะยาวเลย...... ต่อๆนะ.....  เราก็เลยรีบเก็บของใส่กระเป๋า พอภีมเดินออกจากโรงอาหารไป เราก็เดินตามไปเงียบๆ (เหมือนพวกโรคจิตเลยอ่ะ  แต่ตอนนั้นอยากรู้ว่าบ้านภีมอยู่ไหน?????) เราก็เดินตามไปเงียบๆ แล้วก็เห็นภีมเดินไปขึ้นรถประจำที่อยู่ข้างโรงเรียน  มาสืบทราบรู้ทีหลังว่า รถคันนั้นรับส่งเด็กที่บ้านอยู่แถวไหน ก็เลยรู้ว่าบ้านภีมไม่ได้อยู่อำเภอเมือง 

หลังจากวันนั้นมาก็อย่างที่เล่าไป  ก็คือหลังจากนั้นจนจบม.ต้น เรากะภีมก็ยังไม่ได้คุยกันไม่ได้ทำความรู้จักกันเลย..... แต่เราไม่ได้แอบตามภีมแล้วนะ.... ก็มีมองๆเวลาเดินสวนกัน หรือบางทีที่เดินผ่านห้องภีม ก็แอบชอบเค้าข้างเดียวไปเรื่อยๆ...........

แค่นี้ก่อนนะ......... ถือว่าเป็นการปูเรื่องไว้ก่อน...... ว่ามันเป็นประมาณนี้

แต่ตอนหน้าจะได้ทำความรู้จักกันแล้ว เมื่อขึ้นม.ปลาย 

อย่าลืมติดตามกันบ้างนะ..........................


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2015 00:59:20 โดย OsTrich »

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
## เรื่อง "เรื่องของเค้ากะแก" ##  มาต่อกันดีกว่า (๒) 

##########################################
 
ขึ้นม.ปลายแล้ว  (วันเปิดเรียน) ..................................

วันเปิดเรียนวันแรกอาจจะเป็นวันที่ใครๆรอคอยกับการได้เริ่มอะไรใหม่ๆ   และเราก็ด้วยเช่นกัน (เรื่องดีๆมันกำลังจะเกิดขึ้น)   

จำได้ว่าวันนั้นเราตื่นแต่เช้าเลยเพราะว่าก่อนที่จะการเปิดเรียนนั้นก็ต้องมีการปฐมนิเทศก่อน   แล้วเราก็ได้รู้ว่าภีมมันอยู่ห้องเดียวกะเราด้วยตลอดทั้งวันที่รับน้อง   เราแอบมองภีมมันตลอดเลยพอมันหันมาเราก็ทำเป็นหันหน้าไปทางอื่น....   ในใจก็ได้นึกแต่ว่าทำไมมันถึงได้น่ารักขนาดนี้ว้ะ.... (เวอร์อีก..)

นั่นแหละเป็นเหตุผลที่ทำให้เราตื่นนอนได้ตั้งแต่เช้าตรู่ (ปกติตื่นสายนะ ประมาณ 7 โมงโน่นแหละ) แต่วันเปิดเรียนทั้งทีเราตื่นตั้งแต่ 6 โมง รีบอาบน้ำอาบท่ากินข้าวแล้วก็รีบขับรถมาเรียนเลย (ตอนขึ้นม.ปลายพ่อซื้อรถให้แล้ว)

พอมาถึงโรงเรียน    อ้อ....ลืมบอกว่าโรงเรียนที่เราเรียนตอนม.ปลาย   ก็คือโรงเรียนเก่าที่เรียนตอนม.ต้นนั่นแหละ  คนเยอะมากมายเลยซึ่งน่าเบื่อมากๆแต่ไอ้ที่น่าเบื่อกว่าก็คือหาห้องโฮมรูมไม่เจอ   ต้องไปแออัดยัดเยียดดูห้องโฮมรูมที่เค้าปิดป้ายบอกอยู่อีก ซึ่งแน่นอนว่า คนมุงกันเยอะมากมาย...... เราก็ไปยืนชะเง้อชะแง้อยู่แหละ....แล้วตอนนั้นเองก็มีคนเรียกชื่อเราซะดังลั่นเลย  รีบหันกลับไปมองอย่างเร็วกะวีนซะเพราะมันทำให้คนแถวนั้นหันมามองเรากันใหญ่เลย..........

“อ้าว........ มาได้ไงอ่ะ” พอเราหันไปเห็นคนที่เรียกเราก็ถึงกะงง

“ทำไมต้องตกใจด้วยล่ะ....  เค้าม่ายช่ายผีนะ”
   
   คือว่าคนที่เรียกเรามันชื่อบุ๋ม  เป็นเพื่อนตั้งแต่เราอายุ 3 ขวบ เนื่องจากว่าบ้านอยู่ใกล้กัน..... พ่อแม่เป็นเพื่อนกัน.....  พ่อกะแม่เคยพูดให้ฟังว่าจะให้เราแต่งงานกัน..... เพราะเคยคุยกะพ่อแม่ของบุ๋มไว้ตั้งแต่ตอนที่ท้อง  แต่เราก็ไม่ได้สนใจหรอกนะส่วนพ่อแม่เราก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้อีก.....  แกคงไม่ได้จริงจังหรอกคงพูดขำๆ เราว่างั้นนะ ......

“บุ๋มเรียนที่นี่เหรอ..”    ที่เราถามเพราะว่า บุ๋มเรียนประถมมากับเราแล้วก็สนิทกันมาก มาห่างกันตอนขึ้นม.ต้น   เพราะบุ๋มเรียนโรงเรียนหญิงล้วนที่อยู่ตรงข้ามกะโรงเรียนเราแหละ....   โรงเรียนนั้นก็โอเคนะมีชื่อพอๆกะโรงเรียนเรา
“อืม.... เราอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง.....  เรียนที่เดิมน่าเบื่อ”

“แล้วทำไมเค้าไม่เห็นแกมาปฐมนิเทศเลยอ่ะ”

“พอดีเราป่วย...  เลยไม่ได้มา ”

หลังจากที่ทำความเข้าใจกันพักนึงก็รู้ว่าบุ๋มกะเราอยู่ห้องเดียวกัน   เราก็เลยขึ้นห้องเรียนกันยิ่งใกล้ถึงห้องเราก็ยิ่งตื่นเต้นเพราะจะได้เจอหน้าไอ้คนที่ทำให้เรารีบตื่นนอนตั้งแต่เช้า  พอเข้ามาในห้องก็จัดแจงหาที่นั่งสักพักก็มีเสียงเรียก

“เฮ้ย..... ปอ.. ปอ..  ทางนี้”   เราก็มองไปทางต้นเสียง  ไอ้คนที่มันเรียกเราก็คือ โอ๊ต มันเป็นเพื่อนเราตั้งแต่สมัยเรียนม.ต้นอยู่ห้องเดียวกัน  จริงๆที่มันกะเราได้อยู่ห้องเดียวกันก็คงไม่แปลกหรอก.....   เพราะว่ามันกะเราอ่ะเกรดเฉลี่ยสะสมเท่ากันเลย  แถมตอนเลือกห้องมันก็ดันเลือกตามเราหมดเลยก็เลยต้องมาอยู่ห้องเดียวกัน

“มีไรเหอ...เรียกกูทำไม”   ก็ตอบไปอายๆ  เพราะว่าไอ้โอ๊ตมันนั่งคู่กะภีม....   งงอยู่เหมือนกันว่ามันนั่งด้วยกันได้ไง ????

“ปอ.. เมิงมานี่หน่อยดิ” พอเดินไปหามันก็ทำหน้าไม่ค่อยถูก...   ก็ก้มหน้าตลอดเลยไม่กล้าเงยหน้ามา  ก็อย่างที่บอกภีมมันนั่งอยู่ด้วยเลยทำตัวไม่ถูกส่วนไอ้โอ๊ตมันก็ถามเรื่องตารางเรียนไปเรื่อย.......  เราก็ตอบไอ้ที่มันถามพอเสร็จธุระของมันเรากำลังจะเดินกลับที่นั่ง   ไอ้โอ๊ตมันก็แนะนำเรากะภีมให้รู้จักกันจริงๆก็ไม่ใช่แค่ภีมหรอกมันก็แนะนำคนอื่นด้วย   ก็เลยเกิดการทำความรู้จักกันใหญ่โต...........

ช่วงแรกๆของการเปิดเรียนก็ไม่มีไรมากเราก็แอบชอบภีมอยู่เหมือนเดิมผ่านไปได้ซักเดือนนึงตอนนี้ทุกคนก็สนิทกันแล้ว.....  เริ่มมีการแบ่งกันเป็นกลุ่มๆแต่ทุกคนก็เป็นเพื่อนกันคุยกันได้ทั้งห้อง

กลุ่มของเราก็ถือว่าเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างใหญ่  มีกันประมาณ 12 คน  มีชาย  8  คน  หญิง  4 คน   อันนี้นี่แยกเพศตามเพศดั้งเดิมที่พ่อแม่ให้มา

แน่นอนว่าภีมก็อยู่กลุ่มเราด้วย ..... หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเราถึงไม่ทำอะไรเลยจะแอบชอบเค้าอยู่ฝ่ายเดียวทำมไม ????    จริงๆแล้วเราก็คิดอยู่น่ะแต่ด้วยความไม่กล้าก็เลยเฉยๆไว้ก่อน......   แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ทำไรเลยนะ....  เรามันเป็นพวกประเภทน้ำนิ่งไหลลึก

ในช่วงเดือนแรกก็พยายามหาวิธีร้อยแปดพันอย่างไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี .....   ในช่วงที่คิดอยู่นั้นก็ทำตัวเนียนๆกะเพื่อนคนอื่นไปก่อน   ตอนนั้นนะคิดในใจว่าอย่าเพิ่งกะโตกกะตากเดี๋ยวไก่ตื่น (ร้ายเหมือนกันนะเนี่ย ..... เราอ่ะ)

พอหนึ่งเดือนผ่านไปกลุ่มเราก็ค่อนข้างสนิทกันมากเจอกันทุกวัน  เรียนพิเศษด้วยกันว่างๆก็นัดไปดูหนังหาอะไรกินกันตลอดก็เลยสนิทกัน  (คงสมควรแก่เวลาเสียที....)  จะเริ่มจีบภีมซะทีแล้วนะ .............................





## ช่วงนี้ว่างๆอยู่  ก็จะรีบๆเล่าน่ะ....  ##








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2015 01:15:17 โดย OsTrich »

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
## เรื่อง  “เรื่องของเค้ากะแก”  ๓ ##

มาต่อกันเลย ........

 
ได้ฤกษ์เสียที  กับปฏิบัติการรัก กระชากใจนายภีม (ลิเกเชียว)


หลังจากที่กลุ่มของเราไปดูหนังกันเสร็จ (จำไม่ได้แล้วว่าเรื่องไร) กะลังจะแยกย้ายกันกลับบ้าน   เราก็เดินไปที่ไอ้โอ๊ตแล้วถามมันว่า

“เฮ้ย !โอ๊ต.....  เมิงมีเบอร์บ้านภีมป่ะ” มันก็เลยถามมาว่า

“ไมอ่ะ....เมิงมีธุระไรกะมันเหรอ”   ในใจก็นึกนะว่าเมิงจะมาเซ้าซี้กูทำมไม  มันเรื่องของกู  เราก็เลยทำเนียนๆว่า

“ไม่มีไรหรอก.....  ก็แค่อยากจะขอเบอร์เพื่อนในกลุ่มไว้อ่ะ   เผื่อมีไรจะได้โทรหา”

ไอ้โอ๊ตมันก็เลยให้เบอร์ภีมกะเรามา   จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน  ตอนที่ขับรถกลับเราก็นึกในใจว่าจะโทรไปหาภีมแล้วจะคุยอะไรกะภีมดี  ก็คิดไปเรื่อยๆ   พอขับรถถึงบ้านก็มานั่งนึกต่อ ขนาดแค่นึกเรื่องที่จะคุยกะมันยังตื่นเต้นเลยแล้วตอนที่คุยกะมันจะตื่นเต้นขนาดไหนเนี่ย???

พอนึกเรื่องที่จะคุยได้ก็เอากระดาษมาจดไว้   ไปๆมาๆก็เลยจดใส่กระดาษตั้งแต่เริ่มเลยว่าจาพูดไรต่อแล้วจะคุยเรื่องไรบ้าง (เวอร์ม่ะ...  แต่กลัวลืมก็มันตื่นเต้นนิ)  ถ้าพูดถึงตอนนั้นเรากะภีมก็สนิทกันพอสมควรแล้วนะ (ก็อยู่กลุ่มเดียวกันมาตั้งเดือนนึงแล้วนี่)

หลังกินข้าวกินปลาเสร็จ ประมาณ 2 ทุ่ม ตอนนั้นคนในบ้านส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครใช้โทรศัพท์เวลานี้  เราก็เริ่มเลย  ตื่นเต้นมากเลย....  แต่แล้วก็โทรไปหาภีมจนได้

“ฮัลโหลคับ......ขอสายใครคับ”  เสียงภีมมันรับโทรสับ (โห..เสียงโครตหล่ออะ)

“ใช่ภีมป่าว..... นี่เราปอเอง” พยามยามบังคับเสียงให้เป็นปกติที่สุด  เพราะตอนนั้นใจเราเต้นตูมตามแล้ว

“ปอเองเหรอ.....โทรมาหาเค้ามีไรรึเปล่า” เอ่อ ๆ ๆ.........  กระดาษที่จดไว้อยู่ไหนว๊า........พูดไรต่อดี

“ไม่มีไรหรอก.......เค้าแค่โทรมาคุยกะแกเฉยๆ....     พอดีอยู่บ้านเบื่อๆ...โทรไปหาคนอื่นก็ไม่มีใครว่างเลย   เค้าก็เลยโทรมาหาแกเนี่ยแหละ...........” โอ้โห  ... เราโกหกเก่งขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย???

หลังจากนั้นนะเราก็คุยกะภีมไปเรื่อยๆ...  ตอนแรกนึกว่าเราจะต้องเป็นคนชวนคุยซะอีกแต่ที่ไหนได้ภีมมันคุยเก่งมากเลยชวนคุยโน่นนี่ไปเรื่อย...   คุยได้พักนึงเราก็เริ่มไม่ค่อยประหม่าแล้วแต่ก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี   หลังจากคุยไปได้ประมาณชั่วโมงนึง (จำไม่ได้แล้วว่าคุยเรื่องไรบ้าง มันเยอะมากๆ)  ภีมมันก็บอกเราว่า...

“ปอ....เราหิวข้าวมากเลยอ่ะ   เรายังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย”  น่าสงสารจัง (โครตนางเอกเลย)

“เฮ้ย..จริงดิ     งั้นเค้าขอโทษนะ   โทรมากวนแกตั้งนาน”  เป็นคนดีจริงๆ

“ไม่เป็นไรหรอก .... ไม่ได้รบกาวนเค้าซะหน่อย....  คุยกะปอสนุกดีออก”  โอ้ย....ทำไมน่ารักงี้นะ

“งั้นแค่นี้ก่อนแล้วกันนะภีม....แกจะได้ไปกินข้าว  ”

“ไม่เป็นไรหรอก ....ปอรอเค้าแป๊ปนึงนะ”  แล้วเราก็ถือสายรอภีมแป๊ปนึง  ประมาณ 10 นาที ได้อ่ะ

“ฮัลโหล......  ยังอยู่ป่าว”

“ยังอยู่......ไปไหนมาเหรอภีม”

“ไปตักข้าวมาอ่ะ... ”   งง  ๆ    +  เกรงใจมัน

“จริงๆ  วางก่อนก็ได้นะ...กินไปคุยไปมันลำบาก”  ถึงจะอยากคุยต่อแต่ก็เกรงใจภีมอ่ะนะ

“ไม่เป็นไรหรอก...ไม่เห็นลำบากเลย...กำลังคุยหนุกๆ”

หลังจากนั้นเรากะภีมก็คุยกันต่อ...... ภีมก็คุยไปกินไป

หลังจากที่คุยกะภีมนานมากๆแล้ว  ประมาณ 3-4 ชั่วโมงได้  ก็สมควรแก่เวลาแล้ว  เพราะเราเริ่มง่วงแล้ว

“ภีม.....แค่นี้ก่อนนะ   เราง่วงแล้ว....”

“อืม.....เค้าก็เริ่มง่วงแล้วเหมือนกัน”

“งั้นแค่นี้นะ......ฝันดีนะ.....ภีม”

“ปอก็ฝันดีเหมือนกันนะ........  ว่างๆก็โทรมาอีกนะ   คุยกะปอหนุกดีอ่ะ”  โอ้ย........ใจเต้นตูมตามเลย...พอได้ยินภีมพูดแบบนี้............. น่ารักจริงๆ  รู้งี้โทรหาตั้งนานละ..........

“อืม.......พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนนะ  ภีม”

“เออ.....บาย”

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าภีมมันจาน่ารักแบบนี้  ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีทีเดียว  ใจจริงตั้งใจไว้ว่าจะบอกภีมว่าเราแอบชอบภีมมาตั้งนานแล้วแต่ก็ไม่กล้า   แล้วอีกอย่างก็มัวแต่คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้อยู่อ่ะ   ก็เลยไม่ได้บอกกะว่าคุยไปเรื่อยๆแบบนี้ก่อนดีกว่า  พอวันไหนประจวบเหมาะแล้วค่อยบอก

คืนนั้นเรานี่นอนฝันหวานเลย...........ก็ได้คุยกะคนที่แอบชอบมาตั้ง 3 ปี เป็นใครก็ต้องรู้สึกดีแบบเราแหละ อีกอย่างภีมก็คุยดี๊ดี  ตอนแรกนึกว่าจะคุยกันได้แค่แป๊ปเดียวแต่ที่ไหนได้ผิดคาดเลย...     แถมยังบอกว่าให้เราโทรมาอีก  โอ๊ย................ดีใจอะ     รีบๆนอนดีกว่า  พรุ่งนี้จะได้ตื่นไปเจอภีมที่โรงเรียน



พอตอนเช้าไปโรงเรียน  เราโครตตื่นเต้นเลย  กลัวภีมสงสัยเหมือนกันนะกลัวมันรู้ว่าเราแอบชอบมันอยู่   แต่ก็ช่างเหอะคิดให้ตัวเองสบายใจว่ามันไม่สงสัยหรอก  พอถึงห้องเรียนก็มองหาภีมก่อนเลย   อ่า.....มันก็มองเราอยู่พอดี  เราก็เลยยิ้มให้มันส่วนภีมก็ยิ้มให้เราเหมือนกัน  (เป็นยิ้มที่น่ารักจริงๆๆๆๆ  หลงเข้าไป..)

“เฮ้ย!.....ปอ  ทามไมเมื่อวานกูโทรหาเมิงไม่ติดเลยวะ”  เสียงไอ้โอ๊ต....ทำมเอาเราหลุดออกจากภวังค์เลย  (กวนจริงๆไอ้นี่.................คนกำลังเพ้อๆ)

“เมิงโทรมาตอนไหน..........  สงสัยพี่กูใช้โทรศัพท์อยู่”  ก็แหลไป
สักพักเพื่อนๆในกลุ่มก็ชวนกันไปหาไรกินที่โรงอาหาร (พอขึ้นม.ปลายแล้วเราก็ไม่ค่อยกินเช้ามาจากบ้าน กินเป็นบางวัน   วันไหนไม่กินมาก็มากินที่โรงเรียน)  เราก็เลยไปด้วย  ไปกันประมาณ7-8 คน  ไอ้โอ๊ตกะภีมก็ไปด้วย  พอนั่งกินข้าวกันได้พักนึง ภีมมันก็ถามเราว่า

“ปอ.......กินน้ำไรอะ   พอดีเรากำลังจะไปซื้อน้ำ”

“โห........ที่กูไม่เห็นถามเลยวะไอ้ภีม” อันนี้เสียงไอ้โอ๊ต  กวนตีนจริงๆมัน

“เอ๊า........ก็ทุกทีเมิงก็แย่งน้ำกูกินอยู่แล้ว...จะถามเมิงทำเฮียไรล่ะ”  ดีมากๆ..ภีม

“เค้าเอาน้ำลิ้นจี่แล้วกัน”  เราบ้ากินน้ำลิ้นจี่ทุกวันเลย  ตอนเรียนม.ปลาย  ไม่รู้เป็นไร  พอกินก็กินอยู่งั้นทุกวัน

พอกินข้าวกันเสร็จก็รีบเดินไปเข้าแถว  วันนี้ต้องเข้าแถวที่หน้าเสาธงเพราะเป็นวันจันทร์    ในขณะที่เดินอยู่ไอ้โอ๊ตมันก็พูดขึ้นว่า

“เฮ้ย...ภีม    เมื่อวานกูโทรหาเมิงสายไม่ว่างเลยวะ    คุยกะสาวที่ไหนอยู่วะ”  นั่น..เสือกอีกเมิงไอ้โอ๊ต

“ป่าวหนิ.....สาวที่ไหนล่ะ    กูไม่มีแฟน    ว่าแต่เมิงมีไรโทรหากู”   ต้องขอบใจโอ๊ตจริงๆ  ความเสือกของมันก็ประโยชน์แฮะ  นี่แหละสิ่งที่เราอยากรู้  แต่ไม่กล้าถามภีม....  กลัวมันสงสัย

“กูจะชวนเมิงไปดูรองเท้า.......วันเนี๊ยะ  พอดีกูมีแข่งบอลวันเสาร์นี้”  คือโอ๊ตมันเป็นนักฟุตบอลโรงเรียน

“อ่อเหรอ....ไปดิ”

หลังจากนั้นก็ไปเข้าแถวกัน 

จากวันที่เราโทรไปหาภีมครั้งแรก....   หลังจากวันนั้นถ้าว่างเราก็จะโทรไปหาภีมเรื่อยๆ
จริงๆก็เกือบทุกวันแหละ...  ก็คุยกันนานเหมือนเดิมแล้วก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นๆ   ค่อยๆสร้างสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ
ถึงจะคุยกันบ่อยแต่เราก็ยังไม่ได้บอกชอบภีมหรอกนะ  เอาไว้ก่อนดีกว่า   ดูท่าทีมันก่อน   ถ้าบอกไปแล้วมันไม่โอเคเดียวจะเสียเพื่อน  เสียความรู้สึกดีไป....    กลัวไม่ได้คุยกะภีมอีกด้วย  เพราะตอนนั้นเราชอบภีมมันมากๆ

อาจมีคนสงสัยว่าอยู่โรงเรียนก็เจอกันอยู่กลุ่มเดียวกัน  แล้วจะมีเรื่องไรให้คุยกันนักหนา   จริงๆแล้ว ถึงเรากะภีมจะอยู่กลุ่มเดียวกันสนิทกันก็เหอะ  แต่เวลาอยู่โรงเรียนก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ไม่รู้ทำไม ...  แต่เราอ่ะเขินมัน  แต่ก็ไม่มากหรอกเพราะสนิทกันแล้ว  ส่วนภีมก็ไม่รู้ว่าทำมไมไม่ค่อยคุยกะเราเวลาอยู่โรงเรียน    แต่ก็เพราะว่ากลุ่มเรากลุ่มใหญ่ด้วยแหละ  เวลาคุยกันก็แซวกันไปมา คุยโน่นนี่  ไม่ค่อยมีใครได้คุยกันส่วนตัวหรอก  นอกจากจะนั่งใกล้กัน     

กลุ่มของเรา.....ตอนนั่งเรียนมันแบ่งเป็นสองส่วน คือ เป็นช่วงหน้าห้องและหลังห้อง   เรานั่งกะพวกเพื่อนผู้หญิงที่อยู่หน้าห้อง (นั่งหลังมันเรียนไม่รู้เรื่อง..)  ส่วนพวกผู้ชายที่เหลือซึ่งรวมถึงภีมด้วยมันนั่งหลังห้องกัน  แก๊งพวกผู้ชายก็เลยจะสนิทกันมากหน่อย


######################################################################

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะ   ............ถ้ามีไรก็ชี้แนะด้วยแล้วกัน   ^ _ ^  );
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2015 01:29:10 โดย OsTrich »

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
##  เรื่อง “เรื่องของเค้ากะแก” ๔  ##

 ต่อกันอีกตอนดีกว่า...................... 

เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันไหว้ครู  เย็นวันนี้ก็เลยต้องช่วยกันทำพานไหว้ครูกัน

หลังจากเลิกเรียนเพื่อนๆในห้องจึงนัดแนะกันไปทำพาน  ซึ่งก็ตกลงกันว่าไปทำพานที่บ้านของนิด (นิดเป็นเพื่อนผู้หญิงที่อยู่ในกลุ่มของเราแหละ) ที่ไปทำพานที่บ้านนิดกันเพราะว่าบ้านนิดอยู่ในตลาดก็เลยง่ายที่จะนัดเจอเพื่อนๆแล้วอีกอย่างจะหาซื้อของก็ง่าย

เพื่อนๆทั้งหลายก็ช่วยกันนั่งคิดแบบที่จะทำพานไหว้ครูกัน  ซึ่งอยากได้พานแบบแปลกๆที่ไม่ใช่แบบเอาดอกไม้มาปักๆกัน  แต่นั่งคิดกันพักใหญ่ก็คิดไม่ออก  สักพักไอ้โอ๊ตก็เลยพูดขึ้นว่า

“ปอ........ปอจัดสวนถาดเป็นไม่ใช่เหอ”  เราก็ตอบไปว่าเออๆ  แล้วก็งงอ่ะว่ามันถามทำไมก็มันก็รู้อยู่แล้วนี่หว่า

“เฮ้ย............พวกเมิงกูนึกได้แล้ว    เรามาทำพานแบบจัดเป็นสวนถาดดีก่า.......ปอจัดสวนถาดโครตสวยเลย” คือตอนม.ต้น  เค้ามีให้จัดสวนถาดด้วย  เราก็ชอบแล้วก็จัดได้สวยเข้าตาอาจารย์  แกก็เลยส่งเราไปประกวดจัดสวนถาดด้วยแหละ   ได้รางวัลกะเค้าด้วยนะ 

ตกลงก็จะจัดพานแบบจัดสวนถาดกัน  เพราะเพื่อนๆก็สนใจเพราะว่ามันแปลกดี  แถมพอไหว้ครูเสร็จก็ยังเลี้ยงเอาไว้ได้  ไม่ต้องเอาไปทิ้งด้วย  อาจารย์แกจะได้เอาเก็บไว้ดูได้

หลังจากนั้นเรากะโอ๊ตก็ไปซื้อต้นไม้กัน  จริงๆแล้วไอ้โอ๊ตมันก็จัดสวดถาดเก่งเหมือนกันนะแต่มันถนัดจัดแบบสวนแห้ง   ใช้ต้นไม้พวกกระบองเพชร  แล้วก็ก้อนหิน  ทรายไรพวกนั้น  แต่เราถนัดจัดสวนถาดแบบชื้น  คือใช้ต้นไม้ธรรมดา  ตอนที่ไปแข่งไอ้โอ๊ตก็ไปด้วยนะ  มันแข่งจัดสวนแบบแห้ง  แต่ที่เราจะทำพานให้อาจารย์กันนั้น  เป็นสวนแบบชื้น  (พล่ามซะยาวเลย)  เข้าเรื่องกันต่อดีก่ะ

เรากะโอ๊ตก็ไปเลือกต้นไม้กันอยู่พักนึง   ส่วนเพื่อนคนอื่นๆก็ไปเตรียมของอย่างอื่นที่ต้องใช้  และจะไปรอกันที่บ้านนิด

พอเรากะโอ๊ตไปถึงที่บ้านนิดหลังจากซื้อต้นไม้เสร็จ   ก็เห็นเพื่อนๆอยู่กันเต็มไปหมดนอกจากจะเป็นพวกกลุ่มเพื่อนของเราแล้วก็เป็นเพื่อนคนอื่นๆในห้อง  มารอกันที่บ้านนิดอยู่แล้ว  ก็ประมาณ 20 คนเห็นจะได้

พอภีมมันเห็นเรากะโอ๊ตมาถึง   มันก็รีบวิ่งมาช่วยเราถือของ เราก็เลยถามภีมว่า

“อ้าว........ภีมอยู่ช่วยจัดพานด้วยเหรอ”  คือที่ถาม  เพราะว่าบ้านภีมมันไม่ได้อยู่ในอ.เมือง  ถ้าดึกกลัวภีมจะไม่มีรถกลับ

“ไมอ่ะ..........ไม่อยากให้เค้าอยู่ช่วยเหรอ” เป็นงั้นไป  ไอ้เราอุตส่าเป็นห่วง

“ม่ายช่ายอย่างง้าน............เค้ากลัวว่าแกจะไม่มีรถกลับบ้านอะดิ” 

“เป็นห่วงเค้าอะเด๊.......” อ้าวไมพูดงี้.....  พูดงี้เราก็อายอะดิ   ทำหน้าไม่ถูกเลยหน้าร้อนผ่าวๆๆ      (- _ -)๐  ภีมมันก็เลยพูดต่อว่า     “คืนนี้เค้าค้างที่บ้านไอ้ยู......เค้าเตรียมเสื้อผ้ามาด้วยกะไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”

อืม...........รอบคอบจริงๆ   แฟนในอนาคตของเรา (คิดเข้าตัวเองเกินไปและ  ตอนนั้น.....ยังไม่กล้าบอกชอบเค้าเลย)

หลังจากนั้นก็ช่วยกันทำพานโดยมีเราเป็นคนลงมือ   ส่วนคนอื่นๆก็ช่วยเป็นลูกมือให้  ภีมก็ช่วยเราอยู่ข้างนี่แหละ  เราก็หันไปมองมันเป็นพักๆ  บางทีก็สบตากันยิ้มให้กันไป.... (น่ารักอ่ะ  อายอ่ะ) สักพักก็มีเสียงมารผจญ

“เฮ้ย............ไอ้ภีม  เมิงไปซื้อหนมเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ    หนมจะหมดแล้ว”  โอ๊ย....ไอ้โอ๊ตเมิงอ่ะ  ไม่ชวนคนอื่นวะ

“เออ............ไปดิ   ปอ....อยากกินหนมไรป่ะ  เค้าจะได้ซื้อมาให้”  น่ารักอีกแล้วภีม   แค่นี้ก็ชอบแกจะตายอยู่แล้ว  อย่าดีกะเรานักเลย (คิดในใจ)

“เอาไรก็ได้.........เค้ากินได้หมดแหละ”

หลังจากที่ไอ้โอ๊ตกะภีมกลับมา  ภีมก็มาช่วยเราจัดสวนต่อ แล้วมันก็ช่วยป้อนหนมให้เราด้วย...   ก็มือเรามันเลอะดินหมดแล้วอ่ะ  เพื่อนคนอื่นก็อยู่ช่วยด้วยนะ  ก็ช่วยกันดูว่าสวยรึยัง...
ส่วนคนอื่นที่ไม่ได้ทำไรก็นั่งกินหนมนั่งคุยกันไป (แล้วพวกเมิงจะมากันทำไมเนี่ย???)

สักพักไอ้โอ๊ตก็พูดขึ้นอีก  “ เฮ้ยภีม.........เมิงไม่ต้องไปช่วยปอมันหรอก   เวลามันจัดสวน..  มันไม่ชอบให้ใครไปยุ่งกะมัน ”  เสือกอีกแล้วเมิง    คนนี้กูยกเว้นให้  ม่ายเป็นไร

“ปอรำคาญเค้าป่ะเนี่ย........”  ภีมมันถามหน้าตาเกรงใจเรา

“ป่าวๆ..........ไม่ได้รำคาญเลย    ดีออกมีคนช่วย”

สักพักไอ้โอ๊ตมันเลยมาดึงภีมไปนั่งกะมัน...   เสล่อจริงๆมันเนี่ย ...   ส่วนเราก็จัดสวนถาดต่อไปแต่ ก็ยังหันไปมองภีมเป็นพักๆ  มันก็นั่งกินหนมอยู่กะเพื่อนๆ 

พอจัดสวนเสร็จ เพื่อนๆเห็นก็ชมกันใหญ่เลยว่าจัดสวยดี  แล้วก็พูดกันว่าไม่อยากจะเชื่อว่าเราจะจัดสวนได้สวยขนาดนี้(อ้าว.............ม่ายพูดงี้อ่ะ) แต่ก็ไม่ได้ไรหรอกนะ  รู้ว่าพวกมันพูดเล่น

พวกเพื่อนๆก็ช่วยกันเก็บของ..  ส่วนเราก็นั่งล้างมืออยู่  เพราะว่าดินมันเข้าไปค้างในเล็บเต็มเลย... ภีมก็เดินมาตรงนั้นพอดี  เพราะมันเอาฟอกกี้มาใส่น้ำ  เพื่อจะเอาไปฉีดสวนถาดที่จัด...  ภีมมันก็พูดขึ้นว่า

“ปอจัดสวนสวยดีเนอะ........เก่งจัง”  เราก็ยิ้มให้มัน....   นึกในใจว่าเราเก่งแบบนี้  แล้วแกจะชอบเราได้มั้ยอ่ะ????  ก็ได้แต่คิด

“แล้วปอกลับบ้านไงเนี่ย...........ไม่ได้เอารถมานิ”  เป็นห่วงเราด้วย....   

“คงนั่งรถกลับอ่ะ”

“อย่าเลย........เดี๋ยวเราบอกให้ไอ้ยูขับรถไปส่งดีกว่า   จะได้ไปส่งเพื่อนๆคนอื่นด้วย”

“เออ..ก็ดีเหมือนกัน”

สรุปไอ้ยูก็เป็นสารถีขับรถไปส่งเพื่อนๆกลับบ้านกัน คือก็ค่อยๆส่งทีละคนซึ่งก็เหลือเราเป็นคนสุดท้าย  พอไอ้ยูขับรถมาถึงหน้าบ้านเรา เราก็ขอบคุณมันที่อุตส่าขับรถมาส่ง  ส่วนภีมก็พูดขึ้นว่า

“นี่บ้านปอเหรอ......น่าอยู่จัง”  อยากอยู่ก็มาอยู่สิ (แอบคิดในใจ)  คือว่าบ้านเราเป็นบ้านสวนก็เลยค่อนข้างร่มรื่นมีคลองไหลอยู่ข้างหลังบ้านด้วย...  น้ำใสมากๆมันก็เลยน่าอยู่...

“ว่างๆก็มาเที่ยวดิ   ยินดีต้อนรับเสมอ”

“โอเค..........ได้เลย  ว่างๆเค้าจะได้มาเที่ยว”
 
“งั้นเค้าไปก่อนนะ.......ขับรถดีๆอ่ะยู  กลับกันดีนะ”  พูดไปก็ยิ้มหวานให้ภีมมันด้วย....  มันก็ยิ้มๆให้เราเหมือนกัน

พอรถไอ้ยูขับออกไปจากหน้าบ้านเราเราก็เข้าบ้านด้วยอารมณ์ดีสุดๆ.........

##############################################################################


ตอนนี้ก็เริ่มมีไรมากขึ้นแล้วแหละ





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2015 01:38:35 โดย OsTrich »

gateau

  • บุคคลทั่วไป
ชี้แนะไม่เป็น              :m23:

แต่เป็นกำลังใจให้

รอตอนต่อไปนะ...

    :a2:

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
## เรื่อง  “เรื่องของเค้ากะแก”  ๕  ##


มาลงให้อีกตอนแล้วนะ

เริ่มกันเลย.................................................



*********************************************************************



พานที่เราช่วยกันทำกะเพื่อนวันนั้น...........  ได้รางวัลด้วย ขอบอก ....


“นี่ปอ..................มัวแต่คุยกะเพื่อนอยู่ได้   ไปกินข้าวกินปลาได้แล้วไป”  นี่เป็นเสียงของพ่อที่บ่นเรา    ตอนที่เรากะลังคุยโทรศัพท์กะเพื่อนอยู่   กำลังคุยกันหนุกๆเลยแต่ก็ต้องวางก่อนเพราะเดี๋ยวจะโดนบ่นไปกันใหญ่โต

“  เออ........ต๊ะแค่นี้ก่อนนะ       พ่อเค้าว่าแล้วอ่ะ.........แล้วค่อยคุยกันใหม่นะ     บาย.......” แล้วเราก็วางสายไป  คือต๊ะเนี่ยเป็นเพื่อนในกลุ่มเรานั่นแหละ   รู้จักกันตั้งแต่ม.ต้นแล้ว   เคยไปแข่งทักษะทางวิทยาศาสตร์ด้วยกัน  ก็เลยค่อนข้างสนิทกัน  ทุกวันนี้ก็ยังโทรคุยกันนัดเจอกันอยู่

พอวางสายไปก็ไปกินข้าวเดี๋ยวโดนบ่น  วันนี้ก็อยู่ติดบ้านเพราะว่าต๊ะโทรมาบอกว่าที่เรียนพิเศษยกคลาสวันนี้ก็เลยไม่มีโปรแกรมไปไหน

กินข้าวเสร็จได้พักนึงกะว่าจะลงไปนอนเล่นหน้าบ้านซะหน่อย  กินอิ่ม เริ่มง่วงอีกแล้วกำลังเคลิ้มๆจะหลับแล้วก็มีคนมาเรียก เราโมโหมากมายคนกำลังจะพักผ่อนหย่อนใจ

“เฮ้ย.............ปอ  หลับอยู่ป่ะเนี่ย” ไอ้คนที่เป็นมารความสุขก็คือ เอก  เอกนี่เป็นเพื่อนเราเล่นเราตั้งแต่เด็ก เป็นลูกพี่ลูกน้องเรา  เอกอ่อนกว่าเราปีนึงไปเรียนก็ไปด้วยกันเพราะเอกก็เรียนที่เดียวกะเรา  เอกนี่ถือว่าเป็นเพื่อนรู้ใจเราเลย คุยกะมันได้ทุกเรื่อง (ก็เป็นแบบเดียวกัน)

“ยางๆ...................แกมีไรอ่ะ” ก็ถามแบบง่วงๆ

“แก..............สอยมะม่วงกินกันเหอะ   ข้าอยากกิน” พอเอกมันพูดมาก็อยากกินเหมือนกัน  คือว่าหน้าบ้านเรา  มันมีต้นมะม่วงอยู่ต้นนึง  ต้นใหญ่มากเราเห็นมาตั้งแต่เกิดแล้ว   ไม่รู้พันธุ์อะไร โครตเปรี้ยวเลยจิ้มกับกะปิ  บอกได้คำเดียวว่าสุดยอด..........................  ทั้งเปรี้ยวทั้งหอมทั้งกรอบ.........ลูกเล็กๆ  อร่อยมาก

เรากะเอกก็เลยนั่งกินมะม่วงกันอย่างเอร็ดอร่อย (เล่าไปก็กลืนน้ำลายไปด้วย......มันสุดยอดจริงๆ)

“พี่ปอ..........โทรศัพท์”  เสียงตะโกนของน้องสาวเราเอง

“เออๆ...........ไปเดี๋ยวนี้แหละ” ก็รีบวิ่งไปรับ (ใครว่ะ.....  โทรมากวนอีกแล้ว  คนกำลังกินมะม่วงอร่อยๆ)

“ฮัลโหล............ครายอ่ะ” อารมณ์เสียนิดนึง       เพราะตอนวิ่งมารับ    พ่อก็มองประมาณว่าคุยโทรศัพท์อีกแล้วเหอ     เราก็มองพ่อกลับไปประมาณว่า   เราม่ายรู้น๊า.............ใครไม่รู้โทรมาเอง

“ปอเหรอ......... นี่เค้าเองนะ” ถึงกะตื่นเต้นกันเลยทีเดียวเพราะคนที่โทรมา...มันภีมนี่หว่า.............ดีใจมาก  เพราะเป็นครั้งแรกที่ภีมเป็นคนเริ่มต้นโทรมาหาเราก่อน

“เออๆ...........ว่าไงมีไรป่าว”  โอ๊ย.......ตื่นเต้นๆ

“ไมอ่ะ.............เค้าไม่มีไรโทรหาปอไม่ได้เหรอ”  เป็นงั้นไป.......... ไม่รู้อะไรบ้างเลย.............ว่าคนมันตื่นเต้นจนจะพูดไม่ออกแล้วเนี่ย

“ป่าวๆ...........ม่ายช่ายอย่างง้าน............เค้าแค่แปลกใจอ่ะที่แกโทรมา” ปฏิเสธจนลิ้นพันกันเลยทีเดียว

“เค้าก็ไม่มีไรหรอก..........แค่จะโทรมาบอกว่า........วันนี้ไม่เรียนพิเศษ” น่ารักจริงๆ  นึกถึงเราด้วย

“เค้ารู้แล้วแหละ.............ต๊ะมันโทรมาบอกแล้ว”

“เหรอ..........แล้วงี้วันนี้จาออกไปไหนป่ะเนี่ย”

“คงม่ายหรอก............คงอยู่ติดบ้านอ่ะ”

“เหรอ.................งั้นแค่นี้นะ    บาย.......”


หลังจากคุยกะภีมเสร็จเราก็เดินยิ้มแป้นลงไปหาเอก     กะจะนั่งกินมะม่วงกันต่อ  พอเอกมันเห็นมันก็แซวใหญ่เลยเราก็ยิ่งอายไปกันใหญ่   ก็เลยเล่าให้เอกฟังที่เรื่องที่ภีมโทรมา  คือเอกมันก็รู้แหละว่าเราชอบภีมมาตั้งนานแล้ว เวลามีไรเราก็เล่าให้เอกฟังตลอด

พอกินมะม่วงเสร็จก็เหมือนฝนตั้งเค้าจะตก    เอกมันก็เลยกลับบ้านก่อนเพราะต้องกลับไปเก็บผ้า 

เราก็เลยเข้าบ้านได้สักพักเดียว ฝนก็ตกฟ้าก็ร้องจะดูทีวีก็ไม่ได้เดี๋ยวฟ้าลง เราก็เลยเอาซาวเบ้าท์มาฟัง  ก็นอนฝังอยู่ในห้องแหละฝนตกอากาศกำลังเย็นสบายได้นอนฟังเพลงเพราะๆบนเตียงนุ่มๆ  ช่างเป็นบรรยากาศที่ควรค่าแก่การนอนหลับมากที่สุด  กำลังเคลิ้มๆจะหลับตาค่อยๆปิดลง.............................................

“พี่ปอ..............มีคนมาหา” เสียงแรกที่ทำลายบรรยากาศสุดแสนดีของเราดังมาอีกแล้ว..  รู้สึกโมโหมาก....ทำไมวันนี้มีแต่คนมาขัดความสุขของเราจริงๆเลยว้ะเนี่ย ..... เราก็เลยเดินกระฟัดกระเฟียดออกมาจากห้อง

พอเห็นไอ้คนที่ยืนเปียกฝนอยู่บ้านเท่านั้นแหละ  ไอ้อารมณ์โมโหที่กะจะด่าแม่ง............หายไปหมดเลย  มีแต่อารมณ์  อึ้ง..........ทึ่ง.............เสียว (ไอ้อันหลังนี่คงยังไม่มีนะตอนนั้น)

“มากันได้ไง???” อารมณ์ตอนนั้นเนี่ย...............พูดได้แค่นั้นจริงๆ

“ทำไม..........กูมาบ้านเมิงไม่ได้เหรอ.............เมื่อก่อนกูมาออกจะบ่อย”   คำพูดกวนตีนแบบนี้  คงมาจากปากหมาๆของมันได้คนเดียวแหละ................ไอ้โอ๊ต

“ป่าวๆ...........กูก็ไม่ได้ว่าไรหรอก    แต่น่าจะบอกกันก่อน” ก็ไม่อยากจะต่อปากต่อคำกะไอ้โอ๊ตมันหรอก กลัวเสียภาพ ไม่ได้ๆ ไม่ดี อดทนไว้ลูก

“อย่าไปว่าไอ้โอ๊ตมันเลย.................เค้าเป็นคนชวนมันมาเองแหละ” แค่คำพูดคำจา..........ก็ชวนหลงใหลต่างจากไอ้โอ๊ตปากหมาจริงๆ

“อืม...............แล้วทำไมตากฝนกันมาอ่ะ...เดี๋ยวก็ป่วยหรอก” เป็นห่วงๆ  เรื่องนี้เค้าเป็นนางเอก

“ก็เราเห็นว่ามันใกล้จะถึงแล้ว..............ก็เลยลุยฝนมา”

“ใครมาอ่ะปอ” อันนี้คุณพ่อท่านถาม...

“เพื่อนปอเองแหละพ่อ” พอได้ยินอย่างนั้นภีมกะไอ้โอ๊ตก็ยกมือไหว้พ่อเรา  พ่อก็รับไหว้แล้วก็มองหน้าภีมแบบพินิจ  แกคงไม่คุ้นหน้าเพราะภีมเพิ่งเคยมาแต่ไอ้โอ๊ตเนี่ยพ่อเรารู้จักมันดี   เพราะตอนม.ต้นเนี่ย....มันมาบ้านเราค่อนข้างบ่อยไม่รู้มันติดใจไรนักหนา

“นี่เพื่อนปอที่ รร.เหรอ?” พ่อถามภีม

“ครับ.........  คุณพ่อ” เอ้อ................ดีๆ ทำความรู้จักกันไว้นะ  เพราะต่อไปต้องมาอยู่ร่วมชายคากันนะ (เพ้อเจ้อแล้ว  ช่วยด้วย!! ยังไม่ได้บอกชอบเค้าเลย)

“เพื่อนตัวเปียกกันหมดเลย............ปอพาเพื่อนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าป่ะ   เดี๋ยวจาไม่สบายกัน” ดีมากพ่อ  เป็นห่วงเป็นใยลูกเขยในอนาคตด้วย

เราก็พาภีมกะไอ้โอ๊ตไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน  แล้วก็เลยคุยกันว่าจะไปรับบุ๋มมาด้วย  เพราะบ้านบุ๋มอยู่ใกล้บ้านเรา....  ไอ้โอ๊ตก็เลยเป็นคนไปรับ  ตอนนั้นฝนก็เริ่มซาแล้วแหละ  เรากะภีมก็เลยนั่งคุยกัน 2 คน (จำว่าตอนนั้นตื่นเต้นมาก  เพราะเป็นการนั่งคุยกันแบบสองต่อสองครั้งแรกแบบเห็นหน้า  เพราะส่วนใหญ่ก็คุยโทรศัพท์กัน  อยู่รร.เวลาคุยกันก็คุยกันทั้งกลุ่ม  ไม่เคยได้คุยกันแบบนี้)

พอคุยกะภีมก็เลยรู้ว่า  ภีมกะไอ้โอ๊ตไปเรียนพิเศษเก้อก็เลยไม่รู้จะไปไหน  ภีมก็เลยชวนไอ้โอ๊ตมาเที่ยวบ้านเรากัน  เพราะเคยบอกไว้ตั้งแต่วันทำพานว่าถ้าว่างจะมาเที่ยว ก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ  ไอ้โอ๊ตกะบุ๋มก็ยังไม่มาสงสัยไปซื้อของกินกันอยู่

“นี่ปอ..............ห้องปออยู่ไหนอ่ะ”  ทามมายต้องถามหาห้องเราด้วย.........บ้า  เค้าเขินน๊า...........(ปัญญาอ่อน)

“ทะ........ทาม  มะ........มายเหอ”  ลิ้นเลิ้นพันกันหมดแล้ว

“ไม่มีไรหรอก............เค้าแค่อยากเห็น”

เราก็เลยพาภีมเข้าไปดูห้องนอนเรา    ภีมก็ขอดูนั่นนี่  พวกรูปเก่าๆบ้าง  พวกของเล่นบ้างที่เราสะสมไว้.... ภีมก็บอกว่าห้องน่านอนจัง (ก็มาอยู่มานอนทุกวันเลยสิ..................ก็ได้แต่คิดในใจ ไม่กล้าพูดหรอก   เดี๋ยวไก่ตื่น)

ก็นั่งคุยได้สักพักนึงไอ้โอ๊ตกะบุ๋มก็มาพร้อมกับของกินมากมาย         ก็อาหารยอดฮิต   ก็มีไก่ย่าง ส้มตำ  ลาบ  ต้มแซบ ตับหวาน    อะไรพวกนี้ (เล่าแล้วน้ำลายสอ) ก็นั่งโซ้วกันไปคุยกันไป  ก็คุยเรื่องเพื่อนๆในห้อง   แล้วบุ๋มกะไอ้โอ๊ตก็เมาท์เราเรื่องเก่าๆสมันม.ต้นสมัยประถมให้ภีมมันฟัง   ก็หนุกดีเหมือนกัน

ในขณะที่คุย...  เราก็สังเกตเห็นว่าบุ๋มมันชอบมองเรา....  เหมือนมันกำลังจับผิดเราอยู่ จริงๆแล้วพอเข้ามาม.ปลาย ถึงเรากะบุ๋มจะสนิทกันมาก่อนแต่ก็อยู่คนละกลุ่มกันนะ  แต่ก็ยังคุยกันได้เหมือนเดิม  บุ๋มมันจะนั่งหลังห้อง   มันก็เลยค่อนข้างสนิทกะไอ้โอ๊ตแล้วก็ภีมเป็นพิเศษ  บางทีมันก็คุยไรกันที่เราไม่รู้เรื่อง....

แต่สายตาที่บุ๋มมันมองเรา   เหมือนมันจะรู้เลยว่าเราชอบภีมอยู่  ก็ไม่แปลกหรอกเพราะเรากะบุ๋มเล่นด้วยกันเรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก  ถ้าสังเกตมันก็น่าจะดูออก  แต่เราก็ทำตัวปกตินะ  เอาไว้ค่อยคุยกะมันดีกว่า  ช่วงนี้เก็บเกี่ยวความสุขให้ได้มากที่สุดก่อน

พวกเราก็นั่งคุยนั่งเล่นกันจนเย็น  ไอ้โอ๊ตกะภีมก็เลยขอตัวกลับ  เพราะเดี๋ยวจะถึงบ้านค่ำ  ดูท่าภีมจะติดใจบรรยากาศบ้านเราซะแล้ว  เห็นบอกว่าว่างๆจะมาอีก  พอสองคนนั้นกลับไปก็เหลือเรากะบุ๋ม  เราก็กะว่าจะคุยเรื่องภีมก็ว่าจะบอกมันตรงๆ  แต่พอดีพ่อบุ๋มโทรมาตามกลับบ้านซะก่อน  ก็เลยไม่ได้คุย

เราก็ไม่สบายใจเหมือนกันนะ จะโทรศัพท์ไปคุยก็กลัวว่าคนที่บ้านจะได้ยินแล้วอีกอย่างพ่อก็บ่นๆเรื่องโทรศัพท์อยู่ด้วย   ก็เลยกะว่าหาโอกาสคุยที่รร.ดีกว่า

หลังจากอาบน้ำเข้านอนเราก็นอนนึกเรื่องวันนี้  รู้สึกมีความสุขมาก  ก็เลยกะว่าจะเขียนไดอารี่เล่าเรื่องราววันนี้ซะหน่อย (คือตอนอยู่ม.ปลายเห็นเพื่อนเค้าบ้าเขียนกัน  เราก็เลยเอามั่ง  ส่วนใหญ่ก็เขียนเรื่องภีมนี่แหละ   แล้วก็เขียนบ้าๆบอๆว่าวันนี้ทำไรไปบ้าง    มันก็เพลินดีนะ  ได้ทบทวนสิ่งที่ตัวเองทำ) 

แต่ๆๆๆๆๆๆ..................ไดอารี่หายไปไหน     หายังไงก็หาไม่เจอ  ที่ที่เคยเก็บก็ไม่มี  ในตู้ใต้เตียงใต้ที่นอนหมอนใต้โต๊ะใต้ตู้  ก็ไม่มี  ไม่รู้หายไปไหน????          กลัวมาก....ว่าถ้าคนอื่นเอาไปอ่านจะเป็นเรื่อง   เครียดเลย.....  นอนไม่หลับเลย กลัวความลับแตก  กะว่าจะไปเนียนถามสามคนนั้นพรุ่งนี้



###################################################################


จบไปอีกตอนแล้วนะ.....................................


ตอนนี้ยาวหน่อยนะ....................เรื่องมันเยอะ   


ใกล้ถึงเวลาที่จะสารภาพรักแล้ว.................ขอทดสอบให้มั่นใจก่อน      ว่าเราไม่ได้คิดไปคนเดียว






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2015 01:51:05 โดย OsTrich »

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
##  เรื่อง  “ เรื่องของเค้ากะแก”  ๖ ##


มีคนหลงเข้ามาอ่านแล้ว...................................

ดีใจมาก.................

อย่าลืมติดตามเรื่องของเราบ้างนะ.....................มีคนเข้ามาอ่านคนเล่าก็มีกำลังใจที่จะเล่า


 มาเริ่มกันเลย..........................................


##############################################################


หลังจากที่เมื่อคืนก่อนนอนหลับๆตื่นๆ    ก็เลยตื่นสายเลยอ่ะ.....    เพื่อนโทรมาตามกันวุ่นวายเลยเราก็เลยรีบตื่นอาบน้ำอาบท่าอย่างรวดเร็วแล้วก็รีบขับรถตรงไปรร.ทันทีเลย

วันนั้นเป็นวันอาทิตย์  ซึ่งเพื่อนๆในห้องนัดไปเจอกันเพราะว่าอาทิตย์หน้าจะมีงานวิชาการของรร.  รร.เราก็จะจัดให้มีการจัดงานกันใหญ่โต  ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมที่จะมีก็คือ   การโชว์ผลงานของนักเรียน ................

ทีนี้แหละก็เป็นธุระของนักเรียนที่ต้องแบ่งหน้าที่กันและอีกอย่างที่ต้องทำก็คือ  ต้องคิดโครงงานวิทยาศาสตร์ไปโชว์ในงานด้วย   เพราะว่าเราเรียนอยู่สายวิทย์แล้วเป็นห้องคิงด้วย  ทางรร.ก็เลยบอกให้ห้องคิงทั้งสามห้องของแต่ละระดับคิดโครงงานมาโชว์  ซึ่งก็ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของแต่ละห้อง    เราพล่ามซะยาวเลย............คงพอนึกภาพกันออกนะ

พอไปถึงที่นัดหมายของห้องเราซึ่งนัดคุยกันที่โรงอาหารของรร.  เพื่อนก็ทำหน้าประมาณว่าทำไมเมิงมาสาย.......เราก็ทำหน้าสำนึกผิด    จากนั้นก็ประชุมกันแหละว่าจะทำไรกันดี  สรุปแล้วก็ตกลงกันว่าจะทำท้องฟ้าจำลอง  จะจัดเป็นซุ้มมืดๆ...  แล้วข้างในก็จะเห็นเป็นท้องฟ้าและมีดวงดาวจำลองที่ทำจากดวงไฟ  แล้วก็ให้ความรู้เกี่ยวกับดวงดาวต่างๆ  แล้วก็พวกเรื่องราวเกี่ยวกับดาราศาสตร์

เราก็นั่งประชุมอยู่กะเพื่อน  ซีเรียสนิดหน่อย..........แต่ก็ทำให้ลืมเรื่องที่ไม่สบายใจที่เกิดขึ้นเมื่อวานไปเลย

จนวางแผนแบ่งงานกันเสร็จก็แยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ที่แบ่งไว้  บางกลุ่มก็ไปซื้ออุปกรณ์  หาข้อมูล   เตรียมซุ้ม  อะไรประมาณนี้แหละ   เรากับต๊ะก็ถูกตั้งเป็นHeadงานครั้งนี้  ก็เลยรอดูงานอยู่ที่โรงอาหารนั่นแหละภีมก็อยู่ด้วย

เราก็มองภีมเป็นพักๆ กะว่าจะหาโอกาสเนียนๆถามเรื่องไดอารี่   แต่ก็ไม่มีโอกาสเลยเพราะว่าเราก็ยุ่งๆเดี๋ยวคนนั้นมาถามโน่นถามนี่  ส่วนภีมก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้ยืนอยู่คนเดียวเลย  ก็เลยไม่มีโอกาสได้ถาม

สักพักนึงบุ๋มก็ชวนเราไปซื้อของ..... เพราะมันกลัวซื้อมาผิด  เราก็เลยไป  ช่วงที่อยู่บนรถบุ๋มมันก็ถามเราขึ้นมาว่า

“ปอ.............แกแอบชอบใครอยู่รึเปล่าตอนนี้อ่ะ” เราถึงกะตกใจเลย...........กำลังคิดว่าจะเริ่มพูดกะมันไงดี

“ทะ........ทาม  มาย  แกถามแบบนี้อ่ะ”  ตะกุกตะกักนิดหน่อย   แต่ก็ไม่มากหรอก  เพราะเราก็ว่าจะเล่าให้มันฟังอยู่  อีกอย่างเรากะบุ๋มก็สนิทกันมันไว้ใจได้    เมื่อก่อนมีไรเราก็เล่าให้มันฟังตลอดอยู่แล้ว

“แกก็น่าจะรู้ว่าทำไมฉันถามแบบนี้.................แกกะฉันเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก   ทำไมฉันจะดูแกไม่ออก”

พอบุ๋มมันพูดมาแบบนี้แล้ว  เราก็เลยเล่าให้มันฟังตั้งแต่แรกเริ่มเลย       มันก็ตั้งใจฟังเราไปเรื่อยๆ มันก็ยิ้มๆ  มันคงขำในความบ้าบอ

หลังจากเล่าให้มันฟังจบ  เราก็เล่าเรื่องที่ไดอารี่หาย  มันก็บอกว่ามันไม่ได้เอาไป  เอาไปก็ไม่รู้จาเอาไปทำไร  (ก็จริงอย่างที่มันพูด)  บุ๋มก็เลยบอกว่าเดี๋ยวจะไปเนียนถามภีมให้  เพราะมันก็ค่อนข้างจะสนิทกันอยู่  ส่วนเราก็จะเนียนถามไอ้โอ๊ตเอง

พอกลับมาจากซื้อของก็ลงมือช่วยกันทำจนดึกก็ยังไม่เสร็จหรอก  คงต้องนัดกันมาทำตอนเย็นหลังเลิกเรียน  เราก็มัวแต่ยุ่งอยู่ก็เลยยังไม่ได้ถามไอ้โอ๊ตซะที   จนแยกย้ายกันกลับ

คืนนั้นเป็นวันที่เราไม่ได้โทรไปหาภีม  อยากจะคุยกะไอ้โอ๊ตให้รู้เรื่องก่อนก็เลยโทรไปหาไอ้โอ๊ต

“สวัสดีค่ะ...........จะพูดกับใครค๊ะ” เสียงแม่ไอ้โอ๊ต...  ตอนอยู่ม.ต้นเราคุยกะมันบ่อยๆ  เราก็เลยจำเสียงแม่มันได้

“แม่........โอ๊ตอยู่มั้ยคับ” สักพักก็ได้ยินแม่ตะโกนเรียกไอ้โอ๊ตว่าเราโทรมา   แม่มันก็จำเสียงเราได้

“ว่าไงเมิง.................มีไรถึงโทรหากูได้เนี่ย” กวนตืนเหมือนเดิมแหละมัน

“โอ๊ตวันที่มาบ้านกู.............ตอนที่เมิงเข้าไปห้องกูอ่ะ    เมิงเห็นไดอารี่กูมั่งป่าว” ทำเสียงนุ่มนวลหน่อย

“ไดอารี่เมิงเป็นไงอ่ะ.........”

“เป็นเล่มสีฟ้าๆ...............แล้วก็มีรูปหมีสีน้ำเงินอยู่ที่หน้าปกด้วย” เมิงเห็นมั้ยๆ  ลุ้นๆ

“ไม่เห็นว่ะ............เมิงเอาเก็บไว้ไหนอ่ะ   หาดูดีรึยัง”

“หาดีแล้วไม่มีว่ะ  ไม่รู้หายไปไหน  กูนึกว่าเมิงถือติดมือไปซะอีก”

“ป่าวหนิ................จะบ้าเหรอกูจาเอามาไมล่ะ...............ไดอารี่เค้าเป็นของส่วนตัว” นี่คนอย่างเมิงเคารพความเป็นส่วนตัวของคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย...........(อันนี้คิดในใจ  ไม่กล้าพูดหรอก   เดี๋ยวมันไม่คุยด้วย)

“เออๆ..........ขอบใจ      แล้วแม่งมันหายไปไหนว่ะ”   เริ่มหงุดหงิดแล้วตอนนั้น  เพราะจากที่คุยกะไอ้โอ๊ตอ่ะ  จับเซ้นมันได้ว่ามันไม่โกหกหรอก เรารู้จักมันดี   อีกอย่างก็ไม่ใช่เรื่องที่มันจะเอาไป  เริ่มกลัวแล้วว่าภีมจะเอาไปรึเปล่า     แต่อีกใจนึงก็คิดว่าภีมมันจะเอาไปทำไม

“เมิงถามน้องเมิงรึยัง.........”    เราก็เลยบอกไอ้โอ๊ตไปว่าถามแล้ว  มันไม่ได้เอาไปแล้วอีกอย่างตอนก่อนที่พวกมันจะมาเราก็ยังเห็นว่าไดอารี่มันอยู่ในห้อง 

หลังจากคุยกะไอโอ๊ตเสร็จ  เราก็โทรไปหาบุ๋มว่าเป็นไงบ้าง  ถามภีมรึยัง   บุ๋มก็บอกว่าภีมมันบอกว่ามันไม่ได้เอาไป  แต่บุ๋มก็บอกว่ามันไม่ค่อยเชื่อภีมเท่าไหร่  สรุปว่ามันสงสัยว่าภีมโกหก  แต่ก็ยังไม่ได้ฟันธงหรอก  แต่ตอนนั้น ภีมเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด  ซึ่งถ้าคนที่เอาไปเป็นภีมจริงๆคราวนี้แหละ  เป็นเรื่องแน่ ความลับที่เก็บมานานกว่า 3 ปี   เป็นอันต้องเปิดเผยออกมา   แล้วความสัมพันธ์ระหว่างเรากะภีมจะเป็นไง  ภีมจะเกลียดเราไหม ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด

บุ๋มมันก็เลยปลอบเราว่าอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้  เพราะเรายังไม่แน่ใจว่าภีมเอาไปจริงๆรึเปล่า  ยังไงก็ต้องรอดูท่าทีของภีมก่อนว่าเป็นไง

หลังจากวันนั้นเราก็เริ่มสังเกตท่าทีของภีม  ซึ่งก็มีบุ๋มคอยช่วยดูอยู่ห่างๆ


##################################################################
 

จบไปอีกตอน  ตอนนี้ค่อนข้างจะวุ่นวายนิดนึงนะ   

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2015 01:58:27 โดย OsTrich »

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
## เรื่อง  “ เรื่องของเค้ากะแก” ๗ ##


ตอนนี้ล่ะ......................................................


ต้องรู้ให้ได้ว่า...........................      ใคร............เอาไดอารี่เราไป




*************************************************************


เอาล่ะ..............  วันนี้เราต้องเริ่มสังเกตพฤติกรรมของภีมแล้วแหละ  ว่ามีไรเปลี่ยนไปรึเปล่า 

เพราะถ้าภีมเอาไดอารี่เราจริงๆ  ภีมก็ต้องมีท่าทีเปลี่ยนแปลงบ้างแหละ


พอมาถึงรร.เราก็เริ่มเลย...............................

หลังจากเอากระเป๋าวางไว้ที่โต๊ะของตัวเองแล้วก็มองหาภีมเลย      อ่อ .......... เจอแล้ว  ผู้ต้องสงสัยของเรา  ก่อนอื่นต้องเนียนทำเป็นเดินไปคุยกะไอ้โอ๊ต

“โอ๊ต.............เมิงทำการบ้านยังอ่ะ    กูขอยืมดูหน่อยดิ”

“เสร็จแล้ว..............อ่ะนี่”

“เออขอบใจ...........เดี๋ยวเอามาคืน”

“ปอ...............เมิงหาไดอารี่เจอรึยัง” ดีมากเพื่อนรัก   เข้าแผนพอดี

“ยังเลยว่ะ..............ไม่รู้หายไปไหนเนี่ย     สงสัยกูคงลืมวางไว้ไหนสักที่”

“เหรอ..............ทีหลังก็เก็บดีๆแล้วกัน   จะได้ไม่หายอีก”

“อืม................. ใครแม่งไม่รู้เสือกมาเอาไป   แม่งเสือกเรื่องกูจริงๆ”

พอเราพูดประโยคนี้ออกไป เราก็มองไปที่ภีม  มันก็สะดุดกึ้กเลย (ท่าทางมีพิรุธมาก) เราก็เลยยิงต่ออีกดอก

“ถ้ากูรู้ว่าใครเอาไปนะ..............ได้เห็นดีกันแน่”  พอเราพูดไปแบบนี้  ภีมมันก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปเลย (ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่) ตอนที่เห็นท่าทีมีพิรุธของภีม  ตอนนั้นทั้งดีใจทั้งใจเสียเลย  เพราะถึงจะมีเค้าว่าภีมเอาไปแต่พอนึกถึงตอนที่ภีมอ่านไดอารี่  ก็ทำเอาเราหายใจไม่ทั่วท้องเลย

วันนั้นทั้งวันก็เป็นที่น่าแปลกอีกก็คือภีมไม่คุยกะเราเลยทั้งวัน  เวลาที่เราพยายามจะสบตาภีม  มันก็หันหน้าไปทางอื่นเลย         ถือว่าน่าสงสัยมากๆรึว่าภีมมันอ่านไดอารี่เราแล้ว  พอมันรู้ทุกอย่างว่าเราคิดยังไงกะมัน  มันก็เลยรังเกียจเรารึเปล่าว่ะ มันถึงมีท่าทีแบบนี้ (ตอนนั้นเริ่มคิดอะไรฟุ้งซ่านแล้วเราอ่ะ)

แต่เราก็ยังไม่อยากด่วนสรุปนะ.........  ก็ดูท่าทางของภีมต่อไป 
อ้อ............ลืมบอกไป ช่วงนั้นเราไม่ได้โทรไปหาภีมอีกเลย  หลายอาทิตย์เชียวแหละ...........จริงๆที่ไม่กล้าโทรไปก็เพราะว่าท่าทีของภีมนี่แหละ  มันทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่าภีมเป็นคนเอาไดอารี่เราไป  และด้วยท่าทีห่างเหินเราก็ยิ่งคิดไปใหญ่ว่าภีมคงรังเกียจเราอ่ะ  ถ้ารู้ความจริงทั้งหมด

ตอนนั้นทำตัวไม่ถูกเลย โมโหตัวเองมาที่ไม่เก็บไว้ให้ดีจนเป็นเรื่องขึ้นจนได้  การที่อยู่ๆภีมจะไม่คุยกะเราไม่มีต้นเหตุจากอะไรเลยนอกจากเรื่องไดอารี่ เพราะวันที่ภีมไปบ้านเราก็ยังคุยเล่นกันเหมือนเดิม  แต่หลังจากวันนั้นมา ภีมก็มีท่าทีเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจน

พอเป็นอย่างงี้เราก็เลยคิดว่าคงจะต้องตัดใจจากภีมแล้ว   เราไม่ได้โทรไปหาภีมอีกเลยหลังจากนั้น.................. อยู่รร.ก็ไม่ค่อยได้คุยกัน  หน้าเราภีมมันยังไม่ค่อยจะอยากมองเลย.................ถึงแม้ว่าภีมจะไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจไรเรามากมาย   แต่มันก็ไม่เหมือนเดิมแล้วไง  นับวันยิ่งห่างกันไปเรื่อยๆ

ตอนนั้นเรารู้สึกไม่อยากไปรร.เลย 

พอวันไหนเป็นวันหยุด  เพื่อนๆในกลุ่มก็มักจะโทรชวนกันไปเจอกัน  บ้างก็ไปดูหนัง  กินข้าว  ร้องคาราโอเกะ  ส่วนใหญ่เราก็จะไม่ไป  อ้างว่า..........ไม่มีใครอยู่บ้าน  ก็เป็นแบบนี้ตลอดจนเพื่อนๆเริ่มสงสัย  ว่าเรามีปัญหาอะไรรึเปล่า  เราก็ได้แต่บอกไปว่าไม่มีอะไร  พวกมันก็ไม่เซ้าซี้ถามไรเราอีก

จนมาวันนึง   เราก็คิดแผนการขึ้นมาอันนึง  กะว่าจะดูท่าทีภีมเป็นครั้งสุดท้าย   เพื่อจะได้ตัดสินใจทำใจจริงๆแล้ว
 
ในขณะที่เรานั่งเล่นอยู่กะเพื่อนๆในช่วงพักกลางวัน  เราก็เริ่มแผนการเลย

“นี่.................เพื่อนๆ  เรามีไรจะบอก” ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จกันสุดฤทธิ์

“มีไรเหอ...................หน้าเศร้าเชียว”  อันนี้เป็นเสียงซึ่งแสดงความเป็นห่วงอย่างมากของต๊ะ

“คือว่า..........................เค้าต้องย้ายรร.อ่ะ”  ทำเป็นเศร้าไว้

“ทำไมอ่า ?????................” เพื่อนๆต่างตกใจกันใหญ่  ถามเรากันลุกลี้ลุกลนไปหมด  ซึ่งรวมถึงภีมด้วย

“ก็..............พอดีพ่อเราเค้าจะย้ายไปอยู่ที่อื่น..........ก็เลยต้องย้าย” พอเพื่อนๆได้ยินแบบนี้  ต่างคนก็หน้าเคร่งเครียด  ช่วยกันหาทางออกกันต่างๆนานาเพื่อไม่ให้เราต้องย้ายรร. 

ส่วนภีมหน้าตาก็ดูเครียดๆไม่ต่างจากคนอื่นๆเลย   ดูท่าทางกำลังคิดอะไรอยู่

พอเราเห็นเพื่อนๆเริ่มไม่สบายใจก็เริ่มหวั่นๆเหมือนกันที่ต้องโกหกเพื่อนๆ   ก็ได้แต่ขอโทษพวกมันในใจ(พวกเมิงเข้าใจนะ..................มันเป็นเพียงแค่เรื่องโกหกที่ตรูสร้างขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากภีมเท่านั้นเอง...................ตรูอยากรู้ว่าภีมมันจะทำไง ถ้าตรูต้องไปจริงๆ    มันจะกลับมาคุยกะตรูมั้ย................ก็เท่านั้นเอง)

พอเข้าคาบบ่าย   ก็ต้องเข้าเรียนกันแล้ว  แต่หน้าตาเพื่อนๆยังกังวลกับเรื่องที่เราพูดกันอยู่   แต่ละคนคิ้วผูกกันเป็นปมเชียว.............นี่พวกเมิงไม่อยากให้ตรูไปขนาดนั้นเลยเหรอ  (ซึ้งเพื่อนๆจัง)

พอกลับมาถึงบ้าน  เราก็มานั่งคิดเรื่องภีม  จริงๆแล้วพอภีมมันรู้ว่าเรากำลังจะไป ท่าทางมันก็ดูเครียดๆไม่ต่างจากคนอื่นๆเลย   ดูแล้วมันก็คงไม่อยากให้เราไปเหมือนกันนะเนี่ย ทำไมทั้งๆที่ไม่อยากคุยกะเราแต่ทำไมต้องไม่อยากให้เราย้ายที่เรียนด้วยว่ะ  จริงๆแล้วมันต้องดีใจซิ  ถึงจะถูก  รู้สึกงงกับภีมมาก  อยากรู้จังตอนนี้ภีมคิดไรอยู่

อยากจะโทรถามให้มันรู้เรื่องไปเลยก็ไม่กล้า  เพราะไม่ได้โทรไปหานานแล้ว  ตอนนั้นรู้สึกอึดอัดมาก  นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง  คิดยังไงก็ไม่เข้าใจซะที

 ตอนที่กำลังใช้ความคิดอยู่นั้น  เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นนานมากๆก็ไม่มีคนรับ  ไม่มีคนอยู่รึไงว่ะถึงไม่รับโทรศัพท์  สักพักโทรศัพท์ก็ดังอีก.........................   เราก็เลยวิ่งออกไปรับด้วยความหงุดหงิด

“ฮัลโหล...............จะพูดกะใคร!!” น้ำเสียงมีน้ำโหมากมาย

“พูดกับปอนั่นแหละ....” อึ้ก..............เลย     นี่มัน...... นี่มัน......นี่มันเสียงภีมนี่หว่า

 เราอ่ะเงียบเลย...............  พูดไม่ออก +  หน้าชาไปหมด    +  น้ำลายแห้งผาด

“ปอ...................ยังอยู่รึเปล่า?”    เอาไงดีล่ะ................คุยหรือไม่คุยดีว๊า....................

“เออ.........อยู่   ทะ..... โทรมา   มะ........มีไรเหรอ” โอ๊ย...............ตะกุกตะกัก

“ทำไมเสียงดูกังวลจัง..............เครียดเรื่องย้ายที่เรียนเหรอ” เรื่องนั้นที่ไหนน่ะ  เค้าเครียดเรื่องแกนั่นแหละ..

“อ๋อ...............อืม” (ขี้ปด)

“ไม่ต้องกังวลหรอก.........ที่เราโทรมาหาปอเนี่ย  เราจะบอกให้ปอนัดพ่อปอมาคุยกะอ.ปาริชาติ (แกเป็นอ.ที่ปรึกษาตอนนั้น)”  งง...........งง.........และ.............งง    ไปคุยทำไมว่ะ......  หรือว่าเรื่องที่เราวิปริตไปชอบผู้ชายแล้วภีมไปบอกอาจารย์    อาจารย์ก็เลยอยากคุยกะพ่อในฐานะที่มีลูกโรคจิต.......เอาแล้ว    ทำไงดีล่ะทีนี้

“ปอ.........ปอ   ทำไมเงียบไปล่ะ       นี่ยังอยู่รึเปล่า” ตรูจะทำไงดีเนี่ย.................................

“อะ.......เอ่อยังอยู่     คะ.......คือพ่อเราไม่ค่อยว่างหรอก   คงไปไม่ได้” นั่น.... ตอแหลไว้ก่อน  อย่าให้พ่อไปเด็ดขาด.....

“ปอช่วยคุยกะพ่อปอหน่อยสิ.......................ท่านจะได้มาคุยกะอาจารย์”

“ไม่ต้องคุยหรอกมั้ง....................พ่อเราก็รู้ว่าเราเป็นแบบนี้” ช่าย...........พ่อเราเค้ารู้มาตั้งนานแล้วว่าเราเป็นแบบนี้  ท่านไม่เคยว่าสักครั้ง  อีกอย่างเราก็มีพี่ชาย   มีน้องสาว  ท่านไม่ว่าไรหรอก

“อะไรของปอเนี่ย...............ปอนี่พูดไรงงๆ”

“ทำไมอะ”  เริ่มงงไปกันใหญ่  นี่ภีมกำลังจะบอกไรเราเนี่ย   งงไปหมดแล้ว

“อ.ปาริชาติรับปากกับเราแล้วล่ะ...  ว่าจะช่วยพูดกะพ่อปอให้..........เรื่องที่ปอต้องย้ายรร.ไง”

“แล้วอ.ปาริชาติมาเกี่ยวได้ไงอ่ะ”  ตอนนั้นเราอ่ะงงไปหมดแล้ว

“เอ่อ..............คืองี้นะ......ตอนเลิกเรียนวันนี้  เราไปคุยกะอ.ปาริชาติมา  แล้วก็เล่าเรื่องที่ปอจะย้ายรร.ให้แกฟัง แกก็เลยรับปากจะช่วย   แล้วแกก็บอกให้เรานัดพ่อปอมาคุยกะแก   แกจะได้ช่วยพูดให้”

เอาไงดีล่ะทีนี้   บานปลายกันไปใหญ่โตแล้ว  จะทำดีว้ะเนี่ย........................................

เอาว้ะ................................เคลียร์ให้รู้เรื่องกันไปเลย

#########################################################################

เอาแค่นี้ก่อนนะ...........................เดี๋ยวมันจะยาวเกินไป
ใกล้เข้ามาแล้วกับการสารภาพรัก.........  กิ้ว..   กิ้ว..   ติดตามกันด้วยนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2015 02:08:44 โดย OsTrich »

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
##  เรื่อง   “เรื่องของเค้ากะแก”  ๘ ##


ตอนนี้ล่ะ.........................

หลังจากที่ลุ้นกันมานาน........................................ได้สารภาพรักซะที  (จริงๆอ่ะ  สถานการณ์มันบังคับต่างหาก)

มาเริ่มกันเลยดีกว่า...........................................


********************************************************************


“ภีม............... ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย”  น้ำเสียงจริงจังมากมาย

“ทำไมล่ะ...........เค้าทำไรผิดเหรอ” เสียงภีมดูอ่อยๆชอบกล

“ป่าวหรอก.............ก็ช่วงหลังๆมานี้...........ภีมทำท่าทางเหมือนรังเกียจเรา   เราก็แค่แปลกใจแหละว่าอยู่ๆจะมาสนใจเค้าทำไม”  ตอบมาสิ......  ตอบมา

“เราไม่เคยรังเกียจปอเลยนะ” น้ำเสียงจริงจังเชียวแหละ

“งั้นช่างมันเถอะ........(ตอนนั้นเริ่มขี้เกียจเซ้าซี้แล้ว  มาถามเรื่องที่คาใจดีกว่า) เออ....ภีม   เราถามไรหน่อยดิ ...........สัญญานะ...ว่าจะตอบเค้าตรงๆ”

“อืม.........ว่ามาสิ”

“  ภีมเอาไดอารี่เค้าไปใช่มั้ย? ” ตื่นเต้นจังเฮอะ......

“อืม..” ง่ายๆสั้นๆ  ภีมตอบเสียงเบามาก   คราวนี้ล่ะไหนๆก็ไหนๆแล้ว  ภีมก็คงรู้เรื่องหมดแล้ว  มาพูดกันตรงๆเลยก็แล้วกัน

“งั้นภีมก็รู้แล้วใช่มั้ย.......วะ...ว่า   เค้าคิดยังไง” ตะกุกตะกักนิดหน่อย  โอ๊ย...........ตื่นเต้น........

“ไม่รู้.................ปอคิดยังไงก็พูดออกมาสิ” อ้าว............ไมงี้อ่ะ

“กะ..........ก็ภีม   มะ........ม่ายรู้หรอกเหรอ” เอาแล้วไง  ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีก  (นี่ไม่ได้อ่านไดอารี่เราเหรอ  แล้วแอบขโมยไปทำไมว้ะเนี่ย..........  งง)

“แล้วภีมไม่ได้อ่านในไดอารี่เหอ” ตอบมาๆ

“อ่านแล้ว..” ง่ายๆสั้นๆ เหมียนเดิม

“อ้าว.............แล้วจะบอกว่าไม่รู้ได้ไงอ่า”  ตอนนั้นเริ่มอารมณ์กรุ่นๆแล้ว  จะเอาไงกันแน่ว้ะเนี่ย

“พูดมาสิ........เค้ารอฟังอยู่” เอาว่ะ...........เป็นไงเป็นกัน  มาขนาดนี้แล้วนิ

“ ก็เค้า.....  แอบ ชะ..........ชอบ ภะ.........ภีม ไง  ” ไมมันตื่นเต้นงี้อ่ะ  ใจเหมือนจะทะลุออกมาเต้นข้างนอกแล้วอ่า (ก็นะ........คนมันไม่เคยบอกชอบใครหนิ   เนี่ย........คนแรกเลย) 

แล้วภีมก็เงียบไปพักนึง............. ฟังเสียงใจหายกันเลยทีเดียว   ถ้าภีมจะเกลียดเราก็ยอมแล้วล่ะ  อึดอัดมานานแล้วได้พูดออกไปซะที

“ก็แค่นี้แหละ...............มัวแต่อายอยู่ได้” เอ้า...............พูดไม่ออกเลยเรา หมายความว่าไงเนี่ย

“ปอ.........เราคบกันนะ” ง่ายๆสั้นๆ ....................โอ๊ย.........จาเป็นลม

“ฮ้ะ.........ว่าไงนะ” งง..........งง............งงพี่งง  น้องงง

“ทำไมอ่ะ ??   ปอไม่อยากคบกะเราเหรอ ???”

“ปะ.........ป่าวซะหน่อย       แค่งงอ่ะ”

“งงไรอ่ะ........ไหนว่ามาซิคับ” น่าน.........ความสัมพันธ์เปลี่ยน  คำพูดเปลี่ยนทันที   แต่ฟังแล้วจั๊กกะจี๋อ่ะ

“คนจะคบกันก็ต้องชอบกันสิ........ แล้วภีมชอบเค้าเหรอ .... จะคบกะเค้าอ่ะ   ” ขอหน่อยเหอะ.......อยากรู้...(ไร้เดียงสาจริงๆ)

“ก็ชอบไงคับ...........ไม่งั้นจะคบกะปอเหรอ” โอ๊ย.............. นี่เราอยู่ในความฝันรึเปล่าเนี่ย

“อืม..........” พูดไม่ออกอ่ะ............  ตอนนั้นปวดกรามมากมาย  เพราะยิ้มไม่หุบเลย

“งั้นตกลงเราคบกันนะครับ”

“อืม...”    พูดได้แค่นี้แหละ............. เขิน

“ถ้าภีมทำไรไม่ดี..ปอก็บอกนะคับ.............ภีมไม่เคยมีแฟนเลยอ่ะ...........”

“จร้า..........” ฝันที่เป็นจริง...................... (นี่เราอยู่รายการฝันที่เป็นจริงของคุณไตรภพป่ะเนี่ย.....)


********************************************************************


หลังจากจบรายการ “ฝันที่เป็นจริง” แล้วก็เข้าสู่รายการ “เรื่องจริงผ่านจอ”

ก็คงต้องสารภาพกันตรงๆ  เรื่องที่เราโกหกว่าจะย้ายที่เรียน...  ตอนแรกภีมมันก็โกรธ แต่พอรู้เหตุผลว่าอยากจะลองใจมัน  มันก็เลยยอมยกโทษให้ แล้วยังคาดโทษไว้อีกว่าอย่าโกหกอีกเป็นอันขาด ( คือภีมไม่ชอบคนโกหกอ่ะ)

ส่วนภีมก็สารภาพความจริงว่าทำไมต้องเอาไดอารี่ไป  จริงๆแล้วเราไม่ได้โกรธภีมหรอก  ก็เพราะไดอารี่นี่แหละที่ทำให้เราได้คบกัน  แต่ก็อยากรู้........... ภีมก็บอกว่าเห็นไดอารี่วางอยู่บนโต๊ะ  ก็เลยลองเปิดอ่านดู  (ตอนที่เราไปจัดแจงของกินที่ซื้อมาใส่จาน)  พอเห็นว่าเป็นไดอารี่ที่เราเขียนถึงภีม ก็เลยอยากรู้ขึ้นมาว่าเขียนว่าไรบ้าง  ก็เลยแอบเอาไปอ่าน  เรื่องก็เป็นแบบนี้แล...............


จริงๆแล้วภีมมันก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า เราแอบชอบภีมรึเปล่า?    เพราะเราดูเป็นห่วงเป็นใยมันมากกว่าเพื่อนคนอื่นๆ แถมยังโทรมาคุยกับมันบ่อยๆ 


ตอนแรกที่มันสงสัยว่าเราชอบมันอ่ะ  มันก็เริ่มถามตัวเองว่ารู้สึกยังไง  ซึ่งคำตอบที่ได้ก็คือ รู้สึกดี  ที่มีคนมาชอบ  คอยดูแลเป็นห่วงเป็นใยมัน   คุยกะเราก็รู้สึกมีความสุข  อยากคุยกะเราบ่อยๆ แล้วอีกอย่างพอได้อ่านไดอารี่แล้วรู้ว่า  เราแอบชอบมันมา 3 ปี  มันยิ่งแน่ใจว่ามันรู้สึกดีกับเรามาก  มันบอกว่าความรู้สึกดีมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนไม่รู้ว่า  มันชอบเราตอนไหน  เพราะมารู้ตัวอีกทีก็มีเราอยู่ในใจมันแล้ว  พอมันรู้แบบนี้แล้ว   มันตั้งใจไว้ว่าจะคบกับเราให้ได้ ทั้งๆที่มันเป็นผู้ชายทั้งแท่ง ก็เหอะ


********************************************************************

หลังจากวันนั้นมา  รู้สึกว่าบ้านเราก็เป็นสีชมพู     รร.ก็เป็นสีชมพู    รถก็เป็นสีชมพู   เสื้อนักเรียนขาวๆยังเป็นสีชมพูเลย    สรุปง่ายๆก็คือ.................  ทั้งโลกเป็นสีชมพูไปหมด (ลาวได้อีกเหอะ...........ไปเล่นลิเกไป)

เรื่องราวก็เป็นเยี่ยงนี้แล.............................  จบไปอีกตอน

#############################################################

ตอนนี้ออกจาน้ำเน่าหน่อยนะ........................................... เขียนไปก็อายตัวเองไป

แต่นึกถึงตอนนี้ทีไรเราก็ยิ้มได้ทุกที

ก็ถือซะว่าได้สารภาพรักกันซะที................หลังจากที่ผู้อ่านลุ้นกันมาตั้งแต่ตอนที่แล้ว 

คงถูกใจกันนะ.......................... (จะมีใครแอบเกลียดเราป่ะเนี่ย     พออ่านตอนนี้แล้วอ่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2015 02:17:46 โดย OsTrich »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
##  เรื่อง  “เรื่องของเค้ากะแก”  ๙ ##


ตอนที่ ๙ แล้ว..............................


มีคนถามมาว่าแล้วเพื่อนๆเป็นไงกันบ้าง  เรื่องที่เราโกหกว่าจะย้ายรร.  ................. 

เรื่องมันมีอยู่ว่า....... เรามีสัจธรรมอยู่ข้อนึงว่า  ถ้าโกหกเมื่อไหร่แล้วไม่โดนจับได้คาหนังคาเขาละก็............ก็โกหกต่อไปไงล่ะ  เรากะภีมก็เลยตกลงกันว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นฟามลับ(ทุกวันนี้ยังไม่มีใครรู้เลย)  ก็เลยบอกกับเพื่อนๆไปว่า... พ่อเราเปลี่ยนใจแล้วยังไม่ย้ายไปไหนหรอก   ท่านรอให้เราเรียนจบก่อนแล้วค่อยย้าย  เพื่อนๆก็ดีใจกันยกใหญ่  แล้วก็ไม่เซ้าซี้ถามไรอีก


********************************************************************

หลังจากที่เรากะภีมคบกันแล้ว  ทุกๆวันที่ไปรร.ดูมีความหมายมากว่าทุกวัน   อ้อ.....ลืมบอกไปว่าเรื่องที่คบกันเนี่ยให้รู้กันแค่สองคน  ไม่ได้บอกคนอื่นเดี๋ยวจาเป็นเรื่อง    เวลาที่อยู่รร.ก็ทำเนียนๆเหมือนเป็นเพื่อนกัน แต่เป็นเพื่อนที่คอยส่งตาหวานให้กันก็แค่นั้นเอง 

ช่วงแรกๆที่คบกันนี่เวลามองหน้ากันก็อายเหมือนกันนะ  เพราะสถานะภาพมันเพิ่งเปลี่ยนไปแต่พอนานๆไปก็เริ่มชิน   แต่ก็ยังมีเขินๆอยู่บ้างเวลามองหน้ากันตรงๆ หรือเวลาที่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง  (ก็อย่างที่บอกอ่ะนะ........ว่าเราไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันเพราะเพื่อนๆอยู่เยอะ)

เรื่องราวระหว่างเรากะภีมหลังจากคบกันก็ไม่มีไรมากเท่าไหร่  ก็คุยโทรสับกันทุกวัน  จะกุ๊กกิ๊กกันก็ลำบากเพราะกลัวเพื่อนๆสงสัย  ก็มีแอบกุ๊กกิ๊กกันบ้างโดยใช้เขียนจดหมายหวานๆ  แล้วก็เดินส่งไปส่งมาอยู่อย่างงั้นทั้งวัน (แต่ก็น่ารักดี  ทุกวันนี้เรายังเก็บจดหมายน้อยพวกนั้นไว้เลย)

********************************************************************

พอปิดเทอม..................... ห้องเราก็นัดกันว่าจะไปเที่ยวเกาะช้างกัน รวมพลกันได้ประมาณ  30 คน  ไปกันสามวันสองคืน  แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า  ภีมสุดที่รักของเราไปไม่ได้นะสิ  เพราะว่าก่อนไปประมาณ 5 วัน มันรถคว่ำ  แผลที่ขายังไม่หายเลย  ที่บ้านก็เลยไม่อยากให้ไป  เราก็เป็นเดือดเป็นร้อนก็เลยโทรไปคุยกะภีม (ก็อยากไปเที่ยวกะสุดที่รักอ่า.......)

“ภีมเหรอ..........เป็นไงบ้าง  หายเจ็บแผลรึยัง”  ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงสุดฤทธิ์

“ไม่เจ็บมากแล้ว..........มีปอคอยเป็นห่วงเดี๋ยวเค้าก็หายแล้วแหละ”  อ่ะนะ.........(แหวะ...เน่า)

“แล้วนี่.....เรื่องไปเที่ยวอ่ะ    ตกลงว่าไง”

“ก็เหมือนเดิมแหละ....อดไป”

“งั้นเค้าขอคุยกะแม่ภีมหน่อยสิ”

“เอางั้นเหรอ .........ได้ๆ  แปปนึงนะ”

ภีมก็ไปตามแม่ภีมมาคุยโทรสับ  เราก็ถามท่านว่าทำไมไม่ให้ภีมไป  ท่านก็บอกว่าเป็นห่วงเพราะภีมยังไม่หายดีไปแบบนี้ใครจะดูแล    เราก็เลยบอกท่านไปว่าให้ภีมไปเที่ยวกะเพื่อนๆเถอะเดี๋ยวเราจะเป็นคนดูแลภีมเองแม่ไม่ต้องเป็นห่วง   อีกอย่างเพื่อนๆในกลุ่มก็ไปกันหมดทุกคนอยากให้ภีมไปด้วย (เราก็ขอร้องแม่ต่างๆนานาอ่ะนะจนท่านใจอ่อนยอมให้ไป)   ภีมนี่ดีใจมากเลย .............. 


***************************************************************

เย้............................................. 


วันนี้ออกเดินทางสู่เกาะช้างแล้ววววววววววววววววววววววววววววว


เราเดินทางโดยนัดเจอกันที่หน้ารร. เนื่องจากพวกเราอยู่จังหวัดทางภาคตะวันออกทำให้การเดินทางไปเกาะช้างใช้เวลาไม่มากนัก  เริ่มจากนั่งรถยนต์ไป  (โดยมีพ่อเรากะพ่อเพื่อนอีกคนขับรถไปส่งที่ท่าเรือ)  เรากะภีมนั่งรถคนละคันกันไปเจอกันที่ท่าเรื่องเฟอร์รี่

พอขึ้นไปบนเรือ เพื่อนๆเราก็ถ่ายรูปกันยกใหญ่ (นี่ขนาดยังไม่ถึงนะเนี่ย............จริงๆมันเริ่มถ่ายกันตั้งแต่นัดเจอกันที่หน้ารร.แล้ว  เห่อ...กันชิงชิง) ถ่ายรูปคู่บ้างเดี่ยวบ้างภาพหมู่บ้าง  เราก็โดนดึงไปถ่ายเป็นพักๆก่อนที่จะปลีกตัวไปชั้นบนของเรือ  ยืนดูวิวรับลมทะเล..............เฮ้อออออออออ..บรรยากาศดีจัง

“มาแอบอยู่ที่นี่เอง..............ภีมตามหาตั้งนาน”

“อ้าว............เดินขึ้นมาทำไม   เดี๋ยวก็เจ็บแผลหรอก”   คือตอนนั้นเป็นห่วงภีมมาก  เพราะสัญญากะแม่เค้าไว้แล้วว่าจะดูแลลูกชายคนเดียวของเค้าอย่างดี  (โกหก....เพราะรักเค้าม่ายช่ายเหอ..    อย่าเอาแม่ภีมเค้ามาอ้าง)

“ไม่เป็นไรหรอกน่า................แผลมันแห้งแล้ว”   คือตอนนั้น........ภีมดีขึ้นมากแล้ว แผลที่หัวเข่าเริ่มแห้งแล้วแต่เวลาเดินยังต้องกระแผกนิดหน่อย  เพราแผลมันตึงทำให้ยืดขาตรงๆไม่ได้

“ ก็เค้าเป็นห่วงนิ ”

“คร๊าบบบบบบบบบบบ.......รู้แล้วคร๊าบบ”

“ไม่ต้องมาล้อเลียนเลย.....”

“ปล่าวซะหน่อย.............นี่สัญญาไรกะแม่เค้าไว้อ่า............อย่าลืมนะ”

“ไม่ลืมหรอก..............จะดูแลอย่างดีเลย”    พูดไปก็ยิ้มหวานไปด้วย....  มองหน้าภีมอย่างหวานหยดย้อย

“ไหนๆก็ต้องดูแลเราแล้ว..................ปอต้องอยู่ข้างๆเค้าตลอดนะ  ปอไปไหนเค้าไปด้วย......เค้าไปไหนปอก็ต้องไปกะเค้า” 

“จร้า.............คุณชาย”   ดีจังๆ จะได้อยู่ใกล้ๆกันตลอด

นั่งเรือสักพักนึง พวกเราก็เดินทางถึงเกาะช้าง  (จำไม่ได้ว่ากี่นาที เพราะไม่ได้ไปนานแล้ว) เราก็เหมารถสองแถวไปยังที่พัก   ที่พักของเราคือบ้านป้าของนัท (นัทคือเพื่อนในห้องอีกคนนึง) บ้านเป็นบ้านพักส่วนตัวมีหาดส่วนตัวอยู่ที่หน้าบ้านด้วย  อีกทั้งเป็นบริเวณที่ไม่พลุกพล่านจึงมีความเป็นส่วนตัวมาก

พอไปถึงก็จัดแจงเก็บกระเป๋าเข้าที่   เพื่อนส่วนนึงก็เปลี่ยนเสื้อผ้าลงเล่นน้ำกันเลย (คึกกันจริงๆ  พวกนี้) เราขออยู่บนบกดีกว่าอยู่เป็นเพื่อนภีม  เพราะภีมยังเล่นน้ำไม่ได้เดี๋ยวจะแสบแผล  เรากะภีมก็เดินเล่นกันอยู่ที่ชายหาดกันพักนึงก็กลับมากางเต๊นกัน  คือหน้าบานมีสนามหญ้าเพื่อนๆหลายคนรวมทั้งเราด้วยเตรียมเต๊นมาจากบ้านก็เลยเอาเต็นออกมากางกัน  พอกางเต็นกันเสร็จก็ออกไปซื้อของสดกันเตรียมจัดปาร์ตี้กันตอนเย็น

เพื่อนผู้หญิงก็ช่วยกันเตรียมอาหาร  เราก็ช่วยด้วยเพราะเราก็ทำอาหารเป็นพอสมควรภีมก็อยู่ข้างๆเราตลอด  ส่วนเพื่อนผู้ชายก็มีหน้าที่เตรียมพวกเครื่องดื่ม  พอทุกอย่างเตรียมเสร็จเรียบร้อยงานปาร์ตี้อันแสนสนุกก็เริ่มต้นขึ้น  ทั้งกินทั้งดื่มแล้วก็นั่งคุยกันไป หนุกหนานๆ  เราก็นั่งอยู่กับเพื่อนๆโดยมีภีมอยู่ข้างๆอีกเช่นเคย

“เฮ้ย................กูว่าเรามาตั้งวงเล่นไพ่ป๊อกเด้งดีกว่า” เสียงไอ้โอ๊ตนั่นเอง  ท่าทางมันดูกรึ่มๆแล้ว คงกินเบียร์เข้าไป

“เออๆ.........เอาดิ” เสียงเพื่อนๆเซ็งแซ่ แสดงความเห็นด้วย

แล้ววงการพนันขนาดใหญ่ก็เริ่มขึ้น  โดยมีภีมเป็นเจ้า

“ปอ.....ไม่ต้องเล่นแล้ว   เสียตั้งเยอะแล้วนะ”    ภีมนั่นเอง ..... มันเห็นว่าเราเสียเยอะแล้วมันก็เลยอยากให้เราเลิกเล่น

“ไรอ่ะ......เป็นเจ้าแล้วไม่อยากได้ตังรึไง.....  เงียบเลย!!  แจกไพ่มา...ให้ไวๆ”   ทำเสียงรำคาญนิดหน่อย.....  (จริงๆไม่ได้โกรธหรอกแต่ต้องทำเนียนไว้เดี๋ยวเพื่อนๆจะสงสัย)

“ ตามใจ..........แล้วอย่ามาโวยวายที่หลังไม่ได้นะ”   อ้าว..........ไม่พูดงี้อ่า   นี่พูดจริงๆหรือเนียนเนี่ย

“ไม่หรอกน่า..........นี่เสียไปแค่ 100 เดียวเอง    เดี๋ยวก็ได้คืน   เจ้าเหอะ...ระวังให้ดีเดี๋ยวจะไม่มีเงินกลับบ้าน”   เอาสิๆ...........คราวนี้ไม่เนียนแล้ว  คิดจริง

นั่งเล่นไปสักพักเจ้าก็ได้เอาๆ  เดียวป๊อกแปด เดี๋ยวป๊อกเก้า  ตายละสิ...........เสียไปตั้ง 500 แล้ว เริ่มหน้าเสียแล้วเรา  เริ่มหงุดหงิด..................ตาต่อไปต้องเอาคืนให้ได้

“เฮ้ย...............ป๊อกแปด” น้ำเสียงดีใจสุดฤทธิ์  มองหน้าภีมประมาณว่า.....เป็นไงอ่ะ   จ่ายมาๆ

“โทษทีนะ..................ตานี้เจ้าป๊อกเก้า..” ภีมน้ำเสียงดีใจกว่าเราอีก  มันมองหน้าเรากวนมาก............

“ไรว๊ะ....”  หงุดหงิดๆ  ว่าจะถอนทุนซะหน่อย  ตอนนั้นผีพนันเข้าสิงแล้ว

“ บอกแล้วไง........ว่าให้เลิกเล่นก็ไม่เชื่อ...” น้ำเสียงเนี่ยก็ดูเป็นห่วงเราอยู่หรอก........แต่น่าตากวนส้งติง....จริงๆ

“เลิกเล่นก็ได้ว้ะ........” พูดเสร็จก็สะบัดตูดลุกขึ้นไปเลย   พร้อมๆกับเสียงหัวเราะของเพื่อนๆที่ดังตามมา  ยิ่งทำให้เราโกรธจัด......... เดินตรงไปที่วงไพ่อีกวงนึง   คือ.....เป็นวงเล่นอีแก่กินน้ำอ่า...

“มาๆปอ...........เป็นไรน่าบึ้งเชียว”  เสียงต๊ะนะ....แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใย  โอ้ววววววววววววว...ต๊ะเพื่อนรัก

“เสียป๊อกเด้งมาละสิ” อันนี้เสียงนางชาติ  กะเทยในกลุ่มเรานั่นแหละ   เสียงกวนส้งติงอีกแล้ว

สิ้นเสียงอีชาติ...... เพื่อนๆก็หัวเราะกันยกใหญ่  นี่.......พวกเมิงไม่รักไม่สงสารตรูแล้วเหรอ   ที่ตอนตรูจะย้ายรร.งี้ทำมาเป็นห่วง........ทามมายตอนนี้เป็นงี้อ่า     

พวกมันเริ่มเห็นน่าตาตึงเครียดของเราจึงเลิกขำกัน

“มาๆ........เล่นอีแก่กินน้ำกะพวกเราดีกว่า    ไม่เสียตังด้วย” อันนี้เป็นเสียงของเก่ง (เพื่อนผู้หญิงอีกคนในกลุ่ม)

“อืม.........ก็ดีเหมือนกัน   คลายเครียด”

การเล่นอีแก่กินน้ำของพวกเรามีกฎอยู่ว่าคนที่แพ้ต้องทำตามคำสั่งของเพื่อนๆ  ไม่ว่าเพื่อนๆจะให้ทำอะไรก็ตาม   เราก็เอาตัวรอดได้ตลอดอ่ะนะ  เพื่อนคนอื่นๆก็ผลัดกันโดนทำโทษไป  บ้างก็ให้เต้น  ให้เราเพลง  หรือทำหน้าที่คิดว่าน่าเกลียดที่สุด  แล้วสุดท้าย.... เราก็หนีความซวยที่มันตามครอบงำเราตั้งแต่วงป๊อกเด้งไม่พ้น

“อ้าว.............ให้ปอทำไรดีว้ะเพื่อนๆ”  เสียงนางชาติผู้ร้ายอาจ   มันต้องคิดอะไรชั่วๆอยู่แน่เลย

“ให้ปอเล่นลิเกมั้ย..........”   ต๊ะ...........(เพื่อนผู้แสนดี)  อันนี้ก็ได้..  ไม่ยากหรอกไม่น่าเกลียดด้วย

“เฮ้ย...........ง่ายไปป่าว”  อันนี้เสียงเก่ง....... อยู่เฉยๆก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้หรอก

“ไม่ง่ายไปหรอก.............เพราะว่าเราจะอัดวีดีโอไว้ด้วย”  อ่า............ต๊ะเพื่อนผู้แสนดี  ทามไมทามกันแบบนี้......อยากจะร้องไห้

“เร็วๆดิ...........ยืนเฉยอยู่ได้  บัวจะเริ่มอัดแล้วนะ” บัวนี่เพื่อนในกลุ่มอีกคน........แต่ตอนนั้นไม่อยากเป็นเพื่อนกะมันแล้ว   โกรธ..........................น้อยใจด้วย...............แกล้งกันนี่หว่า   รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมากมาย

“เอาเลยๆ......... ที่กูเงี๊ยะให้ทำโน่นทำนี่  ที่ตัวเอง.......เป็นไงล่ะ    ฮะๆๆๆๆ.....ฮ่า..ๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงเพื่อนในกลุ่มอีกคนชื่อ  ฝน  ซึ่งตอนนั้นก็ไม่อยากเป็นเพื่อนกับมันแล้วเหมือนกัน

สุดท้ายก็ต้องยอมจำนน  ทั้งร้องทั้งรำให้มันถ่ายวีดีโอกัน...........ตรูอยากกลับแล้ว.........น้อยใจอ่าเพื่อนๆไม่รัก

พอมันถ่ายกันจนพอใจมันก็บอกให้เราหยุด......แล้วก็เรียกเพื่อนๆทั้งหมดมาดูวีดีโอที่ถ่ายไว้กัน    ประจานกันเลยอ่า.........  แล้วพวกมันก็ขำกันใหญ่  ซึ่งรวมถึงภีมด้วย...................... ขำจนท้องขดท้องแข็ง  โกรธธธธธธธธ.....

หนีเข้าเต็นเราดีกว่า.....  สักพักนึงก็ได้ยินเสียงเปิดเต็น

“ ปอ...........ทำไมมานอนอยู่นี่ล่ะ”

“..........” เงียบ....ไม่ตอบ...........โกรธ......

“นี่เร็วๆๆ........เค้าออกแขกกันแล้วนะ..........รีบๆไปเล่นลิเกเร็ว” โมโหๆๆๆๆๆๆๆ  ลมขึ้น....

“................” ไม่พูด.........ยังไม่รู้อีกว่าโกรธ.............................

“เป็นไรอ่ะ..........โกรธเหอ”  ( น้ำเสียงภีมเริ่มเปลี่ยน....... เริ่มอ่อนลง ) ตอนที่ภีมพูดภีมก็ล้มตัวนอนข้างๆเราแล้วพยายามจับตัวเราให้หันหน้ามาหามัน    (ตอนนั้นเรานอนคว่ำอยู่) เราก็ฝืนไว้..........ไม่ยอม..โกรธ

“คุยกันดีๆสิคร๊าบบบ.....อย่าเงียบแบบนี้สิ” โอ้ย............ได้ยินแล้ว  จะละลาย (เมิงไม่ใช่ไอติมนะ)

“....................” ยังเงียบอยู่.........(จริงๆอ่ะเริ่มไม่โกรธมากมายแล้ว.... ก็ตั้งแต่ภีมมาง้อนั่นแหละ    แต่..แค่เรียกร้องความสนใจเฉยๆ)

“มะ..มะ..มะ..  หันหน้ามาคุยกันหน่อย” ภีมพูดไปก็พลิกตัวเราให้หันมา  เราก็ยอม      พอภีมมันเห็นว่าเราร้องไห้ด้วยภีมก็เลยดึงเราไปกอด..แล้วก็ปลอบเรา    เราก็ยิ่งร้องไห้ไปกันใหญ่เลย  ภีมก็พูดแต่  ขอโทษๆๆ.... ซ้ำไปซ้ำมา

จนเราหยุดร้องภีมก็เอามือมาเช็ดน้ำตาให้เราแล้วก็หอมแก้มเราฟอดใหญ่........แล้วก็กอดเราไว้อีก   เราก็นอนซบอกภีมอยู่อย่างงั้น   ได้ยินเสียงหัวใจภีมเต้นตูมตาม...คงจะตื่นเต้นมากเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เราได้กอดกัน.....ซึ่งเราก็ไม่ต่างจากภีม......   (อยากจะให้อ้อมกอดนี้อยู่กะเราไปนานๆจัง)


นอนกอดกันอยู่สักพักใหญ่   แม่ภีมก็โทรมา(คงจะเป็นห่วงลูกชายมาก) เราก็เลยผละออกจากกัน  แม่ภีมก็ถามเรื่องโน้นเรื่องนี้....ว่ากินข้าวรึยัง  กินยารึยัง  ที่นอนเป็นไง   ประมาณนี้แหละ

พอภีมคุยกะแม่เสร็จ  ก็หันมามองหน้าเราด้วยแววตาหม่นๆ

“หายโกรธ........เค้ารึยัง”  ตอนแรกก็อยากจะแกล้งหรอกนะ..........แต่ไม่เอาดีกว่า  (สงสารที่รัก)

“หายแล้ว........”   ก็อายๆอ่ะนะ   เมื่อกี้เพิ่งกอดกันอยู่..     ไม่กล้าสบตาภีมเลย

“พูดกัน..  ทำไมไม่มองน่ากันละคับ     หึม.....”  ยังไม่รู้อีก..........ก็คนมันอาย   ยังจะมายิ้มอีก

“ไหน.......ถ้าหายโกรธกันแล้วก็หอมแก้มเค้าทีสิ........ไม่งั้นเค้าไม่เชื่อน้ะ”   ไรอีกอ่า.........ยิ่งอายไปกันใหญ่

แต่ก็ยอมหอมแหละ ก็เดี๋ยวภีมจะไม่เชื่อว่าหายโกรธแล้ว (จริงอ่ะ???)  แล้วภีมก็ชวนเราออกมาข้างนอก  เดี๋ยวๆเพื่อนๆจะสงสัย...

######################################################################

จบไปอีกตอนแล้ว.....................................

ตอนนี้เป็นตอนที่พิมนานที่สุดเลย   เรื่องมันเยอะลำดับเหตุการณ์ไม่ถูก

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
##  เรื่อง  “เรื่องของเค้ากะแก”  ๑๐  ##

 
ไม่พูดพร่ำทำเพลง  เริ่มกันเลยดีก่ะ....................


************************************************************************

หลังจากที่เราออกมานั่งกับเพื่อนๆ  ก็นั่งเล่นนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนสักพักนึงก็มีเพื่อนคนนึงมาเรียก  มันชื่อแจ๊ค  มันมาชวนให้ลงไปดูพลายน้ำที่ชายหาด ทุกคนก็เลยกรูกันไปทุกคน “อุ๊ย.......โครตสวยเลยว่ะ”  เสียงเพื่อนตื่นเต้นตกใจกันยกใหญ่ ส่วนเราอ่ะเฉยๆ  เพราะเคยเห็นหลายครั้งแล้ว  แต่มันก็สวยจริงๆแหละ  ดูได้สักพักพวกเพื่อนๆก็วิ่งลงไปเล่นน้ำกันหมด  ตอนนี้บนฝั่งก็เหลือแต่เรากะภีมแค่สองคน

“ปอ.........อยากเล่นน้ำรึเปล่า”  จริงๆก็อยากเล่นนะ   แต่อยู่เป็นเพื่อนภีมดีก่ะ

“ไม่อ่า......เค้าอยู่เป็นเพื่อนภีมดีกว่า”

“เค้ารู้ว่าปออยากเล่น.........ลงไปเล่นเหอะเราอยู่คนเดียวได้”

“เอางั้นเหอ.......งั้นเราไปเล่นน้ำก่อนนะ”  คือเราชอบเล่นน้ำทะเลตอนกลางคืนมากกว่าตอนกลางวัน  บรรยากาศมันดีกว่ากันเยอะเลย   เวลามองไปบนฟ้าก็เห็นดาวเต็มไปหมดแถมยังมีไฟเรือที่เห็นอยู่ไกลๆด้วยแล้วก็ไม่ร้อนอีกต่างหาก   แล้วจะรอช้าอยู่ทามไมล่ะ ก็รีบวิ่งแจ้นลงทะเลไปเลย................................

พอเราลงไปเพื่อนๆก็ชวนเล่นไล่จับกัน  สนุกมากมายแต่โครตเหนื่อยเลย  ตอนเล่นก็หันไปมองภีมเป็นพักๆ ภีมก็มองมาตาละห้อยคงจะอยากเล่นมากแต่เล่นไม่ได้

วิ่งไล่จับกันจนหอบก็เลยเลิกเล่นกัน   ขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็หิวกันรีบ เลยหาไรใส่ท้องกันหน่อยดีนะที่อาหารที่เตรียมไว้ยังไม่หมด  นั่งสะหวาปามไปคุยกันไป

“กูว่า........เรามาเล่าเรื่องผีกันเหอะ” อันนี้เก่งเป็นคนเสนอขึ้นมา

“เอาดิ........กูเริ่มก่อนเลยแล้วกัน” พอไอ้โอ๊ตพูดมาแบบนี้  มันเริ่มเล่าเรื่องของมันเลย.........

ผลัดกันเล่าไปๆมาๆคนละเรื่องสองเรื่อง นานเข้าๆจากตอนแรกที่นั่งกระจัดกระจายตอนนี้เนี่ย....นั่งชิดติดกันจนไม่มีอากาศจะหายใจแล้ว...........  แต่ถ้าจะแยกมานั่งคนเดียวก็ไม่กล้าอ่ะ

บรรยากาศรอบบ้านที่ตอนมาถึงมองแล้วสดชื่นรื่นรมย์    แต่ทามมัยตอนนี้มันเหมือนบ้าช้าอย่างงี้ว๊า..........  มันดูวังเวงไปหมด  เพื่อนทุกคนก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกัน ก็เลยแยกย้ายกันเข้าเห็นจะดีกว่า

ในบ้านนี่ให้ผู้หญิงเข้าไปนอนส่วนพวกผู้ชายซึ่งรวมถึงเกย์กะเทยด้วยนี่ก็เสียสละมานอนเต๊นที่หน้าบ้านกัน
เราก็นอนในเต๊นที่เอามาแหละนอนคนเดียวด้วยไม่ได้นอนกะภีม  เพราะเดี๋ยวเพื่อนๆจะสงสัยอีกอย่างมันก็เอาเต็นของมันมาด้วย   เราก็เสียวๆอยู่เหมือนกันนะแต่ก็ไม่กลัวมากเท่าไหร่เพราะเต๊นคนอื่นๆก็อยู่ติดกันหมด   

สักพักก็มีเงาตะคุมๆอยู่ที่หน้าเต็น    เอาแล้วไง.................... ตรู.........เจอดีเข้าแล้ว  ทำไงดีว่ะเนี่ย.........เงานั้นมันยังไม่ไปไหนเลย   แล้วเงาตะคุ่มๆนั่นก็ค่อยๆเปิดเต้นออก   เรานี่หายใจไม่ทั่วท้องเลย........กลัวมากๆ จะร้องเรียกใครก็ร้องไม่ออก  แขนขาไม่มีแรงแล้ว

“ปอๆ........    เจมส์ขอนอนด้วยดิ”  เฮ้ออออออออออออออ   ที่แท้ก็เจมส์..... เกือบหัวใจวายแล้วไง

“ตกใจหมดเลย...............เค้านึกว่าผี...  เออๆเข้ามาดิ”

“แหม..........กลัวผีอ่ะดิ”  น้ำเสียงกวนตีงมากๆ

“แล้วเจมส์ไม่กลัวไง๊.......” เริ่มหงุดหงิดนิดหน่อย

“กลัว !!!” แล้วจะมาล้อตรูทามมาย................

“โธ่เอ๊ย!!  แล้วทำมาเป็นปากดี” เยาะเย้ยมันกลับไป

“เออน่า........แล้วนี่ทำไมปอนอนคนเดียวล่ะ”

“ก็ไม่มีใครนอนด้วยอ่า......คนอื่นมันก็เอาเต๊นมาเองท้างน้าน  ”

“เหอ........ดีเหมือนกัน  เราจะได้นอนกะปอ”

“แล้วเจมส์ไม่ได้เอาเต๊นมาเหรอ”

“ป่าว........ก็กะมาขอนอนกับคนอื่นแหละ”  ดีจริงๆ 

อ้อ........ขอเล่าถึงเจมส์นิดนึง  คนอ่านจะได้ไม่งง  คือเจมส์เนี่ย........เป็นเพื่อนในกลุ่มเราอีกคนนึงแหละ  มันค่อนข้างจะสนิทกะไอ้โอ๊ต  ภีม  แล้วก็ยู เจมส์เป็นผู้ชายที่โครตน่าตาน่ารักเลย  ขาวๆ  ตาหวานๆจมูกไม่โด่งมากเท่าไร่ แต่รวมๆแล้วก็ถือว่าน่ารักทีเดียว  ผู้หญิงติดตรึม!!!!!!!!!!!    ตอนที่เห็นเจมส์ครั้งแรกเราก็มองๆเหมือนกันนะ (ก็น่ารักนิ)   เราชอบไปเนียนๆเล่นกะมัน แต่ก็อะไรมากไม่ได้  เพราะตอนนั้นเราก็แอบชอบภีมอยู่แล้ว  ไม่อยากไปยุ่งกะคนอื่นมาก

ถ้าพูดง่ายๆก็คือเราก็..........แอบมองๆเจมส์อยู่เหมือนกัน  แต่ต้องห้ามใจไว้  ไม่ได้ .........มันไม่ดีต่อภีม


พอจบบทสนทนาเรากะเจมส์ก็ล้มตัวลงนอน  ตอนนั้นก็ประมาณ ตี2 แล้ว  ลมทะเลพัดโชยตอนแรกก็เย็นสบายดีหรอกนะ   แต่พอดึกๆเข้าก็ทำให้รู้สึกหนาวได้เหมือนกัน

“ปอ.........เจมส์หนาวจัง    ขอห่มผ้าด้วยดิ”

“อ่ะ........เอาดิ   หนาวสิท่า”

“อืม.......งั้นเราขอกอดหน่อยนะ”  นั่น........เอาแล้ว   แต่ไม่เป็นไรหรอกมั้ง??   ไม่ได้เสียหายไรนิ

“แค่กอดนะ........อย่าทำไรนะโว้ย.......”  กันไว้ก่อน

“เออน่า......เราไม่ทำไรหรอก   ถ้าปอไม่เต็มใจ”  เอาแล้วไง.......โดนไปอีกหนึ่งดอก

“เดี๋ยวเหอะ........ปากดีนัก  เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน” อย่ามายั่วนะเว้ย..........   ยิ่งมองว่าแกน่ารักอยู่ด้วย

“ปากเรานะดีอยู่แล้ว........จะลองจูบดูมั้ยล่ะ”  เอ้า........โดนอีกแล้วตรู   ข่มใจไว้ๆ...

“เยอะและ............นอนดีกว่า”  ก็ปากดีไปงั้นแหละ.........  ที่จริงก็เริ่มหวั่นๆแล้วเหมือนกัน  นี่มันจะมามุกไหนว่ะเนี่ย???

“ฝันดีนะคับปอ” เอาเข้าไป .........  เราเลยไม่กล้านอนหันหน้าไปทางมันเลย   หันหลังให้มันดีก่ะ(ไม่ได้ให้ท่านะ)

นอนก็นอนไม่หลับ  ทามไมมันเป็นอย่างงี้เนี่ย............ นึกถึงหน้าภีมไว้ (เค้าไม่ได้นอกใจนะตะเอง  เค้าแค่ตื่นเต้นเฉยๆ)  นอนข่มตายังไงก็นอนไม่หลับ

สักพักเราก็เห็นเจมส์มันชะโงกมาดูเรา (เรานอนหยีตาดูแอบมันอยู่) แล้วเจมส์มันก็พูดเบาๆว่า

“นอนซะแล้ว.....  หลับง่ายจริงๆเลย”  ตอนนั้นเราก็เงียบๆไว้ก่อนทำเนียนเป็นหลับ   อยากรู้ว่ามันจะทำไรต่อ......

แล้วเจมส์มันก็เอื้อมมือมากอดเราแล้วก็เขยิบเข้ามาติดเราซะจนตอนนี้หัวเราเกยอยู่กะคางมัน  ส่วนแผ่นหลังเราก็แนบชิดติดอยู่กับหน้าอกของมันด้วย  ยิ่งทำให้เราใจเต้นแรงไปกันใหญ่   แค่นั้นยังไม่พอ....เจมส์มันหอมแก้มเราด้วย  แล้วมันก็พูดเสียงอู้อี้ว่า........

“ทำไมเราไม่เคยอยู่ในสายตาปอบ้างนะ..........เราชอบปอนะ” แล้วเจมส์ก็กอดเราแน่นขึ้นกว่าเดิม

ตอนนั้นเราทำไรไม่ถูกเลย........ เรานอนคิดถึงคำพูดที่เพิ่งได้ยินซ้ำไปซ้ำมาจนหลับไป


#########################################################################

gateau

  • บุคคลทั่วไป
เอาแล้วไง ...เนื้อหอมขึ้นมาแล้วสิ         :m1:

แล้ววันนี้จะไม่ยอมนอนเหรอ

แต่พี่ไป  :a12: ก่อนนะ...

 

abcd

  • บุคคลทั่วไป
 :mc4: ได้เจาะไข่กรแระ อิอิ ขยันจังมาลงซะเกือบเช้าเชียว เอิ๊กๆๆๆ :a12:

ขอนิดนุงนะกรพวกตัวสะกดนะ อย่างเช่น โทรศัพท์-โทรสับ แบบว่า เด๋วเจ๊สองมาเหงเข้ามานจะไม่งามนะ555  :m26:

ว่าแต่เปงเรื่องจริงๆของกรเลยใช่ป่าว น่ารักดีนะ  :m1:



 :oni1:




ปล. ชื่อเรื่องไม่เร้าใจเลยอ่ะ ลองหาชื่อเรื่องที่ดึงดูดกว่านี้ซักหน่อยจิ เอาแบบเหงแล้วคลิ๊กเลยอ่ะ   :oni3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2007 04:14:39 โดย º★*.๑۩۞۩๑..*ღ• »

T-Jang

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องน่ารักดี มาเล่าต่อนะ
เรื่องตั้งแต่มัธยม ตอนนี้ก็มหาลัยแล้วซิครับน้องกร :a11:

acht

  • บุคคลทั่วไป
อ่าน 10 ตอนรวด สนุกจังเลย  :m3:
อ่านแล้วลื่นดีนะ ไม่ค่อยสะดุดเท่าไหร่ เป็นกำลังใจให้  :ped149:

three

  • บุคคลทั่วไป
  o13ลื่นไหลมากๆครับอ้อความรักในสมัยมัทธยม :o8:คิดถึงจังเลย :pig3:
สู้ๆนะครับผม :oni2:

satan666

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักกุ๊กกิ๊กจังเลยอ่ะ ชอบๆ

รักใสๆวัยกระเตาะ อิอิ :m1:


ออฟไลน์ RN

  • Global Moderator
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1650/-14
อ่านรวดเดียวเลย..สะใจเลย

เนื้อเรื่องน่ารักดี

ชอบๆๆ

ขยันลงด้วย..รออ่านตอนต่อไปนะ..อิอิ :oni2:

sakura

  • บุคคลทั่วไป
เราอ่านแล้วหนกมากกกกกกกเลยละ
แล้วจะมารอตอนต่อไปนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ ดวงความรักกำลังมาแรง  :mc4:  :mc4:

ออฟไลน์ しろやま としんや

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +921/-157
อัพได้รวดเร็วทันใจดีเจงๆ 

อ่านให้สะใจกันไปเลย  o13

เป็นกำลังใจให้คุณนกกระจอกเทศนะครับ  สู้ๆ

detective Q

  • บุคคลทั่วไป
อึ๋ยยยยยยยย
ทำไงดีอะแก
เค้าบอกว่าเรื่องของเค้าอ่ะแก
ยุ่งไม่ได้อ่ะแกทำไงดี
 :oni3:

min_min

  • บุคคลทั่วไป
วัยใส  คิคิ

อิจฉาเจรงๆๆ  ตอนอยู่ม.ปลาย  มัวแต่เล่นวิ่งไล่จับ  บ่อได้สนใจใครเลย

รอตอนต่อไปนะคร้าบบบ

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
ศึกชิงนายเกิดขึ้นและ สงครามกะลังก่อตัวขึ้น

piyakorn

  • บุคคลทั่วไป
 :a4:เข้ามาช่วยดันครับ สู้ๆๆ

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
##  เรื่อง  “เรื่องของเค้ากะแก” ๑๑  ##



********************************************************************


พอเรารู้สึกตัวมาตอนเช้า   เจมส์ก็ไม่อยู่แล้วเราก็เลยกะว่าจะนอนเอาแรงอีกซักสองชั่วโมง 

“ปอๆ.........ยังไม่ตื่นอีกเหรอ”  จะเป็นใครไปล่ะ........... ถ้าไม่ใช่สุดที่รัก  (พูดได้ไม่อายปาก)

“อืม.........ขอนอนอีกแป๊ปนึงนะ  ยังง่วงอยู่เลย.....”  เราก็ตอบแบบงัวเงียๆ

“ตื่นได้แล้วครับ........เพื่อนๆเค้าจะออกไปข้างนอกกันแล้วน๊า.......” ในขณะที่ภีมพูด  มันก็แทรกตัวเข้ามาในผ้าห่มเรา  แล้วก็หอมแก้มเราฟอดใหญ่

“อีกแป๊ปนึงนะ........ขออีกนิดเดียว”  แล้วเราก็เขยิบเข้าไปนอนหนุนตรงหน้าอกภีม  แล้วก็กอดมันด้วย (อุ่นดีจัง)

“คร๊าบบบบ.......ปอ..เมื่อคืนนอนคนเดียวเหรอ ??” เอาไงดีว้ะ........จะบอกว่าไงดีล่ะทีนี้

“ปอก็นอนคนเดียวนะสิ.....ไม่มีใครสนใจเลย...ปล่อยให้เรานอนหนาวอยู่คนเดียวทั้งคืน” จริงๆก็ไม่ได้กะจะโกหกอะไรหรอกนะ...แค่อยากจะอ้อนภีมเฉยๆ

“แล้วทำไมไม่บอกเค้าล่ะ.......เค้าจะได้มานอนกอดปอทั้งคืนเลย” เลี่ยนอีกแล้ว.... แต่ก็ชอบนะ

“ก็เค้าเห็นภีมหลับไปแล้วอ่ะ.......ก็เลยไม่อยากกวน”

จากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาอะไรอีก  เราก็แค่นอนกอดกันเฉยๆแต่ภีมนะมันก็แกล้งเราตลอด  บางทีก็แกล้งบีบจมูกเราบ้างเอามือมาเขียนหน้าเราบ้างๆหอมแก้มเราบ้าง  ก็นิดนึงแหละนะคนไม่ค่อยมีโอกาสอยู่ด้วยกันสองต่อสองก็ขอเก็บเกี่ยวความสุขด้วยกันหน่อยเหอะ

“เฮ้ย!!!!...... ใครที่ยังไม่ตื่นไปอาบน้ำอ่ะ...เร็วๆเข้านะ  เค้าจะไปกันแล้ว” เสียงเจมส์ตะโกนบอกเพื่อนๆที่ยังอยู่ในห้วงนิทรากันอยู่

เรากะภีมก็เลยลุกไปอาบน้ำกัน   โชคดีที่บ้านป้านัทมีห้องน้ำอยู่หลายห้องพวกเราก็เลยใช้เวลาอาบน้ำกันไม่นานนัก  ทุกๆคนก็ออกมายืนรอกันที่สนามหญ้าหน้าบ้าน

เมื่อทุกอย่างพร้อม................เราก็ออกเดินทางกันโดยเอารถกระบะไปกัน   จุดหมายปลายทางของเรามีหลายที่ก็ตั้งใจกันไว้ว่าวันนี้จะทัวร์ให้รอบเกาะช้างกันเลย   สถานที่แรกที่เราไปกันก็คือหาดทรายขาว

พวกเราไปถึงที่นั่นประมาณบ่ายๆก็หาไรใส่ท้องกันก่อน (ขอบอกว่าอาหารแพงอ่า.....แต่ก็อร่อยดี)
พออิ่มแล้วเพื่อนๆก็เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน....แต่เราไม่ได้เล่นหรอกแดดร้อนขนาดนั้นอีกอย่างภีมมันก็เล่นไม่ได้ด้วย.... เลยอยู่เป็นเพื่อนภีมดีกว่า   ส่วนเพื่อนๆก็ดำผุดดำว่ายกันอย่างสนุกสนาน

ส่วนเรากะภีมนะเหรอ......ก็นั่งคุยนั่งเล่นกันอยู่ที่ใต้ต้นไม้ริมชายหาดนั่นแหละ   สักพัก....พ่อเราก็โทรมาหาถามเรื่องที่ไปเที่ยวกันว่าเป็นไงบ้าง....  เราก็เลยเดินออกไปคุยไกลมาจากที่นั่งกะภีมนิดหน่อย......พอคุยกะพ่อเสร็จหันกลับมาก็ไม่เห็นภีมแล้วไม่รู้หายไปไหน????

"โอ๊ยยยยยย !!!!!"  พอเราหันหน้าไปทางที่มาของเสียงร้องนั่น.... ก็เห็นภีมกำลังเอามือกดที่แผลที่ตรงหัวเข่า...เราก็เลยรีบวิ่งไปหาภีม

"เป็นไร......"

"เจ็บแผลอ่า......  ดูให่หน่อยสิ..."  ภีมพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆหน่อย....

เราก็เลยดูที่แผลที่เริ่มตกสะเก็ดแล้ว..ก็เห็นว่าที่แผลมันมีเศษเปลือกหอยติดอยู่ที่แผล...  เราก็เลยใช้เล็บเขี่ยออกให้จนหมด...

"แล้วทำไมลงมาเล่นน้ำได้ล่ะเนี่ย  ????" เราถามด้วยน้ำเสียงดุนิดหน่อย...  ภีมก็ทำหน้าเหมือนเด็กที่กำลังโดนผู้ใหญ่ตำหนิแล้วก็พูดว่า....

"ก็เค้าอยากเล่นน้ำบ้างนิ....มาทำเลทั้ง
ที่...แต่ต้องมานั่งดูเพื่อนๆเล่นน้ำกัน"  พอได้ยินอย่างนั้นเราก็เลยโกรธไม่ลง...ก็เข้าใจภีมอ่ะนะ....

"แล้วแสบแผลมั้ยนั่นนะ ???"  ภีมก็บอกว่าแสบแค่ตอนลงมาเล่นน้ำใหม่ๆ...ตอนนี้ไม่แสบแล้ว....พอจบบทสนทนาภีมก็ดึงเราลงไปเล่นน้ำด้วย....  เราก็เลยเล่นน้ำกับเพื่อนๆอย่างสนุกสนาน....... ส่วนพวกผู้ชายก็ขึ้นจากน้ำไปเล่นฟุตบอลกันอยู่ที่ชายหาด


พอเล่นน้ำกันจนเริ่มเบื่อแล้ว..เราก็ขึ้นรถกันเพื่อออกเดินทางไปยังสถานที่ต่อมา...นั่นก็คือน้ำตก...(จำไม่ได้แล้วว่ามันชื่อว่าน้ำตกอะไร)  เราจอดรถกันไว้แล้วก็ต้องเดินเข้าไปอีกนิดนึง...ก็ได้เห็นน้ำตก   ช่วงที่เราไปนั้นเป็นช่วงที่น้ำตกไม่ค่อยมีน้ำมากนัก  แต่ก็มีพอให้พวกเราได้เล่นกัน   พอไปถึงเพื่อนๆซึ่งรวมถึงเรากะภีมด้วยก็ลงเล่นน้ำตกกันอย่างหนุกหนานเช่นเคย....ไปเที่ยวกับเพื่อนเยอะๆนี่....มันสนุกดีจริงๆเลยเฮอะ..........


เล่นน้ำตกกันจนเย็น....พวกเราก็เดินกลับมาขึ้นรถกัน   แต่พอขากลับนี่ทำไมรู้สึกว่าทางเดินระหว่างน้ำตกไปยังรถนี่มันไกลจัง.....   ตอนแรกเรากะภีมก็เดินอยู่ช่วงกลางๆของกลุ่มเพื่อนๆ   แต่พอเดินไปเดินมากลับมาอยู่ท้ายแถวเพราะว่าภีมมันบอกว่ามันรู้สึกเจ็บแผลแล้วก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะมีไข้....เรากะภีมก็เลยเดินช้าหน่อย

"ภีม....ไหวปะเนี่ย???"  เราถามภีมหลังจากที่เอามือไปจับที่หน้าผากภีมแล้วรู้สึกว่า...ภีมเริ่มตัวร้อนรุมๆแล้ว

"ยังไหวอยู่น่า....แต่รู้สึกเจ็บแผลอ่ะ..."  เราลืมบอกไปว่า...เหตูที่เปลือกหอยเข้าไปติดอยู่ในแผลภีมเพราะว่า...ตอนที่มันเดินลงไปในทะเลอ่ะ...คลื่นมันซัดแรงภีมก็เลยลมแล้วแผลไปกระแทกโดนกับเปลือกหอย...

"ทนอีกนิดนะ....จะถึวรถแล้ว"  ตลอดที่เดินกลับมาเนื่องจากเรากะภีมเดินอยู่ท้ายกลุ่มซึ่งไม่มีใครสนใจหันมามอง...เราก็เลยเดินจับมือกันมาตลอด..   ยิ่งเดินไปภีมก็ยิ่งเจ็บแผลมากขึ้นเราก็เลยยิ่งเดินช้าลง.....  ตอนนี้เพื่อนๆคงไปรอที่รถกันหมดแล้ว...

พอเรากะภีมเดินออกมาจนถึงรถเราก็ปล่อยมือกัน...ถึงเพื่อนๆจะไม่เห็นว่าเรากะภีมจับมือกัน...แต่เราสองคนเดินออกมาช้ากันแค่สองคน...  เพื่อนๆก็เลยแซวกันใหญ่เลยว่า...  ไปแอบสวีทกันที่ไหนมาภึงออกมาช้าแบบนี้...


พอเราบอกเพื่อนๆว่า...ภีมมันไม่สบายเพื่อนๆก็เป็นห่วงกันใหญ่.....  พอเป็นแบบนี้เพื่อนๆก็ตกลงว่าจะกลับกันเลยไม่ไปต่อกันแล้ว ...   แต่ภีมมันก็บอกว่า..อย่าเลย!!!!   ไปเที่ยวกันต่อเหอะ..อุตส่ามาเที่ยวกันทั้งทีอย่าให้มันต้องมาตัวถ่วงเลย...มันไม่เป็นไรมากหรอก....    เพื่อนๆก็เลยไปเที่ยวอีกที่กันต่อ


สถานที่ต่อมาที่พวกเราไปกันก็เป็นอีกหาดนึง   เราจำไม่ได้อีกแล้วว่ามันชื่อหาดอะไร...   ตอนที่ไปถึงที่นั่นก็ช่วงประมาณใกล้ค่ำ...ดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าพอดี...เป็นช่วงที่บรรยากาศดีมาก...ดวงอาทิตย์สวยมากท้องฟ้าก็เป็นสีแดงส้ม...เป็นภาพที่น่าประทับใจมากๆยิ่งเราได้มายืนดูอาทิตย์ตกดินโดยมีคนที่เรารักอยู่ข้างๆอีก...มันยิ่งช่วยให้บรรยากาศมันดีไปใหญ่


หลังจากนั้นเราก็ขับรถเล่นกันต่อจนรอบเกาะเลย  มีแวะตรงนั้นตรงนี้ไปเรื่อยๆจนกลัมาที่พักกัน...พอกลับมาเราก็อาบน้ำแล้วทำอาหารทะเลกินกัน...พอกินเสร็จเราก็ให้ภีมกินยาแล้วบอกให้นอนพักซะ....ภีมก็เลยเข้าไปนอนอยู่ในเต๊นเรา...  ส่วนเรานะเหรอก็นั่งเล่นนั่งคุนกะเพื่อนอยู่ที่สนามหญ้านั่นแหละ....


"ปอ...ไอ้ภีมไปไหนแล้วล่ะ"  เจมส์ถามเราขึ้นมากลางวงเพื่อนๆที่กำลังนั่งคุยกันอยู่...

"นอนแล้วแหละ....ทำไมเหรอ" ตอนที่พูด..ภาพของเจมส์ในคืนนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัว...ตอนที่เราตอบเจมส์กลับไปเราก็เลยไม่ได้มองหน้ามัน

"ปล่าวหรอก....แค่เป็นห่วงมันนะ"

"เหรอ..."

"ปอ...ปลอกมะม่วงให้กินหน่อยดิ"  มะม่วงนี่มีเพื่อนเอาติดมาจากบ้านน่ะ

"แล้วทำไมไม่ปลอกเองอ่ะ...ขี้เกียจ" จริงๆก็ไม่ได้ขี้เกียจหรอก...แต่รู้สึกยังไงไม่รู้..   คงเพราะว่าเรารู้สึกแปลกๆกะเจมส์ตั้งแต่เหตุการณ์คืนนั้น (แม้ว่าเราจะเคยแอบๆกรุบกริบมันบ้างก็เหอะ)

"ปลอกให้หน่อยดิ....น๊า...นะ..เราปลอกไม่เป็นอ่า..." จะมาอ้อนไรเราเนี่ย...(คิดในใจ)  แต่ก็แอบอายมันเหมือนกันนะ

"ปอ...เมิงก็ปลอกให้มันแดกหน่อยดิ..."  อันนี้ไอ้โอ๊ต..เสล่อตลอด


เราก็เลยปลอกมะม่วงให้มันกิน..จริงๆแล้วมันก็คงปลอกไม่เป็นจริงแหละ...เพราะขนาดให้มันล้างจานมันยังล้างไม่ได้เลย...  เพราะมันบอกว่ามันแพ้น้ำยาล้างจาน (คุณหนูจริงๆ)


หลังจากที่นั่งคุยกันไปนานพอสมควร (เรื่องที่คุยกันก็เป็นเรื่องสัพเพเหระทั่วไป...ผลัดกันเล่าเรื่องตลกบ้าง  เราถึงตอนที่เข้ามาใหม่ๆบ้างว่าใครเป็นยังไง  สรุปก็เมาท์กันนั่นแหละ) จากนั้นเราก็แยกย้ายกันเข้านอนเพราะว่าพรุ่งนี้ก็ต้องกลับกันแล้ว.....

เราก็เข้าไปในเต๊น...เห็นภีมนอนหลับอยู่เราก็เอามือไปจับที่หน้าผากก็รู้สึกว่าตัวเริ่มไม่ค่อยร้อนแล้ว...แต่ถึงอย่างงั้นเราก็เป็นห่วงภีมอยู่ดี.... คืนนั้นเราเลยไม่ได้นอนเลย..นั่งเฝ้าภีมทั้งคืน..  ถึงตัวจะไม่ค่อยร้อนแล้วแต่เราก็เช็ดตัวให้ภีมเป็นพักๆ   เป็นห่วงมันมากกลัวว่าถ้าภีมปล่อยกับไปบ้าน..ต้องโดนแม่มันบ่นแน่ๆเลย..  แล้วคราวหน้าถ้ามีนัดไปเที่ยวไหนกันอีกแม่มันจะไม่ให้มันไปนะสิ.....


พอตื่นเช้ามา..ภีมมันก็เห็นเรานั่งมองมันอยู่   มันก็เลยถามเราว่า...นี่ปอไม่ได้นอนเหรอ???  พอมันรู้ว่าเราไม่ได้นอนเพราะเป็นห่วงมัน   มันก็เลยโมโหตัวเองที่ทำตัวเป็นภาระเรา   เราก็เลยบอกว่าไม่เป็นไรนิ...เราพาลูกเค้ามาก็ต้องดูแลสิ... 


พอตื่นเราก็เตรียมแปรงสีฟันไว้ให้ภีม..แล้วให้มันไปล้างหน้าแปรงฟันแต่ไม่ต้องอาบน้ำ...แต่ภีมก็ไม่ยอมบอกว่าดีขึ้นแล้ว  อยากอาบน้ำด้วยเราก็เลยยอม...แล้วก็ส่งอุปกรณือาบน้ำให้มัน (คือเรากะมันใช้อุปกรณ์อาบน้ำชุดเดียวกัน   ภีมมันบอกว่าเราอยากใช้อะไรก็ซื้อมาแล้วมาใช้ด้วยกัน...ซึ่งมันก็เป็นคนออกตังด้วย...เฮ้ออออ..ดีจริงๆ)

พออาบน้ำกันเสร็จ...ก็เก็บข้าวของกันเพื่อเตรียมไปขึ้นเรือเพื่อที่จะกลับ   ตอนนั้นเรากำลังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าอยู่ภีมมันก็เดินมาหาเรา

"อ่ะ....นี่"  เราหันไปก็เห็นภีมมันยื่นเงินให้เรา  .....งง

"ค่าไรอ่ะ???"

"ก็เงินที่ปอเสียไพ่ไง.....นี่..เอาคืนไป"

"ทำไมอ่ะ??....ภีมเป็นเจ้านิ...แล้วเราก็เล่นเสียเอง  ภีมเอาไปเหอะ???  "


"เอาคืนไปเหอะน่า.....เราไม่อยากได้เงินปอหรอกนะ..."  มันก็พูดยิ้มๆ ออกแกมเยาะๆเรานิดหน่อย...  แต่เราก็ไม่คิดมากหรอกนะ  เรื่องเงินเรื่องทอง...เราก็เลยเอาเงินคืนมา (ขี้งก)

พอนั่งเรือไปถึงฝั่งก็เห็นรถมารับอยู่แล้ว(ซึ่งก็เป็นรถของพ่อเพื่อนคันเดิมที่มาส่งนั่นแหละ..)  แต่อีกคันนึงยังไม่มา..ซึ่งก็เป็นรถของพ่อเราเอง

"ปอ....เค้ารอกลับพร้อมปอนะ"

"ภีมกลับไปก่อนเหอะ....เดี๋ยวพ่อเราก็มาแล้ว...ภีมยิ่งไม่ค่อยดีอยู่ด้วย"

เราก็พูดบังคับภีมมันอยู่พักนึงจนมันยอมกลับไปก่อน....สักพักไม่นานพ่อเราก็มารับเรากับเพื่อนๆอีกกลุ่มนึงที่รอยู่...


#######################################


มาลงให้แล้วนะ...ตอนนี้รู้สึกว่าภาษามันแปลกๆ  เพราะรีบพิมรีบโพสมาก........กลัวเครื่องมันดับอีก

ขอโทษด้วยนะ......ที่มาลงให้ช้า........

ภายในวันนี้เราจะรีบพิมให้อีกตอนนึงนะ...

ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีหั้ย.....จุ๊บๆ

ปอรอ......ที่มีคำแนะนำเรื่องชื่อเรื่องน่ะ....  ขอบคุณมาก  เราก็ว่าชื่อมันไม่ค่อยน่าสนใจ...แต่ตอนนั้นคิดชื่อไม่ออกจริงๆ   ก่อนที่จะเอามาลงในนี้ก็คิดว่าจะเปลี่ยนชื่อเหมือนกัน...แต่มันคิดไม่ออกก็เลยใช้ชื่อเดิมไป     ถ้าจะมาเปลี่ยนตอนหลังก็กลัวว่าจะงงกัน........แต่ขอบคุณมากจ้า....สำหรับคำแนะนำ

มีไรก็ชี้แนะด้วยน๊า............เราจะได้ปรับปรุง   ยินดีรับฟังทุกๆคำชี้แนะ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ขอติงนิดนึงนะ พอดีอ่านแล้วสะดุดอ่ะ  ปอกมะม่วง  ไม่ใช่ ปลอกมะม่วง  :m21:

satan666

  • บุคคลทั่วไป
เจมส์ต้องกลายมาเป็นอุปสรรคในวันหน้าแน่เลย อิอิ


จะรอตอนต่อไปน๊า :oni2:

min_min

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องของเค้ากะแก

แล้วช้านมายุ่งไรด้วยเนี่ยยยยย    คิคิ

เจมส์ต้องชอบปอแน่ๆเลยอ่ะ  อ๊า  ศึกชิงนาย

รอตอนต่อปายยยยย   


 :m13: :m13: :m13: :m13: :m13:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด