มาอัพในวัน 5555 นะคะ อ่านไปหัวเราะไปเน่อเจ้าบทที่ 15 ในความมืด รัฐกรณ์ใช้ค้อนงัดแผ่นไม้ออกไปอย่างยากลำบาก จะขอให้การุณช่วยก็ใช่ที พอขอวสันก็ไม่ยอมท่าเดียว เป็นเหตุให้หนุ่มที่ตัวเล็กที่สุดต้องมาออกแรงงัดไม้อยู่นาน กว่าที่แผ่นไม้จะหลุดออกจนหมด เหงื่อก็โชกไปทั่วแผ่นหลัง รัฐกรณ์เปิดประตูออกไป
ทันทีที่บานประตูเผยให้เห็นความดำมืดของราตรี สายลมเย็นก็วิ่งลอดผ่านเข้ากระทบกายของเด็กหนุ่มจนขนบริเวณแขนเขาตั้งชัน การุณส่งเสียห้ามอีกครั้ง แต่นั่นก็หาได้ทำลายความตั้งใจของรัฐกรณ์ ว่าที่หมอเดินย่างออกไปด้านนอกอย่างมุ่งมั่น กุญแจรถตู้อยู่ในมือของเขา เขากำมันไว้แน่นค่อยๆย่างก้าวไปอย่างระวัง
แสงไฟจากไฟฉายกระบอกเล็กสาดส่องไปยังทางเดิน เสียงลมต้องใบไม้เกิดเสียงแผ่วเบาน่าวิตก หลายต่อหลายครั้งที่รัฐกรณ์ต้องส่องไฟฉายไปหาต้นเสียงที่เกิด แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า โชคดีที่วสันจอดรถไม่ไกลจากหน้าตึกเท่าไร
รถตู้สีขาวจอดอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่ม กุญแจอันนั้นค่อยๆแหย่ลงไปอย่างลำบากด้วยเพราะความมืด แต่เขากลับทำมันหล่นลงเพียงเพราะตกใจที่อยู่ๆก็มีลมพัดมากระทบ กุญแจตกกระเด็นเข้าใต้รถหายลับไป นั่นทำให้รัฐกรณ์อารมณ์เสียพอควรที่ตกใจไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ไฟฉายอันเล็กส่ายไปมาตรงช่องใต้รถ รัฐกรณ์คุกเข่ากับพื้นก้มหัวลง สอดส่องหาสิ่งที่ทำหล่น ไม่นานก็พบลูกกุญแจที่ตกอยู่ตรงกลางใต้รถตู้ รัฐกรณ์วางไฟฉายลงที่พื้นส่องไปยังเป้าหมาย เขาก้มลงต่ำกว่าเดิมแล้วลองยื่นมือเข้าไปดู แต่ระยะทางยังอีกไกล เขาตัดสินใจใช้ส่วยบนลอดเข้าไปใต้รถ แต่ก็เป็นไปอย่างลำบากในที่แคบและมืดแบบนี้
แต่แล้วชายหนุ่มต้องใจเต้นรัว ทันทีที่เขาคว้าเอากุญแจได้ เสียงฝีเท้าดึงขึ้นมา เขาหยุดฟังครู่หนึ่งเพื่อยืนยันว่าไม่ได้หูฝาดไปเอง และถ้าเขาฟังไม่ผิด เสียงนั้นค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ รัฐกรณ์ใจสั่น ต่อให้เขาใจแข็งแค่ไหนแต่เหตุการณ์คืนนี้มันก็เกินกว่าที่จะรับไหว เขารีบคลายออกมาจากใต้รถ คว้าเข้ากับไฟฉายก่อนจะหันไปทางต้นเสียงที่ใกล้เข้ามา
“เห้ย ตกใจหมด” การุณส่งเสียงดังที่อยู่ๆรัฐกรณ์ก็ส่องไฟมาหา วสันที่อยู่ข้างๆก็ดูตกใจไม่แพ้กันแต่ก็ไม่ได้โวยวาย
“มาทำไม” รัฐกรณ์ถาม
“เป็นห่วง มันอันตรายนะ” การุณตอบ แต่ก็ไม่วายมองซ้ายขวาระวังตัวอยู่ตลอดราวกับอะไรจะโผล่ขึ้นมา
“อืม” รัฐกรณ์รับคำ เขาถอยรักษาระยะห่างจากทั้งสองคนไว้เล็กน้อย ก็คงจะไม่แปลกใจนักที่ในเวลาแบบนี้ คงไม่เป็นที่ปลอดภัยนักหากจะอยู่ใกล้กับคนอื่นที่ยังไม่รู้จักดีนัก เขาเองก็รู้สึกผิดกับทั้งการุณและวสันที่ต้องคิดใส่ร้ายว่าทั้งสองอาจเป็นคนที่ทำเรื่องทั้งหมดไป
แต่อีกส่วนหนึ่งของใจก็กลับรู้สึกดีที่อย่างน้อยก็มีคนมาสำรวจเป็นเพื่อนด้วย
รัฐกรณ์ใช้กุญแจไขประตูอย่างบรรจง จัดแจงเปิดไฟในรถให้สว่างเป็นที่เรียบร้อย ประตูเลื่อนถูกเปิดออกมา กลิ่นคาวเลือดพุ่งออกมาตามทันทีทำเอาการุณปิดจมูกแล้วเลี่ยงออกไปทันที รัฐกรณ์ก้าวขึ้นไปค่อยๆเดินไปสู่หลังรถ ผ้าคลุมอันใหญ่บดบังร่างใหญ่ของวรวิทย์จนมิด ข้างๆนั้นมีห่อผ้าเล็กๆวางอยู่เช่นกัน วสันชำเลืองมองอยู่ตรงประตูอย่างหวาดกลัว ปล่อยให้การุณอาเจียนอยู่เพียงลำพังที่ด้านหน้าของรถ
ทันทีที่เปิดผ้าออก กลิ่นควาเลือดยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นจนรัฐกรณ์ต้องเอาแขนเสื้อขึ้นปิดจมูกไว้ ภาพที่เห็นน่าสะเทือนใจไม่เปลี่ยน ร่างของชายตัวใหญ่ไร้หัวเอนตัวอิงข้างผนังรถ มีคราบเลือดเปรอะไปทั่วทั้งเพดาน หน้าต่าง ไหลย้อยไปตามลำตัวรถด้านนอกผ่านทางหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้
รอยแผลที่ลำคอของวรวิทย์ดูจะเรียบร้อยกว่าของภคดล ถึงแม้จะไม่ได้เรียบสนิทแต่ก็ถือได้ว่าค่อนข้างสวย ราวกับถูกตัดออกไปในครั้งเดียว ผิดกับภคดลที่มีรอยฟันอยู่หลายครั้ง การค้นพบนี้ยิ่งทำให้รัฐกรณ์ขนลุกกับความคิดของเขามากยิ่งขึ้น ใครกันจะมีแรงมหาศาลที่จะตัดคอชายหนุ่มให้ขาดออกได้ในพริบตา ใครกันที่จะลงมือได้บนสถานที่ปิดตาย
ถ้าไม่ใช่สิ่งลี้ลับขนต้นคอของเขาลุกตั้งอย่างพร้อมเพรียง รัฐกรณ์รีบคลุมผ้าไว้ที่เดิม เขาเดินลงมาจากรถจัดแจงปิดไฟทุกอย่าเรียบร้อย
“กลับกันเถอะครับ” วสันที่ดูหวาดระแวง ชักชวนให้กลับไปในตัวอาคาร
“ครับ” รัฐกรณ์เห็นด้วย เขาส่องไฟฉายไปยังทางเดินกลับ และทั้งสามก็ค่อยๆกลับมายังห้องโถงชั้นหนึ่งอีกครั้ง
ถึงแม้จะมีศพอยู่ในอาคารแต่ แต่ได้อยู่ในที่ที่มีแสงสว่างก็ทำให้อุ่นใจไม่น้อย วสันปลีกตัวนั่งตรงโซฟาเป็นคนแรก เหลือเพียงการุณและรัฐกรณ์ที่ยังยืนอยู่
การุณดูแย่ ใบหน้าที่เคยมีสีเข้มนั้นกลับดูซีดเซียว เขาเดินอย่างไร้เรี่ยวแรงไปนั่งที่เก้าอีกตัวที่ว่าง รัฐกรณ์มองตามอย่างเป็นห่วง คงเป็นเพราะตกใจกับการเสียไปของเพื่อนๆ ไหนจะอาเจียนเสียหลายครั้ง
“นายเป็นไงบ้าง” รัฐกรณ์เข้าไปถามไถ่
“…..” การุณส่ายหัว แต่ก็ดูไม่ดีนัก
“เดี๋ยวกินยาสักหน่อยดีกว่าไหม ยาอยู่ในกระเป๋า” รัฐกรณ์เสนอ แต่คนตัวใหญ่ก็บอกบัดอยู่ท่าเดียวจนต้องบังคับ
“เดี๋ยวมานะครับ” รัฐกรณ์บอก แต่อีกสองคนที่เหลือยืนยันว่าจะไปด้วยกัน รัฐกรณ์ก็เห็นดีด้วย เพราะจะได้ขึ้นไปดูคุณสาวิตรีและสรรพวุฒิด้วย
ทางเดินแคบๆบนชั้นสองทอดยาวไป ทั้งสามเลี้ยวตรงหัวมุมเดินไปยังสุดปลายทาง ได้ยินเสียงอะอื้นของหญิงสาวเป็นระยะ ทำเอาใจฝ่อไป พอไปถึงก็พบว่าประตูห้องปิดไว้ด้วยกุญแจสีเหลืองอย่างแน่นหนา สรรพวุฒิกอดสาวิตรีไว้ในอ้อมอก
“มาทำไม” สรรพวุฒิตวาดเมื่อเห็นทั้งสามยืนอยู่หน้าห้อง
“ผมเป็นห่วงพวกคุณนะ” รัฐกรณ์อธิบาย แต่ไม่ว่าอย่างไรสรรพวุฒิก็ไม่ยอมเชื่อ เขาไล่ทั้งสามคนจนเสียงเริ่มจะแหบ การุณเห็นท่าไม่ดีจึงดึงรัฐกรณ์ออกมาเสีย
“เดี๋ยวใกล้เช้าเราค่อยมาตามก็ได้ครับ”
ทั้งสามเดินมาจนถึงทางแยกอีกครั้ง ทางซ้ายเป็นทางไปยังห้องของการุณและรัฐกรณ์ ทาขาวมือเป็นห้องของวสัน และหากตรงไปจะเป็นห้องของภคดล ซึ่งทั้งสามเลี่ยงที่จะเดินไปทางนี้ แต่ก็อดใจไม่ได้ที่จะต้องเหลือบตามองไปยังทางเดินที่ทอดยาวนั้น
การุณทนมองต่อไม่ไหวเขาออกเดินนำหน้าห้ทั้งสองเดินตามไปตามทางโดยเร็วให้พ้นจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ไม่นานนักก็ถึงยังห้องของรัฐกรณ์ การุณค้นในถุงเก็บหลักฐานหาเอากุญแจมาไขอย่ารวดเร็ว
“โถ่เว้ย เป็นอะไรอีก” หนุ่มผิวเข้มหัวเสียเมื่อพบว่าไม่สามารถปลดล๊อกได้
“เอ่อ นาย” รัฐกรณ์ที่พึ่งเดินมาถึงทักเข้า เมื่อเห็นว่าลูกกุญแจที่การุณใช้นั้นเป็นสีส้ม ซึ่งเป็นของห้องวสัน
“เอ่อ” การุณรีบค้นหากุญแจสีเขียวอย่างเสียหน้า เขาคงกลัวมากไปหน่อยจึงไม่ทันดู นึกเสียใจที่ปล่อยไก่ต่อหน้ารัฐกรณ์หลายต่อหลายครั้ง ทั้งกลัวผี ทั้งซุ่มซ่าม
แบบนี้คงไม่มีหวังที่จะทำคะแนนได้เสียแล้ว
เสียงโซ่กระทบกับเหล็กดังไปทั่วทางเดิน ทั้งการุณและวสันเดินเข้าไปในห้องเงียบๆ รัฐกรณ์ยังยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง จนการุณต้องเรียกถึงสองสามครั้ง
“โทษที” รัฐกรณ์เข้ามาในห้องเปิดกระเป๋าของตนออก ซองยาหลายขนาดค่อยๆถูกวางลง ด้วยความที่เขามักจะต้องเป็นหน่วยพยาบาลตลอดเวลาที่ออกค่าย เขามักจะติดยาไว้ด้วยเผื่อฉุกเฉินแบบนี้เสมอ
“นี่ กินเลยนะ” รัฐกรณ์ยื่นมาเม็ดสีขาวขนาดเล็กให้การุณ พร้อมกับน้ำขวดหนึ่ง
“ไม่กินไม่ได้หรอ” คนตัวใหญ่อิดออด
“กินไปเหอะน่า”
“ครับๆ กินแล้วๆ” การุณรีบกลืนยาลงไปทันทีที่เห็นว่ารัฐกรณ์ไม่พอใจ นี่ถ้าให้รู้ว่าเขาเองไม่ชอบกินยาอีกคะแนนที่มีคงจะติดลบเสียจนไม่รู้จะลงไปเท่าไรแล้ว
“ไปกันเถอะ” รัฐกรณ์เดินนำออกไปนอกห้อง
“เห้ย” ทันใดนั้นเองหลอดไฟที่ส่องสว่างตามข้างผนังก็พร้อมใจกันดับวูบ ทั่วอาคารตกอยู่ในความมืดทันที เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วมาจากทศของห้องคู่สามีภรรยาจนรัฐกรณ์รู้สึกไม่ดี ตั้งสติเล้วออกวิ่งไปทางเสียงร้อง
แต่เพียงเริ่มก้าวเท้าได้เพียงสองก้าว ชายหนุ่มต้องถอยหลังกลับด้วยแรงบางอย่างที่กระทำ
เขารู้สึกเหมือมีคนดึงคอเสื้อของเขาไว้แน่น
เสียงกรีดร้องให้คืนอันมืดมิดยังดำเนินต่อไป…….เมื่อไรหนอที่แสงอาทิตย์แห่งวันใหม่จะพ้นขอบฟ้าเสียที ปล มีของเเถมด้วยค่ะ
http://news.mthai.com/general-news/164116.html