รู้สึกผิดที่หายไปเดือนกว่าๆ งานหนักมากเลยค่ะ ร่างกายเลยทรุดโทรม ขออภัยจริงๆนะคะ
ปล เรื่องเนื้อหา ต้องขออภัยจริงๆค่ะ เเต่งเเนวนี้ครั้งเเรก เนื้อหาอาจไม่สมเหตุสมผล พลาดตรงไหนไปขออภัยจริงๆนะคะ
บทที่ 19 ถลำลึก
“พี่ ถ้าผมเรียนจบแล้ว พี่ต้องพักบ้างนะ” อาญาเฝ้ามองพี่ที่นอนซมอยู่บนเตียงอย่างเป็นห่วง เขาลาเรียน 1 วันเพื่อดูแลผู้เป็นพี่ที่โหมทำงานวันละกว่า 15 ชั่วโมง จนร่างกายทรุดลง
“แกหยุดเรียนทำไม พี่ไม่เป็นไร” วสันพยายามที่จะโบกมือไล่น้องชาย แต่พอจะพยุงตัวลุกขึ้นเท่านั้น เขาก็รู้สึกหน้ามืดทันที
“พี่!” อาญาตกใจรีบประครองวสันลงนอน จัดแจงดันหมอนให้รองต้นคออย่างพอดี
“พี่…..พี่เลิกทำงานรอบดึกเถอะ” ผู้เป็นน้องกล่าวพร้อมน้ำตาที่ปริ่มออกมา เอาเสียใจทุกครั้งที่เห็นพี่ของเขากลับบ้านดึกๆ อีกทั้งไม่ยอมให้เขาทำงานพิเศษอีก
“แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเรียน”
“ผมจะช่วยหา…..”
“พี่ว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้ว” วสันตัดคำ เขาเองก็ยอมรับว่าเหนื่อยเหลือเกินกับการที่คนอายุยังไม่ถึง 30 อย่างเขาที่ต้องดูแลทั้งตนเองและน้องชายร่วมสายเลือด แต่ถึงจะเหนื่อยอย่างไรเขาก็ยอม เพียงแค่เห็นใบผลการเรียนของอาญาที่ได้ไม่ต่ำกว่า 3.50 อยู่เสมอ ทั้งพฤติกรรมที่นอบน้อม ชอบช่วยเหลือผู้อื่น สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้วสันมั่นใจว่าน้องของตนต้องเป็นหมอที่ดีได้แน่
และคงจะสามารถดูแลตนเองให้มีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้
“พี่ครับ” อาญาเสียงสั่นน้ำตาที่ไหลลงมานั้นไม่สามารถกลั้นมันไว้อีกต่อไป เขาปล่อยให้มันหยดลงไปบนมือของผู้เป็นพี่
วสันหันหน้าหนีไปอีกทาง เขาไม่อยากที่จะใจอ่อนตอนนี้ ทนอีกเพียงไม่กี่ปี น้องของเขาก็จะจบแล้ว แต่จนแล้วจนรอดอาญาเองดูจะไม่หยุดร้อง น้ำอุ่นๆหยดลงที่มือของวสันอย่างต่อเนื่องจนวสันต้องยกแขนตนเองมาไว้อีกฟาก แต่นั่นก็ทำไห้เห็นว่าน้ำที่หยดใส่มือนั้นหาใช่น้ำตาอย่างที่คิด
“อาญา!” เขาหันกลับไปทางน้อง แต่อาญาได้หายไปแล้ว มีเพียงเสียงแว่วที่ยังดังก้องอยู่ในหัว
“พี่ครับ ผมขอโทษ”
“อาญา” เขาแผดเสียวเรียกดังลั่น มือทั้งสองพยายามจะควานหาร่างของน้อง แต่ก็ถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา แสงไฟสว่างสีขาวช่างแสบตาจนวสันไม่สามารถลืมตาได้เต็มที่
“อาญา”
“หมอคะ คนไข้รู้สึกตัวแล้วค่ะ” เสียงหญิงสาวดังขึ้นข้างๆตัวพร้อมกับความรู้สึกเจ็บจี๊ดเข้ามาที่ใบหน้า
“ไม่เป็นไรนะคะคุณ ตอนนี้คุณปลอดภัยแล้วค่ะ” เสียงนั้นดังต่อเนื่อง ความเจ็บปวดยิ่งทวีมากขึ้น แต่วสันเลือกที่จะไม่ใส่ใจมัน เขายังคงเรียกหาน้องของตน
“อาญา”
“คุณหมอคะ เร็วค่ะ” หญิงสาวในชุดขาวออกแรงกดแขนของชายหนุ่มไม่ให้ดิ้น เข็มเล่มใหญ่ปักเข้าที่เส้นเลือดตรงข้อพับ หมอหนุ่มฉีดยากล่อมประสาทเข้าไปจนหมดเข็ม ใช้เวลาอีกสักครู่วสันจึงสงบลง
เหตุการณ์สะเทือนใจผ่านพ้นไปได้สองวัน วสันจมอยู่กับโลกส่วนตัวของเขาเพียงลำพัง ไม่ว่าพยาบาลหรือหมอเขาก็ไม่เคยแม้จะปริปากสนทนา ข้าวปลาอาหารแทบจะไม่ได้สัมผัสเลย มีเพียงน้ำเกลือที่ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตของเขาเอาไว้
ชีวิตของเขามีเพียงอาญาเท่านั้น น้องชายสุดที่รักที่เป็นแรงใจให้สู้ชีวิต ต้องคอยดูแล พาน้องคนนี้ให้เดินทางไปสู่สิ่งที่ดีกว่านี้ แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาทำไปทั้งหมดมันไร้ความหมาย ไม่มีอีกแล้วรอยยิ้มที่คอยให้กำลังใจ ไม่มีอีกแล้วคนที่ต้องคอยดูแล ไม่มีอีกแล้วคนที่ต้องดุด่าไล่ให้ไปอ่านหนังสือ
ไม่มีอาญาอีกต่อไป
“ไม่เอาว่า นิ บอกแล้วไงว่าเรื่องนั้นไม่ใช่ความผิดเรา” เสียงชายหนุ่มพูดดึงความสนใจของวสันที่กำลังนั่งรถเข็นเพื่อไปตรวจพิเศษที่ตึกฝั่งตรงข้าม เขาจำใบหน้าคนพวกนั้นได้ขึ้นใจ ชายหนุ่มร่างใหญ่คนนั้นที่นั่งอยู่กับหญิงสาวหน้าสวยที่ร้องไห้ กับชายหนุ่มร่างโปร่ง
“มันซวยเอง ช่วยไม่ได้หรอก” วรวิทย์ปลอบเพื่อนสาวที่ยังคงสะอึกสะอื้น
“ใช่ มันผิดเองที่มัวแต่ชักช้า ถ้าวิ่งไปแต่แรกก็ไม่ต้องตายหรอก” ภคดลเสริม
วสันหายใจแรง เพียงแค่ครู่เดียวที่พนักงานเวรเปลเข็นผ่านกลุ่มคนทั้งสาม บทสนทนาเล็กๆน้อยๆเหล่านั้น ได้ปลุกความอยากมีชีวิตของวสันให้กลับมาอีกครั้ง
เขาต้องมีชีวิตต่อไป เพื่อแก้แค้น
ทำไมต้องเป็นอาญาที่ต้องจากไป ทำไมไม่ใช่พวกมัน
การุณก้าวเข้าไปใกล้กับรัฐกรณ์เมื่อเห็นวสันก้าวเข้ามา ทางสองสามีภรรยาก็ถอยหลบไปอีกทาง
“เอาเหอะ ยังไงเรื่องทุกอย่างก็จบลงแล้ว” วสันพูดพร้อมรอยยิ้ม เขาแก้แค้นแทนน้องได้แล้ว เรื่องราวทั้งหมดก็ควรจะจบลง ชีวิตของเขาไม่มีอะไรให้อยู่ทำต่อไป
“คุณไม่น่าทำแบบนี้เลย” รัฐกรณ์บอกเสียงเศร้า เขาก้าวเข้าใกล้พี่ชายของคนรัก แต่ถูกการุณห้ามไว้เสียก่อน
“ไม่เป็นไรหรอก”
“แต่” การุณไม่ไว้ใจคนที่ที่ฆ่าคนไปแล้วถึงสามคน เขาจึงเสนอให้มัดข้อมือทั้งสองไว้ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ขัดขืน
“ก่อนจะส่งตัวผมให้ตำรวจผมของไปเอารูปน้องชายที่ห้องก่อนได้ไหม” วสันร้องขอเป็นครั้งสุดท้าย
ทางเดินที่ทอดยาวนั้นเย็นยะเยือกราวกับจิตใจของวสันในตอนนี้ เขาก้าวไปพร้อมรอยยิ้มน้อยๆที่ผุดขึ้นเมื่อคิดได้ว่าอีกไม่นานจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น รัฐกรณืมองวสันอย่างเป็นห่วงการุณเองก็ตามประกบอยู่ไม่ห่าง รั้งท้ายด้วยสองสามีภรรยา
ประตูลูกกรงเปิดอ้าออก วสันเปิดกระเป๋าออกอย่างลำบากจากมือทั้งสองที่มัดไว้ รัฐกรณ์จึงอาสาเปิดให้ ข้างในนั้นเต็มไปด้วยรูปของอาญา วสันยิ้มให้กับรูปเหล่านั้น
“พี่กำลังจะไปหานะ”
ทุกอย่างมันเร็วจนการุณไม่ทันตั้งตัว มีดด้ามเล็กที่ถูกซ่อนเอาไว้ ใต้กองรูปถูกคว้ามาเป็นอาวุธ
“อย่าเข้ามานะ” วสันขู่เสียงแข็ง ชี้มีดไปด้านหน้า การุณเหงื่อตกเดินย่องไปด้านข้างอย่างระวังตัว
“หนีไม่พ้นหรอกน่า อย่าทำแบบนี้เลย” การุณพยายามเคลื่อนไหวให้ช้าที่สุดตาก็คอยจ้องหาจังหวะเข้าปะทะ แต่เหมือนวสันจะจับทางได้
“อย่าขวาง” วสันพุ่งตัวออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็ว
“ตามไปเร็ว” รัฐกรณ์ออกวิ่งตามวสันเป็นคนแรก ตามมาด้วยการุณและสองสามีภรรยา
แต่พอมาถึงชั้นล่างก็ต้องตกใจที่วสันเองไม่ได้หนีไปไหนเขายืนอยู่ตรงกลางโถง
“รีบออกไปซะ” เขาพูดแค่นั้นก่อนจะโยนไฟแชคในมือลงพื้นที่เอ่อนองไปด้วยน้ำมัน ไฟแห่งการจบสิ้นลุกพรึบในทันทีมันลากเป็นเส้นตีวงรอบๆตัวของวสันไว้
เสียงกรีดร้องของสาวิตรีดังขึ้นอีกครา รัฐกรณ์กัดฟันกรอด วิ่งไปอีกด้านของวงแหวนเพลิง ณ จุดที่เปลวไฟเบาบางที่สุด
“รัฐ อย่า” การุณห้ามเขาไม่ทันเสียแล้ว เมื่อรัฐกรณ์กระโจนเข้าไปในกองเพลิง
“นายเข้ามาทำไม” วสันมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“อย่าทำแบบนี้” รัฐกรณ์ยื่นมือเข้าไปหมายจะฉุดตัวของวสันออกมา แต่ก็ถูกปลายมีดแหลมๆตวัดเอาเป็นรอยแผลที่ปลายแขน
“รัฐ ออกมาเร็ว” การุณร้อนใจเดินวนหาช่องทางที่พอจะเข้าไปได้ แต่ตอนนี้ เปลวไฟได้ครอบคลุมทั้งหมดเสียแล้ว
“ออกไปเถอะ นายก็เห็นแล้วตัวอย่างของการช่วยเหลือคนอื่น สุดท้ายมันไม่ได้มีอะไรดีหรอก” วสันแค่นหัวเราะในสิ่งที่รัฐกรณ์พยายามจะช่วยตน มันเหมือนกับที่น้องโง่ๆของตนยิ่งนัก
จะช่วยไปทำไมกัน ในเมื่อทั้งชีวิตนี้ เขาไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
“คุณวสัน ออกมาตอนนี้ยังทันนะครับ” รัฐกรณ์กดมืออีกข้างที่บาดแผลเพื่อห้ามเลือดแต่กระนั้นก็ยังพูดกล่อมต่อ
“รัฐ ออกมาเร็ว” การุณเร่ง
“นายไปก่อน พาคุณสาวิตรีกับคุณสรรพวุฒิไปด้วย” รัฐกรณ์ตะโกนไล่
การุณลังเลเล็กน้อย แต่เปลวไฟที่ทวีความแรงขึ้นเร่งให้เขาพาสาวิตรีและสามีหนีออกไปด้านนอก
“เห็นไหม ใครๆเขาก็ต่างหนีเอาตัวรอดทั้งนั้น แล้วคุณยังจะอยู่ทำไม” วสันกล่าวอย่างหงุดหงิด
“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด”
“ไม่ใช่ยังไง ขนาดคนที่ชอบนายอย่างการุณยังกลัวที่จะเข้ามาช่วยนาย ยังหนีออกไปโดยไม่สนใจได้เลย”
“……….” รัฐกรณ์มองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ไม่มีคำกล่าวใดๆอีกนอกจากความรู้สึกที่สงสารคนๆนี้เหลือเกิน ที่ต้องมาพบเจออะไรแบบนี้ในชีวิต
“ทุกคนไม่ได้คิดแบบนั้นทุกคน”
“ใช่ พวกคนโง่ๆแบบนายกับอาญายังไง”
“ไม่ใช่”
“โง่ที่ห่วงคนอื่นแต่ตัวเองต้องมาตาย โง่ๆๆๆๆ”
“ไม่ใช่”
รัฐกรณ์ตวาดสุดเสียง วสันหยุดมองคนตัวเล็ก
“คุณไม่ได้รู้จัก พี่อาญาเลยสักนิด” น้ำตาแห่งความเสียใจหยดลงพื้นที่ร้อนผ่าว
หยดน้ำเล็กๆหยดนี้จะช่วยดับไฟอันร้อนแรงของวสันได้อย่างไรกัน