All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55  (อ่าน 344397 ครั้ง)

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
«ตอบ #300 เมื่อ23-02-2012 14:45:07 »

วายะเป็นคอมติดไวรัสเหรอเนี่ย

ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
«ตอบ #301 เมื่อ23-02-2012 16:45:07 »

มารออ่านค่ะ^^

ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
«ตอบ #302 เมื่อ23-02-2012 21:28:09 »

ชอบเรื่องนี้มาก T^T

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
«ตอบ #303 เมื่อ24-02-2012 22:05:32 »

สวัสดีศุกร์สุดท้ายของเดือนครับ

All I want # 13

เกร็ดหิมะร่วงหล่นลงมาจากฝืนฟ้าสีเทาหม่นไม่ขาดสายและย้อมสรรพสิ่งบนพื้นดินเบื้องล่างให้กลายเป็นสีขาวโพลน  ในมหานครแห่งนี้หิมะไม่ค่อยตกหนักนัก  เมื่อนาน ๆ จะตกสักครั้งทิวทัศน์ตรงหน้าจึงดูแปลกตา  ว่ากันว่านี่อาจจะเป็นหิมะสุดท้ายของปี

โทโมกินั่งอยู่บนเตียงในห้องพักผู้ป่วยแผนกจิตเวช  ทอดสายตาเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างที่มีลูกกรงเหล็กกั้นไว้  แผลที่สะบักหายดีแล้วและสภาพร่างกายของเขาก็ฟื้นตัวเรียบร้อยแล้ว  มีเพียงจิตใจที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางดีนัก  แต่ก็นับว่าดีขึ้นมาเมื่อดูจากวันแรกที่ถูกพาตัวมาโรงพยาบาล

คำอธิบายที่หมอคาไซค่อย ๆ บอกกลับทำให้เด็กหนุ่มปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้  เหมือนกับเหตุการณ์และเรื่องราวบางอย่างมันหายไป  หมอบอกว่าอาจเป็นเพราะสมองได้รับความกระทบกระเทือนจากฤทธิ์ยากล่อมประสาทที่ได้รับมาเป็นเวลานานก็ได้  แต่รูกลวงโบ๋ในหัวใจนั้นกลับถูกถมเต็มทันทีที่โอโนเสะเป็นคนเล่าทุกอย่างให้ฟัง

“เธอถูกผู้ชายคนหนึ่งลักพาตัวไปเกือบสองเดือน  จำได้มั้ย?”  โอโนเสะเริ่มเรื่องมาอย่างนั้น  เล่นเอาหมอคาไซสะดุ้ง

โทโมกิพยักหน้า  จิกเล็บลงกับแขนตัวเองแน่น

“เขาลักพาตัวเธอไปกักขัง...และทารุณกรรม...”  ประธานแห่งลูนาติก  ลัสท์นิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูดให้ชัดๆ  “...เขาข่มขืนเธอ”

“โอโนเสะซัง!?”  คนเป็นหมอร้อง

“คุณอยู่เฉย ๆ เถอะ”  โอโนเสะปรามพลางสังเกตอาการของโทโมกิ

เด็กหนุ่มตัวสั่นเทากอดตัวเองแน่น  ดวงตาเบิกกว้าง  หมอคาไซก็มองโทโมกิอย่างหวั่นกลัวว่าเด็กหนุ่มอาจจะกรีดร้องขึ้นมาในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง  ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นการรักษาอาจจะต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่จากศูนย์...โอโนเสะเสี่ยงเหลือเกิน

แต่เมื่อผ่านไปหลายนาทีแล้วโทโมกิไม่ได้แสดงอาการคุ้มคลั่งออกมา  โอโนเสะก็พูดต่อ

“ไม่ใช่แค่ข่มขืน  เขายังใช้ยากล่อมประสาทกับเธอด้วย  นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงจำเรื่องราวอะไรไม่ค่อยได้  และไม่มีสติในบางครั้ง”

โทโมกิพยักหน้า  รูปร่างของอะไรบางอย่างค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในสมอง  ความทรงจำหลากหลายค่อย ๆ หวนคืนมา  แม้จะยังผสมปนเปกันชวนสับสนอยู่บ้าง  แต่ก็ไม่ว่างเปล่าเสียทีเดียว

“และที่ร้ายแรงที่สุด...”  โอโนเสะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ  “เขาสลักชื่อของตัวเองไว้บนหลังของเธอ”

เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปจับสะบักซ้ายของตนทันที...นั่นเองหรือ  สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดทรมานมาตลอด...มันคือรอยแผลที่ถูกกรีดลงบนร่างของเขางั้นหรือ

ภาพของใครบางคนค่อย ๆ แจ่มชัดขึ้นในความทรงจำ  เรือนผมสีทองยาวประบ่า  จมูกโด่งเป็นสัน  เรือนร่างสูงใหญ่และรูปหน้าที่ไม่อาจบอกชาติพันธุ์ได้ชัดเจนนั้น...รวมไปถึงกลิ่นอายกรุ่นหอมที่เจือมากับกลิ่นบุหรี่...ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะลืมคนคนนั้นไปได้...

...คนโหดร้ายคนนั้น...

“เธอจำเขาได้มั้ย?”

คำถามของโอโนเสะเหมือนสายฟ้าที่ฟาดเปรี้ยงลงกลางหัวใจ...มีหรือ  ที่โทโมกิจะจำไม่ได้...

“รู้จักชื่อของเขามั้ย?”

...ไม่เพียงแต่รู้จัก  หากนั่นคือชื่อเพียงชื่อเดียวที่เด็กหนุ่มเรียกมาตลอดเวลาที่อยู่ในห้องนั้น...

โทโมกิพยักหน้า


“...ชุน”


จากวันนั้นที่ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด  โทโมกิมักจะนั่งนิ่งเงียบอยู่บนเตียงแล้วเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง  และจะนั่งอยู่อย่างนั้นเป็นชั่วโมง ๆ  แม้หมอคาไซกับพยาบาลออกจะเป็นห่วงว่าเด็กหนุ่มจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าแทรกซ้อน  แต่จากการพูดคุยหลายครั้งก็พบว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง  เพียงแต่โทโมกิดูจะสับสนกับอะไรบางอย่างในใจที่ยังไม่สามารถบอกกับใครได้

“ไง  ไอ้ตัวเล็ก  กินข้าวหรือยัง?”  โอโนเสะซึ่งมาเยี่ยมโทโมกิแทบทุกวันเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับทักทายทันที

“กินแล้วครับ”  เด็กหนุ่มตอบเบา ๆ  เขาคุ้นเคยกับผู้ชายคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่สติสตังของเขาเริ่มเข้าที่เข้าทางดีขึ้น  โอโนเสะมาเยี่ยมเขาบ่อยกว่าพ่อตัวเองล้านเท่า

“คืนนี้ฉันมีงาน  เลยมาแต่วันหน่อย”  โอโนเสะนั่งลงข้างเตียง  “ดูหิมะอยู่เหรอ?”

โทโมกิพยักหน้าแล้วทอดสายตามองหิมะอีกครั้ง  “ผม...เคยคิดว่า...จะไม่ได้เห็นอีกแล้ว”

“ตอนที่อยู่กับวายะน่ะเหรอ?”  โอโนเสะถามราบเรียบราวกับมันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร

หนุ่มน้อยผู้เคราะห์ร้ายยกมือขึ้นแตะรอยแผลที่สะบักซ้ายด้วยอาการสะดุ้ง  กอดตัวเองไว้สั่นไปทั้งร่าง  แต่ก็ยังพยักหน้าตอบคำถามของโอโนเสะ

“ถูกขังไว้นาน  ก็คงจะคิดแบบนั้นบ้างละนะ”  มือใหญ่วางลงบนเรือนผมสีดำนุ่มมือเบา ๆ

“ไม่ใช่...”  โทโมกิเค้นเสียงออกมา  หากแทบจะไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ  “ผมคิด...ตอนที่...”

มือเล็กเลื่อนมาแตะลำคอของตน  ที่นั่นยังมีรอยช้ำสีม่วงจาง ๆ มองเห็นได้ชัด  โอโนเสะมองอาการนั้นแล้วก็เข้าใจ  โทโมกิจดจำตอนที่ถูกวายะบีบคอได้และหวาดกลัวเกินจะเอ่ยออกมา...เด็กคนนี้เฉียดใกล้ความตายนิดเดียว  ถ้าเพียงแต่เขาจะเข้าไปช้ากว่านั้นอีกแค่นาทีเดียวเท่านั้น

“ไม่เป็นไร  ไม่ต้องกลัว  เธอเข้มแข็งออกอย่างนี้  หมอนั่นทำอะไรเธอไม่ได้แล้วละ”

เด็กหนุ่มระบายใจอย่างติดขัดแล้วพยักหน้าน้อย ๆ ทั้งที่ตัวยังสั่น  คำพูดของโอโนเสะทำให้ใจเขาสงบลงได้อย่างน่าประหลาด

“เอาละ  เธอพักสักหน่อยดีกว่า  อากาศหนาว ๆ แบบนี้เหมาะที่จะขดอยู่ในผ้าห่มอุ่น ๆ แล้วหลับให้สบาย  รู้มั้ย?  ขนาดฉันเองยังอยากนอนเลย”  โอโนเสะบอกพลางตบหมอนให้

“ก็นอนสิครับ”  โทโมกิพูดออกไปอย่างที่ใจคิด

“ยังมีงานรอฉันอยู่อีกเยอะน่ะ  เธอนอนเผื่อฉันด้วยแล้วกันนะ  ไอ้ตัวเล็ก”

“ไม่ใช่ไอ้ตัวเล็กนะฮะ”  เด็กหนุ่มทำหน้ามุ่ยแต่ก็ยอมเอนตัวลงนอนโดยดี

“หึ...ถ้าไม่อยากให้เรียกแบบนี้ก็กินเยอะ ๆ นอนเยอะ ๆ โตเร็ว ๆ แล้วฉันจะไม่เรียก”  ท่านประธานของลูนาติก  ลัสท์ยิ้มอย่างอ่อนโยน  ดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเล็กให้  “เอาละ  ฉันไปก่อนนะ  ถ้าว่างจะมาเยี่ยมอีก”

“ครับ”  โทโมกิตอบแล้วหลับตาลง  หูเงี่ยฟังเสียงฝีเท้าที่เดินจากไปและตามด้วยเสียงปิดประตู

ทันทีที่ออกมาจากห้องพักผู้ป่วย  โอโนเสะก็เจอหมอเข้าของไข้ของโทโมกิที่ยืนรออยู่แล้ว

“พูดเรื่องน่ากลัวกับเด็กได้หน้าตาเฉยเลยนะครับ  โอโนเสะซังเนี่ย”  หมอคาไซส่ายหน้าหากมีรอยยิ้ม  คำพูดและการกระทำของโอโนเสะทำเขาใจหายใจคว่ำมาหลายหนแล้ว  แต่นั่นดูจะเป็นผลดีกับโทโมกิ

“ถ้าเด็กมันรับเรื่องร้ายแรงที่สุดได้  เดี๋ยวมันก็หายเอง  ประหยัดเวลาดีด้วยน่ะครับ”  โอโนเสะตอบยิ้ม ๆ

“แต่น่าตกใจไปหน่อยนะครับ”

“ก็นะ  ว่าแต่  อาการแบบนี้นี่ถือว่าดีหรือเปล่าครับ?”

“สุดยอดเลยละครับ  ถือว่าฟื้นตัวเร็วมาก  โดยเฉพาะในด้านจิตใจ...บางทีวิธีการของโอโนเสะซังอาจจะดีกว่าที่ผมร่ำเรียนมาก็ได้นะครับ”

“อย่าเอาวิธีห่าม ๆ แบบนี้ไปใช้กับใครเลยครับ  กรณีของเจ้าเด็กนั่นมันเข้มแข็งด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว  ไม่งั้นตอนรู้เรื่องทั้งหมดคงคลั่งไปแล้วละครับ  ผมแค่ลองดูเผื่อฟลุ๊คแล้วมันก็ดันได้ผล”  โอโนเสะพูดทีเล่นทีจริงจนหมอคาไซไม่อยากจะเชื่อถือ  “แล้ว...แบบนี้พอจะออกจากโรงพยาบาลได้หรือยังครับ?”

“จะว่าได้ก็ได้แล้วนะครับ  เพียงแต่ต้องคอยระวังไม่ให้ไปอยู่ในจุดที่กระตุ้นแผลในใจเข้า  ถ้าไม่เจอคนที่ทำร้ายเขาไปเลยตลอดชีวิตได้ก็จะดีละครับ  ส่วนเรื่องแผลนั่น...อีกไม่นานก็จะคุ้นชินแล้วลืม ๆ มันไปได้เอง”

“ก็คงจะไม่ได้เจอแล้วละ”

โอโนเสะไม่เคยนึกห่วงเรื่องวายะแม้แต่น้อย  ตราบใดที่อีกฝ่ายเป็นวายะ  เขาเชื่อว่าเขาสามารถจัดการควบคุมทุกอย่างได้  วายะทำอะไรโหดร้ายอย่างนั้นลงไปก็จริงแต่ก็ไม่ใช่คนบ้าคลั่งไร้เหตุผล  ดูจากที่ยอมรับโทษแต่โดยดีนี่ก็ได้  มันแปลว่าโฮสต์หนุ่มรู้ดีถึงความผิดของตน...แต่นั่นอาจเพราะวายะทำใจเอาไว้แล้วก็ได้  ว่าสักวันจะต้องถูกแยกจากโทโมกิไปตลอดกาล  และเพราะทำใจไว้อย่างนั้นถึงได้สลักชื่อของตนลงไปบนร่างของเด็กหนุ่ม...เมื่อตีตราความเป็นเจ้าของไว้แล้ว  ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องดิ้นรนให้ได้ครอบครองโทโมกิอีก

ที่โอโนะเสะเป็นห่วงจริง ๆ คือสภาพครอบครัวของโทโมกิต่างหาก  เท่าที่ดูด้วยตาและได้ยินจากหมอกับพยาบาลแล้ว...พูดได้คำเดียวว่าย่อยยับ  สำหรับเขาแล้วนั่นไม่เรียกว่าครอบครัวเสียด้วยซ้ำ  แล้วจะต้องส่งโทโมกิที่สภาพจิตใจยังไม่สมบูรณ์พร้อมกับไปอยู่กับพ่อแม่แบบนั้น...บางทีให้อยู่กับวายะเสียยังจะดีกว่า...แต่ก็ไม่มีทางเลือก  โทโมกิยังไม่บรรลุนิติภาวะ  จำเป็นจะต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครอง  แต่ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย  ให้ตายสิ...

เอาเถอะ...อะไรที่เขาทำได้และควรจะทำ  เขาก็ได้ทำไปหมดแล้ว  กังวลใจกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึงไปก็เปล่าประโยชน์...โอโนเสะกล่าวลาแพทย์ผู้ดูแลโทโมกิแล้วมุ่งหน้าไปจัดการกับงานของตนเองต่อ

...

ประตูห้องพักหรูหราของแมนชั่นชั้นสูงในย่านที่อยู่อาศัยราคาแพงถูกเปิดออก  ห้องชุดนั้นสะอาดเอี่ยมและเรียบร้อยราวกับเป็นห้องตัวอย่างไม่ใช่ห้องที่มีคนอาศัยอยู่จริง

“เอ้า  เข้าไปสิ  จะรอให้ใครเชิญหรือไง”  เสียงแหลม ๆ แหวขึ้นที่หน้าประตู

ร่างเล็ก ๆ ที่มีผมดำยาวเลยบ่าจึงก้าวช้า ๆ เข้ามาในห้องด้วยท่าทางลังเล  เด็กหนุ่มมองไปรอบ ๆ ห้อง  เขาไม่ได้เห็นที่นี่มานานเหลือเกิน  ในความรู้สึกแล้วมันยาวนานกว่าระยะเวลาที่เขาจากไปหลายเท่า...ทั้งที่อาศัยอยู่ที่นี่มาตลอด  แต่เขาไม่เคยรู้สึกหรือสังเกตเลยว่ามีแจกันดอกไม้ตั้งอยู่บนโต๊ะกินข้าว  ทั้งห้องนั้นก็กว้างใหญ่จนรู้สึกหนาวเยือกขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก...เขาไม่คุ้นเคยกับห้องนี้เลย

กระเป๋าใส่เสื้อผ้าใบเขื่องถูกโยนโครมลงบนพื้นห้อง  ตามด้วยเสียงปิดประตูที่ค่อนข้างจะดังเกินจำเป็น

“สะอาดดีนี่  แม่บ้านบริษัทนี้นี่ดีแฮะ  ขนาดไม่มีคนอยู่ยังดูแลได้เยี่ยม”  เสียงห้าว ๆ ของชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นด้วยความพึงพอใจ

“เหอะ!  ถ้าไม่มีของหายเลยละก็นะ”  ผู้หญิงที่เข้ามาก่อนกระแทกเสียงอย่างประชดประชัน

“ไม่เคยมีอะไรหายไม่ใช่เรอะ”

“ที่มันไม่หายเพราะโทโมกิอยู่บ้าน”

“คุณก็รู้ว่ามันไม่เคยอยู่บ้าน”  ฝ่ายชายทำเสียงเย้ย ๆ  “ออกไปแรดอยู่นอกบ้านจนเป็นเรื่องนี่ไง  ใช่มั้ย  โทโมกิ?”

เด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะเหลือบตากลับไปมองสองคนที่ทุ่มเถียงและประชดประชันกัน  เขาล้วงมือลงในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตแล้วลูบไล้กระดาษแข็งแผ่นหนึ่งเบา ๆ ราวกับจะขอความเชื่อมั่นจากมัน

“อย่ามาพูดอย่างนี้นะ  คุณหมอบอกไว้แล้วไม่ใช่หรือไง?”  คนเป็นแม่เริ่มขึ้นเสียง

“แล้วยังไง?  มันก็รู้ตัวดีอยู่แล้วนี่ว่ามันทำอะไรลงไป”

โทโมกิยืนนิ่ง  ใช่...เขารู้ว่าทำอะไรลงไป  และมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อแม่ของเขาเลย

“เหอะ!  เถียงไม่ออกละสิว่าแกสร้างความเดือดร้อนแค่ไหน  แกมันก็เหมือนแม่แกนั่นแหละ”

“อย่ามาว่าฉันนะ!!”

“ก็ถ้าคุณอยู่กับมัน  เรื่องพรรค์นี้ก็ไม่เกิดขึ้นหรอก  แล้วนี่นะ...ยังมีเรื่องยุ่ง ๆ ที่ผมต้องจัดการอีกเยอะเลย  อย่างน้อยก็เรื่องโรงเรียน...แต่ที่จริงเขาก็คงอยากเฉดหัวมันออกมาเต็มทีแล้วละมั้ง  ครูฝ่ายปกครองของแกคงจะสบายใจขึ้นแล้วละ  โทโมกิ  อย่างน้อยก็หมดตัวปัญหาไปอีกคน”

“จะให้ย้ายโรงเรียนเหรอ?”  หัวข้อสนทนาเปลี่ยนมาที่เรื่องนี้ทันที

“แหงละ  หรือคุณจะเป็นคนไปตอบคำถามว่าไอ้ลูกชายตัวดีของคุณมันไปทำอะไรถึงได้หายหัวไปเป็นเดือน”

“แต่เข้าโรงเรียนใหม่มันต้องใช้เงินไม่น้อยเลยนะ”

“อ้อ  แปลว่าคุณจะไปบอกเขางั้นสิ”

“มันเป็นเหตุจำเป็นที่อธิบายได้นะ”

“งั้นคุณก็ไปอธิบายเลยสิว่า  ลูกชายคุณออกไปแรดนอกบ้านจนถูกไอ้หน้าไหนก็ไม่รู้ลักพาตัวไปกักขังน่ะ”

“คุณ!?”

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
«ตอบ #304 เมื่อ24-02-2012 22:15:59 »

ผู้เป็นแม่ตะโกนด้วยเสียงอันดัง  และฝ่ายพ่อก็พอจะรู้สึกตัวได้ว่าเขาพูดมากเกินไปเสียแล้ว  ทั้งสองลอบมองเด็กหนุ่มที่ยังยืนนิ่งอยู่กลางบ้าน

โทโมกิไม่ได้สะดุ้งสะเทือน  เขาคุ้นชินกับการทำหูทวนลมเมื่อได้ยินบทสนทนาของพ่อแม่มานานแล้ว  ไม่มีอะไรที่ควรจะเก็บมาใส่ใจ  เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นเขาคงเป็นบ้าไปนานแล้ว  ค่าที่ว่าพ่อไม่เคยเห็นอะไรดีในตัวเขา  และแม่ก็ไม่เคยทำอะไรเพื่อปกป้องเขาแม้แต่น้อย...ดีก็แต่ว่าทั้งสองไม่เคยลงไม้ลงมือกับเขาเท่านั้น

“เฮอะ!  ช่างมันเถอะ  มาว่าเรื่องที่ต้องจัดการกันดีกว่า”  พ่อเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาชุดที่ตั้งอยู่กลางห้องนั่งเล่น

“เรื่องโรงเรียนสินะ”  ผู้เป็นแม่เดินไปนั่งด้วย  แต่เป็นที่โซฟาอีกตัวหนึ่งในมุมที่ห่างที่สุดราวกับเธอไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายคนนี้มากไปกว่านี้อีกแล้ว

“ใช่  คุณไปหาโรงเรียนใหม่มาซะ  ยังมีเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะเปิดเทอมกลาง”  เพราะการเข้ารักษาตัวทำให้โทโมกิไม่สามารถเข้าเรียนในฤดูใบไม้ผลิได้  จึงต้องเลื่อนการเข้าไปเรียนไปเป็นตอนฤดูใบไม้ร่วงแทน  และอาจจะต้องซ้ำชั้น

“ทำไมถึงต้องเป็นฉัน!?”

“ก็มันเป็นหน้าที่ของแม่ไม่ใช่หรือไง”  คนเป็นพ่อย้อนถามด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องที่เธอควรจะรู้อยู่แล้ว

“แล้วคุณจะให้ฉันไปบอกเขายังไงไม่ทราบ”

“ก็บอกว่ามันป่วยหนักหรือประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บร้ายแรงอะไรมาก็ได้  ได้ทั้งนั้นแหละ  อ้อ  เป็นโรงเรียนประจำได้ยิ่งดี  มันจะได้ไม่ออกไปหาเรื่องใส่ตัวที่ไหนอีก”

“โรงเรียนประจำ!?”  คนเป็นแม่ขึ้นเสียงสูง  “จะหาเงินที่ไหนมายัดมันเข้าไปไม่ทราบยะ?”

“ก็เงินที่ไอ้แก่นั่นจ่ายมาเป็นค่าปิดปากเราไง”

โทโมกิสะดุ้งเฮือก  เขารู้ว่าโอโนเสะจ่ายเงินให้พ่อแม่ของเขาเป็นจำนวนไม่น้อยเพื่อแลกกับการที่ทั้งสองจะไม่ฟ้องร้องเอาเรื่องวายะซึ่งเป็นเด็กในสังกัดของตน  แม้ความทรงจำจะไม่ปะติดปะต่อนัก  แต่โทโมกิก็อยู่ด้วยในตอนที่โอโนเสะเจรจากับทั้งสองคน  ตอนนั้นเองที่เขาถึงได้รู้ว่าวายะเป็นถึงโฮสต์อันดับหนึ่งอันเป็นแหล่งรายได้ใหญ่ของลูนาติก  คลับซึ่งโอโนเสะไม่ต้องการเสียไปเพราะต้องถูกไต่สวนและมีคดีติดตัว  และเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะลามมาถึงบริษัทต้นสังกัด  โอโนเสะยินดีจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อตัดความยุ่งยาก  แน่นอนว่าพ่อกับแม่ของเขาที่ไม่ได้อยากมีเรื่องถึงโรงถึงศาลอยู่แล้วรีบตะครุบเงินก้อนนั้นทันที...เพราะรู้อยู่แล้ว  โทโมกิจึงไม่ได้ตกใจเรื่องที่โอโนเสะจ่ายเงินปิดปากพ่อแม่เขา  แต่ตกใจจนสะดุ้งเพราะได้ยินพ่อเรียกโอโนเสะว่าไอ้แก่ต่างหาก

ผู้ชายพรรค์นี้ไม่มีสิทธิ์จะมาเรียกโอโนเสะที่คอยดูแลเขามาตลอดในขณะมันไม่เคยมาดูดำดูดีเขาแบบนั้น!

โทโมกิเดินไปที่ประตูห้องแล้วกระชากมันเปิดอย่างรวดเร็ว

“นั่นแกจะไปไหน  โทโมกิ?”  พ่อของเด็กหนุ่มตะโกนถามทันที

มือที่จับค้างไว้ที่ประตูสั่นน้อย ๆ  แต่เสียงที่ตอบกลับมาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด  “ไม่เกี่ยวกับคุณ!”

เด็กหนุ่มกระแทกประตูปิดแล้วก้าวยาว ๆ ตรงไปยังลิฟท์ที่เพิ่งขึ้นมาเมื่อครู่  เขารู้ว่าไม่มีใครตามเขามาแน่  จากนี้ไปก็จะมีแต่เสียงทะเลาะทุ่มเถียงกับลั่นบ้าน  บางทีคนข้างห้องอาจจะนึกแปลกใจเพราะไม่ได้เกิดเรื่องเอะอะแบบนี้มานานแล้วนับตั้งแต่สามีภรรยาคู่นี้ต่างก็ไปอยู่กับชู้รักโดยทิ้งลูกชายไว้ที่นี่คนเดียว

โทโมกิเดินย่ำไปบนทางเท้าที่มีกลีบซากุระกระจายอยู่ประปรายอย่างไร้จุดหมาย  เขาเพียงแต่โกรธจนระงับไม่ได้  หากต้องอยู่ในห้องนั้นต่อไปเรื่องมันคงเลยเถิดไปถึงการทะเลาะกับพ่อเป็นแน่...เขาไม่อยากทำ  ครั้งสุดท้ายที่เขาทะเลาะกับพ่อ  พ่อตบเขาด้วยความลืมตัวแล้วก็หันไปเล่นงานแม่เสียหนัก  ซึ่งแม่ก็เอาเรื่องนี้กลับมาด่าเขาอีกทีหนึ่ง...ซวยทั้งขึ้นทั้งล่อง  ดังนั้นเขาจึงพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ชวนให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีก

แต่จะไปที่ไหนดี...โทโมกิชะลอฝีเท้าลง  เขาผลุนผลันออกมาโดยไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าตัวเองไม่มีเงินสักเยนเดียว  แม้จะเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้วแต่อากาศยังคงหนาวและเขาก็ไม่มีปัญญาจะเข้าไปอาศัยร้านอาหารหรือคาเฟ่ที่ไหนเพื่อหลบหนาวจนกว่าพ่อกับแม่จะแยกย้ายกันกลับรังรักของตนด้วย...ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร  บางทีสองคนนั้นอาจจะคุยเรื่องเขานานกว่าที่คิด

มือเล็กซุกลงในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตเพื่อหาไออุ่น  พลันก็สัมผัสกับแผ่นกระดาษแข็ง  โทโมกิรีบดึงมันขึ้นมาทันที  สิ่งนั้นคือนามบัตรของโอโนเสะ  ฮิซาโนบุที่ให้เขาไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน

“เดี๋ยวเธอก็จะกลับบ้านได้แล้ว”  โอโนเสะบอกกับเด็กหนุ่มในวันนั้น  “ทีนี้  ที่ฉันเป็นห่วงคือครอบครัวของเธอ”

โทโมกิพยักหน้า  ไม่ต้องพูดอะไรมากเขาก็รู้ว่าโอโนเสะเป็นห่วงเรื่องอะไร

“ถ้ามีปัญหาอะไร...”  ชายผู้มากด้วยวัยสอดมือเข้าในไปเสื้อสูทแล้วดึงเอานามบัตรออกมาส่งให้เขา  “ติดต่อมาหาฉัน  เข้าใจนะ”

...อย่างตอนนี้ถือว่ามีปัญหาหรือเปล่านะ...โทโมกิถามตัวเอง  ถ้าติดต่อไปตอนนี้จะน่าเกลียดหรือเปล่า  เขาเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลมาวันนี้เอง

เด็กหนุ่มอ่านตัวหนังสือเล็ก ๆ บนนามบัตรเรียบหรูนั้น  โทรศัพท์มือถือของเขาคงจะถูกวายะโยนทิ้งไปแล้วและเขาไม่มีเงินจะโทรศัพท์ไปหาโอโนเสะก็จริง  แต่ถ้าไปตามที่อยู่นี่อาจจะได้เจอก็ได้  แต่...มันจะดีจริง ๆ น่ะเหรอ...

ทั้งที่ความคิดยังสับสน  โทโมกิก็เดินเรื่อยมาจนถึงย่านที่เขียนไว้ในนามบัตร  กว่าจะมาถึงที่นี่ก็เป็นเวลาที่เมืองแห่งสีสันเริ่มตื่นจากหลับใหล  ร้านรวงและผับบาร์เปิดไฟสว่างไสวสวยงาม  หนุ่มสาวหน้าตาดีเริ่มออกมาเรียกแขกตามท้องถนน  โทโมกิแทรกฝูงชนไปตามทางเดินพลางมองหาตึกอันน่าจะเป็นสถานที่เขียนเอาไว้ในนามบัตร

พลันเด็กหนุ่มก็ชะงัก  เขารู้จักที่นี่...รู้จักเมืองแห่งสีสันนี้  ไม่ใช่แค่รู้จัก  แต่ถึงขั้นคุ้นเคยเลยทีเดียว  ในเมื่อเขามักจะมาเที่ยวเตร่แถวนี้อยู่บ่อย ๆ...รวมถึงวันที่เจอกับวายะก็ด้วย

หัวใจของเด็กหนุ่มกระตุกวาบ  สองเท้าพาตัวเองมุ่งไปตรงสัญชาตญาณ...ที่อยู่ในนามบัตรนี่คงไม่ใช่...!!

ไม่ผิดเลย...โทโมกิมายืนอยู่หน้าตึกแห่งหนึ่งแล้วแหงนหน้าขึ้นมอง  ชั้นล่างตรงหน้าเขาคือโฮสต์คลับที่ติดป้ายเอาไว้ว่า  “ลูนาติก  คลับ”  หากป้ายไฟที่ติดไว้ข้างตึกมีรายชื่อสถานประกอบการเรียงรายอยู่บอกให้รู้ว่าชั้นบน ๆ คือบริษัทลูกของลูนาติก  ลัสท์  และสำนักงานใหญ่ของลูนาติก  ลัสท์เองด้วย

เด็กหนุ่มมองเข้าไปที่ตรอกเล็ก ๆ ข้างตึกนั้นแล้วก็สะท้านเยือกไปทั้งร่าง  เขาจำได้...ที่นั่น...จุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดทั้งปวงอยู่ที่นั่น

“ถ้าจะมาหา  ก็เข้าทางด้านหลังล่ะ”  เสียงของโอโนเสะในวันนั้นผุดขึ้นมาในหัว

ด้านหลังของตึก  จะต้องเดินผ่านตรอกนั้นเข้าไป...มันอาจจะมีทางอื่นอีกแต่เขาไม่รู้...ต้องเดินผ่านเข้าไปงั้นหรือ  ทางเดินมืด ๆ แคบ ๆ นั่น...ถ้าหากว่า...กลางทางนั้นมีใครบางคนยืนอยู่ล่ะ...ถ้าใครคนนั้น...

โทโมกิก้าวถอยหลังด้วยสองขาที่สั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้  เขาไม่กล้าเข้าไป  ไม่ว่ายังไงก็เข้าไปในตรอกนั้นไม่ได้...เขากลัว  ยอมรับด้วยหัวใจเลยว่ากลัว...กลัวมากกว่าตอนที่นั่งฟังโอโนเสะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเขาให้ฟังเป็นครั้งแรกเสียอีก

แต่นั่นคือหนทางเดียวที่จะไปหาโอโนเสะ...ทว่าเขาเข้าไปไม่ได้...แบบนี้การที่เขาอุตส่าห์มาถึงที่นี่ก็ไม่มีความหมายอะไรเลย

ในตอนที่โทโมกิกำลังยืนนิ่งอยู่หน้าตึกลูนาติก  ลัสท์อย่างสิ้นหวัง  เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นด้านหลัง

“เด็กที่ไหนมายืนเกะกะอยู่เนี่ย?”

เด็กหนุ่มสะดุ้งสุดตัว  รีบหันกลับไปดู...คนตรงหน้าเขาคือชายหนุ่มร่างสูงเพรียว  เรือนผมสีแดงยาวเคลียบ่า...ผมสีแดง!?  นี่มันกุหลาบเพลิงที่เป็นยอดปรารถนาของวายะไม่ใช่หรือ

โทโมกิถอยกรูด  ไม่ผิดแน่...เขาไม่มีทางจำผิดไปได้  ในเมื่อได้เห็นหน้าผู้ชายคนนี้ในดีวีดีนับครั้งไม่ถ้วนตอนที่ถูกวายะขังไว้ในห้องนั้น  และยังได้เห็นตัวจริงแวบหนึ่งที่หน้าห้องของวายะอีกด้วย

“เธอ...”  หางเสียงของคิริฮาระขาดหายไปในลำคอ  เขาเองก็จำเด็กคนนี้ได้เช่นกัน  ไม่ใช่แค่จากภาพประกาศหาคนหายของตำรวจ  แต่แค่พริบตาที่ได้เจอกันวันนั้น  เด็กหนุ่มคนนี้ก็ฝังอยู่ในความทรงจำของเขามาตลอด...เด็กผู้ชายที่วายะปรารถนาจนถึงขั้นทำเรื่องร้ายแรงขนาดนั้นลงไป

คิริฮาระรู้ว่าโอโนเสะนำเด็กคนนี้ไปรักษาตัวในโรงพยาบาล  วันนั้นเขาก็อยู่ที่นั่นด้วย...แต่...เด็กคนนี้มาทำอะไรที่นี่?

นายแบบหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง  “มาทำอะไรเหรอ?”

โทโมกิยังคงจ้องมองคนตรงหน้าด้วยแววตาหวาดหวั่น  เขายังปรับความรู้สึกไม่ได้เมื่ออยู่ ๆ คนที่วายะเคยพยายามเคี่ยวเข็นให้เขาเป็นอย่างนั้นก็มาปรากฏตัวตรงหน้า  ยิ่งเห็นกันในระยะใกล้แบบนี้...โทโมกิบอกกับตัวเองว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเป็นอย่างผู้ชายคนนี้ได้  ต่อให้วายะจะฆ่าเขาก็เถอะ...คนตรงหน้าสูงสง่าและมีบรรยากาศแปลกประหลาดที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ลึกลับบางอย่าง  ท่าทางของเขาดูไม่น่าจะเป็นคนที่ทำงานแบบเดียวกับวายะได้เลย  ซ้ำยังแตกต่างจากในดีวีดีอย่างสิ้นเชิง

คิริฮาระมองเด็กหนุ่มอย่างนึกเห็นใจ  เด็กคนนี้มาที่นี่ด้วยเหตุอะไรไม่รู้  แต่การมายืนในที่ที่ตัวเองถูกลักพาตัวไปคงจะทำให้หวาดกลัวมากสินะ  แล้วชายหนุ่มก็เหลือบไปเห็นนามบัตรในมือเล็ก ๆ

“มาหาใครที่นี่เหรอ?”  เขาถามแม้เกือบจะแน่ใจแล้วว่าเด็กหนุ่มมาหาใคร

“อะ...เอ้อ...”  โทโมกิตอบไม่ถูก  ได้แต่ยื่นนามบัตรให้นายแบบหนุ่ม

คิริฮาระรับมาดูแล้วก็พยักหน้าน้อย ๆ...ไม่ผิดจริง ๆ  เด็กคนนี้มาหาโอโนเสะ...เขาส่งนามบัตรคืนให้

“เข้าด้านหน้าไม่ได้หรอกนะ  ต้องเข้าทางประตูหลังสำหรับพนักงานน่ะ”  ว่าพลางพยักเพยิดไปทางตรอกเล็ก ๆ ข้างตึกนั้น

เพียงแค่มองเข้าไป  โทโมกิก็ผงะถอยอีกครั้ง...เขาเกือบจะแน่ใจว่าเห็นเงาของใครบางคนอยู่ในนั้นด้วยซ้ำ

คิริฮาระเห็นอาการนั้นแล้วก็ขมวดคิ้ว  “กลัวเหรอ?”

ร่างที่สั่นน้อย ๆ พยักหน้ารับ  นายแบบหนุ่มไม่ถามอะไรอีกแต่จับมือเด็กหนุ่มไว้  โทโมกิเงยหน้าขึ้นมองคิริฮาระอย่างไม่เข้าใจ

“มากับฉัน  ฉันจะพาเธอไปหาโอโนเสะซังเอง  ฉันกำลังจะไปพบเขาพอดี”  เมื่อเห็นหนุ่มน้อยยังคงมองเขาด้วยความหวั่นกลัว  คิริฮาระก็ยิ้ม  “ไม่ต้องห่วง  ฉันไม่พาเธอไปไหนหรอก  ขืนแตะต้องเธอโอโนเสะซังก็เล่นฉันตายพอดี  ไปด้วยกันนะ”

แม้จะยังไม่มั่นใจนัก  แต่โทโมกิก็ตัดสินใจจะเชื่อผู้ชายคนนี้  อะไรบางอย่างในน้ำเสียงทำให้เขารู้สึกไว้วางใจ

มือเรียวเอื้อมมาโอบไหล่เด็กหนุ่มดึงเข้าไปใกล้แล้วพาเดินไปยังตรอกเล็ก ๆ นั้น  ทันทีที่ย่างเท้าเข้าไปสู่เงามืด  โทโมกิก็ดึงเสื้อแจ็กเก็ตของคิริฮาระไว้แล้วหยุดเดิน...ไม่สิ  สองขาของเขาก้าวต่อไปไม่ได้  ความหวาดกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจสั่งให้มันหยุดอยู่กับที่  ทั้งร่างสั่นมากกว่าเดิม

หากมือที่โอบไหล่เขาไว้ตบเบา ๆ  “อย่ากลัว  ค่อย ๆ เดินก็ได้  ช้า ๆ ก็ได้...เอาละ  ก้าวเท้าขวาออกมาสิ”

โทโมกิแทบจะกอดเอวคิริฮาระไว้เมื่อค่อย ๆ กลั้นใจบังคับให้เท้าขวาก้าวไปข้างหน้า

“ดีแล้ว  ทีนี้ก็เท้าซ้าย...ค่อย ๆ...ช้า ๆ นะ”  น้ำเสียงนั้นปลอบประโลมอ่อนหวาน

เด็กหนุ่มซุกหน้าลงกับเสื้อแจ็กเก็ตของนายแบบหนุ่ม  หลับตาแน่น  แต่ก็ค่อย ๆ ก้าวเท้าซ้ายออกไป...เพียงเท่านั้น  ร่างกายของโทโมกิก็ดูผ่อนคลายมากขึ้น  เขาค่อย ๆ เดินตามคิริฮาระไปช้า ๆ ทีละก้าว

หลอดไฟให้แสงสว่างดวงหนึ่งติดไว้ข้างประตูบานเล็กที่ผนังตึก  โทโมกิจำได้...ที่ตรงนั้นเองที่เขาได้พบกับ...!!

“...นั่นใครน่ะ?”  เด็กหนุ่มกระซิบอย่างรวดเร็วและหยุดเดินทันที

คิริฮาระก้มลงมองหนุ่มน้อยแล้วหันกลับไปมองตรงหน้า...ซึ่งว่างเปล่า  ไม่มีใครอยู่ในซอกนั้นนอกจากพวกเขาสองคน

“ไม่มีใครหรอก”

“แต่...แต่...”  โทโมกิชี้มือไปตรงหน้า  ที่ซึ่งเขาเห็นใครบางคนยืนพิงกำแพงอยู่ตรงนั้น  “ไม่เอา...ไม่เอาแล้ว...ผมจะกลับ...”

คิริฮาระมองความมืดสลัวที่ไม่มีอะไรเลยตรงหน้า  เขาพอจะเข้าใจ...จากเรื่องราวที่วายะเล่าให้ฟัง  โทโมกิเจอกับวายะที่นี่  และมีเรื่องกันแถว ๆ นี้...ตอนนี้เด็กคนนี้คงกำลังเห็นภาพหลอนของวายะสินะ

นายแบบหนุ่มกระชับอ้อมแขนดึงโทโมกิเข้ามาใกล้ตัวมากขึ้น  “ฟังฉันนะ  ไม่มีใครอยู่ที่นี่ทั้งนั้น”

“แต่ว่า...”  โทโมกิเถียงเสียงสั่นปนสะอื้น

“วายะยังไม่ถูกปล่อยตัวกลับมาทำงาน  เขาจะต้องถูกขังไว้นานเท่า ๆ กับที่เขาขังเธอไว้”  น้ำเสียงของคิริฮาระหนักแน่น

เด็กหนุ่มเงยหน้ามองชายหนุ่มอีกครั้ง...คนคนนี้รู้เรื่องทุกอย่างงั้นหรือ...

“เพราะงั้นตอนนี้วายะไม่ได้อยู่ที่นี่  ที่เธอเห็นเป็นแค่ภาพที่เธอสร้างขึ้นมาเองเท่านั้น”

โทโมกิเหลือบไปที่ประตูบานนั้น  สาบานได้ว่าเขาเห็นกระทั่งเรือนผมสีทองที่สะท้อนแสงไฟอยู่ที่นั่น...มือเล็กที่สั่นเทาขยุ้มเสื้อของคิริฮาระไว้แน่นกว่าเดิม

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
«ตอบ #305 เมื่อ24-02-2012 22:21:03 »

“เธอต้องไปต่อ  ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่ได้เจอโอโนเสะซังนะ”  คิริฮาระกระตุ้นเตือนจุดหมายของเด็กหนุ่ม  “ฉันรู้ว่าเธอกลัว  แต่เธอจะไม่เป็นอะไรเมื่ออยู่กับฉัน  ต่อให้หมอนั่นอยู่ที่นั่นจริง  ฉันก็ไม่ปล่อยให้เขาแตะต้องเธอได้แม้แต่ปลายนิ้ว  ถ้าเธอเชื่อฉันก็เดินต่อ  จะหลับตาหรือยังไงก็ได้  แต่เธอต้องไป  ถ้าเธอปล่อยมือฉันแล้ววิ่งกลับไปตอนนี้  เธอจะก้าวข้ามความกลัวนี้ไปไม่ได้  และไม่มีวันได้เจอโอโนเสะซังไปตลอดกาล”

คำพูดนั้นช่างคล้ายคลึงกับคำพูดของโอโนเสะ...เขาจะต้องก้าวข้ามความเจ็บปวดนี้ไป  เพื่อสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า

โทโมกิพยักหน้าแล้วซุกใบหน้าลงกับเสื้อของคิริฮาระที่กอดเขาไว้แน่นกว่าเดิม  ค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินตามนายแบบหนุ่มไป  สายลมเย็นยังคงพัดมากระทบผิวกาย  วูบหนึ่งที่โทโมกิรู้สึกว่าภาพของวายะที่เขาเห็นขยับตัว  มือใหญ่เอื้อมมาที่เขาและพยายามจะไขว่คว้า  เด็กหนุ่มเกร็งร่าง...เขาจะต้องถูกกระชากออกไปจากคิริฮาระแน่

แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นเมื่อคิริฮาระพาเขาเดินเลี้ยวอ้อมไปด้านหลังตึก  โทโมกิค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมอง  ทางเดินด้านหลังนี้กว้างและสว่างกว่าด้านข้างตึกที่เขาเพิ่งผ่านเข้ามา  นายแบบหนุ่มพาเขาเดินผ่านประตูอัตโนมัติบานใหญ่ไปสู่โถงลิฟท์ที่มียามนั่งเฝ้าอยู่...สถานที่ที่ดูอบอุ่นและปลอดภัย  อยู่ห่างจากจุดที่เขาถูกลักพาตัวแค่นี้เอง

“เอาละ  ปลอดภัยแล้ว  เห็นมั้ย  ไม่มีอะไรเลย”  คิริฮาระปล่อยมือที่โอบเด็กหนุ่มไว้ก่อนจะกดปุ่มเรียกลิฟท์

โทโมกิไม่พูดอะไร  ตัวยังสั่นน้อย ๆ และลมหายใจยังไม่เข้าที่เท่าไรนัก  เขาปล่อยให้คิริฮาระตบไหล่ของตนราวกับจะปลุกปลอบ  แล้วเขาก็ถึงได้เห็นว่าคิริฮาระถือกระเป๋าใส่ไวโอลินมาด้วย  แต่ก่อนที่จะได้ถามอะไร  ลิฟท์ก็มาถึงพอดี

ทั้งสองก้าวเข้าไปในลิฟท์แก้ว  แสงไฟของทิวทัศน์ในเมืองใหญ่ส่องมากระทบกระจกและกระจายตัวเป็นแสงระยับเหมือนเกร็ดเพชร  นายแบบหนุ่มยืนพิงกระจกแล้วทอดสายตาออกไปข้างนอก  ริมฝีปากบางแย้มเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ  เห็นแบบนั้นแล้วโทโมกิก็ไม่นึกอยากจะชวนคุย  จึงมองออกไปบ้าง  แล้วก็รู้ว่าทำไมคิริฮาระถึงยิ้ม...ทิวทัศน์ยามราตรีที่เห็นจากลิฟท์นี้ช่างแสนงดงาม...โทโมกิจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างลืมตัว  กระทั่งลิฟท์ขึ้นมาถึงชั้นบนสุด

“เอาละ  ถึงแล้ว  ไปกันเถอะ”  เสียงของคิริฮาระปลุกเด็กหนุ่มจากห้วงภวังค์  โทโมกิรีบเดินตามชายหนุ่มออกจากลิฟท์ไป

ที่หน้าประตูกระจกนิรภัย  คิริฮาระกดปุ่มอินเตอร์โฟนเรียกเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวของโอโนเสะ  มีเสียงผู้ชายที่ไม่ใช่โอโนเสะตอบกลับมา

“คิริฮาระคุงเหรอ?”

“ครับ  ยามานากะซัง”

“จะเรียกเข้ามาทำไม  เธอก็มีรหัสผ่านอยู่แล้วนี่”

“คือ...ผมไม่ได้มาคนเดียวครับ  มีคนอยากมาขอพบโอโนเสะซัง  ไม่ทราบว่าจะอนุญาตให้พบหรือเปล่า”  คิริฮาระบอกด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ

“หือ  ใครกันล่ะ?”

“เอ...ไม่รู้สิครับ  เขาไม่ได้บอกชื่อผมนี่”  นายแบบหนุ่มดูสนุกในขณะที่โทโมกิกลับรู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทาง  “งั้นถามเจ้าตัวดูเลยนะครับ”

คิริฮาระรุนหลังเด็กหนุ่มให้มายืนหน้าอินเตอร์โฟน  โทโมกิอิดออดนิดหน่อยแต่ก็ยอมกดปุ่มสนทนา

“ผม...เอ้อ...ซานาดะ...ซานาดะ  โทโมกิครับ”

อีกฟากของสายเงียบไปนิดหนึ่ง  ก่อนที่ยามานากะจะอนุญาตให้ทั้งสองคนเข้าไปได้

ห้องทำงานของโอโนเสะกว้างใหญ่  มีส่วนสำหรับรับแขกพร้อม  มุมหนึ่งคือโซนทำงานของยามานากะผู้เป็นเลขา ฯ มีตู้เก็บเอกสารตั้งติดผนังทั้งสองด้านและอีกด้านหนึ่งมีประตูที่เชื่อมต่อไปยังห้องพักส่วนตัว

โทโมกิเดินตามหลังคิริฮาระเข้าไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ  โอโนเสะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลหลายครั้งจนรู้สึกคุ้นเคย  แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับรู้ถึงฐานะและตำแหน่งที่แท้จริงของท่านประธานแห่งลูนาติก  ลัสท์

โอโนเสะเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารตรงหน้า  มองผู้มาเยือนลอดแว่นสายตาก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยทัก

“ว่ายังไง?”

“ผมเก็บลูกแมวหลงทางมาได้  ไม่ทราบว่าคุณจะรับเลี้ยงมั้ยครับ?”  คิริฮาระพูดยิ้ม ๆ

ท่านประธานผู้มากด้วยวัยถอดแว่นตาออกแล้วมองเด็กหนุ่มที่ยืนเยื้องไปด้านหลังคิริฮาระ  “นั่นมันแมวมีเจ้าของ  ฉันเลี้ยงไว้ไม่ได้หรอกนะ  ยู”

“ผมนึกว่าคุณจะอยากเลี้ยงซะอีก  เห็นไปคอยดูแลเป็นประจำ  งานการไม่เป็นอันทำ”  นายแบบหนุ่มยักไหล่พลางทำสำเนียงเหมือนจะล้อเลียน

“ฉันไม่เคยโดดงานนะ  อย่ามากล่าวหา”  ถึงปากจะพูดอย่างนั้นแต่เมื่อดูจากปริมาณเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะแล้ว  โอโนเสะคงจะมีงานค้างไม่น้อยทีเดียว  “เอาละ  นั่งกันก่อนสิ  ยามานากะ  ขอชาให้หน่อยนะ”

“โอ๊ะ  ยามานากะซังไม่ต้องชงหรอกครับ  เดี๋ยวผมจัดการให้  ทำงานไปเถอะครับ”  คิริฮาระเสนอตัวแล้วตรงไปยังเคาน์เตอร์เครื่องดื่มเล็ก ๆ ที่มุมห้อง

โอโนเสะลุกจากโต๊ะทำงานแล้วพยักหน้าให้โทโมกิ  “นั่งก่อนสิ  เจ้าตัวเล็ก”

“ไม่ใช่เจ้าตัวเล็กนะครับ”  เด็กหนุ่มทำหน้ามุ่ย  แต่ก็นั่งลงที่โซฟารับแขกโดยดี

“ก็ยังไม่โตขึ้นเลยไม่ใช่เหรอ”  โอโนเสะยิ้มอย่างเอ็นดูแล้วเดินมานั่งฟากตรงข้าม  “มาหาฉันถึงนี่  มีอะไรเหรอ  เธอเพิ่งออกจากโรงพยาบาลวันนี้นี่นา”

โทโมกิขยับตัวอย่างอึดอัดใจ  เขาไม่ได้ตั้งใจจะมารบกวนโอโนเสะเลย  เขาแค่ทนคนที่บ้านไม่ได้เลยหนีออกมาเฉย ๆ แท้ ๆ  แถมแค่ดูก็รู้แล้วว่าโอโนเสะกำลังยุ่งแค่ไหน  เขายังจะมากวนใจอีก

“เปล่าครับ”  เด็กหนุ่มตัดสินใจพูดออกไปเบา ๆ

“สีหน้าไม่ได้บอกอย่างนั้นเลยนะ  มีอะไรก็พูดมาเถอะ  ฉันบอกแล้วไงว่ามีปัญหาอะไรก็ติดต่อมาได้เสมอ  นี่ถึงขนาดมาหาแบบนี้  คงจะมีเรื่องกลุ้มใจมากสินะ”

“มันก็...”  โทโมกิไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหน  ก็พอดีน้ำชาหอมกรุ่นก็ถูกวางลงตรงหน้า

“ดื่มตอนร้อน ๆ จะอร่อยนะ”  คิริฮาระยิ้มให้แล้วก็วางถ้วยชาอีกใบลงตรงหน้าโอโนเสะ  และวางถ้วยสำหรับตัวเองไว้ที่อีกมุมหนึ่งของโต๊ะ  ก่อนจะเดินไปหายามานากะ  “อันนี้ของยามานากะซังครับ”

“โอ้  อุตส่าห์ชงเผื่อ  ขอบใจนะ”  เลขา ฯ ผู้ดูจะมีงานยุ่งพอ ๆ กับเจ้านายยิ้มกว้าง

โทโมกิหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ  กลิ่นหอมและความอุ่นร้อนของน้ำชาทำให้ร่างกายผ่อนคลายขึ้นมาก  เขาเหลือบมองโอโนเสะ  คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขากำลังมองมาด้วยแววตาอ่อนโยน...แววตาที่ไม่เคยได้รับจากผู้เป็นพ่อแท้ ๆ แม้แต่ครั้งเดียว

ความอบอุ่นบางอย่างวาบขึ้นมาในหัวใจ...แล้วโทโมกิก็ไม่อาจหยุดถ้อยคำของตนได้  เขาเล่าทุกอย่างที่พ่อกับแม่พูดกันในห้องไปจนหมด  ระหว่างนั้นโอโนเสะก็เพียงแต่พยักหน้ารับ  ไม่ได้แสดงอารมณ์หงุดหงิดหรือโกรธเคืองแต่อย่างใด

“...ผมไม่รู้จะไปไหน  พอรู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ที่หน้าตึกแล้ว...”

คำบอกเล่าของโทโมกิจบลงแค่นั้น  แล้วทั้งห้องก็ถูกครอบคลุมด้วยความเงียบไปชั่วขณะ  มีเพียงเสียงนาฬิกาบนผนังเท่านั้นที่ดังก้องจนน่าแปลกใจ

แล้วคิริฮาระก็เป็นคนแรกที่ขยับตัว  ชายหนุ่มหยิบกล่องใส่ไวโอลินที่วางไว้ข้างโซฟาขึ้นมาเปิด  บรรจงหยิบไวโอลินออกมาแล้วลุกขึ้นยืน  กรีดคันซอลงบนสายลวดเพื่อตั้งเสียง  โทโมกิเหลียวมองตามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม  หากคิริฮาระไม่ได้พูดอะไร  เขาจรดคันซอลงกับไวโอลินแล้วเริ่มต้นบรรเลงเพลง

ท่วงทำนองที่หลั่งรินออกมาจากไวโอลินของคิริฮาระทำเอาโทโมกิอ้าปากค้าง  สำเนียงแว่วหวานที่โลดเล่นไปบนจังหวะกระชับฉับไวนั้นราวกับจะเชิญชวนให้ลุกขึ้นเริงระบำ  แม้เด็กหนุ่มจะสังเกตเห็นกระเป๋าไวโอลินของคิริฮาระแต่แรก  แต่ก็ไม่ได้คิดเลยว่านายแบบหนุ่มคนนี้จะสามารถบรรเลงเพลงได้ไพเราะถึงเพียงนี้  ท่วงท่าหยัดยืนสง่างาม  ริมฝีปากบางเฉียบอย่างคนเอาแต่ใจยกยิ้มน้อย ๆ  ขยับคันซอไปตามท่วงทำนองด้วยท่าทางมีความสุข...นี่คือคนคนเดียวกันกับที่เขาเห็นในดีวีดีลามกนั่นจริง ๆ หรือ

“ยูน่ะ  ถ้าไม่มาทำงานกับฉัน  ป่านนี้คงตระเวนแสดงดนตรีอยู่แถว ๆ ยุโรปแล้วละนะ”  โอโนเสะเอ่ยขึ้นเบา ๆ เมื่อเห็นโทโมกิจ้องคิริฮาระตาไม่กระพริบ

“...แล้วทำไม...?”  ในเมื่อมีความสามารถถึงเพียงนั้น  ทำไมถึงมาเป็นนายแบบในวงการค้าที่น่าจะผิดกฎหมายแบบนี้ล่ะ

“ผู้ใหญ่...มีเหตุผลของตัวเอง  มีทางเดินที่ตัวเองต้องเลือกเอง  มีกำแพงให้ต้องก้าวข้าม  เธอเพิ่งอยู่ที่จุดเริ่มต้นของการเป็นผู้ใหญ่เท่านั้น  โทโมกิคุง”

นั่นเป็นครั้งแรกที่โอโนเสะเรียกชื่อเขา  เด็กหนุ่มสะท้านไปทั้งร่าง

“เธออายุยังน้อยก็จริง  แต่ในตอนนี้เธอมีกำแพงที่จะต้องข้าม  มีเส้นทางที่เธอต้องเลือก  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัวหรือเรื่องโรงเรียนใหม่นั่น  เธอจะต้องฝ่าฟันไปด้วยตัวเอง”

“ตะ...แต่...ผม...”  โทโมกิก้มหน้ามองถ้วยชาในมือนิ่ง  เขาไม่มีความมั่นใจแม้แต่นิดเดียวว่าจะทำอย่างที่โอโนเสะพูดได้

“ต้องทำได้สิ  เมื่อกี้เธอยังเดินผ่านข้างตึกมาได้ทั้งที่กลัวแทบตายไม่ใช่เหรอ”  เป็นคิริฮาระที่เอ่ยขึ้น  โทโมกิไม่ทันรู้ตัวเลยว่าบทเพลงจบลงตั้งแต่เมื่อไร

“แต่นั่นเพราะมากับคุณ...”

“ก็ใช่  แต่จากนี้ไปเธอต้องเดินมาเองแล้ว  ฉันไม่ได้อยู่แถวนี้ทุกวันหรอกนะ”  ชายหนุ่มจรดไวโอลินอีกครั้ง  “คราวหน้าถ้ามาหาโอโนเสะซังอีก  เธอต้องเดินผ่านตรงนั้นคนเดียวแล้วละ  มีทางเลือกสองทางว่าเธอจะกลับบ้านหรือกลั้นใจเดินมาให้ถึงที่นี่...ก็แค่นั้น”

คิริฮาระเริ่มบรรเลงเพลงใหม่  โทโมกิก้มหน้านิ่ง  เฝ้าแต่ครุ่นคิดถึงคำพูดนั้น...กำแพง...ทางเลือก...มีแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจทั้งนั้น  อย่างคิริฮาระน่ะมีกำแพงอะไรขวางเขาได้งั้นหรือ  ท่าทางแบบนั้น...ต่อให้มีกองทัพขวางหน้าอยู่ก็คงจะบุกทะลวงไปได้กระมัง...ต่างจากเขา  เขาที่ไร้เรี่ยวแรงจะไปสู้รบตบมือกับใคร  ไม่เคยช่วยตัวเองได้  ที่ทำมาก็แค่ทำตัวมีปัญหาและแส่หาเรื่องไปวัน ๆ เพื่อให้ตัวเองดูเจ๋งก็เท่านั้นเอง...เขาจะก้าวข้ามความหวาดกลัวนี้ไปได้ยังไงกัน

โอโนเสะวางมือใหญ่ลงบนเรือนผมดำของโทโมกิ  “เจ้าตัวเล็ก  ยังไม่ต้องคิดตอนนี้ก็ได้  เธอมีเวลาที่จะเติบโตอีกเยอะ  ค่อย ๆ คิดไปก็ได้  รู้แค่ว่าอย่างไรเสียฉันก็อยู่ที่นี่  ให้เธอติดต่อมาหาได้ทุกเวลา  แต่ยังไงก็โทรเข้ามาก่อนก็ดี  ถ้าเผื่อว่าฉันติดธุระอะไรจะได้ไม่ต้องมาเก้อ  เข้าใจนะ”

โทโมกิพยักหน้าน้อย ๆ...เขานั่งอยู่ที่นั่นอีกหลายชั่วโมง  คิริฮาระบรรเลงเพลงให้ฟังไปเรื่อย ๆ โดยปราศจากบทสนทนาใด ๆ  กระทั่งโอโนเสะทำงานเสร็จ  เขาจึงพาเด็กหนุ่มไปส่งที่บ้าน  ส่วนคิริฮาระยังคงอยู่ที่ห้องทำงานนั้น...โทโมกิแน่ใจ  นายแบบหนุ่มไม่ได้มาหาโอโนเสะเพียงเพื่อเล่นไวโอลินให้ฟังเป็นแน่

เด็กหนุ่มกล่าวขอบคุณโอโนเสะที่อุตส่าห์มาส่งแล้วเดินไปขึ้นลิฟท์  ชั้นห้องพักของเขาเงียบสงัด  ไม่มีแสงไฟลอดมาจากใต้ประตูห้องของเขา...พ่อกับแม่คงไม่อยู่แล้ว  โทโมกิไขกุญแจเปิดประตูเข้าไป

ในห้องเงียบสนิท...อย่างที่มันเคยเป็นและเป็นมาตลอด  แต่ทำไมกันนะ  โทโมกิถึงได้รู้สึกหนาวเยือกและอ้างว้างขึ้นมาจับจิต  เขาตรงเข้าไปยังห้องนอนของเขาที่ไม่ได้กลับมาเสียนาน  ทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงขดตัวนิ่งอยู่ในนั้น...นอกจากเสียงลมที่พัดมากระทบหน้าต่างแล้ว  ก็มีเพียงเสียงหัวใจของตัวเองที่ดังก้องอยู่ในความมืด...ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ  ที่เขาคุ้นเคยกับการมีเสียงหัวใจอีกดวงอยู่ข้างกาย...ตั้งแต่เมื่อไรที่เขาคุ้นเคยกับการมีไออุ่นของใครอีกคนอยู่ข้าง ๆ...น้ำตาไหลรินออกมาเงียบ ๆ ก่อนจะค่อยแปรเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้น

...ไม่ควรเลย...วายะไม่ควรสอนให้เขารู้จักความอบอุ่นของมนุษย์เลย...แล้วจากนี้ไป...เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างไร...เมื่อปราศจากมัน...




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #306 เมื่อ24-02-2012 22:47:34 »

รอจ้ะ

ออฟไลน์ jitsupa apple

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #307 เมื่อ24-02-2012 22:58:15 »

โทโมกิน่าสงสารจัง

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #308 เมื่อ24-02-2012 23:04:39 »

จะเอาวายะ จะเอา จะเอา จะเอา จะเอา จะเอา จะเอา จะเอา จะเอาวายะ

ลุงชุนหายไปไหน อร๊ายยยย จะเอาๆๆๆๆวายะ ><"

ยูน่ารักอ่ะ แอบกินใจตรงที่เห็นลูกแมวแล้วคงนึกถึงตัวเองเมื่อก่อน

เลยอยากช่วยให้ก้าวผ่านกำแพงนั้นไปได้  ช่วยๆกันหน่อยสปีชีส์แมวเหมือนกันนี่นา 5555+

คาดว่าตอนนี้ ยูคงกลายเป็นไอดอลของโทโมะไปแล้วแหละ

ห่วงก็แต่จะโทโมะชอบเปรียบเทียบตัวเองกับยู ให้ตายเถอะเด็กหนอเด็ก   

จัดบวก รอตอนหน้าจ้า 

ปล. ป๊ะป๋าโอโนเสะใจดีซะ ระวังเจ้าของลูกแมวมันออกมางับคอซะละ
 

dolphins

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #309 เมื่อ24-02-2012 23:36:11 »

ชอบเรื่องนี้มากๆ คุณถ่ายทอดเรื่องราว และความรู้สึกของตัวละครได้ดีจริงๆ
 :pig4:  o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
« ตอบ #309 เมื่อ: 24-02-2012 23:36:11 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






kim_khun_kwan

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #310 เมื่อ24-02-2012 23:50:20 »

 :sad4: เศร้าจังเลย  โทโมกิสู้ๆนะ  ไปลากชุนมาจัดการเลยๆๆ   แค้นเบาๆ 555

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #311 เมื่อ25-02-2012 00:02:49 »

วายะโดนลงโทษไปเท่าไหร่แล้วล่ะเนี่ย

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #312 เมื่อ25-02-2012 00:14:56 »

ง่า

สงสารโทโมะอ่ะ คิดถึงอีกคนเเล้วถ้าเจอกันตอนนี้จะเป็นยังไงนะ


แล้วตอนนี้วายะเป็นยังไงมั้งเนี๊ย

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #313 เมื่อ25-02-2012 00:19:17 »

แล้วโทโมกิจะได้เจอวายะอีกมั้ยน้า

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #314 เมื่อ25-02-2012 00:24:04 »

เอาชุนกลับมาเถอะ
สงสารโทโมะกิจับใจ
วายะเองก็น่าสงสาร T^T

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #315 เมื่อ25-02-2012 00:31:24 »

ตอนี้ สงสารโทโมกิจับใจ :m15: พ่อกับแม่เป็นซะอย่างงั้นอะ :z3:
ตกลงตอนนี้วายะก็ต้องโดนขังไปอีก 2 เดือนงี้ เฮ้อ  :เฮ้อ: อยากให้กลับมาอยู่ด้วยกันนะ :serius2:
แต่ไม่เอาวายะแบบโหดร้ายอีก :call:

ออฟไลน์ tong_pub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-5
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #316 เมื่อ25-02-2012 01:23:39 »

แล้วต่อจากนี้ก็มาดูกันเถอะว่าวายะเมื่อเจอโทโมกิมาป้วนเปี้ยนแถวนี้จะคลั่งขนาดไหน
คงอยากจะถลาเข้ามาคว้าตัวเข้าไปกอด
จูบสักฟอดให้หายคิดถึง
เฮ้อ....วายะ คิดถึงแกๆๆ คนเขียนไม่ยอมเอาออกมาสักทีง่ะ
หลบอยู่หลังฉากอยู่นั่น...แต่นะ...รอได้จ้าาา


 +1 ทุกตอนแล้วจ้าาาาาาาาาาาา

ออฟไลน์ moobarpalang

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +185/-6
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #317 เมื่อ25-02-2012 07:06:22 »

เอาวายะคืนมา

ออฟไลน์ biw43

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #318 เมื่อ25-02-2012 10:29:09 »

โทโมะน่าสงสารเกินไปแล้ว  :z3: :z3:
อยากให้เจอวายะเร็วๆจัง
ตอนนี้วายะไม่มีบทบาทเลยแห้ะ โทโมะโซโล่ล้วนๆ
555555555555 55

รอตอนต่อไปค่า กี่ตอนจบเอ่ย ?

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #319 เมื่อ25-02-2012 13:15:03 »

ถึงจะเจ็บปวดและทรมาน แต่ก็มีความสุขสินะ

คงไม่มีใครเข้าใจชุนกับโทโมะนอกจากเจ้าตัวเอง Y^Y

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
« ตอบ #319 เมื่อ: 25-02-2012 13:15:03 »





ออฟไลน์ jiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1567
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +175/-2
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #320 เมื่อ25-02-2012 14:10:52 »

งวดนี้วายะไม่ออกมาโดนขังลืมอยู่อ่ะนะ ว่าแต่ โดนขังสองเดือนน่ี่. อกมามันจะยังแข็งได้อยู่อีกไม๊เนี่ย

ส่วนหนูน้อยหลงทาง อืมๆ ทำไมตอนนี้เราไม่ค่อยสงสารเลยนะ สงสัยเพราะตอนนี้ เค้ามีคนคอยปลอบเยอะอยู่แล้วมั้ง

ปล.เจอคำผิด คิดสิบบาท...ล้อเล่นนะ
ทันทีที่ออกมาจากห้องพักผู้ป่วย  โอโนเสะก็เจอหมอเข้าของไข้ของโทโมกิที่ยืนรออยู่แล้ว ---ต้อง้ป็น คุณหมอเจ้าของคนไข้ดิ

ออฟไลน์ kuruma

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 441
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +527/-3
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #321 เมื่อ25-02-2012 14:35:12 »

โทโมะเข้มแข็งอยู่แล้ว...รีบๆมาเป็นลูกบ้านโอโนะเสะเร็วๆเถอะ คุณพ่อโอโนะเสะดีเสียขนาดนั้น
ส่วนวายะโดนขังสองเดือน..มันจะยังใช้การได้อยู่ไหม??

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #322 เมื่อ25-02-2012 17:04:23 »




   เรื่องร้ายที่สุดผ่านไปแล้ว แต่ก็ยังมีเรื่องอื่นๆตามมาหลอกหลอนอีกละนะ
   สู้ๆนะโทโมะ





ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #323 เมื่อ25-02-2012 19:03:14 »

ทำไมมันน่าสงสารงี้ล่ะ

ออฟไลน์ sanfran

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #324 เมื่อ25-02-2012 19:15:34 »

รอฉันรอฌธออยู่แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด ...

เธอมาเมื่อไหร่ เราก็จะตามไปเมื่อนั้นล่ะ

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #325 เมื่อ25-02-2012 19:21:12 »

สงสารชุน :monkeysad:

ออฟไลน์ BBnuna

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 299
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #326 เมื่อ25-02-2012 20:10:39 »

ชอบคำนี้อ่ะ ที่นี้ไม่มีชุน t^tแลดูน่าสงสาร

ออฟไลน์ from_mars

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-0
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #327 เมื่อ25-02-2012 21:45:26 »

โอว...แล้วจะข้ามผ่านไปได้ยังไงกันนะ...
สู้เค้านะ ต้องเข้มแข็ง จะได้ไปเผชิญหน้ากันเร็วๆ ไงล่่ะ
ขอบคุณ และรออ่านต่อจ้า

ออฟไลน์ megatef4

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #328 เมื่อ25-02-2012 22:33:24 »

แบบว่ามาอ่านรวดเดียวเลย 

พระเอก จิต มาก  :a5:     

สนุกๆ มาต่อไวๆ นะ  ติดตามจ้าาาา   :กอด1:

รอ รอ รอ  :z2:

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
«ตอบ #329 เมื่อ25-02-2012 23:22:38 »

ง่ะ ตัวเล็กกกก   :o12:
เข้มแข็งเข้าไว้น๊าา 
รอตอนต่อไปฮะ ^^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด