All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55  (อ่าน 322456 ครั้ง)

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
« เมื่อ02-12-2011 22:29:08 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2012 22:38:47 โดย KOKURO »

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want # the Opening
«ตอบ #1 เมื่อ02-12-2011 22:39:10 »

รถเบนซ์สีดำงามจอดสนิทอยู่หน้าโรงฝึกยูโดเก่าแก่  ใกล้กันนั้น  มีชายหนุ่มร่างสูงอายุประมาณ 30 ปียืนทอดอารมณ์อยู่  แม้รูปร่างอันกอปรด้วยกล้ามเนื้อดูแข็งแรงได้สัดส่วนจะดูเหมือนนักกีฬาสักเท่าไร  แต่แค่มองด้วยหางตาเพียงชั่วแวบไม่ว่าใครก็สามารถบอกได้ว่าชายหนุ่มไม่ใช่คนที่จะมาฝึกศิลปะการป้องกันตัวที่โรงฝึกแห่งนี้เป็นแน่

ด้วยร่างสูงนั้นมีเรือนผมสีทองยาวประบ่า  ในมือมีบุหรี่ซึ่งเจ้าตัวค่อย ๆ ละเลียดสูดควันสีเทาเข้าปอดก่อนจะพ่นออกมาช้า ๆ  ปิดบังใบหน้าด้วยแว่นกันแดดสีดำ  ยิ่งเมื่อรวมเข้ากับสูทสีดำที่พับแขนขึ้นมาถึงข้อศอก  ผู้ที่ได้พบเห็นก็คงจะสรุปความเอาง่าย ๆ ได้ว่าชายหนุ่มเป็น  “คนของโลกเบื้องหลัง”  ที่เกี่ยวข้องกับอะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและศีลธรรมอันดีเป็นแน่

แต่ด้วยรอบ ๆ โรงฝึกยูโดแห่งนั้นเป็นย่านที่อยู่อาศัยเล็ก ๆ ที่ไม่มีผู้คนผ่านไปมามากมายนัก  ทำให้ไม่มีสายตาสงสัยปนหวาดระแวงจ้องมองมาให้ชายหนุ่มได้รำคาญใจเหมือนในเมืองใหญ่ที่เขาใช้ชีวิตอยู่เป็นประจำ

คนเรามันก็แปลก  กลัวทั้งกลัวแต่ก็ยังอดสงสัยและส่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามไปยังสิ่งที่ตนหวาดระแวงไม่ได้  จะถามออกมาตรง ๆ ก็ไม่กล้า  ได้แต่หลบ ๆ ซ่อน ๆ สายตาตนเองไม่ให้ฝ่ายถูกมองรู้เข้า...แต่มีหรือที่คนถูกมองจะไม่รู้  สายตาแบบนั้นเองที่ทำให้ชายหนุ่มรำคาญใจอยู่เสมอ

ชายหนุ่มรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คนใจร้อนบุ่มบ่ามเหมือนที่อันธพาลระดับล่าง ๆ มักจะเป็นเวลาที่ถูกมองด้วยสายตาแบบนั้น  เขาไม่เคยปรี่เข้าไปหาเรื่องหรือตั๊นหน้าใครเวลาที่ถูกมอง  แต่ก็ยอมรับอยู่ในใจว่าหงุดหงิดไม่น้อยถ้าถูกมองบ่อย ๆ...โดยเฉพาะเจ้าพวกเด็กในโรงฝึกนี้

ร่างสูงทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้นแล้วใช้เท้าขยี้ดับ  รอบ ๆ ตัวมีก้นบุหรี่เช่นนั้นหล่นอยู่ 3 – 4 ตัวแล้ว  คนที่เขารอยังไม่ออกมา  เขาเหลือบมองข้ามกำแพงสูงไปยังตัวอาคารไม้ที่อยู่ด้านใน  ก่อนจะส่ายหน้า...ยังไงเขาก็เกลียดสถานที่อย่างนี้จริง ๆ สิน่า

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์  เข้าไปต้องสำรวมทั้งกายและใจ  ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับอย่างเคร่งครัด  วางท่าให้ดูภูมิฐานน่าเชื่อถือ...โกหกทั้งเพ  ไอ้เรื่องพรรค์นั้นมันก็แค่กดความเป็น  “คน”  ในตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้น  สุดท้าย  เมื่อก้าวออกมาจากสถานที่นั้น  ไอ้ที่สร้างภาพเอาไว้ก็กระเทาะหลุดออกจนหมด

ดังนั้น  ชายหนุ่มจึงชอบ  “โลก”  ที่ตัวเองใช้ชีวิตอยู่มากกว่า  โลกที่ทุกคนเผยตัวตนและความปรารถนาจากก้นบึ้งของจิตใจตนเองออกมา  โลกที่ไม่มีการเสแสร้งจอมปลอม...โลกของตัณหาและราคะ

เสียงเจี๊ยวจ๊าวของบรรดาลูกศิษย์ของโรงฝึกดังขึ้นพร้อมกับเสียงเปิดประตูโรงฝึก...นั่นไง  พอสลัดชุดยูโดออก  คราบความสำรวมที่พอกเอาไว้ก็ถูกสลัดออกไปด้วย  ไม่รอแม้แต่จะให้พ้นประตูโรงฝึกเสียด้วยซ้ำ  พร้อม ๆ กับเสียงพูดคุยเอะอะโวยวาย  เด็กหนุ่มกลุ่มใหญ่ก็ทยอยกันออกมาจากประตูใหญ่อันเป็นไม้หนาหนัก  เกือบทุกคนลอบปรายตามองร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างประตูพลางเงียบเสียงลงคนละชั่วอึดใจโดยไม่รู้ตัว  ก่อนจะพูดคุยกันเสียงดังขึ้นมาอีกหลังจากเห็นว่าไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ จากชายหนุ่ม
แล้วร่างสูงก็ขยับตัวเมื่อเห็นว่าคนที่เขากำลังรอได้ออกมาจากโรงฝึกแล้ว

ในขณะที่เด็กหนุ่มคนอื่น ๆ เดินออกมากันเป็นกลุ่ม  แต่คนที่ชายหนุ่มกำลังรออยู่กลับเดินแยกตัวออกห่างจากคนอื่น...ไม่สิ  ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งด้วยต่างหาก  ทั้งที่ใครคนนั้นเป็นเพียงเด็กหนุ่มร่างเล็ก  มีความสูงน้อยกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันมากพอสมควร  ทำให้แม้จะอายุ 18 และอยู่มัธยมปลายแล้วแต่ก็มักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กมัธยมต้นอยู่เสมอ  แม้เรือนผมสีดำที่ซอยเลี้ยงด้านหลังเป็นหางยาวลงมาเลยบ่าจะผิดกฎของโรงฝึก  แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร  ด้วยเด็กหนุ่มไปกลับโรงฝึกทุกวันด้วยรถเบนซ์สีดำคันนี้

ลูกชายยากุซ่า

คือสิ่งที่ทุกคนเข้าใจตรงกันโดยไม่ต้องบอก  ไม่เพียงแต่รถเบนซ์บอกฐานะคันนั้น  แต่ยังมีชายหนุ่มร่างสูงผมทองเป็นบอดี้การ์ดควบตำแหน่งคนขับรถอีกด้วย

แต่ถ้าดูจากการแสดงออกและถ้อยคำที่มีต่อเด็กหนุ่มแล้ว  จะบอกว่าชายหนุ่มอยู่ในตำแหน่งที่ว่านั่นจริง ๆ ก็พูดได้ไม่เต็มปาก

“วันนี้ช้านะ  โทโมะ”  ชายหนุ่มล้วงกุญแจรถออกจากกระเป๋ากางเกงยีนส์พลางยกมือขึ้นเสยผมด้วยท่าทางเบื่อหน่าย

“ก็ไม่เคยบอกให้มารับสักครั้ง  อยากมาเองทำไม”  เด็กหนุ่มย้อนเข้าให้พลางตวัดดวงตากลมเหลือบมองร่างสูงชั่วแวบก่อนจะเมินไปทางอื่น

“แกไม่เคยบอก  แต่ฉันต้องทำตามคำสั่งท่านประธาน”  พูดแล้วก็กดสวิตช์เปิดล็อกก่อนจะเปิดประตูรถให้  “เชิญครับ  คุณหนูโทโมกิ”

โทโมกิไม่พูดอะไร  เด็กหนุ่มส่งกระเป๋ากีฬาให้ร่างสูง  ซึ่งชายหนุ่มก็ยื่นมือมารับ  พลันมือของทั้งสองก็สัมผัสกันโดยไม่ตั้งใจ  แต่นั่นส่งผลให้โทโมกิถึงกับกระชากมือกลับอย่างรวดเร็วจนกระเป๋าหล่นลงพื้น  ผู้ได้ชื่อว่าเป็นบอดี้การ์ดมองเจ้านายตัวเล็ก  ก่อนจะถอนใจพลางส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วก้มลงไปหยิบกระเป๋าขึ้นมา  โทโมกิอาศัยจังหวะนั่นก้าวขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังแล้วปิดประตูโดยไม่รอให้อีกฝ่ายปิดให้

ร่างสูงเปิดประตูหน้าแล้วเหวี่ยงกระเป๋ากีฬาใบนั้นโยนโครมไว้บนเบาะหน้าด้านข้างคนขับอย่างไม่มีการทะนุถนอมอะไรทั้งสิ้น  แล้วก็เดินอ้อมรถไปนั่งประจำที่คนขับรถ  กระชากรถออกอย่างแรงจนบรรดาศิษย์สำนักยูโดที่ยังเตร่อยู่แถวนั้นต้องรีบโดดหลบกันจ้าละหวั่น

บรรยากาศในรถเงียบจนน่าอึดอัด  ซ้ำยังกรุ่นไปด้วยกลิ่นบุหรี่ของร่างสูง  แม้จะคุ้นเคยกับกลิ่นนั้นอยู่แล้ว  แต่โทโมกิก็ไม่อยากจะถูกห่อหุ้มด้วยกลิ่นนั้น  ด้วยมันเกี่ยวข้องกับความทรงจำที่เขาแสนจะชิงชังโดยตรง

มือเล็กเอื้อมไปกดปุ่มเปิดกระจก  ก่อนจะพบว่ามันล็อก  เด็กหนุ่มขมวดคิ้วแล้วพยายามอีกครั้ง...ใช่เลย  มันล็อก...และคนล็อกก็ไม่ใช่ใครหรอก  เจ้าคนที่นั่งขับรถอยู่ข้างหน้านี่แหละ  ประตูและกระจกของรถคันนี้เป็นแบบเซ็นทรัลล็อกที่สามารถควบคุมการเปิดปิดประตูทั้งสี่ด้านได้จากปุ่มที่ข้างประตูด้านคนขับ

“วายะ  เปิดกระจกหน่อย”  แม้จะไม่อยากเสวนากับบอดี้การ์ดคนนี้นัก  แต่ในที่สุดโทโมกิก็บอกออกไป

“ไม่”  คำปฏิเสธห้วนสั้นสวนกลับมาทันที

“ฉันบอกให้เปิด”  เด็กหนุ่มยังไม่ยอมแพ้

“ไม่”

“วายะ!!”  คนตัวเล็กขึ้นเสียง  หากที่ตอบกลับมาคือน้ำเสียงเรียบ ๆ เรื่อย ๆ ไม่แสดงอารมณ์อะไรของคนที่ถูกเรียกว่าวายะ

“ฉันสอนให้เรียกฉันว่าอะไร  โทโมะ?”

ร่างเล็กกัดริมฝีปากตัวเอง  คิ้วเรียวขมวดมุ่น  กระแทกตัวลงกับเบาะแล้วมองเมินออกไปนอกหน้าต่างอย่างขัดใจ...ไม่อยากเปิดให้ก็ไม่ต้องเปิด  มันไม่ได้จำเป็นขนาดนั้นหรอก

แต่เพราะหงุดหงิดเสียแล้ว  เด็กหนุ่มจึงไม่สามารถสงบใจลงได้ด้วยการมองดูข้างทาง  เขาหยิบวอล์คแมนออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทเครื่องแบบนักเรียน  แต่ก่อนจะเสียบหูฟังเข้าหู  น้ำเสียงห้าวต่ำของคนที่ทำหน้าที่สารถีก็ดังขึ้น

“วันนี้ต้องออกไปงานเลี้ยงกับท่านประธานนะ”

“หา?”

ไม่มีการทวนคำซ้ำนอกจากการเหลือบสายตามองมาทางกระจกหลัง  แล้วหันกลับไปมองถนนต่ออย่างไม่ใส่ใจ

“งานเลี้ยงอะไร?”  โทโมกิถาม...เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าไม่ได้ยิน  แค่ตกใจจนอยากจะถามซ้ำเท่านั้น  แต่เจ้าคนนิสัยเสียนั่นก็ดันกวนอารมณ์เสียได้

“ก็งานเลี้ยงลูกค้าอะไรทำนองนั้น  ไม่ต้องห่วงหรอก  ยังไงท่านประธานก็ไม่เอาแกไปรับรองแขกอยู่แล้ว  เพราะงั้นจะงานเลี้ยงอะไรก็เหมือนกันนั่นแหละ”

โทโมกิกัดฟันกรอด...เกลียดหมอนี่เหลือเกิน  เกลียดจนไม่อยากจะหายใจร่วมกับมันเสียด้วยซ้ำ

“ไม่ไป”

“ไม่ได้  ท่านประธานสั่งมาแบบนี้”

“ไม่ไป!!”  ร่างเล็กขึ้นเสียงอีกครั้ง

“ไม่เกี่ยวกับฉัน  แกไปบอกท่านประธานเอาเอง”  พูดพลางก็หักพวงมาลัยตีโค้งอย่างแรงจนโทโมกิเสียหลักล้มลงนอน

“วายะ!”  โทโมกิแหวอย่างหัวเสียทันทีที่ยันตัวขึ้นมาได้

“ฉันสอนแกว่ายังไง  โทโมะ?”  ขาดคำก็หมุนพวงมาลัยหักเลี้ยวจนโทโมกิล้มลงไปนอนอีกครั้ง

“ไอ้บ้าชุน!!!!”  โทโมกิโวยวายทั้งยังนอนกลิ้งอยู่บนเบาะ

ร่างสูงอมยิ้มน้อย ๆ กับคำบริภาษนั้น  ก่อนจะเอ่ยเรียบ ๆ

“แกจะไปหรือไม่ไปฉันไม่รู้  แต่ดูเหมือนฮิโรอากิจะเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้แกแล้วนะ”

...

รถเบนซ์คันงามเข้าจอดตรงหน้าเรือนไม้ขนาดใหญ่แบบญี่ปุ่นแท้  ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ 2 – 3 คนรีบวิ่งเข้ามาที่รถก่อนจะตั้งแถวรับ  “คุณหนูเล็ก”

ตามปกติแล้วคนขับรถจะต้องเป็นคนลงมาเปิดประตูให้คุณหนู  แต่โทโมกิกลับรีบเปิดประตูลงมาเองทันทีที่วายะปลดเข็มขัดนิรภัย

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ  คุณหนู!”

คำกล่าวต้อนรับจากเหล่าชายชุดดำดูขึงขังหนักแน่น  แต่กลับทำให้โทโมกิรู้สึกอึดอัด...ไม่ว่ายังไงก็ไม่ชินกับการต้อนรับแบบนี้เสียที

“กลับมาแล้วเหรอ  โทโมกิ?”  เสียงทักทายดังมาจากระเบียงด้านที่ติดกับสวนญี่ปุ่นหน้าเรือนใหญ่

“กลับมาแล้วครับ  คุณพี่ฮิโรอากิ”  โทโมกิหันไปค้อมศีรษะให้ผู้ทักทาย

ผู้ที่อยู่ตรงระเบียงคือชายหนุ่มรูปร่างสันทัดในช่วงวัย 20 กลาง ๆ  ใบหน้ารูปไข่ล้อมด้วยเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยาวเกือบถึงเอวดูอ่อนหวาน  หากดวงตาเรียวกลับซ่อนประกายซุกซนตามประสาคนขี้แกล้ง

ฮิโรอากิก้าวฉับ ๆ ตรงมาหาโทโมกิอย่างกระตือรือร้น  “รออยู่ตั้งนาน  นึกว่าจะไม่กลับบ้านเสียแล้ว  ฉันเตรียมชุดเอาไว้ให้แน่ะ  วายะบอกแล้วใช่มั้ย  เรื่องงานเลี้ยงน่ะ?”

“บอกแล้วครับ  แต่...”  โทโมกิอ้อมแอ้มตอบ

“อย่าบอกนะว่าจะไม่ไป  คราวนี้หนีไม่ได้หรอก  คุณพ่อเขาอยากเปิดตัวลูกชายคนเล็กของเขาเสียที  นายเบี้ยวมาหลายหนแล้วนะ”  ฮิโรอากิคว้ามือผู้เป็นน้องแล้วลากดุ่ย ๆ ไปตามระเบียงอย่างไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายปฏิเสธ

“แต่ผมไม่ถนัดกับงานแบบนี้นี่ครับ”

“แค่ไปเสนอหน้าให้คนอื่นเห็นเท่านั้นเองน่า  ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเสียหน่อย”

“คุณพี่ไม่ยาก  แต่ผมยากนี่นา”  โทโมกิบ่นอุบอิบ

“ทีเวลามีเลี้ยงที่โรงเรียนกับเพื่อน ๆ ทำไมไปได้?”  ฮิโรอากิย้อน

“ไม่เคยไป”  เด็กหนุ่มเถียงห้วน ๆ

ฮิโรอากิหันมามองคนตัวเล็กกว่าก่อนจะยิ้มนิด ๆ  “นั่นสินะ  ไม่เคยไปสินะ”

พูดแค่นั้นแล้วก็ไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก  ฮิโรอากิรู้ดีว่าโทโมกิมีเพื่อนน้อยยิ่งกว่าน้อย  หรือจะเรียกว่าไม่มีเลยก็อาจจะได้ด้วยซ้ำ  เด็กหนุ่มตัวเล็กคนนี้ค่อนข้างจะเก็บเนื้อเก็บตัวทีเดียว  มีแต่เขานี่แหละที่สามารถลากโทโมกิไปโน่นมานี่ได้บ่อย ๆ

“แต่ถึงจะพูดแบบนั้น  วันนี้ก็หนีไม่ได้หรอกนะ  คุณพ่อสั่งมาโดยตรงแบบนี้ยังไงก็ต้องไปละ”  ฮิโรอากิพูดพลางเลื่อนประตูห้องที่กรุด้วยกระดาษให้เปิดออก  “คุณพ่อโทรมาสั่งให้ฉันเตรียมชุดไว้ให้นาย  หาแทบตาย  นายเล่นไม่เคยตัดสูทเอาไว้เลย  ไม่รู้คุณพ่อพลาดเรื่องนี้ไปได้ไง  ขนาดคิริฮาระซังยังมีสูทใหม่ใส่ทุกงาน  แต่นายกลับไม่มีสูทจะใส่เสียได้”

โทโมกิเพียงแต่มองตามพี่ชายที่เดินไปหยิบสูทสองสามตัว 2 – 3 ชุดที่แขวนไว้ที่ฝาห้องโดยไม่พูดอะไร  เพราะเขาไม่เคยคิดว่าจะไปออกงานอะไร  ถึงได้บ่ายเบี่ยงที่จะมีสูทของตัวเองมาตลอด

“ฉันไปค้นได้สูทตัวเก่าของฉันมา  ไม่แน่ใจว่านายจะใส่ได้มั้ย  มาลองดูหน่อยซิ”

ลองฮิโรอากิเจ้ากี้เจ้าการแบบนี้  เด็กหนุ่มก็ไม่มีทางปฏิเสธได้  เขาถอดเครื่องแบบนักเรียนของตัวเองออกแล้วเดินเข้าไปหา  พลันประตูห้องก็เลื่อนเปิดอีกครั้ง

“มาช้านะ  วายะซัง”  ฮิโรอากิหันไปพูดกับผู้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่  “เป็นบอดี้การ์ดประสาอะไร  ปล่อยให้คนอื่นเอาเจ้านายไปต่อหน้าต่อตาได้”

“เพราะเป็นคุณหนูฮิโรอากิลากมาถึงได้ปล่อยให้มาน่ะสิ”  วายะย้อนพร้อมกับยิ้มบาง ๆ  “ลองชุดหรือยัง?”

“ยังเลย  กำลังจะลองอยู่เดี๋ยวนี้แหละ  เอ้า  โทโมกิ  มานี่สิ  เอาชุดนี้ไปลองซิ”  ประโยคสุดท้ายบอกกับโทโมกิ

การจะลองสูทก็ต้องถอดทั้งเสื้อและกางเกงเพื่อสวมทั้งชุด  ร่างเล็กขยับตัวอย่างอึดอัด

“...วายะ  ออกไปก่อน”  เด็กหนุ่มเอ่ยเบา ๆ

“ไม่”  ปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย

โทโมกิส่งประกายตาวาววับไปให้อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ  หากคนถูกมองไม่สะดุ้งสะเทือน

“เอาน่า  อย่าเพิ่งทะเลาะกัน  ยิ่งไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วย  ถอดเสื้อผ้าซะ  โทโมกิ  ฉันไม่ปล่อยให้เจ้าบ้านั่นทำอะไรนายหรอกน่า”  ฮิโรอากิออกตัวห้ามทัพก่อนที่ทั้งสองจะพูดอะไรมากไปกว่านี้

โทโมกิจำใจถอดเสื้อผ้าออกอย่างเสียมิได้  เขาพยายามไม่สนใจร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงประตูห้อง...วายะเป็นบอดี้การ์ดของเขา  วายะแค่ทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น  ไม่มีอะไรอื่น...โทโมกิพร่ำบอกตัวเองเช่นนั้น

“อืม...เอาชุดสีเทานี่แล้วกัน  ตัวอื่นไม่พอดี  ใส่แล้วไม่สวย”  ฮิโรอากิตัดสินให้ในที่สุด  ชุดที่เลือกคือสูทสีเทาอ่อนที่เมื่อโดนแสงก็จะสะท้อนเป็นประกายเหลือบเงินตามเนื้อผ้า

โทโมกิลอบถอนใจ  เขาไม่คิดว่าสูทชุดนั้นเข้ากับเขาสักนิด  แต่คนที่ยืนดูอยู่ตลอดกลับบอกว่า

“ก็ดี  กำลังว่าจะบอกเหมือนกันว่าตัวนั้นดูดีที่สุด”

“ใช่มะ?  ฝีมือมั้ยล่ะ”  ฮิโรอากิหันไปเออออกับวายะ  “เอาละ  ทีนี้ก็ไปอาบน้ำซะ  เหม็นเหงื่อเชียว  ฝึกจนจะได้สายดำแล้ว  ไม่รู้จะขยันไปทำไมทุกวัน  โรงฝึกเนี่ย”

“ก็ยังไม่ได้สายดำนี่”  โทโมกิว่าพลางถอดสูทที่สวมอยู่ออก  ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่บนราวพาดผ้ามาพันท่อนล่างไว้

“ให้เรียบร้อยภายใน 6 โมงครึ่งนะ  เดี๋ยวฉันก็จะไปเตรียมตัวเหมือนกัน  อ้อ...วายะซังด้วย  แต่งตัวดี ๆ นะ”  ฮิโรอากิบอก

“แค่เบ๊  จะแต่งอะไรดีนักหนา”

“ยังไงซะก็อย่าให้เสียชื่ออดีตโฮสต์อันดับ 1 ของลูนาติก  คลับก็แล้วกัน”  พูดแล้วชายหนุ่มก็จากห้องไป

เมื่อเหลือกันอยู่สองคนกับวายะ  ในห้องก็เงียบเท่าเข็มตกได้ยิน  โทโมกิยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างไม่กล้าขยับเขยื้อน  และเมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของวายะ  เด็กหนุ่มก็ถึงกับสะดุ้งน้อย ๆ

“ไปอาบน้ำซะ  มีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง  จัดการตัวเองให้เรียบร้อยล่ะ”

เสียงเลื่อนประตูกระดาษเปิดและตามมาด้วยเสียงปิด  ทันทีที่เหลืออยู่คนเดียวในห้อง  โทโมกิก็ลอบถอนใจ...ผ่านมาหลายปีแล้ว  แต่ความกลัวที่มีต่อผู้ชายคนนั้นยังคงเกาะแน่นอยู่ในหัวใจของเขา

...แบบนี้แล้ว...เมื่อไรจะฆ่ามันได้เสียที...


6 โมงครึ่งแล้ว  แต่ประตูห้องของโทโมกิยังปิดเงียบเชียบ  ฮิโรอากิซึ่งเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วทนรออยู่ที่รถไม่ไหวต้องส่งวายะมาตามตัว

ร่างสูงใช้ข้อนิ้วเคาะเบา ๆ ที่กรอบไม้ของบานประตูกรุกระดาษ

“โทโมะ  ยังไม่เสร็จหรือไง?”

เงียบ...ไม่มีเสียงตอบจากสวรรค์

hampotpie

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want # the Opening
«ตอบ #2 เมื่อ02-12-2011 22:43:46 »

ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกก <3
โทโมกิน่ารักที่สุดในสามโลก
มาคราวนี้เป็นตอนของวายะ (ตัวใหญ่ๆ)
เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้ รออ่านตอนต่อไปนะคะคนเขียน

ออฟไลน์ EVE910

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: All I want # the Opening
«ตอบ #3 เมื่อ02-12-2011 22:46:35 »

 :กอด1:

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
Re: All I want # the Opening
«ตอบ #4 เมื่อ02-12-2011 23:01:10 »

อั๊ยยะ! รอเรื่องนี้อยู่เลยนะเนี่ย ห้าๆ

tent bodyslam

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want # the Opening
«ตอบ #5 เมื่อ02-12-2011 23:51:33 »

อิอิ  ชอบๆ  มาต่อเร็วๆนะ  :bye2:

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
เมื่อคืนผมทะลึ่งลงแค่ครึ่งตอนโดยไม่รู้ตัวครับ สงสัยเนทตัด...ง่าวได้อีก...
แก้ตัวครับแก้ตัว

All I want # 1 (ต่อ)

“โทโมะ  ตายอยู่ในนั้นหรือไง?”

ในห้องยังคงเงียบ

“โทโมะ  ช่วยตัวเองอยู่หรือไง  ให้ฉันช่วยดีกว่ามั้ย?”

คราวนี้ได้ผล  มีเสียงแหวสวนกลับออกมาจากในห้องทันที

“เงียบปากไปซะ  ไอ้วิปริต!!”

“ทำอยู่จริง ๆ สินะ”  วายะเปิดประตูห้องทันที...ข้อเสียของประตูเลื่อนแบบนี้ก็คือถ้าไม่ปรับปรุงให้มีที่ล็อกกุญแจ  ไม่ว่าใครก็เข้าได้ทั้งนั้น  และห้องของโทโมกิก็ไม่ได้มีกุญแจ

“ไม่ได้ทำ!  ใครมันจะไปบ้าคิดแต่เรื่องพรรค์อย่างนั้นแบบนายเล่า”  ร่างเล็กที่นั่งอยู่บนขอบหน้าต่างยังอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ด้วยซ้ำ

“ทำไมยังไม่แต่งตัวอีก?”

“ฉันไม่ไป”  บอกสั้น ๆ แค่นั้นแล้วก็มองออกไปนอกหน้าต่าง

ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ  “ไม่ไป?  จะขัดคำสั่งท่านประธานงั้นเหรอ?”

“ก็ไปบอกคุณพ่อโอโนเสะสิว่าฉันไม่สบาย  ไม่ไป”

“คนที่ไปเรียนยูโดตั้งแต่หลังเลิกเรียนแบบแกน่ะนะ  ไม่สบาย  ท่านประธานไม่โง่นะ  ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าแกป่วยการเมือง”  วายะเดินไปหยิบสูทที่แขวนไว้ที่ผนัง  “เปลี่ยนชุดซะ  อย่าเรื่องมาก”

“ไม่ไป  ฉันไม่เกี่ยวอะไรกับงานแบบนี้หนิ  ทำไมจะต้องไปด้วย”  โทโมกิพูดโดยไม่หันไปมอง

“เกี่ยวสิ  ในเมื่อท่านประธานรับแกเข้าตระกูลโอโนเสะแล้วนี่”  หางเสียงดูราบเรียบก็จริง  แต่สำหรับคนที่คุ้นเคยจะรู้ได้ทันทีว่าวายะกำลังประชด

“อยู่ได้ก็ใช่จะมีศักดิ์มีสิทธิ์อะไรนี่  เพราะงั้นนะ  งานนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน  ฉันไม่ไป”  โทโมกิกระแทกเสียง

“โทโมะ  อย่ามาเรื่องมาก  เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ”  วายะตรงเข้าไปคว้าแขนของเด็กหนุ่มแล้วดึงลงมาจากขอบหน้าต่าง

“เจ็บนะ!!”  โทโมกิแหวเข้าให้

“ไม่อยากเจ็บตัวก็เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ”  พูดพลางยัดสูทใส่มือให้

“ก็บอกว่าไม่ไปไงเล่า!”  เด็กหนุ่มขว้างเสื้อผ้าในมือลงพื้น  “ไปบอกคุณพ่อโอโนเสะว่าฉันไม่สบาย  บอกคุณพี่ฮิโรอากิก็ได้  ฉันไม่สบาย  ฉันไม่ไป!!”

ขาดคำ  มือแกร่งก็คว้าหมับเข้าที่ลำคอเพรียวบาง  แม้จะไม่ได้ออกแรงกดบีบอะไร  แต่แค่นั้นก็ทำให้คนตัวเล็กกว่าถึงกับสำลักคำพูด

“อย่ามาขึ้นเสียงกับฉัน  ฉันเคยสอนแกแล้วใช่มั้ย  โทโมะ?”

“ฮึก...ปล่อ...ย...”  โทโมกิจิกทึ้งแขนของร่างสูง  แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย

“เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ  เดี๋ยวนี้”  ร่างสูงออกคำสั่ง

กลัวทั้งกลัว  แต่โทโมกิยังดื้อดึง  “ไม่...ไป...”

วายะจ้องหน้าโทโมกินิ่งอยู่เป็นครู่  “ก็ได้...ไม่ไปก็ได้  แต่ฉันไม่ใช่คนชอบโกหก  ในเมื่อแกอ้างว่าแกไม่สบาย  ไปไม่ไหว...งั้นฉันจะช่วยทำให้แกไปไม่ไหวจริง ๆ เอง  ดีมั้ย?”

โทโมกิเบิกตากว้าง  ทำไมเขาจะไม่เข้าใจความหมายที่แฝงมาในคำพูดนั้น  ก็ในเมื่อผู้ชายคนนี้...ผู้ชายคนนี้น่ะ...

“ปล่อย!  ไม่เอา!!  ปล่อยฉันนะ”  เด็กหนุ่มดิ้นรนเตะถีบเป็นพัลวัน

หากร่างสูงไม่ใส่ใจ  เขาเหวี่ยงโทโมกิลงกับพื้น  “ถ้าไม่อยาก  ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ  เร็ว ๆ  ฮิโรอากิรออยู่”

โทโมกิจิกเล็บลงกับเสื่อทาทามิ  ทำไมเขาถึงไม่เคยเอาชนะผู้ชายคนนี้ได้...ทำไมเขาถึงต้องกลัว...หากในขณะที่ความเจ็บแค้นพลุ่งพล่านอยู่ในอก  มือใหญ่ก็วางลงบนเรือนผมของเขาอย่างเบามือ

“โทโมะ  นึกเสียว่าเป็นหน้าที่  ในฐานะที่แกอยู่ที่นี่ในตอนนี้  นี่เป็นงานที่แกต้องทำ  เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ  ให้ท่านประธานรอนานมันไม่ดี”  พูดจบร่างสูงก็เดินออกจากห้องไป

...แบบนี้ทุกที  ข่มขู่เขา  ทำร้ายเขาสารพัด  แล้วสุดท้ายก็มาทำเป็นพูดดีด้วย...คิดจะปั่นหัวเขาไปถึงไหน  เขาไม่ใช่เด็กที่ไม่เข้าใจอะไรเลยแล้วนะ...

...

แม้จะช้าไปสักนิด  แต่สุดท้ายโทโมกิก็มาถึงงานเลี้ยงจนได้  ทันทีที่ก้าวเข้าสู่สถานที่จัดงาน  เด็กหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันชวนอึดอัด...ผู้คนมากมายยิ้มแย้มพูดคุยทักทายกันก็จริง  แต่...นั่นก็แค่หน้ากาก  ภายใต้เสื้อผ้าสวยหรูและเครื่องประดับสูงค่า  เบื้องหลังรอยยิ้มนั้นคือความคิดด้านธุรกิจผลกำไร  ความคิดที่จะประหัตประหารกันเพื่อความเป็นหนึ่งในโลกธุรกิจ...มันคือรอยยิ้มจอมปลอมที่น่าสะอิดสะเอียน

เพราะรับรู้ความรู้สึกนึกคิดพวกนี้ได้  เขาถึงไม่อยากมางานเลี้ยงแบบนี้  แม้จะบอกว่าเป็นหน้าที่ก็เถอะ

บรรยากาศน่าอึดอัดนั้นกดทับลงมาที่เขาอย่างช้า ๆ  และฉับพลันมันก็โถมเข้าใส่ราวกับคลื่นลูกใหญ่  เมื่อฮิโรอากิพาเขาไปหาชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง

“คุณพ่อครับ  ผมพาโทโมกิมาแล้วครับ”  ฮิโรอากิบอก

“กำลังรออยู่พอดีเลย  โทโมกิ”  ร่างในชุดสูทหรูหันมาทัก

“สวัสดีครับ  คุณพ่อโอโนเสะ”  เด็กหนุ่มเอ่ยเบา ๆ

แต่นั่นก็ทำให้หลายหูที่เปิดรอรับข้อมูลอยู่แล้วรีบซึมซับข่าวสารเข้าไปทันที


...ลูกชายนอกสมรสของโอโนเสะ  ฮิซาโนบุ!!...


ปากต่อปากซุบซิบนินทากันให้แซ่ด  ไม่มีใครคิดว่างานเลี้ยงครั้งนี้จะเป็นการเปิดตัวลูกชายคนสุดท้องที่เกิดจากภรรยานอกสมรสที่เป็นข่าวลือกันมานานของโอโนเสะ  ฮิซาโนบุ  เจ้าของลูนาติก  ลัสท์  เครือข่ายบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกธุรกิจใต้ดิน

หากจะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ  ลูนาติก  ลัสท์ก็คือกลุ่มบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านความบันเทิง  เครือข่ายของลูนาติก  ลัสท์มีบริษัทลูกย่อย ๆ มากมาย  ทั้งบริษัทผลิตภาพยนตร์  บริษัทนิตยสาร  โมเดลลิ่ง  รวมไปคลับบาร์ที่เปิดให้บริการยามราตรี...หากทั้งหมดนั้น  ล้วนแต่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น!

ลูนาติก  ลัสท์เน้นหนักที่เรี่องราวทางเพศ  ทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัทมุ่งเน้นไปที่สื่ออันยั่วยุกามารมณ์  แน่นอนว่าในประเทศที่ใจกว้างขนาดให้มีหนังสือและภาพยนตร์ประเภทปลุกใจเสือป่าวางขายตามร้านสะดวกซื้อและแผงหนังสือทั่วไปได้นี้  สินค้าทางเพศจะเป็นเรื่องปกติธรรมดา  ทว่าสินค้าของลูนาติก  ลัสท์อยู่ลึกกว่าระดับทั่วไปขั้นหนึ่ง  ภาพยนตร์และนิตยสารของลูนาติก  ลัสท์ไม่มีการเซ็นเซอร์  คลับของลูนาติก  ลัสท์มี Sex show ให้ดูทุกคืน  นายแบบนางแบบในสังกัดโมเดลลิ่งลูนาติก  ลัสท์ทุกคนพร้อมที่จะให้บริการแก่สมาชิกหรือลูกค้าผู้มีมาตรฐานด้านการเงินสูงพอ  รวมไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีรสนิยมทางเพศแบบที่สังคมทั่วไปเรียกว่า  “วิปริต”  เช่น  กลุ่มรักร่วมเพศ  หรือผู้ที่ชื่นชอบความรุนแรงด้วย

แม้ในวงการธุรกิจจะรู้ดีว่าโอโนเสะ  ฮิซาโนบุคือผู้ที่กุมอำนาจอยู่ ณ จุดสูงสุดของเครือข่ายบริษัทผิดกฎหมายนี้  หากด้วยอุปนิสัยส่วนตัวและการดำเนินการเพื่อสังคมภายใต้ชื่อบริษัทลูกที่ถูกกฎหมาย  ทำให้มีคนนับถือชื่นชมเขามากมาย  และคนใหญ่คนโตจำนวนไม่น้อยที่เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของลูนาติก  ลัสท์

ด้านชีวิตส่วนตัว  ทุกคนรู้ดีว่าโอโนเสะแต่งงานมีครอบครัวตามหน้าที่ของผู้นำตระกูลใหญ่ตั้งแต่อายุยังน้อย  ด้วยมือที่เปื้อนบาปนั้น  โอโนเสะดูแลภรรยาและลูกชายทั้ง 3 คน  รวมไปถึงคนในตระกูลและญาติพี่น้องเป็นอย่างดี  เกือบทุกคนทำงานให้กับลูนาติก  ลัสท์  ไม่เว้นแม้แต่ลูกชายคนโตที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลบริษัทเล็ก ๆ ในเครือเพื่อเตรียมความพร้อมในการสืบทอดกิจการบาปนี้ต่อจากผู้เป็นพ่อโดยมีลูกชายคนรองเป็นผู้ช่วย  มีเพียงฮิโรอากิ  ลูกชายคนเล็กที่ดูเหมือนจะไม่ได้มีบทบาทอะไรในวงการธุรกิจ  แม้จะมาร่วมงานเลี้ยงกับโอโนเสะอยู่บ่อย ๆ ก็ตาม  แต่ทุกคนก็คาดการณ์ไว้ว่าอีกไม่นานนัก  หนุ่มน้อยท่าทางสำอางเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลยาวหน้าตาน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิงคนนี้  จะต้องได้รับมอบตำแหน่งสำคัญอะไรสักอย่างในเครือบริษัทเป็นแน่  เพราะเท่าที่เห็น  ผู้เป็นพ่อดูเหมือนจะรักและตามใจลูกชายคนเล็กคนนี้มากทีเดียว

ทว่าเมื่อ 3 ปีก่อน  มีข่าวลือแพร่สะพัดไปในวงการว่าโอโนเสะได้รับเอาเด็กชายคนหนึ่งมาเป็นบุตรบุญธรรม  และถึงกับให้เข้ามาอยู่ในบ้านใหญ่ของตระกูลโอโนเสะร่วมกับภรรยาและบุตรชายทั้ง 3

ทุกคนที่ได้ยินข่าวลือนั้นลงความเห็นตรงกันว่า  เด็กคนนั้นคงจะเป็นลูกที่เกิดจากภรรยาลับ ๆ ของโอโนเสะ  แต่การที่ให้ลูกนอกสมรสเข้าไปอยู่ในบ้านใหญ่นั้น  แสดงว่าโอโนเสะคงจะมีความผูกพันทางใจที่ลึกซึ้งกับแม่ของเด็กมากทีเดียว

นั่นคือเรื่องที่ทุกคนในโลกธุรกิจรู้กัน  หากไม่มีใครเคยเห็นหน้าลูกนอกสมรสของโอโนเสะคนนั้น...จนกระทั่งวันนี้

ท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทา  โอโนเสะพาโทโมกิไปทำความรู้จักกับคนใหญ่คนโตในงานหลายคนเสียจนเด็กหนุ่มเวียนหัว  ยังดีที่ฮิโรอากิอยู่ด้วย  ไม่อย่างนั้นเขาคงเครียดจนแทบบ้ากับสายตาที่ลอบมองมาที่เขาราวกับเป็นสิ่งประหลาดจากต่างดาว

ส่วนเจ้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นบอดี้การ์ดของโทโมกิ  อยู่ห่างออกไปนิดหน่อย  และถูกรุมล้อมด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา  วายะอยู่ในชุดสูทสีดำพับแขนขึ้นมาจนถึงใต้ศอกกับกางเกงยีนส์และเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมเม็ดบนออกเผยให้เห็นแผ่นอกกว้าง  ด้วยการแต่งกายแบบนั้นและเรือนผมสีทองที่ยาวประบ่าทำให้วายะดูไม่เข้ากับบรรยากาศในงานนี้อย่างสิ้นเชิง  ทั้งยังดูไม่เหมือนบอดี้การ์ดอีกด้วย  แต่ชายหนุ่มกลับโดดเด่นและเป็นที่สนใจของคนชั้นสูงในงาน

ก็ไม่แปลก  ในเมื่อครั้งหนึ่ง  วายะ  ชุน  เคยเป็นถึงโฮสต์อันดับหนึ่งของลูนาติก  คลับ  ที่คอยรับรองคู่ค้าของโอโนเสะหลายคน  ซึ่งส่วนมากก็คือคนที่อยู่ในงานเลี้ยงนี้  และวายะไม่ใช่โฮสต์ธรรมดา  หากเป็นถึงคิง  ออฟ  เอส  (King of S)  ซึ่งเน้นการให้บริการทางเพศแบบใช้รุนแรงโดยเฉพาะ  แต่เมื่อ 2 ปีก่อน  ชายหนุ่มกลับเลิกทำงานโฮสต์ไปโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ  และกลับมาปรากฎตัวอีกครั้งในวันนี้...ในฐานะบอดี้การ์ดของลูกชายคนสุดท้องของโอโนเสะ

ใช่...ไม่มีใครทราบสาเหตุ  นอกจากคนในบ้านใหญ่ของตระกูลโอโนเสะเท่านั้น


“วายะ  ไม่ได้เจอตั้งนาน”  เสียงที่ดังขึ้นใกล้ ๆ ทำให้ทุกคนที่ห้อมล้อมวายะอยู่หันไปมอง  พอเห็นว่าเป็นใครก็ยอมเปิดทางให้โดยดี

“ว่าไง  คิริยู  ท่าทางสบายดีนี่”  ร่างสูงโอบเอวของร่างเพรียวที่เดินเข้ามาใกล้ดึงรั้งเข้าไปแนบชิดทันที

“ก็ตามเคยนั่นแหละ  แต่ไม่คิดเลยนะว่าจะมาเจอนายที่งานนี้”  คนที่ถูกเรียกว่าคิริยูยกแขนขึ้นโอบรอบคอวายะ  พลางเสียดปลายจมูกเข้าที่ปลายคางของอีกฝ่าย

“หึ...ตามมาดูพ่อเจ้าประคุณเขาหน่อย”  วายะตอบพร้อมกับจูบเบา ๆ ที่เรือนผมสีแดงยาวนุ่มมือ

“โอโนเสะซังให้มาเปิดตัวเหรอ?”

“ทำนองนั้น  ดื้อฉิบ  กว่าจะเอาตัวมาได้”  ปากบ่นแบบนั้นหากมือใหญ่กลับค่อย ๆ ลูบไล้ไปตามเรือนร่างอันเปี่ยมเสน่ห์

“หึ ๆ...เคยบอกว่าชอบเลี้ยงแมวดื้อ ๆ ไม่ใช่เหรอ?”  ร่างเพรียวเบียดกายเข้าหาอย่างเย้ายวน

“ดื้อกว่าแกอีก  ยิ่งใช้นามสกุลโอโนเสะแล้วยิ่งดื้อหนักเข้าไปใหญ่”

“ก็พ่อเขาเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นี่นา”

“ไม่เห็นเกี่ยวสักนิด”

“แต่นายก็ชอบแมวดื้อนั่น”

“หึ  อย่ามาทำเป็นรู้ดี”

ท่ามกลางบทสนทนานั้น  ชายหนุ่มทั้งสองเบียดกายและสัมผัสกันและกันราวกับจะปลุกไฟปรารถนาให้ลุกโชนขึ้นมาตรงนั้น  โดยไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่กลั้นใจมองอยู่...ไม่ใช่ไม่สนใจหรอก  พวกเขาจงใจทำเพื่อดึงดูดความสนใจเลยละ  ร่างเพรียวเจ้าของเรือนผมสีแดงในอ้อมกอดของวายะคือคิริฮาระ  ยู  นายแบบระดับท็อป 5 ตลอดกาลของลูนาติก  ลัสท์  ที่แม้จะมีอายุล่วงเข้าวัย 20 ตอนปลายแล้ว  หากยังเป็นที่ต้องการของบรรดาลูกค้าและมักถูกเรียกตัวให้มารับรองคู่ค้าคนพิเศษของโอโนเสะอยู่เสมอ  ซ้ำค่าตัวก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นทุกที  และว่ากันว่าชายหนุ่มคงจะอยู่ในตำแหน่งนี้ไปจนกว่าจะถอนตัวออกจากวงการเลยทีเดียว

“วันนี้ถูกเรียกมารับรองแขก?”  วายะถามขึ้นขณะที่ยังเคล้าคลออยู่กับข้างแก้มของคิริฮาระกระตุ้นอารมณ์คนรอบข้างที่เฝ้าดูอยู่

“ใช่  คนที่กำลังคุยกับฮิโรอากิคุงอยู่ตรงนั้นแหละ”  คิริฮาระบอกพลางไล้ปลายนิ้วไปบนแผ่นอกที่โผล่พ้นสาบเสื้อของร่างสูงออกมา

“เดี๋ยวกระต่ายน้อยก็หึงแย่”  หมายถึงคนรักของนายแบบหนุ่มที่ตอนนี้เรียนอยู่ที่เยอรมัน

“คิโยะเข้าใจดีน่า  นี่มันก็แค่งาน”

“นั่นสินะ...ไอ้หมอนั่นจ้องแกตาเป็นมันเลย”  วายะลอบมองคนที่จะเป็นคู่นอนของคิริฮาระในคืนนี้

“ฮะ ๆ  งั้นปลุกอารมณ์ให้เขาอีกนิดสิ”  พูดจบก็โน้มคอร่างสูงมาประกบจูบอย่างเร่าร้อน

ไม่เพียงแต่คนที่ถูกเอ่ยถึงเท่านั้น  ทุกคนที่เห็นถึงกับลอบกลืนน้ำลาย  นาน ๆ ครั้งหรอกที่จะได้เห็นคิริฮาระกับวายะอยู่ด้วยกันในงานเลี้ยงแบบนี้  และเมื่อวายะถอนตัวจากการเป็นโฮสต์  ก็ยิ่งมีโอกาสน้อยลงไปอีก  เกือบทุกคนยอมรับกับตัวเองว่าสองคนนี้ดูเหมาะสมกันไปหมดทุกอย่าง  หนังสือรวมภาพฉบับพิเศษที่คิริฮาระประกบคู่กับวายะถูกขอให้พิมพ์ซ้ำนับสิบครั้ง  และถึงกับมีการแอบลุ้นกันเงียบ ๆ เกี่ยวกับเรื่องความรักของทั้งคู่  ความแข็งแกร่งแบบลูกผู้ชายที่ดูดิบเถื่อนเหมือนสัตว์ป่าของวายะ  ขับความสวยหวานและเร่าร้อนราวกับกุหลาบเพลิงของคิริฮาระให้โดดเด่นขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้

หากทั้งสองคนรู้ดี  พวกเขาไม่เคยคิดอะไรต่อกันมากไปกว่านี้...อย่างดีก็แค่คู่นอนที่รู้ใจกันมากหน่อยเท่านั้น...นี่ก็แค่งาน  หน้าที่ของคิริฮาระและนายแบบนางแบบของสังกัดลูนาติก  ลัสท์ในงานเลี้ยงไม่ใช่แค่  “จับ”  คู่ค้าคนสำคัญของโอโนเสะหรือแขกที่ได้รับมอบหมายให้ได้เท่านั้น  แต่ยังต้องดึงดูดคนอื่น ๆ ที่อาจจะเป็นเป้าหมายในการทำธุรกิจครั้งต่อไปหรืออยากจะใช้บริการอีกด้วย  เพื่อการนั้น  ทุกคนจะต้องหว่านเสน่ห์ให้เต็มที่  โดยเฉพาะคิริฮาระ  การที่ใครสักคนเรียกใช้บริการเขานั้น  หมายถึงรายได้ก้อนโตที่จะเข้าสู่บัญชีของบริษัทและกระเป๋าของนายแบบหนุ่มเอง  ดังนั้นชายหนุ่มจึงต้องแสดงตนมากเป็นพิเศษ...และมันง่ายขึ้น  เมื่อมีวายะอยู่ด้วย

“คิริยู  ท่านประธานเรียกแล้วแน่ะ”  วายะบอกทั้งยังเคล้าคลอริมฝีปากอยู่ไม่ห่าง

“หือม์?  หมดเวลาแล้วเหรอ  แย่จริง”  คิริฮาระบ่นอู้อี้  เขากำลังเพลินกับรสจูบของวายะเลยทีเดียว

“เครื่องยังไม่ร้อนพอหรือไง?”

“ถ้าได้อีกนิดจะเยี่ยมมาก”

“ไม่ได้ใส่ไวเบรเตอร์มาหรือไง?”  ถามเพราะรู้ว่าบางครั้งคิริฮาระก็ต้องทำถึงขนาดนั้นเพื่อกระตุ้นตัวเองให้พร้อมกับกิจกรรมบนเตียงทุกขณะเมื่อรายงานเกี่ยวกับความสามารถทางเพศของคู่นอนบอกว่า...ไม่ได้เรื่อง

“เขาว่าคนนี้ลีลาดี”

“งั้นก็ไปต่อกับเขา  ไป๊”  วายะบอกแล้วก็ผละออกดื้อ ๆ

“หึ ๆ...ไว้อยากกินอะไรหนัก ๆ แล้วจะไปหานะ  วายะ”  นายแบบหนุ่มใช้ปลายนิ้วแตะริมฝีปากร่างสูงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหมุนตัวกลับแล้วเดินจากไป

“หึ...จะรอ”  วายะโบกมือให้นิดหน่อย...เจ้าแมวดื้อของเขาโตขึ้นมาเป็นเสือร้ายเต็มตัวจริง ๆ  ทั้งสวยงามและเร่าร้อน...น่าภาคภูมิใจจริง ๆ

“ดีจังน้า  วายะซังเนี่ย  ผมก็อยากให้คิริฮาระซังจูบแบบนั้นบ้างเหมือนกันนะ”

เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างตัว  พอหันไปดูก็พบฮิโรอากิยืนอยู่ข้าง ๆ

“ถ้าอยากก็ขอมันสิ  เป็นคุณหนูฮิโรอากิทั้งที  คิริยูมันไม่ปฏิเสธหรอก”

“กลัวว่ามันจะไม่หยุดแค่จูบแล้วพ่อจะหักคอโทษฐานกินของขายในบ้านเอาน่ะสิ”  ฮิโรอากิส่ายหน้าดุกดิก

“หึ  ท่านประธานเองก็กินเหมือนกันแหละ  ไม่เป็นไรหรอกมั้ง”  คิริฮาระเองก็เป็นคู่นอนที่โอโนเสะถูกใจมากทีเดียว

“เพราะงั้นไง  ถึงได้ไม่กล้ากิน”  พูดแล้วก็ทำหน้ามุ่ย  “ว่าแต่  วายะซังเถอะ  โดดงานบอดี้การ์ดมาทำงานโฮสต์ซะงั้น  ปล่อยเจ้านายไว้นั่นได้ไง”

“มีทั้งท่านประธานทั้งเคนซัง  จะกลัวอะไร”  วายะยักไหล่พลางมองดูโทโมกิที่ยังเดินตามโอโนเสะไปทักทายคนนั้นคนนี้ต้อย ๆ โดยมีบอดี้การ์ดประจำตัวโอโนเสะเดินคุมหลังให้

“ก็ไปช่วยเคนซังทำงานซี่  ไปไป๊”  ฮิโรอากิไล่

“หึ ๆ  ก็ได้...ไปก็ได้”  วายะโคลงหัวแล้วเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับบุคคลที่ยังคงตกเป็นเป้าสายตาของแขกเหรื่อในงานเลี้ยง



(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
ปล.
ผมยังคงเขียนนิยายที่มีฉากเป็นญี่ปุ่นและตัวละครเป็นญี่ปุ่นนะครับ ทั้งนี้เพราะผมโตมากับการ์ตูนญี่ปุ่น จะว่ามันฝังหัวก็ไม่ผิด
และผมรู้สึกว่าสถานการณ์และสิ่งที่เกิดขึ้นในพล็อตของผมมันไม่เหมาะกับฉากในเมืองไทยและสังคมไทยเท่าไรนักน่ะครับ
อย่างที่เห็น...นี่จะเรียกว่าภาคต่อของ Come closer ก็ได้ แต่ผมก็พยายามเีขียนให้แม้แต่คนที่ไม่ได้อ่านภาคที่แล้วมาเข้าใจในทุกตัวละครได้ครับ
ยังไงก็ฝาก All I want ด้วยนะครับ

ส่วนภาคพิเศษของ Come closer มีแค่ในหนังสือรวมเล่มเท่านั้นน่ะครับ เพราะผมถือเป็นธรรมเนียมของผมเองที่จะให้ของขวัญพิเศษกับผู้อ่านที่รักตัวละครของผมอย่างจริงจัง (ใน KOUSOKU ก็ทำแบบนี้ละครับ)

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะครับ

ออฟไลน์ Forget_Me_Not

  • ความศรัทธา ความหวัง และรักแท้ ™
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-13
:impress2:  วายะมาแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2011 23:44:28 โดย women007 »

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
 :mc4: o13  ชอบมากค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
อั๊ยย่ะ ในที่สุดตอนที่หนึ่งก็ออก  :-[
มาต่อไวๆนะคับ   ^^

Crossley

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ ENG❤LUCKY

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
น่าอ่านแฮะ แต่ยังไม่ได้อ่านอีกเรื่องเลย  :impress2:
สงสัยต้องตามไปอ่านส้ะล้ะ :z1:

ออฟไลน์ MM

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
ตามมา ติดตามหละ  :L2:

ออฟไลน์ ENG❤LUCKY

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
อ่านอีกเรื่องจบแล้วน้า มาต่อได้ล้ะ  :laugh:

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
«ตอบ #15 เมื่อ09-12-2011 20:41:19 »

All I want # 2

ร่างเล็กในชุดสูทสีเทาอ่อนเดินเกร่อยู่ริมสระว่ายน้ำของโรงแรม  เขาแอบหนีออกมาจากงานเลี้ยงที่ชวนอึดอัดน่าเวียนหัวได้ในที่สุด  เมื่อโอโนเสะเรียกคิริฮาระไปแนะนำต่อคู่ค้าของตน  โทโมกิเคยเจอคิริฮาระมาแล้ว  และเขายอมรับว่าผู้ชายคนนั้นมีเสน่ห์เหลือล้นจริง ๆ  ทั้งกิริยาท่าทาง  การพูดจา  หรือแม้แต่ประกายตานั่น  สามารถดึงดูดใครต่อใครได้ไม่ยาก

และผู้ชายคนนี้เอง...ที่วายะคิดจะ...

เด็กหนุ่มสะบัดหน้าแรง ๆ ไล่ความคิดที่เกิดขึ้นออกจากสมอง  วายะจะคิดอะไรมันไม่เกี่ยวกับเขาแล้ว  ตอนนี้เขาปลอดภัยดีอยู่ในบ้านตระกูลโอโนเสะ  มีชีวิตที่ดีกว่าแต่ก่อนเยอะ  แม้จะรู้สึกอึดอัดบ้างในบางครั้งแต่ก็ไม่มีอะไรหนักหนาสาหัส  ถ้าทำตามกฎระเบียบที่นายแม่วางเอาไว้ได้ก็อยู่ในบ้านได้อย่างสบาย ๆ...ถ้าเพียงแต่วายะจะไม่มาเป็นบอดี้การ์ดของเขา

“นึกว่าหายไปไหน  หาแทบแย่”  อยู่ ๆ ร่างสูงที่อยู่ในความคิดก็โผล่มา  ทำเอาโทโมกิสะดุ้ง  “อะไร?  ตกใจทำไม  หรือว่าคิดไม่ดีกับฉันอยู่?”

“เปล่า  อยู่ ๆ ก็โผล่มา นึกว่าผีตายโหงที่ไหนซะอีก”  พอระงับความตกใจได้ก็สวนกลับไปแบบนั้น

“ปากดีนักนะ”  วายะชี้หน้า  แต่ไม่ได้เก็บมาเป็นอารมณ์อะไร  เขาเดินไปนั่งที่เก้าอี้สำหรับนอนอาบแดดที่ตั้งอยู่ริมสระก่อนจะจุดบุหรี่สูบ

ควันสีเทาค่อย ๆ ลอยขึ้นไปในอากาศอย่างช้า ๆ  บรรยากาศในค่ำคืนนี้นิ่งสงัดไม่มีลมแม้แต่น้อย  ทำให้กลิ่นบุหรี่ของชายหนุ่มลอยอวลอยู่ในบริเวณนั้น  โทโมกิรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที  เขาไม่ชอบกลิ่นบุหรี่  มันทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดีและรบกวนความรู้สึกมากเกินไป  โดยเฉพาะกลิ่นบุหรี่ที่เจือมากับกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ...ไม่เอา...อย่าไปนึกถึงมัน...อย่าคิด...เด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบหน้า

“ไม่สบายเหรอ?”

เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างตัว  โทโมกิสะดุ้งสุดตัวหันขวับไปดู  แล้วก็พบคนที่ได้ชื่อว่าเป็นบอดี้การ์ดยืนอยู่ข้าง ๆ  มือใหญ่เอื้อมมาแตะหน้าผากของเขา

“ไม่มีไข้หนิ”

กลิ่นน้ำหอมที่วายะคงจะพ่นเอาไว้ที่ข้อมือด้วยลอยมากระทบจมูก  ในระยะใกล้แค่นี้กลิ่นของมันช่างชัดเจน  ทั้งยังกลิ่นบุหรี่ที่ชายหนุ่มยังคาบไว้ที่ปาก...สองกลิ่นที่มักจะโอบล้อมเขาไว้  และขยี้สติสัมปชัญญะจนกระเจิดกระเจิง...

“อย่าแตะนะ!”  โทโมกิปัดมือนั้นออกเต็มแรงพร้อมกับถอยกรูด

วายะจ้องหน้าโทโมกิ  แวบหนึ่งที่ดูเหมือนจะมีความโกรธเคืองวูบเข้ามาจับในแววตา  หากมันก็หายไปในชั่วพริบตา  ชายหนุ่มอัดควันลึกเข้าปอดอีกครั้งแล้วเดินไปทิ้งก้นบุหรี่ลงในที่ที่จัดไว้ให้ทิ้ง

“กลับกันดีกว่ามั้ย?  ดูท่าทางแกไม่ค่อยดี”

“งานยังไม่เลิกเลย”

“เลิกแล้วหรือยังไม่เห็นจะสำคัญตรงไหน  ยังไงแกก็หนีออกมาแล้วนี่  ก็แค่กลับบ้านไปเลยเท่านั้นเอง”

“ให้กลับไปกับนายสองคนน่ะเหรอ  ไม่หละ”  โทโมกิหันหน้าหนี

“แล้วไอ้หลังเลิกเรียนนี่ไม่ได้กลับกันสองคนงั้นเรอะ?”  วายะย้อนถาม

“มันไม่เหมือนกัน”  ถ้ากลับไปตอนนี้  นายแม่ก็คงจะเข้านอนแล้ว  และถึงนายแม่จะยังไม่เข้านอน  ห้องของเขาก็อยู่คนละปีกของเรือนอยู่ดี...แล้วจะให้กลับไปกับวายะตามลำพังสองคนน่ะนะ...

“กลัวเกิดอารมณ์แล้วห้ามใจไม่อยู่ปล้ำฉันเข้าให้หรือไง?”

เสียงต่ำ ๆ กระซิบที่ข้างหู  พอหันไปก็พบว่าวายะเข้ามาประชิดตัวเสียแล้ว  ยังไม่ทันที่โทโมกิจะได้โวยวายหรือทำอะไรมากกว่านั้น  แขนแกร่งก็โอบรวบเอวเขาเข้าไปแนบชิด

“ที่หมู่นี้ทั้งดื้อทั้งขี้โวยวายนี่เพราะมีอารมณ์กับฉันแต่ไม่กล้าขอให้ทำให้หรือไง?”

“ไม่!  ไอ้บ้า  พูดอะไรของแกน่ะ  ปล่อยนะ!!”  โทโมกิออกอาการดิ้นรน

หากวายะจับบิดล็อกเพียงเบา ๆ ก็ยึดเด็กหนุ่มให้อยู่นิ่งได้  “จะหนีให้พ้นจากฉันมันต้องออกแรงให้มากกว่านี้  รู้ไม่ใช่เรอะ?”

“ปล่อย!  บอกให้ปล่อย  ไม่งั้นฉันจะบอกคุณพ่อโอโนเสะ”

“ฟ้องพ่อ?  นี่แกมีนิสัยแบบคุณหนูอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไร  หา?”  ชายหนุ่มขมวดคิ้ว  “อย่ามาตอแหลนะ  ขนาดฮิโรอากิมันเป็นคุณหนูแท้ ๆ มันยังไม่เคยบอกใครว่ามันจะไปฟ้องพ่อเลย  แล้วแกเป็นใคร  โทโมะ?  เด็กอย่างแกน่ะ...”

“ใช่เซ่!  ฉันมันเด็กที่คุณพ่อโอโนะเสะเก็บมาเลี้ยง  แล้วไงเล่า!?”  โทโมกิตะโกนใส่หน้า

“รู้ตัวดีนี่  เพราะงั้นนะ...อย่าเสือกทำตัวเฮงซวยเหมือนไอ้พวกคุณหนูงี่เง่าไร้สมองในงานนั่น”

ขาดคำชายหนุ่มก็กระชากร่างเล็กมาบดจูบอย่างรุนแรง  โทโมกิผงะหนีและพยายามจะร้อง  แต่นั่นทำให้เรียวลิ้นร้อนรุกล้ำเข้าไปช่วงชิงความหวานแปลกที่ไม่เคยมีใครได้ลิ้มลองจนได้  เด็กหนุ่มส่งเสียงอึกอักอยู่ในลำคออย่างไม่ยินยอม  ยกมือขึ้นยันใบหน้าของร่างสูงให้ออกห่าง  แต่ก็ถูกปัดออก  แถมมือใหญ่ยังจับล็อกใบหน้าของเขาไว้ไม่ได้หนีไปจากจุมพิตจาบจ้วงที่บังคับให้ต้องลิ้มรสได้  สุดท้ายโทโมกิก็กระทืบลงไปบนหลังเท้าของวายะเต็มแรง  ทำให้ชายหนุ่มเผลอตัวผงะออก

ดวงตาคมที่มีแววขุ่นเคืองจับจ้องมาที่ใบหน้าหวานซึ่งแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น  แต่แล้วชายหนุ่มก็ยิ้มน้อย ๆ ออกมา

“ทำได้ดีนี่  ไม่เสียแรงที่เขาส่งไปเรียนอะไร ๆ ตั้งแยะ”

“ปล่อย!  ฉันจะบอกคุณพ่อโอโนเสะแน่  ว่าแกทำแบบนี้อีกแล้ว”  โทโมกิตะโกนอยู่ลั่น ๆ

“ฟ้องอีกแล้วเรอะ?”  วายะขมวดคิ้ว  “ฉันเกลียดไอ้คุณหนูงี่เง่าขี้ฟ้องแบบนี้ที่สุดเลยว่ะ”

ริมฝีปากร้อนฉกวูบลงมาประกบกับเรียวปากอิ่มอีกครั้ง  คราวนี้เร่าร้อนและดุดันกว่าเดิม  โทโมกิพยายามปัดป้องและดิ้นรนสุดกำลัง  เด็กหนุ่มกระทืบเท้าของร่างสูงครั้งแล้วครั้งเล่า  แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้วายะจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น  ชายหนุ่มแทรกต้นขาเข้าไปตรงหว่างขาของร่างเล็ก  ใช้แขนข้างที่โอบเอวบางไว้ดึงร่างนั้นให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่บนต้นขาของตน  ด้วยขนาดของร่างกายที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก  โทโมกิถึงกับลอยขึ้นจากพื้น  เด็กหนุ่มผวาขึ้นทั้งตัว  เผลอยึดเสื้อของวายะไว้ด้วยกลัวหล่น  นั่นทำให้การคุมคามเป็นไปได้ง่ายขึ้น  ชายหนุ่มกำรวบเรือนผมบริเวณท้ายทอยของร่างเล็กขยุ้มดึงเบา ๆ ให้แหงนเงยขึ้นรับจูบของเขาได้ถนัด ๆ  เรียวลิ้นร้อนแทรกเข้าไปเกี่ยวกวัดคลุกเคล้ากับลิ้นนุ่มที่ยังไม่ยอมตอบสนอง  แรกเริ่มก็เป็นไปด้วยความร้อนแรงปานจะแผดผลาญร่างในอ้อมกอดให้มอดไหม้เป็นจุณ  ก่อนที่จะตวัดหลอกล่อไล้เลียช้า ๆ  ค่อย ๆ ปรนเปรอความหวานให้ทีละน้อย...กระทั่งโทโมกิเริ่มตอบสนอง

จูบที่มีรสชาติของบุหรี่  ซ้ำยังอวลไปด้วยกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ...กลิ่นอายของวายะเริ่มเข้ามาครอบคลุมเขาอีกแล้ว  รู้สึกราวกับสติค่อย ๆ ล่องลอยไกลออกไป...ไม่เอานะ  ต้องไม่ใช่แบบนี้  เขาไม่อยากกลับไปเป็นอย่างตอนนั้นอีกแล้ว...

มือที่เกาะยึดเอาไว้ปล่อยออกแล้วสะบัดตบใบหน้าของร่างสูงเต็มแรง  ในขณะที่วายะกำลังงุนงงอยู่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น  โทโมกิก็ผลักสุดกำลังพร้อมกับกระโดดถอยหนี

ชายหนุ่มเหลือบมองคนที่หนีไปจากอ้อมแขนของเขา  ใบหน้าของร่างเล็กแดงก่ำและยังหายใจหอบถี่  แต่แววตาและท่าทางนั้นบอกให้รู้ว่าระวังตัวและพร้อมสู้เต็มที่

“ดี...ทำได้ดี”  ร่างสูงยิ้มออกมาน้อย ๆ  “การจะเอาตัวรอดจากฉัน  ไม่ใช่เอาแต่ฟ้องท่านประธาน  แต่ต้องด้วยกำลังของตัวเอง  ถ้าทำไม่ได้  แกก็หนีไปไหนไม่พ้น”

เด็กหนุ่มยกหลังมือขึ้นเช็ดริมฝีปากที่ถูกล่วงเกินเมื่อครู่  ทั้งโกรธวายะและเกลียดตัวเองกับเรื่องที่เกิดขึ้น

“ถ้าแกเกลียดฉัน  ก็ไม่ใช่เอาแต่กลัว  อย่าเอาแต่ผวา  อย่าเอาแต่หนี...อย่าเอาแต่เห่าใส่ฉันโดยคิดว่ามีท่านประธานคุ้มหัวอยู่  ท่านประธานจะช่วยอะไรแกไม่ได้เลยถ้าฉันคิดจะทำอะไรลงไปจริง ๆ  กว่าเขาจะมาถึง  ฉันก็ข่มขืนแกได้เรียบร้อยไปแล้ว”  น้ำเสียงของวายะเรียบเรื่อย  ทว่าแต่ละถ้อยคำเสียดแทงเข้าไปในหัวใจของโทโมกิ  “ถ้าแกอยากหนีให้พ้นจากฉัน  แกต้องเอาชนะความกลัวของตัวเองให้ได้  และเอาชนะฉันให้ได้  ไม่อย่างนั้นแกก็ต้องทนอยู่กับฉันไปทั้งชีวิตแบบนี้แหละ...เข้าใจใช่มั้ย?”

“รู้อยู่แล้วน่า”  โทโมกิกระชากเสียง

“...นั่นเป็นเหตุผลที่ท่านประธานให้ฉันอยู่ข้างกายแก  จนกว่าแกจะฆ่าฉันได้  หรือไม่ก็...”  ประโยคสุดท้ายนั้นไม่ดังไปกว่ากระซิบ  และชายหนุ่มก็พูดค้างไว้แค่นั้นโดยที่โทโมกิไม่ได้ยิน

“ฉันจะฆ่าแก!”  เด็กหนุ่มเข่นเขี้ยว

“ถ้าอยากจะฆ่าฉัน  ก็อย่าเอาแต่กลัวอย่างที่ทำอยู่แบบนี้  อยากจะฆ่าฉันก็ต้องลงมือเลย...ลองดูสิ  แกก็เรียนอะไรต่อมิอะไรมาตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ?  ไอ้วิชายูโดที่แกภูมิใจนักหนานั่นก็ได้  ลองจัดการฉันดูสิ”  วายะผายมือออกเหมือนจะเชิญชวน  ดวงตาเป็นประกายอย่างท้าทาย

โทโมกิกำมือแน่น  เขารู้ว่ามันไม่ได้ยากเกินไปสำหรับเขา  โดยเฉพาะคู่ต่อสู้ที่ไม่ได้มีท่าทีป้องกันตัวและประมาทแบบนั้น...แต่เพราะเป็นวายะ  เขาถึงได้ทำไม่ได้

“หึ...ไปฝึกมาเพิ่มซะ  ได้สายดำเมื่อไรแล้วจะเป็นคู่ซ้อมให้”  วายะไม่ได้มีระดับความสามารถในวิชาป้องกันตัวอะไรมากมายนัก  หากรู้ดีว่าถึงโทโมกิจะได้สายดำแล้ว  แต่ถ้ายังกลัวเขาจนฝังในแบบนี้  จะสายดำกี่ขั้นก็ไม่ได้มีความหมายอะไรทั้งนั้น  ถึงได้พูดออกไปแบบนั้น

ชายหนุ่มเดินเข้าไปขยี้เรือนผมสีดำนุ่มมือนั้นเบา ๆ  “แต่สำหรับคืนนี้  เดี๋ยวจะกลับไปปูฟูกแล้วเป็นคู่ซ้อมบนเตียงให้แล้วกัน  จะได้หายเสี้ยนหายหงุดหงิดเสียที”

เพียงเท่านั้นโทโมกิก็เลือดขึ้นหน้า  เด็กหนุ่มจับแขนของร่างสูงไว้แล้วบิดม้วนตัวอย่างรวดเร็ว  สอดขาขัดเข้าท่าทุ่มอย่างสวยงามตามแบบผู้ชำนาญเชิงยูโด  กว่าวายะจะรู้ตัวอีกทีก็ลงไปนอนวัดพื้นเสียแล้ว

“ฉันจะฆ่าแก  ชุน!  จำเอาไว้เลย  ฉันจะฆ่าแกให้ได้!!”  โทโมกิตะโกนใส่แล้ววิ่งหนีไป

ร่างสูงที่ไม่คิดว่าคนตัวเล็กกว่าจะทำจริงจุกจนลุกไม่ขึ้น  ได้แต่ยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเอง

“จะฆ่าแล้ววิ่งหนีทำไมวะ  ไอ้เด็กบ้า”

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
«ตอบ #16 เมื่อ09-12-2011 20:45:22 »

โทโมกิวิ่งออกมานอกบริเวณโรงแรม...เมื่อกี้เขาทำอะไรลงไป  เขาทุ่มวายะงั้นเหรอ...แย่แน่  วายะจะต้องโกรธแน่  ถ้าถูกตามตัวเจอละก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะมีฐานะเป็นคนในตระกูลโอโนเสะก็เถอะ  แต่สำหรับวายะแล้ว  ผู้ชายคนนั้นไม่เคยเห็นเขาอยู่ในตำแหน่งนั้นสักนิด  วายะยังคงเห็นเขาเป็นเพียงแค่...

“ไม่ใช่นะ!  ไม่ใช่...ไม่ใช่แบบนั้น  มันจบไปตั้งนานแล้ว  จะมาคิดอะไรอีก”  โทโมกิต่อว่าตัวเอง

ใช่...มันจบไปหลายปีแล้ว  เขาควรจะลืม  ควรจะเลิกกลัววายะเสียที...

แต่ไม่ว่ายังไงก็ทำไม่ได้  แม้ว่าจะพยายามสักเท่าไรก็ทำไม่ได้...เขากลัววายะ  เป็นความกลัวที่แปลกประหลาด  การมีวายะอยู่ใกล้ ๆ ทำให้เขาประหม่าจนแทบจะไม่เป็นตัวของตัวเอง  แต่กระนั้น...ในส่วนลึกของหัวใจกลับรู้สึกอบอุ่น

ด้วยวายะคือคนเพียงคนเดียวในโลกที่เคยกอดเขาไว้

ไม่ใช่แค่การกอดไว้ในอ้อมแขนแต่เพียงผิวเผิน  หากเป็นการกอดไว้ในอก...อย่างหวงแหน...อย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ  ความอบอุ่นของอ้อมกอดนั้นยังคงตกค้างเป็นตะกอนอยู่ที่ก้นบึ้งของหัวใจ...

ทว่าตัวเขาเองที่ปฏิเสธความรู้สึกนี้ของตัวเอง

สองเท้าค่อย ๆ หยุดวิ่งและเปลี่ยนเป็นก้าวช้า ๆ ก่อนจะหยุดสนิท  เขารู้ดีว่าวายะได้พยายามแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเพื่อชดเชยให้กับสิ่งที่ทำลงไปในอดีต  คนดื้อรั้นเอาแต่ใจและเห็นตัวเองเป็นใหญ่อย่างวายะจะเป็นโฮสต์ไปเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องสนใจคำสั่งของโอโนเสะก็ได้  แต่วายะกลับทิ้งตำแหน่งโฮสต์อันดับ 1 มาเป็นบอดี้การ์ดของเขา...ทั้งหมดก็เพื่อพิสูจน์ตัวเอง...เพื่อเขา
มีเพียงเขาที่พ่ายแพ้ต่อตัวเอง  พ่ายแพ้ต่อความกลัวที่ฝังแน่นอยู่ในหัวใจ  จนไม่กล้าที่จะเปิดใจยอมรับความรู้สึกของตัวเอง...และความรู้สึกของวายะ  ทั้งที่ก็รู้อยู่เต็มอก  ถึงความรู้สึกที่พวกเขามีแก่กันและกัน...


อ้อมแขนแข็งแรงรวบตัวโทโมกิไว้แน่นพร้อมกับมือแกร่งที่ตะปบลงที่ปาก  เด็กหนุ่มสะดุ้งสุดตัว...วายะงั้นหรือ...ไม่ใช่!!...เขาตอบตัวเอง  นี่ไม่ใช่วายะ...แล้วใคร!?

โทโมกิพยายามดิ้นรนต่อสู้สุดชีวิต  แต่มันไม่ได้มีแค่หนึ่ง  ชายฉกรรจ์อย่างน้อย 2 คนช่วยกันรวบตัวโทโมกิไว้แน่น  หากเขาไม่เผลอ  วิชายูโดที่อุตส่าห์ร่ำเรียนมาอาจจะพอช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง  แต่กว่าจะรู้ตัว  โทโมกิก็ถูกรวบเอาไว้จนไม่มีทางสู้เสียแล้ว  แถมพวกนั้นยังเป็นมืออาชีพ  ทั้งรูปร่างก็สูงใหญ่และแข็งแรงกว่าโทโมกิมากนัก  เรี่ยวแรงของเด็กหนุ่มที่มีอยู่แทบจะไม่มีผลอะไรกับพวกนั้น

แต่การจัดการกับเหยื่อที่ขัดขืนดิ้นรนมันยุ่งยาก  พวกมันจึงจัดการหยุดการเคลื่อนไหวของโทโมกิด้วยกำปั้นลุ่น ๆ ที่อัดเข้ามาที่ลิ้นปี่...จุกจนร้องไม่ออก

...ชุน!  ช่วยด้วย!!...

เด็กหนุ่มร้องอยู่ในใจ  แล้วก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังเรียกหาใคร

รถเก๋งสีดำติดฟิล์มมืดเข้ามาจอดเทียบกลุ่มที่กำลังชุลมุนกันอยู่อย่างรวดเร็ว  เกือบจะพร้อม ๆ กับที่ใครบางคนวิ่งมาจนเกือบถึงที่นั่น

“เฮ้ย!  ทำบ้าอะไรวะ...โทโมะ!!?”  คำสุดท้ายร้องเสียงหลงเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังถูกลากขึ้นรถไปเป็นใคร

วายะกระชากปืนที่เหน็บไว้ที่เอวกางเกงด้านหลังออกมาทันที  แต่ไม่เร็วไปกว่าพวกมันที่พากันขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างไม่สนใจชายหนุ่ม  ร่างสูงยกปืนขึ้นเล็ง  แต่แล้วก็คิดได้...โทโมกิอยู่ในรถคันนั้น  พลาดพลั้งอะไรขึ้นมาโทโมกิจะเป็นอันตรายได้  เขารีบคว้าโทรศัพท์มือถือออกมากดปุ่มสปีดไดอัลพลางวิ่งตามรถคันนั้นไป

“เคนซัง!  พวกไหนไม่รู้  จับตัวโทโมะไปแล้ว!”  วายะพูดกรอกลงไปในโทรศัพท์  ซึ่งอีกฟากหนึ่งของสายคือคันซากิ  เคนผู้เป็นบอดี้การ์ดประจำตัวของโอโนเสะ  และเป็นครูของเขาด้วย

“แล้วพวกไหน?”  เสียงจากปลายสายถามกลับมา

“จะไปรู้ได้ไงวะ  ไอ้พวกบ้าพวกนั้นมันก็ใส่สูทดำ ๆ เหมือนกันไปหมด”  วายะตะโกน  “ฉันจะพยายามตามรถของพวกมันไป  ช่วยหาตำแหน่งสัญญาณติดตามตัวโทโมะให้ด้วย  แล้วรีบตามมาเร็ว ๆ”

“รู้แล้ว  เดี๋ยวติดต่อกลับไป”  โทรศัพท์ตัดสายไป

วายะรีบไปที่รถแล้วเอารถออกทันที  รถของพวกมันยังอยู่ในสายตายังไปไหนไม่ไกล  โทโมกิอยู่ในนั้น...บางทีอาจจะยังทัน...

...

โทโมกิถูกบังคับให้นั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถเก๋งสีดำติดฟิล์มกรองแสงมืดทึบ  ขนาบข้างด้วยชายสองคน  อาการจุกเสียดจากการโดนต่อยเข้าที่ท้องเต็มแรงบรรเทาลงมากแล้ว  เด็กหนุ่มจึงพยายามอาละวาด  แต่อีกฝ่ายใช้ไม้แข็งในการหยุดยั้งเขา  ปืนกระบอกหนึ่งกดเข้าที่ข้างขมับของโทโมกิ

“เป็นเด็กดีว่าง่าย ๆ หน่อย  คุณหนู...เราไม่อยากให้ตัวประกันคนสำคัญเป็นอะไรไปหรอกนะ”  มันพูดด้วยเสียงเข้ม ๆ

“ตัวประกัน?”  แม้จะกลัวปืนในมือผ่ายตรงข้าม  แต่โทโมกิก็อดตั้งคำถามไม่ได้

“ตัวประกันสำหรับต่อรองทางธุรกิจของเจ้านายฉัน  เกิดมาเป็นคุณหนูบ้านโอโนเสะก็ลำบากหน่อยนะ  คุณหนู”  แม้จะเรียกอย่างนั้นแต่หางเสียงก็แสดงความดูแคลนอย่างชัดเจน

“ที่จริงคุณหนูจะไม่ต้องลำบากหรอกนะ  ถ้าไม่โผล่หน้ามาในงานนี้”  อีกคนหนึ่งพูดขึ้น

โทโมกิเหลือบไปมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

“ก็คุณหนูอยากมาเปิดตัวทำไม  ทำตัวเป็นลูกเมียเก็บนิ่ง ๆ อยู่กับบ้านก็ดีอยู่แล้ว  นี่มาประกาศตัวเสียโจ่งแจ้ง  เป้าหมายจากที่ควรจะเป็นคุณพี่ชายผมยาวนั่นก็เลยกลายมาเป็นลูกแมวน้อยไร้การระวังตัวอย่างคุณหนูไง...โอโนเสะ  ฮิโรอากิมันเป็นลูกของจิ้งจอกเฒ่านั่นมาแต่เกิด  รู้วิธีระวังตัวดี  เข้าถึงตัวยาก  แต่กับคุณหนูน่ะ...มีใครเขาวิ่งหนีบอดี้การ์ดมาแบบนั้นกันบ้าง  หึ ๆ”  เสียงหัวเราะต่อท้ายเยาะหยันเต็มที่

“แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ  คุณหนู  ถ้าทำตัวดี ๆ ว่าง่าย ๆ ก็ไม่มีใครทำให้คุณหนูบุบสลายหรอก...แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับพ่อของคุณหนูด้วยละนะ  ว่าจะทำตัวดี ๆ ว่าง่าย ๆ หรือเปล่า”

โทโมกินิ่งเงียบ  ความโชคร้ายมาเยือนเขาอย่างไม่รู้ตัว  ไอ้การเป็นลูกของคนใหญ่คนโตนี่มันไม่มีอะไรดีสักอย่าง  ไหนจะต้องทำตัวอยู่ในกฎเกณฑ์ของบ้าน  ไหนจะต้องฝึกวิชาการป้องกันตัว  ไหนจะต้องระวังเรื่องบ้า ๆ แบบนี้อีก...แต่เอาเถอะ  ยังไงเสียตอนนี้เขาก็ได้ชื่อว่าเป็นคนของตระกูลโอโนเสะอยู่แล้วนี่  ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องผ่านเรื่องแบบนี้บ้างสักครั้งละนะ...แต่พวกมันจะรู้ไหมนะ  ว่าที่จริงแล้ว  เขาเป็นแค่คนที่ไม่มีความหมายอะไรกับตระกูลโอโนเสะเลย

“ถ้าคิดว่าคุณพ่อโอโนเสะจะยอมทำอะไรตามที่พวกแกเรียกร้องได้...จะลองดูก็ได้”  โทโมกิพูดอย่างเฉยเมย

“หึ...คุณหนูไม่คิดว่าตัวเองสำคัญ  แต่รู้อะไรไหม...ลูกเมียเก็บน่ะ  ใช้การได้ดีกว่าลูกเมียหลวงอีกนะ”

...ถ้าเป็นลูกเมียเก็บจริง ๆ น่ะก็ใช่หรอก...แต่เขาน่ะ...ไม่ใช่อะไรแบบนั้นหรอกนะ...

พลันก็มีเสียงมาจากคนขับรถ

“เฮ้ย  มีคนตามมา”

“หือ?”  ชายที่นั่งคุมตัวโทโมกิหันไปมอง  “แน่ใจเรอะ?”

“แน่ใจ  มันตามมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว  ไอ้รถสีดำนั่นน่ะ”  คนขับยืนยัน

โทโมกิหันไปมองด้วย  แน่นอนว่าเขาจำได้ทันที  นั่นคือรถที่โอโนเสะยกให้เขาใช้เป็นรถประจำตัว  และคนขับจะต้องเป็นวายะอย่างไม่ต้องสงสัย...ถ้าเขาไม่ทะเลาะกับวายะก็ดีหรอก  เรื่องพรรค์นี้จะได้ไม่เกิดขึ้น  แต่ก็ทำลงไปแล้วนี่  แล้ววายะต่างหากที่เป็นคนผิด...

“เอาไงดี  สอยเลยมั้ย?”  เหล่าชายในชุดดำเริ่มถามความเห็นกัน

“อย่าเลย  เดี๋ยวจะเอกเกริกเกินไป  สลัดให้หลุดแล้วกัน”

“ตกลง”

ความเร็วรถเพิ่มขึ้นทันที  และด้วยความชำนาญของผู้บังคับรถทำให้มันเคลื่อนเลาะซอกแซกไปกลางการจราจรคับคั่งของเมืองหลวงไปอย่างรวดเร็ว  แม้จะมีเสียงบีบแตรด่าพ่อล่อแม่มาบ้างก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจอะไร


เมื่อรถที่กำลังติดตามอยู่เร่งความเร็วขึ้น  วายะก็รู้ได้ทันทีว่าฝ่ายนั้นรู้ตัวแล้วว่าเขาตามมา  ชายหนุ่มพยายามสุดความสามารถที่จะไล่กวดไป  ไม่ต้องตามทันก็ได้  แต่อย่างน้อยก็ต้องไม่ให้คลาดสายตา

ทว่า...แม้วายะจะเป็นคนขับรถที่บ้าระห่ำแค่ไหน  ก็ใช่ว่าจะมีฝีมือทัดเทียมกับคนขับรถที่ชำนาญงานมาหลายปี  ไม่เกินสิบนาที  รถที่ลักพาตัวโทโมกิไปก็ลับหายไปในกระแสจราจร

“โธ่เว้ย!!”  วายะทุบกำปั้นลงกับพวงมาลัย  ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเรียกไปยังเคน

“ว่าไง?”  ปลายสายตอบรับ

“รอดตาไปแล้ว  โทษที”  ชายหนุ่มบอกตรง ๆ

“ไม่เป็นไร  เย็นไว้  ทางนี้พอจะรู้แล้วว่าพวกไหน”  เสียงตอบกลับมาราบเรียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“พวกไหน?”

“คิดว่าเป็นพวกไซงะ  เมื่อกี้ไซงะคนน้องเพิ่งออกจากงานไปอย่างมีเลศนัย  ท่านประธานให้คนตามไปแล้ว”

ไซงะกรุ๊ปคือกลุ่มอิทธิพลใหม่ที่เพิ่งมีชื่อขึ้นอันดับในวงการธุรกิจใต้ดินเมื่อไม่กี่ปีมานี้  แต่ด้วยฝีมือการบริหารงานกลุ่มของสองพี่น้องไซงะทำให้ธุรกิจในมือเติบโตอย่างรวดเร็วและแผ่อิทธิพลอย่างกว้างขวาง  แต่กระนั้นก็ยังมีกระดูกชิ้นใหญ่อย่างลูนาติก  ลัสท์ของตระกูลโอโนเสะขวางคออยู่  และทางนั้นพยายามหาทางกำจัดทิ้งให้เร็วที่สุด

หรือหากกำจัดทิ้งไม่ได้  ก็ต้องหาทางให้กลุ่มของตนมีส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้...ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม  และนั่นอาจจะเป็นข้อต่อรองในการลักพาตัวโทโมกิในครั้งนี้

“เดี๋ยวยามานากะซังจะตามรอยคุณหนูโทโมกิอีกทาง  ถ้ารู้ที่แล้วจะรีบบอกให้”

“เอ๊ะ?”  วายะอุทาน  ทำไมยามานากะที่เป็นทั้งเลขา ฯ และมีศักดิ์เป็นหลานชายของโอโนเสะถึงจะตามรอยโทโมกิได้  ขนาดเขาที่ตามมาติด ๆ ยังคลาดสายตาไปแล้วเลย

“นาฬิกาข้อมือของคุณหนูมีระบบติดตามตัวผ่านดาวเทียม  ไม่รู้เรอะ?”  เคนพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา

“เอ๊ะ?  ไม่เห็นเคยรู้”  ชายหนุ่มรู้แค่ว่านาฬิกาเรือนนั้นโอโนเสะซื้อให้โทโมกิเมื่อวันเกิดปีที่แล้ว  และบอกให้พยายามใส่ติดตัวไว้ตลอดเวลา

“วายะ...กลับมาฉันจะจัดการอบรมนายอีกรอบ  เป็นบอดี้การ์ดประสาอะไร  เรื่องพื้น ๆ แค่นี้ก็ไม่รู้”

“ไม่มีใครบอกแล้วจะรู้ได้ไง...เฮ้ย!  เดี๋ยวเซ่ะ  เคนซัง!  ตัดสายแบบนี้เลยเรอะ  ไอ้บ้า!!”  วายะได้แต่สบถด่าให้ตัวเองฟังอยู่คนเดียวเมื่อคู่สนทนาตัดสัญญาณไปแล้ว

ชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้าจอดข้างทาง  แม้จะเป็นห่วงโทโมกิสักแค่ไหนแต่ในตอนนี้เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากรอคอยคำสั่งจากเคน

ถ้าเมื่อกี้นี้เขาไม่ชวนโทโมกิทะเลาะก็ดีหรอก  แต่ไอ้เด็กนั่นอยากทำตัวงี่เง่าก่อนเองทำไม...มาทำตัวเป็นคุณหนูอะไรเอาตอนนี้  น่าหมั่นไส้นัก...ถ้าเอาตัวกลับมาได้จะด่าเสียให้เข็ด...

...

โทโมกิถูกพามาที่โกดังซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในท่าเรือแห่งหนึ่งในสภาพถูกใส่กุญแจมือไพล่หลังไว้  กลุ่มคนที่ลักพาตัวเขามาคอยผลักให้เขาเดินไปในทิศทางที่ต้องการ  เด็กหนุ่มกวาดตามองไปรอบ ๆ ตัว...มันก็เหมือนโกดังขนส่งสินค้าทั่ว ๆ ไป  มีลังไม้สำหรับบรรจุสินค้าวางซ้อนกันไว้อย่างเป็นระเบียบ  แต่โทโมกิแน่ใจว่าของที่อยู่ในลังเหล่านั้นไม่น่าจะเป็นของที่ถูกกฎหมาย  ธุรกิจของพวกยากุซ่านั้นน้อยนักที่จะเป็นไปตามครรลองคลองธรรม  แม้แต่ธุรกิจของตระกูลโอโนเสะเองก็เถอะ

เหล่าชายชุดดำพาโทโมกิเข้าไปถึงกลางโกดัง  ตรงจุดนั้นถูกเคลียร์ไว้เป็นที่โล่งค่อนข้างกว้างขวาง  รายล้อมไปด้วยกำแพงลังสินค้า  มีอุปกรณ์และเครื่องไม้เครื่องมือหลายอย่างที่เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่ามีไว้ทำอะไรกันแน่วางไว้...แต่ไม่ว่ามันจะเอาไว้ใช้ทำอะไรก็ตาม  มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ

ผู้ลักพาตัวคนหนึ่งผลักโทโมกิลงบนฟูกหนาเหมือนฟูกที่ใช้รองรับคนเวลาเกิดไฟไหม้  “รออยู่นี่แหละ  อีกเดี๋ยวบอสจะมาว่าธุระด้วย”

โทโมกิถอนใจเฮือก  ธุระที่ว่านั่นคงไม่ได้เกี่ยวกับเขาหรอก  แต่คงเป็นธุระที่จะเกี่ยวไปถึงโอโนเสะเสียมากกว่า  ดูจากสภาพของที่นี่แล้ว  ถ้าเรื่องไม่จบลงโดยเร็ว  เขาคงจะได้อยู่ที่นี่ไปอีกนานทีเดียว  เป็นที่คุมขังที่โดดเดี่ยวห่างไกลผู้คน...แต่อย่างน้อยก็กว้างขวางกว่าที่ที่เขาเคยถูกขังเอาไว้มากมายนัก

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
«ตอบ #17 เมื่อ09-12-2011 20:49:51 »

หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นระรัวด้วยความหวาดหวั่นมาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว  ถูกเอาปืนจ่อหัวแบบนั้น  ใครบ้างจะไม่กลัว  เขาก็เพียงแค่ทำเป็นเยือกเย็นไว้อย่างที่โอโนเสะเคยสอน  และก็รู้ว่าทำได้ยากเหลือเกินในสถานการณ์เช่นนี้  มือของเขาสั่นและชื้นเหงื่อไปหมด...บอสคนที่จะมาพบเขาเป็นใครกันนะ  เป็นคนแบบไหน  และตั้งใจจะทำอะไรกับเขา  แล้วถ้าเขาไม่สามารถใช้เป็นเครื่องมือต่อรองกับโอโนเสะได้ละ...คงไม่แคล้วถูกฆ่าถ่วงอ่าวโตเกียวเป็นแน่  แต่แบบนั้นมันคงดีกว่าถูกชำแหละเป็นส่วน ๆ แล้วส่งกลับไปให้โอโนเสะละมั้ง

...อย่างไหนก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ...โทโมกิบอกกับตัวเอง  เขาต้องเชื่อสิว่าโอโนเสะจะมาช่วยเขา  โอโนเสะจะพาเขาออกไปจากที่นี่  เขาต้องเชื่อในอำนาจและอิทธิพลของตระกูลโอโนเสะ  และต้องเชื่อมั่นในตัวผู้นำตระกูล  โอโนเสะ  ฮิซาโนบุเคยช่วยเขามาแล้วครั้งหนึ่ง  เพราะอย่างนั้น...เขาจึงต้องเชื่อในตัวคุณพ่อโอโนเสะของเขา

เสียงประตูเหล็กของโกดังลั่นยาวและตามมาด้วยเสียงฝีเท้าหลายคู่  หัวใจของโทโมกิกระตุกวาบ...บอสของพวกมันมาแล้ว

ผู้ที่ก้าวเข้ามาในลานโล่งกลางโกดังเป็นชายหนุ่มอายุราว ๆ 35 ปี  รูปร่างสูงโปร่ง  ใบหน้าคมสันมีเค้าของสายเลือดตะวันตกเห็นได้ชัด  ท่าทางเจ้าสำอางไม่น้อย  ริมฝีปากมีรอยยิ้มแต้มพรายอยู่...หากดวงตาไม่ใช่  ดวงตาเย็นชาราวกับอสรพิษร้ายเต็มไปด้วยความเด็ดขาดโหดเหี้ยม  ขัดกับรูปลักษณ์ที่เห็นภายนอกอย่างสิ้นเชิง

โทโมกิถึงกับเผลอกระถดหนีทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ได้เข้ามาใกล้  เขากลัวผู้ชายคนนี้  แม้จะไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน  แต่สัญชาตญาณบอกให้เขาระวังและอย่าได้เข้าใกล้คนแบบนี้

“ยินดีที่ได้รู้จัก  คุณหนูคนเล็กของตระกูลโอโนเสะ”  เสียงทุ้มเอ่ยอย่างนุ่มนวล  “หวังว่าคนของผมจะไม่ได้ทำอะไรรุนแรงกับคุณนะครับ”

“ถ้าเรื่องเอากำปั้นกระซวกท้องกับเรื่องปืนจ่อหัวไม่นับเป็นเรื่องรุนแรง  ก็ไม่มีอะไรรุนแรงหรอก”  โทโมกิสวนเข้าให้ทันที  เมื่อแรกเขารู้สึกกลัว  แต่พอได้ยินน้ำเสียงและวิธีการพูดของคนตรงหน้าแล้ว  ก็สรุปกับตัวเองได้ว่าเขาไม่ชอบหน้าหมอนี่  ไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม

ร่างสูงเลิกคิ้วเหมือนจะประหลาดใจ  เด็กคนนี้กล้าต่อปากต่อคำกับเขาแม้จะอยู่ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้...มันก็น่าสนุกดี

“อย่างนั้นหรือครับ  ก็ต้องขอโทษด้วย  และก่อนอื่น...ให้ผมแนะนำตัวหน่อยนะ  ผมไซงะ  คาซุกิ  รองประธานกรรมการไซงะกรุ๊ป”

การแนะนำตัวอย่างเป็นพิธีการนั้นช่างเสแสร้ง  มันน่าสะอิดสะเอียนเสียจนโทโมกิเบือนหน้าหนี  หากชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้แล้วจับปลายคางของเด็กหนุ่มบังคับให้หันมามองหน้า

“แล้วคุณชื่ออะไรครับ?  จะให้เรียกคุณหนูโอโนเสะไปเรื่อย ๆ มันคงไม่สะดวก  จริงมั้ย?”

“ถึงขนาดพาตัวผมมาที่นี่ได้  แค่ชื่อก็น่าจะรู้ได้ไม่ยากไม่ใช่เหรอ?”  โทโมกิย้อน  หากก็ไม่กล้าสบตา

“นั่นสินะ”  คาซุกิยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น  “แต่ผมอยากฟังจากปากคุณมากกว่านี่นา”

ขาดคำ  เรียวปากของชายหนุ่มก็ฉกวูบลงมาประกบจูบโทโมกิอย่างรวดเร็ว  ด้วยไม่ทันระวังตัว  ลิ้นร้อนจึงสามารถรุกรานเข้ามาได้อย่างง่ายดาย  เด็กหนุ่มดิ้นรนอย่างไม่ยินยอม  แต่ด้วยสองมือถูกพันธนาการไว้จึงไม่สามารถทำอะไรได้ถนัด  ขาที่ยังเป็นอิสระอยู่พยายามเตะถีบ  แต่อีกฝ่ายที่ชำนาญเกมกว่าเพียงแค่ปัดป้องเล็กน้อยและกดคนตัวเล็กกว่าลงกับฟูกแน่น  ยิ่งขัดขืน  จูบที่ถูกบังคับให้ต้องรับก็ยิ่งดุดันมากขึ้น  ไม่เพียงแต่เรียวลิ้นจะกวัดพันไปทั่ว  ฟันเรียบยังขบกัดริมฝีปากอิ่มซ้ำแล้วซ้ำอีก  จนสุดท้ายโทโมกิก็หยุดดิ้นรน  ปลายลิ้นที่ล่วงล้ำเข้ามาจึงได้ผ่อนปรนลง

“เร้าอารมณ์ดีนะ  คุณหนู”  คาซุกิหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง  “ว่าแต่...อีกสักนิดดีมั้ย?”

พูดจบชายหนุ่มก็ประทับริมฝีปากลงอีกครั้ง  และครั้งนี้  โทโมกิรู้สึกได้ว่าถูกบังคับให้กลืนอะไรบางอย่างลงคอไป

“อะ...อะไร...?”

“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ  ก็แค่ลูกกวาด  แต่เป็นลูกกวาดที่จะทำให้คุณหนูลืมโลกทั้งโลกไปได้เลย”  คาซุกิหัวเราะอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของโทโมกิ  “ไม่ต้องห่วง  ไม่ใช่ยาเสพติดหรอก  แล้วก็ออกฤทธิ์ไม่นานนักด้วย  แต่ก็คงนานพอที่จะทำให้ผมถือไพ่เหนือกว่าคุณพ่อของคุณหนูได้”

โทโมกิไม่เข้าใจที่ชายหนุ่มพูดแม้แต่น้อย  แต่รองประธานของไซงะกรุ๊ปก็เหมือนจะไม่ได้สนใจ  เขายังพูดต่อไปเรื่อย ๆ

“ที่จริงผมกะเอาไว้ว่าจะใช้การพูดคุยหารือกับคุณพ่อของคุณหนูเรื่องให้ลูนาติก  ลัสท์หลีกทางให้ไซงะกรุ๊ปสักหน่อย  หรือไม่ก็เป็นไปในแง่การทำธุรกิจร่วมกันอะไรทำนองนั้น  แต่พยายามไปครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่เป็นผล  ดูแล้วคุณพ่อของคุณหนูที่มีทั้งฐานกำลังและอำนาจเงินเพียบพร้อมคงไม่มีวันยอมฟังกลุ่มธุรกิจเล็ก ๆ อย่างเราแน่  ก็เลยต้องเล่นลูกเล่นนิดหน่อยน่ะครับ”

“แล้วมันเกี่ยวกับผมตรงไหน?”

“ไม่รู้เหรอครับ  ลูกที่เกิดกับภรรยาลับมักจะเป็นลูกที่ได้รับความรักมากกว่าลูกที่เกิดกับภรรยาหลวงที่แต่งงานกันเพราะฐานะหน้าที่บังคับ...น่าอิจฉานะครับ  ที่เกิดมาจากความรักของทั้งพ่อและแม่  ไม่ใช่เกิดมาเพราะหน้าที่ที่ต้องสืบทอดตระกูลต่อไป”

โทโมกิเม้มปากแน่น...ไม่ใช่หรอก  มันไม่ใช่อย่างที่คาซุกิคิดแม้แต่นิดเดียว  เรื่องที่เขาเป็นลูกของภรรยาลับของโอโนเสะอะไรนั่นมันก็ข่าวลือทั้งเพ  ทุกคนคิดกันไปเองและร่ำลือกันไปเองทั้งนั้น

“เกิดจากความรักเนี่ยนะ  จะขำตาย”  โทโมกิแค่นเสียงเหมือนจะสบถกับตัวเอง

“ไม่ใช่หรอกเหรอครับ?  อย่าพยายามฝืนปิดบังไว้ดีกว่า  ไม่ว่ายังไงคุณก็หลอกใครไม่ได้หรอก”

“ใช่...หลอกใครไม่ได้  เพราะทุกคนหลอกตัวเองทั้งนั้น”  โทโมกิจ้องหน้าร่างสูง  “ผมไม่ใช่ลูกของเมียเก็บคนไหนทั้งนั้นแหละ  ไม่ใช่ลูกของคุณพ่อโอโนเสะด้วยซ้ำ”

คาซุกิเลิกคิ้วอีกครั้ง  “อย่างนั้นเหรอครับ?  แต่ที่ผมเห็นมันไม่ใช่นะ  อย่างที่งานเลี้ยงวันนี้  ท่านประธานโอโนเสะพลีสคุณจะตายไป  แล้วไหนจะฮิโรอากิซังที่เป็นลูกคนเล็กอีก  ฐานะคุณกับฮิโรอากิซังเสมอกันเลยนี่ครับ”

จริงอยู่  ที่โอโนเสะปฏิบัติต่อเขาประหนึ่งลูกแท้ ๆ ของตัวเอง  ให้ทุกอย่างเท่าเทียมกับลูกทุกคนจนเขาเกรงใจและหวั่นใจไปพร้อม ๆ กัน  และด้วยความเกรงใจนี้  ทำให้เขายอมเชื่อฟังโอโนเสะและนายแม่ทุกอย่าง...แต่ความจริงก็คือความจริง  เขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลโอโนเสะเลยแม้แต่น้อย

“เอาเถอะ  คุณหนูอาจจะพูดความจริงก็ได้”  คาซุกิเอ่ยขึ้นหลังจากจ้องตาโทโมกิอยู่สักพัก  “แต่การได้คนในตระกูลโอโนเสะมาไว้ในมือแบบนี้  จะทำให้การเจรจากับคุณพ่อของคุณง่ายขึ้นมากทีเดียว...และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง  เมื่อลูกกวาดนั่นออกฤทธิ์...”

คาซุกิพยักหน้าให้ลูกน้องคนหนึ่ง  ชายคนนั้นรีบกุลีกุจอไปหยิบกล้องวิดีโอและขาตั้งมากางไว้ข้าง ๆ ฟูกที่โทโมกินอนอยู่  คนอื่น ๆ อีกสองสามคนก็หยิบเอากล้องวิดีโอขนาดเล็กออกมา

“อะไร...?”  โทโมกิถามพลางกระถดหนี

คาซุกิเหยียดยิ้มกว้าง  “ก็แค่จะถ่ายวิดีโอของคุณหนูไว้สักนิดหน่อยน่ะครับ  เดี๋ยวผมจะเอาไปให้คุณพ่อของคุณหนูดู  แล้วดูซิว่าคราวนี้เขาจะกล้าปฏิเสธความร่วมมือกับไซงะกรุ๊ปอีกหรือเปล่า  เมื่อเห็นลูกชายคนสุดท้องถูกผู้ชายรุมโทรม”

โทโมกิเย็นวาบไปทั้งตัว  รุมโทรม...หมายความว่ายังไง...คนพวกนี้คิดจะทำอะไรกับเขา...ไม่นะ...

“อย่านะ!!”  เด็กหนุ่มตวาด  แต่ก็ได้เพียงเสียงหัวเราะมาแทนคำตอบ

“คุณหนูจะพูดคำนี้สักกี่ครั้งก็ได้  ระหว่างที่ลูกกวาดยังไม่ออกฤทธิ์”  คาซุกิพูดพลางจุดบุหรี่สูบ  “แต่ผมจะคอยดูว่าคุณหนูยังจะพูดคำนี้อีกมั้ย  เมื่อลูกกวาดของผมแสดงผลเต็มที่แล้ว...”

...ยาปลุกเซ็กส์!!...คำคำนี้ผุดขึ้นมาในหัวของโทโมกิ  ไม่ผิดแน่  สิ่งที่คาซุกิบังคับให้เขากลืนลงไปเมื่อกี้ต้องเป็นยาประเภทนั้นแน่ ๆ

“ไม่ต้องห่วงนะครับ  ลูกน้องของผมทั้งหกคนนี้จะบริการคุณหนูให้ถึงใจจนกว่าจะหมดฤทธิ์ยาเลยทีเดียว  ระหว่างนั้นคุณหนูก็พยายามระงับตัวเองหน่อยนะครับ  ไม่งั้นคุณพ่อของคุณหนูคงเสียใจแย่ถ้าเห็นลูกชายตัวเองส่งเสียงครวญครางแถมยังส่ายสะโพกให้ผู้ชายเหมือนโสเภณี”

โทโมกิลุกขึ้นจากฟูกและพยายามจะหนี  แต่ใครบางคนคว้าขาของเขากระชากให้ล้มลงอีก

“อย่าพยายามโดยไร้ประโยชน์เลยครับ  เก็บแรงไว้สนุกดีกว่า  เดี๋ยวผมจะคอยกำกับให้เขาถ่ายคุณหนูให้สวย ๆ เอาแบบเห็นหน้าชัด ๆ เลย  ดีมั้ยครับ?”  คาซุกิเดินไปนั่งที่ลังไม้ใกล้ ๆ  “ท่านประธานโอโนเสะคงไม่อยากให้วิดีโอนี่ถูกแพร่ไปที่ไหนแน่  และอาจจะยอมยกกิจการสิ่งพิมพ์หรืออะไรพวกนั้นให้ไซงะกรุ๊ปช่วยดูแลให้  พร้อมกับที่เราก็ช่วยดูแลไม่ให้วิดีโอของคุณหนูหลุดรอดไปไหนได้...เป็นการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรมดีใช่มั้ยล่ะครับ?”

“ยุติธรรมบ้าอะไร!  ปล่อยนะ!  ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่ลูกของคุณพ่อโอโนเสะ  ทำเรื่องพรรค์นี้ไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก!”  โทโมกิโวยวาย

“นั่นสินะครับ  ถ้าเป็นความจริง  ท่านประธานโอโนเสะคงไม่สนใจจริง ๆ...แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ  ลองดูก็ไม่เสียหายไม่ใช่เหรอครับ  ถ้ามันไม่ได้ผล  ผมก็แค่ปล่อยคุณกลับบ้านไป  แล้วเอาวิดีโอนี่ไปขายหากำไรทดแทนรายได้ส่วนที่ไม่ได้รับจากลูนาติก  ลัสท์  ก็แค่นั้นเอง”  ร่างสูงอัดควันเข้าปอด  “เอาละ  อย่าเสียเวลาอีกเลย  มาเริ่มกันเลยเถอะ  ระหว่างที่ยายังไม่ออกฤทธิ์นี่ช่วยทะนุถนอมคุณหนูเขาหน่อยนะ  ถึงลูนาติก  ลัสท์จะเรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน SM ก็เถอะ  แต่คุณหนูคงจะยังไม่เคยมือผู้ชายมาก่อน  ไว้พอยาได้ที่แล้วจะทำตามใจชอบยังไงก็เชิญตามสะดวก  เอาละ...เริ่มได้แล้ว”

สิ้นคำสั่ง  เหล่าชายฉกรรจ์ก็เข้ามากลุ้มรุมร่างที่นอนอยู่บนฟูกอย่างไร้ทางสู้  เสื้อผ้าของโทโมกิถูกกระชากทึ้งออกอย่างไม่ไยดี  เด็กหนุ่มกรีดเสียงก้องไปทั้งโกดัง  หากไร้ความหมาย  พวกมันกระชากดึงและลูบไล้ลวนลามเขาไปทั้งเรือนร่าง  และเมื่อเสื้อเชิ้ตตัวในถูกดึงออก  ร่องรอยประหลาดบนด้านหลังไหล่ด้านซ้ายก็ปรากฏแก่สายตา

“หือ?  นั่นอะไรน่ะ?”  คาซุกิเดินเข้ามาดูด้วยความสนใจ

บนผิวกายขาวนวลมีลวดลายคล้ายรอยสักสีแดงประทับอยู่  ทว่ามันไม่ใช่รอยสัก  หากเป็นรอยแผลเป็นขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ  สลักเสลาเป็นตัวอักษรคันจิตัวหนึ่ง

“ฮารุ...?”  คาซุกิอ่านคำนั้นเบา ๆ  “ฤดูใบไม้ผลิงั้นรึ?  หมายความว่ายังไงน่ะ  คุณหนู  ตระกูลโอโนเสะเขาทำสัญลักษณ์บนตัวคนในตระกูลด้วยวิธีนี้งั้นเหรอ?”

ใช่...อักษรตัวนั้นอ่านว่าฮารุ  แปลได้ว่าฤดูใบไม้ผลิ...แต่โทโมกิรู้ดีว่ามันไม่ได้อ่านอย่างนั้น  และคนที่ทิ้งร่องรอยนี้ไว้ก็ไม่ใช่คนในตระกูลโอโนเสะ  หากเป็นคนที่เขาชิงชังทุกลมหายใจเข้าออก

“ก็ดีนะ  ดูน่าตื่นเต้นดี  คุณหนูของตระกูลโอโนเสะที่ถูกสลักหลังเอาไว้เป็นแผลเป็น  สมเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีอิทธิพลที่สุดของวงการ SM เลยนะ  แม้แต่กับคนในตระกูลก็ไม่วายซาดิสม์”  คาซุกิเบ้หน้าอย่างดูแคลน  “ถ้าแบบนี้คงไม่ต้องออมมือให้แล้วละมั้ง  เต็มที่ไปเลยก็แล้วกัน  ถ้าอยากได้อุปกรณ์อะไรมากกว่าผู้ชายเป็น ๆ ก็บอกได้นะครับ  คุณหนูโอโนเสะ”

ร่างบางส่งเสียงกรีดร้องและดิ้นรนสุดชีวิต  มันต้องไม่ใช่แบบนี้...เรื่องแบบนี้น่ะ...มันต้องไม่เกิดขึ้นอีก  คนที่จะทำอย่างนี้กับเขาได้มีแค่คนเดียวเท่านั้น...คนเพียงคนเดียวที่เคยกอดเขาไว้  คนเพียงคนเดียวที่ตีตราเอาไว้บนร่างของเขา...และด้วยแรงผลักดันจากจิตใต้สำนึก  โทโมกิร้องออกมาสุดเสียง


“ชุน!!  ช่วยด้วย!  ช่วยฉันด้วย  ชุน!!!!”




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

ออฟไลน์ windel

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
«ตอบ #18 เมื่อ09-12-2011 21:44:11 »

สนุก ...  :oni2:  มว๊ากกกกก
แต่เราไม่เคยอ่่านอีกเรื่องนึงอ่ะ (ว่างๆต้องไปตามอ่านแล้วละสิ  :a2:)

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
«ตอบ #19 เมื่อ09-12-2011 22:38:36 »

ชุน มาเร็วๆๆ เข้าสิ โทโมกิแย่แล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
« ตอบ #19 เมื่อ: 09-12-2011 22:38:36 »





ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
«ตอบ #20 เมื่อ09-12-2011 22:57:49 »

ว้าว ดีใจจัง ได้เจอวายะอีกแล้ว

ร้อนแรงแต่ต้นเรื่องเชียว

ออฟไลน์ MM

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
«ตอบ #21 เมื่อ09-12-2011 23:26:45 »

ถ้าไม่ใช่ฤดูใบไม้ผลิ ... อย่าบอกนะว่าเป็นคำว่าชุนหนะ ... อ๊ากกก ยอดมาก :z1: :z1: 

ทันไม่ทันไม่รุ้แต่ว่า .... ฉากต่อไป อร๊ายยยย นั่งจิ้นล่วงหน้า :m25: :m25: :m25:

JipPy

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
«ตอบ #22 เมื่อ10-12-2011 00:04:52 »

เฮ่ยย ย    หน้าแรกอยู่นะ เพื่อน



ไว้จิง อะไรจัง

ออฟไลน์ momo9476

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-2
Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
«ตอบ #23 เมื่อ10-12-2011 00:39:56 »

ไปอ่านตอน 24 มาแล้ว (มันสนุกมากทนไม่ไหว ต้องไปหาอ่านให้ได้) บอกคำเดียวเศร้ามาก ทำเอาร้องไห้เลยทีเดียว

โดยเฉพาะตอนแหวนคู่ที่วายะฝากมาให้รันจัง เฮ้อ วายะอย่าเอาโทโมกิเป็นตัวแทนใครนะ รักโทโมกิที่เป็นโทโมกินะ

     สุดท้ายขอบคุณนักเขียนนิยายคุณสนุกมาก

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
«ตอบ #24 เมื่อ10-12-2011 01:25:15 »

นั่งรอๆ  :z2:

PPiing

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
«ตอบ #25 เมื่อ10-12-2011 08:00:36 »

มาต่อเร็วๆนะ ชอบอ่ะ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
«ตอบ #26 เมื่อ10-12-2011 08:27:17 »

 :mc4:

nona159

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
«ตอบ #27 เมื่อ10-12-2011 08:48:43 »

ชอบมั้กอ่ะคร้าาาาาาาา

รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
«ตอบ #28 เมื่อ10-12-2011 11:11:11 »

อร๊ากก ไม่น๊า   :serius2:
ชุน นายอยู่หนายย  :sad4:
มาต่อไวๆนะคับ  ^^

ออฟไลน์ moobarpalang

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +185/-6
Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
«ตอบ #29 เมื่อ10-12-2011 11:47:12 »

 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
แฟนวายะเหรอถึงว่าชื่อตัวละครคุ้นๆ
ลุ้นมากๆชุนจะช่วยทันไหมนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด