“ฮึก...อืม...”
เสียงครางที่ไม่อาจเปล่งออกมาได้ก่อให้เกิดเสียงอึกอักในลำคอ หากเร้าอารมณ์ยิ่งนัก ริมฝีปากที่ขยับหนีครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนจะหาอากาศหายใจ หลอกล่อให้ฮิโรอากิไล่ตาม เรียวลิ้นร้อนกวัดเกี่ยวพัวพันกับลิ้นเล็ก ๆ ที่พยายามจะตอบสนอง...ทั้งที่ดูช่ำชองในเชิงกาม แต่โทโมกิกลับจูบไม่เก่งเอาเสียเลย
มือข้างที่ว่างของฮิโรอากิลูบไล้ไปตามก้อนเนื้อหนั่นนุ่มที่สะโพกกลม นวดเฟ้นกระตุ้นอารมณ์เพิ่มเติมให้ ก่อนจะค่อย ๆ แทรกเรียวนิ้วเข้าไปในกลีบเนื้อนุ่มและแตะเข้าที่ปากทางที่หุบแน่นเหมือนดอกตูม
“อึ๊! ไม่...” โทโมกิผละริมฝีปากออกและร้องห้าม แต่เสียงนั้นก็ถูกระงับไว้ด้วยฟันเรียบที่ขบเบา ๆ
“อย่าส่งเสียงดังสิ” ชายหนุ่มกระซิบเข้ม ๆ เหมือนจะดุ แต่ก็ดูยั่วเย้าอยู่ในที ปลายนิ้วกดน้ำหนักย้ำลงที่จุดเร้นลับอีกครั้ง
“อื๊อ...ไม่เอา...ตรงนั้น...” เด็กหนุ่มเกร็งไปทั้งร่าง
“อย่าดื้อน่า โทโมกิ...ฉันจะทำให้รู้สึกดีกว่าช่วยตัวเองหลายร้อยเท่าเลยละ” สิ้นเสียงกระซิบ ริมฝีปากอุ่นร้อนก็ฉกวูบลงมาปิดปากไม่เปิดโอกาสให้ประท้วง
ปลายนิ้วบดคลึงครั้งแล้วครั้งเล่าหมายจะขยี้กลีบดอกที่หุบแน่นให้คลี่บานออก โทโมกิสะท้านสั่น สะโพกเกร็งไปหมดเหมือนพยายามจะปิดกั้นไม่ให้ฮิโรอากิรุกล้ำเข้ามาได้ แต่ร่างกายที่คุ้นชินกับการกระทำเช่นนั้นก็ค่อย ๆ สนองตอบ เรียวขาขยับยกขึ้นก่ายเกยสะโพกของผู้เป็นพี่ เปิดทางให้แตะต้องสัมผัสเขาได้มากขึ้น ลิ้นร้อนในโพรงปากถูกดูดดุนอย่างหิวกระหาย...ร่างกายเล็ก ๆ นี้ช่างเรียกร้องเสียเหลือเกิน
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างย่ามใจ...เด็กคนนี้ไม่ได้เพิ่งเคยมือเขาเป็นคนแรก แต่การแสดงออกทุกอย่างมันช่างไร้เดียงสาน่ารัก เขาค่อย ๆ กดปลายนิ้วให้ผลุบหายเข้าไปในร่างบาง โทโมกิผวาขึ้นทั้งตัว เกาะกอดเขาไว้แน่น ช่องทางตอดรัดรุนแรงราวกับจะกัดนิ้วนั้นให้ขาดสะบั้น แต่นั่นยิ่งเป็นการกระตุ้นให้อีกฝ่ายอยากรุกรานหนักขึ้น นิ้วของฮิโรอากิค่อย ๆ คืบคลานเข้าไปในส่วนลี้ลับที่รุ่มร้อน เยื่อเมือกอ่อนนุ่มตอดตุบดูดกลืนการล่วงล้ำนั้นเป็นจังหวะเดียวกับแก่นกายที่ถูกกระตุ้นเร้าด้วยมือ ร่างชื้นเหงื่อเบียดกายเข้าหา ลมหายใจหอบถี่เหมือนจะขาดใจทั้งที่ยังถูกปิดกั้นริมฝีปากไว้
ฮิโรอากิรู้ว่าตนต้องการที่จะครอบครองเด็กคนนี้จนถึงขั้นสุดท้ายมากแค่ไหน แต่ยังก่อน...เขายังมีเวลาเสี้ยมสอนและเล่นสนุกกับโทโมกิไปทั้งชีวิต ตอนนี้ค่อย ๆ ตะล่อมอย่าให้ชอกช้ำเสียดีกว่า...ด้วยความคิดคะนองของวัยหนุ่ม อีกนิ้วหนึ่งค่อย ๆ ดุนดันและสอดหายเข้าไปในร่างเล็ก โทโมกิแอ่นกายเกร็งสะท้านแต่ก็ไม่ได้มีอาการต่อต้าน สองนิ้วช่วยกันควานคลึงไปทั่วภายในส่วนเร้นลับ เด็กหนุ่มบิดกายเร่าเมื่อเรียวนิ้วแตะต้องส่วนที่อ่อนไหว สะโพกกลมขยับรับทุกจังหวะการรุกราน ที่ทรมานมากก็คือเขาไม่อาจส่งเสียงออกมาได้
แล้วฮิโรอากิก็ถอนนิ้วออก พลิกกายขึ้นคร่อมโทโมกิไว้ ริมฝีปากค่อย ๆ ถอนออกช้า ๆ หากยังเคล้าคลออยู่ไม่ห่าง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเปิดไฟ อยากจะเห็นว่าหนุ่มน้อยที่รุมร้อนไปหมดทั้งร่างนี้จะทำสีหน้าอย่างไหน การสะกดกลั้นเสียงแห่งความปรารถนาคงจะทำให้ทรมานไม่น้อยทีเดียว เขานึกอยากเห็นสีหน้าที่เหมือนจะร้องไห้ด้วยความทรมานนั้นเสียแล้วสิ...แต่ถ้าทำแบบนั้นทุกคนก็จะสงสัยเอาได้ ช่างเถอะ...ไว้ตอนที่ไม่มีคนอยู่ค่อยลองดูก็แล้วกัน
ร่างสูงทิ้งสะโพกกดเบียดกับส่วนกลางกายที่แข็งขืนตื่นตัวเต็มที่ของโทโมกิ ขยับเอวเสียดสีเข้าหาอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มลืมตัวส่งเสียงครางหวาน แล้วก็รีบตะปบปากตัวเองแน่น แยกสองขาออกรับสัมผัสนั้นอย่างกระหาย การกระทำที่แสนทรมานนั้นดำเนินอยู่เป็นครู่ ก่อนที่ฮิโรอากิจะกำรูดร่างของพวกเขาด้วยจังหวะแรงเร็ว โทโมกิบิดกายเร่า ส่งเสียงอึกอักอยู่ในคอเหมือนจะสำลัก ชายหนุ่มคว้ามือที่ปิดปากนั้นออกแล้วแทนที่ด้วยริมฝีปากของตน จุมพิตที่ดื่มด่ำเร่าร้อนนั้นชวนให้คิดถึงใครอีกคนที่เคยสัมผัส...หากจูบนั้นร้อนแรงกว่า และเรียกร้องต้องการเขามากกว่า โทโมกิโอบกอดร่างสูงแน่น สองขายกขึ้นเกาะเกี่ยวกับสะโพกของฮิโรอากิในท่วงท่าที่คุ้นเคย...หากไม่มีการสอดใส่...แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว เมื่อฮิโรอากิเร่งมือหนักหน่วงอีกไม่กี่ครั้ง โทโมกิก็ถึงสุดยอดแห่งความปรารถนา
ทั้งสองเกร็งร่างเข้าหากันและปลดปล่อยหยาดรักออกมาเต็มถุงยางนุ่ม ๆ ที่ห่อหุ้มร่างของตนอยู่ กระทั่งอาการเกร็งค่อยคลายลง ฮิโรอากิจึงถอนริมฝีปากออกแล้วซบร่างลงกอดหนุ่มน้อยเอาไว้ เสียงหอบหายใจที่ข้างหูแสดงถึงความสุขสมอิ่มเอม ช่างเป็นร่างกายที่ซื่อตรงและน่าเอ็นดูเหลือเกิน
“ที่จริง...ก็อยากเข้าไปในตัวนายหรอกนะ แต่เอาไว้ก่อนก็ได้” เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบา
โทโมกิไม่ตอบ เขารู้สึกว่าส่วนเร้นลับของเขากระตุกรัดตอบสนองต่อคำพูดนั้น หากภาพที่ปรากฏขึ้นในหัวไม่ใช่คนที่ตระกองกอดเขาเอาไว้...แต่เป็นใครอีกคนหนึ่งที่มีเรือนผมสีทองยาวประบ่า...ถ้าสักวันภาพนั้นจะกลายเป็นฮิโรอากิจริง ๆ ก็ดีสิ เขาคงจะลืมคนที่แสนโหดร้ายนั่นได้เสียที
เด็กหนุ่มถอนใจเบา ๆ แล้วหลับตาลง และจมสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว
...
เสียงปลดล็อกประตูนิรภัยดังขึ้นทำให้โอโนเสะกับยามานากะเงยหน้าขึ้นจากงานบนโต๊ะ เขาไม่ได้เรียกใครมาพบและไม่มีใครติดต่อว่าจะเข้ามาพบด้วย จึงออกจะน่าประหลาดใจ แต่เมื่อเห็นร่างที่พ้นประตูเข้ามา โอโนเสะก็ส่ายหน้า ฮิโรอากิ ลูกชายคนที่สามของเขานั่นเอง
“สวัสดีครับ คุณพ่อโอโนเสะ” เด็กหนุ่มทักทายเสียงใส เรือนผมสีน้ำตาลที่ยาวถึงกลางหลังขัดใจผู้เป็นพ่อยิ่งนัก
“หวัดดี มากระแดะเรียกอะไรแบบนั้น ไอ้ตัวเล็ก” โอโนเสะพูดพลางกลับไปสนใจกับงานตรงหน้า
“ไม่เล็กแล้วนะครับ ถ้าผมตัวเล็กแล้วโทโมกิจังของคุณพ่อจะเรียกอะไรล่ะ” เจ้าลูกคนเล็กยอกย้อน
“เรียกเล็กจิ๋วละมั้ง ลมอะไรหอบแกมาล่ะนั่น” ตามปกติแล้วฮิโรอากิที่ยังชอบเที่ยวเล่นตามประสาวัยรุ่นไม่ค่อยได้มาหาเขาที่นี่เท่าไรนัก
“มาขอเงินไปเที่ยวครับ” ฮิโรอากิตอบอย่างหน้าชื่นตาบาน
“ไปเอาที่แม่โน่น ฉันให้แม่แกไว้หมดแล้ว” ว่าพลางก็ขมวดคิ้ว ที่ผ่านมามันก็เป็นแบบนั้นนี่นา วันนี้จะมาไม้ไหนกันแน่นะ
“ขืนขอ นายแม่ก็จะได้เฉ่งเอาปะไรล่ะครับ” เด็กหนุ่มทำเสียงเบื่อหน่าย “ล้อเล่นหรอกครับ ผมแค่อยากมาคุยกับคุณพ่อเฉย ๆ”
“คุยเรื่องอะไรล่ะ จะไปขอสาวเหรอ?” โอโนเสะพูดเรื่อย ๆ อย่างไม่ใส่ใจ ซ้ำยังไม่ละสายตาจากเอกสารที่อ่านอยู่
“เปล่า แหม...คุณพ่อก็รู้ว่าผมยังไม่ได้จริงจังกับใคร” ฮิโรอากินั่งลงที่โซฟารับแขกอย่างถือวิสาสะ “แต่ถ้าจะขอ ก็มีอยู่คนนึงละครับ”
“เรอะ ใครล่ะ?”
“ก็ลูกชายคนสุดท้องของคุณพ่อไงล่ะครับ”
โอโนเสะชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นมองฮิโรอากิ เด็กหนุ่มส่งรอยยิ้มซน ๆ มาให้ ดวงตาเป็นประกายวาววับ
“สนใจจะฟังแล้วใช่มั้ยล่ะครับ”
ท่านประธานของลูนาติก ลัสท์ถอนใจก่อนจะถอดแว่นสายตาและวางเอกสารลง “ไหน ว่ามาซิ จะขอโทโมกิไปทำไม”
“เด็กคนนั้นน่ะ...น่าสนุกมากเลยนะครับ” ฮิโรอากิเริ่ม “ผมคิดว่าคุณพ่อน่าจะรู้แล้ว เขามีความต้องการทางเพศสูงมากเลยนะครับ ช่วยตัวเองแทบจะวันเว้นวันด้วยซ้ำ”
โอโนเสะพยักหน้า “ฉันรู้ แล้วยังไง?”
“แต่ทำไมไม่รู้ ดูเขาไม่ค่อยดีเวลาช่วยตัวเองเลย ผมก็เลย...ไปช่วยอยู่บ่อย ๆ”
ผู้เป็นพ่อเลิกคิ้วเหมือนจะประหลาดใจนิดหน่อย แต่อาการนั้นก็หายไปในแทบจะทันที
“น่ารักมากเลยละครับ เวลาที่เขากอดอ้อนเนี่ย แต่แปลกนะครับ...เขาชอบเรียกใครไม่รู้ที่ไม่ใช่คุณพ่อ เห็นเรียกว่าชุน คุณพ่อรู้จักมั้ยครับ”
“รู้จัก แต่ไม่เกี่ยวกับแกหรอก” โอโนเสะยังพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เอ๋ แล้วไม่เจ็บใจเหรอครับ?” หางเสียงขึ้นสูงเหมือนจะหยั่งเชิง
“ทำไมจะต้องเจ็บใจด้วย?”
“อ้าว ก็คนที่เรากอดไม่เรียกหาเราแต่ดันไปเรียกคนอื่นน่ะสิครับ ผมนี่เจ็บจี๊ดเลยนะครับ” ฮิโรอากิทำหน้าเศร้าอย่างเสแสร้ง
“ก็ฉันไม่ได้อยากให้โทโมกิเรียกฉันนี่หว่า แกมันโลภมาก ฮิโรอากิ”
“อ้าว คุณพ่อไม่ได้รับเด็กคนนั้นมาเพื่ออย่างว่าหรอกเหรอครับ?” เด็กหนุ่มชูนิ้วก้อยอันแสดงความหมายอีกนัยว่าชู้รัก
“จะบ้าเรอะ! ใครจะบ้าเอาเด็กที่เด็กกว่าลูกตัวเองมาทำเมีย” โอโนเสะทำเสียงเขียว ในบรรดาลูกทั้งสามคน ฮิโรอากิเกรงใจเขาน้อยที่สุด อาจเพราะเป็นลูกคนเล็กและเขาค่อนข้างจะตามใจพอสมควรก็ได้ บางทีถึงได้พูดอะไรลามปามแบบนี้อยู่เรื่อย
“ไหงงั้น ผมคิดว่าคุณพ่อเอาเด็กคนนั้นเข้าบ้านเพราะเรื่องแบบนั้นซะอีก ยังแปลกใจเลยว่าทำไมนายแม่ยอมได้” ฮิโรอากิส่ายหัวดุกดิก “แต่แบบนี้ก็ดี...งั้นผมขอโทโมกินะครับ คุณพ่อ”
“นั่นคนนะ ไม่ใช่อะไรที่จะมาขอกันได้ง่าย ๆ แบบนั้น” ท่านประธานแห่งลูนาติก ลัสท์ลุกจากโต๊ะทำงานแล้วเดินมาที่โซฟา ตบไหล่ลูกชายหนัก ๆ “และฉันก็ไม่ได้รับโทโมกิมาเป็นลูกเพื่อให้แกทำแบบนั้นด้วย”
“แต่พวกผมสนิทกันมากแล้วนะครับ คุณพ่อ โทโมกิน่ะ เวลาที่เกิดอารมณ์จะกอดแล้วก็อ้อนผมเหมือนแมว น่ารักสุด ๆ ไปเลยนะครับ”
“แกกอดเขาไปกี่ครั้งแล้ว?”
“แหม ก็ทุกครั้งที่เขาต้องการละครับ ก็ไม่ถึงกับไปหาผมที่ห้องหรอกนะครับ แต่คุณพ่อก็รู้ว่าห้องพวกเราอยู่ติดกัน บางทีเขาเผลอตัวครางออกมาบ้างอะไรบ้าง ผมได้ยินเข้าก็ไปช่วยตามที่ทำได้ละครับ” พูดพลางก็ว่าท่าเหมือนกับว่าตนเป็นสุภาพบุรุษเสียเหลือเกิน ทำให้โอโนเสะอดเคาะหัวด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้
“แล้วยังไงอีก เขายอมให้แกทำด้วยเหรอ?”
ฮิโรอากิยักไหล่ “ก็ยังไม่เคยทำถึงที่สุดหรอกครับ นี่ผมก็รออยู่ว่าถ้าวันไหนเขาไปหาถึงห้องจะจับกินซะเลยอยู่หรอก”
โอโนเสะถอนใจหนัก ๆ แล้วนั่งลงตรงข้ามลูกชาย “ฟังนะ ฮิโรอากิ ถ้าแกรู้ว่าเด็กคนนั้นผ่านอะไรมาบ้าง แกจะไม่พูดแบบนี้ออกมาหรอก”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วกับท่าทีของผู้เป็นพ่อ “ผ่านอะไรมา...หมายความว่ายังไงครับ?”
“ฉันไม่อยากพูดหรอกนะ อดีตบางเรื่องของใครบางคนไม่ใช่เรื่องน่าขุดคุ้ย แต่ถึงฉันจะไม่เล่า แกก็คงไปคาดคั้นเอากับเขาอยู่ดี และเด็กคนนั้นก็คงไม่อยากจะนึกถึงมันนัก ถ้าให้พูดออกมาจากปากเขาเองมันคงเจ็บปวดเกินไป”
“อะไรกันครับ? คุณพ่อพูดเหมือนมันร้ายแรง...” ฮิโรอากิชักใจเสียกับความจริงจังของพ่อ
“ฮิโรอากิ พ่อจะเล่าให้ฟังแค่ครั้งเดียวนะ แล้วแกก็ไม่ต้องไปถามอะไรโทโมกิอีก สัญญานะ” น้ำเสียงหนักแน่น แววตาที่มองตรงมาแน่วแน่
เด็กหนุ่มพยักหน้า “สัญญาครับ”
“โทโมกิน่ะ เคยถูกลักพาตัวไปกักขังและข่มขืนมาก่อน”
เหมือนฟ้าผ่าลงมาที่สมอง ฮิโรอากิมึนงงไปหมดกับคำพูดของผู้เป็นพ่อ เขาต้องใช้เวลาพักหนึ่งจึงจะประมวลผลและแปลความหมายของคำพูดนั้นได้ ริมฝีปากอ้าค้างโดยไม่มีคำพูดใดลอดออกมาด้วยอาการตะลึงงัน
“ฝ่ายนั้นทำกระทั่งว่ากรีดเนื้อลอกหนังโทโมกิแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้เลย ที่ไหล่ซ้ายของเด็กคนนั้นมีแผลเป็นอยู่...แต่อย่าไปขอเขาดูเลยนะ มันจะทำให้เขาเจ็บเสียเปล่า ๆ”
“อะ...อะไรกันครับ...เรื่องแบบนั้น...”
“ไม่น่าเชื่อใช่มั้ย?”
“คุณพ่อไม่ได้หลอกผมเล่นนะครับ” ฮิโรอากิตกใจจริง ๆ
“ใครจะเอาเรื่องพรรค์นี้มาพูดเล่นได้” โอโนเสะทำเสียงดุ ๆ “และเพราะเคยถูกทำแบบนั้นมา ร่างกายจึงเกิดความเคยชินและมีความต้องการทางเพศมากกว่าคนปกติ ที่แกช่วยเขาบ้างมันก็ดีอยู่หรอก แต่ไม่ใช่คิดจะเอาจริงจังแบบนั้น”
ฮิโรอากินิ่งเงียบอย่างรู้สึกผิด
“แล้วพ่อแม่เขาก็ไม่เคยใส่ใจดูแล ขนาดว่าโทโมกิเป็นขนาดนี้แล้วก็ยังไม่เคยหันมาสนใจ ฉันก็เลยรับเขามาเป็นลูกนี่แหละ ไม่ได้เอาเข้าบ้านเพราะมีนัยแฝงอะไรหรอก แม่แกก็รู้ดี ฉันเล่าให้ฟังหมดแล้ว”
“เอ้อ...ผม...ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไร แกไม่รู้เรื่องก็แล้วไปเถอะ แต่ให้รู้ไว้ว่าพ่อรับโทโมกิมาเป็นลูกแท้ ๆ ไม่ว่าใครจะมองยังไงหรือนินทาว่าอะไรก็ช่าง ให้รู้ว่าโทโมกิก็เป็นลูกคนนึงของพ่อ เป็นน้องของแก พ่ออยากให้แกดูแลน้องในฐานะน้อง...อย่าได้คิดอะไรกับโทโมกิแบบนั้นอีก ได้มั้ย ฮิโรอากิ”
ดวงตาที่มองมาอ่อนโยน ไม่ได้มีแววคาดโทษเขาแม้แต่น้อย ฮิโรอากิรู้สึกผิดและละอายเสียจนแทบแทรกแผ่นดินหนี เขาพยักหน้าน้อย ๆ
“ครับ คุณพ่อ”
“อ้อ แต่ถ้าโทโมกิต้องการความช่วยเหลืออะไรอีก ก็ช่วย ๆ น้องไปเถอะนะ อาการแบบนั้นมันต้องใช้เวลาบำบัดนาน แกก็ช่วยผ่อนหนักผ่อนเบาให้หน่อยแล้วกัน”
“แปลว่า...นั่น...ได้?” เด็กหนุ่มชูนิ้วก้อยขึ้นมาอีก
โอโนเสะชะโงกตัวข้ามโต๊ะเล็กไปดีดหน้าผากเจ้าลูกชายแรง ๆ “ยังจะมาทะลึ่งอีก! ไม่ได้โว้ย เป็นพี่จะมาเคลมน้องได้ยังไง”
“โอ๊ย! เจ็บนะครับ ผมก็หมายถึงแค่ที่เคยทำมานั่นแหละ ไม่ได้คิดมากกว่านั้นซะหน่อย คุณพ่อแหละคิดมาก”
“ถ้าแกรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่ ก็แปลว่าแกก็คิด ไอ้ตัวเล็ก อย่ามาพูดมาก ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับบ้านไปเลยไป” โอโนเสะออกปากไล่
“ใจร้าย...” บ่นอิดออดแต่ก็ยอมลุกจากโซฟาโดยดี
“ฮิโรอากิ” ท่านประธานเรียกไว้เมื่อลูกชายกำลังจะเดินออกจากห้องไป
“ครับ?”
“ฝากดูน้องด้วยนะ”
“ครับ จะรับฝากไว้นะครับ รีบ ๆ มาเอาคืนล่ะ” พูดแล้วเด็กหนุ่มก็จากไป
“รับฝากงั้นเรอะ ไอ้ตัวแสบเอ๊ย” โอโนเสะส่ายหน้า “นั่นมันของของฉันเสียเมื่อไรกัน ฉันก็รับฝากไว้เหมือนกันนั่นแหละ”
“แล้วเจ้าของมันจะได้มาเอาคืนเหรอครับ?” ยามานากะเอ่ยขึ้นหลังจากนั่งเงียบมาตลอด
“ถ้ามันมีปัญญาน่ะนะ” ชายผู้มากด้วยวัยกว่าลุกกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน
“ผมนึกว่าคุณน้าจะเล่นงานฮิโรอากิคุงซะอีก”
“จะไปทำมันทำไม?”
“ก็ดูพูดเข้าสิครับ...น่าตีน้อยเมื่อไร”
“จะไปตีมันทำไม เดี๋ยวเฉามือตายกันพอดี” พูดแล้วก็หยิบเอกสารขึ้นมาอ่านต่อเหมือนจะตัดบท
ยามานากะส่ายหัวดุกดิก “ตามใจเกินไปแล้ว...แต่ก็เสียคนซะขนาดนี้แล้ว คงไม่เป็นไรแล้วมั้ง”
“ได้ยินนะ”
“ก็พูดให้ได้ยินละครับ”
พูดเสร็จก็รวบแฟ้มเอกสารบนโต๊ะแล้วออกจากห้องทำงานไป ทิ้งให้โอโนเสะเข่นเขี้ยวอยู่ที่โต๊ะ เขารู้ว่ายามานากะไม่ได้ไปติดต่องานที่ไหนหรอก แค่จะหนีให้พ้นรัศมีมือเท้าของเขาเท่านั้นเอง
(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
ผลงานชิ้นอื่นๆครับ
Daylight
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31210.0Parallel Reality
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31255.msg1811578#msg1811578SINLESS
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18056.0ในค่ำคืนอันเงียบงัน
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17805.0Kiss of Ice-Scream
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18472.0Hilight & Deep shade
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17315.0No word
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31467.0เธอไม่อยู่แล้วหรือ...
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31791.0Dark side Romance
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32265.0