All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55  (อ่าน 324447 ครั้ง)

ออฟไลน์ chompoonut139

  • สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #210 เมื่อ27-01-2012 23:01:00 »

ใกล้หมดเวลาสนุกแล้วสิ โทโมะกับวายะ

หึหึ

Mio

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #211 เมื่อ27-01-2012 23:05:23 »

สามคำ>>>มา ม่า มา  :m15:

ออฟไลน์ biw43

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #212 เมื่อ27-01-2012 23:12:47 »

นี่ ! คนเขียนรู้บ้างมั้ย ? มานั่งรอตั้งแต่ รร.เลิก
เปิดคอมตั้งแต่สี่โมงกว่า นั่งอ่านนิยายในบอร์ด
เกือบจะหมดแล้วรู้มั้ย ? 555555555555555555 55 บ่นๆ
 :o12: :o12: คิดว่าจะไม่มาซะแล้ว ดีใจ :D

แอบใจหายเบาๆ เหลือเวลาอีกไม่นาน
เร่าร้อนเหมือนเดิม ยังคงคอนเซปต์เดิม เนี่ย ! วายะเห็นมั้ย ?
แบบนี้โทโมะเร่าร้อนกว่าเยอะ ไม่ต้องบังคับให้เป็นอย่างงู้นอย่างงี้หรอก~
แบบนี้แหละชอบ  555555555555 55

คนเขียนอยากให้มาอัพต่อบ่อยๆจัง อาทิตย์ละครั้งแบบนี้
เค้าจะขาดใจตาย  :o8:
รีบๆมาต่อเหอะนะ ค้างงงงงงงงงงงงงงง งง อย่างรุนแรง
ขอบคุณมากๆค่า

ออฟไลน์ jiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1567
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +175/-2
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #213 เมื่อ27-01-2012 23:24:32 »

อ๊ากกกกก :z3:กรี๊ดร้องอย่างบ้าคลั่ง

ทำไมเพิ่งเอามาลงตอนนี้. พรุ่งนี้เค้ามีสอบ เล่นมาซะดึกเลย

รอร้อรออย่างรู้ความเป็นไปใจแทบขาด

ตอนนี้เค้ารู้สึกถ้าความกลัวของวายะเลย ลนลานๆ

ปล. ไว้สอบเสร็จจะมาเม้นต์เต็มอารมณ์อีกทีนะ

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #214 เมื่อ27-01-2012 23:47:07 »

ตอบคำุถาม...ไม่สิ คำตัดพ้อว่าผมลงนิยายดึกนะครับ
แบบว่าเนทที่บ้านเป็นแอร์การ์ดครับ หนืดบรรลัยจักร ใช้ได้ดีหลังสี่ทุ่มเป็นต้นไปน่ะครับ
ระหว่างลงนิยายมีแอบหลุดก็บ่อย ขออภัยนะครับ ฮะๆๆ

ออฟไลน์ kuruma

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 441
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +527/-3
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #215 เมื่อ27-01-2012 23:57:34 »

มาต่อแล้ววววววววววววววว
ใจหายเลยทีเดียวที่โทโมกิออกมาจากห้อง และคิริยูเห็นเข้าแล้ว ประมาณ " แย่ล่ะ โดนจับได้แล้ว! "
อุตส่าห์ได้รักกันดีๆ ในสภาพยินยอมพร้อมใจ และไม่ต้องพึ่งยากล่อมประสาทแท้ๆเลย
ขอบคุณคนเขียนค่ะ +1 เป็นกำลังใจ ^^

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #216 เมื่อ28-01-2012 00:28:18 »

วายะทั้งจิต ทั้งโหดเลยนะ

ตอนแรกอ่านไม่คิดว่าจะบังคับให้โทโมะทำขนาดนี้ 555


ออฟไลน์ tong_pub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-5
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #217 เมื่อ28-01-2012 00:52:58 »

ตอบคำุถาม...ไม่สิ คำตัดพ้อว่าผมลงนิยายดึกนะครับ
แบบว่าเนทที่บ้านเป็นแอร์การ์ดครับ หนืดบรรลัยจักร ใช้ได้ดีหลังสี่ทุ่มเป็นต้นไปน่ะครับ
ระหว่างลงนิยายมีแอบหลุดก็บ่อย ขออภัยนะครับ ฮะๆๆ


เอาน่ะคนเขียน...ขอให้ได้ลง เค้ารอ รอได้..รออย่างจดจ่อ ชอบมว้ากกกกกกกก สู้ๆ

ออฟไลน์ Mimimimi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #218 เมื่อ28-01-2012 01:39:24 »

ดูรักกันแล้วนะคะ  เหมือนเข้าใจ และเหมือนไม่เข้าใจ 

TontS

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #219 เมื่อ28-01-2012 02:51:39 »

วายะรักได้รุนแรงมาก กำลังจะรู้เรื่องแล้ววว ><

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
« ตอบ #219 เมื่อ: 28-01-2012 02:51:39 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






sunshadow

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #220 เมื่อ28-01-2012 03:49:05 »





   แง้วๆๆ คงไม่ความแตกเพราะคิริฮาระหรอกใช่ไหม T T






ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #221 เมื่อ28-01-2012 10:17:30 »

ง่ะ  เวลาใกล้หมดแบบนี้ชุนจะทำไงล่ะเนี่ย

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #222 เมื่อ28-01-2012 10:48:37 »

เห็นไหมไม่ต้องใช้ยาโทโมกิก็เร่าร้อนได้
ตอนนี้วายะคงไม่อยากให้โทโมะเป็นตัวแทนของใครเเล้วล่ะเน้อออ
รอดูว่าจะมีคนรู้เรื่องโทโมกิกับวายะเมื่อไร

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #223 เมื่อ28-01-2012 10:56:27 »

วายะเอ๊ย ใจเย็นๆหน่อยสิ โทโมะไม่รู้เรื่องอะไรนี่นา

ถ้ารักก็แสดงออกไปเถอะ ก่อนที่โทโมะจะน้อยใจมากกว่านี้น่ะ

keezbt

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #224 เมื่อ28-01-2012 11:26:15 »

รู้สึกกดดันตามวายะเลยอ่ะ ไม่อยากปล่อยโทโมะ
ไม่ใช่เพียงเพราะความต้องการ แต่เป็นเพราะความรู้สึกที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น
สงสารโทโมะเหมือนกันที่ต้องคิดว่าตัวเองเป็นตัวแทนของใคร แต่ก็ยังทนอยู่ น่าสงสารอ่า

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #225 เมื่อ28-01-2012 11:52:08 »

 :z3:
ปัญหากำลังมีตามมาแล้วใช่มั้ย :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #226 เมื่อ28-01-2012 12:18:59 »

รู้สึกเหมือนกำลังสงสารวายะมากขึ้นเรื่อยๆ

ขออย่าให้ทั้งคู่ต้องแยกกันเลยน่าาาา

ออฟไลน์ moobarpalang

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +185/-6
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #227 เมื่อ28-01-2012 12:52:25 »

อยากจะกรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
ให้โลกแตก(ได้ข่าวว่าแกกรี๊ดไปแล้วนะ)ยูมาขัดจังหวะได้ไงเนี้ยะ
เวลาใกล้หมดแล้วนะ

Beast12honey

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #228 เมื่อ28-01-2012 15:06:09 »

มีกำลังใจในการรอคอย

ออฟไลน์ Monkey D

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #229 เมื่อ28-01-2012 16:43:07 »

มาลงอีกไวๆนะครับผม

ค้างๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
« ตอบ #229 เมื่อ: 28-01-2012 16:43:07 »





kim_khun_kwan

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #230 เมื่อ29-01-2012 12:19:33 »

 :o12:  โทโมะ วายะ  หนีไปเลยยย  คนแต่งมาต่อด่วนเลย อยากรู้ :z3:

THE MIN

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #231 เมื่อ31-01-2012 14:40:44 »

ไม่น๊าาาา 


โอ๊ยยยย


แต่ตอนนี้ก็เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นอีกครั้ง

ชอบมากๆๆๆ

รอค่ะ รอ

ออฟไลน์ aehJTS

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-8
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #232 เมื่อ31-01-2012 16:12:52 »

เพิ่งเข้ามาอ่านแม่เจ้ามันเศร้า
แต่มันหยุดอ่านไม่ได้
แต่ตอนนี้มันค้างแล้วคะอยากอ่านต่อ
รออยู่นะคะ

 :pig4: คะ

ออฟไลน์ jiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1567
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +175/-2
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #233 เมื่อ01-02-2012 21:35:21 »

เอาล่ะ มาเม้นต์อย่างเต็มที่ สักที

เริ่มที่คนสองคน คนหนึ่งก็ไม่ก็ต้องการความรักเหลือเกิน ต้องการความรักเป็นของตัวเองเท่านั้น
อีกคนหนึ่งก็ต้องการ สิ่งที่เป็นของตัวเองเท่านั้น
จิ๊กซอว์ที่ต่อกันลงตัว แต่ว่าต่างคนก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร  ไม่สนใจ รู้ว่าดีแต่มันคงไม่ใช่ :เฮ้อ:

อ่านไปก็นึกถึงสองคนที่อยู่ในโลกส่วนตัว คนหนึ่งมองไม่เห็นใคร คนหนึ่งปกป้องโลกนี้ไว้ให้นานที่สุด

ไม่เจ็บจี๊ดแต่กดดันสุดตัวเลยอ่ะ

ชอบตอนสุดท้ายที่โทโมะตกใจที่ชุนตบแล้วกอดตัวเองไว้แน่ แล้วโทโมะก็กอดตอบ. เหมือนหัวใจจะสื่อถึงกันแล้วเลยนะ


ส่วนเรื่องตัดพ้อ ใช่เลย ตัดพ้อ เพราะน้อยใจเล็กๆอ่ะ แบบว่าอยากรู้เรื่วตอนต่อไปเร็วๆ แต่พรุ่งนี้สอบ มันเลยกระวนกระวาย จนอ่านหนังสือไม่ค่อยรู้เรื่องน่ะ แค่นั้นเองแหละ แต่ไม่เป็นไรนะ กว่าจะสอบอีกทีก็ อีกนานเลยล่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2012 23:04:23 โดย jiki »

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #234 เมื่อ03-02-2012 22:26:46 »

อาทิตย์หน้า วันที่ 10 ผมจะไม่อยู่บ้านนะครับ
เพราะงั้น...ลงควบ 2 ตอนโลดครับ จะให้ดีก็ทยอยอ่าน ไม่งั้นอาทิตย์หน้าไม่มีอะไรอ่านนะครับ ฮ่าๆๆ
ลุยไปเลยครับ

...

All I want 10

ในค่ำคืนกลางฤดูหนาวที่ท้องฟ้ามืดมิดด้วยกลุ่มเมฆ  บนทางเท้าที่ร้างไร้ผู้คน  ร่างสูงก้าวยาว ๆ ตรงไปยังอพาร์ทเมนต์ที่พักอาศัยของตน  อากาศหนาวก็จริงแต่มือที่สอดอยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ทกลับชื้นไปด้วยเหงื่อ  ปลายนิ้วแตะไล้ถุงกระดาษที่นอนนิ่งอยู่ก้นกระเป๋า  นาน ๆ ครั้งก็จะหยุดเดินและทอดถอนใจ


“ฉันพยายามหายาที่มีผลข้างเคียงน้อยที่สุดมาให้  แต่ยังไงซะมันก็คงช่วยไม่ได้มากละนะ”  หมอเถื่อนบอกกับวายะพลางเลื่อนขวดแก้วบรรจุน้ำยาใส ๆ ให้

“แค่ให้ดมใช่มั้ย?”  โฮสต์หนุ่มรับขวดยามาพลิกดู

“ถ้ายังไงก็โปะเอาดีกว่า  เอายาเทใส่ผ้าแล้วโปะน่ะ”  โทชิอธิบายวิธีใช้

“อืม...รู้แล้ว”  วายะหยิบขวดยาสลบใส่ลงถุงเดียวกับมีดเซรามิกส์ที่ได้รับมาก่อนแล้วก็หยิบกระเป๋าออกมาควักเงินจ่ายให้  “แค่นี้ใช่มั้ย?”

โทชินับเงินแล้วก็พยักหน้า  “อืม  ครบ  มีแต่นายนี่แหละที่ไม่ยอมหาของเอง  ทั้งที่ซื้อจากฉันมันออกจะแพงแท้ ๆ”

“ฉันขี้เกียจ  ลำพังแค่งานก็ยุ่งพออยู่แล้ว”  วายะยักไหล่แล้วลุกจากเก้าอี้

“นี่ขนาดยุ่งก็ยังอุตส่าห์หาเรื่องใส่ตัวกันนะ  ไม่เข้าใจพวกนายเลยจริง ๆ”  หมอเถื่อนส่ายหน้า

“ไม่ต้องเข้าใจแหละดีแล้ว”  โฮสต์หนุ่มยิ้มน้อย ๆ  “แล้วเจอกันนะ”

“อื้อ  แล้วเจอกัน”


ชายหนุ่มไขกุญแจเข้าห้อง  บรรยากาศในห้องตอนนี้เย็นพอ ๆ กับข้างนอกด้วยไม่ได้เปิดเครื่องทำความร้อนเอาไว้  มีแสงไฟลอดออกมาจากใต้ช่องประตูห้องนอนสำรอง  วายะเดินไปเปิดประตูบานนั้น

ในห้องนั้นอบอุ่น  และที่บนเตียง...ร่างเล็ก ๆ ยังนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่ม

วายะถอดเสื้อโค้ทพาดไว้กับชั้นวางของแล้วนั่งลงบนเตียง  เอื้อมมือไปลูบไล้เรือนผมสีดำนุ่มมือแผ่วเบา  ดวงตาที่หลับพริ้มอยู่ค่อย ๆ ปรอยปรือขึ้นแล้วเลื่อนมาจับที่ใบหน้าของเขา

“...ชุน?”

“กลับมาแล้ว”  นั่นเป็นคำพูดที่ชายหนุ่มแทบจะไม่เคยพูดกับใครนับตั้งแต่ออกจากบ้านมาอยู่คนเดียว  แต่ระยะหลังมานี้เขาพูดคำคำนี้กับโทโมกิบ่อยครั้ง

อย่างน้อย...ที่นี่ก็ยังมีคนรอให้เขากลับมา...

แต่อีกไม่นาน...จะไม่มีแล้ว...

วายะถอนใจอีกครั้งแล้วดึงร่างเล็ก ๆ นั้นมากอด  หนุ่มน้อยที่ยังมึนเมาด้วยฤทธิ์ยากล่อมประสาทยกแขนขึ้นกอดตอบพลางซุกเข้ากับอกกว้าง...ทั้งที่แนบชิดกันถึงขนาดนี้  แต่วายะกลับรู้สึกถึงความสูญเสีย...อีกไม่นาน  โทโมกิจะจากเขาไป  จะต้องมีคนมาพาโทโมกิไปจากเขาแน่...

...เพราะอย่างนั้น  ถึงต้องทำ...ไม่ว่าโทโมกิจะไปอยู่ที่ไหน  ก็จะไม่มีวันเป็นของใครได้...เขาจะตีตราความเป็นเจ้าของไว้  ให้โทโมกิเป็นของเขาไปตลอดกาล!!

โฮสต์หนุ่มอุ้มโทโมกิขึ้นจากเตียง

“ไปอาบน้ำกันนะ”


ร่างสูงทอดสายตามองตัวอักษรที่เขียนด้วยพู่กันบนผิวเนียนขาวบริเวณสะบักซ้ายของคนที่หลับสนิทอยู่บนเตียง  ตัวอักษร  “ฤดูใบไม้ผลิ”  คือชื่อของเขา  ไม่ได้อ่านว่า  “ฮารุ”  แต่เป็น  “ชุน”...เด็กผู้ชายที่เกิดตอนซากุระบาน...ชื่อที่ดูสดใสและเปี่ยมด้วยความหวังนี้ไม่ได้เข้ากับตัวเขาเลยสักนิด  แต่วายะก็ชอบชื่อนี้

วายะล้างมือด้วยแอลกอฮอล์แล้วนั่งลงข้างกายโทโมกิ  มันยากที่จะทำใจในการที่จะทำให้ร่างอันแสนปรารถนานี้เกิดแผลฉกรรจ์  แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้...ก็ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว  โทโมกิจะต้องเจ็บทรมานและร้องไห้แน่...แต่ไม่เป็นไร  เขาจะดูแลเป็นอย่างดี  จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด

“ไม่เป็นไรนะ...โทโมะ...ไม่เป็นไร...”  ชายหนุ่มกระซิบกับร่างที่หลับไหล

ร่างสูงหยิบมีดเซรามิกส์ที่แช่อยู่ในแก้วแอลกอฮอล์ขึ้น  บังคับมือตัวเองไม่ให้สั่น...ต้องไม่หวั่นไหว...ความลังเลเพียงชั่วพริบตาจะสร้างความเจ็บปวดให้โทโมกิแสนสาหัส  รอยตีตรานี้จะติดตัวโทโมกิไปชั่วชีวิต...ดังนั้นมันจะต้องเป็นรอยตราที่ไม่อายใคร  เขาจะต้องทำสุดฝีมือ...วายะหลับตาลงแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก  เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง...ในดวงตาคู่นั้นก็ไร้ซึ่งความลังเล

ปลายมีดเซรามิกส์แตะกรีดลงบนผิวขาวของโทโมกิ  ลากไปตามแนวเส้นที่วาดไว้อย่างแน่วแน่...จารึกชื่อของวายะ  ชุนไว้บนร่างนี้ไปตลอดกาล

...

“เธอนี่มันเหลือเกินจริง ๆ นะ  ยู  ไปทำแบบนั้นกับแขกได้ยังไง”  โอโนเสะบ่นเบา ๆ ขณะที่ใช้เครื่องหนังสีดำรัดข้อมือทั้งสองข้างของคิริฮาระไว้

“ก็แขกคนพิเศษของคุณมันห่วยนี่”  นายแบบหนุ่มเถียงทั้งที่ถูกพันธนาการจนไร้ทางขัดขืน

“ถึงจะห่วยแค่ไหนเธอก็ไม่ควรจะจับท่านมัดแล้วก็เฆี่ยนเป็นทาสแบบนั้นนะ  ฉันส่งเธอไปเป็นทาสท่านต่างหาก”  ชายผู้มากด้วยวัยมองร่างขาวเพรียวในเครื่องพันธนาการด้วยสายตาชื่นชมแต่ก็ส่ายหน้า

“ก็เป็นให้แล้วไง  แต่เจ้านายไม่ได้ความมันก็ต้องโดนทาสสั่งสอนบ้าง”  คิริฮาระยังเถียงคำไม่ตกฟาก

“เฮ่อ...บอกไปกี่ครั้งแล้วว่าห้ามทำแบบนั้น  ให้บทไปแบบไหนก็เล่นตามบทที่ให้สิ”  โอโนเสะจับร่างเพรียวพลิกลงนอนคว่ำแล้วยกสะโพกนั้นขึ้น  “เธอมันชอบเปลี่ยนบทเองอยู่เรื่อย”

“เขาก็ชอบนี่”

“ไอ้นั่นมันก็อีกเรื่อง  แต่เล่นเฆี่ยนเสียปางตายแบบนั้น...ท่านเป็น ส.ว. เชียวนะ  ขาดงานไปในลักษณะแปลก ๆ แบบนี้เดี๋ยวโดนขุดคุ้ยขึ้นมาจะว่ายังไง”  ไวเบรเตอร์รูปไข่ถูกสอดใส่เข้าไปในร่างของนายแบบหนุ่ม  เมื่อกดสวิตช์ให้มันสั่น  คิริฮาระก็สะดุ้งเฮือก  แต่โอโนเสะยังไม่หยุดแค่นั้น  เขาสอดอวัยวะเพศเทียมขนาดย่อมเข้าไปด้วย  “ถ้าเรื่องมาถึงบริษัทเรามันจะแย่เอานะ”

“อึ๊!...คุณ...ก็ห่วงแค่เรื่องนี้แหละ”  คิริฮาระกัดฟันกรอด  โอโนเสะมักจะรู้วิธีทรมานเขาเป็นอย่างดีเสมอ

“เป็นประธานบริษัท  ไม่ให้ห่วงบริษัทแล้วจะให้ห่วงอะไร”  ว่าพลางก็หยิบคลิปติดกระดิ่งเงินไปหนีบเข้าที่ยอดอกสีเข้มทั้งสองข้าง

“ก็ห่วงผมเซ่!”  พูดได้แค่นั้นแล้วก็ผวาเยือกเมื่อถูกจัดเปลี่ยนท่า

“จะห่วงไปทำไม  เธอเอาตัวรอดได้มาตั้งแต่เข้าวงการใหม่ ๆ แล้วนี่  ปีนี้เฆี่ยนลูกค้าที่ควรจะเป็นนายไปกี่คนแล้ว  หือ?”  โอโนเสะประคองคิริฮาระให้ซบพิงอกเขา  แล้วใช้ไวเบรเตอร์อีกอันหยอกล้อทรมานส่วนกลางกายของนายแบบหนุ่ม

“อ๊ะ...อือ...ก็...แขกของคุณมันห่วย  อึ๊!  ไม่เคยทำให้...ผมเสร็จได้...สักคน”

จนถึงขนาดนี้แล้วยังจะเถียง...โอโนเสะยิ้มกับตัวเอง  เด็กคนนี้มันก็น่ารักตรงนี้แหละ  คิริฮาระที่เย่อหยิ่ง  อวดดี  และเร่าร้อน  คือนายแบบระดับท็อป 5 ที่นำรายได้มาสู่บริษัทมากมายมหาศาล  ด้วยลักษณะแบบคุณชายชั้นสูงโดยธรรมชาติ  ทำให้ใครต่อใครก็อยากจะลองสยบเขาไว้ใต้เท้า...แต่ไม่เคยมีใครทำได้  โดยปกติแล้วคิริฮาระจะอดทนกับแขกพิเศษที่ไร้น้ำยาและเอาความอัดอั้นนั้นมาระบายกับเขาหรือไม่ก็พวกโฮสต์ที่คลับใต้ดินอยู่เสมอ  แต่ถ้าเมื่อไรที่แจ็กพ็อตไปเจอแขกไร้น้ำยาตอนที่งุ่นง่านเต็มที่เข้า  ก็มักจะสนองตัณหาตัวเองด้วยการสลับบทบาทจับแขกเป็นทาสเอาดื้อ ๆ...เมื่อสองสามวันก่อนก็เฆี่ยนแขกที่เขาให้ไปรับรองเสียหนำใจ  ถ้ารู้ก่อนว่าคิริฮาระกำลังติดสัดก็จะเตรียมอะไร ๆ ให้พร้อมก่อนหน้านั้นอยู่หรอก

“นี่โชคดีนะที่ท่าน ส.ว. ติดใจแส้ของเธอน่ะ”

“ก็ดีแล้วนี่...จะได้แขกประจำเพิ่ม...อีกคน...”  นายแบบหนุ่มหอบฮักเมื่อแก่นกายที่แข็งขึงเต็มที่ถูกรัดพันด้วยเครื่องพันธนาการหนังที่ทำให้ไม่สามารถถึงจุดสุดยอดได้

“ไม่ชอบแขกประจำที่ไร้น้ำยาไม่ใช่เรอะ?”  โอโนเสะค่อย ๆ สอดก้านดอกคอสมอสเข้าไปในท่อทวารเบาของเด็กหนุ่มช้า ๆ

“อ๊า!”  คิริฮาระหวีดร้อง  ก้านบอบบางของดอกไม้ครูดผนังด้านในที่แทบจะไม่เคยมีอะไรไปสัมผัส  สร้างความซ่านเสียวจนลืมตัว

“ที่จริงคอสมอสก็ไม่เหมาะกับเธอเท่าไรนัก  แต่ไม่มีดอกไม้ที่เหมาะจะใช้งานไปกว่านี้แล้วละนะ”  ท่านประธานแห่งลูนาติก  ลัสท์ขยับหมุนดอกไม้นั้นเบา ๆ  หยาดน้ำเหนียวใสก็ไหลทะลักออกมาจากร่างของนายแบบหนุ่มทันที

“อา...อือ...”  คิริฮาระกัดริมฝีปากแน่น  นี่ถ้าไม่ถูกรัดเอาไว้เขาอาจจะถึงจุดสุดยอดไปแล้วก็ได้

“ไหน...ทีนี้ลองบอกมาซิ  มันเรื่องอะไรถึงได้หงุดหงิดงุ่นง่านถึงขนาดเฆี่ยนท่าน ส.ว. จนเข้าโรงพยาบาลแบบนั้น?”  โอโนเสะเริ่มไต่สวน  เกมรักวันนี้คือการลงโทษ  และคิริฮาระเองก็รู้ว่าตัวเองทำผิดค่อนข้างร้ายแรงถึงได้ยอมให้ทำโทษแต่โดยดีแบบนี้

“ก็มัน...อยาก...”  นาน ๆ ก็จะมีสักครั้งที่เขาปรารถนาความรุนแรงมากจนควบคุมตัวเองแทบไม่ได้  “ไปหาวายะ...แล้ว...แต่...”

“วายะก็ไม่ถึงใจเหรอ?”  ผู้มากวัยกว่าขยับสิ่งที่สอดคาไว้ในช่องทางเร้นลับเข้าออกช้า ๆ

“ฮึก...ไม่...วายะ...ไม่ยอมทำให้...”  นายแบบหนุ่มตอบกระท่อนกระแท่นด้วยความกระสันเสียว

“แปลกจริง  ทำไมอย่างนั้นล่ะ?”  ทั้งบริษัทรู้กันดีว่าถึงแม้จะทำท่าเหมือนจะทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลา  แต่วายะตามใจคิริฮาระทุกครั้ง

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #235 เมื่อ03-02-2012 22:33:45 »

“หมอนั่น...มี...เด็ก...อยู่ในห้อง...”

“เด็ก?...แฟนเหรอ?”

“ไม่รู้...แต่เด็ก...เด็กมาก...ไม่น่า...เชื่อ...”  คิริฮาระกัดฟันแน่นเมื่อโอโนเสะทรมานเขาทั้งด้านหน้าและหลังพร้อม ๆ กัน

...เด็ก...โอโนเสะสะดุดขึ้นมาในใจ  หวนคิดไปถึงเมื่อหลายวันก่อนที่ผู้จัดการลูนาติก  คลับและโทคิโตะขึ้นมาพบเขาเพื่อปรึกษาเรื่องเกี่ยวกับเด็กที่หายตัวไป...ในวันนั้น  มีชื่อของวายะเข้ามาเกี่ยวข้อง  และเขาก็ได้เรียกวายะมาสอบถามแล้ว  ก็ไม่ได้ความว่ากระไร...ว่าแต่...แน่ใจหรือว่าวายะไม่ได้โกหกเขา

“เด็กอายุสักเท่าไร?”  โอโนเสะลองตะล่อมถาม

“ไม่น่าเกิน...ม. ต้น...”

“ยู  ถ้าเห็นเด็กคนนั้นอีกครั้ง  เธอจะจำได้มั้ย?”

คิริฮาระพยักหน้าแทนคำตอบ  เขาต้องจำได้อยู่แล้ว  ถึงจะแค่แวบเดียวก็เถอะ  แต่แรงช็อกรุนแรงนั่นมันทำให้ภาพของเด็กคนนั้นประทับตรึงอยู่ในใจจนถึงตอนนี้เลยทีเดียว...ก็ถ้าเจ้าพี่ชายตัวแสบของเขาจะมีใครสักคน  มันก็ไม่ควรจะเป็นเด็กตัวแค่นั้นไม่ใช่หรือ  แถมยังอาการปิดบังซ่อนเร้นนั่นอีก...นี่เป็นครั้งแรกที่คิริฮาระแคลงใจในตัววายะ  และความรู้สึกนั้นเองที่ทำให้หงุดหงิดมากขึ้นหลายเท่าจนต้องไปลงกับแขกที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่

โอโนเสะผละจากนายแบบหนุ่มแล้วต่อโทรศัพท์  รอสายอยู่ไม่นานนักอีกฟากก็รับสาย

“นี่ฉันเอง  ช่วยเอาประกาศคนหายที่ตำรวจให้มาขึ้นมานี่หน่อยซิ”

ถ้าเป็นไปในแง่เลวร้ายที่สุด...ถ้าเรื่องทุกอย่างปะติดปะต่อกันได้...ถ้าโฮสต์อันดับหนึ่งของบริษัทเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย  เขาต้องรีบลงมือก่อนที่ตำรวจจะไหวตัว  ในแง่ของคดีแล้วนี่เป็นเรื่องใหญ่  ถ้าพูดในแบบนักธุรกิจหน้าเลือด...ถ้าตำรวจได้ตัวโฮสต์อันดับหนึ่งของเขาไป  นั่นหมายถึงการสูญเสียรายได้มหาศาลนานหลายปี  เพราะไม่ใช่ทุกคนจะขึ้นสู่อันดับหนึ่งกันได้ง่าย ๆ  และไม่ใช่ลูกค้าจะยอมรับคนใหม่ได้เสมอไป  ดังนั้นเขาจำเป็นจะต้องรักษาวายะไว้  แน่นอนว่าจะต้องมีการลงโทษ...วิธีการของเขามันไม่ได้เสียเวลามากเหมือนวิธีลงโทษทางสังคม  แต่รับประกันว่าจะได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสมทีเดียว

...ถ้าวายะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้จริงละก็นะ...

...

“ฮึก...โอ้ก!!...แค่ก ๆ...”

“หายใจลึก ๆ  โทโมะ...เข้มแข็งไว้”  วายะค่อย ๆ ลูบหลังร่างเล็กที่กำลังโก่งคออาเจียนจนสั่นเกร็งไปทั้งตัว

หลายชั่วโมงแล้วที่โทโมกิคลื่นไส้อาเจียนอยู่อย่างนี้และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแม้ว่าในกระเพาะจะไม่เหลืออะไรให้ออกมาอีกแล้ว  เด็กหนุ่มไร้เรี่ยวแรงจนต้องเอนกายพิงวายะไว้ตลอดเวลา  เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  เพียงแต่รู้สึกว่าตนเองได้หลับไปนานมาก  และทันทีที่รู้สึกตัวตื่น  อาการคลื่นไส้วิงเวียนอย่างรุนแรงก็เข้าจู่โจม  วายะแทบจะคว้าถังขยะไม่ทันด้วยซ้ำเมื่อเขาอาเจียนออกมาครั้งแรก  ไม่ว่าจะดื่มน้ำอุ่นหรือพยายามทำยังไง  อาการนี้ก็ไม่หายไปเสียที...ทรมานจนนึกอยากจะตายไปเสียให้พ้น ๆ

ไม่ใช่แค่อาการคลื่นไส้เท่านั้นที่ทรมานโทโมกิอยู่ในตอนนี้  ที่สะบักด้านซ้ายก็แสบร้อนราวกับโดนไฟเผา  ความเจ็บปวดแล่นปลาบไปทั้งแขนจนขยับไม่ไหว...เจ็บปวด  ทรมาน...นี่มันเกิดอะไรขึ้นตอนที่เขาหลับไปกันแน่...

วายะมองใบหน้าชื้นเหงื่อที่ซีดเผือดด้วยความเป็นกังวล  แม้โทชิจะเคยบอกเรื่องอาการข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นเพราะฤทธิ์ยาสลบ  แต่เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่ามันจะรุนแรงถึงเพียงนี้  ริมฝีปากของโทโมกิซีดเขียวและสั่นระริก  แต่ไม่ว่าจะให้ดื่มน้ำธรรมดาหรือน้ำเกลือแร่  โทโมกิก็พ่นออกมาจนหมด...อีกนานเท่าไร  ความทรมานนี้จะจบลง...ถ้าทำได้...เขาขอทรมานเสียเองดีกว่า

“...ชุน...ฮึก...”  เสียงแผ่วกระซิบเรียก

“ฉันอยู่นี่”  วายะกระชับอ้อมกอดแน่นเข้าอีก

“...ที่ไหล่...เจ็บ...”  หยาดน้ำตาหยดไหลออกมาอย่างไม่อาจฝืนได้อีกต่อไป

โฮสต์หนุ่มหลับตาแน่น  น้ำตานั่นทำให้เขารวดร้าวเสียยิ่งกว่าทุกครั้งที่เคยผ่านมา  ริมฝีปากอุ่นแนบลงกับหน้าผากเย็นชืด

“ไม่เป็นไรนะ  เดี๋ยวก็จะดีขึ้น”  พูดออกไปอย่างนั้นทั้งที่ไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่

หากโทโมกิพยักหน้า  เขาเชื่อ...ถ้าวายะพูด...มันก็จะเป็นไปตามนั้น...แม้ว่าความถี่ของการอาเจียนจะห่างออก  แต่ความทรมานนั้นไม่ได้ลดน้อยลงเลย  เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะโก่งคอเค้นให้น้ำย่อยไหลย้อนออกมา

แทบจะทนดูไม่ได้แล้ว...วายะรีบโทรไปหาโทชิตั้งแต่แรก ๆ ที่โทโมกิรู้สึกตัวและเริ่มอาเจียน  แต่คำตอบที่ได้รับคือเขาทำได้แค่เฝ้าดูและพยายามประคับประคองไม่ให้โทโมกิสำลัก  แม้โทชิจะบอกว่าในกรณีที่ดีที่สุด  ถ้าดื่มน้ำเกลือแร่เข้าไปสักนิดหน่อยอาจจะค่อย ๆ ดีขึ้น  แต่ดูเหมือนว่าโทโมกิจะอยู่นอกเหนือกรณีนั้น  ที่พอจะวางใจได้เพียงอย่างเดียวก็คืออย่างน้อยโทโมกิก็ไม่มีอาการแพ้ยาอย่างที่โทชิบอก

โฮสต์หนุ่มค่อย ๆ ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดซับไปตามร่างที่ชื้นเหงื่อสลับกับเอายาดมให้ดม  แต่โทโมกิก็ยังกระสับกระส่ายทรมานอยู่อย่างนั้น  ไม่ใช่แค่อาการคลื่นไส้...โทโมกิเจ็บแผล  วายะเข้าใจดี  แผลที่เขาทำไว้ไม่เล็กเลย  และมันจะต้องเจ็บปวดแสนสาหัสเป็นแน่  ในตอนนี้โทโมกิยังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองก็จริง  แต่ทันทีที่อาการคลื่นไส้ดีขึ้น...เขานึกไม่ออกเลยว่าโทโมกิจะทรมานอยู่กับบาดแผลนั้นแค่ไหน

แต่ก็ทำลงไปแล้ว...และไม่ได้คิดจะเลิกกลางคัน  ระหว่างที่ค่อย ๆ กรีดและเลาะผิวหนังของเด็กหนุ่มออกมาทีละน้อย  เลือดที่ไหลออกมามากมายทำให้วายะใจหายก็จริง  แต่เขาก็ไม่หยุด...เขาไม่มีความลังเลในสิ่งที่ตนได้ตัดสินใจทำลงไปแล้ว  และไม่ได้รู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเอง...แต่เมื่อเห็นโทโมกิต้องทรมานถึงขนาดนี้  หัวใจก็ปวดแปลบราวกับถูกกรีดเสียเอง

โทโมกิค่อย ๆ สงบลง  ในที่สุดเมื่อให้ดื่มน้ำเกลือแร่เข้าไปเด็กหนุ่มก็ไม่ได้อาเจียนออกมาอีก  วายะจึงค่อย ๆ ป้อนน้ำให้ทีละน้อยจนพอ  ร่างบางพิงกายเข้าหาเขาอย่างสิ้นไร้เรี่ยวแรง  ลมหายใจแผ่วล้า  และเนื้อตัวเย็นเฉียบ  ชายหนุ่มแตะผ้าซับไปตามเรือนร่างอ่อนเปียกเบา ๆ

“...ชุน...”

“ฉันอยู่นี่”  วายะคอยกระซิบตอบเป็นระยะ  ดูเหมือนโทโมกิจะยังมึนงงด้วยฤทธิ์ยาและความทรมานจนแทบจะไม่รับรู้ถึงตัวตนของเขา

“เหนื่อย...”  หนุ่มน้อยครางออกมาดังไม่เกินกระซิบ

“แน่ละ  อ้วกไปเยอะขนาดนั้นก็ต้องเหนื่อยสิ”

“...เจ็บ...ไหล่...”

ไม่มีคำตอบสำหรับคำอุทธรณ์นั้น  วายะเพียงแต่จูบลงที่หน้าผากแล้วค่อย ๆ เลื่อนมาที่เปลือกตา  จูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน

โทโมกิระบายลมหายใจยาว  เขาเหนื่อยเหลือเกิน...ทั้งเจ็บทั้งทรมาน...แต่เขาไม่รู้เลยว่าความทรมานทั้งหมดมันเกิดขึ้นได้อย่างไร  บางทีวายะคงจะรู้กระมัง...แต่ทำไมถึงไม่ยอมบอกกันนะ...เอาเถอะ  ตอนนี้ขอพักก่อน  เขาเหนื่อยจนทนไม่ไหวแล้ว  ถ้าได้หลับสักพักคงจะดีขึ้น...หลับในที่พักพิงที่อบอุ่นที่สุด...ที่อกกว้างนี้...

วายะค่อย ๆ วางร่างที่หลับสนิทไปด้วยความเหนื่อยอ่อนลงกับหมอน  จัดท่าให้นอนตะแคงเพื่อไม่ให้แผลได้รับความกระทบกระเทือน...เลือดออกมากเหลือเกิน  ตอนนี้ผ้าก็อซที่ปิดปากแผลและพันเอาไว้เปียกชุ่มไปหมด  เขาจะต้องทำแผลให้ใหม่  จากนั้นค่อยเตรียมของที่จำเป็นสำหรับดูแลโทโมกิเพิ่มอีก...มีเรื่องต้องคิดอีกมาก  เขาไม่มีเวลาจะมาอ่อนล้าหรืออะไรทั้งสิ้น  แม้ว่าจะยังไม่ได้พักเลยมาหลายชั่วโมงแล้ว  ตอนที่เขาทำสการ์และทำแผลให้โทโมกิเสร็จได้ไม่นาน  ยาสลบก็หมดฤทธิ์  หลังจากนั้นเขาก็ต้องรับมือกับอาการคลื่นไส้อาเจียนของโทโมกิมาตลอดหลายชั่วโมง  แม้ว่าจะล้าไปหมดแล้วแต่เขาก็ต้องทน...นี่เป็นสิ่งที่เขาเลือกจะทำเอง  ดังนั้นเขาต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุด

“หมอ...ฉันอยากได้ผ้าก็อซกับอุปกรณ์ทำแผลเพิ่ม...อื้ม  ได้  เดี๋ยวจะไปเอา...ยังมีพอ...แล้วมีอะไรที่ทำให้เลือดไหลน้อยลงบ้างมั้ย?...อื้ม  เข้าใจแล้ว...หาไว้ให้ด้วยนะ...ขอบใจ  แล้วเจอกัน”

โฮสต์หนุ่มปิดโทรศัพท์แล้วทรุดตัวลงนั่งกับพื้น  เขาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้โทโมกิเรียบร้อยแล้วแต่เลือดยังไหลซึมออกมาไม่หยุด  เขาควรจะหาอะไรที่จะช่วยลดความเจ็บปวดมาไว้ให้โทโมกิด้วย...วายะยันตัวลุกขึ้นแล้วก็เซถลาแต่ก็ยันผนังไว้ได้ทัน  เขาชักล้าเต็มที...แต่ยังก่อน  เขายังมีเรื่องต้องจัดการ...ชายหนุ่มคว้าเสื้อโค้ทมาสวมทับแล้วออกจากห้องไป

...

...ร้อน...ร้อนอย่างกับอยู่ในกองไฟ...ทั้งร่างกายรุมร้อนราวกับถูกแผดเผา  โดยเฉพาะที่สะบักซ้าย  แสบร้อนยังกับโดนนาบด้วยเหล็กเผาไฟ...ภาพตรงหน้าพร่าพรายไปหมด  นี่มันเกิดอะไรขึ้น...ทำไมถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้...

มือเล็กค่อย ๆ ยกขึ้นเมื่อเห็นร่างเงาของใครบางคนอยู่ตรงหน้า

...ชุน...นั่นชุนเหรอ...มันร้อนไปหมดเลย  แล้วก็ปวด...ปวดแขนซ้าย...ปวดไปหมดเลย...มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ  ชุน...

ในความรู้สึกที่เหมือนร่างถูกยกประคองขึ้น  แล้วหยาดน้ำเย็น ๆ ก็ไหลเข้ามาในปาก  หากก็ล้าแรงเกินกว่าจะกลืนเข้าไป  หยาดน้ำนั้นไหลย้อยออกทางมุมปาก

...หิวน้ำ...ให้ได้กินน้ำหน่อยเถอะ...

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #236 เมื่อ03-02-2012 22:40:49 »

แล้วสัมผัสนุ่มนวลก็แตะลงที่ริมฝีปาก  ก่อนที่หยาดน้ำเย็นจะไหลรินเข้ามาอีกครั้ง  คราวนี้มันล่วงสู่ลำคออย่างง่ายดาย  ลมหายใจระบายผ่อนยาวอย่างรู้สึกสบายขึ้น  จมูกกระสากลิ่นอายหอมเย็นที่คุ้นเคย

...ชุนสินะ...นี่คือชุนสินะ...ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรแล้ว...

บอกกับตัวเองเช่นนั้นแล้วก็ค่อย ๆ จมลงสู่ห้วงนิทรา

วายะกอดประคองคนในอ้อมแขนไว้แนบอก  โทโมกิมีไข้สูงเพราะพิษบาดแผลซึ่งตอนนี้อักเสบบวมแดงจนน่ากลัว  ชายหนุ่มได้แต่อาศัยเจลเย็นพันผ้าประคบให้ตามมีตามเกิด...เขาเองก็ไม่ได้นอนมาสองสามวันติดแล้ว  ไม่ได้ไปทำงานเสียด้วยซ้ำ  อาการของโทโมกิแย่กว่าที่คิด  แม้จะไปซื้อยามาจากโทชิแล้วแต่ก็ดูจะไม่ดีขึ้นเท่าไรนัก

มีโอกาสที่แผลจะเป็นหนอง...ถ้าถึงตอนนั้นคงเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้  เขาคงต้องพาโทโมกิไปโรงพยาบาล...แต่เท่าที่ดูสภาพในตอนนี้  แผลอยู่ในสภาพสะอาดเรียบร้อยดี  เพียงแต่อักเสบเท่านั้น

ทุกครั้งที่เปิดผ้าพันแผลออกมาเห็นรอยแผลที่เป็นชื่อของตัวเอง  ชายหนุ่มก็สะท้อนวาบในใจ...การทำให้โทโมกิเป็นของเขาตลอดไป  แลกมาด้วยความเจ็บปวดทรมานถึงเพียงนี้...แม้สถานการณ์จะต่างกัน  แต่ความทรมานนี้ไม่ได้ต่างกันเลย  มันกัดกินหัวใจของเขาเท่า ๆ กับเมื่อหลายปีก่อนที่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

...คนเราจะต้องทำผิดซ้ำกี่ครั้งถึงจะเข้าใจ...

วายะทอดถอนใจ  มือนี้เคยทำให้ใครคนหนึ่งต้องบอบช้ำจนเกินจะเยียวยา...และทำให้ตัวเองต้องทรมานมาจนถึงทุกวันนี้...แต่มือนี้ก็ยังทำผิดซ้ำอีก  ยังคงทำให้คนอื่นเจ็บปวดและทรมานตัวเองซ้ำอีก...

...ไม่หรอก...ชายหนุ่มบอกกับตัวเองพลางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น  ครั้งนี้จะไม่เหมือนกับครั้งก่อน...โทโมกิจะไม่มีวันหลุดมือเขาไปเหมือนใครคนนั้น  เขาจะไม่ปล่อยสิ่งมีค่าหลุดมือไปเหมือนครั้งก่อน...

...

“วายะไม่มาทำงานอีกแล้วเหรอ?”  โอโนเสะถามขึ้นเมื่อยามานากะตัดสายโทรศัพท์จากโอคุระ

“ครับ  หยุดงานมาหลายวันแล้ว  แล้วก็ไม่ติดต่อมาด้วยน่ะครับ”

“วายะมาทำงานวันสุดท้ายเมื่อไร?”

“น่าจะ...ก่อนมีปาร์ตี้รับรองแขกนะครับ  อ้อ  ก่อนที่ท่าน ส.ว. จะโดนคิริฮาระคุงเฆี่ยนน่ะครับ”  นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นในบริษัท  ถ้าพูดขึ้นมาไม่ว่าใครก็นึกออกทันที

“งั้นรึ...”

ท่านประธานของลูนาติก  ลัสท์นึกย้อนไปถึงเรื่องที่คุยกับคิริฮาระเมื่อหลายวันก่อน  นายแบบหนุ่มยืนยันว่าเด็กชายที่เขาเห็นที่ห้องของวายะคือคนเดียวกันกับที่อยู่ในประกาศตามหาตัวของตำรวจ  ทันทีที่รู้สึกตัวว่าเรื่องเป็นไปอย่างไรมาอย่างไร  คิริฮาระเองก็ดูจะสับสน  เพราะคำพูดของเขาเองที่เป็นหลักฐานว่าวายะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเด็กคนนี้

“โอโนเสะซัง  คุณจะไม่ส่งวายะให้ตำรวจใช่มั้ยครับ?”  ในวันนั้นคิริฮาระละล่ำละลักถามออกมาอย่างนั้น

“ไม่หรอก  แต่ยังไงซะก็ต้องทำอะไรสักอย่างละนะ”

“ทำไม...หมอนั่นถึงทำแบบนั้นนะ...”  วายะที่เขารู้จักคนนั้นไม่น่าจะไปยุ่งเกี่ยวกับเด็กที่ยังไม่น่าจะใช้การได้แบบนั้นไม่ใช่หรือ

“ไว้เธอลองถามเขาดูเองแล้วกัน”

แต่หลังจากวันนั้นคิริฮาระก็ไม่มีเวลาว่างพอเลย  มีงานประดังเข้ามาเหมือนจะแกล้งให้ไม่มีโอกาสได้เจอวายะ  ทางบริษัทเองที่ตอนแรกวางแผนไว้ให้คิริฮาระเป็นคนไปติดต่อวายะที่บ้านเมื่อไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้  ก็ต้องเปลี่ยนแผนเมื่อไม่มีใครในคลับแม้กระทั่งโทคิโตะรู้ว่าวายะอยู่ที่ไหน  เวลาจึงล่วงเลยมาจนถึงวันนี้

“ท่านประธานครับ  ทราบที่อยู่ของวายะแล้วครับ”  คนที่เดินเข้ามารายงานคือคันซากิ  เคนผู้เป็นบอดี้การ์ดของโอโนเสะ

“เฮ่อ...เสียเวลาจริง ๆ”  โอโนเสะส่ายหน้าพลางลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน  “เอาละ  เราไปจัดการธุระให้เรียบร้อยกันดีกว่า”

...

ความทรมานดูเหมือนจะไม่สิ้นสุด  ยาแก้อักเสบแทบจะไม่ช่วยให้โทโมกิอาการดีขึ้นเลย  ในที่สุดวายะก็ตัดสินใจให้ยากล่อมประสาทกับโทโมกิในปริมาณมาก  และนั่นดูจะเป็นสิ่งเดียวที่สามารถช่วยให้โทโมกิพ้นจากความทรมานที่เกิดขึ้นได้

แต่ในห้วงสติที่เลื่อนลอยของเด็กหนุ่ม  วายะก็นึกหวาดหวั่น  ยากล่อมประสาทที่มากเกินไปจะส่งผลต่อสมองและระบบประสาท  โทโมกิอาจจะกลายเป็นคนเลื่อนลอยไร้สติไปเลยก็ได้  แต่ถ้าให้ยาตามปกติที่เคยให้  ก็จะไม่พอกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น...ในบางครั้ง  วายะจึงยอมปล่อยให้โทโมกิทนทรมานบ้าง  แม้ว่ายิ่งเห็นโทโมกิเจ็บปวดมากเท่าไร  เขาก็ทรมานใจจนเจียนคลั่งมากเท่านั้นก็ตาม

“ชุน...เจ็บ...ไม่เอาแล้ว...ขอยา...”  โทโมกิคร่ำครวญทั้งน้ำตา

“ทนอีกนิดนะ  โทโมะ  พอตื่นมาอีกครั้งแล้วฉันจะให้”  วายะพยายามปลอบ

“ไม่เอา...ไม่ไหวแล้ว...เจ็บ...”  ร่างบางสะอื้นฮัก  ยกมือขึ้นทุบร่างสูงเพื่อระบายความรวดร้าว

เรี่ยวแรงที่อ่อนล้าไม่ได้ทำให้วายะรู้สึกเจ็บ  แต่ที่ทำให้สะท้านไปทั้งร่างคือความทรมานที่ถ่ายทอดมากับการกระทำนั้น  ในที่สุดก็ต้องยอมให้ยาตามที่เด็กหนุ่มร้องขอ

โทโมกิหลับไปอีกครั้งหนึ่งแล้ว...ไม่สิ  ไม่ได้หลับ  ดวงตาคู่นั้นยังปรอยปรือ  แต่ประสาทสัมผัสไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว  โทโมกิหลงเข้าไปในความฝันอันหอมหวานที่ฤทธิ์ยามอบให้  แต่อีกไม่นานหรอก  เดี๋ยวโทโมกิก็จะรู้สึกตัวและร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง

วายะนั่งลงที่ข้างเตียง  ซุกหน้าลงระหว่างหัวเข่าทั้งสองข้าง  เขาควรจะพักเพื่อเอาแรงไว้คอยดูแลโทโมกิต่อ  แต่ก็นอนไม่หลับ...เขาหลับไม่ลงมาหลายวันแล้ว  เขาหยุดงานและคอยดูแลโทโมกิทั้งที่ร่างกายอ่อนล้าลงทุกที  บางทีเขาก็นึกสงสัยว่าโทโมกิจะหายดีก่อนหรือว่าเขาจะหมดแรงขาดใจตายไปเสียก่อนกันแน่

ในห้วงเวลาที่บิดเบี้ยว...ในห้องที่ไร้กลางวันกลางคืน...วายะไม่รู้หรอกว่าเวลาได้ผ่านมานานเท่าไรแล้วนับตั้งแต่เขาได้สลักชื่อของตัวเองลงบนแผ่นหลังของโทโมกิ  รู้เพียงแต่ว่าเขาจะต้องร่วมรับรู้และทรมานไปด้วยกันกับเด็กหนุ่ม...นี่คือการลงโทษสำหรับการกระทำที่โหดร้ายของเขา...ยิ่งโทโมกิเจ็บปวด  เขาก็จะยิ่งเจ็บปวดมากกว่าหลายเท่า  หลายครั้งที่รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกขึ้นมากะทันหัน  ในหัวมึนตื้อและปวดจนแทบระเบิด  แต่เมื่อเห็นโทโมกิทรมานเขาก็ต้องฝืนความเจ็บปวดของตัวเองคอยปลอบประโลมและดูแลเด็กหนุ่มให้ถึงที่สุด

ในตอนที่โทโมกิสงบลงและรอบกายเงียบสงัด  บางครั้งสมองที่มึนซึมจนเหมือนจะว่างเปล่าของวายะก็กระหวัดถึงใบหน้าของใครบางคนที่มองเขาด้วยสายตาเหมือนกับมองคนแปลกหน้า  ทั้งที่อยู่ด้วยกันมาตลอดชีวิต...แต่สายตานั้น...ไม่มีตัวตนของเขาอยู่ในแววตาคู่นั้น  พอเอื้อมมือไปเหมือนจะไขว่คว้า  ภาพของโทโมกิที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็ซ้อนทับกับภาพนั้น  แม้ช่วงวัยจะต่างกัน  แต่ใบหน้าที่คล้ายคลึงนั้นทำให้วายะแยกไม่ออก...แม้จะรู้สึกว่าหยาดน้ำตาที่หลั่งรินออกมาจะทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวด  แต่เขาไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ร้องไห้อยู่ในความทรงจำของเขา  แม้อยากจะเอ่ยปลอบ...แต่เขาควรจะเรียกชื่อใคร...เขาควรจะเรียกโทโมกิหรือใครคนนั้น...ไม่สิ  แม้อยากจะเรียกชื่อนั้น  แต่ก็ไม่อาจเอ่ยออกมาได้  เขาไม่มีความกล้าพอ...เพราะไม่ว่าจะเรียกออกไปสักกี่ครั้ง  สายตาที่มองกลับมาก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง...สายตาที่มองดูคนแปลกหน้า  และเขาทนสายตานั้นไม่ได้
โทโมกิจะไม่มองเขาแบบนั้นใช่ไหม...ไม่ว่าอย่างไร  โทโมกิจะจำเขาได้...ไม่ว่าจะหวาดกลัวหรือชิงชังแค่ไหนก็ตาม...
หรืออย่างน้อย...รอยแผลที่เขาสลักไว้บนร่างก็จะทำให้โทโมกิจำได้  ว่ามีคนโหดร้ายคนหนึ่งได้ทิ้งร่องรอยนั้นเอาไว้...และคนโหดร้ายคนนั้นก็คือเขา...

ถ้าวันหนึ่ง...ถ้ามีใครพรากโทโมกิไปจากเขา...แล้วถ้าได้เจอกันอีกครั้งในที่ไหนสักแห่ง  เมื่อเห็นเขา  โทโมกิจะจำชื่อของเขาได้...แม้จะไม่เอ่ยมันออกมา  แต่โทโมกิจะจำได้...จะไม่มองเขาอย่างคนแปลกหน้า

...เขาไม่อยากจะถูกลืม...


ชายหนุ่มถูกดึงออกมาจากห้วงภวังค์ด้วยเสียงครางเบา ๆ ของโทโมกิ  เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว  ยาหมดฤทธิ์แล้วหรือ  วายะลุกขึ้นไปชะโงกกายเหนือร่างที่นอนอยู่บนเตียง

“เจ็บเหรอ?”  เสียงทุ้มกระซิบถาม

ไม่มีคำตอบนอกจากอาการพยักหน้าน้อย ๆ และน้ำตาที่ไหลริน

วายะถอนใจเบา ๆ แล้วเหลือบดูบาดแผล  ผ้าก็อซที่พันเอาไว้มีคราบเลือดปนน้ำเหลืองซึมอยู่บาง ๆ  นี่นับว่าดีขึ้นมากแล้วเมื่อเทียบกับวันแรก ๆ ที่ต้องเปลี่ยนผ้าซับเลือดครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดวัน  ปกติแล้ววายะจะเปลี่ยนผ้าพันแผลให้โทโมกิเมื่อให้ยาและโทโมกิหลับไปแล้ว  แต่เมื่อกี้นี้เขาลืม...เขาคงเหนื่อยเกินไปจนไม่ทันคิด  แต่จะเปลี่ยนผ้าพันแผลตอนนี้ก็ไม่ได้  แค่นี้โทโมกิก็เจ็บมากเกินพอแล้ว

“ยังให้กินยาตอนนี้ไม่ได้หรอก  ทนหน่อยได้มั้ย?”

แม้จะพยักหน้าตอบ  แต่สีหน้าไม่ได้บอกอย่างนั้นเลย...วายะเองก็รู้อยู่แก่ใจ

ชายหนุ่มเอาน้ำผลไม้และข้าวต้มกึ่งสำเร็จรูปมาให้และค่อย ๆ ป้อน  โทโมกิกินได้ไม่มากนัก  แต่อย่างน้อยน้ำผลไม้ก็ช่วยให้ร่างกายสดชื่นขึ้น  ในตอนที่ไม่ให้ยา  ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะอยากให้เขาอยู่ใกล้ ๆ มากที่สุด  ดังนั้นวายะจึงแทบจะผละไปไหนไม่ได้  อาการเบียดซุกทำให้เขารู้ว่าโทโมกิต้องการเขามากเพียงใดในช่วงเวลาแบบนี้...มันทั้งรู้สึกดีและแย่ไปพร้อม ๆ กัน

โฮสต์หนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองทำผิด...เหมือนกับว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลวร้ายขนาดนี้ก็ได้  อย่างไรเสียโทโมกิก็เป็นของเขาอยู่แล้ว...แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่ามันไม่จริง  โทโมกิจะไม่มีวันเป็นของเขาตลอดไป  จะต้องมีคนมาพาโทโมกิไปจากที่นี่  ดังนั้นเขาจึงต้องทำแบบนี้...มีทางนี้ทางเดียวเท่านั้น

“ชุน...เจ็บจัง...”  โทโมกิครางเบา ๆ พร้อมกับสะอื้นฮัก

วายะได้แต่จูบเบา ๆ ที่หน้าผากมน  “อดทนหน่อยนะ  กินยามากไปมันไม่ดี”

“ฮึก...เจ็บ...”  คำอุทธรณ์นั้นหมายถึงไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว

แต่อย่างไรเสีย  วายะก็ทนแข็งใจไม่ให้ยากล่อมประสาทกับโทโมกิ  เพราะหลายวันที่ผ่านมานี้  การให้ยาในปริมาณมากเริ่มแสดงผลชัด  โทโมกิเลื่อนลอยและเริ่มมีอาการติดยา...เพราะไม่อยากเจ็บปวดจึงต้องการยา...เพราะยาทำให้รู้สึกสบายจึงต้องการยา...แต่ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป  โทโมกิจะต้องเสพติดยากล่อมประสาทนี้แน่...ชายหนุ่มครุ่นคิดหาทางอื่นที่จะทำให้คนในอ้อมกอดบรรเทาความเจ็บปวดลง

พลันก็สะดุดวาบขึ้นมาในใจ  ที่เขาเคยอ่านเจอจากหนังสือที่ไหนสักแห่ง...เรื่องลามกจะช่วยเบี่ยงเบนความเจ็บปวดในคนไข้ที่ได้รับบาดเจ็บได้...ในบทความบอกว่ามีการทดลองและพิสูจน์ได้ว่าจริง  วายะเองก็เคยพิสูจน์มาแล้วว่ามันใช้ได้...นี่คงถึงเวลาต้องใช้วิธีนั้นอีกครั้ง  และจะได้รู้กันว่ามันจะทำให้ลืมความเจ็บปวดสาหัสขนาดนี้ได้หรือเปล่า

ชายหนุ่มเชยคางโทโมกิขึ้นแล้วแนบริมฝีปากอุ่นร้อนลงไป  บดคลึงอย่างนุ่มนวลก่อนจะค่อย ๆ สอดปลายลิ้นเข้าไประหว่างริมฝีปากที่เผยอรับ  กวาดควานคลุกเคล้าลิ้มชิมความหอมหวานและปรนเปรอสัมผัสนุ่มนวลให้  โทโมกิรับการรุกรานนั้นอย่างเงอะงะด้วยไม่ทันตั้งตัว  แต่ชั่วไม่นานนักก็ค่อย ๆ ปล่อยตัวเองไปตามการชักนำของวายะ  และหลงเพริดไปในห้วงอารมณ์หวามไหวในที่สุด

ไม่เพียงแค่จูบ  วายะยังใช้มือลูบไล้ไปตามเรือนร่างนั้นและกระตุ้นจุดอ่อนไหวต่าง ๆ ให้อย่างเนิบช้าและอ่อนโยน  กระทั่งถึงจุดไวสัมผัสที่ส่วนกลางกาย  โฮสต์หนุ่มใช้เทคนิคที่มีอยู่ปรนเปรอให้โทโมกิอย่างเต็มที่  หนุ่มน้อยแอ่นกายเข้าหาพลางเกาะกอดร่างสูงไว้แน่น  ส่งเสียงคร่ำครวญไม่ขาดปากด้วยความกระสันเสียวที่ซ่านไปทั้งร่าง  จนในที่สุดก็เปียกปอนอยู่ในอุ้งมืออุ่นร้อน

วายะทอดสายตามองร่างที่หอบระทวยอยู่ในอ้อมแขน...หากตอนนี้มีกระจก  ชายหนุ่มคงไม่มีวันเชื่อแน่ว่าตนจะสามารถมองใครได้อ่อนโยนถึงเพียงนี้...เขาค่อย ๆ วางโทโมกิที่ผ่อนคลายเต็มที่ลงนอน  แต่มือเล็ก ๆ ยังคงกำเสื้อของเขาไว้แน่น

“...ชุน...”

เด็กหนุ่มรู้สึกถึงริมฝีปากอุ่นแนบลงบนหน้าผากพร้อมกับเสียงกระซิบ

“ฉันอยู่นี่  นอนซะ”

โทโมกิพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะผล็อยหลับไปท่ามกลางกลิ่นอายหอมเย็นเจือด้วยกลิ่นบุหรี่ที่ห้อมล้อมอยู่รอบกาย...


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #237 เมื่อ03-02-2012 22:46:13 »

All I want 11

สัญญาณจากอีกฟากของโทรศัพท์ดังจนตัดเข้าระบบรับฝากข้อความหลายต่อหลายครั้ง  แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้าของสายสัญญาณทางฟากนั้นจะรับสาย  คิริฮาระกดปุ่มตัดสายแล้วส่ายหน้า

“ไม่รับสายเลยครับ”  นายแบบหนุ่มบอกกับผู้เป็นเจ้านาย

“งั้นคงมีทางเดียว  ต้องขึ้นไปหาเขาแล้วละนะ”  โอโนเสะพูดพลางกวาดตาอ่านเอกสารตรงหน้าก่อนจะเซ็นชื่อตรงท้าย

“ตกลง...วายะ...จับเด็กคนนั้นไว้จริง ๆ เหรอครับ?”  เสียงที่หลุดออกมาแผ่วเบาและแหบโหย  คิริฮาระไม่อยากจะเชื่อในเรื่องที่เกิดขึ้น

“เธอเป็นพยานคนสำคัญ  ยู  มีแค่เธอเท่านั้นที่เห็นว่าเด็กคนนั้นอยู่ที่บ้านวายะ  คนอื่นเพียงแต่คาดการณ์ไปตามเรื่องเท่านั้น  รวมทั้งฉันด้วย  ถ้าเธอบอกว่าเด็กคนนั้นอยู่ที่บ้านเขา...มันก็แปลว่าอย่างนั้น”  ท่านประธานของลูนาติก  ลัสท์รวบเอกสารทั้งหมดไว้เป็นกองแล้วใส่เข้าแฟ้มแล้ววางไว้บนเบาะข้างตัว

“แล้ว...คุณจะทำยังไงกับวายะ?”  คิริฮาระรู้ดีว่าโอโนเสะไม่ต้องการส่งตัววายะให้ตำรวจถึงได้ลงมือเอง  แต่เขาก็คาดเดาไม่ได้ว่าโอโนเสะคิดจะทำยังไงต่อ

“ก็ต้องแล้วแต่สถานการณ์  เรื่องที่บ้านวายะจะบอกเองว่าเราควรจะทำยังไงกับเขา”  โอโนเสะตอบอย่างใจเย็น  เขาพาคิริฮาระมาเผื่อจะให้โอกาสสุดท้ายกับโฮสต์หนุ่ม  แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่มีการตอบสนองใด ๆ เขาก็คงจะต้องบุกถึงตัว  ท่านประธานผู้มากด้วยวัยเปิดประตูรถแล้วก้าวลงไป  “เอาละ  ไปสะสางธุระกันได้แล้ว”

...

วายะได้ยินเสียงโทรศัพท์  แต่เขาก็มิได้ใส่ใจ...ได้ยินกระทั่งเสียงของคิริฮาระที่เข้ามาในระบบฝากข้อความ  แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ...โทโมกิกำลังต้องการให้เขาบรรเทาความเจ็บปวดให้แม้ว่าจะเพิ่งให้ยาไป

วิธีการของเขาผิดพลาด...เด็กหนุ่มเสพติดทั้งยาและตัวเขาไปพร้อมกัน  โทโมกิต้องการยาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและต้องการเขาเพื่อทำให้ลืมเลือนความเจ็บปวด  ร่างที่มึนเมาด้วยฤทธิ์ยาเกาะกอดเขาไว้แน่น  ตอบสนองทุกสัมผัสที่มอบให้ด้วยความเต็มใจ  ขยับเคลื่อนไหวเท่าที่เรี่ยวแรงจะเอื้ออำนวย

“...ชุน...ฮึก...กอด...”  ถ้อยคำร้องขอที่เลื่อนลอย  โทโมกิไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ที่ไหนในตอนนี้  ทั้งหมดที่รู้คืออ้อมแขนของวายะ

โฮสต์หนุ่มฝังกายเคลื่อนไหวอยู่ในร่างของเด็กหนุ่ม  พยายามระวังเต็มที่ที่จะไม่ให้กระทบกระเทือนบาดแผล  แม้โทโมกิจะไม่แสดงอาการรวดร้าวเพราะฤทธิ์ยา  แต่ก็ใช่ว่าแผลจะดีขึ้น  จากการกระทำของเขาทำให้มีเลือดไหลซึมออกมาบ้าง...ผ้าพันแผลหมดแล้ว  และวายะไม่มีเวลาออกไปซื้อ  โทโมกิต้องการเขาเมื่อไม่มียา  และเขาคาดไม่ได้เลยว่ายาจะหมดฤทธิ์เมื่อไร  เขาจึงอยู่กับโทโมกิเสมอ...ไม่สิ  เขาเองก็ไม่รู้ว่าเวลามันหายไปไหนหมด  บางทีเขารู้สึกว่าตนแค่นั่งพักที่ข้างเตียงชั่วไม่นาน  แต่แล้วพริบตานั้นยากล่อมประสาทที่ให้โทโมกิกินก็หมดฤทธิ์  เขายังไม่ทันได้ไปไหนหรือทำอะไรเลย...ขนาดจะโทรไปลางานก็ยังไม่ได้ทำด้วยซ้ำ

แต่ไม่เป็นไรหรอก...จนกว่าแผลของโทโมกิจะหายดี  เขาจะอยู่ด้วย...และจะอยู่ไปตลอดเท่าที่โทโมกิต้องการ  ในห้องที่ไร้กาลเวลาแห่งนี้...

เสียงกริ่งหน้าประตูแทรกเข้ามาในห้วงสติอันเลื่อนลอย...ไม่หรอก  แค่หูแว่วเท่านั้นแหละ...โฮสต์หนุ่มบอกกับตัวเอง  ไม่มีใครมาที่นี่นานแล้ว  และเขาก็ไม่ได้ออกไปจากที่นี่นานแล้ว...นี่คงเป็นเสียงจากห้องข้าง ๆ เสียมากกว่า

แต่เสียงกริ่งก็ดังรัวซ้ำแล้วซ้ำอีก...หนวกหูจริง  น่าจะรู้นี่นาว่าเจ้าของห้องไม่อยู่  จะตื๊อทำไมกันนะ...วายะคิดแล้วก็จูบโทโมกิเบา ๆ

“วายะ...วายะ!”

เสียงเรียกชื่อเขาดูจะลอยมาจากที่ไกลแสนไกล  ชายหนุ่มกอดกระชับร่างบางในอ้อมกอดไว้อย่างหวงแหนด้วยสัญชาตญาณ

“วายะ!!  ฉันรู้นะว่านายอยู่!  เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!!”

เสียงที่คุ้นเคยยังคงเรียกหาเขา...ไม่ใช่ตอนนี้  อย่าเพิ่งมารบกวนเขาตอนนี้  โทโมกิยังต้องการเขาอยู่

“วายะ!!”

สิ้นเสียงตะโกนเรียกครั้งสุดท้าย  ก็ตามมาด้วยเสียงประตูลั่นโครมเหมือนถูกของหนัก ๆ กระแทก  วายะสะดุ้งเฮือก  เสียงนั้นดึงเขาหลุดจากห้วงภวังค์อันลึกล้ำ

...เมื่อกี้นี้...เสียงอะไร...!?

คำตอบตามมาเกือบจะในทันที  ประตูห้องถูกกระแทกอีกโครมใหญ่  วายะหยุดทุกการกระทำแล้วหันขวับไปตามเสียงนั้น...มีใครบางคนพยายามจะพังประตูห้องเข้ามา!!

ชายหนุ่มหันกลับมามองโทโมกิที่จ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาเลื่อนลอยและไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงหยุดไปเสียเฉย ๆ

“...ชุน...?”  เสียงกระซิบแผ่วพร้อมกับมือเล็กที่ยกขึ้นแตะปลายคางครึ้มไปด้วยเคราที่ละเว้นจากการโกนแต่ง

ดวงตาคมจ้องมองคนในอ้อมกอด...โทโมกิยังอยู่ในอ้อมแขนของเขา  แต่ใครข้างนอกนั่นกำลังจะมา...มาพรากโทโมกิไป!!

ไม่...เขาไม่ให้...โทโมกิเป็นของเขา!!

โฮสต์หนุ่มได้ยินเสียงกระแทกจนประตูเปิด  เขาปิดตัวคล้องประตูไว้ก็จริง  แต่เขารู้ว่าใครข้างนอกนั้นจะต้องเข้ามาได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง...คนที่อยู่ข้างนอกไม่ใช่แค่คิริฮาระ  นายแบบหนุ่มคนนั้นพังประตูห้องของเขาไม่ไหวหรอก...จะต้องมีคนอื่นอีก  คนอื่นที่สามารถรุกล้ำเข้ามาในโลกของเขาได้  และเมื่อถึงตอนนั้นเขาจะต้องสูญเสียโทโมกิไป

วูบหนึ่งในอนุสติ  ความรู้สึกหนึ่งที่วายะพยายามลืมมาตลอด  ปะทุขึ้นมาในใจราวกับภูเขาไฟระเบิด...จะต้องสูญเสียอีกแล้วหรือ...จะต้องสูญเสียคนที่ต้องการไปตลอดกาลอีกแล้วหรือ...เหมือนกันเมื่อตอนนั้น...


...รันจัง...

...คุณเป็นใคร...


ดวงตาสีดำขลับที่จ้องมองมาอย่างไร้ร่องรอยของความคุ้นเคย...ความห่างเหินที่ไม่เคยสัมผัส...พลันภาพนั้นก็ทับซ้อนเข้ากับโทโมกิ

พอออกจากที่นี่ไป  สักวันโทโมกิจะลืมเลือนเขา  สักวันโทโมกิจะมองเขาด้วยสายตาของคนแปลกหน้า...ถ้าจะต้องถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นอีกครั้ง  เขาต้องทนไม่ได้แน่...เขาจะมีชีวิตต่อไปอย่างไร...ถ้าถูกมองแบบนั้น...

...ไม่!...เขาจะไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนั้น  มันจะต้องไม่มีวันเกิดขึ้น...จะต้องไม่มีวันที่โทโมกิจะมองเขาแบบนั้น  เขาจะไม่ให้มันเกิดขึ้น...โทโมกิจะต้องอยู่กับเขา...เป็นของเขาไปตลอดกาล!!

เสียงปืนลั่นเปรี้ยงขึ้นนัดหนึ่ง  ตามมาด้วยเสียงประตูเหวี่ยงเปิดเต็มแรงจนกระแทกผนังห้อง  วายะกดร่างในอ้อมแขนลงกับเตียง...โทโมกิจะเป็นของเขาไปตลอดกาล!

มือแกร่งคว้าเข้าที่ลำคอเพรียวบางแล้วกดบีบ  ร่างเพรียวกระตุกเฮือกด้วยตกใจกับการกระทำที่ไม่คาดคิดของชายหนุ่ม  มือเล็กคว้ามือของวายะไว้เพื่อหยุด  แต่ไม่เป็นผลอะไร...วายะเป็นอะไรไป...ทำไมถึงทำอย่างนี้!?

“...ชุ...น...”

เสียงเรียกแทบจะไม่หลุดพ้นลำคอ  มือแข็งราวกับคีบเหล็กยังกดเกร็งลงบนลำคอของโทโมกิแน่น...และแน่นขึ้นทุกขณะ...เด็กหนุ่มลมหายใจขาดห้วง

...วายะจะฆ่าเขา...มันเรื่องอะไร...ทำไม...

คำถามต่าง ๆ ไม่หลุดออกมาจากปาก  มีเพียงแววตาที่จ้องมองไปเท่านั้น...ทำไมถึงมองเขาด้วยแววตาน่ากลัวแบบนั้น...เขาทำอะไรผิด  ทำไมวายะถึงจะฆ่าเขา...ไม่มีคำตอบนอกจากมือที่บีบรวบเข้ามาราวกับจะหักคอของเขาทิ้งเสีย

ร่างบางกระตุกเกร็ง  มือเรียวจิกทึ้งแขนของชายหนุ่มเพื่อเอาชีวิตรอด  แต่ไม่มีทางเลย...เขาหยุดวายะไม่ได้...หยาดน้ำใส ๆ ไหลรินออกจากสองตา  ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น  เมื่อกี้วายะยังกอดเขาอ่อนโยน...ยังกระซิบข้างหูอย่างอ่อนหวาน...แล้วนี่อะไร...

...ยังไม่อยากตาย...โทโมกิกรีดร้องอยู่ในใจ  เขายังมีอะไรที่อยากทำอีกเยอะ  เขายังอยากไปทะเล  ยังอยากไปเทศกาลดอกไม้ไฟ  อยากลองขี่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่เคยไปด้อม ๆ มอง ๆ ไว้...แต่วายะกำลังจะช่วงชิงทุกอย่างไปจากเขา  ถ้าตายตอนนี้เขาจะไม่ได้ทำสิ่งเหล่านั้นอีก...แต่ทำอะไรไม่ได้เลย...ทุกอย่างกำลังจะจบสิ้นลงตรงนี้แล้ว

สติกำลังจะหลุดลอยไปพร้อมลมหายใจ  ในสำนึกสุดท้ายของโทโมกิเขากระสากลิ่นอายที่คุ้นเคย...กลิ่นหอมเย็นของน้ำหอมที่วายะใช้เป็นประจำ  เจือมาด้วยกลิ่นบุหรี่อ่อน ๆ...กลิ่นที่มักจะโอบล้อมเขาไว้ด้วยความเร่าร้อน...กลิ่นที่โอบกอดเขาอย่างอ่อนโยนเสมอใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน...

ในตอนนี้...กลิ่นอายนี้กำลังจะฆ่าเขา...!!

...คนเดียวในโลกที่ต้องการเขา  กำลังจะฆ่าเขา...

...ทำไมต้องเป็นชุนด้วย!?...

ภาพตรงหน้ามืดลงทุกขณะ  โทโมกิมองไม่เห็นใบหน้าของวายะอีกแล้ว...หากในตอนที่ความมืดเข้าครอบคลุมทุกอย่าง  หยาดน้ำอุ่น ๆ หยดหนึ่งก็ตกลงต้องแก้มของเขา

ริมฝีปากของร่างบางขมุบขมิบเป็นครั้งสุดท้าย  แม้ไม่มีเสียงจะเอื้อนเอ่ย  หากกังวานก้องไปในหัวใจ


...ชุน...

...

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #238 เมื่อ03-02-2012 22:51:38 »

“วายะ!  ปล่อยเด็กซะ!!”

เสียงหนึ่งตะโกนก้อง  พร้อมกับแรงเหนี่ยวกระชากที่ดึงไหล่ของโฮสต์หนุ่มเต็มแรงจนผงะออกจากร่างที่คร่อมทับอยู่  สองมือหลุดจากลำคอเพรียวบางที่กำรวบไว้และเสียหลักลงมากองกับพื้นห้อง

“ทำบ้าอะไรของแก!?”  อีกเสียงตวาดกร้าว  เท้าที่ยังสวมรองเท้าเตะเข้าที่กลางลำตัวของวายะเต็มแรงก่อนจะก้าวข้ามเขาไป

“ยังไม่ตายครับ!”  เสียงแรกตะโกนด้วยเสียงอันดัง

ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย  วายะยังมึนงง  ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรลงไป...แล้วใครกันที่เข้ามาโวยวายอยู่ในห้องของเขา

“โทโมะ...”

จิตใต้สำนึกบอกเขาแค่นั้น  ชายหนุ่มยันกายขึ้นแล้วถลาไปที่เตียง  แต่ก็ถูกแขนแกร่งกันไว้แล้วสะบัดตบเต็มแรงจนทรุดลงไปอีกครั้ง  คราวนี้วายะรู้ชัด...คนพวกนี้จะมาเอาโทโมกิไป!!

“อย่านะ!!”  วายะตวาดลั่น  ถลันลุกขึ้นอีกครั้ง  แต่มือแข็ง ๆ ของผู้ชายหลายคนกดเขาให้นั่งลงตามเดิม  เท้าของใครบางคนถีบเข้าที่ท้อง  จุกจนร้องไม่ออก

“แกนั่นแหละ  อย่า”  เสียงที่ตอบมาสุขุมเยือกเย็น

...เสียงที่คุ้นเคย...ใคร...?

วายะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง  ภาพตรงหน้าเป็นเงาดำตัดกับแสงไฟกลางห้อง  หากร่างเงานั้นคุ้นตา...ไม่ผิดแน่  โอโนเสะ  ฮิซาโนบุ  เจ้านายสูงสุดของเขา

โอโนเสะเอื้อมมือมาขยุ้มเรือนผมสีทองของวายะ  จิกดึงให้แหงนเงยหน้าขึ้น

“แกทำอะไรเด็กคนนี้?”  เบื้องหลังคำถามราบเรียบยังมีเสียงใครบางคนวุ่นวายกับการโทรศัพท์

...เด็กคนนี้...หมายถึงโทโมกิเหรอ...

วายะไม่ได้ตอบในทันที  เขาถามตัวเอง...นี่มันเรื่องอะไรกัน...ทำไมโอโนเสะถึงมาอยู่ที่นี่...แล้วทำไมถึงถามเรื่องโทโมกิ...แล้ว...เกิดอะไรขึ้นกับโทโมกิ...

“โทโมะ...!?”  ชายหนุ่มหันไปทางเตียง

ร่างเล็กบางยังนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น  ดวงหน้าซีดเผือด  ดวงตาปรอยปรือยังมีน้ำตาไหลริน...เกิดอะไรขึ้นกับโทโมกิ...เขาทำอะไรลงไป!?...

“ท่านประธานครับ  ท่าจะแย่กว่าที่คิด”  เคนหันมาบอกโอโนเสะ

ประธานของลูนาติก  ลัสท์ผละจากวายะไปดูอาการของคนที่นอนอยู่บนเตียง  มีรอยเลือดซึมอยู่บนผ้าปูที่นอนใต้ไหล่ซ้าย  โอโนเสะค่อย ๆ พลิกร่างนั้นขึ้นแล้วเบิกตากว้าง  เขาให้เคนประคองเด็กหนุ่มไว้แล้วหันมาหวดกำปั้นเข้าที่ใบหน้าของวายะเต็มแรง  เลือดไหลปรี่ออกมาจากมุมปากทันที

“แกทำบ้าอะไร  วายะ?”  เสียงของโอโนเสะยังคงราบเรียบ  แต่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดซ่อนอยู่ในนั้น

วายะไม่ตอบหากก้มหน้านิ่ง...คนที่จะพาโทโมกิไปคือโอโนเสะงั้นหรือ...

“เด็กตัวแค่นั้น...แกทำถึงขนาดนั้นเชียวเรอะ!?”  กำปั้นของโอโนเสะซัดเปรี้ยงเข้าอีก  หากไม่มีคนจับเอาไว้โฮสต์หนุ่มคงลงไปกองกับพื้นเป็นแน่

ไม่เคยมีใครเห็นโอโนเสะเดือดดาลถึงขนาดนี้  แม้แต่ยามานากะเองก็ยังถือหูโทรศัพท์ค้างไปชั่วขณะ  ก่อนจะตั้งสติได้

“ท่านประธานครับ  ผมบอกให้ทางโรงพยาบาลเตรียมพร้อมไว้แล้ว  เราพาตัวไปได้เลยครับ”

โอโนเสะพยักหน้ารับรู้  มือแกร่งกระชากผมวายะให้เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง  “แกจะได้รับการลงโทษที่สาสมแน่  วายะ”

พูดแล้วก็ผละจากโฮสต์หนุ่มไปข้างเตียง  ควักผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาสอดเข้าไปใต้แผลของร่างเล็กที่มีเลือดไหลซึมออกมาก่อนจะโอบอุ้มขึ้นมาอย่างเบามือ  เคนหยิบเสื้อเชิ้ตที่กองอยู่บนเตียงคลุมร่างนั้นให้

“ฉันจะพาเด็กคนนี้ไป  ส่วนแก...เตรียมใจรับโทษทัณฑ์ของแกให้ดี  ฉันจะกลับมาจัดการทีหลัง”

โอโนเสะก้าวออกไปจากห้อง  วายะมองตามร่างนั้นไป...โทโมะ...โอโนเสะเอาโทโมะของเขาไปแล้ว...ไม่!  เขาไม่ให้!!...โทโมะเป็นของเขา!!

“โทโมะ!!”  วายะสะบัดร่างหลุดจากการจับยึด  แล้วถลาตามไป  “เอาคืนมา!!”

เคนผู้เป็นบอดี้การ์ดของโอโนเสะเตรียมพร้อมรับอยู่แล้ว  เขาคว้าแขนของโฮสต์หนุ่มไว้  หมุนตัวบิดแล้วจับทุ่มเต็มแรง  เพียงครั้งเดียวก็จอดไม่ต้องนับ  หากวายะยังคงพยายามเอื้อมมือไปหา  แต่ก็ถูกผู้ติดตามของโอโนเสะจับล็อกไว้พร้อมทั้งจ่อด้วยปืน

...ไม่นะ...อย่าเอาโทโมกิไปจากเขา...อย่าพรากโทโมกิไปแบบนี้...

วายะตะโกนสุดเสียง

“โทโมะ...โทโมะ!!”

โอโนเสะไม่ได้สนใจหันกลับไปมอง  หากก็เห็นร่างในอ้อมแขนหลั่งน้ำตาออกมาเงียบ ๆ  ริมฝีปากขมุบขมิบน้อย ๆ เหมือนจะขานตอบเสียงเรียกนั้น


...ชุน...

...

สายโซ่สีเงินดูเก่าคร่ำเส้นใหญ่ขึงติดอยู่กับหมุดล็อกบนเพดานลากโยงมายังข้อมือที่ถูกสวมไว้ด้วยกุญเจมือ  ผิวหนังบริเวณที่มันสัมผัสถลอกเป็นแผลเลือดซิบ  แต่นั่นแค่แผลเล็กน้อยเมื่อเทียบกับร่องรอยบนร่างแกร่งหนาที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อได้รูป  ส่วนมากแล้วคือรอยเฆี่ยน  แต่เป็นการเฆี่ยนอย่างไม่ออมแรงจนแตกยับไปทั้งตัวด้วยแส้หนังแท้และแส้เชือกที่ขมวดปมไว้ตรงปลาย  นอกจากนั้นก็ยังมีรอยฟกช้ำดำเขียวเปรอะไปทั่วท่อนบนเปลือยเปล่า  ท่อนล่างของร่างที่ถูกพันธนาการคือกางเกงหนังขายาวเข้ารูปชวนอึดอัด  สองขาถูกล่ามขึงกับโซ่ที่ร้อยไว้กับห่วงเหล็กซึ่งยึดติดอยู่บนพื้นปูน  บังคับให้ต้องยืนแยกขาทั้งที่ปลายเท้าแตะพื้นเพียงน้อยนิด  หากเอวกางเกงหนังนั้นกลับปลดกระดุมและรูดซิปออกเผยให้เห็นส่วนกลางกายชูชันเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาลึกล้ำ  และสิ่งที่ติดอยู่ตรงส่วนปลายยอดคือห่วงเงินขนาดย่อม...สิ่งที่เชื่อมอยู่กับห่วงเงินนี้ฝังอยู่ในช่องทวารเบา

เรือนผมสีทองระปรกลงมาปิดบังใบหน้าที่ก้มนิ่ง  คิ้วคมขมวดมุ่นอย่างพยายามจะระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ในกาย  แต่ก็ไม่สู้จะเป็นผลนัก  ด้วยอารมณ์นั้นเกิดขึ้นเพราะฤทธิ์ยา  ฟันเรียบกัดลงกับท่อนยางที่สอดค้างไว้ในปากเพื่อปิดกั้นเสียงร้อง  แต่ถึงจะไม่ทำอย่างนั้น  ชายหนุ่มก็ไม่คิดจะร้องอยู่แล้ว...ถึงจะเป็นครั้งแรกที่ถูกทรมานแบบนี้  แต่เรื่องเจ็บตัวมักจะเกิดกับเขาบ่อย ๆ อยู่แล้ว  จะเรียกว่าภูมิต้านทานก็ไม่ผิด...เพียงแต่การถูกกระตุ้นค้างไว้แบบนี้มันสุดขีดของความทรมานจริง ๆ

แล้วประตูห้องอันเรียกได้ว่า  “ห้องขัง”  ก็เปิดออก  ผู้ที่ถูกพันธนาการไว้เงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือนผ่านม่านผม  เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็พ่นลมออกจมูกเหมือนจะหัวเราะ

ร่างสูงเพรียววางถาดอาหารลงบนเตียงที่ไม่เคยถูกใช้งานนับตั้งแต่  “นักโทษ”  ถูกพาเข้ามาในห้อง  เขาเดินเข้ามาใกล้แล้วค่อย ๆ ปลดขลุมปากออกให้

“สบายดีหรือเปล่า  วายะ?”

“วันนี้เป็นแกเหรอ  คิริยู?”  เสียงแหบเหือดถามกลั้วเสียงหัวเราะเบา ๆ ทันทีที่ปากเป็นอิสระ

“ก็เป็นฉันแทบทุกวันอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง?”  คิริฮาระยักไหล่  โยนท่อนยางนั้นลงบนเตียงอย่างไม่ใส่ใจ  นิ้วเรียวเชยคางที่ครึ้มไปด้วยเคราขึ้น  “วันนี้เขาให้ฉันมาอาบน้ำหมา  ว่าง่าย ๆ หน่อยล่ะ”

“หึ...ยังกับฉันจะทำอะไรแกได้นี่”

“นั่นสินะ  ต่อให้อยากทำก็ทำไม่ได้”  เรียวนิ้วไล้ลงไปยังแผ่นอกที่เต็มไปด้วยรอยช้ำ  “ฉันก็ไม่ได้อยากมาอาบน้ำให้แกนักหรอกนะ  แต่เดี๋ยวมันจะเน่าไปมากกว่านี้”

วายะเพียงแต่ยิ้มกับคำพูดนั้น  คิริฮาระมักจะใช้คำพูดได้เหมาะสมกับบทบาทอยู่เสมอ...ในตอนนี้เขาเป็นทาส  และคิริฮาระเป็นเจ้านาย

“ยิ้มอะไร?”  คิ้วเรียวขมวดอย่างขัดใจ

“เปล่า”

“อยู่สภาพนี้มาสามวันแล้วยังอารมณ์ดีอยู่อีกนะ  เพิ่งรู้ว่าแกเป็นมาโซ”  ว่าพลางก็ขยี้ปลายนิ้วลงบนยอดอก  ทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือก

“ก็ดีกว่าอยู่ในห้องคนเดียว”

คิริฮาระจ้องเข้าไปในดวงตาคม  ดวงตาคู่นั้นจ้องตอบอย่างไม่มีแววหวั่นไหว  นั่นคือดวงตาที่นายแบบหนุ่มคุ้นเคยมานานปี  วายะมองโลกด้วยดวงตาแบบนี้อยู่เสมอ...ยกเว้นวันนั้น...วันที่โอโนเสะพาคนบุกไปถึงห้องของวายะเพื่อช่วยใครบางคนออกมา  ในวันนั้นเขาได้เห็นดวงตาที่เลื่อนลอยไร้สติ...ดวงตาของคนที่สูญเสียความหมายของการมีชีวิตอยู่

“...ฉันมีเรื่องอยากถามนายเยอะเลย”  คิริฮาระพูดขึ้นเบา ๆ  เปลี่ยนสรรพนามเป็นเหมือนอย่างที่เคยใช้อยู่เสมอ

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
«ตอบ #239 เมื่อ03-02-2012 23:01:26 »

“ก็ถามสิ  นายไม่เคยเกรงใจอยู่แล้วนี่”  วายะยิ้มบาง ๆ

“อืม...”  นายแบบหนุ่มผละไปหยิบผ้าเย็นที่วางอยู่บนถาดอาหารมาสะบัดคลี่  แล้วกลับมาเช็ดไปตามใบหน้าของวายะช้า ๆ  “เด็กคนนั้น...เป็นใคร?”

“...โทโมะ”  คำตอบห้วนสั้น  หากคิริฮาระรู้สึกได้ถึงแรงสะท้านบางอย่างที่ออกมากับเสียงนั้น  “เป็นแมวที่เก็บมาเลี้ยง”

“เรียกเขาแบบนั้นเหรอ?”

“ชื่อนี้แหละ”  จะว่าตามตรง  วายะจำชื่อจริงของเด็กคนนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ  จะโทโมกิหรือโทโมยะก็ไม่แน่ใจนัก

“นายมันชอบตั้งชื่อใหม่ให้คนนั้นคนนี้ไปเรื่อย  ฉันเองก็ไม่ได้ชื่อคิริยูซะหน่อย”  คิริฮาระส่ายหน้า  ค่อย ๆ เช็ดลงมาตามซอกคอชื้นเหงื่อ  “ไปเก็บมาจากไหน...ใช่อย่างที่โทคิโตะว่าหรือเปล่า?”

“อืม...”  นั่นคือคำตอบรับเมื่อไม่อยากพูดอะไรมาก

“แล้ว...”  คิริฮาระรู้สึกอึดอัดที่จะถามคำถามนี้  แต่เขาก็อยากรู้  “...ทำไมถึงทำขนาดนั้น?”

“อยากได้”

“แค่นั้น!?”

“ต้องมีอะไรมากกว่านี้อีกเรอะ?”

นายแบบหนุ่มจ้องตาวายะอีกครั้ง  จริง...ไม่จำเป็นต้องมีอะไรมากกว่านั้น  วายะมีวิธีการของตัวเองถ้าคิดจะครอบครองอะไรสักอย่าง  แต่เขาไม่เคยคิดว่าการต้องการเด็กสักคนจะทำให้วายะใช้วิธีการที่โหดร้ายถึงเพียงนั้น...นั่นมันเกินกว่าที่เขาเคยถูกกระทำมาเมื่อตอนเป็นเด็กด้วยซ้ำ  แม้จะเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ  แต่เขาก็ไม่เคยถูกกักขังและทรมานแบบนั้น...วายะก็รู้เรื่องนี้ดี  แล้วทำไม...คนที่เขาเชื่อใจเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง  ถึงได้ทำกับเด็กตัวเล็ก ๆ แบบนั้นได้

วายะพอจะเข้าใจความรู้สึกของคิริฮาระ  ก็ไม่แปลกที่ชายหนุ่มจะสูญเสียความเชื่อใจในตัวเขา  เจ้าเสือร้ายที่ไม่เคยเป็นของใครคนนี้มีจุดอ่อนเพียงข้อเดียว  คือถ้าเชื่อและไว้วางใจใคร  ก็จะเชื่อจนหมดหัวใจ...และตอนนี้  เขาได้ทำลายความเชื่อมั่นที่คิริฮาระมีให้ไปแล้ว  โดยไม่มีข้อแก้ตัว...ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่มองมาสับสนและหวั่นไหว...เหมือนเมื่อตอนพบกันครั้งแรกไม่มีผิด...ถ้าไม่ได้ถูกพันธนาการไว้อย่างนี้ก็อยากจะกอดคนตรงหน้าอยู่หรอก  แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ต้องการก็เถอะ

“...โทโมะเหมือนนาย”

“เอ๊ะ?”

“แมวดื้อที่ไม่มีวันเป็นของใคร”

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนไหวระริก  ด้วยคำพูดนั้นทำให้วายะเหมือนคนแปลกหน้า...วายะไม่เคยพูดกับเขาแบบนี้  ไม่ว่าเมื่อไร  แม้แต่ในตอนที่เขาตกต่ำถึงขีดสุด  วายะก็ไม่เคยมองเขาด้วยสายตาแบบอื่น...แต่ในตอนนี้  แววตาที่เขาคุ้นเคยกลับดูแตกต่างออกไปเมื่อวายะเอ่ยคำนั้นออกมา...ในหัวใจสั่นไหวจนต้องหลบตา

“...ขอโทษ”

“จะขอโทษทำไม  การที่นายจะมีเจ้าของ  ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องขอโทษหรอกนะ”  โฮสต์หนุ่มยิ้ม  “ว่าแต่...อาบน้ำนี่มีบริการโกนหนวดด้วยมั้ย  รำคาญเต็มทีแล้ว”

“อย่ามาเรียกร้องนะ  ไอ้หมาบ้า”  คิริฮาระผลักอกที่กำลังเช็ดอยู่ทันที  “จะให้เชือดซะเลยมั้ยล่ะ  เดี๋ยวจะทำให้”

“หึ...ค่อยสมเป็นแกหน่อย  กล้าเชือดก็ลองดูสิ”  ร่างสูงยิ้มอย่างท้าทาย...ใช่  คิริยูของเขาต้องเป็นแบบนี้  ไม่ใช่ทำสีหน้าเหมือนจะร้องไห้อย่างเมื่อกี้

“ได้ตามคำขอ  แล้วอย่ามาร้องก็แล้วกัน”  คิริฮาระผละไปหยิบมีดโกนที่เตรียมมาด้วย  แล้วเดินกลับมาหา  “เอาสักกี่แผลดี?”

“เอาแบบไม่เสียโฉมแล้วยังเป็นโฮสต์ต่อได้น่ะ”

“หึ...เรื่องมากนักนะ”

นายแบบหนุ่มขยับกายเข้าหาวายะ  แทรกต้นขาเข้าไปกดเบียดส่วนกลางกายที่ยังชูชันอยู่  แล้วก็ได้ยินเสียงร่างสูงครางอย่างสะกดกลั้น  คิริฮาระยิ้มกับตัวเอง...อารมณ์เปลี่ยวในจิตใต้สำนึกของเขาถูกปลุกขึ้นมาแล้ว...ไม่บ่อยครั้งหรอกนะที่เขาจะได้ควบคุมวายะไว้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้  โอโนเสะบอกให้เขาลงมือให้เต็มที่และอนุญาตให้ทำตามใจชอบทุกอย่าง...เพราะงั้นเขาจะไม่ปฏิเสธโอกาสดีแบบนี้หรอกนะ

มีดโกนแบบใบมีดเดี่ยวค่อย ๆ แตะลงตรงสันกรามได้รูปตามแบบฉบับชายฉกรรจ์  นิ้วเรียวควบคุมใบมีดให้ครูดลงบนผิวของวายะช้า ๆ  จงใจขูดให้แสบ ๆ คัน ๆ บ้างเป็นบางครั้ง...คิริฮาระไม่เคยใช้มีดโกนแบบนี้โกนหนวดหรอก  ในเมื่อมีมีดโกนที่สะดวกกว่านี้แล้วจะมาเสียเวลาระวังมีดบาดทำไม...แต่พอเอามาใช้กับคนอื่นนี่ก็ให้ความหวาดเสียวถึงใจดีเหมือนกันแฮะ

ร่างเพรียวหัวเราะเบา ๆ เมื่อแกล้งเบียดต้นขาเข้าคลึงส่วนกลางกายจนวายะสะดุ้งและถูกมีดบาดเป็นแผล  คิริฮาระจูบเลียเลือดให้เบา ๆ ก่อนจะครูดใบมีดมาจนถึงใต้คาง

“เชือดคอหอยไปเลยดีมั้ย?”  ไม่พูดเปล่ายังแกล้งลากใบมีดผ่านจนเกิดแผลบาง ๆ มีเลือดไหลซึมออกมา

“เชือดฉันแล้วแกจะเสียใจ  เวลาติดสัดขึ้นมาใครจะช่วย”

“หึ!  ทำเป็นพูดดีไป  คราวก่อนแกก็ไม่ได้ช่วยไม่ใช่หรือไง!?”  คิริฮาระแหวเข้าให้แล้วผละออกห่าง  เรียวนิ้วเกี่ยวเข้ากับที่ห่วงโลหะที่ติดอยู่กับท่อทวารเบาของร่างสูงแล้วกระตุกดึง  ลูกปัดโลหะสีเงินหลุดออกมาตามแรงดึงนั้นพร้อมกับหยาดน้ำเหนียวใส

“อึ๊!!”  วายะสะดุ้งเกร็งท้องน้อยวูบ

“เป็นไง  ชอบมั้ย  มันคาอยู่ในนี้มาตั้งแต่เมื่อวานใช่หรือเปล่า  เดี๋ยวฉันจะเอาออกให้ดีมั้ย?”  พูดพลางก็ค่อย ๆ ลากลูกปัดพวกนั้นให้หลุดออกมาทีละเม็ด

“อึ่ก...อ๊ะ!”  สัมผัสของลูกปัดที่ครูดส่วนลึกล้ำภายในนั้นสุดจะทานทน  ปฏิกิริยาของร่างกายที่อยู่เหนือการควบคุมของจิตใจหลั่งออกมาเป็นหยาดน้ำหยดเป็นสายลงบนพื้น  เขาอาจจะทนได้มากกว่านี้ถ้าไม่ถูกฉีดยาปลุกเซ็กส์เข้าไปก่อนหน้านั้น

แล้วคิริฮาระก็หยุด  วายะถึงกับหอบฮักกับการกระทำนั้น

“โอโนเสะซังให้ฉันมาอาบน้ำให้แก  ไม่ได้บอกให้เอาไอ้นี่ออก  งั้นคาไว้ก่อนแล้วกันนะ”

วายะรู้ดีว่านายแบบหนุ่มจงใจแกล้ง  ถึงพวกเขาจะมีความรู้สึกที่ใกล้ชิดกันเพียงไหน  แต่ในช่วงเวลาแบบนี้  สันดานดิบของคิริฮาระจะทำงานเต็มที่จนไม่สนใจอะไรนอกไปจากความเพลิดเพลินของตน  ชายหนุ่มได้แต่ยืนนิ่ง ๆ ให้คิริฮาระจัดการโกนหนวดเคราให้จนเสร็จ  ผ้าเย็นที่เช็ดไปตามใบหน้าอย่างไม่ปรานีปราศรัยไม่ได้ทำให้เขารู้สึกแย่ไปกว่าสายสร้อยลูกปัดที่คาอยู่ตรงจุดไวสัมผัส  ทุกครั้งที่คิริฮาระไปโดนมันจนขยับแกว่ง  วายะก็เจียนคลั่ง

“ให้ตายสิ  เป็นหมาที่สกปรกจริง ๆ  ดีนะที่เตรียมผ้ามาหลายผืน”  คิริฮาระแสร้งบ่นพลางจูบเบา ๆ ที่แผลเล็ก ๆ บนแก้มของวายะ

“ถ้าจะจูบละก็...ที่ปากดีกว่านะ”  ร่างสูงบอกออกไปทั้งที่ยังกัดฟันกลั้นอารมณ์ไว้

มือเรียวสะบัดตบแก่นกายของชายหนุ่มทันที  ดวงตาวาววาบ  “อย่ามาพูดกับฉันถ้าฉันไม่ได้ถาม  เจ้าหมาสกปรก”

วายะกัดกรามกรอด  ทรมานจนแทบจะทนไม่ไหว  แต่ด้วยทิฐิเขาจึงไม่ปริปากแม้แต่น้อย  คิริฮาระยังคงใช้ผ้าเช็ดไปตามร่างของเขา  ทุกสัมผัสทั้งกลั่นแกล้งและยั่วยวน  ปลุกกระตุ้นเร้าอย่างชำนาญเชิง...ถ้ายังเป็นอิสระ  เขาคงจับคนตรงหน้านี่ขย้ำแน่  แต่ในตอนที่หมดทางขัดขืนแบบนี้  ชายหนุ่มได้แต่ทน...คิริฮาระเป็นผู้คุมที่ยอดเยี่ยมซึ่งโอโนเสะส่งมาเพื่อทรมานเขาโดยเฉพาะ  เพราะรู้ว่าคิริฮาระจะทารุณเขาอย่างไม่ออมมือ  แต่ในขณะเดียวกันก็จะไม่ล้ำเส้นไปมากนัก

ผ้าเย็นที่กรุ่นด้วยกลิ่นหอมจาง ๆ นั้นวายะรู้ดีว่ามันมีส่วนผสมของยาปลุกเซ็กส์ด้วย  ตลอดหลายวันมานี่โอโนเสะสั่งให้กระตุ้นเขาไว้ตลอดเวลาจนร่างกายแทบไม่ได้พัก  ความต้องการทางเพศรบกวนเขาอยู่ตลอด...แต่ทั้งที่กระหายอยาก  กลับไม่ได้รับอนุญาตให้ทำ...หากบางทีก็นึกสงสัย  หลังจากที่ยั่วยวนเขาแล้ว  คิริฮาระไประบายออกกับใคร

“ตรงนี้มันเหมือนจะระเบิดได้เลยนะ”  นายแบบหนุ่มลูบไล้ร่างที่แข็งขึงราวกับท่อนไม้พลางหัวเราะคิก  “ฉันรู้ว่านายอยากเข้ามาในตัวฉัน  ใช่มั้ย?”

“ไม่สักนิด”  คำตอบนั้นตรงข้ามกับหัวใจ...ไม่สิ  บางทีเขาอาจจะไม่ได้อยากทำกับคิริฮาระจริง ๆ ก็ได้

“อา...นั่นสินะ  ไม่อยากทำ  แต่ถ้าแบบนี้คงอยากจะทำขึ้นมาบ้างละมั้ง”

ร่างเพรียวถอดเสื้อคลุมที่สวมไว้ออกเผยให้เห็นอาภรณ์ภายในซึ่งเป็นชุดที่ทำจากสายหนังสีดำมันรัดรึงไปบนร่าง...เป็นชุดที่ออกแบบมาสำหรับรับบทเป็นทาสโดยเฉพาะ  นายแบบหนุ่มดึงโซ่ที่ร้อยติดกับปลอกคอของตนไปพันรอบคอร่างสูง

“เสียดายนะ  ที่คนแต่งชุดนี้ให้ฉันไม่ใช่แก...รู้สึกเป็นไงบ้าง  ที่ถูกทาสของคนอื่นควบคุมน่ะ”

นั่นคือการหยามศักดิ์ศรี  แม้จะไม่ได้มีข้อกำหนดตายตัว  แต่สำหรับพวกเขาที่ใช้ชีวิตอยู่ในวงการนี้แล้วรู้ดี  เครื่องแต่งกายจะถูกเลือกใช้ให้เหมาะกับบทบาทที่จะแสดงในแต่ละครั้ง  ในกรณีของวายะกับคิริฮาระแล้ว  มักจะใช้ชุดที่มีลักษณะกลาง ๆ ไม่ระบุชัดว่าเป็นทาสหรือเจ้านาย  แต่เมื่อไรที่ระบุบทบาทชัดเจน  เสื้อผ้าก็จะเปลี่ยนไปตามนั้น...หากในครั้งนี้  โอโนเสะจงใจย่ำยีวายะโดยตรงด้วยการส่งคิริฮาระมาให้เขาในบททาส...กดให้เขาต่ำเสียยิ่งกว่าทาส...เป็นเพียงแค่สัตว์เลี้ยงที่ไร้เขี้ยวเล็บเท่านั้น

“ฉันไม่รังเกียจชุดทาสนี่หรอกนะ  แต่ก็ไม่คิดเลยว่าเวลาที่ใส่ชุดแบบนี้แล้วได้ควบคุมคนอื่น...มันจะรู้สึกสุดยอดขนาดนี้”  คิริฮาระกระซิบพลางเบียดกายเข้าหา  ดึงสายโซ่ให้รัดลำคอของวายะแน่นเข้า  ยกขาขึ้นเกี่ยวก่ายกับโคนขาแกร่ง  เบียดส่วนกลางกายของตนเข้าถูไถกับร่างไวสัมผัสที่ถูกพันธนาการไว้  ริมฝีปากบางแนบลงกับเรียวปากที่เม้มแน่น  แลบลิ้นไล้เลียอย่างยั่วเย้า  หากพออีกฝ่ายพยายามจะครอบครอง  กลีบปากบางนั้นก็ผละออก

“ทรมานให้คลั่งตายซะเถอะ  วายะ  แกจะไม่ได้ทำอย่างที่แกอยากจนกว่าจะพ้นโทษนั่นแหละ”

ร่างเพรียวถูไถสะโพกกดเบียดเข้ากับร่างที่ไม่มีทางได้แตะต้องเขา  ใช้ร่างสูงสร้างความเพลิดเพลินให้ตนเอง  กระซิบถ้อยคำหยาบโลนที่ข้างหู  ยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายพยายามสะบัดดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการก็ยิ่งพึงใจ  หยาดแห่งห้วงอารมณ์หลั่งรินอาบร่างไวสัมผัสที่เสียดสีกันจนเปียกชุ่มชนิดไม่รู้ว่าเป็นของใคร  สัมผัสชุ่มลื่นยิ่งทำให้เสียดเสียว

“พอ...พอที...คิริ...”  เสียงครางด้วยความทรมานดังขึ้นที่ข้างหู

นายแบบหนุ่มหัวเราะเบา ๆ  แล้วถอยห่าง  ทอดสายตามองคนที่เครียดเกร็งไปทั้งร่างอย่างสาแก่ใจ “ถึงกับอ้อนวอนฉันเลยเหรอ  วายะ  แกไม่เคยเป็นแบบนี้นี่”

หากการทรมานยังไม่จบแค่นั้น  คิริฮาระลากเก้าอี้ไม้ที่มุมห้องมาตั้งตรงหน้าวายะแล้วเริ่มต้นเล่นสนุกกับตัวเอง

“ยิ่งเห็นแกอยู่ในสภาพนี้แล้ว  ฉันยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่เลย  รู้มั้ย วายะ  ถ้ายังไง...จะลองหลั่งทั้ง ๆ ที่ถูกอุดไว้แบบนั้นให้ฉันดูสักครั้ง  ฉันอาจจะยอมขี่แกให้ก็ได้นะ”

ภาพตรงหน้าทำให้วายะพลุ่งพล่านจนแทบคลั่ง  คิริฮาระอยู่ใกล้จนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของมือที่รูดไล้ไปบนความเปียกชื้น  เกิดเป็นสำเนียงแปลกประหลาดที่แสนกระตุ้นเร้า  นายแบบหนุ่มส่งเสียงครางเครือด้วยความกระสัน  อีกมือที่ยังว่างเคลื่อนต่ำไปเล่นสนุกกับช่องทางเร้นลับของตน

โฮสต์หนุ่มจ้องปลายนิ้วที่เคลื่อนไหวเข้าออกแล้วนึกอยากให้นั่นเป็นนิ้วของเขา...เขาจะไม่ทำอะไรอ่อนหัดแบบนั้นแน่  นิ้วของเขาจะทะลวงเข้าไปในร่างนั้น  จะขยี้คลึงจุดอ่อนไหวที่สุดของร่างนั้น  จะทำให้ดิ้นพล่านและหวีดร้อง...แต่ในตอนนี้  เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากจ้องมองมันอย่างกระสันอยาก  ยิ่งเมื่อนิ้วนั้นถูกแทนที่ด้วยดิลโด้อันเขื่องวายะก็กัดฟันกรอด  หลับตาแน่น  ส่วนกลางกายปวดหนึบไปหมด  ความเครียดขึ้งนั้นลามไปจนถึงหน้าขาและท้องน้อย  ความต้องการขมึงเกลียวอยู่ในร่างและต้องการที่จะระเบิดออกมา  หากก็ทำไม่ได้เพราะลูกปัดโลหะที่พันธนาการเอาไว้

คิริฮาระขยับของเล่นรุนแรงขึ้น  จับจ้องดูปฏิกิริยาของวายะทุกขณะ...โฮสต์หนุ่มเต็มกลั้นแล้ว  เขาได้ยินมาว่าโอโนเสะให้ยากระตุ้นอ่อน ๆ กับวายะติดกันมาหลายวัน  แต่ไม่ให้ปลดปล่อยแม้แต่ครั้งเดียว  ตอนนี้คงจะถึงขีดจำกัดแล้วกระมัง...ดูสีหน้าทรมานนั่นสิ  ดวงตาที่จ้องมาราวกับจะกัดกินเขาแดงก่ำ...เหมือนสัตว์ร้ายที่เห็นเหยื่ออยู่ตรงหน้าแต่ไม่อาจตรงเข้าขย้ำได้เพราะอยู่ในกรงขัง...ให้ตายสิ  เขาเองก็อยากถูกวายะบดขยี้เต็มทีแล้ว  หลายวันมานี้เขาได้แต่มายั่วยวนคนคนนี้แล้วไปหาทางระบายที่อื่น  แต่ก็ไม่เคยได้สมใจอยากสักเท่าไรเลย

ไม่ใช่แค่วายะหรอก...คนที่ถึงขีดจำกัดก็ตัวเขาเองด้วย

คิริฮาระคว้าสายสร้อยที่สอดคาอยู่ในร่างของวายะกระตุกดึงออกอย่างรวดเร็ว  ร่างสูงร้องออกมาคำหนึ่งพร้อมกับหยาดน้ำสีขาวขุ่นที่ทะลักพรั่งพรู  นายแบบหนุ่มไม่สนใจอาการนั้น  เขาโยนของเล่นในมือทิ้ง  ตรงเข้าไปโอบรอบคอวายะ  ยกขาขึ้นเกี่ยวก่ายและพยายามจับแก่นกายนั้นจรดเข้ากับช่องทางของตน...มันไม่ใช่ท่วงท่าที่ถนัดนัก  แต่เขาไม่สนใจ...เขาต้องการวายะ  ตรงนี้...เดี๋ยวนี้!!

แต่ก่อนจะได้ดังใจอยาก  ประตูห้องขังก็เปิดผัวะออก  ชายร่างกำยำหลายคนตรงเข้ายึดร่างของคิริฮาระไว้แล้วดึงออกห่างจากวายะ  นายแบบหนุ่มหวีดเสียงอย่างขัดเคือง  พยายามดิ้นรนต่อสู้แต่ก็ถูกพาตัวออกจากห้องไปอย่างง่ายดาย...ห้องนี้ติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ใครช่วยปลดเปลื้องให้ผู้ถูกคุมขัง

วายะสบถกับสวรรค์ที่ถูกพรากไปต่อหน้าต่อตา  เขาก้มหน้ากัดฟันเพื่อพยายามสะกดอารมณ์ของตัวเองอีกครั้ง  แต่ที่คิริฮาระปลุกเร้าไว้มันดูจะเกินระงับได้  ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าหัวใจตัวเองเต้นระรัว  อึดอัดในอกจนแทบจะหายใจไม่เป็นจังหวะ

แล้วใครบางคนก็เข้ามาในห้อง  กดปุ่มปล่อยโซ่ที่ขึงไว้บนเพดานให้ผ่อนลง  โฮสต์หนุ่มทรุดฮวบลงทั้งยืน  หลายวันที่ถูกพันธนาการมาทำให้เขาไร้เรี่ยวแรงจนไม่อาจยืนได้อีกต่อไป  จานอาหารถูกยกมาวางตรงหน้า  แต่วายะไม่นึกอยากอะไรทั้งนั้น...ตอนนี้เขาต้องการแค่คิริฮาระเพื่อจะปลดเปลื้องอารมณ์เปลี่ยวของตน

“วันนี้ฉันยกให้  สนุกกับตัวเองซะให้พอ”  เสียงคุ้นเคยดังขึ้น  ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมองวายะก็รู้ว่าเป็นโอโนเสะ

“...หึ...มาเยี่ยมถึงคุกเลยเหรอ  พัศดี...”

โอโนเสะไม่พูดอะไร  เขาหันหลังเดินกลับไปที่ประตูห้องขัง

“ยังไม่จบแค่นี้หรอก โทษของแกยาวนานเท่าคืนวันที่แกกักขังเด็กคนนั้นเอาไว้...นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น  วายะ”





(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด