มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]  (อ่าน 710903 ครั้ง)

ออฟไลน์ davil01

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ใช้ภาษาได้ดีมากเลยครับ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
อ่านไปกังวลไป วู๊ๆๆๆๆๆ

Mio

  • บุคคลทั่วไป
สามคำให้เรื่องนี้และคนเขียน>>>รัก ได้ อีก  :กอด1: :impress2: :-[

wdaisuw

  • บุคคลทั่วไป
อยากจะบอกว่านิยายเรื่องนี้มันใช่อ่ะค่ะ มันใช่เลยที่ใฝ่หา o13
ความละเมียดละไมของภาษา การถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของตัวละครทำได้ดีเหลือเกินค่ะ
อดรนทนไม่ไหวจนต้องตามไปอ่านที่บอร์ดเด็กดีจนถึงตอนล่าสุด
 
อ่านไปหัวใจก็บีบรัด น้ำตาคลอเบ้า  :sad4:
ดราม่าสุดๆทั้งสองคู่......โอย...ไม่อยากกินมาม่าแล้วนะคะ :o12:

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
เพิ่งเข้ามาอ่านครับ  ขอสารภาพว่าอ่านชื่อเรื่องแล้วปล่อยผ่าน แต่เมื่อมีโอกาสอ่านทำเอาวางไม่ลงเลยครับ
เรื่องสนุกมาก จะคอยติดตามอ่านต่อไปนะครับ :3123:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-01-2012 20:43:50 โดย ordkrub »

ออฟไลน์ หัวเเม่มือ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 804
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
อ่านแล้วเขินๆน่ะ

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1510
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
ชอบพีเรียท อ่านตอนแรกก็ชอบแล้ว
เดี๋ยวจะตามอ่านเรื่อยๆ

Zymphoniz

  • บุคคลทั่วไป
สู้ๆๆ ค่ะ พี่จี้ :L2:  รอรวมเล่มอยู่ (แอบกดดัน 555)
อ่านตอนนี้แล้วสงสารคุณชาย  :monkeysad:

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1

บทที่ ๗

น้อยใจ



แปลกใจให้ครวญคิดตรอง
ยามพบกันฉันมองดูเหมือนเธอไม่มีหัวใจ..
ไม่เคยแม้จะยิ้มมา
ดูสิทำเหมือนว่าฉันไร้ค่าหรือไร*




จินดา.. เป็นผู้ชาย?!

ความจริงที่เพิ่งได้รับรู้ทำให้เลอมานชาวาบไปทั้งร่าง  คนรักของอาจารย์ผู้เคร่งขรึมคนนั้น.. เป็นผู้ชาย!?
   
“เอ่อ..แล้ว..จินดา..” ก้อนแข็งๆแล่นขึ้นมาจุกคอจนแทบพูดไม่ออก  เขาควรจะถามอย่างไรให้ไม่น่าเกลียด 
ตายยังไง? เป็นอะไรตาย?  ตายเพราะอะไร?  ทำไมถึงตาย?

“จมน้ำตาย” หญิงชราบอกให้ทั้งที่ยังไม่ทันถาม  ดวงตาหม่นเศร้ายังไม่ละสายตาจากรูปภาพบนหลังตู้ “ก่อนพ่อเล็กจะมาถึงสองสามวันเอง”

“ผม..ผมเสียใจด้วยจริงๆ” ผู้อ่อนวัยกว่าค้อมศีรษะลง  ใบหน้างดงามดูหมองไปถนัดตา  ยายช้อยเพียงยิ้มอ่อนโยนทว่าเจือความเศร้าสร้อย


มัดขนมห่อใบตองในตะกร้าหน้ารถกระเด้งกระดอนตามความขรุขระของพื้นถนน 

“อาจารย์คนึงชอบขนมสายบัว  เมื่อก่อนยายเคยฝากจินดาเอาไปให้เขาบ่อยๆ  ฝากพ่อเล็กเอาไปให้ทีนะ”

แกว่าอย่างนั้นตอนยื่นขนมส่งให้เขา 

ท้องฟ้ากว้างโล่ง   เมฆขาวลอยอ้อยอิ่งตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าจัด  หม่อมราชวงศ์หนุ่มปล่อยใจให้ลอยไปกับผืนฟ้า  จมอยู่กับความคิดเดิมซ้ำๆซากๆ

อาจารย์คนึงกับจินดารักกัน   ผู้ชายกับผู้ชายรักกันอย่างนั้นหรือ 

ความรักระหว่างเพศเดียวกัน  ใช่ว่าเขาไม่รู้จัก  ไม่เคยพบเห็น  ที่โรงเรียนกินนอนของเขาในอังกฤษ  เขาพบเจอเรื่องพรรค์นี้กับตัวเองบ่อยไป  แต่ทุกครั้งที่ถูกพวกนั้นเกี้ยวพา เขาไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด ติดจะรำคาญด้วยซ้ำ

แต่กับคราวนี้มันต่างไป 

ริมฝีปากร้อนรุ่มในค่ำคืนนั้นราวกับยังทิ้งสัมผัสอุ่นผ่าวไว้  มือหยาบใหญ่ที่ตะโบมโลมไล้ไปตามเนื้อตัว  อ้อมกอดแกร่งนั้นช่างอบอุ่นนัก  สายตาที่มองมานั้นเล่า  แสนรัก..แสนอาลัย..

ทุกอย่างแจ่มกระจ่างชัด  ยังสดใหม่ในรอยจำ 

หัวใจซุกซนอดคิดไปไม่ได้ว่า  นอกจากกอดกัน จูบกัน  คนึงกับจินดา..พวกเขาทำอะไรกันอีกไหม   จินดาจะรู้สึกอย่างไรเวลาถูกผู้ชายคนนั้นจูบกอด  รู้สึกเช่นไรเมื่อถูกผู้ชายคนนั้น.. รัก..

เรือนไม้เงียบสงบ  พวกอาจารย์คงยังไม่เลิกงานสอน  หม่อมราชวงศ์หนุ่มจอดจักรยานที่หน้าบันได  หิ้วมัดขนมขึ้นบันไดเข้าไปในห้อง
 
ห้องน้อยเงียบเชียบ  คนึงยังไม่กลับมา  เขาจึงถือวิสาสะเดินผ่านชั้นหนังสือใหญ่ไปยังฝั่งของเพื่อนร่วมห้อง  เตียงนอนสะอาดสะอ้าน  ผ้าห่มพับเรียบร้อยไว้ที่ปลายเตียง  ผิดจากของเขาที่กองเขละไว้รอจ้อยมาพับให้ทุกเช้า  โต๊ะเขียนหนังสือดูเรียบร้อย  กองหนังสือวางอยู่มุมหนึ่ง  ทุกอย่างสะท้อนให้เห็นความเจ้าระเบียบของผู้เป็นเจ้าของ

เด็กหนุ่มตัดสินใจวางมัดขนมลงบนโต๊ะ  หยิบปากกามาตั้งใจจะเขียนโน้ต ทว่ากลับหากระดาษไม่เจอ  มือบางขออนุญาตในใจแล้วเปิดลิ้นชัก 

รูปถ่ายของใครคนหนึ่งวางอยู่ในนั้น 

เห็นแวบแรกเขาก็จำได้ทันที  จินดา..

ภาพถ่ายเต็มตัวของเด็กหนุ่มร่างโปร่งบางในชุดนักเรียน  สถานที่.. สนามหญ้าหน้าโรงเรียน  เห็นเสาธงและอาคารเรียนเป็นฉากหลัง  ใบหน้าหวานคม แย้มยิ้มอ่อนโยน  ดวงตาเป็นประกาย  ดูเป็นเด็กหนุ่มอนาคตไกลผู้กำลังมีความสุขสดใสกับชีวิต 

ยายช้อยเล่าว่าจินดาเพิ่งได้เป็นอาจารย์ฝึกสอน  ดังนั้นหากเขายังมีชีวิตอยู่  คงเป็นอาจารย์ผู้เป็นที่รักของนักเรียน  เป็นพี่ชายผู้เป็นที่รักของน้องชาย  และเป็นคนรักผู้เป็นยอดดวงใจของอาจารย์คนึง 

แล้วนอกจากกอดจูบกัน  พวกเขาทำอะไรกันอีกไหม

ใบหน้าสวยหวานสั่นดิกราวกับจะขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านพิลึกพิลั่น  รีบเก็บรูปถ่ายวางลงที่เดิม  ค้นเจอเศษกระดาษใบหนึ่ง  จึงตั้งใจเขียนโน้ตทิ้งไว้ให้ด้วยลายมือไก่เขี่ย

ยาย ชอย ฟาก มา ไห้           

*******************

กำลังนั่งคัดลายมือไปเรื่อยเปื่อย  หูก็ได้ยินเสียงสันติกับสง่ามาร้องเรียกโหวกเหวกอยู่ตรงหัวบันได 

“คุณชาย  คุณชายอยู่ไหม!  วู้!” เสียงทุ้มห้าวแบบนี้คือสง่าไม่ผิดแน่  เลอมานเกาะหน้าต่างชะโงกมอง  เห็นสองหนุ่มคู่หูสะพายคันเบ็ดพร้อมหิ้วถังสังกะสีใบโต 

“ไปตกกุ้งกัน” สันติแหงนหน้าชักชวน  คนถูกชวนตาโตเท่าไข่  ประกายซุกซนระยิบระยับในดวงตา  รีบพยักหน้ารับแทบไม่ทัน  ก่อนวิ่งลงบันไดโครมครามชนิดที่หากคนึงเห็นคงไม่แคล้วโดนเคาะตาตุ่ม

ไม่ทันเห็นสองสหายลอบสบตากันอย่างมีเลศนัย
   
สง่ากับสันติพาคุณชายนั่งเรือออกจากท่าหลังโรงเรียน  สง่าคัดท้าย  สันตินั่งพายอยู่ข้างหน้า  มีเลอมานนั่งสบายอยู่กลางลำเรือ  หันซ้ายหันขวาดูสองฝั่งคลองอย่างตื่นตาตื่นใจ

เลอมานสนิทกับจ้อย  และทั้งสง่ากับสันติก็เป็นเพื่อนจ้อย  เลอมานจึงพลอยสนิทกับทั้งสองคนนั้นไปด้วย  พูดคุยกันถูกคออยู่  กินข้าวกลางวันก็กินด้วยกันประจำ  เมื่อถูกชักชวนจึงตามมาง่ายๆอย่างไร้ความเคลือบแคลง

เรือจอดนิ่งกลางคลอง  สง่ากับสันติหยิบกุ้งฝอยขึ้นบี้ๆแล้วเกี่ยวเบ็ดเป็นเหยื่อ  ถือคันเบ็ดอยู่ไม่นานก็ตวัดได้กุ้งเดี๋ยวตัวเดี๋ยวตัว  เด็กหนุ่มชั้นสูงมองกุ้งแม่น้ำตัวโตที่นอนดิ้นแคร่กๆอยู่ในถังอย่างสนใจ

“พรุ่งนี้ให้พี่นกแก้วทำข้าวต้มกุ้งดีกว่า” สง่าหันมายักคิ้วให้ 

“ฉันลองหน่อยได้ไหม”ใบหน้างามคะยั้นคะยอ  ยิ้มร่าเมื่อสันติส่งคันเบ็ดให้  ในหัวกำลังฝันหวาน  เขาจะตกกุ้งตัวโตๆ  ไปฝากจ้อยกับยายช้อยสักสี่ห้าตัว  แต่ถ้าอาจารย์คนึงอยากกิน จะใจดีแบ่งให้ตัวนึงก็ได้

รอแล้วรอเล่ากุ้งชะตาขาดก็ยังไม่มาติดเบ็ด  ถือคันเบ็ดรอจนเมื่อยมือ  จนสง่าตกนำเขาไปได้สองสามตัวแล้ว 

สงสัยจะเหมือนอย่างที่ท่านพ่อเคยตรัส.. ‘ชายเป็นคนทำบาปไม่ขึ้น  ตกปลาทีไรไม่เคยได้สักตัว’   
   
ความผิดหวังคงฉายชัดในดวงตา  จนสง่าสังเกตเห็น

“ไปงมที่ท่าไหมคุณชาย  กุ้งมันชอบมาเกาะตามเสา” เด็กหนุ่มร่างสูงว่าพลางเก็บคันเบ็ด  จ้วงพายไปยังท่าน้ำที่อยู่ไม่ไกล  จอดเทียบท่าแล้วผูกเรือเข้ากับหลักอย่างชำนาญ 

คุณชายหลับตาปี๋หันหลังขวับเมื่อเห็นทั้งคู่เปลื้องผ้า  พลางถามลั่น “ทำอะไรน่ะ”

“อ้าว” สันติหัวเราะ “ก็จะงมกุ้งกันไม่ใช่หรือ  หรือคุณชายจะลงน้ำทั้งชุดนั้น”
   
หม่อมราชวงศ์หนุ่มค่อยๆหันไปพลางหรี่ตามอง  เห็นทั้งคู่นุ่งผ้าขาวม้าแล้วค่อยโล่งใจ  ก่อนก้มลงมองเสื้อโปโลสีฟ้ากับกางเกงขาสั้นที่ตนสวมอยู่  ถามหวาดๆ “ฉันต้องเปลี่ยนด้วยหรือ”

“ก็แล้วแต่” สง่าว่าพลางหย่อนตัวลงน้ำ “เสื้อผ้าคุณชายเปื้อนโคลนก็ไม่เป็นไรหรอก  ยังไงก็ให้จ้อยซักให้อยู่แล้วนี่”
   
หางเสียงประชดประชัน  แต่เพราะมัวพะวงถึงจ้อยจึงไม่ทันรู้สึก
นั่นสินะ  ถ้าเขาทำเสื้อผ้าสกปรก  คนลำบากคงไม่พ้นจ้อยอีกจนได้ 

ดังนั้น  เมื่อสันติส่งผ้าขาวม้าให้  มือบางจึงรับมาผลัดเก้ๆกังๆ  ไม่นานนักทั้งเนื้อทั้งตัวเขาก็มีแค่ผ้าขาวม้าผืนเดียว  อ้อ กับกางเกงชั้นในเนื้อบางอีกตัว  ใส่เอาไว้กันผ้าหลุด 

“ว่ายน้ำเป็นไหม”  สง่าถาม  เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ “งั้นก็อย่าลงไปลึกมากแล้วกัน”

คุณชายพยักหน้าหงึกหงัก  ค่อยๆหย่อนตัวลงน้ำ  ไม่ทันสังเกตเห็นคู่หูลอบยิ้มให้กันอย่างสมใจ 
   
เพราะได้สง่ากับสันติสอน  เลอมานจึงงมกุ้งแม่น้ำสีน้ำเงินสวยสดขึ้นมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก  กุ้งชุมจริงๆอย่างที่สง่าว่า  เขาผลุบๆโผล่ๆที่ท่า งมขึ้นมาตัวเล็กบ้างใหญ่บ้างอย่างเพลิดเพลิน  สักพักสองคนนั้นก็ขอตัวไปตกกุ้งที่กลางคลองต่อ  ทิ้งเขาไว้ลำพังที่ท่าน้ำ 

“ได้อีกตัวแล้ว” ร่างขาวโพลนเปียกลื่นโผล่พ้นน้ำ  ในมือชูกุ้งอีกตัวที่เพิ่งงมได้สดๆร้อนๆ ให้อีกสองคนที่อยู่กลางคลองดู 

แต่ก็ไร้วี่แวว.. มีเพียงผืนน้ำเรียบนิ่ง  ลมสงบ 

เสียงพายจ๋อมๆอยู่ไกลๆ  แต่ไม่เห็นเรือ  คงพายลับเข้าคุ้งน้ำนั่นไปแล้ว   

“สง่า!  สันติ!” อารามตกใจทำให้มือบางทิ้งกุ้งคืนน้ำ  ตะโกนลั่น  “ไปไหนกันน่ะ!”

เกือบผวาจ้วงน้ำตามไป  ดีที่ฉุกคิดขึ้นได้ว่าตนว่ายน้ำไม่เป็น  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ได้แต่ตะเกียกตะกายขึ้นฝั่ง  ยืนป้องปากตะโกนเรียก  “สง่า!  สันติ!  รอฉันด้วย!”

เงียบกริบ  มีเพียงเสียงลมเสียดใบไผ่ตอบกลับมา

ใช่แน่.. ไม่ต้องสงสัย
เขาถูกทิ้งแน่แล้ว!

แต่อย่างหนึ่งที่ต้องสงสัย.. ทำไม?


สองหนุ่มพายเรือกันไปหัวเราะกันไปอย่างสาสมใจ

“ข้าวนั่นยายช้อยกินได้เป็นอาทิตย์  เอาไปให้ไก่กินแล้วยังไม่ขอโทษสักคำ  ต้องโดนสั่งสอนซะบ้าง” สง่าว่าเข้าให้อย่าเหลืออด  จ้อยเป็นเพื่อนรักของเขา  ใครทำเพื่อนเขาเสียใจ คนอย่างสง่าไม่ปล่อยไว้แน่ 

“เก่งนักก็หาทางกลับเองก็แล้วกัน” ปกติสันติเป็นคนรักสงบสมชื่อ  แต่คราวนี้คงเหลืออดจริงๆถึงได้ร่วมมือกับสง่ามาแก้แค้นให้จ้อย 

ว่าแล้วก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะลั่นไปทั้งคุ้งน้ำ

โพล้เพล้  ลมเย็นโชยมาต้องผิวกายเปียกเปลือยจนเลอมานต้องห่อไหล่สั่นสะท้าน  หลากความรู้สึกปนเปอยู่ในหัว  ไม่ใช่โกรธ  ไม่ใช่แค้น  แต่หนักไปทางสับสน น้อยใจ เสียใจและคิดไม่ถึงว่าคนที่ไว้เนื้อเชื่อใจอย่างสง่าและสันติจะทำแบบนี้กับเขาได้   

ฟันเริ่มกระทบกันดังกึกกัก  เลอมานหันหาเสื้อผ้าที่ถอดไว้แล้วต้องใจหล่นวูบเมื่อคิดได้

ให้ตายสิ!  เขาถอดเสื้อผ้ากองไว้บนเรือ!  เรือที่พวกนั้นพายหนีไปแล้ว!

แดดเริ่มราลงทุกที  รัตติกาลกำลังคืบคลานมาเยือนช้าๆ  ท้องน้ำนิ่งสนิทว่างเปล่าไม่มีเรือผ่านมาสักลำ  ร่างโปร่งบางเหลียวซ้ายแลขวาหาทางกลับโรงเรียน  สองฝั่งคลองมีแต่เรือกสวนรกครึ้ม  เขาคิดว่าจะเดินตามแนวคลองไปเรื่อยๆ  เดินไปๆเดี๋ยวก็คงจะถึงโรงเรียนเอง

น้ำหยดจากชายผ้าขาวม้าลงพื้นติ๋งๆ  มือบางขยุ้มบิดไล่น้ำออกแล้วก้าวเดิน  ทว่าเพียงก้าวเดียวเลอมานก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ 

เจ็บแปล๊บ.. ที่ตรงต้นขาด้านใน

หันกลับไปมองน้ำคลองขุ่นคลั่กที่ตนเพิ่งตะกายขึ้นมาอย่างสงสัย  เขาโดนไม้เกี่ยวเป็นแผลหรือโดนอะไรกัดเข้า  ไวเท่าความคิด  เด็กหนุ่มรีบแหวกผ้าขาวม้าออกดูทันควัน   

พระเจ้า! 

ทันทีที่เห็นก็แทบเข่าอ่อน  ความขยะแขยงแล่นพรูจับหัวใจ 

สิ่งมีชีวิตคล้ายทากหรือหนอนเกาะหนึบอยู่ตรงต้นขา  ตัวเท่าหัวแม่มือ  สีดำมะเมื่อมตัดกับผิวเนื้อซีดขาว  และมันกำลังกินเลือดเขาจนตัวบวมเป่ง     

หม่อมราชวงศ์หนุ่มหมดแรงขึ้นมากะทันหัน  ทรุดลงนั่งกางขากับพื้นหมดสภาพ  ไอ้ตัวน่าเกลียดยังกัดเกาะไม่ปล่อย  ทั้งกลัว ทั้งขยะแขยง  มือเรียวลองเขี่ยๆสัตว์สยอง แต่สัมผัสหยุ่นหยุบที่ได้รับทำให้เขาผวาร้องลั่น  เหลียวซ้ายแลขวา  หากิ่งไม้มาเขี่ยแทน.. ปลายไม้งัดเข้าให้ที่กลางลำตัว  บังเกิดภาพสยองขวัญสั่นประสาท  เมื่อเจ้าตัวประหลาดยืดยาวตามแรงดึงเหมือนยางอีลาสติกดิ้นได้  ทว่าปากยังเกาะที่เก่าแถมปากแผลคล้ายจะฉีกขาดจนเลือดปริ่ม  เรียกเสียงร้องโหยหวนได้อีกคำรบ 

งัดข้อกันจนเหนื่อยหอบ  ในที่สุดเลอมานก็ยอมแพ้  ปล่อยให้เจ้าตัวดำมะเมื่อมแปะอยู่ที่เดิม  เขาตัดสินใจลุกขึ้นยืนด้วยขาสั่นเทา  กำลังจะก้าวเดินแต่แล้วก็เหมือนโชคชะตาเข้าข้าง 

เรือลำหนึ่งแจวมาตามคลอง  ดวงตาคู่สวยหรี่มองฝ่าความสลัว  มองหน้าไม่ชัดรู้เพียงแค่มีคนพายสองคน 

แต่อีกฝ่ายเห็นเขาถนัด  จำได้แม่นยำ

“คุณชาย!”
“ไปทำอะไรตรงนั้น!”

นายลอย!  นายสิงห์!  ใจชื้นขึ้นเป็นกองเมื่อได้ยินเสียงที่เคยคุ้น  ขวัญที่บินหายค่อยคืนกลับมา  เลอมานดีใจจนน้ำตาแทบคลอเบ้า  นึกว่าจะต้องเดินขาลากกลับโรงเรียนเสียแล้ว 
   
เลอมานนั่งอยู่กลางลำเรือเหมือนเช่นตอนขามา  ผิดแต่ว่าคนที่คัดท้ายคือนายลอย  และคนอยู่หัวเรือคือนายสิงห์  ไม่ใช่สง่าและสันติที่ชวนเขามาอย่างมิตรแต่กลับทำเขาได้เจ็บแสบนัก 

เด็กหนุ่มบอกผู้มาช่วยเหลือแค่ว่าเขามางมกุ้งกับเพื่อนแล้วถูกทิ้งไว้  ไม่ได้บอกว่ามีสัตว์ประหลาดลึกลับยังเกาะนิ่งอยู่ที่ขาอ่อน  แค่สองคนนั้นมาเห็นเขาในสภาพนี้ก็อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว  ขืนต้องไปนั่งกางขาให้ดู.. โอย.. แค่นึกภาพก็ลมจะจับเสียให้ได้ 

ลมจะจับ.. อืม.. ไม่อยากเชื่อว่าแค่คิด เขาก็จะเป็นลมขึ้นมาจริงๆ  ผิวน้ำข้างลำเรือเป็นระลอกชวนให้เวียนหัว  หนาวจนต้องห่อไหล่สะท้าน  ใจมันหวิวคล้ายจะวูบเสียให้ได้

เพราะนั่งอยู่ข้างหลัง  ลอยจึงเห็นความผิดปกติชัดเจน

“พี่สิงห์  เดี๋ยวก่อน” เสียงทุ้มห้าวจากท้ายเรือเรียก  ทำให้คนที่อยู่หัวเรือชะงัก  ราพายนิ่งพลางหันมามองงงๆ

อาการหัวปักหัวหงาย เอนซ้ายเอนขวาของคนที่นั่งอยู่กลางลำเรือ  ทำให้ลอยอดห่วงไม่ได้  ขืนพายต่อไปคงหัวทิ่มตกน้ำตูมเสียก่อนเป็นแน่ 

“คุณชาย  เป็นอะไรหรือเปล่า” ร่างสูงเขยิบเข้าใกล้  มือใหญ่แตะผิวเนื้อเปล่าเปลือย “ตัวเย็นเชียว  หนาวหรือ”

“ง่วง..” ใบหน้าซีดเผือดพึมพำแผ่วเบา  ตาปรือจวนหลับมิหลับแหล่  ปล่อยให้มือใหญ่คว้าร่างตนขยับถอยไปอิงไว้แนบอกอย่างไม่ขัดขืน  โอนอ่อนซบลงตรงอกกว้าง  แทบไม่รู้ตัวยามร่างสูงถอดเสื้อตนออกห่มคลุมให้ 

“ท่าไม่ค่อยดี  รีบไปเถอะว่ะ” สิงห์หันมาสั่งด้วยสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด  ลอยพยักหน้าพลางจ้วงพายสุดแขนเร็วรี่  มุ่งหน้าไปยังท่าน้ำหลังโรงเรียนฝึกหัดครู 

เลอมานไม่รู้ตัวเลยว่าสัตว์สยองที่เรียกว่าปลิงที่เกาะขาอยู่นั้นดูดเลือดอิ่มหนำเต็มที่จนคลายตัวออกนานแล้ว  ทิ้งไว้เพียงหยดเลือดที่หลั่งรินจากปากแผลไม่ขาดสาย  ซึมลงผ้าขาวม้า  หยดลงบนท้องเรืออย่างนิ่งสงบ 

อาศัยเพียงแสงตะเกียงสลัวในคืนเดือนมืด  ไม่มีใครสังเกตเห็นรอยเลือดนั้นเลยสักคน

*********************

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
ฟ้ามืดลงทุกทีๆ  แต่ป่านฉะนี้ลูกศิษย์ตัวดีก็ยังไม่กลับมา  หะแรกคนึงฝืนตีหน้านิ่งเฉยไม่รู้ร้อนเมื่อกลับมาพบเพียงห้องว่างเปล่า  แกล้งไม่รู้หนาวเมื่อได้เวลาอาหารเย็นแล้วก็ยังไม่เห็นเงาเจ้าของดวงตาสดใสคู่นั้น 

ไม่.. เขาไม่ได้ห่วงเด็กคนนั้น  เด็กนิสัยเสีย เอาแต่ใจ ไร้ความรับผิดชอบพรรค์นั้นมีอะไรให้ห่วง
   
หายไปค่ำๆมืดๆแบบนี้  คงไม่แคล้วไปเที่ยวเล่นกับพวกนักเลงหัวไม้อีกกระมัง
 
ได้แต่บอกตัวเองว่าไอ้อาการร้อนรนนั่งไม่ติดนี่น่าจะเป็นเพราะหากคุณชายนั่นเป็นอะไรไป  หม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชจะต้องกริ้ว  และอาจลงโทษทางโรงเรียนได้  เขาแค่ห่วงชื่อเสียงของโรงเรียน  ก็เท่านั้น..

ไม่มีอะไรอื่น ‘เกินเลย’ กว่านั้น  ไม่มีแน่นอน! 
   
   
เกือบสองทุ่มแล้ว คนึงตัดสินใจจะออกไปตามหา  จ้อยอาสาไปด้วยเพราะเป็นห่วงเพื่อนต่างชนชั้น  ศิษย์อาจารย์เอาเรือออกจากท่าหลังโรงเรียน  โดยมีเป้าหมายที่บ้านกำนัน  ขณะที่มือใหญ่กำลังสาละวนคลายเชือกผูกเรือ  จ้อยที่ยืนหิ้วตะเกียงเจ้าพายุก็สังเกตเห็นเรือลำหนึ่งจ้ำพายตรงมา 

แสงตะเกียงหัวเรือวอมแวมไม่สว่างนัก  แต่จ้อยจำเรือนร่างกำยำและรูปหน้าคมสันของฝ่ายนั้นได้ขึ้นใจ  คนที่ชังแสนชัง

ไอ้สิงห์!?

มือเล็กสะกิดอาจารย์ให้เงยหน้าดู  สิงห์เองก็คล้ายจะชะงักไปเช่นกันที่เห็นเขา  หากเพียงวูบเดียว  แขนแกร่งรีบจ้วงพายจนขึ้นกล้าม  ถึงท่าแล้วรีบเหนี่ยวหลัก ดึงเรือเทียบชิด  นั่นแหละทั้งจ้อยและคนึงจึงได้เห็นสภาพร่างแบบบางที่ทอดกายเอนซบกับฝีพายท้ายเรืออย่างชัดเจน

“คุณชาย!” จ้อยร้องลั่น  ผวาเข้าไปหา  สิงห์โดดขึ้นท่า  อ้อมแขนแกร่งยื่นไปรับร่างระทดระทวยที่ลูกน้องส่งให้ขึ้นช้อนอุ้ม 

เมื่อนั้นทุกคนถึงได้เห็นชัดเต็มสองตา

ด้านหลังของผ้าขาวม้าแดงฉานชุ่มโชกด้วยเลือด  หยดติ๋งลงพื้นไม้แหมะๆ เป็นหยดแดงด่างดวง
   
ตาใสๆของจ้อยเบิกโพลงตะลึงลาน  เลือดแดงฉานหยาดไหลมาตามเรียวขาขาว  ดวงตาที่สดใสเป็นนิตย์คู่นั้นปิดสนิท  สมองน้อยๆประมวลผลได้ว่าคุณชายของเขาโดนทำร้ายไม่ต้องสงสัย  ตัวการจะเป็นใครนอกจากไอ้คนสารเลวตรงหน้านี่   

“ปล่อยคุณชายนะ  พวกเอ็งทำอะไรเขา!” ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม  กำปั้นเล็กทุบอั้กๆที่หลังไหล่ล่ำสัน  อีกฝ่ายเพียงเบี่ยงกายหลบหลีก   

“ไม่รู้โว้ย!” เสียงทุ้มห้าวตะคอกใส่อย่างเหลืออด  ถ้าไม่ติดว่าอุ้มคุณชายอยู่ละก็  จะจับไอ้เตี้ยนี่หักแข้งหักขาแล้วโยนลงน้ำเสียให้หมดฤทธิ์   

คนึงยืนตัวชา  มือสั่น  ความโกรธจากไหนไม่รู้มากมายมาสุมใจจนเดือดพล่าน  พยายามแล้วที่จะระงับมัน  แต่ก็เกินควบคุมไหว  ดวงตาคมเข้มวาววับด้วยโทสะ  กำหมัดขบกรามแน่น  เมื่อได้ประจักษ์ว่าการณ์เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด  ยิ่งคิดสภาพตัวเองที่ผุดลุกผุดนั่งกระวนกระวายยิ่งรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า

หายหัวไปทั้งวัน  กลับมาเอาเสียมืดค่ำในสภาพเนื้อตัวเกือบล่อนจ้อน  ซบอิงแอบมากับผู้ชาย  แถมยังรอยเลือดนั่นอีก 
ภาพมันฟ้องออกโต้งๆแบบนี้  จะให้เขามองเป็นอะไรได้!     

“ไปทำอะไรกันมา!” อาจารย์หนุ่มตะคอกลั่นไม่ออมเสียง   ก้าวอาดๆไปยืนตรงหน้าลูกชายกำนัน  มือใหญ่ตบหน้าคนที่เอาแต่นอนซบให้ได้สติสองสามที  ไม่แรง.. แต่ก็ไม่เบา

ดวงตาแดงก่ำค่อยๆปรือขึ้นมอง 

“มานี่!” แขนแข็งแรงกระชากร่างโปร่งบางจนลงไปกองกับพื้น  ก่อนตามไปเขย่าตัวจนหัวสั่นหัวคลอน “ครูถามว่าเราไปทำอะไรมา ตอบ!” 
    
“อาจารย์  คุณชายเจ็บอยู่นะครับ” เสียงจ้อยที่ผวาเรียกทำให้คนึงได้สติ  มือที่บีบต้นแขนขาวแน่นชะงัก  ค่อยๆคลายออก  ปรากฏรอยแดงเด่นชัด  ริมฝีปากได้รูปเม้มแน่น  สบดวงตาสีน้ำตาลใสที่มองสบแวบหนึ่งแล้วเบือนหลบ 

คมตานั้นกรีดใจเขาเสียเจ็บซิบ

อาจารย์หนุ่มช้อนอุ้มร่างเบาหวิวเดินกึ่งวิ่งขึ้นไปบนเรือน  มีจ้อยตามไปติดๆ  สิงห์ก้าวขาจะขึ้นบันไดตามไปทว่ากลับชะงักเมื่อลูกน้องคนสนิทดึงแขนไว้

“หมดเรื่องของเราแล้ว กลับเถอะ” ลอยบอกด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง  แต่ลูกพี่กลับสะบัดแขนอย่างแรง  เดินขึ้นไปไม่สนใจ  ทิ้งให้อีกคนถอนใจเฮือก  เดินไปนั่งรอบนแคร่ใต้ต้นหางนกยูง

อ้อมแขนแกร่งค่อยๆวางร่างแบบบางลงบนเตียง  ทะนุถนอมเหมือนแก้ว  ราวกับเป็นคนละคนกับที่ท่าน้ำ  มือใหญ่แหวกผ้าขาวม้าออกหาที่มาของบาดแผล  เห็นแผลเล็กๆตรงต้นขาด้านใน  แผลนิดเดียว แต่กลับมีเลือดไหลไม่ยอมหยุด

“เจอคุณชายที่ท่าสวนตาแหวง  บอกว่าไปตกกุ้งกับเพื่อน” ลูกชายกำนันหยุดอยู่แค่หน้าประตูห้อง  บอกเล่าข้อมูลเท่าที่รู้แก่อีกฝ่าย  นิ่งมองเจ้าตัวเล็กที่แค่เห็นเลือดก็หน้าซีด  ใช้กระดาษซับเช็ดเลือดด้วยมือสั่นเทา 

“สงสัยถูกปลิงเกาะ” ใบหน้าหล่อคมสลดวูบ  ความรู้สึกผิดถาโถมกัดกินใจ  “จ้อย  ไปเอากล่องปฐมพยาบาลมา  ขอบุหรี่อาจารย์วิรัชมาด้วย”
   
ร่างเล็กพยักหน้าหงึกหงักก่อนวิ่งตัวปลิวไป  ชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นคนตัวโตยืนขวางประตูมองมาด้วยดวงตาเรียบนิ่ง  มือใหญ่ยื่นซองบุหรี่ส่งให้  แต่จ้อยกลับเมินหนี  ถูกกระชากต้นแขนกลับมายัดเยียดซองบุหรี่ให้อีก  หนนี้มือเล็กปัดมันเสียกระเด็นแล้ววิ่งตื๋อออกไป  ไม่แยแสว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกเช่นไร

ความหวังดีของคนๆนี้  เขาไม่ต้องการ!
   
ได้กล่องปฐมพยาบาลแล้ววิ่งไปหาอาจารย์วิรัชที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงหัวบันได  ซึ่งก็ยอมปันบุหรี่ให้เมื่อร้องขอ

“รดน้ำผักแล้วหรือจ้อย” อาจารย์ร่างสันทัดถามอย่างแปลกใจ 
“ยังครับ  ว่าจะอยู่ดูแลคุณชายก่อน”
“อ้าว  เป็นอะไร”
“คุณชายโดนปลิงเกาะครับ  เอาไว้ดึกๆค่อยไปรด” หนุ่มน้อยพนมมือไหว้ขอบคุณแล้ววิ่งจากมา

เจอคนตัวโตยืนขวางหน้าห้องอยู่เช่นเคย  จ้อยเพียงเดินผ่าน มองผ่านเหมือนมองอากาศธาตุ  เข้าไปเป็นผู้ช่วยอาจารย์คนึงทำแผลและห้ามเลือดให้คุณชายอย่างขะมักเขม้น  อาจารย์หนุ่มเริ่มจากเช็ดคราบเลือดรอบปากแผลแล้วฉีกมวนบุหรี่เอายาเส้นมาโปะแผลไว้เพื่อห้ามเลือด  จ้อยเจ็บแทนทุกครั้งเมื่อเห็นคุณชายสะดุ้งหรือร้องครางด้วยความเจ็บ 

เลือดหยุดไหล  จ้อยทำหน้าที่เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้  เอาชุดนอนหอมสะอาดให้ใส่  เลอมานนั่งพิงหมอนอยู่บนเตียง  ดวงตาคู่สวยนั้นแดงก่ำ  ขณะถูกอาจารย์ผู้ดูแลซักไซ้ราวกับเป็นจำเลย 

“ผมไม่รู้!  ไปถามนักเรียนของอาจารย์เอาเองสิ!” คนเจ็บแหวเข้าให้อย่างเหลืออด  ปลายจมูกแดงเรื่อ  เจ็บใจ เจ็บตัว ผิดหวัง น้อยใจ หลากหลายอารมณ์ปนเปกันคุกรุ่นอยู่ในอก 

คนึงเข้าใจได้ไม่ยากว่าเป็นใคร  คนที่เลอมานสนิทสนมด้วยในโรงเรียนนี้  นอกจากจ้อยก็มีแต่สง่าและสันติเท่านั้น  จ้อยจึงถูกใช้ให้ไปตามสองสหายมาสอบสวนโดยด่วน

ร่างเล็กวิ่งตื๋อออกจากห้อง  โล่งใจที่ไม่เห็นคนตัวสูงๆยืนขวางกรอบประตู  แต่ทันทีที่ลงบันได  หนุ่มน้อยก็เข้าใจว่าตนคิดผิด 

“ดูสิวะคนเรา  อุตส่าห์ช่วยแท้ๆเสือกถูกด่าถูกทุบ  พอรู้ว่าเข้าใจผิดอย่าว่าแต่ขอโทษเลย จะขอบคุณกันซักคำก็ไม่มี” ร่างสูงใหญ่เดินจากแคร่ใต้ต้นหางนกยูงเข้ามาหาด้วยท่าทางยียวน  มีลูกสมุนคนสนิทตามติด  แต่มีหรือคนอย่างหลานยายช้อยจะกลัว 

“ไสหัวกลับไปได้แล้วไอ้สิงห์  อย่ามาเกะกะแถวนี้” นักเรียนร่างเล็กเชิดหน้าไล่ส่งอย่างไม่กลัวเกรง 

“น้อยหน่อยไอ้จ้อย  วันนั้นทำพวกกูอับอายขายหน้า กูยังไม่ได้เอาคืนเลย”  ไอ้ลอยท่าทางเดือดร้อนกว่าลูกพี่หลายเท่านัก  “แล้วพี่สิงห์แก่กว่าเอ็งตั้งกี่ปี  เอ็งเรียกเขาว่าอะไรนะ”

ดวงตาคู่ใสจ้องมองหัวหน้าอันธพาลด้วยความเกลียดชัง  เมื่ออยากฟังนักก็จะพูดให้ฟังช้าๆ ชัดๆให้สมใจ

“ไอ้ สิงห์” 

น่าแปลก  คนถูกเรียกกลับเพียงมองนิ่ง..

‘พี่สิงห์’
   
ภาพใบหน้าเด็กน้อยในชุดนักเรียน  ตาโตใสกระจ่าง  เรียกขานชื่อเขาพร้อมรอยยิ้มกว้างผ่านวูบเข้ามาในความทรงจำ

วันเวลาผ่านไป  เด็กน้อยคนนั้นเติบโตขึ้นเป็นหนุ่มน้อย  น่ารัก น่าถนอมไม่เปลี่ยน  ดวงตาใสซื่อเหมือนลูกหมา  รอยยิ้มอ่อนหวานนั้นก็ยังเหมือนเดิม  หากแต่มีไว้ให้คนอื่น  ไม่ใช่เขา! 

นึกแล้วมันน่าเจ็บใจนัก!

“ถือว่าอยู่ในโรงเรียน  ทำเป็นกร่างนะมึง” สิงห์กระซิบเหี้ยม  ก้าวพรวดเดียวเข้ามากระชากข้อมือน้อยอย่างแรง  จ้อยสะดุ้งผวาเมื่อถูกคนแรงเยอะกว่าออกแรงลากไปในมุมมืด

“ไอ้สิงห์  ไอ้อันธพาล  ไอ้ชาติชั่ว  ปล่อย!” หนุ่มน้อยดิ้นปัดๆ 
   
“เออ!  กูมันอันธพาล กูมันชั่ว แล้วไงวะ!” คำด่าทอนั้นยังผลให้คนฟังโกรธจนเหวี่ยงร่างเล็กไปกระแทกกับต้นมะม่วงอย่างแรง   
   
จ้อยลูบหัวป้อยด้วยความเจ็บ  ดวงตาคู่สวยถลึงจ้องอีกฝ่ายอย่างชิงชังสุดหัวใจ  “เป็นถึงลูกกำนัน  กลับทำตัวเป็นอันธพาล  เที่ยวใช้อำนาจระรานคนไปทั่ว  คนอย่างเอ็งถ้าไม่มีพ่อคุ้มกะลาหัวให้ก็ไม่ต่างอะไรกับหมาตัวนึง”

สิงห์หยุดทันที  เหมือนถูกกระสุนพุ่งเข้าใส่

“ซักทีเถอะวะ!” ไอ้ลอยเงื้อง่ากำปั้นปราดเข้ามาหมายจะสั่งสอนเด็กปากดี  แต่กลับถูกลูกพี่ยกแขนกันไว้ 

“กลับ!” พูดแค่นั้นคนตัวโตก็หันหลังเดินลิ่วๆจากไป  ทิ้งจ้อยให้หน้าตื่นอยู่พักหนึ่งก่อนวิ่งตื๋อไปหาสง่าและสันติ 

ไอ้ลอยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างหงุดหงิด  เหวี่ยงตีนเตะปลายหญ้าระบายอารมณ์  หงุดหงิดไอ้จ้อยที่วันนี้ก็ยังเอาคืนมันไม่ได้  แต่ที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่านั้นคือลูกพี่ตัวเอง  ที่ปล่อยเหยื่อที่ดิ้นเร่าๆคามือให้หลุดรอดไปได้แบบนี้

จู่ๆก็นึกถึงบทสนทนาระหว่างจ้อยกับอาจารย์วิรัชขึ้นมาได้ 

ริมฝีปากหนาหยักยิ้ม  แววตาเจ้าเล่ห์แพรวพราย  ภูมิใจกับแผนการใหม่ที่เพิ่งคิดได้สดๆร้อนๆนัก

ระหว่างทางกลับบ้าน  สิงห์เอาแต่นั่งเหม่อ แจวเรือซ้ายทีขวาทีอย่างคนใจลอย  จนต้องเอาพายราน้ำนิ่งปล่อยให้ลอยจ้วงพายไปคนเดียว

สมุนตัวโตมองอาการลูกพี่แล้วยิ้มหยันในความอ่อนหัดของอีกฝ่าย  ทำเป็นวางท่าโหดเหี้ยมใส่ได้ไม่กี่น้ำ  แค่พอไอ้เตี้ยจ้อยมันพูดกระแทกใจเข้าหน่อยก็อ่อนปวกเปียก  ดูอย่างวันก่อนที่ตลาดนั่นปะไร  เตรียมพร้อมไปโวยวายหาเรื่องเต็มที่  แต่พอเจอตาใสๆนั่นจ้องมองมา  ไอ้สิงห์ก็สิ้นฤทธิ์เป็นงูเจอเชือกกล้วย

ไอ้สิงห์  ไอ้อ่อนหัด  ไอ้กระจอก  ไอ้โตแต่ตัว  ที่จ้อยมันด่าเข้าให้ก็ถูกแล้ว  ถ้าไม่มีบารมีพ่อคุ้มกะลาหัว  คนอย่างเอ็งมันก็ไม่ต่างอะไรกับหมาตัวนึงแหละว้า 
   
ไอ้สิงห์แก่กว่าไอ้จ้อยสามปี  แต่มันสองคนเรียนทันกันจนได้อยู่ห้องเดียวกันตอนป.๕ ทำไมน่ะหรือ  ก็ไอ้สิงห์มันโง่จนสอบตกซ้ำชั้นสองปีซ้อน  ในขณะที่จ้อยมันเรียนเก่งจนได้ข้ามชั้นขึ้นมาปีนึงน่ะซี  ไอ้สิงห์จึงกลายเป็นเด็กโข่ง ตัวโตที่สุดในห้อง  แล้วดันเสือกดวงซวยได้นั่งข้างๆกับไอ้จ้อย ที่ตัวเล็กกะจ้อยร่อยสมชื่อ  โลกมันตาลปัตร  คนแก่สุดในห้องเสือกโง่สุด  แต่คนอ่อนสุดในห้องเสือกเก่งสุด  สอบได้ที่หนึ่งทุกปี  เป็นตัวแทนห้องถือพานพุ่มไหว้ครู  ได้รางวัลมารยาทงามอีกด้วย 

ตรงข้ามกับไอ้สิงห์ทุกอย่าง  ก็บอกแล้วว่าคนอย่างไอ้สิงห์มันมีดีอย่างเดียวคือเกิดมาเป็นลูกกำนัน 
 
ตอนเด็กๆ พวกมันสนิทกัน รักกันมากจนคนไม่รู้ยังนึกว่าเป็นพี่น้องกัน  ไอ้จ้อยเรียกพี่สิงห์ๆ แล้วแทนตัวเองว่าน้องจ้อยยังงั้นน้องจ้อยยังงี้  เรื่องเรียนพวกมันสองคนก็คอยช่วยเหลือกัน  อ้อ ต้องเรียกว่าไอ้จ้อยช่วยไอ้สิงห์ถึงจะถูก  เพราะมีแต่จ้อยที่เป็นฝ่ายสอนการบ้าน  ส่วนบ้านไอ้จ้อยมันจน สิงห์มันก็คอยช่วยตลอด  เอาข้าวกลางวันมาเผื่อบ้างละ  เหมาขนมที่ยายช้อยให้จ้อยหอบมาขายที่โรงเรียนบ้างละ
   
ไม่น่าเชื่อว่าพอโตขึ้นจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังตีน 

สาเหตุที่พวกมันสองคนไม่ถูกกัน  ไอ้ลอยคนนี้รู้ดีที่สุด  หึหึหึ

“ยิ้มอะไรของเอ็งวะ” สิงห์หันมามองหน้าลูกน้องคนสนิทเมื่อมันมาเทียบเรือส่งถึงท่าน้ำหน้าบ้าน 

“ไม่มีอะไรพี่” ไอ้ลอยยังยิ้มไม่หุบ  ทว่าเป็นยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์พิกล “ฉันไปล่ะ  ถ้ามีอะไรเดี๋ยวจะมาเรียก”

ทิ้งท้ายไว้เป็นปริศนาก่อนแจวเรือจากไป  ลูกชายกำนันได้แต่ส่ายหน้า 

หารู้ไม่ว่าไอ้ลอยมุ่งมาดจะพายเรือไปรับไอ้เลิศและไอ้หมาน  แล้วจะวกกลับไปที่โรงเรียนฝึกหัดครูอีกครั้ง!

นึกถึงดวงตาใสแจ๋วเหมือนลูกหมาคู่นั้นแล้วมันน่าสนุกนัก 

********************

เลอมานชะโงกหน้ามองจากหน้าต่างข้างเตียง  แสงไฟจากบนเรือนส่องให้เห็นสง่ากับสันติยืนกุมเป้าตัวลีบอยู่กลางลานดินกว้าง  เบื้องหน้าคืออาจารย์ฝ่ายปกครองผู้แสนเข้มงวด  เสี้ยวหน้าได้รูปนั้นดูนิ่งขรึม น่ายำเกรง

สองสหายสารภาพหมดเปลือกว่าจงใจแกล้งทิ้งเขาไว้  แต่ไม่คิดว่าจะเลยเถิดบานปลายจนเจ็บตัวแบบนี้  แล้วเขาก็ได้เห็นคนึงฟาดไม้เรียวที่ก้นสองคนนั้นคนละ ๕ ที  ขู่ตัดคะแนน และสั่งให้มาขอโทษเขาในวันรุ่งขึ้น  ไม่ลืมต่อว่าเรื่องที่ชวนกันไปทำบาปโดยการตกกุ้งในวันพระ  และสั่งให้เอากุ้งที่ยังไม่ตายไปปล่อยให้หมด

เฮ่อะ  พ่อคนใจบุญ
   
หม่อมราชวงศ์หนุ่มได้แต่มองอย่างนิ่งสงบ  อดคิดไปไม่ได้

ถ้า..ถ้าเป็นจินดา  ถ้าจินดาบาดเจ็บเลือดอาบมาแบบนี้  มือใหญ่นั่นจะตบหน้าให้รู้สึกตัว  จะกระชากจนเจ็บแบบที่ทำกับเขาไหม  จะตะคอกใส่หน้า  กล่าวหาว่าเขาไปก่อเรื่องเสื่อมเสียไหม 
   
ร่างสูงในเสื้อกุยเฮงกางเกงแพรเดินเข้าห้องมา  ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นดวงตาสีน้ำตาลใสจ้องเขม็ง

“ยังไม่นอนหรือ” ถามโดยไม่สบตา  ปกติเลอมานคงตอบกวนประสาทไปแล้วว่า ‘ถ้านอนแล้วจะลุกขึ้นมานั่งหรือ’ 

แต่ไม่ใช่ตอนนี้ 

“อาจารย์คิดว่าสิงห์กับลอยทำอะไรผม” เขาตัดสินใจถามคำถามที่รู้คำตอบอยู่เต็มอก 

ดวงตาคมวาวเรียบนิ่ง  นิ่งพอๆกับน้ำเสียง  “ถามแบบนี้  ไม่รู้จริงๆหรือว่าแกล้งไม่รู้” 

“ผู้ชายเหมือนกัน  จะทำอะไรได้”  คนเจ็บไล่ต้อนให้จนมุม 

“ผู้ชายบางคนมันไม่เลือกหรอกนะ” ความหงุดหงิดเจือในน้ำเสียงจนจับได้  เป็นเชื้อไฟที่ทำให้คนฟังตีรวนอย่างหาเรื่อง

“อาจารย์เคยทำงั้นสิ  ถึงได้รู้ดีนัก”

เจอย้อนเข้าให้อย่างเจ็บแสบแบบนี้ คนึงถึงกับนิ่งงัน  แกล้งเบือนหลบไม่สบดวงตาคาดคั้นของอีกฝ่าย  กำลังจะหันกลับไปยังฝั่งตนแต่กลับต้องชาวาบทั้งร่างเมื่อได้ยินประโยคต่อไป       

“อย่าคิดว่าคนอื่นจะเหมือนตัวเอง  ชอบผู้ชายเหมือนกัน” ปากซีดเผือดแสยะเหยียดหยัน  “น่าขยะแขยง” 

‘น่าขยะแขยง?’

เขาไม่ได้คิดเช่นนั้น  ไม่ได้คิดเช่นนั้นเลยจริงๆ  ที่พูดออกไปเพราะแค่อยากทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บปวดบ้าง 
 
ได้ผล

“เอาอะไรมาพูด” คนกินปูนร้อนท้องหน้าถอดสีทันที  รีบร้อนเดินไปยังโต๊ะทำงานตัวเอง  คงจะเพิ่งเห็นโน้ตที่เขาเขียนไว้ให้
   
“ไปบ้านจ้อยมาหรือ  ไปหายายช้อยมาใช่ไหม  ไปรบกวนอะไรแก” 

ทำไมนะ?  ทำไมเขาเจ็บอีกแล้ว?  น่าแปลก  ทำไมเขาถึงเจ็บได้อย่างง่ายดายกับคำพูดเพียงแค่นี้

“นี่คือคำพูดที่อาจารย์ควรพูดหรือ” เลอมานกระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่  แม้แต่เสียงยังสั่นพร่าน่าสมเพช “แทนที่จะถามผมสักคำ  ผมกลัวไหม  ผมหนาวไหม  ผมเจ็บไหม  อาจารย์กลับไม่ถามเลย!”

พูดได้แค่นั้นแล้วก็ผินหลังให้  สะบัดผ้าห่มคลุมร่างจนมิดหัว 
   
ดูเอาเถิด  ขนาดกุ้งที่สง่ากับสันติตกได้มา  คนึงยังมีแก่ใจห่วงใยมันมากกว่าเขาเสียอีก  แบ่งปันความเมตตาที่มีให้กุ้งพวกนั้นมาให้เขาสักนิดไม่ได้หรือ  หากการทำใจให้รักและเอ็นดูเขาในฐานะศิษย์มันยากนัก  ก็เมตตาเขาในฐานะเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกคนหนึ่ง  มันลำบากยากเข็ญนักหรือ

หรือในสายตาของฝ่ายนั้น  เขามีค่าน้อยกว่ากุ้งในถังสังกะสีพวกนั้นเสียอีก  ไม่สิ  ไม่ว่าอะไรก็มีค่ามากกว่าเขาทั้งนั้น  เพราะสำหรับอาจารย์คนึงแล้ว  หม่อมราชวงศ์เลอมานคนนี้ไม่มีค่าเลยสักนิดเดียว     

มือที่ซุกอยู่ใต้หมอนกำแน่น  ความอุ่นผ่าวจากเบ้าตากลั่นกรองเป็นหยาดน้ำหยดไหลผ่านสันจมูกร่วงเผาะสู่หมอน  กัดริมฝีปากแน่นจนช้ำ  ไม่มีแม้เสียงสะอื้น  ไม่มีอาการตัวสั่น  ไม่มีวันเสียละที่เขาจะให้อีกฝ่ายมารับรู้ว่าเขาน่าสมเพชเพียงใด 

เป็นวันแรกในแผ่นดินไทยที่เขาเสียน้ำตา 

แต่หากเลอมานจะเปิดผ้าห่มที่คลุมโปงไว้จนมิดขึ้นมองสักหน่อย   ก็จะได้เห็นมือที่เอื้อมไปทำท่าคล้ายจะสัมผัสร่างที่นอนคุดคู้  ทว่าพอจวนถึงกลับชะงักนิ่ง  ก่อนเปลี่ยนใจ หรือตัดใจวางมือลงข้างตัว   

และจะได้เห็นดวงตาที่อ่อนโยนลงตามหัวใจที่อ่อนยวบนิ่งมองอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน



โปรดติดตามตอนต่อไป

----------------------------------------------------------------------------
*น้อยใจ, พรพิรุณ คำร้อง,  โฉมฉาย อรุณฉาน ขับร้อง

 
ตอบเม้นกันดีกว่า :L2:

WinterRose
แหม.. ถ้าเป็นหนังจีนคงต้องบอกว่าข้าน้อยมิบังอาจ มิบังอาจ (คารวะ 2 ที) อ่านคอมเม้นคุณแล้วเราเขินเลยล่ะ (เกาหัวแกรกๆ) ไม่เคยคิดว่าตัวเองเขียนดีอะไรเลยค่ะ แค่รู้สึกยังไงก็เขียนยังงั้น แล้วก็ความรักจับมือเขียน.. เท่านั้นเอง  ตอนนี้กำลังเริ่มเขียนตอน ๑๐ ต่อแล้วค่ะ  คาดว่าจะลงที่เล้าพร้อมกับบอร์ดอื่นไปด้วยเลย  สะดวกอ่านบอร์ดไหนก็ได้จ้า  และขอบคุณมากๆสำหรับโค้ดทำลิ้งค์สารบัญนะคะ  ว่าแต่ตัวเลข ๗ ตัวนั่นคืออะไรคะ  ถามไว้เผื่อคราวหน้าเราจะได้ทำเองโดยไม่ต้องรบกวนคนอื่นน่ะค่ะ ^^

silverspoon
คุณชายเริ่มเผยนิสัยด้านดีให้เห็นทีละนิดแล้วค่ะ  ส่วนอาจารย์ก็เริ่มหลงเด็กหน่อยๆ  ช่วยไม่ได้อ่ะเน้อ เรื่องพรรค์นี้มันไม่เข้าใครออกใคร ^^

vk_iupk
ยินดีต้อนรับและยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ ^^

tonkhaw
ขอบคุณมากนะคะที่ชอบ เป็นคนเขียนนิยาย แค่มีคนอ่านก็ดีใจแล้วค่ะ ยิ่งได้คอมเม้นให้กำลังใจแบบนี้ยิ่งปลื้มตัวลอยเลย^^ ส่วนที่บอกว่าอยากให้ลงทุกวันนี่ (ปาดเหงื่อ^^”) ถ้าทำอย่างนั้นได้จริงจะวิ่งรอบสนามหลวงสองรอบเลยค่ะ  ใจจริงก็อยากอัพถี่ๆเหมือนนักเขียนหลายๆคนนะคะ  แต่เราเป็นคนเขียนช้านี่สิ T^T  ขอเป็นอาทิตย์ละตอนแล้วกันนะคะ

davil01
ขอบคุณมากค่ะ  ^^

roseen
อ๋าย.. ไม่ต้องกังวลค่ะไม่ต้องกังวล  วาระแห่งดราม่ายังมาไม่ถึงค่ะ ^^

Mio
สามคำให้น้องนางฟ้า >> รัก เช่น กัน (จ้า)

wdaisuw
ดีใจมากๆเลยค่ะที่อ่านแล้วชอบ  แต่อยากบอกว่า.. มาม่าน้ำ(ตา)ตกเนี่ย.. อร่อยนะคะ ๕๕๕+

ordkrub
ชื่อเรื่องมันเรียบมากเลยเนอะ ๕๕๕+ ตั้งใจตั้งชื่อให้เหมือนนิยายสมัยก่อนน่ะค่ะ  อยากบอกว่ามีคนอ่านเข้าใจว่าเป็นนิยายกำลังภายในด้วยนะเออ (สงสัยเพราะคำว่า ‘หงส์’ เป็นแน่แท้) ขอบคุณที่ผ่านมาแล้วไม่ผ่านไป  อยู่เป็นเพื่อนกันไปนานๆนะคะ^^

dearmeepooh
ตอนนี้แค่ซอฟท์ๆ พอให้เขินๆแก้มแดงอ้องต้องก่อนเนอะ  ไว้รอเลือดพุ่งพร้อมกันในฉากอัศจรรย์เนอะ ^^

Artemis
ยินดีต้อนรับสู่นิยายเรื่องนี้ค่ะ มามะกอดกันๆ  :กอด1:ขอบคุณมากๆเช่นกันนะคะที่แวะเข้ามาอ่าน  เขียนนิยายแล้วมีคนอ่านก็เหมือนสารที่ต้องการจะสื่อเดินทางไปถึงคนรับ  ไม่ใช่พูดใส่กำแพงอยู่คนเดียว  ขอบคุณมากนะคะ

2pmui
ชอบอะไรๆย้อนยุคเหมือนกันค่ะ  ขอบคุณที่ติดตามนะคะ^^

Zymphoniz
เดี๊ยวๆๆๆ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องรวมเล่มเลยจ้า.. เรื่องราวดำเนินมาแค่ต้นๆเรื่องเอง การรวมเล่มมันยังเป็นเรื่องของอนาคตอันยาวไกล ^^  (แต่ถ้าเป็นไปได้พี่ก็อยากรวมเล่มน่ะเน้อ) ขอบคุณที่คอยให้กำลังใจเสมอมานะจ๊ะ


รักคนอ่านค่ะ

ดอกไม้

๑๓ มกราคม ๕๕

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
« ตอบ #99 เมื่อ: 13-01-2012 14:48:04 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ WinterRose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
อา เราลืมนึกถึงไปเลยค่ะว่าคุณดอกไม้ต้องทราบเรื่องที่มาของ url แน่เลย
ขอโทษด้วยนะคะ  :call:
ดูที่ภาพนะจ๊ะ จิ้มตรงที่ชี้ไว้เลย



แล้วพอมันเปลี่ยนหน้าปุ๊บก็ก็อป url address หน้าที่ขึ้นมาใหม่นั่นแหละ
มาใส่เป็นลิ้งค์ของแต่ละบท อย่างของบทที่ ๗ จะเป็น
 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30154.msg1807693#msg1807693 ค่ะ
สงสัยตรงไหนอีก ถามได้เลยนะคะ ^^

---

อ่านตอนนี้แล้วก็ให้สงสารคุณชายที่สุดเลย
ทำไมเพื่อนๆของจ้อยใจร้ายขนาดนี้ก็ไม่รู้
อาจารย์อีก อดติกับคุณชายแท้ๆเชียว
นอกจากนิสัยรั้น เอาแต่ใจนิดหน่อยตามประสาลูกคุณหนูแล้ว
คุณชายก็ไม่ได้พิษภัยอะไรเลย จ้อยเสียอีกที่เข้าใจคุณชาย
น่าสงสารลูกรักของเรา (โอ๋คุณชายออกนอกหน้า ฮ่าๆ)

ส่วนจ้อยกับสิงห์ก้นับวันยิ่งรุนแรงขึ้นๆ
ลอยเนี่ย แววตัวร้าย(ร้ายมากด้วย!)โผล่มาแต่ไกลเลย
นิสัยไม่ดีเลย มาคบกับสิงห์ก็หวังแต่ผลประโยชน์แท้ๆ
เท่าที่ดู เนื้อแท้สิงห์ไม่ใช่นังเลงหัวไม้อะไรแบบนั้นสักหน่อย
เสียเพราะเพื่อนนี่แหละ

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
ความรู้สึกที่เลอมานมีให้กับอาจารย์คนึงมันจะใช่คำว่ารักหรือยังน่ะ
หรือเพียงอยากได้ความรักอย่างที่ทุกคนได้
แล้วความรู้สึกของอาจารย์เองล่ะ ดูท่าเหมือนจะแอบมีใจให้หน่อย
แต่ก็ยังมี จินดา คนรักเก่าถึงแม้จะไม่อยู่แล้ว
เฮ้ออ น่าอึดอัดเน้ออ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนครับ ^^

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
สงสารคุณชาย!!!!!!!
เพิ่งจะเริ่มรู้สึกว่าคุณชายน่าสงสารก็คราวนี้แหละ

ออฟไลน์ หัวเเม่มือ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 804
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
ติดตามๆตอนต่อไป ภาษาสวยมาก

ออฟไลน์ vk_iupk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-2
บรรยายเรื่องตอนนี้ อ่านแล้วน้ำตาซึมเลย
อินจัด  ตอนที่คุณชายถูกทิ้ง T^T
คุณชายเริ่มชอบ อาจารย์แล้วชิมิเนี่ย
แอบมี น้อยจงน้อยใจ  :-[ :o8:

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
เรื่องนี้อ่านเพลินมาก ชอบค่ะ

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
 :เฮ้อ:น่าเป็นห่วงจ้อย

กำลังจะเจอตัวเหี้ย

silent_loner

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องนี้ใช้ภาษาได้สวยงามมาก
ชอบการนำเพลงเก่าๆมาประกอบเนื้อเรื่อง
มันสามารถสื่อทั้งอารมณ์และความรู้สึกหรือเปรียบเทียบตัวละคร ณ ตอนนั้นได้ดี
สุดยอด!! ชอบมากเลยค่ะ  o13 o13

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ตอนนี้สงสารเลอมาน

และเห็นใจสิงห์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: มหาหงส์ บทที่ ๗ : น้อยใจ [๑๓/๑/๕๕]
« ตอบ #109 เมื่อ: 15-01-2012 14:52:44 »





ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
อ่านยังไม่ถึงตอนสุดท้ายเลย เดี๋ยวกลับมาอ่านใหม่นะครับ

อ่านแล้วไม่ค่อมเม้นอย่าว่ากันนะครับ

ออฟไลน์ miya_pp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ Phantom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 210
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0


สงสารคุณชายจริง ๆ
ลุ้นกลัวจะโดนใครทำมิดีมิร้ายไปซะก่อน
ท่าทางจะต้องลุ้นอีกนานแน่ ๆ

ขอบคุณคุณดอกไม้ที่บรรจงเขียนเรื่องได้น่าติดตาม
แถมมีรูปประกอบสวย ๆ ด้วย

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
คุณชายเหมือนเป็นเด็กน้อยที่ไม่ได้อยู่กับครอบครัวตั้งแต่เด็กอ่ะ  เลยไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนเท่าที่ควร

แต่พอพระเอกได้สอนอะไรให้แล้ว  ก็เหมือนจะดีขึ้นนะ 

รักเรื่องนี้จัง  อิอิ  มาอัพไวๆนะคะ ชอบมากๆ  +1 ให้จ้าาา

ออฟไลน์ Jploiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-2
มาให้กำลังใจก่อนมาตามอ่านค่ะ
เผอิญว่าเป็นช่วงที่ติดสี่แผ่นดินงอมแงมเลยไม่ค่อยได้เข้าเล้าเท่าไหร่
มาเจออีกทีก็ปาไป 7 ตอนเสียแล้ว!  :a5:

ออฟไลน์ ต่ายน้อย

  • กระต่ายน้อยลอยคอ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-3
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27719.0
เพิ่งได้มาติดตามครับผม สารภาพตามตรงตนเห็นเรื่องนี้ครั้งแรก ไม่อ่านเพราะชื่อมันดูเศร้า ๆ
แล้ววันนี้ได้เข้าไปดู บอรด์ เรื่องนี้ต้องอ่าน เลยลองแวะมาอ่าน  พออ่านจบ  ขอบอกคำสั้น ๆ
หลงรักคุณชายเลอมานไปเสียแล้ว

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
เพราะลอยแน่ๆที่ทำให้จ้อยกับสิงห์แยกกัน

แต่ว่า สงสารชายเล็กจริงๆนะ ท่านพ่อเองก็หักดิบเกินไป น้องเองก็ใช่ว่าจะสอนยากสอนเย็น

สงสารน้องอ่ะ

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
อ่าวแล้วเพลินมากๆเลยละคะ ^^
ถูกใจมากเลย
ชอบอ่านแนวย้อนยุคแบบนี้เหมือนกัน
เคยอ่านของบางเรื่องภาษามันแปลก ทะแม่งๆดี
แต่อันนี้อ่านแล้วลื่นดีคะ ชอบๆ

เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆคะ แล้วมาอีกน้า
+1 ให้จ้าาาาาาา

ออฟไลน์ My_Rain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สุดยอดอ่ะ อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนมีความรู้สึกถึง หมอกมาปะทะตัวตลอดเวลา
อารมณ์สีเทาอะไรประมาณนั้น  แล้วภาพในจินตนการก็แบบ เหมือนมีเส้นๆแบบหนังเก่าๆ ><
แล้วเหตุไฉนใยจ้อยกับพี่สิงค์ถึงเปลี่ยนไปละอยากรู้ๆ เวลาอ่านคู่นี้มันหวิวๆ แปลก  หุหุ
ขออย่าให้ไอ้ยอดมันเลวเกินไปเลยเหอะเดี๋ยวรับไม่ได้   
ยังไงก็รีบมาต่อนะคะ  ไม่อยากให้ขาดตอนอยากอ่านทุกๆวัน
เป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยจ้าาา สู้ๆ

ออฟไลน์ Jploiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-2
อึดอัดกับสถานการณ์ของทั้งสี่คนมาก
น่าสงสารสิงห์ที่ชอบจ้อย แต่จ้อยก็ทำท่าเหมือนรังเกียจตัวเองซะเต็มประดาขนาดนั้น
ไหนจะตอนเด็กๆ เคยสนิทกันแบบนั้นแล้วด้วย ลูกกำนันน่าสงสารเชียว
ส่วนเลอมานกับอาจารย์คนึงนี่ก็อึดอัดสุดๆ
อาจารย์เริ่มอ่อนโยนแล้ว แต่สองคนนี้เหมือนคนปากแข็งทั้งคู่
ไม่เคยพูดจากใจตัวเอง ประชดประชันกันเข้าไป
เฮ้ออ เดี๋ยวปั๊ดให้จินดาฟื้นขึ้นมาซะเลย  o18

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด