มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]  (อ่าน 780222 ครั้ง)

ออฟไลน์ SweetSacrifice

  • I always get,what I aim for
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +479/-1
ลงที่เล้าแล้ว

วิ้บวิ้วววววววววววววว

ai_no_uta

  • บุคคลทั่วไป
พี่จี้ ขอจ๊วบบบบบทีนึงค่า ^^

ฉีกแนวววมากอ่ะพี่ แต่จะติดตามค่ะ สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้!!!


ปล.พิมพ์เอง  เชียร์พี่จี้สุดใจขาดดิ้น!!

ออฟไลน์ しろやま としんや

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +921/-157
จะบอกว่าชอบคู่พี่สิงห์กะน้องจ้อยมากๆๆๆๆๆเลย (คู่จารย์คนึงกะน้องเล็กก็ชอบน๊าาาา)

อ่านคู่นี้ทีไรลุ้นตลอด เฮ้ออออออ ซึนทั้งคู่อ่า(น้องจ้อยซึนยิ่งกว่า)

แต่ก็น่ารักสุดๆ>////////<

จะรออ่านตอนใหม่น๊า ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกนะจ๊ะ




ปล.อีกบอร์ดเราใช้คนละชื่อ เพราะฉะนั้นชื่อในบอร์ดนี้อาจจะไม่คุ้น แฮะๆๆ

zeen11

  • บุคคลทั่วไป
เนื้อเรื่องน่าสนใจมากค่ะ อยากรู้ว่าคุณชายตัวแสบจอมยโสจะโดนปราบยังไง ทำตัวน่าหมั่นไส้เหลือเกิ๊นนนนนนนน o12 o12 o12

kenshinkenchu

  • บุคคลทั่วไป
เค้าเข้ามาเมนต์แล้วทำไมมีโฆษณามากลบชื่อไมรู้   :o12:

ลงบทหนึ่งแล้ว  เย้ๆ

เข้ามาบวกเป็ดรอวันกินมาม่า (ไม่ใช่ล่ะ) 

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
มาเป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้ค่ะ
คิดถึงชายเล็กกับน้องจ้อย
ส่วนพระเอก ช่างมันเถอะ

ออฟไลน์ ZomZaa^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-0
 :กอด1:พี่จี้ เป็นกำลังใจให้นะคับ

ออฟไลน์ irksome

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ใครอ้ะ !?!

Zymphoniz

  • บุคคลทั่วไป
แช่มแอบอู้ ปล่อยใครเข้ามาล่ะเนี้ย
เห็นหลายคนคอนเฟิร์ม ว่าเรื่องนี้สนุก
เริ่มบทแรกก็สนุกจริงๆ  o13
แต่ก็ไม่แปลกใจ เพราะเรื่องแรกที่พี่จี้แต่งก็สนุกมากๆๆ
(เริ่มอ่านตั้งแต่ 4 ปีที่แล้วก็ยังรออ่านอยู่ 55)

ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้ว่าพี่จี้แอบมาแต่งเรื่องนี้
(แล้วทิ้งมี่จังกับโนโนะไว้  o6) 555
รู้งี้หาเรื่องนี้อ่านรอนานแล้วววว   :interest:

สุดท้ายอยากบอกพี่จี้ว่า พี่จี้แต่งนิยายสนุกจริงๆ นะคะ แต่อย่าดองนานอีกเลยน้า  :monkeysad:

Morethan

  • บุคคลทั่วไป
ไม่นึกว่าจะเอามาลงที่นี่ด้วย >_<

เป็นกำลังใจให้นะคะ

คิดถึงทุกคนโดยเฉพาะคุณชายเป็นพิเศษ ฮา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Mio

  • บุคคลทั่วไป
สนุกและน่าาติดตามต่อมากๆ นางฟ้าชอบ  :-[
สามคำ>>> รัก คน แต่ง (ฮิ้ววว) :กอด1:

ออฟไลน์ hongzaa

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
จงมา จงมา~~~

ออฟไลน์ Jploiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-2
ไปเจอเรื่องนี้ในเด็กดี แต่ก็ตัดสินใจว่าไม่อ่าน
มารออ่านในเล้าดีกว่า  :z2:

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1

บทที่ ๒

หงส์ปีกหัก

โอ้เจ้าหงส์ฟ้าเอย แสนงาม
เหตุไฉนถึงทรามทำตัวเย่อหยิ่งหนักหนา
อวดเป็นหงส์ทอง ลอยล่องฟ้า
เหยียดหยามปักษาพวกเดียวกันว่าต่ำเพียงดิน

อย่าหยิ่งนักเลยนะเจ้า พลาดพลั้งจะเหงา
ซบเซาเศร้าทรวงเอง *


   
เมื่อเหลือเขาอยู่เพียงคนเดียวในห้องกว้าง  คนึงถอนใจพรูขณะเดินไปเปิดหน้าต่างตรงหัวเตียง  ลมเย็นฉ่ำพัดพากลิ่นหอมเย็นของดอกมหาหงส์มาด้วย  ชายหนุ่มเผลอสูดเข้าไปเต็มปอด  ดวงตาคมกล้าแหงนมองดวงดาวพริบพราวเบื้องบน  ป่านนี้คนรักของเขาจะเงียบเหงาอ้างว้างอยู่ ณ ดาวดวงใดกัน
   
ยิ่งคิดยิ่งชอกช้ำ  ร่างคนรักของเขาเพิ่งเป็นเถ้าธุลีไปเมื่อวาน  พอมาวันนี้  เพียงเพราะการมาถึงของเด็กหนุ่มผู้จองหองคนนึง  ก็ทำให้ทุกคนสนุกสนานร่าเริง  ต้อนรับกันอย่างครึกครื้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เหมือนการตายของคนรักของเขาไร้ค่าไม่ต่างอะไรกับดอกไม้ดอกหนึ่งที่ร่วงหล่นจากต้น
   
อาจารย์หนุ่มหันกลับมามองไปรอบห้อง  เดิมชั้นหนังสือนี้เคยตั้งอยู่ชิดริมผนังจนกระทั่งจินดาจากไปและเขาต้องจัดห้องใหม่ต้อนรับหม่อมราชวงศ์เลอมาน  โต๊ะเขียนหนังสือ  หรือแม้กระทั่งเตียงนอนล้วนเป็นสิ่งที่จินดาเคยใช้  ยิ่งมองยิ่งชวนระโหยไห้

ลมพัดมาซู่ใหญ่จนผ้าม่านปลิว  เสียงหรีดหริ่งระงมเงียบกริบ  พริบตานั้นคนึงได้ยินเสียงฝนกระหน่ำลั่นอยู่ในอก 

ไม่เคยอดทนถมเขื่อนขึ้นกั้นได้
คืนนี้ความทรงจำคงหลากไหลท่วมท้นอีกแล้ว

***********************

“นั่นใคร!”  เลอมานร้องถามลั่นก่อนวิ่งไปฉวยเสื้อคลุมมาปิดร่างเปลือยเปล่า  ดวงตาคมวาวจ้องผู้บุกรุกอย่างเอาเรื่อง 

จ้อย สันติและสง่าในผ้าขาวม้ายืนตะลึงอ้าปากค้าง  สง่านั้นถึงขั้นทำขันน้ำในมือร่วงกระทบพื้น  เสียงเคร้งดังลั่นเตือนสติทั้งสามให้หันหลังขวับพร้อมกัน     
   
“เสียมารยาท!  ไม่รู้หรือไงว่าฉันอาบอยู่!” เลอมานน้ำเสียงพร่าไปด้วยความโกรธ  เร่งร้อนใส่เสื้อคลุมไหมด้วยมือสั่นเทา 
“ขอโทษครับคุณชาย” จ้อยเอ่ยทั้งที่ยังหันหลังให้ “ที่นี่เป็นห้องน้ำรวม  พวกเราไม่รู้จริงๆว่าคุณชายอาบอยู่ คือ..”
   ยังไม่ทันพูดจบ  เด็กหนุ่มผู้สูงศักดิ์ก็เดินลิ่วๆผ่านหน้าออกไป  ทิ้งให้ทั้งสามยืนเซ่ออยู่กับความเงียบงัน
....................

“ขาวว่ะ” สง่าพูดเหมือนเพ้อ  สายตายังมองตามร่างที่เพิ่งเดินจากไป
“อะไรขาว” สันติถามพาซื่อ
“ทั้งตัวเลย”
“อืม..” เด็กหนุ่มร่างผอมสูงขยับแว่นตาพลางพยักหน้า  ก่อนสะดุ้งตั้งสติได้ “เฮ้ย ไอ้บ้านี่ ผู้ชายเหมือนกันแท้ๆ  โอยๆ..เห็นทีตาจะเป็นกุ้งยิงแน่”       
   
เพื่อนทั้งสองหันไปเตรียมอาบน้ำอาบท่า  ในขณะที่จ้อยได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเป็นห่วงอาจารย์ฝึกสอนคนใหม่นัก

“ไอ้แช่ม!”  หม่อมราชวงศ์หนุ่มเรียกลั่นเมื่อออกมาหน้าโรงอาบน้ำ  แล้วให้นึกฉงนนักเมื่อไม่เห็นบ่าวยืนเฝ้าอยู่ตามที่สั่ง

“ไอ้แช่ม  ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน!  ไอ้แช่ม!!” คำนำหน้าชื่อเปลี่ยนไปจากที่เคยด้วยโทสะ  แต่เรียกไปก็ป่วยการเปล่า  ไม่มีแม้เงาของนายแช่ม  เขาจึงตัดใจเดินกลับบ้านพักเพียงลำพังอย่างกระฟัดกระเฟียด   

‘ลูกหมาตกน้ำ’
   
คนึงคิดในใจทันทีที่เห็นสารรูปเด็กหนุ่มที่เดินเนื้อตัวเปียกซ่กเข้าห้องมา  อาการเดินลงส้นและปิดประตูเสียงดังอย่างไร้มารยาทบ่งบอกได้ดีว่าเจ้าตัวอยู่ในอารมณ์ใด 
   
แต่กระนั้นเขาก็เพียงเงยหน้าจากงานขึ้นมองด้วยสายตาเย็นชา  เมื่ออีกฝ่ายมายืนอยู่ริมชั้นหนังสือกั้นอาณาเขต  กระชากเสียงเรียกเขาห้วนๆ
   
“คุณ!” ร่างโปร่งหอบหนัก ดูไม่ออกว่าเพราะเหนื่อยหรือโกรธ “มีห้องน้ำอื่นอีกไหม!”
   
อาจารย์หนุ่มเหยียดมุมปากอย่างจะหยัน  ถอดแว่นที่มักใส่ประจำเวลาตรวจงานหรืออ่านหนังสือ  ดวงตาคมสำรวจฝ่ายตรงข้ามหัวจรดเท้า ผมสีน้ำตาลเรียบลู่มีฟองสบู่ไหลย้อยจนเจ้าตัวต้องคอยใช้หลังมือปาดออก  ทั้งร่างเปียกโชกจนเสื้อคลุมไหมสีน้ำเงินแนบเนื้อตัดกับผิวขาวจัด  ริมฝีปากแดงที่กระทบกันดังกึกๆ 
   
คุณชายผู้จองหองต้องมาอยู่ในสารรูปนี้  สมน้ำหน้าแล้ว

“ไม่มี” คนึงตอบไม่ยี่หระ “ทำไม  อาบไม่ได้หรือไง”
“มีคนอื่นอาบอยู่นี่”
“แล้วอาบรวมกับคนอื่นไม่ได้หรือ”
“ไม่ได้!”
   
ชายหนุ่มถอนใจหนักๆด้วยความรำคาญ  ก่อนลุกขึ้นยืนแล้วหันไปหยิบของบางอย่างจากตู้เสื้อผ้าส่งให้
   
“อะไร” หม่อมราชวงศ์หนุ่มถาม  มองผืนผ้าพับลายตารางในมือใหญ่ด้วยความไม่เข้าใจ
   
“ผ้าขาวม้าไง  ไม่รู้จักหรือ” ใบหน้าหล่อคมเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่ง “อยู่ที่นี่ต้องหัดอาบน้ำแต่งตัวในที่สาธารณะ  ผ้าขาวม้านี่จะขาดเสียไม่ได้  เอาไปเลยผมให้  นุ่งซะแล้วลงไปอาบที่ตุ่มหัวบันไดก็ได้”
   
เด็กหนุ่มสูงศักดิ์กัดริมฝีปากนิ่ง  ไม่ยอมยื่นมือมารับเสียที  คนึงจึงชักกลับทำท่าเหมือนจะเอาไปเก็บ “หรือจะไม่อาบก็ตามใจ  ปล่อยให้สบู่คาหัวอยู่แบบนั้นแหละ  พรุ่งนี้ผมร่วงหมดหัวอย่ามาโทษผมก็แล้วกัน”
   
คำขู่นั้นได้ผล  เมื่อร่างโปร่งบางถลันมาฉวยผ้าขาวม้าไปถือไว้  แล้วเดินกลับไปยังฝั่งตัวเอง  คนึงหัวเราะขึ้นจมูก ทั้งขันทั้งหยัน  ก่อนจะกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม  แล้วไม่นานนัก  เขาก็ได้เห็นเด็กหนุ่มตัวขาวในผ้าขาวม้าผืนเดียวเดินไปยังประตู
   
“เดี๋ยว..” คนึงเรียกไว้  พลางลุกขึ้นเดินไปหา
   
“อะไร” ใบหน้างามหวานหันขวับ  กระชากเสียงห้วนอย่างรำคาญ  ถอยหลังออกอย่างไว้ตัวเมื่อร่างสูงเดินเข้ามาใกล้  สายตาคมวาวที่จ้องท่อนล่างของเขาชวนให้อึดอัดนัก  ฉับพลันนั้นร่างโปร่งก็สะดุ้งโหยงเมื่อมือใหญ่ฉวยปมผ้าของเขาไว้
   
“ทำอะไรน่ะ! ปล่อย!”  ร่างเล็กขู่ฟ่อเหมือนลูกแมวระแวง  มือบางพยายามยื้อยุด 
“นุ่งแบบนี้โดนน้ำสองขันก็หลุดแล้ว” น้ำเสียงและดวงตาเรียบนิ่งตรึงให้เขายืนอึ้งอยู่กับที่ยามมือใหญ่นั้นมัดปมผ้าให้ใหม่จนแน่นขึ้น  “เอ้า.. อาบให้ดีๆล่ะ เกิดทำผ้าหลุดขึ้นมา ใครมาเห็นเข้าเขาจะนึกว่าเปรต”
   
“เปรต?” คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น  “อะไรคือเปรต?”
   
อาจารย์หนุ่มเพียงหัวเราะในลำคอก่อนหันหลังจากไป  ทิ้งให้เขาลงส้นออกจากห้องไปด้วยความฉุนเฉียวยิ่งนัก 

   
คืนเดือนมืดดาวพราวพร่าง  เสียงหรีดหริ่งเรไรร้องระงม  แต่หม่อมราชวงศ์หนุ่มไม่มีกะใจมาชื่นชมด้วยกำลังตักน้ำในตุ่มขึ้นราดหัวโครมๆ อย่างรีบเร่ง 
   
บ้านป่าเมืองเถื่อนแท้ๆ  เด็กหนุ่มคิด..
   
ถ้าตอนนี้เขาอยู่ที่บ้านในกรุงลอนดอนละก็.. อย่าว่าแต่บ้าน  แม้โรงเรียนกินนอนของเขาก็ยังมีสภาพดีกว่าที่นี่  มีห้องน้ำสะอาดมิดชิด  มีฝักบัว  มีอ่างอาบน้ำ  มีน้ำอุ่น  มีโทรทัศน์  มีวิทยุ  มีแสงไฟสว่างไสว  ไม่ทุรกันดารมืดมนเหมือนที่นี่ 
   
มือบางยกขึ้นลูบไล่หยดน้ำจากใบหน้า  นึกทุเรศตัวเองนัก  ถ้าท่านพ่อไม่บังคับละก็  เขาไม่มีทางมาเหยียบที่แผ่นดินนี้เด็ดขาด  ไร้ความเจริญ  ไร้ความศิวิไลซ์  ผู้คนหรือก็แปลกประหลาด

ยังไม่ทันครบวัน  เขาก็ทนอยู่ที่นี่แทบไม่ได้เสียแล้ว  แล้วอีก ๑ ปีข้างหน้าเล่าจะเป็นอย่างไร

เด็กหนุ่มสลัดความคิดว้าวุ่นในหัว  คว้าเสื้อคลุมขึ้นมาใส่แล้วผลัดผ้าขาวม้าเปียกๆออกวางกองไว้กับพื้น 

พลันกลิ่นหอมประหลาดก็โชยรื่นกระทบนาสิก

กลิ่นนั้นไม่หอมหวานเหมือนกลิ่นลิลลี่  ไม่ได้หอมยวนใจเหมือนกลิ่นกุหลาบ  แต่เป็นกลิ่นดอกไม้ที่หอมเย็นสะอาดใสและแสนอ่อนโยน 
   
เขาพยายามหาที่มาของกลิ่นหอม  ซึ่งก็หาได้ไม่ยากนัก
   
ข้างตุ่มมีต้นไม้ที่เขาไม่เคยเห็นขึ้นเป็นกอหนาแน่น  แต่ละยอดกอเต็มไปด้วยดอกสีขาวชูช่อสลอน  รูปทรงเหมือนผีเสื้อกางปีกโผบิน  กลิ่นนั้นเล่าหอมซึ้งตรึงใจนัก  เลอมานจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปใกล้ๆ  สัมผัสกลีบบอบบางอย่างชื่นชม 
   
ประทับใจเสียจนเด็ดติดมือขึ้นมาดอกหนึ่ง 

น่าประหลาดนัก.. ที่ดอกไม้ธรรมดาเพียงดอกเดียวสามารถจุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าที่บูดบึ้งมาทั้งวันของเขาได้อย่างง่ายดาย
      

คนึงยังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน  เมื่อหม่อมราชวงศ์เลอมานกลับเข้ามาในห้องพร้อมกลิ่นหอมที่เคยคุ้น  และเมื่อหันไปดูก็จริงดังคาด  เจ้าของใบหน้าหวานฮัมเพลงหงุงหงิงอย่างอารมณ์ดี
   
ในมือมีดอกมหาหงส์คลอเคลียอยู่ใต้จมูก!

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงเข้มตวาดก้องจนร่างโปร่งชะงัก  ตกตะลึงยามร่างสูงใหญ่ก้าวอาดๆมาหาจนเรือนสะเทือน “ไปเอาดอกไม้นี่มาจากไหน” 
   
“ข้างล่าง” เลอมานตอบด้วยดวงตาฉงน  ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเมื่ออีกฝ่ายตวาดก้อง

“กล้าดียังไงมาเด็ดดอกไม้ของผม!  ไม่มีมารยาท!!”
   
ฟางเส้นสุดท้ายฟาดลงมากลางใจ  ตั้งแต่พบหน้ากัน  เขากับอาจารย์บ้านนอกคนนี้ไม่เคยพูดกันด้วยไมตรีเลยสักครั้ง  ไหนจะเสียมารยาทใส่ชุดไว้ทุกข์ไปรับ  และกี่ครั้งแล้วที่บังอาจตะคอกใส่หน้าเขา
   
“กะอีแค่ดอกไม้  หวงด้วยหรือ” เขาเชิดหน้าท้าทาย  ซ่อนดอกไม้ไว้ข้างหลังเมื่อมือใหญ่พยายามแย่งคืน  ความจริงเขาจะคืนให้ดีๆก็ย่อมได้  แต่ในเมื่ออีกฝ่ายอยากมาหยามเกียรติเขาก่อน..
   
“อยากได้ก็เอาคืนไป” สิ้นคำพูดนั้น  มือเรียวเขวี้ยงดอกไม้บอบบางลงกับพื้น  คนึงตะลึงตาค้าง  ความตะลึงแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธถึงขีดสุดเมื่อหม่อมราชวงศ์หนุ่มซ้ำรอยเท้าตนตามลงไป  บดขยี้..
   
วินาทีนั้น  ชายหนุ่มรู้สึกราวหัวใจตนถูกเหยียบย่ำเหมือนดอกมหาหงส์ดอกนั้น

ดอกไม้ของจินดา  ดอกไม้ของคนรักของเขา  ดอกไม้ที่พวกเขาร่วมกันทะนุถนอมปลูกและเฝ้ามองมันออกดอกเบ่งบาน  ขณะนี้กำลังแหลกสลายอยู่ใต้ฝ่าเท้าเด็กหนุ่มชั้นสูงแต่จิตใจต่ำทรามคนหนึ่ง     
   
ราวกับลืมตนไปชั่วขณะว่าเป็นครูอาจารย์  เป็นมนุษย์จำพวกที่ควรระงับอารมณ์โกรธได้ดีว่าใครๆ  แต่เมื่อเส้นความอดกลั้นขาดผึง  ร่างสูงใหญ่ถลันไปผลักอกคนตัวเล็กกว่าอย่างแรงจนเซ  ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในฐานะใด

“คุณ!!” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนวาวโรจน์อย่างเอาเรื่อง  แผ่นอกบางหอบหนัก  “มันจะมากเกินไปแล้วนะ!” 
   
ยังไม่ทันที่การทะเลาะเบาะแว้งจะบานปลายกว่านั้น  นายแช่มก็วิ่งกระหืดกระหอบเปิดประตูเข้ามาทันห้ามทัพพอดี
 
เสียงนายตะคอกถามบ่าวว่าหายหัวไปไหนมา..
เสียงบ่าวละล่ำละลักแก้ตัวว่าไปเข้าส้วม..
เสียงอาจารย์หลายคนข้างนอกมาเคาะประตูถามว่าเกิดอะไรขึ้น..

ทุกเสียงล้วนผ่านหูเขาไปเหมือนสายลมพัด  ร่างสูงย่อตัวลงเก็บดอกมหาหงส์ที่บอบช้ำแหลกสลายไว้ในอุ้งมืออย่างทะนุถนอม  ดูเอาเถิด.. กลีบช้ำถึงปานนี้  แต่กลิ่นนั้นยังหอมซึ้งนัก..
   
“อย่ามาแตะต้องดอกไม้ของผมอีก”
   
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง  ก่อนค่อยๆพามันออกมาจากความวุ่นวายสับสน  ผ่านกลุ่มอาจารย์ที่ยืนมุงหน้าห้อง  เมื่อลงบันได  เสียงของคนที่เขาหมายหัวว่าจะจงเกลียดจงชังชั่วชีวิตก็แว่วมาให้ได้ยิน
   
“เจ้าครูบ้านนอกนั่น  คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน  ท่าทางคงไม่อยากเป็นครูอยู่โรงเรียนนี้เสียแล้ว  คอยดูเถอะไอ้แช่มรับรองหมอนั่นเดือดร้อนแน่”
   
คนึงยิ้มหยันให้กับคำพูดนั้น  ขณะเดินตรงไปยังท่าน้ำ  ค่อยๆวางเจ้าดอกสีขาวลงบนผืนน้ำอย่างอ่อนโยน  เฝ้ามองสายน้ำพัดพามันไปอย่างสงบนิ่ง 
   
สายตาคมกล้าหันมองไปยังหน้าต่างห้องพักตนที่ยังเปิดไฟสว่างนวล  ริมฝีปากได้รูปหยักยิ้มเหยียดหยัน

ใครกันแน่ที่จะเดือดร้อน  หม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์!
   
********************

ฟ้ายังมืด  เสียงระฆังตีห้าครั้งดังแว่วมาจากวัดใกล้เคียง  ผสมกับเสียงไก่โก่งคอขัน  ปลุกคนึงให้ตื่นนอนตามความเคยชิน  เขาคว้าผ้าขนหนูพาดบ่าเตรียมไปล้างหน้าล้างตา  พอหันมองไปอีกฝั่งห้อง  เห็นนายแช่มกำลังม้วนเสื่อที่ตนปูนอนปลายเตียงนายอย่างขะมักเขม้น 

“อรุณสวัสดิ์นายแช่ม  ตื่นเช้าจริง”
“อ้าวอาจารย์ อรุณสวัสดิ์ขะรับ” บ่าวหัวยุ่งยิ้มทัก  ก่อนลดเสียงลงเป็นกระซิบ “เรื่องเมื่อคืน อาจารย์อย่าโกรธคุณชายเลยนะ  คุณชายอาจเอาแต่ใจตัวเองไปหน่อย แต่จริงๆก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก”
   
ชายหนุ่มหัวเราะหึในคอ  หันมองคนที่ ‘ไม่ได้เลวร้ายอะไร’ ที่ยังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียง  แล้วเดินออกจากห้องไป

อาจารย์หนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าจากเสื้อกุยเฮงกางเกงแพรที่ใส่ตอนนอนเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้น  นั่งจิบกาแฟอยู่กับเพื่อนอาจารย์ ๓ คนที่ห้องนั่งเล่น 
   
“คิดถึงจินดานะ” อาจารย์ประพนธ์เอ่ยเปิดประเด็นเล่นเอาเขาใจวูบ 
“ผมชงกาแฟเองไม่ได้เรื่องเลย  จินดาชงอร่อยกว่าเยอะ  ผมถึงชอบให้เขาชงให้” อาจารย์วิรัชยกกาแฟขึ้นจิบแล้วส่ายหน้า     “แล้วก็จะทำขนมเล็กๆน้อยๆมาแกล้มด้วย”
“ช่างสรรหาดอกไม้มาปลูก  เขามือเย็นนะปลูกอะไรก็งาม  สงสารแต่ดอกไม้พวกนี้  ต่อไปใครจะดูแล”
“น่าเสียดาย  คนดีๆไม่น่าอายุสั้นเลย” 
“อาจารย์คนึงล่ะว่าไง  คุณสนิทกับเขาไม่ใช่หรือ” อาจารย์วิรัชหันมาถามเมื่อเห็นเขาเอาแต่นิ่งเงียบ  คนึงกลับตอบคำถามนั้นด้วย
อาการเหม่อลอยหม่นเศร้าจนไม่มีใครกล้าถามอีก   
   
ดวงตาคมเข้มเหลือบมองนาฬิกาลูกตุ้มบนผนังบอกเวลาตีห้าครึ่ง  ครั้นหันไปมองยังห้องตัวเองแล้วต้องถอนใจเหนื่อยหน่าย  หากมีเวทมนตร์  เขาจะเสกให้คนที่อยู่ในห้องนั้นคือจินดา  ไม่ใช่เจ้าเด็กจองหองคนนั้น 

แต่คงเป็นได้เพียงความฝัน  เมื่อเขากลับเข้าห้องอีกครั้งเพื่อพบกับความจริง..
   
“คุณชายเล็ก  ตื่นได้แล้วขะรับ” บ่าวผิวคล้ำเขย่าแขนผู้เป็นนายยิกๆ “ต้องตื่นแล้วขะรับ”
   
เรียกไปก็เท่านั้น  ร่างบนเตียงเพียงครางในคอ  พลิกกายหนีอย่างรำคาญ  คนึงเห็นอาการนั้นแล้วนึกชังนัก 

ขี้เกียจเหมือนหมูไม่มีผิด

นายแช่มหันมองเขาราวจะขอความช่วยเหลือ  อาจารย์หนุ่มถอนใจเฮือกก่อนเดินไปสะกิดร่างบอบบางที่หลับสนิทบนเตียงอย่างเสียไม่ได้  คิ้วคมขมวดมุ่นเมื่อมือเรียวปัดมือเขาออกเหมือนปัดแมงหวี่แมงวัน   
   
“อือ..อะไรเล่า  อย่ายุ่งน่า..” หม่อมราชวงศ์หนุ่มบ่นงัวเงียทั้งที่ยังหลับตา  ก่อนพลิกกายหันหลังให้แล้วหลับต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ชายหนุ่มกัดฟันกรอดพลางหันมองไปรอบๆเพื่อหาสิ่งที่ต้องการ  โต๊ะเล็กถัดจากเตียงแปรสภาพเป็นโต๊ะวางเครื่องประทินผิวทั้งครีม แป้งและน้ำหอมนานา  แต่บนโต๊ะเขียนหนังสือกลับว่างเปล่าไม่มีหนังสือสักเล่ม  อ้อนั่น..มีเหยือกน้ำเหยือกหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ     

ร่างสูงเดินไปคว้าเหยือกแก้วที่มีน้ำใส่อยู่เกินครึ่งแล้วกลับมาข้างเตียง  นายแช่มตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อคาดการณ์ได้ว่าเขาจะทำอะไร
   
ซ่า!!!
   
“เฮ้ย!!” บ่าวผู้ภักดีร้องลั่น  เมื่อมือใหญ่สาดน้ำลงบนใบหน้านายของมันอย่างไร้ความลังเล  ร่างบางสะดุ้งเฮือกสุดตัวจนลุกขึ้นนั่งพรวด  ผมสีน้ำตาลอ่อนเปียกลู่  หยดน้ำเกาะพราวเต็มใบหน้าหวาน  ไหลลงมาถึงส่วนอกจนเสื้อนอนแบบฝรั่งเปียกแนบเนื้อ
   
วินาทีแรกเลอมานยังสับสนระหว่างความฝันและความจริง  แต่เมื่อได้เห็นอาจารย์ร่างสูงถือเหยือกน้ำไว้ในมือด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง  โทสะก็พุ่งพล่านจนหน้าแดงก่ำ
   
“คุณทำบ้าอะไร!” อะ..ไอ้ครูบ้านนอกคนนี้บังอาจนัก  ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง  กล้าดียังไงมาสาดน้ำใส่เขาแบบนี้  ตั้งแต่เกิดมา  แม้แต่ท่านพ่อหรือหม่อมแม่ก็ยังไม่เคยทำแบบนี้กับเขา  แล้วเจ้าหมอนี่เป็นใครกัน! 
   
“ตีห้าครึ่งอาจารย์และนักเรียนที่นี่ต้องไปออกกำลังกายที่สนาม” คนึงเอ่ยเสียงเรียบ  เรียบพอๆกับใบหน้า “เชิญ”
“ออกกำลังบ้าบออะไร  ผมไม่ไป!”  หัวก็ยุ่ง หน้าก็ยับเพราะรอยผ้าห่ม แถมยังเปียกปอนไปครึ่งตัว สภาพแบบนี้เขาจะออกไปได้ยังไง
   
“ตามใจ” อาจารย์หนุ่มเอ่ยไม่ยี่หระ  แต่ทำให้อีกฝ่ายถึงกับชะงักเมื่อเอ่ยประโยคถัดไป “ไว้ค่อยรายงานท่านชายอาทิตย์ทีเดียว”
            
ใช้ท่านพ่อมาขู่เขารึ  ร้ายกาจนัก  เลอมานจ้องมองคนึงตาขวางขณะถูกนายแช่มดึงแขนให้ลุกจากที่นอน  รุนหลังให้ออกจากห้อง

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
ดีแต่ตีหน้าเย็นชา  หรือไม่ก็ทำหน้าดุเป็นยักษ์เป็นมาร  อยากรู้นักว่าเจ้าอาจารย์คนนี้จะมีเพื่อนคบมีคนคุยด้วยไหม  คงจะเอาแต่ตีหน้ายักษ์จนใครๆเข็ดขยาด  ชนิดเด็กเห็นก็ร้องไห้จ้าเลยกระมัง
   
“อาจารย์คนึง สวัสดีคร้าบ” กลุ่มนักเรียนชายที่ยืนรวมกลุ่มกันอยู่ในสนามหันมาไหว้ทักทายอาจารย์หนุ่มอย่างพร้อมเพรียงกัน  เล่นเอาเด็กหนุ่มชั้นสูงที่เดินงัวเงียตามมาแทบหายง่วงเป็นปลิดทิ้งด้วยความประหลาดใจ
   
และที่น่าประหลาดใจกว่านั้นคือรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่แต่งแต้มบนใบหน้าหล่อคม 
   
“อาจารย์  เดี๋ยววันนี้เล่นตะกร้อกันอีกนะ”
“อยากแพ้อีกก็เอาสิ” รอยยิ้มกว้าง  แววตาอ่อนโยน  คำพูดแนวสัพยอกนั้นเรียกเสียงหัวเราะได้ฮาครืน

“แล้วคุณชายล่ะ  หลับสบายดีไหมครับ” นักเรียนคนหนึ่งทักถามเขา  ซึ่งก็ได้รับคำตอบเพียงหางตามองปราด  เล่นเอานายแช่มต้องตอบแทนให้
     
เขาไม่มีอารมณ์จะตอบคำถามใคร  ดวงตาคู่สวยเอาแต่จ้องอาจารย์หนุ่มที่ถูกนักเรียนรุมล้อม

เจ้าอาจารย์บ้านนอกคนนี้  ติดจะอารมณ์ดีและป็อปปูลาร์ในหมู่นักเรียนไม่หยอก  แล้วทำไมท่าทีที่มีต่อเขาถึงได้ตรงกันข้ามราวหน้ามือกับหลังเท้า
   
มันน่าหงุดหงิดน้อยอยู่เมื่อไร   


ออกกำลังกายกันเสร็จแล้ว  ฟ้าใกล้สว่างเต็มที  ท้องฟ้าใสกระจ่างแล้วค่อยๆแดงขึ้นทางทิศตะวันออก  แสงแดดยามรุ่งอรุณอุ่นสบาย  ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัว
   
เลอมานกับนายแช่มหอบผ้าขนหนูมาใช้โรงอาบน้ำเดิมที่เคยใช้เมื่อคืน  ให้นายแช่มเฝ้าอยู่หน้าห้องน้ำเช่นเคย  แต่กำชับย้ำหัวตะปูหนักกว่าเก่าด้วยกลัวมันหนีไปเข้าส้วมแบบเมื่อคืนอีก  ฝ่ายตัวเขาก็รีบอาบอย่างทุลักทุเล 
   
พออาบเสร็จเปิดประตูออกมา  ก็พบลูกตาดำๆของเหล่านักเรียนที่ยืนออรอกันอยู่เป็นสิบ  ทุกสายตามองมาด้วยความงุนงง

“คุณชายครับ  ผมว่าจะถามตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว  ทำไมคุณชายถึงมาใช้ห้องน้ำนี่ล่ะ” จ้อยในผ้าขาวม้าถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ 

เลอมานไม่เข้าใจยิ่งกว่า.. แต่แล้วกลับต้องหน้าหงายเมื่อได้รับความกระจ่าง

“ห้องน้ำอาจารย์ในบ้านพักก็มีนี่ครับ” 

******************

“คุณ!!” เสียงตวาดลั่นดังมาก่อนตัว  ตามมาด้วยเสียงเดินลงส้นและเปิดประตูดังลั่น  แต่ก็ไม่ทำให้คนึงที่กำลังสวมเสื้ออยู่อนาทรร้อนใจ
   
“หมายความว่ายังไง  ห้องน้ำในบ้านนี้ก็มี  ทำไมคุณให้ผมไปใช้ห้องน้ำนั่น  แกล้งกันนี่!” ร่างโปร่งบางในเสื้อคลุมยืนหอบอยู่ตรงหน้า  โกรธจัดจนหน้าแดงก่ำ  มีบ่าวคอยลูบหลังลูบไหล่ล่อกแล่ก 
   
“แล้วไง” ตอบแค่นั้นแล้วหันไปกลัดกระดุมต่อ  ท่าทีนั้นทำเอาอีกฝ่ายแทบเต้นผาง
   
“ทำไมคุณไม่ให้ผมใช้ห้องน้ำที่นี่ตั้งแต่แรก!  ไม่รู้หรือไงว่าผมเป็นใคร!”

“นี่มันห้องน้ำอาจารย์!  เป็นอาจารย์แล้วหรือถึงจะมาใช้!” เสียงเข้มตวาดกลับอย่างสุดกลั้น  เล่นเอาเลอมานตาเบิกกว้าง  อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง 

เจ้าอาจารย์คนนี้ตะคอกใส่เขาอีกแล้ว 

“คุณ..” เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ชี้หน้าอีกฝ่ายด้วยนิ้วสั่นเทา  แม้แต่เสียงยังสั่นพร่า “คุณจะเอายังไง  จ้องจะหาเรื่องกับผมให้ได้ใช่ไหม” 

“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาชี้หน้าผู้ใหญ่  ไม่มีมารยาท”  เสียงทุ้มใหญ่ตะคอกพลางปัดนิ้วเรียวที่ชี้หน้าตนออกอย่างแรง  คราวนี้หม่อมราชวงศ์หนุ่มถึงกับสั่นไปทั้งตัวด้วยโทสะ

“โอยๆๆ ไอ้แช่มขอละขะรับ คุณชายเล็ก อาจารย์คนึง  ไหว้เลยก็ได้เอ้า” นายแช่มครวญพลางยกมือไหว้ปะหลกๆ “อย่าทะเลาะกันเลยนะขะรับ”

“ก็แกดูสิ  เขาแกล้งฉันชัดๆ”

“ผมไม่สนใจคุณถึงขนาดจะหาเรื่องกลั่นแกล้งหรอกนะ  ถ้าไม่เพราะหน้าที่  ผมจะไม่เหลียวแลคุณเลยด้วยซ้ำ” สิ้นประโยคนั้นพอดีกับที่คนึงสวมปลอกแขนทุกข์ที่แขนซ้ายเสร็จ  ชายหนุ่มเดินออกจากห้องไปอย่างไม่แยแส  ก่อนหันมากล่าวทิ้งท้ายเมื่อนึกขึ้นได้

“รีบแต่งตัวให้เรียบร้อย  วันนี้อาจารย์ปรีชาเชิญคุณไปทานอาหารเช้าที่บ้านท่าน”     
   
**************************
   
บ้านอาจารย์ปรีชาตั้งอยู่ไม่ไกลกันนัก  สร้างยกบนพื้นเสาสูงเหมือนบ้านไทยทั่วๆไป  อาณาบริเวณนั้นแสนร่มรื่นด้วยพรรณไม้ใหญ่น้อยที่ได้รับการดูแลอย่างดี  ต้นมะม่วงใบดกหนาแตกช่อส่งกลิ่นหอมเปรี้ยว  ดอกบานชื่น ดาวเรือง ดาวกระจายเป็นแปลงชูช่อให้หน้าบ้านสวยสดใส 

อาจารย์ปรีชาพาร่างท้วมลงบันไดมาพร้อมรอยยิ้ม  คนึงยกมือไหว้อย่างนอบน้อม  นายแช่มก็ยกมือไหว้ตาม  มีอยู่คนเดียวที่เอาแต่ยืนเอามือไพล่หลังเชิดหน้านิ่ง  หากแต่อาจารย์ใหญ่ก็ยังยิ้ม.. พลางกล่าวเชิญทุกคนขึ้นไปทานอาหารเช้าบนบ้าน

สำรับอาหารเช้าของอาจารย์ใหญ่ทำให้หม่อมราชวงศ์หนุ่มถึงกับชะงัก

เปล่า.. อาจารย์ปรีชาไม่ได้ทำอาหารไทยสีแดงจัดจ้านมาต้อนรับเขา  ตรงกันข้าม  อาหารทุกอย่างล้วนทำมาเพื่อเอาอกเอาใจเขาเป็นพิเศษ  ไม่ว่าจะเป็นไข่ดาว แฮม ไส้กรอก ขนมปังปิ้ง  ไม่ต่างอะไรกับเบรคฟาสต์ที่เขาทานเมื่ออยู่อังกฤษ
   
แต่ต่างกันตรงที่ว่าทั้งหมดนั่นวางอยู่บนเสื่อไม้ไผ่ผืนบางๆ ที่ปูไว้กลางห้อง
   
อย่าบอกนะว่าจะให้เขานั่งกินกับพื้น

“เอ้า เชิญนั่งๆ ตามสบายนะ” จริงดังคาดเมื่ออาจารย์ใหญ่ผายมือเชื้อเชิญ  เลอมานพยายามซ่อนสายตาดูถูกไว้ใต้ดวงตาสีน้ำตาลใส  ขณะย่อตัวลงนั่งอย่างกระอักกระอ่วน 
   
“อ้าว  นายแช่ม  ทำไมไปนั่งซะไกล  เข้ามากินข้าวด้วยกันซี่” มือใหญ่อูมกวักเรียกบ่าวผิวคล้ำที่หลบไปนั่งพับเพียบติดเสาอย่างเจียมตัว

“มะ..ไม่ได้ขะรับ” มันรีบโบกไม้โบกมือวุ่น  ไม่มีใครทันสังเกตผู้เป็นนายถอนใจอย่างเอือมระอา “กระผมเป็นบ่าว  ไม่สมควรตีตนเสมอนายขะรับ”

“ที่นี่ไม่มีนาย ไม่มีบ่าว มีแต่มิตรสหาย มีแต่ผู้ใหญ่กับผู้น้อย  จะกินข้าวร่วมวงกันไม่ได้เชียวรึ” ถ้อยคำเสียดสีดังขึ้นจากเจ้าของใบหน้าหล่อคมที่ปรายตามองมายังเด็กหนุ่มสูงศักดิ์อย่างจงใจ  เมื่อนั้นแหละนายแช่มถึงยอมกระเถิบเข้ามาร่วมวงด้วย

วงอาหารช่างแสนครื้นเครง  อาจารย์ใหญ่และภรรยาใจดี  อาหารเช้าก็รสชาติอร่อย  คนึงและอาจารย์ปรีชาชวนนายแช่มคุยอย่างถูกคอ

คงมีแต่เลอมานคนเดียวที่ทุกข์ทรมานตลอดมื้อ  จนต้องรีบกินรีบอิ่ม 

ความไม่เคยชินกับการนั่งพื้นทำให้ขาเขาชาหนึบ  ตาตุ่มปวดจนแทบทนไม่ไหว  ขยับเปลี่ยนท่านั่งจากขัดสมาธิเป็นพับเพียบหลายต่อหลายครั้ง  กว่ามื้อเช้าที่แสนเซอร์ไพร์สจะสิ้นสุดลง 

เพียงเพื่อพบกับเซอร์ไพร์สยิ่งกว่าเมื่ออาจารย์ปรีชาเอ่ยยามส่งเขาที่หัวบันได

“อ้อ  คุณชายเล็ก  เมื่อเช้าท่านชายอาทิตย์โทรศัพท์มาที่โรงเรียน  ทรงรับสั่งให้นายแช่มกลับกรุงเทพภายในวันพรุ่งนี้” 

ดีแล้วที่อาจารย์ใหญ่บอกเขาหลังกินอาหารเช้าเสร็จ  ไม่อย่างนั้นเขาคงลำคอตีบตันฝืนกลืนอะไรไม่ลง

ใจคอท่านพ่ออยากทรมานเขาให้ตายหรือไร 

   
“แกก็ทำเรื่องมากไปได้  น่าถีบจริง  ทำเหมือนไม่เคยกินข้าวกับฉันอย่างนั้นละ” ใบหน้างามหันไปตำหนินายแช่มที่เดินตัวลีบตามต้อยๆ  หลังจากอาจารย์ปรีชาส่งพวกเขา  โดยขอกันตัวอาจารย์คนึงเอาไว้ก่อน

“โธ่คุณชาย  ก็นั่นเรากินกันแค่สองคนนี่  แต่นี่มีคนอื่นอยู่ด้วยเดี๋ยวเขาจะเก็บไปนินทา”

“แกทำแบบนั้นสิ เขาจะยิ่งเกลียดขี้หน้าฉันมากกว่า  โดยเฉพาะนายอาจารย์คนึงนั่น”

“เอ้าๆๆ ไอ้แช่มยอมแล้วขะรับ คุณชายบ่นให้พอใจเลย  เดี๋ยวแช่มไม่อยู่ด้วยแล้วจะเหงาปากไม่รู้จะบ่นใคร”

คำพูดนั้นยังผลให้คนฟังนิ่งไป  จนคนพูดใจแป้ว 

บ่าวผิวคล้ำถอนใจเฮือก  ปล่อยให้นายเดินนำไปก่อน  แล้วนิ่งมองแผ่นหลังบอบบางเดินตรงไปยังสนามหญ้ากว้างใหญ่  เบื้องหน้าคือเสาธงสูงตระหง่านและอาคารเรียนไม้หลังยาว  แสงอาทิตย์อาบไล้ร่างโปร่งดูงดงามแต่ก็ให้ความรู้สึกอ้างว้างเพียงกัน 
   
มันมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเป็นห่วงสุดแสน  เพราะเป็นเหมือนทั้งเพื่อนและทั้งบ่าวมาตั้งแต่เด็ก  มันจึงรู้จักเด็กหนุ่มที่ชื่อมรว. เลอมาน บูรพวงศ์ดีกว่าใคร

ถ้าลองได้เปิดใจให้  ได้ผูกพันกับใครแล้ว มรว.เลอมานคือเด็กหนุ่มที่เอาใจใส่ ห่วงใย และมีน้ำใจให้อย่างเอกอุทีเดียว  ซึ่งคนในกลุ่มนี้มีไม่มาก  นับนิ้วได้แค่คนในครอบครัว  เพื่อนสนิทที่อังกฤษไม่กี่คน  แล้วก็บ่าวที่ชื่อไอ้แช่มคนนี้

แต่ตรงกันข้าม  กับคนที่ไม่สนิทสนม ไม่คุ้นเคย เลอมานคือเด็กหนุ่มผู้หยิ่งจองหอง  ถือตัวและเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ  ร้ายกาจพอที่จะทำให้ใครเกลียดขี้หน้าได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เสวนาด้วย

ดังนั้น  การที่ท่านชายอาทิตย์ทิ้งคุณชายเล็กของมันไว้ท่ามกลางคนแปลกหน้าเช่นนี้จะส่งผลประการใด 
   
ยิ่งคิดยิ่งอดห่วงไม่ได้จริงๆ

****************************

อาจารย์ปรีชาเล่าเจตนารมณ์ของหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชให้คนึงฟังอย่างละเอียด  เล่นเอาชายหนุ่มถอนใจเฮือก 
   
นอกจากจะมีพระประสงค์ให้โอรสมาเป็นอาจารย์ฝึกสอนวิชาภาษาอังกฤษที่นี่แล้ว  ยังต้องการให้มาเรียนภาษาไทยให้แตกฉานมากกว่าแค่ฟังออกพูดได้  และที่หนักกว่านั้นคือศึกษาวิชาการเป็นมนุษย์ที่ถูกขัดเกลาแล้ว
   
พูดเป็นภาษาชาวบ้านก็คือส่งมาดัดสันดานนั่นเอง

เขาเป็นแค่อาจารย์ฝ่ายปกครองและสอนวิชาภาษาไทยธรรมดาๆคนหนึ่ง  จะเผยอตัวไป’ดัดสันดาน’คนสูงส่งเช่นนั้นได้อย่างไรกัน  แม้จะทรงอนุญาตให้สั่งสอนได้แบบที่สั่งสอนนักเรียนทั่วไปก็เถอะ

ดวงตาเอื้ออารีทอดมองร่างผู้เยาว์กว่าในกางเกงดำเสื้อเชิ้ตขาวติดแขนทุกข์  ถอนใจแผ่วเมื่อเห็นว่าใบหน้าที่เคยอ่อนโยน อารมณ์ดีอยู่เป็นนิจนั้นหมองไป
   
“ไว้ทุกข์ให้จินดาหรือ”
“ครับ”
“อืม  จะไว้ทุกข์ให้เขากี่วันล่ะ  เจ็ดวัน  ห้าสิบวัน  หรือร้อยวัน”
“หนึ่งปีครับ” คนึงเอ่ยด้วยประกายตาคมกล้าแน่วแน่ 
“อืม..” อาจารย์ใหญ่เพียงครางรับรู้ในลำคอ  พลางคิดในใจ.. หนึ่งปี.. เท่ากับเวลาที่คุณชายจะมาอยู่ที่นี่พอดีพอดิบ

มือใหญ่อูมกุมไหล่ชายหนุ่ม  จ้องมองลึกลงไปในดวงตาสีสนิมเหล็กเรียบนิ่ง  ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยความเมตตา

“ครูไม่สามารถเลือกศิษย์ได้และศิษย์ก็ไม่สามารถเลือกครูได้  ระลึกไว้เสมอว่าคุณชายเป็นศิษย์ของคุณคนหนึ่ง  ต่อไปข้างหน้าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  ขอให้คุณอย่าได้ลืมคำพูดของผมในวันนี้เข้าเชียวล่ะ”   
   


โปรดติดตามตอนต่อไป

--------------------------------------------------------------------------   
*เพลงหงส์ปีกหัก, สุรพล สมบัติเจริญ คำร้อง/ขับร้อง


ดอกไม้ตอบเม้นท์ค่ะ :L2:

IIMisssoMII
พี่สิงห์โผล่มาแล้วค่ะ  ขอบคุณที่ชอบพี่สิงห์นะคะ ^^

iforgive
555+ คนเขียนก็ส.ว.เหมือนกันค่ะ  คอยติดตามนะคะว่าคุณชายจะถูก ‘ดัดสันดาน’ ยังไง

Jploiiz
ชอบอ่านแนวนี้เหมือนกันค่ะ พออ่านมากๆก็เลยอยากลองเขียนแนวนี้ออกมาบ้าง ส่วนตัวเราชอบกลิ่นไอแบบย้อนยุค สะสมของเก่า แต่งตัววินเทจ ฟังเพลงสมัยคุณปู่อยู่แล้วด้วยค่ะ โบราณจริงอะไรจริง^^

รออ่านในนี้ก็ดีเหมือนกันค่ะ  เหมือนจูงมือเดินไปด้วยกันดี (ใครอ่านไปถึงหลักกิโลที่เก้าแล้วนั่งกินโอเลี้ยงรอก่อนนะคะ  เดี๋ยวจะรีบตามไปหา  แล้วเดินไปด้วยกันอีกค่ะ^^)

Wordslinger
คำนวณเวลาแล้ว ดูท่าจะได้ต่อตอนสิบ(ทั้งที่เด็กดีและบอร์ดอินุ)พร้อมๆกับที่เล้าเป็ดค่ะ  ตอนนี้ติดภารกิจ ขอปั่นเรื่องเก่าให้จบก่อนเน้อ

jeaby@_@
ขอบคุณที่ชอบคุณชายค่ะ (หม่อมแม่ปลื้มเอามือทาบอก) ทั้งๆที่ตอนเปิดตัว นิสัยไม่น่ารักเลยจริงๆให้ตายเถอะ

SweetSacrifice
เพื่อนขอร้องแกมบังคับให้ลงที่เล้าค่ะ เพราะคุณเธอจะได้เปิดเวบเดียวไปเลย ส่วนตัวเราเองก็คิดว่าลงที่นี่ก็น่าสนุกค่ะ สมาชิกเยอะแยะดีจังเลยเน้อ (ตื่นเต้นยังกะบ้านนอกเข้ากรุง)

ai_no_uta
มามะ จุ๊บกลับไป 1 จุ๊บ ^3^ ขอบคุณที่ตามมาให้กำลังใจจ้ะ ไม่ต้องตกใจเน้อที่เรื่องนี้ฉีกแนวจากเรื่องแรกสุดๆไปเลย เรื่องแรกพี่เขียนตอนยังวัยรุ่น(เหรอ?)  พอเวลาผ่านไป ตัวหนังสือก็โตขึ้นตามวัยน่ะจ้ะ

しろやま としんや
ขอบคุณที่ชอบพี่สิงห์กับน้องจ้อยนะคะ  อาจจะซึนทั้งคู่แต่พวกเขามีเหตุผลที่จะซึนเน้อ  รอติดตามอ่านนะคะ
อ่านจากที่ไหนเอ่ย? เด็กดีหรืออินุค่ะ  ชื่อล็อคอินอะไรบอกได้ไหม  เพราะเราจำคนอ่านได้นะ (จริงจริ๊ง)

zeen11
เนอะๆ น่าหมั่นไส้มาก (เขียนเองยังหมั่นไส้เอง) ต้องรอติดตามนะคะว่าคุณชายจะมีพัฒนาการไปในทิศทางใด  เอาใจช่วยเขานะคะ

kenshinkenchu
ขอบคุณที่มาเม้นต์ให้ค่ะ  นับวันรอกินมาม่าได้เลย  แถมเป็นมาม่าน้ำ(ตา)ตกอีกต่างหาก (ขอยืมคำพี่ DD.มา^^) ถึงจะมาม่าก็ขอสัญญาว่าจะใส่หมูเห็ดเป็ดไก่ให้ได้รับสารอาหารครบห้าหมู่ค่ะ

aorpp
อ้าว..อาจารย์คนึงน้อยใจแย่เลย 555+

ZomZaa^^
ขอบคุณสำหรับกำลังใจจ้า^^

irksome
ใครเอ่ย? น้องจ้อยแอนด์เดอะแกงค์นี่เองจ้า ถ้าเป็นพวกสิงห์หรือลอยล่ะก็คุณชายแย่แน่

Zymphoniz
ขอบคุณที่ติดตามอ่านผลงานของพี่ทั้ง ‘ผู้ปกครองใจร้ายฯ’ และ ‘มหาหงส์’ นะคะ  บอกตามตรงว่าช่วงที่ทิ้งมี่จังกับโนโนะไปเพราะช่วงนั้นไปมุทำงานเก็บเงินรักษาคุณแม่น่ะจ้ะ (ดราม่าเรียกคะแนนสุดฤทธิ์ :o8:) พอคุณแม่หายเป็นปกติแล้วถึงได้มีเวลากลับมาเขียนนิยาย  สารภาพว่าช่วงแรกเขียนมี่จังกับโนโนะไม่ออกเลย (คงเพราะทิ้งไปนาน) เลยตัดสินใจเขียนเรื่องใหม่ คือเรื่องนี้นั่นเอง  เขียนๆไปแล้ว หัวก็ลื่นมือก็ไหล เลยมีไฟกลับไปเขียนเรื่องเก่าได้  ไม่ดองนานอีกแล้ว สัญญาค่ะ^^

Morethan
ว้าวๆ คุณMorethan นี่เอง  ขอบคุณมากนะคะที่มาเม้นต์ให้ที่นี่ด้วย  คนเขียนก็คิดถึงคุณชายเหมือนกันค่ะ (จารย์คนึง น้องจ้อย พี่สิงห์ด้วย) จะรีบกลับไปเขียนเร็วๆนะคะ

Mio
ขอบคุณที่ชอบนะคะ
สามคำ >> รัก คน อ่าน (เหมือนกันค่ะ^^)

hongzaa
มาแล้วค่า.. เจอกันอีกทีศุกร์หน้านะคะ  จะเอามาลงอาทิตย์ละตอนค่ะ

รักคนอ่านค่ะ เริ่มหนาวแล้วรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ :กอด1:
ดอกไม้
๙ ธันวาคม ๕๔



Mio

  • บุคคลทั่วไป
 o13  คุณภาพคับแก้ววววว  ชอบมากค่ะ  อยากเห็นคุณชายเป็นจำเลย(รัก)ไวๆซะแล้ว  :z1:
สามคำ>>> จุ๊บ ปา ดุ๊บ ( จูจุ๊บคนแต่งงงง)

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
แรงด้วยกันทั้งคู่  ใหญ่ฟัดใหญ่อะไรจะเกิดขึ้นหนอ

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1

บทที่ ๓

คมตาฟ้าซื่อสื่อรักโลมใจ


คมตาน้องแก้วสบแล้วไยเมิน
บาดใจเหลือเกินทรวงพี่เผชิญความขม
ตราตรึงซึ้งอยู่สู้เพียงคิดข่ม
ตางามซ้ำบ่ม อกตรมขมขื่น ดึกดื่นทุกคืนคอยใฝ่*



   
แปดโมงครึ่ง  โรงเรียนสั่นกระดิ่งเรียกนักเรียนหนุ่มอายุระหว่าง ๑๖-๑๘ ปี กว่า ๕๐๐ คนออกมายืนเข้าแถว  แต่วันนี้แตกต่างจากทุกวันเมื่อมีกลุ่มจิ๊กโก๋ประจำหมู่บ้านมาจับกลุ่มคุยกันลั่นใต้ร่มหูกวางข้างสนาม   
 
“พิลึกว่ะไอ้ลอย” ลูกชายกำนันเสริมบ่นปากเบ้  พัดหมวกปีกในมือไปมาระบายความร้อน “ถ้าเป็นโรงเรียนหญิงก็ว่าไปอย่าง  แต่นี่อะไรวะ  มาเฝ้าออกันในโรงเรียนชาย  หันไปทางไหนก็มีแต่ผู้ชาย”
   
นายสิงห์หมายถึงโรงเรียนสตรีฝึกหัดครูที่เพนียดคล้องช้าง  ที่นั่นมีบรรดานักเรียนหญิงหน้าแฉล้มแช่มช้อยเดินกันให้เกลื่อน
   
“เถอะน่าพี่สิงห์” ร่างใหญ่หนามีรอยสักเก้ายอดที่ท้ายทอยว่าพลางชะเง้อชะแง้มอง  “อย่างน้อยคุณชายก็ดูเข้าที  เป็นเพื่อนกันไว้ก็ไม่เสียหาย  เผลอๆถ้าเขามีน้องสาว ไอ้ลอยอาจจะได้เด็ดดอกฟ้าก็งานนี้”
   
“ทำเป็นพูดดี  วันก่อนพี่สิงห์ยังมาเกาะรั้วแอบดูไอ้จ้อยอยู่เลยนี่นา” ลูกสมุนร่างผอมเกร็งว่าพลางหัวเราะแหลม  ก่อนจะเปลี่ยนเป็นร้องโอ๊ยเมื่อถูกลูกพี่ยันเข้าชายโครง
   
“เดี๋ยวเถอะไอ้หมาน ไอ้ปากเสีย ข้ามาแอบดูมันเมื่อไร!” มือใหญ่ถูจมูกฟุดฟิด “วันนั้นข้ามาทวงค่าดอกมันหรอกโว้ย”
   
“พวกเอ็งมาช่วยข้าหาคุณชายก่อนเร็วเข้า  เด่นๆอย่างนั้นคงหาไม่ยากหรอก”  ไอ้ลอยรีบห้ามทัพ  ทำให้ทุกคนช่วยกันมองหาอย่างที่มันบอก  ยกเว้นนายสิงห์ที่ได้แต่ส่ายหน้าระอา

   
“พวกนั้นใครกัน” หม่อมราชวงศ์หนุ่มถามบ่าวคนสนิท  ตอนนี้เขายืนหลบแดดอยู่หน้าอาคารเรียน  ไม่ได้ออกไปยืนหน้าแถวนักเรียนเหมือนอาจารย์คนอื่นๆ  ดวงตาคู่สวยมองไปทางกลุ่มนักเลงใต้ต้นหูกวางอย่างเหยียดหยัน 
   
นายแช่มเขม้นมองอยู่พักหนึ่งก็ถึงบางอ้อ  “ลูกชายกำนันเสริมไงคุณชาย  เมื่อคืนเขาก็อยู่ในงานเลี้ยง  เอ..แต่เมื่อคืนไม่ยักเห็นมีเพื่อนมาด้วย”
   
“เฮ้ยๆๆ เจอแล้วโว้ยเจอแล้ว  อยู่นั่น  แหม้..แอบไปยืนอยู่ตรงนั้นเอง  มองเผินๆนึกว่ารูปปั้นที่ไหน” ไอ้ลอยร้องลั่นขึ้นมาอย่างดีใจ “มองมาทางนี้ด้วยเว้ย  วู้!! คุณชาย! ทางนี้ วู้!”
   
ไม่เรียกเปล่า  โบกไม้โบกมือไหวๆเสียด้วย  พวกลูกสมุนก็พากันทำตาม 
   
“น่ารำคาญจริง” ริมฝีปากบางสวยบ่นอุบพลางเบือนหน้าหนี  ถ้าเป็นไปได้  เลอมานอยากแทรกกายจมหายลงไปในดินเสียเดี๋ยวนี้  เมื่อเหล่านักเรียนหน้าเสาธงหันมองเขาที หันมองเจ้าพวกนั้นที  ทั้งอับอาย ทั้งรำคาญ และทั้งโกรธที่ถูกนักเลงบ้านนอกเรียกราวกับเพื่อนเล่น 

พวกไอ้ลอยโหวกเหวกโวยวายอย่างสถุลไพร่  ไม่สนใจเหล่ามันสมองของชาติที่กำลังจะเคารพธงชาติที่มองมายังพวกมันเป็นตาเดียว  จนเมื่ออาจารย์คนึงเดินไปเจรจาด้วยตัวเอง  พวกนั้นถึงได้สงบปากสงบคำ
   
นายสิงห์มองอาจารย์ฝ่ายปกครองร่างสูงแล้วเบ้ปาก  ไอ้เกรงใจน่ะก็เกรงใจอยู่  แต่ความหมั่นไส้มันมากกว่า  ก็เจ้าอาจารย์คนนี้ไม่ใช่หรือที่แสดงท่าทีห่วงใยไอ้จ้อยนัก  ที่ไอ้จ้อยมันได้เรียนหนังสือก็เพราะได้หมอนี่ช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย  เป็นญาติกันหรือก็เปล่า  ทำตัวตีสนิทผิดปกติ  แน่จริงก็จ่ายหนี้ที่มันค้างอยู่แทนมันด้วยสิวะ
   
ลูกชายกำนันคิดพลางเหลือบมองยังหัวแถว  ตำแหน่งประจำของนักเรียนฝึกหัดครูผู้เป็นลูกหนี้ของมารดาเขา  สบเข้ากับดวงตากลมโตที่จ้องมองมาอย่างตำหนิ  ปากขมุบขมิบเป็นคำด่าที่ฟังไม่ได้ยิน  นักเลงหนุ่มได้แต่ถลึงตาข่มขู่กลับไป   
   
“เรียกแล้วทำเมินว่ะ  หยิ่งแท้” ไอ้ลอยยังมองไปทางเป้าหมายของมันอย่างแน่วแน่  ใบหน้าคมเข้มด้วยไรเคราเขียวดูไม่สบอารมณ์ 
   
เป็นข้า ข้าก็เมินวะ  ก็สารรูปเอ็งมันน่ากลัวออกปานนี้  นายสิงห์คิดในใจพลางแค่นหัวเราะ  ก่อนเร่งบรรดาสมุนให้ย้ายพวกออกจากโรงเรียนไปหาอะไรที่สนุกกว่านี้ทำ  เหลือแต่ไอ้ลอยที่ยังอ้อยอิ่งรั้งท้ายไม่อยากจากไป
   
ถ้าสิงห์หันมามอง  เขาจะได้เห็นแววตาคมวาวดุดันอย่างประสงค์ร้ายจ้องเขม็งไปยังคุณชายผู้เย่อหยิ่ง  มันกัดปากพึมพำถ้อยคำที่มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นได้ยิน

“คอยดูเถอะไอ้คุณชาย  สักวันไอ้ลอยคนนี้จะสอยให้ร่วงจากฟ้าลงมาอยู่ใต้ตีน!”

***************************

หลังเข้าแถวเคารพธงชาติและสวดมนต์  หม่อมราชวงศ์เลอมานถูกอาจารย์วิรัชหัวหน้าแผนกภาษาอังกฤษพาไปที่ห้องเรียนเพื่อทำความรู้จักนักเรียนในฐานะอาจารย์ฝึกสอนคนใหม่
   
อาการกุมมือและค้อมหลังพินอบพิเทาเกินเหตุของวิรัชยังความรำคาญมาให้เขานัก
   
อาคารเรียนเป็นอาคารไม้ขนาดยาวสองชั้น  อาจารย์หนุ่มร่างสันทัดพาเขาขึ้นบันไดด้านข้างเดินตรงไปยังระเบียงด้านหลัง  เข้าไปในห้องเรียนห้องหนึ่ง  เป็นชั้นเรียนที่สะอาดสะอ้าน  หน้าต่างเปิดรับลมทุกบานกระดานดำแผ่นใหญ่ติดเต็มฝาผนังด้านหนึ่ง  นักเรียนชายสี่สิบกว่าคนในเครื่องแบบกางเกงขายาวสีกากีและเสื้อเชิ้ตขาวนั่งอยู่เต็มห้อง
   
“ผมหม่อมราชวงศ์เลอมาน  บูรพวงศ์” เด็กหนุ่มเชิดหน้าแนะนำตัวขณะเหล่านักเรียนพากันมองอย่างชื่นชมในรูปสวยงามสง่า  อาจารย์วิรัชช่วยเสริมให้เสร็จสรรพว่าเขามาจากอังกฤษและจะมาสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนนี้เป็นเวลา ๑ ปี   
   
“มีใครอยากถามอะไรคุณชายเล็กบ้าง” สิ้นเสียงอาจารย์หนุ่ม  นักเรียนร่างเล็กที่นั่งอยู่หน้าสุดก็ยกมือพรึ่บ 
   
เลอมานจำเด็กหนุ่มคนนี้ได้ขึ้นใจ  คนที่ลูบหลังให้ยามเขาอาเจียนอย่างหมดท่า.. และคนที่เห็นเขาเปลือยในโรงอาบน้ำ

ช่างเป็นการพบกันที่ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย 

จ้อยลุกขึ้นยืนเมื่อได้รับอนุญาต  แม้ดวงตากลมโตใสแป๋วและรอยยิ้มกว้างนั้นดูจะจริงใจ  แต่เขากลับรู้สึกไม่ชอบหน้านักเรียนคนนี้โดยไม่มีเหตุผล     
   
“ร้องเพลงอังกฤษให้ฟังซักเพลงสิครับ”
   
เลอมานแทบสำลักลมหายใจ  สิ้นประโยคนั้น  เหล่านักเรียนในห้องพากันปรบมือเป่าปากกันเกรียวกราว  ไม่มีใครสังเกตเห็นริมฝีปากบางที่เริ่มเม้มแน่น 
   
เจ้านักเรียนชั้นต่ำพวกนี้ทำกับเขาเหมือนเป็นตัวตลก

“หุบปาก!” เลอมานตวาดลั่น  เล่นเอาทั้งห้องเงียบกริบ  “ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นพวกนาย!”

เพราะรีบกระแทกเท้าเดินออกจากห้อง  เขาจึงไม่ทันเห็นว่าจ้อยหน้าเสียแค่ไหน  และทุกๆคนในห้องรู้สึกแย่เพียงใด  รู้เพียงแต่ว่าอาจารย์วิรัชรีบตามมาดึงแขนขอโทษขอโพยเขา  ซึ่งเขาก็ตอบคำขอโทษนั้นด้วยการสลัดแขนออกอย่างก้าวร้าว

**************************

‘ล้มเหลว’   

คนึงเขียนคำนั้นตัวใหญ่ๆด้วยปากกาสีแดงลงในใบรายงานความประพฤติวันแรกของอาจารย์ฝึกสอนคนใหม่  พลางถอนใจเฮือก  ถ้าไม่เพราะท่านชายฝากฝังเอาไว้ละก็  เขาจะไม่สนใจเจ้าเด็กจองหองคนนี้เลย 
   
ดูแลเด็กนักเรียนทั้งโรงเรียน  ยังเหนื่อยใจไม่ถึงเสี้ยวดูแลหม่อมราชวงศ์เลอมานเพียงคนเดียว   

**************************

นายแช่มจับรถไฟกลับกรุงเทพตามรับสั่งของหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชในเช้าวันรุ่งขึ้น

อาจารย์ใหญ่และคนึงขับรถจี๊ปของโรงเรียนไปส่งถึงสถานีรถไฟตั้งแต่เช้ามืด  ในขณะที่ผู้เป็นนายเพียงครางรับรู้เบาๆจากใต้โปงเมื่อบ่าวหิ้วกระเป๋าไปลาที่ข้างเตียง  ไม่แม้จะเลิกผ้าห่มขึ้นมองดู  จนอาจารย์หนุ่มอดดูแคลนไม่ได้
   
โดยไม่รู้ว่าดวงตาที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มนั้นโศกเศร้าแค่ไหน


พอนายแช่มไป  วิปโยคของหม่อมราชวงศ์เลอมานก็เริ่มต้นขึ้นนับแต่นั้น 

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
เด็กหนุ่มตื่นนอนเอาตอนตะวันขึ้นสายโด่ง  เพราะคนึงไปส่งนายแช่มจึงไม่มีใครปลุกเขาไปออกกำลังเช่นเมื่อวาน  ใบหน้าขาวจัดนั่งหัวยุ่งอยู่บนเตียงพร้อมความรู้สึกอ้างว้างจับใจเมื่อไม่มีบ่าวคนสนิทอยู่ใกล้เช่นทุกที
   
เขาอาบน้ำและแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่นายแช่มอุตส่าห์รีดไว้ให้ก่อนไป  หลังจากนั้นก็นั่งรอ..
   
รออยู่ร่วมครึ่งชั่วโมง  ก็ยังไม่เห็นมีใครเชิญเขาไปกินอาหารเช้า  ดังนั้นเมื่อโรงเรียนสั่นกระดิ่งเรียกเข้าแถว  เขาจึงหิ้วท้องออกไปยืนหลบแดดอย่างเสียไม่ได้ 
   
คาบเรียนช่วงเช้าผ่านไปอย่างว่างเปล่า  ถ้าไม่นั่งแกร่วที่โต๊ะประจำตัวในห้องพักครู  ก็ตามอาจารย์วิรัชไปดูการสอนที่น่าเบื่อหน่าย 
   
ทั้งเบื่อหน่าย ทั้งขัดใจ วิรัชเองพูดภาษาอังกฤษยังไม่แตกฉานด้วยซ้ำ  ออกสำเนียงก็ผิด  และเมื่อเขาโต้แย้งขึ้นมาว่าผิดต่อหน้านักเรียนทั้งห้อง  ทุกคนก็มองเขาแปลกๆ  อาจารย์วิรัชหน้าเสียเล็กน้อย  ก่อนจะเข้าสู่ท่าประจำตัวคือเอามือกุมเป้าค้อมหัวปะหลกๆ พูดครับๆๆ เหมือนหุ่นยนต์สอพลอ

   
เพียงข้ามวันกิตติศัพท์ความเย่อหยิ่งจองหองของหม่อมราชวงศ์เลอมานก็สะพัดไปทั่วโรงเรียน   

เขาเองก็รู้สึกได้ถึงความจริงข้อนี้  เมื่อเดินผ่านกลุ่มนักเรียน แม้จะพากันโค้งคำนับแต่ก็รีบๆโค้งรีบๆเดินหนีไปไม่อยากสนทนาด้วย  แม้แต่พวกอาจารย์ก็หลบหน้าเขาแปลกๆ  แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งสะเทือนนัก  เขาไม่เคยสนใจความรู้สึกของคนที่ตนไม่แยแสอยู่แล้ว
   
จะมีเหงาบ้างก็เพราะคิดถึงนายแช่มเท่านั้น


เที่ยงตรงท้องเขาร้องโครกครากเพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เช้า  ร่างโปร่งบางเดินตามเหล่าอาจารย์ที่ชักชวนตามมารยาทให้ไปโรงอาหารด้วยกัน  แต่พอถึงแล้วก็แยกย้ายหายหัว  ทิ้งเขาให้ยืนแกร่วอยู่ลำพังอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร
   
ถ้าเป็นเมื่อวานตอนนายแช่มยังอยู่  มันก็จะให้เขานั่งรออยู่ที่โต๊ะแล้วไปต่อคิวยาวเหยียดให้  สักพักก็จะกลับมาพร้อมถาดหลุมอะลูมิเนียมที่มีอาหารใส่อยู่พูนสองใบ

หม่อมราชวงศ์หนุ่มนั่งรอที่โต๊ะตัวยาว  เหลียวซ้ายแลขวาเผื่อว่าจะมีใครเอาอาหารกลางวันมาให้เขา  แต่กลับพบเพียงสายตาหลายคู่ที่หันมามองแล้วก้มหน้าซุบซิบกัน  สักพักก็ทนเสียงเรียกร้องจากกระเพาะอาหารไม่ไหว  ตัดสินใจเดินไปต่อแถวที่หดสั้นเหลือแค่ ๒-๓ คนด้วยตนเอง
   
ดวงตาสีน้ำตาลมองอาหาร ๓-๔ อย่างในหม้อในถาดตรงหน้า  เขาพยายามมองหาของทอดของจืดที่ตัวเองรู้จักและพอกินได้แต่ก็เห็นแต่แกงสีจัดจ้าน  แม่นกแก้ว แม่ครัวใหญ่ร่างอ้วนของโรงเรียนยิ้มให้อย่างใจดีพลางตักกับข้าวให้เขาทั้ง ๔ อย่างเป็นกรณีพิเศษ  แถมยังเอาอะไรก็ไม่รู้ที่ปั้นเป็นผลไม้ย่อส่วนสีสดใสใส่ลงไปในหลุมหนึ่งให้ด้วย ๕-๖ ลูก 
   
เลอมานนั่งมองถาดหลุมใส่อาหารสารพัดตรงหน้าราวกับมันเป็นของแปลกประหลาดอยู่สักพัก  จนเมื่อท้องร้องโครกจนตัวเองยังสะดุ้ง  เหลียวซ้ายแลขวาก็เห็นคนอื่นกินกันเอร็ดอร่อย  มือบางจึงค่อยๆตักเจ้าก้อนกลมสีส้มนุ่มนิ่มวางลงบนข้าวราดด้วยน้ำจิ้มสีม่วงคล้ำแล้วส่งเข้าปาก 
   
แค่คำเดียวก็ได้เรื่อง..
    
“อึ่ก!”

รสชาติพิลึกพิลั่นก่อตัวขึ้นในปาก  เหมือนถั่วเละๆหวานเจี๊ยบผสมกับรสเปรี้ยวเค็มจัด  กลิ่นคาวเค็มเหมือนถุงเท้าเน่าอวลขึ้นโพรงจมูก  และที่รุนแรงที่สุดคือความเผ็ดร้อนที่แสบซ่านไปถึงคอจนทำให้เขาสำลักรุนแรง
   
“แค่กๆๆๆ” เลอมานโก่งคอไอโขลกอย่างสุดจะกลั้น  ยกมือปิดปากไม่ทันจนเศษอาหารจากปากกระเด็นเปื้อนเสื้อ  ยิ่งไอก็ยิ่งสำลัก  ยิ่งสำลักก็ยิ่งน้ำตาคลอ  รู้สึกได้ถึงเศษอาหารเข้าไปในโพรงจมูกจนแสบร้อน  นึกโทษตัวเองที่เมื่อครู่เขาไม่เอาน้ำดื่มมาด้วย
   
ที่น่าเจ็บใจกว่านั้นคือหลายคนในโรงอาหารต่างหันมามองเขาแล้วหัวเราะคิกคักอย่างไม่เก็บอาการ
   
อายแสนอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี  แต่แผ่นดินไม่แยกลงไปให้เขาแทรก สิ่งที่ทำได้คือพยายามลุกออกไปให้พ้นสายตาขบขันของใครหลายคน  แต่ยังไม่ทันจะลุกออกไปดั่งใจ  ก็มีมือหนึ่งยื่นแก้วน้ำมาให้ตรงหน้า  มือบางรีบคว้ามาดื่มเหมือนมันเป็นน้ำทิพย์
   
“ค่อยๆดื่มนะ” จ้อยว่าพลางนั่งลงลูบหลังให้อย่างร้อนรน  “ดีขึ้นหรือยังครับ”
   
เลอมานแทบสำลักรอบสองเมื่อเห็นว่าคนที่ยื่นมือมาช่วยตนเป็นใคร  ทำไมเจ้านักเรียนซอมซ่อคนนี้ต้องมาเห็นเขาในสภาพน่าอนาถอยู่เรื่อย
   
หม่อมราชวงศ์หนุ่มเบี่ยงกายหนีมือที่ลูบหลังอย่างถือตัวทั้งที่ยังกระแอมไอ  เหลือบมองนักเรียนตัวเล็กที่ยังหน้าตื่นไม่หาย 

อ้อ..ไม่ได้มาคนเดียว  พาเพื่อนมาอีกสองคนเสียด้วย
   
“คุณชาย” จ้อยตะลึงไปเมื่อเห็นสภาพอาหารที่ยังคาช้อน “ทำไมกินลูกชุบกับน้ำพริกกะปิล่ะ”
   
“พรึ่ด!” สง่าหัวเราะออกจมูกอย่างกลั้นไม่อยู่  แต่ก็สะดุ้งไปเมื่อถูกเพื่อนตัวเล็กเตะเข้าให้ที่หน้าแข้งพร้อมจ้องตาเขียว 
   
“สันติ  ไปขอให้พี่นกแก้วเจียวไข่ให้ที” จ้อยหันไปสั่งเพื่อนใส่แว่น  ซึ่งสันติก็พยักหน้าหงึกหงักก่อนวิ่งตื๋อไปอย่างเต็มใจ
   
คุณชายยังนั่งหน้าตูมเป็นม้าหมากรุก  จนกระทั่งมือเล็กถือวิสาสะใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดหน้าให้เขา  ดวงตาคู่สวยมองผ้าผืนเก่าอย่างสะอิดสะเอียน
   
“เอาผ้าสกปรกไปให้พ้นๆนะ” แหวใส่พลางปัดมือที่หวังดีออกอย่างไร้เยื่อใย  จนจ้อยหน้าเสีย 
“หน้าคุณชายตอนนี้สกปรกกว่าผ้าอีก  ข้าวออกมาทางจมูกแล้วนั่น” สง่าว่าเข้าให้อย่างเหลืออด  เลอมานตาโตเอามือปิดจมูกหมับแล้วพรวดพราดลุกขึ้นวิ่งออกจากโรงอาหารอย่างรวดเร็ว  โดยมีเสียงหัวเราะฮาครืนไล่หลัง
   
ทุกอย่างอยู่ในสายตาของอาจารย์คนึงที่ยิ้มหยันอย่างสมใจ

************************
    
หลังจากหนีความวุ่นวายมาหลบอยู่ในห้องพักได้สักพัก  เสียงเคาะประตูไม้ก็ทำให้เด็กหนุ่มสูงศักดิ์สะดุ้งเฮือก   
   
“คุณชาย  จ้อยเองครับ”

เจ้านั่นอีกแล้ว?!  เขาอดจึ๊ปากอย่างรำคาญไม่ได้  แต่ก็ลุกไปเปิดประตูให้แต่โดยดี

ข้าวร้อนๆโปะไข่เจียวกรอบฟูหอมกรุ่นยื่นมาให้ตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มกว้างจนตาหยี 


บุตรชายท่านทูตเพิ่งรู้สึกว่าข้าวเปล่ากับไข่เจียวเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกก็วันนี้ 

จ้อยนั่งขัดสมาธิอยู่กับพื้น  นิ่งมองคุณชายรับประทานอาหารกลางวันบนโต๊ะเขียนหนังสือ  จนเกลี้ยงฉาดไม่เหลือข้าวสักเม็ด เขาก็ลุกขึ้นเตรียมเก็บจาน 
   
“คุณชายเล็ก ข้าวติดผมแน่ะ” หนุ่มน้อยเอียงคอทักยิ้มๆ  ชี้ผมตัวเองบอกตำแหน่ง “ไม่ใช่  อีกข้างนึง”
   
ดวงตายิ้มได้มองอาจารย์ฝึกสอนคนใหม่ปัดผมตัวเองให้วุ่น  แต่เศษข้าวก็ยังอยู่ที่เดิม  จนมือเล็กต้องถือวิสาสะหยิบข้าวที่ติดผมตั้งแต่อยู่โรงอาหารออกให้     
   
เอาจานออกไปเก็บแล้วจ้อยก็กลับเข้ามาใหม่  นั่งลงกับพื้นอย่างสบายใจ  ไม่สนใจเจ้าของห้องที่มองตาขวางอย่างเคลือบแคลง

อยู่กันท่ามกลางความเงียบ  แต่เหมือนมีเลอมานเท่านั้นที่รู้สึกอึดอัด 
   
“คุณชายอยู่ที่นี่เป็นยังไงบ้าง” นักเรียนตัวเล็กชวนคุย  แต่ก็ได้รับคำตอบเพียงสายตาเย็นชาที่เงยขึ้นจากหนังสือแวบหนึ่ง
“คิดถึงบ้านไหมครับ” คำถามใหม่.. แต่คำตอบที่ได้เหมือนเดิม..
   
จ้อยทำปากอูดใส่คนใจดำที่พูดด้วยก็ไม่ยอมพูดด้วย  หันไปสำรวจรอบห้องแก้เก้อ  เครื่องประทินผิวนานาวางอยู่เต็มโต๊ะเล็กข้างเตียง  ตาวาวอย่างสนใจเมื่อเห็นกระเป๋าเครื่องเล่นแผ่นเสียงแต่ก็ไม่กล้าเสียมารยาทไปดูใกล้ๆ  ตะกร้าผ้าข้างตู้เสื้อผ้าที่มีเสื้อผ้าอยู่เต็ม  ผ้าห่มกองเขละบนเตียงนอนยับย่น
   
“คุณชายคงไม่มีเวลา  จ้อยมาทำความสะอาดให้เอาไหม” ร่างเล็กแนะอย่างกระตือรือร้น  พลางลุกขึ้นพับผ้าห่มให้ “เก็บที่นอน  กวาดถูห้อง  รีดผ้า  ซักผ้า  ให้จ้อยทำให้นะ”
   
เสียงแค่นหัวเราะที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้มือบางชะงัก  หันไปมอง
   
“นึกว่าอะไร” ผู้สูงศักดิ์กว่าปิดหนังสือปุบ  ดวงตาคู่สวยฉายแววเหยียดหยัน  แต่ยังไม่เจ็บแสบจนหน้าชาเท่าประโยคถัดไป  “มาตีสนิทกับฉัน  ที่แท้ก็อยากได้เงินจากฉันใช่ไหม”     
   
ประตูไม้เปิดผางออก  ปรากฏร่างสูงใหญ่ของเจ้าของห้องอีกคน 

คนึงได้ยินประโยคสุดท้ายนั้นชัดเจน

“อาจารย์คนึง” นักเรียนหนุ่มทักหน้าตื่นๆ  ก่อนหันกลับไปปฏิเสธละล่ำละลักกับอีกคน “ปะ..เปล่านะครับคุณชาย.. จ้อยไม่ได้..”

“ก็เอาสิ  คิดค่าจ้างเท่าไรล่ะ” มือบางหยิบกระเป๋าสตางค์หนังขึ้นเปิดค้างไว้  เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบก็ล้วงธนบัตรสีน้ำตาลขึ้นมาหนึ่งใบโยนด้วยปลายนิ้วใส่ร่างที่ยืนเก้กัง  “เท่านี้คงพอนะ” 
   
คนึงกัดฟันกรอดเมื่อเห็นท่าทียโสนั้น  พยายามข่มโทสะไว้ยามเอ่ย “อาจารย์ใหญ่ให้คุณไปพบที่ห้องธุรการ”

เลอมานเชิดหน้าใส่ยามเดินผ่านอาจารย์ร่างสูง 

“อ้อ  ที่หน้าบันไดนั่นดอกอะไร” หันมาถามจ้อยอย่างไม่ใส่ใจคำตอบ  “ไปหามาปลูกให้ฉันหน่อย  ฉันจะได้ไม่ต้องไปยุ่งกับดอกไม้ของบางคน” 
   
ดวงตาคู่สวยเหลือบมองคนตัวโตเมื่อถึงประโยคสุดท้ายอย่างจงใจ  ก่อนเดินออกจากห้องไป

คนึงถอนใจอย่างสุดกลั้น  หันไปเอ็ดใส่น้องชายของอดีตคนรักเสียงเขียว
   
“กับคนแบบนี้อย่าไปทำดีด้วย รู้ไหมจ้อย” แล้วเดินเข้ามาใกล้  ลดเสียงเป็นกระซิบ
   
“เขาเป็นคนทำให้จินดาตายนะ  ลืมไปแล้วหรือ”  ทิ้งท้ายไว้อย่างรวดร้าวก่อนก้าวออกจากห้องไป  ทิ้งจ้อยไว้เพียงลำพัง
ร่างเล็กก้มหยิบธนบัตร ๑๐ บาทที่พื้น  แล้วนำมันไปวางไว้บนโต๊ะ 

*************************
   
ยามสนธยามาถึง  เสียงนกการ้องแว่วมา  โรงเรียนเข้าสู่ความเงียบสงบ  นักเรียนไปกลับต่างกลับบ้าน  นักเรียนประจำก็แยกย้ายกันกลับหอ 
   
ล่วงเข้าเวลาเย็นย่ำแบบนี้  เลอมานยิ่งรู้สึกว้าเหว่จับใจ  ร่างโปร่งนั่งคนเดียวบนม้านั่งใต้ต้นหูกวางข้างสนาม  ตรงหน้าคือกลุ่มอาจารย์และนักเรียน ๖ คน  กำลังเล่นกีฬาที่เขาไม่รู้จักอย่างสนุกสนาน  ลูกแก้วสีน้ำตาลใสมองตามลูกหวายหวือหวิวจากคนโน้นข้ามตาข่ายไปหาคนนี้ด้วยสายตาที่เหงาหงอย 
   
แสงแดดยามเย็นย้อมให้ท้องฟ้าหม่นหมองไปถนัดใจ  รวมไปถึงหัวใจของเขาตอนนี้  เขาคิดถึงบ้าน  คิดถึงท่านพ่อ คิดถึงหม่อมแม่ คิดถึงนายแช่ม  คิดถึงทุกอย่างที่ไม่ใช่ที่นี่  ทุกอย่างที่นี่ทำให้เขาอึดอัด  รู้สึกเหมือนตนเป็นสิ่งแปลกปลอมที่หลงเข้ามา  ยิ่งนึกถึงบทสนทนากับอาจารย์ใหญ่เมื่อตอนบ่ายแล้วยิ่งกลัดกลุ้ม 
   
นอกจากมีหน้าที่สอนภาษาอังกฤษนักเรียน ๒ ชั้น  เขายังต้องเรียนภาษาไทยกับนายอาจารย์คนึงนั่นด้วย
   
ลูกหวายลอยหวือมาตกอยู่แทบเท้า  เขาก้มลงเก็บให้  เงยหน้าขึ้นมาก็พบกับใบหน้าหล่อคมเรียบตึงของคนที่ไม่ถูกชะตาด้วยเอาเสียเลย 
   
ไหนว่ามีหน้าที่ดูแลเขา  ไม่เห็นจะดูแลให้สมหน้าที่สักนิด 
   
“คุณชาย  มาเล่นด้วยกันไหม” อาจารย์ประพนธ์ในเสื้อยืดกางเกงขาสั้นวิ่งเข้ามาชวน         
“นี่เรียกว่าอะไร” มือบางจับลูกกลมในมือพลิกไปมา
“ตะกร้อไง  เคยเล่นไหม” ใบหน้าเปื้อนยิ้มเอ่ยต่อเมื่อเห็นเขาส่ายหน้าดิก “ไม่ยากหรอก  เดี๋ยวผมสอนให้” 

เลอมานพยักหน้าหงึกหงัก  รอยยิ้มน้อยๆปรากฏบนใบหน้างามหวานเป็นครั้งแรกของวันก็ว่าได้  ประพนธ์เดาะตะกร้อให้เขาดูเป็นตัวอย่าง อธิบายกติกาคร่าวๆแล้วลองส่งให้เตะ  แม้เขาจะเตะวืดตลอด  แต่ทุกคนก็ส่งเสียงเอาใจช่วย 

แข้งเขายังไม่ได้สัมผัสลูกสักนิดตอนมีมือใหญ่มาดึงต้นแขนไว้จนชะงัก 

“พอเถอะ  เสียเวลาเปล่า” ใบหน้าหล่อคมมองมาอย่างรำคาญ  แขนแกร่งออกแรงดึงเขาออกไปจากวงตะกร้ออย่างแรงจนเซ  “เป็นผู้ดีอย่าลดตัวลงมาเล่นกีฬาของชาวบ้านเลย”
   
วาจาเชือดเฉือนนั้นเล่นเอาคนอื่นๆมองหน้ากันเลิ่กลั่ก  คนใจดีอย่างประพนธ์ถึงขั้นมองหน้าคนพูดนิ่ง 
   
แต่สำหรับเลอมาน  ความรู้สึกต่างๆหลั่งไหลพรั่งพรูจนสับสน  ทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจระคนกัน
   
ร่างโปร่งบางตัดสินใจหันหลังให้วงตะกร้อ  ซ่อนดวงตาเหว่ว้าให้พ้นจากคนใจดำ  เดินเล่นไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย  มารู้ตัวอีกทีก็พบว่าตนอยู่หน้าประตูโรงเรียน
   
มือบางเกาะซี่กรงประตูโรงเรียน  อีกฝั่งหนึ่งของถนนลูกรังคือท้องทุ่งนากว้างไกล  ต้นตาลยืนต้นทิ้งระยะเป็นช่วงๆ  มองเห็นคลองเมืองอยู่ลิบๆ  ฝูงเป็ดไล่ทุ่งเดินเตาะแตะหากิน  มือบางเปิดประตูออกเบาๆเมื่อพบว่ามันไม่ได้คล้องโซ่

แดดเริ่มริบหรี่  ท้องฟ้ากลืนสีเป็นม่วงอมส้ม  เลอมานเดินไปตามถนน  ฝูงเป็ดนับร้อยเดินตามกันเป็นคลื่นดูตื่นตา  เมื่อเดินมาถึงหน้าวัดข้างโรงเรียน  เขาก็เห็นมอเตอร์ไซค์ ๒ คันมุ่งตรงมาทางนี้  เปิดไฟจ้าจนต้องยกมือป้อง
 
“นึกว่าใคร  คุณชายนี่เอง” เสียงไอ้ลอยทักก่อนที่มันจะจอดรถเสียอีก  ร่างใหญ่หนายิ้มร่า  ดวงตาเป็นประกายวาววับ

“จะไปไหนค่ำๆมืดๆ” นายสิงห์ถามบ้างด้วยความสงสัยเหลือล้น  ที่เห็นเด็กหนุ่มผู้สูงศักดิ์มาเดินท่อมๆอยู่ลำพัง
   
“เอ่อ..” ดวงตาคู่สวยมองหน้าชายหนุ่มทั้งสี่สลับกัน  คิ้วเรียวขมวดมุ่น  คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหนแต่ก็คิดไม่ออก
   
“ผมนายสิงห์ลูกกำนันเสริม  นี่ไอ้ลอย  ไอ้หมาน  ไอ้เลิศ” หัวโจกร่างสูงแนะนำตัวเรียงคน “ที่ไปตะโกนเรียกคุณชายเมื่อเช้าไง”
   
“อ้อ”
   
ไอ้ลอยพิศมองวงหน้างามได้รูปของเด็กหนุ่มตรงหน้า  จมูกโด่งสวย  ปากได้รูป  ผมสีน้ำตาลอ่อนท่าทางนุ่มมือ  แม้ดวงตาวาวแววราวอัญมณีคู่นั้นดูหม่นเศร้าลงจากวันแรกที่พบ  แต่ก็ยังดึงดูดจนละสายตาไม่ได้ 
   
พวกผู้ดีนี่ทำไมมันสวยนักวะ  เป็นผู้ชายแท้ๆ

“พวกเรากำลังจะไปเล่นบิลเลียด  คุณชายไปด้วยกันไหม”

แม้จะแทบไม่มีทางเป็นไปได้ที่คนท่าทางถือตัวขนาดนั้นจะยอมไปกับนักเลงบ้านนอกอย่างมัน  แต่ความอ้างว้างที่มันจับได้ในดวงตานั้น  ทำให้ไอ้ลอยลองเสี่ยงดวงชักชวน  แม้แต่นายสิงห์ยังหันมองอย่างงงๆ 
   
ความหวังริบหรี่นั้นกลับลุกโชนยิ่งกว่าโยนไต้เข้ากองฟาง  เมื่อดวงหน้างดงามพยักช้าๆ 
   
“ไปสิ”
   
พวกจิ๊กโก๋หัวเราะร่าอย่างลิงโลด  โดยเฉพาะไอ้ลอยที่ดูจะดีใจกว่าใคร  มันออกปากไล่ไอ้หมานที่ซ้อนท้ายอยู่ให้ไปอัดเบียดกับอีกคัน  เพื่ออาสาเป็นสารถีให้คุณชายรูปงามนั่งซ้อน  ใจเต้นแรงเมื่อรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่เบียดกระชับแผ่นหลัง 
   
ได้กลิ่นโคโลญจน์หอมอ่อนใส  ชื่นใจเสียจนต้องสูดลึกลงปอด   


กลิ่นดอกฟ้านี่หอมจริงโว้ย  แค่กลิ่นยังหอมขนาดนี้  อยากรู้นักว่ารสชาติจะหวานขนาดไหน 



โปรดติดตามตอนต่อไป

-------------------------------------------------------------------------------------------
*เพลงคมตา, ยรรยง เสลานนท์ ขับร้อง, สวัสดิ์ คำร้อง, เอื้อ สุนทรสนาน ทำนอง


ดอกไม้ตอบเม้นค่ะ :L2:

Mio
งานนี้ใครจะรักใครก่อนต้องคอยลุ้นค่ะ ^^
สามคำ >>> จุ๊บ จ๊วบ ม๊วบ (จุ๊บคนอ่านเช่นกันค่า)

iforgive
ขิงก็ราข่าก็แรงค่ะ คอยติดตามนะคะว่าใครจะยอมใครก่อน แต่ไม่ถึงกับ ‘ใหญ่ฟัดใหญ่’ หรอกเน้อ (ภาพเฉินหลงลอยวูบเข้ามาเชียว)

ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ
แค่มีคนอ่าน  คนเขียนอย่างเราก็ดีใจแล้ว :กอด1:

ดอกไม้
๑๖ ธ.ค. ๕๔

Mio

  • บุคคลทั่วไป
 :fire:
เอ่อ จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณชายหน้าหวานกัน!
สามคำ>>>ลุ้น สุด ติ่ง  o22

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Pizeiro

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องนี้บรรยายดีมาก

บรรยายแบบเห็นภาพเลย

รอติดตามตอนต่อไปนะครับ ^^

Zymphoniz

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งเห็นว่าพี่จี้มาอัพ  :z13:
พอดีเพิ่งเปิดเทอม เลยยุ่งๆ กับการตระเวนเที่ยว(!?) นิดหน่อย 555
เอ่อ...อันที่จริงแอบตามไปอ่านล่วงหน้ามาแล้ว (มันหยุดไม่ได้)
งั้นขอนอนรอตอนล่าสุดเลยแล้วกันนะคะ 
แต่จะแวะมาให้กำลังใจบ่อยๆ :กอด1:

ออฟไลน์ hongzaa

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
มาแว้ววว วว ววว

อยากฆ่าตัวเองที่ทำตัวไม่รักดี
ดันไปเจอ มหาหงส์ ในเด็กดี....
แล้วก็จะขาดใจเอง
กรี๊ดดดดดT^T

*คือชอบมากเลยโรคจิตนั้นเองกร๊ากกก แอบไลค์มากก็เพราะมีชื่อตัวเองในชื่อเรื่องด้วย 555+*

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1


บทที่ ๔

ดอกฟ้าร่วง


มองสูงส่งเกินตา เอื้อมมือสูงกว่าใดๆ
ต่อตายแล้วมาเกิดใหม่ร้อยพันชาติใดไฉนได้แต่คอย
หากว่าดอกฟ้าไม่โน้มลงมาจากฟ้าสักหน่อย
หวังดินเหินลอย ดินนั้นจะคอย จะลองเอื้อมสอยดูที*



แม้จะค่ำแล้วแต่ตลาดหัวรอก็ยังคึกคัก  อาคารไม้เรียงรายสองฝั่งถนน  ร้านขายอาหารตั้งเต็มบริเวณ  จุดไฟสว่างไสว  มีอาหารสารพัดอย่างทั้งคาวและหวาน  ชาวเมืองนั่งกันตามโต๊ะเล็กๆระหว่างร้าน  ง่วนอยู่กับการรับประทานและสนทนา  พวกนายสิงห์พาหม่อมราชวงศ์เลอมานแวะร้านขนมหวานที่แม่ค้าโฉมงามเป็นที่เลื่องลือ  ไอ้ลอยสั่งซ่าหริ่มมาให้เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ลองชิมเป็นครั้งแรกในชีวิต
   
ซ่าหริ่มสีสวยหอมหวานชื่นใจ  นั่งดูพวกนายสิงห์เกี้ยวแม่ค้าแล้วก็ดูครึกครื้นดี  ไอ้ลอยก้มหน้ากระซิบว่าวันนี้เจ้าหล่อนเล่นหูเล่นตาเป็นพิเศษ  สาเหตุก็เพราะมีเขานั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย
   
จากนั้นพวกนักเลงหนุ่มพาเขาไปที่โรงไม้เตี้ยๆใกล้ถนนสายใหญ่ของเมือง  ภายในนั้นมีโต๊ะบิลเลียด ๒ โต๊ะ  ไม่มีเครื่องตกแต่งอย่างอื่นที่ไม่จำเป็น  แต่ไฟนั้นเปิดสว่างเป็นพิเศษ  ชายหนุ่มนับสิบในนั้นต่างทักทายพวกนายสิงห์อย่างคุ้นเคยกันดี
   
“บิลเลียดเป็นเกมของอังกฤษนี่  คุณชายเล่นเป็นไหม” ใบหน้าคมคร้ามของไอ้ลอยก้มลงถามใกล้ชิดเสียจนหน้าแทบชนกัน  เลอมานเข้าใจว่าเพราะเสียงดัง  อีกฝ่ายจึงต้องก้มลงมาพูดใกล้ๆ  คุณชายสารภาพว่าเล่นไม่เป็นและขอเป็นผู้ดู  ก่อนเดินตามนายสิงห์ที่ผายมือเชื้อเชิญนั่งที่โต๊ะ     
   
ไอ้ลอยขยับคอเสื้อกระพือไปมาปากก็บ่นว่าร้อนอบอ้าว  มือใหญ่แกะกระดุมสลัดเสื้อเชิ้ตเนื้อบางออก  อวดแผ่นอกสมบูรณ์ด้วยมัดกล้ามประดับรอยสักเสือเผ่นผาดโจน  หันมาสบกับดวงตาสีน้ำตาลใสพลางยักคิ้วยั่วล้อ
   
หม่อมราชวงศ์หนุ่มนั่งอยู่ที่โต๊ะมองเกมบิลเลียดดำเนินไป  นึกทึ่งในเรือนร่างสมชายชาตรีเช่นลอยและสิงห์นัก  ได้แต่คิดเข้าข้างตัวเองว่าวันใดที่เขาเป็นหนุ่มฉกรรจ์ก็คงได้เป็นเจ้าของรูปร่างแบบนี้บ้าง  แม้ความหวังจะค่อนข้างริบหรี่  เพราะแม้จะมีเชื้อฝรั่งอยู่เศษเสี้ยว  แต่ตนก็ได้ทางแม่ที่บอบบางนุ่มนวลมากกว่าทางพ่อที่องอาจสูงใหญ่

ของเหลวสีอำพันในแก้วตรงหน้าพร่องไปเรื่อยๆ  บรรยากาศในโรงบิลเลียดก็ครึกครื้น  ควันบุหรี่ลอยอ้อยอิ่งในอากาศ  เสียงกริ๊กของไม้กระทบลูกสลับกับเสียงร้องเฮเป็นระยะ  ลอยสาวคิวแทงลูกลงหลุมได้แม่นยำเหมือนจับวาง  หัวใจมันพองคับอกทุกครั้งที่หันไปทีไรก็เห็นเจ้าของใบหน้างามหวานนั้นกำลังมองตนด้วยสายตาแสนทึ่ง

“คุณชาย ลองหน่อยซี” ร่างใหญ่หนาเดินตรงเข้ามายื่นไม้คิวให้เด็กหนุ่มสูงศักดิ์     

“ไม่เอาๆ ฉันเล่นไม่เป็น” มือเล็กโบกวุ่นวาย  ยิ้มเก่งและพูดเก่งกว่าปกติด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ “ออกไปเล่นก็ขายหน้าเขาเปล่าๆ” 

“เถอะน่า ลองดู” ลอยคะยั้นคะยอ ยัดไม้คิวใส่มือบางพลางฉุดให้ลุกขึ้น  เรียกเสียงปรบมือได้เกรียวกราว  ดวงตาดำสนิทมองมือใหม่เอาชอล์กลูบมือและเช็ดหัวคิวเลียนแบบคนอื่นอย่างนึกเอ็นดู  หัวเราะขำเมื่อร่างโปร่งบางทำหน้าเหมือนรู้ว่าการทำเช่นนั้นไม่ได้ช่วยให้แม่นยำขึ้นเลยหลังจากแทงลูกไปสองสามครั้ง..

“มา เดี๋ยวผมสอนให้” ร่างแกร่งอ้อมไปประกบด้านหลัง  ออกแรงเล็กน้อยกดร่างบอบบางให้ก้มลงกับโต๊ะ  สองร่างแนบชิดสนิทเนื้อ  มือสัมผัสมือจัดท่าให้เข้าที่  อกทาบหลัง  หน้าขาเบียดสะโพก 

“ย่อขาซ้ายลง” ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงกระซิบที่ริมหู  เด็กหนุ่มในอ้อมอกพยักหน้าทำตามอย่างว่าง่าย  และเมื่อขาเรียวย่อลง  ส่วนที่แนบชิดก็บดเบียดเข้าหายิ่งกว่าเดิม 

ไอ้ลอยแว่วเสียงกลองรัวเร็วจากที่ไหนสักแห่ง  หรือเสียงหัวใจของมันเองกันแน่                         

   
เพราะหัวโจกอย่างนายสิงห์โวยวายขึ้นมาว่าให้รีบกลับ  เหตุเพราะพรุ่งนี้มีภารกิจต้องไปเก็บดอกเบี้ยจากลูกหนี้รายสำคัญที่ชื่อจ้อย  พวกสมุนจึงต้องเดินโงนเงนแอ่นหน้าแอ่นหลังออกจากโรงบิลเลียดอย่างเสียไม่ได้ 
   
ลอยรับอาสาไปส่งคุณชายที่โรงเรียน  มือใหญ่สะกิดร่างที่ฟุบหน้ากับโต๊ะให้ลุกขึ้น  ทันทีที่ใบหน้าแดงก่ำเงยขึ้น  ดวงตาปรือปรอย  ปากบางสดฉ่ำส่งเสียงอ้อแอ้  ทำให้ใจคนเห็นยิ่งเต้นเร็วเป็นรัวกลอง 
   
ดื่มแค่นี้ก็เมาเสียแล้ว  น่ารักจริง..


ไทรอัมพ์แล่นเร็วในความมืด  เลอมานเอียงหน้าหลบลม แก้มแนบแผ่นหลังชายหนุ่ม  แขนเล็กรัดเอวแกร่งไว้แน่น  ในความง่วงและความเมายังมีสติสัมปชัญญะหลงเหลือ  รู้สึกได้ว่ารถผ่อนจังหวะเบรกบ่อยๆ จนทั้งร่างร่นเข้าหาคนขี่ตลอดเวลา
   
จู่ๆ..
   
“โอ๊ย!”
   
รถหยุดกะทันหัน  เลอมานคล้ายถูกกระชาก  อกเบียดเข้ากับหลังกว้างของนักเลงหนุ่ม
   
“ขอโทษที” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ  เอี้ยวตัวมาดู “เจ็บหรือเปล่า”
   
เด็กหนุ่มนิ่วหน้าถามยานคาง “มีอะไร..”
   
“ปวดเบา” มันตอบเรียบๆ  หม่อมราชวงศ์หนุ่มก้าวขาลงจากรถเก้ๆกังๆ  ลอยอาจไม่ได้ตั้งใจ  แต่การขยับตัวของฝ่ายนั้นแต่ละครั้งเหมือนร่างกายขยายใหญ่ขึ้น  จึงกระทบกระทั่ง  สัมผัสเขาตลอดเวลา 

ชายหนุ่มเดินไปยังพงหญ้าข้างทาง  หันหลังให้ถนน  หันหน้าเข้าหาท้องทุ่งตะคุ่มเลือนราง  ห่างบ้านเรือนและผู้คน  เลอมานยืนพิงเบาะรถ เมินหน้าหนีภาพนั้น 
   
..............................
   
..................
   
นานเกินไปหรือเปล่า?
   
เด็กหนุ่มตระหนักถึงความเงียบที่เงียบเกินไป  ไม่มีเสียงน้ำไหลหรือรูดซิปขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น  จึงหันกลับไปดูอย่างสงสัย
   
สิ่งที่เขาเห็นคือการเคลื่อนไหวในความเลือนราง  ชายหนุ่มกำลังตัวสั่นนิดๆ  เงยหน้า  สองแขนรัวเร็ว 

วินาทีที่ยังสับสนกับภาพตรงหน้าว่าความฝันหรือความจริง  ใบหน้าคมเข้มหันมาสบตา  แล้วสะท้านขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย

“คุณชาย..”

ริมฝีปากหนาขยับเช่นนั้น

**************************

อาจารย์คนึงยืนหน้าเครียดอยู่หน้าโรงเรียนตอนที่ลอยพาคุณชายเล็กไปถึง  ร่างเล็กก้าวลงจากรถเดินโซเซ จนคนมาส่งต้องรีบปราดเข้ามาประคอง 
   
“หายไปไหนมา” อาจารย์หนุ่มเอามือไหว้หลังถามเสียงเรียบ  แต่ในดวงตาเต็มไปด้วยโทสะฉายชัด  กลิ่นแอลกอฮอล์คลุ้งทำหน้าที่แทนคำตอบได้เป็นอย่างดี

“ม่ายต้องยุ่งง..” ใบหน้าหวานแดงก่ำถึงหู  เสียงอ้อแอ้ยานคางบอกปัดอย่างก้าวร้าว 

“ขอโทษทีอาจารย์  พวกผมแค่พาคุณชายไปเปิดหูเปิดตานิดหน่อย” ลอยคล้องแขนเล็กเข้ากับไหล่ตน  มือหยาบกร้านโอบหมับที่เอวบาง  “เดี๋ยวผมประคองคุณชายไปส่งให้เอง”

“ไม่ต้อง” อาจารย์หนุ่มกระชากข้อมือเล็กเข้าหาจนร่างโปร่งปลิวหวือติดอก  “ขอบใจมากนายลอย กลับไปได้แล้ว”

นักเลงร่างใหญ่ขับรถเครื่องหายไปในความมืด  เลอมานสะบัดข้อมือตนออกจากมือแข็งของอีกฝ่ายเพื่อจะเดินด้วยตนเอง  คนึงมองเด็กอวดเก่งที่โซซัดโซเซไปได้ ๒-๓ ก้าวก็ล้มเผละพลางส่ายหน้าหน่าย

ถ้าอาจารย์ใหญ่ไม่ฝากไว้  ถ้านี่ไม่ใช่หน้าที่  เขาจะปล่อยให้เจ้าเด็กนี่นอนกลางดินตากน้ำค้างเป็นอาหารยุงอยู่เสียตรงนี้ทั้งคืน

ร่างสูงใหญ่ตรงไปคว้าร่างที่นอนมึนงงอยู่บนพื้นขึ้นพาดบ่าแข็งแรง  ไม่สนใจหมัดเล็กที่ทุบหลังไหล่อึกอัก  ไม่สนใจเสียงอ้อแอ้ที่ก่นด่าประท้วง

“ปล่อยย.. ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ..ไอ้ครูบ้านนอก..บอกให้ปล่อย..ฉันเดินเองได้..ปล่อยซี่..”   

คนึงโยนเจ้าเด็กดื้อลงบนเตียงอย่างไม่ถนอมสักนิด  ดวงตาคู่สวยจ้องกลับอย่างเอาเรื่อง

“ออกไปข้างนอกโดยไม่ขออนุญาต  ไปเที่ยวเล่นกับพวกนักเลงหัวไม้จนดึกดื่น  แล้วก็เมามายกลับมา  รู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป”

“ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน!”  เลอมานตวาดใส่อย่างโอหัง “เป็นแค่ครูบ้านนอกกระจอกๆ  ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน  แกรู้ไหมว่าฉันลูกใคร!”
   
ฟังจบแค้นคั่งดังเพลิงไหม้   เหมือนดินประสิวปลิวติดกับเปลวไฟ**

แม้อาจารย์หนุ่มจะรู้ว่าฤทธิ์สุราเสริมให้ความก้าวร้าวทวีคูณขึ้น  แต่ถ้อยคำหยาบช้านั้นก็จุดไฟโทสะในหัวใจเขาจนเดือดดาล  มือใหญ่กำหมัดแน่นขณะอีกฝ่ายผินหลังให้แล้วหลับไปทั้งกลิ่นเหล้า  คราวนี้เขาคงปล่อยผ่านไปไม่ได้
   
เห็นทีจะต้องกำหราบเจ้าเด็กคนนี้ให้อยู่หมัดเสียแล้ว

**********************

   
เวลาตีสี่  เวลาที่ใครหลายคนกำลังนิทราอยู่บนที่นอนอย่างผาสุก  แต่เวลานี้ตลาดสดกลับกำลังคึกคัก  พ่อค้าแม่ขายเริ่มต้นทำมาหากินตั้งแต่แสงตะวันยังไม่อาบฟ้า  ต่างคนต่างสาละวนจัดแผงร้านของตน  รถเข็นขนผักสวนกันไปมา
   
จ้อยเองก็เช่นกัน
   
หนุ่มน้อยตื่นแต่ตีสาม  เพื่อไปเก็บผักที่ตนปลูกในแปลงหลังโรงเรียน  จากนั้นก็พายเรือที่บรรทุกผักสดมารับยายที่บ้าน  แล้วสองยายหลานก็ล่องเรือมาด้วยกันถึงตลาด
   
แผงผักของยายช้อยไม่ได้ใหญ่โตอะไร  แต่ก็มีผักสดนานาชนิดจัดวางเต็มแผง  ผักกาด กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก หัวไชเท้านั้นหลานชายเอามาจากโรงเรียน  ส่วนฟักทองลูกโต กล้วยน้ำว้าเนียนสวย ยอดตำลึงเขียวสดนั้นเป็นของที่แกปลูกเองทั้งสิ้น

ตลาดจอแจคึกคัก ผู้คนเริ่มทยอยมาจับจ่ายซื้อของ  ผักของจ้อยขายดีเพราะมีลูกค้าประจำมาเหมาซื้อไปทุกวัน  ลูกค้าขาจรแวะเวียนมาบ้างเพราะได้รอยยิ้มสดใสจากพ่อค้าหน้ามนคอยเรียกลูกค้า 
   
เหงื่อไหลอาบใบหน้าเนียนใสแต่เจ้าตัวเพียงยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดเพราะสองมือกำลังหยิบมัดตำลึงห่อใบตองให้ลูกค้ามือเป็นระวิง     

“ได้แล้วจ้ะ” มือเล็กยังไม่ทันรับเงินมา ทว่า..

“เฮ้ย!”

เสียงดังกัมปนาทราวฟ้าผ่า  ร่างเล็กสะดุ้งสุดตัว  ไม่ต้องหันไปมองเขาก็รู้ว่าเสียงใคร
   
“ขายดีไหมจ๊ะพ่อค้า” นายสิงห์และพรรคพวกสี่คนเดินอาดๆมายังแผงของจ้อยอย่างวางท่า  ยกเท้าข้างหนึ่งวางบนแคร่วางผักอย่างหยาบคาย  จ้อยได้แต่กำหมัดแน่นมองผักคะน้าที่เขาอุตส่าห์รดน้ำพรวนดินแหลกเละอยู่ใต้ตีนสกปรก

“พะ..พ่อสิงห์” หญิงชราละล่ำละลัก “งวดนี้ยายขอผัดไปก่อนนะพ่อนะ  พ่อสิงห์ก็รู้ว่าจินดาเพิ่งสิ้นบุญไป  จ้อยก็ยังเรียนไม่จบ  แล้วเราจะไปเอาเงินมาจากไหน”

“ไม่สน!  ถึงเวลาจ่ายดอกก็ต้องจ่าย  อย่าเบี้ยว!” ลูกชายกำนันตวาดใส่ลั่นอย่างไม่กลัวเกรง  จ้อยได้แต่กำหมัดนิ่ง  กัดริมฝีปากแน่นจนแดงช้ำ

“แหม้..เสียดายนะที่เอ็งเป็นผู้ชาย” มือหยาบใหญ่บีบคางเล็กอย่างแรงจนหน้าเบ้  ยิ่งพยายามสะบัดหนียิ่งถูกบีบแน่น  แม้กายจะอ่อนด้อยกว่าหลายเท่า  แต่ดวงตาแข็งกร้าวชิงชังนั้นบ่งบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าหัวใจเขาจะไม่มีวันยอมแพ้ “สวยๆอย่างนี้  ถ้าเป็นผู้หญิงคงเอาไปขายซ่องอีทองใบได้หลายตังค์ว่ะ” 
   
ถ้อยคำหยาบโลนนั้นเรียกเสียงหัวเราะจากไอ้พวกสมุนได้ฮาครืน  ชาวบ้านหลายคนเริ่มมุงมองอยากรู้อยากเห็น  จ้อยสุดจะทนได้อีกต่อไป 

“ถุย!”

ปากแดงสวยถ่มน้ำลายใส่หน้าคนตัวโตอย่างไม่กลัวเกรง  เหล่าคนมุงเฮลั่นด้วยความสะใจ  นายสิงห์ตะลึงตาค้าง  มือใหญ่ค่อยลูบหน้าขณะดวงตาคมแดงก่ำด้วยโทสะและความอับอาย 

“ถุยน้ำลายใส่กูหรือวะไอ้จ้อย!” ตะคอกใส่แล้วกระชากคอเสื้อของนักเรียนร่างเล็กจนกระดุมกระเด็น  จ้อยซวนเซตามแรงนั้น 

ทว่า.. สายตาคมกร้าวกลับอ่อนลง  และนิ่งค้างอยู่ที่แผ่นอกเนียน  หน้าท้องขาวเรียบที่เปิดเผยออกมาพ้นเสื้อ

“มะ..มึง..กะ..กล้ามากนะ”

สิงห์แปลกใจนักที่พบว่าเสียงตนสั่นอย่างไม่รู้สาเหตุ 

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
ไอ้จ้อยมันต้องลงคาถาอาคมอะไรไว้ที่อกมันแน่ๆ  มันไปสักเสือเผ่นลงน้ำมันกับอาจารย์สำนักไหน  ถึงวิชาแก่กล้าข่มสิงห์เช่นเขาได้ง่ายดายเพียงนี้  แถมยังสักได้เรียบเนียนไม่เห็นรอยจนน่าเอามือลูบ

จ้อยดิ้นรนสุดกำลังเพื่อให้หลุดจากพันธนาการแกร่ง  แต่ยิ่งยื้อยุดเท่าไหร่ก็ยิ่งฉุดกระชากให้เนื้อหนังเปิดเผยต่อสายตาอีกฝ่ายมากขึ้นเท่านั้น  และเมื่อรู้สึกได้ว่ามือใหญ่นั้นแข็งแรงราวคีมเหล็กแต่ดวงตากลับเหม่อมองลงต่ำ  หลานยายช้อยจึงรวบรวมพละกำลังถีบโครมเข้าให้ที่กลางอกกำยำดังเปรี้ยง
   
“โอ๊ย!” นักเลงหนุ่มหงายหลังลงไปนอนจุกแอ้ดคลุกฝุ่น  กลุ่มคนมุงส่งเสียงเฮลั่นอย่างสะใจ  พวกไอ้ลอยเตรียมถลกแขนเสื้อเข้ามาช่วยลูกพี่  แต่กลับถูกห้ามไว้  “พวกเอ็งไม่ต้อง! ข้าจัดการเอง!”

ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นหอบหนักจนตัวโยน  จ้องมองลูกหนี้ร่างเล็กตรงหน้าราวจะกินเลือดกินเนื้อ  ก่อนถลันพรวดพราดเข้าใส่เหมือนเสือตะครุบเหยื่อ  หากแต่เหยื่ออย่างจ้อยไม่มีวันเสียล่ะที่จะยอมให้เคี้ยวได้ง่ายๆ

สองร่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันกลางตลาด  จ้อยออกมวยแมวใส่อย่างสุดชีวิตจนอีกฝ่ายต้องปัดป้องและออกแรงจนเหนื่อยกว่าจะกดร่างเล็กกว่าลงพื้นได้อย่างราบคาบ  ร่างสูงใหญ่ขยับขึ้นคร่อมเอวเล็ก  มือหนึ่งกดไหล่บางไว้แน่น ส่วนอีกมือกำหมัดเงื้อง่าขึ้นสูง..

เพื่อที่จะชะงักค้างเติ่งในอากาศ  เพียงแค่ได้เห็นดวงตาใสๆจ้องมาอย่างหวั่นกลัวก่อนจะหลับตาปี๋

เอาอีกแล้วเหวย..

คราวนี้อะไรอีกวะ.. ใช่.. ไอ้จ้อยมันต้องลงนะหน้าทองมาแน่ๆ  แค่จ้องหน้ามัน  มือไม้คนไม่กลัวใครเช่นไอ้สิงห์ถึงได้อ่อนเปลี้ยเหมือนโดนของแบบนี้

“พี่สิงห์!  ชักช้าทำไม ต่อยมันเลยพี่!” เสียงไอ้หมานเร่งเร้าอยู่นั่น  สติลูกพี่ถึงได้กลับคืนมาแต่ก็ยังช้าไปกว่าจ้อย  เมื่อเท้าเล็กยกขึ้นถีบยันเข้าซ้ำแผลเก่าจนคนตัวโตหงายหลังซ้ำอีกรอบ

เห็นลูกพี่นอนตัวงอโอดโอยอยู่กับพื้นท่ามกลางเสียงหัวเราะของชาวบ้านทั้งตลาด  พวกลูกสมุนก็อดรนทนไม่ได้อีกต่อไป  ไอ้หมานและไอ้เลิศตรงไปคว้าร่างเบาหวิวขึ้นมายึดแขนไว้คนละข้าง  ไม่ว่าลูกหนี้ตัวแสบจะดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด  ไม่ว่ายายช้อยจะอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่ฟัง  ไอ้ลอยต่อยกำปั้นใส่ฝ่ามือ  ดวงตาคมวาวราวหมาป่าจ้องเหยื่อติดแร้ว
   
ไม่รั้งรอให้เสียเวลา  มันเงื้อหมัดขึ้นสูงหวังกระแทกปากเด็กอวดดีให้หลาบจำ 

“ไอ้ลอย..อย่า!!”

เปรี้ยง!!
   
ไอ้ลอยตาเหลือกเท่าไข่ห่าน  เมื่อเห็นว่าคนที่มันวาดหมัดใส่จนลงไปนอนกองตรงหน้าคือลูกพี่สิงห์  ที่เอาตัวเข้ามาขวางทางกำปั้นเมื่อไรก็ไม่รู้     
   
สิงห์ถ่มน้ำลายปนเลือดเค็มปร่าลงพื้น  จุกที่ไอ้จ้อยถีบยังไม่ทันซาก็มาเจ็บเพราะไอ้ลอยชก  ยังงงไม่หายว่าอะไรดลใจให้เขาพุ่งเข้ามาขวางทางหมัด  หรือว่าไอ้จ้อยมันเลี้ยงกุมารทองแล้วปล่อยมาสิงใจเขา  ร่างกายมันถึงปราดไปเองแบบนั้น     มือใหญ่ปาดเลือดที่ไหลย้อยมุมปาก  เห็นจ้อยมองมาหน้าตื่นเลิ่กลั่ก  ยายช้อยก็มาเกาะแขนแกร่งเขย่าไปมา

“พ่อสิงห์เอ๊ย.. ยายขอละนะ  อย่าทำจ้อยมันเลย จ้อยมันยังเด็ก” น้ำตาหญิงชราไหลพรากปานจะขาดใจ  หารู้ไม่ว่าน้ำตาในหัวใจมันไหลโกรกเป็นน้ำตก  เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ  แถมต้องมาถูกชาวบ้านรุมหัวเราะเยาะ   

แก่เฒ่าแล้วหูตาฝ้าฟางหรือไงยายช้อย  ไม่เห็นหรือว่าหลานยายไม่มีรอยขีดข่วนแม้กระผีกริ้น  ในขณะที่คนได้แผลอยู่คนเดียวก็คือไอ้สิงห์ลูกกำนันเสริมคนนี้ต่างหากเล่า 

*********************

บนเรือนไทยหลังงาม  คุณนายพูนทรัพย์นั่งมองใบหน้ายับเยินของลูกชายสุดที่รักแล้วส่ายหน้าหน่าย  มืออวบขาวทาเล็บแดงสดประคองไข่ต้มปอกค่อยๆคลึงบนใบหน้าหล่อคมเบาๆ

“โอ๊ย! เบาหน่อยสิแม่” สิงห์โอดลั่นด้วยความเจ็บ  น่าหมั่นไส้จนมารดาตีป้าบเข้าให้ที่ไหล่
   
“ลูกอีกำไลมันตัวเท่าลูกหมา  ทำอีท่าไหนถึงได้หน้าช้ำขนาดนี้ยะพ่อสิงห์” ปากถามลูกชายแต่สายตามองปราดไปยังพวกสมุนที่นั่งตัวลีบอยู่ริมเสา 
   
“ก็ไอ้พวกนี้สิ  แส่ไม่เข้าเรื่อง” หัวโจกโบ้ยความผิดให้ลูกน้องเสียอย่างนั้น “บอกพวกมันแล้วว่าอย่ายุ่งๆ  เสือกแห่กันเข้าไป  หมาจนตรอกมันก็กัดไม่เลือกแบบนี้ละ”
   
ไอ้เลิศไอ้หมานหงอหัวหด  มีแต่ไอ้ลอยที่ซ่อนรอยยิ้มหยันไว้ในดวงตา 
   
คุณนายกำนันถอนใจเฮือก  ยายช้อยค้างค่าดอกมาสองเดือนแล้ว  ตอนที่ครูจินดายังอยู่  บ้านนั้นยังพอมีเงินส่งดอกได้บ้าง  แต่สิ้นเสาหลักไปแบบนี้  เห็นทีรีดเลือดจากปูยังง่ายกว่าเก็บดอกจากยายช้อยเสียอีก  โฉนดที่ดินของฝ่ายนั้นก็ยึดมาแล้ว  ถ้ายังพิรี้พิไรท่ามากไม่ยอมจ่ายหนี้  อย่าหาว่าคุณนายพูนทรัพย์รังแกเด็กกับคนแก่ก็แล้วกัน

*********************

เช้านี้เลอมานตื่นมาพร้อมอาการปวดหัวหนึบ  หนักหัวเหมือนมีใครเอาค้อน ๑๐๐ ปอนด์ไปวางไว้  กว่าจะประคองตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งก็ลำบากแล้ว  มือเล็กกุมหัว นิ่วหน้าครวญ  หากแต่ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบอาจารย์ร่วมห้องนั่งไขว่ห้างจ้องหน้าเขาด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
   
“รีบไปอาบน้ำซะ  เช้านี้ผมมีเรื่องต้องอบรมคุณ” ใบหน้าหล่อคมสั่งด้วยแววตาเรียบนิ่ง
   
“ไม่” เด็กหนุ่มสะบัดเสียงใส่  ก่อนผินหลังให้เพื่อจะล้มตัวลงนอนต่อ  ทว่าไม่อาจทำได้ดั่งใจเพราะมือแกร่งราวคีมเหล็กตรงเข้ามาคว้าแขนเขาไว้แน่น  ออกแรงฉุดกระชากอย่างไม่ปรานีจนร่างโปร่งบางแทบตกเตียง 

“ทำอะไร!  ปล่อย!” เลอมานทั้งร้องทั้งดิ้น  แต่รูปร่างที่ต่างกันเกินไปทำให้ต่อต้านอีกฝ่ายได้ยากเหลือเกิน  ร่างสูงกว่าฉุดเขามาถึงบานกระจกที่ติดอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า  เงาที่สะท้อนกลับมาทำให้เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ชะงักนิ่ง

เสื้อผ้ายับย่น  ผมเผ้ายุ่งเหยิง  ดวงตาแดงก่ำ  ใบหน้าอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด
   
มือบางยกขึ้นลูบหน้าตน.. นี่ใคร.. ใช่เขาแน่หรือ 
 
   
“ดูสารรูปตัวเองเสียบ้าง  นี่น่ะหรือหม่อมราชวงศ์  นี่น่ะหรือลูกชายคนเดียวของเอกอัครราชทูต  จะทำอะไรหัดนึกถึงชื่อเสียงวงศ์ตระกูลคุณบ้าง” อาจารย์หนุ่มเอ่ยเสียงเข้ม  ใบหน้างามที่หันมาจ้องด้วยดวงตาเคืองขุ่น  จนเขาต้องสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนสั่ง.. “จะลงไปอาบเองดีๆหรือจะให้ผมลากลงไป” 
   
มือหนาบีบข้อมือเล็กไว้แน่น  เป็นสัญญาณว่าพร้อมจะทำตามที่พูดได้ทุกเมื่อ 
   
ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างเด็กถูกขัดใจ  ก่อนสะบัดมือเพื่อฉวยเสื้อคลุมแล้วไปอาบน้ำตามที่อีกฝ่ายต้องการ
   
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ  เด็กหนุ่มใช้เวลาสำอางค์อยู่หน้ากระจกเช่นทุกที  จนกระทั่งมีเสียงเข้มเรียกจากอีกฝั่งของชั้นหนังสือ

“เป็นผู้ชายจะแต่งตัวอะไรนานนัก  มานี่เดี๋ยวนี้”

มือที่กำลังจัดทรงผมอยู่ชะงัก  กลอกตาขึ้นบน ทั้งถอนใจทั้งจึ๊ปากอย่างเบื่อหน่าย  แต่ก็เดินไปอย่างเสียไม่ได้  พบอาจารย์คนึงนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ  ดวงตาสองคู่สบกันท่ามกลางความเงียบงัน

คู่หนึ่งจองหองท้าทาย   

คู่หนึ่งเรียบนิ่งเหมือนผิวน้ำนิ่งสงบ  หากแต่มีคลื่นรุนแรงปานใดอยู่ข้างใต้ไม่อาจรู้ 

“เมื่อคืนไปไหนมา” คนึงถามทำลายความเงียบ  ดวงตาคู่นั้นยังจ้องมองไม่ลดละ

เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ยักไหล่  เอียงคอยิ้มเยาะ “เรื่องของผม”

“ตอบ!!”

เสียงดังจนเขาเผลอสะดุ้ง  นึกเคืองตัวเองนักที่ขวัญอ่อนง่ายดายเพียงนี้  ร่างโปร่งบางยืนเอามือไพล่หลัง  พักขาไปมาด้วยความเมื่อยขบ  เจ้าอาจารย์บ้านี่.. ใจคอจะให้เขายืนไปอีกนานแค่ไหนกัน   

“ลูกชายกำนันกับพวกพาผมไปเที่ยวตลาด  แล้วก็พาไปเล่นบิลเลียด  จากนั้นก็พาผมมาส่ง” ตอบส่งๆไปซะมันจะได้จบๆเสียที   

แต่เห็นทีเขาจะเข้าใจผิดเสียแล้ว  เมื่ออีกฝ่ายเทศนาสั่งสอนเขาเสียยืดยาวเรื่องที่ไปข้างนอกโดยไม่ขออนุญาตแถมยังเมากลับมา  เรื่องที่คบหาสมาคมกับพวกนักเลงหัวไม้  และย้ำหัวตะปูแน่นหนาว่าต่อไปนี้ห้ามเขาออกไปนอกโรงเรียนตอนกลางคืนโดยไม่ได้รับอนุญาต   

ตลอดการอบรม  เลอมานเพียงกลอกตาเบื่อหน่าย  ถอนใจเป็นระยะ  เชิดหน้ามองไปทางอื่นอย่างยียวน 

“รู้ตัวใช่ไหมว่าทำผิด” คนึงถามราวกับเข้าสู่บทสรุป  เด็กหนุ่มจึงค่อยพาใจที่เลื่อนลอยไปไกลกลับมา  ใกล้จบแล้วสินะ  เขาทั้งเบื่อทั้งเมื่อยจะตายอยู่แล้ว

“อืม” เขาพยักหน้าส่งๆ ก่อนถามกลับ “ผมไปได้หรือยัง”

“ยัง” อาจารย์หนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางเดินเข้าหา  แต่ไม้เรียวยาวเฟื้อยที่อีกฝ่ายถือติดมือมาด้วยนั่นมันอะไรกัน

“ทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ  จะได้หลาบจำไม่ทำอีก”

เด็กหนุ่มถอยกรูด  มองไม้ยาวในมืออีกฝ่ายราวกับมันเป็นอาวุธประหัตประหาร  นี่อย่าบอกนะว่า..

“ผมจะตีคุณ ๓ ทีให้สมกับความผิด” ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งแววตาเอาจริงจนน่าขนลุก  เลอมานตะลึง  ตาค้าง อ้าปากหวอ

หูเขาไม่ได้ฝาดไปใช่ไหม  เจ้าอาจารย์บ้านนอกคนนี้จะตีบุตรชายคนเดียวของหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชอย่างนั้นหรือ  ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเกินไปแล้ว

“คุณจะทำแบบนั้นไม่ได้  คุณไม่มีสิทธิ์” เขาเถียงเสียงสั่นด้วยความโกรธ 

“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์  ในเมื่อท่านชายมอบหมายให้ผมเป็นครูของคุณ  คุณอาจจะเป็นอาจารย์ฝึกสอนในสายตาคนอื่น  แต่สำหรับผม  คุณนับเป็นศิษย์  และเมื่อศิษย์ทำผิด  ครูก็ต้องลงโทษ”  ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้  ในประกายตาคู่นั้นไม่มีความเมตตาสักนิด 

“ท่านชายส่งคุณมาดัดสันดาน  ยังไม่รู้ตัวอีกหรือ  กอดอกเดี๋ยวนี้!”

ลูกชายท่านทูตหอบหนักจนสั่นไปหมดทั้งตัว  มือเล็กกำหมัดแน่น  ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยถูกใครหยามเกียรติถึงขนาดนี้

“หรือไม่ก็เลือกเอา  ระหว่างให้ผมตีตรงนี้  หรือจะให้ผมรายงานความประพฤติคุณให้ท่านชายรู้” 

“ท่านพ่อกับหม่อมแม่ยังไม่เคยตีผมเลยนะ  คุณเป็นแค่ครูกระจอกๆคนหนึ่ง กล้าดียังไง  ผมจะฟ้องท่านพ่อเรื่องคุณ”

หลุดปากออกไปแล้วเลอมานถึงได้รู้ตัวว่าเขาพลาดตกลงไปในหลุมที่ตนขุดอย่างโง่เขลาที่สุด
   
ถ้าเขาฟ้องท่านพ่อตามที่ขู่  คนึงก็ต้องฟ้องท่านพ่อเรื่องเขาเช่นกัน  ไม่ต้องคิดให้เปลืองหัวก็รู้ได้ทันทีว่าท่านพ่อจะเชื่อใคร   
   
“ก็ดี  ผมจะใช้โทรศัพท์ที่ห้องธุรการโทรไปที่กระทรวงศึกษาก่อน แล้วค่อยทำหนังสือส่งไปสถานทูต” แววเหยียดหยันระยับในดวงตาคมคู่นั้น  แถมเจ้าตัวก็ทำท่าเหมือนจะเดินออกไปทำอย่างที่พูดจริงๆ

“เดี๋ยว!” เลอมานเรียกไว้ทันควัน  กัดปากแน่นก่อนกลั้นใจเอ่ย.. “ก็ได้”

และเมื่ออาจารย์หนุ่มหันกลับมา  ภาพที่เห็นคือเด็กหนุ่มร่างระหง ยืนกอดอกเตรียมพร้อมรับโทษทัณฑ์  ใบหน้างามเชิดมองไปนอกหน้าต่างอย่างทระนงในศักดิ์ศรี  แดดยามสายอาบไล้เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนจนเป็นประกายทอง 

งามผิวประไพผ่อง                   กลทาบศุภาสุพรรณ,
งามแก้มแฉล้มฉัน                       พระอรุณแอร่มละลาน***


“อยากทำอะไรก็เชิญ” ตวัดเสียงขึ้นจมูกอย่างเย่อหยิ่ง  แม้ในยามกิ่งฟ้าถูกเหนี่ยวโน้มลง

ผัวะ!!
   
ไม้เรียวฟาดลงบนสะโพกอย่างแรงจนร่างโปร่งสะดุ้งทั้งตัว  ดวงตาเอาเรื่องหันขวับมาจ้องอาจารย์หนุ่มที่เอ่ยไม่ยี่หระ “ไม้ที่หนึ่ง  โทษฐานที่ออกไปข้างนอกโดยไม่ขออนุญาต”

ผัวะ!!

“ไม้ที่สอง  โทษฐานที่สุมหัวเมามายกับพวกนักเลง”  ไม้ที่สองตามติดลงมาทั้งที่ดวงตาคู่สวยวาววับยังจับจ้องด้วยความเคียดแค้น  แม้จะเจ็บเพียงไรเขาก็ได้แก่กัดปากกลั้นไว้  จนกระทั่ง..

ผัวะ!!!

“ไม้ที่สาม  โทษฐานที่หยาบคายกับอาจารย์อย่างผม” เขาไม่ได้คิดไปเองแน่ๆว่าไม้นี้แรงและหนักกว่าสองไม้ที่ผ่านมา  ความอดทนสิ้นสุด  พังทลายลงไปพร้อมกับเกียรติที่ตนถือไว้

“ป่าเถื่อน!” ร่างเล็กกว่าตะคอกใส่  มือลูบเนินสะโพกตนป้อยๆด้วยความเจ็บ  ดวงตาคู่สวยนั้นแดงก่ำ    ไม่สนใจอาจารย์หลายคนที่มาออกันอยู่หน้าห้องเพราะเสียงคนทะเลาะกันดังลั่นไปทั้งเรือน  “รู้เอาไว้ซะด้วย  ถ้าไม่เพราะท่านพ่อบังคับ  ผมจะไม่มาเหยียบที่นี่เด็ดขาด  ประเทศไร้พัฒนา  ล้าหลัง  หาความเจริญไม่ได้  ผู้คนก็หยาบคายป่าเถื่อนแถมยังโง่!”
   
อาจารย์หนุ่มถึงกับอึ้งไปเมื่อได้ยินคำดูถูกที่ลามปามถึงแผ่นดินเกิด  ทั้งที่คนพูดก็มีเชื้อสายไทยอยู่กว่าครึ่ง  แบบนี้ไม่เท่ากับดูถูกทั้งคนอื่นและดูถูกบรรพบุรุษของตนเองด้วยหรือ

มือใหญ่กำไม้เรียวในมือแน่นจนสั่นสะท้าน  ดวงตาเข้มงวดแต่เอื้ออารีที่ใช้มองนักเรียนทุกคน  บัดนี้กำลังมองนักเรียนแสนพิเศษของตนด้วยความขยะแขยงเหมือนเศษสวะชิ้นหนึ่ง       

“ดูถูกรากเหง้าของตัวเอง  อย่าว่าแต่จะเป็นครูหรือนักเรียนที่ดีเลย  เป็นคนดีก็ยังไม่ได้   กลับไปซะ  คุณมันไร้ค่าทั้งต่อโรงเรียนนี้และประเทศนี้  ผมไม่ขอมีศิษย์อย่างคุณ  และนักเรียนที่นี่ก็ไม่ขอมีครูอย่างคุณเหมือนกัน!”

“ผมไปแน่!”


โปรดติดตามตอนต่อไป

-----------------------------------------------------------------------------------------------
*ดอกฟ้าร่วง, สุรัฐ พุกกะเวส  คำร้อง, วินัย จุลละบุษปะ - มัณฑนา โมรากุล ขับร้อง
** ขุนช้างขุนแผน, สุนทรภู่
*** มัทนะพาธา พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว


ดอกไม้ตอบเม้นค่ะ :L2:

Mio
โชคดีที่ยังไม่เกิดอะไรขึ้นค่ะ แต่ในอนาคตข้างหน้าละก็ไม่แน่เน้อ ^^

Pizeiro
ขอบคุณมากค่ะที่ชอบลักษณะการบรรยายแบบนี้  เก่าๆเชยๆนิดนึงเน้อ คนแต่งแก่แล้ว ^^

Zymphoniz
๕๕๕+ ไปอ่านในเด็กดีมาแล้วเหรอจ๊ะ ไม่เป็นไรจ้า ดีซะอีก จะได้ไม่ขาดช่วงเนอะ อิจฉาจังได้ตระเวนเที่ยวด้วย เที่ยวเผื่อพี่ด้วยนะคะ ^^

hongzaa
สวัสดีค่ะคุณหงส์ (เลยรู้ชื่อเลย^^) แหมๆ แค่ไปอ่านในเด็กดีไม่เห็นจะไม่รักดีตรงไหนเลย^^ แค่แวะเข้ามาอ่าน  ไม่ว่าจะอ่านก่อนอ่านหลังหรืออ่านจากที่ไหนก็ตาม ก็ถือว่าเป็นกำลังใจให้เราแล้วค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ^^

รักคนอ่านเสมอ
ดอกไม้
๒๓ ธ.ค. ๕๔



ออฟไลน์ Ryze

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
 :L2:

โอ้วว เลิฟๆเรื่องนี้

Mio

  • บุคคลทั่วไป
คู่สิงห์-จ้อย  น่ารักน่าลุ้นมาก  :z1:
ส่วนคู่หลัก.....มาม่า  :a5:
สามคำให้คนแต่ง>>>เบื่อ กัน ยัง?  ( นางฟ้าจะติดตามคนแต่งไปจนจบเลย5555)  :กอด1:

ออฟไลน์ しろやま としんや

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +921/-157
+ให้กำลังใจดอกไม้จ้า

บอกตรงๆเลยนะไม่ชอบไอ้ลอยมากๆเลยอ่ะ ตัวมารพี่สิงห์กะน้องจ้อย แถมยังหวังจะแคลมคุณเล็กอีก แง่งๆๆ





คิดถึงตอนใหม่มากๆเลยจ้า แฮะๆๆ

Zymphoniz

  • บุคคลทั่วไป
ชอบคู่สิงห์จ้อย....ซึนทั้งคู่เลย  :-[
แวะมาให้กำลังใจค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ Phantom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 210
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0

สารภาพว่าท่ามกลางนิยายหลายเรื่อง
ชื่อเรื่องไทยๆ กลัวว่าจะพีเรียดเกินจินตนาการเรา เลยไม่ได้จิ้มอ่าน
จนวันนี้จิ้มจอเล็กแล้วพลาด ก็เลยลองเริ่มอ่าน

โอ้ววว นับถือคุณดอกไม้จริง ๆ
ให้ความรู้สึกถึงความละเมียดละไม บรรจงแต่ง ช่างประดิษฐ์ประดอยจริง ๆ เลย
อยากกด like สักหมื่นครั้ง

อ่านไปเรื่อย ๆ แต่ก็ให้ความรู้สึกหม่นหมองคลอ ๆ อยู่
เพราะเรากลัวเรื่องน้ำตาท่วมเป็นทุนอยู่แล้ว
(เปิดมา เล่นเอาอึ้งเลย ตายจากกันไปซะแล้ว)
อ่านเพลิน น่าติดตามจริง ๆ
แอบเอาใจช่วยทั้งคนเย่อหยิ่งและคนใจร้ายสลับกันไปมา 555
ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆ นะ
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อเลย


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด