สิงห์รีบร้อนถอดเสื้อที่ตนใส่อยู่ เผยให้เห็นแผงอกแข็งแกร่งล่ำสัน เรียกเสียงเฮลั่นจากพวกลูกน้อง.. ที่หุบปากกริบกันแทบไม่ทัน..
เมื่อมือใหญ่วางเสื้อตัวนั้นคลุมร่างบอบช้ำของเหยื่อตรงหน้า
“กูทำไม่ได้..” เสียงนั้นไม่ดังไปกว่ากระซิบ แต่หนักแน่นนัก “กูทำไม่ลง”
ไอ้ลอยตาค้าง
“ผู้ชายเหมือนกัน กูเอาไม่ลง! ถ้านมไม่โตกูไม่แตะให้เสียมือหรอกโว้ย!” ร่างสูงลุกขึ้นยืนพรวด ปัดเนื้อปัดตัวเหมือนรังเกียจ หันไปเห็นลูกน้องนั่งหน้าเหวอจึงรีบสั่ง “มัวเซ่ออะไรกันอยู่ กลับสิวะ!”
ไอ้หมาน ไอ้เลิศยอมปล่อยเหยื่อแต่โดยดี พากันเดินงงๆออกไป ไอ้ลอยเดินผ่านพลางแค่นหัวเราะ สิงห์รีบกระชากคอเสื้อกลับมา กระซิบเหี้ยมเกรียมเอาเรื่อง
“ถ้ามึงมายุ่งกับไอ้จ้อยอีก กูฆ่ามึงแน่ไอ้ลอย” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนหันหลังเดินจากไป
ทั้งสี่ฝ่าความมืดมาเกือบถึงเรืออยู่แล้ว
“กูลืมของ” ลูกพี่บอกเสียงเรียบ ไม่เหมือนคนตกใจที่ลืมของสักนิด “พวกมึงกลับไปก่อน ไม่ต้องรอ”
ไม่รอให้มีใครรับคำ ร่างสูงใหญ่ก็หันหลังวิ่งกลับไปทันที มีเพียงสายตาไอ้เลิศไอ้หมานมองตามอย่างไม่เข้าใจ และรอยยิ้มหยันปิดไม่มิดของไอ้ลอยส่งท้าย
สิงห์วิ่งฝ่าสายฝนมาถึงโรงเก็บอุปกรณ์ ใจเต้นรัวเร็วราวกับคนบ้า ร่างน้อยๆนั้นยังนอนคุดคู้อยู่ที่เดิม ประกายฟ้าแลบปลาบส่องลอดช่องว่างข้างฝาให้เห็นผิวเนื้อขาวเป็นระยะ ร่างกำยำค่อยๆสาวเท้าเข้าไปใกล้ๆ เงียบๆ ย่อตัวลงวางมือบนต้นแขนเล็ก ปวดแปลบในใจเมื่อร่างนั้นสะดุ้งเฮือก กระเถิบหนีหวาดกลัว ลนลาน
“จ้อย.. จ้อยของพี่..” หัวหน้าอันธพาลกระชับร่างสั่นเทาไว้ในอ้อมแขนแกร่ง กอดแน่นแนบอก พึมพำข้างหูซ้ำๆ.. “ไม่ต้องกลัว พี่เอง.. พี่ไม่ทำอะไร ไม่ต้องกลัว”
สิงห์กระบอกตาร้อนผ่าวเมื่อมือบางพยายามผลักไส ดวงตาเขียวช้ำดูหวาดผวา จงเกลียดจงชัง บีบเค้นหัวใจคนเก่งกล้าให้เหลือไม่ถึงเสี้ยว จึงค่อยวางร่างในอ้อมกอดลงอย่างทะนุถนอม
“พี่ขอโทษ.. จ้อย พี่ขอโทษ” มือใหญ่เทอะทะประคองใบหน้าเล็กไว้ ค่อยๆเกลี่ยไล้รอยน้ำตา ก่อนหันหาเสื้อผ้าของอีกฝ่าย เจอกางเกงขาสั้นสีกากีกองเขละอยู่ด้านหนึ่ง จึงรีบลุกไปหยิบมาสวมให้อย่างเบามือ
ร่างบอบบางไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน ตัวสั่นสะท้าน สิงห์วางมือลงบนหน้าผาก ใจหายวาบเมื่อพบว่ามันร้อนผ่าว
“จ้อย! จ้อยอยู่ไหน!”
“จ้อย! วู้! หายไปไหนของมันนะ”
ได้ยินเสียงคนร้องเรียกอยู่ข้างนอก เพื่อนคงมาตามหาแน่แล้ว ไวเท่าความคิด สิงห์รีบช้อนอุ้มร่างเล็กแนบอก เปิดประตูผางออกมาพบสง่ากับสันติยืนกางร่มร้องเรียกเพื่อนกลางสายฝน
“เฮ้ย!” เสียงทุ้มห้าวเรียก สองสหายหันมอง อึ้งกันไปชั่วขณะ ก่อนทิ้งร่มวิ่งกรูกันมาหา อารามตกใจเมื่อเห็นสภาพเพื่อนรัก คิดแต่จะช่วยเพื่อนให้รอดเป็นอันดับแรก สันติจึงพาดจ้อยขึ้นหลังสง่า ก่อนพากันวิ่งปุเลงๆไปยังบ้านพักอาจารย์
ทิ้งบุรุษผู้ต้องสงสัยไว้เพียงลำพังกลางสายฝนกรรโชกแรง
************************
ข่าวนักเรียนถูกคนบุกเข้ามาทำร้ายถึงในโรงเรียนแพร่กระจายไปทั่วราวกับไฟลามทุ่ง ชาวบ้านร้านตลาดต่างก็พากันโจษจัน หากเรื่องใหญ่ขนาดนี้ กลับยังหาตัวคนผิดมาลงโทษไม่ได้
เพราะนักเรียนฝึกหัดครูผู้เป็นเจ้าทุกข์ ไม่ปริปากพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นแม้แต่คำเดียว
ตอนแรกอาจารย์ใหญ่ดูกระวนกระวายร้อนรนกว่าใคร ชื่อเสียงโรงเรียนสำคัญก็จริงแต่ความปลอดภัยของนักเรียนสำคัญกว่า ท่านจึงเสนอแนะให้แจ้งตำรวจ แต่เจ้าทุกข์กลับยืนกรานไม่เอาความ ครั้นพอสอบถามว่าตัวการเป็นใคร จ้อยก็พูดแค่คืนนั้นมันมืด มองอะไรไม่เห็น ถามว่าพวกมันมีกี่คนก็ไม่รู้ ถามอะไรก็ไม่รู้สักอย่าง แถมสง่ากับสันติก็ดันจำไม่ได้เสียอีกว่าผู้ชายที่อุ้มเพื่อนรักของตนไว้ในคืนนั้นเป็นใคร
‘พวกผมมัวแต่ตกใจ ก็เลยไม่ทันสังเกต’ สง่าแก้ตัวเช่นนั้น
เลอมานก็เป็นห่วงจ้อยไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร เด็กหนุ่มเพียรแวะเวียนไปเยี่ยมคนเจ็บที่หอพักบ่อยครั้ง แม้ตอนแรกจะกระอักกระอ่วนใจ และสง่ากับสันติจะมองหน้าเขาได้ไม่สนิทใจนัก แต่เมื่อฝ่ายนั้นเอ่ยปากขอโทษ เขาก็พร้อมจะยกโทษให้ ยิ่งรู้ว่าสองคนนั้นทำไปเพราะแก้แค้นให้จ้อยยิ่งโกรธไม่ลง
เขาเองก็อยากมีเพื่อนที่เป็นห่วงเป็นใย เป็นเดือดเป็นแค้นแทนตัวเองแบบนี้บ้าง
จ้อยมาเจ็บไปคนแบบนี้ คุณชายยิ่งเงื่องหงอยเศร้าซึมเข้าไปใหญ่ จ้อยนอนซมอยู่กับเตียง มาหา มาชวนคุยไม่ได้เหมือนเก่า ครั้นพอเขาเป็นฝ่ายไปหา จะอยู่นานๆก็เท่ากับรบกวนคนป่วย
ส่วนคนร่วมห้องของเขาน่ะหรือ แค่หน้า เขายังไม่อยากจะมองด้วยซ้ำ
เหตุการณ์คืนก่อนเหมือนเศษเสี้ยนที่ตำคาอยู่ในใจ มองแทบไม่เห็น แต่แตะต้องคราใดปวดแปลบทุกที
คุณชายเลอมานจึงสนทนากับอาจารย์คนึงเท่าที่จำเป็น เมื่อเจอกันข้างนอกบางครั้งถึงกับเดินผ่านเลยไปด้วยซ้ำ ยิ่งอยู่กันลำพังในห้องยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทั้งสองพูดคุยกันแค่ตอนเรียนหนังสือ นอกเหนือจากนั้นก็ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุม หรือไม่เลอมานก็จะเปิดแผ่นเสียงเพลงฝรั่งทำลายบรรยากาศน่าอึดอัด แม้บ่อยครั้งที่หันไป จะสบตากับฝ่ายนั้นที่เหมือนมองเขาก่อนอยู่นานแล้วก็ตามที
พออยู่กับตัวเองบ่อยเข้า คุณชายก็พาความคิดก้าวไปไกลตามประสาเด็กหนุ่มซึ่งอยู่ในวัยใฝ่รู้
“ไม่มีวิธีส่งน้ำขึ้นมาบนฝั่งหรือ” เขาเอ่ยปากถามอาจารย์ปรีชาในเช้าวันหนึ่ง หลังจากคิดเรื่องจ้อยมาหลายวัน “พวกนักเรียนชมรมกสิกรรมจะได้ไม่ต้องลำบากเวลารดน้ำผัก ทั้งๆที่เราอยู่ริมคลองแท้ๆ”
“ไอ้มีน่ะมีครับ” อาจารย์วัยกลางคนทำท่านิ่งคิด “ระหัดเอย กังหันน้ำเอย เครื่องตะบันน้ำเอย ใช้ได้ทั้งนั้น ผมเองก็อยากได้มาไว้ในโรงเรียนเหมือนกัน”
พูดถึงตรงนี้สีหน้าทดท้อลงทันควัน “เสียแต่ว่าเราไม่มีงบ ทำเรื่องขอไปตั้งนานแล้วยังไม่มีวี่แวว ระหัดตัวนึงราคาตั้งหลายร้อย”
‘หลายร้อย?’ คุณชายนิ่งคิด ราคาถูกกว่ารองเท้าที่เขากำลังใส่อยู่เสียอีก
ใบหน้าผู้อ่อนวัยกว่ายิ้มกระจ่าง เอ่ยหนักแน่น “เรื่องเงินไม่มีปัญหา ผมออกให้เอง”
***********************
เลอมานเคยค่อนขอดตั้งแต่ครั้งแรกที่มาเหยียบโรงเรียนนี้ ว่าอาจารย์ใหญ่เป็นคนทำอะไรเล็กๆเงียบๆไม่เป็น ทุกอย่างต้องเอิกเกริกใหญ่โตไว้ก่อน ดูจากงานต้อนรับเขานั่นปะไร
วันนี้จึงรู้ว่าตนคิดผิดมาตลอด
ชาวบ้านมากมายไม่รู้แห่กันมาจากไหนเต็มท่าน้ำหลังโรงเรียน ทุกคนต่างพร้อมใจกันมาดูการติดตั้งระหัด
ทั้งที่ไม่มีโทรศัพท์แท้ๆ แต่ทำไมแค่ข่าวเล็กๆว่าเขาซื้อระหัดวิดน้ำให้โรงเรียนถึงแพร่กระจายไปเร็วและกว้างนัก เด็กหนุ่มผู้มาจากสังคมที่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คนค่อนข้างเฉยชาไม่สนใจกัน เมื่อมาเจอความสมัครสมานสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกันแบบนี้ถึงกับตั้งตัวรับแทบไม่ทัน
แต่ก็อุ่นใจดีพิลึก เมื่อผู้เฒ่าผู้แก่หลายคนตรงเข้ามาลูบหลังลูบไหล่ ยกย่องว่าเขานำความเจริญมาสู่ เด็กๆเนื้อตัวมอมแมมใส่เสื้อบ้างไม่ใส่บ้างเดินตามเขาห่างๆ และกลุ่มที่ดีใจมากที่สุดคงไม่พ้นพวกนักเรียนชมรมกสิกรรม
เหล่าคณาจารย์มากันพร้อมหน้า รวมทั้งอาจารย์ผู้ดูแลเขาด้วย
อยู่กันสองคนก็ว่าอึดอัดใจแล้ว การต้องมามองหน้ากันท่ามกลางสายตาคนมากมายยิ่งน่าอึดอัดกว่า เด็กหนุ่มสูงศักดิ์จึงพยายามหลบหน้าอีกฝ่ายอย่างแนบเนียนพลิ้วไหว เมื่อคนึงเดินมาขณะเขากำลังคุยกับอาจารย์ใหญ่อยู่ เลอมานก็หลบฉากไปคุยกับช่างแทน
แต่ดูเหมือนอะไรๆจะไม่ง่ายนัก
“พ่อเล็ก!” หญิงชราในโจงกระเบนสีเหล็กท่าทางทะมัดทะแมงเดินตรงเข้ามาหา ยายช้อยไม่ได้มาดูการติดตั้งระหัด แต่แกมาเยี่ยมหลานชายที่นอนป่วยอยู่ในหอพักทุกเช้า ใบหน้าเหี่ยวย่นยิ้มแย้มแจ่มใสทันทีที่เห็นเขา
“อ้าว ยาย” ใบหน้างามหวานยิ้มกว้าง ก่อนนึกขึ้นได้ว่าคนึงเคยสอนไว้ว่าเมื่อเจอผู้ใหญ่ให้ยกมือไหว้ มือเรียวจึงกระพุ่มไหว้นอบน้อม “สวัสดีครับ”
“ไหว้พระเถอะลูก”
คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น หันซ้ายหันขวาเลิกลั่กทั้งที่ยังพนมมือ “ไหน พระอยู่ไหน ไม่เห็นมีเลยยาย”
หญิงชราหัวเราะลั่นจนเห็นฟันดำ พลางลูบแขนเขาด้วยความเอ็นดู เสียงหัวเราะแกคงดังพอตัว จึงเรียกสายตาหลายคู่ให้หันมอง ทว่ามีคนหนึ่งไม่มองเปล่า สาวเท้าเข้ามาหาเสียด้วย
คนที่เขาไม่อยากเจอหน้าที่สุด!
อาจารย์หนุ่มเดินตรงเข้ามาใกล้ มือยกไหว้ผู้อาวุโสแต่สายตาคมจับจ้องที่ใบหน้าละมุนของลูกศิษย์ตัวดีไม่วางตา กี่วันแล้วที่แชเชือน กี่วันแล้วที่มองตาแล้วเบือนหลบ
ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง เลอมานหลบหน้าหลบตาเขาอย่างเห็นได้ชัด จะว่าไปก็น่าจะดีต่อทั้งสองฝ่าย จะได้ไม่ต้องเสวนา ไม่ต้องใกล้ชิดกันมากนัก แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมอีกฝ่ายยิ่งหลบ เขายิ่งอยากมองหา
และเรื่องหนึ่งที่ใคร่รู้นัก เจ้าเด็กดื้อหลบหน้าเขาด้วยเหตุผลใด
เพราะโกรธเคืองที่เขาพูดจาไม่ถนอมน้ำใจ หรือเพราะ..
‘ชอบผู้ชายเหมือนกัน น่าขยะแขยง’ร่างบางที่ยืนตัวเกร็งอยู่ข้างหญิงชรา คล้ายจะสู้สายตา แต่ก็ไม่กล้า ยิ่งมองยิ่งเพลินตาไม่รู้ตัว
“พ่อเล็กหลอกยาย จ้อยมันบอกว่ามันไม่ได้ซื้อข้าวให้ยายเสียหน่อย” คนแก่ว่าพลางตีมือเข้าที่ต้นแขนขาว คำพูดนั้นทำให้คนึงชะงัก
“เรื่องอะไรหรือครับ”
“ก็วันนั้น พ่อเล็กปั่นรถถีบไปบ้านยาย ไปเป็นลมเป็นแล้งหน้าแดงก่ำ พอฟื้นขึ้นมาก็บอกว่าเอาข้าวที่จ้อยซื้อมาให้ ยายยังแปลกใจว่าจ้อยมันเอาเงินที่ไหนมาซื้อ” ยายช้อยพูดเจื้อย แต่สีหน้าเด็กหนุ่มที่ถูกจับแขนไว้หน้าเจื่อนลงๆ ในขณะที่หัวใจ
อาจารย์หนุ่มอ่อนยวบลงเมื่อได้รู้ความจริง
ดอกเอ๋ย..เจ้าดอกจิก หัวใจแทบจะพลิกเสียแล้วเอย“วันนั้นที่เราไปหายาย ซื้อข้าวเอาไปให้แกหรอกหรือ” ทอดเสียงถามอ่อนเอื้อ หากคนถูกถามกลับทำสีหน้ากระอักกระอ่วน หันซ้ายหันขวาคล้ายอึดอัดเสียเต็มประดา
“แล้วต้องขอบใจพ่อเล็กมากนะที่ซื้อเสื้อผ้า ซื้อรองเท้าใหม่ให้จ้อยมัน” หญิงชราเปลี่ยนเรื่อง คนึงยิ่งชะงัก ดวงตาสีเข้มมองมือเหี่ยวย่นลูบไล้ท่อนแขนขาวนิ่งงัน “เห็นจ้อยมันบอกว่าอุตส่าห์หอบหิ้วมาให้จากบางกอก ขอบใจนะลูกนะ”
เลอมานทำหน้าเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มองอาจารย์ทีมองยายช้อยที ก่อนดวงตาสุกใสคู่นั้นจะเบิกกว้างอย่างยินดี เมื่อเห็นใครคนหนึ่งเข้ามาในคลองจักษุ
“สิงห์!” ตะโกนเรียกพลางโบกไม้โบกมือ “ผมขอตัวก่อนนะยาย”
แล้วก็เดินแทบวิ่งไปหาลูกชายกำนันที่เดินเตร่อยู่ไม่ไกล ทิ้งให้อาจารย์หนุ่มมองตาม..
ด้วยสายตาลึกล้ำเกินคาดเดา
“คุณชาย!” ร่างสูงใหญ่เรียกลั่นมาแต่ไกล วันนี้มาคนเดียวไม่มีลูกน้องล้อมหน้าล้อมหลังมาด้วย ใบหน้าคมสันหันซ้ายขวาคล้ายมองหาใคร พอเข้าใกล้แล้วค่อยก้มหน้าถามกระซิบเสียประชิด “เอ่อ.. ไอ้จ้อยล่ะ”
“จ้อยหรือ” เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ทำหน้าฉงน “จ้อยไม่สบาย นายสิงห์ไม่รู้ข่าวหรือ”
“รู้สิ” ในดวงตาคมกล้านั้นแสดงความห่วงหาอย่างเห็นได้ชัด แม้ในน้ำเสียงยังทอดนุ่มอ่อนโยน “แต่ยังไม่หายอีกหรือ”
“ยังมีไข้อยู่ แผลตามตัวก็ยังระบม หยุดเรียนไปหลายวันแล้ว”
สิงห์ทำท่าเหมือนจะซักถามต่อ แต่การสนทนามีอันต้องยุติลงเท่านั้น เมื่ออาจารย์คนึงเดินหน้าตึงเข้ามาแจ้งเสียงเรียบว่ารางน้ำและระหัดได้ถูกขนส่งมาพร้อมติดตั้งแล้ว หม่อมราชวงศ์เลอมานควรเข้าไปดูอย่างใกล้ชิด ในฐานะเป็นผู้ริเริ่มโครงการ
ระหัดน้ำขนาดใหญ่ที่เลอมานเป็นคนออกเงินซื้อมาทำด้วยไม้ไผ่ เฉพาะกงล้อก็มีเส้นผ่านศูนย์กลางราว ๓ เมตรเข้าไปแล้ว ซี่กงล้อแต่ละซี่ห่างกันราวครึ่งเมตร ติดเสื่อลำแพนกับซี่กงล้อ กลุ่มช่างวางระหัดลงตำแหน่งในน้ำครึ่งหนึ่ง เพื่อรับกระแสน้ำทำหน้าที่เป็นกังหันหมุนรอบแกน โดยมีกระบอกตักน้ำทำด้วยไม้ไผ่ผูกติดกับกงล้อด้านกว้าง เอียงทำมุมให้ตักและเทน้ำขณะกงล้อหมุน เมื่อกระบอกน้ำอยู่ตำแหน่งสูงที่สุดจะเทน้ำลงมายังรางน้ำที่รองรับและส่งน้ำเข้าสู่แปลงเพาะปลูกได้ตามต้องการ
คนึงลอบมองเด็กหนุ่มตัวขาวที่เฝ้าดูการติดตั้งอย่างสนอกสนใจ ลอบมองคิ้วเรียวที่ขมวดมุ่นยามไม่เข้าใจกลไก ลอบมองริมฝีปากแดงสวยที่คลี่ยิ้มยามเห็นระหัดเคลื่อนไหว ลอบมองอยู่เช่นนั้นนานเท่าไรไม่รู้
มารู้ตัวอีกที ก็เมื่อดวงตาเฉิดฉายคู่นั้นหันมาสบประสาน อาจารย์หนุ่มจึงรีบเบือนสายตาหลบทันควัน กระแอมไอขับไล่ความคิดฟุ้งซ่าน
ก็แค่น่ามอง..
ดอกเอ๋ย..เจ้าดอกโกมุท เจ้าแสนสวยสุดของเรียมนี่เอยระหัดตัวใหม่ทำท่าจะไปได้ราบรื่นจนกระทั่ง..
จู่ๆ ซี่กงล้อที่หมุนตามกระแสน้ำอยู่ก็หยุดกึก กระบอกน้ำหยุดนิ่งไม่ทำงาน เลอมานดูอยากรู้อยากเห็นกว่าใคร ถึงขั้นลุยน้ำลงไปดูใกล้ๆ อาจารย์ผู้ดูแลลงน้ำตามไปทันที
เสียงช่างหนุ่มตะโกนบอกว่าระหัดคงติดอะไรสักอย่าง ใบหน้าสวยหวานเคร่งเครียด ลุยน้ำลึกจนถึงระดับอก มือบางเอื้อมไปเขย่ากระบอกน้ำกุกกัก คนึงสาวเท้าตามติด เตือนก็แล้ว ห้ามก็แล้ว ไล่ให้ขึ้นจากน้ำก็แล้ว แต่เด็กดื้อก็ไม่ยอมฟัง รั้นจะเขย่าให้ระหัดทำงานท่าเดียว
ร่างสูงใหญ่ลุยน้ำไปอีกด้าน พยายามช่วย มือใหญ่กระชากซี่กงล้อทีเดียว ระหัดก็หมุนคล่อง กระแสน้ำหนุนรวดเร็วจนคนตัวเล็กกว่าที่อยู่อีกด้านไม่ทันระวัง
กระบอกน้ำไม้ไผ่เสยเข้าให้เต็มหน้า! แรงปะทะทำให้ร่างโปร่งบางหงายหลังจมลงไปในน้ำระดับอกได้ง่ายดาย
สีเลือดแดงจางกระจายฟุ้งในน้ำคลองสีขุ่น
อาจารย์หนุ่มตาเบิกกว้างก่อนดำตามไปดึงตัวขึ้นมา คุณชายไอโขลกเมื่อโผล่พ้นน้ำ ไอจนหน้าแดงตาแดงจัด ยามร่างสูงใหญ่อุ้มขึ้นจากน้ำ วางลงบนท่า
กลุ่มอาจารย์และชาวบ้านรายล้อมพากันฮือฮา ใบหน้างดงามเฉิดฉันท์ถูกกระแทกจนเขียวช้ำทั้งซีกหน้า เลือดกำเดาแดงฉานไหลโกรกจากจมูกหยดแหมะลงบนเสื้อขาว คนึงปวดอกหนึบเมื่อคนในอ้อมแขนใช้มือรองเลือดไว้แล้วเงยดวงตาหวาดหวั่นขึ้นสบตา
โกรธ? กลัว? หรือไร? หัวใจจึงบงการให้ปากตะคอกลั่น
“จะทำอะไรหัดระวังหน่อย! ถ้าเราเป็นอะไรไปรู้ไหมว่าใครจะเดือดร้อนบ้าง!”
ดวงตาตัดพ้อที่มองสบมา ทำให้อาจารย์หนุ่มเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนช้อนร่างคนเจ็บขึ้นไว้ในอ้อมแขน มุ่งตรงไปยังห้องพยาบาล
“ทำไมถึงช่างขยันหาเรื่องให้คนอื่นปวดหัวนัก!”
หากอ้อมกอดอุ่นล้ำที่รัดแน่นนั้นตรงข้ามกันเหลือเกินกับถ้อยคำผรุสวาทที่พร่ำพ่น
ดอกเอ๋ย..เจ้าดอกสวาท หัวใจแทบจะขาดเสียแล้วเอย โปรดติดตามตอนต่อไป------------------------------------------------------------------------------------
* เสน่หา, มนัส ปิติสานต์ คำร้อง-ทำนอง, ศรีไศล สุชาติวุฒิ ขับร้อง
ขอบคุณภาพประกอบจากสาขาเทคโนโลยีทางการศึกษาสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการค่ะ ตอบเม้นกัน Artemisขอบคุณมากๆเลยนะคะที่รักคุณชาย ตอนแรกคิดว่านายเอกเรื่องนี้จะมีแต่คนเกลียดซะแล้วซี เปิดตัวมาก็น่าหมั่นไส้ขนาดนั้น อาจารย์ทนใจแข็งได้ไม่นานหรอกค่ะ ก็เด็กมันยั่ว..เอ๊ย ก็เด็กมันน่ารักนี่นา
WinterRoseโอ้..เข้าใจเรื่องทำลิ้งค์แจ่มแจ้งแดงแจ๋แล้วค่ะ ขอบคุณคุณ WinterRose มากๆเลยเน้อ เรื่องอาจารย์กับคุณชาย เดี๋ยวอาจารย์จะได้เห็นจิตใจด้านดีของคุณชายมากขึ้นน่ะค่ะ คาดว่าไม่นานคงใจอ่อน (นี่ก็นิดๆแล้ว) ส่วนน้องจ้อย น้องเกลียดใครไม่เป็นอยู่แล้ว ยกเว้นไอ้สิงห์กับพรรคพวก ฮ่าๆ
tonkhawอาจจะยังเรียกว่ารักได้ไม่เต็มปากค่ะ อาจเป็นความรู้สึกดีๆที่เริ่มผุดขึ้น เหมือนต้นกล้าอ่อนๆน่ะเน้อ วันนี้ยังเล็ก แต่รดน้ำเข้าไม่นานมันก็งอกงาม ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ
ordkrubขอบคุณที่สงสารคุณชายนะคะ แต่เราว่ายังไม่พอ เด็กเกรียนๆแบบนี้ ต้องโดนสั่งสอนให้แสบถึงทรวง (รังแกคนน่ารักเป็นงานอดิเรกของเราค่ะ ฮ่าๆ)
หัวแม่เท้าขอบคุณที่ติดตามจ้า ^^
vk_iupkใช่ๆ ถ้าไม่แคร์เขาก็คงไม่น้อยอกน้อยใจเขาน่ะเนอะ^^ จะว่าไปสันติกับสง่าน่าโบกให้สลบจริงๆค่ะตอนนี้ เล่นอะไรแผลงๆ
aisenตอนเขียนคนเขียนก็เพลินและมีความสุขมากๆเหมือนกันค่ะ ยินดีมากๆที่ความรู้สึกนั้นถูกถ่ายทอดไปถึงคนอ่าน ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ^^
ken_krubขอบคุณสำหรับกำลังใจค่า อ้าแขนรับเลย
roseen๕๕๕+ โธ่..ไอ้ลอยเอ๊ย ชาวบ้านเขาเกลียดแกกันหมดแล้วนะเนี่ย
silent_lonerขอบคุณมากค่ะ ส่วนตัวเป็นคนชอบเพลงเก่าอยู่แล้ว แม่ชอบเปิดให้ฟังบ่อยๆน่ะค่ะ เรารู้สึกว่าเพลงไทยสมัยก่อนนี่ใช้ภาษาได้สวยงามมากๆเลย
silverspoonมีแต่คนสงสารพี่สิงห์แฮะ ว้าว..เรตติ้งดีเกินคาดนะเนี่ย^^
nataxiahไม่เป็นไรจ้า บอกตรงๆว่าแค่แวะเข้ามาอ่านก็รู้สึกขอบคุณมากๆแล้ว ยิ่งถ้าอ่านแล้วชอบ คนเขียนยิ่งดีใจเลยค่ะ
miya_ppดอกไม้เยอะแยะเลย ขอบคุณนะคะ^^
Phantomยังต้องลุ้นคุณชายอีกนานค่ะ ไอ้คนที่จ้องจะงาบก็มีอยู่คนเดียวนี่แหละ คุณชายก็ไม่ได้รู้ตัวเล้ย..เอ๋อซะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจเช่นกันนะคะ^^
silverphoenixมามะขอกอดทีค่ะ
ขอบคุณมากๆเลยที่เข้าใจคุณชาย เด็กที่ถูกสปอยล์ตั้งแต่เล็กๆ แถมไปอยู่รร.ประจำห่างพ่อห่างแม่อีก นิสัยก็เลยเป็นแบบนี้ พอถูกขัดเกลาก็ปรับปรุงตัวได้ เป็นกำลังใจให้ชายเล็กนะคะ
Jploiizติดสี่แผ่นดิน? หมายถึงนิยายหรือละครเวทีคะ ถ้าเป็นละครเวทีละก็มากอดคอกันกรี๊ดเร้ว เราไปดูมาแล้วชอบมากๆเลยล่ะค่ะ อาจารย์ตอนนี้ก็เริ่มหวั่นไหวนิดๆแล้วล่ะ ส่วนที่จ้อยเกลียดสิงห์ น้องมีที่มา มีเหตุผลว่าทำไมถึงเกลียด เดี๋ยวจะค่อยๆเล่าให้ฟังนะคะ^^
mini_bilieberขอบคุณมากๆเลยค่ะที่แวะเข้ามาอ่าน และขอบคุณไปถึงทุกคนที่นำเรื่องนี้ไปแนะนำด้วยนะคะ จะว่าไปชื่อเรื่องก็ดูเศร้าๆละเนอะ ดอกมหาหงส์เขาเป็นดอกไม้เศร้าๆนะเราว่า หอมอ่อนโยน เหมือนผู้หญิงสวยๆ เรียบง่าย ใจดี แต่เข้มแข็งลึกๆ
pooinfinityอย่างสิงห์นี่ต้องเรียกคบคนพาลพาลพาไปหาผิดค่ะ คนดีๆแต่เสียเพราะเพื่อนเลว ส่วนเรื่องชายเล็ก ความจริงต้องขอบคุณท่านพ่อนะคะที่ส่งมา ไม่งั้นคุณชายก็ไม่ได้เจออาจารย์น่ะซี
namngernขอบคุณมากๆเลยค่ะ แค่แวะเข้ามาอ่านก็ดีใจแล้ว ยิ่งอ่านแล้วชอบยิ่งดีใจใหญ่ ยินดีที่ตัวหนังสือของเราสามารถทำให้คนอ่านมีความสุข ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ
My_Rainว้าว..ยินดีที่เขียนแล้วทำให้คนอ่านรู้สึกได้แบบนั้นนะคะ เรื่องความหลังของจ้อยกับพี่สิงห์ เดี๋ยวจะค่อยๆเล่าย้อนให้อ่านเรื่อยๆเน้อ ส่วนไอ้ลอยนี่เลวขนานแท้ค่ะ (นึกถึงตัวโกงหนังไทยสมัยก่อนไว้ ประมาณนั้นเลย^^) อยากอัพให้อ่านทุกวันเหมือนกันค่ะ แต่เขียนช้าน่ะเน้อ ได้วันละหน้าสองหน้าเอง T^T
foxโอ๊ย..ยิ้มแก้มปริเลยค่ะ.. ลอยแล้วๆๆ ตัวลอยไปติดตอม่อรถไฟฟ้าที่กำลังสร้างอยู่หน้าปากซอยแล้ว..โอ้ววว
(แอบกระซิบว่าเราไม่เก่งขนาดนั้นหรอกค่ะ ยังห่างไกลจากคำว่านักเขียนมืออาชีพเยอะ แต่ที่กล้ายืนยันเลยก็คือเรื่องนี้เราเขียนด้วยความรักจริงๆ ยินดีมากที่ความรู้สึกนั้นส่งผ่านไปถึงคนอ่าน ขอบคุณมากๆเลยค่ะ^^)
hongzaaเพราะน้องหงส์แนะนำไว้ คนอ่านเลยมากันเยอะเลยจ้ะ ขอบคุณมากๆเน้อ
พี่จะพยายามอัพให้ได้อาทิตย์ละตอนนะคะ ตอนนี้กำลังปั่นตอน ๑๐ อยู่จ้า คาดว่าคงลงได้ตามที่ตั้งใจไว้ ส่วนเรื่องนั้น.. เรามาลุ้นกันเนอะ ว่าคู่ไหนจะได้กันก่อน แอร๊
Takamineขอบคุณที่ติดตามและยินดีที่ชอบจ้า^^
thearbooรักคนอ่านเหมือนกันจ้า อย่าเพิ่งร้องไห้น๊าอย่าเพิ่งร้อง โอ๋ๆ(ซับน้ำตาให้) เพราะเดี๋ยวคุณชายจะโดนหนักยิ่งกว่านี้อีกจ้า ^^ (รังแกคนน่ารักเป็นงานอดิเรกของเรา ฮุฮุ)
iamew๕๕๕+ ลอยเอ๊ย เกิดมามีแต่คนเกลียด สม! ว่าแต่ขำสโลแกนจังค่ะ^^ ลองอ่านตามแล้วลงไปนอนกลิ้งขลุกๆๆๆ (เขิลล์)
yayee2ชอบดอกมหาหงส์เหมือนกันเลยค่ะ จำได้ตอนเด็กๆชอบไปยืนดมดอกมหาหงส์แล้วโดนยายเอ็ดว่าอย่าดมดอกไม้จากต้น เดี๋ยวได้ผัวแก่ เราเลยยิ่งดมใหญ่เลย อย่างน้อยยังได้ผัวเน้อยาย ถึงจะแก่หนูก็เอา (แล้วสากตำหมากก็ลอยมา T^T) เรื่องนี้ย้อนยุคไปเมื่อประมาณ ๕๐ ปีก่อนค่ะ เรื่องชายรักชายในสมัยนั้น.. โอย..ยากค่ะ หนักใจแทนอาจารย์และชายเล็กเลย
รักคนอ่านค่ะ
ดอกไม้
๒๐ มกราคม ๒๕๕๕