ตอนที่ 48“มิคครับ มิค เครื่องลงแล้วนะครับ”
“อื้อออ”
ร่างนุ่มนิ่มที่เอนหัวซบไหล่ผมอยู่เริ่มรู้สึกตัวจากการหลับใหลเสียงครางหวานที่ได้ยินทำเอาผมอยากจับมิคกดเสียที่นี่ แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับเพราะตอนนี้เราอยู่บนเครื่องบินที่ล้อได้แตะรันเวย์แล้ว กัปตันของเครื่องบินประกาศขอบคุณผู้โดยสารและให้ปลดเข็มขัดเตรียมลงเครื่องแล้วครับ แถมคนอยู่เต็มเครื่องขนาดนี้ความหื่นที่มีจึงต้องถูกกดไว้ก่อน
ผมและมิครวมทั้งผองเพื่อนเรามาทริปท่องมัลดีฟเมืองไทยกันครับซึ่งคือเกาะหลีเป๊ะในจังหวัดสตูล ถ้ายังจำกันได้ผมได้ให้สัญญากับมิคและเพื่อนสนิทมิคไว้ว่าจะจัดทริปนี้เพื่อเป็นการไถ่โทษความผิดเมื่อครั้งนั้นที่ผมทำมิคเสียใจด้วยการ ‘โกหก’ โง่ๆของตัวเอง และวันนี้ที่สัญญาไว้ก็มาถึงโดยมีผมเป็นสปอนเซอร์ตลอดทริป แถมพ่วงไอ้เพื่อนสนิทกลุ่มผมมาพร้อมหน้าพวกมันนั้นดี๊ด๊ากันใหญ่เลยครับกับการกินฟรีเที่ยวฟรีด้วยเงินของผม ยิ่งไอ้ธีนี่ออกนอกหน้ามากครับเอารายชื่อโรงแรมรีสอร์ท ร้านอาหาร แหล่งดำน้ำ มาให้มิคเลือกใหญ่เลยครับ ที่รักผมก็ตื่นเต้นมากก่อนเดินทางสองอาทิตย์เราคุยกันแต่เรื่องทริปนี้กันครับ มิคมีความสุขมากกับการที่จะได้ดำน้ำตื้นดูนีโมตัวเป็นๆที่เจ้าตัวหวังนักหนาว่าจะได้เห็น และร้อนวิชาอยากว่ายน้ำในทะเลโดยไม่มีห่วงยางเป็นครั้งแรกครับ ผมเห็นมิคมีความสุขก็สุขตามล่ะครับ มิคอยากพักที่ไหนอยากทำอะไร ‘ป๋า’ อย่างผมได้แต่ตามใจ ‘อีหนู’ มิคของตัวเอง
“ฟิน มิคง่วงนอนจังเลย” เสียงงัวเงียดังขึ้นที่อกผมโดยที่มิคยังไม่ผละออก
“ไหวมั้ยครับ เดี๋ยวค่อยไปนอนต่อในรถตู้นะ” ผมลูบเส้นผมนิ่มที่อยู่ตรงหน้าอกก่อนจับใบหน้าหวานขึ้นมาดู มิคตาปรือจะเอามือมาขยี้ตาจนผมต้องจับไว้
“ไม่เอาครับเดี๋ยวตาบวมนะ มิคหลับตาลงก่อนเดี๋ยวเราค่อยลงก็ได้” ผมจับหัวทุยให้กลับมาซบที่อกตัวเอง
มองไปรอบตัวคนอื่นในเครื่องเริ่มลุกขึ้นยืนเตรียมลงแล้ว บางคนก็เอื้อมหยิบของที่ช่องเก็บเหนือศีรษะรวมทั้งกลุ่มเพื่อนๆที่นั่งใกล้กันด้วย ผมก็ส่งสัญญาณให้ไอ้ปรัชที่มันยืนมองเราอยู่ให้รู้ว่าให้พวกมันไปกันก่อนเดี๋ยวผมกับมิคค่อยตามไป เพราะผมอยากให้มิคค่อยๆปรับตัวตื่นเต็มตาซะก่อนค่อยลงคนท้ายๆก็ได้ครับไม่รีบอยู่แล้ว เพราะเรามีรถตู้ส่วนตัวมารอรับเข้ารีสอร์ทแล้วครับ คนรอบตัวที่เดินผ่านเพื่อลงเครื่องก็มองมาที่เรากันครับ ส่วนใหญ่มองมายิ้มๆบางคนถึงกับสะกิดให้เพื่อนดูเลยครับ ผมก็ได้แต่ยิ้มตอบนั่งนิ่งให้คนขี้เซาเค้าได้ซบอก ที่มิคดูง่วงนอนกว่าปกติเพราะเจ้าตัวเค้าเคลียร์งานวิจัยดึกมาหลายคืนเพื่อจะได้มาเที่ยวทริปหลีเป๊ะสามวันสองคืนอย่างสบายใจครับ
“มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ” เสียงหวานของแอร์โฮสเตสสาวดังขึ้นข้างตัว
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมขอนั่งอีกสักครู่นะครับขอลงเป็นคนท้ายๆละกันครับ” ผมส่งยิ้มให้กับสาวสวยหน้าหวานที่มีน้ำใจมาถาม
“มีของเก็บไว้ด้านบนมั้ยคะ เดี๋ยวดิชั้นช่วยเอาลงมาให้” ผมพยักหน้าให้เพราะมีกระเป๋าสะพายของมิคอยู่ที่ช่องเก็บของด้านบนครับ สาวสวยเธอก็เอื้อมแขนขึ้นเหนือศีรษะเพื่อหยิบของให้
ผมแอบเห็นเธอชายตาส่งสายตาวิบวับมาให้ก็ได้แต่ยิ้มบางแทนคำขอบคุณ แต่ผมต้องตกตะลึงกับภาพตรงหน้าเพราะความอะร้าอร่ามที่แทบจะพาดหัวผมจนผมต้องเอนหลบ เหมือนเธอตั้งใจเอาอกใหญ่ๆนั้นมาอวดโชว์สายตาผมเลยครับ
“นี่ค่ะ มีกระเป๋าแค่ใบเดียวใช่มั้ยคะ” รอยยิ้มยั่วส่งมาให้พร้อมกระเป๋าในมือ
“ขอบคุณครับ” ผมพยักหน้าให้พร้อมรอยยิ้มมุมปาก
“น้องชายยังไม่ตื่นเหรอคะ ไม่สบายรึเปล่า” เธอก้มหน้ามาเกือบชิดหน้ามิคและต้องตกใจผงะออกเพราะเสียงคนที่คิดว่าหลับอยู่ดังสวนขึ้นมา
“ตื่นแล้วครับ” มิคเงยหัวขึ้นจากอกผมตอบเธอ ก่อนหันมาทำหน้านิ่งแววตาเอาเรื่องมาทางผม
“ไปครับมิค เพื่อนๆลงไปรอข้างล่างแล้ว” ผมยิ้มเอาใจให้คนหน้านิ่งเริ่มจับสัญญาณความไม่ปกติของคนรักได้แล้ว
ผมลูบผมยุ่งของมิคให้เข้าที่ก่อนสวมแว่นคืนใบหน้าหวาน ลืมสาวสวยที่ยื่นมือมาช่วยเหลือไปเลยครับ จนกระทั่งเราเตรียมลุกขึ้นหันมาเจอเธอเข้าผมจะเอ่ยปากขอบคุณสำหรับน้ำใจที่เธอหยิบยื่นมาให้แม้จะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงมาด้วยก็ตาม แต่ต้องชะงักเพราะเสียงมิคที่แทรกขึ้นมา
“ผมกับแฟนประทับใจบริการของสายการบินของคุณมาก ขอบคุณนะครับสำหรับบริการพิเศษ”
สาวสวยหุ่นอึ๋มตรงหน้ายิ้มค้างตกใจกับประโยคของมิคจึงยืนนิ่งไม่ขยับ ก่อนที่ผมจะโดนมิคฉุดข้อมือเดินลิ่วลงจากเครื่อง นี่เค้าเรียกว่า ‘หึง’ ใช่มั้ยครับ ผมดีใจเป็นบ้าเลยครับที่มิคแสดงออกว่าหึงหวงผมแบบนี้ เดินตามแรงฉุดมองแผ่นหลังบางยิ้มกว้างเหมือนคนบ้าไปแล้วครับ และต้องชะงักหยุดเดินทันทีเมื่ออยู่ๆร่างเล็กตรงหน้าหยุดเดินกะทันหัน มิคหน้าบึ้งตาดุเม้มปากแน่นมองตรงมาที่ผมเขม็ง
“ถ้ามิคไม่ตื่นจะคุยกันอีกนานมั้ย ชอบเหรออกภูเขาไฟแบบนั้นน่ะ หา!!” เสียงหวานขึ้นสูงแต่ไม่ได้ดังนัก ตาวาวกอดอกแน่น
“โธ่ มิคครับ ฟินคุยด้วยเฉยๆไม่มีอะไรเลย แอร์ฯเค้ามีน้ำใจมาช่วยเหลือผู้โดยสารนะครับ ไม่เอานะครับอย่าหน้าบึ้งเลยเดี๋ยวไม่หล่อนะ”
ใจผมนี่เต้นกระหน่ำดีใจกับความหึงหวงที่มิคมีให้ แต่ใบหน้าผมแสดงออกไม่ได้ครับไม่อย่างนั้นโดนงอนยาวแน่ ผมค่อยๆเอาน้ำเย็นเข้าลูบยิ้มอ้อนให้คนหน้าดุเค้าใจเย็นลงก่อน เดินเข้าไปจับต้นแขนเล็กลูบเบาๆก่อนก้มหน้าชิดคนหน้ามุ่ย มิคหันหน้าหนีพยายามดึงต้นแขนตัวเองออกจากมือผม จึงได้โอกาสกระซิบข้างหูหอม
“ตอนนี้ไม่ว่าจะอกภูเขาไฟฟูจิหรืออกภูเขาไฟระเบิดที่ไหนฟินไม่สนหรอกครับ ฟินสนแค่อกขาวๆของมิคเท่านั้นครับ”
หลังจบประโยคที่ผมพูดทั้งหูทั้งหน้าของ ‘อีหนูขี้หึง’ ก็แดงเถือกหลบตาแถมพยายามบิดต้นแขนออก ผมจึงคลายแรงที่มือเปลี่ยนเป็นโอบเอวบางจากข้างหลังและพามิคออกเดินเพื่อไปเอากระเป๋าเดินทาง คนขี้หึงเปลี่ยนเป็นคนขี้อายหน้าแดงแก้มป่องน่าฟัดมากครับผมได้แต่เหลือบตามองอย่างหมายมั่นในใจ ไว้รออยู่กันสองคนเมื่อไหร่ผมไม่ปล่อยแน่นอนครับ
“มิคเป็นอะไรไม่สบายรึเปล่า หน้าแดงไปหมดเลย”
เสียงทักของกัสดังขึ้นทันทีที่เราสองคนเดินมาถึงบริเวณที่รอกระเป๋าไหลมาตามสายพาน สาวมายได้ยินรีบเดินตามกัสมาหามิคเลยครับ
“มิคเหนื่อยไปรึเปล่าจ๊ะ ทำงานดึกมาหลายคืนเลยนี่ แต่เอ๊ ไม่มีไข้นี่เดี๋ยวถึงที่พักมิคนอนก่อนเลยห้ามลงน้ำนะจ๊ะ” มายจับหน้าผากมิคและพูดอย่างเป็นห่วง กัสที่ยืนใกล้กันรีบสนับสนุนเพื่อนทันที
คนที่โดนเพื่อนเป็นห่วงทำหน้าไม่ถูกไปแล้วครับ จะบอกเพื่อนว่าไม่เป็นอะไรก็ไม่กล้าคงกลัวเพื่อนซักจนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้แต่เออออทั้งๆที่เจ้าตัวเค้าหมายมั่นว่าถ้าถึงทะเลนี่จะลงทันทีแท้ๆ ผมก็ได้แต่ยิ้มหวานไปให้มิคที่ส่งสายตาคาดโทษมาให้ เราก็ปล่อยให้กัสกับมายเข้าใจไปแบบนั้นครับ แต่ไอ้พวกเพื่อนๆผมมันมองมาที่ผมยิ้มๆสายตารู้ทันแต่ไม่ได้พูดอะไร แต่มีแค่ไอ้ธีครับที่มันหน้ายุ่งไม่สนใจใครเพราะคนที่ยืนใกล้มันตอนนี้
“กระเป๋าครบทุกคนแล้วนะครับ ไปกันเถอะครับรถตู้รออยู่หน้าสนามบินแล้ว” เสียงห้าวทุ้มน่าฟังดังขึ้น
เจ้าของเสียงที่เริ่มเอาตัวแทรกซึมเข้ามาในกลุ่มพวกเราก็คือพี่หมอภีมที่ทำตัวตามติดไอ้ธีตลอดเวลาเลยครับ แถมพี่แกยังช่วยเรื่องที่พักเพราะมีเพื่อนเปิดรีสอร์ทจึงได้ส่วนลดในการเข้าพักครั้งนี้ด้วยครับ ไอ้ธีที่ดี๊ด๊าในตอนแรกที่รู้ว่าเราจะไปเที่ยวกันมันตกใจตาตั้งที่เห็นพี่หมอภีมมาโผล่ที่สนามบินเมื่อเช้าและหงุดหงิดใส่พี่แกมาตลอดทาง แต่พี่ภีมก็แน่จริงทั้งตามติดตามหยอดไอ้ธีตลอดขอให้มันหวั่นไหวกับพี่แกบ้างเถอะครับ เพราะดูท่าทางพี่หมอภีมเค้าก็รักเพื่อนผมจริงนะเนี่ย การเที่ยวครั้งนี้พี่หมอถึงกับเสนอตัวช่วยหาที่พักและคุยกับเพื่อนพี่แกช่วยผมวางโปรแกรมเที่ยวด้วย ผมที่เป็นคนจ่ายเงินก็ยิ่งกว่าเต็มใจให้แกมาด้วยแค่เพิ่ม ‘สามีเพื่อน’ อีกคนขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกครับ แถมทริปนี้คงมีอะไรสนุกๆให้ดูอีกด้วยนี่สิ
หลังจากนั้นเราก็ขนกระเป๋ากันไปขึ้นรถตู้เพื่อตรงเข้ารีสอร์ทที่พัก แออัดนิดหน่อยกับคนเก้าคนและกระเป๋าแต่อาศัยว่านั่งกันไม่นานครับก็มาถึงที่พัก เป็นรีสอร์ทที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้มีส่วนของบ้านพักเป็นหลังปลูกติดทะเลกับส่วนของตึกที่มีห้องพักติดกันตั้งถัดจากบริเวณส่วนบ้านพักที่ติดทะเลนี้ ส่วนที่ผมจองไว้เป็นส่วนบ้านพักเป็นหลังครับมีบ้านพักหลังใหญ่แบบสองห้องนอนจองไว้สองหลังและบ้านพักหลังเล็กที่มีแค่ห้องนอนเดียวและถูกแยกออกไปไกลกว่าทุกหลังแต่สามารถเดินถึงกันได้หมดครับ แน่นอนงานนี้ผมไม่พลาดเหมือนคราวไอ้วินหรอกครับเพราะผมเป็นคนจองย่อมต้องเป็นไปตามที่ผมต้องการ ผมได้นอนห้องเดียวกับมิคหลังเดียวกับไอ้วินและกัสคู่แต่งงานใหม่หมาดๆ ส่วนหลังใหญ่อีกหลังที่ติดกันเป็นมายกับมนที่นอนห้องเดียวกันและไอ้ปรัชผู้น่าสงสารที่ต้องนอนแยกกับแฟนครับแต่ดูมันก็ไม่เดือนร้อนอะไร ออกจะดีใจแค่ได้อยู่บ้านหลังเดียวกับหมอมายและมันเคยบอกผมว่า
‘กูรอเค้ามานานกับแค่รออีกนิดทำไมกูจะรอไม่ได้วะ’
ไอ้ปรัชพูดจบมันก็ยิ้มกว้างที่นานๆทีผมจะได้เห็น และดูท่าคู่นี้อีกไม่นานผมคงได้ไปงานแต่งมันล่ะครับ ส่วนอีกหลังที่มีห้องเดียวแยกออกไปหน่อยก็ตกเป็นของคู่รักคู่ใหม่ของกลุ่มครับ พี่หมอแกโคตรเจ้าเล่ห์เอ่ยปากทันทีตอนที่แกเอาห้องมาให้ผมเลือกว่าแกขอนอนห้องเดียวกับไอ้ธี ไอ้ผมก็อึ้งในตอนแรกและปลงเพราะยังไงเพื่อนผมมันก็เป็นเมียพี่แกไปแล้วนี่ครับ แต่ผมไม่ได้บอกไอ้ธีหรอกครับให้มันมารู้วันนี้เอาเอง และมันก็โวยวายทันทีที่รู้แต่โวยได้ไม่นานพี่หมอภีมแกลากมันออกไปที่ห้องก่อนเลยครับคงไปปราบพยศมันแน่ๆ สามหมอเพื่อนซี้เค้ามองตามตาโตและหัวเราะคิกคักออกมาเลยครับ
เราตกลงกันว่าแยกย้ายพักผ่อนกันก่อนเดี๋ยวบ่ายแก่ๆแดดร่มแล้วค่อยออกมาเล่นน้ำและค่อยหาของกินกัน ภายในห้องพักมีเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่อีกฝั่งเป็นกระจกใสบานใหญ่จากพื้นจรดเพดานเห็นวิวทะเลได้ร้อยแปดสิบองศา
“ว้าววว สวยมากเลย” มิควิ่งเข้าหากระจกใสก่อนเปิดประตูกระจกออกไปยืนที่ระเบียงเพื่อสูดอากาศเข้าปอด
ผมวางกระเป๋าใบใหญ่ของเราไว้ข้างตู้เสื้อผ้าก่อนเดินตามมิคออกมาที่ระเบียง อากาศสดชื่นติดกลิ่นเค็มจากทะเลร่วมกับภาพท้องฟ้าสีฟ้าใสน้ำทะเลสีน้ำเงินครามทำให้จิตใจแจ่มใสสดชื่น ผมสวมกอดร่างบางจากด้านหลังวางคางบนไหล่มนพร้อมสูดกลิ่นหอมจากแก้มกลมระเรื่อจากไอแดด
“ไม่ง่วงแล้วเหรอครับ มิคนอนพักก่อนดีกว่าจะได้มีแรงเล่นน้ำนะครับ ฟอดดด” ผมอดใจไม่ไหวต้องขอฝังจมูกหอมแก้มใสเสียหนึ่งที
“หายง่วงแล้วล่ะ เห็นทะเลแล้วมิคอยากลงซะเดี๋ยวนี้เลย” สายตาหวานพราวระยับจับจ้องไปยังท้องทะเลตรงหน้า
“ฮึๆ มิคได้ลงเล่นแน่ๆแต่รอแดดร่มก่อนนะครับ ไปนอนพักเป็นเพื่อนฟินก่อนน้า” ผมไม่รอคำตอบรวบร่างเล็กอุ้มช้อนขาช้อนหลังเดินเข้าห้อง
“เฮ้ยยย ฟินนนน” คนโดนอุ้มตกใจร้องเสียงหลงคว้าคอแกร่งไว้แน่น
ผมวางร่างมิคลงเตียงนุ่มและลงนอนตามก่อนคว้าร่างนุ่มนิ่มกลิ่นหอมมากอดไว้ทั้งตัว แรกๆมีแรงฝืนจากคนในอ้อมกอดก่อนที่มิคจะยอมนอนนิ่งให้ผมกอดแต่โดยดี ความอ่อนเพลียจากการเดินทางร่วมกับการนั่งทำงานดึกมาหลายวันทำให้คนที่บอกว่าหายง่วงหลับไปอย่างรวดเร็ว เสียงหายใจสม่ำเสมอตาที่หลับพริ้มมีขนตางอนยาวพาดปิดของมิคเหมือนเจ้าชายน้อยๆที่น่ารักกำลังนิทรา จนผมอดใจไม่ไหวต้องจูบหน้าผากมนก่อนถอนใจยาวอย่างเปี่ยมสุขและหลับตามคนรักไป
.....................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^3^
ตอนนี้พามาเที่ยวตามสัญญาแถมพ่วงบรรดาผ่องเพื่อนครบเซ็ทด้วย
หมอมิคมีหึงเล็กๆให้ฟินได้ชุ่มชื่นใจบ้าง ส่วนใครที่ถามหาธีภีมก็มีมาให้
หายคิดถึงค่ะ และตลอดทริปคู่นี้ก็หวานไม่แพ้คู่หลักค่ะ ฮุๆๆ
และเราจะอยู่เที่ยวกันอีกหลายตอนเป็นการส่งท้ายมิคฟินค่ะ
แอบใจหายเหมือนกันเนอะ
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วค่ะ ติดตามตอนต่อไปวันอาทิตย์ค่ะ
มาช่วยให้กำลังใจมิคฟินส่งท้ายกันนะคะ เหลืออีก 5 ตอนเอง^^

และ

ทุกการติดตามค่ะ