ตอนที่ 16“เดี๋ยวเราเข้าไปดูนิทรรศการด้านในเลยมั้ยครับ มิคจะได้เดินย่อยแล้วมากินไอติมได้ ฮึๆ” ผมแอบแซวคนกินเก่งแต่ตัวไม่โตไม่รู้ว่าเอาไปเก็บไว้ที่ไหนกัน
หลังจ่ายค่าอาหารผมก็พามิคเดินออกนอกร้านอาหาร แต่ต้องชะงักเล็กน้อยกับไอ้หน้าวอกคนที่คิดจะจีบมิคคนเดิมนั่นแหละ มันมองมิคตาละห้อยแต่มิคไม่ทันเห็นมันหรอกเพราะมันนั่งโต๊ะด้านในห่างจากทางที่เราเดินกันอยู่ มันนั่งกับเพื่อนอีกสามคน พอมันเห็นสายตาผมที่มองไปดันส่งยิ้มแหยยกมือเกาหัวแถมก้มหัวให้อีก แต่ท่าทางแหยๆแบบนั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมนึกญาติดีกับมันได้ ผมหันกลับมาจูงมือมิคที่มัวแต่มองถังไอติมที่มีไอติมเป็นปุยนุ่นสีขาวเต็มถังแบบไม่วางตา
“ไปครับ มัวแต่มองเดี๋ยวสะดุดอะไรล้มหรอก”
“ไม่ล้มหรอกก็ฟินจูงมืออยู่นี่ไง ใช่ม้า” มิคชูมือข้างที่ผมจับจูงอยู่และยิ้มกว้างตาปิดมาให้
ผมจึงยิ้มกลับและพาเราทั้งคู่เดินเข้าไปที่ศาลาสุขใจส่วนที่เค้าจัดนิทรรศการเกี่ยวกับ ‘ป่าชายเลนบางปู’ ที่มีทั้งชีวิตสัตว์น้ำทั้งปู ปลา หอย หรือแม้แต่ต้นไม้พันธุ์ต่างๆในป่าชายเลน เดินกันมาถึงบริเวณที่มีตู้กระจกใสที่มีสัตว์น้ำหลายชนิดมาให้เราได้เห็นของจริงพร้อมคำบรรยายใต้ตู้กระจกแต่ละใบ ผมนั้นเพลิดเพลินไปกับเสียงหวานเจื้อยแจ้วข้างตัวมากกว่าจะสนใจอยากรู้ชีวิตสัตว์น้ำป่าชายเลน มิคผู้กระตือรือร้นกับสิ่งแปลกตาทุกชนิดนั้นน่ามองกว่าสิ่งมีชีวิตในตู้กระจกเยอะเลยครับ ผมมองเพลินไม่เบื่อจนเราเดินจนทั่วมารู้ตัวอีกทีเราก็ใช้เวลาในนี้เกือบสองชั่วโมง มันทำผมแปลกใจกับตัวเองมากเพราะถ้ามาลำพังหรือแม้มากับเพื่อนสนิทก็คงเดินกันไม่เกินสิบห้านาทีแน่ไม่เกินนี้หรอกครับ
“ฟินป่ะ ไปกันมิคกินไอติมกะทิไหวแล้ว” มิคผู้ที่ยังไม่ลืมไอติมกะทิที่เล็งไว้และเรื่องกินนี่ก็เป็นอีกอย่างที่เจ้าตัวไม่มีวันลืมและมันได้รับความสนใจจากมิคมากกว่าผมที่ยืนอยู่ ผมอิจฉาไอติมกะทิมีใครว่าผมแปลกมั้ยล่ะ
“เฮ้อออ ไปครับมิคจะกินกี่ถ้วยก็ได้ฟินเลี้ยงเต็มที่” อดประชดเล็กๆให้คนน่ารักรู้ว่าไอ้ผมก็อยากได้รับความสนใจจากมิคมากกว่าไอติมนั่น แต่ผมน่ะมันเป็นรองเห็นๆเพราะเมื่อมิคได้ยินเจ้าตัวยิ้มร่าเดินลิ่วไปทางร้านอาหารทันทีทำเอาผมต้องเร่งฝีเท้าตาม
มิคได้ไอติมกะทิถ้วยใหญ่สุดที่เค้าขายมาและมันชุ่มไปด้วยนมสดสีขาวและโรยด้วยถั่วลิสง ส่วนผมคนจ่ายเงินไม่ได้ซื้อมาเพราะยังรู้สึกอิ่มอยู่และไม่ค่อยชอบของหวานเท่าไหร่ ก็ปล่อยแฟนที่เห็นไอติมดีกว่าผมเค้ากินไปคนเดียว
“อ่ะ ฟินอ้ำซิ เร็ว มิคอุตส่าห์ป้อนแล้ว งอนเป็นเด็กไปได้” มิคยิ้มมุมปากยื่นช้อนที่ตักไอติมมาให้ตรงหน้า
นี่มิคง้อผมใช่มั้ยเนี่ย มิคคงรู้แหละว่าผมงอนเพราะเงียบไปแต่คงไม่รู้สาเหตุหรอกว่าอะไร ถ้ารู้ผมคงไม่ได้กินไอติมคำนี้แน่เลย เมื่อแฟนง้อแล้วผมยอมคืนดีด้วยก็ได้เลยงับช้อนไอติมที่ส่งมาตรงหน้า
“เฮ้อ ก็แค่นั้น ฟินหายงอนนะมิคเคยบอกแล้วใช่มั้ยผู้ชายตัวโตๆแบบฟินงอนน่ะ มันไม่น่าดู ฮิๆๆ” ยิ้มกว้างตาปิดไปแล้วแฟนผม
เราเดินออกมาที่บริเวณขายของที่ระลึกพวกพวงกุญแจ เสื้อยืด เปลือกหอย เดินดูของกันมิคก็ตักไอติมกินไปด้วยบางครั้งใจดีก็หันมาป้อนผมบ้าง ผมก็อ้าปากรับแต่โดยดีไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว จนมิคมาสนใจพวงกุญแจขดลวดเป็นรูปสัตว์น้ำชนิดต่างๆและติดชื่อสถานที่แห่งนี้ มิคว่ามันเหมาะเป็นของฝากให้บรรดาเพื่อนๆที่ไม่ได้มา เราเลือกพวงกุญแจกันพักใหญ่และเค้ามีบริการขดลวดเป็นชื่อให้ด้วย เราจึงให้เค้าทำชื่อเล่นของเพื่อนทุกคนไปเลยจึงใช้เวลารอนานหน่อย
หลังได้ของที่ระลึกแล้วแดดลดความร้อนแรงลงแต่ฟ้ายังโปร่งจึงเหมาะแก่การถ่ายรูป ผมพามิคนั่งรถตุ๊กๆกลับไปที่สะพานและหามุมถ่ายรูปกัน กล้องที่ผมหอบหิ้วมามันมีโอกาสใช้งานก็ตอนนี้แหละครับ และภาพส่วนใหญ่ก็ต้องมีนายแบบในดวงใจผมอยู่เกือบทุกรูป ซึ่งคงเป็นอีกอัลบั้มให้ผมได้สะสมและหวงแหนไม่แพ้อัลบั้มสีเขียวที่อยู่ที่บ้านเล่มนั้นแน่นอนครับ
“มิคครับมานี่มาถ่ายคู่กัน”
ผมดึงคนที่มัวแต่มองจ้องปูสีสวยที่เดินอยู่บนชายเลนมาพิงอกส่วนผมพิงราวสะพาน มือกอดรอบเอวเล็กยื่นมือที่มีกล้องออกไปสุดแขน
“อื้อ ลบเลยดูซิผมยุ่งไม่เห็นหน้าเลย” เมื่อเห็นรูปมิคจะแย่งกล้องไปลบรูปที่เห็นตัวเองผมยุ่งแว่นเอียง แต่ผมดึงกล้องหลบซะก่อน เพราะผมกลับมองว่ามิค ‘น่ารัก’
“ไม่ต้องลบหรอก เดี๋ยวถ่ายใหม่ก็ได้ มาๆครับฟินจัดทรงให้ก่อน” ผมลูบผมให้เป็นทรงกว่าเดิมและเอาผมทัดหูเปิดหน้าขาวให้เห็นชัดขึ้น และถ่ายใหม่อีกหลายภาพและต้องชะงักกับเสียงที่ทักมา
“ผมช่วยถ่ายให้มั้ยครับ” หันไปมองต้นเสียงก็ไอ้หน้าปลาจวดคนเดิม มันจะจองเวรกับคู่ผมอีกนานมั้ยนะ เตรียมอ้าปากปฏิเสธ แต่เสียงหวานก็แทรกขึ้น
“ณะ นี่เอง ดีเหมือนกันนะฟินให้ณะถ่ายให้เถอะ”
ทีแรกผมตั้งใจปฏิเสธเสียงแข็งแต่คิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน จึงยื่นกล้องตัวโปรดไปให้คนที่ผมเหม็นหน้า ผมจัดท่าให้เราทั้งคู่นั้นไม่ต่างจากมาถ่ายภาพแต่งงานเลย ไม่ว่าจะโอบกอด ซ้อนหลังวางคางเกยไหล่บาง ยื่นหน้าชิดแก้มใส สารพัดท่าสวีท ผมคิดท่าอะไรได้ใส่ไม่ยั้ง ดูซิว่าไอ้นี่มันจะเลิกตามมิคได้รึยัง จนผมหมดมุกคิดท่าไม่ออกแล้วจึงหันไปมองทางคนที่เป็นช่างภาพ มันก็ยื่นกล้องส่งคืนผมและมันทำผมช็อคจนพูดไม่ออก
“พี่ครับมิค ‘น้องชาย’ พี่น่ารักจัง ผมจีบได้มั้ย”
เฮ้ยยยย ตลอดเวลานี่มันคิดว่ามิคเป็นน้องผมเหรอเนี่ย แล้วไอ้ท่าทีที่ผมแสดงออกมันไม่ได้บอกเหรอว่าผมเป็นแฟนนะไม่ใช่พี่ชาย มันสติไม่ดีหรือหลงใหลความน่ารักของมิคจนบังตาแกล้งหลอกตัวเองว่ามีผมเป็นพี่ชายกันเนี่ย จากความงงเปลี่ยนเป็นความโกรธทะลุปรอทแทน
“ไอ้น้อง นี่มึงดูไม่ออกจริงๆหรือแกล้งโง่ว่ากูเป็นอะไรกับมิคกันแน่ หา!! จะบอกครั้งเดียวและจำใส่หัวไว้ว่า ‘กูนี่แหละแฟนมิค’ และเลิกตามได้แล้ว”
ถึงแม้ผมจะโกรธไอ้เด็กนี่มากแค่ไหนแต่ก็ไม่ได้ตะโกนใส่หน้ามันหรอกครับ แค่กระซิบเสียงรอดไรฟันให้มันรู้ความจริงและตาสว่างเพราะความโง่ของมันแทน พูดแบบช้าๆเน้นๆและชัดเจน คว้ากล้องคืนจ้องหน้ามันที่ตาโตอ้าปากหวอจนผมอยากหาอะไรยัดปากมันซะจริง ผมหันหลังกลับเดินไปหามิคที่มองอย่างสงสัยว่าเราพูดอะไรกันอยู่เพราะผมหันหลังบังไอ้หน้าโง่ตาบอดนั่นอยู่ตอนที่คุยกับมัน
“ไปครับมิค ฟินขอบคุณเค้าแล้ว กลับกันเถอะเดี๋ยวจะถึงบ้านดึก”
ผมคว้ามือบางมากุมและเดินไปขึ้นรถ มิคทำท่าจะถามต่อเหมือนไม่เชื่อที่ผมบอกไป แต่ผมส่งกล้องและให้มิคดูภาพที่เราถ่ายมา ความสนใจของมิคจึงมุ่งไปที่ภาพถ่ายแทน
“ฮ่าๆๆ ตลกอ่ะ ฮิๆๆ” อยู่ๆมิคก็หัวเราะออกมาหลังดูภาพจากกล้อง ผมก็สงสัยว่ามันมีรูปที่ตลกด้วยเหรอ และภาพที่ผมเห็นมันทำเอาผมต้องหาที่จอดรถดูให้ชัดๆ และกดไล่ดูไปเรื่อยยิ่งเมื่อเห็นรูปมากเท่าไหร่ก็อยากขับรถกลับไปเล่นงานไอ้คนที่ถ่ายรูปให้
“โอ้ย ไอ้แสบเอ้ย อย่าให้เจออีกนะจะอัดให้น่วมเลย”
“ฮิๆๆ ฟินใจเย็นๆ จะว่าไปฟินก็ถ่ายรูปขึ้นนะเนี่ย คิกๆๆ”
มิคหัวเราะขำส่วนผมน่ะเหรอโกรธไอ้คนที่อาสามาถ่ายภาพให้ จะไม่ให้โกรธได้ยังไงครับก็แต่ละรูปที่ผมบรรจงคิดท่าสรรหาช็อทหวานเพื่อจะเก็บเข้าคอลเล็กชั่นส่วนตัว แต่สิ่งที่เห็นมันมีแต่หน้ามิคเต็มภาพ บางรูปเห็นผมตั้งแต่คอลงมาไม่มีหัว หรือบางรูปที่ต้องเป็นรูปคู่ไอ้นั่นมันกลับเจาะถ่ายแต่มิคไม่เห็นผมแม้แต่เงา เอากับมันซิถ้าผมได้เช็ครูปตรงนั้นซะก่อนผมได้ฟาดปากมันไปแล้ว
“เอาน่ายังมีรูปอื่น ไปกันเถอะเดี๋ยวถึงบ้านค่ำน้า” มิคย้อนคำพูดผมยิ้มๆ
ผมก็ได้แต่ปลงเพราะไอ้ต้นเหตุมันไม่ได้อยู่ใกล้มือแต่อย่าให้ผมเจอมันอีกนะครับผมจะทำให้มันคอขาดเหมือนที่มันถ่ายรูปให้ผมเลยล่ะ
เรามุ่งหน้ากลับกรุงเทพอย่างไม่รีบร้อนเพราะระยะทางที่ไม่ไกลนัก และวันนี้ก็ทำให้ผมมีความสุขมากเลยครับกับการมาเที่ยวสองต่อสองกับมิคแบบนี้ แม้จะมีเรื่องกวนใจอยู่บ้างก็ตาม
.......................................................................
รถจอดติดไฟแดงใกล้บ้านมิคผมหันไปมองคนข้างตัวที่เงียบมานานเพราะหมดฤทธิ์ไอติมกะทิถ้วยโตไปแล้ว หัวทุยที่ถูกปกคลุมด้วยผมยุ่งพิงเอนกับพนักเบาะรถที่ถูกปรับเอนนอนราบ ตาปิดสนิท จมูกโด่งที่ไม่มีแว่นวางทับ ยิ่งทำให้เห็นแก้มใสชัดตา ปากล่างย้อยนิดๆอย่างน่าจูบ จนผมอดใจไม่ไหวขโมยจูบตอนที่เจ้าของเค้าหลับอยู่และมันหวานแบบที่ผมเคยชิมมา ผมเลียรอบกลีบปากจูบดูดเม้นกลีบปากล่าง และด้วยความหมั่นเขี้ยวผมเผลอดูดแรงไปหน่อย ทำให้เจ้าของปากหวานประท้วงครางออกมาเบาๆอย่างคนที่โดนขัดจังหวะการนอน
“อืออออ” มิคพลิกหน้าหนี
ผมที่ยังชิมปากหวานไม่พอก็ตามติดประกบจูบไล้เลียรอบขอบปากและดูดซับที่มุมปากทั้งสองข้าง ก่อนฟัดแก้มนุ่มอีกข้างล่ะที
“ฟิน อือ แกล้งคนหลับนี่ ฮ๊าววว” มิคปรือตามองผมและพึมพำเสียงเบาก่อนหาวปากกว้างยกมือปิดปาก
ผมจึงยิ้มกว้างยื่นมือลูบหัวทุย มองคนงัวเงียที่นอนลืมตามองนิ่งมาที่ผมและอมยิ้มมุมปากน้อยๆอีกด้วย นี่ถ้าผมไม่ได้ขับรถอยู่นะผมจับกดคนช่างยั่วไปแล้ว
“มิคหิวมั้ย ฟินว่าเราน่าจะหาอะไรทานก่อนเข้าบ้านนะครับ”
“มิคหิวแล้ว งั้น อืมมม เราไปกินซูเปอร์ราดหน้ารวมมิตรกันดีกว่า” มิคยิ้มชอบใจเมื่อพูดถึงเรื่องกินพร้อมเลือกร้านที่อยู่แถวตลาดก่อนเข้าบ้านตัวเอง
ผมพยักหน้ารับและขับรถมาถึงบริเวณตลาดก่อนหาที่จอดรถ เราเดินไปถึงร้านเป็นร้านรถเข็นที่มีโต๊ะนั่งหลายโต๊ะเพราะความอร่อยทำให้มีคนนั่งอยู่เต็ม
“ซุเปอร์ราดหน้ารวมมิตรสองจานครับ” มิคเดินไปสั่งให้เราทั้งคู่ก่อนเดินกลับมายืนรอข้างผม
ต้องสั่งไว้ก่อนครับเพราะดูท่าคงอีกสักพักกว่าจะได้ก็มีคนยืนรออยู่หลายคนเหมือนกัน ผมพาดแขนไปที่บ่าร่างเล็กทำเอามิคหันมองแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร อีกมือจับปลายผมนุ่มเล่นเพลินมือเรื่องรอก็ไม่น่าเบื่อแล้วครับ มิคสะกิดท้องผมและจับชายเสื้อให้เดินตามไปที่โต๊ะว่างที่มีคนเพิ่งลุกไป เรานั่งตรงข้ามกันผมเห็นมิคมองตาวาวไปอีกทางที่ไม่มีผมเกิดระแวงว่ามิคจะมองใครอยู่ ตาผมตวัดมองตามทิศที่มิคมองอยู่ แล้วต้องถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนอมยิ้มขำทั้งตัวเองที่ระแวงว่ามิคจะมองใครอื่นนอกจากผมและขำมิคเพราะที่มิคมองมันเป็นร้านขายน้ำปั่น ก็นั่นแหละ ‘เรื่องกินอีกแล้ว’ ที่ทำให้มิคคนตรงหน้าผมเค้าสนใจจนลืมแฟนแบบผมได้
“ฮึๆๆ อยากกินน้ำปั่นเหรอ เอาอะไรครับเดี๋ยวฟินไปสั่งให้ ฮืม” ยิ้มเอ็นดูให้กับเด็กน้อยของผม
“อืมๆ รู้ได้ไงอ่ะ มิคอยากกินกล้วยปั่นใส่โอริโอ้อ่ะ” มิคพยักหน้ายิ้มกว้างก่อนบอกของที่อยากกิน
ผมก็บริการแฟนด้วยการเดินไปสั่งสิ่งที่มิคอยากกินมาให้ เมื่อกลับมาที่โต๊ะราดหน้าที่สั่งไว้ก็วางอยู่ตรงหน้าแล้ว ผมวางแก้วน้ำปั่นของผมกับมิคลง มิคหยิบน้ำปั่นดูดก่อนยิ้มกว้าง
“อร่อยอ่ะ ฟินชิมมั้ย” มิคยื่นแก้วมาตรงหน้า ผมก็ไม่ปฏิเสธดูดน้ำปั่นที่มีรสหวานหอมของกล้วยและโอริโอ้
“อร่อยครับ” ผมยิ้มให้มิคที่รอฟังว่าผมจะพูดอะไรหลังได้ชิม
“บอกแล้วว่าอร่อย ฮิๆ” ยิ้มตาปิดไปแล้ว ผมนึกอยากแกล้งมิคกลางร้านราดหน้าจึงยื่นหน้าไปใกล้หน้าหวาน
“แต่ที่สำคัญกว่านั้นเหมือนว่าฟินได้จูบมิคทางอ้อมเลยนะ มิคโดนขโมยจูบอีกแล้วนะครับ ฮึๆๆ”
มิคตาโตมองตามมือที่ผมชี้ไปที่หลอดดูด มองหน้าผมอีกครั้งและมองรอบตัว ก่อนหันมาชี้หน้าผมอ้าปากน้อยๆเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา มิควางแก้วในมือลงและหันไปหยิบแก้วน้ำปั่นของผมมาดูดหมดไปเกินครึ่งแก้ว และวางคืนกระแทกโต๊ะจนมีเสียงดัง
“ปึก / เอ้าของฟินกินแค่นี้พอ อยากจะจูบทางอ้อมอีกกี่ทีก็ทำไปเลย” หลังพูดเสร็จมิคก็ก้มหน้าก้มตากินราดหน้าไม่มองผมเลย
ส่วนผมที่โดนเอาคืนแบบนี้มันพูดไม่ออกจะขำออกมาก็กลัวมิคโกรธได้แต่กลั้นขำไว้ และมองมิคคนที่เอาคืนผมแบบ
‘สาสม??’ เหรอ ฮึๆ คงต้องง้อด้วยการซื้อบัวลอยไข่หวานเจ้าอร่อยของโปรดอีกอย่างของมิคเป็นการง้อคนน่ารักซะแล้วซิ
.............................................................
โปรดติดตามตอนต่อไป ^3^
อย่างที่บอกว่านาย”ณะ”แสบเอาเรื่อง555 ไม่รู้ว่าแกล้งเข้าใจผิดหรือเข้าใจอย่างนั้นจริงๆ
และก็จบตอนด้วยเรื่องกินแบบเบาๆ(เหรอ?) ไม่รู้มิคกินขนาดนี้เอาไปเก็บที่ไหนน้อ อิๆๆ
สำหรับเรื่องสถานที่ก็เติมแต่งเพิ่มนะคะ ถ้าใครเคยไปอาจรู้สึกขัดใจรึเปล่า แหะๆ โปรดอภัยค่ะ
สำหรับตอนหน้าแอบสปอยว่า “เมื่อมิคมาใส่คอนแท็กฯจะเกิดอะไรขึ้นน้อ??” ฮึๆๆ
ตามอ่านได้วันพุธค่ะ^^
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วนะคะขอบคุณที่เสียเวลาเม้นท์ให้ค่ะ ใครเม้นท์ขอให้น่ารักๆๆๆตลอดๆเลย ฮิ้ววว

และขอ

รวบบบบจ้า