ตอนที่ 18“ฟินไปไหนมาอ่ะ” มิคเงยหน้าจากหนังสือในมือมามองผมคิ้วขมวด ผมจึงรีบเดินไปยืนเคียงข้างและคว้าหนังสือในมือมิคมาถือไว้แทน
“ไปร้านแว่นมาครับ ไปเอาแว่นที่มิคตัดเลนส์ใหม่มาให้ไงครับ” ยิ้มหวานเอาใจคนน่ารักสักนิดเดี๋ยวจะโกรธผมขึ้นมาซะก่อนที่ทำอะไรไม่บอกกล่าว
ตอนนี้พวกเราอยู่ในร้านหนังสือชื่อดังสาขาใหญ่ ซึ่งก่อนหน้านี้หลังจากพวกเราทานสุกี้กันแล้วพวกแฟนๆของพวกผมเค้าก็ออกเดินย่อยโดยการเดินเข้าในร้านหนังสือแห่งนี้ ส่วนผมก็ฝากมิคไว้กับเพื่อนสนิทสองคนก่อนที่ตัวเองจะเดินไปร้านแว่นเมื่อตอนเที่ยง ไปเร่งให้ช่างทำให้เสร็จและรออยู่พักหนึ่งจึงได้ของในมือมา
“มิคครับเปลี่ยนใส่แว่นเหมือนเดิมมั้ย ดูสิตาแดงๆ เคืองตารึเปล่า”
ผมยื่นถุงแว่นในมือให้มิคและก้มมองตาที่ก็ไม่ได้แดงหรอกแต่อยากให้มิคกลับมาใส่แว่นเหมือนเดิม ก็หาข้ออ้างไปอย่างนั้นแหละครับ
“ตาแดงเหรอ แต่มิคไม่เคืองตานะ” มิคมีสีหน้ากังวลออกมาเริ่มเข้าทางผมแล้ว
“งั้นไปครับเดี๋ยวฟินพาไปเปลี่ยนที่ห้องน้ำ” ผมจับมือบางเตรียมพามิคไปห้องน้ำ แต่โดนยื้อไว้ซะก่อน
“ไม่บอกเพื่อนไว้ก่อนเหรอเดี๋ยวเค้าตามหากันนะฟิน” ผมคว้าโทรศัพท์จากกระเป๋ามากดโทรหาไอ้วินและบอกมันว่าจะพามิคไปเข้าห้องน้ำ
“เอ่อ เดี๋ยวกูมาพวกมึงรอที่นี่ก่อนหรือถ้าจะไปไหนโทรมาบอกกูล่ะกัน.......ไปครับเรียบร้อยแล้ว”
ผมจูงมือบางออกนอกร้านเดินไปทางห้องน้ำ ระหว่างทางมิคก็ชวนผมคุยเรื่องหนังสือที่ตัวเองอ่านค้างไว้เมื่อครู่ เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับชีวิตสัตว์ในท้องทะเล ดูท่าทางจะชอบมากด้วยแต่เสียอย่างที่มิคว่ายน้ำไม่เป็น ผมรู้ก็ตอนที่ไปเที่ยวหัวหินคราวนั้นที่กัสสอนมิคว่ายน้ำ แต่จนแล้วจนรอดมิคก็ยังว่ายไม่ได้
“เดี๋ยวฟินสอนมิคว่ายน้ำเอามั้ย ถ้าเป็นแล้วเราจะได้ไปดำน้ำดูปลาทะเลดูปะการังกันไงครับ”
“ดีสิ มิคอยากดำน้ำดูปะการังอยากเห็นนีโมตัวเป็นๆด้วย จริงๆนะฟินสัญญาแล้วนะ” สองมือของมิคจับมือผมเขย่าอย่างดีใจ ปากยิ้มกว้าง ตาปิด แก้มกลมขาวเป็นลูกชัดเมื่อเจ้าตัวยิ้มกว้างขนาดนี้
ผมก้มหาแก้มนั้นทันทีฝั่งจมูกสูดกลิ่นหอมเต็มปอด ผละออกเห็นมิคมองผมตาโตยิ่งขึ้นไม่มีแว่นบังแบบนี้ยิ่งเห็นตาหวานได้ชัด ผมก็ยิ้มใส่ตาคู่นั้นทำเอามิครู้ตัวหน้าแดงมือกุมแก้ม หันไปมองรอบตัวเลิกลั่กผมมองตามก็เห็นมีคนมองมาทางเรายิ้มๆ บางคนก็ตกใจยืนนิ่ง ผมนั้นไม่สนหรอกว่าใครจะมองก็ผมรักของผมนี่ แถมแฟนผมก็น่ารักซะขนาดนี้จะอดใจไหวได้ยังไงกันครับ
“ฟิน ทำแบบนี้ได้ไงกลางห้างเลย” มิคลากแขนผมออกเดินหนีสายตาที่จับจ้องคู่เราอยู่
“ก็มิคอยากน่ารักทำไมล่ะครับ ทำฟินอดใจไม่อยู่เลยเห็นมั้ย เอ๊ะๆ ยังไงถ้าไม่อยู่กลางห้างนี่ทำได้ใช่มั้ยครับ”
มิคที่เดินนำและจูงข้อมือผมอยู่หยุดลง และชี้นิ้วมาตรงหน้าแต่หน้ายังแดงปลั่ง ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเป็นเอานิ้วลง กอดอก ยกยิ้มมุมปากแถมเอียงหัวนิดๆ ก่อนพูดประโยคที่ทำเอาผมแทบคลั่ง
“ฮึๆ ใช่ ถ้าไม่อยู่กลางห้างนะมิคไม่ว่าหรอกฟินทำอะไรก็ได้” สายตายั่วถูกส่งมาให้ผมที่เป็นฝ่ายอึ้งแทนและอยากจับคนช่างยั่วคนนี้มาทำอะไรๆที่มากกว่าหอมแก้มซะแล้ว ใบหน้าหวานตายั่วยวนยื่นมาใกล้หน้าผมจนเกือบชิดและ
“โอ๊ยย มิคอ่ะ พอแล้วครับๆ ปล่อยฟินนะครับ” แรงบิดที่เอวทำเอาเจ็บแปลบส่งผลให้ผมตัวงอพยายามหนีมือที่หนีบเอวอยู่ให้ออกห่าง แต่ทำไม่ได้เพราะมิคหนีบแน่นมากจะสะบัดก็กลัวมิคโดนลูกหลงเจ็บตัวเอาเลยได้แต่ร้องให้มิคปล่อยเท่านั้น
“ฮึๆ ทีหลังอย่าทำแบบนั้นอีก ฟินไม่อายแต่มิคอายรู้มั้ย คิกๆ” มิคที่ทำร้ายผมหลังพูดเสร็จก็เดินนำไปเข้าห้องน้ำทันที
ผมก็มองไปรอบตัวว่ามีใครเห็นผมในสภาพหมดท่าแบบนั้นมั้ย แต่โชคดีที่ไม่ค่อยมีคนเป็นมุมหลบพอดีเพราะเป็นทางไปห้องน้ำ เห็นแบบนี้ก็รีบตามคนใจร้ายที่รังแกแฟนหล่อๆแบบผมได้ไปทางห้องน้ำทันที
“ฟิน ตามิคไม่เห็นแดงเลยก็ปกตินี่” มิคชะโงกหน้าไปสำรวจตาตัวเองที่หน้ากระจก
ผมที่ยืนซ้อนหลังอยู่ก็มองตามร่างบางและพยายามหาข้อแก้ตัวเพื่อให้มิคกลับมาใส่แว่นเหมือนเดิม จนมิคสบตาผมในกระจกนิ่ง
“เอ่อ คือ อ้อ เมื่อกี้ตามิคแดงจริงๆครับ ฟินว่ามิคกลับมาใส่แว่นเหมือนเดิมดีกว่า ไม่ต้องคอยกังวลว่าตาจะติดเชื้อด้วยนะครับ ดูสิมิคใส่แว่นแบบนี้ดูดีออกนะครับ” ผมตะกุกตะกักในตอนแรกและเอาสีข้างแถจนเลือดซิบ หยิบแว่นในกล่องมาสวมบนใบหน้าหวาน และชักจูงมิให้กลับมาใส่แว่นเหมือนเดิม
“ฟิน พูดความจริงกับมิคสิ” มิคที่ยืนนิ่งสบตาผมหน้ากระจกอย่างต้องการคำตอบ
ผมคงโกหกมิคไม่ได้แน่ๆแล้วงานนี้ เห็นมิคมีนิสัยคล้ายเด็กแบบนี้แต่ความจริงนี่ฉลาดช่างสังเกตเป็นที่สุดเลยล่ะครับ
“เฮ้ออ ความจริงตามิคไม่ได้แดงหรอกครับ แต่ฟินอยากให้มิคใส่แว่นแบบเดิมนี่หน่า ก็ดูสิมิคของฟินน่ารักขนาดนี้ฟินไม่อยากให้คนอื่นมาเห็นความน่ารักของมิค ที่ปกติมีฟินได้เห็นคนเดียวนี่ ฟินหวงมิคนะครับ”
ผมสารภาพหมดเปลือกเพราะถ้าต้องการให้มิคกลับมาใส่แว่นก็คงมีแต่ความจริงนี้เท่านั้น ผมมองหน้ามิคนิ่งเราสบตากันและเริ่มใจชื้นเมื่อมิคยิ้มน้อยๆส่งมาให้ ก่อนมิคจะหันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับผม
“ก็แค่เนี้ย ฟินพูดกับมิคตรงๆก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องโกหกกันเลยอยากให้ทำอะไรก็บอก เพราะถ้าทำให้ได้มิคก็ทำให้อยู่แล้วล่ะ และฟินจำไว้อย่างนะว่ามิคไม่ชอบคนโกหก ขอให้พูดให้บอกเท่านั้นมิคพร้อมจะเข้าใจ” มิคยิ้มไปพูดไป
ผมเมื่อได้ฟังก็ยิ้มกว้างดีใจที่มิคยอมผมขนาดนี้ แต่ประโยคสุดท้ายนี่สิเหมือนเป็นคำเตือนที่ผมต้องฝังเอาไว้สมองและจำให้ขึ้นใจอย่าได้ทำการ “โกหก” ที่เป็นสิ่งที่มิคไม่ชอบขึ้นมา
“ครับ ฟินจะจำไว้นะครับ” ผมยิ้มให้มิคอีกที
มิคหันหลังไปเปลี่ยนจากคอนแทรกเป็นแว่นสายตา แค่นี้แฟนผมก็จะได้ไม่มีใครมองแล้วเพราะแค่มีผมมองคนเดียวก็พอ แค่ผมที่ได้เห็นความน่ารักของมิค หลังจากนั้นผมก็พามิคไปร้านไอศกรีมชื่อดัง เพราะโทรไปหาไอ้วินมันบอกว่าแฟนมันอยากกินเลยพากันไปนั่งรอกันอยู่ที่นั่น มิคที่รู้ว่าจะได้กินไอศกรีมก็ยิ้มกว้างเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย มิคที่ขู่ผมทำเอาผมใจฝ่อตอนที่อยู่ในห้องน้ำหายไปเหลือแต่เด็กน้อยของผมคนเดิม
“อ้าว มิคทำไมกลับมาใส่แว่นล่ะจ๊ะ” สาวมายทักขึ้นเมื่อเราสองคนนั่งลงที่โต๊ะ จึงเรียกสายตาทุกคนให้หันมามองมิค
“มิค เคืองๆตาน่ะมายเดียร์เลยเปลี่ยนเป็นแว่นเหมือนเดิม” มิคยิ้มน้อยๆพร้อมอธิบายให้ทุกคนได้รู้ ทั้งกัสและมายก็พยักหน้าเข้าใจเหตุผลของเพื่อนและเลิกสนใจไปกลับยื่นเมนูไอศกรีมมาให้ มิคก็หันไปคุยหงุงหงิงกับเพื่อนสนิทว่าอยากชิมไอศกรีมรสใหม่ของเดือนนี้
แรงเตะที่หน้าขาผมเบาๆนั้นเรียกสายตาให้หันไปมอง เจอหน้าไอ้วินที่ยิ้มเยาะรู้ทันและไอ้ปรัชที่ยิ้มเย็นตาพราวส่งมาให้ผม ไอ้พวกนี้มันจะรู้ดีเกินไปแล้ว ผมจึงเตะขามันกลับและยกยิ้มยักไหล่ให้พวกมันไปแบบไม่แคร์ จะแคร์อย่างเดียวตอนนี้ก็คืออย่าให้ใครมาเห็นความน่ารักของมิคนอกจากผมล่ะกัน
“ฟินๆ มิคอยากชิมรสออกใหม่น่ะ น่าจะอร่อย” มิคกระตุกชายเสื้อผมและชี้ไปที่เมนูตรงหน้า
ผมจึงเรียกพนักงานให้นำเอารสไอศกรีมที่มิคอยากชิมมาให้ เมื่อทั้งสามเพื่อนซี้ผู้น่ารักเค้าได้ลองชิมกันแล้วก็ออกอาการถูกใจอย่างน่ารักที่ ตาพราว ยิ้มแก้มตุ่ย ปากแดง ทำเอาพวกผมทั้งสามมองแฟนตัวเองตาไม่กระพริบ
“ฟินๆ มิคอยากกินหลายรสเลยฟินกินถ้วยเดียวกับมิคมั้ย”
เสียงมิคเรียกชื่อผมทำเอาผมหลุดออกจากภวังค์ที่เผลอจ้องใบหน้าหวาน และอาการจับแขนผมเขย่ากับสายตาอ้อนๆที่มองมาก็ทำผมพยักหน้าอย่างยอมจำนน หลังจากนั้นมิคก็จัดการสั่งไอศกรีมรสที่ชอบมาหลายรสจนผมคิดไม่ถึงว่ามิคจะทานหมดถ้วยแบบนี้ ถึงแม้เจ้าตัวจะบอกว่าแบ่งกันกินแต่ความจริงแล้วเป็นมิคซะส่วนใหญ่ที่ตักกิน เห็นตัวเล็กแบบนี้กินเก่งใช่เล่นนะแฟนผมเนี่ย ไอ้ผมน่ะเลี้ยงแฟนได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้วขอแค่เป็นสิ่งที่มิคชอบเท่านั้นแหละครับ ส่วนกัสและมายก็สู้แฟนผมไม่ได้เลยเรื่องนี้เพราะทั้งคู่สั่งมาแค่ถ้วยเล็กๆเท่านั้น
“อร่อยอ่ะ” มิคยิ้มตาปิดมาให้ผมเมื่อกินไอศกรีมคำสุดท้ายเข้าปากไปแล้ว แถมด้วยอาการแลบลิ้นแดงฉ่ำเลียมุมปาก
ผมเผลอมองไปที่ลิ้นเล็กสีแดงของมิคอย่างเผลอไผลจนเริ่มคอแห้งผาก กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ และมารู้ตัวก็เพราะเสียงหัวเราะของไอ้ปรัชที่นั่งข้างผม ผมหันไปมองหน้ามันอย่างสงสัยว่ามันหัวเราะอะไร
“ไอ้ฟิน หน้ามึงหื่นมากระวังหน่อยเดี๋ยวเพื่อนรักเค้าเห็นเข้า ฮึๆ” ไอ้ปรัชขยับมาใกล้และกระซิบข้างหูผมก่อนหัวเราะเยาะ
ผมทำหน้าหื่นเหรอไงนะก็แค่ ‘เผลอ’ ไปเท่านั้น หันไปมองที่กัสกับมายอย่างระแวงว่าจะเห็นสีหน้าของผมเมื่อครู่รึเปล่าและค่อยเบาใจเมื่อทั้งสองไม่ได้สนใจผมเพราะมัวแต่คุยกันเองอยู่ แรงสั่นจากโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงทำเอาผมสะดุ้ง ช่วงนี้รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนขี้ตกใจกว่าเดิมอาจเพราะหัวใจไม่เหมือนเดิมมีคนที่ทำให้เราอ่อนไหวอยู่ข้างตัวแบบนี้ล่ะมั้งครับ ผมหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดปากมิคที่เลอะไอศกรีม ก่อนกดรับสายที่โทรเข้ามามันเป็นเบอร์จากบริษัทผมเอง
“ว่าไงครับคุณพิมพ์.....อืม......ครับ......เดี๋ยวผมคุยกับท่านเอง.....ขอบคุณครับ” กดวางสาย
คุณพิมพ์เลขาของผมเป็นคนโทรมารายงานเรื่องร้อนที่ทำเอาผมครุ่นคิดถึงปัญหาที่เกิด จึงไม่ได้รับรู้เรื่องรอบตัวจนกระทั่งมิคสะกิดเรียก
“ฟินๆ เป็นอะไร ใครโทรมา” ผมมองมิคที่ตอนนี้ทำหน้ายุ่งเจ้าตัวคงรู้ว่าผมคงมีปัญหาเกิดขึ้นจากสายที่โทรเข้ามา
“คุณพิมพ์เลขาฟินโทรมาครับ มีปัญหานิดหน่อย มิคอย่าทำหน้ายุ่งแบบนี้สิ ไม่น่ารักเลยน้า” ผมลูบหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นให้คลายลงไม่อยากเห็นหน้ามิคแบบนี้ ผมชอบใบหน้าหวานประดับยิ้มกว้างมากกว่า
“มิค มาย กัส จะไปไหนกันต่อมั้ยครับ” ไอ้วินมันถามขึ้นมากลางวงที่ก่อนนี้เงียบเสียงลง เหมือนรู้ว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นกับผม ทั้งสามคนมองหน้ากันและส่ายหน้าเราจึงตกลงกันว่าจะแยกย้ายกันกลับ
ผมนั้นเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาเพราะรู้ว่าเป็นสาเหตุให้งานกร่อยแบบนี้ ทั้งๆที่เพื่อนรักสามคนนานๆทีเค้าถึงมาอยู่ด้วยกันแบบนี้สักที จึงเอ่ยปากว่าอย่าให้เป็นเพราะผมที่ต้องให้ทุกคนแยกย้ายแบบนี้เลย
“ฟิน อย่าพูดแบบนี้ ถึงให้พวกเราไปต่อก็ไม่มีแก่ใจแล้วล่ะ ฟินมีปัญหาอะไรพร้อมเมื่อไรก็บอกมิคนะ อย่ากลุ้มคนเดียว” มิคมองสบตาผมแน่วแน่แสดงความจริงใจส่งมาให้และพร้อมจะอยู่เคียงข้างผม ทำเอาผมรู้สึกรักเจ้าตัวขึ้นอีกมากเลยครับ
“นั่นดิ มึงมีปัญหาอะไรวะไอ้ฟิน เผื่อพวกกูจะช่วยได้” ไอ้ปรัชมันพูดส่งสายตาจริงใจมาให้ผม นี่ก็เป็นเพื่อนแท้ที่รู้ใจไม่ต้องเอ่ยปากก็รู้ว่าผมมีปัญหา
ผมมองไปทางไอ้วิน กัส และมาย ทั้งหมดนั่งเงียบแต่สายตาที่ส่งมาให้ผมก็แสดงออกว่ากังวลและมีแววเป็นห่วงส่งมาให้ แบบนี้สินะเพื่อนแท้ ผมหันมาหามิคและเกาะกุมมือนุ่มไว้แน่น มิคตอบสนองผมโดยการบีบมือผมกลับ
“คุณตาเข้าบริษัทและดูท่าจะโกรธมากเมื่อไม่เจอฟิน พวกมึงรู้ใช่มั้ยว่าตาของกูไม่เคยแสดงสีหน้าอื่นนอกจากหน้านิ่งๆเท่านั้น”
ผมพูดกับมิคในประโยคแรกและจึงหันไปพูดกับไอ้เพื่อนสนิททั้งสองที่มันรู้ความเป็นไปของครอบครัวผมมากที่สุด มิคทำหน้านิ่งจ้องผมตาไม่กระพริบเหมือนรอให้ผมระบายออกมา ผมจึงยิ้มให้ร่างบางที่ยังนั่งกุมมือผมแน่นอยู่ก่อนตัดสินใจเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังทั้งหมด พอจบแววตาหวานภายใต้แว่นรื้นน้ำตาแต่ยังไม่หยาดหยดลงแก้ม ผมจับหัวทุยซบไหล่เพราะไม่อยากเห็นน้ำตาจากคนรัก
“ไม่เอาครับ ฟินไม่เป็นไรเรื่องมันผ่านมานานแล้ว” ผมลูบหัวทุยปลอบโยน
ผมมองไปที่เพื่อนรักทั้งสองคนมันก็มองผมอย่างเข้าใจ ส่วนแฟนมันทั้งสองคนก็น้ำตารื้นไม่แพ้มิคจนมันสองคนต้องซับน้ำตาให้ มิคเงยหน้าขึ้นจากไหล่ผมถอดแว่นก้มหน้าเช็ดน้ำตา จนผมต้องจับคางมนให้เงยขึ้นมามองกัน เห็นตาโตกับปลายจมูกแดงนิดๆจากการร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาบนใบหน้าหวาน ผมยิ้มให้มิคและคว้าแว่นมาสวมคืนและขยี้หัวทุยอย่างเอ็นดู ผมอยากให้มิคกลับมาร่าเริงอีกครั้งเพราะเรื่องของผมก็ผ่านมานานแล้วไม่อยากให้มาเศร้ากับเรื่องแบบนี้ แต่ปัญหาเรื่องคุณตาก็คงไม่มีอะไรเดี๋ยวกลับไปคุยกันที่บ้านก็ได้ แม้เราจะไม่เคยคุยกันนานๆมาก่อนก็ตาม
“ไอ้ฟินมึงมีอะไรให้พวกกูช่วยก็บอกนะ” ไอ้วินเอ่ยปากเสียงนิ่งแววตาจริงใจอยากช่วยเต็มที่
ผมรู้ถึงความจริงใจของเพื่อนอยู่แล้วก็พวกเราเป็นเพื่อนรักกันมานานนี่ครับ ผมหันไปพยักหน้ายิ้มให้มันสองคนเพื่อให้พวกมันรู้ว่าผมรับรู้ใจความที่มันต้องการสื่อได้
“ฟินรู้ใช่มั้ยว่ามีมิคอยู่ข้างๆ”
ผมได้ฟังประโยคนี้จากมิคก็ทำเอาใจพองโตอุ่นวาบในอกเพราะหมายความว่ามิคพร้อมที่จะเดินเคียงข้างผมยามมีปัญหาไม่ใช่แค่ยามสุขเท่านั้น และนั่นไม่ต่างจากคำรักที่คนรักเค้าใช้พูดต่อกัน แม้ผมจะเคยสารภาพรักกับมิคมาแล้วแต่ผมก็ยังอยากพูดคำรักซ้ำๆให้สมกับสิ่งที่มิคเป็นและความเข้าใจที่มิคมีให้ ‘ผมรักมิค’ ผมคงได้บอกรักอย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้
ส่วนปัญหาที่เกิดตอนนี้มันเป็นเรื่องเล็กไปเลยครับเมื่อผมมีกำลังใจเยอะขนาดนี้ ทั้งจากเพื่อนรักและคนรักที่น่ารักคนนี้ของผม
...............................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^3^
ฟินก็ทำให้มิคกลับมาใส่แว่นได้เหมือนเดิม แหมกำลังหวานกันดีๆคุณตามาตัดอารมณ์ซะได้
แต่ก็ได้อารมณ์ซึ้งปนหวาดหวั่นมาแทน และตอนหน้าฟินจะพามิคไปหาคุณตาที่เรียกตัวว่าที่
หลานสะใภ้เข้าพบ จะเกิดอะไรขึ้นตามอ่านวันอาทิตย์นะคะ
ปล.+1ให้คนเม้นท์ที่น่ารักทุกคนแล้วน้า ให้เม้นท์ขอให้น่ารักไม่สิ้นสุด ฮุๆๆ
################

ฝากอ่านแล้วเม้นท์กันด้วยนะคะ ก็แค่อยากรู้จักและคุยด้วยอ่ะ

ฮุๆๆ
นิยายดีไม่ดีติมาเลยค่ะ