INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง  (อ่าน 158723 ครั้ง)

niph

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #210 เมื่อ07-03-2008 09:48:41 »

pottery_harter
ตาคนนี้เป็นใคร ???
เห็นสองทู้บนให้ความสำคัญ
ท่าทางจะเป็นคนสำคัญ

มะมีไร แค่สงสัยเฉย ๆ  :laugh: :m7:

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #211 เมื่อ13-03-2008 00:57:59 »

คิดถึงพิรุณาเเล้ว

สอบเสร็จยังคะ

ขอให้ทำข้อสอบได้+รีบมาลงต่อด้วย
 





 :a5: :a5: :a5:

สอบเสร็จแล้วครับแต่มันมีเหตุผลนะครับ ขอร่ายยาวหน่อย

6 มี.ค.        สอบเสร็จ
7 - 9 มี.ค.   อยู่หัวหินครับไปงาน banana on the beach (ใครบ้างกันบ้างเอ่ย..อิอิ)
10 มี.ค.      - กลับมาพบว่าคอมพัง  :sad2: :serius2: :o12:
                - วิ่งหางาน(เพิ่งจบแล้วหาเลยไม่มีพัก  o7 )
ปัจจุบัน        คอมหายพังแล้วครับแต่มัวแต่หาโปรแกรมที่ฟอแมทมาลง (เสียค่าซ่อมไปเกือบสองพัน  :sad2:)

( บอกทำไมฟะตู...อย่างคนเค้าอยากรู้ตายอ่ะ )

pottery_harter
ตาคนนี้เป็นใคร ???
เห็นสองทู้บนให้ความสำคัญ
ท่าทางจะเป็นคนสำคัญ

มะมีไร แค่สงสัยเฉย ๆ  :laugh: :m7:

เปล่าหรอกเห็นเค้ามาโพสที่นี่เป็นที่แรก ดูจากจำนวนครั้งเค้าอ่ะครับว่าครั้งแรกเลยตื่นเต้ว  :o8:



ปล.ออกไปหาไรกินก่อนนะครับแล้วจะมาอัพให้( ตีหนึ่งนี่นะยังจะหาไรกิน  :o8: )

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #212 เมื่อ13-03-2008 02:05:53 »



         พิรุณานั่งจ้องโน้ตบุ๊คเครื่องสีดำเป็นมันปราบของตนเองอย่างตั้งใจ แถบสีเขียวส่งไฟล์ตระกูลวินแอมกำลังขยับอย่างเนิบนาบเหลือเกิน  พิรุณาย่อหน้าต่างโปรแกรมสนทนานั้นลง ก่อนจะคลิกเลือกโปรแกรมวิเคราะห์เสียงขึ้นมาเปิดรอไว้  โปรแกรมนี้มีขึ้นเพื่อวิเคราะห์เสียงต่างๆ ที่อยู่ในไฟล์เสียงแต่ละไฟล์ได้อย่างแม่นยำ  แม้พิรุณาจะมีข้อบกพร่องที่หูไม่อาจได้ยิน แต่โปรแกรมนี้สามารถช่วยให้พิรุณาวิเคราะห์เสียงต่างๆออกมาเป็นสกอร์ได้ง่ายขึ้นด้วยเส้นกราฟหลากสีที่ทับซ้อนกันจนลายตา ต้องขอขอบคุณมิสเตอร์แจ๊คเดอะริปเปอร์ที่ทำให้พิรุณาได้รู้จักโปรแกรมนี้ และใช้มันได้อย่างดีด้วยการถ่ายทอดความรู้จากรุ่นพี่ผู้แสนดี(?)  ก่อนจะนำมาเรียบเรียงเสียใหม่ให้สละสลวยสวยงามยิ่งขึ้น  ไฟล์ที่เขากำลังรอรับอยู่นี้เป็นไฟล์เพลงที่เขาตั้งตารอมาตลอดหลายเดือน เพลงที่รุ่นพี่ที่ประกาศก้องว่าตนคือ แจคเดอะริปเปอร์  สุดยอดโปรดิวเซอร์มือทองรับประกันความไพเราะ  แสงสีส้มกระพริบจากริมจอทำให้พิรุณายิ้มยินดี รีบเปิดไฟล์เพลงใส่โปรแกรมวิเคราะห์ทันที เพราะนี่เป็นทางเดียวที่เขาจะรับรู้บทเพลงได้ด้วยตนเอง ธีรธรเยี่ยมหน้าออกมาจากครัว พร้อมน้ำเก๊กฮวยเย็นฉ่ำสองแก้ว

“เพลงอะไร เพราะดี”ธีรธรนั่งข้างๆเอาคางที่ชักมีหนวดครึ้มวางบนไหล่พิรุณา เสียงเปียโนเป็นเมโลดีแปลกหูดังขึ้นตามด้วยเสียงเครื่องสายจีนยิ่งดึงดูดควาสนใจ

“กราฟพวกนี้อะไรเนี่ยเต็มไปหมด”ธีรธรอุทาน พลางมองกราฟที่ปรากฏเป็นรูปเป็นร่างด้วยสีต่างๆกันจนน่าเวียนหัว เสียงบีทแบบอิเล็คโทร เริ่ม ก่อนเสียงร้องจะตามมา  เสียงใสของผู้ชายที่ไม่ทุ้มมากหากนุ่มน่าฟังดังขึ้น

‘กราฟพวกนี้ แสดงส่วนประกอบภายในเพลงว่ามีเสียงของอะไรบ้าง’พิรุณาใช้ภาษามือ  ก่อนจะชี้ที่จอภาพ ก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วไปยังเครื่องหมายกำหนดบนกราฟว่าลักษณะเสียงเช่นนี้เป็นเสียงเครื่องดนตรีใด

“ใครร้องน่ะ เพราะดีเหมือนกันนะ เข้ากับฤดูหนาวดี” พิรุณาหันมามองธีรธรอย่างขบขัน

“ขำอะไรครับ?”

‘เสียงคุณปอง’ พิรุณาคลิกภาพปองในห้องอัดที่มีรุ่นพี่กำลังติวเข้มให้อย่างขมักเขม้น ธีรธรถึงบางอ้อ

“อ้อ คุณปอง เสียงดีเหมือนกันนะ”

‘น่าเสียดายที่คุณปองไม่ยอมเปิดเผยหน้าตา ปล่อยให้ซิงเกิลนี้ออกมาแค่เสียงไม่ให้เห็นคนร้อง’

“เดี๋ยวเขาดังขึ้นมาจริงๆ ต้องหาผู้ช่วยคนใหม่ละแย่เลยนะ น้ำเก๊กฮวย” ธีรธรส่งแก้วน้ำเก๊กฮวยเย็นฉ่ำให้ พิรุณาดูดอย่างเอร็ดอร่อย ธีรธรก็ปลื้มใจ

“ทำไมจะรีบกลับ?”ธีรธรถาม พิรุณาแม้ไม่ได้ยินแต่จับกระแสความเว้าวอนในดวงตาสีม่านราตรีคู่นั้นได้ถนัดนัก มือนวลแตะหลังมือธีรธรแผ่วเบา เพียงเท่านี้ก็ถ่ายทอดความอุ่นหวานสู่หัวใจของกันและกันได้แล้ว

‘ผมเพิ่งส่งไฟล์เพลงตัวอย่างอัลบัมใหม่ไปให้ต้นสังกัด  และจะตามไปฟังผล รวมถึงตกลงอะไรกันอีกหลายอย่าง’

“ไปด้วยกันดีไหม?”พิรุณาส่ายหน้า

‘คุณต้องทำงาน ผมก็ต้องทำงาน  ไปทำหน้าที่ของตัวเองก่อน เจอกันอีกเมื่อไหร่ก็ได้ อย่างไรเสียผมก็อยู่ข้างบ้านคุณ ห่วงเจ้าหมาด้วยป่านนี้คุณลีแอนจะขุนจนอ้วนเป็นลูกคนุต....?’พิรุณาส่งภาษามือแล้วก็เอียงศีรษะอย่างงงๆ ก่อนจะหยิบกระดาษเหลืองนวลๆและดินสอมาเขียน

เปรียบเทียบว่าอ้วน เหมือนผลไม้ชนิดหนึ่ง เรียกอะไรนะ คนุต???


         ธีรธรยิ้มขัน ก่อนจะแย่งดินสอจากมือนวลๆนั้นมาถือไว้ ขโมยหอมเป็นค่าจ้างสำหรับการตอบคำถามทีหนึ่งโดยไม่สนใจสายตาดุๆของพิรุณา ก่อนจะจรดปลายดินสอแล้วเขียนข้อความตอบ

คนุตต์เป็นหมีขาวแล้วครับ  เปรียบเทียบกับ ขนุน ต่างหาก เอ...แต่เปรียบเทียบกับหมีก็น่ารักดีนะ


         
         พิรุณาหัวเราะแม้ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดจากลำคอนั้น ธีรธรจำได้ตราตรึงใจว่ารอยยิ้มนั้นน่ามองถึงเพียงไหน เช่นเดียวกับพิรุณาที่มองดวงหน้าคมสันนั้นพลางเก็บความชื่นชมไว้กับอก ไม่บอกหรอกเดี๋ยวจะเหลิง  ไม่บอกหรอกว่า เวลายิ้มแล้วคุณธีน่าดูถึงขนาดไหน พิรุณาเอื้อมมือไปโอบคนตรงหน้าไว้  วงแขนอบอุ่นนั้นตอบรับเช่นกัน ไม่บอกหรอกว่ารักหนักหนา ใครจะกล้ากันล่ะ!

“ไว้งานเสร็จแล้ว ผมจะรีบกลับ  คิดว่าคงกลับพร้อมคุณปอง”

‘ดีจัง จะได้ไม่ต้องมารับหลายเที่ยว เอาเป็นว่าผมจะไปรับถึงสนามบินเลยล่ะ’พิรุณาส่งภาษามือ แล้วยิ้มกว้าง 

“ครับ จะรอ”น้ำเสียงนุ่มนวลนั้นหนักแน่น แม้พิรุณาไม่อาจได้ยิน แต่เขาเชื่อ ว่าความหนักแน่นในดวงตานั้นมั่นคง

แต่ใครเลยจะรู้ว่าอนาคตเป็นฉันท์ใด ?





         ยามเช้าอากาศแจ่มใสเสียงเพลงจากวิทยุเครื่องเก่าในห้องพักแพทย์ส่งเสียงอู้อี้รายงานสภาพอากาศว่าเป็นวันที่ปลอดโปร่งเหลือเกินสำหรับฤดูหนาวนี้ ก่อนเสียงเพลงเปียโนอ่อนหวานบรรเลงเพลงแจ๊สละมุนหูเป็นเพลง UnforgetableของNat King Cole นายแพทย์ผู้กำลังเปลี่ยนเสื้อหลังจากออกเวรมาหมาดๆถึงกับอดผิวปากคลอไปด้วยไม่ได้  วันนี้นอกจากท้องฟ้าปลอดโปร่ง  ด้วยกำลังอยู่ในช่วงเทศกาลวันคริสต์มาสกลิ่นอายของเทศกาลแห่งความสุขจึงอบอวลไปถ้วนทั่ว แม้จะออกเวรช้าไปกว่าชั่วโมง แต่เขากลับอิ่มใจ  คนไข้หลายคนในความดูแลของเขาก็อาการดีขึ้นจนเป็นที่น่าพอใจ แต่ที่ทำให้วันนี้พิเศษกว่าวันไหนๆเพราะเขากำลังจะไปพบปอง วันนี้ล่ะ เขาจะพูดคำนั้นเสียที คำที่เขาเก็บไว้มานานหลายปี คำที่คอยทิ่มแทงหัวใจทุกครั้ง วันนี้เขาจะบอกปอง  ต่อให้ผลภายหลังจะออกมาเป็นแบบใดก็ช่าง ความจริงคือความจริง เขาพร้อมรับทุกอย่าง

“อารมณ์ดีจริงนะพีท ท่าทางมีเรื่องดีๆอะไรแล้วงุบงิบไม่ยอมบอก”เสียงแพทย์หญิงเพื่อนร่วมงานของเขาหยอกล้ออย่างอารมณ์ดี พีทหัวเราะเก้อๆ

“ก็เรื่องดีๆล่ะ เรื่อง ดีมากๆเลยมากกว่า”ร่องรอยแห่งความสุขปรากฏขึ้นทั่วใบหน้า

“เรื่องอะไรเนี่ย ดูท่าทางตื่นเต้นจัง”

“ก็ไม่มีอะไร เดี๋ยวจะไปรับคนที่สนามบินเสียหน่อย”

“ใครน่ะ แฟนล่ะสิ”หล่อนจับผิดอย่างทีเล่นทีจริง

 ฉันไปก่อนละ”เพื่อนร่วมงานสาวเดินออกไปทิ้งให้เสียงเพลงUnforgetable ท่อนสุดท้ายดังสะท้อนในความสงบเงียบ ก่อนจะจางหายไป  เสียงเปียโนอินโทรด้วยท่วงทำนองหวานก่อนจะตามด้วยเสียงเครื่องสายแปลกหูทำให้เขาสนใจฟัง ก่อนเสียงร้องนุ่มที่คุ้นเคยจะตามมา นายแพทย์หนุ่มยิ้ม เขาทราบข่าวจากพิรุณาว่าเจ้าของเสียงร้องนี้คือใคร นาฬิกาติดผนังบอกเวลาอันล่วงเลยกำหนดการลงจอดของเครื่องบินแล้วกว่าสิบนาทีเขาควรไปถึงสนามบินนานแล้วก็จริง แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาโรงพยาบาลแห่งนี้ห่างจากสนามบินนานาชาติเพียงไม่ถึงสิบนาที เสียงกรีดร้องของไซเรนร้องระงมขึ้น ก่อนประตูห้องพักแพทย์จะเปิดออกอย่างแรง

“พีท นายต้องไปกับรถพยาบาล เมื่อสิบนาทีก่อน เครื่องบินเพิ่งไถลออกนอกรันเวย์  เจ็บตายยังไม่ยืนยันจำนวน แต่ตอนนี้คนของเราไม่พอ”พีทรีบทิ้งสัมภาระก่อนจะวิ่งตามเพื่อนสาวออกไป หน้าที่มาก่อนเป็นสิ่งที่เขาคิด สังหรณ์บางอย่างในอก เริ่มก่อความกังวลขึ้นทีละน้อย

         เวลาไม่กี่นาทีที่เขาโดยสารมากับรถพยาบาลที่เปิดไซเรนฝ่าการจราจรด้วยความเร็วสูงนั้นยาวนานราวกับชั่วกัลป์ ช่างเป็นสิบนาทีที่ทรมานหัวใจเหลือเกิน ที่สนามบินวุ่นวายโกลาหล แพทย์และหน่วยกู้ชีพแยกย้ายกันหาผู้บาดเจ็บ ทุกวินาทีที่ผ่านไปมีค่าเท่าชีวิตคนหนึ่งชีวิต  หมอกควันและความร้อนจากการติดไฟ ทำให้แสบไปหมดทั้งหูตา ห้องโดยสารด้านหนึ่งสภาพเหมือนถูกแรงมหาศาลฉีกกระชากจนแทบเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ผู้โดยสารหลายคนจบชีวิตโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้ดิ้นรนบ้างถูกไฟคลอก บ้างถูกกระแทกอย่างแรง หลายคนที่เขาช่วยออกไปได้ก่อนหน้านี้ก็อาการสาหัส 

“คุณครับ ได้ยินผมไหม!”พีทพยายามจะโกนแข่งกับเสียงอึกทึกเบื้องนอก หวังจะได้รับการตอบสนองจากผู้รอดชีวิตหญิงวัยกลางคนที่ยังมีสติแต่ตื่นตระหนกตัวสั่นราวลูกนก เขาถามพลางตรวจอาการบาดเจ็บและปฐมพยาบาลเบื้องต้น แล้วตะโกนบอกหน่วยกู้ชีพ

“ขาหักทั้งสองข้าง” พีทกวาดสายตามองหาสัญญาณแห่งชีวิต ว่าผู้โดยสารคนใดอีกที่ยังรอดชีวิต ต้องช่วย ช่วยให้ถึงที่สุด!!![/size]

“หมอ ตรงนั้นยังมีอีกคน”พีทรับคำ ก่อนจะรีบถลาไปยังที่นั่งถัดไป  แพทย์หนุ่มตะลึงข้างด้วยความตกใจ  หัวใจแทบหยุดเต้นด้วยภาพที่เห็น กลิ่นคาวเลือดกระทบจมูก เลือดหลั่งไหลจากบาดแผลจากร่างนั้นอย่างไร้ความปราณี

“ปอง!!!!”เสียงอุทานนั้นเบาราวกระซิบ หากดังก้องอยู่ในหัวราวกับจะตอกย้ำถึงความเป็นจริง



         พิรุณาซ้อมเปียโนอยู่ภายในห้องซ้อม ช่วงนี้เขาซ้อมหนักยิ่งกว่าปรกติ การจะมีอัลบัมใหม่เขาต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด  นิ้วมือเรียวนั้นกดลงบนแป้นคีย์อย่างแม่นยำ เสียงเปียโนเป็นท่วงทำนอนพลิ้วไหวอ่อนหวาน ตามแนวถนัดของพิรุณา ในอัลบัมนี้เขาเพิ่งความเป็นแจ๊สเข้าไปอีกมาก เน้นให้เป็นเพลงฟังสบาย รวมถึงนำเพลงคลาสสิคมาปรับเปลี่ยนลีลาเสียใหม่ให้มีกลิ่นไอความเป็นแจ๊สมากขึ้น  การเคลื่อนไหวของนิ้วมือ สัมพันธ์กับที่เท้าทั้งสองซึ่งเหยียบpadal เพลงหวานโศกของ piano concertoประพันธ์โดยRachmoninov เรียกรอยยิ้มจางๆจากดวงหน้านั้นได้ ก่อนนิ้วเรียวนั้นจะกดพลาด เจ็บแปรบจากข้อมือมาถึงปลายนิ้ว  พิรุณาถอนหายใจยาว พลันเหลือเห็นนาฬิกาบอกเวลาว่าสายมากแล้ว เขาจึงลุกขึ้น แล้วออกจากบ้านไป ทิ้งความกังวลใจไว้เบื้องหลัง
         
         พิรุณาเขียนจุดหมายปลายทางลงบนกระดาษสีเหลือนวล ก่อนจะส่งให้คนขับรถแท๊กซี่  ถนนสายที่นำไปสู่สนามบินยิ่งใกล้ถึงที่หมายการจราจรยิ่งติดขัดมากขึ้นเรื่อยๆ พิรุณาจึงใช้มือถือลองเช็คข่าวการจราจร แต่ข่าวด่วนที่พิรุณาได้รับกลับทำให้หัวใจหล่นวูบ ปลายนิ้วไร้ความรู้สึกใดอีกนอกจากเย็นวูบ  ยิ่งอ่านข้อความต่อไปพิรุณาแทบหมดสิ้นเรี่ยวแรง

   ‘.....เที่ยวบินYY403ของสายการบิน YYYประสบอุบัติเหตุไถลออกจากรันเวย์  ยังไม่ยืนยันจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ...’

         ใจพิรุณาเต้นแรงความหวาดกลัวคืบคลานเข้ามาในจิตใจอย่างเงียบๆ สิ่งที่ผุดขึ้นในห้วงคิดคือ ธีรธร  นิ้วเรียวพยายามกดข้อความ รีบร้อนลนลานจนสะดผิดไปหมด ก่อนจะรีบกดส่งข้อความ แต่สิ่งที่ได้กลับมาถือ Network Busy พิรุณาพยายามลองอีกหลายครั้งๆ แต่สุดท้ายก็ยังเป็นแบบเดิม ความรู้สึกในอกอัดอั้น  พิรุณาลองโทรเข้าหมายเลขของธีรธรบ้าง ทั้งทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าช่างเป็นความคิดที่โง่เง่าเหลือเกิน เพราะเขาไม่สามารถได้ยินหรือพูด  ความรู้สึกทรมานแทรกซึมเข้ามาทีละน้อย พิรุณาอยากกรีดร้อง ไม่มีทางไหนเลยที่จะรู้ข่าวธีรธรได้ คุณธีปลอดภัยหรือเปล่า  บาดเจ็บตรงไหนบ้างไหม  หรือว่า ยังมีชีวิตอยู่ไหม?  ไม่มีทางไหนเลยที่เขาจะได้ข่าวจากธีรธร หรือใครก็ตามที่พอจะทราบ  หากขาดธีรธรไปสักคน พิรุณาทิ้งแขนลงข้างกาย จะอยู่อย่างไร    พิรุณาตัดสินใจลงจากรถ ระยะทางจากรถที่จอดนิ่งอยู่ตอนนี้ถึงอาคารผู้โดยสารไม่ไกลกันนัก พิรุณาตัดสินใจจะวิ่ง ต่อให้ระยะทางไกลกว่านี้เขาก็จะวิ่งไป 

         ภายในอาคารผู้โดยสารสับสนวุ่นวาย ไม่มีใครสนใจใครอีกต่อไป พิรุณาหอยหายใจแรงๆ เขาสวนทางกับหน่วยกู้ชีพที่พาผู้ได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลพลางพยายามมองหาว่าหนึ่งในนั้นเป็นคนที่หัวใจร่ำหาหรือไม่  รู้สึกขอบตาร้อนผ่าว หากไม่มีน้ำตาจะเอ่อไหล  ที่ไหนๆก็ไม่มีเลย  ไม่มีแม้เงาของธีรธร หรือแม้แต่ปองก็ไม่เจอ พิรุณาพยายามโทรหาทั้งธีรธรและปอง แต่ผลยังเหมือนเดิม ไม่สามารถติดต่อหรือได้ข่าวใดๆ  รอบกายหมุนคว้าง มองทางไหนก็ช่างสิ้นหวังเหลือเกิน  ร่างโปร่งบางนั้นอ่อนแรงเกินกว่าจะตามหาใครได้อีก  พิรุณาทำได้เพียงเอนกายพิงเสา สมองมึนชาไปหมด พอๆกับเรี่ยวแรงที่ระเหิดหาย รู้สึกเหมือนน้ำตาจะรินไหล หากแต่ในความจริงแท้กลับว่างเปล่า เขาอยากกรีดร้อง ตะโกนหา ความอัดอั้นที่ตนช่างไร้ประโยชน์ กำลังทำร้ายจิตใจให้ยิ่งบอบช้ำ ราวกับคมมีดที่กรีดลองเพื่อตอกย้ำ

ใครเลยจะรู้ว่า.........ทุกข์ยิ่งกว่าทุกข์คือทรมาน  ทรมานเหนือทรมานคือตายทั้งเป็น???


“พิรุณา!! พิรุณา!”เสียงตะโกนแข่งกับเสียงแห่งความวุ่นวายนั้น มาจากฝั่งตรงข้าม  ร่างสูงใหญ่นั้นพยายามแทรกฝูงชนมายังอีกฟากหนึ่ง  สภาพของพิรุณาตอนนี้ ทำให้เขาเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน  ร่างโปร่งบางราวกับหมดสิ้นเรี่ยวแรง ดวงตาคู่สวยแห้งแล้ง ธีรธรเบียดกายฝ่าฝูงชนไม่สนใจอีกแล้วว่าจะถูกกระทบกระแทกกับใคร รีบคว้าร่างบางนั้นกอดไว้ พิรุณาดูเลื่อนลอยเหลือเกิน

“ผมอยู่นี่ พิรุณาผมไม่ได้เป็นอะไร”อ้อมแขนอบอุ่นนั้นกอดรัดไว้แน่น นี่คือเนื้อหัวใจของเขาโดยแท้  มือเย็นเฉียบนั้น สัมผัสใบหน้าเขาแผ่วเบา ราวกับไม่แน่ใจว่านี่เป็นความจริงหรือฝัน มือใหญ่อุ่นร้อนทาบฝ่ามือทับเพียงแผ่วเบา

“ผมไม่เป็นอะไรแล้ว”ธีรธรพูด เพียงเท่านั้น น้ำตาก็ร่วงหล่นจากดวงตาสีน้ำตาลแดงคู่สวย

“อย่างร้องเลยคนดี เงียบเสีย”นิ้วแข็งแรงนั้นซับน้ำตาให้แผ่วเบา พิรุณาสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมสติ ก่อนจะถามภาษามือ ที่ธีรธรพอเข้าใจว่าหมายถึงใคร

‘ปองล่ะครับ?’

“ผมไม่ได้มาเที่ยวบินเดียวกับปอง เพราะผมเลื่อนไฟล์ทให้เร็วขึ้นจะได้เจอคุณเร็วๆ หวังว่าปองจะไม่เป็นอะไรมาก” ธีรธรพูด ในขณะพิรุณาตะลึกค้างกับภาพที่เห็น  เขามั่นใจว่าผู้ได้รับบาดเจ็บคนที่เพิ่งผ่านหน้าไปเมื่อครู่ คือปองอย่างแน่นอน !!!





         ตั้งแต่นำร่างปองออกมาพร้อมหน่วยกู้ชีพ จนมาถึงโรงพยาบาล แม้จะเป็นเวลาช่วงไม่กี่นาที แต่กลับทรมานเขาเหลือเกิน พีทนั่งลงหน้าห้องผ่าตัดอย่างอ่อนแรง ตามร่างกายเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจนแทบจะย้อมเสื้อสีออกขาวเป็นแดงฉาน  เขาไม่สามารถลงมือผ่าตัดช่วยชีวิตปองได้ มันเป็นกฎที่ห้ามแพทย์รักษาบุคคลใกล้ชิดด้วยตนเอง และจิตใจเขาไม่เข้มแข็งพอที่จะเห็นร่างโปร่งบางนั้นเจ็บปวด เขายังจำได้ติดตา ภาพใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ บาดแผลที่เลือดไหลราวธารน้ำ ตอนที่นำปองออกมา ปองไม่ได้สติ บาดแผลที่ชายโครง ทำให้เสียเลือดมาก กระดูกซี่โครงน่าจะแทงปอด ขณะอยู่บนรถพยาบาล ปองมีอาการช๊อคเนื่องจากเสียเลือดมาก หัวใจหยุดเต้นไปราวนาทีกว่า ก่อนเขาจะปั๊มขึ้นมาอีกครั้ง  ทำไมพระเจ้าถึงได้ชอบเล่นตลกกับเขานัก เขาทำบาปกรรมใดมาหรือ ถึงได้ลงโทษเขามากมายถึงเพียงนี้ เขาเสียพี่ชายไปคนหนึ่งแล้ว และกำลัง...อาจจะ...เสียงปองไปอีกคน

         มือแข็งแรงนั้นสั่นสะท้าน พีทสูดลมหายใจราวพยายามขับไล่ความรู้สึกหนาวเหน็บในหัวใจ วันนี้เขาเพิ่งได้เข้าใจอย่างแจ่มชัดนี่เองว่า การเป็นผู้เฝ้ารอ  แล้วทำได้เพียงภาวนานั้น เป็นอย่างไร เขาเห็นญาติคนไข้ของเขา รอคอย และเฝ้าภาวนาอยู่บนม้านั่งตัวนี้มานักต่อนัก ทั้งผู้เป็นพ่อแม่ ผู้กครอง ญาติพี่น้อง หรือแม้แต่คนรัก เพิ่งเข้าใจในวันนี้เองว่า การรอคอยอันสิ้นหวังนั้นทรมานใจเพียงใด  ยิ่งการที่เขาเป็นแพทย์เองนั้นยิ่งทำให้รู้สึกราวกับโลกนี้ช่างมืดมิดเหลือเกิน โอกาสที่เปรวเทียนดวงน้อยนั้นจะดับแสง มีมากเหลือเกิน  ทั้งเขาและปองยังทุกข์มาไม่พออีกหรือ?

ทุกยิ่งกว่าทุกข์คือทรมาน ทรมานเหนือทรมานคือตายทั้งเป็น!!

------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบตอน 15 แล้วนะครับ :m13:
รอตอนพิเศษจากน้องเมศนะครับ
แล้วก็ตอน 16 พี่รออยู่นะน้องเมศ  :oni3:

niph

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #213 เมื่อ13-03-2008 12:35:13 »

ว่าแล้วเชียว
ความสุขยังไม่ทันจางหาย

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #214 เมื่อ13-03-2008 13:29:02 »

ทำไมเนี่ยยยยยยยยยยยยยยย เหมือนจะมีความสุขอยู่แป๊ปๆ ทำไมต้องมาเศร้าแบบนี้ด้วยอ่ะ

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #215 เมื่อ13-03-2008 22:17:20 »

 :a6:ตรูว่าแล้วว่าต้องมีหลังหักหักหลังจากคนแต่ง
บอกไว้ก่อนเลยนะ ห้ามมีถึงตายด้วย :serius2:


ปล.คอมเจ๊งได้ไงอ่ะ แอบหนีไปเที่ยวไม่ชวนพี่อ่ะจิ โสนะหน้า  :a3:

ออฟไลน์ ErosAmor

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 851
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #216 เมื่อ13-03-2008 22:57:29 »

( บอกทำไมฟะตู...อย่างคนเค้าอยากรู้ตายอ่ะ )
อยากรู้อยู่คร้าบบบ

อ๊าก แต่ว่าทำไมทำแบบนี้  :o12:

กลับมาก็เจอเรื่องเศร้าเลย

อ่านเเล้วมันหายใจไม่ทั่วท้องเลยนะเนี่ย

ลุ้นให้ปองรอดที ห้ามตายนะ!!! :m16:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #217 เมื่อ13-03-2008 23:01:30 »

โอ้วววววววววววววววววววววววววววววววววว

ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

น้องปองของเจ้สอง

แงๆ

 :o12:

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #218 เมื่อ14-03-2008 02:10:29 »

 :m20: :m20: :m20:

นี่ขนาดมีแอบๆบอกไว้บ้างแล้วให้ทำใจนะนี่

อย่างว่าแหละน้องเมศมันซาดิสชอบทารุณตัวละคร o7

:a6:ตรูว่าแล้วว่าต้องมีหลังหักหักหลังจากคนแต่ง
บอกไว้ก่อนเลยนะ ห้ามมีถึงตายด้วย :serius2:


ปล.คอมเจ๊งได้ไงอ่ะ แอบหนีไปเที่ยวไม่ชวนพี่อ่ะจิ โสนะหน้า  :a3:

 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:

ชวนแล้วไปอ่ะปาวววววว.. :oni1:

แต่ก็เห็นด้วยกับพี่ฟางเพราะเคยบอกน้องเมศไว้ว่า ทารุณแต่พองามนะลูก  :m15:

yukisaki

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #219 เมื่อ14-03-2008 13:55:48 »

แง้~~~ :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:

ทารุณตัวละครจริงๆ :serius2: :serius2: :serius2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
« ตอบ #219 เมื่อ: 14-03-2008 13:55:48 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #220 เมื่อ14-03-2008 23:15:52 »

INTERMEZZO
special part : My love  my Valentine[2008]
Ken X Dolce
 :L2:
http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?songID=V2DCEG7PAD&Autoplay=1

******************************************************************



         เสียงเพลงแจ๊สเบาๆ ดั่งลอดเข้ามาในครัวกึ่งเปิด ท่ามกลางเสียงกระทบกันของเครื่องครัวเบาๆ กลิ่นของหวานชวนให้ชายหนุ่มที่นอนเอกเขนกบนโซฟาหนังตัวใหญ่ลุกขึ้น  ดวงตาสีมรกตมองเห็นแผ่นหลังบางๆในเสื้อคลุมอาบน้ำกำลังทำบางอย่าง เรือนผมนั้นยังเปียกหมาดๆ เส้นผมเส้นเล็กละเอียดถูกเจ้าของทัดไว้หลังใบหูเพื่อไม่ให้เกะกะ ลำคอขาวๆที่โผล่พ้นเสื้อคลุม ปรากฏร่องรอยกลีบกุหลาบประปราย  ชายหนุ่มเหยียดยิ้มกว้าง เมื่อนึกถึงความหอมหวานที่เพิ่งผ่านพ้น 

         โดลเชจัดเค้กหน้าตาชวนน้ำลายสอใส่จาน พลางป้ายเนื้อครีมหน้าเค้กมาลองชิมเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจ โดยไม่ระวังตัว อ้อมแขนแข็งแรงก็กอดรัดจากด้านหลัง  โดลเชตีแขนแข็งแรงนั้นแรงๆ แต่ดวงหน้านั้นกลับยิ้มเผล่เอาใจ  พลางชี้ไปที่เค้กก่อนจะทำท่าให้ป้อน

“มือมี ตักเอง”โดลเชเสียงห้วน ทำเป็นไม่สนใจมือแข็งแรงที่เริ่มซุกซน

“ป้อนนะ ป้อนๆ” ดวงตาสีเขียวอมเทาคมกริบตวัดมอง

“ไม่”แม้ปากจะว่าอย่างนั้น แต่มือบางๆนั้นกลับวางส้อมคันเล็กๆลงบนจานอย่างเบามือ เคนรีบหยิบส้อมนั้นมาตักเค้กเข้าปาก แล้วอุทาน

“ อร่อยมาก หวานกำลังดี ชิมหรือยัง?” โดลเชพยักหน้าน้อยๆ พลางหยิบส้อมอีกคันกำลังจะตักทานบ้าง แต่มือแข็งแรงนั้นรั้งไว้  รู้สึกถึงปลายจมูกโด่งเป็นสันนั้น ถูกไถเบาๆกับใบหูอ่อนนุ่ม  โดลเชรีบเอียงศีรษะหนี เคนหัวเราะเบาๆ

“ชิมสิ”เสียงทุ้มนุ่มนั้นกระซิบอยู่ริมหู ก่อนโดลเชจะเบือนหน้าไปหาคนที่ยืนหลังตน รับสัมผัสของริมฝีปากอุ่นและความหวานซ่านของเค้กมาพร้อมๆกัน

“อีกหน่อยต้องอ้วนแน่ๆเลย”เคนบ่นพลางหัวเราะชอบใจ ทั้งที่ดวงหน้านั้นแทบไม่ห่างกันเลย

“สม เอ๊ะทำอะไร!”ร่างโปร่งบางร้องอย่างตกใจเพราะถูกยกตัวลอยให้นั่งลงบนเคาท์เตอร์  โดยมีร่างเคนแทรกหว่างกลาง

“ปากร้ายจะถูกลงโทษ” ดวงหน้าเนียนนั้น แดงจัด  ไวน์ในแก้วทรงสูงถูกรินอย่างเบามือให้โดลเชแก้วหนึ่ง ก่อนเคนจะดื่มจากขวด

“น่าเกลียด”

“น่ารัก”ดวงตาสีมรกตเต้นระยับ โดลเชหลบสายตา ริมฝีปากบางเม้มแน่น มือข้างนึงลูบผมทัดใบหูอย่างทำอะไรไม่ถูก

“รู้ไหม ผมรู้สึกตัวเองโง่จังที่ไม่สนใจคุณ แต่ตอนนี้ฉลาดแล้ว และคิดด้วยว่า คิดไม่ผิด”

“ปัจจุบันก็ยังโง่อยู่หรอก”

“โง่ที่หลงรัก ‘ของหวาน’ อย่างหัวปักหัวปำ” ดวงตาสีมรกตจ้องมานั้นเป็นประกายพราว  คนชื่อหวานนัยน์ตาดุรีบเสสายตาไม่กล้ามอง

“อย่ามาล้อเล่น”

“ไม่ล้อเล่นหรอก ทำไมต้องช็อคโกแลต”โดลเชงงอยู่ครู่หนึ่งก็นึกได้ว่าเคนพูดวกกลับมาเรื่องเค้กเสียแล้ว

“ เพราะ ช็อคโกแลต ไม่เพียงแต่หวานอย่างเดียว ในรสหวานชวนชิมของมันมีรสขมแทรกอยู่  ทั้งทีมันขม แต่กลับยิ่งทำให้ความหวานน่ากินเด่นชัดกว่าเดิมจริงไหม?” มือบางนั้นจับใบหน้าชายหนุ่มให้ส่ายไปมา ขณะที่เจ้าของดวงหน้าคมสันนั้นพยักหน้า แล้วหัวเราะ ดวงตาสีเขียวอมเทานั้นมีประกายอ่อนหวาน หากแล้วก็สลดลง

“แน่ใจหรือครับว่าตัดสินใจถูกแล้ว”คำถามนั้นแทบจะทำให้บรรยากาสดีๆระเหยไปกับอากาศ

“แน่ใจสิครับ”ดวงตาคู่นั้นที่จ้องมองกลับมาแน่วแน่ทำให้หัวใจชุ่มชื่นขึ้นอยู่บ้าง

“ผมคิดว่าผมสู้คุณพิรุณาไม่ได้เลย”มือบางนั้นทิ้งลงข้างกายเหมือนคนหมดเรง มืออุ่นแข็งแรงนั้นจึงกุมไว้แผ่วเบา

“อย่าเอาไปเปรียบกันเลย พิรุณาก็คนนึง คุณก็คนนึง ไม่เหมือนกัน บางทีพิรุณาก็ซับซ้อนเกินไป ร้ายกาจเกินไป ที่ผมคอยวิ่งตามเขานั้น ผมเองก็เพิ่งรู้ตัวเหมือนกันว่า เพราะตัวผมเอง เป็นห่วงเขามากเกินไป โดยไม่รู้ว่า พิรุณาเปลี่ยนไปจากเดิมมากแล้ว หัวใจเขายืนได้เองโดยไม่ต้องมีใครช่วยพยุง มันออกวิ่งไปในโลกกว้างโดยไม่สนใจใคร ไม่ยึดติดกับใคร นั่นแหล่ะคือพิรุณา “

“ไหนว่าไม่เปรียบเทียบ”

“ยังไม่ได้เปรียบเทียบเลย แค่เล่าให้ฟัง ขี้งอนจริง”

“แล้วผมล่ะ?”

“ไหนว่าไม่อยากให้เปรียบเทียบ?”

“ก็แค่อยากรู้”

“พอผมหยุดวิ่งตามพิรุณาแล้ว ก็พบว่า คนใกล้ตัวที่เคยแอบรำคาญเขา เขามอบความรักในรูปของความเอาใจใส่ เขาละเอียดลออ ช่างคิด คิดเล็กคิดน้อย..”

“นั่นไม่ใช่ข้อดีสักหน่อย”โดลเชแย้งขึ้น เคนหัวเราะ แล้วจิบไวน์ในมืออีกอึก

“ก็คิดทั้งเรื่องใหญ่เรื่องเล็กอย่างละเอียดลออไง  เขาเป็นคนมีระเบียบ เจ้ากี้เจ้าการ..”

“นั่นก็ไม่ใช่ข้อดี”

“อย่าเพิ่งพูดแทรกสิที่รัก” เคนหอมแก้มเนียนๆนั้นอย่างหมั่นไส้เต็มทน

“ต่อนะ ...สรุปคือ เสมอต้นเสมอปลาย มั่นคง  ที่สำคัญมีความเป็นผู้ใหญ่กว่าผม”

“แล้วยังไงอีก?”ดวงตาสวยนั้นฉายประกายอย่างรู้เต็มที เคนกระซิบเบาๆข้างหู

“ผมชอบคนอายุมากกว่า” โดลเชเหมือนหัวใจเต้นรัวราวกลอง นึกกลัวว่ามันจะกระดอนออกมาจากอก

“บ้าจริง”โดลเชสบถเบาๆ พลางพยายามหลีกหนีจากสัมผัสของเคน  เสียงผู้ดำเนินรายการหญิงกำลังแนะนำเพลงต่อไปด้วยน้ำเสียงแจ่มใสชวนฟัง ก่อนเสียงเปียโนคลอเคล้ากับเครื่องดนตรีอื่นจะดังขึ้นเบาๆ

“ชู่ว์...”โดลเชแตะนิ้วชี้ลงบนริมฝีปากตัวเอง  ทำท่าเงี่ยหูฟัง เคนจึงสนใจฟังบ้าง ทำนองอ่อนหวานชวนฟังและเสียร้องเอื้อนหวานซึ้งกำลังขับร้องเนื้อความอันจับใจ เคนยิ้มกับท่าทางของคนรักในอ้อมแขนที่กำลังขยับริมฝีปากร้องตามทำนองเพลงนั้นไปด้วย โดลเชหวานสมชื่ออย่างแน่แท้  บางทีสิ่งที่โดลเชได้รับมาจากมารดามากกว่าบรรดาที่น้องทั้งหมด คงจะเป็นน้ำเสียงอ่อนหวานนั้น ที่ไม่หวานเหมือนเสียงผู้หญิง แต่ฟังแล้วหัวใจกลับซาบซ่าน ยิ่งได้สบตาคู่สวยนั้นยิ่งลึกล้ำยากบรรยาย

If there were no words
no way to speak
I would still hear you
If there were no tears
no way to feel inside
I'd still feel for you
and even if the sun refused to shine
even if romance ran out of rhyme
you would still have my heart untill the end of time
you're all I need,my love,my valentine

All of my life
I been waiting for
all you give to me
you've opened my eyes
and showed me how to love unselfishly
I've dreamed of this a thousand times before
but in my dreams I could'nt love you more
I will give you my heart
untill the end of time
you're all I need,my love,my valentine

and even if the sun refused to shine
even if romance ran out of rhyme
you would still have my heart untill the end of time
cause all I need is you my valentine
you're all I need,my love,my valentine

Song:Valentine :Jim Brickman

 “ขอจูบทีได้ไหม?” เสียงเปียโนหลังคำร้องท่อนสุดท้ายยังคลอเคล้า ขณะที่ลมหายใจอุ่นร้อนยังคลอเคลียอยู่ใกล้กัน

“ไม่ได้”โดลเชพูดดวงตาคู่นั้นเป็นประกาย สวยเหมือนคืนนั้นที่เซียน่า....คืนที่เราต่างเข้าใจกัน

“ไม่รู้ล่ะ จะเอา”เคนยังดื้อดึง

“ไม่เอาก็จะให้”โดลเชพูดพลางหัวเราะเบาๆ แขนทั้งสองข้างรั้งร่างสูงกว่าให้ก้มลงมาอีกนิด ก่อนจะมอบสัมผัสหวานล้ำให้ยาวนาน

“ทานเค้กให้หมดสิ”โดลเชหยิบจานเค้กขึ้นมา ตัดเค้กช็อคโกแลตท่าทางน่ากินนั้นใส่ปาก  แล้วตัดอีกชิ้นให้เคน

“ต้องป้อนนะ”

“งั้นไปเอาไวน์มาเพิ่ม”

“ห้ามไปไหนนะ”เคนสั่งทิ้งท้ายก่อนจะยอมไปหยิบไวน์มาแต่โดยดี โดลเชมองตามร่างสูงๆนั้นไปแล้วเปลี่ยนท่านั่งเสียใหม่เป็นไขวห้างให้สบายขึ้น พลางชิมรสชาติเค้กอย่างอารมณ์ดี

“ปิดไฟห้องนั่งเล่นด้วยนะ เปลือง”โดลเชร้องบอกเมื่อเห็นว่าเคนกลับมาอีกครั้ง  ไฟทั้งห้องดับวูบลง เหลือเพียงแสงจากไฟประดับของต้นไม้จากเบื้องนอก โดลเชมองนอกหน้าต่างบานใหญ่ที่สูงเกือบจรดเพดาน แสงไฟและความครึกครื้น ทำให้โดลเชยิ้มน้อยๆ  จนเมื่อเสียงฝีเท้าของเคนเข้ามาใกล้โดลเชจึงหันกลับมา  ร่างสูงๆนั้นถือถังใส่ไวน์และเชิงเทียนที่มีเทียนสามเล่มแข่งกันส่องประกายแสง ดวงตาคู่นั้นเต้นระยับพร้อมๆกับเปรวเทียนดวงน้อย 

“ตกใจไหม?”โดลเชส่ายหน้า หากยิ้มอ่อนหวาน

“หลับตาสิ”เคนพูดพลางวางเชิงเทียนไว้ ไกลจากตัวไปอีกนิด

“ไม่เอา ไม่ให้จูบแล้ว”

“ไหนว่าไม่ขอก็จะให้ไง?”

“ไม่ให้แล้ว”โดลเชพูดก่อนจะหลับตา เคนหัวเราะเบาๆกับนิสัยชอบเอาแต่ใจนั้น

“อย่าขี้โกงนะ” มือแข็งแรงนั้นจับมือบางกุมไว้ เบาๆ โดลเชรู้สึกอุ่นๆบนผิวสัมผัสนั้น นอกจากนั้นยังรู้สึกอุ่นๆที่แก้มขวาด้วย  สัมผัสเย็นจัดที่นิ้ว ทำให้โดลเชสะดุ้ง

“อย่าขี้โกงนะ คนขี้โกงต้องโดนถูกลงโทษ”เคนหัวเราะเจ้าเล่ห์

“อะไรๆก็จะลงโทษ”โดลเชว่า หากยิ้มจางๆ สัมผัสความเย็นของโลหะที่กำลังอุ่นขึ้นด้วยอุณหภูมิร่างกายตัวเอง

“ลืมตาได้แล้วครับ”ดวงตาสีเขียวอมเทา รีบมองที่มือซ้ายของตน แหวนทองคำขาวเรียบสนิทสวมอยู่บนนิ้วกลางข้างซ้าย เพชรเม็ดเล็กล้อประกายแสงเทียนสะดุดตา เขานึกแปลกใจที่แหวนดูผิดที่ผิดทาง

“ผมให้”โดลเชพยักหน้ารับรู้ แต่ก็ยังรู้สึกแปลกจากหลายๆอย่าง

“จะให้หลายครั้งแล้วตั้งแต่อยู่ทีเซียน่า แต่ก็ไม่กล้า พี่ๆคุณจ้องอย่างกับจับผิด”หลายครั้งที่เคนและโดลเชไปเซียน่าด้วยกัน  และทุกครั้ง พี่ชายทั้งสองต้องเฝ้าจับตาดูคนทั้งคู่แทบทุกอิริยาบถ

“แหวนอะไร?”โดลเชถามพลางขมวดคิ้ว เคนยิ้มเจื่อน ตอบไม่ถูกเหมือนเด็กๆยามจนด้วยคำตอบที่จะตอบคำถามอาจารย์

“ก็อยากให้”เสียงนั้นไม่มั่นใจเหมือนทุกคราว ฟังดูอ้อมแอ้มเหมือนเด็กกลัวตอบผิด

“แหวนอะไร?”

“ก็แหวนทองคำขาว”

“ไม่ใช่!!!” เอาล่ะสิ เขาตอบอะไรผิดไป หรือว่าแหวนนี่จะโดนย้อมแมวขาย แต่ก็ไม่น่าใช่นะ

“ให้ในโอกาสอะไร?”

“วันวาเลนไทน์ไง”โดลเชหงุดหงิด หันรีหันขวาง นึกอยากเอาหม้อทุบเคนเสียให้ตาย

“ข้างในสลักชื่อเราด้วยนะ”เคนรีบยกข้อที่นึกได้ขึ้นมาบอก ก่อนจะส่งแหวนของตัวเองให้โดลเชดู ด้านในสลักชื่อ ‘#Dolce Valentin Gudache#’ 

“ของคุณสลักชื่อผม” โดลเชถอนออกมาดูบ้าง ข้างในสลักชื่อ ‘b KEN  Rafael Animoto b’ โดลเชยิ้มขัน หน้าชื่อของเขาเป็นเครื่องหมายชาร์ป ดูแล้วไม่แปลกเท่าไหร่  แต่เครื่องหมายแฟรตหน้าชื่อเคนนี่สิ มันชวนให้อ่านผิดเสียจริง เหมือนตัวบีในภาษาอังกฤษเกลือเกิน

“อ้อ นี่ตกลงใช้ชื่อปลอมเวลาทำงานใช่ไหม ทายาทแอนิโมโตตัวปลอมนี่นา นายไม่ใช่เคน สารภาพมาเสียดีๆนายบีเคน นายเป็นใครกันแน่” เคนงงอยู่พักหนึ่งก่อนจะหัวเราะเสียงดัง

“เครื่องหมายแฟรตต่างหากเล่า แฟรต”โดลเชหัวเราะอย่างขำขันไม่แพ้กัน นิ้วเรียวไล้ตามเรือนแหวนอย่างถนอมนัก

“เข้าใจคิดนะ เครื่องหมายชาร์ฟแฟรต เครื่องหมายที่คู่กัน แต่ก็เหมือนตรงข้าม นับขึ้นลงอย่างละครึ่งเสียง”โดลเชกล่าวชม ดวงตามองสบกันลึกซึ้ง

“สวมให้หน่อยได้ไหม?”เคนพูดเสียงเบาๆ เสียงทุ้มนุ่มนั้น อ่อนหวาน

“ไม่ จนกว่าจะแน่ใจว่าคุณเป็นคนที่รักผม ไม่ใช่แค่คนที่ผมรัก ผมอยากมั่นใจว่าผมเป็นคนที่โชคดีคนนั้น”อ้อมแขนแข็งแรงนั้นโอมล้อมร่างบาง

“มั่นใจเถอะ ผมอยากให้คุณมั่นใจ รักอาจไม่นิรันดร์ แต่ผมจะมั่นคงตลอดไป”  น้ำตาแห่งความปิติหลั่งไหล โดลเชเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ  แล้วรับแหวนวงนั้นมาไว้ในมือ

“S'il suffisait qu'on s'aime, s'il suffisait d'aimer Nous ferions de ce reve un monde”

“พูดว่าอะไรนะ”โดลเชสวมแหวนลงบนนิ้วใหญ่แข็งแรงนั้น ในตำแหน่งเดียวกับที่เคนสวมให้ แล้วกอดเคนไว้ก่อนจะกระซิบบางอย่าง

“วันนี้วันอะไร?”เคนทำหน้าเจื่อนเหมือนชักไม่อยากเล่นเกมส์ถามตอบ

“วันที่สิบสี่กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์”

“แล้วยังไงอีก”

“วันพฤหัสบดี วันที่ห้าของสัปดาห์” โดลชักจะขมวดคิ้ว เมื่อไม่ได้รับคำตอบที่ถูกต้อง

“ไม่ใช่!!”ร่างโปร่งบางนั้นหลุดพ้นจากอ้อมแขนแข็งแรงอย่างรวดเร็ว ลงยืนกับพื้นโดยไม่ต้องเสียเวลาแกะพันธนาการของเคนออกเลยแม้แต่น้อย

“บ้าที่สุด จำไม่ได้หรอกหรือ?” เคนส่ายหน้าอย่างกล้าๆกลัวๆ

“กลับล่ะ”โดลเชทำท่าจะเดินกลับไปเปลี่ยนชุดกลับเอาเสียจริงๆ เคนเลยรีบวิ่งไปขวางประตูห้องไว้

“ทำไมหรือวันนี้วันอะไร?”

“ยังมีหน้าจะถามอีก”ดวงตาคู่สีเขียวอมเทาคมกริบน่ากลัว

“บอกหน่อยน่านะ”

“ถามแหวนที่มือดูสิ”โดลเชเบียดตัวเข้าไปในห้องนอนได้สำเร็จ เคนยังพยายามขบคิด ในที่สุดก็จำใจถอดแหวนมาหมุนๆดู  ในที่สุดก็นึกออก แต่ช้าไปเสียแล้ว โดลเชเอาชุดเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำแล้ว แทบจะปิดประตูใส่หน้าด้วยซ้ำ

“โดลเช  โดลเช ผมขอโทษ!”เคนทุบประตูห้องน้ำ หวังให้คนข้างในยอมอภัยให้ ไม่กี่นาที ประตูก็ถูกกระชากออกอย่างแรง ดวงหน้าหวานตอนนี้ไม่สมชื่อเสียแล้ว

“นึกออกแล้วหรือ”เสียงนั้นห้วนไม่ชวนสบายใจ

“ครับ อย่าโกรธนะครับ  สุขสันต์วันเกิดด้วย  ไม่โกรธนะ”

“กลับล่ะ”โดลเชเดินไปถือกระเป๋าเอกสารของตัวเอง พลางเดินลงบันไดไปสองสามขั้น

“ไม่ให้กลับ”เคนกอดร่างบางไว้อีกครั้ง

“ถ้ายังอยากจะกลับ จะเอาให้กลิ้งตกบันไดเลย”โดลเชส่งเสีย หึ ขึ้นจมูก

“งั้นจะแจ้งความ”

“ไม่ให้แจ้งหรอก จะกอดไว้จนกว่าจะใจอ่อน”ดวงตาสีเขียวอมเทาฉายประกายขบขัน

“ก็ได้ๆ พอแล้ว เดี๋ยวเกิดหลับในพากันกลิ้งตกบันไดจะแย่ทั้งคู่”โดลเชหัวเราะขบขัน เคนจึงเบาใจ

“ไม่โกรธแล้วนะ” โดลเชพยักหน้า ก่อนจะเป็นฝ่ายจูงมือคนตัวสูงให้กลับขึ้นชั้นบน

(มีต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2008 23:56:49 โดย ภาณุเมศพลัง »

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #221 เมื่อ15-03-2008 00:01:00 »



ท่ามกลางแสงสลัวจากเบื้องนอก เสียงเพลงกล่อมเกลาเพียงแผ่วเบา ลมหายใจของคนสองคนคล้อเคล้าคล้ายหยอกล้อ มือน้อยกุมมือใหญ่ปลายนิ้วที่เกาะเกี่ยวกันนั้นผะผ่าว  ดวงตาดุๆนั้น ไม่ฉายประกายขัดเคืองใดๆ อย่างที่เคนเข้าใจ ดวงตาคู่นั้นทอประกายอ่อนโยน เกินกว่าจะละสายตาไปได้  มือบางนั้นกุมมือใหญ่ขึ้น แตะริมฝีปากลงบนปลายนิ้ว

“อันที่จริงแล้ว จะวันวาเลนไทน์ หรือวันเกิด มันไม่สำคัญหรอก”เสียงนั้นกระซิบเบาๆ

“เพราะวันที่สำคัญสำหรับผม คือทุกวันที่ได้ชิดใกล้กับผู้เป็นที่รัก ทุกวันคือความสุขอันล้นเหลือ เพียงเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว”ริมฝีปากหยักสวยจุมพิตลงกึ่งปากกึ่งแก้มคนพูด

“รู้จักรูปสลัก pietaไหม?”คนรับฟังพยักหน้า หากแต่ไม่รู้รายละเอียดใดๆมากนัก  โดลเชหัวเราะเบาๆ

“รูปสลักผลงานชิ้นเอกของไมเคิลแองเจโล โง่จริง เป็นคนอิตาเลี่ยนแท้ๆ   เมื่อผมยังเด็ก แม่เคยพาไปดูครั้งหนึ่ง  ภาพนั้นยังจำได้ติดตาอยู่จนถึงวันนี้ แม้จะผ่านมานานมากแล้ว  รูปสลักหินอ่อนขาว  พระแม่มารีกำลังอุ้มพระศพพระเยซูคริสต์หลักจากถูกตรึงกางเขนไว้บนตัก ดวงพักตร์อ่อนเยาว์งดงาม หากแต่ไม่แสดงอารมณ์อื่นใดอีกนอกเสียจากความอ่อนโยนสงบนิ่ง หากก็แฝงความเจ็บปวดอยู่ในที ในอ้อมแขนนั้นคือพระศพของบุคคลอันเป็นที่รัก  เป็นภาพที่งดงามแต่ก็สะเทือนใจเหลือเกิน”เคนมองริมฝีปากนั้นขยับเล่าเรื่องราวราวสอนน้องน้อยอย่างเพลิดเพลิน

“วันนั้น แม่บอกว่า ความรักใดๆบนโลกนี้ล้วนสวยงาม ความงดงามใดๆเหมือนสิ่งต้องสาป เหมือนของหวานยวนเย้าน่าลิ้มลอง หากแต่อีกด้านคือยาพิษที่พร้อมฉุกคร่าวิญญาณ  จึงควรที่จะมีความรักใดๆอย่างพอดี รู้จักให้แล้วจงรู้จักพอใจ เมื่อรู้จักพอใจอย่าได้คาดหมายสิ่งตอบแทน  พระแม่มารีทรงมอบรักเมตตาอันมหาศาล หากมิได้คาดหมายสิ่งใดตอบแทน  รักนั้นจึงยิ่งใหญ่ควรค่าแก่การระลึกจารจำ  อาจเป็นเรื่องน่าหัวเราะ ที่ผมจำสิ่งเหล่านี้ฝังหัว ทุกครั้งที่รู้สึกรักใครอย่างลึกซึ้งจึงแสดงออกอย่างเงียบๆไม่ได้เรียกร้องอะไร เพราะความสุขของผมไม่ใช่การได้รับความรักตอบแทน  แต่เป็นการได้มอบความรักให้ใครสักคนอย่างสุดหัวใจ เพียงเท่านั้น”

“รักที่ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน  ควรค่าแก่การจารจำ จริงๆ  ผมเองก็เกือบพลาดไปแล้ว  ลองคิดดูเถอะ หากครั้งนั้น ผมไม่รู้ความรู้สึกตัวเองแล้ว ผมคงสูญเสียคนที่รักสุดหัวใจไปแล้ว ว่าแต่ ในเมื่อความสุขของคุณคือการรักโดยไม่หวังผลใดตอบแทน แล้วทำไมถึงจะเลิกรักเสียล่ะ”

“เป็นธรรมดามนุษย์ไม่ใช่หรือ เมื่อเจ็บต้องจดจำและพยายามหลีกหนี มันคือสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง แต่สำหรับผมแล้ว พอเอาเข้าจริงก็ตัดใจไม่ได้   สุดท้ายผมก็ยังคงยืนจุดเดิม คือพร้อมจะมอบความรักที่มีต่อไป แม้รักนั้นจะไม่ได้สิ่งใดกลับมา แม้สักวันหนึ่งความรักนั้นจะบางเบาเหมือนสายลมพัดผ่าน แต่สุดท้าย ความสุขของความรักที่ผ่านพ้นคือการได้รักไม่ใช่หรือ?”เคนหัวเราะกับคำถามที่ถามกลับ

“ความสุขอีกอย่างของผมคือการ รู้จักความรัก และรู้จักรัก หลายคนอาจรู้จักรัก แต่น้อยคนนักจะรู้จักความรัก เวลานี้ผมรู้แล้ว สองสิ่งนี้ต่างกัน   วันนั้นที่ผมตามไปเซียน่า ผมไม่เคยนึกเสียใจเลย นั่นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดแล้วในชีวิต”มือบางนั้นสัมผัสดวงหน้าคมสัน ที่แม้ในแสงสลัวเพียงใด ก็ยังแจ่มชัดในหัวใจ

“ผมเองก็ไม่เคยเสียใจที่ได้รักเคน”รอยยิ้มอ่อนหวานนั้นระบายบนดวงหน้าอ่อนโยน  ดวงตาคู่นั้นพราวระยับเหนืออัญมณีอื่นใด

“คิดว่าความรักของเราจะยืนยาวไหม?”น้ำเสียงนั้นหนักแน่นหากก็คล้ายจะไม่มั่นใจ

“เด็กโง่ ในเมื่อไม่มีสิ่งใดเป็นนิรันดร์ จะสนใจห้วงเวลาไปทำไม”

“นั่นสิ”คนทั้งคู่หัวเราะในอ้อมกอดของกันและกัน

“ผมคิดว่าผมโชคดี  ที่ได้ความรักคืนกลับมา เหมือนกำไรมหาศาลที่ไม่คาดฝัน”อ้อมกอดนั้นกระชับแน่น

“เตรียมตรวจบัญชีให้ดีเถอะ”เสียงนุ่มนั้นเย้าอยู่ข้างหู อุ่นหลอมความรู้สึกใดๆให้ละลายเป็นหนึ่งเดียว 

‘If loving each other was enough, if loving was enough
We would make a world of this dream..... S'il suffisait d'aimer’










************************************************************************

กว่าจะลงเพลงเเก้โพสต์(ที่พอeditเเล้วข้อความบางส่วนหายไป)เเทบจะเเดดิ้นเลยค่ะ
 :sad2:

หวังว่าจะชอบตอนพิเศษนี้กันนะคะ  :m13:

ปล.ระวังระดับน้ำตาลในเลือดสูง

/meดอลลี่ตัวเองหนีไป

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #222 เมื่อ15-03-2008 05:12:44 »

แหม เอาตอนพิเศษเคนกับดอลเช่ มาคันได้น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :o8:

แต่ตอนต่อไปเนี่ยนะสิ  o7

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #223 เมื่อ15-03-2008 05:43:42 »

เห็นด้วยอย่างแรง

ว่าแต่ยังไม่นอนอีกหรอครับ

พวกเดียวกันเลย  :o8:

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #224 เมื่อ15-03-2008 09:05:52 »

มาเติมความหวานให้หัวใจก่อนไปทำงาน  :m4:

แต่ว่าอ่านไปแล้วหงุดหงิดอ่ะอยากมีแบบเคนซักคน :serius2:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #225 เมื่อ15-03-2008 12:25:21 »

เห็นด้วยอย่างแรง

ว่าแต่ยังไม่นอนอีกหรอครับ

พวกเดียวกันเลย  :o8:

ป่าววววววววววววววววววว คับ เผลอนอนตั้งแต่หัวค่ำแล้วตื่นแล้วตะหาก อิอิ

คนทำงานก็เงี่ย วันหยุดก็อยากรีบๆนอน แล้วก็ยังตื่นเช้าจนชิน อิจฉาคนยังเรียนอยู่จัง

ออฟไลน์ ErosAmor

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 851
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #226 เมื่อ15-03-2008 14:05:36 »

คนทำงานก็เงี่ย วันหยุดก็อยากรีบๆนอน แล้วก็ยังตื่นเช้าจนชิน อิจฉาคนยังเรียนอยู่จัง

เฟิร์นอยากตื่นสายยยย วันนีและต่อๆไปต้องตื่น 7.30 ไปเรียน เคมีอ.อุ๊  :o12:

นอนดึกก็ไม่ได้

......................

หวานมากเลยอ่า ฉี่เเล้วมดจะขึ้นไหมเนี่ย เอิ๊กๆ

อ่านเเล้วอยากกินเค้ก หิวๆจนตาลาย  o2

นี่มันเป็นการปลอบใจก่อนจะเข้าเรื่องเศร้ารึปล่าวเนี่ย

หวังว่าไม่ใช่น้า  :a1:

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #227 เมื่อ15-03-2008 15:45:37 »

คนทำงานก็เงี่ย วันหยุดก็อยากรีบๆนอน แล้วก็ยังตื่นเช้าจนชิน อิจฉาคนยังเรียนอยู่จัง

เฟิร์นอยากตื่นสายยยย วันนีและต่อๆไปต้องตื่น 7.30 ไปเรียน เคมีอ.อุ๊  :o12:

นอนดึกก็ไม่ได้

......................

หวานมากเลยอ่า ฉี่เเล้วมดจะขึ้นไหมเนี่ย เอิ๊กๆ

อ่านเเล้วอยากกินเค้ก หิวๆจนตาลาย  o2

นี่มันเป็นการปลอบใจก่อนจะเข้าเรื่องเศร้ารึปล่าวเนี่ย

หวังว่าไม่ใช่น้า  :a1:


เมศว่า ถ้าเรื่องเรียนระดับมหาวิทยาลัยโหดร้ายกว่าน๊า~ เมศเรียนเช้ายันเย็น(บางวันอาจมีค่ำไปถึงดึก) ยิ่งช่วงสอบนี่ หมอนกับผ้าห่มนี่ของรักดีๆนี่เอง  :a12: ได้นอนทีน้ำตาจะไหล o7  (ตอนสอบเข้ามหา'ลัย ว่าอ่านหนังสือเยอะเเล้ว ขึ้นมหา'ลัยจริงๆ หนักกว่า โอ้วโน่วววววว :serius2:)



จริงๆ ในเเต่ละช่วงวัยก็มีความลำบากที่เเตกต่างกันออกไปนะคะ เอาน่ามันเป็นสีสรรค์ชีวิต Life is beautiful นะคะ :oni1: :oni1: :oni1:

ปล.เเต่ไอ้ชาวบ้านปิดเทอมเเล้วเหลือเรายังไม่ปิดอยู่คณะเดียวนี่ก็ชักไม่สวยงามเเละ ฮาๆฮือๆ



* ภาณุเมศพลัง ทำเป็นเนียนลืมบางประเด็น555+

ออฟไลน์ ErosAmor

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 851
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #228 เมื่อ17-03-2008 12:18:12 »

ปล.เเต่ไอ้ชาวบ้านปิดเทอมเเล้วเหลือเรายังไม่ปิดอยู่คณะเดียวนี่ก็ชักไม่สวยงามเเละ ฮาๆฮือๆ
* ภาณุเมศพลัง ทำเป็นเนียนลืมบางประเด็น555+

อันนี้เห็นด้วยอย่างแรง  :laugh: สมน้ำหน้า อิอิ

ป.ล. เฟิร์นเรียน 7.30 ไม่ง่วงละ แต่มันหิวแทน ไม่ง่วงเพราหิวอ่ะ :o8:


snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #229 เมื่อ22-03-2008 22:32:34 »

INTERMEZZO   chapter# 16




   ร่างสูงในชุดขาวของเสื้อกาวน์ยืนสงบนิ่งอยู่ข้างเตียง ร่างสูงๆนั้นแลดูคลับคล้ายวิญาณที่อ่อนแรงเหลือเกินดวงหน้านั้นซูบ ดวงตาลึกโหลแม้จะอยู่ภายใต้แสงเพียงสลัวๆในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ ดวงตาเลื่อนลอยนั้นจับจ้องร่างบนเตียงด้วยสายตาที่แฝงความรู้สึกหลากหลาย  ร่างบนเตียงนั้นหายใจรวยรินเหลือเกิน รอบศีรษะนั้นมีผ้าพันแผลพันไว้รอบ เห็นลอยเลือดซึมจางๆ ตามแขนขามีเฝือกใส่ไว้ที่ลำเต็วก็เต็มไปด้วยผ้าพันแผล นั่นยังไม่รวมถึงสายระโยงอื่นๆอีกมาก เสียงจังหวะชีพจรเต้นดังแผ่วๆ น่ากลัวเหลือเกินว่าร่างกายนี้จะแตกสลาย  มือแข็งแรงนั้นยื่นออกไปปัดเส้นผมสีดำที่ปรกหน้าออกให้อย่างเบามือ ด้วยเกรงว่าจะทำให้ร่างบอบบางนี้สูญสิ้น ริมฝีปากนั้นเหยียดออกเล็กน้อย ดวงตาคู่นั้นทุกข์โศกเป็นหนักหนา

“ปอง คุณอย่าหลับนานนักนะรู้ไหม  ผมรอคุณอยู่นะ”มือนั้นเลื่อนลงจับมือบางที่ผอมบางเสียแทบหักคามือ แล้วบีบราวถ่ายทอดกำลังใจให้เบาๆ

“รีบฟื้นขึ้นมา คุณพิรุณากำลังรอคุณอยู่อีกคน” เสียงนั้นแหบแห้งหากดวงตารื้น

“เพลงของคุณเพราะมาก  เพราะมากจริงๆ ผม...ผม....”น้ำตาลูกผู้ชายหยดลงก่อนจะซึมหายไปกับผ้าปูที่นอนสีขาว  ไร้สรรพเสียงใดรอบกาย ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น

“ผมรักคุณมาก นี่คือสิ่งที่ผมอยากบอกคุณที่สุด  ลืมตาขึ้นมาเถอะ มองผมสักครั้ง ให้ผมได้อยู่ในสายตาคุณบ้าง พระเจ้าได้โปรดเถอะ อย่าเอาเขาไป ได้โปรด...ได้โปรด”เสียงพร่ำกระซิบนั้นแผ่วเบาลงเรื่อยๆ มือแข็งแรงนั้นบีบมือบางๆอย่างให้กำลังใจอีกครั้ง ก่อนจะรีบก้าวเร็วๆออกจากห้องไป  ไม่อยากให้หยาดน้ำตาหยดที่สองร่วงหล่น




      พิรุณาอ่านข่าวทางหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับการสืบสวนต้นเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ  ดวงตาหลังแว่นตาคู่นั่นขุ่นมัว คิ้วขมวดแทบตลอดเวลา  หลังจากวันนั้นมา รอยยิ้มก็ไม่แตะแต้มดวงหน้านั้นอีกเลย ธีรธรนั่งลงข้างๆพิรุณา  มือแข็งแรงนั้นสัมผัสศีรษะพิรุณาเบาๆให้เอนซบบ่าแข็งแรง  ร่างกายโปร่งบางนั้นโทรมอย่างเห็นได้ชัดทั้งจากการอยู่เฝ้าปองทุกโอกาสเท่าที่จะทำได้ และการบินไปมาระหว่างประเทศเพื่อทำงาน เขาทำได้เพียงช่วยเล็กๆน้อยๆเท่านั้น

“พักสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวคุณจะไม่ไหวเอานะ”พิรุณาส่ายหน้า

‘ผมต้องไปออสเตรีย  ฝากคุณปองด้วยนะครับ’ธีรธรพยักหน้าให้อย่างหนักแน่น  ดวงตาสีม่านราตรีนั้นทอประกายเข้มแข็ง

“เดี๋ยวผมขับรถไปส่งที่สนามบินนะ”พิรุณาพยักหน้ารับ  มือแข็งแรงนั้นจับหน้าพิรุณาเบาๆ

“เหนื่อยหน่อยนะ”พิรุณาเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง ธีรธรแตะริมฝีปากหยักสวยลงบนหน้าผากมนนั้นเบาๆ

      
      สนามบินนานาชาติ แม้จะผ่านเหตุการณ์สะเทือนขวัญมาหมาดๆ แต่นักเดินทางทั้งหลายเดินกันควักไขว่เช่นปรกติ แต่ร่องรอยจากเหตุการณ์นั้นยังพอเห็นได้บ้าง ช่อดอกไม้และเทียนวางให้เห็นทั่วไป โดยเฉพาะที่รั้วด้านนอก พิรุณากวาดตามองรอบกายรู้สึกเคว้งคว้างอยู่ในอก ยังจำความรู้สึกทรมานนั้นได้อย่างแจ่มชัด  ธีรธรส่งยิ้มอ่อนๆให้ ก่อนจะกอดร่างโปร่งบางที่ตอนนี้บางลงจนน่าใจหายไว้เบาๆ  วางคางที่ชักมีไรหนวดเขียวครึ้มบนศีรษะพิรุณา แล้วโยกตัวเบาๆ ราวปลอบเด็กน้อย

“ผมอยู่นี่แล้ว อยู่ตรงนี้ข้างๆพิรุณา ตกลงไหม?”ธีรธรคลายอ้อมกอด จับมือบางนั้นเขย่าเบาๆเหมือนหยอกเย้า หากแต่ดวงตาคู่นั้น จริงจัง พิรุณาพยายามคลี่ยิ้มอ่อนจางแต่ก็ฝืดฝืนเต็มทน

“เอกสารอะไรเตรียมแล้วนะ จวนได้เวลาแล้ว ผมจะไปส่งที่เกท”พิรุณาตรวจเอกสารสำคัญสำหรับการเดินทางออกนอกประเทศ แล้วจับมือธีรธร ให้เดินไปยังช่องตรวจหนังสือเดินทางด้วยกัน

“ทำไมไปออสเตรียฉุกละหุกนักล่ะ?”

‘มีธุระที่นั่นนิดหน่อย’ ธีรธรยุดข้อมือบางเบาๆ พิรุณาหันมามองอย่างงงงัน มือแข็งแรงนั้นล้วงลงในกระเป๋าเสื้อโค้ตด้านขวาของพิรุณา  หยิบหลอดยาออกมา

“ยังพอมีเวลา”มือใหญ่แข็งแรงนั้นหมุนเปิดเกรียวหลอดยา บีบเนื้อครีมนั้นก่อนจะค่อยนวดมือขวาพิรุณาอย่างอ่อนโยน

“เจ็บมากไหม?”น้ำเสียง สีหน้า แววตานั้นช่างนุ่มนวลเหลือเกิน  พิรุณามองชายคนนี้อย่างเต็มตื้นในหัวใจ ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ

“ไปอยู่นู่นดูแลตัวเองดีๆนะ  ถ้าผมไม่ติดงานผมจะไปด้วย  ขอโทษที่ต้องให้ไปคนเดียว”มือนั้นยังคงนวดข้อมือบางให้อย่างอ่อนโยน มือนวลบางอีกข้าง ทาบฝ่ามืออุ่นลงบนมือแข็งแรงนั้น

‘ขอบคุณมากครับ’



      พิรุณาพิจารณาสกอร์*(โน้ตเพลง)สองฉบับอยู่หน้าเปียโนอัพไลท์(เปียโนตั้งติดผนัง) ฉบับหนึ่งมาจากน้ำพักน้ำแรงของเขา หากอีกฉบับไม่ใช่ ความใกล้เคียงนั้น แทบเรียกได้ว่า ‘เหมือน’  ริมฝีปากนั้นเหยียดออกกึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ ‘ร้อยเนื้อหนึ่งทำนอง’ วิธีการใส่คอร์ดเหมือนเพลงที่พิรุณาแต่งทุกห้องของสกอร์ พิรุณามั่นใจ ไม่ใช่บังเอิญ  ดวงตาสีน้ำตาลแดงนั้นละจากแผ่นกระดาษตรงหน้า นึกย้อนถึงสิ่งที่ได้รู้ว่า เพลงที่เขาเขียน เหมือนกับซิงเกิลแรกของ ‘ซิลเวอร์ อากิระ’ ที่เพิ่งออกมาเมื่อคริสต์มาสที่ผ่านมา  ไม่มีทางที่คนเราจะมีแรงบันดาลใจเหมือนกันถึงเพียงนี้ พิรุณามองวันที่ที่เขียนไว้ท้ายสกอร์ของตัวเอง วันที่ที่แต่งเพลงนี้จบ คริสต์มาสเมื่อปีที่แล้วเพลงแรกที่เขียนสำหรับอัลบัมนี้  พิรุณาวางโน้ตลงบนแท่นว่างเล็กๆ ก่อนจะพรมนิ้วลงเบาๆ ท่วงทำนองคุ้นเคยที่ผ่านตาเขามานับครั้งไม่ถ้วน มันอยู่ในนี้...ในสมองนี่  เมื่อดวงตาสีน้ำตาลออกแดงนั้นมองสกอร์ที่วางเคียงกับของเขา แล้วลองเล่นตาม ความคล้ายคลึงที่ไม่น่าเกิด ยิ่งทำให้พิรุณามั่นใจ ว่าไม่บังเอิญ  เมโลดี้บางช่วงดีดสะบัด เหมือนที่เขาเขียนเองกับมือ  โดยไม่รู้ตัว มือของใครคนหนึ่งก็กดบ่าซ้ายของพิรุณา แม้ไม่แรงนักแต่พิรุณานิ่วหน้า ด้วยความปวด ก่อนจะมองเจ้าของมือนั้น   ชายร่างสูงปานกลาง เส้นผมสีเข้มและดวงตาสีเทามองมาอย่างตรงไปตรงมา ริมฝีปากนั้นเหยียดยิ้มน้อยๆ พอๆกับที่พิรุณา เหยียดริมฝีปากกึ่งยิ้มกึ่งบึ้งให้

‘เกร็งไหล่มากจนเจ็บตัวแล้วนะ ได้ข่าวว่ามือเจ็บนี่’ชายคนนั้นส่งภาษามือให้พิรุณา พิรุณากระพริบตาถี่ๆ นานแล้วที่ไม่พบชายคนนี้ เอ็ดมันต์ 

‘ไม่เจอกันนานแล้ว ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่นะ เมื่อห้าปีที่แล้วหรือเปล่า?’ พิรุณาส่งภาษามือถาม ชายหนุ่มยิ้มรับ

‘ใช่ ตั้งแต่เลิกกัน ก็ไม่เจออีกเลย ไม่รู้ใครหนีใคร’พิรุณาหัวเราะ เป็นอารมณ์ขันน้อยครั้งในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

‘มือเป็นยังไงบ้าง?’ดวงตาสีเทา มองเขาอย่างห่วงใย  แม้ไม่มีร่องรอยสิเน่หาดั่งเก่า หากห่วงใยอย่างคนเคยคุ้น

‘ก็ไม่เป็นไร’พิรุณาตอบพลางหลบสายตาอย่างลืมตัว มืออุ่นๆนั้นจับดวงหน้าที่หลบสายตาให้กลับมาสบตากันอีกครั้ง

‘บอกมาตรงๆเถอะ นิสัยของนายฉันรู้ดีพอๆกับนิสัยตัวเอง ที่ชอบหลบตาเวลาปิดบังอะไรไว้ในใจ’เอ็ดมันต์ รู้ พิรุณาปิดบังเพราะไม่อยากให้คนอื่นลำบากใจ

‘หนักมากใช่ไหม?’ พิรุณานิ่งอึ้งอยู่อึดใจหนึ่งจึงตอบ

‘จะว่าหนักมากไหมก็ไม่ใช่ แต่จะแค่เล็กน้อยก็ไม่ใช่  หมอบอกให้พักยาว ไม่อย่างนั้น อาการบาดเจ็บเรื้อรังจะไม่หาย ถ้าฝืนต่อไป มือนี่จะใช้ไม่ได้อีกเลย’ พิรุณาถอนใจเบาๆ ก่อนจะยิ้มบางๆหากดวงตาคู่โศกนั้นกลับค้านกับรอยยิ้มนั้นอย่างชัดเจน

‘แต่ ค่าประกันมือข้างหนึ่งก็อยู่สบายๆไปได้อีกสิบหรือยี่สิบปีล่ะนะ’ พิรุณาบอกอย่างทีเล่นทีจริง มูลค่าของมือแต่ละข้างที่ประกันไว้ สูงลิบลิ่วก็จริง แต่มือนี้จะมีประโยชน์อะไร ถ้าไม่สามารถทำสิ่งที่ตัวเองรักได้

‘พักงานไว้ก่อนดีไหม?’

‘พักไม่ได้ กำหนดตารางงานออกมาแล้ว ถอยไม่ได้แล้ว’

‘งานกับมือ ยอมเลือกงานอย่างนั้นหรือ?’ พิรุณา เหลือบตามองมือของตัวเองบนหน้าตัก

‘เลือกความรับผิดชอบต่างหาก’ ทั้งสองต่างครุ่นคิดกับตัวเอง นานกว่าเอ็ดมันต์จะถามอะไรต่อไป

‘แล้วจะเอายังไง?’ชายหนุ่มพยักเพยิดไปทางสกอร์สองแผ่นที่วางเทียบเคียงกัน

‘แล้วจะยังไง? คงไม่คิดหรอกนะว่าที่ผมอุตส่าห์กลับมาออสเตรียพร้อมจองตั๋วบินต่อไปปราคจะแค่ไปเที่ยวเล่นเฉยๆ’ดวงตาสีน้ำตาลออกแดงนั้นฉายประกายวาบ อย่างที่คนเคยใกล้ชิดยังรู้แก่ใจกับ ‘ท่าทางร้ายๆ’

‘เอาเถอะ จะทำอะไรก็ทำ เอาให้คุ้มค่าตั๋วแล้วกัน’ดวงตาสีเทานั้นรับรู้จุดประสงค์การบินต่อไปปราคอย่างเงียบๆ พิรุณาดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือเรือนเก่าโทรมที่ไม่ยอมคิดแม้แต่จะเปลี่ยน

‘จวนได้เวลาแล้ว ฝากบอกตาแก่ด้วยว่า แล้วจะรีบกลับมาอัดเพลงใหม่’

‘บอกเองสิ’

‘บอกคนลูกหรือคนพ่อก็เหมือนๆกันแหละ ไปนะ’พิรุณาก้าวยาวๆจะออกจากห้องไป แต่แรงจากแขนแข็งแรงกว่าจับยึดข้อแขนไว้ พิรุณาหันมามองอย่างสงสัย ดวงตาสีเทาฉายประกายวูบไหวยากจะอ่าน ริมฝีปากบิดเบี้ยวจากการเม้มแน่น

‘ผู้ชายคนนั้น ดีกับเธอหรือเปล่า’พิรุณาเอียงคอสงสัย

‘คนไหนล่ะ? ถ้าคุณปองก็อาการดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ถ้าเป็นเคนต้องไปถามข่าวเอากับเลขาเขานั่น’เอ็ดมันต์ส่ายหน้า

‘คนนั้นน่ะ’ พิรุณายิ้มเจ้าเล่ห์ หากดวงตาคู่สีน้ำตาลออกแดงนั้นพราวระยับดั่งหยาดน้ำต้องแสงดาว

‘เขาก็น่ารักดี น่ารักมาก’



      โถงทางเดินเงียบสนิท เปิดไฟไว้เพียงพอมองเห็นทาง พีทในเครื่องแบบนายแพทย์เดินกลับไปกลับมาอยู่หน้าห้องผู้ป่วย ห้องที่ปองกำลังหลับสนิท  ยิ่งนานวันยิ่งรู้สึกกลัว  กลัวความรู้สึกตัวเอง ที่ไม่เคยเสื่อมถอยจากความรักอันมอบให้ปอง  กลัวคำตอบที่จะได้จากคนที่เขารักที่สุด  กลัวสายตาเย็นชากรีดแทงหัวใจ และกลัวคำปัดปฏิเสธที่บาดหัวใจ  ชายหนุ่มเสยผมอย่างหงุดหงิดตัวเอง ผลจากศูนย์ประสาทศัลยศาสตร์ แจ้งว่า สมองของปองอาจได้รับความเสียหายจากการหยุดหายใจไปช่วงไม่กี่นาที  ถ้าปองจะต้องเป็นเจ้าชายนิทราตลอดไปล่ะ?  ถ้าปองโชคดีฟื้นขึ้นแต่เป็นอัมพาตล่ะ? และถ้าปองฟื้นขึ้นมาแล้วจำเขาไม่เสียแล้วล่ะ? คำถามเหล่านี้วนเวียนซ้ำซากมาเป็นร้อยครั้งแล้วกระมัง  พีทสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ รวบรวมความกล้าก่อนจะผลักประตูเข้าไป

      ร่างบางที่บางลงกว่าเดิมมากจนน่าใจหายนอนหายใจเพียงแผ่วๆอยู่บนเตียงข่าว เครื่องช่วยหายใจถูกถอดออกไปแล้ว ปองแข็งแรงพอจะหายใจด้วยตนเอง แต่กลับไม่ฟื้นขึ้นมาเสียที ราวกับว่าห้วงฝันนั้นงดงามเกินกว่าจะจากมาสู่โลกแห่งความจริง   พีทมองดวงหน้าแสนรักนั้น ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียง สองมือนั้นกุมมือบางไว้ แล้วเอ่ยชื่อปองเบาๆ

“ปองครับ ผมมาเยี่ยมนะ  อย่านอนขี้เซาอีกเลย”มือแข็งแรงลูบมือบางนั้นเบาๆอย่างรักใคร่

“จำได้ไหม เวลาคุณนอนขี้เซา วิลปลุกคุณแบบไหน?”ริมฝีปากหยักสวยเหยียดยิ้มจาง

“เขาจะจูบคุณเบาๆ จนกว่าคุณจะตื่น”พีทชะโงกกายลงประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากมนเบาๆ ดวงตานั้นแสดงความเจ็บปวดอย่างแจ่มชัด

“โดยที่คุณไม่รู้เลยว่า คนที่คุณเข้าใจว่าเป็นวิลคือผม”พีมก้มตัวลงจูบเบาๆอีกครั้ง ความเงียบที่โรยตัวอย่างอ้อยอิ่งนั้น เหมือนบีบคั้นหัวใจให้ยอมรับความสูญเสียที่พร้อมจะเกิดทุกเมี่อ

“ฟื้นเถอะผมอยากให้คุณฟื้น อย่าหลับไปนานแบบนี้อีกเลย  ต่อให้คุณลืมไปหมด แม้แต่ตัวตนของผมก็ไม่เป็นไร ความทรงจำเก่าๆมันทำร้ายคุณมามากพอแล้ว ลืมไปเสียบ้างอาจช่วยให้คุณดีขึ้น ความทรงจำนั้นผมมีมันไว้แค่คนเดียวก็พอแล้ว  ผมจะเก็บมันไว้จนกว่า...”พีทชะงัก นึกประหลาดใจว่าตนตาฝาด   เขาเห็นดวงตาสีนิลกระจ่างใสสะท้อนเงาดวงหน้าตัวเองอย่างชัดเจน ปองลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้า หลุดพ้นจากห้วงฝันอันยาวนาน

“วิล.......ไม่ใช่”เสียงแหบแห้งนั้นพูดได้เพียงแผ่วเบา ก่อนจะไออย่างรุนแรงด้วยคอที่แห้งแล้งแทบเป็นผุยผง  อ้อมแขนแข็งแรงนั้นกอดไว้อย่างหวงแหน เขายังจำวันนั้น วันที่เขาพยายามยื้อแย่งชีวิตคนที่รักกับความตาย ที่จวนเจียนจะได้ชีวิตนั้นไปเต็มที ยังจำสองมือที่เปื้อนเลือดของปองได้แม่น

“ ป..ปล่อย”เสียงแหบแห้งนั้นพูดได้เพียงแผ่วๆ

“ปอง....คุณฟื้นแล้ว รู้สึกผิดปรกติตรงไหนไหม? คุณโอเคหรือเปล่า?” มืออ่อนแรงนั้นพยายามปลดตัวเองออกจากอ้อมแขนนั้น  แต่แล้วก็ชะงักค้าง  ดวงหน้านั้นแย้มยิ้มจางๆด้วยดวงตาเลื่อนลอย

“วิล...มารับ..ผมหรือ?”คำพูดเพียงแผ่วเบานั้นทำให้พีทผงะ มือขาวนวลที่บัดนี้ซีดขาวจับหน้าเขาเบาๆ ส่งยิ้มอันว่างเปล่าให้เขา

“ผมรอที่จะได้อยู่กับคุณ  มารับผมแล้ว  มารับแล้ว”ร่างโปร่งบางกอดตอบเขาเบาๆก่อนจะหลับไป   พีทวางร่างที่กลับสู่ห้วงฝันอย่างถนอม พลางกลืนน้ำลายหนืดคอ บางสิ่งมันแล่นมาอัดแน่นกันอยู่ที่ดวงตาทั้งสองข้าง ความเจ็บปวดนะหรือ?....มากแทบทานทนไม่ไหว

“ปอง...ถ้าคุณอยากให้ผมเป็นเขา  ผมจะเป็นให้ แค่ให้ผมได้เคียงข้าง  ให้ได้รักคุณ ผมจะยอมสูญเสียตัวตนเพื่อคุณ” 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
« ตอบ #229 เมื่อ: 22-03-2008 22:32:34 »





ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #230 เมื่อ22-03-2008 23:54:58 »

สงสารพีทมากกกกกกกกกกกก แต่ยังดีไม่ถึงให้ปองตายไปซะ อิอิ


ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #231 เมื่อ23-03-2008 09:10:30 »

ดีนะเนี่ยที่ขู่คนแต่งไว้แล้วว่าอย่าเอาให้ถึงตาย :serius2:

แต่คราวนี้ต้องเปลี่ยนมาขอร้อง o7

อย่าให้ต้องเศร้าไปกว่านี้เลยนะน้องปองงงงง :m15:

ออฟไลน์ ErosAmor

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 851
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #232 เมื่อ23-03-2008 22:12:01 »

ไม่เอาน้าอย่าทำแบบนี้ดิ  :serius2:

ใช้ตัวตนของตัวเองเอาชนะใจปองดีกว่า

อย่ายืมตัวตนของคนอื่นมาใช้เลย

พีทไม่ได้เป็นตัวแทนของวิลสักหน่อย

ถ้าทำลงไปทั้งพีทเเล้วก็ปองก็จะเจ็บมากน้า~

ป.ล.ดีนะที่ปองฟื้นขึ้นมา  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #233 เมื่อ25-03-2008 09:00:09 »

พีท สู้ๆ :a2:

niph

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #234 เมื่อ25-03-2008 13:05:59 »

มะได้ติดตามนาน
เศร้า
แต่ชอบ 2 ประโยคนี้อ่ะ
อ้างถึง
“มั่นใจเถอะ ผมอยากให้คุณมั่นใจ รักอาจไม่นิรันดร์ แต่ผมจะมั่นคงตลอดไป”
กะ
อ้างถึง
“เด็กโง่ ในเมื่อไม่มีสิ่งใดเป็นนิรันดร์ จะสนใจห้วงเวลาไปทำไม”

 :oni1: :oni1: :oni1:
 :o12: :o12: :o12:

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #235 เมื่อ27-03-2008 20:47:45 »



      ผู้คนมากมายเดินออกจากโรงละครหลังชมการแสดงคอนเสิร์ต หลายคนกำลังพูดถึงการแสดงที่เพิ่งจบไปของนักเปียโนฝีมือฉกาจ ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยอย่าง ซิลเวอร์ อะกิระ  ดวงตากลมโตกำลังทอดมองเงาร่างของตัวเองในกระจก  ก่อนจะเบือนสายตาไปมองช่อดอกไม้จำนวนหนึ่งที่วางกองราวไร้ค่า  ไม่มี.....ไม่มีอีกแล้ว  กุหลาบดอกเดี่ยวสีแดงจัดจ้าที่กลีบหนาราวกำมหยี่เนื้อดี และก้านยาวตรง มันเคยถูกมอบให้เขาทุกคอนเสิร์ตที่เขาขึ้นแสดง ที่ก้านยาวนั้นมักผูกริบบิ้นสีขาวครีมกับน้ำตาลแดงร้อยกับการ์ดอ่อนสีขาวสะอาด ที่ไม่เขียนข้อความใด  มันเคยมี ทุกครั้งที่แสดงคอนเสิร์ตเสร็จ แต่นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว ที่มันไม่ถูกส่งมา หรือว่าเจ้าของกุหลาบนั่นจะไม่สนใจเขาอีกแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าของกุหลาบนั้น  หรือเขาจะรู้เรื่องเพลงที่เขาได้มาโดยมิชอบ ได้มันมา...อย่างไม่น่าให้อภัย

“คุณอะกิระ กลับเถอะครับ”

“ดอกไม้....มีเท่านี้หรือ” ดวงตากลมโตทอดมองเงาสะท้อนของชายในชุดสูทสีดำอย่างคาดหวัง  ชายหนุ่มเงียบลงครูหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับช้าๆ

“ คุณอะกิระ อย่าคิดมากนะครับ บางทีเจ้าของกุหลาบอาจไม่ว่าง หรือ ครั้งนี้อาจอยากมอบให้คุณด้วยตัวเองก็ได้”ชายหนุ่มก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมอะกิระถึงยึดติดกับกุหลาบแดงดอกเดี่ยวนี้มากนัก

“ฉันจะเชื่อนาย  เรากลับกันเถอะ” อะกิระส่งกระเป๋าให้ชายหนุ่ม ก่อนจะรับเสื้อโค้ตมาถือไว้ เสียงเคาะประตูทำให้คนทั้งคู่ชะงัก  อะกิระรีบก้าวเร็วๆไปเปิดประตู  ดอกกุหลาบแดงจัดช่อใหญ่ถูกส่งให้ กลิ่นหอมอ่อนๆโชยเข้าจมูกเรียกรอยยิ้มกว้าง ซิลเวอร์ อะกิระมองคนที่นำกุหลาบช่อโตมามอบให้  เมื่อสบตาคู่นั้นเขาถึงกับผงะ

“พ...พิรุณา!!!!!!!” อะกิระตะลึงค้าง ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

‘อย่าตกใจจนกุหลาบช่อสวยหล่นพื้นเสียล่ะ รู้ภาษามือใช่ไหม?’ พิรุณาถามด้วยภาษามือสากล  ชายหนุ่มผู้สวมสูทสีดำ ส่งภาษามือตอบรับ

‘ดี คุณอะกิระพอมีเวลาไหม?’ชายหนุ่มแปลภาษามือให้อะกิระเข้าใจ อะกิระเหมือนจะถามอะไร หากแต่ก็ชะงักเพื่อนพิรุณาส่งภาษามืออีกครั้ง

‘เห็นทีเราต้องประชันกันสักตั้ง’ดวงตาคู่สวย สะท้อนแสงไฟเป็นประกายแดง ท้าทาย   มีหรือที่ซิลเวอร์ อะกิระจะไม่รับคำท้า!!!








      ห้องพักผู้ป่วยพิเศษบัดนี้มีชายสี่คนกำลังพูดคุยกันอย่างเคร่งเครียด  ดอกกุหลาบเยี่ยมไข้กลีบดอกสีแดงเข้มราวโลหิตเบ่งบานตัดกับใบเขียวเข้มของมันเมื่อแสงที่ลอดผ่านมู่ลี่เข้ามาในห้องตกกระทบยิ่งน่ามอง  มือขาวค่อยๆจับใส่แจกันอย่างถนอม   ก่อนจะนำไปวางที่โต๊ะหัวเตียงคนไข้  สีแดงจัดของกุหลาบดอกใหญ่ช่อนี้ไม่อาจช่วยทำให้ร่างโปร่งบางที่หลับสนิทบนเตียงนี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาเลย  ดวงตาสีเขียวอมเทาทอดมองด้วยแววตาสั่นไหวสะเทือนใจ   ริมฝีปากเม้มแน่น ก่อนจะเอื้อมมือไปกอบกุมมือของคนที่หลับสนิทราวไร้ชีวิตไว้ราวให้กำลังใจ

“คุณปองจะเป็นอะไรมากไหม ดูหลับลึกมากเลย” โดลเชพูดแล้วแหงนเงยถามเคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา มืออบอุ่นนั้นลูบแขนคนรักอย่างปลอบใจ

“ร่างกายคงต้องการพักผ่อนมากๆน่ะ  หลังจากฟื้นมีอะไรผิดปรกติไหมครับ?” เคนถามนายแพทย์หนุ่ม ที่คอยเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ชนิดที่แพทย์เจ้าของไข้ อยากให้เขาเป็นเจ้าของไข้เสียเอง

“ คุณปองสภาพร่างกายโดยรวมนับว่าฟื้นตัวไวครับ ส่วนแขนขาที่หักคงยังต้องเข้าเฝือกอีกนาน แต่....คุณปองมีอาการสับสนระหว่างอดีตกับปัจจุบัน”

“หือ?”ธีรธรที่มองชายทั้งสามสนทนากันนึกแปลกใจ

“สับสนระหว่างอดีตกับปัจจุบัน หมายความว่า...? เขาก็ยังจำผมได้นะ จำพิรุณาได้ด้วย”

“ครับ เป็นเฉพาะบางคนเท่านั้นครับ เช่น....เช่น ผม”เสียงที่ตอบกลับมานั้นแผ่วเบา เคนและโดลเชลอบมองตากัน

“หมายความว่ายังไงครับคุณหมอ?”ธีรธรยังซักถามต่อไป ทุกอาการของปอง เขาต้องบอกเล่าให้พิรุณาทราบ

“ปองจำผมสลับกับใครอีกคนน่ะครับ” ธีรธรนึกตกใจอยู่เงียบๆ ใครอีกคนที่จำสัลบกันนั้นคงเป็นพี่ชายของนายแพทย์ผู้นี้แน่นอน! เสียงเคาะกระจกหน้าห้อง ก่อนบุรุษพยาบาลจะยื่นหน้าเข้ามา พยักหน้าให้นายแพทย์หนุ่มเป็นเชิงเรียก

“ขอตัวก่อนนะครับ”พีทก้าวยาวๆออกจากห้องไป ท่ามกลางสายตาสงสัยของเคนและโดลเช

“หมายความว่ายังไงที่ว่าจำสับกับอีกคน”

“พี่ชายฝาแฝดของคุณหมอพีทนั่นแหล่ะ  ปองเคยเป็นคนรักของพี่ชายคุณหมอ”

“แล้วพี่ชายเขาล่ะครับ?...”โดลเชถามเบาๆ รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของมือที่ตนกอบกุมไว้ โดลเชหันไปมอง โดยไม่มีใครอื่นสังเกตเห็น ปองลืมตาขึ้นช้าๆ  ดวงหน้าซีดขาวนั้นส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจและหลับตาลงอีกครั้ง

“พี่ชายของคุณหมอ เสียแล้วล่ะ” มือที่โดลเชกุมกระชับนั้นกระตุกเบาๆ

“เราอย่าพูดเรื่องนี้กันอีกเลยครับ”โดลเชพูดเสียงเบา  มือขาวๆนั้นปัดเส้นผมที่ตกระใบหน้าปอง ก่อนจะห่มผ้าให้อย่างเบามือท่ามกลางความเงียบที่น่าอึดอัด

“กุหลาบสวยดีนะ เข้าใจเลือก ไว้จะหาให้พิรุณาบ้าง”ธีรธรพูดอย่างเก้อๆ เขาไม่ต้องการให้ทุกคนอยู่ในบรรยากาศชวนอึดอัดอีกต่อไป เคนหัวเราะเบาๆ

“แย่จริง กุหลาบนี่คุณไม่ต้องซื้อหรอก พิรุณามีเยอะแล้ว มีเป็นไร่เลยด้วยซ้ำ พิรุณาไม่ได้บอกหรอกหรือ?” ธีรธรงงกับคำตอบที่ได้รับ

“พิรุณาไม่ได้บอกหรือว่า เขากับผมหุ้นกันทำไร่กุหลาบน่ะ คบกันภาษาอะไร”เคนส่ายหน้าระอาใจ พิรุณาก็อย่างนี้ล่ะ ไม่ค่อยบอกข้อมูลของตัวเองให้ใครรู้มากนัก ถ้าไม่ถาม ไม่มีทางได้รู้ ขนาดถามยังไม่รู้เลย

“เอาเถอะ โดลเช เราไปกันเถอะ เอาไว้ก่อนกลับ เรามาเยี่ยมกันอีกรอบ”โดลเชพยักหน้ารับ โน้มกายลงแนบแก้ม กระซิบแผ่วเบา ก่อนจะหัวเราะให้กันแผ่วเบา

“แล้วพบกันนะครับ”โดลเชบอกลาแล้วเดินตามเคนออกไป ธีรธรได้ยินเสียงเคนถามโดลเชอยู่ไกลๆว่า หัวเราะอะไร ธีรธรเบือนสายตากลับมาที่คนป่วย ปองลุกขึ้นนั่งเอนๆ พลางยิ้มน้อยๆ

“ตื่นตั้งแต่เมิ่อไหร่?”

“สักพักแล้วครับ”

“ได้เวลาแล้วเดี๋ยวคุณลีจะอกแตกตายเสียก่อน  ผมต้องไปแล้วล่ะ อยู่คนเดียวได้นะ ?”

“ครับ รีบไปเถอะครับเดี๋ยวจะสาย” ธีรธรหยิบโค้ตของตัวเอง ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ แล้วส่งหนังสือให้ปองเล่มหนึ่ง

“พิรุณาฝากไว้ให้”  ธีรธรยิ้มให้กำลังใจก่อนจะก้าวยาวๆไปที่ประตู

“บอสครับ  คุณพิรุณา เหมาะกับจงกลนี*มากกว่ากุหลาบนะครับ”ธีรธรหัวเราะชื่นบาน(*ดอกบัวชนิดหนึ่ง สีออกแดง)

“นั่นสิ”ปองมองส่งบอสหนุ่ม ก่อนจะก้มลงมองหนังสือในมือ





   เวทีใหญ่ที่เปิดไฟเพียงดวงเดี่ยวส่องลำแสงสู่แกรนด์เปียโนสีดำสนิทที่สะท้อนแสงไฟนั้นเป็นประกาย  ร่างชายชาวเอเซียสองคนโดนเด่นกลางเวที คนหนึ่งกำลังพรมนิ้วลงบนคีย์อย่างตั้งใจ  ท่วงทำนองรวดเร็วรุนแรงนั้นกระแทกกระทั้นสลับหนักเบาอย่างชำนาญ นิ้วเร็วพรมลงบนคีย์ราวกระสุน  หากต่อมาก็อ่อนหวาน กระฉับกระเฉง  ก่อนจะกลับไปรวดเร็วราวสม่ำเสมอดังเก่า พิรุณานิ่งทึ่งในความสามารถของนักดนตรีรุ่นน้องอย่างอะกิระ  พิรุณานั่งลงข้างๆอะกิระ แล้วเริ่มบรรเลงท่วงทำนองอ่อนหวานหากแฝงความโศกไว้บางเบาChopinสองบทเพลงที่แตกต่างกันราวสีดำและขาว  นิ้วเรียวยาวไล้ไปตามคีย์อย่างคล่องแคล่ว  ถ่ายทอดอารมณ์เพลงอย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน  ท่วงทำนองอ่อนๆนั้นแปลเปลี่ยนเป็นกระโดดขึ้นลงระหว่างคีย์สูงต่ำ คอร์ตเปลี่ยนไปด้วยการเพิ่มเสียงคอร์ตพิเศษที่อะกิระเองไม่อาจแยกยะได้ในทันที บัดนี้เพลงคลาสสิคของโชแปงถูกเปลี่ยนเป็นเพลงแจ๊สอันเริงรื่นโดยสมบูรณ์แล้ว โดยเนื้อเมโลดี้แทบไม่ต้องเปลี่ยนแปลง  อะกิระตกใจกับการเปลี่ยนสไตล์อย่ารวดเร็วนี้  ความประหลาดใจนั้นไม่อาจห้ามความท้าทายได้เลย

“แจ๊สหรือ?”

      นิ้วมือนั้นพรมลงบนคีย์ ยื้อแย่งท่วงทำนองจากพิรุณา เลียนแบบท่วงทำนองและการให้คอร์ตมาอย่างยอดเยี่ยมไม่มีตกหล่น ก่อนจะเริ่มเปลี่ยนท่วงทำนองนั้นเป็นเพลงแจ๊สที่แฝงกลิ่นอายความยวนเย้าของเพลงละติน ทำนองที่บางคราวก็เร่งเร้า บางคราวก็อ่อนไหวนั้นทำให้พิรุณามองตามตาไม่กระพริบ นึกชมอะกิระที่สามารถดึงเอาเสน่ห์ของเปียโนที่เครื่องดนตรีอื่นไม่มีออกมาได้อย่างเหมาะเจาะ เปียโนแตกต่างจากเครื่องดนตรีอื่นที่ไดนามิก(ความหนักเบาในการให้เสียง) อะกิระหยิบมาใช้ได้ดีมาก สมแล้วกับการเป็นนักดนตรีที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยนัก พิรุณาลงมือแก้ทางเพลงของอะกิระอย่างรวดเร็ว จังหวะที่เต้นพริ้วไปตามการเคลื่อนไหวของมือ ว่องไวและพิศดารขึ้น เมโลดี้หลักจากมือขวาย้ายไปมือซ้าย  มือขวาจับคอร์ตเสียงประหลาดที่จะแจ๊สก็ไม่ใช่ คลาสสิคยิ่งไม่ใช่ใหญ่  พริบตาเดียว มือขวานั้นก็ไขว้กับมือซ้าย เพื่อนไปเล่นคีย์ต่ำกว่า แล้วให้มือซ้ายเล่นคีย์สูงกว่า เสียงคอร์ตไม่คุ้นเคยทำให้อะกิระชักหวั่นใจแต่หูอันยอดเยี่ยมของเขายังพอจับเสียงได้ จีงแก้ทางเมโลดี้ได้ แม้จะชักหืดขึ้นคอเต็มที อะกิระพยายามแก้ทางเมโลดี้เสียงประหลาดนั้นได้จนสำเร็จ  จังหวะเมโลดีกระชับกระชั้นขึ้น รู้สึกถึงเหงื่อของตัวเองที่กำลังจะหยาดหยดจากปลายจมูก นี่เป็นการดวลที่สนุกที่สุดเท่าท่เขาเคยมา  อะกิระให้คอร์ตสูงต่ำ แกล้งทำทีว่าให้คอร์ตผ่านหน้าพิรุณาไปอย่างเฉียดฉิว  พิรุณายิ้ม ดวงตาเป็นประกายจัดจ้า 

       มือขาวนั้นเอื้อมลึกเข้าไปใต้ฝาเปียโนที่เปิดและค้ำไว้ด้วยไม้ยาว  นิ้วมือเรียวนั้น ดีดสายเสียงที่อยู่ภายใน เป็นจังหวะเสริมแทรกขึ้น อะกิระตื่นตะลึงกับสิ่งที่เห็น หากไม่มีใครบอกเขา เขาคงไม่เชื่อแน่ว่า ชายคนนี้ ที่เป็นคู่แข่งของเขามายาวนานนั้นหูผิดปรกติ เกือบไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแล้ว  พิรุณากระแทกเมโลดี้ล้อเลียนอะกิระท่วงทำนองร้อนแรงนั้น กลับค่อยๆสงบลงเหลือเพียงเสียงราวคลื่นน้ำระลอกน้อยเข้ากระทบสระ ไม่ถึงอึดใจ ทำนองเข้มแข็งสง่างาม ที่อะกิระไม่คุ้นเคยทำให้เขานึกประหลาดใจอีกครั้ง  ทั้งที่เมโลดีไม่มีอะไรซับซ้อนแต่มีลีลาเฉพาะตัว  หากถ้อยทำนองของเพลงกลับให้ความรู้สึกสง่างามห้าวหาญ เหมือนเพลงมาร์ช  ที่ไม่เพียงเข้มแข็ง หากแฝงความงามสง่าน่าเกรงขามและอ่อนโยนไปในเวลาเดียวกัน ใครจะรู้ว่าเป็นเพลงไทยโบราณที่ผ่านการเวลามายาวนาน  อะกิระตกตะลึงกับความสามารถของพิรุณา  เมื่ออะริกะไม่อาจต่อกรได้อีกต่อไป เมโลดี้นั้นก็ค่อยสงบลงบรรเลงเป็นเพลงที่คุ้นหูอะกิระเป็นอย่างยิ่ง  เพลงที่เขาให้เปิดอัลบัมใหม่ เพลงที่เขาบังเอิญไปได้ยินแล้วจำมาเป็นของตัวเอง  ดวงหน้าขาวๆนั้นแดงซ่านด้วยความละอายใจ  ในใจย่อมรู้ ร้อยเนื้อหนึ่งทำนองอาจปรับเปลี่ยนไปเพียงไหน  ดั้งเดิมแต่ไรมาย่อมมีคงเสน่ห์ของเพลงนั้นอย่างเหนียวแน่นยิ่งกว่า  เสียงโน้ตตัวสุดท้ายค่อยจางหายไปในอากาศ  น้ำตาก็ไหลรินจากดวงตากลมโตนั้น

‘คิดว่าฉันไม่รู้หรือ ว่าถูกคนอื่นลอกมา   ดอกกุหลาบนั่นเป็นเครื่องยืนยันว่าฉันอยู่และรู้เห็นความเคลื่อนไหวของคุณทุกฝีก้าว’พิรุณาพยักหน้าหายในสูทดำแปล ไม่ใส่ใจหรอกว่าถ้อยคำที่ชายคนนั้นแปลจะตรงตามที่เขาต้องการสื่อหรือไม่

‘คุณเป็นคนมีพรสวรรค์ มีสิ่งที่คนอื่นไม่มี  คุณช่างไม่ฉลาดเอาเสียเลยที่ลอกเลี่ยนคนอื่นมาอย่างนี้  คุณมีสิ่งที่คนอื่
นไม่มีแล้ว อย่าคิดไม่ซื่อย์แบบนี้เลย’

“ผมไม่ได้ตั้งใจ” อะกิระเงยหน้าขึ้นน้ำตายังปรอย  พิรุณายิ้มให้อ่อนจาง  มือนวลๆนั้นลูบหัวคนอายุน้อยกว่าเบาๆ

‘หูของคุณดีมาก ใช้มันให้ดี  อย่างน้อยคิดเสียว่า คุณมีสิ่งที่ผมไม่มี อย่าให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ไม่ว่าที่ไหนหรือกับใคร  เรื่องนี้จะเป็นความลับระหว่างเราตกลงไหม?’ พิรุณายื่นนิ้วก้อยให้เหมือนเด็กๆ  ซิลเวอร์ อะกิระ ยิ้มขันทั้งน้ำตา ก่อนจะยอมเกี่ยวก้อยแต่โดยดี

“ผมขอโทษ ที่ทำร้ายๆกับคุณ”

‘ไม่เป็นไร แต่อย่าให้มีครั้งต่อไป  เพราะเรื่องมันจะไม่จบแบบนี้แน่ๆ ฉันกลับล่ะ’

“จะรีบไปไหนล่ะครับ อยู่ทานมื้อค่ำกันสักมื้อ”

‘ยังมีอีกหลายคน รอให้ผมรีบกลับไปหา’พิรุณายิ้มจางๆ

“ถ้าอย่างนั้นขอถามสักข้อได้ไหม?” พิรุณาพยักหน้าเมื่อชายหนุ่มในสูทสีดำแปลให้

“ทำไมถึงใช้คอร์ตแปลกๆแบบนั้นได้  มันน่าทึ่งมากเลยที่เสียงพวกนั้นที่ดูเหมือนไม่เข้ากันเลย มันมารวมกันได้น่าฟังถึงขนาดนี้” พิรุณาหัวเราะ

‘พรสวรรค์จากการไม่ได้ยินไงล่ะ’ อะกิระเพิ่งเข้าใจวันนี้เอง  ว่าพิรุณามีพรสวรรรค์ที่ความพิการไม่อาจปิดกั้น....นั่นคือความอิสระทางความคิด และความกล้าที่จะผ่ากฎเกณฑ์ใดๆนั่นเอง





   ธีรธรทิ้งกายลงนั่งบนโซฟาสีแดงตัวโปรดของเจ้าของบ้านอย่างเหนื่อยอ่อน หลังการประชุมยาวนาน และความเครียดต่างๆที่ถาโถม  เจ้าหมาวิ่งส่ายหางกระโดดขึ้นนั่งโซฟาเดียวกัน ธีรธรมองหน้าเจ้าหมาที่เอียงคอมองเขาเหมือนสงสัย  ริมฝีปากหยักสวยเผยรอยยิ้มน้อยๆ นึกถึงพิรุณาที่เคยบอกเขาว่า เจ้าหมาหน้ามันซื่อๆงงๆ ดูแล้วคลายเครียดดี ธีรธรนึกขันมือแข็งแรงนั้นเอื้อมไปบีบปากเจ้าหมา มันหันหนีไปอีกทาง ธีรธรจึงหัวเราะขบขัน

“คิดถึงเจ้าของไหม? ป่านนี้ไปวิ่งเล่นอยู่ที่ไหนแล้วไม่รู้” เจ้าหมายังเอียงคอสงสัย

“รู้เรื่องไหมเนี่ย?”ธีรธรหัวเราะ เจ้าหมากระดิกหางรี่  พลางเอานิ้วจิ้มพุงเจ้าหมา เสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ดังขึ้น เจ้าหมาจึงรอดจากการถูกแกล้ง แล้ววิ่งหายเข้าไปในครัว  ชายหนุ่มรับโทรศัพท์นั้น

“ว่าไงครับคุณลี”

“ไปทำอะไรมาคะ เสียงใสเชียว  อย่าบอกนะคะว่าแกล้งเจ้าหมา”

“แหะๆ เปล่าคร๊าบบ ยังไม่ทันได้แกล้ง...จริงๆจังๆ”

“อย่าแกล้งเจ้าหมานะคะ  อย่าลืมอาบน้ำให้ทุกสัปดาห์ด้วย เวลาแปรงขน แปรงลงไปทางเดียวกันนะคะ ระวังที่เป็นสังกะตังด้วยนะคะ”

“เอาแปรงขัดห้องน้ำขัดได้ไหม”บอสหนุ่มขำกับความคิดตัวเอง

“คุณธีรธร!” เลขาสาวเสียงแข็ง

“โอเคครับไม่ล้อเล่นแล้ว”

“ลีจะโทรมาเตือนเรื่องปิดงบ กับงานเลี้ยงคืนนี้ อย่าลืมนะคะ”

“โอเคครับ ถ้าไม่โทรมาเตือน สงสัยเข้านอนเลย”

“ให้ลีไปช่วยเลือกไหมคะ?” ธีรธรยิ้มขัน บางทีเพราะเขาเหนื่อยมาก งานเลี้ยงตอนกลางคืนเลยเบลอๆหยิบอะไรก็ได้ใกล้มือใส่ไปเลย เป็นที่ระอาใจของเลขาสาว เลยคล้ายๆจะเป็นหน้าที่ของลีแอนที่ต้องช่วยเลือกให้

“ไม่ต้องหรอครับ เดี๋ยวลองหยิบๆเอาแถวนี้”

“อย่าเอาเสื้อคุณพิรุณามาใส่นะคะ คุณพิรุณาตัวนิดเดียวคนละไซส์กับบอส” ธีรธรหัวเราะแห้งๆ ลีแอนไม่เพียงเป็นเลขา แต่เหมือนพี่สาวของเขาด้วย

“ครับๆ เดี๋ยวให้อาหารเจ้าหมาแล้วจะไปเตรียมตัวล่ะครับ”ธีรธรวางสาย ยิ้มบางให้เจ้าของบ้านที่ยังไม่กลับ


      งานเลี้ยงขอบคุณขององค์กรการกุศลจัดขึ้นในคฤหาสน์ของเศรษฐีเจ้าขององค์กรการกุศล ผู้คนมากมาย ในชุดเต็มพิธีการที่งดงามหรูหรา กล่าวทักทายกัน บ้างจิบเครื่องดื่มสนทนากันออกรส ธีรธรในทักซิโด้สีดำ เสยผมด้านหน้าขึ้น ดวงตายาวและนัยน์ตาสีม่านราตรีกวาดมองผู้คนในงานพลางส่งยิ้มตามมารยาท เข้าไปทักทายเจ้าภาพของงานอย่างสง่างาม เสียงเพลงบรรเลงควอเทตดังคลอบรรยากาศอยู่แผ่วเบา ธีรธรเลือกจะจีบเครื่องดื่มเบาๆเล็กน้อย  ชายคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างเขา ส่งยิ้มให้ ดวงตาสีเทานั้นมองเขาอย่างสำรวจ

“สวัสดีครับ” ธีรธรเลือกจะเป็นฝ่ายทักทายก่อน ชายคนนั้นโค้งกายน้อยๆแล้วทักทายตอบเช่นกัน ก่อนจะจับมือทักทายอย่างสากล

“ไม่ทราบว่าคุณคือ...”

“เอ็ดมันต์ วิทเนอร์ ครับ ผมเป็นตัวแทน จากสังกัด วิทเนอร์” ธีรธรกระพริบตาถี่ๆรวบรวมความทรงจำ

“ต้นสังกัดพิรุณา....”เขาพึมพำเบาๆ

“ใช่ครับ คุณว่า วงควอเทตนี่ เล่นเพราะดีนะครับ”

“อ่อ ครับ”

“คุณรู้จักพิรุณาเป็นการส่วนตัวหรือครับ?”

“อ่อ  ก็..เอ่อครับ”

“พิรุณา น่ารักใช่ไหม?”น้ำเสียงนั้นทำให้ธีรธรรู้สึกผิดปรกติ ดวงตาสีม่านราตรีนั้นมองคู่สนทนาอย่างคาดเดา ดวงตาสีเทานั้นมองเขาอย่างคาดเดาเช่นกัน

“ครับ”ธีรธรเลือกจะรับคำอย่างสั้นๆ เขาไม่แน่ใจนักว่าคู่สนทนาคนนี้ต้องการอะไร

“คุณรู้อะไรเกี่ยวกับพิรุณาบ้าง?”

“คุณพิรุณา เป็นนักดนตรีที่เก่งมากครับ”เอ็ดมันต์หัวเราะเสียงดังจนคนรอบข้างหันมองอย่างสนใจ  ดวงหน้าคมและดวงตาสีเทาฮาเซลนั้นยิ่งชวนมอง

“เรื่องนั้นใครๆก็รู้คุณนี่ตลกชะมัด”

“แล้วคุณรู้อะไรเป็นพิเศษหรือครับ” เอ็ดมันต์หัวเราะเบาๆ พลางเอียงกายมาใกล้พูดเสียงเบาๆ

“ก็รู้ว่า หยาดฝนเมื่อร้อนรุ่มน่ะ หอมหวานถึงขนาดไหนยังไงเล่า ขอตัวนะครับ”เอ็ดมันต์โค้งให้น้อยๆ ดวงตาสีเทานั้นมีเค้าสนุกสนานฉายชัด ตรงข้ามกับธีรธรที่นอกจากงงแล้วยังรู้สึกโกรธอย่างไร้สาเหตุอีกด้วย



   ปองลืมตาขึ้นในความมืดสลัว นาฬิกแขวนผนังบอกเวลาเลยเที่ยงคืนมาไกลโข ปองขยับตัวอย่างอึดอัด เบื่อแล้วที่จะอยู่ในห้องนี้คนเดียว  เขาพลิกตัวอย่างลำบาก เพราะแขนขาที่เข้าเฝือก  ตกใจกับดวงหน้าที่อยู่ใกล้ชนิดลมหายใจต้องผิวแก้ม  ขนตายาวทาบทับแก้ม เสียงลมหายใจเข้าออกอย่างสงบทำให้ปองยิ้ม  คนไม่เจ็บมาแย่งที่นอนคนเจ็บ แสดงว่าแอบเข้ามาตอนพยาบาลที่เนิร์ซสเตชั่นไม่เห็น ไม่อย่างนั้นจะขึ้นมานอนเตียงเดียวกันได้หรือ  เสียงประตูเปิดเบาๆไม่ทันตั้งตัว ทำให้ปองตกใจทำอะไรไม่ถูกรีบคลุมผ้าหลับตาเหมือนหลับ เงาร่างสูงๆเดินเข้ามาใกล้แทบไร้ซึ่งเสียงฝีเท้า   นายแพทย์หนุ่มมองอย่างสงสัย ปองทำไมตัวดูใหญ่ขึ้น  มือแข็งแรงนั้นเอื้อมไปเลิกผ้าห่มขึ้น แล้วหัวเราะเบาๆไร้เสียง  เมื่อคนเจ็บบนเตียงมีคนอยากได้ที่นอนคนเจ็บมาอาศัยนอนด้วย

“คุณพิรุณาครับ”พีทสะกิดพิรุณาเบาๆ

“อย่ากวนคุณพิรุณาเลยครับ..เอ่อ..วิล”เสียงของปองทำให้พีทชะงัก หันไปมองคนเจ็บจริง แววตาขบขันหายไปจากดวงตาคู่นั้น

“ปอง ให้คุณพิรุณากลับบ้านเถอะ เดี๋ยวคุณพยาบาลจะว่าเอานะ”ปองส่ายหน้าเร็วๆ

“ไม่เอา ไม่อยากอยู่คนเดียว”

“อยู่กับผมไง ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนนะ” ปองนิ่งคิด

“แล้วแต่วิลครับ บางทีอาจจะดีก็ได้” คำท้ายนั้นเหมือนปองพูดกับตัวเอง 

“ปองนอนต่อเถอะ ฝันดีนะครับ”พีทก้มลงมอบจูบราตรีสวัสดิ์ให้

“เช่นกันครับวิล”ปองยิ้มหวาน  ยิ้มที่บาดลึกเข้าไปในใจ เมื่อยิ้มนั้นไม่ใช่สำหรับเขา แต่มันเป็นของคนในอดีตที่ผ่านพ้น และจะไม่หวนกลับมา แพทย์หนุ่มก้าวยาวๆออกจากห้องไปเพื่อโทรศัพท์  เมื่อปองหันกลับมา ตั้งใจจะปลุกคนที่นอนหลับ กลับพบว่าตื่นแล้ว และกำลังจ้องมองมาด้วยสายตาคู่นั้น สายตาที่ราวกับมองเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง

‘คุณปองเป็นยังไงบ้าง?’ พิรุณาลุกขึ้นนั่งแล้วส่งภาษามือให้ปอง ปองใช้มือข้างที่ไม่เจ็บ ทำภาษามือ

‘ดีขึ้นแล้วครับ’

‘ปอง  คุณไม่ได้ความจำเสื่อม เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะแยกพีทกับพี่ชายเขาไม่ออก อย่าปั่นหัวคุณหมอพีทอีกเลย....ได้ไหม?’ ปองเสมองไปทางอื่น ไม่กล้าสบตา

เขาอาจหลอกตาคนอื่นได้มากมาย แต่ไม่ใช่กับพิรุณา  คนที่มองเขาขาดอย่างทะลุปรุโปร่ง
------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบตอนที่ 16 แล้วครับ :m13:

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #236 เมื่อ28-03-2008 10:25:41 »

น่านดิแกล้งพีททำไม๊ปอง :serius2:

แล้วไอ้ต้นสังกัดน่านมานพูดไรให้คาใจกันเนี่ย :angry2:

ออฟไลน์ ErosAmor

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 851
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #237 เมื่อ28-03-2008 13:04:26 »

พิรุณากับอะกิระก็น่ารักดีนะ อิอิ

เริ่มไปคนละเรื่องเเล้ว

แต่ว่าอยู่นะมันทะแม่งทะแม่ง ปองจำคนอื่นได้หมด

แต่จำพีทไม่ได้คนเดียวซะงั้น

อย่าแกล้งพีทดิ สงสาร  :angry2:

ทำไมต้นสังกัดของพิรุณาพูดแบบนี้ ถ้าไม่โกรธก็บ้าเเล้ว น่าจับไปฆ่า :m16:


ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #238 เมื่อ28-03-2008 19:16:39 »

ปองอย่าแกล้งหมอพีทอีกเลย สงสารเค้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แต่อีตา เอ็ดมันต์  นั้นอะไรยังไงกันแน่..........

ออฟไลน์ ErosAmor

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 851
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #239 เมื่อ02-04-2008 12:39:46 »

หายไปไหนเนี่ย!!!

กลับมาต่อด่วน  :angry2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด