INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง  (อ่าน 158744 ครั้ง)

three

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #180 เมื่อ18-02-2008 12:27:09 »

อิจฉาตาร้อน :o12:
  น่ารักจังเลย :L2:

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #181 เมื่อ20-02-2008 21:56:42 »

INTERMEZZO   chapter# 14






         เคนเพิ่งเข้าใจวันนี้เองว่าการรีบร้อนอย่างสุดชีวิตนั้นเป็นอย่างไร  เขารีบร้อนคว้ากุญแจรถคันเก่งวิ่งพรวดออกไปหน้าห้องทามกลางสายตาของพนักงานที่กำลังทำงานในตอนกะเช้า  แล้วออกปากสั่งลมสั่งฟ้า สั่งใครสักคนที่น่าจะได้ยินว่ายกเลิกประชุม  ให้ตายสิ!!เขารีบร้อนจนลืมสูทไว้ในห้องทำงานอย่าว่าแต่เสื้อโค้ตเลย   เคนสบถในใจเมื่อรู้สึกถึงอากาศเย็นยะเยือกเบื้องนอก   โชคดีที่เขาขุดเอาเสื้อแจ๊คเก๊ตสีแดงแจ๋ได้หนึ่งตัวจากท้ายรถ เขาขับรถออกจากRomeไปตามถนนหลวง มุ่งสู้Sienaนี่คงเป็นการไปที่สะดวกที่สุดแล้วเท่าที่เขาจะนึกออก  เสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเขาที่โยนไว้เบาะข้างๆดังขึ้น  คิ้มเข้มขมวดเข้าอย่างหัวเสีย จำต้องลดความเร็วลง แล้วรับโทรศัพท์ด้วยกดให้เสียงที่ปลายสายกระจายออกทางลำโพง

“มีอะไร?”เขาถามเสียงห้วน

“อะไร๊ ทำไมต้องหงุดหงิด”เกรซหัวเราะเสียงใส

“เออน่าคนกำลังรีบ”

“อู้ย คุณชาย จะรีบไปไหนแต่เช้าคะนั่น”

“ไปตามหาคน เลขาหาย  จากromeไปsiena ขับรถด้วยความเร็วสูงสุดได้หรือเปล่า?”คนเชื้อสายอิตาเลี่ยนถามชาวอังกฤษแท้เสียอย่างนั้น

“จะรู้หรอพ่อคุณ ได้ข่าวว่าดิฉันเป็นชาวลิเวอร์พูลตามกำเนิดนะคะ”

“ชิ  ไม่เห็นช่วยอะไรได้เลย”เคนบ่นพึม

“ฉันจะไปรู้หรอ  นายต่างหาก เป็นคนอิตตาเลี่ยนแท้ๆ ยังไม่รู้อีก  ฉันจะโทรมาบอกเฉยๆว่า จะจัดปาร์ตี้สละโสดที่กรุงเทพฯ ประมาณเดือนหน้า กรุณาสับรางตารางอันแน่นเอี๊ยดของคุณชายด้วยนะคะ”

“ไกล”เคนตอบพลางเร่งความเร็ว แซงรถใหญ่คันข้างหน้าที่แล่นช้าไม่ทันใจ

“เท่านั้นใช่ไม๊  แค่นี้นะขับรถอยู่”

“ย่ะ ขับระวังๆล่ะ เดี๋ยวจะลงไปนอนกลิ้งก่อนจะได้เจอคน”เคนรับคำสั้นๆปล่อยให้ปลายสายตัดสายไปเสียเล้วเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้ง




         ภายในเวลาชั่วโมงกับอีกประมาณยี่สิบนาทีในที่สุดเคนก็มาถึงเมืองsienaจนได้ เมืองเล็กๆบนเขาที่ในหน้าร้อนจะมีทุ่งหญ้าสวยงาม  เขาจำต้องทิ้งรถไว้ที่ที่จอดรถนอกเมืองแล้วนั่งรถบัสเข้าไปในตัวเมืองแทน  ทั้งตัวเมืองเต็มไปด้วยอาคารอันสร้างด้วยสถาปัตยกรรมยุคกลาง  ทุกส่วนประกอบงดงามตราตรึงใจ  แต่เคนไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะมาชื่นชมสถาปัตยกรรมและบรรยากาศสงบเงียบนั้น ตัวเมืองที่ไม่ใหญ่นักทำให้เขาเลือกที่จะซื้อแผนที่สักแผ่นแล้วลองเดาสุ่มหาดูว่าคนที่เขาตามหานั้นน่าจะอยู่ที่ไหน  แม้อากาศจะหนาวยะเยือก แต่เคนกลับวิ่งไปตามที่ต่างๆเท่าที่เขานึกได้อย่างบ้าคลั่งมารู้ตัวอีกทีเมื่อหลงอยู่ในตรอกเล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งเขาก็ไม่ทราบว่ามันอยู่ส่วนใหญ่ของแผนที่กันแน่   ท้องเริ่มโอดครวญอุทธรณ์ขออาหาร หนาวก็หนาว หิวก็ยังหิวอีก  เคนคิดอย่างห่อเหี่ยวในหัวใจ  เขาเดินตามกลิ่นหอมของกาแฟไปเรื่อยๆอย่างในลอย  ในสมองคิดอะไรปต่างๆนานา  เขาถามตัวเองซ้ำว่ามาที่นี่ทำไม แต่คำตอบที่ได้ ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าใดนัก   แสงแดดอุ่นอาบไล้มาสัมผัสผิวกายมอบความอบอุ่นให้อย่างช้าๆ   ในที่สุดกลิ่นหอมกาแฟกรุ่นกลิ่นหอมฟุ้งก็ดึงดูดให้เขาเข้าไปนั่งในมุมหนึ่งของคาเฟ่เล็กๆอันจัดพื้นที่ส่วนหน้าร้านไว้กลางแจ้งด้วยโต๊ะเก้าอี้แล้วโทนสีของร้านเป็นสีขาวสมชื่อbianco เขาหวังจะได้กาแฟร้อนสักแก้วเป็นพลังงานผลักดันต่อไป   


“เชิญครับ รับอะไรดีครับ”พนักงานร้านออกมาต้อนรับด้วยภาษาอิตตาเลี่ยนสำเนียงแปร่งเล็กน้อยจนแทบจับไม่ได้

“คาปูชิโน”เขาพูดอย่างส่งๆพลางก้มลงกดโทรศัพท์มือถือง่วน

“ซินญอร์ไปนั่งในร้านดีกว่าไหมครับ เสื้อบางๆอย่างนั้นจะหนาว”เคนเงยห้าขึ้นมองเห็นพนักงานชายร่างสูงสง่า ใบหน้านั้นสุภาพเช่นเดียวกับดวงตาสีสนิมเหล็กหลังแว่นกรอบน้ำตาลไหม้ ชวนให้นึกถึงใครอีกคนที่ตามหา แต่เขามั่นใจว่าไม่เคยรู้จักชายคนนี้ แม้จะรู้สึกถึงความใกล้เคียงบางอย่าง เคนพยักหน้ารับ พนักงานร้านจึงเชื้อเชิญเข้าไปข้างใน

“ซินญอร์โชคดีนะครับ  เราเปิดฮีตเตอร์จนอุ่นไว้เรียบร้อยแล้วพอดี”


         เสียงกระดิ่งจากประตูร้านทำให้พนักงานในเครื่องแบบเสื้อเชิ้ตเรียบๆสีขาวเหมือนฟองนมสวมผ้ากันเปื้อนสีเขียวที่ก้มๆเงยๆอยู่หลังเคาท์เตอร์รีบตะโกนต้อนรับเป็นภาษาอิตตาเลี่ยนชัด  พนักงานร้านอีกคนหนึ่งร่างสูงใหญ่เดินสวนกันส่งยิ้มให้เขาน้อยๆ แม้ใบหน้านั้นจะดูเหมือนถมึงทึงเหยียดริมฝีปากมากว่ายิ้มก็ตาม  เคนเลือกนั่งมุมหนึ่งที่ติดหน้าต่างนอกร้านอันมีแสงอาทิตย์ส่องผ่านเข้ามา เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น พลางกดมือถือต่อไปหาชื่อที่บันทึกไว้ว่าmadre(*แม่)





         โดลเชกลับถึงบ้านหลังเวลาร้านเปิด  ครอบครัวของเขาแต่เดิมบิดาเป็นนายธนาคารเคยทำงานที่Romeต่อมาเกษียณตัวเองกลับมาอยู่บ้านเกิดที่Sienaแต่ถึงกระนั้นก็ยังคงเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินให้ตระกูลแอนิโมโตเรื่อยมา ส่วนมารดาเป็นนักร้องโอเปร่าเสียงโซปราโนชาวฝรั่งเศส การแต่งงานทำให้เธอเบื่อหน่ายการเป็นเม่บ้านจึงเปิดคาเฟ่เล็กๆบริเวณจตุรัสPiazza del Campo เป็นกิจการครอบครัว   โดลเชมีพี่ชายสองคน  คนโตเป็นนายทหารมียศของกองทัพ ส่วนคนรองเป็นนายธนาคารหนุ่มทำงานอยู่ที่ฟรอเรนซ์  นี่เองจึงเป็นปัญหาที่แม่บังคับให้โดลเชออกจากงานเลขาให้คุณชายตระกูลแอนิโมโต  ที่เธอเห็นว่าไม่มีอนาคต และอยู่ไกลบ้านโดยไม่จำเป็น   พี่ชายคนโตของเขาเดินเข้ามาที่เคาท์เตอร์ไม้สีเข้มยกเครื่องดื่มร้อนๆที่ลูกค้าสั่งเตรียมจะไปเสิร์ฟในขณะที่พี่ชายคนรองกำลังกระเซ้าเย้าแหย่น้องคนสุดท้องที่กำลังรีบทำกาแฟคาปูชิโนตามที่พี่ชายรับออเดอร์มาให้

“วันดีคืนดีเลขาคนขยันทำไมอยู่ๆกลับมาบ้านเสียล่ะ”พี่ชายผู้สวมแว่นสีน้ำตาลไหม้รับกับดวงหน้าออกปากเย้าแหย่เป็นภาษาฝรั่งเศส  ภาษาที่มักใช้เสมอเมื่อพูดกันในครอบครัว

“ยุ่งจริง ไม่กลับก็บ่น กลับก็ประชดประชัน”น้องชายวางครัวซองชิ้นสวยลงบนจานเซรามิคที่ปูรองด้วยกระดาษฉลุลายละเอียดงาม

“ไม่เอาน่า มีเรื่องมาล่ะสิ” ดวงตาคล้ายกันซุกซน พลางนึกไปถึงชายดวงหน้าคมสันหล่อเหลา เจิดจ้าด้วยดวงตาสีมรกตคู่งามที่ด้านนอก จะใครล่ะ เจ้านายของน้องเขามาตามน่ะสิ!

“ไม่มี  เอาไป!!” โดลเชส่งอาหารที่จัดตามออเดอร์ให้พี่ชายนำไปส่ง  พี่ชายคนรองยักไหล่ทีหนึ่งก่อนจะรับออกไปเสิร์ฟ สวนกับพี่ชายคนโตแล้วกระซิบกระซาบกัน

“กระซิบอะไร!!!”เสียงน้องชายคนเล็กตวาดลั่นครัว ทำให้ลูกค้าภายในตัวร้านหันมองกันเป็นการใหญ่

“เบาๆ ลูกค้ามองกันใหญ่แล้ว”พี่ชายคนโตดุพลางตบหัวน้องชายอย่างปลอบประโลม  แล้วหยิบเครื่องดื่มร้อนๆออกไปเสิร์ฟต่อที่ชานร้านด้านนอก โดลเชเหลือบมองกาแฟคาปูชิโนที่แน่นิ่งไม่มีใครยกไปเสิร์ฟอย่างหงุดหงิด ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปเสิร์ฟเองโดยให้ลูกมือทำหน้าที่แทนตน

“ว่าจะมาเอาไปอยู่เชียว ออเดอร์โต๊ะ13”พี่ชายคนรองบอกพลางยักคิ้วหลิ่วตา โดลเชส่งกาแฟในมือให้พี่ชายคนรองรับ

“เสิร์ฟเอง ในครัวยุ่ง”

“โอ๋ๆ  อารมณ์ไม่ดีๆ”โดลเชเดินกลับไปวุ่นวายกับออเดอร์ตามเดิม









“madre”เคนเรียกคนที่ปลายสายที่ตอบกลับมาด้วยเสียงใสแจ๋ว

“ว่าไงคะคุณลูกชาย”

“แม่ บ้านโดลเชที่seinaอยู่ตรงไหนครับ?”

“อะไร๊ มาถามอะไรเอาป่านนี้  ร้อยวันพันปีไม่เห็นเคนสนใจว่าบ้านใครอยู่ไหนบ้านวันนี้เป็นอะไร”

“เอาน่าบอกมาเถอะ”ลูกชายชักไม่อยากต่อปากต่อคำ

“จะไปหาคนไปที่ร้านดีกว่า ร้านอยู่แถวจตุรัสนั่นแหล่ะ จะไปเมื่อไหร่ล่ะ ฝากของไปให้บ้านนั้นด้วยวันก่อนเอาขนมมาฝากเยอะแยะ ที่เรากินแล้วบอกอร่อยนั่นแหล่ะ เขาทำเอง”

“แล้วตกลงร้านไหนละครับ แถวนี้มีตั้งหลายร้าน”เคนพูดพลางห่อกายด้วยความหนาว  แม้ในร้านจะอุ่นกว่าข้างนอกมาก แต่เขายังปากเขียวตัวสั่น จะไม่สั่นได้อย่างไร ในเมื่อวิ่งปุเลงๆไปรอบเมืองโดยไม่มีเสื้อที่สามารถให้ความอุ่นแก่ร่างกายได้

“ร้านชื่อLe Blanc”เคนได้ปากกาหนึ่งด้ามจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตแล้วคว้ากระดาษทิชชูจากบนโต๊ะมาจด พลางนึกแปลกใจไปว่าทำไมชื่อร้านเป็นภาษาฝรั่งเศษทั้งที่ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าแก่ของอิตตาลี

“แน่ใจนะว่าถูกร้านนะครับ ทำไมชื่อไม่เป็นภาษาอิตตาเลี่ยน”

“เจ้าของร้านเป็นคนฝรั่งเศสนะคะคุณลูกชาย ลองถามคนแถวนั้นดูน่าจะรู้  แค่นี้นะคะคุณลูกชาย Madreจะขึ้นเครื่องแล้ว”

“ครับๆ”  เคนว่างโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ พอดีกับพนักงานร้านนำกาแฟร้อนวางลงตรงหน้าเขาอย่างสุภาพ เคนแค่เหลือบตาขึ้นมองกาแฟว่าได้ตามที่เขาสั่ง

“วัวซี Café  เมอซิเออร์”พนักงานร้านพูดเป็นภาษาฝรั่งเศสทำให้เคนเงยหน้าขึ้นอย่างงงๆ ใช่ว่าเขาไม่มีความรู้ด้านภาษาฝรั่งเศส  แต่เขายังสงสัยอยู่ว่า เหตุใดพนักงานคนนี้ถึงพูดภาษาฝรั่งเศสแทนภาษาอิตตาเลี่ยนทั้งที่หน้าเขาก็ออกชัดว่าอิตตาเลี่ยน

“แมซี เบียง”เคนตอบแล้วกุมแก้วกาแฟไว้ให้ความอุ่นกับร่างกาย พนักงานร้านจึงเดินจากไป  แล้วดินกลับมาพร้อมครัวซองค์ชิ้นสวย

“ปูร์ มัว? ผมไม่ได้สั่ง”(*สำหรับผมหรือ?)

“บริการพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวผู้หิวโหยครับ”พนักงานร้านยิ้มพลางก้มศีรษะลงเล็กน้อยสง่างามแล้วเดินจากไป เคนจึงรับมาอย่างงงๆ ก่อนจะลองชิมดูแบบกล้าๆกลัวๆ   ด้วยความหิว ทำให้เขาทานทั้งครัวซองค์หอมๆและกาแฟร้อนๆหมดในเวลาไม่นานนัก  พลันสายตาเขาเห็นสัญลักษณประจำร้าน ที่ประทับชื่อร้านอยู่หราด้วยสีเขียว


Le Blanc หมายถึง Bianco แปลว่าสีขาวเหมือนกัน  เขานี่โง่ชะมัด!!!!!









         ธีรธรกลับกรุงเทพฯ ตามที่พิรุณายืนยันให้พากลับทั้งที่ตัวเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำด้วยกันทั้งคู่  เขาจึงยอมขับกลับมาแต่จากเวลาแล้วคงไม่สะดวกนัก หากจะพาพิรุณไปส่งที่บ้านปอง  เขาจึงตัดสินใจพาพิรุณากลับมาบ้านของเขาเอง  บ้านชานเมืองกรุงทเพฯยามดึกสงัด มีเพียงเสียงแมลงกลางคืนร้องระงมอยู่ตามพงหญ้าและต้นไม้  ธีรธรลงไปเปิดประตูรั้วใหญ่ด้วยตนเอง แล้วขับเข้าไป  บ้านขนาดไม่ใหญ่หลังหนึ่งปรากฏขึ้นหลังเงาไม้  โดยมีทางโรยกรวดหยาบสีขาวนำไปสู่ตัวอาคารทรงปั้นหยาที่ยังคงอยู่ในสภาพดีเหมือนครั้งเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ทำให้พิรุณาตื่นเต้นที่จะได้เห็นข้างในเร็วๆ ทันทีที่ธีรธรจอดรถดับเครื่องยนต์สนิทเขารีบวิ่งมาเปิดประตูอีกข้างให้ทันที พร้อมทั้งยื่นมือไปช่วยพยุงพิรุณาให้ลงจากรถที่ค่อนข้างสูงได้สะดวกขึ้น

“เข้าบ้านกันเถอะ”ธีรธรพูดเบาๆ  ดวงตาสีม่านราตรีสบกับดวงตาสีน้ำตาลแดงสื่อความหมายพลางบีบกระชับมือพิรุณาเบาๆ

“เดินระวังนะ ตรงนี้มีบันไดหน่อย”ธีรธรจับจูงมือบางอย่างถนอมราวกลัวจะแตกหัก   พิรุณาซ่อนรอยยิ้มไว้ในความมืดยามค่ำคืน  ภายในบ้านตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยเครื่องเรือนทันสมัยที่เข้ากับความคลาสสิคของตัวอาคารได้อย่างลงตัวด้วยโทนสีสบายตา      

“รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ เดี๋ยวไม่สบาย  ต้องทานยาด้วยนะ”

‘ผมเป็นคนหัวแข็ง  ไม่เป็นไรอยู่แล้ว’

“เดี๋ยวเป็นหวัดจะหัวเราะเยาะให้เลย”ธีรธรพูด ก่อนจะจามติดต่อกันหลายครั้ง   มือนวลๆเย็นสัมผัสใบหน้าคนตัวสูงกว่าแผ่วเบา

‘คุณนั่นแหล่ะที่จะไม่สบาย’

“เอาอย่างนี้ไหม ข้างบนในห้องผมมีห้องน้ำอีกห้อง พิรุณาอาบห้องนั้นแล้วนอนห้องผม  แล้วเดี๋ยวผมมาอาบข้างล่าง เอ๊ะ หรือจะอาบด้วยกันเลย”ธีรธรทำหน้าทะเล้นแต่พิรุณาเงื้อกำปั่นจะทุบเข้าให้

‘ทำมาเป็นตลก’

“ล้อเล่น อย่าเคืองสิครับ”ธีรธรยิ้ม  ก่อนจะประทับรีมผีปากอุ่นๆลงบนหน้าผากเนียนพิรุณายิ้มบางเบาที่มุมปาก

“ยิ้มกว้างๆสิครับ  ยิ้มนิดเดียวให้ไปเดาเอาเองอยู่เรื่อย  ยิ้มกว้างๆน่ารักออก ยิ้มให้ดูหน่อยนะ  เอากว้างๆเลย”

‘ไม่เอา อยากอาบน้ำ’พิรุณาหันหน้าหนีเอาดื้อๆ ธีรธรจึงเลิกเล่น พอพิรุณาเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน  ห้องน้ำขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก เครื่องสุขภัณฑ์ดูเป็นของโบราณ หากแต่ใช้ได้ดีทุกชิ้นทำให้พิรุณาทึ่ง  ดูเหมือนบ้านหลังนี้ จะน่ามองไปเสียหมด ทั้งภายนอกภายใน แต่ไม่รวมเจ้าของบ้าน

“อย่าล็อคประตูนะ อาบเสร็จแล้วเปลี่ยนเป็นชุดนี้เล้วถอดชุดเก่าไว้ในห้องน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวจะเอาไปซักให้” ธีรธรพูดก่อนจะส่งเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดประตู้ห้องอาบน้ำให้

         พิรุณาอาบน้ำล้างกลิ่นเค็มจากทะเลออกจากตัว พลางนึกอย่างขำขันว่าตนเพิ่งผ่านการดองเค็มมาสดๆร้อนสินะ  เขาปิดฝักบัวแล้วก้าวออกจากอ่างอาบน้ำพลางเช็ดหัวเช็ดตัวให้แห้งหมาด  มือเนียนหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาสวมอย่างประหลาดใจ  เพราะเสื้อผ้าทุกชุด ดูเหมือนจะเป็นขนาดที่พิรุณาใส่ได้พอดิบพอดีทุกชิ้นไป ทั้งกางเกงขาสั้นบานๆนี่ยาวถึงเข่า เอวก็พอดี  เสื้อยืดสีเหลืองๆนี่ก็ใส่ได้อย่างสบาย  พิรุณาเก็บข้อสงสัยไว้แล้วเดินออกจากห้องน้ำ  ที่หน้าต่างบานใหญ่ภายในห้องอันมืดสลัว ธีรธรยืนหันหลังให้กำลังมองออกไปเบื้องนอก จากการแต่งกายด้วยกางเกงแพร และเสื้อคอป้านสีขาวทำให้เขาทราบว่าธีรธรอาบน้ำแล้วเรียบร้อยเช่นกัน

‘เสื้ออย่างนี้เรียกว่าอะไร?’ธีรธรชี้ที่เสื้อตัวเองตามท่าทางของพิรุณา

“อ้อ เสื้อคอพวงมาลัยน่ะ ใส่นอนสบายดี”ธีรธรจับมือบางหงายฝ่ามือขึ้นอย่างสุภาพ แล้วลากปลายนิ้วลงไปเพื่อเขียนให้พิรุณาทราบ

‘เกี่ยวอะไรกับพวงมาลัย?’พิรุณาขมวดคิ้วสงสัย  ธีรธรจิ้มนิ้วลงหว่างคิ้วทั้งสอง

“ไม่เอา อย่าหน้านิ่วคิ้วขมวด  ขมวดคิ้วแล้วหน้าเหมือนกระต่ายท้องผูก”พิรุณายกมือคลำหน้าผากตน ธีรธรยิ้มพลางดึงแขนพิรุณาไปยังเตียง

“นอนเถอะ จะเช้าแล้วนะ”พิรุณาพยักหน้าแล้วยอมนอนแต่โดยดี เพราะง่วงและเหนื่อยมากแล้ว  ธีรธรห่มผ้าให้จนถึงคอ  ดวงตาสีน้ำตาลมองทุกการกระทำอ่อนโยนนั้นโดยไม่ละสายตา  มือใหญ่แข็งแรงคลี่ผ้าห่มห่มให้อย่างเบามือ  เมื่อปิดไฟหัวเตียง ห้องทั้งห้องจึงตกอยู่ในความมืด แสงจันทร์อันอ่อนล้าด้วยเมฆใหญ่น้อยค่อยบั่นทอนแสงจันทร์กระจ่างให้มัวแสง ธีรธรตรวจดูความเรียบร้อยในห้องอีกครั้งเพื่อให้พิรุณาพักผ่อนอย่างสบายก่อนจะเดินพละออกไป  แรงยื้อจากชายเสื้อทำให้เขาหันไปมอง

“มีอะไรหรือครับ?”

‘คืนนี้จะนอนที่ไหน?’ดวงตาสีน้ำตาลแดงแสดงความเป็นห่วงออกมาอย่างไม่ปิดบัง  หัวใจของธีรธรพองฟูขึ้นคับอก

“นอนที่ไหนก็ได้  คุณนอนเถอะ เหนื่อยมากแล้วนะ”

‘ถ้าไม่มีที่นอน นอนที่นี่ก็ได้ เตียงออกจะกว้าง’ธีรธรวางมือตนลงเหนือมือนวลบาง

“อย่าเลย นอนเบียดกันเดี๋ยวจะไม่สบายตัว หลับไม่สนิทเอาเปล่าๆ?”

‘แต่นอนคนเดียวมันออกจะเหงานะ’ดวงตาสีน้ำตาลแดงนั้นช่างน่าหลงใหลเหลือเกิน  จนธีรธรอดไม่ไหว  คุกเข่าลงข้างเตียงแล้วชะโงกตัวไปจุมพิตหน้าผากเนียนอย่างเอ็นดู  ได้ยินเสียงใจตัวเองเต้นตุ้มๆต่อมๆ

“อย่ามายั่วนะ”พิรุณายิ้ม นัยน์ตาคู่สวยฉายประกายร้าย ทำลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้

‘เพราะไว้ใจว่าคุณธี ว่าจะไม่ทำอะไรไม่ถูกไม่ควร  จริงไหม?’ แม้ความมืดจะครอบงำเหลือเพียงแสงสาดสลัว แต่ธีรธรสังเกตได้ว่าพิรุณายิ้มอย่างที่ธีรธรเห็นว่า ‘ร้ายๆ’ มันน่าตีนัก พิรุณาแม้บางครั้งจะดูไร้เดียวสา แต่เนื้อแท้ ร้ายเดียงสาไม่เบา  ดวงตาสีสวยนั้นแหล่ะ เป็นกับดักชั้นยอดที่ทำให้เขาตกปากรับ!

“ครับๆ”และสุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้ให้กับดวงตาสุกใสคู่นั้น แม้จะรู้อยู่เต็มอกแล้วว่า เจ้าของดวงตานั้น แอบร้ายไม่ใช่เล่น

นี่เท่ากับว่าพิรุณาได้ทำหลักประกันให้ตัวเองแล้วว่า ธีรธรจะไม่ได้แตะต้องหยาดฝนแสนหวานจนกว่าจะถึงวันที่ความร้อนแห่งห้วงรักจะหลอมละลายละอองน้ำแห่งพระพิรุณาให้ระเหยไปพร้อมกับความอบอุ่นอ่อนโยนและห้วงเวลาอันน่าภิรมย์เกินห้ามใจ
------------------------------------------------------------------------------------------------------
คนโพสขอตัวไปฉีดอินซูลิน(เขียนงี๊ป๊ะ)เข้าเส้นก่อนนะครับ
ไม่ไหวและ :o8:

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #182 เมื่อ20-02-2008 22:24:06 »

อ้างถึง
นี่เท่ากับว่าพิรุณาได้ทำหลักประกันให้ตัวเองแล้วว่า ธีรธรจะไม่ได้แตะต้องหยาดฝนแสนหวานจนกว่าจะถึงวันที่ความร้อนแห่งห้วงรักจะหลอมละลายละอองน้ำแห่งพระพิรุณาให้ระเหยไปพร้อมกับความอบอุ่นอ่อนโยนและห้วงเวลาอันน่าภิรมย์เกินห้ามใจ

อ่ะนะตายไปเลย........ :o8:

myLoveIsYOu

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #183 เมื่อ21-02-2008 00:16:50 »

หวานกันจัง หวานจนเลี่ยนเลย  :oni2: :m1:

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #184 เมื่อ21-02-2008 02:20:52 »

อ้างถึง
'แต่นอนคนเดียวมันเหงานะ'

อ่านถึงท่อนนี้ตายไปเลย :m25:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #185 เมื่อ21-02-2008 10:31:47 »

แหม พิรุณาร้ายยยยยยยยยยยยยยยย ใช่ย่อย

Bizcuit

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #186 เมื่อ21-02-2008 20:26:38 »

สนุกมาก ๆ เลยครับ  และเราก็รอให้คนแต่งมาลงต่ออยู่นะ 

อัพเร็ว ๆ นะครับ

ระหว่างรอก็ขอวิ่งเล่นในเล้าหน่อยแล้วกัน

 :oni1:  :oni1:  :oni1:  :oni1:

วิ่งไปวิ่งมาก็บังเอิ๊ญ บังเอิญ 

อุ๊บส์  ซวยแระ  กำจิง ๆ

 :เตะ1:  :เตะ1:  :เตะ1:  :เตะ1:

ไปเหยียบโดนใครเข้าก็มะโร้  ซะงั้น 

ก็เลย 

 :o12:  :o12:  :o12:  :o12:

ขอชิ่งก่อนละนะคร๊าบบบ  บ๊ายบาย

 :bye2:  :bye2:

ออฟไลน์ ErosAmor

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 851
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #187 เมื่อ22-02-2008 19:23:07 »

หวานจังเลย >< :m1: พิรุณาแอบร้ายนะเนี่ย

ว่าแต่ทำไมเสื้อผ้ามันพอดีตัวเลยอ่ะ สงสัยเหมือนกันนะเนี่ย  o12

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #188 เมื่อ25-02-2008 14:03:38 »


         

         โดลเชเดินออกจากครัวหลังเวลาร้านปิด คืนวันศุกร์ ร้านจะปิดในช่วงสี่โมงเย็นถึงหนึ่งทุ่มครึ่ง เพื่อปรับร้านใหม่ให้กลายเป็นคลับขนาดย่อมรองรับเหล่านักท่องเที่ยวและชาวเมืองที่ต้องการพักผ่อนหย่อนใจด้วยเสียงเพลงแจ๊สหรือเพลงคลาสสิคเบาๆ  แต่ที่ขึ้นชื่อของร้านเห็นจะเป็นนักร้องโอเปร่าเสียงใสผู้ควบหน้าที่เจ้าของร้านและนักร้องประจำไปด้วยในตัวและดินเนอร์รสเลิศในราคาย่อมเยาว์   โดลเชกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณร้านเพื่อตรวจความเรียบร้อย โต๊ะสีขาวบัดนี้ถูกเลื่อนออกไปล้อมเป็นวงกลมให้เหลือพื้นที่กลางร้าน อันมีเวทีขนาดย่อมสำหรับการแสดงเล็กๆและกลุ่มนักดนตรี   ลูกมือในร้านหลายคนกำลังช่วยกันจัดโต๊ะอย่างขยันขันแข็ง รวมถึงพี่ชายทั้งสองของเขาที่กำลังพูดคุยกันเป็นภาษาฝรั่งเศสอยู่ไกลๆ   แต่ลูกมือร่างสูงโพกศีรษะด้วยผ้าสีขาวเบี้ยวๆแผกจากพนักงานคนอื่นที่แต่งกายเรียบร้อยทำให้โดลเชขมวดคิ้ว เพราะท่าทางเก้งก้างไม่ทะมัดทะแมงในการจัดโต๊ะเป็นที่รำคาญตาท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของลูกมือหญิงที่แอบกระซิบกระซาบกัน

“มาใหม่หรือ?”  โดลเชถามพลางหยิบมีดขยับให้เข้าที่ ก่อนจะแตะแก้วบอบบางให้เรียงตัวเข้าที่สวยงาม พนักงานใหม่รีบก้มหน้างุด

“ครับ  คุณซีแอลเพิ่งให้ผมเข้ามาฝึกงานวันนี้”โดลเชขมวดคิ้วยุ่งยากใจพลางนึกต่อว่าพี่ชายในใจ  และยิ่งหงุดหงิดขึ้นอีกกับท่าทางการพับผ้ากันเปื้อนที่ช้าและไร้ซึ่งความสวยงามของพนักงานหัดใหม่

“ใครเป็น คนรับผิดชอบสอนงานคุณ?”โดลเช่พูดพลางแย่งผ้ากันเปื้อนนั้นมาสะบัดให้แผ่ออกเป็นผืนกว้างก่อนจะพับใหม่เสียเองอย่างคล่องแคล่ว

“พับแบบนี้ รูดจีบให้เป็นยอดแหลมก่อน ค่อยกาง แล้ววาง”

“คุณโดลเช่ครับ”โดลเช่เงยหน้าขึ้นมองเด็กหัดใหม่ แล้วตกตะลึงพูดไม่ออกเพราะดวงหน้าคมสันนั้นคุ้นตาเหลือเกิน คุ้นจนน่าตกใจ!!!!

“คุณเคน!!”

“คุณโดลเช่เป็นคนสอนงานผมครับ”ดวงตาสีมรกตมองเลขาของตนพลางยิ้มเจ้าเล่ห์

“ซอแลล ซีแอล มานี่เดี๋ยวนี้นะ!!”เสียงตวาดอย่างตื่นๆเป็นภาษาฝรั่งเศสของโดลเช่ทำให้พี่ชายทั้งสองที่กำลังไหวตัวหนีไม่ทัน พี่ชายคนรองหัวเราะร่วนสะใจที่แผนร้ายแผนรักสำเร็จจนได้

“ใครพาเข้ามาทำงานในร้าน” 

“พี่เอง”ซอแลลพี่ชายคนโตกล่าวเสียงเบา ทั้งที่จริงๆแล้วเป็นแผนของซีแอลพี่ชายคนกลางต่างหาก  เมื่อเห็นว่าเป็นพี่ชายคนโต โดลเช่จึงยอมลงให้  แม้จะยังไม่พอใจอยู่มาก

“ถ้าคุณแม่รู้ต้องโกรธมากแน่”

“จะโกรธทำไม  มีพนักงานหน้าตาดีๆอย่างนี้สิ ลูกค้าจะได้เข้าร้านเยอะ” หญิงวัยกลางคนที่ดวงหน้าอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงทำให้ทุกคนในร้านหันไปมอง  ลูกชายทั้งสามเข้าไปกอดมารดาของตน 

“บองชูว์ ซินญอร์แอนิโมโต”เคนก้าวเข้าไปใกล้ ก่อนจะรับมือนุ่มของหญิงสูงวัยมาสัมผัสริมฝีปากลงไปอย่างฉาบฉวย พลางยิ้มน้อยๆ เขาจำได้ว่า หญิงสูงวัยคนนี้เคยไปเยี่ยมบ้านเขาหลายครั้ง  เพียงแต่นานแล้วที่เขาไม่ได้พบต่อหน้าเช่นนี้

“ไม่พบกันนานนะครับ คุณแม่สบายดีไหมครับ”โดลเชตวัดสายตามองคนพูดอย่างขุ่นเคือง

“แหม สบายดีค่ะ เมื่อเที่ยงเพิ่งทราบว่าซินญอร์แอนิโมโตจะมา ไม่นึกว่าจะถึงเร็ว”

“อ่อครับ  มาหลงอยู่พักใหญ่”

“อย่างไรเสีย คงไม่สะดวกถ้าจะขับรถกลับโรมคืนนี้  ค้างที่นี่ก็ได้นะคะ โดลเชคืนนี้นอนเฝ้าร้านอยู่แล้ว”โดลเชมองมารดาตนพลางคิดไปถึงห้องพักขนาดไม่ใหญ่นัก อันเป็นที่หลับที่นอนจำเป็น เนื่องจากตนกลับบ้านอย่างฉุกละหุก ห้องนอนที่บ้านจึงไม่พอ เนื่อจากมีญาติจากฝรั่งเศสมาพักด้วยอีกหลายคน

“โดลเชคงไม่ขัดข้องจริงไหมจ๊ะ?” จะขัดข้องได้อย่างไร ในเมื้อสายตาละม้ายบุตรชาย ส่อประกายจริงจัง มิให้เขาบิดพริ้ว

“ได้ครับ ยังมีเตียงว่างอีกเตียง  หวังว่าซินญอร์แอนนิโมโตจะนอนได้”

“ผมไม่เกี่ยงหรอกครับ อยู่ง่าย กินง่าย นอนง่าย  แต่เจ้าของเขาจะอยากเลี้ยงหรือเปล่านี่ไม่แน่ใจ”เคนพูดประโยคหลังเบาๆพลางหันไปสบกับนัยน์ตาสีเขียวอมเทา ดวงหน้าขาวนั้นรีบเบือนหนีทันทีแกล้งไม่รับรู้


         ในร้านช่วงหัวค่ำวุ่นวายมากเสียจนเคนไม่ได้คุยกับโดลเชเลย  เพราะโดลเชเดินไปมาและทำงานตลอด ในขณะที่เขาไม่ว่าหยิบจับงานอะไรดูเหมือนจะสร้างความวุ่นวายให้เสียมากกว่า จากงานง่ายๆอย่างล้างจาน ก็กลายเป็นทำจานแตก เสิร์ฟอาหารก็ยิ่งแย่ เพราะทำอาหารหกใส่ลูกค้า  หรือแม้แต่งานต้อนรับลูกค้า จะไปต่อยกับลูกค้าเสียนี่  ดังนั้นงานที่ดีที่สุดที่ซีแอล พี่ชายของโดลเชเสนอจึงเป็นงานที่ดูจะเข้ากับเขาที่สุดแล้ว   
         เคนเดินขึ้นบนเวลาทียกพื้นเตี้ยๆอย่างมั่นใจ โดยมีอาวุธคู่กายเป็นเชลโล่ แม้จะไม่ใช่ตัวโปรด  และสภาพของมันนั้นก็ก่ำคร่ำคร่าจนน่าหวั่นว่าจะพังคามือแต่เสียงนั้นไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เลยแม้แต่น้อย เคนยิ้มเป็นมิตรให้ทุกคนอย่างกว้างขวาง  ท่ามกลางเสียงปรบมือเป่าปากต้อนรับ เมื่อเสียงปรับมือนั้นเบาบางลงจึงเริ่มบรรเลง  เสียงเชลโล่ทุ้มหากกังวาลดังขึ้นตามการสีของเคน  ท่วงทำนองอ่อนเอื่อยไหลลื่นชวนให้เพลิดเพลิน  โดลเชลอบมองคนบนเวทีพลางเสิร์ฟอาหารก่อนจะละความสนใจไปจดจ่ออยู่กับการควบคุมรายการอาหาร และออกเสิร์ฟเองบ้างเล็กน้อย  เสียงเพลงที่แปลเปลี่ยนไปทำให้โดลเชกลับไปสนใจเสียงนุ่มนวลนั้นอีกครั้ง  คราวนี้ทำนองโศกอันคุ้นเคยทำให้โดลเชถึงกับละมือที่ทำอยู่   เสียงโหยไห้ของเชลโล่ทำให้ใจของโดลเชเต้นแรงอย่างน่ากลัว

A Time For Us  .....จะมีจริงๆนะหรือ


         



         เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าเป็นเสียงเพลงประกอบภาพยนต์เอเชียเรื่องหนึ่งทำให้ปองสะดุ้งตื่นจากห้วงฝัน  มือควานหาโทรศัพท์เจ้าของเสียงร้องที่สั่นครืดคราดอยู่บนฟูกนอน   ปองยกมือเสยผมอย่างหงุดหงิด  ดวงตาหรี่ปรือนั้นมองหมายเลขที่โชว์บนหน้าจอ อันแสดงว่าโทรมาจากต่างประเทศ  ปองหลับตาลงอีกครั้งก่อนจะตัดใจกดรับสาย

“ครับ”ปองเลือกจะขานรับอย่างสั้นที่สุดพลางเงี่ยหูฟังปลายสายที่เงียบอยู่นานกว่าจะพูด

“ปองครับ...ผมเองนะ”เสียงที่ปลายสายนั้นทำเอาปองกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง ดวงตากลมโตเบิกกว้าง นึกขานชื่อคนๆหนึ่งออกมาเป็นเพียงลมแผ่วเบาบนริมฝีปาก

“ผมพีทนะ ขอโทษที่รบกวนเวลาคุณ   คุณไม่ต้องพูดอะไรก็ได้  แต่ผมอยากให้คุณฟัง”ปองรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีเสียงให้เปล่งถ้อยคำใดๆ ได้แต่ฟังเสียงที่ปลายสายอย่างเงียบๆ

“ปอง ผมมีของอย่างหนึ่งจะให้คุณ ผมอยากให้คุณแค่รับ และรู้ว่าผมเป็นคนมอบให้ คุณจะเก็บมันไว้ หรือโยนทิ้งไปก็ได้....”

“ผมคงอยู่เมืองไทยอีกสักครึ่งเดือน ถ้าคุณรีบคุณส่งแอร์เมลล์มาจะถึงเร็วกว่า”ปองพูดอย่างคนหาเสียงไม่เจอ มันแหบแห้ง ฟังดูแห้งแล้งจนแม้แต่ปองยังนึกแปลกใจ

“ไม่ได้หรอก มันใหญ่เกินกว่าจะส่งไปได้”ดวงหน้าละม้ายพี่ชายแย้มริ้มฝีปากนิดๆ ในอีกซีกโลกหนึ่งที่ไกลกันเหลือเกิน

“อ่อ ถ้าอย่างนั้นคุณรอหน่อยแล้วกันนะครับ ถ้าของนั่นสำคัญมาก ผมจะไปรับหลังจากกลับไปที่โน่นแล้ว”

“ผมรอได้”พีทกล่าวเบาๆ ดวงตาทอดมองไปยังพื้นเบื้องล่าง

“แต่ผมใจร้อน เอาเป็นว่าผมจะเอาไปให้ที่สนามบินวันที่คุณกลับมานะครับ”

“ไม่สะดวกคุณหรือเปล่า?”น้ำเสียงที่ผ่านสาย ชุ่มชื่นหัวใจอย่างน่าประหลาด แม้มันจะเป็นเพียงคำถามธรรมดาทั่วๆไป

“ไม่หรอกครับ ไม่ลำบากอะไร”ความเงียบปกคลุมคนทั้งสอง  เสียงขานเรียกนายแพทย์ดังลอดเข้ามาในโทรศัพท์ ค่อนข้างชัด

“คุณไปเถอะ เขาประกาศเรียกคุณแน่ะ”

“ครับ ขอบคุณนะครับ แล้วผมจะรอวันที่คุณกลับมา”แพทย์หนุ่มกดวางสายพลางยิ้มน้อยๆ



ขอบคุณความงดงามของความเจ็บปวดที่หล่อหลอมหัวใจ
ขอบคุณห้วงเวลาทุกข์ทนที่บีบคั้นจิตใจ
ขอบคุณหัวใจที่สัตย์ซื่อต่อความรัก
และขอบคุณความดื้อดึงที่ทำให้เขายังสลักรักมั่นในหัวใจ
ขอบคุณมากครับปอง......










         ร้านปิดแล้ว รอบกายมีเพียงเสียงกระทบกันของเครื่องแก้วที่กำลังถูกล้างเก็บ คลอไปกับเสียงเพลงแจ๊สเบาๆอ่อนหวานจากเครื่องเสียงตัวเล็กในครัวที่พนักงานร้านซึ่งกำลังช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาดร้านเปิดทิ้งไว้  ไฟในร้านสีนวลตาถูกหรี่ลงจนดับสนิท เหลือเพียงดวงเดียวส่องแสงสว่างรำไร พนักงานร้านค่อยทยอยกันเข้ามารับเงินจากการแบ่งทิปและค่าแรง ก่อนจะลากลับไปหลังจากงานที่ตนรับผิดชอบหมดลง พี่ๆและมารดาของโดลเชกลับไปนานแล้วตั้งแต่ก่อนร้านจะถึงเวลาปิดเล็กน้อย  จนตอนนี้เหลือเพียงเคนและโดลเชเท่านั้น   เคนมองคนนั่งตรงข้ามอย่างเพลินตา มือขาวๆนั้นจรดดินสอเขียนตัวอักษรลงไปอย่างเป็นระบบระเบียบด้วยลายมือคคุ้นตาอย่างที่เขามักเห็นเสมอในสมุดบันทึก  ดวงหน้าซีกหนึ่งที่แสงตกต้อง ทำให้เขาเห็นว่าโดลเชกำลังตั้งใจทำงาน

“นี่ใจคอคุณจะไม่คุยกับผมหน่อยหรอ?”มืองขาวบางๆนั้นยังคงขีดเขียนพลางกดเครื่องคิดเลขคำนวนบัญชีต่อไป

“ไม่เอาน่า เงยหน้ามาพูดกันก่อน ไม่นานหรอก”เคนอ่อนอกอ่อนใจกับท่าทีราวหูทวนลมนั้น เขาเอื้อมมือไปยื้อสมุดบัญชีที่โดลเชเขียนจนปลายดินสอขีดกระดาษเป็นเส้นยาว

“ทำอะไร!!”โดลเชว่าเข้าให้ พลางแย่งสุดบัญชีกลับมา แล้วลบรอยขีดยาวนั้นออก

“สมน้ำหน้า!”เคนเยาะ โดลเชจึงวางดินสอลงแรงๆ ดูเหมือนการที่โดลเชอยู่ในที่ของตนเองทำให้นิสัยส่วนตัวที่เคนไม่เคยเห็นนแสดงออกมาให้เห็นเด่นชัด ว่าแท้จริงโดลเช ค่อนข้างเอาแต่ใจ แต่เรื่องเจ้ากี้เจ้าการนั้น เคนรู้จนซึ้งมานานแล้ว

“นี่  ไม่สงสัยบ้างหรือว่าผมมาถึงที่นี่ทำไม”

“อยากกินกาแฟเคล้าลมหนาวมั้ง!”โดลเชกระแทกเสียง แล้วนั่งกอดอกหลังตรง ดวงหน้าชักเริ่มงอง้ำ

“ไม่ใช่”เคนกอดอกนั่งหลังตรงบ้าง หากแต่ดวงหน้าคมสันยิ้มพราว

“แล้วยังไง?” โดลเชคลายวงแขนมาวางบนโต๊ะข้างหนึ่ง  อีกข้างวางศอกเท้าพนักเก้าอี้

“ก็มาตามลูกจ้างหนีงานกลับ”เคนนั่งเลียนแบบโดลเชบ้างโดยให้มือตนข้างตรงข้ามกับโดลเชวางบนโต๊ะ เมื่อเห็นว่าโดลเชใช้นิ้วมือเคาะโต๊ะ เขาก็เคาะตาม

“ผมจำได้ว่ายื่นใบลาออกแล้ว”ดวงตาสีเทาอมเขียวฉายประกายครุ่นคิด ก่อนจะถูปลายคางกับแขนเสื้อ เคนก็ทำตามบ้าง

“ผมไม่อนุมัติ”โดลเชเริ่มรู้สึกได้ว่าตนถูกเลียนแบบ

“อย่ามาทำตามนะ!!!!!”

“ใครทำตาม” เคนตีหน้าซื่อ แสร้งไม่รู้ไม่ชี้

“เด็ก!”

“อืม”เคนรับคำสั้นๆ ดวงตาทอดมองปลายนิ้วขาวของคนตรงข้ามนิ่งนาน

“ผมต้องการให้คุณทำงานต่อนะ คุณก็รู้นี่ว่า ตามกฎบริษัทถ้าจะลาออกต้องบอกล่วงหน้าเป็นเดือน ต้องรอจนกว่าคนใหม่จะมา และรับงานต่อจากคุณได้”

“ข้อนั้นผมทราบ ผมจะไปทำงานให้ในช่วงที่คุณหาคนใหม่”

“ไม่ ผมจะไม่หาคนใหม่”
“แต่คุณก็เห็นนี่ว่าที่นี่ต้องการคนบริหารจัดการนะ แม่ผมไม่ค่อยพอใจนักที่ผมไปทำงานให้คุณ ท่านว่าไม่เจริญ”

“แม่คุณ หรือตัวคุณเอง โดลเช” ดวงตาสีเทาอมเขียวเงยขึ้นสบกับดวงตาสีมรกตอันฉายประกายเคร่งครึม ไม่เหลือเค้าซุกซนอย่างเมื่อครู่  การประสานสายตายังดำเนินไปยาวนานกว่าจะมีใครเอ่ยอะไรออกมา

“ใช่เป็นเพราะผมเองส่วนหนึ่ง”โดลเช กล่าวก่อนจะหลบตา

“ทำไม?” เสียงทุ้มนั้นถามอย่างแผ่วเบา แทบเป็นกระซิบ  โดลเชหัวเราะขึ้นจมูกขึ้นมาครั้งหนึ่งก่อนจะสบตาคมกล้านั้นดวงตาสวยเรียวนั้นฉายประกายมาดมั่นอย่างแรงกล้ามองตรงมายังชายตรงหน้า

“เพราะผมคิดว่าผม....หลงรักคนที่ไม่มีหัวใจมอบให้ผมน่ะสิ”






         


         แสงไฟในหอประชุมใหญ่หรี่ลงจะมืดมิดมาเหลืองเพียงแสงสว่างที่มาจากเวที  ดวงตาสีม่านราตรีคมพราวจ้องมองร่างในชุดสูทเต็มพิธีการหางยาว  นิ้วเรียวยาวพรมนิ้วบรรเลงเสียงเพลงอย่างแคล้วคล่อง  เสียงพริ้วหวานเริงร่าช่วยทำให้ผู้ชมในหอประชุมแห่งนี้รู้สึกครื้นเครง   เสียงเปียโนคลอเคล้าเสียงเครื่องดนตรีอื่นๆ ธีรธรยิ้มมุมปากท่ามกลางความมืดโดยไม่รู้หรอกว่า น้องสาวของทั้งสามก็แอบยิ้มเช่นกัน เนื่องจากท่าทางของพี่ชายที่ดู มีความสุขแบบคนอินเลิฟเป็นพิเศษจนทุกคนรู้สึกได้  เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้งเป็นครั้งที่เท่าไหร่นั้นก็ไม่อาจนับ  แสงไฟบนเวทีหรี่ลง จนเกือบมืดสนิทก่อนสปอตไลท์จะสาดแสงไปยังร่างในชุดทักซิโด้ของพิรุณา  และนักร้องรับเชิญ ที่แต่งเครื่องแบบประดับยศสง่างาม  เสียงปรบมือต้อนรับดังกึกก้อง นักร้องผู้นั้นจึงโค้งให้อย่างงามสง่าก่อนจะก้าวเดินมากลางเวที


         เสียงเครื่องสายนำขึ้นมาเมื่อวาทยาการในชุดเครื่องแบบประดับยศสูงกว่าทุกคนวาดมือขึ้นสูง  เสียงซออู้ที่โซโล่คลอเคล้าไปกับเสียงเปียโนแผ่วเบา ด้วยสำเนียงเพลงอย่างไทยแท้  เสียงร้องทุ้มต่ำหากน่าฟังขับถ้อยทำนองอ่อนหว่าพิสุทธิ์เป็นชื่อดอกไม้นานาพันธุ์ที่สอดคล้องกันเป็นบทกลอนไพเราะ เสียงฉิ่งตีประกอบยิ่งขับให้เพลงนี้กรุ่นกลินไอแห่งความเป็นไทยอย่างลึกซึ้งโดยมีเสียงออเครสตาเสริมเบาๆฟังดูแผ่วเบาเพียงกระซิบ แม้เสียงเปียโนจะโซโล่เด่นชัดขึ้นในท่อนกลางของเพลงด้วยทำนองอ่อนหวานละมุนละไมสลับกับการโซโล่ของซออู้ที่สีอย่างละเมียดทุกเส้นเสียง เสียงนั้นคมชัดไพเราะยิ่งกว่าเครื่องสายตะวันตกใดๆจะสู้ได้ เสียงเหล่านี้ประกอบขึ้นมาเป็นบทเพลงอันผสมกลมกลืนความเป็นไทยละเมียดละไมอ่อนหวานกับความเป็นสากลได้อย่างลงตัวยิ่ง

         ใครว่าเพลงไทยนั้นไม่ไพเราะ ใครว่าเพลงไทยใครหรือจะสนใจ  ใครว่าเพลงไทยไม่ชวนค่าให้ประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟัง ธีรธรขอค้านหัวชนฝา  ยิ่งถ้าเป็นพิรุณาบรรเลเองแล้วอะไรก็เพราะไปหมด  ดวงหน้าคมสันนั้นเปื้อนยิ้มอีกครั้ง  นี่เขาทั้งรักทั้งหลงพิรุณาเอามากๆเลยใช่ไหมนะ
         







         ในจำนวนผู้ชมที่กำลังชมคอนเสิร์ตประจำปีนี้อย่างตั้งใจ ใครคนหนึ่งในที่นั่งพิเศษสำหรับผู้มีเกียติพิเศษบนชั้นลอยกำลังคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืน ที่วาทยากรผู้ที่กำลังกำกับควบคุมการบรรเลงเพลงอันไพเราะ  ดวงตาน้ำตาลเข้มฉายประกายครุนคิด หากดวงตาคู่นั้นยังคงสว่างพราวจรัสแสงเฉกเช่นเมื่อหลายสิบปีที่ล่วงผ่าน  เมื่อคืนวาทยากรนายทหารยศใหญ่มุ่งตรงจากบ้านมายังวังเพลงภิรมย์กลางดึก เพื่อยืนกรานสิ่งที่แจ้งมาทางโทรศัพท์เมื่อไม่นานมานี้ ให้หม่อมเจ้าชายภูมิรักษ์ทราบว่าบางที หนุ่มน้อยนัยตาพราวผู้โลดแล่นบนเวทีนั้นอาจมีสายเลือดเดียวกันกับพระองค์

“พระองค์ชาย บางทีเด็กคนนั้นอาจเกี่ยวข้องกับพระองค์พี่ก็ได้”นายทหารยศนาวาเอกทูลขึ้น เมื่ออยู่เพียงลำพังในห้องทรงพระสำราญกลางดึกในคืนต้นฤดูหนาว  ดวงพักตร์งามที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาฉายประกายครุ่นคิด

“เอาอะไรมาพูดนันทพล พระองค์พี่ภูมิพิทักษ์สิ้นไปนานแล้ว จนป่านนี้ยังจะพูดถึงอีกทำไม”หม่อมเจ้าภูมิรักษ์ตรัสอย่างอ่อนล้า หัตถ์แตะสัมผัสลงบนสร้อยพระศออย่างลืมพระองค์

“กระหม่อมทราบ   แต่เด็กคนนั้น คล้ายหม่อมวชิรกานต์มาก นั่นยังไม่รวมสร้อยที่คล้ายสร้อยพระศอที่พระองค์ชายทรงอยู่”  ดวงเนตรสีออกน้ำตาลนั้นฉายประกายหวั่นพระทัย

“เธอแน่ใจหรือ?”

“กระหม่อมค่อนข้างแน่ใจ  จึงอยากทูลเชิญพระองค์ชายไปทอดพระเนตรการแสดง ไปทอดเนตรด้วยองค์เอง”นาวาเอกนันทพลถวายบัตรชมการแสดงอันจะเกิดขึ้นให้ หม่อมเจ้าชายภูมิรักษ์รับไว้พลางกล่าวขอบใจ

“นันทพล ฉัน  มาคาดหวังหรอกนะ”

“กระหม่อมทราบ”




         ดวงหทัยของหม่อมเจ้าชายภูมิรักษ์เต้นถี่รัว  หนุ่มน้อยบนเวทีนั้นคล้ายคนในอดีตมากนัก ภาพแห่งอดีตซ้อนทับขึ้นในห้วงพระดำริ  ภาพของพระองค์พี่ทรงดนตรี ร่างที่แม้ไม่สูงเทียมทัดแต่สง่างามเฉกกันจนไม่อยากเชื่อ ซีกหน้านั้นดูอย่างไรก็คล้ายหม่อมวชิ ที่ทรงเคยสนิทสนมราวร่วมสายพระโลหิต แล้วเด็กคนนี้จะใช่โอรสในพระองค์พี่จริงนะหรือ?  ไม่มีสิ่งใดเป็นหลักฐานที่แน่ชัดกว่านี้แล้วหรอกหรือ?





         คอนเสิร์ตปิดฉากลงด้วยเพลงอันคุ้นหู ทุกคนในหอประชุมลุกขึ้นยืนตรงอย่างเคารพและศรัทธาในบทเพลงๆนี่ยิ่ง เพลงสรรเสริญพระบารมีดังกึกก้องในหอประชุมราวจักประกาศก้องคำสัตย์ปฏิญญา ก่อนจะจบลงผู้คนในหอประชุมโค้งคำนับด้วยหัวใจ ก่อนจะเสียงปรบมือเป็นเกียรติให้วาทยากร นักดนตรีจะดังราวห่าฝน  ธีรธรมองพิรุณาลุกขึ้นยืน ดวงหน้านวลนั้นแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มกว้างขวาง นัยน์ตาสีสวยเป็นประกายพราวงามหวานซึ้ง ก่อนจะโค้งให้ผู้ชมอย่างสง่างาม  ธีรธรทอดมองอย่างเคลิบเคลิ้ม โดยมิได้ตั้งใจดวงตาสีน้ำตาลแดงของผู้ที่อยู่บนเวทีกลับสบตาเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว  ดวงตาพราวสวยนั้นส่งยิ้มหวานให้แล้วพยักหน้าให้เบาๆทีหนึ่ง ก่อนจะหันไปรับช่อดอกไม้จากวาทยากรและหัวหน้าวงมาไว้ในอ้อมแขนเต็มไปหมด

“มาครับผมช่วยถือ”สต๊าฟหลังเวทีในชุดนายทหารสีขาวสะอาดตาช่วยรับช่อดอกไม้ไปจากอ้อมแขนพิรุณา  ดวงหน้าเนียนยังคงยิ้มกว้างขวาง ก่อนจะไหว้นายทหารคนนั้นเป้นการขอบคุณ  สร้างรอยย้มให้ผูคนโดยรอบ  ปองรีบเดินเข้ามาหาพร้อมน้ำในขวดพลาสติกที่เย็นเฉียบจนเห็นละอองฝ้า

‘เหนื่อยมากไหมครับ?’ปองส่งน้ำให้ก่อนจะถามด้วยภาษามือ

‘นิดหน่อย’ พิรุณาตอบแล้วหันไปทักทายน้องสาวทั้งสามของธีรธร ที่วันนี้ดวงหน้าน่าเอ็นดูทั้งสามน่าดูจนหนุ่มในชุดเครื่องแบบขาวเหลียวมองกันเป็นแถว พิรุณาส่งภาษามือแซว

“หนุ่มๆแถวนี้น้ำลายหกใหญ่แล้ว”ปองช่วยแปลให้เมื่อทั้งสามสวัสดีทั้งเขาและพิรุณา

“ทำไมหรือคะ?”รันดาถาม

“ก็สาวสวยสามคนมาห้อมล้อมคุณพิรุณานี่ครับ เป็นใครก็ต้องอิจฉา”

“อิจฉาพี่ธีมากกว่ามังคะ”ปองแปลเป็นภาษามือ พิรุณากลับเอียงคอสงสัย

“ก็ใครจะโชคดีเท่าพี่ธี  ที่ได้คุณพิรุณาเป็น....อุ๊บ!!”รันดาถูกมือแข็งแรงตะปบไว้ไม่ให้พูดต่อ  ร่างสูงสง่าในสูทสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำยิ่งทำให้ดวงหน้านั้นคมคายหน้ามอง รวมถึงขับผิวเหลืองอย่างชาวเอเชียให้ดูสุขภาพดีขึ้น

“เอาไว้พิรุณารับอย่างเป็นทางการแล้ว เราค่อยป่าวประกาศตอนนั้นไม่สายหรอกรัน”พี่ชายกระซิบบอกเธอ แต่เป็นการกระซิบที่เสียงดังพอจะได้ยินกันทั้งวงสนทนา ก่อนดวงตาสีม่านราตรีนั้นจะเงยขึ้นสบตากับดวงตู่สีน้ำตาลออกแดงอีกคู่ที่ส่งยิ้มให้ด้วยดวงหน้าแดงแจ๋

“ทำหน้าที่ดีนี่ คุณปอง”

“แน่นอนที่สุดครับ” ใครคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบขาวประดับยศค่อนข้างสูงก้าวเข้ามาในวงสนทนา ทำให้ดวงตาทุกคู่จับจ้อง

“เชิญคุณพิรุณาไปพบท่านหน่อยครับ”

“ท่านไหนครับ”ปองรีบถามขึ้นตามหน้าที่ นายทหารคนนั้นจึงกระซิบเบาๆ

“เอ่อ ....หม่อมเจ้าภูมิรักษ์ครับ”ปองแปลให้พิรุณาทราบ ทั้งที่ตัวเองยังสงสัยว่าบุคคลดังกล่าวเป็นใคร

‘คงไม่เสียหายอะไรหรอก ไปเถอะ คุณปองไปด้วยกัน’ปองพยักหน้ารับ แล้วกล่าวกับนายทหารคนนั้น ว่าจะติดตามไปด้วยในฐานะล่าม

“เชิญทางนี้ครับ”นายทหารคนนั้นผายมือ พิรุณาหันไปสบตาธีรธรครู่หนึ่ง  ดวงตาหวานซึ้งนั้นสื่อความหมาย ว่าเดี๋ยวจะกลับมา  ธีรธรเหยียดริมฝีปากยิ้ม ใจนึงก็เสียดาย  แต่อีกใจก็ทำใจ พิรุณาต้องทำหน้าที่ เขาก็เหมือนกัน

“ริน เรน รัน กลับไปก่อนก็ได้นะ  เดี๋ยวพี่กลับเอง” เรนตั้งท่าจะค้าน แต่รันและรินสะกิดให้สัญญาณว่าไม่ควร

“ถ้างั้นพวกเรากลับก่อนเลยนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะพี่ชาย” น้องสาวทั้งสามกอดพี่ชายเบาๆ ก่อนจะเดินหายลับไปท่ามกลางสายตาของเหล่าชายในเครื่องแบบขาวที่มองกันจนเหลียวหลัง  โดยมีสายตาคมกริบของพี่ชายมองพวกเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้
------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบตอนที่ 14 แล้วครับ :m13:
ไว้รอน้องเมศมาอัพตอนพิเศษของวันวาเลนไทน์ย้อนหลังนะครับ :a1:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #189 เมื่อ25-02-2008 14:27:55 »

อย่างนี้พิรุณาก็ไม่ได้ไร้ญาติขาดมิตรแล้วสิเนี่ย ตื่นเต้นแทน

แต่ตอนนี้ลุ้นความรักของ เคนกับโดลเช่มากกว่า อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
« ตอบ #189 เมื่อ: 25-02-2008 14:27:55 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ErosAmor

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 851
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #190 เมื่อ25-02-2008 21:05:23 »

โห...พิรุณาเป็นลูกหม่อมเจ้าด้วย จะได้มีญาติพี่น้องกับเค้าเเล้ว

ว่าแต่พิรุณาจะยอมรับไหมเนี่ย

ลุ้นๆคู่โดลเชกับเคน  :m1:

โดลเชพูดแบบนี้แล้ว เคนจะตอบว่าไงเนี่ย มันค้างๆคาๆนะ คนเขียนช่วยลงต่อด่วน!!!

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #191 เมื่อ25-02-2008 22:22:02 »

ที่จริงต้องลุ้นคู่ปองอีกคู่นะ  :oni2:

อืมแต่ท่าทางจะต้องลุ้นกันอีกยาวเลยมั๊งเนี่ย ไม่กลับไปซักทีนี่นา :a4:


ปล.ไม่มีตอนหวานๆอีกเหรอ หรือว่า คนเขียนกำลังสอบเลยหวานไม่ออก อิอิ :a11:

ออฟไลน์ momo_2007

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #192 เมื่อ29-02-2008 01:15:43 »

โอวว สนุกทุกตอนจิงๆคับ มารอๆๆ นะ ลุ้นเคนกับเดลโซ เหมือนกันอ่ะ แต่ถ้าพิรุณามีมือที่สาม ก็น่าจะหนุกไปอีกแบบ เหอๆๆ
เวอร์ชั่นอยากให้เรื่องมันยาวๆไงคร๊าฟฟ

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #193 เมื่อ29-02-2008 03:26:38 »

ช่วงนี้น้องเมศสอบท่าจะยุ่งๆแหะ(ตัวเองสอบแต่ก็ไม่สังวร)

น้องเมศสอบเสร็จแล้วมาปั่นแปะไวๆนะน้องเอ้ย

ตอนแรกว่าจะให้น้องเมศลงตอนพิเศษก่อนเวลาแต่เห็นไม่ว่างก็ลงตอน 15 ต่อเลยแล้วกันเน๊าะ

ว่าแล้วก็.... :a1: :a1: :a1:
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
INTERMEZZO   chapter# 15


         สิ่งที่พิรุณาได้ทราบจากชายคนหนึ่งที่ปองแปลให้ว่าเป็นเจ้าอะไรสักอย่างไม่ชวนให้เขาสบายใจนัก  พิรุณาสูดลมหายใจช้าๆ แผ่วเบา  ดวงตาคู่สีน้ำตาลหลังแว่นกรอบดำเหม่อมองเงาดวงจันทร์กลมโตที่สะท้อนบนผิวน้ำของแม่น้ำเส้นสำคัญดั่งสายโลหิตของกรุงเทพฯ เรือยังคงล่องไปตามแม่น้ำสายสำคัญนี้อย่างช้าๆ  ท่ามกลางบรรยากาศครื้นเครงของเพื่อนว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ต่างมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง แน่นอนว่าเจ้าภาพงานยอมเหมาเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ   พิรุณาหรี่ตาลงเล็กน้อย พลางสูบบุหรี่ เขารู้ว่าม้วนกระดาษนี่ยิ่งสูบก็ยิ่งเหมือนเอาเงินมาเผาเล่น แต่ก็ใช่ว่าจะสูบไม่เป็น  ชีวิตเมื่อสมัยโน้น ใช่ว่าจะดีเลิศเสียหนักหนา จะเอาอะไรมากมายจากการอยู่บ้านอุปถัมป์จนๆ ท่ามกลางชนบท  ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีชมพูเข้าคู่กับพิรุณาวางกล้องตัวโปรดลงอย่างถนอมก่อนจะถอดรองเท้าหนังเงาวับออกแล้วทรุดกายนั่งลงเคียงใกล้ ยื่นขายาวๆออกนอกตัวเรือผ่านระแนงไม้ฉลุลายดอกไม้ทับซ้อนกัน

“สูบบุหรี่ด้วยหรือ?”พิรุณายิ้มบางๆ แล้วทำมือข้างที่ว่างเอานิ้วโป้งนิ้วชี้มาใกล้กัน อันหมายถึงนิดหน่อย

“ทำไมไม่ไปสนุกกับเพื่อนล่ะ ปองเมาหลับไปแล้ว”ธีรธรกล่าวแล้วหัวเราะเบาๆ พลางเอาขายาวๆมาเกี่ยวขาพิรุณา พิรุณาจึงขยับขาหนี แล้วหันไปขมวดคิ้วใส่ธีรธรจึงหยุด แต่ไม่ลดละ มือแข็งแรงนั้นแย่งบุหรี่ที่พิรุณาทำท่าจะอัดควันพิษเข้าปอดมาไว้ในมือ

“บุหรี่ ไม่ดีต่อสุขภาพ สูบแล้วฟันเหลือง เสียงแหบ ไม่น่ารักเลย ไม่เท่ห์ด้วย” ธีรธรอัดควันพิษเข้าปอดบ้าง แล้วกระอักกระไอน้ำตาไหลแทบจะทันที  พิรุณายิ้มขัน พลางคลำหาทิชชู่จากบนโต๊ะใกล้ตัวส่งให้  ก่อนจะควานหาที่เขี่ยบุหรี่มาดับบุหรี่เสีย

‘ไม่เคยสูบจะสูบทำไม?’ ธีรธรเงยหน้ามองพิรุณา ทั้งที่น้ำตายังเกาะอยู่ที่หางตา พิรุณาหยิบทิชชู่ช่วยซับให้แผ่วเบา

“แค่อยากรู้ว่าอร่อยหรือเปล่า”

‘ไม่อร่อยหรอก’

“แล้วสูบทำไม?”ดวงตาสีม่านราตรีทอดมองส่งกระแสแห่งความห่วงใยลึกซึ้ง  พิรุณาหลบตา ทอดสายตาไปไกล  มือใหญ่แข็งแรงจับหน้าพิรุณาให้หันกลับมาสบตากัน

“มีอะไรไม่สบายใจ บอกหน่อยได้หรือเปล่า?” พิรุณานิ่งอยู่พักใหญ่จึงหยิบสมุดเล่มเล็กสีเหลืองนวลและดินสอออกมา จรดปลายดินสออยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจเขียน

ถ้ามีคนมาบอกว่าอาจเป็นญาติคุณ คุณจะทำยังไง

         มือแข็งแรงหยิบปากกาหมึกซึมของตนออกมาจากระเป๋าเสื้อเชิ้ต แล้วเบียดกายเข้าชิดใกล้ ก่อนจะเขียนข้อความลงไปบ้าง

มีอะไรเกิดขึ้นหรอ? ถ้ามีคนมาบอกผมอย่างนี้ ผมจะระวัง คนมีหลายประเภท

            พิรุณาเปลี่ยนกระดาษใบใหม่ ก่อนจะเริ่มเขียนอีกครั้ง

หลังคอนเสิร์ต ผมไปพบหม่อมเจ้า...??...รักษ์ ท่านบอกว่า บางทีผมอาจเป็นลูกของพี่ชายท่านที่หายไปกว่า30ปีก่อน   ท่านขอดูสร้อยที่ผมคล้องติดคอไว้เสมอ ท่านว่าตราด้านหลังเป็นตราประจำของอะไรสักอย่างเกี่ยวกับตระกูลของท่าน   ป่านนี้แล้ว ยังจะมาหาอะไรกันอีก

         ดวงตาสีน้ำตาลแดงต้องแสงจันทร์ไม่สะท้อนแววใดนอกจากความเงียบเหงา


เวลาเกือบสามสิบปี นานพอที่จะทำให้เด็กคนหนึ่งโตเป็นผู้ใหญ่  นานพอที่จะทำให้ผมรู้ว่าโลกใบนี้โหดร้ายเกินกว่าผู้ที่อ่อนแอจะอยู่ได้  คุณเข้าใจไหม? ชีวิตไม่ใช่ละครที่จะบังเอิญอะไรง่ายๆ มันรู้สึกเหมือนตบหัวและลูบหลัง


ธีรธรพยักหน้าให้เบาๆ มือแข็งแรงนั้นตบหลังมือพิรุณาเบาๆ

แล้วแน่ใจแล้วหรือที่ว่าเป็นหลานท่านจริงๆ


         พิรุณาพยักหน้าแล้วกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกพับไว้จนเหลือเป็นชิ้นเล็กพอจะใส่กระเป๋ากางเกงได้ ให้ธีรธร  เขารับมาพิจารณา ใบหนึ่งเขียนเป็นภาษาไทยกล่าวถึงรายระเอียดการตรวจ ส่วนอีกใบเป็นภาษาอังกฤษ จากข้อความยืนยันชัดว่าผู้ตรวจทั้งสองร่วมสายเลือดอย่างแน่นอน ความรู้สึกของธีรธรนั้นบอกไม่ถูก ใจหนึ่งเขายินดีที่ได้ทราบว่าพิรุณายังมีญาติพี่น้อง มิใช่เดียวดายลำพังบนโลก  แต่อีกใจก็หวั่นเกรง ด้วยการมีเชื้อสาย ‘เลือดสีน้ำเงิน’ ในระดับนี้ พิรุณาย่อมมีคำนำหน้าชื่อเป็นอื่น และแน่นอนว่า จักดึงดูดผู้คนเข้ามาหาพิรุณามากขึ้นอีก

พรุ่งนี้ ต้องให้คำตอบแล้ว ว่าจะเอาอย่างไร  ท่านอยากให้ผมอยู่กับท่าน แต่ผมยังไม่สนิทใจนัก

         ธีรธรสบตาคู่สีน้ำตาลแดงสวยนั้น มือแข็งแรงกุมมือนวลไว้แล้วบีบกระชับ ถ่ายทอดกำลังใจสู่กันและกัน

“ทำใจให้สบายเถอะ ทำในสิ่งที่คุณคิดว่าดีที่สุด  มนุษย์มีสิทธิ์จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองมิใช่หรือ”

       ดวงหน้าเนียนต้องแสงจันทร์ แย้มยิ้มส่งกระแสอ่อนหวานตอบ  ธีรธรเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง  พลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามหักห้ามจิตใจให้สงบ แต่ดูเหมือนหัวใจกับร่างกายไม่ไปด้วยกันเอาเสียเลย  กระแสลมเย็นพัดเพียงแผ่วเบาจนเส้นผมสีน้ำตาลแดงของพิรุณาปลิวสะบัด กลิ่นหอมอ่อนโดยไม่ได้ใช้เครื่องหอมใดลอยมากับกระแสลม  ดวงหน้าคมสันของธีรธรโน้มเข้าใกล้พิรุณา  ดวงตาสีน้ำตาลแดงนั้นหลุบลงต่ำก่อนจะหลับตาลงปล่อยหัวใจไปกับความหวานละมุนอุ่น  ริมฝีปากหยักสวยของธีรธรสัมผัสได้ถึง   ความเย็น ที่เย็นราวโลหะ หรือเครื่องแก้ว เขาจึงลืมตาขึ้น เห็นวัตถุสีครีมในระยะประชิด

ได้จูบก้นจานเสียอย่างนั้น!!ให้ตายสิ!!

“ไม่เกรงใจกันเลยนะ”ร่างสูงสง่าอย่างชาวตะวันตกพูด ดวงหน้าหล่อเหลารับกับดวงตาสีมรกตในชุดสีขาวครีม ที่ถอดเนคไทยัดไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทกล่าว ที่ข้างขมับเห็นชีพจรเต้นตุบๆ แน่นอนว่าในมือมีจานเซรามิคสีครีมอยู่ในมือ

“อ้าว ไอ้หนุ่มแอนนิโมโต  มากับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่?”ธีรธรเงยหน้าขึ้นยิ้มเหี้ยม ชักมีอารมณ์แบบไม่ค่อยดีเสียแล้ว

“นานพอจะเห็นคุณลวนลามพิรุณานั่นแหล่ะ”เคนเหยียดยิ้มอย่างเย็นชาเช่นกัน  ชายร่างโปร่งคนหนึ่งก้าวออกจากด้านหลังเคน  ดวงหน้าสะอาดเกลี้ยงเรียบสนิท แต่ดวงตาสีเทาอมเขียวคู่นั้นส่งยิ้มให้ ธีรธรก้มศีรษะลงเล็กน้อยเป็นเชิงตอบรับ  พิรุณาลุกขึ้นแล้วสวมกอดร่างโปร่งบางนั้นก่อนจะทักทายเคนเสียอีก จนเคนกับธีรธรรีบแยกพิรุณาออกจากโดลเชกันพัลวัน

‘ไม่ทักทายกันเลยนะ’เคนส่งภาษามือต่อว่าต่อขานเพื่อนรัก

‘ทักแล้วไง เมื่อตอนขึ้นเรือ’

‘แล้วเรื่องอะไรปล่อยไอ้หมอนี่มาลวนลามอยู่ท้ายเรือ คนรักหรือก็ไม่ใช่’ดวงตาสีมรกตนั้นส่งสายตาดุๆใส่เพื่อนตัวเล็ก

‘ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแล้วล่ะ’เคนช๊อคไปกับคำตอบที่ได้รับ  เพื่อนของเขาหัดมีความลับกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นเขารู้เรื่องเลย

‘ไม่เห็นบอกกันเลยสักนิด’

‘ช่วยไม่ได้ ก็ใครล่ะ มัวแต่ไปไล่จับเลขา’ดวงหน้าคมคายอย่างชาวอิตตาเลี่ยนซับสีเลือดขึ้นน้อยๆ

‘สำเร็จแล้วสิ ถึงได้พามาด้วยเนี่ย’งานเลี้ยงบนเรือนี้ มีเฉพาะบรรดาเพื่อนสนิท คนที่พามาด้วยย่อมต้องสำคัญ

‘ก็ยังไม่แน่หรอก แต่ตอนนี้ก็...ก็ โอเค’พิรุณาหัวเราะ ขำขัน เมื่อเห็นว่าโดลเชกำลังจ้องเคนอย่างเดาได้ว่าตนถูกนินทา ร่างในชุดสีเขียวสดใสกลัดดอกไม้สีขาวบนอกที่วันนี้ดวงหน้านั้นแจ่มใส ดวงตาสีฟ้าใสแจ๋มฉายประกายแห่งความสุขอย่างลิ้นเหลือปรากฏร่างขึ้น

“ดูมีความสุขจังนะครับ”ธีรธรแซวว่าที่เจ้าสาว

“แน่นอนสิคะ ได้สละโสดกับเขาเสียที นึกว่าจะต้องอยู่เป็นโสดตลอดชีพเสียแล้ว” เกรซตอบเสียงใสพลางยิ้มกว้าง คนที่มีความสุขที่สุดในวันนี้คงไม่แคล้วเป็นเกรซนี่ล่ะ ดวงตาสีม่านราตรีจับจ้องเกรซที่มองเพียงครู่เดียวก็ทราบว่ากำลังอิ่มเอิบใจถึงเพียงไหน

‘นี่ พวกนายมาช่วยเล่นเพลงหน่อย เพื่อนๆเสี้ยนอยากจะจอยกันจะแย่แล้ว’เกรซส่งภาษามืออย่างชำนาญ จนธีรธรแอบนึกอย่างเรียนภาษามือบ้าง

‘ได้เลย’พิรุณา และเคนตอบรับอย่างขันแข็ง ร่างโปร่งบางของพิรุณากำลังจะเดินไปพร้อมกับเคนและเกรซ

“เดี๋ยว!”มือแข็งแรงนั้นจับยึดต้นแขนพิรุณาไว้อย่างสุภาพ ดวงตาสีน้ำตาลแดงคู่งามหันกลับมามองอย่างฉงน

“มีความสุขหรือเปล่า?” ธีรธรถาม ดวงตาสีม่านราตรีนั้นจริงจังหนักแน่น  พิรุณายิ้มก่อนจะเดินอย่างมั่นคงมุ่งตรงไปยังวงดนตรีที่มีเพื่อนรออยู่แล้ว


      
         ยกพื้นเตี้ยๆอันจัดไว้เป็นเวทีแสดงดนตรี ที่เครื่องดนตรีทุกชิ้นมีผู้เล่นประจำแล้ว ธีรธรมองร่างโปร่งบางบนเวทีที่กำลังส่งภาษามือให้เพื่อนๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  สายลมแห่งแม่น้ำเจ้าพระยาในฤดูหนาวโชยพัดเบาๆเคล้าเสียงคลื่นซัดซ่า น่าแปลกที่เขาไม่เคยนึกสนใจบรรยากาศเช่นนี้มาก่อนเลย  เขาเพิ่งเห็นว่า ท้องน้ำเจ้าพระยางดงามก็คืนนี้  เสียงเพลงแจ๊สนุ่มเบาละมุนหูทำให้ธีรธรยิ้ม  ล่องเจ้าพระยาต้องแจ๊ส!  เสียงเครื่องเป่าเป็นเมโลดีหลัก เพิ่มสีสสันด้วยเสียงเครื่องเคาะ เปียโนและดับเบิ้ลเบส  เสียงกลองตีประกอบขับความรื่นรมย์ให้รู้สึกครื้นเครงยิ่งขึ้นอีก ธีรธรจำได้ ว่าเป็นบทเพลงพระราชนิพนธ์ น่าแปลกที่นักดนตรีที่บรรเลงนั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนต่างชาติต่างภาษาทั้งสิ้น ยกเว้นแต่พิรุณาคนเดียวเท่านั้น

“เพลงแจ๊สเหมาะกับเจ้าพระยาดีนะครับ”โดลเชที่ยืนอยู่ใกล้กล่าว

“นั่นสิครับ ให้บรรยากาศสบายๆดี”ธีรธรยกกล้องตัวโปรดขึ้น ก่อนจะถ่ายรูปไว้

         ท่วงทำนองเปลี่ยนไปแผ่วเบา เสียงเครื่องเป่าดังเบาๆ รับกับกลอง เสียงเปียโนจะขึ้นเมโลดี้นำ ก่อนจะจมหายไปเปลี่ยนเป็นเสียงเป่าขับขานถ้อยดนตรีเหงาเศร้าหากแฝงความขี้เล่นในสไตล์การเป่าของผู้บรรเลงไว้อย่างแนบเนียน เสียงร้องหวานสนิทหากยวนเย้าในทีของเพื่อนเจ้าสาวทำให้บทเพลงเติมเต็มสมบูรณ์ ผู้ฟังหลายขยับกายเข้าจังหวะอย่างเพลิดเพลิน ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเต้นรำ โดยที่ในมือเกรซข้างหนึ่งถือไวโอลินตัวเก่งไว้   เมื่อหมดท่อนร้อง เสียงเปียโนด้วยลีลาอ่อนพริ้วราวสายลมดังแทรกขึ้นรับช่วงต่อ นิ้วเรียวนั้นกดลงบนแป้นคีย์อย่างแม่นยำ พลางโยกตัวน้อยๆ ก่อนจะโชว์ลีลาอย่างพิสดาร แขนนวลไขว้กันให้มือขวาไปเล่นคีย์ที่ต่ำกว่า ในทางกลับกันก็ให้มือซ้ายเล่นในคีย์ที่สูงกว่า เรียกเสียงเฮจากผู้ชมได้ไม่น้อย  ดวงหน้านั้นแย้มยิ้มอย่างมีความสุข  เกรซกระโดดขึ้นเวทีบ้าง เดาะคันชักในมืออย่างรอจังหวะ พอทำนองของเปียโนจางหายจึงยกมือขึ้น ดีดสายจนเกิดเสียงเป็นจังหวะแผ่วเบา  ดวงตาสีฟ้าสดใสนั้นมองเพื่อนรัก พิรุณาพยักหน้าให้ก่อนจะเล่นประสานให้แผ่วเบาร่วมกับเครื่องดนตรีอื่น  ว่าที่เจ้าบ่าวงกๆเงินๆ หน้าดุๆนั้นดูดีกว่าทุกครั้งที่เห็น  เขาขึ้นเวทีบ้าง พิรุณาพยักหน้าให้ แล้วเคลื่อนตัวไปชิดด้านหนึ่งของเก้าอี้เปียโน เหลือพื้นที่พอที่คนตัวโตจะมานั่งด้วยได้   พิรุณายังคงเล่นประสานให้  ก่อนจะค่อยๆปล่อยให้มือใหญ่โตของวทยากรหนุ่มว่าที่เจ้าบ่าวค่อยๆเข้ามารับช่วงต่อโดยไม่ให้เสียจังหวะ  เมื่อลีอองรับช่วงต่อได้เรียบร้อยดีแล้ว พิรุณาจึงลุกขึ้นลงจากเวที ดวงตาพราวสวยคู่นั้นสบตากับธีรธร

“เหนื่อยไหม?”ธีรธรถามอย่างห่วงใยพลางจูงมือพาเดินออกจากกลุ่มคนไปยังมุมสงบท้ายเรือ เขารู้ว่าพิรุณาสนุกมาก  คงเหมือนกับเขาที่ชอบถ่ายภาพมากๆนั่นแหล่ะ

‘เบื่อหรือเปล่า?’พิรุณาส่งภาษามือ แต่เขาเข้าใจได้จากดวงตาคู่นั้นว่าสื่อความหมายใด

“ไม่หรอก”เขาเก็บคำที่จะตามออกมา ด้วยเกรงว่ามันจะน้ำเน่ายุงชุมเกินไปที่จะบอกว่า

เห็นพิรุณาสนุก เขาก็สนุกด้วย

  ธีรธรแก้เขินด้วยการถ่ายภาพลำน้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน แต่พอพิรุณาเผลอ เขาก็แอบถ่ายพิรุณาเสียนี่

‘อย่ามาแอบถ่ายนะ เดี๋ยวเหมือนครั้งที่แล้วอีก อยากถ่ายจะให้ถ่าย’ ธีรธรยิ้มเฝื่อนๆ พิรุณาหัวเราะ ก่อนจะยอมให้ถ่ายภาพ โดยฉากเบื้องหลังเป็นฝั่งลำน้ำอันสงบร่มเย็น ธีรธรหยุดถ่ายภาพ คล้องกล้องไว้กับคอ ก่อนจะหยิบกระดาษที่เคยเป็นใบเสร็จร้านสะดวกซื้อมาขีดเขียนบางอย่าง แล้วส่งให้พิรุณา

มีความสุขไหม?


         พิรุณาอ่านแล้วยิ้ม เป็นยิ้มที่อ่อนหวานที่สุดเท่าที่เขาเคยได้รับ  มือนวลนั้นสัมผัสใบหน้าเขาเบาๆ ทำให้ธีรธรต้องก้มตัวลงเล็กน้อยไม่ให้ความสูงนั้นต่างระดับกันมากนัก  แรงลมอ่อนพัดเอาเส้นผมอ่อนนุ่มมาถูกใบหู รู้สึกชวนจั๊กจี้อย่างไรชอบกล พิรุณาใช้ปลายนิ้วลากเป็นอักษรบนหน้าผากเขา เป็นข้อความง่ายๆด้วยภาษาไทย ที่ธีรธรพอเดาได้ว่าเขียนว่าอะไร  มากๆเลยครับ  ริมฝีปากอุ่นนุ่มแตะข้างแก้มเขาแผ่วเบาราวลมพัด ก่อนพิรุณาจะดีดตัวออกมา ดวงหน้าซับสีเลือดชวนมอง



         


         

         วังเพลงภิรมย์คืนนี้เงียบเหงา เสียงใบไม้เสียดสีกันก่อนร่วงกราว ห้องทรงพระอักษรมืดสลัวมีเพียงแสงจันทร์รำไรสาดแสงสลัวตกต้ององค์โปร่งบาง  ดวงเนตรโศกสนิทหากสวยแจ่มละม้ายผู้ร่วมสายเลือดทอดออกไปไกล ผ่านพุ่มพฤกษ์อันร่มรื่นชื่นเย็น  ใจหนึ่งทรงโสมนัสที่ได้พบบุตรขององค์พี่ แต่อีกใจก็ทรงนึกหวั่น หลายสิบปีที่ผ่านมา พิรุณาตกระกำลำบาก จะสนิทใจหรือที่จะอยู่กับ คนที่อ้างว่าเป็นอา ทั้งที่เวลายาวนานถึงเกือบสามสิบปี ท่านไม่เคยได้ทราบว่าหลานคนนี้อยู่ที่ใด ไม่ใช่ท่านไม่ตามหาแต่เพราะยิ่งตามหา ความหวังกลับยิ่งริบหรี่ลงจนมอบดับ  ท่านยังทรงจำได้แม่นยำยิ่งว่า การตามหาครั้งสุดท้ายที่ฝรั่งเศสฉุดคร่าบุคคลอันเป็นที่รักดั่งพี่ชายร่วมสายเลือดของท่านอีกคนไป หลังจากนั้นท่านก็ไม่ทรงต้องการจะตามหาใครหรือสิ่งใดอีก ดั่งคำสุดท้าย ปล่อยวาง....ที่ สิฐธรบอก ก่อนจะสิ้นลม   

“ท่านชายยังไม่บรรทมหรือกระหม่อม” หม่อมเจ้าภูมิรักษ์เพียงแต่เบือนพักตร์มาเล็กน้อย จึงทรงทราบว่าเป็นมหาดเล็กที่อายุน้อยที่สุด บุตรชายคนเดียวของสิฐธร ดวงหน้านั้นถอดแบบมาจากผู้เป็นบิดาแทบพิมพ์เดียว

“ยังหรอก เธอเองเพิ่งกลับมาจากมหาวิทยาลัยเหนื่อยๆ ไปพักผ่านเถอะ”

“ท่านชาย กระหม่อมทราบว่าทรงกลุ้มเรื่องคุณพิรุณา ทรงพักบ้างเถอะ” รอยยิ้มแตะแต้มบนพักตร์องค์รักษ์ แม้กาลเวลาล่วงผ่าน แต่ดวงพักตร์นั้นยังกระจ่าง

“เถอะ ฉันดูแลตัวเองได้ เรียนเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ดีกระหม่อม”บุตรชายของสิฐธรพูดน้อยเหมือนพ่อไม่มีผิด

“ดีแล้ว ต่อไปจะได้ทำงานกับนายห้าง  เจริญในหน้าที่การงาน พ่อเธอจะได้ชื่นใจ ว่าลูกชายเก่ง”

“กระหม่อมจะไม่ไปไหน  จะอยู่รับใช้ท่านชายตลอดไป”หม่อมเจ้าภูมิรักษ์มองชายหนุ่มผู้เป็นมหาดเล็กอย่างเมตตา ท่านชุบเลี้ยงฐากูรมา รักเหมือนบุตรชายแท้ๆ เพราะการชุบเลี้ยงบุตรของสิฐธร ดูจะเป็นทางเดียวที่จะทรงทำให้ผู้ที่ล่วงลับแล้วได้

“คำว่าตลอดไปไม่มีอยู่จริงหรอกฐากูร  ฉันเป็นคนรุ่นเก่าแล้ว แม้จะหัวสมัยอยู่บ้าง แต่เรี่ยวแรงกำลังใดก็ใกล้จะสูญสิ้นเสียแล้ว เธอเป็นคนรุ่นใหม่ สมควรแก่การก้าวต่อไปเพื่อความเจริญในหน้าที่การงาน ไม่ใช่เป็นมหาดเล็กแบบนี้ วิชาของเธอจะเสียเปล่า”

“ไม่หรอกกระหม่อม  ถึงกระหม่อมจะเรียนจบทำงานแล้ว แต่ยังรับใช้สนองพระบาทได้”

“ขอบใจ”





         พิรุณานั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่กับพื้นพรม โดนมีปองนั่งอยู่ใกล้ๆ  บนพระเก้าอี้ หม่อมเจ้าภูมิรักษ์ทอดพระเนตรมองพิรุณาอย่างทรงเอ็นดู  ท่านชายทราบดีว่าวันนี้พิรุณาจะมาให้คำตอบ ด้วยพระพลานามัยไม่สมบูรณ์นักจึงอยากให้มีลูกหลานคนสนิทชิดใกล้จึงทรงยื่นข้อเสนอให้พิรุณาตัดสินใจว่าจะอยู่กับท่านในฐานะ คุณชายแห่งวังเพลงภิรมย์หรือไม่  ท่านชายภูมิรักษ์ทรงทำพระทัยไว้แล้วว่าคำตอบจากพิรุณามีสองประการ ทางที่ดีควรเผื่อพระทัยไว้บ้างไม่มากก็น้อย

“ทูลฝ่าบาท เอ่อ....กระผม เอ๊อ...กระหม่อม”ปองทูลผิดๆถูกอย่างประหม่า คำราชาศัพท์ใดที่ได้ท่องมาพลันหายไปสิ้นเหลือเพียงความขาวโพลนสว่างในห้วงคิด

“ฉันอนุญาตให้เธอพูดคำสามัญกับฉันได้ เพราะเธอดูจะไม่สันทัดเอาเสียเลย”ท่านชายภูมิรักษ์ตรัสอย่างทรงมีพระอารมณ์ขัน ปองแอบถอนหายใจโล่งอก

“ว่าอย่างไร ฉันอยากฟังคำตอบเต็มทีแล้ว”ปองส่งภาษามือให้พิรุณา  พิรุณาจึงตอบกลับปองทูลตามภาษามือที่ตนแปลได้

“คุณพิรุณาได้ตัดสินใจแล้ว ว่าคงไม่สามารถทำตามที่เอ่อ...ท่านชายทรงเสนอให้ได้  เพราะยังมีงานอีกมากที่ต้องสะสางในระยะนี้ ”พักตร์ท่านชายภูมิรักษ์แม้สงบหากดวงเนตรเศร้า

“เธอจะไม่รับแม้แต่ฐานันดรศักดิ์หรือ?”

“คุณพิรุณาทูลว่า ไม่อยากได้ฐานันดรศักดิ์ใดๆ  เพราะรู้สึกว่าฐานันดรนั้นสูงเกิน และดูจะเป็นการหมิ่นเบื้องสูงครับ”

“จะหมิ่นอย่างไร เธอเองก็มีหน้ามีตา เรียนหรือก็สูง”พิรุณาเม้มปากครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจตอบ

“คุณพิรุณามีเรื่องส่วนตัวบางอย่างที่เกรงว่าจะไม่เป็นการสมควรที่เปิดเผย รวมถึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะจะเชิดหน้าชูตาได้น่ะครับ” ปองเองก็ยังงง ว่าพิรุณาหมายถึงเรื่องใด

“อย่างนั้นหรือ?”สุรเสียงนั้นแหบพร่ากว่าปรกติ

“ศักดิ์เดียวที่คุณพิรุณาจะรับไว้ คือ ศักดิ์ของการเป็นหลาน คุณพิรุณาน้อมรับด้วยหัวใจครับ” ปองทูลแล้วยิ้มกว้างขวาง  ท่านชายผู้สูงวัยแย้มโอษฐ์ ดวงเนตรพราวอย่างปิติ  พิรุณาเดินเข่าอย่างสำรวม ก่อนจะก้มลงกราบแทบบาท  หัตถ์อุ่นนั้นแตะศีรษะพิรุณาอย่างทรงเมตตาล้นเหลือ  ฐากูรนึกนิยมในความอ่อนน้อมนั้น

ต่อไปท่านชาย จะไม่ทรงเศร้าพระทัยอีกแล้ว แม้เขาจะไม่ได้รับใช้ ‘คุณชาย’ เพิ่มอีกคน แต่เขามั่นใจ ว่าเขาจะได้พี่ชายที่น่ารัก เพิ่มเข้ามาในชีวิตแน่นอน



            

         
         เคนมองแผ่นหลังเพรียวบางที่สวมชุดคลุมอาบน้ำยืนชมวิวแม่น้ำสายสำคัญของกรุงเทพฯยามค่ำคืนอย่างสบายใจ เส้นผมสีน้ำตาลเปียกลู่ระต้นคอ เคนมองร่างนั้นอย่างสงสัยว่าทำไมร่างกายนั้นถึงผอมบางถึงเพียงนี้ แผ่นหลังเล็กนิดเดียว เล็กพอที่จะโอบด้วยแขนข้างเดียว ข้อมือนั่นอีกเล็กจนกำได้รอบได้อย่างสบาย ช่างผิดกับพี่ชายสองคนเหลือเกินที่รูปร่างดูสมชายกว่าคนเล็กอย่างโดลเชมากนัก

“มองอะไรหรือครับ?”โดลเชคนสุขุมกลับมาอีกครั้ง เคนยิ้มบาง

“กำลังมองว่า ครอบครัวกูดาร์เชไม่ยุติธรรม” โดลเชขมวดคิ้ว

“ตรงไหน?”เคนยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้น เมื่อน้ำเสียงนั้นเริ่มแข็งขึ้น

“ก็ตรงที่ให้มาไม่เท่ากัน” เคนก้าวเข้าไปใกล้ร่างนั้น พลางสัมผัสแขนที่กอดอกไว้หลวมๆ

“อะไรไม่เท่ากัน?” เสียงนั้นชักจะคาดคั้น  เคนยิ้มกว้างขวางพลางจับข้อมือบางมากุมไว้

“ยิ้มอะไร?”คราวนี้น้ำเสียงนั้นเปลี่ยนไปเป็นไม่มั่นใจ ปนวิตกกังวล

“ยิ้มที่คนบางคนชักหวั่นไหว”วงแขนแข็งแรงอุ่นร้อนโอบล้อมร่างบาง กลิ่นสบู่บางเบาทำให้เคนสูดลมหายใจลึก

“จำได้ไหมที่ครั้งที่แล้วผมเคยบอกว่า บางทีผมอาจจะรักคนที่ไม่มีหัวใจมอบให้ผมก็ได้”โดลเชพูดเสียงอู้อี้อยู่บนแผ่นอกกว้างที่โอบล้อมร่างตน

“ผมอยากถามอย่างตรงไปตรงมา ว่าคุณมีหัวใจจะมอบให้ผมบ้างหรือเปล่า? ไม่ยากเกินไปที่จะตอบใช่ไหม?”

“โดลเช....”เคนคลายอ้อมกอดนั้น ใจโดลเชวิบหวิว ดวงตาสีเทาอมเขียวคู่นั้นเงยขึ้นสบดวงตาสีมรกต

“ถ้าคุณยังตอบไม่ได้ ได้โปรด อย่าแตะต้องผม อย่าทำร้ายกันด้วยความรู้สึกครึ่งๆกลางๆ ถ้าคุณยังรักคุณพิรุณาอยู่ก็ปล่อยผมไปเสีย”น้ำตาหยดหนึ่งร่วงรินจากหางตา  โดลเชรีบเช็ดมันออก เขาไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอในหัวใจตัวเองออกมา ถ้าได้คนรักมาเพราะน้ำตาตัวเอง จะหาความสุขได้จากที่ไหน

“โดลเช พิรุณาในตอนนี้เป็น เพื่อน ที่ฉันรักมาก   คุณอาจไม่รู้ว่าแต่ก่อนพิรุณาเปราะบางเหลือเกินถึงแม้จะดูเข้มแข็ง แต่เขาตัวคนเดียวมาตลอดแทบจะทั้งชีวิต  ทำให้พอเรามาเจอกันเลยเหมือนแม่เหล็กต่างขั้ว เราแลกในสิ่งที่เราต่างไม่มี พิรุณามีความเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ แต่ผมมีความสดใส สนุกสนาน พอเราอยู่ด้วยกันจึงถูกคอ”โดลเชพยายามตั้งใจฟังอย่างสงบ ทั้งที่ใจว้าวุ่น

“แต่คุณ มอบความคิดอ่านอย่างผู้ใหญ่ให้ผม เมื่อวานคุณก็เห็นใช่ไหม ว่าคุณธีรธรรักพิรุณาขนาดไหน และแน่นอนว่าผมดูออกว่าพิรุณาก็รักคุณธีรธรเหมือนกัน   ผมจะรักคนที่เขารักคนอื่นอยู่เต็มหัวใจทำไม ในเมื่อหัวใจตัวเองก็มีเจ้าของแล้วโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน”โดลเชสบตากับดวงตาสีมรกตน้ำงาม ชั่งใจกับสิ่งที่ได้ยิน

“อยากได้อะไรเป็นหลักฐานไหมครับคุณตำรวจ?”เคนพูดแซว หวังจะเรียกรอยยิ้มกลับมาบนใบหน้านั้นบ้าง

“ตำรวจอะไรกันเล่า?”

“ตำรวจจับหัวใจ” โดลเชหน้าเหวอกันคำตอบที่ได้รับ เป็นการหยอดคำหวานที่แย่ที่สุดที่เคยเจอมา ก่อนจะเบือนหน้าหนีรู้สึกตัวเองหน้าร้อนไปหมด

“ว่าไง? อยากได้อะไร” อ้อมแขนกอดกระชับรวบร่างโปร่งนั้นไว้กับอก แต่โดลเชยื้อร่างตัวเองไว้ไม่ให้โอนอ่อนตามแรงนั้น

“อยากได้ไอ้นี่ ถ้าไม่ได้ ก็ไม่เอา”ปลายนิ้วนั้นชี้ไปที่อกซ้ายของเคน   เคนยิ้มกว้าง ริมฝีปากหยักสวยสัมผัสลงบนริมฝีปากอิ่มนั้นแผ่วเบา

“ให้หมดตัว ทุ่มสุดแรงเกิดเลย” เคนกระซิบริมหู โดลเชเอียงวูบหลบราวต้องของร้อน ดวงตาสีเทาอมเขียวคู่นั้นสวยกว่าคืนไหนๆที่เคนเคยได้เห็น

         ราตรีโรยตัวลงอย่างช้าๆ ดาวบนท้องฟ้ากระพริบพราวบ้างริบหรี่บ้างสุกใส  แสงไฟจากอาคารบ้านเรือนเบื้องล่าง ขับแสงเปล่งช่วยกันแข็งขัน ละม้ายเหล่าดารางามตกต้องพื้นดิน  ใครบ้างหนอจะได้ชมความงามอันรังสรรค์โดยธรรมชาติที่ผสานกับความงามด้วยมือมนุษย์อย่างลงตัว ใครหนอจะได้ชมชื่นยามค่ำแห่งมหานครอันมิเคยหลับไหล ...น่าเสียดายที่ใครหลายคนมิได้มีแม้โอกาสจะมองจันทร์

-------------------------------------------------------------------------------------------------------
เสพความรู้สึกครึ่งแรกไว้นะครับ...หึหึo8
ปล.ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์ก็เป็นของคู่โดลเชกับเคนนี่แหละครับ ^^

ออฟไลน์ ErosAmor

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 851
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #194 เมื่อ29-02-2008 10:36:15 »

เสพความรู้สึกครึ่งแรกไว้นะครับ...หึหึo8
ปล.ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์ก็เป็นของคู่โดลเชกับเคนนี่แหละครับ ^^

อ๊าก  :serius2: หมายถึงอะไรกันเนี่ย ชอบคู่เคนกับโดลเชจังเลย หวานๆ

แอบ sexy ด้วย ใส่ชุดคลุมอาบน้ำ  แล้วจะเหลือรึ อิอิ

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #195 เมื่อ29-02-2008 10:56:51 »

ชอบคำว่า เลือดสีน้ำเงิน.................อ่านแล้วขนลุก

อยากกอ่านบทกุ๊กกิ๊กแล้ววววววววววววววววววววว อิอิ

niph

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #196 เมื่อ29-02-2008 12:36:06 »

ดูท่าทางเรื่องจะเป็นไปในทางดีแล้วนี่
ลงเอยกันเกือบหมดแระ

แต่ว่า ... น่ากลัวอ่ะ
 :serius2: :serius2: :serius2:

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #197 เมื่อ29-02-2008 14:11:24 »

ชอบคำว่า เลือดสีน้ำเงิน.................อ่านแล้วขนลุก

อยากกอ่านบทกุ๊กกิ๊กแล้ววววววววววววววววววววว อิอิ

รอตอนพิเศษหลังจบตอน 15 นะครับ :a4:

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #198 เมื่อ29-02-2008 17:46:39 »

 :oni1:มาอ่านช้า แต่ก็มานะ อิอิ
พิรุณาดูจะลงตัว(หรือเปล่า) กลัวโดนคนเขียนแกล้งอ่ะ :serius2:
รออ่านกันต่อไป :a2:
ขอให้สอบให้สบายใจนะน้องเมศ :a1:

ปล.คนโพสด้วยคับ อ่านนส.บ้างนะ :a2:

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #199 เมื่อ29-02-2008 19:10:15 »

:oni1:มาอ่านช้า แต่ก็มานะ อิอิ
พิรุณาดูจะลงตัว(หรือเปล่า) กลัวโดนคนเขียนแกล้งอ่ะ :serius2:
รออ่านกันต่อไป :a2:
ขอให้สอบให้สบายใจนะน้องเมศ :a1:

ปล.คนโพสด้วยคับ อ่านนส.บ้างนะ :a2:

สอบให้สบายใจสงสัยจะยากค่ะพี่ อ่านหนังสืออึดถึกอดทนมากเลย  ปฎิบัติภารกิจต่อเนื่องเกิน15 ชม.ต่อวัน :oni1:

ฮาๆฮือๆ เเว๊บๆมาตอบรีพลาย หลังจากว๊อบไปเเว๊บมา เห็นพี่โน้ตเอาตอน15ปะเเล้ว55+ นึกขึ้นได้ ตอนพิเศษยังไม่ลง  ฉากหวานๆ ท่าทางจะต้องอ่านตอนพิเศษเเล้วล่ะค่ะ ตอนพิเศษนี่ มีคนบอกว่า เลือดเเทบเป็นน้ำเชื่อม( นั่นก็เว่อร์ไป55+  )

เผลอเเป๊บเดียวมาถึงตอนที่15เเล้ว น่ากลัวมาก ....ไม่เป็นไร ตอน16เรามีสต๊อค(?) เขียนไปเเล้วตั้ง4หน้า(จากมาตรฐานเรื่องนี้ 14หน้า  :m15: ) ฮาๆฮือๆ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเเละยังติดตามกันเหนียวเเน่นนะคะ ดองเหลือเกิน  :m29:

พูดเหมือนจะจบเเล้ว เเต่ก็ยังไม่จบ เเละก็เหมือนจะอีกนานกว่าจะจบ

ส่วนเรื่องจะมีมือที่สองสามสี่ห้าหก หรือเปล่านี่   55+...(หัวเราะเก้อๆ)


ปล.ใครกำลังสอบอ่านหนังสือกันเถอะค่ะ  :sad2: มาร่วมโครงการ Academy "F" Fantasia ปฏิบัติการหนีเอฟกันนะคะ 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
« ตอบ #199 เมื่อ: 29-02-2008 19:10:15 »





ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #200 เมื่อ29-02-2008 22:18:54 »

เป็นกำลังใจให้ครับ

pottery_harter

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #201 เมื่อ02-03-2008 02:17:20 »

พอดีสะดุดตาน่ะครับ

"ซินญอร์แอนิโมโต"

"Señor" ในภาษาสเปน หรือ "Signor" ในภาษาอิตาลี ทั้งคู่แปลว่า นาย ครับ

ถ้าสตรีจะต้องเป็น

"Señora" ในภาษาสเปน หรือ "Signora" ในภาษาอิตาลี แปลว่า นาง (เท่านั้น) ครับ

แต่ถ้าใช้ภาษาฝรั่งเศสสื่อสารอยู่

"Madame" น่าจะ Okay กว่า

อย่าว่ากันนะครับ

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #202 เมื่อ02-03-2008 03:18:54 »

พอดีสะดุดตาน่ะครับ

"ซินญอร์แอนิโมโต"

"Señor" ในภาษาสเปน หรือ "Signor" ในภาษาอิตาลี ทั้งคู่แปลว่า นาย ครับ

ถ้าสตรีจะต้องเป็น

"Señora" ในภาษาสเปน หรือ "Signora" ในภาษาอิตาลี แปลว่า นาง (เท่านั้น) ครับ

แต่ถ้าใช้ภาษาฝรั่งเศสสื่อสารอยู่

"Madame" น่าจะ Okay กว่า

อย่าว่ากันนะครับ

ว้าวโพสแรกมาประเดิมที่กระทู้นี้ด้วยล่ะเป็นปลื้มแทนน้องเมศจริงๆ  o7

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #203 เมื่อ02-03-2008 14:15:38 »

พอดีสะดุดตาน่ะครับ

"ซินญอร์แอนิโมโต"

"Señor" ในภาษาสเปน หรือ "Signor" ในภาษาอิตาลี ทั้งคู่แปลว่า นาย ครับ

ถ้าสตรีจะต้องเป็น

"Señora" ในภาษาสเปน หรือ "Signora" ในภาษาอิตาลี แปลว่า นาง (เท่านั้น) ครับ

แต่ถ้าใช้ภาษาฝรั่งเศสสื่อสารอยู่

"Madame" น่าจะ Okay กว่า

อย่าว่ากันนะครับ



ว๊าวววว...ขอบคุณค่ะ โพสต์เเรกเลย เยี่ยมเลยๆๆๆ 
 ตอนเขียนนี่ต้องหาที่ปรึกษา ภาษาอิตาเลียนเเละฝรั่งเศสกันหัวหมุนเปิดดิกออนไลน์(พบว่าหลายเวบเชื่อถือไม่ค่อยได้) จะรับไปเเก้ไขนะคะ ตัวเมศเองไม่มีความรู้ด้านภาษาอิตาเลียนเเละฝรั่งเศสเเม้เเต่นี๊ดดดดดดเดียว ญี่ปุ่นก็งูปลา อังกฤษก็ดำผุดดำว่าย555+


ป๋อล๋อ.ภูมิใจอ่ะ เป็นเม้นต์เเรก เปิดซิง  อิอิ

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #204 เมื่อ02-03-2008 15:40:49 »

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ตามทันแล้ว

เรื่องนี้หวานๆ ดี ชอบ

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #205 เมื่อ02-03-2008 17:36:22 »

^
^

ว๊าวมีเพื่อนใหม่มาแว๊ว  :oni3:

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #206 เมื่อ02-03-2008 22:19:29 »

^
^

ว๊าวมีเพื่อนใหม่มาแว๊ว  :oni3:

มัวแต่ว๊าววววว สอบเสร็จยังน้อง อิอิ :laugh: :laugh:

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #207 เมื่อ02-03-2008 22:56:55 »

^
^

ว๊าวมีเพื่อนใหม่มาแว๊ว  :oni3:

มัวแต่ว๊าววววว สอบเสร็จยังน้อง อิอิ :laugh: :laugh:

 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
 :m22: :m22: :m22: :m22: :m22:

yukisaki

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #208 เมื่อ04-03-2008 15:32:39 »

หนุกๆๆ  ชอบโดลเชอ่ะ  น่ารักน่าเอ็นดู(แต่ปล่อยให้เคนเอ็นดูดีก่า  เด๋วจะมีการหึง อิๆ)
พิรุณาก็น่ารักนะ  :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ ErosAmor

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 851
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #209 เมื่อ04-03-2008 15:56:28 »

คิดถึงพิรุณาเเล้ว

สอบเสร็จยังคะ

ขอให้ทำข้อสอบได้+รีบมาลงต่อด้วย
 




 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด