INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง  (อ่าน 158650 ครั้ง)

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
« เมื่อ13-11-2007 22:11:27 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ









หลังจากเป็นสัมพเวสี(แอบอ่านนิยายคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย)มาสักพักนึง(ประมาณสองอาทิตย์)

ก็แอบคันไม้คันมืออยากเอานิยายมาให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆมาให้อ่านกัน(ทำอย่างกับจะแต่งเอง)

เลยไปขอนิยายที่คุณน้องเมศเขียนไว้ในเว็ป Dek-D มาให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ

เพราะอ่านเรื่องนี้แล้วชอบครับ มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องของดนตรีเยอะดีและก็สนุกด้วยครับ o13

งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะครับ......(เป็นกำลังใจให้กับเด็กใหม่อย่างผมและน้องเมศด้วยนะครับ :m13:)

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

INTERMEZZO   chapter# 1

      

       ชายหนุ่มร่างสูงปิดแฟ้มตรงหน้าเขาลงหลังจากลงนามรับรองเอกสารชิ้นนั้นเสร็จเรียบร้อย พลางเงยหน้าขึ้นเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างของห้องทำงานที่อยู่ชั้นสูงสุดของโรงแรมระดับห้าดาวกลางมหานครที่ขึ้นชื่อว่าเติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทิวทศน์ของมหานครที่ตกอยู่ภายใต้แสงจากหลอดไฟหลากสีหากเป็นในยามอื่นเขาอาจเห็นว่ามันดูสวยงามดี แต่สำหรับวันนี้มันไม่ใช่  เพราะเขาเครียดกับงาน วันทั้งวันวุ่นวายจนรู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะชื่นชมสิ่งใดได้อีก ชายหนุ่มตัดสินใจลุกขึ้นหยิบของสองสามชิ้นก่อนจะกลับบ้าน

      ลิฟท์เคลื่อนตัวลงจากชั้นสูงสุดของโรงแรมพลางหยุดตามชั้นต่างๆที่มีคนกดเรียก  ลูกค้าชาวต่างชาติของโรงแรมคุยกันเสียงดังก่อนจะออกจากลิฟท์ไปที่ชั้น33 ซึ่งเป็นที่ตั้งของภัตาคาร ระดับห้าดาว อันลือชื่อด้านอาหารนานาชาติ ก่อนจะไปหยุดอีกครั้งที่ชั้น9 ชั้นที่ดังที่สุดในโรงแรมก็ว่าได้  เนื่องจากชั้นนี้เป็นที่ตั้งของโฮสต์คลับระดับท๊อปคลาสของโลก  เมื่อประตูลิฟท์เปิดออกเขาได้พบหน้าโฮสต์คนหนึ่งหน้าตาคุ้นเคยกับแขกคนหนึ่งของโรงแรม

“อ๊ะ!บอส”โฮสต์คนนั้นอุทาน ท่าทางรีๆรอๆอย่างเกรงใจ
“เชิญ”ชายหนุ่มออกปากด้วยสีหน้าที่คิดว่าดูเป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว แม้ว่าสิ่งที่คนอื่นๆเห็นจะไม่เป็นอย่างนั้นเลยก็ตาม

“วันนี้เหนื่อยแย่เลยนะครับบอส”โฮสต์หนุ่มเริ่มพูดคุยเพื่อทำลายความเงียบอันน่าอึดอัด แต่บอสดูไม่ให้ความร่วมมือเท่าไหร่  เพราะดูจะพยักหน้าเพียงอย่างเดียว

“ได้ข่าวว่ามีนักดนตรีคนที่ดังๆมาพักด้วยนี่คะ?”แขกที่ดูยังไงก็เป็นสาวน้อยแม้จะไม่น่ารักเท่าไหร่แต่ก็พอไปวัดไปวาได้ถามโฮสต์ลูกน้องเขา โดยพยายามชำเลืองมาลอบมองบอสหนุ่ม.

“ครับ” โฮสต์หนุ่มตอบรับอย่างสุภาพ  ก็เพราะซุปเปอร์วีไอพีคนนี้แหล่ะทำให้นายเขาหัวปั่น
“อ๊ะถึงแล้วครับ”ชายหนุ่มผายมือให้สาวน้อยคนนั้นออกจากไปลิฟท์ ก่อนจะหันมาก้มศีรษะให้น้อยๆ แล้วประตูลิฟท์ก็ปิดลง


      ซุปเปอร์วีไอพีที่ว่า เป็นนักเปียโนชื่อก้องคนหนึ่ง โด่งดังมาตั้งแต่อายุเพียงสิบสองปีด้วยการเป็น นักเปียโนอันดับสองของโลกของสถาบันดนตรีมีชื่อของอังกฤษซึ่งมีสาขาอยู่มากมายทั่วโลก  ไม่ค่อยมีใครได้พบเห็นตัวจริงๆมากนัก มีเพียงข่าวลือที่ลอยมาตามลมเท่านั้นว่า หยิ่ง....แต่ที่แน่ๆ วันนี้แขกคนพิเศษทำให้เขาปวดหัวด้วยการจัดแถลงข่าวสายฟ้าแลบ ไล่ผู้ช่วยของตัวเองออกด้วยข้อกล่าวหาที่ว่าถูกผู้ช่วยโกงเงินไปร่วมล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเดือดร้อนต้องส่งเลขาของเขาลงไปทำหน้าที่โฆษกเฉพาะกิจอีกด้วยเนื่องจากเจ้าตัวไม่ประสงค์จะออกสื่อด้วยตัวเอง ว่างๆต้องไปทักทายซะหน่อย  ทำเรื่องยุ่งดีนัก ชายหนุ่มคิดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

      ประตูลิฟท์เปิดอีกครั้งที่ชั้น7 ชายร่างสูงโปร่งสวมโค้ดสีน้ำตาลทับเสื้อเชิ้ตขาวก้าวเข้ามา  คิ้วเรียวขมวดอย่างอารมณ์เสีย สักพักเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นด้วยเสียงที่ดังมาก มันทิ่มแทงโสตประสาทของบอสหนุ่มเข้าอย่างจัง  แต่ดูเหมือนเจ้าของมันจะไม่ได้รับรู้เลยสักนิด  และในที่สุดความอดทนของบอสหนุ่มก็หมดลง

“คุณ โทรศัพท์” ชายร่างสูงโปร่งนั่นก็ยังคงนิ่งเฉยราวกับไม่ได้ยิน
“คุณ!”บอสหนุ่มเพิ่มความดังของเสียงขึ้นอีก  ซึ่งฟังดูเหมือนตวาดมากกว่าการเรียกอย่างสุภาพ แต่ผลก็เหมือนเดิม  จนในที่สุดลิฟท์ก็เลื่อนตัวจนถึงชั้นหนึ่ง  ชายร่างบางในโค้ตสีน้ำตาลเดินออกจากลิฟท์ไปอย่างไม่สะทกสะท้าน  บอสหนุ่มเสยผมอย่างหัวเสีย คนบ้าไรวะ!!


      สภาพการจราจรที่ติดขัดแต่เช้าสร้างความหงุดหงิดให้บอสหนุ่มของโรงแรมระดับห้าดาวได้ตั้งแต่ไก่โห่  ชายหนุ่มเปิดกระจกออกไปพลางพยายามมองหาสาเหตุที่ทำให้รถติดเป็นอัมพาตอย่างนี้ตั้งแต่เช้าเต่ก็ไม่พบ นั่นยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดเป็นเท่าทวี  บอสหนุ่มตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางใหม่ ข้างหน้าคือสี่แยกในย่านที่พักอาศัยที่ค่อนข้างเงียบสงบ ด้วยความรีบร้อนที่จะไปให้ถึงก่อนเวลาประชุมทำให้เหยียบคันเร่งไม่ยั้ง  โดยลืมมองไปว่าสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากเขียวเป็นเหลืองและกำลังจะเปลี่ยนไปเป็นแดง  ร่างสูงโปร่งเดินลงมาบนถนนตามสัญญาณไฟเขียวสำหรับคนเดินเท้า โดยปรกติการข้ามถนนในแต่ละครั้งเมื่อสัญญาณปรากฏแล้วชายหนุ่มจะไม่รีบข้ามไปในทันที แต่จะรอให้มีคนก้าวนำหน้าไปก่อนสักสองสามคนแล้วจึงจะก้าวตาม  แต่ถนนในระแวกนี้เงียบสงบจนแทบจะเรียกได้ว่าร้างผู้คนทำให้ไม่มีเพื่อนข้ามถนนกับเขา  เสียงแตรรถยนต์ดังสนั่นหวั่นไหวตามด้วยเสียงเบรคสนั่นไม่แพ้เสียงแตรทำให้คนในระแวกนั้นนึกถึงเสียงโครมตามมา

“เดินดูทางด้วยสิวะ!!”บอสหนุ่มหัวเสียตะโกนแทบจะพร้อมกับร่างโปร่งๆนั้นใช้ทั้งสองมือทุบลงที่กระโปรงหน้าของรถยนต์ราคาหลายล้านอย่างไม่ปรานีแม้แต่น้อย

“เฮ้ย!!” บอสหนุ่มอุทาน เขาทั้งรักทั้งหวงรถขันนี้นักหนา แต่ไอ้หนุ่มหน้าสวยนี่มันทุบแบบไม่ปรานี  

      ชายหนุ่มร่างโปร่งทำมือทำไม้อะไรให้วุ่น พร้อมกับแสดงสีหน้าว่าไม่พอใจมาก  นิ้วเรียวนั้นชี้ที่ไฟสัญญาณที่ขึ้นสีเขียวและมีสัญลักษณ์คนเดินอยู่หรา  บอสหนุ่มหน้าชาเขาผิดเองแบบเต็มๆ เขาไม่รู้ว่าคู่กรณีของเขาต้องการสื่ออะไรเพราะเขาไม่มีทักษะด้านภาษามือเอาเสียเลยต่อให้มันเข้าใจง่ายแค่ไหนก็เถอะ   เสียงแตรจากรถคันหลังเริ่มดังระงมไฟเขียวสำหรับรถทางตรงปรากฏขึ้นได้อึดใจหนึ่งแล้ว บอสหนุ่มจึงต้องรีบขับออกไปหาที่จอด แล้วค่อยกลับมาจัดการกับคู่กรณี  แต่หลังจากที่เขาหาที่จอดได้แล้วรีบวิ่งกระหืดกระหอบมายังที่เกิดเหตุก็ไม่พบคู่กรณีเสียแล้ว  บอสหนุ่มนิ่วหน้า เริ่มหัวเสียอีกแล้ว

      การประชุมในตอนเช้าผ่านไปได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าประธานของการประชุมจะเกือบมาสายก็ตาม  แต่ผลของการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ  ธีรธรบอสหนุ่มแห่งโรงแรมในเครือพาณิชยกิจวิโรจน์ .เขารับตำแหน่งประธานต่อจากผู้เป็นบิดาเมื่อราวๆสามปีก่อน  ปัจจุบันเขาเป็นผู้บริหารหนุ่มที่เป็นที่จับตามองมากที่สุดในวงการธุรกิจ รวมทั้งสาวๆด้วย  ด้วยดวงหน้าคมเข้มดวงตายาวเรียวที่ประกอบด้วยนัยน์ตาคมกล้าดำจัดราวห้องน้ำอันลึกสุดหยั่ง  ร่างสูงสง่างามด้วยความสูงที่สูสีกับชาวตะวันตก บุคลิกโดดเด่นดูเป็นผู้นำทำให้ดูสมชาย รวมทั้งทักษะด้านต่างๆที่ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะจับงานใดก็ประสบความสำเร็จไปเสียหมดยิ่งทำให้เป็นที่ฮือฮา

“บอสคะ..เอ่อ...คุณพิรุณา ขอเข้าพบค่ะ” ชายหนุ่มหมุนเก้าอี้กกลับมาจากหน้าต่างหรี่ตาลงเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด

“ให้เข้ามา คุณลีเรียกคุณปองมาพบผมด้วย” เลขาสาวเดินออกไปครู่หนึ่ง  ชายร่างสูงโปร่งในโค้ตสีน้ำตาลเดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ  

“เชิญครับ”บอสหนุ่มลุกขึ้นผายมือไปที่เก้าอี้ตรงข้ามเขาแต่สายตากำลังเหลือบมองเอกสารบางอย่างในแฟ้มจึงไม่ทันได้มองเห็นหน้าผู้ที่เดินเข้ามา  แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงความเงียบที่ผิดปรกติจึงเงยหน้าขึ้น  

“คุณ!!!”



*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2010 07:45:34 โดย THIP »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #1 เมื่อ13-11-2007 22:48:37 »

หุหุ คนแรก  :m11:  :m11:  :m11:  :m11:
เรื่องนี้อ่านรอบแรกแล้วงงนิดหน่อย ต้องกลับไปอ่านดี ๆ รอบสอง ถึงจะรู้เรื่อง
ช่วงที่บอสเลิกงานแล้วแยกกับชายหนุ่มคิดว่าเป็นตอนกลางคืน พอตัดมาอีกทีอ้าวเช้าซะแล้ว อ่านแบบข้าม ๆ เลยงงนิดหน่อย

เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :m13:

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #2 เมื่อ13-11-2007 23:02:26 »

เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มีคนมา reply แล้ว (ตื่นเต้นๆ) ขอบคุณนะครับที่มาติดตามผลงานของน้องเมศ

แล้วก็ขอบคุณสำหรับคำติชมงับ แล้วจะบอกน้องเมศเค้าให้น้า...(จริงๆบอกไปแล้ว  :laugh:)

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #3 เมื่อ13-11-2007 23:24:12 »

ภาณุเมศพลัง say; เมศว่าสั้นไป แปะให้หมดเลยก็ได้มั๊ง 9 หน้าเอง

Snowblack say; - -

ภาณุเมศพลัง say; ตอนนี้สั้นสุดแล้วนะ ตอนอื่นๆ 10+

Snowblack say; - -

ภาณุเมศพลัง say; ไว้ตอนหลังๆขยักไว้เพราะเขียนไม่ทัน (ชั่วร้าย)

Snowblack say; แกจะแข่งเป็นเจ้าแม่ดองเข็มกับเจ๊ว่างหรือไง (ว่างวน รักนาย my boyfriend )

ภาณุเมศพลัง say; อิอิ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------

ก็จัดให้ตามน้องเค้าแล้วกันนะครับ   :m26:

--------------------------------------------------------------------------------------------------------

“คุณ!!!” ธีรธรร้องอย่างตกใจ เช่นเดียวกับแขกของเขาที่ท่าทางตกใจไม่แพ้กัน   แขกของเขาเริ่มทำไม้ทำมืออีกครั้ง แต่เขาก็ไม่อาจรู้ได้ถึงสิ่งที่ ‘ไอ้หนุ่มหน้าสวย’ ต้องการจะสื่อ

“เดี๋ยวผมไม่เข้าใจ”ธีรธรพยายามร้องทัดทาน  แขกตรงหน้าชูนิ้วขึ้นมานิ้วหนุ่มก่อนจะควานหาบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ตตัวสีน้ำตาล  มันคือสมุดเล่มเล็กๆ และดินสอ เขาเขียนบางอย่างลงในนั้นก่อนจะยื่นให้

เมื่อเช้าคุณขับรถได้แย่มาก
      เหมือนไม้หน้าสามฟาดเปรี้ยวเข้าแสกหน้า  บอสหนุ่มคิดจะเถียงแต่ก็เถียงไม่ออก  มือขาวๆนั่นตวัดเขียนตัวอักษรเพิ่มลงไปอีกอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะยื่นมันมาข้างหน้า

คุณไม่คิดจะขอโทษสักหน่อยหรือ?

      ธีรธรที่หน้าชาไปแถบหนึ่งท่าทางอึกอัก เขารู้สึกว่าคำว่าคำว่าขอโทษหลุดจากปากเขาได้ยากเหลือเกิน ราวกับต้องพยายามสะกดมันทีละตัวๆอยู่ในใจ เสียงพูดคำว่าขอโทษจึงค่อยหลุดออกมาทีละหน่อย  เสียงเคาะประตูหน้าห้องและเลขาของเขาเปิดเข้ามาทำให้ความพยายามดังกล่าวหายวับไปกับตา  ผู้ที่เดินยิ้มน้อยๆเข้ามาในห้องคือคนที่เขาใช้เลขาที่เรียกขึ้นมา ทันทีที่เหลือบเห็นว่ามีแขกอยู่ก่อนหน้าก็อุทาน พร้อมกับตั้งท่าว่าจะถอยออกไป
 
“เข้ามาเถอะ” บอสหนุ่มสั่ง พร้อมกับเอามือลูบหน้าผาก ดีเหมือนกันมีคนมาสับรางเสียก่อนที่จะระเบิด  บอสหนุ่มรู้ตัวเองดีแหล่ะว่าเป็นพวกอารมณ์ร้อน ความอดทนต่ำ

      ชายหนุ่มที่ดูจะเหมาะกับคำว่าหนุ่มน้อยเสียมากกว่าเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับยิ้มเหย  เขามองผู้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามบอสแล้วลอบพิจารณา  ดวงหน้าขาวนวลเนียนรีสวยได้รูป ดวงตาสีน้ำตาลออกแดงล้อมด้วยขนตายาวสีค่อนข้างอ่อนเช่นเดียวเส้นผมที่ซอยสั้นอย่างมีระเบียบทำให้ดูสะอาดสะอ้านและแลดูน่าทะนุถนอม  รับกับจมูกโด่งได้รูปและปากอิ่มสีแดงจัด เขายอมรับว่าถ้าชายตรงหน้านี่มาสมัครเป็นโฮสต์ละก็ ผ่านร้อยเปอร์เซ็นต์  พิรุณาเองก็มองหนุ่มน้อยคนนี้แล้วนึกเอ็นดูว่าเป็นเด็กหนุ่มที่ดูบริสุทธิ์ใสซื่อดีแท้

“คุณปองผมได้เรื่องร้องเรียนของคุณแล้วนะ ผมคิดว่า...”

“เอ่อ  บอสครับผมคิดว่าเราอย่าคุยกันต่อหน้าแขกเลยครับไว้โอกาสหน้าเถอะ”หนุ่มน้อยเอ่ยแทรกขึ้น พลางส่งสายตาเกรงใจให้แขกอีกคนในห้อง

“เออ..นี่คือสเปเชียลวีไอพีของเราคุณคงรู้จักแล้ว คุณพิรุณา”บอสหนุ่มแนะนำแขกที่นั่งตรงข้ามเขา ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงในคอว่า “ดูเหมือนเขาจะมีปัญหาด้านการได้ยินล่ะนะ”

พิรุณาเมื่อรู้ตัวว่าถูกแนะนำให้รู้จักจึงยืนขึ้นแล้วเริ่มส่งภาษามืออีกครั้ง  ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าอีกคนอาจไม่รู้เรื่องจึงหยิบกระดาษเละดินสอขึ้นมาอีกครั้ง

“ผมว่าไม่ดูเหมือนแล้วนะครับบอส”ปองกล่าวยิ้มๆ แล้วเริ่มส่งภาษามือแนะนำตัวแก่พิรุณา บอสหนุ่มได้แต่ยืนมองคนสองคนคุยกันด้วยภาษามือ พลันพิรุณาก็เหลือบมองเห็นสายตามีคำถามของบอสหนุ่มจึงบุ้ยใบ้ให้หนุ่มน้อยหันไป

“ผมเคยมีญาติที่เป็นใบ้น่ะครับ ก็เลยพอได้เรียนมาบ้าง” พิรุณาสะกิดปองให้ช่วยแปลบางอย่างให้ธีรธรรู้ หลังจากพยายามอยู่ระยะหนึ่ง โดยที่ปองต้องบอกให้พิรุณาทำมือช้าๆลงหน่อยอยู่หลายครั้งในที่สุดก็ได้เรื่อง

“บอสครับ คุณพิรุณาอยากขอให้ทางโรงแรมเราช่วยจัดการนักข่าวที่อยู่หน้าโรงแรมน่ะครับ”บอสหนุ่มหัวเราะขึ้นจมูก

“ก็คุณเป็นคนทำให้นักข่าวกรูกันมาที่นี่เองนะครับ  แล้วจะให้เราทำยังไง”

“โธ่ บอส”ปองรำพันออกมา ก่อนจะหันไปส่งภาษามือให้พิรุณาอีกครั้ง  แน่นอนดวงหน้าขาวนวลนั้นเชิดขึ้นด้วยโทสะในทันที นัยน์ตาสีสวยวาววับ

“ใครใช้ให้คุณไล่ผู้ช่วยออกกลางอากาศแบบนี้ล่ะ”บอสหนุ่มค่อน ยังไม่ทันที่ปองจะแปล พิรุณาก็พุ่งตัวเข้ามาตรงหน้าบอสที่แค่ความสูงก็เทียบกันไม่ค่อยจะติดแล้ว

“ทำไม คุณจะทำอะไรผม”ธีรธรส่งเสียงที่ฟังแล้วยียวนใส่ไอ้หนุ่มหน้าสวยตรงหน้า  โดยที่ลืมไปว่าพิรุณาไม่ได้ยินหรอก  ปองเห็นท่าทางจะไม่ดีจึงออกไปเรียกคุณลีเลขาของบอสมาช่วยแยกมวยคู่นี้ก่อนจะมีเรื่องกันจริงๆ


      พิรุณาหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ในห้องพักจนค่ำหลังจากได้รับคำตอบจากทนายประจำตัวเรื่องการฟ้องร้อง สิ่งที่ทำให้หงุดหงิดคือการจะออกไปข้างนอกแบบเมื่อเช้าทำได้ยากเย็นนัก  นักข่าวดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น ไม่เพียงแค่นักข่าวภายในประเทศเท่านั้น สื่อจากต่างชาติเองเกาะติดข่าวนี้อยู่เช่นกัน หนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับพาดหัวข่าวเกี่ยวกับการปลดผู้ช่วยของนักดนตรีชื่อก้องออกชนิดที่เรียกว่ากลางอากาศ  โดยขณะนี้ผู้ช่วยที่เขาเพิ่งปลดไป เที่ยวให้สัมภาษณ์ไปเรื่อยว่าตนบริสุทธิ์  ทั้งที่เขาอุตส่าห์ไว้เนื้อเชื่อใจมาเป็นเกือบสิบปีให้ดูแลเรื่องเงินดูคนเราทำกันได้  พิรุณาอดรู้สึกเศร้าใจไม่ได้เพราะการไล่ผู้ช่วยของเขา ก็เท่ากับไล่คนคุ้นเคยที่แทบจะไม่มีอยู่เลยออก

     เขาเป็นเด็กกำพร้าเคยอยู่ในบ้านสงเคราะห์ทางตอนใต้ของอังกฤษแต่เพราะเป็นชาวเอเชียเพียงคนเดียวในบ้านอุปถัมภ์  และพิการทางหูจึงไม่มีใครให้ความสนใจมากนัก   พออายุได้7ขวบก็มีครอบครัวอุปถัมภ์มารับตัวไปเลี้ยง  แต่สุดท้ายครอบครัวอุปถัมภ์ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตจึงต้องไปอยู่ในบ้านสงเคราะห์อีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นโบสถ์เล็กๆในเยอรมัน สิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเด็กน้อยคือเปียโน  จนวันหนึ่งในฤดูร้อนซิสเตอร์คนหนึ่งยื่นจดหมายบางอย่างให้แก่เขา เขารับมันมาแล้วเปิดออกดูมันคือใบสมัครของสถาบันดนตรีแห่งหนึ่งในออสเตรีย นั่นเองคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาก้าวเดินมาตามเส้นทางสายดนตรีอย่างเต็มตัว

   

ธีรธรกำลังจอดรถติดไฟแดงอยู่ ณ สี่แยกใจกลางเมือง  แต่วันนี้ไม่ใช่รถคันเก่งเช่นที่ใช้ทุกวัน  มันจะเพราะอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่รอยบุบที่ประโปรงหน้ารถ  ไอ้หนุ่มหน้าสวยนั่นมันน่านัก เห็นตัวนิดเดียวแต่แรงเยอะขนาดทุบกระโปรงหน้ารถยุโรปบุบได้ บอสหนุ่มคิดอย่างเข่นเขี้ยว  จะเรียกค่าเสียหายซักเท่าไหร่ดี  สิบล้านเสียดีไหมนะ  พลันสายตาก็เหลือบไปเห็น ป้ายโฆษณากลางสี่แยก รูปชายหนุ่มดวงหน้าขาวกระจ่างใส ยืนยิ้มกว้างนัยน์ตาพราวอย่างน่าเอ็นดู  โฆษณาคอนเสิร์ตการกุศลที่จัดร่วมกับวงออเครสตาชื่อดังของประเทศ  ชายหนุ่มหัวเราะขึ้นจมูกอย่างหมั่นไส้หน่อย ๆไม่เห็นมันจะยิ้มได้อย่างงี้เลย มีแต่กวนเบื้องล่างละไม่ว่า

RRRR~R

“ว่าไงคุณลี”ธีรธรกดรับสายพลางขยับรถตามคันหน้าไป
“บอสคะ  ตัวแทนต้นสังกัดของคุณพิรุณาส่งบัตรเชิญไปงานคอนเสิร์ตมาวันพุธนี้มาให้ค่ะ  ไม่ทราบว่าบอสจะให้ดิฉันเก็บไว้ไหมคะ”

“เขาให้มากี่ใบ”
“สองใบค่ะ”ชายหนุ่มเคาะพวงมาลัยอย่างใช้ความคิด  เอ....ถ้าไปยั่วโมโหก่อนไอ้คุณหน้าสวยมันขึ้นคอนเสิร์ตก็ท่าจะดี

“คุณลีไปกับผมแล้วกัน”เลขาสาวเงียบไปอึดใจก่อนจะเอ่ยขึ้นอึกอัก
“เอ่อ....คือว่าบอสคะ  ลีคิดว่าคงไปด้วยไม่ได้หรอกคะ วันพุธนี้สามีลีไม่อยู่ไม่มีใครดูลูก”
“ไม่เป็นไรคุณลี ตามสบายเถอะครับผมไปคนเดียวก็ได้” ธีรธรสนทนากับปลายสายอีกครู่หนึ่งก็กดวางสาย  สายตาเหลือบไปมองป้ายโฆษณาอีกครั้ง ดวงหน้าในโฆษณายังคงแย้มยิ้ม 

RRR….RRR~R

“พี่ธีคะ รันได้ข่าวจากพี่ลีว่าพี่ธีได้บัตรคอนเสิร์ตจากต้นสังกัดคุณพิรุณาหรอคะ”รันดาลูกพี่ลูกน้องสาวส่งเสียงเจื้อยแจ้วผ่านทางโทรศัพท์ จนชายหนุ่มต้องเอื้อมมือไปลดระดับเสียงลง

“ครับๆ”เสียงใสหัวเราะร่วนฟังดูมีเลศนัย
“หัวเราะแบบนี้มีแผนอะไรครับคุณรันดา”
“ก็ไม่มีอะไรหรอกคะ  แค่รันรู้ว่าพี่ธีมีบัตรสองใบ  แต่คุณลีไม่ว่าง รันเลยขออาสาไปด้วย”
“เราอยู่เมืองไทยไม่ใช่หรอ แล้วเราจะมายังไง?” เสียงใสๆหัวเราะที่ปลายสายอีกครั้ง คราวนี้ด้วยเสียงสูงปรี๊ด
“รันอยู่หน้าบ้านพี่ธีแล้วค่ะ”บอสหนุ่มเกาหัวแกรก  อยากบ้าว่ะ.....

      


      พิรุณาถูกเชิญมายังห้องรับรองของคณะผู้บริหาร  โดยคาดหวังไว้ในใจว่าคงจะเจอธีรธรแน่ พร้อมกับพยายามคิดหาทางแก้เผ็ดไว้ต่างๆนานา  แต่กลายเป็นว่าคนที่เขาไปพบกลับกลายเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักน่าชังคนหนึ่งยืนยิ้มหวานในชุดสีชมพูดจางๆดูเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ภายในห้อง  พิรุณารับไหว้เด็กสาวคนนั้นอย่างเก้อๆ  เขาไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นใคร  และไม่รู้ด้วยว่าจะสื่อสารกันอย่างไร  พอดีกับที่ใครบางคนเดินเข้ามา เขาคือปองนั่นเอง พิรุณาค่อนข้างดีใจที่ได้เจอปอง  เขารีบส่งภาษามือทักทายปอง  ปองเองก็เช่นกัน ก่อนจะแนะนำให้พิรุณารู้จักเด็กสาวตรงหน้าว่าชื่อรัน  รันดา เป็นน้องสาวของบอส  พิรุณาหยิบกระดาษกับดินสอออกมาจากเสื้อตัวนอกสีน้ำตาลเตรียมไว้ในมือ

“พี่ปองคะบอกคุณพิรุณาให้หน่อยสิคะว่ารันปลื้มเขามากเลย เพราะรันก็เรียนดนตรีมาเหมือนกัน”ปองแปลเป็นภาษามือให้  ก่อนพิรุณาจะตอบกลับมา

“คุณพิรุณาบอกว่าขอบคุณที่ติดตามผลงานครับ แล้วก็ถามด้วยว่าเล่นเครื่องดนตรีอะไร”
“เปียโนเหมือนกันค่ะ แต่ว่าไม่เก่งสักเท่าไหร่หรอกค่ะ” หลังจากปองแปลให้แล้วพิรุณาก็ยิ้ม  ทั้งสองคนในห้องเห็นว่ามันเป็นยิ้มที่ดูดีมาก ก่อนจะเริ่มส่งภาษามืออีกครั้ง

“เล่นมานานเท่าไหร่แล้วครับคุณรัน”ปองถาม
“สิบสองสิบสามปีได้แล้วค่ะ จะรังเกียจไหมคะถ้าอยากให้คุณพิรุณาเซนต์ให้รันหน่อย” พิรุณาพยักหน้าให้ ก่อนจะรับสมุดบรรทัดห้าเส้นสีขาว  ที่หน้าปกมีรูปตัวคาเบตหนึ่งชั้นตวัดหางสวยมาจากรันดา

“เซนต์ที่หน้าปกเลยนะคะ”สาวน้อยยิ้มให้อย่างสดใส พิรุณาจึงยิ้มตอบ ก่อนจะลงมือเซนต์ชื่อให้ตามที่ขอ ก่อนแล้วส่งคืนให้

“คุณพิรุณาคิดจะรับทำงานโฆษณาไหมคะ เห็นข่าวออกกันเยอะเลยค่ะว่ามีบริษัทติดต่อขอให้เป็นพรีเซนเตอร์ให้เยอะแยะเชียว” ปองส่งภาษามือให้ตามที่รันดาบอก พิรุณานิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า แล้วทำมือตอบ

“คุณพิรุณาว่าไม่รับครับ  เพราะว่า แค่งานปัจจุบันก็ยุ่งจะแย่แล้วครับ”

   
      เสียงเคาะประตูขัดจังหวะขึ้นก่อนที่รันดาจะถามอะไรต่อไป ร่างสูงใหญ่ของบอสหนุ่มเยี่ยมหน้าเข้ามาในห้อง  พิรุณามองด้วยสายตาไม่ถูกใจก่อนจะเมินไปเสียทางอื่น ปองยิ้มน้อยๆอย่างเห็นเป็นเรื่องขำขัน  ในขณะที่รันดาเห็นแล้วไม่ค่อยสบายใจ  พี่ธีนะพี่ธีไปทำอะไรให้คุณพิรุณาไม่พอใจ เดี๋ยวต้องสอบปากคำ  พิรุณายังเมินหน้า พลางกัดกระพุ้งแก้มไปด้วยอย่างที่ทำทุกครั้งที่เกิดอาการเซ็งๆ

“เป็นไงยัยรัน พอใจได้หรือยัง”น้องสาวทำแก้มป่อง บอสหนุ่มมองน้องสาวแล้วหันไปมองอีกคนที่ท่าทาง’งอนป่อง’ เหมือนกัน

“เป็นอะไรไปอีกล่ะคุณ” พิรุณาแค่ปรายตามองก่อนจะก้มลงดูนาฬิกาข้อมือแล้วตะลึงตาค้าง  สาย!!! สายโด่งเลย  เขาต้องนั่งรถข้ามไปอีกฟากของเมืองเพื่อซ้อม คอนเสิร์ต เวรกรรมๆๆ  พิรุณารีบเก็บข้าวเก็บของโดยเร็วก่อนจะลุกขึ้นแล้วส่งภาษามือให้ปอง

“เอ่อ... คุณพิรุณาบอกว่า ขอตัวไปทำงานก่อนครับ สายมากแล้ว” รันดาถึงกับร้องอ้าวอย่างเสียดาย  พลันแปรสายตาเป็นเจ้าเล่ห์

“พี่ธีคะ  ไหนๆคุณพิรุณาก็ไปสายเพราะรันแล้ว ‘เรา’ก็ไปส่งคุณพิรุณากันเถอะค่ะ” สายตาหวานมีประกายวาบๆ อย่าได้ปฎิเสธเชียวนะพี่ธี  บอสหนุ่มเห็นท่าคราวนี้เขาคงหนีไม่พ้นจึงยอมถอนใจแล้วพยักหน้า  ในขณะที่ปองส่งภาษามืออีกครั้ง ก่อนพิรุณาจะรีบตอบกลับมา

“คุณพิรุณาว่าไม่เป็นไรครับจะไปเอง”
“ไม่ได้นะคะ คุณพิรุณาก็เพิ่งมาที่นี่ได้ไม่นาน  เดี๋ยวไปหลงจะยิ่งเสียเวลา”รันดาคว้าแขนเสื้อของพิรุณาไว้ข้างหนึ่ง  ส่วนมืออีกข้างจับข้อมือธีรธร ด้วยแรงที่แรงกว่าปรกติ ก่อนจะพาออกจากห้องรับรองลงลิฟท์ไปยังที่จอดรถ


      ตลอดทางรันดาเห็นว่ามีการโต้ตอบกันค่อนข้างรุนแรงระหว่างพิรุณาและธีรธร  พี่ชายจิกกัดคนนั่งเบาะหลังกับคุณปองบ่อยครั้งเท่าที่จะทำได้  ในขณะเดียวกัน พิรุณาแม้จะพูดไม่ได้แต่ก็ใช่ว่าจะไร้พิษสง รันดาค่อนข้างแน่ใจว่า  ถ้าหากคุณพิรุณาของเธอพูดได้ละก็ ไอ้ที่เขาว่าหยิ่งคงไม่มีแน่  แต่อาจจะเป็นปากร้าย เพราะด่าคนได้ผู้ดีมาก ชนิดที่เรียกได้ว่าฟังที่คุณปองแปลแล้วต้องคิดก่อนถึงจะรู้ว่าพี่ชายโดนไปหลายดอก แถมบางครั้งสองเด้งด้วยเอ๊า!  คุณปองก็เหลือเกิน แปลตรงตัวเป๊ะแบบไม่กลัวเจ้านายโกรธเลย

“เลี้ยวขวาข้างหน้าก็ถึงแล้วครับบอส”ปองบอกเส้นทางกันบอสหนุ่มผู้รับบทสารถีจำเป็น ก่อนจะส่งภาษามือให้พิรุณา 

“ถึงแล้ว”เสียงห้วนๆของธีรธรทำให้รันดาตวัดตามองอย่างเข่นเขี้ยว  พิรุณาลงจากรถคันหรูก่อนจะหันกลับมาทำท่าไขกระจกให้รันดาดู  เธอทำตามแต่โดยดี มือขาวๆของพิรุณายื่นเข้ามารันดาจึงส่งมือให้จับ ก่อนพิรุณาจะไปจับมือกับปอง  แล้วก้มศีรษะให้น้อยๆ แล้วเดินหายเข้าไปในสตูดิโอ ซึ่งเป็นอาคารสามชั้น ในย่านการค้าที่ค่อนข้างจะสงบอยู่สักหน่อย

“คุณพิรุณาน่ารักดีนะคะ”รันดากล่าวพลางมองจนคล้อยหลังอย่างปราบปลื้ม
”ครับ” ปองรับคำเบาๆ
“ชิ....ชมกันเข้าไปน่ะ  คุณปองก็เหมือนกัน แปลซะตรงไม่กลัวผมจะไล่คุณออกหรือไง”บอสหนุ่มผู้เกาะพวงมาลัยรถหรูเบ้ปากให้กระจกมองหลัง  ปองหัวเราะเบาๆ

“ไม่หรอกครับ ผู้แปล ก็ต้องเป็นผู้ถ่ายทอดสารที่ถูกต้องจริงไหมครับ แต่ถึงบอสจะไล่ผมออก  ผมก็คงได้งานใหม่เลยล่ะครับ”ปองโบกกระดาษใบน้อยสีเหลืองนวลๆในมือไปมาช้าๆ  สองคนพี่น้องมองหน้ากันอย่างงงๆก่อนจะเอี้ยวตัวมาดูคนข้างหลัง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบตอนแรกแล้วครับ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนและคนโพสด้วยนะครับ :m13:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-10-2008 02:13:15 โดย snowblack »

MoD_els

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #4 เมื่อ14-11-2007 00:26:38 »

อ่าเรื่องใหม่มาอีกแล้ว น่าติดตามจริงๆ อยากรู้จังว่าจะเป็นความรักระหว่างคู่ไหน
แต่ตอนแรกที่อ่านแอบงงๆ นิดนึง ว่าแต่คนเขียนชอบเล่นดนตรีแน่เลย อิอิ
ปล. แต่ว่ามีพิมพ์ผิดแล้วก็วางตำแหน่งคำสลับกันอยู่บ้าง ไงก็เป็นกำลังใจให้ครับ o22

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #5 เมื่อ14-11-2007 00:45:09 »

มาเป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #6 เมื่อ14-11-2007 02:19:08 »

มาเป็นกำลังใจนะจ๊ะ   :a9: 

อืม...เคยอ่านนะเรื่องนี้

แต่ตอนนั้นอ่านไม่จบ  :m23:

ความนี้จะได้ตามอ่านจนจบซะที

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #7 เมื่อ14-11-2007 03:17:51 »

มาเป็นกำลังใจนะจ๊ะ   :a9: 

อืม...เคยอ่านนะเรื่องนี้

แต่ตอนนั้นอ่านไม่จบ  :m23:

ความนี้จะได้ตามอ่านจนจบซะที

ผมก็หวังเช่นนั้นเหมือนกันครับ  :amen:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #8 เมื่อ14-11-2007 19:23:09 »

อืม ก็ยังงงๆ เหมือนเดิม  ต้องอ่านซ้ำรอบสอง (อีกแล้ว  :a6:  :a6:)  ฉากก็ตัดไปตัดมา เหมือนกับไม่จบในตัวเอง
พอขึ้นย่อหน้าใหม่ เอ้าตัดไปอีกฉากหนึ่งแล้ว
บางตอนก็ไม่ค่อยสมจริง เช่น บอสรู้ว่าพิรุณาจะมาขอพบ กลับบอกให้เลขาตามปองกับลีมาด้วย เราก็เลยนึกว่าสองคนนี้จะมีอะไรมาเกี่ยวข้องกับแขกซูเปอร์วีไอพีคนนี้รึเปล่า แต่กลับเป็นว่าเรียกมาอีกเรื่องหนึ่ง แถมยังเข้ามาตอนที่บอสมีแขกอีก   :m28:   :m28:

ขอโทษนะ อ่านแล้วรู้สึกอย่างนี้จริง ๆ  :m17:

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #9 เมื่อ14-11-2007 19:52:06 »

ดีแล้วคร้าบบบบบ...น้องมันจะได้ไปปรับปรุง อิอิ

ไว้จะมาโพสเรื่อยๆผิดถูกไงเพื่อนๆช่วยติมาด้วยนะคร้าบบบ ^^ :m13:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
« ตอบ #9 เมื่อ: 14-11-2007 19:52:06 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #10 เมื่อ14-11-2007 19:54:06 »

นี่ขนาดด่ากันผ่านล่าม ยังไฟแล่บ
ถ้าพูดได้ มีหวังหูชา
คิกคิก
 :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ →Yakuza★

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-0
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #11 เมื่อ14-11-2007 21:41:20 »

มาแว้วววววว >w< เค้ามาอ่านแล้วนา

รีบมาอัพนะค๊าบ~~~

snowman

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #12 เมื่อ14-11-2007 21:54:57 »

ยังไม่ได้อ่านนะครับ

แต่ขอคอมเม้นท์ไว้ก่อน


ชื่อเรื่อง Intermezzo ทำให้นึกถึงนิยายเรื่องเก่า ที่เคยอ่านเมื่อยังเด็ก


"Intermezzo เพลงรักของแม่"  .... นิยายที่ผมว่าเศร้าที่สุดสำหรับผมในวัยเด็กเลย


มีใครเคยอ่าน หรือ คุ้นๆ ผ่านตากันบ้างไหมครับ ?


snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #13 เมื่อ15-11-2007 12:31:25 »

นี่ขนาดด่ากันผ่านล่าม ยังไฟแล่บ
ถ้าพูดได้ มีหวังหูชา
คิกคิก
 :laugh: :laugh: :laugh:

 :o8: :o8: :o8:

มาแว้วววววว >w< เค้ามาอ่านแล้วนา

รีบมาอัพนะค๊าบ~~~

ขอบคุณคร้าบบบ.... :m1:

ยังไม่ได้อ่านนะครับ

แต่ขอคอมเม้นท์ไว้ก่อน


ชื่อเรื่อง Intermezzo ทำให้นึกถึงนิยายเรื่องเก่า ที่เคยอ่านเมื่อยังเด็ก


"Intermezzo เพลงรักของแม่"  .... นิยายที่ผมว่าเศร้าที่สุดสำหรับผมในวัยเด็กเลย


มีใครเคยอ่าน หรือ คุ้นๆ ผ่านตากันบ้างไหมครับ ?



แค่นี้ก็เป็นปลื้มแล้วล่คร้าบบบบ.. :m1: :m3:

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #14 เมื่อ15-11-2007 12:52:05 »

มาต่อตอนสองกันเลยนะคร้าบบบบบ.... :a9:

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

INTERMEZZO   chapter# 2



“คุณรู้ไหมว่าคุณปองค่าตัวเท่าไหร่ คุณนึกอยากจะเอาตัวคุณปองก็เอาง่ายๆอย่างนี้นะหรอ” บอสหนุ่มกล่าวเสียงเข้ม ขณะที่พิรุณาผู้นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทำหน้าแบบทองไม่รู้ร้อน นั่นยิ่งกระตุ้นความโมโหของธีรธรขึ้นไปอีก

“ยังจะทำไม่รู้ไม่ชี้อีก!” ปองยิ้มขำกับคำพูดของบอสหนุ่มที่ดูจะทำตัวเป็นเด็กชายธีรธรซะแล้ว  ในขณะที่พิรุณาเองยิ่งทำลอยหน้าลอยตาเข้าไปใหญ่

“คุณปองเป็นโฮสต์อันดับต้นๆของเรา  เราคงยอมให้คุณปองไปทำงานกับคุณง่ายๆไม่ได้”ธีรธรกล่าวก่อนจะกระแทกตัวพิงพนักเก้าอี้  พิรุณาหยิบกระดาษสีนวลๆขึ้นมาเขียนบางอย่างก่อนจะยื่นให้

คุณจะเรียกเท่าไหร่?

“คุณปองคุณค่าตัวเท่าไหร่?”
“80เหรียญต่อชั่วโมงครับ” ปองตอบ บอสหนุ่มรีบชี้ให้บอกคนที่นั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้นั่น  พิรุณาหยักหน้ารับทราบ แล้วเริ่มเขียนบางอย่างลงในกระดาษโน้ตอีกครั้ง

ผมจะจ่ายให้ตามราคาค่าตัวคุณปอง และจะจ่ายค่าผิดสัญญาชดเชยให้คุณด้วย พอใจหรือยัง?

“เอาอย่างนี้ไหมครับ  ในเมื่อคุณพิรุณาบอกว่างานส่วนใหญ่ที่จะให้ผมทำคือช่วงกลางวัน  แต่งานที่นี่ของผมทำช่วงกลางคืน ถ้าอย่างนั้นผมจะรับงานคุณพิรุณาเป็นกรณีเสริม จะได้ไม่ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับบริษัท แล้วคุณพิรุณาก็ไม่ต้องจ่ายเยอะด้วย” ปองเสนอขึ้นในที่สุด พลางส่งภาษามือให้พิรุณาทราบด้วย ธีรธรยักไหล่

“คุณแน่ใจได้ยังไงว่าจะทำงานให้ผมได้เต็มที่”
“ผมมั่นใจว่าจะทำงานได้เต็มที่ ทั้งต่อคุณพิรุณาและบอสครับ”พิรุณาส่งภาษามือมาอีกครั้งคราวนี้มีท่าทางกังวล ก่อนจะเขียนใส่กระดาษอย่างหวัดๆ

ผมไม่เห็นด้วย ผมต้องการผู้ช่วยที่ติดตามไปไหนด้วยกันได้ คุณปองควรจะตัดสินใจใหม่ให้ดี จะดีกว่า

      ธีรธรพยักหน้าเห็นด้วย  ผู้ว่าจ้างทุกคนย่อมอยากได้คนที่สามารถรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานของตัวเองได้อย่างเต็มที่ทั้งนั้น  ไม่ว่าจะเป็นตัวเขาเองหรือพิรุณาก็เถอะ  

“คุณปองค่อยๆตัดสินใจจะดีกว่า ทั้งผมทั้งคุณพิรุณาจะไม่เร่งรัดอะไรคุณ”ปองพยักหน้าให้น้อยๆ ก่อนจะขอตัวออกไป  

   
      พิรุณามองหน้าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขาอย่างพิจารณา  ดวงตาสีสวยมองเข้าไปในดวงตาสีม่านราตรีกาล ราวกับคิดอะไรอยู่ในหัว  ขณะที่ธีรธรพยายามหาสาเหตุของการจ้องมองนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็กรีดร้องขึ้นในความเงียบมันเป็นเสียงเดียวกับที่เขาเคยได้ยินในลิฟท์   บอสหนุ่มเบิกตากว้าง....วันนั้นเป็นไอ้หน้าสวยนี่เอง  มิน่าถึงได้กวนประสาทนัก   พิรุณารู้สึกถึงความสั่นสะเทือนภายในกระเป๋าเสื้อจึงควานหามันก่อนจะเปิดดูข้อความ เขาอ่านมันอย่างถี่ถ้วนก่อนจะเก็บมือถือลงไปแล้วเริ่มเขียนบางอย่างใส่กระดาษโน้ตสีนวลๆนั้น

เร็วๆนี้ผมจะต้องจัดแถลงข่าวอีกครั้ง  ต้องรบกวนคุณแล้วนะครับ  ในระหว่างนี้ผมจำเป็นต้องขอยืมตัวคุณปอง แล้วผมจะจ่ายเงินให้ตามอัตราค่าตัวคุณปอง  ผมต้องไปแล้ว ทนายของผมกำลังมา

“คุณลี ส่งคุณพิรุณาด้วย”บอสหนุ่มกรอกเสียงใส่อินเตอร์คอมถึงเลขาประจำตัว
“ค่ะบอส” หญิงสาวตอบรับที่ปลายเสียงนั้นติดจะหัวเราะๆอย่างขันๆ .....ตะกี๊ยังตีกันเหมือนเด็กๆนี่ญาติดีกันเสียแล้ว....เอ...แต่ก็แปลกนะ ไม่เคยเห็นบอสเทคแคร์แขกคนไหนดีขนาดนี้เลย ต่อให้เป็นซูปเปอร์วีไอพีก็เหอะ  อย่าว่าแต่จะให้ขึ้นมาเจรจาถึงห้องทำงานเลย  แม้แต่หน้าก็ไม่เคยจะลงไปให้เห็น....เลขาสาวนึกก่อนจะเดินตามร่างสูงโปร่งที่เดินลิ่วๆไปรอลิฟท์


ณ สนามบินนานาชาติ

      ชายหนุ่มร่างสูงก้าวออกจากประตูทางออกผู้โดยสารขาเข้า ร่างสูงสง่าในชุดสูทเดินทางสีเทาและกางเกงสีขาวยืนเด่นเป็นสง่าท่ามกลางสายตาจากผู้คนที่มองอย่างสนใจ  มือใหญ่เสยเส้นผมสีทองที่ตกลงมาปรกหน้า ในขณะที่ดวงตาสีเขียวมรกตเบื้องหลังแว่นกันแดดยี่ห้อดังกวาดตามองผู้คนรอบข้างอย่างไม่แยแส  ชายหนุ่มร่างสูงก้าวเดินอย่างมั่นใจ พลางกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างลืมตัวซึ่งทำให้สาวน้อยสาวใหญ่แถวนั้นมองตามกันเหลียวหลัง

รอก่อนนะพิรุณา....เคนคนนี้มาแล้ว


      

    หอประชุมขนาดใหญ่จุคนได้มากกว่าสามร้อยคน ขณะนี้เนืองแน่นไปด้วยผู้คนผู้มาชมคอนเสิร์ตการกุศลครั้งยิ่งใหญ่นี้  ไฟภายในหอประชุมหรี่ลงจะมืดสนิท เหลือเพียงแสงไฟจากกลางเวทีเพียงสลัวๆเท่านั้น  ร่างบางในชุดเต็มพิธีการด้วยเสื้อตัวนอกสีดำมีชายด้านหลังยาวเป็นสองแฉก ด้านหน้าติดกระดุมทองสี่เม็ด  เสื้ออกแข็งตัวในสีขาว มีหูกระต่ายสีดำผูก เดินออกมาโดยมีสปอตไลท์ฉายตามทุกย่างก้าว  เสียงปรบมือเกรียวกร้าวดังขึ้นจากทั่วทุกสารทิศ ภาพดวงหน้าขาวกระจ่างใสปรากฏขึ้นบนจอภาพ  หนุ่มน้อยนัยน์ตาพราวยิ้มกว้าง โค้งให้ผู้ชมทุกคนอย่างสง่างาม  ก่อนจะผายมือไปยังวาทยากรผู้กำลังโค้งให้ผู้ชม  เบื้องหลังเป็นวงออเครสตร้าซึ่งม่านบางๆกำลังค่อยๆเลื่อนขึ้นช้าๆ  


      สองหนุ่มสาวพี่น้องวิ่งกระหืดกระหอบมาจากลานจอดรถ ไรผมของสาวน้อยดวงหน้าเกลี้ยงเกลา ในชุดสีชมพูกลีบบัวเริ่มมีเหงื่อซึม  ในขณะที่พี่ชายตัวใหญ่ในชุดสูทสีเทาควันบุหรี่ก็มีสภาพไม่ต่างกัน  ภายนอกหอประชุมนั้นแทบจะเรียกได้ว่าร้างผู้คน มีเพียงพนักงานด้านหน้าเท่านั้นที่ยืนยิ้มรอคนทั้งคู่อยู่  ผู้เป็นน้องสาวบ่นไม่ได้หยุดเลยตั้งแต่ขึ้นรถมาจนถึงขณะนี้

“พี่ธีนะพี่ธี ชักช้า  ดูซิชาวบ้านเขาเข้าไปข้างในกันหมดแล้ว  ป่านนี้เริ่มเล่นไปรึยังก็ไม่รู้”รันดายังคงบ่นต่อไปแม้ว่าเธอกำลังรั้งชายกระโปรงตัวสวยขึ้นเล็กน้อยพลางวิ่งขึ้นบันได

“โธ่ พี่ขอโทษน่ายัยรัน อย่าบ่นเป็นยายแก่หน่อยเลย” ธีรธรเองก็พยายามกระโดดข้ามขั้นบันไดไปทีละสองสามขั้นให้ไปถึงเร็วขึ้น

“ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะมีซูเปอร์วีไอพีโผล่มาอีกคน คนของพี่ก็ไม่อยู่ซักคนไปสัมมนากันหมด แล้วจะให้พี่ทำยังไง”

“โอ้ย  อย่าเร็วนักสิพี่ธี” พี่ชายแบมือให้น้องส่งมือมาให้ก่อนจะเริ่มออกแรงช่วยดึง


      เสียงปรบมือดังสนั่นอีกครั้งหลังจากเพลงแรกจบลง  ในที่สุดสองพี่น้องเพิ่งก็ได้นั่งลงที่เก้าอี้นวมตัวนุ่มในชั้นพิเศษ พลางหอบหายใจน้อยๆ   ที่เวทีนักร้องรับเชิญปรากฏกายในชุดราตรียาวสีเขียว  เสียงดนตรีเริ่มบรรเลงขึ้นเบาๆ  ทำนองเพลงแบบเพลงไทยลอยมากระทบโสต ท่วงทำนองพริ้วไหวแม้จะถูกดัดแปลงไปจากต้นแบบไปบ้างแต่ก็สร้างความไพเราะได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน  เสียงเครื่องสายเล่นโดดเด่นออกมาก่อนจะค่อยจมหายไปกับเสียงเครื่องดนตรีอื่นๆ  น้ำเสียงหวานสนิทของผู้ขับร้องเริ่มขับกล่อมขึ้น  


แสง จันทร์วันนี้นวล ใครชวนให้น้อง เที่ยว
จะให้ เหลียวไป แห่ง ไหน
ชล ใสดูในน้ำ เงาดำนั้นเงา ใด อ๋อ ไม้ ริม ฝั่ง ชล
สวยแจ่ม แสง เดือน หมู่ ปลา เกลื่อนดู เป็น ทิว
ฉันชม ลม ริ้ว จอด เรือ อาศัย เงา ไม้ ฝั่ง ชล
สวย แจ่ม แสง เดือน
หมู่ ปลา เกลื่อนดู เป็น ทิว
ฉันชม ลม ริ้ว จอด เรือ อาศัย เงา ไม้ ฝั่ง ชล
**(เพลง: เงาไม้  ,ท่านผู้หญิงพวงร้อย (สนิทวงศ์) อภัยวงศ์)


      ธีรธรหลับตาลงฟังเสียงที่ลอยเข้ามาในหูและพิจารณาอย่างละเมียดละไม  เขาไม่ใช่คนชอบฟังเพลงแบบนี้  แต่ครั้งนี้แผกออกไป ในชีวิตประจำวันของเขาล้วนเร่งรีบเฉกเช่นวิถีคนเมืองทั่วไป  น้อยครั้งที่จะชื่นชมธรรมชาติหรือแม้แต่เงยหน้ามองท้องฟ้า  คนโบราณก็ช่างแปลก อะไรหนอทำให้คนพวกนั้นช่างสังเกตได้ถึงเพียงนี้   ธีรธรลืมตาขึ้นอีกครั้งพิศมองไปที่เวที พิรุณาผู้อยู่บนเวทีช่างแตกต่างจากพิรุณาคนที่เขาพบมากนัก ใบหน้าขาวๆนั้นแย้มยิ้มละไมอย่างมีความสุข  มือบางๆนั้นขยับไปตามคีย์อย่างแม่นยำแล้วพริ้วไหว  ดูช่างมีความสุขเสียเหลือเกิน ราวกับเข้าไปยังอีกโลกหนึ่งโลกที่มีเพียงเสียงดนตรี  ก่อนจะนึกอย่างขำขันเรียกร้อยยิ้มที่มุมปาก

นี่ล่ะอำนาจแห่งเสียงดนตรี...ลองพิศดูพระพิรุณา  ทรงพิณพาทย์กลางสระดังจ๋อมแจ๋ม
      



    คอนเสิร์ตจบสิ้นลงด้วยเสียงปรบมือเกรียวกร้าว  ร่างโปร่งบางนั้นลุกจากที่นั่งของตน ก่อนจะยืนตรงแล้วโค้งให้ผู้ชม จอภาพแสดงดวงหน้าขาวเนียนที่มีรอยยิ้มกว้างนัยน์ตาพราวอยู่อีกครั้ง  พิรุณาผายมือให้วงออเครสตาและวาทยากรอีกครั้ง เสียงปรบมือยังคงดังอย่างต่อเนื่องยาวนานต่อไปอีก ทั้งๆที่นักดนตรีลงจากเวทีแล้ว  และไฟบนเวทีหรี่ลงจนเกือบมืดสนิทแต่ก็ยังไม่มีใครออกจากหอประชุมนี้ไป  ทันใดนั้นไฟบนเวทีก็สว่าง ร่างโปร่งบางก็กลับปรากฏบนเวทีอีกครั้ง  ก่อนจะนั่งลงหน้าเปียโนอีกครั้ง  พร้อมกับกลุ่มเครื่องสายขนาดเล็กที่นั่งประจำที่เรียบร้อย เสียงปรบมือของผู้ชมซาลงก่อนจะเงียบกริบอย่างรอคอยให้ผู้บรรเลงเพลงเริ่ม เสียงเมโลดีพริ้วไหวเป็นอินโทรดังขึ้นอย่างนุ่มนวล รันดาหันมาถามพี่ชาย

“เพลงอะไรคะ?”ธีรธรมองตาน้องสาวอย่างใช้ความคิด  เมื่อโมโลดีของเพลงเริ่มขึ้นพี่ชายก็แย้มรีมฝีปาก
“บัวขาวจ๊ะ  จำได้ไหมว่าเป็นเพลงโปรดคุณปู่” ทันทีที่ได้คำตอบน้องสาวก็แย้มยิ้ม

      แม้เพลงนี้จะไม่มีใครมาขับร้อง แต่เสียงเปียโนที่ขับกล่อมอย่างนุ่มนวลอ่อนหวานกล่อมให้ผู้ชมตกอยู่ในห้วงภวังค์ นิ้วเรียวไล้ไปตามคีย์ต่างๆอย่างตั้งใจ แม่นยำ และสอดประสานกับเครื่องสายต่างๆได้อย่างกลมกลืนยิ่ง สร้างเสียงเพลงที่ไพเราะตรึงใจผู้ฟังยิ่งนัก   ร่างของผู้บรรเลงโยกไหวตามอารมณ์ของเพลงโดยไม่มีอาการเสียสมาธิแม้แต่น้อย จวบจนเพลงอันไพเราะดำเนินมาถึงท่อนสุดท้ายและจบลงอย่างนุ่มนวล มือขาวบางๆนั้นข้างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวางลง ร่างโปร่งบางยืนขึ้น ผายมือให้เกียรติผู้บรรเลงเครื่องสาย ก่อนจะโค้งลงอีกหลายครั้งแล้วโบกมือให้ผู้ชม  เสียงปรบมือดังราวห่าฝนก่อนไฟจะหรี่จนดับไป


“ประทับใจจังเลยนะคะพี่ธี” ธีรธรยิ้มให้สาวน้อยข้างกายขณะยืนอยู่ด้านหน้าทางออกที่มีคนส่งเสียงคุยกันจ๊อกแจ๊ก รันดายิ้มแก้มบาน คอนเสิร์ตวันนี้คงทำให้เธอฟุ้งเรื่องคุณพิรุณาไปอีกหลายสัปดาห์

“รันเอาดอกไม้ไปให้คุณพิรุณาที่หลังเวทีก่อนค่ะ”
“ไหนล่ะดอกไม้” รันดายิ้มกว้าง  เมื่อเห็นเด็กส่งดอกไม้พยายามด้อมๆมองๆมาทางฝูงชนอย่างไม่รู้จุดหมาย
“นั่นไง  พี่ธีเดินไปรับดอกไม้มาสิคะ” คนเป็นพี่มองน้องสาวอย่างนึกหมั่นไส้  น้องสาวยิ้มประจบ เขาจึงเดินเข้าไปหาเด็กส่งดอกไม้คนนั้นก่อนจะยืนธนบัตรให้แล้วรับดอกไม้มา  ดอกลิลลี่ขาวส่งกลิ่นหอมๆอยู่ในมือเขาก่อนจะส่งให้น้องสาวที่ยืนแบมือรับอยู่แล้ว

“หลอกให้พี่ไปเสียตังค์นี่นา”
“น่านะ” น้องสาวกล่าวเสียงอ่อนเสียงหวานทำให้พี่ชายได้แต่อ่อนใจ  ก่อนข้อมือใหญ่จะถูกมือน้องสาวตะปบแล้วลาก

      หลังเวทีแม้คนจะซาลง แต่ก็พลุกพล่านกว่าที่คิด เพราะนอกจากจะมีแค่เจ้าหน้าที่แล้วยังมีผู้ชมอีกหลายคนที่เข้ามามอบดอกไม้ให้นักดนตรี  ธีรธรเห็นเด็กชายผมทองวัยกำลังน่ารักส่งดอกกุหลายช่อโตให้นักไวโอลินหญิงผมทองคนหนึ่ง เธอรับมาอย่างยินดีก่อนจะหอมเด็กน้อยฟอดใหญ่  เป็นคู่แม่ลูกที่น่ารักดี  บอสหนุ่มคิดพลางอมยิ้มในใจซึ่งไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าเลยแม้แต่น้อย  รันดาแทรกตัวเข้าไปในกลุ่มคนที่กำลังห้องล้อมพิรุณาได้อย่างคล่องแคล้ว เธอรอจนคนกลุ่มนั้นล่าถ้อยก่อนจะเข้าไปสวัสดีพิรุณา แล้วส่งดอกไม้ให้ เธอเหลือบมองข้างกายพิรุณา คือปองนั่นเอง เขาเป็นล่ามภาษามือให้ทุกคนที่เข้ามาแสดงความยินดีกับพิรุณา รวมทั้งติดต่อประสานงานให้ด้วย  รันดาสวัสดีปอง ปองรับไหว้แล้วยิ้มนึกเอ็นดูสาวน้อย พลางเหลือบไปเห็นคนยืนข้างหลังรันดาบอสของเขาเอง ดวงหน้าคมคายหากเฉยสนิท ก้มศีรษะลงเล็กน้อยเมื่อปองสวัสดีเขา

“คอนเสิร์ตประทับใจรันมากค่ะ”ปองส่งภาษามือให้พิรุณาอย่างคล่องแคล่ว เขาเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองใช้ภาษามือได้คล่องขึ้นมากหลังจากได้ร่วมงานกับพิรุณาอยู่หลายโอกาสเมื่อเร็วๆนี้ แต่ก็ยังไม่ดีนักหรอก บางอย่างเขายังส่งผิดพิรุณาจะคอยแก้ไขให้เท่าที่โอกาสจะอำนวย

“คุณพิรุณาบอกว่า ขอบคุณแล้วก็ยินดีมากที่คุณรันมาชม”
“รันอยากเก่งเหมือนคุณพิรุณาบ้างจัง”สาวน้อยยิ้มกว้างสดใส ดวงหน้าเกลี้ยงเกลาสะสวยแม้จะเป็นเพียงเด็กสาววัยแรกแย้มแต่ก็เรียกความสนใจจากผู้คนที่เดินผ่านได้มาก จนพี่ชายชักเกรงๆ

“ยัยรันอย่าคุยนานยังมีคนอื่นๆอีก”พี่ชายกระซิบเบาๆเป็นการเตือน รันดาพยักหน้า
“คุณพิรุณายังมีแขกอีกมาก รันกับพี่ธีขอตัวนะคะ” รันดายกมือขึ้นสวัสดีอีกครั้ง พิรุณายกมือรับไหว้ ก่อนจะหันมาสบตาธีรธรดวงตาพราวระยับเมื่อครู่นั้นแทบจะหายวับ  แต่เมื่อพิรุณาเหลือบไปเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ยิ้มกว้างในทันที

      ร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างหลังธีรธรก้าวเข้ามาใกล้พิรุณา  ก่อนจะสวมกอด ร่างบางๆนั้นแทบจะกลืนหายไปกับอกคนที่เข้ามากอด ธีรธรเบะปากรู้สึกคันๆขึ้นมาตะหงิดๆ  เขายังเห็นร่างบางๆนั้นดูจะดีใจมาก สองมือบางๆนั้นแตะหน้าชายร่างสูงนั้นเพื่อมองให้ถนัดตา ก่อนจะเริ่มส่งภาษามือให้ชายร่างสูงผมทองนั้น ธีรธรสังเกตเห็นว่าพิรุณาไม่จำเป็นต้องสื่อสารผ่านปองแต่อย่างใด  ทั้งคู่ส่งภาษามือกันอยู่ครู่นึง ก่อนพิรุณาจะส่งภาษามือให้ปอง ปองพยักหน้ารับก่อนจะส่งกลับไปแล้วเดินออกมา  บอสหนุ่มมองปองที่กำลังเดินมาทางเขาและรันอย่างสงสัย

“คุณพิรุณาให้ผมพักครับ” ปองดูเหมือนจะอ่านสายตาเขาออก
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร”บอสหนุ่มบอกเสียงเข้มก่อนจะหันกลับมามองน้องสาว โดยไม่ทันเห็นรอยยิ้มบางๆที่มุมปากปอง



abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #15 เมื่อ15-11-2007 13:13:34 »

น้องโน้ตเท่ร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เด่วพี่แปะชื่อทิ้งไว้ก่องนะ แล้วเด่ซจาตามอ่านอีกที อิอิ


 :m3:

three

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #16 เมื่อ15-11-2007 13:18:48 »

 :m11:น่ารักดีนะครับผม

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #17 เมื่อ15-11-2007 13:19:58 »

มาเป็นกำลังใจให้ครับ

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #18 เมื่อ15-11-2007 13:54:15 »

น้องโน้ตเท่ร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เด่วพี่แปะชื่อทิ้งไว้ก่องนะ แล้วเด่ซจาตามอ่านอีกที อิอิ


 :m3:

จ้า........ :o8: :m1:

:m11:น่ารักดีนะครับผม

เขิลนะครับเนี่ยะ ... (กล้าเน๊าะเรา)

มาเป็นกำลังใจให้ครับ

ขอบคุณคร้าบบบบบ o15

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #19 เมื่อ15-11-2007 14:00:37 »

อ่ะ ธีรธรมีคุ่แข่งตัวยงซะแล้ว
แถมทำไม่ดีไว้อีก งานนี้ท่าทางจะยากสสสสสสสสสส
 o21

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
« ตอบ #19 เมื่อ: 15-11-2007 14:00:37 »





abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #20 เมื่อ15-11-2007 14:04:44 »

อ่านจบแระ ชื่อตัวละครเพราะดีนะ ธีรธร พิรุณา รันดา แต่ออกจะจำยากไปซักหน่อย

อ่านแล้วก็งงๆอย่างที่ทิพย์บอกจริงๆ เหอๆ ตัดไปตัดมาเหมือนบทละครอ่ะ ไม่ค่อยจะเหมือนนิยายซักเท่าไหร่ นี่เรื่องแรกของน้องภาณุเมศพลังป่าวเนี่ย พิมพ์ผิดบ้างมะเปงไร เข้าใจ อาจจะรีบๆพิมพ์เลยตรวจทานอักษรมะละเอียด  พล็อตเรื่องดีนะเกี่ยวกับดนตรี แปลกใหม่ดี

 :m3:  เปงกามลังจายให้ทั้งคนแต่งและคนโพสน๊า จุ๊ฟๆๆๆ







ปล. น้องโน้ตจ๋า อย่าเรียกพี่ชัตเตอร์จิ บอกแย้วงายว่าให้เรียกว่า ว่าที่ ที่ร้ากกกก อิอิ  :o8:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #21 เมื่อ15-11-2007 14:38:31 »


อ่านแล้วววววววววววววววว

งง

อิอิ

คงไม่ว่ากัน

ถ้าอยากได้เม้นต์ยาวๆ แรงๆ ก็บอกนะ เด๋วจัดให้

ขอชมว่า โครงเรื่องแปลกใหม่ สด  น่าอ่านมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

niph

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #22 เมื่อ15-11-2007 14:46:54 »

ก็งงเหมือนกัน แต่อ่านซ้ำแล้วก็เข้าใจ

เพราะ ...

เพราะ ... มันตกหล่นด้วยไง
เช่น
อ้างถึง
ด้วยดวงหน้าคมเข้มดวงตายาวเรียวที่ประกอบด้วยนัยน์ตาคมกล้าดำจัดราวห้องน้ำอันลึกสุดหยั่ง

มันต้องเป็น ห้วงน้ำ ใช่ม๊ะ

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #23 เมื่อ15-11-2007 18:15:16 »

สวัสดีค่ะทุกคน
 
'เมศ'ขอบคุณทุกคอมเมนต์เลยค่ะ ทั้งที่ติชมเเละกำลังใจอันล้นเหลือ     INTERMEZZOเป็นYเรื่องเเรกที่เมศเขียน เเละเป็นเรื่องยาวเรื่องเเรกที่เขียนจริงจังหลังจากหยุดเขียนทุกอย่างไปกว่า๓ปีไ ม่ใช่หนีหนี้นะคะ หึหึหึหึ   ตอนล่าสุดที่ลงเเล้วไปถึงตอนที่๑๓เเล้วทำให้เมื่อย้อนกลับมาอ่านตอนต้นๆเเทบอยากจะรีไรท์ใหม่หมด ฮาๆฮือๆ   

ส่วนเรื่องที่เมศชอบดนตรีเเน่เลย  ใช่ค๊า...ชอบดนตรีมาก เรียนมาหลายปี เเต่ตอนนี้มันจะไม่เหลือเเล้ว  โดนวิชาตะไบเหล็กเชื่อมเหล็ก เเคลคูลัสกลืนไปหมดเเล้ว เหลือเป็นการเสพย์ความสุนทรีย์ทางหูเเทนการบรรเลงเองเเล้วค่ะ

หวังว่าจะได้รับคำชี้เเนะดีๆจากพี่ๆบอร์ดนี้ต่อไป

ปล.ตอนที่๑๔ยังไม่เสร็จเลย ฮาๆฮือๆ ใจร่มๆนะคะ

ปล๒.กระต่ายตาตี่น่ารักจัง :เตะ1:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #24 เมื่อ15-11-2007 18:25:05 »

ตอนนี้ค่อยยังชั่ว อ่านรอบเดียว แต่ต้องอ่านช้า ๆ  :try2: เริ่มจะสนุกแล้วล่ะ โอเช สู้เค้า  :a1:  :a1:  :a1:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #25 เมื่อ15-11-2007 19:38:55 »

อ่อ ถึงว่าจิ เรื่องยางงงๆอยู่ ขาดอารมณ์ไปนิสนุงน๊า คือใช้คำสวยอ่ะ แต่ขาดอารมณ์ พอจะเข้าใจป่าว แหะๆ   :m23:  แต่พล็อตดีจ้า ว่าแต่มะไหร่มานจามีฉากอัศจรรย์ซะทีอ่ะ อิอิ








ปล.คุณน้องเมศเปงปู้หญิงหรือผู้ฉิงอ่ะ  :m26:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-11-2007 19:40:35 โดย º★*.๑۩۞۩๑..*ღ• »

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #26 เมื่อ16-11-2007 04:22:15 »

อ่านจบแระ ชื่อตัวละครเพราะดีนะ ธีรธร พิรุณา รันดา แต่ออกจะจำยากไปซักหน่อย

อ่านแล้วก็งงๆอย่างที่ทิพย์บอกจริงๆ เหอๆ ตัดไปตัดมาเหมือนบทละครอ่ะ ไม่ค่อยจะเหมือนนิยายซักเท่าไหร่ นี่เรื่องแรกของน้องภาณุเมศพลังป่าวเนี่ย พิมพ์ผิดบ้างมะเปงไร เข้าใจ อาจจะรีบๆพิมพ์เลยตรวจทานอักษรมะละเอียด  พล็อตเรื่องดีนะเกี่ยวกับดนตรี แปลกใหม่ดี

 :m3:  เปงกามลังจายให้ทั้งคนแต่งและคนโพสน๊า จุ๊ฟๆๆๆ







ปล. น้องโน้ตจ๋า อย่าเรียกพี่ชัตเตอร์จิ บอกแย้วงายว่าให้เรียกว่า ว่าที่ ที่ร้ากกกก อิอิ  :o8:

โอเคครับ พีชัตเตอร์ที่ร๊ากกกกกกกกกกกกกกส์ (อ่ะเคย์ไหมครับ :m23:)


อ่านแล้วววววววววววววววว

งง

อิอิ

คงไม่ว่ากัน

ถ้าอยากได้เม้นต์ยาวๆ แรงๆ ก็บอกนะ เด๋วจัดให้

ขอชมว่า โครงเรื่องแปลกใหม่ สด  น่าอ่านมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ได้ข่าวว่าเมศมันชอบอยู่นะแต่คนโพสกลัวหัวใจวายเสียก่อนอ่ะ :m8:

ก็งงเหมือนกัน แต่อ่านซ้ำแล้วก็เข้าใจ

เพราะ ...

เพราะ ... มันตกหล่นด้วยไง
เช่น
อ้างถึง
ด้วยดวงหน้าคมเข้มดวงตายาวเรียวที่ประกอบด้วยนัยน์ตาคมกล้าดำจัดราวห้องน้ำอันลึกสุดหยั่ง

มันต้องเป็น ห้วงน้ำ ใช่ม๊ะ

"ห้องน้ำอันลึกสุดหยั่ง"  :o8: คราวหน้าผมจะพิสูจน์อักษรดีๆครับ :m5:

อ่อ ถึงว่าจิ เรื่องยางงงๆอยู่ ขาดอารมณ์ไปนิสนุงน๊า คือใช้คำสวยอ่ะ แต่ขาดอารมณ์ พอจะเข้าใจป่าว แหะๆ   :m23:  แต่พล็อตดีจ้า ว่าแต่มะไหร่มานจามีฉากอัศจรรย์ซะทีอ่ะ อิอิ








ปล.คุณน้องเมศเปงปู้หญิงหรือผู้ฉิงอ่ะ  :m26:

คุณน้องเมศให้สิทธิในการตอบมาล่ะพี่ชัตเตอร์ที่ร๊ากก คำตอบคือ...สังกัดสาว Y หรือสังกัดเดียวกับพี่โย ครับ(มีกล่าวถึงบุคคลที่สาม)

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #27 เมื่อ16-11-2007 13:22:16 »

ตามมาอ่านแว้ววววว  :a2:

คนที่มาใหม่ คือ เคนเหรอ  เคนเป็นใครหว่า  เหมือนมีความสำคัญกับพิรุณามาก
เชียร์บอสอ่า  อิอิ 

คนแต่งชอบพรรณาโวหารอะจิ  เราว่าที่จริงสำนวนดีนะ  เพียงแต่ว่าลำดับเรื่องราวต้องให้แม่นแล้วก็มีเหตุการณ์ดึงดูดมากกว่านี้อีกหน่อย
เรื่องนี้นายเอกพูดไม่ได้  บทสนทนาคงลดน้อยลงไป  ถ้าเพิ่มการบรรยายอารมณ์ ความคิดของนายเอกให้มากขึ้น  บรรยายเป็นคำพูดออกมาก็ได้  ใส่ว่านายเอกคิดอะไร  เพิ่มอารมณ์ของตัวละครลงไปด้วยก็น่าจะดีนะ

เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับดนตรี  เปียโนซะด้วย  ชอบมากเลย  แสดงว่าภานุเมศพลังต้องเล่นเปียโนเป็นแหงๆ
เราก็ชอบเปียโน  ชอบมากๆๆๆ เรียนตอนเด็กจนถึงม สาม  แล้วก็ไม่ได้เรียนต่ออีก  แต่ก็ยังคงชอบเสียงชอบฟังเพลงบรรเลงอยู่ดี  ดีใจจังได้เจอคนที่ชอบ  เย้ๆ

รออ่านต่ออยู่นะ  เป็นกำลังใจให้คนแต่งแล้วก็น้องโน๊ตด้วยจ้า  สู้ๆ  :m3:  :m3:  :m3:

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #28 เมื่อ16-11-2007 17:32:17 »

ขอบคุณครับ พี่ มูมู่น้อย   :give2:

โน้ตขออนุญาตต่อเลยแล้วกันนะคร้าบบบบ.. :m11:

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
      พิรุณากลับเข้าที่พักของตัวเอง เขาใช้การ์ดเสียบลงไปครู่หนึ่ง รอให้ไฟสีเขียวที่ประตูกระพริบครู่หนึ่งแล้วจึงเปิดประตู มือบางๆนั้นพยายามแกะเครื่องช่วยฟังออกจากหู เขาไม่ชอบใส่มัน  มันทำให้เวลาเดินไปไหนมาไหนคนมักมองเสมอ เขาอยากเป็นเหมือนกันอื่นที่ปรกติ ด้วยเหตุนี้เองทำให้เขามีนิสัยอีกอย่างหนึ่งคือ ชอบเดินกลืนหายไปกับฝูงชน การโดนกลืนหายเข้าไปในฝูงชนแบบนั้นทำให้เขารู้สึกตัวเองก็เหมือนคนอื่นๆทั่วๆไปที่เดินกันขวักไขว่ตามท้องถนน  พิรุณาเสียบคีย์การ์ดลงหลังจากปิดประตูห้องแล้วทำให้ไฟภายในห้องสว่าง ห้องนี้เป็นห้องพิเศษเพราะเป็นห้องเดียวที่ใช้คีย์การ์ด ห้องพักอื่นๆนั้นใช้ระบบสั่งงานด้วยเสียงทั้งหมด ซึ่งการเปล่งเสียงเป็นสิ่งที่เขาทำไม่ได้

      หูของเขายังคงได้ยินอยู่บ้างโดยอาศัยอุปกรณ์บางอย่าง หากแต่ก็น้อยเต็มทีเมื่อเทียบกับคนปรกติ แต่สาเหตุของการณ์สูญเสียการได้ยินที่น้อยคนนักจะรู้คือ การรักษาผิดพลาด เมื่อตอนเด็กๆเขามีไข้ขึ้นสูง โลกทั้งโลกดูจะหมุนขว้างและว่างเปล่า ขณะนั้นเขาอยู่ในเมืองเล็กๆซึ่งห่างไกลจากความเจริญมากนัก ผู้ดูแลของเขาจึงพาไปสถานพยาบาลเล็กๆแห่งหนึ่ง เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งพิรุณาก็พบว่าเขาไม่อาจได้ยินเสียงใดๆได้อีก โลก..ช่างเงียบสงัดราวกับโลกทั้งใบมีเขาอยู่เพียงผู้เดียว จนเมื่อเขาอายุได้9ขวบ หลังจากสูญเสียครอบครัวอุปถัมภ์ไปในอุบัติเหตุ มีเพียงเขาคนเดียวที่รอดมาได้ เขาจึงถูกส่งต่อไปอีกหลายบ้านอุปถัมภ์จนหยุดลงที่โบสถ์เล็กๆแห่งหนึ่งในเยอรมัน ที่นั่นเองทำให้เขาได้พบกับซิสเตอร์อลิซ เธอเป็นคนไทย ซึ่งเขาไม่ทราบด้วยเหตุใดเธอถึงมาอยู่ที่นี่ แต่ดวงตาที่ทอดมองเขาช่างอ่อนโยนและอบอุ่น เธอสอนภาษาไทยให้กับเขา และสนับสนุนให้เขาได้เรียนหนังสือเหมือนเด็กอื่นๆ รวมทั้งสนับสนุนในพรสวรรค์ของเขาด้วย

      พิรุณาทิ้งกายลงนอนบนเตียงทั้งๆที่ยังไม่ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกเลย ความเหน็ดเหนื่อยของทั้งสัปดาห์ถาโถมอย่างไม่ปราณี ในไม่กี่อึดใจต่อมาลมหายใจของเขาก็ทอดยาวสม่ำเสมอเข้าสู่ห้วงนิทราแทบจะในทันทีโดยไม่อาจ รับรู้ถึงการมาของใครบางคน  ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผมสีทองผู้มีนามว่า  ‘เคน’  โผล่หน้าเข้ามาในห้อง พิรุณาเป็นคนให้คีย์การ์ดเขาไว้เอง บอกว่ามีอะไรให้มาหา  เขาไม่ได้มีอะไรหรอกแค่อยากมาหาเท่านั้น
เมื่อเขาเข้าไปถึงห้องด้านในจึงพบว่าพิรุณากำลังหลับ ร่างบางๆนั้นนอนนิ่งทั้งที่ไม่ถอดเสื้อตัวนอกออกด้วยซ้ำ ไหนจะรองเท้าอีก  เคนเดินเข้าไปใกล้ร่างที่หายใจสม่ำเสมอนั้นก่อนจะค่อยๆจับที่ขาแล้วถอดรองเท้าให้อย่างเบามือเกรงว่าร่างบางๆนั้นจะตื่น  ปรกติพิรุณาเป็นคนตื่นง่ายเมื่อตื่นแล้วก็จะไม่หลับอีก แต่สำหรับวันนี้คงจะเหนื่อยมาก  ไหนจะคอนเสิร์ตไหนจะเรื่องฟ้องร้อง  แต่เรื่องหลังคงไม่ต้องห่วงเพราะทนายของพิรุณาเป็นญาติของเขาเอง ท่านเป็นทนายฝีมือฉกาจท่านบอกว่าเรื่องฟ้องร้องไม่ต้องห่วงท่านจะจัดการให้ ป่านนี้หมายศาลคงร่อนไปแปะหน้าบ้านมันแล้ว สมน้ำหน้า คนชั่วๆมันต้องโดนแบบนี้

*********************************************

      ธีรธรปิดประตูห้องตัวเองเบาๆก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะทำงานแล้วลูบหน้าผากอย่างเหนื่อยๆ  วันนี้หลังจากกลับจากคอนเสิร์ตเขาต้องเอารันดามาหย่อนไว้หน้าบ้านก่อนจะรีบกลับไปที่ทำงาน คุณลีโทรมาแจ้งว่ามีเอกสารสำคัญที่เขาต้องลงชื่อ และซูเปอร์วีไอพีอีกคนอยากขอเข้าพบเขา ซูเปอร์วีไอพีคนนี้คือ คริสติน่า มิลเลอร์ ทายาทสาวสวยของกลุ่มบริษัทใหญ่ในอเมริกา การทำให้หล่อนขัดใจไม่น่าจะส่งผลดี เพราะเขาเพิ่งเจรจาธุรกิจกันไปกับมิลเลอร์ผู้พ่อ  ผู้ที่ขึ้นชื่อว่ารักลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนนั้นอย่างกับอะไรดี  เขายอมรับว่ามิลเลอร์ผู้พ่อเป็นคนที่มีความสามารถทางธุรกิจสูงและน่าเคารพยกย่อง  แต่สำหรับลูกสาวเขายังออกความเห็นไม่ได้ เพราะยังไม่เจอตัวจริงด้วยตัวเอง แต่ได้ข่าวว่าหล่อนก็ ‘ฉาว’ พอดู อย่างสาวสังคม

‘บอสคะ สั่งการผ่านลีดีกว่าค่ะ วันนี้บอสยุ่งๆ กลับบ้านพักผ่อนเถอะนะคะ’เขาพยักหน้าทำตามที่คุณลีบอกทั้งที่ยังงงอยู่ว่าทำไมเลขาสาวถึงได้คะยั้นคะยอนัก คือสั่งการตามที่สมควรก่อนจะกลับ ระหว่างลงลิฟท์พร้อมกับคุณลี ลิฟท์ก็หยุดลงที่ชั้น37 ร่างบางระหงในชุดที่เรียกได้ว่าหลุดมาจากนิตยสารแฟชั่นก็ก้าวเข้ามา

‘อ้าว คุณลีแอน นี่คงเป็นเจ้านายคุณสินะคะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ’ มือเรียวขาวที่ไว้เล็บยาวสีแดงเข้ากับชุดยื่นตรงมาข้างหน้าให้เขา ดวงหน้าสวยที่ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางยิ้มให้ ดวงตาแพรวพราว ราวกับจะบอกให้รู้ว่า
ฉันสนนายอยู่นะ รีบๆรับไมตรีซะ

‘ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ’ ธีรธรเองก็ดูเหมือนจะรู้ถึงความนัยน์ของสายตานั้น  จึงแย้มริมฝีปากยิ้มบ้าง  อย่างที่น้องๆที่บ้านเรียกว่ายิ้มพิมพ์ใจ ก็ทีไอ้หน้าสวยมันยังทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้  ดวงหน้าเรียวของฝ่ายถูกจับมือซับสีเลือดขึ้นจางๆแต่เพราะเมคอัพทำให้แทบมองไม่เห็น

โธ่...บอส  ลีพยายามเตือนแล้วแท้ๆนะคะ  คราวหลังอย่ามาให้ลีเป็นไม้กันสุนัข หรือพนักงานรถไฟเชียวนะ

      
      ธีรธรนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วนึกขันสีหน้าของเลขาสาว เขารู้ว่าหล่อนคิดอะไร เพราะถ้าลองเขาทอดไมตรีให้สาวใดล่ะไม่เคยพลาด  ก็ได้คุณลีนี่แหล่ะที่คอยเป็น  ไม้กันหมา พนักงานรถไฟสับรางให้ทุกทีไป ลองเป็นแบบนี้ล่ะก็ไม่แคล้วคุณลีก็เดือดร้อน  พรุ่งนี้จะหาอะไรไปขอโทษหล่อน หรือจะลองหาเป็นเพลงเพราะๆให้สักเพลงท่าจะดีนะ  บอสหนุ่มคิดได้อย่างนั้นจึงเปิดคอมพิวเตอร์ตรงหน้าก่อนจะเปิดเวบเซิร์ชเอนจิ้นชื่อดังขึ้นมาแล้วพิมพ์

“บัวขาว”

******************************************


      พิรุณาเพิ่งบินกลับมาจากการกลับไปจัดการเรื่องคดีฟ้องร้อง  ทันทีที่เยี่ยมหน้าเข้ามาในห้องก็พบเคนรออยู่แล้ว เคนไม่ได้พักที่โรงแรมแห่งนี้ แต่พักอยู่โรงแรมใกล้ๆกันนี่เอง พอเขารู้ว่าวันนี้พิรุณาจะกลับจึงเข้ามานั่งรอในห้อง  วันนี้เขามีข่าวดีมาบอกพิรุณาด้วย  บ้านที่พิรุณาซื้อไว้เป็นสตูดิโอตอนนี้ตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ของทุกอย่างจากบ้านเดิมกำลังส่งมาทางแอร์เมลล์ รวมทั้งของพิเศษบางอย่างด้วย  เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดพิรุณาถึงชอบเมืองนี้นัก ถึงขนาดยอมย้ายมาจากที่เก่าซึ่งเขาเองเห็นว่ามันก็ดีอยู่แล้ว

‘กลับมาแล้ว เคนมารอตั้งแต่เมื่อไหร่’พิรุณาส่งภาษามือให้ก่อนจะหยิบเอกสารสำคัญที่ใช้ในการเดินทางไปเก็บ

‘มารอตั้งแต่บ่าย’

‘ทำไมรีบมานัก กว่าเครื่องจะลงก็ตั้งห้าโมง นี่มันทุ่มสิบห้าแล้วไม่เบื่อหรือ’

‘ไม่เบื่อหรอก วันนี้มีไอ้นี่มาด้วย’ เคนชูสิ่งที่อยู่ในมือให้พิรุณาดู  จริงๆแล้วเคนเป็นนักดนตรีเหมือนๆกันกับพิรุณา หากแต่เขาเล่นเชลโล เมื่อหลายปีก่อนก็เคยออกอัลบัมของตัวเอง แต่ต่อมาด้วยธุรกิจของทางบ้านเขาจึงไม่อาจเล่นดนตรีเป็นงานหลักได้อีก

‘ฉันมีข่าวดีกับข่าวร้าย อยากฟังอย่างไหนก่อนล่ะ’ เคนส่งภาษามือให้พิรุณา  พิรุณายิ้มแล้วชูนิ้วชี้และนิ้วโป้งทั้งสองข้าง แล้วส่งภาษามือกลับ

‘ข่าวดีแหง๋อยู่แล้ว’ เคนหัวเราะ

‘บ้านนายที่ทำสตูดิโอน่ะ แต่งเสร็จพร้อมอยู่แล้ว  พรุ่งนี้ของๆนายจากบ้านเก่าคงส่งมาถึงแล้วล่ะ’

‘เยี่ยม  ฉันจะได้โบกมือลาห้องนี้เสียที’

‘ไหงงั้น  ทุกทีนายบอกว่าห้องโรงแรมดีกว่าบ้านตัวเองไง’

‘ห้องนี้มันก็ดีวิวก็สวย  แต่ชั้นเบื่อบอสของที่นี่น่ะ เจอหน้ากันทีไรต้องได้เรื่องทุกที’

‘นายตามเกี้ยวขอคนเขาอยู่ไม่ใช่หรือไง’

‘มันก็ใช่แหล่ะนะ แต่คุณปองน่ะยังไม่ยืนยันว่าจะมาทำงานให้ฉันหรือเปล่า  ตอนนี้ก็เลยต้องรอคุณปองตัดสินใจได้ก่อน’

‘แล้วถ้าไม่ได้ตัวคุณปองล่ะ?’

‘ก็ต้องหาคนใหม่น่ะสิถามได้’พิรุณาทำหน้าเซ็งๆก่อนจะนั่งลงบนเตียงนุ่ม เคนมองคู่สนทนาอย่างเอ็นดู

‘แล้วข่าวร้ายล่ะ?’ เคนสบตาคนถามอยู่ครู่หนึ่ง

‘พรุ่งนี้ฉันต้องกลับแล้ว’

‘ถามอย่างได้ไหม  รองประธานบริษัทอย่างนาย ต้องยื่นหนังสือขอลางานหรือเปล่า?’ เคนยิ้มขำกับคำถามของเพื่อนตัวเล็ก

‘ไม่ต้องยื่นเอง แต่ต้องบอกเลขา กับขออนุญาตท่านประธาน แต่ต้องดูช่วงเวลาด้วย ถ้ายุ่งมากก็หนีเที่ยวไม่ได้หรอก’

‘อายุปูนนี้แล้ว ยังจะต้องขออนุญาตพ่ออีกหรือเนี่ย’

‘นายเองถ้าเบื่อวงการนี้แล้วก็บอกนะ ฉันจะให้ดูแลเรื่องกฎหมายให้บริษัทน่ะ’

‘ใครเขาจะรับผู้พิการทางหูอย่างฉันไม่ทราบ’เคนตบหัวที่มีเส้นผมสีดำประกายน้ำตาลแดงอย่างเอ็นดู
‘นายก็เรียนนิติมาแถมพ่วงท้ายด้วยเกียรตินิยม บริษัทก็ของที่บ้านฉันยังไงก็ต้องรับล่ะนา’ เคนยิ้มอย่างเอื้อเอ็นดูให้พิรุณา เขาพบพิรุณาครั้งแรกที่หอสมุดของมหาวิทยาลัย ระหว่างเขากำลังเดินเลือกหนังสือ เขาเห็นใบหน้าเล็กๆขาวๆที่ผลุบโผล่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วนึกสนใจ  ตอนแรกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงเสียด้วยซ้ำ 

‘ถ้าไม่ได้นายฉันก็ไม่จบ’

‘หิวข้าวแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะ’  เคนส่งภาษามือให้พิรุณา

‘ ดี  วันนี้นักดนตรีไส้แห้งจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงเอง’ ทั้งคู่หัวเราะ ก่อนจะพอกันลงไปหาอะไรทาน

******************************************

‘บอสคะ คุณพิรุณาแจ้งว่าจะขอยกเลิกสัญญาเช่าห้องพักแล้วนะคะ เห็นว่าบ้านที่ซื้อไว้เสร็จแล้วก็เลยจะย้ายออกน่ะค่ะ’ธีรธรฟังเลขาสาวคุณแม่ลูกหนึ่งพูด บางอย่างในใจมันหวิวๆ

‘อือ...ก็จัดการตามที่เขาขอสิคุณลี อ้อ บอกคุณปองด้วย’

‘ค่ะ’เลขาสาวรับคำก่อนจะกลับออกไป ธีรธรเอนกายพิงพนักเก้าอี้ พลางนิ่งคิดบางอย่าง



“บอสคะคุณมิลเลอร์ขอพบค่ะ”เสียงจากอินเตอร์คอมเรียกให้เขาตื่นจากภวังค์ความคิด

“ครับ” ครู่หนึ่งร่างเพรียวในชุดรัดรูปและดูจะคว้านลึกไปสักนิดก้าวเข้ามาในห้องทำงานด้วยดวงหน้าสวยที่แต่งแต้มด้วยเมคอัพยี่ห้อดังอย่างประณีต หล่อนสวยเสมอทุกเวลาไม่ว่ามันจะแดดร่มลมตกขนาดไหนก็ตาม   ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนรอรับหล่อนด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่แย้มยิ้มน้อยๆ 

“ดูเหนื่อยนะคะวันนี้”สาวสวยเอ่ยทัก พลางเดินอ้อมโต๊ะมาดันชายหนุ่มให้นั่งลงกับเก้าอี้

“ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ใช่ซูเปอร์วีไอพีคนเดียวของที่นี่นะคะ”

“ครับ  มีอีกคน กำลังจะเช็คเอาท์น่ะครับ”

“ใครกันคะ?” เธอถามขณะที่กึ่งนั่งกึ่งยืนอยู่โต๊ะ ส่งสายตาหวานเชื่อมให้ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างพึงใจ

“คุณพิรุณา”เสียงที่เรียกชื่อใครบางคนห้วนลงอย่างไม่ตั้งใจ หญิงสาวยิ้ม

“น่ารักดีนะคะ วันก่อนเห็นออกไปกินข้าวกับใครก็ไม่ทราบ หล่อทีเดียว”นิ้วเรียวยาวสัมผัสที่ใบหน้าชายหนุ่มอย่างย่ามใจก่อนจะโน้มหน้าลงไปใกล้

“ครับ”
“แหม เย็นชาจังทำไมไม่ชวนคริสตี้คุยบ้างละคะ  หรือว่าอยากทำอย่างอื่นมากกว่า”ชายหนุ่มยกริมฝีปากยิ้มน้อยๆที่มุมปาก  เป็นภาพที่ตรึงใจหญิงสาวตรงหน้าน่าดู  เธอโน้มหน้าเข้าไปใกล้ขึ้นอีกจนสัมผัสถึงลมหายใจของกันและกัน เธอมองริมฝีปากน่าจูบของฝ่ายตรงข้ามอย่างสุดจะห้ามใจ  ทันใดนั้นประตูก็เปิด  เด็กหนุ่มสองคนยืนตะลึงกับภาพตรงหน้า คนหนึ่งคือปอง ส่วนอีกคนคือพิรุณา ปองรีบใช้มือควานหาลูกบิดประตูอย่างสะเปะสะปะอยู่พักหนึ่งก่อนจะคว้าได้แล้วพยายามจะปิด

“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ ฉันจะไปแล้ว”คริสติน่า ยิ้มให้หนุ่มน้อยทั้งสอง ก่อนจะลอบหอมแก้วชายหนุ่มเบาๆทีหนึ่ง

“ฉันไปนะคะ” แล้วร่างงามนั้นก็กรายออกประตูไป

“เข้ามาสิ”บอสหนุ่มสั่ง พิรุณาและปองมองหน้ากันเหมือนพยายามเรียกสติให้เข้าร่าง ธีรธรมองภาพนั้นอย่างขำๆ

“มีอะไรหรือ?” นานกว่าธีรธรจะได้คำตอบเพราะทั้งสองพยายามตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพิรุณาจะส่งภาษามือ

“คุณพิรุณาว่า คุณคงทราบแล้วว่าผมขอเลิกสัญญาเช่าห้องที่ทำไว้สามเดือน”บอสหนุ่มพยักหน้ารับทราบ

“เราจะคืนเงินให้”

“แล้วก็เรื่องผม  บอสคงเห็นเรื่องที่ผมเขียนมาร้องเรียนครั้งที่สามนี้แล้วนะครับ  ผมโดนลูกค้าบางรายตามรังควาญถึงบอสจะห้ามเขาเข้าโฮสต์คลับ    แต่เขาก็ยังตามผมอยู่ผมคิดว่าเขาอันตรายเกินกว่าจะปล่อยไปอย่างนี้  อย่างน้อยก็ต่อน้องสาวผม”ธีรธรฟังแล้วพยักหน้า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น  มันเกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัยนั่นแหล่ะ  หลายครั้งที่เขาเสียงโฮสต์ดีๆไปเพราะคนพวกนี้

“คุณปองคิดว่าจะทำยังไง?”

“ผม...จะไปทำงานให้คุณพิรุณาสักพัก”ปองส่งภาษามือให้พิรุณา  ทันทีที่พิรุณาทราบก็ยิ้มกว้างอย่างดีใจแล้วกอดคนนั่งข้างๆแน่น ไม่ทันเห็นสีหน้าคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะว่าหน้างอเป็นม้าหมากรุก

“จะไปเมื่อไหร่ล่ะ?”

“สัปดาห์หน้าครับ ยังไงก็ต้องไปเรียนภาษามือก่อนอีกสองสัปดาห์ ถึงจะไปทำงานให้คุณพิรุณาได้”

“อือ ตกลงกับนายจ้างเขาให้ดีล่ะ”

“ครับ” ปองยิ้มกว้างไม่แพ้พิรุณา  จริงๆแล้วเขาเองถูกใจพิรุณาอยู่ไม่น้อยเนื่องจากคุยถูกคอ และดูจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้

“แต่เย็นนี้อย่าลืม ว่าเธอต้องรับแขก เขาจองตัวเธอมาสามเดือนแล้ว”

“ครับ”

“ไปเตรียมตัวเถอะ” ปองลุกขึ้นอย่างสุภาพก่อนจะส่งภาษามือให้พิรุณา แล้วออกไป พิรุณาก็ลุกขึ้นบ้าง

“จะไปไหน”เสียงขวางของธีรธรทำให้พิรุณาหยุดแม้หูจะไม่อาจได้ยิน  ดวงตาเรียวสวยด้วยนัยน์ตาสีน้ำตาลออกแดงปะทะกับนัยน์ตาสีม่านราตรีอย่างมีคำถาม  ไม่มีรอยยิ้มแตะแต้มที่ริมฝีปากอย่างที่ส่งให้ปองเลยแม้แต่น้อย

“นั่งก่อนเถอะ” บอสหนุ่มผายมือไปที่เก้าอี้ พิรุณาจึงนั่งลงตามเดิม  ธีรธรหยิบกระดาษขาวธรรมดาแผ่นหนึ่งขึ้นมาแล้วใช้ดินสอเขียนข้อความลงไป

ผมทราบว่าคุณมีเพื่อนมาพักด้วยบ่อยๆ
      
    พิรุณามองตัวหนังสือในกระดาษอย่างสงสัย  มีเพื่อนมาพักด้วย...เพื่อนก็ เคน แล้วยังไง....พิรุณาหยิบกระดาษโน้ตสีนวลๆที่ใช้ประจำขึ้นมาแล้วเริ่มเขียนบ้าง

ใช่ครับเพื่อนของผมมาเยี่ยมบ่อยๆ แต่ไม่ได้พักด้วยกัน ทางบริษัทเขาจองที่พักไว้ให้อีกที่หนึ่งแล้ว

      นัยน์ตาสีม่านราตรียังคงจับจ้องทุกกริยาของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างพิจารณา เหมือนไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่พิรุณาบอก

ดูคุณไม่เชื่อในสิ่งที่ผมบอกเลยนะ

ผมไม่ต้องการให้โรงแรมของผมเป็นแหล่งที่มาของข่าวฉาวๆ คาวๆ อย่างที่พวกศิลปินเขาทำๆกัน

      แทบจะทันทีที่รับกระดาษมาอ่านข้อความ พิรุณารู้สึกตัวว่าโกรธมากจนมือสั่นไปหมด นัยน์ตาคู่สวยวาวโรจน์ด้วยเพลิงโทสะที่ร้ายกาจ  ในหัวใจตะโกนก้องว่าสิ่งที่ผู้ชายตรงหน้านี่ทำ เป็นการดูถูกเขาอย่างมาก  หยาบคาย หยาบคายที่สุด!! พิรุณาผุดลุกขึ้นอย่างหมดสิ้นซึ่งความอดทนใดๆ ต่อให้เรื่องถึงโรงถึงศาลก็ช่าง  แต่เขาจะไม่ยอมให้ทำแบบนี้กับเขา  ธีรธรเห็นพิรุณาโกรธจนตัวสั่นก็ยิ้ม มุมปากเหยียดเยาะ นั่นยิ่งทำให้เพลิงสุมในอกพิรุณายิ่งแรงกล้าขึ้น  บอสหนุ่มลุกขึ้นบ้างอย่างไม่รีบร้อนเดินอ้อมโต๊ะทำงานตัวใหญ่มาทางร่างบางๆที่กำลังสั่นด้วยโทสะแรงกล้า  มือบางที่สั่นอย่างน่ากลัวเขียนข้อความบางอย่างในกระดาษ

แล้วทีคุณล่ะ  ผู้หญิงคนเมื่อกี้ที่แทบจะเอาตัวใส่พานถวายคุณล่ะ อย่างนั้นไม่เรียกว่าฉาว อย่างนั้นหรือ?

      มือบางๆขยำกระดาษใบเล็กปาใส่หน้าธีรธร  บอสหนุ่มเริ่มมีโทสะพลุ่งพล่าน  ตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยมีใครกล้าทำอย่างนี้กับเขา  นัยน์ตาดำสนิทคมกล้าวาววับด้วยโทสะที่ไม่แพ้ร่างโปร่งๆบางๆตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย  เมื่อเขาอ่านข้อความก็ยิ่งโมโห  พิรุณาชูกระดาษอีกใบขึ้นให้เขาอ่าน

ผมไม่ใช่ญาติคุณ  หรือคนในบังคับของคุณ  ผมจะทำอะไรก็เรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับคุณ

      พิรุณาทิ้งกระดาษใบนั้นลงกับพื้นอย่างไม่ไยดี  จ้องนัยน์ตาของคู่สนทนาอย่างแรงกล้าท้าทายไม่แพ้กัน  พอเห็นว่าเรื่องควรจะจบลงตรงนี้  อย่างน้อยๆก็ควรจะรักษาน้ำใจรันดา  เด็กสาวคนนั้นไว้ เธอคงรู้สึกไม่ดีถ้ามีข่าวเขาไม่ถูกกับพี่ชายของเธอ  พิรุณาหันกลับเตรียมจะออกจากห้องทำงานไปเสียให้สิ้นเรื่อง  ทันใดนั้นมือใหญ่ที่แข็งแรงราวกับคีบเหล็กก็จับต้นแขนแล้วดึงอย่างแรงให้หันกลับไป  พิรุณาเม้มริมฝีผากบางด้วยความโกรธแค้น  ยังไม่ทันที่เขาจะทำอะไรไปได้มากกว่านั้น ริมฝีปากอุ่นก็กดลงบนกลีบปากบางของพิรุณา  เขาพยายามเบี่ยงกายหลบ ทั้งผลักทั้งทุบ แต่ก็ดูเหมือนว่า แขนที่โอบอยู่รอบกายนั้นจะแข็งแรงเกินไป  พิรุณาถูกดันให้กึ่งนั่งกึ่งยืนพิงโต๊ะทำงานตัวใหญ่  มือใหญ่อีกข้างจิกดึงให้ดวงหน้าสวยเงยหน้าขึ้นรับริมฝีปากร้อนๆได้ถนัดยิ่งขึ้น  พิรุณาพยายามหลบเลี่ยงแต่ก็ไม่สามารถหลบไปไหนได้ เขารู้สึกตัวเองหายใจไม่ทันจึงเผยอปากขึ้นเพื่อช่วยให้หายใจได้ ทันใดนั้นลิ้นอุ่นร้อนก็แทรกเข้ามาตักตวงความหอมหวานอย่างหิวกระหาย  ร่างบอบบางในวงแขนแกร่งดูจะหมดสิ้นเรี่ยวแรงลงในทันที  ธีรธรยิ้มอย่างได้ใจ  มือควานหาบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงตัวเอง  มันคือมือถือยี่ห้อดังเขากดไปที่โหมดถ่ายภาพทันที   เสียงแชะ!เบาๆดังขึ้นโดยที่พิรุณาไม่รู้ตัว

     ระหว่างที่บอสหนุ่มกำลังถ่ายรูปต่อไปนั้น โดยไม่ทันระวังตัว หมัดๆหนึ่งจากคนที่คิดว่าสิ้นฤทธิ์ไปแล้วต่อยเข้าอย่างจัง  เขารู้สึกถึงรสเลือดที่ในปาก  เจ้าของหมัดยืนหอบน้อยๆ  นัยน์ตาสีน้ำตาลออกแดงนั้นแทบจะเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดจ้องมองมาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ พลางยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดริมฝีปากนั้นแรงๆ จนแดงช้ำหนักกว่าเดิม  ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปจากห้องทำงาน ผ่านหน้าคุณลีไปอย่างรวดเร็วราวลมพัด  เลขาสาวเอียงคอมองภาพที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่อย่างสงสัย  ก่อนจะลุกไปเคาะห้องเจ้านายแล้วเปิดเข้าไป 

“มีอะไรหรือเปล่าคะบอส  ดิฉันเห็นคุณพิรุณาหัวเสียออกไป”เธอมองบอสของตัวเองที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง  แสงสีส้มของพระอาทิตย์ยามเย็นที่ลอดมู่ลี่เข้ามาทำให้ห้องแลดูเป็นสีส้มไปหมด

“ไม่มีอะไรหรอกคุณลี  เย็นแล้วคุณกลับไปก่อนเถอะ “ เสียงบอสหนุ่มเรียบเฉย ตรงข้ามกลับท่าทางหุนหันของพิรุณาโดยสิ้นเชิญ  เธอจึงรับคำก่อนจะถอยออกไปแล้วปิดประตูให้เรียบร้อยดังเดิม

“นี่สิถึงจะฉาว” ธีรธรพึมพำ พลางเปิดดูรูปที่ถ่ายไว้หลายชอต  เกือบทุกชอตที่เห็นหน้าพิรุณาชัดเจน แต่มีเพียงบางชอตเท่านั้นที่เห็นหน้าเขาด้วย  แล้วคิดไปว่า ถ้าส่งภาพเหล่านี้ให้สำนักพิมพ์ละก็พรุ่งนี้คงได้เห็นพาดหัวข่าวหราทุกฉบับแน่  แต่แล้วก็รู้สึกเจ็บแปรบขึ้นมาตรงที่โดนต่อย

“เห็นตัวเล็กๆหมัดหนักเหมือนกันนะเนี่ย”ชายหนุ่มลูบหน้าตัวเองป้อยๆ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบตอนสองแล้วหวังว่าคงชอบกันนะคร้าบบ.. :m13:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: INTERMEZZO by ภาณุเมศพลัง
«ตอบ #29 เมื่อ16-11-2007 18:34:46 »

เม้นต์หละนะ  เอาแบบไม่เกรงใจนะ

เม้นต์ไปแล้ว  ก็จะรีบมาลบออกทันทีเมื่อมีคนไม่เห็นด้วยกะเม้นต์

ก. เขาจึงถูกส่งต่อไปอีกหลายบ้านอุปถัมภ์ = He was passing to any บ้านอุปถัมภ์.  สำนวนฝรั่งจ๋ามากกกกกก 

คนไทยส่วนใหญ่มักพูดว่า "เขาถูกส่งต่อไปยังบ้านอุปถัมถ์อีกหลายต่อหลายแห่ง" อะไรเทือกนั้น  แต่ก็ยังเป้นสำนวนฝรั่งอยู่ดี 

ไทยแท้มักพูดว่า "เขาก้าวผ่านบ้านอุปถัมภ์อีกหลายแห่ง  จนหยุดลงที่โบสถ์เล็กๆ แห่งหนึ่งในเยอรมัน"

ข. ความเหน็ดเหนื่อยของทั้งสัปดาห์ถาโถมอย่างไม่ปราณี  = ความเหน็ดเหนื่อยของทั้งสัปดาห์ หมายความว่าไง?

ค.  ไม่เห็นใจในความคิดและการกระทำของพระเอก  ที่จู่ๆ ก็ ว่าต่อมานายเอกด้วยเรื่อง "เรื่องคาวๆ"  เป็นเหตุการณ์ ที่ไม่มีที่มาที่ไปเลย

งง  ไม่คิดจะปูพื้นให้ดีกว่านี้หน่อยหรือเคอะน้อง  จู่โจมแบบนี้  เจ้งง!

นี่เป็นแค่การเสนอแนะนะ  ไม่ได้บังคับว่าให้ทำตาม 

ยังไงก็ลองคิดดูเองก็แล้วกัน    หรือไม่  ก็ลองไปอ่านเม้นต์ของกระต๊อบดูได้นะ  อิอิ

ปล.  ที่เขียนมาเนี้ย  แรงไปไหมเคอะ  อิอิ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-11-2007 11:15:59 โดย oaw_eang »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด