ตอนที่ 41ถ้าการไม่บอกความจริงแล้วทำให้คนที่ผมรักร้องไห้เสียใจขนาดนี้ ผมอยากจะเอาหัวตัวเองโขกกับกำแพงให้เลือดในสมองไหลออกมาให้หมดๆ ทำไมถึงต้องคิดอะไรไปเอง ว่ามันจะเข้าใจ ว่ามันจะไม่ถือสา ทำไมไม่คิดว่าถ้ามันไม่เข้าใจ และถ้ามันถือสาบ้างนะ .. ทำไมผมไม่คิดในประเด็นนี้บ้าง
“กูขอโทษ”
.
.
.
.
“เบสท์ใช่มั๊ย ?” คำถามที่ผมถามไป ได้รับกลับมาพร้อมรอยยิ้มของคนตรงหน้าคือคำตอบ
“มึงกลับมาแล้วเหรอ” ผมยิ้มถามไปอีกครั้ง
ไอ้เบสท์ครับ รักแรกของผม มันกลับมาเมืองเกิดมันอีกครั้ง หลังจากที่มันหายไปนานแสนนาน จนผมไม่ได้รับข่าวคราวของมัน มันกลับมาครั้งนี้เพื่อมาจัดการเรื่องบ้านและที่ดินของคุณยายมันครับ เอาตรงๆคือมาขายที่นั่นแหละครับ เพราะว่ามันกะจะย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศกันหมดเลย
การเจอกับมันครั้งนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเวลา หรือความคิดความอ่านของผมที่โตขึ้น ทำให้ผมรู้สึกกับมันในมุมมองที่เปลี่ยนไป คนที่เคยรักกันมากๆ เป็นได้ยากครับที่จะโกรธเคือง เกลียดกันข้ามปีข้ามชาติ และผมก็เป็นอย่างนั้น แต่นั่นก็ใช่ว่าผมจะยังรักมันเหมือนเดิมนะครับ ทุกสิ่งทุกอย่างมันย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา และสถานการณ์
“ทะเลที่นี่ยังสวยเหมือนเดิมเลยเนอะ” ไอ้เบสท์ถามผมขณะที่เราสองคนกำลังนั่งมองทะเลบนรถคลาสสิกที่ผมขับพามันเที่ยวเวียนรอบหาด อย่างที่เคยทำด้วยกันเมื่อตอนเด็กๆ ต่างแค่ตอนนั้นผมปั่นจักรยาน
“อืม หลายๆอย่างที่นี่ไม่ค่อยเปลี่ยนไปหรอก บางอย่างก็ยังเหมือนเดิม แต่บางอย่างก็ค่อยๆเปลี่ยนไป” ผมบอกมัน สายตาก็พาดมองไปรอบๆทะเล
“แล้วมึงละ” มันถามผม พร้อมกับมือที่เขยิบมาจับไว้ที่มือผม
“มึงยังเหมือนเดิมมั๊ย” ผมหันไปมองมัน พร้อมกับสายตามันที่จ้องมองผมอยู่ ยอมรับว่าสายตาคู่นั้นทำให้ใจผมเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง เป็นสายตาคู่แรกที่ผมหลงรัก และอยากมองมันทุกค่ำเช้า
“เวลาเปลี่ยน อะไรๆมันก็เปลี่ยนว่ะ” ผมบอกมัน พร้อมกับเลื่อนมือออกจากที่มันจับ
“มึงมีแฟนใหม่แล้วเหรอ” มันถามผม
“อืม มีแล้ว”
“ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ”
“ผู้ชาย”
“เหรอ ไวจังแฮะ ผ่านไปแค่ไม่กี่ปีเอง” มันบอกผม
“สำหรับมึงมันก็ไม่กี่ปี แต่สำหรับกู คนที่เฝ้ารอการกลับมาของมึง มันช่างนานแสนนานว่ะ”
“กูขอโทษ แต่ ..”
“ช่างมันเถอะไอ้เบสท์ ยังไงมึงก็ยังเป็นเพื่อนรักกูเสมอ” ผมบอกมันพร้อมกับเอามือกอดคอมันแล้วยิ้มให้
“เพื่อนรัก ?”
“เออดิว่ะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูช่วยมึงขายที่แล้วกัน สองสามวันนี้จะไปไหนก็บอกกูละ เดี๋ยวกูขับรถให้ เรื่องที่เรื่องบ้าน เดี๋ยวกูก็บอกป๊าให้ช่วยหานายหน้าดีๆให้”
“อืมๆ ขอบใจมึงมาก”
“แล้วนี่พักที่ไหน มานอนบ้านกูมั๊ย จะได้ไม่เปลืองค่าโรงแรม”
“เออ ขอบใจว่ะ”
“เพื่อนกัน แค่นี้ยังน้อยไปเว๊ย”
แม้ฐานะที่เปลี่ยนไปของเราสองคน แต่มันก็เหมือนเป็นแค่คำเรียกที่คล้ายกับกำแพงกั้นความรู้สึกเท่านั้น ผมรู้ดีว่าผมต้องทำอย่างไรในตอนนี้ ผมรู้ดีว่าหัวใจของผมตอนนี้เป็นของใคร และผมรู้ดีว่ายังไงซะผมกับไอ้เบสท์สุดท้ายแล้วเราก็คงเป็นได้แค่เพื่อนกัน ..
“มึงนอนห้องกูที่นี่นะ” ผมบอกมันหลังจากที่พามันมากินข้าวกับที่บ้าน และพามันมานอนห้องผมที่เรือนใหญ่
“แล้วมึงละ” มันถามผม
“กูจะไปนอนที่กระท่อม”
“แล้วทำไมมึงไม่นอนกับกูซะที่นี่ละ” มันถามผมกลับ
“กูว่าอย่าดีกว่า มึงเป็นแขกของบ้านกู กูอยากให้มึงหลับแบบสบายๆ” ผมบอกแล้วยิ้มให้มัน
“มึงเปลี่ยนไปเยอะเลยนะโป้” มันพูดพร้อมกับเข้ามาโอบกอดผมไว้ข้างหลัง เล่นเอาผมตัวแข็งไปต่อไม่ถูก
“เปลี่ยนอะไรวะ กูก็ยังเป็นไอ้โป้คนเดิม”
“แต่มึงไม่รักกูเหมือนเดิมแล้วนี่”
“รักสิ เพียงแต่ในฐานะอื่น” ผมบอกมัน พร้อมกับปลดมือมันที่โอบกอดผมอยู่
“อย่าทำแบบนี้เลยนะ เดี๋ยวคนของมึงกับคนของกูจะเสียใจเปล่าๆ” ถึงแม้ผมไม่รู้ว่ามันมีคนคบอยู่หรือไม่ในตอนนี้ แต่ถ้าผมไม่คิดไปเอง ผมว่ามันก็มีแฟนไม่ต่างจากผม นิ้วนางข้างซ้ายของมันมีแขวนเกลี้ยงใส่อยู่ การคุยโทรศัพท์ทุกชั่วโมงของมัน แม้กระทั่งรูปคู่ในกระเป๋าที่ผมแผลอเห็น มันพอจะเป็นคำตอบให้ผมได้
“มึงรู้ ?”
“เปล่าหรอก แค่เดาเอา อีกอย่างกูรักแฟนคนนี้กูมาก กูไม่อยากทำร้ายเค้า”
“ไม่อยากทำร้าย แต่มึงก็โกหกเค้า กูได้ยินนะ เวลามึงคุยโทรศัพท์” มันย้อนผม และมันคงคิดว่าที่ผมโกหกน้ำมนต์ เป็นเพราะว่าผมยังรักมันมากกว่าน้ำมนต์
“ที่กูโกหก เพราะไม่อยากให้เค้าไม่สบายใจ กูแคร์ความรู้สึกมัน อีกอย่างกูก็ไม่อยากให้มึงน้อยใจที่กลับมาครั้งนี้กูไม่ได้ดูแล อย่างน้อยความทงจำในวัยเด็กของกูกับมึงมันก็สวยงาม ก็อยากเก็บแต่เรื่องราวดีๆไว้” ผมบอกมันด้วยน้ำเสียงจริงจัง มองหน้ามันด้วยความรู้สีกที่มั่นคง และหวังว่ามันจะเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังทำ
“ขอร้องเถอะ คืนนี้นอนกับกูได้มั๊ย” มันบอกผมมาพร้อมกับกอดผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นการสวมกอดทางด้านหน้า ผมกอดกลับมันเล้กน้อย ลูบปลายผมมันเบาๆ
“กูขอโทษนะไอ้เบสท์ กูรักมึงแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว” สิ้นคำพูดผม ผมคลายอ้อมกอดนั้นและจับบ่ามันพร้อมยิ้มให้มัน ก่อนจะเดินออกมาจากห้องนั้น
ผมรู้ครับว่าครั้งนี้เป็นช่วงเวลาที่ลำบากใจที่สุดของผม คนที่ผมเคยรักมากที่สุด หลับมาในช่วงเวลาที่ผมมีคนที่ผมรักมากที่สุดเช่นกัน รักครั้งแรกกับรักครั้งสุดท้ายมันทำให้ชีวิตผมลังเล ทำอะไรบางอย่างผิดๆไปบ้าง อย่างเช่นการโกหกน้ำมนต์ ก็เพราะผมไม่อยากให้มันกังวล ยอมรับครับว่าผมมันไม่ใช่พระเอก ที่จะกล้าพอบอกน้ำมนต์ว่า ผมพาแฟนเก่าไปเที่ยว และอยู่กับแฟนเก่าทั้งวัน เพียงเพราะจะพามันไปทำธุระเรื่องที่ดิน เรื่องบ้าน และพามานอนบ้านด้วย แต่ผมก็ขอผิดพลาดแค่การโกหกครั้งนี้ ไม่อยากให้อะไรมันเลยเถิดจนยากจะแก้ไขและย้อนเวลากลับ
ผมคิดถึงน้ำมนต์มากนะครับ ไม่ใช่ว่าไม่คิดถึง แต่สองสามวันมานี้ที่อยู่กับไอ้เบสท์ ผมไม่ได้โทรหามันเลย เพราะยุ่งตลอด ไหนจะงานของป๊า ไหนจะช่วยไอ้เบสท์เรื่องธุระอีก เวลามันโทรมาผมก็ยุ่งจริงๆ บางทีตอนว่างๆ โทรหามันก็คุยไมได้นาน ไอ้เบสท์ก็เรียกอีกแล้ว
น้ำมนต์มันจะคิดน้อยใจบ้างมั๊ยเนี่ย .. ผมนี่ช่างเป็นแฟนที่แย่จริงๆ
ผมว่าปัญหาแบบนี้คงเหมือนกับการเลือกเพื่อนกับเลือกแฟน เวลาที่เราอยากจะดีกับเพื่อนไว้ให้มากๆ แต่ก็ไม่อยากจะให้แฟนน้อยใจ บางทีการไม่บอกความจริงบางอย่างไป อาจจะช่วยได้บ้าง และยังไงซะ ผมก็ว่าน้ำมนต์คงจะเข้าใจผม
“มึงขึ้นเครื่องกลับเย็นนี้ใช่ป่ะ” ผมถามไอ้เบสท์ที่กำลังนั่งกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งมันตั้งใจจะพาผมมาเลี้ยงขอบคุณ
“อืมใช่ มึงไปส่งกูด้วยนะ” มันบอกผมมา
“มันแน่นอนอยู่แล้ว เดี๋ยวกูพาแฟนกูไปส่งด้วย” ผมบอกแล้วยิ้มให้มัน พร้อมกับอาหารที่มาเสริฟที่โต๊ะพอดี คิดไปก็น่าจะโทรชวนน้ำมนต์มากินด้วยนะ
“เดี๋ยวกูชวนแฟนกูมากินด้วยได้ป่ะ” ผมถามไอ้เบสท์
“เอ่อ .. อีกสักพักดีกว่านะ กูยังอยากคุยอะไรกับมึง” มันบอกผม ผมได้แต่ยิ้มให้มัน เพราะยังไงซะก็ไม่อยากขัดใจมันเท่าไหร่ ยังไงก็วันสุดท้ายแล้วที่มันจะอยู่ที่นี่ และคงอีกนานกว่ามันจะกลับมา
แต่ผมกับมันก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆครับ ไม่ได้มีเรื่องราวสำคัญอะไรที่น้ำมนต์มันไม่ต้องรู้เลย วันนี้น้ำมนต์เปิดเทอมวันแรก เมื่อเช้าผมก็ไม่ได้ไปหามันที่วิทยาลัย มันจะน้อยใจอะไรผมไหมเนี่ย
“มึง ..” ผมเรียกไอ้เบสท์
“ว่าไง”
“มึงอย่าพยายามอะไรที่มันไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้เลยนะ กูไม่อยากเห็นใครเจ็บเพราะเรื่องนี้” ผมบอกมัน และคิดว่ามันคงรู้ดีว่าเรื่องอะไร
“ไม่มีใครเจ็บหรอก ถ้าไม่โกหกใจตัวเอง” มันย้อนผม
“แต่กูรักแฟนกู”
“มากขนาดนั้นเชียว ?” มันถามกลับมาเสียงสูง
“กูว่ามากกว่าที่กูเคยรักคนอื่นๆที่ผ่านมา ..”
“รวมทั้งกูด้วยเหรอ” มันมองหน้าและถามอย่างสงสัย
“ประโยคเมื่อกี้มันบอกไปหมดแล้ว .. อย่าให้กูย้ำเลย”
.
.
.
.
“กูขอโทษนะน้ำมนต์ ที่กูไม่บอกมึงไปตั้งแต่แรก ว่าไอ้เบสท์เป็นแฟนเก่ากู แต่กูไม่ได้คิดอะไรกับมันแล้วจริงๆนะ” ผมพูดพร้อมกับเอามือที่ปล่อยออกเมื่อครู่ขึ้นมาจับมือมันที่ป้องปากตัวเองอยู่ในตอนนี้ มืออีกข้างก็ยกขึ้นเช็ดน้ำตา น้ำมนต์คงผิดหวังในการกระทำของผมครั้งนี้มาก มากจนไม่อยากให้อภัย
“มึงอย่าร้องสิ กูไม่ได้คิดกับมันเหมือนแฟนแล้วนะ กูรักมึง มึงได้ยินมั๊ยว่ากูรักมึง” ผมบอกมันซ้ำๆ น้ำมนต์ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา รอยยิ้มของมันทำให้ผมพลันน้ำตาไหลไม่แพ้กัน ผมไม่รู้หรอกว่าสี่ห้าวันที่ผานมาอีกคนรู้สึกอย่างไร คงจะน้อยใจและอัดอั้นมากมาย วันนี้เลยทะลักออกมาอย่างที่ผมไม่เคยพบเห็นมาก่อน
“ทำไม ทำไมไม่บอกเราตั้งแต่แรก ทำไมต้องปิดบังเราด้วย” มันพูดมาพร้อมกับร้องไห้ไม่หยุด ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียงกับมัน และรวบมันมากอดไว้
“กูไม่อยากให้มึงไม่สบายใจ กูไม่อยากให้มึงคิดมาก แต่กูก็คิดผิด กูน่าจะบอกมึงตั้งแต่แรก” ผมกอดรัดมันแน่นกว่เดิม น้ำตาค่อยๆไหลออกมาอาบแก้มผม
“ไม่ต้องมาพูดเลย เราจะเชื่อคำพูดนายได้อีกมั๊ยเนี่ย” มันพูดพร้อมกับทุบลงที่หลังผม ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลย ในตอนนี้น้ำมนต์คงเจ็บกว่าผมเป็นร้อยล้านพันเท่า
“มึงไม่ต้องเชื่อที่กูพูด มึงไม่ต้องเชื่ออะไรในตัวกูอีกแล้วก็ได้ ขอแค่อย่างเดียว เชื่อกูแค่อย่างเดียวพอ ว่ากูยังรักมึง” ผมบอกมันและลูบหลังมันเบาๆ บทเรียนครั้งนี้ของผม มันทำให้ผมจำไปตลอด
“พี่เบสท์เค้ามาขอนายคืน พี่เบสท์เค้าบอกว่าเค้ามีอะไรกับนาย พี่เบสท์เค้า ..”
“พอเถอะมึง มึงไม่ต้องไปฟังอะไรใคร มึงอยากรู้อะไรหลังจากนี้มึงถามกู กูจะบอกความจริงกับมึง แต่มึงจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่มึง” ผมไม่รู้ครับ ว่ามันได้ยินอะไรมากจากไอ้เบสท์บ้าง ไอ้เบสท์มันคงจะหวงผมตามประสาแฟนเก่าทั่วไป แต่ถ้ามันทำให้ผมกับน้ำมนต์ไม่เข้าใจกันแบบนี้ ผมว่าผมกับไอ้เบสท์มีเรื่องต้องคุยกันยาว
“ทำไมต้องโกหกเรา” ผมปล่อยกอดมันมามองหน้ามัน กับคำตอบนี้
“บอกเหตุผลไปก็แก้ตัวอยู่ดี มึงต่อยหน้ากูเหอะ” ผมไม่รู้จะพูดอะไรครับ เพราะยังไงซะมันก็ขึ้นชื่อว่าโกหกแล้ว ไม่อยากได้ชื่อว่าตอแหลอีก
“ปลั่กกก !!!!!!!!” มันต่อยผมจริงๆครับ ไม่ยั้งมือด้วย เล่นเอาผมหน้าหันเลย
“มึงต่อยกูจริง” ผมหันหน้ากลับไปถามมัน มือกุมที่ปาก เจ็บชะมัด
“ยังเจ็บได้ไม่เท่าที่เราเจ็บเลย” มันบอกผม ผมอึ้งกับคำพูดนั้น หน้าที่บอกว่าเจ็บชะมัดเมื่อกี้ ขอถอนคำพูดจะได้มั๊ยครับเนี่ย
“งั้นต่อยกูอีก จนกว่ามึงจะหายเจ็บ” ผมบอกมันไป พร้อมกับยื่นหน้าให้มัน
“เราไม่อยากต่อยนายแล้ว เราอยากต่อยคนที่ทำให้เราเข้าใจผิด” มันตอบกลับมาหน้าตาจริงจัง
“ไอ้เบสท์เหรอ ?”
“ก็ใครที่ไหนอีกละ ที่ทำเอาร้องตาบวมแบบนี้” มันพูดพร้อมกับเอามือเช็ดน้ำตา
“กูขอโทษนะ กูไม่คิดว่ามันจะเลยเถิดขนาดนี้ ไม่คิดว่าไอ้เบสท์มันจะไปพูดอะไรให้มึงไม่สบายใจ ขอโทษที่ไม่ได้สนใจมึงเลยสองสามวันที่ผ่านมา แต่ยังไงกูก็อยากให้มึงเข้าใจกูนะ กูไม่อยากให้เพื่อนมันน้อยใจ มันอุตส่าห์กลับมา” ผมพอรู้นิสัยของไอ้เบสท์ดีครับ ว่ามันเป็นคนหวงของมาก ถ้าใครได้ของมันไป มันจะตามเอาคืนมาให้จนได้ .. แต่เสียใจ ผมไม่ใช่สิ่งของ
“แต่ให้เราน้อยใจแทน ?” มันย้อนถามกลับ
“ไม่ใช่แบบนั้น มึงอย่าหาเรื่องกูสิ กูรู้สึกผิดแล้วนะ แค่เห็นมึงร้องกูก็ใจสลายแล้ว แล้วมารู้ว่าเป็นเพราะตัวกูทำมึงร้องอีก กูนี่อยากจะเอาของแข็งทุบหัวตัวเองจริงๆ”
“เอาหัวมา เราทุบเอง” มันพูดพร้อมกับเอามือไปเอื้อมหมอนข้างบนเตียงมาถือไว้
“มึงจะใจร้ายกับกูได้ลงคอเหรอ” ผมอ้อนมัน
“ก็นายใจร้ายกับเราก่อน” มันสวน
“ถึงร้ายก็รักนะ เกเรยังไงก็รักนะ” ผมร้องเพลงแซวมัน อยากเห็นมันกลับมายิ้มเหมือนเดิม
“ไม่ตลก” นั่นไง มันไม่ขำ
“มึงจะให้กูทำยังไงอีกละ ให้กูไปคุยกับเบสท์มั๊ย ว่ากูรักมึงมาก กูไม่ได้คิดกับมันเหมือนเดิมแล้ว และขอร้องว่าอย่ามายุ่งกับกูกับมึง อย่าทำให้กูกับมึงเข้าใจผิดกันอีก แบบนี้ดีมั๊ย”
“ก็ดี”
“เอ๊ยยย เอาจริงอ่ะ” นี่มันกลายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วเนี่ย
“นายไม่ทำก็ได้นะ แต่ก็ไม่ต้องคบกันต่อ” มันยื่นคำขาดมา
“ทำไมมึงถึงไม่เชื่อใจกูเลยละ”
“แล้วมันน่าเชื่อใจมั๊ยละ ดูสิที่เราต้องร้องไห้แบบนี้ เพราะนายทำตัวของนายเองทั้งนั้นนะ”
“อืม กูผิดเอง โอเค กูจะไปคุยกับไอ้เบสท์ ว่ากูรักมึง กูไม่ได้รักมันแล้ว” ผมบอกมันก่อนจะเอาดึงเอาตัวมันมากอดเบาๆ
“ไม่ต้องมากอดเราเลย นายมีความผิด เราจะไม่ให้นายได้สัมผัสเราถ้ายังไม่ปรับปรุงตัวเอง” มันพูดพร้อมกับเขยิบห่างออกจากผมไป
“โหย ทำไมใจร้ายกับกูอย่างนี้ละ เราไม่เจอกันมาหลายวันแล้วนะ”
“แค่นี้ยังน้อยไป สำหรับคนอย่างนาย” มันพูดแล้วลุกออกจากเตียง เปิดประตูออกจากห้องผมไป
“มึง เดี๋ยวดิ รอกูก่อน” ผมรีบออกจากห้องล็อคประตูวิ่งตามมันมา กลัวว่ามันจะเดินหนีกลับบ้านเหมือนครั้งก่อนอีก
แต่เปล่าครับ มันยืนรอผมอยู่ที่มอเตอร์ไซค์ผม ตาของมันแดงกร่ำจากการร้องไห้ ผมมองหน้ามันแล้วใจเสียจริงๆ ไม่คิดว่านี่เป็นครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผมทำมันร้องไห้เพราะผม มันต้องเจ็บเพราะผมกี่ครั้งแล้วนะ แล้วครั้งนี้ก็ผิดที่ผมคนเดียว คิดอะไรไปเองทุกอย่าง คิดว่ามันจะเข้าใจ คิดว่าเรื่องแค่นี้คงไม่เป็นไร ..
ในเมื่อผมเป็นคนผูกทุกอย่างให้มันเป็นผม ผมก็ต้องแก้ด้วยตัวของผมเอง
“ไปคุยกับไอ้เบสท์กัน” ผมเดินมาบอกมัน
“เราต้องไปด้วยเหรอ”
“ไปดิ มึงจะได้รู้ว่ากูคุยอะไรกับมัน”
“เราไม่อยากเจอหน้าพี่แก” มันบอกพร้อมกับก้มตาลงต่ำ
“มึงจะวิ่งหนีทุกอย่างไม่ได้หรอก มึงต้องกล้าเผชิญกับมัน เป็นแฟนกับกูไม่ได้เลิศหรู ไม่ได้สบายอย่างที่คนอื่นเค้าคิด เป็นแฟนกับกูต้องเจอะต้องเจออะไรอีกมากมาย และยิ่งอย่างมึง กูโคตรจะจริงจังแบบนี้ เราต้องผ่านอะไรหลายอย่างไปด้วยกัน” ผมบอกมันด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แล้วเราจะแน่ใจได้ไง ว่านายจะไม่ปล่อยมือเราทิ้งไว้กลางทางอีก” คำถามของมันถามมันด้วยแววตาที่ผิดหวังกับตัวผมในครั้งนี้มาก
“หลังจากนี้ไปมึงอาจจะไม่เชื่อใจกูเหมือนเดิม อาจจะไม่เชื่อทุกอย่างที่กูพูด อาจไม่ฟังคำขอของกู กูจะไม่ว่ามึง แค่เชื่ออย่างเดียว ว่ากูรักมึง รักมึงคนเดียว ต่อไปถ้ามึงร้องไห้เพราะกูอีก กูจะเป็นคนไปจากมึงเอง”
ประโยคไม่กี่ประโยคที่พูดไปนั้น ไม่ได้ต้องการจะให้มันซึ้งใจ หรือคล้อยตาม แต่ผมพูดอย่างจริงจังที่สุดแล้ว จริงจังพอๆกับการขอมันเป็นแฟน มันร้องไห้กี่ครั้ง ก็ทำให้ผมปวดใจทุกครั้ง และครั้งต่อไป ถ้ามันจะร้องไห้เพราะผมอีก ผมนี่แหละที่จะเป็นคนไป .. ไปจากชีวิตมันเอง
“ถ้าถึงวันนั้น ถ้าเรายังรักนาย .. เราจะรั้งนายไว้เอง” คำพูดของมันที่ตอบกลับผมมา ถึงไม่ได้มีรอยยิ้มอะไร แต่ผมก็เชื่อ ว่ามันเชื่อใจในคำพูดนั้นของผม
ผมโทรหาไอ้เบสท์จึงรู้ว่าไอ้เบสท์มันรออยู่ที่สนามบินแล้วตอนนี้ ผมเลยพาน้ำมนต์ไปที่นั่น เพราะตั้งใจจะไปส่งมันอยู่แล้ว และก็ตั้งใจจะไปเคลียร์เรื่องนี้ให้มันจบๆด้วย
เรามาถึงสนามบิน ก็เห็นไอ้เบสท์นั่งรออยู่แล้ว มีไอ้เอ็มมาส่งด้วย หรือไม่ก็คงมาด้วยกัน ผมเอื้อมมือไปจับมือของน้ำมนต์ไว้ และจูงมือเดินเข้าไปหามัน
“นึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว” ไอ้เบสท์ทักผมมา
“มาสิ ต้องมา ในเมื่อบอกมึงไว้แล้ว” ผมบอกมัน มือก็ยังจับน้ำมนต์ไว้
“อ้าวน้องน้ำมนต์ เป็นอะไรไปเหรอ ตาบวมเป่งเชียว” ไอ้เบสท์หันไปถามน้ำมนต์ที่ยืนอยู่ข้างหลังผม
“ไม่มีอะไร ทะเลาะกับกูนิดหน่อย” ผมบอกมันไป
“อ๋อเหรอ อย่าทะเลาะกันบ่อยละ สงสารน้องเค้า”
“ไอ้เบสท์ กูขอคุยอะไรกับมึงหน่อยสิ” ผมบอกไป
“อะไรเหรอ เดี๋ยวกูใกล้จะเข้าไปข้างในแล้ว”
“ไม่นานหรอก มึงแค่บอกน้ำมนต์ไป ว่าเราไม่ได้มีอะไรกัน”
“แล้วจะให้กูไปโกหกน้องเค้าทำไม” ไอ้เบสท์พูดเสียงดังขึ้น มองไปที่น้ำมนต์
“มึงอย่าพูดบ้าๆแบบนี้นะไอ้เบสท์ กูกับมึงเป็นแค่เพื่อนกันแล้วแค่นั้น” ผมยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง
“ถ้ามึงบริสุทธิ์ใจแล้วทำไมต้องโกหกน้องเค้าละ”
“มึงอย่ามาเล่นลิ้น มึงจะทำให้กูกับน้ำมนต์ไม่เข้าใจกันทำไม ในเมื่อมึงกับกูก็ไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ มึงก็มีคนของมึง กูก็มีคนของกูอยู่แล้วตอนนี้ มันไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลยนะ ที่มึงกำลังทำอยู่” ผมเริ่มจริงจังมากขึ้น
“มึงเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ อย่างกับคนละคนที่กูเคยรู้จัก เมื่อก่อนกับกูมึงยังไงก็ได้ ปากบอกว่ารัก ปากบอกว่ารอกู แต่วันนี้มึงกลับมาบอกให้กูบอกว่าไม่รักมึง และบอกตัวเองว่าไม่รักกูแล้ว ตลกดีวะ”
“คนที่น่าตลกก็คือมึงต่างหากไอ้เบสท์ คนที่ลืมกันไม่ใช่กู แต่เป็นมึง มึงเป็นคนทิ้งกูไปเองนะ และในวันที่มึงกลับมาถ้ากูไม่เจอมึง มีเหรอที่เรื่องราวต่างๆมันจะวุ่นวายแบบนี้ มึงคงคิดว่าการเข้าไปทักมึงวันนั้น เป็นเพราะว่ากูยังมีใจให้ ถ้ากูเข้าใจผิดก็ขอโทษที แต่กูอยากให้มึงรู้จักคำว่าเพื่อนมากกว่านี้ กูทำทุกอย่างในฐานะเพื่อน และจะคงเป็นความเป็นเพื่อนมึงตลอดไป กูไม่เคยลืมเรื่องราวดีๆระหว่างมึงกับกู มันคือความทรงจำที่ดี มันคือรักครั้งแรกของกู แต่กูอยากอยู่กับปัจจุบันว่ะ และกูเชื่อว่ากูอยู่ได้ โดยมีมึงเป็นเพื่อน และมีน้ำมนต์เป็นแฟน” ผมพูดมายาวเหยียด โดยมีไอ้เอ็มและน้ำมนต์เป็นพยานในครั้งนี้
“อือ ก็เข้าใจแล้ว ไม่เห็นต้องจริงจังขนาดนี้เลยนี่” มันตอบมาด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก อย่างกับมองเรื่องนี้เป็นเรื่องตลก
“ขอโทษทีวะ สำหรับเรื่องของน้ำมนต์แล้ว กูไม่เคยล้อเล่นกับความรู้สึกมัน”
“ฮ่าๆๆ กูนี่มันบ้าจริงๆนะ มาไม่กี่วันก็ทำชีวิตคู่มึงวุ่นวายไปหมด ทำเอาน้องน้ำมนต์ร้องไห้ตาบวม ทำเอามึงไม่พอใจกู ทำเอาตัวเองเสียเซลฟ์ไปเยอะเลย ยังไงพี่ก็ต้องขอโทษด้วยนะน้ำมนต์” มันหันไปบอกน้ำมนต์
“มึงจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอน้ำมนต์” ผมสะกิดถามน้ำมนต์
“เราพูดได้ด้วยเหรอ ?” มันถามผมกลับ
“ได้สิ อยากพูดอะไรก็พูด” มันมองมาที่ผมอย่างกลัวๆ และมองไปที่ไอ้เบสท์อย่างไม่ค่อยมั่นใจ ก่อนที่มันจะเดินมายืนข้าวหน้าผม สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
“พี่เบสท์ครับ คนๆนี้เป็นของน้ำมนต์แล้ว ได้โปรดอย่ามาทำอะให้เราผิดใจกันอีก สำหรับพี่อาจมองว่าการมาวุ่นวายชีวิตคนอื่นเป็นเรื่องตลก แต่สำหรับผม ผมมองว่ามันช่างน่าขยะแขยง คนดีๆเค้าไม่ทำกันหรอก ผมอยากต่อยหน้าพี่สักทีนึงให้หายเจ็บใจที่พี่มาทำให้ผมต้องเสียใจและผิดใจกับนายปีโป้ แต่ผมก็ไม่อยากทำ เพราะว่าคนดีๆ เขาก็ไม่ทำแบบนี้เหมือนกัน” ..
มันพูดจบทุกคนได้แต่เงียบและอึ้งไปกับสิ่งที่มันพูด คำพูดคำจาน้ำเสียงเรียบๆของมัน เล่นเอาผม ไอ้เอ็ม และไอ้เบสท์ไม่เชื่อว่ามันจะด่าได้เจ็บแบบนี้ ไอ้เบสท์ถึงกับกำหมัดจิกเล็บแน่น ไม่พูดตอบโต้อะไร
“นายจะล่ำลาอะไรเพื่อนนายก็ตามสบายนะ เราไปรอที่รถละ ล่ำลาห่างๆนะ ไม่ต้องถึงขั้นถึงเนื้อถึงตัว ถ้าไม่อยากมีปัญหากับเรา” มันบอกกับผม ก่อนจะเดินออกไป ในทางเดียวที่เดินเข้ามา
“เมียมึงโหดจังวะ” ไอ้เอ็มพูดออกมาหลังจากน้ำมนต์เดินหายไปแล้ว
หลังจากนั้นผมก็บอกลาไอ้เบสท์ทันที มันมีท่าทีที่ไม่ค่อยอยากคุยกับผมนัก อาจเพราะเสียหน้าที่โดนเด็กมาด่า หรือเพราะรู้ว่าผมไม่ได้รักมันแล้ว อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ถึงยังไงซะ ผมกับมันก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ดี มันบอกว่าคงไม่กลับมาเมืองไทยแล้ว นอกซะจากจะจำเป็นจริงๆ ซึ่งผมก็กำชับมันว่า กลับมาก็มาหาผมได้ โทรหาผมได้ เพราะยังไง มันก็คือเพื่อนผมเสมอ
“รอนานมั๊ย” ผมเดินมาหาไอ้น้ำมนต์ ที่นั่งรอผมอยู่
“ก็นานอยู่ แต่ไม่เป็นไร รู้สึกสบายใจ เลยไม่เสียอารมณ์นัก”
“มึงนี่ก็ร้ายใช่ย่อยนะ พูดซะกูอึ้งไปเลย” ผมแซวมันพร้อมกับยิ้มๆ
“เราฝึกไว้ เพราะด่านต่อไปคนเก่าๆของนายจะเข้ามาราวีเราอีกเยอะ”
“มึงหมายถึงใครอีกละ ?”
“เดี๋ยวนายก็รู้”
“เออ กลับไปนอนกอดกันเถอะ กูอยากกอดมึงจะแย่อยู่แล้ว” ผมพูดพร้อมกับอ้าแขนอยากเข้าไปกอดมัน
“ฝันไปเถอะ นายจะไม่สิทธิ์มายุ่งอะไรกับเรา จนกว่าเราจะเชื่อใจนายอีกครั้ง” มันพูดพร้อมกับเดินหลีกผมไป ผมได้แต่ยิ้มกับอาการนั้น
แต่ก็เอาเถอะ ถือว่าผมโดนลงโทษก็แล้วกัน ที่ไปโกหกมัน และทำมันเสียใจ แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ โชคดีแค่ไหนแล้วที่มันไม่บอกเลิกผมแล้วไปหาคนใหม่ ไม่งั้นคนที่เจ็บปวดที่สุดคนต่อไปก็คงเป็นผม
ชีวิตนักเลง มีอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือเพื่อน คำว่าเพื่อนตัดยังไงก็ตัดกันไม่ขาด แต่ชีวิตนักเลงก็ต้องมีความรัก และคำว่าเพื่อนกับคนรักก็มักจะเข้ามาสร้างปัญหาให้กับนักเลงไม่มากก็น้อย ..
สำหรับผมถ้าให้เลือกระหว่างเพื่อนกับแฟน .. ผมก็เลือกไม่ได้อยู่ดี
แต่ถ้าเลือกได้จะเลือกให้มีคนเสยใจกับการกระทำของผมน้อยที่สุด .. ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือแฟนก็ตาม
สวัสดีปีใหม่ครับ

ปล.ตอนสุดท้ายของปีนะ ... คริๆ พบกันปีหน้าจริงๆแล้วเด้อ หลังเขาไปเที่ยวปีใหม่ก่อน หลังเขาไปเชียงคาน ภูทับเบิก ถ้าใครไปแถวนั้น คงได้เจอกันเด้อ กลับมาคงมีเม้นเพียบ ยาวเฟื้อย เหมือนกับตอนด่านายปีโป้นะ .. หลังเขาชอบ ฮ่าๆๆ
สวัสดีปีใหม่ครับมิตรรักแฟนน้องน้ำมนต์ 