ผมใจเต้นตึกๆ กอดหนังสือเล่มนั้นเอาไว้แน่น ยังตกใจไม่หาย ผมเห็นอกเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนของสุภาพงษ์ รู้สึกถึงลำแขนของเขาที่รับผมเอาไว้ รู้สึกด้วยว่าเขาเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ดูจากอาการหายใจหอบของเขานะ
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?” เขาขยับตัวออกหน่อย แล้วก้มหน้าลงมาถามผม ผมสั่นศีรษะ ตกใจจนพูดไม่ออก สุภาพงษ์มองแล้วดึงตัวผมเข้าไปกอดอีก “โชคดีจัง”
ผมเองก็นึกเห็นด้วยกับเขาหรอกว่าโชคดีจริงๆ เพราะถ้าเขารับผมไม่ทัน ผมคงต้องเจ็บหนักแน่ๆ แต่ว่า... ถูกเขากอดแบบนี้ มันก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือกัน เหมือนว่าเขาจะแนบหน้าเข้ากับศีรษะผมด้วยล่ะ
“ผมไม่เป็นไรแล้วล่ะ” ผมว่า แล้วก็ถือโอกาสผลักเขาออกเนียนๆ สุภาพงษ์มองหน้าผมอึ้งๆ แต่ก็ยอมถอยออกไปโดยดี ผมมองเขา จากนั้นจึงค่อยนึกถึงหนังสือในมือขึ้นมาได้ จึงก้มลงดู โชคดีจริงๆ ที่ไม่มีอะไรบุบสลาย หนังสือเก่าสักสามสิบปีได้แล้วมั้งเนี่ย
“คุณพนิตครับ...”
ผมสะดุ้งเฮือก จากนั้นก็รีบปิดหนังสือ เงยขึ้นไปก็เห็นสุภาพงษ์กำลังมองลงมาอยู่ เอาล่ะ ถึงเขาจะหน้านิ่งขนาดไหน แต่ตอนนี้ผมว่าเขากำลังไม่พอใจหรือไม่ก็งงอยู่พอสมควรเลยล่ะ มันก็น่าอยู่ เขากำลังพยายามหาโทรศัพท์ ผมที่ทำเนียนปีนขึ้นไปหาบนตู้ หล่นลงมาให้เขาช่วยอุ้มเอาไว้ก็แล้ว ยังจะมายืนอ่านหนังสืออีก
“นิยายเก่าสมัยผมเด็กๆ น่ะ” ผมว่า แล้วเดินเอาหนังสือไปวางตรงโต๊ะพิมพ์ดีด จากนั้นก็หันมามองหน้าเขา “ในตู้ก็ไม่มีนะ”
“ครับ” สุภาพงษ์รับคำผมเรียบๆ จากนั้นก็พูดขึ้นต่อ “ถ้าจะหาที่สูงๆ บอกผมนะครับ เดี๋ยวผมปีนให้”
“อืมๆ” ผมส่งเสียงในคอ จากนั้นเราก็สาละวนช่วยกันหาโทรศัพท์มือถือกันอีกพักใหญ่ ผมนึกสงสัยตัวเองว่าทำไมจะต้องมาตามหาไอ้เครื่องมือรบกวนความเป็นส่วนตัวตอนดึกๆ แบบนี้ด้วย ครั้นจะไปหาใกล้ๆ สุภาพงษ์ ก็กลัวว่าจะเผลอมองหน้าเขาอีก เกิดโดนเขาจับได้ขึ้นมาสักวัน คงไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปซุกไว้ไหน นึกแล้วผมนี่เหมือนตาแก่โรคจิตเข้าไปทุกที แอบมองเขาอยู่ได้... ไม่รู้สิ ผมชอบมองของผมเฉยๆ ผมไม่อยากได้อย่างอื่นจากเขาเลย... จริงๆ นะ
ก็แค่ชอบมองหน้าเขาตอนที่เขาไม่รู้ตัวเฉยๆ น่ะ
“คุณพนิตครับ พอนึกออกไหมครับ ว่าเอาโทรศัพท์ไปตรงไหนบ้าง” สุภาพงษ์ถามออกมา หลังจากหากันไปพักใหญ่แล้ว ผมยกมือขึ้นปาดเหงื่อ พลางสั่นศีรษะ “ไม่รู้สิ ผมนึกไม่ออกเลย”
สุภาพงษ์มองหน้าผม จากนั้นก็จับมือผมเอาไว้ บีบเบาๆ “ไปนั่งแล้วค่อยๆ นึกกันเถอะครับ”
ผมเงยหน้ามองเขา อยากจะพูดอยู่หรอก เรื่องจับมือโดยไม่ขออนุญาตน่ะ แต่... พอเงยหน้าขึ้นไปแล้ว เจอเขากำลังมองอยู่ ด้วยสีหน้าจริงจังขนาดนั้น สมองผมก็เกิดตื้อขึ้นมากะทันหัน ปากก็ขยับไปออกชั่วคราว สุดท้ายก็ถูกเขาจูงมือไปนั่งตรงเก้าอี้ยาวจนได้ ผมเลยจำต้องทำเป็นนั่งนึกว่าวางโทรศัพท์เอาไว้ตรงไหน ทั้งๆ ที่ใจยังเต้นตึกๆ อยู่เลย ก็เขาดันจับมือผมเอาไว้ไม่ปล่อยนี่สิ...
“พอนึกออกไหมครับ?” สุภาพงษ์ถามหลังจากเห็นผมนั่งเงียบ ผมล่ะอยากจะหันไปบอกเขาจริงว่า เอามือออกไปจากมือผมเสียที ผมจะได้นึกอะไรออกบ้าง แต่พอหันไปเห็นหน้าเขา สมองผมก็หยุดทำงานเพราะหน้าหล่อๆ ของเขาอีกแล้ว
บ้าจริงเชียว!
“คุณพนิต...” สุภาพงษ์เรียกชื่อผมอีก แล้วก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ โอ๊ย ตายแล้ว ใกล้เกินไปแล้วนะผมว่า แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ หน้าตาเขาดีก็จริง ผมชอบมองก็จริง แต่แบบนี้.......
“โทรศัพท์หาดูมั้ย!?” ผมโพล่งออกมา เพราะคิดขึ้นได้ว่า ไอ้เจ้าเครื่องมือรบกวนความเป็นส่วนตัวนี่มันโทรเข้าแล้วจะส่งเสียงนี่นา ถ้าได้ยินเสียง ก็คงพอจะหาเจอล่ะมั้ง หน้าของสุภาพงษ์ขยับถอยออกไปหน่อยหนึ่ง ได้ยินเสียงเขาพูดตอบ “แต่ผมลองโทรแล้ว เหมือนว่าแบ็ตมันจะหมดนะครับ”
“ไม่เป็นไร ลองโทรดู โทรศัพท์ผมก็ได้” ผมพูดเร็วปรื๋อ แล้วรีบฉวยจังหวะนั้น เดินดุ่มๆ ไปที่โทรศัพท์บ้านที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กใกล้กับประตูครัวทันที
ผมยังรู้สึกชื้นตรงมือที่เขาจับอยู่เลย ตอนที่เดินออกมา
“สุภาพงษ์” ผมเรียกชื่อเขา ทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะวางโทรศัพท์ ได้ยินเสียงสุภาพงษ์พูดตอบ “อะไรหรือครับ?”
ผมหันไปหาเขา แล้วยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ชูโทรศัพท์มือถือในมือให้เขาดู “ผมเจอแล้วล่ะ วางอยู่ตรงโทรศัพท์นี่เอง”
สุภาพงษ์เดินเข้ามาหาผม แล้วยิ้มบางๆ บนหน้า เล่นเอาหัวใจผมเต้นตึกๆ ผมเลยต้องรีบพูดออกไปอีก “สงสัยผมจะคิดว่า วางไว้ใกล้กันจะได้รับง่ายๆ ล่ะมั้ง”
“อืม.. ดีแล้วล่ะครับที่เจอ” สุภาพงษ์ว่า จากนั้นก็ยื่นมือมารับโทรศัพท์... พร้อมกับมือผม เออ ผมว่าคราวนี้ชัดเลย เขาชอบเนียนจับมือผมจริงๆ ด้วย แต่... ผมดันนึกไม่ออกว่าจะต่อว่าเขาเรื่องนี้ยังไงนี่สิ...
“จริงสิ ต้องชาร์ตแบ็ตใช่มั้ย?” ผมรีบพูดออกมา เพราะกลัวจะพูดอะไรไม่ออก แล้วถูกเขาทำอะไรมากกว่าจับมือ สุภาพงษ์มองหน้าผม แล้วพยักหน้า ผมเลยรีบดึงมือออก แล้วหันหลังกลับไป หยิบกล่องใส่โทรศัพท์ซึ่งวางอยู่ตรงชั้นใต้โต๊ะเล็ก หยิบสายชาร์ตแบ็ตเตอรี่ออกมา แล้วรีบยัดใส่มือเขา แต่เขาก็ยังไม่วาย... จับมือผมเอาไว้อีกตั้งพักหนึ่งแน่ะ
“สุภาพงษ์ แบ็ตมันหมดอยู่นะ” ผมพูดออกมาในที่สุด เพราะเขาเล่นยืนจับมือผมนิ่งๆ ไม่ยอมปล่อยสักที สุภาพงษ์มองหน้าผม แล้วก็ยอมปล่อยมือในที่สุด ผมล่ะแทบจะถอนหายใจออกมาเลย ถ้าไม่เกรงใจเขานะ
พอสุภาพงษ์เดินไปเสียบสายชาร์ตโทรศัพท์ ผมก็เลยนั่งปุลงบนเก้าอี้ ยกมือขึ้นปาดเหงื่อ พอเงยหน้าขึ้นไปมองนาฬิกาก็เกือบอุทานออกมาด้วยความตกใจ
ตายล่ะ นี่ใกล้จะเที่ยงคืนแล้วหรือเนี่ย ไม่รู้เลยว่าใช้เวลาหาโทรศัพท์ไปนานขนาดนี้ มิน่าล่ะ เริ่มรู้สึกง่วงๆ ขึ้นมาแล้ว
ผมหันไปมองสุภาพงษ์ที่เพิ่งเสียบสายชาร์ตแบ็ตเตอรี่โทรศัพท์เสร็จ แล้วหลุดปากพูดออกไป “คุณสุภาพงษ์ ดึกแล้ว ถ้าไม่ลำบาก จะค้างที่นี่ก็ได้นะ”
สุภาพงษ์หันมามองหน้าผม ผมเห็นเขาเม้มปากจนเป็นเส้นบาง ถ้าไม่คิดไปเองนะ ผมว่าเขากลั้นยิ้มอยู่นะ ไม่รู้ทำไม พอนึกแบบนั้นแล้วผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาเลยล่ะ
นี่ผมพลาดไปแล้วรึเปล่านะ
“ขอบคุณนะครับ” สุภาพงษ์พูดเรียบๆ จากนั้นเราก็สองคนก็เงียบกันไปพักหนึ่ง ไหนๆ ผมเองก็หลุดปากชวนเขาไปแล้ว คงต้องทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีเสียหน่อย
เอาน่า... ก็แค่ให้เขานอนค้าง เพราะมันดึกมากเท่านั้นแหละ
“ขึ้นไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน เดี๋ยวผมหยิบผ้าเช็ดตัวให้” ผมว่า เพราะชั้นหนึ่งผมมีแต่ห้องส้วม ห้องอาบน้ำแยกไปด้านบนต่างหาก อาบแล้วน้ำก็จะไหลลงท่อ ไปตามราง ลงไปตามร่องน้ำที่ผมขุดเอาไว้ ผมจะได้รดน้ำต้นไม้ได้ทุกวันโดยไม่ต้องแบกน้ำหนักๆ ไงล่ะ
สุภาพงษ์พยักหน้า เขารอจนผมปิดประตูบ้านเสร็จ แล้วเดินตามผมขึ้นไปชั้นบน ผมหยิบผ้าเช็ดตัวให้เขาผืนหนึ่ง
“คุณพนิตอาบก่อนก็ได้ครับ” เขาว่า ตอนที่ยื่นมือมารับผ้าเช็ดตัว ดีนะคราวนี้เขาไม่ฉวยโอกาสจับมือผมอีก ผมเลยพอจะพูดตอบเขาแบบคนปกติธรรมดาได้ “ไม่เป็นไร อาบก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจะได้เตรียมเสื้อเตรียมที่นอนไว้ให้”
“ขอบคุณนะครับ” เขาพูด แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป ผมมองตามหลังเขา จากนั้นก็หันไปมองหาเสื้อผ้าและเครื่องนอนในตู้
ที่จริงชั้นบนมีห้องว่างอีกห้อง มีเตียงนอนอยู่ ผมเอาไว้เผื่อว่าจะมีใครมาค้างที่บ้าน แต่หลังๆ นี้ไม่ค่อยมีใครมา หนังสือที่ผมซื้อก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ก็เลยกลายเป็นที่เก็บหนังสือไปแล้ว นี่ถ้ารู้ล่วงหน้า ผมก็พอจะทำความสะอาดห้องไว้ให้เขาทันหรอก แต่ดึกขนาดนี้แล้ว จะทำความสะอาดแบบลวกๆ ให้เขาเข้าไปนอนก็กระไร
ผมหันมองเตียงตัวเอง อืม... มันก็กว้างอยู่นะ แต่.... ให้เขานอนด้วยคงไม่เหมาะ จะให้ไปนอนเก้าอี้ยาวด้านล่างก็น่าเกลียด มีที่ว่างๆ อยู่ข้างเตียงผม หรือว่าจะให้เขาปูผ้านอนตรงนี้ดีนะ... แต่ก็คงไม่เหมาะอีกล่ะมั้ง ผมชวนเขาค้าง จะให้เขานอนที่พื้นได้ไง
สุดท้ายผมก็เลยตัดสินใจไปเปิดห้องอีกห้องที่มีเตียง พยายามจะหยิบกองหนังสือที่กองสุมกันอยู่ไปวางรวมๆ กันไว้ไม่ให้เกะกะ หยิบไม้กวาดมากวาดฝุ่นไปจามไป เพราะไม่ได้เปิดใช้มานานมากแล้ว ระหว่างที่มัวแต่จาม เสียงเรียกก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง
“คุณพนิต”
ผมหันไปมอง แล้วก็เกือบจะลืมกะพริบตา สุภาพงษ์ยืนอยู่ตรงประตู ท่อนล่างนุ่งผ้าเช็ดตัว ท่อนบนเขาเอาเสื้อตัวเดิมมาคลุมเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ติดกระดุมหรืออะไร ผมเลยได้เห็นทั้งหน้าอกแน่นๆ ของเขา หน้าท้องตึงเปรี๊ยะ โอย... หุ่นเขาดีจริงๆ นะเนี่ย แต่ไม่ต้องเอามาโชว์ให้ผมเห็นก็ได้
เดี๋ยวก็ความดันขึ้นตายกันพอดี
“เอ่อ... มีกางเกงตัวใหญ่ๆ ไหมครับ?” สุภาพงษ์ถามออกมาด้วยสีหน้าแปลกๆ สงสัยว่าจะเห็นผมยืนอึ้งๆ อยู่ ผมจามอีกฟืด ถึงพอจะรู้สึกตัวขึ้นมาได้
“อ้อ... อืม เดี๋ยวผมไปหาให้แล้วกัน” ผมว่า แล้วรีบวางไม้กวาด เดินออกจากห้องไปทันที เพราะกลัวว่าจะทำหน้าตาน่าเกลียดให้เขาได้เห็น แต่ตอนเดินผ่าน สายตาผมก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองร่างเปลือยของเขา
ทั้งขาวทั้งหุ่นดีจริงๆ นะเนี่ย....
“คุณพนิต...”
ผมสะดุ้งเฮือก ได้สติขึ้นมาทันที เลยทำเป็นกระแอมขึ้นมา แล้วตีหน้าขรึม พูดตอบเขาไป “ผมกำลังคิดว่า จะมีกางเกงตัวใหญ่พอจะให้คุณใส่ได้รึเปล่า”
สุภาพงษ์มีสีหน้าลำบากใจขึ้นมาทันที “เอ่อ... งั้นผมใส่กางเกงตัวเดิมก็ได้ครับ”
ผมรีบสั่นศีรษะ “น่าจะมีแหละ เดี๋ยวผมหาให้ก่อนแล้วกัน”
จากนั้นผมก็เดินกลับมาที่ห้อง ค้นตู้เสื้อผ้าอย่างจริงๆ จังๆ ในที่สุดก็ได้กางเกงแพรสีเขียวเข้มที่เพื่อนคนหนึ่งลืมทิ้งเอาไว้ คาดว่าเขาน่าจะพอใส่ได้ล่ะ ผมหยิบเสื้อยืดตัวใหญ่ที่สุดในตู้ให้เขาอีกตัว แล้วเตรียมจะไปกวาดพื้นอีกห้องต่อ แต่สุภาพงษ์เรียกผมเอาไว้
“คุณพนิต ผมนอนที่พื้นก็ได้ครับ คุณจะได้ไม่ต้องลำบากไปเก็บห้อง”
“อ้อ.... อืม” ผมส่งเสียงในคอ พยายามสูดหายใจอย่างเนียนๆ เพื่อไม่ให้น้ำมูกใสๆ ที่เกิดจากอาการจามไหลออกมาให้เขาเห็น รอจนเขาเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง ผมถึงได้ไปหยิบทิชชู่ตรงหัวเตียงมาสั่งออกทีหนึ่ง
เขาอาสาจะนอนพื้นเองก็ดี เพราะผมก็เหนื่อยจะจามแล้วเหมือนกัน
สุภาพงษ์เดินออกมาจากห้องน้ำ ในตอนที่ผมกำลังรื้อเอาผ้านวมออกมาจากตู้ เขารีบตรงมาช่วยรับผ้านวมจากผม แต่พอผมหันไปมองเขานะ แทบจะหยุดหายใจเลยล่ะ
ผมจำได้ว่าเอาเสื้อให้เขาแล้ว แต่ไหงเขาออกมาไม่ใส่เสื้อล่ะ?!
“คุณพนิต?!” สุภาพงษ์เรียกชื่อผม ด้วยน้ำเสียงที่แสดงให้เห็นได้ชัดว่าแปลกใจ เออ ผมคงทำหน้าแปลกๆ ให้เขาเห็นเข้าจนได้ แต่เขาไม่ใส่เสื้อ โชว์ทั้งหัวไหล่ แผงอก หน้าท้อง ให้ผมเห็นเต็มๆ ตา แบบนี้ผมไม่ทำหน้าแปลกเลยก็ยากแล้วล่ะ ผมเงยหน้ามองเขา แล้วถามออกไป “ทำไมไม่ใส่เสื้อล่ะ?”
สุภาพงษ์มีสีหน้าลำบากใจขึ้นมาทันที “ผมใส่แล้ว แต่มันคับเกินไป ก็เลยถอดออกครับ... งั้นเดี๋ยวผมใส่เสื้อเชิ้ตตัวเดิมก็ได้”
ผมรู้สึกอยากเป็นลมขึ้นมา ไม่รู้จะโทษใครดี เสื้อผมตัวเล็กเกินไป เขาเลยต้องถอดออก หุ่นเขาก็ดีนะ แบบนี้ให้ผมมองทั้งวันก็ยังได้ แต่.... ผมจะไปมองเขาแบบนั้นได้ไง น่าอายจะตายชัก ถึงอย่างนั้น ให้เขาใส่เสื้อตัวเดิมนอนมันก็สกปรกมาทั้งวันแล้ว
“เดี๋ยวนะ ผมจะลองหาเสื้อตัวใหม่ให้คุณ” ผมว่า แล้วค้นตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง ได้เสื้อเชิ้ตมาตัวหนึ่ง พอเอาให้เขาใส่ ก็อย่างกับผู้ใหญ่ใส่เสื้อเด็ก ผมทำหน้าคิดไม่ตก สักพักก็ได้ยินเขาพูดอีก “ไม่เป็นไรครับ ผมใส่เสื้อตัวเดิมก็ได้”
“เสื้อตัวเดิมใส่มาทั้งวันแล้ว” ผมว่า แล้วนิ่งไปอีก สุดท้ายก็ต้องยอมพูดออกไป “แต่เอาเถอะ คุณใส่ไปก่อนแล้วกัน ดีกว่าเป็นหวัด”
สุภาพงษ์พยักหน้า แล้วเดินไปหยิบเสื้อที่แขวนอยู่มาใส่ โอ้โห... แผ่นหลังเปลือยด้านหลังเขาก็ดูดีนะ ผมมองจนเขาใส่เสื้อนั่นแหละ ถึงได้หันไปมองอย่างอื่นได้
กว่าจะได้นอนจริงๆ ก็เกือบจะตีหนึ่งเข้าไปแล้ว เขาปูผ้านอนข้างเตียงผมนี่แหละ ใส่เสื้อเชิ้ตตัวเดิม แต่กางเกงแพรน่ะของเพื่อนผม
ทั้งๆ ที่ดึกขนาดนี้แล้ว ผมดันนอนไม่หลับ พลิกไปพลิกมาในความมืดอยู่พัก ก็ได้ยินเสียงเรียกของสุภาพงษ์อีก
“คุณพนิต นอนหรือยังครับ?”
“อืม.. ยัง”
เขาเงียบไปพัก แล้วพูดต่อ “ผมเรียกคุณว่าพี่นิตเหมือนเมื่อก่อนได้มั้ย?”
“......................”
“คุณพนิต......?”
“อืม.. ก็ได้” ผมตอบออกไป เพราะไม่รู้ว่าจะห้ามไม่ให้เขาเรียกเพราะอะไร ได้ยินเสียงเขาเรียกชื่อผม
“พี่นิต.... ราตรีสวัสดิ์นะครับ”
ไม่รู้สินะ... เวลาผมเห็นหน้าเขา ผมเดาอารมณ์ของเขาจากสีหน้าไม่ออกเลย ตอนนี้ผมนอนอยู่บนเตียง เขานอนบนพื้นด้านล่าง พูดคำว่าราตรีสวัสดิ์กับผม ผมได้ยินแค่เสียงของเขาเท่านั้น แต่ผมกลับรู้สึกว่า น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึก
นี่ผมใจร้ายเกินไปหรือเปล่านะ ที่ปล่อยให้เขานอนอยู่ที่พื้นแบบนั้น....
-------------------------------------------------------
** แอร๋ยย คุณพนิตตต พี่นิตตต ลุงนิตตต :-[ต (เวิ้นเว้อไปแล้วว
)
นั่งเขียนเรื่องนี้ไปพลาง ดูข่าวน้ำท่วมไปพลาง จะพาคุณพนิตไปลุยน้ำท่วมทุกทีสิน่าาาา